อรุณสวัสดิ์ครับ
บทที่ 6
พุธ 26 มกราคม - 14.05 น.
กฤษณะทักทายเลขานุการของภูวนัยแล้วเดินเข้ามาในห้องทำงานท่านประธานบริษัทที่กำลังนั่งทำหน้ายุ่งอยู่หลังโต๊ะไม้สีดำขัดเงาวับ
"ไงคุณผู้ชาย ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน ใจคอจะไม่โทรหาเพื่อนเลยหรือ"
"ยุ่ง" ภูวนัยตอบสั้นๆ "แล้วโจ้ก็ขยันสร้างเรื่องปวดหัว"
โจ้คือน้องชายวัย รุ่นของภูวนัย เพิ่งจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชอบท่องราตรี ไม่สนใจการเรียนเท่าใดนัก อายุที่ห่างกันมากทำให้เกิดช่องว่างระหว่างพี่ชายกับน้องชาย
"เรื่องอะไร ให้เราช่วยได้ไม๊"
"ก็เรื่องเดิมๆ ไม่กลับบ้าน ตะลอนไปเรื่อย เที่ยวดึกแทบทุกคืน นี่ก็กลัวสอบตก ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย" ภูวนัยวางปากกา เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ หลับตา ท่าทางเหนื่อย
กฤษณะมองเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนของเขาทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ถ้าไม่ได้เขาช่วย ภูวนัยคงแย่
"อีกอย่าง เพิ่งรู้ว่าเขาริมีแฟนเป็นรุ่นพี่ปีสี่"
"ไม่เห็นจะแปลก เด็กจะมีแฟนมันเรื่องปรกติ"
"แฟนเขาชอบเที่ยว ชอบซิ่งรถ ชวนกันไปไหนต่อไหนได้ไม่เว้นแต่ละวัน กลัวแต่จะชวนกันไปลองยา เดี๋ยวก็เละกันไปใหญ่" ภูวนัยขมวดคิ้ว นึกถึงน้องชายแล้วเขาไม่รู้จะจัดการอย่างไร เรื่องอื่นๆ จัดการได้สารพัด แต่เรื่องน้องชายทำให้เขาปวดหัวจนแทบจะระเบิด
"เด็กเขาอาจกำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งใหม่ๆ เขาเพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเทอมแรก ลองดูไปซักพัก เอาไว้เราจะช่วยพูดอีกแรง"
ภูวนัยขอบคุณเพื่อน ยอมรับว่ากฤษณะเข้ากับน้องชายเขาได้มากกว่าด้วยซ้ำ ทั้งสองมีนิสัยสนุกสนานคล้ายๆ กัน และชอบอะไรเหมือนๆ กัน คุยกันรู้เรื่อง
"นายไปดูคอนโดที่ปราณบุรีบ้างหรือเปล่า เขาเริ่มงานไปแล้วนะ สถาปนิกก็ทำงานขยันขันแข็ง เห็นว่าไปดูงานแทบทุกอาทิตย์" กฤษณะเปลี่ยนเรื่อง
"ยังไม่มีเวลาไป" ภูวนัยยักไหล่ "ตอนนี้จะไม่ไหวแล้ว"
"นายก็ลดงานลงบ้างสิ" กฤษณะมองเพื่อนนิ่ง ภูวนัยเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลงช้าๆ
"นี่ภู...เราไม่ต้องขยายไปมากขนาดนั้นก็ได้ เติบโตไปทีละนิดก็ไม่ได้แย่เลยนี่นา โดยรวมเราก็ทำกำไรได้ดีอยู่แล้ว ขืนนายยังทำงานหนักขนาดนี้ เดี๋ยวก็แก่เกินวัย"
"บอร์ดบีบจะแย่อยู่แล้วนายก็รู้ ยิ่งคุณลุงโชติยิ่งหนัก"
"ช่างบอร์ด ช่างคุณลุงโชติ ช่างคุณพิศ ถ้านายไม่ยอมเสียอย่างใครจะทำอะไรได้ จะว่าไปคนที่ทำงานเก่งกว่า หนักกว่าก็คือเราสองคนกับคุณวินิตา"
ภูวนัยลืมตาขึ้นมา เอนตัวไปหยิบแฟ้มสีขาวที่บริษัท iStyle เสนอเข้ามา...เปิดดูรายละเอียด
"คิดๆ ไปนะกฤษณ์ นี่ยังไม่รู้ว่าจะได้ไปพักบ้างหรือเปล่า"
"เถอะน่า เสร็จแล้วเดี๋ยวก็ได้ไปพักเองล่ะ ดีไม่ดีแฟนนายจะมาตื้อให้นายพาไปพัก" กฤษณะหัวเราะขำ
อีกฝ่ายถอนหายใจ "นั่นก็ตื้อมาก นี่เขาคิดไปไกลถึงเรื่องหมั้นหมายเลยนะ"
"ฮ้า จริงหรือ เขาก็รู้อยู่นี่นา" กฤษณะตกใจ
"ก็ใช่" ภูวนัยยักไหล่ เปิดดูแฟ้มงานตกแต่งคอนโดไปเรื่อยๆ "แต่เขาคิดว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้"
"นายนี่ก็จริงๆ ไม่ได้รักเขาก็ไม่ตัดเขา ปล่อยให้คาราคาซังอยู่ได้"
"เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ อีกอย่างคบกันมาก็ยังคบกันไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้คิดจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรทำไม อยู่ๆ กันไปแบบนี่ก็โอเคดี" ภูวนัยพูดพร้อมเปิดแฟ้มงานดูไปเรื่อยๆ "แบบสวยดีเหมือนกันนะ พอเสร็จจริงจะสวยเหมือนในรูปหรือเปล่าก็ไม่รู้" ภูวนัยมองดูรูปภาพในแฟ้ม
"น่าจะสวย สถาปนิกเขาทุ่มเทมาก ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่าง" กฤษณะพูดยิ้มๆ นึกถึงใบหน้าของคนที่อธิบายรายละเอียดเรื่องคอนโดให้เขาฟังท่าทางสบายๆ
ภูวนัยเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรัก เลิกคิ้วแปลกใจนิดๆ ที่เห็นกฤษณะพูดถึงสถาปนิกแบบชื่นชมเกินธรรมดา
"ว่าแต่ว่านายอย่าเปลี่ยนแบบเขาก็แล้วกัน เดี๋ยวเขาโวย" กฤษณะยังพูดต่อ นึกถึงหน้าตาของสถาปนิกหนุ่มท่าทางเอาเรื่อง...แทน...ชายหนุ่มที่เริ่มระบายสีสันให้กับชีวิตของเขา
"โวยก็โวยไป ถ้าอยากจะแก้แบบเสียอย่าง เขาก็ต้องทำให้เราได้ จ่ายเงินไปแล้วนี่" ภูวนัยชะงักแล้วจึงเปลี่ยนเป็นคำถาม "ใช่ไม๊"
"งวดแรกจ่ายไปแล้ว เขายังบ่นเลยว่าเงินได้ไปแล้ว แต่ยังไม่เจอเข้าของห้องเสียที ท่านประธานมีธุระไม่ว่างจะคุยรายละเอียด เขาก็เลยต้องนั่งทางในเดาใจเจ้าของห้อง เขาบอกว่าอยากรีบเร่งงานให้เสร็จ จะได้ไปออกแบบสปาที่กระบี่"
"สถาปนิกบ่นกับนายขนาดนี้เลยหรือ ทำไมนายรู้เยอะจัง"
กฤษณะไม่รู้สึกตัวว่าเวลาพูดถึง 'สถาปนิกคนนั้น' นัยย์ตาเขาเป็นประกายระยิบระยับจนอีกฝ่ายแอบสังเกตได้
“นายเคยสนใจคอนโดตัวเองบ้างหรือเปล่าล่ะ ขอให้เราช่วย เราก็ช่วยให้ จนทางโน้นเขาคิดว่าเราเป็นเจ้าของวิมานสุดหรูอยู่แล้ว”
...วิมานสุดหรู...ภูวนัยนึกในใจว่ากฤษณะรู้จักใช้คำศัพท์อะไรแบบนี้ด้วยหรือ...
"กลัวสถาปนิกจะ ไม่พอใจจังเลยนะ มานั่งชมให้เราฟังนี่ได้ค่าจ้างมาเท่าไหร่ล่ะ" ภูวนัยอดประชดไม่ได้ แปลกใจที่เห็นกฤษณะดูสบายๆ ไม่บ่นเหมือนเคยเหมือนครั้งแรกที่เขาขอให้ช่วยคุยกับบริษัทตกแต่งคอนโดปราณบุรีของเขา ตอนนั้นกฤษณะบอกว่า...”บ้านของนาย นายก็ทำเองสิ มายุ่งอะไรกับเราว่ะ”
"เราแค่ทำตามหน้าที่เพื่อนที่ดี นายเป็นคนขอร้องให้ช่วยไม่ใช่หรือ"
"ครับผม" ภูวนัยยอมรับยิ้มๆ "เอาเถอะ เดี๋ยวจะแวะไปดูซะหน่อย นายจะได้ไปรายงานสถาปนิกของนายได้"
ภูวนัยโยนแฟ้มคอนโดปราณบุรีไปอีกฟากหนึ่งของโต๊ะ
"ไม่เป็นไร ช่วยได้ก็ช่วย ถ้านายยุ่งนักเดี๋ยวจะช่วยดูให้จนเสร็จ" กฤษณะไม่สนใจที่ภูวนัยประชด
"รบกวนนายมามากแล้ว นี่ถ้าไม่มีเรื่องโจ้ เราก็ดูเรื่องคอนโดเอง"
"เอาเถอะ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักหรอก" กฤษณะลุกขึ้น เตรียมตัวกลับไปทำงาน กล่าวว่า "ส่วนเรื่องโจ้ นายก็อ่อนๆ ลงซะบ้าง ตึงไปมาก เด็กเขาไม่ชอบ"
กฤษณะเดินออกไปจากห้องทำงานของภูวนัย ปิดประตูเบาๆ ทิ้งให้ประธานบริษัทนั่งคิดอะไรเงียบๆ อยู่คนเดียว
ชายหนุ่มยังแปลกใจไม่หาย...เพื่อนรักดูเหมือนมีความสุขเหลือเกินกับการได้ช่วยดูแลเรื่องตกแต่งคอนโดที่ปราณบุรี
...ผิดวิสัย...เรื่องงานกฤษณะไม่เคยบ่น บางครั้งเขาอดคิดไม่ได้ว่ากฤษณะทำงานเก่งกว่าเขาเสียอีก แต่พอเรื่องส่วนตัวที่ไหว้วานให้ช่วย พ่อตัวดีมักจะบ่นอยู่เป็นประจำ...ยกเว้นเรื่องน้องชายที่กฤษณะช่วยเขามาตั้ง แต่โจ้เรียนมัธยม จนทำให้เด็กหนุ่มเรียนจนจบและสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้...
...แต่คราวนี้มาแปลก...
...อย่าบอกนะว่ากฤษณะมีอะไรกับสถาปนิกที่ทำงานคอนโดปราณบุรีของเขา...ตลก...หนุ่มเจ้าสำราญอย่างกฤษณะจะเคยชอบใคร...
อาทิตย์ 30 มกราคม - 09.00 น.
แทนเดินนำสงครามลิ่วๆ เข้าไปในสนามไดรฟ์กอล์ฟ ผู้ที่เดินตามยังดูงัวเงียอยู่เพราะคืนวันเสาร์เที่ยวดึกเช่นเคย
“ยังเหนื่อยอยู่เลยนะแทน ไม่รู้จะรีบแซะไอขึ้นมาแต่เช้าทำไม”
“ตีกอล์ฟไง จำได้ไม๊ ทุกเช้าวันอาทิตย์ It’s my time เย็นวันศุกร์คิกบ๊อกซิ่ง เป็น your time ห้ามขี้โกง”
“เออ...เออ...เออ...ว่าแต่ว่ายูฝึกมาตั้งเดือนแล้วนี่ เคยตีถูกลูกบ้างหรือยัง”
แทนถอนหายใจ ไม่รู้จะตอบเพื่อนอย่างไรดี เขาเล่นกีฬาสารพัดอย่าง แต่มีปัญหากับการตีกอล์ฟ ทุกทีที่หวดไม้กอล์ฟตีลูก...พลาดเสียเป็นส่วนมาก...ตีสิบครั้ง ถูกลูกสองครั้ง ครั้งแรกลูกกระเด็นไปไม่เกินห้าสิบหลา ครั้งที่สองตกปุ๊กอยู่ข้างหน้าก้าวเท้าสองสามเก้าก็เดินไปเก็บลูกได้
แต่ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้...เขาไม่เคยยอมแพ้...ถ้าต้องการ ต้องทำให้ได้...
เช้าวันอาทิตย์แบบนี้ คนไม่มาก เหมาะสำหรับมือใหม่แบบเขา
เขาเลือกมาเช้าเพราะจะได้ตีสะดวก...คนมาก เขาจะรู้สึกประหม่า กลัวคนมองความเงอะงะของตัวเอง...อีกใจหนึ่งกลัวว่าลูกกอล์ฟจะลอยไปถูกหัวใครเข้า
สงครามเป็นกำลังใจให้ดีมาก เพื่อนสนิทหลบไปนั่งอยู่ที่โต๊ะสนามใกล้กับสวนหย่อม สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งจิบ...ลมเย็นๆ อีกไม่นานก็คงหลับ
แทนกระชับมือจับไม้กอล์ฟแน่น พยายามท่องจำที่เคยฟังมาจากรายการทีวี ย่อเข่าลงเหมือนนั่งเก้าอี้ เท้ากดนิ่งลงบนพื้น ตาจ้องมองลูกกลมๆ สีขาว สงครามเคยสอนว่า เวลาหวดไม้กอล์ฟลงมา ห้ามหลับตา ตัวอย่างแกว่ง เพราะจะกะระยะผิด
หนึ่ง...สอง...สาม...ตี!
...ว้า...หลับตาอีกแล้ว...ลูกไปทางไหนว่ะ...ชายหนุ่มบ่นในใจหลังจากหวดไม้
“โอ๊ย” เสียงห้าวๆ ดังขึ้น
ผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าแอ่นหลัง ยกมือขึ้นคลำกลางหลังเพราะโดนลูกกอล์ฟมหาภัยอัดเข้าไปเต็มๆ
...ตายแล้ว...ที่กลัวมาตลอดเกิดขึ้นจริงๆ วันนี้เอง...ซวยจริงๆ...
แทนตกใจ ตาโต อ้าปากหวอ...
อีกไม่กี่วินาทีเขาจะยิ่งตกใจกว่าเดิมหากรู้ว่าเหยื่อดวงซวยคนนี้เป็นใคร...
6666666666666666666666666666666666666666666666
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ
ขอบคุณสำหรับคนที่กอด
...ขอเป็นอย่างอื่นด้วยได้ปะนี่
