Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11  (อ่าน 111606 ครั้ง)

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
«ตอบ #90 เมื่อ01-09-2018 23:34:21 »

อ่านแล้วนอนไม่หลับเหมือนพี่มังกรเลยค่ะ
 :ling1: :ling1:
ธูปลู้กกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
«ตอบ #91 เมื่อ02-09-2018 00:03:59 »

สรุปตอนหน้า

พี่มังกรตาเขียวเพราะพี่นันต์ต่อย

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
«ตอบ #92 เมื่อ02-09-2018 04:43:17 »

อ่อยเก่งทั้งคู่อะ 55555

งานคุณเวสต์ถูกใจเหมือนเดิม รอตอนต่อไปค่า

 :L2:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
«ตอบ #93 เมื่อ02-09-2018 08:00:14 »

 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
«ตอบ #94 เมื่อ02-09-2018 08:31:09 »

ถึงพี่กานเขาจะไม่สนใจน้องธูปแต่พี่มังกรตกหลุมของน้องเข้าเต็มๆเลย

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
«ตอบ #95 เมื่อ02-09-2018 12:48:48 »

 :pig4:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
«ตอบ #96 เมื่อ04-09-2018 22:38:41 »

อื้อหือ... :katai5:

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #97 เมื่อ05-09-2018 13:17:08 »

chapter 06
imposter syndrome


             สาบานเลยว่าเรื่องเมื่อคืนผมเจตนาทำลงไปทั้งหมด

             เจตนาทำทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายเมา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกวันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อธูปหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผมถอนหายใจหนักๆ จนพี่นันต์ละสายตาจากคุณกานดามามอง ผมสบตาบาริสต้าแล้วก็เกือบถอนหายใจอีกครั้งถ้าลูกค้าไม่เดินเข้าร้านก่อน

             วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ตื่น ออกไปวิ่ง กลับร้านมาอาบน้ำ ช่วยพี่นันต์เปิดร้าน ตรวจงานให้อาจารย์ อะไรที่ทำโดยร่างกายสั่งการยังคงทำได้ปกติ แต่ในหัวเผลอวกวนคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่หยุด

             ผมแม่ง โคตรฉวยโอกาส

             ลูกค้าจ่ายเงิน เดินออกไปจากร้านโดยใส่ถุงผ้าที่พกมาด้วย ว่ากันว่าคนที่มีลักษณะอัลทูลิซึมสูงจะมีพฤติกรรมตรงข้ามกับคนมีอีโก้ หมายถึงลักษณะนิสัยชอบใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นโดยยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเองเช่นกันกับผึ้งบางตัวที่ยอมตายเพื่อให้นางพญามีชีวิตอยู่ เปล่า ไม่ใช่เพราะนางพญา แต่มันทำไปเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ ซึ่งลักษณะนิสัยเหล่านี้มียีนหรือสมองส่วนอะมิกดาลาใหญ่กว่าปกติ ผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เช่นกันกับนักอนุรักษณ์นิยม นักบริจาคทั้งหลาย การยอมลำบากเพื่อให้ชีวิตอื่นได้สุขสบายยิ่งขึ้น กระทั่งเมื่อคืนก็พบว่าแท้จริงแล้วผมมันก็คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง คนที่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ ไม่สามารถควบคุมจิตสำนึกได้เหมือนคนไม่ได้รับการศึกษา

             ไม่ต้องเทียบกับคนที่ยอมบริจาคไตตัวเองเพื่อคนอื่นเลย กับแค่ดูแลลูกชายของผู้มีพระคุณในวันที่เขาอ่อนแอยังทำไม่ได้ ผมแม่งโคตรรู้สึกผิดจนไม่รู้จะสู้หน้าไอ้ธูปได้ยังไงไหว

              “Where’s Tube?” เสียงสำเนียงอเมริกาชัดแจ๋วดังปลุกผมให้หลุดจากความคิดของตัวเอง มาร์คโยนกุญแจรถขึ้นลง กวาดสายตามองรอบร้านก่อนหยุดที่ผม “ He isn’t here?”

             ผมยักไหล่ ไม่ตอบด้วยคำพูด เด็กหนุ่มควานหาโทรศัพท์ของตัวเองทันที กดหาเบอร์เพื่อนสนิทพลางบ่น

             “Did he drunk last night? What’s happen? , Hey Tube where are you? ”

             ผมไม่ทันตอบสักคำถามประโยคท้ายของมาร์คก็เปลี่ยนไปคุยกับคนในสายก่อน ผมกับพี่นันต์มองหน้ากันแล้วสลับกลับมามองมาร์คอีกที

              “Ok. I’ll go there”

             พูดจบก็พลิกตัวกลับ ผมผุดลุกขึ้นทันที “มาร์ค”

              “หืม?”

              “ธูปอยู่ไหน”

             มันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า หยิบกุญแจรถขึ้นมาก่อนตอบ “Home, I’m going there”

              “เฮ้ย เฝ้าร้านเป็นเพื่อนพี่นันต์ให้หน่อย” พี่นันต์มองค้อนขวับ ผมไม่สนใจ โกยหนังสือและโน้ตบุ๊กเข้ามุม ใช้ผ้าคลุมไว้ลวกๆ “ยืมรถด้วย เดี๋ยวเอามาคืน”

              “I’m going to see him a bit. If he ok I’ll back here” มันว่า ขยิบตาให้พี่นันต์แต่ผมยังค้าน

              “โนๆ” ไอ้ฉิบหาย ภาษาอังกฤษน่ะอ่านเก่ง ฟังเก่ง แต่ไม่ค่อยได้พูดโว้ย “ไอมีเรื่องจะคุยกับมัน ยูเฝ้าร้านนี่แหละ แทงกิ้ว”

             ไม่รอให้มาร์คตอบผมก็คว้ากุญแจจากมือมันแล้ววิ่งออกจากร้านรวดเร็วจนไม่ได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังจบประโยค ขอบคุณที่เคยลองขับรถทุกอย่างตั้งแต่จักรยานถึงรถแบ็คโฮ บิ๊กไบค์ล้อใหญ่ของมาร์คกลายเป็นอุปสรรคยิบย่อยเมื่อเทียบกับความต้องการเจอธูปของผมในตอนนี้หลายเท่า ผมสตาร์ทรถ สวมหมวกกันน็อค ออกตัวอย่างเซียนเหมือนคนเรียนมา




             ผมเคยมาที่บ้านของอาจารย์พิภพมาก่อน บางครั้งเอางานมาส่ง หรือเอาของมาให้จากมหาวิทยาลัย ขับรถมาด้วยการใช้กูเกิ้ล เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึง

             บ้านของอาจารย์พิภพเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น พื้นที่มากพอให้ปลูกต้นไม้สูงใหญ่ ต้นที่ใหญ่ที่สุดคือโมกริมลานจอดรถ ผมกดกริ่งเรียกคนในบ้าน รถของอาจารย์พิภพไม่อยู่ ที่บ้านเขามีรถสองคันสำหรับตัวเองและภรรยา แปลว่าวันนี้ธูปอยู่บ้านคนเดียว

             ไม่เกินสิบนาทีธูปก็เดินออกมาจากบ้านด้วยท่าทีสโลเสล ใส่แว่นกรอบดำ หนาเหมือนเคย มันมองรถ แล้วมองผม แล้วก็หันกลับไปมองที่รถอีกที

              “พี่ขับมอไซค์เป็นด้วยเหรอ”

              “อืม” ผมเกาท้ายทอย แล้วใช้หลังมือปัดจมูกพยักหน้าหงึกหงัก “โกรธอะดิ”

              “ผมเหรอ พี่น่าจะถามไอ้มาร์คมากกว่า ผมเพิ่งวางสาย มันโทรมาฟ้องผม ว่าพี่ไปขโมยของมันมา เลยด่าพ่อให้เป็นชุด”

              “ด่าไปเถอะ มันไม่ได้นับถือพุทธ” คงไม่บาปถ้ามันจะด่าพระ

              “พี่แม่ง ตลกว่ะ เมื่อคืนพี่ไม่เมาเลยเหรอ อ้อ ใช่สิ กินไปนิดเดียว”

              “มึงอะ” ผมถาม อึดอัดใจไปหมด ภาวะเครียดแบบนี้ไม่เกิดขึ้นนานแล้ว และมันกำลังเกิดขึ้นเพื่อชดใช้ความผิดของตัวเองที่ทำไปเมื่อคืนอย่างสาสม “ออกมาไม่บอก”

             ผมเพิ่งสังเกตว่าธูปใส่เสื้อผ้าตัวเดิมกับที่ใส่ไปคาเฟต์เมื่อวาน ลากแตะเดินนำเข้าบ้าน หาวหวอดทั้งที่ไม่ปิดปากก่อน
ตอบ “รอออกมาตอนพี่นันต์มาถึงก็โดนด่าเปิงดิ”

             ธูปหัวเราะ ไม่เหมือนคนกลัวบาริสต้า เรียกให้ถูกคือเกรงๆ มากกว่า

            “ผมแม่ง จำอะไรไม่ได้เลย ภาพตัดฉิบ ผมเมาแล้วก่อเรื่องให้พี่หรือเปล่า โทดที ไม่รู้ว่าตัวเองควรเบรกตอนไหน”

              “ดื่มครั้งแรกก็แบบนี้แหละ”

              “อื้อ ตอนนี้รู้แล้ว แม่งเริ่มมึนตอนเพลงนั้น ผมกินไปได้เยอะหรือยังนะเพลงที่ร้องว่าได้ชิดเพียงลมหายใจ แค่ได้ใช้เวลาร่วมกันอะ”

              “อยากรู้แต่ไม่อยากถาม ของป๊อบ”

              “เอ้อ นั่นแหละ ผมโคตรเฮิร์ท กับพี่กานต์คงเป็นได้เท่านั้นเลยกรอกไปไม่ยั้ง”

             เจ้าของบ้านพามาที่โถงรับแขก ผมไม่ทันสังเกตว่ามันดื่มหนักหลังจากเพลงนั้นด้วยซ้ำ ธูปทิ้งตัวลงบนโซฟาผ้าหนานุ่มสีเขียวอมเทา ใช้ผ้าสำลีสีฟ้าครามแทนหมอนข้าง ส่วนหมอนหนุนเป็นตุ๊กตาหมาง่วงนิ่มๆ สีน้ำตาลอ่อน อากาศในบ้านเย็นสบาย เปิดหน้าต่างทุกบานให้ลมเข้าและออก เสริมทัพด้วยพัดลมตัวสูงส่ายหน้าไปมา

              “ปวดหัวฉิบ”

              “แฮงค์อะดิ”

              “ไม่รู้อะ กลับมาถึงก็อ้วกแตกเลย นี่ดีขึ้นแล้วนะ ไม่งั้นลุกออกไปรับพี่ไม่ได้ โชคดีชะมัดสัปดาห์นี้ไม่อยู่กันหมด”

              ผมพยักหน้า ยืนห่างจากคนพูดที่ซุกหัวไปใต้ตุ๊กตา หลบแสงสว่างของกลางวันเพื่อพักผ่อน

              “ขอใช้ครัวหน่อย เดี๋ยวไปดูให้ว่ามีอะไรกินให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง”

              “ตามสบายเลย ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยอะ โคตรหิว แต่ก็คลื่นไส้”

              “เออ นอนไปก่อน”

              ผมละความตั้งใจที่จะสารภาพความผิดทั้งหมด เก็บไว้กับตัวเองและยังคงหนักอึ้ง แปลกที่มันหนักขึ้นเท่าทวีคูณเมื่อธูปบอกว่าจำอะไรไม่ได้เลย

             ผมหยุดยืนหน้าตู้เย็น นึกถึงเพลงนั้นที่พี่นันต์เล่น เพลงที่ผมนั่งมองเสี้ยวหน้า สันกรามของธูป เด็กหนุ่มที่เหม่อลอยไปทางเวที เท้าคาง และสบตากับผมเมื่อเพลงจบลง

             ถอนหายใจทิ้งหนึ่งครั้งเมื่อพบว่าที่จริงแล้วไม่ได้มีความหมายอะไรเลย




           

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.5 SOMETHING (31/8/18)
«ตอบ #98 เมื่อ05-09-2018 13:17:28 »

  ผมต้มตะไคร้ใส่น้ำตาล เห็นผักกาดดองในโหลก็จัดการต้มข้าวสวยคู่อีกเตาไปด้วย ชะเง้อคอออกนอกหน้าต่างครัว มีพืชสวนครัวมากกว่าไม้ประดับ ต้นมะม่วงใหญ่หลังบ้านลูกกำลังดก เป็นลูกเล็ก ยังไม่โตเต็มที่ เจ้าของบ้านหลับสนิทผมก็ถือวิสาสะชโมยเด็ดมาทำยำไข่ต้ม คิดถึงบรรยากาศตอนที่แม่ยังอยู่ ที่บ้านผมปลูกพืชสวนครัวต้นเล็กๆ ไว้ในกระถาง พริกขี้หนู ใบกะเพราะ สาระแหน่ เคยพยายามปลูกมะเขือเทศแต่ไม่รอด แม่บอกว่าถ้าผมเรียนจบอยากย้ายไปต่างจังหวัด ซื้อที่ดินสักแปลง ปลูกนั่นปลูกนี่ตามประสาคนแก่ จะปลูกต้นไม้ที่ใหญ่กว่าในกระถาง ขุดบ่อปลาในบริเวณบ้าน แม่อาจจะเลี้ยงไก่ไว้กินไข่ แต่ทุกอย่างกลับล้มเลิกอย่างเป็นทางการทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นสักอย่าง

             หลังผลตรวจออก พ่อที่เป็นคู่ชีวิตก็ทำงานคนเดียว อนุญาตให้แม่รับงานเย็บปักถักกร้อยที่บ้าน โคตรเป็นครอบครัวแบบอเมริกันดรีม ผิดก็ที่ผมไม่ใช่ลูกชายดีเด่น ตอนนั้นยังติดเล่นมากกว่านี้ ไม่คิดว่ามะเร็งจะพาแม่ไปไวกว่าที่คิด มิหนำซ้ำยังเอาเรื่องผู้หญิงมากวนใจถึงที่บ้านบ่อยๆ

             พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเหมือนนกเงือก คือเป็นคู่ที่ดีมาตลอด ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขาดความรัก แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นคนโชคดี ผมเป็นเพียงคนประมาทคนหนึ่ง เพิ่งลืมตาตื่นในวันที่แม่เริ่มอาการหนัก และวันที่จากไปพ่อก็เปลี่ยนไปทุกอย่าง ที่เคยกะเกณฑ์ให้ทำอะไรตามใจก็เลิกสั่ง เขาไม่บ่นผมเรื่องผู้หญิง ไม่บ่นเรื่องผลการเรียนที่แปรปรวน ไม่คาดหวัง นิ่งเฉยราวกับทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องของคนอื่นที่ไมเกี่ยวกับตัวเอง

             แน่นอน ผมยังคงเป็นคนขี้เกียจเหมือนเดิมถ้าเทียบกับคนที่ต่อสู้เพื่อให้ได้คะแนนสอบไล่เลี่ยกัน แต่ไม่ได้สะเปะสะปะเหมือนก่อนหน้านั้นที่ทำอะไรลอยชายเรื่อยเปื่อย คิดแต่เรื่องของตัวเอง

             บางครั้งผมรู้สึกเหมือนธูปอยู่ในครอบครัวที่มีโครงสร้างคล้ายๆ กัน แต่มันเป็นเด็กดีมากกว่า อยู่ในกฏระเบียบ มีความมานะมากกว่า มันไม่ใช่แค่คนฉลาด แต่เป็นคนฉลาดที่ขยัน มาด้วยความคาดหวังจากครอบครัว ทั้งมั่นใจและไม่มั่นใจในตัวเองไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นถ้าธูปจะเสียความมั่นใจเรื่องที่ล้มเหลวในสร้างความสัมพันธ์กับคุณกานดาก็ไม่แปลก นับว่าเก่งที่ยอมรับความจริงเร็ว อาจเพราะคุณกานดาเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะแสดงท่าทีให้ธูปเข้าใจได้ง่ายว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรเกินเลย และมันก็รู้จักจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดี

              ผมนั่งโซฟานั่งเดี่ยวที่แยกออกมาจากโซฟายาว จับจ้องมองเด็กหนุ่มหลับสนิท ทิ้งแว่นสายตาไว้บนพื้นกระทั่งมันขยับตัวตื่นก็ชิงทักก่อนมันไหวตัว

              “เป็นไง”

              “หิว”

             เด็กหนุ่มยันตัวเองขึ้นจากโซฟา หน้าซีกหนึ่งแดง เป็นรอยยับจากการกดทับกับหมอน หาวหวอดอีกรอบแล้วบิดตัวจนกระดูกลั่นกรอบ ผมขยับตัวลุก หยิบน้ำตะไคร้มาในตู้เย็นให้

              “กินน้ำหน่อยแล้วไปล้างหน้าล้างตา กลับมาจะได้กินข้าว”

              “พี่ทำกับข้าวเหรอ”

              “ข้าวต้ม ผักกาดดอง ยำไข่ต้ม กินได้หรือเปล่า”

              “ถ้าอร่อยก็กินได้อะ”

              มันกวนประสาททั้งที่เสียงแห้งผาก ส่วนผมหลุบตาลงอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายยกน้ำดื่ม ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเป็นจังหวะการกลืนก่อนปล่อยเสียง ฮ้า ออกมาดังๆ

              “ชื่นนนใจ”

             “ท่าเยอะ ไปล้างหน้าล้างตาแล้วรีบมา เดี๋ยวไปอุ่นข้าวต้มสักหน่อย กินตอนร้อนๆ กำลังดี”

             เด็กหนุ่มตะเบ๊ะรับคำ แต่ลุกเชื่องช้า อืดอาด ส่วนผมกลับเข้าไปจัดการในครัวอีกรอบ ยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง แต่ไม่ยักจะยุ่งเท่าความสับสนวกวนที่ซับซ้อนในใจ





              “แม่ไปออกค่ายอาสากับมูลนิธิที่น่าน กลับวันอาทิตย์ ส่วนพ่อพรุ่งนี้สายๆ ก็มาแล้ว ผมมีเรียนคงไม่ได้อยู่เจอ” ธูปเล่าพลางเป่าข้าวต้ม มันกินหมดสองชามทั้งที่ข้าวในหม้อยังร้อน ยังคงต้องเป่าด้วยลมหายใจก่อนเข้าปากเมื่อเติมชามที่สามก็ต้องเป่าก่อนเข้าปาก

              “พี่มาบ้านผมบ่อยเหรอ”

              “ไม่อะ นานๆ ที”

              “แล้วนี่...” ธูปเงยหน้ามอง ใช้ที่คาดผมโง่ๆ อันเดิมเปิดหน้าผากให้กินสะดวก มันสัญญาว่าหลังกินอิ่มจะไปอาบน้ำล้างหน้า แต่ยังไม่มีทีท่าว่ากระเพาะจะถูกเติมให้เต็มได้ง่ายๆ “พี่ขับรถเพราะตกใจที่ผมหายไปเหรอ ที่จริงโทรมาก็ได้ ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน”

              “คิดว่าแฮงค์”

               โกหก

            ที่จริงผมไม่กล้าโทรหามันเพราะกลัวว่าจะถูกโกรธจนไม่รับโทรศัพท์ต่างหาก ผมไม่เคยฉวยโอกาสใครแบบนี้ ทุกครั้งที่จะทำอะไรเกินเลยจะรอจนกว่าอีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจ ไม่อยากคิดว่าถ้าเผลอทำมากกว่านี้จะเป็นยังไง ผมจะยังกล้ามาทำกับข้าวให้มันกินไถ่บาปอีกไหม

                “อยากมาดูให้แน่ใจ ทำลูกอาจารย์หายไปไม่รู้จะเอาจากไหนมาคืน”

              “แหมๆ กลัวทำผมเสียคนแล้วจะไม่จบโทเหรอ”

              “เออ” ผมตอบรับ คว่ำช้อน ทั้งที่กินไปไม่ถึงหนึ่งในสามของไอ้ตัวเล็ก

              “แต่อย่างพี่อะ ผมว่าทำคืนไม่ยากหรอก” มันว่าก่อนยิ้มแกนๆ ใช้ช้อนเขี่ยข้าวไปมา ไข่แดงจากไข่ต้มปนกับข้าวสีขาว
จนกลายเป็นสีส้มจาง “ทั้งหน้าตาดี หุ่นดี ฉลาด ทัศนคติก็ดี เข้ากับคนง่ายแบบไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ”

              “กูไม่รวยนะ” ผมพูดยิ้มๆ นานๆ ทีคนกวนประสาทอย่างธูปจะเอ่ยปากชม แต่มันไม่ยิ้มด้วย คราวนี้คอตกเป็นหมาหงอยจริงจัง

              “รวยไม่รวยไม่สำคัญเลย พี่จะทำเงินได้อีกมากจากสิ่งที่พี่มีตอนนี้”

              “งั้นมึงก็คงเป็นมหาเศรษฐีละ ตอนกูอายุเท่ามึงยังมั่วเซ็กซ์อยู่เลย” กว่าจะคิดได้บางอย่างก็สายไปแล้ว ผมถอนหายใจพร้อมคู่สนทนา ขยำผมของธูปจนที่คาดผมตกลงมาบนคอ

               “ถอนหายใจทำไม เป็นเด็กเป็นเล็กเครียดอะไรนักหนา”

               “ก็ห่างกันไม่กี่ปี พี่อะถอนหายใจทำไม”

               “แค่คิดถึงเมื่อก่อน” ผมว่า มันถามต่อ

               “เมื่อก่อนทำไม”

               “เมื่อก่อนไม่เคยดีใจเลยที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์”

               “โคตรพลาด” ไม่ปลอบยังซ้ำเติม ธูปอมยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ไม่สดใส “ผมอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์มากกว่าครอบครัวที่รวยอีก อืม...ที่จริงบ้านผมก็สมบูรณ์นะ พ่อแม่ฉลาด หน้าที่การงานดี จิตใจดีชอบทำเพื่อคนอื่น ใครๆ ก็บอกว่าผมโชคดีที่เกิดมาในบ้านที่พร้อมขนาดนี้”

             ธูปวางช้อน เอนตัวพิงขาโซฟา นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างโต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์ที่รับบทเป็นโต๊ะกินข้าวชั่วคราวกับโซฟาที่รับบทเป็นที่นอน

              “โชคดีแบบที่ผมไม่ควรได้รับเลย”

              “พูดอะไรแบบนั้น อาจารย์รักมึงจะตาย”

              “ก็รักสิ ไม่รักจะตามใจขนาดนี้เหรอ ที่ผ่านมาผมก็คิดนะว่าดีแล้วที่ไม่เคยทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง” มันใช้นิ้วดันแว่น ตามด้วยการปัดจมูก “แต่พอเข้ามหา’ลัย ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอะดิ”

             ผมยักไหล่ ไม่เข้าใจความหมายของคำว่าไม่เหมือนเดิมของมันนัก สำหรับผมไม่มีอะไรเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่ใช่เรื่องเข้าเรียนมหา’ลัยแต่เป็นเรื่องที่แม่เสียและพ่อออกบวชมากกว่า

             “พี่รู้ปะ เรื่องพี่กานดาเป็นเรื่องแรกเลยที่ผมทำไม่ได้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ไม่ได้แบบไม่ได้จริงๆ”

              “ไม่ได้จริงๆ คือ?”

              “คือ ต่อให้ผมไม่ได้เกรด 4.00 แล้ว ผมก็ยังเป็นท็อปของคณะ หรือต่อให้ไม่ค่อยมีคนชอบ แต่ผมก็มีไอ้มาร์คเป็นเพื่อน แต่พี่กานไม่ได้เลย ไม่ได้อะไรเลย”

             ผมมองหน้ามัน ไม่แน่ใจว่าเป็นอารมณ์เหงา เศร้า หรืออึดอัด

             “ผมศึกษาไทป์ของคน ชวนพี่กานต์ทำแบบทดสอบ MBTI จะได้เห็นว่าเราจะเข้ากันได้ถ้าปรับนิสัยบางอย่าง”

             “Personal test อะนะ แต่มันก็มีอีกหลายศาสตร์ที่นักวิทยาศาสตร์จะวิเคราะห์คนไง ทั้งนพลักษณ์ หรืองานวิจัยของเฮเลน ฟิชเช่อร์”

              “Anatomy of love ที่ทดลองว่าสเป็คเกิดจากอะไร” ธูปกินข้าวต้มต่ออีกคำแล้วจิบน้ำ เลื้อยขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา ผมลุกไปนั่งข้างมัน บนโซฟาตัวเดียวกันก่อนจะรู้สึกถึงน้ำหนักที่ทิ้งลงมาบนหัวไหล่ ขยับตัวหลบเบาๆ หัวยุ่งๆ ของมันก็ร่วงลงบนตัก เด็กหนุ่มพลิกตัว ซ่อนใบหน้าลงบนหน้าขา มีเพียงปากและจมูกโผล่พ้นไว้หายใจ

              “เป็นอะไร”

              “ไม่รู้ดิ ไม่รู้จะเล่ายังไง”

              “ลองเริ่มจากเพื่อนสิ”

              ธูปเงียบไปครู่หนึ่ง ผมไม่เร่งเร้า รอกระทั่งมันอธิบายออกมา

              “เพื่อนที่มหา’ลัยไม่ชอบผมเท่าไหร่ เคยได้ยินคุยกันว่าผมกั๊กความรู้ เห็นแก่ตัว”

              ผมรับฟัง เดาออกว่าเด็กๆ จะคิดอะไรได้บ้าง นึกไปถึงครั้งแรกที่ธูปไม่ชอบให้ใครเรียกเนเน่ อาจเพราะนัยยะที่เพื่อนแฝงมาด้วยไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ดี

              “ผมไม่ให้เพื่อนลอกการบ้าน แต่ถ้าเป็นงานกลุ่มก็รับมาทำคนเดียวแท้ๆ”

              “แย่งคนอื่นมาทำเหรอ”

              “ไม่เชิง ก็แค่ไม่ชอบทำตอนใกล้ส่ง คนอื่นก็ไม่เคยบ่น แถมชอบด้วยซ้ำ แต่ผมก็เป็นแค่ไอ้เนิร์ดที่เข้ากับเพื่อนไม่ได้อยู่ดี”

              ผมถอนหายใจ ความรู้สึกใจเต้นตึกตักเมื่อมันมาซบหน้าตักหายไปหมด เหลือเพียงความห่อเหี่ยวเมื่อนึกภาพของเด็กที่เข้าใจว่าควรมีพร้อมทุกอย่างไม่ได้มีพร้อมทุกอย่างที่ควรมี

             ธูปเป็นคนกวนตีนโดยธรรมชาติ การอยู่ร่วมกับคนอื่นโดยที่สันดานเป็นคนกวนประสาทหน้าตาย มิหนำซ้ำยังมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ต่างคนที่ต่างไม่รู้นิสัยพื้นฐานกัน เติบโตมาต่างกันทำให้เข้าใจคนอื่นยาก นิสัยพื้นฐานของมนุษย์ไม่ใช่สันติภาพ แต่เป็นความแตกต่าง สงคราม การแบ่งพรรคพวกและทำให้ตัวเป็นใหญ่ มันเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง และเรามักไม่มีความเดือดร้อน ตราบใดที่คนบาปที่ถูกเขี่ยออกจากสังคมนั้นไม่ใช่ตัวเอง

             ซึ่งนั่นก่อให้เกิดความเหงา เหงาแม้มีผู้คนรายล้อม เหงาเพราะความแปลกแยกที่ไม่อาจหลอมรวมกับคนส่วนใหญ่ได้ และไม่ใช่ความผิดของมัน ตราบใดที่มันยังพอใจที่จะเป็นเช่นนั้น เหมือนที่ผมพอใจในความโดดเดี่ยว ไม่ร่วมสังสรรค์กับผู้คนของตัวเอง

              “ถ้ามึงเครียดก็ลองชวนเพื่อนมาติวช่วงใกล้สอบดิ มึงก็ไม่ได้อ่านหนังสือหนักช่วงสอบอยู่แล้วนี่”

              “แต่ผม...” ธูปอึกอัก “ผมยังทำของตัวเองได้ไม่ดีเลย”

              “อะไรคือไม่ดีวะ”

              “เคมีปีก่อนผมได้บีบวก”

             ไอ้สัดธูป กูก็บีบวก ตอนนั้นเพื่อนเรียกมหาเทพแล้ว

             “พี่ไม่เข้าใจใช่ไหม” มันถามเมื่อผมเงียบเสียงลง หัวไหล่คนซบเริ่มสั่น แค่วางมือลงบนหัวก็ก็รู้สึกว่ากางเกงกลายเป็น
ผ้าเช็ดน้ำตาให้ธูปโดยสมบูรณ์ “ผมเป็นลูกชายคนเดียวของอาจารย์พิภพไง”

              “ถ้ามึงเอฟก็อาจจะสอนเพื่อนไม่ได้”

              “ไม่ใช่” มันแย้งว่าเรายังเห็นไม่ตรงกัน “ผมจะเป็นคนที่สอนเพื่อนทั้งที่ความรู้ไม่แน่นได้ยังไง ผมเป็นลูกอาจารย์ในคณะนะ ผมไม่กล้าหรอก มันไม่ง่ายเหมือนตอนมัธยมแล้ว”

              ความกดดันตั้งต้นที่ทำให้มันไม่มั่นใจในตัวเอง

               “ไม่ได้เรื่องเลย”

              ธูปยังคงดุว่าตัวเอง ส่วนผมก็ลูบหัวอีกฝ่ายใต้ความเงียบ ปล่อยให้มันร้องไห้สักพักก่อนอธิบายให้ใจเย็นด้วยน้ำเสียงเนิบช้า

               “เคยได้ยินเรื่องอาการ imposter syndrome ไหมที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง”

              ธูปไม่ตอบ เดาว่าไม่เคยรู้จัก

               “มึงก็มีปัจจัยเสี่ยงครบเลยนะ ตั้งมาตรฐานสูง กดดันตัวเอง แบกทุกอย่างไว้คนเดียว กลัวการลองอะไรใหม่ๆ เพราะกลัวความผิดพลาด ผิดหวัง”

              บางทีแล้วสาเหตุอาจมาจากที่มันพูดมา คือมีพ่อแม่ที่เพอร์เฟคจนเกินไป

               “ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ก็ผิดหวังในตัวผม”

               “กูว่าอาจารย์พิภพไม่ใช่แบบนั้น เขาเคยบ่นเหรอถ้ามึงคะแนนไม่ดี”

              ถ้าเป็นพ่อกูก่อนปลดปลงไปกับผ้าเหลืองล่ะอีกอย่าง เรื่องนั้นผมทดไว้ในใจ

               “เพราะเขาไม่เคยพูด ก็เลยยิ่งต้องทำให้มันดี”

               “มันดีแล้ว มึงเป็นเด็กดี” ผมพูดจากใจ อยากให้ธูปคลายกังวลกว่านี้ แต่เข้าใจว่าประโยคพื้นฐานเช่น อย่าไปเครียด หรือทำใจสบายๆ คงไม่ช่วยอะไรมากนัก

               “ผมจีบสาวไม่ติดอีกต่างหาก”

               “ไปเรื่องนั้นได้ไง” หัวเราะพลางขยำผมมันเล่น ธูปหยุดร้องไห้ นอนตะแคงข้าง ผมเห็นเสี้ยวหน้าของมัน จมูกแดง ตาแดง ไรหนวดที่ขึ้นเร็วเพราะวัย

               “เหมือนผมสอบตกเรื่องการเอาทฤษฎีมาใช้ในชีวิตจริง”

              ถ้าเป็นปกติผมคงทั้งเสียใจทั้งขำ ไอ้ธูปเด็กประหลาด เป็นเนิร์ดที่อยู่ขั้นสุดของคำว่าเนิร์ด เต็มไปด้วยความคาดหวังในความสำเร็จทุกๆ ด้านและไม่สามารถร่วงลงมาได้แม้แต่น้อย มันหล่นไม่ได้ มันหย่อนไม่ได้ เมื่อก้าวคว้าดาวแล้วไม่ได้ดาวหนึ่งครั้งก็โทษว่าเป็นความผิดของก้าวที่ตัวเองทำได้ไม่สวยงามมาก่อนหน้านี้

               “ไม่มีใครเพอร์เฟคหรือทำอะไรได้อย่างที่เราอยากทำหรอก มีแต่คนบ้าที่คิดว่าตัวเองเพอร์เฟค”

               “ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเพอร์เฟค”

               “แต่มึงอยากเป็นคนเพอร์เฟค”

              เป็นค่านิยมของคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่รุ่นก่อนหน้าผมสักสี่-ห้าปี ช่วงที่โซเชียลมีเดียกำลังก้าวกระโดด ผู้คนประกาศความ
สำเร็จผ่านช่องทางที่มี ธูปไม่อยากทำแบบนั้น แต่มันอยากทำให้ทุกคนเห็นด้วยตา

               “หายใจเข้าออกลึกๆ” ผมบอก น้ำตามันเริ่มคลอเอ่ออีกครั้ง หัวใจผมอ่อนยวบยิ่งกว่าอ่อนยวบ ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดออกจากหัวตาก่อนมันหยด เด็กก็คือเด็ก มีช่วงวัยที่อ่อนไหว สำหรับผมแล้วธูปเป็นเด็กยิ่งกว่าเด็กในวัยเดียวกันด้วยซ้ำ “ไม่เป็นไรเลย มึงที่เป็นตอนนี้ก็เป็นที่ภูมิใจของอาจารย์มากแล้ว เชื่อกูสิกูเป็นศิษย์คนโปรดของพ่อมึงนะ”

               “เขาคุยกับพี่มากกว่าผมอีก”

               “ก็กูมีปัญหาอะไรก็บอก มึงอะเคยบอกเขาหรือเปล่า นี่อาจารย์มหาวิทยาลัยนะไม่ใช่ร่างทรง”

               “พี่อย่าไปบอกพ่อนะ” มันงุบงิบ ยังกลัวการแสดงความรู้สึกอ่อนแอให้ใครกังวล ผมอาจโชคดีที่เข้ามาในจังหวะที่มันยังไม่สร่างเมานัก ส่วนผมเมื่อคืนคือคนโชคร้ายที่ธูปเมามากเกินไปจนจำอะไรไม่ได้สักนิด “พี่อะ ไม่มีเรื่องเครียดเลยเหรอ เหมือนรับมือกับทุกอย่างได้สบายๆ”

               “ตลก คนมันก็ต้องมีเรื่องที่รับมือยากกันทุกคนนั่นแหละ ปัญหาบางอย่างแก้ได้ก็แก้ แก้ไม่ได้ก็หนี หนีไม่ได้ก็อยู่กับมัน แค่นั้นเอง”

               “สาธุ”

               “พ่อกูเป็นพระ อย่าลืมสิ”

              ธูปหัวเราะทั้งที่น้ำตายังไม่แห้ง พอเห็นรอยยิ้มก็หายใจคล่องตามไปด้วย ผมโคลงหัวตัวเอง เป็นเอามากเหมือนกันว่ะ

               “พี่เล่าบ้างดิ”

               “กูเหรอ กูแอบชอบคนที่เขาไม่ชอบกู เอาไปเรื่องเดียวก่อน”

               “เฮ้ย จริงดิ” มันผุดตัวลุกนั่ง เรื่องเสือกนี่ไวยิ่งกว่าหมาได้กลิ่นอาหาร “ใครอะ พี่กานหรือเปล่า”

               “ก็บอกว่าไม่ใช่สเป๊ก”

               “พี่ชอบผู้หญิงแบบไหน”

               “ก็เปลี่ยนไปตามวัยว่ะ บางช่วงชอบคนที่หน้า บางช่วงชอบที่นม แต่ตอนนี้ชอบที่ความประหลาด”

               “เหรอ แล้วไปเจอที่ไหน”

              เจ้าของเรื่องยังไม่รู้ตัว ผมยิ้ม เพราะทำได้แค่ยิ้ม ธูปหลิ่วตามอง ทำปากจู๋ 

               “ไม่บอก”

               “อะไรอะ ผมยังบอกพี่ตั้งหลายเรื่อง นะ...นะๆ”

               “ไม่ต้องมาอ้อน ไม่บอกแล้ว บอกไปก็แห้วอยู่ดี มึงอะถ้ามีแรงแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วลงมาเก็บจานไปล้าง”

              ผมยกขาเหยียด ยืดออกตามความยาวของโซฟา ผ่านหลังของธูปแล้วแกล้งดันมันหล่น กอดตุ๊กตาที่ธูปใช้หนุน หลับตาลงเพื่อตัดบทสนทนาไม่ให้ไอ้คนฉลาดแต่ไม่เฉลียวได้ซักมากจนจับได้ว่าคนที่เผลอไปคิดเกินเลยเข้าให้ไม่ได้อื่นไกลที่ไหนเลย
 

'
'
TBC

อันนี้เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สำหรับโรค Impostor Syndrome นะคะ
คนที่มีความเสี่ยงจะมีลักษณะ
1 กดดันตัวเอง มีมาตรฐานสูง ประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง แต่ถ้าไม่สำเร็จอย่างหนึ่ง จะคิดว่าตัวเองไม่เก่งในสิ่งนั้นทันที
พวกบ้าพลัง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ คิดว่างานที่ทำจะต้องทำได้ดีกว่านี้ เลยมองว่าสิ่งที่ทำยังดีไม่พอ
2 ขาดความมั่นใจ กลัวความผิดพลาด มักจะวิตกกังวลกับสิ่งที่กำลังเผชิญ และกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
3 ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง คิดว่าตัวเองต้องทำได้ทุกอย่าง และเมื่อทำไม่ได้ก็จะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง แต่จริงๆ แล้ว แต่ละคนย่อมมีความถนัดที่ต่างกัน
4 กลัวการเจอสิ่งใหม่ เมื่อทำงานประจำจนชิน จึงกลัวที่จะต้องเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่น แต่ที่จริงแล้วมันคือโอกาสในการก้าวหน้า
ลองสังเกตกันดูนนะะ ขอบคุณสำหรับทุกร่องรอยของกำลังใจนะคะ

เวสต์เอง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #99 เมื่อ05-09-2018 14:13:47 »

 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
« ตอบ #99 เมื่อ: 05-09-2018 14:13:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #100 เมื่อ05-09-2018 14:23:28 »

เรารอเรื่องนี้ตลอดเลย

ดีใจมากค่ะ ที่มาอักแล้ว



น้องธูปคะ

น้องจำไม่ได้จริงๆหรอคะ น้องแอ๊บ หรือเปล่า


พี่สังเกตว่าน้องธูปเปลี่ยน เรื่องเก่งมากตั้งแต่ตอนแรกๆแล้ว


จริงไม่จริงคะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #101 เมื่อ05-09-2018 16:07:42 »

ทำไมคิดว่าน้องจำได้....สงสัยๆๆๆ  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #102 เมื่อ05-09-2018 16:52:35 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #103 เมื่อ05-09-2018 17:11:07 »

ชอบคาร์ฯน้องธูปมากกกกกกกกกก แบบมากๆ ไม่ไหวแล้ว ชอบเวลาเขาคุยกันเรื่องสาระนะ เหมือนมีความกวนอยู่ในนั้นตลอด

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #104 เมื่อ05-09-2018 17:48:13 »

 อ๋าว หนุงธูปจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้


ทำไม อิพี่ไม่เล่าให้ฟังล่ะ


จะได้ไม่กดดันตัวเอง แบบนี้

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #105 เมื่อ05-09-2018 19:43:21 »

มีความสงสัยว่าธูปกำลังขุดหลุมดักมังกร

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #106 เมื่อ05-09-2018 20:24:45 »

เข้าข่ายแฮะ เดี๋ยวหาข้อมูลเพิ่ม
เดี่ยวๆ มาอ่านนิยายเข้าโหมดวิชาการเฉยเลยเรา 555

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #107 เมื่อ05-09-2018 20:53:27 »

อ่านไปอ่านมา..แลเหมือนเราจะฉลาดขึ้นเลยแหะ... :hao3:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #108 เมื่อ05-09-2018 22:29:37 »

อะไรจะคุมโทนการเล่าได้ดีขนาดนี้

รู้สึกเหมือนอยู่ในหมอกทุกตอนเลย

ชื่นชมค่ะ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #109 เมื่อ05-09-2018 22:59:31 »

พบคนตีเนียนเปลี่ยนเรื่องเก่งหนึ่งอัตรา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
« ตอบ #109 เมื่อ: 05-09-2018 22:59:31 »





ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #110 เมื่อ06-09-2018 10:46:41 »

น้องธูปแค่นี้พี่เขาก็ตกหลุมแล้วจ้า

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #111 เมื่อ06-09-2018 13:58:43 »

 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #112 เมื่อ07-09-2018 07:33:51 »

อย่ากลัวไม่สมหวังค่ะ น้องอ้อนขนาดนี้ บอกไปเลย
เอ็นดูธูป นอยด์กับความไม่ที่สุดของตัวเอง
ทั้งที่ตัวเองมีดีเยอะมาก แต่ก็นั่นแหละเนาะ
ความเข้าใจ และการใช้ชีวิตหลายอย่างบ่งบอก

มังกรคะ กลัวน้องจะรู้ หรืออยากให้รู้
รีบมาหาคือห่วงมากกว่ามั้ง กลัวน้องโกรธแล้วหายไป


ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #113 เมื่อ07-09-2018 07:40:57 »

ธูปหนูเชื่อมั่นในตัวเองหน่อยลูก :a14: :a14:

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #114 เมื่อ08-09-2018 13:40:30 »

พี่มังกรสู้ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตน้องมากกว่านี้ น้องก็ไปไหนไม่รอดแล้ว  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
«ตอบ #115 เมื่อ13-09-2018 01:00:13 »

chapter 07
NEW LESSON


              หลังจากที่ไปบ้านไอ้ธูปผมก็ไม่เห็นมาร์คอีกหลายวัน พี่นันต์บอกว่ามันโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตอนเจอผมแทบไม่มองหน้าด้วยซ้ำ แต่บอกมันว่าธูปไม่สบาย ที่หายไปนานเพราะดูแลจนมั่นใจว่ามันเอาตัวรอดมาร์คก็ยอมอ่อนลง มองค้อนผมหนึ่งครั้ง
 
               ซึ่งการที่มาร์คไม่มาร้าน หมายถึงธูปก็มาที่นี่ไม่บ่อยเหมือนก่อนหน้านั้น ผมพยายามนับมันว่าเป็นเรื่องดีๆ สำหรับคนที่ทำใจให้ยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม คล้ายให้เวลาพักผ่อนจนกว่าจะลืมว่าแผลซึ่งเคยแสบๆ คันๆ นั้นเกิดขึ้นจริง

              แต่เข้าวันที่สามมันก็โผล่ร่างเยินๆ มาใหม่

              ผมถอนหายใจ ร่างเยินๆ ที่ว่าคือร่างของธูปคนที่เจอวันแรกในห้องทำงานของอาจารย์พิภพชั้นสองของคาเฟต์ ไม่ได้พยายามแต่งตัวดูดี ยังคงสวมเสื้อใหญ่เกินเบอร์ ทรงกางเกงโบราณ จะวินเทจก็ไม่ใช่วินเทจแบบที่เขาใส่กัน เป็นสไตล์แบบที่ธูปเท่านั้นจะใส่ออกจากบ้านไปไหนมาไหน

               “ช่วงนี้ไอ้มาร์คไม่ยอมมาส่งเลยยย” คนมาใหม่บ่น เอากระเป๋าวางที่โต๊ะก่อนเดินไปขอขนมพี่นันต์ แวะยิ้มให้คุณกานดา แล้ววกกลับมานั่งข้างผม

              “มาร์คยังไม่หายโกรธอีกเหรอที่กูเอารถมันไป ที่จริงวันนั้นก็ดูเข้าใจแล้วนะ”

               “เข้าใจบ้าอะไร มันหวงจะตาย ไม่เคยให้ใครยืมเลยนะ”

              ธูปดันแว่นขึ้นชิดจมูก มองหน้าเชิงติเตียนว่าเป็นความผิดของผมที่ทำให้มันต้องลำบากไปด้วย  ผมยักไหล่ ตอบแบบไม่แคร์นัก “มันก็ไม่ได้ให้กูยืมนะ”

               “เหอะ ช่างเถอะ เดี๋ยวมันคิดถึงพี่นันต์ก็กลับมาเอง ไปไหนได้ไม่นานหรอก” ธูปว่า มองไปยังหัข้อสนทนา ขณะที่มาร์คมาๆ หายๆ คุณกานดาก็เร่งทำคะแนนทุกที วันก่อนผมได้อานิสงค์เป็นเงาะจากสวนลูกใหญ่ๆ คุณกานดาว่ามีที่ดินบางส่วนปลูกไม้ผลไว้ชานเมือง พอถึงฤดูผลิดอกออกผลก็แข่งกันผลิตจนกินไม่ทัน บางส่วนให้คนงาน บางส่วนแบ่งมาให้พี่นันต์ แต่ขณะที่คิดว่าผลไม้นั้นจะซื้อใจพี่นันตไ์ด้ ผมกลับเห็นข่องว่างที่แตกต่างกันชัดเจนของบาริสต้าหนุ่มกับคอลัมนิสต์สาว

              คนที่ทำงานแค่เอาขำๆ เพราะบ้านรวยล้นฟ้านี่แม่งมีจริงว่ะ ใครบอกว่าเจอได้แค่ในละคร

              จากวันนั้นพี่นันต์เงียบลง หน้าตาเครียดขมึง รีบหางานพิเศษเพิม เวลาที่มีน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงถนัด อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพี่นันตไ์ด้เรียนหนังสือมากกว่านี้อาจมีโอกาสทำงานที่สบายกว่านี้ หรือถ้ายอมเป็นเมียไอ้มาร์คไป นั่นก็อาจจะเป็นการก้าวข้ามช่องว่างในเรื่องของฐานะ (แต่เป็นเพศสภาพแทน)

              ไม่ว่ารักในเพศเดียวกันหรือต่างเพศแม่งก็น่ากลุ้มพอกันทั้งนั้น ล้วนแล้วแต่มีอุปสรรคและความเป็นไปไม่ได้ที่ต้องรอคอยการพิสูจน์

              ผมถอนหายใจ ความรู้สึกที่ยังวนเวียนไม่หายคลุ้งขึ้นใหม่เพราะการปรากฎตัวของลูกชายเจ้าของร้านคนเดียว

              “ไม่ถามหน่อยเหรอผมหายไปไหนตั้งสองสามวัน” ตัวต้นเหตุถามพาซื่อ ผมตอบส่งๆ เท่าที่รู้

               “ก็เห็นทำงานงกๆ ที่มหา’ลัย”

               “เฮ้ยๆ แวะไปที่ มอ.ตอนไหน”

              ผมนั่งพิมพ์งาน ไม่สนใจมันนัก ซ่อนทุกอย่างไว้ใต้ใบหน้านิ่งเรียบ “เมื่อวาน เอาวิทยานิพนธ์ไปคุยกับอาจารย์แล้วผ่านลานใต้คณะ”

               “ไม่เข้ามาทักอะ”

               “ก็เห็นมึงยุ่ง เป็นไง กับเพื่อนดีขึ้นไหม”

               “ไม่เชิง” มันว่า ก้มลงไปดูดโกโก้จากหลอดยางแล้วยืดตัวขึ้นใหม่ “จริงๆ ผมถนัดงานวิชาการมากกว่า เมื่อวานเพิ่งลองทำงานอื่น แบบ...ออกไอเดียเรื่องพื้นที่ส่วนกลาง อาจารย์ที่ภาคอยากใหทุกคนช่วยกันออกความเห็น”

               “ก็ดีนี่ ถึงว่า อยู่กันกลุ่มเบ้อเริ่ม”

               “อือ ก็ดีนะ แต่ผมคงไม่ได้ใช้เท่าไหร่ ชอบอ่านหนังสือคนเดียวมากกว่า แต่ให้เสนอไอเดียก็ได้”

               “เสนอว่าไง”

               “ก็เปิดห้องติวช่วงใกล้สอบ” มันกระแอมไอนิดๆ ใช้มือปัดจมูก แล้วยกขึ้นไปดันแว่นทั้งที่ยังไม่ร่วงลงมา “ก็อาจจะจัดเวลาบางวิชาติวเพื่อนภาคเดียวกัน ถ้ามีเวลาว่างมากกว่านั้นอาจจะจัดติวให้รุ่นน้องบางวิชาด้วย”

               “เจ๋งเลย” ผมชมมัน ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มายีหัว ให้กำลังใจ “ชมตัวเองหรือยัง”

               “อะไร บ้าปะ”

               “ชมตัวเองบ้าง จะได้โฟกัสว่าเราได้ทำอะไรดีๆ ไปแล้ว ไม่ใช่เอาแต่ติแล้วก็จมอยู่ตรงนั้น”

              มันไม่ตอบ เม้มปากเข้าหากัน กลอกตาไปด้านข้าง ผมใช้ข้อศอกสะกิดนิดเดียวก็หลุดยิ้มอายๆ

               “พี่แม่งน่าไปเปิดคอร์สไลฟ์โค้ชว่ะ”

               “ไม่ได้หรอก กูไม่ใช่คนโลกสวย”

               “ผมว่าพี่โพสิทีฟออก” คำพูดธรรมดาๆ ของธูปทำให้ผมรู้สึกวูบวาบในช่องท้อง ผมแสร้งขึงหน้าตึงพลางเถียง

               “ไม่ได้โพสิทีฟ แค่มองให้มันจริง อันไหนแย่ก็บอกว่าแย่ ไม่ต้องมีเรื่องดีๆ ในเรื่องแย่ๆ หรอก มึงมีสิทธิรู้สึกว่านี่มันเรื่องเหี้ยอะไรเนี่ย แต่อย่าลืมว่าเดี๋ยวจะผ่านไป อย่ากดดันตัวเองมาก”

              ธูปยิ้ม มันยืดตัวให้หัวดันชิดกับฝ่ามือผมเหมือนลูกหมาขี้อ้อน ผมเผลอยิ้มให้มัน อยากดึงเข้ามากอด แต่พอนึกขึ้นว่าธูปทำไปเพราะไม่ทันระแวดระวังก็ชักมือกลับมากระแอมไอ

               “ผมชอบให้พี่ลูบหัว” ว่าพลางทำตาหยี ผมพยักเพยิดแสดงอารมณ์ว่ารับรู้แต่ไม่ยอมลูบหัวต่อ ธูปไม่ตื๊อ รื้อหนังสือออกมาจากกระเป๋า นั่งอ่านข้างๆ กัน พี่นันต์เลือกแทร็คเพลงรักคลอเบาๆ เป็นเพลงสบายๆ ชวนโยกหัว ไม่กวนสมาธิ แต่ผมกลับไม่สามารถจดจ้องกับงานตรงหน้าได้นาน ทุกการขยับไหวของเด็กหนุ่มกำลังกล่อมให้ผมเป็นบ้าอย่างช้าๆ

              สภาวะที่น่าอึดอัดใจที่สุดของผู้ชายคนหนึ่ง อาจเป็นช่วงเวลาที่ตกหลุมรักใครแล้วละล้าละลังว่าควรทำยังไงต่อ อย่างที่ผมเคยบอกธูป คือถ้าชอบ หมายถึง ชอบจริงๆ ก็จีบ อย่างน้อยก็ตัดปัญหาที่คาราคาซังใหเด็ดขาด แต่กับธูปแตกต่าง ต่างทั้งสถานะทางสังคมและเพศสภาพ ผมไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นศิษย์โปรดของอาจารย์พิภพ หรือการเรียนจบปริญญามีข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ควร ผมไม่อยากให้ธูปเสียความมั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อเป็นความรู้สึกแล้ว เหตุผลนานัปการที่ยกขึ้นมาอ้างก็ต่อสู้กันดุเดือด สูสี

              และหากอีกฝ่ายยังทำให้ผมชอบโดยบังเอิญได้บ่อยเหลือเกิน ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะทำให้เหตุผลจะชนะใจตัวเองยังไง

               “พี่มังกร”

              เสียงทุ้มกระซิบ ผมเผลอสะดุ้งตัวเพราะไม่ได้จรดจ่อกับงานตรงหน้า ธูปไถหนังสือมาให้ดู มันวงกลมข้อความที่ไม่เข้าใจด้วยดินสอ วาดรูปเครื่องหมายคำถามบิดๆ เบี้ยวๆ บนนั้น

               “ทำไม”

               “ไม่เข้าใจอะ”

                ผมอ่านทวนก่อนอธิบาย ยังไม่ทันพูดจบประโยคมันก็พูดขัดเมื่อนึกทฤษฎีบางข้อที่หลงลืมไปขึ้นมา อาจารย์พิภพคงชอบเวลาที่สอนมัน เขาชอบเมื่อผมเรียนรู้อะไรได้เร็ว แต่ก็ใจเย็นพอที่จะสอนทวนซ้ำให้นักศึกษาที่สามารถเข้าใจอะไรได้ยาก

               “มึงเอาเรื่องเรียนไปถามพ่อบ่อยไหม” ผมหมายถึงถ้าเขาอยู่กรุงเทพฯ เหมือนช่วงนี้ อาจารย์กลับมาสอนตามปกติ งานผมเบาลง แต่เรื่องความหนักใจเพิ่มขึ้น

               “ตอนเด็กๆ อะบ่อย พ่อชอบหาหนังสือแปลกๆ มาให้อ่าน”

               “อืม แล้วทำไมไม่เรียนสาขาเดียวกับอาจารย์พิภพล่ะ”

               “ผมวัดรอยเท้าพ่อไม่ได้หรอก” มันว่า ขยับตัวอ่านหนังสือต่อ “เดี๋ยวนี้มีอะไรก็ไม่กล้าถามมากด้วย”

               “ทำไมอยากแข่งกับพ่อเสียล่ะ”

               “ไม่ได้อยากแข่ง ก็บอกแล้วไง ผมมีชื่อของลูกชายอาจารย์พิภพเขียนบนหน้า” เด็กหนุ่มถอนหายใจ เป็นความลำบากใจที่ไม่รู้จะช่วยแก้ยังไง “จะทำอะไร จะเรียนอะไร หรือผลการเรียนเป็นยังไงก็มีชื่อพ่อไปด้วย ยิ่งเป็นอาจารย์มหา’ลัยในไทยนะ รู้จักกันหมด”

               “เป็นมึงดีที่สุดแล้ว ไม่เห็นต้องไปเทียบกับใครเลย”

               “พี่พูดได้ไง” เพราะผมไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับมัน เพราะผมไม่ได้เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมเดียวกับมัน คำพูดย่อมง่ายกว่าการกระทำเสมอ ผมเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดีแต่ก็ไม่อยากให้ธูปกดดันตัวเองเพราะสุดท้ายแล้วทุกคนย่อมมีลิมิตความเป็นตัวเองทั้งนั้น

               “กูห่วงมึงนะ”

              เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมพูดเสียงเครียด ธูปละสายตาจากหนังสือมาสบตาผม ต่างฝ่ายต่างนิ่งไป ผมหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อรู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ประดักประเดิด น้ำลายคล้ายกลายเป็นฝุ่นผง แม้จะกลืนก็ทำได้ลำบาก

               “ผมโอเค” มันปฏิเสธความหวังดี เป็นฝ่ายหลบตาก่อน

               “เอ้อ พี่...จำได้ป่าวว่าเคยรับปากผมไว้เรื่องนึง”จบประโยคธูปก็เม้มปากเข้าหากัน กวาดตาลอกแลก ผมเลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม มันโน้มตัวลงมากระซิบเสียงแผ่ว “เที่ยวผู้หญิง”

              ผมนิ่งค้าง ไม่อาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องสนุกสนานเหมือนก่อนหน้านี้ได้อีก ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนคิดมากเมื่อครู่หมาดๆ

               “ก็...ไม่ได้ชอบคุณกานดาแล้วนี่ ยังไม่ได้จะรีบมีแฟนเสียหน่อย”

               “ไม่ได้จะมีแฟนต้องเป็นช่วงได้ลองดิ ถ้าเกิดใกล้ๆ มีแฟนจะกล้าไปนอนกับคนอื่นได้ยังไง”

              ผมอยากปฏิเสธ แต่ก็คิดไม่ตก บางทีแล้วที่ผมหมกมุ่นอยู่กับธูปเกินจำเป็นอาจบรรเทาเบาบางด้วยการระบายความเครียดออกเสียบ้างก็ได้

               “ช่วงนี้อาจารย์อยู่นะ เย็นนี้ก็จะเข้ามาดูของที่ร้าน”

               “พ่อไม่อยู่ดึกหรอก” มันรั้นอย่างคนอยากรู้อยากลอง “ก็รอให้พ่อกลับแล้วเราไปด้วยกันไง เสร็จแล้วก็กลับมานอนที่ร้าน ครั้งแรกผมไม่กล้าซื้อทั้งคืนหรอก”

               “ไม่กลัวโรคเหรอ”

               “ก็กลัว แต่อยากรู้มากกว่า” มันว่า หยีตาแหยงๆ “ใช้ถุงไง”

               “ห้ามจูบ ห้ามสด” ผมกลั้นหายใจ สั่งห้ามมันทุกอย่างที่เพิ่มความเสี่ยง “กูรู้จักที่ๆ สะอาดอยู่บ้าง แต่ว่าเรื่องพวกนี้ประมาทไม่ได้ต่อให้ใช้ถุงก็ยังมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นน้ำลายก็ด้วย”

              มันพยักหน้า ก่อนก้มหน้าซบลงกับโต๊ะ

               “พี่จะพาไปจริงๆ นะ เชี่ย ตื่นเต้นว่ะ”

              ผมหัวเราะ เป็นหัวเราะแห้งๆ ไม่มีความหมาย ยกมือขึ้นยีหัวเด็กหนุ่ม แต่คราวนี้มันหลบ เงยหน้าขึ้นหยิบแก้วโกโก้ดื่มอึกๆ ก่อนผุดลุกเอาแก้วเปล่าไปให้พี่นันต์แทน




              อาจารย์พิภพกลับไปตอนสองทุ่ม เขาถามลูกชายย้ำว่าจะไม่กลับไปด้วยกันหรือก่อนธูปยืนยันคำเดิม เดินไปส่งพ่อถึงบีทีเอส อาจารย์ใช้รถเฉพาะเมื่อไม่ได้เดินทางคนเดียว เช่นออกไปทานข้าวกับครอบครัว หรือมีสัมภาระที่ต้องพกพา ไม่สะดวกต่อการเดินทาง

              หลังร้านปิด พี่นันต์รีบเคลียร์บิลทุกอย่างถึงสามทุ่มครึ่ง ส่วนธูปล้างอุปกรณ์เครื่องใช้ ผมมีหน้าที่ทำความสะอาดร้านในส่วนอื่นๆ บาริสต้าต้องผันตัวเป็นนักร้องชั่วคราวตอนสี่ทุ่มตรง เขาเพิ่งปรึกษาว่าจะรับงานทุกคืนจนได้เงินเก็บสักก้อนแล้วใช้เงินลงทุนก่อนร่างกายจะโหมงานหนักไม่ไหว ผมเห็นด้วย เบื้องต้นสนับสนุนโดยการทำงานรับผิดชอบงานอื่นๆ ยกเว้นทำบัญชีรายวันและชงเครื่องดื่มบ างเมนู

               “พี่นันต์มีร้องเพลงคืนนี้ด้วยเหรอ” ธูปถามเมื่อเห็นพี่ชายคนสนิทแขวนผ้ากันเปื้อนแล้วรีบบึ่งออกไปพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ผมพยักหน้า ปิดหน้าต่างประตูเรียบร้อย ตามด้วยสวิตซ์พัดลมและไฟทีละดวง

               “เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน”

               “แล้วไปเลยป่าว”

              ธูปถามย้ำ ผมพยักหน้า ก่อนเห็นแววตาไม่มั่นใจของเด็กหนุ่ม “ไม่ต้องกลัว เรื่องธรรมชาติ”

              ที่จะไม่ธรรมชาติเลยเห็นจะเป็นอาการขุ่นมัวในใจของผมที่ต้องใช้พลังรุนแรงในการห้ามปรามมันต่างหาก




              ธูปไม่เคยเห็นแสงสีในตอนกลางคืน ถ้ามันจะเสียคนผมเองก็ยอมรับแต่โดยดีว่าเป็นความผิดของตัวเอง แรกเริ่มเราคุยกันเหมือนผู้ชายช่างแหย่ หยอกล้อเป็นภาษาที่คุยกับเพื่อนตอนมัธยม แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นผู้ปกครองที่ต้องฝืนใจส่งมันออกมาดูโลกมุมอื่น มุมที่ไม่อยากให้มีจริง แต่มันมี มุมที่ไม่อยากให้ธูปรู้จัก แต่ก็กลัวว่าด้วยธรรมชาติมันจะไปทำความรู้จักโดยปราศจากครูฝึกสอนที่ถูกที่ควร


              แววตาของธูปวิบวับเมื่อมีผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งประชิด ผมสั่งเหล้า เรียกผู้หญิงอีกคนมานั่งข้างตัวเอง แต่ยังคงสอดส่องพฤติกรรมคนมาด้วยตาไม่กะพริบ

              ธูปตอนออกล่าสาวมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก มันกะล่อน กรุ้มกริ่ม แต่ก็ไม่เชี่ยวชาญ สายตาคอยเสาะหาพื้นที่ต้องห้าม กลัวที่จะสัมผัสแต่เมื่อหญิงบริการรู้ว่ามันซิงก็สอนด้วยความชำนาญ ธูปเขินจนหน้าแดงจัด แต่ก็มองเนินอกอวบอิ่มตาวาววับ ใช้นิ้วมือสัมผัสเบาๆ ก่อนรุนแรงขึ้นเมื่อได้รับอนุญาต

               “จะเปิดห้องเลยหรือเปล่า”

              ผมถามสาดเหล้าเข้าคอ ไม่ดื่มด้วยความรู้สึกแบบนี้มานาน เคยพาเพื่อนมาขึ้นครูที่นี่สองสามครั้ง บางครั้งก็พาแขกของอาจารย์จากต่างประเทศมาเที่ยว เลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่าของขึ้นชื่อบ้านเราคือโสเภณี นิสัยของสาวไทยที่เลื่องลืออย่างหนึ่งคือเอาใจเก่ง มีความเป็นแม่สูง และบางครั้งผู้ชายก็ต้องการการดูแลเช่นนั้นในวันที่เหน็ดเหนื่อย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อร่างกายโตเต็มที่ความต้องการอื่นๆ เพื่อบรรเทาความเครียดก็ตามมา

              ผมอาจเป็นหนึ่งในส่วนน้อยที่มองว่าหากมีการทำธุรกิจอาบอบนวดให้ถูกต้องตามกฏหมาย มีการตรวจโรค เก็บภาษีอย่างถูกต้อง รัฐคงได้เงินสำหรับทำอะไรอื่นๆ ได้อีกมาก อีกทั้งปลอดภัย เชื่อถือได้สำหรับลูกค้า แต่ก็ยอมรับว่าไม่สามารถหวังผลเรื่องลดอาชญากร และอาจทำให้บริบทในสังคมที่เป็นปัจจุบันผิดเพี้ยนไปหมด

              น่าแปลกที่แม้ผมจะยอมรับเส้นทางและลักษณะของอาชีพ เมื่อธูปหายไปกับผู้หญิงคนนั้น  สูง โปร่ง  ผิวแทน ผมดำสนิท ใบหน้าคมคายและดูอายุมากกว่ามันอย่างเห็นได้ชัด ผมก็รู้สึกหงุดหงิดจนทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด

               “แล้วพี่ไม่เปิดห้องเหรอคะ”

              หญิงสาวที่นั่งรินเหล้าให้ถาม เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว สวมแว่น ผมสั้น หน้าอกเล็ก ในร้านมีผู้หญิงแทบทุกรูปแบบ คนนี้หน้าตาจิ้มลิ้ม แน่นอนว่าผมเลือกเธอเพราะลักษณะที่มองผ่านแล้วเหมือนบางคนต่างหาก

               “ไม่ล่ะครับ”

              ถึงแม้จะอยากทำโทษที่ไอ้ธูปทำให้โมโหโดยไม่ตั้งใจ แต่ผมก็ใจเย็นเกินกว่าจะยอมให้ใครก็ได้มาตอกย้ำภาพของมัน มีจินตนาการมากมายเกี่ยวกับผมและธูปในความฝัน จินตนาการที่สะท้อนออกมาว่าการข่มอารมณ์ในตอนกลางวันและปะทุอย่างบ้าคลั่งในค่ำคืนมันเลวร้ายอย่างไร

              เลวร้ายตรงที่ในฝัน ธูปจะทำทุกอย่างที่ผมต้องการ ใบหน้าของธูปที่เต็มไปด้วยการร้องขอ เริงระบำบนร่างกายของผม เหนื่อยหอบหมดแรงก่อนผมจะถึงฝั่งฝัน ธูปที่เป็นตัวแทนของความปรารถนาที่ผิดแผก เป็นเหยื่อทางอารมณ์และยินดีที่จะรับบทเหยื่อโดยไม่แม้แต่บอกให้หยุดหย่อนผ่อนปรน

              ภาพเหตุการณ์เหล่านี้วนเวียนมาทุกคืนหลังจากเราจูบกันวันนั้น และไม่เห็นว่าจะมีทีท่าว่าจะหยุดฝันบ้าๆ แบบนั้นเมื่อไร

              ร่างกายของธูปที่ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ขาวผ่อง เนียนละเอียด สะโพกและแผ่นหลังเปลือยเปล่า คิดว่าขณะนี้ร่างกายนั้นกำลังถูกใช้งานอย่างเพลิดเพลินกับคนอื่นก็ยิ่งดื่มให้ลืมไป หนึ่งแก้ว สองแก้ว สาม หรือ...ผมเลิกนับไปในที่สุด




              ผมยังไม่เมานักตอนธูปกลับออกมา แต่สติเลือนรางจนปล่อยให้ตัวเองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงสาวที่คล้ายมันเต็มที่ จับต้องเท่าที่ต้องการ อย่างน้อยการไม่มีธูปในเวลานี้ก็ตอบคำถามว่าผมยังเกิดอารมณ์กับผู้หญิงเหมือนเมื่อก่อน จมูกดอมดมซอกคอขาว อุ้มหญิงสาวนั่งบนตัก ให้บดเบียดบั้นท้ายกับหน้าขาผม เสื้อผ้ารัดรูปแทบทำให้ผมอาจยอมจ่ายเงินเพื่อทำอะไรมากกว่านี้อีกหน่อยถ้าไม่มีคนขัด

               “พี่ลงมานานหรือยัง” ธูปถาม ผมยืดคอออกแต่ไม่ใช่เพื่อตอบมัน เพราะพนักงานป้อนเหล้าให้ถึงปากต่างหาก

               “ยังไม่ขึ้นไปเลยค่ะ คงห่วงน้อง น้องช่วยเชียร์หน่อยสิ” เธอแหย่ทีเล่นทีจริง ธูปส่ายหน้าหวือ

               “ผมอยากกลับแล้ว บิลเลยได้ไหม”

               “ไม่ต่อจริงเหรอ” เธอหันมาถามย้ำ ผมยิ้มให้ จ่ายเงินเพิ่มให้เป็นการส่วนตัวนิดหน่อยหญิงสาวก็ลุกไปเรียกบริกรให้มาวางบิล ธูปทรุดตัวลงนั่งข้างผม เม้มปากเข้าหากัน ไม่พูดไม่จา

               “ไม่ดีเหรอ”

               “ก็ดี”

               “แปลว่าไม่ค่อยดี” ผมถาม เหลือบตามองนาฬิกา ผ่านไปไม่กี่นาทีแท้ๆ แต่ระยะเวลาที่ธูปหายไปกลับยาวนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์

               “ก็ดีมากครับ” มันตอบประชดประชัน ก่อนอ้อมแอ้มพูด “แต่เจ็บ”

               “ครั้งแรก”

              มันพยักหน้า หากนับว่าผู้หญิงมีเยื่อพรหมจรรย์ ผู้ชายก็มีเส้นพรหมจรรย์ที่ทำให้ครั้งแรกไม่สุขสมอารมณ์หมายเท่าที่คิด

              แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อถึงที่สุด คงดีกว่าที่คิดเป็นไหนๆ

              ผมรับผิดชอบจ่ายบิลทั้งหมดโดยไม่ให้มันรู้ราคา เมื่อพนักงานมาทอนเงินก็เดินกอดคอออกไป อ้างว่าให้อีกฝ่ายจ่ายค่าแท็กซี่เพราะเห็นทีบีทีเอสคงหมดและตัวเองก็อาการไม่ดี เมื่อเดินได้สักพักก็รับรู้ได้ว่าแม้ไม่เมานัก แต่ร่างกายก็ฟ้องว่าไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว

               “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยอะ”

               “ใครจะเหมือนมึงล่ะ อาบน้ำอาบท่า สบายตัว” กลิ่นของมันตอนนี้เป็นกลิ่นสบู่สะอาด มีแป้งเด็กตามซอกคอ ไม่ได้ถูกสร้างร่องรอยไว้ ผมฉวยโอกาสอีกแล้ว นอกจากตรวจสอบร่างกายของมันแล้วยังแกล้งซบบ่า ใช้จมูกปัดเฉี่ยวซอกคอเมื่อมันลากขึ้นแท็กซี่สีชมพูที่โบกได้หน้าร้าน

               “หอมเหมือนน้องแว่นไหมล่ะครับ”

              ธูปรู้ทัน ผมหัวเราะ โอบเอวอีกฝ่ายเข้าชิด กระซิบด้วยเสียงที่เบาที่สุด

               “ไม่มีใครหอมเท่ามึงหรอกธูป”

.
.

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.ุ6 Impostor Syndrome(5/o9/18)
«ตอบ #116 เมื่อ13-09-2018 01:03:36 »


              ข้อดีของการดื่มเหล้าคือผมสามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเองได้มากขึ้นโดยไม่ต้องรู้สึกไม่สบายใจเหมือนผ่านมา

              ความจริงแล้วเหล้าเป็นแค่ข้ออ้างอย่างหนึ่งของมนุษย์ ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์จะแตะต้องร่างกายธูปได้ขนาดนั้น แต่เมื่อสัมผัสแล้วอีกฝ่ายไม่ปัดป้อง เมื่อล้มตัวลงนอนผมก็ดึงมันล้มลงมาบนฟูกผืนเดียวกัน

               “พี่!”

               “เป็นหมอนข้างให้หน่อย ติดหมอนข้าง”

               “ไม่จริงอะ!” มันเถียง ขืนคอออกเล็กน้อยเมื่อผมขยับจมูกเข้าหายใจรดต้นคอ “ไม่เห็นที่นี่มีหมอนข้างสักใบ”

               “อือ พูดมาก นอนเถอะ แค่กอดเอง ไม่ชอบเหรอ”

               ธูปไม่ปฏิเสธ แต่เถียงอ้อมแอ้มในลำคอ “มันร้อน”

               “ถอดเสื้อดิ”

               “ม่าย” เด็กหนุ่มปฏิเสธเสียงยาว ยกมือกำคอเสื้อแน่น ผมหัวเราะ ปล่อยมือจากมันแล้วเป็นฝ่ายถอดเสื้อออก “อย่าทำอะไรพิเรนทร์ๆ นะเว้ยพี่มังกร”

               “หืม?” ผมโยนเสื้อลงตะกร้า แม่นเหมือนจับวาง “ก็บอกว่าเหม็นเหล้าไม่ใช่เหรอ อะไรพิเรนทร์ๆ คือทำอะไร”

              ผมถาม ธูปที่ผุดลุกขึ้นเมื่อครู่ถอนหายใจยาวเหยียด

               “ไอ้บ้าเอ๊ย”

               “อะไร ทำอย่างกับไม่เคยถอดเสื้อนอนด้วยกัน”

               “พี่อย่าพูดคำว่านอนด้วยกันตอนแก้ผ้าได้ปะ”

              ผมยักไหล่ เปลี่ยนกางเกงแล้วล้มตัวลงนอน ตั้งแต่มีเซ็กซ์แล้วหัวไวกับเรื่องพวกนี้ขึ้นเท่าตัวเลยนะมึง ไอ้ธูปยังบ่นงุบงิบ ฟังไม่ได้ศัพท์ มันเห็นว่าผมไม่เกาะแกะแล้วก็ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เสื้อกล้ามของผมกับกางเกงบ็อกเซอร์ ถ้าไม่ถอดเสื้อนอนการแต่งตัวแบบนี้ก็เหมาะสมกับสภาพอากาศในห้องใต้บันไดมากที่สุด

               “มองอะไร”

               “เปล่า ปิดไฟด้วย แล้ว...ถ้าพรุ่งนี้จะกลับไปก่อนก็ทิ้งโน้ตไว้หน่อยแล้วกัน”

               “อือ” เด็กหนุ่มรับคำ มันปิดไฟ ใช้ดาวเรืองแสงนำทางกลับยังที่นอน ก่อนล้มตัวลงชิด ผมนอนหงาย ใช้แขนข้างหนึ่งหนุนให้หัวสูงขึ้นจากผ้าเช็ดตัวที่พับซ้อนแทนหมอน ส่วนธูปนอนตะแคง หันหลังให้ “ไม่กอดอะ?”

               “หืม?”

               “ก็ติดหมอนข้างไม่ใช่เหรอ” มันว่า แล้วตอบใหม่ว่า “เปล่า มีอะไร”

              ผมอมยิ้ม พลิกตัวมาพาดแขนกอดเอวอีกฝ่าย ดึงให้แผ่นหลังปะทะแผ่นอก เสียงหัวใจเต้นดัง เป็นหัวใจของผมที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความว่างเปล่าเมื่อครู่ถูกเติมเต็ม ความโกรธเกรี้ยวหงุดหงิดทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้ง แตะปลายจมูกลงบนหัว เด็กหนุ่มก็คู้ตัวเข้าหากัน ผมเองก็ขดตัวงอเป็นคล้ายเส้นขนานที่แนบขนาบกับมัน ธูปวางมือซ้อนกับข้อมือของผม จับเอาไว้ รู้สึกถึงความสั่นไหวเล็กน้อย

               “ไม่เห็นเล่าเลยว่าเป็นยังไงบ้าง”

               “เรื่องอะไร”

               “ที่ขึ้นไปเมื่อกี้” ผมเงียบเสียงแล้วถามต่อ ด้วยความหวังอันริบหรี่ว่ามันอาจจะไม่ได้ทำอะไร “ได้เอาหรือเปล่า”

               “อืม” เสียงทุ้มตอบรับในลำคอ บ้าว่ะ ผมเป็นคนพามันไปลองแท้ๆ แต่กลับวูบโหวงกับคำตอบนั้น “ก็ไม่เหมือนตอนช่วยตัวเอง”

               “ดีกว่าใช่ไหม”

               “อือ ดีกว่า แต่...ผู้หญิงจัดการหมดเลยนะ” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้ม ก่อนสารภาพ “ที่จริงรอบแรกเสร็จก่อนเข้าไป”

              จบคำว่ารอบแรกแปลว่ามีรอบสอง ปกติแล้วราคาที่จ่ายเป็นรอบการเสร็จกิจของผู้ชาย แต่เคสนี้ไอ้ธูปเจอครูใจดีเป็นบ้า

               “ทำตามที่สัญญาไว้ใช่ไหม” ที่คุยกันก่อนไป เรื่องความปลอดภัยที่มันต้องระมัดระวัง ธูปพยักหน้า ก่อนผมจะกอดมันแน่นขึ้น “ดีแล้ว”

               “ครั้งแรกพี่เป็นแบบนี้หรือเปล่า ทำได้ไม่ดีเลย”

               “ธรรมดา” ผมปลอบใจมัน ไม่อยากให้ธูปเสียความมั่นใจ “ไม่เคยให้คนอื่นช่วยเลยใช่ไหมล่ะ”

               “หึ” เด็กหนุ่มปฏิเสธ มันโยกหัวมาโขกกับคางผมเบาๆ “พี่เคยเหรอ แบบ ก่อนมีอะไรกับคนอื่นจริงๆ เคยให้คนอื่น...ผมหมายถึง...”

               “อืม ก็เคยให้ตุ๊ดที่โรงเรียนช่วย ไม่ได้บังคับนะ เป็นความอยากรู้อยากลองวัยนั้น ใช้มือกับปาก ไม่ได้ป้องกันด้วย โคตรคะนอง”

               “ไหนบอกว่าอันตราย”

               “สมัยนั้นไม่รู้ว่าอันตราย โชคดีฉิบที่ไม่ได้เป็นโรค” ผมหัวเราะ นึกถึงสาเหตุที่ไม่รู้เพราะเด็กๆ ไม่เคยได้รับความรู้แบบตรงไปตรงมา ขนาดใส่ถุงยางครั้งแรกยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไง งกๆ เงิ่นๆ จนผู้หญิงหมดอารมณ์ แห้วแดก “มึงมีไกด์ดีก็อย่าพลาดล่ะ แล้วก็ไม่อยากให้ไปลองเอง ถ้าอยากไปอีกก็บอกกู”

               “พี่จะได้ไปอึ๊บน้องแว่นคนนั้นเหรอ ครั้งนี้พลาดเพราะกลัวผมลงมาแล้วไม่เจองี้?”

               “ไหนบอกไม่ชอบให้ใครบูลลี่ตัวเองว่าไอ้แว่น ทำไมไปเรียกเขาแบบนั้น”

              ธูปไม่ตอบ มันดูหงุดหงิด คงเพราะโดนย้อนในเรื่องที่ตัวเองเคยเอ่ยปากว่าไม่ชอบ

               “ตอบดิ”

               “ตอบอะไร”

              ทั้งที่เร่งเร้าแต่พอถามซ้ำกลับไม่พูด เรานิ่งเงียบ ร่างกายแนบชิด กลิ่นแชมพูที่ธูปใช้จากร้านเป็นกลิ่นน้ำหอมติดอยู่ตามเส้นผม ถ้าอยากได้กลิ่นแป้งต้องดมที่คอ หรือถ้าอยากได้กลิ่นผิวเนื้อให้ชัดคงต้องกดจมูกลงแรงๆ

               “ช่วยตัวเองบ่อยไหม”

              ผมพูดในสิ่งที่ผู้ชายมักใช้เป็นหัวข้อสนทนาในวัยรุ่น ตั้งแต่ยังนิยามตัวเองว่าเด็กชาย ใครทำเป็นก่อนจะโอ้อวด ข่มทับว่าใครมีความสามารถในการผลิตสเปิร์มได้มากกว่า เราไม่พูดเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เป็นเรื่องที่ต้องปกปิด อาจเพราะธรรมเนียมและศีลธรรมตีกรอบความสุภาพ

               “ก็...ไม่บ่อย มันจะมีวันที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วค่อยทำ พี่อะ”

               “มากเท่าจำนวนครั้งที่อาบน้ำ”

               “เชี่ย ติดเซ็กซ์ปะเนี่ย”

               “มึงน่ะน้อยไปน่ะสิ” บางคนทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำด้วยครั้ง “มันคลายเครียดนะเว้ย หัดปลดปล่อยบ่อยๆ บ้าง อย่างแรกจะได้ไม่เครียดแบบนี้ อีกอย่างก็จะได้อึด คราวหน้าไม่เจอผู้หญิงใจดีแบบนี้เงินมึงลอยไปตั้งแต่ล่มปากอ่าวแล้ว

               “ไอ้พี่เชี่ย”

               “พูดจริง”

              แขนที่กอดเอวมันไว้สัมผัสได้ถึงความร้อน ภาพจากมุมที่นอน ความมืดที่คลุมเครือด้วยความสว่างของไฟเรืองแสงไม่อาจบอกได้ว่าหน้าของธูปเป็นสีเลือดฝาดหรือไม่ แต่เพราะตาไม่เห็น ผิวสัมผัสถึงชัดเจน ไม่ว่าอุณหภูมิหรืออัตราเต้นของหัวใจ

               “อีกน้ำไหวไหม”

               “ตอนนี้อะนะ”

               “อือ เดี๋ยวช่วย”

              ร่างกายที่เผยปฎิกิริยาแบบนี้ออกมาทำให้ผมหลงระเริง ธูปไม่รังเกียจการกอดรัดมากนัก และไม่ขืนตัวหนีเมื่อผมสอดมือเข้าใต้เสื้อกล้าม ลูบหน้าท้องรอบสะดือ ค่อยๆ แตะปลายนิ้วไล่ขึ้นบนก่อนช้าๆ

               “เดี๋ยวสอนจูบด้วย หันหน้ามาสิ”

              เด็กหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนถาม “พี่เป็นเกย์ปะ”

               “อาจจะเป็น” ตอบตามจริง ถ้าเมื่อก่อนคงปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว อาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ทั้งนั้น “รังเกียจเหรอ”

               “เปล่า ผมแค่...” ธูปอึกอัก ปฏิเสธด้วยท่าทีที่อ่อนนุ่มที่สุด “ผมแค่น่าจะเป็นผู้ชาย”

               “กูไม่ปล้ำมึงหรอก แค่ช่วยกัน เพื่อนผู้ชายก็ช่วยกันได้” เหมือนในหนังโป๊ประเภทแกงค์แบง แต่ในหนังจะมีผู้หญิงมาจอยด้วย “ถ้ามึงบอกว่าไม่กูจะหยุด”

              ผมให้โอกาสมันด้วยคำพูด แต่อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยารวดเร็วเมื่อผมลูบไปถึงแผ่นอก สะกิดส่วนที่นูนเป็นเม็ดเล็กๆ ขึ้นมาเบาๆ ด้วยนิ้วชี้ ก่อนใช้นิ้วหัวแม่มืรองเป็นฐาน ธูปหลุดครางจนต้องรีบคว้าเอาหมอนข้างมาปิดหน้า

               “ตรงนี้ของผู้ชายก็ปลุกอารมณ์ได้ ตอนหลังเวลาช่วยตัวเองลองเริ่มจากนี่ก่อน”

               “ผมรู้หรอกน่า! ไม่ใช่เด็กเพิ่งชักว่าว!”

              ผมหัวเราะ บางทีมันก็ดูใสเกินกว่าจะเป็นไอ้ธูปตัวแสบ “หันหน้ามาจูบสิ กูปลอดภัย มั่นใจได้”

              เกิดเสียงลมหายใจขาดช่วงร่างกายผมมีปฏิกิริยาชัดเจน แต่ยังไม่ทำอะไรมากไปกว่าการหยอกล้อแผ่นอกให้ธูปตบะแตก ท้ายที่สุดมันก็ยอมเอียงคอหันหน้ามา

              สาบานว่าครั้งนี้ธูปหันมาจูบด้วยความเต็มใจ หมุนทั้งร่างพลิกตะแคงข้าง ตะกรุมตะกรามจูบผมจนต้องเป็นฝ่ายผละออก

               “ใจเย็นๆ”

               “พี่...” ในความมืด ไอ้ธูปจับข้อมือผมลงไปแตะร่างกายใต้กางเกงผ้า มันแข็งสู้มือและเปียกเยิ้มที่ส่วนปลาย “ผมทำพี่ได้ไหม”

               “ตอนนี้เหรอ ยัง ใช้มือกับจูบให้เป็นก่อน”

              ธูปหายใจยาว แต่ถี่ ใช้หน้าผากชนกับคางของผม

               “เงยหน้าหลับตา แล้วก็อ้าปาก คิดว่าคนที่จูบเป็นใครก็ได้ที่มึงชอบ”

              ผมโน้มตัวหา พลิกขึ้นคร่อมอีกฝ่าย ใช้กลีบปากสัมผัสเบาๆ เชิงหยอกล้อ พอธูปจะเอาแต่ใจก็ผละถอย เปลี่ยนเป็นแตะด้วยลิ้น กระทั่งแทบริมฝีปากลงไป เผยอปากเพื่อดูดกลืนริมฝีปากของกันและกัน กอดกันด้วยลิ้นชื้นแฉะ กระหวัดเกี่ยวแลกลมหายใจ ธูปดันสะโพกขึ้นให้ร่างกายส่วนล่างเสียดสีกับมือ ผมใช้มือข้างหนึ่งกอบกุมมันไว้ มืออีกข้างไล้ข้างแก้มลงมาตามคอ หัวไหล่ ย้ายลงมาจูบที่ไหปลาร้าแล้ววกขึ้นไปจูบที่ปากอีกที ก่อนใช้นิ้วหัวแม่มือข้างที่ควบคุมความรู้สึกของธูปไว้ขยับเป็นวงกลมส่วนหัว ความหยาบหนาของมือทำให้มันขยายใหญ่มากขึ้นจากเดิม เด็กหนุ่มพยายามกลั้นเสียงคราง แต่เมื่อผมถลกเสื้อมันขึ้น แตะลิ้นร้อนลงบนยอดอก ร่างกายมันก็ดิ้นเร่าอย่างไม่อาจควบคุมได้

               “พี่...ผมจะเสร็จแล้ว”

               “เดี๋ยวก่อน”

              ผมห้าม หยอกมันด้วยการชะลอความเร็วลง

               “ไอ้พี่มังกร อย่ากวน”

               “เรากำลังสอนความอดทน”

              ผมชอบเมื่อมันครวญด้วยความอึดอัด การร้องขอในชีวิตจริงแตกต่างกับในฝัน แต่ก็มีความสุขเหมือนกัน

               “ค่อยเป็นค่อยไป บางทีสวยงามที่สุดอาจเป็นระหว่างทาง”

              ธูปเข้าใจ แต่ปฏิเสธที่จะรอ ผมรวมมือทั้งสองข้างที่เรียกร้องไว้ด้วยมือทั้งสองแขนปลดกางเกงตัวเองลง ยกสะโพกเล็กขึ้นตัก แหกขาขาวออกกว้างคร่อมซ้ายขวา ร่างกายของธูปลอยเด่น ตั้งตรงได้แม้ผมละมือไปครู่หนึ่ง

              อยากเปิดไฟชะมัด

              แค่ดาวเรืองแสงท่านี้จะพอเห็นอะไร แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไหนก็รวบมือขยับโยกร่างการมันอีกครั้ง ส่วนตัวเองอาศัยบำบัดด้วยช่องระหว่างเนินเนื้อทั้งสองข้างของมันเสียดสี หน้าขากระทบกัน แต่ไม่ได้ล่วงล้ำตามตกลง เสียงดังแปะ แปะ ของผิวเนื้อ กลิ่นคาวของสารคัดหลังที่เออท่วมขึ้นมาจากท่อส่ง ผมได้ยินเสียงเปียกแฉะ ที่ชัดกว่านั้นคือเสียงร้องครางของผธูปและลมหายใจหนักๆ ของผม

              สุดท้าย เด็กหนุ่มปล่อยรดมันออกมาเรี่ยราดทั่วหน้าท้องและฝ่ามือ ผมยังใช้เนื้อสะโพกมันเป็นอุปกรณ์บำบัด และปลดปล่อยตามกันมาในเวลาไม่นาน ช่มชื้นไปทั่วขาหนีบ ผสมปนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร

               “โอย”

              ไอ้ธูปเหนื่อยออก ผลักผมให้พลิกตัวนอนหงาย มันใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดเหงื่อบนหน้า ร้องครวญอย่างคนยอมแพ้

               “สนุกไหม”

              ผมถาม ดึงมันมากอดอีกครั้ง คราวนี้จูบหน้าผาก เด็กหนุ่มพยักหน้า กอดผมกลับ

               “เหมือนเล่นรถไฟเหาะเลย”

               “ดีใจที่ชอบ” เพราะอย่างน้อยแปลว่ามันไม่ได้รังเกียจผม ยอมปล่อยออกมาเยอะขนาดนี้ทั้งที่เป็นรอบที่สาม ถ้านับรวมที่มันล่มปากอ่าวกับเสร็จในรอบสองด้วยระยะเวลารวดเร็วจนผมแอบคิดว่าบางทีมันอาจไม่มีอารมณ์ร่วมกับผู้หญิงก็ได้

              แสงดาวสีเขียวที่เรืองรางในห้องพร่าลง ธูปนอนหนุนแขนผมไว้ เราต่างใช้ทิชชู่ทำความสะอาดร่างกายตัวเอง ก่อนพระอาทิตย์สาดส่อง กลายเป็นแสงใหม่ของอีกวัน
 



TBC

ตอนนี้บอกได้แค่ อย่าหาว่าพี่สอน
ฮือออ ไม่รู้จะบอกให้ใครหนีไปก่อนเลยอะ ไม่ต้องหนีละกัน ลุยเลย ลุยเลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
«ตอบ #117 เมื่อ13-09-2018 02:08:51 »

มันเหมือนนักเรียนลองเล่นรักที่ห้องใต้บรรไดเลยอะ  :-[

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
«ตอบ #118 เมื่อ13-09-2018 02:12:16 »

ไหนพี่มังกรบอกว่ายั้งใจได้
ไหน!!!

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.7 NEW LESSON(13/09/18)
«ตอบ #119 เมื่อ13-09-2018 06:00:13 »

โอวมายก็อด...ดดดดดด  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด