ดีคับ ขอบคุณคนอ่านทุกๆคนนะค้าบ ทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ น่ารักกันทั้งนั้นเลย
ขอแจ้งข่าวก่อนละกัน
หนึ่งคือ รักงอมแงมผมให้มันจบไปแล้วนะคับ จะไม่มีการต่อ ให้มันเป็นเรื่องน่ารักๆแบบนั้นจะดีกว่า จริงๆ สามเรื่องนี้มันก็เหมือนภาคต่อกันกลายๆ อ่ะแหละนะ บางทีตัวละครเดิมแค่โดนเปลี่ยนชื่อไปด้วยซ้ำ
สองคือ อย่าคาดหวังกับเรื่องนี้มากนะคับ เพราะว่าตัวละครทั้งหมดจริงๆ พวกเขาก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มีดีมีเลว หลายแง่มุมปะปนกันไปในแต่ละชีวิต
สามคือสองตอนแรกคงจะดูยาวหน่อย แต่ตอนต่อไปคงจะสั้นลงกว่านี้แล้วล่ะคับ เพราะไม่งั้นผมไม่ต้องไปเรียนแน่ๆ อิอิอิอิ ไปอ่านกันเลยละกัน แล้วคืนนี้จะมาเมนท์ๆคุยกับเพื่อนๆ
**********************************************************************************************************
ผมโบกพี่แท็กกลับบ้าน ด้วยความสุข เศร้า เหงา เซ็ง
นั่นก็เพราะว่าหนังที่เพิ่งดูจบมา มันโคตรเศร้าแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ เอาเป็นว่าแค่ชื่อเรื่องมันก็บอกอยู่แล้วว่า ปีนี้ ไม่มีรัก
มันจะเป็นอีกปีที่สวยงามไหมล่ะ ถ้าเป็นเช่นนี้ ไอ้เต้เอ้ย
ฝนหยุดตกไปแล้ว แต่ฟ้ายามราตรีมันก็ไม่ได้สดใส หรือมีสายรุ้ง ยังคงมืดมิดต่อไป มีแค่ดวงดาวที่เปนความหวังเล็กๆ ระยิบระยับอยู่
แต่ใครๆก็รู้ว่าดาวนั้นมันไกลเกินเอื้อม
วันนี้มันวันอะไรกันนะผมยิ้มแล้วมองออกไปนอกกระจกรถ
ผมไม่คิดว่าแค่มาเจอคนแปลกหน้าคนหนึ่ง จนทำให้ผมรู้สึกอะไรได้มากขนาดนี้
ผมมองขนมกล่องนั้น คิดถึงคำพูดที่ตลกๆ ที่ยังก้องอยู่ในหู
ไอ้เจ้าขนมใส่ใจนี่อ่ะหรอ ฮ่าๆ
ไม่นาน ด้วยถนนอันโล่งสุดๆ หลังเที่ยงคืน ผมก็กลับมาถึงรังนอน และไม่ลืมยัดเจ้ากล่องขนมเข้าไปในตู้เย็น
“แช่เย็นๆเวลาจะกินจะได้อร่อยๆรู้ป่าว” คือคำพูดที่ไอ้พี่เคนบอกไว้
จะว่าไปหน้าตาก็ไม่ได้จะสเปคกูเลยนะเนี่ย แถมยังมีแฟนแล้ว แล้วจะมานั่งๆนอนๆ คิดถึงฉากตอนจะลงรถอยู่ทำไมวะกู
ผมพยายามข่มตานอนให้หลับ และท่องไว้
เขามีแฟนแล้ว เขามีแฟนแล้ว เขามีแฟนแล้ว เขามีแฟนแล้ว เขามีแฟนแล้ว
ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คร่อกกกก ฟี้ คร่อกกกกกกกฟี้ คร่ออออออออออฟี้ๆๆๆๆๆๆ
เย็นย่ำอีกวันหนึ่ง... เบอร์แปลกนั้นโทรเข้ามา
“ดีคับ”
“ไง เมื่อคืนหนังสนุกมั้ย”
“ก็ดีคับ เศร้าดี” หนังมันเศร้านะคับ ป่าวเอามาปนเปกับเรื่องนอกจอ เอิ๊กๆ
“แล้วกลับไงอ่ะ”
“พี่แท็กคับผม แล้วไงคับสนุกมั้ย ไปเที่ยวไหนมาอ่ะคับ”
“ก็ไปร้องเกะกับเพื่อนๆมาคับ”
“อ่า สนุกสนาน กลับดึกๆดื่นๆ แฟนไม่ว่าหรอคับ”
“อ่อ เค้าก็ไปด้วย”
“คับ แล้ววันนี้ไม่ทำงานหรอ” เฉไฉไปไหนดีล่ะไอ้เต้
“ทำค้าบ นี่เพิ่งเลิก กำลังขับรถกลับบ้าน”
“อ่าคับผม”
“แล้วนี่กินไรยัง”
“เรียบร้อยจากมหาลัยแล้วคับ พี่อ่ะ”
“กินแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถก่อนนะ”
“ค้าบ กลับบ้านดีดีนะคับ”
“คับ ไว้พี่โทรหานะ”
และผมก็วางโทรศัพท์ไป ทิ้งตัวลงนอน มองเพดาน แสงไฟนีออนยังสว่างจ้ากระด้างอยู่ที่เดิมบนนั้น
วันศุกร์พอเรียนเสร็จ ผมก็เข้าไปสยามเพราะนัดพี่ๆไว้ตามเคย แต่วันนี้พี่จีนไม่ว่าง ไอ้เต้กับพี่ตี๋ ก็เลยต้องไปกินข้าวกันแค่สองคนตามประสาพี่น้องที่ครองตัวเป็นโสด ฮ่าๆ
ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ตี๋ฟัง
“พี่ก็ยังไม่ได้คุยเลย มึงนี่ไวนะ” พี่เค้าแซว
“ไวไรพี่ ก็เค้าชวน มันก็ทางผ่านๆมาประจำ” ไอ้เต้ก็อ้าง แถไปเรื่อย
“เออ ยังไงก็อย่าไปยุ่งละกัน เขามีแฟนแล้ว”
“เฮ้อ”
“เฮ้อนี่หมายความว่าไงวะ” พี่ตี๋ก็ ผมก็ไม่รู้หรอกคับมันถอนหายใจออกมาเอง
“ผมก็แค่ไม่ชินกับการคุยกับคนมีเจ้าของแล้วมั้งพี่”
“ก็ดีแล้ว ไม่ควรชิน ของแบบนี้”
“คับ”
แล้วผมสองคนก็รับประทานอาหารเย็นๆค่ำๆกันต่อไป
“วันนี้นอนคอนโดพี่ป่ะ หรือกลับห้อง”
“เดี๋ยวพี่ตี๋ไปไหนป่ะอ่ะ”
“ป่าว”
“งั้นเต้นอนนี่ละกัน”
“ได้ๆ พรุ่งนี้เข้าร้านด้วยกันป่ะ” พอดีเฮียแกเปิดร้านหุ้นกับพี่ๆน้องๆทั้งหลายไว้น่ะคับ ผมก็สนิทกับพี่ที่ร้านเหมือนกัน ชอบไปนั่งเล่นบ่อยๆ
“เต้มีเรียนบ่ายอ่ะดิ ดูก่อนว่าจะแวะมาเย็นๆมั้ย เผื่อที่ร้านไปกินไรกัน”
“อ่อลืม งั้นไปเรียนเถอะ”
“ปีสามและ เรียนเยอะ ไม่ค่อยว่างไปไหนมาไหนเหมือนแต่ก่อนเลยเนอะ”
ไอ้เต้แอบบ่น ก็มันจริงนี่คับ แต่ก่อน ไอ้เต้ว่างเสมอ เมื่อไหร่ ที่ไหน ขอให้บอก เดี๋ยวนี้แม้แต่เที่ยวกลางคืนก็ลดลงไปเยอะมาก พวกไอ้แบงค์เพื่อนๆที่เคยเที่ยวกัน
ก็เจอกันที่เรียนเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็จะเจอพี่แซน พี่นิว ก็พวกงานวันเกิด เทศกาล จะว่าไปก็เริ่มแก่แล้ว รักษาสุขภาพ เน้นทานข้าวทานปลามากกว่า
เย้ยยยยยไม่ช่ายยยย
ว่ากันว่าเวลาที่เรามีความสุขกับชีวิต อะไรๆ มักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้จะจริงป่ะ
วันอังคารหลังจากเรียนเสร็จผมก็กลับมาห้องตามปกติ วันนี้เลิกเย็นก็เลยขี้เกียจไปไหนต่อ กลับมานอนเอ้อระเหยเผลอหลับไป ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ด้วยความง่วง บวกกับเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อก็เลยรับโดยไม่รู้ว่าใคร
“ฮาโหลลล” ไอ้เต้กรอกเสียงตามสายไปด้วยความง่วงงุนงง
“ทำไรอยู่ค้าบ”
“นอน ใครอ่า”
“อ้าว จำกันไม่ได้แล้วหรอ แสดงว่ายังไม่ได้เมมเบอร์พี่ดิเนี่ย เฮ้อ คนเรา”
เหอะๆ ใครวะ พยายามทำสติให้ตื่น นึกไปนึกมา อ๋อ ไอ้พี่เคนล่ะมั้ง
“ป่าวลืม พี่เคนใช่ป่ะ”
“คับ เมมไว้ด้วยล่ะ” พี่เขาทำเสียงงอนหน่อยๆ ตาลุงเอ้ย
“คร้าบๆ แล้วว่างหรอคับ โทรหาเด็กๆ”
“ใช่แล้ว พอดีเพิ่งเสร็จงาน กินข้าวยังเรา” พูดถึงเรื่องกินอีกแล้ว ไอ้เต้ได้ยินก็หูตั้ง กลับมาก็นอนเลย ยังไม่มีอะไรลงไปเยี่ยมกะเพาะเลย หิวๆ
“ยังคับ จะชวนกินข้าวหรอคับ กินไรดีอ่ะ” อิอิอิ ยังไม่เข็ดเนอะไอ้เต้ คราวที่แล้วก็โดนบังคับกินหญ้าทีนึงละ
“เต้อยู่ห้องป่ะ” (สงวนที่ตั้งนะคับ)
“คร้าบ พี่ล่ะ”
“อยู่เมเจอร์ ออกมาป่ะ สะดวกป่าวคับ”
“ได้คับ นั่งมอไซด์ไปแป๊บเดียว รอแป๊บนะคับ” พอดีว่าซอยผมมันทะลุเมเจอร์ได้น่ะคับ
“คับ ว่าแต่อยากกินอะไร พี่จะได้สั่งให้เลย”
“อะไรก็ได้คับที่ผักน้อยๆ”
“แฮะๆ คร้าบ ได้ๆ” ฟังจากน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แล้วผมว่า มีแววได้กินสลัดผักว่ะ
ผมใส่ชุดนักศึกษาที่ยังคงไม่เปลี่ยนตั้งแต่เย็น (เน่าเนอะ) มาถึงด้วยสภาพหัวฟูเพราะนั่งมอเตอร์ไซด์ แถมวันนี้ยังใส่แตะมาอีก เพราะมันใกล้โคตรๆ เลยสบายไปหน่อย
พอมาถึงเจอกับคนอื่นๆ ณ โลกภายนอกแบบนี้ สภาพไอ้เต้เลยดูสลัมบอย กะโปโลไปทันที
พอมาถึงร้านที่พี่เขารออยู่ (ใบ้ว่าร้านอาหารญี่ปุ่นเหมือนเดิม) เดินหามองไปมองมา ก็พบกับชายหนุ่มใหญ่คนนั้น ไม่เจอกันไม่ถึงอาทิตย์ ผมเปลี่ยนสีซะแล้วคับ
แถมคราวนี้ยังดูเด็กขึ้นเพราะไม่ได้้ใส่แว่นตาเด็กเนิร์ดแล้ว ผมสีน้ำตาล แดงๆ ทองๆ ที่เรียบตั้งเรียงตัวกันเป็นทรง เนี้ยบเชียว ผิดกับเส้นผมบนหัวผมจริงๆ
กระผมค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามไอ้พี่เคน ตรงหน้าไอ้เต้ก็มีจานอาหารรอไว้อยู่แล้ว เป็นหมูทอด ตามด้วยผักคอมโบ้เซท น้ำซุปมิโสะ และอะไรจิปาถะเล็กๆน้อยๆ
ตามสไตล์อาหารญี่ปุ่นแบบแปะๆ (อาหารไรวะแม่ง โปะ แปะ นิดๆหน่อยๆ โคตรแพง สู้ข้าวแกงบ้านเราก็ไม่ได้)
“กินไวจังคับ” ผมทักพี่เคนก่อน เมื่อเห็นจาน ชาม ตรงหน้าเขาแทบไม่เหลืออาหารแล้ว (หรือว่าจริงๆ ตัวเองสั่งแต่เนื้อแล้วรีบกินให้หมดก่อนฟะ แล้วมาสั่งผักแกล้งตู)
“ก็รอเราเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ” พี่เขายิ้มๆ
“แหะๆ โทดที พอดีเต้เพิ่งตื่นนอนอ่า” นี่ขนาดรีบล้างหน้า จัดแจงตัวเองอย่างว่องเลยนะเนี่ย ปกติ ไอ้เต้อาบน้ำนี่ เพื่อนๆสนิททั้งหลายจะรู้ดีว่าไม่ต้องรอ
(เพราะนานจนรอแล้วเหนื่อย)
“เอาเถอะ ค่อยๆกิน”
“ค้าบผม” ว่าแล้วผมก็เริ่มเลือก เอกินอะไรก่อนดีน้า
“ไม่ชอบหรอ” พี่เคนเอ่ยขึ้น สงสัยเพราะเห็นผมไม่คีบอะไรใส่ปากสักที
ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊กๆ ก่อนจะคีบหมูขึ้นมากิน อ้ะ อ้ะ อ๊ะ อ้ำ
“อร่อยป่ะ พี่ชอบมากินร้านนี้”
“อร่อยดีคับ แต่เต้ไม่กินผักพวกนี้ได้ป่าว” ผมพูดพลางเขี่ยๆ กองผัก(อีกแล้ว) ให้ดู
“ไม่ได้ แค่นี้เอง อย่าเลือกกินสิ”
“ก็มันไม่อร่อยอ่า”
“ไม่อร่อยก็ต้องกิน คนเราจะเลือกแต่สิ่งที่ตัวเองชอบไม่ได้หรอก” อ้าววว ไหงแค่กูเขี่ยผัก กลายเป็นปัญหาเชิงปรัชญาไปได้
“ก็ เต้ไม่ชอบอ่ะ” ผมเริ่มงอแง แล้วก็เขี่ยไปเขี่ยมา
“บางอย่างไม่ชอบก็ต้องฝืน มันมีประโยชน์กับเราทั้งนั้นแหละ”
อ่านะ ว่าแล้วผมก็ต้องค่อยๆบรรจง กินพวกมันอีกแล้ว
“แต่อันนี้เต้ไม่กินนะ มันมีหอม” ผมพูดพลางเขี่ยผักอีกกองให้ไอ้พี่เคนดู
“อ่อ อืมๆ ก็ได้” ไอ้พี่เคนชะโงกหน้ามาดู เพ่งจนเห็นแล้วว่ามันมีหอมจริงๆ ก็เลยไม่บังคับกระผม อิอิ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย
“แต่ก็ต้องทานพวกนี้ให้หมดนะ” เวร ยังไม่วาย ยิ้มเยาะเย้ยผมกับเจ้าผักเขียวชอุ่ม
“จ้องทำไมเนี่ย” พอเงยหน้าไปก็เจอสายตาคู่นั้นของไอ้พี่เคน กำลังมองผมโซ้ยอาหารอยู่ อายนะเว้ย คนกำลังกิน ไม่น่ามองหรอกคร้าบ
“อ้าว ไม่มองคนตรงหน้า จะให้มองไรวะ เออ มองอย่างอื่นก็ได้” แล้วไอ้พี่เคนก็ทำท่าทางกวน เหล่เด็กๆที่เดินผ่านไปมาหน้าร้าน ตาเฒ่าหัวงูเอ้ยยยย มีแฟนแล้วไม่วาย
ว่าแต่เค้า แล้วนี่ล่ะมานั่งทำเจี๊ยกอะไรกับแฟนชาวบ้านว้า เหอะๆ
“อืมๆ ท่าทางจะกิ๊กเยอะนะพี่อ่ะ”
“ไม่หรอก จะเอาเวลาที่ไหนไปมี” ก็เวลาแบบนี้ไงคร้าบท่าน
“หรอคับ หึหึ คบกับแฟนกี่ปีละคับเนี่ย”
“ก็ เก้าปีได้ละ”
“โห แล้วยังจะมีเด็กอีกนะ” รักกันได้ขนาดนี้น่านับถือจริงๆคับ
“แต่ก่อนก็ไม่เคยคิดว่าจะมีนะ หลังๆมามันก็มีบ้าง”
“เค้าเรียกว่านิสัยส่วนลึก” ฮ่าๆ ไอ้เต้ไม่อยากปีนเกลียวก็เลยไม่ด่าไปว่า สันดาน อิอิอิ
“อ้าว ด่ากันนี่หว่า เอ้อเดี๋ยวจะคอยดูว่าแก่ๆแล้วจะมีเด็กมั้ย” หึหึ ไม่ต้องมาหาพวกเลยพี่ชาย อีกอย่างเด็กๆ คงไม่ชอบแนวผมหรอกคับ
“แฟนยังไม่มีเลยจะให้มีเด็กได้ไงล่ะคับ”
“เลือกมากอ่ะดิ”
“ป่าว แต่คนดีๆมันหาอยาก ส่วนใหญ่มีแต่พวกเฒ่าหัวงู” ผมพูดแล้วแกล้งเหล่ตาไปทางไอ้พี่เคน เห็นเค้าทำหน้าทำตาดุเป็นยักษ์ อิอิ
“เออ ว่าแต่เรา วันหลังไม่พามากินข้าวด้วยละ” อ้าว งอนอีก เออ คนเรา ทำไปได้นะ
“โอ้ย ทำเป็นตาแก่ขี้งอนไปได้...โอ๊ะ” พอพูดจบประโยคปุ๊บผมก็โดนเคาะกบาลทันที ฮือๆ เจ็บนะเว้ย ไอ้ผู้ใหญ่รังแกเด็ก ถือว่าสูงแล้วจะทำไรได้ตามใจชอบใช่ป่ะ
“เฮ้ย” ไอ้พี่เคนโวยวาย รีบยกรองเท้าขาวๆสะอาดสะอ้านของตัวเองมายกๆดู เพราะผมบรรจงเอารองเท้าแตะเลอะๆ ไปวางทาบกดน้ำหนัก และบดขยี้ ฮ่าๆๆ
“เดี๋ยวโดน เล่นอะไรไม่เข้าท่าและ รีบๆกินไปเลย” อ่ะ โดนดุเลย แต่กลับอารมณ์ดี กินต่ออย่างเอร็ดอร่อย หุหุหุ
“กินเยอะๆ จะได้ตัวโตๆ ตัวนิดเดียวเอง” ไอ้พี่เคนพูด
“ก็ตัวแค่นี้มาตั้งนาน”
“ก็กินเข้าสิ จะได้โตๆ”
“ก็กินแต่ผักเนี่ย มันก็ไม่อ้วนดิ” อิอิอิ แทนที่จะให้กินเนื้อเยอะๆ ไม่รู้เรื่องเล้ยย
“อย่ามาๆ มื้ออื่นเอ็งก็กินดิ”
“คร้าบลุงๆ”
“เจอคราวหน้าต้องอ้วนกว่านี้นะ” อ้าวเวร นี่กูต้องมีภารกิจปังคุงด้วยหรอเนี่ย ไรวะ (แต่จริงๆผมก็อยากอ้วนกว่านี้มานานแล้วนะ เอาเป็นว่าจะลองพยายามดูละกัน)
ไอ้เต้ผงกหัวงึกๆ เป็นอันว่ารับคำสั่งแต่โดยดี
“แล้วพี่ทำงานไรอ่ะ”
“เป็นเจ้าของร้านนี้ไง” ไอ้พี่เคนพูดตลกๆ เหอะๆ
“อ่านะ อย่ากวน”
“เอ้า ไม่เชื่อหรอ ไม่งั้นจะพามากินร้านนี้หรอ”
“เหอะๆ” ผมขี้เกียจซักไซร้ต่อละ
“เออ ส่งเด็ก”
อ่า ผมฟังแล้วก็ขำ ไอ้บ้าาา
“หรอ งี้ผมจะได้ราคาดีมั้ย”
“ตัวเล็กแบบนี้ไม่ดีหรอก บอกแล้วกินเยอะๆ” ไอ้พี่เคน เออเอาเข้าไป ยังขำได้อีก
“ตกลงทำไร จะไม่บอกใช่ป่ะ” ผมแกล้งเก็กเสียงจริงจัง
“หึหึ ไม่เชื่ออีก ไว้บอกละกัน ไม่ได้ทำไรผิดกฏหมายหรอกน่า”
“อ่ะนะ มีลับลมคมใน”
“ว่าแต่เอ็งเถอะ เรียนไรอ่ะ”
“เรียน...” (ใครรู้ก็ไม่ต้องเฉลยนะคร้าบ)
“สนุกดิเรียนด้านนี้”
“ก็ดีคับ สนุกด้วย สบายด้วยงานไม่เยอะ”
“ไว้วันหลังเอางานมาให้ดูมั่งนะ”
“ค้าบ แล้วพี่จบไรมาอ่ะ”
“จะรู้ทำมั้ย ตั้งนานแล้ว”
“คณะเค้ายุบไปแล้วอ่ะดิ เป็นสิบปีขนาดนี้”
“ไอ้นี่ ลามปามๆ คณะเค้าออกจะโด่งดัง เป็นอันดับต้นๆที่เด็กอยากเข้าเลยนะเว้ย”
“เหอะๆ คับ ดีที่สุดอ่ะ คนเนี้ยะ” ผมแกล้งทำเสียงประชด เมื่อเห็นท่าทางอันภาคภูมิใจในมหาลัยตนเองของลุงแก ฮ่าๆ
“เอออออ อยู่แล้ว”
“แล้วนึกไงไปทำสีผมมาอ่ะคับ” ผมถามขึ้นหลังจากจัดการอาหารมื้อนี้จนเรียบร้อย
“ทำไมอ่ะ ก็อยากทำ”
“ก็ไม่มีไร” ผมพูดแต่ก็อดขำไม่ได้
“ไร ทำไม มีอะไร”
“ผมว่าสีดำมันก็ดีอยู่แล้วน่ะ”
“อะไร มีแต่คนชมสีนี้ ตาไม่ถึงอ่ะดิเอ็งอ่ะ”
ฮ่าๆๆ คร้าบบบ ขอตาไม่ถึงคนเดียวแล้วกัน แล้วก็ขำกับท่าทางเสียเซลฟ์ของเฮียแก
“อ่ะอิ่มแล้วไปไหนต่อ”
“อืม พี่จะไปไหนอ่ะ”
“แล้วแต่ดิ อยากไปเที่ยวไหน”
โห่ สี่ทุ่มแล้ว ปกติไอ้เต้นอนไวนะคับ เอิ๊กๆ (จะมีใครเชื่อกูมั้ยยยย)
“คิดก่อนละกัน”
“เอองั้นเดินไปที่รถเลยละกัน ถึงแล้วคิดให้ออกล่ะ” อ๊ะ พูดจบไอ้พี่เคนก็เอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ มะใช่ลูกหมานะเว้ย ว่าแต่ไปไหนดีหว่าาาา
_______________________________________________