chapter 11BIG BROTHER
คงเหมือนกับ ผมเป็นอพอลโล่ 11 ที่หอบเอาเจ้าหมาไลก้าขึ้นยานไปนอกโลกครั้งแรก
ถ้าให้เทียบความมั่นใจในตัวเอง กับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของธูปก็ไม่มีอะไรอธิบายได้ยาวและลึกซึ้งกว่านี้ ผมคือยานที่ถูกส่งไปโดยนาซ่า ซึ่งนาซ่าเป็นไอ้ห่าที่ไหนไม่รู้ที่ทำให้ผมเดินเครื่องด้วยความรู้สึก สัญญาว่าจะเอาหมาหน้าโง่ตัวหนึ่งออกไปโลกอีกใบโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะระเบิดตัวตายตั้งแต่ชั้นบรรยากาศที่สองของโลกหรือเปล่า
แต่ในเมื่อแรงเคลื่อนมันเดินมาเต็มที่ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เราไม่ขับยานออกไป เหตุผลก็เท่านี้
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ผมอาสาล้างจานที่ไอ้ธูปแช่เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแทนคำผิด ส่วนเด็กหนุ่มนั่งเล่น Playstation 4 ที่อาจารย์พิภพซื้อให้แทนของรางวัลสอบได้คะแนนดีที่สุดปีที่แล้ว มันหยุดร้องไห้ ลุกไปอาบน้ำอาบท่า เก็บที่นอนกับหนังสือเข้าที่แล้วดูดีขึ้นเยอะ เมื่ออาจารย์พิภพเข้ามาถึงในตัวบ้านก็เลยไม่มีเรื่องให้บ่นมากนัก
“นึกยังไงเอาเกมออกมาเล่น”
“เล่นรอพี่มังกร” ลูกชายว่า อาจารย์ชะเง้อคอเข้ามาในครัว
“อ้าว นึกว่ามาร์คมา เห็นรถจอดอยู่ข้างนอก”
“ศิษย์โปรดพ่อเป็นหัวขโมย” ธูปว่าหน้าตาเฉย อาจารย์พิภพหัวเราะร่วน
“แย่จริง มาร์คจะเอาเรื่องไปฟ้องอธิการหรือเปล่า”
“ถ้าฟ้องก็ไม่รอดอะ ผมจะแจ้งข้อหาบุกรุกอีกอย่าง”
“ดุกว่าหมาเฝ้าบ้านอีก กินน้ำตาลเยอะหรือไงห้ะเรา” ผมออกมาจากครัว มือยังเปียกอยู่ สะบัดน้ำทิ้งก่อนยกมือไหว้ นึกอยากเถียงว่าธูปไม่ได้เป็นหมาเฝ้าบ้าน เป็นหมาหน้าโง่ไลก้าต่างหาก
“แล้วที่ป่วยดีขึ้นไหม” อาจารย์พิภพถามลูกชาย วางมือนหน้าผาก อุณหภูมิปกติ เข้าใจว่าเป็นข้ออ้างที่จะไม่ยอมออกไปเรียนหนังสือ
“ก็ดีขึ้นครับ”
“ดีแล้ว เมื่อเช้าหูตาแดงไปหมด กวนพี่เขามาหรือเปล่า”
“เปล่าครับ แค่ไม่เห็นที่ร้านเลยแวะมาดู” ผมตอบแทนคนถูกถาม ธูปย่นจมูกล้อมาจากด้านหลัง พอพ่อหันกลับไปก็ทำหน้าตาปกติ กะล่อนทั้งที่ตายังบวมฉึ่ง
“สงสัยเป็นภูมิแพ้ แต่ไม่รู้แพ้อะไร สงสัยแพ้ออกกำลังกาย”
“อ้อ ช่วงนี้วิ่งนี่ครับ” ผมช่วยอาจารย์พิภพแซว ธูปไม่มีพวกก็คราวนี้
“พอเริ่มออกกำลังกายก็กินเก่งขึ้นเป็นเท่าตัวเลย อย่าเผลอพาไปเลี้ยงข้าวเชียว”
“นานๆ ทีก็ไหวนะครับ” ผมตอบหยิบกุญแจรถที่วางบนโต๊ะกระจก “ช่วงนี้น้องมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจด้วยน่ะครับ”
“มีอะไรไม่บอกพ่อล่ะเรา”
“เปล่า”ธูปปฏิเสธ มองค้อน “ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“อืม งั้นอาจารย์มาแล้วผมขอตัวกลับเลยนะครับ”
“เดี๋ยวสิ” ระหว่างที่กำลังยกมือไหว้เด็กที่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกลับประท้วง คว้าชายเสื้อผม กำไว้แน่นแต่หลุบตาลงต่ำ “อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน เดี๋ยวแม่ก็มาแล้ว ถ้าอยู่กันครบแม่ชอบทำกับข้าวทีละเยอะๆ ทุกที”
ผมมองหน้าธูปหาคำตอบ เจ้าตัวยังคงเฉไฉ อาจารย์พิภพจับสังเกตได้ก็ร่วมอนุญาตสมทบ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่คิดว่าการเผชิญหน้ากับครอบครัวในช่วงเวลาที่ยังคงรู้สึกผิดอาจทำให้เด็กหนุ่มต้องการพื้นที่มั่นใจมากกว่า
“พี่มังกรทำกับข้าวเป็นด้วยพ่อ”
เด็กหนุ่มกลายเป็นเด็กน้อย โยเยไม่ให้ผมไปไหน ทั้งที่ก่อนหน้านี้หนีหายไปก่อนแท้ๆ ช่วยไม่ได้ ผมแพ้สายตาคู่นั้น แพ้ท่าทางแบบนั้น แพ้ทุกอย่างที่เป็นธูปในเวลานี้
“งั้นมาช่วยกันทำเลยมา เดี๋ยวสอน”
ผมคว้าข้อมือธูปให้ลุก มันขยับตัวเหยียดอย่างเกียจคร้าน แต่ก็ยอมเดินห่อไหล่ตามเข้าครัว ให้โอกาสอาจารย์พิภพพักร่างกายจากที่ออกไปข้างนอกมาทั้งวัน
แม่ของธูปเป็นคนน่ารัก จุกจิก แต่ไม่จุ้นจ้าน เสนออาหารมังสวิรัติให้ผมเต็มจานแต่มื้อนี้เป็นส่วนผสมระหว่างผักและสัตว์เล็ก มีไข่ ปลา หอย กุ้งที่ได้รับอนุญาต อีกอย่างที่อาจารย์พิภพเลี่ยงบาลีสัตว์ใหญ่คือใช้หมูสับ
“ถ้าใช้หมูชิ้นจะเป็นสัตว์ใหญ่” ธูปว่า ไข่เจียวหมูสับขายดีเป็นพิเศษ คนคิดยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างภาคภูมิ “ผมแม่งเคยไปเถียงกับเพื่อนเรื่องนี้ที่โรงเรียนด้วย ตอนประถม”
“เอ้า ใครคิดว่าจะเชื่อจริงๆ”
“ก็พ่อเป็นครูบาอาจารย์ หลอกเด็กแบบนี้ได้ยังไง”
“เด็กที่ว่าเป็นลูกนี่ ขนาดลูกยังหลอกพ่อได้ตั้งเยอะแยะ ค่าขนมอย่างหนึ่งนะ ให้เงินค่าหนังสือไปไม่เคยได้ทอน”
“ผมเก็บเอาไว้ซื้อหนังสือเล่มถัดไปหรอก”
“เถียงได้แม่” อาจารย์โบ้ย พื้นที่หน้าโทรทัศน์ถูกเคลียร์ให้โล่งกว้าง ปูพื้นด้วยเสื่อน้ำมันเรียบๆ ไม่มีโต๊ะกินข้าวแล้วเพราะย้ายไปที่คาเฟต์ แต่เมื่ออยู่กันพร้อมหน้าผมก็อดรู้สึกว่าบ้านธูปเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมอีกครั้งไม่ได้
“ดูเอาเถอะว่าได้ใคร ว่าแต่ธีสิสไปถึงไหนแล้วจ๊ะก้อง”
“ยังแก้อยู่เลยครับ ยังสรุปผลไม่ถูกใจอาจารย์”
“ก็หากลุ่มตัวอย่างให้มันเยอะกว่านี้หน่อย” รู้สึกฝาดเฝื่อนในลำคอเมื่อต้องมาพูดเรื่องเรียนในบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์ โชคดีที่คนเปิดเรื่องยังมีทางลงให้ผมบ้าง
“คุณน่ะ อย่าไปเข้มงวดกับเด็กมาก เดี๋ยวปีหลังๆ จะไม่มีคนอยากเรียนด้วย”
“ผมจะเกษียณแล้ว”
“ไว้เกษียณค่อยพูดค่ะ” หญิงวัยกลางคนย้อน ก่อนหันกลับมาถามลูกชาย “ว่าแต่เจอซองเชคของแม่ในหนังสือที่เราหยิบไปอ่านเมื่อวานหรือเปล่าธูป แม่จำได้ว่าสัปดาห์ที่แล้วก่อนเราเอาไปแม่เหน็บไว้ในนั้น”
“ไม่เห็นมีเลย” ธูปตอบ อาจารย์พิภพเลิกคิ้วขึ้น ทั้งที่เคี้ยวอาหารในปาก เขาทำท่าคล้ายนึกอะไรออกก่อนวิ่งขึ้นไปชั้นสองระหว่างมื้ออาหาร อาจารย์พิภพเป็นคนที่มีมาดเสมอ แต่เมื่ออยู่กับครอบครัวก็ไม่ต่างจากคุณพ่อที่ไม่รู้กาละเทศะจนแม่ต้องบ่นต่ออีกยาว
“เดี๋ยวนี้เขาความจำแย่ลง” ธูปอธิบายแม้ไม่รู้ว่าอาจารย์พิภพกำลังทำอะไร “ถ้านึกเรื่องไหนขึ้นได้ต้องทำเลย”
ผมนึกไปถึงว่าถ้าพ่ออยู่กับผม เขาจะเป็นคล้ายๆ กันหรือไม่ แล้วผมจะเพิกเฉย เย็นชา หรือรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างไร
บางทีแล้วการที่เขาเลือกที่จะขาดหายการติดต่อไปอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นแล้วกระมัง
“แม่ว่าพ่อเราต้องย้ายซองเชคแม่แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้แน่ๆ คอยดูเถอะจะเดินลงมาพร้อมของที่ตัวเองปฏิเสธเสียงแข็งเมื่อวานว่าไม่รู้ไม่เห็น”
เส้นแสงของขอบฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มแม้เวลาจะผ่านมาค่อนคืน อากาศเย็นลงจากตอนกลางวัน อุณหภูมิลดต่ำเพราะไม่เหลือร่องรอยของแดดที่อาบจ้า ไล้โลมร่องตึกจนถึงซอกที่เล็กที่สุดระหว่างก้อนหินและดอกหญ้า เสียงรถจากถนนใหญ่แตกต่างออกไป มันไม่ใช่เสียงของเครื่องยนต์แช่ค้าง แต่เป็นเสียงของล้อเสียดสีกับพื้นถนน วิ่งผ่าอากาศด้วยความเร็วสูง
มองลงไปด้านล่างพื้นถนนที่ว่าเป็นสีเหลือง เหลืองจากเสาไฟในซอย ผมเพิ่งได้ขึ้นมาชั้นบนสุดที่เป็นพื้นที่ลึกลับของบ้านหลังจากได้ยินเสียงกระเบื้องหล่น ปีนตามเพดานขึ้นมาก็เห็นแม่แมวคาบลูกไว้ ไม่ทันคว้าก็กระโจนหายไปกับความมืด ส่วนตัวเองโผล่พ้นกระเบื้องสีอิฐเพียงส่วนหัว ลมเย็นปะทะเข้าหน้า พยายามขยับเลื่อนอิฐที่วางเรียงราย ล็อกกันไว้ด้วยสรีระที่ออกแบบมาให้เกี่ยวยึดกันโดยไม่ต้องใช้กาวหรือน็อตแล้วก็ค่อยๆ ขยับให้เกิดพื้นที่รูกว้างมากพอสำหรับสอดตัวขึ้นมาด้านบนของตึก
มันไม่สูงมากพอที่ถ้าร่วงลงไปแล้วต้องตาย แต่อาจเจ็บขั้นแขนขาหัก หรือถ้าถึงคราวซวยเอาหัวลงเท่านั้นถึงจะบาดเจ็บรุนแรงถึงชีวิตได้
หลังจากนั้นก็ใช้เวลาอยู่บนหลังคาชั่วโมงกว่า ไม่สนใจว่ากำลังแก้ธีสิสตามที่อาจารย์แนะนำเพิ่มเติมหลังมื้อเย็นเลยแม้แต่น้อย
N’Tube : วันนี้ขอบคุณนะพี่ อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อน
ข้อความนั้นเข้ามาระหว่างที่ผมกำลังละล้าละลังว่าจะรื้อหลังคาต่อหรือประกอบมันเข้าตามเดิม แต่สุดท้ายก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ปีนออกมาโดยไม่ลืมพกโทรศัพท์ติดตัวมาด้วยกัน
You: อยากให้สบายใจ มึงเครียดเพราะกูเร่งรัดด้วย ความผิดกูเหมือนกัน
N’Tube: ผมขอโทษนะพี่
N’Tube: ผมแค่คิดว่าพี่อยากเล่นสนุกๆ
N’Tube: ไม่เคยนึกถึงขั้นนั้นมาก่อน
ผมอ่านข้อความเหล่านั้น นั่งกอดเข่าทำองศากับพื้นหลังคา ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ ใจเย็นให้ธูปรู้ว่าที่จริงแล้วคนที่คิดสนุกคือมันต่างหาก หรือใจเย็นเพื่อรอให้ธูปตกตะกอนว่าที่จริงแล้วมันรักผม แต่กำลังกลัวความรักที่ไม่เคยถูกพูดถึงในแง่ของศีลธรรมจรรยาคืบคลานรุกล้ำความดีงามในใจกันแน่
ผมคิดถึงบุหรี่ของโบว์ จำได้ว่าเมื่อรู้ว่าสูบบุหรี่หญิงสาวก็ทิ้งมันไว้ที่นี่ ผมเคยเป็นนักสูบสมัยเข้าปี 3 ช่วงหลังแม่ตายและพ่อเพิกเฉย เขาเรียกการสูบบุหรี่เป็นการตายผ่อนส่ง แต่หากไม่มีความปรารถนาใดผมก็ไม่มีความปรารถนาที่จะอยู่บนโลกนี้นานๆ เช่นกัน
เรียกได้ว่าโชคดี หรืออาจจะโชคร้ายที่ตรวจพบว่าตัวเองเป็นหอบจากการลองสูบบุหรี่อย่างหักโหมทำให้ต้องเลิกขาดในเวลาถัดมา
พ่อไม่ดุแล้วเมื่อรู้ว่าผมสูบ เขาไม่พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าผมไม่มีตัวตน หรือไม่ก็เป็นเขาที่ตายไปจากโลกนี้พร้อมๆ กับแม่และโรคมะเร็ง
ทุกอย่างของผมเคว้งคว้างว่างเปล่าไปหมด ไม่มีอะไรให้จับต้อง ไม่มีความหวัง ไม่มีความรัก ไม่ต้องการยึดติด ไม่ต้องการเป็นภาระ ไม่ต้องการความมั่นคง การอยู่หรือจากไปความหมายไม่ต่างกันนัก อันที่จริงแล้วก็มีอาจารย์พิภพที่เห็นค่าความเป็นมนุษย์ที่หยิบยื่นสังคมให้ผมบ้าง
อาจเป็นสิ่งเดียวในตอนนั้นที่ยึดโยงไว้กับโลกใบนี้
N’Tube: พี่จะรอผมไหม
คำถามถัดมาสว่างบนหน้าจอ ผมมองมันนิ่ง ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน ผมไม่เคยต้องการมี แต่เมื่อมีก็ไม่ต้องการเสียไปอีก
ผมถูกพรากจากทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุผลบ่อยเกินเข้าใจว่ามนุษย์คนหนึ่งควรมีพันธะเชื่อมต่อกับใครๆ มากแค่ไหนการหายไปจึงไม่เจ็บปวดนัก
You: มึงอยากให้กูทำยังไงล่ะ
N’Tube: ผมไม่รู้ ผมก็ชอบให้พี่อยู่กับผม
N’Tube: แต่ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น
You: กูก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อชอบผู้ชายคนไหนก็ได้
N’Tube: แต่พี่ชอบผม
You: เออ ชอบ
You: แล้วจะให้ทำยังไง มันชอบไปแล้ว ไม่ทันเลือกว่ามึงเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยซ้ำ
N’Tube: ผมก็รู้สึกดีกับพี่แต่พ่อผมก็เป็นอาจารย์ อาจารย์ของพี่ด้วย
N’Tube: ขอโทษนะ ฟังเห็นแก่ตัวใช่ไหม
You: เออ
You: แต่ก็เข้าใจ
อย่างที่บอกว่าธูปยึดโยงตัวเองเข้ากับชื่อเสียงของครอบครัว มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ในระดับเซเลเบตี้แต่ต้องยอมรับว่าอาจารย์พิภพและภรรยามีชื่อเสียงมากทางด้านวิทยาศาสตร์ และธูปก็นับเป็นบุคคลที่ถูกสายตาในสังคมของพ่อแม่จับตามองคนหนึ่งไม่ใช่แค่คำครหาถึงมันในกรณีที่อยู่ในไทย แต่การที่พ่อมันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมก็ด้วย คงนำพาความด่างพร้อยมาสู่เส้นทางที่มันอยากทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด
You: มึงเคยขึ้นมาบนหลังคาร้านไหม
ผมชวนเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อบทสนทนาเริ่มอึดอัด ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตอบไปแต่แรกว่าช่างแม่งพ่อมึงสิ แต่ไม่สามารถพูดแบบนั้นได้เพราะสภาวะที่แตกต่างกัน ผมไม่เหลือสิ่งใดให้แคร์อีก ต่างกับธูปที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว ดังนั้นเมื่อต้องเลือกระหว่างความรักที่ผิดเพี้ยนไปกับครอบครัวที่ดีงามคงตอบได้ง่ายดายว่าจะเลือกอะไร
โชคดีแค่ไหนแล้วที่มันยังขอเวลาคิด
N’Tube ที่ไหน ร้านเหรอ?
N’Tube ข้างบนมันไม่ใช่ดาดฟ้านะ
You: อืม เป็นหลังคากระเบื้องอิฐ ตอนแรกขึ้นมาดูแมว แต่แมวหนีไปแล้ว จับไม่ทัน
N’Tube บ้าว่ะ
You บ้าใช่มั้ย
N’Tube อันตรายนะพี่ ลงมาเหอะ เดี๋ยวตกลงมา เจ็บไม่เข้าท่า
ใช่ เจ็บไม่เข้าท่า
You: ไม่เข้าท่า แต่ก็สวยดี คงไม่มีใครนึกอยากมานั่งดูเมืองบนหลังคาบ้านหรอกมั้ง
N’Tube ก็เออไง กลับเข้าไปในบ้านเถอะ
ยังไม่ทันตอบก็มีข้อความซ้อนทับมาในโปรแกรมเดียวกัน เป็นข้อความจากอาจารย์พิภพเพราะหลังมื้อเย็นผมรีบเอารถมาคืนไอ้มาร์คก่อนก่อนร้านปิด ไม่ทันได้คุยเรื่องธีสิสกับการบ้านนักเรียนชิ้นล่าสุดให้ละเอียดกว่านี้ แต่แม้ว่ามาถึงก่อนสามทุ่มเกือบชั่วโมงไอ้มาร์คก็นั่งหน้างอรออยู่แล้ว ผมแวะซื้อขนมมาเผื่อมันแทนคำขอโทษและผูกสัมพันธ์ เคยได้ยินว่ามันเลี้ยงหมา นอกจากขนมคนก็มีขนมหมาหน้าตาเหมือนบิสกิตรูปกระดูกติดตัวอีกอย่าง อันหลังได้ผลดีกว่าขนมคน มันรับคำขอโทษแต่ก็ยังหน้างออยู่ดี
AJ.PiPop: มาร์คเป็นไงบ้าง
You: งอนครับ แต่เดี๋ยวก็หาย
ผมตอบให้อาจารย์สบายใจ แม้คำว่าเดี๋ยวไม่เคยเดี๋ยวจริงและคนที่พลอยซวยไปด้วยก็เป็นธูปทุกที
AJ.PiPop: เจ้านั่นหวงรถ
You: ครับ หวงทุกอย่างเลย
AJ.PiPop: กับธูปก็หวง
ผมยิ้ม ก็ดูเป็นห่วง แต่ไม่หวงมากเท่าไรสไตล์เด็กผู้ชาย
AJ.PiPop: นันต์เล่าว่าเด็กปีสามคนนั้นมาหาคุณที่ร้านบ่อย
You: โบว์เหรอครับ ก็มาบ้างฮะ
AJ.PiPop: คบกันอยู่เหรอ
ผมพักบทสนทนากับธูป เลื่อนดูข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับอาจารย์ ปกติแล้วเราสื่อสารกันผ่านข้อความเป็นส่วนมาก แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยถามเรื่องส่วนตัวไม่ว่าในฐานะผู้ปกครอง หรือผู้ใหญ่คนหนึ่ง
AJ.PiPop: ผมคิดว่าคุณจะเอาโปสการ์ดนั้นให้น้อง
คำว่าโปสการ์ดสามารถระบุชัดเจนว่าเขาหมายถึงภาพถ่าย ยิ่งอาจารย์เน้นคำว่า’นั้น’ ผมยิ่งนึกถึงความพิเศษของมัน วันที่มาร์คเอาภาพถ่ายของโปสการ์ดมาอวดเจ้าของ อาจารย์พิภพรู้แน่ว่าผมยกมันให้ธูป การส่งต่อเรื่องราวของพ่อให้ลูกอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฟังดูดีหากต้องตอบคำถามว่าทำไมธูปถึงเป็นคนที่ได้รับภาพใบนั้น
You: มันสำคัญมากครับ ผมเลยคิดว่าควรจะอยู่กับคนที่สำคัญของอาจารย์
AJ.PiPop: อืม เจ้าธูปเก็บดูแลดีเชียว ไม่เหมือนผมลืมนั่นลืมนี่
AJ.PiPop: เมื่อวานก็เพิ่งทำเช็กรับเงินของเมียหาย
AJ.PiPop: ดีที่วันนี้นึกขึ้นได้ว่าใส่ไว้ท้ายหนังสือที่เจ้าธูปยืมไปเมื่อวาน
อาจารย์พิมพ์ค้างเท่านั้น ผมนึกถึงจังหวะระหว่างมื้ออาหารที่อาจารย์วิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อหยิบเช็กให้ภรรยาที่กำลังบ่นเรื่องมารยาท เขาเงียบลง บรรยากาศเปลี่ยน ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะเหนื่อยหน่ายกับคำบ่นต่ออีกยืดยาวในเรื่องซ้ำเก่า
AJ.PiPop: sent you a picture
ภาพทะเลหมอกในรุ่งสางถูกถ่ายซ้อน เป็นภาพที่มันถูกสอดไว้ในหนังสือ เมื่ออาจารย์พลิกดูอีกฝั่ง เขาก็ถ่ายลายมือผมที่เขียนถึงธูปเป็นหลักฐานมัดตัวแน่นหนา
‘miss you so bad – MK’
AJ.PiPop: ผมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
AJ.PiPop: อ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
ผมอยากยืดอกรับเต็มภาคภูมิ เมื่อสลับกลับไปที่หน้าจอของธูป เด็กหนุ่มถามย้ำว่ากลับลงมาจากหลังคาร้านแล้วหรือยังก็ถอนใจ
จะพูดได้ยังไงว่าเรารักกัน
รักกันของธูปเป็นแบบไหนผมยังไม่มั่นใจเลย
You: อาจารย์คิดยังไงกับเรื่อง humanity ครับ
เกิดความกดดันผ่านข้อความ เมื่อขึ้นสัญลักษณ์อ่านแล้วจากคู่สนทนาแต่กลับเงียบงัน
ผมนิ่งรอเวลาเกือบห้านาที มองเหม่อออกไปสุดขอบฟ้า มันไม่มืดเหมือนมืดในป่า แต่ความรู้สึกกลับบอดสนิท มองไม่เห็นหนทางไปต่อ ว่างเปล่า เคว้งคว้าง ไร้จุดหมาย เป็นโพรงขนาดใหญ่ที่เผลอคาดหวังว่าจะได้การเติมเต็มจากใครบางคน แต่ก็ขลาดกลัวเกินกว่าจะประกาศออกไปว่ารู้สึกมากแค่ไหน
AJ.PiPop: ตั้งแต่เมื่อไหร่
You: ขอโทษครับอาจารย์ แต่ผมตอบไม่ได้ ธูปเองก็สับสนอยู่เหมือนกัน
ผมปิดโทรศัพท์ ปีนลงจากดาดฟ้า จัดเรียงกระเบื้องให้เป็นทรงเดิมจากบันไดสูง ยืนคว้างในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยฝุ่นและกองหนังสือ
เมื่อหลับตาลง รู้สึกคล้ายเกิดพายุขนาดใหญ่หอบเอากระดาษบินว่อนรอบตัว
TBC
coming of age สุดดด นอกจากธูปแล้วอีพี่มันก็สับสนเหมือนกันนะฮะ พ่อตารู้เรื่องแล้วด้วย มาเรียบๆ ง่ายๆ สบายๆ แต่บ้านนี้เค้าน่ารักเหมือนเวสต์อะ ไม่ต้องกลัวนะ
ปล. เราพยายามจะมาทุกพุธนะคะ แต่ให้อภัยเรื่องความขี้ลืมของข้าพเจ้าด้วยย แวะมาเตือนกันก็ดั้ยว่ายูวันนี้วันพุธเด้อ จะได้ไม่ผิดเวลาา เก๊าก๋อโต้ดดด
ปล.
“มนุษย์ผลิตพลาสติก โดยเฉพาะเม็ดบีทส์เล็กๆ ที่อยู่ในโฟม ในบุหรี่หรือยาสีฟันเป็นสารเคมีที่กำจัดได้ยากมาก มันไม่ผ่านตัวกรอง มันหลุดลงไปในแม่น้ำ ปลากินมัน แล้วเราก็กินปลาอีกที การทำงานของโครโมโซมเพศทำงานลดประสิทธิภาพลง ทำให้เกิดการจับคู่ของยีนเพี้ยนทำให้เกิดเป็นเพศทางเลือก”
อันนี้เอามาจาก podcast รายการ Nerd Loyalty ค่ะ เป็นหลายๆ เรื่องผูกกัน เราจำไม่ได้ว่าเอามาจาก chapter ไหน เดี๋ยวจะลองหาอ้างอิงมาให้อีกทีนะคะ
1 พลาสติกเล็กไม่สามารถย่อยได้ เกิดสารตกค้างในสัตว์ ในพืช สะสมเข้าไปในร่างกาย ดูดซึมสารพิษต่างๆ ได้
2 การทำงานของโครโมโซมกับเพศ มีการวิจัยว่าเพศเกิดจากการทำงานผิดปกติของโครโมโซม เช่น การแหว่งของโครโมโซม Y โครโมโซมXq28ผิดปกติ ฮอร์โมนที่ได้รับ หรือเราอาจจะมีแฝดแต่กินแฝดตัวเองไปในช่วงแบ่งเซลล์
3 วิทยาศาสตร์พยายามอธิบายว่าเพศคือการต่อสู้ระหว่างเซลล์ภายในร่างกายของเรา
4 เต่าและสัตว์เลื้อยคลานอื่น เมื่ออยู่ในไข่จะยังไม่มีเพศ เพศจะถูกระบุเมื่อฟัก ถ้าอุณหภูมิขณะฟักตัวร้อนจะเกิดเป็นเพศเมีย ปัจจุบันมีเต่าตัวผู้น้อยมากเพราะโลกร้อนขึ้น
5 มีการค้นพบว่าในหมู่บ้านที่ผู้หญิงกินยาคุมมากๆ ทำให้เกิดสารตกค้างในแม่น้ำทำให้ปลาเปลี่ยนเพศได้
อันนี้พยายามเอาความเนิร์ดมาอธิบายให้ธูปนะ
ถ้าถามพี่มังกือแกจะอธิบายความรู้สึกของธูปด้วยประโยคเดียว
แค่คนสองคนรักกันหวานเว่อ เพ้อเจ้อด้วย (ฮา)
แล้วเจอกันค่ะ