My First Boyfriend Part 3:By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend Part 3:By Katesnk  (อ่าน 172363 ครั้ง)

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
My First Boyfriend Part 3:By Katesnk
« เมื่อ02-01-2009 16:28:04 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

............................
กรุณาอ่านภาคที่ 1-2 ก่อนนะจะได้เข้าใจ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2293.0
 :pig4: :pig4: :3123:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2010 18:42:29 โดย THIP »

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #1 เมื่อ02-01-2009 16:28:27 »

บทที่ 1

“ที่รักครับ เราไปเดินสวนจตุจักรกันเถอะ อย่ามัวอุดอู้อยู่แต่ในบ้านเลยนะ”
เดียร์ร้องชวนผมทันทีที่โผล่เข้ามาในบ้าน วันนี้เด็กหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวหลวม แขนกุดกับกางเกงลำลองขาสั้นเลยเข่ามานิดหนึ่ง แต่ถึงกระนั้น ร่างสูงนั้นก็ยังคงความหล่อเหลาสะดุดตา
เขาเดินเร็วๆเข้ามาหอมแก้มผมที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก วันนี้ เด็กหนุ่มมาช้าไป 45 นาที แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะนับตั้งแต่วันที่เรามีอะไรกัน หมอนี่ก็ถือวิสาสะเข้าออกบ้านผมได้ตามอำเภอใจ นึกอยากจะมาวันไหนก็มา หากผมไม่อยู่ก็นั่งรอหน้าบ้าน บางทีก็ไปนั่งเล่นบ้านพี่สมชายหรือไม่ก็เดินเล่นเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้จนกว่าผมจะกลับมา
เดียร์อ้างกับพี่สมชายว่าเขาเป็นญาติกับผม ซึ่งพี่สมชายจำเดียร์ไม่ได้ เขาไม่คิดว่าเด็กที่ชอบไปนั่งเล่นกับลูกของเขาที่บ้าน กับ เด็กคนที่เขาเห็นเคยส่งหนังสือพิมพ์เป็นคนๆเดียวกัน เพราะโดยปกติ เดียร์จะมาส่งหนังสือพิมพ์แต่เช้ามืด แล้วก็รีบกลับไป อีกทั้งในช่วงหลังนี้ เดียร์ก็ไม่ได้มาส่งหนังสือพิมพ์ที่บ้านผมดังเดิมอีก เวลาเห็นก็เห็นเพียงแค่แว่บๆ แกก็เลยจำไม่ได้ ซึ่งก็ดีกับผมมาก เนื่องจากขี้เกียจอธิบายให้พี่สมชายฟัง ว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร
มีเด็กหนุ่มคนใหม่มาส่งหนังสือพิมพ์ แน่นอนไม่ได้ส่งบ้านผม เพราะผมไม่ได้สั่งอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นเดียร์ทำให้เป็นกรณีเฉพาะกิจ ก่อนที่เรื่องราวระหว่างเราจะลงเอยบนเตียงนอน หลังจากนั้นก็ไม่ทำต่อ บางทีผมก็คิดว่าการทำแบบนี้ของเดียร์ มันเข้าข่าย ทุ่มเทเพื่อให้รัก พอได้แล้วก็เปลี่ยนไป ทำตัวไม่เสมอต้นเสมอปลายเอาเสียเลย แล้วอย่างนี้จะเชื่อใจอะไรได้อีก
ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดไปได้ถึงขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนี้มาสร้างความเคยชินให้กับผมก็ได้ พอเขาเลิกทำสิ่งที่เคยทำเป็นประจำ ผมก็รู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันขาดหายไป แล้วก็คิดเอาเองว่า เขาเป็นคนที่ไม่มีความมั่นคง ประมาณหลอกให้อยากแล้วจากไป แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เจ้าเด็กคนนี้หยุดมาหาผมในตอนเช้า เพราะว่าเขาได้รับการบรรจุให้เป็นพนักงานประจำในร้านกาแฟแทนการเป็นพนักงานชั่วคราว โดยเข้าทำงานกะดึก แล้วไปเลิกงานเอาตอนเช้า ทำให้เขาไปส่งหนังสือพิมพ์ไม่ได้ รายได้ตรงนี้มันดีมากกว่าที่จะไปตระเวนส่งหนังสือพิมพ์เสียอีก ซึ่งจากความจำเป็นในการดิ้นรนเพื่อเลี้ยงชีพในเมืองหลวงทำให้เดียร์ยอมเปลี่ยนงาน
ถึงแม้ผมจะไม่ได้เห็นหน้าเดียร์มาส่งหนังสือพิมพ์ในตอนเช้า แต่สิ่งที่เขาเพิ่มเติมมาให้ก็คือวันเวลาที่ได้อยู่กันมากขึ้น เขาจะมาหาผมบ่อยๆ แล้วก็อยู่ด้วยจนถึงประมาณ 2 ทุ่ม ก่อนที่จะออกไปร้าน มาทำกับข้าว ปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้ รวมถึงเอาข้าวให้เจ้าหญิงกินด้วย ผมเองเคยรู้สึกเบื่อๆอยากๆ อารมณ์ประมาณว่า เวลาเดียร์อยู่ด้วยก็รำคาญ แต่ไม่ได้เห็นหน้าก็อดคิดถึงไม่ได้ เพราะเจ้าเด็กนี่ ชอบมาวุ่นวาย นัวเนียชิดใกล้ผมอยู่ตลอดเวลา แถมซ้ำออกแนวหึงหวงผมอีกด้วย แต่จะเป็นแบบนิดๆหน่อยๆไม่มากอะไร ยกเว้นแต่เมื่อไหร่ที่ผมพูดถึงศักดิ์ชาย เขาจะคอแข็ง ตัวแข็ง ตาขวางขึ้นมาทันที
ผมไม่ได้ต่อว่าอะไรเขาที่เขาละเมิดสัญญาที่จะมาหาผมแค่เฉพาะวันอาทิตย์ เพราะบางทีผมก็ได้คิดว่าการมีเด็กหนุ่มมาวุ่นวายอยู่ด้วย ทำให้ชีวิตที่ว่างเปล่าของผมรู้สึกสมบูรณ์ขึ้น มันดูไม่เงียบเหงาจนเกินไป แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่เคยทำอะไรเสียหายร้ายแรง มีแต่จะมาคอยช่วยทำโน่นทำนี่ ทำให้บ้านของผมดูสะอาดสะอ้านมากกว่าเวลาที่ผมทำเอง หรือจ้างคนอื่นมาทำ แถมซ้ำเจ้าหญิงก็ได้เพื่อนเล่นคนใหม่ที่รักมัน แล้วก็เลี้ยงดูมันจนอ้วนพี เดี๋ยวนี้หมาของผมมันทรยศ รักคนอื่นมากกว่าเจ้าของมันเสียแล้ว
“ทำไมต้องไปถึงนั่นด้วย จะไปซื้ออะไรเหรอ”
“ต้นไม้อ่ะครับ บ้านเรียวน่ะ มีพื้นที่พอที่จะปลูกต้นไม้ได้ ผมเลยคิดว่า น่าจะลองหาต้นไม้ที่ดูทนๆ สวยๆมาปลูกบ้างอ่ะครับ จะได้ทำให้บ้านของเรียวดูสดใสขึ้นอ่ะ”
“ทำไมเหรอ บ้านฉันมันดูอึมครึมมากเลยหรือไง”
ผมย้อนถามอย่างขำขำ
“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว ตั้งแต่มีเดียร์คนดีของเรียวเข้ามา บ้านก็ดูสว่างไสวสดชื่นขึ้นตาเห็น ด้วยเหตุนี้แหละครับที่ทำให้ผมต้องมาหาเรียวบ่อยๆ เรียวจะได้มีช่วงเวลาที่มีความสุขบ้างไงครับ”
“ใครบอกกัน ว่าเวลานายอยู่ด้วยแล้วฉันจะมีความสุข”
“ไม่มีใครบอกหรอก ผมพูดเอง ก็รู้สึกอย่างนั้นนี่นา แล้วเรียวอ่ะครับ รู้สึกดีๆบ้างไหมที่มีผมมาอยู่ด้วย แต่ผมคิดว่าเรียวต้องรู้สึกดีแน่ๆ ดวงตาของเรียวมันฟ้อง ผมพูดถูกไหมล่ะครับ”
เดียร์ถามเสียงอ่อนเสียงหวาน เขามองสบตาผมด้วยดวงตาหวานซึ้ง ริมฝีปากเหยียดออกเป็นยิ้มกว้าง เห็นฟันขาวสะอาด และลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้ม
“ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย”
ผมตอบเขาแบบไม่ตรงความจริงเท่าไหร่นัก และลอบสังเกตสีหน้าเขา เดียร์หุบยิ้ม ทำปากยื่น หน้างอ
“ใจร้าย พูดไม่ตรงความเป็นจริง โกหกนั้นตาย ตกนรกด้วย”
“ใครว่าต้องรอตอนตายก่อน..... ตอนนี้ฉันก็รู้สึกเหมือนกับตกนรกทั้งเป็นอยู่ดี ไม่เห็นว่าต้องรอเวลานั้นมาถึงเลย”
ผมแกล้งกัดเขาต่อ เด็กหนุ่มมีสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้น เขาจ้องตาผม แล้วถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส เป็นจริงเป็นจังว่า
“อยู่กับผมแล้วเรียวทุกข์ใจอย่างนั้นเลยหรือครับ”
ตอนแรกผมตั้งใจจะอำเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเห็นหน้าจืดจ๋อยกับดวงตาเศร้าๆนั้นก็แกล้งไม่ลง รู้สึกสงสารขึ้นมาทันที
“จะบ้าเหรอ อยู่ๆก็เป็นอะไรขึ้นมาล่ะ พูดเล่นด้วยก็กลับคิดเป็นจริงเป็นจัง นี่แหละนรกชัดๆเลยอ่ะ ถ้าต้องมาพูดคุยกับคนที่ไม่ค่อยเข้าใจคนอื่นแบบนายอย่างนี้”
ใบหน้าหม่นหมอง ดูสดใสขึ้นมาทันที
“ผมก็คิดไว้อยู่แล้ว ว่าคงไม่ใช่หรอก เพราะผมเห็นเรียวยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับที่ผมเคยเห็น แสดงว่า เวลาเรียวอยู่ใกล้ๆผมต้องมีความสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลย จริงไหมครับ”
เด็กหนุ่มยื่นหน้ามาจนชิด ทำหูตาแพรวพราว ผมใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเขาแล้วผลักออกเบาๆ
“มาอีกล่ะ ไอ้โรคหลงตัวเองนี่ แก้ไม่หายเลยนะ แถมยังมีโรคอารมณ์แปรปรวนเพิ่มไปอีกด้วย เดี๋ยวทำหน้าตายิ้มแย้ม เดี๋ยวทำหน้าเศร้า ปรับตัวตามนายไม่ถูกหรอก”
ผมค่อนว่าเขา เดียร์ยิ้มแป้นให้ผม ทำหน้าทะเล้น
“ก็เรียวอ่ะ ทำให้ผมมีทั้งความสุขและความทุกข์ในเวลาเดียวกันอ่ะ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ชอบที่จะได้อยู่ใกล้ๆเรียวนะครับ รู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างที่หายไป มันถูกเติมเต็มจากการที่ได้อยู่ร่วมกันกับคุณ ไม่รู้ว่าเรียวคิดแบบเดียวกับผมหรือเปล่า แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆครับ”
เด็กหนุ่มตอบด้วยท่าทางที่มีความสุข ผมสบตาเด็กหนุ่ม แล้วเกิดความรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถุก เจ้าเด็กบ้าเอ้ย ทั้งๆที่รู้ดีว่าไม่มีหวัง แต่ก็ยังพยายามจนถึงที่สุด ผมนับถือน้ำใจเขาจริงๆ ถ้าเป็นผม คงถอดใจไปนานแล้ว
“อย่ามัวแต่พูดกันเลย จะไปสวนจตุจักรก็รีบไป เดี๋ยวจะร้อนมากกว่านี้ จะเดินสวนไม่สนุกนะ ลิสต์รายการไว้ก่อนเลย ว่าจะเอาอะไรบ้าง จะได้ไม่เดินสะเปะสะปะเสียเวลาไปเปล่าๆ ยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ”
ผมพูดตัดบทไม่อยากจะคุยกันให้มากความ เพราะเจ้าเด็กบ้านี่ ชอบพูดอะไรเข้าข้างตัวเองที่สุด ถ้าไม่ระมัดระวังตัวให้ดี ก็จะเข้าตัวผมทุกที ทางที่ดี ควรหลีกหนีไปจากสถานการณ์ที่ทำให้กระอักกระอ่วนใจดีกว่า
เราไปถึงสวนจตุจักรกันประมาณสายๆ แดดยังร้อนไม่มาก เดินกันได้สบายๆ เดียร์เดินจูงมือผมพาเดินลิ่วๆตรงไปยังโซนที่ขายต้นไม้ มือของเขาแข็งแรงมาก พยายามสะบัดอย่างไรก็ไม่ออก เด็กหนุ่มเห็นผมทำท่าขัดขืนไม่อยากให้เขาจูงมือผมในที่สาธารณะ ก็เลยพูดเสียงอ้อนน่าเห็นใจว่า
“คนมันเยอะนะครับ เดี๋ยวหลงกัน ผมกลัวว่าจะหาเรียวไม่เจออ่ะ”
“โทรศัพท์ก็มี โทรตามเอาก็ได้”
“บางมุมมันไม่มีสัญญาณนี่ครับ แต่เดินจูงมือกันไปแบบนี้ก็ดีแล้วนะครับ เรียวไม่ต้องอาย หรือรู้สึกไม่ดีนะ เป็นเพื่อนกัน ก็จูงมือกันได้นะครับ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก เชื่อผมสิ”
“บ้าสิ ผู้ชายต่อผู้ชาย จูงมือกันเดินนี่นะ มันจะสำคัญกันเกินเพื่อนไปหน่อยมั้ง”
“แหม ก็อย่าคิดมากเลยนะครับ ไม่มีใครรู้จักเราหรอกนะ คนมันก็เยอะด้วย ผมจับมือเรียวไว้แบบนี้ จะได้อุ่นใจว่าเรียวอยู่ใกล้ๆผม ไม่ได้หนีหายไปไหน ผมห่วงเรียวอ่ะครับ ทั้งห่วงและหวงมากด้วย ถ้าไม่ให้จับมือ สงสัยผมต้องโอบไหล่ หรือโอบเอวเรียวไว้ แล้วเดินไปด้วยกันแล้วอ่ะครับ กลัวว่าคุณจะหายไปจริงๆนะ”
ผมมองหน้าตาอ้อนๆแล้วเกิดความรู้สึกหมั่นไส้ แต่ก็เป็นเพียงความรู้สึกเล็กน้อย สิ่งที่เดียร์ต้องการไม่ถึงกับสร้างปัญหาให้ผมเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยชินกับการที่จะถูกจับมือถือแขน จูงไม้จูงมือจากผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะผมเพิ่งผ่านการมีอะไรกับผู้ชายคนนั้นเมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วเขาก็รักผมมากเสียด้วย ก็เลยอดที่จะรู้สึกขัดเขิน ประดักประเดิดไม่ได้ กลัวสายตาที่คนอื่นมอง กลัวว่าเขาจะคิดว่าผมกับเดียร์เป็นพวกเดียวกัน
แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่า ไม่เป็นไรมั๊ง เพราะท่าทางบุคลิกภายนอกของเดียร์ ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกสักนิดว่าเขาเป็นเกย์ นอกเหนือจากอาการที่ชอบออดอ้อน เอาอกเอาใจ นัวเนียไม่ยอมห่าง ซึ่งผมก็เคยเห็นผู้ชายแท้ๆบางคนก็เป็นกัน ผมก็ไม่เคยเห็นเดียร์ทำท่าตุ้งติ้ง เป็นผู้หญิง หรือ แสดงออกให้ใครรู้ว่าเป็นเกย์เลย ตรงกันข้าม ดูภายนอกเขาเป็นเด็กหนุ่ม ท่าทางแมนๆ กวนๆ ห้าวๆ หน้าตาหล่อเหลา หุ่นดี กล้ามสวย ความเป็นลูกครึ่ง ทำให้เขาได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ สาวใดได้เห็นคงอดที่จะหลงรักเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าอยู่ในความฝันของสาวทุกคน หน้าตาดี จิตใจดี แถมซ้ำยังมีอารมณ์ขัน และทะลึ่งตึงตังอีกด้วย
น่าเสียดายที่เขาไม่เลือกไปหว่านเสน่ห์กับสาวๆพวกนั้น แต่ดันกลับมาเลือกหว่านเสน่ห์เอากับผมซึ่งไม่นิยมสร้างความสัมพันธ์ที่ผิดเพศ ถึงแม้ว่าผมจะเคยมีอะไรกับเขา แต่ผมก็ได้ข้อแก้ตัวสำหรับตัวเองแล้วว่า มันเป็นไปตามธรรมชาติของความอยากรู้อยากลองเท่านั้น ผมไม่ได้พิศวาสเขาแต่อย่างใด ดังนั้นแม้ว่าเดียร์จะทุ่มเทความรักให้ผมมากมายแค่ไหน ผมก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ทำแล้วสูญเปล่าอยู่ดี

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #2 เมื่อ02-01-2009 16:29:49 »

ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจว่าเดียร์อ้างเหตุผลต่างๆฟังขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง เพื่อหว่านล้อมให้ผมยอมให้เขากุมไม้กุมมือพาไปไหนต่อไหนในสวนจตุจักรแห่งนี้ แต่อะไรบางอย่างไม่รู้สั่งการให้ผมไม่ขัดขืนเขาอีกต่อไป ดูเหมือนว่า เดียร์จะพออกพอใจมาก ที่ผมปล่อยให้เขาจูงมือผมไปโดยดี เขาจับมือผมไว้แน่น และคอยส่งสายตาหวานๆของเขามองผมตลอดเวลา เหมือนจะคอยดูแลคุ้มครองให้ ตรงไหนที่มีคนเยอะๆ เดียร์ก็จะเดินนำหน้า เอาตัวปะทะแหวกฝูงชนให้ก่อน โดยให้ผมเดินตาม เขาคอยเอาใจใส่ ถามไถ่ตลอดว่าผมเหนื่อยไหม หิวหรือเปล่า ทานน้ำไหม ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยจนผมรู้สึกเขิน
“เรียวอยากจะปลูกต้นไม้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”
เดียร์ถามเมื่อพาผมเดินไปยังแหล่งต้นไม้ ผมกวาดตามองไปทั่ว แล้วยักไหล่ ไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรมาปลูกดีสำหรับผมแล้ว ต้นไม้มันหน้าตาเหมือนๆกันไปหมดเลย
“ไม่รู้สิเดียร์ ฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องต้นไม้เท่าไหร่ นายล่ะ พอจะรู้เรื่องบ้างหรือเปล่า”
เดียร์ยิ้มให้ผม พลางส่ายหน้า
“เหรอ นายก็ไม่รู้เหมือนกันใช่ไหม แหมนึกว่าเก่งไปหมดเสียทุกอย่าง มีเหมือนกันแฮะ ที่นายก็ทำไม่เป็น”
ผมแสร้งว่าเขายิ้มๆ เดียร์หัวเราะ ทำท่าอายๆ
“ก็แหม ผมน่ะจะทำได้ดี ในเรื่องที่ผมสนใจน่ะครับ บางเรื่องผมไม่ได้ศึกษามาก็ไม่มีความรู้นะ เอาอย่างนี้ ในเมื่อเราสองคนไม่รู้เรื่องก็ถามเขาดีกว่านะครับ”
“ก็ได้ ว่าแต่คิดกันก่อนดีกว่าไหมว่าพื้นที่แค่นั้น น่าจะปลูกต้นไม้แบบไหนดี”
“เอาเป็นพวกไม้ประดับดีกว่านะครับ เพราะบ้านเรียวมีต้นมะม่วงซึ่งเป็นไม้ยืนต้นอยู่หน้าบ้านแล้ว เราก็ปลูกต้นไม้อื่นที่สวยๆดีกว่า ผมว่านะ”
“เอาแบบนั้นก็ได้ ไหนๆนายจะช่วยแล้ว ก็ช่วยคิดช่วยทำให้มันตลอดรอดฝั่งนะ ฉันไม่มีไอเดียทางด้านนี้เลย”
“ครับ เดี๋ยวผมจะถามวิธีการปลูก การดูแลมาให้เสร็จสรรพเลย แต่ว่าถ้าผมทำให้หมดทุกอย่าง เรียวจะมีรางวัลความขยันให้ผมบ้างไหมครับ”
เด็กหนุ่มทำหน้าเจ้าเล่ห์ ผมถอนหายใจ ทำท่าเบื่อหน่าย
“โธ่เอ๊ย นึกว่าจะใจดีทำให้ฟรี ที่แท้ก็หวังสินจ้างรางวัล”
“แหม ผมไม่ได้หวังอะไรที่มันเกินกว่าสิ่งที่เรียวจะทำได้นี่ครับ”
“แล้วอะไรล่ะที่อยากจะได้อ่ะ”
“ก็ถ้าผมทำสวนสวยๆให้กับเรียวได้สำเร็จ เรียวก็ต้องอนุญาตให้ผมเข้าไปในตัวเรียวอีกครั้งนะครับ”
ผมหน้าแดงก่ำ เมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด เจ้านี่บ้าไปใหญ่แล้ว กล้าดียังไงที่มาขอแบบนี้
“นั่นแหละคือสิ่งที่มันเกินกว่าที่ฉันจะทำได้”
“ไม่อ่ะ เคยทำมาแล้วตั้งสามครั้ง ก็แสดงว่ามันไม่ยากหรอกครับ เพียงแต่เรียวไม่อยากให้ผมทำเท่านั้นเอง ผมรู้”
เด็กหนุ่มทำเสียงน้อยอกน้อยใจ
“ก็นั่นแหละคือตัวปัญหาล่ะ ฉันไม่ได้ยินยอมให้เป็นแบบนั้นสักหน่อย แต่เอาล่ะ เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ฉันก็ไม่อยากจะโทษใคร แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก อย่ามาอ้อนวอนเสียให้ยากเลย
ผมตอบเขาด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ การเผลอไผลในคืนนั้น เพียงแค่ครั้งเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว ผมไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นซ้ำๆอีก ผมรู้ว่าเดียร์รักผมมาก ก็หวังมาก หากผมยังยอมมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาอีก การจบกันของเราในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะยุ่งยากขึ้น
“อย่าคิดอะไรมากเลย ไปเลือกต้นไม้ดีกว่า แดดเริ่มร้อนแล้ว”
ผมบอกเขา เด็กหนุ่มมองผมอย่างรู้ทัน เขาไม่ว่าอะไรแต่กุมมือผมไว้แน่นเข้า ไม่ยอมปล่อย เหมือนพยายามจะส่งผ่านความรู้สึกทั้งมวลของเขาสู่ตัวผม ความรักที่เขามีให้มันมากมายสุดจะพรรณนา จนผมเองก็ได้แต่แอบรู้สึกสะท้อนสะท้านในใจ อยากรักเขาตอบแทน แต่ก็ติดตรงที่ว่า ผมกับเขาเป็นเพศเดียวกัน มันจะดีได้อย่างไร หากผู้ชายกับผู้ชายจะลุกขึ้นมารักกันเอง
“ไม้ที่เขานิยมปลูก ตอนนี้ที่มาแรงก็จะเป็นลีลาวดีนะคะ ดอกสวย ชื่อก็เพราะ แถมซ้ำตั้งแต่มีการบอกต่อๆกันว่าเป็นนามพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ คนก็เลยฮือฮากันใหญ่ คนขายเร่งปลูก คนซื้อ แสดงความต้องการอยากได้อย่างมาก ทั้งที่จริงๆไม่ใช่เลยค่ะ”
คนขายที่เดียร์ไปถามไถ่ อธิบายถึงพรรณไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมมีชื่อเรียกว่าลั่นทม และคนไทยสมัยก่อนส่วนใหญ่ไม่นิยมเอาไปปลูกในบ้านเพราะคิดว่าเป็นต้นไม้อัปมงคล เพราะเข้าใจกันไปว่าต้นไม้นี้ชื่อใกล้เคียงกับคำว่า ระทม ซึ่งหากปลูกในบ้านแล้ว จะทำให้คนในบ้านนั้นได้รับความระทมทุกข์ เศร้าหมอง จึงชอบที่จะเอาไปปลูกปลูกตามวัด หรือป่าช้ารวมถึงที่สาธารณะ
แต่ถ้าศึกษาด้านภาษาจริงๆแล้ว คำว่า ลั่นทม เป็นคำผสมจากคำว่า "ลั่น" กับคำว่า "ทม" ซึ่งคำว่า "ลั่น"นั้นมีความหมายว่า ละทิ้ง เลิก คำว่า "ทม" มาจากคำว่า ระทม ความระทม ความเศร้าหมองเมื่อนำมารวมกันจึงมีความหมายถึง ละทิ้งความระทม ละทิ้งความเศร้าหมองต่างๆนั่นก็คือการมีแต่ความสุขสดใสนั่นเอง
“นี่ก็เพิ่งไปอ่านมาจากในเวปนะคะ เขาบอกว่าทางกองบำรุงรักษาอุทยาน สวนจิตรลดาได้ยืนยันว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไม่ได้พระราชทานนาม "ลีลาวดี" และทรงทักท้วงเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วในหลายโอกาส ชื่อใหม่ของ "ลั่นทม" ที่เปลี่ยนมาเป็น "ลีลาวดี"นั้นมีคนอื่นตั้งชื่อกันเอง ไม่ใช่ชื่อพระราชทานตามที่เข้าใจกันแต่อย่างใดค่ะ”
หญิงสาวเจ้าของร้านขายต้นไม้อธิบายฉอดๆ ท่าทางเป็นคนมีภูมิความรู้ เดียร์พูดคุยกับเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง เลยได้รู้ว่า เธอจบมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรักต้นไม้ กอร์ปกับที่บ้านเป็นร้านขายต้นไม้อยู่แล้ว จึงมาทำงานช่วยครอบครัวนับตั้งแต่เรียนจบ
ผมมองเด็กหนุ่มพูดคุยกับแม่ค้าขายต้นไม้ปริญญาตรีอย่างอดทึ่งไม่ได้ เด็กหนุ่มเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนได้ง่าย เพราะความเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส มองโลกในแง่ดี ช่างพูดช่างคุยของเขา บวกกับหน้าตาและบุคลิกที่ดูดี ทำให้ดึงดูดผู้คนให้เข้าหาได้ง่าย ถึงแม้ว่าเดียร์จะอายุยังน้อย ความคิดความอ่านบางอย่างอาจจะดูเป็นเด็กอยู่บ้าง แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็ทำให้เขามีความเติบโตทางความคิดมากกว่าเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่ยังพึ่งพาเงินทองของพ่อแม่อยู่เลย
ความช่างพูดช่างคุยของเดียร์ทำให้เขาได้ต้นไม้สวยๆ ในราคาย่อมเยาว์ แถมได้รู้กลเม็ดเคล็ดลับในการเลี้ยงดูต้นไม้ให้อยู่รอดนานๆ ออกดอกออกผลให้เป็นที่น่าพอใจ จากแม่ค้าที่ช่างพูดอีกด้วย ท่าทางแม่ค้าสาวดูจะถูกชะตากับเด็กหนุ่มมาก ยังบอกอีกด้วยว่า หากมาซื้อครั้งต่อไปจะลดให้เป็นพิเศษ แล้วแถมต้นไม้ให้อีกด้วย เดียร์รับปากว่าจะมาอีก ทำให้แม่ค้ายิ้มแก้มแทบปริ
เนื่องจากยังพอมีเวลา เดียร์จึงชวนผมไปดูเสื้อผ้ามาใส่เล่น ใส่เที่ยว เราสองคนจึงฝากต้นลีลาวดี กับชวนชม ต้นไม้มงคล จำพวก วาสนาอธิษฐาน และว่านต่างๆไว้กับทางร้านก่อน แล้วจึงพากันเดินไปดูเสื้อผ้า โดยที่เดียร์ยังยึดมือผมมากุมไว้เหมือนเดิม
“เรียวครับ ดูเสื้อยืดสวยๆกันดีกว่านะ”
เด็กหนุ่มจูงมือผมไปยังร้านเสื้อยืดสีสันสดใส ลวดลายเก๋ไก๋ ร้านใหญ่ร้านหนึ่ง เขายืนกวาดตาไปทั่ว แล้วก็ชี้ให้ผมดูเสื้อยืดที่แขวนไว้แถบหนึ่ง เป็นเสื้อยืดสีหวานๆสดใส มีทั้งชมพู เหลืองอ่อน เขียวอ่อน ฟ้า สีม่วง แล้วก็สีครีม
“ตัวสีชมพูนั้นเหมาะกับเรียวมากเลยนะครับ มีลายเล็กๆน่ารักดี”
ผมมองตามมือชี้แล้วหน้าแดง นึกในใจว่า เจ้าเด็กนี่จะบ้าหรือเปล่า ให้ผมใส่เสื้อสีหวานแบบผู้หญิงใส่นี่นะ ผมไม่ใช่ตุ๊ดสักหน่อย จะใส่เข้าไปได้อย่างไร
“สีหวานแบบนั้นมันเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า”
“อ๊า ไม่จริงนะครับ เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาก็ใส่กัน เรียวไม่รู้อะไรเสียแล้ว เดี๋ยวนี้น่ะ ผู้ชายเขาหันมาให้ความสนใจกับการแต่งเนื้อแต่งตัวมากขึ้นนะครับ ไม่ใส่อะไรที่ดูเฉิ่มๆเชยๆเหมือนสมัยก่อน เรียวคงได้ยินคำว่าผู้ชายเมโทรใช่ไหมครับ เมโทรเซ็กช่วลอ่ะครับ มีให้เห็นกันเกลื่อนเมือง เป็นผู้ชายก็สามารถแต่งตัวให้ดูดีได้พอๆกับผู้หญิงอ่ะครับ แล้วเขาก็หันมาใส่เสื้อผ้ามีสีสันกันแล้ว ไม่ใส่โทนทะมึนแบบที่เรียวใส่หรอกครับ”
เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับมองมาที่เสื้อผ้าที่ผมใส่แล้วยิ้มๆ ผมก้มลงมองตนเอง แล้วรู้สึกหน้าชา เจ้าหมอนี่ดูถูกว่าผมใส่เสื้อผ้าเชยงั้นเหรอ ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่าอะไรเพียงแต่สีเสื้อยืดที่ผมใส่อยู่มันเป็นสีดำเท่านั้นเอง แล้วมันเป็นยังไงเหรอ ก็ผมชอบอยู่แค่สองสีเท่านั้นนี่ สีขาวกับสีดำ นั่นแหละคลาสสิคที่สุดสำหรับผมแล้ว สีอื่นๆผมก็ใส่บ้างเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่านั้น หมอนี่จะมาเหมาว่าผมเชยไม่ทันสมัยได้ไง
“อ๋อ หนุ่มเมโทร ซึ่งเป็นคำเรียกของเกย์ที่อ้างตัวเองเป็นแมนใช่หรือเปล่า อย่างนักร้องบางคนใช่ไหม ที่หน้าเด้งเวลาออกทีวี แต่งตัวมากมายยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ถ้าหนุ่มเมโทรต้องแต่งตัวแบบนั้นทุกคน ฉันขอเป็นคนเชยๆดีกว่า”
ผมตอบเขาออกไปด้วยความหมั่นไส้ ใครจะอยากเป็นหนึ่งในกลุ่มเกย์เมโทรพวกนั้นกันล่ะ
“แหม เรียวนี่ก็ พูดนิดเดียวเท่านั้นเอง ออกตัวใหญ่เลยนะ กลัวว่าจะเป็นพวกเดียวกับผมหรือไงกันไม่ทราบครับ ที่ผมพูดเนี่ย ไม่ได้ต้องการให้เรียวแต่งเว่อร์ขนาดนั้นเสียหน่อย ผมเองเป็นเกย์แท้ๆก็รับไม่ได้เหมือนกันนะครับที่จะต้องแต่งตัวแบบนั้น เอาแค่รู้จักการแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดี เอาแต่พอควรก็พอ ผมน่ะ แค่อยากให้เรียวลองเปลี่ยนลุคส์ตัวเองดูบ้าง รู้ไหม เรียวน่ะ เป็นผู้ชายที่หน้าออกแนวหวานๆ ผิวก็ขาว ถ้าใส่สีอ่อนๆหรือสีสันที่สดใสจะยิ่งดูน่ารักดีอ่ะครับ ผมอยากเห็นเรียวในเสื้อผ้าแบบนั้นจัง”
เดียร์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังและจริงใจ ผมสบสายตาของเขา แล้วเบือนหน้าหนี เข้าใจดีถึงความหวังดีที่มีให้ บางอย่างผมก็ยินดีรับ แต่ถ้ามันฝืนความรู้สึกจริงๆผมก็คงต้องปฏิเสธ
“ไม่เอาดีกว่าเดียร์ แต่ถ้านายชอบใจก็เลือกซื้อไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปรอนายที่ร้านน้ำตรงนั้นแล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลา ว่าแต่นายจะทานน้ำอะไรไหม เดี๋ยวฉันสั่งไว้ให้”
ผมชี้ให้เขาดูร้านน้ำที่ผมจะเดินไปนั่ง เขาทำท่าอิดออดจะไม่ยอมให้ผมไป แต่พอเขาเห็นหน้าเซ็งๆของผม เขาก็เลยยินยอมแต่โดยดี แต่บอกกับผมว่า ไม่ต้องสั่งน้ำให้เขา เดี๋ยวเขาจะไปกินเอง ให้ผมไปนั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนเถอะ ผมรู้สึกผิดที่ปล่อยเขาทิ้งไว้คนเดียว แต่ผมก็ไม่อยากไปเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ผมไม่ชอบใส่ เพราะคิดว่ามันขัดแย้งกับบุคลิกของผม แต่เดียร์กลับชอบเสื้อผ้าสไตล์นี้ ผมเลยปล่อยให้เขาเลือกตามสบาย
ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง เดียร์ก็เดินยิ้มแป้นมาหาผม ในมือถือถุงใส่เสื้อผ้ามาสองสามถุงพอนั่งลงตรงหน้า เขาก็ปาดเหงื่อ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไปสั่งน้ำผลไม้ปั่นมาดื่ม ตามด้วยน้ำเปล่าอีก หนึ่งขวด หลังจากนั้นก็หันมายิ้มหวานให้ผม
“หิวไหมครับเรียว”
แทนที่ผมจะถามเขา เขากลับเอ่ยปากถามผมด้วยความห่วงใยเสียเอง จนผมอดรู้สึกแย่ไม่ได้ ที่ไม่ค่อยห่วงหาเขาเท่าไหร่ ไม่เหมือนเด็กหนุ่มที่คอยดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกของผมอยู่ตลอดเวลา
“นิดหน่อย แต่เอาไว้ไปทำอะไรกินที่บ้านกันดีกว่า นายล่ะ หิวหรือยัง”
“ก็หิวอยู่เหมือนกันนะ จะกลับกันเลยก็ได้นะครับ ผมจะได้รีบเอาต้นไม้ไปลงดิน อ้อ เดี่ยวอาจจะต้องแวะซื้อปุ๋ย จอบและพลั่วไปด้วยอ่ะครับ ที่บ้านเรียวไม่มีอุปกรณ์พวกนี้เลย แต่เดี๋ยวเรียวไปรอที่รถก่อน ผมจะเดินไปซื้อเองนะครับ เพราะรอบเดียวคงแบกของไปไม่หมดไหนจะต้นไม้อีก ตั้งหลายต้นแน่ะ”
“เดินไปด้วยกันก็ได้”
ผมรู้สึกเกรงใจ ถ้าจะไปนั่งอยู่ในรถตากแอร์เย็นๆคนเดียว โดยที่ปล่อยให้เดียร์เดินท่อมๆซื้อของกลางแดดเปรี้ยงๆคนเดียว โดยเฉพาะของเหล่านั้น มันเป็นของที่ใช้สำหรับบ้านผม เดียร์อุตส่าห์ทำให้ ผมจึงไม่อยากจะเอาเปรียบเด็กหนุ่มโดยการนั่งอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย
“จะดีหรือครับ แดดมันร้อนนะ”
“นี่ ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอนะ อะไรที่นายทำได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกันแหละ”
“แต่บางอย่างที่ผมทำได้ เรียวก็ไม่เห็นจะอยากยอมทำนี่ครับ แล้วจะว่าเราสองคนเหมือนกันได้ไง”
เดียร์ทำน้ำเสียงยั่วเย้า คำพูดของเขามีความนัยซ่อนอยู่ ผมแสร้งทำหน้าดุใส่เขา
“นายนี่ มันทะลึ่ง จริงๆ ตอดนิดตอดหน่อยก็ยังดี”
เด็กหนุ่มหัวเราะจนตาหยี แล้วชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบเบาๆที่ข้างหูว่า
“ทะลึ่งก็เฉพาะแต่กับเรียวเท่านั้นแหละครับ รักหรอกนะ ถึงได้แกล้งอำอยู่บ่อยๆ”
“ขอบใจนะ ไม่ต้องก็ได้ เบื่อแล้ว”
ผมทำเสียงลอดไรฟัน ไม่อยากพูดดังๆ เพราะอายคนอื่น เดียร์หัวเราะกิ๊กกั๊ก ชอบใจ พอคนเด็กเอาน้ำมาตั้งตรงหน้า เขาก็ละเลียดดื่มกินช้าๆ มองหน้าผมไป ท่าทางชอบอกชอบใจที่ได้แกล้งผม ช่างปะไร อยากทำอะไรก็ทำไป ไม่สนใจหรอก ผมแกล้งเบือนหน้าหนี หันไปมองนั่นมองนี่รอบๆตัว สายตามองผ่าน ร้านรวงที่แขวนเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ราคาถูกอย่างเพลิดเพลิน พลันสายตาของผมก็ไปสะดุดที่ผู้ชายสองคนที่กำลังเดินเกี่ยวก้อยกันมาใกล้จะถึงร้านที่ผมกับเดียร์นั่งกันอยู่ หนึ่งในนั้นผมจำได้ดี เขาคือผู้บริหารคนที่มีเรื่องกับผมบ่อยๆ และเคยเจอผมกับเดียร์ที่ห้างสรรพสินค้ามาแล้ว เขาไม่ได้มากับผู้ชายคนเดิมที่ผมเห็นคราวก่อน แต่คราวนี้มากับเด็กหนุ่มหน้าตาดี ซึ่งมองอย่างไรก็คล้ายกับน้องแซ่บของเจ้าสันต์
ผมล้วงเงินออกมาวางบนโต๊ะ แล้วรีบสะกิดเดียร์ให้ลุกขึ้นหนีไปจากร้านนั้น เดียร์ลุกตามผมอย่างงงๆ พอพ้นร้านไปแล้ว ผมจึงค่อยหันไปมอง ก็เห็นสองคนนั่น นั่งในร้านเรียบร้อยแล้ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เขาไม่ทันเห็นผมกับเดียร์ จะได้ไม่ต้องเป็นขี้ปากของเขา แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เริ่มรู้สึกหนักใจที่เห็นว่าคนที่เขาควงมาด้วยคือ คนที่เพื่อนรักของผมหมายปอง พยายามที่จะคิดในแง่ดีว่า เขาคงรู้จักกันธรรมดา หรือไม่ก็นัดกันมาซื้อประกัน แต่ท่าทางคล้องแขนที่เห็นมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นแค่เพื่อนกัน
นึกสงสารเจ้าสันต์ขึ้นมาทันที นี่มันจะรู้ไหมหนอ ว่าคนที่มันรักใคร่ชอบพอ ปันใจไปให้คนอื่น ถ้ารู้เข้ามันจะเสียใจหรือเปล่า หรือว่าทำเฉยๆ ผมเคยได้ยินมาว่า พวกเกย์มักจะชอบมั่ว คบกับใครไม่เคยยืดยาว ถึงเวลาหนึ่งก็เลิกร้างห่างกันไป ไม่เคยมีรักแท้ในหมู่เกย์ ไม่มีความสัมพันธ์ที่คงทนถาวร มีแต่ความรักที่ฉาบฉวย การเปลี่ยนคู่ควงบ่อยๆ การมีความสัมพันธ์กันเพียงแค่ต้องการปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมทำใจยอมรับเดียร์ไม่ได้ เพราะนอกจากเดียร์จะไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว ผมยังไม่เคยเชื่อมั่นในความรักของคนที่เป็นเกย์อีกด้วย สำหรับผมแล้ว มองความสัมพันธ์ที่ยืนยาวมากกว่า รักชั่วครั้งชั่วคราว หรือรักที่มุ่งหวังแต่เพียงเรื่องเซ็กส์เท่านั้น
“เฮ้ย มาได้ไงวะ”
มีคำกล่าวว่า พูดถึง โจโฉ โจโฉก็มา มันช่างใช้ได้กับสิ่งที่ผมเผชิญอยู่เสียจริง เจ้าสันต์ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ข้างกายของเขา คือ นายแดนนี่ หนุ่มเก๊กแมน แต่สาวแตก ที่เจ้าสันต์มันสอยเอามาได้จากผับในสีลมซอยสองวันเดียวกับที่ผมโดนเดียร์จับตัวไป
ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่อยากจะนึกเลยว่า คนที่รักกันหวานแหวว อย่างเจ้าสันต์ และน้องแซ่บหากต้องมาเจอกันในสภาพที่ต่างคนก็ต่างพาใครอีกคนมา มันจะเกิดอะไรขึ้นหนอ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #3 เมื่อ02-01-2009 16:31:55 »

 :m23: เหอะๆเนื้อเรื่องมันเยอะอ่ะ
เลยโพส 2 หน้า ไม่ว่ากันนะ :bye2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #4 เมื่อ02-01-2009 16:36:39 »

^
^
จิ้มคุณแอน  :z2: :z2:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #5 เมื่อ02-01-2009 16:40:40 »

มาจองที่อ่านเรื่องนี้


ขอไปอ่านก่อนนะคะ


+1เป็นกำลังใจให้พี่แอนคะ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~


เฮ้อ เมื่อไหร่เรียวจะใจอ่อนซะที

สงสารเดียร์ หงอย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2009 17:18:45 โดย nana lonely »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #6 เมื่อ02-01-2009 17:26:15 »

มาให้กำลังใจพี่แอน  :กอด1:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #7 เมื่อ02-01-2009 18:15:53 »

มาจองที่อ่านเรื่องนี้


ขอไปอ่านก่อนนะคะ


+1เป็นกำลังใจให้พี่แอนคะ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~


เฮ้อ เมื่อไหร่เรียวจะใจอ่อนซะที

สงสารเดียร์ หงอย

เค้าสอยกันไปเรียบร้อยแล้วแนนนี่ :z3:

ออฟไลน์ Mint

  • นิสัย!!
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +881/-17
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #8 เมื่อ02-01-2009 18:21:08 »

 :mc4: :mc4:

มาฉลองเรื่องใหม่



unnoname

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #9 เมื่อ02-01-2009 20:23:27 »

   
                                                  เรื่องใหม่  ^^

                                    เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก รออ่านตอนต่อไปค่ะ

           

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
« ตอบ #9 เมื่อ: 02-01-2009 20:23:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #10 เมื่อ02-01-2009 22:05:59 »

มาลงภาคสามต่อให้แล้ว

กรี๊ดดดดดดดดดดด

ดูพี่เรียวยังใจร้ายกับน้องเดียร์ได้ลงคอ

น้องเดียร์ออกจะน่ารัก

หัวใจเรียวยังไม่ละลายอีกเหรอเนี่ย

ฝากบอกพี่เคทด้วยนะคะว่านิยายเรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #11 เมื่อ02-01-2009 22:14:14 »

มาจองที่อ่านเรื่องนี้
ขอไปอ่านก่อนนะคะ
+1เป็นกำลังใจให้พี่แอนคะ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~
เฮ้อ เมื่อไหร่เรียวจะใจอ่อนซะที
สงสารเดียร์ หงอย

เค้าสอยกันไปเรียบร้อยแล้วแนนนี่ :z3:
แนนหมายถึงเมื่อไหร่

เรียวจะใจอ่อนยอมให้เดียร์....อีก :-[

อร้ายย แนนแอบหื่นนอีกแล้ววว

พี่แอนก้อ ดูจิ แนนพูดอะไรออกไป อายอ่ะ

ออฟไลน์ rayjikung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #12 เมื่อ03-01-2009 01:38:30 »

 :z2:

เย้ๆๆๆๆๆๆ


ได้อ่านพามสามแร้วววววว!!!!!~~~

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #13 เมื่อ03-01-2009 02:50:08 »

เข้ามาอ่านเรื่องใหม่ด้วยคนครับ


^V^




ออฟไลน์ Ugly-TheBeast

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #14 เมื่อ03-01-2009 05:19:34 »

ตามมาติดๆคับผม

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #15 เมื่อ03-01-2009 13:16:23 »

 :o8: ขอบคุณฮ่ะที่ให้กำลังใจ

+1 ให้ทุกคนที่น่ารักเลย :3123:

ไม่รู้พี่เคทมาอ่านบ้างป่ะ อยากจะถามจริ๊งจริง
อย่างน้องเดียร์นี้ไปหาจองได้ที่ไหน :m17:
จะแย่งมาจากเรียกก็กลัวเรียวจะเป็นม่าย o7
เค้าอยากได้แบบเดียร์ซักคนดิ หาให้หน่อย o9
นะพี่เคทนะ เค้าจะรอให้พี่เคทหาให้ดีกว่า :impress:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #16 เมื่อ03-01-2009 14:28:35 »

ขอ ชม ครับ

เรื่อง นี้ ไช้ถาษ ได้ดี มาก โดน อย่าง แรงงง

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #17 เมื่อ03-01-2009 15:39:22 »

 :z1: มาต่อให้แล้วขออนุญาติแบ่งเป็น 2 ตอนนะ
ก็มันยาวอ่ะ :m17: สงสารเค้าหน่อยนะ


บทที่ 2.1

เจ้าสันต์มองผมกับเดียร์สลับกันไปมา สายตาเจ้าเล่ห์มีแววอยากรู้อยากเห็น

“วันนี้คุณลูกค้า มาช่วย พ่อครัว ซื้ออะไรกันเหรอ”

“จะรู้ไปทำไมกันวะ”

ผมถามมันอย่างเคืองๆ นึกโกรธที่อุตส่าห์หลบจากผู้บริหารปากเสีย ก็ดันมาเจอเจ้าสันต์จอมปากโป้งจนได้ ความโมโหทำให้ผมพูดเสียงห้วนใส่มันไป มันทำหน้ายิ้มๆ ไม่ยักโกรธ

“แหม ก็แค่ถามเท่านั้นเอง ก็แค่อยากรู้ว่า ในวันอาทิตย์แบบนี้ ร้านก็ปิด ทำไมพ่อครัวกับลุกค้าจึงมาเจอกันได้ นอกจากจะนัดกันมา”

เจ้าสันต์พยายามคาดเดา แต่แดนนี่ กลับโผล่งขึ้นมา หลังจากยืนฟังได้สักครู่

“แหม สันต์ก็ จะไปอยากรู้ทำไม ก็เพื่อนคุณเขาก็มากับแฟนเขา เหมือนกับที่เราสองคนก็มาด้วยกันไง”

“แฟน.....??????”
 

o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22


ผมกับเจ้าสันต์พูดขึ้นพร้อมกัน เจ้าสันต์ทำหน้างงๆ ก่อนจะหันไปหาแดนนี่ เหมือนจะให้ช่วยอธิบายคำพูดของเขาที่พูดออกไปเมื่อสักครู่

“ก็หนุ่มคนนี้ คือ คนที่ เราเจอกันที่ผับในซอยสองไงครับ จำได้ป่ะ ที่ตอนนั้นผมจีบคุณเรียวอยู่ แล้วกำลังชวนกันไปทานข้าว แต่คุณเรียวไม่ไป เพราะมีแฟนมารออยู่แล้ว แฟนเขาก็น้องคนนี้ไงครับ ผมจำได้ดีเลย ถึงแม้ว่าไฟในบาร์มันจะมืดอยู่สักหน่อย แต่ผมก็จำหน้าตาของเขาได้ เพราะเขาหล่อสะดุดตาเหลือเกิน”

แดนนี่ อธิบายให้เจ้าเพื่อนรักของผมเข้าใจ ผมยืนนิ่ง รู้สึกหวั่นวิตกในใจ กลัวเจ้าสันต์จะจำเดียร์ได้ แล้วเขาก็จะเดาเรื่องออก มันยิ่งเก่งในเรื่องของการสืบค้นหาอยู่ด้วย
สิ่งที่ผมกลัวกลายเป็นจริง เจ้าสันต์หันขวับมาที่เดียร์ซึ่งกำลังยืนยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยุ่ หลังจากยืนพิจารณาใบหน้าของเด็กหนุ่ม จ้องเอา จ้องเอาอย่างไม่เกรงใจแล้ว มันทำหน้าเหมือนกับกำลังบรรลุสัจจธรรมในชีวิต ดวงตาของมันเปล่งประกาย เจ้าสันต์ลากผมไปยืนห่างจากเดียร์และแดนนี่ พร้อมกับพูดกับผมเสียงเบาๆแต่ได้ใจความว่า

“อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าทำไมถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตาจัง ที่แท้นายก็รู้จักกันมาก่อน โชคดีของนายนะ ที่วันนี้ฉันไม่ว่าง ต้องรีบไป แต่เอาไว้วันหลังฉันจะจับนายมาซักฟอก ให้นายบอกฉันทุกอย่างเลย ห้ามปิดบังด้วย” :m12:

ผมยักไหล่ ไม่รับปากมัน คิดเหรอว่าจะมาล้วงความลับผมได้ มันเองก็มีเรื่องที่ปิดบังอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการแอบนอกใจด้วยการมากับกิ๊กเก่า ถ้ามันปูดเรื่องของผม ผมก็จะบอกเรื่องนี้กับน้องแซ่บเหมือนกัน

“นี่เดียร์ทำไมยืนนิ่งอยู่ได้ ไม่ช่วยกันบ้างเลยนะ”

ผมหันไปต่อว่าเด็กหนุ่ใทันทีที่เจ้าสันต์เดินจากไปแล้ว เดียร์ยิ้มอย่างเห็นขัน

“เรียวจะให้ผมช่วยยังไงล่ะครับ”

“ก็พูดอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เจ้าสันต์ไม่ต้องเข้าใจผิด”

เด็กหนุ่มหัวเราะก๊ากที่เห็นผมพาลหาเรื่องใส่เขา เขาถามผมว่า สันต์เข้าใจผิดตรงไหน สิ่งที่สันต์และแดนนี่พูดมามันก็ถูกต้องแล้ว เขากับผมรู้จักกันมาก่อน แล้วก็รู้จักกันตั้งแต่ตอนที่อยู่ในบาร์ที่สีลม แล้วเราก็ทำสัญญาเป็นแฟนกันด้วย เพียงแต่ผมไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง แล้วก็หาทางปกปิดมันตลอด วันหนึ่ง คนก็ต้องรู้เห็นเรื่องของผมและเดียร์อยู่ดี

“แต่ถึงอย่างไร ฉันก็จะไม่มีวันให้ใครรับรู้ถึงข้อตกลงระหว่างเราหรอก มันไม่ใช่เรื่องดีงามอะไร ออกจะน่าอายด้วยซ้ำที่ นายใช้เล่ห์เหลี่ยมบังคับฉัน”

ผมอ้างถึงสิ่งที่เขาได้ทำกับผม เพื่อบอกเป็นนัยๆให้รู้ว่า ถึงผมจะยอมทำตามข้อสัญญา แต่ผมก็ไม่ชอบวิธีการของเขาเช่นกัน เด็กหนุ่มนิ่งไปอึดใจ และแล้วใบหน้าหล่อเหลานั้นก็มีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าให้เห็น

“มันเป็นกุศโลบาย เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่หวังครับ จำได้ไหม ผมเคยบอกกับเรียวหลายต่อหลายครั้งแล้ว ว่าคุณคือคนที่ช่วยชีวิตผมไว้ เป็นคนที่ผมต้องตอบแทนบุญคุณ ความดีของเรียว ช่วยทำให้ชีวิตที่ไร้ค่าของผมมีคุณค่าขึ้น แล้วผมก็รักเรียวมากจริงๆ หากผมไม่ใช้วิธีนี้ ผมคงไม่มีวันเข้าถึงตัว แล้วก็ได้เรียวมาเป็นของผมก็ได้” :m16:

อารมณ์ของผมยังคงขุ่นมัวอยู่ จึงไม่อาจจะทำใจให้ปลื้มไปกับถ้อยคำจริงใจที่เขาพูดออกมา ผมเดินหน้ามุ่ยตรงไปยังร้านขายต้นไม้ ไม่มีกระจิตกระใจจะเลือกซื้อข้าวของอย่างอื่นอีก อยากกลับไปบ้าน หนีขึ้นไปบนห้องนอน ปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้อง ปล่อยให้เดียร์ทำอะไรไปตามเรื่องตามราว ผมไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก ความที่ผมกลัวว่าเจ้าสันต์จะพูดมากปากโป้ง นำเรื่องของผมไปพูดคุยให้ใครต่อใครฟัง ทำให้ผมพาลเอากับเดียร์โดยไม่มีสาเหตุ
หลังจากเดียร์กับผมช่วยกันเอาต้นไม้ไว้ด้านหลังรถแล้ว ผมก็ก้าวขึ้นไปนั่งด้านคนขับ ล้มเลิกความตั้งใจที่จะช่วยเดียร์เดินเลือกซื้ออุปกรณ์สำหรับปลูกต้นไม้ เด็กหนุ่มมองหน้าผม มีแววไม่เข้าใจอยู่ในดวงตาของเขา แต่เดียร์เลือกที่จะเงียบ ในยามที่อารมณ์ของผมกรุ่นไปด้วยความโกรธ เขาเดินจากไปอย่างเงื่องหงอย ในทิศทางที่เป็นโซนขายต้นไม้และอุปกรณ์ทำสวน
เดียร์กลับมาในอีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง หอบจอบเสียม และปุ๋ยกลับมาด้วย เหงื่อผุดพรายท่วมตัวของเขา แก้มแดงจัดเพราะถูกแดด ผมรู้สึกสงสารเด็กหนุ่มที่ลงทุนทำทุกอย่างเพื่อผม แต่ความรู้สึกที่ว่า เขาเป็นคนพาเรื่องยุ่งยากมาให้ ทำให้ผมทำตัวเป็นคนใจดำ เมินเฉยต่อความเหนื่อยล้าของเขา ไม่ถามหรือพูดอะไรที่ให้กำลังใจเขาสักคำ พอเขาเอาของมาเก็บเรียบร้อย ขึ้นนั่งรถแล้ว ผมก็ออกรถทันที โดยระหว่างทางกลับบ้าน ไม่มีคำพูดใดๆเปล่งออกมาจากปากเราสองคน ผมนั่งเงียบ เดียร์ก็นั่งนิ่งเช่นกัน ต่างคนต่างปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปใกล
พอผมขับรถมาถึงหน้าบ้านแล้ว เดียร์ไม่ยอมลง แต่หันหน้ามาหาผม แล้วถามผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูเศร้าสร้อย แววตาหม่นหมอง

“เรียวโกรธผมทำไมหรือครับ แค่เรื่องที่ผมไม่ช่วยพูดแก้ต่างให้เรียวน่ะเหรอ หรือเรื่องที่ผมไม่ปฏิเสธที่เขาว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน ถึงทำให้คุณมึนตึงเฉยชากับผมแบบนี้”

คำพูดเชิงน้อยใจของเขา ทำให้ผมสะอึก พยายามนึกหาเหตุผลที่จะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นว่า โกรธเขาด้วยเรื่องอะไร มันก็ดันนึกไม่ออก จะว่าไปแล้ว สิ่งที่เดียร์ทำลงไป หากผมขัดขืนไม่ยอมซะอย่าง เดียร์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ในเมื่อผมเองไม่คัดค้านอย่างแข็งขันตั้งแต่แรก ผมจะไปโทษเขาได้อย่างไร คนที่ควรจะถูกตำหนิร่วมด้วยก็คือผมไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
สำนึกดีของผมกลับคืนมา รู้สึกละอายใจที่พาลใส่เด็กหนุ่มทั้งๆที่เขาพยายามเอาใจผมทุกอย่าง ดูสิ เขาเหนื่อยกับการซื้อข้าวแบกของให้ผมจนเหงื่อตก ผมยังไม่ยอมเห็นใจเขาอีก ผมนี่มันไร้หัวใจจริงๆ ขืนเป็นแบบนี้เท่ากับผมกำลังสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับเดียร์ว่า ทำดีแล้วไม่ได้ดี เดี๋ยวเขาจะท้อใจไปเสียก่อน

ผมยิ้มให้เด็กหนุ่มแทนการขอโทษเขาจากใจ ถึงผมจะหงุดหงิดที่เจอใครต่อใครที่รู้จัก ซึ่งอาจจะทำเรื่องวุ่นวายให้งานของผมพัง แต่ผมก็ไม่ควรจะไปลงโทษเด็กหนุ่มคนนี้ ผมไม่มีทางเลือกอีกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ได้ตัดสินใจยอมรับเงื่อนไขสัญญานั้น สิ่งที่จะทำได้ในตอนนี้คือ ต้องทำใจยอมรับ และพยายามหาทางไม่ให้เรื่องมันร้ายแรงมากยิ่งขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอกนะ อย่าคิดมากเลย ฉันแค่หงุดหงิดกับบางเรื่องเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็หายแล้ว เข้าบ้านกันดีกว่านะ มีงานให้ทำอีกเยอะเลย ทั้งปลูกต้นไม้ และทำความสะอาดบ้าน วันนี้นายจะทำอะไรให้ฉันกินน่ะ ชักอยากรู้ซะแล้ว ท่าทางจะอร่อยแน่ ตอนนี้หิวมากๆเลยนะ รีบไปทำกับข้าวกันเถอะ ฉันจะไปช่วยนายทำด้วย จะได้เสร็จไวไวนะ”

เดียร์ยิ้มหวาน เมื่อได้ฟังคำพูดชื่นชมจากผม เด็ก หนอ เด็ก เมื่อกี้ทำท่าน้อยอกน้อยใจผมอยู่ พอผมพูดจาดีด้วย ก็ยิ้มหน้าบานหุบไม่ลง เจ้าเด็กบ้านี่ ดูไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ

“ได้เลยครับ วันนี้ผมจะโชว์ฝีมือเมนูใหม่ล่าสุดที่ผมไปร่ำเรียนและฝึกปรือมา รับรองเรียวต้องชอบแน่ๆเลย ถ้าเรียวไปช่วยผมทำ ผมยิ่งมีกำลังใจทำสุดฝีมือเลยล่ะครับ”

ผมกลายเป็นลูกมือช่วยเดียร์ทำอาหาร และทำตามคำสั่งของเขาอย่างว่าง่าย ท่าทางเดียร์ดูจะมีความสุขมาก คุยฟุ้งถึงเรื่องการทำอาหารไม่หยุดปาก เขาให้ผมช่วยผัดผักให้ด้วย พอสุกได้ที่ เดียร์ก็มายืนใกล้ๆ แล้วก็สูดดมกลิ่นอาหารตรงแก้มผม แล้วก็บอกว่า ใช้ได้แล้ว

ผมงง ถามเขาว่า รู้ได้ไงว่ามันใช้ได้ แก้มคน กับอาหารมันคนละเรื่องกันเลย มาหลอกแต๊ะอั๋งผมใช่ไหม เดียร์หัวเราะก๊ากชอบใจที่ถูกจับได้ แต่ก็ยังแถไถบอกว่า กลิ่นอาหารมันติดที่แก้มผม เขาดมจากตัวผม ก็เหมือนกับได้ดมจากอาหารโดยตรง ให้ความรู้สึกดีกว่ากันเยอะเลย ผมรู้สึกขวางเขายิ่งนักที่เด็กหนุ่มคอยแต่จะหาเศษหาเลยกับผมอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดรู้สึกวูบวาบ พึงพอใจกับความเจ้าเล่ห์ของเขาที่คอยหาเรื่องลวนลามผมไม่ได้
หลังจากช่วยกันทำอาหาร แล้วก็ยกไปทานกันจนอิ่มพุงกาง ผมก็อาสาเก็บกวาดในครัว โดยที่เดียร์แยกไปเอาต้นไม้ลงดิน เราต่างแบ่งหน้าที่กันและกันทำเพื่อให้เสร็จเร็วขึ้น จะได้มีเวลาเหลือสำหรับการนั่งเล่นพักผ่อน หลังจากที่ผมจัดการเรื่องในครัวเสร็จแล้ว ผมก็เดินออกไปหน้าบ้าน เพื่อดูว่าเด็กหนุ่มทำสวนสวยให้ผมไปถึงใหน

ภาพที่ผมเห็นในตอนนั้นคือ ร่างสูงๆที่ไร้อาภรณ์ปกปิดลำตัวท่อนบนของเดียร์ชุ่มเหงื่ออยู่กลางแสงตะวันยามบ่ายคล้อย เด็กหนุ่มกำลังเอาต้นไม้ต้นสุดท้ายลงดิน และปรับแต่งดินที่โคนต้นให้ดูเรียบร้อยสวยงาม ผมยืนมองเดียร์อย่างเพลิดเพลิน เด็กหนุ่มเอาเศษใบไม้คลุมดินที่เพิ่งปลูกต้นไม้ลงไป และรดน้ำให้ความชุ่มชื้นกับมัน
เขายืนกอดอกเอียงคอมองผลงานของตัวเองด้วยความรู้สึกปลื้มปิติ และดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าถูกแอบมองอยู่ เขาหันขวับมาทางประตูบ้านที่ผมยืนมองอยู่ทันที รอยยิ้มกว้างที่เห็นฟันขาวสะอาดตาผุดขึ้นที่ใบหน้าเปียกเหงื่อของเขา เดียร์เดินตรงมาหาผม แล้วถามอย่างขอความคิดเห็น แต่จริงๆแล้ว เหมือนอยากให้ผมชมมากกว่า

“เป็นไงบ้างครับ ผมจัดตกแต่งสวนให้เรียวสวยไหม มีอะไรต้องเพิ่มเติมหรือเปล่า”
ผมคิดจะแกล้งเขาด้วยการบอกว่าเขาทำได้ห่วยแตกมาก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจพูดความจริงกับเด็กหนุ่มดีกว่า คนทำดี ต้องให้กำลังใจกันหน่อย ที่ผ่านมา ผมแกล้งเขามากเกินไปแล้ว

“ก็สวยดีนะ ไหนบอกว่าไม่เคยทำไง ดูไม่เหมือนเป็นครั้งแรกของนายเลย”

“แหมอะไรที่เป็นการทำครั้งแรกน่ะ ผมต้องพยายามทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว เรียวจะได้ประทับใจ แล้วใช้บริการผมอีกบ่อยๆ จริงไหมครับ เรียวคิดว่างั้นไหม ทำดีๆแล้วจะได้ทำอีกอ่ะ”

 :m3: :m11: :m3: :m11: :m3:


เด็กหนุ่มหลิ่วตา ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ประกอบคำพูดที่แฝงความนัย ผมหน้าแดงก่ำ เมื่อนึกได้ว่า เด็กหนุ่มหมายถึงอะไร ร้องด่าเขาว่า บ้า แล้วก็ด่าเขาอีกว่าไอ้เด็กทะลึ่ง เดียร์หัวเราะอย่างชอบใจ บอกว่า เขาไม่ได้คิดอะไรนะ ผมต่างหากที่ทะลึ่ง คิดไปเอง เขาหมายถึงว่า การทำอาหาร หรือ ทำสวนให้ผมต่างหาก ผมเลยผลักเขาหน้าหงายแล้วเดินหนีเข้าบ้าน เดียร์หัวเราะเสียงดังลั่นไล่หลังมา

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่1 2/1/09
«ตอบ #18 เมื่อ03-01-2009 15:49:50 »

“ล้อเล่นอ่ะ ที่รัก แต่มันก็มีส่วนจริงอยู่นะครับ เพราะว่าคนที่ผมรักและคาดหวังว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตก็คือเรียวไงครับ ผมจึงพยายามทำทุกอย่างที่ดีเลิศที่สุดให้กับเรียวอ่ะ ผมน่ะ อยากให้เรียวเห็นผมเป็นคนที่สำคัญที่สุดของเรียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ต้องพยายามเท่าไหร่ ผมก็จะอดทนแล้วก็ทำให้มันเกิดขึ้นให้จงได้ หากผมทำให้เรียวพอใจ ทำให้เรียวชอบผมได้มากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็มีโอกาสมากขึ้นเท่านั้นนะครับ”

เด็กหนุ่มเดินตามเข้ามาในบ้าน และทรุดลงนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับที่ผมเพิ่งนั่งลงเมื่อสักครู่ แล้วก็พูดกับผมด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูมุ่งมั่นจริงจังผมรู้สึกปวดหนึบที่ตรงหัวใจ จากความปลาบปลื้มตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกที่มีคนอื่นมาให้ความสำคัญกับตัวเองอย่างมากมาย บวกกับความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถจะทำให้คนที่รักเราขนาดนั้นสมหวังได้ ผมทั้งดีใจและรู้สึกแย่ไปพร้อมๆกัน

“ตัวนายเหม็นเหงื่อมากเลยนะ ไปอาบน้ำเถอะ”

ผมแสร้งว่าเขาเพื่อหลีกเลี่ยงไปจากสถานการณ์ที่ทำให้ตนเองอ่อนแอ ยิ่งรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ มีความดี ความน่ารักในตัวมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่ปลอดภัยกับหัวใจของผมเองเท่านั้น ผมกลัวเหลือเกินว่า สักวันหนึ่ง ผมจะหลงรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น ดังนั้นเพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม ผมควรจะหนีให้ห่างเดียร์เข้าไว้ แล้วสร้างกำแพงขึ้นมาเป็นเกราะกำบังปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองไม่ให้แสดงออกมา

“จริงเหรอ เหม็นจริงๆอ่ะ”

เดียร์ทำยกแขนขึ้นและเอี้ยวคอมาดมรักแร้ตัวเองทั้งสองข้าง ทำจมูกฟุดฟิด หน้าย่นยู่ ผมลอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของเขา แต่ซ่อนหน้าไม่ทัน เดียร์เงยหน้าขึ้นมาพอดี และเห็นผมกำลังยิ้มอยู่ เขากรอกตาไปมา แล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ กระเถิบตัวเข้ามาจนชิดผม พร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้

“โกหกมั๊ง ลองดมดูสิ ไม่เหม็นหรอก”

ไม่พูดเปล่า เด็กหนุ่มดึงผมเข้ามากอดเสียแน่น จนแทบหายใจไม่ออก ผมไม่ได้ดิ้นหนี เจ้าความรู้สึกบางอย่างมันบอกให้ผมอยู่นิ่งๆและซึมซับเอาความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเดียร์ให้มากที่สุด เดียร์เองก็นิ่งไปเหมือนกัน เขารัดผมแน่นเข้า เนื้อตัวสั่นเทาเพราะแรงแห่งอารมณ์ สักพักเดียร์ก็ดันผมออก เขายิ้มใส่ตาผม ทำท่าทะลึ่งตึงตังขึ้นมาทันที :m29:

“ไม่เหม็นใช่ไหมครับ เรียวให้ผมกอดโดยไม่ดิ้นหนีเลย แสดงว่าผมไม่เหม็นมากเท่าไหร่ แต่ว่าเพื่อความสบายใจของเรียว ผมจะไปอาบน้ำประแป้งให้หอมกว่านี้นะ เพื่อว่า วันนี้ เราอาจจะได้ทำอะไร กุ๊กกิ๊กๆกัน เรียวจะได้ไม่ขาดใจตายไปเพราะเหม็นตัวผมอ่ะครับ”

“บ้า”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
 

เดียร์หัวเราะอย่างร่าเริง ก่อนจะฉวยกระเป๋าเป้บรรจุเสื้อผ้าของเขาเดินเข้าห้องน้ำไป ครึ่งชั่วโมงต่อมา เด็กหนุ่มก็เดินกลับเข้ามาในห้องรับแขก ในสภาพใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ เนื้อตัวสะอาดเอี่ยม หอมฟุ้งด้วยแป้งฝุ่นสำหรับเด็ก เขาเดินมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกับที่ผมนั่งมาตั้งแต่แรก มาถึงก็ยิ้มให้กับผม หน้าตาสดชื่นรื่นเริง

“งานก็เสร็จหมดทุกอย่างแล้ว ตัวก็หอมแล้ว มากุ๊กกิ๊กกันดีกว่า” :z1: :haun4:


เด็กหนุ่มส่งแววตาหื่นกระหายมายังผม จนผมอดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมาด้วยความขำ แล้วยกเท้าขึ้นมายันเขาให้ออกไปห่างๆตัว

“นี่ อย่ามาทำบ้านะ ไอ้เด็กทะลึ่ง”o12

 “แหม เรียวอ่ะ ก็เราสองคนน่ะ ไม่ได้มีอะไรกันมาตั้งนานเลยนะ แล้ววันนี้อ่ะมันเป็นวันครบรอบ 1 เดือนพอดีที่เราเป็นของกันและกัน เรียวจำได้ไหมครับ โดยปกติเวลาครบรอบอะไรสักอย่าง เราต้องฉลองกันไม่ใช่เหรอ งั้นวันนี้เรามาฉลองกันเถอะนะนะนะ”


“…..”


ผมถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินที่เด็กหนุ่มพูด เจ้าบ้านี่ จำได้ด้วยเหรอ ว่าเรามีอะไรกันวันไหน ผมยังจำไม่ได้เลย ที่จริงคิดว่าไม่อยากจำมากกว่า หลังจากมีอะไรกันกับเด็กหนุ่มแล้ว ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งเป็นเรื่องที่ตัวเองต้องเสียชายให้กับผุ้ชายด้วยกัน ยิ่งไม่ควรจะเก็บไว้เป็นความทรงจำใหญ่ แต่เจ้าหมอนี่กลับจดจำได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่มีความหมายกับเขามาก


“อันที่จริงมันก็เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่เราเป็นแฟนกัน แล้วก็ครบรอบ 1 เดือนด้วยที่เรามีอะไรกัน ผมน่ะ จำวันนั้นได้ดีเลย เพราะเป็นวันที่เรียวกลายเป็นของผม นี่ไง ผมยังจดไว้ในไดอะรี่ของผมเลยนะ อะไรที่เกี่ยวกับเราสองคนผมจดไว้หมดเลยในไดอะรี่ ผมอยากเก็บไว้ดูเพื่อเตือนใจว่า ผมกับเรียวอ่ะผูกพันกันแค่ไหน เมื่อไหร่ แล้วก็อย่างไรด้วย”


เด็กหนุ่มโชว์ไดอะรี่ตรงหน้าที่เป็นปฏิทินรายเดือนที่เขาขีดเขียนไว้เต็มไปหมดให้ผมดู ผมมองวันที่เขาวงแดงๆเอาไว้ แล้วถามเขาว่าไอ้เจ้าสัญญลักษณ์ XR3 คืออะไร เขายิ้มแล้วถามว่าอยากรู้จริงเหรอ ผมพยักหน้า เขาเลยเฉลยให้ฟัง

“มันเป็นเครื่องหมายที่ผมทำเอาไว้ดูไงครับ ว่าวันนี้ อ่ะ ผมได้ XXX กับเรียวไปถึงสามครั้งด้วยกัน คราวหน้าผมจะต้องทำสถิติเพิ่มมากขึ้น แล้วก็มีถี่ขึ้นด้วยอ่ะ น้อยกว่านั้นจะกลายเป็นคนฝีมือตกอ่ะ อุ๊บบบบบบบบบบ..........”


ผมไม่รอให้เดียร์พูดจบ ขว้างหมอนใส่หน้าเขา แล้วลุกเดินหนี เจ้าเด็กบ้านี่ ลามกตลอดศก สงสัยในหัวจะมีแต่เรื่องแบบนี้ คิดแล้วก็เสียววาบตรงก้นขึ้นมา ในใจนึกไปถึงการมีอะไรกับเขาในครั้งก่อน ที่เขาทำจนผมระบมไปหมด ตอนเช้าเลยต้องลางานอีกวัน เพราะทั้งป่วย เดินขากาง นั่งไม่ได้ แถมซ้ำมีรอยคิสมาร์คเต็มตัวไปหมด ทั้งคอ และหน้าอก ใครจะกล้าไปทำงานในสภาพแบบนั้น คนได้ล้อตายเลย แค่คิดว่าเขาจะเอาเจ้าหนูน้อยของเขา มามุดถ้ำผมอีกครั้ง ผมก็อุปทานว่าเจ็บก้นเสียแล้ว อยู่ห่างเจ้านี่ไว้ดีกว่า ท่าทางจะปลอดภัย


มีเสียงหัวเราะกิ๊กๆกั๊กอย่างถูกอกถูกใจดังมาจากคนหน้าทะเล้น เดียร์หงายตัวลงนอนกับโซฟา เอาหมอนที่ผมปาเขามากอดและหอม ทำตาเจ้าชู้ใส่ผม มองตามความเคลื่อนไหวของผมทุกอริยาบท จนผมทำอะไรไม่ถูก จะเดินขึ้นห้อง ก็กลัวเจ้าบ้านี่จะเดินตาม ผมเลยเดินมาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง ตรงหน้าตู้วางทีวี และเปิดตู้หยิบพวกซีดีต่างๆที่ผมสะสมไว้ และวางสุมๆกันตอนที่ดูเสร็จแล้วไม่มีเวลาเก็บกลับมาจัดเรียงใหม่


“ผมช่วยนะ”


เด็กหนุ่มเลื่อนตัวลงจากโซฟา แล้วเดินมาทรุดลงนั่งใกล้ๆ ขันอาสาที่จะช่วย


“ไม่ต้องหรอก นายทำงานตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว พักผ่อนเถอะ ตรงนี้ฉันทำเอง”


ผมรู้สึกเกรงใจเดียร์มาก เท่าที่เขาทำทุกอย่างให้ ก็น่าจะเหนื่อยพอแรงแล้ว

“งั้นผมมาอยู่ข้างๆเป็นกำลังใจให้นะ”


เด็กหนุ่มทำเสียงอ้อน ผมมองหน้าที่ยิ้มประจบประแจงนั้นเนิ่นนาน โดยไม่มีคำพูดใดหลุดจากปาก มันพูดไม่ถูกเนื่องจากไม่รู้จะวางตัวอย่างไร จะไล่เขาไปก็สงสาร ให้เขาอยู่ข้างๆก็รู้สึกเขิน

“ไม่พูดแปลว่ายอมให้ผมอยู่ใกล้ๆนะครับ”

เดียร์ทำหน้าชื่นบาน เดินไปหยิบหมอนอิงมาใบหนึ่ง แล้วกลับมาไถลตัวลงนอนข้างๆผม พอผมขยับตัวห่างออกจากเขา เขาก็คลานกระดึ๊บ กระดึ๊บ ตามมา ส่งเสียงตัดพ้อ

“ขออยู่ใกล้ๆหน่อยน้า..... อย่าเพิ่งถอยหนีสิ คิดถึงอ่ะ”

“นายนี่มันเป็นเอามากแฮะ คิดถึงบ้าบออะไร อยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน”

ผมว่าเขาอย่างนึกหมั่นไส้ มือก็เลือกซีดี และดีวีดีออกมากองแยกจากกัน เดียร์ไถตัวมาจนศีรษะชนกับสะโพกของผมจึงหยุด เขายื่นปากมาจูบตรงแก้มก้นผมทีหนึ่ง พอผมหันมาทำตาดุใส่ เขาก็ฉีกยิ้มกว้างให้ผม ทำท่าประจบประแจง

“ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันอ่ะครับ รู้แต่ว่า มันคิดถึงอ่ะ อยู่ด้วยมากเท่าไหร่ ก็ยังไม่พอเลย อยากอยู่อีก อยู่ด้วยนานๆ ตลอดชีวิตก็ยิ่งดีอ่ะครับ”

น่าแปลกที่ผมรู้สึกแปล๊บๆที่ตรงหัวใจอีกแล้ว คำพูดของเดียร์ทำให้ผมสะเทือนใจเสียจริง เจ้าเด็กบ้านี่ พูดคุยอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง คุยแต่แบบนี้ ผมจะคุยกับเขาได้นานซักแค่ไหน คุยทีไรก็เข้าตัวทุกที ยิ่งพูดจากันแบบนี้ใจของผมก็ยิ่งถลำลึก รู้สึกดีกับเขามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ น้ำแข็งที่เกาะกินอยู่ในใจผม มันเริ่มละลายอย่างช้าๆ

จะว่าไปแล้วสองเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เราคบกัน มีความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในบ้านของผม มันดูสะอาดสะอ้าน ดูเป็นบ้านที่มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม เดียร์มีส่วนช่วยอย่างมากที่ทำให้ทุกอย่างภายในนี้ดูสดใส และไม่ใช่แค่บ้านหลังนี้เท่านั้น ในใจของผมก็มีการเปลี่ยนแปลง จนผมเองก็รู้สึกกลัว ....กลัวที่จะรักเขา..... กลัวว่าผมจะต้องการเดียร์มากไปกว่านี้

“ผมซีเรียสจริงๆนะครับเรียวสำหรับวันนี้น่ะ ถ้าไม่ได้ไปฉลองกับเรียวสองคนที่ไหน คงรู้สึกแย่แน่ๆ อุตส่าห์เป็นวันครบรอบ 1 เดือนที่เรามีอะไรกันทั้งที น่าจะหาอะไรทำที่มันประทับใจ สักหน่อยอาจจะออกไปกินข้าวกันข้างนอก ไปเที่ยวกลางคืนกัน หรือ จะกินที่บ้านนี่ก็ได้ แต่สร้างบรรยากาศให้โรแมนติก แบบดินเนอร์ใต้แสงเทียนก็ดี ทำเหมือนว่าเราฮันนีมูนกัน เป็นปาร์ตี้กางเกงในก็เก๋ดีนะ แล้วก็จบลงด้วยการกุ๊กกิ๊กกันก็ได้ ผมพร้อมเต็มที่เลย ยินยอมมอบทั้งตัวและหัวใจให้เรียวอยู่แล้ว”

พูดเฉยๆก็พอทน แต่มือซุกซนของเดียร์กลับเลี้ยวลดเอื้อมพาดขาของผมผ่านมาตรงซอกขาหนีบด้านใน เขาลูบไล้ไปมาและคืบคลานมือไปเรื่อยๆ กำลังจะถึงน้องชายของผมอยู่แล้ว แต่ผมจัดการหยุดมันเสียก่อนด้วยการซัดผั๊วะไปที่มือของเขา เดียร์สะบัดมือเร่าๆ

“นี่แน่ะ ผลของการอยู่เฉยๆไม่เป็น และนี่สำหรับการคิดลามก ปาร์ตี้กางเกงในเหรอ กุ๊กกิ๊กกันเหรอ ทำไปคนเดียวเถอะ ไอ้เด็กทะลึ่ง”

ผมกำมะเหงกเขกลงบนหัวเขาทีหนึ่ง ไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้เขาเจ็บได้ เดียร์ร้องโอ๊ย และยกมือขึ้นมาคลำหัว ทำหน้าตาน่าสงสาร

“ใจร้ายจังเลย เราไม่ใช่คนอื่นคนใกลกันแล้วนะ เรามีอะไรกันแล้วด้วย ทำไมถึงทำกับผมแรงๆแบบนี้ล่ะ ไม่สงสารผมหรือไง”

“นี่ๆๆๆๆ อย่ามาพูดแบบสาวบริสุทธิ์แบบนี้สิ ฉันรู้สึกแย่นะ มีอะไรกันแล้วไงล่ะ ฉันต้องรับผิดชอบทุกอย่างเลยหรือไง ฉัน
ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มนะ นายต่างหาก คนที่ควรจะเรียกร้องนั่น เรียกร้องนี่น่าจะเป็นฉันไม่ใช่นายนะ”

เดียร์พลิกตัวขึ้น เอาคางมาเกยขาผม ช้อนสายตาที่เป็นประกายแพรวพราวขึ้นมอง

“งั้นขอเลย ขอให้ผมรับผิดชอบเลย นะนะนะ ผมมีอะไรกับเรียวแล้ว ผมต้องรับผิดชอบ เราแต่งงานกันเลยนะ ดีไหม เรียวจะได้ไม่อายใครไงล่ะ”

ผมหัวเราะก๊ากกับคำพูดของเจ้าเด็กลูกครึ่ง

“ตลกแล้ว คิดได้ไงกันหือเดียร์ ใครจะไปขออย่างนั้นกันเล่า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ แล้วนายก็ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย เราแต่งงานกันไม่ได้หรอก ถ้าฉันจะขอนะ ก็ขอให้นายอยู่ห่างๆ อย่าเกะกะฉันให้มาก มันน่ารำคาญน่ะ ทำได้ไหมล่ะ”

เดียร์เลื่อนตัวเอาหัวมาวางพาดไว้บนตักของผม แล้วเอามือสองข้างโอบเอวผมไว้ แก้มข้างหนึ่งแนบอยู่ตรงต้นขาด้านใน จมูกโด่งอยู่ใกล้กับบริเวณพุงของผม

“ไม่ได้หรอก ผมจะอยู่ห่างหัวใจตัวเองได้ไงอ่ะครับ รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้ ถ้าไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้อยู่ใกล้ๆเรียว ใจผมก็จะเป็นทุกข์ มันรู้สึกกระวนกระวาย อยู่ไม่เป็นสุขเลยอ่ะครับ บางทีทำงานอยู่ ก็ใจลอย นึกเร่งวันเร่งคืน อยากให้เลิกงานเร็วๆ จะได้มาหา เวลาเจอหน้ากันผมจะใจเต้นตึ๊กๆอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะครับ ตัวก็อุ่นๆนะ เหมือนมีอะไรร้อนๆวิ่งผล่านทั่วร่างกายเลย ถ้าไม่เชื่อ เรียวก็ลองจับตรงหัวใจของผมดูสิครับ”

เด็กหนุ่มดึงมือผมออกจากซีดีที่กำลังเรียงอยู่มาจับตรงตำแหน่งที่เป็นหัวใจของเขา และใช้สองมือตัวเองกดทับมือผม หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรัวแรงอยู่ภายใต้ทรวงอกนั้น ผมสบตากับเดียร์ที่จ้องมองมา เขายิ้มให้ผมทั้งปากและตา มันเป็นยิ้มที่หวานซึ้งแต่ดูเศร้าสร้อย

และอย่างช้าๆ ผมค่อยๆดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา และเลื่อนขึ้นมาวางที่ศีรษะที่มีเรือนผมหยิกสลวยปกคลุมอยู่
และลูบไล้แผ่วเบาด้วยความลืมตัว รู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจตนเองอีกครั้งด้วยความเศร้าสะเทือนใจ ทำไมหนอเรื่องแบบนี้ ถึงต้องมาเกิดกับผมด้วย เด็กหนุ่มตรงหน้านี้ รักและภักดีกับผมไม่มีวันเสื่อมคลาย แต่ผมกลับรักเขาไม่ได้ ทั้งๆหัวใจของผมเริ่มอ่อนไหวลงทุกที

เดียร์หลับตาพริ้มในท่าที่ศีรษะหนุนอยู่ตรงตักของผม ท่าทางมีความสุข ผมอดยิ้มอย่างเอ็นดูเด็กคนนี้ไม่ได้ ที่เขาพยายามอย่างมากที่จะเข้าใกล้ผมทีละนิด ตอนแรกก็นอนอยู่ห่างๆ แล้วตอนนี้สิ คืบคลานกระดึ๊บ กระดึ๊บ ขึ้นมาหนุนตักผมจนได้ ทุกๆอย่างที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนี้ หรือเรื่องไหน ล้วนแล้วต่อส่งผลต่อความรู้สึกในใจของผมทั้งสิ้น เดียร์ค่อยๆก้าวเข้ามาในหัวใจของผมทีละน้อยๆ จนผมเองยังนึกหวั่นไหว กลัวเหลือเกินว่ากำแพงที่ผมก่อไว้มันจะทลายลงในวันหนึ่ง
****************************
:z13: นี้แนะนี้แนะ จิ้มเรียวให้ตายเลย ใจแข็งนัก
แล้วเราก็เอาเดียร์มาครองซะ :laugh5:
เป็นเอามาก  :m3: รักเดียร์หวงเดียร์ ซะงั้น อิอิ


ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่2.1 3/1/09
«ตอบ #19 เมื่อ03-01-2009 16:56:29 »

แหม  น่าจะมีแบบเดียร์แพคใส่กระป๋องไว้ขายตามร้านสะดวกซื้อนะคะ  อิชั้นจะไปเหมา  อิอิ   

ปล. ขอบคุณพี่ไต๋คร้าบบบบบบบบบบบ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่2.1 3/1/09
« ตอบ #19 เมื่อ: 03-01-2009 16:56:29 »





va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่2.1 3/1/09
«ตอบ #20 เมื่อ04-01-2009 08:40:40 »

ตามมาแล้วค่ะ นั่งลุ้นต่อว่าเรียวจะใจอ่อนเมื่อไร


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่2.1 3/1/09
«ตอบ #21 เมื่อ04-01-2009 09:03:34 »

เตรียมฉลองไว้ก่อน  :mc4: :mc4:

fround

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่2.1 3/1/09
«ตอบ #22 เมื่อ04-01-2009 13:39:22 »

อ๊ากกกชอบมาก


เร่งวันเร่งคืนอ่านเลย

เพื่อนมันเคยแนะนำเรื่องนี้แต่ตามหาอ่านไม่ได้

เผอิญเห็นในบอร์ดนี้ก็รีบวิ่งเข้ามาดู

อ๊ากกก เรียวจ๋าเป้นของเดียร์อีกทีนะ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่2.1 3/1/09
«ตอบ #23 เมื่อ04-01-2009 13:56:45 »

 :z1: มาต่อ 2.2 ให้แล้วนะ


ตอนแรกตั้งใจจะผลักใสเขาไปให้ห่างๆตัว แต่ใจหนึ่งก็บอกว่าอย่า เดียร์ทำอะไรหลายอย่างให้ผมมากมาย ถึงแม้ว่าผมจะให้ใจกับเขาไปไม่ได้ ผมก็ยังสามารถให้ความสุขทางกายและใจกับเดียร์ได้เหมือนกัน นีจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เดียร์สามารถทำอะไรต่ออะไรในบ้านผมได้อย่างสบายใจ ตราบใดที่เขาไม่ล่วงละเมิดข้อตกลงในการที่จะอยู่ร่วมกันระหว่างผมกับเขา ซึ่งเดียร์ก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
นับตั้งแต่วันที่ผมเผลอไผลไปมีอะไรกันกับเขา เด็กหนุ่มก็เอาอกเอาใจผมมากกว่าเดิม แต่ไม่มีสักครั้งที่เขาจะหักหาญน้ำใจทำอะไรบุ่มบ่าม อาจจะมีบ้างที่จะมานัวเนียชิดใกล้ กอดจูบลูบไล้ แต่ก็อยู่ในขอบเขต หากผมไม่ยินยอมพร้อมใจ เขาก็ไม่ทำในสิ่งที่ฝืนใจผม
“ไม่เอาซีดีคืนไปหรือเดียร์ ทิ้งไว้หลายวันแล้วนะ ซื้อไว้ทำไมไม่เอาไปดูล่ะ”
ผมถามเขาหลังจากที่หันกลับมาเลือกซีดีอีกครั้ง จนไปเจอหนังแผ่นที่เขาลืมทิ้งไว้เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมองแล้วก็พูดยิ้มๆ
“เอาไว้นี่แหละนะครับ ผมซื้อมาเพื่อเอาไว้ดูกับเรียวสองคนอ่ะ ถ้าวันไหนว่างๆเราจะได้นั่งดูด้วยกันไงครับ”
“รวมทั้งซีดีโป๊นี่ด้วยเหรอ”
ผมหยิบหนังเอ็กซ์ชายหญิง และชายกับชายที่แทรกอยู่ในกองหนังเกย์เหล่านั้น ขึ้นมาให้เดียร์ดู ทำหน้าล้อเลียนเขา เดียร์สบตาผมแล้วหัวเราะจนตาหยี หน้าแดงก่ำ
“ถ้าเรียวอยากดูก็ได้ครับ ผมจะได้ดูเป็นเพื่อน แต่ว่า ดูแล้วเกิดอะไรขึ้น ไม่รับประกันความปลอดภัยนะครับ โอ๊ยยยยยยยย”
เด็กหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อผมเขกหัวเขาอีกครั้ง เดียร์รีบดึงมือข้างที่ใช้ทำร้ายเขามาหนีบเอาไว้ตรงซอกรักแร้ ทำปากยื่น บ่นอุบอิบ
“ทำร้ายกันเรื่อยเลยนะครับ เรียวอ่ะ ใจร้ายจัง ผมเจ็บนะ”
“จริงเหรอ .......โทษทีนะ ก็นายอยากทะลึ่งทำไมล่ะ”
ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วชักมือออกจากแขนของเขา ลูบไล้ตรงบริเวณศีรษะของเดียร์อย่างแผ่วเบา เดียร์ยิ้มให้ผมก่อนจะดึงมือข้างนั้นมาหอมอย่างรักใคร่ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เราสองคนต่างมองหน้ากัน พยายามฟังว่า เป็นเสียงที่ดังมาจากเครื่องของใคร และแล้วเดียร์ก็พูดขึ้นมา
“ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ของผมหรอก ของเรียวนั่นแหละครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้นะ”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นไปที่โซฟา แล้วหยิบมือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับกุญแจรถ ผมแอบเห็นเขามองที่เบอร์โทรศัพท์หน้าจอ จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น ทำหน้าไม่พอใจ ผมมองหน้าเขาอย่างงงๆตอนที่เขายื่นโทรศัพท์มาให้ เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่เขาไม่ตอบ ทำหน้ามุ่ย แล้วไถลตัวลงนอน เอาศีรษะหนุนบนตักผมต่อ เสียงจากปลายสายที่ตอบกลับมา ทำให้ผมรู้สาเหตุที่ทำให้เดียร์โมโห ศักดิ์ชายนั่นเอง เขาบอกว่าผ่านมาทางแถวนี้ แล้วจะรับผมออกไปเที่ยว ผมปฏิเสธทันที
“ออกข้างนอกกันเถอะ”
ผมรีบเรียงซีดีเข้าตู้ แล้วหันมาชวนเด็กหนุ่มที่นอนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
“ไปไหนหรือครับ”
คิ้วเข้มๆของเดียร์ขมวดขึ้น ทำหน้าสงสัย
“ไปหาข้าวเย็นกินกัน ไปดูหนังสักรอบ แล้วก็อาจจะเดินซื้อของกัน แล้วแต่ว่าเวลาจะพอหรือเปล่า นายไม่อยากอุดอู้อยู่ในบ้านไม่ใช่เหรอ”
“แต่เราเพิ่งกลับเข้ามาเมื่อตอนบ่ายนี้เองไม่ใช่เหรอครับ นี่จะออกไปอีกแล้ว เรียวไม่เหนื่อยเหรอ แล้วมันเนื่องในโอกาสอะไรกันล่ะครับ”
อยู่ๆเจ้าเด็กบ้านี่ ก็เกิดเป็นคนพูดยาก ขี้สงสัยขึ้นมาทันที จะให้ผมตอบเขาไปได้อย่างไรล่ะ ว่าศักดิ์ชายกำลังจะมาที่บ้านนี้ เมื่อกี้เขาบอกกับผมว่าเขาอยากชวนผมออกไปหาอะไรกินข้างนอก แล้วเขาก็มาทำธุระใกล้ๆบ้านผม อีกครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว จะมารับที่บ้าน ผมสู้อุตส่าห์ปฏิเสธไป บอกว่าผมไม่สะดวก กำลังจะออกไปนอกบ้าน จะให้เขารู้ได้ยังไงว่าเดียร์อยู่กับผมที่นี่ เดี๋ยวศักดิ์ชายเก็บเอาไปคิดเป็นตุเป็นตะจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ แล้วอีกอย่าง เดียร์ก็ชอบแสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมต่อหน้าศักดิ์ชาย ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะชิงดีชิงเด่นกับเพื่อนเก่าของผมในการที่จะทำให้ผมพอใจ แถมซ้ำเขายังกล่าวหาว่าเพื่อนของผมคนนี้เป็นเกย์อีกด้วย ขืนให้เจอกันสองคนนี้คงสร้างเรื่องวุ่นวายให้ผมเดือดเนื้อร้อนใจเป็นแน่
แต่ดูเหมือนว่า เดียร์เองจะรู้คร่าวๆจากการที่ฟังผมสนทนาว่าศักดิ์ชายจะมาหาผมที่บ้าน การทำเป็นไม่รู้ประสีประสา ถามผมอย่างกับคนปัญญาอ่อนแบบนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนอยากออกไปเที่ยวกับผมนักหนา มันเป็นอาการดื้อดึงของคนที่กำลังหึงหวงต่างหาก เดียร์รู้ว่าผมไม่อยากให้ศักดิ์ชายล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา และเขาก็คิดเอาเองว่าศักดิ์ชายก็หมายปองในตัวผม ดังนั้นหากศักดิ์ชายไม่รู้ว่าผมกับเดียร์มีอะไรกันแล้ว เจ้าเพื่อนคนนี้ก็คงจะหาโอกาสมายุ่งกับผมตลอด เดียร์จึงคิดจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วยการประกาศให้รู้ไปเลยว่าผมเป็นของๆเขา และเขาก็หวงมากด้วย ใครหน้าไหนก็ตามอย่าได้คิดยุ่งกับผมเด็ดขาด ซึ่งผมจะยอมให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นไม่ได้
ในเมื่อผมปฏิเสธไปแล้วว่าผมมีธุระที่จะต้องทำ ผมจึงต้องออกไปจากบ้าน ก่อนที่ศักดิ์ชายจะมาหาตามปากว่า ถึงแม้เดียร์จะทำท่าอิดออดไม่ยอมไปขึ้นมา ผมก็จะต้องลากเขาไปให้ได้
“เนื่องในโอกาสครบรอบสองเดือนที่เราเป็นแฟนกันไง เราจะไปฉลองกัน ถ้านายไม่ไปก็ตามใจนะ ฉันไปคนเดียวก็ได้”
เดียร์รีบเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที ทำตาหวานแล้วส่งเสียงอ้อนๆว่า
“ไปสิครับ แล้วให้ผมกุ๊กกิ๊กๆได้เป็นพิเศษเลยนะ”
ผมมองหน้าหมอนี่ อยากจะตอบปฏิเสธ แต่กลัวว่าหมอนี่จะไม่ยอมไปอีก เลยพยักหน้า เขาร้องเย้ โผเข้ามากอดผมทันที แต่ผมผลักเขาออก แล้วบอกว่าให้ได้แค่กอดเท่านั้น เดียร์หน้างอ แต่ก็ยอมโดยดี กำขี้ดีกว่ากำตด คงเป็นคำที่เหมาะสมจะอธิบายความลิงโลดในใจของเดียร์ตอนนี้


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่2.2 4/1/09
«ตอบ #24 เมื่อ04-01-2009 13:59:42 »

ไปแอบอ่านมาแหละ แยอะมาก สงสัยต้องอัพมันทุกวันแหละ
ช่วยๆกันหน่อยนะ แยอะจริ๊งจริง พี่เคทช่างคิดช่างเขียนจริงๆ
+1 ให้พี่เคทสุดสวยเลย :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2009 17:13:24 โดย ไต๋ »

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่2.2 4/1/09
«ตอบ #25 เมื่อ04-01-2009 16:40:46 »

:z13:จิ้มมมมพี่แอน


พี่แอน ทำไมตอนนี้มันสั้นจัง


 :sad4:อยากอ่านอีกอ่ะ


พี่แอนลงต่ออีกตอนน๊า

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่3 4/1/09
«ตอบ #26 เมื่อ04-01-2009 17:18:15 »

จัดให้เอาไปตามขอจ้า อิอิ :3123:



บทที่ 3

“เมื่อวานนายไปไหนมาวะ”
คำถามนี้ถูกถามจากเพื่อนรักทั้งสองของผม ทันทีที่เห็นหน้า แต่ต่างกรรม ต่างวาระกัน ผมเจอเจ้าศักดิ์ชายคนแรกที่หน้าประตูห้องทำงาน ตอนเช้าตรู่ ดูเหมือนว่ามันจะมาดักรอที่จะพูดกับผม กริยาท่าทางที่มันถาม เหมือนจ้องจะจับผิด จนผมชักสงสัย และไม่แน่ใจในท่าทางที่มันปฏิบัติต่อผม เอ หรือมันจะจริงตามที่เดียร์ว่า เจ้าหมอนี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เกิดมารักใคร่ในตัวผม มันจะเป็นไปได้อย่างไร เพื่อนรักที่เคยเรียนด้วยกันมาตลอดอย่างมันเนี่ยนะ จะมาพิศวาสผมได้ แล้วทำไมมันไม่แสดงออกตั้งแต่แรกกันวะ ผมจะได้ระมัดระวังตัว ไม่คลุกคลีกับมันจนคิดมากแบบนี้ แต่มาคิดอีกที อาจจะเป็นความห่วงใยธรรมดาจากมันก็ได้ เดียร์อาจจะหึงไปเอง เจ้าศักดิ์ชายมันแต่งงานแล้ว ลูกของมันก็น่ารัก มันคงไม่ออกลายเป็นเกย์ตอนนี้หรอก
พอผมบอกศักดิ์ชายว่าผมไปธุระที่สำคัญ มันก็รัวคำถามใส่ผมถี่ยิบ ว่าผมไปกับใคร ไปที่ไหน ไปกับเด็กเดียร์นั่นหรือเปล่า ผมไม่ตอบทุกคำถามนั้น แต่ย้อนถามมันไปว่า มันมีอะไรกับธุระของผมหรือ การที่มันถามแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร ผมไม่ได้ไปกินข้าวกับมัน ก็ไม่ได้หมายความว่า ธุระที่ผมไปทำจะมีความสำคัญน้อยเสียเมื่อไหร่ ผมเองก็ต้องมีเรื่องที่ผมทำ มันเองก็มีของมันเหมือนกัน ถ้าผมบอกว่าธุระของผมสำคัญ มันก็หมายความว่ามันสำคัญจริงๆ และไม่จำเป็นที่จะต้องบอกให้มันรู้ว่าคือเรื่องอะไรและจะไปกับใคร ผมยังย้อนถามมันอีกว่า มันเป็นอะไรมากหรือเปล่า นึกยังไงถึงมาถามไถ่เรื่องของผมมากมายขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนมันไม่เคยถาม เจ้าศักดิ์ชายถึงกับอึ้งแล้วก็ขอโทษขอโพยผมใหญ่ จากนั้นก็บอกว่า มันแค่อยากคุยกับผมเท่านั้น รู้สึกนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่เป็นเพื่อนกัน พอแยกย้ายกันไป ถึงจะได้มาเจอกันอีกที โอกาสที่จะพูดคุยกันก็มีน้อยมาก มันก็แค่ยากมีเวลาพบปะสังสรรค์กับผมฉันท์เพื่อนเท่านั้น
ผมเห็นหน้าหงอยๆของมันแล้วก็อดสงสารมันไม่ได้ เลยรับปากกับมันไปว่า ผมจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านกับมันสักวันหนึ่ง มันดีใจใหญ่ แล้วบอกว่าจะรอเวลานั้น
หลังจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนจากไปไม่นาน เพื่อนร่วมงานก็มาหาผม มันมองหน้าผมอย่างเจ้าเล่ห์ ทำตาล้อๆ ไม่พูดไม่จา จนผมต้องเตะตูดมันถึงได้ยอมพูด มันเริ่มต้นด้วยการซักไซร้ไล่เลียงผมด้วยเรื่องของเดียร์ หาว่าผมโกหกมันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเด็กหนุ่มลูกครึ่ง มันทำเป็นน้อยอกน้อยใจว่า ผมไม่บอกมันเลยเรื่องที่ผมรู้จักเดียร์มาก่อนหน้านั้น ไม่ยอมบอกมันว่าเดียร์กับเด็กคนที่ผมช่วยเหลือในบาร์แถวสีลมเป็นคนเดียวกัน ต้องปล่อยให้มันไปสืบค้นเอาเอง จนกระทั่งรู้โดยบังเอิญ มันยังถามอย่างสงสัยว่า ผมมีความสัมพันธ์อะไรลึกซึ้งกับเดียร์หรือเปล่า มันยินดีรับฟัง หากผมยอมพูดความจริงกับมัน ผมรู้สึกสะอึกกับคำพูดของเจ้าสันต์ ไม่อยากโกหก อยากเล่าให้มัฟังทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะผมก็อึดอัดใจมานาน แต่ก็รู้สึกว่าเสี่ยงจนเกินไปที่จะยอมรับความจริง
ผมรู้ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ความจริงบางอย่างจำเป็นต้องปิดบังซ่อนเร้น เพราะการเปิดเผยมากไปอาจจะนำความวุ่นวายมาสู่ชีวิต ผมจึงเลือกที่จะบอกกับเจ้าสันต์ไปเพียงแค่ความจริงบางส่วนที่ผมอยากให้เขารู้เท่านั้น
“ก็ใช่ ฉันรู้จักเดียร์มาก่อน ก็ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันช่วยเขาไว้นั่นแหละ แต่ฉันไม่รู้จริงๆนะว่า เด็กนั่น มาเป็นผู้ช่วยกุ๊กที่ร้านนั้น มันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า และเจ้านั่น พอเห็นว่าฉันชอบไปกินเอาหารที่ร้านบ้านคุณป้าบ่อยๆ ก็เลยทำอาหารให้ฉันพิเศษ เป็นการตอบแทนบุญคุณฉันน่ะ ที่ได้ช่วยเขาไว้ไม่ให้ถูกลวนลาม”
“โดยยอมเสี่ยงต่อการที่จะถูกคุณป้าเจ้าของร้านต่อว่า เรื่องการเอาของในร้าน มาใช้เพื่อการส่วนตัวนี่นะ”
เจ้าสันต์ยังสงสัย โชคดีที่ผมเคยถามประโยคนี้กับเดียร์มาแล้ว เด็กหนุ่มบอกกับผมว่า เขาคุยกับคุณป้าเจ้าของร้านแล้ว ว่าเขาขอทำอาหารให้ผมเป็นพิเศษ เพราะผมมีบุญคุณต่อเขามาก และเพื่อไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป เขาขอให้คุณป้าเจ้าของร้าน ลดเงินเดือนของเขาลง ตอนแรกคุณป้าจะไม่ยอม เพราะแกถูกชะตากับเดียร์มาก และคิดว่าเรื่องแค่นี้ ไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับร้านแต่อย่างใด แต่เดียร์ยืนกรานหนักแน่นให้คุณป้าหักเงิน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นแล้วพนักงานในร้านก็จะใช้เหตุผลเดียวกับเดียร์มาให้ส่วนลดพิเศษ หรือเอาข้าวของในร้านกำนัลให้คนของตัวบ้าง เมื่อได้ยินแบบนั้น คุณป้าก็เลยยอมหักเงินของเดียร์เพื่อแลกกับสิ่งที่เด็กหนุ่มขอร้อง
ตอนแรกที่เดียร์เล่าให้ผมฟัง ผมรู้สึกแย่มากๆ ที่ทำให้เดียร์เดือดร้อน และไม่อยากไปทานอาหารที่ร้านอีก เพราะไม่อยากเอาเปรียบเขา ผมไม่อยากให้เดียร์ลดในส่วนที่ตัวเองควรจะได้เพื่อมาเติมเต็มความสุขให้กับผม แต่เดียร์ขอร้องว่า เขาได้พูดกับคุณป้าไปแบบนั้นแล้ว ถึงอย่างไรคุณป้าก็ต้องหักเงินเขาตามที่ร้องขอ ถ้าหากผมหนีไม่ยอมไปกิน เขาก็ถูกหักเงินเปล่าอยู่ดี ดังนั้น การที่ผมไปกินข้าวที่ร้านนั้นบ่อยๆ จะทำให้ความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า
ผมเลยเสนอที่จะชดเชยรายได้ที่หายไปให้กับเดียร์ แต่เด็กหนุ่มปฏิเสธ เขาบอกว่าสิ่งที่ทำให้ผมมันมาจากความรักของเขา ไม่ได้ต้องการเงินจากผม เขาไม่สามารถรับข้าวของเงินทองจากผมได้ ผมก็บอกว่า ถ้าเขาไม่รับเงินจากผม ผมก็ไม่กล้ากินของเขาเหมือนกัน เพราะผมไม่สบายใจที่จะปล่อยให้เขาลำบากอยู่คนเดียว เหมือนเอาความรักของเดียร์มาเป็นเครื่องต่อรองที่จะให้เขาทำดีกับผม เราเถียงกันอยู่นาน แล้วก็ได้ข้อสรุปที่พึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย
สิ่งที่ผมต้องทำแลกเปลี่ยนให้กับเดียร์คือการสอนภาษาและเป็นติวเตอร์วิชาเลขให้กับเขา เนื่องจากสองวิชานี้ เป็นสิ่งที่เดียร์จะต้องผ่านไปให้ได้ ภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอกที่เดียร์เลือกเรียนไว้ ถึงแม้เด็กหนุ่มจะเป็นเด็กลูกครึ่ง และอยู่แถวพัทยา ได้พูดคุยกับฝรั่งบ้าง แต่ก็เป็นการพูดคุยแบบไม่ถูกหลักไวยากรณ์ เป็นเหมือนมวยวัดมากกว่า ส่วนวิชาเลข เป็นวิชาที่เดียร์เรียนอ่อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว การเรียนรามคำแหง ในคณะวิชาที่เดียร์เลือกเรียน จำเป็นต้องผ่านวิชาเลข 4 ตัว และเป็นเลขที่มีความยากมาก ซึ่งเดียร์ไม่ถนัดเอาเสียเลย หากเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือเขาก็จะไม่ผ่าน
บังเอิญสองวิชานั้น เป็นวิชาที่ผมถนัดเป็นอย่างดี ผมพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง และวิชาเลขก็เป็นวิชาที่ผมโปรดปราน เมื่อผมเห็นว่าสองสิ่งนี้เป็นปัญหาของเดียร์ผมเลยอาสาที่จะช่วยติวให้เขาเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งข้อตกลงแบบนี้ ทำให้เราได้รับความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย เดียร์ได้เอาอกเอาใจผมเหมือนเดิม แถมซ้ำยังมีคนช่วยเขาในเรื่องเรียน ส่วนผมก็ได้ตอบแทนสิ่งที่เด็กหนุ่มทำให้ โดยไม่ต้องรู้สึกผิดที่เอาเปรียบเขาอีกต่อไป
ผมเล่าให้เจ้าสันต์ฟังแค่ว่า เดียร์ช่วยเรื่องอาหารการกินให้ผม โดยที่ผมเป็นครูจำเป็นให้กับเขา แต่ไม่ได้เล่าดีเทลรายละเอียดอะไรมากมาย เจ้าสันต์ยังคงสงสัย แต่มันก็ไม่กล้าถาม เพราะเห็นผมทำท่าไม่อยากพูดต่อ ถึงกระนั้นมันก็พูดให้ผมได้คิดว่า ผมจะทำอะไร จะเป็นอะไร จะชอบอะไร หรือจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน มันไม่เคยสนใจ มันยังคงเห็นว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่ง หากมีปัญหาอะไร หรือมีเรื่องไหนที่ทำให้ไม่สบายใจ ก็ให้บอก หรือพูดคุยให้มันฟังได้ มันยินดีให้คำปรึกษาและยืนอยู่ข้างผมเสมอ
ตอนแรก ผมไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดของมันนัก แต่ตอนหลังจึงได้รู้ว่า เจ้าสันต์พูดกับผมเป็นนัยๆ เหมือนมันจะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเดียร์นั้นลึกซึ้งเกินกว่าแค่คนรู้
จักกัน หากผมยอมเปิดใจกับมัน มันก็ยินดีจะให้ความช่วยเหลือ และมันก็ยินดีเข้าข้างผมเสมอ
เจ้าสันต์มันเล่าให้ผมฟังเมื่อผมเป็นฝ่ายซักถามมันบ้างถึงเรื่องที่ผมไปเจอมันกับแดนนี่ที่สวนจตุจักรทั้งๆที่มันรักกันจี๋จ๋าดีอยู่กับเด็กที่ชื่อแซ่บ เพื่อนร่วมงานของผมคุยอย่างเปิดอกว่าน้องแซ่บเป็นคนดี เป็นคนที่มันอยากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย แต่น้องแซ่บมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนจะปิดบังมันอยู่ มันกับเด็กเสิร์ฟคนนั้นมีอะไรกันแค่ครั้งสองครั้ง ซึ่งเป็นสองครั้งที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากเด็กนั่น ท่าทางหวงเนื้อหวงตัวกับมันมาก ทั้งๆที่มันก็บอกกับแซ่บว่ามันจริงใจไม่คิดหลอกลวง แต่เด็กหนุ่มก็เหมือนจะไม่ค่อยวางใจในตัวมันนัก บางทีก็ทำมึนตึงเฉยชากันมัน เมื่อเจ้าสันต์ไม่สามารถแสวงหาความสุขที่ต้องการได้จากคนที่มันรัก มันจึงหวนกลับมาหาคู่ขาเก่าก็คือ แดนนี่ กับแมนอีกครั้ง แล้วสองคนนั้นก็ตอบสนองความสุขทางเพศให้มันได้อย่างดี
สิ่งที่เจ้าสันต์เล่าทำให้ผมนึกปลงขึ้นมา สงสารเพื่อนก็สงสาร แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ ถึงแม้เจ้าสันต์จะเป็นเกย์ เจ้าสันต์ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาที่มีอารมณ์มีความต้องการ เมื่ออารมณ์ใคร่ของมันไม่ได้รับการตอบสนอง เจ้าสันต์ก็จำเป็นต้องหาทางออกด้วยการมีอะไรกับคนอื่นๆนอกเหนือจากคู่ของตนเอง
เรื่องที่ผมไม่สามารถจะเดาได้ออกก็คือ ทำไมเด็กแซ่บจึงรังเกียจที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเจ้าสันต์ แต่ในขณะที่กับผู้บริหารที่ผมเห็นเขาควงไปด้วยที่สวนจตุจักรวันนั้น เขากลับมีทีท่ารักใคร่ใยดี ปฏิบัติต่อกันเหมือนเป็นคู่รักหวานแหววที่เพิ่งจะคบกันได้ไม่นาน ผมไม่รู้ว่าเจ้าสันต์มีปัญหาอะไรกับเด็กแซ่บนั้นหรือเปล่า และไม่รู้ด้วยว่าผู้บริหารคนนั้นมีอะไรดี จึงผูกมัดใจเด็กเสิร์ฟคนนั้นได้ แต่สิ่งที่ผมรู้ก็คือ หากเพื่อนของผมรู้เรื่องนี้เข้า เขาคงทำใจรับไม่ได้ เพราะเขารักเด็กคนนั้นมากเหลือเกิน
“แล้วแซ่บรู้หรือเปล่า เรื่องที่นายมีแดนนี่ กับแมน”
ผมพยายามหาเหตุผลที่ทำให้แซ่บไม่สนใจใยดีในตัวของเจ้าสันต์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นดูรักกันปานจะกลืนกิน เจ้าสันต์ขมวดคิ้ว ทำท่าครุ่นคิด ซักพักก็พยักหน้า
“ก็รู้นะ ฉันเคยบอกเขาว่าก่อนหน้าที่ฉันจะมีแซ่บ ฉันเคยมีแดนนี่ และแมนมาก่อน แต่ฉันก็บอกกับแซ่บนะ ว่าฉันจะพยายามหยุดเพื่อที่จะมีเขาคนเดียว”
“อื้ม แล้วมันเป็นไปได้ไหมที่เขาบังเอิญได้รู้ว่านายพูดไม่จริง นายมีสองคนนี้ระหว่างที่เป็นแฟนกับเขาน่ะ เขาก็เลยมีปฏิกริยา”
“ไม่มีทาง”
เจ้าสันต์ร้องบอกอย่างมั่นใจ
“ตอนที่ฉันคบกับแซ่บ ฉันไม่เคยไปไหน หรือมีอะไรกับใครเลย ฉันมีกับเขาคนเดียว ถึงแม้ฉันจะเคยพูดโอ้อวดว่าฉันมีคนนั้นคนนี้ แต่ว่า พอเอาเข้าจริงฉันก็ไม่อยากทำร้ายน้องแซ่บน่ะ ฉันเพิ่งจะหันมาหาแดนนี่กับแมน หลังจากที่แซ่บมึนตึงเฉยชาต่างหาก ก็ใครจะไปทนได้ ในเมื่อเมียเราไม่ให้เราทำอะไรด้วย เราก็ต้องหันไปหาคนที่เขายินยอมสิ”
ผมมองหน้าเจ้าสันต์อย่างอึ้งๆ คำพูดของเจ้าสันต์สะกิดใจผมอย่างแรง จริงสิ ถ้าหากผมมึนตึงเฉยชากับเดียร์ เพราะผมไม่อยากมีอะไรกับเขา การทำวิธีนี้ จะทำให้เขาหวนไปหาคนอื่นที่ยินยอมพร้อมใจที่จะรักเขามากกว่าผมหรือเปล่า แล้วคนๆนั้นจะหน้าตาเป็นอย่างไร จะน่ารักและเหมาะสมกับคนอย่างเดียร์ไหม แล้วเรียวจะติดใจเขามากกว่าผมหรือเปล่า จะดูแลเอาใจใส่อย่างดีเหมือนกับที่ทำให้กับผมไหม คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในสมองของผม โดยหาคำตอบไม่ได้
“บางทีอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แซ่บอาจจะเหนื่อยเรื่องงานจนไม่มีอารมณ์ก็ได้นะ”
ผมพยายามปลอบใจเพื่อน ไม่กล้าบอกให้เขาฟังถึงสิ่งที่ผมได้เห็น
“ฉันก็ไม่รู้ อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”
เจ้าสันต์ทำน้ำเสียงเหมือนกับปลง ผมเห็นมันเศร้า ก็เลยพูดแหย่มันเพื่อให้มันอารมณ์ดีขึ้น
“อย่าเศร้าไปเลยวะ คนอย่างนายอ่ะ มันหาคนมาแนบกายได้ตลอดน่ะแหละ เห็นเศร้าอยู่แป๊บเดียว พอเห็นคนหน้าตาหล่อๆ หุ่นดีเข้าหน่อย ก็ทำกระดี๊กระด๊า ทำความรู้จักกับเขาไปหมด กี่คนแล้วล่ะที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของนาย ถ้าพลาดจากน้องแซ่บไป นายก็ยังมีหนุ่มหล่อๆสำรองอีกบานตะไท ลองหาคนที่ถูกใจดูสักคนจากบรรดาคนที่นายรู้จักสิ บางทีอาจจะทำให้นายมีความสุขมากกว่านี้ก็ได้”
เจ้าสันต์ทำท่าคล้อยตาม มันพูดกับผมเหมือนกับว่าเพิ่งคิดได้ หลังจากโง่มานาน
“เออ มันก็จริงว่ะ แต่ในชื่อที่ฉันมีอ่ะ ยังไม่ปิ๊งใครพอที่จะอยากใช้ชีวิตร่วมด้วยแบบน้องแซ่บนี่หว่า แต่จะว่าไปก็อยู่คนหนึ่งว่ะ ที่ฉันเริ่มจะรู้สึกว่าปิ๊งๆอยู่เหมือนกัน แต่เขาคงมีคนที่ชอบอยู่แล้วมั้ง ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่ แต่คนที่เขาปิ๊งอยู่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเขาเหมือนกัน นี่ถ้าหากคนนั้นอ่ะ ตาไม่ถึง ไม่เห็นคุณค่าในตัวของพ่อหนุ่มคนนั้น ฉันว่า ฉันจะไปแย่งมาเป็นของฉันเลยว่ะ”
“เหรอ ก็ดีสิวะ แล้วหนุ่มคนนั้นหล่อไหมล่ะ ให้ฉันเดานะ ต้องหล่อ หุ่นดี และอายุน้อยใช่ไหม สเปคนายมันเป็นอย่างนั้นนี่”
ผมเดา เจ้าสันต์ยิ้มกริ่ม ทำตาเจ้าเล่ห์
“แน่ละสิ ไม่หล่อ ไม่ดีจะเอามาทำไม ไม่ใช่แค่นั้นนะโว้ย หนุ่มคนนี้น่ะ เป็นลูกครึ่งเชียวนะโว้ย ตัวสูง ผมหยิก คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ตาสวยมากๆ ฟันสวย มีลักยิ้มด้วย แถมซ้ำยังยิ้มเก่งชะมัด”
“เหรอ........”
คำบอกลักษณะที่เจ้าสันต์พูดถึงคนที่มันชอบ ทำไมมันจึงดูคุ้นๆอย่างนี้นะ
“ท่าทางแมนๆ ดูห้าวๆด้วย แต่ดูเหมือนเป็นคนอารมณ์ดี น่าจะเป็นคนจิตใจอ่อนโยน และเอาใจเก่งด้วยนะ”
“อื้ม.....”
ใจของผมเริ่มคิดถึงภาพของใครบางคน เจ้าสันต์ยังคงพร่ำพรรณนาต่อ
“ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นเกย์แบบฉันด้วยหรือเปล่า แต่ท่าทางขี้อ้อนแบบนั้นน่าจะเป็นนะ ไม่รู้สิ อะไรบางอย่างมันบอก เหมือนว่ามันดูกันออกแค่สบตาน่ะ ถ้าเป็นเกย์ ก็คงเป็นเกย์รุกนะฉันว่า แถมซ้ำท่าทางจะเป็นพวกขยันทำการบ้านซะด้วย แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าฉันได้มีโอกาสเป็นแฟนกับเขา จะให้มีอะไรคืนหนึ่งเป็นสิบครั้งก็ยอมนะ แหมก็หล่อล่ำแข็งแรงขนาดนั้น”
“........”
หน้าทะเล้น และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเดียร์แว่บเข้ามาในหัวสมองของผม ภาพนั้นทำให้ผมรู้สึกตกใจมาก ผมหันไปจ้องหน้าเจ้าสันต์และมองอย่างระแวง เหมือนเจ้าสันต์จะคอยจับสังเกตกริยาอาการผมอยู่ก่อนแล้ว มันยิ้มยียวนให้ ผมมองหน้ามันแล้วจึงได้สติ รู้แล้วว่ามันพูดถึงใคร แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และฉวยโอกาสด่ามัน
“ประสาทหรือเปล่า ใหนบอกว่านายเองก็เป็นเกย์ฝ่ายรุกไม่ใช่เหรอ เห็นคุยว่าเป็นฝ่ายทำคนนั้นคนนี้ แล้วนี่จะมายอมเป็นฝ่ายรับ เห็นหนุ่มหล่อเป็นไม่ได้ แล้วทำกันตั้งสิบกว่าครั้ง ก้นนายไม่บานหรือไง”
สำหรับผมแค่สามครั้ง ก็จะแย่อยู่แล้ว ยิ่งนึกถึงตอนที่บางส่วนของร่างกายที่ใหญ่โตของเดียร์พยายามจะชำแรกเข้ามาในร่างกายของผม แถมซ้ำเมื่อเข้ามาได้แล้ว เขายังนำสิ่งนั้นเข้าออกครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยิ่งทำให้ผมนึกสยอง มันมีความสุขมากก็จริงแต่ก็เจ็บจนยากจะลืมเลือน
“อุวะ ไอ้เนี่ย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของเกย์ๆเขาก็อย่าพูดมากเลย เกย์มันมีหลายประเภทโว้ย ฉันน่ะ ถนัดที่จะเป็นฝ่ายทำ หรือชอบเป็นสามีมากกว่าเป็นเมีย แต่บางครั้งถ้ามีคนหล่อๆ ดีๆ ลองเป็นเมียเขาสักครั้งก็ไม่น่าเสียหายนะโว้ย”
เจ้าสันต์ทำเป็นโวยวายเสียงดัง จนผมต้องจุ๊ปากให้มันเงียบ เพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยินเรื่องที่เราคุยกัน โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหมิ่นเหม่เสียด้วย เจ้าสันต์ลดเสียงลง
“โอกาสหาความสุขทางเพศแบบนี้ มันไม่ได้มีเข้ามาได้บ่อยๆ เราต้องรีบตักตวงความสุขไว้สิ ฉันน่ะไม่ได้หน้าตาดีแบบนาย อายุเราห่างกันแค่ไม่กี่ปี แต่หน้านายยังดูเด็กกว่าฉันเกือบรอบ ขืนเลือกมาก แก่ตัวไปก็จะยิ่งหากินยาก ตอนนี้ยังพอหาได้ ไม่ว่าจะรุกจะรับฉันก็เอาทั้งนั้นแหละ”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางส่ายหน้าเมื่อฟังมันพูดจบ ไม่เข้าใจพวกเกย์จริงๆ ทำไมจะต้องดิ้นรนไขว่คว้าหาความสุขทางเพศจนไม่คำนึงถึงอะไรเลยแบบนี้นะ ดูเหมือนในหัวของพวกเขาจะมีแต่เรื่อง เซ็กส์ เซ็กส์ เซ็กส์ การมีเพศสัมพันธ์ กับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด ไม่มีใครเลยหรือไง ที่จะใส่ใจกับการมีความรักที่จีรังยั่งยืน ความรักระหว่างหญิงกับชาย กลับกลายเป็นเรื่องที่สวยงามมากกว่า เพราะสามารถพัฒนาไปจนถึงการสร้างครอบครัว การดำรงเผ่าพันธุ์ มากกว่าจะเป็นแต่เรื่องการปลดเปลื้องความใคร่แต่เพียงอย่างเดียว
เจ้าสันต์คงจะเดาใจผมถูกว่าผมคิดอะไรอยู่ มันพูดกับผมด้วยเสียงที่จริงจังหนักแน่น
“เกย์ก็ผู้ชายคนหนึ่งนะเรียว ผู้ชายทั่วไปมันก็เจ้าชู้ ถ้ามีโอกาสมันก็ฟันไม่เลือกเหมือนกัน ถึงแม้จะมีเมียเป็นตัวเป็นตน ก็อดที่จะหาเศษหาเลยไม่ได้ เกย์ก็เหมือนกัน ถึงแม้จะมีคนที่ตัวเองรัก และปรารถนาจะอยู่ด้วย แต่ถ้าได้มีโอกาสลองกับคนอื่นๆ มันก็อดไม่ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ถึงยังไง เราก็ยังรักคนของเราอยู่นะ แล้วเกย์บางคนอ่ะ เขาก็ไม่เลือกหรอกว่าจะเป็นฝ่ายทำหรือฝ่ายถูกทำ มันอยู่ที่ความพึงพอใจ และการตกลงกันของคนสองคน อีกหน่อยนายคงจะเข้าใจเองแหละ”
ผมคิดไปตามคำพูดของเจ้าสันต์ จริงเหรอ ผู้ชายที่มีอะไรกับเกย์ บางทีก็เป็นได้ทั้งฝ่ายทำและฝ่ายที่ถูกทำ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ผิดสิ ที่ผมคิดอยากจะเอาคืนกับเดียร์บ้าง แล้วเดียร์ล่ะ เขาเป็นฝ่ายทำผมก่อน ถ้าวันหนึ่งผมเป็นฝ่ายทำกับเขา เขาจะยอมให้ผมทำไหมหนอ
โธ่เว้ย คิดอะไรกันวะเนี่ย ผมเอามือกุมศีรษะ เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมผมต้องคิดแบบนี้ด้วย นี่ผมอยากจะมีอะไรกับเดียร์จริงๆเหรอ คราวนี้ผมยังอยากจะเป็นฝ่ายทำเขาอีกด้วย เป็นเพราะผมถูกเดียร์ทำจนรู้สึกว่าถูกหมิ่นเชิงชายหรือเปล่า ผมยอมไม่ได้ที่เดียร์มาทำกับผมเหมือนกับว่าผมเป็นผู้หญิงใช่ไหม หรือที่จริงแล้วผมมีความปรารถนาในตัวเดียร์มาก และอยากจะให้เขาเป็นของผมบ้าง อะไรกันแน่หนอคือความรู้สึกที่แท้จริงที่รบกวนจิตใจผมตลอดเวลา ยามนี้ผมสับสนเหลือเกิน ยิ่งคิด ก็ยิ่งปวดหัว ไม่รู้เลยว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่
“เป็นอะไรไปอ่ะเรียว ปวดหัวเหรอ”
สันต์ถามขึ้น เมื่อเห็นผมเงียบไป และเอามือกุมหัว ผมเอามือออก และเงยหน้าขึ้นมองเขา สั่นหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
“เปล่า แค่ปวดหัวกับเรื่องของพวกนายอ่ะ”
“ก็บอกแล้วไง สักวันหนึ่งนายก็จะเข้าใจได้เองน่ะแหละ”
เพื่อนตัวดีของผม พูดกำกวมเป็นปริศนา ผมคิดว่า มันคงพยายามคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเดียร์อยู่ และมันคงจับสังเกตอะไรบางอย่างได้ จึงมาพูดกับผมแบบนี้ แต่ไม่มีวันเสียล่ะ ที่ผมจะยอมรับกับมัน ผมแกล้งปล่อยผ่านคำพูดนั้นไป เหมือนเป็นคำธรรมดาคำหนึ่ง
“ฉันอยู่ข้างนายเสมอนะ มีอะไรทุกข์ร้อน หรือต้องการคำปรึกษาบอกฉันได้”
มันพูดทิ้งท้ายพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆก่อนจะกลับออกไปทำงานของตัวเอง เวลาที่ผมพูดคุยกับมันทั้งสิ้นเกือบชั่วโมง ทำให้ผมรู้อะไรหลายอย่างมากมาย อย่างน้อย ผมก็รู้ว่า เจ้าสันต์พร้อมที่จะเข้าใจผมทุกเรื่อง และคนอย่างมันก็คงจะไม่ทำร้ายผมด้วยการเปิดโปงเรื่องที่มันได้รู้ได้เห็นมาอย่างแน่นอน เพียงแค่ผมเปิดใจคุยกับมัน แต่เวลานี้ผมยังไม่พร้อมที่จะให้มันรับรู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น เอาไว้เมื่อผมรับมือกับสิ่งต่างๆไม่ได้ ผมจะขอความช่วยเหลือจากมันเอง
“เฮ้ย คนที่ฉันพูดถึงน่ะ หมายถึงน้องเดียร์นะโว้ย น่ารักดี เขาคงมีแฟนแล้ว แต่คนนั้นคงไม่ชอบเขา นายจะว่าไงบ้าง ถ้าฉันจะขอเสียบแทนหากคนนั้นทำให้น้องเดียร์เสียใจ”
เจ้าสันต์โทรศัพท์มาหาผมตอนเย็นก่อนจะกลับบ้าน ฟังจากน้ำเสียงของมันเหมือนจะลองหยั่งเชิงว่าผมจะพูดยังไง ตอนแรกที่ได้ฟังผมก็นึกเคืองมันอยู่เหมือนกัน ที่มันพูดแบบนี้ เจ้าเด็กบ้านั่น ไม่ใช่สิ่งของนะที่ใครพอใจก็จะมาหยิบฉวยเอาไปไว้กับตัว ใจอยากจะด่ามันที่บังอาจมาพูดจาแบบนั้นกับผม ถึงไม่รู้ว่ามันมีเจตนาจะยั่วผมหรือไม่ ผมก็ไม่พอใจอยู่ดี แต่ความที่ผมยังไม่อยากเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเดียร์ ทำให้ผมบอกให้มันไปคุยกับเดียร์เอง มาคุยกับผมทำไม มันกลับย้อนมาอย่างขำๆว่าเห็นผมสนิทกับเดียร์เผื่อจะช่วยพูดเชียร์มันได้ ผมบอกกับมันไปว่า ผมไม่ใช่แม่สื่อพ่อชัก ทำเรื่องแบบนี้ไม่เป็น รักใครชอบใครก็ทำเอาเอง เจ้าสันต์ไม่พูดอะไรแต่หัวเราะตอบกลับมา พอผมถามว่ามันหัวเราะอะไร มันก็บอกว่า ผมพูดเหมือนกันท่ายังไงไม่รู้ สงสัยผมจะหวงเดียร์มาก ผมเลยด่ามันแล้วก็วางหูไปเลย
เจ้าตัวต้นเหตุโทรมาหาผมตอนห้าทุ่มกว่า ผมกำลังจะเข้านอนพอดี เขาส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาตามสายถามไถ่ว่าผมทานข้าวหรือยัง ทำงานเหนื่อยหรือเปล่า คิดถึงเขาบ้างไหม ผมตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ด้วยยังนึกขุ่นใจเรื่องที่เจ้าสันต์พูดเมื่อตอนเย็น พูดกระแหนะกระแหนเขาว่า เสน่ห์แรงเหลือเกิน ใครๆก็ถามถึง เดียร์งง ไม่เข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร ผมเลยบอกให้เขาฟังว่า เจ้าสันต์ถามถึงเดียร์ เด็กหนุ่มหัวเราะก๊าก แล้วถามผมว่า ที่ผมพูดไม่ดีกับเขาเนี่ย เป็นเพราะหึงเขาหรือเปล่า เขาไม่เคยคิดอะไรกับสันต์เลยนอกจากคิดกับผมคนเดียว ผมไม่ตอบ รู้สึกโกรธที่เดียร์พูดเหมือนเจ้าสันต์ที่มองว่าผมหึงหวงเขา เลยพาลตัดสายไม่พูดกับเขาเอาดื้อๆ แถมซ้ำยังปิดเครื่องเพื่อไม่ให้เดียร์โทรมาหาอีก จากนั้นผมก็เข้านอนทั้งๆที่ยังหงุดหงิดแบบนั้น พลิกซ้ายพลิกขวายังไงก็นอนไม่หลับ จนกระทั่งตีหนึ่ง เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านก็ดังขึ้น
เดียร์ฉีกยิ้มปากเกือบถึงใบหูให้ผมตอนที่เปิดประตูรับเขาเข้ามา เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าบ้านในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดๆ สะพายเป้ไว้ด้านหลัง ในมือถือถุงขนมที่นำมาจากร้าน โลโก้บนถุงเด่นหรา พอเห็นผมทำหน้าบึ้งหน้าตึงใส่ เขาก็แถเข้ามาใกล้ ขอโทษขอโพยเสียงออดอ้อน
“ขอโทษนะครับที่รัก ที่มาเอาเสียดึกเสียดื่นป่านนี้ ก็คุณน่ะ พูดยังไม่ทันจบก็วางสายผม ท่าทางโมโหโทโส พอผมโทรกลับมา ก็ไม่ยอมรับสาย ผมเป็นห่วงคุณมากรู้ไหม ไม่รู้ว่าคุณไม่สบาย หรือเป็นอะไรหรือเปล่า เลิกงานก็รีบนั่งแท็กซี่มาหาเลย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่นอนอีกล่ะ ดึกแล้วนะ เดี๋ยวมันจะไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ”
“กำลังจะนอน แต่ได้ยินเสียงกริ่งเสียก่อน ว่าจะไม่ลงมาเปิดแล้ว แต่กลัวยุงหามนายไปกิน ทีหลังถ้ามาแบบนี้อีก จะปล่อยให้นั่งหน้าบ้านเสียให้เข็ด”
ผมตอบโดยไม่มองหน้า พลางแกะไม้แกะมือของเดียร์ที่กำลังโอบกอดผมออก
“ใจร้ายจังนะ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าเรียวนอนไม่หลับ เดี๋ยวผมจะกล่อมให้นะ รับรองเรียวหลับสนิทรวดเดียวถึงเช้าแน่เลย”
เด็กหนุ่มพูดยิ้มๆ ผมมองหน้าตาเจ้าเล่ห์ของเขา แล้วรีบเดินหนี
“วันนี้เรียวเป็นอะไรอ่ะ ทำไมหงุดหงิดจังเลยครับ เมื่อวานนี้ เรายังดีๆกันอยู่เลย อะไรกันเพิ่งฉลองสองเดือนที่คบกันไปเมื่อวานนี้ พอวันนี้กลับมาโกรธผมอีกแล้วหรือครับ”
น้ำเสียงและหน้าตาของเดียร์ดูน่าสงสาร เขาเดินตามผมมาจากหน้าบ้านจนถึงห้องรับแขก โดยที่ผมไม่พูดไม่ทักทายเขาสักคำ ผมมองหน้าเขาก็พลันคิดถึงคำพูดของเจ้าสันต์ที่พูดกับผมเรื่องเดียร์ เลยเกิดนึกรำคาญขึ้นมา จนเผลอพูดในสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเดียร์ออกไป
“ไม่มีอะไรหรอก แต่วันนี้ไม่ให้นอนค้างนะ ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากให้ใครกวนใจ”
ทันทีที่คำพูดแบบไร้เยื่อใยหลุดจากปากของผม เดียร์ก็มีสีหน้าสลดลง หัวใจผมหล่นวูบ เมื่อเห็นใบหน้าหมองๆนั้น รู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ แต่ทำไงได้พูดออกไปแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น ทำตาแดงๆ เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง พลันใบหน้าของเดียร์ก็มีรอยยิ้มระบายขึ้น
“ถ้าเรียวอยากอยู่คนเดียว ผมก็ไม่รบกวนแล้วนะครับ แค่อยากมาเห็นกับตาว่าเรียวเป็นอะไรหรือเปล่าเท่านั้น พักผ่อนให้มากๆนะครับ อย่านอนดึกนะ ผมกลับล่ะครับ”
เดียร์กลับไปแล้ว ด้วยท่าทางเหงาๆ ส่วนผมกลับมานอนในห้องเหมือนเดิม แต่ผมไม่สามารถข่มตาตัวเองลงได้ พอพยายามจะหลับตาลงทีไร หน้าเศร้าๆของเดียร์ก็ลอยไปลอยมา ผมรู้สึกแน่นในอก รู้สึกว่าตัวเองได้ทำในสิ่งที่ร้ายกาจมากที่ไล่เดียร์ไปกลางดึกแบบนั้น ทั้งๆที่เจ้าเด็กบ้านั่น รีบนั่งแท็กซี่มาหาผมทันทีที่เลิกงาน ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าผมจะไม่สบาย กลัวว่าจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน โดยที่ตัวเขาเองก็ทำงานหนักมาทั้งวัน และยังไม่ทันได้พักผ่อน แต่ผมกลับไม่ใส่ใจความรู้สึกของเขา และใช้คำพูดที่ทำให้เดียร์ต้องเจ็บปวด ผมมันแย่มากจริงๆ ไม่รู้สึกในความหวังดีของคนอื่น แถมซ้ำยังไร้หัวใจอีกด้วย มัวแต่ไปเก็บเอาคำพูดบ้าๆของคนอื่นมาคิด กลัวในสิ่งที่มันยังไม่เกิด ปิดกั้นตัวเอง ทำร้ายคนที่รักผมทั้งๆที่เขาไม่เคยทำอะไรให้เลย ความเครียดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปทำให้ผมนอนไม่หลับ จนกระทั่งรุ่งเช้า

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่3 4/1/09
«ตอบ #27 เมื่อ04-01-2009 17:19:37 »

:z3: ไม่มีเวลาจัดช่องไฟอ่ะ ทนอ่านเอานะ

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่3 4/1/09
«ตอบ #28 เมื่อ04-01-2009 17:26:40 »

จิ้มมม  พี่แอน

แล้วไปอ่านก่อนน๊า


~~~~~~~~~~~~~~~~~~

 :o12:สงสารเดียร์

เรียวจังใจร้ายยย ดูเด่ะ เดียร์หงอยเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2009 17:57:01 โดย nana lonely »

unnoname

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่3 4/1/09
«ตอบ #29 เมื่อ04-01-2009 19:26:27 »



                                  ทำไมทำร้ายจิตใจเดียร์อย่างนั้นนน :o12:

                                                   :sad4:เรียวใจร้ายยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด