พิมพ์หน้านี้ - Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: -west- ที่ 02-08-2018 01:07:31

หัวข้อ: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 02-08-2018 01:07:31
 :ped144:
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





(http://dl.glitter-graphics.net/pub/1267/1267761pggbvxciek.gif)

งานเขียนที่ผ่านมา
01 - Friend's brother, brother's friend  เมื่อเพื่อนสงสัยว่าพี่ชาย... [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32944.0)
02 - เรื่องสั้น เหนือฝัน [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33691.0)
03 - รักเร่  Dalhia [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36452.0)
04 - เรื่องสั้น หลบรัก [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39195.0)
05 - คำประกาศของความรู้สึกใหม่ Adore you [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40483.0)
06 - Special Happiness ฝากรักไว้ข้างบ้าน [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40617.0)
08 - When the wind blow back [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43545.msg2809650#msg2809650)
09 - โอบตะวัน [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45980.0)
10 - candy [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48823.0)
11 - At first sight [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49998.msg3229151#msg3229151)
12 - สู่กลางใจ | a tu co ra zon [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53541.0)
13 - หลังม่าน | behind the scene [End] ***Ft. Afterday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53818.0)
14 - กลพยัคฆ์ [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57275.0)


west's talk:

☼ กลับมาอีกแล้วค่ะ แฮร่ ขอเปิดด้วยทอล์คก่อนเลย
รอบนี้ลงครบจบแน่ หลังจากห่างหายไปจากวงการนานมาก ยอมรับว่าสำนวนเราอาจจะเปลี่ยนเพราะระหว่างที่หายไปเขียนแนวอื่นด้วย สำหรับเรื่องนี้ก็พยายามเอาที่เรียนจากงานเขียนอื่นๆ มาเขียนให้เนื้อหาเปิดกว้างมากขึ้น ระหว่างที่หยุดพักไปได้ทบทวนอะไรเยอะจริงๆ และคิดว่าอยากส่งต่อผ่านภาษานิยายที่โตมาด้วยกัน ฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งน้า ขอโทษสำหรับที่ผ่านมาที่เคยทำตัวไม่น่ารัก ลงนิยายไม่ครบนะคะ แง
ครั้งนี้พูดได้เลยว่าพร้อมขึ้นเป็นเท่าตัวจากรอบก่อน ถ้ามีอะไรที่ไม่สมบูรณ์แนะนำเข้ามาได้เลยนะ
รออ่านคอมเมนต์ของทุกคนอยู่
คิดถึงแหละ
❤( ^^)人(^^ )❤゙


อ้างถึง
solve for "i" 9x-7i >3(3x-7-u)
       9x-7i >9x-21u
   9x-9x-7i > 9x-9x-21u
          -7i  > -21u
            7i < 21u
         7i/7 < 21u/7
=             i <3 u


c o n t e n t

ch.01 hello stranger (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3868945#msg3868945)
ch.02 LOVES IS INNOCENT  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3871966#msg3871966)
ch.03 LOVE THEN EVOL   (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3874795#msg3874795)
ch.04 Run baby run  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3877813#msg3877813)
ch.05 SOMETHING   (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3880920#msg3880920)
CH.ุ6 Impostor Syndrome  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.90)
CH.7 NEW LESSON(13/09/18)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3886254#msg3886254)
CH.8 Can you feel(23/09/18)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3890928#msg3890928)
CH.9 Missing you is a trouble(26/09/18)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3892714#msg3892714)
CH.10 Found and lost  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3896092#msg3896092)
CH.11 Let it be  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3898543#msg3898543)
CH.12 Big brother  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3901793#msg3901793)
CH.13 Geek is sexy  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3903772#msg3903772)
CH.14 Fear eats the soul  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.270)
(https://pbs.twimg.com/media/DjiHjq2U4AE57ld.jpg)
CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3908870#msg3908870)
CH.16 GO THROUGH TOGETHER (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3911672#msg3911672) ----END
*゚‘゚*      #SexyNaugthyNerdy       *゚‘゚*

หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 02-08-2018 01:31:19
chapter 01
hello stranger


     “ก้อง...”

     คนเราไม่อาจรักกันด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่ไอแซค  นิวตัน จะถือพรหมจรรย์จนวันสุดท้ายของชีวิต
     
“ระหว่างนี้จะไปช่วยที่ร้านผมไหมล่ะ”

     ขณะที่ไอน์สไตน์ กล่าวทิ้งไว้ในจดหมายเมื่อคราวที่ทฤษฎีสัมพัทธภาพยังไม่เป็นที่เข้าใจนัก

 
     “เป็นร้านเล็กๆ นำร่องลดการใช้ทรัพยากร ขายอุปกรณ์พกพาที่ใช้ลดขยะ กับมีส่วนที่เปิดเป็นร้านกาแฟ”
 
     ว่ามีพลังที่มีอานุภาพมหาศาลอย่างหนึ่งซึ่งวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการ


     “ร้านอยู่ไม่ห่างจากบีทีเอส เดินทางสะดวก หรือจะพักที่นั่นก็ได้ คุณจะได้ลดค่าใช้จ่ายเพราะค่าจ้างไม่เยอะเท่าไหร่”

     เป็นพลังที่รวมและควบคุมพลังอื่น ๆ ทั้งปวงเอาไว้ อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ใด ๆ ที่ปฏิบัติการอยู่ในเอกภพ


     “ไว้เรียนจบแล้วค่อยเปลี่ยนงานก็ได้ ตรงนั้นมีทำเวิร์คช็อปเรื่อยๆ น่าจะเหมาะกับโปรเจ็กต์ที่คุณเสนอ ผมเองก็ออกต่างจังหวัดบ่อย อยู่เสียที่นั่นจะได้เจอกันสะดวกขึ้น”

     พลังนั้นเรียกว่า ความรัก


     “ลองเอากลับไปคิดก่อนแล้วกัน ยังไงค่อยมาบอกผมอีกที”

     บ้าน่ะ ใครจะเอาเรื่องพวกนี้มาจีบสาวกัน




     ทันทีที่ผมรู้แน่ว่าเรียนจบระดับปริญญาตรี แผนชีวิตจากนั้นก็ถูกวางต่อราวกับได้แจ็คพอตสองตาติดในเกมบันไดงู ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์พิภพ ที่ปรึกษาและหัวหน้าภาควิชาชีววิทยายื่นทุนให้ผมโดยปราศจากเงื่อนไข พร้อมกันกับบริษัทเอกชนเงินเดือนสูงลิ่วเสนอตำแหน่งงานให้เป็นผู้ช่วยวิจัย เริ่มงานก่อนรับปริญญา ซึ่งทั้งสองทางอาจเปลี่ยนสายอาชีพในอนาคตไปโดยสิ้นเชิง
    
     ผมเป็นนักเรียนทุนตั้งแต่จำความได้ พื้นฐานเป็นคนขี้เกียจ แต่โชคดีดี แม่หวังว่าจะสอบเข้าแพทย์ตามสมัยนิยม ผมเป็นคนคะแนนสูงสุดในระดับชั้นเสมอไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่แต่โรงเรียนยื่นโควต้าคณะวิทยาศาสตร์ให้ก่อน ในผมรับทันที พังความหวังของพ่อแม่โดยไม่รอปรึกษาใคร


     สองปีถัดมา แม่ตรวจเจอมะเร็งระยะสาม พ่อแบ่งเงินเป็นสองส่วนคือเพื่อการศึกษาและรักษาแม่

     หนึ่งปีจากนั้น แม่เสียชีวิตจากการทำคีโมครั้งสุดท้าย

     ผมกับพ่ออยู่กันตามอัตภาพ หมายถึงไม่ได้ร่ำรวยแต่ไม่ขัดสน เรามีเงินเหลือกับครอบครัวเล็กๆ พื้นเพพ่อเป็นคนจีนพลัดถิ่น อากงเป็นนักซ่อมนาฬิกา ประดิษฐ์เครื่องมือบอกเวลาร้านดังในเยาวราช แต่งงานกับสาวจีนที่นั่งสำเภามาไทยด้วยกัน มีลูกเกือบสิบคน ผมนับไม่ถ้วน พ่อแต่งงานกับสาวไทยที่เจอในย่านปากคลองตลาดเร็วกว่าใคร ทุกอย่างเรียบง่าย พ่อผมไม่ใช่ลูกคนโปรด หลังแต่งงานก็แยกตัวออกมาจากที่บ้าน อาศัยความรู้งานช่างจากอากงทำงานเลี้ยงชีพตัวเอง

     หลังอากงตาย พ่อได้สมบัติมาจำนวนหนึ่ง ส่วนญาติๆ ต่างห่างหายไปทีละน้อย หนึ่งปีรวมกันหนึ่งครั้งตามประเพณี ครอบครัวคนจีนน่าเบื่อ สำหรับผมและพ่อน่าจะรู้สึกเบื่อเท่าๆ กันเมื่อต้องพูดโอ้อวดฐานะการงาน ลูกชายคนโตได้ร้านนาฬิกาไป แม้ปัจจุบันร้านนั้นกลายเป็นร้านของชำ เขาขายเมื่อลูกชายได้งานบริษัทเงินเดือนสูง คนอื่นๆ ไม่มีใครอยากทำงานของอากงแล้ว กว่าจะรู้ตัวว่าไม่สามารถรักษาร้านไว้ได้อีกพ่อก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่าปลงอนิจจัง ปลงมากไปหน่อยเพราะหลังจากผมรับปริญญา เขาก็ละทางโลกด้วยการออกบวชโดยไม่มีกำหนดสึก

     พ่อพูดทิ้งท้ายไว้ว่าเรียนให้สูงเท่าที่มีโอกาส เขาไม่ได้กดดันในทางเลือกหลังเรียนจบ แค่ทิ้งท้ายให้ผมคิด ผมไม่ใช่คนขยัน ไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวย เข้าใจตลอดมาว่าที่ได้ทุนเรียนดีเพราะสมบัติที่อากงไม่ได้ตั้งใจทิ้งไว้แต่ยังเหลือร่องรอยอยู่ DNA ของคนฉลาดและเทพเจ้าโชคดีที่ผมสมมติตั้งขึ้นเอง ดังนั้นก่อนสมองจะไม่ได้ใช้งานจนรอยหยักหายไป ผมก็ตัดสินใจบอกอาจารย์พิภพว่าต้องการเรียนต่อมากกว่าเริ่มวัยทำงาน

     อาจารย์พิภพเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของผมตั้งแต่ปีหนึ่ง เจอกันครั้งแรกวันสัมภาษณ์ทุน เป็นอาจารย์วัยกลางคนที่ใจดี และเมตตาผมเป็นพิเศษจนเพื่อนในรุ่นกระแนะกระแหนบ่อยครั้งว่าผมเป็นคนโปรด

     ความสำคัญของผมที่ถูกเรียกได้ว่าคนโปรด เกิดขึ้นในช่วงที่แม่ค่ารักษาแม่แพงขึ้น ผมของานจากอาจารย์แลกกับรายได้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อซื้อของไร้สาระสำหรับตัวเอง แม้ว่าสันดานจะเกียจคร้าน แต่ความรับผิดชอบยังมี หรืออาจเป็นเพราะอาจารย์มองเห็นความสามารถพิเศษของผมที่ว่าขี้เกียจแต่หัวดี ทุกครั้งที่สั่งงานมักได้งานเร็วกว่ากำหนด เขามอบหมายงานให้ทำบ่อยๆ จนสนิทกันมากขึ้นตามลำดับ ความเป็นคนโปรดนั้นชัดเจนขึ้นเมื่อในงานบวชพ่อที่จัดเงียบๆ เล็กๆ เท่าพิธีกรรมทางศาสนาที่เงียบที่สุดจะมีได้ อาจารย์เดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองด้วยการถวายปัจจัย และรับปากว่าจะช่วยดูแลผมในฐานะลูกหลานคนหนึ่ง ขอให้พ่อบวชอย่างไม่ต้องติดกังวลซึ่งผมรู้ว่าพ่อไม่กังวล เพราะถ้ากังวลก็คงไม่ทิ้งผมไว้กับโลกที่ไม่มีใครเหลืออยู่ลำพัง

     ผมรู้ว่าอาจารย์พิภพมีครอบครัวนักวิชาการ ภรรยาทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ในกระทรวง เขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเต็มขั้น มีลูกชายหนึ่งคนที่ไม่พูดถึงนัก ผมได้พบหน้าเด็กนั่นครั้งแรกในวันที่ย้ายของออกจากหอมาอยู่ร้านกาแฟ จากการสำรวจก่อนหน้านี้พบว่าร้านที่อาจารย์พูดถึงเป็นอาคารพาณิชย์สองชั้น ชั้นบนมีห้องสำหรับสต๊อกสินค้า ห้องทำงาน และห้องน้ำ ผมสามารถใช้ครัวที่คาเฟต์ได้ ส่วนที่นอนผมพอจะหาได้จากเปลี่ยนพื้นที่จัดเก็บของในห้องทำงานสำหรับวางถุงนอน ตะกร้าผ้า และใช้ราวแขวนผ้ากับตู้หนังสือกั้นเป็นห้องส่วนตัวของตัวเอง

     สองปีกับชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ เอาจริง ถ้าพอตั้งหลักได้ผมอาจจะหาหอพักถูกๆ อยู่ไปก่อน แผนระยะปีมันยาวเกินไป ถึงแม้จะเป็นที่สะดวกสบายสำหรับการทำวิจัย ป.โทโคตรๆ และประหยัดโคตรๆ ก็ตาม


    “พี่จะอยู่แบบนี้จริงดิ”

     เด็กคนนั้น คนเดียวที่สามารถไขกุญแจประตูเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวได้คือลูกชายของอาจารย์ เขาตัวผอม ผิวขาว ใส่แว่นหนาเตอะ หัวยุ่ง และสวมเสื้อผ้าที่เดาได้ว่าพ่อแม่ซื้อให้เพราะแม่งเชยระเบิด ชะโงกคอจากประตูด้านนอก ก่อนขยับให้ผมเห็นทั้งตัวว่ารูปร่างผอมแค่ไหน เขาอายุน้อยกว่าผม หรือไม่ก็คงเป็นคนอายุเท่ากันที่ขาดสารอาหารตั้งแต่ยังเด็ก แต่ไม่มีทางจะอายุมากกว่าแน่ๆ


     “ผมเป็นลูก อ่า..อาจารย์พิภพ”

     “อืม...ขออาศัยด้วยสักปีสองปีนะ”

     “พ่อบอกพี่ไม่เรื่องมาก”

     อาจารย์แอบเม้าเรื่องของผมกับที่บ้าน แน่นอน การที่รับนักศึกษาคนหนึ่งมากินนอนในพื้นที่ของตัวเองควรปรึกษาครอบครัวให้เรียบร้อย แม้ว่าผมเป็นผู้ชายและความสัมพันธ์ของผมกับเขาก็เป็นเพียงผู้ใหญ่ใจดีกับเด็กที่บังเอิญทำงานถูกใจเท่านั้น

     “แต่ไม่คิดว่าจะง่ายๆ ได้ขนาดนี้”

     เด็กคนนั้นมองเลยไปด้านหลัง พื้นที่ส่วนตัวของผมมีขนาดเท่าผู้ชายส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรนอนพลิกตัวได้สองตลบครึ่ง จริงๆ พื้นที่เล็กไม่มีปัญหา ยกเว้นแต่ลมไม่เข้า อาจจะร้อนจนนอนไม่หลับ แต่ถ้าเปิดพัดลมก็น่าจะช่วยได้

     “ไม่อยากรบกวนมาก”

     “กวนขนาดนี้ไม่ต้องเหลือความเกรงใจแล้วครับ” เด็กหนุ่มว่าหน้าซื่อ ใช้นิ้วชี้ดันแว่นตัวเองขึ้นชิดจมูก “ผมว่าไปนอนห้องใต้บันไดยังกว้างกว่า เป็นส่วนตัวกว่าด้วย ห้องนั้นไว้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดไม่กี่ชิ้น ย้ายไปไว้ในห้องน้ำก็ได้ แต่พี่ต้องทำความสะอาดหน่อย เดินสายไฟไว้ด้วย ปลั๊กไม่เยอะ อาจจะต้องพ่วงต่อกับปลั๊กสามตา”

     นั่นเป็นที่แรกที่ผมเล็งไว้ แต่ไม่แน่ใจว่าในห้องมีอะไรสำคัญหรือเปล่า อาจารย์เองก็ให้แค่กุญแจร้านแล้วจัดการตัวเอง ช่วงนี้อาจารย์พิภพมีสัมมนาที่ภูเก็ต เขาว่าเรื่องทางร้านจะให้ลูกชายมาแนะนำ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่

     “ผมมานอนที่นี่บ่อยนะ ที่จริงพอร้านปิดพี่จะนอนตรงไหนก็ได้ ชั้นล่างทั้งชั้นเป็นของพี่ แต่ห้ามพาผู้หญิงมานอนด้วย”

     “ไม่เอามาหรอกน่า”

     “ผมพูดเผื่อ ผมเข้าใจวัยเรามันวัยกลัดมัน”

     ผมแทบนึกภาพไอ้แว่นนี่กลัดมันไม่ออก เขาเหมือนเด็กเนิร์ดในหนังฝรั่งที่ถ้าเสริมด้วยเหล็กดัดฟันแบบที่ครอบหัวแม่งโคตรใช่เลย


     หรือไม่ก็เหมือนอีกคนที่ดังๆ ในประเทศไทย

     “เอ็งมีญาติเรียนรัฐศาสตร์ที่ชอบมีเรื่องกับนายกปะวะ”

     “หือ? ไม่นี่”

     “เหรอ หน้าคล้ายๆ คนดัง”

     “เนติวิทย์เหรอ”

     กูอุตส่าห์พูดอ้อม โดนเด็กเวรนี่ดักมุกจนเบรคไม่ทัน

     “ทักกันเยอะนะ โดยเฉพาะชื่อจริงผมชื่อเนติธร อายุก็ไล่ๆ กันด้วย” คนพูดทำหน้าเซ็งก่อนเล่าต่อ “ที่มหา’ลัยเพื่อนเรียกว่าเนเน่ แต่จริงๆ ผมชื่อธูป ผมอยากให้พี่เรียกผมว่าธูปมากกว่า การเรียกว่าเนเน่เป็นบูลลี่ แต่ผมไม่แคร์หรอก พวกนั้นมีความพยายามแต่ยังอ่อนหัด”

     “แข็งแกร่งสัส”

     “ไม่ขนาดนั้น พี่มีชื่อที่สั้นกว่าก้องกิดากรไหม”

     “มังกร”

     นั่นนับเป็นชื่อที่สั้นแล้ว ผมนึกโกรธแม่ทุกครั้งที่เจอข้อสอบสั่งให้เขียนชื่อทุกหน้ากระดาษ ลำพังชื่อผมก็ยาวจะตายห่า ไม่นับรวมนามสกุลที่แปลงจากภาษาจีนมาอีกสี่ห้าคำก็แทบใช้เวลามากกว่าข้อสอบหนึ่งข้อกว่าจะเขียนจนเสร็จ

     “ที่จริงพ่อพูดถึงพี่ว่าก้อง แต่ผมไปเห็นในใบประวัติ ชื่อพี่เท่ดี เลยคิดว่าคนตั้งน่าจะตั้งชื่อเล่นเฟี้ยวฟ้าวกว่าก้อง ก้องกิดราก้อน”

     “เออ แต่ตายไปแล้ว”

     เด็กหนุ่มยักไหล่ ไม่แสดงความเสียใจ เพียงดันแว่นที่เลื่อนลงมาเพราะน้ำหนักเลนส์ขึ้นชิดจมูกเป็นระยะ

     “ผมช่วยย้ายของไหม แต่พี่ทำความสะอาดห้องเองนะ ผมไม่ชอบฝุ่น แล้วก็มีสติ๊กเกอร์เรืองแสงที่ผมแอบเอาไปติดไว้ตอนเด็กๆ มันอาจอันตรายถ้าพี่เข้าย้ายเข้าไป แต่เป็นส่วนตัวแล้วก็กว้างกว่านอนในซอกแน่ๆ” เขาเสนอเงื่อนไข ดูเป็นเด็กประหลาดๆ แต่ก็ไม่แปลกใจที่เป็นลูกชายของอาจารย์พิภพและภรรยา ผมเชื่อว่าเมื่อการรวมตัวของไข่ที่มีดีเอ็นเอฉลาด และสเปิร์มที่ปราดเปรื่อง เด็กที่ออกมาถ้าไม่เป็นจีเนียสก็คงเป็นบ้า ไอ้เด็กนี่เป็นคนที่ก้ำกึ่งระหว่างสองเส้นนั้น และแน่นอน ผมอยู่ในขอบเขตของคนจีเนียสที่อาจารย์พิภพมองเห็นเพชรในตมแบบเต็มๆ

     “ปกติที่นี่จะมีพี่อีกคนเป็นบาริสต้า เขาแค่ชงกาแฟกับทำบัญชีในส่วนของคาเฟต์ ไม่รู้ว่าเจอหรือยัง เขาไม่ทำงานมากกว่านั้น ชื่อพี่นันต์”

     “ยังไม่เจอ”

     “อื้อ เขาจะเข้าประมาณเก้าโมงครึ่ง ร้านเปิดสิบโมงถึงสามทุ่ม บางคืนพี่เขาก็ไปทำงานผับต่อ เป็นนักร้อง”

     “ลูกศิษย์อาจารย์อีกคนเหรอ”

     “เปล่า เป็นพนักงานที่นี่แหละ แต่คนเดียวดูไม่ไหวไง ไหนจะบัญชี สต๊อก ประสานงาน ช่วงหลังๆ ผมไม่ได้ช่วยที่ร้านเยอะ ติดเรียนอะ”

     ผมพยักหน้า เจ้าเด็กตัวเล็กกว่าเดินนำลงมาด้านล่าง

     “เน่” เจ้าตัวหันมาทำหน้าหงิก ไม่ชอบชื่อที่เรียก “โอเค...ธูป เรากำลังจะไปไหนกัน”

     “ห้องใต้บันไดไง”

     ธูปโชว์กุญแจดอกเล็ก แวววาวสีเงิน สะท้อนกับแดดเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่าง ร้านนี้รีโนเวทจากอาคารธรรมดาๆ ตบแต่งด้วยเครื่องเรือนถักสาน วัสดุที่ใช้ในร้านส่วนมากเป็นไม้ หรือของรีไซเคิลตามคอนเซ็ปต์รักษ์โลกของอาจารย์ ไม่มีแอร์ แต่วัสดุกับต้นไม้ที่ปลูกในร้านช่วยให้รู้สึกเย็นตา ผมชอบการตบแต่งของร้านนี้ มีกลิ่นของดินและไม้แม้จะอยู่ท่ามกลางตึกสูงใหญ่ของมหานคร

     “พี่อาจจะต้องระวังหน่อยตอนเข้าไปในห้อง เพดานมันเตี้ยลงเรื่อยๆ”

     ประตูไม้เปิดออก อากาศห้องใต้บันไดไม่อับอย่างที่คิด อาจเพราะมีพัดลมระบายอากาศติดไว้และทำงานตลอดเวลา ธูปเปิดไฟในห้อง เป็นไฟสีเหลืองนวล  อุปกรณ์ทำความสะอาดถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ อย่างที่เจ้าของร้านว่า ใช้เวลาเก็บกวาดรวมทั้งขนย้ายไม่เกินสองชั่วโมงน่าจะเสร็จ เพดานห้องเป็นพื้นเอียงลาดลงผมสามารถเดินผ่านประตูขนาดสองเมตรครึ่งเข้าไปได้ แต่จากนั้นค่อยๆ ต่ำลงตามความลึก ไม่เตี้ยจนติดพื้น เป็นห้องนอนรูปสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดกว้างกว่าตู้นอนบนรถไฟเกือบสองเท่า

     “นี่แอบติดจริงอะ นึกว่าอยู่ในกาแล็กซี่” ผมเลิกคิ้ว เมื่อหันไปปิดไฟแล้วเห็นแสงสีเขียวสะท้อนออกจากผนัง เป็นดาวดวงเล็กๆ กระจายตัวรอบห้อง ธูปเปิดไฟ เกาจมูก

     “ตอนเด็กๆ เป็นห้องโปรดของผม ก่อนย้ายบ้าน เข้ามาเล่นในนี้บ่อยๆ”

     “แปลว่าที่นี่เป็นบ้านเก่าของอาจารย์เหรอ”

     “ใช่ เป็นบ้านของคุณย่าอีกที ข้างบนนั่นเป็นห้องทำงานกับห้องนอน พ่อไปสร้างบ้านใหม่แถวรามอินทรา พอบ้านที่โน่นเสร็จก็เห็นว่าที่ตึกนี้ว่างอยากลองทำอะไรเล่นๆ เลยเปิดคาเฟต์”

     “ย้ายไปไกลเหมือนกันนะ”

     “ตรงนั้นมีพื้นที่มากกว่า ขึ้นทางด่วนแป๊บเดียวก็ถึงในเมืองแล้ว ผมติดรถพ่อเข้ามาเรียนตอนเช้า ส่วนเย็นๆ นั่งรถเมล์กลับบ้าน” เขาว่า ผมเคยไปที่นั่น นานๆ ที “นั่งรถสาธารณะโคตรนานเลย แต่ก็ดี จะได้อ่านหนังสือด้วย พอถึงบ้านก็เหนื่อย หลับปุ๋ย”

     “ทำไมไม่ค้างที่นี่ล่ะ รถไฟฟ้าก็ผ่าน”

     “ก็อยากค้างอยู่นะ ที่จริงก็ค้างบ่อยเลยแหละ แต่พี่นันต์ชอบไล่กลับบ้าน”

      ผมได้ยินชื่อนันต์เป็นครั้งที่สอง บาริสต้าที่ไม่รู้ที่มาคนนั้น

     “พี่นันต์เป็นคนถือกุญแจอีกคน เขาจะไม่สบายใจถ้าผมอยู่คนเดียว ถ้าให้ผมค้างที่ร้านหลังเสร็จงานจากผับพี่นันต์ต้องแวะเข้ามาดูความเรียบร้อยอีกที เขาขี้กังวล”

     “เพราะพ่อนายให้กุญแจเขาไว้ไงล่ะ”

     “ใช่ แต่พ่อก็ให้กุญแจทุกคนที่ทำงานที่นี่ล่ะ” โอเค ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนชื่อนันต์ถึงเป็นกังวลนัก “พี่นันต์หวงร้านนี้อย่างกับเป็นบ้านตัวเอง ผมแนะนำว่าอย่าทำร้านรกหรือทำข้าวของเสียหายนะ พ่อไม่ว่าหรอก แต่พี่นันต์เอาตาย”

     “ผู้หญิงเหรอ”

     “ผู้ชาย อายุยี่สิบแปด แม่เจอเขาในงานแต่ง พี่นันต์ไปร้องเพลง เขาเป็นนักร้อง ผมบอกแล้วนี่”

     “นักร้องอาชีพเหรอ”

     “เปล่า” ธูปปฏิเสธ เขาเดินออกจากห้อง และกลับมาอีกครั้งพร้อมมาสก์ปิดปากสองชิ้น ยื่นให้ผมหนึ่งชิ้น แล้วเกี่ยวเข้ากับหูตัวเองอีกหนึ่งชิ้น “บาริสต้า เขาทำได้หลายอย่าง เงินดีที่สุดคือนักร้องตามผับ แต่พี่นันต์ไม่ชอบ เขาไม่ชอบกินเหล้า”

     “เออ คนดีเหมือนฉันเลย” ธูปเหลือบตามอง เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “มองอะไร ไม่กินเหล้าจริงๆ”

     “ผมไม่ชอบที่มันขม แล้วก็ทำลายสมอง”

     “ฉันไม่ชอบที่มันแพง” เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราคาถูกที่สุดที่เคยกินก็ยาดอง แต่ไม่เห็นสรรพคุณตามอวดอ้าง “เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า”

     “พี่นันต์ก็ว่าอย่างนั้น เขาลำบาก ตอนแม่เล่าให้ฟังนะ เหมือนนั่งดูรายการวงเวียนชีวิต แม่เลยเมตตาพี่นันต์มาก เหมือนที่พ่อชอบพี่ล่ะมั้ง”

     “พูดเหมือนเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่รักเลยวุ้ย”

     “ไม่ใช่ เพราะเขารักต่างหากถึงต้องหาคนอื่นมาอยู่ด้วย แบ่งเบาความรักออกไป หารเป็นหกส่วน ผมได้สองในสาม ส่วนพี่กับพี่นันต์ได้ไปคนละหนึ่งส่วนหก”

     ผมหัวเราะ ธูปเป็นเด็กที่มีสมการอยู่ในหัวตลอดเวลา คำนวณทุกอย่างเสร็จสรรพทั้งกับในเรื่องที่ไม่จำเป็น

     “ปกติผมทำงานช้ากว่าคนอื่นประมาณครึ่งหนึ่ง ถ้าหนึ่งชั่วโมงพี่ทำงานเสร็จหนึ่งชิ้น ผมต้องใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง เพราะงั้นถ้าผมช่วยพี่ทำงาน...”

     “พอละ ไม่ต้องตั้งสมมติฐาน ทำเลย”

     “ผมไม่ได้ตั้งสมมติฐาน แค่คำนวณเวลานิดหน่อย เผื่อพี่จะคิดว่าผมจะทำให้พี่เก็บห้องเสร็จช้าลง”

     “งั้นไปช่วยขนของข้างบนลงมาก่อนดีกว่า ฉันเก็บในห้องนี้เอง เอาไปไว้ในห้องน้ำได้ใช่ไหม พี่นันต์ของนายจะบ่นหรือเปล่า”

     “ได้ แต่ของที่ยังต้องวางนอกห้องต้องวางเป็นระเบียบหน่อย อย่างน้อยก็ก่อนเก้าโมงครึ่ง”

     ผมมองนาฬิกา ยังมีเวลา โชคดีที่เมื่อคืนนั่งตรวจข้อสอบเด็กปีหนึ่งให้อาจารย์จนสว่างเลยมาเร็ว

     “วันนี้ไม่มีเวิร์กช็อป พี่จัดการของนอกร้านให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาเก็บของในห้องก็ได้ ให้พี่นันต์จัดการคนเดียวไหว”

     เขาพูดถึงในงานส่วนที่ผมต้องรับผิดชอบ คือจัดการดูแลเวิร์คช็อปที่จะสอนในร้าน รวมไปถึงหาอีเวนท์โปรโมตร้านและรณรงค์เรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่า

     โปรเจ็กต์สำหรับปริญญาโทของผมก็เกี่ยวกับเรื่องการกำจัดขยะ เป็นไปในทิศทางของวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมมากกว่าชีววิทยาแต่นำมาเชื่อมโยงกันได้ถูกใจอาจารย์ เป็นโปรเจ็กต์ที่ทำต่อยอดจากช่วงปริญญาตรี ยืนยันความสำเร็จจากเงินรางวัลประกวดในระดับมหาวิทยาลัย และได้รางวัลอีกสองสามรายการเมื่ออาจารย์นำไปเสนอในต่างประเทศ ซึ่งผมไม่ได้สนใจจำนวนถ้วยประกาศมากกว่าจำนวนเงินที่ได้รับ

     “อีกอย่าง พอพี่นันต์มาผมจะต้องออกไปเรียน มีเรียนตอนสิบโมง”

     “ชุดนี้อะนะ”

     “ไม่ใช่ดิ นี่ผมใส่มาช่วยพี่ดูห้อง” เขาว่า ค่อยโล่งอกหน่อยว่าธูปจะไม่สวมเสื้อผ้าโกโรโกโสแบบนี้ไปมหา’ลัยจริงๆ

     “แล้วรู้ได้ไงว่าฉันเข้ามาวันนี้”

     “พี่รู้จักวิทยาการที่เรียกว่ากล้องวงจรปิดไหม” ไอ้แว่นกวนตีน เดี๋ยวตบแว่นหัก “ผมตื่นมาฉี่ แล้วเดินผ่านร้าน เห็นพี่เก็บของอยู่ชั้นบนเลยให้เพื่อนไปรับมาส่ง ไม่จำเป็นไม่ต้องบอกพ่อล่ะ”

     “อ้อ ใช่ อาจารย์ไปสัมมนา เพื่อนมีรถเหรอ”

     “มีครับ แต่พ่อกับพี่นันต์ไม่ค่อยชอบให้ไปรับนอกเมือง ถ้าจากร้านไปมหา’ลัยก็พอได้ ระยะทางสั้น แล้วก็รถติดอีกต่างหาก”

     “ทำไมไม่ขึ้นบีทีเอสวะ”

     “มอเตอร์ไซค์ไวกว่าบีทีเอสนี่หน่า”

     เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์ไม่ชอบให้เพื่อนไปรับ ธูปตัวบางจนเหมือนจะปลิวไปกับลมได้ไม่รู้ว่าถ้าเพื่อนทำตกไว้ข้างถนนจะทันรู้ตัวหรือเปล่า

     “แต่เพื่อนผมเซียนยิ่งกว่าวินมอ’ไซค์แถวนี้อีก”

     ผมพยักหน้าให้ความภูมิใจของเด็กหนุ่ม ยุติบทสนทนาและการแสดงความคิดเห็นด้วยการหันหน้าเข้ากำแพง กำแพงที่บางส่วนเป็นอิฐ บางส่วนเป็นไม้ ประดับด้วยสติ๊กเกอร์รูปดาวเรืองแสงซึ่งเมื่อสว่างไสวก็ไม่เห็นร่องรอย

     ห้องนี้เต็มไปด้วยฝุ่น มีหยากไย่ขึ้นตามหัวมุม ที่สะอาดหน่อยเห็นจะเป็นมุมเก็บไม้กวาดเพราะขยับเข้าออกเยอะกว่าใคร ผมรื้อถังใส่น้ำสำหรับซักล้าง กะละมัง ไม้ถูพื้น ไม้ปัดหยากไย่ ไม้ปัดขนไก่ ราวตากผ้าเล็กๆ และผ้าขี้ริ้วออกมาด้านนอก เสียงฝีเท้าดังเมื่อธูปแยกตัวไปเก็บของจากชั้นสองตาม จากห้องใต้บันไดได้ยินเสียงเอียดอาดของไม้ที่รับแรงกดชัดเจน ผมกำจัดหยากไย่เป็นอย่างแรก จากนั้นก็กวาดพื้น จัดการกับฝุ่นผงกองเบ้อเริ่มขณะที่ธูปวิ่งขึ้นลงสองชั้นไปมา

     “พี่มีแฟนปะ”

     ธูปถาม เขาหยิบเครื่องใช้ส่วนตัวของผมมาหมด นั่งเหมือนเป็นซากหมากฝรั่งถูกเคี้ยวข้างกะละมัง สภาพย่อยยับราวกับถูกสั่งวิดพื้นสามสิบที

     “เคยมี”

     เสียงน้ำหยดจากผ้าขี้ริ้วเปียกลงน้ำดังจ๊อก ละอองน้ำกระเซ็นถูกตัวเด็กหนุ่ม ธูปขยับตัวหนีทั้งที่เหงื่อท่วม ท่าทางสกปรกไม่ต่างกัน

     “ตอนนี้ไม่มีเหรอ”

     “ไม่ว่าง”

     “ไม่ว่างมีแฟนได้ด้วยเหรอ”

     ธูปดันแว่นขึ้นชิดตา ปาดเหงื่อที่ไหลจากไรผมด้วยหลังมือ ไม่มีฝุ่นกวนใจแล้ว เขาถอดผ้าปิดปากได้สบาย แต่ผมยังต้องจัดการถูห้องอีกรอบให้เรียบร้อยก่อนเอาอุปกรณ์ทั้งหมดไปเก็บไว้หลังร้าน

     “ก็เรียน เลิกเรียนก็ทำงานให้พ่อนาย จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลคนอื่น ทำไม มีหรือไงเราน่ะ”

     ธูปส่ายหัวจนเหงื่อสะบัด เป็นภาพของเด็กที่ไม่น่าเชื่อว่าอายุต่างกันไม่กี่ปี

     “ไม่เล่าอะ เรื่องส่วนตัว”

     ด่ากูเสือกทั้งที่เสือกเรื่องของกูก่อนอีก

     “ซิงด้วยปะเนี่ย”

     “บ้าเหรอพี่” เขาทำตาประหลับประเหลือก เหมือนกลัวพ่อมาได้ยิน แต่ก็กระซิบถามเสียงเบา “พี่เคยแล้วเหรอ”

     “ก็ธรรมชาติปะวะ ตอนมัธยมไม่มีใครพาไปขึ้นครูบ้างหรือไง”

     “ไม่มีอะ ผมอยู่สาธิตของมหา’ลัยที่พ่อสอน เลิกเรียนก็กลับพร้อมกัน เพิ่งไปไหนมาไหนเองตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่เคยกลับบ้านดึกเลย ถ้าต้องทำกิจกรรมดึก หรืออ่านหนังสือจะค้างที่นี่ แต่ว่าพี่นันต์ก็คุมแจ”

     ธูปไม่ได้บอกด้วยรูปประโยคแต่สัมผัสได้ถึงความอยากรู้อยากเห็น ผมทำความสะอาดของในห้องเสร็จแล้ว นั่งยองข้างๆ เพื่อกระซิบเสียงเบา

     “ไว้พาไป ตอบแทนที่ช่วยเก็บของวันนี้”

     แก้มของเด็กหนุ่มแดงปลั่งจากเลือดที่สูบฉีดเต็มที่ ในทีแรกที่แดงเพราะเหนื่อย กลับเป็นแดงเพราะเขินอาย ธูปไม่ตอบ เม้มปาก มองไปทางอื่น ที่ผ่านมาคงเป็นเด็กดีที่อยู่ในกรอบจนเคยชิน เมื่อพูดถึงเรื่องอันขัดศีลธรรมแล้วก็มีปฏิกิริยารุนแรงจนสังเกตได้

     “จริงๆ นะ พี่พูดแล้วนะ แต่ว่า...อย่าให้พี่นันต์รู้นะ”

     “นินทาอะไรกู” เสียงนั้นทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง เป็นเสียงที่ดังหลังจากประตูร้านถูกเปิดออกไม่ถึงนาที ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้าง ผมยาวประบ่าก็เข้ามา เขาสวมหมวกกันน็อกสำหรับปั่นจักรยาน เมื่อมองออกไปด้านนอกก็เห็นจักรยานหน้าใหม่จอดล็อกล้อใกล้กระถางต้นไม้สีแดงอิฐ

     “หวัดดีครับ”

     “อืม เด็กที่จะมาช่วยดูไอ้ธูปใช่ไหม”

     “ผมมาดูโซนสินค้า”

     ที่เป็นของไอเดีย รับมาขาย หมายถึงงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการประยุกต์วิทยาศาสตร์ของอาจารย์ด้วย

     “ก็ด้วยแหละ ก้องใช่ไหม”

     “มังกร” ธูปแทรกบทสนทนา แต่ผมไม่มายด์ เรียกอะไรก็ได้ ก้องกิดราก้อนแบบที่เจ้าตัวว่าก็ได้

     “ครับ พี่นันต์ใช่ไหมครับ ไอ้เปี๊ยกนี่เล่าให้ผมฟังเรื่องพี่เยอะเลย”

     “อย่าไปฟังมันมาก เด็กเพ้อเจ้อ” พี่นันต์ยิ้มมุมปาก ผลักหัวธูปจนเซไปอีกข้าง “แล้วเราน่ะ ยังไม่อาบน้ำอีก มีเรียนไม่ใช่หรือไง”

     “เนี่ย เป็นแบบเนี้ย” ธูปกระซิบ ผมหัวเราะ เข้าใจความจุกจิกเกินเบอร์ของลูกจ้างร้าน กับความเอื่อยเฉื่อยเกินพอดีของเด็กหนุ่ม พี่นันต์เหลือบมองด้วยหางตา ธูปก็ลุกเดินขึ้นห้องน้ำชึ้นสองโดยไม่อิดออด

     “ดุๆ มันหน่อยก็ดี เข้ามาทำงานของอาจารย์ก็จริง แต่พี่เลี้ยงเด็กนี่ก็เป็นงานที่เลี่ยงไม่ได้ วันนี้เก็บของให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน ยังไม่ต้องช่วยที่ร้าน”

     ลูกจ้างรุ่นพี่ว่า เขารวบผมด้วยหนังยางสีดำ เผยให้เห็นสันกรามและรูปคางที่สวยราวถูกปั้นแต่งมาชัดเจน พี่นันต์ไม่ใช่คนหล่อพิมพ์นิยม แต่โดยรวมมีสเน่ห์เป็นอัตลักษณ์ ผมไม่แปลกใจที่ธูปจะบอกว่าเขาได้เงินจากการเป็นนักร้องเยอะกว่าบาริสต้า

     “งั้นเดี๋ยวผมเคลียร์ตรงนี้ออกก่อนนะพี่ แล้วขอไปจัดของในห้องต่อ ข้างบนก็รื้อห้องทำงานของอาจารย์ไว้”

     เขาสะบัดมือไล่ เริ่มเตรียมเปิดร้านด้วยการเปิดตู้เย็นเช็กสต๊อกของที่มี ในห้องใต้บันไดได้ยินเสียงน้ำไหลจากด้านบนที่เยื้องกันกับห้องน้ำ หมุนบานเกล็ดพัดลมดูดอากาศออกกว้างขึ้น แสงจากด้านนอกลอดเข้ามาเป็นรูปวงกลม กะพริบตามการทำงานของใบพัด เหงื่อท่วมร่างผมไม่แพ้เจ้าเด็กนั่น กระนั้น วันแรกสำหรับโชคชั้นที่หนึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ อยู่ดี


'
'

see you next Wednesday
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: Tak ที่ 02-08-2018 02:00:50
 :katai2-1: :katai2-1:รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 02-08-2018 03:20:57
ดูจากชื่อแล้ว พี่นันต์เป็นนายเอกใช่ไหม น้องเน่เวอร์ชั่นก๊อปไม่น่าจะใช่ แต่น้องดูน่ารักดี  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 02-08-2018 06:07:02
เริ่มต้นได้น่าติดตามมาก ช่วงนี้กำลังสนใจเรื่องการลดขยะ กำกัดขยะอยู่พอดี รอติดตามนะคะ และยินดีต้อนรับการกลับมาอีกครั้งคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2018 08:34:21
ชอบแล้ววววววววววว    :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 02-08-2018 09:09:09

อยากอ่านต่ออออออ    :impress3:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 02-08-2018 10:02:08
เวลคัมแบ๊คจ้าาาาาาา
เปิดเรื่องมาก็น่าสนใจเลย
ติดตามค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 02-08-2018 17:32:26
เดาจากชื่อเรื่อง sexy หมายถึงกานต์ naughty หมายถึงธูป nerdy หมายถึงก้อง ถูกมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 02-08-2018 18:55:31
เนื้อเรื่องน่าสนใจอีกแล้ว ติดตามค่า อยากให้ถึงวันพุธหน้าแล้ว
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-08-2018 20:31:19
ใครจะเป็นพระเอก นายเอกละนี่ มีให้ลุ้นสามคนเลย
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-08-2018 23:04:37
วี้ดว้ายยยยยยยยยย

ดีใจที่คุณเวสต์กลับมา ปาหัวใจใส่รัว ๆ ๆ

เปิดเรื่องได้น่าสนใจเช่นเคย รออ่านความป่วนของแก๊งสามช่านี้เบลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-08-2018 23:24:36
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 03-08-2018 10:42:58
คิดถึงผลงานของคุณเวสต์มาก มีคุณภาพเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 03-08-2018 18:11:30
ดีใจที่กลับมาครับ
รอตามงานใหม่อย่างจดจ่อครับ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-08-2018 19:28:37
ชอบจัง ตัวละครเนิบๆ เนียนๆ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-08-2018 20:01:59
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 03-08-2018 20:40:09
เย้ๆเรื่องใหม่ ติดตามแล้วจ้า

จากชื่อเรื่องและตัวละครที่ปรากฎในตอนแรกนี้ เราเดาว่าเป็น 3P....มั้ง ฮ่าๆ
sexy = พี่นันต์
naughty = มังกร
nerdy = ธูป

ถึงจะไม่ค่อยอ่านแนว 3P แต่ก็รอติดตามต่อน้าาชอบผลงานคุณเวสเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-08-2018 23:51:27
อุ้ย เปิดมาก็น่าสนใจแล้ว

ขออนุญาตปูเสื่อนั่งรอวันพุธนะคะ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 05-08-2018 00:21:26
 :3123: :fire: :impress3:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-08-2018 00:49:44
มาเจิ้มเรื่องใหม่ ของคุณwest o13
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-08-2018 08:29:11
กรี๊ดดดดด เรื่องใหม่  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ดีใจ๋ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-08-2018 09:03:17
แปะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 05-08-2018 09:25:06
น่าสนใจจจ รอติดตามค่า
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-08-2018 00:05:13
รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-08-2018 06:43:46
ไรท์ ช่วยลงวันที่เวลาลงครั้งใหม่ จะได้รู้ว่ามาลงใหม่แล้ว  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 06-08-2018 09:55:20
กี๊ดดดดดดดดดดดด คิดถึงงงงงงงง
ลุ้นว่ามาแนวไหน เดาไม่ถูก จะเอาฮาหรือดราม่า เปิดมาสามตัว
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 06-08-2018 10:09:04
ติดตามค่า
หัวข้อ: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 09-08-2018 08:07:20
chapter 02
LOVES IS INNOCENT

LOVES IS INNOCENT 


             ผมใช้เวลาไม่นานสำหรับการเรียนรู้เรื่องปัญหาของธูปที่พี่นันต์เป็นกังวล ซึ่งก็คือเพื่อนคนสนิทของไอ้แว่น ต้องย้ำคำว่าเพื่อนคนสนิทเพื่อเพิ่มความน่าประหลาด ทั้งคู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนน่าแปลกใจ มาร์คเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เกิดและโตที่อเมริกา เข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ไทยหลังจากพ่อแต่งงานใหม่ นั่นเป็นที่มาที่ชีวิตได้โคจรมาเจอธูป พี่นันต์เล่าให้ฟังว่าตอนที่มาร์คย้ายมาเรียนในไทย ธูปเป็นคนเดียวที่พูดอังกฤษปร๋อ ครูประจำชั้นเลยจับให้นั่งชิดกัน กลายเป็นคู่หูดูโอ้ตามกันมาจนถึงมหาวิทยาลัย
              “อันอัน Good morning”
             ระหว่างเช็กสต๊อก สำเนียงเสียงอังกฤษอเมริกันก็ดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของเจ้าตัว พี่นันต์รูปร่างผอม สูง แต่เมื่อเทียบกับมาร์คแล้วเหมือนนักกีฬาบาสยุโรปกับนักกีฬาว่ายน้ำจีน แม้มาร์คจะงอตัวลง ใช้ศอกค้ำเคาน์เตอร์แล้วก็ยังดูสูงใหญ่จนข่มบาริสต้าหุ่นเพรียวมิดสนิท

              “วันนี้ธูปไม่มีเรียน”

              “Yep! I knew but Kiss tung you ngai, kiss kiss”

             เห็นแล้วอยากสำรอก ผมเลือกฝ่าย love wins นะครับ แต่มุกเล่นคำนี่ขอซื้อเลย ไม่นับรวมกับ ตาวาววับ สีอมฟ้าของมัน ทุกครั้งที่เจอพี่นันต์ มาร์คจะจ้องเป็นเวลานานเหมือนหมาป่าจ้องตะครุบเหยื่อ ส่วนเหยื่อที่ว่าก็นิ่งเฉย แต่เด็ดขาดว่องไวราวชีตา อาจเพราะเป็นนักร้องตามคลับเลยรู้ทันไอ้เด็กแก่แดดนี่ มาร์คไม่ค่อยพูดกับผม มันแค่เซย์ไฮ บางครั้งก็ไม่ชายตามอง จุดประสงค์ของมันชัดเจน คือมาที่ร้านเพื่อพี่นันต์ มันตั้งชื่อใหม่ให้พี่นันต์ว่าอันอัน น่ารักผิดธรรมชาติผู้ชายที่ต้นแขนเต็มไปด้วยรอยสักหนึ่งข้างเต็ม

              “ถ้าไม่ได้มารับธูปก็สั่งกาแฟ ไม่ได้มีโต๊ะให้นั่งฟรี”

             จริงอย่างพี่นันต์ว่า โดยเฉพาะเที่ยงลูกค้าจะเยอะเป็นพิเศษ ไม่เว้นวันทำงาน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ ราคาที่นี่กาแฟไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของวัตถุดิบ ภรรยาของอาจารย์พิภพรับตรงจากชาวบ้านที่น่าน เป็นเมล็ดกาแฟเกอิชาที่ขึ้นชื่อในนักดื่มกาแฟ ถิ่นเดิมของกาแฟพันธุ์นี้คือปานามา ปลูกขึ้นดีในสภาพอากาศเย็น แต่มีฝนในปริมาณที่เพียงพอ

              พี่นันต์รับหน้าที่ตั้งแต่รับเมล็ดกาแฟจากไปรษณีย์ คั่วบด จนถึงชงเสิร์ฟ เขาเป็นคนจัดการร้านทุกอย่างตั้งแต่คิดเมนูจนถึงคิดโปรโมชั่น แล้วนำเสนออาจารย์อีกที ร้านนี้ไม่ต่างจากการทำร้านเป็นของตัวเองโดยมีนายทุนและคอนเน็กชั่นพร้อมสรรพ แก้วกระดาษราคาถูกได้มาจากการตั้งชมรมสร้างอาชีพกับศิษย์เก่าในชุมชน อาจารย์ตระเวนไปให้ความรู้ในถิ่นที่มีวัตถุดิบ สอนทำแก้วกระดาษ หลอดกระดาษ หลังจากนั้นก็รับซื้อ ร้านนี้เลยกอปรด้วยทุกอย่างที่อาจารย์พิภพและภรรยาประดิษฐ์ รวมไปถึงบาริสต้าที่บริการด้วยใจแบบไม่ต้องกังวลว่าจะถึงกำไรขาดทุน

             อดคิดไม่ได้ว่าร้านนี้มันโคตรเป็นโลกจำลองของยูโทเปีย แต่ยูโทเปียไม่มีจริง เพราะอย่างน้อยชีวิตแสนสุขของพี่นันต์ก็มีไอ้ฝรั่งขี้นกก้อร่อก้อติกน่ารำคาญ แถมมีลูกติดอย่างไอ้ธูปคอยเป็นภาระอีกคน

              “Can I have hot Anan no sugar, a bit sweet by himself, serve on my crunch eiei”

             อย่าว่าแต่พี่นันต์จะทำหน้าเหม็นเบื่อเลย ผมเองก็เบือนหน้าหนีไอ้เด็กนี่ไม่ทัน กูอยากโง่แปลไม่ออกทันที มาร์คขยิบตาสร้างดาเมจรุนแรง แต่พี่นันต์หันหลังไปชงโกโก้ร้อนให้มันโดยไม่ถามซ้ำ ไม่นานลูกชายเจ้าของร้านก็เข้ามาในบรรยากาศปุดๆ ธูปสวมเสื้อยืดผ้าย้วย ใส่สบาย กางเกงยีนที่ตกรุ่นจนแฟชั่นจะวนทับประวัติศาสตร์กลับมารอบใหม่ รองเท้าผ้าใบเป็นสิ่งเดียวที่ราคาแพงยับ ย่นจมูกให้แว่นขยับขึ้นชิดตาตามสไตล์

              “Hi, Tube what’re you doing here?” มาร์คถามเล่นเอาผมเหวอ ไอ้ธูปทำหน้าเหมือนเพิ่งตื่น กระชับเป้ชิดหลัง ชูนิ้วกลางเหี่ยวๆ ให้เพื่อนสนิท

              “ร้านกู กูต้องถามมึงมากกว่าว่ามาทำเหี้ยอะไรทุกวัน”

             ถือสิทธิ์ของพ่อในการเป็นเจ้าของ ก่อนตอบด้วยการเลือกโต๊ะที่ไม่ฮอตฮิต ไม่ห่างจากผมแล้วยกกระเป๋าเป้ขึ้นกาง หนังสือเรียนถูกขย้อนออกมาจากกระเป๋าผ้า ผมมองอีกคนที่เรียนคณะเดียวกันเพื่อเปรียบเทียบ แม่งมาตัวเปล่าทุกวัน

              “อ่านหนังสือเหรอธูป” พี่นันต์ถาม ธูปเข้ามาบ่อยไม่แพ้มาร์ค ทักผมบ้างแต่ไม่ได้คุยเป็นกิจจะลักษณะ ไอ้ธูปมันกวนตีน ผมอดทนเรียกแทนตัวเองและมันด้วยสรรพนามทีสุภาพได้ไม่นานก็เริ่มใช้ศัพย์ตามสันดาน ไม่ได้มีเรื่องให้สนิทสนมกับมัน ได้แต่มองเงียบๆ เหมือนทุกที หัวยุ่ง แต่งตัวเชย อุ้มเท็กซ์ที่ไม่ใช่หนังสือเรียนมาเกินความสามารถที่จะอ่านจบในวันเดียว ขออเมริกาโน่ไม่หวานกินคู่กับวาฟเฟิลจากพี่นันต์ ใช้จานแก้วลายสไปเดอร์แมนของตัวเอง ไม่มีอะไรเปลี่ยน

              “What are you doing?”

              “ยุ่ง” ธูปไล่เพื่อน แต่มาร์คยังคงไปหามัน หลังเปิดร้านครึ่งชั่วโมงเริ่มมีลูกค้าเข้า ส่วนมากแวะไปสั่งกาแฟก่อนเดินมาดูของกระจุกกระจิกในโซนของใช้ บางวันก็มีทัวร์นักเรียนนักศึกษาเข้ามาทัศนศึกษา ในส่วนของการจัดกิจกรรมนั้นผมลงบุ๊คให้ร้านไว้สัปดาห์ละครั้ง ขอบคุณปลาวาฬที่สละชีพด้วยการกินพลาสติกเป็นตันที่เป็นข่าวดังตัวนั้น มันทำให้หน่วยงานสนใจผลิตภัณฑ์ลดขยะมากขึ้นผิดหูผิดตา

             หนึ่งในลูกค้าประจำไม่แพ้มาร์คเป็นผู้หญิง พี่นันต์เรียกว่าคุณกานดา ครั้งแรกที่คุณกานดามาที่ร้าน มาในฐานะของคอลัมนิสต์ที่เขียนบทความส่งนิตยสารวัยรุ่น แต่หลังๆ เป็นลูกค้ประจำ ลองเกือบครบทุกเมนูที่พี่นันต์ทำ ราคาไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอหาร้านกาแฟที่เงียบๆ ไว้ทำงานทั้งวันตามสไตล์ฟรีแลนซ์ 2018

             คุณกานดาอายุมากกว่าพี่นันต์ ผมเดาจากการแต่งตัวที่เป็นเป็นผู้ใหญ่กว่าพี่นันต์ ผมสีดำสนิท เรียบตรง สวมแว่นกรอบสีเดียวกับผม แต่ไม่แน่อีก ไอ้พี่นันต์ทำงานร้านเหล้า ลักษณะการแต่งตัวจะทันสมัยจัด มันเจอเด็กรุ่นๆ ทุกวัน ผมหมายถึงเด็กรุ่นใหม่คนละจำพวกกับลูกชายเจ้าของร้าน รายนั้นเสียความเป็นวัยรุ่น ชิงทำตัวแก่ก่อนแก่ไปหลายสิบปี

              “Hey Tube, your girl comes” มาร์คพยายามกระซิบกระซาบแต่ไม่เบาพอกันผมออกจากบทสนทนา เรียกความ
สนใจให้ต้องกลับไปมองไอ้เด็กประหลาดสองคนนั้นอีกครั้ง

             ธูปขยับตัวเล็กน้อย คราวนี้มันใช้นิ้วดันแว่นขึ้นชิดกรอบหน้า แก้มขึ้นสีระเรื่อ เช่นกันกับหูและปลายจมูก ยกศอกกระทุ้งคนพูดที่เบียดตัวลงมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน

              “กูจะเลิกพูดกับมึงเป็นภาษาอังกฤษ บอกไปแล้วไง”

              “Common, you don’t wanna do this”

              “มึงพูดไทยไม่ชัดสักที เดือดร้อนตอนทำรายงานเป็นภาษาไทยตลอด”

             เข้าใจได้ แล้วทำไมไอ้มาร์คมันไม่เรียนอินเตอร์ไปวะ

              “อีกอย่าง เลิกแซวได้แล้ว กูไม่ได้คิดกับพี่กานดาแบบนั้น”

              “Lor” มาร์คทำเสียงกวนประสาท ผมว่ามันอยู่ไทยนานพอจะทำรายงานเป็นภาษาไทยได้แต่หลอกใช้ไอ้แว่นมากกว่า “กานดามาทีไรก็เห็นเอาแต่แอบมอง”

              “เสือก” ธูปขมุบขมิบปาก มาร์คขยับตูดออกมานั่งเก้าอี้อีกตัว เท้าแขนกับโต๊ะ ทิ้งสายตามองหญิงสาวกับบาริสต้าหนุ่มคุยกันหน้าบาร์เซ็งๆ

              “มาทีไรก็เอาแต่คุยกัน เจอกันทุกวันทำอย่างกับไม่เจอกันเป็นสิบปี”

             ผมเหลือบมองไปทางเคาน์เตอร์สลับกับมาร์ค สีหน้าของธูปดีขึ้นเมื่อเพื่อนไม่แซวต่อ แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกจ้องก็ปรายหางตามองผมเชิงตำหนิ

              “ถ้ายูยังไม่ทำอะไร ไอว่ากานดางาบอันอันไปแน่”

              “พี่นันต์ไม่ชอบพี่กานหรอก”

              “รู้ได้ไง ยูยังชอบเลย”

              “เรียกชื่นชม” ธูปพูดไม่เต็มปาก พยายามเปิดหนังสืออ่านซ่อนอาการของตัวเอง มาร์คทนนั่งได้ไม่นานก็ไปเสนอหน้าที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง คุณกานดาเลือกโต๊ะที่ห่างจากบาร์ไม่มาก ในระยะที่เมื่อเงยหน้าแล้วจะสามารถประสานตากับบาริสต้าได้โดยไม่จงใจนัก

            บาริสต้าคนเดิมกลับไปสนใจกาแฟเมื่อเก้าอี้ทรงสูงถูกรบกวนโดยลูกครึ่งตัวโต ส่วนคนที่แสร้งก้มหน้าสนใจหนังสือเมื่อครู่ก็แสดงอาการออกมาด้วยการมองลูกค้าสาวอีกฝั่งของร้านตาละห้อย

              “คุณกานดาอายุเท่าไหร่วะ” ผมถาม ว่างมากพอมานั่งกับลูกชายเจ้าของร้าน ธูปเอาคางเกยหนังสือ ตายังคงมองไปที่เดิม หญิงสาวหยิบโน้ตบุ๊กขนาดพกพาขึ้นวางก่อนจัดการกับปลั๊กไฟให้เรียบร้อย
              “น่าจะสามสิบมั้งครับ”

              “มึงเพิ่งยี่สิบ”

              “ยี่สิบก็ถือว่าบรรลุนิติภาวะ”

              “ห่างกันสิบปีเลยนะ”

              “อีกสองปีผมเรียนจบ ตอนนั้นพี่กานดายังอายุไม่เท่าตอนแม่แต่งงานกับพ่อเลย”

              “ไหนว่าไม่ได้คิดแบบนั้น แค่ชื่นชมเฉยๆ” ว่าพลางผิวปากหวือ ไอ้ธูปรู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางก็หันขวับ ทำหน้าตึง

              “พี่แม่งไม่มีมารยาท แอบฟังคนอื่นคุย”

              “อะไร” ผมไหวไหล่ ไม่มีมารยาทจริงตามเด็กว่าแต่ไม่ยอมรับเสียอย่างก็ไม่นับว่าผิด “มันลอยมาเข้าหู ให้ทำไง”

              “แกล้งหูหนวกก็ไม่มีใครว่านะ”

              “ก็ได้ยินไปแล้ว ไม่คิดว่าพูดละจะมีคนเดือดร้อนไง”

             ความจริงแล้วผมไม่ได้นับเรื่องที่อายุของธูปกับคุณกานดาห่างกันเป็นสิบปีเป็นประเด็น ผมไม่ได้สนใจอะไรเลยเกี่ยวกับความรัก อาจเพราะผ่านประสบการณ์มามากกว่าคนรุ่นเดียวกัน หรือไม่ก็สูญเสียแม่ พ่อออกบวช เพื่อนฝูงแยกย้ายกันไปทำงาน ผมกลายเป็นคนไม่ยึดติดกับอะไรเป็นพิเศษ เพราะที่จริงแล้วผมไม่มีอะไรเลย ผมเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ที่สังคมบัญญัติ พยายามไม่ตัดสินคนอื่น ไม่เอาตัวเองไปแทนที่ แต่ในเคสของธูปยกเป็นพิเศษ คือมันไม่เหมือนคนทั่วไป บางทีก็เงียบ บางทีก็เมินเฉย ทำมาดราวเป็นผู้ใหญ่เคร่งขรึม เอาการเอางาน แต่พอพูดเข้าเรื่องส่วนตัวก็ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายอื่นๆ มีความอยากรู้อยากเห็น และรับมือไม่ถูกเมื่อตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ขาดความมั่นใจ

              “ก็แกล้งเป็นใบ้ได้ปะ”

              “เอ้า คนปากหูปกติจะต้องทำให้ตัวเองพิการทำไม ไม่ได้จะออกไปขอทานบนสะพานลอยเสียหน่อย” ผมหัวเราะ อดขำไม่ได้ที่เห็นท่าทางราวเด็กสาวมีรักแรกแล้วเพื่อนจับได้ ธูปนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้ ขยับไปมา “มึงจะอายอะไร ชอบก็จีบดิ”

              “นี่ผมโกรธพี่อยู่นะเว้ย”

              “ไม่ต้องมาโกรธกลบเกลื่อนเลย” ผมรู้ทัน “เขินก็บอกว่าเขิน”

             คราวนี้ธูปสงบลง ผ่อนหายใจเข้าออก ใบหน้าเริ่มกลับมาเป็นปกติ ปากที่เม้มเข้าหากันคลายออก สีของมันแดงกว่าเดิมเล็กน้อยก่อนค่อยๆ จางไปเมื่อเลือดลมดำเนินปกติ

              “มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนี่ครับ” เด็กหนุ่มว่า ยอมรับด้วยความจำนน

              “มีอะไรยากวะ” ผมถาม ไม่เคยรู้สึกว่าการจีบสาวเป็นเรื่องยาก มีแค่อยากจีบหรือไม่อยากจีบ ส่วนจีบติดหรือไม่ติดไม่ใช่เรื่องที่ต้องรับผิดชอบ เป็นแค่เรื่องของรสนิยมที่เข้ากันได้หรือไม่เท่านั้น “ถ้าชอบจริงๆ ก็ลุยดิ มีอะไรต้องเสีย”             

              “ก็แล้วถ้าพี่กานดาไม่มาที่ร้านอีกทำไง”

              “หรือจะรอให้มาพร้อมผัว”

              “ไอ้พี่มังกร”

             ผมไหวไหล่ ยังคงไม่เข้าใจความปอดแหกของมัน “ป๊อดขนาดนี้ยังไม่เคยมีแฟนสักคนเลยเหรอ แค่ขำๆ ก็ได้อ่ะ”

             ธูปหลบตา ตากลมที่ดูบวมกว่าของจริงเพราะเลนส์หนาของแว่นพยายามซ่อนบางอย่างที่มองปราดแรกก็เดาออกโดยทันที ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนเคยมีแฟน และถ้าคนอย่างมันไม่เคยมีแฟนก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ

              “เออๆ ลองดู ครั้งแรกมันก็จะสั่นๆ แบบนี้แหละ”

              “แค่จีบสาว พี่แม่งพูดเหมือนกำลังสอนให้ผมมีเซ็กซ์”

              “หัวไวเหมือนกันนี่ แต่ถ้าจีบสาวเป็นแค่ ‘แค่’ของมึง จะกลัวทำไม ไม่แข่งยิ่งแพ้ไม่เคยได้ยินเหรอ เพลงพี่เบิร์ดอ่ะ”

              “แล้วถ้าแข่งก็ยังแพ้อ่ะ ถ้าพี่กานดาไม่ชอบผมอ่ะ”

              “ก็จะได้รู้ไงว่าไม่ชอบ”

              “โห กำลังใจดีสัด”

              “อ่ะๆ เดี๋ยวเป็นติวเตอร์ให้ ถือเป็นค่าข้าว” ผมยักคิ้ว อมยิ้มที่มุมปาก บางวันแม่มันว่างทำกับข้าว ธูปจะรับหน้าที่เอา
ข้าวกล่องที่แม่ทำเผื่อมาส่งผมกับพี่นันต์บ่อยๆ เพิ่งรู้ว่าบ้านมันเป็นเว็ตเจตทาเรียนเมื่อมื้อที่สามเป็นผัดผักจืดๆ เหมือนสองมื้อแรก
             ธูปย่นจมูก ดูเหมือนติดท่าทางนี้เพราะต้องคอยดันแว่นให้กลับเข้าที่เมื่อน้ำหนักเลนส์ดึงตกลงมาจากสันจมูก

              “ใส่ไอ้นั่นมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่”

              “แว่นเหรอ” ผมพยักหน้า “จำไม่ได้”

             คราวนี้ธูปขยับขาแว่น ผมเส้นใหญ่หนาถูกซ่อนหลังเลนส์เพราะความยาวเกินพอดี ผมเกือบช่วยปัดออกเพราะรำคาญ
แต่เจ้าตัวจัดการเสียก่อน
              “สั้นเท่าไหร่”

              “เจ็ดร้อยห้าสิบ ที่จริงมันหยุดสั้นมานานแล้วนะ ประมาณมอ.หก” ธูปตอบ หลังจากพยายามจัดการกับเส้นผมที่กระโดกกระเดกขัดกับแว่นอยู่นานก็ยอมถอดออกมา มีรอยบุ๋มของแป้นวางแว่นระหว่างหัวตากับสันจมูก ตาไม่ได้ปูดบวมเหมือนปลาทองเสียทีเดียว แต่ใต้ตาลึกโหลลงไปกว่าที่คิดเยอะ

              “ไม่สนใจทำเลสิคเหรอ”

              “ก็มีบ้าง” ผมหยิบแว่นมันออกมาจากมือ ส่องดูความหนาแล้วขนลุกเป็นบ้า “บางทีใส่แว่นก็น่ารำคาญ แต่ก็ใส่มานานอะ ถ้าไม่มีแว่นคงรู้สึกแปลกๆ”
              “แว่นมันเสริมบุคลิกนะ” ผมว่า พลิกดูทรงไปมา “แต่ถ้ากรอบเห่ยขนาดนี้จะกลายเป็นเสียบุคลิกแทนว่ะ แก่ฉิบหาย”

              “โห ผมจะไม่คิดอะไรเลยถ้าคนพูดเป็นพี่นันต์” ธูปหันมาแขวะ มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าหยามเหยียด
 
            “อะไร”

              “พี่แต่งตัวดีตายล่ะ”

              “แต่งให้หล่อก็แต่งได้”

              “จะบอกว่าไม่อยากแต่ง? กลัวหล่อเกิน?”

              “ไม่มีเงินแต่ง จบมั้ย”

              “จบครับ”

             ไอ้เด็กเวร มันหัวเราะตาหยี จัดการกับหน้าม้าของตัวเองด้วยการใช้หนังยางสีดำที่ข้อมือมัดจุก เหมือนลูกหมาเป็นบ้า

              “พี่ว่าถ้าผมอยากจีบพี่กานดาติดต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองก่อนเหรอ”

              “เปล่า ไม่เชิง แต่มึงดูดีกว่าตอนนี้ได้ไง”

              “เออ ผมรู้เรื่องนี้ Love at first sight” คุยกับเด็กเนิร์ดมันก็จะอารมณ์ประมาณนี้ “มนุษย์จะเลือกคู่จากการประเมินผ่านสายตา เป็นสาเหตุให้เรามองคนหล่อหรือสวยคล้ายๆ กัน อย่างแองเจลิน่า โจลี่ ที่ได้โหวตว่าสวยที่สุดในโลก ทั้งที่ความสวยควรจะเป็นเรื่องปัจเจก” ไอ้แว่นเริ่มพล่าม พอพูดถึงเรื่องความรู้มันไปได้ยืดยาวเกินกว่าวิชาที่เรียนในห้อง

              “สัดส่วนที่สมมาตร พับประกบกันได้ดีหมายถึงพันธุกรรมที่ดี”  เล่าให้เด็กชีวะอย่างผมก็ไม่แปลก แต่เซ่อไปเล่าให้พี่นันต์ฟังอาจจะโดนบดไปกับเมล็ดกาแฟ

              “ใช่ๆ ประกบกันบนล่าง”

              “ปากมึงเท่าหน้าผากหรือไงไอ้แว่น” แยกเขี้ยว ตะปบหน้าผากมันไปที แว่นหลุดลงมาที่ปลายจมูกอีกแล้ว ธูปยังคงยิ้มเผล่โชว์เขี้ยวเล็กๆ ที่เดิมซ่อนไว้มิดชิดก่อนผลุบหายไปเมื่อองศาของรอยยิ้มลดลง

              “พี่เหยียดเพราะผมใส่แว่นเหรอ” ได้ทีบุคลิกกวนๆ กลับมาอีก ธูปผ่อนคลายลงจากหัวข้อสนทนาที่ตึงเครียดในทีแรก “พี่จะบูลลี่เพราะผมใส่แว่นไม่ได้นะ สมัยใหม่เขาไม่ล้อกันเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกกันแล้ว ไม่เคยเล่น Don’t judge challenged เหรอ”
              “กูไม่เหยียดมึงเพราะแว่นหรอก แต่จะเหยียดเพราะมึงกวนตีนนี่ล่ะ เหยียดด้วยตีนสักทีดีไหม หืม?”

              “ใจเย้นนน!”

             ตึง!

             ธูปหัวเราะเมื่อถูกผมคว้าต้นคอกดลงโต๊ะ เสียงกระแทกเบาๆ ทำให้บาริสต้าหันมองดุ ผมคลายแรงลง ได้ทีเหยื่อรีบยืดตัว คลี่เอาหัวไหล่ที่งองุ้มในทีแรกออก ดูมันมีความสุขเมื่อได้พูดความรู้ที่มีหรือพยายามประยุกต์ใช้ แต่ใช้ได้จริงหรือเปล่านั่นอีกเรื่อง เห็นมานักต่อนัก บรรดาคนเก่ง มีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
 
            “พี่กานดาหน้าตาได้สัดส่วน รูปร่างก็พอเหมาะสำหรับผม ไม่ค่อยมีผู้ชายที่ชอบผู้หญิงตัวใหญ่กว่าเหมือนที่ไม่ค่อยมีผู้หญิงชอบผู้ชายตัวเล็กกว่า ผมว่าแค่นี้ก็พอแล้ว เรื่องแว่นไม่ใช่ปัญหาหรอก”
 
           ผมยกมือขึ้นปัดจมูก ที่พูดมาทั้งหมดฟังดูจั๊กจี้หู เหมือนกำลังถูกบังคับให้เรียนวิชาสัญชาตญาณและการเอาตัวรอดของมนุษย์ในยุคหิน ไม่ใช่บทสนทนาของเด็กหนุ่มวัยกลัดมันกับหญิงสาวอายุมากกว่าที่เจ้าตัวหลงใหล
 
           พอนึกถึงคำว่ากลัดมันคู่กับไอ้ธูปก็ขนลุกชูชันขึ้นอีกรอบ
 
           ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณกานดากับธูปก็ค่อนข้างเหมาะสมกันด้วยบุคลิกภายนอก ผู้หญิงหน้าตาน่ารัก กับผู้ชายท่าทางน่าเอ็นดู รูปหน้าของธูปได้มาตรฐานเหมือนที่มันพูดถึงอีกฝ่าย คือสัดส่วนของตา คิ้ว จมูกปากเป็นไปตามอัตราส่วนทองคำหรือโกลเด้นเรโช ส่วนสูงของธูปพอเหมาะกับคุณกานดา ในเรื่องของอายุที่มากกว่าไม่เป็นอุปสรรคสำหรับธูป ผมเดาว่าเพราะการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมแบบลูกคนเดียว กระทั่งผันตัวเป็นลูกคนเล็กเมื่อพ่อมันรับพี่นันต์มาอยู่ด้วยเมื่อไม่กี่ปีก่อนส่งผลให้มันชอบคนอายุมากกว่า
 
           ธูปดึงแว่นสายตากลับไป สวมโดยไม่ใช้ความระมัดระวัง โชคดีที่มันไม่เล่นมุกขาแว่นจิ้มตาดาดๆ แบบที่ชีวิตหนึ่งมนุษย์แว่นคิดว่าเป็นมุกสุดเจ๋ง เพราะมันโคตรฝืดเฝื่อนผิดสไตล์วัยรุ่นยุค 4.0 กวนตีนอย่างไอ้ธูปไม่สอบตกเรื่องการใช้มุกตลกในการสอดแทรกบทสนทนา แต่ไม่ใช่กับเพื่อนฝรั่งของมัน
 
            “จะเอาเรื่องส่วนสูงไปจีบเขาอย่างเดียวเหรอ ตามมาตรฐานชายไทยทั่วไปใครก็สูงกว่าคุณกานดา ถ้าไม่ใช่คนแคระ ไ
ม่ใช่ข้อได้เปรียบของมึงเลย”
 
            “เดี๋ยวสิ ผมบอกว่าผมมีดีอย่างอื่นด้วยไง แต่แค่ยังไม่พร้อมเฉยๆ”
 
            “อ่าฮะ แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม”
 
           ดวงตากลมไหวระริก สั่นไหวในการตัดสินใจของตัวเอง “ไม่รู้ดิ”
 
            “มันไม่มีคำว่าพร้อมหรอกจนกว่ามึงจะลงมือ” ผมเท้าคาง ทอดสายตามองหญิงสาวที่กำลังตกเป็นประเด็น เป็นเรื่องธ
รรมดาของความรักเมื่อจะก้าวข้ามไปอีกขั้น เผลอถอนหายใจเมื่อนึกว่าไอ้ธูปกลัวการนับไปถึงเลขสิบทั้งที่ยังไม่เริ่มนับหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
 
            “ก็ผม...” เจ้าของเสียงขยับปลายนิ้วเคาะบนหนังสือเล่มหนา ไม่ทำให้เกิดความน่ารำคาญแต่เป็นสัญญะบอกว่าไม่มีความมั่นใจมากพอ “...ไม่รู้สิ ผมไม่เคยลงมือทำอะไรแล้วไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง”
 
            “ล้มเหลวบ้างก็เป็นรสชาติชีวิต”
 
            “เดี๋ยวนะ พี่แช่งตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยเหรอ ไหนว่าจะเป็นติวเตอร์”
 
            “อ้าว ก็บอกเองว่าไม่ต้อง” ผมแหย่ แต่คนอีโก้สูงหัวรั้นอย่างมันคงไม่ยอมให้ใครสอนจีบสาวง่ายๆ แน่  เสียเชิงชายหมด “สรุปให้ช่วยไหม หรือรู้ว่าควรจีบยังไง”

              “ผมก็กำลังศึกษาอยู่ ก่อนเริ่มรบอุปกรณ์ต้องพร้อมมือ พี่เร่งแบบนี้แล้วผมไม่มั่นใจเลย รู้สึกเหมือนยังไม่ถึงเวลา แต่ก็นะ...ปีนี้ก็ยี่สิบแล้ว”

             ธูปพูดราวกับว่าการมีแฟนอายุยี่สิบเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน ซึ่งไม่น่าแปลกใจถ้าจะคิดแบบนั้น ทุกวันนี้คนเจอกันง่าย คบกันง่าย ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่มีคนรักสลับสับเปลี่ยนไปมาหลายคู่ธูปคงอยากถูกนับรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนอื่น โชคดีที่มัน
สนใจเรื่องผู้หญิงมากกว่าเหล้ายา อย่างน้อยผมก็สามารถสนับสนุนมันได้เต็มปากแบบที่พ่อมันจะไม่ด่าไล่ตามหลัง

              “อีกอย่าง ผมเลิกมีพี่เลี้ยงตั้งแต่อายุเจ็ดขวบแล้ว เพราะงั้นผมลุยเองดีกว่า เอาเลย เริ่มเลย!”

             ผมพยักหน้า ยอมรับการตัดสินใจของเด็กหนุ่ม มันมีท่าทางมั่นอกมั่นใจครู่เดียวก็กลับไปหงอยต่อ ยังคิดไม่ตก

             พูดถึงคุณกานดานับเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย ไม่ใช่สเป๊ก ผมเบื่อผู้หญิงที่อยู่ในโอวาท ง่ายต่อการคบซ้อน ไม่รู้จักระแวดระวัง ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบความท้าทาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนผู้หญิงใสๆ เป็นเหมือนของหวาน แต่เมื่อเรียนรู้มากพอ จุดหนึ่งก็เบื่อกับการเข้าไปทำความรู้จักคนใหม่ๆ การคุยกับผู้หญิงแปลกหน้า มีปัญหาทะเลาะซ้ำซากและนั่งมองผู้หญิงที่ตัวเองทุ่มเทให้ได้มาร้องห่มร้องไห้ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ผมหมดความภาคภูมิใจในเรื่องงี่เง่าประเภทที่ว่าเกิดเป็นชายต้องผ่านผู้หญิงมานักต่อนัก อาจเป็นผู้ชายที่เดินทางถึงจุดปล่อยวางไวกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน

             บางคนว่าชีวิตหลังเรียนจบคือชีวิตที่เพิ่งเกิด ช่วงเวลาที่โชติช่วงชัชวาลที่สุดของชายโฉดคือเมื่อมีทรัพย์สิน มีหน้าตาทางสังคม เป็นช่วงเวลาทองคำที่จะเกิดขึ้นเมื่ออายุสามสิบกลางๆ แต่ผมพอแล้ว ถ้าอายุเท่านั้นอาจออกบวชตามพ่อ ใครจะรู้ รู้แค่ตอนนี้ผมยังอยากกินมื้อเย็นครบสามมื้อและยังไม่อยากให้การใช้มือสำเร็จความใคร่กลายเป็นบาป

             แน่นอน ผมยังเป็นผู้ชายวัยกลัดมันอย่างที่ธูปเคยบอก

              “พี่มังกร ผมถามอย่างดิ”

             ธูปพูดขึ้น มันมองหน้าผม ยังไม่อ่านหนังสือจริงจังทั้งที่เปิดทิ้งไว้นานแล้ว โน้มตัวเอาแก้มใสๆ แนบต้นแขนที่วางอยู่บนโต๊ะ แก้มบวมย้วยขึ้นมาเหมือนขนมมาร์ชเมลโล่ ดูนุ่มจนน่าเอานิ้วจิ้มหรือกัดแรงๆ สักที

              “พี่ชอบผู้หญิงแบบไหน”

             เสียงของธูปเป็นแบบของผู้ชาย ทุ้มต่ำ แหบพร่า โครงกระดูกก็เป็นแบบผู้ชายทั่วไป มีแต่แก้มที่ชวนให้นึกถึงก้นเด็ก ผมหันความสนใจกลับมาที่บทสนทนา โคลงหัวไปมา

              “ไม่ชอบพวกหัวช้าหรือขี้อายอย่างล่ะ”

              “นั่นมันสเป๊กสาวพิมพ์นิยมเลยนะ อยากได้เมียดุเหรอ”

              “ไม่ใช่ดุสิวะ” บางคนก็แยกยากระหว่างดุกับงี่เง่า ผมถอนหายใจ จะอธิบายให้เด็กไม่รู้ประสาฟังรู้เรื่องได้ยังไง บางเรื่องมันต้องบ่มเพาะผ่านประสบการณ์ทั้งนั้น “ชอบคนที่ไม่เป็นภาระให้คนอื่น”

              “ใจร้ายอะ ชีวิตคู่มันคือเกื้อกูลกัน การที่คนนึงยินดีเป็นภาระและรับภาระดูแลอีกคนไม่ใช่เหรอ”

              “ใครสอนมึงมา ไปตบปากมันเลย” ให้เดาว่าคงเป็นเพื่อนผู้หญิงที่อยากได้เจ้าชายมาเป็นผัว ธูปไหวไหล่ ไม่ยอมบอก “คบกันแล้วพากันดิ่งลงเหวไม่ต้องคบ เชื่อกู”

              “นี่พูดถึงชีวิตคู่นะครับไม่ใช่ธุรกิจ”
               “ชีวิตคู่นี่ล่ะตัวดี ถ้าชีวิตมึงดีแล้วก็คบกับคนที่ทำให้มึงดี หรือถ้าชีวิตมึงห่วยแตกก็ไม่ต้องไปทำตัวเป็นลูกเป็ดเดินตามแม่ มันน่ารำคาญ”

               “พูดแบบนี้เคยมีแฟนปะเนี่ย”

              ไอ้เด็กน้อย ความรักที่มึงฝันใฝ่นั่นมันอยู่ในการ์ตูนหรือนิยายหลังข่าวเท่านั้น ผมไม่อยากลบภาพดิสนีย์แสนหวานหรือขยำดอกลาเวนเดอร์ที่ลอยลิ่วบนหัวมันทิ้ง ได้แต่ปล่อยให้ธูปทำหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นทัศนคติเรื่องความรักของผมเข้าจังๆ

               “เอาเป็นว่า มึงไม่อยากนับหรอกว่ากูมีแฟนมาแล้วกี่คน”

              ความล้มเหลวในความสัมพันธ์ที่ผมชินชาและมองเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านเข้ามาเพื่อผ่านพ้นไป

               “ไปยืมมือพี่นันต์หรือไอ้มาร์คมายับยังไม่พอ”

              ได้ทีก็ข่มอีกตลบให้เด็กแว่นกลอกตาเป็นวงกลมพร้อมทำหน้าละเหี่ยใจ


ทบค.
ขอคำแนะนำให้ทำให้หยุดง่วงทีค่ะ ง่วงไม่ไหวแบ้ลบบงงง
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 09-08-2018 09:24:26
เอาไงธูปปป จะจีบหรือไม่จีบ
ทฤษฎีเพียบเดี๋ยวก็รู้ว่าใช้ได้มั้ย5555555
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-08-2018 10:33:33
น้องธูปถ้าถอดแว่นแปลงโฉมท่าจะน่ารักนะ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 10-08-2018 15:01:59
คุณเวสต์ทำเอาต้องไปกูเกิลหากาแฟเกอิชาเลย
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 10-08-2018 15:47:16
พี่เวสสสสสสส กลับมาแย้ววววว
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-08-2018 17:43:44
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 10-08-2018 19:51:17
ทฤษฎีเยอะเหลือเกินนะธูปจะได้จีบมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-08-2018 08:50:01
ตัวบางแต่แก้มย้วยจนอยากจับยืดนี่พี่เค้าคิดว่าน้องน่ารักแน่เลย
มังกรมาเป็นโหมดเผชิญโลก และชีวิตจริงมาก
ใช้ชีวิตได้คุ้มเลยนะ พลิกผันตลอด แต่ดีที่ไม่ทำตัวแย่ไปด้วย

ธูปคะ จะจีบเค้า แล้วคิดเยอะแบบนี้จะรอดไหม
พี่เค้ามีแฟนแล้วมั้ง คิดแบบนี้ไปละกัน

มาร์คกวนประสาทมาก พี่นันต์ควรทุบสักที
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-08-2018 12:46:42
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-08-2018 16:40:23
เริ่มมองเห็นอะไรอะไรแล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-08-2018 22:52:40
เป็นบทสนทนาและความคิดที่น่าสนใจ
หัวข้อ: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 16-08-2018 08:39:10
chapter 03


LOVE THEN EVOL 


             
            ผมสงสัยว่าวิธีการจีบสาวอันแสนหวานของเด็กเนิร์ดอย่างเนติธรจะเริ่มต้นยังไงเหมือนกัน

            คืนก่อนหน้านั้นผมแทบนอนไม่หลับเมื่อนึกถึงเรื่องสนุกๆ ของไอ้ธูป สารพัดจะเดาว่ามันจะทำยังไงกับรักแรกของตัวเอง หวังว่าคงไม่ใช่เดินเข้าไปบอกเซ่อๆ ซ่าๆ ว่าชอบ เป็นแฟนกันเถอะ เพราะก็ตระเตรียมแผนการไว้ตั้งแต่ก่อนผมจะได้โอกาสกึ่งแกล้งกึ่งเชียร์เจ้าตัวด้วยซ้ำ แน่นอนว่าผมยังไม่รู้จักธูปดี แต่ถ้าให้คาดเดาจากบทสนทนาสั้นๆ หรือลักษณะท่าทางก็ประเมินได้ว่าเป็นพวกล้มไม่เป็น แต่ครั้งนี้พนันกับตัวเองได้เลยว่าคุณกานดาไม่สนใจมันแน่ๆ

            ครอบครัวของธูปดูแลมันอย่างดี ถ้าจะมีหนึ่งอย่างที่เกินการควบคุมคงเป็นเพื่อนสนิทที่สลัดไม่หลุด ถ้าให้เปรียบให้ชัดว่าธูปเป็นปลาทอง ไอ้มาร์คก็เป็นขี้ปลาทอง ติดสอยห้อยตามไปด้วยบ่อยๆ จนกว่าพี่นันต์จะเป็นคนจับมันแยกจากกัน และอีกหนึ่งความควบคุมที่พ่อแม่ หรือใครก็ไม่อาจปกป้องได้คือหัวใจ หัวใจที่ใสและซื่ออย่างคนไม่เคยเจอโลกมาก่อน ธูปอาจเป็นหนอนหนังสือ เป็นเด็กเนิร์ดที่ดีตามครรลอง นิยายประโลมโลกคงไม่ใช่บทเรียนที่สอนมันได้เท่าการเผชิญหน้ากับความจริง ถ้าให้นึกถึงตัวเองแล้วผมตอนนี้ก็คงไม่ต่างกับปีศาจที่หยิบยาพิษให้มันลองชิม ไม่ตายหรอก แต่อาจจะทรมานเมื่อได้ลิ้มรสชาติของชีวิตนิดๆ หน่อยๆ

             “ไอ้มาร์คก็น่ารักดีนะ พี่ไม่สนใจเหรอ”

             อีกคนที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความบันเทิงในช่วงที่ตัวเองเป็นอิสระแบบนี้ก็คือพี่นันต์กับมาร์ค คนหนึ่งวิ่งพันแข้งพันขา อีกคนไม่  สะบัดให้หลุด แต่ถ้าบังเอิญเหยียบจะไม่ออมแรง พี่นันต์ใจร้ายกว่าทุกคนที่ผมเคยเจอคือเย็นชา ไม่แสดงว่ารังเกียจหรือให้ความหวัง ทำเหมือนมาร์คเป็นธาตุอากาศ เป็นเกมที่ยากกว่าปั่นหัวธูปขึ้นมาอีกระดับ

             “กูไม่ใช่เกย์” พี่นันต์พูดเสียงเรียบ วันนี้ลูกค้าเยอะ ผมมาช่วยพี่นันต์หลังเคาน์เตอร์ คอยล้างถ้วยชามและเครื่องมือให้ เมื่อไม่มีความรักเป็นของตัวเองการได้เย้าแหย่คนอื่นก็เป็นเรื่องสนุกสนาน แต่เมื่อสบตาจริงจังกับคู่สนทนาก็ได้แต่ยักไหล่เบาๆ

             “โทษที ผมไม่รู้ว่าพี่ไม่ชอบ”

             “ไม่เชิงไม่ชอบ แบบหยาบคายเลยคือตอนประถมกูก็เคยแกล้งตุ๊ดในโรงเรียน แต่โตมาก็เข้าใจความต่างของคน แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น กูแค่แน่ใจว่าชอบผู้หญิง”

             “ผู้ชายมันต้องแน่ใจด้วยเหรอวะว่าชอบผู้หญิง” ผมหัวเราะ พี่นันต์ก็พูดประหลาด “เหมือนพี่ลองคบผู้ชายมาก่อนแล้ว”

             “ก็เคย”

            เอ้า แล้วบอกว่าไม่ใช่เกย์

             “ไม่เชิง เป็นกะเทย ก็ดี ไม่จุกจิก ให้เงินใช้อีกต่างหาก เป็นคนเก่ง แต่สุดท้ายก็ยังชอบผู้หญิงมากกว่า ไม่รู้ว่ะ บางคนก็ไปกันรอด แบบนี้ถึงเรียกว่ารสนิยมส่วนตัวมั้ง”

             “ผมเก็ต” ก็ได้วะ “ผ่ายัง?”

             “มึงนี่หยาบคาย เรื่องส่วนตัว ไอ้สัด”

             “เอ้า ก็พูดกันตรงๆ” ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสือก ชอบนักเรื่องชาวบ้าน "ตุ๊ดกับกะเทยต่างกันยังไงพี่”

             “เมื่อก่อนก็เรียกกะเทยกันหมด จน Tootsie เข้าไทย เป็นหนังฮอลลีวูด ก็เลยใช้แยกตุ๊ดออกมา” ไอ้เชี่ยพี่นันต์ตอบแบบที่ผมคิดว่ากำลังถามรากศัพท์จากอาจารย์ที่ปรึกษา “แฟนเก่าเล่าให้ฟัง จริงๆ กะเทยมีความเป็นอยากเป็นผู้หญิงมากกว่า มึงรู้จักตุ๊ดหัวโปกไหมล่ะ”

             “แล้วอย่างมาร์คนี่เรียกตุ๊ดปะพี่”

             “เกย์มั้ง หรือไบเซ็กชวล กูไม่รู้ มันจ้องคุณกานดาตาเขม็ง บางทีก็งงว่าสรุปมันชอบธูปหรือคุณกานดา”

             “ตลกละ”

             ผมก็เห็นมันเทียวไล้เทียวขื่อแต่พี่นันต์ เจ้าตัวทำหน้าเหมือนทองไม่รู้ร้อน อยากถามว่าเป็นพี่น้องกับเดอะทอย หน้าเดียวหรือเปล่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือทำไมพี่นันต์คิดว่าไอ้มาร์คมันชอบธูป

           “มันสลัดเพื่อนออกทุกทีที่เจอพี่”

            “มาร์คก็คือมาร์ค มึงจะไปเอาอะไรกับมัน มันพร้อมจะสลัดทุกคนออกถ้าเจออะไรที่สนุกกว่านั่นแหละ เอ้า ล้างแก้วเสร็จยัง ตักน้ำแข็งให้หน่อย” พี่นันต์หันมาสั่ง ที่ร้านเปิดเพลงคลอเบาๆ เสียงเครื่องปั่นทำงานในกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมครางหึ่ง เมื่อเปิดออกเสียงใบมีดตัดน้ำแข็งดังลั่นจนกลบเพลง ไม่นานบาริสต้าก็ปิดเครื่อง เทเครื่องดื่มใส่แก้ว  ล้างเครื่องปั่นด้วยน้ำเปล่าแล้วเทน้ำแข็งที่ผมตักให้ลงไปในเครื่องปั่นตัวเดิม ระหว่างนั้นก็จัดท็อปปิ้งเมนูเฟรปเป้ของลูกค้ารวดเร็ว สวยงาม แล้วหันมาชงชาเขียวเติมในใส่เครื่องปั่นลูกรักไม่ยอมให้พักร้อน

             “ไวท์ช็อคเฟรปเป้ได้แล้วนะครับ!”

            ผมเดินออกจากเคาน์เตอร์เมื่อลูกค้าบางคนลุกไป จัดเก็บแก้วกาแฟใส่ถาดแล้ววนกลับมา ร้านนี้ดีอย่างตรงที่ไม่ต้องยกเสิร์ฟ เป็นร้านกาแฟขนาดเล็กที่ลูกค้าบริการตัวเอง แต่โชคร้ายตรงที่ผมต้องคอยเก็บแก้วให้ทันก่อนลูกค้าใหม่เข้ามา

             “วันนี้ลูกค้าเยอะสัด”

             ผมได้ยินพี่นันต์บ่น เทชาเขียวร้อนใส่เครื่องปั่น น้ำแข็งละลายแต่ยังเป็นสีเข้มข้น เขาสวมเสื้อมัดย้อมสีฟ้า คอกว้าง ตัดกับสีน้ำตาลของผ้ากันเปื้อนยูนิฟอร์มร้าน ข้อดีของผ้ามัดย้อมคือเบาสบาย แต่ข้อเสียคือร่วงจากหัวไหล่ง่าย ทุกครั้งที่เขาดึงแขนเสื้อขึ้นอวดรอยสักและกล้ามที่เกิดจากการทำงานก็ร่วงกลับที่เดิม

            “เออ วันนี้ฝากปิดร้านหน่อยดิ ขอออกก่อนครึ่งชั่วโมง ตอนแรกว่าจะไม่อาบน้ำแต่สงสัยต้องกลับหอไปอาบน้ำก่อนไปอีกร้าน”

             “ทำไมไม่อาบที่นี่เลยล่ะครับ”

             “ไม่ได้ทิ้งเสื้อผ้าไว้”

             “เอาเสื้อผมไปใส่ก่อนได้นะ ถ้าไม่รังเกียจ” พี่นันต์ยักไหล่ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ “พี่รับงานเยอะเหมือนกันเนอะ” 
 
            ทั้งบาริสต้า นักร้องร้านเหล้า บางครั้งก็มีอีเวนท์งานแต่ง
 
            “ความจนมันน่ากลัว”
 
           คนพูดนี่มีของแบรนด์เนมพอกรุบกริบ ผมเหลือบตามองโดยไม่ย้อนแต่เจ้าตัวก็แก้ตัวอัตโนมัติ
 
           “ลูกค้าซื้อให้ทั้งนั้น”
 
           “โห มีแฟนคลับ”
 
           “เคยทำวงกับเพื่อน ส่งไปแคสที่ค่ายเพลงอยู่นะ” เขาว่า ไม่มีถ่อมตัว “แต่เงื่อนไขมันแปลกๆ เลยไม่เอาดีกว่า”
 
           “เช่น...”
 
           “ในสัญญาไม่มีอะไรหรอก แต่ตอนคุยกับผู้จัดการวงเขาเหมือนหว่านล้อมให้ไปขายด้วย” พี่นันต์ยักคิ้ว มือยังคงทำงานเป็นระวิง ส่วนผมเหวอแดกไปแล้ว
 
            “ขายอะไรวะ”
 
            “เดาดิ” ไอ้พี่นันต์หันมาขยำก้นผมแล้วหัวเราะในลำคอ”
 
            “พูดเป็นเล่น”
 
             “ช่วยไม่ได้ เสือกหน้าตาดี พอถามพวกเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการก่อนแล้วเขาเล่าว่าธรรมดา ถ้าพื้นฐานไม่ได้มีมากก็ต้องหาสปอนเซอร์คอยดัน”
 
           ผมหัวเราะ พี่นันต์แม่งสุดจริง
 
           “พี่เลยไม่เป็นแม่งก็ได้ นักร้อง ยอมทำงานหนักดีกว่า เท่สัด”
 
           “เมื่อก่อนก็ขายนะ ขายเองเลือกลูกค้าเองได้ไง หาแต่ผู้หญิง โชคดีฉิบหายที่ไม่ติดเอดส์ก่อนเลิก คือ มึงต้องเข้าใจก่อนว่าแต่ละคนมีโอกาสไม่เท่ากัน บางคนข้าวมื้อนึงสามร้อย บางคนสามสิบบาทตอนสิ้นเดือนก็แพงแล้ว อย่างกูเนี่ย โตมากับมาม่าของลุง พอเขาตายแฟลตที่เคยอยู่ญาติเขาก็เข้ายึด กูไม่ใช่เลือดเนื้อก็เลยต้องย้ายมาหาทางรอดที่กรุงเทพฯ กับเพื่อน มันมันทำบาร์มาก่อน บาร์โฮสต์นะ ไม่ใช่บาร์เกย์” เขาว่าติดตลกในเรื่องที่ไม่ตลก ยกหลังมือปาดเหงื่อก่อนเงียบเสียงไปเมื่อหนึ่งในลูกค้าประจำเข้ามา เขย่งจากเคาน์เตอร์มองเมนูแนะนำประจำวันที่เขียนไว้ด้านหลัง
 
            “สมูธตี้สตอเบอรี่บานาน่านี่สตอเบอรี่สดหรือเปล่าคะ”
 
           พี่นันต์ชะงักครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “มีใส่ไซรัปสตอเบอรี่เพิ่มครับ แต่มีสตอเบอรี่สดด้วย”
 
           “งั้นกานขอแบบหวานน้อยที่นึงค่ะ”
 
           หญิงสาวยิ้ม เล่นเอาพี่ชายผู้คล่องแคล่วเงอะงะไปครู่หนึ่ง พอเจอใกล้ๆ ก็เข้าใจว่าทำไมไอ้แว่นถึงชอบคุณกานดา ต่อให้บอกว่าอายุสามสิบก็เถอะ สามสิบยังแจ๋วแม่งเป็นแบบนี้นี่เอง
 
            “กานได้โต๊ะหรือยัง วันนี้ลูกค้าเยอะหน่อย โต๊ะประจำโดนฉกไปแล้ว”
 
            “กานเห็นข้างในยังมีว่างอยู่ แอบเอากระเป๋าไปจองแล้วค่ะ” หมายถึงโต๊ะที่ไอ้แว่นนั่งเมื่อวาน พอกวาดตาไปรอบๆ แม่งโต๊ะเต็มทุกที่จริงๆ “วันนี้มาเลทหน่อยตื่นสาย”
 
            “เมื่อคืนนอนไม่หลับล่ะสิ”
 
            “ปั่นงานด้วยแหละ”
 
           พี่นันต์ยิ้มละมุนแบบที่ไม่ค่อยมีโอกาสเห็น เอาจริงๆ ผมชอบมองรอยยิ้ม ไม่ว่าใบหน้าใครก็ตามเมื่อเปื้อนรอยยิ้มมักสวยงามเสมอ
 
           “ผมเตือนแล้วว่าไม่ต้องเพิ่มช็อต” พี่นันต์เสียงสองจนผมเผลอทำเสียงหัวเราะในโพรงจมูก เสียงนุ่มทุ้มต่ำ พูดสุภาพกว่ากับเพื่อนๆ คนไหน สุภาพกว่าลูกค้าคนไหนๆ ด้วยซ้ำ แน่ล่ะ ผมรู้ มาร์คก็รู้ คงมีคนเดียวที่ไม่รู้ว่าพี่นันต์กับคุณกานดารู้สึกต่อกันแบบไหนคือไอ้เด็กที่ผมแสร้งบอกให้เดินหน้าจีบให้มันจบๆ ไป จะได้ไม่คาราคาซังคนเดียว
 
           นั่นล่ะ ที่เรียกว่าความรักทำให้ตาบอด
 
            เรามักเข้าข้างตัวเองเสมอแม้ในวันที่ไม่มีอะไรให้เข้าข้าง

           “ที่จริงกานไม่เห็นต้องทำงานหนักเลย ที่บ้านก็สบายอยู่แล้ว”

           “กานชอบทำงานนี่คะ” ฟังแล้วอยากซื้อต่อความขยันมาใช้กับธีสิสของตัวเองบ้าง ทั้งสองผูกบทสนทนาไว้ด้วยกันครู่หนึ่งก่อนคุณกานดาจะแวะวนมากล่าวถึงผมที่แอบฟังอยู่ใกล้ๆ บ้าง “วันนี้ลูกค้าเยอะจนต้องยืมลูกมือมาจากโซนสินค้าเลยสิ แล้วน้องธูปไปไหนคะ”

             “ยังไม่เห็นเหมือนกันครับ แต่ข้อความไปให้มาช่วยแล้ว กานไปนั่งรอก่อนเลยนะ เดี๋ยวผมให้มังกรไปเสิร์ฟให้”

            เดี๋ยวไอ้พี่นันต์ ที่นี่บริการตัวเองไม่ใช่เหรอวะ

            “ไม่เป็นไรเดี๋ยวกานมาเอาเอง”

            โชคดีที่คุณกานดาไม่ใช่ผู้หญิงประเภทลูกค้าที่งี่เง่า ส่วนพี่นันต์ก็ไม่ใช่บาริสต้าแสนดี เขาไม่เซ้าซี้ ยิ้มเคารพการตัดสินใจของหญิงสาวจนเธอเลี่ยงหลบตา ผมเห็นละอองสีชมพูลอยฟุ้ง แน่นอนว่าพี่นันต์โคตรจะแมนอย่างที่เจ้าตัวบอก และเดาได้ไม่ผิดแน่ว่าต่างฝ่ายต่างรู้สึกตรงกัน

             “น่ารักดีนะครับ” ผมพูดลอยๆ บาริสต้าหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็มีท่าทีท้อใจแฝงออกมา

             “ทั้งๆ ที่บ้านรวยนะ แต่ก็ทำงานหนักเหมือนคนลำบาก”

              “ที่จริงผมว่าถ้าพี่ค้างที่นี่อาจารย์คงไม่ว่า จะได้ไม่ต้องทำงานหนักแข่งคุณกานดา”

              “มันไม่ใช่แค่เรื่องใครทำงานเยอะกว่าใคร มีรายได้มากกว่าใคร ผู้ชายมักจะมีอีโก้บางอย่างเป็นของตัวเอง จะบอกว่ากูมองดอกฟ้าก็ได้ ถึงเขาไม่ได้ชอบกูแต่ก็อยากทำตัวให้เข้มแข็งสมเป็นหมาวัดที่เอาตัวรอดด้วยตัวเองได้” พี่นันต์ว่า เสริมด้วยวลี “ด้วยวิธีถูกกฎหมาย”

              “พูดแบบนี้ผมแม่งเหมือนเหลือบไรไปเลยที่เกาะบ้านอาจารย์เป็นที่พัก” พูดพลางหัวเราะ แต่พี่นันต์แย้ง

              “มึงทำงานช่วยอาจารย์หลายอย่าง แทบตลอดเวลาเลยมั้ง งานสอนของอาจารย์ก็ทำด้วย อยู่นี่ก็ถูกแล้ว”

               “แค่ตรวจการบ้านกับพวกข้อสอบเก็บคะแนนเอง”

               “นั่นล่ะๆ อย่าคิดมากเอาไปเทียบกับกู ยังไงเสียกูก็อายุมากกว่ามึงหลายปี มากินอยู่เอาที่นี่จะมีหน้าไปจีบสาวที่ไหน”

               พี่นันต์กลับไปทำงานด้วยความกระฉับกระเฉงอีกครั้ง ส่วนผมยังคงเรื่อยเปื่อยกับงานง่ายๆ ที่ไม่ต้องขยับร่างกายมาก หางตาวูบไปเห็นการเคลื่อนไหวหลังประตูกระจกใส สักพักคนที่คุณกานดาพูดถึงเมื่อครู่ก็เข้ามา วันนี้ธูปไม่ใส่แว่น ตากลมหน้าใสจนต้องมองให้แน่ใจว่าไม่ผิดคน

             “กว่าจะโผล่หัวมา ไอ้ธูป” พี่นันต์บ่นมันก่อนทักเรื่องอื่น ธูปย่นจมูกเหมือนที่ชอบทำตอนแว่นร่วงจากหน้า คงติดเป็นลักษณะจำเพาะไปแล้ว “ละนั่นไปทำอะไรมา ทำไมไม่ใส่แว่น”

             “ทำไม แค่อยากลองใส่คอนแท็กเลนส์ ดูไม่ดีเหรอ ผมว่าดีออก” ธูปถาม แต่ไม่รอคำตอบ คิดเองเออเองก่อนหันมายักคิ้วให้ผมหนึ่งข้าง เชิงข่มว่าเห็นไหมล่ะคนจะหล่อจริงเขาไม่พูดเยอะ เจ็บคอ

             “ก็เหมือนเดิม”

             พี่นันต์ตัดความมั่นใจฉับ ไม่สนใจท่าทางเหวอแดกของมัน แต่ผมว่าดูดีขึ้นนะบุคลิกดีขึ้นมากแต่ไม่รู้พูดไปแล้วจะยิ่งเหลิงหรือเปล่า

             “ได้ไง...ผมใส่บิ๊กอายเลยนะ พี่รู้ไหมมันใส่โคตรรรร! ยาก!”

             บรรยายถึงความลำบากในชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่างเผื่อว่าพี่ชายนอกสายเลือดจะเห็นใจบ้าง แต่เปล่า พี่นันต์ชี้นิ้วที่เครื่องดื่มของคุณกานดาแล้วพูดเสี้ยงห้วน “แรด มาช้าแล้วยังพูดมาก วางกระเป๋าแล้วยกไปให้พี่กาน น่ารำคาญจริงๆ มึงน่ะ”

             “พี่นันต์แม่งใจแห้งแล้งมาก” ไม่รู้ว่าเป็นคำด่าประเภทไหน เพราะไม่ว่าธูปจะบ่นอะไรพี่นันต์ก็ยังคงไม่ใส่ใจ เขาสะบัดมือไล่ อ่านออร์เดอร์ที่ลัดคิวไปทำให้คุณกานดาก่อนพูดลอยๆ ถึงลูกชายเจ้าของร้าน

             “พ่อมึงเจอหัวใจวายตายห่า เล่นอะไรไม่รู้เรื่องไอ้ธูป”

              ผมเลิกคิ้ว เขาหันมาชี้ถังน้ำแข็งพอดี หมายถึงให้เตรียมตักใส่แก้วรอ

              “มึงรู้ปะอาจารย์พิภพหวงมันฉิบ เขาว่าตอนเด็กๆ น่ารักน่าชัง พาไปมหา’ลัยโดนหยิกจนแก้มย้วยจนต้องให้มันอยู่แต่ที่บ้าน หรือถ้าจำเป็นต้องพาไปด้วยจะให้มันไปอยู่ในห้องสมุดจะได้ไม่เจออาจารย์ป้าๆ ผลัดกันอุ้ม กลัวเฉามือตาย”

               ผมหัวเราะ พี่นันต์เทียบธูปได้กับลูกหมาแรกเกิด จริงที่ว่าอาจารย์ไม่ค่อยเล่าเรื่องธูปให้ฟังนัก ไม่เคยเอาการบ้านลูกชายมาให้ช่วยตรวจหรือช่วยทำเหมือนอาจารย์คนอื่น ไม่เคยให้ผมไปรับธูปจากคณะหรือโรงเรียนสาธิตที่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ก็นึกไม่ออกว่าทั้งหมดทำเพราะไม่อยากให้คนในภาคเย้าลูกชายตัวเองคล้ายของเล่น อาจารย์พิภพเป็นคนใจดี มีเหตุผล ยิ่งพานให้นึกไม่ออกว่าเมื่อเห็นลูกชายน่ารักถูกใจใครต่อใครแล้วจะมีปฏิกิริยายังไง ผมเคยได้ยินว่ายิ่งคนใจเย็น เย็นแค่ไหน ถึงคราวร้อนจะพลิกกลับมาร้อนเป็นฟืนเป็นไฟได้เท่าตัว

             “ไม่รู้ว่าหวงมาแต่อ้อนแต่ออกหรือหวงตั้งแต่คบเพื่อนอย่างไอ้มาร์ค”
 
             ผมหัวเราะแทนคำตอบ ไม่วายวกกลับไปกัดคนที่ยังไม่โผล่หัวมาอยู่ดี

            “มึงก็เห็นมันเป็นยังไง” พี่นันต์ถอนหายใจยาว พยักเพยิดไปทางคนเพิ่งหัดแต่งตัว “เดี๋ยวได้แรดจนน่าเตะเหมือนกัน”

            หลังจากคลื่นลูกค้าระลอกใหญ่ผ่านไป งานที่ล้นมือบาริสต้าก็ซาลง ผมกลับไปนั่งในฝั่งร้านในความรับผิดชอบของตัวเอง มองคุณกานดากับเด็กแก่แดดหัวเราะคิกคัก จริงๆ แล้วถ้ามีคนบอกว่าคุณกานดาอายุสักยี่สิบห้าผมก็เชื่อ อาจเพราะรอยยิ้มที่ยิ้มทีเหมือนโลกทั้งใบสดใส ส่วนธูปก็ได้เปรียบตรงแว่นที่ทำให้มันดูแก่ลงโข ยกเว้นตอนนี้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ตาดำโตใสแบ๊ว แต่ยังไงๆ ก็ไม่เหมาะเป็นคู่รักอยู่ดี

            ผมเข้าใจว่าธูปเป็นคนเฉิ่มเพราะสภาพแวดล้อมชวนเฉิ่ม แต่จากที่พี่นันต์ว่ามันไม่แต่งตัวเพราะพ่อหวงกลับคิดได้ว่าจริงๆ แล้วถ้ามันดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้มีหวังสาวติดตรึม วาดภาพถึงสองหนุ่มคู่ซี้ คนหนึ่งลูกครึ่งหน้าติดไปโซนยุโรป ส่วนอีกคนทรงญี่ปุ่น คิขุ อาโนเนะ คล้ายเด็กมัธยมวัยหวาน ตัวติดกันไปไหนมาไหนคงดังกระหึ่มโซเชียล ยิ่งยุคที่หนุ่มหน้าตาดีจะถูกยกเป็นเซเลปตัวแทนมหา’ลัยง่ายๆ แล้วก็นึกดีใจแทนอาจารย์พิภพที่ลูกชายเนิร์ดเข้าขั้นกี๊ก ซึ่งในความเท่ของมนุษย์กี๊กก็มีเส้นกั้นบางๆ ที่ทำให้ใครไม่อยากสุงสิงด้วยมากเท่าไหร่

            ในโลกโซเชียล ธูปก็คล้ายเป็นบุคคลสาปสูญ มันใช้แอคเคาท์ที่เป็นชื่อประหลาดๆ สำหรับจัดแต่งหน้าเพจร้านแทนพ่อ ทำเว็บไซต์ง่ายๆ ไม่รู้ว่าจัดเป็นสไตล์มินิมอลหรือขี้เกียจ โปรโมตร้านที่ไม่ค่อยมีคนแชร์นักเพราะไม่สนใจเรื่องมาร์เก็ตติ้ง ส่วนอย่างอื่นไม่มีความจำเป็นเลย ไม่มีภาพถ่าย ไม่มีเพื่อน ผมแอดไปมันยังไม่รับด้วยซ้ำ แสร้งทำพูดซื่อว่าเล่นไม่เป็น เล่นไม่เป็นเตี่ยมึงสิถึงขั้นทำเว็บไซต์ของร้านได้ตั้งแต่ม.ต้น แต่ผมไม่ถือสา เพราะสำหรับผมเฟซบุ๊กก็นับเป็นการใช้เวลาให้หมดประโยชน์อันดับต้นๆเหมือนกัน ผมใช้มันต่อเมื่อไม่มีอะไรทำจริงๆ ซึ่งไม่เคยมีช่วงเวลานั้นสำหรับนักศึกษาปริญญาโท สัปดาห์ที่แล้วเพิ่งเข้าไปค้นหนังสือในห้องสมุด พุธหน้านัดกลุ่มตัวอย่างสำหรับคุยเรื่องงานวิจัย ไม่นับรวมวันศุกร์ที่มีทีมเด็กๆ มาทัศนศึกษา ผมขอแรงไอ้ธูปมาช่วยเพราะวันนั้นนักเรียนมาเที่ยวเล่นที่ร้านสองชุด แบ่งเป็นครึ่งวันเช้ากับบ่าย เป็นโรงเรียนลูกคนรวย นักเรียนไม่เยอะ แต่คุณภาพชีวิตดี ดีแบบที่พี่นันต์เปรียบเทียบเมื่อกี๊ทำให้ผมนึกถึงระดับความแตกต่างของชนชั้นชัดเจนขึ้นถนัก

             ค่าเทอมหนึ่งเทอมแพงกว่าผมกินใช้ตลอดทั้งปีด้วยซ้ำ


หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 16-08-2018 08:39:47
             “พี่มังกร”

             เสียงทุ้มต่ำเรียกเบาแทบเป็นกระซิบ ผมใส่หูฟังแต่ไม่ได้เปิดเพลงได้ยินแว่วๆ เมื่อถอดออกมองหน้าเด็กที่ลากเก้าอี้มานั่งใหม่ เลิกคิ้วแทนคำถามว่ามีอะไรมันก็ตอบคำถามผมด้วยคำถามเหมือนกัน “ทำไรอะ”

             “ตรวจงานพ่อมึง”

             ธูปขยับเก้าอี้ใกล้ผมมากขึ้น อันที่จริงเมื่อไม่กี่วันก่อนมันเพิ่งสร้างมุมใหม่ของตัวเองในอาณาเขตของผม เริ่มจากเบาะรองนั่งทรงสี่เหลี่ยม โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆ หมอนรูปเมล็ดถั่วขนาดใหญ่ที่บรรจุข้างในด้วยเม็ดโฟม เปลี่ยนรูปร่างไปตามน้ำหนักของคนนั่ง ปูพรมยิปซีแทนเสื่อเหนือขึ้นจากพื้นปาเก้  ผมมักแย่งที่นั่งมันบ่อย ยกเว้นบางวันที่ลูกค้าน้อยจะลุกมานั่งที่โต๊ะกาแฟเป็นกิจจะลักษณะ หรือถ้าต้องการความเอ็กคลูซีฟเหนือระดับจะทิ้งร้านให้พี่นันต์ดูแล หนีไปทำงานชั้นสองที่เป็นห้องทำงานอันเงียบเหงาและสันโดษแทน

             “คุณกานดาล่ะ” ผมถาม ไม่เห็นคนที่ถามถึงแล้ว ธูปขยำเส้นผมที่ติดกันเป็นก้อน  ยังไม่เป็นทรงตามประสามือใหม่แต่ให้คะแนนความพยายามเต็มสิบ แยกปลายนิ้วที่เหนียวเจลออก ทำหน้ามู่ทู่

             “กลับไปละ”

             “อ่าฮะ เป็นไงบ้าง เดี๋ยวนี้ดูคุยกันลื่นปร๋อ”

              “ไม่รู้สิ แต่แบบว่าไม่ชอบแต่งตัวแบบนี้เท่าไหร่ ก็ใส่ได้นะแต่ว่าไม่เห็นพี่กานจะทักว่าดี”

              “เหรอ แต่กูว่าดีขึ้นนะ เปลี่ยนกางเกงอีกหน่อย ไม่มีใครใส่ขาบานขนาดนี้แล้ว”

             “แม่บอกใส่เดฟแล้วเหมือนเป็นโปลิโอ”

             ผมหัวเราะ ถ้าเทียบกับรูปร่างท่าจะจริง “งั้นทรงกระบอกก็ได้ อันนี้มันกางเกงรุ่นพ่อ เป้ายานถึงตาตุ่มละมั้ง”

             “ก็เวอร์”

              มันบ่น กลิ้งตัวลงจากเก้าอี้ไปบนหมอนโฟมแบบไม่กลัวเจ็บ แปะร่างคว่ำคร่อมเหมือนตุ๊กแกเกาะฝนังฝา ตะแคงหน้ามองผม บูดบึ้ง ไม่สบอารมณ์

             “รู้สึกเหมือนจะอกหักเลยอะ”

             “อะไร ที่คุณกานไม่ทักเรื่องลุคใหม่อะนะ”

              “มันแบบ...ไม่สนใจเลยไงว่าผมมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง คือมันไม่ใช่นิดๆ อะพี่”

             “เออ” ผมเข้าใจ ยิ่งธูปคาดหวังกับความสำเร็จมากเท่าไร ปฎิกิริยาของผู้ที่มันจงใจให้รับสารยิ่งสำคัญ “คุณกานคงกลัวมึงประหม่าก็ได้ พี่นันต์ยังบอกเลยว่ามึงดูดี”

            “โห พี่นันต์อะนะ” ธูปทำเสียงเหมือนบาริสต้าคนสนิทจะเป็นคนสุดท้ายที่ชม แต่ถ้านับจากความหงุดหงิดของพี่นันต์แล้วผมคิดว่าเขาเห็นด้วยและกังวลว่าจะมีสาวมาติดไอ้ธูปจนต้องแสร้งแสดงไม่สนใจไม่ให้ธูปเหลิงมากกว่า

              “ผมโคตรไม่มั่นใจเลยยยยย”

              คนบ่นทำตาเศร้า ผมไม่ปลอบซ้ำ ใช้นิ้วเท้าหนีบเสื้อให้มันเลื้อยมานั่งใกล้ๆ แล้ววางมือบนหัว หัวเหนียวเหนอะหนะไปด้วยเจลที่ใส่เยอะเกินไปอย่างที่เจ้าตัวแสดงทีท่าแบบทีแรก เชี่ย โคตรอยากล้างมือขึ้นมาตงิดๆ

             “เจลใส่ผมนี่ก็ทำผมเหนียวจนน่ารำคาญ”

             ไม่รู้จะหัวเราะหรือสงสาร แต่มันเป็นขั้นตอนของการเปลี่ยนผ่านจากเด็กสู่วัยรุ่น ตอนผมนี่ทรงหัวไก่ฮอตฮิตติดชาร์จนะครับ

             “เอาน่า ที่จริงก็ดูคุยกันดีนี่นา”

             “ถามคำตอบคำมากกว่า พี่กานมองแต่พี่นันต์”

             นั่นยิ่งย้ำให้ผมเห็นความรู้สึกของคนทั้งสองคนชัดเจนขึ้น สำหรับพี่นันต์อาจเพราะชนชั้นที่ยังเป็นช่องโหว่ลึกกว้าง ส่วนคุณกานดาอาจเพราะอยู่ใต้บทบัญญัติของสตรีที่ดีงามทางสังคมทำให้ไม่กล้าพูดเผยความรู้สึกก่อน ไอ้เปี๊ยกนี่กับเพื่อนมันก็แค่คนไม่ดูตาม้าตาเรือ ผิดที่ผิดทาง ตลก สะเหร่อทั้งคู่

            “อย่าเพิ่งกังวล ผลยังไม่ออก”

            ผมยังคงยุให้ธูปเดินหน้า

            ความชั่วช้าของผมอาจเป็นหาเรื่องสนุกกับความผิดหวังของคนอื่นเหมือนที่เคยประสบโดยไม่ลงมือเอง เหมือนเล่นหมากรุกที่มีชีวิต เดิมพันผลแพ้ชนะด้วยความรู้สึก ความรู้สึกเดียวกับที่เกิดกับผมครั้งแล้วครั้งเล่าจนชินชา

             การมีอยู่และสูญเสียไป จนสงสัยว่าที่จริงแล้วมันเคยมีอยู่จริงหรือไม่

             ธูปทำจมูกย่น ส่งเสียงฮือๆ แกล้งร้องไห้เหมือนเด็ก ซุกหน้าลงบนเบาะนั่ง ใช้มือขยี้ผมเหนียวๆ จนจับเป็นก้อนทรงประหลาด

             “ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะอกหักจริงๆ นะ แพ้แน่เลย”

             “ถ้าไม่ไหวก็มาช่วยกูตรวจงาน ของเด็กปีหนึ่ง เอาไหม จะได้ไม่มีเวลาไปฟุ้งซ่าน”

             “โอ้ย อกหักแล้วต้องทำงานอีกเหรอ” ธูปพลิกหน้าขึ้นเล็กน้อย ผมเห็นเสี้ยวหน้ากับตากลมๆ ของมัน มองยังไงก็เหมือนเด็ก มีลักษณะของนีโอเทนีคือตาโตคล้ายทารก มันใช้ทฤษฎีที่คิดว่าการใส่คอนแท็กเลนส์ให้ม่านตาดูขยายและสามารถสื่อให้คนมองตกหลุมรักได้ง่ายขึ้นมาใช้กับคุณกานดาแน่ “ผมเศร้าแป๊บนึงได้ไหม ลางสังหรณ์ไม่ดีเลย”

             “เรื่องจีบสาวน่ะเหรอ”

             “เออสิ” ธูปถอนหายใจ ผมหัวเราะหึในลำคอ สลัดความสนใจจากเด็กงอแงมายังงานตรงหน้า ธูปทนความนิ่งเฉยได้ไม่นาน มันขยับนั่ง เอาคางมาเกยบนหัวเข่าผม

             “ทำอะ... ร้องไห้ทำไมวะเนี่ย! มึงเพิ่งจีบคุณกานดาวันแรกเองนะไอ้ธูป”

             คู่สนทนาส่ายหัวไม่ตอบ ตาแดงก่ำ จมูกเช่นกัน ธูปสูดน้ำมูกฟืดฟาดก่อนดึงชายเสื้อผมขึ้นเช็ดน้ำตา   

             “เฮ้ยๆ ทิชชู่อยู่นี่”

             “...ตา” เด็กหนุ่มพูดเสียงขาดเพราะสูดน้ำมูกทีแรก ธูปใช้ทิชชู่ขยี้ตาแรงจนผมต้องดึงมือมันออก ตากลมปิดเข้าหากัน แต่น้ำตายังไหลชุ่มขนตาทั้งสองข้าง แก้มขาวเปียกปอน พยายามซ่อนด้วยการก้มหน้าลงต่ำ

             “ธูป ใจเย็น”

             เริ่มลังเลคล้ายรู้สึกผิดเมื่อภาพที่เห็นรุนแรงกว่าที่คิด ธูปขมุบขมิบปากอีกครั้ง คล้ายจะพูด ผมเงียบเพื่อเงี่ยหูฟังให้ชัด

             “...ตา”

             “อะไร”

             “แสบตา”

             ไอ้เวรเอ๊ย เพราะคอนแท็กเลนส์งี่เง่านั่นแน่ๆ ธูปหยีตาเข้าหากันรั้งข้อมือจะมาขยี้ต่อให้ได้

            “พกน้ำยาล้างคอนแท็กมาไหม”

            ธูปส่ายหน้า น้ำตายังไหล สองแขนยื้อยุดให้หลุดออกจากผม เรี่ยวแรงที่มีได้เพียงโยกเยื้องไปมา ผมรวบแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มไว้ในกำมือเดียว ลุกขึ้นยืนก่อนดึงให้อีกฝ่ายลุกตาม พี่นันต์ชะโงกคอมองจากเคาน์เตอร์ แต่ติดลูกค้าเข้าใหม่ทำให้ไม่สะดวกเข้ามาดู

             “ผมแสบตา”

             “ล้างมือก่อนถอด ทำไมอยู่ๆ ก็แสบขนาดนี้ล่ะ เมื่อกี้อยู่กับสาวยังไม่เห็นเป็นไร”

             “ตามันแห้งอะ แล้วผมไปขยี้ รู้สึกเหมือนคอนแท็กเลนพับอยู่ในลูกตาเลย”

             “ไอ้ห่าธูป” ช่วยเอาความฉลาดของมึงที่มีมาใช้ตอนนี้ทีเถอะ “อย่าเพิ่งดื้อ เดี๋ยวพาไปล้างมือในห้องน้ำ แล้วพกแว่นมาหรือเปล่า”

            มันส่ายหน้า แต่เดินตาม ไม่รั้นถอดคอนแท็กเลนส์ด้วยมือสกปรก ถึงห้องน้ำผมแทบจับมือมันล้างให้ก่อนจัดการกับลูกตาตัวเอง แต่ธูปกระฉับกระเฉง ไม่ถีงห้าวินาทีคอนแท็กเลนส์บิ๊กอายสีดำก็หล่นกองแหมะบนอ่างล้างหน้าสองชิ้น ขาดคาตาไปครึ่งชิ้น

             “เชี่ยแม่ง โคตรแสบ ไม่คุ้มเลย”

             “อย่าเพิ่งไปขยี้”

             “พี่รู้ปะ เมื่อเช้าผมพยายามใส่เป็นชั่วโมง” พอพลาสติกคลุมตาดำหลุดออก ผมก็เห็นร่องรอยช้ำในดวงตา ธูปแหวกหนังตาออกให้ผมเห็นเงาตัวเองสะท้อนในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม “ทำไมตอนถอดแม่งหลุดง่ายจังวะ”

             “เออ คู่นี้ก็ทิ้งไปเลย ทีหลังจะใส่คอนแท็กเลนส์ก็พกตลับกับน้ำตาเทียมไว้ด้วย”

             “ไม่ใส่แม่งแล้ว ไม่เห็นได้อะไรเลย”

             ผมหัวเราะ ถามมันกลับ “คิดว่าใส่คอนแท็กบิ๊กอายแล้วได้อะไรล่ะ”

             “พี่ยังพูดอยู่เมื่อกี๊ว่าดูดีกว่าใส่แว่น”

             “แต่ตาธรรมชาติดูดีสุด”

              ผมพูดจริงๆ ตากลมๆ สีที่ไม่ดำ ไม่กลมเกินไป แววตาที่มีแสงสะท้อนของชีวิตชีวาและความสดใสของวัยดึงดูดได้มากกว่าความพยายามเป็นไหนๆ

             “ถามอย่างดิ มึงอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์กับความรักมาจีบคุณกานดาปะวะไอ้ธูป”

             “อะไร”

             “ไม่ต้องมาเฉไฉ”

             ไอ้เด็กปากแข็ง โดนจับได้ขนาดนี้ยังไม่ยอม ผมยักคิ้วสองครั้งติดโดยทิ้งหนังตาตกไว้ที่เดิม ธูปก็กลอกตาขึ้นเพดาน

             “พี่ก็รู้ว่าคนเราตกหลุมรักด้วยการสั่งการของสมอง”

            ผมหลุดหัวเราะก๊าก สมกับเป็นเนติธรลูกอาจารย์พิภพจริงๆ

             “แต่มึงจะทำตัวเองให้ตรงตามหนังสือเพื่อจีบสาวไม่ได้เว้ย มันคือฟีลลิ่ง ไม่ใช่การพิสูจน์สมมติฐาน”

             “ไม่ใช่สมมติฐานดิ อันนี้เป็นหลักการทำงานของสมองต่อเพศตรงข้ามที่ผ่านการวิจัยมาแล้วตั้งหลายปีนะ”

             “เถียงอีก แล้วผลเป็นไงล่ะ คุณกานดาสนใจเสียเมื่อไหร่” เอาความจริงมาแย้งธูปก็เงียบกริบ เราอยู่ในห้องน้ำเล็กๆ ของร้าน กลิ่นสะอาดของมะกรูดฝานลอยฟุ้ง เด็กหนุ่มหน้าบึ้ง หยิบซากคอนแท็กเลนส์ใส่ถังขยะ “รักมันใช้หลายอย่างประกอบกัน”

             “แต่ผมทำทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ไงว่าวิธีไหนได้ผล”

             “ธูป กูต้องย้ำมึงอีกไหมว่ารักไม่ใช่การทดลอง คุณกานดาไม่ใช่หนูที่มึงฉีดสารนั่นนี่ไปกระตุ้นแล้วดูพฤติกรรมได้ มึงอยากให้เขารักมึงต้องรักเขาก่อน ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามธรรมชาติเอง”

             “ใครบอกพี่ว่าผมไม่รัก”

             “คำพูดมึงดูเย็นชาเกินไปมั้ง” ผมหมายถึงการกระทำที่เหมือนเด็กเล่นสนุกก็ด้วย แต่ใครจะรู้ ผมไม่อาจตัดสินได้ว่าธูปจริงจังกับคุณกานดาแค่ไหน แต่ผมต้องการ ต้องการให้มันจริงจังและผิดหวัง บางทีอาจเพียงเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกเปลี่ยวเหงาจนเกินไป หรือไม่ลึกๆ ก็อยากสั่งสอนไอ้คนที่ทำเหมือนควบคุมโลกได้ด้วยสติปัญญาของตัวเองให้รู้สึก “บอกแล้วว่าให้กูติวให้ ไม่ต้องใส่คอนแท็กเลนส์แล้ว เป็นมึงอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ คิดว่าอยู่ในหนังไทยยุค 90 ที่ถอดแว่นแล้วสาวจะชอบหรือไง”

             “พี่เป็นคนบอกเองปะวะว่าผมต้องดูดีกว่านี้”

             “ถ้าใครคบมึงแค่เพราะมึงหล่อก็อย่าไปเอาเลย” เพราะว่าคนหล่อกว่ามึงมีอีกเยอะมากบนโลกใบนี้ ผมเว้นประโยคหลังไว้ในใจ

             “เอะอะก็อย่าเอาคนแบบนั้นอย่าเอาคนแบบนี้ พี่ถึงได้โสดไง เรื่องมากจริง”

            “นี่กูสอนอยู่ เดี๋ยวโดนหยิกหัวนมหลุด”

             ธูปยกแขนขึ้นกอดอกอัตโนมัติ ถอยกรูดจนติดประตู “ดุจังวะ”

             “ก็มึงมันน่านัก แล้วนี่มองเห็นหรือไง ถอยไปเสียไกล สายตาสั้นมากไม่ใช่เหรอ”

             “เหมือนตาบอดเลยล่ะ”

             “เวอร์จริง โทรตามไอ้มาร์คให้มารับไปส่งบ้านไป เรื่องคุณกานดาพักไว้ก่อน ไม่ใส่แว่นนานๆ เดี๋ยวปวดหัว” ผมหมายถึงเมื่อสมองทำงานไม่สัมพันธ์กับสายตา ธูปเลิกกวน หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แสกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกก่อนถูกผมแย่งมากดหาเบอร์มาร์คให้

             “Mark ชื่อนี้เลยนะ”

             ไอเดียการตั้งชื่อเพื่อนสนิทในสมุดโทรศัพท์ไม่มีความคูล ความประหลาดอะไรทั้งนั้น มันพยักหน้า ก่อนถูกผมดันหลังให้ออกจากห้องน้ำไปยังที่นั่งเดิม

             “ไม่รับ เดี๋ยวกูทิ้งข้อความไปให้มันแล้วกัน แล้วนี่มีเบอร์กูหรือยัง”

             “ไม่มีอะ ต้องมีด้วยเหรอ”

             “มีไว้ก็ดี เผื่อไปเซ่อซ่าที่ไหน” ผมพูดติดตลก เม็มเบอร์โทรศัพท์ตัวเองลงไปพร้อมตั้งชื่อเสร็จสรรพ ธูปไม่สนใจ ได้มือถือคืนก็นอนแหม็บบนกองหมอน พลิกตัวไปมาเหมือนเด็ก มันเลิกงอแงเรื่องคุณกานดาแล้ว ส่วนผมก็กลับมาทำงานระหว่างเฝ้าไม่ให้ธูปเดินไปไหนมาไหน ผมไม่รู้ว่าเมื่อไม่มีแว่นแล้วสายตาที่สั้นขนาดนี้สามารถเห็นอะไรได้บ้าง ดังนั้นการที่จับไอ้ธูปอยู่นิ่งๆ คงเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด

           “นอนไปเลยก็ได้ ถ้ามาร์คมาแล้วจะเรียก”

            ผมอนุญาต ธูปยังคงนอนเกลือกกลิ้งไปมาเหมือนแมวบนหลังคารถ ไม่นานก็ม้วนตัวหลับชิดบีนแบคอ้วนใหญ่ ร้านกาแฟตอนบ่ายแก่มีแสงสีส้มสาดส่องเข้ามา เป็นแสงของพระอาทิตย์ในฤดูร้อน ลมเย็นๆ จากพัดลมไล่เอาไอระอุภายในกระจัดกระจาย ผมละสายตาจากคอมพิวเตอร์เป็นระยะ กระทั่งแมวเมื่อครู่เคลื่อนหน้าผากชนหัวเข่า เด็กหนุ่มนอนตะแคง ตายังมีร่องรอยช้ำจากการขยี้ จมูกไม่แดงแล้ว ทำหน้าที่ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

            เส้นผมของธูปเป็นสีดำ แต่ดวงตาเป็นสีนำตาลเข้ม ขนาดพอดีกับกรอบตา ไม่เล็ก ไม่โต เข้ากันได้กับโครงหน้า ผมวางมือบนศีรษะเด็กหนุ่ม ปัดเอาเส้นผมที่เหนียวหนึบติดซอกคอออก

            พี่นันต์มองมาทำให้นึกขึ้นได้ว่าลืมยกมือออกจากแก้มมัน

            แก้มขาวหยุ่นและนุ่มเหมือนมาร์ชเมลโล่ ขัดกับริมฝีปากอมชมพูที่เจ่อขึ้นน้อยๆ ปากนั้นอาจนุ่มเหมือนเยลลี่ รสหวานคล้ายน้ำตาล หรือกลิ่นหอมเหมือนแป้งเด็ก แต่ทุกภาพลวงตาที่คิดขึ้นเป็นเพราะไอ้เด็กกวนประสาทที่ถือดีคนเก่าอยู่นิ่งๆ ไม่ก่อเรื่องก่อราว

             “มึงนี่มันสุดตีนจริงๆ”

            ผมบ่นแต่ก็ขำ ถ้าให้นึกถึงใครสักคนที่ประหลาดจนน่าสนใจ ลูกอาจารย์พิภพคงตกเป็นอันดับต้นๆ

            อย่างที่พี่นันต์บอก แม้ไม่ได้เข้ามาในฐานะพี่เลี้ยง แต่ความแสบสันต์ของไอ้เด็กนี่เห็นทีจะปล่อยวางไม่ได้ ผมเข้าใจที่มันบ่นคราวนั้นว่าทำไมพี่นันต์ถึงดุนักหนา แต่ถึงเป็นแบบนั้นผมก็ยังอดรู้สึกว่าอยากให้มันเรียนรู้ความโหดร้ายของโลกอีกมาก วางไม่ลงกับโลกของความรักอันหอมหวานในอุดมคติของมัน อยากเป็นคนผลักไสและยืนมอง กระทั่งตบบ่าเมื่อมันเดินย้อนกลับมาพร้อมความผิดหวังเต็มหน้าตัก

            โลกของผมก็เหมือนมัน เคยเป็นเหมือนกัน โลกที่คิดว่าเราสามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยสมองและสองมือ

tbc
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 16-08-2018 09:16:48
ธูปปปปปปปปปปปปปป
น้องงงงง มีความน้องในตัวสูงมาก
ฮืออเอ็นดู เข้าใจตามนั้นเลยว่าทำไมปล่อยไปไหนไม่ได้  อยากมีเลี้ยงไว้สักคน55555
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 16-08-2018 10:57:16
ธุปคนเนิร์ดเอ้ยย น้องน่ารักนะ
สนุกมากๆค่ะ ยังเดาทางไม่ถูกเลย
ใครจะตกหลุมก่อนกันนะ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-08-2018 11:10:26
น้องธูปน่ารัก มีความเป็นตัวเองสูงมาก
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 16-08-2018 12:03:12
 :mew5: :mew4: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-08-2018 14:46:17
เอ็นดูน้องธูป
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-08-2018 16:41:38
อยากจะสอนน้อง แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็ไม่อยากปล่อยมือ เชื่อสิ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-08-2018 17:12:23
กางเกงขาบาน มายก็อด..ดดด  :ruready
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-08-2018 18:04:06
 น้องธูปน่ารัก เอ็นดูมาก
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 16-08-2018 18:37:02
นี่แอบเชียร์มาคึกับพี่นันต์ แต่คงไม่ทันแล้วสินะ ฮืออออออออ ชะนีหลบไปไป๊ เสนอหน้ามาอยู่ได้ อ่อยแบบเงียบๆสินะหล่อน ชิ   :fcuk:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-08-2018 19:48:43
น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-08-2018 20:10:51
มันมีบรรยากาศเหมือน...ตอนบ่ายแก่เกือบเย็นที่แสงสีส้มของพระอาทิตย์ทำให้รู้สึกทั้งผ่อนคลายทั้งอึดอัดได้ในเวลาเดียวกัน
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 17-08-2018 17:05:38
เอ็นดูธูปเถอะนะ :mew6:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 20-08-2018 05:58:13
 ช๊อบชอบเรื่องนี้    :m1:
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 23-08-2018 10:39:48
น่องธูปปปปปปป เอ็นดูน้องมาก
ทั้งสามตัวละคร พี่นัน มังกร ธูป ทำให้เราครุ่นคิดว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง 
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: TNM ที่ 23-08-2018 11:34:47
นายเอกยังไม่โผล่มาใช่ไหมคะ ภาวนาอย่าให้น้องธูปเป็นนายเอกเลยให้ตายเถอะ แต่จากชื่อเรื่องแล้วไม่น่ารอด อยากให้น้องธูปเป็นน้องชายพระเอกอ่าแงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 23-08-2018 18:40:27
รู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิยายต่างประเทศ ทั้งสำนวนทั้งบรรยากาศของเรื่องฟีลนั้นเลยค่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 23-08-2018 23:44:15
chapter 04
RUN BABY RUN


                  “ในไทยที่นี่เป็นที่แรก อาจารย์พิภพแกทำร้านนี้หลังจากไปเห็นงานในต่างประเทศน่ะครับ มันเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เราช่วยกันได้ ตั้งใจทำเป็นร้านต้นแบบให้ที่อื่นๆ เอาไปใช้ต่อๆ กัน”

            ช่วงบ่ายวันศุกร์นักเรียนมาตามนัด ผมนั่งคุยกับอาจารย์ขณะที่ปล่อยให้เด็กๆ วาดรูปแนวทางลดการใช้ขยะของตัวเอง ธูปนั่งกลางวงล้อม ชวนเด็กคุยไปด้วย ทำกิจกรรมไปด้วย โม้เหม็นเรื่องเล่าของตัวเองสมัยเรียนที่เดียวกันกับเด็กๆ เมื่อเกือบสิบปีก่อน

             “ที่จริงอยากพาเด็กมาดูที่นี่ทุกชั้นเลยค่ะ แต่ดูแลกันไม่ไหว ยิ่งโตยิ่งซน”

             “ธรรมชาติของเด็กครับ” พูดเหมือนเข้าใจ แต่หัวร้อนเป็นไฟ ถ้าให้เรียงลำดับสิ่งมีชีวิตที่ผมจะอยู่ด้วยห่างมากที่สุด มนุษย์เด็กจะติดหนึ่งในห้าของสิ่งมีชีวิตประเภทนั้น “เด็กยิ่งซนยิ่งฉลาด”

            ส่วนเด็กเปรตก็คือเด็กเปรต ไม่ใช่เด็กซน สบถในใจ เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมไอ้ธูปต้องไปขลุกกับนักเรียนแทนที่จะเป็นผม เมื่อเช้ามันมาสาย ผมรับหน้าที่ดูแลนักเรียนเซ็ตแรกกับอาจารย์ที่พามาด้วย ร้านแทบระเบิด ถ้าไม่ใช่ร้านก็หัวผมนี่ล่ะครับที่จะระเบิด แม้แต่พี่นันต์ยังหัวคิ้วกระตุก เด็กสมัยนี้ดื้อฉิบหาย

             “ข้อดีของเด็กคือสอนง่ายค่ะ ปลูกฝังให้เขาเป็นแบบไหนก็มีแนวโน้มที่จะเป็นแบบนั้น บางเรื่องมาสอนกันตอนโตแล้วลำบาก”

             “ครับ ยิ่งสอนให้ลดการสร้างขยะได้ตั้งแต่เด็กยิ่งดี เสียดายนะครับที่ผมเพิ่งมาใส่ใจเรื่องนี้ตอนที่เรียนกับอาจารย์พิภพ”

             อาจารย์สาวยิ้มรับ เมื่อเช้าเป็นอาจารย์ผู้ชาย คุยไม่เก่งเท่านี้ อาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผมประสาทแดกก็ว่าได้ ลองคิดภาพผู้ชายหนึงกลุ่มที่มึนๆ ตึงๆ กับฝูงลิงจอมทะโมนที่ไม่มีใครจัดการลง สาบานเลยว่าเหตุการณ์วันนี้บอกผมว่าได้โปรดจงอย่าได้เมียที่อยากมีลูก

            “จริงๆ ก็มีการรณรงค์เรื่องขยะเป็นระยะมาตลอดเหมือนกันนะคะ จำได้ว่าสมัยเด็กๆ เป็นเรื่องทิ้งให้ลงถัง”

             “กระแสของสังคมมักจะวนทับที่เดิมครับ ที่เปลี่ยนไปคือวิธีการและแนวความคิด”

             “ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมมากเลยนะคะ ถ้ามีคนอย่างคุณก้องเยอะๆ น่าจะดี”

            “คนเรามีดีมีเลวครับ มีคนแบบผมมากก็ไม่ดี เห็นทีมนุษย์จะสูญพันธุ์จริงๆ” ผมหัวเราหึๆ ในลำคอ พอดีกับเสียงนาฬิกาข้อมือดังเตือนเวลาหมดชั่วโมง คุณครูก็เร่งมือเด็กๆ

            “อีกสิบนาทีนะคะ เดี๋ยวต้องกลับไปที่โรงเรียนกันแล้ว”

            นักเรียนที่นอนหราบนพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสียงฮือ ธูปเงยหน้าขึ้นจากกระดาษของตัวเอง มันวาดอะไรยึกยือที่เด็กปอ.สี่ยังวาดได้ดีกว่า หลิ่วตามองผมกับคนข้างๆ อย่างมีนัยยะ ผมแก่กว่ามันไม่กี่ปี แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กวัยนี้สนใจแต่เรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวหรือไง

              อ้อ ใช่ ลืมไปว่าธูปเคยออกตัวว่าเป็นผู้ชายวัยกลัดมัน

             “คุณก้องเรียนโทอยู่กับอาจารย์พิภพเหรอคะ เสียดายจัง วันนี้ไม่ได้เจอ”

             “ครับ อาจารย์ติดสัมมนา กลับมาสอนสัปดาห์ละครั้ง สอนเสร็จก็กลับไปต่างจังหวัดแบบนี้ทั้งเดือน”

             คู่สนทนาพยักหน้ารับรู้

            “ฝากบอกอาจารย์ไว้ว่าถ้ามีโอกาสจะมาไหว้นะคะ แกเป็นคนไปพรีเซนต์โครงการให้พาเด็กๆ ออกมาเวิร์คช็อปที่ร้านด้วยตัวเองเมื่อปีก่อน ตอนนั้นดิฉันยังเป็นครูฝึกสอนอยู่เลย”

         โรงเรียนที่ว่าเป็นประถมที่ธูปเคยเรียนก่อนย้ายเมื่อสอบติดโรงเรียนมัธยมชื่อดังในสังกัดรัฐบาล

          “แกคงอยากช่วยน่ะครับ สอนลูกชายจนเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนั้น”

          ว่าพลางนึกว่าถ้าคนแสบสันต์อย่างไอ้ธูปออกนอกลู่นอกทางอาจารย์พิภพจะปวดหัวกับลูกชายคนเดียวของตัวเองขนาดไหน



             “ชอบแบบนั้นเหรอ”

            หลังเด็กๆ กลับ ผมกับลูกชายเจ้าของร้านก็ช่วยกันทำความสะอาดและเก็บของให้เป็นระเบียบ หลังเลิกงาน ราวหกโมงลูกค้าร้านกาแฟจะเพิ่มขึ้น ผมกับธูปยังไม่ได้กินมื้อเที่ยง ที่ตกถึงท้องมีแค่กาแฟของพี่นันต์เท่านั้น

             “เปล่า ไม่ได้สนใจ”

             “ม่ายด้ายโสนจายย” มันพูดเลียนแบบ ทำเสียงเล็ก กวนประสาท “แต่คุณครูดูสนใจพี่อยู่น้า”

             “เพ้อเจ้อ”

             “ไม่เห็นเขาชวนผมคุยเลยอะ” ธูปดันกล่องกระดาษเข้าชั้น จังหวะยืดตัวเสียงท้องร้องโครกครากดังออกมา เจ้าตัวยิ้มเผล่ เอามือปิดพุงราวกับสั่งให้หยุดได้

             “ก็มึงเล่นกับเด็กๆ เขาก็ไม่กวนสิ ออกไปหาอะไรกินกัน เดี๋ยวท้องจะร้องไล่ลูกค้าหมด”

             “ผมไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า”

             “ตื่นสายเอง ไม่ต้องมาขอความเห็นใจ บอกล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้ให้เข้ามาช่วยงาน”

             “นี่ผมไม่ได้เงินเดือนสักบาทนะ พี่น่ะได้ทั้งเงินเดือนทั้งที่พักแล้วยังใช้ผมอย่างกับทาส”

             “พูดมาก เดี๋ยวเลี้ยงข้าวก็ได้ กินอะไร”

             “เย้ บาบิก้อน” ตอบแบบไม่คิด แต่ก็ดี ดีกว่าคำว่ากินอะไรก็ได้หลายเท่า “พี่นันต์ผมไปกินข้าวกับพี่มังกรนะ เอาไรป่าว”

             “เออ ไปเหอะ กลับมาช่วยปิดร้านด้วย” พี่นันต์ไล่ ไม่วายสั่งกำชับ ผมกับธูปรับปากแล้วเดินออกมาข้างนอก อดข้าวทั้งวัน มื้อเย็นกินหนักๆ เลยก็ดี ชดเชยพลังงานที่เสียไป

             “ก่อนกลับแวะซื้อช็อกโกแลตได้ปะ” ธูปถาม ใช้นิ้วดันแว่นขึ้นชิดตา “ซื้อให้พี่กานดา”

             “อะไรของมึงวะ”

             “ผมลองคิดดูแล้ว” ธูปว่าลัดเลาะไปบนฟุตบาธ หลบเลี่ยงร้านค้าแผงลอยและวินมอเตอร์ไซค์เป็นระยะ จากตำแหน่งคาเฟต์ไปถึงห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดใช้เวลาเดินเท้าประมาณสิบห้านาที ทุกครั้งที่นึกอยากกินอาหารขึ้นห้างก็หนีไม่เคยพ้นที่นี่ “ร่างกายเราจะหลั่งสารอัลคาลอยที่ชื่อ Phenylethylamine ออกมาเวลาที่มีความรัก มันไปกระตุ้นโดปามีนกับเอนโดรฟินที่ทำให้มีความสุข”

             “อะไรของมึงอีกเนี่ย” ผมหลิ่วตามองมัน ไอ้ธูปยังคงพูดต่อเพ้อๆ ยิ้มค้างกับความเนิร์ดที่ล้นทะลักออกจากหัว

             “สารตัวนี้เจอในช็อกโกแลต” มันยักคิ้วคู่โดยทิ้งหนังตาให้ตก ท่านี้แม่งคุ้นฉิบหาย เหมือนโดนขโมยท่ากวนตีนของตัวเองไป

             “จะซื้อไปให้คุณกานดา?”

             “ปิ๊งป่อง แสนรู้มาก แล้วก็ชวนไปกินข้าวด้วย พี่ว่าไง”

             “ก็ลองดู” ผมยักไหล่ “ก็อย่างที่มึงอ่านมา กินข้าวสองคนเป็นการละลายพฤติกรรม มนุษย์หินแบ่งอาหารให้สาวที่จีบเพื่อแสดงความเป็นพวกเดียวกัน”

             “อ่าฮะ ผมจะใช้เวลาตอนนั้นพยายามเลียนแบบท่าทางพี่กานดาด้วย แต่ต้องเนียน พี่กานดาจะได้รู้สึกว่าเรามีอะไรเหมือนกันจังเลยเนาะแบบไม่รู้ตัว”

            ผมยิ้ม นึกถึงที่มันลอกพฤติกรรมกวนประสาทของผมไปในระยะเวลาไม่นาน พานนึกถึงตัวเองที่มักเผลอใช้มือปัดจมูกตามมันบ่อยๆ เมื่อเห็นมันดันแว่นขึ้นชิดตา

             “อืม อาจจะได้ผลก็ได้”

             “จริงอย่างพี่ว่า ผมยังไม่รู้ผลเสียหน่อย นี่นอนคิดทั้งคืนเลย”

             “ก็เลยมาสาย”

            มันหัวเราะแหะๆ ไม่เถียง แต่คนมีความรักก็แบบนี้ หมกมุ่นร้อนรนอยู่ในวังวน คิดจินตนาการถึงความสุขที่มาไม่ถึง เมื่อไรที่ความเป็นจริงแสดงมาตรงกันข้ามรู้ตัวว่าอกหักก็ไม่ต่างอะไรกับคนขาดยา อย่างที่ธูปว่า PEA มีในช็อกโกแลต เป็นคาเฟอีนที่ซ่อนอยู่ในสารเสพติด กระบวนการทำงานคือทำให้ปรารถนา หลงใหล และขาดไม่ได้

             “อีกสักตั้งจะเป็นไร” ธูปยิ้ม เลนส์ของแว่นหนาเกินไปทำให้ตามันเป็นขีด วิสัยทรรศไม่ดีจนรถที่วิ่งสวนเลนเข้ามาในซอยบีบแตรลั่น ให้ตายชีวิตดีๆ ที่ลงตัวฉิบหาย

             “เฮ้ย! เป็นไรป่าว”

            ผมคว้าคอเสื้อไอ้ธูปทันระหว่างที่มัวแต่คุย กระจกรถเฉี่ยวบางส่วนดังปึก โชคดีที่แค่เฉี่ยวและรถวิ่งไม่ไวมาก เด็กหนุ่มสะบัดข้อศอก เป็นรอยถลอกนิดๆ

             “ไม่เห็นเหรอวะว่ารถวิ่งทางเดียว” ธูปฉุน ผมอยากดุที่มันไม่ระวังด้วย แต่ก็อย่างที่บ่น ถ้าไอ้เวรนั่นเคารพกฎก็ไม่เกิดอุบัติเหตุแล้ว “ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ วิ่งในซอยจะทำไง แม่ง”

             “เออ มันไปแล้ว มึงอะเป็นไง”

             “ไม่เป็นอะไรหรอก” ธูปว่า “ดีที่พี่ดึงไว้ทัน ไม่งั้นแม่งเหยียบคอนเวิร์สผมเละแน่”

             “ยังห่วงรองเท้าอีก” สายตาเหลือบมองอัตโนมัติ แค่นี้ก็เน่าสิ้นดี

             “แต่เมื่อกี้พี่โคตรเท่” ผมยกมือปัดจมูก ไม่ลอยตามคำยอ ไอ้ธูปฉวยโอกาสจับต้นแขนผมแล้วซี้ดปาก ผมสะบัดข้อศอกหนี มองหน้า

             “อะไรของมึง”

             “กล้ามพี่แม่ง”

             “กล้ามเหี้ยอะไร ไม่ได้เล่นกล้าม”

             “ขอดูหน่อย”

            ผมกลอกตาเป็นวงกลม ถกแขนเสื้อให้มันดู ไอ้ธูปผิวปากหวือ ยกแขนของตัวเองขึ้นดู บีบเนื้อเหลวๆ แล้วย่นจมูก “พี่ดูดิ ผมแม่ง ผอมนะ แต่เนื้อโคตรย้อย”

             “ตอนนี้มหาลัยไง พอเริ่มทำงานมึงอ้วนแน่”

             “ไม่อ้วนดิ แบบลีนๆ อย่างพี่กำลังดี ไอ้พี่นันต์ก็ผอมไป แต่ว่าไม่ได้ นอนน้อย”

            ผมเห็นด้วยว่านอนน้อย แต่ไม่รู้สึกว่าพี่นันต์ผอม ส่วนไอ้เปี๊ยกเนื้อขาวนี่ถ้าออกกำลังกายบ้างน่าจะหุ่นดีใช้ได้

              “วิ่งไหม”

              “ไม่เอา หิว จะเป็นลมแล้ว ค่อยๆ เดินไปนี่ล่ะ เดี๋ยวก็ถึง”

              “กูหมายถึงอยากมาออกกำลังกายด้วยกันไหม กูวิ่งตอนเช้าตีห้าครึ่ง”

              “มืดขนาดนั้นไปวิ่งราวเหรอ”

              “วิ่งราวพ่อมึงสิ” พ่อมันก็อาจารย์ผมนี่ล่ะ “ตีห้าก็สว่างแล้ว ตอนเช้าๆ อากาศดี กูวิ่งทุกวัน”

             มันทำท่าสนอกสนใจ ร้านอาหารที่อยากกินคิวว่างอาจเพราะเพิ่งเป็นเวลาเลิกงานของมนุษย์เงินเดือนหมาดๆ พนักงานเลือกโต๊ะริมกระจก ห้าโมงครึ่งแดดเป็นสีส้มเดียวกับเมื่อวาน ส้มอมน้ำตาลที่กระทบผิวของธูปแล้วดูเป็นสีทองละมุนละไม

              “มึงสั่งเลย” ผมอนุญาต ไอ้ธูปจัดการสั่งเนื้อหมูเซ็ตใหญ่ ขอกะหล่ำซอยจากพนักงานให้เสิร์ฟรองท้องเป็นอย่างแรก

              “เออ ปกติเป็นมังสวิรัติไม่ใช่เหรอ”

             ธูปปฏิเสธ ส่ายหน้าหวือ “แม่เป็นมังสวิรัติคนเดียว ถ้าขี้เกียจทำกับข้าวกินเองก็ต้องยอมกินผัก”

              “เออ ดีว่ะ แม่ไม่บังคับ ปกติเห็นครอบครัวไหนกินจะกินกันทั้งบ้าน”

              “บ้านผมเป็นประชาธิปไตย” มันพูดกลั้วหัวเราะ มันหมูกับกะหล่ำปลีซอยเสิร์ฟเป็นอย่างแรก เตากะทะยังไม่ทันร้อนไอ้ธูปก็เอาผักลงแช่น้ำซุปทันที “เออ ว่าแต่เรื่องวิ่ง พรุ่งนี้พี่เลื่อนมาวิ่งสักหกโมงครึ่งได้ไหม ผมเดินทางมาเช้าขนาดนั้นไม่ไหวอะ”

              “นอนที่นี่ดิ” นานๆ ทีธูปจะนอนค้างที่ร้าน มาเฉพาะวันที่มีเหตุสุดวิสัยเช่นอยู่ทำงานกับเพื่อนที่มหา’ลัยจนดึก ธูปมีเซ็ตเครื่องนอนของตัวเอง ซ่อนอยู่ในลังบนห้องทำงานของอาจารย์พิภพ ผ้านวมผืนหนา หมอน เบาะรองนอนยางพาราสำหรับตัวเอง หลังปิดร้านมีพื้นที่ว่างสำหรับล้มตัวนอนได้

              “มีเรียนเก้าโมงอะ ต้องเอาชุดนักศึกษามา อีกอย่าง คอนเวิร์สคู่นี้ใส่วิ่งแล้วเจ็บตีน”

              “งั้นก็วิ่งวันอื่น”

              “เราไม่ควรผัดวันประกันพรุ่งนะพี่”

               โอเค แล้วแต่มึงเลย

              “ดีล หกโมงครึ่งผมมาพร้อมชุดวิ่ง เอาชุดนักศึกษามาเก็บที่ร้านก่อนค่อยออกไปสวนสาธารณะด้วยกัน” ธูปคีบกะหล่ำปลีต้มสุกแบ่งให้ผมก่อนใช้ตะเกียบชนตะเกียบเบาๆ แทนคำสัญญา

             ผมหัวเราะ ยกมือขึ้นนวดขมับ

              ไม่อยากนึก ถ้ามันรู้ว่ากะหล่ำปลีที่มีสาร PEA มากกว่าช็อกโกแลตที่จะซื้อให้สาวอีกจะยังตักให้ผมกินพูนถ้วยแบบนี้อยู่หรือเปล่า




              ธูปมาถึงเร็วกว่ากำหนดสิบนาที แต่ไม่เป็นปัญหา ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับออกวิ่ง ล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยกลับมาอาบน้ำยังทัน เมื่อวานธูปสัญญาว่าจะนอนเร็วกว่าปกติ ดีที่มันทำได้จริงส่วนผมกลับเป็นคนที่หลับไม่ลงเสียเอง

             ธูปใส่คอนแท็กเลนส์อีกครั้ง แต่ไม่ใช่คอนแท็กเลนส์ตาโตเหมือนครั้งก่อน เมื่อวานมันแวะซื้อหลังจากได้ช็อกโกแลตที่ตั้งใจจะให้คุณกานดา คิดว่าสะดวกกว่าถ้าได้วิ่งโดยไม่มีแว่น ผมตามใจมัน แค่ย้ำว่าอย่าขยี้ตาและถ้าพยายามใส่คอนแท็กเลนส์จนตาช้ำให้หยุดใส่แล้วสวมแว่น คนใส่แว่นวิ่งเยอะแยะทั่วประเทศก็ไม่มีใครกลัวจะมีปัญหามากเท่ามัน

              “พร้อมยัง” ผมถาม ยืดกล้ามเนื้อไปด้วย รองเท้าวิ่งไอ้ธูปใหม่กิ๊บ สวมกางเกงบอลสีกรมท่า กับเสื้อผ้าร่มแถมจากร้านเครื่องเขียน ชัยชนะแรกของธูปคือใส่คอนแท็กเลนส์ได้ ชัยชนะของผมคือมันไม่ลืมพกยาหยอดตากับแว่นเผื่อฉุกเฉินมาด้วย

             ธูปพยักหน้าหงึกหงัก ยืดแข้งขาตามผม ท่าทางเก้ๆ กังๆ ตามประสาคนไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

              “อุปกรณ์ครบเลยนะมึง”

             ผมว่า เห็นสปอร์ตนาฬิกาที่มันสวม เป็นของมีราคาย้อนแย้งกับเสื้อผ้าไปหมด

              “พ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เคยใช้ครั้งเดียวตอนออกไปปั่นจักรยานกับพ่อ”

              “แล้ว...”

              “ก็ไม่แล้วไง พ่อไม่ค่อยว่างเลยไม่ได้ไปอีก” มันบอกหน้าตาเฉย เข้าใจสำนวนไก่ได้พลอยก็วันนี้

              “เออ ดี เดี๋ยววิ่งกับกูได้ใช้ทุกวัน ปะ”

             ผมตบบ่าธูป ออกจากร้าน ก่อนล็อกประตูแน่นหนา เราเดินกันตามฟุตบาธสวนทางกับเมื่อวาน เลาะบนถนนใหญ่ การจราจรตอนเช้ากลางเมืองใหญ่ยังไม่แออัด ผู้คนเริ่มทยอยออกจากบ้านไปทำงาน เป็นผู้ใหญ่ที่ทั้งมีและไม่มี Passion ออกหากินตามตึกสูงระฟ้า เดินผ่านการคมนาคมอันสลับสับสนแทรกซ้อนทุกซอกซอย พื้นที่บีบอัดในปริมาณที่จำกัด ผมกับธูปเร่งฝีเท้าจากเดินเป็นออกวิ่งเชื่องช้า เป้าหมายคือสวนสาธารณะ วิ่งวนครบหนึ่งรอบแล้วเดินกลับรวมระยะทางราวสามกิโลเมตร สำหรับวันแรกของธูปอาจหนักเกินไปเสียด้วยซ้ำ

             แสงพระอาทิตย์ตอนรุ่งสางเป็นสีนวลกว่าช่วงเย็น ที่สวนผู้คนจำนวนหนึ่งวิ่งเหยาะไปในทิศทางเดียวกัน กลุ่มคนมีอายุออกกำลังด้วยการเคลื่อนไหวแช่มช้า ถ้าเป็นแม่บ้านจะอยู่ในกลุ่มแอโรบิกเสียมาก ธูปเดินสลับวิ่ง ผมพยายามรักษาจังหวะให้คงที่ คือปล่อยให้มันเดินนำบ้าง เดินตามบ้าง แต่ไม่ทิ้งห่างไปเสียทีเดียว

              “พี่ มันมีปลาอยู่ด้วยเหรอ”

             บางคนหลังตักบาตรแล้วซื้อขนมปังจากร้านของชำเล็กๆ มาโยนลงน้ำ ธูปสนอกสนใจ ผมเลยพามันมาแวะซื้อขนมปังปลาด้วยกัน

              “มีเต่า มีปลา มีเหี้ยด้วย”

              ผมยักคิ้ว บิก้อนขนมปังบางส่วนไว้ ที่เหลือให้ธูปโยนเล่นลงน้ำตามใจ มันไม่บ่นเหนื่อย แต่เหงือไหลไคลย้อยจนชุ่มเสื้อสีหม่น แทนที่จะบิขนมปังโยนให้ปลากินดีๆ ยังมีแรงเหลือปั้นเป็นก้อนกลมๆ โยนไปสุดแรงตามประสาเด็กทโมน

              “ให้ยืนพัก ไม่ใช่ให้ใช้แรงเพิ่ม เดี๋ยวเดินกลับไม่ไหว”

              “แค่นี้จิ๊บๆ พี่เหนื่อยแล้วเหรอ”

              “ปกติกูวิ่งอย่างน้อยสามรอบ”

              “โหดสัส” มันว่าโดยไม่สบตา ยังสนุกกับการโยนอาหารปลาเล่นไม่สนใจว่าจะมีใครมากินเบรคฟาสต์บายเนติธรหรือไม่ “ผมไม่เคยตื่นเช้าแล้วออกมาข้างนอกแบบนี้เลย”

              “ชอบไหมล่ะ”

              “ก็ดี"

             ไม่จริง มันชอบมากเลยต่างหาก

             ผมมองรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า ไม่มีแว่นกรอบดำบดบัง เห็นรูปหน้าของธูปชัดเจน มันคาดผมกันหน้าม้าไม่ให้ร่วงลงมา เป็นที่คาดผมโง่ๆ สีดำ ไม่มีลวดลาย ดันเอาเส้นผมสีเดียวกันเด้งกระโดกกระเดก ไม่มีการวางมาดใดๆ โดยสิ้นเชิง

             ยิ่งสายพระอาทิตย์ยิ่งโผล่พ้นมุมตึก ออกฤทธิ์แผดเผาให้เหงื่อยิ่งผุดจากไรผม หน้าที่มันเยิ้มของธูปยิ่งฉ่ำ ผมใช้นิ้วหัวแม่มือปาดเหงื่อเม็ดเป้งที่กำลังวิ่งถลาลงจากหน้าผากยังหางคิ้ว บังเอิญว่าอีกสี่นิ้วที่เหลือประคองไว้บนแก้มพอดิบพอดี ธูปชะงักมือที่กำลังจะขนมปังก้อนสุดท้าย เผลอทำร่วงกลิ้งไปบนหญ้าสีเขียวชอุ่ม ไหลลงริมบ่อน้ำเสร็จพี่เต่าที่ลอยคอไม่ใกล้ไม่ไกลจากฝั่ง มันเหลือบตามองผม เวลานั้นเงาเมฆผ่านพ้น แสงแดดแยงตาทำให้ต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่เห็นอาการของเด็กหนุ่มชัดเจน

             ธูปหลบตา ส่วนผมก็ดึงมือออก ป้ายเหงื่อของมันกับเสื้อแล้วแสร้งมองออกไป เข็มนาฬิกาไม่ได้หยุดหมุน ไม่มีใครกลั้นหายใจ เราหยุดวิ่งกันพักใหญ่ แต่หัวใจกลับเต้นตึกตักจนน่ารำคาญ

             ความเงียบเข้าปกคลุม แต่ไม่อึมครึม ผมได้ยินเสียงหวิดหวิวดังมาแต่ไกล แต่ไม่ใช่ มันคืออาการหูอื้อชั่วขณะเมื่อจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถูกซึ่งคงไม่ประหลาดถ้าคนที่ทำให้ผมเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าขนาดนี้ไม่เป็นเด็กผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหัว ไม่มีการประดิดประดอย มันทะเล้น กวนประสาท มิหนำซ้ำยังแต่งตัวธรรมดาๆ ไม่เป็นที่น่าสนใจ ไม่มีจุดดึงดูด ไม่มีกระทั่งเซ็กซ์แอพเพียล แต่สาเหตุที่นอนไม่หลับทั้งคืนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีมันเป็นส่วนประกอบ

              “อะ...เอามือมาจับหน้าผมทั้งที่ให้อาหารปลาเมื่อกี้ได้ไง สกปรกว่ะ”

             กลายเป็นธูปไหวพริบดีกว่าในสถานการณ์นี้ ผมยิ้มแกนๆ ปัดมือไปมากับขากางเกง

              “หน้ามึงสกปรกกว่าอาหารปลาอีก”

              “ตลกละ”

             มันย่นจมูก ผมเห็นผ่านหางตาเพราะไม่กล้าสบตากับตรงๆ ยืดแขนเหยียดออกได้ยินเสียงเส้นเอ็นลั่น บังเสียงหัวใจได้ประมาณหนึ่ง

              “พักพอยัง จะได้กลับ”

              “ยังขี้เกียจอยู่เลย”

              “เดี๋ยวต้องอาบน้ำสระผมไปเรียนอีก แล้วไปยังไง มาร์คมารับหรือเปล่า”

             ธูปพยักหน้ารับคำ

             “ไลน์บอกมันไว้แล้ว แต่ตอนนี้ผมหิวอะ หาอะไรกินกันก่อนได้ไหม”

              “หาเรื่องอู้ไปเรื่อย”

              “เช้าๆ มีร้านที่ไม่เคยเห็นตั้งเยอะ”

             ส่วนใหญ่แล้วเป็นร้านสำหรับพนักงานเงินเดือนที่ออกมารอรถ เป็นแซนวิช อาหารเพื่อสุขภาพ หรือไม่ก็ข้าวราดแกงแผงลอย ใช้โต๊ะสังกะสีไม้เป็นหน้าร้านชั่วคราว ชุกชุมมากบริเวณป้ายรถเมล์หรือตีนสะพานรถไฟฟ้า ธูปมองตามคอแทบเคล็ดตอนที่ผ่าน

              “อยากกินหมูทอดเจียงฮาย”

              “ที่วิ่งมานี่หมดเลยนะ”

              “วิ่งแล้วแปลว่ากินได้” ความหิวของเด็กนี่มันน่ากลัวจริงๆ “อยากกินน้ำเต้าหู้ด้วย ซื้อไปฝากพี่นันต์กัน พี่นันต์ต้องงงแน่ถ้ารู้ว่าผมมาออกกำลังกาย”

              “ใครๆ ก็งงปะ”

              “Surprised! ไง”

             ผมหัวเราะ ชอบสำเนียงภาษาอังกฤษเป๊ะเฟร่อ ของมัน นึกว่าอาจารย์อดัมมาเอง ธูปมองอ้อน ลูบท้องประกอบ ผมคิดแล้วว่าจะหาอะไรกลับไปกินด้วย แกล้งทำขึงขังไปอย่างนั้น อย่างน้อยสถานการณ์ก็ดีกว่าเมื่อตอนเอามือไปจับแก้มมันโข

              “โอเค งั้นก็ไป แวะล้างหน้าล้างตาหน่อย จะได้ล้างมือด้วย”

             ผมอนุญาต พยักเพยิดไปทางห้องน้ำของสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล ห้องน้ำชายมีแบ่งเป็นทั้งส้วมและโถสุขภัณฑ์ ช่วงเช้าตรู่กับตอนเย็นหลังพระอาทิตย์อ่อนแรงคนใช้บริการเยอะ แม่บ้านของกทม.คอยทำความสะอาดและเติมทิชชู่สม่ำเสมอ เป็นสวนที่ติดอันดับความนิยมของคนเมืองเพราะมีการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้

             ผู้ชายคนก่อนหน้านี้เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำไป เขาล้างมือแล้วดึงทิชชู่ใช้ก้อนใหญ่ ธูปมองตาม ล้างมือที่อ่างข้างกันกับผม

              “ทำไมต้องใช้ทิชชู่เยอะขนาดนั้นด้วยวะ”

              “มือเปียกก็ต้องเช็ดให้แห้งดิ” ผมตอบ วักน้ำขึ้นล้างหน้า ธูปทำตาม เปียกตั้งแต่หน้าจนถึงเสื้อ

              “พี่รู้ปะว่าถ้าคนเราสะบัดมือ 12 ครั้งก่อนใช้ทิชชู่มันประหยัดทิชชู่มากเลยนะ”

              “หืม”

              “ผมเคยฟัง Ted talk ของ Portland ถ้าคนเราสะบัดมือหลังล้างมือ 12 ครั้ง เท่าจำนวนภาษีที่เสีย ทิชชู่แค่แผ่นเดียวก็เช็ดมือแห้งได้”

             ผมพยักหน้า ฟังธูปพูดเพลิน

              “เฉพาะทิชชู่บางแบบหรือเปล่า เมืองนอกทิชชู่คนละคุณภาพกับบ้านเราไง”

              “ไม่ ผมลองแล้ว ใช้ได้กับทิชชู่ทุกแบบ พี่คิดดู ถ้าใช้ทิชชู่แผ่นเดียวเช็ดมือ เฉพาะในอเมริกาวิจัยว่าจะประหยัดภาษีได้ห้าร้อยกว่าล้านปอนด์เลยนะ ผมจำตัวเลขไม่ได้”

             ธูปเริ่มสะบัดมือ ผมมองมันผ่านกระจก เด็กหนุ่มนับออกเสียง พิสูจน์ทฤษฎีที่เคยได้ยินมา มีคนรอใช้อ่างล้างหน้าต่อ มองธูปสะบัดมือด้วยหน้าตาประหลาดแล้วเดินออกไปโดยไม่หยิบทิชชู่ด้วยซ้ำ

              “...สิบ สิบเอ็ด สิบสอง”

             เด็กหนุ่มนับถึงจำนวนที่บอกในเวลาไม่นาน ผมยืนพิงกำแพงอยู่ใกล้ๆ มันใช้ทิชชู่แผ่นเดียวมาพับครึ่ง ซับน้ำจากมือเชื่องช้า มือของธูปเป็นมือของคนไม่ทำงานหนัก ข้อนิ้วเล็ก ผิวขาว ลักษณะหนังไม่กระด้าง เส้นลายนิ้วมือไม่ชัด มันตัดเล็บสะอาดสะอ้าน ผิวบนใต้เล็บเป็นสีเนื้ออมชมพู นิ้วยาวเรียวสวย เห็นเส้นเลือดชัด นั่นอาจเป็นความแตกต่างของมือผู้หญิงกับผู้ชาย ผมมองมือที่บรรจงเช็ดไม่ทันระวัง ธูปเล่นทีเผลอด้วยการหันมาแปะมือบนแผ่นอกผมทั้งสองข้าง ยิ้มกว้างสดใส

             หัวใจผมเต้นหนักอีกครั้งเมื่อถูกสัมผัส แม้มีเสื้อคอยกั้นแต่เนื้อผ้าก็เบาและบางจนรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิจากอีกฝ่าย ธูปยิ้มค้าง ก่อนผมจะวางมือทับมืออีกฝ่ายให้รู้สึกตัว เด็กหนุ่มก็ชักมือกลับรวดเร็ว

              “เห็นไหม ไม่มีลายบอดี้โกล์ฟ”

             มันหมายถึงไม่มีรูปรอยฝ่ามือที่เป็นเครื่องหมายการค้าของสินค้าแบรนด์ดัง เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถเช็ดมือได้แห้งหลังจากสะบัดมือสิบสองครั้งจริง พลิกตัวหนีเอาทิชชู่ที่คามือทิ้งถังขยะ ส่วนผมนิ่งงันอยู่ตรงนั้น มองต้นคออีกฝ่ายที่แดงขึ้นมาจนเหมือนตอนวิ่งเสร็จหมาดๆ

              “อืม แห้งจริงด้วย”

             ครางรับในลำคอ มือยังคงวางบนเหนืออกด้านซ้าย ตำแหน่งที่ไอ้เด็กพิเรนทร์เอามือวางเมื่อครู่

             ความรู้สึกนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ไม่อาจปฏิเสธว่าไม่เข้าใจ ผมเรียนรู้จนจัดเจน ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวใจสั่นไหวง่ายดายแบบนี้ หรือบางทีทฤษฎีการจีบที่มันเผลอใช้กับผมโดยไม่ตั้งใจจะเป็นเรื่องจริง

              “ไปหาของกินกันเถอะครับ”

             ธูปเป็นคนแก้สถานการณ์อีกครั้ง ส่วนผมก็ได้แต่ทำเป็นละเลยความรู้สึกโลดโผนที่ก่อตัวขึ้นภายใน เดินเฉียดไหล่มันออกจากห้องน้ำก่อนโดยลอบมองเงาที่ไล่ตามกันมาไม่ห่าง

             เสียงร้องโครกของกระเพาะอีกฝ่ายดัง เงาที่เดินตามชะงัก ทิ้งระยะให้ไกลกว่าเดิมเล็กน้อย ผมหลุดยิ้ม สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่

              “หิวเลยดิ ไม่เคยตื่นเช้ามาวิ่งแบบนี้”

             หันกลับไปคว้าคอไอ้เปี๊ยกให้เดินใกล้ๆ กัน มันเอามือกุมท้อง ซ่อนสีหน้าด้วยผมหน้าม้าที่หลุดรอดมาจากที่คาดผม

              “พี่แม่งหูดีอย่างกับหมา”

              “ท้องมึงร้องจนดังไปจนถึงดาวอังคารแล้วเหอะ”

              “ก็บอกว่าหิวตั้งนานแล้ว”

             ธูปบ่นในลำคอ ผมชอบสถานการณ์ที่กลับมาเป็นเช่นเดิมรวดเร็ว ความสบายใจเมื่ออยู่กับอีกฝ่ายเป็นเหมือนสายลมอ่อนๆ

             ลมในฤดูร้อน หลังจากพระอาทิตย์สาดแสงแรงขึ้น และการออกกำลังกายที่กินเวลาเนิ่นนานพอประมาณ

 



TBC

รักใครให้ชวนไปวิ่ง แอร๊
ขอโทษที่มาเลทนะคะ ผิดไปแล้ววว สารภาพเลย เมื่อวานลืม /กรีดร้อง ไม่ได้มาลงนานเกินไป
แต่จะพยายามมาให้ตรงเวลานะ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-08-2018 05:08:57
น้องธูปฮาาา
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-08-2018 07:19:22
เอาแหล่ว ๆ พี่มังกรตกหลุมเด็กเนิร์ดแล้ว
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 24-08-2018 07:37:43
บทจะหวั่นไหวก็เอาเลยวุ้ย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-08-2018 09:28:07
เอาหล่ะ..เค้าเริ่มรู้สึกต่อกันแย้ว..ววววว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 24-08-2018 09:46:06
น้องธูปไม่ต้องทำไรเลย พี่มังกรก็เหมือนจะหวั่นไหวไปซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-08-2018 10:28:43
หูวววววว

พี่มังกรเต๊าะน้องเบา ๆ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 24-08-2018 10:52:02
แล๋ว แล๊ว แล้วๆๆๆๆ :o8:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 24-08-2018 11:27:34
น้องธูปน่ารัก ไม่แปลกที่คนพี่จะหวั่นไหว แต่ดูท่าน่าจะหวั่นไหวทั้งสองคน
แล้วจะลงเอยกันท่าไหนละเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-08-2018 11:56:18
ตอนนี้อ่านแล้วมันอุ่นๆ แก้มร้อนๆแทนน้องธูปนะว่ามั้ย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-08-2018 12:32:36
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 24-08-2018 22:26:54
กรี๊ดดดดดดดดดด ถูกจริตเหลือเกินค่ะ ชอบๆๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-08-2018 13:12:24
พี่มังกรหวั่นไหว ใจเต้นตึกตัก  :-[
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-08-2018 16:02:56
คนน้องอ่ะแค่งงๆเอ๋อๆ

แต่อิพี่นั้น อาการออกเยอะ ล่ะนะ

บรรยากาศหวาดเสียว

บรรยากาศขัดเขิน

เกิดขึ้นเป็นระยะ

ใครจะรู้ตัวก่อนกัน มาทายซิ 5555
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 25-08-2018 19:57:54
ติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 27-08-2018 11:44:12
และแล้วพี่มังกรก็ตกหลุม
ของน้องธูปก่อน 5555
น่ารักๆ ต่างคนต่างหวั่นไหวรึป่าวนาาา
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 27-08-2018 23:35:10
ไปยุให้น้องมันจีบหญิงแต่ตัวเองดันตกหลุมที่ช่วยน้องมันขุดไว้ซะงัน
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-08-2018 13:49:10
น้องธูปน่ารัก


เอ็นดูค่ะ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-08-2018 21:55:14
เอาแล้ว คุณกานดาไหนคะ เป็นใครล่ะ
ต่อไปอาจไม่รู้จักละนะ พี่มังกรมีความสปาร์คน้องน่ะ
แล้วธูปเหมือนพอจะเดาอาการออก แต่ก็เปลี่ยนเรื่องเก่ง

น่ารักสุดตอนคิดอะไรตามหลักมาก 55555
ธูป ลูกกกก จะจีบใครไม่ต้องอิงขนาดนั้นก็ได้
แต่จะจับพี่มังกรน่ะ แค่จับเช็ดหน้าอกอีกรอบ ก็ไม่น่ารอดละ


หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 30-08-2018 11:17:53
พี่ก้องหวั่นไหวไปกับเด็กเนิร์ด
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING WRONG(31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 31-08-2018 08:27:01
chapter 05
SOMETHING WRONG



     

            ข้อดีที่ธูปยังคงตั้งหน้าตั้งตาจีบคุณกานดาคือทำให้ระหว่างเราไม่เกิดความรู้สึกประดักประเดิดกับพฤติกรรมประหลาดๆ ที่ผ่านเข้ามาเกินไปนัก ผมยังนึกถึงแต่สะบัดความคิดออกคล้ายเห็บหมัดที่วกวนรบกวนจิตใจ ให้พอเจ็บๆ คันๆ น่ารำคาญ เห็นมันปรี่เอาช็อกโกแลตไปให้คุณกานดาก็เบะปากแกมสะใจที่หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจขนมของมันนัก

             ผมไม่เห็นฟีดแบ็คที่ชัดเจนนักหลังจากนั้น เป็นช่วงที่ตรงกับธูปเหมางานกลุ่มมาทำคนเดียวที่บ้าน หายหน้าไปพักหนึ่ง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องเอางานกลุ่มมาทำเดี่ยว แต่ไม่ทักท้วง เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผมต้องการระยะห่างเว้นว่างให้ความรู้สึกที่ฟุ้งกระจายตกตะกอนลงมาเหมือนกัน
             ถ้าบอกว่าชอบ ผมก็น่าจะหงุดหงิดใจเรื่องคุณกานดาบ้าง แต่เพราะรู้ว่าโอกาสที่มันจะจีบคุณกานดาติดน้อยมากเลยตัดความไร้สาระนั้นออกไปโดยง่าย ไม่ใช่แค่เพราะคุณกานดาชอบพี่นันต์ ไม่ใช่เพราะอายุที่ห่างกันมาก แต่เพราะตัวธูปเองกำลังทดลองในเรื่องที่ยากจะเข้าใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายตัวเองจะดีใจหรือเสียใจถ้าธูปคอตกมาบอกว่า ‘ผมอกหักจริงๆ แล้วครับ’

             ผมพยายามละความสนใจจากทั้งคู่ แค่ลำพังตัวเองก็สับสนเต็มทน หลังจากวันนั้นระหว่างเราเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง มันยังสนใจเรื่องวิ่ง แต่ยังไม่มีโอกาสไปอีกครั้ง ส่วนผมยังคงทำตัวเหมือนก่อนที่จะสอนให้ธูปหัดวิ่ง และออกวิ่งในระยะทางที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ความรู้สึกสงบตอนที่วิ่งถูกพังทลายทั้งหมด เผลออยู่เฉยๆ เป็นต้องคิดถึงเรื่องไอ้เด็กนั่นขึ้นมาบ่อยๆ

             คิดถึงมากขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ชอบจะเป็นอะไรได้อีก

             ผมนึกถึงขั้นที่ว่าถ้าอาจารย์พิภพรู้ว่าผมชอบลูกชายสุดรักสุดหวงของแกขึ้นมาจะไล่ตะเพิดผมออกจากร้าน ยึดทุน หรือไม่ให้ผมเรียนจบ น่าตลกดีที่ทุกอย่างผมสมมติขึ้นมาทั้งที่เห็นอยู่ว่าธูปไม่ได้คิดเหมือนกัน

             ไอ้เด็กคนเดิมยังฉอเลาะคุณกานดาอย่างเจ้าเล่ห์ ทำตาเล็กตาน้อยใส่อย่างมีชั้นเชิง นับเป็นชั้นเชิงประมาณหนึ่งที่ดีขึ้นมากจากวันแรกที่รู้จักกัน

             บ้าฉิบ ผมไม่ชอบความรู้สึกตกหลุมรัก มันทำให้กระวนกระวาย ไม่เป็นสุข ยิ่งตกหลุมรักกับคนที่ไม่สมควรแล้วยิ่งว้าวุ่นจนยากที่จะซ่อนความกระสับกระส่าย เคยคิดว่าหลุดพ้นทุกเงื่อนไข แต่นี่มันยิ่งกว่าบ้าของบ้า คือบ้าที่เผลอไปชอบผู้ชายด้วยกันทั้งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบได้

             หรือบางทีอาจเพราะผมให้ความสนใจมันมากเกินไป อาจเป็นความเข้าใจผิดเพราะไม่ได้คบใครจริงจังมาพักใหญ่ ความเหงาของการเป็นมนุษย์วัยกลัดมันอย่างที่ธูปเคยเรียก เวรเอ๊ย แต่สาเหตุที่ไม่อยากคบใครก็เพราะต้องการจะรีบเรียนให้จบโดยไม่ต้องสละเวลาไปคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ

             พยายามสลัดความคิดออกไปจากหัว เจ้าของตัวมันก็มานั่งจ๋องอยู่ข้างๆ ไม่รู้สึกรู้สา ธูปเป็นคนความตั้งใจสูง แน่นอนมันตั้งใจจีบคุณกานดาขนาดนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ผ่านมามันเจตนาทำให้ผมคิดเกินเลยไปหรือเปล่า ถ้าตั้งใจแล้วยังมึนมานั่งทำท่าสลดใส่คงเรียกได้ว่าเป็นคนเย็นชาฉิบหาย

              “ผมว่าผมอกหักจริงๆ ว่ะ”

             ประโยคนั้นจบแทบไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าทำไมในเมื่อดูออกตั้งแต่แรก ผมไม่รู้ว่าตัวเองผิดหรือเปล่าที่บอกให้ธูปลองจีบคุณกานดา แต่ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปใหม่ก็ยังคงเชียร์เหมือนเดิม มันไม่ได้ดูเศร้า แต่หมดความมั่นใจลงประมาณหนึ่ง

              “ก็คุยกันดีนี่”

              “ผมชวนพี่กานไปกินข้าวอะ พี่กานไม่ไป บอกว่าต้องทำงาน”

              “แปลว่าเขายุ่งไง”

              “คนยุ่งแค่ไหนก็ต้องกินข้าวปะ” ก็จริงของมัน “คำตอบแบบนี้เหมือนไม่อยากไปกับผมมากกว่า”

              “คิดมากไป” ผมตอบคำถามแบบไม่ใส่ใจนัก มองหน้าจอโน้ตบุ๊ก กระทั่งสัมผัสได้ถึงมืออุ่นๆ นาบข้างแก้มทั้งสอง ธูปจับหน้าให้ผมมองมัน จ้องหน้าหางตาตก

              “สนใจผมหน่อย”

               เวรละ

               ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ห้ามตัวเองไม่ให้คิดเกินเลย สะบัดหน้าหนีออกการเกาะกุมของมัน สูดลมหายใจแล้วปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กลงก่อนธูปจะทำอะไรมากไปกว่านี้

              “อืม...ว่าไง”

              “ผมรู้สึก...เหมือนพี่กานมองผมเป็นน้องชาย” ผมกระแอมไอในลำคอ ไม่รู้ว่าควรบอกมันแบบไหนให้รู้สึกดีขึ้นกับความจริงข้อนี้ “เหมือนกับผมไม่สามารถทำให้พี่กานต์มองผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งได้เลย”

              “ทำไมถึงคิดแบบนั้น” ผมถามกลับ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ธูปรับรู้ได้เองโดยไม่มีใครแนะนำ ส่วนที่คนอื่น ไม่ว่าจะผม หรืออาจจะพี่นันต์มองเห็นความรู้สึกที่คุณกานดามีต่อธูปนั้นเพราะต่างมองจากภายนอก ในระยะที่ห่างออกมา อีกทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่าไอ้ธูป ที่เป็นเพียงเด็กเห่อมอยคนหนึ่ง

             ธูปถอนหายใจ กำมือบนหน้าตัก ไหล่ลู่ลงทั้งสองข้าง

             “ไม่รู้สิครับ อาจเพราะบรรยากาศไม่เหมือนตอนเห็นเพื่อนที่จีบกันอยู่ด้วยกันมั้ง”

             “คุณกานดาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความเป็นแม่จะสูงกว่าคนอายุวัยเรา” ผมหมายถึงวัยเพื่อนๆ ของมัน “จะให้มากระดี๊กระด๊าอะไรก็ประหลาด”

              “ไม่ใช่อะ พี่กานปล่อยให้ผมจับมือแต่ไม่เขินเลย ผมอ้อนหรือทำตาหวานใส่แค่ไหนก็ยิ้มๆ ไม่เห็นรู้สึกว่าจะเขินเลยสักนิด ถ้าคนที่คิดเป็นอย่างอื่นบ้าง สักนิดก็ยังดีน่าจะมีปฏิกิริยากับการกระตุ้นของผม”

             มันยังคงติดใช้ภาษาทางวิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องความสัมพันธ์ แต่คนที่เกิดปฏิกิริยากับมันโดยเจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจใส่สารกระตุ้นลงไปกลับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แปลกๆ

              “อื้ม” ผมไม่เถียง คุณกานดาไม่อยู่แล้ว มันใช้เวลาทั้งวันกับหญิงสาวจนถึงเวลาปิดร้าน พี่นันต์นั่งทำบัญชีหลังจากเดินไปหมุนป้ายหน้าร้านว่า closed

              “เซ็งว่ะ”

              “ธรรมดา เดี๋ยวก็หาย”

              “ไปกินเหล้ากันไหมพี่”

              ผมเลิกคิ้ว ก่อนหน้านี้มันบอกว่าตัวเองไม่ชอบดื่มแท้ๆ หรือที่จริงมันเสียใจมากกว่าที่แสดงออกมา

              “อยากลอง เผื่อจะหายอึดอัด อธิบายไม่ถูก”

              “ลองพาราไหม”

              “ครับ?”

              “อกหักแล้วกินพาราหายนะ ที่รู้สึกจี๊ดๆ ในใจอะ”

              “พูดจริงปะ”

              “กูเกิ้ลเลย” ผมท้า แต่มันส่ายหน้า

              “อยากกินเหล้า ไปร้านพี่นันต์ก็ได้ คืนนี้ผมนอนด้วยดิ พรุ่งนี้จะได้ออกไปวิ่งด้วยกันอีก” ธูปยิ้มแกนๆ “วันนั้นสนุกดีนะ”
             ผมอยากห้าม แต่ปากก็ไม่ขยับ ได้แต่พยักหน้าให้มันงงๆ
             

             ร้านที่พี่นันต์ทำงานอยู่ตั้งระหว่างมหาวิทยาลัยที่ธูปเรียนกับคาเฟต์ มันยืมเสื้อผ้าผมใส่ออกเที่ยว ยืมตั้งแต่เสื้อ กางเกง รวมไปถึงบ็อกเซอร์เพราะกางเกงยีนที่สวมหลวมเกินไป โชคดีที่แฟชั่นกางเกงหลุดตูดไม่ตกรุ่นเท่ากางเกงขาบานของธูป กับช่วงนี้มันใส่คอนแท็กส์เลนบ่อย ผมช่วยเซ็ตผมให้เป็นทรงก็ดูเป็นหนุ่มสุดเฟี้ยวเฮี้ยวกระชากใจสาวๆ ได้ไม่ยาก

             ผมไม่ได้ออกเที่ยวร้านเหล้านานแล้ว เดิมเป็นคนไม่สุงสิงกับคนหมู่มาก นิสัยของคนประเภทอินโทรเวิร์ทคือออกมาสังสรรค์กับสังคมได้บ้าง แต่ต้องชาร์จพลังด้วยการกลับไปอยู่เงียบๆ สักพัก ระหว่างที่มีแฟนถ้าเป็นผู้หญิงประเภทปาร์ตี้จ๋าแล้วต้องพาผมออกไปอวดวงศาคณาญาติทั้งคณะก็เหนื่อยหน่อย มีปากเสียงกันบ่อย แต่ถ้าเป็นคนเงียบๆเหมือนกันวันๆ ก็ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งอ่านหนังสือคนละมุมห้อง

             พี่นันต์ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักเมื่ออยู่บนเวที เขาแค่เจ้าเล่ห์มากขึ้น ร้องเพลงเสียงทุ้ม กังวาน เหมาะกับเพลงช้าๆ มากกว่าเพลงร็อก แต่คลับของวัยรุ่นมักมาพร้อมเพลงกระแทกอารมณ์ซึ่งคนที่ดูเฉยเมยอย่างพี่นันต์ก็ทำได้ดีพอๆ กัน ผมรู้ว่าเขาคุยกับลูกค้าเก่ง แต่ไม่เคยคิดว่าจะเล่นมุกโปกๆ แบบที่คนทั่วไปเล่นก็ได้ดีจนต้องตาค้าง

             “พี่นันต์แม่งประหลาด”

             ไม่ใช่แค่ผม แต่ไอ้คนที่เมาแอ๋ข้างๆ ก็ด้วย ผมสั่งเหล้าปั่นมาดื่ม ติดรสหวานอมเปรี้ยว น่าจะทำให้นั่งได้นานกว่าเบียร์หรือเหล้า ซึ่งผมคิดผิดที่ไอ้ธูปกลับซดเอาๆ ไม่ใช่เพราะรันทดกับชีวิตรักแต่เพราะมันอร่อยกว่าที่คิดต่างหาก

             “ก็ไม่เห็นมีใครปกติสักคน”

             ทั้งมัน ทั้งพี่นันต์ ไอ้มาร์คที่ช่วงนี้หายหน้าหายตา คุณกานดาที่ใช้เวลาทั้งวันไปกับร้านกาแฟร้านเดิมๆ ได้เป็นเดือน ผมเริ่มเชื่อที่เคยมีคนบอกว่าคนไม่ประหลาดต่างหากคือคนประหลาด ไม่มีใครเหมือนกันทั้งนั้น ไม่โดยสิ้นเชิงแต่เรากลับตัดสินคนที่ไม่เหมือนตัวเองง่ายดายว่าเขาผิดเพี้ยน คิดแล้วตลกดี

              “จริง พี่ก็ประหลาด”

              “ยังไง”

             ที่แน่ๆ คือการที่ยอมมานั่งร้านเหล้า ฟังเพลงอึกทึกทั้งที่ตัวเองไม่ได้ชอบเพียงเพราะคำขอของเด็กคนหนึ่ง มันเคาะมือไปตามเสียงดนตรี แค่เคาะให้ตรงตามจังหวะยังไม่ลงห้องดนตรีด้วยซ้ำ

             นึกมาถึงตรงนี้ที่คิดว่าไอ้ธูปเป็นเด็กเนิร์ดอัจฉริยะก็ตระหนักรู้ชัดเจนว่าบางเรื่องไอ้ธูปก็ห่วยแตกกว่าที่คิดเอาไว้

             “พี่น่าจะหาแฟนได้ไม่ยาก”

            “ใครบอกว่ากูหายาก”

             “ก็พี่ไม่มีแฟนอะ”

             “ไม่อยากมี” มันมีจริงๆ นะคนที่คิดแบบนี้ เชื่อกันบ้างสิโว้ย

             “ไม่เหงาเหรอ”

             “ทำไมต้องเหงาวะ ดูเมลที่พ่อมึงสั่งงานกูไหม นี่คิดว่าจบโทน่าจะสอนแทนอาจารย์พิภพได้แล้ว ทั้งธีสิส ทั้งเขียนบทความลงวารสาร นี่นะ มีการบ้านกับออกข้อสอบเด็กอีก”

            “เออ ใช่ จะสอบแล้ว”

            “มึงไม่อ่านหนังสือเหรอ ปิโตรเคมีเรียนง่ายนักหรือไง”

             ผมถามถึงคณะที่ธูปเรียนอยู่ มหาวิทยาลัยเดียวกับที่ผมจบ คือมหา’ลัยเดียวกับที่พ่อมันสอนนั่นแหละ

            “ก็อ่านที่บ้านดิ ไม่ก็อ่านรอเรียนวิชาถัดไป แต่ส่วนมากอ่านแค่โน้ตก็พอแล้ว ถ้าพี่ตั้งใจเรียนในห้องนะ บางวิชาไม่ต้องอ่านยังได้เลย พี่รู้ไหมการรับรู้ของคนผ่านทางหูจะจำได้ง่ายกว่าตา บางครั้งตาต้องใช้สีหรือรูปภาพเป็นตัวช่วย สื่อพวกนี้มันเข้าพร้อมกันหมดตอนอาจารย์สอนในห้องเรียน”

             ผมพยักหน้าเห็นด้วย แต่ที่ผ่านมาก็ต้องอ่านก่อนสอบอยู่ดี ผมเป็นคนขี้เกียจที่จะเรียนแค่ในห้องเรียนกับอ่านทวนจากเล็กเชอร์ของเพื่อนช่วงสอบแล้วได้คะแนนดี เป็นที่น่าหมั่นไส้จนหลังๆ ต้องเปิดติวก่อนสอบ เป็นการอาศัยด้วยกันกับเพื่อนมหา’ลัยแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย

              “ถ้าพี่เป็นอาจารย์ต้องฮอตมากแน่ๆ”

              “อะไรของมึง”

              “พี่เท่” มันบอก วางมือบนหลังมือผม ตาเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้า ลากปลายนิ้วชี้ไปตามเส้นเลือด ผมหดมือกลับมากอดอก แต่มันยิ้ม ไอ้เด็กเปรต “พี่เท่จริงๆ นะ พี่นันต์ก็เท่”

              “ไอ้มาร์คเพื่อนมึงไง”

              “ไอ้นั่นกระจอก” ผมหลุดขำ เสียงเพลงกลบบนสนทนาบางบนของเราให้กลืนหายไป “มันจีบพี่นันต์เป็นปีแล้วยังจีบไม่ติดเลย”

              “มันไม่จริงจังมากกว่า เหมือนหมาหยอกไก่”

              “พูดถึงหมา พี่รู้ปะผมชวนมันมาร้านพี่นันต์โคตรบ่อยเลย เนี่ย จะได้มาเห็นว่าสาวๆ แม่งโคตรติดพี่นันต์ มัวแต่ห่วงหมา” ธูปหัวเราะคิก เผลอเอามือดันจมูกเหมือนครั้งยังสวมแว่น ตาแดงก่ำ ไม่แน่ใจว่าแดงเพราะเหล้าหรือเพราะใส่คอนแทกเลนส์นานเกินไป “มันเลี้ยงฮัสกี้ที่บ้านตัวหนึ่ง เลี้ยงเป็นลูกเลย ติดหมามาก ตอนกลางคืนแงะออกมาไม่ได้เลย ถ้ากลางวันไม่มีแม่บ้านมาเฝ้าให้มันจะไม่ห่างจากหมาเลยด้วยซ้ำ”

              “ท่าทางรักมาก”

              “มันบอกว่าจะไม่ยอมให้หมาอยู่ตัวเดียว” ธูปเอียงคอไปมา เทเหล้าปั่นใส่จอกตัวเองเพิ่มแล้วยกซดทีเดียวหมด สาบานว่าผมไม่ได้มอมมัน ปรามจนเลิกปรามแล้ว คิดอีกทีปล่อยให้เมากับผมก็ยังปลอดภัยกว่าไปเมากับเพื่อนรุ่นเดียวกัน “บางทีมันก็มองผมเป็นหมาของมัน”

             ผมมองธูปวางนิ้วชี้ลงบนขอบแก้วใบเล็กสำหรับตักแบ่ง วนไปรอบๆ ตาเศร้าลงเพราะกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่เป็นองค์ประกอบ

              “ผมไม่ใช่ฮัสกี้ของมันที่อยู่คนเดียวไม่ได้”

              “อืม กูรู้”

              “ผมรู้ว่าพี่เข้าใจผม เพราะพี่ก็อยู่คนเดียว”

             ผมไม่เคยบอกหรือกระทั่งตั้งคำถามให้ตัวเองว่าโลกมันน่าอยู่ยังไง ปัญหาและความผิดหวังของแต่ละคนถาโถมเข้ามาในรูปแบบต่างกัน ผมไม่เคยคิดว่าจะมีใครมองเห็นความว่างเปล่าที่เต็มพื้นที่ของความทรงจำ แต่ธูปทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าบางทีผมก็ไม่ได้ชอบที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวนัก แต่มันก็อิสระมากกว่าคนคอยมีใครตามห่วงเป็นพรวนอย่างธูปมากจริงๆ

              “ก็ไม่เห็นพี่เป็นอะไร”

              “อึดอัดที่คนรอบๆ ตัวเป็นห่วงเหรอ”

                มันพยักหน้าหงึก เอนตัวไปด้านหลังทั้งที่นั่งเก้าอี้จนต้องรีบดึงคอเสื้อไว้ “ผมน่าจะจีบพี่กานติด”

                คงปลดปล่อยพันธะที่โอบรัดมันไว้ให้หลุดไปได้บ้าง ผมถอนหายใจ เป็นธูปก็มีความเครียดในแบบของมัน ไม่ใช่แค่ปีนี้เกรดจะดีสมศักดิ์ศรีหรือไม่ แต่ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อพิสูจน์ตัวเองตลอดเวลา

             พิสูจน์ว่ามันเป็นผู้ใหญ่มากพอสำหรับโลกใบนี้ แต่ไม่มีใครอนุญาตให้มันเป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น

              “กลับกันเหอะ ขี่หลังแล้วห้ามอ้วกใส่กู”

              “ผมไม่รู้”

              “ไม่รู้อะไร”

              “ไม่รู้ว่าจะอ้วกไหม มันคลื่นไส้ แต่คิดว่า...คิดว่าไม่ ถ้าผมไม่รับปาก...”

              “กูจะทิ้งมึงไว้นี่” ผมพูดเสียงแข็ง แม้เดาว่าจะสามารถแบกมันไปขึ้นแท็กซี่และแบกลงจากรถได้ก็ไม่อยากถูกอ้วกใส่ หลังผมเคยเป็นที่รองอ้วกให้เพื่อนสองคน แฟนอีกหนึ่งคน แย่ฉิบหาย เสียดายที่ไม่เคยเมาก่อนใครสำเร็จบ้าง

             “งั้นผมรับปากว่าจะไม่อ้วก”

               ชิ พวกคำพูดคนเมา


             จนแล้วจนรอดผมก็ไปลาพี่นันต์ เขาถามอาการไอ้ธูปสั้นๆ เพราะยังวุ่นวายกับสาวๆ ที่สลับกันส่งแก้วเหล้าให้ดื่ม ผมบอกแค่ธูปง่วงแล้ว จากนั้นก็ลากมันขึ้นแท็กซี่ แบกขึ้นหลังเข้ามาในร้านได้สำเร็จโดยที่อีกฝ่ายปิดปากสนิท ไม่แสดงอาการคลื่นไส้ให้เห็นแม้แต่น้อย

             ธูปเป็นคนที่จัดว่าเมาเรียบร้อย มันบ่นงุบงิบในปาก ไม่อาละวาด เอะอะมะเทิ่ง ไม่ร้องไห้ร่ำไร่ ไม่เรื้อนทำตัวกากเกรียน เป็นโชคดีของผมแต่ก็ยังเดาได้ว่าสำหรับพี่นันต์คงไม่เรียกว่าน่ารักเท่าไหร่             

              “นอนในห้องกูนะ”

             ผมหมายถึงห้องใต้บันได ที่ประตูสูงและลาดต่ำลงในทางลึก ขนาดกว้างพอสำหรับนอน เวลาธูปนอนที่ร้านจะมีมุมของตัวเองด้านนอก ไม่ก็ชั้นสอง เที่ยงคืนแล้ว ตัวเหนียวไปด้วยเหงื่อ ผมไม่อยากจัดแจงกับมันอีก สุดท้ายก็ยัดเจ้าของร่างสูงร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรเข้าห้องแคบๆ นอนแผ่บนฟูกหมดสภาพ

             “อยู่ในนี้แหละ พรุ่งนี้ตื่นสายพี่นันต์จะได้ไม่ต้องบ่น”

             ผมบอกมัน ถอดเสื้อยืดของตัวเองออกจากหัวตามด้วยกางเกงยีนขายาว ธูปลุกขึ้นนั่ง ถอดเสื้อชื้นเหงื่อและเต็มไปด้วยกลิ่นควันบุหรี่จากในร้านออกบ้าง

              “จะอาบน้ำไหม” ผมถาม มันส่ายหน้าปฏิเสธ เขี่ยกางเกงออกจากข้อเท้า เหลือแค่บ๊อกเซอร์ ส่วนผมก็สวมทรงด้วยกางเกงขาสั้นใส่นอนที่หยิบได้ง่ายๆ จากพื้นที่เล็กๆ ของห้องเช่นกัน

              “พี่”

             มีหมอนใบเดียว สละให้ธูปใช้ ส่วนตัวเองใช้ผ้าเช็ดตัวม้วนวาง ห่างออกมา ฟูกที่นอนสูงกว่าพื้นเย็นๆ หนึ่งถึงสองเซ็นติเมตร ช่วยไม่ให้ปวดหลังได้มาก แต่ข้อดีของการนอนพื้นในห้องที่คับแคบคือเย็นกว่าเห็นๆ

              “เอาอะไรป่าว ปิดไฟแล้วนะ”

              ผมเปิดพัดลมตั้งพื้นส่าย ไม่มีเสียงตอบกลับมาก็จัดการปิดไฟให้มืดสนิท ดาวเรืองแสงสีเขียวสะท้อนแสงลอยเด่นท่ามกลางความมืด เงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมหายใจ ผมล้มตัวลง ใช้แขนหนุนหัวอีกชั้น ระหว่างคิดเรื่องของธูป วกวนเป็นวงเวียน นึกถึงที่มาร์ติน เอมิสเคยกล่าวว่าบางทีวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการได้อยู่ใกล้ๆ คนที่เราหลงรักอาจเป็นแค่เพื่อน เพราะแม้ว่าผมจะชอบมันมากที่สุดตอนนี้ ก็ไม่ลืมว่าธูปเองก็มีคนที่ชอบมากที่สุดเหมือนกัน

              “พี่”

              ธูปยังเรียก ผมขยับตัวเข้าใกล้มัน ฟังเสียงที่อีกฝ่ายพยายามพูดต่อ

              “ขอจับได้ไหม”

             ช่วงจังหวะนั้นผมกลั้นหายใจทันที ครางฮือเชิงอนุญาต ผมไม่รู้ว่า ‘ขอจับ’ ของธูปคืออะไร เสี้ยววินาทีที่มือเล็กวูบไหวผ่านความมืด คำตอบก็คลี่คลายด้วยการแตะนิ้วลงบนหน้าท้อง ผมมองไม่เห็นแต่รับรู้ได้ว่าธูปเริ่มที่ปลายนิ้วชี้ จากนั้นก็เป็นนิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย ในที่สุดนิ้วหัวแม่มือก็ทาบทับพร้อมอุ้งมืออุ่น

             รู้สึกหน้าท้องเกร็งตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ แสงของดาวเรืองแสงสะท้อนพอให้เห็นเพียงรูปหน้าของเด็กหนุ่มหลับตาพริ้ม ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อนึกได้ว่าวันนี้ธูปไม่ได้ใส่แว่น

              “ลุกก่อน”

              “หือ?”

              “ลุกมาถอดคอนแท็กเลนส์ก่อน”

             จะนอนยังยากเย็นเข็นใจ ผมขยับตัวห่างออกจากมือเพื่อเปิดไฟอีกรอบ ค้นกระเป๋าเป้ที่เบียดเสียดด้วยหนังสือเล่มหนาอย่างถือวิสาสะ ไม่นานเซ็ตตลับคอนแท็กเลนส์ลายสไปเดอร์แมนก็ตกอยู่ในมือ ผมออกไปนอกห้องเพื่อล้างมือให้สะอาด กลับมาอีกครั้งเพื่อจัดการกับคนเมาที่ยังไถหัวไปใต้หมอน หลบจากไฟแสงแยงตาอย่างไรความรับผิดชอบ

            “ธูป ถอดคอนแท็กเลนส์ก่อน”

             มันส่ายหน้าอยู่ใต้หมอน ผมไม่รอถามอีกครั้ง ดึงแขนทั้งสองข้างให้ลุกขึ้นมานั่งชันเข่าประจันหน้ากันแล้วล็อกขาเอาไว้กับเอวให้แน่นหนา ไม่ยอมให้ดื้ออีก

             “มันอันตรายนะ แต่จะให้ถอดให้ไหม”

              “อื้อ”

             ผมถอนหายใจ ใช้เนื้อนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือหนีบพลาสติกบางๆ บนลูกตาดำให้เกิดฟองอากาศและหลุดติดออกปลายนิ้วมาอย่างง่ายดาย ส่วนอีกข้างก็ทำแบบเดียวกัน เก็บคอนแท็กเลนส์เจ้าปัญหาเข้าที่ แช่ในตลับเรียบร้อย ที่เหลือให้มันไปจัดการของตัวเอง

              “พี่เคยได้ยินไหม ถ้าคนเราจ้องตากันเกิน 4 นาทีแล้วมีโอกาสที่คนเราจะรักกันมากขึ้นถึงขั้นแต่งงานเลยนะ”

             ผมหันกลับมา เห็นธูปกำลังจ้อง ตาเราประสานกันโดยไม่มีอุปสรรค์ใดกั้น นิ่งค้างรอคอยอยู่แบบนั้น หนึ่ง สอง สาม.. ผมเผลอนับจำนวนวินาทีอยู่ในใจ แรงดึงดูดบางอย่างระหว่างคนสองคนเกิดขึ้น ผมค่อยๆ โน้มตัวเข้าหา ริมฝีปากของธูปเป็นสีสดกว่าอวัยวะส่วนอื่น นั่นดึงดูดให้ผมมองตามหลายครั้ง มันวาว ฉ่ำชุ่ม ดูนุ่มหยุ่นจนอยากลองสัมผัส ธูปไม่ขยับตัวหนี มันเอียงคอเล็กน้อยเพื่อไม่ให้จมูกของเราชนกัน กระทั่งริมฝีปากได้ทาบลงบนกลีบปากรสหวานของเหล้าปั่นที่ดื่มไปได้สนิท

             เรานิ่งค้างเช่นนั้น ผมรู้สึกตัวตลอดเวลาที่จูบธูป แต่ไม่แน่ใจว่ามันรู้สึกอะไร หรือล่องลอยอยู่แห่งหนไหน ผมผละออกมาเล็กน้อยเพื่อหันหลังกลับไปปิดไฟให้ทั้งห้องเหลือเพียงความมืดมิด เสียงหัวใจเต้นดังจนเหมือนจะดังออกไปให้คนข้างๆ ได้ยิน แต่ทำได้เพียงนิ่งเฉย นอนตะแคงหันหลังให้กลบความรู้สึกที่ไม่อาจควบคุมได้โดยดี

              “พี่มังกร”

              “นอนได้แล้ว”

              “โกรธผมเหรอ”

             ธูปถามขยับตัวกอดผมจากด้านหลัง เวรเอ๊ย ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ผมข่มตาหลับแต่คราวนี้ได้ไม่นาน ร่างกายของเราเหนียวเหนอะ เปลือยเปล่า แผ่นหลังของผมรับรู้ถึงไออุ่นจากแผ่นอกของธูป ลมหายใจผ่อนช้าคลุ้งไปด้วยกลิ่นหวานของไซรัป สุดท้ายก็หยุดความพยายามที่จะเมินเฉย แกะแขนเล็กออกจากเอว กดวางบนเบาะให้อีกฝ่ายนอนหงายแล้วปีนคร่อมทับ

             เสียงสวบสาบของผ้าเมื่อขยับตัวดังขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนแทนด้วยเสียงฉ่ำแฉะ ความมืดไม่ได้ทำให้ผมกะเกณฑ์ตำแหน่งของริมฝีปากพลาด บดลงเนิบช้าแล้วใช้ปลายลิ้นแทรกกลีบปากให้เผยอออก จูบของผู้ชายมีกลิ่นสาบของผู้ชาย ไม่ได้หอมละมุนเหมือนประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่กลับกระตุ้นอารมณ์ได้รวดเร็วและรุนแรงจนไม่อยากถนอมหรืออ้อยอิ่ง ผมจูบธูปหนักขึ้น จูบจนจมูกชนแก้มมัน ฟันเรียงขูดครากเป็นจังหวะที่โถมตัวเข้าหา ดูดกลืนและแทรกลิ้นเข้าไปอย่างจาบจ้วง

            “จูบกลับสิ”

             ผมกระซิบ จับมือธูปมาวางบนหน้าท้องตัวเอง เด็กหนุ่มคลำแตะเหมือนเด็กหาของเล่น มันส่ายหน้าสะบัดปฏิเสธ

             “เหมือนดูดน้ำแข็งที่อมไว้” เสียงนั้นพร่าจนตัวเองยังตกใจ ผมเกร็งหน้าท้อง เลือดไหลลงไปคั่งค้าง ณ อวัยวะหนึ่งของร่างกาย เคลื่อนมือให้ธูปไปจับก่อนจะเผลอครางออกมาจากลำคอแผ่วเบา

             “ผมเคี้ยว”

              “หืม?”

              “ผมเคี้ยวน้ำแข็ง”

             เวรละ จะมาเคี้ยวลิ้นกูเล่นไม่ได้นะ ผมสูดหายใจเข้า จับข้อมือมันที่วางบนอวัยวะที่ขยายตัวขึ้นออก เห็นความเรียบใสของธูปแล้วก็ฉวยโอกาสมากกว่านี้ไม่ลง

              “ชอบไหม”

              “เสียวฟัน แต่ก็ดี”

              ผมหัวเราะ จูบหน้าผากอีกครั้งแล้วล้มตัวลงข้างๆ ธูปนิ่งไป ไม่งอแงอีก ไม่ถึงนาทีหลังคำพูดนั้นจบลงด้วยซ้ำ เสียงกรนเบาๆ จากคนเมาก็ดังกลมเสียงหัวใจ ผมยกมือขึ้นพาดหน้าผาก

             เห็นทีจะเป็นอีกคืนที่หลับไม่ลงเหมือนเคย
 




tbc
เจอกันวีคหน้านะคะ แง มาสายอีกแล้ว
เขียนแล้วไม่รู้จะหมั่นไส้ใครเลยอะค่ะ ศีลเสมอกันสุด ไม่พูดเยอะ เจ็บคอ อ่อยเลยละกัน แงงง
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ :)
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-08-2018 09:14:57
วัยสับสนเหรอ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 31-08-2018 09:28:15
จริงค่ะ ไม่รู้จะหมั่นไส้ใครดี
น้องธูปก็อ่อยพี่เขาเหลือ อีตาพี่ก็รู้ทั้งรู้แต่ก็ตามเกมน้อง ในที่สุดก็จูบกัน แล้วจะยังไงต่อละทีนี้ จูบกันซะขนาดนี้ ยังจะทำเบลอเป็นพี่น้องกันต่อไปไหมอะ ชัดขนาดนี้แล้วนะมังกร
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-08-2018 10:01:07
ตายละน้องธูป มังกรยักษ์ตื่นแล้ว
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 31-08-2018 11:06:50
ธูปหนูเป็นอะไรลูก

คือรู้ตัวอะไรแบบนี้ปะว่าพี่เค้าชอบ

แล้วสับสนอะไรแบบนี้อ่าหรอ


หรือยังไง
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 31-08-2018 11:37:17
ฮือออออออ น้องธูปหนูเมาหรือหนูรู้ตัวกันเนี่ย
และแล้วพี่มังกรก้อตกหลุมน้องธูปเรียบร้อยแล้ว
สนุกมากๆเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 31-08-2018 12:04:49
พี่มังกรล่อลวงเด็ก
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 31-08-2018 13:03:36
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 31-08-2018 13:53:45
มีแต่คำว่าได้หรอๆๆๆๆๆ
อยู่ๆกฟ้ได้งี้เลยหรอออ
ไม่ทันตั้งตัวจนเขิน
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 31-08-2018 16:26:34
หนุงธูป

หนูเมาหรือหนูอ่อย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-08-2018 17:51:40
น้องธูปขี้อ่อยใช่ย่อย :hao6:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 01-09-2018 01:05:53
ยังไงงงงงงง
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-09-2018 08:20:57
พี่หวั่นไหว คิดไปไกล ยังไม่เท่าเหมือนธูปก็พอรู้ทาง
โอ๊ยยยยน่อออ อย่ามาอ้างว่าเมานะ จะตีให้

หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 01-09-2018 23:34:21
อ่านแล้วนอนไม่หลับเหมือนพี่มังกรเลยค่ะ
 :ling1: :ling1:
ธูปลู้กกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-09-2018 00:03:59
สรุปตอนหน้า

พี่มังกรตาเขียวเพราะพี่นันต์ต่อย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 02-09-2018 04:43:17
อ่อยเก่งทั้งคู่อะ 55555

งานคุณเวสต์ถูกใจเหมือนเดิม รอตอนต่อไปค่า

 :L2:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-09-2018 08:00:14
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 02-09-2018 08:31:09
ถึงพี่กานเขาจะไม่สนใจน้องธูปแต่พี่มังกรตกหลุมของน้องเข้าเต็มๆเลย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 02-09-2018 12:48:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 04-09-2018 22:38:41
อื้อหือ... :katai5:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 05-09-2018 13:17:08
chapter 06
imposter syndrome


             สาบานเลยว่าเรื่องเมื่อคืนผมเจตนาทำลงไปทั้งหมด

             เจตนาทำทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายเมา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกวันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อธูปหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผมถอนหายใจหนักๆ จนพี่นันต์ละสายตาจากคุณกานดามามอง ผมสบตาบาริสต้าแล้วก็เกือบถอนหายใจอีกครั้งถ้าลูกค้าไม่เดินเข้าร้านก่อน

             วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ตื่น ออกไปวิ่ง กลับร้านมาอาบน้ำ ช่วยพี่นันต์เปิดร้าน ตรวจงานให้อาจารย์ อะไรที่ทำโดยร่างกายสั่งการยังคงทำได้ปกติ แต่ในหัวเผลอวกวนคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่หยุด

             ผมแม่ง โคตรฉวยโอกาส

             ลูกค้าจ่ายเงิน เดินออกไปจากร้านโดยใส่ถุงผ้าที่พกมาด้วย ว่ากันว่าคนที่มีลักษณะอัลทูลิซึมสูงจะมีพฤติกรรมตรงข้ามกับคนมีอีโก้ หมายถึงลักษณะนิสัยชอบใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นโดยยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเองเช่นกันกับผึ้งบางตัวที่ยอมตายเพื่อให้นางพญามีชีวิตอยู่ เปล่า ไม่ใช่เพราะนางพญา แต่มันทำไปเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ ซึ่งลักษณะนิสัยเหล่านี้มียีนหรือสมองส่วนอะมิกดาลาใหญ่กว่าปกติ ผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เช่นกันกับนักอนุรักษณ์นิยม นักบริจาคทั้งหลาย การยอมลำบากเพื่อให้ชีวิตอื่นได้สุขสบายยิ่งขึ้น กระทั่งเมื่อคืนก็พบว่าแท้จริงแล้วผมมันก็คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง คนที่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ไม่สามารถควบคุมจิตสำนึกได้เหมือนคนไม่ได้รับการศึกษา

             ไม่ต้องเทียบกับคนที่ยอมบริจาคไตตัวเองเพื่อคนอื่นเลย กับแค่ดูแลลูกชายของผู้มีพระคุณในวันที่เขาอ่อนแอยังทำไม่ได้ ผมแม่งโคตรรู้สึกผิดจนไม่รู้จะสู้หน้าไอ้ธูปได้ยังไงไหว

              “Where’s Tube?” เสียงสำเนียงอเมริกาชัดแจ๋วดังปลุกผมให้หลุดจากความคิดของตัวเอง มาร์คโยนกุญแจรถขึ้นลง กวาดสายตามองรอบร้านก่อนหยุดที่ผม “ He isn’t here?”

             ผมยักไหล่ ไม่ตอบด้วยคำพูด เด็กหนุ่มควานหาโทรศัพท์ของตัวเองทันที กดหาเบอร์เพื่อนสนิทพลางบ่น

             “Did he drunk last night? What’s happen? , Hey Tube where are you? ”

             ผมไม่ทันตอบสักคำถามประโยคท้ายของมาร์คก็เปลี่ยนไปคุยกับคนในสายก่อน ผมกับพี่นันต์มองหน้ากันแล้วสลับกลับมามองมาร์คอีกที

              “Ok. I’ll go there”

             พูดจบก็พลิกตัวกลับ ผมผุดลุกขึ้นทันที “มาร์ค”

              “หืม?”

              “ธูปอยู่ไหน”

             มันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า หยิบกุญแจรถขึ้นมาก่อนตอบ “Home, I’m going there”

              “เฮ้ย เฝ้าร้านเป็นเพื่อนพี่นันต์ให้หน่อย” พี่นันต์มองค้อนขวับ ผมไม่สนใจ โกยหนังสือและโน้ตบุ๊กเข้ามุม ใช้ผ้าคลุมไว้ลวกๆ “ยืมรถด้วย เดี๋ยวเอามาคืน”

              “I’m going to see him a bit. If he ok I’ll back here” มันว่า ขยิบตาให้พี่นันต์แต่ผมยังค้าน

              “โนๆ” ไอ้ฉิบหาย ภาษาอังกฤษน่ะอ่านเก่ง ฟังเก่ง แต่ไม่ค่อยได้พูดโว้ย “ไอมีเรื่องจะคุยกับมัน ยูเฝ้าร้านนี่แหละ แทงกิ้ว”

             ไม่รอให้มาร์คตอบผมก็คว้ากุญแจจากมือมันแล้ววิ่งออกจากร้านรวดเร็วจนไม่ได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังจบประโยค ขอบคุณที่เคยลองขับรถทุกอย่างตั้งแต่จักรยานถึงรถแบ็คโฮ บิ๊กไบค์ล้อใหญ่ของมาร์คกลายเป็นอุปสรรคยิบย่อยเมื่อเทียบกับความต้องการเจอธูปของผมในตอนนี้หลายเท่า ผมสตาร์ทรถ สวมหมวกกันน็อค ออกตัวอย่างเซียนเหมือนคนเรียนมา




             ผมเคยมาที่บ้านของอาจารย์พิภพมาก่อน บางครั้งเอางานมาส่ง หรือเอาของมาให้จากมหาวิทยาลัย ขับรถมาด้วยการใช้กูเกิ้ล เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึง

             บ้านของอาจารย์พิภพเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น พื้นที่มากพอให้ปลูกต้นไม้สูงใหญ่ ต้นที่ใหญ่ที่สุดคือโมกริมลานจอดรถ ผมกดกริ่งเรียกคนในบ้าน รถของอาจารย์พิภพไม่อยู่ ที่บ้านเขามีรถสองคันสำหรับตัวเองและภรรยา แปลว่าวันนี้ธูปอยู่บ้านคนเดียว

             ไม่เกินสิบนาทีธูปก็เดินออกมาจากบ้านด้วยท่าทีสโลเสล ใส่แว่นกรอบดำ หนาเหมือนเคย มันมองรถ แล้วมองผม แล้วก็หันกลับไปมองที่รถอีกที

              “พี่ขับมอไซค์เป็นด้วยเหรอ”

              “อืม” ผมเกาท้ายทอย แล้วใช้หลังมือปัดจมูกพยักหน้าหงึกหงัก “โกรธอะดิ”

              “ผมเหรอ พี่น่าจะถามไอ้มาร์คมากกว่า ผมเพิ่งวางสาย มันโทรมาฟ้องผม ว่าพี่ไปขโมยของมันมา เลยด่าพ่อให้เป็นชุด”

              “ด่าไปเถอะ มันไม่ได้นับถือพุทธ” คงไม่บาปถ้ามันจะด่าพระ

              “พี่แม่ง ตลกว่ะ เมื่อคืนพี่ไม่เมาเลยเหรอ อ้อ ใช่สิ กินไปนิดเดียว”

              “มึงอะ” ผมถาม อึดอัดใจไปหมด ภาวะเครียดแบบนี้ไม่เกิดขึ้นนานแล้ว และมันกำลังเกิดขึ้นเพื่อชดใช้ความผิดของตัวเองที่ทำไปเมื่อคืนอย่างสาสม “ออกมาไม่บอก”

             ผมเพิ่งสังเกตว่าธูปใส่เสื้อผ้าตัวเดิมกับที่ใส่ไปคาเฟต์เมื่อวาน ลากแตะเดินนำเข้าบ้าน หาวหวอดทั้งที่ไม่ปิดปากก่อน
ตอบ “รอออกมาตอนพี่นันต์มาถึงก็โดนด่าเปิงดิ”

             ธูปหัวเราะ ไม่เหมือนคนกลัวบาริสต้า เรียกให้ถูกคือเกรงๆ มากกว่า

            “ผมแม่ง จำอะไรไม่ได้เลย ภาพตัดฉิบ ผมเมาแล้วก่อเรื่องให้พี่หรือเปล่า โทดที ไม่รู้ว่าตัวเองควรเบรกตอนไหน”

              “ดื่มครั้งแรกก็แบบนี้แหละ”

              “อื้อ ตอนนี้รู้แล้ว แม่งเริ่มมึนตอนเพลงนั้น ผมกินไปได้เยอะหรือยังนะเพลงที่ร้องว่าได้ชิดเพียงลมหายใจ แค่ได้ใช้เวลาร่วมกันอะ”

              “อยากรู้แต่ไม่อยากถาม ของป๊อบ”

              “เอ้อ นั่นแหละ ผมโคตรเฮิร์ท กับพี่กานต์คงเป็นได้เท่านั้นเลยกรอกไปไม่ยั้ง”

             เจ้าของบ้านพามาที่โถงรับแขก ผมไม่ทันสังเกตว่ามันดื่มหนักหลังจากเพลงนั้นด้วยซ้ำ ธูปทิ้งตัวลงบนโซฟาผ้าหนานุ่มสีเขียวอมเทา ใช้ผ้าสำลีสีฟ้าครามแทนหมอนข้าง ส่วนหมอนหนุนเป็นตุ๊กตาหมาง่วงนิ่มๆ สีน้ำตาลอ่อน อากาศในบ้านเย็นสบาย เปิดหน้าต่างทุกบานให้ลมเข้าและออก เสริมทัพด้วยพัดลมตัวสูงส่ายหน้าไปมา

              “ปวดหัวฉิบ”

              “แฮงค์อะดิ”

              “ไม่รู้อะ กลับมาถึงก็อ้วกแตกเลย นี่ดีขึ้นแล้วนะ ไม่งั้นลุกออกไปรับพี่ไม่ได้ โชคดีชะมัดสัปดาห์นี้ไม่อยู่กันหมด”

              ผมพยักหน้า ยืนห่างจากคนพูดที่ซุกหัวไปใต้ตุ๊กตา หลบแสงสว่างของกลางวันเพื่อพักผ่อน

              “ขอใช้ครัวหน่อย เดี๋ยวไปดูให้ว่ามีอะไรกินให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง”

              “ตามสบายเลย ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยอะ โคตรหิว แต่ก็คลื่นไส้”

              “เออ นอนไปก่อน”

              ผมละความตั้งใจที่จะสารภาพความผิดทั้งหมด เก็บไว้กับตัวเองและยังคงหนักอึ้ง แปลกที่มันหนักขึ้นเท่าทวีคูณเมื่อธูปบอกว่าจำอะไรไม่ได้เลย

             ผมหยุดยืนหน้าตู้เย็น นึกถึงเพลงนั้นที่พี่นันต์เล่น เพลงที่ผมนั่งมองเสี้ยวหน้า สันกรามของธูป เด็กหนุ่มที่เหม่อลอยไปทางเวที เท้าคาง และสบตากับผมเมื่อเพลงจบลง

             ถอนหายใจทิ้งหนึ่งครั้งเมื่อพบว่าที่จริงแล้วไม่ได้มีความหมายอะไรเลย




           
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 05-09-2018 13:17:28
  ผมต้มตะไคร้ใส่น้ำตาล เห็นผักกาดดองในโหลก็จัดการต้มข้าวสวยคู่อีกเตาไปด้วย ชะเง้อคอออกนอกหน้าต่างครัว มีพืชสวนครัวมากกว่าไม้ประดับ ต้นมะม่วงใหญ่หลังบ้านลูกกำลังดก เป็นลูกเล็ก ยังไม่โตเต็มที่ เจ้าของบ้านหลับสนิทผมก็ถือวิสาสะชโมยเด็ดมาทำยำไข่ต้ม คิดถึงบรรยากาศตอนที่แม่ยังอยู่ ที่บ้านผมปลูกพืชสวนครัวต้นเล็กๆ ไว้ในกระถาง พริกขี้หนู ใบกะเพราะ สาระแหน่ เคยพยายามปลูกมะเขือเทศแต่ไม่รอด แม่บอกว่าถ้าผมเรียนจบอยากย้ายไปต่างจังหวัด ซื้อที่ดินสักแปลง ปลูกนั่นปลูกนี่ตามประสาคนแก่ จะปลูกต้นไม้ที่ใหญ่กว่าในกระถาง ขุดบ่อปลาในบริเวณบ้าน แม่อาจจะเลี้ยงไก่ไว้กินไข่ แต่ทุกอย่างกลับล้มเลิกอย่างเป็นทางการทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นสักอย่าง

             หลังผลตรวจออก พ่อที่เป็นคู่ชีวิตก็ทำงานคนเดียว อนุญาตให้แม่รับงานเย็บปักถักกร้อยที่บ้าน โคตรเป็นครอบครัวแบบอเมริกันดรีม ผิดก็ที่ผมไม่ใช่ลูกชายดีเด่น ตอนนั้นยังติดเล่นมากกว่านี้ ไม่คิดว่ามะเร็งจะพาแม่ไปไวกว่าที่คิด มิหนำซ้ำยังเอาเรื่องผู้หญิงมากวนใจถึงที่บ้านบ่อยๆ

             พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเหมือนนกเงือก คือเป็นคู่ที่ดีมาตลอด ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขาดความรัก แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นคนโชคดี ผมเป็นเพียงคนประมาทคนหนึ่ง เพิ่งลืมตาตื่นในวันที่แม่เริ่มอาการหนัก และวันที่จากไปพ่อก็เปลี่ยนไปทุกอย่าง ที่เคยกะเกณฑ์ให้ทำอะไรตามใจก็เลิกสั่ง เขาไม่บ่นผมเรื่องผู้หญิง ไม่บ่นเรื่องผลการเรียนที่แปรปรวน ไม่คาดหวัง นิ่งเฉยราวกับทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องของคนอื่นที่ไมเกี่ยวกับตัวเอง

             แน่นอน ผมยังคงเป็นคนขี้เกียจเหมือนเดิมถ้าเทียบกับคนที่ต่อสู้เพื่อให้ได้คะแนนสอบไล่เลี่ยกัน แต่ไม่ได้สะเปะสะปะเหมือนก่อนหน้านั้นที่ทำอะไรลอยชายเรื่อยเปื่อย คิดแต่เรื่องของตัวเอง

             บางครั้งผมรู้สึกเหมือนธูปอยู่ในครอบครัวที่มีโครงสร้างคล้ายๆ กัน แต่มันเป็นเด็กดีมากกว่า อยู่ในกฏระเบียบ มีความมานะมากกว่า มันไม่ใช่แค่คนฉลาด แต่เป็นคนฉลาดที่ขยัน มาด้วยความคาดหวังจากครอบครัว ทั้งมั่นใจและไม่มั่นใจในตัวเองไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นถ้าธูปจะเสียความมั่นใจเรื่องที่ล้มเหลวในสร้างความสัมพันธ์กับคุณกานดาก็ไม่แปลก นับว่าเก่งที่ยอมรับความจริงเร็ว อาจเพราะคุณกานดาเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะแสดงท่าทีให้ธูปเข้าใจได้ง่ายว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรเกินเลย และมันก็รู้จักจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดี

              ผมนั่งโซฟานั่งเดี่ยวที่แยกออกมาจากโซฟายาว จับจ้องมองเด็กหนุ่มหลับสนิท ทิ้งแว่นสายตาไว้บนพื้นกระทั่งมันขยับตัวตื่นก็ชิงทักก่อนมันไหวตัว

              “เป็นไง”

              “หิว”

             เด็กหนุ่มยันตัวเองขึ้นจากโซฟา หน้าซีกหนึ่งแดง เป็นรอยยับจากการกดทับกับหมอน หาวหวอดอีกรอบแล้วบิดตัวจนกระดูกลั่นกรอบ ผมขยับตัวลุก หยิบน้ำตะไคร้มาในตู้เย็นให้

              “กินน้ำหน่อยแล้วไปล้างหน้าล้างตา กลับมาจะได้กินข้าว”

              “พี่ทำกับข้าวเหรอ”

              “ข้าวต้ม ผักกาดดอง ยำไข่ต้ม กินได้หรือเปล่า”

              “ถ้าอร่อยก็กินได้อะ”

              มันกวนประสาททั้งที่เสียงแห้งผาก ส่วนผมหลุบตาลงอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายยกน้ำดื่ม ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเป็นจังหวะการกลืนก่อนปล่อยเสียง ฮ้า ออกมาดังๆ

              “ชื่นนนใจ”

             “ท่าเยอะ ไปล้างหน้าล้างตาแล้วรีบมา เดี๋ยวไปอุ่นข้าวต้มสักหน่อย กินตอนร้อนๆ กำลังดี”

             เด็กหนุ่มตะเบ๊ะรับคำ แต่ลุกเชื่องช้า อืดอาด ส่วนผมกลับเข้าไปจัดการในครัวอีกรอบ ยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง แต่ไม่ยักจะยุ่งเท่าความสับสนวกวนที่ซับซ้อนในใจ





              “แม่ไปออกค่ายอาสากับมูลนิธิที่น่าน กลับวันอาทิตย์ ส่วนพ่อพรุ่งนี้สายๆ ก็มาแล้ว ผมมีเรียนคงไม่ได้อยู่เจอ” ธูปเล่าพลางเป่าข้าวต้ม มันกินหมดสองชามทั้งที่ข้าวในหม้อยังร้อน ยังคงต้องเป่าด้วยลมหายใจก่อนเข้าปากเมื่อเติมชามที่สามก็ต้องเป่าก่อนเข้าปาก

              “พี่มาบ้านผมบ่อยเหรอ”

              “ไม่อะ นานๆ ที”

              “แล้วนี่...” ธูปเงยหน้ามอง ใช้ที่คาดผมโง่ๆ อันเดิมเปิดหน้าผากให้กินสะดวก มันสัญญาว่าหลังกินอิ่มจะไปอาบน้ำล้างหน้า แต่ยังไม่มีทีท่าว่ากระเพาะจะถูกเติมให้เต็มได้ง่ายๆ “พี่ขับรถเพราะตกใจที่ผมหายไปเหรอ ที่จริงโทรมาก็ได้ ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน”

              “คิดว่าแฮงค์”

               โกหก

            ที่จริงผมไม่กล้าโทรหามันเพราะกลัวว่าจะถูกโกรธจนไม่รับโทรศัพท์ต่างหาก ผมไม่เคยฉวยโอกาสใครแบบนี้ ทุกครั้งที่จะทำอะไรเกินเลยจะรอจนกว่าอีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจ ไม่อยากคิดว่าถ้าเผลอทำมากกว่านี้จะเป็นยังไง ผมจะยังกล้ามาทำกับข้าวให้มันกินไถ่บาปอีกไหม

                “อยากมาดูให้แน่ใจ ทำลูกอาจารย์หายไปไม่รู้จะเอาจากไหนมาคืน”

              “แหมๆ กลัวทำผมเสียคนแล้วจะไม่จบโทเหรอ”

              “เออ” ผมตอบรับ คว่ำช้อน ทั้งที่กินไปไม่ถึงหนึ่งในสามของไอ้ตัวเล็ก

              “แต่อย่างพี่อะ ผมว่าทำคืนไม่ยากหรอก” มันว่าก่อนยิ้มแกนๆ ใช้ช้อนเขี่ยข้าวไปมา ไข่แดงจากไข่ต้มปนกับข้าวสีขาว
จนกลายเป็นสีส้มจาง “ทั้งหน้าตาดี หุ่นดี ฉลาด ทัศนคติก็ดี เข้ากับคนง่ายแบบไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ”

              “กูไม่รวยนะ” ผมพูดยิ้มๆ นานๆ ทีคนกวนประสาทอย่างธูปจะเอ่ยปากชม แต่มันไม่ยิ้มด้วย คราวนี้คอตกเป็นหมาหงอยจริงจัง

              “รวยไม่รวยไม่สำคัญเลย พี่จะทำเงินได้อีกมากจากสิ่งที่พี่มีตอนนี้”

              “งั้นมึงก็คงเป็นมหาเศรษฐีละ ตอนกูอายุเท่ามึงยังมั่วเซ็กซ์อยู่เลย” กว่าจะคิดได้บางอย่างก็สายไปแล้ว ผมถอนหายใจพร้อมคู่สนทนา ขยำผมของธูปจนที่คาดผมตกลงมาบนคอ

               “ถอนหายใจทำไม เป็นเด็กเป็นเล็กเครียดอะไรนักหนา”

               “ก็ห่างกันไม่กี่ปี พี่อะถอนหายใจทำไม”

               “แค่คิดถึงเมื่อก่อน” ผมว่า มันถามต่อ

               “เมื่อก่อนทำไม”

               “เมื่อก่อนไม่เคยดีใจเลยที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์”

               “โคตรพลาด” ไม่ปลอบยังซ้ำเติม ธูปอมยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ไม่สดใส “ผมอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์มากกว่าครอบครัวที่รวยอีก อืม...ที่จริงบ้านผมก็สมบูรณ์นะ พ่อแม่ฉลาด หน้าที่การงานดี จิตใจดีชอบทำเพื่อคนอื่น ใครๆ ก็บอกว่าผมโชคดีที่เกิดมาในบ้านที่พร้อมขนาดนี้”

             ธูปวางช้อน เอนตัวพิงขาโซฟา นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างโต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์ที่รับบทเป็นโต๊ะกินข้าวชั่วคราวกับโซฟาที่รับบทเป็นที่นอน

              “โชคดีแบบที่ผมไม่ควรได้รับเลย”

              “พูดอะไรแบบนั้น อาจารย์รักมึงจะตาย”

              “ก็รักสิ ไม่รักจะตามใจขนาดนี้เหรอ ที่ผ่านมาผมก็คิดนะว่าดีแล้วที่ไม่เคยทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง” มันใช้นิ้วดันแว่น ตามด้วยการปัดจมูก “แต่พอเข้ามหา’ลัย ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอะดิ”

             ผมยักไหล่ ไม่เข้าใจความหมายของคำว่าไม่เหมือนเดิมของมันนัก สำหรับผมไม่มีอะไรเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่ใช่เรื่องเข้าเรียนมหา’ลัยแต่เป็นเรื่องที่แม่เสียและพ่อออกบวชมากกว่า

             “พี่รู้ปะ เรื่องพี่กานดาเป็นเรื่องแรกเลยที่ผมทำไม่ได้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ไม่ได้แบบไม่ได้จริงๆ”

              “ไม่ได้จริงๆ คือ?”

              “คือ ต่อให้ผมไม่ได้เกรด 4.00 แล้ว ผมก็ยังเป็นท็อปของคณะ หรือต่อให้ไม่ค่อยมีคนชอบ แต่ผมก็มีไอ้มาร์คเป็นเพื่อน แต่พี่กานไม่ได้เลย ไม่ได้อะไรเลย”

             ผมมองหน้ามัน ไม่แน่ใจว่าเป็นอารมณ์เหงา เศร้า หรืออึดอัด

             “ผมศึกษาไทป์ของคน ชวนพี่กานต์ทำแบบทดสอบ MBTI จะได้เห็นว่าเราจะเข้ากันได้ถ้าปรับนิสัยบางอย่าง”

             “Personal test อะนะ แต่มันก็มีอีกหลายศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์จะวิเคราะห์คนไง ทั้งนพลักษณ์ หรืองานวิจัยของเฮเลน ฟิชเช่อร์”

              “Anatomy of love ที่ทดลองว่าสเป็คเกิดจากอะไร” ธูปกินข้าวต้มต่ออีกคำแล้วจิบน้ำ เลื้อยขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา ผมลุกไปนั่งข้างมัน บนโซฟาตัวเดียวกันก่อนจะรู้สึกถึงน้ำหนักที่ทิ้งลงมาบนหัวไหล่ ขยับตัวหลบเบาๆ หัวยุ่งๆ ของมันก็ร่วงลงบนตัก เด็กหนุ่มพลิกตัว ซ่อนใบหน้าลงบนหน้าขา มีเพียงปากและจมูกโผล่พ้นไว้หายใจ

              “เป็นอะไร”

              “ไม่รู้ดิ ไม่รู้จะเล่ายังไง”

              “ลองเริ่มจากเพื่อนสิ”

              ธูปเงียบไปครู่หนึ่ง ผมไม่เร่งเร้า รอกระทั่งมันอธิบายออกมา

              “เพื่อนที่มหา’ลัยไม่ชอบผมเท่าไหร่ เคยได้ยินคุยกันว่าผมกั๊กความรู้ เห็นแก่ตัว”

              ผมรับฟัง เดาออกว่าเด็กๆ จะคิดอะไรได้บ้าง นึกไปถึงครั้งแรกที่ธูปไม่ชอบให้ใครเรียกเนเน่ อาจเพราะนัยยะที่เพื่อนแฝงมาด้วยไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ดี

              “ผมไม่ให้เพื่อนลอกการบ้าน แต่ถ้าเป็นงานกลุ่มก็รับมาทำคนเดียวแท้ๆ”

              “แย่งคนอื่นมาทำเหรอ”

              “ไม่เชิง ก็แค่ไม่ชอบทำตอนใกล้ส่ง คนอื่นก็ไม่เคยบ่น แถมชอบด้วยซ้ำ แต่ผมก็เป็นแค่ไอ้เนิร์ดที่เข้ากับเพื่อนไม่ได้อยู่ดี”

              ผมถอนหายใจ ความรู้สึกใจเต้นตึกตักเมื่อมันมาซบหน้าตักหายไปหมด เหลือเพียงความห่อเหี่ยวเมื่อนึกภาพของเด็กที่เข้าใจว่าควรมีพร้อมทุกอย่างไม่ได้มีพร้อมทุกอย่างที่ควรมี

             ธูปเป็นคนกวนตีนโดยธรรมชาติ การอยู่ร่วมกับคนอื่นโดยที่สันดานเป็นคนกวนประสาทหน้าตาย มิหนำซ้ำยังมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ต่างคนที่ต่างไม่รู้นิสัยพื้นฐานกัน เติบโตมาต่างกันทำให้เข้าใจคนอื่นยาก นิสัยพื้นฐานของมนุษย์ไม่ใช่สันติภาพ แต่เป็นความแตกต่าง สงคราม การแบ่งพรรคพวกและทำให้ตัวเป็นใหญ่ มันเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง และเรามักไม่มีความเดือดร้อน ตราบใดที่คนบาปที่ถูกเขี่ยออกจากสังคมนั้นไม่ใช่ตัวเอง

             ซึ่งนั่นก่อให้เกิดความเหงา เหงาแม้มีผู้คนรายล้อม เหงาเพราะความแปลกแยกที่ไม่อาจหลอมรวมกับคนส่วนใหญ่ได้ และไม่ใช่ความผิดของมัน ตราบใดที่มันยังพอใจที่จะเป็นเช่นนั้น เหมือนที่ผมพอใจในความโดดเดี่ยว ไม่ร่วมสังสรรค์กับผู้คนของตัวเอง

              “ถ้ามึงเครียดก็ลองชวนเพื่อนมาติวช่วงใกล้สอบดิ มึงก็ไม่ได้อ่านหนังสือหนักช่วงสอบอยู่แล้วนี่”

              “แต่ผม...” ธูปอึกอัก “ผมยังทำของตัวเองได้ไม่ดีเลย”

              “อะไรคือไม่ดีวะ”

              “เคมีปีก่อนผมได้บีบวก”

             ไอ้สัดธูป กูก็บีบวก ตอนนั้นเพื่อนเรียกมหาเทพแล้ว

             “พี่ไม่เข้าใจใช่ไหม” มันถามเมื่อผมเงียบเสียงลง หัวไหล่คนซบเริ่มสั่น แค่วางมือลงบนหัวก็ก็รู้สึกว่ากางเกงกลายเป็น
ผ้าเช็ดน้ำตาให้ธูปโดยสมบูรณ์ “ผมเป็นลูกชายคนเดียวของอาจารย์พิภพไง”

              “ถ้ามึงเอฟก็อาจจะสอนเพื่อนไม่ได้”

              “ไม่ใช่” มันแย้งว่าเรายังเห็นไม่ตรงกัน “ผมจะเป็นคนที่สอนเพื่อนทั้งที่ความรู้ไม่แน่นได้ยังไง ผมเป็นลูกอาจารย์ในคณะนะ ผมไม่กล้าหรอก มันไม่ง่ายเหมือนตอนมัธยมแล้ว”

              ความกดดันตั้งต้นที่ทำให้มันไม่มั่นใจในตัวเอง

               “ไม่ได้เรื่องเลย”

              ธูปยังคงดุว่าตัวเอง ส่วนผมก็ลูบหัวอีกฝ่ายใต้ความเงียบ ปล่อยให้มันร้องไห้สักพักก่อนอธิบายให้ใจเย็นด้วยน้ำเสียงเนิบช้า

               “เคยได้ยินเรื่องอาการ imposter syndrome ไหมที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง”

              ธูปไม่ตอบ เดาว่าไม่เคยรู้จัก

               “มึงก็มีปัจจัยเสี่ยงครบเลยนะ ตั้งมาตรฐานสูง กดดันตัวเอง แบกทุกอย่างไว้คนเดียว กลัวการลองอะไรใหม่ๆ เพราะกลัวความผิดพลาด ผิดหวัง”

              บางทีแล้วสาเหตุอาจมาจากที่มันพูดมา คือมีพ่อแม่ที่เพอร์เฟคจนเกินไป

               “ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ก็ผิดหวังในตัวผม”

               “กูว่าอาจารย์พิภพไม่ใช่แบบนั้น เขาเคยบ่นเหรอถ้ามึงคะแนนไม่ดี”

              ถ้าเป็นพ่อกูก่อนปลดปลงไปกับผ้าเหลืองล่ะอีกอย่าง เรื่องนั้นผมทดไว้ในใจ

               “เพราะเขาไม่เคยพูด ก็เลยยิ่งต้องทำให้มันดี”

               “มันดีแล้ว มึงเป็นเด็กดี” ผมพูดจากใจ อยากให้ธูปคลายกังวลกว่านี้ แต่เข้าใจว่าประโยคพื้นฐานเช่น อย่าไปเครียด หรือทำใจสบายๆ คงไม่ช่วยอะไรมากนัก

               “ผมจีบสาวไม่ติดอีกต่างหาก”

               “ไปเรื่องนั้นได้ไง” หัวเราะพลางขยำผมมันเล่น ธูปหยุดร้องไห้ นอนตะแคงข้าง ผมเห็นเสี้ยวหน้าของมัน จมูกแดง ตาแดง ไรหนวดที่ขึ้นเร็วเพราะวัย

               “เหมือนผมสอบตกเรื่องการเอาทฤษฎีมาใช้ในชีวิตจริง”

              ถ้าเป็นปกติผมคงทั้งเสียใจทั้งขำ ไอ้ธูปเด็กประหลาด เป็นเนิร์ดที่อยู่ขั้นสุดของคำว่าเนิร์ด เต็มไปด้วยความคาดหวังในความสำเร็จทุกๆ ด้านและไม่สามารถร่วงลงมาได้แม้แต่น้อย มันหล่นไม่ได้ มันหย่อนไม่ได้ เมื่อก้าวคว้าดาวแล้วไม่ได้ดาวหนึ่งครั้งก็โทษว่าเป็นความผิดของก้าวที่ตัวเองทำได้ไม่สวยงามมาก่อนหน้านี้

               “ไม่มีใครเพอร์เฟคหรือทำอะไรได้อย่างที่เราอยากทำหรอก มีแต่คนบ้าที่คิดว่าตัวเองเพอร์เฟค”

               “ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเพอร์เฟค”

               “แต่มึงอยากเป็นคนเพอร์เฟค”

              เป็นค่านิยมของคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่รุ่นก่อนหน้าผมสักสี่-ห้าปี ช่วงที่โซเชียลมีเดียกำลังก้าวกระโดด ผู้คนประกาศความ
สำเร็จผ่านช่องทางที่มี ธูปไม่อยากทำแบบนั้น แต่มันอยากทำให้ทุกคนเห็นด้วยตา

               “หายใจเข้าออกลึกๆ” ผมบอก น้ำตามันเริ่มคลอเอ่ออีกครั้ง หัวใจผมอ่อนยวบยิ่งกว่าอ่อนยวบ ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดออกจากหัวตาก่อนมันหยด เด็กก็คือเด็ก มีช่วงวัยที่อ่อนไหว สำหรับผมแล้วธูปเป็นเด็กยิ่งกว่าเด็กในวัยเดียวกันด้วยซ้ำ “ไม่เป็นไรเลย มึงที่เป็นตอนนี้ก็เป็นที่ภูมิใจของอาจารย์มากแล้ว เชื่อกูสิกูเป็นศิษย์คนโปรดของพ่อมึงนะ”

               “เขาคุยกับพี่มากกว่าผมอีก”

               “ก็กูมีปัญหาอะไรก็บอก มึงอะเคยบอกเขาหรือเปล่า นี่อาจารย์มหาวิทยาลัยนะไม่ใช่ร่างทรง”

               “พี่อย่าไปบอกพ่อนะ” มันงุบงิบ ยังกลัวการแสดงความรู้สึกอ่อนแอให้ใครกังวล ผมอาจโชคดีที่เข้ามาในจังหวะที่มันยังไม่สร่างเมานัก ส่วนผมเมื่อคืนคือคนโชคร้ายที่ธูปเมามากเกินไปจนจำอะไรไม่ได้สักนิด “พี่อะ ไม่มีเรื่องเครียดเลยเหรอ เหมือนรับมือกับทุกอย่างได้สบายๆ”

               “ตลก คนมันก็ต้องมีเรื่องที่รับมือยากกันทุกคนนั่นแหละ ปัญหาบางอย่างแก้ได้ก็แก้ แก้ไม่ได้ก็หนี หนีไม่ได้ก็อยู่กับมัน แค่นั้นเอง”

               “สาธุ”

               “พ่อกูเป็นพระ อย่าลืมสิ”

              ธูปหัวเราะทั้งที่น้ำตายังไม่แห้ง พอเห็นรอยยิ้มก็หายใจคล่องตามไปด้วย ผมโคลงหัวตัวเอง เป็นเอามากเหมือนกันว่ะ

               “พี่เล่าบ้างดิ”

               “กูเหรอ กูแอบชอบคนที่เขาไม่ชอบกู เอาไปเรื่องเดียวก่อน”

               “เฮ้ย จริงดิ” มันผุดตัวลุกนั่ง เรื่องเสือกนี่ไวยิ่งกว่าหมาได้กลิ่นอาหาร “ใครอะ พี่กานหรือเปล่า”

               “ก็บอกว่าไม่ใช่สเป๊ก”

               “พี่ชอบผู้หญิงแบบไหน”

               “ก็เปลี่ยนไปตามวัยว่ะ บางช่วงชอบคนที่หน้า บางช่วงชอบที่นม แต่ตอนนี้ชอบที่ความประหลาด”

               “เหรอ แล้วไปเจอที่ไหน”

              เจ้าของเรื่องยังไม่รู้ตัว ผมยิ้ม เพราะทำได้แค่ยิ้ม ธูปหลิ่วตามอง ทำปากจู๋ 

               “ไม่บอก”

               “อะไรอะ ผมยังบอกพี่ตั้งหลายเรื่อง นะ...นะๆ”

               “ไม่ต้องมาอ้อน ไม่บอกแล้ว บอกไปก็แห้วอยู่ดี มึงอะถ้ามีแรงแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วลงมาเก็บจานไปล้าง”

              ผมยกขาเหยียด ยืดออกตามความยาวของโซฟา ผ่านหลังของธูปแล้วแกล้งดันมันหล่น กอดตุ๊กตาที่ธูปใช้หนุน หลับตาลงเพื่อตัดบทสนทนาไม่ให้ไอ้คนฉลาดแต่ไม่เฉลียวได้ซักมากจนจับได้ว่าคนที่เผลอไปคิดเกินเลยเข้าให้ไม่ได้อื่นไกลที่ไหนเลย
 

'
'
TBC

อันนี้เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สำหรับโรค Impostor Syndrome นะคะ
คนที่มีความเสี่ยงจะมีลักษณะ
1 กดดันตัวเอง มีมาตรฐานสูง ประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง แต่ถ้าไม่สำเร็จอย่างหนึ่ง จะคิดว่าตัวเองไม่เก่งในสิ่งนั้นทันที
พวกบ้าพลัง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ คิดว่างานที่ทำจะต้องทำได้ดีกว่านี้ เลยมองว่าสิ่งที่ทำยังดีไม่พอ
2 ขาดความมั่นใจ กลัวความผิดพลาด มักจะวิตกกังวลกับสิ่งที่กำลังเผชิญ และกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
3 ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง คิดว่าตัวเองต้องทำได้ทุกอย่าง และเมื่อทำไม่ได้ก็จะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง แต่จริงๆ แล้ว แต่ละคนย่อมมีความถนัดที่ต่างกัน
4 กลัวการเจอสิ่งใหม่ เมื่อทำงานประจำจนชิน จึงกลัวที่จะต้องเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่น แต่ที่จริงแล้วมันคือโอกาสในการก้าวหน้า
ลองสังเกตกันดูนนะะ ขอบคุณสำหรับทุกร่องรอยของกำลังใจนะคะ

เวสต์เอง
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-09-2018 14:13:47
 o13
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-09-2018 14:23:28
เรารอเรื่องนี้ตลอดเลย

ดีใจมากค่ะ ที่มาอักแล้ว



น้องธูปคะ

น้องจำไม่ได้จริงๆหรอคะ น้องแอ๊บ หรือเปล่า


พี่สังเกตว่าน้องธูปเปลี่ยน เรื่องเก่งมากตั้งแต่ตอนแรกๆแล้ว


จริงไม่จริงคะ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-09-2018 16:07:42
ทำไมคิดว่าน้องจำได้....สงสัยๆๆๆ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-09-2018 16:52:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 05-09-2018 17:11:07
ชอบคาร์ฯน้องธูปมากกกกกกกกกก แบบมากๆ ไม่ไหวแล้ว ชอบเวลาเขาคุยกันเรื่องสาระนะ เหมือนมีความกวนอยู่ในนั้นตลอด
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-09-2018 17:48:13
 อ๋าว หนุงธูปจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้


ทำไม อิพี่ไม่เล่าให้ฟังล่ะ


จะได้ไม่กดดันตัวเอง แบบนี้
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-09-2018 19:43:21
มีความสงสัยว่าธูปกำลังขุดหลุมดักมังกร
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 05-09-2018 20:24:45
เข้าข่ายแฮะ เดี๋ยวหาข้อมูลเพิ่ม
เดี่ยวๆ มาอ่านนิยายเข้าโหมดวิชาการเฉยเลยเรา 555
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 05-09-2018 20:53:27
อ่านไปอ่านมา..แลเหมือนเราจะฉลาดขึ้นเลยแหะ... :hao3:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-09-2018 22:29:37
อะไรจะคุมโทนการเล่าได้ดีขนาดนี้

รู้สึกเหมือนอยู่ในหมอกทุกตอนเลย

ชื่นชมค่ะ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 05-09-2018 22:59:31
พบคนตีเนียนเปลี่ยนเรื่องเก่งหนึ่งอัตรา
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 06-09-2018 10:46:41
น้องธูปแค่นี้พี่เขาก็ตกหลุมแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-09-2018 13:58:43
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-09-2018 07:33:51
อย่ากลัวไม่สมหวังค่ะ น้องอ้อนขนาดนี้ บอกไปเลย
เอ็นดูธูป นอยด์กับความไม่ที่สุดของตัวเอง
ทั้งที่ตัวเองมีดีเยอะมาก แต่ก็นั่นแหละเนาะ
ความเข้าใจ และการใช้ชีวิตหลายอย่างบ่งบอก

มังกรคะ กลัวน้องจะรู้ หรืออยากให้รู้
รีบมาหาคือห่วงมากกว่ามั้ง กลัวน้องโกรธแล้วหายไป

หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-09-2018 07:40:57
ธูปหนูเชื่อมั่นในตัวเองหน่อยลูก :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 08-09-2018 13:40:30
พี่มังกรสู้ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตน้องมากกว่านี้ น้องก็ไปไหนไม่รอดแล้ว  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 13-09-2018 01:00:13
chapter 07
NEW LESSON


              หลังจากที่ไปบ้านไอ้ธูปผมก็ไม่เห็นมาร์คอีกหลายวัน พี่นันต์บอกว่ามันโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตอนเจอผมแทบไม่มองหน้าด้วยซ้ำ แต่บอกมันว่าธูปไม่สบาย ที่หายไปนานเพราะดูแลจนมั่นใจว่ามันเอาตัวรอดมาร์คก็ยอมอ่อนลง มองค้อนผมหนึ่งครั้ง
 
               ซึ่งการที่มาร์คไม่มาร้าน หมายถึงธูปก็มาที่นี่ไม่บ่อยเหมือนก่อนหน้านั้น ผมพยายามนับมันว่าเป็นเรื่องดีๆ สำหรับคนที่ทำใจให้ยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม คล้ายให้เวลาพักผ่อนจนกว่าจะลืมว่าแผลซึ่งเคยแสบๆ คันๆ นั้นเกิดขึ้นจริง

              แต่เข้าวันที่สามมันก็โผล่ร่างเยินๆ มาใหม่

              ผมถอนหายใจ ร่างเยินๆ ที่ว่าคือร่างของธูปคนที่เจอวันแรกในห้องทำงานของอาจารย์พิภพชั้นสองของคาเฟต์ ไม่ได้พยายามแต่งตัวดูดี ยังคงสวมเสื้อใหญ่เกินเบอร์ ทรงกางเกงโบราณ จะวินเทจก็ไม่ใช่วินเทจแบบที่เขาใส่กัน เป็นสไตล์แบบที่ธูปเท่านั้นจะใส่ออกจากบ้านไปไหนมาไหน

               “ช่วงนี้ไอ้มาร์คไม่ยอมมาส่งเลยยย” คนมาใหม่บ่น เอากระเป๋าวางที่โต๊ะก่อนเดินไปขอขนมพี่นันต์ แวะยิ้มให้คุณกานดา แล้ววกกลับมานั่งข้างผม

              “มาร์คยังไม่หายโกรธอีกเหรอที่กูเอารถมันไป ที่จริงวันนั้นก็ดูเข้าใจแล้วนะ”

               “เข้าใจบ้าอะไร มันหวงจะตาย ไม่เคยให้ใครยืมเลยนะ”

              ธูปดันแว่นขึ้นชิดจมูก มองหน้าเชิงติเตียนว่าเป็นความผิดของผมที่ทำให้มันต้องลำบากไปด้วย  ผมยักไหล่ ตอบแบบไม่แคร์นัก “มันก็ไม่ได้ให้กูยืมนะ”

               “เหอะ ช่างเถอะ เดี๋ยวมันคิดถึงพี่นันต์ก็กลับมาเอง ไปไหนได้ไม่นานหรอก” ธูปว่า มองไปยังหัข้อสนทนา ขณะที่มาร์คมาๆ หายๆ คุณกานดาก็เร่งทำคะแนนทุกที วันก่อนผมได้อานิสงค์เป็นเงาะจากสวนลูกใหญ่ๆ คุณกานดาว่ามีที่ดินบางส่วนปลูกไม้ผลไว้ชานเมือง พอถึงฤดูผลิดอกออกผลก็แข่งกันผลิตจนกินไม่ทัน บางส่วนให้คนงาน บางส่วนแบ่งมาให้พี่นันต์ แต่ขณะที่คิดว่าผลไม้นั้นจะซื้อใจพี่นันตไ์ด้ ผมกลับเห็นข่องว่างที่แตกต่างกันชัดเจนของบาริสต้าหนุ่มกับคอลัมนิสต์สาว

              คนที่ทำงานแค่เอาขำๆ เพราะบ้านรวยล้นฟ้านี่แม่งมีจริงว่ะ ใครบอกว่าเจอได้แค่ในละคร

              จากวันนั้นพี่นันต์เงียบลง หน้าตาเครียดขมึง รีบหางานพิเศษเพิม เวลาที่มีน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงถนัด อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพี่นันตไ์ด้เรียนหนังสือมากกว่านี้อาจมีโอกาสทำงานที่สบายกว่านี้ หรือถ้ายอมเป็นเมียไอ้มาร์คไป นั่นก็อาจจะเป็นการก้าวข้ามช่องว่างในเรื่องของฐานะ (แต่เป็นเพศสภาพแทน)

              ไม่ว่ารักในเพศเดียวกันหรือต่างเพศแม่งก็น่ากลุ้มพอกันทั้งนั้น ล้วนแล้วแต่มีอุปสรรคและความเป็นไปไม่ได้ที่ต้องรอคอยการพิสูจน์

              ผมถอนหายใจ ความรู้สึกที่ยังวนเวียนไม่หายคลุ้งขึ้นใหม่เพราะการปรากฎตัวของลูกชายเจ้าของร้านคนเดียว

              “ไม่ถามหน่อยเหรอผมหายไปไหนตั้งสองสามวัน” ตัวต้นเหตุถามพาซื่อ ผมตอบส่งๆ เท่าที่รู้

               “ก็เห็นทำงานงกๆ ที่มหา’ลัย”

               “เฮ้ยๆ แวะไปที่ มอ.ตอนไหน”

              ผมนั่งพิมพ์งาน ไม่สนใจมันนัก ซ่อนทุกอย่างไว้ใต้ใบหน้านิ่งเรียบ “เมื่อวาน เอาวิทยานิพนธ์ไปคุยกับอาจารย์แล้วผ่านลานใต้คณะ”

               “ไม่เข้ามาทักอะ”

               “ก็เห็นมึงยุ่ง เป็นไง กับเพื่อนดีขึ้นไหม”

               “ไม่เชิง” มันว่า ก้มลงไปดูดโกโก้จากหลอดยางแล้วยืดตัวขึ้นใหม่ “จริงๆ ผมถนัดงานวิชาการมากกว่า เมื่อวานเพิ่งลองทำงานอื่น แบบ...ออกไอเดียเรื่องพื้นที่ส่วนกลาง อาจารย์ที่ภาคอยากใหทุกคนช่วยกันออกความเห็น”

               “ก็ดีนี่ ถึงว่า อยู่กันกลุ่มเบ้อเริ่ม”

               “อือ ก็ดีนะ แต่ผมคงไม่ได้ใช้เท่าไหร่ ชอบอ่านหนังสือคนเดียวมากกว่า แต่ให้เสนอไอเดียก็ได้”

               “เสนอว่าไง”

               “ก็เปิดห้องติวช่วงใกล้สอบ” มันกระแอมไอนิดๆ ใช้มือปัดจมูก แล้วยกขึ้นไปดันแว่นทั้งที่ยังไม่ร่วงลงมา “ก็อาจจะจัดเวลาบางวิชาติวเพื่อนภาคเดียวกัน ถ้ามีเวลาว่างมากกว่านั้นอาจจะจัดติวให้รุ่นน้องบางวิชาด้วย”

               “เจ๋งเลย” ผมชมมัน ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มายีหัว ให้กำลังใจ “ชมตัวเองหรือยัง”

               “อะไร บ้าปะ”

               “ชมตัวเองบ้าง จะได้โฟกัสว่าเราได้ทำอะไรดีๆ ไปแล้ว ไม่ใช่เอาแต่ติแล้วก็จมอยู่ตรงนั้น”

              มันไม่ตอบ เม้มปากเข้าหากัน กลอกตาไปด้านข้าง ผมใช้ข้อศอกสะกิดนิดเดียวก็หลุดยิ้มอายๆ

               “พี่แม่งน่าไปเปิดคอร์สไลฟ์โค้ชว่ะ”

               “ไม่ได้หรอก กูไม่ใช่คนโลกสวย”

               “ผมว่าพี่โพสิทีฟออก” คำพูดธรรมดาๆ ของธูปทำให้ผมรู้สึกวูบวาบในช่องท้อง ผมแสร้งขึงหน้าตึงพลางเถียง

               “ไม่ได้โพสิทีฟ แค่มองให้มันจริง อันไหนแย่ก็บอกว่าแย่ ไม่ต้องมีเรื่องดีๆ ในเรื่องแย่ๆ หรอก มึงมีสิทธิรู้สึกว่านี่มันเรื่องเหี้ยอะไรเนี่ย แต่อย่าลืมว่าเดี๋ยวจะผ่านไป อย่ากดดันตัวเองมาก”

              ธูปยิ้ม มันยืดตัวให้หัวดันชิดกับฝ่ามือผมเหมือนลูกหมาขี้อ้อน ผมเผลอยิ้มให้มัน อยากดึงเข้ามากอด แต่พอนึกขึ้นว่าธูปทำไปเพราะไม่ทันระแวดระวังก็ชักมือกลับมากระแอมไอ

               “ผมชอบให้พี่ลูบหัว” ว่าพลางทำตาหยี ผมพยักเพยิดแสดงอารมณ์ว่ารับรู้แต่ไม่ยอมลูบหัวต่อ ธูปไม่ตื๊อ รื้อหนังสือออกมาจากกระเป๋า นั่งอ่านข้างๆ กัน พี่นันต์เลือกแทร็คเพลงรักคลอเบาๆ เป็นเพลงสบายๆ ชวนโยกหัว ไม่กวนสมาธิ แต่ผมกลับไม่สามารถจดจ้องกับงานตรงหน้าได้นาน ทุกการขยับไหวของเด็กหนุ่มกำลังกล่อมให้ผมเป็นบ้าอย่างช้าๆ

              สภาวะที่น่าอึดอัดใจที่สุดของผู้ชายคนหนึ่ง อาจเป็นช่วงเวลาที่ตกหลุมรักใครแล้วละล้าละลังว่าควรทำยังไงต่อ อย่างที่ผมเคยบอกธูป คือถ้าชอบ หมายถึง ชอบจริงๆ ก็จีบ อย่างน้อยก็ตัดปัญหาที่คาราคาซังใหเด็ดขาด แต่กับธูปแตกต่าง ต่างทั้งสถานะทางสังคมและเพศสภาพ ผมไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นศิษย์โปรดของอาจารย์พิภพ หรือการเรียนจบปริญญามีข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ควร ผมไม่อยากให้ธูปเสียความมั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อเป็นความรู้สึกแล้ว เหตุผลนานัปการที่ยกขึ้นมาอ้างก็ต่อสู้กันดุเดือด สูสี

              และหากอีกฝ่ายยังทำให้ผมชอบโดยบังเอิญได้บ่อยเหลือเกิน ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะทำให้เหตุผลจะชนะใจตัวเองยังไง

               “พี่มังกร”

              เสียงทุ้มกระซิบ ผมเผลอสะดุ้งตัวเพราะไม่ได้จรดจ่อกับงานตรงหน้า ธูปไถหนังสือมาให้ดู มันวงกลมข้อความที่ไม่เข้าใจด้วยดินสอ วาดรูปเครื่องหมายคำถามบิดๆ เบี้ยวๆ บนนั้น

               “ทำไม”

               “ไม่เข้าใจอะ”

                ผมอ่านทวนก่อนอธิบาย ยังไม่ทันพูดจบประโยคมันก็พูดขัดเมื่อนึกทฤษฎีบางข้อที่หลงลืมไปขึ้นมา อาจารย์พิภพคงชอบเวลาที่สอนมัน เขาชอบเมื่อผมเรียนรู้อะไรได้เร็ว แต่ก็ใจเย็นพอที่จะสอนทวนซ้ำให้นักศึกษาที่สามารถเข้าใจอะไรได้ยาก

               “มึงเอาเรื่องเรียนไปถามพ่อบ่อยไหม” ผมหมายถึงถ้าเขาอยู่กรุงเทพฯ เหมือนช่วงนี้ อาจารย์กลับมาสอนตามปกติ งานผมเบาลง แต่เรื่องความหนักใจเพิ่มขึ้น

               “ตอนเด็กๆ อะบ่อย พ่อชอบหาหนังสือแปลกๆ มาให้อ่าน”

               “อืม แล้วทำไมไม่เรียนสาขาเดียวกับอาจารย์พิภพล่ะ”

               “ผมวัดรอยเท้าพ่อไม่ได้หรอก” มันว่า ขยับตัวอ่านหนังสือต่อ “เดี๋ยวนี้มีอะไรก็ไม่กล้าถามมากด้วย”

               “ทำไมอยากแข่งกับพ่อเสียล่ะ”

               “ไม่ได้อยากแข่ง ก็บอกแล้วไง ผมมีชื่อของลูกชายอาจารย์พิภพเขียนบนหน้า” เด็กหนุ่มถอนหายใจ เป็นความลำบากใจที่ไม่รู้จะช่วยแก้ยังไง “จะทำอะไร จะเรียนอะไร หรือผลการเรียนเป็นยังไงก็มีชื่อพ่อไปด้วย ยิ่งเป็นอาจารย์มหา’ลัยในไทยนะ รู้จักกันหมด”

               “เป็นมึงดีที่สุดแล้ว ไม่เห็นต้องไปเทียบกับใครเลย”

               “พี่พูดได้ไง” เพราะผมไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับมัน เพราะผมไม่ได้เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมเดียวกับมัน คำพูดย่อมง่ายกว่าการกระทำเสมอ ผมเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดีแต่ก็ไม่อยากให้ธูปกดดันตัวเองเพราะสุดท้ายแล้วทุกคนย่อมมีลิมิตความเป็นตัวเองทั้งนั้น

               “กูห่วงมึงนะ”

              เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมพูดเสียงเครียด ธูปละสายตาจากหนังสือมาสบตาผม ต่างฝ่ายต่างนิ่งไป ผมหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อรู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ประดักประเดิด น้ำลายคล้ายกลายเป็นฝุ่นผง แม้จะกลืนก็ทำได้ลำบาก

               “ผมโอเค” มันปฏิเสธความหวังดี เป็นฝ่ายหลบตาก่อน

               “เอ้อ พี่...จำได้ป่าวว่าเคยรับปากผมไว้เรื่องนึง”จบประโยคธูปก็เม้มปากเข้าหากัน กวาดตาลอกแลก ผมเลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม มันโน้มตัวลงมากระซิบเสียงแผ่ว “เที่ยวผู้หญิง”

              ผมนิ่งค้าง ไม่อาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องสนุกสนานเหมือนก่อนหน้านี้ได้อีก ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนคิดมากเมื่อครู่หมาดๆ

               “ก็...ไม่ได้ชอบคุณกานดาแล้วนี่ ยังไม่ได้จะรีบมีแฟนเสียหน่อย”

               “ไม่ได้จะมีแฟนต้องเป็นช่วงได้ลองดิ ถ้าเกิดใกล้ๆ มีแฟนจะกล้าไปนอนกับคนอื่นได้ยังไง”

              ผมอยากปฏิเสธ แต่ก็คิดไม่ตก บางทีแล้วที่ผมหมกมุ่นอยู่กับธูปเกินจำเป็นอาจบรรเทาเบาบางด้วยการระบายความเครียดออกเสียบ้างก็ได้

               “ช่วงนี้อาจารย์อยู่นะ เย็นนี้ก็จะเข้ามาดูของที่ร้าน”

               “พ่อไม่อยู่ดึกหรอก” มันรั้นอย่างคนอยากรู้อยากลอง “ก็รอให้พ่อกลับแล้วเราไปด้วยกันไง เสร็จแล้วก็กลับมานอนที่ร้าน ครั้งแรกผมไม่กล้าซื้อทั้งคืนหรอก”

               “ไม่กลัวโรคเหรอ”

               “ก็กลัว แต่อยากรู้มากกว่า” มันว่า หยีตาแหยงๆ “ใช้ถุงไง”

               “ห้ามจูบ ห้ามสด” ผมกลั้นหายใจ สั่งห้ามมันทุกอย่างที่เพิ่มความเสี่ยง “กูรู้จักที่ๆ สะอาดอยู่บ้าง แต่ว่าเรื่องพวกนี้ประมาทไม่ได้ต่อให้ใช้ถุงก็ยังมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นน้ำลายก็ด้วย”

              มันพยักหน้า ก่อนก้มหน้าซบลงกับโต๊ะ

               “พี่จะพาไปจริงๆ นะ เชี่ย ตื่นเต้นว่ะ”

              ผมหัวเราะ เป็นหัวเราะแห้งๆ ไม่มีความหมาย ยกมือขึ้นยีหัวเด็กหนุ่ม แต่คราวนี้มันหลบ เงยหน้าขึ้นหยิบแก้วโกโก้ดื่มอึกๆ ก่อนผุดลุกเอาแก้วเปล่าไปให้พี่นันต์แทน




              อาจารย์พิภพกลับไปตอนสองทุ่ม เขาถามลูกชายย้ำว่าจะไม่กลับไปด้วยกันหรือก่อนธูปยืนยันคำเดิม เดินไปส่งพ่อถึงบีทีเอส อาจารย์ใช้รถเฉพาะเมื่อไม่ได้เดินทางคนเดียว เช่นออกไปทานข้าวกับครอบครัว หรือมีสัมภาระที่ต้องพกพา ไม่สะดวกต่อการเดินทาง

              หลังร้านปิด พี่นันต์รีบเคลียร์บิลทุกอย่างถึงสามทุ่มครึ่ง ส่วนธูปล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ ผมมีหน้าที่ทำความสะอาดร้านในส่วนอื่นๆ บาริสต้าต้องผันตัวเป็นนักร้องชั่วคราวตอนสี่ทุ่มตรง เขาเพิ่งปรึกษาว่าจะรับงานทุกคืนจนได้เงินเก็บสักก้อนแล้วใช้เงินลงทุนก่อนร่างกายจะโหมงานหนักไม่ไหว ผมเห็นด้วย เบื้องต้นสนับสนุนโดยการทำงานรับผิดชอบงานอื่นๆ ยกเว้นทำบัญชีรายวันและชงเครื่องดื่มบ างเมนู

               “พี่นันต์มีร้องเพลงคืนนี้ด้วยเหรอ” ธูปถามเมื่อเห็นพี่ชายคนสนิทแขวนผ้ากันเปื้อนแล้วรีบบึ่งออกไปพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ผมพยักหน้า ปิดหน้าต่างประตูเรียบร้อย ตามด้วยสวิตซ์พัดลมและไฟทีละดวง

               “เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน”

               “แล้วไปเลยป่าว”

              ธูปถามย้ำ ผมพยักหน้า ก่อนเห็นแววตาไม่มั่นใจของเด็กหนุ่ม “ไม่ต้องกลัว เรื่องธรรมชาติ”

              ที่จะไม่ธรรมชาติเลยเห็นจะเป็นอาการขุ่นมัวในใจของผมที่ต้องใช้พลังรุนแรงในการห้ามปรามมันต่างหาก




              ธูปไม่เคยเห็นแสงสีในตอนกลางคืน ถ้ามันจะเสียคนผมเองก็ยอมรับแต่โดยดีว่าเป็นความผิดของตัวเอง แรกเริ่มเราคุยกันเหมือนผู้ชายช่างแหย่ หยอกล้อเป็นภาษาที่คุยกับเพื่อนตอนมัธยม แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นผู้ปกครองที่ต้องฝืนใจส่งมันออกมาดูโลกมุมอื่น มุมที่ไม่อยากให้มีจริง แต่มันมี มุมที่ไม่อยากให้ธูปรู้จัก แต่ก็กลัวว่าด้วยธรรมชาติมันจะไปทำความรู้จักโดยปราศจากครูฝึกสอนที่ถูกที่ควร


              แววตาของธูปวิบวับเมื่อมีผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งประชิด ผมสั่งเหล้า เรียกผู้หญิงอีกคนมานั่งข้างตัวเอง แต่ยังคงสอดส่องพฤติกรรมคนมาด้วยตาไม่กะพริบ

              ธูปตอนออกล่าสาวมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก มันกะล่อน กรุ้มกริ่ม แต่ก็ไม่เชี่ยวชาญ สายตาคอยเสาะหาพื้นที่ต้องห้าม กลัวที่จะสัมผัสแต่เมื่อหญิงบริการรู้ว่ามันซิงก็สอนด้วยความชำนาญ ธูปเขินจนหน้าแดงจัด แต่ก็มองเนินอกอวบอิ่มตาวาววับ ใช้นิ้วมือสัมผัสเบาๆ ก่อนรุนแรงขึ้นเมื่อได้รับอนุญาต

               “จะเปิดห้องเลยหรือเปล่า”

              ผมถามสาดเหล้าเข้าคอ ไม่ดื่มด้วยความรู้สึกแบบนี้มานาน เคยพาเพื่อนมาขึ้นครูที่นี่สองสามครั้ง บางครั้งก็พาแขกของอาจารย์จากต่างประเทศมาเที่ยว เลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่าของขึ้นชื่อบ้านเราคือโสเภณี นิสัยของสาวไทยที่เลื่องลืออย่างหนึ่งคือเอาใจเก่ง มีความเป็นแม่สูง และบางครั้งผู้ชายก็ต้องการการดูแลเช่นนั้นในวันที่เหน็ดเหนื่อย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อร่างกายโตเต็มที่ความต้องการอื่นๆ เพื่อบรรเทาความเครียดก็ตามมา

              ผมอาจเป็นหนึ่งในส่วนน้อยที่มองว่าหากมีการทำธุรกิจอาบอบนวดให้ถูกต้องตามกฏหมาย มีการตรวจโรค เก็บภาษีอย่างถูกต้อง รัฐคงได้เงินสำหรับทำอะไรอื่นๆ ได้อีกมาก อีกทั้งปลอดภัย เชื่อถือได้สำหรับลูกค้า แต่ก็ยอมรับว่าไม่สามารถหวังผลเรื่องลดอาชญากร และอาจทำให้บริบทในสังคมที่เป็นปัจจุบันผิดเพี้ยนไปหมด

              น่าแปลกที่แม้ผมจะยอมรับเส้นทางและลักษณะของอาชีพ เมื่อธูปหายไปกับผู้หญิงคนนั้น  สูง โปร่ง  ผิวแทน ผมดำสนิท ใบหน้าคมคายและดูอายุมากกว่ามันอย่างเห็นได้ชัด ผมก็รู้สึกหงุดหงิดจนทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด

               “แล้วพี่ไม่เปิดห้องเหรอคะ”

              หญิงสาวที่นั่งรินเหล้าให้ถาม เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว สวมแว่น ผมสั้น หน้าอกเล็ก ในร้านมีผู้หญิงแทบทุกรูปแบบ คนนี้หน้าตาจิ้มลิ้ม แน่นอนว่าผมเลือกเธอเพราะลักษณะที่มองผ่านแล้วเหมือนบางคนต่างหาก

               “ไม่ล่ะครับ”

              ถึงแม้จะอยากทำโทษที่ไอ้ธูปทำให้โมโหโดยไม่ตั้งใจ แต่ผมก็ใจเย็นเกินกว่าจะยอมให้ใครก็ได้มาตอกย้ำภาพของมัน มีจินตนาการมากมายเกี่ยวกับผมและธูปในความฝัน จินตนาการที่สะท้อนออกมาว่าการข่มอารมณ์ในตอนกลางวันและปะทุอย่างบ้าคลั่งในค่ำคืนมันเลวร้ายอย่างไร

              เลวร้ายตรงที่ในฝัน ธูปจะทำทุกอย่างที่ผมต้องการ ใบหน้าของธูปที่เต็มไปด้วยการร้องขอ เริงระบำบนร่างกายของผม เหนื่อยหอบหมดแรงก่อนผมจะถึงฝั่งฝัน ธูปที่เป็นตัวแทนของความปรารถนาที่ผิดแผก เป็นเหยื่อทางอารมณ์และยินดีที่จะรับบทเหยื่อโดยไม่แม้แต่บอกให้หยุดหย่อนผ่อนปรน

              ภาพเหตุการณ์เหล่านี้วนเวียนมาทุกคืนหลังจากเราจูบกันวันนั้น และไม่เห็นว่าจะมีทีท่าว่าจะหยุดฝันบ้าๆ แบบนั้นเมื่อไร

              ร่างกายของธูปที่ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ขาวผ่อง เนียนละเอียด สะโพกและแผ่นหลังเปลือยเปล่า คิดว่าขณะนี้ร่างกายนั้นกำลังถูกใช้งานอย่างเพลิดเพลินกับคนอื่นก็ยิ่งดื่มให้ลืมไป หนึ่งแก้ว สองแก้ว สาม หรือ...ผมเลิกนับไปในที่สุด




              ผมยังไม่เมานักตอนธูปกลับออกมา แต่สติเลือนรางจนปล่อยให้ตัวเองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงสาวที่คล้ายมันเต็มที่ จับต้องเท่าที่ต้องการ อย่างน้อยการไม่มีธูปในเวลานี้ก็ตอบคำถามว่าผมยังเกิดอารมณ์กับผู้หญิงเหมือนเมื่อก่อน จมูกดอมดมซอกคอขาว อุ้มหญิงสาวนั่งบนตัก ให้บดเบียดบั้นท้ายกับหน้าขาผม เสื้อผ้ารัดรูปแทบทำให้ผมอาจยอมจ่ายเงินเพื่อทำอะไรมากกว่านี้อีกหน่อยถ้าไม่มีคนขัด

               “พี่ลงมานานหรือยัง” ธูปถาม ผมยืดคอออกแต่ไม่ใช่เพื่อตอบมัน เพราะพนักงานป้อนเหล้าให้ถึงปากต่างหาก

               “ยังไม่ขึ้นไปเลยค่ะ คงห่วงน้อง น้องช่วยเชียร์หน่อยสิ” เธอแหย่ทีเล่นทีจริง ธูปส่ายหน้าหวือ

               “ผมอยากกลับแล้ว บิลเลยได้ไหม”

               “ไม่ต่อจริงเหรอ” เธอหันมาถามย้ำ ผมยิ้มให้ จ่ายเงินเพิ่มให้เป็นการส่วนตัวนิดหน่อยหญิงสาวก็ลุกไปเรียกบริกรให้มาวางบิล ธูปทรุดตัวลงนั่งข้างผม เม้มปากเข้าหากัน ไม่พูดไม่จา

               “ไม่ดีเหรอ”

               “ก็ดี”

               “แปลว่าไม่ค่อยดี” ผมถาม เหลือบตามองนาฬิกา ผ่านไปไม่กี่นาทีแท้ๆ แต่ระยะเวลาที่ธูปหายไปกลับยาวนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์

               “ก็ดีมากครับ” มันตอบประชดประชัน ก่อนอ้อมแอ้มพูด “แต่เจ็บ”

               “ครั้งแรก”

              มันพยักหน้า หากนับว่าผู้หญิงมีเยื่อพรหมจรรย์ ผู้ชายก็มีเส้นพรหมจรรย์ที่ทำให้ครั้งแรกไม่สุขสมอารมณ์หมายเท่าที่คิด

              แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อถึงที่สุด คงดีกว่าที่คิดเป็นไหนๆ

              ผมรับผิดชอบจ่ายบิลทั้งหมดโดยไม่ให้มันรู้ราคา เมื่อพนักงานมาทอนเงินก็เดินกอดคอออกไป อ้างว่าให้อีกฝ่ายจ่ายค่าแท็กซี่เพราะเห็นทีบีทีเอสคงหมดและตัวเองก็อาการไม่ดี เมื่อเดินได้สักพักก็รับรู้ได้ว่าแม้ไม่เมานัก แต่ร่างกายก็ฟ้องว่าไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว

               “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยอะ”

               “ใครจะเหมือนมึงล่ะ อาบน้ำอาบท่า สบายตัว” กลิ่นของมันตอนนี้เป็นกลิ่นสบู่สะอาด มีแป้งเด็กตามซอกคอ ไม่ได้ถูกสร้างร่องรอยไว้ ผมฉวยโอกาสอีกแล้ว นอกจากตรวจสอบร่างกายของมันแล้วยังแกล้งซบบ่า ใช้จมูกปัดเฉี่ยวซอกคอเมื่อมันลากขึ้นแท็กซี่สีชมพูที่โบกได้หน้าร้าน

               “หอมเหมือนน้องแว่นไหมล่ะครับ”

              ธูปรู้ทัน ผมหัวเราะ โอบเอวอีกฝ่ายเข้าชิด กระซิบด้วยเสียงที่เบาที่สุด

               “ไม่มีใครหอมเท่ามึงหรอกธูป”

.
.
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 13-09-2018 01:03:36

              ข้อดีของการดื่มเหล้าคือผมสามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเองได้มากขึ้นโดยไม่ต้องรู้สึกไม่สบายใจเหมือนผ่านมา

              ความจริงแล้วเหล้าเป็นแค่ข้ออ้างอย่างหนึ่งของมนุษย์ ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์จะแตะต้องร่างกายธูปได้ขนาดนั้น แต่เมื่อสัมผัสแล้วอีกฝ่ายไม่ปัดป้อง เมื่อล้มตัวลงนอนผมก็ดึงมันล้มลงมาบนฟูกผืนเดียวกัน

               “พี่!”

               “เป็นหมอนข้างให้หน่อย ติดหมอนข้าง”

               “ไม่จริงอะ!” มันเถียง ขืนคอออกเล็กน้อยเมื่อผมขยับจมูกเข้าหายใจรดต้นคอ “ไม่เห็นที่นี่มีหมอนข้างสักใบ”

               “อือ พูดมาก นอนเถอะ แค่กอดเอง ไม่ชอบเหรอ”

               ธูปไม่ปฏิเสธ แต่เถียงอ้อมแอ้มในลำคอ “มันร้อน”

               “ถอดเสื้อดิ”

               “ม่าย” เด็กหนุ่มปฏิเสธเสียงยาว ยกมือกำคอเสื้อแน่น ผมหัวเราะ ปล่อยมือจากมันแล้วเป็นฝ่ายถอดเสื้อออก “อย่าทำอะไรพิเรนทร์ๆ นะเว้ยพี่มังกร”

               “หืม?” ผมโยนเสื้อลงตะกร้า แม่นเหมือนจับวาง “ก็บอกว่าเหม็นเหล้าไม่ใช่เหรอ อะไรพิเรนทร์ๆ คือทำอะไร”

              ผมถาม ธูปที่ผุดลุกขึ้นเมื่อครู่ถอนหายใจยาวเหยียด

               “ไอ้บ้าเอ๊ย”

               “อะไร ทำอย่างกับไม่เคยถอดเสื้อนอนด้วยกัน”

               “พี่อย่าพูดคำว่านอนด้วยกันตอนแก้ผ้าได้ปะ”

              ผมยักไหล่ เปลี่ยนกางเกงแล้วล้มตัวลงนอน ตั้งแต่มีเซ็กซ์แล้วหัวไวกับเรื่องพวกนี้ขึ้นเท่าตัวเลยนะมึง ไอ้ธูปยังบ่นงุบงิบ ฟังไม่ได้ศัพท์ มันเห็นว่าผมไม่เกาะแกะแล้วก็ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เสื้อกล้ามของผมกับกางเกงบ็อกเซอร์ ถ้าไม่ถอดเสื้อนอนการแต่งตัวแบบนี้ก็เหมาะสมกับสภาพอากาศในห้องใต้บันไดมากที่สุด

               “มองอะไร”

               “เปล่า ปิดไฟด้วย แล้ว...ถ้าพรุ่งนี้จะกลับไปก่อนก็ทิ้งโน้ตไว้หน่อยแล้วกัน”

               “อือ” เด็กหนุ่มรับคำ มันปิดไฟ ใช้ดาวเรืองแสงนำทางกลับยังที่นอน ก่อนล้มตัวลงชิด ผมนอนหงาย ใช้แขนข้างหนึ่งหนุนให้หัวสูงขึ้นจากผ้าเช็ดตัวที่พับซ้อนแทนหมอน ส่วนธูปนอนตะแคง หันหลังให้ “ไม่กอดอะ?”

               “หืม?”

               “ก็ติดหมอนข้างไม่ใช่เหรอ” มันว่า แล้วตอบใหม่ว่า “เปล่า มีอะไร”

              ผมอมยิ้ม พลิกตัวมาพาดแขนกอดเอวอีกฝ่าย ดึงให้แผ่นหลังปะทะแผ่นอก เสียงหัวใจเต้นดัง เป็นหัวใจของผมที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความว่างเปล่าเมื่อครู่ถูกเติมเต็ม ความโกรธเกรี้ยวหงุดหงิดทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้ง แตะปลายจมูกลงบนหัว เด็กหนุ่มก็คู้ตัวเข้าหากัน ผมเองก็ขดตัวงอเป็นคล้ายเส้นขนานที่แนบขนาบกับมัน ธูปวางมือซ้อนกับข้อมือของผม จับเอาไว้ รู้สึกถึงความสั่นไหวเล็กน้อย

               “ไม่เห็นเล่าเลยว่าเป็นยังไงบ้าง”

               “เรื่องอะไร”

               “ที่ขึ้นไปเมื่อกี้” ผมเงียบเสียงแล้วถามต่อ ด้วยความหวังอันริบหรี่ว่ามันอาจจะไม่ได้ทำอะไร “ได้เอาหรือเปล่า”

               “อืม” เสียงทุ้มตอบรับในลำคอ บ้าว่ะ ผมเป็นคนพามันไปลองแท้ๆ แต่กลับวูบโหวงกับคำตอบนั้น “ก็ไม่เหมือนตอนช่วยตัวเอง”

               “ดีกว่าใช่ไหม”

               “อือ ดีกว่า แต่...ผู้หญิงจัดการหมดเลยนะ” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้ม ก่อนสารภาพ “ที่จริงรอบแรกเสร็จก่อนเข้าไป”

              จบคำว่ารอบแรกแปลว่ามีรอบสอง ปกติแล้วราคาที่จ่ายเป็นรอบการเสร็จกิจของผู้ชาย แต่เคสนี้ไอ้ธูปเจอครูใจดีเป็นบ้า

               “ทำตามที่สัญญาไว้ใช่ไหม” ที่คุยกันก่อนไป เรื่องความปลอดภัยที่มันต้องระมัดระวัง ธูปพยักหน้า ก่อนผมจะกอดมันแน่นขึ้น “ดีแล้ว”

               “ครั้งแรกพี่เป็นแบบนี้หรือเปล่า ทำได้ไม่ดีเลย”

               “ธรรมดา” ผมปลอบใจมัน ไม่อยากให้ธูปเสียความมั่นใจ “ไม่เคยให้คนอื่นช่วยเลยใช่ไหมล่ะ”

               “หึ” เด็กหนุ่มปฏิเสธ มันโยกหัวมาโขกกับคางผมเบาๆ “พี่เคยเหรอ แบบ ก่อนมีอะไรกับคนอื่นจริงๆ เคยให้คนอื่น...ผมหมายถึง...”

               “อืม ก็เคยให้ตุ๊ดที่โรงเรียนช่วย ไม่ได้บังคับนะ เป็นความอยากรู้อยากลองวัยนั้น ใช้มือกับปาก ไม่ได้ป้องกันด้วย โคตรคะนอง”

               “ไหนบอกว่าอันตราย”

               “สมัยนั้นไม่รู้ว่าอันตราย โชคดีฉิบที่ไม่ได้เป็นโรค” ผมหัวเราะ นึกถึงสาเหตุที่ไม่รู้เพราะเด็กๆ ไม่เคยได้รับความรู้แบบตรงไปตรงมา ขนาดใส่ถุงยางครั้งแรกยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไง งกๆ เงิ่นๆ จนผู้หญิงหมดอารมณ์ แห้วแดก “มึงมีไกด์ดีก็อย่าพลาดล่ะ แล้วก็ไม่อยากให้ไปลองเอง ถ้าอยากไปอีกก็บอกกู”

               “พี่จะได้ไปอึ๊บน้องแว่นคนนั้นเหรอ ครั้งนี้พลาดเพราะกลัวผมลงมาแล้วไม่เจองี้?”

               “ไหนบอกไม่ชอบให้ใครบูลลี่ตัวเองว่าไอ้แว่น ทำไมไปเรียกเขาแบบนั้น”

              ธูปไม่ตอบ มันดูหงุดหงิด คงเพราะโดนย้อนในเรื่องที่ตัวเองเคยเอ่ยปากว่าไม่ชอบ

               “ตอบดิ”

               “ตอบอะไร”

              ทั้งที่เร่งเร้าแต่พอถามซ้ำกลับไม่พูด เรานิ่งเงียบ ร่างกายแนบชิด กลิ่นแชมพูที่ธูปใช้จากร้านเป็นกลิ่นน้ำหอมติดอยู่ตามเส้นผม ถ้าอยากได้กลิ่นแป้งต้องดมที่คอ หรือถ้าอยากได้กลิ่นผิวเนื้อให้ชัดคงต้องกดจมูกลงแรงๆ

               “ช่วยตัวเองบ่อยไหม”

              ผมพูดในสิ่งที่ผู้ชายมักใช้เป็นหัวข้อสนทนาในวัยรุ่น ตั้งแต่ยังนิยามตัวเองว่าเด็กชาย ใครทำเป็นก่อนจะโอ้อวด ข่มทับว่าใครมีความสามารถในการผลิตสเปิร์มได้มากกว่า เราไม่พูดเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เป็นเรื่องที่ต้องปกปิด อาจเพราะธรรมเนียมและศีลธรรมตีกรอบความสุภาพ

               “ก็...ไม่บ่อย มันจะมีวันที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วค่อยทำ พี่อะ”

               “มากเท่าจำนวนครั้งที่อาบน้ำ”

               “เชี่ย ติดเซ็กซ์ปะเนี่ย”

               “มึงน่ะน้อยไปน่ะสิ” บางคนทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำด้วยครั้ง “มันคลายเครียดนะเว้ย หัดปลดปล่อยบ่อยๆ บ้าง อย่างแรกจะได้ไม่เครียดแบบนี้ อีกอย่างก็จะได้อึด คราวหน้าไม่เจอผู้หญิงใจดีแบบนี้เงินมึงลอยไปตั้งแต่ล่มปากอ่าวแล้ว

               “ไอ้พี่เชี่ย”

               “พูดจริง”

              แขนที่กอดเอวมันไว้สัมผัสได้ถึงความร้อน ภาพจากมุมที่นอน ความมืดที่คลุมเครือด้วยความสว่างของไฟเรืองแสงไม่อาจบอกได้ว่าหน้าของธูปเป็นสีเลือดฝาดหรือไม่ แต่เพราะตาไม่เห็น ผิวสัมผัสถึงชัดเจน ไม่ว่าอุณหภูมิหรืออัตราเต้นของหัวใจ

               “อีกน้ำไหวไหม”

               “ตอนนี้อะนะ”

               “อือ เดี๋ยวช่วย”

              ร่างกายที่เผยปฎิกิริยาแบบนี้ออกมาทำให้ผมหลงระเริง ธูปไม่รังเกียจการกอดรัดมากนัก และไม่ขืนตัวหนีเมื่อผมสอดมือเข้าใต้เสื้อกล้าม ลูบหน้าท้องรอบสะดือ ค่อยๆ แตะปลายนิ้วไล่ขึ้นบนก่อนช้าๆ

               “เดี๋ยวสอนจูบด้วย หันหน้ามาสิ”

              เด็กหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนถาม “พี่เป็นเกย์ปะ”

               “อาจจะเป็น” ตอบตามจริง ถ้าเมื่อก่อนคงปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว อาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ทั้งนั้น “รังเกียจเหรอ”

               “เปล่า ผมแค่...” ธูปอึกอัก ปฏิเสธด้วยท่าทีที่อ่อนนุ่มที่สุด “ผมแค่น่าจะเป็นผู้ชาย”

               “กูไม่ปล้ำมึงหรอก แค่ช่วยกัน เพื่อนผู้ชายก็ช่วยกันได้” เหมือนในหนังโป๊ประเภทแกงค์แบง แต่ในหนังจะมีผู้หญิงมาจอยด้วย “ถ้ามึงบอกว่าไม่กูจะหยุด”

              ผมให้โอกาสมันด้วยคำพูด แต่อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยารวดเร็วเมื่อผมลูบไปถึงแผ่นอก สะกิดส่วนที่นูนเป็นเม็ดเล็กๆ ขึ้นมาเบาๆ ด้วยนิ้วชี้ ก่อนใช้นิ้วหัวแม่มืรองเป็นฐาน ธูปหลุดครางจนต้องรีบคว้าเอาหมอนข้างมาปิดหน้า

               “ตรงนี้ของผู้ชายก็ปลุกอารมณ์ได้ ตอนหลังเวลาช่วยตัวเองลองเริ่มจากนี่ก่อน”

               “ผมรู้หรอกน่า! ไม่ใช่เด็กเพิ่งชักว่าว!”

              ผมหัวเราะ บางทีมันก็ดูใสเกินกว่าจะเป็นไอ้ธูปตัวแสบ “หันหน้ามาจูบสิ กูปลอดภัย มั่นใจได้”

              เกิดเสียงลมหายใจขาดช่วงร่างกายผมมีปฏิกิริยาชัดเจน แต่ยังไม่ทำอะไรมากไปกว่าการหยอกล้อแผ่นอกให้ธูปตบะแตก ท้ายที่สุดมันก็ยอมเอียงคอหันหน้ามา

              สาบานว่าครั้งนี้ธูปหันมาจูบด้วยความเต็มใจ หมุนทั้งร่างพลิกตะแคงข้าง ตะกรุมตะกรามจูบผมจนต้องเป็นฝ่ายผละออก

               “ใจเย็นๆ”

               “พี่...” ในความมืด ไอ้ธูปจับข้อมือผมลงไปแตะร่างกายใต้กางเกงผ้า มันแข็งสู้มือและเปียกเยิ้มที่ส่วนปลาย “ผมทำพี่ได้ไหม”

               “ตอนนี้เหรอ ยัง ใช้มือกับจูบให้เป็นก่อน”

              ธูปหายใจยาว แต่ถี่ ใช้หน้าผากชนกับคางของผม

               “เงยหน้าหลับตา แล้วก็อ้าปาก คิดว่าคนที่จูบเป็นใครก็ได้ที่มึงชอบ”

              ผมโน้มตัวหา พลิกขึ้นคร่อมอีกฝ่าย ใช้กลีบปากสัมผัสเบาๆ เชิงหยอกล้อ พอธูปจะเอาแต่ใจก็ผละถอย เปลี่ยนเป็นแตะด้วยลิ้น กระทั่งแทบริมฝีปากลงไป เผยอปากเพื่อดูดกลืนริมฝีปากของกันและกัน กอดกันด้วยลิ้นชื้นแฉะ กระหวัดเกี่ยวแลกลมหายใจ ธูปดันสะโพกขึ้นให้ร่างกายส่วนล่างเสียดสีกับมือ ผมใช้มือข้างหนึ่งกอบกุมมันไว้ มืออีกข้างไล้ข้างแก้มลงมาตามคอ หัวไหล่ ย้ายลงมาจูบที่ไหปลาร้าแล้ววกขึ้นไปจูบที่ปากอีกที ก่อนใช้นิ้วหัวแม่มือข้างที่ควบคุมความรู้สึกของธูปไว้ขยับเป็นวงกลมส่วนหัว ความหยาบหนาของมือทำให้มันขยายใหญ่มากขึ้นจากเดิม เด็กหนุ่มพยายามกลั้นเสียงคราง แต่เมื่อผมถลกเสื้อมันขึ้น แตะลิ้นร้อนลงบนยอดอก ร่างกายมันก็ดิ้นเร่าอย่างไม่อาจควบคุมได้

               “พี่...ผมจะเสร็จแล้ว”

               “เดี๋ยวก่อน”

              ผมห้าม หยอกมันด้วยการชะลอความเร็วลง

               “ไอ้พี่มังกร อย่ากวน”

               “เรากำลังสอนความอดทน”

              ผมชอบเมื่อมันครวญด้วยความอึดอัด การร้องขอในชีวิตจริงแตกต่างกับในฝัน แต่ก็มีความสุขเหมือนกัน

               “ค่อยเป็นค่อยไป บางทีสวยงามที่สุดอาจเป็นระหว่างทาง”

              ธูปเข้าใจ แต่ปฏิเสธที่จะรอ ผมรวมมือทั้งสองข้างที่เรียกร้องไว้ด้วยมือทั้งสองแขนปลดกางเกงตัวเองลง ยกสะโพกเล็กขึ้นตัก แหกขาขาวออกกว้างคร่อมซ้ายขวา ร่างกายของธูปลอยเด่น ตั้งตรงได้แม้ผมละมือไปครู่หนึ่ง

              อยากเปิดไฟชะมัด

              แค่ดาวเรืองแสงท่านี้จะพอเห็นอะไร แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไหนก็รวบมือขยับโยกร่างการมันอีกครั้ง ส่วนตัวเองอาศัยบำบัดด้วยช่องระหว่างเนินเนื้อทั้งสองข้างของมันเสียดสี หน้าขากระทบกัน แต่ไม่ได้ล่วงล้ำตามตกลง เสียงดังแปะ แปะ ของผิวเนื้อ กลิ่นคาวของสารคัดหลังที่เออท่วมขึ้นมาจากท่อส่ง ผมได้ยินเสียงเปียกแฉะ ที่ชัดกว่านั้นคือเสียงร้องครางของผธูปและลมหายใจหนักๆ ของผม

              สุดท้าย เด็กหนุ่มปล่อยรดมันออกมาเรี่ยราดทั่วหน้าท้องและฝ่ามือ ผมยังใช้เนื้อสะโพกมันเป็นอุปกรณ์บำบัด และปลดปล่อยตามกันมาในเวลาไม่นาน ช่มชื้นไปทั่วขาหนีบ ผสมปนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร

               “โอย”

              ไอ้ธูปเหนื่อยออก ผลักผมให้พลิกตัวนอนหงาย มันใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดเหงื่อบนหน้า ร้องครวญอย่างคนยอมแพ้

               “สนุกไหม”

              ผมถาม ดึงมันมากอดอีกครั้ง คราวนี้จูบหน้าผาก เด็กหนุ่มพยักหน้า กอดผมกลับ

               “เหมือนเล่นรถไฟเหาะเลย”

               “ดีใจที่ชอบ” เพราะอย่างน้อยแปลว่ามันไม่ได้รังเกียจผม ยอมปล่อยออกมาเยอะขนาดนี้ทั้งที่เป็นรอบที่สาม ถ้านับรวมที่มันล่มปากอ่าวกับเสร็จในรอบสองด้วยระยะเวลารวดเร็วจนผมแอบคิดว่าบางทีมันอาจไม่มีอารมณ์ร่วมกับผู้หญิงก็ได้

              แสงดาวสีเขียวที่เรืองรางในห้องพร่าลง ธูปนอนหนุนแขนผมไว้ เราต่างใช้ทิชชู่ทำความสะอาดร่างกายตัวเอง ก่อนพระอาทิตย์สาดส่อง กลายเป็นแสงใหม่ของอีกวัน
 



TBC

ตอนนี้บอกได้แค่ อย่าหาว่าพี่สอน
ฮือออ ไม่รู้จะบอกให้ใครหนีไปก่อนเลยอะ ไม่ต้องหนีละกัน ลุยเลย ลุยเลย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-09-2018 02:08:51
มันเหมือนนักเรียนลองเล่นรักที่ห้องใต้บรรไดเลยอะ  :-[
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 13-09-2018 02:12:16
ไหนพี่มังกรบอกว่ายั้งใจได้
ไหน!!!
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-09-2018 06:00:13
โอวมายก็อด...ดดดดดด  :katai1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-09-2018 07:15:59
พี่มังกรล่อลวงเด็กแบบเนียนมาก หรือเด็กเองก็รอให้ล่ออยู่ก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 13-09-2018 08:41:44
พี่มังกร.....  น้องใจแตกแล้ววววว
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-09-2018 08:43:25
พี่มังกร

นั่นน้องธูป ลูกอาจารย์

นะพี่
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 13-09-2018 09:49:45
omg น้องธูปเอ้ยยย


อกอีแป้นจะแตก

น้องทำเหมือนน้องรู้อะว่าไอ้พี่มังกรมันคิดอะไร

เหมือนให้พี่พาไปให้พี่ตัดใจ

แต่พอจริงๆ ตัวเองกลับอรมณ์ไม่ค่อยดีเสียเอง


แล้วก็ยอมเค้าอะ


15 หยกๆ 16 หย่อนๆมาก ลูกเอ้ยยยย


หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-09-2018 11:00:38
เหมือนน้องธูปจะล่อลวงพี่มังกรมากกว่านะ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 13-09-2018 11:28:26
พี่มังกรหลอกล่อน้องอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-09-2018 13:51:33
ไม่มีคำพูดใดๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-09-2018 16:27:15
พี่มังกรรรรร สอนอะไรน้อง 5555
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-09-2018 18:52:47
คืนเดียว 2 บทเรียนเลย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-09-2018 19:39:03
อิพี่!
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 13-09-2018 23:32:46
เปลี้ยนชื่อเรื่องเหอะ เป็น พี่ครับ...สอนรักผมหน่อยครับ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 14-09-2018 01:09:11
สกรีมมมม พี่มังกรพาน้องใจแตก น้องจะขาดพี่ไม่ได้ก็อย่างเนี้ยะ เข้ามามีบทบาทในชีวิตทุกอย่าง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 14-09-2018 05:55:11
พี่มังกรทำใจกระเจิง น้องมันชอบพี่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 14-09-2018 14:23:29
 :mew3: ตอนนี้น้องธูปมีสติเต็มร้อยด้วย
พี่มังกรน่ะชัดเจนแล้ว
อยากอ่านความรู้สึกฝั่งของน้องธูปบ้างจัง
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 14-09-2018 16:09:23
……

อ่ะ พี่สอนน้องหรา…แฝงเลศนัยอ่ะ


 o18  o18  o18  o18  o18  o18  o18


……
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 14-09-2018 20:55:07
โหยยย ไม่ผิดหวังกับฉากอย่างงี้จริงค่ะคุณwaet
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 14-09-2018 21:14:05
อ่ะ อย่าหาว่าพี่สอน  :z3:
พี่มังกรรรรรรรรรร หลอกเด็กอ่ะ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 14-09-2018 21:15:35
ไม่ธรรมดานะ 55
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 15-09-2018 22:54:07
ล่อลวงเด็กชัดๆเลย น้องธูปลูก  :hao7:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: pandant ที่ 15-09-2018 22:57:39
อันนี้เรียกขึ้นครูปะคะ ทำไมอิพี่มันร้ายยยยยย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-09-2018 09:33:19
โอ๊ยยยย ตายแล้วว คุณพ่อมาพาตัวพี่มังกรไปที หัวใจจะวาย 5555
ทำไมทำแบบนี้กับน้อง พาไปขึ้นครูไม่พอ ยังพามาเทรนต่ออีก

ธูปเอ้ยย หลงพี่มังกรแล้วไม่รู้ตัวหรือเปล่า
แล้วก็ได้ลองจริงใช่ไหม ไม่ใช่ขึ้นไปนอน อาบน้ำ แล้วออกมานะ

มังกรไหวไหม เก็บอาการได้ไม่เนียนเลย หลุดตลอด
แล้วที่มาเนียนเทรนน้องคือ สติหลุดแล้ว เคืองด้วย

 

หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 16-09-2018 13:36:10
พี่มังกรโซฮอตตตตต :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 19-09-2018 23:30:23
ก่อนอารมณ์ของเรื่องจะพุ่งทะยานราวกับจรวดพุ่งแหวกชั้นบรรยากาศ, ดิฉันว่ามังกรต้องคู่น้องธูป แล้วพอเขาพัฒนาความสัมพันธ์เร่าร้อนกันขนาดนี้ ก็ได้แต่กรี๊ดกับหมอนข้าง ชอบที่สุดกับการ "เล่าเรียน" บทพิศวาสที่พี่มังกรสอนให้น้อง เนิร์ดใช่หรือไม่ ความรักก็เลยต้องเอนเอียงไปในทำนองค่อยๆ เรียนรู้กันอย่างนี้แหละดีที่สุด ซีนกอดจูบลูบคลำนี่ทำดิฉันอ่านไปจิกหมอนไป ชอบมากๆ เลยนะคะคุณเวสต์

นอกจากเรื่องด้านบนที่กล่าวมาแล้ว ยังได้ความรู้เล็กๆ น้อยเกี่ยวกับอาการต่างๆ ของคนในสังคมยุคใหม่ด้วยค่ะ ได้ล้วงลึกเข้าไปในอารมณ์ของลูกชายโทนที่มีพ่อเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ต้องต่อสู้กับความคาดหวังต่างๆ แม้เรียนมหาวิทยาลัย ทว่าก็ยังนับว่ากำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นวุฒิภาวะอาจไม่พอกับการต่อกรกับความกดดันรอบด้าน อ่านแล้วชอบนะคะ

รอตอนต่อไปค่ะ ^_____^

ป.ล. ตั้งแต่รู้ใจตัวเอง อิพี่มังกรก็หื่นกับน้องตลอด แม้ภายนอกจะหน้านิ่ง แต่ในใจนี่ฮ็อตยิ่งกว่าเอลนิลโย่
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: pandant ที่ 23-09-2018 01:25:01
สอนอะไรยังไง พ่อรู้เดี๋ยว​โกรธนะ.. พี่รังแกน้อง
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 23-09-2018 09:21:57
ไรท์มาต่อเร็วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 23-09-2018 14:42:01
chapter 08
CAN YOU FEEL?


       ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปโดยที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึกได้

              ผมเข้าใจแบบนั้น

              ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีทีเดียว


              เช่นกัน ผมเข้าใจแบบนั้น

              สิ่งใดที่เกิดขึ้นโดยความพร้อมพรรคสมัครใจย่อมดำเนินไปอย่างสวยงาม วันต่อมาผมเป็นคนตื่นก่อน เราไม่ได้ทวงถามถึงเรื่องที่ผ่านไป ผมชวนมันออกไปวิ่ง ธูปโยเยพักใหญ่ก่อนจะยอมออกไปด้วยกัน แล้วกลับมาด้วยหมูทอดเจียงฮายของโปรดเหมือนเดิม ครั้งนี้ซื้อเยอะขึ้น ด้วยข้ออ้างว่าเสียพลังงานไปเยอะจากกิจกามที่ผมพามันออกนอกลู่นอกทางต้องชดใช้ร่างกายอย่างสาสม แต่กระนั้นธูปก็ไม่รบเร้าขอให้ผมพาไปเที่ยวที่อย่างว่าอีกเป็นครั้งที่สอง

              ความพอใจสุดท้ายที่ธูปยอมรับทำให้เส้นทางที่จะดำเนินต่อไปจากนี้สำหรับผมแล้วชัดเจน คือธูปไม่ได้มีอคติเรื่องเพศกับผู้ชาย ถึงผมอ้างด้วยการพูดไม่หมดว่าเคยสลับกันจับไอ้หนูของเพื่อนบ้าง แต่แค่เป็นการหยอกล้อของวัยคะนอง ไม่เคยเกิดอารมณ์ปรารถนาด้วยแต่อย่างใด ดังนั้นผมกับธูปกำลังก้ำกึ่งระหว่างfriend with benefit คู่นอน หรือคนที่จะมีความสัมพันธ์ยาวนาน แต่แน่นอน เมื่อก้าวผ่านมายอมรับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว ผมไม่หยุดแค่นี้แน่


             “สัปดาห์หน้าพ่อไปฟิลด์ทริปเหรอ”

              เด็กหนุ่มที่กำลังนึกถึงวางจานผลไม้ลง ปีนี้สับปะรดราคาถูก แม่ไอ้ธูปซื้อมาจากสวนหลายโล บังคับให้พ่อเอามาแจกจ่ายคนแถวบ้าน จนถึงอาจารย์ในคณะ สุดท้ายต้องยอมใส่ท้ายรถขับออกมา เขาแวะเข้ามาที่ร้าน รอให้รถซาลงจากถนนก่อนแล้วค่อยกลับบ้านโดยตั้งใจจะเอาลูกชายไปด้วย

               “อืม แม่บอกเหรอ”

               “ครับ” ธูปตอบ มันหันหน้ามองผมเชิงท้วงว่าทำไมไม่เล่าก่อนหมุนตัวไปหาที่นั่งห่างๆ

               “ยังไม่ทันบอกก้องเลย แต่คงไม่ติดอะไรมั้ง”

              อาจารย์พิภพเรียกผมว่าก้อง ย่อมาจากชื่อจริงที่ยาวเหยียด จะว่าไปก็มีแค่ธูปที่เรียกผมว่าพี่มังกร เป็นชื่อที่ผันมาจากเล้ง ในภาษาจีนอีกที ส่วนคนอื่นๆ นอกบ้านถ้าไม่เรียกก้อง จากก้องกิดากร ก็เรียกกร เป็นการตัดคำที่สั้นและง่ายที่สุด

              “ปีนี้จัดก่อนปิดเทอมหรือครับ”

              ผมทำหน้าว่าไม่รู้เรื่องมาก่อนเหมือนกันให้ธูปเห็นว่าบริสุทธิ์ มันมุ่ยหน้าอยู่ด้านหลังขณะที่อาจารย์เล่า

               “อืม กระทบหลายวิชาเชียว แต่ เดี๋ยวมหา’ลัยจะปรับผังการเรียนใหม่อีก คราวนี้นักเรียนที่เรียนอยู่จะเหลือปิดเทอมน้อยลงเลยคุยกันกับอาจารย์ในภาคว่าเทอมนี้ปีสามเห็นทีต้องจัดก่อนสอบไฟนอล”

              เป็นวิชาหนึ่งหน่วยที่ถ้าไม่เรียนไม่จบ เป็นวิชาสำหรับออกภาคสนาม ที่คณะพยายามผลักดันการนำความรู้ไปใช้รับผิดชอบสังคม บางมหาวิทยาลัยผลักดันเป็นวิชาพื้นฐาน ชื่อวิชาทำนองการเป็นคนดี อาสาทำเพื่อสังคม แต่ที่นี่เพิ่งมีการนำร่องมาใช้บางคณะ บางภาควิชา

               “ปีนี้ไปที่ไหนเหรอครับ”

               “โน่นล่ะ ที่ตาก”

               “โรงเรียนที่อาจารย์ไปเซอร์เวย์กับอาจารย์อนุพงษ์เมื่อต้นปีเหรอครับ”

               “ใช่ๆ ช่วงนี้ก็เปิดรับบริจาคของไปให้เด็กๆ ด้วย เปิดกล่องอยู่หน้าคณะ ส่วนใหญ่ได้เป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้ว พวกตุ๊กตา เสื้อผ้า ปากกาที่แจกกันตามอีเวนท์”

               “คงดีนะครับถ้ามีใครซื้อของใหม่ให้เด็กๆ บ้าง”

              อาจารย์พิภพเหยียดแขน เสียงกระดูกลั่นกรอบ เราทำงานอยู่โต๊ะเดียวกันผมเงยหน้าขึ้น เห็นธูปนอนอ่านหนังสือ กินสัปปะรดที่มุมห้องกับบีนแบคที่ลากมาจากชั้นล่าง มันผึ่งพัดลมสบายใจเฉิบ หนังสือที่อ่านเป็นหนังสือที่เพิ่งส่งมาถึงเมื่อวานหลังจากสั่งผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศไปเมื่ออังคารก่อน

              เดิมโต๊ะทำงานชั้นสองของอาจารย์เป็นโต๊ะไม้ขนาดพอเหมาะสำหรับหนึ่งคน ก่อนจะถูกยกสลับกับโต๊ะกินข้าวขนาดสี่คนนั่งของที่บ้าน อาจารย์ว่าตั้งแต่ธูปเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ยกมาที่คาเฟต์นอกจากได้ใช้ประโยชน์แล้วยังเพิ่มพื้นที่ในครัวได้อีกด้วย

              ตอนที่ผมเข้าครัวครั้งนั้นโต๊ะตัวนี้ยังอยู่ที่บ้าน แต่ผมกับธูปก็ไม่ได้สร้างความทรงจำใดในมื้ออาหารกับมัน แค่เลื้อยขึ้นลงจากโซฟาก็เหนื่อยเต็มทน โต๊ะตัวเดียวกันขณะนี้กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของงานหนักที่มีวี่แววจะถาโถมเข้ามาตลอดช่วงระยะเวลาก่อนออกต้องไปทริปต่างจังหวัด

               “ไม่มีอะไรติดธุระอะไรใช่ไหม”

              ผมเหลือบตามองธูปอีกครั้ง มันเอาปากกาวางบนปาก ทำปากจู๋

               “ไม่ครับ”

              ขืนบอกว่าที่จริงแล้วติดลูกอาจารย์เห็นทีคงต้องได้คุยกันยาว มองเอกสารกองพะเนินเทินทึก ถ้าธูปไม่ขอนอนค้างที่นี่ เห็นทีจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันลำพังไปอีกนาน




               “ผมเคยไปนะ ฟิลด์ทริปต่างจังหวัดที่พ่อทำ”

              พระอาทิตย์อัสดง เด็กหนุ่มในเสื้อยืดของคณะยังคงมีความสุขดีกับของกินในมือ หลังจากช่วยพี่นันต์จัดการร้านธูปก็ชวนออกมาเดินตลาดกลางคืน แวะที่ร้านผัดไทก่อน ตามด้วยบาบีคิว ระหว่างรอก็ไปเหมาลูกชิ้นปิ้ง ชานมไข่มุก เคี้ยวเข้าปากตุ้ยๆ

               “แต่ไม่ได้ไปปีที่พี่เรียน ไม่งั้นคงเจอกันไปนานแล้ว”

               “อือ” ผมพยักหน้า มันจิ้มลูกชิ้นใส่ไม้ยื่นมาให้ ผมถอนใจ มีแต่แป้งกับบอแร็กซ์ อร่อยเพราะผงชูรสผสมกับพริกไทย แต่ห้ามมันไม่ลงเมื่อธูปบ่นว่าไม่ค่อยได้กินอาหารขยะ และของพวกนี้ก็ตอบสนองกับระบบการให้รางวัลของสมองได้ดีเยี่ยม ดีหน่อยที่มันไม่ชอบดื่มน้ำอัดลม ในฐานะคนเคยติดน้ำอัดลมบอกเลยว่าเลิกยากฉิบหาย

               “ช่วงนั้นน่าจะเตรียมสอบเข้ามหา’ลัย”

               “เออ ดีแล้ว” ผมคิดว่าบางทีแล้วอะไรก็ต้องรอเวลาให้เดินมาถึงอย่างถูกที่ถูกทาง ถ้าเป็นผมตอนนั้น ช่วงที่รับความสูญเสียจากเรื่องของแม่ไม่ได้ ช่วงที่ผมเป็นแค่ศิษย์โปรด ไม่ได้เป็นเด็กในร้านเหมือนตอนนี้การพบกันในช่วงเวลาที่ไม่มีความเหมาะสมก็ไร้ความหมาย

              ผมมองธูป หลากหลายความรู้สึกไหลเวียนทั่วทั้งร่าง ทั้งสงบและตื่นเต้น หวั่นไหวและมั่นคง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่การเจอมันในตอนนี้ทำให้เรื่องระหว่างเราพิเศษโดยไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว

               “ไม่อยากเจอผมเร็วๆ เหรอ” มันกระทุ้งข้อศอกหยอกกลับมา ผมหัวเราะ ไม่ตอบ เฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

               “ตอนนั้นมึงกำลังเตรียมสอบใช่ไหม ทำไมเรียนวิทยาล่ะ ไม่อยากเรียนหมอ วิศวะเหรอ เด็กๆ ที่บ้านกูโคตรอยากให้เข้าหมอ”

               “ไม่อะ ไม่น่าสนุก” เด็กหนุ่มตอบ ยกลูกชิ้นเม็ดสุดท้ายให้ผม “ผมอยากเป็นนักวิจัย เท่ปะ”

               “เออ ก็เหมาะ”

              ทดลองนั่นนี่เก่งนัก เกิดในสมัยไอน์สไตน์คงได้ตายไว ถูกจับข้อหาเป็นลัทธิแม่มด ฝืนกฎธรรมชาติ

               “ปอ.โทสนุกไหม”

               “ไม่” ผมตอบตามความจริง “ไม่เคยคิดว่าเรียนเป็นเรื่องสนุก”

               “ผมว่าสนุกออก”

               “มึงมันไม่ใช่เนิร์ดแล้ว เข้าขั้นกี๊ก”

              ขั้นกว่าของคำว่าเนิร์ด โชคดีที่ยุคสมัยทำให้ความหมายของมันเปลี่ยนไปเสมอ บางจังหวะเนิร์ดเป็นคำในแง่ลบ ตอนนี้จู่ๆ ก็กลับมาดูเท่ แต่ไม่ใช่กับไอ้เด็กแว่นหนาคนนี้แน่

               “Geek is sexy”

              ธูปพูดพลางยักคิ้วข้างเดียว ผมสำลักชานมไข่มุกทันที ตัวการหัวเราะชอบใจ ดูท่าแล้วมันจะชอบเวลาที่ทำให้ผมเลอะเทอะมากจริงๆ

               “แต่ไม่เถียงนะ”

              ผมว่า นึกถึงตอนที่ช่วยมันสำเร็จความใคร่แล้วก็เซ็กซี่จริงๆ ทั้งสีหน้า น้ำเสียง การบิดเรียงตัวของกล้ามเนื้อสวยเหมือนภาพประติมากรรมในยุคที่ศิลปะโรมันเฟื่องฟู

               “คืนนี้เอาอีกไหม” ผมยักคิ้วบ้าง ทำหางตาตก กวนประสาท ธูปขำพลางจ่ายเงินค่าอาหาร

               “คิดว่ากินตุนไว้ทำไมอะ คืนนี้ผมจะทำให้พี่เสร็จก่อนบ้าง”

               “หึ” ผมส่งเสียงในลำคอ “เดี๋ยวสอนทำอย่างอื่น”

               “ไม่ดีเลยว่ะ พี่แม่งทำให้ผมคิดแต่เรื่องทะลึ่ง นี่ ถ้าสมองผมหลั่งสารแห่งความสุขออกมามากๆ มันจะเสพติดรู้ไหม”

               “เอ้า แสดงว่าเรื่องทะลึ่งทำให้มึงมีความสุข เป็นเด็กทะลึ่งเองมาโทษกัน”

               “ผมเด็กดี” มันว่า มองไปเห็นไอติมทอดไกลๆ แล้วทำตาวาว

               “พอแล้ว” ผมปราม ธูปย่นจมูก ของกินทำมือมันเลอะเทอะจนต้องใช้หลังมือดันแว่นเมื่อตกลงมา “กินอะไรนักหนา อดอยากมาจากไหน”

               “วัยกำลังโต”

               “อะไรโต”

               “นั่นไง พี่ทะลึ่งอีกแล้ว”

               “หัวโตหรือเปล่า” ผมเฉไฉ ไม่ได้พกทิชชู่ติดตัว จะพาไอ้มอมไปล้างไม้ล้างมือเห็นทีแว่นที่คอยจะร่วงลงมาเรื่อยๆ หล่นก่อนพอดีเลยจัดการถอดแล้วใส่แว่นให้ธูปใหม่ “ขาแว่นกางขนาดนี้เอาไปร้านให้ดัดหน่อยไหม มันเลยร่วงตลอดนี่ไง”

               “น็อตมันหายไปตัวนึง” ธูปบอก ผมดึงแว่นออกมาใหม่ เห็นช่องใส่น็อต ถูกแทนที่ด้วยซีกไม้ที่เล็กกว่าไม้จิ้มฟัน

               “โห พ่อแม่เงินเดือนเป็นแสน ขอค่าทำแว่นใหม่ไม่ดุหรอกมั้ง”

               “มันแพงอะ เคยใช้กรอบแว่นพลาสติกถูกๆ ก็หักง่าย แต่ที่จริงให้ร้านใส่น็อตให้ใหม่คงไม่คิดเงินหรอก ขี้เกียจ”

               “สามนาทีก็เสร็จแล้ว จะขี้เกียจไปไหน”

               “ขี้เกียจไปร้านแว่นไง” ตอบแบบกำปั้นทุบดิน “แต่เรื่องอื่นขยันนะ”

               “รู้แล้ว ตั้งสามน้ำต่อวัน ไหนดูแขนขวาดิ๊ กล้ามขึ้นยัง”

               “ไอ้พี่เหี้ย”มังกรกลายเป็นสัตว์เลื้อยคลานแถบสวนลุมแล้วเว้ย ธูปหัวเราะเอิ๊กอ๊าก “นี่หัวคนหรือหัว...”

               “หัวอะไร พูดอะไรจับอันนั้นนะ”

               “หัวนิ้วโป้งตีน”

              ผมยิ้ม วางแขนพาดบ่าธูป การแสดงออกถึงความใกล้ชิดในที่สาธารณะทำได้แค่นี้ เด็กหนุ่มไม่ขัดเขิน เดินช้าลงไม่ให้แขนของผมหลุดจากไหล่ของมัน

               “เดี๋ยวนี้พูดจาไม่น่ารัก เดี๋ยวจะฟ้องพ่อมึง”

               “พี่พูดน่ารักกับผมตายอะ”

               “อยากให้พูดน่ารักๆ เหรอ”

               “ก็ดีกว่าปะ”

               “น่ารัก” ผมก้มลงกระซิบ ก่อนยืดตัวเต็มความสูง ให้เห็นชั้นเชิงของการหยอดอย่างเซียนทำ ไอ้ธูปชะงักขา เสียจังหวะเดินครู่หนึ่งก่อนสวนกลับในอย่างที่ผมแทบล้มหัวคะมำ

               “น่ารักก็รักดิ”

              ถ้าตอนนี้มีคนบอกว่าธูปไม่เป็นงาน ผม เถียงขาดใจ

              “ไม่กลับร้านเหรอ ยืนทำไร”

              รู้สึกตัวอีกทีเจ้าของเสียงก็ยืนห่างออกไป ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองหยุดยืนและยังคงเป็นฝ่ายควบคุมอาการเคอะเขินไม่ได้ ของกินในมือธูปหมดแล้ว มันซ่อนปลายนิ้วเหนียวเหนอะไว้ด้านหลัง ท่าทางประหลาดไม่ต่างกัน แสงไฟสีส้มนวลของร้านค้าตอนกลางคืนบดบังสีที่แท้จริงของใบหน้าเอาไว้ แต่อากัปกิริยาทุกอย่างปรากฏชัดว่ามันไม่ได้พูดโดยปราศจากความรู้สึก มีบางอย่างที่ยืนยันว่าการคาดคะเนของผมเป็นจริงคือผมเองก็พิเศษสำหรับมัน

               “รีบกลับเหรอ”

               “รีบดิ ดึกแล้ว จะนอนนี่เหรอ”

              ยอกย้อนเก่ง ผมก้าวตาม แต่ธูปไม่รอ หันหลังเดินฉับๆ โชคร้ายที่ขาสั้นกว่า ผมเร่งฝีเท้าไม่เท่าไรก็คว้าข้อศอกอีกฝ่ายไว้ทัน

               “นอนไหนก็ได้ แต่ต้องมีหมอนข้าง”

              ผมหลิ่วตามอง ครั้งนี้ชัยชนะตกเป็นของผมเพราะธูปไม่เถียง ก่อนลดมือลงต่ำ กระทั่งเป็นระดับเดียวกับมือของมัน

              ฝ่ามือของเราแตะโดนกัน ธูปพลิกข้อมือหนีแต่ไม่ไปไกล ยังอนุญาตให้ผมใช้นิ้วชี้เกี่ยวนิ้วชี้ของมันไว้

               “พี่รู้ปะ สมองเราเคยชินกับการหลั่งสารของความสุขนะ ถ้าได้รับในปริมาณเท่าเดิมแล้วมันจะไม่พอ เหมือนที่คนเราติดของหวานแล้วต้องการในปริมาณที่มากขึ้นอะ”

               “มึงพูดรอบที่สองแล้ว”

              ธูปเลียริมฝีปาก เดาว่าคงมีรสชาติของอาหารเคลือบบนนั้น ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมอยากรู้ว่ารสที่ยังติดอยู่บนริมฝีปากเป็นรสของอะไร

               “แล้วก็ การกอดทำให้เซโรโทนินหลั่ง”

              มันหมายถึงฮอร์โมนของความสงบ เกิดขึ้นจากการสัมผัสซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความรู้สึกวางใจและความรัก ธูปพูดจาวกวน ไม่เข้าประเด็น แต่ผมกลับเข้าใจสิ่งที่มันกำลังสื่อ

              ธูปกำลังบอกว่า ต่อไปความใกล้ชิดเท่านี้อาจไม่พอกับความต้องการของเรา กำลังเตือนให้ผมระแวดระวัง ขณะเดียวกันธูปกลับไม่ทันรู้ตัวว่าผมกำลังใช้ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ของความรักต่างๆ กับมันต่างหาก

              ไม่ใช่เพื่อการทดลองเหมือนที่ธูปลองกับคุณกานดา แต่เป็นไปโดยสัญชาตญาณของมนุษย์

              ไม่ใช่สืบพันธุ์ แต่ต้องการความสุข ความสุขที่ในปริมาณเท่าเดิมจะไม่เพียงพออย่างที่มันกังวล

               “กลัวจะขาดไม่ได้ขนาดนั้นเลย?”

              ผมถามด้วยน้ำเสียง ธูปชักมือกลับไปกอดอก เว้นระยะห่าง ผินหน้าหนีไปในทิศที่ไม่ให้ผมเห็น

               “ตลกละ ผมแค่ห่วงว่าถ้าใกล้ชิดมากๆ จะเหมือนคู่เกย์มากกว่าพี่น้องต่างหาก”

              มุมปากที่ยิ้มของผมตกลงเล็กน้อย แต่ยังเป็นรูปของรอยยิ้มจางๆ

               “พี่น้องไม่จูบกันนะธูป”

              แม้ว่าผมอ้างถึงการสอน อยากให้มันลอง แต่ไม่มีใครสอนกันด้วยวิธีนี้นอกจากคนที่รู้สึกพิเศษต่อกัน แม้คนโง่ที่สุดในโลกยังรู้ ไม่มีทางที่ธูปจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผมทำ นอกเสียจากมันอยากรู้อยากลองเกินคนปกติ

               “ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อย”

              ผมวางมือบนหัวมัน โยกไปมา ธูปไม่ตอบ ไม่เถียง มีเพียงความเงียบเข้าปกคลุม ความสับสนของอีกฝ่ายกำลังทำงานอย่างรุนแรง แรงมากจนผมสัมผัสได้ อาการหวามไหวคล้ายไม่มั่นใจ แต่ก็มั่นใจ เป็นอาการเดียวกับที่ผมประสบก่อนหน้านี้

               “เครียด อะเครียด” ผมยิ้ม แสร้งเปลี่ยนเรื่อง “ปะ รีบเดิน เดี๋ยวกูช่วยคลายเครียดให้จนหมดแรงเลย”

              เราไม่พูดถึงเรื่องกอดจูบกันอีก จงใจละเลยเรื่องความรู้สึกอื่นที่พอกพูนหลังจากปลดปล่อย เรายังคุยเรื่องสำเร็จความใคร่เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่กับเพศและพฤติกรรมที่ผิดรูปแบบจากมนุษย์กำหนดให้เป็นธรรมชาติถูกละเลยชั่วคราว




              ภายในห้องที่มืดสนิท เสียงลมหายใจหอบดัง ร่างกายเปลือยเปล่า สุดท้ายแล้วผมจูบธูปจนปากเจ่อบวม กอดรัดร่างกายจนแนบแน่น ปลดปล่อยภายนอก แต่อาศัยการเสียดสี ทิ้งร่องรอยไว้ตามแผ่นหลัง พื้นที่ใต้ร่มผ้า

              ชั่วขณะนั้นมันลืมคิดถึงเหตุผล อนุญาตให้อารมณ์ดำเนินเหตุการณ์ทั้งหมด วินาทีที่เราเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ ผมอยากชำแรกแทรกตัวเข้าไปในร่างของธูป ทำสัญลักษณ์ว่ามันเป็นของผมโดยสมบูรณ์และไม่อนุญาตให้กังวลใจกับเรื่องใดก็ตาม ผมปรารถนาจะควบคุมความรู้สึกนึกคิด แต่ท้ายที่สุดผมก็รู้สึกกับมันเกินกว่าจะบงการทุกสิ่งดั่งใจ

              อาหารมื้อเย็นที่โถมเข้าไปสูญเปล่าเมื่อเด็กหนุ่มใช้ร่างกายเกินปริมาณแคลลออรี่ที่ได้รับ ข้อดีของการเป็นผู้ชายคือเราต่างรู้ว่าจุดไหนจะกระตุ้นให้อีกฝ่ายยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อถึงฝั่งฝัน

               “พี่...พอก่อน ผมแสบ”

              เสียงกระซิบดังพร่าคล้ายคนป่วย เด็กหนุ่มโยกสะโพกไปด้านหลังเมื่อผมจับร่างกายปวกเปียกแต่ฉ่ำวาวของมัน ฟูกที่นอนถูกปูด้วยผ้าเช็ดตัว สำหรับสะดวกต่อการทำความสะอาดโดยเฉพาะ

               “ยังสู้มืออยู่เลย”

               “อย่าไปโดนดิ”

              ผมหัวเราะ จูบแก้มชื้นเหงื่ออีกฝ่ายเบาๆ

               “งั้นนอนก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยทำใหม่”

               “ไม่วิ่งแล้วเหรอ”

              ผมกอดมัน กดศีรษะอีกฝ่ายเข้าซุกคอ ธูปขืนตัวเล็กน้อยแต่ยอมนอนสงบในวงแขน มิหนำซ้ำยังสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เมื่อปลายจมูกแตะบนไหปลาร้าของผม

               “ไม่อะ อยากนอนแบบนี้มากกว่า เดี๋ยวจะต้องไปค่ายกับอาจารย์แล้วอดกอดไปหลายวัน”

              หากลังเล ผมจะทำให้หายลังเล หากสับสน ผมจะทำให้หายสับสน หากว้าวุ่นใจ ผมจะทำให้มันว้าวุ่นที่มีผมอยู่ในทุกห้วงความคิด

              หากไม่ยอมรับความรู้สึก

              ผมจะอยู่กับมันจนกว่าธูปจะซื่อสัตย์ต่อตัวเอง


               “พี่มังกร”

               “หืม”

               “...เปล่า”

              เสียงนั้นกระซิบเบาจนแทบเป็นเสียงเดียวกับลมหายใจ และก็กลายเป็นเพียงเสียงลมหายใจ ธูปหลับบนแขน ขณะที่ผมนอนลืมตาโพลงรอฟ้าสาง

              ว้าวุ่นภายในจนเกินจะข่มตาหลับลง



TBC

ตอนนี้มันสั้นแปลกๆ เราก็รู้สึกว่ามันสั้น แต่ต้องตัดตอนแล้ว แง้
สัปดาห์หน้าจะมาเร็วๆ นะคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจให้การกลับมาเขียนใหม่ รอบนี้บอกกงๆ ว่าใจบางเหลือเกิน (หล่อนก็ไม่เคยมั่นใจในตัวเองซักรอบนั่นแหละ)
ขอบคุณนะคะที่ยังอยู่ตรงนี้ เพื่อบอกว่าที่เราทำมันยังโอเคจริงๆ
โน้ววว ไม่ดราม่า ดีใจเฉยๆ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 23-09-2018 15:52:53
เด่วจะเด็ดก้านมะยมมาตีน้องธูปให้น่องลาย น้องริอาจปลูกอ้อยนะคะ อิพี่มังกรก็ก็ด้วย หวังจะฟัน เอ้ย!.. ตัดอ้อยน้องตลอดดดดด....เจ้ใจบางงงงง... :o8:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 23-09-2018 16:58:43
ง่อววววววววววว :z3:
อยากตีเด็ก น้องธูปเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-09-2018 17:09:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-09-2018 17:18:08
พี่มังกรเค้าจะชัดเจนแล้ว..ธูปหนูอย่าได้กังวล #เป็นกำลังใจให้ไรต์  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Sykes ที่ 23-09-2018 18:05:27
อ่านแล้วใจบางเหลือเกินค่ะ หน่องธูปน่ารักกกกก  :haun4:
ปล. เป็นกำลังใจให้คุณเวสนะคะ ยินดีต้อนรับการกลับ เรายังคิดถึงนิยายทุกวันพุธเสมอนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-09-2018 19:09:44
พี่มังกือมันร้ายค่ะ!

เราชอบการบรรยายมาก สัมผัสได้ถึงความลังเล หวามไหว มุ่งมั่น

มันคืออาการรัก
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 23-09-2018 20:05:05
จะบอกว่าเด็กมั้นยั่วได้มั้ยเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-09-2018 20:48:22
เห็นชื่อเรื่องตอนแรกนึกว่าหมายถึงหลายคน ตอนนี้ชักจะแน่ใจว่าหมายถึงน้องธูปคนเดียว
เด็กฉลาดเรียนรู้ไว พี่ก็ขยันสอนอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-09-2018 21:19:16
ธูปหนูไปเร็วมาก :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 23-09-2018 21:57:59
อ่านแล้วแบบ...จะคุยเรื่องสัปดี้สีปะดนต่างๆ ตอนไปเดินซื้อของที่ตลาดแบบนี้ไม่ได้นะลูก (เรา - ตามอ่านอย่างกระหาย ฮ่าๆ) อ่านไปกรี๊ดไป ทั้งพี่ทั้งน้อง ไม่ยอมกันเลยจริงๆ คือมันไปเกินกว่าเรื่อง "บทเรียน" แล้วค่ะ สัมผัสได้ว่าธูปยังกล้าๆ กลัวๆ คล้ายๆ อยากจะก้าวข้ามเส้นกั้นอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังรีรออยู่ ส่วนคนพี่ก็ใจเตลิดไปไกลแล้ว แต่พยายามหักล้างความรู้สึกตัวเอง เพราะมีปัจจัยอื่นๆ อีก อย่างหนึ่งที่เราคิดว่าสำคัญคือความจริงที่ว่าธูปเป็นลูกชายของอาจารย์ตัวเอง นี่ถ้าอาจารย์รู้ขึ้นมาจะเป็นยังไงคะ เราคิดไปไกลลลลล

ขอบคุณคุณเวสต์มากๆ สำหรับตอนนี้นะคะ รู้สึกเหมือนความเข้มข้นจะมากกว่าตอนที่ผ่านๆ มา และเหมือนกงล้อบางอย่างจะเริ่มหมุนแล้ว (รีบวิ่งเข้าครัวหาถ้วยใหญ่ๆ ใส่มาม่า อุๆ)
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-09-2018 22:52:57
ความสัมพันธ์ค่อยๆชัดเจนขึ้นแล้ว ดีใจกับพี่มังกรที่น้องไม่รังเกียจ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 23-09-2018 23:51:38
หน่วงๆตรงไม่รู้ใจตัวเองนี่อหละ
แต่น้องก็น่านักเกินนน
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 24-09-2018 01:41:15
โว้วว พี่มังกรรุกหนักมากจีๆ หลังจากนี้ที่พี่ไปทริป น้องมันต้องงุ่นง่านแน่ๆ มีการทิ้งระยะไว้ให้คีสสส  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 24-09-2018 11:53:50
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 24-09-2018 22:01:11
พี่เขาชัดเจนแล้วนะ รอน้องรู้ใจตัวเองอย่างเดียว  :hao3:
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-09-2018 05:53:48
ชัดเจนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว จะทำให้ขาดไม่ได้
จะทำให้คิดถึงกันตลอด พี่มังกรเริ่มแล้วนะธูป

ธูปคนดี เตรียมพร้อมออกกำลัง และก็หมดสภาพไปมาก
แต่น้องจะมึนแบบนี้ไม่ได้นะ พี่เค้ากอบโกยไปเยอะแล้ว
อาการธูปออกนะ หวั่นไหวแหละ แต่ไม่แน่ใจ
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-09-2018 08:00:56
พี่มังก๊อนนนน

มอมเมาน้อง

ทำให้น้องเคยชิน

แล้วไปใหนไม่รอด

ทำไมร้ายยยยยย
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-09-2018 09:17:36
เรามองว่ามันดีขึ้นนะ

ตอนแรกแอบกลัวกับทฤษฎีของธูป จะทำ กับมังกร

เหมือนลองเชิงประมารณคุณกานดา

หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 26-09-2018 09:47:46
พี่ก้องกิดราก้อน (ชอบชื่ิอนี้มาก :laugh: )
ร้ายมากก อยากจับมาตีอะ
ล่อลวงเด็ก  :hao7:
หัวข้อ: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 26-09-2018 23:35:02
chapter 09
MISSING YOU IS TROUBLE


     
 

              ใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมงนับจากกรุงเทพจนถึงตาก โดยรถตู้ ผมและอาจารย์บางส่วนเดินทางมาก่อนกำหนดเพื่อเตรียมการเบื้องต้นและติดต่อคณะครูของโรงเรียนที่จะไป ส่วนนักศึกษาในภาควิชาราว 50 คนจะเดินทางมากับรถทัวร์ภายหลัง

              ผมคิดถึงธูป ถ้ามันมาด้วยกันได้คงดี ในรถตู้ของมหาวิทยาลัยยังมีที่มากพอสำหรับสอง-สามคน รถออกช่วงหัวค่ำ แต่ผมมีโอกาสเจอมันที่ร้านในตอนเย็น เราสวนกัน คุยไม่กี่คำแล้วแยกย้าย ได้ยินเสียงพี่นันต์แซวว่าธูปไม่งอแงอย่างที่คิดก็หันกลับไปมอง คนถูกหยอกฟึดฟัดใส่บาริสต้าหนุ่ม มันโม้ว่าไม่มีเหตุผลให้งอแง พี่นันต์ยังแซวต่อว่าพูดเล่นไม่เห็นต้องเถียงจริงจังเหมือนกลัวผมลังเลใจจะไม่ไป

              เสียงขยับตัวในรถดังเป็นจังหวะ บางคนหลับไปแล้ว บางคนยังเล่นโทรศัพท์ในที่มืด ผมนั่งหลังสุดคนเดียว ข้างๆ วางสัมภาระอื่นๆ ไม่มีใครอยากนั่งหลังสุดเพราะขณะรถขึ้นลงหลุมจะได้รับแรงกระแทกแรงกว่าใคร มิหนำซ้ำตอนขึ้นเขาแรงเหวี่ยงบนทางคดเคี้ยวทำให้คลื่นไส้เวียนหัวเอาง่ายๆ

              ผมเปิดผ้าม่าน ด้านนอกมืดสนิท เห็นดาวอยู่ลิบๆ ดาวที่สวยกว่าดาวในห้องใต้บันได ถ้าได้นอนดูด้วยกันในบรรยากาศจริงๆ คงดี

              23.00

              You : *sent a picture*

              23.01

              N’Tube : ?

              N’Tube : มือลั่น?

              You : ดาว

              N’Tube : มืดเหอะ

              N’Tube : ใครเขาใช้กล้องมือถือถ่ายดาว

              You : กู

              N’Tube : ...ครับ

              N’Tube : อยู่ไหนแล้ว

              You : บนรถ

              N’Tube : เขายังไม่ไล่ลงจากรถอีกเหรอ

              You : ไม่ แต่มีคนไล่มา

              N’Tube : อะไร ไม่ได้ไล่

              You : แต่ก็ไม่ได้อยากให้อยู่?

              ไม่รู้ว่านึกอะไรถึงพิมพ์ไปแบบนั้น หลังจากคืนนั้นเราไม่ได้คุยอะไรที่ชวนลำบากใจ ไม่มีการเคลียร์ความรู้สึกราวกับมันเป็นเรื่องที่ไร้สาระเกินเอ่ยถึง สำหรับผมแล้วเพียงแค่รอธูปให้มั่นใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ คงเพราะคิดว่าอยากให้มันมีทีท่าอาลัยอาวรณ์ที่ผมจะไม่อยู่ตั้งสัปดาห์มากกว่านี้สักนิดก็ยังดี

              ผมคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ นึกสงสัยว่าคนเราจะมีความเป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ หรือทุกครั้งที่เรารู้สึกพิเศษกับใครก็พานเอานิสัยงี่เง่ากลับมาพร้อมกัน

              โดยปกติแล้วความงี่เง่าของคู่รักชายหญิงมักผกผัน แรกคบกันผมจะเป็นฝ่ายตามติด ไล่ล่า จากนั้นก็เป็นความเคยชิน ผละถอย คิดถึงโลกส่วนตัว ขณะที่ผู้หญิงจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง และสิ้นสุดความสัมพันธ์เมื่อความต้องการของแต่ละฝ่ายเกิดเป็นระยะห่างขนาดกว้างจนไม่อาจต่อรอง ความสัมพันธ์ออกเดินทางอีกครั้ง วนเวียนเปลี่ยนคนแต่วัฎจักรเดิม ผมเบื่อแล้ว ตลกตรงที่ไม่ว่าเราจะหลีกหนี เมื่อมันอยากสร้างตัวตนขึ้น ก็จะงอกเงยโดยไม่ปรึกษาความต้องการเจ้าของหัวใจสักคำ

              นอกจากไม่เลือกเวลา ไม่เลือกสถานที่ ไม่เลือกความเหมาะสมแล้ว ล่าสุดเพิ่งรู้ว่าไม่เลือกเพศด้วย

              ประการหลังสุดนี้ทำให้หนักหนากว่าเคย เพราะเมื่อเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมเลยไม่มีทางเดาได้ว่าต่อไปจะเดินไปในทิศทางใด อย่าว่าแต่อนาคต ปัจจุบันก็ยังเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยเหมือนกัน

 

              โทรศัพท์บนหน้าตักสั่นครืด แสงลอดออกมาจากหน้าจอ เมื่อเห็นชื่อคนโทรก็รีบมองหาอาจารย์พิภพ เขาหลับแล้ว นั่งถัดผมไปด้านหน้าอีกสองที่

              “ว่าไง”

              ผมรับสาย พูดเสียงกระซิบไม่ให้รบกวนคนอื่น

              “ไม่ตอบไลน์”

              “โทดที เผลอหลับ”

              ที่จริงคือผมไม่ได้ตั้งค่าเตือนข้อความเข้า ช่วงเวลาที่คว่ำหน้าจอก็ไม่รู้ว่ามันส่งข้อความกลับมา

              “นึกว่าโกรธ”

              “จะโกรธเรื่องอะไร” ผมถาม ไม่ใช่ความผิดของธูป เพียงแต่... “น้อยใจมากกว่า”

              ปลายสายเงียบเสียงลง ผมไม่ได้ยินกระทั่งเสียงลมหายใจ มีเพียงตัวเลขวินาทีที่เพิ่มจำนวนขึ้นเพื่อย้ำว่าธูปยังไม่ได้วางสายไป

              “ไปนอนเถอะ ปิดบ้านดีๆ แม่อยู่ด้วยใช่ไหม”

              “อือ ผมอยู่บนห้องแล้ว กำลังอ่านหนังสือ”

              “อย่านอนดึกมาก ช่วงนี้ต้องเข้าไปช่วยงานพี่นันต์ด้วย เดี๋ยวจะไม่ไหว” ผมเตือน กลัวว่ามันจะติดอ่านจนเช้าไม่ยอมพักผ่อน นึกดูอีกทีเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่เข้าท่า พอไม่ได้อยู่ในสายตาก็กังวลไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่ไอ้ธูปดูแลตัวเองได้ดีกว่าตอนมีผมคอยกวนตัวกวนใจแน่ๆ

              “เมื่อเย็นผมไปวิ่งมา” เด็กหนุ่มไม่ตอบคำถาม มันเล่าเรื่องกิจวัตรที่ไม่ได้ทำทุกวัน ผมเลิกคิ้วขึ้นโดยอัตโนมัติแปลกใจเพราะปกติกว่าจะขุดไปออกกำลังกายด้วยกันก็ต่อรองแล้วต่อรองอีก “ตอนนี้รู้สึกยังไงไม่รู้”

              “เหนื่อยเหรอ เจ็บหน้าอกป่าว ไปวิ่งกับใครมา”

              “ไปคนเดียว ช่วงที่ลูกค้าไม่เยอะเลยขอพี่นันต์ออกไปวิ่ง”

              “แล้วตอนนี้รู้สึกยังไง วิ่งมากไปเหรอ”

              “ก็มากกว่าปกติหน่อย นอนไม่หลับ”

              “ถ้าออกกำลังมากไปมันจะนอนไม่หลับได้” ผมบอก คราวหน้าจะได้ไม่โหมนัก คู่สนทนาครางรับรู้ในลำคอ “ถ้าไม่โอเค รีบไปบอกแม่แล้..”

“ผมคงกลายเป็นหมอนข้างที่ติดคนกอดไปแล้ว”

              ธูปพูดประโยคนั้นรวดเดียวโดยไม่เว้นวรรคหายใจ รวดเร็วจนฟังเป็นประโยคขาดๆ เกินๆ แต่มันไม่ทวนซ้ำ และผมก็ไม่ถามอีกครั้ง

ว่ากันว่าถ้าคนเราทำอะไรติดกันเกิน 20 วัน สิ่งนั้นจะกลายเป็นนิสัย แต่ที่ผ่านมาใช้ระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบวันดี ธูปกลับอ้างว่ามันเป็นความเคยชินของร่างกายที่มีผมอยู่ข้างๆ

              เผลอยกมุมปากขึ้นโดยอัตโนมัติทั้งที่ให้คำแนะนำอีกฝ่ายไม่ได้ว่าควรแก้ไขอาการที่เป็นยังไง เหมือนกับที่ผมไม่แน่ใจตัวเองว่าจะหุบยิ้มลงได้ยังไง

              “ผมจะไปนอนแล้ว...อาจจะไปนอนกับแม่”

              “อืม ถ้าถึงโรงเรียนแล้วจะไลน์ไปบอก”

              “ครับ” มันตอบรับ เหมือนจะกดวางแต่ก็ไม่วาง ผมกำโทรศัพท์แน่นไม่อยากกดวางสายเหมือนกัน  “พะ-พี่ ไปกี่วันนะ”

              “แปดวัน” คงเป็นแปดวันที่คิดถึงมันน่าดู ยิ่งช่วงนี้ความสัมพันธ์ลุ่มๆ ดอนๆ อาจเพราะมันรู้แน่ว่าผมคิดยังไงแต่เจ้าตัวยังไม่อาจตอบได้ว่าจะไปทางไหนผมยิ่งอยากอยู่กับธูปในเวลานี้ให้มาก

              เสียงซ่าเข้าแทรกเป็นระยะ เข้าเขตของป่าแล้วคลื่นคงไม่เสถียรเหมือนในเมือง

              “ไม่ค่อยมีสัญญาณเลย”

              “อืม งั้น...ผมวางนะ”

              ถึงแม้จะตอบแบบนั้นแต่ธูปก็ไม่ยอมกดวาง ผมถือสาย แนบหูชิดลำโพงโทรศัพท์ เผื่อว่าจะได้ยินเสียงมันหายใจหรือคำพูดอะไรบ้าง

              ตืด..ตืด...

              สัญญาณโทรศัพท์ขาดทำให้สายตัด ผมยังถือค้างไว้แบบนั้นราวกับจะได้พูดคุยหรือได้ยินอะไรอีกสักคำ

 

             
หัวข้อ: Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.8.CAN YOU FEEL? (23/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 26-09-2018 23:35:25
 ที่พักสำหรับนักศึกษาเป็นห้องเรียนในอาคารไม้ ครูใหญ่ย้ายเด็กอนุบาลบางส่วนไปอยู่รวมกันชั่วคราว ผมกับอาจารย์กางเต๊นท์หน้าอาคารเรียน มีครัวและห้องน้ำ ภารกิจหลักของนักศึกษาคือการถ่ายทอดความรู้ให้เด็ก อาจด้วยการทำสื่อ หรือทดลองง่ายๆ ให้เด็กๆ และชาวบ้านได้นำความรู้วิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

              ห้องเรียนที่ใช้นอนถูกแบ่งแยกสำหรับชาย-หญิง นอนพื้น มีหมอนของเด็กอนุบาลให้ยืมนอนในตอนกลางคืน ส่วนช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสองต้องให้เด็กๆ พักผ่อน

              นักเรียนที่โรงเรียนมีไม่มากนัก แต่เมื่อเทียบกับอัตราส่วนของครูนับว่าเป็นจำนวนที่สูง ครูหนึ่งคนดูแลเด็กข้ามสายชั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนพื้นที่ มีทั้งนักเรียนไทยและเด็กไร้สัญชาติ เสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนมีไม่พอกับความต้องการ มีปัญหาเรื่องความรู้ทางวิทยาศาสตร์น้อยจนต้องพึ่งพาไสยศาสตร์เข้ามาทดแทน

              “ก้อง ใช้โทรศัพท์ได้ไหม” อาจารย์วรรณภาเป็นหนึ่งในทีมที่มาก่อน ยืดแขนยาวหรี่ตาผ่านแว่นสายตา “เมื่อเช้ายังใช้ได้อยู่เลย นี่ดูซิ มันเป็นอะไร”

              “ไม่มีคลื่นครับ ต้องเข้าไปในเมือง” ผมตอบ ของตัวเองก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน

              “อย่างนี้ก็แย่เลยสิ ถามครูใหญ่ให้หน่อยซิว่าที่โรงเรียนมีไวไฟไหม”

              “ไม่มีหรอกครับ” อาจารย์พิภพว่า เขาเดินเข้ามาในวงสนทนา ประโยคแรกพูดกับเพื่อนร่วมสายงาน ก่อนหันมาไหว้วานผมไปช่วยกางเต๊นท์ให้อาจารย์ท่านอื่น “เดี๋ยวก้องไปดูเรื่องเต๊นท์ให้อาจารย์เอกหน่อยนะ เมื่อกี้ผมไปช่วยแล้วไม่รู้ติดอะไร กางไม่ได้สักที”

              “ได้ครับ ของเรากางเลยไหมครับอาจารย์”

              “กางเลยก็ได้ อย่าลืมปิดเต๊นท์ก่อนล่ะ เดี๋ยวแมลงเข้าไป”

              ผมรับคำ มือล้วงกระเป๋ากางเกง จับโทรศัพท์ อยากโทรหาธูปเหมือนกัน

 

              หน้าที่หลักของผมในงานออกภาคสนามคือเป็นตัวกลางคอยประสานงานระหว่างเฮ้ดปีสามกับอาจารย์ เด็กสาวตัวเล็กที่ได้ชื่อว่าเล็กพริกขี้หนูเป็นตัวแทนรุ่น ผมคุ้นในชื่อโบว์มากกว่าที่อาจารย์หลายคนเรียกว่าพณิตา

              วันสัมภาษณ์ ผมจำได้ว่าโบว์ไว้ผมยาว ตรงถึงกลางหลัง ทำสีผมอ่อนๆ ดูเป็นธรรมชาติ เข้ากับบุคลิกเมื่อยามเป็นภาพนิ่งว่าดูน่ารัก เรียบร้อย แต่เมื่อเข้าเรียนไม่ถึงเดือนแรกก็แสดงฤทธิ์เดชแก่นเซี้ยวจนถูกรุ่นพี่จับเข้าประกวดดาวคณะ

              โบว์ได้รางวัลป๊อบปูล่าโหวต เป็นที่จดจำไปอีกหลายเดือนทั้งที่หลายคนสวยกว่าโบว์ อย่างน้อยในช่วงที่เพื่อนรุ่นผมรุมจีบ ก็มีแฟนผมที่เรียนอยู่รุ่นเดียวกันสวยกว่าและเป็นเจ้าของดาวคณะในปีนั้นก่อนเลิกกันในสามเดือนถัดมา ส่วนโบว์ยังคงเป็นที่สนใจคงเส้นคงวา แต่ไม่เคยได้ยินว่าคบกับใครจริงๆ จังๆ สักคน

              “พี่ก้องทำอยู่ร้านไบโอของอาจารย์พิภพนานหรือยังคะ”

              ผมคุ้นชื่อโบว์จากกลุ่มเพื่อนมากกว่ากิจกรรมในคณะ เราห่างกันสองปี แต่น้องเป็นที่ถูกกล่าวถึงเสมอๆ ผู้หญิงรุ่นผมบางคนไม่ชอบ บอกว่าใจกล้าเกินงามบ้าง ไม่เคารพรุ่นพี่บ้าง แต่ผมไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายมีปัญหานี้

              โบว์เป็นเด็กกิจกรรม เป็นนักเรียนคณะวิทยาศาสตร์ไม่กี่คนที่ไม่สวมแว่นสายตา ขึ้นปีสองตัดผมที่เลี้ยงยาวสั้น บางคนว่าตัดไปบริจาค ผมไม่เคยถามเจ้าตัว ที่ผ่านมาก็แค่ได้ยินจากคนอื่นทั้งนั้น ไม่เคยได้คุยกับตัวจริงสักที

              “เพิ่งไปช่วยทำช่วงหลังรับปริญญาค่ะ”

              ผมตอบคำถามที่เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ติดการพูดคะขากับผู้หญิงจนเป็นนิสัย สาวๆ สนใจผู้ชายเท่ แต่หลงรักคนปากหวาน ผมเรียนรู้เรื่องนี้จากกลุ่มเพื่อน เมื่อนำมาใช้ก็กลายเป็นความเคยชิน

              “พี่ว่าตรงนี้ไอเดียดีนะ เด็กๆ เอากลับไปใช้ที่บ้านได้ด้วย”

              โบว์พยักหน้า ตั้งแต่ปีสองที่ตัดผมสั้นก็ไม่เห็นไว้ยาวอีก จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเลี้ยงไว้แค่ประบ่า

              “โบว์ตั้งใจจะสอนเรื่องสิ่งแวดล้อมน่ะค่ะ เห็นกลุ่มอื่นพูดเรื่องสุขภาพกันเยอะแล้ว จะได้กระจายไอเดียกันไป จริงๆ พื้นที่แถวนี้ยังเป็นป่าที่สมบูรณ์อยู่ไม่อยากให้ชาวบ้านเอาความรู้ผิดๆ ไปใช้กับที่ดิน”

              “โบว์สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเหรอ”

              “ค่ะ” เด็กสาวยิ้มตาปิด “โบว์เคยไปที่ร้านของอาจารย์ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นไม่เจอพี่ก้อง เจอแต่น้องธูป น่ารักมากกก”

              “รู้จักธูปด้วยเหรอ”

              “อ๋อ ค่ะ เคยเจอครั้งเดียว โบว์ถามเรื่องวัสดุที่ใช้ทำหลอดแทนพลาสติก น้องอธิบายซะมึนเลย แต่ก็พยายามอธิบายมากนะคะ”

ผมหลุดหัวเราะเมื่อนึกภาพเจ้าเด็กนั่นพูดเรื่องวิชาการจ๋าออก ยังจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอแทบแสดงสมการคำนวณใส่บทสนทนา เจอคนแบบนี้ต่อให้เจอแค่ครั้งเดียวก็จำได้จนวันตาย

              “สงสัยอาจารย์พิภพคงสอนลูกประยุกต์วิทยาศาสตร์มาใช้กับชีวิตประจำวันมากไปหน่อย”

              “พี่ก้องก็แซวน้อง”

              “จริงๆ ถ้าโบว์รู้จักจะรู้เลยว่าในหัวเจ้านั่นมีแต่เรื่องทฤษฎีนั่นนี่”

              “แหม น้องก็แค่เป็นคนขี้อายน่ะค่ะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น แปลกใจที่โบว์ทักแบบนั้น”น้องแค่สร้างความมั่นใจด้วยการพูดเรื่องที่ตัวเองถนัด คนเราจะมั่นใจในเรื่องที่ตัวเองรู้ไม่ใช่เหรอคะ”

              “ก็...นั่นสินะ ไม่ได้คิดเหมือนกัน”

              “พี่ก้องสังเกตดูสิ ถ้าเป็นเรื่องที่เราไม่ถนัดจะให้ชวนคุยอะไรล่ะ เสียดาย ร้านไกลจากบ้านโบว์ไปหน่อย ไม่งั้นคงได้ไปเจอบ่อยๆ ไม่รู้ว่าจำโบว์ได้หรือเปล่า”

              “จำได้แหละ เจ้านั่นความจำดีอย่างกับอะไร”

              เก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความสัมพันธ์ หรือบางทีอาจเป็นคนขี้อายอย่างที่โบว์ว่า เมื่อผูกโยงเข้ากับที่อาจารย์พิภพและภรรยาต่างมีเวลาให้ลูกชายคนเดียวน้อย มิหนำซ้ำยิ่งถูกคนอย่างไอ้มาร์คเกาะติดหนึบตั้งแต่มัธยมแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าธูปอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่ต้องผูกมิตรกับคนหรือปรับตัวเท่าไหร่

              โรงเรียนที่เรียนจบก็เป็นโรงเรียนสาธิตที่พ่อสอน เรียนตั้งแต่ประถมจนขึ้นมหา’ลัย เมื่อนึกถึงเรื่องเพื่อน หรือการที่มันเสียความมั่นใจจากการจีบคุณกานดาแล้วก็ปะติดปะต่อได้ว่ามีแนวโน้มที่ธูปจะเป็นคนขี้อายและไม่รู้ว่าจะรับมือกับการชวนคนแปลกหน้าคุยอย่างไร ทำให้เจ้าตัวพูดแต่เรื่องที่อยู่ในหัวตลอดเวลา

              “แต่อาจารย์ได้พี่ก้องไปอยู่ด้วยน้องน่าจะหายเหงา” โบว์ทัก ยังคงยิ้มแป้นแล้น “พากันซ่าแน่นอน”

              “หืม? ซ่าอะไรคะ”

              เด็กสาวไม่ตอบ พลิกหน้าสมุดจดงานไปมา เสียงกระดาษปะทะลมดังกรอบ โบว์ห่อไหล่เข้าหากันเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย

              “ที่นี่อากาศดีนะคะ”

              “ถ้าหน้าหนาวคงหนาวมากน่ะค่ะ”

              “โบว์ก็ว่างั้น ถ้าเป็นตอนนี้ที่กรุงเทพคงร้อนน่าดู อยากโทรไปบอกแม่ให้อิจฉาขึ้นมาเลย เสียดายไม่มีคลื่นโทรศัพท์สักขีด”

              ผมเห็นด้วย เข้าวันที่สามแล้ว ผมยังหาวิธีติดต่อธูปไม่ได้เหมือนกัน ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เข้าไปในเมือง มีอาจารย์บางส่วนออกไปบ้างแต่เพราะต้องดูแลเด็กๆ ทำให้ปลีกตัวไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อเป็นรุ่นพี่ที่หลายคนคุ้นหน้า ช่วงเวลางานยิ่งเกาะติดแจ ส่วนกลางคืนไม่มีคนสนใจนัก เด็กๆ แยกย้ายกัน บ้างนั่งล้อมวงเล่นดนตรี บางคนเอาเกมกระดานมาด้วย แต่ไพ่และแอลกอฮอล์ถูกตรวจตราเข้มข้นตั้งแต่ก่อนมา มีแต่โบว์ที่ยังชวนคุยแม้ทั้งวันจะทำงานด้วยกันแทบตลอดเวลา

              “พี่ก้องไม่ร้อนใจอยากโทรหาแฟนบ้างเหรอคะ”

              โบว์ถาม แทบตอบว่าอยากชิ่งหนีไปในเมืองตั้งแต่วันแรกๆ แต่เมื่อนึกว่าโบว์รู้จักธูปแล้วก็เก็บงำ ไม่ใช่เพราะเจตนาจะปกปิด แต่กลัวว่าพูดไปแล้วจะถึงหูคนไกลเข้าสักวัน ยิ่งหากเจ้าตัวไม่ได้คิดเหมือนกันแล้วคงโกรธผมเอาการถ้าเอาเรื่องมันมาพูดให้คนอื่นได้ยิน

              “ก็...ไม่นะ”

              “ไม่ร้อนใจหรือไม่มีแฟนคะ”

              “ไม่มีแฟน” ผมตอบ ไม่มีแฟน แต่ร้อนใจมากๆ

              “โบว์ว่าแล้ว เดาไม่ผิด” เด็กสาวหรี่ตาจับผิด ผมหัวเราะก่อนถามด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์

              “พี่ดูเป็นคนที่จีบสาวไม่เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ”

              “เปล่าน้า โบว์ว่าพี่ก้องเป็นคนที่มีเสน่ห์มากต่างหาก มากจนไม่ยอมคบใครง่ายๆ แน่”

              “นี่มันดีหรือไม่ดี”

              “ก็ทั้งดีทั้งไม่ดีล่ะค่ะ” คนจุดประเด็นตอบ โคลงหัวไปมา “โบว์เองก็ไม่ได้คบใครจริงจังมาพักหนึ่งแล้วเหมือนกัน อาจเพราะยังไม่เจอคนที่ใช่มากๆ จริงๆ”

              “ขืนคบใครหนุ่มๆ อกหักกันระนาว”

              “แต่ถ้าเจอใครที่ใช่โบว์ก็ลุยเหมือนกันนะ”

              “พี่ไม่แปลกใจเลย”

              “ทำไมอ้ะ”

              “เพราะพี่ก็เป็นแบบนั้น” ผมตอบ นึกถึงใครบางคนขึ้นมา โบว์อมยิ้ม พยายามซ่อนแล้วแต่ผมก็ยังเห็น

              “พี่ก้องเป็นคนที่เท่จริงๆ นะคะ”

              ผมเม้มปากเข้าหากัน พยักหน้าเห็นด้วย “พี่ก็ว่างั้นแหละ”

              “โอ๊ย พอพูดแบบนี้หมดเลย โบว์ไปทำงานต่อดีกว่า ขืนอยู่นานกว่านี้ต้องหมดศรัทธาในตัวพี่แน่ๆ”

              คู่สนทนาพูดกลั้วหัวเราะ ผมโบกมือไล่รุ่นน้องกลับ โบว์รวบสมุดเข้ากับของที่พกมาขึ้นกอด หันหลังเดินหนีโดยไม่รั้งรอ เมื่อเหลือเพียงคนเดียวแล้ว เสียงหรีดหริ่งเรไรก็ดังระงม ผมยกนาฬิกาขึ้นดู เพิ่งสังเกตว่าถ้าเป็นเรื่องของธูปแล้วจะเผลอต่อบทสนทนายาวกว่าทุกที กว่าจะรู้ตัวอีกทีป่านนี้ก็ได้เวลาปิดคาเฟต์ที่กรุงเทพแล้ว ไม่รู้ว่าธูปเป็นยังไง จะถามถึงผมในวันที่อาจารย์พิภพออกไปใช้โทรศัพท์ในตัวเมืองติดต่อไปบ้างหรือเปล่า

              ผมถอนหายใจ น้ำค้างตอนกลางคืนลงแรง แรงที่สุดในช่วงเช้าตรู่ บางวันหลังคาเต็นท์เต็มไปด้วยน้ำขังเหมือนฝนตกปรอยๆ ทั้งคืน มองดูท้องฟ้าเวลานี้เป็นสีเทาทึมของหมอก ไม่สว่างด้วยดวงดาวเหมือนคืนแรกที่มา ผมเอนตัว ใช้ศอกค้ำยันร่างกับโต๊ะหินอ่อน แหงนเงยหน้ารับลมเย็นผ่านต้นไม้และช่องเขามากระทบ

              “เสียดาย คืนนี้ไม่เห็นดาว”

              เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ผมขยับตัวก่อนอาจารย์พิภพจะทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ

              “อาจารย์ยังไม่นอนเหรอครับ”

              “ยังล่ะ ชาหน่อยไหม”

              เขายื่นกระติกเก็บความร้อนมาให้ ผมปฏิเสธ แม้คอแห้งเต็มที

              “ได้ติดต่อหลวงพ่อบ้างหรือเปล่า”

              “ยากครับ ต้องรอท่านติดต่อมา ล่าสุดเห็นว่าไปธุดงค์กับพระอาจารย์ที่อุดร”

              “อืม”

               อาจารย์พิภพครางรับ เขายกแก้วชาที่ทำจากฝากระติกน้ำดื่ม ควันสีขาวเกาะกระจกเลนส์ ฝ้าฟางก่อนจางหายเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง

              “แปลกดีนะ อายุน่าจะไล่เลี่ยกันแท้ๆ แต่ผมกลับละวางไม่ได้เสียสักอย่าง”

              “อาจารย์ไม่คิดว่าเป็นหนทางเห็นแก่ตัวเหรอครับ” ผมถามพลางแค่นยิ้ม “เหมือนกับว่าความผูกพันที่มีต่อผมคือแม่เท่านั้น”

              “จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด ที่บอกว่าเห็นหนทางที่เห็นแก่ตัวน่ะ แต่คนเราทุกคนย่อมเห็นแก่ตัวเป็นเรื่องธรรมดา”

              “นั่นสินะครับ” หากวิธีใดเป็นหนทางหมดทุกข์ต่างดิ้นรนขวนขวาย ผมไม่อยากพูดเรื่องพ่อนัก สำหรับผมแล้วยินดีกับทางที่ท่านเลือกแต่ก็อดรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าไม่ได้ “โกรธนะครับ แต่การส่งผมเรียนจบคงเป็นเหมือนพ่อชนะทุกเกมของชีวิตแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำอีก”

              “ผมว่าหลวงพ่อน่าจะเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่คุณจนออกเดินทางเพื่อหาแก่นแท้ของชีวิตเมื่อหมดห่วงเรื่องคุณมากกว่า”

              “ไม่รู้สิครับ” ผมไม่เข้าใจ ถ้าพ่อสูญเสียภรรยา ผมก็สูญเสียทั้งแม่และพ่อไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ความเจ็บปวดนั้นไม่อาจบรรยายออกมาได้ว่ามันอ้างว้างแค่ไหน ไม่มีหน่วยวัดที่แม่นยำว่าใครมีปริมาณมากกว่า “บางทีผมก็เลือกที่จะไม่ทำความเข้าใจกับเรื่องที่ไม่เข้าใจเหมือนกัน”

              “บางเรื่องเราไม่ต้องเข้าใจ แต่ต้องยอมรับล่ะมั้ง”

              “ครับ” ผมเห็นด้วย เป็นต้นว่าเรื่องความรู้สึกของผมที่มีต่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอาจารย์อีกอย่าง

              “แล้วเด็กเมื่อกี้เป็นยังไงบ้าง”

              “ครับ? โบว์น่ะเหรอ ไม่มีอะไรครับอาจารย์ ผมไม่ได้ชอบน้อง”

              “แต่เธอดูปลื้มคุณใช่เล่น”

              อาจารย์พิภพหลิ่วตาล้อ ผมปฏิเสธเสียงแข็ง “ผมเห็นเป็นรุ่นน้องจริงๆ อาจารย์”

              “หรือที่จริงมีแฟนอยู่แล้ว” เขาถาม ผมแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติอาจารย์พิภพไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัว เขาเป็นคนที่เคารพสิทธิ์ของนักศึกษาทุกคน ไม่ละลาบละล้วง หรือพูดให้ลำบากใจ “พามาแนะนำบ้างก็ดีนะ ผมก็เหมือนเป็นผู้ปกครองของคุณตอนนี้ ถึงโตจนเรียนจบแล้วก็เถอะ”

              “ยังไม่มีใครให้แนะนำครับ” ผมเคารพอาจารย์เหมือนคนในครอบครัว และตอนนี้ยิ่งกว่าคนในครอบครัวเพราะเป็นพ่อของคนที่ชอบไปแล้วด้วย

              “ผมเพิ่งสังเกตว่าเด็กสมัยนี้มีแฟนกันยากผิดกับวิวัฒนาการณ์ที่เติบโตไปรวดเร็ว” คู่สนทนาว่าพลางหยิบโทรศัพท์ที่ไม่มีคลื่นออกมาดู “ถ้ามีคลื่นส่งข้อความถึงกันได้เร็วกว่าจรวด”

              “เพราะติดต่อกันไวด้วยมั้งครับ พอคิดเรื่องลงหลักปักฐานก็เลยยิ่งยากเข้าไปใหญ่”

              ผมหมายถึงถ้าอาจารย์จะใช้คำว่า เด็กสมัยนี้ ที่ไม่ได้หมายความแค่ผม “ถ้าเป็นรุ่นอาจารย์ต้องส่งจดหมายกันอย่างเดียว”

              “โทรเลขก็ได้ ถามเด็กๆ รุ่นนี้ไม่รู้จักกันแล้ว แต่เป็นข้อความที่สั้นมากเลยล่ะ”

              “ข้อความสั้นแต่ความหมายลึกซึ้ง” ผมแซวเมื่อชายวัยกลางคนพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำ

              “ใช่ ลึกซึ้งมากทีเดียว คุณรู้ไหม ที่ตากนี่เป็นบ้านเกิดของรักแรกของผมเชียว”

              ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองเสี้ยวหน้าของอาจารย์ที่มองขึ้นไปบนฟ้า มีร่องรอยของความเจ็บปวดและความเศร้าหมองซ่อนไว้ในรอยยิ้ม

              “ผมเคยมาออกค่ายอาสากับที่มหา’ลัย ตอนนั้นบุกป่าฝ่าดงกันจริงๆ เส้นทางไม่ได้เข้าถึงง่ายเหมือนทุกวันนี้เลย”

              “ครับ พอนึกออก”

              “ผู้หญิงคนนั้นเป็นชาวบ้านแถวนี้ ช่วยกันสร้างอาคารเรียนเล็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน ตอนนั้นก็สนิทสนมเหมือนคุณกับพณิตานั่นแหละ” อาจารย์พิภพเทียบ ป่วยการจะปฏิเสธซ้ำ ผมยืนยันหนักแน่นไปแล้วว่าไม่ได้คิดเกินเลยกับโบว์อย่างที่อาจารย์เข้าใจ “ผมขอที่อยู่เธอไว้ ที่จริงก็ไม่ทันคิดว่าเธออ่านหนังสือไม่ออก ที่เขียนที่อยู่นั่นก็ให้ผู้ใหญ่บ้านเขียนให้ เป็นชาวไทยใหญ่ ไม่มีการศึกษา ไม่มีชาติตระกูล แต่เราพยายามติดต่อกันผ่านจดหมาย เธอก็ให้ผู้ใหญ่บ้านเขียนให้เป็นคำสั้นๆ จะได้ไม่ต้องรบกวนมาก”

              “สู้สุดๆ เลยนะครับ”

              “ใช่ สู้สุดๆ เลย เป็นอย่างนี้ได้สองปี ผมก็หาเรื่องกลับมาที่นี่อีก ตอนนั้นเรียนจบแล้วด้วยยิ่งหายจากบ้านไปได้ทีละนานๆ หน่อย มาอยู่แถวนี้ โน่นแหละ สอนหนังสือให้เด็กๆ มันตามประสานักเรียนปริญญา อยู่ได้เดือนกว่าก็กลับกรุงเทพ คราวนี้ว่าจะให้ที่บ้านมาขอ จะได้พากันเข้าไปอยู่ในเมือง”

              ผมรับฟัง ไม่มีข้อกังขา และเดาได้ว่าตอนจบไม่สวยงามเพราะแม่ไอ้ธูปไม่มีทางเป็นสาวชาวบ้านคนที่อาจารย์พูดถึงแน่นอน

              “แต่พอกลับไป คราวนี้มาใหม่ไม่ง่ายแล้ว ที่บ้านรู้เรื่องว่ามาติดสาวที่นี่เขาก็ส่งไปเมืองนอก บอกว่าเรียนจบปริญญาโทค่อยมาคุยกันเรื่องแต่งงานแต่งการ” อาจารย์พิภพจิบชาคล้ายเหล้าขาว เขาเว้นจังหวะเพื่อดื่มแล้วเล่าต่อ “แต่มันห่าง ผมไปเจอแม่เจ้าธูปที่เมลเบิร์น เพิ่งรู้ทีหลังว่าครอบครัวสองคนดองกันไว้ตั้งแต่ผมยังเล็ก ที่ส่งไปนั่นก็อยากให้เจอกันเพราะเธอเรียนที่ต่างประเทศมาตลอด”

              “แล้วอาจารย์ชอบภรรยาตอนนั้นเลยเหรอครับ”

              “เปล่า เป็นเพื่อนกัน ผมกลับมาไทยปีแรกก็แอบขึ้นมาหาแฟนอีก ก็เลยรู้ข่าวว่าผูกคอตายไปแล้ว ไปกับลูกคนแรก”

              ผมแทบหยุดหายใจเมื่อประโยคนั้นจบ สีหน้าอาจารย์พิภพยังเหมือนเดิม คือเล่าด้วยรอยยิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ขื่นขม

              “ตอนนั้นโกรธที่บ้านขึ้นมาเลย ยิ่งรู้ว่าเป็นแผนการที่อยากให้ผมรู้จักแม่เจ้าธูปก็ยิ่งโกรธ แต่ความโกรธเป็นเหมือนเพลิง ผมกลับไปเมลเบิร์นอีกครั้งก็จัดการตามใจที่บ้าน ตั้งใจจะทำให้ผู้หญิงท้องแล้วทิ้งให้สมกับความโกรธ โชคดีที่สำนึกได้ก่อน” เสียงนั้นขาดไปเมื่อพูดถึงเรื่องราวของตัวเองในอดีต ผมแทบไม่เชื่อที่คนเอ่ยมันออกมาจะเป็นอาจารย์พิภพ ชายวัยกลางคนที่ใจเย็นและเต็มไปด้วยภาพจำของความดีงาม “เมื่อเช้าผมไปที่ที่เจอผู้หญิงคนนั้นครั้งแรก ไปถ่ายรูปทะเลหมอก ใช้กล้องฟิล์ม อยากทำทุกอย่างให้เหมือนสมัยเรียน ผมเคยถ่ายภาพเธอที่นั่น แต่รูปหายไปแล้ว วันนี้พอถ่ายเสร็จก็เอาไปล้าง เลยคิดได้ว่าไม่มีเธออยู่แล้วจริงๆ”

              อาจารย์พิภพหยิบรูปทะเลหมอกออกมา ผมไม่รู้ว่าตรงนั้นคือที่ไหน แต่มันสวยงามเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์ ไอหมอกสีขาวเจือสีเขียวของต้นไม้ให้จางลง ไล่ระดับสีกับท้องฟ้าจนกลืนเป็นสีเดียวกันในอากาศ

              “ผมไม่อยากเก็บรูปนี้ไว้ แต่ทำใจทิ้งไม่ลง ถึงได้บอกว่าผมกับหลวงพ่ออายุไม่ต่างกันแท้ๆ แต่คนหนึ่งปลงได้ทุกอย่าง อีกคนกลับกอดทุกสิ่งไว้เหมือนมันไม่เคยไปไหน”

              “ที่ไหนที่เราเคยรู้สึกมากๆ คงปล่อยมือยากน่ะครับ”

              “นั่นสิ ชอบรูปนี้ไหมล่ะ”

              “ครับ สวยมาก”

              “เก็บไว้สิ” อาจารย์ยื่นให้ แต่ผมไม่ได้รับในทันที

              “มันมีความหมายกับอาจารย์นะครับ”

              “อดีตไม่มีทางกลับมาได้หรอก” เขาว่า ถอนหายใจยาว ยัดใส่มือขณะที่ผมกลับถือมันอย่างทะนุถนอม “เอาไว้เตือนความจำว่าอะไรที่สำคัญอย่าปล่อยให้หลุดมือไป ไม่ใช่ว่าผมไม่รักแม่ธูปหรือเจ้าธูปนะ แค่คาใจเพราะตอนนั้นไม่ได้ทำอะไรเต็มความสามารถของตัวเองจริงๆ”

ผมไม่มีคำแนะนำให้อาจารย์ นาทีที่เขาตัดใจยกมันให้ผมเป็นนาทีที่เด็ดเดี่ยวที่สุด ผมเห็นสีหน้าโล่งอกเมื่อเขาปล่อยมือจากภาพถ่ายของตัวเองได้เสียที

              “เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องมาแคมป์ที่นี่สักครั้ง มาเพื่อวางอดีต”

              “ตอนนี้อาจารย์มีปัจจุบันที่สวยงามมากเลยนะครับ”

              เขายิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ วางมือบนบ่าผมแล้วบีบเบาๆ “ผมจะไปนอนแล้ว คุณก็อย่าดึกมากล่ะ น้ำค้างลงหนักแล้วจะไม่สบายไปก่อนจบค่าย”

              “ครับ” อาจารย์พิภพลุกเดินห่างออกไป ผมยืนส่งก่อนนึกขึ้นได้ว่าจะทำยังไงกับภาพถ่ายใบนี้ “อาจารย์ครับ ถ้าพรุ่งนี้ผมจะส่งไปรษณีย์จะส่งได้ที่ไหนบ้างครับ”

              “ฝากครูใหญ่เข้าไปในเมืองก็ได้ เขาจะมาราวๆ เจ็ดโมง น่าจะไวกว่าบุรุษไปรษณีย์มาที่โรงเรียนนี้”

              ผมขานรับคำแนะนำ มองภาพทะเลหมอกและเรื่องราวที่ลึกซึ้ง ภาพที่เป็นปัญหาใต้สีขาวฟุ้งบริสุทธิ์ของมัน

              ถ้าไม่ใช่ธูปแล้ว ใครจะเหมาะครอบครองรูปที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของมันมากไปกว่านี้

              แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่เคยรับรู้ถึงความเป็นมาทั้งหมดเลยก็ตาม





-------------
TBC


อะไรจะดีไปกว่าเวสต์ออนเวนส์เดย์ อิอิ เล่นเองอวยเอง เง้อ
เริ่มมีตัวละครอื่นเข้ามาแล้ว น้องชายเราบอกว่าไปค่ายเนี่ยตัวดี ตอนนังไปค่ายได้กิ๊กกลับมาตั้งสองคน /ฟาดผัวะ!
แต่พี่มังกือเราเป็นคนดี เรื่องนี้ไว้ใจได้เลย ไม่ต้องระแว๊งง เรื่องนี้เบาๆ ค่ะ Live and learn 
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ เป็นกำลังใจที่น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Sykes ที่ 27-09-2018 00:25:19
น้องธูปกำลังสับสนให้เวลาน้องหน่อยนะคะพี่มังกร  :mew2:
เราแอบเศร้ากับอดีตของอาจารย์ :mew6:
พี่มังกรห้ามแอบหวั่นไหวนะ!!!
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 27-09-2018 00:25:45
พุ่งเข้ามาอย่างเร็วรี่
รักแรกอ.พิภพเศร้าจังค่ะ แต่ก็แอบสอนอะไรพี่มังกรอยู่นะ

นึกว่าน้องธูปจะตามมาซะอีกเนี่ย โธ่

ติดตามตอนต่อไปค้าบบบบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 27-09-2018 01:01:48
อดีตอาจารย์ดาร์คมากก
แอบตกใจ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 27-09-2018 05:48:20
ปวดใจกับอดีตของคุณพ่อจัง...หวังว่านี่จะเป็นดราม่าที่สุดของเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-09-2018 07:17:24
เรื่องของอาจารย์คงกระตุ้นให้อิพี่ทำอะไรชัดเจนขึ้น
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-09-2018 08:50:30
พี่มังกร มุ่งมั่นจะสอยน้องธูปแบบจิงจังแล้วซินะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-09-2018 10:08:36
นุ้งโบว์นี่...ยังไง   :hao4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 27-09-2018 10:56:01
น้ำตาซึ้มกับอดีตของอาจารย์พิภพ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 27-09-2018 11:12:28
อาจารย์โหดมากเลยค่ะ

มั่นคงด้วย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-09-2018 12:21:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 28-09-2018 01:20:20
น้องธูปออกมาน้อยยยย คิดถึงน้องธูปม๊ากกกกก
อยากรู้ว่าพอพี่มังไม่อยู่น้องเขาจะมีคิดถึงนู้นนี้มั้ย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 28-09-2018 12:07:39
ทุกคนล้วนมีอดีต ทั้งเรื่องดีๆหรือมีเรื่องแย่ๆ สำคัญว่าจะปล่อยวางเรื่องไม่ค่อยดีได้เมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 28-09-2018 17:44:18
อยากกอดอาจารย์  :mew4:
แต่พอเห็นว่าไปเรียนเมลเบิร์นเท่านั้นแหละ คิดถึงเมืองนี้ทันทีเลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 28-09-2018 21:39:49
คิดถึงน้องธูปแล้ว พี่รีบกลับไปหาน้องนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 29-09-2018 00:44:47
ได้รับรู้อดีตคุณพ่อน้องธูปแล้วก็แอบโล่งใจว่า อย่างน้อยแกก็มีตัวอย่างซึ่งเกิดขึ้นกับตัวเองมาแล้ว หากได้รู้ขึ้นมาสักวันหนึ่งว่าลูกชายตัวเองคบกับลูกศิษย์ก็คงจะทำใจและปล่อยวางได้บ้าง ประสบการณ์สอนคนให้วาง ให้ว่าง ดังนั้น...แกเองก็คงไม่อยากเห็นลูกต้องเป็นทุกข์หรอกนะ หวังว่านี่จะเป็นฮินต์เล็ก ๆ ที่คุณเวสต์ทิ้งไว้ให้น้องธูปกับพี่มังกือ

ขอบคุณคุณเวสต์มาก ๆ เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 04-10-2018 23:53:14
chapter 10
Found and lost


 
                         ผมไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดใจที่ต้องรับหน้าที่เป็นทีมที่ต้องเดินทางมาก่อน และกลับหลังสุดในการทำงานตลอดเวลาที่ผ่านมา กระทั่งครั้งนี้ที่อยากเจอธูปเต็มทน
 
                         หลังนักศึกษากลับไปตั้งแต่เช้าตรู่ ผมกับคณะอาจารย์ก็ตามกลับมาในช่วงบ่ายหลังจากเคลียร์พื้นที่และขอบคุณทางโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แวะเที่ยวและซื้อของฝากระหว่างทางตามธรรมเนียมปฏิบัติ กว่าจะถึงกรุงเทพก็เมื่อพระอาทิตย์ของวันใหม่โผล่พ้นขอบตึก อาจารย์บางส่วนเดินทางกลับพร้อมเด็กๆ แต่ในฐานะลูกมือของหัวหน้าภาค ผมต้องอยู่ส่งทุกคนและเคลียร์เอกสารกับธุรการ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ทำหนังสือรายงานผู้ใหญ่ในนามของอาจารย์พิภพ เจ้าของวิชาบูรณาการความรู้ความสามารถของนักศึกษาถึงการพาเด็กๆ ออกต่างจังหวัดว่าเป็นไปโดยสวัสดิภาพตลอดระยะเวลาที่คณะกำหนด
 
                         แม่ของธูปมารับอาจารย์พิภพ และแวะส่งผมที่ร้านในช่วงสาย ผมเคยเจอท่านไม่กี่ครั้งแต่จำได้แม่น เจ้าของตาที่ละม้ายกับธูป ส่วนรอยยิ้มธูปขโมยมาจากอาจารย์พิภพ มีเพียงบุคลิกส่วนตัวเท่านั้นที่แปลกแยกเท่านั้นซึ่งไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน แต่เป็นเอกลักษณ์จนผมไม่อาจหลุดพ้นจากวังวนว้าวุ่นใจได้เลยสักนาที
 
                    “อ้าว มายังไงน่ะ”

                    ผมแบกเป้เดินทางเข้าร้าน ยกมือขึ้นไว้พี่นันต์ ไอ้มาร์คนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เท้าคางมองผมก่อนเบนไปที่โต๊ะประจำ ไอ้ธูปเงยหน้าขึ้นจากโปสการ์ด หน้าแดงก่ำ

                    “อาจารย์พิภพแวะมาส่งครับ”

                    “ไปดูทะเลหมอกมาเหรอ” ผมเลิกคิ้ว มองคนถาม พี่นันต์ยักไหล่ “กำลังเดาอยู่น่ะว่าใครส่งโปสการ์ดมาให้ไอ้ธูป เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”

                     ผมมองกลับไปหาคนที่ยังไม่ทันทักอีกครั้ง เสียงเก้าอี้ลากครืดดังขึ้น ก่อนธูปจะไปอุ้มเอาบีนแบคขึ้นชั้นสองของร้านไปโดยไม่พูดสักคำ
                   ผมแสร้งหาว ลืมไปสนิทว่าพี่นันต์อาจเป็นคนรับจดหมายแล้วเดาได้ว่าเจ้าของโปสการ์ดที่ว่าเป็นใคร
                    ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การส่งโปสการ์ด แต่เป็นเนื้อความสั้นๆ ซึ่งไม่ควรเป็นเนื้อหาที่ผู้ชายส่งหากันต่างหาก
                   Miss you so bad
                    คำสั้นๆ แต่สื่อความหมายถึงทุกอย่าง ผมมั่นใจว่าธูปจะได้รับมันล่วงหน้า อย่างน้อยก่อนผมที่เดินทางด้วยรถตู้หวานเย็น อย่างน้อยก็เพื่อชดเชยความผิดที่ไม่ได้โทรบอกเจ้าตัวทันทีที่ถึงปลายทางตามที่ได้สัญญาครั้งสุดท้าย

                    “ป่าวนี่ครับ ไปเที่ยวแต่ในเมืองวันกลับนี่เอง”ผมเฉไฉก่อนหาวซ้ำอีกวอด ขอเข้าไปนอนสักตื่นแล้วผลุบหายเข้าห้องใต้บันไดของตัวเองโดยไม่พูดถึงภาพถ่ายที่ถูกใช้เป็นโปสการ์ดอีกเลย



                    “อืม น่าจะเป็นที่ในตากนั่นแหละ”

                    ผมหลับเป็นตายในวันแรกที่กลับถึงกรุงเทพ ทั้งที่อยากคุยกับธูปแต่สถานการณ์ไม่อำนวย มาร์คไปส่งธูปที่บ้านหลังปิดร้าน เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กหนุ่มก็มาที่ร้านใหม่พร้อมอาจารย์พิภพ พี่นันต์กับมาร์คยังคาใจเรื่องโปสการ์ด แม้ธูปเก็บมิดชิด แต่ไอ้มาร์คก็หยิบโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปเอาไว้มาถามเจ้าของร้านที่เป็นคนให้ภาพนั้นผมมากับมือเสียก่อน

                    “แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน ไม่ใช่ภาพไว้ทำโปสการ์ดเสียด้วย ข้างหลังยังเป็นชื่อฟิล์มที่ล้างอัดมาอยู่เลย” พี่นันต์จี้ถาม ไอ้มาร์คไม่ไวพอจะถ่ายเนื้อหาด้านหลัง นับเป็นแต้มบุญอันน้อยนิดที่ผมเหลืออยู่ก็ว่าได้

                    “นอกจากไม่มีใครไปที่นั่นแล้วก็ยังไม่มีใครมีเวลาเอารูปไปอัดด้วย ที่อยู่น่ะห่างจากตัวเมืองออกมาอีก สัญญาณโทรศัพท์ยังไม่มีเลย” อาจารย์พิภพว่า เจ้าของประเด็นนั่งหน้าหงิกห่างออกไป จงใจไม่ร่วมวงสนทนาราวกับอยากให้เรื่องนี้ถูกลืมไปเสียที

                    “ผมนึกว่ามังกรจะส่งมาหาธูปเสียอีก” มาร์คเลื้อยตัวไปบนเคาน์เตอร์ ก่อนถูกพี่นันต์ตีหน้าผากให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ มันคลำหัวป้อยๆ แล้วเรียกเจ้าของเรื่องมานั่งด้วย “มึงไม่สงสัยใครบ้างเหรอธูป”

                    “ไม่” ธูปตอบฉะฉาน ไม่เงยหน้าจากเท็กซ์บุ๊คเล่มหนาเลยสักนิด “ไม่เห็นอยากรู้เลยว่าใคร เลิกสนใจเหอะน่า”

                    “ไม่อยากรู้หรือรู้อยู่แล้วว่าใคร” พี่นันต์ยังคงไม่หยุด ไอ้ธูปเงียบ ไม่เถียง ส่วนผมก็ลอยตัวไม่สบตาใคร ตั้งหน้าตั้งตาทำรายงานของอาจารย์พิภพจะได้กลับไปทำธีสิสของตัวเองต่อ แต่ไม่วายโดนดึงเข้าร่วมวงสนทนาอยู่ดี “แล้วไอ้นั่นไม่มาคุยด้วยกันหน่อยเหรอ ไม่อยู่ตั้งหลายวัน ไม่มีอะไรเล่าเลยหรือไง”

                    “งานเยอะมากเลยพี่” ผมตอบ พอดีกับมีลูกค้าเข้า ทุกคนหันไปต้อนรับพร้อมเพรียงกัน

                    “หนูเอาขนมมาฝากค่ะ”

                    เสียงนั้นทำให้ผมเงยหน้า เด็กสาวชั้นปีที่สามจากทริปเมื่อสองวันก่อนโบกมือ ยกถุงกระดาษขึ้นโชว์ แต่มุ่งหน้าไปหาอาจารย์

                    “อาจารย์กลับมาถึงเมื่อวานใช่ไหมคะ”

                    “อ้อ ใช่ นี่ที่ว่าจะมาดูที่ร้านสินะ”

                    “ค่ะ คุณแม่อยากทำขนมมาขอบคุณอาจารย์ด้วย หนูเลยถือโอกาสเอามาให้ที่นี่เลยดีกว่า”

                    “คุณแม่ทำเองเลยเหรอ”

                    “ใช่ค่ะ เอามาเยอะเลย น่าจะพอทานกันทุกคน” หญิงสาวยิ้มกว้าง หันไปทักธูปที่เงยหน้าขึ้นพอดี “น้องธูปเต็มที่เลยนะ พี่ก้องบอกน้องธูปกินเก่ง”

                    เจ้าของชื่อเหลือบมองผม ก่อนขอบคุณคนให้เบาๆ วันนี้โบว์มัดผมที่สั้นอยู่แล้วให้เหลือสั้นแค่หางอึ่ง ติดกิ๊บเก็บผมที่เหลือไม่ให้ผมร่วงลงมา สวมยีนขายาวกับผ้าใบ แต่แต่งหน้าอ่อนๆ ยอมรับว่าน่ารักกว่าที่ค่าย น่ารักฉิบหาย

                    “พี่ก้องยุ่งอยู่หรือเปล่า นั่งด้วยสิ”

                    มองพิจารณาไม่ทันไรก็ก้าวมาถึงตัว ผมขยับเก้าอี้ ยืดอกขึ้นเล็กน้อย

                    “เปล่าค่ะ นั่งเลยๆ”

                    ด้านหลังพี่นันต์หรี่ตามอง มาร์คเองก็ด้วย ส่วนอาจารย์พิภพแยกเอาของฝากไปแช่ตู้เย็น ก่อนสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ธูปสบตากับผมแล้วมองคนมาใหม่ด้วยแววตาที่ยากจะตีความให้เข้าใจ

                    “ที่จริงโบว์ว่าจะไลน์มาถามก่อนว่าสะดวกไหม แต่คุณแม่ทำขนมแล้วเลยคิดว่างั้นเข้ามาเลยดีกว่า”

                    “โบว์ช่วยคุณแม่ทำหรือเปล่า พี่จะได้ไม่กิน กลัวท้องเสีย”

                    “พี่ก้อง” เด็กสาวทำเสียงดุ “อย่าให้รู้นะว่ากวาดคนเดียวไม่แบ่งใคร”

                    “ไปบอกคนโน้นดีกว่า พี่น่ะสิจะกินไม่ทัน”

                    พยักเพยิดไปหาเด็กที่หน้าบึ้งตึงข้างหลัง โบว์หันไปยิ้มให้แล้วหันกลับมา “ถ้าเป็นน้องธูปล่ะก็โบว์อนุญาตให้หม่ำหมดเลย ถ้าชอบบอกได้น้า ตัวเล็ก”

                    ผมขำคิกกับคำว่าตัวเล็กที่โบว์ใช้เรียกธูปเพราะเจ้าตัวตัวเล็กกว่าเด็กหนุ่มมาก คลาดสายตาไอ้ตัวการก็ยกนิ้วกลางกลับมา เดาว่าส่งให้ผมที่หัวเราะร่วนมากกว่าหญิงสาว
                    ธูปพับหนังสือ ลากบีนแบคขึ้นชั้นสอง
                    ท่าทางผมคงถูกโกรธเข้าแล้วจริงๆ

 
                  “อย่าเพิ่งกลับสิ อยู่คุยกันก่อน”

                       หลังจากแขกหน้าใหม่กลับแล้วยังไม่มีทีท่าของเด็กหนุ่มผู้หนีหายผมก็ตามขึ้นมาชั้นสอง ความเงียบงันทำให้ต้องจรดจ่อที่ประตูน้ำแน่นิ่งกระทั้งเปิดออกก็รีบก้าวขวางทางไว้ ข้างล่างกำลังเก็บร้าน ผมหนีงานตามขึ้นมาเมื่อเด็กหนุ่มชะโงกหน้าลงบอกพ่อว่าจะกลับไปนอนที่บ้านด้วย ธูปไม่โต้ตอบ เบี่ยงตัวหนี ผมก็ยื่นแขนกั้นไว้ไม่ให้หลบไปง่ายๆ

                         “ผมไม่อยากคุยกับพี่”

                         “เดี๋ยวดิ โกรธอะไร”

                         “เปล่า” เด็กปากแข็ง เด็กเลี้ยงแกะ ตั้งแต่กลับมายังไม่มองหน้าให้เต็มตาเลยด้วยซ้ำ

                         “ถ้าเป็นพิน็อคคิโอ้ป่านนี้จมูกยาวไปถึงดวงจันทร์แล้ว” ว่าพลางหยิกปลายจมูกด้วยข้อนิ้ว ธูปสะบัดหน้าหนี  เดินเลี่ยงไปอีกฝั่ง ผมรีบเท้าแขนอีกข้างกับผนัง กั้นเป็นกรอบไม่ให้หลุดไปได้

                         “พี่มังกร”

                         “ครับ”

                         อะไรกัน ก่อนวางสายยังเป็นธูปคนนั้นคนที่น่ารักๆ อยู่เลย

                         “ผมอารมณ์ไม่ดี”

                         “โปสการ์ดนั่นของกูเอง”

                         “ผมรู้” ด้านหลังเขียนว่า from MK คงเป็นอื่นไม่ได้ นั่นทำให้พี่นันต์กับไอ้มาร์คเค้นขอขาดว่าผมเป็นเจ้าของหรือเปล่า ผิดถนัด เจ้าของของมันคืออาจารย์พิภพที่รับบทไม่รู้ว่าโปสการ์ดนั่นเป็นของตัวเองเพราะไม่เห็นข้อความด้านหลังต่างหาก

                         “แล้วโกรธอะไร ที่ส่งมาที่ร้านเหรอ ขอโทษ ไม่คิดว่าพี่นันต์จะสนใจ”

                         ธูปเม้มปาก พยายามโยกตัวหลบให้พ้นจากอาณัติ ใช้จังหวะเผลอมุดตัวใต้แขนซ้าย ผมเร็วกว่าที่โอบเอวมันไว้ด้วยแขนขวา ดึงมากอดชิดตัว

                         “ดื้อจัง”

                         “อย่ามายุ่ง”

                         “โกรธพี่เรื่องอะไร ถ้าไม่บอกจะอธิบายยังไง”

                         “ไม่ต้องอธิบาย เรื่องของพี่ ไม่เกี่ยวกับผม”

                         “ไม่เกี่ยวได้ยังไงก็ดูซิเนี่ย วันนี้ไม่ให้กลับ”

                         “พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”

                         “แล้วมีสิทธิ์ขอร้องหรือเปล่า”

                         คนอีโก้สูงแบบนี้การบังคับย่อมไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาอยู่แล้ว ผมรู้และเข้าใจได้ เข้าใจแม้กระทั่งการจัดการกับมันอย่างละมุนละม่อมที่สุดด้วยซ้ำ

                         “ธูป อยู่คุยกันหน่อยเถอะ รอเจอมาตั้งหลายวัน”

                         ผมโน้มตัวลง กระซิบที่ข้างแก้ม คนในอ้อมแขนสั่น จิกเล็บกับแขนให้ปล่อยแต่ผมไม่ปล่อย ไม่ปล่อยจนกว่าจะมีโอกาสคุยกัน คุยแล้วไม่รู้เรื่องก็ค่อยว่า แต่ไม่ใช่หนีหน้าโดยไม่ให้ผมอุทธรณ์อะไรเลย

                         “ลงไปบอกอาจารย์นะว่าจะค้างที่นี่”



                         ผมขออีกครั้ง คล้ายเป่ามนตร์ใส่คนในแขน กระซิบเสียงต่ำ แหบแห้ง วางคางลงบนบ่าลาดอย่างละมุนละม่อม ธูปหยุดจิกเล็บที่แขนแล้ว ผมค่อยๆ คลายมือออกเมื่อมั่นใจว่ามันจะไม่ดื้อจนหลุดไปอีก
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 04-10-2018 23:54:13

                             ธูปยอมบอกอาจารย์พิภพว่าจะค้างที่ร้านเพราะพรุ่งนี้เช้าจะออกไปวิ่งกับผม อาจารย์แปลกใจแต่เมื่อพี่นันต์ย้ำว่าพักนี้มันบ้าวิ่งทุกเย็นก็ยอมให้อยู่ ผมช่วยยืนยันอีกเสียงว่าพักนี้พากันออกไปวิ่งบ่อยเพราะอยากลงแข่งมาราธอน ธูปพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาราธอนคืออะไร

                         ประตูร้านปิดลง ไฟด้านในเหลือเพียงไปสีสมประหยัดแสง ธูปนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ ทั้งร้านว่างเปล่า เป็นระเบียบ เราไม่ค่อยอยู่ด้วยกันแบบนี้นักเพราะส่วนใหญ่แล้วหลังร้านปิดก็จะออกไปหาอะไรกิน หรือไม่ก็ขลุกตัวอยู่ในห้องใต้บันได นอนอาบแสงที่ทำให้เกิดมะเร็งจากดาวเรืองแสง พูดคุยสัพเพเหระ ทำลายความเหงาที่เป็นเพื่อนสนิทและแทนที่ด้วยความคุ้นชินของอะไรบางอย่าง

                         ธูปเคยบอกว่าชอบดูดาว พยายามติดดาวเรืองแสงนี้ให้เป็นรูปดาวคันไถ แต่ผมดูยังไงก็ไม่ใช่ อาจเพราะองศาของเพดาน ไม่ก็เหตุผลของดาวปลอมที่อยู่ใกล้มือเกินไป ถ้ามีโอกาสจะพามันไปดูดาวที่ท้องฟ้าจำลอง แต่เจ้าตัวว่าไปจนเจนพื้นที่ อยากออกไปดูดาวบนหน้าผา หรือต่างจังหวัดมากกว่า

                         “เป็นไงบ้าง ช่วงที่ไม่อยู่”

                         ผมถาม เด็กหนุ่มนอนเอาแก้มแนบเคาน์เตอร์ นั่งบนเก้าอี้ทรงสูง หลังงองุ้ม เตะขาไปมา

                         “ยังอารมณ์ไม่ดีอีกเหรอ”

                         “อือ อย่าเข้ามาใกล้” ธูปขู่ มันชี้กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ใกล้ที่สุด “พี่นันต์สงสัยจะแย่แล้ว”

                         “สงสัยว่าไง”

                         “ก็ผมกับพี่”

                         ผมไม่แน่ใจว่าพี่นันต์สงสัยจริงๆ หรือมีคนสันหลังหวะ แต่ยอมฟังคำเตือนไม่ว่าเหตุผลคืออะไร ไม่ขยับตัวเข้ากอดรัดแม้อยากฟัดเจ้านี่ให้สมคิดถึง บนนั่งเก้าอี้ตัวถัดจากมันหนึ่งตัว อาศัยวางมือใกล้กับปลายนิ้วอีกฝ่ายในระยะที่สัมผัสถึงไออุ่นจากอุณหภูมิร่างกายของกันและกัน

                         “แล้วมีใครสงสัยอะไรอีกไหม”

                         “ผม” ธูปตอบ มันมองหน้าผม ดวงตาสีดำจ้องแน่นิ่ง ไม่ไหวติงราวกับรีดเร้นเค้นคำตอบ “พี่ชอบพี่โบว์เหรอ”

                         “ก็ชอบ โบว์เป็นคนขยัน เรียนเก่ง น่ารักด้วย คุยเก่งแต่มีมารยาท ทำไม”

                         “เปล่า ก็ดี” มันว่า เสียงเบาลง “เข้าใจแล้วว่าที่อกว่าคุณกานดาไม่ใช่สเป๊กเพราะแบบนี้ ชอบผู้หญิงทะมัดทะแมง”

                         “คุณกานดาก็ชอบ น่าสนใจดี ลูกคนรวยที่ยอมทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มากนัก”

                         “ชอบไปหมดเลยหรือไง หรือแค่เป็นผู้หญิงก็ชอบแล้ว”

                         “อยู่ที่ว่าชอบแบบไหน”

                         “อย่ามาเล่นลิ้นกับผมพี่โบว์ก็น่ารักดี๊ ผมเคยคุยด้วยครั้งนึง” ธูปกลอกตาไปมา ทำหน้าเซ็ง เสี้ยงสูงประชดประชัน “ก็น่าจะเข้ากับพี่ได้ สนใจอะไรเหมือนๆ กัน”

                         “คิดอะไรอยู่”

                         “ไม่ได้คิด”

                         “ไม่มีหรอกที่จะไม่คิด มีแค่คิดแล้วไม่อยากให้คนอื่นรู้” ผมตอบ เอามือลูบหัวธูป ถ้าใครดูกล้องก็คงไม่รู้สึกแปลก เหมือนแค่พี่น้องธรรมดาๆ เท่านั้น

                         “หึงเหรอ”

                         “เปล่า”

                         “เข้าไปในห้องกัน” ผมชวน ไอ้ธูปรู้ว่าหมายถึงอะไร มันขยับตัวหนีเล็กน้อย “ยังไม่ง่วง ว่าจะอ่านหนังสือต่ออีกหน่อย”

                         “ไม่งั้นจะหอมตรงนี้นะ ขอชื่นใจหน่อย”

                         เด็กหนุ่มยืดตัวตรง เขม็งตามองมาทางผม ท่าทางไม่ชอบใจ “ทำไมเอาแต่ใจงี้”

                         “มึงพูดไม่รู้เรื่องไง”

                         “พี่เลิกทำแบบนี้กับผมได้แล้ว พี่บอกเองว่าพี่น้องเขาไม่จูบกัน ไม่กอดกัน พี่จะทำแบบนี้ทั้งที่สนใจพี่โบว์อะนะ พี่แม่งทุเรศที่สุดเลยว่ะ”

                         เป็นประโยคยืดยาวแรกนับตั้งแต่กลับออกมาจากป่าแล้วมันยอมพูด ธูปดาแดง น้ำตาคลอแต่ไม่หยด ขาเล็กกระโดดยืนจากเก้าอี้ทรงสูงมายังพื้น ตั้งใจเดินหนีผมก็เดินดัก เห็นทีทนไม่ไหวเด็กหนุ่มเลยใช้กำปั้นทุบบนอกผมเข้าให้

                         “อย่ามากวนนะ!”

                         “กูกวนอะไร ธูป กูคิดกับโบว์แค่รุ่นน้องคนนึงในคณะ รุ่นน้องที่เก่งมากๆ”

                         “ถึงขั้นไหนกันแล้วอะถึงตามจากค่ายมาถึงนี่ ทั้งที่บอกว่าจะบอกผมว่าถึงเมื่อไหร่แต่ก็เงียบไปเลย มีความสุขจนลืมว่ารับปากอะไรไปเลยใช่ไหม แน่สิ ผู้หญิงมันต่างกับมือของผู้ชาย ทำไมผมจะไม่รู้วะ”

                          “ใจเย็นๆ หน่อยสิ! ฟังกันบ้าง”

                         “พี่ก็พูดความจริงดิ จะกั๊กผมไว้ทำไมอะ”

                         “ไม่ได้กั๊ก” ไอ้นี่ ไม่คิดมาก่อนว่าเป็นคนช่างจินตนาการขนาดนี้ “คนที่กูชอบแบบนั้น อยากมีอนาคตด้วย อยากมีอะไรด้วยคือมึง ธูป! ถ้าถามว่าโบว์เป็นใครก็บอกไปแล้วว่าเป็นแค่รุ่นน้อง กูไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งเลย ตัวก็ไม่ได้แตะด้วยซ้ำ”

                         “แต่เขาชอบพี่”

                         “ก็กูชอบมึงอะ”

                         ผมพูดออกไปแล้ว ความรู้สึกที่มี ที่แสดงออกแต่เลี่ยงการใช้คำพูดมาตลอด ผมกลัวว่าธูปไม่ยอมรับตัวเองแล้วจะพานไม่ยอมรับตัวตนของผมขึ้นมาด้วย ตัวตนที่รู้สึกว่าตัวเองน่ารักขึ้นเมื่อมีธูปคอยอยู่ใกล้ๆ

                         “แล้วมึงอะ คิดอะไรกับกู บอกได้รึยัง ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ถ้ากูขอบโบว์ขึ้นมาจริงๆ

                         “ผมไม่ได้โกรธ” ยังคงปากแข็ง ผมรอมห้ธูปพิจารณาคำตอบอีกทีอย่างใจเย็น

                          “…”


                         “ผมคิดถึงพี่”
                    ท่ามกลางความเงียบ เสียงสุดท้ายก็ดังแผ่วแว่วมาก ผมรวบแขนทั้งสองของเด็กหนุ่มเข้าหา ธูปยอมให้ผมกอด ไม่มีท่าทีขึงขังแม้เราสองคนจะยืนอยู่ในพื้นที่ล่อแหลมของการจับตามองจากกล้องวงจรปิดก็ตาม

                         ระหว่างผม กับการแสดงออกของมัน ไม่อาจตีความไปทางอื่นได้อีกแล้ว

                         “ธูป ถ้าโบว์ถามว่ากูกับมึงเป็นอะไรกัน อยากให้ตอบยังไง”

                         ธูปขยำมือกับเสื้อของผม ดึงแน่นแม้จะถูกรวบไว้อย่างมั่นคง ผมใช้คางกดหัวให้หน้าผากมันซบลงบนอก เด็กหนุ่มส่ายหัวไปมา แต่ยิ่งกำเสื้อไว้แน่น

                         “ผมไม่รู้”

                         “ไม่เป็นไร ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปก็ได้”

                         เพราะความรู้สึกตอนนี้ของธูป มันซับซ้อนยิ่งกว่าสูตรคำนวณของวิชาไหนจะเอามาพิสูจน์ได้เหมือนเคย
               


                         แสงดาวจำลองในห้องใต้หลังคาหม่นแสงลง เสียงไอโขลกดังขึ้นเบาๆ ในพื้นที่ซึงระงมด้วยเสียงลมหายใจ เงามืดที่เข้มจัดชัดอยู่กึ่งกลางขา  ผมแทรกมือผ่านเส้นผม ปัดหน้าม้าให้เงยขึ้นเหนือหน้าผากซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ ฟุ้งด้วยฟีโรโมนของผู้ชาย ผมค่อยๆ ดึงตัวออกแล้วสอดสะโพกกลับเข้าชิด ธูปไอโขลกอีกครั้ง แต่พยายามเปิดปากให้กว้าง ผมเกร็งหน้าขา ยังคงดันสะโพกไปด้านหน้าด้วยความพยายาม

                         “ไหวไหม”

                         กระซิบถาม ใช้นิ้วคลึงพวงแก้ม มีเพียงเสียงอู้อี้ตอบกลับมา การสั่นสะเทือนนี้แทบทำให้ผมแตกสลาย ผละตัวถอยก่อนเด็กหนุ่มจะคลานตามมา

                         “พี่ชอบเหรอ”

                         ธูปเลียริมฝีปาก ขณะที่ผมจับร่างกายที่แข็งเกร็งของตัวเองไว้ แว่นของเด็กหนุ่มกระเด็นไปไกลตา หลังจากที่สอนมันด้วยการใช้ปากแล้วธูปก็เรียนรู้รวดเร็ว ไม่เงอะงะเหมือนแรกสัมผัสร่างกายผมด้วยซ้ำ

                         “ให้ผมทำต่อให้เสร็จสิ”

                         “เดี๋ยวก่อน”
                          ผมพยายามคลายร่างกายตัวเองให้เครียดน้อยลง อาจเป็นเพราะระยะเวลาที่ห่างไปหลายวันทำให้ต้องการที่มีต่อตัวเด็กหนุ่มพุ่งทะยาน ด้านนอกฝนตก ช่วงนี้มีพายุเข้า ได้ยินจากเสียงเม็ดฝนหนักๆกระทบสังกะสีด้านนอก ผมแกล้งธูปก่อน รังแกด้วยการแตะโน่นจับนี่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนกึ่งอุ้มกึ่งลากมันเข้าห้อง ประเดิมด้วยการจับเด็กหนุ่มถอดกางเกง ใช้มือสัมผัสจนตื่นตัวพลางนำเสนอเคล็ดลับที่ทำให้มันต้องร้องขอชีวิต

                         ใช่ มันแทบร้องขอชีวิต กัดหลังมือจนเป็นแผลแดง เป็นครั้งแรกที่ผมใช้ปากกับเพศเดียวกัน แต่กลับไม่นึกรังเกียจแม้แต่น้อยเมื่ออีกฝ่ายเป็นธูป ชอบอกชอบใจด้วยซ้ำเมื่อใช้เวลาจัดการไม่ถึงห้านาทีธูปก็หลั่ง หลอมละลายออกมาล้นทะลัก ยอมรับโดยไม่มีข้อแม้ว่าระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้จัดการกับตัวเองแม้แต่น้อย

                         ธูปเป็นคนความต้องการต่ำกว่ามาตรฐานเด็กชายทั่วไป ถึงแม้จะไม่มีเกณฑ์กำหนด ลักษณะของการเกิดอารมณ์เป็นไปตามความหมกมุ่นและสิ่งเร้าแต่อย่างน้อยในหนึ่งสัปดาห์ผมจะหาวิธีปลดปล่อยบ้าง แม้แต่ช่วงที่ไปฟิลด์ทริปก็ยังมีทำตอนอาบน้ำโดยใช้หน้าธูปตอนเหงื่อโทรมกายเป็นเครื่องมือ เมื่อภาพฝันปรากฏอยู่ตรงหน้าก็อยากจัดการอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ

                         ยิ่งเมื่อคำว่าคิดถึงหลุดออกมา ผมยิ่งปรารถนาให้รางวัลจนมันทนไม่ไหว ติดตรงที่ประมาทไปหน่อยเพราะเมื่อมันมีแรงขยับลุก เจ้าเด็กนี่ก็พลิกตัวใช้ความรู้ที่รับมาใหม่ๆ จัดการเบ็ดเสร็จโดยไม่ต้องร้องขอ เรียวลิ้นร้อน ความฉ่ำวาวรอบริมฝีปาก รวมทั้งการพยายามใช้คอเพื่อกัดกลืนผมให้หายไปราวถูกดูดวิญญาณ

                         ผมดึงธูปมาจูบ ปากช้ำๆ ของมันนุ่มกว่าเดิม ความฉ่ำแฉะทำให้ไม่อยากผละหนี แต่เด็กหนุ่มบนหน้าตักยังไม่สาแก่ใจ ผลักอกผมออกคอยเอาแต่เลื้อยต่ำ ท้ายที่สุดผมก็ปล่อยให้ธูปทำตามใจ แยกขาออกกว้าง กดศีรษะมันลงและยกขึ้นแทนคำแนะนำ

                         “ธูป หันสะโพกมาทางนี้”

                         “หือ?”

                         “เชื่อกู” ผมพูดสลับหอบ เด็กหนุ่มเงอะงะเมื่อถูกพลิกตัวให้คร่อมขาบนหน้า ร่างกายของมันยังคงปฏิกิริยาทั้งที่ผมไม่ได้เล้าโลมอีก สังเกตเห็นอาการเกร็งตัวมักเกิดขึ้นเมื่อมันก้มลงไปจนจมูกแตะหว่างขาผม ส่วนปลายที่อ่อนปวกเปียกมีน้ำสีใสเหนียวข้นเคลือบอยู่ ผมแตะปลายลิ้นก่อน และเขมือบมันเข้าริมฝีปากอีกครั้งเพื่อทำให้เด็กหนุ่มเข่าอ่อนลง

                         “ดะ...เดี๋ยวสิ ไม่ใช่!”

                         “ทำไป” ผมขยับสะโพก ออกคำสั่ง ใช้มือจับต้นขาขาวให้ขยับแยก จากมุมนี้นอกจากจะใช้ปากได้ถนัดแล้วยังเห็นร่างกายที่ซ่อนเร้นไม่ยอมให้แตะต้องโดยง่ายอย่างดี ช่องทางอ่อนนุ่มเป็นร่องจีบ สีชมพูอ่อน การสูบฉีดเลือดจากหัวใจส่งผลให้เห็นชีพจรเต้นเบาๆ ด้วยสายตา ธูปตั้งหน้าตั้งตาใช้ปากราวกับจะบดขยี้ให้ผมยอมแพ้ ทุกวิธีการที่นึกออก กระพุ้งแก้ม ใต้ลิ้น หรือแม้แต่การใช้ลมหายใจร้อนเป่าพัดเพื่อกระตุ้น

                         ความปรารถนาผมใกล้ถึงปลายทาง ละออกจากร่างกายของมันยิ่งทำให้ธูปได้ใจว่าเป็นฝ่ายชนะ ใช้มือนุ่มจับฐาน โยกศีรษะขันแข็ง เมื่อเห็นจุดหมายรำไรผมก็จับเนินเนื้อเหนือหน้าให้แยกออก แตะปลายลิ้นลงช่องหลืบสีอุ่น แทรกลิ้นเข้าไปเท่าที่ความแข็งแรงจะอำนวย ดูดกลืนและโลมเลียจนเด็กหนุ่มเข่าอ่อน ผมปลดปล่อยในช่องปาก ไม่มีเสียงกรีดร้องประท้วง หากแต่คำราม ธูปคำรามเสียงต่ำซ่าน สะโพกดิ้นร่านหลบการแตะต้อง เมื่อชุ่มแฉะจนได้ใจก็จัดการสอดปลายนิ้วเข้าไปทีละนิด แรงบีบรัดทำให้ผมจินตนาการถึงการมีมันโอบล้อมผมไว้ กอดแน่นจนไม่เหลือพื้นที่หายใจ ผมขยายมันออกด้วยการดันปลายนิ้วเข้าลึกธูปก็ปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สอง และแข็งตัวขึ้นใหม่เมื่อผมงอนิ้วแค่เพียงเล็กน้อย

                         “ไม่...พี่มังกร....ไม่เอา”

                         เสียงนั้นกระเส่า ร้องขอ ผมขยับตัวลุกมาทาบทับแผ่นหลังของอีกฝ่าย กัดกินบ่าขาวด้วยคมฟัน สูดดมกลิ่นหอมด้วยจมูก และยังคงพยายามแทรกนิ้วลงลึก ขณะเดียวกันก็ใช้ส่วนอ่อนไหวเสียดสีเพื่อปลูกอารมณ์ตัวเองอีกครั้ง

                         “ธูป นอนกับกูนะ”

                         “ก็...นอนแล้วไง”

                         “ไม่ใช่แบบนี้” เด็กโง่ มันเหมือนกันที่ไหนเล่า “ให้กูเข้าไปอยู่ในตัวมึง”

                         “มะ...ไม่เอา เจ็บ”

                         “ธูป...” ผมครางถาม ยังไม่ละความพยายาม ร่างกายเริ่มเกิดความปรารถนาอีกครั้ง พยายามแทรกส่วนหัวเข้าไปโดยยกขาข้างหนึ่งของธูปขึ้นและล็อกไว้ด้วยกำลัง

                         “รังเกียจพี่เหรอ” ถ้อยคำที่ผมมักใช้ในการหลอกล่อให้คู่นอนใจอ่อน ผมจูบธูปอีกครั้ง นิ่วหน้าลงเมื่อบางส่วนเริ่มแทรกตัวเข้าไปได้จริง “พี่รักเรานะ”

                         “ไม่..ใช่! แบบนี้มันไม่ใช่รักนะพี่มังกร!”

                         เสียงทุ้มนั้นสั่น แต่หนักแน่น ผมได้สติมาอีกครั้ง เห็นธูปจิกกำหมอนไว้แน่น ซุกเสี้ยวหน้าลงบนผืนผ้าที่ยู่ย่น ร่างกายเรายับเยิน ประดับด้วยเหงื่อไคลและน้ำคาว แต่ที่บีบหัวใจที่สุดคือน้ำตา

                         “ธูป...”

                         “ผมไม่ได้รักพี่แบบนั้น”

                         มันพูดกระชับ พลิกตัวหนี ชั่วจังหวะนั้นที่ความสุขทั้งหมดกลายเป็นศูนย์ อารมณ์ของคนเราแปรเปลี่ยนได้เพียงชั่ววินาทีผ่าน ธูปสูดหายใจ มันคลานไปหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายของตัวเองขึ้นมา

                         “ผมไม่ได้รู้สึกกับพี่แบบที่พี่รู้สึกกับผม”

                         “แต่มึงบอกว่ามึงก็คิดถึงกู แล้วมึงยังหึงเรื่องโบว์...”

                         “ผมแค่คิดถึงไม่ได้หมายความว่าผมอยากเป็นเมียพี่สักหน่อย!”

                         เด็กหนุ่มค้อนขวับ หยิบแว่นขึ้นมาสวม หน้าบึ้งตึง “จริงของพี่ พี่น้องผู้ขายไม่จูบกัน ผมลองขอพี่นันต์จูบแล้ว เขาก็ไม่จูบกับผม แต่ผมไม่ได้คิดกับพี่แบบนั้นแน่ๆ เราอาจจะเป็นแค่ผู้ช่วยที่ดีของกันและกันเท่านั้นก็ได้”

                         มันตอบพลางโขยกเขยกไปหยิบกระเป๋า ไม่ลังเลว่าจะล้างตัวก่อนเลยด้วยซ้ำ ผมรีบคว้าเสื้อกับกางเกงขึ้นสวมเมื่อเด็กหนุ่มเปิดประตู จับข้อมือไว้แต่โดนสะบัดออก

                         “จะไปไหนมันดึกแล้ว”

                         “ไปที่ที่ปลอดภัยกว่าที่นี่”

                         สายตาของธูปกำลังบอกว่าการอยู่กับผมคือความอันตรายอย่างที่สุด ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างมันกับผม ใครควรจะผิดหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่ากัน

                         ความเงียบที่เป็นเงียบจริงๆ ก่อตัวอย่างเจ็บปวด รู้สึกเหมือนถูกเข็มที่เล็กที่สุดจิ้มแทรกตั้งแต่หน้าขูดครากลงมาจนถึงปลายเท้า แหลกสลายเป็นเม็ดละเอียด เวิ้งว้างยิ่งกว่ายานอวกาศที่ระเบิดตัวกลางจักรวาลอย่างโดดเดี่ยว และเคว้งคว้างกว่าครั้งไหน

                         เสียงประตูปิดปัง ยกมือขึ้นลูบหน้าราวกับเมื่อครู่คือภาพที่ฝันไป
                         มันช่าง...รวดเร็ว และรุนแรงต่อจิตใจเหลือเกิน






____________

ขอโทษที่มาช้าค่ะ เมื่อวานมีเรื่องนิดหน่อย อันนี้อัพในไอแพด อาจจะย่อหน้าไม่ค่อยตรงกันขอโทษน้าา 
ตอนนี้พี่มังกือเสียใจมาก ถูกทิ้งไว้กลางทาง
ขอเวลาน้องเรียนรู้หัวใจตัวเองหน่อยเนาะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 05-10-2018 00:27:34
เป็นความรู้สึกแบบเดินๆอยู่ก็ตกหลุม    โถ่พี่มังกร 
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-10-2018 00:34:35
พี่ใจเย็นๆสิ ให้เวลาน้องหน่อย รุกเร็วเกินไปละ เด็กกลัวหมด  :katai1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 05-10-2018 01:46:51
หน่วงเลยเจองี้
มันคงเร็วไปจริงๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-10-2018 02:22:48
อ้าววว ธูป ไม่ได้คิดเหมือนกันหรอกเหรอ ฮือออ เจ็บอ่ะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 05-10-2018 04:43:23
พี่มังกืออออ ผลของความแหวกหญ้าให้งูตื่น ด่วนได้ใจเร็วไปหน่อย ก็เข้าใจแหละว่าเพราะความคิดถึงจึงเร่งรีบ...ยั้งใจไม่ได้ แต่จะ "ทะลวง" น้องคงเร็วไปหน่อยนะคะ เห็นไหมล่ะ...น้องกลัว รีบหนีเลย เข้าใจน้องนะคะ แล้วก็เห็นใจพี่มังกือด้วยว่าเหมือนถูกพาบินไปบนฟ้าแล้วปล่อยให้ตกคว้างลงมาโหม่งโลก ตบบ่าพี่มังกืออย่างเข้าใจ

ขอบคุณคุณเวสต์นะคะสำหรับมาม่าถ้วยร้อนๆ นี้ รอถ้วยต่อๆ ไปค่ะ โฮะๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-10-2018 05:07:44
น้องกลัวพี่แล้ว หนีเลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-10-2018 08:11:20
อ้าวน้องธูป ช่างทำกันได้
พี่มังกรกลายเป็นไส้เดือนไปแล้วงานนี้
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Sykes ที่ 05-10-2018 09:19:42
สงสารพี่มังกร ฮืออออออออ  :mew6:
จะร้องไห้แล้ววววววว ตอนนี้น้องมองพี่ว่าพี่ไม่ปลอดภัย แล้วพี่มังกรจะทำยังไงต่อไป  :ling3:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-10-2018 10:51:50
โอะโอ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-10-2018 13:43:35
อ้าว!ยังไงๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-10-2018 14:48:13
ช็อค..คคคคคคคคคคคคคค !!!!   o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 05-10-2018 15:55:52
เอ้าอกหักเสีบแล้วพี่มังกร จากที่คิดว่าเป็นต่อ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 05-10-2018 19:31:21
เอ่อออออ ผู้ช่วยที่ดีของกันและกันเท่านั้น....
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 05-10-2018 20:11:31
รู้สึกเคว้งไปกับพี่มังกรเลยอ่ะ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 05-10-2018 21:16:31
 :sad4:ทำไมตัดจบเยี่ยงนี้ นี่เจ้ต้องค้างไปอีก1อาทิตย์เชียวนะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 06-10-2018 00:24:38
เอ่ อาจารย์พิภพต้องรู้ดิ รูปที่ตัวเองถ่ายเลยนะ เอาไปล้างกับมือ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 06-10-2018 17:14:23
มันคาใจ กลับมาอ่านอีกรอบ มันก็ยังค้างคา ทำไมน้องธูปถึงคิดว่าไม่ได้รักพี่มังกร น้องแค่สนุกแต่ไม่อยากผูกพัน จิงอยู่ว่าพี่มันรุกเร็วไป แต่น้องไม่ควรพูดจาทำร้ายใจพี่เยี่ยงนี้...เจ้รับไม่ได้... :sad4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 06-10-2018 20:48:03
พี่มังกรรุกเร็วไปปปป  :serius2:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 06-10-2018 21:35:31
โอ้โห

หน้าชา มือชา ใจหายแทนพี่มังกรเลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 06-10-2018 23:41:54
พี่มังกรรรอย่าพึ่งใจร้อน เด็กมันยังคิดหนักอยู่
แต่ก็ใจสลายแทนพี่เหมือนกัน เจอแบบนั้น
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 07-10-2018 12:38:34
กำลังอ่านฟินๆ ล่องลอยอยู่บนอากาศ ตอนจบนี่คือเหมือนโดนสอยร่วงลงดินเลยจ้า
ธูปอาจจะสับสนมากๆจริงๆพี่มังกรก็ค่อนข้างรุกน้องเร็วเกินค่ะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-10-2018 11:36:30
ไอ้พี่มังกรคงช็อกไปเลย

บอกคิดถึง อาการเหมือนหึง ยอมให้จับนู้นนี่

เป็นใครก็คิดเปล่าวะ ว่าใจตรงกัน


น้องธูปเอ้ยย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Ain ที่ 10-10-2018 14:35:11
น้องธูปใจร้ายมากค่ะไม่รักแต่หึงหวง?
 พี่มังกรลองห่างออกมาก่อนเผื่อน้องมันรู้สึกอะไรบ้าง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 10-10-2018 20:17:17
พี่มังกรมันอาจจะเร็วไปรึเปล่า รุกน้องเร็วไป
แต่ๆๆ น้องธูปจะหึงคนที่ตัวเองไม่รักไม่ได้นะคะ
ยิ่งประโยคที่บอกว่า “ผมไม่ได้รู้สึกกับพี่แบบที่พี่รู้สึกกับผม”
จุกแทนเลย
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 10-10-2018 21:44:40
มาต่อๆๆๆเร็วๆนะไรท์
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 11-10-2018 00:35:58
 chapter 11
Let it be


         เจ็บยิ่งกว่าล่มปากอ่าวต่อหน้าดาราเอวี ก็คือช่วงที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มแล้วเด็กหนีกลับแบบไม่อธิบายอะไรให้เข้าใจเลยสักอย่าง ผมจัดการห้องใต้บันไดของตัวเองให้สะอาดเรียบร้อย ไม่เหลือร่องรอยหรือหลักฐานใดไว้ ธูปไม่ปรากฎตัวในวันถัดมา มีแค่พี่นันต์ที่ถามหา แต่ผมจงใจไม่ตอบและมุ่งหน้าเข้าโลกของการทำธีสิสแทน
          ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งตรงไหน
          หรือผิดตรงที่เข้าใจทุกอย่างรวบรัดไปเอง คิดเองเออเองว่าความต้องการของเราเท่ากัน
          ธูปเป็นคนที่ยากจะเข้าใจ และผมยังคิดว่าการเข้าใจธูปเป็นเรื่องที่ยากเสมอ

          “โห วันนี้หน้าเครียดเชียว”

          เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามขยับครืด เด็กสาวคนคุ้นหน้าทรุดตัวลงนั่งโดยไม่ขออนุญาต แต่ต่อให้ขอ ผมก็ไม่มีทางไม่อนุญาต โบว์มาพร้อมถุงกระดาษ คราวนี้ข้างในเป็นขวดโหลใส่ดาวกระดาษขวดเล็กๆ เป็นดาวที่ทำจากใบอะไรสักอย่างที่แห้งจนเป็นสีเขียวอมน้ำตาล

          “เด็กๆ ทำแล้วส่งมาให้ค่ะ โบว์อยากให้ที่ร้านมากกว่า”

          “หืม? เด็กๆ ที่ค่ายน่ะเหรอ”

          “ช่าย น่ารักเนอะ ตอนแรกคุณครูขอที่อยู่โบว์ไว้ นึกว่าเผื่อมีลืมของ ที่แท้ก็มีเซอร์ไพรส์นี่เอง”

          “เด็กๆ คงชอบโบว์มากเลยนะคะ”

          “ขวัญใจเด็กๆ เลยล่ะ” เด็กสาวไม่มีท่าทีถ่อมตัว แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ โบว์ยังคงคอนเซปต์สาวเท่ คือแต่งตัวทะมัดทะแมงกับเสื้อคลุมยีน ซ่อนรูปร่างที่แท้จริงไว้ด้านใน อนุญาตให้เห็นว่ามีของแค่เนินเนื้อที่ล้นขอบเสื้อสายเดี่ยวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “แหม พี่ก้องก็ใช่ย่อยเถอะ แต่โบว์น่ะเด็กประถม พี่ก้องสาวอุดมศึกษา ติดแจ”

          “จริงเหรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย”

          “ไม่รู้จริงอะ”

          ผมหัวเราะ เหลือบมองหน้าอกคนตรงหน้าอีกครั้งตามสัญชาตญาณ ก่อนละสายตาเมื่อพี่นันต์ยกโกโก้ร้อนของหญิงสาวมาเสิร์ฟ “ขอบคุณค่ะพี่นันต์ โบว์ไปเอาที่เคาน์เตอร์เองก็ได้นะ”

          “ไม่เป็นไรๆ วันนี้คนน้อย จะได้มาทักโบว์ด้วย” พี่นันต์ทักทายลูกค้าอย่างผิดวิสัย คุณกานดายังไม่มา แน่ล่ะ ถ้าคุณกานดามาถึงเมื่อไหร่พี่นันต์จะไม่มีสายตาไว้มองคนอื่นอีกเลย “เมื่อคืนไปที่ร้านมาเหรอ เหมือนพี่เห็นแวบๆ กว่าจะลงเวทีก็ไม่เจอแล้ว”

          “อ๋อ ค่ะ ไปรับเพื่อนน่ะค่ะ”

          “โบว์สูบบุหรี่ด้วยเหรอ” พี่นันต์ถามไม่เข้าท่า ผมเหลือบมองคนถามก่อนหันกลับมายังคู่สนทนา โบว์เอียงคอเล็กน้อย ยิ้มเก้อๆ

          “ก็ไม่บ่อยค่ะ มีบ้างตอนไปดื่ม”

          “เพื่อนที่ไปด้วยกันเพื่อนในมหา’ลัยเหรอครับ”

          “เปล่าหรอกค่ะ พี่นันต์มีอะไรหรือเปล่าคะ”

          “เปล่าครับ” ชายหนุ่มตอบ คุณกานดามาถึงแล้ว แต่เขาไม่ละกลับไปที่เคาน์เตอร์ในทันที “แค่จะบอกว่าโบว์น่าพวกนั้นอันตราย”

          “ก็...ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่นันต์”

          เสียงสุดท้ายของโบว์ตอบก่อนรอยยิ้มจะหุบลง กลายเป็นสีหน้ากังวลครุ่นคิด ไม่สดใสเหมือนภาพที่เคยเห็น

          “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” ผมถาม มองมือที่กำขวดโหลใส่ดาวกระดาษไว้ โบว์ส่ายหน้า ฝืนยิ้มเฝื่อน “มีอะไรโบว์เล่าให้พี่ฟังได้ตลอดนะคะ”
           เด็กสาวยังคงยิ้มเหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยแต่ใหญ่หลวงนั่นคือหยดน้ำตา



 

          สำหรับผมแล้วโบว์ก็เหมือนรุ่นน้องที่เพิ่งมาสนิทได้ไม่นาน ซึ่งคำว่าสนิทก็คือสนิท ไม่ได้มีเวลาเข้ามาเป็นปัจจัยบ่งบอกความใกล้ชิด ผมกับโบว์เคมีตรงกันในระดับที่ว่าถ้าไม่ใช่ธูปแล้วอาจเป็นเธอได้

          กลิ่นของควันบุหรี่ลอยอวล คลุ้งในอากาศ โบว์อัดมันเข้าปอด เลือกที่จะยืนใต้ลมนอกร้าน ส่วนผมม้วนกิ่งก้านของไม้เลื้อยที่งอกออกจากกระถางเข้าพันหลัก รับฟังเรื่องเล่าระหว่างที่รุ่นน้องสูบและหยุดเพื่อถอนหายใจ

          “แล้วโบว์จะทำยังไงต่อ”

          ผมถาม เคารพในการตัดสินใจแก้ปัญหาของแต่ละคน หญิงสาวผ่อนลมหายใจอีกครั้ง มันม้วนตัวออกมาเป็นควันสีเดิมแม้ผ่านการฟอกในปอดมาแล้วหนึ่งรอบ

          “โบว์ก็อยากเลิกติดต่อกับพวกนี้นะ แต่ก็เพื่อนน่ะค่ะ เพื่อนที่เห็นโบว์วันที่โบว์แย่ที่สุด”

          “แต่จะไม่กลับไปใช้มันอีกใช่ไหม” ผมถาม ทั้งหมดนี้หมายถึงกลุ่มเพื่อนที่พี่นันต์ว่าอันตราย เป็นเด็กขี้ยาที่เข้ามามีเรื่องในร้านบ่อยๆ โบว์ไม่ค่อยปรากฏตัวในร้านแบบนี้นัก แต่ก็มีแหล่งมั่วสุมที่ให้ทุกคนไปรวมตัวกันแบบลับเฉพาะ “โบว์รับปากไม่ได้หรอกพี่ โบว์ยังวนเวียนกับพวกนั้น โบว์เคยรู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง แล้วก็ไม่รู้ว่าถ้าวันหนึ่งมีปัญหาขึ้นมาอีกโบว์จะแก้ปัญหาแบบไหน”

          “แม่ไม่รู้ใช่ไหม”

          “ไม่ค่ะ โบว์ไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้ ที่จริงก็ไม่อยากให้ใครรู้หรอก แต่พี่นันต์น่ะ...”

          “หูตาไวอย่างกับอะไรดี”

          ถ้าเรื่องของผมกับธูปจะโป๊ะแตกขึ้นมารู้ได้เลยว่าเป็นเพราะใคร โบว์หัวเราะ เห็นด้วย แต่ก็เสียใจที่ทำให้ผมเห็นรอยแผลขนาดใหญ่ที่พยายามซุกซ่อน

          “มันไม่เคยหายไปนะคะ เราเคยหลงผิด แต่ต่อให้วันนี้หยุดแล้วก็ยังมีหลักฐาน โบว์รู้ว่ามันเป็นตราบาปที่คนดีๆ อย่างพี่คงไม่อยากรับรู้”

          “คิดอะไรแบบนั้น”

          “ก็เรื่องจริงนี่คะ”

          ในความก๋ากั่น ผมไม่แปลกใจที่โบว์จะหลงผิดไปในบางวัย เด็กสาวที่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งวันนี้เคยมีปัญหาที่รุนแรง ไม่เห็นทางออก ความเข้มแข็งของแต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับโบว์เวลานั้นมันเกินผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหว

          หลังจากหย่า พ่อแต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงทารุณเธอด้วยบุหรี่ เตารีด และยาเสพติด

          “โบว์ฟื้นที่โรงพยาบาลก็เห็นหน้าแม่คนแรก โบว์ไม่เห็นพ่ออีกเลย ตอนนั้นแผลเต็มตัวไปหมด โดยเฉพาะหลังโบว์เปิดให้ดู”

          “เดี๋ยวๆ” ผมห้ามไม่ทัน เด็กสาวถลกเสื้อขึ้น อวดเนื้อที่ตายไปแล้วซึ่งไม่อาจระบุได้ว่าเป็นฤทธิ์ทำลายล้างจากอาวุธหรือสารเคมีชนิดใด “ขนาดนี้เลยเหรอ”

          ผมวางมือบนรอยแผล หรี่ตาลงเมื่อนึกภาพตามว่าเด็กผู้หญิงอายุเท่าโบว์ในตอนนั้นต้องผ่านมันมาลำพัง

          “ทรมานมากเลยพี่ก้อง ที่แย่กว่านั้นคือโบว์ย้ายมาอยู่กับแม่ แต่ยังเลิกยาไม่ได้ สุดท้ายก็เจอเพื่อนกลุ่มนี้ มันเสพนะ แต่ตอนโบว์บอกว่าจะเลิกจริงๆ มันก็ไม่ห้าม แล้วแต่โบว์เลย แต่พวกนี้จะยังใช้ยาต่อไปเรื่อยๆ ต่อหน้าโบว์ด้วย แล้วแต่ว่าโบว์จะเข้มแข็งแค่ไหน”

          “โบว์เข้มแข็งมาก”

          “โบว์รู้ว่าพวกผู้หญิงไม่ชอบโบว์เพราะทำอะไรไม่เป็นกุลสตรี ไม่รู้สิคะ โบว์อาจเป็นคนที่ผิดศีลธรรมในทุกอย่างของคณะเรา แต่โบว์ก็เป็นคนเหมือนกัน”

          ผมครางรับในลำคอ ผู้คนต่างวิจารณ์เรื่องราวมากมายโดยใช้ตัวเองเป็นมาตรฐานตัดสิน ความเจ็บปวดของโบว์ ความโดดเดี่ยวของธูป หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ผมเผชิญต่างเป็นความจริงของโลกที่ถูกซ่อนไว้ เรานำเสนอกันแต่แง่งามที่ดี ที่ควรชื่นชม เราไม่เคยพอใจในตัวเองเมื่อเทียบกับความสำเร็จของคนอื่น และเมื่อนั้นหากใครพลาดพลั้งก็พร้อมจะเหยียบย่ำซ้ำเติมเพื่อยกระดับความดีงามของตัวเองให้สูงขึ้น ในฐานะผู้พิพากษาก็ยังดี

          “พี่ไม่ได้บอกว่าวิธีที่โบว์ทำจะถูกนะ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้โบว์ได้เรียนรู้”

          “พี่ก้องมองโลกบวกจัง”

          “ไม่บวกหรอก ก็คนธรรมดา” คนที่ยังโกรธพ่อตัวเองแต่ต้องแสร้งทำเป็นยินดี เป็นผู้ชายที่เมื่อเลือดไหลลงที่ต่ำแล้วก็อยากขืนใจคนที่ชอบให้จบๆ ไปเพื่อครอบครองอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์

          ผมยื้อบุหรี่มาจากมือของโบว์ ดูดอัดเข้าปอดบ้าง

          “พี่ก้องดูดเป็นด้วย?”

          ผมยกมือขึ้นบัง ไม่ให้ลมพัดเข้ามา ทำควันเป็นรูปวงกลมโดนัท ซ้อนกันหลายขนาด

          “โห อย่างเซียนเลยอะ”

          “ถ้ามีคนบอกพี่ว่าบุหรี่ไม่ดี พี่ไม่เถียงนะ มันทำลายสุขภาพ แต่คนเรามีเรื่องไม่ดีในชีวิตบ้างก็ได้ มีกันทุกคนแหละ แค่ยอมรับมันก่อน จะแก้หรือไม่ก็ค่อยว่ากัน”

          แสงอาทิตย์ยามบ่ายอ่อนลง สีส้มของมันไล้ไปตามตึก หน้าตาตึกสูงจากที่เป็นสีขาวกลายเป็นสีนวลอ่อน กระจกสูงเสียดฟ้าเคยเป็นสีฟ้ากลายเป็นอมเขียว พระอาทิตย์เตรียมตัวขนของกลับบ้าน ผมใช้เวลาทั้งวันในการคุยเรื่องของโบว์ อดีตของโบว์ และอยากให้โบว์หลุดพ้นจากโซ่ตรวนที่ผูกมัดตัวเองไว้

          เรื่องราวเริ่มต้นคือไอ้ห่าพี่นันต์พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมานั่นแหละ

          “อะไรทำให้พี่ก้องแบบ...คูลได้ขนาดนี้อะ”

          “พี่เหรอ ไม่คูลนะ ไม่อะไรเลย เป็นคนขี้เกียจ เห็นแก่ตัวด้วยซ้ำ”

          “ไม่จริง ตอนอยู่แคมป์โบว์เห็นพี่ก้องออกวิ่งทุกเช้า ถ้าคนวิ่งได้ขนาดนั้นต้องมีวินัยแล้วก็ขยันมากๆ”

          ผมยังคงปฏิเสธ

          “เริ่มวิ่งเพราะหนีความจริงต่างหาก แล้วมันก็ติด ติดเหมือนยาเสพติดน่ะ”

          ความจริงเมื่อรู้ว่าแม่เป็นมะเร็ง ความจริงที่รู้ว่าผมไม่มีความสำคัญกับใครบนโลกอีกแล้ว ชั่ววินาทีการวิ่งเป็นช่วงที่หัวใจเต้นแรง สัมผัสถึงการมีชีวิตที่มีชีวิต วิ่งจนเหนื่อย จนอ้วก แต่ก็ยังวิ่งต่อไปทุกเช้าเพื่อลืม

          เหมือนที่โบว์ใช้ยาเสพติดเพื่อลืมความเจ็บปวดที่ซ่อนตัวไว้ใต้ภาพที่สวยหรู งดงาม

          ลมที่กรุงเทพร้อนแม้จะเย็นย่ำ นกบินไกลๆ เห็นเป็นเลขสามเหมือนนกที่เด็กวาด

          “โบว์ชอบพี่ก้อง” เสียงนั้นเอ่ยเรียบ แต่เต็มตื้นไปด้วยความหมาย ผมไม่แปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่ก็ไม่เมินเฉยเกินไปจนเด็กสาวเสียความมั่นใจ

          “ยิ่งพี่ก้องเป็นคนที่พร้อมจะเข้าใจทุกอย่าง จากที่ชอบกลายเป็นรักไปเลย รักมากๆ เลยค่ะ”

          ผมวางมือบนศีรษะ ดึงโบว์เข้ามากอด กอดในระดับที่ไม่ต่ำกว่าเอว กอดเหมือนพี่ชายกอดน้องสาว

          “พี่รู้ว่าโบว์ไม่อยากได้พี่ชาย”

          “แต่พี่ก้องให้โบว์ได้เท่านั้นใช่ไหมคะ” เสียงหวานย้อนกลับ เรียงประโยคคล้ายผมในทีแรก

          “ถ้าตอนนี้พี่ชอบผู้หญิง พี่คงชอบโบว์เหมือนกัน โบว์ที่เหมือนเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง แต่มีความเป็นมนุษย์ มีความบกพร่องเหมือนคนอื่นๆ พี่ชอบที่โบว์เป็นมนุษย์”

          เสียงหัวเราะดังขึ้นควบไปกับแรงสะอื้นน้อยๆ ผมกอดโบว์ไว้แน่น นึกถึงใครอีกคนกับภาพที่สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง แต่มีร่องรอยเว้าแหว่ง เหว่ว้า ความราบเรียบที่เต็มไปด้วยรอยตำหนิของหลุมบ่อและเนินเขาขาดๆ เกินๆ ซึ่งเจ้าตัวไม่ทันรู้ว่ามีด้วยซ้ำไป

          “พี่ก้องไม่ชอบผู้หญิง?”

          “นั่นน่ะสิ”

          “สมัยเรียนก็คบผู้หญิงนี่คะ”

          ผมขำก๊ากใช่ ก็นั่นน่ะสิ

          “เห็นไหม ทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดเวลา”

          โบว์เห็นด้วย กระชับอ้อมแขนกอดผม โยกตัวไปมา

           

          หากจะเล่าเรื่องราวของชีวิตคนแล้วไม่มีทางเลยที่จะสามารถพูดจบได้ในหนึ่งถึงสองวัน รายละเอียดเล็กน้อยที่ปั้นแต่งให้คนแตกต่างกันไปถูกเติมเข้ามาและบอกผ่านโดยลืมใส่ใจ ผมพยายามไม่สนใจคนอื่นเพราะเรื่องพวกนี้ มีอีกหลายอย่างและหลายมุมที่ไม่มีวันมองได้ครบทุกทาง

          แต่เมื่อมีใครคนหนึ่งที่สำคัญจริงๆ เขาก็เข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว พยายามละสายตาก็ไม่อาจควบคุมความคิดที่ฟุ้งขุ่นให้นิ่งงัน ชั่วจังหวะนั้นผมรู้ว่ากำลังนึกถึงใคร และหาเหตุจูงใจที่ทำให้ธูปหายไปไม่ติดต่อหรือแวะมาที่ร้านอีกหลายวัน

          “ทะเลาะกับธูปเหรอ”

          แม้แต่พี่นันต์ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป ผมตอบไม่ถูก ถ้าจัดผมเป็นผู้ชายประเภทไม่รู้ห่าอะไรเลย คงเป็นตัวท็อปของผู้ชายประเภทนั้น

          “คงงั้นมั้งครับ”

          “ไปทำมันโกรธเรื่องอะไรอะ”

          “ธูปจะโกรธคนอื่นเรื่องอะไรได้บ้างครับ”

          บอกตามตรง ผมไม่เคยเห็นธูปมันโกรธใครจริงจัง อย่างมากก็แค่ทำหน้าขมึงขึงขังเวลาโดนแซวหนักๆ หรือถ้ากับเพื่อนที่ไม่ชอบมัน เจ้าตัวก็ไม่ได้กล่าวร้ายถึงคนพวกนั้นแต่อย่างใด

          กูนี่ล่ะ ทำให้มันโกรธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยเข้าใจว่าถูกโกรธเพราะอะไรอยู่ดี

          “ไม่รู้สิ เรื่องผู้หญิงมั้ง”

          “ครับ?”

          “กูไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่มึงกับธูปแอบคบกันอยู่ปะ”

          พี่นันต์ถาม คัดแยกเมล็ดกาแฟที่เอามาใส่รวมกันออกตามสายพันธุ์ นับเป็นเกมคลายเครียดในวันที่ไม่มีลูกค้าของเขา “เปล่าครับ”

          ผมไม่ได้โกหก ไอ้ธูปน่ะไม่เคยให้ความชัดเจนสักอย่าง พี่นันต์ละสายตาจากเมล็ดสีดำขึ้นมองหน้าผม นิ่งเงียบแล้วก้มหน้าลงแยกเมล็ดกาแฟต่อ กลิ่นหอมจากเครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็กที่อาจารย์สั่งซื้อเข้ามาให้พี่นันต์ลองเป็นรสชาติใหม่ของจมูก ร้านอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ ชวนสดชื่นมากกว่าง่วงงุน

          “ได้บอกมันหรือเปล่าว่าคบกับรุ่นน้องคนนั้น”

          “น้องโบว์น่ะเหรอ ก็ไม่ได้คบนะพี่ พี่น้องกัน”

          “พี่น้องไปทั่วนะมึงน่ะ ระวังจะเสียใจ”

          เอ้า ผมมองพี่นันต์ด้วยเครื่องหมายคำถามที่แปะบนหน้าผาก เขาเบะปากไม่อยากขยายความต่อแต่ก็ยอมแนะนำทางออกที่น่าจะดีกว่าตอนนี้ “เมื่อวานเห็นกอดกันกลมอยู่หน้าร้าน”

          “เขาชอบผม”

          “ก็เลยเล่นด้วย? มึงเลี้ยงทุกคนไว้ไม่ได้นะก้อง ไอ้ทุเรศ”

          “เฮ้ย ไม่ได้เลี้ยง ไม่ได้เล่นด้วยเลย ผมก็บอกน้องมันไปว่าเป็นพี่น้อง น้องเจอเรื่องมาเยอะ ผมแค่เห็นใจ”

          “จ้า ไอ้พระเอกหนังไทย แสดงเก่งงง”

          “พี่ ผมพูดจริง” ทำเสียงซีเรียสขึ้นมา จับมือพี่นันต์ให้อยู่เฉยๆ หยุดแยกกาแฟสักทีเพราะมันกำลังกวนประสาทผม “เมื่อวานธูปมาเหรอ มันเห็นเหรอ”

          “ไม่เห็น ไม่มา ไม่มาหลายวันแล้ว ตั้งแต่มึงกลับมาจากค่ายอะ แล้วไหนบอกไม่ได้คบกัน จะห่วงทำไม”

          “ก็มันทำท่าเหมือนโกรธผม” ไม่ใช่ทำท่า “มันโกรธผม” นี่ต่างหากประโยคที่ถูกต้อง

          พี่นันต์ทำท่าจะย้อนถามกลับว่าไปทำอะไรซ้ำสอง ผมทบทวนตัวเอง ก็จูบกัน กอดกัน สลับกันช่วยตัวเอง ไอ้ธูปใช้ปากให้ผม ผมเองก็ใช้ปากกับมันไม่ได้มีท่ารังเกียจกระทั่ง...

          ผมอาจจะใจร้อนไปตอนที่มันบอกว่า…

          ถอนหายใจยาว รู้ตัวว่าพยายามมากไปจนเหมือนขืนใจ แต่แรกๆ ก็ต่อต้านเพราะกลัวเจ็บกันทั้งนั้น ผมดึงดันอีกหน่อยก็สำเร็จทุกราย

          แต่ไอ้ธูปกลับเป็นคนที่บอกว่าไม่ได้รักผมแบบนั้นหน้าตาเฉย

          “ถ้าทะเลาะกันเพราะมึงทำผิดก็ไปขอโทษมัน ไอ้ธูปน่ะยอมหักไม่ยอมงอ เป็นผู้ใหญ่กว่าบางทีก็ต้องยอมๆ ค่อยมาสอนมันทีหลัง”

          เวรเอ๊ย ผมน่าจะรู้ว่ามันอีโก้สูง

          “ผมผิดว่ะเรื่องนี้”

          “อะ รู้ตัวขึ้นมาเลย”

          ผมกลอกตา ไม่มีทางสารภาพบาปกับปีศาจในคราบเทพอย่างพี่นันต์แน่ ไอ้มาร์คมาที่ร้านในเวลาที่เหมาะเจาะอีกครั้ง ไม่หรอก มันก็มาบ่อยเท่าที่มันอยากมานั่นแหละ แต่บางครั้งก็พอดีกับต้องการของผมอย่างตอนนี้ พี่นันต์หัวเราะในลำคออย่างรู้ทันว่าผมกำลังจะทำอะไร

          “มาร์ค”

          “Hello sweeties Anan” มันเย้าเสียงยวน สำเนียงเสียงต่างชาติ วางกุญแจรถไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนเขย่งเท้าขั้นเก้าอี้ทรงสูง “I dreamed about you last night, do you wanna know how’s it?”

          “ธูปบอกให้มึงพูดภาษาไทยไง”

          “yep, but he isn’t here now”

          “yep, ไอ บอโร่ยัวมอเตอร์ไบค์นะ เดี๋ยวรีบเอามาคืน”

          ประโยคหลังสุดผมพูดแทรกบทสนทนาของมาร์คกับพี่นันต์ คว้ากุญแจรถของมันหมับ สาวเท้าเร็วแต่ช้ากว่าคำไทยที่มันตะโกนด่าชัดเจน

          “ไอค้วยดราก้อน!”



 

          ธูปมีแหล่งกบดานไม่กี่ที่ ถ้าไม่ใช่ร้านก็บ้าน ถ้าไม่ใช่บ้าน คงต้องไปค้นกันที่มหาวิทยาลัย

          มันเป็นคนชอบแก้ปัญหา แต่จะแก้ปัญหาเมื่อตั้งหลักได้ แต่ผมไม่ได้ใจเย็นขนาดนั้น การสูญเสียบ่อยครั้งเกิดจากการรอคอย ผมเป็นคนประเภทกล้าได้กล้าเสีย พูดให้ถูกคือผมถูกขัดเกลามาใต้ระบบความคิดว่าถ้าคิดว่ามันดีก็ทำตอนนั้น ไม่จำเป็นต้องรอ สิ่งใดที่จะเกิด ช้าเร็วมันก็ต้องเกิดอยู่ดี

          ดังนั้น การปรากฏตัวในบ้านเดี่ยวย่านชานเมืองเพียงลำพังโดยไม่ขออนุญาตทั้งเจ้าของรถและเจ้าของบ้านจึงเกิดซ้ำและไม่สร้างความแปลกใจให้คนที่มาหาได้อีกแล้ว

          “เป็นยังไงบ้าง”

          ผมถาม ธูปอยู่ในรั้วบ้าน มันเปิดประตูให้เอารถเข้าไปข้างในก่อนข้างบ้านตะโกนด่าเสียงท่อ ส่วนรถยนต์ทั้งสองคันที่เคยจอดทิ้งไว้ไม่อยู่ เดาว่าอาจารย์พิภพคงออกไปที่มหาวิทยาลัย ส่วนแม่มันไปทำงานตามปกติ ซึ่งทั่วไปธูปจะไม่อยู่บ้านหากไม่เต็มไปด้วยปัญหาที่ค้างคาในหัวซึ่งหาทางออกไม่ได้

          “กินอะไรหรือยัง โทรสั่งพิซซ่าไหม”

          “กินแล้ว แม่ทำกับข้าวไว้ให้”

          มันตอบ เหลือบมองนาฬิกา เลือกโซฟาเดี่ยวเพื่อบังคับให้ผมนั่งโซฟายาวลำพัง

          “พี่กินอะไรไหม เอาน้ำไหม ผมหยิบมาให้”

          “ไม่เป็นไร ไม่หิว”

          “นัดพ่อไว้เหรอ”

          “เปล่า” ผมตอบกระชับ ใช้ดวงตาจับจ้องคนที่ก้มหน้างุดไม่สบตา “มาขอโทษ”

          “ขอโทษเรื่องอะไร”

          “ที่ใจร้อน”

          คงมีเรื่องอีกมากที่เราต้องเรียนรู้กัน อย่างน้อยคือการดึงธูปออกมาจากคอมฟอร์ตโซน ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองซึ่งไม่อาจซ่อนเร้นหรือพรางตาไว้ด้วยความสัมพันธ์อื่นได้อีก

          “ธูป...”

          “ผมอ่านหนังสืออยู่ พี่อยากขึ้นไปที่ห้องไหม”

          มันมองแต่มือที่จับกันไว้ พูดเสียงอ่อนแรง ผมรับคำ ยอมเดินตามมันขั้นชั้นสองของบ้านที่แบ่งแยกน้องนอนของมันออกมาเป็นอิสระชัดเจน

           ห้องนอนของธูปเต็มไปด้วยภาพของนักวิทยาศาสตร์ยานอวกาศ ดาวดวงน้อยใหญ่ มันเรียนปิโตรเคมีเพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้เกิดการค้นคว้าไม่สิ้นสุด มันเชื่อว่าพลังงานเคมีมีอำนาจเร้นลับที่มนุษย์ยังนำมาใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้ และอยากให้มันมีประโยชน์มากกว่าเป็นยาวมะตอยระหว่างถนนคอนกรีตที่มีหน้าที่เพียงลดแรงบีบอักเมื่อคอนกรีตขยายตัวยามอากาศร้อน

          “อ่านชีวะด้วยเหรอ”

          หนังสือที่วางกองรวมกันบนเตียงยับย่น รู้ว่าเกิดจากการอ่านแล้วหลับคาหนังสือครั้งแล้วครั้งเล่า บางส่วนบวมเพราะโดนน้ำ หยดเป็นรอยซึ่งเดาได้ว่าเป็นคราบน้ำตา

          “เพิ่งอ่านช่วงนี้ ผมสงสัยว่า บางทีการที่โลกร้อนทำให้ยีนส์ของมนุษย์เปลี่ยนไป”

          “หืม?”

          “มนุษย์ผลิตพลาสติก โดยเฉพาะเม็ดบีทส์เล็กๆ ที่อยู่ในโฟม ในบุหรี่หรือยาสีฟันเป็นสารเคมีที่กำจัดได้ยากมาก มันไม่ผ่านตัวกรอง มันหลุดลงไปในแม่น้ำ ปลากินมัน แล้วเราก็กินปลาอีกที การทำงานของโครโมโซมเพศทำงานลดประสิทธิภาพลง ทำให้เกิดการจับคู่ของยีนเพี้ยนทำให้เกิดเป็นเพศทางเลือก”

          “นั่นมันส่วนน้อย”

          “แต่มีอัตราเพิ่มขึ้นเหมือนสมองของคน ในสมัยเก่าสมองคนใหญ่กว่าทุกวันนี้ แต่สิ่งแวดล้อมทำให้เราใช้สมองในการล่าสัตว์ลดลงมันก็เลยลดหลั่นกันมา คนสมัยใหม่ถึงมีสมองล็กแล้วก็โง่กว่าเมื่อก่อน ไม่สิ เราโง่ในการจดจำแต่ฉลาดขึ้นในการประยุกต์ ส่วนหนึ่งเพราะอุณหภูมิของโลกทำให้ขนาดกะโหลกลดลง”

          “ธูป...”

          ผมจับมือมันไว้ ไม่ให้เปิดหนังสือหน้าถัดไป มือมันสั่น สั่นจากข้อนิ้วขึ้นไปถึงข้อมือ แววตาที่ซ่อนไว้ใต้กรอบแว่นอ่อนล้า สีผิวหนังรอบดวงตาทรุดโทรมจากการอดหลับอดนอน

          “ไม่เป็นไร”

          “ผม...จะแก้มัน”

          “ธูป” ผมเรียกชื่อมันซ้ำ เบา อ่อนโยนแทบเป็นเสียงเดียวกับลมหายใจ แตะร่างกายด้วยความทะนุถนอมราวแก้วเปราะบาง ก่อนโน้มตัวลงจูบบนหน้าผาก ไม่ต้องดึงเข้ามากอดธูปก็ถลาเข้าอ้อมแขนเหมือนเด็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความขลาดกลัว

          “ผมเกลียดตัวเอง เกลียดตัวเองมากเลย ผมไม่ชอบที่พี่อยู่กับคนอื่น ผมโกรธที่พี่คุยกับพี่โบว์ ผมโมโหที่พี่ไม่ติดต่อกลับมาทั้งที่พ่อยังโทรมาหาผมได้ ผมหงุดหงิดทุกอย่างที่เกี่ยวกับพี่ ผมไม่ชอบที่ปล่อยให้ตัวเองทำอะไรแบบนั้น ผม...ผมไม่อยากให้พี่ทำเรื่องที่ทำกับผมกับใคร แต่ผมก็รู้...ผมรู้ว่ามันไม่ถูก”         

          “ธูป ปล่อยมันไป นี่เป็นเรื่องของธรรมชาติ”

          “ผมผิดธรรมชาติ”

          “แล้ว...กูผิดด้วยเหรอ” ผมถาม มันส่ายหน้าระวิง ธูปร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาไม่สิ้นสุด ผมไม่ห้าม ไม่ปลอบใจ การหลั่งของน้ำตาที่เกิดจากอาการเครียดช่วยบรรเทาเบาบางได้มาก มันโขกหน้าผากกับอกผมทั้งที่ยังกอดเอวเอาไว้

          “พี่ไม่ผิด ผมเองที่...ที่อยากให้พี่ทำแบบนั้น ผมยอมให้พี่ทำทุกอย่างเพราะมัน่ทำให้ผมมีความสุข แต่ไม่ใช่ มันมาไกลเกินไป เกินไปแล้ว”

            “ธูป ความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากคนสองคน คนใดคนหนึ่งสร้างมันไม่ได้ ถ้ามึงบอกว่ามึงผิด กูก็ผิด แต่ที่จริงไม่มีใครผิด ไม่มีทั้งนั้น เราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เราเข้ากันได้ดีทั้งกายภาพและทัศนคติมันก็ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติ”

          “ไม่ใช่! ไม่ใช่ธรรมชาติ ผมเป็นผู้ชายเหมือนกับพี่”

          ความสับสนนี้เกิดขึ้นได้ง่ายโดยเฉพาะในสภาวะที่ฝ่ายหนึ่งกดดันตัวเองมากเกินไป ห้องนอนของธูปถูกออกแบบให้เป็นสี่เหลี่ยม ของประดับเต็มไปด้วยกรอบเหมือนแว่นตากรอบดำของมัน ธูปไม่ยอมปลดปล่อย สร้างอาณาเขตกักเก็บขึ้นมาตามระเบียบเรียบร้อยอย่างที่มนุษย์พึงปฏิบัติ เติบโตมากับครอบครัวที่เดินตามความต้องการของคนรุ่นเก่า ความเหมาะสม เพียบพร้อม เป็นความกดดันของชนชั้นกลางที่กลัวถูกตัดสินไม่ดีไม่ชอบ เหมือนเคย มันเอาชื่อเสียงของพ่อ ความน่าเคารพของแม่มาประกัน ผูกมัด คล้องคอ ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความรัก

          “มันแค่ความรัก”

          ความรู้สึกซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ไม่มีความหมาย ไม่มีที่มาที่ไป ตัดสินกันผ่านความต้องการ ความปรารถนา ผมรู้สึกคอแห้งผากเมื่อเจ้าลูกนกตัวสั่นงันงก กอดมันให้แน่นขึ้นแต่ก็เว้นที่ให้พอหายใจได้สบาย

          “กูขอโทษที่กดดันมึง”

          ทั้งที่รู้ดีมาตลอดว่าธูปเป็นคนที่อ่อนไหวแค่ไหน แต่ก็ยังนึกถึงแค่ตัวเอง มีแต่ตัวเองมาตลอด

          “ธูป โกรธกูได้นะ แต่หายโกรธกูด้วยได้ไหม”

          “ผมไม่โกรธพี่”

          “โกรธกูเถอะ ถ้าการกระทำของเราทำให้มึงโกรธตัวเอง”

          ผมกอดมันเอาไว้ กอดขึ้นเรื่อยๆ แน่นที่สุดเท่าที่แน่นได้เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยไปไหน

          และสุดท้าย ธูปก็ยอมปล่อยโฮออกมา         




TBC

ไม่ดราม่าาาาาาา จริงๆ เรื่องนี้แบบ ชิลมาก น้องแค่ตกใจ น้องเลยลั่น น้องขอโทษ ขอน้องสับสนแป๊บ ในความสับสนของน้องยังเป็นเหมือนเดิม คงสเต็ปเนิร์ดดี้คนดีของพี่มัง แต่แน่นอน เรื่องนี้พระเอกของเราคลูๆ ต้องใจเย็น อยู่เป็น ตะล่อมเด็กทีละน้อย /เดี๋ยว
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะะ เป็นเรื่องแรกเลยที่มีเสียงสงสารพระเอก เพราะพระเอกเรื่องนี้เจ็บหนักยิ่งกว่าล่มปากอ่าวจย้า
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2018 01:16:35
 o13  นึกว่าต้องเครียดนาน
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 11-10-2018 01:24:08
มาร์ค เหมือนมาถูกจังหวะตลอด  :laugh:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 11-10-2018 01:24:34
อ่านแล้วก็สงสัย คุณเวสต์ไปเอาความเนิร์ดนี้มาจากไหนกัน

เพิ่งสังเกตว่าสไตล์เรื่องนี้ต่างจากเรื่องก่อนๆ มากๆ ตรงที่จะดำดิ่งลงไปในตัวละครเยอะ ตัวละครคิดเยอะ คิดมาก จนแอบเครียดไปด้วยเลย คืออ่านแล้วก็อดมาคิดตามกับชีวิตตัวเองด้วยไม่ได้ไง ก็เลยเครียดตามหน่อยๆ แต่ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะ ชอบเลยแหละเหมือนมีสารบางอย่างที่คนเขียนต้องการสื่อเป็นนัยๆ หลายรสดีนอกจากอารมณ์วายๆ ก็ได้แนวคิดการใช้ชีวิตมาด้วยงี้

เป็นกำลังใจให้น้องธูป พี่มัง และคุณเวสต์ค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 11-10-2018 01:37:43
กอดน้องธูปด้วย :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-10-2018 03:10:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Sykes ที่ 11-10-2018 07:57:25
เอ็นดูความหาเหตุผลให้กับตัวเองของหนูธูป ตอนที่แล้วอ่านแล้วเราเครียดมากเลย ตอนนี้สบายใจแล้ว ฮาาาาาาาา  :katai2-1:
อยากให้ทุกวันเป็นวันพุธเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-10-2018 08:05:38
น้องธูปอย่าสับสนนานน้าาา เครียดดดแทน รักคือรัก ลูกเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 11-10-2018 08:17:32
ชอบพี่ก้องจัง ที่จริงควรบวชกว่าพ่อพี่ก้องคทิพี่ก้อง
ดูปลงได้มากกกว่าอาจารย์พิภพอีก
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 11-10-2018 08:45:47
ให้เวลาน้องหน่อย น้องแค่สับสน   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Ain ที่ 11-10-2018 08:59:44
 ผู้ชายกับผู้ชายก็รักกันได้น้องธูป
มันไม่ผิดธรรมชาติหรอกค่ะ พี่ชอบ 5555555
อยากให้หนึ่งสัปดาห์มีวันพุธ 3 วัน
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-10-2018 09:28:26
น้องธูปน่ารัก น่าปลอบใจเป็นที่สุด
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Pirepear ที่ 11-10-2018 11:22:08
ให้เวลาหน่อยนะพี่ น้องมันตัวนิดเดียวเอง อ่านตอนนี้แล้วแบบพี่มังกรโคตรดี โคตรผัว ดูเท่ทั้งคำพูดทั้งการกระทำ ชอบที่มาเคลียร์ตรงๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 11-10-2018 12:17:31
พี่มังให้เวลาน้องหน่อย กำลังสับสน
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-10-2018 12:50:25
ชอบอ่ะ..พี่มังมีเหตุผล แถมยัง ชิคๆคูลๆ ขอให้ได้จุดธูปไวๆ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 11-10-2018 15:22:44
  “มนุษย์ผลิตพลาสติก โดยเฉพาะเม็ดบีทส์เล็กๆ ที่อยู่ในโฟม ในบุหรี่หรือยาสีฟันเป็นสารเคมีที่กำจัดได้ยากมาก มันไม่ผ่านตัวกรอง มันหลุดลงไปในแม่น้ำ ปลากินมัน แล้วเราก็กินปลาอีกที การทำงานของโครโมโซมเพศทำงานลดประสิทธิภาพลง ทำให้เกิดการจับคู่ของยีนเพี้ยนทำให้เกิดเป็นเพศทางเลือก”
เรื่องนี้มันจริงรึป่าว -west- เอามาจากทฤษฎีของใครคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-10-2018 20:09:49
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-10-2018 20:18:09
ธูปแค่สับสนเรี่องความรัก ให้เวลาน้องได้เรียนรู้หน่อยนะพี่มังกร
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-10-2018 22:40:14
น้องงงงงง ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 11-10-2018 23:43:09
แหม ยิ่งเนื้อเรื่องโพรเกรสมาเรื่อยๆ ยิ่งชอบมากขึ้นๆ ชอบความที่คุณเวสต์พาดำดิ่งลงไปในความคิดจิตใจของตัวละคร ชอบปูมหลังชีวิตของแต่ละตัวละคร พวกเขาไม่เป็นเพียงตัวละครแบนๆ แต่มีมิติ มีเบื้องหลังที่เจ็บปวดและเต็มไปด้วยความเศร้า ความผิดหวัง ได้รู้เรื่องของโบว์แล้วก็สงสาร พี่มังกือคนนกเองก็ผ่านชีวิตมาเยอะ น้องเนิร์ดของเราก็ต้องเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมซึ่งเต็มไปด้วยความคาดหวังกับกรอบกำหนด แล้วสิ่งที่น้องแสดงออกมาก็เพราะผลจากสิ่งเหล่านั้น พี่ก็เข้ามาช่วยให้น้องได้เปิดโลก มองสิ่งอื่นให้กว้างออกไป เราชอบตอนน้องประหม่าแล้วจะโพล่งอธิบายทฤษฎีวิทยาศาสตร์ต่างๆ มากค่ะ เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยพูดสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุด คุ้นเคยที่สุด กระนั้นเอง...ความเนิร์ดของน้องก็น่ารักกระแทกหัวใจพี่มังกือ จนอดจะรักไม่ได้

อยากจะบอกคุณมังกือ ว่าแม้จะรู้ว่าน้องก็มีใจให้ตัว แต่น้องก็ยังใหม่อยู่ ไม่ถนัดกับเส้นทางสายนี้ ย่อมต้องค่อยเป็นค่อยไป วิธีการที่ใช้กับแฟนคนก่อนๆ ที่ว่าตีเหล็กตอนกำลังร้อน หรือข่มเขาโคขืนให้กินหญ้านั้นคงใช้กับน้องธูปบ่ได้ ภาษิตสำหรับพี่มังกือ คือ ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม ถึงพี่มังกือจะไม่อยากได้แค่พร้า แต่อยากได้ง้าว หอก ดาบอะไรก็แล้วแต่ ก็ควรค่อยๆ ตี ค่อยๆ หลอมให้มันเข้ารูปเข้ารอย รุกช้าๆ ได้ธูปก้านงามเน้อ

บอกจากใจจริงว่าชอบเรื่องนี้ อารมณ์ไม่เหมือนเรื่องก่อนๆ ที่เขียน แต่ก็อ่านได้ตราตรึงใจไม่ต่างจากงานก่อนๆ ของเวสต์เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ

ป.ล. รินไวน์ใส่แก้ว นั่งข้างหน้าต่างมองแสงทองผ่องอำไพ รอตอนต่อไปแบบหรูๆ โฮะๆๆๆ
ป.ป.ล. อีตามาร์คโดนจิ๊กแมงกะไซอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 12-10-2018 15:54:20
ธูปเด็กน้อยมากก พี่มังกรต้องโอ๋น้องหน่อย
น้องยังไม่รู้จักความรัก ส่วนพี่นันต์จะแสนรู้ทุกเรื่องไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-10-2018 15:41:09
พีคหลายต่อมากค่ะ
ขอดราม่าเรื่องโบว์ก่อนเลย
ชีวิตน่าสงสารมากเกินไปแล้ว
ทำตัวได้สดใส และอยู่มาถึงตอนนี้
คือดีมาแล้วจริงๆ ไม่เป็นบ้าไปก่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว

ธูปเอ้ยย จะสับสนแบบนี้ก็ไม่แปลก โลกน้องค่อนข้างแคบ
ในหัวมีแต่ทฤษฎี เจอความรู้สึกแปลกใหม่ไป ก็เคว้งไปเลย
ยิ่งพี่มาห่างไป แล้วขาดการติดต่อและไม่มีคำบอกกล่าว
แถมมีใครไม่รู้ตามมาอีก แสดงออกชัดเจนว่าสนใจ
น้องเลยอาการหนัก จะรักก็อยากรัก จะค้านก็อยากค้าน
แต่ตอนนี้พี่มังไปหาแล้วนะ ให้สมกับที่พี่มังคิดถึง
เชื่อว่ามังกรจะคิดอะไรเป็นความจริงมากสุดแล้ว

พี่นันต์คือที่สุดค่ะ ตาดีมาก แม่นเกิน สงสัยอะไรแม่นเวอร์

เรื่องพ่อธูปคือพีคมากจริงค่ะ สงสารเลยน่ะ
พ่อแม่จะรู้สึกยังไงบ้างเนาะ ถึงไม่รักไม่ชอบ แต่คนทั้งคน สองคนด้วย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 15-10-2018 14:41:01
โอ๋ๆๆๆ ไม่ร้องนะครับน้องธูปปป  :hao5:
กอดๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-10-2018 11:51:03
ติ่งมาร์คได้ไหม


ออกมาแต่ละที เหมือนโดนทำร้าย


5555
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 18-10-2018 23:29:51
chapter 11
BIG BROTHER


 

          คงเหมือนกับ ผมเป็นอพอลโล่ 11 ที่หอบเอาเจ้าหมาไลก้าขึ้นยานไปนอกโลกครั้งแรก

          ถ้าให้เทียบความมั่นใจในตัวเอง กับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของธูปก็ไม่มีอะไรอธิบายได้ยาวและลึกซึ้งกว่านี้ ผมคือยานที่ถูกส่งไปโดยนาซ่า ซึ่งนาซ่าเป็นไอ้ห่าที่ไหนไม่รู้ที่ทำให้ผมเดินเครื่องด้วยความรู้สึก สัญญาว่าจะเอาหมาหน้าโง่ตัวหนึ่งออกไปโลกอีกใบโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะระเบิดตัวตายตั้งแต่ชั้นบรรยากาศที่สองของโลกหรือเปล่า

          แต่ในเมื่อแรงเคลื่อนมันเดินมาเต็มที่ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เราไม่ขับยานออกไป เหตุผลก็เท่านี้

          เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ผมอาสาล้างจานที่ไอ้ธูปแช่เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแทนคำผิด ส่วนเด็กหนุ่มนั่งเล่น Playstation 4 ที่อาจารย์พิภพซื้อให้แทนของรางวัลสอบได้คะแนนดีที่สุดปีที่แล้ว มันหยุดร้องไห้ ลุกไปอาบน้ำอาบท่า เก็บที่นอนกับหนังสือเข้าที่แล้วดูดีขึ้นเยอะ เมื่ออาจารย์พิภพเข้ามาถึงในตัวบ้านก็เลยไม่มีเรื่องให้บ่นมากนัก

          “นึกยังไงเอาเกมออกมาเล่น”

          “เล่นรอพี่มังกร” ลูกชายว่า อาจารย์ชะเง้อคอเข้ามาในครัว

          “อ้าว นึกว่ามาร์คมา เห็นรถจอดอยู่ข้างนอก”

          “ศิษย์โปรดพ่อเป็นหัวขโมย” ธูปว่าหน้าตาเฉย อาจารย์พิภพหัวเราะร่วน

          “แย่จริง มาร์คจะเอาเรื่องไปฟ้องอธิการหรือเปล่า”

          “ถ้าฟ้องก็ไม่รอดอะ ผมจะแจ้งข้อหาบุกรุกอีกอย่าง”

          “ดุกว่าหมาเฝ้าบ้านอีก กินน้ำตาลเยอะหรือไงห้ะเรา” ผมออกมาจากครัว มือยังเปียกอยู่ สะบัดน้ำทิ้งก่อนยกมือไหว้ นึกอยากเถียงว่าธูปไม่ได้เป็นหมาเฝ้าบ้าน เป็นหมาหน้าโง่ไลก้าต่างหาก

          “แล้วที่ป่วยดีขึ้นไหม” อาจารย์พิภพถามลูกชาย วางมือนหน้าผาก อุณหภูมิปกติ เข้าใจว่าเป็นข้ออ้างที่จะไม่ยอมออกไปเรียนหนังสือ

          “ก็ดีขึ้นครับ”

          “ดีแล้ว เมื่อเช้าหูตาแดงไปหมด กวนพี่เขามาหรือเปล่า”

          “เปล่าครับ แค่ไม่เห็นที่ร้านเลยแวะมาดู” ผมตอบแทนคนถูกถาม ธูปย่นจมูกล้อมาจากด้านหลัง พอพ่อหันกลับไปก็ทำหน้าตาปกติ กะล่อนทั้งที่ตายังบวมฉึ่ง

          “สงสัยเป็นภูมิแพ้ แต่ไม่รู้แพ้อะไร สงสัยแพ้ออกกำลังกาย”

          “อ้อ ช่วงนี้วิ่งนี่ครับ” ผมช่วยอาจารย์พิภพแซว ธูปไม่มีพวกก็คราวนี้

          “พอเริ่มออกกำลังกายก็กินเก่งขึ้นเป็นเท่าตัวเลย อย่าเผลอพาไปเลี้ยงข้าวเชียว”

          “นานๆ ทีก็ไหวนะครับ” ผมตอบหยิบกุญแจรถที่วางบนโต๊ะกระจก “ช่วงนี้น้องมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจด้วยน่ะครับ”

          “มีอะไรไม่บอกพ่อล่ะเรา”

          “เปล่า”ธูปปฏิเสธ มองค้อน “ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

          “อืม งั้นอาจารย์มาแล้วผมขอตัวกลับเลยนะครับ”

          “เดี๋ยวสิ” ระหว่างที่กำลังยกมือไหว้เด็กที่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกลับประท้วง คว้าชายเสื้อผม กำไว้แน่นแต่หลุบตาลงต่ำ “อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน เดี๋ยวแม่ก็มาแล้ว ถ้าอยู่กันครบแม่ชอบทำกับข้าวทีละเยอะๆ ทุกที”

          ผมมองหน้าธูปหาคำตอบ เจ้าตัวยังคงเฉไฉ อาจารย์พิภพจับสังเกตได้ก็ร่วมอนุญาตสมทบ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่คิดว่าการเผชิญหน้ากับครอบครัวในช่วงเวลาที่ยังคงรู้สึกผิดอาจทำให้เด็กหนุ่มต้องการพื้นที่มั่นใจมากกว่า

          “พี่มังกรทำกับข้าวเป็นด้วยพ่อ”

          เด็กหนุ่มกลายเป็นเด็กน้อย โยเยไม่ให้ผมไปไหน ทั้งที่ก่อนหน้านี้หนีหายไปก่อนแท้ๆ ช่วยไม่ได้ ผมแพ้สายตาคู่นั้น แพ้ท่าทางแบบนั้น แพ้ทุกอย่างที่เป็นธูปในเวลานี้

          “งั้นมาช่วยกันทำเลยมา เดี๋ยวสอน”

          ผมคว้าข้อมือธูปให้ลุก มันขยับตัวเหยียดอย่างเกียจคร้าน แต่ก็ยอมเดินห่อไหล่ตามเข้าครัว ให้โอกาสอาจารย์พิภพพักร่างกายจากที่ออกไปข้างนอกมาทั้งวัน

 

          แม่ของธูปเป็นคนน่ารัก จุกจิก แต่ไม่จุ้นจ้าน เสนออาหารมังสวิรัติให้ผมเต็มจานแต่มื้อนี้เป็นส่วนผสมระหว่างผักและสัตว์เล็ก มีไข่ ปลา หอย กุ้งที่ได้รับอนุญาต อีกอย่างที่อาจารย์พิภพเลี่ยงบาลีสัตว์ใหญ่คือใช้หมูสับ

          “ถ้าใช้หมูชิ้นจะเป็นสัตว์ใหญ่” ธูปว่า ไข่เจียวหมูสับขายดีเป็นพิเศษ คนคิดยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างภาคภูมิ “ผมแม่งเคยไปเถียงกับเพื่อนเรื่องนี้ที่โรงเรียนด้วย ตอนประถม”

          “เอ้า ใครคิดว่าจะเชื่อจริงๆ”

          “ก็พ่อเป็นครูบาอาจารย์ หลอกเด็กแบบนี้ได้ยังไง”

          “เด็กที่ว่าเป็นลูกนี่ ขนาดลูกยังหลอกพ่อได้ตั้งเยอะแยะ ค่าขนมอย่างหนึ่งนะ ให้เงินค่าหนังสือไปไม่เคยได้ทอน”

          “ผมเก็บเอาไว้ซื้อหนังสือเล่มถัดไปหรอก”

          “เถียงได้แม่” อาจารย์โบ้ย พื้นที่หน้าโทรทัศน์ถูกเคลียร์ให้โล่งกว้าง ปูพื้นด้วยเสื่อน้ำมันเรียบๆ ไม่มีโต๊ะกินข้าวแล้วเพราะย้ายไปที่คาเฟต์ แต่เมื่ออยู่กันพร้อมหน้าผมก็อดรู้สึกว่าบ้านธูปเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมอีกครั้งไม่ได้

          “ดูเอาเถอะว่าได้ใคร ว่าแต่ธีสิสไปถึงไหนแล้วจ๊ะก้อง”

          “ยังแก้อยู่เลยครับ ยังสรุปผลไม่ถูกใจอาจารย์”

          “ก็หากลุ่มตัวอย่างให้มันเยอะกว่านี้หน่อย” รู้สึกฝาดเฝื่อนในลำคอเมื่อต้องมาพูดเรื่องเรียนในบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์ โชคดีที่คนเปิดเรื่องยังมีทางลงให้ผมบ้าง

          “คุณน่ะ อย่าไปเข้มงวดกับเด็กมาก เดี๋ยวปีหลังๆ จะไม่มีคนอยากเรียนด้วย”

          “ผมจะเกษียณแล้ว”

          “ไว้เกษียณค่อยพูดค่ะ” หญิงวัยกลางคนย้อน ก่อนหันกลับมาถามลูกชาย “ว่าแต่เจอซองเชคของแม่ในหนังสือที่เราหยิบไปอ่านเมื่อวานหรือเปล่าธูป แม่จำได้ว่าสัปดาห์ที่แล้วก่อนเราเอาไปแม่เหน็บไว้ในนั้น”

          “ไม่เห็นมีเลย” ธูปตอบ อาจารย์พิภพเลิกคิ้วขึ้น ทั้งที่เคี้ยวอาหารในปาก เขาทำท่าคล้ายนึกอะไรออกก่อนวิ่งขึ้นไปชั้นสองระหว่างมื้ออาหาร อาจารย์พิภพเป็นคนที่มีมาดเสมอ แต่เมื่ออยู่กับครอบครัวก็ไม่ต่างจากคุณพ่อที่ไม่รู้กาละเทศะจนแม่ต้องบ่นต่ออีกยาว

          “เดี๋ยวนี้เขาความจำแย่ลง” ธูปอธิบายแม้ไม่รู้ว่าอาจารย์พิภพกำลังทำอะไร “ถ้านึกเรื่องไหนขึ้นได้ต้องทำเลย”

          ผมนึกไปถึงว่าถ้าพ่ออยู่กับผม เขาจะเป็นคล้ายๆ กันหรือไม่ แล้วผมจะเพิกเฉย เย็นชา หรือรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างไร

          บางทีแล้วการที่เขาเลือกที่จะขาดหายการติดต่อไปอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นแล้วกระมัง

          “แม่ว่าพ่อเราต้องย้ายซองเชคแม่แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้แน่ๆ คอยดูเถอะจะเดินลงมาพร้อมของที่ตัวเองปฏิเสธเสียงแข็งเมื่อวานว่าไม่รู้ไม่เห็น”

 

          เส้นแสงของขอบฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มแม้เวลาจะผ่านมาค่อนคืน อากาศเย็นลงจากตอนกลางวัน อุณหภูมิลดต่ำเพราะไม่เหลือร่องรอยของแดดที่อาบจ้า ไล้โลมร่องตึกจนถึงซอกที่เล็กที่สุดระหว่างก้อนหินและดอกหญ้า เสียงรถจากถนนใหญ่แตกต่างออกไป มันไม่ใช่เสียงของเครื่องยนต์แช่ค้าง แต่เป็นเสียงของล้อเสียดสีกับพื้นถนน วิ่งผ่าอากาศด้วยความเร็วสูง

          มองลงไปด้านล่างพื้นถนนที่ว่าเป็นสีเหลือง เหลืองจากเสาไฟในซอย ผมเพิ่งได้ขึ้นมาชั้นบนสุดที่เป็นพื้นที่ลึกลับของบ้านหลังจากได้ยินเสียงกระเบื้องหล่น ปีนตามเพดานขึ้นมาก็เห็นแม่แมวคาบลูกไว้ ไม่ทันคว้าก็กระโจนหายไปกับความมืด ส่วนตัวเองโผล่พ้นกระเบื้องสีอิฐเพียงส่วนหัว ลมเย็นปะทะเข้าหน้า พยายามขยับเลื่อนอิฐที่วางเรียงราย ล็อกกันไว้ด้วยสรีระที่ออกแบบมาให้เกี่ยวยึดกันโดยไม่ต้องใช้กาวหรือน็อตแล้วก็ค่อยๆ ขยับให้เกิดพื้นที่รูกว้างมากพอสำหรับสอดตัวขึ้นมาด้านบนของตึก

          มันไม่สูงมากพอที่ถ้าร่วงลงไปแล้วต้องตาย แต่อาจเจ็บขั้นแขนขาหัก หรือถ้าถึงคราวซวยเอาหัวลงเท่านั้นถึงจะบาดเจ็บรุนแรงถึงชีวิตได้

หลังจากนั้นก็ใช้เวลาอยู่บนหลังคาชั่วโมงกว่า ไม่สนใจว่ากำลังแก้ธีสิสตามที่อาจารย์แนะนำเพิ่มเติมหลังมื้อเย็นเลยแม้แต่น้อย         

          N’Tube : วันนี้ขอบคุณนะพี่ อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อน

          ข้อความนั้นเข้ามาระหว่างที่ผมกำลังละล้าละลังว่าจะรื้อหลังคาต่อหรือประกอบมันเข้าตามเดิม แต่สุดท้ายก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ปีนออกมาโดยไม่ลืมพกโทรศัพท์ติดตัวมาด้วยกัน

          You: อยากให้สบายใจ มึงเครียดเพราะกูเร่งรัดด้วย ความผิดกูเหมือนกัน

          N’Tube: ผมขอโทษนะพี่

          N’Tube: ผมแค่คิดว่าพี่อยากเล่นสนุกๆ

          N’Tube: ไม่เคยนึกถึงขั้นนั้นมาก่อน

          ผมอ่านข้อความเหล่านั้น นั่งกอดเข่าทำองศากับพื้นหลังคา ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ ใจเย็นให้ธูปรู้ว่าที่จริงแล้วคนที่คิดสนุกคือมันต่างหาก หรือใจเย็นเพื่อรอให้ธูปตกตะกอนว่าที่จริงแล้วมันรักผม แต่กำลังกลัวความรักที่ไม่เคยถูกพูดถึงในแง่ของศีลธรรมจรรยาคืบคลานรุกล้ำความดีงามในใจกันแน่

          ผมคิดถึงบุหรี่ของโบว์ จำได้ว่าเมื่อรู้ว่าสูบบุหรี่หญิงสาวก็ทิ้งมันไว้ที่นี่ ผมเคยเป็นนักสูบสมัยเข้าปี 3 ช่วงหลังแม่ตายและพ่อเพิกเฉย เขาเรียกการสูบบุหรี่เป็นการตายผ่อนส่ง แต่หากไม่มีความปรารถนาใดผมก็ไม่มีความปรารถนาที่จะอยู่บนโลกนี้นานๆ เช่นกัน

          เรียกได้ว่าโชคดี หรืออาจจะโชคร้ายที่ตรวจพบว่าตัวเองเป็นหอบจากการลองสูบบุหรี่อย่างหักโหมทำให้ต้องเลิกขาดในเวลาถัดมา

พ่อไม่ดุแล้วเมื่อรู้ว่าผมสูบ เขาไม่พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าผมไม่มีตัวตน หรือไม่ก็เป็นเขาที่ตายไปจากโลกนี้พร้อมๆ กับแม่และโรคมะเร็ง

ทุกอย่างของผมเคว้งคว้างว่างเปล่าไปหมด ไม่มีอะไรให้จับต้อง ไม่มีความหวัง ไม่มีความรัก ไม่ต้องการยึดติด ไม่ต้องการเป็นภาระ ไม่ต้องการความมั่นคง การอยู่หรือจากไปความหมายไม่ต่างกันนัก อันที่จริงแล้วก็มีอาจารย์พิภพที่เห็นค่าความเป็นมนุษย์ที่หยิบยื่นสังคมให้ผมบ้าง

          อาจเป็นสิ่งเดียวในตอนนั้นที่ยึดโยงไว้กับโลกใบนี้

          N’Tube: พี่จะรอผมไหม

          คำถามถัดมาสว่างบนหน้าจอ ผมมองมันนิ่ง ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน ผมไม่เคยต้องการมี แต่เมื่อมีก็ไม่ต้องการเสียไปอีก

          ผมถูกพรากจากทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุผลบ่อยเกินเข้าใจว่ามนุษย์คนหนึ่งควรมีพันธะเชื่อมต่อกับใครๆ มากแค่ไหนการหายไปจึงไม่เจ็บปวดนัก

          You: มึงอยากให้กูทำยังไงล่ะ

          N’Tube: ผมไม่รู้ ผมก็ชอบให้พี่อยู่กับผม

          N’Tube: แต่ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น

          You: กูก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อชอบผู้ชายคนไหนก็ได้

          N’Tube: แต่พี่ชอบผม

          You: เออ ชอบ

          You: แล้วจะให้ทำยังไง มันชอบไปแล้ว ไม่ทันเลือกว่ามึงเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยซ้ำ

          N’Tube: ผมก็รู้สึกดีกับพี่แต่พ่อผมก็เป็นอาจารย์ อาจารย์ของพี่ด้วย

          N’Tube: ขอโทษนะ ฟังเห็นแก่ตัวใช่ไหม

          You: เออ

          You: แต่ก็เข้าใจ

          อย่างที่บอกว่าธูปยึดโยงตัวเองเข้ากับชื่อเสียงของครอบครัว มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ในระดับเซเลเบตี้แต่ต้องยอมรับว่าอาจารย์พิภพและภรรยามีชื่อเสียงมากทางด้านวิทยาศาสตร์ และธูปก็นับเป็นบุคคลที่ถูกสายตาในสังคมของพ่อแม่จับตามองคนหนึ่งไม่ใช่แค่คำครหาถึงมันในกรณีที่อยู่ในไทย แต่การที่พ่อมันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมก็ด้วย คงนำพาความด่างพร้อยมาสู่เส้นทางที่มันอยากทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด

          You: มึงเคยขึ้นมาบนหลังคาร้านไหม

          ผมชวนเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อบทสนทนาเริ่มอึดอัด ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตอบไปแต่แรกว่าช่างแม่งพ่อมึงสิ แต่ไม่สามารถพูดแบบนั้นได้เพราะสภาวะที่แตกต่างกัน ผมไม่เหลือสิ่งใดให้แคร์อีก ต่างกับธูปที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว ดังนั้นเมื่อต้องเลือกระหว่างความรักที่ผิดเพี้ยนไปกับครอบครัวที่ดีงามคงตอบได้ง่ายดายว่าจะเลือกอะไร

          โชคดีแค่ไหนแล้วที่มันยังขอเวลาคิด

          N’Tube ที่ไหน ร้านเหรอ?

          N’Tube ข้างบนมันไม่ใช่ดาดฟ้านะ

          You: อืม เป็นหลังคากระเบื้องอิฐ ตอนแรกขึ้นมาดูแมว แต่แมวหนีไปแล้ว จับไม่ทัน

          N’Tube บ้าว่ะ

          You บ้าใช่มั้ย

          N’Tube อันตรายนะพี่ ลงมาเหอะ เดี๋ยวตกลงมา เจ็บไม่เข้าท่า

          ใช่ เจ็บไม่เข้าท่า

          You: ไม่เข้าท่า แต่ก็สวยดี คงไม่มีใครนึกอยากมานั่งดูเมืองบนหลังคาบ้านหรอกมั้ง

          N’Tube ก็เออไง กลับเข้าไปในบ้านเถอะ

          ยังไม่ทันตอบก็มีข้อความซ้อนทับมาในโปรแกรมเดียวกัน เป็นข้อความจากอาจารย์พิภพเพราะหลังมื้อเย็นผมรีบเอารถมาคืนไอ้มาร์คก่อนก่อนร้านปิด ไม่ทันได้คุยเรื่องธีสิสกับการบ้านนักเรียนชิ้นล่าสุดให้ละเอียดกว่านี้ แต่แม้ว่ามาถึงก่อนสามทุ่มเกือบชั่วโมงไอ้มาร์คก็นั่งหน้างอรออยู่แล้ว ผมแวะซื้อขนมมาเผื่อมันแทนคำขอโทษและผูกสัมพันธ์ เคยได้ยินว่ามันเลี้ยงหมา นอกจากขนมคนก็มีขนมหมาหน้าตาเหมือนบิสกิตรูปกระดูกติดตัวอีกอย่าง อันหลังได้ผลดีกว่าขนมคน มันรับคำขอโทษแต่ก็ยังหน้างออยู่ดี

          AJ.PiPop: มาร์คเป็นไงบ้าง

          You: งอนครับ แต่เดี๋ยวก็หาย

          ผมตอบให้อาจารย์สบายใจ แม้คำว่าเดี๋ยวไม่เคยเดี๋ยวจริงและคนที่พลอยซวยไปด้วยก็เป็นธูปทุกที

          AJ.PiPop: เจ้านั่นหวงรถ

          You: ครับ หวงทุกอย่างเลย

           AJ.PiPop: กับธูปก็หวง

          ผมยิ้ม ก็ดูเป็นห่วง แต่ไม่หวงมากเท่าไรสไตล์เด็กผู้ชาย

          AJ.PiPop: นันต์เล่าว่าเด็กปีสามคนนั้นมาหาคุณที่ร้านบ่อย

          You: โบว์เหรอครับ ก็มาบ้างฮะ

          AJ.PiPop: คบกันอยู่เหรอ

          ผมพักบทสนทนากับธูป เลื่อนดูข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับอาจารย์ ปกติแล้วเราสื่อสารกันผ่านข้อความเป็นส่วนมาก แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยถามเรื่องส่วนตัวไม่ว่าในฐานะผู้ปกครอง หรือผู้ใหญ่คนหนึ่ง

          AJ.PiPop: ผมคิดว่าคุณจะเอาโปสการ์ดนั้นให้น้อง

          คำว่าโปสการ์ดสามารถระบุชัดเจนว่าเขาหมายถึงภาพถ่าย ยิ่งอาจารย์เน้นคำว่า’นั้น’ ผมยิ่งนึกถึงความพิเศษของมัน วันที่มาร์คเอาภาพถ่ายของโปสการ์ดมาอวดเจ้าของ อาจารย์พิภพรู้แน่ว่าผมยกมันให้ธูป การส่งต่อเรื่องราวของพ่อให้ลูกอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฟังดูดีหากต้องตอบคำถามว่าทำไมธูปถึงเป็นคนที่ได้รับภาพใบนั้น             

          You: มันสำคัญมากครับ ผมเลยคิดว่าควรจะอยู่กับคนที่สำคัญของอาจารย์

          AJ.PiPop: อืม เจ้าธูปเก็บดูแลดีเชียว ไม่เหมือนผมลืมนั่นลืมนี่

          AJ.PiPop: เมื่อวานก็เพิ่งทำเช็กรับเงินของเมียหาย

          AJ.PiPop: ดีที่วันนี้นึกขึ้นได้ว่าใส่ไว้ท้ายหนังสือที่เจ้าธูปยืมไปเมื่อวาน

          อาจารย์พิมพ์ค้างเท่านั้น ผมนึกถึงจังหวะระหว่างมื้ออาหารที่อาจารย์วิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อหยิบเช็กให้ภรรยาที่กำลังบ่นเรื่องมารยาท เขาเงียบลง บรรยากาศเปลี่ยน ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะเหนื่อยหน่ายกับคำบ่นต่ออีกยืดยาวในเรื่องซ้ำเก่า

          AJ.PiPop: sent you a picture

          ภาพทะเลหมอกในรุ่งสางถูกถ่ายซ้อน เป็นภาพที่มันถูกสอดไว้ในหนังสือ เมื่ออาจารย์พลิกดูอีกฝั่ง เขาก็ถ่ายลายมือผมที่เขียนถึงธูปเป็นหลักฐานมัดตัวแน่นหนา

          ‘miss you so bad – MK’

          AJ.PiPop: ผมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า

          AJ.PiPop: อ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจ

          ผมอยากยืดอกรับเต็มภาคภูมิ เมื่อสลับกลับไปที่หน้าจอของธูป เด็กหนุ่มถามย้ำว่ากลับลงมาจากหลังคาร้านแล้วหรือยังก็ถอนใจ

          จะพูดได้ยังไงว่าเรารักกัน

          รักกันของธูปเป็นแบบไหนผมยังไม่มั่นใจเลย

          You: อาจารย์คิดยังไงกับเรื่อง humanity ครับ

          เกิดความกดดันผ่านข้อความ เมื่อขึ้นสัญลักษณ์อ่านแล้วจากคู่สนทนาแต่กลับเงียบงัน

          ผมนิ่งรอเวลาเกือบห้านาที มองเหม่อออกไปสุดขอบฟ้า มันไม่มืดเหมือนมืดในป่า แต่ความรู้สึกกลับบอดสนิท มองไม่เห็นหนทางไปต่อ ว่างเปล่า เคว้งคว้าง ไร้จุดหมาย เป็นโพรงขนาดใหญ่ที่เผลอคาดหวังว่าจะได้การเติมเต็มจากใครบางคน แต่ก็ขลาดกลัวเกินกว่าจะประกาศออกไปว่ารู้สึกมากแค่ไหน

          AJ.PiPop: ตั้งแต่เมื่อไหร่

          You: ขอโทษครับอาจารย์ แต่ผมตอบไม่ได้ ธูปเองก็สับสนอยู่เหมือนกัน

          ผมปิดโทรศัพท์ ปีนลงจากดาดฟ้า จัดเรียงกระเบื้องให้เป็นทรงเดิมจากบันไดสูง ยืนคว้างในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยฝุ่นและกองหนังสือ

          เมื่อหลับตาลง รู้สึกคล้ายเกิดพายุขนาดใหญ่หอบเอากระดาษบินว่อนรอบตัว




TBC

coming of age สุดดด  นอกจากธูปแล้วอีพี่มันก็สับสนเหมือนกันนะฮะ พ่อตารู้เรื่องแล้วด้วย มาเรียบๆ ง่ายๆ สบายๆ แต่บ้านนี้เค้าน่ารักเหมือนเวสต์อะ ไม่ต้องกลัวนะ
ปล. เราพยายามจะมาทุกพุธนะคะ  แต่ให้อภัยเรื่องความขี้ลืมของข้าพเจ้าด้วยย แวะมาเตือนกันก็ดั้ยว่ายูวันนี้วันพุธเด้อ จะได้ไม่ผิดเวลาา เก๊าก๋อโต้ดดด

ปล.
อ้างถึง
“มนุษย์ผลิตพลาสติก โดยเฉพาะเม็ดบีทส์เล็กๆ ที่อยู่ในโฟม ในบุหรี่หรือยาสีฟันเป็นสารเคมีที่กำจัดได้ยากมาก มันไม่ผ่านตัวกรอง มันหลุดลงไปในแม่น้ำ ปลากินมัน แล้วเราก็กินปลาอีกที การทำงานของโครโมโซมเพศทำงานลดประสิทธิภาพลง ทำให้เกิดการจับคู่ของยีนเพี้ยนทำให้เกิดเป็นเพศทางเลือก”

อันนี้เอามาจาก podcast รายการ Nerd Loyalty ค่ะ เป็นหลายๆ เรื่องผูกกัน เราจำไม่ได้ว่าเอามาจาก chapter ไหน เดี๋ยวจะลองหาอ้างอิงมาให้อีกทีนะคะ
1 พลาสติกเล็กไม่สามารถย่อยได้ เกิดสารตกค้างในสัตว์ ในพืช สะสมเข้าไปในร่างกาย ดูดซึมสารพิษต่างๆ ได้
2 การทำงานของโครโมโซมกับเพศ มีการวิจัยว่าเพศเกิดจากการทำงานผิดปกติของโครโมโซม เช่น การแหว่งของโครโมโซม Y โครโมโซมXq28ผิดปกติ ฮอร์โมนที่ได้รับ หรือเราอาจจะมีแฝดแต่กินแฝดตัวเองไปในช่วงแบ่งเซลล์
3 วิทยาศาสตร์พยายามอธิบายว่าเพศคือการต่อสู้ระหว่างเซลล์ภายในร่างกายของเรา
4 เต่าและสัตว์เลื้อยคลานอื่น เมื่ออยู่ในไข่จะยังไม่มีเพศ เพศจะถูกระบุเมื่อฟัก ถ้าอุณหภูมิขณะฟักตัวร้อนจะเกิดเป็นเพศเมีย ปัจจุบันมีเต่าตัวผู้น้อยมากเพราะโลกร้อนขึ้น
5 มีการค้นพบว่าในหมู่บ้านที่ผู้หญิงกินยาคุมมากๆ ทำให้เกิดสารตกค้างในแม่น้ำทำให้ปลาเปลี่ยนเพศได้

อันนี้พยายามเอาความเนิร์ดมาอธิบายให้ธูปนะ
ถ้าถามพี่มังกือแกจะอธิบายความรู้สึกของธูปด้วยประโยคเดียว แค่คนสองคนรักกัน
หวานเว่อ เพ้อเจ้อด้วย (ฮา)
แล้วเจอกันค่ะ :)
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.11 LET IT BE (11|10|18) p.07
เริ่มหัวข้อโดย: Sykes ที่ 19-10-2018 00:00:09
พ่อตาจับได้แล้ว ทำไงต่อไปนะพี่มังกร  :hao3:
ชอบความง้อนุ้งมาร์คด้วยขนมหมา ฮาาาา
คุณเวสคะ ตอนนี้ตอนที่ 12 รึเปล่าเอ่ย แอบแซวความขี้ลืม
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-10-2018 01:50:01
อยู่ท่ามกลางคนฉลาดก็อย่างนี้แหละแค่เห็นก็เดาเรื่องราวได้
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-10-2018 02:30:42
ก็สับสนสินะ พ่อตารู้แล้วด้วย ถถถถ ทำไงล่ะเนี่ย ทีนี้
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 19-10-2018 07:41:55
บรรยายความรู้สึกไม่ถูกเลยหลังอ่านจบ รู้แต่ว่าคุณเวสพัฒนาขึ้นเยอะมากเลย รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-10-2018 09:02:06
คุณพ่อฉลาดเกิ๊น ในฐานะที่ปรึกษาและเป็นผู้ปกครองในตัวจะช่วยพี่มังกรผ่านปัญหานี้ไปยังไงคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: Ain ที่ 19-10-2018 09:21:09
สองคนต้นเรื่องยังสับสนกันอยู่เลย
แต่พ่อตารู้เรื่องแล้วนะพี่มังกร
จะยังไงต่อไปเอาใจช่วยนะ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-10-2018 10:07:19
พี่มังเอ๋ย..ยยยยย เครียดแทน :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-10-2018 10:52:01
พ่อธูปรู้แล้วๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-10-2018 10:52:48
บอกได้วลีเดียว สู้ๆ

พี่มังกรน้องธูป กอดดดดดโอ๋ๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: allenlover ที่ 19-10-2018 12:41:03
ผิดไหมที่อยากให้พี่มังกือเป็นเคะน้อย
ที่ถูกน้องธูปเต๊าะจนอายม้วน 55555
Fc พี่มังกือ❤
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 19-10-2018 13:01:36
คุณWESTครับ
ขอท้วงเรื่องLaika หน่อยครับ
Laika เป็นสุนัขของโครงการอวกาศโซเวียตนะครับ
ถูกล่งออกไปในอวกาศกับยานสปุตนิคครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Laika
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 19-10-2018 13:12:36
โอ๊ยใจตุ๊มๆต่อมๆแทนพี่มังกร
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-10-2018 15:38:29
รู้สึกกดดัน อ่อนไหวกันทุกทางเลยตอนนี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 19-10-2018 20:27:01
เรื่องนี้อ่านยาก ทำความเข้าใจยาก แต่ก็ยังติดตามอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ปล.ขอบคุณนะไรท์ที่อุส่ามาอธิบายเพิ่มเติมทำให้ ตอนนี้เราหมกมุ่นศึกษาแต่เรื่องสารตกค้างอย่างจิงจัง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 19-10-2018 22:33:59
ลำพังแค่ตัวธูปกับพี่มังก็สับสนวุ่นวายทางความคิดมากพอแล้ว
ยังใส่ตัวแปรคุณพ่อเข้ามาอีกกกกกกก คิดว่าพ่อรับไม่ได้หรอก
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 20-10-2018 00:03:56
เป็นกลจให้พี่มังกะน้องธูป  :hao5:

อย่าเพิ่งเร่งรัดอะไรเลย ใช้เวลาด้วยกันไปเรื่อยๆ นี่แหละ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 20-10-2018 22:58:03
พี่มังกือออออออ มองไปข้างหน้าก็มีแต่เมฆฝนมืดครึ้มเต็มไปหมด นับว่าพี่แกต้องรับมือกับ 'turbulence' ในชีวิตครั้งนี้จริงๆ อาจารย์พิภพสมกับเป็นอาจารย์มาก เพราะเข้าประเด็นเลย ฮือ...เป็นกำลังใจให้พี่มังกือนะคะ ให้รอดพ้นไปได้กับการทดสอบครั้งนี้

ป.ล. อยู่ๆ ก็ได้รับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทั้งที่ยังไม่หิวเลยนะตะเอง
ป.ป.ล. ขอบคุณคุณเวสต์สำหรับอัปเดตนี้นะคะ ^____^
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-10-2018 15:08:21
เอ็นดูธูปนะ น้องอยู่กับโลกที่ซับซ้อนกว่าปกติ
คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผลไปหมด
บางครั้งก็ใช้กับชีวิตจริงไม่ค่อยได้

มังกรก็อยู่กับจริงที่เจ็บปวดมาตลอด
มีความอ้างว้าง เคว้งคว้างมาเรื่อย
พอมาเจอธูป ไม่ได้ตั้งใจไม่ได้ตั้งตัว
แต่รู้ตัวอีกที คือใจไปแล้ว ค่อยๆ คิดนะ

คุณพ่อตารู้แล้ว อะไรจะพอดีขนาดนั้น
รอดูอาการว่าจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-10-2018 16:04:16
รู้สึกถึงพายุกระดาษที่ปลิวบาดผิว
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-10-2018 08:00:18
chapter 13
GEEK IS SEXY


 

 
     ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่เคยชัดเจน มันเป็นไปและเป็นมาใต้เงื่อนไขที่แตกต่างจากความสัมพันธ์ทุกครั้งที่เคยมี ข้อดีของความสัมพันธ์ที่จับต้องไม่ได้คืออิสระ ขณะเดียวกันก็เป็นข้อเสียที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยตลอดเวลา

     ธูปแวะมาที่ร้านเหมือนเคย มาพร้อมกระเป๋าเป้ที่จุด้วยเท็กซ์บุ๊ก สวมชุดนักศึกษารีดกลีบเนี้ยบแต่ยับย่นจากการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่แออัดยัดเยียดในเมืองใหญ่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้ามันแผล็บ ชวนให้ตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าผมไปพลาดกับไอ้เด็กนี่ตรงไหน

     เด็กผู้ชายเนิร์ดๆ พูดจาไม่รู้เรื่อง แต่งตัวไม่เป็น ใช้ชีวิตเป็นเส้นตรงแน่วที่ไม่เคยขยับหลุดออกจากกรอบที่บ้านคาดหวังไว้

     “ไอ้มาร์คโกรธอีกแล้ว”

     เสียงบ่นเข้ากันดีกับหน้าหงิกๆ ธูปทิ้งตัวลงบนบีนแบ๊คที่แอ้งแม้ใกล้โต๊ะของผม เรื่องที่ทำเพื่อนมันโกรธดูส่งผลกระทบต่อความรู้สึกมากกว่าผมไม่ตอบข้อความหลังจากคุยกับอาจารย์พิภพ ซึ่งถ้ามันถามก็คงเป็นเรื่องที่ต้องใช้สติมากสำหรับการอธิบายเหมือนกัน

     เมื่อต้องรับมือเข้ากับผู้ใหญ่ และการถูกยอมรับจริงๆ ที่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนก็ยากขึ้นทันตา ผมเคารพอาจารย์พิภพและรักเสมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ ซึ่งเรื่องนั้นก็คงไม่ต่างกันกับความรู้สึกของอาจารย์ที่คอยให้ความช่วยเหลือและไว้วางใจผมมาตลอด

     นอกจากตัวเขาแล้ว ธูปก็เป็นอีกคนที่ผมเป็นห่วงว่าหากดึงดันเพื่อให้ได้มา สุดท้ายผมอาจไม่เหลือใครที่คอยเป็นบ้านให้อีกเลย

      “...กร พี่มังกร”

     เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา ผมสะดุ้งเมื่อภาพที่ขุ่นฟุ้งชัดเจนขึ้นในระยะประชิด ธูปยื่นหน้าเข้ามา ตากลมๆใต้แว่นเลนส์หนาหรี่ลงก่อนขยับออกห่าง ผมเหม่อจนไม่ทันรู้ตัวว่ามันเรียกตั้งแต่ตอนไหน สีหน้าเป็นกังวล ขมวดคิ้วเข้าหากัน

     “เมื่อคืนได้นอนป่าว”

     “นอนดิ ทำไม”

     “เปล่า ดูเบลอๆ” ธูปตอบ หดคอกลับเข้าไปในระยะที่เหมาะสม มันกัดแซนวิชไข่ปลามายองเนสของร้านข้างๆ คำใหญ่จนซอสมายองเนสติดแก้ม ผมหยิบทิชชู่ ไม่อนุญาตให้เจ้าตัวจัดการเอง แต่ใช้ถูแก้มขาวจนเป็นปื้นแดง

     “เจ็บๆๆ เบาหน่อย นี่หน้าคนนะไม่ใช่ยางมะตอย”

     “หึ ไอ้คนหน้าบาง” ผมแซว ยัดทิชชูที่เหลือใส่มือข้างที่ยังว่าง แต่สองข้างที่ว่าก็เลอะเทอะพอกัน “แล้วยังมาที่ร้านได้อีกเหรอ”

     “ทำไมต้องไม่ได้อะ ผมนี่ผู้บริหารคนต่อไปเลยนะ ที่จริงพี่น่าจะประจบผมให้มากเผื่อผมจะเมตตา” ธูปดันแว่นขึ้นแล้วขยับไหล่วางมาด เห็นท่าทางกวนๆ แบบนี้แล้วเผลอยิ้มออกมาราวกับทั้งโลกไม่มีอะไรหนักหนาจนเผลอคิดว่าถ้าบางที หมายถึง แค่บางทีการคบหากันไม่จำเป็นต้องเปิดเผย “เดี๋ยวผมอาจจะตั้งให้พี่เป็นผู้จัดการร้านเพราะพี่นันต์แม่งรับงานต่อทุกคืนเลย”

     หรือว่า แค่ทำให้เป็นเรื่องที่ชัดเจนของผมกับมัน

     “มะ...มองอะไร”

     “เปล่า” ผมตอบ ละสายตาแล้วพูดถึงหัวข้อที่คุยค้างไว้ “เลิกงานแล้วก็เป็นสิทธิ์ของพี่นันต์ถ้าจะรับงานต่อ มึงจะงอแงอะไร”

     “ก็ช่าย” ธูปพูดยานคาง วางแก้มแนบโต๊ะ บีนแบ๊คไม่ได้ถูกออกแบบมาให้นั่งกับโต๊ะ ความสูงของธูปตอนนี้เลยกลายเป็นความสูงที่พอดี แว่นกรอบดำขยับไม่ตรงร่องรอย ตากลมมองไปยังโต๊ะที่ลูกค้าประจำที่เจ้าตัวเคยไปประจ๋อปะแจ๋นั่ง “พี่นันต์ไม่มีเวลาให้พี่กานเลยอะ”

     “มึงไม่ได้เชียร์ไอ้มาร์คเพื่อนมึงกับพี่นันต์เหรอ”

     “โฮะ” ธูปสบถกึ่งเหยียดเมื่อพูดถึงเพื่อนสนิท “เพราะเป็นเพื่อนมันไงเลยไม่เชียร์ พี่นันต์ก็เป็นคนดีอะนะ จะไปคบเด็กสร้างบ้านก็เสียดายความดีงามที่สั่งสมมา เขาควรมีบุญมากกว่าได้ไปต่อกับไอ้มาร์ค นี่ผมพูดในฐานะคนสองคนที่ไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวเลยนะ มาร์คแม่งเหลาะแหละ”

     ผมเห็นด้วยจากการปฏิบัติตัวของมัน ไม่สม่ำเสมอ อาจวัดง่ายๆ จากการที่มันโกรธผมแล้วพานทิ้งไอ้ธูปหรือไม่สนใจการเข้ามาเจอพี่นันต์ ขณะเดียวกันก็เห็นว่าธูปมองความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองออกบ้าง

     “รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเขาชอบกัน”

     “พี่นันต์อะชอบมานานแล้ว แต่พี่กานเพิ่งแน่ใจเมื่อไม่นานนี้”

     “เพราะ?”

     “พี่กานมาถามผมว่าพี่นันต์ทำงานร้านไหนบ้าง” ธูปว่า ไม่รู้ไปคุยกันตอนไหน “ผมเลยแกล้งแซวว่าชอบพี่นันต์เหรอ ก็นั่นแหละ ผู้หญิงเก็บอาการไม่เก่งเท่าผู้ชายหรอก”

     คุณกานดาซ่อนความรู้สึกไม่เก่งอย่างที่มันว่า แต่ถ้าธูปพิจารณาให้ดีแล้วคงรู้ได้ไม่ยากว่าหญิงสาวมองใครตลอดเวลา ผมอมยิ้ม เมื่อการกระทำย้ำชัดว่าธูปไม่ได้ชื่นชมหญิงสาวจริงอย่างปากว่า คนอย่างมันที่วางแผนจีบผู้หญิงสักคนได้ละเอียดลออไม่มีทางมองข้ามความรู้สึกของคนๆ นั้น ได้ง่ายๆ แน่

     ผมวางมือบนหัวมัน เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเหมือนลูกกระต่ายที่โดนแตะต้องแม้จะเบาแสนเบาก็ตาม

     “พี่นันต์อยู่” ธูปเตือน ผมหดมือกลับมาโดยอัตโนมัติ

     “แล้ว...อาจารย์พิภพว่าไงบ้าง”

     “เรื่องอะไรอะ”

     ธูปมองตาใส เป็นนาทีเดียวกับที่ผมแทบกัดลิ้นตัวเองที่ถามไป เสียงเพลงที่เปิดในร้านเงียบลง สุนทรียภาพของการมองคนที่รักเหมือนกราฟในเส้นความชันติดลบ อาจารย์ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับลูกชายตัวเอง แต่เลือกพูดกับผม ซึ่งเข้าใจได้เพราะโปสการ์ดแผ่นนั้นเป็นข้อความจากผมเพียงฝั่งเดียว

     “เปล่า”

     “เอาจริง” เด็กหนุ่มพูดด้วยเสียงที่จริงจังมากขึ้น “มีอะไร วันนี้พี่ดูเครียดๆ อย่าโกหกดิ”

     “พ่อมึงเจอการ์ดใบนั้น”

     ผมกลั้นใจตอบ มีใบเดียวที่มีความสำคัญ แค่ใบเดียวที่ทำให้ผมกับธูปอาจเข้าใกล้หรือห่างกันมากกว่าเดิม “เขาบอกกูว่าเจอ”

     “พ่อไม่ได้พูดอะไร ผมเก็บไว้ในหนังสือ”

     ธูปหน้าซีด ช่วงเวลาที่เราทำเป็นข้ามผ่านไปวกกลับมา หัวใจเต้นผิดจังหวะชั่วขณะเมื่อลืมตาแล้วพบว่ายังอยู่ที่เก่า เรายังซุกซ่อนปัญหาที่คิดหาทางแก้ไม่ออกไว้ในใจ

     “เลยประหลาดใจนิดหน่อยที่มึง...ยังมาที่นี่ได้”

     น่าแปลกที่เราต่างกังวลว่าในอนาคตหากเรื่องนี้หลุดออกไปแล้วจะเกิดเสียงดังพังทลายคล้ายระเบิด แต่เมื่อมันมาถึงกลับเงียบจนเสียงลมหายใจยังดังกว่า

     “มึงจะทำยังไงต่อ”

     “ผม...” ธูปสับสน ในความสับสนมีความหวั่นไหว และในความหวั่นไหวมีความขลาดเขลา “ผมไม่รู้ ไม่รู้สิ บางทีอาจจะรอให้สอบเสร็จก่อน ถ้า...พ่อยังไม่ถาม”

     นั่นเป็นเหตุผลที่ธูปนึกได้ และผมเห็นว่าสมเหตุสมผล เราเลื่อนปัญหาออกไป อีกนิด อีกสักนิดก็ยังดี

     “พี่ว่าจะทำไงต่อ”

     ผมยักไหล่ เม้มปากเข้าหากันขณะใช้ความคิดก่อนสบตามันอีกครั้ง “มึงรักกูไหมล่ะ”

     “ผมชอบที่มีพี่”

     “ชอบมากพอจะดื้อกับพ่อไหม ถ้าเขาไม่ให้เราคบกัน”

     “แล้วพี่รักผมมากขนาดนั้นหรือเปล่า” เด็กหนุ่มย้อนกลับ ก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่ยอมสบตา ผมประสานนิ้วมือเข้าหากัน มองนิ้วมือที่เกาะเกี่ยวกันและอาจหลุดพรากจากกันได้ด้วยแรงเพียงน้อยนิด

     “เมื่อก่อน คนที่อนุญาตให้กูอยู่ในโลกนี้มีแค่พ่อมึง คนที่ยังยึดกูไว้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก ตอนนี้ก็มีมึงด้วย”

     “หมายความว่า ถ้าเราเลือกจะคบกันแล้วมันไปกันไม่ได้ พี่จะไม่เหลือใครอีกแล้วใช่ไหม”

     ผมควรเคยชินกับความโดดเดี่ยว แต่เมื่อนึกว่าเป็นคนที่เข้าหาความสำเร็จอะไรก็ได้อย่างง่ายดายแต่ไม่มีใครฉลองให้ด้วยความยินดีก็หดหู่ เศร้าหมอง เดิมพันครั้งนี้ของผมสูงมาก ส่วนธูปก็เป็นการแหกกฎครั้งแรกในชีวิตที่เต็มไปด้วยความขลาดกลัว

     “คืนนี้นอนที่นี่ไหม”

     ผมไม่มีคำตอบให้มันเช่นกันกับที่มันไม่มีคำตอบใดให้ผม สิ่งที่ทำได้อีกเล็กน้อยต่อจากนี้อาจเป็นแค่การยื้อเวลาให้ได้ใกล้ชิดกันมากที่สุด

     “...ครับ”



 ***


     “อาทิตย์หน้าจะเริ่มสอบกันแล้ว ผมบอกพี่หรือยังว่าจะเปิดติวให้เพื่อนในภาค”

     “อืม”

     “แต่คงติวแต่วิชายากๆ ไม่กี่ตัว มีพวกตัวท็อปอีกสองคนมาช่วยด้วย ผมพยายามหาเท็กซ์มาทำโจทย์เยอะมาก เปิดเห็นโจทย์เก่าๆ แล้วก็รู้ว่าอาจารย์เอาข้อสอบมาจากไหน คิดว่าจะเอาข้อสอบไปสอนเลยแหละ แต่ไม่รู้ว่ามันถูกหรือเปล่านะ เหมือนโกงข้อสอบเลย”

     “ถ้าเพื่อนมึงเข้าใจจะทำได้ ถ้าไม่เข้าใจก็ลืม”

     “ตื่นเต้นเหมือนกันนะพี่ ลองทำอะไรใหม่ๆ” เสียงเด็กหนุ่มเจื้อยแจ้วขณะถอดถุงเท้า ม้วนรวมกันไว้ในรองเท้าผ้าใบ ผมออกวิ่งเป็นรอบสองของวัน ส่วนธูปเป็นรอบแรก มันว่าพอไม่มีผมก็ไม่ค่อยอยากตื่นมาวิ่งเท่าไหร่ แต่ตอนที่วิ่งนั่นเพราะรู้สึกว่าถ้าออกกำลังกายจนเหนื่อยแล้วจะหลับง่าย ไม่ต้องกังวลที่ติดต่อผมไม่ได้ไปเอง

     “มีแต่คนทักว่าผอมลง แต่ผมน้ำหนักเท่าเดิมนะ”

     “มันลีนไง”

     “หมายถึงไม่มีไขมันเหรอ แต่พี่ว่า...แห้งไปไหม” แขนเล็กยืดออกเหยียดยาว ใต้แสงไฟสีส้มนวลเห็นเส้นเลือดใหญ่แล่นเหนือกระดูก ใต้แผ่นหนัง เป็นรูปร่างที่ค่อนข้างผอมแต่มีกล้ามเนื้อให้เห็นเล็กน้อย

     “ก็กินให้มากขึ้น พวกโปรตีน ไม่ใช่ไขมันอย่างหมูทอดเจียงฮายของมึง”

     “ตอนเย็นก็กินอกไก่บาบีคิวแล้วงาย”

     ธูปวิ่งขาไป ขากกลับกินเหมือนเคย จนอดคิดไม่ได้ว่าแรงบันดาลใจในการวิ่งของมันอาจเป็นวิ่งไปหาอาหารแปลกๆ มากกว่าวิ่งเพื่อสุขภาพ

     “อกไก่ก็ยังดี แล้วก็ลดน้ำตาลด้วย โกโก้มึงอะกี่แคล ที่วิ่งทั้งวันชดใช้ไม่ได้เลย”

     “แต่โกโก้ของพี่นันต์อร่อยกว่าร้านอื่นนะ”

     “รู้ว่าอร่อย แต่กินบ่อยก็ไม่ดี” ผมไม่ได้เคร่งเรื่องอาหารนัก ไม่ได้เล่นกล้ามเพื่อรูปร่าง แต่พฤติกรรมการกินก็เปลี่ยนไปอัตโนมัติเมื่อเริ่มออกกำลังกายจริงจังหลังจากแม่เสียสักพัก “กินเป็นรางวัลได้ นานๆ ที หรือถ้าไม่แคร์ก็แล้วแต่มึง”

     “พี่ชอบผอมๆ หรือมีกล้ามอะ”

     “ชอบมีกล้ามดิ” ผมว่าผู้ชายทุกคนก็อยากมีร่างกายในอุดมคติทั้งนั้น ไอ้ธูปมุ่ยหน้า เข้าห้องน้ำไปล้างมือแล้วหยิบไอศครีมในตู้เย็นมาแกะ ไม่ได้สนใจคำตอบเมื่อครู่สักนิด

     “แล้วอะไร จะกินอีกแล้ว”

     “ร้อนอะ เหนื่อยด้วย ทำมาย ถ้าผมไม่ฟิตแอนด์เฟิร์มพี่จะไม่รักผมละเหรอ”

     “เคยบอกเหรอว่ารัก”

     “เอ้า” มันหัวเราะ ตักไอติมเข้าปาก “ที่ทำนี่ไม่ใช่เพราะรักเหรอ แหม ถ้าจะโกรธตัวเองมาโกรธกูดีกว่า อย่างซึ้งครับ”

     “เดี๋ยวกูหักคอให้” ผมแซว ไม่มีทีท่าว่าจะเขินเหมือนตอนนั้น “ใครที่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

     “ไม่มี”

     “จริงปะ”

     ธูปยิ้มแฉ่งก่อนเอาช้อนไอติมมาป้ายจมูกผมเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวเฉียดใกล้แก้มขาว  “ทะลึ่งละครับๆ จะทำอะไร”

     “จะไปอาบน้ำ” ผมเช็ดจมูกด้วยนิ้วหัวแม่มือ ใช้ปลายนิ้วเลียทำความสะอาดพร้อมจ้องตา ธูปปล่อยให้ตัวเองหูแดง หันหน้าหนี น่ารักจนอยากขย้ำเสียตรงนั้น แต่ร่างกายเหนียวเหงื่อเกินกว่าสัมผัสกันได้ ผมเบี่ยงตัวไปหยิบผ้าเช็ดตัวในห้อง ชิงใช้ห้องอาบน้ำระหว่างที่อีกฝ่ายละเลียดกินของหวานแสนอร่อย และการปลดพันธะที่มีในใจ เหลือไว้แค่เพียงเราชั่วคราว

 
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.12 Big brother (18|10|18) p.08
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-10-2018 08:01:49

     แสงที่เหลือไว้หลังปิดไฟคือแสงสีเขียวที่เห็นได้ด้วยตา เพดานห้องลาดเอียงลงตามความชันของบันได แต่ก็ยังสูงเกินกว่าจะยืดมือแตะเมื่อล้มตัวนอน ธูปพลิกตัวไปมา ยอมนิ่งเมื่อผมสอดแขนไปใต้ต้นคอมันแล้วดึงเข้าชิด

     เสียงลมหายใจดังเคล้ากับพัดลมและเข็มนาฬิกา กลิ่นสบู่หอมติดตัว เช่นเดียวกับเส้นผมที่ยังชื้นเล็กน้อย ผมแทรกปลายจมูกลงไป กดจนสัมผัสเข้ากับผิวเนื้อของหนังศีรษะ กลิ่นหอมเป็นกลิ่นที่ผสมระหว่างกลิ่นหอมดอกไม้สกัดกับกลิ่นเฉพาะของเจ้าตัว สาบสางแต่ยั่วเย้า นิ่งสงัดทั้งที่ภายในสุมด้วยคบเพลิงทีละน้อย

     “เมื่อก่อนห้องนี้เป็นห้องประจำของผม เอาไว้เก็บของเล่น ตอนนอนยังนอนรวมกับพ่อแม่จนได้บ้านใหม่” ธูปว่า บอกถึงความสำคัญที่ฝังลึกในใจ “เหมือนเป็นโลกอีกใบที่ผมจะเล่นอะไรก็ได้ แล้วไม่โดนดุ”

     “เล่นอะไรพิเรนทร์ๆ อะดิถึงโดนดุ”

     “เปล่าเว้ย แบบ...เด็กคนไหนก็เคยเล่นเอารถสองคันมาชนกันปะ แม่ไม่ชอบ ไม่ชอบให้ผมใช้ความรุนแรง แต่ก็นะ..”

     “เป็นคำสอนที่ดี” ผมเห็นด้วย ถ้านึกถึงอาจารย์พิภพเล่าว่าเคยมีช่วงเวลาที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลกับแม่ของธูปแล้วยิ่งเข้าใจได้ชัดว่าเพราะเหตุใดถึงจำกัดธูปให้อยู่ในกรอบของความละมุนละม่อม “ส่วนใหญ่ที่บ้านกูไม่ห้ามเล่นแรงกับของเล่นนะ แต่โดนซัดแน่ถ้ามีเรื่องชกต่อย แต่ก็มีให้ซัดบ่อยๆ”

     “จริงอะ ผมเคยโดนเพื่อนต่อยครั้งเดียวตอนประถม”

     “เปรี้ยวเหมือนกันนี่”

     “เหอะ ถ้าเปรี้ยวสวนไปละ”

     “แล้วไปทำอะไรเขาล่ะ”

     “มีคนขโมยของในห้อง ผมเปล่าแต่โดนกล่าวหา”

     “แล้วแม่ว่าไง” ผมถาม ธูปกระแซะตัวเข้าหา ยกแขนขึ้นกอดเอวผมเบาๆ

     “แม่ไม่ช่วยนะ บอกแค่ว่าเชื่อผม ปล่อยให้เป็นเรื่องของที่โรงเรียน แต่ก็นะ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าวงการครูอาจารย์ก็รู้จักกันหมด โชคดีที่พ่อเป็นคนที่ใครๆ นับหน้าถือตา ผมรอด เพื่อนคนนั้นต้องมาขอโทษผม” ธูปเล่าให้ฟังด้วยท่าทีสบายๆ จนน่าสงสัย “มึงไมได้ขโมยไปจริงอะ”

     “เปล่าเว้ย” มันเถียง แต่ไม่ขยับตัวหนีแสดงท่าทีต่อต้าน “แต่ตอนนั้นก็คิดว่ะถ้าผมขโมยไปจริงๆ คงเสียชื่อพ่อกับแม่แย่”

     ผมเข้าใจพื้นฐานความเป็นไปของมัน เข้าใจถึงขั้นการตัดสินใจที่ทำให้มันโลเล สิ่งที่มันแบกรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวคือความภาคภูมิใจในความสมบูรณ์แบบของครอบครัว

     เพราะแท้ที่จริง มันคือผลผลิตที่แหว่งเว้า ทำให้ภาพครอบครัวแสนหวานบิดเบี้ยวไปจากครรลองคลองธรรม

     “กูสนิทกับพ่อมากกว่าแม่”

     “ผมด้วย” ซึ่งไม่น่าแปลก แม่ธูปมีความเจ้าระเบียบมากกว่าอาจารย์พิภพ กระนั้นก็ระเบียบจัดในฐานะของแม่บ้าน “แต่พอเริ่มโตก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าเมื่อก่อน อยากเป็นลูกผู้ชายที่ไม่ต้องพึ่งที่บ้านแล้ว”

     ด็กผู้ชายเมื่อเติบโตขึ้นมักมีความรู้สึกแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น แม้ในสังคมไทยจะยังไม่สอนให้เห็นการรับผิดชอบตัวเองให้ชัดเจนเท่ายุโรป ไม่ได้ให้ลูกออกจากบ้านเมื่ออายุถึงเกณฑ์ ไม่ได้อนุญาตให้ไปแคมป์กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ไม่มีงานปาร์ตี้ตอนกลางคืนโดยปราศจากผู้ใหญ่ ยังดูแลทะนุถนอมราวกับยังเป็นเด็กที่ไม่ฟักออกจากไข่

     “แล้วตอนนี้พี่ติดต่อพ่อบ้างหรือเปล่า”

     “ไม่เลย ไม่รู้จะติดต่อยังไง ไม่รู้จะติดต่อทำไมด้วย”

     “ทำไมไม่รู้จะติดต่อทำไมอะ ก็เป็นพ่อไง”

     ผมงอข้อศอกเพื่อลูบหัวมันพลางตอบ “ตั้งแต่แม่ตายก็เหมือนกูก็ตายไปด้วย เขามองไม่เห็นกู ไม่ได้สนใจหรือคุยด้วยกันได้ดีเหมือนเมื่อก่อน”

     “เขาคงทำใจเรื่องที่เสียภรรยาไปไม่ได้” ธูปออกความเห็น ผมนึกถึงพ่อที่เล่าให้ฟังว่าเป็นขบถ ไม่ฟังคำสั่งของอากง สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการแต่งงานโดยความพอใจของตัวเอง

     สำหรับผมแล้ว พ่อเท่มาตลอด จนวันที่รับปริญญาและการจากไปโดยคำอ้างเรื่องศาสนาที่ไม่อนุญาตให้ผมร้องขอให้อยู่ ผมเห็นเขาในวันนั้นก็แค่ชายวัยกลางคนที่ไม่ยอมรับความจริงและอยู่กับปัจจุบันว่าแม่จากไปแล้ว และพ่อยังเป็นคนที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น

     เพราะเหตุนั้นผมถึงใช้ชีวิตอยู่เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าต่อให้ไม่มีครอบครัวผมก็ยังใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ ไม่จำเป็นต้องมีใครคอยชุบชูความเหนื่อยล้าในจิตใจแม้แต่น้อย

     กระทั่งความเงียบงันจากอาจารย์พิภพในคืนนั้นที่บอกว่า ตลอดเวลาที่ผมคิดว่าตัวเองไม่มีใครผมมีเขาคอยอยู่ข้างกายเสมอมา

     “พี่เหงาไหม”

     ผมยิ้ม จูบลงบนหน้าผาก แตะลงมาระหว่างหัวคิ้ว ธูปเชิดหน้าขึ้น ใช้ปลายจมูกเคลียคลอก่อนเป็นฝ่ายขยับตัวขึ้นคร่อมเมื่อริมฝีปากของเราสัมผัสกัน

     การบดเบียดความหยุ่นชื้น ดื่มกินกันและกัน กระตุ้นฝั่งตรงข้ามด้วยกลีบปากและปลายลิ้น ปรนเปรอร่องรอยของความบกพร่องด้วยธรรมชาติ มันลุกขึ้นเพื่อถอดเสื้อ ผมเองก็เช่นกัน หลังจากนั้นก็กระโจนเข้าหาราวกับคู่บัลเลต์ที่พร้อมบรรเลงเมื่อดนตรีเมโลดี้ให้สัญญาณของการเริ่มต้น

     ใต้ดวงดาวเรืองแสงผมเห็นธูปนั่งบนหน้าตัก ผลักอกผมให้นอนหงาย มันโน้มตัวลงมาจูบผม เหวี่ยงแว่นออกไป ละเลงปลายลิ้นที่ยอดอก เป็นส่วนของร่างกายผู้ชายที่กระตุ้นเส้นประสาทภายในได้อย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งจับร่างกายเปลือยท่อนล่างของผมรวบเข้ากับของมัน ส่วนข้างที่ว่างใช้นิ้วแตะเกลี่ยยอดอกข้างที่ยังว่าง ทิ้งน้ำหนักลงบนข้อศอก ก่อนขยับสลับด้าน เสียงสูดน้ำลายออกจากผิวดัง มันดูดกลืนคล้ายเด็กทารกที่โหยหาอาหาร

     ผมค่อยๆ กดหัวมันลงธูปใช้ปลายลิ้นไล่จากอกลงตามหน้าท้อง ใช้แผ่นลิ้นทั้งแผ่นรูดลากไปบนกล้ามเนื้อให้ผมเกร็งขึ้น ก่อนแหย่ส่วนปลายลงเหนือสะดือ จงใจจูบด้วยการขยับคาง ให้ปลายคางเสียดกับอวัยวะที่ตื่นตัวเต็มที่ของผมราวยั่วเย้า

     “ผมจะให้พี่เสร็จก่อนผมบ้าง”

     เด็กหนุ่มท้าทาย มันเป็นคนแบบนี้ คือชอบเอาชนะ ดื้อเงียบ เรียนรู้ไว มันละมือจากร่างกายผมไปขยับรูดเรือนร่างตัวเอง ผมขยับขาออก อนุญาตให้เด็กหนุ่มกลืนกินจนถึงคอ สัมผัสของปลายลิ้น กระพุ้งแก้ม ผมที่เต็มตื้นอยู่ในริมฝีปาก ธูปทำท่าคล้ายสำรอกหลายครั้งแต่ก็ไม่ มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติเมื่อลำคอบางส่วนถูกกระทบกระเทือน น้ำลายเหนียวยืดจากปากไหลลงมา ผมใช้แขนทั้งสองข้างประสาน เสริมระดับความสูงของศีรษะจากหมอนด้วยการหนุนทับ มองดูสะโพกเด่นลอยในความมืด ศีรษะขยับไหวบริเวณหว่างขา เมื่อแกล้งกระทุ้งสะโพกเข้าไปหนักก็จะได้ยินเสียงไอโขลก

     “หันสะโพกมานี่”

     ผมสั่งมัน เสียงสูดปากดังขึ้น เป็นเสียงของผมเมื่ออีกฝ่ายใช้ลิ้นตวัดรอบ ธูปส่ายหัว ใช้แผ่นอกขูดครากกับส่วนอ่อนไหวจนผมอยากปลดปล่อยเสียตรงนั้น

     “มันเต้นใหญ่เลย”

     “ก็เออสิ”

     “จะเสร็จแล้วเหรอพี่มังกร”

     “เออ” ผมเริ่มหงุดหงิดใจเมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มจงใจยั่วเย้า เสียดสีช่วงอกกับอวัยวะที่พร้อมจะปริแตก ลมหายใจหนักอึ้งคล้ายมีโลหะหนักผสมอยู่ ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อธูปไม่ยอมใช้ปากหรือมือให้เสร็จเสียที “ธูปครับ จะเล่นอะไร”

     เด็กเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างมัน

     “อยากให้ผมทำให้เสร็จไหม”

     ผมพยายามข่มใจไม่บังคับให้อีกฝ่ายใช้ปาก เมื่อลดมือจะสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองกลับโดนเด็กหนุ่มตีมือดังเพียะ ไม่อนุญาตให้ผมรีดเลือดมังกรน้อยตามใจ

     “อยากให้ผมทำให้จนเสร็จไหม ตอบมาก่อนสิ” เมื่อปราศจากแว่นแล้วเหลือเพียงแสงและเงาที่สภาพสายตาปรับให้เป็นภาพตามความมืด ธูปกลายเป็นปีศาจน้อยจอมยวนช่างเย้า ผมเอื้อมมืออีกครั้ง ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะริมฝีปากล่าง ชุ่มฉ่ำ เปียกชื้น มีรอยวาววับเคลือบไว้จางๆ กดลงไปกลางปากเกิดเป็นรอยบุ๋มลงไปพลางหรี่ตามองเชิงสั่ง ธูปยิ้มกริ่มท้าทาย

     “ให้ผมทำนะ”

     ผมหัวเราะ ยืดตัวไปจูบแก้ม มองอีกฝ่ายด้วยความเสน่หา ความปรารถนาแล่นริ้วจากเส้นเลือดสู่สายตา ผละตัวออกมาเล็กน้อย แล้วก้มจุมพิตซ้ำ

     เมื่อเราเปลือยเปล่า ความต้องการปลดปล่อยและเป็นอิสระทะยานสูง โอบกอดกันไว้แนบแน่น ริมฝีปากป้อนความอาธรณ์สู่กันและกัน เด็กหนุ่มที่คุกเข่าตรงหน้าลอยขึ้นบนตัก สนใจแต่กลีบปากที่บดเบียดเพื่อช่วงชิมรสชาติที่กระตุ้นความรุ่มร้อนในอก

     ผมใช้จมูกรับกลิ่นจากผิวที่เหนียวหนืดชื้นด้วยเหงื่อ กัดกินรสชาติของธูปด้วยฟันเรียง จากคาง มายังสันกราม ติ่งหู ขบเม้มไหปลาร้า ชิมรสชาติผ่านปลายลิ้นอุ่น ดูดกลืนเข้าไปเมื่อผละถอยมีร่องรอยจางๆ ของเส้นเลือดที่บอบช้ำจากการกระทำ

     ธูปตาปรือปรอย ร่างอ่อนปวกเปียก มันโอบรอบคอผม ก้มตัวลงมาจูบอีกครั้งราวกับจะไม่ยอมให้ผละห่างสักวินาที โลกใบนี้ของมันมืดสนิท มีแสงดาวปลอมเรืองรองรอบกาย คล้ายหลุดออกสู่อีกมิติที่ไร้ข้อกำหนดชี้ว่าสิ่งใดคือธรรมเนียมปฏิบัติ

     ผมปกป้องร่างของเด็กหนุ่มไว้ด้วยมือและท่อนแขน บีบเน้นตามผิวเนื้อ เนินนุ่ม แตะยังส่วนที่ซ่อนเร้นไว้แผ่วเบา มัวเมาด้วยเสียงของน้ำลายและลมหายใจที่รดริน

     “พี่...”

     “มองตากู”

     ธูปทำหน้าบิดเบี้ยว จิกปลายนิ้วที่กำรอบบ่าผมแน่น เม็ดเหงื่อผุดขึ้นจากไรผม ไหลรวมลงหยดมาข้างแก้ม ปลายจมูก เสียงลมหายใจหอบระเส่า ผมยึดยื้ออีกฝ่ายไว้ด้วยปลายนิ้ว ขยับขึ้นลงให้ยากต่อการควบคุม

     “พี่ ผมจะถึงแล้ว”

     “ปล่อยเลย”

     ผมอนุญาต จูบที่ไหปลาร้าอีกครั้ง ส่วนนี้เป็นส่วนที่เซ็กซี่ที่สุดของธูป หรือไม่ก็แค่เป็นสิ่งที่ริมฝีปากผมวางได้พอดีเมื่อมันนั่งอยู่บนตัก

     เราโอบกันไว้ด้วยสองแขน ปิดประตูจากสิ่งรบกวนรายล้อม ผมยืดคอไปจูบ เด็กหนุ่มผวาเข้าจุมพิตตะกรุมตะกราม มันบีบขยำท้ายทอยรวมไปถึงเส้นผม เมื่อปลดปล่อยออกมาผมก็พลิกตัวให้อีกฝ่ายนอนหงาย ยกขาทั้งสองข้างของธูปพาดบ่า แทรกร่างเข้าไปโดยอาศัยความฉ่ำแฉะจากของเหลวที่เด็กหนุ่มปลดปล่อยเป็นตัวช่วย มือข้างหนึ่งยังรูดรั้งเพื่อทรมาน ส่วนอีกข้างจับยึดร่างกายตัวเองเข้าสอดเข้าประสานรวมกัน

     “.......อะ.....”

     ธูปอ้าปากค้าง เลื่อนมือจับหน้าท้องตัวเองอัตโนมัติ ปิดตาแน่น  ใช้น้ำหนักตัวเองร่วมกับมือที่บีบคั้นเด็กหนุ่มเมื่อครู่จับเอวอีกฝ่ายให้แม่นมั่น ผมจับจ้องทุกจังหวะการหายใจ เสียงสูดริมฝีปากและลำคอที่เปล่งเสียงครางเครือทุ้มต่ำ

     ผิวหนังด้านในทั้งร้อนและอึดอัด ผมให้เวลาธูปด้วยการทิ้งเวลาไม่ขยับตัวในทันที แต่ขณะเดียวกันก็แทรกตัวลึกเข้าไปเรื่อยๆ กระทั่งหน้าขาแนบชิดสะโพกที่ยกสูง

     ดาวนับหมื่นดวงปรากฏแทรกช่องว่างระหว่างดาวเรืองแสง เป็นดาวรูปร่างประหลาด สีสันที่เปลี่ยนไป โลกที่เคยเป็นอวกาศจำลองถูกผันไปยังโลกใหม่ ผมสั่งแกมบังคับให้ธูปลืมตา ลืมตามองว่าโลกใบนี้มีเพียงเราสองคน

     แสงสว่างจากหน้าจอฉายขึ้นในห้องมืดเมื่อธูปปัดป่ายมือไปโดน เพลงที่เล่นค้างไว้เล่น เราเห็นหน้ากันและกันชัดกว่าเก่า เคล้าคลอทำนองที่เนิบช้า ธูปวางมือลงบนแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงของผม สบตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก และคำพูดที่อัดอั้นอยู่ภายใน

 

     “ถ้อยคำหลอกลวงที่ใครต่อใคร
     คอยแต่งเติมเรื่องจริงของรักไป
     อาจทำให้ใจเธอหวั่นไหว
     ขอเธออย่ากลัวรักคือสิ่งใด
     รู้สึกแล้วก็เป็นเรื่องของใจ
     เชื่อใจตัวเองซักครั้ง”

          – ฟัง ซิน

 

     ผมวางมือลงทับหลังมืออีกฝ่ายก่อนค่อยๆ ขยับร่าง เสียดสี สอดแทรก โอบกอดด้วยความทะนุถนอมสลับดุดัน สลักฝังลึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันลงลึก และลึกที่สุด

     “พี่...พี่.....”

     ธูปร้องครวญเพียงเท่านั้น มันไม่บอกให้หยุดหรือผ่อนแรง กรีดร้องคำรามก้องไม่ว่าจะถูกจัดวางเข้ากับตำแหน่งใด เด็กหนุ่มพ่ายแพ้ ยอมจำนน จากคนที่บอกว่าไม่ได้รักกันในวันเก่ากลับดูดกลืนและตะโกนกู่เรียกร้องการมีตัวตนของผมในที่สุด

     “ผม.....ระ......”

     เมื่อไม่มีสิ่งกีดกั้น ไร้พันธะทางสังคม เด็กหนุ่มก็สารภาพโรยแรง ผมปลดปล่อยความรู้สึกที่เอ่อล้นภายใน หอบตัวโยนเมื่อกระทั้นตัวกลั่นเอาหยาดหยดสุดท้ายพ่นคายภายใน

     ธูปงอตัวลง ผมนิ่งค้างชั่วจังหวะ ไล่จูบตั้งแต่ต้นคอลงตามสันหลัง กระดูกโปนขึ้นมาจากการบิดตัวของกล้ามเนื้อคดเคี้ยว สีผิวเปลี่ยนไป มันแดงขึ้นเช่นเดียวกับยามหลังการออกกำลัง ที่แปลกไปเห็นจะมีรอยช้ำสีม่วงขึ้นประปราย ผมเฝ้าทำร่องรอยสลักบนตัวมันไว้ทุกแห่ง เมื่อถอนร่างออก หลักฐานของความสุขที่มีร่วมกันก็ไหลรินเอ่อล้น ผมนอนทับมันจากด้านหลัง นาบจนหากมองจากเพดาน ดาวจำลองดวงไหนก็ไม่มีวันเห็นผิวเปลือยของมันได้

     “เจ็บมากไหม”

     ผมถาม ยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวว่ามีอารมณ์รุนแรงเป็นจังหวะ จูบแก้มชื้นเหงื่อก่อนสัมผัสได้ถึงร่องรอยของน้ำตา

     “ธูป...” ผมขยับตัวลง นอนตะแคงข้างมัน ดึงอีกฝ่ายเข้ามาโอบกอด “ธูป...กู....”

     “ไม่ใช่พี่” มันพูดเสียงพร่า โอบกอดผมกลับ “ผมแค่อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้เท่านั้นเอง”

     เวลาที่ไม่มีใครนอกจากเรา

     “อืม กูเหมือนกัน”

     ผมจูบหน้าผาก ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาออก แต่มันก็ไหล รินไหลเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด

     เรานอนฟังเสียงเข็มนาฬิกาแขวนในห้อง เพิ่งสังเกตว่านาฬิกาของธูปจะดังเตือนเมื่อเวลาเดินครบหนึ่งชั่วโมง ความสุขอยู่เพียงชั่วครู่ ถาโถมเข้ามาคล้ายคลื่นลูกใหญ่ให้ซาบซ่าและมลายหายไป

     “มึงจะทำยังไงต่อ”

     ผมถาม เพลงจบลง อาจเพราะแบตหมดหรือตั้งค่าไว้เมื่อจบเพลง ธูปถอนหายใจก่อนตอบ

     “ไม่รู้สิครับ”

     “มีความสุขหรือเปล่า”

     เด็กหนุ่มพยักหน้า ดึงผมเข้ากอดจนแน่นมากขึ้น

     “แต่ผมกลัว”

     “กูแล้วแต่มึง” ผมสารภาพ อะไรก็ได้ที่ธูปสบายใจ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีผมตรงนี้ ผมยอมเป็นคนตามหลังคำตัดสินจากมันทุกประการ

     เสียงสะอื้นดังแผ่วเบา เข็มนาฬิกายังดังสม่ำเสมอ ผมไม่ได้ร้องไห้แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันอย่างที่สุด นิ่งแน่แชเชือนไปครู่หนึ่งจนเด็กหนุ่มนิ่งเงียบ

     “ธูป...”

     ผมเรียก อีกฝ่ายครางด้วยคำไม่ได้ศัพท์แทนการตอบรับ

     “อย่าเพิ่งหลับ ไปล้างตัวก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่นันต์เข้ามาแล้วจะฉุกละหุก”

     “ผมปวดท้อง” ธูปกระซิบ งอแง ไม่ยอมผละออกจากอ้อมแขนของผม “เจ็บด้วย”

     “เดี๋ยวประคองไปอาบ ลุกขึ้นนั่งก่อน”

     “นั่งไม่ได้ ไม่ได้เลย” มันกอดคอผมเข้าชิดมากขึ้น ซุกหน้าไม่ยอมเงย ผมลูกแผ่นหลังเปลือยช้าๆ ก่อนตัดสินใจอุ้มอีกฝ่ายขึ้น ธูปส่งเสียงตกใจแต่ไม่ดิ้นขัดขืน ห้องน้ำอยู่ชั้นสอง แต่ผมภาวนาไม่ให้ใครย้อนเทปวงจรปิดตอนตีสองดูโดยเฉพาะอาจารย์พิภพ

     “พี่มังกร”

     “หืม”

     “พี่อยากคบกับผมไหม...คบแบบ...”

     “ไม่อยากมั้ง” ผมถอนหายใจ เป็นความหนักหน่วงที่วกวนคล้ายปมน่ารำคาญบนเส้นด้าย “มึงบอกว่าไม่ได้คิดกับกูแบบนั้นไม่ใช่เหรอ”

     “พี่ก็รู้ว่าผมมันปากดี”

     “แล้วถ้าถามตอนนี้ล่ะ อยากคบกับกูไหม”

     เด็กหนุ่มซ่อนใบหน้าไม่ให้เห็นแม้ผมจะพยายามค้นหาแววตาคู่นั้น มันก้มหน้างุดกระทั่งถึงห้องน้ำ ผมวางมันบนชักโครกก่อนผละออกมาเปิดไฟที่สวิซด้านนอก

     “เราแอบคบกันได้ไหม” เสียงแหบห้าวดังจากด้านหลัง ธูปงอตัว ห่อไหล่ แต่ซ่อนใบหน้าแดงจัดไม่ได้ ผมเผ้ามันยุ่งเหยิงไม่ได้ทรง สภาพผมในกระจกก็ไม่ต่างกัน “ไม่ต้องบอกใครได้ไหม”

     ผมเงียบไปครู่หนึ่ง มองคนที่นั่งทั้งเขินและกลัวตรงหน้าแล้วย่อตัวลง

     “ได้สิ”

     ผมจูบที่มือของมัน ก่อนเปิดฝักบัวรดราดหัว ธูปหนีบขาเมื่อผมเริ่มใช้ยาสระผมและสบู่ทำความสะอาดทีละส่วนของร่างกาย เด็กหนุ่มกอดตัวเองด้วยความเขินอายเมื่อเงยหน้าขึ้นพบร่างเปลือยของผมเหมือนกัน

     “พี่ไม่เขินเหรอวะ ไฟสว่างโล่งโจ้งขนาดนี้”

     “มีอะไรต้องเขิน ทำกันไปขนาดนั้นแล้ว”

     “เชี่ย” ธูปสบถ อาจไม่ชอบใจการกระทำของตัวเอง หรืออาจจะเป็นแค่เขินจัดจนไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร แต่ทุกอย่างก็ดูน่ารักไปหมด ผมจับแขนมันให้ยกขึ้น ถูสบู่ ล้างเอาคราบคาวเหนียวออกจากตัว

     “ยืนไหวไหม ยืนแล้วโค้งสะโพกมา เดี๋ยวดูให้ว่าเป็นแผลหรือเปล่าที่บอกว่าเจ็บ”

     “ผมทำเองได้”

     “พรุ่งนี้เช้าจะได้รีบไปซื้อยาให้หรือกินแก้ปวดไว้ก่อน จะรอให้มาร์คมันไปซื้อให้หรือไง” ผมบ่นกับความหน้าบางไม่เข้าท่าของอีกฝ่าย ธูปยังนั่งงอตัวจนผมตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดอีกครั้งคือ ช้อนเอวมันให้ลุกยืนแล้วกดหลังให้ก้มลง ธูปคว้าอ่างล้างหน้ายึดเพื่อทรงตัว โดนเตะขาให้กางออกจากกันก่อนผมจะนั่งลงไป “กูกล้าทำกล้ารับผิดชอบผลงานตัวเองน่า”

     “รู้แล้ว โอ๊ย...”

     “โอ๊ยอะไร แค่นิ้วเอง...ไม่โอเคเหรอ” ผมถามซ้ำ งอข้อนิ้วภายในเพื่อทำความสะอาดสิ่งตกค้าง ความอุ่นร้อนและอ่อนนุ่มทำให้เริ่มเกิดปฏิกิริยากับร่างกายอีกครั้ง ผมทาบตัวลงไป กระซิบถามชิดหู “ถ้าไม่ชอบ ไม่ทำก็ได้นะ”

     “ไม่ได้บอกว่าไม่โอเค” คู่สนทนางุบงิบในลำคอ เริ่มเสียงสั่นเมื่อจากกระซิบกลายเป็นจูบที่กกหู

     “งั้นเคยได้ยินไหมถ้าเจ็บต้องซ้ำ”

     ธูปเงยหน้า เหนือกระจกขึ้นไปเป็นนาฬิกา

     “เผื่อเวลาก่อนพี่นันต์เข้าเช้าด้วยนะ”

     ผมหัวเราะ

     อิ่มเอมกับช่วงเวลาที่มีเพียงเราราวกับนั่นคือความยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์




-
tbc


อินายเอกของเว้ดนี่ปากดีกันมากมายเหลือเกิง
ว้ายๆ ไม่เขียนเอ็นซีนานแล้ว แต่ถ้าเรื่องเซ็กซี่มันก็ต้องมีเซ็กซ์น่ะซี่ สวัสดีวันพุธฮะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-10-2018 09:28:42
นุ๋งธูปมันร้าย

หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-10-2018 10:05:55
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-10-2018 10:13:38
เรียนรู้ไวจนน่าตกใจ
แต่นังพี่มังก๊อนนนนนนนนนนนนนนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 24-10-2018 12:19:52
มังกรกินธูปปปป   เขินนน  :o8:


พี่มังกรทำให้รู้สึกรักมากขึ้นทุกตอน  ติดบ่วง ปกติเวลาอ่านนิยายเราจะเทใจไปที่ นายเอกซะส่วนใหญ่ แต่พี่มังกรมาแรงแซงทุกโค้งน้องธูปเลย   รักพี่มังกร รักน้องธูป ที่สำคัญรักคุณwest  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 24-10-2018 12:48:20
เป็นฉากได้กันที่สุขสมปนกดดัน
เข้าใจว่ามังกรคงเครียดมากๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 24-10-2018 13:42:39
ทำน้องใจแตก  :hao3: ธูปเป็นเด็กฉลาด เรียนรู้ไว  :mew1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 24-10-2018 13:56:42
 :haun4: :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: Sykes ที่ 24-10-2018 14:03:54
เจ็บต้องซ้ำ   :-[
ชอบความน่ารักของน้องธูป รักก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 24-10-2018 14:06:23
เวลาเงียบๆนี่ก็น่ากลัวนะ


กลัวดาม่ารุนแรง


แต่อาจารย์มีเหตุผลของเค้าแหละ  :ling2:


หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-10-2018 15:43:45
 :haun4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-10-2018 19:39:07
ตายแล้ว ฟ้องอาจารย์พ่อให้ตีทั้งคู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: iiamerror_ ที่ 24-10-2018 20:26:27
น้องธูปของพี่โดนพี่มังกรกินซะแล้ว น้องคร้าบบบบบบๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 24-10-2018 20:52:42
นังธูปร้ายมาก สรุปพี่มังกรเป็นฝ่ายโดนกินสินะ
55555555555555555555
ใจร่มๆนะ อย่าพึ่งรีบซ้ำ
กลัวมีคนเห็นกล้องวงจรปิดจัง
 :a5:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: pandant ที่ 24-10-2018 22:02:56
วรั้ยยยยย อาจารย์จะว่าไหม แง่มๆ พ่อต้องเข้าใจธูปนะ เด็กกำลังโต วัยกำลังซน
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 25-10-2018 01:56:31
แอบหน่วงนิดๆ ตอนน้องพูด แค่อยากหยุดเวลา
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 25-10-2018 05:18:28
เค้าได้กันแล้วววววว......เวสเขียนฉากเซ็กส์ได้แบบล้ำอ่ะ เหมือนอยู่ในห้วงอวกาศเลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-10-2018 07:13:11
จากนี้จะเป็นไงต่อละ..
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-10-2018 10:07:23
วั้ยยยย ในที่สุดด พี่มังกรก็กินน้องธูปล้าววว
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 25-10-2018 19:46:03
หนักเข้าไปอีก เด็กเดินไม่ได้แน่ ไม่น่าหลงคารมพี่มังกรเลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-10-2018 23:05:11
นึกคำจะเม้นไม่ออกเลย

รู้แต่มันดีมาก คุณสื่อสารอารมณ์ได้เยี่ยมมาก
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 25-10-2018 23:45:56
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 28-10-2018 08:07:12
ไฟลุกแล้วธูป แอร๊ยยยยนนนนนน
น้อนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 28-10-2018 14:54:13
sexy กันจริงๆ  :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 29-10-2018 05:04:59
น้องธูป ดู tedtalk อันเดียวกันด้วย

สะบัด 12 ครั้ง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.13 Geek is sexy (25|10|18) p.09
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 29-10-2018 18:02:49
ฝ่าฟันกันไปเนาะ จับมือกันให้แน่นเข้าไว้นะ

ทั้งคู่สู้ไม่
หัวข้อ: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 01-11-2018 00:59:06
chapter 14
Fear eats the soul


 

 

 

ไม่มีเงื่อนไขใด

ไม่มีใครนิยาม

หรือกฎเกณฑ์ที่ต้องตาม

ยามที่เธอลองให้รักบอกหัวใจตัวเอง



          ผมนั่งฟังเพลงเดิมซ้ำไปมาเหมือนคนบ้า ปกติแล้วจะชอบเพลงบรรเลงมากกว่าเพลงที่มีเนื้อร้องแต่ได้ยินเพลงนี้เมื่อไม่กี่วันก่อนที่พี่นันต์เลือกเพลลิสต์ใหม่ให้ร้าน ช่วงเวลาที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์เนื้อเพลงก็ติดอยู่ในหัวเล่นซ้ำวนไปมาจนต้องเสียเงินซื้อ และเป็นเพลงไทยเพียงเพลงเดียวในเพลลิสต์ของตัวเอง

          “เมื่อเช้าอาจารย์แวะมาที่ร้านก่อนไปสอน” พี่นันต์พูดขึ้น ลูกค้าในร้านไม่เยอะ ยังเป็นเวลาเพิ่งเตรียมของ ผมตื่นตั้งแต่เช้าเหมือนเคย ออกไปวิ่ง กลับมาอาบน้ำ นั่งทำธีสิสให้เสร็จไวๆ

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          “เริ่มสอบแล้วมั้ง ช่วงนี้อาจารย์ไม่ค่อยแวะมาที่นี่”

          ผมพยักหน้าเห็นด้วย ถ้าใกล้สอบอาจารย์จะอยู่ที่คณะให้คำปรึกษาเด็กๆ ปีนี้ผมไม่ได้เข้าไปเป็นทีเอที่ห้องเรียนเหมือนปีก่อนๆ เพราะกว่าจะจัดการเรื่องงานบวชพ่อและอื่นๆ ของตัวเองเรียบร้อยอาจารย์ก็จ้างนักศึกษาปีสี่เป็นทีเอช่วยงานสอนในห้องแล้ว

          “ผ่านไปไวเหมือนกันนะ”

          “ครับ?”

          “จะครบเทอมแล้วน่ะสิ”

          ผมเห็นด้วย แต่หนึ่งเทอมของเด็กมหาวิทยาลัยก็ไม่กี่เดือน อาจารย์เล่นไม่อยู่สอนไปเสียครึ่งเทอมยิ่งไวเข้าไปใหญ่ “อาจารย์ให้เข้าไปเอารายงานของนักศึกษามาตรวจ จะฝากไอ้มาร์คมาไหม”

          ผมนิ่งไปชั่วขณะ พักหลังมานี้ธูปไม่ค่อยเข้ามาที่ร้าน หรือถ้ามาก็เกาะแจที่เคาน์เตอร์ แสดงอาการหวาดระแวงชัดเจน

          เด็กที่โกหกใครไม่เป็นอย่างมัน

          คิดแล้วถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกับความซื่อบื้อที่ผกผันกับไอคิวดี

          “ทะเลาะกับธูปเหรอ”

          “เปล่าครับ”

          “พักหลังๆ ไม่เห็นเข้ามา” ถ้าผมคิดได้ทำไมคนไหวพริบดีอย่างพี่นันต์จะคิดไม่ได้ “มาก็ไม่ไปนั่งด้วย แปลกๆ มองระแวงห่างๆ ไปดุอะไรมันหรือไง”

          “ผมน่ะนะจะดุมัน” พูดกลั้วหัวเราะ ตามใจอย่างกับอะไรดี พี่นันต์ไหวไหล่ หันไปตักน้ำแข็งแล้ววกกลับมาที่เครื่องชงซึ่งกำลังทำงาน

          “บางทีไอ้ธูปก็น่าด่าจะตายชัก”

          “ก็จริง แต่เจอมันทำท่าหูลู่หางตกผมก็ดุไม่ได้แล้วว่ะพี่”

          “แสดงงง” พี่นันต์ลากเสียงยาว “หงอได้ไม่ถึงสิบนาทีจ้า ลุกขึ้นมาทำเรื่องผีห่าซาตานอีกเหมือนเดิม”

          “พี่ก็ไปว่าน้องมัน” ผมปฏิเสธไม่ได้ ไอ้ธูปเป็นแบบนั้นจริง ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียแต่ก็น่ารักดี “พี่ไม่รำคาญไอ้มาร์คเหรอครับ เมื่อก่อนเห็นทำท่าเหม็นหน้ามันบ่อยๆ”

          “รำคาญ” เบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาก บาริสต้ากู “มันก็เหมือนเพื่อนมันนั่นแหละ น่ารำคาญแต่ทำอะไรได้ สนใจมากประสาทเสีย”

นับว่าพี่นันต์เป็นคนชัดเจน เด็ดขาดฉิบหาย ยอมแพ้ครับ อย่างเดียวที่ทำให้พี่นันต์สงบเห็นทีจะมีคอลัมนิสต์สาวที่เทียวไปเทียวมามากกว่าเจ้าของร้านนั่นแหละ

          “แล้วช่วงนี้คุณกานดาไปไหนอะพี่”

          “ต่างประเทศ” คู่สนทนาตอบห้วน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตะโกนเรียกลูกค้ามารับเครื่องดื่ม เขากระตุกมุมปากกระชากใจสาวเหมือนเคย นับวันยิ่งกลายเป็นอปป้าแสนอบอุ่นขัดกับนิสัย “ถามทำไม”

          ตาคมค้อนขวับ ก่อนพูดต่อ “ถ้าไม่นับไอ้ธูปก็มึงเนี่ย อะไรกับคุณกานดาจัง ชอบหรือไง”

          “ผมอะเหรอ เปล่าเว้ย พี่ต่างหาก” ผมยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อสัพยอกเข้าตรงจุด พี่นันต์เงียบ ไม่เถียง ว่าไม่ชอบ

          “มึงเคยชอบใครที่เป็นไปไม่ได้ไหมวะ”

          “เคยดิ” ตอนนี้เลยแหละ “ผมไม่อยากนับว่าใครเป็นไปไม่ได้มากกว่านะ ระหว่างผมกับพี่ มันไม่มีหน่วยที่แน่นอน มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีเหตุผลที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะตามหลักปรัชญาหรือเศรษฐศาสตร์”

          “ไอ้ธูปเข้าสิงร่างหรือไง พูดเหี้ยอะไร” ผมหัวเราะเมื่อนึกขึ้นว่านี่มันเป็นวิธีการพูดของไอ้เด็กนั่น อาจอยู่ด้วยกันบ่อยเกินไป บ่อยจนลอกเลียนพฤติกรรมบางอย่างมาโดยไม่เจตนา

          “หมายถึงเรื่องฟลุ๊กมันมีจริงอะพี่ บางทีคุณกานดาอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากเท่าที่พี่คิดก็ได้นะ”

          “ไม่หรอกว่ะ” คู่สนทนาทำหน้าเซ็ง แต่เชื่อมั่นในความไม่เชื่อมั่นของตัวเอง “คนเราโตขึ้นมันก็ต้องคิดหลายอย่าง ไม่เหมือนตอนเด็กๆ ที่แค่ชอบคนนี้ เออ ลองจีบ เขาชอบเหมือนกันก็คบ ไม่ชอบก็จบ ยิ่งคิดตรงกันยิ่งยาก ยากที่สุดไม่ใช่ตอนจีบ ตอนจะไปต่อยังไงต่างหาก”

          คำพูดของพี่นันต์ทำเอาผมสะอึก เรื่องระหว่างผมกับธูปดูกลายเป็นเรื่องของเด็กทันทีเมื่อเทียบกับความจริงจังของคนตรงหน้า

          “กูไม่อยากดึงเขามาลำบาก กูไม่มีอะไร การศึกษา หน้าตาทางสังคม อนาคต พยายามแค่ไหนก็ไม่ทันอยู่ดี”

          ผมถอนหายใจ ตบบ่า ไม่รู้ว่าจะปลอบคนตรงหน้ายังไง ทุกอย่างที่พี่นันต์พูดก็ถูก ผมหมายถึงบางเรื่องพยายามแค่ไหนก็ไร้ความหมาย

          “แล้วยังไง มึงจะไปหาอาจารย์เองหรือให้ใครหิ้วงานมาให้ กูจะได้บอกไอ้มาร์คให้”

          “ไม่เป็นไรพี่ มันยิ่งเหม็นขี้หน้าผมด้วย”

          ขโมยรถไปสองครั้ง และอาจจะมีอีกหลายครั้งในอนาคต ผมเก็บแต้มให้มันรำคาญไว้ใช้เรื่องอื่นดีกว่า

 

          แล้วมันจะเป็นยังไงต่อ

          คำพูดของพี่นันต์ยังเป็นปริศนาที่ผมพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง ผ่านค่ำคืนแสนหวานตื่นเพื่อพบกลางวันอันขื่นขม มีเพียงผมและธูปที่รู้ว่าความลับในห้องใต้บันไดนอกจากดาวเรืองแสงที่ไม่ดีต่อสุขภาพแล้วมีอะไร บางเรื่องที่อาจารย์พิภพระแคะระคายแต่ทุกคนทำเมินเฉยเหมือนว่าลืมมันไป

          ผมส่งข้อความหาธูป ไม่มีคนตอบและไม่มีคนอ่าน รู้สึกว่ามันทำตัวติดต่อได้ยากมากขึ้น มาที่ร้านน้อยลง พูดอีกทีเหมือนถูกหลบหน้าทั้งที่ตกลงกันเป็นมั่นเหมาะ พยายามบอกว่าเด็กก็แบบนี้ อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็ว หุนหันพลันแล่น หรือบางทีอาจจะเครียดเรื่องสอบ อย่างสุดท้ายที่นึกออกคือมันไม่ตั้งใจจะมีสัมพันธ์กับผมจริงๆ

          อย่างนี้เรียกว่าหลอกฟันหรือเปล่าวะ

        หัวใจผมวูบโหวงเหมือนมีอะไรมาควักเนื้อออกไปจนแหว่งวิ่น ยิ่งนานวันยิ่งลึกละขยายวงกว้าง อาจเป็นรอยเน่าของหนอนบางชนิดเจาะกินไว้ ผมยังหาตัวการไม่ได้ และดูเหมือนมันจะทำลายความรู้สึกให้ท้อแท้หดหู่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไล่ข้อความย้อนกลับไปไม่เห็นว่ามันอ่านมาหลายวันแล้ว อยากไปตามมันที่บ้านอีกครั้ง จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งที่สามที่ผมวิ่งตามมันโดยไม่รู้ความผิดของตัวเอง

          ผู้ชายเป็นเพศที่ซื่อบื้อ แฟนเก่าผมบอกไว้อย่างนั้น พอเป็นผู้ชายสองคนที่คบกันแม่งก็ยิ่งซื่อบื้อไปใหญ่ ถ้าไม่ใช่เรื่องเซ็กซ์แล้วก็นึกออกยากเหลือเกินว่าเราเข้ากันดีฉิบหายโดยไม่ต้องสื่อสารล่วงหน้าได้ในเรื่องไหนอีกบ้าง

          หรือบางที ผมกับธูปอาจไม่เคยสื่อสารความรู้สึกของตัวเองออกมาจริงๆ กันทั้งคู่เท่านั้นเอง

          เวรเอ๊ย แล้วมีอะไรที่ผมจะทำได้อีก หรือต้องยอมให้มันเป็นคนทำบ้าง

          จะว่าไป วันนั้นผมก็ไม่ไดไ้ม่อนุญาตมันสักหน่อย เพียงแต่สถานการณ์ดำเนินไปให้เป็นไปในรูปแบบที่มันอ่อนระโหยโรยแรงเมื่อผมจุดไฟเผามันด้วยสายตาเท่านั้นเอง

          “เจ้ก้อง!”

          เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง ไอ้ชื่อหลังน่ะคุ้น แต่คำนำหน้านี่มันอะไรวะ ผมหันกลับไปมอง เด็กสาวคนคุ้นเคยโบกมือจากอีกฝั่งถนน เมื่อไม่มีรถโบว์ก็วิ่งข้ามฝั่งมาคล้องแขน

          “เรียกตั้งนานไม่หัน อีกนิดจะเรียกว่าคุณแม่แล้ว”

          “คุณแม่อะไรวะ”

          “ก็เอาไว้เรียกเพื่อนสาวตัวท็อปไง”

          ผมเอาแฟ้มรายงานที่พกมาด้วยตีหัวคนพูด ไม่ได้แกะมือออกจากแขน “เลอะเทอะใหญ่แล้ว”

          “แซวเล่น มาทำอะไรคะ อ๊ะ หรือเลี้ยงเด็กไว้ที่นี่”

          “เด็กกับผีอะไรล่ะ เอางานมาส่งอาจารย์พิภพ เอาข้อสอบไปตรวจด้วย”

          “ข้อสอบปีโบว์หรือเปล่า”

          “ถ้าใช่จะแกล้งตรวจผิดให้คะแนนน้อยๆ”

          “โอ๊ย ทำไมร้ายจัง อย่าแกล้งโบว์เลยแค่นี้ก็กลัวไม่ผ่านจะแย่”

          ผมหัวเราะ ตั้งแต่รู้ความลับของกันและกันทำให้ผมกับโบว์สนิทสนมกันมากขึ้น ไม่ได้คุยบ่อยเท่าช่วงที่ไปค่าย แต่โบว์มักทักมาเรื่องปัญหาที่ไม่แน่ใจว่าจะปรึกษาใครนานๆ ที ผมตอบเท่าที่ตอบได้ ไม่ได้สนใจเป็นพิเศษเพราะในหัวมีแต่เรื่องของคนบางคนตลอดเวลา

          “ยังไม่รู้หรอก นี่ก็ยังไม่ได้ไปเอางาน แล้วไม่มีเรียนเหรอ ใส่ชุดลำลองมามหา’ลัย”

          “มาอ่านหนังสือค่ะ” เด็กสาวตอบ โชว์กระเป๋าผ้าที่หิ้วมาด้วย ใบใหญ่จนต้องยื้อมาช่วยถือให้ “ไม่เป็นไรพี่ โบว์ถือเอง”

          “พี่แข็งแรงกว่า แล้วจะไปไหนเดี๋ยวเดินไปส่งก่อน พี่มาก่อนเวลานัดอาจารย์ ยังพอไปได้”

          “โบว์อ่านเสร็จแล้ว เพิ่งแยกกับเพื่อนเมื่อกี้ จะไปขึ้นรถเมล์หน้ามอ.แล้วแต่เจอศิษย์รักของอาจารย์พิภพก่อนนี่ล่ะ”

          “งั้นพี่ไปส่งที่ป้ายรถเมล์”

          “โห มาถึงมอ.ทั้งทีไม่เลี้ยงข้าวน้องหน่อยเหรอ” เจ้าของประโยคตัดพ้อทำท่าน่าสงสาร ผมแพ้ผู้หญิงน่ารักแต่ไหนแต่ไร ต่อให้ชอบผู้ชายแล้วก็ไม่ยกเว้น “โบว์รอพี่คุยกับอาจารย์เสร็จก่อนก็ได้ สัญญาว่าจะนั่งอ่านหนังสือเรียบร้อยๆ ใต้ตึกคณะ ไม่ขึ้นไปแอบดูข้อสอบเลย”

          “โอเคๆ” ผมยอมเลี้ยงข้าวโรงอาหารในที่สุด อย่างน้อยก็ดีกว่าใช้เวลาไปคิดเรื่องไอ้ธูปที่ไม่เห็นทางออก ผมควรจะวางเรื่องนั้นก่อนเป็นบ้า “ไม่รับปากนะว่าเสร็จกี่โมง ถ้ารอไม่ไหวก็กลับไปได้เลย ติดไว้วันหลัง”

          “รอได้อยู่แล้ว”

          เด็กสาวซบลงบนแขน ออดอ้อนออเซาะ สงสัยผมจะเป็นเจ้ในสายตาโบว์ไปแล้วจริงๆ ถึงกล้าเล่นถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวยังเขินบิดไปทั้งตัว

     





          “กลุ่มตัวอย่างที่เอามาเป็นข้อมูลก็โอเคแล้ว แต่ผมว่าเรฟเฟอเรนซ์ตรงนี้ยังไม่ชัด มีทฤษฎีของอีกหลายคนที่ตั้งขึ้นมาก่อนคนนี้ เป็นการบันทึกต่อยอดประวัติศาสตร์ คุณลองทบทวนอีกทีว่าควรใส่ชื่อใครในการอ้างอิงน่าจะสรุปออกมาได้ดีกว่านี้”

          ภายในห้องพักอาจารย์ ห้องหัวหน้าภาคแยกออกมาอีกชั้นหนึ่ง เสียงพลิกกระดาษดังในความเงียบ กลิ่นที่โอบล้อมเป็นกลิ่นอับและกลิ่นของเอกสารที่วางท่วมหัวจากโต๊ะหนึ่งสู่อีกโต๊ะหนึ่ง อาจารย์พิภพอ่านรายงานผ่านแว่นสายตา วิจารณ์งานด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

          “บทนี้ก็แก้อีกนิด ส่งพร้อมบทหน้าเลย ไม่น่ามีอะไร เอ้อ ผมจะฝากข้อสอบของนักเรียนให้คุณไปตรวจ เป็นข้อเขียน อ่านแล้วอาจจะเอาไปใช้กับงานได้ในเรื่องของความคิดเห็นของเด็กรุ่นใหม่”

          เขาว่าพลางยกเอกสารที่ถูกมัดด้วยเชือกฟาง ห่อล้อมมิดชิดด้วยกระดาษสีน้ำตาล “เป็นข้อสอบเก็บคะแนนครั้งสุดท้ายของปีสี่ เสร็จแล้วไว้ที่ร้านเลยก็ได้ วันเสาร์ผมน่าจะได้เข้าไปดูอีกที”

          “ครับ” ผมรับกระดาษมาอุ้มไว้ น้ำหนักประมาณหนึ่งกิโลกรัม “เท่านี้เหรอครับ”

          “แค่นี้แหละ ผมเคลียร์บางส่วนแล้ว”

          “เปล่าครับ” ผมไม่ได้หมายถึงงาน “ผมหมายถึง...”

          “เอาล่ะ รีบกลับก่อนฝนตกดีกว่า มีเอกสารด้วยเดี๋ยวจะลำบาก” เขาตัดบทสนทนาเรียบง่าย “ ช่วงนี้พายุเข้าด้วย”

          เก้าอี้หนังถูกหมุนกลับไปหาโต๊ะที่เปิดคอมพิวเตอร์ที่รันโปรแกรมไว้ เบาะที่นั่งเอนไปด้านหลังเมื่อชายวัยกลางคนทิ้งน้ำหนักลง เขาถอดแว่น นวดขมับ ราวกับต้องการตัดโลกข้างนอกออกไปจากหัว แม้ว่าเป็นโลกที่กำลังทำให้วุ่นวายใจก็ตาม

 

คนเราก็เป็นเท่านี้ ไม่แก้ปัญหาก็หนีปัญหา หลับตาแสร้งไม่รับรู้ เพิกเฉยและหยิ่งผยองเกินกว่าจะยอมรับว่าพ่ายแพ้

แพ้ให้กับปัญหาที่ใหญ่เกินตัวมนุษย์คนหนึ่งจัดการได้เท่านั้นเอง

 

          “พี่ก้องลงมาพอดี!”

          เสียงของเด็กสาวดังเมื่อเห็นผมเดินลงมาจากบันได โบว์นั่งอ่านหนังสือรออย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอย่างรับปากไว้ แต่เรื่องที่จะทำให้ไม่เรียบร้อยเห็นจะเป็นคนมาใหม่ที่ยืนคุยอยู่ไม่ไกล

          “คราวนี้หนีไม่ได้แล้วนะน้องธูป”

          “หนีอะไรกัน” ผมถาม พยายามมองหน้าเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าลง เตะปลายเท้ากับอากาศไปมา

          “น้องมาหาอาจารย์พิภพน่ะค่ะ โบว์บอกว่าให้รอไปกินข้าวกับพี่ก้องก็บอกว่าน่าจะนาน จะรีบไปอ่านหนังสือต่อ เนี่ย ถ้าช้ากว่านี้อีกนาทีโบว์ไม่รู้จะรั้งไว้ยังไงแล้วนะ”

          ผมพยายามมองแกมบังคับให้สายตาคู่นั้นหันกลับมา แต่ธูปยังคงเฉไฉมองไปทางอื่น เอามือล้วงกระเป๋า เกร็งไหล่เพื่อไม่ให้เป้คู่ใจไหลลงจากบ่า

          “ไปด้วยกันสิ”

          “ผมมีนัดติวหนังสือกับเพื่อน”

          “ติวก็ต้องกินข้าว เย็นแล้ว”

          “เดี๋ยวจะไปกินกับเพื่อนต่อเลย”

          “จะไปกินกับเพื่อนทำไม ก็อยู่ด้วยกันตรงนี้แล้ว” ผมพยายามใจเย็น หงุดหงิดกับท่าทีเมินเฉยของอีกฝ่าย “โบว์ก็ไปด้วย”

          เสนอทางเลือกให้สบายใจว่าจะไม่เป็นที่จับตา ธูปเหลือบมองผมผ่านแว่น ใช้นิ้วดันแว่นกลับขึ้นไปแล้วล้วงกระเป๋าต่อ

          “ก็ไปกันเลย สองคนกำลังดี”

          “กำลังดีอะไร” ผมถามเสียงเครียด ไม่ตลกสักนิด แค่การหลบหน้ากันก็ทำเอาผมป่วนแทบแย่ จับตัวได้ก็ยังรั้นหาทางหนีท่าเดียว “ชวนมาร์คมาด้วยก็ได้”

          “มันคงมาเจอพี่หรอก”

          “บอกมันว่ากูเลี้ยง”

          “มาร์คมันกินดีกว่าโรงอาหารอยู่แล้ว”

          ไอ้ห่าแว่นนี่ชักกวนตีน ผมกอดอก กดดันมันด้วยท่าทาง “เป็นอะไร”

          “ถ้าน้องไม่อยากไป...”

          “ไม่มีอยากหรือไม่อยาก แต่วันนี้ธูปต้องไป” ผมพูดขัดคอโบว์ เจ้าของชื่อเงยหน้ามองช้าๆ เมื่อเห็นท่าทางของผมก็เม้มปากเข้าหากัน ตามันแดง แดงจนเห็นรอยช้ำรอบๆ กรอบตา เมื่อหรี่ตาลง จ้องมองให้ชัดขึ้น ก็พบความกลัวซ่อนลึกอยู่ด้านใน

 

          หรือบางทีอาจารย์อาจจะไม่พูดกับผม แต่ไปกดดันที่ธูปให้เลิกคุยกันแทน

            ขณะที่ความเงียบเหงาและห่างเหินคืบคลาน สิ่งที่ก่อตัววนซ้ำคือความกระวนกระวายไม่อาจรักษาความสงบนิ่งให้ตัวเองได้ ธูปรักษาระยะระหว่างผมกับมันจนน่าอึดอัด นั่งอยู่ตรงข้ามกันแต่แน่นิ่งราวกับว่าถ้าขยับตัวแล้วจะก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สาม มันละเลียดกินอาหารในจานเชื่องช้า สั่งเป็นข้าวราดแกงง่ายๆ กับน้ำผสมน้ำเชื่อมง่อยๆ แก้วละ 12 บาทมาดื่ม สมัยผมเรียนราคามันถูกกว่านี้ และคิดว่าก่อนหน้าผมอาจจะไม่ใช่ราคา 10 บาทเช่นกัน

          “พักนี้ก็เลยอยู่ที่มหา’ลัยอย่างเดียวเลยสิ”

          เสียงเด็กสาวเอ่ยถาม ธูปละสายตาจากจานข้าวของตัวเองขึ้นสบตาแล้วพยักหน้าลง ผมลอบมองอากับกิริยานั้นเงียบๆ เป็นความเศร้าที่แฝงความอึดอัดใจ ไม่ใช่ธูปแบบที่เคยรู้จัก

          “เครียดแย่เลย”

          “ก็นิดหน่อยครับ”

          “ได้นอนบ้างหรือเปล่า” โบว์ถาม คู่สนทนายังคงตอบด้วยท่าทางขณะตักข้าวใส่ปาก มันไม่ได้กระตือรือร้นในการกินอย่างในภาพจำ เหมือนกินให้หมดๆ จะได้รีบลุกออกไปจากตรงนี้

          ผมเผลอถอนหายใจ ยาวเหยียดเหมือนผ่องถ่ายลมหายใจออกมาจากปอดจนหมด

          “เอ้า ถามคนนั้น คนนี้ทำท่าเหนื่อย คืออะไรอ้ะ”

          “เปล่า แค่อยากให้ธูปดูแลตัวเองดีๆ”

          “นี่ล่ะน้าศิษย์โปรดอาจารย์พิภพ” โบว์ยิ้มยิงฟัน แกล้งยวนโดยไม่รู้สถานการณ์ ผมไม่โทษว่าเป็นความผิดโบว์ ไม่โทษที่ธูปมีท่าทีประดักประเดิด ถ้าทั้งหมดเป็นความผิดก็อาจเป็นผมเองที่เสือกเป็นศิษย์โปรดอาจารย์พิภพ

          “โบว์ เดี๋ยวพี่มา”

          ผมพูด ตักน่องไก่ในชามก๋วยเตี๋ยวที่ยังไม่กินให้ธูป ”กินให้หน่อย ถ้าเสร็จแล้วจะกลับไปอ่านหนังสือก็ไป ไม่กวนแล้ว”

          “เดี๋ยวค่ะ พี่ก้อง” มือขาวคว้าไว้ ผมเห็นสายตาธูปจ้อง แต่ไม่พูดอะไร นิ่งแน่แชเชือนราวกับระหว่างเราไม่มีความสัมพันธ์ใดที่ลึกซึ้งกันมาก่อน “เป็นอะไรหรือเปล่า”

          “เปล่าค่ะ โบว์มีบุหรี่ไหม พี่ขอตัวนึงสิ”

          “เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปที่ร้าน สักห้าทุ่ม” ในที่สุดธูปก็เปล่งเสียงออกมาบ้าง เด็กหนุ่มรวบช้อนส้อมเข้าหากันไม่ยอมกินมากไปกว่านี้

          “ไปตอนร้านปิด?” เผลอดุนลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้ม กลอกตาขึ้นมองบนเพดาน ความหงุดหงิดงุ่นง่านเพิ่มทวีเท่าตัว หัวเราะหึออกมากลั้วลมหายใจ

          “ตามใจ... โบว์...” ผมทวงบุหรี่กับรุ่นน้องอีกครั้ง เด็กสาวมีทีท่าอิดออดแต่ก็ยอมหยิบให้พร้อมไฟแช็ก ผมรู้ว่าโบว์ติดมันและใช้บุหรี่เพื่อคลายเครียด ไม่คิดห้าม แต่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะใช้วิธีนี้ในการระบายสิ่งที่อัดอั้น ซ่องสุม กัดกินอยู่ในใจ

          “ธูปนั่งเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ” เจ้าของบุหรี่บอกคนฝั่งตรงข้ามที่ทำหน้าไม่สู้ดีเหมือนกัน

 





          ปลายมวนบุหรี่มอดไหม้ด้วยเปลวสีแดง กัดกินกระดาษสีขาวให้เป็นสีดำ กลิ่นมินต์อวลตลบคลุ้งในอุ้งปาก พ่นออกมาทางจมูก ชำระล้างแรงกดตึงของคล้ามเนื้อท้ายทอย แต่ทำให้น้ำลายเหนียวข้น

          ผมเลิกบุหรี่มานานแล้ว อันที่จริงก็ไม่เคยติด แต่สูบเพื่อเรียกร้องความสนใจในวัยเด็กทั้งที่พ่อแม่ก็เคยรักและสนใจดีทุกประการ อาจเป็นความคะนองและอยากได้รับการยอมรับในกลุ่มเพื่อน ผมเคยเป็นหัวโจกของแก๊ง ไม่ได้เจ้าชู้ประตูดินแต่ไม่เคยดิ้นรนถ้าจีบผู้หญิงสักคนไม่ติด เดี๋ยวก็มีคนที่สอง คนที่สาม ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีสาระอะไรให้จำ

          แต่นี่...กำลังเป็นบ้าอะไร เป็นบ้าเพราะถูกปั่นหัว รู้สึกไร้ค่าเมื่อถูกซุกซ่อนทั้งที่เข้าใจเหตุผลได้ ผมไม่ต้องมีใครให้แคร์นักเลยพูดได้ว่าอยากคบกันเหมือนคนอื่น เข้าใจทุกอย่าง ในกรอบปฏิบัติของไอ้ธูปที่จำเป็นต้องปิดบัง แต่เมื่อความปิดบังเข้มข้นตามประสาวัวสันหลังหวะกลับทรมานเสียยิ่งกว่ามันปฏิเสธกันด้วยซ้ำไป

           สรุปแล้วผมเป็นของทดลองชิ้นใหม่ของมัน หรือมันชอบผมจริงๆ กันแน่

         “ธูปไม่ชอบบุหรี่นะเฮีย”

          เงาทาบลงมาบนผนังปูนริมห้องน้ำ คนมาใหม่เอนตัวใช้แผ่นหลังพิง ผมหันหน้าหนี ไม่อยากคุยกับใครในเวลานี้

          “มันบอกว่ามากินข้าวที่โรงอาหารผมเลยตามมาดู แวะมาเจอเฮียที่ห้องน้ำก่อน”

          “เฮียพ่อมึงสิ” หันไปบอกลูกครึ่งอเมริกัน มันหัวเราะ ไม่ยักจะโกรธเหมือนตอนรถถูกใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

          “พี่คบกับมันจริงอะ”

          “มันบอกเหรอ”

          “ที่จริงก็สังเกตได้ วันที่พี่เปิดซิงมันแล้วมันมาเรียน คือนะ มันแปลกๆ แต่คงไม่คิดจะเค้นมันถ้าไม่เห็นรอยตอนมันก้ม”

          “ก้มอะไร”

          “ไอ้ธูปใส่เสื้อตัวใหญ่ บางครั้งนั่งอ่านหนังสือกันใต้คณะแล้วร้อนมันก็ปลดกระดุมบน ก้มทีเห็นไปถึงสะดือ แต่ไม่มีใครถือหรอก มันเป็นผู้ชาย ผมแค่รู้สึกว่ามันลุกนั่งแปลกๆ แล้วก็ถามว่าเมื่อคืนนอนที่ไหน หลักฐานมัดขนาดนั้นก็ต้องสารภาพ”

          ผมถอนหายใจ สัญชาตญาณเสือกของคนนี่มันรุนแรงจริงๆ “แล้วมันว่าไง”

          “ก็คบแหละ แต่ระแวงสัส กลัดกระดุมถึงเม็ดบนสุดยันวันนี้ โคตรเพี้ยน รอยดูดหายแล้วมั้ง เห็นเดินเหินได้ปกติ อย่ารุนแรงนักดิ ไอ้ธูปมันไม่เคย พี่ต้องใจเย็นๆ กับมัน แล้วซื้อเควายติดห้องไว้ด้วย you know it’s the best for sex อ่า แต่อาจทำให้ถุงแตกง่ายนะ” มาร์คเลิกคิ้วขึ้น “หรือไม่ใส่? ไม่ได้เลยนะเว้ย อันตราย”

          “คราวหน้าจะใส่” ตอนนั้นอารมณ์พาไป รู้แค่ว่ามันกับผมไม่เป็นโรค แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องการเกิดแผลภายในและการติดเชื้อ งี่เง่าฉิบหาย

          “พี่แม่ง อะไรวะ พึ่งได้จริงปะเนี่ย ขอบุหรี่ตัวดิ”

          “กูก็ไปไถน้องโบว์มา”

          “น้องงโบบบว์” ไอ้เชี่ยมาร์คลากเสียงยาว หลิ่วตามอง “เหมาคู่เลยปะเนี่ย”

          “แค่เพื่อนมึงก็ป่วนประสาทกูจะแย่แล้ว”

          ผมพ่นควัน สีเทาของมันเหมือนความอึมครึมระหว่างเรา มาร์คไหวไหล่ มองกลุ่มลมหายใจย้อมสีของผมจางออกไปช้าๆ

          “พี่แม่งเหมือนควันจริงด้วย”

          “อะไร”

          “มองเห็น ได้กลิ่น แต่จับไว้ไม่ได้ พร้อมพลิ้วไปตามลม พี่แบบ เป็นคนยังไงก็ได้เกินไป มันดูไม่จริงจัง ไม่ต่อสู้อะไรสักอย่างจะให้ธูปมันไว้ใจอะไร”

          “มันทิ้งกูเป็นรอบที่สามแล้ว” นับรวมกับสองครั้งแรกที่หายไปโดยให้ผมไปตามที่บ้าน สารพัดจะดูแลเพื่อให้เกิดครั้งถัดไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้เบื่อที่จะง้อ แต่อย่างน้อยก็ควรรู้ก่อนหรือเปล่าวะว่ามันโกรธหรือเป็นอะไร

          “จริงๆ มันก็ดีนะที่ you flexible แบบ... มีความยืดหยุ่น ปรับตัวกับสถานการณ์ง่ายเพราะไม่ลงใจกับอะไร ผมหมายถึง ถ้าธูปเซย์โน พี่ก็คงไม่เดือดร้อนอะไร”

          “ใครบอกมึง”

          “เดา”

          “อย่า judge คนอื่นไปทั่ว”

          “แล้วใช่หรือเปล่า”

          ผมนิ่งไปชั่วขณะ สูบบุหรี่ครั้งสุดท้ายแล้วฝังปลายมวนลงในถังทรายเหนือถังขยะใกล้ๆ ระบายลมหายใจออกมาเชื่องช้า ไม่เร่งรีบ ใบไม้ไหวทำให้เงาที่ทอดลงมากระดิกระริก สีเทาดำแทรกด้วยแสงจากพระอาทิตย์ใต้ต้นพิกุลสูงใหญ่ นึกถึงต้นพิกุลที่แม่ปลูก ไม่เคยเลี้ยงจนโตก็ต้องขายต่อ ส่งต่อ บ้านเราไม่ได้มีพื้นที่ลงดินให้มันขยายตัวนัก แต่แม่ก็ยังชอบปลูกต้นไม้ เพาะชำ แข็งแรงแล้วก็ขายไปเป็นงานอดิเรก

          “กูไม่อยากสูญเสียแล้ว”

          ทั้งแม่ และพ่อ ทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ทั้งสถานการณ์บังคับ หรือเลือกที่จะจากไปด้วยตัวเอง

          “โกงอะ พี่เล่นพนันแต่ไม่จ่ายเงิน”

          “อีกคนก็ไม่ลงเงินเหมือนกัน”

          “Okay, That’s fair but both of you not get any reward from this situation”

          มาร์คหมายถึงทั้งผมและธูปเมื่อไม่มีใครวางเดิมพันก็ไม่มีใครได้รับรางวัลที่เรียกว่าความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน หรืออย่างน้อยอาจจะยั่งยืน

          "พูดเหมือนมึงลงทุนกับพี่นันต์จนกูต้องเอาเป็นอย่าง”

          “No. Anan so cute when angry but I don’t really like him”

          “มึงแซวเขาขนาดนั้นแต่บอกว่าไม่ได้ชอบพี่นันต์จริงๆ?”

          “มันง่ายไงที่ปากเราว่างแล้วก็มีใครว่างตรงนั้นพอดี พูดว่าชอบใครสักคนมันง่ายจะตาย ยูก็รู้ ใครๆ ก็พูดได้ อย่างน้อยก็ต้องทำให้เห็นด้วยตา คู่ไปกับมองให้ออกด้วยใจปะ”

          “เอาไอนสไตล์มาเล่นกับกูอีกแล้ว”

          “หรือจะโสดไปตลอดชีวิตแบบนิวตันล่ะ เอาเถอะ ผมไม่ได้เนิร์ดเท่าไอ้ธูปหรอก คำพวกนี้ก็จำมันมา so you know what he really want from you”

          ผมมองหน้ามาร์คที่เดินห่างออกไปแล้วหยุดเพื่อทิ้งประโยคหลังไว้เท่ๆ

          “ชื่อธูปก็จริงแต่มันไม่ได้ชอบควันนะ”

          ผมล้วงมือใส่กระเป๋า มองขึ้นไปด้านบน ใบไม้ปลิวตามแรงลม จากกิ่งก้านสู่ปลายยอด มีจังหวะกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อยเมื่อกระรอกวิ่งจากกิ่งหนึ่งกระโดดไปสู่กิ่งหนึ่ง



          หรือเป็นที่ผมเองซึ่งไม่แข็งแรงพอให้มันคิดพึ่งพาให้ผ่านความกังวลใจนี้ไปได้ด้วยกัน







มาแหล่วว ขอโทษค่ะมาซะดึ้กดึกเลย ชื่อตอนนี้ fear eat the soul หมายถึง ความกลัวกัดกินจิตใจค่ะ เป็นเวลาที่ต่างคนต่างกลัวละ สู้นะ อย่ายอมนะ เฮ่ แปะศัพท์กิ๊กๆ ก๊อกๆ นิดนึง ตามความเข้าใจของอิฉัน ถ้าผู้รู้ท่านใดมีความเห็นอื่นแนะนำแก้ไขกันได้เน่อ

ปล. เรื่องนี้ 16 ตอนจบ แล้วจะไปเขียนพล็อตใหม่แล้วค่ะ วิ่งในหัวเยอะมาก จะร้อง

flexible = สามารถยืดหยุ่นได้

judge = ตัดสิน


That’s fair but both of you not get any reward from this situation = นั่นแฟร์สำหรับมึงทั้งสองตัวที่จะไม่ได้รางวัลอะไรไปเลยจากสถานการณ์นี้ หรือทำนองว่าไม่ทำอะไรซักอย่างก็แห้วไปเถอะ สมควรแล้ว

Anan so cute when angry but I don’t really like him = พี่นันต์น่ารักมากตอนโกรธ แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบเขาจริงๆ

so you know what he really want from you = ตอนนี้พี่ก็รู้แล้วปะว่าธูปมันต้องการอะไรจากพี่

       

เจอกันวีคหน้าเด้อ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Sykes ที่ 01-11-2018 01:19:09
หน่วงหัวใจจัง  :mew6:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2018 04:00:37
รึต้องลากมือกันไปสารภาพกับอาจารย์
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-11-2018 05:07:16
บางที ก็เน็วหปสำหรับการเริ่มต้น หรือจริงจังกับความรัก
การไม่พูด ความไม่ชัดเจน คือคำตอบว่าไม่มั่นคง

เฮ้อออ ธูปเอ้ยย หนูอย่าพึ่งถอยนะลูก กลับมาคุยกับพี่เค้าก่อน
มังกรอาจจะคิดน้อยไปนิด แค่รักมันไม่พอกับทุกสิ่ง
ธูปคิดเยอะ คิดมาก ด้วยความสมบูรณ์แบบที่น้องมี

ว้าวววว มาร์คโผล่มารอบนี้ ทำคะแนนได้ดีเลยค่ะ
คนนอกมักมองออก คนในเอง เหมือนฝุ่นเข้าตาน่ะ

เราชอบเรื่องนี้และทุกเรื่องของคุณเวสต์เลยจ้า
เรื่องนี้ได้ฟีลแบบว่าพาเด็กทำตัวนอกกรอบ
ทั้งที่ความจริงแล้วธูปแค่ทำตัวไม่เหมือนเด็กคนอื่น
อยู่ในกรอบจนชิน แคร์สังคมเยอะ ด้วยบทบาทพ่อแม่
มังกรก็หลุดความเป็นตัวตน จากที่เคยมีพ่อแม่ครบ
จนวันนึงแม่จากไป พ่อเหมือนลืมว่ามีลูก
มังกรก็เคว้ง ชีวิตพลิก น่าสงสาร แต่โชคดีที่คิดเป็น
 
ก็ได้แง่คิดอีกแบบนะคะ คนเราชีวิตไม่มั่นคงตลอดเวลา
และความสมบูรณ์แบบไม่มีจริง ในจิตใจก็ต้องมีความแปลกแยกบ้าง
แต่แค่ไม่พาตัวเองเข้าไปให้สิ่งที่จะทำให้มันแย่กว่าเดิมก็พอ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-11-2018 07:55:01
ธูปสู้ๆนะหนู  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 01-11-2018 10:04:44
มาร์คดูฉลาดขึ้นมาเพระาเป็นคนกลางนี่แหละ555555555
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 01-11-2018 10:20:09
เดินวนอยู่ในดง เควสชั่นมาร์คต่อไป

สู้ๆพี่มัง น้องธูป
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-11-2018 12:04:58
น้องจะกังวลก็ไม่แปลกอ่ะเจอแบบนี้ TT
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 01-11-2018 13:36:45
อะไรหลายๆอย่างยังดูไม่เคลียร์เลย จะจบแล้วหร่า ขออ่านต่อยาวๆได้มั้ยอ่า
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 01-11-2018 16:21:28
นอกจากมอเตอร์ไซต์แล้ว คำพูดน้องมาร์คก็มีประโยชน์ 5555

หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 01-11-2018 17:47:12
 :hao6:   :ling1:  สนุกมากกกกกกกกกกก.......อ่านรวดเดียวถึงตอนนี้  ......ค้างเลยสวยสวยสวย.....
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-11-2018 19:00:27
อีกสองตอนก้อจะจบแล้ว..วววว  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-11-2018 20:27:48
วันนี้เด็กมาร์คทำตัวดีมีประโยชน์
คำว่าจริงจังนี่จะให้พี่มังกรวิ่งไปชนกับอาจารย์พ่อรึ แต่ก็สมควรอยู่นะ กินลูกเขาไปแล้วนี่
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 02-11-2018 01:06:18
ตบเข่าฉาด มาร์คอ่านพี่มังขาด ความรู้สึกตงิดๆ กับพี่มังมานานแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร ได้คำตอบก็ตอนนี้  :serius2:

สงสารแต่น้องธูป สู้ๆนะน้อง อย่าเพิ่งแตกสลายไปก่อน
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-11-2018 13:44:51
พี่มังมีอะไรให้เสีย?

ความสัมพันธ์แบบเกือบจะเป็นครอบครัวกับบ้านธูปไง

มีมูลค่าเท่ากับสิ่งยึดเหนี่ยวให้รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีค่า
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 05-11-2018 10:57:57
ออกเป็นหนังสือเลยเถอะ อยากอ่านมาก ลุ้นๆตลอดเลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-11-2018 20:18:06
วันพุธแล้วนะฮะ น้องธูปเด็กเนิร์ดจะมาไหม ๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-11-2018 21:41:18
chapter 15
EMBARRASS YOUR FEELING


   

          ผมไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อยเมื่อกลับไปที่โต๊ะอีกครั้งจะเห็นโบว์นั่งกินขนมอยู่คนเดียว ธูปหายไปพร้อมมาร์ค คงเอาเพื่อนมาเป็นข้ออ้างจะแยกตัวกับผมแต่แรก ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่ยอมรับว่าคำพูดของมาร์คที่มันคงบอกเชิงกระแนะกระแหน ไม่ชอบใจนักก็สะกิดผมให้คิดวกวนในหัวแทนที่เรื่องเก่า ว่ากันว่ามนุษย์ไม่เคยหยุดคิด เห็นจะเป็นเรื่องจริง

          แสงที่เหลือในความมืดเป็นแสงของไฟหลอดประหยัด บวกกับโคมที่เพิ่มความสว่างให้งานเอกสาร ผมเอนตัว นวดตาเมื่อพบว่าอ่านข้อสอบไปเกินครึ่ง มีวูบไหวบ้างในช่วงเวลาหยุดพัก วูบไปกับความคิดถึงคนหนึ่งคนที่ทำเอากว่าจะตั้งสมาธิเริ่มงานใหม่อีกครั้งได้ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง

 



          “พี่ทำงานเหรอ”

          เสียงทุ้มต่ำกล้าๆ กลัวๆ ของเด็กหนุ่มดังแทรกความเงียบในคืนนั้น ผมหันไปมองและพบว่าเขาสวมเสื้อผ้าสบายๆ ไม่เหมือนที่ใส่ไปเรียน แสร้งเมินเฉยเย็นชากลับบ้าง อยากให้ทำให้รู้สึกเหมือนที่ผมได้รับอย่างสาสม

          “อืม ตรวจข้อสอบ”

          “พ่อรีบหรือเปล่า ผมช่วยไหม”

          “ไม่เป็นไร” วางปากกา ถอนหายใจ เหลือบดูนาฬิกาก็เห็นว่าห้าทุ่มกว่าแล้ว “มายังไง”

          “แท็กซี่ หนีพ่อออกมา”

          “แล้วทำไมไม่บอกเขาดีๆ ว่าจะมาค้างที่นี่” ผมถาม คราวก่อนๆ ก็เคยพูดตรงไปตรงมาได คราวที่เราตกลงปลงใจเป็นของกันและกันครั้งแรกหลังจากรู้ว่าอาจารย์พิภพระแคะระคายด้วยซ้ำ

          “ผม...ไม่ได้มาค้าง”

          ผมหรี่ตาลง มองนาฬิกาอีกครั้ง “นี่มันห้าทุ่มแล้วนะ”

          ธูปยังคงมีท่าทีประดักประเดิด วางมือไม่ถูกที่ ผมรวบเอกสารเข้าแฟ้ม ปิดโคมไฟตั้งโต๊ะแล้วเดินไปหา เด็กหนุ่มกวาดแขนไปมาเล็กน้อย เป็นอาการของคนไม่มั่นใจ

          “พี่โกรธผมไหม”

          “เรื่องไหน”

          “ผม...โกหกไม่เก่ง”

          เพราะทั้งชีวิตมันไม่เคยใช้ความเจ้าเล่ห์ตบตาใคร เป็นตัวของตัวเอง พกความมั่นใจในทุกการกระทำ ธูปไม่เคยลงมือถ้าไม่แน่ใจว่าหมากเกมนั้นจะชนะ เรื่องที่มีความเสี่ยงที่สุดที่ธูปเคยทำอาจเป็นเรื่องคุณกานดาที่มันลงมือจีบเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีที่มีในหนังสือเรียนทั้งที่ยังไม่มั่นใจ แต่แท้จริงแล้ว ธูปคือคนเขลาที่ยังไม่เข้าใจความเป็นไปของโลกเลยสักอย่าง

          “หมายถึงที่มาร์ครู้เรื่องเราน่ะเหรอ”

          “ครับ ผมกลัวว่าคนอื่นๆ จะรู้เพราะผมระวัง”

          เรายังคงหลอกตัวเองว่าอาจารย์พิภพหรือพี่นันต์อาจไม่รู้เบื้องลึกลงไปในความสัมพันธ์ของผมกับธูป เข้าใจไปว่าลูกชายคนเก่งไม่ได้มีใจฝักใฝ่เรื่องชู้สาว

          เพราะธูปไม่เคยถูกเรียกไปคุยหรือสอบถามสักครั้ง

           เด็กหนุ่มเม้มปาก กรอบตาแดงช้ำ เมื่อหยิบเอาแว่นสายตาออกจากหน้า ผมยิ่งสังเกตเห็นความทรุดโทรมชัดขึ้นกว่าเก่า

          “ได้นอนบ้างหรือเปล่า ปกติช่วงสอบมึงไม่อดนอนไม่ใช่เหรอ” ธูปเป็นคนแบบเดียวกับผมคือถนอมร่างกายตัวเองที่สุด ไม่โหมอ่านหนังสือจนซูบโทรม

          “นอนไม่ค่อยหลับเลยลุกมาอ่านหนังสือ”

          “ร้องไห้ด้วยหรือเปล่า”

          ในวันที่ผมไม่ได้ไปปลอบใจได้ ในวันที่ผมไม่สามารถทำให้มันเชื่อมั่นในตัวเองอีกแล้ว

          “ผมกลัว”

          ความรู้สึกผิดบาปที่แปลกแยกไปจากสังคม ธูปก้มลงมองปลายเท้า เสียงสั่นเครือ เมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็ทำใจโกรธต่อไม่ได้ ผมโกรธธูปไม่ได้ไม่ว่ามันจะป่วนประสาทสักแค่ไหนก็ตาม

          “พี่มังกร” สองขาขยับก้าว นิ้วโป้งเปลือยเปล่าของธูปเหยียบนิ้วโป้งเปลือยเปล่าของผม เด็กหนุ่มเอนตัวมาด้านหน้าเล็กน้อง ใช้หน้าผากชนก่อนผมต้องรั้งเอวเอาไว้ไม่ให้มันเสียการทรงตัว

           ธูปค่อยๆ เอียงคอ ขณะที่ผมโน้มตัวลงต่ำ ลมหายใจหดสั้น คล้ายควบคุมตัวเองได้ไม่ดีนัก เราค่อยๆ ใช้ริมฝีปากเกลี่ยแตะกัน สลับกับจมูก หน้าผาก ให้ผมหน้าเกี่ยวพันก่อนผมจะอุ้มมันขึ้นจูบอย่างตะกละตะกลาม

          เสียงของน้ำลายเหนียวดังฉ่ำแฉะ เราโอบกอดกันด้วยความโหยหา รักที่ซ่อนเร้นด้วยความหวาดกลัว กรอบที่ขังเราไว้ให้สามารถแสดงออกมาในห้องใต้บันได ธูปดึงเสื้อผมขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าติดแขนก็เปลี่ยนเป็นถอดเสื้อตัวเองออกอันดับแรก

          “ทำกัน”

          เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายร้องขอ บดเบียดสะโพกในอ้อมแขนให้ผมสัมผัสได้ถึงการตื่นตัวและแรงปรารถนา

          “ตรงนี้ไหม”

          “ไม่…ไปในห้อง” ผมใช้ริมฝีปากขบแผ่นอก เน้นย้ำตรงส่วนยอดที่เปล่งสีของเลือดฝาด ชูชันจากผิวขาว ธูปขืนตัวหนี ปฏิเสธซ้ำอีกครั้ง “ทำในห้อง”

          ผมยอมหยุดชั่วคราว หอบหายใจก่อนเดินลงบันไดทั้งที่อุ้มเด็กผู้ชายวัยยี่สิบไว้ในแขน เปิดห้องแห่งความลับด้วยมือเพียงข้างเดียว โยนธูปลงไปบนฟูก ล็อกประตูแน่นหนา หยิบถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นที่เตรียมไว้ก่อนคืบคลานตามไป

          ความกดดันที่ถูกข่มลงไว้ปะทุแรงกล้า ทั้งผมและมัน ร่างกายไม่ปฏิเสธความรู้สึกที่อยากแสดงออกตรงไปตรงมาและเปิดเผย เสียงของผิวเนื้อกระทบกัน ร่างกายหลอมรวมบดเบียด รสจูบที่คล้ายดูดและถ่ายวิญญาณให้อีกฝ่าย เหมือนหนอนดักแด้ที่นอนแน่นิ่งขยับปีกออกโผบินในช่องท้อง หนึ่งตัว สองตัว สามตัว ไม่อาจนับว่ามากมายเท่าไหร่ ความวาบหวามและอิ่มสุขภายในใจ ชั่วขณะหนึ่งที่เราต่างใช้เวลาด้วยกันเพื่อเป็นตัวของตัวเอง ขจัดความเศร้าหมองและอดีตที่ขีดเส้นเอาไว้

          “ธูป ถ้ากูรักมึงมากจนยอมเสียทุกอย่าง มึงไปกับกูได้ไหม”

          ผมมองตามัน เร่งเร้าจังหวะการเต้นของหัวใจด้วยการขยับร่างกาย จับขาเรียวแยก ธูปมองผม ตาแวววาวไหวระยับแต่ไม่ตอบคำถาม จากนั้นก็ปิดลงเชื่องช้า ปล่อยให้ร่างกายหลอมละลายเป็นหยาดหยดแม้ไม่สัมผัสแตะส่วนอ่อนไหวยามใกล้ฝั่ง เสียงกรีดร้องดัง เม็ดเหงื่อไหลจากจุดหนึ่งมายังอีกจุด ผมถอนตัวเพื่อใช้มือปลดปล่อยบนหน้าท้องอีกฝ่ายเช่นกัน



          “..อึก...”

 

          เหลือเพียงเสียงหอบหายใจ ดาวเรืองแสงบนผนังสมจริงขึ้นเมื่อสายตาพร่ามัว หลุดคว้างท่ามกลางความมืดมิดแต่อ่อนโยนราวได้รับอ้อมกอดจากผ้ากำมะหยี่ นัยน์ตาของธูปสะท้อนเงาวาววับจากแสงด้านนอกที่ลอดผ่านช่องเล็กๆ คล้ายความรู้สึกที่อัดแน่นเป็นมวลใหญ่ภายในห้องใต้บันไดที่เล็ดรอดออกไปกับอากาศ พัดลมดูดอากาศหมุนคว้าง เราจูบกันอีกครั้ง เนิบช้า อ่อนโยน เคล้าคลอลมหายใจด้วยลมหายใจ บอกรักผ่านอุณหภูมิที่ขึ้นสูงและลงต่ำ กวาดนิ้วหัวแม่มือไปบนแก้มนิ่มแต่เหนียวชื้นจากเหงื่อ จูบลงบนหน้าผากอีกครั้งก่อนหยิบเอาทิชชูมาทำความสะอาด ทิ้งตัวข้างกาย แน่นิ่งเงียบงัน มองดูดาวจอมปลอมบนเพดานเมลืองมลังสว่างไสว ประสานมือเกี่ยวไว้แทนความรู้สึก



          “ผมต้องไปแล้ว”

          ธูปว่าทั้งที่จับมือแน่น ผมแย้งด้วยเหตุผลนานาที่พอจะนึกได้

          “ค้างที่นี่แหละ พรุ่งนี้เช้าจะได้ออกไปวิ่งด้วยกันอีก”

          “ไม่ได้” มันหยัดตัวขึ้นนั่ง ผมเห็นเงาสีดำเคลื่อนไหว ธูปควานหากางเกง เปิดดูนาฬิกาจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงอีกที “ถ้าแม่ตื่นแล้วผมจะกลับเข้าไปในบ้านยาก”

          “ดึกมากแล้ว อันตราย”

          “ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้” ธูปตอบเสียงสั่น ควานหาเสื้อในที่มืดไม่เจอ ยอมแพ้ด้วยการเปิดไฟให้สว่าง “ผมไม่อยากให้แม่รู้”

          “ธูป เราอยู่ใกล้กันจนคบกันเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ไม่ได้หรอก”

          “ผมถึงได้พยายามทำตัวห่างจากพี่ออกมาไง”

          “ไม่ใช่ทางแก้ปะวะ”

          “พี่มังกร...พี่ก็รู้ว่าผมแบกอะไรเอาไว้บ้าง”

          “วางลงดิ แล้วจับมือกันไป” ผมรู้ว่าฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ถ้าคบกันแล้วยิ่งห่างหรือบนเส้นทางของความหวาดระแวงก็ยิ่งรู้สึกแย่ ผมรู้สึกแย่ที่ธูปทำแบบนี้ ที่เมินเฉย เย็นชา กลับมาอุ่นให้ร้อน แล้วก็ผุดลุกเดินหนี เมินเฉย เย็นชา ผลิตซ้ำความเจ็บยอกที่อยู่เบื้องลึก “นะธูป มึงเก่ง ทำไมจะไปด้วยกันไม่ไหว”

          “แต่พี่บอกว่าเราคบกันเงียบๆ ได้ไม่ใช่เหรอ ผมยังมีคนที่ต้องแคร์นะ”

          ประโยคหลังดังแผ่วในลำคอแต่ผมได้ยินชัด ใช่ เพราะผมไม่มีใครต้องแคร์อีกแล้ว คนเดียวที่ยึดโยงไว้กับโลกก่อนหน้านี้คืออาจารย์พิภพ คนที่คอยโยนโจทย์ข้อสอบชีวิตให้ผมได้รู้สึกสนุกกับการอยู่บนโลกต่อไป แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เวลานี้ผมแคร์ที่สุดคือคนตรงหน้า

          “มึงประสาทแดกที่เราเจอกันต่อหน้าคนอื่นทุกครั้ง ในบรรดาคนที่ต้องแคร์ไม่มีกูรวมอยู่ในนั้นเลยเหรอ”

          “หึ ต่อหน้าคนอื่นพี่เองก็ดูแฮปปี้นะครับ” เพราะไฟสว่างแล้ว ธูปเพิ่งหยิบแว่นจากพื้นผมเลยสังเกตว่าน้ำตามันคลอตลอดเวลา “ที่จริงผมก็อยากพูดเรื่องนี้ ผมไม่ใช่คนใจกว้างนัก”

          “หมายถึงอะไร”

          เสียงสูดลมหายใจดังผมมองหน้าคนพูดเขม็ง

          “ผมเป็นคนที่พี่ควงอวดใครไม่ได้ แต่ผมให้ความสุขเรื่องนั้นกับพี่ได้ เพราะงั้น ผมไม่ให้พี่…ไปนอนกับใคร”

          “คิดว่ามันแค่เรื่องเซ็กซ์หรือไงเล่า!”

          ผมเผลอตวาดเสียงลั่น มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความเจ็บปวด ธูปใช้หลังมือเช็ดน้ำตา แก้มของมันเป็นปื้นแดงจากรอยขูดของผิวเนื้อสู่ผิวเนื้อ

          “ผมแค่...จะบอกว่า ถ้าพี่ต้องการ...”

          “พูดเหี้ยอะไร!”

          ผมไม่เข้าใจ คนที่ทำตัวเมินเฉยเย็นชาก็มันทั้งนั้น “กูถามว่าพูดอะไร!”

          ธูปตัวสั่น ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือกลัว ผมเองก็เจ็บปวดไปทั้งใจจนไม่อาจคุมให้ตัวเองใจเย็นได้อีกต่อไป

          รู้สึกเหมือนถูกดูถูกความรู้สึกจนไม่มีค่า

          “มึงกลับไปซะ ก่อนจะไม่ได้กลับ”

          ผมข่มเสียงนั้นให้เบาลง ขณะที่ภายในแผดเผาย่อยยับ ธูปไม่มีโอกาสได้พูดจนจบ มันเลือกทางแรกที่กลับไปก่อนจะไม่ได้กลับจริงๆ

 

          ประตูปิดลง แขกที่มาเยือนกลางดึกจากไปในคืนเดียวกัน เข้ามาเยียวยาบาดแผลที่บอบช้ำและกระหน่ำซ้ำซัดด้วยคำพูดมีกี่คำ ทุกอย่างเหมือนฝันดีตามด้วยฝันร้าย ลืมตาตื่นบนที่นอนซึ่งเคยสุขสมก่อนพบว่าตัวเองลอยคว้างลำพังในอวกาศ ไม่ได้จับมือใครไว้ ไม่ใช่ยานอพอลโลที่พาไลก้าออกไป แต่เป็นขยะอวกาศชิ้นใหญ่ที่ไม่มีใครต้องการเช่นเคย เหมือนเคย เหมือนที่มันเป็นมาเสื่อสามปีก่อน สามเดือนก่อน ละสามนาทีก่อน

หันซ้ายขวาก็พบเพียงความมืดในห้องสว่าง ความมืดที่เป็นบ่อลึกดำในจิตใจ คล้ายอยู่ในดินแดนที่ไม่เคยมีพระอาทิตย์แวะมาเยี่ยมเยียนหลายศตวรรษ

          ทั้งมืดและหนาวจนไม่อาจข่มตาหลับลง

 





          เช้าวันใหม่ค่อยๆ พาพระอาทิตย์ลืมตาตื่น ผมทำงานที่อาจารย์ฝากไว้จนเสร็จ มิหนำซ้ำยังแก้ทีสิสไปอีกหลายบท

          พี่นันท์เดินทางมาถึงตามเวลาปกติ พร้อมจักรยานคันเดิมมองผมที่นอนฉ่ำแฉะบนบีนแบ็คด้วยแววตาประหลาเด เขาถอดเครื่องป้องกันอันตราย หมวก สนับข้อศอก สนับเข่า ล้างมือที่ซิงค์แล้วสวมผ้ากันเปื้อนที่ซักตากไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

          “ไม่สบายเหรอ”

          “ครับ” ผมตอบคำถามแบบขอไปที

          “ไปหาหมอไหม ออกไปได้นะ”

          “ไม่หรอกพี่ แค่นอนไม่พอ แก้งานจนเช้าเลย”

          “น่าสงสาร” ฟังดูเวทนาแต่ก็ยิ้มหยัน กวนประสาท

          “เออพี่ พี่เช่าหออยู่ใช่ปะ”

          “อ่าฮะ ทำไม”

          “มีห้องว่างไหมอะ ผมอยากย้ายออกจากที่นี่”

          “มีอยู่นะ แต่ห้องมันไม่ค่อยมีของอำนวยความสะดวก มึงอาจะได้ยินเสียงผัวเมียตีกันตอนเช้า ตกดึกเยกันจนบ้านถล่ม ไม่ก็อีกข้างเป็นฝรั่งสกปรกชอบถุยน้ำลายบนทางเดิน” พี่นันท์บรรยายพลางทำท่าเบื่อหน่าย “ หอถูกๆ อะ”

          “ไม่ไกลจากที่นี่ใช่ปะ”

          “ปั่นจักรยานได้ เดินก็ได้ มึงชอบวิ่งจะวิ่งมาก็ได้ แล้วทำไมอยากย้ายออกวะ มีเรื่องกับไอ้ธูปจริงๆ ใช่ไหม”

          บาริสต้าเค้น จะพูดว่ามีเรื่องก็มี ไม่มีเรื่องก็ไม่มี เป็นเรื่องระหว่างผมกับธูปที่ถ้าธูปไม่อยากเปิดเผยผมก็เคารพในการตัดสินใจของมัน

          “นิดหน่อย แต่คิดว่าถ้าออกไปอยู่ข้างนอกจะสบายใจกว่า”

          “ลองไปอยู่กับกูก่อนก็ได้ ถ้าอยู่ได้ค่อยคุยกับเจ้าของหอ” พี่นันต์เสนอทางเลือก ซึ่งเป็นทางที่ดีกว่าเพราะถ้าย้ายเข้ากลางเดือนน่าจะยุ่งยาก แต่ให้อยู่ที่นี่อีกครึ่งเดือนก็คงทำให้ธูปลำบากใจที่ต้องคอยหลบไม่มาที่ร้าน ยิ่งช่วงสอบที่เจ้าตัวบอกว่าเมื่อก่อนถ้าอ่านหนังสือดึกๆ ก็จะนอนที่นี่มากกว่ากลับบ้านเพราะเสียเวลาเดินทาง “กูไม่อยากให้มึงไปถือสาน้องมันนะ ไม่ว่ามันจะทำอะไรแปลกๆ จะพูดยังไงล่ะ ธูปมันเข้ากับคนอื่นยาก อาจารย์ให้มึงมาอยู่ด้วยน่าจะคิดเหมือนมึงเป็นคนในครอบครัว ธูปก็เคารพพ่อมันเสมอ ติดรั้นบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำไปเพราะเกลียดมึงหรอก”

พี่นันต์พูดโดยรวม ไม่ได้ถามรายละเอียดยิบย่อย แต่จริงอย่างเขาว่า ธูปไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่เจตนาดีเกินไปมากกว่า

          “ผมไม่โกรธมันหรอกครับ”

          ส่วนมันจะโกรธผมที่ไล่ไปคืนนั้นหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง

 





          ผมลังเลใจระหว่างการปรึกษาธูปก่อนหรือตัดสินใจเองตั้งแต่เมื่อคืน ผลคือการที่มายืนตรงหน้าอาจารย์พิภพ ในห้องทำงานส่วนตัวของเขาที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เอกสารที่ให้ช่วยเมื่อวานเสร็จสมบูรณ์ ผมไม่ค่อยทำอะไรผิดพลาด หรือถ้าพลาดมักเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มากกว่า

          “จะรีบเคลียร์ธีสิสหรือ ตรวจเสร็จเร็วจัง”

          “เปล่าครับ พอดีนอนไม่ค่อยหลับก็เลยลุกมาทำ”

          “นอนไม่หลับบ่อยหรือเปล่า” เขาถามพลางพลิกตรวจทานคร่าวๆ ยังไม่พบจุดที่ไม่ชอบใจ ข้อสอบของอาจารย์พิภพเป็นข้อสอบบรรยาย ผมเริ่มจับหลักวิธีให้คะแนนของเขาได้หลังจากเรียนวิชาที่สอง หลังจากนั้นก็เป็นคนเดียวที่ได้คะแนนเต็ม หรือไม่ก็ได้คะแนนสูงสุดของคลาส

          แต่ต่อให้ได้คะแนนไม่มาก ผมก็ไม่ได้สนใจนัก ขอแค่ไม่ต้องกลุ้มใจในเทอมหลังๆ ว่าจะเรียนจบหรือไม่เหมือนเพื่อนหรือรุ่นพี่บางคนก็พอ วิทยาศาสตร์เป็นวิชาน่าเบื่อ ข้อดีคือไม่พลิกแพลงมากถ้าเป็นการเรียนรู้ถึงอดีตที่ถูกพิสูจน์มาแล้ว ข้อเสียคือการค้นคว้าอะไรใหม่ๆ และนำเสนอให้เป็นที่น่าสนใจต่างหากที่ทำให้ทั้งตื่นเต้นและรู้สึกว่ามันยากจนอยากถอดใจดื้อๆ เหมือนกัน         

          “เพิ่งเป็นเมื่อไม่นานมานี้ครับ”

          ผมตอบคำถามที่เขาถามค้างไว้ อาจารย์พิภพไม่ได้มองหน้า แต่ก็รับรู้ถึงความเป็นห่วง อย่างที่พี่นันต์ว่าเขามองผมเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง

“ผมคิดว่าจะย้ายไปพักกับพี่นันต์สักพักแล้วเช่าหอข้างนอกอยู่ต้นเดือนหน้าครับอาจารย์”

          ถ้าหากจะทำให้ธูปเป็นตัวของตัวเองเหมือนเมื่อก่อน เรื่องที่พักไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย และเพราะที่มันพูดในวันนั้นว่ามันมีคนที่ต้องแคร์ก็ช่วยเตือนให้ผมรู้สึกตัวว่าผมก็ควรแคร์ความรู้สึกของอาจารย์พิภพทั้งในฐานะคนที่เป็นพ่อของธูป และผู้มีพระคุณของผมเช่นกัน อาจดูย้อนแย้งสับสนเพราะผมและธูปเลือกจะปิดบังสถานะที่เป็นอยู่เพื่อความสบายใจของคนอื่น แต่สุดท้ายนั่นก็เป็นการโกหก และความจริงก็คือผมคบกับธูปในลักษณะที่ไม่มีใครเห็นด้วยอยู่ดี

          เหมือนกับ คบหากันเพื่อรอวันที่ธูปกล้าเดินออกจากความสัมพันธ์มากกว่าเมื่อไรมันจะกล้ายอมรับการเป็นตัวของตัวเองต่อคนที่รักรอบตัว

          แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่คิดจะเลิกกับมันอยู่ดี

          “ทำไมถึงย้ายเสียล่ะ ที่นั่นไม่สะดวกสบายหรือ”

          “เปล่าครับ” ผมตอบ เขายังคงไม่มองหน้า อาจารย์พิภพไม่แซวเล่นกับผมอีกแล้ว ไม่ตั้งแต่ที่เจอโปสการ์ดฉบับนั้น “ผมแค่คิดว่าอาจารย์กับธูปอาจไม่สบายใจกับความรู้สึกของผม”

          “ที่มีต่อเจ้าธูป?”

          ผมเม้มปาก ยอมรับแต่เพียงผู้เดียว “ครับ ผมชอบธูปแต่ว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกของผมคนเดียว”

          “ไอ้ตัวแสบมันว่าแบบนั้นเหรอ”

          อาจารย์พิภพถาม เขารู้จักธูปดี ขณะเดียวกันก็เข้าใจความตั้งใจของผม “มันลำบากใจน่ะนะถ้ารู้ว่าลูกศิษย์ตัวเองมาชอบลูกชายที่เจอกันเพราะเรา”

          “ผมทราบครับ”

          “แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา ผมเองก็เหมือนกัน แต่ถ้ากังวลว่าจะโกรธจนไม่เอ็นดูกันอีกแล้วก็อย่ากังวลเลย ผมยังเห็นคุณเป็นลูกหลานเหมือนเดิม”

          อาจารย์พิภพสบตาผมในที่สุด เป็นแววตาที่ตรงกันกับการกล่าวอ้างคำพูดนั้น ความรู้สึกของผมไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำที่ชัดเจนได้ แต่มันทั้งอบอุ่นและกระอักกระอ่วนใจไปพร้อมกัน

          “ผมก็ยังเคารพอาจารย์เหมือนเดิมครับ”

          “ถ้าอย่างนั้นที่อยากย้ายออกเพราะกลัวว่าเจ้าเด็กนั่นจะลำบากใจอย่างเดียวแล้วสิ เอาอย่างนี้นะ ผมจะโทรหาธูปก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกที ตรงหอพักที่นันต์อยู่มันอันตราย เจ้านั่นอาศัยเป็นคนในพื้นที่ เกิด โตที่นั่น กลัวว่าคนต่างถิ่นไปแล้วจะมีปัญหาได้”

          เขากดโทรศัพท์โดยไม่รอคำตอบจากผม เปิดสปีกเกอร์โฟนให้ฟังไปพร้อมๆ กัน รอสายไม่นานนักธูปก็รับ ต่างจากที่ผมโทรไปก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน         

          “ว่าไงไอ้ตัวแสบ ทำอะไรอยู่”

          “เพิ่งพักครับ ติวหนังสือให้เพื่อนอยู่ที่ภาค พ่อมีอะไรป่าว”

          “พี่ก้องเขามาบอกว่าจะย้ายออกน่ะ เราว่าไง”

          อาจารย์พูดโดยไม่เกริ่นที่มาที่ไป ผมแทบหยุดหายใจเมื่อประโยคนั้นจบลง ปลายสายก็เงียบไปคล้ายบื้อใบ้ชั่วขณะ

          “เอ้า รีบๆ ว่ามา แล้วแต่เขาหรืออยากให้เขาอยู่ หรืออยากให้เขาไป”

          “เขาบอกพ่อตอนไหน”

          “นี่ล่ะ” อาจารย์มองนาฬิกา “ประมาณห้านาทีที่แล้วได้”

          “เขาไม่ย้ายออกหรอก ผมไม่ให้ย้าย จะย้ายไปอยู่ไหน อยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว ผม...”

          “แล้วทำไมต้องไม่ให้เขาย้ายด้วยล่ะ”

          ผมรู้สึกเหมือนอาจารย์พิภพกำลังเย้า หรือไม่ก็ไล่ต้อน พิสูจน์เอาประโยคที่ผมบอกว่าเป็นความรู้สึกของคนแค่คนเดียว ธูปอึกอัก บอกซ้ำว่าผมจะไม่ย้ายแล้วรีบวางสายไปติวหนังสือให้เพื่อนต่อ อาจารย์พิภพเก็บโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่วิจารณ์หรือออกความเห็นใด

          “ถ้าจะย้ายออกผมคงไม่ขัด แต่ไปคุยกับธูปเอาหน่อย เจ้าเด็กนี่ไม่ค่อยมีเพื่อนมาก กดดันตัวเอง เวลาเขาอยู่กับคุณแล้วดูสบายใจดี คงเป็นคนที่เขาเปิดรับเข้ามาในชีวิตแค่ไม่กี่คน” อาจารย์พิภพพูดนิสัยที่แม้แต่ธูปก็ไม่เคยเห็น ก่อนหมุนเก้าอี้กลับไปยังคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนเป็นภาพพักหน้าจอเมื่อละความสนใจมานานเกินไป “วันนี้คงไม่มีอะไรแล้ว ตัดสินใจยังไงก็ข้อความทิ้งไว้แล้วกัน ช่วงนี้ผมยังยุ่งกับเด็กๆ ที่นี่ ปิดเทอมแล้วคงได้พากันออกต่างจังหวัดอีกรอบ ผมกับคุณแล้วก็ทีมเก่าๆ”

          ผมครางรับ เป็นแบบนี้ทุกปิดเทอม หลังจากตรวจข้อสอบ ส่งคะแนนให้มหา’ลัยประกาศ

          ผมหมุนตัว ยังไม่ทันก้าวออกจากห้องโทรศัพท์ก็ดัง เบอร์โทรเข้าเป็นคนที่อ้างว่าจะไปติวหนังสือให้เพื่อนเมื่อครู่

          “พี่อยู่ไหน ผมจะไปหา เราต้องคุยกัน”

          เมื่อเอี้ยวตัวกลับไป อาจารย์พิภพยังคงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เล่นเป็นภาพพักหน้าจอ ภาพของธูปตั้งแต่เล็กจนโต มองมันนิ่งคล้ายหลุดไปยังโลกใบอื่น         







tbc

ตอนหน้าจบแล้วเด้อ

เรื่องนี้ง่ายๆ สบายๆ (ยังมีหน้ามาพูด) ดราม่าไม่หนักมากค่ะ อยากให้เห็นในตอนจบว่าสาเหตุที่เรื่องมันยากคืออะไรกันแน่ พล็อตนิยายเรื่องนี้เราตั้งใจจบตรงที่การสะสางปัญหา อาจไม่ได้มีเซอร์วิสต่อจากเรื่องเคลียร์แล้วมากเพราะเจตนาให้เป็นตะกอนคลุ้งในใจให้เราต่างได้กลับไปทบทวนเรื่องราวของตัวเอง

เราดีใจมากที่ตัวละครเราสามารถสะท้อนให้เห็นความเป็นคนในมิติต่างๆ ออกมาได้ ขอบคุณทุกคนที่ทำให้มาถึงจุดนี้ สำหรับเราแล้วนิยายเรื่องนี้สำคัญกับใจมากๆ เป็นทั้งการพิสูจน์ตัวเองหลังจากกลับมาอีกครั้ง แล้วก็ใส่สาระเรื่องที่รู้ลงไปเยอะมาก (เยอะจนกลัวว่าจะเบื่อกันมั้ยน้า)

ขอบคุณอีกครั้ง

เจอกันอีกทีกับตอนจบในสัปดาห์หน้าค่ะ

รักหัวใจทุกคนมากๆ เลยนะ

หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-11-2018 22:48:14
รู้สึกว่าอารมณ์แต่ละคนลอยฟุ้งอยู่ในหมอกหนา ๆ ไม่เป็นตัวของตัวเอง
แต่จากประสบการณ์ในอดีตของอาจารย์พ่อ
คงไม่ปล่อยลูกชายคนเดียวต้องเป็นทุกข์แน่
แถมพี่มังกรยังเป็นลูกศิษย์คนโปรดอีกด้วย
ยังไงซะงานนี้ลงพนันข้างอาจารย์พ่อก็แล้วกัน ฮีโร่ตัวจริง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 07-11-2018 22:51:01
ขอให้น้องธูปเข้าใจพี่มังกือเขาหน่อยน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-11-2018 00:23:26
พอมันเป็นเรื่องของความรู้สึกอะไรๆก็ย่กไปหทด
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Sykes ที่ 08-11-2018 02:16:37
อ่านแล้วเราจะร้องไห้ซะงั้นเลย  :mew6:
น้องธูปต้องก้าวผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้นะ

คุณเวสจะทำเล่มมั้ยคะ แอบเชียร์ให้คุณเวสทำเล่ม
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 08-11-2018 02:24:32
ต้องพยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เหลือที่ตัวน้องแล้วหล่ะ  :mew1: เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่น้าาา
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 08-11-2018 20:06:03
โห ชื่นชมอาจารย์นพเลยอ่ะ ขอให้แฮปปี้ๆ เฯีอะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 08-11-2018 20:42:03
หนูธูปลูกกกกกกกกกก
อย่าปล่อยให้พี่เขาหลุดมือไปนะลูกกกก โอ๊ยยคือคุณพ่อก็ไม่ห้ามแล้ว ตัวหนูเองต้องเปิดใจรับพี่เขาแล้วเปิดใจตัวเองด้วย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 09-11-2018 01:09:06
ตอนหน้าตอนสุดท้ายหรอ ใจหายเลย   :sad4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-11-2018 01:42:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 09-11-2018 08:38:47
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 09-11-2018 23:01:27
ไรท์หายไปไหนอ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 10-11-2018 22:07:46
พี่เค้าจะย้ายไปอยู่หอแล้วนะธูป  รู้สึกกับพี่เค้ายังไงก็รีบๆเลย   :hao7:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 11-11-2018 14:41:23
แท้ที่จริงอจ.พิภพอาจเข้าใจมังกรและธูปมากกว่าตัวเขาเองทั้งสองคนความรักความรู้สึกที่มีแต่ไม่กล้าแสดงออกให้ใครอื่นรับรู้ได้มันทำให้อึมครึมไปทั้งคู่จนไม่กล้าจับมือกันเดินต่อแม้อยากทำแทบขาดใจเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เป็นกำลังใจให้คุณเวสต์ให้พา2คนนี้มาพบlightening..ขอบคุณคุณเวสต์มากค่ะแล้วก็รอคอยพล็อตเรื่องต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.14 Fear eats the soul (01|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-11-2018 17:21:19
มังกร ไม่สับสน  :hao3:
มีแต่ธูป ที่สับสน  :really2:
เข้าใจกันซะทีนะ  :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-11-2018 17:59:46
พี่มังกรหาย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-11-2018 21:22:46
จะจบแล้ว....โอวโนว...วววววววววววววววววววววววว      :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 12-11-2018 09:19:58
พี่มังงงงงงง  ตอนหน้าจะจบแล้วว   อยากให้ถึงวันพุธไวๆ  แต่ไม่อย่างให้จบเลยยย ++
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 12-11-2018 09:23:12
อาจารย์พิภพ อบอุ่นจัง รับรู้ได้ถึงอาจารย์แกรักพี่มังกรเหมือนเป็นลูกอีกคน  และตอนนี้ก็กำลังจะมาเป็นลูกเขย   55555
อาจารย์แกดูออก ว่าธูปมีชีวิตชีวาขึ้นตั้งแต่มีพี่มังกรเข้ามา 
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 12-11-2018 12:11:10
 :hao7:  อ่านตอนก่อนหน้านี้   กลัวใจธูป  กลัวใจอาจารย์......กลัวไปหมด.....ตอนนี้....ค่อยใจชื้นนิดไม่  .....ไม่รู้จะหักมุมอะไรยังไงหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 12-11-2018 23:30:27
 :pig4:
 
 ต่างคน ต่างภาวะ แล้วก็ห้ามไม่ได้ถ้าจะต่างความคิด

 ก็แบบนี้แหละ ความสัมพันธ์มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนๆเดียวนี่นา
 
 
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 13-11-2018 21:33:27
อ่านตอนที่สิบสี่แล้วภาพของพี่มังกรที่เคยคลุมเคลือก็กลับสว่างแจ้งขึ้นมาในหัว เรียกว่าเป็นตอนที่แสดงภาพของพี่แกให้คนอ่านเห็นได้กระจ่างขึ้น ความจริงเราก็แอบเห็นด้วยกับมาร์คที่ว่าพี่มังกรเปรียบเหมือนควัน มีตัวตนแต่ก็ไม่ tangible จับต้องไม่ได้ เพราะสัมผัสเมื่อใดก็จะระเหยหายไปกับอากาศ ความจริงที่ว่าพ่อบังเกิดเกล้าหลบเข้าหลังผ้ากาสาวพัสตร์หลังการจากไปของแม่ แล้วทิ้งให้เขารับผิดชอบชีวิตตัวเอง ถ้าเป็นเรา...เราก็ว่าน่าจะทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกเคว้งคว้าง หาที่เกาะยึดไม่ได้ ราวกับนกไร้รัง ไม่มีคอนให้เกาะที่ไหนเลย ดังนั้น...ด้วยเหตุนี้เอง...พี่มังกรอาจมองข้ามการเป็นคอนให้คนอื่นเกาะบ้าง พอมาเข้าคู่กับน้องธูปเลยกลายเป็นว่า วิหคไร้รังสองตัวต้องฝืนบินไปกับลมพายุมืดครึ้ม พายุที่ว่าก็คือความสัมพันธ์ที่กำลังเริ่ม...เดินเตาะแตะอย่างไม่มั่นคง 

ส่วนตอนที่สิบห้า เริ่มเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เห็นขณะอ่านตอนก่อนหน้า เราว่า “เรื่องยาก” อยู่ที่ความรู้สึกของธูปเองนั่นละ เพราะดู อ.พิภพแกก็ตรงมากๆ ไม่มีอะไรปิดบังเลย ดูอย่างตอนโทร.ไปหาลูกชายเพื่อถามเกี่ยวกับพี่มังกรจะย้ายออกนั่นสิ เราว่าแกถามตรง แล้วก็ไม่อ้อมค้อมด้วยนะ กลับเป็นธูปเสียเองที่อึกๆ อักๆ สาเหตุน่าจะมาจากที่ว่า เด็กน้อยคนนี้เติบโตขึ้นมาในแวดล้อมของชื่อเสียงและความน่าเคารพของพ่อ เลยเกิดความคิดว่าตัวเองต้องทำให้ได้ดี และต้องไม่ทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของพ่อ และตัวเองต้อง “แบกรับ” นั่นนี่ไว้บนบ่า ทั้งที่พ่อเองก็ไม่ได้เอ่ยปากถึงเรื่องนั้นสักนิด อ่านแล้วเหมือนจะเข้าใจที่มาที่ไปของความคิดตัวละครหลายๆ ตัวขึ้นมานึดหนึ่งแล้วนะคะ พอได้คิดตามก็อยากจะเอาใจช่วยให้น้องธูปได้ลด “สิ่งของ” ที่แบกไว้บนบ่าลงบ้าง อย่างที่พี่มังกือบอก...ในคนที่แคร์นั้นมีพี่อยู่ด้วยหรือเปล่า? ถ้าธูปไม่ยอมเปิดใจแบบนี้ ระวังพี่มังกือแกไปโดดน้ำตายนะคะ ยิ่งคิดมากอยู่ อิอิ

ขอบคุณคุณเวสต์มากๆ เลยนะคะ สำหรับอัปเดตที่ทำให้ได้คิดตามนี้ ช่วงนี้ยุ่งๆ นิดหน่อยเลยอาจจะมาตามอ่านช้าไปบ้าง แต่ยังอยู่กับคุณเวสต์นะคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: SimpleZ ที่ 14-11-2018 14:27:25
 ชอบทุกอย่างในเรื่องนี้มากมันมีความน่ารัก มีความสดใส มีความอึมครึม ชอบไปหมด
แต่งงานกับเราแล้วเขียนนิยายให้เราอ่านทุกวันเถอะ555555555555555 :hao7:

รอตอนต่อจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.15 EMBARRASS YOUR FEELING (07|11|18) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-11-2018 17:30:43
 :mew2: จากเรื่องเก้ฝ่าของอาจารย์ คงทำให้เค้าพยายามทำใจยอมรับแหละ
แล้วต้องมาช่วยลูกศิษย์กับลูกตัวเองเคลียร์กันด้วยยยย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 14-11-2018 23:01:28
chapter 16
GO THROUGH TOGETHER



 

      ผมไม่เคยคิดว่าจะมีช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกับธูปแล้วจะลำบากใจได้ แต่มันก็เกิดขึ้นเมื่อเราเดินเคียงข้างกันในที่สุด ธูปเว้นระยะห่างขณะเดินกับผม ไม่พูดอะไร ส่วนผมก็ได้แต่ก้าวตามโดยไม่ถามสักคำ


      ไม่รู้ว่าเกิดเป็นความรู้สึกมึนตึงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจเป็นเมื่อมันเห็นความรักของผมเป็นเพียงเรื่องเซ็กซ์ หรือเมื่อผมไล่มันออกจากร้านของตัวเอง เกิดขึ้นเพราะเราตกลงจะคบกันเงียบๆ หรือร่วมรักกันถึงรุ่งสางของวันก่อนหน้านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร การเจอหน้ากันก็ไม่ทำให้หัวใจเต้นแรงเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว


      บางทีความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความกลัวอาจจบลงง่ายดายเพียงนี้ ผมคงเสียใจ เสียดาย แต่เห็นได้ชัดว่าถ้าธูปไม่ต้องการสานต่อมันง่ายแค่นิดเดียว คือการที่เขาตีตัวออกห่างทำตัวเมินเฉยใส่ผมโดยไม่มีคำอธิบาย

      “พี่จะย้ายออกจากร้านเหรอ”

      มันเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน หยุดเดินเมื่อเห็นเก้าอี้ว่างใต้ร่มไม้ห่างจากคณะออกมา ที่นี่เป็นสวนหลังห้องสมุดที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน ไม่เหมาะกับการอ่านหนังสือ อาจเพราะต้นไม้ทึบเกินไป ทำให้แสงสว่างไม่เพียงพอ

      “อืม มึงจะได้ไม่ต้องเกร็งถ้าจะเข้าไปหลังร้านปิด แต่ตอนกลางวันต้องทนหน่อยล่ะ เพราะกูต้องไปทำงาน”

      “พี่หมายถึงอะไร” ธูปหันกลับมามอง พอไม่มีแว่นแล้วเห็นแววตาที่มีหางตาตกเศร้าลงกว่าปกติชัดเจน “พี่จะย้ายไปอยู่กับพี่นันต์เหรอ”

      “ช่วงแรกน่าจะแบบนั้น”

      “แล้วยังไงต่อ จะได้ไปเจอพี่โบว์ได้ง่ายๆ ใช่ไหม หรือย้ายไปอยู่กับพี่โบว์เลย”

      “เกี่ยวอะไรกับโบว์วะธูป”

      “ก็เห็นทุกครั้ง ผมไม่ได้ตาบอดนะ” น้ำตาหยดกลิ้งลงจากกรอบตา ธูปใช้หลังมือเช็ดแก้ม จมูกแดงเท่ากับหู “ผมรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นที่แคมป์”

      “มึงพูดเรื่องอะไร”

      “พี่จะคบกับผมได้ยังไงถ้าพี่ก็มีใจให้พี่โบว์ พี่ไม่กล้าคบกับพี่โบว์เพราะพี่กลัวความสูญเสีย พี่กลัวความรัก คิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ ที่ผมเคยถามว่าพี่รักผมมากแค่ไหนมันยังน้อยกว่าที่พี่คิดกับพี่โบว์ด้วยซ้ำ แล้วยังไงต่อ ถ้าผมคบกับพี่ แล้วพี่ทิ้งผมไปหาพี่โบว์ ที่พี่บอกว่าจะจับมือไปด้วยกันเหลือแค่ผมคนเดียว ผมจะผ่านเรื่องนี้ไปยังไง ทุกคนรู้แล้วว่าผมเป็นเกย์” ธูปพรั่งพรูทุกคำพูดในหัวออกมา มันตัวสั่นเหมือนทุกครั้งที่เผยความในใจ แต่สิ่งที่เห็นจากในนั้น จากคำพูดที่บอกว่าผมกลัวที่จะรักโบว์และใช้มันเป็นเครื่องมือปกป้องตัวเองชั่วคราวจนกว่าจะมั่นใจมีรักครั้งใหม่นั่นมันไม่ใช่เลย

      ธูปต่างหากที่กำลังกลัว กลัวการที่ตัวเองหลงเข้ามายึดติดกับผมจนไม่อาจปล่อยมือไปได้

      “อย่าคิดเผื่อกันได้ไหม”

      เมื่อฝ่ายหนึ่งร้อน ผมก็กลายเป็นคนเย็น หลับตาลงแล้วดึงมันมากอด ธูปไม่ขืนตัวออก ราวกับโหยหากอดนี้เหมือนกัน “ทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากวะธูป แค่มึงพูดเรื่องที่มึงคิดออกมา”

      “ผมไม่อยากงี่เง่า”

      “การคิดไปเองต่างหากที่งี่เง่าที่สุด”

      “พี่ก็คิดไปเอง คิดว่าถ้าย้ายออกไปแล้วผมจะสบายใจขึ้น จะให้ผมทำยังไง ผมไม่รู้ ผมไม่อยากยึดพี่ไว้แต่ผมปล่อยพี่ไปไม่ได้หรอกนะ”

      ผมนึกถึงที่ค่ายที่ติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ ที่เคยตั้งคำถามให้ตัวเองว่าธูปจะถามถึงผมผ่านทางอาจารย์พิภพหรือไม่ “โบว์ชอบกู อาจารย์รู้แค่นั้น แต่กูบอกเขาแล้วว่ามีคนที่ชอบอยู่ก่อนจนมองใครไม่ได้แล้ว”

      “แต่กลับมา พี่กับพี่โบว์ก็...”

      “ธูป ถ้ากูชอบโบว์จะอยากคบมึงเปิดเผยไปทำไม” ท้ายที่สุดเราก็รู้ว่าเมื่ออารมณ์ของความหึงหวงทำงานรุนแรง ต่างก็มองข้ามตรรกะทั้งหมดทั้งสิ้น ผมเข้าใจคำว่าควันของมาร์ค มันหมายถึงการที่ธูปไม่อาจมั่นใจถึงความรู้สึกของผมได้ และผมที่ยังคงไม่ยืนยันกับธูปว่าจริงจังแค่ไหน ธูปต่างจากผม มันเป็นคนจริงจังและแคร์คนอื่น ขณะที่ผมเป็นแบบที่เจ้าตัวเคยว่า ผมไม่เหลือใครให้แคร์ ทุกอย่างดูเหลาะแหละไม่สามารถยืนยันให้ใครมั่นใจได้

      “จริงของมึงว่ากูกลัวการสูญเสียจนไม่อยากเริ่มใหม่ แต่ถ้าเริ่มไปแล้ว รู้สึกไปแล้ว กูจะทำทุกอย่างไม่ให้เสียไปนอกเสียจากมึงขอปล่อยมือไปจากกูเอง”

      “ถ้าอย่างนั้นจะย้ายออกทำไม ผมไม่ให้พี่ไปได้ไหม ผมอยากเจอพี่ตลอดเวลา อยากรู้ว่าพี่อยู่ที่ไหน ผมไม่อยากกังวลเหมือนคนบ้า แต่บ้าชะมัด ผมไม่ชอบพี่โบว์เลย ไม่ชอบใจเลย”

      “หวงเหรอ”

      เป็นอาการหวงที่ไม่น่าชื่นใจสักนิด หึงเสียจนผมหวั่นใจต่อความรู้สึกของมันไปเสียหมด ธูปพยักหน้าในอ้อมแขน เอาหน้าถูไถกับเสื้อยืดของผมเช็ดน้ำตา ผมหัวเราะ กอดมันแน่นขึ้นอีกหน่อย

      “แล้วจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหรอ ให้กูอยู่ที่นั่น มึงก็เมินกูเพราะไม่อยากให้ใครสงสัย”

      ผมถามเพราะไม่รู้ว่าจะสามารถอดทนต่อท่าทางอันบั่นทอนความรู้สึกได้แค่ไหน ก่อนหน้านั้นที่จะคบกันธูปเองเป็นคนที่เสนอนิสัยสกินชิพมาให้ ผมลูบหัวมัน ตบบ่าหรือกระทั่งดีดหน้าผากยังได้ ความสัมพันธ์นั้นยังไม่ถูกแก้ให้สบายใจทั้งสองฝ่าย มีเพียงผมที่พูดออกไปว่ามันเชื่อใจผมได้แน่นอน

      “ผมไม่อยากรู้ตัวตอนเสียพี่ไปแล้ว”

      “รู้ตัวว่าอะไร”
     
      “รู้ตัวว่าผมต้องการมีพี่ในชีวิตแค่ไหน เทอมนี้ผมต้องไม่ได้ที่หนึ่งแน่ๆ ผมเอาแต่คิดเรื่องพี่ทั้งวัน ผมเสียสมาธิ ผมทำข้อสอบไม่ทัน แต่ผมรู้ว่าพี่จะเป็นคนบอกผมว่าไม่เป็นไร”

      ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่ส่งผลต่ออีกฝ่ายขนาดนั้น สายลมพัดใบไม้ที่ลอยอยู่เหนือหัวโบกสะบัด เกิดเป็นเสียงหวีดหวิว บางใบร่วงลงมา เมล็ดพันธุ์ก็เช่นกัน กลิ่นของธรรมชาติและความเป็นส่วนตัวในป่าโล่งกว้างไม่ต่างจากการยืนเปลือยเปล่าปลดพันธนาการ ไม่มีสายตาของใครจับจ้อง เส้นศีลธรรมกลายเป็นขอบทะเลที่มองไปไม่เห็นว่ามันบรรจบกับท้องฟ้าที่ไหน “ไม่เป็นไรธูป มึงเป็นคนธรรมดาๆ”
     
      ประโยคนั้นผมมักจะบอกกับมัน ให้ธูปปล่อยผ่านความคาดหวังและสิ่งที่พันธนาการเอาไว้ เรื่องที่แบกอยู่หรือกระทั่งความรักที่วกกลับมาทำร้ายตัวเองด้วยการรัดรึง ตีกรอบให้เป็นไปในประเพณีนิยม

      “คนธรรมดาไม่ต้องได้คะแนนดีที่หนึ่งตลอดไปก็ได้ คนธรรมดาที่มีความรักได้”

      “แม้แต่รักกับผู้ชาย?”

      “ความรักของเพศไหนก็เป็นความรักเมื่อมันเป็นรัก” ถ้ามองประวัติศาสตร์แล้วการคบหาของคนเพศเดียวกันไม่ได้เพิ่งถูกบัญญัติขึ้นว่ามี เพียงแต่มันมีและถูกกำหนดให้เป็นสิ่งผิดบาปมาเนิ่นนาน อาจเพราะเพื่อกฎของการอยู่รอดของมนุษย์ที่ต้องการให้สืบพันธุ์ต่างเพศเพื่อดำรงการมีอยู่ของประชากร

      แต่รักเป็นเรื่องที่ต่างออกไป ไม่มีใครใช้มาตรวัดได้

      ธูปคลายแขนออก ตามันบวมขึ้น โดยเฉพาะใต้ตา ราวกับว่าการพูดคุยธรรมดาแก้ปมปัญหาทุกอย่างที่หมักหมมสะระตะอยู่ในใจ

      “พี่จะไม่ไปไหนใช่ไหม”

      เป็นคำถามที่ผมต้องย้ำอีกครั้ง พร้อมกับกลั้วหัวเราะในความหวาดระแวงที่เกิดจากความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ก้าวมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับ

      “พี่มังกร” เด็กหนุ่มเรียกชื่อ ผมครางรับให้เขาพูดต่อ “กลับร้านไปพร้อมพ่อกันไหม”

      ผมเงียบไปชั่วอึดใจ แต่ถ้ามันว่าแบบนั้น เห็นทีก็คงขัดไม่ลง

 

      “เหรอ แล้วธูปก็ไปร้องไห้ไม่ให้พี่ก้องย้ายออกเหรอ”

      ระหว่างทางกลับร้าน อาจารย์ถามลูกชายคนเดียวถึงสาเหตุที่ลากผมกลับไปพร้อมกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาอยากให้ธูปเป็นม้าเร็วเอางานมาส่งที่ร้านก็ไม่ยอมท่าเดียว เด็กหนุ่มพูดตามจริงว่าเขาชอบให้ผมอยู่ที่ร้าน และไม่เห็นความจำเป็นที่ผมจะต้องย้ายออก แต่เว้นว่างเรื่องความรู้สึกของผมที่อาจารย์พิภพทราบดีเอาไว้

      “ผมไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย”

      “ตาบวมขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ได้ร้องไห้อีกนะเรา” คนพูดเอื้อมมือมาหยิกจมูกระหว่างรถติดไฟแดง ธูปประท้วงเสียงอู้ เอนตัวหนีชิดประตูข้างคนขับ ส่วนผมนั่งข้างหลังกับกองหนังสือที่อาจารย์พิภพรวบรวมกันไว้อีกฝั่งของเบาะนั่ง

      “ผมเป็นภูมิแพ้ต่างหาก ช่วงนี้ก็พักผ่อนน้อยด้วย” มันยังอ้างสีข้างถลอก ผมไม่ได้พูดอะไร ฟังเสียงเถียงคำไม่ตกฟากของเด็กท่ามากอีโก้สูงด้วยรอยยิ้ม ก่อนประโยคต่อมาคนขับรถจะมองสะท้อนกระจกมองหลังมาคุยกับผม

      “แล้วเราก็อยู่ต่อง่ายๆ เลยหรือ?”

      “ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้หยุดร้องนี่ครับ”

      “ไอ้พี่!” ธูปค้อนขวับ อาจารย์พิภพหัวเราะในลำคอ วางมือบนหัวลูกชายโยกไปมา

      “เป็นพ่อลูกกันมาตั้งกี่ปี ทำไมจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เป็นภูมิแพ้ เมื่อไหร่ร้องไห้ เป็นเด็กเป็นเล็กหัดโกหกพ่อแม่เหรอ”

      “ไม่ได้โกหก”

      “แค่พูดไม่หมดหรือไง” อาจารย์ย้อน ถ้าบอกว่าไม่ได้ร้องไห้นั่นโกหกเต็มๆ ต่างหาก “หัดมาให้เนียนกว่านี้ก่อนไอ้หนู”

      “ผมก็แค่กลัวเหงาเท่านั้นเอง”

      ธูปว่า เท้าแขนกับขอบหน้าต่างรถ มองออกไปด้านนอกที่การจราจรแน่นขนัด เราอยู่ในรถสามคนโดยไม่รู้สึกอึดอัด คล้ายกับเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างแท้จริง “ถ้าไม่ติดว่าต้องเอางานกลับไปทำที่บ้านนะคงไม่เอารถออกมาทำงาน ดูสิ สิบนาทีแล้วยังไม่พ้นแยกนี้เสียที”

      “ถนนปิดทำรถไฟฟ้าหลายที่น่ะครับ”

      “บ้านเมืองเหมือนพัฒนานะ แต่ก็ไม่พัฒนาให้ถูกที่ถูกทางอยู่ดี” อาจารย์พิภพว่า เขาเลิกวิจารณ์รัฐบาลนานแล้วเมื่อพบว่าไม่ว่าขั้วการเมืองไหนสิ่งแวดล้อมก็ยังเป็นเรื่องที่ถูกละเลยอันดับหนึ่ง “ถูกที่ถูกทางคืออะไรอ่ะพ่อ”

      “ก็อย่างเช่นแทนที่จะปรับปรุงขนส่งสาธารณะให้สะดวกปลอดภัย กลับใช้เงินสร้างรถไฟฟ้าอีกหลายสายขึ้นพร้อมกัน ที่จอดสำหรับคนเอารถออกจากบ้านก็ไม่มี แบบนี้จะให้คนอยากใช้รถไฟฟ้าแต่ต้องเอารถออกมาหน้าซอยจะเอารถไว้ไหน” เขาบ่นยืดยาว เป็นบทสนทนาที่ประหลาดเมื่อเป็นบทสนทนาระหว่างพ่อลูก โดยเฉพาะลูกที่เป็นวัยรุ่นยุคใหม่

      “แก้ยากมากเลยใช่ไหม”

      “ก็ยากแหละ มีความซับซ้อนที่มากกว่าระบบโครงสร้าง เป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลงในนิสัยคนไทย”

      ผมไม่ได้แสดงความเห็นแต่เด็กหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย คงพบเจอจากประสบการณ์ทำงานราชการของพ่อ หรือไม่ก็กระบวนยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรมตามหน้าสื่อ “พ่อคิดไงกับเรื่องวัฒนธรรมไทย”

      “อะไรกัน อยู่ๆ ก็ชวนคุยเรื่องนี้”

      “รถมันติดนี่ครับ” ธูปว่า ก่อนพูดต่อ “ถ้าผมเป็นคนไม่มีศาสนา พ่อว่าผมควรโดนประจานไหม”

      “จริงๆ พ่อว่ามันก็ไม่แฟร์หรอกที่จะต้องระบุศาสนาให้เด็กตั้งแต่แรกเกิด” เขาว่า ไฟแดงเปลี่ยนเป็นเขียว แต่การจราจรหนาแน่นเกินกว่าจะขยับได้ในทันที “บางทีมันก็น่าอึดอัดที่ต้องติดอยู่กับอะไรแบบนี้”

      “รถหรือวัฒนธรรม” ธูปถาม เขาไม่แน่ใจว่าพ่อกำลังพูดถึงอะไร “ข้อดีของการรถติดก็มีนะพ่อ บางครั้งผมก็ได้ทวนโน้ตสั้นๆ บนรถเมล์ก่อนไปสอบ”

      “ทุกอย่างมันมีทั้งข้อดีข้อเสียน่ะนะ แต่อะไรที่เกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องมองเห็นว่ามันมีข้อดีแฝงอยู่ด้วย แบบนี้ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเครียดเกินไป” เขาชมลูกชาย ก่อนจะย้อนอดีตเพื่อตำหนิ “เราด้วย อย่าตึงเกินไป”

      “ก็ไม่ได้ขนาดนั้นซักหน่อย”

      “ตั้งแต่รู้จักกับก้องก็ดูหย่อนลงเยอะ แต่ก็ยังเป็นคนเครียดเกินไปอยู่ดี” ผมสะดุ้งเมื่อถูกดึงไปในบทสนทนา อาจารย์พิภพผ่อนลมหายใจ เขาเปิดเพลงแจ๊ซเก่าๆ ชะล้างกลิ่นอายของควันที่ทำให้คนเครียดเมื่อถูกขังในยานพาหนะเล็กๆ กลางถนน “ธูป พ่อไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเรามากขนาดนั้นหรอกนะ”

      ผมกับธูปสบตากันผ่านกระจกอย่างเข้าใจนัยยะที่เร้นมา ไม่ว่าจะพูดปลายประโยคเปิดกว้างแค่ไหนก็เข้าใจได้ว่าประเด็นที่กำลังหมายถึงคือเรื่องอะไร

      คล้ายกำลังเล่นเกมที่แหย่กันไปมา ก่อนหน้านี้ธูปทำอาจารย์พิภพประหลาดใจด้วยการลากผมไปเคาะประตูห้องแล้วบอกว่าเราสามคนจะกลับรถคันเดียวกัน

      ผมมองเห็นความกล้าในตาคู่นั้น แต่ก็เสียงเบาลงเมื่อพ่อยิ้มให้อ่อนโยน

      คงเป็นความรู้สึกผิดแบบที่เด็กคนหนึ่งไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง นาทีนั้นผมไม่อยากกดดันธูปอีก ไม่สำคัญแล้วว่าเราจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างระแวดระวัง หรือตีตัวออกห่างจนคล้ายถูกรังเกียจแค่ไหน หรือประโยคเจ็บแสบที่เหมือนกับธูปกำลังเล่นกับความรู้สึกผมนั่นล้วนเกิดมาจากความหึงหวงสะระตะไร้สาระที่เอาไปคิดเสียอกเสียใจจนใช้มันทำร้ายผมโดยไม่รู้ตัว

      ภาพของธูปที่ยักแย่ยักยันอยากทำให้ผมมั่นใจ ต่อสู้กับความประหม่าและอาจทำให้คนที่รักผิดหวังทำให้ผมอยากบอกธูปว่าถ้าไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร ขณะนั้นกลับเป็นอาจารย์พิภพที่เปิดประตูให้ก่อน

      “ผมรู้ว่าพ่อรักผมมาก”

      “รักตั้งแต่อยู่ในท้องแม่นั่นล่ะ ตั้งแต่สองสัปดาห์แรกที่ยังซาวนด์ไม่ได้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยซ้ำ” รถเคลื่อนตัวแล้ว แต่อาจารย์ใช้มือข้างเดียวขับ มืออีกข้างวางบนบ่าลูกชาย ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือเย้าแก้มขาวด้วยการเกลี่ยเล่น “เข้าใจที่พูดไหม”

      “ผมชอบพี่มังกร ชอบแบบ...แบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะไม่คิดกับอีกคนแบบนี้”

      “ชอบแบบที่คนคนหนึ่งจะชอบคนอีกคนได้” อาจารย์พิภพเสริม ผมถูกจับเข้ามาในรถนี้คล้ายกับเพื่อฟังคำอนุญาตไปพร้อมๆ กับธูป เผชิญความรู้สึกไม่ปลอดภัยแต่หนีไปไม่ได้ เราสามคนถูกขังไว้จนกว่าจะเข้าใจกันทั้งหมด

      “ลูกพ่อก็เป็นคนคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเป็นคนดี คนเรียนเก่ง หรือคนมีเหตุผลก็ได้ พ่ออนุญาตให้ธูปมีชีวิตเป็นของตัวเองอยู่แล้ว รสนิยมกับศีลธรรมไม่ได้เกี่ยวข้องกัน มันเป็นแค่ทางเลือกของเรา”

      “ผมขอโทษ”

      “ขอโทษอะไร ก็แค่เป็นคนเอง ที่ผ่านมาบางครั้งพ่อก็สงสัยนะว่านี่เลี้ยงลูกได้เป็นลูกคนจริงๆ หรือเปล่า” เขาพูดแหย่ ลักษณะผิดกับเมื่อคุยกับผมคนละโลก ที่บอกว่าเมตตาเหมือนลูกหลานนั่นพูดจริง แต่คนที่เป็นลูกหลานจริงๆ ซึ่งอาจารย์จะไม่มีวันโกรธก็คือธูปต่างหาก

      “ไอ้หมอนี่อาจจะทำให้ธูปเสียใจ รู้ไหม ก้องกิดากรณ์เป็นคนเก่ง เข้าหาคนเป็น กลัวการผูกมัด ถ้าเสนอทุนให้โดยชดใช้กันทีหลังไม่มีทางจะรับแน่ๆ พ่อถึงต้องให้ทุนเรียนฟรีไป แต่เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบ ถ้ารับอะไรไปเป็นบ่วงในชีวิตแล้วจะรักจนไม่สามารถหลุดออกมาจากวงโคจรได้เลย”

      ธูปมองผมผ่านกระจกหลังอีกครั้ง ทำปากคว่ำ ผมสะดุ้งตัวนิดๆ เมื่อตกเป็นหัวข้อสนทนาถัดไป

      “เขาไม่เคยหลุดจากบ่วงที่รู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้งได้เลย เพราะงั้นถ้าใครรับไปก็คงลำบากหน่อยถ้าจะหนีออกมา”

      “อาจารย์”

      “คบกันแล้วไม่ใช่ว่าธีสิสคุณจะง่ายขึ้นนะ ก้อง” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ท่ามกลางการเดินทางที่แออัด บรรยากาศในห้องโดยสารกลับผ่อนคลายลง รถติดไฟแดงอีกครั้ง เสียงแจ๊ซบรรเลงผ่านลำโพงรถกลบเสียงลมหายใจของชายสามคนได้สงัด ธูปปลดเข็มขัดนิรภัยออก ผมเห็นตัวเลขด้านหน้าขึ้นอยู่ที่ร้อยกว่าวินาที หมายความว่ามีเวลาหนึ่งนาทีกว่าๆ ในการละเลยความปลอดภัยบนท้องถนน

      “ผมกอดพ่อได้ไหม”

      “หืม ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ธูปโผตัวเข้ากอดสารถีทันที แม้ว่าโตเป็นหนุ่มเต็มตัวเขาก็ยังเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ของอาจารย์อยู่ดี ผมมองจากด้านหลัง สบตาอาจารย์พิภพผ่านกระจก เขายีหัวลูกชายแต่พูดกับผม

      “ฝากเลี้ยงมันด้วยแล้วกัน ถ้าไม่สเน่หาแล้วก็คิดเสียว่าเป็นน้อง”

      ผมฉีกยิ้มกว้าง เป็นยิ้มที่ปราศจากข้อกังวลหรือคำถาม สูญสิ้นความกลัว เต็มไปด้วยความมั่นใจราวยานอวกาศเปี่ยมพลังงาน สร้างด้วยวัสดุที่แข็งแรง วิวัฒนาการล้ำสมัย พร้อมลอยสู่ดวงดาวหมื่นล้านที่ห้วงจักรวาลไม่มีขอบฟ้า

      “ครับ”

      รับคำหนักแน่นเมื่อก้าวข้ามผ่านความกลัวที่จะสูญเสียจนเกือบสูญเสีย ง่ายดายเพียงแค่เผชิญหน้ากับความจริงและสิ่งที่เร้นลับที่สุดคือความคิดและการยอมรับของผู้อื่น

      เคลื่อนตัวไปข้างหน้าทีละนิด อาจจะอีกหลายแสนล้านปี ไม่มีจุดสิ้นสุดที่มาดหมาย แต่เปิดบันทึกการเดินทางขั้นที่หนึ่งด้วยการก้าวขาไปพร้อมๆ กัน

      ไฟแดงเปลี่ยนเป็นเขียวอีกครั้ง การจราจรในตอนเย็นเต็มไปด้วยฝุ่นควันมลพิษ มอเตอร์ไซค์ปาดแซงแข่งสามล้อ เนติธรกลับเข้าไปในเข็มขัดนิรภัย รถคันเล็กหลุดจากสี่แยกแสนอึดอัด แสงอบอุ่นของพระอาทิตย์อ่อนล้าแทรกผ่านตัวตึก กระทบผืนน้ำในสวนสาธารณะใกล้ๆ ระยิบระยับวับวาว ผมเท้าแขน มองนอกกระจกไปไกลแสนไกล

      ที่จริงความรักง่ายดายเพียงนั้นเอง




หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 14-11-2018 23:26:48
อบอุ่นจัง ~ 

หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 14-11-2018 23:44:07
จบแบบนี้เหรอคะ เฮ้ออออ  ในที่สุดอุปสรรคทางจิตใจของน้องธูป ก็หมดลง รักกันไปจนแก่เฒ่าเลยน๊า  ปล อวยพรคู่แต่งงานมันซะเลย 55
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-11-2018 23:50:15
เย้ ๆ ในที่สุดความอึดอัดทั้งหลายก็สลายไป อาจารย์พ่อสุดยอด
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-11-2018 23:53:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 15-11-2018 00:31:54
คุณพ่อน่ารักมากเลยนะธูป
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 15-11-2018 02:06:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-11-2018 02:49:33
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-11-2018 04:27:34
อ.พิภพ คือ ดีอ่าาา ชอบๆๆ คุณพ่ออออ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 15-11-2018 06:55:00
ดีต่อใจจริงๆ...

-west- ชื่อนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย เนื้อเรื่องดี ดำเนินเรื่องน่าติดตาม แง่คิด ความสวยงามของภาษา..

สมบูรณ์แบบจริงๆ..

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ สนุกๆ ทั้งเรื่องนี้และทุกเรื่องที่ผ่านมานะคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 15-11-2018 07:12:31
ขอบคุณคุณเวสต์สำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะโครงเรื่องการดำเนอนเรื่องราวภาษาที่ใช้ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยค่ะความหม่นอึดอัดไม่ชัดเจนเป็นเพราะคนเราไม่ใช้ใจพูดกันขอบคุณอ.พิภพที่มองโลกแบบผู้ใหญ่จริงๆและนักลูกด้วยความรู้สึกรักจริงๆ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: BAEKREN ที่ 15-11-2018 08:48:09
ที่จริงแล้วความรักง่ายดายเพียงนี้เอง .............

น้องธูป มีอะไรในหัวเต็มไปหมดเลยเนาะลูก แง๊ น้องงงงงงง
ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆ นะคะ
เป็นกำลังใจให้ อ่านของคุณมาหลายเรื่องแล้ว
ไม่มีโอกาสได้เข้ามาให้กำลังใจสักที
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 15-11-2018 09:29:24
 :hao7:  จะจบแล้วเหรอคะ........เสียดายจังเลยค่ะ.......พ่อลูกคุยกันได้มีนัยยะมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 15-11-2018 10:13:50
อบอุ่นจัง  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 15-11-2018 10:27:11
 o13 คุณพ่อสุดยอดมาก ๆ อ่ะ อ่านแล้วยกใจให้คุณพ่อเลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-11-2018 10:43:42
อาจารย์พิภพคือพระเอก  o13
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 15-11-2018 11:32:10
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-11-2018 16:31:06
โล่งอกเลยค่ะ

เราว่าแล้วอาจายร์แกมีเหตุผล แกเคยผ่าน ความรักที่ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักไม่ได้มาแล้ว

แกย่อมเข้าใจถึงความรักของคนอื่น ยิ่งของคนที่เรา ต่อให้ไม่เข้าใจ ก็อยากที่จะเข้าใจ


หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 15-11-2018 19:57:23
ขอบคุณ คุณพ่อที่เข้าใจน้องกับพี่ก้อง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-11-2018 20:08:52
+ เป็ดให้คุณพ่อที่แสนดีมีเหตุมีผลเข้าใจในทุกสิ่งอย่าง  :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-11-2018 20:44:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-11-2018 22:11:54
คุณพ่อที่ 1
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 15-11-2018 22:22:51
นี่คือจบแล้วช้ะ!!!
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 16-11-2018 02:11:28
ขอบคุณมากเลย อ.พิภพคงเป็นคนที่ถูกหล่อหลอมด้วยประสบการณ์จนเข้าใจลูกได้โดยดี ดีใจที่เข้าใจกันได้นะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคุณเวสต์
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 16-11-2018 09:25:30
ครับ

คำนี้หนักแน่นจนป้ารู้สึกได้
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: wipor ที่ 18-11-2018 03:02:17
 o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-11-2018 03:07:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-11-2018 13:50:15
คิดว่า ที่อ.พิภพยิ่งคิดแบบนี้ เพราะจากเรื่องอดีตที่ตัวเองเจอ
ยิ่งทำให้อยากเปิดโอกาสให้ลูก อยากให้ลูกมีทางของตัวเอง
แบบไม่ต้องฝืน แบบไม่ต้องบังคับใจกัน

มังกรเป็นตัวเร่งที่ดี ทำธูปเปิดปากสักทีนะ
กลัวพี่ไม่รักจริง กลัวพี่ทิ้งไป กลัวไม่ได้เจอกัน
และในที่สุด ก็เอ่ยปากบอกพ่อสักที
ให้หายข้องใจ หายอีดอัดกันบ้าง
น้องมีความคิดแปลกแยกนิดหน่อย
พอพ่อพูดให้ฟัง ก็เข้าใจได้บ้าง

มังกรก็รอดตัวไปนะ หนทางนี้มีแสงสว่างแล้ว
และอ.พิภพ ก็ไม่ปิดกั้น

ความสัมพันธ์ไม่ซับซ้อนนะ
แต่ความคิดคนเรานี่แหละ
ซับซ้อน ย้อนแย้ง และทำร้ายตัวเอง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 18-11-2018 14:28:13
จบสวย~  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2018 09:36:57
ดีจังที่คุณพ่อเข้าใจ TT
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 19-11-2018 13:02:35
เป็นนิยายที่ดี ดีมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 20-11-2018 09:45:56
ทั้งพี่มังกรและน้องธูป
ก็ก้าวผ่านความกลัวของตัวเองแล้ว
เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 20-11-2018 21:24:23
อ.พิภพเป็นพ่อที่น่ารักนะคะ คุยด้วยเหตุผล และไม่ใช้อารมณ์เลย วิธีการที่แกบอกอนุญาตก็เนียนและไม่กระโตกกระตาก เรียกว่าเป็นการกระทำที่เข้าใจสภาวะจิตใจของลูกชาย นี่ละคือพ่อที่เห็นความสุขของลูกสำคัญกว่าหน้าที่การงานหรือหน้าตาของตัว ไม่เคยตั้งความหวัง และไม่ได้ขอให้ลูกเรียนได้ที่หนึ่งตลอด เพียงให้ลูกมีความสุขก็พอแล้ว เพราะยังไงเมื่อพ่อจากไป ลูกก็ต้องอยู่ให้ได้ ถ้าอยู่ลำพังไม่ได้ ก็ต้องอยู่กับ "ใคร" สักคนให้ได้ นี่ไง...แกเลยฝากฝังธูปไว้กับคุณพี่มังกือ

ตอนนี้อ.พิภพกลายเป็นพระเอกเลยค่ะ 555+ ขอบคุณคุณเวสต์สำหรับบทสรุปที่อบอุ่นหัวใจนี้นะคะ หวังว่าเมื่อได้ยินพ่อพูดออกมาตรงๆ แบบนี้แล้ว น้องธูปจะเลิกกลัวเสียที ยิ่งกลัวก็ยิ่งทำตัวเหินห่าง พอทำตัวเหินห่างอีพี่มังกือก็ไม่รู้จะทำไง เลยยิ่งแย่กันไปใหม่ ราวกับคนมาช่วยคนจมน้ำ แล้วก็จมลงไปด้วยกัน เอาเป็นว่าภาวะหนักอกหนักใจก็ผ่านไปแล้ว ยังไงขอตอนพิเศษหวานๆ สักตอนสองตอนหน่อยได้ไหมค้าคุณเวสต์ อิอิ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-11-2018 05:22:09
ยากที่สุดคือพุดออกไปนี่ล่ะ ยากที่สุดจริงๆคือที่ตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-11-2018 06:59:15
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 22-11-2018 00:20:19
อบอุ่นหัวใจมากๆตอนนี้ จังหวะที่น้องธูปกล้าที่จะยอมรับตัวเองกับพ่อคือดีมาก
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 24-11-2018 15:20:53
ยอดคุณพ่อเลย  ความสุขของลูก คือ ความสุขของพ่อ :L1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Key Mine ที่ 15-12-2018 14:54:45
เขียนได้มีมิติมากค่ะ อ่านแล้วนึกถึงcall me by your nameเลย เป็นเรื่องที่ทุกคนได้ coming of age อะ แต่เรื่องนี้ของคุณเวสเน้นพี่มังกร เขียนออกมาให้ดูเท่อย่างสัมผัสได้เลย มีสเน่ห์มากๆค่ะ ถ้าเขียนในมุมน้องธูปเรื่องนี้น่าจะยาวไปอีกสามสิบตอน นังคิดอะไรเยอะแยะมากๆในหัว 55555555 ชอบมากค่ะ จับต้องได้อะ จะเนิร์ดก็มาแบบพอดี ช่วยบรรยายความรู้สึกได้ตามประสาคนพูดไม่เก่ง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 15-12-2018 15:45:46
รักที่ดีมันจะง่ายแบบนี้นี่เองงง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 15-12-2018 15:59:57
เรื่องนี้ละมุนมากๆ :L1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 07-01-2019 12:02:56
เป็นเรื่องที่ดีมากกกก

เนื้อเรื่องดี ภาษาสวย เป็นเรื่องดีที่สุดในรอบปีเลยดีใจที่ได้อ่าน
ผลงานคุณ west ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: aunchi ที่ 16-01-2019 12:48:30
อ่านไป 2-3 ตอนยังเดาไม่ออกว่าใครจะคู่ใครอะไรยังไง แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่ 3P แน่ๆ
ชอบนะ อะไรที่เดายากๆ แล้วมังกรก็ดูเป็นคนในแบบที่มีอยู่จริงบนโลก ไม่เวอร์วังอลังการเกินไป
อ่านงานคุณ west มาเกือบหมดละ (ยกเว้นเรืืองสั้น) ก็ยังชอบผลงานเหมือนเดิมนะคะ
ไม่จำเป็นต้องสำนวนเดิมๆ ก็ได้ เปลี่ยนบ้างอะไรบ้างก็ไม่เสียหายหรอกคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: aunchi ที่ 17-01-2019 13:17:21
เป็นตอนจบแบบที่ทำให้ยิ้มได้เต็มหน้า
ถึงจะร้างไปพักนึง แต่ฝีมือยังไม่ตกจริงๆ
west ก็ยังคงความเป็น west ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
หรืออ่านแล้วรู้สึกขัดอกขัดใจเลยซักนิด
กลับทำให้เห็นอีกแง่มุมของโลกแห่งความจริง
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 18-02-2019 17:34:46
สรุปเรื่องนี้อาจารย์พิภพเป็นพระเอกใช่ไหมคะ รักเลยอะ ไม่งั้นน้องธูปกับพี่มังกรคงไม่ได้เคลียร์กันให้เข้าใจแน่ๆ  :กอด1:
ความคิดของคนเราช่างซับซ้อนจริงๆ การไม่พูดให้เข้าใจเนี่ย มันก่อให้เกิดปัญหาเสมอ อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าเราต้องพูดและฟังอย่างมีสติ ยอมรับความเป็นจริง อยู่กับมันให้ได้ รักคนอื่นในแบบที่เค้าเป็น โลกคงจะสงบสุขขึ้นเยอะ
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องดีๆที่เขียนมาให้อ่านกัน :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 19-02-2019 15:11:45
 :heaven
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-03-2019 23:48:18
เสียน้ำตาและวืดไปหลายตอน ขอบคุณอาจารย์พิภพที่มาปลดล็อคอะไรหลายๆอย่างค่ะ ได้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์กลับไปประดับสมองด้วย ชอบทุกตัวละคนในนี้เลย รักมาก ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Spoypopoy ที่ 30-03-2019 11:54:10
ตัวละครคือมีความเป็นคนมากๆเลย ชอบอ่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-03-2019 13:26:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 31-03-2019 09:24:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 01-04-2019 21:32:14
ทำไมเราพึ่งมาเจอนิยายเรื่องนี้
บรรยายดีมากๆอ่านจบก็คือร้องไห้เลย
ดีมากๆเลยค่ะอบอุ่น หน่วง หลายอารมณ์มาก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีนะคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Jaiis ที่ 02-04-2019 09:29:08
ดีจัง น่ารักมากเลยน้องธูปกับพี่มังกือ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 03-04-2019 14:05:04
อบอุ่นหัวใจสุดๆไปเลย :hao5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 03-04-2019 21:15:52
เราอ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมาก แอบน้ำตาซึมตอนท้าย ขอขอบคุณนักเขียนที่สร้างสรรค์งานดีๆแบบนี้ออกมานะคะ รักทุกตัวละครค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: MaTazz ที่ 03-04-2019 23:53:08
เพราะน้องธูปน่ารัก คนเป็นพ่อเลยดุไม่ลงหรือเปล่า
หรือเพราะครอบครัวของธูปน่ารักกัน เลยทำให้น้องน่ารักอย่างนี้
เป็นใครก็ดุไม่ลง เราก็ทำไมลงน้องน่ารักกกก
เป็นเรื่องราวดีๆของทุกความสัมพันธ์เลย
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 05-04-2019 09:43:25
หลากหลายความรู้สึกเลยค่ะ แต่รวมๆแล้วเป็นนิยายที่ดีเรื่องนึง
 :กอด1: o13 :L1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 06-04-2019 01:00:30
ชอบมากๆในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากทริคเกอร์ที่ไม่มีอะไร แต่ก็ทำให้เกิดประกายแห่งความรู้สึกขึ้นมาได้ ชอบที่มีการแฝงเรื่องวิชาการเข้ามาในเรื่องแบบที่ไม่รู้สึกขัดเลย สนุกมากๆ ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: nnew15 ที่ 06-04-2019 22:21:47
ชอบนิยายของคุณ west ทุกเรื่องเลยค่ะ ปกติเราไม่ค่อยเม้นต์นิยายอะไรเลย เพราะพึ่งสมัครได้ค่ะ ประทับใจนิยายคุณ westมากๆ ภาษาดีมากๆ หลงรักเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 07-04-2019 10:53:12
ฮือออ ดีงามมาก อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
แอบอยากให้มีตอนพิเศษ เพราะตอนหลังๆมา รู้สึกลุ้นและอึดอัดไปพร้อมกับคนพี่คนน้อง
อยากเห็นตอนที่อยู่ด้วยกันแบบไม่มีบ่วง ไม่อึดอัด แต่ถ้าคุณ west คิดว่าจบแบบนี้เคลียร์โอเคดีแล้ว ทางเราก็โอเคค่ะ
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย อ่านแล้วก็คิดตามได้ว่า ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้เอง อย่าไปตึงอย่าไปเครียดมาก
อ่านแล้วแอบนึกถึงชีวิตจริงของตัวเองเลยค่ะ บางครั้งก็คาดหวังว่ามันจะต้องเพอร์เฟ็ค ซึ่งจริงๆ ชีวิตมันก็ต้องมีอะไรที่ผิดพลาดได้
ไม่ต้องตรงตามแผน ที่วางไว้ทั้งหมด
ขอบคุณมากค่ะ ประทับใจเรื่องนี้มากๆเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 07-04-2019 15:32:29
ฉากจบ เหมือนอ่านเรื่องสั้น
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: frayfay ที่ 08-04-2019 00:43:15
สนุกมากเลยค่ะ ตอนอ่านนี่มีอยู่ 2 อารมณ์​ ทั้งน่ารัก ทั้งหน่วง ชอบที่ไม่มีดราม่า ไม่เสียน้ำตา ไม่ขัดใจ แต่ตัวละครอารมณ์ซับซ้อนมาก นี่คือความคิดของจีเนียสใช่มั้ย555 nc คือดี ชอบมาก สละสลวยอะไม่รู้จะใช้คำไหน มันไม่ได้ดูเรียบง่ายเหมือนบางเรื่อง แต่ก็อิโรติกมาก จำนวนตอนไม่ยาวเกินไปด้วย
เป็นกำลังให้นักเขียนในเรื่องต่อ ๆ ไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-04-2019 20:40:16
ตัวละครไม่กี่ตัวแต่แต่ละคนก็เต็มไปด้วยอารมณ์จริงๆ อารมณ์ลึกๆ ที่เก็บไว้
สิ่งที่ปลูกฝัง ฝังในความทรงจำ ทั้งอาจารย์ มังกร และน้องธูป
เราถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาด้วยอารมณ์ของธูปเกือบทั้งเรื่อง เพราะมังกรพอมั่นใจแล้วก็ไม่ค่อยเปลี่ยน
แต่น้องเองยังเด็ก ยังไม่มั่นคงทางอารมณฺ ไหนจะเรื่องที่บ้านที่แบกรับอะไรต่างๆ อีก
ก็เข้าใจธูปได้นะ น่าสงสาร ในหัวคิพอะไรเยอะมาก ทั้วรักทั้งหวงทั้งหึง แต่ก็กลัว
ใครจะประเสริฐเท่าคุณพ่อคะ กำแพงเมืองจีนกลายเป็นเรื่อวที่ผ่านไปได้เพราะเป็นคนมีเหตุผลมากเลย
ส่วนหนึ่งเพราะเป็รคนที่รู้จักมังกรดีมากๆ ด้วย พระเอกของเราไม่มีไรจะเอ่ยค่ะ ดียยย์ มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่
อาจมีบางช่วงใจดีไป หรือมุทะลไปบ้าง แต่รวมๆ ก็เป็นคนที่อบอุ่นกับธูปมาก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 12-04-2019 05:11:23
ตอนแรกเห็นคนรีวิวว่าเรื่องนี้บีบหัวใจมาก หม่นมาก เลยคิดว่าไม่อ่านดีกว่าเพราะไม่ใช่ทาง
วันนี้ว่างมากเลยลองกดเข้ามาอ่าน มันไม่ได้หม่นอย่างที่คิดหรือเพราะว่าเราอ่านตอนที่อัพจบแล้วก็ไม่รู้
เรากลับเข้าใจตัวละครที่คุณเวสแต่งมากด้วยซ้ำ ขอบคุณคุณเวสที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านตลอดเลย จะคอยติดตามไปเรื่อยๆนะคะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ❤️
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 14-04-2019 14:06:55
ชอบเรื่องนี้มาก
สนุกทุกตอน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ
ติดตามอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ
  :L1:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 19-04-2019 07:34:42
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ ชอบบรรยากาศฟุ้งๆ ในเรื่องนี้มาก เหมือนได้ดูหนัง coming to age เรื่องนึงเลยทีเดียว จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ  :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 21-04-2019 09:50:51
อบอุ่นจังงงงงง
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 22-04-2019 23:06:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-05-2019 02:29:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 06-05-2019 01:32:29
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอย่างนี้นะคะ อ่านรวดเดียวจบเลย

ชอบคาแรคเตอร์ของมังกรมาก ดูเป็นคนเท่ๆคูลๆแต่ก็ดูปลงกับชีวิต ดูเข้าถึงยาก แต่ก็ไม่ใช่คนหยิ่ง
ชอบความเนิบไม่มาม่าหนักๆแต่ไม่น่าเบื่อของนิยาย

ป.ล. อยากอ่านเรื่องของมาร์คค่ะ อยากรู้ว่าจะลงเอยกับคนแบบไหน (อยากรู้ว่าพี่นั่นท์ได้ลงเอยกับคุณกานดาหรือเปล่าด้วย 555)
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 06-07-2019 15:30:08
เพิ่งตามมาอ่านค่ะ เรื่องนี้ยอดเยี่ยมอีกแล้ว
เราชอบความที่ตัวละครดูเป็นคนจริงๆที่มีชีวิตธรรมดาเหมือนคนทั่วไป
แต่ความไม่ธรรมดาของนิยายคุณเวสต์ก็คือการใส่ความรู้สึกนึกคิดที่ละเอียดละออ
ซับซ้อนเหมือนจิตใจของคนและมีเหตุผลที่มันจะเป็นแบบนั้น
ภาษา คำเปรียบเทียบ ข้อมูลที่เอามาใส่ มันเข้ากันไปหมดกับแต่ละฉากตอน
คือเก่งมากๆๆๆๆจริงๆค่ะ เราประทับใจมากๆๆๆ
รู้สึกดีใจมากๆเลยที่ได้อ่านผลงานเขียนดีๆแบบนี้
และสำหรับเรื่องนี้ ฉากเข้าพระเข้านาย ก็เซ็กซี่สมชื่อเรื่อง
ความลับที่ห้องใต้บันไดนี่มันกรุบๆจริงๆค่ะ ฮื่อออ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 12-10-2019 19:42:37
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่าน  อยากจะขอบคุณคุณเวสต์มากๆนะคะ ติดตามผลงานมาตลอดเกือบทุกเรื่อง เป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 23-11-2019 04:38:12
จบแฮปปี้
ขอบคุณค่ะ นิยายสนุกมากกกก
น้องธูปเด็กเนิร์ดสุดเซ็กซี่...ชอบอ่ะ
พี่มังกรก็คนขี้เกียจสุดคูล..เข้ากันเนอะ ^^
แต่ที่เลิศสุดก็อาจารย์เนี่ยแหละ
รออ่านเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:53:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Jely ที่ 09-11-2020 17:13:54
เพิ่งจะมีโอกาสได้อ่านนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณมากเลยค่ะ เราหลงไปกะตัวละครทุกตัวมาก สนุกและเพลินสุดๆ เป็นกำลังใจให้คุณwestนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 05-12-2020 10:38:21
ขอบคุณสำหรับนิยาย ตัวละครในนิยายทำให้หลงรักในตัวแต่ละตัวคร
บทสุดท้ายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดท่าที่อ่านมา  :mew1: