ก็จะดื้อ 6
พี่พลาด! พี่พลาด!
สมัยก่อนตะนิดเคยชอบดูหนังเรื่องโฮมอะโลน ที่เด็กอยู่บ้านคนเดียวแล้วมีโจรบุก เลยวางแผนอย่างชาญฉลาด และส่วนนี้เขาก็กำลังสวมวิญญาณเด็กนั่น โดยนำแสดงในเรื่อง
โฮม (คนอื่น) อะโลน
เอาตัวรอดในบ้านคนอื่นด้วยตัวคนเดียว!!!!
“แล้ว แล้ว คู่แห่งโชคชะตามันยังไง ทำไง”
“เออ อันนี้ไม่แน่ใจว่ะ แต่ไม่น่าใช่เรื่องสำคัญอะไรมากหรอก” คณิตยกมือขึ้นเกาหัว เขาเองก็ไม่เคยตั้งใจครูอธิบายเรื่องคู่แห่งโชคชะตา คุ้นๆ เหมือนเคยเรียนสมัยมัธยมต้นคาบเพศศึกษา แต่ตอนนั้นเขาน่าจะกำลังนอนในคาบเป็นเพื่อนตะนิดอยู่เลยแทบจะจำอะไรไม่ได้
“ถ้าเขาจะปล้ำกูล่ะคณิต”
“ก็ถึงบอกว่าอย่าออกจากห้องไง”
“แล้วถ้าต้องนอนห้องเดียวกันล่ะ”
“ก็ขังตัวเอง ให้ลุงมันนอนโซฟา”
“อือ ยากอ่ะ ไปด้วยกันไม่ได้หรอ” ตะนิดเบะปากเอียงคออ้อน คณิตเลยรีบหันไปหาแม่
“แม่คณิตไป-“
“ไม่ได้”
ยังถามไม่ทันจบดี ภาสที่นั่งฟังสองพี่น้องวางแผนก็ตอบให้แทน เขาผุดลุกขึ้นเต็มความสูงใช้สายตามองลงสบตากับคณิต
“อะไร คณิตถามแม่นะ คนโรคจิตมายุ่งทำไม”
“เป็นอัลฟ่าคงรู้ดีนะว่าทำไม”
“...”
“ทำไมอ่ะ” แมวดื้อท้าวเอวจ้องหน้าอัลฟ่าหน้าดุตรงหน้าพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ เขาโกรธแล้ว มามองหน้าคณิตแบบนี้หมายความว่าไง หาเรื่องพี่ชายเขาหรอ!!!
“อัลฟ่าอย่างพวกเราน่ะหวงถิ่น”
“หวงถิ่น?”
“พื้นที่ที่เป็นของเรา เวลามีอัลฟ่าคนอื่นบุกรุกเข้ามาน่ะ... มันค่อนข้างที่จะน่าหงุดหงิด” สัญชาตญาณจ่าฝูงของอัลฟ่าเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นอัลฟ่าแท้หรืออัลฟ่าผสม คณิตจึงเถียงไม่ออก ถ้าให้พูดตรงๆ ตอนที่อัลฟ่าแปลกหน้าสองคนนี้เดินเข้ามาในบริเวณรั้วบ้านเขาก็รู้สึกหงุดหงิด โมโหอยู่ตลอดเวลาเหมือนโดนศัตรูบุกรุกเขต
“...”
“ตะนิดไปเก็บของใส่กระเป๋าเป้สักใบไปลูก เอาแต่ของจำเป็นไปนะ”
“แม่...”
“ไปเร็ว อย่าให้แม่ต้องพูดซ้ำ แล้วไม่ต้องคิดจะขังตัวเองไว้ในห้อง แม่มีกุญแจ” ตะนิดเบะปากให้ความรู้ทันนั่นก่อนจะเดินคอตกกระแทกเท้าปึ้กปั้งกลับไปทางห้องนอนตัวเอง พอหลังเล็กเดินไปลิบตา คณิตก็หันมาสบตากับภาส
“ถ้าแตะต้องตะนิดแม้แต่ปลายเล็บ เราได้รู้กันแน่ ต่อให้เป็นอัลฟ่าเลือดแท้ก็ตามเถอะวะ” คณิตข่มเขี้ยวกรอดพร้อมกับปล่อยฟีโรโมนข่มศัตรูออกมา แน่นอนว่ามันไม่แม้แต่จะระคายเคืองฝ่ายตรงข้าม
“ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นเหยื่อน้องเธอนะ”
“มึง!”
“ฉันบอบบางจะตาย ไม่เห็นด้วยหรอ” ภาสล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงก้มหน้ามองอัลฟ่าวัยรุ่นก่อนจะกระตุกยิ้มกวนประสาทยั่วยุอารมณ์
ส่วนสูงก็แค่ร้อยเก้าสิบสองและไหล่กว้างพอที่จะยกอัลฟ่าเลือดร้อนตรงหน้าพาดได้สบายพอๆ กับที่เคยทำกับโอเมก้าแฝดน้อง หุ่นของเขาได้มาจากเลือดผสมของฝั่งพ่อที่เป็นลูกครึ่งรัสเซียเยอรมันจึงทำให้ดูสูงใหญ่กว่าอัลฟ่าทั่วไปในประเทศไทย
เนี่ย บอบบางจะตาย
ไม่คิดงั้นหรอ?
“ไอ้ภาส มึงนี่ก็นะ แกล้งเด็กมัน”
“หึ...” ใครว่าเขาแกล้ง เขาเอาคืนต่างหาก ดูสิแหกเขี้ยวขู่ตาถลนไปหมดแล้ว
จะว่าไป ไม่ว่าจะพี่หรือน้องก็ดูแหย่เล่นได้ง่ายทั้งคู่เลย
คนพี่ขู่เหมือนหมาส่วนคนน้องขู่เหมือนแมว สมแล้วที่เป็นแฝดกัน เลือดร้อนแต่ไม่ได้มีความน่ากลัว
เขาเลิกแหย่เด็กตรงหน้าแล้วเปลี่ยนเป็นยกมือถือขึ้นโทรหาเลขาให้ช่วยเรียกแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดห้องพักแขกที่คอนโดให้หน่อย เขามีทั้งบ้านเป็นหลังและคอนโด โดยปกติแล้วเขามักจะกลับบ้านเพราะชอบความเป็นส่วนตัวและการไปเดินเล่นในสนามหญ้าบริเวณหน้าบ้าน แต่เห็นว่าโอเมก้าลูกแมวนั่นยังเรียนอยู่มหาลัย ถ้าไปอยู่คอนโดเขาที่อยู่กลางเมืองติดรถไฟฟ้าคงจะเดินทางสะดวกกว่า
“คณิต ช่วยถือของหน่อย” เสียงเล็กดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัว ภาสมองภาพตรงหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว
ก้อนขนหรอนั่นน่ะ?
ภาสถือมือถือค้างไว้ที่หู สายตาจ้องไปที่ร่างเล็กที่หอบตุ๊กตามาเต็มอ้อมแขนจนบดบังใบหน้าดื้อนั่นมิด ดูท่าทางคุณนุ่มคงจะมาครบตั้งแต่เบอร์หนึ่งถึงร้อย
“เอาไม้เบสบอลไปด้วยป่ะเนี่ย ขนไปแต่ตุ๊กตาหรอ” ภาสตวัดตาขวับมาที่แฝดพี่ ไม้เบสบอลงั้นหรอ กะเล่นให้ได้เลือดเลยงั้นสิ
“ลุงๆ นำไปรถหน่อย”
“เอาไปแค่ตัวสองตัวพอ”
“ไม่” เถียงกลับเสียงแข็งทันที
“พรุ่งนี้ค่อยให้พี่เธอขนไป วันนี้เอาไปแค่ตัวเดียว” ภาสยกมือขึ้นกอดอก ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาขนของ วันนี้เขาแวะไปออฟฟิสก่อนเลยขับรถสองที่นั่งมา ถ้าจะเอากองทัพคุณนุ่มไปหมดก็คงจะล้นที่เก็บของด้านหลัง
“ไม่ได้นะ ทำไมล่ะ ไม่ไปแล้ว!!!!”
“...” ภาสไม่ได้โต้ตอบอะไร เพียงแต่กอดอกจ้องกลับไปนิ่งๆ จนในที่สุดคนตัวเล็กที่เป็นคนเริ่มขู่กลายเป็นฝ่ายเลิ่กลั่กเสียเอง มองซ้ายแม่ก็ขมวดคิ้วเตรียมดุเขา ส่วนคณิตก็หายไปหยิบไม้เบสบอล
เขาไม่มีพวกอยู่เลย!!!!
“ยะ อย่างน้อยก็สิบตัว”
“ให้มากสุดแค่สอง”
“สองเองหรอ...” ห่อเหี่ยวไปหมด โอเมก้าน้อยรู้สึกโหวงยามที่ต้องตัดสินใจเลือกตุ๊กตาไปเผชิญศึกด้วยได้แค่สองตัว พรรคพวกเขาน้อยกว่าเห็นๆ แล้วจะเอาอะไรไปชนะอัลฟ่าตัวใหญ่ตรงหน้ากัน
บ่นงุบงิบในใจสุดท้ายผู้ผ่านรอบคัดเลือกก็คือคุณนุ่มเบอร์หนึ่งและคุณนุ่มเบอร์ห้า เบอร์หนึ่งชนะเพราะเขารักมาก ส่วนเบอร์ห้าชนะเพราะตัวใหญ่สามารถใช้เป็นอาวุธได้
“เอากระเป๋ามา”
“ถือเองได้”
“ตามใจ” โอเมก้าตัวน้อยหน้าบึ้ง เดินกระแทกเท้าปึ้งปั้งไปที่รถก่อนจะเปิดประตูเขวี้ยงกระเป๋าและคุณนุ่มเบอร์ห้าเข้าไปในที่เบาะหลัง ภาสเห็นภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ยกยิ้ม
“ตะนิด”
“ไม่ต้องมาเรียก” ตะโกนกลับพร้อมกับรีบยัดตัวเข้าไปนั่งเบาะหลัง ตะนิดจิกเบาะไว้แน่น เขาจะไม่ไปนั่งข้างคนขับเด็ดขาด รับบทคนขับรถไปเสียเถอะ!!!
“ตะนิด”
“...”
“นั่นรถไอ้ชาย รถฉันจอดอยู่ด้านนอก”
อ้าว...
ตะนิดถลึงตาโตเมื่อค้นพบว่าตัวเองปล่อยโป๊ะ แถมพอมองหน้ากลับไป อีกฝ่ายก็กระตุกยิ้มล้อเขาอีกต่างหาก
“ก็ ก็จะไปกับพี่ชาย!!!”
“จริงหรอครับ ได้เลยยยย” ชายยิ้มร่าก่อนจะต้องหุบยิ้มเมื่อถูกสายตาพิฆาตตวัดจ้อง “แฮ่ ล้อเล่น ไปกับไอ้ภาสเถอะครับน้องนิด เดี๋ยวพี่ต้องไปทำธุระต่อ”
“ฮึ่ย” ตะนิดยู่จมูก คว้าของลงจากรถด้วยความไม่พอใจ ภาสส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินนำไปที่รถ เขาต้องจอดไว้นอกบ้านเพราะบ้านของตะนิดมีพื้นที่ไม่พอ แค่รถของเจ้าของบ้านสองคันแล้วก็รถของไอ้ชายก็เต็มพื้นที่แล้ว พอเห็นรถเจ้าลูกแมวก็ทำหน้าเสียดาย
คงเสียดายที่อดเล่นบทคุณหนูแล้วให้เขาเป็นคนขับรถตามที่ตั้งใจ
ภาสกดรีโมตเปิดประตูช่องเก็บของเพื่อให้คนตัวเองเอาของเข้าไปเก็บ แต่ตะนิดกับหันหน้ามามองเขางงๆ
“เปิดท้ายทำไม”
“ไม่เก็บของหรอ”
“ให้เอาคุณนุ่มใส่ท้ายรถหรอ?” ถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อเหมือนคำถามที่อัลฟ่าหน้าดุถามออกมาเป็นคำถามที่ไม่ควรสงสัยตั้งแต่แรก ภาสถึงเพิ่งนึกออกว่าเด็กตรงหน้าติดตุ๊กตาอย่างกับอะไรดีคงไม่มีทางยอมใส่ลงท้ายรถ
“อืม ฉันลืมคิด เอาไปวางไว้ที่เบาะก่อนไป” ตะนิดหันขวับอุ้มคุณนุ่มทั้งสองตัวไปวางไว้ที่เบาะข้างคนขับ
“นิดอ่ะ พกนี่ไปด้วย” คณิตเดินตามออกมาพร้อมกับไม้เบสบอลและขวดสเปรย์เล็กๆ
“อะไรอ่ะ”
“สเปรย์ไล่อัลฟ่า” สเปรย์ที่ว่าเป็นสเปรย์ฟีโรโมนที่ส่งกลิ่นเหม็นที่ส่วนใหญ่โอเมก้าจะพกไว้ฉีดอัลฟ่าหากโดนทำร้ายร่างกายหรือรัทใส่ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่ตะนิดมีสเปรยด์กันอัลฟ่าตัวเท่าหมาอย่างคณิตแล้วเขาเลยลืมไว้ที่ห้องตลอด ไม่เคยพกออกไปไหนเลย
“อือ คณิตไม่ไปด้วยกันจริงๆ หรอ” ตะนิดดึงแขนเสื้อแฝดพี่ไว้
“ตะนิดอย่าอ้อนดิวะ แค่เอาไม้เบสบอลออกมาให้นี่แม่ก็ด่าฉิบหายแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปรับแต่เช้า ไม่ต้องกลัว” คนเป็นพี่โยกหัวน้องชายไปมา
“อือ”
“ยาระงับกูใส่ไว้ในกระเป๋าแล้วห้าหลอด ถ้าฮีทก็ฉีดเลย จำได้ใช่ไหม อย่ากลัวเข็มปักเข้าไปเลยมันจะได้ไม่เจ็บนาน ส่วนยาเลื่อนฮีทใส่ไว้ในช่องเล็กด้านหน้า กินก่อนนอนด้วย” ตะนิดพยักหน้าหงึกๆ รับรู้ ภาสที่กอดอกพิงรั้วเหล็กอยู่ไม่ไกลพยักหน้าตามไปด้วย ไอ้แฝดพี่นี่มันบราค่อนจริงแหะ ห่วงกว่าแม่อีกมั้ง เตรียมยาอะไรให้ครบเป็นเซท “... ส่วนยาที่เหลือก็ใส่ไว้กับช่องเดียวกับยาเลื่อน อ่านดีๆ ก่อนกิน แล้วไม่ต้องโมโหถ้าเห็น ใส่ไว้เผื่ออุบัติเหตุเฉยๆ”
“ยาไรอ่ะ”
“เออน่า”
ยาคุมสินะ
ภาสยอมรับเลยว่าอัลฟ่าคนพี่นี่รอบคอบทุกด้านทั้งยาเลื่อน ยาระงับ ยาคุม เผลอๆ อาจจะใส่ถุงยางไซ์อัลฟ่ามาเผื่อเขาด้วย พออธิบายอะไรเสร็จแล้วสองแฝดก็กอดกันกลมเป็นการส่งลา
ตะนิดกล่าวลาคนเป็นแม่พร้อมกับหักห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา ในใจของโอเมก้าตัวน้อยนั่นมีแต่คำตัดพ้อ น้อยใจไปหมด รู้สึกเหมือนโดนแม่ไล่ออกจากบ้าน
... แต่ก็เข้าใจทุกอย่าง
แม่เป็นคนดูแลเขาในช่วงฮีท แม่เป็นคนลากคณิตกลับเข้าห้องในตอนที่เขาฮีทครั้งแรก
แม่คือผู้หญิงตัวเล็กๆที่จัดการทุกอย่างในบ้านด้วยตัวเองเพราะพ่อบินไปทำงานต่างประเทศบ่อยจนแทบไม่ค่อยอยู่บ้านบ้าน ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เลี้ยงแฝดนรกอย่างเขากับคณิตมาแทบจะตัวคนเดียว
เข้าใจแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ ไม่ชอบเลย
การเป็นโอเมก้านี่ห่วยจริงๆ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่กับคณิตไปหา ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นไอ้แสบ” คนเป็นแม่ยกมือขึ้นโยกหัวลูกชายคนเล็กไปมา
“อื้อ”
“อย่าดื้อกับคุณภาสเขามาก”
“จะดื้อ ดื้อมาก”
“ถ้าเขาทำอะไรที่หนูไม่ยินยอมโทรหาแม่ทันทีนะลูก”
“อื้อ”
“อย่าลืมกินยาแล้วก็ห้ามกลัวเข็มด้วย” คณิตพูดแทรกขึ้น
“อื้อ คณิตอย่าโอ๋”
“อย่าร้องตะนิด กูตีนะ”
“แม่! คณิตจะตีตะนิด!!”
สองหนุ่มอัลฟ่าคนนอกกอดอกมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดูแปลกๆ เหมือนครอบครัวแมวกำลังโอ๋ลูกแมวเล็ก แล้วลูกแมวตัวเล็กนั่นก็กอดตุ๊กตากัดปากตัวเองกลั้นน้ำตาสุดความสามารถ แล้วอะไรคือโอ๋กันเหมือนเขามาขโมยลูกไป เขาน่ะใกล้คำว่าผู้เสียหายมากกว่าเจ้าลูกแมวตัวนั้นอีกนะ
จู่ๆ ก็โดนยกลูกแมวให้ไปเลี้ยงที่บ้าน
ล่ำลาเสร็จลูกแมวก็เดินหูตกเข้าไปนั่งจ๋องในรถ คงได้เวลาไปจริงๆ เสียที เขายกมือขึ้นไหว้ลาเจ้าของบ้านโดยไม่ลืมหันไปกระตุกยิ้มกวนประสาทแฝดคนพี่เล่นอีกรอบ
คอนโดของภาสไม่ได้ไกลมากจากบ้านอีกตะนิด เพียงแต่ด้วยความที่อยู่ในเมือง รถจึงติดเป็นพิเศษ จากระยะเวลาที่ควรห่างกันแค่ครึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นชั่วโมงครึ่ง แมวน้อยที่กอดคุณนุ่มเบอร์ห้ามาเตรียมเป็นอาวุธก็หลับคอพับคออ่อนไปตั้งแต่สิบนาทีแรก
ภาสแอบลอบมองคนตัวเล็กด้วยสายตากังวลเล็กน้อย เด็กนี่หลับเยอะมากและกลิ่นแป้งก็ดูจะเริ่มแรงขึ้นนิดหน่อย ต่อให้กินยาเลื่อนยังไงก็คงไม่พ้นต้องฮีทภายในสามสี่วันนี้แน่ๆ อีกอย่างยาเลื่อนนั่นกินมากๆ ก็ไม่ดีเพราะตัวยาจะสะสมแล้วส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว
เขาเองที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะรับมือยังไงถ้าแมวตรงหน้านี้ฮีท ถึงจะปล่อยเลยตามเลยแล้วโยนให้เป็นเรื่องของสัญชาตญาณมันก็ทำได้อยู่หรอก
...แต่เขารู้สึกไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเพราะแค่นั้นเลย
ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่ปกติเขาก็ผ่านการรัทกับฮีทของโอเมก้าโดยไม่ได้สนใจอะไรมาตั้งเยอะแล้วแท้ๆ
รถหรูเลี้ยวเข้าคอนโดหรูหลังจากที่ติดอยู่บนถนนอยู่นานกว่าชั่วโมง พอจอดรถปุ๊ปดวงตากลมก็ตื่นปั๊ปเหมือนตั้งเวลา มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปยืนหน้ามุ่ย ตางี้แทบลืมไม่ขึ้น เขาเดินไปเปิดประตูหลังหยิบกระเป๋าใส่ของส่วนตัวของโอเมก้าตัวน้อยที่พี่ชายกับแม่ยัดใส่เข้ามาขึ้นสะพายก่อนจะกดล็อครถ
ระหว่างทางเดินไม่มีประโยคสนทนาอะไรเกิดขึ้น แต่ภาสก็รับรู้ได้ว่าตะนิดเดินแทบจะชิดเขาด้วยความไม่คุ้นที่
ห้องของเขาตั้งอยู่บนชั้นที่ยี่สิบสอง เป็นห้องสามห้องนอนสองชั้น ตอนแรกก็จะซื้อแบบเพนเฮาส์ชั้นบนสุดไว้แต่พอคิดได้ว่าอยู่คนเดียวไม่รู้จะมีห้องใหญ่ขนาดนั้นไว้ทำไมจึงเปลี่ยนใจซื้อไว้แค่ห้องปกติ
“โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห” เจ้าแมวตาโตวิ่งไปเข้าห้องไป ไหนล่ะไอ้ที่นัดกับพี่ชายมาดิบดีว่าถึงแล้วจะรีบเผ่นเข้าห้อง เขาส่ายหัวก่อนจะปิดประตูห้องเดินตามเข้าไป
“ห้องนอนอยู่ชั้นสอง”
“นี่ ระเบียงดูวิวได้ไหม”
“เอาของไปเก็บห้องก่อน”
“ทีวีใหญ่จังงงงงงง”
“ตะนิด”
“เห้ยยยย เครื่องล้างจาน ดีมากเลยอ่ะ นี่โคตรเกลียดเวลาแม่ใช้ให้ล้างจานเลย แล้วอันนี้ปุ่มอะไร เห้ยยยย หรี่ไฟได้ด้วยยย”
...ไม่ฟังกันแล้ว
ภาสถอนหายใจยาวสุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยแมวเดินสำรวจห้องให้เต็มที่
ตะนิดเดินไปเดินมารอบชั้นหนึ่ง คอนโดนี่กว้างมาก กว้างกว่าบ้านเขาอีก สาบานว่าอยู่คนเดียวเหอะ แค่ครัวกับห้องกินข้าวก็ใหญ่เท่าห้องนอนเขากับคณิตรวมกันแล้ว แล้วทีวีจะกว้างอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องไปดูมันแล้วไหมในโรง พอหมุนไปวนมาจนพอใจ ตากลมตวัดมองอัลฟ่าหน้าดุที่กอดอกจ้องอยู่
“เอาของไปเก็บห้องนอนก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เออจริงด้วย!
ลืมไปเลยว่าต้องขังตัวเองไว้ในห้อง!!
ตะนิดรีบกลับมาระวังตัวแม้ใจจะอยากสำรวจพื้นที่ต่ออีกหน่อยก็เถอะ ขาเล็กเดินตามหลังอัลฟ่าหนุ่มขึ้นชั้นสองไปด้วยความระแวง
“ห้องนอนฉันคือห้องซ้าย ส่วนห้องเธออยู่ด้านขวา” ตะนิดเดินตามเข้าไปในห้องที่ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็นห้องของเขา เตียงกว้างมากแถมมีระเบียงดูวิวสวนสาธารณะอีก
พอเห็นเตียงนุ่มแล้วสัญชาตญาณโอเมก้าก็แล่น อดไม่ได้ที่จะต้องกระโดดตุ้บขึ้นไปกลิ้ง ภาสได้แต่มองแมวน้อยกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงพรางคว้าเก้าอี้มานั่งรออีกฝ่ายคลุกตัวเองเสร็จค่อยเริ่มบทสนทนา
และมันกินเวลาไปเกือบสิบนาที
เตียงขนาดใหญ่ยับยู่ยี่หมอนผ้าห่มกระจัดกระจาย ในที่สุดแมวน้อยก็เหนื่อยลุกขึ้นมาหอบแฮ่กๆ
“แฮ่กๆ เหนื่อยจัง แต่นุ่มดี”
“เอาล่ะ เสร็จแล้วก็มาคุยกัน”
“อือ คุยอะไร”
“นี่เธอเข้าใจแค่ไหนกับการมาอยู่ตรงนี้”
“...” โอเมก้าน้อยไม่แม้แต่ขยับปากตอบ เพราะไม่รู้อะไรเท่าไหร่ รู้แต่แม่บอกให้มา แล้วก็อยากกลับแล้วด้วย
“เอาล่ะ ก่อนอื่นเลย ฉันและเธอเป็นคู่แห่งโชคชะตากัน ฉันได้กลิ่นแป้งของเธอ เธอได้กลิ่นลาเวนเดอร์ของฉันและจะมีอีกหลายอย่างที่วุ่นวายจากการเป็นคู่แห่งโชคชะตา นั่นรวมไปถึงเรื่องฮีทของเธอ”
“ฮะ ฮีท”
“ปกติเธอจะฮีทช่วงต้นเดือนใช่ไหม ต่อจากนี้เธอจะฮีทไม่ตรงเวลาและอาจจะถี่ขึ้น และ... ที่เรามาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน เพราะฉันจะเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอหายฮีทได้ไวที่สุดและเธอก็จะเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันหายรัทได้ไวขึ้น ความสัมพันธ์ของเราตอนนี้คือผลประโยชน์ของกันและกันในเรื่องนี้”
หากยังไม่เจอคู่แห่งโชคชะตา อาการฮีทของโอเมก้าจะสามารถทุเลาลงได้ด้วยยาหรือการเติมเต็มด้วยวิธีอื่น แต่เมื่อเจอคู่แห่งโชตชะตาแล้วต่อให้เติมเต็มด้วยอะไรก็ตามก็จะไม่ได้ผลเท่าคู่ตัวเอง
“มะ ไม่เห็นต้องคุยเลย พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว บอกแม่ว่าไม่เวิร์ค” ลืมไปเลยว่าแผนนั่นยังอยู่ ถึงอย่างนั้นภาสก็เลือกที่จะเมินมันทิ้งไป ยังไงคนเป็นแม่ของเจ้าลูกแมวนี่ก็คงไม่ปล่อยให้ลูกที่อยู่ในสภาพใกล้ฮีทกลับบ้านไปหรอก
คนเป็นแม่นั้นก็คงรู้เหมือนกันว่าฮีทกำลังจะมา
เพียงแต่ไม่ได้บอกกับเจ้าตัวตรงๆ
“จากเซนส์ของฉัน เธอน่าจะเริ่มฮีทภายในอาทิตย์นี้” พออัลฟ่าหนุ่มพูดจบ ตะนิดก็เบิกตากว้าง
“รู้ได้ยังไง!!!!”
“กลิ่นเธอมันบอก”
“...”ตะนิดรีบยกจั๊กแร้ขึ้นมาดม จมูกเล็กขยับดมฟุดฟิด ก็ไม่เหม็นนี่นา
มั่ว! ใส่ความกันชัดๆ !
“เธอเป็นโอเมก้า ฉันไม่ได้อยากจะย้ำ แต่เรื่องแบบนั้น... มันก็ค่อนข้างจะเลี่ยงยาก” ภาสเลือกที่จะพูดอ้อมๆ เพราะรู้ดีว่าตะนิดเองก็คงเข้าใจ
“...”
“เพราะงั้นถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นเธอไม่ต้องรู้สึกแย่ มันเป็นเรื่องของร่างกายที่มันปฏิเสธไม่ได้ ฉันเองก็ปฏิเสธไม่ได้...”
ภาสยอมรับเสียงนิ่ง โดยปกติอัลฟ่าเลือดแท้จะสามารถควบคุมฟีโรโมนของตัวเองได้และยังควบคุมอาการรัทของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งยา แต่สำหรับกรณีคู่แท้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
“แต่...”
“ฉันไม่ได้ฝืนใจ” ภาสพูดออกมาตามตรง เขาไม่ได้รู้สึกฝืนใจถ้าเกิดอีกฝ่ายฮีทแล้วต้องปล่อยเลยตามเลย กลับกัน ด้วยอะไรบางอย่างเขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันน่าจะไปในทางหยุดไม่อยู่ด้วยซ้ำ
“แต่... เอ่อ แต่” ตะนิดแก้มแดง อึกอั่กพูดอะไรไม่ถูก จู่ๆ ต้องมาพูดถึงเรื่องฮีทให้คนอื่นฟัง มันน่าอาย
“ปกติเธอจัดการเรื่องฮีทยังไง”
“ไม่บอก ไม่บอก!!”
“ตะนิด”
“ไม่บอกได้ไหม ไม่เอาแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม” ตะนิดเบะปากน้ำตาคลอ เขาไม่ชอบพูดถึงเรื่องนี้ ทุกครั้งที่ฮีทมันจะน่าอายเสมอ ดีที่แม่เลือกจะขังเขาไว้ในห้องคนเดียว มันน่าอับอาย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันน่าอับอาย!!!
“นี่ ตะนิด...” ภาสพยายามจะตะล่อมให้คนตัวเล็กตอบ
“ไม่ตอบเรื่องนี้ ไปคุยในชั้นศาล!!!”
“หรอ ศาลอะไร”
“ศาลเจ้า!!! ข้าพเจ้านายตนิษฐ์ จะไม่ยอมพูดเรื่องฮีทเด็ดขาด ถ้าข้าพเจ้าพูดขอให้ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด ท้อง... ท้องอะไรก็ได้!!!”
เป็นงั้นไป เล่นของศักดิ์สิทธิ์มันแบบนั้นเลยสิ
แล้วอะไรถึงไปแช่งตัวเองไม่แช่งคนถาม ภาสนึกสงสัยในใจแต่ไม่ได้ถามออกไป พอเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงยืนกรานจะไม่พูดเขาก็ยอมถอยทัพ
“โอเค เดี๋ยวฉันจะสั่งข้าวมาให้ แล้วก็ไม่ต้องขังตัวเองอยู่ในห้องเพราะฉันมีกุญแจ ลงไปนั่งดูทีวีดีๆ เถอะ” พูดจบอัลฟ่าหนุ่มก็เดินออกจากห้องนอนไปปล่อยให้โอเมก้าตัวน้อยกอดคุณนุ่มเบอร์ห้าแน่น
เขาใกล้จะฮีทงั้นหรอ...
ไม่อยากคิดสภาพถ้าต้องมาฮีทให้คนอื่นเห็นเลย จะร้องไห้
คืนแรกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มันดำเนินไปอย่างง่ายๆ แค่กินข้าวเย็นด้วยกันแล้วก็แยกย้ายเข้าห้องนอน ตะนิดพอจะเข้าใจความสันพันธ์ของเขากับเสี่ยโรคจิตขึ้นมาหน่อยแล้ว มันคือคำที่เรียกว่า
Friend with benefit
ไม่ดิ เราไม่ใช่เพื่อน งั้นเอาเป็น
Sia lok jit and handsome tanid with benefit
ยาวไปนิด แถมดูเหมือนจะเป็นภาษาอังกฤษแหม่งๆ
แต่ช่างมันเถอะ!!!
ใช่แน่ๆ ไหนใครว่าคู่แห่งโชคชะตาอะไรนี่มันโรแมนติกนักโรแมนติกหนาไง แค่เขากับเสี่ยโรคจิตนี่ถูกผูกกันด้วยอะไรโง่ๆ อย่างเรื่องบนเตียงแล้วแม่ก็เลยจับคลุมถุงปุ๋ยชน ละคร ละครหลังข่าวชัดๆ !!!
ไม่ได้รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไง!!!
คิดแล้วก็หงุดหงิดยุบยิบในใจ เขาเลยดับหัวตัวเองให้หายร้อนแล้วก็ให้หายงงด้วยการเข้าไปอาบน้ำ แช่น้ำร้อนจนพอใจ ผิวเหี่ยวเป็นยู่ยี่ถึงค่อยขึ้นมาแต่งตัว
วันนี้เขาใส่ชุดนอนที่คณิตเตรียมไว้ให้ เป็นชุดสีฟ้าลายก้อนเมฆ จริงๆ คณิตก็มีด้วยอีกชุดแต่ไม่ค่อยใส่ คณิตบอกมันปัญญาอ่อน ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนซื้อก็ตัวเองแท้ๆ แต่งตัวปะแป้งแคร์เสร็จแล้วก็กระโดดขึ้นเตียงเตรียมหลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้คณิตก็มารับกลับบ้านแล้ว มือเล็กกดปิดไฟหัวเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงคอ หลับตาเตรียมพร้อมกับการกล่อมตัวเองให้หลับ
สิบห้านาทีผ่านไป...
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...
นอนไม่หลับ
ตากลมเบิกโพลง เขานอนไม่ได้ อึดอัด รู้สึกโหวงในใจจนขนลุก ร่างเล็กผุดขึ้นนั่งบนเตียงใหญ่ก่อนจะกวาดมองไปรอบๆ ห้องนอน
ห้องกว้างเกินไปจนรู้สึกกลัว
วิวสวนสาธารณะนอกหน้าต่างที่ชอบเมื่อกี้กลับกลายเป็นทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
...กลัว
เขากลัว
ขาเล็กรีบก้าวลงจากเตียงก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเดินไปห้องตรงข้าม ตะนิดเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตู
ไม่มีเสียงตอบรับ
อะไร เพิ่งห้าทุ่มเอง นอนแล้วหรอ คนแก่นอนไวหรอ
ตะนิดกำมือแน่นจนชื้นเหงื่อ เขารู้สึกไม่ปลอดภัยจากการไม่คุ้นที่ไม่คุ้นกลิ่น ด้วยความเป็นโอเมก้า เขาไม่เคยไปนอนค้างนอนบ้านโดยไม่จำเป็นหรือถ้าไปก็จะต้องมีคณิตไปด้วยเสมอ
“ลุง...” ตะนิดเคาะประตูบานใหญ่อีกรอบแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ โอเมก้าตัวน้อยเม้มปากจนเป็นเส้นตรง เขาจะร้องไห้แล้วนะ กระวนกระวายใจจนในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ฟังคำอนุญาต พอเปิดเข้าไปก็ตรงเวลาพอกับที่อัลฟ่าหนุ่มเปิดประตูระเบียงกลับเข้ามา ดวงตาใต้แว่นกรอบเหลี่ยมเบิกกว้างเล็กน้อย
“อ้าว... มีอะไร”
“เคาะแล้วไม่ตอบ”
“ฉันอยู่ระเบียงน่ะ เลยไม่ได้ยิน” ตะนิดสังเกตว่าอีกฝ่ายอยู่ในชุดนอนแล้ว คงเตรียมจะนอนแล้วเหมือนกันสินะ
“นี่... ลุง”
“ตะนิด ฉันบอกให้เรียกฉันว่าอะไร”
“...”
“ตะนิด”
“...”
“ตะนิด ฉันพูดว่ายังไง”
“พะ พี่ภาส”
พี่(ผิด)พลาด! พี่(ผิด)พลาด! ตะนิดกู่ร้องในใจ
“อืม ว่าไง มีอะไร”
“นอนไม่ได้” ตะนิดพูดเสียงอ้อมแอ้ม
“อะไรนะ”
“ห้องใหญ่เกินไป นอนไม่ได้”
ภาสกระพริบตาปริบๆ กับคำบอกเล่าจากปากโอเมก้าตรงหน้า แต่พอสังเกตว่าอีกฝ่ายดึงชายเสื้อตัวเองแน่นแถมยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็คิดว่าคงเป็นอะไรที่จริงจังสินะ
“แล้วต้องทำยังไงดีล่ะ”
“มะ ไม่รู้ แต่นอนไม่ได้”
“...”
“นะ นอนด้วยได้ไหม”
“...” อัลฟ่าหนุ่มผงะไปเล็กน้อยกับคำขอ นี่ลืมไปหรือเปล่าว่าแผนแรกที่วางมากับแฝดพี่คือขังตัวเองไว้ในห้องนอนน่ะ
“แต่ห้ามทำอะไรนะ นอนเฉยๆ นะ”
“อืม... เอาสิ” ภาสยกมือขึ้นเกาคอตัวเองแก้เก้อ พอเขาตอบตกลงไป เจ้าลูกแมวก็ปีนเตียงเขา จัดแจงเอาหมอนข้างมาคั่นกลาง ตบผ้าห่มปุๆ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ใบหน้าที่ดูตื่นกลัวนั่นกลายเป็นตาปรือภายในเสี้ยววินาที เขายังไม่ทันสติเข้าร่างด้วยซ้ำ โอเมก้าตัวเล็กนั่นก็หลับตาพริ้มส่งเสียงกรนคร่อกออกมาเรียบร้อย
อัลฟ่าหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองเรียกสติ พยายามทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของโอเมก้าให้ได้มากที่สุด เขาเดินไปหยิบหลอดยาระงับการรัทข้างหัวนอนขึ้นมาถอดปลอกก่อนจะค่อยๆ ปักเข้าต้นแขนตัวเอง
... กันไว้หน่อยดีกว่า
เกิดฮีทขึ้นมากลางดึก เขากลัวสัญชาตญาณตัวเองจะเผลอรังแกเจ้าแมวตัวน้อยนี่
ภาสปิดไฟหัวเตียง ถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะค่อยๆ กระเถิบตัวขึ้นเตียงให้เบาที่สุด กลัวว่าเจ้าแมวจะตื่น แต่พอมองให้มั่นใจอีกที
หลับน้ำลายย้อย ขาไปทางแขนไปทาง ไม่เห็นมีตรงไหนดูเหมือนคนนอนไม่ได้เลยสักนิด แล้วดูนอนไม่ระวังจนเสื้อเริกขึ้นไปกองกันอยู่ตรงอกหมดแล้ว เขาขยับจัดท่านอนกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเล็กให้เรียบร้อยถึงค่อยล้มตัวลงนอน
ตื่นมาพรุ่งนี้ก็หวังว่าจะไม่โวยวายอะไรแล้วกัน
___________