ตอนที่ 6 คนรักของคนรักปิ๊งป่องเสียงออดหน้าบ้านที่นาน ๆ จะดังขึ้นที ทำเอาผมต้องละจากการกวาดเส้นขน และอึของไอ้แมวระยำที่พี่ชายเลี้ยงเอาไว้ เพื่อรีบวิ่งไปดูว่าเป็นใคร
“จดหมายครับ”
“อ่า....ครับ”
ผมรับจดหมายจากบุรุษไปรษณีย์มาอย่างงง ๆ นอกจากบิลค่าโทรศัพท์กับโบชัวร์โลตัส(ที่นาน ๆถึงจะมาเสียบสักครั้ง)แล้ว บ้านหลังนี้ไม่เคยติดต่อกับใครทางจดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นจดหมายลงทะเบียน.....อืม....จ่าหน้าซองถึงคุณเกียรติยศ
“ภาคภูมิ.......มาแล้วสินะ”
มันเดินยิ้มกริ่มมาแต่ไกล ค่อยๆใช้พลังของมัน ลากขาพาสังขารผีดิบอันโรยราใกล้เข้ามาหาผม มือขาวซีดของซากศพคว้าจดหมายไปแล้วแกะซองด้วยฟันอย่างรีบร้อน ในนั้นเป็นธนบัตรใบละหนึ่งพัน ประมาณห้า-หกใบ
“เงิน?”
“ช่าย...”
“ใครส่งเงินมาให้พี่?”
“ค่าเรื่องสั้นน่ะ”
“เห?....พี่แต่งเรื่องสั้นเหรอ?”
“เรื่องของพี่นี่แหละ ลองเขียนส่งสำนักพิมพ์ดู หาค่าขนมให้ไมเคิลไง.....อ่ะ.....เอาไปซื้ออาหารแมวเกรดเอนะภาคภูมิ”
อุบ๊ะ.....พี่ชายผม
ยังมีอะไรที่คนอย่างมันทำไม่ได้อีกไหม
..............................................................................
ความเดิมตอนที่แล้ว“สวัสดีหยก”
“ครับ?.....ใครเหรอภูมิ”
“ผมชื่อเกียรติยศ....”
มัน ยื่นมือออกไป เพื่อทักทายอีกฝ่าย หยกจับมือของมันเขย่าตอบ สีหน้าของหยกยังคงไม่หายแปลกใจ แหงล่ะ มันดูเหมือนตัวประหลาดออกปานนั้น
“ผมเป็นญาติห่าง ๆ ของภาคภูมิ ยินดีที่ได้รู้จัก”
[ภาคภูมิ]
ในที่สุด ผม หยก แล้วก็มัน ต้องมานั่งกันในร้านกาแฟเล็ก ๆ ใกล้กับโรงพยาบาล
“เอาลาเต้เย็นครับ.....ภูมิ....เอาไร” หยกถามผม หลังจากสั่งกาแฟกับพนักงานในร้าน
“อเมริกาโน่”
“แล้ว.....คุณเกียรติยศล่ะครับ”
“ไม่ดีกว่าครับ....ช่วงนี้ผมไม่ค่อยอยากดื่มอะไรเย็น ๆ”
“กาแฟร้อนก็มีนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ....ผมยังอิ่มอยู่”
หยกกับผมนั่งคุยกันอย่างฝืดฝืน ตัวปัญหาซึ่งก็คือมัน คอยจ้องมองพวกเราซ้ายที ขวาที ผ่านแว่นกันแดดสีดำ ที่สวมเพื่อปกปิดแววตาของคนตาย หยกบอกว่ามาเยี่ยมเพื่อนสมัยมัธยมที่ยังคงโคม่าหลังจากการผ่าตัด ส่วนผมบอกหยกไปว่า ผมพามันมารับยาตามที่หมอนัด เพื่อนคนนี้ของหยกเป็นผู้ชาย สนิทสนมกันพอสมควร(ผมคิดว่าน่าจะเป็นแฟนเก่ามากกว่า) และเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้อาการยังน่าเป็นห่วง เพราะจนป่านนี้แล้วเจ้าตัวยังไม่แม้แต่จะกระดิกนิ้ว และมีสิทธิเป็นเจ้าชายนิทรา ผมแอบเห็นมันกระหยิ่มยิ้ม ถึงแม้จะมีหน้ากากอนามัยปิดปากมันอยู่
เอาสิ.....หาร่างได้แล้วนี่ รีบ ๆ ไปเสียสิ รีบไปให้พ้นจากชีวิตของผมเสียทีนะคุณพี่
“แล้วคุณเกียรติยศตอนนี้พักอยู่กับภูมิหรือครับ” หยกหันไปชวนมันคุยบ้าง หลังจากที่คุยกับผมอยู่นาน คงเพราะเกรงใจมันที่นั่งอยู่เงียบ ๆ แม้แต่น้ำเปล่ามันก็ไม่แตะต้อง
“ครับ....เพิ่งมาอยู่”
“อืม....สนิทกันสินะครับ”
“สนิทเหมือนเป็นพี่น้องกันเลยแหละครับ.....ว่าแต่.....ภูมิเค้าไม่เคยพูดถึงผมให้เพื่อน ๆ ฟังบ้างเลยเหรอครับ”
“เอ่อ....ไม่นี่ครับ.....”
“คงเพราะคุณยังไม่สนิทกับเค้าเท่าที่ควรน่ะสิ ปกติภูมิเค้าค่อนข้างเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวน่ะ ถ้าไม่ใกล้ชิดกันจริง ๆ ก็จะไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง.....แต่จะว่าไป เค้าก็พูดถึงคุณให้ฟังอยู่บ่อย ๆ นะครับ ผมถึงได้รู้ชื่อคุณไง”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“ภูมิน่ะ.....มีอะไรก็เล่าให้ผมฟังทุกเรื่องแหละ.....เพราะเราสนิทกัน จริงแม๊ะ....ภาคภูมิ.....หึหึ”
พี่......ไอ้ปิศาจร้าย นั่นมึงคิดจะทำอะไร พูดอะไรไป.....อย่างน้อย ๆ ก็เกรงใจกูที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้บ้าง มันทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ หรือทำเหมือนว่าผมลุกขึ้นไปสูบบุหรี่ แล้วเหลือแค่มันกับหยกเท่านั้น ผมเตะขามันไปทีหนึ่ง มันหยุดพูด แล้วหันมาทางผม แสยะยิ้มชั่วร้าย ทำไมถึงรู้น่ะเหรอ ผมดูจากแก้มของมันที่ยกสูงขึ้นยังไงล่ะ!!!!
“ชวนหยกไปเที่ยวบ้านเราสิภูมิ”
“เอ่อ....”
“ผมว่าอย่าดีกว่าครับ รบกวนภูมิเขาเปล่า ๆ เขาไม่ชอบให้ใครมาบ้าน”
ไม่ใช่นะ....โธ่.....บ้าจริง.....ไปกันใหญ่แล้ว
หยกทำท่าจะกลับ จ้องมองผมอย่างน้อยใจ ไม่รู้สิ.....ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แต่เป็นสีหน้าของคนที่กำลังเสียใจ สีหน้าที่คนอย่างเกียรติยศไม่เคยแสดงออกมา แม้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายผิด เชื่อเถอะ ต่อให้มีหลักฐานมัดตัวจนดิ้นไม่รู้ คนอย่างเกียรติยศก็จะทำเพียงแค่ยิ้มกับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
มันคว้าแขนหยกเอาไว้ หยกหันไปมองหน้ามัน แล้วอยู่ ๆหยกก็กลายเป็นคนเลื่อนลอย คล้ายถูกสะกดจิต
“หยก.........วันพรุ่งนี้.......คุณ......มา.....หา......พวก.....เรา......ที่บ้าน.....สิ.....ครับ”
“......ครับ.....คุณเกียรติยศ”
“หึหึหึ.......ที่ได้ยินเมื่อกี้นี่ ลืมไปเสียเถอะนะครับ ผมกับภาคภูมิไม่ได้สนิทอะไรกันหรอก ผมเป็นแค่ญาติห่าง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกับภูมิเมื่อไม่กี่วันนี่เอง แล้วอีกไม่กี่วัน ผมก็คงต้องกลับบ้านของผมแล้ว ผมแค่แกล้งคุณเล่นเท่านั้นแหละครับ จริง ๆ แล้วผมไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับคุณภาคภูมิเลย.....คุณต่างหากที่สำคัญ.....มาให้ได้นะครับ.....ภูมิเค้าอยากให้คุณมา”
ตอนแรกผมทำท่าจะห้าม แต่ก็ไม่อยากทำอะไรให้คนรอบข้างผิดสังเกตไปมากกว่านี้ แล้วอีกอย่างสิ่งที่มันพูด ก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร
อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้อีกแล้วล่ะ
หยกนั่งมึนอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ๆ กว่าสติจะฟื้นคืน ผมหันไปบอกขอบคุณมัน แต่มันก็ไม่ได้ตอบรับอะไร เพียงแค่ขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่ แล้วดึงหน้ากากอนามัยให้กระชับขึ้นเพียงเท่านั้น
“เอ่อ.....ภูมิ.....เราขอตัวก่อนนะ......พรุ่งนี้เจอกัน”
“ตกลงว่า....เอ่อ....จะมาที่บ้านเราใช่มั้ย?”
“ก็ภูมิเป็นคนชวนเองนี่ คุณเกียรติยศยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ พรุ่งนี้ผมจะซื้อขนมเจ้าอร่อยเข้าไปฝาก สวัสดีครับ”
หยกยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเดินตัวเอียงออกไป เหมือนคนที่น้ำในหูไม่เท่ากัน แปลกดี....กับคนที่ดูไม่น่าไว้ใจอย่างหยก แต่นับวันที่ได้รู้จัก ผมก็ยิ่งมองเห็นแต่มุมดี ๆ ของไอ้หมอนี่ คนที่เหมือนจะไม่แคร์อะไร คนที่เหมือนจะคิดแต่เรื่องเซ็กส์ แต่กลับเป็นคนที่มีมุมน่ารักและน่าสงสารที่สุด ทุกครั้งที่ใกล้เสร็จสม ดวงตาของหยกจะดูเหมือนคนเศร้า บางครั้งเหมือนมีน้ำตาเอ่อท้น และหยกจะกอดผมแน่น เหมือนกับผมคือที่พึ่งพิงที่สุดท้าย คนที่ปกป้องเขาจากปิศาจที่แสนจะน่ากลัว ปิศาจที่ว่าก็คือความเงียบเหงาที่กัดกร่อนหัวใจคนจนด้านชา....
พวกที่ขาดความรักยังไงล่ะ
“บายเด็กน้อย....”
“พี่!!!!.....หุบปากไปเลยนะ....ไอ้ศพขยับได้”
มันก็แค่แกล้งผม
ผมต้องรีบหาร่างใหม่ให้มันโดยเร็วที่สุด
.
.
.
.
.
.
“น่ารักดีนะ.....เด็กนายน่ะ”
“พี่คิดจะทำอะไรกันแน่”
พอกลับถึงบ้าน ผมตัดสินใจถามมันให้รู้แน่กันไป ผมไม่ชอบให้อะไรมันคาราคาซัง ร่างกายที่มันอาศัยอยู่ ถึงตอนนี้จะไม่เน่าเปื่อย แต่ก็ไม่ใช่ร่างกายที่สมบูรณ์ ผมไม่อยากช่วยมัน แต่จำเป็นต้องทำ ผมต้องหาร่างใหม่ที่สมบูรณ์กว่านี้ให้มัน แต่คน ๆนั้นต้องไม่ใช่หยก
ผมไม่ใช่คนดีอะไร แต่เอาเป็นว่า....อย่างน้อยผมก็ไม่ได้เลวเท่าไอ้ผีนรกตัวนี้
“เพื่อนของหยกก็น่าสนนะ.....นายเองก็คิดแบบนี้ใช่มั้ย....เอาสิพี่....รีบ ๆ ไปยึดร่างผู้ชายคนนั้น.....แล้วก็รีบออกไปจากชีวิตผมซะสิ.....นายคงคิดแบบนั้นอยู่สินะ”
“พี่อ่านใจคนได้รึไง”
“พี่ยังทำไม่ได้ถึงขั้นนั้นหรอกภูมิ.....ทำได้แค่อ่านใจแมว....ซึ่งมันโคตรจะซื่อสัตย์กว่าคนเป็นไหน ๆ”
“ตกลงพี่สนใจร่างของไอ้หมอนั่นจริง ๆ ใช่มั้ย”
“ศีลธรรมของนายหายไปไหนแล้วล่ะภูมิ ตอนนี้....ไม่ว่าจะยังไงก็ขอแค่ให้พี่พ้นไปจากนายเป็นพอสินะ.....ฮ่าฮ่าฮ่า.....เราอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้วภูมิ......นิสัยของนาย ทำไมพี่จะไม่รู้ ไม่เห็นต้องใช้พลังจิตอะไรเล้ยยยย”
“เหรอ.....แต่รู้ไหมว่าผมไม่เคยรู้จักพี่เลย.....ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วพี่เป็นคนยังไงกันแน่.....ไม่รู้เลยสักนิด.....ว่าคนอย่างพี่....มันพอจะมีความดีติดตัวมาบ้างไหม”
ไม่รู้เลยจริง ๆ.........ว่าตัวผมเองกำลังเล่นอะไรอยู่
ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าทุกสิ่งที่ทำ เป็นเพราะขาดซึ่งทางเลือก.....
หรือว่าจิตใต้สำนึกมันสั่งให้ผมต้องทำ
อย่างที่ทำมาโดยตลอด
หรือว่า.....มันสะกดจิตผมสำเร็จแล้ว!!!!
“อยู่ร่างนี้ก็ไม่เลว.....จริง ๆ แล้วพี่ก็เริ่มจะชินแล้ว กับร่างคนอื่น พี่ไม่แน่ใจว่าจะควบคุมได้คล่องแบบนี้ไหม”
“แล้วหยกล่ะ.....”
“อ๋อ.....นายอยากพาเพื่อนมาที่นี่....แต่เพราะติดที่พี่เป็นตัวปัญหา พี่ก็เลยอยากชดใช้ให้นายบ้างไง....”
“ไม่อยากจะเชื่อ.....”
“ภูมิ....”
“อะไร!!!”
“พี่เอง....ก็มีเหตุผลที่กลับมานะ”
“กลับมาเพราะต้องการชดใช้ความผิดรึไง?”
“นายอย่ารู้เลยดีกว่า....”
บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เชื่อใจ นับวันความเลวร้ายจากตัวมันก็มีแต่จะผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ พยายามมองในแง่ดี ว่าอย่างน้อยพี่ก็ยังพอมีข้อดี ยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่พอ เอาเข้าจริง ๆ การที่มันรักแมว ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มีแผนการชั่วร้าย กับคนที่แกล้งหลอกคนอื่นว่าเป็นคนปัญญาอ่อนมาตั้งเกือบยี่สิบปี
ร่างของหยก....ถ้ามันอยากได้ร่างกายของหยก ผมจะทำอย่างไร ผมไม่รู้ว่าตัวเองรักหยกมากขนาดไหน มากพอที่จะปกป้องหยกจากปิศาจเจ้าเล่ห์ตนนี้ได้หรือไม่
“ต่อให้เป็นร่างกายที่วิเศษแค่ไหน......เป็นนาย....นายจะทนอยู่กับการต้องเป็นคนอื่นได้หรือ?....หืม”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของมันในค่ำคืนนี้
ผมไม่เชื่อเลยสักนิดเดียว
.
.
.
.
.
[บรรยาย]
“หวัดดีครับผม”
“เฮ้ย....หยก.....นายแต่งตัวน่ารักดีนี่เฮ้ย”
ภาคภูมิออกมาต้อนรับแขกด้วยชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เด็กหนุ่มพยายามที่จะไม่คิดถึงสิ่งเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นมาเมื่อใดก็ได้
เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ
สมองของเขาตีกันยุ่งไปหมด ทั้งเรื่องของพี่ กับเรื่องของหยก
พยายามหาทางออกที่ดีให้กับทุกฝ่าย แต่กลับมองไม่เห็นทางออก
ก่อนรุ่งสางเขาเผลอหลับไป แค่ช่วงสั้น ๆ แต่เวลาในความฝันกลับยาวนานอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
เป็นฝันอย่างเขาเคยฝัน แต่เป็นคนละเรื่องกันกับเมื่อหลายคืนก่อน ไม่ใช่ภาพเด็กทารกกับการกำเนิดอะไรแบบนั้น แต่คราวนี้เป็นเสียงของคนในความมืดมิด กำลังโต้ตอบกัน ผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งเหตุการณ์นี้ เขาเคยฝันถึงมันบ่อยพอ ๆ กัน สมัยที่ยังเป็นเด็ก ๆ
'ตัวอ่อนอีกตัวหนึ่งสมบูรณ์กว่าที่คิด....'
'แต่อีกตัวหนึ่งร่อแร่'
'เธอจะเสี่ยงไหม'
'นั่นขึ้นอยู่กับเธอ'
'พวกเขามีกันแค่สอง.....เหมือนลูกของเรา'
'ถ้าทำสำเร็จ ถือว่าเป็นความยิ่งใหญ่สำหรับวงการวิทยาศาสตร์เชียวนะ....ไม่สิ รวมถึงศาสตร์แขนงอื่นด้วย'
'พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร.....ภายใต้ความหนาว....เป็นหมื่น ๆ ปีใต้แผ่นน้ำแข็ง'
'เดี๋ยวเราคงได้รู้กัน'“สวัสดีครับคุณเกียรติยศ”
“โย่....ดี!!!”
“แมวน่ารักดีนะครับ”
“อ๋อ...มันชื่อไมเคิลน่ะ”
“รู้ไหมว่าผมน่ะรักแมวมากเลย”
“จริงเหรอ.....เหมือนภาคภูมิเลย....รู้ไหมว่าไอ้แมวตัวนี้ภาคภูมิเป็นคนเจอ....ใช่ไหมภูมิ?”
เกียรติยศที่แต่งตัวเหมือนอย่างเมื่อวานนี้ ตะโกนถามภาคภูมิที่เดินตามหยกเข้ามาติด ๆ เด็กหนุ่มมองหน้าพี่ชายอย่างงง ๆ ก่อนจะรับคำอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก ในสมองที่กำลังสับสนของเขา คิดว่าพี่ชายจะมาไม้ไหนอีก
“ถ้าอย่างนั้นหยกช่วยเล่นกับมันทีนะครับ พอดีผมไม่ค่อยสบายนิดหน่อย ขอตัวนะครับหยก.....เราขอตัวนะภาคภูมิ”
พอเกียรติยศเดินกลับขึ้นไปยังห้องตัวเองแล้ว หยกก็หันไปถาม
'เพื่อนสนิท' ของเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงอย่างจริงใจ
“คุณเกียรติยศเขาต้องสวมเสื้อปิดทั้งตัวแบบนี้เลยเหรอภูมิ...”
“มัน...เอ่อ....คือเค้าไม่สบายน่ะ เค้าเป็นลูกชายของลุงเรา พอดีลุงเราฝากเอาไว้เพราะต้องไปทำธุระ....ที่....ที่อังกฤษน่ะ”
“แล้วเค้าเป็นอะไรเหรอภูมิ....เป็นโรคร้ายแรงมั้ย อากาศร้อนแบบนี้แต่กลับต้องสวมเสื้อปิดทั้งตัว แถมยังต้องสวมถุงมืออีก คงทรมานน่าดู”
“โรคผิวหนังน่ะหยก ที่ต้องสวมแบบนั้นเพราะมันไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่”....อีกอย่าง ถ้าผิวสัมผัสกับอากาศหรือฝุ่น อาจ....อาจจะยิ่งแย่กว่าเดิม”
“น่าสงสารนะ”
“เค้าคงชินแล้วล่ะ....นายก็อย่าถือสาเลย บางครั้งก็ชอบพูดอะไรแปลก ๆ.....แล้วนี่มาทำไมเนี่ย”
“ก็มาบ้านแฟนไม่ได้รึไง”
“ใช่เหรอ?”
“หุหุหุ”
“เราอยากให้หยกมานะ.....อยากให้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้า...”
“เรารู้ว่านายเป็นคนปากแข็ง.....ฟอร์มจัด....แต่จริง ๆ แล้วนายเป็นคนที่ใจดีมาก ๆ เลยรู้ไหม ไม่งั้นคงไม่เก็บเจ้านี่มาเลี้ยงหรอก”
เด็กหนุ่มทั้งสอง ใช้เวลาตลอดทั้งวัน นั่งพูดคุยกัน ราวกับไม่เคยคุยกันมาเป็นสิบปี ภาคภูมิดูมีความสุข แม้ในใจจะเป็นกังวล แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาหยอกล้อกัน เล่นกับเจ้าแมวขี้เกียจ แอบสัมผัสร่างกายกัน นอนคลอเคลียดูโทรทัศน์ด้วยกันโดยที่ไม่ต้องมีการร่วมรัก
ความสุข....มันจะอยู่กับเรานานไหมนะ
ภาคภูมิคิด
พี่ครับ.....อย่าพรากความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมนักเลย ผมเป็นทาสของพี่มาตลอดชีวิต และจะยอมเป็นต่อไป หากว่าพี่ไม่คิดร้ายกับใครอีก
ผมจะดีกับพี่มากกว่านี้
ขณะเดียวกันนั้น ถัดขึ้นไปข้างบน เกียรติยศในห้องที่ปิดล็อคอย่างแน่นหนา กำลังถอดหัวของตัวเอง ตั้งวางเอาไว้ที่หน้ากระจก ใบหน้าของซากศพที่ไม่แสดงอารมณ์ ทั้งที่ดวงจิตของเขากำลังเจ็บปวดจนแทบจะริบหรี่ เขาเหนื่อยอีกแล้ว เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรอีก ไม่จริงเลย ที่ว่าตายไปแล้ว แล้วจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ตราบใดที่เขายังคงคิด คงมองเห็น และคงรับรู้เรื่องราวได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้สึกอะไร แม้จะไม่รับรู้รสชาติของน้ำองุ่นของโปรดอีกต่อไปแล้วก็ตาม
น้องกำลังมีความสุข
จะยอมปล่อยไปดีไหม
ภาคภูมิ.....
ถ้านั่นคือเหตุผลที่เขายอมกลับมา
เขาจะยอมจากไปด้วยเหตุผลเดียวกันคงจะไม่ผิดใช่ไหมไม่ผิดหรอกเกียรติยศเอ๋ย....
คนตายแล้วก็ไม่ควรจะทู่ซี้อยู่แบบนี้.....
อยู่โดยที่เขาไม่เคยต้องการให้นายอยู่.....
.........................................................................
“ที่นี่น่ะเหรอ.....”
“ใช่....ที่นี่แหละ ที่พวกมันสองตัวถูกไอ้เด็กผีนรกฆ่าตาย กูเห็นมากับตาสองตาของกู”กลุ่มชายฉกรรจ์ท่าทางไม่น่าไว้ใจทั้งห้าคน หนึ่งในนั้นมีแววตาที่ดูชั่วร้าย และอาฆาตมาดร้าย กำลังสุ่มสังเกตการณ์อยู่นอกตัวบ้าน ทั้งหมดแต่งกายมิดชิด เว้นไว้เพียงลูกตาทั้งสองข้างเอาไว้สำหรับมองดู บางคนสวมแว่นตากันแดดสีดำ อย่างที่พวกผู้ก่อการร้ายควรจะแต่งกันนั่นแหละ
“วันนี้แหละ กูคนนี้จะปราบไอ้ผีนรกให้สิ้นซาก....เซ่นสังเวยวิญญาณของพวกเราที่ตายไป พวกมึงพร้อมไหม”
“บ้านช่องใหญ่โตแบบนี้คงจะมีสมบัติอื้อเลยสิท่า”
“ฆ่าแม่งให้หมดแล้วกวาดให้เรียบ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทุกคนล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน จะเว้นเสียก็แต่ คนที่เคยเผชิญหน้ากับความตายมาแล้ว อย่างซึ่ง ๆ หน้า
เขาต้องการเอาชนะความกลัวในจิตใจของเขา
ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขานับแต่วันนั้น
"ถ้าฆ่ามึงได้ ต่อไปกูคงนอนหลับสนิท"
.
.
.
.
.
To be con
เอาล่ะสิ.....ตอนหน้าเรามาลุ้นกันนะคะ ใกล้แล้ว....ใกล้แล้วจริง ๆ