บทที่ 12 ที่ตรงนั้น 100%
"น้องภามีเรื่องทะเลาะชกต่อยกับเพื่อนในห้องค่ะ" ทันทีที่ปลายสายพูดจบ ร่างกายของเขาก็ชาไปทุกส่วน ขาของเขาเหมือนจะหมดแรงแต่ก็ต้องฝืนยืนให้อยู่ ทำไมคนเรียบร้อยอ่อนโยนแบบภาณินถึงได้ทำอะไรแบบนี้ พัดกรอกเสียงของตัวเองถามปลายสายไปว่า
"แล้วมีใครเป็นอะไรมากไหมคะ ภาเป็นอะไรหรือเปล่า"
"ครูว่าคุณแม่ต้องมาดูเองดีกว่านะคะ" เสียงหวานของครูประจำชั้นเอ่ยบอก ทำให้พลลภัตม์รีบตอบรับก่อนที่จะวิ่งกลับเข้ามาภายในห้องประชุมด้วยหน้าตาตื่น เขาเดินตรงไปหาพี่เจ๋งผู้จัดละคร ก่อนที่จะเอ่ยขอโทษและขออนุญาต
"พี่เจ๋งครับ คือพัดขอโทษนะครับแต่ที่โรงเรียนโทรมาแจ้งว่าภามีเรื่องด่วนต้องรีบไปหา พัดขอออกไปก่อนได้ไหมครับ"
ไม่ทันที่พี่เจ๋งจะตอบ ก็มีเสียงหนึ่งของใครอีกคนแทรกขึ้นมา
"ลูกเป็นอะไร!?" มันเป็นเสียงทุ้มของเรวัต
"ลูกมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียน" เขาหันไปตอบอีกฝ่ายก่อนจะหันกลับมาขอร้องพี่เจ๋งอีกครั้ง ซึ่งพี่เจ๋งก็อนุญาตให้เขากลับไปก่อนได้ ร่างบางของพัดรีบเดินไปหยิบเอาบทและกระเป๋าก่อนที่จะก้าวเดินออกจากห้องประชุมไปตามด้วยร่างหนาของเรวัตที่วิ่งพุ่งตามออกไป ท่ามกลางความตกใจของทุกคนรวมถึงเขมินทร์
"ไอ้เรน! ไอ้เรนโว้ย" เสียงของพี่เจ๋งตะโกนตามหลังร่างสูงออกไป ผู้กำกับทิ้งงานแบบนี้แล้วใครจะช่วยดูนักแสดงอ่านบทกัน พี่เจ๋งนั่งกุมขมับอยู่ที่หัวโต๊ะก่อนจะบอกให้ทุกคนเบรกก่อนแล้วจึงค่อยกลับมาอ่านบทกันอีกรอบ เมื่อพี่เจ๋งสั่งให้พักได้ร่างเล็กของเขมินทร์ก็ลุกขึ้นและรีบเร่งเดินตามทั้งสองคนที่เดินออกไปก่อนหน้านี้ ทุกการกระทำของอีกฝ่ายอยู่ในสายตาของเทียน ธีรณีทั้งหมด นักแสดงสาวสวยจึงลุกขึ้นบ้างและเดินตามอีกคนออกไป
ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด
"ทำไมไม่รับโทรศัพท์ว่ะ" เสียงเขมสบถออกมาเบาๆ เมื่อคนปลายสายไม่ยอมรับสายโทรศัพท์จากเขา
"โธ่เขม...อย่าพยายามเลย" ในขณะที่เขมกำลังหงุดหงิดกับเรวัต ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังเขา เสียงของเทียนอดีตเพื่อนรัก
"มึงตามมาทำไม ไม่ใช่เรื่องของมึง" เขมเหน็บอีกฝ่ายไปก่อนจะหันมาสนใจโทรศัพท์ของตัวเองอีกครั้ง
"กูหวังดีนะ พี่เรนก็ยังดูห่วงครอบครัวดีอยู่ มึงน่าจะเข้าใจได้แล้วนะ...ว่าอะไรสำคัญกับเขามากกว่ากัน"
"..."
"ระหว่างมึงกับครอบครัวเขา" เขมหันกลับมาจ้องหน้าเทียน ก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเท้าเดินเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่าย
"อย่ามาสอนกู คนอย่างมึงไม่ได้มีสาระมากขนาดนั้น เอาจริงๆ กูก็แปลกใจนะที่มึงได้เล่นละครเรื่องนี้ทั้งๆ ที่เขาเลือกแต่นักแสดงมืออาชีพ นักแสดงมีชื่อเสียง คนธรรมดาอย่างมึงได้มายืนตรงนี้ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเถอะ"
"อย่ามีปัญหากับกูดีกว่านะเขม...แบล็กกูใหญ่กว่าแบล็กมึงนะ ถ้าไม่อยากถูกถอดออกจากละครก็สงบปากบ้าง" แต่เทียนไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวอีกฝ่าย ซ้ำยังเดินเข้ามาประชิดตัวของเขมินทร์ด้วย
"มึงหมายความว่าไง" เขมินทร์งุนงงกับสิ่งที่อีกคนกำลังพูด
"อย่าคิดว่ามึงไต่เต้าเป็นคนเดียวนะ" เทียนใช้แรงผลักอกของเขมให้ถอยออกไปจนอีกคนเซไปข้างหลัง ก่อนที่จะเดินหนีกลับไปยังห้องประชุม เขมินทร์ที่มองตามอีกคนด้วยความโกรธและกำลังจะเดินตามกลับไป โทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้นมาซะก่อน เขาดีใจที่เรวัตติดต่อกลับมา แต่มันไม่ใช่เบอร์ที่โทรเข้ามาไม่ได้ขึ้นโชว์ว่าเป็นใคร
"สวัสดีครับ เขมพูดครับ" เขากรอกเสียงตามลงไปทันทีที่กดรับ
"น้องเขมพี่ติ๋วนะคะ ที่จ้างไปออกอีเวนท์เครื่องสำอาง" ปลายสายตอบกลับมาเขาก็จำได้ทันที
"อ๋อ...พี่ติ๋วเขมจำได้ครับ มีอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าค่ะ พี่แค่จะโทรมาแจ้งว่าเงินค่าตัวส่วนที่ขอเพิ่มพี่โอนไปแล้วนะคะ" เสียงหวานเอ่ยบอกจุดประสงค์ของตัวเอง
"ครับ?" เงินค่าตัวที่ขอเพิ่ม หมายถึงอะไร พี่ติ๋วกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
"คือพี่ติดต่อเจ๊ปุยไม่ได้อะค่ะ เลยโทรมาแจ้งที่น้องเขมแทน" ถึงตอนนี้เขาก็ยังสับสนในเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังพูด
"คือผมงงอะครับ พี่ติ๋วกำลังหมายถึงยังไง"
"อ้าวเจ๊ปุยไม่ได้บอกน้องเขมหรอคะ ก็ตอนแรกที่เราตกลงกันไว้ว่าค่าตัวจะได้ตามสัญญาแต่เจ๊แกมาคุยกับพี่ว่าช่วงนี้เขมกำลังดังเลยอยากขออัพค่าตัวเพิ่มอีกสักหน่อย บอกให้โอนให้ทีหลังอะค่ะ" เขมินทร์กำโทรศัพท์ในมือของตัวเองแน่น เขากล่าวขอบคุณปลายสายจากนั้นจึงวางหูไป สมองกำลังคิดประมวลผลและสิ่งที่ได้ก็คือเขาถูกปุยโกงเรื่องเงินค่าตัว
เขากำลังถูกเอาเปรียบ
รถยนต์หรูเคลื่อนที่เข้าสู่ประตูโรงเรียนของลูกชายทั้งสอง พัดจอดรถลงที่ใต้อาคารเรียนก่อนจะรีบลงจากรถเพื่อเดินไปยังห้องปกครองที่เป็นจุดหมายของการเรียกพบในครั้งนี้ ในขณะเดียวกันรถยนต์ของเรวัตก็ขับเข้ามาภายในโรงเรียนพอดี เขาขับผ่านพลลภัตม์ที่กำลังเร่งรีบเดินไปยังห้องปกครอง เรวัตจึงจอดรถและรีบเดินจากรถในทันที เขาเดินตามอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จนถึงห้องปกครอง มือเรียวเอื้อมมือไปผลักบานประตูเพื่อเข้าไปยังในห้อง ทันทีที่ผิวกายสัมผัสกับความหนาวเย็นพัดก็สอดส่องสายตามองหาลูกชายของตัวเอง แต่ก็ถูกเสียงหวานของผู้หญิงเอ่ยทักเสียก่อน
"คุณพลลภัตม์ สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับคุณครู" เขายกมือไหว้ทักทายอีกคนก่อนที่จะเดินตามอีกฝ่ายไป ประตูกระจกก็ถูกดันเข้ามาอีกครั้งภาพตรงหน้าปรากฏเป็นร่างของชายหนุ่มคุ้นตา ร่างสูงโปร่งของอีกคนเดินเข้ามาอย่างงงๆ ก่อนที่จะเอ่ยทักร่างบาง
"คุณพัด"
"คุณนนท์?" ทั้งสองคนจ้องตากันสลับไปมา ในสายตาเจือความงุนงงอยู่เล็กน้อย
"คุณชานนท์ใช่ไหมคะ คุณชัญญาโทรมาแจ้งไว้แล้วค่ะ" เป็นเสียงของครูประจำชั้นสาวสวยที่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา ชานนท์และพลลภัตม์หันไปให้ความสนใจกับครูประจำชั้นตรงหน้าก่อนที่หล่อนจะเอ่ยบอกให้ทั้งสองคนเดินตามเธอมา ภาพตรงหน้าอยู่ในครรลองสายตาของเรวัตที่เฝ้ามองจากหน้าห้องกระจก เขายังไม่ทันที่จะได้เดินเข้าไปภายในห้องก็เห็นชานนท์เดินเข้าไปเสียก่อน ขาของเขามันเหมือนหมดแรงและหยุดยืนอยู่นิ่งๆ ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปแสดงตนว่าเป็นผู้ปกครองอีกคน ทำไมนะ
เพราะอะไร ถึงไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น
ทั้งสองคนเดินตามคุณครูสาวเข้ามาเรื่อยๆ จนเจอเข้ากับร่างของเด็กหนุ่มสองคนและเด็กผู้หญิงหนึ่งคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะๆ หนึ่งในห้องของฝ่ายปกครอง ภายในห้องไม่ได้มีเพียงแค่เด็กๆ เท่านั้นยังมีอาจารย์ฝ่ายปกครองและผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นผู้ปกครองของเด็กคนใดคนหนึ่งในนี้ พัดที่เห็นภาณินนั่งก้มหน้าอยู่ตรงนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาลูกในทันที
"ภา...ภาลูก เป็นยังไงบ้าง" เขาเข้ากอดลูกชายเอาไว้พลางสำรวจร่างกายของลูกชายตัวเอง ว่ามีบาดแผลตรงไหนหรือเปล่า
"คุณเป็นแม่ของเด็กนี้ใช่ไหม" ในระหว่างที่เขากำลังถามอาการของลูกชายอยู่ก็ถูกเสียงของผู้หญิงคนนั้นขัดขึ้นมาเสียก่อน เธอมองมาที่เขาตาขวางเหมือนกำลังโกรธแค้น
"ใช่ครับ" เขาพยักหน้าตอบอีกฝ่ายกลับไปแต่อีกฝ่ายก็ด่าสวนขึ้นมาทันที
"สอนลูกคุณยังไง!? ให้มีนิสัยป่าเถื่อนเหมือนสัตว์แบบนี้"
"..."
"กล้าชกต่อยลูกฉันได้ยังไง รู้ไหมตีสักครั้งลูกฉันยังไม่เคยโดนเลย" หล่อนชี้หน้าด่าเขาและลูกอย่างเสียหาย โวยวายพยายามเอาเรื่องต่างๆ เพราะว่าภาณินไปทำร้ายลูกของหล่อนจนต้องเจ็บตัว แต่พัดก็ยังไม่ตอบกลับไปในทันที เขาหันไปถามคุณครูว่าเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรเพราะเขามั่นใจว่าภาณินไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใครก่อน
"คือครูเข้าไปตอนที่เกิดเรื่องขึ้นแล้วน่ะค่ะ เลยไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้างรู้เพียงแค่น้องภาทะเลาะกับน้องโชกุน ส่วนน้องเพนนีพยายามเข้าไปห้ามเลยถูกลูกหลงจนหัวแตกไปด้วย" คำบอกกล่าวสถานการณ์เพียงส่วนหนึ่งของคุณครูประจำชั้นทำให้เขาหันไปสนใจเด็กหญิงเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องข้างกับภาณินและมีชานนท์ยืนอยู่ข้างๆ
"เพนนีครับมันเกิดอะไรขึ้น บอกลุงได้ไหม" ชานนท์ก้มลงไปถามหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เขากำลังพักผ่อนหลังจากเขียนงานส่งทันเดดไลน์เสร็จไปแล้ว แต่ก็มีโทรศัพท์เข้ามานั้นก็คือน้องสาวของเขาเอง ชัญญาเป็นน้องสาวคนละพ่อกับเขา แม่ของเขาแต่งงานใหม่กับคุณพ่อของชัญญาหลังจากที่แม่ถูกไล่ออกมาจากบ้านหลังนั้น ชัญญาโทรมาหาเขาตั้งแต่เมื่อคืนว่าวันนี้ให้เขาไปรับน้องเพนนีลูกสาวของเธอมาค้างคืนด้วยสัก 2 คืนเพราะว่าเธอมีงานด่วนต้องรีบบินไปภูเก็ตอย่างกะทันหัน แต่วันนี้เกิดเรื่องขึ้นซะก่อนและตอนนี้ชัญญาก็อยู่ที่ภูเก็ตแล้วเรียบร้อยจึงกลายเป็นเขาที่ต้องมาที่นี่แทนชัญญา
"..." เพนนีไม่ยอมเอ่ยปากพูดความจริง ชานนท์จึงนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เด็กสาวก่อนที่จะเอื้อมมือตัวเองไปกุมมือหลานสาวสุดที่รักเอาไว้
"ไม่ต้องกลัวนะครับ ลุงอยู่ตรงนี้"
"..."
"บอกลุงนะครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น" เขาบีบมือของหลานสาวเพื่อส่งผ่านกำลังใจและมอบความไว้ใจว่าจะไม่มีอะไรมาทำร้ายเด็กหญิงได้
"ภาต่อยโชกุน...เพราะโชกุนไปล้อภาว่าเป็นเด็กมีปัญหา แม่ของโชกุนบอกว่าเด็กพ่อแม่เลิกกันจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา" เสียงเล็กเด็กสาวเงียบลงพร้อมกับไฟในอกของพลลภัตม์ เขาลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนที่เพิ่งจะด่าเขากับลูกฉอดๆ
"มะ...ไม่จริงรึไง ข่าวออกจะดังไปทั่วใครๆ ก็รู้ ฉันพูดความจริงผิดตรงไหน" เสียงของผู้หญิงคนนั้นสั่นอย่างชัดเจน
"ผิดที่คุณพูดให้เด็กฟังไงครับ แถมยังให้ร้ายคนอื่นทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า" เสียงที่ตอบกลับไปไม่ใช่เสียงของพลลภัตม์แต่เป็นเสียงของชานนท์
"อย่าปลูกฝังความคิดแบบนี้ให้ลูกเลยครับ อย่าทำร้ายลูกคุณด้วยนิสัยของตัวเองเลย" สิ้นเสียงของชานนท์ผู้หญิงคนนั้นก็จ้องมองมาที่ชานนท์ด้วยดวงตาที่พร้อมแผดเผาก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองลูกของตัวเอง
"ฉันไม่เอาเรื่องก็ได้ โชกุนกลับ" แขนเรียวเอื้อมไปคว้าแขนของเด็กชายก่อนที่จะฉุดให้ลุกขึ้นยืน แต่ก็ถูกพลลภัตม์เดินไปขวางทางเอาไว้ซะก่อน
"อะไรอีก ฉันก็ไม่เอาเรื่องแล้วนี่ไง" พัดไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้นแต่เขากลับย่อตัวลงไปหาเด็กชาย ก่อนที่จะลูบหัวของอีกฝ่ายเบาๆ
"โชกุนครับ รู้ไหมว่าถ้าทำผิดต้องทำยังไง"
"ต้องขอโทษ"
"ถูกครับ ต้องขอโทษใครครับ" ร่างเล็กของเด็กชายโชกุนหันกลับไปมองภาณินก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยขอโทษอีกฝ่าย ทันทีที่ขอโทษเสร็จแม่ของโชกุนก็ลากโชกุนเดินไปที่ประตูเตรียมตัวจะกลับอีกครั้ง แต่พัดก็ยังยืนขวางอยู่
"เธอจะเอาไรอีก ลูกฉันก็ขอโทษไปแล้วนี่ไง" เธอโวยวายออกมาเสียงดัง แต่พัดไม่ได้สนใจเขาหันไปหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมา ก่อนที่จะเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไปและยื่นให้อีกฝ่าย
"คราวหลังถ้าอยากรู้เรื่องส่วนตัวของผม โทรมาได้นะครับ ผมจะเล่าให้ฟังจะได้ไม่ต้องมานั่งเดา" หญิงสาวรับกระดาษตรงหน้ามาขยำๆ ก่อนจะเดินกระแทกไหล่พลลภัตม์ออกไปข้างนอก
ทางด้านของเรวัตเองที่รออยู่ด้านนอกห้องปกครองตลอดเวลาที่เกิดเรื่อง ก็เริ่มที่จะกระวนกระวายเป็นห่วงว่าลูกชายของเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า ในตอนนั้นเองพลลภัตม์ก็เดินออกมาจากห้องกระจกนั้นกับลูกชายของเขาโดยที่ข้างๆ มีชานนท์และเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามออกมาด้วย
"ไม่ทำแบบนี้อีกนะครับ น้องภา" พัดย่อตัวลงไปนั่งกับพื้นก่อนที่จะเอ่ยบอกเด็กชาย
"แต่โชกุนว่าภากับคุณแม่ก่อน" ภาณินตอบกลับเสียงสั่นกลับไป
"น้องภาครับ" เสียงของชานนท์เอ่ยขัดบทสนทนาขึ้นมา เขาย่อตัวลงไปนั่งๆ ข้างภาณินอีกช้างหนึ่ง
"เราไม่ควรทำร้ายใครแบบนี้นะครับ เราควรใช้เหตุผลในการพูดคุย"
"..."
"เราโตแล้วนะม.1แล้ว เราไม่ควรใช้กำลังนะครับ ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดผลเสียอย่างวันนี้" ภาณินเงียบและพยายามคิดตามคำพูดของคุณน้าคนข้างบ้าน ก่อนจะพยักหน้าแล้วหันกลับไปกอดพลลภัตม์
"ภาขอโทษนะครับ ภาจะไม่ทำอีก" พัดกอดตอบอีกคนแน่นและลูบหัวปลอบโยนอีกฝ่าย ก่อนที่จะลุกขึ้นและหันไปพูดคุยกับอีกคน
"พัดขอเชิญคุณนนท์กับน้องเพนนีมาทานอาหารเย็นที่บ้าน เย็นนี้ด้วยนะครับ" พลลภัตม์เอ่ยชวนชานนท์ให้มารับประทานอาหารด้วยกัน เพราะเขาอยากขอบคุณอีกฝ่ายในหลายๆ เรื่อง
"ผมเกรงใจคุณพัด ไม่เป็นไรดีกว่าครับ" แต่ชานนท์ก็เอ่ยปฏิเสธอีกคนออกไป เพราะเขาเกรงใจอีกฝ่ายหากจะต้องเข้าออกบ้านของอีกคนๆบ่อยๆ แค่เรื่องที่เป็นข่าวอยู่ก็รุนแรงกับเด็กๆ มากพอแล้ว
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ น้องเพนนีเองก็อยากไปเล่นกับน้องภาที่บ้านน้าพัดใช่ไหมครับ" ในเมื่อชวนคนตัวโตไม่สำเร็จ พัดจึงหันกลับมาชวนเด็กหญิงตัวเล็กแทน
"ไปค่ะๆ เพนนีอยากไปบ้านน้าพัด"
"งั้นตอนนี้ใกล้จะเลิกเรียนแล้วเดี๋ยวเรารอพี่ภีมแล้วไปซื้อของพร้อมกันนะครับ" เขาลูบหัวเล็กของเด็กหญิงด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะพากันเดินจากไปหาที่นั่งรอภีมพลเลิกเรียน เพื่อตรงไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าสำหรับทำอาหารเย็นชุดใหญ่ในคืนนี้
ภาพทุกอย่างปรากฏอยู่ในครรลองสายตาของเรวัต ภาพรอยยิ้มของพัดที่ยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มของภาณินเองก็เหมือนกัน ทุกอย่างมันซ้อนทับกันกับภาพในวันวานที่เขาเคยยืนอยู่ตรงนั้น
ตรงที่ๆ ชานนท์เคยยืน
แต่วันนี้มันเปลี่ยนไป แต่มันก็คงไม่แปลกในเมื่อเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะว่าเขาเป็นต้นเหตุทั้งนั้น เขามันแย่ เป็นพ่อที่แย่ เป็นคนรักที่แย่
แย่มากจริงๆ
ขายาวของเรวัตก้าวเดินกลับไปอีกฝั่ง เส้นทางของเขาและพัดตอนนี้มันกำลังสวนทางกันในขณะที่พัดก้าวไปข้างหน้าแต่เขากำลังก้าวถอยหลัง เรากำลังเดินจากกันไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ
'พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้พัดเสียใจ'
'อย่าทำให้พัดร้องไห้เลยนะ พัดไม่อยากเจ็บเพราะพี่เลย'
เขาเป็นคนทำลายสัญญาที่เคยให้ไว้กับพลลภัตม์ เขาเป็นคนที่ทำลายความรักความเชื่อใจที่อีกคนเคยมอบให้กันไว้ เขาเป็นคนทำร้ายคนที่รักเขาสุดหัวใจด้วยน้ำมือของเขาเอง เพียงเพราะแค่คำว่า 'ต้องการ' แค่คำๆ เดียวแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องเสียทุกอย่าง และอาจจะไม่มีวันได้มันกลับคืนมาอีกเลย
ไม่มีวัน...
เรวัตกลับมาถึงคอนโดที่ซื้อเอาไว้ เขาเปิดประตูเข้าไปข้างในและเดินลงไปนั่งที่โซฟาทันที เขาหมดแรง ร่างกายมันอ่อนไปหมด เขาแค่อยากนั่งนิ่งๆ ทบทวนเรื่องต่างๆ อย่างสงบ แต่ดูเหมือนอีกคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันไม่อยากให้เกิดความสงบขึ้นในห้องนี้
"กลับมาแล้วหรอ ลูกพี่เป็นยังไงบ้างล่ะ ปัญหาหนักหรอหรือแค่เรียกร้องความสนใจ" เขมินทร์เดินออกมาจากห้องนอนภายในคอนโด เขากลับมาถึงก่อนเรวัตประมาณหนึ่งชั่วโมง และนั่งรอเรวัตอยู่ตลอดตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้
"เขม พี่ไม่อยากทะเลาะ"
"นี่พี่โง่หรือดูไม่ออกห้ะ! ว่ามันใช้เรื่องลูกมาอ้างเพื่อดึงพี่กลับไปอะ!" เขมินทร์ตะคอกใส่อีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟา เขาโมโหที่อีกคน ทำท่าทางเหมือนยังรักยังห่วงครอบครัวของตัวเองมากว่าเขาที่อยู่ข้างกายอีกฝ่ายตอนนี้
"เขม! ภามีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนจริงๆ พัดเขาไม่ได้อ้าง" เรวัตเองก็ทนแรงกระตุ้นไม่ไหว จนต้องตะคอกอีกฝ่ายกลับไปและลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับร่างเล็ก
"นี่พี่ขึ้นเสียงกับเขมหรอ! เพราะอีพวกนั้นมันยุให้พี่กลับไปหาใช่ไหม พี่ถึงดูไม่แคร์เชมเลยอะ!" เขมินทร์ยังคงสาดแรงอารมณ์ใส่เรวัตอยู่ตลอด ไม่ได้ลดลงและเหมือนจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาถูกเรวัตขึ้นเสียงใส่
"พี่ว่าเขมพูดไม่รู้เรื่องแล้ว เราอยากเพิ่งคุยกันเลย" เรวัตพยายามสงบสติอารมณ์และเลี่ยงที่จะเดินหนีออกไป แต่เขมินทร์ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น
"เดินหนีเขมทำไม! เขมไม่สำคัญสำหรับพี่ใช่ไหม! ห่วงมันมากนักหรอ อีครอบครัวเฮงซวยนั้นอะ!"
"เขม!" เรวัตที่กำลังจะเดินจากไป เมื่อโดนเขมินทร์ตะโกนด่าว่าลูกๆ ของเขา เรวัตจึงหันกลับมาหาเขมอีกครั้ง ด้วยแรงโมโหทำให้เขา ใช้มือไปกระชากเขมเข้ามาหาตัวเองและออกแรงบีบที่แขนของอีกฝ่ายจนเนื้อตัวมีรอยแดง
"เขมเจ็บ!"
"อย่าพูดแบบนั้นถึงครอบครัวพี่อีก พี่ไม่อยากทำร้ายเขม" เขาพูดเสียงต่ำเพื่อสื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเอาจริง
"ครอบครัวพี่...แล้วเขมไม่ใช่ครอบครัวพี่ใช่ไหม! ยังรักยังห่วงมันมากใช่ไหมถึงไม่ยอมหย่าสักที!"
"..."
"เขมรู้หมดแล้ว มันมาบอกเขมแล้วว่าที่ไม่หย่าไม่ใช่เพราะมัน แต่เพราะพี่ไม่ยอมหย่า!" เขมินทร์สะบัดตัวออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย ก่อนจะจ้องมองหน้าอีกฝ่ายด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยาน หากไฟในดวงตาของเขมินทร์มีจริง คอนโดทั้งตึกนี้คงมอดไหม้ไปด้วยไฟโทสะ
"เขม...คือพี่"
"พี่มันจัดการอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง โลเลน่ารำคาญ! โง่เอ้ย!" เขมินทร์พ่นคำด่าใส่เรวัตก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าออกไปหยิบเอากุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องคอนโด ทิ้งเรวัตไว้อยู่ข้างหลัง
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว บ้านของพลลภัตม์ยังคึกคักไปด้วยเด็กๆ ทั้งภีมพล ภาณินและเพนนีกำลังหยอกล้อกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น พวกเขาทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเรียบร้อย บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะตลอดช่วงเวลาบนโต๊ะอาหาร ตอนนี้เขากำลังล้างจานอยู่ที่ห้องครัวด้านหลังโดยมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ คลอไปกับบรรยากาศยามกลางคืน
"ผมช่วยครับ" เสียงทุ้มของชานนท์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเมื่อเขาหันไปก็เจอเข้ากับร่างสูง ที่พับแขนเสื้อขึ้นไปจนถึงข้อศอก
"ไม่เป็นไรครับ คุณเป็นแขกนะ"
"พูดจาห่างเหินจังเลยนะครับ เราเป็นเพื่อนกันต่างหาก" เขาส่งยิ้มหวานให้พัดและอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมา ชานนท์เดินเข้าไปยืนข้างร่างบางก่อนที่จะหยิบจานขึ้นมาล้างทำความสะอาดเหมือนที่อีกคนกำลังทำ
"คุณชานนท์ล้างจานเป็นด้วยเหรอครับ"
"แม่สอนให้ทำตั้งแต่เด็กแล้วครับ" คนสองคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ระหว่างที่กำลังล้างจาน บรรยากาศในบ้านตอนี้จึงมีทั้งเสียงหัวเราะของเด็กๆ และเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่คละเคล้ากันไป
"ขอบคุณ คุณนนท์มากนะครับ ในทุกเรื่องเลย" พลลภัตม์หันมายิ้มให้อีกคนจากใจจริง เขาอยากขอบคุณที่ชานนท์เข้ามาช่วยให้เขาก้าวผ่านเกือบทุกปัญหาได้ในทุกครั้ง
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจที่จะทำ"
"..."
"ผมอยากดูแลคุณ เวลาที่คุณเสียใจภาพของคุณมันซ้อนทับกับภาพของแม่เวลาร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้นเสมอเลย"
"..."
"คุณพัดไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะครับ ยิ้มแล้วน่ารักกว่าเยอะเลย" ทุกอย่างเหมือนตกอยู่ในความเงียบ พลลภัตม์มองเข้าไปในดวงตาที่ชานนท์มองมาที่เขา ที่เขาว่ากันว่าทุกอย่างสามารถสื่อผ่านดวงตาได้ เขาไม่รู้ว่ามันจริงไหมที่เจ้าก้อนกลมๆ สีดำนี้จะมีอำนาจมากขนาดที่สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ แต่เขารู้ว่ามันมีอำนาจที่ทำให้ใครต่อใครใจสั่นไหวได้
"คุณพัด...คุณพัด"
"..."
"คุณพัด!" พลลภัตม์สะดุ้งจากความคิดก่อนจะหันกลับไปล้างจานต่อ และยังคงพูดคุยกับคุณนักเขียนข้างบ้านเรื่อยๆ เขาชอบฟังเสียงและเรื่องเล่าที่คุณนักเขียนเล่า มันทำให้สบายหู สบายใจทุกครั้งเวลาที่ได้ยินหรืออยู่ด้วย คนทั้งคู่พูดคุยกันไปเรื่อยๆผลัดเปลี่ยนกันเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยพบเจอ จนอาจไม่ทันสังเกตสายตาที่แอบมองพวกเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้ สายตาที่คอยมองมายังพวกเขาสองคนเสมอ
ภีมพล
ที่ยืนอยู่ที่หน้าห้องครัว เขาจะเข้ามาหาน้ำดื่มแต่ก็ต้องมาเจอกับภาพของคนสองคนที่ยืนข้างกันตรงหน้า เขาตัดสินใจหันหลังกลับและเดินหนีขึ้นไปบนห้องทันที
...
- TBC -
กรรมมันเริ่มตามทันแล้วนะคะ เราพร้อมเอาคืนกันหรือยัง อุวะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดสับตะไคร้และกดกระดิ่งด้วยนะค้าบ ฝากเมนท์ติชมได้น้าอยากอ่านนน
พูดคุยกันในแฮชแท็ก #เกมนอกใจ ในทวิตเตอร์ได้นะค้าบบบ
ทวิตเค้าเอง >>
https://twitter.com/lopittupp