[15] 50%
สิ่งแลกเปลี่ยนที่ไม่เต็มใจ
เมิ่งอวิ๋นกลับมาถึงจวนด้วยความแสบร้อนบริเวณแขนขวาที่ยังไม่หายไป แต่เขาก็ไม่ได้ร้องโอดครวญให้เป็นที่อับอาย ใบหน้าเพียงฉายแววอ่อนล้า ยามเมื่อก้าวเข้ามาในจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่าทุกคนในจวนสกุลเมิ่งกำลังร้อนรนเพียงเพราะการหายตัวไปของเมิ่งอวิ๋น เมิ่งหยวนและเมิ่งลู่เหยาสั่งบ่าวรับใช้ให้ออกตามหาเมิ่งอวิ๋นเสียยกใหญ่ โดยมีฮูหยินเมิ่งหรืออู๋ชิวอิ่งร้อนใจจนแทบจะเป็นลม
เมื่อเมิ่งอวิ๋นปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหน้าของประตู ทุกสายตาที่จับจ้องไปล้วนแต่เต็มไปด้วยความโล่งใจระคนห่วงใยไม่น้อย เมิ่งอวิ๋นเพียงส่งยิ้มให้อย่างลุแก่โทษก่อนจะก้าวเข้ามาด้านใน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้ากลับมาแล้ว” เมิ่งหยวนทั้งโล่งใจทั้งโกรธเกรี้ยวจนอยากจะสั่งโทษเสียเดี๋ยวนี้ แต่เพียงเห็นว่าอีกฝ่ายคล้ายจะอ่อนเพลียอยู่มาก ก็ใจอ่อนขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้จนต้องหันใบหน้าหนี
“เสี่ยวอวิ๋น เจ้าไปไหนมา รู้หรือไม่ว่าแม่ห่วงเจ้ามากเพียงใด” อู๋ชิวอิ่งไม่สนใจจะโกรธบุตรชายคนเล็กด้วยเรื่องเพียงแค่นี้ ในหัวใจของคนเป็นแม่เขาห่วงเสียมากกว่าว่าเมื่อคืนนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกับบุตรชายของเขาหรือไม่ เหตุใดอยู่ดี ๆ จึงหายไปจากงานวิวาห์ แล้วกลับมาในตอนสายของอีกวัน
“ข้าเมามากไปหน่อย จึงได้หลับอยู่ข้าวสะพานขอรับท่านแม่ ข้าขอ...”
“ไม่...” เมิ่งอวิ๋นที่กำลังจะกล่าวคำขอโทษกลับถูกมารดาห้ามปรามเอาไว้ เมามายย่อมเป็นเรื่องธรรมดา จะกล่าวขอโทษกันไปไย
“เจ้าจะห้ามเสี่ยวอวิ๋นไปทำไมกัน ทำผิดแล้วรู้จักขอโทษจึงจะนับว่าเป็นบุตรชายสกุลเมิ่ง” แต่อู๋ชิวอิ่งกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น นางหันขวับไปจ้องหน้าสามีของตนอย่างไม่พอใจนัก เมิ่งหยวนที่ไม่ได้หันมามองจึงไม่รู้เลยว่าในยามนี้นั้น ภรรยาของตนกำลังมีสีหน้าเช่นไร
สำหรับนาง บุตรจึงจะมาอันดับหนึ่ง สามีนะหรือ...ลืมไปเสียเถิด!
“ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร? บุตรชายของข้าเพียงเมามายและหลับไปข้างนอกเท่านั้น หรือนี่ก็ถือว่าทำผิดไปเสียแล้ว” เมิ่งหยวนที่ได้ยินจึงหันกลับมามองภรรยาของตนแต่กลับต้องสะดุ้งด้วยสายตาฟาดฟันจากนาง แต่ถึงอย่างไรนี่ก็นับว่าผิดอยู่ดี เขาจึงข่มความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยบอกไปตามที่คิด
“เมามายย่อมไม่ผิด แต่เสี่ยวอวิ๋นผิดที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่ห่วงลูกหรืออิ่งเอ๋อร์”
“ท่านพี่! ...”
“ท่านแม่ ท่านพ่อ อย่าทะเลาะกันเพราะลูกเลย ลูกผิดจริงดังที่ท่านพ่อพูดมาขอรับ ลูกต้องขอโทษท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ด้วยนะขอรับ ที่ทำให้เป็นห่วง”
เมิ่งหยวนพยักหน้ารับอย่างพอใจเมื่อบุตรชายเข้าใจในความหมายของตน สีหน้าจึงคลายความไม่พอใจไปหลายส่วน แม้แต่น้ำเสียงที่ใช้กล่าวก็นุ่มนวลลงไปมาเช่นกัน
“เจ้ารู้ผิดถูกเช่นนี้พ่อก็ดีใจ ไปเถิดอาเหยา เจ้าพาน้องไปพักผ่อนเสียเถิด”
“ขอรับท่านพ่อ” เมิ่งลู่เหยารับคำ พร้อมกับดันแผ่นหลังของน้องชายให้รีบเดินออกมา เพื่อจะได้หลบฉากเสียให้บิดาได้ทำการง้อมารดาที่กำลังไม่พอใจอยู่
“เสี่ยวอวิ๋น ประเดี๋ยวแม่จะตุ๋นน้ำแกงไปให้เจ้าที่ห้องนะลูก” เมิ่งอวิ๋นนั้นรู้สึกอุ่นวาบจนต้องระบายยิ้มออกมา
“ขอรับท่านแม่”
“ไปเถิด เนื้อตัวเจ้ามีแต่กลิ่นสุรา รีบกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสียดีกว่า” เมิ่งอวิ๋นพยักหน้ารับคำของเมิ่งลู่เหยา แอบยกแขนตนขึ้นมาดมแล้วก็ต้องยอมรับว่า กลิ่นสุราติดกายมาตั้งแต่เมื่อคืนจริง ๆ และมันก็คละคลุ้งจนชวนเวียนหัวเสียด้วย
เมื่อเดินมาไกลพอสมควรแล้ว เมิ่งอวิ๋นก็หยุดฝีเท้าลงพร้อมกับหันไปหาผู้เป็นพี่ชาย จนเมิ่งลู่เหยาที่ถูกมองยังสงสัยว่ามีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่กัน
เดิมทีเมิ่งอวิ๋นคิดเอาไว้ว่าจะไม่พูดกับเมิ่งลู่เหยาในเรื่องนี้ และคาดว่าแผลนี้มันคงจะหายเองได้ แต่ด้วยอาการแสบร้อนที่ยังคงมีอยู่ อีกทั้งเขายังแอบเปิดดูแขนของตนก็พบว่าน้ำแกงที่ถังเป้ยอี้ตระเตรียมมานั้น คงร้อนมากเสียจนแขนของเขาขึ้นรอยแดงจนน่ากลัว
“มีอะไรหรือเสี่ยวอวิ๋น” เมิ่งอวิ๋นถอนหายใจ ก่อนจะยกแขนขวาขึ้นมาแล้วใช้มือข้างซ้ายเลื่อนชายแขนเสื้อขึ้น เมิ่งลู่เหยามองตามเมื่อได้เห็นสิ่งที่ปรากฏก็พลันตกใจ จนต้องรีบจับแขนของน้องชายเอาไว้แน่น
“นี่มันอะไร? เกิดอะไรขึ้น เหตุใดแขนของเจ้าจึงเป็นเช่นนี้!”
“ตอนตื่นมา ข้ามึนหัวนิดหน่อยจึงเดินไปชนพ่อค้าเข้า น้ำร้อนจึงลวกแขนข้า เดิมทีข้าคิดว่าไม่นานคงหาย แต่จนถึงจวนข้าก็ยังคงเจ็บ จึงได้อยากจะถามพี่ใหญ่ว่าพอจะมียาที่ช่วยให้บรรเทาความเจ็บนี่หรือไม่” แขนของเมิ่งอวิ๋นนั้นขาวมาก เพียงรอยแดงเพียงเล็กน้อยยังสามารถเห็นได้ชัดเจน แต่รอยปื้นแดงยาวเช่นนี้ ไม่ควรจะมาอยู่บนแขนของน้องชายเขาแม้แต่น้อย เมิ่งลู่เหยาได้แต่ขบฟันแน่น นึกขุ่นเคืองพ่อค้าผู้นั้นจนอยากจะฆ่าเสียให้ตาย
เมิ่งอวิ๋นไม่ได้บอกกล่าวความจริงแก่เมิ่งลู่เหยา เพราะหากพูดความจริงไปคงจะเป็นเรื่องใหญ่เสียยิ่งกว่านี้ ด้วยนิสัยของพี่ชาย อย่างไรก็คงไม่ยอมจบเพราะแผลเล็ก ๆ นี่เป็นแน่ คงจะต้องตามไปเอาความถึงจวนแม่ทัพ แต่การจะไปเอาเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งเพียงเพราะแผลแค่นี้ ก็ดูจะไร้เหตุผลมากเกินไป ชาวบ้านคงนินทากันเสียสนุกปาก อีกทั้งยังลดเกียรติของพี่ชายของเขาโดยใช่เหตุเช่นกัน
“พี่ใหญ่...” เห็นเมิ่งลู่เหยาเงียบไปเสียนาน เมิ่งอวิ๋นจึงเรียกอีกครั้งเพราะต้องการคำตอบ
“พี่จะให้คนไปตามหมอ”
“ไม่ได้!”
“เพราะเหตุใดจึงไม่ได้” เจ็บขนาดนี้ยังไม่ยอมตามหมอ น้องชายของเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กัน หากรักษาไม่ทันจนเกิดเป็นแผลเป็นขึ้นมา จะทำเช่นไร
“พี่ใหญ่ เพียงแค่ข้าไม่กลับจวนเมื่อคืนก็นับว่าสร้างความเป็นห่วงให้ท่านพ่อท่านแม่มากแล้ว ข้าไม่อยากให้พวกท่านทั้งสองต้องมากังวลเพียงเพราะแผลนี่อีก” แม้สิ่งที่เมิ่งอวิ๋นพูดมานั้นเขาก็พอจะเข้าใจได้อยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นแขนของเมิ่งอวิ๋นเป็นเช่นนี้ ใจคนเป็นพี่ย่อมห่วงกว่า
แล้วเช่นนี้เขาควรจะทำอย่างไร
เมิ่งอวิ๋นเห็นพี่ชายกำลังเคร่งเครียด ขบคิดอย่างเงียบขรึมจึงได้เข้าใจแล้วว่าเมิ่งลู่เหยาเข้าใจในความหมายของเขา และเห็นด้วยอย่างชัดเจนจึงได้วางใจลง และเสนอแนวทางให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น
“พี่ใหญ่ ไม่เช่นนั้นเรียกเสี่ยวหลงมาแล้วให้ไปซื้อยาตามอาการข้าดีหรือไม่?”
นั่นดียิ่ง!
“แต่เสี่ยวหลงยังไม่กลับมา ข้าและท่านพ่อให้คนออกไปตามหาเจ้าเสียส่วนใหญ่ ป่านนี้คงวิ่งวุ่นไปทั้งเมืองกันเสียแล้ว” เช่นนั้นทำอย่างไรดี เมิ่งอวิ๋นนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกถึงใครผู้หนึ่งขึ้นมาได้
“วันก่อนข้าพบกับบ่าวรับใช้ใหม่ที่ท่านพ่อรับเข้ามา ข้ามองแล้วเขาดูเข้าทีนัก คิดว่าน่าจะใช้การได้”
“ผู้ใดเล่า...”
“เสี่ยวฉีขอรับ”
เมิ่งลู่เหยาไม่รู้จักบ่าวรับใช้คนนี้ แต่เมื่อน้องชายเขาบอกว่าใช้การได้ เช่นนั้นก็ใช้การได้แน่นอน จึงได้ให้บ่าวใกล้ ๆ ไปตามเสี่ยวฉีมาพบเมิ่งอวิ๋น เดิมทีเมิ่งอวิ๋นแทบจะลืมคนผู้นี้ไปเสียแล้วด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะจำได้ว่าเสี่ยวฉีเป็นบ่าวมาใหม่ และบ่าวมาใหม่ย่อมต้องอยู่ทำงานในจวนมากกว่าที่จะถูกใช้ไปนอกจวน
ไม่นานเสี่ยวฉีที่ถูกเรียกตัวก็มา ใบหน้าของเสี่ยวฉีนั้นนับว่าพอทำเนาอยู่บ้าง เนื้อตัวอาจไม่สะอาดสะอ้านเพราะต้องทำงานหลายอย่าง แต่ก็ไม่มอมแมมเสียจนดูไม่ได้เช่นบ่าวคนอื่น หากเป็นบ่าวรับใช้ประจำตัว เนื้อตัวย่อมสะอาดหมดจรด แต่เสี่ยวฉีเป็นบ่าวในจวน ย่อมต้องทำงานทั่วไปตามคำสั่ง เนื้อกายจึงมีเปรอะเปื้อนไปบ้างตามงานที่ต้องทำ
“นายน้อย คุณชายใหญ่ เรียกบ่าวหรือขอรับ”
“ใช่ ข้ามีเรื่องจะวานเจ้าเสียหน่อย” เสี่ยวฉีค้อมกายลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่สายตาเหลือบมองรอยแดงที่แขนของเมิ่งอวิ๋นก่อนจะเก็บสายตาลงไปไม่ให้ใครเห็น
“เรื่องใดหรือขอรับ” เมิ่งอวิ๋นนึกขึ้นได้จึงดึงแขนของจากมือของเมิ่งลู่เหยาเบาๆ แล้วใช้ชายแขนเสื้อปกปิดรอยแผลเอาไว้เช่นเดิม
“ข้าต้องการให้เจ้าที่ร้านยา ซื้อยาทาแผลที่ดีที่สุดมาให้ข้าโดยเร็วที่สุด” ไม่ต้องบอกก็ย่อมรู้ว่าเสี่ยวฉีเข้าใจได้ดีว่าแผลอะไร เมิ่งอวิ๋นหยิบเงินออกมาแล้วส่งให้เสี่ยวฉีไปจำนวนหนึ่ง แต่อีกฝ่ายไม่ได้รับมา กลับถามคำถามต่อเมิ่งอวิ๋นและเมิ่งลู่เหยาแทน
“นายน้อย คุณชายใหญ่ บ่าวเป็นเพียงบ่าวรับใช้ใหม่ ไม่อาจออกไปนอกจวนได้ขอรับ” เมิ่งอวิ๋นรู้ดีจึงได้ยื่นป้ายหยกของตนที่ติดกายอยู่เสมอให้กับเสี่ยวฉีแทน
“ป้ายหยกของข้า หากถูกขวางไว้ให้บอกไปว่าข้าไหว้วานให้เจ้าออกไปทำงานให้ จากนี้ไปเจ้าก็ถือว่าเป็นบ่าวข้างกายข้าก็แล้วกัน”
“ขอบคุณนายน้อยที่เมตตา” เสี่ยวฉีคุกเข่าลงโขกศีรษะกับพื้น ก่อนจะรับทั้งเงินและป้ายหยกมาไว้ในมือ ก่อนจะรีบออกไปเพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายมา
เมิ่งลู่เหยามองแผ่นหลังของเสี่ยวฉีที่จากไปก็พลันขมวดคิ้ว ความรู้สึกที่วุ่นวายใจแปลกๆ นี่มันคืออะไรกัน คล้ายว่าใจจะไม่สงบสักนิด มีความสงสัยบางอย่างที่เขาเองก็ไม่อาจจะบอกได้ว่าคือสิ่งใดนั้น มันกวนใจเขาเหลือเกินจนไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี
“พี่ใหญ่เป็นอะไรไปหรือ?”
“เสี่ยวฉีผู้นั้น...”
“พี่ใหญ่แคลงใจในตัวของเสี่ยวฉีหรือ?”
“นั่น...ก็ใช่” เมิ่งอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยตอบ
“หากไว้ใจได้ก็ถือว่าข้าเจอคนดี แต่หากไว้ใจไม่ได้...คนเช่นนี้ เอาไว้ใกล้ตัวมิใช่ว่าจะเห็นง่ายกว่าหรือ พี่ใหญ่ท่านไม่คิดเช่นข้าหรือ?”
“แต่ว่า...”
“พี่ใหญ่อย่าได้ห่วงไปเลย หากเขาคิดร้ายหรือเป็นภัยต่อข้า ข้าจะจัดการกับเขาเอง” เมิ่งลู่เหยามองน้องชายตนอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ในคำพูดของเมิ่งอวิ๋น
จริงอยู่ว่าเขาสงสัยในตัวเสี่ยวฉี แต่บิดาเขาไม่น่าจะรับคนมาโดยที่ไม่ตรวจสอบ อีกทั้งโดยส่วนใหญ่หากเป็นคนที่ถูกรับเข้ามาใหม่โดยผ่านบิดาของเขาแล้วนั้น ย่อมหาความผิดปกติไม่ได้แน่นอน เสี่ยวฉีผู้นี้จะต้องไม่คิดร้ายกับเมิ่งอวิ๋น นั้นคือสิ่งที่เขามั่นใจได้
แต่อะไรกันล่ะ...ที่มันคาใจเขา
คนผู้นี้แปลกที่ตรงไหนกันนะ
เมิ่งลู่เหยาประคองน้องชายเดินกลับห้องทั้งที่ในหัวยังไม่อาจละทิ้งความสงสัยไปได้ แม้ใบหน้าจะไม่ได้ปรากฏร่องรอยความคิดใด ๆ ออกมา ทว่าภายในกลับขบคิดเสียวุ่นวายยกใหญ่ ว่าสิ่งใดกันแน่ที่เขามองข้ามมันไป แต่ไม่ว่าจะคิดเช่นไร เมิ่งลู่เหยาก็ไม่ได้คำตอบนั้นเลย
50%
พี่ใหญ่คือรักน้องมากจริง ๆ ค่ะ แต่เสี่ยวฉีแปลกตรงไหนกันน้าาา ตรงไหนกันหนอออ ไหนใครพอจะรู้ไปบอกพี่ใหญ่หน่อยค่ะ พี่ใหญ่เขาหาไม่เจอจริง ๆ
เมิ่งอวิ๋น