My First Boyfriend Part 3:By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend Part 3:By Katesnk  (อ่าน 173484 ครั้ง)

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #420 เมื่อ10-03-2009 16:22:29 »

บทที่ 49

“หลายอย่าง ผมต้องขอบคุณเขา ที่ทำให้ผมได้รู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณ ซึ่งคุณไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญเขาบอกให้ผมรู้ด้วยว่า ตอนนี้คุณกำลังมีปัญหาเรื่องงาน

ใครๆก็นินทาคุณให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แล้วคุณก็ไม่ชอบที่ถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ เขาเล่าให้ฟังว่าคุณถูกหัวหน้าเรียกไปตักเตือนหลายครั้งเรื่องที่คุณมาคบกับผม

เขายังบอกด้วยว่า การที่เราเป็นแฟนกันมันมีผลเสียหายต่อเรื่องงาน ทำให้คุณลำบากใจ ที่ใครๆก็ล้อเลียนคุณเรื่องนี้ คุณต้องตอบคำถามหัวหน้าว่าจะทำงานต่อหรือทิ้งมันไป หากเลือกงาน ก็ต้องทิ้งผม ถ้าเลือกผมก็ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ แน่นอนว่าคุณอุตส่าห์ฝ่าฟันมาถึงขนาดนี้แล้วจะทิ้งไปง่ายๆได้ยังไง”

นี่หรือคือสิ่งที่ศักดิ์ชายบอกกับผมว่ามันจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้ผมกับเดียร์ได้อยู่ด้วยกัน การเอาเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมที่บริษัท มาเล่าอย่างบิดเบือนแบบนี้เนี่ยนะ

“เขาบอกว่าคุณเสียดายสถานภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่อยากทิ้งงานที่มีผลตอบแทนสูงแบบนี้ แต่ติดขัดที่ผมเป็นก้างขวางคอคุณอยู่ แต่เพราะคุณใจดีเกินไป จึงไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ ว่าต้องการให้ผมออกไปจากชีวิตของคุณ

ก็เลยวางแผนกับคุณสันต์ในการที่จะกุเรื่องคุณแคทขึ้นมาเป็นแฟนของคุณเพื่อให้ผมหลงเชื่อ และเป็นฝ่ายไปจากคุณเอง แผนมันก็ดันเข้าทาง

เพราะคุณแคทก็เล่นด้วย สวมรอยเอาช่วงที่เราสองคนกำลังมีปัญหากับนายทรงพล ถือโอกาสยื่นข้อเสนอให้คุณเป็นแฟนเขา เพื่อกำจัดแฟนเก่าอีกคนของคุณแคทด้วย”

“ไม่จริงนะเดียร์ เจ้าศักดิ์มันโกหก มันไม่ใช่แบบนั้น”

ปฏิเสธไปพัลวัน เดียร์กำลังเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้ว ไม่รู้ไปเชื่อคำโป้ปดมดเท็จของศักดิ์ชายได้ไง เดียร์หัวเราะเสียงขื่น กล่าวต่อไปว่า

“ตอนแรกผมไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนของคุณพูดเท่าไหร่ แต่เขาก็ยกเหตุผลมาอ้างอิงจนผมคล้อยตาม ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณไล่ผมออกไปตอนที่พวกเขามา หรือการที่คุณไม่แสดงตัวว่าเป็นอะไรกับผมตอนไปเที่ยวด้วยกัน อยู่ที่บริษัทคุณก็ไม่พยายามที่จะทัก ทำเหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน แต่คุณสนิทสนมกับคุณแคท หัวเราะให้กันอย่างมีความสุข ไปไหนมาไหนกับคุณแคทบ่อยๆ แถมวันนี้ก็ยังมาด้วยกันอีก ผมก็เริ่มเชื่อว่าที่คุณศักดิ์ชายพูดนั้นมันเป็นเรื่องจริง”

“เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันนะเดียร์ ฉันให้ความสนิทสนมกับเธอในฐานะเพื่อนไม่มีอะไรเกินเลย”

“แล้วคุณจะตอบผมอย่างไรล่ะครับ เรื่องการปฏิบัติตัวกับผมต่อหน้าเพื่อนของคุณ”

เด็กหนุ่มย้อนถาม ผมได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก เพราะผมทำเฉยชากับเขาจริงๆ
“ตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ เพราะว่ามันคือเรื่องจริง คุณไม่กล้ายอมรับว่าผมเป็นอะไรกับคุณต่อหน้าเพื่อน คุณอายที่จะบอกใครต่อใครว่าคุณอยู่กินกับผู้ชายด้วยกัน ในสภาพที่เป็นเมียด้วย

คุณกลัวว่าถ้าทุกคนรู้เขาจะรังเกียจคุณ แล้วหน้าที่การงานก็จะหลุดลอยไป มันเป็นอย่างนั้นใช่ไหมครับ คุณถึงได้ทำเหมือนกับผมไม่มีตัวตน เป็นแค่เพียงอากาศธาตุเท่านั้น ไม่ได้มีชีวิตจิตใจ ไม่มีค่าพอที่คุณจะห่วงใยความรู้สึก”

เสียงของเดียร์เริ่มดังขึ้นเมื่อพายุอารมณ์โหมใหม่อีกครั้ง เขาตัดพ้อต่อว่าผมด้วยความน้อยอกน้อยใจ แล้วผมก็เถียงเขาไม่ได้เลย นอกจากยอมรับความจริง

“ใช่....ฉันไม่เถียงนั่นว่าฉันเคยรู้สึกแบบนั้น แต่นั่นมันเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ฉันไม่ได้รังเกียจนายเลยนะ ฉันก็พานายไปเที่ยวด้วยแล้วไง ที่เกาะเกร็ดน่ะ เพื่อนฉันก็รับรู้การมีตัวตนของนายแล้วด้วย ฉันไม่ได้ปกปิดอะไรเลย”
“ไม่ปกปิด แต่ไม่พูดให้คนอื่นรู้มันก็มีค่าเท่ากันนั่นแหละ”

“แล้วนายจะให้ฉันทำไง นายคิดว่า คนเป็นเกย์คบกัน มันต้องเปิดเผย หรือประกาศให้ชาวโลกเขารับรู้กันทั่วไปเลยเหรอ เพื่อจะได้พิสูจน์ความรักแท้แบบที่นายว่า ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย อยู่ด้วยกัน ความลับรู้กันเพียงแค่สองคน ทำแบบนี้จะไม่มีความสุขกว่าเหรอ”

ชักฉุนขึ้นมาแล้ว ทำไมวันนี้เดียร์ถึงงอแงเข้าใจยากเข้าใจเย็นเสียจริง ปกติเป็นคนง่ายๆ ไม่โมโหอะไรนานๆ แต่วันนี้ดูแปลกไป เหมือนจะตีรวน ไม่ยอมฟังเหตุผลของผม

ไม่รู้ศักดิ์ชายเป่าหูอีท่าไหน เดียร์ถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ ท่าทางคงจะใส่ไคล้ปั้นน้ำเป็นตัวจนน่าเชื่อถือ คอยดูเถอะปรับความเข้าใจกับเด็กนี่ได้เมื่อไร ผมจะไปเล่นงานเพื่อนทรยศทันที

“ผมก็ไม่ได้ต้องการถึงขนาดนั้นหรอก เรียวตีความไปแบบนั้นได้ไง ผมแค่หมายความว่า ที่ผ่านมา เรียวแสดงความรังเกียจผมออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ให้ผมเข้าไปมีส่วนร่วมในโลกของคุณเลย

ผมมันแค่คนนอกเท่านั้น ลองคิดดูสิ กี่ครั้งแล้วที่ผมกับคุณเจอหน้าเพื่อนคุณจังๆ แต่คุณแค่แนะนำผมว่าเป็นแค่เพื่อน เป็นน้อง หรือไม่ก็แค่คนรู้จักเท่านั้น ผมก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ”

เขาเสียงดังโต้ตอบบ้าง ซึ่งผมก็ไม่ยอมแพ้


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #421 เมื่อ10-03-2009 16:23:06 »

“แล้วเมื่อก่อนนี้ฉันชอบนายที่ไหนกัน นายมาขู่ ฉัน แบล็คเมล์จับฉันทำสัญญา ปล้ำฉันจนตกเป็นของนาย แล้วจะให้ฉันทำหน้ารื่น ยอมรับว่านายเป็นแฟนฉัน บอกกับใครต่อใครเขาไปทั่วเหรอ ตัวฉันเองยังต่อต้านนาย แล้วคนอื่นล่ะ ทำไมจะไม่ต่อต้าน หรือนายคิดว่าพวกเขาจะรู้สึกยินดีที่ฉันมีแฟนเป็นผู้ชายล่ะ”

“นั่นปะไร ยอมรับออกมาแล้ว ว่าคุณก็ชิงชังรังเกียจผม ไม่ว่าผมจะทำดีกับคุณเท่าไหร่ คุณก็ไม่เคยใส่ใจ และปฏิบัติต่อผมเหมือนว่าผมไร้ค่าไม่มีความหมายสำหรับคุณเลย”

“นี่ไปกันใหญ่แล้ว อย่ามาสรุปแบบนี้สิ เป็นอะไรของนาย ทำไมวันนี้นายถึงไม่ฟังที่ฉันพูดบ้างเลยนะ หรือว่าถูกล้างสมองไปแล้ว ทำไมเชื่อคนง่ายอย่างนี้ คิดเองไม่เป็นเลยหรือไง”

เหลือจะทนแล้วนะ กับความงี่เง่าของเดียร์ แต่แรก ผมรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องรอเก้อ พอเขามาช่วยผมก็อดดีใจไม่ได้ แต่พอเห็นเขาพูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้

ผมก็เริ่มโมโหเหมือนกัน พอผมเสียงดังใส่เขา เดียร์ก็ทำหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ สงสัยวันนี้ ผมกับเขาคงเคลียร์กันไม่ได้ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ฟังกัน และตั้งหน้าตั้งตาจะทะเลาะกันแบบนี้

“ใช่สิ ผมมันคิดเองไม่เป็นต้องให้คนอื่นคิดให้ตลอดเวลา คุณไม่พอใจผมใช่ไหมล่ะ ไม่อยากอยู่กับผมจริงๆ แล้วทำไมไม่บอกกับผมตรงๆ

ผมน่ะ รู้มาตลอด ว่าคุณอึดอัดใจแค่ไหน ที่ต้องตกกระไดพลอยโจนทำสัญญาเป็นแฟนกับผมทั้งๆที่คุณไม่ได้รักผมเลยแม้แต่นิดเดียว คุณฝืนให้รักผมไม่ได้ คุณไม่ได้อยากเป็นเกย์ คุณพูดให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ คุณไม่ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ และคุณก็ต่อต้านมัน..........”

น้ำเสียงของเดียร์บ่งบอกถึงความร้าวรานใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้นน่ะนายเข้าใจผิดแล้ว ก่อนหน้านั้นมันอาจจะใช่ ฉันต่อต้านมัน เพราะฉันไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนี้มาก่อน ฉันเคยคิดว่ามันผิดธรรมชาติ สังคมไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ฉันเพิ่งมารู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองว่าฉันไม่ได้เกลียดนายแล้ว......”

ความในใจของผมถูกบอกออกไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเดียร์จะไม่ใส่ใจฟังเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นความรู้สึกจากภายในจิตใจของเขา ผมเห็นเดียร์กำลังฝืนยิ้ม แต่ดูมันเนือยๆพิกล

“รู้สึกดีจริงๆนะครับที่ได้ยินคำนี้ ผมอยากได้มานานมาก แต่พอคุณพูดออกมา ทำไมผมอดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นการพูดเพื่อเอาตัวรอดของคุณ ไม่ใช่ความรู้สึกที่ออกมาจากใจที่แท้จริง

เรียวแค่อยากให้ผมปล่อยคุณไปใช่ไหมครับ ถึงมาพูดจาให้ความหวังกับผมแบบนี้ แต่คงอยากหรอกครับ เพราะว่าผมจะไม่ปล่อยให้คุณหลุดมือไปไหน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่ช่วงวันวาเลนไทน์ เรียวรู้ไหมว่าวันพรุ่งนี้ผมเตรียมจะมอบของขวัญอะไรให้อะไรกับคุณ .......”

เขาถามเสียงขื่น ผมสั่นหน้าปฎิเสธ เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผม

“หนังสือสัญญาเป็นแฟนกัน ผมจะให้คุณเป็นของขวัญ”

ผมตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เดียร์พูด เขาจะคืนสิ่งนี้ให้ผมทำไม

“เพื่ออะไรเดียร์”

ถามอย่างไม่แน่ใจ นี่เดียร์กำลังจะบอกเลิกผมหรือเปล่า

“เพื่อให้เรียวเป็นอิสระจากผมไงครับ ผมรู้ว่าที่ผ่านมา ผมมันทำไม่ดีไว้กับเรียวจริงๆ ทั้งๆที่คุณทำดีกับผม ช่วยชีวิตผมไว้หลายครั้ง แต่ผมก็ใช้ความรักของตัวเองทำร้ายคุณให้เจ็บปวด จับคุณมาขัง หลอกให้คุณทำสัญญา แล้วก็คาดหวังว่าคุณจะต้องเปลี่ยนใจมารักผม

การที่ผมทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับคุณเลย คุณต้องทำในสิ่งที่คุณไม่เห็นด้วย ไม่เต็มใจแม้เพียงสักนิด ความเห็นแก่ตัวของผมทำให้เรื่องมันยุ่งขึ้นไปอีก คุณกำลังจะเสียหน้าที่การงานไป

คุณได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามถูกคนนินทาว่าร้าย คนรอบข้างเสื่อมศรัทธาในตัวคุณ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีต้นเรื่องมาจากผมทั้งสิ้น ผมเลยตัดสินใจจะยุติเรื่องนี้ด้วยการคืนอิสรภาพให้กับคุณ .....”
...คุณได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามถูกคนนินทาว่าร้าย คนรอบข้างเสื่อมศรัทธาในตัวคุณ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีต้นเรื่องมาจากผมทั้งสิ้น ผมเลยตัดสินใจจะยุติเรื่องนี้ด้วยการคืนอิสรภาพให้กับคุณ .....”


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #422 เมื่อ10-03-2009 16:23:43 »

“นี่หมายความว่าไงเดียร์”

“ก็หมายความว่า ผมจะไปจากชีวิตเรียวอย่างที่คุณต้องการน่ะสิครับ”

หน้าของเด็กหนุ่มดูเศร้าสร้อย แต่แววตาเด็ดเดี่ยวเหมือนคนที่ตัดสินใจแล้ว ผมควรจะดีใจหรือเปล่านะ ที่เรื่องทุกอย่างมันจบลงอย่างง่ายดาย สิ่งที่ผมปฏิเสธมาตลอด จากนี้ไป ผมไม่ต้องเผชิญหน้ากับมันอีกแล้ว เดียร์ทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น เมื่อเขาเดินไปจากชีวิตของผมเอง ก็เท่ากับว่าผมไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เราสองคนไม่ต้องอยู่ในสภาพเป็นแฟนกันอีกต่อไป ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ทำงานให้กับบริษัท ไม่ต้องมีใครมานินทา หัวหน้าไม่ด่า หรือบังคับผมอีกต่อไป ไม่ต้องกลายเป็นเกย์ หรือเป็นเมียของเกย์อีกต่อไป ผมจะได้แต่งงานกับผู้หญิง มีครอบครัวที่มีความสุข มีลูกไว้สืบสกุล มีความมั่นคงในชีวิต

สิ่งเหล่านี้ เป็นความสุขสำหรับผมจริงล่ะหรือ ทำไมเมื่อเดียร์บอกกับผมแล้ว ผมถึงรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ เหมือนกับว่าตัวเองกำลังสูญเสียของรักล่ะ ราวกับว่าใจของผมมันจะขาดเสียให้ได้ ยิ่งเห็นสีหน้าหม่นหมองของเขา ผมก็ยิ่งใจหาย รู้สึกอึดอัด และทรมานใจ ไม่อยากให้สิ่งที่ได้ยินเป็นความจริง

“เดียร์ ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนั้นนะ”

ผมร้องห้ามเขา รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“เรียวเลิกใจดีกับผมได้แล้วครับ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากทำร้ายจิตใจของผม จริงอย่างที่นายศักดิ์ชายว่า เรียวน่ะ ชอบสงสารคนอื่น จนไม่คำนึงถึงความรู้สึกของตัวเอง ผมน่ะ มันไม่เหมาะกับเรียวจริงๆ เป็นแค่เด็กบ้านนอก ลูกเมียเช่า ไม่มีหัวนอนปลายเท้า เร่ร่อนไปทั่ว วุฒิการศึกษาก็ต่ำ จบเพียงแค่ ม.6 อาชีพการงานก็ยังไม่มั่นคง บ้านช่องก็ไม่มีเป็นหลักแหล่ง เทียบอะไรกับคุณไม่ได้สักอย่าง อยู่กับคุณ ก็มีแต่จะฉุดให้ต่ำลง เชิดหน้าชูตาอะไรคุณไม่ได้ ทางที่ดี ผมควรจะเป็นฝ่ายไปจากชีวิตของเรียวซะ ขืนผมยังดื้อรั้นไม่ยอมไป ผมอาจจะทำให้เรียวต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตที่เรียวอุตส่าห์สั่งสมมา......”

ใจผมจะขาดแล้ว ทำไมคำพูดของเดียร์ถึงทำให้ผมรู้สึกเศร้าแบบนี้ สิ่งที่เขาพูด ผมเคยคิดมาก่อน เคยเปรียบเทียบเพื่อชั่งน้ำหนักให้ตัวเองว่าผมควรจะเลือกเดียร์หรือเลือกชีวิตเดิมของตัวเอง ผมไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าผมจะเลือกแบบไหน เพราะทั้งสองอย่างสำคัญกับผมทั้งสิ้น แต่เมื่อเดียร์เลือกให้ และได้ฟังเหตุผลของการจากไปของเดียร์ มันทำให้ผมรู้ซึ้งว่าเดียร์รักผมมากแค่ไหน

เมื่อสักครู่นี้ เดียร์โกรธผมเป็นฟืนเป็นไฟ ต่อว่าต่อขานผม ล้วนแล้วแต่ออกมาจากความรู้สึกน้อยใจของเขา เด็กหนุ่มเข้าใจว่าผมไม่เห็นคุณค่า มีความรู้สึกว่าผมไม่ได้รักใคร่ใยดีในตัวเขา ไม่ให้ความสำคัญ ปิดบังทุกสิ่ง แถมซ้ำยังไม่ยอมรับความจริงในเรื่องของเขาอีก ผมไม่โกรธที่เดียร์น้อยใจ เพราะผมเองก็ผิดที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ แต่ที่ผมนึกฉุนเขาเป็นเพราะเขาไม่ยอมฟังสิ่งที่ผมพยายามจะบอก เอาแต่โมโหแบบนั้น แล้วจะพูดให้เข้าใจกันได้อย่างไร อยากให้เขาหายงอน มีสติกว่านี้ เราสองคนจะได้ปรับความเข้าใจให้ตรงกัน แต่ไม่ใช่ให้เขามาบอกเลิกกับผมแบบนี้
“นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม ฉันไม่อยากจะคุยในขณะที่ถูกมัดแบบนี้”

ผมสะบัดมือไปมา แสดงอาการให้เขารู้ว่า ผมต้องการให้เขาแก้มัดให้ผม แต่เดียร์ส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วลุกลงจากเตียง ไปค้นอะไรยุกยิกในกระเป๋าสะพายของตัวเอง จากนั้นเขาก็ดึงคัตเตอร์ออกมา เขาตรงมาที่เตียงนอนที่มัดผมอยู่อีกครั้ง แล้วคว้าเทปผ้ากาวออกมายาวประมาณสักห้านิ้วเห็นจะได้ เขาใช้คัตเตอร์ตัดมันออก แล้ว แปะติดที่ริมฝีปากผม ผมดิ้นหนี ส่ายหน้าอย่างตกใจ ทำไมเดียร์ต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย เขาจะทำร้ายผมหรือไง

“ขอโทษนะครับเรียว ที่ทำแบบนี้ แต่ผมอยากให้คุณฟังคำพูดจากผมมากกว่า ผมไม่อยากได้ยินคุณพูดอะไรอีกแล้ว ผมไม่อยากให้เรียวโกหกผมอีกต่อไปครับ”

หมดกัน เดียร์ปิดปากผมไว้ แล้วผมจะพูดทุกอย่างให้เขาฟังได้ไง แล้วคำบอกรักด้วย ผมยังไม่ทันได้บอกกับเดียร์เลย เขาเป็นอะไรไปแล้ว นี่จะไม่ให้โอกาสผมบ้างเลยเหรอ

“ผมคิดมาตลอดเลย ตั้งแต่ตอนที่เจอกับนายศักดิ์ชาย ผมไม่ได้โกรธเขานะที่เขามาพูดกับผมแบบนี้ ผมคิดว่าเขาคงหวังดีกับคุณจริงๆ จึงมาพูดเพื่อขอร้องผม นายศักดิ์ชายบอกว่า เขามาพูดในฐานะตัวแทนของเรียว จะพูดในสิ่งที่เรียวไม่กล้าพูด ไม่กล้าบอกออกมา เขาเล่าให้ผมฟังทุกอย่าง อย่างที่ผมบอกไปเมื่อครู่ จากนั้นเขาก็บอกว่า ถ้าผมรักเรียวจริงๆ ผมควรจะเลิกยุ่งกับเรียวซะแล้วปล่อยให้เรียวใช้ชีวิตแบบเดิมที่เคยเป็น อย่าพาคนที่ตัวเองรักดำดิ่งลงเหว ผมไม่มีค่าหรือคู่ควรกับเรียวแม้แต่น้อย ปล่อยเรียวไปตามทาง ไปเจอคนที่ดีกว่าและคู่ควรกว่าผม ......”

พูดถึงตรงนี้ ตาของเด็กหนุ่มก็แดงก่ำ เขามองผมอย่างปวดร้าว ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนเขา ให้แก้มัดให้ผม แต่เดียร์ไม่สนใจที่จะทำตาม เขาพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ฟังแล้วผมเศร้ามากเลยนะครับ ผมน่ะเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้เรียวมาครอบครอง จึงลงมือวางแผนการณ์ทุกอย่าง ไม่ทันคิดว่า สิ่งที่ผมทำจะก่อให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิตของเรียว ที่จริงก็รู้อยู่บ้าง แต่ผมดื้อดึงไงครับ คิดว่ามันจะเกิดปาฏิหาริย์ คิดแบบเด็กโง่ ว่าความรักจะชนะทุกสิ่ง แต่ในความเป็นจริง การใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ผมไม่อาจจะทำตามใจตัวเองได้อีกต่อไป ไม่อยากทำลายชีวิตคนที่ตัวเองรัก ผมจึงคิดว่ามันคงได้เวลาแล้วที่ผมจะไปจากคุณ ผมยอมแพ้แล้วครับเรียว จากนี้ต่อไป ผมจะไม่มาวุ่นวายหรือรบกวนคุณอีก”


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #423 เมื่อ10-03-2009 16:24:20 »

ไม่นะ เดียร์ ผมยอมไม่ได้ เรื่องอะไรจะมาทิ้งกันไปง่ายๆแบบนี้ มาทำให้ผมรักแล้วก็คิดจะจากผมไป ทำอย่างนี้ได้ไง ผมรับไม่ได้ ทำไมถึงยอมแพ้ง่ายๆ ไหนว่าเป็นนักมวยที่เข้มแข็ง ต่อยคู่ต่อสู้ล้มคว่ำมามากมาย เป็นคนที่สู้ชีวิต ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีญาติคอยสนับสนุนก็เลี้ยงดูตัวเองจนได้ดี แล้วทำไมเรื่องแค่นี้จึงยอมถอดใจ ทำแบบนี้แล้วผมจะอยู่ได้ไง รู้บ้างหรือเปล่าว่าผมอยู่โดยขาดเขาไม่ได้ ทำไมจึงไม่ให้ผมได้พูดบ้าง มาปิดปากผมไว้ทำไม ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ คุยกันสิ อย่าทำกับผมแบบนี้ อย่าจากผมไป ผมตะโกนโวยวายอยู่ในใจ เนื่องจากพูดออกมาไม่ได้ พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ก็ปราศจากผล เดียร์มองผมด้วยแววตาที่ปวดร้าว จากนั้นเขาก็ค่อยๆถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างช้าๆ
การกระทำของเดียร์ทำให้ผมงงงัน นี่เขาจะทำอะไรกันแน่ จะมีอะไรกับผม ทั้งๆที่มัดไว้อย่างนี้เหรอ ให้ผมได้เป็นอิสระสิ ผมจะสนองตอบความรักของเขา ร่วมไม้ร่วมมือให้เดียร์ทำทุกอย่างกับร่างกายผมได้ตามใจ ถ้าเพียงแต่เขาจะเลิกงอน หายน้อยใจผม และพูดคุยกันให้รู้เรื่อง

เดียร์ก้มลงมาหาผม และจัดการปลดไทค์ที่คอให้ จากนั้นก็ดึงเสื้อผมออกจากกางเกง และปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ผมพยายามสบตาเขา ส่งสายตาอ้อนวอนให้เดียร์เลิกทำแบบนี้ แต่เขากลับไม่มองหน้าผม

“อย่าทำอย่างนี้เลย ....ได้โปรดเถิด ปล่อยฉัน หรือไม่ก็ให้โอกาสฉันได้พูด ฉันจะบอกว่าฉันรักนาย แล้วก็จะขอร้องนายว่าอย่าจากฉันไปเลย อยู่ด้วยกันเถอะ ฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว”

ผมร่ำร้องในใจ พูดออกมาไม่ได้ พยายามจะเบี่ยงตัวหนีเขา แต่เดียร์ก็ขยับมานั่งคร่อมตรงหว่างขาผมไว้ เขาปลดเข็มขัดผมออก รูดซิบและดึงกางเกงให้ออกจากตัว

“ขอผมทำแบบนี้กับคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ ยอดรัก ต่อจากนี้ไป คงจะไม่มีโอกาสได้ทำกับคุณแล้ว”

พูดจบเด็กหนุ่มก็เคลื่อนตัวลงต่ำ แล้วก้มหน้าลงตรงกลางลำตัวของผม เขาเอามือช้อนสะโพกผมขึ้น และเกลือกหน้าซุกไซร้อยู่บริเวณนั้นอย่างแผ่วเบาทะนุถนอมผม ราวกับว่ามันเป็นของมีค่าสำหรับเขา มือใหญ่ของเดียร์ ดึงกางเกงในของผม กระชากจนขาดติดมือออกไป จากนั้น เขาก็ใช้มือข้างเดียวกันนั้น เกาะกุมน้องชายของผมเอาไว้

สัมผัสที่ของเขาแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความร้อนแรงแห่งเพลิงปรารถนา ทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง แม้จะไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมีอะไรกับเขาตอนนี้ แต่ผมก็อดที่จะแอ่นตัวขึ้นมาด้วยความซาบซ่านไม่ได้ ชั่วเวลาไม่นานนัก ร่างกายส่วนนั้นของผม ก็หายเข้าไปในปากของเด็กหนุ่ม เขาปลุกเร้าอารมณ์ของผมจนเตลิดเพริด ผมปรารถนาที่จะใช้มือสัมผัส ลูบไล้เรือนผมนุ่มมือของเขา ทว่าทำไม่ได้ เพราะมือสองข้างถูกมัดติดกับหัวเตียง จึงทำได้แค่บิดตัวไปมา ส่งเสียงครวญครางในใจ

“ยังหวานเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน สุดที่รักของผม ผมรักคุณมากรู้ไหม”

น้ำเสียงของเดียร์คล้ายคนละเมอ เขาใช้ลิ้นตวัดแลบเลียน้ำหยดสุดท้ายจากน้องชายของผม จากนั้นก็ไถลตัวลงจากเตียงเพื่อปลดเปลื้องกางเกงของเขาออก ร่างเปลือยเปล่าที่สมบูรณ์แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อดูสวยงามชวนมาก ผมส่งสายตาขอร้องเดียร์อีกครั้ง อยากให้เขาปล่อยผม ไม่อยากร่วมรักกันในสภาพนี้เลย ผมอยากกอด อยากจูบเขาบ้าง อยากส่งผ่านความรักให้เขาได้รับรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน ทำแบบนี้ ผมมีความรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกข่มขืน ไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักและความหลงไหล แต่มันเป็นเพียงความใคร่ที่ต้องการระบายออกเท่านั้น
“เกลียดผมนักใช่ไหมครับเรียว ถึงจะเกลียดอย่างไร เรียวก็หนีความจริงไปไม่พ้น เรียวเป็นของผมแล้ว เป็นเมียของผม ถึงแม้ว่าเรียวจะไม่เคยรักผมก็ตาม แต่เราก็เป็นของกันและกัน

วันข้างหน้า เรียวอาจจะมีผู้ชายคนอื่นเข้ามาในชีวิต เรียวอาจจะเป็นของๆเขาอีก หรือเรียวอาจจะแต่งงานกับผู้หญิง

ถึงแม้ว่าเรียวจะรักคนที่เข้ามาใหม่ แต่เรียวก็จะไม่มีทางลืมว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตของเรียว........”

ไม่มีทาง ผมตอบในใจ ผมจะไม่มีผู้ชายคนไหนอีก เดียร์เป็นคนรักคนแรกของผมที่เป็นผู้ชาย และผมก็จะมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

ผมมอบหัวใจและร่างกายนี้ให้ใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากสุดที่รักของผมคนเดียว โธ่เอ๊ย ได้โปรดปล่อยผมเถอะ ให้ผมได้พูดให้ฟัง เดียร์จะได้ไม่ต้องเข้าใจผิด ผมไม่ได้เกลียดเขา

“ฉันรักนาย ได้ยินไหมเดียร์ ฉันรักนาย.....”

พยายามจะบอกเขา แต่เสียงก็ไม่อาจลอดออกมาได้ มีแต่คำพูดอึกๆอักๆเพราะปากถูกปิดไว้ เด็กหนุ่ม ก้าวขึ้นเตียงมาอีกครั้ง

เขาช้อนก้นของผมให้อยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะ เอาขาของผมพาดทับกับขาของเขาไว้ แล้วแทรกกายของเขาเข้ามาในร่างกายของผมอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว เล่นเอาผมสะดุ้งหยัดสะโพกขึ้น เจ็บปวดแทบขาดใจ

นี่เดียร์จะไม่เล้าโลมผมเลยหรือนี่ เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมไม่มีความหวานอ่อนโยนเหมือนที่เคยทำ เขาต้องการเอาคืนผมใช่ไหม ใบหน้าของเดียร์เฉยเมย มีเพียงแค่รอยยิ้มระบายที่มุมปาก เขาพูดกับผมเหมือนกระซิบ

“รู้ไหมครับ ที่จริงผมน่ะ โกรธคุณมากหลังจากที่ฟังนายศักดิ์ชายเล่า แม้จะบอกใจตัวเองว่าไม่มีสิทธิ์จะโกรธคุณ แต่เมื่อนึกถึงว่าที่ผ่านมาคุณไม่เคยพูดความจริงให้ผมได้รู้เลย แถมซ้ำเรียวก็ทำสิ่งที่เรียกว่าทรยศหักหลัง คุณกำลังจะตีตัวออกห่าง ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน ผมก็อดที่จะโมโหไม่ได้

นี่ผมตั้งใจไว้ว่าจะจับเรียวมัดไว้แบบนี้ แล้วก็ชำเราคุณจนถึงรุ่งเช้า ก่อนที่ผมจะจากไปอย่างไม่ใยดี ให้สาสมกับที่คุณเหยียบย่ำน้ำใจของผม ผมก็ไม่จำเป็นต้องทำดีกับคุณต่อไป แต่หลังจากได้ฟังสิ่งที่คุณพูด และย้อนนึกไปถึงสิ่งที่ผมได้ฟังจากปากเพื่อนคุณคนนั้น ผมก็คิดว่า ผมไม่ควรจะแค้นคุณ

เรียวของผมเป็นคนดีแบบนี้เสมอ ผมต่างหากที่ฉุดคุณลงมาตกต่ำ ในเมื่อผมตัดใจจากคุณแล้ว ก็อยากให้มันจบลงด้วยดี แต่ผมขอที่จะมีอะไรกับเรียวตลอดคืนนี้เหมือนเดิมนะครับ ขอให้ผมได้ทำหน้าที่มอบความสุขในฐานะสามีให้กับคุณ ถือโอกาสที่จะฉลองวันแห่งความรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเรา …..”


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #424 เมื่อ10-03-2009 16:25:10 »

ไม่นะ ไม่ต้องมาพูดยืดยาวแบบนี้ แก้มัดผมสิ ดึงเทปกาวนี้ออกด้วย ให้ผมได้พูดมั่ง ผมจะบอกรักเดียร์ได้ยินไหม ผมจะบอกว่าเขาจะทำรักกับผมกี่ครั้งก็ได้ จะทำทั้งคืนทั้งวันก็ยอม ขอเพียงอย่าน้อยใจแบบนี้ อย่าพูดประโยคที่ชวนเศร้า อย่าทำตาแดงๆแบบนั้น

กำลังจะร้องไห้ใช่ไหม มาซบตรงไหล่ผมนี่สิ ผมจะกอดเดียร์ไว้ ผมจะจูบปลอบขวัญ เราจะพูดจากันดีๆ ผมจะไม่ดุว่า หรือตำหนิเขาอีกแล้ว ผมจะยอมให้เขาเรียกผมว่าเมียก็ได้ จะไม่โกรธถ้าเขาจะลวนลามล่วงเกินผม จะบอกความลับทุกสิ่งที่ผมมีอยู่ อยากให้ทำอะไรผมก็จะทำตามที่เขาต้องการ ขอเพียงอย่างเดียว อย่าจากผมไป อยู่กับผมได้ไหม อยู่เป็นกำลังใจให้ผม
เด็กหนุ่มโน้มตัวเข้ามาจูบซุกไซร้ตรงซอกคอของผม แต่ผมเบี่ยงหนี ผมไม่ยอมให้เขาทำกับผมเด็ดขาด พยายามดิ้นเต็มที่

แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของผมจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเขาแล้ว แต่ผมไม่มีอารมณ์รัญจวนใจแม้แต่น้อย ผมอยากให้เดียร์ยุติการกระทำของเขาซะ

ถ้าจะต้องจากกันไป การมีอะไรกันในคืนนี้ของเราก็ไม่มีความหมาย ผมไม่อยากมีความทรงจำเลวร้ายที่คนรักของผมต้องจากไปในวันวาเลนไทน์ อย่างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหวนคืนมา

การดิ้นรนของผมทำให้เดียร์เริ่มโมโหนิดๆ เขาทำน้ำเสียงฉุนเฉียวใส่ผม ด้วยเข้าใจว่าผมรังเกียจไม่อยากให้เขาแตะต้อง เด็กหนุ่มหยัดตัวขึ้น และเอาแขนล็อคขาของผมไว้ทั้งสองข้าง หยุดการเล้าโลม เอาแต่เคลื่อนไหวร่างกายท่อนล่างอย่างเดียว ผมรู้สึกเจ็บปวดแทบขาดใจ เมื่อเดียร์ขยับกายเร่งเร้า ปราศจากการทะนุถนอมออมมือ

ตัวของผมสั่นระริกไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่ไม่บันยะบันยังของเขา ผมนิ่วหน้าเพื่อระงับความเจ็บปวด พยายามส่งสายตาวิงวอนขอร้องมายังเขา

มือของผมขยับไปมาเพื่อที่จะให้เป็นอิสระ แต่เดียร์มัดแน่นจนผมดิ้นไม่หลุด รู้สึกปวดตรงข้อมือที่ถูกมัดเพราะเชือกไนล่อนเสียดสีจนบาดเป็นแผล มือเริ่มชื้นขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกได้ถึงของเหลวบางอย่างที่ไหลเลอะเหนอะมือของผม

น้ำหยดหนึ่งหล่นแหมะจากตาคู่สวยของเดียร์ตกต้องบนหน้าอกของผม ผมเบิกตาโพลงจ้องหน้าเดียร์เห็นเขามองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว ใจของผมหล่นวูบไปเมื่อเห็นน้ำตาคลอตาของเดียร์

สุดที่รักของผมกำลังร้องไห้ ใบหน้าของเขาดูปวดร้าวเหมือนคนที่ได้รับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ผมปรารถนาจะกอดเขาไว้ในอ้อมแขนของผม แล้วปลอบประโลมให้เขาหายทุกข์ใจ วินาทีที่เดียร์เศร้าใจแบบนี้ ผมกลับปลอบเขาไม่ได้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ผมตะโกนก้องในใจ

“อย่าร้องไห้เลยเดียร์ มองตาฉันสิ นายเห็นความรักในสายตาของฉันไหม ฉันรักนายมากเหลือเกิน ที่ผ่านมาฉันขอโทษนาย ฉันรู้ตัวว่าทำไม่ดีกับนายไว้มาก ฉัน..ผิดแล้ว ยกโทษให้ฉันด้วย เราอย่าทะเลาะกันเลย....”

ทว่าเสียงของผมไม่อาจจะเข้าถึงหูของเดียร์ เขายังคงก้มหน้าก้มตาร่วมรักกับผม พละกำลังที่มีถูกโหมใส่ผมไม่ยั้ง ผมจุกไปหมด ครั้งแรกผ่านไปด้วยความปวดร้าวไปทั่วบั้นท้ายของผม

ครั้งที่สอง เดียร์ทิ้งร่องรอยแห่งความรักไว้ทั่วตัว เขาเฟ้นฟอนดูดเน้นร่างกายของผม จนเป็นรอยแดงเป็นจ้ำๆ ตามเนื้อตัวเต็มไปหมด

แต่ละครั้งเขาปล่อยให้ผมมีเวลาพักเพียงครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่ ไม่มีถ้อยคำหวานซึ้งใดๆที่เคยได้ยินเหมือนก่อนหน้านั้นที่เราเคยมีอะไรกัน

มีแต่ความเงียบงัน ที่แทรกด้วยเสียงลมหายใจหอบถี่ และเสียงของผิวเนื้อกระทบกัน เดียร์ทำกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเจ็บแทบจะขาดใจตายเสียให้ได้ มือที่ถูกพันธนาการไว้ก็ปวดจนชาไปหมด


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #425 เมื่อ10-03-2009 16:25:30 »

ของเหลวซึมออกมาจนเลอะมือผม ได้กลิ่นคาวเลือดโชยเข้ามาในจมูก ผมเดาเอาว่า แผลที่เย็บไว้น่าจะปริออก จากการได้รับความกระทบกระเทือน เดียร์คงจะไม่ได้สังเกตเห็น เขาจึงไม่ยอมแก้มัดให้
ตลอดเวลาเหล่านั้น เดียร์น้ำตาไหลพราก ด้วยความคั่งแค้น ผมใจเสียมองหน้าเขาอย่างสำนึกผิด ตอนแรกผมดิ้นรนขัดขืน เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มย่ำยีผมในขณะที่เขากำลังโกรธอยู่ อยากให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความรักของเราสองคนมากกว่า

ครั้นมองหน้าเศร้าสร้อยของเดียร์ผมก็สงสารเขาจับใจ ผมรู้สึกผิดจริงๆ ที่ปิดบังความจริงในหลายเรื่องกับเขามาตลอด ไม่เคยไว้ใจ และให้เกียรติ

เวลามีปัญหาทีไร เขาก็ต้องมาตามแก้ให้ ต้องเจ็บตัวมีเรื่องทุกครั้งเพื่อผม ทั้งๆที่เขาทำดีกับผมทุกอย่าง แต่ผมก็ไม่เคยยกย่องเชิดชูเขาในฐานะแฟน ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน ไร้ชีวิตจิตใจความรู้สึก

เกลียดตัวเองที่เกือบจะร่วมมือกับสันต์เพื่อให้เขาตัดใจ โดยใช้คุณแคทเป็นเครื่องมือ เกลียดความโลเลตัดสินใจไม่ได้ของตัวเอง ว่าจะเลือกอะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับตัวเอง

รู้สึกสับสนมากระหว่างการทำตามที่สังคมวิพากษ์ กับ สิ่งที่ใจปรารถนา หากผมเลือกอย่างแรก ผมจะทำร้ายหัวใจตัวเอง และทำร้ายเดียร์ไปพร้อมกันด้วย จึงทำให้ผมตัดสินใจอะไรไม่ได้สักที จนทุกอย่างมันเลวร้ายขึ้น

เดียร์แทรกตัวเข้ามาในร่างของผมอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เขาทำกับผมด้วยความรุนแรง ปราศจากการปลุกเร้า เหมือนเดียร์จะนึกแค้นเคืองผมอยู่ อารมณ์จึงพลุ่งพล่าน ทำกับผมอย่างไม่บันยะบันยัง

อารมณ์ของเด็กหนุ่มดีร้ายสลับกันไปมา เหมือนกับว่าเรื่องของผมยังวนเวียนคาใจอยู่ในสมองของเขา เมื่อใดที่คิดขึ้นมาได้ก็จะอ่อนโยนให้กับผม แต่พอคิดคั่งแค้น เขาก็รุนแรงจนผมนึกกลัว

ผมพยายามที่จะไม่เปล่งเสียงร้องออกมา อดทนให้มากที่สุด เจ็บของผมเป็นแค่เพียงร่างกาย แต่ไม่เท่ากับความเจ็บปวดทางใจที่เดียร์ได้รับ

ผมแนบหน้าลงกับหมอน ปิดเปลือกตาลง ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น รู้สึกอ่อนแรงไปหมด ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างกับผม ตามอำเภอใจ รู้สึกตัวว่าผิดที่เผลอไปทำร้ายจิตใจเขา แล้วก็อยากลงโทษตัวเองด้วย เดียร์กอดจูบลูบไล้ผมอย่างรุนแรง น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล ผมไม่เคยเห็นใครเศร้าเสียใจขนาดนี้มาก่อนเลย

ปวดแปลบที่บาดแผลอีกแล้ว รู้สึกว่าเลือดมันไหลออกมาทีละน้อย ผมรู้สึกหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม พยามที่จะฝืนให้ลืมตาขึ้นก็ทำไม่ได้ ก่อนที่ผมจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลียและความเจ็บปวดในบาดแผล

ผมเห็นร่างเปลือยเปล่าของเดียร์นั่งซุกอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เขานั่งชันเข่า มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด เด็กหนุ่มไม่ได้หันมาทางผมเลย

แต่ผมก็รู้ว่าเขากำลังร้องไห้อย่างหนัก จากไหล่ที่สะท้อนขึ้นลง เขาทำเหมือนคนที่หัวใจแหลกสลาย ผมรู้สึกปวดแปลบหัวใจ อยากจะดึงเขาเข้ามากอด แล้วร้องไห้ไปด้วยกัน อยากจะพร่ำบอกเขาว่าผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมก็หมดแรง ตาสองข้างของผมหรี่ปรือ จากนั้นก็ปิดสนิท

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #426 เมื่อ10-03-2009 16:27:27 »

 :sad4: สงสารเดียร์สุดหัวใจ

b_hihi

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #427 เมื่อ10-03-2009 16:53:16 »

อย่าเพิ่งจบนะ

ทำไมมันบีบคั้นอารมณ์

อยา่งนี้

zheeiiz*

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #428 เมื่อ10-03-2009 21:40:28 »


บีบอารมณ์มาก T^T~~~~
แอบน้ำตาซึมเลย .. .

อ่านแล้วเจ็บปวดแทนทั้งคู่
ขอให้จบแฮปปี้ด้วยเถิด ไม่อยากเศร้าง่ะ .


รีบมาต่อนะคะ รออยู่เสมอ *


 :o12:


.

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #429 เมื่อ10-03-2009 22:25:20 »

:sad4:สงสารเดียร์

บีบอารมณ์อ่ะ หงอยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
« ตอบ #429 เมื่อ: 10-03-2009 22:25:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #430 เมื่อ10-03-2009 22:59:48 »

สุดปวดร้าว
ไหนๆก็ต่างคนต่างก็รักกัน
อย่าทำให้ฟ้าผิดหวังล่ะ
ขอแบบไม่เศร้าเน้อ

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #431 เมื่อ10-03-2009 23:03:10 »

เศร้า...
สุดปวดร้าว

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #432 เมื่อ10-03-2009 23:24:25 »

อ่านแล้วสุดปวดใจ...ไม่รู้จะว่าใครผิดกว่ากันดี
เรียวก็ปากหนัก..เดียร์ก็คิดมากเกินไป..

นึกตอนต่อไปไม่ออกจริงๆว่าจะลงเอยยังไง...

ขอบคุณคนโพสมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #433 เมื่อ11-03-2009 10:53:57 »

สู้ๆๆๆ น่ะ ทั้ง คู่ เรยยย



มีรัย ค่อยพูด ค่อย จากันสิ


ใจเย็นๆๆๆๆ น่ะ







ไม่มีรักไหนที่ดีทุกวัน ยิ่งนานยิ่งผ่านเรื่องราวมากมาย



ที่คอยทดสอบ และลองใจกัน




ltahset

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #434 เมื่อ11-03-2009 11:46:10 »

 :serius2:

ค้าง + เศร้าอย่างแรง

มาต่อเร็วๆนะคะ

^^

ขอบคุณค่ะ

5577

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #435 เมื่อ12-03-2009 18:52:25 »

โอ๊ยโย๋ ค้างๆๆ
 :call: ช่วยมาต่อด้วยจ้า

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่49 10/3/09
«ตอบ #436 เมื่อ12-03-2009 22:13:23 »

แวะมารอค่ะ  :L2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 50

เมื่อตื่นขึ้นมา ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง มือสองข้างเป็นอิสระ เสื้อผ้าถูกสวมใส่ให้เรียบร้อย มีผ้าห่มคลุมมาถึงคอ ที่ข้อมือของผมบวมแดง มือมีผ้าพันใหม่ให้เรียบร้อย บนโต๊ะมีถุงยา กระดาษ และน้ำวางไว้ให้เหยือกหนึ่ง พร้อมแก้ว กล่องของขวัญขนาดใหญ่ผูกริบบิ้นสีสวยสะดุดตา

ผมลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็น เพราะรู้สึกระบมตรงก้นไปหมด หยิบถุงยามาดู ก็พบว่ามันเป็นคนละคลีนิคกับที่ผมไปทำแผลมาครั้งแรก มียาระงับปวด มาให้ด้วย นอกจากนี้ยังมียาเฉพาะที่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจากบาดแผลฉีกขาด

มีแผ่นกระดาษที่มีลายมือของเดียร์เขียนไว้ให้ ว่าให้ใช้ยานั้นทาตรงประตูหลังของผมเพื่อให้หายอักเสบ เดียร์คงไปพาหมอมาเพื่อจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ให้ผม ตอนที่สลบไสลไปด้วยความอ่อนเพลีย

กล่องของขวัญถูกหยิบเป็นลำดับถัดมา มันเป็นกล่องขนาดใหญ่ขนาดเท่ากับลังใส่เบียร์ ผมค่อยๆแกะริบบิ้นที่ผูกเอาไว้ และคลี่กระดาษห่ออย่างระมัดระวัง ข้างในเป็นตุ๊กตาหมูสีชมพู ถือหัวใจที่มีข้อความว่า I love u so much วางอยู่ท่ามกลางกระดาษที่ตัดเป็นฝอยๆ

มีซองพลาสติกบรรจุปลอกหมอนสีขาวสกรีนลาย 2 ชิ้น ผมหยิบมาคลี่ออกดู ก็เห็นหน้าเดียร์กับผม อยู่บนหมอนคนละด้าน มีตัวหนังสืออยู่ตรงกลาง ว่า “B with U”เดียร์คงแอบไปจิกรูปผมมาให้ร้านสกรีน เห็นรูปของเด็กหนุ่มแล้ว ผมก็คิดถึงจนอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ใบหน้าของเดียร์ที่อยู่บนหมอน รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ

ผมหยิบตุ๊กตาหมูสีชมพูขึ้นมากอด มันเป็นแบบและสีเดียวกันกับที่ผมเคยเห็นเขาเอาติดตัวมาด้วยจากบ้านเช่าของเขา เขาเรียกมันว่าตุ๊กตาหมูเรียวจัง

เขาสมมุตมันเป็นตัวแทนของผม เพราะว่ามันน่ารัก และเขาอยากให้ผมอ้วนๆแบบเจ้าหมูตัวนี้ ผมสังเกตเห็นตรงหัวใจที่หมูน้อยถือไว้แนบอกมีกระดาษสีขาวเสียบอยู่และโผล่แลบออกมา ผมหยิบขึ้นมาดูเมื่อเปิดออกอ่านก็พบว่ามันเป็นสัญญาเป็นแฟนกัน ที่เขาบอกว่าจะให้ผมคืนเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ มีโน้ตเล็กๆแปะไว้

“ผมคืนชีวิตให้เรียวเป็นของขวัญในวันแห่งความรัก

ต่อจากนี้ไปเราไม่มีสัญญาผูกมัดว่าต้องเป็นแฟนกัน

มีแต่เพียงสัญญาใจเท่านั้น

เรียวต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าจะให้ผมอยู่หรือไปจากชีวิตของคุณ

ไม่ว่าเรียวจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็เชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณแล้ว

ผมทำได้แค่เพียงคาดหวังว่าคุณจะเมตตาผมบ้าง ให้โอกาสผมที่จะแสดงให้รู้ว่าผมรักคุณมากมายแค่ไหน

ลงชื่อ เดียร์

12 กพ. 25xx”
จดหมายนั้นถูกเขียนขึ้นมาล่วงหน้า แสดงว่าเดียร์ต้องตั้งใจที่จะคืนอิสระให้ผมจริงๆ ก่อนที่จะได้ฟังคำพูดของใครต่อใคร เขาคงรู้ว่าผมอึดอัดใจมาโดยตลอด และพยายามที่จะออกไปจากชีวิตของผม เลิกผูกมัดให้ผมทำตามสัญญา เพื่อที่ผมจะได้คิดและทำตามที่หัวใจตัวเองปรารถนา

จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาคงทำให้เดียร์คิดมากพอสมควรว่าตัวเองต้อยต่ำไม่คู่ควรกับผม จำได้ว่าเขาเศร้ามากแค่ไหน เมื่อผมให้เขาออกจากบ้านไปตอนที่เพื่อนจะมา

ผมทำให้เขารู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไม่เป็นที่ต้องการ แม้ว่าผมจะทำดีกับเขาในภายหลัง แต่ความเจ็บปวดคงฝังแน่นอยู่ในใจของเดียร์ยากจะลืมเลือน ยิ่งมาฟังซ้ำจากคำพูดจากปากศักดิ์ชาย เขาคงปักใจเชื่อว่าเขาไม่ควรคู่กับผมจริงๆ

น้ำตาของผมซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกสะเทือนใจกับข้อความที่เขาเขียนขึ้นมาให้ผม อยากให้เขามาอยู่ตรงนี้เพื่อรับฟังสิ่งที่ผมจะพูด ผมอยากบอกเขาเหลือเกินว่าผมได้เลือกแล้ว

เดียร์คือความสุขในชีวิตของผม ไม่อยากให้เขาต้องจากไปไหน อยากให้เราได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ที่ผ่านมาแม้เราจะเริ่มต้นความสัมพันธ์กันไม่ดี แต่มาถึงตอนนี้ ผมพร้อมจะลืมเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน

สัญญาฉบับนั้น ถูกสอดกลับเข้าไปตรงที่เดิม ผมวางตุ๊กตาหมูเรียวจังไว้บนหมอนข้างที่เดียร์นอนประจำแล้วห่มผ้าห่มให้กับมัน คิดถึงเดียร์เหลือเกินแล้ว เขาไปอยู่ไหนกัน ทิ้งผมไปจริงๆอย่างที่บอกไว้หรือเปล่านะ

ไม่มีร่องรอยของเดียร์ให้เห็นในห้อง ข้าวของของเขาบนหัวเตียงของผมถูกกวาดออกไปจนเกลี้ยง ผมกวาดตามองไปทั่ว ไม่เห็นข้าวของอะไรที่เคยเป็นของเดียร์

กระเป๋าใบใหญ่ที่เขาใช้ใส่เสื้อผ้ามาเพื่ออยู่กับผม อันตรธานหายไป ใจหายวาบ ถลาลงจากเตียงไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วรื้อค้นดูตรงราวแขวน เสื้อผ้าของเดียร์ไม่เหลือให้เห็น แม้แต่กางเกงชั้นในถุงเท้าก็ไม่มี

ในห้องน้ำ แปรงสีฟัน สบู่ และอุปกรณ์อาบน้ำทั้งหมด ที่ผมเคยแอบโยนทิ้งเมื่อตอนแรกที่เขามาอยู่ใหม่และเขาเก็บเอามาใส่ทุกครั้งที่มันหายไป ณ ตอนนี้เดียร์เอาทุกอย่างกลับไปจนหมด ผมแทบหมดแรงไม่เหลือแม้แต่ความหวังว่านี่คือรายการอำกันเล่นของเดียร์ เขาไปจากผมจริงๆ

ผมเดินอย่างระโหยโรยแรงลงมาชั้นล่าง แล้วก็เกิดอาการกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ สภาพบริเวณห้องโถงชั้นล่าง ซึ่งผมแยกเป็นห้องนั่งเล่น กับห้องรับประทานอาหาร ถูกตกแต่งใหม่ ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยดอกไม้สีขาว นานาชนิด อย่างเช่น กุหลาบ ลิลลี่ เบญจมาศ หน้าวัว พลับพลึง และที่สวยงามจนตะลึงคือม่านดอกไม้ซึ่งใช้ลีลาววดีสีขาวร้อยด้วยเอ็นแขวนไว้ทุกช่องประตู

เดียร์เคยพูดว่า ผมเป็นคนดี จิตใจงดงาม ความซื่อตรงของผม ประดุจดังดอกไม้สีขาวที่มีความสวยบริสุทธิ์ แม้จะดูเรียบง่ายไม่หวือหวาไร้สีสัน ทว่าก็มีกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจ เป็นกลิ่นของความดีงามที่ขจรขจาย

ส่วนตัวเขาเป็นแมลงที่มีสีสันหลากหลาย เขาเลือกที่จะอยู่กับดอกไม้สีขาว เพราะแมลงอย่างเขาเป็นส่วนเติมเต็มของสีสันที่ขาดหาย และกลิ่นหอมของดอกไม้ก็จะติดกายแมลงอย่างเขาให้หอมไปด้วย

ผ้าปูโต๊ะลายลูกไม้สีขาวถูกนำมาปูบนโต๊ะกลมสำหรับรับประทานอาหารขนาดสองคน มีแจกันสีสันสดใสซึ่งมีดอกไม้สีขาวสลับแซมกับใบไม้สีเขียว

มีเทียนเล่มใหญ่ยาววางอยู่บนเชิงเทียนตั้งเด่นอยู่บนโต๊ะ น้ำตาของผมเริ่มไหลเลอะแก้ม จนตาพร่าพราย แต่ผมไม่สนใจจะเช็ดมัน ผมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง มือลูบไล้อยู่บนผ้าสีขาวสะอาดตานั้น
ภาพของเด็กหนุ่มผุดขึ้นในความคิด เดียร์จัดเตรียมทุกอย่างนี้ให้กับผมตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ วันวาเลนไทน์ที่เราจะฉลองด้วยกัน จิตใจของเขาทำด้วยอะไรหนอ

ทำไมเขาถึงดีกับผมยิ่งนัก ทั้งๆที่เดียร์โกรธผม แต่เขาก็ไม่เคยลืมในสิ่งที่พูดไว้ รับปากอะไรไว้ก็ทำให้จนเสร็จสมบูรณ์

เมื่อคืนนี้ เดียร์คงไม่ได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากร่วมรักกับผมจนสลบไป เขาก็คงจะเรียกหมอมาทำแผลให้ผม ระหว่างนั้นเขาก็คงลงมาตกแต่งบ้านให้ เขาจะทำไปร้องไห้ไปหรือเปล่า ผมไม่อาจจะรู้ได้ แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้ เรียกน้ำตาของผมให้ไหลพรากไม่ยอมหยุด

ผมไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร ทั้งดอกไม้ ทั้งผ้า และของตกแต่งทั้งหมด เมื่อวานนี้ มันน่าจะใช้เวลาในการจัดตกแต่งนานพอสมควร

ตอนที่ถูกเขาอุ้มขึ้นห้อง ผมไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเขาทำอะไรไว้บ้างแล้ว บางทีเดียร์อาจจะซื้อข้าวของเหล่านี้เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ระหว่างที่รอผมก็ตกแต่งทุกอย่างไปพลางๆ

นึกสงสารเดียร์ขึ้นมาอย่างจับใจ เด็กหนุ่มคงจะร้อยดอกไม้เป็นม่าน อย่างวาดหวังว่าผมจะกลับมาช่วยกันทำกับเขา ตอนที่จัดดอกไม้ในแจกัน ตอนนั้นพี่สมชายจะเข้ามาโวยวายใส่หูให้เขาฟังหรือยังนะ แล้วตอนที่ขนดอกไม้เข้ามา พี่วิภาจะช่วยเขา หรือมัวแต่เต้นเร่าๆด่าผัวตัวเองอยู่

ผมนึกภาพความวุ่นวายขณะที่เดียร์อยู่คนเดียวไปสารพัด เริ่มเข้าใจถึงความอึดอัดที่เขาเผชิญ หลายอย่างที่สุมรุมเร้า คงทำให้เขาเกิดอาการคล้ายคนสติแตก

ตามปกติเดียร์ของผม ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย มีบ้างที่เขาจะน้อยใจ และโกรธผม แต่เวลาที่เขาเผลอแสดงอาการหงุดหงิดขึ้นมา พอเขาได้สติ ก็จะมาออดอ้อนขอให้ผมยกโทษให้เสมอ

มีเมื่อคืนนี้ที่เขาทำกับผมรุนแรงราวกับคนที่เจ็บแค้นกันมาแสนนาน ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น และผมรู้ว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ผมเจ็บปวด สังเกตได้จากการที่เขาร้องไห้ไปในขณะที่ลงมือร่วมรักกึ่งชำเราผม


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
ความเจ็บปวดในใจของเดียร์ต้องสาหัสสากรรจ์พอสมควร เดียร์เล่าให้ผมฟังบางส่วนเรื่องที่เขาเผชิญหน้าศักดิ์ชาย เพื่อนตัวดี นี่ผมจะทำยังไงกับมันดีนะ เลิกคบมันไปเลยดีหรือเปล่า ที่มันบังอาจเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ มันพูดอะไรกับเดียร์จึงทำให้เด็กหนุ่มเจ็บปวดมากมายขนาดนั้น

การที่เดียร์คิดจะเลิกกับผม ทั้งที่เคยประกาศลั่นว่าจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ มันต้องเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาจริงๆ อยากจะเรียกมันมาพูดให้รู้เรื่องเสียตอนนี้ แต่ผมก็ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะคุยกับเขา ผมกลัวว่าตัวเองจะเผลอทำร้ายมันเข้า เพราะมันเป็นตัวการที่ทำให้คนรักของผมต้องจากไป

แต่ว่า....จะโทษมันคนเดียวก็ไม่ได้ หากศักดิ์ชายพูดไม่มีมูลความจริง เดียร์ก็คงไม่โกรธมากขนาดนี้ เด็กหนุ่มอายุยังน้อย แต่ผ่านอะไรมามากมาย การที่เขาประคับประคองตัวเองอยู่ได้ ถึงแม้จะไม่มีใครสั่งสอน แต่เขาก็เป็นคนดี ไม่เคยทำตัวเกเรเหลวไหล ย่อมแสดงความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และไม่หวั่นไหวอะไรง่ายๆ

ผมคิดว่าการที่เดียร์เชื่อในสิ่งที่ศักดิ์ชายพูด นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกคลุมเครือในการกระทำของผม เขาไม่รู้ว่าผมคิดยังไง แล้วผมก็แสดงออกให้รู้ว่าไม่ต้องการเปิดเผยการมีตัวตนของเขา เดียร์เข้าใจมาตลอดว่าผมไม่ต้องการได้เขาเป็นแฟน จึงพยายามผลักไสให้ไกลตัว
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ จะโทษคนอื่นไปทำไม ในเมื่อผมนั่นแหละที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เดียร์ต้องกลายเป็นคนเก็บกดและมีอารมณ์แปรปรวนแบบนี้ เพราะผมไม่เคยบอกให้เดียร์รู้แน่ชัด ทำอะไรก็ปิดบัง เขาต้องคาดเอาเอาเองในทุกๆเรื่อง จมอยู่กับความสงสัยไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้รับการบอกเล่าที่ชัดเจน

เขาหึงหวงผมกับคุณแคท เพราะเขาไม่รู้ว่าเรากำลังวางแผนเพื่อครอบครัวของพี่สมชาย เขาคิดว่าเราชอบกันจริงๆ นอกจากนี้เขายังหวงผมกับอรจิรา สันต์ และศักดิ์ชายอีกด้วย เพราะผมไม่เคยเล่ารายละเอียดเรื่องเพื่อนให้เขาฟังเลย

ผมกันเขาออกไปจากสังคมของผม ซึ่งก็น่าอยู่หรอกที่เดียร์จะน้อยอกน้อยใจอย่างมากมาย แถมไม่เคยปริปากเรื่องถูกกดดันจากที่ทำงานให้เขาฟังอีก ทั้งที่เรื่องทุกอย่างมันโยงใยกันไปมา แต่ผมก็แก้ปัญหาเอาเองจนยุ่งไปหมด

พอเดียร์มารู้ทีหลัง เขาจึงมีความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนโง่คนหนึ่งที่ไม่เคยได้รับความสำคัญ รู้เรือ่งทุกอย่าง หลังคนอื่นทุกที

ตอนนี้เดียร์ไปแล้ว เขาไม่ได้ไปแต่ตัว แต่เขาเอาหัวใจของผมไปด้วย แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เดียร์หายตัวไปจากบ้านหลังนี้ ผมกลับรู้สึกเหมือนมันนานนับปี อันที่จริงผมควรจะโกรธที่เดียร์ละเมิดสัญญาระหว่างเรา ตกลงกันว่าจะไม่ล่วงละเมิดหากผมไม่ยินยอม

แต่นี่เขาล่วงเกินผมหลายครั้ง ในลักษณะเข้าข่ายการบังคับขืนใจ แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเป็นความผิดของเขาเลยที่ทำเช่นนั้น ผมคิดว่ามันสมควรแล้วที่เขาจะเอาคืนกลับบ้าง เพราะผมเองก็ทำไม่ดีกับเขาด้วยเช่นกัน

ผมทำร้ายจิตใจของเดียร์ ทำร้ายหัวใจของคนที่รักผมมากที่สุด เดียร์แสดงออกตลอดเวลาว่ารักและอยากจะดูแลผมตลอด ถึงแม้ว่าการเอาอกเอาใจของเขาจะดูน่ารำคาญในบางครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะประสงค์ร้ายต่อผม เขาทำให้ผมได้ทุกอย่าง มากกว่าที่ใครเคยทำให้ผมด้วยซ้ำ แต่หัวใจที่เย็นชาของผม กลับไม่ยอมรับความหวังดีที่เขามีมาให้

ผมพยายามหาเหตุผลให้กับการกระทำของเดียร์เมื่อคืน และได้ข้อสรุปแบบนั้น นึกสมน้ำหน้าตัวเองนักที่ปากหนัก แค่คำบอกรักก็พูดออกมาไม่ได้ มัวแต่ละอายใจหน้าบาง สร้างตนเป็นคนดีของสังคม โดยลืมไปว่าหัวใจของตัวเองก็สำคัญเหมือนกัน

หากบุคคลซึ่งเป็นหน่วยย่อยของสังคมไม่มีความสุข เขาก็ไม่อาจจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมได้ แล้วจะหวังอะไรกับการสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้บังเกิดแก่มวลมนุษย์ชาติ ใจไม่เป็นสุขจะสร้างความสุขได้อย่างไร ถ้าเพียงผมเอ่ยปากบอกรักกับเดียร์ไป เรื่องมันก็คงจะจบได้ง่ายลง

หลังมือถูกใช้เป็นที่ปาดน้ำตาให้แห้ง ผมจะร้องไห้อยู่อย่างนี้ไม่ได้ ในเมื่อต้นเหตุที่ทำให้ผมไม่สบายใจคือการที่เดียร์ไม่อยู่ในบ้านนี้ ดังนั้น ผมต้องตามเขากลับคืนมา เพื่อให้หัวใจของผมได้รับการดูแลเหมือนเดิม

โทรศัพท์บ้านถูกนำมาใช้ในการโทรหาเด็กหนุ่ม โดยผมไล่หาเบอร์จากมือถือของตัวเองอีกที ผมไม่กล้าใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเองโทรหาเขา เพราะกลัวว่าหากเขายังงอนอยู่ อาจจะไม่อยากรับสายผมก็ได้ เดียร์ไม่รู้เบอร์บ้านนี้ เพราะผมไม่ให้เขา และไม่อนุญาตให้โทรมาหาที่บ้านด้วย


.........................................................................

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่ใช่จากในสาย แต่เป็นจากข้างนอก และไม่ใช่เสียงเรียกจากโทรศัพท์ของผมด้วย แว่บแรกผมดีใจที่ได้ยิน เพราะจำได้ว่าเป็นเสียงจากโทรศัพท์ของเดียร์ ผมคิดว่าเขายังอยู่ในบ้าน จึงรีบมองหาว่าเขาซ่อนอยู่ตรงไหน ด้วยความหวังว่าจะเจอเด็กหนุ่มลูกครึ่งในบ้านของผมอีกครั้ง แต่พบกับความว่างเปล่า ผมเป็นเพียงมนุษย์คนเดียวที่อยู่ในบ้านหลังนี้

เมื่อผมไม่วางโทรศัพท์เสียงเรียกนั้นก็ยังคงดังต่อเนื่อง ผมมองไปรอบๆจนกระทั่งเจอต้นตอของเสียง โทรศัพท์มือถือที่ผมซื้อให้เดียร์วางอยู่บนตรงหน้าโต๊ะคอมของผม

ผมวางโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปหยิบมันขึ้นมา นี่เดียร์ลืมโทรศัพท์เอาไว้ หรือเขาจงใจจะคืนมันให้กับผมกันแน่ ถ้าเป็นอย่างหลัง แสดงว่าเขาไม่ต้องการจะให้ผมติดต่อเขาอีกแล้วใช่ไหม ความสงสัยวนเวียนอยู่ในใจผม

โทรศัพท์ยังอยู่ในสภาพที่ใหม่เอี่ยม แม้จะถูกใช้มาหลายเดือน เดียร์รักษาของได้ดีมาก เขาบอกว่ามันเป็นของชิ้นแรกที่ผมให้กับเขา เสมือนเป็นตัวแทนของผม จึงต้องดูแลทะนุถนอมให้ดี

ผมยิ้มน้ำตาซึมตาเมื่อเห็นภาพบนหน้าจอ เป็นภาพของเดียร์ที่โอบกอดผมเอาไว้ทางด้านหลัง เอาคางเกยไว้ที่ไหล่ หน้าของเขาแนบกับหน้าของผม

เขาถ่ายรูปนี้ตอนที่เรานั่งกันอยู่ในห้องรับแขก แล้วเขาจับผมไปนั่งตักของเขา แล้วทดลองกล้องของตัวเอง มันยังมีภาพระหว่างผมกับเขาอีกหลายรูป ที่เขาขอผมถ่าย และผมก็บ้าจี้ ยอมตามใจเขา

มือที่เลื่อนภาพไปแต่ละเฟรมสั่นขึ้นเรื่อยๆ ภาพของเดียร์กับผมที่ถ่ายคู่กันในอริยาบทต่างๆ ยิ่งทำให้ผมคิดถึงเจ้าของภาพมากยิ่งขึ้น ใบหน้าทะเล้นนั้นมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา เขาจะคอยคลอเคลียอยู่ข้างๆผม เกือบจะทุกรูปที่ถ่ายไว้ เขาจะต้องกอดผมอยู่เสมอ

มีภาพเดี่ยวๆของผมที่เดียร์แอบถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เป็นภาพในชุดทำงาน ชุดที่ใส่ในวันว่างที่อยู่กับบ้าน รวมถึงภาพที่ไปเที่ยวด้วยกัน มีภาพตอนที่ผมกำลังนั่งเหม่อมองทะเล ที่นั่นคงเป็นเสม็ดที่เราไปด้วยกัน ภาพตอนไปเที่ยวที่เกาะเกร็ด และภาพสุดท้ายของผมเป็นภาพตอนที่นอนหลับอยู่บนเตียงของตัวเอง

เจ้าหมอนี่แอบๆถ่ายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่บอกกันบ้างเลย แอบถ่ายโดยไม่ให้ผมรู้ตัวแบบนี้ ฟ้องร้องค่าเสียหายดีกว่า โทษฐานที่เขาทำตัวเป็นปาปารัสซี่แอบถ่ายผมเป็นระยะ แต่ผมจะไปกล่าวหาใครได้ล่ะ ในเมื่อหลักฐานอยู่ที่นี่ แต่คนถ่ายไม่รู้หายไปไหนแล้ว

นอกจากเขาจะถ่ายภาพผมไว้แล้ว เขายังถ่ายภาพเจ้าหญิงไว้ด้วย หมาของผม ในกล้องของเขาช่างน่ารักจัง ท่าทางมันจะมีความสุขมาก สังเกตจากแววตาสุกใสในภาพถ่าย เดียร์ยังเก็บภาพภายในบ้านไว้ด้วย มีภาพโซฟาที่ถูกทำเป็นเตียงของเขา และเตียงนอนในห้องของผมที่เรานอนอยู่เคียงข้างกันอย่างมีความสุข

ตัวเขาเองมีภาพอยู่ในกล้องแค่ 4-5 ภาพเท่านั้น เป็นภาพที่เขาทำท่าทางตลกๆใส่กล้อง ทั้งแลบลิ้นปลิ้นตา มีภาพหน้าตรงของเขาที่ยิ้มกว้างให้กล้องเพียงแค่ภาพเดียว แต่เป็นภาพที่สดใสน่ารักที่สุด ผมมองภาพของเดียร์แล้วสะท้อนสะท้านในอกคิดถึงเด็กหนุ่มอย่างมากมาย

ไปอยู่ที่ไหนกันนะ เจ้าเด็กบ้า ทำไมไม่อยู่ฉลองวาเลนไทน์ด้วยกัน จัดบ้านให้เสียสวยงามน่ารัก แต่มันไร้ชีวิตชีวาถ้าไม่มีเขา ผมจะผ่านเทศกาลแห่งความรักนี้ไปเพียงลำพังได้อย่างไร



anna1234

  • บุคคลทั่วไป

แล้วนี่ผมจะไปตามเขาได้จากทีไหนกัน เขาไม่นอนบ้านผม แต่จะกลับไปนอนบ้านเช่าที่น้อยเข้าไปครอบครองหรือเปล่าก็ไม่รู้ จะไปตามหาก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน

ผมเคยไปส่งเขาที่ปากซอยบ้านแค่ครั้งเดียร์ตอนที่ผมกลับมาจากการถูกลักพาตัว จากนั้นก็ไม่เคยไปหาอีกเลย จะไปตามหาที่ร้านกาแฟที่เดียร์ทำก็ไม่ได้ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเด็กหนุ่ม เขาลางานเพื่อฉลองกับผมโดยเฉพาะ จะมีใครรู้เรื่องบ้างไหมนะ ว่าเด็กหนุ่มอยู่ที่ไหน

พลันผมก็นึกถึงน้อยขึ้นมา น้อยเป็นเพื่อนที่เดียร์สนิทที่สุด บางทีน้อยอาจจะรู้ก็ได้ว่าเดียร์อยู่ที่ไหน ไม่แน่สองคนอาจจะอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่านั้นก็ได้ ผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของน้อย แต่เดียร์อาจจะมี ผมรีบเปิดหาเบอร์โทรศัพท์ในมือถือของเดียร์เพื่อหาเบอร์ของน้อย แต่ก็ต้องประสบกับปัญหาเพราะมีชื่อน้อย ในมือถือหลายคน

Noi – BX1 – 030503---
Noi – BX2 – 046669---
Noi – DC - 023760---
Noi – FN - 019150---
Noi – CS - 076668---
Noi – F - 098139---

แล้วมันน้อยคนไหนกันแน่ ผมพยายามตีปริศนาอักษรย่อต่อท้ายชื่อ แต่ก็คิดไม่ออก มันเป็นชื่อของคนๆนั้น หรือเป็นสถานที่ หรืออะไรบางอย่างที่อ้างอิงถึงที่มาของคนๆนั้นเพื่อให้เดียร์จำได้ แต่ผมไม่รู้จักคนเหล่านั้น และไม่เคยชินกับวิธีการที่เดียร์ใช้ เลยเดาไม่ถูก จึงตัดสินใจสุ่มดูสักคน

ผมโทรไปหาสายแรก Noi – BX1 ทว่าไม่มีผู้รับสาย ผมเลยโทรหาคนที่สองทันที คราวนี้ติดแล้ว แต่เป็นผู้หญิงรับ

ผมขอสายน้อย แต่เสียงจากปลายสายบอกไม่อยู่ ผมเลยถามว่าไปไหน ทางปลายสายอึ้งไปนิดหนึ่งแล้วถามว่าผมเป็นใคร ผมก็เลยบอกไปว่าเป็นเพื่อนกับน้อย ก็มีเสียงฉุนเฉียวตอบกลับมาว่าเป็นเพื่อนประสาอะไรกันถึงไม่รู้ว่า น้อยน่ะไปที่ชกมวย ทุกๆวันเสาร์สนามมวยจะเปิด และน้อยขึ้นเวทีเป็นคู่เอกด้วย

ผมขอโทษขอโพยและโกหกโดยบอกไปว่าผมเป็นเพื่อนที่ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ก็เลยโทรมาหาอยากมาเยี่ยม เธอก็เลยให้ผมไปหาที่สนามมวยลุมพินี จากนั้นก็บ่นเกี่ยวกับเรื่องการชกมวยของน้อยเสียยืดยาว ท่าทางเธอไม่ชอบที่น้อยคนนี้เป็นนักมวยสักเท่าไหร่

ผมเลยเดาว่าเธอคงจะเป็นญาติหรือไม่ก็แฟนของน้อยที่ไม่อยากเห็นคนของตัว ต้องบาดเจ็บจากการชก หลังจากบ่นสักพักเธอก็วางหูไป

คราวนี้ผมได้เบาะแสแล้ว เดียร์คงจะใช้อักษรย่อตามลักษณะของอาชีพ หรือสถานที่ที่เขาเจอคนพวกนั้น ผมเดาเอาว่า BX น่าจะมาจากคำว่า Boxer เป็นเพื่อนนักมวยของเขา

ส่วน DC คือ Dancer นักเต้นคนที่เขาร่วมงานในปัจจุบัน ถ้าผมเดาไม่ผิด FN ก็คงจะเป็น Fitness เพราะเขาเคยบอกว่าเขาจะได้สอนเต้นในสถานออกกำลังกายแห่งหนึ่ง Cs ก็คือร้านกาแฟ

และ F จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากคำว่า Friend ผมกดโทรออกถึงหมายเลขนั้นทันที เสียงโทรศัพท์เรียกไปหลายครั้ง ผมรออย่างใจจดใจจ่อ และแล้วเสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้น ผมรีบทักอย่างดีใจ
“น้อยหรือครับ นี่ผมนะ เรียวไง”

“อ๊ะ....ค๊า....สวัสดีค่ะ คุณเรียว กำลังงงว่าเดียร์โทรมาทำไม ที่แท้ก็คุณนี่เอง มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้โทรมาหาน้อย”

น้อยทักทายตอบด้วยเสียงสดใส ฟังจากน้ำเสียงที่น้อยถามผม เหมือนว่าเขารู้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ผมจึงไม่อ้อมค้อม ถามน้อยไปตรงๆ

“เดียร์อยู่ที่นั่นหรือเปล่าครับ”

“ไม่อยู่แล้วค่ะ เอาของมาเก็บที่บ้าน แล้วก็ออกไปสักครู่นี่เอง”

คำตอบของน้อย เล่นเอาผมใจลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม ถามออกไปเหมือนเสียงกระซิบ

“ออกไปไหนหรือครับ .....”

“เอ เห็นว่าจะไปซ้อมเต้นนี่คะ ตอนแรกเห็นว่าจะหยุดงาน แล้วไงไม่รู้โผล่มาหาน้อย แล้วก็แต่งตัวออกไปเนี่ยล่ะค่ะ”

“หรือครับ ....ท่าทางเขาเป็นอย่างไรบ้าง....”

ผมถามถึงเดียร์ด้วยความห่วงใย น้อยนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามออกมาตรงๆ

“คุณเรียวกับเดียร์ทะเลาะกันหรือเปล่าคะ....”

“ครับ”

รับคำเสียงอ่อยๆ น้อยอุทานเสียงแหลม


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






anna1234

  • บุคคลทั่วไป
“ต๊ายยย นึกแล้วไม่มีผิด ว่าต้องมีปัญหากัน มิน่า เจ้าหนูนั่น มาถึงก็นอนร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไม่พูดไม่จา ข้าวปลาไม่กิน น้ำตาไหลพรากอย่างกับท่อประปาแตก ไม่เคยเห็นเขาต้องเสียน้ำตาแบบนี้มาก่อนเลย นี่เขาร้องจนกระทั่งหลับไป พอตื่นขึ้นมา ก็อาบน้ำแต่งตัวไปเลยค่ะ...”

สิ่งที่น้อยเล่าทำให้ผมยิ่งเศร้าใจหนักยิ่งขึ้น ผมพึมพำถามน้อยด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความระทดท้อในใจ

“น้อยครับ....แย่แล้ว ...นี่ผมจะทำอย่างไรดีล่ะ เดียร์ ทิ้งผมไปแล้ว....”

“ใจเย็นๆนะคะ เรียว เอางี้ เดี๋ยวน้อยไปหานะคะ แล้วเราค่อยคุยกัน อ้อ แล้วคุณทานอะไรหรือยังคะ”

“ยังเลยครับ มันกินไม่ลง แต่เดียร์เขาทำกับข้าวไว้ให้ผมแล้ว ตั้งหลายอย่าง คงจะทำให้ก่อนไปบ้านโน้นน่ะครับ”

“ว้ายยยยย ไอ้เจ้าเด็กบ้านี่ ยังจะมีแก่ใจทำให้คุณทานอีก ทั้งที่เสียใจขนาดนั้น รักเรียวออกมากมาย แต่กลับหนีออกมาซะงั้น บ้ามากๆเลย เป็นอะไรกันไม่รู้ ทั้งคุณทั้งเดียร์ เฮ้อ ....งั้นรอน้อยนะคะ เดี๋ยวน้อยไปหา”

“ครับ ดีเลย กำลังอยากหาเพื่อนคุยพอดี”

“ค่ะ ไม่เกิน 45 นาที เดี๋ยวน้อยนั่งมอเตอร์ไซด์ไปหาเลย”


น้อยวางหูแล้ว แต่ผมยังยืนกำโทรศัพท์อยู่ รู้สึกงกๆเงิ่นๆทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ สุดที่รักของผมร้องไห้อย่างหนัก เขาคงเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

ผมรู้สึกดีที่ได้ยินแบบนี้ แสดงว่าเมื่อคืนที่เดียร์ทำรุนแรงกับผมนั้น เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ต้องการให้มันเกิดขึ้น เพียงแต่เขาควบคุมความโกรธที่มีต่อผมไม่ได้ จึงพลั้งมือทำกับผมแรงไป แล้วเขาก็เสียใจที่ทำร้ายผมเข้า จนต้องร้องไห้ออกมา หนุ่มน้อยของผมไม่ได้รังเกียจผมสักนิด เขาแค่โมโหจนยั้งไม่อยู่เท่านั้น

ในเวลาไม่ถึง 45 นาที น้อยก็มาปรากฏต่อหน้าผม ในสภาพหัวหูกระเซอะกระเซิง เพราะลมตีจากการว่าจ้างให้มอเตอร์ไซด์พามาบ้านผม ผมมองสาวประเภทสองตัวเตี้ยล่ำผิวคล้ำ ใส่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด แต่งหน้าเข้ม ด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้เจอหน้าเขาอีก

ผมกล่าวขอบคุณเขาที่มาหา เขาร้องบอกเสียงดังว่าไม่ต้องมาขอบคุณเขาหรอก เขาทำเพื่อเพื่อนของเขา ไม่อยากเห็นใครบางคนต้องเหี่ยวแห้งตายจากอาการขาดรัก เราสองคนเลยยิ้มให้กัน

เสียงอุทานอย่างชื่นชมดังออกมาจากปากของน้อยเมื่อเขาก้าวเข้ามาในบ้าน เขาแซวว่าเดียร์ทำบ้านผมกลายเป็นสวนดอกไม้ไปเสียแล้ว ดูสวยงามเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือการจัดของผู้ชายที่เคยเป็นนักมวยมาก่อน

น้อยจีบปากจีบคอเล่าให้ผมฟัง ว่าเมื่อวานนี้น้อยเป็นคนไปซื้อดอกไม้สวยๆพวกนี้กับเดียร์ที่ปากคลองตลาด ไปกันตั้งแต่เช้ามืด เพราะเด็กหนุ่มต้องกลับไปทำงานอีกทีในรอบบ่าย เดียร์แทบจะเหมาดอกไม้สีขาวจากแม่ค้าจนหมดไม่เหลือให้คนอื่น

ส่วนดอกลีลาวดีนั้นเอามาจากในสวนที่ปลูกต้นนี้โดยเฉพาะ เดียร์กับน้อยต้องไปอ้อนวอนขอร้องเก็บดอกไม้พวกนี้มา โดยเดียร์แลกกับบัตรชมคอนเสิร์ตนักร้องสาวที่กำลังดังอยู่ขณะนี้ไป 5 ใบ เจ้าของเป็นสาวโสดอายุมากแล้ว แต่ท่าทางยังเปรี้ยวจี๊ด เธอถูกชะตากับเดียร์เลยยอมให้ แถมซ้ำยังชวนเดียร์ให้มาเที่ยวที่สวนของเธอได้ตลอดเวลา

พอซื้อของได้ครบที่ต้องการแล้ว น้อยกับเดียร์ก็มาที่บ้านของผม แอบมาเตรียมทุกอย่างเพื่อที่จะเซอร์ไพรส์ผม โดยหลอกให้ผมเข้าใจว่าเดียร์เข้างานทั้งวัน จากนั้นสองคนก็ช่วยกันตกแต่งบ้านให้ผม

น้อยช่วยจัดการเรื่องผ้าม่าน และผ้าปูโต๊ะให้ โดยขอยืมอุปกรณ์บางส่วนมาจากร้านบ้านคุณป้า และของจากร้านอาหารเดิมที่น้อยเป็นเจ้าของและเอาเก็บกลับมาบ้างบางชิ้น

ส่วนเดียร์จัดดอกไม้ ซึ่งเดียร์ลงทุนไปขอให้คุณป้าร้านอาหารช่วยสอนวิธีทำให้ และซุ่มฝึกปรือจนกระทั่งทำออกมาได้สวยงาม

น้อยกลับก่อนตอนสิบโมงเช้า เพราะต้องไปช่วยคุณป้าทำอาหาร ส่วนเดียร์ยังทำต่อจนกระทั่งบ่าย น้อยไม่รู้เลยว่าจะเกิดปัญหาขึ้นหลังจากนั้น ยังคงคิดว่าผมกับเดียร์จะได้ฉลองวันวาเลนไทน์กันสองคนอย่างมีความสุข

แต่พอเดียร์โผล่มาหาในตอนสาย ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว แต่ในเมื่อเดียร์ไม่พูดอะไร น้อยก็เลยไม่ซักถาม เพราะเกรงว่าเพื่อนจะไม่สบายใจหนักขึ้น

“เดียร์เคยบ่นอะไรให้น้อยฟังไหมครับ...เอ้อ...ผมหมายถึงเรื่องของผมกับเดียร์”

ถามออกไปอย่างอยากรู้ มันเป็นการดีที่ผมจะได้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเดียร์จากการฟังจากปากของเพื่อนสนิทของเขา น้อยนิ่งคิดจากนั้นก็เล่าให้ผมฟังถึงสิ่งที่อยู่ในใจเดียร์.......................................................



....................................................................................

“เดียร์เคยบ่นอะไรให้น้อยฟังไหมครับ...เอ้อ...ผมหมายถึงเรื่องของผมกับเดียร์”

ถามออกไปอย่างอยากรู้ มันเป็นการดีที่ผมจะได้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเดียร์จากการฟังจากปากของเพื่อนสนิทของเขา น้อยนิ่งคิดจากนั้นก็เล่าให้ผมฟังถึงสิ่งที่อยู่ในใจเดียร์

สิ่งที่เด็กหนุ่มเล่าให้น้อยฟัง คือความอึดอัดใจไม่แน่ใจในสถานภาพของตนเอง เขาไม่รู้ว่าความพยายามของเขาจะสัมฤทธิ์ผลไหม ผมรักเขาบ้างแล้วหรือยัง


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
นอกนั้นก็เป็นเรื่องความน้อยอกน้อยใจที่ผมไม่ไว้ใจเขาไม่เคยบอกเล่าอะไรให้รู้ จริงดังที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด เดียร์ตกอยู่ในความหึงหวง สงสัยไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมต้องปิดบังเขาทุกเรื่อง เขาเล่าเรื่องคุณแคทให้น้อยฟังด้วย

สิ่งที่น่าตกใจก็คือเดียร์เล่าให้น้อยฟังว่า ศักดิ์ชายไปหาเดียร์บ่อยๆ พอมีโอกาสก็จะเล่าเรื่องของผมกับคุณแคทลียาให้เดียร์ฟังประจำทำนองว่าเรากำลังสานสัมพันธ์กัน

เดียร์ยังบอกอีกด้วยว่า ศักดิ์ชายรู้เรื่องข้อตกลงระหว่างผมกับเดียร์ด้วย ในการทำสัญญาเป็นแฟนกัน เขายังเอาสำเนาสัญญาที่เขาไปแอบถ่ายเอกสารมาจากไหนไม่รู้มาให้เดียร์ดูด้วย เป็นการยืนยันว่าเขารู้ทุกอย่างจริงแต่ไม่บอกว่ารู้มาจากไหน

ทำให้เดียร์สงสัยว่าน่าจะรู้มาจากผม เดียร์จึงน้อยใจว่าทำไมผมถึงต้องให้ศักดิ์ชายมาทำอย่างนี้กับเขาด้วย ถ้าจะเลิกกันทำไมไม่มาบอกเอง

รู้สึกจี๊ดขึ้นมาในสมอง รู้สึกโกรธเจ้าศักดิ์ชาย ไอ้เพื่อนตัวยุ่ง มันไปรู้เรื่องสัญญาของผมกับเดียร์ได้อย่างไรกัน หลังจากพยายามนึกอยู่ตั้งนาน ความคิดบางอย่างก็สว่างแว่บเข้ามาในสมอง

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมนั่งปรึกษาเรื่องเดียร์กับผมอยู่กับเจ้าสันต์ แล้วอยู่ๆศักดิ์ชายก็โผล่เข้ามา ตอนนั้นผมยังแอบสงสัยว่า ศักดิ์ชายคงมายืนแอบฟังเราสองคนด้วยกัน เพราะเห็นสีหน้าและแววตาของมันที่มองมายังผมมันดูผิดแปลกไปจากเดิม และมันยังพูดเป็นนัยๆว่ามีอะไรให้บอกมันบ้าง มันยินดีช่วยเหลือผม

ล่าสุดก่อนจะไปเกาะเกร็ด มันบอกว่ามันลืมบางอย่างไว้ที่บ้านของผม เป็นไปได้ไหมว่า ก่อนหน้านั้นที่เป็นวันเกิดของผม มันบังเอิญมาค้นเจอสัญญาเข้า ผมสะเพร่าเองด้วยที่คิดว่าอยู่กันสองคน ผมจึงเก็บสัญญาไว้ในลิ้นชักที่ไม่ได้ล็อค

ศักดิ์ชายแอบสงสัยเรื่องผมกับเดียร์อยู่แล้ว บางทีมันอาจจะเข้ามาค้นหา แล้วเจอหลักฐานชิ้นเด็ดเข้า จึงหยิบเอาไปถ่ายเอกสาร แล้วมาหาผมอีกครั้ง เพื่อเอาเอกสารนั่นมาคืน โดยลากอรจิรามาด้วยเพื่อบังหน้า วันนั้นผมมัวแต่ขุ่นใจพวกมัน เลยไม่ทันได้สังเกตเห็น จึงเป็นไปได้ที่มันจะเอามาหย่อนลงที่โต๊ะทำงานของผม แล้วลอยตัวออกไปเนียนๆ

หัวสมองของผมจินตนาการเรื่องราวต่างๆตามที่ได้ยินได้ฟังจากน้อยมาทันที ศักดิ์ชายคงไปหาเดียร์และบอกว่าเขารู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว มันคงกล่าวอ้างว่ารู้จากผม มีหลักฐานพยานพร้อมสรรพ ทำให้เดียร์ระแวงแคลงใจ จึงง่ายต่อการที่มันจะลวงเดียร์ว่าผมใช้ให้มันไปพูดจริง

มันคงบอกกับเดียร์ว่า ผมไม่ได้รักชอบเขาสักนิด แต่ต้องปฏิบัติตามสัญญา ศักดิ์ชายคงอ้างข้อความในกฎหมายเพื่อที่จะหาทางเล่นงานเดียร์ในเรื่องของการแบล็คเมล์ หากเดียร์ยังขืนดื้อดึง ศักดิ์ชายคงทั้งขู่และปลอบเดียร์เพื่อให้เลิกรากับผม

เรื่องการถูกนินทาว่าร้ายในที่ทำงาน เรื่องที่ถูกหัวหน้าเล่นงาน และเรื่องของคุณแคทคงถูกมันเล่าให้เดียร์ฟังจนหมด ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะใส่สีใส่ไข่ลงไปมากน้อยขนาดไหน จนทำให้คนที่หนักแน่นอย่างเดียร์คล้อยตาม

ยิ่งมารู้ว่าผมโกหกปกปิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เดียร์เลยคิดเลยเถิดไปกันใหญ่ สุดท้ายพอเจ้าศักดิ์งัดไม้ตายเรื่องการทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักมีความสุข มาใช้กับเดียร์เพื่อขอร้องให้เดียร์ไปซะจากชีวิตผม เด็กหนุ่มก็เลยตัดสินใจทำแบบนั้นจริงๆ

นี่ผมจินตนาการไปไกลหรือเปล่านี่ ขออย่าให้มันเป็นจริงตามที่ผมคิดเลย ผมยังอยากจะไว้ใจมันอยู่ ความที่รู้จักกันมานาน ผมจึงยังทำใจไม่ได้

ถ้าจะต้องเกลียดกันเพียงเพราะว่ามันมายุ่งกับชีวิตผมมากเกินไป ผมรู้ว่ามันทำด้วยความหวังดี แต่จะมีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือไม่ อันนั้นเกินกว่าจะคาดเดา เจอตัวกันแล้วคงต้องลากมาถามกันอีกที

“ถามจริงๆเถอะค่ะ คุณเรียว คุณรักเดียร์มันบ้างหรือเปล่าคะ”

เล่าเสร็จ น้อยก็ถามผมตรงๆ ผมมองหน้าน้อย แล้วก็พยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ น้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วส่ายหน้า

“แล้วทำไมคุณไม่บอกเจ้าหนูนั่นไปล่ะ น้อยไม่เข้าใจคุณสองคนเลยนะคะเนี่ย ต่างคนต่างรักกัน แต่ก็ต้องมาผิดใจกันด้วยเรื่องขี้ประติ๋ว

เดียร์น่ะคิดเอาเองว่าคุณคงรังเกียจเขา เพราะเขาทำไม่ดีกับคุณตั้งแต่แรก ได้คุณมาเป็นแฟนโดยไม่ชอบธรรม บังคับฝืนใจคุณทุกอย่าง


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
เขารู้ว่าเขาผิด แต่ก็พยายามจะทำดีกับคุณเพื่อให้คุณลืมสิ่งที่เขาทำร้ายจิตใจ และจำเฉพาะสิ่งที่ดีๆเอาไว้ แต่คุณไม่บอกเขาถึงความรู้สึกตัวเอง เขาก็เลยไม่รู้ นั่งนึกน้อยอกน้อยใจคนเดียวอ่ะค่ะ”

“ผมเองก็เพิ่งจะมารู้ใจตัวเองเมื่อไม่นานมานี้เองน่ะครับ ก่อนหน้านั้นผมก็รังเกียจเดียร์จริงๆ ผมไม่ได้รักเขา ยิ่งเขามาแบล็คเมล์ผมแบบนั้น ผมเลยทำใจไม่ได้

อยากเลิกกับเขาทุกวันเลย ติดขัดตรงสัญญานี่แหละ ที่ทำไว้แล้วก็ต้องดำเนินต่อไปให้มันจบ อีกอย่างคุณน้อยก็คงจะทราบว่าผมไม่เคยชินกับชีวิตแบบนี้ ผมไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน ถึงผมจะไม่ได้รังเกียจพวกคุณ แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้นะครับ...”

บอกไปตามตรง น้อยพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“น้อยรู้ค่ะ ว่ามันทำใจลำบากที่เป็นผู้ชายอยู่ดีๆ ก็ถูกบังคับให้มารักเกย์ แต่พวกเราก็มักเป็นแบบนี้แหละค่ะ ชอบฝันที่จะมีผู้ชายมารัก เดียร์เขาต่างจากเราตรงที่ เขาได้รับความเมตตาจากคุณเรียว

เขาก็เลยสำนึกบุญคุณ และแปรเปลี่ยนมาเป็นความรัก อยากครอบครองตัวคุณเพื่อที่จะดูแลปกป้องน่ะค่ะ แต่เขาก็ยังมีอารมณ์ของความเป็นเด็กๆอยู่บ้าง ตรงที่ยังหนักแน่นไม่พอ คงเป็นเพราะน้อยเนื้อต่ำใจอยู่แล้วเลยเชื่อเป็นจริงเป็นจังว่าเขาไม่เหมาะกับคุณจริงๆ”

โธ่เอ๊ยเดียร์ น่าสงสารจริงๆ ทำไมต้องคิดแบบนั้นด้วย ผมไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้มันสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกัน จะเอาอะไรมาวัดกันว่าสิ่งใดเหมาะหรือไม่เหมาะ การใช้ชีวิตคู่มันก็เหมือนเป็นโจทย์ทางศิลปะ ไม่ใช่ทฤษฎีที่จะต้องจับโน่น จับนี่มาคู่กัน

ไม่ใช่คนรวยต้องคู่กับคนรวย คนสวยต้องคู่กับคนหล่อ คนดีต้องคู่กับคนดีเสมอไป มันอยู่ที่ว่าจิตใจมันตรงกันแค่ไหน แต่ที่ผมติดใจคือเรื่องที่ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองไปเป็นแบบที่ผมไม่คุ้นเคยต่างหาก แล้วถ้าหากจะต้องให้ลาออกจากงานที่ผมรัก ผมก็ยังทำใจไม่ได้ มันก็เลยเป็นอะไรที่คาราคาซัง ตัดสินใจไม่ได้สักที จนกระทั่งเดียร์เกิดการเข้าใจผิดขึ้น
“นั่นสิ น้อยก็ว่าแล้ว คุณเรียวเป็นคนดีจะตาย ไม่ถือเนื้อถือตัว เรื่องแค่นี้คงไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้คุณไม่ชอบเดียร์หรอก น่าจะเป็นเพราะว่าคุณยังทำใจให้รักผู้ชาย และอยู่กินกันไม่ได้ต่างหาก แต่ตอนนี้ คุณยอมรับแล้วว่ารักเขา และอยากอยู่กับเขาใช่ไหมคะ ถ้าเพื่อนน้อยรู้เขาคงจะดีใจมากเลยค่ะ ที่ในที่สุด สิ่งที่เขาเพียรพยายามทำเพื่อให้คุณรักเขา ก็ประสบความสำเร็จ”

น้ำเสียงของน้อยบ่งบอกถึงความยินดี ผมเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้น

“แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เดียร์จะยอมกลับมาหาผมหรือเปล่าน่ะสิครับ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เรื่องนี้เดี๋ยวน้อยจัดการให้เองนะคะ จะช่วยพูดให้เจ้าเด็กโง่นั่นกลับมาหาคุณ น้อยได้ฟังคุณพูดแล้วก็รู้สึกดีใจแทนเพื่อนของน้อย จนคอยเวลาที่จะเล่าให้เขาฟังไม่ไหวแล้ว ถ้าเดียร์ยังดื้อไม่เชื่อ น้อยจะไปลากคอมาที่นี่ให้เองค่ะ”


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
น้อยรับปากกับผมเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทำให้ผมใจชื้นขึ้น มีความหวังว่าเดียร์จะกลับมาหาผมเหมือนเดิม เราจะได้ปรับความเข้าใจกันได้สักที

น้อยลากลับไปแล้ว ปล่อยให้ผมนั่งอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีขาว รอคอยให้เจ้าชายของผมกลับมาฉลองกันในค่ำวันนี้ น่าแปลกที่ก่อนน้อยจะมา ผมไม่รู้สึกอยากทานอะไรเลย แต่หลังจากได้พูดคุยกับน้อยแล้ว ผมก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที อาจจะเป็นเพราะผมหมดห่วงกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเดียร์และได้เวลาที่จะมาสนใจปากท้องของตัวเองกระมัง

ผมอุ่นข้าว และอุ่นอาหารที่เดียร์เตรียมไว้ให้ และลงมือทานอย่างมีความสุข สมองก็ครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะต้องทำต่อไป ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ผมจะนัดเจอกับศักดิ์ชาย และคุยกับมันให้รู้เรื่องว่ามันทำอย่างที่ผมคิดหรือเปล่า และถ้ามันยอมรับสารภาพว่ามันไปจริง

ผมก็จะคาดคั้นถามมันให้ได้ว่ามันทำอย่างนั้นเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และถ้าคำตอบที่ให้ไม่น่าพอใจ ผมก็จะเลิกคบมัน เสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะเรารู้จักกันมานาน ตอนเรียน มันก็เป็นเพื่อนที่ดีของผม คอยห่วงใย ช่วยเหลือผมตลอดเวลา แต่มันไม่น่ามาทำกับผมแบบนี้ เพื่อนกันทำไมต้องมาแตกคอกันเพราะผู้ชายคนหนึ่งด้วย ผมไม่เข้าใจเลย

ผมนึกถึงเจ้าสันต์ขึ้นมาทันที เวลาที่ต้องการให้ช่วยเหลือมันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ล่าสุดผมได้ยินมาว่ามันไปต่างจังหวัดเพื่อมอบสินไหมให้ผู้รับประโยชน์ของลูกค้าที่ตายไป แต่นี่ก็หลายวันแล้วทำไมมันถึงยังไม่มาสักทีก็ไม่รู้ ผมอึดอัดใจ และอยากเล่าให้มันฟัง บางทีมันอาจจะมีวิธีการดีๆในการแก้ปัญหาให้ผมก็ได้

เจ้าสันต์ตายยากจริงๆ นึกถึงมันปุ๊บ โทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้นมาทันที เพื่อนรักของผมโทรมาจากต่างจังหวัด มันไปมอบสินไหมเสร็จก็ลาพักร้อนไปเที่ยวกับเบนเพื่อฉลองวันวาเลนไทน์กันสองคน พรุ่งนี้มันถึงจะกลับ ผมบอกมันว่าตอนมันไม่อยู่มีเรื่องราวต่างๆมากมาย ผมอยากจะพูดคุยปรึกษาหารือกับมัน จะได้ช่วยกันคิดช่วยกันตัดสินใจ มันก็รับปากว่าจะรีบมาหาผมทันทีที่กลับมาถึงกรุงเทพ ตอนนี้ขอมันสวีทกับเบนก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ผมด่ามันด้วยความหมั่นไส้ มันหัวเราะ แล้วก็รีบวางสายไป
“เดียร์ อย่าหนีฉันไปไหนนะ ฉันรอนายอยู่”

ผมพึมพำกับดอกกุหลาบสีขาวในแจกัน เห็นหน้าเดียร์ลอยอยู่เต็มดอกกุหลาบทุกดอก สงสัยผมจะเป็นบ้าไปแล้ว คิดถึงเดียร์จนเห็นทุกอย่างเป็นเขาไปหมด

นึกแล้วก็ขำตัวเองที่มีอาการเหมือนเด็กวัยรุ่นริมีรัก ทั้งๆที่เมื่อคืนก็โดนเล่นงานจนก้นระบมไปหมด แกล้งเดียร์ดีไหมน้า..ถ้าเขากลับมาแล้ว และขอมีอะไรกับผมอีก ผมจะบอกว่าเขาว่าถ้ำปิด เชิญมนุษย์ค้างคาวไปโผล่เข้าถ้ำอื่นดีไหม แต่ว่าไม่เอาดีกว่าเกิดงอนไปมุดถ้ำอื่นจริงๆ เดี๋ยวผมได้หึงตายกันพอดี คิดมาถึงตรงนี้ผมก็อดยิ้มขำให้กับตัวเองไม่ได้ ผมท่าจะเสียสติไปแล้วจริงๆ

อารมณ์ของผมดีขึ้นมากมาย ผมทานข้าวเสร็จ ล้างถ้วยล้างชาม เอายาที่หมอให้มากิน มือของผมจะได้หายเจ็บเร็วๆ จะได้กอดเด็กหนุ่มเต็มไม้เต็มมือของผม จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำ ทุลักทุเลนิดหน่อย ตรงที่ต้องหาถุงพลาสติกมาห่อหุ้มมือไว้ข้างหนึ่ง ไม่ให้มันเปียกน้ำ

จากนั้นผมก็มาเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ นึกไปถึงตอนเย็นที่เราจะอยู่ด้วยกัน ผมจะใส่เสื้อผ้าสีอะไรดีนะ เดียร์จะได้ประทับใจ สีชมพูดีไหม หรือสีฟ้าอ่อนดี ผมเลือกเสื้อผ้าอยู่นานสองนาน กว่าจะตัดได้ว่าจะใส่เสื้อสีชมพูดที่เดียร์ซื้อให้ กับกางเกงสีขาว

คงจะถูกเจ้าเด็กบ้านั่นแซว ว่าหวานไปทั้งตัว แล้วตามเคยเขาก็คงใช้ทั้งจมูกและปากของเขาซุกซนลิ้มรสความหวานหอมจากตัวผมอย่างที่เขาชอบทำ

อยู่ๆผมก็เกิดอาการหน้าแดงขึ้นมา เมื่อสำนึกได้ว่า ผมทำเหมือนกับผู้หญิงที่กำลังจะไปออกเดท ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงจริงๆจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเป็นชั่วโมง รื้อหาตัวที่จะใส่ไปงานเพื่อให้ติดตาต้องใจคนรัก

รู้สึกอายตัวเองเหลือกำลัง จึงหงายหลังล้มตัวลงบนที่นอน หยิบเจ้าตุ๊กตาหมูสีชมพูเรียวจังมากอด มองหน้าเดียร์ที่อยู่บนปลอกหมอนอีกฝั่ง เอามือข้างที่ว่างไล้ใบหน้าที่ยิ้มเห็นฟันขาวสะอาดนั่น แล้วพึมพำเบาๆว่า “ฉันรักนาย” จากนั้นผมก็ปิดเปลือกตาลง และหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ ผมมองไปรอบห้องที่มืดมิด นี่คงจะค่ำแล้ว ผมหลับยาวกินเวลาหลายชั่วโมง ผมเปิดโคมไฟที่หัวเตียง มองนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตรงโต๊ะ มันบอกเวลา ทุ่มสิบห้านาที

เดียร์กลับมาหรือยังนะ ถ้ามาแล้วคงจะอยู่ข้างล่าง จัดเตรียมอะไรไปเรื่อยๆ รอเวลาที่ผมจะตื่นขึ้นมาเพื่อฉลองกัน เสียงโทรศัพท์ของเดียร์ยังคงดังต่อเนื่อง ขึ้นเรื่อยๆ ผมเอื้อมมือไปรับ น้อยนั่นเองที่โทรมา

“ทานข้าวหรือยังคะ คุณเรียว”

“หลังจากที่น้อยกลับไป ผมก็ทานข้าว แล้วขึ้นมานอน เพิ่งจะตื่นนี่แหละ น้อยมีอะไรหรือครับ”

“เอ้อ...คือว่า.....”

ท่าทางน้อยไม่ค่อยอยากจะพูดสักเท่าไหร่ ผมเริ่มเอะใจแล้วว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น นึกถึงเดียร์ขึ้นมาทันที

“ทำไมหรือครับ”

b_hihi

  • บุคคลทั่วไป
เดียร์เป็นอะไร

ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆๆ



ชอบจัง บีบคั้นอารม สุดๆ

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
 :serius2: :serius2:

เกิดอะไรขึ้น กับ เดียร์เนี่ย

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย  อุปสรรคช่างเยอะจริงๆ

แล้วเมื่อไหร่ 2 คนนี้จะมีความสุขซะที









รอคอยตอนที่ 51 อย่างใจจดจ่อ o6

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
ตอนต่อไปหวังว่า คงจะ



ไม่มีเรื่องเลว ร้าย เกิดขึ้นน่ะ

zheeiiz*

  • บุคคลทั่วไป

ขอให้เดียร์ไม่เป็นอะไรนะคะ
ไม่อยากให้เกิดเรื่องแล้ว เศร้า 

ชอบที่เรียวเรียกเดียร์ว่า สุดที่รักของผม
มาก ๆ เลย น่ารักอ่ะ >o<'


รีบมาต่อนะคะ คอยอยู่ เป็นกำลังใจให้ด้วย .

 :L2:


*

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ชอบเรียวมากมาย  :impress2:

ltahset

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:

เอาใจช่วยเรียว

ลุ้นมากมาย

^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด