บทที่ 28 – อารมณ์เสีย
มองไปทางด้านซ้ายก็มีแต่ตัวเลข……มองไปทางด้านขวาก็มีแต่ตาราง……มองหน้ามองหลังก็เต็มไปด้วยหนังสือที่กองพะเนินเทินทึกอย่างกับภูเขา…….ให้ตายเหอะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย…….วันนี้เป็นวันที่ผมเครียดที่สุดในรอบปีที่ได้เรียนหนังสือมาเพราะว่ามีงานกลับมาให้ทำเต็มไม่เต็มมือไปหมด….ไหนจะต้องเตรียมสอบต่อปริญญาโทแล้วก็ทำการบ้านที่ค้างจากเมื่อวานอีก……ให้ตายเหอะ ใครมันจะไปเขียนเรียงความ 6000 คำทันภายในสองอาทิตย์ล่ะ ไหนจะต้องมีนำเสนอรายงานวิชา Asian Studies แล้วก็มีสอบเก็บคะแนนของ Biomed อีก สงสัยว่าสุดสัปดาห์นี้ไม่ต้องออกไปไหนแหงๆ
ผมลุกขึ้นไปหยิบกระดาษขึ้นมาสองแผ่นเพื่อมันจดตารางการทำงานของตัวเองว่าจะแบ่งเวลายังไงมั่ง ผมคิดไปก็พูดพึมพำกับตัวเอง……พรุ่งนี้ส่งแบบฟอร์ม…..นัดสัมภาษณ์โปรเฟซเซอร์……พิมพ์รวมเล่ม………เช็กอินเฟิร์สดราฟ….แล้วก็………………..เฮ้อ เหนื่อย นี่ขนาดแค่คิดยังเหนื่อยขนาดนี้ ถ้าตอนลงมือจริงๆจะเหนื่อย
ขนาดไหน ไหนจะต้องมีไทยดินเนอร์กับพวกเพื่อนๆแล้วต้องไปซื้อนู่นซื้อนี่อีก……อยากลาตายสักวันนึง
“อาร์ม ไปกินข้าวกัน”
“แบงค์ไปเหอะ อาร์มยังไม่หิวอะ เดี๋ยวดึกๆอาร์มค่อยลงไปเอา”
“อะๆก็ได้ แล้วอาร์มจะเอาอะไรไหม”
“ไม่อะ” ผมปัดมือไล่มัน
พอไอ้แบงค์มันเดินออกไป ผมก็นั่งทำการบ้านต่อ……
……ติ๊ด ติ๊ด….เสียงโทรศัพท์มือถือของผมสั่นแล้วก็ดังขึ้น
“Hello?”
“เอ่อ อาร์มจ๊ะ นี่ส้มโอนะ ตกลงพรุ่งนี้ห้าโมงครึ่งเจอกันที่หอเรานะ”
“ได้ๆ” ผมตอบไปห้วน
“………เอ่อ……ไม่กวนละ เสียงยังงี้งานยุ่งแน่ๆเลย แล้วเจอกันนะ บายจ้ะ”
“อื้มๆ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ละกัน” ผมพูดจบแล้วเธอก็รีบวางสายไป
………โอ้ย อยากจะตาย ทำไมอะไรๆมันก็ยุ่งไปหมด ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นเดินวนไปวนมาสักสี่ห้ารอบเพื่อคลายเครียด…..แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาสักนิดเลย ใจของผมตอนนี้มันร้อนรนไปหมดแล้ว
............ไอ้แบงค์มันกลับขึ้นมา....
“อาร์ม….ไม่หิวหรอไง”
“อือ….ก็บอกแล้วว่าไม่หิว”
“แน่นะ”
“เอ๊ะ ก็แน่สิ ไม่หิวก็ไม่หิว” ผมเริ่มอารมณ์ไม่ดี
“อาร์มอย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิคร้าบ…………” มันพูดแล้วก็เข้ามากอดผมจากด้านหลัง…………………..…….แค่นั้นมันก็ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะกลับมานั่งทำงานต่อแล้วล่ะครับ
“อือๆ อาร์มขอโทษนะ พอดีงานมันยุ่งๆน่ะ” ผมเลยถือโอกาสอ้อนแล้วก็ลูบคางมันซะ
“ไม่เป็นไรๆ ทำงานไปเหอะ ไม่กวนละคร้าบ” มันพูดเสร็จก็เข้ามาจูบผมอีกที
…………………………………….ติ๊ด….. ติ๊ด…….โทรศัพท์ผมดังขึ้นแล้วก็หมุนไปรอบๆโต๊ะทำงาน…….
“ฮัลโหลพี่อาร์ม เป็นไงบ้างคะ”
“งานยุ่งโคตรๆเลยอะมุก……………….แล้วนี่เพิ่งถึงมหาวิทยาลัยหรอจ๊ะ”
“อืมค่ะ ตอนแรกว่าจะกวนอะไรพี่นิดหน่อย…..แต่เห็นพี่อาร์มยุ่งๆแล้ววันหลังดีกว่า”
“แล้วไอ้นิดหน่อย นี่อะไรล่ะ”
“ก็เพื่อนมุกที่นี่อะดิ….มันคิดจะไปต่อโทที่อเมริกาอะ มันเลยมีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่อาร์มหน่อย”
“อ้าวหรอ แล้วเพื่อนคนไหนล่ะ พี่รู้จักปะ”
“ไอ้วินอะ พี่ไม่รู้จักมันหรอกมั้ง อาจจะแค่เคยเห็นผ่านๆ”
“ใครวะ…….. ชื่อไม่คุ้นเลย” ผมทำเสียงงงๆ
“เออ….เอาเหอะ……คือว่ามันอยากจะปรึกษาอะไรอย่างงี้ไง…ตกลงจะให้มุกทำยังไงอะ จะให้มุกเอาเบอร์หรือเมลของพี่อาร์มให้มันดีล่ะ”
“อืมมม…………งั้นเอาเมลของพี่ให้เพื่อนมุกไปก่อนละกันนะ…..เดี๋ยวพี่จะทำงานต่อแล้ว แค่นี้นะจ๊ะ ตั้งใจเรียนล่ะ”
“ค่า สวัสดีค่า”
……….คุยโทรศัพท์กับไอ้น้องสาวตัวดีจบแล้วผมก็นั่งทำงานต่อ แต่สักพักผมก็ต้องถูกขัดจังหวะเมื่อมีใครคนหนึ่งแอดเอ็มผมเข้ามา…..พอผมกดตอบรับเท่านั้นแหละ……….คำถามก็พรั่งพรูเข้ามาเต็ม
“หวัดเดคับ นี่พี่อามหรอคับ” …..ผมรู้สึกงงๆนิดหน่อยว่าน้องเค้าไม่มีเรียนหรอ…….แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
“ อื้ม ใช่แล้ว นี่น้องวินที่จะมาถามเรื่องเรียนที่อเมริกาใช่ไหม”
“ช่ายแล้วคับ ว่าแต่พี่อาร์มนี่เก่งจางเลยนะคับ สอบเข้าเยลได้”
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ………..”
“ไม่เท่าไหร่ได้ยางงายอะพี่ สอบติดมหาลัยอันดับต้นๆของโลกอะ สุดยอด”
“ก็พอดีชอบทำกิจกรรมอะไรพวกนี้อะครับ”
“เหรอครับ……. ว่าแต่พี่อาร์มสอบ SAT ได้เท่าไหร่อะค้าบ”
“ก็ได้เลขกับ crit read รวมกันประมาณ 1400 นิดๆมั้งครับ จำไม่ค่อยได้แล้วเพราะมันตั้งนานแหน่ะ”
“โหย สูงจางเลยค้าบ……….. ว่าแต่พี่มีเทคนิคอะไรมั่งอะ”
“ก็ตั้งใจอ่านหนังสือให้มากๆแล้วก็ฝึกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะๆอะครับ แล้วเดี๋ยวมันก็จะเก่งเอง”
“อ่ะหรอคับ ว่าแต่เรียนที่เยลเป็นยางไงบ้างคับเนี่ย ดีไหม…….”
มาถึงตอนนี้ผมเริ่มที่จะอารมณ์ไม่ดีอีกรอบแล้วล่ะครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถามเรื่องอะไรเยอะแยะไปหมด แถมยังพิมพ์ภาษาไทยได้วิบัติมากๆ ขนาดเรียน
อยู่เมืองไทยแท้ๆ…..ผมไม่ชอบเลยเวลาที่คนอื่นเอาภาษาไทยไปใช้ในทางที่ผิดทั้งๆที่มันควรจะสะกดให้ถูก มันเหมือนกับเป็นการไม่ค่อยให้เกียรติภาษาเลย….ผมก็ยอมรับนะว่าบางทีเวลารีบพิมพ์งานก็อาจจะสะกดคำตกไปบ้าง แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดเพราะว่าอยากให้ภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาที่สวยงามมันอยู่กับเราไปนานๆ แต่สำหรับของน้องวินอะไรเนี่ย…..มันไม่ใช่แล้ว แต่ผมก็ต้องทนคุยกับน้องเขาต่อไปเพราะกลัวมันเป็นการเสียมารยาท……………….จนเกือบๆสี่ทุ่มครึ่ง……..
“เอ่อ น้องวินครับ เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“อ๋าๆ ได้ค้าบ ขอโทดนะคับที่มารบกวน” …….เพิ่งจะสำนึกหรอเนี่ย?
“ไม่เป็นไรครับ แล้วไว้คุยกันใหม่นะครับ”
“ค้าบๆ โชคดีนะค้าบ”
นับๆไปมาก็เป็นเวลาชั่วโมงกว่าๆที่ผมใช้เวลาในการคุยกับไอ้น้องวิน….ให้ตายเหอะ อย่างงี้งานเสร็จไม่ทันแน่ๆ
“อาร์ม….งานไปถึงไหนแล้ว” ไอ้แบงค์มันถามแล้วก็เดินเข้ามาหาผม
“ยังไม่ไปถึงไหนเลยอะแบงค์ เนี่ย เพื่อนของไอ้มุกมันมาถามคำถามกับการเรียนโทที่นี่ เลยต้องคุยกับน้องเค้าหน่อย”
“โห น่าสงสารจัง…..” มันว่าแล้วก็เดินเข้ามาหอมผมฟอดนึง
“นั่นสิ เนี่ย ยังเหลืองานอีกเต็มเลยอะ”
“ค่อยๆทำเดี๋ยวก็เสร็จเองแหละอาร์ม ใจเย็นๆ” มันยิ้มให้ผม
“ขอบคุณนะ แบงค์เหนื่อยก็ไปนอนเหอะ”
“ยังไม่เหนื่อยหรอก แบงค์ก็มีงานต้องสะสางเหมือนกัน นั่งทำงานเป็นเพื่อนกันไปนี่แหละ” มันดึงมือผมเข้าไปหอม…
…..แต่ยังไม่ทันที่เราสองคนจะเริ่มทำงานต่อ…………..
“Guys! Wan fell down the stairs!! Can you guys come and help me take her to the clinic? (พวกเรา แย่แล้ว!! ไอ้หวานมันตกบันไดอะ มาช่วยเราพยุงมันไปห้องพยาบาลหน่อยสิ)” ไอ้ซูวิ่งหอบแฮ่กๆเข้ามาในห้อง…..
…………..โอ๊ยไอ้หวานหว่าน……แกจะมาตกบันไดอะไรตอนนี้เนี่ย…………….เฮ้อ ผมกับไอ้สองคนนั่นก็รีบวิ่งไปดูที่บันไดทันที พอไปถึงก็เห็นไอ้หวานหว่านมันนั่งเอามือพาดที่ราวบันไดแล้วก็ทำหน้าเหยเก
“Wan, how the hell on earth did you manage to fall down? (หวาน เธอทำบ้าอะไรถึงได้ลื่นล้มเนี่ย)” ไอ้แบงค์ถาม หน้ามันดูแบบไม่อยากจะเชื่อ
“Well, I was just trying to jump five steps so I was clinging onto the handrail, but then my hand slipped so this is the
result (ก็ ตอนแรกเราอยากจะลองกระโดดบันไดห้าขั้นอะก็เลยเอามือไปจับไว้ที่ราวบันได แต่ทีนี้มือมันลื่น ก็เลยเป็นแบบที่เห็นนี่แหละ)” ไอ้หวานหว่านมันพูด
แล้วก็ทำหน้าเหมือนเด็กเก็บกดที่กำลังจะร้องไห้………ใจนึงก็สงสารมัน……แต่อีกใจก็อยากจะชี้หน้าแล้วก็หัวเราะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย……เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้
“Okay, let’s take her to the clinic first before she dies (รีบพามันไปที่คลินิคก่อนที่มันจะตายเหอะ)” ผมพูดแล้วก็ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆ
“I won’t die that easily!!.............(ฉันไม่ตายง่ายหรอกๆ……….)” ไอ้หวานมันพูดแล้วก็ตามมาด้วยคำด่าอีกเป็นพรวนๆจนผมแทบจะฟังไม่ทัน……….จะตายไม่ตายแหล่แล้วยังไม่วายปากดีอีกไอ้นี่
พวกเราพามันไปที่คลินิกเสร็จก็ต้องนั่งรอมันทำแผลแล้วกว่ามันจะพยุงมันกลับมาก็ล่อเข้าไปเที่ยงคืนกว่าๆแล้ว……
งานการไม่ได้ทำกันแล้ว………ผมแทบจะเป็นบ้า………..มันช่างเป็นวันที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายเสียจริงๆ……
tbc
===========================================================================
สวัสดีค่ะ เอมค่ะ
ขอบคุณทุกคนนะคะสำหรับคอมเม้นท์แล้วก็กำลังใจมากมาย....พักนี้เอมอาจจะไม่ได้เข้ามาอัพบ่อยนะคะเพราะว่างานเยอะมาก แล้วที่เขียนไว้ในสต๊อกมันก็เกือบหมดแล้ว ยังไงก็แล้วแต่ จะพยายามมาลงทุกวันละกัน อย่างน้อยวันละตอนก็ดี
ส่วน วลีเด็ดๆ กับอังกฤษวันละคำสองคำ
"life is not measured by the breaths we take, but by the moments that take out breath away."

แปลเป็นไทยแบบไม่ตรงตัวได้อย่างงี้ค่ะ.........
"ชีวิตไม่ได้วัดด้วยจำนวนครั้งของการหายใจ แต่วัดด้วยจำนวนครั้งที่อะไรบางอย่างเอาลมหายใจของเราไป"
มันก็คือหมายความว่า คุณค่าของชีวิตมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความยาว แต่มันขึ้นอยู่กับความคุ้มค่าในการใช้ชีวิตของเรา....
อีกอันนึง
"In theory, there is no difference between theory and practice. But, in practice, there is."
"ตามภาคทฤษฎีแล้ว มันไม่มีความแตกต่างระหว่างภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ แต่ในภาคปฏิบัติ มันมี"

enjoy your life na ka
เอม
