ปฐวีย์ ตื่นเช้ามาก็เจอคนที่ผมรู้สึกว่าผมค้นหาเขามานาน ใครก็คงคิดว่าผมต้องชอบผู้หญิงที่สวย เรียบร้อย วาจาน่ารักอ่อนหวานแต่จริงๆแล้ว ผมชอบผู้ชายมานานแล้ว ตอนแรกผมก็ชอบเมย์น่ะ แต่พอไปนานๆ เข้า ผมคิดว่าผมอาจจะแค่สงสารเขาที่ชีวิตของเขาเจอแต่เรื่องร้ายๆ มา จนถึงขนาดยอมไปแต่งงานกับผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ คิดแล้วก็ต้องส่ายหัว
ตอนนี้ผมมานั่งรอดูเอกสารที่เลขาฯคนสวยของผมฝากพนักงานเอาไว้ให้ผม เป็นเอกสารทั้งหมดปึกใหญ่พอสมควร และมันก็เพียงพอที่ผมจะให้ทนายจัดการเรื่องถอนหมั้นปริม โดยที่พ่อเธอไม่กล้าที่จะเรียกร้องอะไรจากผมได้เลย เพราะว่ามันผิดข้อตกลงของการหมั้นหมายทุกข้อแต่ยกเว้นเรื่องบ้านเท่านั้น
“พี่ปฐวีย์ ผมกลับเลยน่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับไปบ้าน ป่านนี้แม่ผมคงโทรไปถามเพื่อนๆ ผมกันหมดแล้ว” ภาคินบอกผมน้ำเสียงที่ดูไม่แข็งกร่าวเหมือนทุกครั้ง เหมือนเด็กออดอ่อนผู้ใหญ่ จนผมต้องเงยหน้ามองภาคิน ผมมานั่งดูเอกสารทั้งหดมในห้องเล็กๆสำหรับประชุมเล็กๆหรือการสนทนาที่เป็นส่วนตัว ผมก็ว่าจะกลับเข้าบ้านเหมือนกัน แต่จะว่าไปตอนนี้มันใกล้จะเวลาอาหารเที่ยงแล้วด้วยผมพลิกข้อมือดูนาฬิกาข้อมือราคาแพง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหนุ่มหล่อตรงหน้าอีกครั้ง
“น่าจะอยู่ทานอาหารกลางวันกับพี่ก่อนน่ะ “ ผมพูดพร้อมกับดันตัวเองไปพิงพนักเก้าอี้
“ไม่เอาอ่ะ เอาไว้ตอนเย็นค่อยไปหาพี่แล้วกัน “ภาคินพูด ก่อนจะหันหลังเดินออก
“ก็ได้ครับ “ผมบอกภาคินว่าว่าจะชวนไปทานอาหารที่บ้านพ่อกับแม่ผมอยู่บ้าน ผมจะพาไปเปิดตัวกับพ่อแม่ผมแล้วเช่นกัน ผมบอกพ่อแม่ของผมไปแล้วว่า ท่านได้ลูกสะใภ้คนใหม่แล้วในช่วงข้ามคืนและพ่อผมบอกว่ารู้จักครอบครัวภาคินดีซะด้วย
“ผมไปก่อนนะพี่วีย์ เจอกันตอนเย็นน่ะ” ภาคินเหลียวหลังหันมาบอกผมและโบกมือ
“ที่รัก” ผมเรียกภาคินเอาไว้สะก่อนพร้อมกับจะหมุนเก้าอี้มามองตามหนุ่มน้อยของผมที่ใจคอจะทิ้งให้ผมทานอาหารกลางวันคนเดียวได้ลงคอ ภาคินชะงักเท้าก่อนจะก้าวออกไปและาหันกลับมามองผม ผมชี้แก้มตัวเอง
“เป็นที่รักของพี่แล้ว เปลี่ยนจากไหว้มาเป็นหอมแก้มพี่แทนนะครับก่อนจะไป” ผมพูด ภาคินหันมาเหลือกตาขึ้นบนก่อนจะจะเดินกลับมาและโน้มตัวลง
“ฟ๊อด!!”
“พอใจไหมครับ ที่รัก” แต่ว่าอันนี้ยิ่งพอใจกว่า ภาคินเดินหันหลังออกไปทันที
ผมก็นั่งดูเอกสารที่เลขาฯผมทำมาให้พร้อมที่จะมอบให้ทนายที่ดูแลครอบครัวผมมาช้านาน เพื่อนำไปใช้ในการถอนหมั้นปริม และผมก็จะไม่ต้องชดใช้อะไรทั้งสิ้นรวมถึงเขาและผม แต่ยกเว้นเรื่องบ้านเงินก็ไม่สามารถที่จะได้มาให้เมย์เช่นกัน ถ้าเขาเลือกที่จะเอาเงินตั้งแต่แรกผมคงควักจ่ายไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมกับเมย์เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว(ไม่เคยจะดีกว่า) และเขาก็เลือกที่จะไปรักกับคนที่เขารัก ดังนั้นผมคงไม่สามารถที่จะเจียดเงินถึงสามสิบล้านไปซื้อบ้านหลังนั้นได้ ผมเหลือบมองกุญแจรถของภาคิน ที่วางอยู่ตอนที่เขาก้มลงหอมแก้มผมและเจ้าของก็เดินออกไป แอบอมยิ้มตั้งใจลืมหรือเปล่าน่ะผมคิดว่ามารอบนี้คงจะให้อยู่ทานอาหารเที่ยงด้วยเลย
“ปึก” เสียงประตูถูกผลักเข้ามา ผมก็ก้มหน้าก้มตา เลยถามไปว่า “ลืมอะไรเหรอครับที่รัก” ผมถามก่อนจะเงยหน้าขั้นมอง ปรากฏว่าคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่ภาคินแต่เป็น ปริม ผมก็วางปากกาลง และมองผู้หญิงคนที่เดินเข้าหยุดมองผม
“อุ้ย! ลืมอะไรเหรอครับที่รัก แสดงว่าพี่เองนั่นแหละที่ผิดกฎเรื่องหมั้นกับปริม มีแฟนใหม่ทันทีหรือมีมานานแล้วกันแน่” ปริมพูดพร้อมกับยืนกอดอกมองมาที่ผม
“ผมว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วน่ะคุณปริม เชิญออกไปครับ ผมจะทำงาน” ผมพูด
“แต่ปริมคิดว่าเราควรจะมี” ปริมพูด
“มีอะไรอีกเหรอครับคุณปริม” ผมถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่ยืนอยู่ เธอเป็นผู้หญิงสวยเหมือนจะดูแพงแต่หาคุณค่าและราคาไม่ได้ และทั้งหมดนี้มันก็มาจากความโลภของพ่อเธอ
“มีค่ะ ทำไมพี่ปล่อยให้ไอ้เด็กบ้านั้นมันไปหาคนของปริม”
“ถ้าเขาเป็นคนของปริมจริง เขาก็คงจะปฏิเสธเมย์แต่นี้เขาไม่ใช่ไงปริม ผมว่ายังไม่สายน่ะปริมที่ปริมจะทำตัวเองให้มีค่ามากกว่านี้” ผมพูด เธอมองหน้าผมแววตาเธอเจ็บแค้นมาก
“แต่ถ้าพี่ไม่ปล่อยมันไปปริมก็น่าจะได้คืนแล้ว”
“ผมไม่อยากเสียเวลามาอธิบายเรื่องพวกนี้น่ะ เพราะว่าปริมก็คงไม่เปิดใจรับฟัง เธอยังตาบอดอยู่ ปริม” ผมพูดก่อนจะหันไปเก็บรวบรวมเอกสารทุกอย่าง
“จนมองไม่เห็นอะไรคือเรื่องจริง” ผมพูดเธอยืนกำหมัดแน่น
“พ่อให้ปริมมา คุยกับพี่ใหม่ พ่อเขาอยากให้พี่ ยังคงหมั้นกับปริม “
“ปริมพี่ส่งทนายไปคุยกับพ่อของปริมเร็วๆ นี้ และพี่ขอยุติเอง พี่”
“ทำไมล่ะค่ะ พี่เสียใจเรื่องเด็กนั้นเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับปริม ผมไม่ได้งมงายเหมือนคุณปริมนี้ครับและ ผมมีแฟนแล้ว มีคนที่ผมรักแล้วครับคุณปริม “
“ส่วนเมย์เขาเลือกตั้นและพี่เดาจากที่เธอมายืนสั่นเป็นเจ้าเข้า อยู่ตรงนี้ ตั้นก็คงเลือกเมย์ ถูกต้องไหม “ผมพูดพร้อมกับปรายตามองเธอแบบเอื่อมระอาเต็มที และสิ่งที่ผมพูดมันก็คงจี้ใจดำเธออยู่มิใช่น้อย (ผมอาจจะเป็นผู้ชายปากร้าย ผมยอมรับแต่ไม่ทุกคน)
“เร็วเนอะ ใครละคะ” เธอลอยหน้าลอยตาถามผม
“เขาคือคนที่ปริมไม่อยากรู้จักแน่นอน เพราะว่าเขาเคย ทำให้ปริมต้องกลับไปทำจมูกมาใหม่จำได้ไหมคะ”
“ดังนั้นปริมออกไปก่อนเถอะค่ะ ผมก็ขึ้นไปจัดการเอกสารส่วนตัวและกลับบ้าน แฟนพี่เขาจะมาทานข้าวกับพ่อแม่พี่ค่ะ” ผมพูด
“ได้ปริมจะทำให้พี่ต้องชดใช้เงินให้พ่อปริม “เธอไม่พูดเปล่าเธอกำลังเดินก้าวเท้าเข้ามาหาผม อย่าบอกน่ะว่าเธอจะทำเรื่องน่าเกลียดกับผมน่ะ
*****
ภาคิน ผมเดินไปถึงรถแล้วกำลังจะเปิดประตูรถแต่ดันลืมกุญแจไว้ที่โต๊ะพี่ปฐวีย์ มัวแต่เขินอยู่ไง ผมก็รีบเดินกลับมาหาพี่ปฐวีย์ใหม่อีกครั้งจนได้ และมีหวังเขาคงคิดว่าผมตั้งใจและคงจะหาเรื่องให้ผมอยู่ต่อจนเที่ยง ไม่เอาอ่ะ ผมแอบคิดในใจ ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับไป ผมก็ไม่ลืมหยิบมือถือขั้นมาเพื่อกดโทรหาไอ้ธีม
// ว่าไงว่ะ มึง นี้มึงอยู่ไหนเนี๊ยะ”
// ทำไมว่ะ//
//แชร์โลเคชั่นมาเลย เพราะว่าแม่มึงน่ะโทรมาปลุกกูเนี๊ยะว่ามึงอยู่ไหน//
//ไม่แชร์// ผมพูดแชร์ไปมันก็รู้น่ะซิว่าผมมาเปิดโรงแรมใหม่ของพี่ปฐวีย์นอน
//แม้ แม้ ปากก็ว่าเขา ติเขาแต่สุดท้ายก็ไปนอนกับเขาไอ้เวร อยากลองโรงแรมหรูวิวร้อยล้านก็บอกมาดิ ชิ้งหนีเพื่อน //
// มึงรู้ได้ยังไง//
//เลขาพี่เขาอยู่กับกูว่ะ //
//ไอ้เชี้ย แล้วน้องแก้มบุ๋มมึงล่ะ//
//ผัวน้องเขามาสัส!! ดีที่กูชิ้งทัน ไม่เทพทำไม่ได้นะมึง // ชมตัวเองได้หน้าด้านสุดๆ ไอ้ธีมเพื่อนผม
//แค่นี้น่ะ ไอ้กะล่อนเอ๊ย// ผมรีบกดวางสายก่อนจะเดินมาที่ประตูผมคิดว่าพี่ปฐวีย์คงยังไม่กลับขึ้นไปแน่ๆ เพราะว่าผมเพิ่งจะออกไปไม่ถึงยี่สิบนาทีเอง ผมเห็นแม่บ้านกำลังเข็นรถเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาดกำลังจะผ่านไป ผมจับที่จับประตูพร้อมกับบิดเพื่อดึงออกมาแต่สิ่งที่ผมเห็นคือเจ้ปริมกับพี่ปฐวีย์ ผมรีบปิดประตูลง (ไม่ต้องคิดว่าผมจะวิ่งออกไปนั่งร้องไห้ในรถเพราะว่ากุญแจก็ลืมไปที่พี่ปฐวีย์ จะให้หนีไปเรียกแทกซี่ไม่ใช่ผมแน่นอน)
“ขอโทษนะครับ อันนี้ใช้ฉีดทำอะไรน่ะครับ”
“สวัสดีค่ะคุณ เออ เป็นแขกที่นี้เหรอคะ”
“ใช่ครับ รบกวนบอกผมหน่อยว่าเอาไว้ฉีดอะไรครับนี้ “ผมหยิบสเปรย์ฉีดอะไรสักอย่างมันเขียนเอาไว้ว่า “Kill 99% Germ”
“อันนี้เหรอคะ คุณจะเอาไปทำอะไรเหรอคะ”
“จะขอไปฉีดสิ่งสกปรกที่ห้องรับรองคุณปฐวีย์สักหน่อยน่ะครับ”
“กลิ่นมันแรงมากค่ะ ปกติใช้ฉีดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำค่ะ “
“อ้อ งั้นผมยื่มก่อน”
“เดี๋ยวค่ะคุณ!!! ” ผมพูดและหยิบมาติดมือมาทันที เดี๋ยวเจอกันพี่ปริม ผมเปิดประตูเข้าไปอีกครั้ง ผมก็นางปริมมัน เดินเข้าหาพี่ปฐวีย์ พี่เขามองผม ผมก็จุ๊ปาก ก่อนจะเดินย่องเข้าไปแบบเงียบๆ
“ปริมเองก็ไม่อยากทำหรอกค่ะ แค่คำสั่งพ่อของปริม อย่างน้อยพี่ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายให้ปริม ให้มันมากพอ”
“เดี๋ยวกูจ่ายให้พี่ปริม” ผมพูดและกระฉากนางออก กระเด็นไปข้างหลัง
“ตุบ! “ร่างบางๆ นั้นกระเด็นไปกองอยู่ที่พื้นทันที นางหันมามองผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“อะไรของมึงอีกเนี๊ยะ ไอ้ภาคิน มึงมายุ่งอะไรกับกูอีก นี้กูมาหาคู่หมั้นกู” พี่ปริมพูด ผมหันมาเลิกคิ้วมองพี่ปฐวีย์ พี่เขาสั่นหัวว่าไม่ใช่
“เขาถอนหมั้นมึงแล้วพี่ปริม ความจำเสื่อมเหรอ เมย์มันตบเข้าให้ทีเดียว ความจำกระเด็นไปเลยเหรอ” ผมพูด พี่ปฐวีย์หันมามองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อที่ผมพูด ว่าเมย์จะกล้าตบนางชะนีนี้
“ปริมครับ พี่กำลังจะบอกอยู่ว่าแฟนใหม่พี่น่ะ คือ ภาคินครับ” พี่ปฐวีย์พูด นางถึงกับถลึงตาใส่ผมทันที
“ไอ้นี้นี่น่ะ แฟนพี่!!! “พี่ปริมพูดและหันมาแสดงอาการตกใจ
“ใช่กูนี่แหละพี่ปริม คราวนี้แหละ กูคงได้สู้รบตบมือกับเจ้สนุกล่ะ เพราะว่าผมน่ะไม่ใช่เมย์” ผมพูดก่อนจะเดินก้าวเท้าไปหาเธอ แต่เธอกับถอยหลังหนี
“กูอยากจะกลับมาหาตายเลยแหละ จืดชืดจะตายมึงอยากได้ก็เอาไปเถอะ “พี่ปริมพูด พี่ปฐวีย์หันมามองผม
“ดีเลย ฉันจะไปเอาของฉันคืน ตั้นและก็ไม่ต้องไปเสนอหน้าทำเป็นหมาหวงก้างกับฉันล่ะ ส่วนเมย์มันน่ะไม่กล้ากับฉันหรอก คงได้แต่นั่งร้องไห้ขี้มูกโป้ง แต่คนอย่างฉันน่ะมันเป็นพวก…”
“ด้านได้อายอด” ผมพูดต่อท้ายให้ทันที
“ก็ใช่ไงกู …อ้ายยย ไอ้ ไอ้ ไอ้ตุ๊ด มึงด่ากูเหรอ” พี่ปริมถึงกับเดือดเป็นกิ่งกือโดนน้ำร้อนทันที ส่วนพี่ปฐวีย์ก็เอาแต่หัวเราะในลำคอ
“ไอ้ตุ๊ด!! ” ผมต้องพ่นลมหายใจออกมาเพื่อพยายามระงับความโกรธ ไม่อย่างนั้นฝ่ามือผมคงได้เอาขวดน้ำยาฉีดนี้ฟาดชะนีเข้าบ้างล่ะ
“พี่ปฐวียีครับ ผมว่าจะเข้ามาถามพี่ว่าน้ำยาฉีดยี่ห้อนี้ มันใช้ดีเหรอครับ”
“พี่ไม่แน่ใจน่ะ เพราะว่าพนักงานทำความสะอาดน่ะ พี่จ้างบริษัทนอกเข้ามาน่ะครับ เมียครับ” พี่ปฐวีย์พูด พี่ปริมได้ยินถึงกับเบ้ปาก
“ผมเห็นมันเขียนเอาไว้ว่าใช้กำจัด พวกแบคทีเรีย พวกเชื้อโรค แล้วมันสามารถกำจัดเชื่อบ้าได้ไหมครับ” ผมพูด ก่อนจะหันมามองหน้าพี่ปริม
“แกมองหน้าฉันแบบนี้ คืออะไร “
“ก็เจ้น่ะ มีเชื้อบ้าไง” ผมพูด “ฟิต ฟิต ฟิต “ผมฉีดสเปรย์ใส่เธอทันที และผมก็ต้องก้าวถอยหลัง เออ เหม็นจริงๆ ด้วย ส่วนคนที่ถูกฉีดใส่นี้ก็หันส่ายหันขวา
“กรี้ดดดด” เสียงกรี้ดราวกับโดยอะไรสักอย่างที่ทำให้นางถึงกับดิ้นพล่านไปเลย
“ไอ้ …”
“ด้ากูอีกที ขวดนี้ฟาดหน้ามึงแน่ และกูจะได้ไม่ต้องฉีดให้เมื่อยมือกูด้วย” ผมพูด
“พี่ปฐวีย์ พี่ ปล่อยให้ไอ้…. นี้มันทำกับปริมแบบนี้ไม่ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นพ่อปริมไม่ยอมแน่ พี่ควรจะ”
“แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะครับ ปริมด่า เมียพี่เอง และพี่ก็เป็นคนเกรงใจเมีย ให้เมียตัดสินเอาเลย พี่มีเวลามากพอจะนั่งดู” พี่ปฐวีย์พูดพร้อมกับเอามือเท้าค้าง มองผมกับพี่ปริมสลับกันไปมา ส่วนพี่ปริมเองก็ถอยหลังก่อนจะหันมามองผมกับขวดน้ำยาทำความสะอาด
“ดูท่าเชื้อบ้าจะเยอะไปน่ะ เจ้น่ะ ขวดนี้ก็เอาไม่อยู่ ไปหายาฉีดเถอะ ยาสำหรับพิษสุนัขบ้าน่ะ” ผมพูด
“กรี้ดดด ไอ้… ภาคิน คอยดูน่ะกูได้ตั้นคืนมาเมื่อไหร่มึงคนแรกเลยที่กูจะให้ตั้นตัดออกไปจากชีวิต อ้ายยย!!!! ”
“ยังอีก เดี๋ยวฉีดให้หมดขวดเลย” ผมพูดและทำท่าจะฉีดเพิ่ม
“แหละนี่แกเอาอะไรมาฉีดฉันเนี๊ยะ เหม็นฉิบหาย”
“เมื่อกี้ถามคนทำความสะอาดเขาบอกเอาไว้ฉีด สุขภัณฑ์ที่เรียกว่าสวม และมันเข้ากับพี่ปริม”
“กูไม่ใช่สวม!! ”
“เคยได้ยินคำพังเพยไหมครับพี่วีย์ ที่บอกว่า มีลูกสาวก็เหมือนมี ….”
“อ้อ สวมอยู่หน้าบ้านนะเหรอ “พี่ปฐวีย์ตอบ ผมหันมามองพี่ปริม เธอถึงกับกำหมัดแน่น (แน่นอนคำนี้เธอโดนพ่อเธอพูดใส่หน้ามาไม่รู้กี่ครั้ง “มีลูกสาวก็เหมือนมีสวมอยู่หน้าบ้าน”
“อันที่จริงยุกต์นี้ไม่มีใครเป็นแบบคำพังเพยนี้กันแล้วน่ะ ทำไมเจ้ยังใช้อยู่อีกล่ะ กลับไปทำตัวดีดีดีกว่าไหม คนเขาไม่รัก มึงจะดันทุรังทำไมว่ะ กูอยากรู้ และจะว่ามึงไม่มีปัญญาหาเหรอ ไม่ซิ มีเยอะแยะไป “
“เรื่องของกู “เจ้ปริมพูดก่อนจะเดินออกไป
“ปริม พี่หวังว่าปริมจะไม่มาทำเรื่องวุ่นวายในโรงแรมของพี่อีก เพราะว่าเรื่องของปริมกับพี่มันจบแล้ว หลักฐานที่ปริมทำตัวเองมันเพียงพอแล้วที่พี่จะถอนหมั้น “พี่ปฐวีย์พูดก่อนจะลุกขึ้นมายืนข้างๆ ผม
“และพี่ก็มีแฟนแล้ว ถ้าปริมยังมาหาเรื่องใส่ตัวพี่ก็คงห้ามอะไรภาคินไม่ได้ พี่เกรงใจเมีย “
“กลัวเมียดีกว่ามั้ง”
“คงจะใช่น่ะ” พี่ปฐวีย์พูด
“อยากจะมาหาตายเลย ถ้าพ่อไม่บังคับให้ปริมมา แต่ต่อไปปริมก็คงไม่ขอมาล่ะ เชิญกับตามสบายเลยน่ะ “พี่ปริมพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไป ผมหันมามองพี่ปฐวีย์ที่ลุกขึ้นมายืนมองผม และแบมือขอกุญแจรถของผมด้วย
“อยู่ในกระเป๋ากางเกง” พี่เขาหันมาให้ผมล้วงลงไปเอง ผมก็ต้องเอามือนะล้วงลงไป
“หมับ” ผมจับเข้ากับบางสิ่งที่ยาวๆ “อันนี้กุญแจรถส่วนตัวพี่น่ะครับ เอาไว้ขับกันสองคน เอาออกไปขับท้องถนนไม่ได้เดี๋ยวโดนข้อหาอนาจารภาคิน” พี่ปฐวีย์พูด เล่นมุขตลกอีกน่ะ
“หมับ” มือพี่ปฐวีย์จับมือผมเอาไว้ ไม่ให้ควานหากุญแจต่อ “กลับมาแล้วรอทานอาหารกลางวันกับพี่เลย พี่นัดทนายคุยเรื่องพี่ปริมเอาไว้แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน” พี่ปฐวีย์พูด ก่อนจะโอบเอวผม นี้คือมัดมือฉกให้ผมอยู่ต่อเลยใช่ไหม ร้ายจริง ๆ แต่ก็ต้องยอมแหละ ผมบอกกับพี่ปฐวีย์ว่ายังไม่อยากแต่งน่ะ จะรีบไปไหน ลูกก็มีให้ไม่ได้ ว่าจะอยู่แบบนี้ไปก่อนแต่เป็นแฟนน่ะคงต้องยอมแล้วมั้ง
****
ปริม เธอเดินหัวเสียออกมาจากห้องที่พี่ปฐวีย์นั่งอยู่แถมเธอยังได้รับเซอไพรส์ว่า ภาคินเป็นแฟนพี่ฐวีย์ แม้จะมีคำถามว่าไปเป็นตอนไหน เธอว่าจะเอามาต่อรองให้พี่ปฐวีย์ดึงนางเมย์กลับมาแต่นี้ เธอคงไม่กล้าไปตอแยแน่ๆ ก๋คนที่ทำให้เธอ เกรงกลัวดันมาอยู่ ณะ จุดที่เธอควรจะได้แต่เธอไม่แคร์ ระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านกลุ่มของคนงานทำความสะอาดที่กำลังคุยเรื่องงานกัน เธอก็ก้มลงมองชุดแซกสั้นเข้ารูปแต่ว่าตอนนี้กลิ่นน้ำยาที่ภาคินฉีดมันเริ่มคลุ้งไปหมด กลบกลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดังขวาหนึ่งราคาเกือบหมื่นบาทก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้
“นี้ เอาน้ำยามาฉีดไว้แถวนี้หรือเปล่า ทำไมกลิ่นมันคลุงแถวนี้ล่ะ บอกว่าอย่ามาฉีดไง กลิ่นแรงมากเลยเนี๊ยะ! แขกมาได้กลิ่นเข้าเขาจะคอมเพลนเอาน่ะ”
“หนูไม่ได้ฉีดอะไรเลยนะคะ แต่ว่ากลิ่นน่ะเหมือนจะเพิ่งมา กลิ่นมีมาจาก “คนที่อยู่ใกล้เธอที่สุดหันมามองปริม เธอหันขวับไป อยากจะกรี้ดแต่ก็ ต้องระงับมันเอาไว้ และรีบเดินกึ่งวิ่งท่ามกลางสายตาของพนักงานทำความสะอาดต่างพากันมองตามเธอไป เธอวิ่งมาจนถึงด้านนอก เธอเห็นรถคันสีดำ รถประจำที่เธอนั่งมีคนสนิมของพ่อเธอ เป็นคนขับรถ เธอเดินมาถึงก็
“เปิดประตูรถ” เธอออกคำสั่งทันที ประถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วและเธอก็ก้าวเท้าขึ้นไปนั่งพร้อมกับดมกลิ่นตามตัวเธอ เหม็นมาก
“เร่งแอร์ให้ด้วยฉันร้อน!! ” ปริมออกคำสั่งคนทำหน้าที่คนขับรถ ก็ทำตามคำสังเธอ เปิดแอร์ในระดับสูงสุด และสิ่งที่ทำให้คนขับรถหันมามองหน้ากันนั้นคือกลิ่น
“อ้าว!! มองหน้ากันอยู่ได้ออกรถซิ! “ปริมแผดเสียงออกคำสั่งอีกครั้ง
“คุณปริมเปลี่ยนน้ำหอมเหรอครับ” คนขับรถถามเธอด้วยสีหน้าที่กลัวจะถูกลูกสาวของนายด่ากลับ
“เปลี่ยนบ้าอะไรล่ะ “
“คือกลิ่นมัน”
“ก็ไอ้บ้า โว้ย!! มันดันเอาอะไรก็ไม่รู้มาฉีดใส่ฉันเนี๊ยะ ออกรถไม่ต้องถามมาก”
“ผมก็ว่าแล้วมันไม่น่าจะใช้กลิ่นน้ำหอมมันเหมือนกลิ่น น้ำยา เออ น้ำยา”
“น้ำยาอะไร!!” ปริมตะคอกเสี่ยงดังถามกลับ
“น้ำยาที่เมียผมเอาไว้ฉีดห้องสวมน่ะครับ” เท่านั้นแหละ
“กรี้ดดด ห้ามพูดถึงสวม ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มันอยู่ในสวม!! ”
“ออกรถซิ ฉันก็เหม็นเหมือนกันน่ะ” ปริมพูดพร้อมกับก้มลงดมกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เธอก็ต้องทำหน้าตาเหยเกขึ้นมาทันที
“กรี้ดดดด!!!! ” เสียงกรี้ดลั่นรถอีกครั้ง
“ตอนเด็กๆ คุณปริมแกเผลอกลืนนกหวีดลงไปหรือไงว่ะมึง ร้องกรี้ดมาทีนี้แก้วหูจะแตก” คนที่นั่งข้างๆ คนขับรถ
“แล้วนี่เราจะต้องทนดมกลิ่นไปถึงบ้านไหมว่ะ” คนขับรถกับคนนั่งข้างๆ หันมามองหน้ากัน ปริมต้องเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูก เพื่อลดกลิ่นที่คละคลุ้งไปรอบๆ ตัวเธอ รถเธอแล่นมาได้สักพักขณะที่กำลังจอดติดไฟแดง
“คุณปริมครับกลิ่นมันแรงมากเลยนะครับ ผมว่าเราเปิดกระจกก่อนไหมครับให้กลิ่นมันได้ถ่ายเทออกไปบ้างนะครับ” คนขับรถยื่นขอ้เสนอให้ปริม เธอมองไปรอบๆ มีรถมอเตอร์ไซ้ที่จอดรอติดไฟแดง ล้อมรอบไปหมด ถ้าเปิดกระจกไป นี้พวกมันคงได้หัวเราะเธอกันแน่ๆ กลิ่นมันเหมือนนั่งอยู่ในห้องน้ำตลอดเวลาแบบนี้
“เปิดไปพวกนี้มันก็รู้ซิ อย่าเปิดเด็กขาดเลยน่ะ ถ้าไม่ ฉันจะไล่ออก”
“แล้วจะให้ผมสองคนดมไปจนถึงบ้านคุณปริมเหรอครับ”
“เออ!! ” แค่นั้นสองหนุ่มก็ต้องอดทนอดกลั้นไปจนถึงบ้านของปริม และทันทีที่รถคันสีดำเข้าไปจอด ประตูถูกเปิดออกราวกับใช้เท้าถีบแต่ละคนลงมาพร้อมกับอาเจียนและกลิ่นที่คลุ้งไปทั่วในรถก็เริ่มออกมาสู่ภายนอกรถ
“อ้วก!! ” ปริม
“เกิดอะไรขึ้น นี้แก เป็นอะไรน่ะ อย่าบอกฉันนะว่าแก ท้องน่ะปริม “ผู้เป็นพ่อของเธอเดินออกมาพอดี พอเห็นอาการลูกสาวแบบนั้น
“หนูนี้น่ะ จะท้อง พ่อไม่ต้องกลัวหรอก เพราะจากที่พ่อเลี้ยงดูปริมมา สภาพมันเป็นยังไงนั่นแหละที่ทำให้ปริมเองไม่อยาก มีลูก!! ”
“แล้วนี่ แกไปขอโทษคุณปฐวีย์หรือยัง “
“พ่อยังจะให้ไปขอโทษอีกเหรอ ไอ้นั่นน่ะมันมีเมียไปแล้ว”
“ฮ่ะ อะไรน่ะ มึงมันโง่จริงๆ กูน่าจะเอาขี้เทายัดปากตั้งแต่เกิด“
“ที่จริงพ่อก็ควรจะทำแบบนั้นน่ะ เพราะว่าปริมจะ ได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องเฮงซวยแบบนี้ไง และปริมจะไม่ไปหาคุณปฐวีย์อีกเป็นอันเด็ดขาด “ปริมพูด เธอทำท่าจะหันหลังเพื่อเดินขึ้นบ้าน ท่ามกลางสายตาผู้เป็นแม่ที่ทำได้แค่มองเธอ
“ทำไม คราวนี้ไม่ไปสู้รบตบมือเข้าละ ที่กับไอ้เด็กเวรนั้นและไอ้เจ้าของบริษัทเฮ็งซวยนั้นล่ะกล้าหนัก” พ่อเธอพูดทำให้ปริมต้องชะงักเท้า
“กูบอกว่าให้มึงเอาเขามาทำผัวและส่วนเรื่องจะไปเล็กๆน้อยกับคู่มึง กูก็จะไม่ว่า แค่นี้มึงทำให้กูไม่ได้หรือปริม” พ่อของเธอพูด
“จ้างให้ปริมก็ไม่ไป เพราะว่าไอ้คนที่พี่ปฐวีย์เอาไปทำเมียน่ะ มันเคยฟาดดั้งปริมหักมาแล้วไง เลือดกบปากมาแล้วด้วย พ่อจำไม่ได้หรือไง “ปริมพูด
“นี้ไอ้ปฐวีย์มันเอาผู้ชายทำเมียเหรอ!! ”
“ใช่ ถ้าพ่ออยากได้หนักอยากได้หนาน่ะ คราวนี้ถ้าพ่อยังอยากได้คุณปฐวีย์อะไรนี้อยู่ละก่อ ไปเอาเองเลยเพราะว่าพ่อน่ะผู้ชายเหมือนกัน! ไปเอาเองเลย!!!”
“และปริมยกมือยอมแพ้! กับไอ้คุณปฐวีย์อะไรนี้แล้วด้วย ปริมจะไปเอาคนที่ปริมรักคืน “
“อีปริมมมม” เสียงเรียกชื่อเธอตามหลังมาแต่เธอหาได้แค่ไหม รีบเดินขึ้นห้องพร้อมกับตรงไปเข้าห้องน้ำ เธอคงจะต้องใช้เวลาชำระล้างกลิ่นน้ำยาบ้าๆ นี้อยู่หลายรอบทีเดียว
******
ภาคิน สุดท้ายผมก็อยู่กับพี่ปฐวีย์อีกเต็มวันจนกระทั่งพี่เขาพามาทานอาหารเย็นที่บ้าน แปลกเนอะแม่ผมหรือพ่อผมก็ไม่โทรมาหาผมเลยทั้งวัน ไม่โทรมาบ่นเลยสักคำ แต่ก็ช่าง คืนนี้คงไม่ขอนอนค้างแน่นอน เพราะว่าการเป็นแฟนกันมันต้องมีช่องว่างให้กันบ้าง
“เชิญครับที่รัก” พี่ฐวีย์เป็นคนขับรถผมกลับมาบ้านของพี่เขา มันก็รู้สึกแปลกน่ะ มีคนรักขับรถให้ด้วย แถมยังนั่งกุมมือผมตลอดทางเล่นแบบนี้ ภาคินที่เขินแทบจะไม่เป็นเขินเป็นเลยคราวนี้ แต่ระหว่างที่ยืนอยู่ ผมเหลือบไปมองรถที่มาจอดอยู่หลายคันที่บ้านพี่ปฐวีย์ มันคุ้นตาผมมาก เหมือนจะเป็นรถพ่อแม่ผม รถพี่ชายผมอีก ผมหันกลับมามองหน้าพี่ปฐวีย์
“พ่อแม่พี่เขาเชิญพ่อแม่เรามาทานอาหารด้วยกันนะครับ”
“เฮ้ย! ทำไมอ่ะ”
“พี่เป็นคนเข้าตามตรอกออกตามประตูครับภาคิน พี่พาเรามานอนกับพี่แบบนั้นแล้ว และพี่เป็นคนจริงจังครับ และลูกผู้ชายพอที่จะกล้ารับผิดชอบดูแลคนที่ยอมให้พี่ขนาดนั้น ในฐานะคู่รักคู่ชีวิตของพี่”
“มันเร็วไปพี่ปฐวีย์” ผมพูดและทำท่าจะเดินออกไปเข้ารถขับกลับบ้านผมดีกว่า
“ภาคิน!!” นั้นไงแม่ผมเดินมาเรียกชื่อผม แล้วผมจะกล้าก้าวเท้าไปต่อได้อย่างไร นั้นไงคุณหญิงแม่ของผมเดินปรี่มาอย่างเร็ว หูชาแน่ๆ ผม
“สวัสดีครับ คุณแม่”
“สวัสดีค่ะ ไออุ่น แม้โตเป็นหนุ่มแล้วจำไม่ได้เลยลูก และนี่พ่อตัวดี ไปเมาหัวราน้ำมาอีกแล้วใช่ไหม” ผมถึงกับหันมามองหน้าแม่ผม ตอนที่เรียกพี่ปฐวีย์ว่าไออุ่น ผมชี้พี่กลับ
“พี่ไออุ่นไง เมื่อก่อนบ้านเรานะ มาสังสรรค์บ้านพ่อแม่พี่เขาบ่อยๆ พ่อเขากับพ่อพี่ไออุ่นน่ะ อยู่ชมรมตีกอล์ฟด้วยกัน มาตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว ไป ไป เข้าบ้าน พี่ๆ เราก็มานั้น “ผมหันมามองพี่เขาแบบไม่น่าเชื่อ
“พี่ก็ไม่เคยรู้น่ะ จนพ่อแม่พี่เขาคุ้นๆ นามสกุลน่ะ และพอพ่อแม่ของพี่และพ่อแม่เราได้พูดคุยกัน ถึงได้รู้ว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อน “พี่ปฐวีย์พูด
“พี่ไม่เคยเชื่อเลยนะว่าโลกกลมๆ ใบหนี้จะเหวี่ยงคนที่เคยเจอกัน ให้กลับมาพบกันได้อีกในตอนนี้ หรือเรียกอีกอย่างน่ะว่าโลกกลมพรหมลิขิต”
“ที่เหวี่ยงเอาเด็กน้อยที่เคยวิ่งตามพี่มาหาพี่อีกครั้ง” พี่ปฐวีย์พูด ผมก็ชี้ตัวผมเองนี้น่ะเด็กน้อยที่วิ่งตามพี่เขา น่ะผมสั่นหัวไปมาว่าไม่จริงมั้ง จำผิดคนแล้ว
“แล้วพี่ชื่อไออุ่นเหรอ” ผมถามพี่ปฐวีย์กลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ครับ ชื่อเล่นพี่แต่ พี่จะให้พนักงานในโรงแรมเรียกพี่ว่าคุณไออุ่น มันดูไม่น่าเชื่อถือ เลยให้เรียกว่าคุณวีย์ก็พอ”
“แต่ถ้าภาคินจะเรียกพี่ว่าไออุ่น พี่ยินดีน่ะครับ เพราะว่าภาคินคือคนพิเศษของพี่ “พี่ปฐวีย์พูดก่อนจะเอามือมาโอบเอวผมเข้าบ้าน ผมก็สะบัดออกก่อน พี่เขามองหน้าผมทำไมล่ะ
“พี่…”
“หึ” พี่ปฐวีย์
“พี่ไออุ่น ผมอายพี่ชายผมอ่ะ “ผมพูด “หึ หึ โอเค เอาไว้ก่อน เข้าบ้านครับ ที่รัก” พี่ปฐวีย์พูด ผมเดินเข้ามาด้านใน วันก่อนมาพักนี้จำไม่ค่อยได้แต่ภายในบ้านตกแหล่งได้ดูคลาสสิคมาก พ่อผมกับพ่อพี่ปฐวีย์ ก็คุยกันออกรถออกชาติเหมือนเพื่อนเก่าแก่ที่มาเจอกันอีกครั้ง ส่วนพี่ชายคนโตของผมพี่ภาคิไนย์ และพี่คนที่สองพี่ภาคย์ และคนที่สามพี่ภูมิ ส่วนคนที่สี่คงไม่ได้มา พี่ภีมปภพ ผมก็นั่ง ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ๆ ผมทั้งหมด พี่คนโตหันมาหยักคิ้วให้ผม พี่คนที่สามทำนิ้วเฉือดคอให้ผมดู ประมาณว่าผมงานผมเข้า
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อแม่พี่ปฐวีย์
“คนนี้หรือเปล่าคนเล็กนายน่ะ ที่เมื่อก่อนมาวิ่งเล่นที่บ้าน” พ่อพี่ปฐวีย์ถามพ่อผม ก่อนจะชี้มาที่ผม ผมก็ต้องเลิกคิ้วสูงผมนี้น่ะ เคยมาวิ่งเล่นที่นี้ด้วย
“ใช่แล้วค่ะ คนนี้แหละ เมื่อก่อนมายังแค่สามสี่ขวบเองค่ะ”
“ตอนนั้นมายังเด็กอยู่เลย วิ่งตามพี่ไออุ่นเขาน่ะ ไม่มีเพื่อนเล่น พี่ๆ เล่นเกมกันหมด วิ่งร้องเรียกพี่ไออุ่น พี่ไออุ่นเมาเล่นกับผมหน่อยอยู่เลย ดูซิ ตัวโตแล้ว และนี่กลับมาเจอกันยังไงล่ะ” แม่พี่ปฐวีย์พูด ผมเองก็ต้องเกาหัว พี่ปฐวีย์หันมามองหน้าผม
“คืนนี้มีงเตรียมนั่งสารภาพบาปกับแม่เลยน่ะ ถึงเที่ยงคืนน่ะมึงน่ะ “ไอ้พี่ภาคย์พูด ผมหันไปจะหยิกให้ พี่ชายที่สอง พี่ชายคนแรกจะแต่งงานแล้วปีนี้แหละส่วนคนที่สองก็กำลังจะขอ และคนที่สามไม่รู้ว่าจะไปต่อไหม เพราะว่ารักๆ เลิกๆ พี่คนที่สามผมเจ้าชู้มาก และคนที่สี่อีกคนยังไม่มีท่าทีว่าจะมีแฟนเลยสักคน ผมก็ต้องนั่งฟังพ่อแม่ผมกับพ่อแม่พี่ปฐวีย์รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ผมเองเคยเจอพี่ปฐวีย์มาก่อน ยี่สิบสี่ปีได้ ใครจะไปจำได้ จะว่าไปชื่อเล่นว่าพี่ไออุ่นมันก็เข้ากับความอบอุ่นของพี่เขาเหมือนกัน เราก็คุยกันไปทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องของผมกับพี่ไออุ่น พ่อแม่ก็อยากให้ทำแบบถูกต้องตามประเพณีแต่ผมบอกว่ารอให้พี่ชายแต่งก่อนแล้วกัน ส่วนผมเองขอดูใจพี่เขาต่ออีกหน่อย และนี้พี่ปฐวีย์ยังขอพ่อแม่ผมว่าอยากให้ผมมาช่วยเรื่องการตลาดที่โรงแรมเต็มตัวอีก พ่อผมก็อนุญาตทันที พี่ไออุ่นเขาบอกว่าถ้ายังไม่อยากทิ้งเพื่อนก็ทำกับเพื่อนด้วยก็ได้ แต่ผมเองกับคิดว่าผมควรจะปล่อยมือไอ้แล้ว ผมยื้อมานานเกินไปแล้ว ผมว่าตั้นมันมีคนที่ใจมันต้องการแล้ว ผมเองก็คงอยู่ในฐานะเพื่อน เพื่อนกันตลอดไปอย่างที่ไอ้ตั้นมันเคยบอกผมไว้
*****
วันนี้มาฝากไว้อีกตอนนะคะ กำลังใจเห็นแล้วต้องยิ้ม วันนี้มาแค่ตอนเดียวก่อนค่ะ อยู่เป็นกำลังใจต่อนะคะจนจบเลย
ตอนหน้าเจ้ปริมแกยังไม่หยุดน่ะ (แอบสงสารเหมือนกันดันมาเจอแก๊งนี้โธ่เจ้ปริมคนสวย ฮาๆ )