เมิ่งอวิ๋น
มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยยกเว้นสิ่งรอบกายในตอนนี้ แต่เซี่ยอี้เจินไม่คิดจะนอนหลับเป็นตายราวกับคนไม่เคยนอนหรอกนะ ก่อนตายเขาเองก็เป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งสกุลเซี่ย แม้จะตายตกด้วยน้ำมือของคนที่รักและไว้ใจ แต่เขาก็ถือว่าเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ มีหน้ามีตามากมายเกินกว่าจะมาขี้เกียจสันหลังยาวได้
เซี่ยอี้เจินค่อย ๆ ขยับตัวช้า ๆ อย่างยากลำบาก ร่างกายปวดร้าวไปทั้งตัวราวกับกระดูกถูกใครมาบดให้มันแตกละเอียด สองตาแทบจะลืมขึ้นมาไม่ได้ ยังดีที่ไม่ได้ถึงขั้นปูดบวมให้เกิดความสมเพชแต่ก็ถือว่าไม่ปกติจนพอจะเห็นมันได้
“นายน้อย ฮือ ๆ บ่าวสมควรตาย บ่าวสมควรตายจริง ๆ ฮือออ” เสียงร่ำไห้ที่ดังมาจากทางด้านข้าง เซี่ยอี้เจินที่เพิ่งจะพบเจอกับความเจ็บปวดหลังลืมตาก็เกิดความไม่เข้าใจมาสอดแทรก
สมัยนี้ยังมีคนแทนจนเองว่าบ่าวอีกหรือ?
ความสงสัยชวนให้เกิดคำถามมากมายทำให้เซี่ยอี้เจินต้องมองไปรอบกาย การตกแต่งแปลกตากับข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่สามารถหาชมได้ตามท้องตลาดทำให้เซี่ยอี้เจินเบิกตา จนต้องก้มลงมองเสื้อผ้าของตนเองและมองชายหนุ่มตัวบางที่ยังคงโขกศีรษะให้เขาอยู่ที่พื้น
“นี่ ที่นี่…”
ที่ไหนกัน“นายน้อย ฮึก นายท่านเป็นห่วงนายน้อยมากเลยนะขอรับ” เด็กหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมามองเซี่ยอี้เจิน บอกเล่าความห่วงใยของพ่อแม่ที่มีต่อเขา หวังให้นายน้อยของมันได้ฟังคำเตือนของนายท่านและฮูหยินบ้าง
ตัว
เสี่ยวหลงเองก็พอจะเข้าใจในตัวของเมิ่งอวิ๋นอยู่บ้าง หากนายน้อยของมันผูกสมัครรักใคร่กับผู้ใดย่อมไม่มีทางปล่อยให้คนผู้นั้นไปชอบพอใครอื่น แต่อีกฝ่ายก็มิใช่ชาวบ้านธรรมดา เป็นถึงคุณชายรองแห่งจวนแม่ทัพหลี่ที่ผู้ใดก็รู้ว่าไร้หัวใจ
เซี่ยอี้เจินขมวดคิ้วยกมือบางขึ้นกุมขมับของตนเองเอาไว้ด้วยอาการปวดหนึบ ยิ่งได้ยินเสียงร่ำไห้อย่างดีใจของเสี่ยวหลงร่างบางก็พลันยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่
เซี่ยอี้เจินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับตนเองด้วยเสียงที่เบาหวิว “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“นายน้อย ท่านว่าอะไรนะขอรับ?” เสี่ยวหลงถามออกมาอย่างสงสัยเมื่อได้ยินนายน้อยของตนพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่ชัดเจน
“เอ่อ ไม่ ผม ไม่ใช่สิ ข้า ข้าไม่ได้พูดอะไร” เซี่ยอี้เจินที่มองเสี่ยวหลงได้แต่นึกย้อนเหตุการณ์กลับไปอีกครั้ง ก่อนที่ความจริงทุกอย่างจะหวนกลับมาจนเซี่ยอี้เจินได้แต่หัวเราะให้กับความโชคร้ายของตัวเอง
“เจ้า เอ่อ เจ้าชื่ออะไรนะ?” เสี่ยวหลงชะงักก่อนที่บ่อน้ำตาจะแตกจนหยาดน้ำตาไหลจนท่วมใบหน้า เสียงร่ำไห้สะอื้นดังขึ้นมาจนหนวกหู ศีรษะเล็ก ๆ ก้มลงโขกกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีหยุด ปากก็ร้องแต่คำว่าบ่าวสมควรตาย
“โฮๆ บ่าวผิดเอง บ่าวสมควรตาย ฮืออ” ใครจะไปตายได้ตั้งหมื่นครั้งกัน เซี่ยอี้เจินเห็นภาพตรงหน้าก็เกิดความสงสาร จากที่ทำอะไรไม่ถูกก็กลายเป็นกระอักกระอ่วนใจ พยายามจะส่งเสียงห้ามปราบ
“เจ้า คือ อย่าทำเช่นนี้เลย ข้าแค่รู้สึกปวดหัวมาก ๆ นึกอะไรไม่ค่อยออก จำสิ่งใดก็ไม่ค่อยจะได้ ข้าผิดเองที่ถามเจ้าเช่นนั้น” เสี่ยวหลงรีบส่ายหน้า คลานเข่าเข้ามาหาอย่างรวดเร็วพร้อมกับน้ำตาที่ไม่เหือดแห้งไปแม้แต่น้อย
“นาย ฮึก น้อยจำสิ่งใด ฮึก ได้บ้างหรือขอรับ” เซี่ยอี้เจินยิ้มเจื่อนๆ
“จำได้แค่ว่าข้าคือเมิ่งอวิ๋น” เขาจะบอกได้ยังไงว่าเขาคือเซี่ยอี้เจิน คือคนที่แลกเปลี่ยนวิญญาณกับเมิ่งอวิ๋นมาเพื่อดูแลทุกคนทดแทน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้มีชีวิตอยู่ต่อโดยไม่มีคนที่ทำให้ปวดใจ
“บ่าว ฮือ บ่าวจะไปแจ้งนายท่าน นายท่านจะต้องหาหมอที่ดีที่สุดมารักษานายน้อยได้อย่างแน่นอน โฮๆ นายน้อยของบ่าว รอบ่าวก่อนนะขอรับ ฮืออออ นายท่านนนนนนนนน” เซี่ยอี้เจินตกตะลึง คนผู้นี้ช่างว่องไวและรวดเร็วเหลือเกิน บอกเขาจบไม่ทันจะถึงสิบวิก็หายไปจากเขาเสียแล้ว มีแต่เพียงเสียงเรียกนายท่านเท่านั้นที่ดังมากระทบหูอยู่เป็นระยะก่อนที่จะเงียบไป
เซี่ยอี้เจินลอบถอนหายใจออกมาเมื่อทางสะดวก เมิ่งอวิ๋นหรือเซี่ยอี้เจินพยายามไล่เลียงเหตุการณ์ที่เริ่มประดังเข้ามามีละน้อย ๆ ในหัวช้า ๆ แล้วก็พบว่าตนเองคือบุตรชายคนเล็กของพ่อค้าที่แสนร่ำรวยอย่างเมิ่งหยวน เมิ่งอวิ๋นนั้นเป็นคุณชายผู้เอาแต่ใจทว่ากลับหลงรักแม่ทัพใหญ่นามว่าหลี่เจี้ยนเฉิง หลี่เจี้ยนเฉิงที่ถูกรักกลับไม่มีใจแม้แต่น้อยต่อเมิ่งอวิ๋น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตามตื้อหรือเกาะติดยังไงก็ไม่เป็นผล หลี่เจี้ยนเฉิงไม่เพียงไม่แลแม้แต่หางตา กลับขับไล่ไสส่งเมิ่งอวิ๋นอย่างไม่คิดจะไว้หน้า
เมิ่งอวิ๋นไม่เจ็บแค้น ทั้งยังทั้งรักและบูชาหลี่เจี้ยนเฉิงจนหมดหัวใจ แม้จะถูกขับไล่ออกมากี่ครั้งก็ยังคงแวะเวียนไปหาอย่างไม่ยอมหยุด แต่หลี่เจี้ยนเฉิงที่ต้องการตัดปัญหาทุกอย่างจึงได้เข้าไปยังหอฮุ่ยเหรินและได้พบกับถังเป้ยอี้ นางโลมผู้ขายเสียงพิณ ความงดงามของถังเป้ยอี้นั้นต้องตาต้องใจของหลี่เจี้ยนเฉิงอย่างมาก จึงได้เข้ามาหานางบ่อยครั้งจนเมิ่งอวิ๋นทนไม่ได้
ความรักที่บดบังดวงตาทำให้เมิ่งอวิ๋นจ่ายเงินเพื่อขอใช้เวลากับถังเป้ยอี้หนึ่งคืนด้วยเงินจำนวนมาก เมิ่งอวิ๋นว่าจ้างชายแปลกหน้ากว่าสี่คนเพื่อให้กระทำการย่ำยีถังเป้ยอี้ด้วยความเกลียดชัง แต่ยังไม่ทันที่จะเหิดเรื่องน่าเศร้า หลี่เจี้ยนเฉิงก็เข้ามาช่วยถังเป้ยอี้ได้ทันเวลา พร้อมกับว่าจ้างให้เหล่าชายแปลกหน้าที่เมิ่งอวิ๋นจ้างมาลงมือย่ำยีเมิ่งอวิ๋นแทน
เมิ่งอวิ๋นถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายใต้สายตาคู่นั้นของคนที่ตนรักหมดหัวใจ ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะหมดไปพร้อมกับภาพที่หลี่เจี้ยนเฉิงและถังเป้ยอี้โอบกอดกันออกไปทิ้งไว้เพียงร่างกายที่ไร้ลมหายใจของเมิ่งอวิ๋น
แปลก…ทำไมในความทรงจำของเมิ่งอวิ๋นถึงมีภาพเหตุการณ์จนถึงขั้นสิ้นใจกันล่ะ?
ในเมื่อร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่ได้มีแม้แต่ร่องรอยของการถูกย่ำยีดังในความทรงจำเลย เมิ่งอวิ๋นในตอนนี้ยังคงสะอาดผุดผ่องและงดงาม ผิวกายที่เขามองเห็นอยู่ยังคงขาวนวลและดูเปล่งปลั่ง ไร้ร่องรอยอย่างที่ติดตรึงในความทรงจำที่ไหลเข้ามา ความสงสัยทำให้เซี่ยอี้เจินขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะคิดหาเหตุผลอะไรก็ไม่มีคำตอบที่สามารถอธิบายออกมาได้เลย นั่นจึงยิ่งทำให้ศีรษะที่ปวดอยู่แล้วกลับยิ่งปวดหนักขึ้นไปอีก
เมิ่งอวิ๋น…คุณคงทรมานใจมากจนไม่อยากกลับมาสินะ
คำฝากฝังที่ลอยมาตามสายลมยามที่เขาถูกผลักออกมายังคงดังก้องอยู่ในหู มันเป็นดั่งคำสั่งเสียที่เมิ่งอวิ๋นส่งมันมาให้เขา และเขาเองก็ควรจะต้องทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ คนผู้นั้นช่างโหดร้าย…เพื่อหญิงอันเป็นที่รักจึงต้องลงมือเหี้ยมโหด ให้คนชั่วช้าย่ำยีจนเมิ่งอวิ๋นสิ้นใจ
แปลบเซี่ยอี้เจินยกมือขึ้นมากุมอกตนเองเอาไว้ เพียงแค่คิดถึงเรื่องราวที่คล้ายความทรงจำที่เคยเกิดขึ้น ทว่ายังไม่เกิดขึ้นก็ทำให้หัวใจของเซี่ยอี้เจินเจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง
หลี่เจี้ยนเฉิง คนที่สังหารหัวใจและปลิดลมหายใจของเมิ่งอวิ๋นอย่างโหดร้าย
“เสี่ยวอวิ๋น เสี่ยวอวิ๋นลูกแม่”
ร่างของหญิงวัยสามสิบกว่าๆ วิ่งเข้ามาโดยไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใด นางถลาร่างเข้ามาหาเซี่ยอี้เจินในร่างเมิ่งอวิ๋นที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่ง มือข้างหนึ่งกุมศีรษะตนเองเอาไว้ยิ่งทำให้นางยิ่งทวีความห่วงใยต่อบุตรชายคนนี้
“ท่าน…ท่านคือ” แม้ว่าเซี่ยอี้เจินจะได้ความทรงจำของเมิ่งอวิ๋นมาจนครบถ้วน รู้ได้แน่ชัดแล้วว่าคนผู้นี้คือมารดาของเมิ่งอวิ๋นแต่เพื่อการอยู่รอดอย่างกลมกลืน การเอ่ยอ้างถึงความจำที่หายไปมันก็เป็นสิ่งที่สมควรทำที่สุดแล้ว
อู๋ชิวอิ่งมองบุตรชายของตนอย่างสำรวจตรวจตรา ยามได้ยินคำถามราวกับไม้รู้จักมักจี่กับนางก็ยิ่งปวดใจจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปเสียตรงนี้ บุตรชายที่นางทั้งรักทั้งทะนุถนอมมาตั้งแต่ยังเล็ก บัดนี้กลับไร้ซึ่งร่องรอยแห่งความคุ้นเคยที่มีมาตลอดสิบหกหนาว หัวใจของคนเป็นแม่ปวดร้าวจนเกินจะทนได้ไหว
“เสี่ยวอวิ๋น เจ้า เจ้าอย่าได้ล้อแม่เล่นอีกเลย” เซี่ยอี้เจินหลบตาวูบด้วยความรู้สึกผิด น้ำเสียงของอู๋ชิวอิ่งยนั้นทั้งสั่นเครือระคนปวดร้าวขนคนที่วางแผนจะใช้ความจำเสื่อมเป็นตัวช่วยให้รอดพ้นจากความแปลกแยก แทบจะล้มเลิกมันเสียตรงนี้ ขอโทษด้วยนะเมิ่งอวิ๋น แต่เรื่องนี้ผมจำเป็นต้องทำจริง ๆ เซี่ยอี้เจินได้แต่ขอโทษเมิ่งอวิ๋นในใจ
“ข้า ข้าจำ ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ข้าปวดหัว โอ๊ย! ข้าปวดเหลือเกิน” อู๋ชิวอิ่งเห็นบุตรชายกุมศีรษะเอาไว้พร้อมกับร้องออกมาอย่างทรมานก็พลันสงสาร ได้แต่กอดร่างของเมิ่งอวิ๋นเอาไว้จนแน่นแล้วลูบหลังอย่างปลอบประโลม
“ได้ๆ เจ้าไม่ต้องคิด ลืมแล้วก็ลืมเสีย อย่างไรแม่ก็อยู่ตรงนี้ เสี่ยวอวิ๋นของแม่ แค่เจ้าปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว” เซี่ยอี้เจินถูกความรู้สึกผิดจู่โจมจนอยากจะกระอักเลือดตาย น้ำตาไหลลงบนไหล่ของอู๋ชิวอิ่งช้า ๆ อย่างคนหมดหนทางไปต่อ ในตอนนี้ความอบอุ่นของความรักที่ได้รับทำให้เซี่ยอี้เจินไม่อยากจะปล่อยให้หายไปแม้แต่วินาทีเดียว ความทรมานก่อนสิ้นใจในเวลาก่อนหน้านี้ มันถูกเลือนหายไปจนหมดเพียงถูกอู๋ชิวอิ่งโอบกอดเอาไว้ด้วยสองแขน
“ชิวอิ่ง เจ้าปล่อยเสี่ยวอวิ๋นก่อนดีหรือไม่ อย่างไรตอนนี้เขาก็เพิ่งฟื้นตัว คงจะปวดร้าวไปหมดแล้ว” ในใจของเขาประท้วงหนัก ความรักที่ไม่เคยได้รับทำให้เขาโหยหาจนไม่อยากจะปล่อยมันไป เพียงแต่หากเขาทำเช่นนั้นคงเกิดความแคลงใจหลายอย่าง ยังดีที่อู๋ชิวอิ่งเหมือนจะรู้ตัว รีบปล่อยร่างของบุตรชายแล้วถอยออกไปยืนเคียงข้างผู้เป็นสามี
“ข้าลืมไปได้อย่างไรนะว่าเสี่ยวอวิ๋นเพิ่งจะฟื้นไข้” เมิ่งหยวนส่ายหน้าน้อย ๆ ดึงมือของฮูหยินตนมากุมเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองบุตรชายบนเตียงด้วยสายตาห่วงใย
“อวิ๋นเอ๋อร์ เสี่ยวหลงบอกว่าเจ้าจำสิ่งใดมิได้เลยจริงหรือ” เซี่ยอี้เจินลอบมองใบหน้าของเมิ่งหยวนอย่างคิดคำนวณ เมื่อมองเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายเพียงเอ่ยถามเพราะความห่วงใยจึงได้ตอบออกไป
“ข้า ข้าจำสิ่งใดไม่ได้เลย”
“ไม่ได้เลยสักนิดหรือ?” เมิ่งอวิ๋นเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าลงต่ำซ่อนพิรุธทั้งหลายเอาไว้ไม่ให้เห็น
“จำได้เพียงว่าข้าชื่อเมิ่งอวิ๋นเท่านั้นขอรับ”
ยามเห็นว่าบุตรชายตัวน้อยที่เคยเอาแต่ใจก้มหน้าลงต่ำราวกับหวาดกลัวก็พลอยใจอ่อนยวบ นัยน์ตาของเมิ่งอวิ๋นยามนี้ช่างใสซื่อและเดียงสา หากว่าลืมความทรงจำเก่าจนหมดสิ้น เช่นนั้นก็ดีแล้ว แต่จะดียิ่งกว่าหากลืมความรักที่ให้กับคนผู้นั้นไปเสียด้วย เมิ่งลู่เหยาที่มองน้องชายตนเองก็พลันร้อนใจ เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้น้องชายของเขาตกใจจนลืมเลือนทุกสิ่งไปจนหมด เขาเองก็คิดว่ามันดีแล้วไม่ต่างกัน หากเป็นเช่นนั้นก็จะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีก
“ท่านพ่อ บางทีเสี่ยวอวิ๋นอาจจะ…” เสียงของเมิ่งลู่เหยาเบาลงในตอนท้าย เพียงกระซิบข้างใบหูของผู้เป็นบิดาให้ได้ยินเบาๆ เท่านั้น เมิ่งหยวนที่ได้ฟังก็พลันยิ้มออก นัยน์ตาฉายชัดถึงความยินดีอย่างเหลือล้นที่เป็นเช่นนี้
“ดี! เช่นนั้นดียิ่งแล้ว!” เขามิเคยคิดจะห้ามบุตรชายยามชอบพอผู้ใด แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นบุรุษก็ตามที แต่เหตุการณ์วันนี้นั้นกลับทำให้เมิ่งหยวนคิดตก ยอมให้บุตรชายเจ็บปวดใจเพราะแยกจาก ดีกว่าถลำลึกแล้วยากจะถอนตัว ใครจะรู้ได้เล่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา คนผู้นั้นก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่…หากเกิดความรำคาญใจต่อบุตรชายของเขา คงไม่แคล้วถูก…
เมิ่งหยวนหวาดกลัวความคิดของตนเอง ยามเมื่อได้ยินว่าบุตรชายคนเล็กที่เขากำลังกลัดกลุ้มจากการถูกทำร้ายฟื้นคืนสติ ทว่ากลับไร้ความทรงจำใดๆ ก็เกิดความตกใจ แต่เมื่อใคร่ครวญดูแล้วก็พบว่านี่อาจเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้แก่สกุลเมิ่งอีกครา ให้เจ้าตัวน้อยของพวกเขาได้หลุดพ้นจากความรักที่ไร้แววสมหวังนั้นเสียที
“เสี่ยวอวิ๋น…หากก่อนนี้เจ้าลืมจนหมดสิ้นก็ช่างปะไร ข้า ไม่สิ พ่อจะแนะนำให้เจ้าได้จดจำมันไว้อีกคราก็แล้วกัน”
ใช่แล้ว คงามทรงจำเสียไปก็แค่สร้างใหม่ จากนี้เขาและสกุลเมิ่งจะไม่ยอมให้เมิ่งอวิ๋นเกี่ยวข้องกับชายผู้นั้นอีกแล้ว
“นี่คือท่านแม่ของเจ้า นามว่าอู๋ชิวอิ่ง” เซี่ยอี่เจินเหลือบมองคนที่ได้ชื่อว่าแม่อย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะส่งเสียงเรียกออกมาอย่างแผ่วเบา
“ทะ ท่านแม่”
“ใช่! ใช่แล้วลูกรัก ข้าคือแม่ของเจ้า ฮึก” อู๋ชิวอิ่งน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ยามได้ยินคำเรียกขานอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ของเมิ่งอวิ๋น หัวใจของนางพลันอบอุ่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ บุตรชายของนาง ไม่ว่าอย่างไรนางก็รักทั้งสิ้น
“ข้างกายข้าคือพี่ชายของเจ้า เมิ่งลู่เหยา” เซี่ยอี้เจินหันไปมองบุรุษรูปงามร่างกายสูงใหญ่ที่ถูกแนะนำว่าเป็นพี่ชายของเขา ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ส่งให้ด้วยความรู้สึกดีจากความทรงจำ
“พี่ลู่เหยา” เมิ่งลู่เหยาแทบจะร้องไห้โฮเมื่อถูกน้องชายเรียกเสียเต็มยศ ไร้ซึ่งความสนิทสนมดังเก่าก่อน
“ปกติเจ้าจะเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ มิใช่พี่ลู่เหยา” คนเป็นพี่เอ่ยบอกด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ จนคนที่เคยแต่เป็นพี่ชายอย่างเซี่ยอี้เจินทำตัวไม่ถูก ได้แต่รีบแก้คำเรียกที่ออกจากปากไปแทน
“พี่ พี่ใหญ่”
“ใช่ๆ เช่นนี้ล่ะถูกต้องแล้วน้องข้า” เซี่ยอี้เจินได้แต่รู้สึกขนลุกซู่ สายตาของคนหลงน้องอย่างเมิ่งลู่เหยาช่างชวนให้เสียวสันหลังเสียเหลือเกิน เขาไม่คุ้นชินกับความรักที่พี่มอบให้น้องเช่นนี้ ในชีวิตก่อนเขาเองก็เป็นพี่ใหญ่ มีน้องชายอยู่เพียงคนเดียวนั่นคือเซี่ยเฟิง
50% ครึ่งแรกกันก่อนน้าา หลังจากที่อู้มาสองอาทิตย์ คือเมื่อวานนี้แมวมีแผนจะลงให้อ่านกันค่ะ เพียงแต่แมวป่วย แค่กๆ วันนี้ก็ยังไม่หายเลย แต่เราก็ไม่ทิ้งงานนะคะ ยังมาลงเสมอ แบ่งออกมาเป็น50% นะคะ เดี๋ยววันพฤหัสแมวจะมาลงครึ่งหลังจ้าาา
ฝากติดตามทวิตเตอร์และเพจของแมวด้วยน้า เมิ่งอวิ๋นhttps://twitter.com/little_kittensY