My First Boyfriend Part 3:By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend Part 3:By Katesnk  (อ่าน 194894 ครั้ง)

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่41 16/2/09
«ตอบ #330 เมื่อ16-02-2009 15:49:40 »

ผมถามอย่างที่สงสัย เธอพยักหน้า แล้วอธิบายว่า ถ้าพี่สมชายเห็นว่าเธอมีคนที่ชอบแล้ว เขาจะได้ตัดใจไม่ต้องยื้อกันอีกต่อไป

แต่ผมไม่เห็นด้วยกับเธอ เพราะว่า ผมกับพี่สมชายอยู่บ้านตรงข้ามกัน เขารู้เกี่ยวกับเรื่องผมกับเดียร์ดี การหลอกครั้งนี้คงไม่สำเร็จเหมือนเดิม แต่เธอก็บอกว่าเธอไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครอีกแล้ว และเธอก็ไม่ต้องการรบกวนของผมมากมายอะไร

เพียงแค่แสดงตัวว่าเป็นแฟนกันเวลาอยู่ต่อหน้าพี่สมชายก็พอ เรื่องระหว่างผมกับเดียร์ถึงแม้ว่าพี่สมชายจะรู้ แต่ผมเองก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรไม่ใช่หรือ แล้วคนที่เป็นเกย์ก็เปลี่ยนใจได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว การที่ผมจะมีทั้งเดียร์ และมีทั้งคุณแคทด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

จากที่ไม่อยากช่วยเธออยู่แล้ว พอเธอมาพูดทำนองว่าผมเป็นเกย์ มันทำให้ผมรับไม่ได้เข้าไปใหญ่ ทำไมผมต้องมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ด้วยนะ นี่กลายเป็นว่า ช่วยเธอแล้ว ก็ยังต้องช่วยต่อไปอีก

ครั้งแรกช่วยเพราะแลกกับการที่เธอทำให้นายทรงพลไม่เอาเรื่องเดียร์ แต่ในเมื่อผมสำเร็จ พี่สมชายหึงหวงเธอแล้ว งานของผมก็น่าจะยุติลง แต่นี่ผมกลับต้องมาแสร้งทำเป็นแฟนเธอเพื่อให้พี่สมชายตัดใจอีกหรือนี่

“นะคะ ถ้าไม่เห็นแก่แคท ก็เห็นแก่ครอบครัวของพี่สมชายแล้วกัน นึกว่าเป็นการไถ่บาปที่เราสองคนร่วมมือกันพรากพ่อมาจากลูกนะคะ”

ใครกันที่ทำแบบนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย เธอเป็นคนวางแผน ลากผมเข้ามายุ่งด้วย แล้วมาโทษกันเฉยเลย ถ้าผมรู้ว่าคนๆนั้น มีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่แล้ว และแถมซ้ำเป็นเพื่อนบ้านของผมอีก

ผมคงไม่ยอมตกลงหรอก แต่จะว่าไป ผมก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าเธอเคยบอกผมเรื่องนี้หรือเปล่า ถ้าเธอบอกแล้วแต่ผมจำไม่ได้ ก็เท่ากับว่าผมเองก็ร่วมมือเธอโดยดี ดังนั้นผมก็หลีกเลี่ยงความผิดไม่ได้

“ผมไม่รู้ว่าแผนนี้จะได้ผลหรือเปล่า แต่จะลองดูแล้วกัน ไม่รับรองเรื่องผลสำเร็จนะครับ บางทีพี่สมชายอาจจะจับได้ว่าเราหลอกแกก็ได้”

ในที่สุดผมก็รับปากว่าจะทำให้ ทั้งนี้เพราะผมเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย และต้องการที่จะล้มล้างความผิดของตัวเอง ให้พี่สมชายตัดใจจากคุณแคทแล้วไปอยู่กับครอบครัวของตัวเอง


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่41 16/2/09
«ตอบ #331 เมื่อ16-02-2009 15:52:26 »

 
:เฮ้อ: ไม่อยากเอามาลงในวันวาเลนไทน์
เพระอะไรอ่านเอาแล้วกัน
จุดจบของรักที่ทุ่มเท
และจุดเริ่มต้นของรักที่แปลเปลี่ยน
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:



ออฟไลน์ anawas

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่41 16/2/09
«ตอบ #332 เมื่อ17-02-2009 00:23:21 »

ยังไงเนี่ย  อย่าบอกนะว่า...เศร้า   o22
:pig4:  คุณไต๋
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2009 16:59:45 โดย ana_was »

ไฉไล

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่41 16/2/09
«ตอบ #333 เมื่อ17-02-2009 01:24:45 »

ดูท่าความยุ่งยากจะมาเยือนอีกครั้งป่ะเนี่ย

อร๊ายย...ปี้เรียว ของนู่เดียร์ ใจดีอีกครั้งแล้ว

ใจดีทีไร ได้เรื่องทุกที  o22


จิ้มๆ พี่แอน คนจ๋วย  อิอิ  :mc4:   

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #334 เมื่อ17-02-2009 16:29:54 »

บทที่ 42

คุณแคทเริ่มแผนการของเธอแล้ว เธอนัดพี่สมชายมาเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยขอร้องให้ผมไปเป็นเพื่อนด้วย เราเลือกที่นั่งในมุมที่สงบไม่ค่อยมีคน เพื่อที่จะได้คุยกันโดยไม่มีใครคอยใส่ใจ พอเราต่างนั่งกันเรียบร้อย คุณแคทก็ทำในสิ่งที่เหลือเชื่อออกมา เธอบอกเลิกกับพี่สมชายต่อหน้าผม

ทั้งพี่สมชายและผมต่างอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำแบบนี้ เพื่อนบ้านของผมมองหน้าผมกับคุณแคทสลับกันไปมา ผมคิดว่าเขาคงช๊อคหลายอย่าง

แค่เห็นผมเดินมากับคุณแคท เขาก็แปลกใจอยู่แล้ว นี่คุณแคทยังมาบอกเลิกเขาในขณะที่ผมอยู่ด้วยอีก แววตาของเขาแฝงไว้ด้วยความคลางแคลงใจเวลาที่มองผม เขาคงกำลังคิดว่า ผมรู้เรื่องของเขามากน้อยแค่ไหน ผมเองก็ฝืนมองหน้าพี่สมชายตอบ ทั้งที่จริงอยากจะหลบลี้หนีหายไปจากตรงนั้น

สีหน้าของพี่สมชายเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้ง สงสัยโกรธผมแน่ๆ เพราะเขาเคยขอร้องให้ผมเลิกยุ่งกับคุณแคท ไม่อยากให้ผมเป็นเครื่องมือของเธอในการแก้แค้นเขา ดูเหมือนว่านอกจากผมจะไม่เชื่อ แถมซ้ำยังมาร่วมเป็นสักขีพยานในการบอกเลิกครั้งนี้ด้วย เขาพูดกับเราสองคนด้วยเสียงเย็นชา

“เล่นตลกอะไรกันอีกหรือคุณแคท จะมาอำว่าเป็นแฟนกันให้ผมหึงหวงหรือไง แกล้งโง่ หรือไม่รู้จริงๆกันนี่ว่าคุณเรียวกับเดียร์เขาอยู่ด้วยกันอย่างคนรักมาตั้งนานแล้ว จะอำอะไร ก็หาคนที่สร้างความน่าเชื่อถือกว่านี้หน่อยสิ เลิกเสียทีเถอะกับการลากเอาคนที่เขากำลังมีความสุขมาร่วมในแผนการของตัวเองน่ะ”

นึกแล้วว่ามันต้องไม่ได้ผล พี่สมชายไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออก อีกอย่างเรื่องของผมกับเดียร์อยู่ในหูตาแกมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเดียร์จะบอกแกว่าเป็นน้องชายของคน แต่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เดียร์เอาแต่นัวเนียกอดจูบผม

หลายครั้งที่ผมรู้ว่าพี่สมชายแอบเห็นเวลาที่เดียร์ทำแบบนั้น กริยาอาการเกินกว่าพี่น้อง ทำให้เพื่อนบ้านคนนี้พอจะเดาได้ เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง

“แล้วแต่พี่สมชายจะคิดนะคะ จะคิดว่าอำก็ตามใจ แต่ถึงอย่างไร แคทก็ขอยืนยันว่า ที่แคทขอเลิกกับพี่นั้นเป็นเรื่องจริง จากนี้ไปเราจะเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น พี่มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเมียที่ดี มีลูกที่น่ารัก แคทไม่ควรจะเข้าไปแทรกกลางทำให้เกิดความร้าวฉาน เราต่างคนต่างแยกทางกันไปดีกว่า ถึงอย่างไรพี่ก็ไม่เลือกแคทอยู่แล้ว”

คุณแคทพูดกับพี่สมชาย ผมรู้ว่าเธอพยายามทำตัวเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ออกมา ทั้งที่มือเธอเริ่มสั่น ผมเห็นมันวางอยู่บนหน้าขาของเธอ เลยเอื้อมมือไปบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ เธอหันมาสบตาผม มีคำขอบคุณอยู่ในนั้น

“ถ้าจะพูดกับผมด้วยเรื่องนี้ กรุณานัดมาใหม่อีกครั้ง แต่แค่ผมกับคุณสองคนนะ คุณเรียวไม่เกี่ยว มันเป็นเรื่องระหว่างเรา อย่าดึงเขามาเกี่ยวข้องเลย”
เพื่อนบ้านผมพูดอย่างโกรธๆ เขาผลุดลุกขึ้น คุณแคทลุกตาม

“จะไม่มีการครั้งใหม่อีกแล้วค่ะ แคทคิดว่า เราได้พูดกันจบแล้ว ถึงอย่างไร แคทก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ เลิกก็คือเลิก เราเป็นแค่พี่น้องกันก็พอค่ะ”

“จะเอางั้นเหรอ ต้องการเลิกกัน ก็มาบอกกันง่ายๆแบบนี้นะ สร้างภาพว่าเพื่อเห็นแก่ครอบครัวของผม ไม่อยากจะทำให้แตกแยก แต่การที่ดึงคุณเรียวเข้ามาร่วมด้วย ทั้งๆที่เขาก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว อย่างนี้ไม่เรียกว่าแทรกแซงหรือไง ถ้าคิดผิดก็คิดใหม่ได้นะ เอาไว้หายบ้าแล้วค่อยนัดเจอกันอีกที”

พี่สมชายพูดด้วยเสียงค่อนข้างดัง ท่าทางจะโมโหคุณแคทมาก ผมเห็นคุณแคทตัวสั่นด้วยความโกรธ จึงดึงมือของเธอให้นั่งลงเพื่อที่สงบสติอารมณ์ บอกกับเธอว่าให้ใจเย็นๆ ค่อยพูดค่อยจากัน แต่เธอสะบัดมือออก จากนั้นก็โต้ตอบพี่สมชายอย่างเผ็ดร้อนพอกัน

“ก็ตอนนี้ไงคะที่แคทหายบ้า หูตาสว่างแล้ว ที่จริงแคทเองก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับพี่ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่เอาแต่พูดว่าครอบครัวพี่ต้องมาก่อน แคทเป็นได้แค่ตัวสำรอง ไม่มีวันได้เป็นตัวจริง พอให้เลือกพี่ก็ตัดสินใจไม่ได้ เอาแต่ห่วงลูก

ในเมื่อพี่คิดว่า พี่ไม่อาจจะทิ้งครอบครัวตัวเอง แคทก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายไปไงคะ แบบนี้มันดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย แคทหาทางออกให้แล้ว ยังจะมีปัญหาอะไรอีก หรือว่าเสียดายแคท ไม่อยากให้เป็นของคนอื่น

ทำอย่างนี้เขาเรียกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวค่ะ เอาแต่ได้ อย่าจับปลาหลายมือสิคะ เดี๋ยวมันจะดิ้นหลุดจากมือจนหมด จะอดกิน แคทไม่ยอมเป็นปลาในมือของพี่อีกแล้ว ปล่อยแคทไปเถอะค่ะ ถึงเราจะไม่ได้เป็นแฟนหัน แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ อย่าทำให้ความรู้สึกดีๆที่เคยมีต่อกันเสียไปเลยค่ะ”

เสียงตบโต๊ะดังปัง เล่นเอาผมกับคุณแคทสะดุ้ง พี่สมชายมองคุณแคทอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เธอจ้องตาตอบอย่างไม่หวั่นไหว

“คิดว่าทำอย่างนี้แล้ว จะเป็นเพื่อนกันได้เหรอ เชิญเลย อยากจะทำอะไรก็ทำไป ผู้หญิงอย่างเธอ ฉันไม่อยากจะยุ่งด้วย จะมีแฟนใหม่ สักกี่คน ก็ตามสบาย หวังว่าคงจะเจอคนดีๆ คนที่เขาใจกว้างพอ ที่จะรับกระเทยคนหนึ่งมาเป็นเมียได้ เลือกเอาคนที่มีพี่ชายหรือน้องชายหน่อยนะ ตระกูลเขาจะได้ไม่หมดสิ้น เพราะลูกชายดันไปรักคนที่ไม่อาจจะมีลูกให้เขาได้

หรือหากคุณเรียวจะยอมรับผู้หญิงเทียมคนนี้ไปเป็นแฟนก็ได้นะ เปลี่ยนรสนิยมไง เกย์กับกระเทยคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เป็นผู้ชายเหมือนกัน ถ้ารสนิยมชอบแบบนี้ ก็เชิญเลย”

ท้ายประโยคพี่สมชายพาลเอากับผม อะไรกันเนี่ย ทำไมผมต้องมาถูกแขวะด้วยเล่า อยู่ดีไม่ว่าดี ก็โดนคนด่า แถมซ้ำยังเป็นเพื่อนบ้านที่เคยมีความรู้สึกดีๆให้กันอีก การยื่นมือไปช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากนี่ บางทีก็นำเรื่องปวดหัวมาให้เหมือนกัน
เลยกลายเป็นว่าผมถูกมองว่าเป็นพวกนิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกันเสียแล้ว คำพูดที่ออกมาจากคนที่กำลังโมโหมันสร้างความฉุนเฉียวให้เกิดขึ้นกับผม ต้องพยายามระงับอกระงับใจไม่คิดมาก ไม่อยากจะมีเรื่องมีราวกับเพื่อนบ้าน เราอาจจะต้องพึ่งพากันในวันหน้า

ต่อให้ไม่ชอบแค่ไหน ก็ต้องเก็บงำเอาไว้ไม่พูดออกมา แต่ในใจของผมก็เฝ้าบอกตัวเองว่า คราวนี้คงจะยุ่งกับเรื่องของคนอื่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เรื่องของตัวเองก็ปวดหัวมากพอดู แก้ปัญหายังไม่ได้ ยังจะมาช่วยเรื่องของคนอื่นอีก พอดีพอร้าย เสียหายมันไปทุกเรื่อง คนที่แย่อาจจะเป็นผมก็ได้

พอพี่สมชายกลับไปแล้ว คุณแคทก็นั่งลงอย่างอ่อนแรง น้ำตามากมายจากไหนไม่รู้ ทะลักทะลายเลอะเต็มใบหน้าของคุณแคท ผมเอื้อมมือไปดึงตัวเธอมากอดปลอบประโลม คุณแคทสะอื้นจนตัวโยน เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่เธอจะหยุดร้อง และมีสติเพียงพอที่จะเดินออกจากร้านได้

แต่คุณแคทไม่ยอมกลับบ้าน เธอบอกว่าไม่อยากกลับไปเศร้าอยู่คนเดียว เลยขอให้ผมไปนั่งเป็นเพื่อนด้วย เราสองคนเลือกไปนั่งในร้านกาแฟ ไม่ค่อยได้พูดอะไรกันมาก

ผมเดาเอาว่าเธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดอะไรทั้งนั้น ต่างคนเลยนั่งเฉย คุณแคทเอาแต่เหม่อลอยเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ผมไม่รู้จะปลอบอย่างไร ทำได้แค่นั่งเป็นเพื่อนเท่านั้น และเพื่อไม่ให้เวลามันสูญเปล่า ผมก็หอบเอาหนังสือแมกกาซีนในร้านมานั่งอ่านค่าเวลา

เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น พอรับมาเปิดดูผมก็เห็นว่าเป็นเดียร์นั่นเองที่โทรมา เขาส่งเสียงหวานมาตามสาย ถามว่าผมอยู่ที่ทำงานหรือเปล่า งานเยอะไหม จะกลับบ้านมากี่โมง

เขากลับมาถึงบ้านแล้ว กำลังจะเตรียมตัวทำกับข้าวรอผมมาทาน ผมเหลือบดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง จะสามทุ่มแล้ว ผมอยู่เป็นเพื่อนกับคุณแคทตั้งแต่เลิกงานจนถึงตอนนี้ ข้าวปลายังไม่ได้ตกถึงท้อง

เมื่อครู่ไปเป็นเพื่อนกับคุณแคทที่ร้านอาหาร แต่ไม่ได้สั่งอะไรมาทานอะไรเลย พอคุณแคททะเลาะกับพี่สมชาย เธอก็กินอะไรไม่ลง ทำท่าเหมือนจะอาเจียน เลยรีบออกมากันก่อน

พอพูดถึงอาหาร ท้องผมก็ร้องอุทธรณ์ขึ้นมาทันที ผมบอกเดียร์ไปว่าผมกำลังจะกลับบ้านแล้ว จะไปทานข้าวด้วย แต่บอกให้เดียร์ทำข้าวต้มให้ผมถ้วยเดียวก็พอ ดึกแล้วไม่อยากกินอะไรมาก เขารับคำอย่างกระตือรือร้น ส่งจูบมาตามสาย เร่งให้ผมกลับบ้านเร็วๆบอกว่าคิดถึงผมใจจะขาดแล้ว

วางสายเสร็จก็เห็นคุณแคทมองผมอยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้มให้กับผม บอกว่ารบกวนเวลาผมมานาน ได้เวลากลับบ้านเสียที ผมปลอบใจไม่ให้เธอคิดอะไรมาก เดี๋ยวทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น เธอก็บอกว่าเธอเตรียมตัวที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง

รับรองเธอไม่ฆ่าตัวตายด้วยเรื่องแบบนี้แน่ จากนั้นก็บอกให้ผมกลับบ้าน คนรักที่รออยู่จะได้ไม่ต้องกัวลใจ เราต่างยิ้มให้กันก่อนที่จะลาจากกันในค่ำคืนนั้น

เดียร์โผเข้ามากอดผมทันทีที่เห็นหน้า เขาทำท่าง๊องแง๊งต่อว่าผมว่า มัวแต่ทำงานทำการหนัก ไม่ยอมพักผ่อนเสียบ้างเลย ไม่ดูแลตัวเอง ผมเห็นว่าเดียร์เข้าใจไปแบบนั้นก็เลยขี้เกียจอธิบายว่าผมไปไหนมา ไม่อยากให้เด็กหนุ่มคิดมากอีก ท่าทางเขาจะเป็นคนขี้หึงไม่ใช่เล่นเลย

“หวังว่าวันที่ 14 กุมภา ที่เราจะฉลองวาเลนไทน์ด้วยกัน เรียวคงไม่มีงานด่วนเข้ามานะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่สนุกแน่ๆเลย”

รู้แล้วล่ะ ไม่ต้องทำมาพูดดักคอหรอก ผมค่อนขอดในใจ รับปากว่าอยู่ฉลองด้วยได้ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น เห็นผมไม่รักษาคำพูดหรือไงนะ ขนาดสัญญาระหว่างเราผมยังไม่เบี้ยวเขาเลย
“ถ้าไม่เชื่อใจกัน ก็ไม่ต้องพูดกันอีกแล้ว”

แสร้งทำหน้าเสียงง๊องแง๊งกลับไปบ้าง นึกว่างอแงไม่พอใจเป็นคนเดียวหรือไง เดียร์รีบออดอ้อนผมทันที

“โอ๋ๆๆๆ เรียวครับ ผมไม่ใช่ไม่เชื่อใจนะ แต่เรียวน่ะ วันๆเอาแต่สนใจเรื่องงาน ผมก็เลยกลัวว่าเรียวจะสนุกกับมันจนเพลิน ลืมนัดของเราน่ะครับ แต่ผมเชื่อใจเรียวนะ ว่ารับปากแล้วคำไหนคำนั้น งั้นผมไม่พูดดีกว่า เรียวจะได้ไม่ต้องโกรธผมนะครับ .....”

“ดีแล้ว...”

ผมพูดยิ้มๆ จากนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นแทน เดียร์เล่าให้ผมฟังว่า เขากำลังจะได้งานใหม่เป็นครูสอนเต้นรำในฟิตเนส ได้ ชั่วโมงละ 800 บาท สอนวันละ คลาส อาทิตย์ละ 6 ครั้ง ซึ่งตกเดือนหนึ่งเขาจะมีรายได้ถึงเดือนละเกือบ 20000 บาท

ซึ่งบวกกับรายได้จากการทำร้านกาแฟตอนกลางคืนอีกเดือนละ 6000 บาท เขาจะมีเงินพอใช้จ่ายสำหรับตัวเองสบายๆ ถ้าช่วงไหนมีงานคอนเสิร์ต หรือ ถ่ายมิวสิควิดิโอเข้ามาอีก ก็จะได้มากหน่อย ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยมาก หลังจากทำไปได้สักสองสามเดือน ก็คงจะมีเงินเก็บพอที่จะพาผมไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้ว

กริยาอาการของเดียร์ที่เล่าให้ผมฟังด้วยความดีอกดีใจนั้น ทำให้ผมรู้สึกปลื้มไปกับเขาด้วย ที่เห็นว่าเดียร์มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานขึ้นเรื่อยๆ

เขาได้ทำในสิ่งที่เขารักและมีความพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ ผมอดนึกเปรียบเทียบตัวเองก็เดียร์ไม่ได้ เงินเดือนของเด็กหนุ่มเพียงแค่เศษเสี้ยวของเงินเดือนที่ผมได้รับ แต่เขากลับมีความสุขมากกว่า

หรือว่าแท้จริงแล้ว เงินทองทรัพย์สิน ลาภยศสรรเสริญ หาได้เป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเราไม่ บางทีอาจจะเพียงแค่ใช้สอยอย่างประหยัด อยู่แบบพอเพียงกับคนที่เรารัก เคียงข้างกันตลอดไป เท่านี้ชีวิตก็มีความหมายมากกว่าการอยู่บนกองเงินกองทองแต่ไร้คนรู้ใจ


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #335 เมื่อ17-02-2009 16:30:41 »

“แล้วนายไม่ทำงานที่ร้านอาหารอีกแล้วหรือ เสียดายฝีมือของนายนะ”

“ก็อยากทำเหมือนกันครับ แต่เอาไว้ให้มีทุนก่อนนะ ผมตั้งใจไว้ว่าจะเปิดร้านอาหาร ร้านเล็กๆ ขายกาแฟ ขนมอบด้วย ผมเป็นพ่อครัวลงมือปรุงเอง ส่วนเรียวเป็นแคชเชียร์คอยเก็บเงินก็พอ ไม่ให้เข้าไปยุ่งในครัวหรอก เดี๋ยวทำเลอะเทอะ”

เขาว่าผมยิ้มๆ ไม่ทันไรก็เจ้ากี้เจ้าการคิดแทนผมเสียแล้ว นี่เขาวางอนาคตของเราสองคนไว้อย่างนั้นเลยหรือ

“ใครจะไปทำร้านอะไรกับนาย ....”

ผมปฏิเสธเสียงหลง เดียร์หัวเราะหึหึ

“ไม่ชอบหรือครับ...งั้นเอาโครงการสองของผมไปลองคิดดูก็ได้ ผมว่าจะเปิดโรงเรียนสอนเต้นรำนะครับ สอนพวกเด็กๆที่อยากจะเป็นนักเต้น เขาจะได้มีพื้นฐานที่ดี เวลาจะไปประกวด หรือเอาไปทำงานเป็นอาชีพ จะได้สู้คนอื่นเขาได้ไงครับ ผมให้เรียวเป็นเจ้าของโรงเรียนเลยนะ ดีไหม”

“เออนะ ....ไม่ได้อย่างนั้นก็เอาอย่างนี้ พ่อนักธุรกิจ รู้สึกว่าจะคิดไปไกลเลยนะ ทำอะไรหลายต่อหลายอย่าง จะเอาเวลา และเอาทุนรอนมาจากไหนกัน”

“ก็เงินเก็บของผมไงครับ พอจะมีอยู่บ้างนะ แต่ไม่มาก เลยต้องรีบทำงานทำการเก็บเงินไว้ แต่ก็อย่างว่าแหละ ผมทำคนเดียวไม่ได้หรอก เลยต้องขอให้คุณมาช่วยผมไงครับ เรียวคิดว่า เราสองคนจะเริ่มต้นธุรกิจอันแรกอะไรกันดีน้า....เรียวอยากทำร้านอาหาร หรือร้านเต้นรำล่ะ”

“ทำไมฉันต้องทำล่ะ ......ในเมื่องานฉันก็มี ฉันไม่ใช่จอมโปรเจคอย่างนายนี่ จะได้ทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมๆกัน.”

“ก็เผื่อว่าเรียวกับผมได้อยู่ด้วยกัน ผมก็อยากจะทำอะไรร่วมกับคุณนะครับ อยากมีสิ่งที่เป็นสมบัติร่วมกันระหว่างเรา ผมน่ะไม่อยากให้ใครมานินทาว่าผมมาเกาะคุณกินครับ ผมอยากเป็นฝ่ายเลี้ยงดูเรียวมากกว่า ไม่อยากให้ทำงาน ผมอยากจะหาเลี้ยงคุณเองครับ”

สิ่งที่เขาพูดทำให้หัวใจผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น เดียร์เป็นเด็กน่ารัก มีความรับผิดชอบ หากเขารักผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เขาจะกลายเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี ลูกและเมียของเขาคงจะมีความสุข

“ฉันกำลังสนุกอยู่กับงาน คงไม่คิดลาออกง่ายๆหรอก ไม่ว่าจะมีเหตุผลดีเพียงใดก็ตาม”

ตอบออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก

“ตอบผิดครับ สิ่งที่เรียวต้องตอบให้ผมฟัง ไม่ใช่อย่างนี้นี่นา เอาเป็นว่าให้ไปคิดเป็นการบ้านดีกว่า ถ้าผมเอาคำตอบตอนนี้มันอาจจะเร็วเกินไป เรียวอาจจะยังตั้งรับไม่ทัน เอาไว้ผมมาฟังคำตอบวันหลังนะครับ”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เดียร์ก็พูดขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากดวงตาของเขาฉายแววเศร้าสร้อย จนน่าใจหาย

“เรียวทายสิครับ วันนี้มีใครไปเยี่ยมผมที่ร้านกาแฟเมื่อตอนกลางวัน”

“สันต์เหรอ”

“เปล่าครับ คุณศักดิ์ชาย กับ คุณอรจิรา เพื่อนของคุณน่ะครับ”

ชื่อของสองคนที่เดียร์เอ่ยถึง ทำให้ผมแปลกใจ สองคนนี่จะเล่นอะไรกันอีกล่ะ

“เขารู้จักร้านนั้นได้อย่างไร ฉันไม่เคยบอกเขานะ”

“เอ.....ไม่ทราบสิครับ อยู่ๆผมก็เจอหน้าเขาสองคน แต่เราไม่ได้คุยอะไรกันหรอกครับ เขามานั่งกันแป๊บเดียว ช่วงเที่ยงๆแล้วก็กลับไป เหมือนเขามานั่งเฝ้าดูผมมากกว่า

สงสัยจะสืบให้รู้ว่า ผมเป็นใคร ทำไมถึงต้องไปกับเรียวในวันนั้น หรือไม่บางทีเขาก็อาจจะรู้แล้วว่าเราเป็นแฟนกัน เลยมาสอดแนมว่าผมทำงานอะไร เหมาะกับคุณไหม

อาจจะแอบมาดูว่าผมกุ๊กกิ๊กกับใครหรือเปล่า นอกจากเรียว อิอิอิ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะครับ ผมขยันขันแข็งไม่อู้เลยวันนี้ รับรองเรียวไม่ขายหน้าหรอก ไม่มีใครมาว่าได้ว่าผมไม่เอาถ่าน คอยดูนะ ผมจะทำให้ทุกคนรู้ว่าผมสมกับเรียวจริงๆ”
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าสองคนนั้นวางแผนอะไรกันอีก ผมเลยกดโทรศัพท์หาเจ้าสันต์เผื่อว่ามันจะรู้อะไรบ้าง แต่เพื่อนรักของผมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย แสดงว่าสองคนนั้นไม่ได้ที่อยู่ร้านกาแฟที่เดียร์ทำจากมัน คงไปสืบหาจากแหล่งอื่น แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นแหล่งใด และยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าสองคนนั้นมีวัตถุประสงค์อันใดกันแน่

ข้อสงสัยของผมได้รับการเฉลยในวันรุ่งขึ้น เมื่ออรจิราเดินนวยนาดเข้ามาหาผมถึงห้อง หลังจากที่เลิกงานแล้ว ผมอยู่ต่อยังไม่กลับบ้านทันที เพราะมีเคสใหญ่ที่ต้องพิจารณา และผมต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อประกอบการตัดสินใจ จึงเลือกเก็บไว้ทำตอนเย็นที่พนักงานส่วนใหญ่กลับบ้านกันไปหมดแล้ว ผมจะได้มีช่วงเวลาที่สงบๆในการอ่านข้อมูลและวิเคราะห์ก่อนที่จะฟันธงลงไปว่ารับหรือไม่ แต่แทนที่ผมจะได้นั่งทำงานอย่างสงบกับต้องมาต้อนรับอดีตคนรักเก่า ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าเธอจะมาไม้ไหนกับผมอีก

“นั่งสิอร”

พยายามรักษามารยาทด้วยการกล่าวเชื้อเชิญเธอ อรจิรานั่งลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของผม เราสองคนสบตากัน อรจิราเริ่มเปิดฉากพูดถึงวัตถุประสงค์ที่เธอมาหาผมทันที

“เมื่อวานนี้ อรกับศักดิ์ ไปทานอาหารที่ร้านที่นายเดียร์แฟนของคุณทำงานอยู่...”

“ครับ”

ผมรับคำสั้นๆ เรื่องนี้ผมรู้แล้วจากปากของเดียร์ กำลังรอให้อรจิราพูดให้ฟังว่าเธอกับเจ้าศักดิ์ไปที่นั่นทำไม

“แค่ครับเท่านั้นเองหรือ จะไม่ถามหรือคะว่าทำไมเราสองคนถึงไปกินที่ร้านนั้น”

“ถ้าอรจะเล่า ก็บอกมาเถอะครับ”

นึกรำคาญนิดๆที่เธอวางท่ามากมาย จะเหตุผลอะไร ผมก็รับได้ทั้งนั้น

“อรอยากไปดูให้เห็นชัดๆ ว่าศัตรูหัวใจของอร หน้าตาเป็นแบบไหน เป็นใคร เหมาะกับเรียวมากกว่าอรหรือเปล่า เลยชวนศักดิ์ไปเป็นเพื่อน ขานั้นเขาไม่ค่อยพอใจเดียร์เท่าไหร่ ที่มายุ่งกับคุณ ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธที่เด็กนั่นทำให้คุณมัวหมอง ถูกครหานินทา นี่ถ้าเขารู้ว่าหนึ่งในคนที่ปล่อยข่าวเรื่องคุณกับเดียร์คืออร ไม่รู้ว่าเขาจะว่ายังไงบ้าง”

คนรักเก่าของผมเล่าถึงเหตุผลที่เธอไปที่นั่น ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ท่าทางของเธอช่างเย็นชาเหลือเกิน จนผมรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก

“แล้วไงครับ เห็นเขาแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง คิดเหมือนเจ้าศักดิ์ไหม”

ผมย้อนถามเธอไปตรงๆ

“หล่อดีนะคะ ขยันดีด้วย ทำงานไม่หยุดมือเลย ท่าทางใช้ได้ น่าจะเป็นผู้นำที่ดี ยังสงสัยว่า คุณก็ออกจะมีเงิน หน้าที่การงานใหญ่โต เด็กนั่นไม่ต้องทำมาหากินอะไรก็ได้ แค่มาอยู่กับคุณก็สบายไปแล้ว 10 ชาติ”
อรจิรายิ้มเหยียดๆ ผมรู้สึกสะอึกกับคำพูดของคนรักเก่า แบบนี้นี่เอง เดียร์ถึงต้องพยายามทำงานอย่างหนัก เขาไม่อยากให้ใครว่าเขา ขนาดผมเอง แค่ได้ยิน ก็ยังนึกโมโหแทน แล้วเดียร์ล่ะ เขาต้องต่อสู้มากแค่ไหนกันกับคำนินทา ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารเด็กหนุ่ม

“แต่แล้วอรก็คิดได้นะคะ ว่า เด็กนั่นเหมาะสมกับคุณมากจริงๆ การที่เขาต้องไปทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการได้รับการยอมรับจากทุกๆคน

เขาไม่ต้องการให้ใครมาหาว่าเขาเกาะเรียวกิน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่มีรสนิยมทางเพศผิดปกติไปจากคนธรรมดาทั่วไป แต่เขาก็พยายามทำตนเป็นคนดี ไม่เป็นภาระกับใคร”

ชักงงเสียแล้ว ตกลงนี่จะชื่นชมเดียร์หรือจะด่ากันแน่

“ที่อรมานี่ เพื่ออยากจะบอกให้คุณรู้ว่า อรยอมแพ้แล้ว เด็กนั่นเหมาะสมกับคุณจริงๆ สมแล้วที่คุณรักเขา ถึงแม้ว่าอรจะไม่ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีโอกาสสังเกตเวลาคุณกับเดียร์อยู่ด้วยกันทุกครั้ง

แต่จากที่เห็นตอนไปเกาะเกร็ด การเจอคุณสองคนโดยบังเอิญ และที่ไปนั่งเฝ้าดูเขาที่ทำงาน เพียงแค่นี้ก็ทำให้อรรู้ว่า เดียร์เป็นคนที่ดีพร้อม สมแล้วที่คุณรักเขา

ยินดีกับคุณด้วยจริงๆ ที่ได้เจอคนที่เสียสละทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ อรทำอย่างนั้นไม่ได้เลย มีแต่จะสร้างปัญหาให้คุณตลอดมา เรียวเป็นคนดี ถ้าได้คนดีๆมาดูแล ก็จะทำให้เรียวมีความสุข และเดียร์คือคนๆนั้นค่ะ”

เกิดอะไรขึ้น อยู่ๆอรจิราก็กลับมาเห็นดีเห็นงามเรื่องเดียร์ซะงั้น เมื่อไม่กี่วันก่อน ยังกรี๊ดใส่ผมอยู่เลย วันนี้กลับมานิยมยกย่องเดียร์เสียแล้ว ผู้หญิงนี่เข้าใจยากเสียจริง กินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า หรือมีแผนอะไรอยู่นะ

“อรขอโทษนะคะ ที่ร้ายกับเรียวมาตลอด กว่าจะรู้สึกว่าเรียวมีค่าแค่ไหน ก็สายไปแล้ว รู้สึกเสียดายคุณเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะรั้งคุณไว้ด้วยวิธีไหน

ถึงอย่างไรคุณก็คงไม่มีวันกลับมาหาอรอีก กับคุณอนันต์ เราก็ไม่อาจจะสร้างอนาคตร่วมกันได้ อรคงทำบาปทำกรรมไว้เยอะ ผู้ชายดีๆที่พอจะฝากผีฝากไข้ก็หลุดมือไปหมด เลยเริ่มที่จะปลงแล้วค่ะ”

อรจิราพูดยิ้มๆ ทว่าดวงตาเธอกลับว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวา

“ขอบคุณมากนะคะเรียว ฝากขอบคุณนายเดียร์ด้วย ที่ช่วยชีวิตอรให้รอดพ้นจากการจมน้ำ ขอบคุณที่ไปส่งอรที่บ้าน คำพูดของคุณวันนั้นทำให้อรคิดได้ ต่อจากนี้ไปอรจิราคนนี้จะไม่ราวีคุณอีกแล้วนะคะ คุณจะทำอย่างไร หรือจะเป็นอะไร อรก็จะไม่ยุ่งอีกแล้ว”

ถ้าสิ่งที่คนรักเก่าพูดเป็นเรื่องจริงที่ออกมาจากใจเธอ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย

“ไม่เป็นไรครับ เราเพื่อนกัน ผมยินดีช่วยคุณเสมอครับ....”

“เรียวน่ะ ใจดีอยู่เรื่อยเลย ขนาดอรทำร้ายกาจกับคุณหลายอย่าง แต่คุณก็ไม่เคยโกรธ หรือถือโทษอรสักครั้ง กระทั่งคุณเองก็รู้ว่าอรเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องคุณ เรียวก็ยังอภัยไม่เอาเรื่อง คนดีๆอย่างคุณต้องได้รับสิ่งดีๆเป็นการตอบแทน อรเชื่ออย่างนั้นค่ะ”

“ครับ ขอบคุณครับอร”
“อรมาหาคุณ นอกจากจะบอกเรื่องที่ไปเจอเดียร์มาเมื่อวาน และมาขอโทษคุณที่ทำไม่ดีใส่ วันนี้อรถือโอกาสมาลาเรียวอีกด้วยค่ะ”

“ลา....... จะไปไหนหรืออร”

ความสงสัยทำให้ผมถามอรจิราขึ้นมา

“ไปเมืองนอกค่ะเรียว ไปอเมริกา เพื่อนอรเปิดร้านอาหารไทยที่นั่น เขาขาดคน อรเลยว่าจะไปช่วยเขา นี่บ่ายเบี่ยงมาหลายเดือนแล้ว คราวนี้ได้ฤกษ์ไปสักที”

“แล้วไปเมื่อไหร่ครับ”

รู้สึกใจหายเหมือนกัน ที่คนเคยรัก จะจากไปไกลลับตา แล้วไม่รู้ว่าวันใดจะได้มาเจอกัน

“สิ้นเดือนนี้ล่ะค่ะ อรทำเรื่องลาออกไว้แล้ว กระทันหันนิดหน่อย โดนเจ้านายบ่นเลย แต่ช่างมันเถอะ อยู่ต่อไปนานกว่านี้มันก็ไม่ช่วยอะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้แย่ลง สู้ไปเริ่มต้นใหม่ดีกว่า”

“ถ้าอรคิดว่าการทำแบบนี้จะช่วยทำให้อรรู้สึกดีขึ้น ผมก็ขอเอาใจช่วยให้ได้พบเจอคนที่คู่ควร และเขาก็รักคุณ ขอให้อรเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุขนะครับ”

ยามนี้ไม่มีคำพูดใด จะดีไปกว่าการอวยพร และให้กำลังใจกับเธออีกแล้ว เป็นครั้งแรกที่อรจิรายิ้มให้ผมอย่างจริงใจ ตาของเธอเป็นประกาย ไม่แห้งแล้งจืดชืดเหมือนเมื่อครู่


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #336 เมื่อ17-02-2009 16:31:30 »

“ขอบคุณค่ะ....อรหมดธุระแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนนะคะ”

อรจิราลุกขึ้นยืน ผมลุกตาม เดินไปส่งเธอที่ประตูห้องทำงาน อดีตคนรักหันมายิ้มให้ผม และพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมกลัดกลุ้มขึ้นมาอีก

“อรเลิกราวีคุณแล้ว แต่ศักดิ์ชายคงไม่หยุดง่ายๆ อรไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ คุณกับเดียร์อาจจะมีเรื่องเดือดร้อนเพราะศักดิ์ในวันข้างหน้า ระวังไว้ก็ดีเหมือนกันนะคะ”

“ครับ”

รับคำแล้วก็มานั่งครุ่นคิดถึงเหตุผลที่ศักดิ์ชายเอาตัวเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย นี่มันหวังดีกับผมจริงๆ หรือเป็นเพราะว่าไอ้ศักดิ์มันหึงหวงผมกันแน่ แล้วแผนการที่มันกำลังคิดที่จะทำอยู่ มันคืออะไรกันนะ

“คิดอะไรอยู่หรือครับ เรียว ผมเรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยิน กำลังคิดถึงผมอยู่หรือเปล่าครับ”

เสียงกระซิบข้างๆหูทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง นี่ผมเก็บเรื่องที่ได้ยินมาคิดตลอดหรือนี่ ขนาดกลับบ้านแล้วและนอนอยู่บนเตียงโดยแอบอิงซุกอกอุ่นของเดียร์อยู่ จิตใจก็ยังล่องลอยครุ่นคิด สงสัยผมคงกังวลกับเรื่องนี้มากไปจริงๆ ศักดิ์ชายอาจจะไม่ได้คิดร้ายอะไรก็ได้

“เปล่าหรอก ไม่ได้คิดถึงนาย หรือคิดถึงเรื่องอะไรทั้งนั้นล่ะ”

ผมปดเดียร์อีกครั้ง เด็กหนุ่มกระชับวงแขนที่กอดผมไว้แนบแน่น จากนั้นก็ซุกจมูกลงสูดกลิ่นที่ซอกคอของผมฟอดใหญ่
“เรียวมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจหรือเปล่าครับ บอกผมได้นะ ใช้ผมเป็นที่ระบายก็ได้ครับ ผมยินดีรับฟัง บางทีเรียวอาจจะรู้สึกดีขึ้นมาก็ได้”

อากัปกริยาเหม่อลอยของผม ไม่สามารถรอดหูตาเดียร์ไปได้ เด็กหนุ่มจึงพูดแฝงความนัยขึ้นมา ผมเม้มริมฝีปากแน่นราวกับกลัวว่าคำพูดจะหลุดปากออกมา จะให้บอกออกไปได้อย่างไรกันล่ะว่ามีคนอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเราสองคน จนต้องคอยสะกดรอยตามไม่ลดละ

ขืนบอกไปเจ้าเด็กนี่คงได้ไปตามอาละวาดกับคนพวกนั้นแน่ๆ เขายิ่งไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเรื่องของเราซะด้วย

“บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ...นอนได้แล้ว ห้ามชวนคุยอีกนะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้า ไม่อยากตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการปวดหัว เพราะนอนไม่พอ”

แกล้งพูดเสียงดุเพื่อตัดบท เขาจะได้ไม่เซ้าซี้ถามต่อ เด็กหนุ่มเงียบเสียงลง แต่ผมรู้ว่าเขายังไม่หลับ เดียร์คงกังวลใจเกี่ยวกับท่าทีของผมที่ดูแปลกไปตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว แต่ในเมื่อผมไม่อยากพูด เขาก็เลยไม่รบกวนผม

ตอนที่ผมตื่นขึ้นมานั้น เดียร์ออกจากบ้านไปแล้ว ผมพบโน้ตที่เด็กหนุ่มวางไว้บนโต๊ะอาหาร เขาบอกว่าวันนี้เขาเข้ากะเช้า เพราะตอนบ่ายเขาต้องไปซ้อมเต้นให้กับนักร้องเพื่อเตรียมตัวเล่นคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มใหม่ อาจจะอยู่ซ้อมไปจนถึงดึกเลย

แต่เขาทำอาหารเช้า และเตรียมมื้อเย็นไว้ให้แล้ว เก็บไว้ในตู้เย็น เมื่อมาถึงผมสามารถเอาอุ่นแล้วกินได้เลย ผมยิ้มอย่างมีความสุข เดียร์เป็นแบบนี้เสมอ เอาอกเอาใจ ห่วงใยผมตลอดเวลา ถึงแม้ตัวเองไม่อยู่ เขาก็จะตระเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมเสมอสำหรับผม

มองออกไปข้างๆบ้านก็เห็นสิ่งที่ผมคาดไว้แล้ว เสื้อผ้าของผมและของเขาถูกนำมาซัก และเอาไปตากขึ้นราวเรียบร้อย เขาทำให้ผมแม้แต่กางเกงในและถุงเท้า โดยไม่เคยนึกรังเกียจเลย

ดูเหมือนเขาจะมีความสุขมากๆกับการดูแลผม รวมถึงทุกๆสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้ ทั้งต้นไม้ คน หมา และข้าวของเครื่องใช้ เขาถนุถนอมราวกับว่าเป็นของๆเขาเสียเอง เด็กหนุ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านนี้ไปเสียแล้ว เขายังเป็นเสมือนชีวิตจิตใจของผม เขาทำให้รู้สึกว่าจะขาดเขาไม่ได้เอาเสียเลย

นึกแล้วก็สะท้อนในหัวอก ทำไมเด็กนั่นถึงได้ดีกับผมมากมายแบบนี้หนอ ที่จริงเขาก็ได้ทุกอย่างไปจากผมจนหมดแล้ว ทั้งร่างกาย และจิตใจ แต่เขาก็ไม่หยุดทำดีเพื่อผม ยังคงทำตัวเสมอต้นเสมอปลายดีอย่างไรก็เป็นแบบนั้นตลอด จนผมรู้สึกหวั่นไหว

หากผมทิ้งเขาจริงๆผมเองก็คงจะหัวใจแตกสลาย เพราะคนดีๆอย่างเดียร์หาไม่ได้ง่ายๆ ผู้หญิงหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ยังไม่มีใครเทียบกับเดียร์ได้เลยแม้แต่คนเดียว เขาทำให้ผมติดใจ รู้สึกดีที่จะได้อยู่กับเขา

นอกเหนือจากจิตใจงดงามของเดียร์ ความมุ่งมั่นอดทน ความทะเล้นทะลึ่ง อารมณ์ขันการมองโลกในแง่ดี มีความสุขกับการใช้ชีวิต เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผมรักในตัวของเขา

ไม่นับรวมความหื่นเล็กๆที่เขาชอบแกล้งทำเสมอเวลาอยู่กับผม และการปรนเปรอให้ผมได้รับความสุขทางเพศรสถึงขีดสุด ไม่น่าเชื่อว่าเดียร์จะทำสิ่งเหล่านี้ให้ผมรู้สึกอิ่มเอมเปรมปรีด์เวลามีเขาอยู่ข้างกาย และเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ก็คือ เดี๋ยวนี้ผมไม่มีความรู้สึกทางเพศกับผู้หญิงอีกแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
นึกแล้วก็สะท้อนในหัวอก ทำไมเด็กนั่นถึงได้ดีกับผมมากมายแบบนี้หนอ ที่จริงเขาก็ได้ทุกอย่างไปจากผมจนหมดแล้ว ทั้งร่างกาย และจิตใจ แต่เขาก็ไม่หยุดทำดีเพื่อผม ยังคงทำตัวเสมอต้นเสมอปลายดีอย่างไรก็เป็นแบบนั้นตลอด จนผมรู้สึกหวั่นไหว

หากผมทิ้งเขาจริงๆผมเองก็คงจะหัวใจแตกสลาย เพราะคนดีๆอย่างเดียร์หาไม่ได้ง่ายๆ ผู้หญิงหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ยังไม่มีใครเทียบกับเดียร์ได้เลยแม้แต่คนเดียว เขาทำให้ผมติดใจ รู้สึกดีที่จะได้อยู่กับเขา

นอกเหนือจากจิตใจงดงามของเดียร์ ความมุ่งมั่นอดทน ความทะเล้นทะลึ่ง อารมณ์ขันการมองโลกในแง่ดี มีความสุขกับการใช้ชีวิต เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผมรักในตัวของเขา

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #337 เมื่อ17-02-2009 16:32:16 »


ไม่นับรวมความหื่นเล็กๆที่เขาชอบแกล้งทำเสมอเวลาอยู่กับผม และการปรนเปรอให้ผมได้รับความสุขทางเพศรสถึงขีดสุด

ไม่น่าเชื่อว่าเดียร์จะทำสิ่งเหล่านี้ให้ผมรู้สึกอิ่มเอมเปรมปรีด์เวลามีเขาอยู่ข้างกาย และเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ก็คือ เดี๋ยวนี้ผมไม่มีความรู้สึกทางเพศกับผู้หญิงอีกแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

ไม่ใช่เพราะว่าผมเบื่อผู้หญิงที่เอาแต่ใจ คอยหาเรื่องมาให้ตลอดเวลา หรือทำกริยาเหมือนเด็กๆช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพราะนั่นเป็นลักษณะนิสัยของผู้หญิง ที่ขี้งอน ชอบให้คนมาง้อ บางครั้งก็ดูน่ารักน่าทะนุถนอม

ผมพอจะหาคำตอบได้บ้างว่าการที่ผมเปลี่ยนไป จากชอบผู้หญิงมาเป็นชอบคนเพศเดียวกับตัวเอง เป็นเพราะผมเริ่มรู้สึกว่าผู้ชายอย่างเดียร์ก็น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกัน

เขามีทั้งความแข็งแกร่ง และความนุ่มนวลอยู่ในตัว เป็นคนที่พึ่งพาอาศัยได้ เขาใจดีคอยปกป้องผมเสมอ ผมเริ่มรักเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลืมความรักที่มีต่อเพศหญิงไป

พอเริ่มรู้สึกว่าขาดเขาไม่ได้ มันก็ใกล้เวลาที่เราจะต้องจากกันแล้ว สัญญากำลังจะสิ้นสุดลง แถมซ้ำปัญหาและอุปสรรคต่างๆก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุดยั้ง

ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือเกี่ยวกับตัวผม การยื่นคำขาดให้เลิกรากับเดียร์จากเจ้านาย เรื่องของคุณแคท นายทรงพล นายบอย ที่เคยมีเรื่องกัน แล้วใหนจะการสอดแนมจากเพื่อนรักของผม เจ้าศักดิ์ชาย โชคยังดีที่อรจิราวางมือไปแล้ว ไม่เช่นนั้นผมคงกลุ้มใจมากกว่านี้ที่ทั้งเพื่อน เจ้านายและคนรักเก่ากดดันอย่างไม่หยุดยั้ง

เจ้าตัววุ่นศักดิ์ชาย เดินผ่านไปผ่านมาหน้าห้องผมหลายรอบ ทำท่าเหมือนอยากจะเข้ามาพูดคุยด้วย แต่ผมกำลังทำงานติดพันอยู่ เลยไม่มีโอกาสพูดคุยกัน ใจหนึ่งก็อยากจะถามมันให้รู้เรื่องว่ามันติดใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องของผมและเดียร์

เราเคลียร์กันไปเรียบร้อยแล้วนี่ มันเองก็รับรู้ว่าผมคบกับเด็กหนุ่มนั่น ถึงมันจะเสียดาย หรือไม่เห็นด้วยยังไง ก็ห้ามเราสองไม่ได้หรอก เพราะความผูกพันธ์ของเรามันมีความนัยลึกซึ้ง เกินกว่าจะอธิบายให้คนเข้าใจได้โดยง่าย ว่าเหตุไฉนเราสองคนจึงมาคบกัน

เพราะมัวแต่ทำงาน เลยลืมความตั้งใจของตัวเองที่จะคุยกับเพื่อนเก่า กว่าจะนึกได้ก็เลิกงานไปแล้ว ศักดิ์ชายหายแว่บไปไหนไม่รู้ เจ้าสันต์ก็มัวแต่ไปจี๋จ๋าอยู่กับเบน

ผมไม่รู้จะไปไหนดี ยังไม่อยากกลับบ้านไปอยู่คนเดียว วันนี้เดียร์คงกลับดึกมาก น่าแปลกจัง แต่ไหนแต่ไร ผมเคยอยู่ตามลำพังได้ แต่เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีเดียร์อยู่ด้วย บ้านมันเงียบเหงาพิกล

ในที่สุดผมก็ได้คำตอบสำหรับตัวเองว่าจะไปเถลไถลที่ไหนก่อนกลับบ้าน อีกสองสามวันจะตรงกับวันวาเลนไทน์แล้ว ผมอยากหาของขวัญให้กับเดียร์สักชิ้น

คราวก่อนตั้งใจจะซื้อแหวนให้เดียร์สักวงหนึ่ง แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องกับตาทรงพลเสียก่อน ผมก็เลยยังไม่ได้ไปเอามา ร้านนายทรงพลมีแหวนดีไซน์สวยแปลกตาเยอะแยะ ผมจำได้ว่ามีอยู่สองสามวงที่เดียร์ลองใส่ดูแล้วชอบมันนักหนา แถมยังมีขนาดนิ้วของเดียร์อีกด้วย

ผมลองแวะไปที่ร้านนั้นดีกว่า เจ้าของร้านถูกแฟนแทงไปขนาดนั้น คงรักษาตัวอยู่ ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับผมหรอกมั๊ง

โชคดีเสียจริงที่ผมไม่ต้องไปร้านของนายทรงพลคนเดียว คุณแคทซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนเหมือนกันเดินจากห้องของตัวเองมาหาผม และชวนผมไปเดินเล่นในห้างเป็นเพื่อน พอบอกชื่อห้างมาผมก็ตกลงทันที เพราะห้างที่ว่านั้นมีร้านเพชรของนายทรงพลอยู่ด้วย พ

อดีเลย ผมจะได้ชวนเธอไปเลือกแหวนให้เดียร์ด้วยกัน อย่างน้อยๆ หากนายทรงพล

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #338 เมื่อ17-02-2009 21:47:32 »

ขอบคุณมากค่ะ ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน
อ่านซะจุใจเลย

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #339 เมื่อ17-02-2009 22:54:22 »

อ่านได้ครึ่งเดียวม่ะไหวแล้วพี่แอน

แปะไว้ก่อนนะคะ วันนี้ปวดเบ้าตาอ่ะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้ามาอ่านต่อ

คืนนี้ฝันดีนะคะพี่แอน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
« ตอบ #339 เมื่อ: 17-02-2009 22:54:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






kakoku_kin

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #340 เมื่อ18-02-2009 01:11:45 »

แอบมาจิ้มปลาการ์ตูน :z13:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #341 เมื่อ18-02-2009 09:53:58 »

ตามบายเลยเพ่ปลาการ์ตูนยอมให้จิ้ม อิอิ :impress2:
อย่าให้ถึงที่เราบ้างน้า หุหุ  o18

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #342 เมื่อ18-02-2009 10:48:22 »

 :pig4:  :pig4:  :pig4:

แต่เหมือนจะค้าง ๆ ขาด ๆ หาย ๆ

มาต่อด่วน....

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #343 เมื่อ18-02-2009 17:21:53 »

ไม่ได้ โพส ห้องนี้เลย

อ่านอย่างเดียว วันนี้เลยมา +1 ให้คนโพสเรื่องเป็นรางวัล

katesnk

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่42 17/2/09
«ตอบ #344 เมื่อ19-02-2009 11:26:12 »

ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ ที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ตอนนี้พี่เคทกำลังจะรวมเล่มนิยายเรื่องนี้อยู่ (ภาค 2-3) ไม่ทราบว่ามีใครสนใจไหมคะ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #345 เมื่อ19-02-2009 20:03:18 »

บทที่ 43

หลังจากไปยืนขาแข็งเป็นเพื่อนคุณแคทเลือกซื้อเสื้อผ้า และเครื่องสำอาง ก็ถึงตาผมบ้างซักที ผมพูดชวนเธอไปร้านนายทรงพล เธอทำตาโตอย่างสงสัยว่าจะไปทำอะไรที่นั่น หายโกรธคุณลุงของเธอแล้วหรือ

ผมบอกว่าผมอภัยให้กับนายทรงพลไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะรังเกียจไปทำไม เพราะนายทรงพลก็ได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ แม้ไม่ชอบขี้หน้าเขามากเท่าไหร่ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ทำธุรกิจกันต่อไป ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกค้าที่บริษัท ผมต้องดีกับเขาอยู่แล้ว

คุณแคทกล่าวชมผมยกใหญ่ที่ผมไม่เอาความแค้นส่วนตัวมาพัวพันเรื่องงาน แล้วเธอก็ถามผมอีกครั้งว่าผมจะไปร้านคุณทรงพลทำไม

ผมรู้สึกเขินที่จะบอกความจริง อาการหน้าแดงของผม ทำให้คุณแคทเดาได้ทันที เธอยิ้มหวานให้ผม แล้วบอกว่าเธอจะช่วยเลือกให้ผมจะเป็นแหวน สร้อย หรือต่างหูก็ได้ เธอพอจะมีความรู้เรื่องเพชรพลอยอยู่บ้าง เพราะพ่อกับแม่ของเธอชอบสะสมเครื่องประดับ และพาเธอมาขลุกร้านนี้ตั้งแต่เด็ก และคุณลุงทรงพลก็เคยสอนวิธีการดูอัญมณีให้เธอด้วย

ผมกล่าวขอบคุณเธอ รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมซื้อของให้กับคนรักของผมที่เป็นผู้ชายเนื่องในวันวาเลนไทน์ แต่ช่างเถอะ คุณแคทเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เธอคงจะเข้าใจความรู้สึกของผม และคงจะรู้ดีว่าคนที่เป็นเกย์มีรสนิยมแบบไหน

“เดียร์เกิดวันอะไรหรือคะ”

เพื่อนสาวถามผมยิ้มๆ โดนถามแบบรู้ทันแบบนี้ เลยทำให้ผมเขินจัด รู้สึกเหมือนว่าเลือดอุ่นๆฉีดพล่านไปทั่วใบหน้าและลำคอ

“ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ถ้าไปร้านเพชร ก็มีสองอย่างซื้อของให้ตัวเองหรือไม่ก็แฟน แต่กรณีของเรียว แคทคิดว่าคงซื้อให้แฟนใช่ไหมล่ะ”

“ครับ แต่ผมไม่ได้ซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เขานะ”

“ค๊า....เข้าใจค่ะ แหมเทศกาลใกล้ๆนี้ ก็มีแต่วาเลนไทน์เท่านั้นแหละ จะซื้อของให้เนื่องในวันแห่งความรักใช่ไหมคะ

แหม ช่างน่าอิจฉาพ่อหนุ่มเดียร์จริงๆ ที่คนน่ารักอย่างเรียวระลึกถึง ที่แคทถามก็เพราะว่าเวลาซื้ออัญมณีให้มันต้องถูกโฉลกกับวันเกิดด้วย มันถึงจะดีไงคะ”

เธออธิบายยิ้มๆ ไม่น่าเชื่อว่าสาวทันสมัยอย่างคุณแคทจะเชื่อโชคลางพวกนี้ด้วย เห็นท่าทางจริงใจในการที่จะช่วยผมเลือกซื้อเครื่องประดับให้เดียร์แล้ว ผมเลยบอกออกไป

“วันจันทร์ครับ วันจันทร์ เดือน ธันวาคม เขาเกิดวันคริสต์มาสพอดี”

“แหมจำรายละเอียดได้แม่นเลยนะคะ สงสัยจะรักมากจริงๆ”

โดนแซวแบบนั้นผมก็ยิ่งอายนัก เดินเงียบไม่พูดไม่จาเอาแต่ยิ้ม อยากจะบอกออกไปเหมือนกัน ว่า ใช่แล้วล่ะคุณแคท ผมรักเด็กนั่นมากมายจริง และไม่คิดว่าจะรักใครได้เท่านี้อีกแล้ว
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงร้านของนายทรงพล เจ้าของร้านกับบอดี้การ์ดไม่อยู่ คุณแคทสอบถามพวกเด็กๆในร้าน ได้ความว่าเขาพาแซ่บและคนอื่นๆไปทานมื้อเย็น ไม่รู้ว่าจะกลับเข้ามาหรือเปล่า ผมรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากัน และภาวนาอยู่ในใจขอให้คนเหล่านั้นอย่ากลับเข้ามาอีก ไม่อยากอึดอัดใจเวลาที่พูดคุยกัน

“ที่จริงมันมีหลายตำรานะคะ คุณเรียว เกี่ยวกับเรื่องอัญมณีประจำวันเกิด แต่เอาสักตำราก็แล้วกันนะ ตามตำราเขาว่า คนเกิดวันจันทร์ ควรจะใช้เครื่องประดับอัญมณีที่เป็นสีเหลือง เรียกว่า “เศตาภรณ์” ซึ่งก็เป็นพลอยจำพวก บุษราคัม โทแพซ ซิทริน เพทาย อำพัน หยกสีเหลือง เพชรสีเหลือง หรือไม่ก็ไข่มุกสีทอง ค่ะ จะเห็นว่าต้องเป็นสีเหลืองทั้งหมดถึงจะถูกโฉลกค่ะ”

คุณแคทอธิบายให้ผมฟังราวกับผู้ชำนาญ เธอขอให้พนักงานในร้านนำพลอยแต่ละชนิดมาให้ผมดู ผมมองของที่วางอยู่ตรงหน้า ตาลายไปหมด ผมไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยได้สะสม

กำลังนึกว่าจะซื้อชิ้นไหนให้เดียร์ดี ผมไม่เคยเห็นเดียร์ใส่เครื่องประดับแบบนี้เลย ไม่รู้ว่าเขาไม่รู้ว่าไม่ชอบ หรือ ไม่รู้ว่าจะต้องใส่อะไร หรือไม่ก็เพราะราคามันแพงเกินกว่าที่เขาจะซื้อได้

“คนเกิดวันจันทร์นี่ช่างแต่งตัวนะคะ เท่าที่เห็นเด็กหนุ่มคนนั้น เขาก็แต่งตัวเท่ห์ดีสมวัยเขามากๆเลย ถ้างั้นซื้อจำพวกอำพันให้เขาดีกว่า เพราะว่า อย่างอื่นอาจจะดูแก่เกินไปไม่เหมาะกับเขา”

“คืออะไรหรือครับ”

ผมถามอย่างงงๆ เพิ่งจะเคยได้ยินนี่แหละ ความที่ไม่เคยใส่ใจกับเครื่องประดับ จึงทำให้รู้เพียงแค่เพชร เงิน ทอง นาค แค่นั้นเอง คุณแคทยิ้มพลางหยิบอัญมณีสีเหลืองชิ้นหนึ่งขึ้นมา

“นี่ไงคะ อันนี้เขาเรียกว่าอำพัน หรือเขามีชื่อฝรั่งว่า Amber ค่ะ เจ้าของชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเลยนะคะ เขาไม่ได้เป็นพวกหิน แต่เกิดจากยางสนที่ไหลออกมาจากต้นแล้วรวมกันเป็นก้อนแข็งถึงค่อยกลายเป็นหินอีกที อาจจะใช้เวลานานถึง 30 ล้านปีในยุคน้ำแข็งเลยนะคะ มันสวยมากๆ และหายากมากๆ ดูนี่สิ…”

คุณแคทชี้ให้ผมดูข้างในอำพัน ผมมองเห็นจุดดำๆอยู่ในนั้น

“ชิ้นนี้น่ะ ไม่ได้พบเจอกันง่ายๆนะคะ ข้างในที่คุณเห็นเป็นฟอสซิลของซากสัตว์สมัยโบราณ อาจจะเป็นพวกแมลง ที่ไปเกาะตรงต้นของสน แล้วถูกยางไหลมาเคลือบและแข็งตายอยู่ในนั้น อำพันที่มีซากสิ่งมีชีวิตอยู่ภายในจะบอกถึงสภาพสภาพแวดล้อมลักษณะทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตยุคนั้นได้ด้วยค่ะ”

น่าทึ่งชมัด คุณแคทนี่ฉลาดรอบรู้จริงๆ เหมาะแล้วที่เธอเลือกที่จะมีเพศที่ต่างไปจากตอนที่เธอเกิดมา เพราะเธอมีความอ่อนหวาน และมีเซนส์ในเรื่องของสวยๆงามๆเหมือนผู้หญิงจริงๆ


...............................................

“เรียวรู้ไหมคะ ในบางประเทศ เขาจะเอาอำพันมาทำเป็นเครื่องรางใส่ไว้ในหลุมฝังศพเพื่อคุ้มครองชีวิตหลังความตาย และเพื่อความผาสุกในภพหน้าที่จะเกิดมา

อย่างพวกกรีกเองซึ่งสักการะเทพเจ้าอพอลโล ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ เขายังเชื่อว่า อำพันนี้เกิดมาจากลำแสงของดวงอาทิตย์ที่มีการแข็งตัวค่ะ

แล้วรู้ไหมคะ เจ้าอำพันนี้ มีส่วนช่วยให้เกิดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ได้อีกด้วย รู้จักนายวิลเลี่ยม กิลเบิร์ตไหมคะ เขาเป็นนักวิทยาศาตร์ที่ศึกษาเรื่องไฟฟ้าสถิตย์ โดยการใช้แท่งอำพัน ซึ่งสมัยก่อนกรีกเรียกว่า เอเลกตรอน และเรียกปรากฏการณ์ที่เขาค้นพบว่า แรงไฟฟ้า หรือ electric force ค่ะ”

เหลือเชื่อจริงๆ คุณแคทรู้เรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วย ในหัวสมองของเธอคงจะไม่ธรรมดาเหมือนคนอื่นๆแน่ จึงบรรจุข้อมูลความรู้ต่างๆไว้แน่นเอี๊ยด

“ท่าทางคงจะแพงน่าดูนะครับ”

“ค่ะ ของหายากก็จะแพงนะคะ แต่ก็ยังมีอัญญมณีอย่างอื่นที่แพงกว่าอีกค่ะ ถ้าคุณจะซื้อให้เดียร์ แคทแนะนำให้ซื้อเป็นจี้ดีกว่านะคะ เพราะจี้ทำรูปแบบสวยเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะร้านคุณลุง ออกแบบได้เก๋มาก เขาทำส่งออกนอกด้วยค่ะ”



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #346 เมื่อ19-02-2009 20:04:11 »

คุณแคทขอให้พนักงานเอาจี้อำพันสวยๆออกมาให้ดู ผมกวาดตามองจี้ห้อยคอในกล่องสี่เหลี่ยมบุกำมะหยี่ ที่พนักงานเอาออกมาวางเรียงรายให้ดู แล้วถูกใจกับจี้รูปหัวใจสีเหลืองใสมันวาว พยายามจินตนาการภาพที่เด็กหนุ่มสวมสร้อยเส้นนี้ไว้ที่คอ คงจะน่ารักดี ถ้าผมซื้อจี้นี้ให้กับเดียร์แทนสร้อยเส้นเดิมที่เขาทำหายไป เขาจะดีใจไหมนะ

ยังไม่ทันที่ผมจะตัดสินใจ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นทางเบื้องหลัง ผมหันไปดูก็พบพี่วิภายืนหอบของพะรุงพะรัง ข้างๆคือพี่สมชายที่ยืนหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ พี่วิภารีบเดินตรงมาหาผมกับคุณแคท ตามด้วยพี่สมชายซึ่งตอนนี้ปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มตามปกติแล้ว ผมหันไปมองคนข้างกายโดยอัตโนมัติ ก็เห็นเธอยืดตัวตรง เชิดหน้าขึ้น แล้วส่งยิ้มให้กับคนทั้งสองอย่างหวานจ๋อย

“อุ้ย บังเอิญจริงๆค่ะ ไม่นึกว่าจะได้เจอกันที่นี่อีก มาซื้อแหวนหมั้นเตรียมจะแต่งงานกันหรือคะ”

พี่วิภาทึกทักหน้าตาเฉย ผมสบตากับคุณแคท เราต่างรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร คำขอร้องครั้งสุดท้ายของคนพ่ายรัก คือการเล่นละครตบตาอีกครั้งเพื่อให้ครอบครัวของคนที่เธอรักกลับมามีชีวิตที่เป็นปกติสุขเหมือนเดิม

คุณแคทเคลื่อนตัวเข้ามาหาผมโดยอัตโนมัติ และอิงแอบร่างกายตนเองเข้ากับไหล่ของผม พร้อมกับส่งยิ้มให้กับพี่วิภาที่ดูท่าจะเชื่ออย่างสนิทใจว่าเราสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆ

“ใช่ค่ะ พี่วิภา เรากำลังจะหมั้นและแต่งงานกันอีกไม่กี่เดือนนี้ล่ะค่ะ คุณเรียวกำลังจะไปสู่ขอแคทกับพ่อแม่ นี่เรามาเลือกแหวนกัน แล้ว พี่สองคนล่ะคะ มาทำไมที่นี่ มาซื้อแหวนฉลองครบรอบแต่งงานหรือคะ”

ท้ายเสียงดูสั่นๆ เหมือนว่าเธอกำลังพยายามสะกดกั้นอารมณ์เสียใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

“ไม่ใช่หรอกค่ะ อีกตั้งสองเดือนกว่าถึงจะถึงวันครบรอบแต่งงาน แต่วันนี้พี่สมชายพามาเลือกซื้อเครื่องประดับ เป็นของขวัญแห่งการคืนดีกันค่ะ”
พี่วิภายักคิ้วให้กับผม ท่าทางเธอมีความสุขมาก แต่พี่สมชายทำหน้าเซ็งๆยังไงไม่รู้

“งั้นหรือคะ ยินดีด้วยนะคะ ขอให้ครองรักกันอย่างมีความสุขนะคะ”

คุณแคทอวยพรเสียงเครือ ผมเอื้อมไปจับมือคุณแคทมาบีบอย่างปลอบโยน และกระตุกแขนเธอเบาๆเพื่อให้เธอระงับสติอารมณ์ เธอยิ้มให้ผมพลางพยักหน้าน้อยๆว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามจะบอก

“แล้วทำไมถึงเลือกร้านนี้ละคะ รู้ไหมว่าแคทรู้จักกับเจ้าของร้านด้วย เรียกว่าคุณลุงเจ้าของร้านสนิทสนมกับคุณพ่อคุณแม่แคทเป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ”

เพื่อนสาวของผมเอาแต่คุยกับพี่วิภาอย่างดี เหมือนเธอพยายามที่จะเลี่ยงการพูดคุยกับพี่สมชาย คงกลัวว่าจะเผลอต่อมน้ำตาแตกให้เมียของเขาสงสัยและจับได้ว่าเป็นคุณแคทนี่แหละที่มีอะไรกับสามีของเธอเอง

“พี่สมชายพามาค่ะ เขาบอกว่าร้านนี้ทำเครื่องประดับสวยมาก ออกแบบได้แปลกตาดี พี่เขารู้จักร้านนี้มานานแล้ว จากการแนะนำของเพื่อนรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยนี่แหละค่ะ”

เพื่อนรุ่นน้องคนนั้น ก็คือคุณแคทกระมัง ผมเห็นเธอเม้มริมฝีปากแน่น สงสัยสะเทือนใจกับเรื่องที่ได้ยิน

“งั้นดีเลยค่ะ เดี๋ยวแคทให้ทางร้านเขาลดให้เป็นพิเศษ บอกว่า แคทแนะนำมา คุณลุงใจดีกับแคทอยู่แล้ว ว่าแต่พี่วิภาอยากได้อะไรหรือคะ เป็นสร้อย แหวน จี้ กำไล หรือต่างหูดีคะ”

“ก็ดูไปเรื่อยๆ ค่ะ คุณแคทว่าคนเกิดวันจันทร์อย่างพี่นี้ ควรจะซื้ออะไรดีล่ะคะ”

“เกิดวันเดียวกับเดียร์น้องคุณเรียวเลย เอางี้ไหมคะ เรากำลังดูพวกอำพันกันอยู่ หรือพี่จะดูอย่างอื่นด้วยก็ได้ แต่ต้องสีเหลืองเท่านั้นนะคะ”

“เหรอคะ นี่เหรอ ที่เรียกว่าอำพัน สวยดีจังเลยนะคะ พี่สมชายว่าไหม”

พี่วิภาชี้ชวนให้พี่สมชายดู เพื่อนบ้านของผมได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ผมรู้สึกว่าเขาแค่ไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่ ผู้ชายกับอัญมณีไม่ค่อยถูกโรคกันนัก มีน้อยที่สนใจอย่างจริงจัง ผมกับพี่สมชายคงจัดอยู่ในพวกเดียวกัน คือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย

“ว้ายยยยยยยย...จี้หัวใจสีเหลืองนี้สวยจังเลยค่ะ”

“ไหนคะ อื้มสวยจริงๆด้วยค่ะ ดูสิ เหมาะกับพี่วิภามากเลย จริงไหมคะเรียว”

เสียงคุณแคทกับพี่วิภาทำให้ผมต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นพี่วิภาสวมสร้อยที่มีจี้อำพันรูปหัวใจสีเหลืองที่คอ คุณแคทพยักเพยิดอย่างพอใจ แถมซ้ำยังมาถามผมอีกด้วยว่าเหมาะไหม ผมมองดูพี่วิภาที่สวมสร้อยคอเส้นนั้น หัวใจสีเหลืองดวงโตพอประมาณ ดูสวยสง่าเมื่ออยู่บนคอผู้หญิง แล้วถ้าเป็นผู้ชายอย่างเดียร์ล่ะ จะดูสวยแบบนี้ไหมนะ

“ว่าไงคะคุณเรียว ยืนจ้องแบบนี้ สวยหรือไม่สวยคะ”

มัวแต่ยืนจ้องจนเพลิน เลยไม่ทันได้ตอบคำถามของคุณแคท จนพี่วิภาต้องถามซ้ำขึ้นมา
“สวยครับ สวยมากเลย”

กล่าวชมทั้งที่นึกภาวนาในใจ ไม่อยากให้พี่วิภาซื้อเส้นที่ลองใส่นั้นเลย ผมเองก็อยากให้ของชิ้นนี้กับเดียร์มาก ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าก็ตาม

แต่ผมชอบตรงที่มันเป็นรูปหัวใจ เป็นอำพัน ยางไม้สนล้านปีของแท้ สีต้องโฉลกกับวันเกิดของเดียร์ด้วย ทุกอย่างมันมีความหมายหมด

ผมอยากให้เขารับรู้ทางอ้อมว่า ผมรักเขามากแค่ไหน และรักของผมไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยง่าย มันเกิดจากการความรู้สึกที่ค่อยๆสะสมขึ้นมาเรื่อยๆจนพอกพูนเปี่ยมล้นในหัวใจ ที่สำคัญ

ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผมจะรักผู้ชายคนหนึ่งได้มากมายขนาดนี้ เขาเหมือนกับเจ้าอำพันที่เป็นของล้ำค่าหายาก แล้วผมก็อยากได้มันเพื่อมาเป็นเครื่องรางคุ้มครองคนรักของผมด้วย

“ตกลงเอาเส้นนี้ค่ะ”

ในที่สุดพี่วิภาก็พรากเอาสร้อยเส้นนั้นไปจากผมจนได้ แม้จะรู้สึกเสียดายแค่ไหน แต่ก็ต้องตัดใจเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของผู้หญิงที่เกือบจะเสียครอบครัวไป

บางทีสร้อยเส้นนี้ อาจจะช่วยประสานรอยร้าวระหว่างเธอกับสามีได้ ผมคงต้องหาของให้เดียร์ใหม่ อาจจะเป็นแหวนสักวง ที่เดียร์เคยมาลองใส่เมื่อคราวที่แล้วก็ได้ มีหลายวงที่สวยเหมือนกัน เขาอาจจะชอบมันมากกว่าจี้ห้อยคอก็ได้

สองสาวดูจะเพลิดเพลินกับการลองเครื่องประดับ ผมเลยเดินเลี่ยงมาที่ตู้โชว์แหวนเพชร แล้วพยายามมองหาแบบและลวดลายเดียวกับที่เดียร์เคยลองไว้ ขณะที่ผมกำลังก้มๆเงยๆ โดยที่มีพนักงานคอยบริการอยู่นั้น จู่ๆพี่สมชายก็เดินมาหยุดยืนข้างตัวผม แล้วพูดเสียงลอดไรฟันอย่างฉุนๆ

“บอกแล้วใช่ไหมคุณเรียว ว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมไม่ฟังกันบ้างเลย ยอมให้คุณแคทจูงจมูกได้ไง”

พูดแบบนี้มันน่าพูดดีด้วยไหมเนี่ย คนอะไรกัน ถูกทิ้งแล้วพาลหรือไง ตอนนั้น ผมอาจจะเห็นด้วยว่าจะไม่ยอมเป็นเครื่องมือคุณแคทในการพรากลูกพรากเมียเขา ถึงตอนนี้ที่ผมช่วยคุณแคทก็เพราะผมอยากให้พี่วิภาเลิกคลางแคลงใจต่างหาก

แม้ว่าเธออาจจะเคยสงสัยคุณแคทอยู่บ้าง แต่การที่ได้เห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันในร้านเพชรแบบนี้ แถมซ้ำคุณแคทยังกุเรื่องว่าเรามาเลือกแหวนกันเพื่อเตรียมตัวจะแต่งงาน แค่นี้พี่วิภาก็ยิ้มหน้าบานเลิกสงสัย เชื่อเสียสนิทใจ แล้วนี่พี่สมชายยังจะมาพูดเพื่อให้เสียเรื่องอีกทำไม ในเมื่อตัวเองก็ไม่เลือกคุณแคทตั้งแต่แรกแล้ว ยังจะมาหวงก้างอีก

“ผมทำเพื่อความถูกต้องครับพี่สมชาย อย่างน้อยๆพี่วิภาก็สบายใจ ดูสิครับเธอมีความสุขมากแค่ไหน ผมเองก็รู้สึกดีใจด้วยที่พี่สองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง”

ตอบไปตามความรู้สึกของตัวเอง ดูเหมือนพี่สมชายจะไม่ค่อยพอใจนัก

“ขอบคุณนะครับที่ทำเพื่อครอบครัวผม แต่บอกแล้วไงครับว่าผมจัดการเองได้ คุณเองก็ไม่น่าจะเข้ามายุ่งเลย เราคนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน เดี๋ยวมีปัญหาอะไรจะมองหน้ากันไม่ติด”

“คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั๊งครับพี่สมชาย ทุกอย่างมันจบลงด้วยดีแล้วนี่ครับ หรือว่าที่ผมคิดมันไม่ใช่ พี่ยังไม่อยากจบ?”
ผมย้อนถามเพื่อนบ้านหนุ่ม อยากรู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ช่างเถอะคุณเรียว มันเป็นเรื่องระหว่างผมและคุณแคท ผมขอร้องนะครับว่าอย่ายุ่งเรื่องนี้ ผมชอบคุณ เราไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่ามาผิดใจเพียงเพราะกระเทยคนหนึ่งเลยครับ”



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #347 เมื่อ19-02-2009 20:09:17 »

เออหนอ ยามสิ้นรัก เหลือแต่ความเจ็บแค้น ก็เรียกกันอย่างไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะมาได้ยิน ผมนึกไม่ออกเลยว่าที่ผ่านมา สองคนนี้เคยรักกันมากขนาดไหน

“พี่สมชายครับ กระเทยที่พี่ว่าน่ะ อีกหน่อยเธอจะกลายมาเป็นคู่หมั้นของผมนะครับ”

โกหกครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วกัน พี่สมชายจะได้เลิกวุ่นวายกับคุณแคทแล้วหันไปหาลูกเมียตัวเองเสียที ไม่ใช่ทำตัวแบบที่เป็นอยู่นี้

“อย่ามาหลอกเสียให้ยากเลยเรียว ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมรู้ว่าคุณกับเดียร์เป็นอะไรกัน คุณกับคุณแคทไม่ได้รักชอบกันจริงๆ คุณหลอกผมเพราะต้องการช่วยคุณแคทต่างหาก

ผมบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะ อย่าใช้วิธีนี้เลยเรียว โกหกมันเป็นบาป เดี๋ยวจะทำให้ความรักของคุณกับเดียร์อับปางลงนะ แล้วจะหาว่าผมไม่เตือน”

คำพูดเหมือนแช่งของพี่สมชายทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ผมเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ผมไม่ได้ทำไปเพราะอยากเลิกกับเด็กหนุ่ม

ผมทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กสองคนให้ได้เมียและพ่อกลับคืนมา และผมคิดว่าเดียร์ของผมคงเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ ความเชื่อใจที่เรามีต่อกัน จะนำพาให้ความรักของเรารอดพ้นจากอุปสรรคต่างๆ

“ผิดแล้วล่ะครับพี่สมชาย ผมกับเดียร์ไม่ได้คบกันอย่างที่พี่คิด เราเป็นเพียงแค่คนรู้ใจกันเท่านั้น คนที่ผมสนิทด้วยตอนนี้คือคุณแคทต่างหาก ผมชอบเธอมาก เธอเป็นคนดี สมควรที่จะมีคนมาดูแลรับผิดชอบในตัวเธอ จะได้ไม่ต้องไปหลงรักคนที่เขามีเจ้าของอีก”

ตัดสินใจโกหกไปอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่สิ ยังเรียกว่าโกหกไม่เต็มปาก แค่พูดคลุมเครือให้คิดจินตนาการไปเองต่างหาก ใครกันนะ ที่บอกว่า เมื่อได้โกหกแล้ว มันจะโกหกต่อไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นแบบนี้นี่เอง

ผมกำลังตกอยู่ในวังวนนั้น ทำไงได้ ในเมื่ออยากทำให้คนอื่นเชื่อ ก็ต้องใส่น้ำหนักลงไป แม้ว่ามันจะไม่มีมูลความจริงเลยก็ตาม ขอให้เรื่องนี้อย่าล่วงรู้ไปถึงหูเดียร์เลย รอให้ทุกอย่างมันจบลงก่อนแล้วกัน แล้วผมจะเล่าให้เขาฟังทุกอย่างเลย

“งั้นเหรอ จะเปลี่ยนใจจากเกย์มาชอบกระเทยหรือไง ผมคิดว่าเรื่องนี้เดียร์คงไม่รู้แน่ๆ จะเกิดอะไรขึ้นนะ ถ้าเขารู้ว่าคุณมาเดินควงคนอื่นแบบนี้ แถมพาเข้าร้านเพชรพลอยอีกด้วย

เจ้าหนูนั่นท่าทางจะขี้หึงพอควร ยิ่งมาได้ยินคุณพูดว่า คุณกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย แหมผมแทบจะทนรอที่จะเป็นคนพูดเรื่องนี้ให้เดียร์ฟังไม่ไหวแล้ว”

นี่เป็นคำขู่จากพี่สมชายหรือเปล่านะ เพื่อนบ้านผู้แสนดีของผม จะกล้าทำอย่างนั้นเชียวหรือ ความหึงหวง การถูกฉีกหน้าจากคนรักเก่า ทำให้คนที่น่านับถือ แปรเปลี่ยนเป็นคนที่ร้ายกาจน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้

ถ้าเขาไปเล่าให้เดียร์ฟังจริงๆ หนุ่มน้อยของผม จะเชื่อคนอื่นมากกว่าผมหรือเปล่านะเขาจะคิดว่าผมทรยศกับเขาไหม

คงไม่หรอก เพราะเดียร์ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผมไม่เคยมีใครนอกจากเขาคนเดียว ผมไม่เคยเกเรเหลวไหล แม้ไม่เคยพูดความจริงให้เขารู้ แต่ผมก็ไม่ทำอะไรเสียหาย และที่ผมทำอยู่นี้ก็เพื่อความสุขของเราทั้งสองคนด้วย

“เชิญเถอะครับ เราสองคนเข้าใจกันดี ผมกับเดียร์ไม่มีความลับต่อกัน มีอะไรก็จะบอกกันเสมอ เขารู้เรื่องนี้ด้วย ถึงพี่จะพูดไปก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกครับ”

โกหกรอบที่สามแถมท้าทายเพื่อนบ้านที่ทำท่าว่าจะเป็นคนขี้ฟ้องอีกด้วย ผมกำลังเล่นเกมส์วัดใจกับเขา ดูว่าเขาจะกล้าไหม

แล้วยังแสดงละครเพื่อให้เขาคิดว่า การขู่ของเขาไม่มีความหมาย ถ้าหากเขาเชื่อขึ้นมา ก็คงจะไม่กล้าไปบอกกับเดียร์ หากไม่เชื่อ ก็คงต้องหาวิธีการแก้ไขกันอีกที

ยังไม่ทันที่พี่สมชายจะโต้ตอบผม พี่วิภาก็เรียกพี่สมชายให้ไปหา เธอคงเลือกได้ของที่ต้องการแล้ว จึงอยากให้พี่สมชายมาช่วยตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจ่ายเงิน

เพื่อนบ้านของผมทำท่าฮึดฮัดขัดใจ เขาพูดกับผมพอให้ได้ยินกันสองคนว่า ให้เลิกยุ่งกับคุณแคทไม่เช่นนั้นเราคงได้เห็นดีกัน จากนั้นก็เดินไปหาภรรยาตัวเอง

คุณแคทถอยห่างออกมาแล้วเดินตรงมาที่ผม ถามว่าคุยอะไรกัน ผมบอกเธอไปตามตรงว่า พี่สมชายมาต่อว่าผมเรื่องที่ร่วมมือกับคุณแคท เขารู้แล้วว่าเราไม่ได้คบกันจริงจัง แค่ต้องการหลอกให้เขาเลิกยุ่งกับเธอเท่านั้น แถมยังบอกด้วยว่าเขาจะเอาเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้เดียร์ฟัง

คุณแคทขอโทษขอโพยผม ใบหน้าแสดงออกถึงความเสียใจ เธอบอกว่าเธอไม่น่าจะดึงตัวผมเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เดี๋ยวเดียร์เข้าใจผิดกันเปล่าๆ ผมพูดเพื่อให้เธอสบายใจว่า คงไม่มีอะไรมากหรอก พี่สมชายคงแค่ขู่

อีกอย่างเดียร์คงไม่เชื่อใครง่ายๆ แล้วผมจะไปอธิบายให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแคทอาสาว่าถ้าต้องการให้เธอช่วยพูดก็บอกได้ เพราะว่าผมช่วยเธอมามากแล้ว เธอคงจะเสียใจมากหากผมกับเดียร์ต้องเลิกกันเพราะเธอ



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #348 เมื่อ19-02-2009 20:12:58 »

หลังจากที่พี่วิภาและพี่สมชายจากไปพร้อมกับสร้อยคอจี้อำพัน ผมกับคุณแคทก็เลือกแหวนให้เดียร์กันต่อ เราดูวงนั้นวงนี้จนเพลิน ไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครมายืนอยู่ข้างหลัง จนกระทั่งเสียงทักดังขึ้น เราจึงได้รู้ว่าผู้มาเยือนคือนายทรงพลกับแซ่บนั่นเอง

ทั้งคู่เพิ่งกลับมาจากการไปเลือกซื้อข้าวของ ไม่ได้ทานข้าวอย่างที่พนักงานบอกไว้ตั้งแต่ทีแรก แต่กลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อดูร้านก่อนจะออกไปทานมื้อค่ำมื้อใหญ่ทีเดียว

พอเห็นผมมาปรากฏตัวที่ร้าน นายทรงพลก็ยิ้มอย่างดีใจ ท่าทางของเขาดูแปลกๆไป ไม่มีอาการหื่นเหมือนคนบ้ากามให้เห็น สายตาที่มองมาดูเป็นมิตรไม่มีร่องรอยความเจ้าเล่ห์อีกต่อไป แต่ถึงยังไงผมก็ยังต้องระวังตัวไว้ก่อน

ความไว้วางใจในตัวคนอื่น เกือบทำให้ผมเสียใจไปชั่วชีวิต ผมไม่อยากจะพลาดพลั้งให้กับคนพาลอีกครั้ง
เฒ่าเจ้าเล่ห์ถามผมกับคุณแคทว่ามาทำอะไร พอเธอบอกว่ามาเลือกแหวน

นายทรงพลก็ทำตาโต จากนั้นก็เดาว่า คุณแคทคงมาเป็นเพื่อนเพื่อเลือกซื้อแหวนไปให้คนอื่นกระมัง เพื่อนสาวของผมเลยย้อนถามว่ารู้ได้ไง เขาเลยบอกว่า ก็ไม่เห็นคุณแคทลองแหวน เพียงแต่เลือกดูกันเท่านั้น
คุณแคทหัวเราะชอบใจยกใหญ่ บอกกับตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ว่าเขาเดาได้เก่งมาก ไม่มีอะไรที่ลอดสายตานายทรงพลไปได้เลย แล้วยังบอกออกไปด้วยว่าผมมาเลือกของบางอย่างไปให้เดียร์เพื่อเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์

เธอคงคิดว่าเรื่องระหว่างเดียร์กับผมไม่ได้เป็นความลับต่อนายทรงพลอีกแล้วมั๊ง เพราะไปช่วยเหลือกันขนาดนั้น แต่ผมสิ นึกอายที่จะยอมรับความจริง

โดยเฉพาะต่อหน้าลูกค้าที่ผมเคยรับประกันเขาและคิดเบี้ยประกันในอัตราที่สูงกว่าปกติเพราะเขามีความเสี่ยงเกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิตเนื่องจากเขาเป็นเกย์ มันเหมือนว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง

น่าแปลกที่นายทรงพลไม่ได้ทำหน้าเยาะเย้ยหรือถากถางให้เห็น เขากลับกุลีกุจอให้พนักงานในร้านเอาแหวนทองคำขาว สวยๆใส่กะบะกำมะหยี่มาให้ผมเลือกดู

นายทรงพลบอกว่าเดียร์สนใจแหวนมากกว่าอย่างอื่น ตอนมาเยี่ยมที่ร้านคราวนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะจำได้เหมือนกับผมว่าเดียร์ลองแหวนอยู่นานพอควรและเขาติดใจแหวนอยู่สองสามวง

เด็กแซ่บช่วยรื้อฟื้นความทรงจำให้ด้วยการหยิบแหวนสามวงนั้นออกมาวางให้ ผมจึงนึกออกว่าตอนนั้นเด็กแซ่บยืนคุยกับเดียร์ มิน่าเขาจึงรู้ว่าสุดที่รักของผมชอบแหวนชนิดใดบ้าง

นายทรงพลพิจารณาแหวนสามวงนั่นแล้วร้องอุทานว่าเดียร์ตาแหลมมาก แหวนพวกนั้นเป็นแหวนผู้ชายที่ดีไซน์ออกมาเป็นพิเศษ และมีราคาค่อนข้างแพง

ผมจำได้แล้วว่าเดียร์เคยพูดว่าแหวนพวกนี้สวย แต่ราคาแพงมากเกินไป เขาคงซื้อไม่ได้ ผมยังคิดในใจเลยว่าผมจะต้องซื้อแหวนที่เด็กหนุ่มชอบมาให้เป็นของขวัญกับเขา ตอบแทนความดีที่เขามีให้ผมเสมอมา

แหวนที่อยู่ในมือของนายทรงพล เป็นวงที่ผมหมายตาเอาไว้และเป็นวงที่เดียร์ชอบด้วย เป็นแหวนที่ตัวเรือนทำจากทองคำขาว รูปทรงสี่เหลี่ยมดีไซน์ทันสมัย มีเพชรเม็ดหนึ่งประดับอยู่บนเรือนแหวน ดูเรียบหรูแต่เท่ห์มีสไตล์ ไม่แก่เฉิ่มเกินกว่าอายุเด็กวัยรุ่นอย่างเขา

ราคาที่นายทรงพลบอกมาค่อนข้างแพงพอสมควรทีเดียว ที่แพงเพราะเพชรที่อยู่บนตัวเรือนเป็นเพชรแท้ที่น้ำงามมาก เจียรไนไม่มีตำหนิ และการทำตัวเรือนก็ทำอย่างปราณีต ดีไซน์ก็สวย และทำมาแค่วงเดียวเท่านั้น ไม่มีวงอื่นที่ทำออกมาเหมือนกันอีกแล้ว

ผมไม่ได้สนใจรายละเอียดที่เขาบอก แต่สนใจตรงที่แหวนนี้เดียร์ใส่ได้ แล้วดูดีด้วย เหมาะกับนิ้วนางของเขามาก เขาลองให้ผมเห็นแล้วในครั้งนั้น

ผมจินตนาการภาพเดียร์ที่สวมแหวนที่ผมซื้อให้ในวันวาเลนไทน์ เห็นภาพตัวเองนั่งเขินอายหน้าแดงเวลาสวมแหวนให้เขา นึกไปไกลว่าเขาคงจะรวบตัวผมมากอด และจูบเพื่อเป็นการขอบคุณที่ผมมอบของขวัญแทนใจสุดแสนล้ำค่าให้

นึกเดาได้เลยว่าเขาต้องบ่นที่ผมซื้อของแพงๆให้เขา สำหรับเดียร์แล้ว เขาจะกังวลใจเรื่องนี้มาก ไม่กล้าที่จะรับอะไรของใครฟรีๆ แม้กับผมเอง เวลาที่ผมพาเขาไปเลี้ยงข้าว หรือซื้ออะไรมาให้ เขาจะตอบแทนผมด้วยแรงกาย ช่วยทำความสะอาด ปลูกต้นไม้ ทำอาหารสุดแสนอร่อยให้ทานฟรีๆ

ถ้าผมได้ให้แหวนวงนี้กับเขาแล้ว บ้านผมคงจะสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้มากกว่านี้นับเท่าตัว ยิ่งคิดไปไกลเท่าไหร่ ก็แทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว อยากเอาแหวนมอบให้เดียร์คืนนี้ พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ
และโดยไม่รั้งรอ ผมตัดสินใจซื้อแหวนวงนั้นให้เดียร์ทันที โดยบอกขนาดของนิ้วของเดียร์ให้พวกเขาทราบ ถึงจะไม่ได้จี้ห้อยคอที่มีความหมายตรงตัวมาแทนใจ

แต่แหวนนี้คงจะบอกอะไรให้หนุ่มน้อยคงผมได้รู้บ้าง ว่าผมรักเขามากแค่ไหน ไม่ว่าราคาของมันจะแพงปานใดก็ตาม ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผม สิ่งที่เดียร์ทำให้ มีค่ามากมายกว่าเงินทองที่ผมมีหลายเท่าตัวนัก เขาจึงควรค่าที่จะได้มันไป

ทั้งคุณทรงพลและคุณแคทต่างชื่นชมในแหวนวงนั้นบอกว่าผมเลือกได้เหมาะกับเดียร์แล้ว ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับผมขึ้นไปอีก พอตอนที่ผมจะจ่ายเงิน นายทรงพลก็ลดราคาให้ผมถึง 90 % มากกว่าที่เคยบอกว่าจะให้

ผมปฏิเสธบอกว่าของซื้อของขาย ไม่ต้องลดราคาให้มากขนาดนั้น แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะให้ เมื่อผมทำท่าไม่ยอมรับ เขาก็บอกกับผมว่า ถือเสียว่าเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์จากเขาแล้วกัน

เขารู้ตัวดีว่าที่ผ่านมาทำผิดกับผมไว้มาก ไม่รู้ว่าจะขอโทษอย่างไร ถึงจะทำให้ผมยกโทษให้กับเขาได้ เขาจึงอยากให้ของสิ่งนี้เป็นของตอบแทนที่ผมกับเดียร์ไม่เอาเรื่องกับเขา และถือว่าเป็นการขอขมาด้วย

ผมบอกเขาไปว่า ผมไม่ได้อยากได้ของจากเขา สิ่งของกับความรู้สึกที่เสียไปมันทดแทนกันไม่ได้ แต่ในเมื่อเขาสำนึกผิดแล้ว ผมขอรับแค่คำขอโทษก็พอ ส่วนแหวนนั้นผมขอจ่ายเต็มตามราคา

แม้ว่าผมจะบอกเขาไปแบบนั้น แต่นายทรงพลก็ไม่รับเงินเต็มจำนวนจากผม เขาแสร้งทำเป็นทำตามความประสงค์ของผม โดยการให้พนักงานเอาแหวนไปใส่กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเรียบร้อย แล้วให้ถุงผ้าสักหลาดมาไว้ใส่

จากนั้นก็รับบัตรเครดิตของผมไปรูด เนื่องจากแหวนมีราคาหลายหมื่น ซึ่งผมเตรียมเงินไม่พอ แต่จำนวนเงินที่เขาคิดจากบัตรเครดิตของผมมีเพียงแค่ 10 %เท่านั้น ให้รูดเพิ่มอีกก็ไม่ยอม

ผมทำท่าจะไม่รับแหวน หากเขาไม่คิดเงินเต็ม เขาก็ขอร้องผม จนกระทั่งคุณแคทเกิดความรำคาญที่เราสองคนตกลงกันไม่ได้

เธอเลยสะกิดผม บอกให้ทำตามความประสงค์ของนายทรงพลซะ ถ้าหากเขาต้องการจะกลับตัวกลับใจ การที่ผมยอมรับแหวนจากเขาก็เหมือนกับผมได้ให้อภัย ไม่ถือโทษต่อสิ่งที่เขาทำ ผมก็เลยจำใจรับแหวนวงนั้นมา

เฒ่าเจ้าเล่ห์ ซึ่งกลับตัวกลับใจยิ้มละไมอย่างมีความสุข เขาบอกกับผมว่าเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกแล้ว ผมได้ยกโทษให้กับเขา และยังรับน้ำใจไมตรีจากเขาอีกด้วย

จากนั้นเขาก็ชวนผมกับคุณแคทให้ทานมื้อค่ำด้วยกัน พอผมทำท่าจะปฏิเสธ คุณแคทก็ส่งสายตาอ้อนวอนขอร้องผม ให้อยู่ด้วยกัน ผมขัดไม่ได้ ก็เลยต้องอยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วย

ซึ่งก็เป็นการทานมื้อค่ำที่ไม่เสียเปล่า ผมได้รับรู้เรื่องราวหลังความเป็นความตายของนายทรงพล


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #349 เมื่อ19-02-2009 20:57:53 »

ได้ อ่าน แร้วววว



สม ใจ อยาก



คุ้ม กับ ที่ ถวิลหา มา นานนน เรยย คร้า บบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
« ตอบ #349 เมื่อ: 19-02-2009 20:57:53 »





va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #350 เมื่อ19-02-2009 21:12:33 »

ขอบคุณค่ะ ยังตามอ่านสม่ำเสมอนะคะ

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #351 เมื่อ19-02-2009 21:42:55 »

ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ ที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ตอนนี้พี่เคทกำลังจะรวมเล่มนิยายเรื่องนี้อยู่ (ภาค 2-3) ไม่ทราบว่ามีใครสนใจไหมคะ

สนใจคะพี่เคท แล้วต้องทำยังไงบ้างคะ ต้องจองด้วยหรือเปล่า

meeyai

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #352 เมื่อ20-02-2009 01:14:12 »

ตามอ่านอยู่นะคับ  :z13: :z13: :z13:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #353 เมื่อ20-02-2009 08:43:26 »

ตามอ่านนี้อ่านถึงไหรแล้วอ่ะ
 :z13: หมีใหญ่
จากหมีเล็ก :laugh5:

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #354 เมื่อ21-02-2009 22:02:59 »

รออยู่.....

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #355 เมื่อ21-02-2009 22:40:00 »

 o18 ได้อ่านสักที อาทิตย์นี้งานยุ่งมากเลย กว่าจะได้มาอ่าน  :seng2ped: เลย
ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ ที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ตอนนี้พี่เคทกำลังจะรวมเล่มนิยายเรื่องนี้อยู่ (ภาค 2-3) ไม่ทราบว่ามีใครสนใจไหมคะ

สนใจคะพี่เคท แล้วต้องทำยังไงบ้างคะ ต้องจองด้วยหรือเปล่า

สนใจเหมือนกันค่ะ  :pig4:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #356 เมื่อ22-02-2009 15:11:25 »

แวะมารอค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่43 19/2/09
«ตอบ #357 เมื่อ22-02-2009 20:08:36 »

ผม ขอ จอง ด้วย นิยาย



เรื่อง นี้   ครับบ


มา ต่อ ไวไว น่ะ คร้าบบบ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่44 23/2/09
«ตอบ #358 เมื่อ23-02-2009 18:29:49 »

บทที่ 44


การถูกแทงจนบาดเจ็บคราวนั้น ทำให้ชายผู้สูงวัยเริ่มคิดได้ ว่ามีใครบางคนที่รักเขาอย่างมากมาย ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นค่า วิ่งไล่ไขว่คว้าหาความรักมาโดยตลอด จนลืมมองของดีข้างกาย

เด็กแซ่บ เด็กที่เขาเห็นเป็นเพียงเครื่องบำบัดอารมณ์ใคร่ ไม่เคยใส่ใจความรู้สึก กลับเป็นเพียงคนเดียวที่รักและหวังดีกับเขาอย่างแท้จริง แซ่บไม่เคยร้องขอเงินทอง ให้เท่าไหร่ ก็รับเท่านั้น

แถมซ้ำแซ่บก็ยังตอบแทนบุญคุณด้วยการอยู่เคียงข้างเขา ปรนนิบัติรับใช้ไม่ยอมห่าง ไม่ว่าจะเป็นยามทุกข์หรือยามสุข เด็กหนุ่มลงมือกับเขาเพียงเพราะป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้าย และต้องการหยุดพฤติกรรมหื่นกาม ไม่ต้องการให้ทำชั่วอีกต่อไป

แซ่บพูดเสริมขึ้นมาว่าเขารู้สึกทนไม่ได้ที่จะเห็นนายทรงพลต้องเข้าคุก หรือไปมีเรื่องมีราวกับคนอื่น ถึงแม้ในสายตาคนทั่วไป นายทรงพลจะเป็นคนร้ายกาจ นิสัยไม่ดี เห็นเงินเป็นพระเจ้า แต่เขาก็รักนายทรงพลมาก และไม่อยากให้คนที่เขารักทำผิดซ้ำผิดซาก

ตอนที่เขาพลั้งมือทำร้ายนายทรงพลเขาก็พร้อมที่จะรับโทษทัณฑ์ แต่นายทรงพลตัดสินใจไม่เอาความเพราะว่าสงสารแซ่บ และสำนึกได้ว่าตัวเองทำร้ายเด็กหนุ่มก่อน

ตอนอยู่ในโรงพยาบาล บรรดาหนุ่มๆที่เขาซื้อหามาด้วยเงิน มาเยี่ยมเขาบ้างประปราย มีแต่เด็กแซ่บเท่านั้นที่คอยเป็นห่วงใยเขา และเขาได้รู้แล้วว่าใครคือคนที่รักเขาจริง และใครหวังเพียงทรัพย์สินเงินทองจากเขา

พอเล่ามาถึงตรงนี้ ทั้งสองคนก็หันมายิ้มให้กันอย่างมีความสุข ผมนึกถึงคำพูดของใครบางคนที่เคยบอกไว้ว่า ความรักชนะทุกสิ่ง ในที่สุด นายทรงพลก็เจอคนที่เหมาะสมกับตัวเอง ต่อจากนี้ไปเขาคงมองความรักอย่างมีคุณค่ามากกว่าเดิม

บางทีเงินก็ไม่สามารถซื้อความรักได้ อยากได้ใจก็ต้องเอาหัวใจมาซื้อ นายทรงพลคงซึ้งกับคำพูดนี้เป็นอย่างดี ผมรู้สึกปลื้มไปกับคนทั้งคู่ด้วย ที่ลงเอยกันได้เสียที หวังว่าความรักคงทำให้นายทรงพลกลับตัวกลับใจเป็นคนดีของแซ่บได้จริงๆ

อาหารมื้อค่ำวันนั้นจบลงเมื่อตอนเกือบสี่ทุ่ม ผมขอตัวกลับบ้าน เพราะวันรุ่งขึ้นต้องมีประชุมตอนเช้า ที่จริงประชุมไม่ได้สำคัญอะไร แต่ใจของผมนึกถึงเดียร์ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะกลับมาจากการซ้อมเต้นหรือยัง เขาบอกว่าจะกลับดึกหน่อย แต่ดึกของเขาไม่รู้กี่โมงกันแน่

ผมอยากกลับบ้านไปรอเขา มากกว่าจะให้เดียร์เป็นฝ่ายนั่งรอผมอยู่ที่บ้าน ผมรู้สึกเขินนิดหน่อยเมื่อคิดได้ว่า ผมกำลังทำเหมือนภรรยาที่รอการกลับมาของสามียังไงยังงั้น ผมคงนึกถึงเด็กหนุ่มมากไปหน่อย

ตอนที่ผมกลับไปถึงบ้าน ก็พบว่าเดียร์นอนหลับรอผมอยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว ก็น่าอยู่หรอก เพราะเวลามันล่วงเลยมาจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว กว่าที่ผมจะไปส่งคุณแคทที่บ้าน เพราะเธอไม่ได้เอารถมา และกว่าจะขับรถย้อนกลับมาถึงบ้าน ก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง

เดียร์ซึ่งไปซ้อมเต้นทั้งวัน คงจะเหนื่อยและเพลียมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์มานอนรอผม และคงจะรอไม่ไหวเลยหลับไป ผมนั่งลงข้างๆเด็กหนุ่ม และเอื้อมมือไปเขย่าตัวเขาเบาๆ เขาลืมตาตื่นขึ้นมา ท่าทางงัวเงีย

พอเห็นว่าผมเป็นคนปลุกเขา เขาก็ยิ้มจนตาหยี และดึงตัวผมจนล้มลงไปทับอยู่บนหน้าอกของเขา เด็กหนุ่มกอดผมไว้แน่น และพรมจูบไปทั่วใบหน้าของผม
“ทำไมกลับบ้านมาดึกจังเลยล่ะครับ ผมเป็นห่วงนะ กลัวว่าใครจะฉุดคุณไป”

“ฉันไปทำธุระมานิดหน่อยน่ะ แล้วก็แวะทานข้าวกับเพื่อน”

ผมไม่ได้บอกรายละเอียดกับเดียร์ว่าผมไปไหน ไปทำอะไร อยากจะเก็บสิ่งที่ผมแอบไปทำให้เดียร์ในวันนี้เอาไว้เล่าให้เขาฟังในวันเสาร์ที่จะถึง เพื่อเป็นการเซอร์ไพรส์เขา

แหวนที่ผมซื้อให้สุดที่รักของผม ยังนอนนิ่งอยู่ในกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ในถุงผ้าสักหลาด ซึ่งผมเก็บไว้ในกระเป๋าหนังทำงานของผมอีกที มันจะได้รับการเผยโฉมให้เดียร์ได้เห็นในวันวาเลนไทน์ วันที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะบอกคำว่า “รัก”กับเขา ไม่รู้ว่าผมจะกล้าหรือเปล่านะ

“เพื่อนคนไหนครับ...พี่สันต์ นายศักดิ์ชาย หรือว่าคุณแคท”
“คุณแคท......”

พอได้ยินชื่อนี้ เดียร์ก็ทำหน้างอ พูดอย่างงอนๆว่า

“คุณแคทอีกแล้ว เดี๋ยวนี้รู้สึกไปไหนมาไหนกับเขาบ่อยจังเลยนะครับ มีกิจกรรมทำกับเขาเยอะหรือไง ผมหึงนะรู้ไหม....”

“ก็ฉันกับเขาทำงานร่วมกันนี่นา ก็ต้องมีไปไหนมาไหนด้วยกันบ้างสิ..”

โต้ตอบกลับไปอย่างขำขำ ผมรู้หรอกน่าว่าเดียร์งอนเพราะหึงหวงผม เวลาเด็กหนุ่มทำหน้างอ ก็ดูน่ารักดีไปอีกแบบ

“อย่าไปติดใจเขาเข้าแล้วกันนะครับ ผมมาก่อนนะ คนอื่นมาทีหลัง เรียวต้องพิจารณาผมเป็นลำดับแรก”

ก็มีนายคนเดียวนั่นแหละ ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนใจไปคบกับใครเสียหน่อย ผมเกือบจะพูดคำนี้ออกมาแล้ว แต่ยั้งไว้ก่อน พูดตอนนี้มันเขิน เอาไว้พูดในวันแห่งความรักดีกว่า จะได้รู้สึกว่ามันซึ้ง

“พี่สมชายเพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่ใหญ่ๆนี้เองครับ แกมารอเรียวตั้งน๊าน-นาน บอกว่ามีเรื่องจะพูดคุยเจรจากับคุณ ท่าทางเหมือนคนเมา

พร่ำอยู่นั่นล่ะ ว่าถูกทรยศจากคนที่เห็นหน้าค่าตากัน พอถามว่ามีอะไรก็ไม่ยอมบอกครับ ผมเลยพาไปส่งที่บ้าน เพิ่งกลับมานี่ละครับ”

เร็วดีจังเลยนะ พี่สมชายเพิ่งเจอกับผมที่ร้านจิลเวลลี่ของนายทรงพล พอกลับมาก็ทำตามที่พูดทันที คงตั้งใจจะมาอาละวาดกับผมกระมัง แต่เจอกับเดียร์ก่อน โชคยังดีที่เขาไม่พูดอะไรออกไป คนที่กำลังโมโหหึงจนหน้ามืด อาจจะยั้งความโกรธตัวเองไม่ได้ เล่าอะไรเกินจริงใส่สีใส่ไข่จนทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงเสียหาย

“เรียวทานข้าวมาแล้วเหรอ ผมอุตส่าห์รอกินข้าว...”
ดูเหมือนเดียร์จะไม่ได้ใส่ใจกับพี่สมชายนัก เขาเปลี่ยนเรื่องพูดด้วยการถามผม

“ทานมานิดหน่อยน่ะ แต่กินได้อีกนะ”

ผมโกหก รู้สึกผิดนิดๆที่ไม่ได้กลับมาทานอาหารที่เดียร์เตรียมไว้ให้ เดียร์ยิ้มหวานใส่ตาผม แล้วจูบเบาๆที่ข้างแก้ม

“น่ารักอีกแล้ว เรียวน่ะ ผมรู้นะ ว่าเรียวอิ่มแล้ว แต่อยากจะกินเป็นเพื่อนผมใช่ไหม”

เกลียดนักพวกคนรู้ทัน เดียร์น่ะ ชอบคอยสังเกตผมตลอดเวลา จนเดี๋ยวนี้ เขาจะรู้จักผมมากกว่าที่ผมจะรู้จักตัวเองเสียแล้ว

“ตอนนี้ไม่หิวแล้ว หิวเรียวมากกว่า ให้ผมกินเรียวแทนข้าวนะ ผมยอมสู้ตายเลยล่ะ”

มือไม้คนพูดเริ่มซุกซนอีกแล้ว เขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผม โดยอีกมือหนึ่งสอดเข้าไปในกางเกง และบีบก้นผมเล่นอย่างมันเขี้ยว ในขณะที่ทั้งปากและจมูกก็ซุกไซ้อยู่แถวซอกคอ ช่างเป็นคนที่แยกประสาทได้เก่งจริงๆ

“อย่าเลย เดี๋ยวจะผอมแห้งตายกันพอดี ไปกินข้าวเถอะ.....”

ผมใช้สองมือยันหน้าอกเดียร์ แล้วพลิกตัวออก เด็กหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เขาหอมแก้มผมแรงๆอย่างรู้สึกเสียดาย แต่ก็พลิกตัวลุกขึ้นนั่งตามผม พอผมจะลุกขึ้น เขาก็ดึงผมให้กลับลงมานั่งที่ตักของเขา โอบกอดผมไว้แนบแน่น แล้วซุกหน้าของตัวเองที่ไหล่ของผม

จมูกโด่งของเขาเคล้าเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม ลมหายใจที่เป่ารดตรงผิวหนังส่วนที่อ่อนไหว ทำให้ขนลุกซู่ขึ้นมา รู้สึกได้ถึงความแข็งแรงของเด็กหนุ่มที่ดุนดันอยู่แถวบั้นท้ายของผม เดียร์กำลังอยู่ในห้วงแห่งความปรารถนา

“อย่าเพิ่งลุกไปกินข้าวตอนนี้นะ”

“ทำไมล่ะ...”

แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน แต่ผมก็ถามออกไปอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนจะใช้ลิ้นเลียที่ซอกคอของผม และอ้าปากงับตรงบริเวณนั้น ขบและดูดเบาๆ พรุ่งนี้มันต้องเป็นรอยฟ้องใครต่อใครแน่ แต่ผมกลับไม่หลีกหนี สิ่งที่เดียร์ทำอยู่มันทำให้อารมณ์ผมเริ่มปั่นป่วน

“ผมอายนี่นา.....ที่จะเดินตื่นตัวออกไปแบบนั้น เรียวนั่นแหละ ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ต้องรับผิดชอบชีวิตผมด้วยนะ อยู่ใกล้ทีไร อารมณ์เตลิดทุกที ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อนเลย เป็นกับเรียวแค่คนเดียว ถ้าหากว่าเรียวทิ้งผมไป ผมคงต้องตายแน่ๆ”

พูดสรุปแบบนี้อีกแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายทำ ผมอยู่เฉยๆของผม นายเดียร์นั่นแหละที่ก่อกวน ทำให้ผมต้องกลายเป็นแบบนี้

ผมต่างหากที่หวั่นไหวยามที่เขาอยู่ใกล้ ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองทำให้ผมรุ่มร้อนไปทั้งตัว เขามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมมาก รสรักที่เขามอบให้ก็หวานล้ำซาบซ่าน ไม่นึกเลยว่าเมื่อเป็นฝ่ายที่ถูกทำ ผมก็มีความสุขได้เหมือนกัน

แล้วประโยคท้ายทำไมถึงพูดแบบนี้ขึ้นมานะ หรือว่าเดียร์ไประแคะระคายอะไรมาบางอย่าง จึงมาพูดดักคอผมไว้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ผมทิ้งเขาไปแน่ๆ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมทิ้งเดียร์ไม่ลง ผมรักเขามากเหลือเกิน ผมต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายขาดใจ หากว่าเดียร์จากผมไป
“เรียวเป็นอะไรหรือครับ ทำไมต้องทำหน้าเครียดๆด้วย ผมพูดอะไรผิดหูไปหรือเปล่า ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ แค่พูดความรู้สึกของตัวเองออกไปเท่านั้น ว่าผมรู้สึกกับเรียวอย่างไร ผมรักคุณมาก จนคิดว่าขาดคุณไม่ได้ อยู่ใกล้ก็หวั่นไหว ถ้าเรียวไม่ชอบ ผมจะไม่พูดก็ได้”



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่44 23/2/09
«ตอบ #359 เมื่อ23-02-2009 18:30:49 »

เขาอธิบายเสียงหลง ท่าทางคงนึกว่าผมโกรธที่เขาพูดแบบนั้นจริงๆ แต่เรื่องที่ผมเครียดไม่ใช่เรื่องนั้น ผมกลัวว่าจะมีใครบางคนไปใส่ไฟ ทำให้เดียร์เข้าใจผิด คิดมากต่างหาก

“เดียร์ นายเชื่อใจฉันไหม.....”

“คร้าบ...เชื่อสิ ว่าแต่ทำไมเหรอ..มีอะไรที่เรียวอยากบอกหรือเปล่า”

เดียร์มองผมดวงตาใสซื่อ ผมเลยอธิบายให้เขาฟัง ว่าผมหมายถึงอะไร แล้วก็ถามเขา

“เปล่าหรอก ฉันหมายถึงว่า บางทีความสัมพันธ์แบบนี้ มันเป็นที่จับตามองของคนอื่นๆ แล้วก็อาจจะมีคำพูดบางคำ ที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันได้ ฉันก็เลยถามนายว่า สำหรับนายแล้ว คิดว่าฉันเป็นคนน่าเชื่อถือในคำพูดไหม...”

คนฟังกระพริบตาปริบๆ คงงงว่าผมจะมาไม้ไหน พอเขาเห็นแววตาจริงจังของผม เขาก็ตอบข้อสงสัยของผมออกมา

“น่าเชื่อถือสิครับ ถึงแม้ว่าบางครั้งผมจะไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเรียวก็ตาม แต่ผมก็เชื่อว่าเรียวคิดดีแล้วครับ ที่จริงผมน่ะ อยากให้เราเปิดใจกันทุกเรื่อง มีอะไรก็ควรจะบอกกัน ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งเดา เพราะบางทีผมก็กลัวว่าตัวเองจะเดาผิด

ผมน่ะ รักเรียวมากเลยนะครับ ไม่อยากจะเสียเรียวไป ผมจึงพยายามจะไม่น้อยใจ พยายามที่จะเข้าถึงความรู้สึกของเรียวให้มาก ผมรู้ว่าบางทีดูเหมือนว่าเรียวจะปกปิดอะไรบางอย่าง มีความลับกับผม ซึ่งผมรู้ว่ามันเกิดจากการที่เรียวเองยังไม่ได้รักผมจนเต็มหัวใจ ผมรู้ว่ามันยากที่เอาคำตอบนั้นจากเรียว แต่เมื่อผมรักคุณแล้ว จึงต้องอดทนให้ถึงที่สุดครับ จนกว่าจะถึงวันที่เรียวบอกรักผม”

ใกล้จะถึงวันนั้นแล้วล่ะ วันที่ผมจะบอกว่า “รักเขา” มากที่สุด ตอนนี้ ผมคงบอกได้แค่คำนี้ แต่สัญญาว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับเขา เป็นเรื่องลำดับต่อไปที่ผมต้องใคร่ครวญให้ดี

ถ้าหากว่ารักกัน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันจะฝืนความรู้สึกตัวเองหรือเปล่า ผมเองก็ยังตอบคำถามกับตัวเองไม่ได้ ถึงอย่างไรผมก็รู้สึกโล่งใจจริงๆที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจผม อย่างนี้สิ ถึงจะรักกันได้โดยไม่มีอุปสรรค ถ้ารักแล้วไม่ไว้ใจกัน มันจะมีประโยชน์อะไร มัวแต่ระแวงแคลงใจ ในไม่ช้าไม่นานรักก็คงจะอับปางลง

“ขอบคุณนะเดียร์ที่ยังไว้ใจกัน ฉันดีใจมากที่นายเชื่อฉัน จากนี้ไปหากนายได้ยินได้ฟังอะไรมาก็ขอให้ใจคอของนายหนักแน่น หากมีอะไรที่นายสงสัยไม่แน่ใจก็สามารถถามฉันได้ ว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ อย่าคิดเองเออเองแล้วกัน ฉันไม่อยากมีปัญหา”

“ครับ ได้เลย ผมพร้อมที่จะเปิดเผยทุกสิ่งกับเรียวอยู่แล้ว เรียวก็ต้องทำอย่างนั้นกับผมเหมือนกันนะครับที่รัก”
“อื้ม....”
เด็กหนุ่มรัดผมแน่นกว่าเดิม แล้วจูบผมแรงๆอีกครั้ง เขาเอามือมาขยำก้นผมเล่น จากนั้นก็ดันให้ลุกขึ้น จับมือผมไว้แล้วชวนไปทานข้าวด้วยกัน ผมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย

เดียร์เอาอาหารที่ทำไว้ตั้งแต่ตอนเช้า มาอุ่นในไมโครเวฟ เขาแซวผมขำๆว่าอยู่คนเดียว แต่เครื่องครัวเพียบเลย ผมบอกว่าเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนที่คิดจะแต่งงานนั่นแหละ แต่ก็มาเลิกรากันเสียก่อน เด็กหนุ่มหัวเราะแล้วก็บอกว่า เขาเลยได้ใช้เครื่องครัวนี้เป็นคนแรก

จากนั้นเด็กหนุ่มก็ทำตาเจ้าเล่ห์บอกว่า เขาดีใจที่ได้เป็นเป็นคนแรกที่ได้ทำอะไรหลายๆอย่างกับผม คำพูดแฝงนัยนั้นทำให้ผมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว

เออหนอ ผมนี่ชักจะเหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกทีแล้วกระมัง เจ้าบ้านี่พูดจาเกี้ยวพาราสี หรือแทะโลมเข้าหน่อย ก็พลอยแต่จะหน้าแดง ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้ผมเคยใช้คำเหล่านี้กับสาวๆด้วยซ้ำ แต่ทำไมเวลาที่ฟังเดียร์พูด ผมถึงรู้สึกเขินๆนะ

ผมมองเด็กหนุ่มที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วในครัวของผม พลางยิ้มอย่างมีความสุข จะดีไหมหนอที่จะให้เด็กวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปีคนนี้ มาเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วผมลดบทบาทตัวเองลงเป็นผู้ตาม คนที่รู้เข้า เขาจะหัวเราะเยาะเราสองคนหรือเปล่า แล้วผมจะทำใจยอมรับเด็กหนุ่มให้คอยปกป้องผมได้ไหม

ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ผมทำอยู่ในปัจจุบัน เป็นถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง มีลูกน้องที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ถ้าต้องกลายมาเป็นคนที่ได้รับการดูแลเสียเอง มันจะทำให้ผมสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปหรือเปล่า

“เสร็จแล้ว พร้อมรับประทานได้ แต่ผมแบ่งให้เรียวทานนิดเดียวนะ เพราะเรียวทานมาแล้ว ไม่ต้องฝืนใจทานเยอะเพื่อผมหรอก เดี๋ยวปวดท้องแบบคราวก่อนอีก แค่รับรู้ว่าเรียวห่วงผม มานั่งทานเป็นเพื่อน ผมก็ดีใจจะแย่แล้ว”

เด็กหนุ่มถือถาดใส่อาหารที่อุ่นร้อนๆมาวางลงบนโต๊ะ เขาตักข้าวให้ผมนิดหน่อย แล้วเลื่อนมาให้ตรงหน้า จากนั้นเดียร์ก็โน้มตัวลงจูบผมที่ข้างแก้ม กระซิบเสียงหวานข้างหู ก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้ามกับผม

เราต่างนั่งมองหน้ากัน แต่ครุ่นคิดกันไปคนละเรื่อง ผมกำลังนึกถึงภาพตัวเองกำลังบอกรักเดียร์ เจ้าเด็กนี่คงจะดีใจไม่น้อย เพราะเขารอคำนี้จากผมมานาน แต่ถ้าหากว่าบอกไปแล้วหลังจากนั้นเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมเลือกทางเดินของผมที่จะทำงาน และใช้ชีวิตแบบเดิม เดียร์คงจะเจ็บปวดไม่น้อยเลย

ความสุขที่มีอยู่ก็คงจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็จบลงด้วยความเศร้า ผมเองก็คงจะได้ชีวิตกลับคืนมาก แต่ผมก็ต้องสูญเสียหัวใจของตัวเองไป

“ถ้าให้ผมเดานะ การที่เรียวมองผมแบบนี้ คงกำลังคิดว่า ทำไมแฟนฉันถึงได้หล่อ น่ารัก และนิสัยดีแบบนี้ใช่ไหมครับ ผมรู้นะ สายตาของเรียวมันฟ้องว่าแอบปลื้มผมอยู่ ไม่ต้องอายเลยนะครับ คนเรามันชอบกันได้ ผมไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเรียวจะรักผม เพราะผมน่ะรู้ตัวมาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าผมต้องชนะใจเรียวได้แน่”

ประโยคที่เพิ่งพูดจบไปของเดียร์ทำเอาผมเกือบสำลักน้ำที่กำลังยกขึ้นมาดื่ม
“เจ้าบ้าเอ๊ย ใครสอนให้นายชมตัวเองแบบนี้กัน น่าไม่อาย ทำมาเป็นโมเมเข้าข้างตัวเอง ใครเขาชอบนายกัน ทะลึ่งทะเล้น หน้าด้านที่สุด”

ด่าเขาไปแบบนั้น อันที่จริงผมก็แอบอายที่เดียร์รู้เท่าทันผมแทบจะทุกอย่าง แต่เขาก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ และอำโน่นอำนี่ไปเรื่อยเปื่อย เพื่อแหย่ผมเล่น ผมรู้ว่าเขาก็คงจะรู้บ้างว่าผมคิดอย่างไรกับเขา

คนที่เคยผลักไส เปลี่ยนใจยอมให้นอนกอดอยู่แทบทุกคืน แถมซ้ำผมก็เผลอแสดงอาการห่วงใยเขาออกมาให้เห็นหลายครั้ง เด็กฉลาดอย่างเดียร์คงเดาออกอยู่แล้ว

แต่เพราะเราไม่ได้คบกันอย่างปกติ มีเงื่อนไขผูกพัน และเดียร์เองก็เริ่มจากการแบล็คเมล์ผมก่อน เขาจึงไม่กล้าทึกทัก เพราะเกรงว่าตัวเองจะหน้าแตก อยากให้ผมพูดออกมาจากปากของตัวเองมากกว่า

ทว่าผมก็อายเกินไปที่จะยอมรับ การบอกรักเขามันต้องอาศัยความกล้าอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นผมจึงเลือกวันวาเลนไทน์เป็นโอกาสที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป เหมือนที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะบอกรักกันในวันนี้ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันวาเลนไทน์แล้ว มันคงไม่สายเกินไปที่จะบอกเดียร์ว่าเขามีค่ากับผมมากแค่ไหน

จากนี้ไปผมก็ได้แต่ลุ้นว่าอย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย ใครที่คิดจะทำลายความสัมพันธ์ของเราสองคน ก็ขอให้รอก่อน ให้ผมบอกสิ่งที่อยากจะให้เดียร์รู้ให้เรียบร้อย แล้วจะมาโกหกมาใส่ไคล้ยังไงผมก็ไม่กลัว

เพราะผมเชื่อว่า เมื่อเด็กหนุ่มรู้ว่าทั้งผมและเขามีหัวใจดวงเดียวกัน เขาก็คงไม่หวั่นไหวกับปากของคนรอบข้าง เราจะประคับประคองความรักของเราไปด้วยกัน อย่างน้อยๆก็จนกว่าจะครบสัญญา แล้วหลังจากนั้นเราจะต่อสัญญากันใหม่ หรือจะฉีกสัญญาทิ้ง ค่อยว่ากันอีกที

คนตรงหน้าผมยิ้มทะเล้น ดูเหมือนเขาไม่ค่อยถือสาหาความผมเท่าไหร่นัก เขารู้ว่าผมจะโกรธเวลาที่เขาแหย่ แต่ไม่นานผมก็จะหาย เขาชอบพูดเสมอว่า ผมน่ะเป็นคนใจดี มีเมตตา ไม่ชอบทำร้ายคนอื่น บางทีอาจจะดูเหมือนคนที่อ่อนแอ ไม่สู้คน

แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เขาว่าผมน่ะ เวลาเอาเรื่องก็สู้หัวชนฝา แต่ผมชอบใช้วิธีการนุ่มนวล แบบสันติวิธีมากกว่า ต่างจากเดียร์ซึ่งใจร้อน ถ้าเขาถูกทำร้าย ด้วยเรื่องที่ไม่ยุติธรรม เขาจะต่อสู้กับมันทันที เดียร์สรุปว่า เราสองคนมีความต่างกันมาก แต่มันไม่ใช่อุปสรรค เพราะเราต่างเติมเต็มในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งขาด ผมและเขากลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวพอดี ดังนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่า เราเกิดมาเพื่อกันและกัน

“แหม เรียวละก็ ดูว่าผมสิ หน้าด้านบ้างละ หน้าไม่อายบ้างล่ะ ทะลึ่งบ้างล่ะ ว่าแฟนตัวเองอยู่เรื่อยเลยนะครับ แต่ผมก็ชอบนะ เพราะรู้ว่าปากเรียวไม่ตรงกับใจสักเท่าไหร่ ดุด่าผมแต่ไม่ได้เกลียดผมใช่ไหมล่ะ ผมน่ะไม่เคยเห็นว่าคำพูด กับ กริยาของเรียวจะไปด้วยกันได้เลย ปากด่าว่า แต่ดวงตาบอกรัก ผมเชื่อดวงตาดีกว่า เพราะดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ”
“แหม เรียวละก็ ดูว่าผมสิ หน้าด้านบ้างละ หน้าไม่อายบ้างล่ะ ทะลึ่งบ้างล่ะ ว่าแฟนตัวเองอยู่เรื่อยเลยนะครับ แต่ผมก็ชอบนะ เพราะรู้ว่าปากเรียวไม่ตรงกับใจสักเท่าไหร่

ดุด่าผมแต่ไม่ได้เกลียดผมใช่ไหมล่ะ ผมน่ะไม่เคยเห็นว่าคำพูด กับ กริยาของเรียวจะไปด้วยกันได้เลย ปากด่าว่า แต่ดวงตาบอกรัก ผมเชื่อดวงตาดีกว่า เพราะดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ”

หลังจากพูดจบ เจ้าเด็กทะลึ่งก็หัวร่อลงลูกคอเอิ๊กอ๊ากชอบอกชอบใจใหญ่ ที่เห็นผมอ้ำอึ้งพูดไม่ออก น่าหมั่นไส้นัก ทำเป็นรู้ดี เดาใจคนออก เก่งจริงก็ลองทายดูสิ ว่าผมจะเลือกเขาเป็นคู่ชีวิตหรือเปล่า

“เรียวงอนผมเหรอ ผมล้อเล่นนะครับ ผมแค่พูดในสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นออกไปเท่านั้นเอง”

เด็กหนุ่มวางช้อน หยิบผ้าเช็ดปาก แล้วเดินมาหาผม เขาสวมกอดผมไว้ แล้วทำเสียงอ้อน

“อย่าโกรธนะครับที่รัก เรามาดีกันดีกว่านะ อีก แค่ 2 วันเองก็จะถึงวันวาเลนไทน์แล้ว เราอย่าทะเลาะหรืองอนกันด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยเลยนะครับ เราสองคนจะได้ฉลองวันแห่งความรักกันอย่างมีความสุข ไม่มีเรื่องบาดหมางกันนะครับ”

“นี่ฉันไม่ใช่คนขี้โมโหง่ายนะ”

“ก็เห็นเรียวทำหน้านิ่ว คิ้วขมวดนี่ครับ เลยนึกว่าไม่พอใจที่ผมพูด แต่ไม่โกรธก็ดีแล้วนะ ผมน่ะใจคอไม่ค่อยดีเลย ถ้าเราจะต้องผิดใจกัน ผมอยากจะให้เราดีกันตลอดไป เหมือนที่เราเป็นอยู่ในปัจจจุบัน



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด