คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
บทพิเศษ ฟันน้ำนม
---------
“พี่ตรัสขอรับ พี่รติขอรับ แย่แล้วขอรับ!” เด็กน้อยระพีวิ่งหน้าตั้งออกมาที่หน้าประตูทันทีที่ได้ยินเสียงพูดคุยและฝีเท้าดังเข้ามาในเรือน
สองสามีภรรยาที่เพิ่งกลับมาถึงหันมองตามเสียง หน้าตาตื่นตระหนกของระพี ทำเอารติเป็นห่วง รีบย่อกายลงเพื่อสอบถาม
“เกิดอะไรขึ้น ระพี”
เด็กชายแบมือตัวเองออกมา เผยบางสิ่งสีขาวนวลขนาดเล็กจ้อยอยู่กลางอุ้งมือ
“ฟันขอรับ! ฟันของระพีหลุดออกมาขอรับ...” ระพีพูดเสียงสั่น จะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“ฟันซี่ใด เจ็บมากหรือไม่”
“ไม่เจ็บขอรับ ต...แต่...แต่ทำไมฟันถึงหลุดล่ะขอรับ ฟันไม่อยากอยู่กับระพีหรือ” เด็กน้อยคิดอย่างเด็กน้อย ฟันหลุดออกจากปากก็พาลคิดว่าฟันไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว จึงจากลา
ส่วนผู้ใหญ่ก็คิดเช่นผู้ใหญ่ เมื่อเด็กบอกว่าไม่เจ็บก็เบาใจ แต่เพียงแค่ครึ่งเดียว เหลืออีกครึ่งหนึ่งคือต้องอธิบายว่าเหตุใดฟันจึงหลุดออกมา
รติหันมองคู่ชีวิตผู้มีอาชีพรักษาคนเจ็บป่วย เรื่องร่างกายของมนุษย์ ตรัสย่อมเข้าใจดีและสามารถอธิบายได้ดี
ไม่ต้องพูดคำใด สามีย่อมเข้าใจสายตาของภรรยา จึงเดินเข้ามาหาน้องชายต่างมารดา แล้วอุ้มระพีขึ้นมา
“ระพี ฟันมิได้ไม่อยากอยู่กับเจ้า แต่เพราะเจ้ากำลังเติบโต ฟันนี้สำหรับเด็กน้อย จึงต้องหลุดออกมา”
“ระพีไม่อยากเติบโต มันทำให้ระพีเสียฟันไป”
“เสียไป แต่เจ้าก็จะมีฟันใหม่”
เด็กน้อยส่ายหน้าจนผมกระจาย
“แต่ฟันซี่นี้อยู่กับระพีมานานแล้วนะขอรับ วันนี้พอระพีโต เหตุใดจึงไม่อยู่ด้วยกันต่อ”
“เพราะเขาไม่เหมาะกับเจ้าอีกแล้ว คนเราเมื่อเติบโต ย่อมต้องสละบางสิ่ง เพื่ออีกสิ่ง เป็นเรื่องธรรมชาติ”
ระพีนิ่งคิด มองตรัสและรติแล้วก็พาลให้อยากร้องไห้มากกว่าเดิม
“ถ้าวันหนึ่งระพีโต พี่ตรัสกับพี่รติก็จะไม่เหมาะกับระพีหรือขอรับ”
ตรัสยิ้มจาง แล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน
“พวกข้าก็จะแก่แล้ว ย่อมไม่เหมาะจะอุ้มเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็จะโตขึ้น ทำอะไรได้มากขึ้น ต่างจากวันนี้”
ระพีน้อยคล้ายจะร้องไห้ โผเข้ากอดคอตรัสเอาไว้แน่นราวกับกลัวสูญเสีย ตรัสโอบร่างป้อมเอาไว้ ลูบหลังลูบไหล่ปลอบประโลม
“ระพี...เมื่อถึงเวลาเติบโต ก็ต้องเติบโต เมื่อถึงเวลาแก่เฒ่า ก็ต้องแก่เฒ่า เป็นเรื่องของธรรมชาติ หักห้ามไม่ได้ แต่จงมีความสุขกับทุกเวลาของเจ้า ใช้มันอย่างคุ้มค่า เหมือนฟันซี่น้อยของเจ้า เขาเป็นฟันที่ดีของเจ้าตลอดมาใช่ไหม”
“ใช่...ขอรับ” เด็กน้อยรับคำเสียงอู้อี้ มือกำฟันซี่น้อยของตนแน่น
“เขาใช้ช่วงเวลาของเขาอย่างคุ้มค่าแล้ว เมื่อวันนี้เขาต้องจากมา เพื่อให้มีฟันซี่ใหม่ขึ้น เจ้าจะเสียใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่จงชื่นชมเขาด้วยว่าเขาทำหน้าที่ของเขาอย่างดีแล้ว”
“ขอรับ...เขาเป็นฟันที่ดี เขาทำให้ระพีได้กินของอร่อย”
ตรัสยิ้มจาง ฟังเสียงน้องชายพูดอู้อี้อยู่กับไหล่ จึงดันตัวระพีออกมาเล็กน้อย มองสบเข้าไปดวงตาสีดำสนิทที่มีน้ำตาเอ่อคลอ
เด็กน้อยผู้มีหัวใจอบอุ่นและอ่อนโยน แต่ก็พยายามเข้มแข็งอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้
“ขอข้าดูหน่อยได้ไหม ว่าฟันแสนดีของเจ้าหลุดออกมาจากตรงไหน”
“ขอรับ” ระพีอ้าปากให้ผู้เป็นพี่ตรวจดูก็เห็นช่องโหว่ที่ฟันล่างด้านหน้า รติเองก็สนใจอยากรู้ ยื่นหน้าเข้ามาดูด้วยเช่นกัน เห็นไม่มีเลือดออกมากนักก็พอจะเบาใจ
“เลือดหยุดแล้ว ไม่น่าห่วงอะไร” ตรัสพอจะรู้ว่าภรรยาเป็นห่วง จึงหันมาบอก
“จริงๆแล้ว ระพีเอาลิ้นไปดุนมันด้วยขอรับ...” เด็กน้อยสารภาพ “มันกึกๆ ระพี...ระพี...ไม่คิดว่าจะหลุดขอรับ...”
“มีซี่ไหนอีกไหมที่เจ้ารู้สึกเช่นนั้น”
“ไม่มีแล้วขอรับ”
“ถ้ามีอีกให้รีบบอกพวกข้ารู้ไหม”
ระพีตาโต หยาดน้ำที่เอ่อคลอ จะหยดแหล่ไม่หยดแหล่แล้ว
“ม...หมายความว่าพวกเขาจะหลุดกันหมดหรือขอรับ”
“มันเป็นธรรมชาติของเขา เจ้าเองก็มีฟันชุดใหม่ เป็นฟันที่เหมาะสมกับอายุของเจ้า”
คำปลอบของผู้ใหญ่ ฟังอย่างไรก็ไม่อาจปลอบใจได้อีกแล้ว
ฟันทั้งหมดในปากจะพากันหลุดร่วง ฟันแสนดีที่ทำให้ได้กินของอร่อยจะไม่อยู่ด้วยกันอีกต่อไป แค่คิด...ระพีก็อยากร้องไห้แล้ว
รติเห็นน้องชายคล้ายจะใจสลาย จึงเข้ามาจับมือน้อยเอาไว้
“เอาล่ะ ในเมื่อเขาเป็นฟันที่แสนดีของเจ้า ถ้าอย่างนั้น เราก็เอาเขาไปพักใต้ดินดีไหม ใต้ดินทั้งอุ่นและนุ่ม เขาจะได้พักให้สบายตรงนั้น”
ระพีหันมองคนพูด ก่อนจะถามเสียงสั่นเครือ
“ได้หรือขอรับ”
“ได้ซี ถือเป็นการขอบคุณ จริงไหม ตรัส” รติหันไปขอเสียงสนับสนุนจากชายหนุ่ม ระพีหันไปมองคนที่อุ้มตนอยู่ ตรัสพยักหน้า เมื่อมีถึงสองเสียง เด็กน้อยจึงยอมทำตามคำแนะนำ
เย็นนั้น ก่อนที่สามอหัสกรจะเริ่มมื้อค่ำ ตรัส รติและระพีพากันไปที่ลานหลังเรือน
ระพีขุดหลุมเล็กๆหลุมหนึ่ง ก่อนจะห่อฟันน้อยๆของตนด้วยใบไม้สีเขียวสดใบใหญ่ แล้ววางลงก้นหลุม ตอนจะกลบหลุมด้วยดิน ยังไม่วายช้อนตาขึ้นมองรติที่นั่งยองอยู่ใกล้ๆ
รติยิ้ม “ขอบคุณเขาเสียสิ ที่เป็นฟันแสนดีของเจ้ามาตลอด”
ระพีสูดลมหายใจลึก ก้มลงมองห่อใบไม้ในหลุมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทว่าหนักแน่น
“ขอบคุณที่เป็นฟันแสนดีของระพีตลอดมาขอรับ!”
เด็กน้อยสูดน้ำมูก แล้วเงยหน้ามองรติ คล้ายเป็นสัญญานว่าจะปล่อยให้ฟันแสนดีได้พักผ่อนแล้ว จากนั้นจึงกวาดเอาดินลงกลบหน้าหลุม
อาหารเย็นวันนี้ ระพีมิใช่ต้นเสียงร่าเริงและไม่กินเก่งเหมือนเคย อีกทั้งยังเศร้าซึม รติรู้ว่าเด็กชายต้องการคนปลอบโยน แต่ก็มิใช่จะต้องอุ้มชูกันตลอดไป ความรู้สึกสูญเสียนี้ บางครั้งก็ช่วยสร้างพัฒนาการทางอารมณ์ จึงต้องปล่อยให้เรียนรู้
หลังมื้ออาหาร ตรัสแยกไปดูแลท่านอมรา ส่วนรติสอนระพีอ่านเขียน และอ่านนิทานให้ฟัง ส่งเด็กชายเข้านอนแล้ว ก็ไปเตรียมผงสมุนไพรที่โรงครัว ตรัสเองก็ไปพบเขาที่นั่น
สองสามีภรรยาดูแลกิจการในเรือนและงานการจนเรียบร้อยดี จึงค่อยถึงเวลาพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว
คืนนี้ ท้องฟ้ากระจ่าง ตรัสชวนภรรยาออกมานั่งรับลมเย็นที่เฉลียง ดื่มด่ำกับบรรยากาศเงียบสงบและลิ้มรสน้ำสมุนไพรสูตรใหม่ของรติไปด้วย
“เห็นระพีแล้ว ข้าก็อดคิดไม่ได้ว่าตอนที่ฟันน้ำนมหลุดเป็นครั้งแรก ข้าทำเช่นไร” ตรัสเปรยขึ้นมา รติหัวเราะเบาๆ
“นานขนาดนั้น จำไม่ได้ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือ”
ตรัสพยักหน้าก่อนจะเอ่ย “ระพีเอง...วันหนึ่งก็คงลืม...”
ฟังแล้วน่าเศร้า วันนี้อาลัยต่อสิ่งหนึ่ง แต่วันหน้าอาจลืมเลือนไม่เหลือสักเสี้ยวของความทรงจำ
“วันหน้าจำไม่ได้ก็ให้เป็นเรื่องของวันหน้า แต่วันนี้ยังจำได้ ความรู้สึกยังสดใหม่ ก็ทำให้มันเป็นเรื่องที่ดี” เสียงของรติทำให้ตรัสหันมอง ภรรยาผู้มองโลกในแง่ดียิ้มสดใสพลอยให้หัวใจอบอุ่นไปด้วย
“เจ้าว่า...ถ้าระพีตอนเป็นหนุ่มจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยฝังฟันแสนดีของเขาไว้ใต้ดิน เขาจะหัวเราะไหม”
รติหัวเราะ นึกไปถึงระพียามเติบโตเป็นชายฉกรรจ์ เป็นผู้นำสกุลอหัสกรรุ่นต่อไป แต่ถูกหยอกด้วยเรื่องราวในยามยังเล็ก ยามที่หัวใจดวงน้อยๆเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และความอ่อนโยน
“หัวเราะซี แต่พอหัวเราะแล้ว เขาจะต้องยิ้มเอ็นดูตัวเขาในยามเป็นเด็ก ไม่ว่าในยามเป็นผู้ใหญ่ เขาจะยังอ่อนโยนเช่นนี้หรือไม่ แต่ถ้าเขาจำเรื่องในวันนี้ได้ อย่างน้อย...เขาก็จะรู้สึกว่าอยากอ่อนโยนให้ได้สักครึ่งหนึ่งของตนเองในยามนี้”
ตรัสยิ้มจาง พยักหน้าเห็นพ้อง หากเรื่องราวในวันนี้ จะทำให้ระพีในวันหน้าอบอุ่นและอ่อนโยน เขาก็พร้อมสนับสนุน
“ระพีต้องโตขึ้นมาเป็นคนที่อ่อนโยนแน่ เขาเหมือนเจ้า”
รติที่อ่อนโยนและเข้มแข็ง ไม่แปลกเลยถ้าระพีจะซึมซับนิสัยเช่นนี้จากคนที่เลี้ยงดูเขามา
ภรรยาผู้อ่อนโยนหันมองสามีพลางยิ้มซน “แต่ข้าไม่ร้องไห้ตอนที่ฟันน้ำนมหลุดหรอกนะ”
ตรัสหัวเราะเบา เอ็นดูคนโอ้อวด
“จำได้ด้วยหรือ”
“จำได้ซี ตอนฟันหลุดน่ะไม่ร้องไห้ แต่ตอนฟันผุน่ะร้องไห้”
คราวนี้ตรัสหัวเราะร่วน จับใบหน้าของภรรยาเอาไว้เพื่อสอดส่อง “ฟันผุหรอกหรือ ไหน...ให้ข้าดู”
“ฮื้อ! หมายถึงตอนยังเด็กหรอก!”
“ตอนนี้ไม่ผุแล้วหรือ”
“ไม่ผุแล้ว”
“รู้ได้อย่างไร ให้ข้าตรวจจะดีกว่า โอ๊ย!”
คำพูดของคนเป็นหมอไม่น่าไว้ใจอย่างไรก็ดูได้จากพอเขาออกปากว่าจะตรวจ อีกฝ่ายก็ทุบอั่กเข้าที่ไหล่
“ไม่ต้องเลย ข้ารู้ว่าท่านคิดจะทำอะไร”
“ข้าคิดจะตรวจให้เจ้า” หมอตรัสแห่งร้านยาอหัสกรย้ำความตั้งใจ แต่สายตาเป็นประกายระยิบชนิดที่รติรีบลุกขึ้นก้าวถอยหลังอย่างไม่วางใจ แต่อีกฝ่ายก็ว่องไวสมเป็นหนุ่มฉกรรจ์ ลุกขึ้นสืบเท้าเข้าหาไม่ปล่อยให้ถอยไกลเช่นกัน
“จะหนีไปไหน รติ” สามีถาม มุมปากเจือรอยยิ้ม
“ข้าตรวจเองได้” ภรรยาตอบ เห็นทางหางตาว่าประตูอยู่ทางใดก็ถอยหลังไปทางนั้น
“เจ้าตรวจเองจะเห็นได้อย่างไร” สามียังถาม สืบเท้าตามต่อเนื่อง ดวงตาจับจ้องคล้ายสิงโตล่าเหยื่อ แต่รอยยิ้มยังไม่จาง
“เห็นแล้วกัน” ภรรยาโต้ นึกขัดใจว่าเรือนนอนใหญ่เหลือเกิน พ้นประตูโค้งไร้บานแล้ว ก็ยังเป็นห้องทำงาน ไม่ถึงประตูเรือนนอนเสียที
“เจ้าไม่ใช่หมอ ไม่ควรตรวจเอง” ฝ่ายสามีแย้ง ก้าวเท้าตามไม่คลาด
“ท่านก็ไม่ใช่หมอฟัน”
“แต่ข้าก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอ มีใบประกอบ”
รติหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ ก้าวเท้าถอยหลังอีกก้าวหนึ่ง เห็นทางหางตาแล้วว่าประตูอยู่ข้างหลังนี่เอง แต่อีกฝ่ายยังสืบเท้าตาม ระยะห่างระหว่างสามีภรรยาเพียงแค่เอื้อมมือถึง
“ท่านจะตรวจอย่างไร”
“เจ้าอ้าปาก ข้าตรวจ”
“แล้วตรวจด้วยอะไร อ๊ะ!...”
คำถามนี้ไม่มีคำตอบ เพราะตรัสกระโจนเข้าคว้าร่างภรรยาเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเปิดประตูหนี
ไปไหนไม่รอด รติตกอยู่ในอ้อมแขนร้อนรุ่มของอีกฝ่าย
กายแนบกาย โอบรัดด้วยวงแขนไม่ให้ผละจาก ใบหน้าจึงห่างกันแค่คืบ ตรัสทอดสายตามองไล่เรื่อยตั้งแต่หน้าผาก ดวงตา ปลายจมูก ลงมายังริมฝีปาก
ฝ่ามือข้างหนึ่งแตะที่ปลายคางของภรรยาเบาๆ เพื่อให้อ้าปากออกเล็กน้อย
“ให้ข้าตรวจนะ รติ” เขากระซิบ
“ท่านยังไม่บอก...ว่าจะตรวจด้วยอะไร” รติย้อนถาม เสียงเบาไม่ต่างกัน มือที่วางทาบอยู่บนแผ่นอกของสามีลูบไล้น้อยๆ ไม่ว่าจะด้วยตั้งใจหรือไม่ ก็จุดอารมณ์เพริศให้แก่ตรัสแล้ว
ฝ่ายสามียิ้มจาง ตาสบตา ฝ่ามือร้อนลูบแผ่นหลังของภรรยา เน้นย้ำทีละจุดลงไปยังสะโพก ได้ยินเสียงเครือเบาๆจากคนในอ้อมแขน ก่อนที่สองมือของรติจะเลื่อนขึ้นโอบรอบคอเขา
สองร่างแนบชิดมีเพียงอาภรณ์ขวางกั้น ย่อมรับรู้ความรู้สึกและอารมณ์ของกันและกัน
กระนั้น...ตรัสก็ยังตอบเป็นคำพูด...ที่ชวนให้หัวใจคนฟังวาบหวามเป็นที่สุด
“ตรวจ...ด้วยตัวข้า...”
แล้วหลังจากนั้น ก็หาได้มีเพียงฟันของรติที่ถูกตรวจ แต่ตรัสตรวจทั้งหมดของภรรยา ด้วยตัวของเขา...ไปค่อนคืน...
จบ
---------
ธ ม น
THAMON926
--------
คนที่ฟันน้ำนมหลุดคือระพี แต่ทำไมตรัสตรวจรติละคะ ฮ่าฮ่า
ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ
[/b]