-- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20  (อ่าน 104605 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ให้พกผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดอะไรเอ่ย...  :z1: ...

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รู้สึกว่ามาไกลมากๆจริง ในที่สุดก็เข้าใจกันเชื่อใจกันจริงๆ :-[ เกือบลืมไปเลยว่ามีแฟนตาซีด้วย รติคือคนดีที่หนึ่งเลยอะ :pig4: :L1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ตอนนี้ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาเพราะความปลื้มปริ่ม ตอนหน้าคงจะต้องไว้เช็ดน้ำหมากใช่ไหมจ๊ะ.  :laugh:

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 67

ของเจ้า

---------


ห้องหนังสือของเรือนอหัสกรยังคงมีแสงจากตะเกียงเทียนเรืองรอง


รติช่วยเก็บหนังสือและม้วนกระดาษที่ตรัสขนออกมาอ่าน เรื่องอาการตาบอดของเขา ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพยายามหรือถอดใจ เรื่องบางเรื่องก็มิอาจแก้ไข แต่การเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน รู้จักปรับเปลี่ยนในสิ่งที่เปลี่ยนได้และมีสติก็เป็นสิ่งสำคัญ


“ถ้าอหัสกรไม่เปิดร้านยาและรักษาคน ข้าว่าเปิดร้านหนังสือน่าจะดี ตำรับตำราเยอะจริง”


“หืม? ตำราเล่มนี้ สมัยก่อนสกุลข้าก็มี แต่ก็ขายออกไปจนหมดแล้ว”


หยิบหนังสือใดมาเก็บ รติเป็นต้องได้พินิจหน้าปกสักเล็กน้อย


ตรัสหันไปมองคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการหยิบจับหนังสือเข้าที่ แล้วก็ยิ้มจาง


“ถ้าอยากอ่าน ก็มาหยิบไปอ่าน” เขาเอ่ย ทำเอารติหันไปมอง ดวงหน้าสดใส ดวงตาเป็นประกายวาว


“จริงหรือ? ข้าเข้ามาอ่านได้ใช่ไหม”


“ได้”


รติหยิบหนังสือออกมาพลิกดูอย่างตื่นตาตื่นใจ ท่าทีเช่นนั้นยิ่งทำให้ตรัสรักใคร่เอ็นดู แล้วก็คล้ายมีแรงดึงดูดอย่างประหลาด ชายหนุ่มผละจากชั้นหนังสือเข้าไปยืนซ้อนหลัง คราแรกเพียงแค่อยากใกล้ชิด แต่พอใกล้แล้วก็กลับไม่อาจห้ามใจ เป็นต้องสอดมือเข้าไปโอบเอวรติจากด้านหลังด้วย


คนที่จู่ๆก็ถูกประชิดตัวถึงกับสะดุ้งโหยง แก้มขึ้นสีเรื่อมาจนถึงใบหู ตรัสเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งเอ็นดู ก้มลงหาแล้วกระซิบเบา


“จะหยิบจับอะไรในอหัสกรก็ได้ ทุกอย่างในอหัสกร...นับเป็นของเจ้า”



แล้วพอได้โอบ ก็ไม่อาจห้ามใจอีก ตรัสยิ่งขยับกายชิด แผ่นอกของเขาแนบสนิทกับแผ่นหลังของรติ ความ ‘คิดถึง’ ผุดวาบขึ้นในอก


“ตรัส...”


สามีภรรยามีหรือจะไม่รู้ว่าการเข้าใกล้เช่นนี้เพราะต้องการอะไร แต่ที่นี่คือห้องหนังสือ แม้จะลับสายตาจากผู้อื่นเพราะดึกมากแล้ว และคงไม่มีใครเข้ามาในนี้ แต่ก็ไม่นับว่าส่วนตัวอยู่ดี


“...นี่ห้องหนังสือ...” รติปรามเบา แต่พออีกฝ่ายซุกใบหน้าลงกับคอของเขา ก็กลับเปิดเผยให้ตรัสได้มอบสัมผัสวาบหวามนั้นอย่างถนัดถนี่ ริมฝีปากลากไล้ไปกับผิวเนื้ออ่อนพร้อมกับเสียงกระซิบเบา


“คิดถึงเจ้า...ไม่ได้หรือ”


“ค...คิดถึงอีกแล้วหรือ...”


“เมื่อวานไม่ได้... ‘คิดถึง’ ...”


คำว่า ‘คิดถึง’ ของตรัสและรตินี้มีความหมายสองอย่าง



ความหมายอย่างแรกคือความรู้สึกคิดถึงอย่างที่คนทั่วไปรู้กันดี คิดถึงเพราะจากไกล คิดถึงเพราะไม่เห็นหน้า ความรู้สึกเช่นนั้นให้เกิดกับคู่สามีภรรยาที่พบหน้ากันทั้งเช้าค่ำก็เห็นจะไม่ใช่ ดังนั้นคำว่า ‘คิดถึง’ ของพวกเขาจึงมีความหมายที่สอง


คิดถึง...เพราะไม่ได้กกกอด


คิดถึง...เพราะไม่ได้แนบชิด


คิดถึง...จนอยากเกี่ยวกวัดกันและกัน ไม่แยกจากจนกว่าจะรุ่งสาง


ความหมายนี้ เป็นความนัยที่สามีภรรยารู้กันดี ดังนั้นเมื่อคนหนึ่งกล่าวว่าคิดถึง อีกคนย่อมซาบซ่านไปทั้งกาย


“...ต...แต่...ที่นี่...ด...เดี๋ยวมีคนเห็น...”


“ใครเห็น” ตรัสเงยหน้าขึ้นจากซอกคอ พลิกกายคนในอ้อมแขนมาถาม ดวงตาของเขามีประกายกล้าของความรักใคร่ร้อนแรง คนถูกจ้องร้อนวาบไปทั้งหน้า รู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายกลายเป็นกองเพลิงที่พร้อมจะหลอมละลาย


รติเม้มปาก พูดไม่ออก ยิ่งมือไม้ของสามีบีบขย้ำตามเนื้อตัวเขา ก็ยิ่งเผลอเบียดกายชิดอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว แล้วพอใกล้ชิด...ก็ยิ่งรับรู้ว่าความรู้สึกของตรัสนั้น...แข็งแกร่งเพียงใด


จากห้องหนังสือของเรือน ต้องเดินลัดเลาะสวนด้านหลังกลับไปยังเรือนพักผ่อนของพวกเขา แต่...ความรู้สึกเช่นนี้จะกลับไปถึงได้อย่างไรกัน


รติซุกหน้าลงกับแผ่นอกของสามี แล้วพึมพำเสียงเบา แต่...ตรัสไม่ได้ยิน เขาจึงก้มลงหา กระซิบถามข้างหู ในขณะที่สองมือเลื่อนไล้ลงสู่สะโพกกลมของภรรยา


“ว่าอย่างไร รติ...”


ใบหน้าแดงก่ำเงยขึ้นมอง ในดวงตามีแววอัดอั้นเล็กน้อยที่ต้องพูดซ้ำ อีกทั้งยังเขินอาย แต่...หากไม่พูดอีกครั้ง ตรัสคงนวดเฟ้นสะโพกเขาไม่หยุด


“...ถ้าจะ...ที่นี่...ก็เข้าไปข้างใน...”


ราวกับเป็นคำอนุญาต ตรัสยิ้มพราว รวบร่างของภรรยาขึ้นจากพื้น ได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจแผ่วเบามาจากคนในอ้อมแขน แต่เมื่อเขามอบจุมพิตให้กับภรรยา แล้วพาเดินลึกเข้าไปในห้องหนังสือ เสียงของพวกเขาก็เปลี่ยนไป


ห้องหนังสือของเรือนอหัสกรเรียงรายด้วยชั้นหนังสือที่อัดแน่นด้วยหนังสือและม้วนกระดาษ เรื่องความสะอาดสะอ้านไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีบ่าวไพร่เข้ามาดูแลอยู่เป็นนิจ แต่กลางดึกเช่นนี้ ไม่มีบ่าวคนใดขยันขันแข็งอยากจะปัดกวาดแน่แท้


ช่างเป็นที่รโหฐานชั้นดี แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ที่เป็นส่วนตัว รติทั้งกังวลทั้งตื่นเต้น เลยพลอยให้รู้สึกตื่นตัวเป็นพิเศษ อีกทั้งต้องพยายามกลั้นเสียงร้องเพราะเกรงว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน


แต่ดึกปานนี้...จะมีใครผ่านมาเล่า


ตรัสนึกเอ็นดูภรรยา แต่กระนั้นก็ไม่ปลอบประโลมให้คลายกังวล รติในเวลานี้ ทั้งน่ารัก ทั้งน่ารังแก พอเขาลงน้ำหนักกับฝ่ามือและริมฝีปาก ก็ยิ่งสะดุ้งสะท้าน ยิ่งเขาแตะต้องส่วนลับ ร่างของรติก็ยิ่งสั่นระริก เสียงครางหวานหูได้ยินเพียงผะแผ่วเพราะเจ้าตัวเอาแต่ยกฝ่ามือกลั้น


แต่ไหนเลย...จะทนไหว


ตรัสเพิ่มน้ำหนักกับฝ่ามือ รูดรั้งแตะต้องส่วนไวต่อสัมผัส จนรติสะท้านไปทั้งร่าง เขาก็คว้าร่างคนรักขึ้นมาคร่อมตัก


ดวงตาคู่สวยเหลือกโตด้วยความตกใจ แต่ฝ่ายสามีกลับกดสะโพกลงหาความเป็นชายของตนเองที่เหยียดเกร็งรอรับการครอบครอง


“อ๊ะ! ตรัส!”



ท่วงท่านี้ช่างน่าอาย สถานที่ก็ไม่มิดชิด รติอยากผละกายหนี แต่มือหนึ่งของตรัสกดสะโพกของเขาลงหาแท่งร้อนผ่าวที่ค่อยๆชำแรกเข้ามาทีละน้อย ในขณะที่มืออีกข้างรั้งกายของรติให้แอ่นอกเข้าหา แล้วครอบครองยอดอกตึงเขม็งข้างหนึ่งด้วยริมฝีปากร้อน


เพียงเท่านั้นคนอยากผละจาก ก็หมดใจจะต้านทาน


สองมือของรติกอดคอตรัสไว้แน่น อารมณ์วาบหวามและความอึดอัดคับแน่นตีรวนจนทำอะไรไม่ถูก พอถูกริมฝีปากตะโปมดูดยอดอก ก็ทำได้เพียงแอ่นอกเข้าหา พอถูกมือร้อนนำพาให้กดสะโพกลง ร่างกายก็ยินดีทำตามจนแนบสนิท


รติหอบฮัก ครางเครือผะแผ่วอย่างอดไม่ไหว


“ต...ตรัส...อื้อ...ตรัส...”



เสียงของภรรยานั้นช่างหวานหู ความคับแน่นตอดรัด ยิ่งทำให้ตรัสเตลิด สองมือของเขาเลื่อนลงไปกอบกุมเนื้อสะโพก บีบขย้ำจนเนื้อปลิ้นตามร่องนิ้ว จับฉีกแยกให้ปากทางขยายตอบรับความต้องการของเขาจนสุด แล้วบังคับจังหวะขยับขึ้นลงตามใจปรารถนา ยามกดสะโพกลง ก็กระดกเอวสวนกลับขึ้นไป ยามยกสะโพกขึ้นก็ส่ายวนให้รติยิ่งรัญจวนจนแทบขาดใจ


“นี่ของเจ้า...” ตรัสกระซิบกับริมฝีปากที่ครางเครือแผ่วเบา ในขณะที่เสยแก่นกายเข้าฝังแน่นภายในร่องร้อน


“ของเจ้าทั้งหมด...”



สองมือของตรัสกดสะโพกของภรรยาให้แนบชิดลงกับตักของเขา แม้จะสนิทแนบแล้วก็ยังไม่ปล่อย รติดิ้นพล่าน อึดอัดทรมานแต่สัมผัสหยาบกระด้างที่บดกับผิวเนื้ออ่อนก็ซาบซ่านถึงใจ


“ทุกอย่างของอหัสกรเป็นของเจ้า...”



ราวกับต้องการตอกย้ำให้รติรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของ ตรัสกดสะโพกอีกฝ่ายให้แนบนิ่งอยู่กับที่ ให้รติรับรู้ตัวตนของเขาจนถึงที่สุด ให้ครอบครองทั้งใจและกายของตรัส  อหัสกรอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้


“อ๊ะ...ต...ตรัส...ไม่ไหว...อ๊ะ ไม่ไหวแล้ว...ข...ขยับ...” รติสั่นสะท้านไปกับความรัญจวน รับรู้ถึงความใหญ่โตร้อนผ่าวที่ฝังเข้ามาในร่างกายของเขา แม้จะทรมานแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าไม่ต้องการ


“รับรู้ไว้ รติ...อหัสกรเป็นของเจ้า...ตรัส อหัสกรก็เป็นของเจ้า...”


สิ้นเสียงนั้น ร่างของรติก็ถูกตวัดลงนอนราบกับพื้น ตรัสขึ้นคร่อม ตวัดขาของรติข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่าได้แล้วก็กระหน่ำกระแทก ฉุดพาอารมณ์ทั้งมวลให้พุ่งทะยานไปด้วยกัน


“อ๊า ตรัส...” แม้แต่ตนเองก็ยังรับรู้ว่าเสียงครางนั้นไม่ได้เบาแผ่วอีกแล้ว ความต้องการทำให้ไร้ซึ่งความอดทน แต่ความอับอายทำให้ตัดสินใจคว้าคอสามีก้มลงหาแล้วใช้ริมฝีปากของอีกฝ่ายปิดเสียงร้องของตนเอง


การกระทำเช่นนั้นราวกับเป็นคำอนุญาตที่แสนหวาน


ตรัสโหมแรงโจนทะยาน บดจูบและบดขยี้ร่างของภรรยา เขากระแทกกายเข้าจนสุด ฝากฝังความใหญ่โตให้รติได้ครอบครองจนสุดความยาว แล้วถอนถอยออกจนเกือบสุด จากนั้นก็อัดกระแทกเข้าไปใหม่


อารมณ์รักโหมกระพือ บทรักถี่กระชั้น ริมฝีปากแทบไม่ถอยห่าง ปลายลิ้นเกี่ยวกวัด แผ่นอกถูไถ ในขณะที่เบื้องล่างกระแทกกระทั้น เสียงเนื้อกระแทกเนื้อทั้งซ่านเสียวและเหนอะหนะ แม้จะฟังแล้วช่างหยาบโลนแต่กลับไม่อยู่ในความสนใจของพวกเขาเลย คล้ายต่างคนต่างมัวเมาอยู่ในโลกของความรักใคร่ร้อนแรง คนหนึ่งโจนทะยานเข้าหา อีกคนหยัดกายตอบสนอง บทรักนี้ของสองสามีภรรยาทั้งถึงใจและเต็มไปด้วยอารมณ์รักใคร่ จนห้วงสุดท้ายมาถึง


“อื้อ!!” รติเกร็งไปทั้งร่าง กระตุกเฮือกพุ่งทะยานเอาความต้องการออกมาจนเปรอะเลอะหน้าท้องของพวกเขา ในขณะที่ภายในช่องทางร้อนตอดรัดจนตรัสทนไม่ไหว เขากดกายเข้าหาสุดลึก แล้วปลดปล่อยความต้องการเข้าไปในร่างของภรรยาจนหมดสิ้น


เสียงครางเงียบลงเหลือเพียงเสียงหอบหายใจ เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อและคราบไคล กระนั้นสองร่างก็ยังแนบชิดอยู่บนพื้นภายในห้องหนังสือ


“เก่ง” ริมฝีปากของตรัสยังวนเวียนอยู่กับริมฝีปากของภรรยา และผิวแก้ม แต่ก็ยังชื่นชมเอาใจ รติทั้งเขินทั้งอาย แต่ครั้นจะปล่อยให้อีกฝ่ายชมอยู่เพียงลำพังก็ใช่ที่


“ท่านก็ด้วย”


ตรัสเลิกคิ้วเล็กน้อย รู้สึกกระหยิ่มที่ได้รับคำชม ผละออกห่างเพื่อมองสบเข้าไปในดวงตาของภรรยาผู้เป็นที่รัก


“แล้วชอบไหม”


คำถามนี้ตอบยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ไม่ส่วนตัว


หากกล่าวว่าชอบ ก็ไม่รู้จะถูกอีกฝ่ายรวบรัดว่าชอบเพราะสถานที่ หรือชอบเพราะคน หรือชอบเพราะท่วงท่า


“ชอบไหม รติ...” แต่พอไม่มีคำตอบให้ ร่างก็ถูกรวบขึ้นไปนั่งทับตักอีกครั้ง รติตาโต ส่วนที่ยังเชื่อมกันก็ยังแนบสนิท จากที่เมื่อครู่อ่อนตัวลงก็กลับมาเริ่มแข็งขืนจนรู้สึก


“ท...ท่าน...”


“ไม่ตอบ...เห็นทีต้องพิสูจน์อีกรอบ”


“อ๊ะ ต...ตรัส...ท...ที่นี่อีกหรือ...”


“ที่นี่ก็ที่ของเจ้า” ตรัสเอ่ย มีรอยยิ้มจางที่มุมปาก มือร้อนนวดวนสะโพกกลมแล้วกดลงแนบตักเขาจนรติสั่นขึ้นมาอีก


“อ๊ะ...ต...ตรัส...”


“ตรงนี้...ก็ของเจ้า...”


“ด...เดี๋ยว...อื้อ...” รติข่มตา กายสั่นระริก อารมณ์รัญจวนเริ่มก่อตัวระลอกใหม่อีกแล้ว


ท่าทางของภรรยานั้นน่าเอ็นดูในสายตาของตรัส เขาก้มลงหา จุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากราวกับปลอบประโลม


“รติ...” เสียงเรียกนั้นทำให้คนที่กำลังข่มตาเพราะอารมณ์วาบหวามต้องลืมตาขึ้นมา แล้วก็ได้พบว่าเจ้าของเสียงกำลังทอดมองด้วยทั้งรักใคร่และเอ็นดู


“...อหัสกรเป็นของเจ้า รวมถึง...ใจและกายของตรัส  อหัสกรก็ด้วย...”


ใครเลยจะคาดคิด คราแรกเมื่อเหยียบย่างมาที่นี่ เพียงแค่หวังจะมาอาศัยไม่นาน เมื่อทุกอย่างลุล่วงตามประสงค์แล้วจะจากไป แต่วันนี้...คนที่นี่...กลับยกทุกอย่างให้


โดยเฉพาะ ‘ใจและกายของตรัส  อหัสกร’


ดวงตาของรติที่แต้มด้วยเฉดสีประหลาดในความสลัวของแสงตะเกียงเทียน เอ่อคลอด้วยน้ำใสยามทอดมองใบหน้าของผู้นำสกุลอหัสกรที่ออกปากมอบทุกอย่างให้กับเขา


สิ่งใดจะมีค่ามากไปกว่าความรู้สึกของชายผู้นี้...ชายที่ชื่อ ตรัส  อหัสกร...


รติประคองใบหน้าของตรัสด้วยสองมือแล้วแนบริมฝีปากเข้าหาแผ่วเบา จากนั้นจึงผละออกมาเอื้อนเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มจาง


“ใจและกายของข้า ก็เป็นของตรัส  อหัสกรเช่นกัน...”


แล้วจากนั้น สองใจและสองกายของสองสามีภรรยาก็หลอมรวมเป็นของกันและกันอีกครั้ง


ห้องหนังสือของเรือนอหัสกรในคืนนี้...จึงมีแสงสลัวจากตะเกียงเทียนสว่างไปอีกค่อนคืน

--------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMO926

---------

ไม่ใช่แค่เป็นสองสามีภรรยาที่ปากแข็ง ปากหนักและซื่อบื้อเรื่องความรักเหมือนกันหรอกค่ะ แต่เรื่องแบบนี้ก็เข้าขากันดีด้วยนะคะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเลยค่ะ

เจอกันวันพุธค่ะ

ออฟไลน์ KhunYingJung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :mew1: ดีนะพกผ้าเช็ดหน้ามาตามคำแนะนำ :hao6:

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ต้องไปอ่านในห้องสมุดเสียแล้ว

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตรัสมุมนี้..มีเสน่ห์มาก..รติก็น่ารักเหลือเกิน   :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อยากลองแวะชะโงกดูหนังสือในห้องสมุดจัง

ปล. ถ้าคนเขียนจะสร้างจักรวาล จาก อมนุษย์ ปีศาจ อื่นๆ ก็น่าสนนะคะ

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :jul1: :jul1: ไม่ไหวแล้วขอเลือดเพิ่มค่ะ คิดถึงหนักมาก :-[ หวานๆแบบนี้ทีไรคิดถึงช่วงแต่งงานใหม่ๆที่ตรัสไม่ชอบรติขึ้นมาเลยค่ะ5555  :pig4: :L1:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หวานนนเลือดหมดตัวแล้ว

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ความหมายของคำว่าคิดถึงจะเปลี่ยนไป   :-[

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 68

สามีเอาใจใส่

---------
   

ให้อย่างไร ปราณก็ยังคงเป็นอาจารย์ในโรงเรียนประจำที่รุจีเรียนหนังสือ อีกทั้งยังเป็นสหายสนิทของรติด้วย ดังนั้นแม้ตรัสจะไม่ค่อยชอบหน้าอยู่สักหน่อย แต่ก็พยายามทำความเข้าใจกับความสนิทสนมที่ทั้งสองมีต่อกัน


   เรื่องนี้ รติเองก็ระมัดระวังการกระทำเสมอ ถึงจะถูกใจกับมิตรภาพที่ตนเองและปราณมีต่อกัน แต่ก็ไม่ใกล้ชิดมากนักเมื่อตรัสอยู่ด้วย


แต่ใกล้ชิดอย่างไรให้อยู่ในขอบเขตที่พอดี รติไม่รู้แจ้ง ตอนที่อาจารย์ปราณแวะมาเยี่ยมเยียนที่ร้านยาอหัสกรช่วงแรกๆ จึงทำให้ใครบางคนหน้านิ่วคิ้วขมวดออกมายืนจ้องอยู่ที่หน้าห้องตรวจ


   รติมิได้สังเกต คนสังเกตกลับเป็นปราณ


   “รติ...อาการเจ้าดีขึ้นแล้วใช่ไหม”


   “ดีแล้ว หายสนิท”


   “แต่บางคนรู้สึกจะไม่ดี”


   รติกะพริบตาปริบๆ มองสหายเบื้องหน้า


   “ท่านหรือ?! ท่านไม่สบายอย่างไร ให้ตรัสช่วยตรวจให้ไหม”


   ปราณหัวเราะร่วน รติเป็นคนหลักแหลม แต่บทจะซื่อก็ซื่อเหลือเกิน


   “ถ้าข้าให้สามีของเจ้าช่วยตรวจ ข้าอาจจะได้กินยาขมไปหลายวัน”


   รติยังงุนงง


   “ยาขม? หมายความอย่างไร” ด้วยความอยากรู้ พอย้อนถามแล้วจึงยื่นหน้าเข้าใกล้


ความใกล้ชิดของสหายถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับคนเป็นสามีผู้หวงแหนภรรยากลับรู้สึกว่าใกล้...เกินไปนัก


   แม้รติจะออกปากด้วยตนเองว่าไม่เคยคิดเกินเลยกับปราณ ตรัสเองก็เคยไปพบปราณเป็นการส่วนตัว ทางนั้นก็ยืนยันว่ามีแค่ความเป็นเพื่อนให้กับรติเท่านั้น และเมื่อจับจ้องด้วยสติแล้ว ตรัสก็มองไม่เห็นความรักใคร่อย่างคู่รักระหว่างปราณและรติเลยสักนิด


   กระนั้น...ภาพเบื้องหน้าก็ใกล้ชิดไปสักหน่อย แม้จะมีตู้ไม้กระจกขวางระหว่างทั้งสองก็ตาม


   หมอแห่งร้านยาอหัสกรก้าวเท้าจากหน้าห้องตรวจอย่างว่องไวตรงไปประชิดร่างภรรยาแล้วดึงแขนให้ออกห่างจากตู้ไม้เล็กน้อย...ซึ่งรวมถึง ออกห่างจากปราณด้วย


   “ใกล้มากไป” เขาเตือนเสียงเรียบ จ้องดุทีหนึ่งจากนั้นก็หมุนตัวเดินเลี้ยวกลับไปยืนที่หน้าห้องตรวจของตนตามเดิม


   ดูราวกับมาเพื่อเตือน จากนั้นก็พยายามระงับอารมณ์อย่างยิ่งแล้วกลับไปยืนจังก้าอยู่ที่เก่า


   ปราณมองตามแล้วหันกลับมามองสหายที่ยังทำหน้าเหรอหรา จากนั้นก็หัวเราะดังอย่างถูกใจ


   “สามีของเจ้านี่ขี้หึง”


   รติหันกลับมามองคนเปรย ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะงุนงงไปหมด


   “เอาเถอะ จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ จะไม่ทำให้สามีของเจ้าอยู่ไม่สุข ข้าจะไปแล้ว” เขากล่าวเช่นนั้นแล้วหยิบห่อผงสมุนไพรที่ซื้อมาถือไว้ แต่ยังไม่วายนึกสนุก หันไปโบกมือลาให้ตรัสที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องตรวจ


   “ขอตัวก่อน ท่านตรัส แล้วไว้จะแวะมาใหม่”


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปราณจะแวะมาหาผู้ใด


   ลูกค้าของร้านยาอหัสกรหมุนตัวเดินออกจากร้านไปแล้ว รติที่ยังงุนงงจึงหันไปมองสามี ฝ่ายนั้นสบตากับเขาเพียงอึดใจเดียวแล้วก็หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องตรวจไปอย่างเงียบๆ


   ความเงียบนี้ ผู้อื่นอาจดูไม่ออก แต่รติดูออกว่ามันแฝงด้วยความไม่พอใจเล็กๆ


   เขาหันไปฝากหน้าร้านกับบ่าวคนหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินตามเข้าไปในห้องตรวจ


   ไม่ทราบว่าเข้าไปคุยกันอย่างไร เพราะหายเข้าไปเป็นนาน กว่าจะออกมาอีกทีก็ตอนที่มีคนหกล้มแผลถลอกแวะมาให้รักษา บ่าวเคาะประตูแล้วรออึดใจหนึ่ง รติก็เป็นคนเปิดประตูออกมาพาคนเจ็บเข้าไปในห้องให้หมอตรัสทำแผล


   คนเจ็บผู้นั้นได้รับการรักษาแล้วก็ออกมาจ่ายเงินกับรติ ไม่วายถามขึ้นมาเรื่องหนึ่งด้วยความฉงน


   “วันนี้หมอตรัสอารมณ์ดี มีเรื่องดีๆรึ”


   รตินิ่งงัน ตอบไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าแล้วส่ายไปมาแทนคำตอบ คนเจ็บผู้นั้นไม่ได้ติดใจจะเอาคำตอบนัก เมื่อรับเงินทอนแล้วก็ซื้อผงสมุนไพรไป 3 ห่อ แล้วก็ออกจากร้านยาอหัสกรไป จึงย่อมไม่เห็นว่าคนที่ตนถามคำถามทิ้งเอาไว้ หน้าแดงเห่อ เผลอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตนเอง เพราะคิดไปถึงเรื่องที่ทำให้ตรัสอารมณ์ดี


   เป็นอันว่า สองสามีภรรยาเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่และสงบ ชีวิตคู่จึงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น


   ส่วนเรื่องร่างกายของรติ เมื่อรู้ข้อจำกัดแล้ว ตรัสก็ยิ่งเอาใจใส่ แต่ก็มิได้มากเกินความพอดี รติชอบทำงาน เขาก็ไม่ขัด แต่คอยสอดส่อง สอบถาม ใส่ใจ


   ย่างเข้าฤดูร้อน อากาศเริ่มเปลี่ยนอีกครั้ง คราวนี้จากหนาวเป็นร้อน อีกทั้งมีฝนตก แผงขายสมุนไพรหน้าร้านยาจึงถูกพับเก็บ แต่โปรดอย่าคิดว่าคนอย่างรติจะนั่งเฉยมองหยาดฝนเม็ดแล้วเม็ดเล่าที่โปรยปราย


   แม้ออกไปยืนขายผงสมุนไพรหน้าร้านไม่ได้ แม้ออกไปเที่ยวเตร่ในเมืองไม่ได้ แม้จะต้องอุดอู้อยู่แต่ในเรือน ในร้านยา แต่หากตรัสคลาดสายตา ก็เป็นต้องหาไม่เจอ


   “รติอยู่ที่ใด”


   “เมื่อครู่นี้เห็นว่าจะลงไปห้องเก็บสมุนไพรขอรับ” บ่าวผู้หนึ่งในร้านยาตอบ


   ได้ยินดังนั้นก็พอสบายใจ ตรัสจึงกลับเข้าไปตรวจคนไข้ ครึ่งวันผ่านไป ออกมาอีกครั้งก็ยังไม่พบหน้ารติ


   “รติอยู่ที่ใด”


   “ฝนหยุดแล้ว ท่านรติเลยบอกว่าจะนำสมุนไพรไปแจกขอรับ”


   “นำสมุนไพรไปแจก?”


   “ขอรับ เห็นว่าเป็นสมุนไพรให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ท่านรติบอกว่าหลังฝนตก อากาศเย็นชื้น แล้วก็มีสมุนไพรให้ความอบอุ่นเหลือตั้งแต่ช่วงฤดูหนาว ก็เลยนำไปแจกตามบ้านขอรับ”


   ตรัสพูดไม่ออก แต่นึกอยากตีภรรยาขึ้นมาครามครัน เขาเดินออกไปยืนที่หน้าร้านยา เงยมองฟ้าแล้วพบว่าแม้ฝนจะหยุดไปแล้ว แต่อากาศก็ยังชื้น ดีไม่ดี คนนำของไปแจก จะกลายเป็นคนป่วยของเขา


   ชายหนุ่มคอยชะเง้อมองว่าเมื่อไรรติจะกลับ และจะกลับมาด้วยสภาพเยี่ยงไร พักใหญ่ทีเดียว กว่าเจ้าของรอยยิ้มสดใสจะหิ้วตะกร้าว่างเปล่ากลับมา


   “ตรัส ออกมายืนทำอะไรหรือ” ยังมิวายทักคนยืนรอหน้าร้าน


   “เจ้าออกไปไหนมา”


   “ข้าเอาผงสมุนไพรไปแจก พวกสมุนไพรไล่หวัดกับสมุนไพรให้ความอบอุ่นกับร่างกายที่เหลือจากฤดูหนาว ท่านบอกว่าที่นี่อากาศร้อน แล้วคนเมืองนี้ก็ขี้ร้อนไม่ใช่หรือ ถึงเก็บเอาไว้ก็ขายไม่ได้แล้ว สู้เอาไปแจกตอนนี้ดีกว่า นี่! ดูสิ! มีลูกค้าฝากเงินมา ให้ข้าเอาผงสมุนไพรไปส่งเขาที่เรือนด้วย ข้าให้คนจัดของก่อน” อวดเงินที่ได้รับมาเป็นค่าผงสมุนไพรกับตรัสแล้วจึงหันไปสั่งบ่าวคนหนึ่งให้จัดผงสมุนไพร พร้อมกำชับให้นำไปส่งที่เรือนของลูกค้าโดยเร็ว ก่อนจะหันกลับมาชวนคนข้างกายคุย


   “ท่านว่า เราเพิ่มบริการขายสมุนไพรตามบ้านเรือนดีไหม ช่วงนี้ฝนตก ลูกค้าออกมาซื้อหาไม่สะดวก”


   “แล้วเจ้าออกไปขายสะดวกหรือ” ตรัสถามเสียงเข้ม


   “ก็...รอหลังฝนตก”


   “หลังฝนตกอากาศก็ยังชื้น” สุ้มเสียงของตรัสเข้มงวดก็บอกให้รู้ว่าเขาไม่พอใจนัก รติชะงักไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม


   “ท่าน...โกรธหรือ...”


   สามีย่อมรู้ใจภรรยา นิสัยของรติจะให้อยู่เฉยเห็นจะเป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องสุขภาพร่างกายก็ต้องให้ความสำคัญ


   ตรัสถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง


   “ถ้าเจ้าอยากออก ก็รอให้อากาศหายชื้นลงสักหน่อย หรือมิเช่นนั้นก็สวมหมวก ข้างหลังร้านมีหมวกสำหรับกันฝนอยู่ไม่ใช่หรือ”


   “ข้าก็อยากใส่ แต่มันพังแล้ว”


อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลง ข้าวของบางชิ้นใช้ได้ช่วงหนึ่งแล้วต้องวางเอาไว้อย่างนั้น หมวกสำหรับกันฝนก็เช่นกัน มันทำจากพืชชนิดหนึ่งตากแห้ง แล้วเคลือบด้วยน้ำมันจากไม้ ทำให้กันน้ำได้ แต่เมื่อไม่ได้ใช้นานเข้าก็ผุพังตามกาลเวลา


   รติมองอีกฝ่าย พอจะรู้ว่าตรัสห่วงใยร่างกายของเขาเพียงใด ข้อจำกัดที่ว่าหากเจ็บป่วยแล้วจะมองไม่เห็น เป็นเรื่องที่ตรัสไม่อยากให้เกิดขึ้น


   “ตรัส ข้าไม่ออกแล้วก็ได้”


ความสบายใจของตรัสเป็นหนึ่งในความสุขของรติ หากการออกไปเตร็ดเตร่อย่างใจชอบจะทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ ต้องออกมายืนรออยู่หน้าร้านอย่างอยู่ไม่สุข เขาก็จะไม่ทำ


   ตรัสสบตา แล้วก็ส่ายศีรษะปฏิเสธ


   “ข้าไม่ได้ห้าม แค่อยากให้เจ้าดูแลตัวเองให้ดี” เขากล่าวเช่นนั้น ก่อนจะดึงแขนรติเข้าไปในห้องตรวจ


   “มาเถอะ มาอยู่ในห้องนี้ ไว้ตัวแห้งดีแล้ว ผมไม่ชื้นแล้ว ค่อยออกไปอยู่หน้าร้าน” ตรัสพูดแล้วดันร่างภรรยาเข้าไปในห้องตรวจของเขา แต่ตนเองหันไปสั่งบ่าวคนหนึ่ง


   “ให้ใครไปซ่อมหมวกกันฝนที หรือถ้าซ่อมไม่ได้แล้วจะซื้อใหม่ก็มาเบิกเงินจากข้า อ้อ...ซื้อเสื้อคลุมกันฝนกับรองเท้ากันน้ำด้วย”


   คำสั่งของเขามิได้ดังเข้าไปในห้องตรวจที่รติอยู่ แต่ข้าวของที่เขาสั่งให้บ่าวเตรียมไว้ก็ปรากฏแก่สายตาของรติในอีกไม่กี่วันต่อมา


   ช่างเป็นสามีที่เอาใจใส่โดยแท้


---------


#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

ฟ้าหลังฝน มันก็จะน่าอิจฉานิดนึงนะคะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอเลยค่ะ

เจอกันวันศุกร์ค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ความใส่ใจนี้ อิจฉาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
สามีดีเด่น สามีแห่งปี 2020 ต้องยกให้ตรัสแล้วละ 555  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai2-1: รักเมีย หลงเมียมากหมอตรัส

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รักเมียหลงเมียใครกันนะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คนขี้หึง..มักน่ารัก   :katai2-1:

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อันความสามีของตรัสนี้คือดีมาก.  :katai2-1:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สามีแห่งชาติดูแลดีมากๆ ขำอาจารย์ปราณแหย่เก่งมาก สนุกม ากๆเลยค่ะ :katai2-1::pig4: :L1:

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 69

เยี่ยงอย่าง   

---------


   ก่อนจะเข้าสู่ฤดูร้อน ฝนยังคงตกต่อเนื่อง



ในเมืองตะวันออก ดินร่วนซุยดี เหมาะแก่การเพาะปลูก แต่ก็ทำให้ดินอุ้มน้ำ มักส่งผลเสียต่อบ้านเรือน


   เรือนอหัสกรเป็นเรือนเก่าแก่ ทั้งตัวเรือนและรั้วล้วนถูกปลูกสร้างมานานแล้ว แม้จะคอยซ่อมแซมตรวจตราอยู่เสมอ แต่เมื่อคืนฝนตกหนัก ยิ่งดินอุ้มน้ำ รั้วด้านหลังเรือนจึงเริ่มมีรอยร้าวจากการทรุด


   กิจวัตรของตรัสคือตื่นแต่เช้า เดินตรวจตรารอบเรือนดูแลความเรียบร้อย ก่อนจะเริ่มฝึกฝนร่างกาย แต่เพราะวันนี้ สังเกตเห็นว่ารั้วมีรอยร้าว จึงยกเลิกการฝึกร่างกาย แล้วเรียกบ่าวไพร่ให้มาช่วยกันดู


   ตอนที่อาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว รติเดินตามมาพบตรัสยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับบ่าวไพร่ชาย 2-3 คน


   เห็นสีหน้าของตรัส รติก็ชักเป็นห่วง


“มีอะไรหรือ ตรัส”


   “รั้วทรุด”


รติมองตาม หากมองเพียงผิวเผินย่อมไม่เห็นว่ารั้วบริเวณนั้นไม่เสมอกัน แต่เมื่อสังเกตดีแล้ว จึงพบว่านอกจากรั้วบริเวณนั้นจะไม่เท่ากับบริเวณอื่นแล้ว ยังมีรอยร้าวด้วย



   “ข้าให้คนไปตามช่างมาแล้ว วันนี้คงไม่ได้เปิดร้านยา ต้องอยู่ดูช่างซ่อมรั้วให้เรียบร้อย ช่วงนี้ฝนตกหนัก ข้ากลัวว่ารั้วจะถล่มลงมา”


   “แต่วันนี้มีคนไข้จะมารับยาไม่ใช่หรือ”


   ดูเหมือนชายหนุ่มจะเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาทำหน้าปั้นยาก หันมองรั้วแล้วก็ถอนหายใจ


   “ถ้าอย่างนั้น...” เขากำลังจะเอ่ย แต่รติแตะแขนเขาเสียก่อน


   “ข้าไปเปิดร้านให้ ท่านอยู่ทางนี้คอยดูช่างมาซ่อมรั้วเถอะ”


   ตรัสหันมามองคนพูด เขาลืมไปได้อย่างไรว่ารติหาใช่ภรรยาผู้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เจ้าตัวเก่งกาจทั้งเรื่องค้าขายและมีวิชาความรู้ด้านสมุนไพร


   “ถ้าอย่างนั้นก็ฝากเจ้าด้วย ข้าจะเขียนยาของคนไข้ให้ เมื่อเขามารับ เจ้าก็จัดยาให้เขาตามนั้น”


   รติพยักหน้า ก่อนจะชวนตรัสไปรับมื้อเช้าก่อน


   วันนี้สองสามีภรรยาแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตน



รติไปเปิดร้านยาอหัสกรแทนตรัส ตั้งป้ายไม่รับคนไข้เพิ่ม นอกจากคนไข้เดิมที่เคยรักษาและต้องมารับยา ส่วนตรัสคอยดูแลช่างที่มาซ่อมรั้ว ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง


   เขาปิดร้านยาในตอนเที่ยง เมื่อกลับมาที่เรือนก็พบตรัสยังคงยืนดูแลการซ่อมแซม ช่างและบ่าวไพร่ยังคงทำงานอย่างขมีขมัน ตรัสเองก็ไม่ไปไหน แม้ว่าแสงอาทิตย์ตอนเที่ยงจะแผดเผาจนผิวของเขากลายเป็นสีแดง


   “พี่ตรัสตัวแดงแจ๋เลย” ระพีพูด รติยิ้ม ก้มลงมองเด็กชายที่เขาชวนมาตามตรัสไปพักรับประทานมื้อกลางวัน


   “ตัวแดงเช่นนั้นไม่ดี เพราะอยู่กลางแดดนานๆ จะไม่สบาย แต่...มีเรื่องหนึ่งที่อยากให้เจ้าเอาเยี่ยงอย่าง พี่ตรัสของเจ้าดูแลทั้งในเรือนนอกเรือน เอาใจใส่แม้แต่เรื่องเล็กน้อย รอยร้าวเหล่านั้น หากไม่มองอย่างช่างสังเกตย่อมไม่เห็น หรือหากเห็น จะไม่เห็นเป็นปัญหาก็ได้ แต่เพราะเขาเกรงว่าต่อไปรั้วจะพังลงมาเป็นอันตรายต่อทุกคน จึงต้องรีบจัดการแต่เนิ่นๆ”


   เด็กชายตัวน้อยหันมองพี่ตรัสด้วยดวงตาระยิบราวกับเห็นผู้เป็นแบบอย่าง ก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้รติ


   “ขอรับ! ข้าจะเอาเยี่ยงอย่างพี่ตรัสขอรับ!”


   รติยิ้ม ก่อนจะบอกให้เด็กชายรออยู่ในเรือน ส่วนตนเองก้าวเท้าออกไปตามตรัสเพื่อให้พักรับประทานมื้อเที่ยง เขาเชิญชวนช่างซ่อมรั้วให้รับประทานมื้อกลางวันที่นี่ โดยจัดสำรับแยกไว้ให้ เรื่องนี้มิได้อยู่ในค่าจ้าง แต่เป็นน้ำใจของเรือนอหัสกร


   พวกช่างไปพักรับประทานอาหารที่เรือนอหัสกรจัดไว้ให้แล้ว ได้ยินเสียงชมเชยไม่ขาดปากว่าเอร็ดอร่อย นับว่าเป็นหน้าเป็นตาโดยแท้


   ทั้งหมดนี้ก็เพราะรติจัดแจง


   แบ่งเบาภาระ เปิดร้านยา และจ่ายยาให้แทน แล้วยังคิดรอบด้าน ด้วยการมีน้ำจิตน้ำใจกับผู้อื่น


ตรัสมองภรรยาด้วยสายตารักใคร่ลึกซึ้ง เขามิทันคิดเรื่องมื้อกลางวันของพวกช่างซ่อมแซม เรื่องนี้เป็นน้ำใจเล็กน้อย แม้นไม่มีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่อมี กลับทำให้สุขใจอย่างประหลาด


   “ท่านตัวแดงหมดแล้ว” รติมัวแต่สนใจเนื้อตัวของตรัส จึงไม่ทันเห็นสายตาของเขาที่มองตน


เพราะอากาศร้อนยามเที่ยง ตรัสจึงมิได้สวมเสื้อผ้ามิดชิดนัก ท่อนล่างเป็นกางเกงที่ถูกถลกขากางเกงขึ้นมาจนถึงเข่า ส่วนท่อนบนของเขาสวมเพียงเสื้อไม่มีแขน ทั้งหมดนี้ล้วนสกปรกเลอะเทอะทั้งเหงื่อและคราบเปื้อน


   “มาเถอะ หลบเข้ามาในเรือน ท่านจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อยไหม จะได้สบายตัว”


   “ไม่ดีกว่า ตอนบ่ายต้องมาดูรั้วต่อ อย่างไรก็ต้องเปื้อน ให้คนยกสำรับมาให้ข้าตรงนี้เถอะ ตัวข้าสกปรก เข้าไปในเรือนก็จะพลอยลำบากปัดกวาดไปด้วย” ตรัสรู้ว่าเนื้อตัวของเขาสกปรก อีกทั้งยังเหม็นเหงื่อ จึงไม่กล้าแม้แต่ขยับเข้าใกล้รติด้วยซ้ำ


   รติเห็นจริงดังที่อีกฝ่ายกล่าว จึงพยักหน้า


   “ถ้าอย่างนั้นท่านก็ล้างหน้าล้างมือก็ยังดี ข้าจะให้คนจัดสำรับมาให้ตรงนี้”


   ตรัสพยักหน้ารับ แยกตัวไปล้างมือเรียบร้อยแล้วกลับมายังรั้วด้านหลังเรือนอีกครั้ง ก็พบว่าพุดกรองยกอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กที่เฉลียงสองสำรับ โดยมีรติอยู่ใกล้ๆ


   “จัดมาทำไมเยอะแยะขนาดนี้” เขาหันไปถามภรรยา แต่อีกฝ่ายกลับมองเขาประสาซื่อ


   “สำรับของข้ากับของท่านน่ะซี”


ตรัสกะพริบตาปริบๆ


   “เจ้า...จะกินที่นี่หรือ”


   “ก็ท่านจะกินที่นี่ไม่ใช่หรือ ข้าก็จะกินเป็นเพื่อนอย่างไรล่ะ”


ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มจางอย่างอิ่มเอมใจ


   มื้อกลางวันที่เรือนอหัสกรวันนี้แยกเป็นสองที่ ที่เฉลียงหลังเรือน คือที่รับประทานอาหารของรติและตรัส แม้จะอยู่ในร่มเงาของหลังคาแต่อากาศก็ยังร้อน ทว่ารติยืนกรานจะรับประทานเป็นเพื่อนตรัส


   ‘ข้ากินเป็นเพื่อน ท่านจะได้ไม่เหงาอย่างไรล่ะ’ ประโยคนี้ทำให้หัวใจของตรัสสดใสราวกับมีดอกไม้ฤดูร้อนเบ่งบาน


   ส่วนที่โต๊ะอาหารในห้องอาหารคือที่รับประทานอาหารของท่านอมราและระพี


   เด็กชายเคี้ยวข้าวอย่างเอาจริงเอาจัง พอกลืนลงคอแล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น


   “ข้าจะเอาเยี่ยงอย่างพี่ตรัสขอรับ! ข้าจะดูแลทั้งในเรือน นอกเรือนอย่างดี!”


   “โอ้...ดีจริง” ท่านอมราเห็นด้วย


   “แล้วข้าจะมีคู่ชีวิตที่ดีอย่างที่พี่ตรัสมีพี่รติด้วยขอรับ! ทุกข์สุขร่วมเสพใช่ไหมขอรับท่านย่า”


   ท่านอมรากะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ใครเอาคำพูดนี้ไปใส่หูเด็กน้อย แต่...ก็เป็นเรื่องถูกต้อง สมควรเออออ คู่ชีวิตต้องทุกข์สุขร่วมเสพ


   “โกรธเคืองก็ต้องรู้จักให้อภัยด้วย” นางสำทับ


   “ขอรับ! คู่ชีวิต ทุกข์สุขร่วมเสพ โกรธเคืองให้อภัย! ระพีจะต้องมีคู่ชีวิตที่ดีและจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีอย่างพี่ตรัสและพี่รติเลยขอรับ!”

---------
#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

--------

รติน่ารักจนรู้สึกไม่อยากยกให้ตรัสแล้วค่ะ ฮ่าฮ่า (เป็นสายอวยนายเอก ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอ

เจอกันวันจันทร์ค่ะ



ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พรุ่งนี้วันจันทร์แล้วนะคะ5555

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ระพี 555555

เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วลูก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด