#ก็จะดื้อ [omegaverse] ตอนที่ 34 : ตอนจบ [25/03/21] p.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #ก็จะดื้อ [omegaverse] ตอนที่ 34 : ตอนจบ [25/03/21] p.11  (อ่าน 88239 ครั้ง)

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




░░░░░

░░░░░░░░ WARNING  ํ░░░░░░░░

- นิยายเรื่องนี้เป็นแนว omegaverse

- มีคาร์นายเอกค่อนข้างน้อง หากไม่ชอบแนวนี้กดปิดก่อนได้เลยค่ะ

- เคะท้องได้





░░░░░░░░░░░░░░░░


░░░░░



░░░░░  #ก็จะดื้อ ░░░░░


ll สารบัญ ll





Introduction





โลกที่หมุนรอบตัวเองไม่มีวันหยุด กาลเวลาที่ก้าวขยับไม่เคยถอยหลัง

เราพบการเปลี่ยนแปลงเสมอในทุกวันและนี่คงเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวิวัฒนาการมนุษย์



ระบบชนชั้น



หลายคนตั้งคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้



เป็นการเดินหน้า

...หรือถอยหลัง



แน่นอนว่ามันก็ยังคงเป็นคำถามที่เหล่านักวิชาการและประชาชนถกเถียงกันมาอย่างยาวนานแต่ก็ไร้ข้อสรุป

เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีข้อดีข้อเสีย มีได้เปรียบและมีเสียเปรียบ



ใช้เวลาหลายสิบปีในการศึกษาเรียนรู้ ต้องผ่านความโหดร้ายและไร้ความยุติธรรมมามากมาย กว่าที่มนุษย์จะปรับตัวเข้ากับระบบนี้และใช้ชีวิตให้ใกล้เคียงกับปกติได้มากที่สุด







OMEGAVERSE





อัลฟ่า(α ): ยอดสูงสุดของปีรามิด ชนชั้นนี้มีจำนวนประชากรน้อยและยังแบ่งเป็นเลือดแท้และผสม

โดยปกติอัลฟ่าจะมีรูปร่างสูงใหญ่และมีพละกำลังเยอะ อัลฟ่าเลือดแท้เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างชนชั้นอัลฟ่าด้วยกันจึงจะมีความแข็งแกร่งทางร่างกายและ สามารถใช้ฟีโรโมนได้หลายรูปแบบมากกว่าอัลฟ่าเลือดผสม อัลฟ่าจะเกิดอาการรัทหรือต้องการจะสืบพันธุ์ก็ต่อเมื่อได้กลิ่นฮีทของโอเมก้าเท่านั้น





เบต้า(β ) : เป็นชนชั้นที่มีจำนวนประชากรเยอะที่สุด มีพละกำลังอยู่ในระดับปกติทั่วไป ไม่สามารถฮีทหรือรัทและจะไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าหรือโอเมก้ายกเว้นคู่แห่งโชคชะตา สามารถตั้งครรภ์ได้ทั้งเพศชายและหญิง





โอเมก้า(Ω):เป็นชนชั้นที่มีจำนวนประชากรปานกลาง รูปร่างของโอเมก้าส่วนใหญ่จะค่อนข้างตัวเล็ก พละกำลังน้อย ร่างกายอ่อนแอเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างพอเพียง สามารถตั้งครรภ์ได้ทั้งเพศชายและหญิงแต่ไม่สามารถเป็นฝ่ายขยายพันธุ์ได้

โอเมก้าจะมีอาการฮีทหรือการปล่อยฟีโรโมนเพื่อการสืบพันธุ์เป็นประจำทุกเดือน โดยจะเริ่มฮีทตั้งแต่อายุประมาณสิบห้าปีเป็นต้นไป



การทำพันธะ: การแสดงความเป็นเจ้าของให้กับคู่ สามารถเกิดได้ด้วยการกัดหลังคอ หลังจากทำพันธะแล้ว โอเมก้าจะไม่สามารถปล่อยฟีโรโมนและมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นนอกจากคู่พันธะของตัวเองได้อีก



คู่แห่งโชคชะตา: อัตราการเกิดอยู่ที่15% สามารถเกิดขึ้นได้กับคู่ต่างชาติ ต่างวัย ต่างชนชั้น ปัจจุบันไม่ค่อยพบเจอเท่าไหร่นัก เป็นคู่ที่เกิดมาเพื่อกันและกัน เมื่อพบเจอคู่ จะเกิดปฏิกิริยาทางด้านร่างกายและฮอร์โมนมากกว่าปกติ หากทำพันธะกับผู้ที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาเมื่อไหร่ก็จะไม่สามารถได้กลิ่นคู่แห่งโชคชะตาได้อีก



ฟีโรโมน:โดยปกติแล้วโอเมก้าและอัลฟ่าจะมีกลิ่นฟีโรโมนที่เหมือนกันทั้งชนชั้น สามารถบอกได้ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าแต่จะได้กลิ่นเฉพาะตัวก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายเป็นคู่แห่งโชคชะตาเท่านั้น







** หมายเหตุ: อันนี้เป็นข้ออธิบายของเวิร์สเรานะคะomegaverse จะมีรายละเอียดของแต่ละชนชั้นแตกต่างกันไปในแต่ละเวิร์สของคนเขียนค่ะ



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2021 21:00:20 โดย Oiimaps »

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
Re: #ก็จะดื้อ [omegaverse] ep 1 : พี่ชาย
«ตอบ #1 เมื่อ05-05-2020 21:16:36 »

ก็จะดื้อ1

พี่ชาย





สิบเอ็ดโมงเช้าวันเสาร์เป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่แสนจะใส เสียงนกร้องจิ๊บๆ ร้องคลอกันเหมือนฉากเปิดในนิทานดิสนี่ย์ ต่างกันตรงที่ในความจริงที่นี่กรุงเทพไม่ใช่แถวราชวังในนิทานและหากฉากเปิดของดิสนี่ย์จะอยู่ในห้องน้ำก็คงจะเป็นนิทานฝันร้ายของเด็ก



และสิ่งที่แย่ที่สุดคือนอกจากสถานที่จะอยู่ในห้องน้ำแล้วนั้นก็คงหนีไม่พ้น



...เสียงอาเจียนที่ดังลั่น





“อ้อกกกกกกกกกกกกกกก” เจ้าของเสียงอาเจียนกระชับกอดโถส้วมสีขาวเพื่อนรักแนบแน่นประหนึ่งเพื่อนสนิทกันมาหลายชาติ กลุ่มผมฟูสีน้ำตาลจุ่มไปจนเกือบชิดโถ ภาพที่ตัวเองขยับตัวเต้นและชนแก้วกับเพื่อนเมื่อคืนฉายทับเข้ามา



...ไม่น่าเลย

รู้งี้พอตั้งแต่แก้วที่ห้านั่นดีกว่า แสบคอไปหมดแล้ว!!!



เขาได้แต่กล่าวคาดโทษเพื่อนโอเมก้าตัวแสบในใจเพราะปากไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขยับบ่น เช้าวันเสาร์ที่ควรจะเริ่มต้นด้วยความสดใสดันเป็นกระโถน ตะนิดถอนหายใจด้วยเหนื่อยอ่อน เขาหมดแรงจะใช้ชีวิตแล้วสำหรับวันนี้ ขอหลับแล้วตื่นมาหายแฮงค์เลยเถอะได้โปรด

แต่ก็ทำได้แต่งอแงในความคิดเพราะสุดท้ายเขาก็ต้องลากร่างไร้เรี่ยวแรงนี่ไปอาบน้ำแปรงฟันเพื่อที่จะลงไปรับโทษที่รออยู่ที่ห้องนั่งเล่น

หลังจากอาบน้ำจนตัวหอมกลิ่นสบู่ตรานกแก้วส่วนถูกหัวกลิ่นเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ตะนิดก็พาร่างตัวเองมาหยุดอยู่หน้ากระจกซิงค์ล้างหน้า ดวงตาสีอ่อนจ้องนิ่งไปที่กระจก



... โทรมสุดๆ ชัดเจนว่าเมาค้าง

ว่าแต่ไอ้รอยช้ำตรงแถวข้อศอกนี่มายังไงนะ จำไม่ได้แล้ว เวรเอ๊ยไม่น่าปล่อยให้เมาขนาดนีั้เลย



ตะนิดก่นด่าตัวเองในใจ แต่ถามว่าด่าไปแล้วสำนึกไหมก็ไม่หรอก เขามีคติที่ว่าปัญหาวันนี้ก็ปล่อยให้มันอยู่แค่วันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่ สรุปจบด่าตัวเองและปลอบตัวเองเสร็จก็ออกมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวแต่งตัวให้เรียบร้อย หายใจเข้าสองฟึดเรียกขวัญและกำลังใจก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องนอนไป



“ไอ้ตัวแสบ”



เอาจริงๆ แล้วเสียงที่ดังขึ้นนั้นไม่ได้ตวาดดุเสียงดังอะไรแท้ๆ แต่ด้วยความที่ต้นเสียงคือคุณบุษบาในท่ากอดอกมันถึงน่ากลัวขึ้นเป็นสิบเท่า เขาได้แต่ยกยิ้มเจื่อน ยิ้มไว้ก่อนเดี๋ยวร้ายก็กลายเป็นดี



“แม่ นิดอธิบายได้” รู้สึกชื่อตัวเองดูน่ารักขึ้นมาทันทีเมื่อถูกย่อ แต่ตอนนี้ก็ต้องน่ารักอ้อนไว้ก่อนแล้วแหละ ...เผื่อรอด

“ไม่ฟัง”

“แง้” ยังไม่ทันได้กรอกตานึกคำอธิบายก็ถูกปัดตกไปก่อนเลยล่วงหน้า ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ...แม่นะแม่ ขอให้ได้แก้ตัวหน่อยก็ไม่ได้เลย

“กลับบ้านมาตอนตีสามสภาพเพื่อนแบกขึ้นหลัง แม่ควรดุลูกยังไงดี”

“เอาเป็น ไอ้เด็กดื้อคนนี้นี่มันจริงๆ เลย!... ไหมแม่”

“นายตนิษฐ์!” ชื่อจริงมาน้ำตาก็ตก

“แม่อ่ะ นิดก็ไม่เด็กแล้ว ยี่สิบสองแล้ว มันก็มีบ้างป่ะ ตามภาษาวัยรุ่น”

“เดือนนี้สามรอบแล้ว มันจะเกินไปแล้วนะนิด”

“แต่แม่...”

“นี่มันก็ใกล้ช่วงฮีทของเราแล้ว ขอแค่เรื่องนี้ให้กันไม่ได้เลยหรอลูก” คุณบุษบาขยับโทนเสียงขึ้นมานิดหน่อยตามแรงอารมณ์

สิ้นเสียงนั่นตะนิดก็กำมือแน่น ดวงตาใสฉายแววสั่นระริกด้วยความเสียใจ ไม่ใช่เพราะโกรธกับคำพูดของคนเป็นแม่



... แต่เพราะเถียงอะไรไม่ออก



ฮีท



ฝันร้ายสำหรับโอเมก้า สิ่งเกลียดให้ตายแค่ไหนก็ไม่สามารถหนีพ้น ไอ้อาการที่ทำให้เรารู้สึกร่างไม่ใช่ของเราอีกต่อไป ไม่สามารถบังคับตัวเองได้

ตะนิดเริ่มมีอาการฮีทตั้งแต่อายุสิบแปด ถือว่าช้าสำหรับโอเมก้าที่ควรจะเริ่มมีฮีทแรกกันตั้งแต่อายุสิบห้า ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมตัวรับสถานการณ์นี้ไว้ เขาจำได้แม่นว่าวันนั้นที่บ้านวุ่นวายไปหมด พ่อต้องพาคณิตพี่ชายฝาแฝดของเขาขึ้นรถออกนอกบ้านเพราะทั้งคู่เป็นอัลฟ่า



...แต่ถึงอย่างนั้น



ภาพที่คณิตจ้องเขาด้วยสายตาล่าเหยื่อนั่นยังติดได้ดีอยู่ในความทรงจำ ถึงแม้หลังจากฮีทนั้นผ่านไปบ้านเราจะกลับมาเหมือนเดิม

แต่ลึกๆ เขาก็รู้ดีว่ามันไม่เหมือนเดิมเลยสักนิดเดียว มันเหมือนมีรอยแยกบางอย่างเกิดขึ้น



“นิดขอโทษ...” เขาเอ่ยขอโทษเสียงแผ่ว

“นั่งลง”

“แม่ นิด-“

“นายตนิษฐ์ นั่งลง” ชื่อจริงมาก็เป็นอันรู้กันว่าเป็นประโยคสำสั่ง

ตะนิดเดินคอตกไหล่ห่อเหลือตัวเท่ามดตะนอยไปนั่งลงบนโซฟาข้างคุณบุษบา ดวงตากลมก็กวาดมองซองเอกสารใสบนโต๊ะพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ จะไม่ให้กระพริบตาได้ยังในเมื่อที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า



เรซูเม่?

อะไร จะให้ไปสมัครงานหรือมีใครมาสมัครงานที่บ้านงั้นหรอ? นี่แม่โกรธที่เขาเมาเลยรับแม่บ้านเพิ่มอะไรอย่างนั้นหรอ มันจะแก้ปัญหาไม่ตรงจุดเหมือนลุงแถวนี้แก้ปัญหาเกินไปแล้ว



“เรซูเม่หรอ นี่แม่จะสมัครแม่บ้านอีกแล้วหรอ พี่นาคนเดียวไม่พอหรอแม่” พี่นาคือแม่บ้านคนปัจจุบันครับ ทำส้มตำเก่งมากแต่ที่เก่งกว่าคือแอบไปอู้หลับกับทาหน้าขาวมาจ๊ะเอ๋กันบ่อยๆ ก่อนเข้านอน

“เรซูเม่อะไรล่ะ นี่ประวัติคู่ดูตัว”

“ดูตัว?” เขาขมวดคิ้วงงไปหนึ่งที “แล้วหรอ...”

“อ่านซะ ประวัติพอสังเขปของพี่ชาย”

“พี่ชายก็ไอ้คณิตไง”

“ไม่ๆ แม่หมายถึงพี่ชาย”

“เอ๊า ก็ไอ้คณิตไง หรือมันเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง!!! ว่าแล้ว!!! หน้าเหมือนเล็บตีนจิงโจ้มีหน้ามาขอเป็นแฝดกัน”

“สัด กูไม่ได้ขอ”



ป้าป!!!

แรงฟาดจนหัวโยกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สมชื่อแฝดนรก ด่ามันหน้าเหมือนตีนจิ้งโจ้เมื่อกี้ก็ลืมคิดไปเลยว่าเข้าตัวเองไปด้วย ชิ

แรงตบจนหัวปลายผมสิบห้าเซ็นกระจุยขนาดนี้ก็อดไม่ได้ที่ต้องหันไปคาดโทษไอ้แฝดเวร ถ้ารู้ว่าเกิดออกมามันจะแย่งสารอาหารจากเขาไปหมดขนาดนี้ รู้งี้แอบเอาสายสะดื้อฟาดมันให้ม่องไปตั้งแต่อยู่ในห้องแม่แล้ว เซ็ง คิดได้เมื่อสาย(สะดือหลุด)ไปแล้ว



“อย่าตีน้อง”

“เออ อย่าตีน้อง” เห็นแม่ดุก็เขาต้องรีบผสมโรงดุด้วย เอาอีกแม่ ด่ามันอีก ไอ้มารหัวขนแย่งเกาะไข่แม่มาเกิด ชิ่วๆ

“ไหนเอามาหน้าผัวมึงดูดิ๊”

“หยาบว่ะคณิต ผัวไรวะ” เขาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ

คณิตเอื้อมมือไปหยิบเรซูเม่(?) จากมือแม่มาอ่าน ส่วนผมก็ได้แต่นั่งถอนหายใจด้วยความเซ็ง หากเป็นสมัยก่อนที่จะมีการแบ่งไอ้ชนชั้นบ้าบอ อัลฟ่า เบต้า โอเมก้าอะไรนี่ การไปดูตัวคงฟังดูแปลก แต่ปัจจุบันการไปดูตัวเพื่อเลือกคู่ระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้านั้นเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการดูตัวก็จะแบ่งเป็นหลายประเภท ดูตัวเพื่อสืบพันธุ์ ดูตัวเพื่อพัฒนาความสัมพันหรือดูตัวเพื่อช่วยตอนฮีตระยะสั้นๆ

แต่สำหรับเขาแล้วทุกการดูตัวที่แม่เป็นคนเลือกมันมักจะเพื่อไปนั่งกินข้าวด้วยแล้วชิ่งหนี ไปให้แม่สบายใจไปงั้น



“เออ คนนี้ก็พอได้นะ หล่อดี หล่อเกือบเท่ากู”

“ขอร้องคณิต กูไม่เดทกับคนหน้าเหมือนตีน”

“ไอ้ต๋ามึง!!!”

“อะไรไอ้ราคะ!!!” เสียงมวยดังขึ้นเตรียมพร้อมเปิดศึกเลือดข้นคนบ้า

“หยุดตีกันก่อนที่แม่จะตีทั้งคู่นะ คณิต!! ตนิษฐ์!!” จำใจต้องหยุด หยุดโดยที่ไม่มีอะไรกั้นไม่งั้นตูดเราจะกลายเป็นรอยไม้แขวนเสื้อได้

“ว่าแต่มันชื่อว่าไรนะแม่”

“มัน?”

“หมายถึงเขา แหะๆ”

“ชาย พี่เขาชื่อชาย” พอได้ยินชื่อแล้วเขาก็ได้แต่อุทานในใจ โคตรเท่ แค่เรียกก็ดูรวยขึ้นมาทันที คุณชาย พี่ชาย ยศเหนือกว่าเห็นๆ

“พี่ชาย...”

“เออ พรุ่งนี้แม่นัดพี่ชายไว้ตอนเที่ยงที่สยาม นิดห้ามไปสายนะลูก”

“คร้าบบบบบ”

“สายชัวร์ รับไวงี้”

“ยุ่งว่ะคณิต”

“อยากให้ไปด้วยป่ะเนี่ย เพื่อแม่งเป็นพวกหื่นกามเดี๋ยวกูสอยแม่ง” คณิตเอื้อมมือมาขยี้หัวแฝดตัวเล็กไปมา



ถึงจะตีกันบ่อยเหมือนเกลียดขี้หน้ากันมาตั้งแต่สมัยเป็นสเปิร์ม แต่ถ้าพูดตรงๆ แล้ว คณิตเองก็ห่วงและหวงแฝดน้องที่เกิดมาตัวเล็กไม่น้อยไปกว่าพ่อและแม่ หลายต่อหลายครั้งที่เจ้าตัวแอบสะกดรอยตามน้องชายตัวเองเพื่อไปดูให้มั่นใจว่าคู่เดทน้องจะไม่แอบแตะอั๋งหรือใช้กำลังพาน้องเขาไปไหน

...คงไม่ต้องบอกว่าคู่เดทตะนิดน่ะเขาตามไปกระทืบมาหลายรายแล้ว แต่ให้มันรู้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวมันเหลิง



“ไปเป็นไร นัดสยามหนีง่าย กินข้าวเสร็จเดี๋ยวชิ่งเลย” ประโยคหลังตะนิดจงใจกระซิบให้รู้กันอยู่สองคน

“เค”

“กระซิบอะไรกันน่ะ”

“แม่ นิดหิวมากก แฮ้งค์ด้วย มีอะไรหวานๆ เปรี้ยวๆ กินไหม”

“แม่ทำต้มยำไก่ไว้ คณิตไปอุ่นให้น้องไปลูก”

“อยากแดกก็อุ่นเองไอ้ต๋า”

“คณิตพี่รักก กูไม่มีแรงแล้วววว ทำให้น้องหน่อยยยย” ตะนิดรีบกอดแขนคนเป็นพี่พร้อมกับไถหัวออดอ้อนทันที ปกติเขาก็อ้อนมันอยู่บ่อยๆ คนอย่างคณิตน่ะแพ้ลูกอ้อนจะตาย

“วุ่นวายว่ะ เออ เดี๋ยวไปทำให้” ว่าแล้วแฝดพี่ก็ยอมลุกเข้าครัวไปให้แต่โดยดี ตะนิดยิ้มร่าเมื่อแผนการอ้อนสำเร็จก่อนจะหันกลับมาสนใจประเด็นหลักของตัวเอง รู้ดีว่าต่อให้ถอนหายใจครบสิบครั้งยังไงปัญหาก้อนใหญ่นี่ก็ไม่มีทางหลุดแต่ตะนิดก็เลือกจะถอนหายใจอีกรอบออกไปอยู่ดี



เอาเถอะ

พรุ่งนี้ก็แค่ตื่นๆ ไปให้มันจบ



แค่ตื่นๆ ให้มันจบ

ใช่ เขาคิดแบบนั้น



จนกระทั่งวันต่อมาตอนที่นาฬิกาปลุกเวลาในมือถือโชว์เลขสิบเอ็ดโมงครึ่ง เขาถึงได้รู้ว่า



มันไม่จบ เพราะกูไม่ตื่นนนนนน

สายแล้วโว้ยยยยยย!!!



ฉิบหายๆๆๆๆๆๆ แม่รู้โดนด่าขี้หูเหลวแน่นอน นึกขอบคุณพระเจ้าร้อยครั้งที่วันนี้แม่เขาออกไปชิทแชทกับสมาคมแม่บ้านแถวตลาด อัพเดทข้อมูลข่าวสารความเป็นมาของเพื่อนร่วมซอยแบบวันต่อวัน ขนาดแม่ไม่อยู่ขาเขายังขวิดกันแทบตาย เกือบจะใส่เสื้อกลับตะเข็บออกจากบ้าน แค่เปิดตัวเจอกันวันแรกก็วุ่นวายเลยโว้ยไอ้คุณชายนี่



แน่นอนว่าในเวลาเร่งด่วน ตัวเลือกคงหนีไม่พ้นพี่วิน เขายกมือขึ้นโบกเรียกพี่วินให้ไปส่งที่บีทีเอส ระหว่างได้ยินพี่วินพยายามพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ได้ยินเหมือนภาษาทิพย์ พยักหน้าไว้ก่อน เข้าใจๆ ไอซีๆ ไม่ลืมตบบ่าบอกพี่เขาสู้ๆ ก่อนจะออกตัววิ่งตื๊ดบัตรแรบบิทเข้าสู่ชานชะลา



โชคดีที่ตอนที่ขึ้นบันไดเลื่อนนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่รถไฟฟ้าเข้าชานชะลาพอดี เลยปฏิบัติการแปลงร่างเป็นมนุดป้าลักไก่วิ่งแซงเข้าทางสายกลางเข้าขบวนมาอย่างหน้าด้านหน้าทน หลังจากนั้นก็ทำเนียนต่อด้วยการหยิบมือถือมาพิมพ์ด่าไอ้คณิต ไม่มีไรทำก็ด่าพี่ตัวเอง ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนมีสายตาหนึ่งกำลังจ้อง ไม่ใช่จ้องธรรมดา แต่เป็นจ้องนิ่งอยู่นานจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง



คนตรงหน้าเป็นผู้ชายอายุประมาณสามสิบกว่าๆ ดูจากส่วนสูงที่น่าจะถึงร้อยเก้าสิบ ไหล่กว้างแบบที่นกเอี้ยงมาเกาะได้เกินข้างละห้าตัว แขนที่กอดอกอยู่นั่นกล้ามเนื้อแน่นกว่าแขนกุ้งแห้งของเขาไปเยอะ กลิ่นอายชัดเจนแบบไม่ต้องสงสัยว่าเป็นอัลฟ่า เผลอๆ อาจจะเป็นอัลฟ่าเลือดแท้ที่มีจำนวนน้อยในปัจจุบัน ใบหน้าดุใต้กรอบแว่นนั่นจ้องมานิ่งๆ



...อะไร จ้องทำไม

แล้วคนอะไรหน้าดุเป็นบ้า



รีบหลบสายตาเล่นมือถือเป็นคำตอบแรกที่ตะนิดเลือกทำ ไถไปมาไม่นานแต่ฟิล์มก็สึกไปหลายมิล รถไฟฟ้าก็เข้าจอดที่สถานีสยาม พอประตูเปิดเขาก็รีบชิงออกตัววิ่งแทรกทุกคนออกไป เผลอแอบกระแทกใครไปไม่รู้แรงไปนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้กลัวพี่เขาคิดว่าเทแล้วกลับไปบอกแม่มากกว่า ชาร์ตพลังที่เท้าเตรียมพร้อมจะโกยสิโยมเต็มที่



... ถ้าไม่ติดว่า



แอ้ก!!!



คะ คะ คอเสื้อถูกดึง!!!



“เห้ย อะไรวะ” ตะนิดรีบหันไปปัดแรงดึงปริศนาออกทันที ซึ่งเจ้าของแรงดึงก็ไม่ใช่ใครไหน



เฮียแว่นหน้าดุ...



“มารยาทของการอยู่ร่วมกับคนอื่น คนเขาเข้าแถวอยู่ก็ต้องเข้าแถว ไม่ใช่แซงแถวเข้ามา” เสียงทุ้มนั่นเอ่ยออกมาพร้อมกับการกดสายตาดุ

“เอ่อ... โทษทีพี่ ผมรีบ”

“ไม่ใช่ข้ออ้าง”

“เห้ย แล้วจะเอาไงอีก ก็ขอโทษแล้วไง” ตะนิดขมวดคิ้วมุ่น

“โอ้ ต้องสอนมารยาทเรื่องเคารพผู้ใหญ่ด้วยหรอ”

“เห้ยลุง ปล่อยผมดิวะ ผมรีบ”

“ตัวกระเปี๊ยกเป็นลูกหมาทำเก่งจริง” ตะนิดมองอัลฟ่าหมาบ้าตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์

“ลุง จะปล่อยดีๆ ป่ะ”

“ไม่ แล้วเธอจะทำไมหืมตัวเปี๊ยก?”



...ตัวกระเปี๊ยกแล้วไง

อยากท้าอำนาจมืดชมรมถึงจะเตี้ยก็เหี้ยกว่านักใช่ไหม



ได้!!



“เสี่ยครับ!!! ปล่อยผมไปเถอะ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่รับงานบนเตียง” ตะนิดเอ่ยเสียงดังพร้อมกับเบะปากทำหน้ายู่ยี่ประหนึ่งองค์ดาราส่องสามเข้าประทับ

“ห๊ะ?”

“เสี่ยมีเมียอยู่แล้ว ผมทำไม่ได้ อย่าทำแบบนี้เลยครับเสี่ยยยยยย” พอเห็นคนโดนเรียกเสี่ยเลิ่กลั่ก เขาก็ยิ่งเบะปากส่งเสียงดัง “เสี่ยปล่อยผมเถอะครับ รอยกุญแจมือที่เสี่ยบังคับใส่เมื่อวานมันยังเจ็บอยู่”

“เดี๋ยว ใครเสี่ย...”

“ฮึกกกกกกก เจ็บเหลือเกินนนน โอ๊ยยยยย เจ็บไปทั้งหัวใจทำไมยังทนนนน เริ่มใหม่อีกกี่หนนะคนใจร้ายยยยยยยย”



เริ่มเวอร์ไปนิดหนึ่ง ตกลงเจ็บรอยกุญแจมือหรือแฟนทิ้ง

แต่เอาเถอะ ดาราต้องเล่นใหญ่ไว้ก่อน เผื่อแมวมองเห็นแล้วอินเนอร์เราได้



ด้วยความที่จุดที่เรายืนอยู่เป็นสถานีรถไฟฟ้าที่คนเยอะตลอดทุกช่วงเวลาทำให้เริ่มมีคนมองมาเยอะขึ้น ลุงอัลฟ่าหมาบ้าถึงได้ตกใจรีบปล่อยข้อมือเขาออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าดุนั่นเหรอหราจนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ



“หนูขอตัวก่อนครับ... เสี่ยโรคจิต” ทันทีที่ข้อมือหลุด ตะนิดก็รีบหันไปแล่บลิ้นใส่เสี่ยโรคจิตก่อนจะออกตัววิ่งโกยเถอะโยมตื๊ดบัตรออกนอกสถานีมาทันที เขาวิ่งหอบแฮ่กมายังร้านกาแฟชื่อดัง ดังที่ว่าก็ไม่ใช่แค่เพราะสูตรแต่เป็นเสียงติวเตอร์โต๊ะข้างๆ ด้วย แหม่ จองกันเต็มร้านกันเช่นเคย

ตะนิดสอดส่องสายตาไปทั่วร้านพรางหอบหายใจระบายความเหนื่อยจากการวิ่ง ตอนนั้นเองที่จู่ๆ ก็มีบางอย่างเย็นๆ แนบหน้าลงมาข้างแก้ม



“เห้ยยยย”

“มาสายนะครับน้องนิด” เขาได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองฝ่ายตรงข้าม

อัลฟ่าร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิตสีขาวกางเกงสแลคสีน้ำตาลอ่อนมาพร้อมกับดวงตาสีเทาอมน้ำตาลที่ถึงแม้จะหุบหายไปเล็กน้อยจากการยิ้มจนตาหยีก็ยังดูดีอยู่ตาม



นะ นะ ในเรซูเม่ไม่ได้งานดีขนาดนี้นี่นา



“พะ พี่ชายหรอครับ”

“ติดบราเธอร์โซนพี่ไว้ตั้งแต่วันแรกเลยหรอ”

“เอ้ย ไม่ๆ หมายถึง คุณชายหรอครับ”

“ไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอกครับ”

“...”

“ล้อเล่นน่ะ ใช่ครับ พี่เอง หมายถึงพี่ชายที่... ไม่ใช่พี่ชาย” สิ้นคำแนะนำตัวแสนงงของอัลฟ่าตรงหน้า ตะนิดก็อมลมใส่แก้มเล็กน้อย เจอกันครั้งแรกก็ปล่อยมุกกวนประสาทเลย

“ขอโทษที่มาสายนะพี่ พอดีนิดเจอคนโรคจิตบนบีทีเอส ซวยมาก”

“หืม? เขาทำอะไรไม่ดีนิดหรือเปล่าครับ” หน้าของอัลฟ่าหนุ่มขมวดมุ่นทันทีด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ ช่างมันเถอะ ว่าแต่นี่พี่กินข้าวมารึยังอะ?”

“ยังเลย รอเราเลือกร้าน”

“โห นิดกินไรก็ได้เลย”

“งั้นเป็นสเต๊กไหมครับ”

“ไม่เอาอ่ะ”

“ราเม็ง?”

“ไม่อยากกินเส้นอะพี่”

“ชาบูไหมครับ”

“หัวเหม็น”

“ยำไหมครับ?”

”ไม่นะพี่ นี่รปภ.”

“อีกนิดพี่จะคิดว่านิดกวนตีนพี่แล้วนะ” อัลฟ่าหนุ่มกล่าวหน้าตายพร้อมกับยื่นน้ำชาเขียวปั่นที่สั่งไว้เผื่อให้ตะนิด

“ฮ่าๆ พี่ตลกอ่ะ นี่สารภาพว่าตอนแรกนิดกะจะมาเจอพี่แล้วชิ่งนะ” ตะนิดรับแก้วมาดูดก่อนจะสารภาพความจริงออกไป

“คิดเหมือนกันเลย”

“เห้ยยย จริงป่ะเนี่ย”

“พ่อพี่บอกว่าพ่อนิดเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อพี่สมัยมัธยม พอฝั่งนิดขอมาเลยปฏิเสธไม่ได้” พูดมาขนาดนี้ตะนิดก็ถึงกับก้มหน้างุด



แม่นะแม่!!!



“อายเลยอ่ะพี่”

“แต่พอมาเจอตัวจริงแล้ว...” คนตัวสูงกว่าทิ้งจังหวะไปนิดพร้อมกับชายตามองคนตัวเล็กกว่าที่ก้มหน้าทำหน้าแดงเป็นโมจิแยมสตอเบอร์รี่ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “... น่ารักกว่าที่คิด”

“ฮัดชิ่ว!!! โทษพี่ เมื่อกี้พูดไรนะ”

“เปล่าๆ พี่บอกว่าจอมโจรคิด”

“ห๊ะ?”

“ป่ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ หิวจะแย่แล้ว”

“อือ ไปจากที่นี่เถอะ กลิ่นน้ำหอมอะไรสักอย่างฟุ้งมาก ลาเวนเดอร์หรอ?” ตะนิดยกมือขึ้นปัดจมูกไปมาก่อนจะขอเดินนำออกจากร้านไปก่อน อัลฟ่าหนุ่มมองไล่หลังเล็กของเจ้าโอเมก้าก้อนโมจิแก้มแดงด้วยความเอ็นดูพร้อมกับเดินตามออกไป แม้ในใจจะสงสัยนิดหน่อย



กลิ่นน้ำหอม? ลาเวนเดอร์?

ไม่เห็นจะได้กลิ่นเลย...





สงสัยโอเมก้าจะจมูกไวกว่าอัลฟ่าอย่างเราล่ะมั้ง...









--- TALK



อ้อ ชื่อน้องนิด คือ ตนิษฐ์ (ตะนิด = เล็ก) ค่า



ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
ก็จะดื้อ2

ลาเวนเดอร์กับแป้งผสมพีช


เช้าที่ควรจะสดใสหลังจากเช้าในวันที่แฮ้งค์กลับกลายเป็นเช้าแห่งนรก ตะนิดขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับตีมือลงกับเตียงปุปุระบายอารมณ์



กลิ่นลาเวนเดอร์แปลกๆ นั่นมันวนเวียนอยู่ในหัวเขาจนน่าหงุดหงิด

แต่พอมันเริ่มจางไปก็รู้สึกใจหายโหวงเหวง มันบ้าอะไรนะ!!! หงุดหงิดจนจะตายแล้ว!!!



ตะนิดตีเตียงไปมาก่อนจะหยิบมือถือคู่ใจขึ้นมากดเบอร์โทรหาเพื่อนตัวแสบที่ไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจากที่ไปกินเหล้าเมาด้วยกันมาเมื่อวานซืน รอแล้วรอเล่า รอจนเสียงรอสายตัดเพื่อนก็ไม่รับสาย คนตัวเล็กขู่แง่งมือถือในมือด้วยความหงุดหงิด ให้มันได้แบบนี้ ทีเวลาชวนกินเหล้าโทรตื๊ดเดียวรับตลอด ปากเล็กเบะออกมาเมื่อรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ





เขานอนไม่ได้!! นอนไม่หลับเลยทั้งคืน!!!

หงุดหงิด อยากได้กลิ่นนั่นอีก อยากเอาจมูกไปซุกสูดแรงๆ



ร่างเล็กกระโดดทุบเตียงตีขาไปมา ดวงตากลมมองมือถือตัวเองพร้อมกับยู่ปาก คณิตก็ไปซ้อมมวยไม่อยู่บ้านไปอีก ชีวิตที่แสนเหงา ถึงจะไม่อยากออกไปเที่ยวคนเดียวยังไงแต่ด้วยความหงุดหงิดในใจ สุดท้ายตะนิดก็อาบน้ำแต่งตัวออกไปสยามคนเดียวอย่างเสียไม่ได้



ห้างดังในวันอาทิตย์พลุกพล่านตามที่คาด ตะนิดยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าเล็กน้อย เขาเป็นคนขี้ร้อนขี้หนาว อยู่ในที่ร้อนมากๆ ก็เหงื่อออก อยู่ในที่เย็นหน่อยก็หนาวกว่าคนอื่นเขา ร่างกายของโอเมก้านี่มันไม่มีอะไรดีจริงๆ เลย คนตัวบางบุ่นงุบงิบในใจก่อนจะก้าวขาเดินเข้าห้างไปทางโซนน้ำหอม



“นิด?” เสียงเรียกดังขึ้นจากทางด้านหลัง ตะนิดจึงหันหน้ากลับไปตามเสียงเรียก

“เอ้ย พี่ชาย?” ผมยิ้มร่าเมื่อพบว่าคนที่เรียกไม่ใช่ใครไหนไกล เพิ่งเจอกันมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อวาน พี่ชายนั่นเอง วันนี้แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยสูทสีเทา ดูเป็ตนมาดนักธุรกิจเลย

“มากับใครเนี่ย อย่าบอกนะเดทกับพี่เมื่อวาน วันนี้ก็มาเดทกับคนอื่นเลย” พี่ชายกอดอกหรี่ตามองเขา

“เห้ยพี่ ผมมาคนเดียว”

“เชื่อได้ไหมนะ”

“ต้องเชื่อดิ ว่าแต่ แล้วพี่มาทำอะไรเนี่ย”

“คุยงานนิดหน่อยน่ะ แต่เสร็จแล้ว แล้วเรากำลังจะไปไหน”

“ผมจะไปดูน้ำหอมไม่ก็พวกเครื่องปรับอากาศนิดหน่อยอ่ะพี่ นอนไม่หลับเลยเมื่อวาน สุดเศร้า” ชายมองหน้าโอเมก้าตัวเล็กตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ตาโหลขนาดนี้เห็นจะจริง

“พี่มีนัดกับเพื่อนต่อแต่มันหายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ว่างอยู่พอดี รอให้คนแถวนี้ชวนไปเที่ยวหน่อย” ตะนิดเอียงคองงเล็กน้อยก่อนจะร้องอ๋อออกมา

“ไปดิพี่ ไปด้วยกัน เหงาอยู่เหมือนกันเดินคนเดียว ปกติผมไม่ค่อยเดินห้างคนเดียวเลย”

“ติดเพื่อนหรอเราน่ะ”

“เปล่าา ติดแฝด”

“อ้าว เรามีแฝดด้วยหรอ”

“ช่ายยย ชื่อคณิต” ตะนิดอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกภาพออกว่าถ้าไอ้แฝดนรกที่ค่ายมวยรู้ว่าตนออกมาเดินเที่ยวห้างคนเดียวคงได้มีโวยวายไม่พอใจแหง

“คณิตกับตะนิดหรอ มีนิดเหมือนกันเลย”

“อื้อ ก็พ่อผมชื่อมานิตส่วนแม่ผมชื่อนิตยา ครอบครัวนิดๆ”

“แล้วหน้าเหมือนกันเลยไหม”

“ผมหล่อกว่านิดหน่อย”

“เชื่อดีไหมนะ” ชายหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับคำพูดของโอเมก้าตัวเล็ก ไม่รู้ว่าตรงไหนเอามาหล่อ ตาโตแก้มยุ้ยขนาดนี้

“ชิ คณิตเป็นอัลฟ่า โครงมันหล่อกว่าผมนิดหน่อย แต่พูดเรื่องน่ารักผมชนะขาดลอย”

“อันนี้ค่อยน่าเชื่อหน่อย” ชายอมยิ้มเล็กน้อย เลือกที่จะเมินประเด็นเรื่องเพศของแฝดพี่ไปเพราะดูท่าทางจะไม่ใช่เรื่องที่คนตัวเล็กรู้สึกยินดีใบหน้าน่ารักนั่นถึงดูเศร้าลงเล็กน้อย “ว่าแต่ทำไมกลิ่นถึงทำเรานอนไม่หลับได้ล่ะ”

“นั่นดิพี่ รำคาญมาก”

“อ้าว”

“ได้กลิ่นก็หงุดหงิดไม่ได้กลิ่น... ก็รำคาญ” ตะนิดบ่นงุบงิบในลำคอก่อนจะพองแก้มป่องกระแทกเท้านำไป เพราะเมื่อพูดถึงกลิ่นปริศนานั่นหัวใจก็รู้สึกโหวงขึ้นมาอีกรอบ ชายกระดกคิ้วงงกับการกระทำนั่นเล็กน้อยแต่ก็เดินตามหลังเล็กไป

“แล้วอยากได้กลิ่นประมาณไหนล่ะ”

“อืม ประมาณลาเวนเดอร์แต่ก็ไม่ลาเวนเดอร์อ่ะพี่ บอกไม่ถูก มันมีกลิ่นอื่นด้วย”

“กลิ่นอื่น?”

“อื้อ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน”

“แปลกจัง”

เมื่อเดินมาถึงโซนน้ำหอมตะนิดก็จัดการเปิดขวดน้ำหอมดมไปเรื่อยๆ สลับกับดมกาแฟแก้เลี่ยนกลิ่น ขวดแล้วขวดเล่าผ่านไปก็ยังไม่เจอกลิ่นที่ใช่ คนตัวเล็กขมวดคิ้วกระทืบเท้าเล็กๆ ด้วยความไม่พอใจ ชายมองภาพนั้นพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย

... เหมือนลูกแมวเลย

“ไม่ถูกใจหรอ”

“อื้อ บอกไม่ถูกอ่ะพี่ แต่มันเป็นลาเวนเดอร์ที่ไม่ใช่ลาเวนเดอร์”

“แล้วมั-“



ครืดดดดดด

เสียงสั่นจากโทรศัพท์ในมือของชายดึงสายตาจากทั้งคู่ในทันที ชายยกมือขึ้นขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์แถวหน้าร้าน ตะนิดเองก็พยักหน้าเบาเป็นคำตอบว่าเชิญตามสบายก่อนจะหันตัวมาเปิดขวดน้ำหอมขวดในดม แต่ลองฉีดใส่กระดาษเทสต์แล้วก็ยังไม่ใช่



ชาแนลก็ไม่ใช่ ดิออร์ก็ไม่ใช่ ทเวลฟ์พลัสก็ไม่ใช่

มันกลิ่นบ้าอะไรกันเนี่ย ลาเวนเดอร์นอกโลกหรอ เบจิต้านำเข้ามาจากดาวนาแม็กรึไง



ในตอนนั้นเอง

จู่ๆ กลิ่นวาเลนเดอร์ประหลาดก็ลอยมากระทบกับปลายจมูกเล็ก ตะนิดผงะเล็กน้อยก่อนจะฟุดฟิดจมูกหันหน้าหันหลังหน้าต้นทางของกลิ่น พอขยับเดินไปทางซ้ายเล็กน้อยกลิ่นหอมนั่นก็ฟุ้งขึ้น โดยไม่รู้ตัวตะนิดก็กลายเป็นลูกหมาฟุดฟิดจมูกเดินไปตามทาง



ปั้ก!!!



โอ๊ะ...

ตะนิดลูบหัวป้อยๆ เมื่อรู้สึกว่าหัวตัวเองชนอะไรบางอย่าง พอเงยหน้ามองก็ขึ้นมอง ตากลมโตก็ถึงกับเบิกกว้าง



“เสี่ยโรคจิต!!!!”

“เสี่ยบ้าอะไรอีก ไอ้เด็กเวร” คนโดนเรียกเป็นเสี่ยโรคจิตรอบที่สองในชีวิตดีดเหม่งใสเข้าเต็มแรงจนร่างตะนิดเซ ตะนิดยกมือขึ้นลูบเหม่งตัวป้อยๆ ด้วยความเจ็บปวด คลำดูให้แน่ใจว่ากะโหลกไม่แตก ดีดแรงจนหูอื้อ สมชื่อเสี่ยโรคจิตจริงๆ

“จะเอาคืนหรือไง!! ผมสู้นะ!!”

“เอาคืนยังไง เห่าหรอ”

“ห๊ะ?”

“เห็นเดินดมเหมือนหมามาสักพักแล้ว ตกลงคนโรคจิตเนี่ยมันเธอหรือเปล่า” อัลฟ่าหนุ่มใช้นิ้วยกแว่นก่อนจะเปลี่ยนมากอดอกแมวตัวน้อยที่กำลังยู่หน้าขู่

“เดินดมอะไรเถอะ ผมเปล่า อย่ามามั่ว คนที่เดินดมได้ก็มีแค่โน้ตอุดมแล้วป่ะ”

“นั่นเล่นมุกหรอ”

“อ่ะ ฮึ่ย”

“ชอบเหรอไง”

“ชอบอะไร”

“ลาเวนเดอร์”

“ไม่ได้ชอบ”

“หรอ”

“ไม่ชอบ”

“งั้นหยุดเอาหน้ามาซุกก่อนไหม นี่มันกลางห้างนะ”



ห๊ะ...

ซุก? ใครซุก?



ตะนิดถึงกับเบิกตากว้างเมื่อค้นพบว่าตัวเองกำลังเอาจมูกมาซุกอกคนตรงหน้าอย่างเผลอไผล แมวน้อยสะดุ้งผละตัวออกด้วยความตกใจ



บ้าไปแล้ว!!! นี่เขาเอาจมูกเข้าไปซุกอกไอ้เสี่ยโรคจิตนี่ทำไม!!!



“หะ หะ หกล้ม ไม่ได้ตั้งใจซุก!!!!”

“ก็เห็นอยู่ว่าซุก” เถียงไม่ออก ตะนิดได้แต่อ้าปากพะงาบๆ



... ก็ซุกไปจริงๆ แต่ไปซุกทำไม แล้วไปซุกตอนไหน เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย

พอความตกใจเข้าครอบงำจนคิดอะไรไม่ออกเป็นแบบนั้นตะนิดก็เตรียมหันหลังเผ่นทันที แต่ก็ช้ากว่าอัลฟ่าหนุ่มที่ดูทางออก มือใหญ่ตามขนาดของอัลฟ่าคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนบางก่อนจะดึงให้มาชิดตัว

ตะนิดตกใจเตรียมจะอ้าปากด่า แต่พอได้กลิ่นหอมอ่อนของลาเวนเดอร์ตีเข้าจมูกจากที่จะขืนตัวออกก็กลายเป็นจับเสื้อเชิ้ตของอีกคนแน่น



ไม่ได้รู้จักกันแถมเกลียดขี้หน้าตั้งแต่เจอกันครั้งแรก

แต่กลับอยากกอดอยู่แบบนี้ให้แน่นๆ



“ไอ้ภาส? น้องนิด?” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ตะนิดตื่นจากภวังค์ มือเล็กดันอกใหญ่ให้ห่างพร้อมกับพยามสะบัดมืออกจากการโดนจับกุมแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเจ้าของมือใหญ่นั่นกำไว้เสียแน่น

“ไอ้ชาย”

“ไหนมึงบอกไปดูของโซนเด็ก มาทำอะไรที่นี่วะ” ชายขมวดคิ้วงง จริงๆ ก็งงตั้งใจตอนเพื่อนที่ขึ้นชื่อเรื่องความนิ่งโทรมาบอกว่าจะมาตามนัดเลทเพราะจะไปหาซื้อของที่โซนเด็กแล้ว พอมาโผล่อยู่โซนน้ำหอมยิ่งงงเข้าไปใหญ่

“...”

“แล้วนี่น้องนิดรู้จักไอ้ภาสมันด้วยหรอ” ถึงภาพตรงหน้าจะเป็นคำตอบอยู่แล้วแต่ชายก็อดถามออกไปเพื่อความแน่ใจเสียไม่ได้

“ภาส? เสี่ยโรคจิตนี่ชื่อภาสหรอ”

“ห๊ะ เสี่ย?”

“ภาสหรือพลาดเอาดีๆ แล้วนี่ปล่อยได้หรือยังลุง” ตะนิดหันไปสะบัดมืออีกรอบแต่ภาสก็ยังคงไม่แม้แต่จะสนใจ แถมยังเมินเงยขึ้นคุยกับเพื่อนอีกต่างหาก

“ไหนมึงบอกจะไปหาเด็ก”

“ก็นี่ไงน้องนิด ที่กูเล่าให้ฟัง”

“น้องนิด...” อัลฟ่าหนุ่มหน้าดุทวนชื่อเพื่อเป็นการย้ำถามว่าสนิทขนาดเรียกน้องได้เลยหรือไง “เด็กคนนี้ก็คือเด็กที่กูเล่าให้มึงฟังเมื่อวานเหมือนกัน.... เด็กเปรตน่ะ”



ตะนิดขู่แง่งเมื่อได้ยินคำว่าเด็กเปรต แต่พอพี่ชายทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้เสี่ยโรคจิตก็ทำตัวแปลกด้วยการใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้กุมมือเขาขึ้นโอบหลังไว้เบาๆ พออยู่ในท่านี้กลิ่นลาเวนเดอร์น่ารำคาญนั่นก็ฟุ้งจนอดใช้จมูกจิ้มๆ กดๆ ลงไปอีกรอบเสียไม่ได้



กลิ่นที่น่าหงุดหงิด

แต่ก็อยากดมอีกเรื่อยๆ



“นะ น้องนิดครับ...”

“หยุดซุกก่อนได้ไหม” ภาสเอ่ยดุคนในอ้อมกอดเบาๆ เขาตั้งใจจะคุยกับเพื่อนอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดไม่พยายามทำลายความตั้งใจนั้นด้วยการเอาจมูกมาถูแถวอก

...มันจั๊กจี้



“ไม่ได้ซุก”

“เลิกดมได้แล้ว โรคจิตหรือไง”

“ยุ่ง”

“ต้องยุ่ง”

“แล้วจะมายุ่งทำไม”

“ก็ใช่ไม่ใช่หรอ”

“ใช่อะไร”

“ไอ้กลิ่นแป้งผสมพีชอ่อนๆ เนี่ย...” ภาสยกนิ้วชี้ขึ้นเขี่ยปลอกคอหนังที่คอคนในอ้อมกอดก่อนจะกดจมูกเขาไปใกล้ “กลิ่นเธอไม่ใช่หรือไง”

“ไม่ใช่ ไม่ทาแป้ง ไม่ใช่เด็ก”

“ฉีดน้ำหอมทับมันก็ไม่ช่วยหรอกนะ”

“เดี๋ยวนะ ที่มึงบอกว่ากลิ่นแป้งนี่...” ชายที่มองทั้งคู่อยู่นานเอ่ยขึ้นขัด ในใจก็ได้แต่โอดครวญขอร้องพระเจ้าให้ไม่เป็นอย่างที่คิด

...เขาอุตส่าห์ถูกใจน้องนิดมากแท้ๆ มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ

“อืม...”

“แล้วที่น้องนิดบอกว่ากลิ่นลาเวนเดอร์ สรุปนั่นกลิ่นมึงเรอะ!!!”

“อืม”

“บ้าไปแล้ว หน้ามึงดุเหมือนหมาขนาดนี้กูอุตส่าห์เดาว่ามึงน่าจะกลิ่นประมาณเลือดไม่ก็สนิม มึงเนี่ยนะกลิ่นลาเวนเดอร์!!!”

“ไอ้ชาย...” ภาสตวัดสายตาใต้แว่นกรอบเหลี่ยมปรามเพื่อนว่าถ้ายังไม่หยุดพูดอะไรไร้สาระ ชายถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ขืนเขายังไม่หยุดพูด ดูท่ากลิ่นเลือดที่ว่าอาจจะมาจากหัวเขาเอง

ภาสถอนหายใจเล็กน้อยให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ปัจจุบันอัตราการเจอคู่แห่งโชคชะตานั่นต่ำมากจนคนแทบจะลืมการมีอยู่ไปแล้ว การที่เขาได้พบคู่แห่งโชคชะตาในวันนี้เหมือนเป็นการเล่นตลกของพระเจ้าก็ว่าได้ มีที่ไหนล่ะที่ส่งคู่มาเป็นเด็กดื้อเป็นแมวขนาดนี้ แล้วดูท่าอีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะรู้จักคำว่าคู่แห่งโชคชะตาถึงได้ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำพฤติกรรมแปลกๆ แตกต่างครั้งแรกที่เจอเป็นหน้ามือหลังมือ

แมวตัวน้อยซุกอกเขาอีกรอบ ใบหน้าน่ารักตามฉบับโอเมก้านั่นอมยิ้มเล็กๆ เหมือนแมวเจอของที่ถูกใจ เขาพอจะรู้พฤติกรรมอ้อนของโอเมก้ามาอยู่บ้างจากคู่เดทหลายคนก่อนหน้า เขาเจอมาสารพัดแบบแต่ไอ้ที่อ้อนไม่รู้ตัวแบบนี้ก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก

ใจหนึ่งก็อยากจะดีดไอ้ก้อนจั๊กจี้ตรงอกให้กระเด็น แต่พอได้กลิ่นแป้งผสมพีชอ่อนๆ นั่นก็ดันผลักไม่ลง



... แค่เจอคู่แห่งโชคชะตาก็ว่าวุ่นวายพอแล้ว

หวยดันออกเป็นไอ้เด็กคนนี้อีก ให้ตายเถอะ



จะว่าคนในอ้อมกอดมีพฤติกรรมแปลกอยู่คนเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะตัวเขาเองก็รู้สึกได้เช่นกัน อยู่ๆ แค่เพื่อนสนิทอย่างไอ้ชายกระเถิบเข้ามาใกล้ สัญชาตญาณก็สั่งให้ปกป้องคนในอ้อมกอดทันที แถมเมื่อกี้เขาเกือบจะแยกเขี้ยวขู่เพื่อนตัวเองไปด้วยซ้ำ ให้ตาย แค่ไม่กี่นาทีที่เจอกันก็พบเจอความยุ่งยากไปหลายอย่างแล้ว



“เวรเอ๊ย แล้วนั่นก็ดมเป็นลูกแมวเลย โถ่ น้องนิดของพี่”

“หืม? “ ภาสตวัดตาดุเพื่อนอีกรอบตามสัญชาตญาณความเป็นเจ้าของ

“นี่ก็หวงจริง เมื่อวานยังบ่นให้กูฟังจนหูชา”

“ไม่ได้ตั้งใจหวง มันเป็นไปเอง” ภาสพูดไปตามตรง เขาไม่คิดจะหวงอะไรตะนิดเลยสักนิด แต่เหมือนร่างกายมันเป็นไปเอง

“ไม่หวงก็ปล่อยออกมานี่ กูกะจะจีบจริงจังสักหน่อย หมาคาบไปแด… เอ้ย หมายถึงมึงตัดหน้าไปเฉย” ชายยกมือขึ้นเกา แอบเซ็งไปนิดหนึ่งเลยเหมือนกัน ถึงจะยังไม่ทันได้เริ่มรุกจริงจังแต่ก็ตัดสินใจจะจีบแล้วแท้ๆ บุญมีได้ดูตัวแต่กรรมดันใหญ่กว่าบุญ บังเสียมิดเชียว

“...” ภาสทำเป็นเมินประโยคแรกของเพื่อนไป ไอ้ที่บอกไม่ได้หวงไม่ได้โกหกหรอกแต่ถ้าจะปล่อยให้เพื่อนเอาไปกอดเขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“แล้วนี่ต้องทำไงต่อวะ เรื่องคู่แห่งโชคชะตาอะไรนี่กูก็ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่”

“นั่นสิ”

“ว่าแต่น้องนิดจะฮีทไหมเนี่ย ดูแปลกๆ นะ” ชายพูดขึ้นเมื่อสังเกตได้ว่าเด็กคนปากเก่งเมื่อวานเงียบผิดปกติ เจ้าตัวเกาะเพื่อนเขาเป็นลูกลิงไม่หือไม่อือ เหมือนขาดสติไปโดยสิ้นเชิง

“พากลับบ้านดีกว่า มึงรู้จักบ้านเขาไหม”

“ถามพ่อให้ได้”

“นี่” ภาสตบหลังคนในอ้อมกอดปุๆ ก่อนจะได้ยินเสียงกรนออกมาเบาๆ



... เดี๋ยวนะ

เสียงกรน? หลับไปแล้ว?

ถึงกับต้องใช้มือจับคางเล็กขึ้นดูให้แน่ใจ พอเสยขึ้นมาได้ ร่างของตะนิดก็ทิ้งตัวใส่เหมือนหมดสติไปกลางคัน อัลฟ่าหนุ่มทั้งสองคนร้องเห้ยออกมาดังลั่น เป็นภาสที่หิ้วไหล่ร่างเล็กไว้ได้ทัน ส่วนชายก็เอื้อมมือไปดันท้ายทอยที่หงายห้อยแบบน่ากลัวไว้



“น้องเป็นอะไรวะ”

“คร่อกกกกก ฟรี้...”

“กรนด้วย...” ภาสกระพริบตาปริบๆ จะบอกว่าสลบก็ไม่เชิง ไอ้เสียงกรนครืดคราดนั่นไม่น่าใช่อาการที่ถูกต้องของเป็นลมเสียเท่าไหร่

“เออ เห็นบอกอยู่ว่าเมื่อวานนอนไม่หลับ”

“แล้วมาหลับกลางห้างเนี่ยนะ”

“จี้ว่ะ กูถึงชอบไง... เอ่อ โทษที ปากกูไวไปนิด” ชายหัวเราะแห้งเมื่อโดนสายตาพิฆาตเป็นรอบที่สิบของวัน

“เด็กเปรตจริงๆ”

“เอาน่า น้องบอกนอนไม่ได้เพราะกลิ่นลาเวนเดอร์มันหลอกหลอนน้อง มึงก็ควรจะดีใจไหม” ชายแบบตวัดนิ้วในใจ นอกไข่ใส่สีไปหน่อยแหละว่าน้องมันบอกว่าหลอกหลอน จริงๆ น้องบอกเขาไว้แค่รำคาญ แต่มาตามหาซื้อกลับบ้านไปดมขนาดนี้ไม่น่าใช่รำคาญเดียวกับในพจนานุกรมเขาแล้วแหละ



... พูดถึงซื้อกลับไปดมแล้ว

ชายตวัดตามองเพื่อนอัลฟ่าปริบๆ



“มองอะไร”

“อย่าบอกนะว่ามึงที่มึงไปดูของโซนเด็กที่ว่านี่...”

“...”

“มึงไปดูแป้งทาตูดเด็กหากลิ่นน้องหรอ? จริงป่ะเนี่ย? คนอย่างมึงเนี่ยนะ? ฮ่าๆ โคตรจี้”

“...”

ภาสเงียบเถียงอะไรไม่ออกเพราะเขาตั้งใจจะไปหาซื้อกลิ่นแป้งเด็กที่มีกลิ่นพีชผสมจริง เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ นี่ตั้งแต่เมื่อวาน แล้วมันก็ตามไปทุกที่ มันน่าแปลกตรงที่แป้งเป็นกลิ่นที่เขาไม่ค่อยจะได้สัมผัสในชีวิตประจำวันเท่าไหร่

เขาเป็นผู้ชายวัยสามสิบสามที่อาศัยอยู่คนเดียว ที่ทำงานก็เต็มไปด้วยพนักงานวัยไล่กับเขา ถ้าจะมีกลิ่นก็คงจะเป็นกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจำพวกแบรนด์ฝรั่งเสียมากกว่า เพราะงั้นมันจึงน่าแปลกที่กลิ่นแป้งแบบนี้ตามติดเขาไม่หยุดจนแทบเสียการเสียงาน

อัลฟ่าหนุ่มแอบกระแอมเบาๆ หากไอ้ชายสังเกตนิดหน่อยคงจะเห็นว่ากระเป๋ากางเกงเขามันนูนปิดปกติเนื่องจากใส่กระป๋องแป้งขวดเล็กที่เพิ่งซื้อมาไว้ ถึงกลิ่นจะไม่ได้เหมือนร้อยเปอร์เซนแต่ก็ใกล้เคียงที่สุด วันนี้เขาตั้งใจจะมาซื้อแป้งแล้วก็ไปหาอะไรกินกับชายตามที่นัดไว้ แต่พอเดินมาเจอเจ้าแมวดื้อนี่เดินดมลมเหมือนหมาอยู่ไม่ไกล ตอนแรกก็กะจะเดินเข้าไปด่าเรื่องเมื่อวานเสียหน่อย แต่พอร่างเล็กนั่นเดินดมมาซุกอกเขาแล้วกลิ่นแป้งนั่นตีขึ้นจมูกเขาก็รู้ได้ทันที





... นี่สินะตัวการ



“ได้ที่อยู่มาแล้ว แล้วนี่จะพาไปรถใคร รถมึงหรือกู”

“รถกู”

“งั้นมึงขับตามกูมาแล้วกัน” ภาสตอบรับก่อนจะพิจารณามองร่างที่ตนหิ้วปีกอยู่ ไอ้จะให้อุ้มท่าเจ้าสาวก็ดูพิลึกไปหน่อย เขาถอนหายใจก่อนจะจับร่างเล็กขึ้นพาดบ่า



... เบากว่าที่คิดเยอะเลย

ว่าแต่โดนหิ้วขึ้นบ่าขนาดนี้ยังไม่ตื่นอีก หลับสนิทจริงแหะ



ภาสส่ายหัวเอือมเบาๆ ก่อนจะฟาดมือลงบนสะโพกนิ่มเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องมาลำบากอุ้มเดินกลางห้างตอนกลางวันแบบนี้ เจอกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกัน เจอครั้งที่สองก็โดนสลบกรนคร่อกใส่





คู่แห่งโชคชะตาเนี่ย



... ไม่เห็นโรแมนติกอย่างที่ใครเขาพูดกันเลย





--- TALK

แงงงง ตัวจริงเขามาแล้วค่ะ

ตั้งใจไว้ว่าไม่อยากให้เรื่องนี้ดราม่านะคะ อยากให้เป็นนิยายน่ารัก เบาๆ ฟีลกู๊ด

ฝากเอ็นดูยัยตะนิดด้วยนะคะ ดื้อนิดหน่อยแต่เวลาอ้อนเป็นยัยเหมียวเลยค่ะ แอแง

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
ก็จะดื้อ3





ในทุกเช้าของตะนิดส่วนใหญ่มักจะถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือราคาแพง เสียงดนตรีของมันน่ารำคาญแบบที่ถ้าไม่กดหยุดภายในสามวิจะหงุดหงิดต่อไปอีกหลายชั่วโมง แต่ไอ้จะตั้งให้เป็นแค่ระบบสั่นหรือเสียงที่นุ่มนวลกว่านี้มันก็ดันปลุกเขาไม่ตื่น



แต่ทว่า



วันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกอึดอัดกระสั่บกระส่าย เหมือนมีวิญญาณร้ายจ้องอาฆาต จนต้องตื่น ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนกระพริบปริบๆ ปรับภาพโฟกัส ก่อนที่จะเห็นว่ามีคนกำลังนั่งจ้องอยู่



ตะนิดกรี๊ดลั่นในใจเตรียมรื้อบทสวดในหัวขึ้นมา

แต่พอมองดูดีๆ ก็พบว่าใบหน้าผีร้ายคล้ายตนจนเหมือนส่องกระจก



“คณิต?” ตะนิดขมวดคิ้วก่อนจะผุกลุกขึ้นนั่ง “ตกใจหมด อะไรเนี่ย”

“...”

“เห้ย เป็นไร มานั่งจ้องทำไม”

“เสื้อ”

“ห๊ะ”

“เสื้อใคร”



เสื้อใคร?

อะไรของมัน...



ตะนิดกระพริบตาปริบๆ เขากับคณิตแต่งตัวกันละคนสไตล์แถมขนาดเสื้อก็ไม่สามารถใส่ร่วมกันได้ ไม่สิ ต้องบอกว่าคณิตไม่สามารถใส่ของเขาได้แต่เพียงคนเดียวมากกว่า ด้วยความที่คณิตเป็นอัลฟ่า หุ่นจึงขยายในตามลักษณะเด่น ความสูงที่ทะลุร้อยแปดสิบตั้งแต่มัธยม ไหล่กว้างอกผายและมีเสียงที่ทุ้ม

ตัดภาพมาที่เขา ส่วนสูงแตะร้อยหกสิบห้าตั้งแต่มัธยมต้นจนปัจจุบันไม่เคยขยับ ไหล่แคบแบบที่เอาเสื้อคณิตมาใส่ก็ไหล่ตกแขนเสื้อยาวไปยันศอก เสียงที่ไม่ยอมแตกหนุ่มเสียที่ เขาเฝ้ารอให้ไอ้เสียงง้องแง้งนี่หายไปอยู่ทุกวัน

เพราะงั้นเขาน่ะใส่เสื้อคณิตได้สบาย แต่คณิตน่ะไม่มีทางเอาเสื้อเขาไปใส่ได้เลย

แล้วจะมาทวงเสื้ออะไร?



“พูดไรวะคณิต เมาหรอ”

“ถามก็ตอบดิ”

“เสื้อกูดิวะ”

“ไม่ได้หมายถึงเสื้อตัวที่ใส่”

“...”

“ที่มึงกอดอยู่น่ะ”

“...”

“เสื้อใคร”





กอด?

ตะนิดขมวดคิ้วรีบก้มดูของในมือก็พบว่าตัวเองกำสูทสีดำตัวใหญ่ไว้แน่น



“เห้ย เสื้อใครวะเนี่ย” ตะนิดรีบปาของไม่รู้ที่มาลงพื้นอย่างรวดเร็ว อย่าว่าแต่ไอ้คณิตจะสงสัยเลย เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันมาอยู่บนเตียงได้ยังไง

“อย่ามาเล่นละครนะไอ้ต๋า”

“เปล่าเล่น”

“ไม่ใช่แค่เสื้อเวรนี่ ตัวมึงก็ใส่เสื้อเมื่อวาน แล้วไอ้กลิ่นอัลฟ่าเหม็นหึ่งขนาดนี้มันอะไร” คณิตกอดอกลุกขึ้นยืนจ้องเขาด้วยสายดุ

“กะ กลิ่นอัลฟ่า?”

“เออ เหม็น เหม็นตายห่าแล้ว ไม่รู้เหรอไงว่าอัลฟ่าหวงถิ่น เวลามีกลิ่นอัลฟ่าอื่นติดเข้ามามันโคตรเหม็น” คณิตพูดพร้อมกับปัดจมูกไปมา โดยปกติแล้วอัลฟ่าจะมีพฤติกรรมเหมือนจ่าฝูงของสัตว์ สัญชาตญาณหลักคือปกป้องครอบครัวและเพื่อนพ้อง ยิ่งโดยเฉพาะแฝดที่อยู่ใช้สายอาหารเดียวกันตั้งแต่ในท้องยิ่งหวง

คณิตมองแฝดน้องด้วยความหงุดหงิด เหม็นมาตั้งแต่หน้าห้องนอน พอเข้ามาเจอนอนกอดหลักฐานหลับสนิทน้ำลายยืดนี่มันน่าเตะให้กระเด็น

“เดี๋ยวๆ ฟังกูอธิบายก่อนคณิต”

“ฟังอยู่”

“กูนึกแปป”

“ไอ้ต๋า” คณิตกัดฟันกรอด

“ฮือออ มึงอย่าคั้นดิ งงอยู่อ่ะ เสื้อใครวะ แล้วเดี๋ยว...” ตะนิดกระพริบปริบๆ “...แล้วนี่กูกลับบ้านมายังไงนะ”

“ห๊ะ? กลับบ้าน? เมื่อวานมึงออกไปไหน?”



เวร...

ตะนิดถึงกับสบถในใจ หลุดแล้ว หูชาแน่นอน



“เอ่อ แหะ...”

“ไอ้ต๋า กูบอกแล้วใช่ไหม ถ้าไม่ใช่ช่วงต้นเดือนจะออกไปไหนก็เรื่องของมึง แต่ช่วงต้นเดือนจะไปไหนให้กูไปด้วย ถ้ามึงไปฮีทข้างนอกจะทำยังไง นี่ยังไม่เคลียร์ที่แม่บอกเมากลับบ้านเมื่อวันก่อนด้วยนะ เหล้าหรอ ห๊ะ เหล้า? บ้าไปแล้วหรอที่ออกไปกินเหล้าช่วงใกล้ฮีท คิดบ้างไหมวะ” มาแล้ววว มาแล้วววววว ตะนิดได้แต่เม้มปาก รับชะตากรรม จะเถียงก็เถียงไม่ได้เพราะเขาก็รู้ดีว่าทำผิดจริง

“แงคณิต แต่กูใส่ปลอกคอน้า”

“คิดว่ากูห่วงแค่เรื่องนั้นหรอ”



ไม่ใช่หรอก ตะนิดรู้ดี

คณิตน่ะห่วงเรื่องที่เขาอาจจะโดนอัลฟ่าลากไปรุมทำอะไรไม่ดีต่างหาก เขาเกลียดการเป็นโอเมก้าพอๆ กับที่คณิตเกลียดอัลฟ่า พวกเขาเกิดมาเป็นแฝดที่โตมาด้วยกัน แต่กลับถูกแยกออกจากกันด้วยเรื่องบ้านี่ๆ



“คณิตไม่โกรธนะ ตะนิดขอโทษ” เถียงกันมาทั้งชีวิต ตะนิดรู้ดีว่าต้องพูดอะไร

“ไม่ต้องมาทำแทนตัวเองว่าตะนิด คิดว่ากูจะหายโกรธหรอ”

“อย่าโมโหดิ อัลฟ่าเวลาโมโหอ่ะ... ไม่ชอบนะ” ตะนิดกำมือแน่น



โดยปกติแล้วอัลฟ่าจะสามารถปล่อยฟีโรโมนเวลาโกรธไว้ข่มศัตรู โดยฟีโรโมนนั้นจะส่งผลให้อัลฟ่าด้วยกันรู้ถึงความแกร่งของอีกฝ่าย

อัลฟ่าแบ่งออกเป็นสองประเภทคืออัลฟ่าแท้และอัลฟ่าผสม คณิตเป็นอัลฟ่าผสมที่เกิดจากแม่ที่เป็นเบต้ากับพ่อที่เป็นอัลฟ่า ทำให้ปล่อยฟีโรโมนอะไรได้ไม่รุนแรงเท่าอัลฟ่าแท้ที่ได้รับสายเลือดตรงมาจากพ่อและแม่อัลฟ่า

แต่สำหรับโอเมก้าแล้วนั้น ไม่ว่าฟีโรโมนการขู่จะถูกปล่อยมาจากอัลฟ่าแท้หรือผสมก็จะทำให้หวาดกลัวและอึดอัดอยู่ดี



ตะนิดไม่ชอบเอาเสียเลย



ทุกครั้งที่คณิตหรือพ่อโมโหร่างกายเขาจะสั่นกลัวจนอยากหนี ทั้งๆ ที่รู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจ นึกอยากเกิดมาเป็นเบต้าแบบแม่ ที่ฟีโรโมนอะไรก็ไม่ส่งผล หยิกหูได้ทั้งพ่อและคณิต



“ขอโทษ กลัวหรอ” คณิตเสียงแผ่วลงเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาขมวดคิ้วอีกรอบเมื่อแฝดน้องตัวเล็กเอื้อมมือลงมาคว้าเสื้อสูทปริศนานั่นขึ้นไปห่มแล้วมุดหน้าออกมา ใบหน้าดื้อนั่นเบะปากไม่พอใจ

“อย่าโกรธกันนะคณิต แต่จำไม่ได้อ่ะ ไม่รู้ว่ากลับบ้านมายังไงด้วยซ้ำ”

“ห๊ะ หมายความว่าไง”

“อือ เมื่อวานออกไปเที่ยว ไปเจอพี่ชาย”

“ก็กูไหมล่ะพี่ชายมึง”

“ไม่ๆ พี่เขาชื่อชาย”

“อ้อ”

“แล้วก็ไปซื้อน้ำหอม... แล้วก็เจอเสี่ยโรคจิตนั่น”

“เสี่ยโรคจิต?” คณิตทวนชื่อที่หลุดมาจากแฝดน้อง

“อือ เสี่ยโรคจิต ชื่อพลาด ผิดพลาดอ่ะ”

“ไม่น่าใช่ชื่อคน แต่แล้วไงต่อ”

“เขาตัวหอม”

“ห๊ะ” คณิตขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

“หอมเหมือน...”

“...”

“ลาเวนเดอร์”



ก๊อกๆ

บทสนทนาหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น



“ตะนิด คณิต ลงมากินข้าวเช้าได้แล้วลูก” เป็นแม่นี่เอง คณิตถอนหายใจก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตู

“เดี๋ยวมาฟังต่อ ลุกไปแปรงฟันไป ปากเหม็น”

“แย่ว่ะคณิต”

“หึ” คณิตส่ายหัวเอือมแล้วก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไป ส่วนตะนิดก็ได้แต่ยู่หน้ายู่ตาเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน ตอนเห็นว่าตัวเองใส่เสื้อซ้ำกับเมื่อวานก็รู้สึกตัวเหม็นอยากจะอาบน้ำขึ้นมาทันที เขายกมือขึ้นปลดปลอกคอหนังวางไว้บนเคาท์เตอร์เตรียมจะถอดเสื้อผ้า



กร่อกกกกก~~

ทะ ท้องร้อง



แน่อนอยู่แล้วเพราะเมื่อวานเขาได้กินไปแค่ข้าวเที่ยง ท้องจะร้องก็ไม่แปลก สุดท้ายความหิวก็ชนะ ไว้กินข้าวเช้าเสร็จค่อยอาบแล้วกัน เขากำลังจะเดินออกจากห้องแต่ก็อดหยิบสูทขึ้นมากอดอีกรอบ





ได้กลิ่นนี่แล้วรู้สึกปลอดภัย

แต่เจ้าของกลิ่นดูเป็นภัยสังคม ย้อนแย้งจริงๆ





พอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เดินออกจากห้องนอนไปที่ห้องครัว ตะนิดเขย่งหยิบซีเรียลจากชั้นบนหัวมาเทใส่ถ้วยก่อนจะเดินไปหยิบนมในตู้เย็นมาเปิด

ตอนนั้นเองที่หูก็ได้ยินเสียงคนเดินมาจากด้านหลัง เสียงเท้าหนักขนาดนี้ก็คงเป็นคณิตจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ตะนิดยกมือขึ้นเกาจมูกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงกลิ่นลาเวนเดอร์ เดาว่าคงติดมาจากการกอดสูทเมื่อครู่



... กลิ่นแรงจัง



“เด็กไม่อาบน้ำ”



เห้ย!!!!

ตะนิดสะดุ้งเฮือกรีบหันตัวกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนแปลกหน้า แล้วก็พบว่าเจ้าของเสียงก็เป็นใบหน้าดุที่คุ้นเคย



เสี่ยโรคจิต!!!

ไอ้ลุงผิดพลาด!!!



“โรคจิต!!!”

“คำทักทายบ้านนี้แปลกดีนะ”

“ออกไปเลยนะ!!!” ภาสกระตุกยิ้มเบาๆ กับท่าทีของแมวตรงหน้า ตัวก็นิดเดียว ทำขู่เสียงดัง คิดว่าน่ากลัวมากหรือไง

“เจอก็ไล่กันเลย”

“ชิ่วๆ”

“ระวังปากหน่อย ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น” ภาสตวัดตาดุเมื่อโดนไล่เหมือนหมา ทั้งๆ ที่อายุเขากับตะนิดน่าจะห่างกันเกือบสิบปี

“ไม่ใช่อยู่แล้ว ผมไม่คบคนโรคจิตเป็นเพื่อนหรอก ออกไปเลยนะ ไม่งั้นแจ้งตำรวจแน่”

“มีมือถือหรอ” ภาสถามย้อนเพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว มือถือเด็กตรงหน้าตกอยู่ในรถเขาเมื่อวานและตอนนี้มันก็อยู่ในกระเป๋ากางเกงเขา

“มะ มี!!!”

“อ้อ งั้นโทรสิ”

“ยะ ยะ อยู่บนห้อง!!!”

“งั้นก็เรียกว่าไม่มี”

“ละ แล้วไง ทำไม แล้วนี่พี่ชายไปไหน” ตะนิดยกช้อนพลาสติกสีชมพูรูปกระต่ายขึ้นชี้หน้าอีกฝ่าย

“ถามถึงมันทำไม”

“กะ ก็ถามไง ตอบสิ อย่าย้อน”

“อยู่ที่สวนหน้าบ้านกับแม่เธอ อ้อ กับแฝดเธอด้วยด้วย หน้าเหมือนกันเลยนี่” ภาสพิจารณารูปหน้าของแมวน้อยตรงหน้าก่อนจะกลับไปเทียบกับใบหน้าเหม็นเบื่อของอัลฟ่าที่เพิ่งเจอเมื่อครู่ เรียกได้ว่าเทียบกันได้เป๊ะเกือบแปดสิบเปอร์เซน เหมือนจนเขาตกใจ





แต่ก็เหมือนแค่ใบหน้าแหละนะ

เพราะนอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย



“แม่ปล่อยให้เข้าบ้านมาได้ไง”

“เขาปล่อยฉันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ตะนิดขมวดคิ้วมุ่น

“เมื่อวาน?”

“อะไร อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้ว่าเมื่อวานเธอทำอะไรไว้” คณิตกรอกตาไปมา



... จะ จำไม่ได้

ทำอะไรไว้ ไปทำอะไรไว้วะไอ้ตนิษฐ์!!



“กะ ก็”

“จำไม่ได้สินะ”

“...” ตะนิดเม้มปากแน่น

“เด็กอะไร ขนาดหลับยังดื้อ” ภาสส่ายหัวเมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อวาน



คนเป็นแม่ดูตกใจมากที่เห็นเขาหิ้วลูกชายเข้ามาในบ้าน แต่พอเห็นว่าลูกชายตัวเองแค่หลับก็รีบเปิดประตูบ้านให้เขาอุ้มร่างเล็กไปส่งถึงห้อง พอวางลงบนเตียงได้เขาถึงเห็นว่าในมือเล็กนั่นกำสูทที่เขาพาดไว้บนเบาะรถติดมือมาด้วย จะดึงคืนก็ไม่ยอม กำสูทสู้ไว้แน่นแถมยังขมวดคิ้วบ่นงึมงำเขาเลยจำเป็นต้องปล่อยให้ยืมเสื้อไปคืนหนึ่ง จริงๆ ก็ไม่ได้กะกลับมาอีกรอบเร็วขนาดนี้ แต่มือถือของเด็กดื้อนี่ดันตกอยู่ใต้เบาะรถ



... แล้วแฝดพี่ชายมันดันโทรมา



‘คณิตอิ๊ดอิ๊ด3’



ตอนแรกน่ะ เขาคิดว่าแฟนเด็กตรงหน้าด้วยซ้ำถึงไม่ได้รับสาย กลัวจะเข้าใจผิด ที่ไหนได้พอบอกไอ้ชายถึงได้รู้ความจริงว่าคณิตที่อิ๊ดอิ๊ดนั่นเป็นชื่อแฝดผู้พี่ อายุยี่สิบกว่าแล้วยังเมมเบอร์พี่ชายน่ารักขนาดนั้นได้ยังไง



แถมพอมาเจอแฝดพี่เด็กนี่เข้าจริงๆ

... ไม่ได้ใกล้เคียงคำน่ารักเลยด้วยซ้ำ



“พูดอะไรอ่ะ”

“เปล่า ช่างมัน ฉันมาเอาสูทคืน”

“สูท? อ๋อ เดี๋ยวไปเอาให้” ตะนิดวางช้อนลงกลับใส่ถ้วย เข้าทางแล้ว เดี๋ยวเขาจะหนีเข้าห้องแล้วล็อคหนีไอ้เสี่ยโรคจิตนี่

“ฉันไปด้วย”

“ห๊ะ ไปทำไม”​ ตะนิดขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เด็กอย่างเธอมันไว้ใจไม่ได้ ดีไม่ดีก็หนีเข้าห้องปล่อยฉันรออยู่ในครัว” ภาสรู้ทันหรอก ถ้าปล่อยให้เด็กดื้อนี่กลับเข้าป้อมปราการของตัวเองแล้วก็อย่าหวังว่าจะออกมาง่ายๆ ตะนิดจิ๊ปากที่โดนจับได้



ตะนิดเดินนำพาร่างสูงใหญ่เดินไปที่ห้องนอน ตอนนั้นเองที่ภาสรู้สึกได้ว่าห้องของโอมก้าตรงหน้าแทบจะถูกแยกมาอีกโซนของบ้าน เมื่อวานไม่ได้สังเกตมากนักเพราะมัวแต่ตอบคำถามของแม่เด็กบนบ่า วันนี้ได้มองทางชัดๆ ถึงเพิ่งจะเข้าใจ



... คงเพราะมีอัลฟ่าในบ้าน

ต้องแยกกันอยู่สินะ



“รออยู่หน้าห้องนะ!!” แมวน้อยพองขนขู่ตอนเปิดประตูห้อง

“ไม่”

“ไม่ได้นะ ก้าวเข้ามาอีกก้าวเจ็บตัวแน่”



หรอ...



ภาสกระตุกยิ้มพร้อมกับใช้มือผลักประตูไม้บานเล็กให้เปิดกว้างก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปยืนเต็มทั้งสองขา ใบหน้าหล่อหันไปส่งยิ้มให้คนข้างๆ



“อ้าว ไม่ยักเจ็บนะ”

“อะ อะ ออกไปนะ!!!” ลูกแมวยืนกางแขนขู่สุดตัว

“จะอายอะไร เมื่อวานฉันก็เข้ามาแล้ว”

“ฮึ่ยยยยย รอนิ่งๆ นะ ห้ามเดิน”



ห้ามปุ๊ปคนตัวสูงก็เดินปั๊ปเหมือนตั้งใจกวนประสาท ตะนิดอ้าปากพะงาบๆ รีบเดินตามหลังใหญ่ไป ถึงห้องเขาจะไม่ได้มีอะไรเป็นความลับเพราะแม่เข้ามาทำความสะอาดอยู่ทุกอาทิตย์ แต่ให้คนโรคจิตเข้ามามันก็ไม่ได้ไหมนะ!!!



ภาสอมยิ้มเล็กน้อยให้กับท่าทีเหมือนเด็กของโอเมก้าแมวน้อย ถึงจะขู่ฟ่อหนักกว่านี้เขาก็จะเข้าไปอยู่ดี มันมีบางอย่างที่ทำให้เขาหงุดหงิดลอยอยู่ในห้องนี้ ตั้งแต่เมื่อวานที่อุ้มมาส่งเขาก็พานหงุดหงิดไปทั้งคืนจนแทบนอนไม่หลับ



ห้องโอเมก้าของผม

เต็มไปด้วยกลิ่นอัลฟ่าอื่น





... มันน่าหงุดหงิด


--

ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ เป็นโอเมก้าเวิร์สเรื่องแรกที่ลงเลย ;---;




ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
คุณภาสน่ารักจังเลยค่ะ กลิ่นลาเวนเดอร์ต้องหอมมากแน่ๆ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สนุกค่ะ
ตะนิดดื้อมากกกกกกก

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ดื้อมากกก อยากตีก้น

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
รอด้วยคนค่าาา

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ชอบ..บบบบบบ  :katai2-1: พี่ชาย(ที่ไม่ใช่พี่ชาย(คณิต)) ก้อน่ารักนะ แอบเสียดาย

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
ก็จะดื้อ 4

คุณนุ่ม





เพียงแค่ก้าวแรกของอัลฟ่าหนุ่มเหยียบเข้ามาในพื้นที่หวงแหนของโอเมก้าน้อย กลิ่นหอมฟุ้งก็ตีอัดหน้าจนผงะ



“กลิ่น...”

“รอนิ่งๆ นะ เดี๋ยวไปหยิบสูทให้ อยู่ในห้องน้ำ”

“เธอเอาสูทฉันไปทำอะไรในห้องน้ำ”

“กระทืบ”​สวนตอบทันควัน



... แต่หน้าแดง

ภาสอมยิ้มแต่ก็กลืนคำล้อลามกลงคอ ขืนพูดไปแมวตัวหน้าคงพองขนข่วน ตะนิดยู่หน้าตอบก่อนจะหันตัวเดินไปทางห้องน้ำ



พอร่างเล็กหันไป ภาสก็กวาดสายตามองรอบห้องให้เต็มตา ถึงเมื่อวานจะเข้ามาแล้วแต่ก็ไม่ได้ใช้เวลามากพอที่จะเก็บรายละเอียด

ห้องนอนของแมวดื้อตกแต่งด้วยสีขาวเป็นหลัก ส่วนพวกเฟอร์นิเจอร์จะเป็นไม้ สิ่งที่เด่นที่สุดของห้องก็คงหนีไม่พ้นเตียงนุ่มขนาดใหญ่ที่มีตุ๊กตากองอยู่เป็นจำนวนมาก



สมกับเป็นโอเมก้า

ทุกอย่างดูนุ่มนิ่มไปหมด



เขาพอจะรู้มาบ้างว่านิสัยของโอเมก้าชอบสร้างรังเป็นของตัวเองเป็นปกติ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาในรูปแบบการกองตุ๊กตาเป็นสิบๆ ตัวบนเตียง ผ้าห่มผืนหนาสองผืน หมอนข้างสองอัน ไม่นับหมอนขนาดเล็กที่ตกอยู่ตามข้างเตียงอีกประปราย

 

พื้นที่นอนได้จริงๆ น่ะเหลืออยู่นิดเดียวเอง



เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อนึกภาพคนลงไปนอนจริงบนเตียงนี้ไม่ออก ภาสเอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาฉลามที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมาดม



กลิ่นอัลฟ่าที่เขาหงุดหงิด



คงเป็นกลิ่นของพี่ชาย รู้สึกได้ตั้งแต่เข้าห้องมาคราวก่อนแล้วว่าห้องนี้มีกลิ่นแป้งผสมพีชปนอยู่กับกลิ่นอัลฟ่าบางๆ ถึงจะบางแค่ไหน แต่ก็ทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ดี สัญชาตญาณความเป็นเจ้าของวิ่งแล่นจนอัลฟ่าตัวโตกัดฟันกรอด



ไม่ได้หวงเลยสักนิด

แต่ถ้าให้ต่อยสักหมัดตอนนี้คงจะรู้สึกดีมาก



ว่าแล้วก็ต้องพ่นลมหายใจระบายอารมณ์ไปพร้อมกับบีบตุ๊กตาหน้าโง่ในมือไปเต็มแรง จนฉลามแทบกลายเป็นปลากัด



“ทำอะไรคุณนุ่ม!!!” เสียงขู่ฟ่อดังขึ้นดังความสนใจของอัลฟ่าตัวใหญ่ไปทันที ตะนิดท้าวเอวชี้หน้าเขา

“คุณนุ่ม... ฉลามเนี่ยนะ? “

“โรคจิตจริงๆ ด้วย แกล้งลงแม้แต่ตุ๊กตา”

“นั่นสิ ฉันเหม็นมันมากด้วย” ไม่พูดเปล่า ภาสยังบีบคอน้องนุ่มโชว์อีกรอบ ปลากัด(?) ดิ้นแด่กๆ อยู่ในมือใหญ่ ตะนิดกำมือแน่น

“นี่ลุง โกรธที่ผมแกล้งที่บีทีเอสหรือไงถึงต้องมาจองล้างของผลาญกันขนาดนี้”

“ตอนนี้ฉันโกรธที่เธอเรียกลุงมากกว่าอีกนะ” ภาสยกนิ้วชี้ขึ้นขยับแว่น

“ลุง”

“พี่”

“...”

“พี่ผิดพลาด”

“พี่ภาสไม่ใช่พลาด”

“ลุงภาส”

“อยากให้ปลากัดนี่ตายหรือไง”

“คุณนุ่มเบอร์ห้าไม่ใช่ปลากัด ปลาฉลามต่างหาก!!!” ตะนิดโวยวายลั่น “อย่าบีบได้ไหม เดี๋ยวน้องไส้ปริ!!”



ภาสมองตะนิดด้วยสายตาเอ็นดู ถึงจะแปลกไปหน่อยสำหรับอัลฟ่าอย่างเขาที่ผู้ชายอายุยี่สิบกว่าแต่ติดตุ๊กตาเหมือนเด็ก ไม่ได้ติดธรรมดา ดูท่าทางจะหวงมากด้วย



ในความเป็นอัลฟ่า ถ้าจะให้พูดตรงๆ เขาผ่านเตียงของโอเมก้ามาเยอะ

นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เห็นเตียงโอเมก้าในรูปแบบนุ่มนิ่มขนาดนี้



“พี่ภาส”

“...”

“เรียกฉันดีๆ”

“ไม่...”

“ตะนิด”



ตะนิดนิ่งไปทันทีที่เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อตนเองออกมา



... แค่โดนเรียกชื่อ

แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบระเบิด



“พี่ภาส”

“เด็กดี”



 ภาสยกยิ้มเบาๆ ก่อนจะวางตุ๊กตาปลาฉลามนั่นคืนลงบนทะเลนุ่มนิ่มตามเดิม ตะนิดกัดปากตัวเองไปมา



เด็กดี? เด็กดีหรอ!!

ชมเขาแบบนี้มันหาเรื่องด่าเขาเป็นหมาชัดๆ



“นี่สูท หมดธุระแล้วก็ออกไปนะ” ตะนิดยื่นสูทคืนเจ้าของ

“ใครว่าหมด”

“อ้าว”

“ตะนิด ปลอกคอเธอไปไหน” ภาสถามขึ้นเมื่อเพิ่งสังเกตว่าลำคอขาวของโอเมก้าตรงหน้าไม่มีของที่ควรจะมีอยู่ ตะนิดเบิกตากว้างพร้อมกับรีบยกมือขึ้นจับลำคอตัวเอง ความกลัววิ่งแล่นขึ้นไปทั้งตัว

“ลืม ลืม”

“ไปใส่” ว่าแล้วเจ้าแมวก็หันหลังวิ่งไปทันที

ภาสส่ายหัวเบาๆ ให้กับความเลินเล่อของตะนิด พอเห็นว่าเจ้าของห้องไม่อยู่ให้คุยเขาหันกลับมาสนใจเตียงนุ่มต่อ สายตาคมใต้แว่นกรอบสี่เหลี่ยมมองรังนุ่มนิ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจล้มตัวนอนลงไป

ร่างสูงใหญ่ขนาดเหมือนหมีในร่างคนขยับตัวเสียดสีไปทั่วพื้นทีจนตุ๊กตาตัวน้อยบางตัวกระเด็นตกเตียง แม้ในใจจะรู้ว่าไร้สาระแถมเหมือนการกระทำของเด็กแต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้อีกต่อไป



อยากให้กลิ่นตัวเองอยู่ติดบนรังนี้เยอะๆ



“ทำไรอ่ะ!!!” เสียงแหวดลั่นดังขึ้น ภาสกระพริบตาปริบๆ



เออ...

ทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย...



“ฉันง่วง”

“เลยนอนบนเตียงชาวบ้านหรอ ลุกนะ ลุกเลย ทับตุ๊กตาแบนไปหมดแล้ว” แมวน้อยเดินเข้ามาดึงแขนเขา แรงก็มีอยู่แค่นี้ อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจ เอาจริงๆ เขานอนบนเตียงนี่ไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะขาเขาเลยระยะขอบเตียง

“เตียงเล็ก”

“เป็นยักษ์เองรึเปล่า เห้ยย ลุกดิ ทับน้องนุ่มแบนแล้ว”

“รักตัวไหนมากที่สุด”

“น้องนุ่มเบอร์หนึ่ง”

“ไหน”

“นี่” โอเมก้าตัวน้อยหยิบตุ๊กตาหนูบ้านตัวสีดำขึ้นมาโชว์ ภาสมองตุ๊กตาที่ไร้ความน่ารักนั่นก่อนจะคว้ามากอดแน่นให้กลิ่นติด เห็นแบบนั้นตะนิดเลยเบิกตากว้าง

“เห้ยยยยยยยยยยย เป็นบ้าเหรอลุง!!!”



นั่นสิ...

อย่าว่าแต่อีกฝ่ายจะสงสัยเลย เขาเองก็สงสัยว่าตนเป็นบ้าหรือเปล่าที่มาทำตัวไร้สาระอยู่แบบนี้ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ



ปั้ง!!!!



“ตะนิด!!!!!!” เสียงแขกผู้มาใหม่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหอบแฮ่ก คณิตก้าวเท้าย่ำเข้ามาพร้อมกับรีบดึงแขนแฝดผู้น้องเข้าไปกอด ดวงตาคมตวัดดุร่างอัลฟ่าบนเตียงด้วยความหงุดหงิด

“คะ คณิต”

“คุณมาทำอะไรในห้องตะนิดวะ” คณิตใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มพลางจ้องอัลฟ่าฝ่ายศัตรูไม่วางตา ส่วนภาสที่โดนถามด้วยเสียงข่มขู่ก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไร เขาขยับชันมือขึ้นวางคอสบายๆ แล้วส่งยิ้มนิ่งๆ

“มานอน”

“ไอ้สัตว์!!!!“ คณิตกัดฟันกรอดพร้อมกับปล่อยฟีโรโมนข่มออกมา ส่งผลตะนิดที่อยู่ในอ้อมกอดดิ้นขัดขืน โอเมก้าตัวเล็กยกมือขึ้นตีแขนแฝดน้องที่รัดตนอยู่ป้าปๆ ให้ปล่อย แต่แขนนั่นกลับรัดหนักขึ้น

“คณิต ไม่หงุดหงิด ไม่ชอบนะไม่ชอบ ฟีโนโมนมันออกมาแล้ว”

“ปล่อยมันเข้ามาในห้องทำไมวะ แล้ว แล้วนี่มันอยู่บนเตียงนะ ถ้ามันทำอะไรจะทำไง ถ้าคณิตไม่อยู่จะทำยังไง บอกไม่เคยฟังเลยหรอวะว่าอัลฟ่ามันเหี้ย มันเหี้ยทั้งหมด คณิตก็เหี้ย...”

“คณิตๆ ใจเย็นๆ”

“ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งกันวะตะนิด!!!”คณิตตวาดลั่นพร้อมกับหอบสั่น ตะนิดทำอะไรไม่ถูกเมื่อทั้งพูดตะคอกและถูกฟีโรโมนขู่ของอัลฟ่าเล่นงานจึงทำได้แต่ตวัดแขนขาดิ้นไปมา

“เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่เธอถึงห่วงนักถึงขนาดให้ไปดูตัวในช่วงที่ใกล้ฮีท” ภาสผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขายกนิ้วชี้ขึ้นดันแว่นก่อนจะก้าวเข้าไปจับแขนคณิตที่กอดรัดตะนิดไว้แน่น ดวงตาคมใต้แว่นกรอบเหลี่ยมตวัดจ้องใบหน้าของอัลฟ่าวัยรุ่นเลือดร้อน “ปล่อย”

“ห๊ะ? ”

“ฉันบอกให้ปล่อย”

“นี่มึง-“

“ปล่อย”

“...”

“ปล่อยเถอะ แฝดเธอร้องไห้แล้ว” คณิตเหมือนถูกตีด้วยไม้เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากคนตรงหน้า ดวงตาที่เบิกกว้างตกใจรีบก้มมองร่างแฝดน้องในอ้อมแขน ตะนิดก้มหน้าเบะปาก น้ำตาไหลลงแก้มเนียนเป็นหยด แขนเล็กตะกายเอื้อมหาคนตัวโต เห็นอย่างนั้นคณิตก็รีบปล่อยแขนออก

พอร่างเป็นอิสระ ตะนิดก็พุ่งตัวออกไปกอดภาสไว้เต็มแรง แขนเล็กขยำเสื้อเชิ้ตตรงหน้าจนขึ้นข้อขาว แผ่นหลังเล็กสั่นระริกเหมือนลูกแมวที่เปียกฝน ภาสเองที่อ้าแขนรอไว้อยู่แล้วกระชับเอวบางไว้แน่นก่อนจะก้มจูบกลุ่มผมนุ่มนั่นเบาๆ เป็นการปลอบโยน



“ตะนิด...” คณิตมองภาพตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

“ฉันรู้มาว่าเธอหวงแฝดน้องเธอน่าดู ซึ่งก็ไม่แปลก พี่หวงน้อง”

“...”

“แต่เธอเป็นอัลฟ่า”

“...”

“ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ คนที่จะเสียใจที่สุดจะเป็นเธอเอง” คนโตกว่าเอ่ยสอนเสียงนิ่ง ภาสกระชับกอดลูกแมวไว้ก่อนจะช้อนมือขึ้นอุ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าแมวร้องไห้หนักจนสะอึก แขนเล็กกวาดรอบคอใหญ่ไว้แน่นด้วยความกลัว   



คณิตมองแฝดน้องตัวเองด้วยความสับสน เขาผิดจริงทุกอย่าง เข้าเสียใจที่ทำตะนิดร้องไห้ แต่ที่ตะนิดวิ่งหนีจากเขาไปหาอัลฟ่าคนอื่นที่แทบไม่รู้จักนั่นเป็นสิ่งที่เกินความคาดคิดไปมาก 



“ตะ..นิด”

“สงบสติอารมณ์ซะ แล้วลงไปเจอกันด้านล่าง”



ภาสทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะก้าวขาเดินออกมาจากห้องปล่อยให้อัลฟ่าหนุ่มเลือดร้อนตวัดสายตาสับสนมองตามด้วยความไม่เข้าใจ พอพ้นตัวห้องนอนมาเข้าก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ขนาดเพิ่งรู้จักได้ไม่กี่วัน คู่แห่งโชคชะตาเขาก็นำความวุ่นวายมาให้แบบไม่ให้ได้พักหายใจ



“ชู่ ไม่ร้อง”

“ฮึก...” เขาปลอบคนไม่เก่ง ด้วยความที่เกิดมาในบ้านที่มีแต่อัลฟ่าผู้ชาย ส่วนใหญ่จะใช้วิธีล้มก็ลุกเอง หรือถ้าไม่ไหวจะร้องไห้ ก็ร้องไห้ให้พอแล้วก็ลุกขึ้นไปแก้ปัญหา และถึงเขาจะเป็นพี่ชายคนโตของบ้านแต่น้องชายเขาอีกสามคนก็แทบจะไม่เคยมาร้องไห้ให้เห็น



“ฉันปลอบคนไม่เก่ง ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะหยุดร้อง”

“ฮึก กลัว กลัวคณิต”

“อืม...”

“แต่...”

“ไม่ต้องกลัว”

“ฮึก”

“ฉันอยู่ตรงนี้ ใครก็ทำอะไรเธอไม่ได้”



ภาสยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมที่คลอเคลียอยู่บนบ่า ด้วยความรู้สึกว้าวุ่นในใจ จริงๆ เขากะจะกวนตีนแฝดพี่นั่นเล่นๆ ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะระเบิดอารมณ์ออกมาแรงขนาดนั้น สงสัยไอ้ที่ชายบอกว่าตะนิดมีแฝดเป็นบราค่อนก็ดูท่าทางจะจริง



“จะไปหา ฮึก ไปหาคณิต” พอได้ยินประโยคหลังสะอื้นนั่น ภาสก็ขมวดคิ้ว ดูท่าทางโอเมก้าในอ้อมกอดก็น่าจะติดพี่ชายตัวเองอยู่ประมาณหนึ่งเช่นกันแหละนะ

“รอน้องเธอเย็นลงก่อน”

“แต่...”

“เอาตัวเองให้รอดก่อนไหมตะนิด” เขาเอ่ยเสียงดุ อยู่ในอ้อมกอดเขาแท้ๆ แต่กลับร้องจะไปหาคนอื่น มันน่าหงุดหงิดจริงๆ

“ฮึก อย่าดุ” พูดจบตะนิดก็บี้จมูกตัวเองกับลำคออีกฝ่าย



เห้อ ให้ตาย

ภาสถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งชีวิตเขาเลี่ยงการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาตลอดด้วยความไม่ชอบการพันแข้งพันขา



สุดท้ายดันได้คู่แห่งโชคชะตาขี้อ้อนเป็นแมว

พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับเขา



“ปละ ปล่อย โอเคแล้ว” ตะนิดทุบไหล่ที่ซบอยู่เบาๆ เป็นสัญญาณให้วางตัวเองลง ซึ่งคนตัวสูงก็ค่อยๆ อดอ้อมกอดลงจนเท้าเขาสัมผัสกับพื้นบ้าน ตะนิดยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า “ขะ ขะ”

“...”

“ขอบคุณ”

“อืม”

“...”

“ไปที่ห้องนั่งเล่นเถอะ แม่เธอน่าจะรออยู่” ภาสยกมือขึ้นโยกหัวเล็กเบาๆ ก่อนจะออกตัวเดินนำไปทางห้องนั่งเล่น ตะนิดยกมือขึ้นจับจุดที่เพิ่งโดนลูบก่อนจะรู้สึกอุ่นวาบในใจ



เมื่อกี้...

ตอนที่คณิตโกรธจนปล่อยฟีโรโมนออกมา เขากลัวมาก กลัวจนนึกอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าที่ที่ปลอดภัยไม่ใช่ตรงนี้ พอเงยหน้าเห็นอัลฟ่าที่เขาเรียกว่าเสี่ยโรคจิต เขาก็รู้แต่ว่าตรงนั้นปลอดภัย ตอนที่คณิตปล่อยแขนเขาถึงออกตัววิ่งไปหาคนตรงหน้าทันทีแบบไม่คิดชีวิต



บ้า บ้ามากๆ

ทั้งๆ ที่ปกติ เซฟโซนของเขาคือคณิตมาตลอดแท้ๆ


มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ...





-----

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #ก็จะดื้อ [omegaverse] ตอนที่ 4 : คุณนุ่ม
« ตอบ #9 เมื่อ: 06-05-2020 19:37:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
Re: #ก็จะดื้อ [omegaverse] ตอนที่ 3 : บุกรัง
«ตอบ #10 เมื่อ06-05-2020 19:44:28 »

เดี๋ยวๆๆเค้าไปเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่!!!!

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
คุณจะได้น้องแมวไปกอดที่บ้านหรือไม่? มาลุ้นกัน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่ภาส...งอแงอ่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
หอมจนเป็นเซฟโซน

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
ก็จะดื้อ 5




พอเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ตะนิดก็เห็นว่าแม่นั่งหัวเราะอยู่พี่ชายอย่างสนิทสนม ส่วนอัลฟ่าโรคจิตนั่นก็เดินไปนั่งโซฟาฝั่งเดียวพี่ชาย เขาเลยเดินเข้าไปนั่งเบียดด้วย พอเงยหน้ามาอีกทีก็เจอสายตาของแม่กระพริบมองงงๆ



“ตะนิดไปเบียดพี่เขาทำไมลูก มานั่งตรงแม่ก็ได้”

“...”



ไม่อยากไปนี่นา...

ตะนิดเม้มปากแน่น อาจจะเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ให้รู้สึกใจหวิวๆ มา ตอนนี้เขาไม่อยากอยู่ห่างกับกลิ่นลาเวนเดอร์นี่เลย



“ให้นั่งตรงนี้ก็ได้ครับ ไม่ได้เบียดอะไร”

“แต่...”

“เอ้ยยย ผมไปนั่งตรงนั้นก็ได้ จะได้ไม่เบียด” เป็นชายที่ลุกขึ้นย้ายที่นั่งไปนั่งที่อื่นให้แทน ดูเหมือนเสียสละ แต่แท้จริงคือมือของไอ้เพื่อนเวรหยิกเนื้อสะโพกเขาแทบขาด พอเจอคู่หน่อยล่ะเพื่อนเป็นหมาเชียว น้องนิดนั่นเขาก็เจอก่อนแท้ๆ

“แล้วนี่คณิตไปไหนล่ะเนี่ย แม่ให้ไปตามตะนิดกับคุณภาสมาแท้ๆ”

“เดี๋ยวก็คงตามมาครับ” ภาสเอ่ยตอบแทน



คุณนิตยาปรายตามองลูกชายคนเล็กที่นั่งเบียดแขกจนตัวลีบอยู่ด้วยสายตาเอ็นดู เมื่อวานเธอน่ะตกใจแทบตายที่เห็นลูกชายโดนหิ้วพาดบ่าเข้าบ้านมาด้วยอัลฟ่าแปลกหน้าสองคน แต่พอสอบถามเล่าเรื่องแล้วเธอก็รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก



... คู่แห่งโชคชะตา



เหมือนเจอสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในเวลาที่ต้องการที่สุด แถมพิจารณาอัลฟ่าคู่ของลูกชายเธอแล้วก็ดูท่าทางไว้ใจได้ วันนี้เธอตื่นเช้ามาเสิร์ชประวัติจากนามบัตรที่ได้มาเมื่อวานก็ค้นพบว่าเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้ารถยนต์ชื่อดัง นามสกุลที่ห้อยท้ายเป็นชื่ออังกฤษนั่นทำให้เธอเข้าใจทันทีว่าทำไมอัลฟ่าคนนี้ถึงตัวใหญ่กว่าอัลฟ่าปกติที่เธอเคยเจอ



“ตะนิด...” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นคณิตในใบหน้าเศร้า

“อ้าว คณิตลูก... เกิดอะไรขึ้น”

“ต๋า กูขอโทษ”

“...”

“คณิตขอโทษ”

“...”

“ตะนิดอย่าโกรธคณิตเลย ขอโทษ ผิดไปแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว”



คุณนิตยามองหน้าแฝดคนพี่ด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะสลับหันกลับมามองหน้าแฝดคนน้อง ตะนิดเบะปากน้ำตาคลอก่อนที่จะลุกขึ้นวิ่งเข้าไปกระโดดกอดพี่ชายเต็มแรง เสียงร้องไห้จ้าดังลั่นบ้านทำเอาคนเป็นแม่ทำตัวไม่ถูก

ปกติแล้วลูกแฝดเธอมักจะทะเลาะกันจนคนน้องร้องไห้อยู่บ่อยๆ

... แต่ไอ้ที่คนแฝดพี่ร้องไห้ด้วยเนี่ย แทบจะไม่เคยเลย



“อะแฮ่ม...” ท่ามกลางความงง เสียงกระแอมของภาสก็ดังขึ้นขัด ดวงตาดุใต้แว่นตวัดมองพี่น้องด้วยความไม่พอใจ

...เมื่อกี้ยังนั่งเบียดเขาด้วยความกลัว พอพี่ชายมาขอโทษหน่อยก็วิ่งแจ้นกลับไปกระโดดกอดเหมือนไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน



ตะนิดที่สะอื้นถูกพี่ชายฝาแฝดจับวางลงบนพื้น พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าคณิตเองก็ร้องไห้ออกมาด้วย คนตัวเล็กเลยยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็น้ำตาไหลออกมาเช่นกัน



พวกเขาเป็นแฝดกัน

เมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายรู้สึกแย่ก็จะรู้สึกแย่ตามไปด้วย



“หายโกรธแล้ว ไม่ร้อง”

“อืม”

“คณิตอึ๊บดิ อย่าร้อง เดี๋ยวร้องด้วย”

“จะร้องทำไม ยุ่งว่ะ”

“คณิตอย่าดุกูนะ เดี๋ยวโกรธต่อแม่ง”

“ขู่หรอ มึงเป็นแค่ตะนิดมาขู่กูหรอ”

“อะแฮ่ม”

“ส้นตีนติดคอหรอวะภาส กระแอมเก่ง” ชายแอบหัวเราะเยาะเพื่อนหน้าดุเบาๆ พี่เขามาก็หมากันหมดแหละ คู่ทงคู่แท้สุดท้ายก็กลายเป็นแค่ลาบาดอร์เนาะ

ภาสเดาะลิ้นหงุดหงิดกับภาพที่สองพี่น้องกระหนุงกระหนิงหัวเราะกันคิกคัก โดยเฉพาะแมวน้อยกลิ่นแป้งเด็กนั่นที่กลับมายิ้มแฉ่งแก้มยกจนตาปิด เออ ให้มันได้แบบนี้ ต่อให้อยากเดินเข้าไปจับแยกแค่เขาก็รู้ตัวเองดีว่าไม่สิทธิ



“เอ้า โอ๋กันเสร็จแล้วก็มานั่ง ทั้งคู่เลย”

“ครับ” สองฝาแฝดเดินมานั่งข้างแม่ คณิตมองหน้าแขกอัลฟ่าตรงหน้าทั้งสองคนก่อนจะหยุดสายตาที่ภาสที่ แผ่ออร่าอัลฟ่าแท้ออกมาผ่านรูปร่าง จริงๆ เมื่อกี้ในห้องเขาก็พอรู้แล้วว่าคนตรงหน้า



น่ากลัว

ให้สู้กันก็แพ้เห็นๆ แพ้ตั้งแต่สรีสระไปยันกลิ่นฟีโรโมนอ่อนๆ นั่น

พอเห็นว่าภาสย้ายสายตาไปมองตะนิด คณิตจึงเอื้อมมือไปโอบร่างแฝดน้องให้เบียดเข้ามา ซึ่งเจ้าแมวเองก็อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีด้วยการซุกแฝดกลับตามปกติที่ทำ



กวนตีน...

ภาสข่มเขี้ยวอยู่ในใจ



“ว่าแต่ที่นิดไปเดทกับคุณชายเป็นไงบ้าง เจ้าตัวแสบไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย”

“อ๋อ ก็โอเคครับ สนุกดี เนาะ” ชายส่งยิ้มไปให้ตะนิด

“ใช่ๆ ไปเล่นหนีบตุ๊กตากันด้วย พี่ชายห่วยมาก หมดไปห้าร้อยไม่ได้สักตัว”

“แฉกันแบบนี้เลยหรอครับ” ชายหัวเราะออกมา ตะนิดเองก็หัวเราะกลับเมื่อนึกย้อนกลับไปวันนั้น ไม่รู้เรียกเดทได้ไหม เขารู้สึกเหมือนไปเที่ยวกับเพื่อนมากกว่าเสียอีก

“ที่แม่อยากให้นิดรีบหาคู่เพราะเขาเริ่มฮีท”

“แม่!!!!” ตะนิดโวยวายลั่น “แม่พูดเรื่องฮีททำไมเนี่ย!!!” แก้มของตะนิดขึ้นสีแดงเป็นมะเขือเทศ ถึงจะรู้เป็นสากลอยู่แล้วว่าโอเมก้าฮีทได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่เอาออกมาคุยเป็นทอปปิคกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันได้สองสามครั้งเสียหน่อย

“คุณพ่อกับคณิตเองก็เป็นอัลฟ่า เวลาตะนิดฮีทก็ต้องขังทั้งสองฝ่าย”

“แม่ พูดอะไรเนี่ย ไปใหญ่แล้ว”

“แม่แค่กลัวว่าเกิดนิดฮีทในวันที่แม่ไม่อยู่แยก มันอาจจะเลวร้ายไปกว่านี้เลยอยากให้นิดรีบ อ่า.. ภาษาแม่ก็คงเรียกว่า... ออกเรือน”

“ห๊ะ!!!!” เสียงโวยวายของสองแฝดดังขึ้นพร้อมกัน คณิตขมวดคิ้วมุ่นส่วนตะนิดก็ได้แต่เลิ่กลั่กมองหน้าแม่กับคณิตสลับกัน

คนเป็นแม่ไม่แม้แต่จะหันไปมองสองลูกชายที่โวยวาย ดวงตาสวยของเธอจ้องนิ่งไปที่อัลฟ่าตัวใหญ่ที่จ้องเธอกลับไม่วางตา



“คุณภาสว่ายังไงคะ?”



ตะนิดอุทานห๊ะออกมาลั่นห้องอีกรอบ ชวนพี่ชายคุยใครแต่ไหงวกไปถามเสี่ยโรคจิต เขางงไปหมดแล้ว งงตั้งแต่พูดเรื่องฮีทออกมา งงที่พูดเรื่องจะให้เขาออกไปอยู่ที่อื่น



“แม่...”

“ผมยังไม่สะดวกเรื่องแต่งงาน” ภาสไขว้มือเข้าหากัน ดวงตาดุใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมจ้องตอบเจ้าของบ้านนิ่ง อัลฟ่าหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีแปลกๆ จากเบต้าตรงหน้า

เป็นเบต้า แต่กลิ่นอายกลับดูน่าเกรงขาม

คงเพราะความเป็นแม่คนสินะ



“เดี๋ยวแม่ แม่ถามผิดคนป่ะ นิดไปเดทกับพี่ชายนะ”

“แต่นิดเป็นคู่แห่งโชคชะตากับคุณภาสนี่ลูก”

“คู่แห่งโชคชะตา? ไม่ใช่ว่ามันเป็นนิทานหรอ” ตะนิดขมวดคิ้วหันไปหาแฝดพี่

“...” คณิตไม่ได้ตอบอะไรไปเพียงแต่มองหน้าแม่อย่างต้องการคำตอบ

“คู่แห่งโชคชะตาน่ะสร้างมาเพื่อกันและกัน...”

“...”

“เหมือนที่มีแค่นิดที่ได้กลิ่นลาเวนเดอร์จากคุณภาสไงลูก”

“ห๊ะ...”

“ปัจจุบันคู่แห่งโชคชะตาน่ะเกิดขึ้นได้ยากมาก และเมื่อโอเมก้าเจอคู่ของตัวเอง ต่อมฮอร์โมนจะเริ่มทำงานผิดปกติ ผลเสียคือเซอร์เคิลฮีทของลูกก็จะรวน ไม่ได้สามารถเดาได้ว่าจะฮีทอีกเมื่อไหร่หรือถี่แค่ไหน เพราะงั้น...” คนเป็นแม่เม้มปากชั่วครู่ “คุณภาสคิดอย่างไรกับเรื่องนี้คะ” 

“...” ภาสกระชับมือที่ประสานกันอยู่บริเวณเข่าแน่น เขาไม่คิดว่าจะถูกถามคำถามนี้มาก่อนทำให้ตั้งตัวไม่ถูก

“แต่ถ้าคุณภาสไม่สะดวก แม่ก็ไม่ตื๊อหรอกค่ะ สบายใจได้”

“...”

“เพราะแม่เองก็เพิ่งได้คอนแทคลูกชายของเพื่อนแม่มาพอดี อัลฟ่าลูกครึ่งสเปน ถ้านัดคุยช่วงบ่ายพรุ่งนี้ตะนิดจะว่าไงล่ะลูก”



ว่าไงอะไร งงไปหมดแล้ว

ตะนิดจับแขนเสื้อคณิตกระตุกยิกๆ ให้อีกคนอธิบายเหตุการณ์ คณิตเองก็ได้แต่ขมวดคิ้วพยายามตามสถานการณ์ตรงหน้าให้ทัน แม้จะรู้สึกตกใจจนแทบคิดอะไรไม่ออกตั้งแต่รู้ว่าอัลฟ่าหน้าดุคนนั้นเป็นคู่แห่งโชคชะตาของน้องตัวเองแล้ว



“ตะนิดอยู่ในช่วงตารางฮีทรวน ผมว่าไม่เหมาะที่จะให้น้องไปเดทกับใครในตอนนี้” ภาสพูดขึ้นนิ่งๆ

“แม่ให้นิดพกยาอยู่เสมอ”

“ยาระงับไม่ได้แก้ปัญหาได้เสมอนะครับ”

“งั้นคุณภาสคิดว่ายังไงดีล่ะคะ” ภาสรู้สึกเหมือนกำลังโดนไล่ต้อน เขาคิดว่าเรื่องแต่งงานยังเร็วเกินไป ทุกอย่างกระชั้นชิดมากจะให้ตอบตกลงไปเลยก็กระไรอยู่

แต่ทว่า

พออีกฝ่ายยกเรื่องที่จะให้ตะนิดไปดูตัวกับอัลฟ่าอื่นในช่วงที่ใกล้จะฮีทนั่นทำให้เขาร้อนรน ถึงจะไม่ได้แสดงออกไปชัดเจน แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองกำลังสับสนอย่างหนัก



“แม่ แต่นิด...”

“ผมขอเวลา” ภาสตอบสวนออกมา

“แม่ไม่ให้ค่ะ”

“...”

“เพราะการเจอกันของทั้งคู่ทำให้สถานการณ์ในบ้านมันแย่ขึ้น การที่แม่เดาช่วงเวลาเกิดฮีทของตะนิดไม่ออก อาจเป็นวันนี้ตอนที่กินข้าวเย็น หรือเป็นวันพรุ่งนี้ตอนแม่ออกไปตลาด เลวร้ายที่สุดก็อาจจะเป็นตอนตะนิดออกไปเรียนหรือไปเที่ยวที่ไหนคนเดียว เพราะงั้นรบกวนตัดสินใจตอนนี้ด้วยค่ะ” ตะนิดกอดแขนคณิตแน่น ถึงจะรู้ดีว่าแม่เป็นคนเด็ดขาด แต่ก็ไม่ได้อยากให้แม่มาเด็ดขาดในเรื่องที่ให้เขาออกไปอยู่กับคนอื่นเสียหน่อย!!!

“ถ้าผมตกลง...”

“ตะนิดจะต้องไปอยู่กับคุณตั้งแต่วันนี้”

“แม่!!!!” เป็นคณิตที่โวยวายออกมาลั่น

“ถ้าผมปฏิเสธ”

“ก็ไม่มีข้อเสนอนี้อีกค่ะ”



ชายกลืนน้ำลายเอื๊อกกับสงครามตรงหน้า ถึงเขาพอจะรู้ว่าคุณอามานิตที่ทำงานกับพ่อเขาเป็นคนเด็ดขาดมากแต่ก็ไม่คิดว่าภรรยาอย่างคุณนิตยาเองก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แม้ภาสจะหน้านิ่งไม่ได้แสดงอะไรออกไปแต่เขารับรู้ได้จากการเป็นเพื่อนมันมาจะสิบปีว่าตอนนี้ภายในมันกำลังว้าวุ่นอย่างมากแน่ๆ



“นิดตกลง”

“ตะนิด!!!” คณิตตะโกนลั่นเมื่อจู่ๆ แฝดตัวเล็กก็พูดขึ้นกลางป้อง ภาสหันขวับไปหาต้นเสียงก็พบว่าเจ้าแมวน้อยยืนกำมือแน่น ดวงตากลมโตนั่นเอ่อคลอด้วยน้ำตา

“แค่แต่งๆ ไปก็จบใช่ไหม แค่นิดออกไปจากบ้านนี้ คู่แห่งโชคชะตาอะไรมันไม่เห็นสำคัญอะไรเลย แม่แค่หาใครก็ได้มาดูแลนิด ไม่ต้องเป็นเสี่ยโรคจิตนี่ก็ได้ ใครก็ได้ใช่ไหม” ตะนิดพูดถึงทั้งน้ำตา

“ตะนิด”

“ถ้าเสี่ยไม่อยากก็ไม่เห็นต้องยัดเยียดเลยแม่ เดี๋ยวนิดออกไปหาคู่เองก็ได้ ให้ใครมากัดก็ได้ใช่ไหม” แขนเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ สิ้นประโยคนั้นภาสก็กำหมัดแน่น ใจเขาที่สับสนร้อนรนกลับร้อนรนหนักกว่าเก่าจนแทบระเบิดเพียงเพราะเจ้าแมวน้อยพูดประโยคว่าจะออกไปให้ใครก็ได้กัดคอ อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา

“ได้ครับ ผมตกลงรับข้อเสนอ”

“เสี่ยโรคจิต”

“ฉันว่าบอกว่าให้เธอเรียกว่ายังไง” ภาสปรายตามองแมวน้อยที่ยืนปาดน้ำตาป้อยๆ

“ไม่แต่ง ไม่แต่งด้วยหรอก!!!”

“เออ ไม่ให้แต่งเหมือนกัน!!!” คณิตตะโกนพร้อมกับตวัดแขนขึ้นโอบร่างของตะนิดเข้ามากอด

“คณิต ปล่อยน้อง”

“แต่แม่...”

“เชื่อแม่”

“ผม”

“ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คนเสียใจสุดคือคณิตเอง ลูกรู้ดีกว่าใคร”



คณิตชะงักตัว อีกแล้วกับคำนี้



... คนเสียใจที่สุดคือเขา



มือของเขาที่โอบกอดตะนิดไว้แน่นๆ ค่อยคลายออกจนในที่สุดก็หมดแรงร่วงลง หากไม่ใช่ว่าเพราะครั้งหนึ่งสัญชาตญาณสัตว์ป่าเฮงซวยเคยครอบงำเขาจนเกือบขาดสติจะพุ่งเข้าหาตะนิดตอนฮีทเขาก็คงจะยืนกรานค้านหัวชนฝาให้ได้อยู่หรอก



ใช่...

ถ้าอะไรเกิดกับตะนิดโดยเขาเป็นต้นเหตุ

เขาเองนั่นแหละที่เสียใจที่สุด



“คณิตอย่าปล่อยมือ” ตะนิดหยิบมือคณิตขึ้นมาวางที่ไหล่ตัวเองเหมือนเดิม คนตัวเล็กซุกหน้าเข้ากับอกพี่ชายตัวเองอย่างต้องการหาที่พึ่ง

“ตะนิดลูก ที่ลูกพูดว่าแค่ใครก็ได้นั่นมันไม่จริงเลย”

“ฮึก...”

“เพราะเขาเป็นคู่แห่งโชคชะตาของลูก แม่ถึงรู้ว่าเขาจะดูแลลูกได้”

“แต่แม่...”

“ถ้าวันไหนเขาดูแลลูกไม่ได้แค่โทรมาหาแม่ แม่จะไปรับกลับมา”

“แต่นิดไม่ได้รักเสี่ยโรคจิต ฮึก ไม่ได้รักเลย แต่งงานได้ยังไง ไม่ได้รักนะ” คุณนิตยายิ้มบาง



ตอนนี้ยังไม่รัก

แต่ต่อไปคงหนีไม่พ้น

ภาพสายตาอัลฟ่าหนุ่มที่มองลูกชายโอเมก้าของเธอเมื่อวานก่อนขอตัวกลับออกไปยังติดอยู่ในความทรงจำ ส่วนลูกของเธออย่างตะนิดก็หลับปุ๋ยกอดเสื้อพี่เขาไว้แน่นขนาดนั้น

สำหรับโอเมก้าแล้วนั้น การสืบพันธุ์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันคงดีกว่าหากเกิดจากความรักไม่ใช่การบังคับทำร้ายร่างกายแบบที่ปรากฏในข่าวอยู่บ่อยๆ



“งั้นก็ทดลองไปอยู่ด้วยกันก่อนไหมล่ะครับ ถ้าเกิดไม่ใช่จริงๆ ก็ค่อยว่ากัน” ท่ามกลางความอึดอัด ชายก็พูดขึ้นพร้อมกับยกยิ้ม ส่วนภาสก็ตวัดสายตามองเพื่อนอย่างรวดเร็ว

“พี่ชาย...”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณแม่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวผมช่วยดูแลตะนิดให้อีกที” ภาสหักข้อกระดูกอย่างใจเย็น ในใจเขาอยากยกมือขึ้นตบหัวเพื่อนข้างๆ ให้เต็มแรงข้อหาเสนอหน้ามาทำคะแนนในตอนที่เขากำลังเผชิญปัญหา เป็นแค่พี่ชายก็อยู่นิ่งๆ ในโซนพี่ชายไปสิวะ

“ได้ยินแบบนั้นแม่ก็สบายใจนะคะเนี่ย”

“แม่...”

“แต่เก็บของไปวันนี้ก็คงไม่ทันหรอก ไว้ค่อยไปวันอื่นแล้วกัน” คณิตพูดขึ้นพร้อมกับลูกหัวแฝดน้องตัวเองไปมา

“วันนี้ก็เอาแค่ของจำเป็นก่อนก็ได้ วันพรุ่งนี้คณิตค่อยทยอยเอาของไปให้ตะนิดก็ได้นี่”

“แต่แม่...”

“คณิตจะได้ไปดูสถานที่เลยทีเดียววันพรุ่งนี้ไงลูก ถ้าไม่โอเคก็เอาน้องกลับมา ดีไหม” คนเป็นแม่ยื่นข้อเสนอ คณิตพอได้ยินข้อเสนอก็ชะงัก ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันดีกว่ายังไง แต่พอได้ยินคำว่าเอาน้องกลับมาท้ายประโยคก็รู้สึกมันเป็นข้อตกลงที่ดีไว้ก่อน ภาสมองภาพตรงหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นนวดขมับ

ดูเหมือนคู่แห่งโชคชะตาเขา

จะมีแม่ที่ค่อนข้างรับมือด้วยยากอีกต่างหาก มองเกมขาดจนน่าตกใจ



“ต้องไปเลยหรอ วันนี้เลยหรอ” ตะนิดเลิ่กลั่กกระตุกชายเสื้อคณิตยิกๆ

“วันนี้ก็ไปก่อน เดี๋ยววันพรุ่งนี้กูหาเรื่องเอามึงกลับมาเอง ถ้าถึงที่ห้องแล้วรีบหาห้องนอนตัวเอง ล็อคห้องแล้วไม่ต้องโผล่ออกมาเลยนะเข้าใจไหมตะนิด” ตะนิดพยักหน้าหงึกๆ ฟังแฝดพี่อธิบายแผนการเอาตัวรอดจากเสี่ย ภาสที่นั่งฟังอยู่ไม่ไกลก็ได้แต่ลอบถอนหายใจกับบทสนทนาของเด็กทั้งสอง 



อย่างแมวดื้อน่ะหรอจะขังตัวเองไว้ข้ามวัน

เผลอๆ หิวก็ยอมแพ้แล้ว



ว่าแต่ยังไม่ทันจะได้ย้ายเข้าก็วางแผนจะย้ายออกก่อนแล้ว

... เขาจะรับมือกับแฝดคู่นี้ไหวไหมเนี่ย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2020 21:51:26 โดย Oiimaps »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่ภาสโอ๋ๆน้องด้วย อย่าดุนัก ขอร้อง  :hao5:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ย้ายแล้ว ถึงเวลาแล้วสึนะที่ต้องโยกย้าย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะรับมือไหวมั้ยคุณภาส  :hao3:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากๆเลยค่า ยัยน้องดื้อมากคุณแม่ก็คือสุดยอดมากๆต้อนเสี่ยภาสแบบหนักมากๆชอบๆ  :pig4: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ติดตามจ้า~

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ทดลองอยู่ก่อนเฉยๆหรอกน่า

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โง้ยยย ยัยตะนิดตัวน้อยยย ตะมัยน่ารักน่าบีบจิงรู้กก  ยื่นยาพาราให้พี่ภาส :hao7:

ขำพี่ชายแย่งตะนิดไม่ได้ แย่งซีนเพื่อนมันซะเลย :laugh:
ว่าแต่พี่ชายสนใจ แฝดอัลฟ่าคนพี่มั้ยย จะต่อเรือรอเลยจ้า

ปล. ชอบมากกกกกก เป็นน่ารักที่สุดดดดด จะรอตอนต่อไปนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ TanyaWikit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งานนี้บอกได้คำเดียว
กราบสวัสดีค่ะ คุณแม่นิตยา สมควรแล้วที่เป็นคุณแม่ที่จะดูแลแฝดแสบแสบคู่นี้ได้
และความคุณแม่ ก็จัดซะ คุณภาส (เสี่ยโรคจิต) เกือบหาทางกลับบ้านไม่เป็นเลยค่ะ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
กำลังสนุกเลยค่ะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
ก็จะดื้อ 6

พี่พลาด! พี่พลาด!




สมัยก่อนตะนิดเคยชอบดูหนังเรื่องโฮมอะโลน ที่เด็กอยู่บ้านคนเดียวแล้วมีโจรบุก เลยวางแผนอย่างชาญฉลาด และส่วนนี้เขาก็กำลังสวมวิญญาณเด็กนั่น โดยนำแสดงในเรื่อง



โฮม (คนอื่น) อะโลน

เอาตัวรอดในบ้านคนอื่นด้วยตัวคนเดียว!!!!



“แล้ว แล้ว คู่แห่งโชคชะตามันยังไง ทำไง”

“เออ อันนี้ไม่แน่ใจว่ะ แต่ไม่น่าใช่เรื่องสำคัญอะไรมากหรอก” คณิตยกมือขึ้นเกาหัว เขาเองก็ไม่เคยตั้งใจครูอธิบายเรื่องคู่แห่งโชคชะตา คุ้นๆ เหมือนเคยเรียนสมัยมัธยมต้นคาบเพศศึกษา แต่ตอนนั้นเขาน่าจะกำลังนอนในคาบเป็นเพื่อนตะนิดอยู่เลยแทบจะจำอะไรไม่ได้

“ถ้าเขาจะปล้ำกูล่ะคณิต”

“ก็ถึงบอกว่าอย่าออกจากห้องไง”

“แล้วถ้าต้องนอนห้องเดียวกันล่ะ”

“ก็ขังตัวเอง ให้ลุงมันนอนโซฟา”

“อือ ยากอ่ะ ไปด้วยกันไม่ได้หรอ” ตะนิดเบะปากเอียงคออ้อน คณิตเลยรีบหันไปหาแม่

“แม่คณิตไป-“

“ไม่ได้”



ยังถามไม่ทันจบดี ภาสที่นั่งฟังสองพี่น้องวางแผนก็ตอบให้แทน เขาผุดลุกขึ้นเต็มความสูงใช้สายตามองลงสบตากับคณิต

“อะไร คณิตถามแม่นะ คนโรคจิตมายุ่งทำไม”

“เป็นอัลฟ่าคงรู้ดีนะว่าทำไม”

“...”

“ทำไมอ่ะ” แมวดื้อท้าวเอวจ้องหน้าอัลฟ่าหน้าดุตรงหน้าพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ เขาโกรธแล้ว มามองหน้าคณิตแบบนี้หมายความว่าไง หาเรื่องพี่ชายเขาหรอ!!!

“อัลฟ่าอย่างพวกเราน่ะหวงถิ่น”

“หวงถิ่น?”

“พื้นที่ที่เป็นของเรา เวลามีอัลฟ่าคนอื่นบุกรุกเข้ามาน่ะ... มันค่อนข้างที่จะน่าหงุดหงิด” สัญชาตญาณจ่าฝูงของอัลฟ่าเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นอัลฟ่าแท้หรืออัลฟ่าผสม คณิตจึงเถียงไม่ออก ถ้าให้พูดตรงๆ ตอนที่อัลฟ่าแปลกหน้าสองคนนี้เดินเข้ามาในบริเวณรั้วบ้านเขาก็รู้สึกหงุดหงิด โมโหอยู่ตลอดเวลาเหมือนโดนศัตรูบุกรุกเขต   

“...”

“ตะนิดไปเก็บของใส่กระเป๋าเป้สักใบไปลูก เอาแต่ของจำเป็นไปนะ”

“แม่...”

“ไปเร็ว อย่าให้แม่ต้องพูดซ้ำ แล้วไม่ต้องคิดจะขังตัวเองไว้ในห้อง แม่มีกุญแจ” ตะนิดเบะปากให้ความรู้ทันนั่นก่อนจะเดินคอตกกระแทกเท้าปึ้กปั้งกลับไปทางห้องนอนตัวเอง พอหลังเล็กเดินไปลิบตา คณิตก็หันมาสบตากับภาส

“ถ้าแตะต้องตะนิดแม้แต่ปลายเล็บ เราได้รู้กันแน่ ต่อให้เป็นอัลฟ่าเลือดแท้ก็ตามเถอะวะ” คณิตข่มเขี้ยวกรอดพร้อมกับปล่อยฟีโรโมนข่มศัตรูออกมา แน่นอนว่ามันไม่แม้แต่จะระคายเคืองฝ่ายตรงข้าม

“ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นเหยื่อน้องเธอนะ”

“มึง!”

“ฉันบอบบางจะตาย ไม่เห็นด้วยหรอ” ภาสล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงก้มหน้ามองอัลฟ่าวัยรุ่นก่อนจะกระตุกยิ้มกวนประสาทยั่วยุอารมณ์

ส่วนสูงก็แค่ร้อยเก้าสิบสองและไหล่กว้างพอที่จะยกอัลฟ่าเลือดร้อนตรงหน้าพาดได้สบายพอๆ กับที่เคยทำกับโอเมก้าแฝดน้อง หุ่นของเขาได้มาจากเลือดผสมของฝั่งพ่อที่เป็นลูกครึ่งรัสเซียเยอรมันจึงทำให้ดูสูงใหญ่กว่าอัลฟ่าทั่วไปในประเทศไทย 



เนี่ย บอบบางจะตาย

ไม่คิดงั้นหรอ?



“ไอ้ภาส มึงนี่ก็นะ แกล้งเด็กมัน”

“หึ...” ใครว่าเขาแกล้ง เขาเอาคืนต่างหาก ดูสิแหกเขี้ยวขู่ตาถลนไปหมดแล้ว



จะว่าไป ไม่ว่าจะพี่หรือน้องก็ดูแหย่เล่นได้ง่ายทั้งคู่เลย

คนพี่ขู่เหมือนหมาส่วนคนน้องขู่เหมือนแมว สมแล้วที่เป็นแฝดกัน เลือดร้อนแต่ไม่ได้มีความน่ากลัว



เขาเลิกแหย่เด็กตรงหน้าแล้วเปลี่ยนเป็นยกมือถือขึ้นโทรหาเลขาให้ช่วยเรียกแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดห้องพักแขกที่คอนโดให้หน่อย เขามีทั้งบ้านเป็นหลังและคอนโด โดยปกติแล้วเขามักจะกลับบ้านเพราะชอบความเป็นส่วนตัวและการไปเดินเล่นในสนามหญ้าบริเวณหน้าบ้าน แต่เห็นว่าโอเมก้าลูกแมวนั่นยังเรียนอยู่มหาลัย ถ้าไปอยู่คอนโดเขาที่อยู่กลางเมืองติดรถไฟฟ้าคงจะเดินทางสะดวกกว่า

 

“คณิต ช่วยถือของหน่อย” เสียงเล็กดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัว ภาสมองภาพตรงหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว



ก้อนขนหรอนั่นน่ะ?   

ภาสถือมือถือค้างไว้ที่หู สายตาจ้องไปที่ร่างเล็กที่หอบตุ๊กตามาเต็มอ้อมแขนจนบดบังใบหน้าดื้อนั่นมิด ดูท่าทางคุณนุ่มคงจะมาครบตั้งแต่เบอร์หนึ่งถึงร้อย 



“เอาไม้เบสบอลไปด้วยป่ะเนี่ย ขนไปแต่ตุ๊กตาหรอ” ภาสตวัดตาขวับมาที่แฝดพี่ ไม้เบสบอลงั้นหรอ กะเล่นให้ได้เลือดเลยงั้นสิ

“ลุงๆ นำไปรถหน่อย”

“เอาไปแค่ตัวสองตัวพอ”

“ไม่” เถียงกลับเสียงแข็งทันที

“พรุ่งนี้ค่อยให้พี่เธอขนไป วันนี้เอาไปแค่ตัวเดียว” ภาสยกมือขึ้นกอดอก ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาขนของ วันนี้เขาแวะไปออฟฟิสก่อนเลยขับรถสองที่นั่งมา ถ้าจะเอากองทัพคุณนุ่มไปหมดก็คงจะล้นที่เก็บของด้านหลัง

“ไม่ได้นะ ทำไมล่ะ ไม่ไปแล้ว!!!!”

“...” ภาสไม่ได้โต้ตอบอะไร เพียงแต่กอดอกจ้องกลับไปนิ่งๆ จนในที่สุดคนตัวเล็กที่เป็นคนเริ่มขู่กลายเป็นฝ่ายเลิ่กลั่กเสียเอง มองซ้ายแม่ก็ขมวดคิ้วเตรียมดุเขา ส่วนคณิตก็หายไปหยิบไม้เบสบอล



เขาไม่มีพวกอยู่เลย!!!!



“ยะ อย่างน้อยก็สิบตัว”

“ให้มากสุดแค่สอง”

“สองเองหรอ...” ห่อเหี่ยวไปหมด โอเมก้าน้อยรู้สึกโหวงยามที่ต้องตัดสินใจเลือกตุ๊กตาไปเผชิญศึกด้วยได้แค่สองตัว พรรคพวกเขาน้อยกว่าเห็นๆ แล้วจะเอาอะไรไปชนะอัลฟ่าตัวใหญ่ตรงหน้ากัน

บ่นงุบงิบในใจสุดท้ายผู้ผ่านรอบคัดเลือกก็คือคุณนุ่มเบอร์หนึ่งและคุณนุ่มเบอร์ห้า เบอร์หนึ่งชนะเพราะเขารักมาก ส่วนเบอร์ห้าชนะเพราะตัวใหญ่สามารถใช้เป็นอาวุธได้

“เอากระเป๋ามา”

“ถือเองได้”

“ตามใจ” โอเมก้าตัวน้อยหน้าบึ้ง เดินกระแทกเท้าปึ้งปั้งไปที่รถก่อนจะเปิดประตูเขวี้ยงกระเป๋าและคุณนุ่มเบอร์ห้าเข้าไปในที่เบาะหลัง ภาสเห็นภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ยกยิ้ม

“ตะนิด”

“ไม่ต้องมาเรียก” ตะโกนกลับพร้อมกับรีบยัดตัวเข้าไปนั่งเบาะหลัง ตะนิดจิกเบาะไว้แน่น เขาจะไม่ไปนั่งข้างคนขับเด็ดขาด รับบทคนขับรถไปเสียเถอะ!!!

“ตะนิด”

“...”

“นั่นรถไอ้ชาย รถฉันจอดอยู่ด้านนอก”



อ้าว...

ตะนิดถลึงตาโตเมื่อค้นพบว่าตัวเองปล่อยโป๊ะ แถมพอมองหน้ากลับไป อีกฝ่ายก็กระตุกยิ้มล้อเขาอีกต่างหาก 



“ก็ ก็จะไปกับพี่ชาย!!!”

“จริงหรอครับ ได้เลยยยย” ชายยิ้มร่าก่อนจะต้องหุบยิ้มเมื่อถูกสายตาพิฆาตตวัดจ้อง “แฮ่ ล้อเล่น ไปกับไอ้ภาสเถอะครับน้องนิด เดี๋ยวพี่ต้องไปทำธุระต่อ”

“ฮึ่ย” ตะนิดยู่จมูก คว้าของลงจากรถด้วยความไม่พอใจ ภาสส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินนำไปที่รถ เขาต้องจอดไว้นอกบ้านเพราะบ้านของตะนิดมีพื้นที่ไม่พอ แค่รถของเจ้าของบ้านสองคันแล้วก็รถของไอ้ชายก็เต็มพื้นที่แล้ว พอเห็นรถเจ้าลูกแมวก็ทำหน้าเสียดาย



คงเสียดายที่อดเล่นบทคุณหนูแล้วให้เขาเป็นคนขับรถตามที่ตั้งใจ

ภาสกดรีโมตเปิดประตูช่องเก็บของเพื่อให้คนตัวเองเอาของเข้าไปเก็บ แต่ตะนิดกับหันหน้ามามองเขางงๆ



“เปิดท้ายทำไม”

“ไม่เก็บของหรอ”

“ให้เอาคุณนุ่มใส่ท้ายรถหรอ?” ถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อเหมือนคำถามที่อัลฟ่าหน้าดุถามออกมาเป็นคำถามที่ไม่ควรสงสัยตั้งแต่แรก ภาสถึงเพิ่งนึกออกว่าเด็กตรงหน้าติดตุ๊กตาอย่างกับอะไรดีคงไม่มีทางยอมใส่ลงท้ายรถ

“อืม ฉันลืมคิด เอาไปวางไว้ที่เบาะก่อนไป” ตะนิดหันขวับอุ้มคุณนุ่มทั้งสองตัวไปวางไว้ที่เบาะข้างคนขับ 

“นิดอ่ะ พกนี่ไปด้วย” คณิตเดินตามออกมาพร้อมกับไม้เบสบอลและขวดสเปรย์เล็กๆ

“อะไรอ่ะ”

“สเปรย์ไล่อัลฟ่า” สเปรย์ที่ว่าเป็นสเปรย์ฟีโรโมนที่ส่งกลิ่นเหม็นที่ส่วนใหญ่โอเมก้าจะพกไว้ฉีดอัลฟ่าหากโดนทำร้ายร่างกายหรือรัทใส่ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่ตะนิดมีสเปรยด์กันอัลฟ่าตัวเท่าหมาอย่างคณิตแล้วเขาเลยลืมไว้ที่ห้องตลอด ไม่เคยพกออกไปไหนเลย

“อือ คณิตไม่ไปด้วยกันจริงๆ หรอ” ตะนิดดึงแขนเสื้อแฝดพี่ไว้

“ตะนิดอย่าอ้อนดิวะ แค่เอาไม้เบสบอลออกมาให้นี่แม่ก็ด่าฉิบหายแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปรับแต่เช้า ไม่ต้องกลัว” คนเป็นพี่โยกหัวน้องชายไปมา

“อือ”

“ยาระงับกูใส่ไว้ในกระเป๋าแล้วห้าหลอด ถ้าฮีทก็ฉีดเลย จำได้ใช่ไหม อย่ากลัวเข็มปักเข้าไปเลยมันจะได้ไม่เจ็บนาน ส่วนยาเลื่อนฮีทใส่ไว้ในช่องเล็กด้านหน้า กินก่อนนอนด้วย” ตะนิดพยักหน้าหงึกๆ รับรู้ ภาสที่กอดอกพิงรั้วเหล็กอยู่ไม่ไกลพยักหน้าตามไปด้วย ไอ้แฝดพี่นี่มันบราค่อนจริงแหะ ห่วงกว่าแม่อีกมั้ง เตรียมยาอะไรให้ครบเป็นเซท  “... ส่วนยาที่เหลือก็ใส่ไว้กับช่องเดียวกับยาเลื่อน อ่านดีๆ ก่อนกิน แล้วไม่ต้องโมโหถ้าเห็น ใส่ไว้เผื่ออุบัติเหตุเฉยๆ”

“ยาไรอ่ะ”

“เออน่า”



ยาคุมสินะ

ภาสยอมรับเลยว่าอัลฟ่าคนพี่นี่รอบคอบทุกด้านทั้งยาเลื่อน ยาระงับ ยาคุม เผลอๆ อาจจะใส่ถุงยางไซ์อัลฟ่ามาเผื่อเขาด้วย พออธิบายอะไรเสร็จแล้วสองแฝดก็กอดกันกลมเป็นการส่งลา

ตะนิดกล่าวลาคนเป็นแม่พร้อมกับหักห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา ในใจของโอเมก้าตัวน้อยนั่นมีแต่คำตัดพ้อ น้อยใจไปหมด รู้สึกเหมือนโดนแม่ไล่ออกจากบ้าน



... แต่ก็เข้าใจทุกอย่าง



แม่เป็นคนดูแลเขาในช่วงฮีท แม่เป็นคนลากคณิตกลับเข้าห้องในตอนที่เขาฮีทครั้งแรก

แม่คือผู้หญิงตัวเล็กๆที่จัดการทุกอย่างในบ้านด้วยตัวเองเพราะพ่อบินไปทำงานต่างประเทศบ่อยจนแทบไม่ค่อยอยู่บ้านบ้าน ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เลี้ยงแฝดนรกอย่างเขากับคณิตมาแทบจะตัวคนเดียว



เข้าใจแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ ไม่ชอบเลย

การเป็นโอเมก้านี่ห่วยจริงๆ



“เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่กับคณิตไปหา ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นไอ้แสบ” คนเป็นแม่ยกมือขึ้นโยกหัวลูกชายคนเล็กไปมา

“อื้อ”

“อย่าดื้อกับคุณภาสเขามาก”

“จะดื้อ ดื้อมาก”

“ถ้าเขาทำอะไรที่หนูไม่ยินยอมโทรหาแม่ทันทีนะลูก”

“อื้อ” 

“อย่าลืมกินยาแล้วก็ห้ามกลัวเข็มด้วย” คณิตพูดแทรกขึ้น

“อื้อ คณิตอย่าโอ๋”

“อย่าร้องตะนิด กูตีนะ”

“แม่! คณิตจะตีตะนิด!!”



สองหนุ่มอัลฟ่าคนนอกกอดอกมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดูแปลกๆ เหมือนครอบครัวแมวกำลังโอ๋ลูกแมวเล็ก แล้วลูกแมวตัวเล็กนั่นก็กอดตุ๊กตากัดปากตัวเองกลั้นน้ำตาสุดความสามารถ แล้วอะไรคือโอ๋กันเหมือนเขามาขโมยลูกไป เขาน่ะใกล้คำว่าผู้เสียหายมากกว่าเจ้าลูกแมวตัวนั้นอีกนะ


จู่ๆ ก็โดนยกลูกแมวให้ไปเลี้ยงที่บ้าน


ล่ำลาเสร็จลูกแมวก็เดินหูตกเข้าไปนั่งจ๋องในรถ คงได้เวลาไปจริงๆ เสียที เขายกมือขึ้นไหว้ลาเจ้าของบ้านโดยไม่ลืมหันไปกระตุกยิ้มกวนประสาทแฝดคนพี่เล่นอีกรอบ   



คอนโดของภาสไม่ได้ไกลมากจากบ้านอีกตะนิด เพียงแต่ด้วยความที่อยู่ในเมือง รถจึงติดเป็นพิเศษ จากระยะเวลาที่ควรห่างกันแค่ครึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นชั่วโมงครึ่ง แมวน้อยที่กอดคุณนุ่มเบอร์ห้ามาเตรียมเป็นอาวุธก็หลับคอพับคออ่อนไปตั้งแต่สิบนาทีแรก



ภาสแอบลอบมองคนตัวเล็กด้วยสายตากังวลเล็กน้อย เด็กนี่หลับเยอะมากและกลิ่นแป้งก็ดูจะเริ่มแรงขึ้นนิดหน่อย ต่อให้กินยาเลื่อนยังไงก็คงไม่พ้นต้องฮีทภายในสามสี่วันนี้แน่ๆ อีกอย่างยาเลื่อนนั่นกินมากๆ ก็ไม่ดีเพราะตัวยาจะสะสมแล้วส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว 



เขาเองที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะรับมือยังไงถ้าแมวตรงหน้านี้ฮีท ถึงจะปล่อยเลยตามเลยแล้วโยนให้เป็นเรื่องของสัญชาตญาณมันก็ทำได้อยู่หรอก



...แต่เขารู้สึกไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเพราะแค่นั้นเลย

ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่ปกติเขาก็ผ่านการรัทกับฮีทของโอเมก้าโดยไม่ได้สนใจอะไรมาตั้งเยอะแล้วแท้ๆ



รถหรูเลี้ยวเข้าคอนโดหรูหลังจากที่ติดอยู่บนถนนอยู่นานกว่าชั่วโมง พอจอดรถปุ๊ปดวงตากลมก็ตื่นปั๊ปเหมือนตั้งเวลา มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปยืนหน้ามุ่ย ตางี้แทบลืมไม่ขึ้น เขาเดินไปเปิดประตูหลังหยิบกระเป๋าใส่ของส่วนตัวของโอเมก้าตัวน้อยที่พี่ชายกับแม่ยัดใส่เข้ามาขึ้นสะพายก่อนจะกดล็อครถ



ระหว่างทางเดินไม่มีประโยคสนทนาอะไรเกิดขึ้น แต่ภาสก็รับรู้ได้ว่าตะนิดเดินแทบจะชิดเขาด้วยความไม่คุ้นที่



ห้องของเขาตั้งอยู่บนชั้นที่ยี่สิบสอง เป็นห้องสามห้องนอนสองชั้น ตอนแรกก็จะซื้อแบบเพนเฮาส์ชั้นบนสุดไว้แต่พอคิดได้ว่าอยู่คนเดียวไม่รู้จะมีห้องใหญ่ขนาดนั้นไว้ทำไมจึงเปลี่ยนใจซื้อไว้แค่ห้องปกติ



“โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห” เจ้าแมวตาโตวิ่งไปเข้าห้องไป ไหนล่ะไอ้ที่นัดกับพี่ชายมาดิบดีว่าถึงแล้วจะรีบเผ่นเข้าห้อง เขาส่ายหัวก่อนจะปิดประตูห้องเดินตามเข้าไป

“ห้องนอนอยู่ชั้นสอง”

“นี่ ระเบียงดูวิวได้ไหม”

“เอาของไปเก็บห้องก่อน”

“ทีวีใหญ่จังงงงงงง”

“ตะนิด”

“เห้ยยยย เครื่องล้างจาน ดีมากเลยอ่ะ นี่โคตรเกลียดเวลาแม่ใช้ให้ล้างจานเลย แล้วอันนี้ปุ่มอะไร เห้ยยยย หรี่ไฟได้ด้วยยย”



...ไม่ฟังกันแล้ว

ภาสถอนหายใจยาวสุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยแมวเดินสำรวจห้องให้เต็มที่

ตะนิดเดินไปเดินมารอบชั้นหนึ่ง คอนโดนี่กว้างมาก กว้างกว่าบ้านเขาอีก สาบานว่าอยู่คนเดียวเหอะ แค่ครัวกับห้องกินข้าวก็ใหญ่เท่าห้องนอนเขากับคณิตรวมกันแล้ว แล้วทีวีจะกว้างอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องไปดูมันแล้วไหมในโรง พอหมุนไปวนมาจนพอใจ ตากลมตวัดมองอัลฟ่าหน้าดุที่กอดอกจ้องอยู่



“เอาของไปเก็บห้องนอนก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”



เออจริงด้วย!

ลืมไปเลยว่าต้องขังตัวเองไว้ในห้อง!!

ตะนิดรีบกลับมาระวังตัวแม้ใจจะอยากสำรวจพื้นที่ต่ออีกหน่อยก็เถอะ ขาเล็กเดินตามหลังอัลฟ่าหนุ่มขึ้นชั้นสองไปด้วยความระแวง



“ห้องนอนฉันคือห้องซ้าย ส่วนห้องเธออยู่ด้านขวา” ตะนิดเดินตามเข้าไปในห้องที่ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นห้องของเขา เตียงกว้างมากแถมมีระเบียงดูวิวสวนสาธารณะอีก



พอเห็นเตียงนุ่มแล้วสัญชาตญาณโอเมก้าก็แล่น อดไม่ได้ที่จะต้องกระโดดตุ้บขึ้นไปกลิ้ง ภาสได้แต่มองแมวน้อยกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงพรางคว้าเก้าอี้มานั่งรออีกฝ่ายคลุกตัวเองเสร็จค่อยเริ่มบทสนทนา



และมันกินเวลาไปเกือบสิบนาที

เตียงขนาดใหญ่ยับยู่ยี่หมอนผ้าห่มกระจัดกระจาย ในที่สุดแมวน้อยก็เหนื่อยลุกขึ้นมาหอบแฮ่กๆ



“แฮ่กๆ เหนื่อยจัง แต่นุ่มดี”

“เอาล่ะ เสร็จแล้วก็มาคุยกัน”

“อือ คุยอะไร”

“นี่เธอเข้าใจแค่ไหนกับการมาอยู่ตรงนี้”

“...” โอเมก้าน้อยไม่แม้แต่ขยับปากตอบ เพราะไม่รู้อะไรเท่าไหร่ รู้แต่แม่บอกให้มา แล้วก็อยากกลับแล้วด้วย

“เอาล่ะ ก่อนอื่นเลย ฉันและเธอเป็นคู่แห่งโชคชะตากัน ฉันได้กลิ่นแป้งของเธอ เธอได้กลิ่นลาเวนเดอร์ของฉันและจะมีอีกหลายอย่างที่วุ่นวายจากการเป็นคู่แห่งโชคชะตา นั่นรวมไปถึงเรื่องฮีทของเธอ”

“ฮะ ฮีท”

“ปกติเธอจะฮีทช่วงต้นเดือนใช่ไหม ต่อจากนี้เธอจะฮีทไม่ตรงเวลาและอาจจะถี่ขึ้น และ... ที่เรามาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน เพราะฉันจะเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอหายฮีทได้ไวที่สุดและเธอก็จะเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันหายรัทได้ไวขึ้น ความสัมพันธ์ของเราตอนนี้คือผลประโยชน์ของกันและกันในเรื่องนี้”



หากยังไม่เจอคู่แห่งโชคชะตา อาการฮีทของโอเมก้าจะสามารถทุเลาลงได้ด้วยยาหรือการเติมเต็มด้วยวิธีอื่น แต่เมื่อเจอคู่แห่งโชตชะตาแล้วต่อให้เติมเต็มด้วยอะไรก็ตามก็จะไม่ได้ผลเท่าคู่ตัวเอง 



“มะ ไม่เห็นต้องคุยเลย พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว บอกแม่ว่าไม่เวิร์ค” ลืมไปเลยว่าแผนนั่นยังอยู่ ถึงอย่างนั้นภาสก็เลือกที่จะเมินมันทิ้งไป ยังไงคนเป็นแม่ของเจ้าลูกแมวนี่ก็คงไม่ปล่อยให้ลูกที่อยู่ในสภาพใกล้ฮีทกลับบ้านไปหรอก



คนเป็นแม่นั้นก็คงรู้เหมือนกันว่าฮีทกำลังจะมา

เพียงแต่ไม่ได้บอกกับเจ้าตัวตรงๆ



“จากเซนส์ของฉัน เธอน่าจะเริ่มฮีทภายในอาทิตย์นี้” พออัลฟ่าหนุ่มพูดจบ ตะนิดก็เบิกตากว้าง

“รู้ได้ยังไง!!!!”

“กลิ่นเธอมันบอก”

“...”ตะนิดรีบยกจั๊กแร้ขึ้นมาดม จมูกเล็กขยับดมฟุดฟิด ก็ไม่เหม็นนี่นา



มั่ว! ใส่ความกันชัดๆ !



“เธอเป็นโอเมก้า ฉันไม่ได้อยากจะย้ำ แต่เรื่องแบบนั้น... มันก็ค่อนข้างจะเลี่ยงยาก” ภาสเลือกที่จะพูดอ้อมๆ เพราะรู้ดีว่าตะนิดเองก็คงเข้าใจ

“...”

“เพราะงั้นถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นเธอไม่ต้องรู้สึกแย่ มันเป็นเรื่องของร่างกายที่มันปฏิเสธไม่ได้ ฉันเองก็ปฏิเสธไม่ได้...”



ภาสยอมรับเสียงนิ่ง โดยปกติอัลฟ่าเลือดแท้จะสามารถควบคุมฟีโรโมนของตัวเองได้และยังควบคุมอาการรัทของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งยา แต่สำหรับกรณีคู่แท้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาเป็นอย่างไร 



“แต่...”

“ฉันไม่ได้ฝืนใจ” ภาสพูดออกมาตามตรง เขาไม่ได้รู้สึกฝืนใจถ้าเกิดอีกฝ่ายฮีทแล้วต้องปล่อยเลยตามเลย กลับกัน ด้วยอะไรบางอย่างเขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะไปในทางหยุดไม่อยู่ด้วยซ้ำ

“แต่... เอ่อ แต่” ตะนิดแก้มแดง อึกอั่กพูดอะไรไม่ถูก จู่ๆ ต้องมาพูดถึงเรื่องฮีทให้คนอื่นฟัง มันน่าอาย 

“ปกติเธอจัดการเรื่องฮีทยังไง”

“ไม่บอก ไม่บอก!!”

“ตะนิด”

“ไม่บอกได้ไหม ไม่เอาแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม” ตะนิดเบะปากน้ำตาคลอ เขาไม่ชอบพูดถึงเรื่องนี้ ทุกครั้งที่ฮีทมันจะน่าอายเสมอ ดีที่แม่เลือกจะขังเขาไว้ในห้องคนเดียว มันน่าอับอาย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันน่าอับอาย!!!

“นี่ ตะนิด...” ภาสพยายามจะตะล่อมให้คนตัวเล็กตอบ

“ไม่ตอบเรื่องนี้ ไปคุยในชั้นศาล!!!”

“หรอ ศาลอะไร”

“ศาลเจ้า!!! ข้าพเจ้านายตนิษฐ์ จะไม่ยอมพูดเรื่องฮีทเด็ดขาด ถ้าข้าพเจ้าพูดขอให้ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด ท้อง... ท้องอะไรก็ได้!!!”



เป็นงั้นไป เล่นของศักดิ์สิทธิ์มันแบบนั้นเลยสิ

แล้วอะไรถึงไปแช่งตัวเองไม่แช่งคนถาม ภาสนึกสงสัยในใจแต่ไม่ได้ถามออกไป พอเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงยืนกรานจะไม่พูดเขาก็ยอมถอยทัพ



“โอเค เดี๋ยวฉันจะสั่งข้าวมาให้ แล้วก็ไม่ต้องขังตัวเองอยู่ในห้องเพราะฉันมีกุญแจ ลงไปนั่งดูทีวีดีๆ เถอะ” พูดจบอัลฟ่าหนุ่มก็เดินออกจากห้องนอนไปปล่อยให้โอเมก้าตัวน้อยกอดคุณนุ่มเบอร์ห้าแน่น



เขาใกล้จะฮีทงั้นหรอ...

ไม่อยากคิดสภาพถ้าต้องมาฮีทให้คนอื่นเห็นเลย จะร้องไห้



คืนแรกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มันดำเนินไปอย่างง่ายๆ แค่กินข้าวเย็นด้วยกันแล้วก็แยกย้ายเข้าห้องนอน ตะนิดพอจะเข้าใจความสันพันธ์ของเขากับเสี่ยโรคจิตขึ้นมาหน่อยแล้ว มันคือคำที่เรียกว่า



Friend with benefit



ไม่ดิ เราไม่ใช่เพื่อน งั้นเอาเป็น



Sia lok jit and handsome tanid with benefit

 

ยาวไปนิด แถมดูเหมือนจะเป็นภาษาอังกฤษแหม่งๆ

แต่ช่างมันเถอะ!!!

ใช่แน่ๆ ไหนใครว่าคู่แห่งโชคชะตาอะไรนี่มันโรแมนติกนักโรแมนติกหนาไง แค่เขากับเสี่ยโรคจิตนี่ถูกผูกกันด้วยอะไรโง่ๆ อย่างเรื่องบนเตียงแล้วแม่ก็เลยจับคลุมถุงปุ๋ยชน ละคร ละครหลังข่าวชัดๆ !!!



ไม่ได้รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไง!!!

คิดแล้วก็หงุดหงิดยุบยิบในใจ เขาเลยดับหัวตัวเองให้หายร้อนแล้วก็ให้หายงงด้วยการเข้าไปอาบน้ำ แช่น้ำร้อนจนพอใจ ผิวเหี่ยวเป็นยู่ยี่ถึงค่อยขึ้นมาแต่งตัว



วันนี้เขาใส่ชุดนอนที่คณิตเตรียมไว้ให้ เป็นชุดสีฟ้าลายก้อนเมฆ จริงๆ คณิตก็มีด้วยอีกชุดแต่ไม่ค่อยใส่ คณิตบอกมันปัญญาอ่อน ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนซื้อก็ตัวเองแท้ๆ  แต่งตัวปะแป้งแคร์เสร็จแล้วก็กระโดดขึ้นเตียงเตรียมหลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้คณิตก็มารับกลับบ้านแล้ว มือเล็กกดปิดไฟหัวเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงคอ หลับตาเตรียมพร้อมกับการกล่อมตัวเองให้หลับ



สิบห้านาทีผ่านไป...

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...



นอนไม่หลับ

ตากลมเบิกโพลง เขานอนไม่ได้ อึดอัด รู้สึกโหวงในใจจนขนลุก ร่างเล็กผุดขึ้นนั่งบนเตียงใหญ่ก่อนจะกวาดมองไปรอบๆ ห้องนอน



ห้องกว้างเกินไปจนรู้สึกกลัว

วิวสวนสาธารณะนอกหน้าต่างที่ชอบเมื่อกี้กลับกลายเป็นทำให้รู้สึกไม่สบายใจ



...กลัว

เขากลัว



ขาเล็กรีบก้าวลงจากเตียงก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเดินไปห้องตรงข้าม ตะนิดเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตู



ไม่มีเสียงตอบรับ

อะไร เพิ่งห้าทุ่มเอง นอนแล้วหรอ คนแก่นอนไวหรอ

ตะนิดกำมือแน่นจนชื้นเหงื่อ เขารู้สึกไม่ปลอดภัยจากการไม่คุ้นที่ไม่คุ้นกลิ่น ด้วยความเป็นโอเมก้า เขาไม่เคยไปนอนค้างนอนบ้านโดยไม่จำเป็นหรือถ้าไปก็จะต้องมีคณิตไปด้วยเสมอ



“ลุง...” ตะนิดเคาะประตูบานใหญ่อีกรอบแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ โอเมก้าตัวน้อยเม้มปากจนเป็นเส้นตรง เขาจะร้องไห้แล้วนะ กระวนกระวายใจจนในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ฟังคำอนุญาต พอเปิดเข้าไปก็ตรงเวลาพอกับที่อัลฟ่าหนุ่มเปิดประตูระเบียงกลับเข้ามา ดวงตาใต้แว่นกรอบเหลี่ยมเบิกกว้างเล็กน้อย



“อ้าว... มีอะไร”

“เคาะแล้วไม่ตอบ”

“ฉันอยู่ระเบียงน่ะ เลยไม่ได้ยิน” ตะนิดสังเกตว่าอีกฝ่ายอยู่ในชุดนอนแล้ว คงเตรียมจะนอนแล้วเหมือนกันสินะ

“นี่... ลุง”

“ตะนิด ฉันบอกให้เรียกฉันว่าอะไร”

“...”

“ตะนิด”

“...”

“ตะนิด ฉันพูดว่ายังไง”

“พะ พี่ภาส”



พี่(ผิด)พลาด! พี่(ผิด)พลาด!


ตะนิดกู่ร้องในใจ



“อืม ว่าไง มีอะไร”

“นอนไม่ได้” ตะนิดพูดเสียงอ้อมแอ้ม

“อะไรนะ”

“ห้องใหญ่เกินไป นอนไม่ได้”



ภาสกระพริบตาปริบๆ กับคำบอกเล่าจากปากโอเมก้าตรงหน้า แต่พอสังเกตว่าอีกฝ่ายดึงชายเสื้อตัวเองแน่นแถมยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็คิดว่าคงเป็นอะไรที่จริงจังสินะ



“แล้วต้องทำยังไงดีล่ะ”

“มะ ไม่รู้ แต่นอนไม่ได้”

“...”

“นะ นอนด้วยได้ไหม”

“...” อัลฟ่าหนุ่มผงะไปเล็กน้อยกับคำขอ นี่ลืมไปหรือเปล่าว่าแผนแรกที่วางมากับแฝดพี่คือขังตัวเองไว้ในห้องนอนน่ะ

“แต่ห้ามทำอะไรนะ นอนเฉยๆ นะ”

“อืม... เอาสิ” ภาสยกมือขึ้นเกาคอตัวเองแก้เก้อ พอเขาตอบตกลงไป เจ้าลูกแมวก็ปีนเตียงเขา จัดแจงเอาหมอนข้างมาคั่นกลาง ตบผ้าห่มปุๆ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ใบหน้าที่ดูตื่นกลัวนั่นกลายเป็นตาปรือภายในเสี้ยววินาที เขายังไม่ทันสติเข้าร่างด้วยซ้ำ โอเมก้าตัวเล็กนั่นก็หลับตาพริ้มส่งเสียงกรนคร่อกออกมาเรียบร้อย



อัลฟ่าหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองเรียกสติ พยายามทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของโอเมก้าให้ได้มากที่สุด เขาเดินไปหยิบหลอดยาระงับการรัทข้างหัวนอนขึ้นมาถอดปลอกก่อนจะค่อยๆ ปักเข้าต้นแขนตัวเอง



... กันไว้หน่อยดีกว่า

เกิดฮีทขึ้นมากลางดึก เขากลัวสัญชาตญาณตัวเองจะเผลอรังแกเจ้าแมวตัวน้อยนี่ 



ภาสปิดไฟหัวเตียง ถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะค่อยๆ กระเถิบตัวขึ้นเตียงให้เบาที่สุด กลัวว่าเจ้าแมวจะตื่น แต่พอมองให้มั่นใจอีกที



หลับน้ำลายย้อย ขาไปทางแขนไปทาง ไม่เห็นมีตรงไหนดูเหมือนคนนอนไม่ได้เลยสักนิด แล้วดูนอนไม่ระวังจนเสื้อเริกขึ้นไปกองกันอยู่ตรงอกหมดแล้ว เขาขยับจัดท่านอนกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเล็กให้เรียบร้อยถึงค่อยล้มตัวลงนอน





ตื่นมาพรุ่งนี้ก็หวังว่าจะไม่โวยวายอะไรแล้วกัน



___________
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2020 20:09:37 โดย Oiimaps »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น้องน่าฟัดมาก...กกกกกก หอมหัว  :katai2-1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
น่ารักเต็มไปหมด :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด