บทที่ 18 ของรักของหวง [Night’s talk]
“เห็นไหมยัยแจนนี่ ฉันบอกแล้วว่างานนี้มีรักนอกจอชัวร์” เสียงห้าวที่พยายามดัดให้แหลมจนฟังดูน่าปวดหัวของร่างที่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพศเดียวกับผมหรือเป็นเพศเดียวกับแม่ผมกันแน่ ทำให้ผมต้องชะงักเท้า
“นั่นสิยะ หมอนัทนี่ก็ร้ายใช่ย่อย จูบน้องเวย์กลางเวทีเลย อ๊ายยย ฉันล่ะอยากจะเป็นนางเอกมั่งจัง” ใช่ มันร้ายมาก...มากกว่าที่ผมคิด ผมคงวางใจเกินไปจนทำให้ไอ้เวย์ต้องเสียท่าวันนี้ ทั้งๆ ที่มันไม่เต็มใจ แต่ผม...ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกจากรีบมาหามันให้เร็วที่สุด เร็วแค่ไหนน่ะเหรอครับ...เอาเป็นว่าผมโดนด่ายันโคตรมาตลอดทางเลยก็แล้วกัน
“เหอะ คงจะมีคนมาจูบหล่อนหรอกย่ะ ว่าก็ว่านะ ไอ้เราก็สงสัยมาตั้งนานแล้ว เห็นไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด ขนาดน้ำยังดูดจากหลอดเดียวกันเลยแก” คำพูดที่ทำให้ผมสะอึก ไปไหนด้วยกันตลอด ขนาดน้ำยังดูหลอดเดียวกัน... หรือว่าผมจะเข้าใจผิดที่คิดว่าไอ้หมอมันเป็นคนบังคับ จริงๆ แล้วมึงก็เล่นด้วยใช่ไหมเวย์ จริงๆ แล้วมึงไม่ได้รังเกียจจูบของมันใช่ไหม? ก็ในเมื่อมึงสนิทกันขนาดนี้แล้ว...คงเป็นกูที่บ้าไปคนเดียว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนอยากจะฆ่ามันให้ตายกับมือเพราะทนเห็นมึงอยู่กับคนอื่นไม่ได้...กูคงบ้าไปคนเดียว ตลอดเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เราแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน แต่มึงรู้ไหมว่ากูรอมึงทุกวัน ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนแค่ได้เห็นหน้าก่อนนอนกูก็พอใจ แต่มึง...ไม่รู้สึกเหมือนกันใช่ไหม??
“นั่นสิยะ ฉันเห็นหมอนัทคอยตามติดน้องเวย์ตลอด ทีแรกก็นึกว่าแค่ซ้อมบท ที่ไหนได้แอบไปทำความรู้จักฉันท์แฟนกันซะงั้น พอฉันถามก็บอกไม่มีอะไร แหมม นี่ขนาดไม่มีอะไรนะยังจูบกันได้ตั้งนานสองนาน แล้วถ้าเกิดว่ามีอะไร...”
“อ๊ายยย ก็ปิดไฟใส่กลอน นอนเตียงสั่นไงแก๊”
ในที่สุดความอดทนของผมก็หมดลง ผมอยากจะเชื่อใจมัน...คนที่บอกว่ารักผมมาตลอดสามปี ผมอยากจะเชื่อ แต่...ทุกอย่างที่ได้ยินมันกลับทำลายความเชื่อมั่นของผมจนหมดสิ้น ช่วงเวลาที่ผมไม่อยู่ ช่วงเวลาที่มันบอกว่าเป็นความลับ...ให้ดูไม่ได้ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นใช่ไหม ช่วงเวลาที่มึงกันกูออกห่างไม่ใช่เพราะมันเป็นความลับ แต่เพราะให้กูรู้ไม่ได้ต่างหากใช่ไหม ไหนล่ะที่คนบอกจะรอ...หรือมันนานเกินไป
สุดท้ายแล้ว...ในโลกนี้คงไม่มีใครที่ผมจะเชื่อใจได้อีก
ขอแค่มึงคนเดียว...ที่จะไม่โกหกกู...ก็ไม่ได้ใช่ไหม?
“โอ๊ยย เดินประสาอะไรยะ คนทั้งคนนะชนมาได้” ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอไปทำร้ายร่างกายสองคนนั้นเมื่อไร รู้อีกทีเท้าที่มันไม่ยอมฟังคำสั่งสมองก็เคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณเสียแล้ว
ปิดไฟใส่กลอน นอนเตียงสั่น ...แค่คิดตามก็แทบทนไม่ได้ ร่างกายมันถึงได้ขยับก่อนสมอง แค่คิดว่าจะมีใครที่ไม่ใช่ผมมาสัมผัสร่างกายนั้น หัวใจก็เต้นเร่าๆ ร้อนรุ่มกว่าครั้งไหน
“หรือว่าอยากจะโดนมากกว่านั้น” ปากของผมมันคงจะเป็นปากพาจนอย่างนี้ไปตลอด มันไม่เคยไว้หน้าใคร โดยเฉพาะคนที่ทำให้หัวเสีย และในกรณีนี้...ทำให้นึกอยากฆ่าคนโดยไม่สนคุกสนตาราง ไม่ใช่แค่ปาก...แม้แต่ฟัน มันก็ยังอยากขยับ
“อ่ะ..อะไรกันฮ้า อย่าคิดว่าหล่อแล้วดอลจะหวั่นนะ”
“หึ เมียผมอยู่ไหน” ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงได้พูดคำๆ นี้ออกมา รู้ว่ามันไม่ดี รู้ว่ามันจะทำให้อีกคนเสียหาย แต่ตอนนี้...ผมไม่อยากสน แค่อยากประกาศให้คนอื่นรู้ว่ามันเป็นของผม เป็นของรักที่ใครหน้าไหนก็แตะไม่ได้ ถึงแม้วันนี้มันอาจจะไม่ใช่ของรักของผมแค่คนเดียวอีกแล้วก็ตาม
“ห๊ะ?! เมีย?”
“เออ ไอ้เวย์เมียผมน่ะ มันอยู่ไหน” ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นของใคร ได้ยินแล้วก็ช่วยจำใส่สมองได้ด้วยล่ะ อย่าให้ตัวเองต้องมาเจ็บตัวเพราะปากหาเรื่องแบบนี้เลย อย่าได้พูดเป็นครั้งที่สองว่ามันรักใครนอกจากผม อย่าได้พูดอีกว่ามันไปกับใครที่ไม่ใช่ผม อย่า!!
“น่ะ..น้องเวย์ เอ่อ.. เมีย??” พวกนั้นคงยังไม่เข้าใจ หรืออาจจะเข้าใจแล้วแต่ยังไม่แน่ใจกับประโยคที่ผมประทับใส่เซลล์สมองพวกเขา ผมจึงได้แต่สำทับอีกครั้งด้วยสายตา ที่อาจจะคล้ายการช่มขู่มากกว่าการยืนยัน
“ท่ะ..ทางโน้นจ้า” ผมมองตามมือที่สั่นอย่างเห็นได้ชัดนั้นไปก็พบว่าเป็นทางไปห้องน้ำ ใจที่ไม่เคยสงบลงได้มันกลับทวีความร้อนรุ่มขึ้นไปอีก ห้องน้ำ...ถึงไม่มีเตียงแต่ก็เป็นสถานที่ที่ไม่เลวใช่ไหมสำหรับการลงโทษใครสักคน ลงโทษ...ที่มันโกหกผม ลงโทษ...ที่ทำให้ใจผมสั่นไหว ลงโทษ..เพื่อตอกย้ำว่ามันเป็นของผม..แค่คนเดียว
“พี่หมอ?? เข้ามาทำไมอีกพี่ ผมเปลี่ยนชุดเองได้” คำแรกที่ผมได้ยินจากปากมันคือคำว่า ‘พี่หมอ’ คนเพียงคนเดียวที่ผมอยากให้รอ อยากขอร้องให้เขารอ...ในที่สุดแล้ว...เขาก็รอไม่ได้ หัวใจที่มันน่าจะด้านชาไปแล้วเพราะคนๆ นั้น คนที่ให้กำเนิดผมแต่ไม่เคยให้ความรัก คนที่ให้ผมเรียกว่าพ่อ แต่ทำให้แม่...คนที่ผมรักที่สุดต้องตรอมใจตาย กลับรู้สึกเจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
.....ไม่เอาอีกแล้ว ฉันพอทีกับความรัก...
...ไม่ต้องรอแล้ว เวย์...กูจะไม่ให้มึงต้องรอแล้ว... เพราะฉะนั้น...อย่า...ไป...
“....”
“เงียบ?? ถ้าเรื่องบนเวทีล่ะก็ ผมบอกแล้วไงว่าลืมมันไปซะ ผมจะไม่ใส่ใจอีก” ลืมมันไปซะ มันพูดราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักนิดเดียว มันบอกจะไม่ใส่ใจทั้งที่ผมร้อนใจแทบบ้า แค่คนอื่นมองมันด้วยสายตาแบบเดียวกันกับผม ผมยังยอมไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับจูบ...ที่มันบอกไม่ต้องใส่ใจ
“มึงจะให้กูลืม??”
“ไอ้ไนท์!!” ตกใจมากนักรึไงที่เห็นกูน่ะ กูเข้ามาไม่ถูกเวลาใช่ไหม กูไม่ใช่คนที่มึงอยากเจอใช่ไหม หรือว่าตกใจ...ที่กูรู้ความจริง
“มึงจะให้กูลืม ลืมได้ยังไง!!” ผมจะลืมได้ยังไง พวกคุณบอกทีสิว่าผมจะลืมมันไปได้ยังไง ลืมคนๆ เดียวที่พาผมออกมาจากความเหงา ลืมคนๆ เดียวที่อยู่ข้างผมเสมอ คนๆ เดียวที่ทำให้ผมยิ้ม หัวเราะได้ และ...ทำให้ผมอยากร้องไห้เหลือเกิน
...ทุ่มเทกี่ครั้ง ฉันก็ยังต้องผิดหวัง...
ถ้าทำได้...ผมจะลืมว่ามันเป็นเพื่อน...เป็นคนสำคัญ...เกินกว่าที่ผมจะกล้าเรียกมันว่า ‘คนรัก’ ถ้ามันเป็นใครสักคน...ที่ไม่ใช่เวย์...ไม่ใช่คนๆ นี้...ผมจะไม่ลังเลเลย
เพราะคำว่า ‘รัก’ สำหรับผมแล้ว...เป็นเหมือนเหวลึก...น่ากลัว...หยั่งไม่ถึง...แตะต้องไม่ได้
“น่ะ..ไนท์” อย่าเรียกกูด้วยน้ำเสียงแบบนั้น อย่าทำท่าหวาดกลัว อย่าถอยหนีกูแบบนั้น...อย่า...ได้โปรดเถอะ...มึงกำลังจะฆ่ากูรู้ตัวไหม
...กี่ทีกี่ครั้งที่เสียน้ำตา เจ็บจนอ่อนล้าฉันช้ำเกินไป...
“บอกกูมา มันหมายความว่ายังไง มึงบอกกูมา”
“ไนท์ ฟังกูก่อน” จะให้กูฟังอะไร ฟังมึงบอกว่ารักมันแค่ไหน ฟังมึงบอกกูว่า...ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว...อย่างนั้นใช่ไหม ทำไมกูต้องฟัง ทำไม!!
“ลับหลังกู มึงแอบไปกับมันใช่ไหม?? ชอบมันรึไง ห๊ะ!!” ผมถามด้วยเสียงดุดันอย่างที่ไม่เคยทำกับมันมาก่อน สองมือที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่นจับหัวไหล่กลมกลึงนั้นไว้แน่น...ไม่อยากปล่อยไปเลย แต่ว่ามึง...คงอยากให้กูปล่อย
“มึง มันม่ะ...อุ๊บ!” มึงกำลังจะยอมรับว่าชอบมันใช่ไหม กูไม่มีทางให้มึงพูดประโยคบ้าๆ นั่นออกมาหรอก ไม่ทีทาง กูจะยอมโง่...ขอแค่มึงไม่จากไป กูจะยอมไม่รู้...ขอแค่มึงเป็นของกูคนเดียว กูปล่อยมือจากมึงไม่ได้จริงๆ
...วิ่งตามแค่ไหนก็ได้เพียงเงากับความเหงาใจ… แค่เท่านั้น...
ผมจับมันหันหลัง ชุดกระโปรงคว้านลึกเผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียน...ชุดที่ทำให้มันสวย...ราวกับเจ้าหญิงบนเวที
“ด่ะ..เดี๋ยว อย่า” มันร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อผมใช้ปากรูดซิปชุดนั้นลงโดยไม่รู้เลยว่าเสียงสั่นๆ นั้นทำให้ผมหมดความอดทน และสติทั้งหมด สายตาจับจ้องแค่ผิวขาวนวลน่ามอง แผ่นหลังที่กำลังสั่นระริก จนอดไม่ได้ที่จะสัมผัสด้วยริมฝีปากและลิ้นเปียกชื้น
อยากตีตรา...ประกาศความเป็นเจ้าของ
“ไม่เอา ที่นี่...หยุด โอ๊ย!” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ผมกัดไหล่บางนั้นแรงด้วยความรู้สึกมากมายที่แทบทำให้ผมเป็นบ้า ความปรารถนา ความต้องการ ความโกรธ...ทำให้ผมคลั่ง
รู้แต่ว่าตอนนี้...อยากจะยืนยันว่ามันเป็นของผม
ผิวขาวนวลนี่เป็นของผม...ริมฝีปากนั่นเป็นของ...ทุกอย่างของมัน...เป็นของผมคนเดียว
“หยุดไม่ได้แล้ว เวย์” ผมดันร่างมันติดผนัง จับสองมือรวบไว้ด้วยกันเหนือหัว ลากลิ้นร้อนไล้ไปทั่วผิวเนื้อเปลือยเปล่า...ทุกที่ที่มองเห็น...กกหู ซอกคอ ไหล่ แผ่นหลัง กดจูบหนักๆ ดูดดุนจนเป็นรอยชัด...นั่นแหละ...ชัดกว่านี้อีก...ต้องเห็นชัดกว่านี้
“พอ..เจ็บ” ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงที่ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบนั้น มือที่ว่างอยู่อีกข้างล้วงเข้าไปสัมผัสบางอย่างที่ตื่นตัวอยู่ด้านหน้า เคล้นคลึงส่วนนั้นรุนแรงตามอารมณ์จนคนในอ้อมกอดสะอื้นสลับคราง “อ๊ะ อ๊-า” เสียงร้องแบบนี้...มีแค่ฉันที่ได้ยินใช่ไหม
ผมจับมันพลิกตัวกลับมาเพื่อมอบจูบที่ดูดดื่มที่สุดให้ คำพูดมากมายส่งมอบผ่านจุมพิตนี้...ได้ยินหรือเปล่า ร่างกายเปลือยเปล่าของมันสั่นสะท้านยามรับสัมผัสจากผม คนยังไม่ประสีประสาเหมือนจะหายใจไม่ทัน ผมจึงต้องเปิดโอกาสให้อีกคนได้สูดอากาศหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะจูบปิดปากเล็กๆ นั้นอีกครั้ง
...ไม่อยากเปิดโอกาสให้มันได้พูด...
นัยน์ตาหวานล้ำเหม่อลอย ริมฝีปากเผยอน้อยๆ มันยั่วยวนเกินกว่าที่ผมจะทนไว้
“สัมผัสฉัน” มือบางยกขึ้นลูบไล้ผมช้าๆ ตั้งแต่ใบหน้า ซอกคอ นวดคลึงจนผมต้องหลับตา กัดฟันอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ คนตัวเล็กขมวดคิ้วขัดใจกับเสื้อผ้าที่กั้นขวางจึงลงมือปลดกระดุมช้าๆ ด้วยท่าทีที่ชวนให้คลั่ง และผม...ไม่อาจรอ
ปลดซิปกางเกงและดึงมันลงอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจสักนิดว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ส่งนิ้วชี้เข้าไปสัมผัสช่องทางร้อนระอุที่บีบรัดให้อารมณ์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว อยากจะขยายให้มากกว่านี้ ไม่อยากให้มันเจ็บ...แต่ก็ทนไม่ได้
“อ๊า ฮึก! โอ๊ย” จับเรียวขางามข้างหนึ่งยกขึ้น สอดแทรกสิ่งอุ่นๆ เข้าไปทันที ความร้อนและคับแคบแทบทำให้ถึงจุด ถอนหายใจยาวเมื่อช่องทางนั้นรับผมเข้าไปได้ทั้งหมด จูบปลอบโยนอีกคนที่ทำหน้าเหมือนจะขาดใจ สีหน้าท่าทางที่ทำให้หมดควมอดทน ขยับสะโพกขึ้นลงรุนแรงไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ
“อ๊า อ๊า” ความเจ็บปวดยิ่งทำให้ส่วนนั้นบีบรัด มันจะรู้หรือเปล่าว่าทำให้คนๆ หนึ่งหลงใหล คลั่งไคล้ในความหอมหวานของมันจนไม่อยากไปไหน อยากอยู่แบบนี้ไปตลอด อยากขังตัวเองไว้กับมันไปแบบนี้...ไม่อยากให้มันไปพบใคร ไม่อยาก
“อ๊า โอ๊ย อือ” อารมณ์หึงหวงก่อตัวโดยไม่มีใครฉุดรั้งทำให้สัมผัสแต่ล่ะครั้งช่างร้อนแรงนัก ร้อนแรงจนใกล้เคียงกับความดิบเถื่อน ผมกัดฟันแน่น จูบเปลือกตาสีแดงจัดของคนในอ้อมกอด มันเจ็บ...ผมรู้ แต่ผมหยุดไม่ได้ ไม่มีอะไรหยุดได้อีกแล้ว
สะโพกขยับอย่างรวดเร็ว มือใหญ่กอดรัดร่างบางไว้แน่น ท่วงท่าที่ยังไม่คุ้นเคยทำให้ความต้องการของทั้งคู่ดูเหมือนจะมากกว่าทุกครั้ง มือเล็กเอื้อมไปเกาะไหล่กว้างไว้เพื่อพยุงตัว ขณะที่ปากก็อ้าออกเพื่อสูดลมหายใจบรรเทาความเจ็บอันหอมหวาน ทั้งเจ็บและสุขจนยากจะแยกแยะว่ารู้สึกอย่างไหนมากกว่ากัน สัมผัสรุนแรงทำให้เขาต้องกัดบ่าร่างสูงไว้ตามที่อีกคนบอก กลั้นเสียงสุดความสามารถเพราะกลัวคนข้างนอกจะได้ยิน
“อึ่ก!!!” ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ร่างกายเหมือนไร้เรี่ยวแรงอ่อนยวบลงในอ้อมกอดนั้นโดยที่มีแขนข้างหนึ่งของคนเอาแต่ใจมารั้งไว้ได้ทัน สติหลุดลอย...เหนื่อยเหลือเกิน
เมื่อเห็นร่างบางหลับไปในอ้อมกอดด้วยความเหนื่อยล้าและหนาวเย็น ผมจึงถอดเสื้อเชิ๊ตตัวเองใส่ให้ แล้วอุ้มร่างที่สั่นน้อยๆ นั้นออกจากหอประชุมทางด้านหลัง ไปขึ้นรถเพื่อพามันกลับคอนโดโดยไม่สนสายตาของใครทั้งสิ้น
...ปล่อยมือจากคนๆ นี้ไม่ได้...จะให้รอก็ไม่ได้...แล้วผมจะทำอย่างไรดี...
----------------------------------
TBC จ้า