เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{25}
“เฮ้ย…ลืมเอาใบขออนุญาตไปให้แม่เซ็นเลยว่ะ” พอร์ชพูดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมีเอกสาร
ขออนุญาตผู้ปกครองเกี่ยวกับเรื่องการเข้าค่ายในปลายเดือนมกราคม หลังจากเสร็จงานกีฬาสีได้สาม
สัปดาห์มาให้แม่เซ็นให้ แม้ว่าสายตาของคนภายนอกจะมองว่าเด็กช่างแก่แดดแก่ลม แต่อย่าลืมสิว่า
ถ้านับจากอายุจริง พวกเขาก็เทียบเท่ากับเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะทำอะไร
แต่ละที ก็จำเป็นต้องขออนุญาตจากผู้ปกครองทุกครั้ง
“ก็เอาไปให้เขาเซ็นซะสิ จะโวยวายทำห่าอะไร” โซ่ที่นั่งทำรายงานอยู่ตรงข้ามกัน เงยหน้า
ขึ้นมาบอกอย่างเหวี่ยงๆ เหมือนรำคาญ เพราะเสียงโวยวายของพอร์ชเมื่อครู่มันทำให้เขาตกใจ จน
เขียนตัวเลขผิด เลยจำต้องมีรอยน้ำยาลบคำผิดสีขาวๆ ขีดทับตัวหนังสือให้แปดเปื้อนบนหน้า
กระดาษในแบบที่เขาไม่ชอบ
“หนูจ๋าเอาไปให้หน่อยสิ พี่ละจากตรงนี้ไม่ได้…เดี๋ยวอะไหล่หาย” ไอ้คนที่กำลังนั่งประกอบ
โมเดลบิ๊กไบค์คันใหม่ที่เพิ่งได้มาหลังจากสั่งซื้อไปเป็นเดือน เพราะเป็นของนำเข้า กระพริบตาปริบๆ
ร้องขอให้คนรักที่กำลังหัวหมุนกับการนั่งทำรายงานแบบเอาเป็นเอาตายมากว่าสองชั่วโมง ไปจัดการ
ธุระแทนตัวเองเสียอย่างนั้น เพราะกลัวว่านอตตัวเล็กตัวน้อยซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโมเดลรถ
ตนเองจะหล่นหาย ถ้าหากว่าตนเผลอละสายตาไป
“มึงนี่มันจริงๆเลยนะไอ้หมา!” ถึงปากจะบ่น แต่โซ่ก็ยอมลุกเอาเอกสารการขออนุญาต
ผู้ปกครองของพอร์ชที่เจ้าตัวกำลังหยิบยื่นมาให้ออกไปจากห้องทันทีเช่นเดียวกัน แต่จะโทษ
ใครก็ไม่ได้ ในเมื่อตัวเขาเองก็เผลอใจอ่อนไปกับสายตาออดอ้อนเหมือนลูกหมานี่ไปซะทุกที
“อ้าว! แล้วทำไมมันไม่เอาของตัวเองไปด้วยวะ” พอร์ชที่เหลือบไปเห็นว่าเอกสารขอ
อนุญาตเข้าค่ายของคนรักยังวางอยู่ที่เดิม เพราะเจ้าตัวหยิบแต่ของเขาไป ก็เลยยอมวางมือ
จากโมเดลรถที่หวงนักหวงหนา เดินตามคนรักออกจากห้องไปอีกคน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แม่ฮะโซ่เอาเอกสาร…” เคาะประตูบอกตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไปเหมือน
ทุกทีที่เคยทำ โดยที่ไม่รู้ว่าคุณนายปลื้มจิตไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะกระจกห้องทำงาน
เป็นแบบ One Way ที่คนภายนอกไม่สามารถมองทะลุเข้าไปได้ อีกทั้งตอนนี้ก็ค่ำแล้ว
ทั้งห้องทำงานก็คงจะเหลือแค่พ่อกับแม่ของพอร์ชที่ยังคงช่วยกันทำงานต่อเหมือน
อย่างทุกทีนั่นแหละ
“ใครให้เข้ามา!” เสียงตวาดของใครบางคนที่ดังสวนกลับมาทำให้โซ่ที่กำลัง
ก้มหน้าอ่านรายละเอียดของเอกสารขึ้นมามองอย่างเสียไม่ได้
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นกับน้องห้ะออดี้! น้องโซ่มีธุระอะไรกับแม่รึเปล่าครับ”
คุณนายปลื้มจิตเอ็ดลูกชายคนโตเสียงเข้ม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาถามโซ่ด้วยน้ำเสียง
ที่อ่อนลงกว่าเดิม นั่นยิ่งทำให้ออดี้ที่กำลังอยู่ในช่วงสภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง รู้สึกฉุนเฉียว
มากขึ้นไปอีก
“โซ่เอาใบขออนุญาตเข้าค่ายของ…” ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่โซ่รู้สึกสนิทใจกับพ่อแม่
ของคนรักจนเผลอเรียกชื่อแทนตัวเองมาจนเคยตัว หลังจากที่ไม่ได้ใช้มานานกว่าสิบปี
“ออกไปเลย แม่ลูกเขาจะคุยกัน…คนนอกไม่เกี่ยว” ยิ่งเห็นแม่เข้าข้างคนอื่นมากเท่าไหร่
ออดี้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อครู่นี้ตนเพิ่งโดนคนเป็นแม่สวดใส่มาชุดใหญ่ เขาลุกขึ้น
เดินมาผลักอกโซ่อย่างแรง จนโซ่กระเด็นออกนอกห้อง แล้วใช้คำว่า ‘คนนอก’ ตบหน้าโซ่เข้าฉาด
ใหญ่ ก่อนที่จะประตูใส่ แต่ถูกใครมือของใครบางคนยันประตูไว้เสียก่อน
“ออดี้!” คุณนายปลื้มจิตตวาดเสียงหลง เมื่อได้ยินในสิ่งที่ลูกชายคนกลางของตนพูดว่าโซ่
เพราะอย่างที่รู้กันว่าทุกคนในบ้านนี้ยกเว้นออดี้ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาเลย กำลังเป็นกังวล
เรื่องสภาวะจิตใจของโซ่เป็น ที่แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ว่า
ความอ่อนแอที่ฝังรากลึกอยู่หัวใจของโซ่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นกำแพงน้ำแข็งสูงชันที่พวกตนกำลังใช้
ความรักเป็นตัวละลายมันทิ้งไป แล้วนี่อะไร? ทำไมออดี้ ลูกชายคนที่เธอเคยคิดว่ามีนิสัยเป็นมิตรและ
อ่อนโยนมากที่สุดในบรรดาสามพี่น้องกลับมาทำให้ทุกอย่างพังลงไปต่อหน้าต่อตาของเธออย่างนี้
“ไอ้พอร์ช!” ออดี้เรียกชื่อน้องเสียงแข็ง เมื่อเห็นหน้าของคนที่เข้ามาขวาง
“เออ! กูเอง…มึงจะทำไม?” พอร์ชก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับพี่ชาย ใช้ตัวบังคนรักเอาไว้
มองหน้า จ้องตา แสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความท้าทายออกมาได้อย่างชัดเจน
“มึงกล้าผลักกูหรอ?” ออดี้กระชากคอเสื้อพอร์ชเข้าหาตัวอย่างแรง
“แล้วไง? ทีมึงยังผลักเมียกูได้เลย ทำไมกูจะผลักมึงคืนบ้างไม่ได้” เลิกคิ้วถามด้วย
สีหน้ายียวนกวนประสาท เพราะเขาลงมาได้เห็นและได้ยินในสิ่งที่พี่ชายทำกับโซ่ด้วยสองตาตัวเอง
“แต่กูเป็นพี่มึงนะ!” ออดี้ว่า แม้ปกติพวกเขาทั้งสองคนจะพูดกูมึงใส่กันเป็นเรื่องปกติ
แต่พอร์ชไม่เคยมีท่าทีต่อต้านแบบนี้กับตนเลยสักครั้ง
“พี่แล้วไง? ไม่ใช่พ่อกูนี่! ป่ะ…กลับห้องกัน” พอร์ชออกแรงผลักอกพี่ชายอีกที จนออดี้เซ
ไปไกล แล้วหันหลังกลับมาคว้ามือคนรัก จะพาเดินกลับห้อง แต่ถูกออดี้ที่ความพาลครอบงำความคิด
ถึงขีดสุดเดินเข้ามากระชากต้นแขนของโซ่ไว้เสียก่อน
“อย่าเดินหนีกู” เขาบีบต้นแขนของโซ่จนสุดแรง แต่โซ่ก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงออกถึงความ
เจ็บปวดใดๆออกมาทั้งนั้น แม้ว่าจะปวดร้าวไปถึงกระดูกแล้วก็ตาม
“ปล่อยน้องนะออดี้!” คุณนายปลื้มจิตที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรีบเข้ามาห้ามพร้อมทั้งยัง
พยายามที่จะแกะมือของออดี้ออกจากต้นแขนของโซ่ แต่เธอก็สู้แรงคนหนุ่มของลูกชายไม่ไหว
“มึงเป็นเหี้ยอะไรวะดี้! จะเอาให้ได้เลยใช่ป่ะ?” พอร์ชถาม
“แล้วยังไง? มึงมีปัญญาจะทำอะไรกูได้ห้ะไอ้พอร์ช?” ออดี้ตีมึน ถามกลับอย่างกวนๆ
ไม่รู้ทำไม ยิ่งเห็นทุกคนปกป้องไอ้หน้าอ่อนนี่แล้วเขายิ่งโมโห
แต่เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ความจริงแล้ว เขาแค่ต้องการหาคนมาระบายความหงุดหงิด
ที่เกิดมาจากความผิดพลาดของตนเองก็เท่านั้น ถึงได้หน้ามืดตามัวเหมือน ทำตัวไร้สติ แยก
ไม่ออกว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูกเช่นนี้
“กูก็จะกระทืบให้มึงหายบ้านี่ไงไอ้พี่เหี้ย!” พอร์ชดันตัวแม่ออกจากวิถี ยกขาขึ้นถีบ
กลางอกพี่ชาย จนเจ้าตัวหงายหลังกระเด็นไปไกล ก่อนที่จะเข้าไปกระทืบซ้ำรัวๆแบบไม่มี
หยุดพัก ใช้เท้าเน้นๆ ไม่มีมือผสมให้ระคายเคือง ก่อนที่จะเสียหลักเมื่อออดี้ถีบสวนกลับมา
แล้วลุกขึ้นค่อมต่อยพอร์ชทันทีเช่นกัน เรียกได้ว่าแลกกันหมัดต่อหมัดเลยก็ได้ ทำเอาโซ่เริ่ม
อยู่ไม่นิ่ง มือเท้าเริ่มกระตุก อยากที่จะเดินเข้าไปช่วยคนรัก แต่ติดก็ตรงที่โดนคุณนายปลื้มจิต
ฉุดรั้งไว้ด้วยอ้อมแขนทั้งสองข้างของเธอนี่แหละ ทำให้เขาไม่กล้าสะบัดตัวแรง เพราะเกรงว่า
ตนจะทำให้แม่ของคนรักบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกคดี หลังจากที่ตัวเองกลายเป็นสาเหตุให้คู่พี่น้อง
ตรงหน้าต่อยตีกันไปแล้ว
“หยุด! พวกมึงเป็นบ้าไปแล้วรึไง! กัดกันอย่างกับหมา!” พ่อของพอร์ชที่เพิ่งกลับมา
จากข้างนอก รีบเดินเข้ากระชากคอลูกชายทั้งสองคนของตนเหวี่ยงไปคนละทาง ตวาดเสียง
เข้มด้วยสีหน้าและท่าทางที่แสดงถึงความโกรธจัด เพราะตั้งแต่ที่ทั้งสองคนโตมาจนรู้ความ
เขาไม่เคยเห็นพี่น้องคู่นี้ตีกันจนหัวร้างข้างแตกอย่างนี้สักที อย่างมากก็งอนกันแค่ไม่กี่วัน…แล้วนี่อะไร!
“ป๋าก็ถามมันเอาเองเถอะว่าเป็นเหี้ยอะไร ถึงได้เที่ยวมากัดคนอื่นเขาอย่างนี้” พอร์ช
พูดบอกกับพ่อเสียงห้วน แล้วจงใจเดินชนไหล่พี่ชายที่ยืนขวางอยู่ตรงกลางไปหาโซ่ที่ยืนเป็น
หลักให้คุณนายปลื้มจิตเกาะอยู่ กระชากแขนคนรักมาจากมือแม่ แล้วพาเดินหนีออกจากห้องทันที
“ปล่อย…กูเจ็บ…กูบอกว่าเจ็บไงพอร์ช!” โซ่พยายามที่จะดึงแขนตัวเองออกจากการจับ
กุมของคนรักมาตลอดทาง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะพอร์ชยังคงฉุดกระชากลากถูกโซ่ไม่ยอมปล่อย
จนกระทั่งมาถึงห้อง
ปึง!
หมับ!
“พอร์ช…มึง” จากที่เคยโวยวายมาตลอดทางเพราะความเจ็บก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง
เมื่อจู่ๆพอร์ชก็หมุนตัวกลับมากอดตนเองไว้แน่น ก่อนจะพูดออกมาว่า…
“ใครจะพูดอะไรก็ไม่ต้องไปฟังมันหรอกนะโซ่ เพราะกูรักมึง ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดมึง
กูก็จะรักมึง เพราะเราคือครอบครัว” พอร์ชไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนรักกลับมารู้สึกดีเหมือนเดิม
เพราะขนาดเขาที่เป็นคนฟังยังรู้สึกแย่ แล้วคนที่โดนตบหน้าด้วยคำพูดที่ถูกฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ
เหล่านั้นแบบโซ่จะรู้สึกอย่างไรกัน
“อือ…แค่มึงก็พอ” พึมพำตอบรับเบาๆ ก่อนที่จะซุกหน้าซบลงบนอกแกร่งของคนรัก
ตั้งแต่คบกันมาตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ โซ่ก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าอ้อมแขนของพอร์ชที่เขาเคยบ่น
ว่าอึดอัดตอนที่เจ้าตัวกอดรัดในยามนอนหลับมันอบอุ่นมากขนาดนี้…อบอุ่นเสียจนหัวใจที่ห่อเหี่ยว
ไปแล้วพองโตขึ้นมาอีกครั้ง คิดแล้วก็พาลทำให้น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกมาอย่างง่ายดาย
..
..
..
“ฮึ่ย! โคตรหนาวเลยว่ะ” พอร์ชที่อยู่ในชุดกางเกงวอร์มสีกรมคาดฟ้ากับเสื้อพละสีชมพู
เช่นเดียวกับที่โซ่เองใส่เสื้อพละสีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำแผนกของเจ้าตัว
“เสือกรั้นเองไง” โซ่ที่เพิ่งเดินตามลงมาที่หลังแต่ก็ทันได้เสียงบ่นของคนรัก ว่าพร้อม
กับเหวี่ยงเสื้อกันหนาวสีเข้มวางโปะลงบนศีรษะพอร์ชที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่ที่พื้น เพราะ
ก่อนหน้านี้โซ่ก็เตือนแล้วว่าให้ใส่เสื้อกันหนาวด้วย แต่พอร์ชก็ยังรั้น ทำเป็นไม่หนาว สุดท้ายก็
ต้องมานั่งทานมื้อเช้าด้วยอาการหนาวสั่น จนโซ่อดไม่ได้ที่จะวิ่งกลับขึ้นไปเอาเสื้อกันหนาวให้
คนรักถึงบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสี่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมของตัวเอง ซึ่งมีต้นเหตุมาจาก
ความรักที่โคตรเอาแต่ใจของพอร์ชตอนกลางดึกเมื่อคืน ที่ไม่รู้นึกคึกอะไรขึ้นมา พ่อคุณถึงได้
ลักหลับเขาตอนเกือบจะตีสองแบบนั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องเป็นตัวแทนสีขึ้นไปชกมวยบนเวที!
ฟอดดดด…
“เมียใครวะ? น่ารักที่สุด” ยืดตัวขึ้นมาใส่เสื้อกันหนาวพร้อมกับหอมแก้มตอบแทน
โซ่เรื่องเสื้อกันหนาวเสียฟอดใหญ่ ก่อนที่จะนั่งลงใส่รองเท้าเหมือนเดิม
“กูทำเองได้” โซ่รีบชักเท้ากลับอย่างเร็ว เมื่อพอร์ชคว้าข้อเท้าของตนเองไป ทำ
เหมือนว่าจะสวมรองเท้าให้
“ยืนเฉยๆเถอะน่า…” พอร์ชบอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจ้องโซ่ด้วยสายตาดุๆ
เป็นเชิงบังคับให้คนรักยืนอยู่นิ่งๆ เพื่อที่ตนจะได้สวมรองเท้าให้เจ้าตัวได้สะดวกๆ เสร็จ
แล้วก็พากันแว้นไอ้แมนลูกรักไปยังวิทยาลัยเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำมาตลอดหลายเดือน
“กูจะรออยู่ตรงนี้” พอร์ชพูดกับโซ่ที่อยู่ในชุดเตรียมพร้อมที่จะขึ้นชกมวยสากลเป็น
คู่สุดท้ายของการแข่งขันกับปกป้องซึ่งเป็นนักกีฬาจากสีชมพูของพอร์ช หลังจากที่ต่างฝ่าย
ก็ต่างชนะคู่ต่อสู้ของตนเองมาตลอดทั้งช่วงเช้า และด้วยเหตุที่ว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้ได้
คำนำหน้าขึ้นต้นว่า ‘วิทยาลัยเทคนิค’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมนักเรียนนักศึกษาประเภทเสือ สิงห์
กระทิง และแรดไว้ด้วยกันทางวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องวางกำหนดการให้การแข่งขันชกมวย
เสร็จสิ้นภายในวันเดียว เพื่อป้องกันปัญหาส่วนตัวของนักกีฬาที่อาจจะตามทีหลัง ส่วนการ
แข่งขันอื่นก็เป็นไปตามกำหนดการทั่วไปที่มีเวลาเว้นว่างให้นักกีฬาได้พักบ้าง อย่างเช่น
ตารางการแข่งขันฟุตบอลสีชมพูของพอร์ชที่จะได้ลงสนามแข่งกับสีเขียวเป็นนัดแรกในวันพรุ่งนี้
“อือ” โซ่ไม่ได้พูดอะไรกลับมา เขาทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะเดินขึ้นเวทีไปตาม
เสียงเรียกของกรรมการพร้อมๆกับที่ปกป้องผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างขอบเวทีอยู่แล้วสปริงตัวกระโดดข้ามเชือก
เส้นที่สี่เข้ามายืนอยู่กลางเวที ทำเอาคนดูทั้งสาวแท้และสาวเทียมข้างสนามอยู่ไม่เป็นสุข ตะโกนร้อง
เชียร์ออกมาด้วยเสียงหวีดแหลมจนปวดแก้วหู ต่างจากพวกคนดูที่เป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะอยู่สีฟ้า สีชมพู
หรือสีใดก็ตาม ต่างก็เอนเอียงมาทางโซ่กันหมด ด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่า รู้สึกหมั่นไส้ในการวางท่า
ของปกป้องนั่นเอง
แก๊ง!
“Box!”
เพียงแค่เสียงระฆังดังออกมาพร้อมกับที่กรรมการให้สัญญาณในการชก ปกป้องก็เข้า
ประชิดตัวโซ่ทันที ในขณะที่โซ่เองก็ทำได้แค่ถอยหนี แต่ไม่ได้หนีเพราะความกลัว เพียงแต่
โซ่กลัวว่าจะยั้งตัวเองไม่อยู่ จนเผลอทำอะไรรุนแรงลงไปเท่านั้นเอง เพราะการกติกามวยสากล
ไม่เหมือนกับคาดเชือกที่เขาถนัด จากที่เคยใช้ได้ทุกสัดส่วนของร่างกาย กลับมาถูกจำกัดเหลือ
เพียงแค่กำปั้นที่อยู่ใต้นวม โซ่เลยกะแรงต่อยของตัวเองไม่ค่อยถูก เขาจึงต้องถอยหนี เพื่อที่จะ
คำนวณแรงบวกจากการปะทะที่ปกป้องส่งเข้ามาเท่านั้นเอง
“ไงวะ? ทำไมไม่สู้…หรือเกิดปอดแหกขึ้นมา?” ปกป้องถามด้วยน้ำเสียงยียวนชวนให้
โซ่สติแตก ก่อนที่จะวาดแขนชกเข้าที่โหนกแก้มข้างซ้ายของโซ่จังๆ แบบเต็มแรง จนโซ่เสียหลัก
เซถอยหลังออกมาหลายก้าว ทำเอาคนดูอย่างพอร์ชลนลาน แทบยืนไม่ติดที่ เพราะรู้ดีว่าร่างกาย
ของคนรักบอบช้ำเพียงใด เพราะความเอาแต่ใจของตนเอง แถมยังขึ้นชกในรอบเช้าแบบติดๆไปแล้ว
สองนัด เขาจะไม่แปลกใจเลย ถ้าหากโซ่เกิดทรุดขึ้นมา
แก๊ง!
“ไหวไหม? ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะ ถ้าใครปากหมา กูจะตามกระทืบให้เอง” พอร์ชรีบเข้า
ไปชิดติดขอบเวทีทันทีเมื่อโซ่กลับมานั่งพักที่มุมของตนเอง หลังจากได้ยินเสียงระฆังบอกหมด
เวลาในยกแรก ทั้งยังย้ำให้โซ่สบายใจ เพราะไม่อยากให้คนรักฝืนร่างกายตัวเอง เพียงเพราะกลัว
คำดูถูกดูแคลนจากปากใคร
“ไม่เป็นไร…กูแค่รอดูเชิงมวยมันเฉยๆ” โซ่บอกปัดด้วยรอยยิ้มซีดเซียว จนพอร์ชเริ่ม
เป็นห่วง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกหลังมือขึ้นสัมผัส ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของคนรักที่บริเวณ
หน้าผากและลำคอ
“ไม่เป็นไรได้ไง! ตัวร้อนขนาดนี้! ไม่รู้แหละ…ถ้ายกนี้ไม่ชนะกูจะให้รุ่นพี่มึงโบกผ้าขาว
ยอมแพ้แล้วนะ” พอรู้ว่าคนรักไข้ขึ้น พอร์ชก็แทบคลั่ง หลุดปากพูดดุออกไป ทั้งที่สาเหตุในการ
ป่วยของโซ่ครั้งนี้ก็เกิดขึ้นมาจากความเอาแต่ใจของตน
แก๊ง!
ยังไม่ทันที่โซ่จะได้พูดตอบอะไรกลับมา เขาก็ถูกกรรมการเรียกกลับเข้าไปยืนกลาง
เวทีทันทีที่เสียงระฆังซึ่งเป็นสัญญาฯในการชกในยกถัดไปดังขึ้นมา
“ไงมึง…ไปอ้อนผัวมาหรอวะ?” เขายิ้มเย้ยแล้วเหวี่ยงหมัดชกไปบริเวณหน้าอกของ
โซ่เบาๆ แต่ดูรุนแรงมากในสายตาคนดูที่ยืนอยู่รอบเวที
“ไอ้เหี้ย! ถ้ามึงเจ็บอีกมึงเตรียมแพ้ได้เลยโซ่!” พอร์ชคำรามลั่นแบบไม่สนหน้าอินทร์
หน้าพรหมที่ประทับองค์ลงอยู่ในตัวรุ่นพี่ประธานสีของโซ่เลยแม้แต่น้อย เพราะความอดทนของ
เขามันเหลือน้อยลงทุกที ในยามที่ปลายนวมของปกป้องกระแทกลงบนร่างกายของโซ่
เช่นเดียวกับที่โซ่เองก็กัดฟันยางแน่น เมื่อความหงุดหงิดเล็กน้อยในตอนแรก เริ่มปะทุ
กลายเป็นความโกรธแทน เพราะตนปกป้องเหวี่ยงหมัดมานั้นมันไม่ได้มีความเจ็บปวดที่ตรงไหนเลย
เพราะมันจงใจลูบหน้าอกเขาเล่นอย่างเนียนมากกว่าที่จะต่อยแบบจริงๆจังๆ
“หึ! หวงกันขนาดนี้แมร่งแสดงว่าลีลาดีจริง…ลองมากิ๊กกับกูดูไหม? เผื่อจะติดใจ”
ปกป้องแกล้งทำเป็นทรงตัวไม่อยู่ เมื่อถูกโซ่ผลักออกมาเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นจะล้ม ใช้ตัว
ดันโซ่เข้าไปชิด ติดอยู่ในมุม จนกรรมการต้องเข้ามาแยก แต่ก่อนจะผละตัวออกไป ปกป้อง
ก็ใช้จังหวะวุ่นวายตอนที่กรรมการเผลอโน้มตัวเข้าไปเบียดกางกายของตัวเองเข้าหาโซ่
มิหนำซ้ำยังเอื้อมมือที่ติดอยู่ในนวมลูบเน้นวนไปที่ก้นของโซ่ ทำเอาพอร์ชที่จับตาดูคนรัก
อยู่ทุกฝีก้าวข่มกรามแน่น เตรียมพร้อมที่จะเหวี่ยงผ้าขาวในมือเพื่อเป็นการยุติการชก แม้ว่า
โซ่จะเป็นฝ่ายแพ้ก็ตาม แต่เขาไม่ต้องการที่จะเห็นคนรักอยู่ในสภาพคนป่วยแถมยังถูก
ลวนลามแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
แก๊ง…แก๊ง…แก๊ง!
“สีชมพูหมดสภาพ…สีฟ้าชนะ!”
“เฮ้!!!!!!!!!” ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้ทำตามใจปรารถนา คนดูข้างสนามก็เฮลั่น
เมื่อกรรมการประกาศถึงชัยชนะของโซ่ หลังจากที่เจ้าตัวน็อกคู่ต่อสู้อย่างปกป้องลงได้ด้วย
หมัดเดียว เช่นเดียวกับที่พอร์ชเองก็กระโจนขึ้นเวทีเข้าไปรับร่างของคนรักไว้ทัน ก่อนที่โซ่
จะหมดแรงล้มทั้งยืน ด้วยฤทธิ์ของพิษไข้ที่ดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากขึ้นทุกที
TBC.