ก็จะดื้อ 18
โด้ไม่โด้
เคยมีใครเสียชีวิตเพราะตูดฉีกไหม
ไอโฟนในมือเล็กของตะนิดได้แต่สั่นระริกให้กับประโยคการเสิร์ชกูเกิ้ลล่าสุดของตัวเอง คิดเองหลอนเอง แค่นึกภาพตอนมังกรผงาดแทรกเข้าถ้ำมาได้สำเร็จก็รู้สึกแสบก้นขึ้นมาทันที
“ฮืออออออออออออ” ใบหน้าดื้อซุกลงกับหมอนพร้อมกับส่งเสียงงอแงออกลั่น ทำเอาแฝดพี่ที่นั่งตัดเล็บอยู่ข้างๆ ต้องยกเท้าขึ้นเขี่ยแฝดน้อง
“เป็นบ้าอะไรอ้วน”
“ฮืออออออออ ไม่อ้วน”
“อ้วนกว่ากู” คณิตถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะจับขาแฝดน้องขึ้นมาวางบนตักตัวเอง ส่งผลให้ตะนิดนอนราบไปกับโซฟา แต่ถึงอย่างนั้นตะนิดที่เคยชินกับการนอนให้แฝดพี่ตัดเล็บก็ขยับตัวเข้าที่ให้แต่โดยดี
“คณิตมึง...”
“อย่าขยับ เดี๋ยวเข้าเนื้อ” คณิตเอ่ยดุพร้อมกับค่อยๆ ประคองเท้าเล็กขึ้นตัดปลายเล็บที่เริ่มยาวออกมา ปกติเขากับตะนิดมักจะสลับกันตัดเล็บให้แบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แม้ส่วนใหญ่เขามักจะเป็นฝ่ายตัดให้แฝดน้องก็ตามเถอะ
“คณิตตตตต”
“อะไร เลิกทำเสียงอ้อนได้ป่ะ มึงคิดว่าตัวเองน่ารักมากมั้ง”
“คณิต กูก็มีแต่มึงในชีวิตให้ถามป่ะ”
“อะไร”
“มะ มะ มึง มึงว่าตอนเราท้องผูก ก้อนอึเราใหญ่ไหม”
“อะไรของมึง” คณิตขมวดคิ้วมุ่น ชวนคุยเรื่องอะไรไม่ชวน มาชวนเรื่องท้องผูกเนี่ยนะ
“คณิตๆ เคยลองเอานิ้วโป้งยัดจมูกเข้าไปหมดนิ้วป่ะ มันเจ็บไหม” พูดเสร็จตะนิดก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาเสียบรูจมูกตัวเอง ก่อนจะพบว่าไม่เจ็บแต่ก็เข้าไปได้ไปหมด ส่วนคณิตก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
“มึงสงสัยอะไรให้มันดูเหมือนคนปกติสงสัยได้ไหมตะนิด”
“คณิต..”
“ไร”
“ดิลโด้นี่มันเจ็บป่ะ”
กริ๊บ...
ปลายเล็บที่ถูกคมของกรรไกรตัดเล็บตัดกระเด็นลิ่วตกไปที่พื้นห้องนั่งเล่นพร้อมกับคณิตที่เงยหน้าตาถลนขึ้นมองแฝดน้องประหนึ่งเห็นผี ใช่ ผีทะเล ผีลามก ผีเวรที่ไหนมาเข้าสิงน้องชายกูกันวะเนี่ยยยยย
“มะ มะมึงจะถามว่าปีโป้เจ็บไหม”
“ดิลโด้ๆ”
จับหน่อยจะล้ม...
คณิตถึงกับหน้ามืดแทบจะหน้าปักลงบนโซฟา ถึงจะบอกให้สงสัยอะไรให้มันดูเป็นคนปกติก็เถอะ แต่ใครแม่งจะคิดว่ามันจะออกมาเป็นเวย์นี้ได้วะ!!!
“มะ มึงหมายถึงนีโม่ ปลานีโม่!!!”
“ดิลโด้ดิ”
จับหน่อยจะตาย...
คราวนี้หน้ามืดปักพนักพิงโซฟาไปดังปั้กเต็มๆ ก่อนจะงัดหน้าตัวเองขึ้นมามองไอ้แฝดน้องตัวดีที่ทำหน้าเด๋อด๋าไม่เข้าใจสถานการณ์
“มะ มึงคิดยังไงมาถามกูคำถามนี้ ไอ้นกเงือก”
“มันเป็นประเด็นใหญ่ของชีวิตนะ ไม่ถามมึงให้กูไปถามใคร”
“...” คณิตได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ถ้าไอ้แฝดเวรนี่ไปถามคนอื่นก็ดูจะอันตรายกว่าเดิมจริงๆ ยิ่งถ้าไปถามหัวหน้าแผนกอย่างไอ้พี่เต้อนี่ไม่ต้องถามเลยว่าจะไปจบที่ไหน เผลอๆ มันกดสั่งให้ด้วยซ้ำไอ้หัวหน้าเวร
“คืองี้คณิต”
“อืม”
“มึงก็รู้ว่ากูเป็นโอเมก้า”
“อืม”
“แต่กูก็ไม่คิดว่าของอัลฟ่ามันจะใหญ่ขนาดนั้น เท่านี่!!!”
ไม่ต้องจับแล้ว ให้ตายกันไปเลยดีกว่าแบบนี้...
คณิตนึกอยากยกกรรไกรตัดเล็บขึ้นมาตัดวิญญาณตัวเองเสียมันตอนนี้ ยิ่งไอ้แฝดตัวดียกแขนตัวเองขึ้นมาเน้นให้ดูขนาดแบบสมมตินั่นทำให้เขายิ่งอยากจะหายไปจากตรงนี้ ไม่อยากจะฟังคำถามต่อๆ ไปที่จะหลุดออกมาจากไอ้น้องเวรนี่เลย
“กูไม่คุยแล้ว เปลี่ยนเรื่อง เอานิ้วมา” เขารีบปัดประเด็นสุ่มเสี่ยงออกจากบทสนทนาพร้อมกับคว้ามือเล็กขึ้นมาเตรียมตัดเล็บให้ต่อ แต่แฝดน้องเวรก็ยู่หน้าไปมา
“กูอุตส่าห์ขอพี่ภาสมานอนบ้านเพราะกูเครียดนะคณิต” แมวดื้อบ่นหงุงหงิง ใช่แล้ว วันนี้เขาขอพี่ภาสกลับมานอนบ้านตัวเอง โดยที่มีข้อแม้ว่าต้องกินยาเลื่อนฮีทแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเซอร์เคิลฮีทก็ตาม ถึงจะแอบเศร้าใจเล็กน้อยเมื่อตอนมาถึงบ้านถึงเพิ่งรู้ว่าแม่ไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนแต่ก็ยังดีที่ยังทิ้งแฝดพี่หน้าเบื่อโลกไว้เล่นเป็นเพื่อนอยู่
“ตะนิด”
“หืม?”
“กูคุยกับมึงได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องที่มึงพูดมา”
“ทำไมอ่ะ”
“มึงจะบ้าเหรอตะนิด มึงคิดว่ากูจะอยากรู้เรื่องบนเตียงของมึงรึไง” คณิตพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์แต่มือก็ยังคงตัดเล็บต่อให้ ตะนิดมองภาพแฝดตรงหน้าก่อนจะค่อยๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“แล้วมึงคิดว่ากูมีคนให้ปรึกษานอกเหนือจากมึงหรือไง”
“...”
“กูกลัวนะคณิต กูไม่ได้ตลกด้วย”
“...”
“มันน่ากลัวจริงๆ นะ”
แมวดื้อพูดเสียงอ่อยพร้อมกับดึงมือตัวเองกลับมากอดขา ตะนิดแปลรูปตัวเองเป็นก้อนเล็กๆ มุดเข้าริมโซฟา
สำหรับหลายคนครั้งแรกอาจจะเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นน่าลองแต่สำหรับเขามันเป็นเรื่องที่น่ากลัว แถมยังทวีความน่ากลัวมากขึ้นเป็นเท่าตัวหลังจากที่เขาได้เห็นขนาดมังกรนั่นเต็มตัว ไม่มีทางเลย ไม่มีทางจริงๆ
ไม่มีทางให้เข้าจริงๆ!!!
มันเคยเป็นแต่ทางออก มันเข้าไหวได้ยังไง!!!
“เลิกห่อตัวแล้วยื่นมือมาให้กูตัดต่อ” คณิตเอ่ยเสียงดุพร้อมกับดึงมือเล็กมาจับตัดเล็บต่อ ตะนิดยู่ปากแต่ก็ยอมให้พี่ชายตัดไม่กี่นาทีตัดเล็บให้
“คณิต...”
“มึงจำกูไว้จะตะนิด กูจะพูดครั้งเดียวแล้วจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
“...”
“มึงเป็นโอเมก้าเรื่องแบบนั้นกลไกร่างกายมึงจะช่วยด้วยในระดับนึง แต่สิ่งที่มึงควรจะให้ความสำคัญคือการป้องกัน ถุงยางคือสิ่งที่มึงต้องพกและไม่ใช่ถุงยางไซซ์มึงเข้าใจไหม”
“อ้าว ทำไมไม่ใช่ไซซ์กู”
“มึงจะใส่ทำไม กลัวเตียงเลอะแบบนี้เหรอ”
“อิ้วว มึงพูดจาลามกอ่ะคณิต กูไม่ชิน ฟ้องแม่นะ”
“...” แล้วคนเปิดประเด็นมันใครกันวะ คณิตได้แต่คิดพร้อมกับส่งสายตาระอาใส่แฝดน้อง
“อื้อ ละไงต่อ”
“เออ ถุงยางมันช่วยเรื่องความสะอาด เรื่องโรค แต่อย่างไอ้ลุงนั่นคงไม่น่าแถวโรคอะไรมากหรอก แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นของถุงยางคือมึงต้องรู้ว่าโอเมก้ามีเปอร์เซนในการตั้งท้องระหว่างฮีทสูง ถ้ายังไม่พร้อมจะมีลูกก็ให้อัลฟ่าใส่ไว้ และใช่ มึงยังไม่พร้อม เอาตัวเองยังไม่รอดคิดจะตัวเล็กมาวิ่งในบ้านให้กูปวดหัวอีกรึไง”
อ้าว พูดยังไม่ทันเสร็จโดนบ่นต่อเฉยเลย
ตะนิดกะพริบตาปริบๆ แต่ถึงงั้นก็สงบคำไว้เพราะรู้ว่าตอนนี้แฝดพี่ไม่สบอารมณ์สุดๆ ที่จะต้องมานั่งพูดเรื่องแบบนี้กับเขา
“อื้อ ไม่มีตัวเล็กๆ”
“แล้วที่มึงต้องระวังที่สุดคือการที่อัลฟ่าน็อตมึง”
“น็อต?”
“อืม เห้อ ตัวยากเลย กูจะอธิบายยังไงเนี่ย”
“...”
“คือเอาเป็นว่ามันเจ็บฉิบหาย เจ็บแบบมึงต้องร้องไห้ เจ็บแบบได้เลือด มึงเตือนคู่อัลฟ่ามึงไว้ก่อนเลยว่าห้ามน็อต แค่นั้นแหละ” คณิตเลี่ยงการอธิบายพร้อมกับเบนสายตามาอยู่ที่การตัดเล็บต่อแม้จะตัดหมดไปแล้วครบทั้งสิบนิ้วก็ตามที
“ทำไมมึงพูดเหมือนมึงเคยโดนน็อต”
“...”
“เอ้ย มึงเป็นอัลฟ่าแปลว่าต้องไปน็อตคนอื่นสิ”
“...”
“คณิตเป็นไรอ่ะ ทำไมเงียบ” ตะนิดเอียงคองง อยู่ดีๆ คณิตก็ทำหน้าแปลกๆ แถมยังจับก้นตัวเองเหมือนเจ็บก้นขึ้นเสียอย่างงั้น ซึ่งหลังจากที่ทักคณิตก็ตอบด้วยการส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบว่าไม่ได้เป็นอะไร
“มึงน่ะแค่เตรียมใจดีๆ ก็พอเพราะกูว่าคู่มึงน่ะเขาเจนสนาม” คณิตพูดลอยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะก่อประเด็นให้ทะเลาะกันหรอกนะ ไม่เลย ไม่เล้ย หึ
“เจนสนาม?”
“อย่างพี่ภาสคู่มึงน่ะกูว่าน่าจะผ่านมาหลายสนามรบแล้ว”
“...”
“ดูคู่นอนน่าจะเยอะ”
“...”
“ผู้ชายใส่แว่นเขาว่าเจ้าชู้นี่”
หึ...
คณิตยิ้มเยาะในใจเมื่อเห็นว่าตะนิดค่อยๆ ขมวดคิ้ว โทษทีนะไอ้ลุงอัลฟ่าแว่น ถือว่าเอาคืนหลายๆ เรื่องแล้วกัน
“ตะ แต่พี่ภาสกลับบ้านตรงเวลาตลอดเลยนะ”
“เพราะมึงอยู่ห้องรึเปล่า เออ ไม่พูดแล้วดีกว่าเดี๋ยวมึงจะคิดมาก ป่ะ ไปกินข้าวเย็นกัน แม่สั่งพิซซ่าไว้ให้ แป้งบางกรอบหน้าต้มยำกุ้งกับไก่บาบีคิว”
“...”
“ตะนิด?”
“อะ อือกินๆ” แมวดื้อเกินไปทางห้องกินข้าวด้วยใบหน้างอแง ในหัวคิดไปร้อยแปดแล้วว่าวันนี้อัลฟ่าที่ห้องจะกลับบ้านดึกรึเปล่า จะออกไปหาใครรึเปล่า แค่คิดใจก็โหวงไปหมดจนแทบไม่มีอารมณ์กินพิซซ่า
คณิตมองแผ่นหลังของน้องชายก่อนจะถอนหายใจยาว
ประเด็นที่พูดวันนี้
เหมือนส่งน้องออกเรือนเลยให้ตาย...
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จตะนิดก็รีบวิ่งกลับห้องนอน ใบหน้าดื้อเต็มไปด้วยความกังวล ทั้งคิ้วขมวดและปากยื่น
พี่ภาสเจ้าชู้เหรอ...
ไอ้ลุงแว่นเจ้าชู้งั้นเหรอ!!!!
มือเล็กรีบหยิบมือถือขึ้นมากดคอลหาอัลฟ่าที่อยู่คนละที่ทันที ใจน้อยๆ ว้าวุ่นไปหมดเมื่อคิดภาพตามที่คณิตบอก
[ว่าไง... ทำไมทำหน้าแบบนี้] ภาสที่อยู่อีกฝั่งปลายสายขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆ หน้าแมวดื้อก็โผล่มาเต็มจอ แถมยังขมวดคิ้วดุอีกต่างหาก
“พี่ภาส!!!”
[หืม?]
“พี่ภาสเจ้าชู้เหรอ”
[ห๊ะ?]
“พี่ภาสห้ามเจ้าชู้แล้ว” ตะนิดเอาหัวโขกกล้องดังปั้กเป็นการเตือนว่าเอาจริง ส่วนอีกฝั่งก็ได้แต่งง ไม่เข้าใจทั้งคำพูดทั้งการเอาหัวโขกกล้อง
[อธิบายหน่อยได้ไหม]
“ไม่! ถ้าพี่ภาสเจ้าชู้เป็นไอ้แว่นเจ้าชู้ นิดจะโคตรโกรธเลยนะ เห้ย พูดจริง โกรธว่ะ”
[ไม่เรียกพี่ว่าไอ้]
“ขะ ขอโทษครับ ตะ แต่คณิตบอกว่าพี่ภาสเจนสนาม ผู้ชายใส่แว่นเขาว่าเจ้าชู้ คือดูทรงนิดก็รู้แหละไม่ต้องให้คณิตบอกหรอก ถ้าพี่ภาสเจ้าชู้นิดจะเจ้าชู้บ้าง นี่เตือนแล้วนะลุง!!! นิดเสน่ห์แรงนะนี่พูดจริง!!!”
[เราจะเจ้าชู้?] ภาสขมวดคิ้วพร้อมกับย้อนถามกลับ
“อย่าท้านิดนะ!!!!”
[พี่ไม่ได้ท้า]
“...”
[ปล่อยกับบ้านยังไม่พ้นคืนวางแผนจะเจ้าชู้เนี่ยนะ?] ภาสถอนหายใจยาวเหยียดพร้อมกับยกมือขึ้นนวดขมับ
“นิดเสน่ห์แรงจริงๆ นะพี่ภาส” แมวดื้อเอ่ยเสียงอ่อยก่อนจะมุดหน้าลงกับเข่า ตากลมจ้องใบหน้าหล่อผ่านจอโทรศัพท์ด้วยความน้อยใจ
เขาพอจะรู้ว่าพี่ภาสคงจะผ่านเรื่องแบบนั้นมาเยอะ ดูทรงก็รู้แล้ว แต่พอมีคนมาย้ำมันก็แอบรู้สึกจี๊ดๆ ในอกเสียไม่ได้ รู้สึกหวงขึ้นมาจนอยากจะร้องไห้
[พี่ไปรับได้ไหม]
“หือ... ไม่ได้ นิดจะนอนนี่”
[งั้นก็อย่าทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้น] ภาสเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาใต้แว่นกรอบเหลี่ยมมองกลับมาในจอด้วยความคิดถึง
ทั้งๆ ที่เพิ่งห่างกันไม่ถึงคืน เขาก็คิดถึงแมวดื้อนี่เสียแล้ว
ยิ่งคอลมางอแงแบบนี้ก็ยิ่งคิดถึง บ้านที่ไม่มีเสียงของตะนิดมันเหงากว่าเดิมเยอะเสียจนเขานอนไม่หลับ ถึงประเด็นที่คอลมามันจะดูน่าสงสัยไปหน่อยก็ตามแต่เดี๋ยวค่อยคิดบัญชีหลังวางสาย
“พี่ภาส... อย่าเจ้าชู้เลย”
[...]
“มีนิดแล้วก็ยังจะเจ้าชู้เหรอ”
[ตะนิด]
“ถ้าพี่ภาสเจ้าชู้ นิดจะเจ้าชู้บ้างจริงๆ นะ ขู่แล้ว นิดจะไปเดทกับพี่ลี่”
[ตะนิด...] ก่อนจะได้เจ้าชู้อาจจะได้เจอเจ้าของเขากระทืบก่อนน่ะสิ ภาสคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป เขากำลังจะเอ่ยพูดอะไรต่อแต่จู่ๆ ประตูห้องแมวดื้อก็เปิดขึ้นพร้อมกับแฝดพี่ที่เดินเข้าห้องนอนมา
“ตะนิด ตกลงเรื่องดิลโด้ที่มึงถามกูนี่ยังไง...”
วางสายแทบไม่ทัน!!!
แมวดื้อตาถลนแทบหลุดออกมาจากเบ้า ดีนะที่กดตัดสายไปทันทีที่คณิตพูด ขืนพี่ภาสได้ยินเขาต้องไม่รู้จะเอาหัวไปมุดหนีที่ไหนแน่ ตะนิดค่อยๆ เอียงหัวกลับไปทางแฝดพี่ตัวโตที่ยืนท้าวเอวอยู่ไม่ไกล
“มะ ไม่มีอะไรแล้ว”
“ไม่มีอะไรได้ไง กูเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมมึงถึงพูดถึงดิลโด้ อย่าสั่งไปเรื่อยนะมึง” คณิตขมวดคิ้วพูดด้วยความเหนื่อยใจ ตะนิดน่ะชอบสั่งของผ่านเน็ตและส่วนใหญ่มักจะเป็นของที่โดนหลอกให้ซื้อ ตั้งแต่ครีมกวนใช้แล้วหน้าใสที่ใช้แล้วดันสิวเห่อหน้าอยู่เป็นเดือน ไหนจะเสื้อยืดที่สั่งมาแล้วตัวเล็กเหมือนเสื้อหมาจนต้องเอาไปใส่ให้ตุ๊กตาแทนนั่นอีก
“ไม่สั่ง กะ กูแค่อยากลองแต่คิดดูแล้วไม่เอาดีกว่า”
“ลามก”
“คณิต!!!”
“เออ ไม่สั่งก็ดี แต่ถ้าจะสั่งส่งมาให้กูดูก่อนด้วย เดี๋ยวมึงทะลึ่งสั่งแบบพิสดารมาอีก ถ้าแม่แอบแกะกล่องแล้วมึงจะซวย” คณิตพูดจบก็ปิดประตูเดินออกไปจากห้อง
“จริงๆ สั่งไปแล้วจนได้ของแล้วต่างหาก ไม่พิสดารด้วย อันจุ๊มุน่ารักๆ คิดว่าจะกลับบ้านแบบนี้มาทำไมถ้าไม่รีบกลับมาดักรอพัสดุวะ” ตอนนั้นเองตะนิดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดิลโด้อันเล็กอันน้อยนั่นตอนนี้นอนใยู่ในกล่องพัสดุใต้เตียงเขาเองแหละ อุตส่าห์ไปยืนตากแดดดักรอพี่ไปรตั้งแต่เช้าหลังจากพี่ภาสมาส่ง
โล่งใจไปได้ไม่ถึงสิบวิดี แต่พอหยิบมือถือขึ้นมาดูเท่านั้นความโล่งใจก็ระเบิดตัวเองทิ้งเหมือนโดนทานอสดีดนิ้วใส่
เจี๊ยกกกกกก....
กะ กะ ก็กดวางสายไปแล้วนี่นา!!!
ทำไมถึงยังขึ้นคอลอยู่ล่ะ!!!
“พะ พะ พี่ภาส”
[หืม?]
ฆ่ากันเถอะะะะะะะะะะะะ
ตะนิดได้แต่พะงาบปากงับลมหาคำพูดตัวเองไม่เจอ แต่พอมองดีๆ แล้วคนในจอเหมือนดูอยู่ในสถานที่แปลกๆ ทำไมมืดเหมือนไม่ใช่ห้องเลย
“พะ พี่ภาส นิดง่วงแล้ว”
[เหรอ เมื่อกี้ก็ดูไม่ง่วงนี่ เสียงชัดเลย]
จบแล้วชีวิต...
ตะนิดอยากจะระเบิดตัวเองดังปุ้งหนีความอับอายที่เกิดขึ้นเหลือเกินแต่ก็ทำไม่ได้
“พะ พี่ภาส คือนิดว่าพี่ภาสเข้าใจผิด”
[เหรอ ยังไงล่ะ]
“ไม่ๆ คือนิดอ่ะ พูดว่าอยากซื้อนีโม่ หนังเรื่องฟายเยอร์นีโม่” ภาสขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อชื่อหนังมันแปลกๆ จริงๆ มันคือไฟน์ดิ้งนีโม่ต่างหาก ฟายเยอร์นี่คือเผานีโม่แล้วมั้ง แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีอารมณ์จะแก้ชื่อหนังนั่นหรอก แค่คิดว่าแมวดื้อคิดจะใช้ของเล่นกับตัวเองเขาก็รู้สึกว้าวุ่นไปหมด
ขนาดตุ๊กตาฉลามแค่ถูๆ เขายังหงุดหงิดแทบบ้า
แล้วนี่ของเล่น...
[อืม]
“พะ พี่ภาสอยู่ไหนทำไมมืดๆ สัญญาณไม่ดีแน่เลยแบบนี้ คร่อกๆๆๆ แคร่กๆๆๆๆ พะ..อี้...ภาส...แคร่กๆๆๆ” ตะนิดรีบทำเสียงสัญญาณพัง พูดจาขาดตอนเอาเองประหนึ่งสัญญาณขาดช่วง แต่ปลายสายกลับตวัดตากลับมองกล้องอย่างรู้ทัน
[พี่อยู่บนรถ]
“อ้าว”
[เตรียมเปิดบ้านไว้เลย พี่จะไปรับ]
“...”
[แต่ไม่ต้องเอา ‘พัสดุ’ กลับมาด้วยนะ]
อั้ยหยา....
ได้ยินหมดเปลือกเลยนี่หว่า
“พะ พี่ภาส”
[อ้อ แล้วฝากบอกคณิตด้วย]
“...”
[อย่าดื้อเหมือนน้องตัวเอง]
เห้ย นี่มันเป็นประโยคดุครั้งเดียวกระทบแมวสองตัวรึเปล่า!!!
ตะนิดจะพองขนกลับอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าดวงตาดุนั่นจ้องกลับมาไร้ซึ่งแววตาล้อเล่น อีกฝ่ายไม่ได้ตัดสายทิ้งไปเพียงแต่ตั้งมือถือบนแท่นที่วางมือถือบนรถไว้นิ่งๆ
ตะนิดที่ใจแสนจะว้าวุ่นก็ได้แต่ปาดเหงื่อมองอีกคนที่ขับรถด้วยใบหน้าเหมือนจะไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ก็ไม่รู้จะดูอารมณ์ยังไงให้ชัดเจนเพราะพี่ภาสก็ดูหงุดหงิดตลอดเวลาจนเดาอารมณ์ไม่ค่อยถูก พอๆ กับคณิตเลย
ว่าแต่ดูท่าทางน้องจุ๊มุไม่น่าจะได้ออกมาลืมตาเห็นโลกนอกกล่องพัสดุแล้วล่ะ
ตั้งสามพันกว่า...
อืม...
แต่เอาไว้ในห้องเขาเดี๋ยวแม่เข้ามาจัดห้องต้องเจอแน่เลย เอาไปซ่อนไว้ห้องคณิตแทนดีกว่าเพราะแม่ไม่ค่อยเข้าห้องมัน ตอนนี้มันน่าจะเล่นเกมอยู่ห้องนั่งเล่นด้วย ทางสะดวก
[จะเดินไปไหน] เสียงจากนรกดังขึ้นแทรกประหนึ่งรู้ว่าเขากำลังจะทำภารกิจลับ
“ปะ ไปห้องคณิตแป๊ปนึงพี่ภาส”
[อีกสิบนาทีมาเปิดรั้วให้พี่]
“ครับ”
แล้วอีกฝ่ายก็ตัดสายไปจากนั้นเขาจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องของคณิต เขาเข้ามาเล่นห้องคณิตบ่อยพอๆ กับพี่คณิตเข้าไปนอนเล่นในห้องเขา เพราะงั้นจึงรู้ดีว่าควรซ่อนน้องจุ๊มุไว้ตรงไหนถึงจะปลอดภัย
ใต้เตียงนี่แล้วกัน...
พอสอดกล่องเข้าไปก็พบว่ามันติด เนื่องจากช่องว่างระหว่างเตียงกับพื้นค่อนข้างน้อย แถมตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเท้าดังขึ้นใกล้ๆ ตะนิดรีบดึงเทปกล่องพัสดุก่อนจะคว้าน้องจุ๊มุที่ถูกห่อด้วยถุงพลาสติกทึบขึ้นมา
ยะ ยะ ใหญ่กว่าที่คิดนะน้องจุ๊มุ
ไม่จุ๊มุเหมือนในรูปเลย โดนร้านขายแกงเอาเสียแล้ว
“ตะนิด เดี๋ยวกูจะไปเซเว่นเอาไรไหม” ตะนิดสะดุ้งเฮือกรีบปาน้องจุ๊มุเข้าใต้เตียงคณิตก่อนจะพับกล่องให้เป็นแผ่นราบๆ ยัดตามเข้าไปอีกที พอมองให้มั่นใจแล้วว่าทั้งของกลางทั้งกล่องไม่ได้โผล่ตัวออกมาให้ผิดสังเกตถึงค่อยเดินเนียนออกไปหาแฝดพี่
ใต้เตียงคณิตน่ะปลอดภัยสุดแล้ว
คงไม่มีใครมาเจอหรอก
...มั้ง