( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63  (อ่าน 22672 ครั้ง)

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มาต่ออีกนะครับ,,,

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 27
Thay'Part



โพสอิทสีเขียวถูกแปะบนผนังโดยข้างในเขียนเพียงคำเดียวคือคำว่า ทัช นี่ไม่ใช่แผ่นแรกหรือจะเป็นแผ่นสุดท้ายที่ผมจะเขียน เพราะผมแทบจะมีแต่เรื่องของทัชอยู่ในหัวตลอดเวลา

ความคิดถึงมันทรมาน ผมเคยได้ยินคำนี้แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามันรู้สึกยังไงจนได้มาเจอกับตัวเองว่าตอนที่ไม่ได้เจอทัชอย่างที่ใจต้องการมันรู้สึกยังไง

ทั้งที่ตอนนี้ก็เหมือนจะกลับมาคุยกันได้ตามปกติแต่ผมก็ยังไม่กล้าไปเจอทัชตามที่ใจต้องการ

เฮ้อออ ผมกลายเป็นคนคิดเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

ผมมองรอบห้องที่ทัชเคยเข้ามาเมื่อหลายวันก่อน และคงจะเห็นสิ่งที่อยู่ในห้องนี้หมดแล้ว

วันนั้นที่ผมเมาพอตื่นมาก็แทบจำอะไรไม่ได้จนไอ้ภูมิมันบอกว่าคนที่มาส่งผมคือทัช ผมแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ในตอนนั้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอาย เมาต่อหน้าทัช แล้วก็ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง เพราะต่อให้ไอ้ภูมิบอกว่าผมหลับแต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะตื่นมาทำอะไรน้องรึเปล่า

พอรู้แบบนั้นก็อยากโทรหาทัชทันที แต่ติดตรงที่ผมไม่กล้า คำคำนี้มีบทบาทในชีวิตผมมากนับตั้งแต่ที่ไม่ได้คุยกับทัช

มีบทบาทจนน่าหงุดหงิดเลยล่ะ

“เฮ้อ คิดถึงอีกแล้ว” โพสอิทแผ่นที่สองของเช้านี้ถูกแปะลงผนังอีกครั้ง

ผมเริ่มตลกกับตัวเองที่อยู่ๆ ก็มานั่งทำอะไรแบบนี้ พอคิดถึงทัชทีไรก็จะเขียนชื่อทัชแปะไว้ทุกครั้งจนตอนนี้พนังห้องแทบไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว

ใครจะไปคิดล่ะว่าผมจะทำอะไรแบบนี้

วันนี้ผมมีเรียนเช้าและเป็นวันนัดส่งงาน งานที่ทำเป็นเดือนแก้อีกเกือบเดือนกว่าจะได้ส่ง ถ้าคราวนี้ได้แก้อีกก็คงไม่ต้องทำอย่างอื่นกันแล้วนั่งแก้แต่งานอยู่นี่แหละ

ตื๊ดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดด

หน้าจอมือถือปรากฏเบอร์ของคนที่เพิ่งจะกลับบ้านไปเมื่อหลายวันก่อน โอ้โซกลับบ้านหลังจากที่ผมไล่มันแล้วแทบจะทุกทาง แต่เหตุผลที่กลับบ้านมันบอกว่าอยู่กับผมได้กินแต่ของสำเร็จรูปซึ่งมันไม่จริงเลยสักนิดเดียว เพราะเป็นมันเองที่ลากผมให้พาออกไปกินข้าวข้างนอกแทบทุกวัน

นึกแล้วก็หมั่นไส้

“ว่าไง”

‘เอางานที่โซฟามาให้หน่อย’

“ไม่”

‘คุณชายยยยยยยยยยยย’ ไอ้โซลากเสียงยาวจนผมต้องเอามือถือผละออกจากหู ตัดสายไปเลยดีไหม

“อะไร รีบพูดจะไปอาบน้ำ”

‘งานกูอยู่ห้องมึงอะเอามาให้ด้วยนะ’

“โน๊ตบุ๊คหรอ”

‘ใช่ๆ’

“อืม เดี๋ยวเอาไปให้แล้วกัน” ไม่รอให้ไอ้โซได้พูดประโยคต่อไปผมก็วางสายทันที ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ







“กูนึกว่าครั้งนี้จะไม่ผ่านซะอีก” ไอ้โซบ่นขณะเดินออกมาจากห้องของอาจารย์ที่พวกผมเอางานไปส่ง

ในที่สุดก็ผ่านสักที!

“ไปฉลองกันปะ”

“ไหนบอกว่าช่วงนี้ไม่ดื่มไง” ไอ้ภูมิถามคนที่เป็นคนต้นคิด

“กินข้าวไงมึง กินข้าว”

“บ้านมึงเรียกกินข้าวว่าฉลองหรอ”

“บ้านกูนี่แหละ พูดมากว่ะไอ้ภูมิกูกลับบ้านไปกินข้าวกับพ่อแม่กูก็ได้”

“พูดแค่นี้ทำงอน กลับไปเลยไปไอ้ลูกแหง่”

“ไอ้ภูมิ!”

ทะเลาะกันอีกจนได้สินะ

ผมส่ายหัวกับภาพตรงหน้าที่ไอ้โซกำลังไล่เตะไอ้ภูมิอยู่ ก่อนที่มือถือจะส่งเสียงการแจ้งเตือนของข้อความไลน์

ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อคนที่ส่งมาเป็นไอ้ไผ่ และผมจะไม่สนใจเลยถ้าเนื้อหาในข้อความไม่ได้เกี่ยวกับทัช

Pai: ทัชทำสีผมใหม่ น่ารักขึ้นเยอะเลยว่ะ

อีกหนึ่งข้อความที่ตามมาคือรูปถ่ายของทัชขณะทำงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์

ผมมองภาพของทัชที่กำลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่างก่อนจะนึกได้ว่า ไอ้ไผ่มันคงอยู่ที่ร้านตอนนี้

คิดได้ดังนั้นผมก็เปลี่ยนเป้าหมายที่จะไปทันที

จากที่จะกลับคอนโดคงต้องแวะไปหาทัชที่ร้านซะแล้ว

“กูกลับก่อนนะ ไปส่งมันด้วย”

“โอเคๆ ”

ทั้งที่รู้ว่าไอ้ไผ่แค่ส่งรูปมากวนประสาทแต่เพราะมันอยู่ที่ร้านกับทัชจึงทำให้ผมหงุดหงิด ถึงมันจะไม่ได้ชอบทัชก็เถอะ

ผมควรทำอะไรสักอย่างกับความรู้สึกตอนนี้ ผมควรเลิกขี้ขลาดแล้วเอาจริงสักที ในเมื่อที่ผ่านมาผมก็ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างแล้ว

ตอนนี้ผมพอจะมีดีที่จะทำให้ทัชหันมาชอบได้บ้างรึยังนะ

ผมดีพอสำหรับทัชหรือยัง…





ผมเดินเข้ามาในร้านอย่างรีบร้อนก่อนจะมองหาไอ้คนที่มันส่งข้อความหาผม

ไม่เจอ

หรือว่ามันจะกลับไปแล้ว

“พี่ธัญ?” ผมหันไปตามเสียงเรียก ทัชมองผมเหมือนจะถามว่ามีอะไรรึเปล่า

ตอนนี้หน้าตาผมคงดูกระวนกระวายจนน้องต้องเข้ามาทักสินะ

ผมมองคนที่เพิ่งทำสีผมใหม่อย่างไม่คุ้นตา ผมสีดำสนิทที่ตัดกับผิวสีขาวทำให้ทัชดูน่ามองไปอีกแบบ แถมยังเข้ากับทัชมากกว่าสีควันบุหรี่นั่นซะอีก

และดูเหมือนจะน่ารักขึ้นอย่างที่ไอ้ไผ่ว่าจริงๆ ด้วย…

“พี่ธัญ!”

“ครับ?”

“จะสั่งอะไรไหมครับ”

“เอ่อ..เอาอะไรก็ได้” คำตอบสิ้นคิดซะมัด

ทัชไม่ได้ถามอะไรต่อแต่เดินเข้าข้างในสักพัก ก่อนจะกลับมาประจำหน้าเคาน์เตอร์เหมือนเดิม

ผมนั่งลงเก้าอี้ใกล้ๆ ลืมเหตุผลที่รีบมาร้านซะสนิทเพราะตอนนี้เอาแต่จ้องหน้าคนที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์

อาการมันหนักขึ้นทุกวัน

ไม่ใช่แค่ชอบแล้วล่ะมั้ง

“นี่ครับ” ทัชวางขนมตรงหน้าผมก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“มองผมขนาดนี้ผมจะคิดตังค์แล้วนะ”

“เท่าไหร่พี่ก็จ่าย”

“แน่ใจหรอครับ” ทัชยิ้ม ทำเอาผมใจเต้นแรง ก็ไม่ได้เห็นทัชยิ้มใกล้ๆ แบบนี้นานแล้วนี่ครับ

“แน่ใจครับ”

“ทั้งหมดที่พี่มี... ให้ได้รึเปล่าล่ะครับ”

“ถ้ามีแค่ใจล่ะจะเอาไหม”

ทัชยิ้มมุมปากก่อนจะตอบกลับมาด้วยประโยคที่ทำเอาผมคิดว่าบางทีทัชก็ร้ายไม่เบา

“ถ้าให้…ก็เอาครับ”









….……………………………………



ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของผมกับทัชจะเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ผมกำลังตามจีบทัช ใช่ครับ ไม่มีอะไรคืบหน้าไปจากเดิมเลย

ทัชจีบยากหรือผมมันกากอย่างที่ไอ้แทนบอกจริงๆ วะ

แต่มันก็ดีตรงที่ทัชให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

ใจดี แถมน่ารักแบบนี้ จะไม่ให้หลงได้ไง

“แน่ใจนะว่าพี่จะไปกับผม” เสียงคุ้นเคยดึงผมให้กลับมาอยู่ปัจจุบัน

“แน่ใจสิ ทำไม พี่ไปด้วยไม่ได้หรอ”

“ไปได้ แต่มันอาจจะนานไง”

“เอาน่า ไปก่อนเถอะเดี๋ยวสาย” ว่าแล้วผมก็เดินนำทัชไปที่รถ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ทัชนั่งรถผม…หรือเปล่า

ไม่น่าจะใช่ เพราะทัชเคยขับมันตอนที่ผมเมานี่นา คิดถึงตอนนั้นแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาซะดื้อๆ

“ไปดิพี่ ไหนว่าเดี๋ยวสายไง”

“ครับบ” นอกจากจะไม่เถียงแล้วผมยังตามใจคนที่นั่งข้างๆ อีกด้วย

ขออะไรผมก็ให้หมดแหละครับ ไม่เหลือไว้ให้ใครแล้ว



สักพักผมก็ขับรถมาถึงที่หมาย เป็นร้านกาแฟเล็กๆ แต่กลับมีคนเต็มร้าน นี่คือสถานที่ถ่ายแบบของทัช

วันนี้ผมกะจะชวนทัชไปหาอะไรกินสักหน่อยแต่เจ้าตัวกลับบอกว่ารับงานไว้ผมจึงเปลี่ยนกิจกรรมที่จะทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่น้องต้องไปทำนั่นก็คือมาเฝ้าทัชทำงาน

นี่คือตัวอย่างแฟนที่ดีในอนาคตใช่ไหมล่ะครับ

“สวัสดีครับพี่” ทัชยกมือไหว้ใครคนหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน

“หวัดดีๆ ” ท่าทางสบายๆ ของเจ้าของร้านทำให้ผมนึกสงสัย

รู้จักกันอยู่แล้วหรอ?

“เข้ามาก่อนๆ ”

“ร้านสวยนะพี่ ไม่เห็นรู้เลยว่าพี่จะทำร้านกับเขาด้วย”

“แฟนกูอยากทำน่ะสิ”

ทัชเดินตามเจ้าของร้านก่อนจะหันมามองผม

ผมพยักหน้าให้น้องแล้วเดินตามเข้าไปในร้าน

ภายในร้านก็เหมือนกับร้านกาแฟทั่วไปแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาคงจะเป็นการตกแต่ง รายละเอียดเล็กๆ น้อยอย่างของที่วางไว้กับโต๊ะหรือต้นไว้ที่ใช้ตกแต่งกลับดูเข้ากันจนน่ามอง

และยิ่งเดินเข้ามาเรื่อยๆ ผมก็รู้ว่าร้านนี้ไม่ได้เล็กอย่างที่เห็นภายนอก

ทางเดินเป็นทางยาวลึกเข้าไปในตัวร้าน ทั้งยังมีโต๊ะไว้สำหรับนั่งคนเดียวและคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

“ไม่คิดว่าพี่จะให้ผมมาถ่ายโปรโหมดร้านนะเนี่ย ผมต้องไปโม้ให้ไอ้โก้ฟังซะแล้ว”

“ไว้ว่างๆ ก็พามันมาด้วย แต่บอกไว้ก่อนนะว่ากูให้กินฟรีแค่รอบแรกนะ ถ้ามาอีกต้องจ่ายตังค์นะเว้ย”

“ก็ยังดีที่เลี้ยงนะพี่ ฮ่าๆ ”

“แล้วนั่นใครวะ”

“อ่อ นี่พี่ธัญครับ อายุเท่าพี่แหละส่วนนี่พี่เปรมรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าผมครับ”

“สวัสดีครับ” ผมทักทายคนตรงหน้า

“เช่นกันครับ”

“ผมต้องทำไรบ้างอะ”

“นั่งเก๊กท่าหล่อๆ ไง จะว่าไงพี่มึงก็หล่อนะยืมมาถ่ายรูปด้วยได้ไหม” เปรมหันมามองผม

“อย่าไปกวนพี่ธัญเลยพี่ ไปถ่ายกันเถอะ”

ให้ตายสิ นี่กะว่าถ้าทัชขอผมจะยอมถ่ายด้วยสักหน่อย

“ไม่ลองถามดู…”

“ไปเตรียมตัวค้าบบ” ทัชดันหลังเปรมให้ไปเตรียมตัว ซึ่งผมก็อดขำกับท่าทางของทัชที่เหมือนไม่อยากให้เจ้าของร้านยุ่งกับผมเท่าไหร่

“พี่ถ่ายด้วยไม่ได้หรอ”

“ไม่เอาอะ พี่ถ่ายด้วยผมก็ดับดิ” คำตอบบวกกับหน้าตาที่ดูจริงจังของทัชทำให้ผมยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือยีหัวอีกคนอย่างเอ็นดู

จะหล่อทำไมในเมื่อน่ารักก็ดีอยู่แล้ว

“ผมไปทำงานละ พี่ก็รออยู่ตรงนี้แล้วกัน”

“ไม่ให้พี่ไปถ่ายด้วยแน่นะ”

“นั่งรอเฉยๆ ไปเถอะน่า” ทัชทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเดินไปหาเปรมที่กำลังเตรียมฉากเพื่อถ่ายแบบอยู่

ส่วนผมก็นั่งมองอยู่ไม่ไกล



เวลาเดินไปเรื่อยๆ จนผมรู้สึกว่าหนังตาเริ่มไม่ไหว ช่วงนี้ผมนอนดึกเพราะแก้งานที่เพิ่งจะได้ส่ง ไม่แปลกที่จะรู้สึกง่วงแบบนี้

เงยหน้ามองอีกคนที่กำลังตั้งใจโพสท่าอยู่ก็คิดว่านอนรอสักงีบคงจะไม่เป็นไร

ทั้งที่อยากดูทัชถ่ายแบบแท้ๆ แต่ก็ทนความง่วงไม่ไหวเมื่อได้ยินเสียงเพลงคลอเบาๆ อีกทั้งบรรยากาศที่ทำให้ง่วงแบบนี้ ผมจึงผล็อยหลับได้ไม่ยาก...



ทัชมองคนที่ฟลุบอยู่กับโต๊ะกาแฟก่อนจะยิ้มบางๆ บอกว่าจะเฝ้าเขาแท้ๆ แต่กลับหลับไปซะได้

เฝ้าที่ว่าหมายถึงนอนเฝ้าสินะ

“แล้วเรียนเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่ามึงเรียนอยู่เทคนิค” รุ่นพี่โรงเรียนเก่าอย่างเปรมถามรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันนานจนกระทั่งติดต่ออีกคนให้มาถ่ายแบบโปรโหมดร้านหลังจากที่เปิดร้านได้ไม่ถึงเดือน

“ก็ดีนะพี่ แล้วพี่อะได้ข่าวว่าเรียนวิศวะไหงมาเปิดร้านกาแฟซะได้”

“ก็แฟนกูอยากเปิดอะดิ จริงๆ กูก็ชอบทำอะไรแบบนี้ด้วยแหละ” เปรมยิ้มให้ก่อนจะยกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์

“เห้ยพี่ ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย”

“แบบเมื่อกี้นี่แหละ ธรรมชาติ” เปรมว่าพลางยิ้มให้

“แล้วก็ไม่บอก ว่าแต่ผมกินได้ใช่ปะ” ทัชชี้ไปที่กาแฟหลายแก้วที่เตรียมไว้

ซึ่งนี่ก็เป็นเช็ตสุดท้ายของงานในวันนี้ งานที่ค่าจ้างคุ้มกว่างานที่ได้ทำจริงๆ แถมยังได้กินของฟรีอีก

“ได้ๆ เดี๋ยวถ่ายเซ็ตสุดท้ายแล้ว เอาแบบธรรมชาตินะ”

“ครับผม”

ธรรมชาติของทัชคือชิมกาแฟแต่ละแก้วอย่างตั้งใจในขณะที่เปรมก็กดชัตเตอร์รัวๆ จนคาดว่าน่าจะได้ภาพที่น่าพอใจจึงหยุดถ่าย แล้วมองอีกคนที่ยังชิมกาแฟอย่างนึกเอ็นดู

ทัชเป็นรุ่นน้องของเขาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมซึ่งทัชเข้ามาอยู่ในชมรมฟุตบอลจึงทำให้สนิทกันรวมทั้งโก้ด้วย พอคิดจะหาคนมาถ่ายแบบจึงนึกถึงรุ่นน้องตรงหน้าเป็นคนแรกด้วยความสดใสและมีเสน่ห์นั่นทำให้เปรมเลือกทัชอย่างไม่ลังเล

ไม่ได้เจอกันนานรอยยิ้มที่มองแล้วต้องยิ้มตามก็ยังเหมือนเดิม

“เสร็จแล้ว กินขนาดนั้นนอนไม่หลับแน่มึงคืนนี้”

“ก็ดีดิพี่ ผมจะปั่นงานพอดี” รุ่นน้องหันมายิ้มกว้าง

“นอนดึกบ่อยๆ ไม่ดีนะมึง”

“ครับผม แล้วนี่เสร็จแล้วใช่ปะ”

“เสร็จแล้ว เดี๋ยวกูโอนตังค์ให้” ทัชพยักหน้ารับ

“โอเคพี่ ว่าแต่แก้วนี้อร่อยดีนะ”

“อร่อยทุกแก้วเถอะ”

“ครับๆ อร่อยทุกแก้วเนาะ”

“ว่าแต่ไอ้ที่นอนอยู่นั่นเป็นแค่พี่จริงๆ หรอวะ” ทัชเลิกคิ้วกับคำถามของเปรมก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังหลับอยู่แล้วหันกลับมาตอบคนตรงหน้า

“ครับ…พี่…ที่ไม่ได้แปลว่าพี่” ประโยคสุดท้ายทัชพูดเสียงเบาจนเปรมไม่ได้ยิน เหมือนกับว่าเขาแค่พูดกับตัวเองเท่านั้น



…พี่ที่ไม่ได้แปลว่าพี่




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...พี่ที่ไม่ได้แปลว่าพี่   อิอิ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
แหม ร้ายกาจไม่เบา,,,

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 28
ตลาด



“แบบนี้คือกลับมาคืนดีกันแล้วถูกไหม”

“คงงั้นมั้ง”

“ไม่กลัวเขาหลอกอีกหรอ” ผมละสายตาจากคนที่นั่งอยู่โต๊ะกาแฟมาหาไอ้โก้

“ไม่รู้สิ กูแค่อยากทำตามความรู้สึกตัวเองบ้าง”

“ก็เลยให้โอกาสเขาสินะ” ไอ้โก้ว่าพลางยักไหล่

โอกาสที่ว่าผมให้ตัวเองต่างหาก

“งั้นมั้ง”

“โว้ยยย มึงจะตอบแต่คำนี้รึไงวะ”

“งั้นมั้ง”

“กวนตีนละ” ผมขำกับท่าทางหงุดหงิดของไอ้โก้ก่อนจะเดินจากหน้าเคาน์เตอร์ไปหาลูกค้าที่ผมมองก่อนหน้านี้

พี่ธัญนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ในร้านมาตั้งแต่บ่ายยังไม่ลุกไปไหน ดูเหมือนว่าจะเป็นงานด่วน

“งานเยอะหรอครับ” ผมถามแล้วนั่งลงตรงข้ามก่อนจะเท้าคางมองคนที่กำลังง่วนอยู่กับหน้าจอโน๊ตบุ๊ค

“นิดนึง แต่รีบส่งมากกว่า” พี่ธัญเงยหน้าแล้วยิ้มให้ผม ก่อนจะกลับไปสนใจงานตัวเองต่อ

ท่าทางดูเพลียๆ ซึ่งผมไม่เคยเห็นพี่ธัญในโหมดทำงานเลย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมจ้องพี่ธัญจนเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง

“มีอะไรรึเปล่า”

“ให้ผมช่วยปะ” พี่ธัญทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา

ทำไมอะ เห็นแบบนี้ผมอาจจะช่วยได้นะ

“งั้นช่วยนั่งอยู่ตรงนี้เป็นกำลังใจให้พี่ก็แล้วกันนะ”

“แค่นั้นหรอ”

“งั้นทัชอยากทำอะไร”

จริงๆ ก็ออยากช่วยนะแต่คงช่วยไม่ได้แล้วล่ะ

“ผมก็จะไปทำงานไง ลูกค้ามาละ แต่…จะคอยเป็นกำลังให้นะครับ” ผมพูดแค่นั้นแล้วก็เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์โดยไม่ได้หันกลับไปมองพี่ธัญ ถึงจะเป็นประโยคธรรมดาแต่มันก็เขินนะครับ

อยู่ๆ ก็เขินเฉยเลย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนพูดแท้ๆ

“อ้าว ยิ้มๆ ”

“อะไร!”

“ไม่บอกเขาไปเลยล่ะว่าชอบ”

“เรื่องของกูน่า”

“เออ เรื่องของมึง แต่ทำคนอื่นวุ่นวายกันชิบหาย” ไอ้โก้โยกหัวผม ไม่ใช่แบบเอ็นดูนะครับแต่โยกแบบหัวแทบหลุด!

“อะไรของมึง”

“เรื่องของกู” เอาคืนซะด้วย

“ไปรับออดอร์เลยไป”

“กูฟ้องพี่แทนแน่” ไอ้โก้ชี้หน้าผมแล้วเดินไปหาลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามา

ฟ้องพี่แทนหรอ กลัวที่ไหนล่ะโถ่

ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ลูกค้าอีกคนที่เดินเข้ามาในร้านก็ดึงความสนใจของผมทันที

“สวัสดีครับพี่วิน” ผมยิ้มให้พี่วินพร้อมกับทักทาย

พี่วินเป็นเพื่อนสนิทของพี่แทนและผมก็เคยเจอพี่วินหลายครั้งจนสนิทกันไปด้วย

“หวัดดีทัช แล้วนี่เห็นไอ้แทนไหม พี่โทรหาแต่มันไม่รับสายเลย”

“วันนี้พี่แทนยังไม่เข้าร้านนะครับ”

“ไปไหนของมันเนี่ย” พี่วินทำหน้าเครียดจนผมสงสัยว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“พวกพี่นัดมันทำงานน่ะ แต่มันดันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้แถมยังติดต่อไม่ได้อีก”

“งานเร่งหรอพี่”

“ส่งก่อนเที่ยงคืนวันนี้ ยังทำไม่ถึงไหนเลย” ช่วงนี้เป็นช่วงปั่นงานรึเปล่าครับเนี่ย ทั้งพี่ธัญแล้วก็พี่วินดูเหมือนจะเครียดกับงานกันหมดเลย

ว่าแต่พี่แทนหายไปไหนวะ

“นั่นมัน…” พี่วินหันไปเห็นใครบางคนจนผมต้องมองตาม

ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรพี่วินก็เดินไปยังโต๊ะที่คนนั้นนั่งอยู่

โต๊ะพี่ธัญ ดูเหมือนผมจะลืมไปนะว่าพี่วินเคยคบกับพี่ธัญ

พี่ธัญเงยหน้ามองพี่วินก่อนจะยิ้มให้ นั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก รู้แค่ว่าไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย

แต่พี่ธัญยิ้มให้พี่วินแล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ

ทั้งสองคนคุยกันสักพักก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้ม

มองผมทำไมวะ

พี่ธัญกับพี่วินคุยกันปกติจนเหมือนคนที่ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน หรือเมื่อก่อนผมจะเข้าใจผิดไปเองว่าทั้งสองคนเลิกกันไม่ดีจนเข้าหน้ากันไม่ติด

“พี่รู้แล้วว่าไอ้แทนมันอยู่ไหน พี่ไปก่อนนะ แล้วก็…คบกันนานๆ นะ”

ประโยคสุดท้ายทำเอาผมงงแดก คบกันนานๆ คืออะไร หมายถึงใครคบกับใครอะ

ผมมองพี่ธัญที่เหมือนจะขำอะไรสักอย่างก่อนจะเข้าใจในทันที ไปพูดอะไรแปลกๆ กับพี่วินแน่ๆ เลยแต่ฟังจากที่พี่วินพูดคงไม่พ้นบอกว่าผมกับพี่ธัญกำลังคบกันสินะ

ขี้ตู่จริงๆ

…จะเป็นแฟนกันได้ยังไงทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่เคยขอคบเลยสักครั้ง!









….………………………………



“พี่จะมาแย่งผมกินทำไมเนี่ย” ผมมองคนที่แย่งลูกชิ้นที่ผมกำลังถืออยู่หงุดหงิด จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงล่ะครับในถุงก็มีตั้งหลายไม้แต่มาแย่งในมือผมเนี่ย

พี่ธัญเคี้ยวลูกชิ้นอย่างพอใจไม่ได้ดูหน้าผมเลยสักนิด

“เอาไปกินเลยไป แล้วไม่ต้องมาแย่งผมอีกนะ” ผมยัดไม้ที่โดนแย่งไปลูกหนึ่งให้พี่ธัญก่อนจะหยิบอีกไม้ในถุงออกมา

“แค่อยากกินไม้เดียวกันไง”

“งั้นพี่กินไม้แล้วผมกินลูกชิ้นโอเคปะ”

“กวนละ”

“พี่แหละกวนผมก่อน”

“แค่ลูกชิ้นเองนะ ทัชจะหวงทำไม”

“ผมไม่ได้หวง แต่ในถุงก็มีเยอะแยะพี่มาแย่งในมือผมทำไมล่ะ”

“อ่อ หวงเพราะมันอยู่ในมือหรอ” น้ำเสียงนี่กวนประสาทสุดๆ

อยู่ๆ ผมก็ต้องมาเถียงเรื่องลูกชิ้นกับพี่ธัญกลางตลาดที่มีคนเดินผ่านไปมาแบบนี้

แต่มันน่าเถียงไหมล่ะครับ มาแย่งของกินผมเนี่ย!

“โอเคๆ ไม่แย่งแล้วก็ได้ เราไปดูเสื้อกันไหม”

“อะไร จะชวนผมซื้อเสื้อคู่หรอ” ผมว่าพลางเคี้ยวลูกชิ้น

“รู้ได้ไง” พี่ธัญทำหน้าตกใจซึ่งปกติไม่ค่อยได้เห็นพี่ธัญทำหน้าแบบนี้เท่าไหร่ จะว่าไปมันก็...แปลกตาดี

ว่าแต่จะซื้อเสื้อคู่จริงดิ คิดอะไรแบบนี้กับเขาเป็นด้วยหรอวะ

“นี่ล้อผมเล่นปะเนี่ย”

“ไม่ได้ล้อเล่น” ท่าจะจริงครับเพราะตอนนี้พี่ธัญคว้ามือผมให้เดินตามไปที่ร้านขายเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

พี่ธัญจะซื้อเสื้อผ้าที่ตลาด!

“ผมนึกว่าพี่จะใส่แต่พวกแบรนเนมซะอีก” ผมมองคนที่กำลังเลือกเสื้ออยู่อย่างแปลกใจ

“ก็ไม่เคยใส่แบบนี้เหมือนกัน”

“แล้วจะซื้อทำไม”

“ก็อยากได้เสื้อคู่” คำพูดบวกกับสายตาที่จริงจังทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู ก็ตอนนี้น่ะพี่ธัญเหมือนเด็กที่กำลังอยากได้ของเล่นที่ชอบน่ะสิ

“แล้วถามผมยังว่าอยากได้รึเปล่า”

“ทำไมต้องถาม ยังไงทัชก็ต้องยอมพี่อยู่แล้ว” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของอีกคน เมื่อกี้ที่ผมบอกว่าเหมือนเด็กก็ลืมๆ มันไปนะครับ เพราะยังไงคนตรงหน้าผมก็เป็นผู้ใหญ่ที่ร้ายกาจคนหนึ่งอยู่ดี

หลอกให้เด็กอย่างผมมาติดกับจนไปไหนไม่รอดแล้ว

“ผมอาจจะไม่ยอมพี่ก็ได้นะ”

“จริงหรอ” พี่ธัญทำหน้าหงอยทันที คิดว่าผมจะใจอ่อนหรอ เหอะ

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย รีบเลือกดิจะได้ไปดูอย่างอื่น”

ผมไม่ใจอ่อนหรอกเพราะผมยอมมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…

“ไอ้ตัวแสบเอ้ย”

“เลือกเร็วๆ ”

“ชอบตัวไหน” พี่ธัญชูเสื้อสองตัวที่เหมือนกันแต่คนละสีให้ผมดู จริงๆ ผมชอบสีเทานะแต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะชอบสีฟ้า

“เทา”

“โอเค เอาสองตัวนี้ครับ” พี่ธัญหันไปหยิบเสื้อสีฟ้าสองตัวให้แม่ค้า แล้วจะถามผมทำไมวะสุดท้ายก็ไม่เลือกอยู่ดี

“พี่กวนตีนอะ”

“กวนตีนอะไรก็ถามว่าชอบตัวไหนไม่ได้หมายความว่าจะซื้อตามที่ทัชเลือกสักหน่อย”

เอาที่สบายใจเลยครับ!

รู้สึกว่าตั้งแต่กลับมาคุยกันเนี่ยสกิลการกวนของพี่ธัญจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เหมือนเก็บกดอย่างนั้นแหละ



“เงียบเลย”

หลังจากเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้าผมก็กินลูกชิ้นเงียบๆ โดยไม่สนใจคนที่เดินอยู่ข้างๆ

“ขี้เกียจพูดกับพี่ว่ะ” เพราะผมโดนกวนอยู่ฝ่ายดียวไง

“แน่ใจนะว่าจะไม่พูด”

“….” ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้วครับ

“จะกินอะไรเดี๋ยวพี่เลี้ยง”

ทำตัวป๋าอีกละ คิดว่าผมไม่มีเงินซื้อกินเองรึไงวะโถ่

“ไม่เลี้ยงก็ได้แค่พาไปเฉยๆ ”

“….”

ผมเดินเข้ามาในร้านต่างหูเจ้าประจำโดยไม่สนใจว่าพี่ธัญจะพูดอะไร เพราะตอนนี้ของภายในร้านดึงความสนใจของผมไปหมดแล้ว

อยากได้ทั้งหมดเลยแม่ง!

ผมควรซื้ออันใหม่ที่ผมยังไม่มีเลยดีไหม จะโดนไอ้โก้บ่นไหมนะ แต่ช่างเถอะอย่าให้มันรู้ก็พอ

“ทัช”

“…….”

“ทัช”

“อะไรอะพี่” ผมตอบพี่ธัญไปอย่างลืมตัว ผมต้องคีพลุคเงียบๆ นี่หว่า โป๊ะเฉยเลย

“พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่ามาเลยพี่” ผมตอบพลางเลือกต่างหูไปด้วย ก่อนที่คำถามของพี่ธัญจะทำให้มือที่กำลังจะหยิบต่างหูคู่หนึ่งขึ้นมาดูต้องหยุดชะงัก

“ทัชรู้สึกกับพี่ เหมือนที่พี่รู้สึกกับทัชบ้างรึเปล่า”

“พี่ถามทำมะ…”

“ทัช…ชอบพี่บ้างรึเปล่า”

ผมมองคนถามที่แววตาและน้ำเสียงดูจริงจังมากกว่าปกติ

“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่พี่ยังจะอยู่ตรงนี้ปะ”

“ก็อยู่…เหมือนเดิม” น้ำเสียงฟังจากดาวอังคารก็รู้ว่าหงอย

ผมเดินไปหยิบต่างหูคู่หนึ่งเอาไปให้เจ้าของร้านคิดตังค์แล้วเดินกลับมาหาคนที่กำลังทำหน้าหงอยอยู่

อยู่ๆ ก็ดราม่าเฉย เมื่อกี้ยังซื้อเสื้อคู่อยู่เลย ปรับอารมณ์ตามไม่ทันนะเว้ยยย

“พี่ไม่ต้องคิดมากหรอก ที่ผมยังอยู่ตรงนี้ผมเองก็รู้สึกเหมือนพี่นั่นแหละ”

เท่านั้นแหละครับจากหงอยๆ ก็กลับมาเป็นปกติทันทีอย่างกลับว่าเมื่อกี้ไม่ได้มีอารมณ์ดราม่าอะไรทั้งนั้น จะว่าไปพี่ธัญก็มีมุมไบโพลาร์เหมือนกันแฮะ

ท่าทางจะมีเยอะซะด้วย

“พูดงี้แต่แรกก็จบแล้วไอ้ตัวแสบ” ไม่ว่าเปล่าพี่ธัญวาดแขนมากอดคอผมก่อนจะยีหัวแรงๆ อันนี้หมั่นไส้แหละครับดูออก

“ปล่อยได้แล้วพี่ อายคน!”

ลืมไปปะครับว่าเราอยู่ตลาดดดดด

“อายทำไมคนเยอะแยะ”

“มุขตั้งแต่สมัยไหนเนี่ยพี่”

“สมัยนี้นี่แหละ”

“โคตรเก่า” จากที่คิดว่าพี่ธัญจะเถียงกลับแต่ก็เปล่า ผมจึงหันไปมองคนที่ยังกอดคอผมอยู่ก่อนจะเห็นรอยยิ้มปรากฎอยู่ในใบหน้า

“ทัชรู้ไหมวันนี้พี่โคตรมีความสุขเลย”

“เพ้ออะไรเนี่ยพี่ ปล่อยผมได้แล้วมั้ง” แต่ก็นั่นแหละครับ นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมอีก

“ก็ทัชเพิ่งบอกชอบพี่นี่นา”

“เดี๋ยวนะ มีตรงไหนที่ผมบอกว่าชอบพี่วะ” เท่าที่จำได้ผมไม่ได้พูดว่าชอบเลยนะ

“ก็บอกชอบ....แบบไม่มีคำว่าชอบไง”

พี่ธัญยักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ เหอะ เชื่อเขาเลย พออารมณ์ดีก็เสี่ยวขึ้นมาซะงั้นแต่ผมก็ดันบ้าจี้ชอบเฉยเลยแม่ง

.....อาจเป็นเพราะคนพูดคือพี่ธัญแหละมั้งผมถึงได้ยิ้มออกมาแบบนี้

ถ้าใจมันชอบปัจจัยภายนอกก็ไม่สำคัญล่ะวะ!




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 29
ตะบองเพชร



กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่สน~~

“เมื่อไหรมึงจะเปลี่ยนริงโทนวะ เพลงสมัยไหนล่ะนั่น”

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะเลิกฟังเพลงที่ไม่เข้ากับหัวสกินเฮดของมึงล่ะ” ผมยกเท้าเตะไอ้โก้ก่อนจะหยิบมือถือมาดูว่าใครโทรมา

แล้วมุมปากก็ยกขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

“ว่าไงพี่”

‘นอนรึยัง’

“กำลังจะนอน แล้วพี่ล่ะ”

‘เหมือนกัน’

“แล้วโทรมามีอะไรปะ”

‘มี.….อยากได้ยินเสียงทัชก่อนนอน’

“…….”

เดดแอร์ไปชั่วขณะ พี่ธัญแม่งอยู่ๆ มาพูดอะไรแบบนี้วะ!

“อ้าว เขินๆ ผ้าห่มกูจะขาดแล้วมั้งจิกอยู่นั่นแหละ”

“ไอ้ห่าโก้” ผมปาหมอนใส่ไอ้โก้ที่นั่งเล่นเกมอยู่บนพื้นอย่างหมั่นไส้

‘เขินหรอ’

“บ้าปะ ใครเขินไม่มีหรอกเว้ย”

‘หรอครับน้องทัช’

“พี่แม่ง ไปนอนเลยไป” ผมไม่ได้เขินนะ ไม่ได้เขินจริงจริ๊ง

‘เขินแล้วไล่กันแบบนี้หรอเรา’

“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้เลยนะ ผมจะนอนละพรุ่งนี้มีเรียน”

‘หึ ครับๆ ’

คนในสายไม่เท่าไหร่แต่ไอ้ที่นั่งเล่นเกมเมื่อกี้มันเปลี่ยนมามองผมแล้วยิ้มล้อเลียนนี่สิ น่าโดนเตะอีกสักทีจริงๆ

‘ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน’

“ฝันดีครับ” พูดจบผมก็ตัดสายทันทีก่อนที่จะเขินเสียงพี่ธัญจนไอ้โก้มันล้อไปมากกว่านี้

พอพูดเพราะๆ แล้วแม่งทำให้ผมเขินอยู่เรื่อย ยิ่งช่วงนี้ยิ่งพูดเพราะเหมือนรู้ว่าผมแพ้

พี่ธัญแม่งร้าย แล้วผมก็เสือกชอบด้วย

ไอ้บ้าเอ้ยยยย

“ยิ้มเข้าไปแหมมม ผมนอนละพรุ่งนี้มีเรียน เสียงสองมากกกก”

“มึงอะไปนอน กวนตีน”

“ลงมาดิ เตียงกู”

“ไม่คิดจะให้กูนอนเตียงบ้างหรอ”

“มึงชื่อเนยไหม” ผมส่ายหน้า อะไรของมัน

“ไม่ได้ชื่อเนยก็ไปนอนพื้น เพราะกูเสียสละให้แค่น้องเนยเท่านั้น”

สัส!

คำพูดคำจาหน้าถีบออกนอกห้องจริงๆ

ส่วนน้องเนยที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือคนที่มันตามจีบอยู่ตอนนี้ กูจะแช่งให้มึงจีบน้องเขาไม่ติดไอ้เหี้ยโก้!

แต่ก็นั่นแหละครับได้แค่คิด ไอ้เราก็ดันเป็นคนดีเสียสละเตียงให้มันตั้งแต่แรกก็เลยต้องหอบผ้าห่มลงมานอนพื้นแบบนี้

กูจะไม่หงุดหงิดมึงหรอกนะเพราะตอนนี้กูอารมณ์ดี แต่ถ้าเป็นวันอื่นไม่แน่!









“เห้ยพวกมึง วันนี้ไปเตะบอลกันปะ” ไอ้ดิน เพื่อนในแผนกที่เคยไปเตะบอลด้วยกันบ่อยๆ เดินมาถามพวกผม

“ว่าไงพวกมึง” ผมหันไปถามเดอะแก๊ง

“กูจะกลับบ้านว่ะ” ไอ้โอ๊ตตอบ

จะว่าไปพรุ่งนี้ก็วันเสาร์นี่หว่า อีกอย่างนานๆ ทีไอ้โอ๊ตมันกลับบ้าน

“กูก็ไม่ว่าง”

“กูด้วย”

“แล้วมึงอะไอ้ทัช”

“กูมีนัดว่ะ”

“โห่ ขาดคนอีกละ” ไอ้ดินทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเดินกลับโต๊ะตัวเอง

จริงๆ ก็อยากเตะบอลนะครับ แต่ผมดันมีนัดแล้วนี่สิ

“นัดอะไรวะ”

“ไม่เสือกดิ” ไอ้โก้ยกมือขึ้นหวังจะตบหัวแต่ผมหลบได้ทัน

“นัดกับคุณธัญแน่ๆ ตกลงคบกันยังวะ” ไอ้ปาล์มถาม

“ยัง”

“อ้าวทำไม แค่กลับมาคุยกันเฉยๆ งี้หรอ”

“ป่าว แต่กูว่าอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนี่หว่า”

“ระวังหมาคาบไปแดก หน้าตาก็ไม่ได้ดีพอจะไปรั้งเขาไว้นะมึง” ไอ้โอ๊ตว่าพลางจับหน้าผมหันไปมา

ถ้าขนาดนี้ไม่ดีแล้วจะมีใครหน้าตาดีวะ เออ เว้นพี่ธัญไว้คนหนึ่งก็ได้ รายนั้นแม่งหล่อชิบหายอยู่แล้ว

“กูเห็นด้วยกับไอ้โอ๊ต แต่ก็อยากให้ดูไปก่อนเผื่อซ้ำรอย”

“มันจะยากอะไรวะ ชอบกันก็คบดิจะรออะไร รอให้กูตัดริบบิ้นหรอ”

“แล้วมึงไปยุ่งอะไรกับเขาล่ะไอ้ปาล์ม เอาเวลาไปตอบเด็กมึงนู่น”

“พูดอย่างกับมึงมีน้อยที่ไหน ระวังรถไฟชนกันนะเว้ย”

“พวกมึงนี่มันเจ้าชู้แม่ปลาบู่ปลาช่อนจริงๆ ” ไอ้โก้ว่าพลางยิ้มขำ

“เดี๋ยว แม่ปลาบู่ปลาช่อนมาไงวะ”

“ไม่รู้กูเติมเอา ฮ่าๆ ”

“ทำไมแม่งอารมณ์ดีแปลกๆ ” ผมถามไอ้โก้ที่มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งแต่ดูมือถือเมื่อกี้แล้ว

สาวตอบแชทแน่ๆ

“ก็นะ เดี๋ยวกูไปละ”

“อ้าวไปไหนวะ”

“ไม่เสือกดิ” โดนไหมล่ะมึง

ไอ้ปาล์มหน้าเหวอเมื่อไอ้โก้มันตอบแบบนั้น ก็ปกติไอ้โก้มันไม่ค่อยกวนตีนไอ้ปาล์มอะนะ วันนี้มาแปลก

“อะไรของมันวะ”

“ช่างมันเถอะน่า มันไปหาสาว”

“หะ จริงดิ ใครวะ”

“นี่มึงไม่รู้หรอ ก็เนยไง” ไอ้โอ๊ตว่า

เออว่ะ ทำไมไอ้ปาล์มไม่รู้มันไปอยู่ไหนมาเนี่ย บ้านก็อยู่หลังเดียวกัน

“อีกคนที่ไม่รู้เหมือนกูก็คือไอ้ตังรึเปล่า”

“อืม น่าจะนะ”

พูดถึงไอ้ตัง จะบอกมันว่าไงล่ะเนี่ยแต่ยังไงไอ้โก้ก็ต้องมีแฟนไม่วันใดก็วันหนึ่ง คงมีอย่างเดียวที่ต้องบอกมันคือทำใจ เท่านั้นล่ะ

ยังไงก็เพื่อนกัน ผมคิดว่ามันก็น่าจะเข้าใจแล้วก็ทำใจบ้างแล้ว

“ช่างเรื่องไอ้โก้เถอะ มึงดูนู่น” ผมหันไปมองตามสายตาไอ้โอ๊ตก็พบว่าพี่ธัญกำลังเดินมาทางนี้โดยไม่สนสายตาเด็กเจ้าถิ่นอย่างพวกผมเลย

ก็ขึ้นชื่อว่ามอใกล้กันแต่เหมือนไม่ถูกกันจึงทำให้คนมองพี่ธัญ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

อย่างพี่ธัญต่อให้ใส่ชุดนักศึกษาก็ดูไม่เหมือนเรียนเทคนิคหรอก

“มาทำอะไรเนี่ยพี่”

“มารับทัชไง”

“รออยู่หน้าวิลัยก็ได้” จะเดินเข้ามาให้คนมองทำไมมมม

“ก็ไลน์มาแล้วไม่ตอบเลยมาตาม”

“พี่ไม่กลัวโดนรุมกระทืบหรอ”

“ทำไมต้องกลัว พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด”

“มึงก็พูดเกินไปไอ้ทัชถึงเราจะไม่ชอบพวกเด็กมหาลัย แต่พวกเราก็ไม่ได้ตีกับใครมั่วๆ ปะ”

“ใช่ แค่หมั่นไส้เฉยๆ ”

เออ ก็จริงอย่างที่พวกมันพูด พวกผมไม่ชอบก็จริงแต่ไม่ได้ถึงขั่นหาเรื่องใครไปทั่วขนาดนั้นแต่บางคนมันก็น่าหมั่นไส้จริงๆ นะ พวกที่คิดว่าตัวเองสูงส่งแล้วพูดเหยียดคนที่ด้อยกว่า

“จะไปกันยัง”

“ครับ เจอกันที่บ้านนะพวกมึง”

“เออๆ เจอกัน”

ผมบอกลาเพื่อนทั้งสองก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินตามคนที่สูงกว่าผมไม่มากนัก

ระหว่างทางทุกสายตาแทบจะมองมาที่พวกผม แต่ถ้าคิดว่าพี่ธัญไม่แคร์แล้วผมนั้นยิ่งกว่า เพื่อนร่วมสถาบันก็จริงแต่ไม่ใช่เพื่อนสนิท ไม่เห็นจำเป็นต้องสนสายตาพวกนั้นเลย

“นี่เด็กเทคนิคไม่ชอบพวกพี่ขนาดนี้เลยหรอ ทั้งที่อยู่ใกล้กันแท้ๆ ”

“คงงั้นมั้ง”

“แต่พี่ชอบนะ”

“ชอบอะไร”

“ชอบทัช”

อย่างนี้ก็ได้หรอวะ วกเข้าเรื่องตัวเองเฉย

“ไปส่งผมที่ร้านเลย เดี๋ยวเข้างานสาย”

“สายก็ไม่มีใครว่าหรอกน่า” ไม่มีใครว่าผมก็จะว่าตัวเองครับ ดีกว่ามายืนเขินแบบนี้

เดี๋ยวพี่ธัญแม่งได้ใจ

แค่ผมไม่ขี่รถตัวเองมาแล้วให้พี่ธัญมารับมาส่งก็ยอมพอละ โอเค ผมยอมพี่ธัญมานานแล้วต่างหากยังมีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่ยอมพี่ธัญอีกวะ

“เดี๋ยวทำงานช่วย”

“พี่ว่างหรอ”

“ว่างสิ ไม่ว่างก็จะว่างเพราะพี่อยากอยู่ใกล้ๆ ทัช”

“……”

….เก็บศพผมด้วยนะครับ

ตายอย่างสงบ ศพสีชมพู









….…………………………………



ผมจอดรถก่อนจะถือถุงกาแฟกับขนมเดินเข้าไปในร้านขายต้นไม้ทั้งที่ไม่ได้มีป้ายบอกแต่ผมคิดว่างั้นนะ เพราะดูจากสภาพภายนอกก็ชวนให้คิดแบบนั้น

พอเปิดประตูเข้ามาผมก็ต้องเบิกตากว้างแทบจะผลาเข้าไปหาต้นไม้ตรงหน้า

ตะบองเพชร!!! สวยมากกกกกก

ต้นตะบองเพชรถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามโดยมันถูกวางตามขั่นบันไดที่เจ้าของร้านตกแต่งเอาไว้ แล้วที่สำคัญมันแทบจะเต็มร้านไม่มีต้นไม้ชนิดอื่นอยู่เลย แต่นอกจากต้นตะบองเพชรแล้วภายในร้านก็มีแค่โต๊ะยาวกับเก้าอี้สองตัวเหมือนไว้นั่งพักแค่นั้น

ผมมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้นนี่มันสวรรค์ของคนชอบตะบองเพชรแบบผมชัดๆ ไม่เห็นรู้เลยว่ามีร้านแบบนี้อยู่ด้วย

ผมเดินดูตะบองเพชรเพลินจนลืมไปว่าผมมาส่งของ ว่าแต่เจ้าของร้านอยู่ไหนล่ะเนี่ย

พอนึกได้ว่าตัวเองมาทำอะไรผมก็เงยหน้ามองหาเจ้าของร้านแต่กลับไม่มีใคร ด้านในเข้าไปอีกเหมือนมีทางเดินอาจจะเป็นห้องหรือพื้นที่สำหรับเจ้าของร้านล่ะมั้ง

“มาส่งของครับบบบ”

“.…..”

เมื่อไร้การตอบรับ ผมจึงมองที่อยู่แล้วออกไปดูหน้าร้านก่อนจะเดินกลับเข้ามา

ก็ถูกนี่หว่า หรือว่าเจ้าของร้านจะออกไปข้างนอก

งั้นดูตะบองเพชรรอแล้วกัน

เมื่อคิดแบบนั้นผมก็เอาของว่างไว้โต๊ะแล้วเดินไปดูอีกฝั่งอย่างสนใจ ต้นที่ออกดอกมีเยอะมาก เห็นแล้วอยากหอบกลับไปไว้ที่บ้านซะมัด แต่ราคาคงแพงน่าดู

ขณะที่ผมกำลังชื่นชมกับความสวยของต้นตะบองเพชรอยู่ ก็เห็นตะบองเพชรส่วนหนึ่งถูกวางเรียงกันเป็นรูปหัวใจไม่ใหญ่มากพร้อมทั้งตรงกลางยังมีการ์ดวางไว้ที่กระถางด้วย

ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านอาจจะเตรียมงานอะไรบางอย่าง

เซอร์ไพรส์แฟนรึเปล่านะ ดูโรแมนติกดีแฮะ แต่หมายถึงคนที่ชอบอะไรแบบนี้นะ คนอื่นอาจจะคิดว่ามันดูธรรมดา

“หยิบการ์ดขึ้นมาเปิดดูสิ” เสียงของบุคคลปริศนาทำให้ผมตกใจก่อนจะรีบหันไปมอง

“เอ่อ ผมเอาของมาส่งครับ” ด้วยความตกใจผมจึงไม่ทันได้ฟังว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายพูดอะไร

“รู้แล้วครับ แล้วก็…เงยหน้าขึ้นมามองพี่ด้วย” น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูกับประโยคคุ้นเคยทำให้ผมเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“พี่ธัญ”

ว่าแต่สั่งมาทำไมวะ ปกติก็ไปหาผมที่ร้านอยู่แล้ว

แล้วพี่ธัญมาอยู่ที่นี่ได้ไง...

“หยิบการ์ดขึ้นมาเปิดดูสิ”

“หะ ของผมหรอ”

ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนที่พี่ธัญจะพยักหน้า แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหยิบการ์ดขึ้นมามือก็ชะงักเมื่อความคิดก่อนหน้าแล่นเข้ามาในหัว

เซอร์ไพรส์แฟนงั้นหรอ

ช่างเถอะน่า มันไม่เหมือนกันสักหน่อย

“มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่าครับ ว่าแต่ทำไมผมต้องเปิดดูอะในการ์ดมีอะไรงั้นหรอ” จากที่จะหยิบการ์ดขึ้นมาดูผมกลับหันมาถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

ดูเหมือนว่าพี่ธัญจะทำหน้าลุ้นอยู่ด้วย

“ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรก็เปิดดูสิ”

พี่ธัญยิ้มก่อนจะเพยิดหน้าไปทางการ์ด ผมจึงหยิบการ์ดที่วางอยู่กระถางตะบองเพชรขึ้นมาเปิดดู

ข้อความในการ์ดทำให้ผมอึ้งไปแปปนึงก่อนจะหันมามองคนที่ยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“พี่…เอาจริงดิ”

“ถ้าให้เอาก็เอานะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นโว้ยยยยย ผมหมายถึงพี่คิดดีแล้วหรอ”

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”

“เอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้ว่ะ” พอเห็นข้อความในการ์ดผมยอมรับว่าดีใจมากแต่ก็เกิดหวั่นใจขึ้นมา

“กังวลเรื่องไอ้แทนหรอ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกพี่จัดการได้”

ผมมองข้อความที่เขียนด้วยลายมืออีกครั้ง



‘ เป็นแฟนกันนะครับ ’



ข้อความสั้นๆ แต่ทำให้ใจสั่นชิบหาย

“ว่าไงครับ จะให้คำตอบพี่ได้รึยัง” โถ่ อย่าเพิ่งกดดันกันสิวะ

จริงๆ ผมก็กังวลเรื่องพี่แทนอย่างที่พี่ธัญพูดนั่นแหละ แต่แล้วไงวะนี่มันใจผมนี่หว่า จะเอาพี่แทนมาวัดไม่ได้

อืมมม พี่แทนก็ต้องคิดแบบนี้แน่ๆ

ผมสูดลมหายใจเรียกขวัญและกำลังใจก่อนจะตัดสินใจพูดประโยคที่ผมคิดมาตลอดตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบพี่ธัญ

“พี่รู้ปะ ผมไม่คิดเลยนะว่าผมจะคบกับผู้ชาย…” พี่ธัญเลิกคิ้วอย่างงงๆ

ผมยิ้มกว้างก่อนจะพูดต่อ

“แต่พอเป็นพี่…ผมแม่งอยากคบว่ะ”

ดูเหมือนคำตอบของผมจะทำให้พี่ธัญอึ้งไปสักพักก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มออกมาแล้วจูงมือผมมายืนอยู่กลางห้อง

“จริงๆ ต้นตะบองเพชรพวกนี้เมื่อก่อนมันเป็นของพี่ แต่ตอนนี้มันเป็นของทัชนะ”

“ของผม?”

“ใช่ พี่ตั้งใจตกแต่งรอทัช….และไม่ว่าจะเป็นต้นตะบองเพชร…หรือหัวใจของพี่…พี่ยกมันให้ทัช ให้ทัชคนเดียว”

พี่ธัญจับมือผมแล้วประสานแน่นก่อนรอยยิ้มอบอุ่นที่คุ้นเคยจะส่งมา แน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธและตัวผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่ธัญ

“ผมจะรับไว้ไม่ว่าจะเป็นต้นตะบองเพชรพวกนี้และหัวใจของพี่…ผมจะดูแลอย่างดี”

….และหวังว่าพี่จะดูแลหัวใจของผมเหมือนกัน




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 30
แฟน (งั้นหรอ)



ผมเดินอย่างเซ็งๆ ทั้งที่อากาศในห้างก็เย็นสบายแถมยังมีสินค้าให้เลือกมากมายไม่น่าจะเบื่อหรือเซ็งเลยสักนิด แต่กลับมีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น

สายตาหลายคู่มองมาที่พวกผม ไม่ใช่สิมองแค่พี่ธัญต่างหาก

ผมเคยรู้สึกว่าเวลาอยู่กับพี่ธัญผมแม่งดับสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกหรือหน้าตา ผมไม่ได้ขี้เหล่นะแต่พี่มันหล่อเกินไปต่างหาก!

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น อาหารร้านเมื่อกี้ไม่อร่อยหรอ” ผมมองหน้าต้นเหตุอารมณ์เซ็งๆ ของผมตอนนี้ ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ผิดอะไร

“เปล่าครับ”

“แล้วเป็นอะไร”

“คนมอง” พี่ธัญทำหน้างงแล้วหันไปมองรอบๆ ก่อนจะพบสายตาที่มองมา

“ก็เรื่องของเขาสิ”

“เขามองพี่ไง”

“หืม นี่หวงพี่หรอ”

หวงหรอ ผมว่าคำนี้ไม่ได้อยู่ในหัวของผมเลยนะ จะมีก็แต่…

“พี่แม่งหล่อกว่าผมอะ โคตรเซ็ง”

พี่ธัญทำหน้าอึ้งไปแปปนึงก่อนจะหัวเราะออกมา มันน่าขำตรงไหนวะเฮ้ย นี่ผมซีเรียสนะ

“ไอ้ตัวแสบเอ้ย” มือหนายีหัวผมจนต้องเอียงหลบ

“พี่ไม่เป็นผมพี่ไม่เข้าใจหรอก”

“นั่นสินะ จะไปเข้าใจคนขี้เหล่ได้ยังไง”

“อ้าวพี่”

“หึ เอาน่าเลิกเซ็งได้แล้วไปเล่นเกมกันดีกว่า ทัชอยากเล่นไม่ใช่หรอ”

“ไหนพี่บอกอยากดูหนัง” ผมจำได้ว่าพี่ธัญบ่นอยากดูหนังมาหลายวันแล้ว

“ก็ทัชบอกอยากเล่นเกม”

“ไปดูหนังก็ได้” เห็นแก่ความบ่นที่ไม่ค่อยจะเจอในตัวคุณชายเขานะครับ

“งั้นก็ได้”

พี่ธัญตามใจผมมากกว่าสิ่งที่ตัวเองอยากทำจนผมกลัวว่าพี่ธัญจะเสียความเป็นตัวของตัวเองไป เข้าใจว่าอยากเอาใจ แต่บางครั้งก็ต้องทำตามใจตัวเองบ้าง

ผมชอบที่พี่ธัญตามใจก็จริงแต่ก็อยากให้พี่ธัญทำสิ่งที่อยากทำเหมือนกัน

“พี่ตามใจผมจนจะเสียคนแล้วนะ”

“พี่แค่อยากให้ทัชมีความสุข”

“ผมก็อยากให้พี่มีความสุข”

“…น่ารักจริงๆ ”

“ผมหล่อเหอะ”

“ก็พี่พูดความจริง ทัชน่ะ…น่ารัก”

เออ ยอมก็ได้วะ






ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะนึกได้ว่าสวนสาธารณะเป็นสถานที่ที่ผมไม่ได้มาบ่อยนัก เพราะถ้าไม่ทำงานที่ร้านก็เตะบอลที่วิลัยนานๆ ทีจะได้มาเดินเล่นชิลๆ แบบนี้

“ปกติพี่มาที่นี่บ่อยปะ”

“นี่ครั้งแรก”

“เห้ยย จริงปะเนี่ย” ทั้งที่พาผมมาแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่ามาครั้งแรก นึกว่ามาบ่อยแล้วอยากพาผมมาซะอีก

แต่จะว่าไปคุณชายเขาคงไม่มาเดินเล่นสวนสาธารณะหรอกเนาะ

“คิดว่าทัชน่าจะชอบไง”

“เดาเก่งนะเนี่ย” ผมก็ชอบจริงๆ นั่นแหละ

ผมมองพี่ธัญก่อนจะยิ้มออกมา

ใครจะไปคิดล่ะว่าผมกับพี่ธัญจะเป็นแฟนกันทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักนิดแถมยังตีกันบ่อยด้วยถึงหลังๆ พี่ธัญจะเป็นคนยอมก็เถอะ

แต่แบบนี้มันก็ทำให้ผมมีความสุขนะไม่รู้ว่าอีกคนคิดเหมือนกันรึเปล่า

หวังว่าพี่ธัญจะไม่เบื่อผมไปซะก่อน…

“ดีแล้วที่ชอบ”

“แล้วพี่ชอบรึเปล่า”

“ถ้าหมายถึงสถานที่ก็เฉยๆ นะ แต่พี่ชอบที่มีทัชอยู่ด้วยมากกว่า”

อืมมมม เรื่องแบบนี้ต้องยอมพี่เขาล่ะครับ ทำให้คนอื่นใจสั่นเก่งงงง

“พูดดี”

“ก็ดีมาตลอดนี่ครับ”

อยู่ๆ ก็หมั่นไส้พี่ธัญว่ะแม่ง!

“ว่าแต่พี่ออกกำลังกายบ่อยปะ”

พอผมเห็นคนวิ่งผ่านอยู่ๆ ก็นึกอยากรู้ว่าพี่ธัญจะขยันออกกำลังกายบ่อยแค่ไหนถึงได้หุ่นดีแบบนั้น

จริงๆ ผมเคยเห็นตอนพี่ธัญเปลี่ยนเสื้อครับ ผมไม่ได้แอบดูนะก็พี่ธัญแม่งเปลี่ยนต่อหน้าผมเองอะอันนี้ผมไม่ผิดใช่ปะทุกคนนนน

“อาทิตย์ละครั้ง ทำไม สนใจจะไปออกกำลังกายกับพี่หรอ”

“แค่ถามเฉยๆ เหอะ พี่คิดว่าผมจะมีเวลาไปออกกำลังกายกับพี่หรอ”

“มีสิถ้าทัชจะไป”

มันก็จริงนะครับ เอาตรงๆ คือผมขี้เกียจนั่นแหละ

ผมเงียบเมื่อพี่ธัญพูดจี้จุดก่อนที่คนข้างๆ จะยิ้มขำแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศดีๆ



ความเงียบเข้าปกคุมหลังจากที่ผมกับพี่ธัญต่างก็ตกอยู่ในความคิดของตัวเอง ผมคิดมาตลอดตั้งแต่ที่ตกลงคบกับพี่ธัญถึงมันจะยังไม่นานแต่ผมกลับมีความคิดหนึ่งโผล่เข้ามาในหัว

เราจะไปกันรอดรึเปล่า?

ผมก็รู้นะว่าผมไม่ควรคิดแบบนี้ แต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี

“คิดอะไรอยู่หรอ”

ผมหันไปมองคนถาม

“กำลังคิดว่าความรักของเราจะไปรอดรึเปล่า”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ทัชไม่เชื่อใจพี่หรอ”

“ก็…เปล่า” มั้ง

“พี่เข้าใจนะว่าพี่เคยทำให้ทัชเสียความเชื่อใจที่มีต่อพี่ แต่ครั้งนี้พี่อยากให้ทัชเชื่อใจพี่…อย่างน้อยสักนิดก็ยังดี”

“ผมก็เชื่อใจพี่อยู่แล้วไม่งั้นผมจะตกลงคบกับพี่ทำไม” แต่คนเรามันก็มักจะมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่ชอบเข้ามาขัดขวางความสุขอยู่เสมอ

“แล้วอะไรทำให้ทัชคิดว่าเราจะไปกันไม่รอดล่ะ”

“ช่างเถอะพี่ ผมแม่งก็คิดไปเรื่อยอะ”

“…อย่าคิดแบบนั้นอีกเลยนะ” พี่ธัญหยุดเดินจนผมต้องหันกลับไปมอง

กลายเป็นว่าผมทำให้บรรยากาศดีๆ เริ่มหม่นลงซะงั้น ผมจึงเดินไปจับมืออีกคนให้เดินตาม

“ขอโทษนะครับ ผมจะไม่พูดแบบนั้นอีก” ผมยิ้มให้พี่ธัญที่ตอนนี้หน้านิ่งไปเรียบร้อยแล้ว

มันน่าตีตัวเองให้เลิกพูดอะไรเพ้อเจ้อจริงๆ เลยเชียว กำลังจะดีอยู่แล้วแท้ๆ แม่งพูดแบบนั้นทำไมวะเนี่ยยยยยย

“เดี๋ยวผมเลี้ยงไอติมเลยอะ ไม่ทำหน้านิ่งแบบนั้นดิ”

“ไม่ต้องเอาของกินมาล่อ พี่ไม่ใช่ทัชนะ” มือหนาเอือมมาบีบจมูกผมแต่หน้ายังเรียบเฉยอยู่

“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ”

“ไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่เดินจับมือกันแบบนี้ก็พอแล้ว” พี่ธัญชูมือของเราที่ประสานกันก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นมาให้

นั่นสินะ อยู่กับคนที่ชอบแค่เดินจับมือกันก็มีความสุขแล้ว ไม่เห็นจะต้องทำอะไรที่มันหวือหวาเลย

แค่ได้อยู่ใกล้ๆ กันก็มีความสุขแล้ว…









….…………………………….



ผมไม่รู้ว่าตอนคิดกำลังคึกอะไรอยู่ถึงได้ใจกล้าทำอะไรแบบนี้ มันกะทันหันจนลืมไปว่าควรเตรียมตัวเตรียมใจให้นานกว่านี้สักหน่อย

ตรงหน้าผมคือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชาย พี่ชายที่เวลาโกรธไม่ควรมายุ่งให้เสียวสันหลังเล่นๆ แต่ตอนนี้คนที่จะเป็นต้นเหตุทำให้พี่แทนโกรธคือผมเอง

เรื่องของเรื่องคือผมสารภาพว่าตอนนี้ผมกับพี่ธัญกำลังคบกันอยู่ หลังจากที่เราคบกันได้อาทิตย์กว่าๆ ตอนแรกผมก็คิดว่าเร็วเกินไปที่จะบอกแต่ผมก็ไม่อยากปิดบังโดยเฉพาะพี่แทน ทั้งที่รู้ว่าถ้าบอกไปพี่แทนจะแสดงท่าทีแบบไหนพอมาเจอจริงๆ มันก็อดเสียวสันหลังไม่ได้อยู่ดี

“นี่พี่ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม”

“ครับ!” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เป็นผู้ชายมันต้องมีความมั่นใจดิวะ!

“ไหนทัชเคยบอกกับพี่ว่าไม่มีทางชอบมันไง” พี่แทนจ้องหน้าผมนิ่ง

“ก็…เวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยนตามไงพี่แทน…” ความมั่นใจมันเริ่มจางลงเรื่อยๆ เมื่อสบตากับพี่แทน

แบบว่าไม่ต้องจ้องหน้าน้องขนาดนั้นก็ได้พี่ชายยย

“เฮ้อออ ว่าแล้วเชียว”

พี่แทนถอนหายใจก่อนจะกอดอกมองผม สายตาที่ไม่ได้ตำหนิเหมือนเมื่อกี้แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่ายินดีกับเรื่องที่ผมเพิ่งบอกไปก่อนหน้านี้

“หมายความว่าอะไรอะพี่แทน”

“ก็หมายความว่าเราจะตกหลุมพรางไอ้ธัญจนชอบมันแบบนี้ไง”

“ผมไม่ได้ตกหลุมพรางอะไรนั่นสักหน่อย”

“จะบอกว่าชอบมันเองโดยที่มันไม่ได้ทำอะไรงั้นหรอ” เจอประโยคนี้เข้าไปก็หาคำเถียงไม่ได้แฮะ

“แล้ว…พี่โกรธผมปะ”

“โกรธสิ… โกรธที่เตือนอะไรเราไม่เคยฟังพี่เลย”

จะว่าไปเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแรกที่ผมไม่ฟังพี่แทน แต่มันก็มีหลายครั้งที่ผมเชื่อในการตัดสินใจของตัวเอง อย่างเช่นครั้งนี้

ผมรู้ว่าพี่แทนโกรธแต่ผมก็คือผม ถ้าเลือกแล้วผมก็จะทำให้คนรอบข้างเข้าใจเหตุผลที่ผมเลือกให้ได้

“แต่ก็ช่างมันเถอะ”

ขณะที่ผมกำลังจะอธิบายเหตุผลพี่แทนก็ตัดบทแบบไม่ใยดี

เดี๋ยวนะ มันง่ายไปหรือเปล่า

“หมายความว่ายังไงอะพี่แทน”

“ในเมื่อห้ามแล้วไม่ฟังพี่ก็จะไม่ยุ่ง อีกอย่างเราก็โตแล้วพี่ไม่ได้อยากบังคับอะไรนักหรอก”

ประโยคที่พี่แทนพูดไม่ใช่การประชดประชันแต่หมายความว่าแบบนั้นจริงๆ ผมยิ้มออกเมื่อรอยยิ้มอบอุ่นของพี่แทนถูกส่งมาให้ก่อนมือหนาจะยื่นมายีหัวผมอย่างที่เคยทำ

นับว่าเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงหลังจากตัดสินใจบอกเรื่องที่คบกับพี่ธัญให้พี่แทนฟัง ถึงจะรู้สึกแปลกๆ ที่พี่แทนดูนิ่งไม่ตกใจเท่าไหร่อย่างกับว่า…รู้อยู่แล้ว แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยพี่แทนก็ไม่ได้ว่าอะไร

“แต่ไม่ใช่ว่าพี่จะชอบมันหรอกนะไอ้ธัญน่ะ”

“ไม่ชอบแต่ก็อย่าถึงขั่นเกลียดกันเลยเนาะ”

“เดี๋ยวนี้มีพูดแทนกันด้วย นี่เราหลงมันขนาดนั้นเลยหรอ” นั่น เข้าตัวอีก

“เปล่าสักหน่อย”

“เหอะ”

ดูเหมือนจากโกรธจะกลายเป็นงอนผมชะแล้วสิ เห็นทีน้องชายสุดหล่อต้องง้อพี่ชายชะแล้ว

“ไม่งอนดิพี่แทนน เดี๋ยวตอนเย็นผมเลี้ยงข้าวนะ”

“ไม่ได้นัดไอ้ธัญไว้หรอ” มีเหลือบมองผมอีก ท่าทางแบบนี้งอนชัวร์ๆ

“ไม่ได้นัดสักหน่อย เย็นนี้จะผมอยู่กับพี่”

“แต่พี่ไม่ว่างอยู่กับเราหรอกนะ”

“อ้าววว”

แล้วอยู่ๆ พี่แทนก็หัวเราะออกมา ผมจึงรู้ได้ทันทีว่าเมื่อกี้พี่แทนแกล้งผม! ผมลืมไปรึไงว่าพี่คนนี้ก็ร้ายไม่เบา

หลงกลพี่แทนอีกแล้ว

“พี่จะเข้ามอ เก็บร้านด้วยนะไอ้ตัวแสบ” พี่แทนลุกขึ้นก่อนจะเดินมาหาผมแล้วโยกหัวเบาๆ

“ว่าแต่พี่ไม่โกรธผมแน่นะ”

“ไม่โกรธหรอก แต่ถ้าโดนมันทิ้งมาล่ะก็…พี่ไม่ปลอบนะ” ว่าแล้วพี่แทนก็ยักคิ้วกวนๆ ใส่ผม

โถ่ นี่แช่งกันแบบนี้ได้ไง น้องนะเว้ยยยยยต้องอวยพรดิ

แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมโดนทิ้งหรอกน่าคอยดูสิ

“มึง!”

“อะไรวะ”

ไอ้โก้พุ่งตัวมาหาผมทันทีที่พี่แทนเดินออกจากร้าน ดูจากท่าทางมันคงอยากรู้เต็มแก่ว่าพี่แทนจะว่ายังไงเรื่องของผมกับพี่ธัญ

“พี่แทนว่าไงวะ”

“ก็ไม่ว่าไง”

“เป็นไปได้ไง ” ไอ้โก้ทำหน้าแปลกใจเมื่อผมตอบไปแบบนั้น

“กูก็แปลกใจเหมือนกัน นึกว่าพี่แทนจะโกรธซะอีก”

“หรือว่าพี่แทนจะรู้อยู่แล้ว”

“จะรู้ได้ไง ไม่มีใครบอกสักหน่อย”

“อย่างพี่แทนอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ”

“มึงว่าไงนะ” ไอ้โก้พรึมพรำเบาๆ จนผมได้ยินไม่ถนัด

“เปล่าๆ ไม่โกรธก็ดีแล้ว แบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วอะดิ” ผมพยักหน้าให้ไอ้โก้ก่อนจะนึกโล่งอกเมื่อสิ่งที่กังวลมันผ่านไปได้ด้วยดี อย่างน้อยก็ไม่โดนขัดขวาง

จะบอกว่าความรักของผมกับพี่ธัญราบรื่นได้รึเปล่านะ

แม่ง คิดเองเขินเองเฉยเลยวุ้ย

“มึงทำหน้าอะไรของมึงอะ คิดอะไรแปลกๆ อยู่แน่เลย”

“เรื่องของกูน่า”

“เออ ไปเก็บโพสอิทใส่กล่องเลยไป”

“เออออครับ” ผมรับคำไอ้โก้แล้วเดินมาทำหน้าที่ของตัวเอง

ตอนนี้ร้านก็ปิดแล้วพนักงานในร้านอย่างผมก็ต้องเก็บของอย่างเคย จะว่าไปพอพูดถึงโพสอิทก็อดนึกถึงห้องพี่ธัญที่มีโพสอิทติดเต็มไปหมดไม่ได้แฮะ

อยู่ๆ ก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงใบหน้าเจ้าของห้อง

เป็นเอามากว่ะไอ้ทัช

แต่ถ้าผมจะคิดถึงแฟนตัวเองมันก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะครับ ก็แฟนผมนี่น่าาาา

“จะยืนมองอีกนานไหม รีบเก็บรีบกลับดิโว้ย” เสียงไอ้โก้ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของผมทำเอาผมนึกเซ็ง

ขัดกูจริงงงงง นี่คนหรือฝอยขัดหม้อไอ้สัส

“มึงก็รีบทำดิ สั่งแต่กูอยู่นั่น”

“กูทำงกๆ อยู่นี่ไม่แหกตาดูรึไง เดี๋ยวกูจะฟ้องพี่แทนว่ามึงอู้งานเพราะมัวแต่คิดถึงผู้ชาย!”

เอะอะฟ้อง โถ่ ขี้ฟ้องนี่หว่า อีกอย่างกูไม่ได้มัวแต่คิดถึงผู้ชายโว้ยยยกูคิดถึงแฟน!

“เงียบแบบนี้แสดงว่ากูพูดถูกสินะ อิอิ”

“เปล่า แต่กูกำลังคิดว่าจะโทรไปบอกเรื่องของมึงกับไอ้ตังหรือไปบอกมันต่อหน้าดี”

“มึงว่าไงนะ!” คราวนี้ไอ้โก้มันทำตาโตก่อนจะรีบเดินมาหาผม แล้วผมจะยืนเฉยๆ ให้มันมาเตะผมรึไงง หนีสิครับผมม

“กูบอกว่า จะบอกเรื่องเด็กของมึงกับไอ้ตัง”

“อย่านะเว้ยยย”

“ทีมึงยังจะฟ้องพี่แทนเลย ทำไมกูจะฟ้องไอ้ตังไม่ได้อะ แฟร์ๆ หน่อยสิเพื่อนน”

“มันไม่เหมือนกันนนนนนน”

ผมยักไหล่อย่างอารมณ์ดี ก็ลองฟ้องดูดิไม่งั้นมึงเจอกูแน่ไอ้โก้ หึๆ

ให้มันรู้ชะบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร!




ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 31
ต่างกันแล้วไง ก็ใจมันสั่งมา



“เห็นพี่ไม่ว่าหน่อยเอาใหญ่เลยนะเรา”

“พี่ธัญมาช่วยทำขนมนะพี่แทนน”

“กินได้?”

“กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ทิ้ง” อันนี้ผมไม่ได้พูดนะครับแต่เป็นพี่ธัญต่างหาก

ปากดีจัดดด

เวลาพี่ธัญเจอพี่แทนไม่ต่างจากเจอพี่ไผ่เมื่อก่อนเลย เหมือนกันเปะ

เนื่องจากตอนนี้ผมกับพี่ธัญกำลังทำขนมอยู่ในร้านแล้วพี่แทนก็เข้าร้านมาพอดี ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ เข้ามาก็ทักทายกันซะดีเลย

ส่วนเรื่องทำขนมอย่าเข้าใจผิดว่าผมทำเป็นนะ มาดูพี่ธัญเฉยๆ แต่ก็ใช่ว่าพี่ธัญจะทำเป็นเห็นเปิดยูทูปทำตามเขาเหมือนกัน สรุปคือไม่รู้จะกินได้รึเปล่า

“ใครอนุญาตให้ใช้ครัวที่ร้านพี่”

โอ้วว มาโหมดนี้อีกแล้วพี่ผม ใช้สิทธิ์เจ้าของร้านกับผมแล้ว

“ก็ผมอยากกินขนมอะพี่แทน”

“ขนมที่ร้านก็มี”

“ทัชอยากกินขนมที่กูทำ ชัดไหม” ชัดเลยชัดว่าจะโดนพี่แทนเตะออกจากร้านเนี่ย ปากดีจริงๆ เลยโว้ยแต่ละคน

“ปากดีจริงๆ ”

“เอ่อ…พี่แทนจะมาทำงานไม่ใช่หรอ” ขึ้นไปทำข้างบนดิ

ประโยคหลังไม่กล้าพูดครับเดี๋ยวหาว่าผมไล่อีก

“นี่เราไล่พี่หรอ” นั่นไงว่าแล้วเชียว

เป็นคนกลางนี่มันลำบากใจจริงๆ นะครับ

“เดี๋ยวจะทำไม่เสร็จไง”

“หรอ นึกว่าอยากอยู่กับ ‘แฟน’ แล้วไล่พี่ไปทำงานซะอีก” โอ้โห แฟน เน้นๆ กระแทกหน้าผมเลยครับ

พี่แทนพูดแล้วเดินไปห้องทำงานของตัวเองทันทีโดยไม่ให้โอกาสผมได้อธิบายอะไรเลยสักคำ ไม่ใช่ว่างอนผมจริงๆ หรอกนะ

“มันไม่งอนทัชจริงๆ หรอกน่า” พูดเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรเลยแฮะ

“ใช่หรอ”

“อืม มันแค่เรียกร้องความสนใจ” อืมมมปากดีจริงๆ ว่ะแฟนผม

“ว่าแต่จะรอดปะเนี่ย” ผมมองพี่ธัญที่ใส่ส่วนผสมสลับกับดูวิธีทำในยูทูป

“รอดสิเคยทำแบบนี้แล้วกินได้”

“ตอนไหน”

“ก็ตอนที่เอาขนมไปให้ทัชที่บ้านไง” อ๋ออ แต่เดี๋ยวนะนี่ผมเป็นหนูทดลองของพี่ธัญหรอกหรอ!

“นั่นพี่ทำครั้งแรกหรอ”

“ใช่”

ยังดีที่กินได้ จะว่าไปรสชาติตอนนั้นมันก็…ไม่เลวนะ

ครั้งนี้คงจะกินได้เหมือนกันนั่นแหละ

“แล้วทำไมวันนี้อยู่ๆ ถึงอยากทำล่ะ” ผมเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเท้าคางมองหน้าคนที่กำลังขมักเขม้นในการใส่ส่วนผสมอยู่

เวลาพี่ธัญตั้งใจทำอะไรสักอย่างนี่โคตรมีเสน่ห์เลยอะ

“ก็มีคนแถวนี้ชอบกินไม่ใช่หรอ”

“พี่หมายถึงผมหรอ”

“หมาที่บ้านมั้ง”

กวนตีนจังเลยครับ

ได้แค่คิดอะครับ ไม่กล้าพูดออกไปหรอกเดี๋ยวคุณเขาจะบ่นว่าผมเป็นเด็กพูดไม่เพราะอย่างนั้นอย่างนี้แล้วดูทีตัวเองดิโถ่ พอๆ กับผมนั่นแหละ

“งั้นก็รีบทำแล้วเอาไปให้หมาที่บ้านกินนะครับ”

“ไม่อยากรู้หรอว่าหมาชื่ออะไร”

“ไม่อะ” ผมตอบในทันทีจึงทำให้พี่ธัญทำหน้าเซ็งๆ ที่ผมดักมุขได้ทัน

“ไม่อยากรู้เลยหรอ”

“ไม่ครับ”

“สักนิด”

“ไม่”

“ทัช”

“ครับ”

ผมมองพี่ธัญก่อนจะยักคิ้วใส่ ผมไม่ยอมแพ้พี่หรอกน่าไม่ได้กินผมหรอกเว้ยยย

“หมาทัช”

“หมา…”

“หืมม”

เกือบหลุดปากว่าหมาธัญไปแล้วไหมล่ะ ไม่งั้นโดนบ่นแน่

ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพี่ธัญจะบอกว่าหมาที่บ้านชื่อทัช เหอะมุขเก่าๆ ผมก็เคยเล่นหรอกน่า

พี่ธัญกลับไปสนใจขนมของตัวเองต่อซึ่งผมก็สนใจเหมือนกันหมายถึงสนใจที่จะดูคนทำอะนะ

วันนี้เป็นหยุดผมจึงไม่ได้ทำงานพี่ธัญก็เลยบอกว่าจะทำขนมโดยซื้อของมาด้วยแต่ขอยืมครัวพี่แทนหน่อยซึ่งพี่แทนก็น่าจะเข้าใจผิดคิดว่ามาใช้ของที่ร้านไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมขี้เกียจอธิบายยังไงชะพี่แทนก็ไม่ชอบขี้หน้าพี่ธัญอยู่แล้วงั้นช่างมันก็แล้วกัน

ถามว่าผมกังวลไหมที่พี่ธัญกับพี่แทนไม่ถูกกัน ผมเลิกกังวลแล้วครับเพราะยังไงก็ไม่ถึงกับเกลียดกันเข้ากระดูกดำแค่เวลาเจอหน้ากันเกิดสงครามน้ำลายขนาดหย่อมแค่นั้นเอ้งงง

ผมมองแผ่นหลังพี่ธัญแล้วยิ้มออกมาเมื่ออยู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว

“พี่จำได้ปะว่าเมื่อก่อนเคยขับรถปาดหน้าผมอะ” ผมจำได้ว่าตอนนั้นแม่งโคตรหงุดหงิดเลย

“พี่เนี่ยนะ” ผมพยักหน้า

“ว่าแล้วพี่ต้องจำไม่ได้”

“คงงั้น เพราะเมื่อก่อนก็ขับรถเปรียวตีนอยู่เหมือนกัน” พี่ธัญแม่งพูดได้หน้าตายมากกกก

สำนึกสักนิดปะวะเนี่ย

“พี่นี่แม่ง” ผมนี่ยอมเลยครับถึงว่าทำไมเมื่อก่อนผมถึงหมั่นไส้พี่ธัญนัก

ตอนนี้ก็ยังหมั่นไส้อยู่ครับ…

“ขอโทษนะ พี่ไม่รู้ว่าเป็นทัช”

“ถ้ารู้ว่าเป็นผมจะขับดีๆ?”

“เปล่า ก็คงทำเหมือนเดิม”

“จะพูดเพื่อ???”

“ก็เลยอยากขอโทษนี่ไง” บางทีก็คิดว่าพี่ธัญแม่งเข้าใจยากว่ะ

ผมว่าผมหนักแล้วพี่ธัญหนักกว่าอีก เพราะงี้ถึงอยู่ด้วยกันได้สินะ

ผมคิดมาตลอดว่าเราต่างกันแต่พอมารู้จักจริงๆ เราก็มีบางอย่างที่เหมือนกัน หรือบางอย่างที่อีกคนไม่มีแต่อีกคนมีคอยเติมเต็มให้กันและกัน

แค่นี้มันก็พอแล้ว

ผมรู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ได้เจอกับพี่ธัญถึงแม้จะมีปัญหาระหว่างทางที่เรากำลังเดินแต่เราก็ผ่านมันมาได้

ถ้าจะถามหาเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบพี่ธัญ ผมคงตอบไม่ได้เพราะชอบก็คือชอบ บางครั้งมันก็ไม่มีคำอธิบาย

.

.

.

มีคนรอบตัวผมถามว่าทำไมถึงยอมให้อภัยพี่ธัญทั้งที่เขาทำร้ายความรู้สึกและความไว้ใจของผม ผมไม่ได้อธิบายอะไรมากนักนอกจากตอบไปว่า….. ผมอยากให้โอกาสตัวเอง ไม่ใช่เพราะพี่ธัญชอบผมแต่เป็นเพราะผมชอบพี่ธัญ

ผมเลือกทำตามความรู้สึกของตัวเองไม่เกี่ยวกับความผิดที่ผ่านมาของพี่ธัญเลยสักนิดและผมเลือกที่จะเชื่อใจเขา…อีกครั้ง

เพราะถ้าคุณรักใครสักคนคุณจะอยากให้โอกาสเขาและตัวเองเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ ถึงมันจะไม่ง่ายที่จะทำให้ความรู้สึกมันหลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่สำหรับผมไม่จำเป็นที่เราจะต้องรู้สึกเหมือนเดิมทั้งหมด ขอเพียงแค่ความรู้สึกที่เคยมีมันไม่หายไปก็พอ









….……………………………………..



Thay’ Part



ช่วงนี้งานที่อาจารย์สั่งค่อนข้างเยอะแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกเซ็งเหมือนครั้งก่อนๆ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ผมอารมณ์ดีที่อะไรมันก็ดูจะราบรื่นไปหมด อืมม ยกเว้นงานที่อาจารย์สั่งนะครับ

“รู้สึกว่าตั้งแต่คบกับน้องเขาเนี่ยมึงดูมีความสุขมากเลยนะ”

ไอ้ภูมิเอ่ยแซว จะไม่ให้มีความสุขได้ไงล่ะครับ นั่นคนที่ผมชอบนะ

ไม่ใช่สิคนที่ผมรักต่างหาก

ทัชเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ มีอะไรให้น่าค้นหาเยอะ

“คนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดหนึ่ง~”

“มิน่าล่ะมึงถึงได้แก่เอาแก่เอา”

“กวนตีนอีกแล้วไอ้ภูมิ”

พูดกันยังไม่เกินสองประโยคก็กวนตีนกันอีกแล้ว แก้ไม่ได้เลยครับเรื่องแบบนี้เพราะเวลาผมเจอไอ้แทนก็ไม่ต่างกับพวกมันสองคนเลย

จะว่าไปมันก็ตลกดี

เอาเถอะครับ เรามันชอบน้องเขานี่นาก็ต้องยอมๆ กันบ้างทั้งที่กวนตีนมันทุกครั้งเวลาเจอกันอะนะ

ไม่รู้ติดพูดจากวนตีนแบบนี้มาจากใครนะครับ ผมว่าเมื่อก่อนผมไม่ขนาดนี้นะ

“เออ มึงไม่ได้ขับรถมาหรอวะ”

“กูหรอ”

“มันถามกูมั้งคุณชาย”

“งั้นมึงก็ตอบมันสิ”

“เดี๋ยวนี้กวนตีนเก่งนะครับคุณชาย ติดจากใครมาวะ” ไอ้โซว่าพลางทำหน้าเหม็นเบื่อใสผม

“จะใครล่ะก็แฟนมันไง”

“เห้ยๆ ดูสายตาคุณชายดิ มองแรงแล้วนั่น”

ผมไม่ได้มองแรงนะครับแค่มองด้วยหางตาเฉยๆ

แฟนผม ผมว่าได้คนเดียวครับคนอื่นห้ามยุ่ง…..แต่เว้นพี่ชายทัชไว้คนหนึ่งก็ได้

“เอออออ กูล้อเล่นน่า เข้าเรียนกันเดี๋ยวสาย”

ไอ้ภูมิกอดคอไอ้โซก่อนจะเดินนำผมไปห้องเรียน วันนี้เรียนทั้งวันแต่ละวิชาอาจารย์สอนเต็มที่จนพวกผมเกรงใจ

ก็อย่างว่าแหละครับคนเราต้องเต็มที่ในหน้าที่ของตัวเองยกเว้นนักศึกษาอย่างผม





“อาจารย์แม่งสอนแบบสุดยอดอะ กูจะตายยยยยย” ไอ้โซโอดครวญทันทีที่ออกมาจากห้องเรียน

ผมก็คิดเหมือนไอ้โซนะครับ คาบนี้โคตรเปลืองพลังงานเลย

“เห้ยมึง นั่นเด็กเทคนิคที่อยู่ใกล้ๆ มอเราปะ”

ได้ยินคำว่าเทคนิคผมก็หันไปมองคนที่พูดทันที คนพูดเป็นรุ่นน้องคณะผมดูเหมือนจะเป็นปีหนึ่งเพราะไม่ค่อยคุ้นหน้าและดูจากการแต่งกายก็น่าจะใช่

ผมมองตามสายตาของรุ่นน้องทั้งสองก็เห็นคนคุ้นตากำลังยืนพิงรถมอ’ ไซค์ของตัวเองอยู่

“หน้าตาดีว่ะ แต่เป็นเด็กเทคนิคแม่งไม่ค่อยน่าคบ”

“ทำไมวะ”

“จะอะไรซะอีกล่ะ เรื่องชกต่อยก็ที่หนึ่งแถมยังต่อยไม่เลือกอีก คิดว่าในมอเราจะมีใครอยากยุ่งกับพวกมันปะ เห็นวิศวะเถื่อนๆ ยังไม่สู้พวกเทคนิคเลย”

ทั้งสองคนพูดกันอย่างออกรสโดยไม่ทันได้สังเกตว่าผมเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ

“พวกมึงพูดจบรึยัง”

“ยังพูดไม่จบ…” ทั้งสองคนหันมาเห็นผมก็ถอยไปหนึ่งก้าวก่อนจะยกมือขึ้นไหว้

“สวัสดีครับพี่ธัญ”

“เมื่อกี้มึงว่าใคร”

“เอ่อ…ผม”

“ไอ้ปานมันว่าให้เด็กเทคนิคคนนั้นอะพี่ หน้าตาดีนะแต่น่าเสียดายที่เป็นเด็กเทคนิค”

“เด็กเทคนิคทำไม”

“โถ่พี่ ดูก็รู้แล้วว่ามันคนละชั้นกับเรา”

“หรอ แต่ที่มึงพูดให้อยู่น่ะ… ‘แฟนกู’ ” พวกมันทำหน้าอึ้งก่อนจะสะกิดกันแล้วยกมือไหว้ผมอีกครั้งแล้วรีบวิ่งออกไป

ใครมันจะทนฟังคนอื่นพูดให้แฟนตัวเองแบบนี้วะ ถ้าผมความอดทนต่ำกว่านี้สักหน่อยคงตบหัวเรียงตัวไปแล้ว

“อย่าโมโหดิวะ ไปหาเด็กมึงนู่นไม่ต้องสนใจพวกมันหรอก” ไอ้ภูมิเดินมาตบไหล่ผมตามด้วยไอโซที่พยักหน้าเห็นด้วย

ผมจึงรีบปรับอารมณ์หงุดหงิดให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะบอกลาเพื่อนทั้งสองแล้วเดินมาหาคนที่กำลังรอผมอยู่

ที่ผมไม่ได้ขับรถมาวันนี้เพราะทัชบอกว่าจะมารับ แล้วมีหรือที่ผมจะปฏิเสธ นานๆ ทีทัชจะอยากเข้ามาในมออีกทั้งยังใส่เสื้อช็อปมาด้วย เพราะปกติเข้ามาในมอทีไรก็ไม่เคยเห็นใส่มาสักครั้ง

“ไง ไอ้ตัวแสบ” ผมเอื้อมมือไปโยกหัวทัชเบาๆ ทำให้เจ้าตัวหันมาก่อนจะยิ้มให้ผม

รอยยิ้มของทัชทำให้พลังงานที่หมดไปกับการเรียนเริ่มกลับมาอีกครั้ง นี่แหละครับที่ชาจพลังของผม

“จะไปไหนดีครับ หิวรึยัง ไปกินข้าวกันไหม”

“ถามทีละคำถามสิ พี่ตอบไม่ทัน”

“จะไปไหนครับ”

“แล้วทัชหิวรึยัง”

“นิดหน่อย”

“งั้นเราไปหาอะไรกินกัน”

“โอเคครับ”

ทัชตอบรับก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคอีกใบให้ผม

“ซื้อมาใหม่หรอ” ผมมองหมวกกันน็อคในมือ เพราะของทัชก็มีอีกใบซึ่งผมจำได้ว่าทัชมีใบเดียว

“ครับ ก็ต่อไปจะมีคนซ้อนบ่อยๆ ไงก็ต้องซื้อไว้สิ”

“ใคร” ผมเผลอเสียงแข็งในทัชอย่างลืมตัว

“ที่ถามไม่รู้หรือแกล้งเนี่ยพี่ จะใครซะอีกก็พี่ไง”

“ทัชซื้อให้พี่หรอ?”

“ให้ขนาดนั้นซื้อให้คนอื่นมั้ง” จากหน้ามืดตามัวเกือบจะหึงกลับดีใจที่ได้ยินทัชพูดแบบนั้น

ไม่คิดว่าจะใส่ใจกันขนาดนี้ แต่จะว่าไปทุกครั้งที่ขี่รถทัชก็เสียสละหมวกกันน็อคให้ผมตลอด

“อะไรอะพี่” ทัชทำหน้างงเมื่อผมแบมือไปตรงหน้า

“ขอกุญแจหน่อยครับ”

“อะไร พี่จะขี่หรอ”

“ใช่ครับ” ผมคว้ากุญแจรถจากทัชที่กำลังงงๆ แล้ววาดขาขึ้นคร่อมมอ’ ไซค์ก่อนที่ทัชจะถามผมหน้าตาตื่น

“เห้ย! แล้วพี่ขี่เป็นหรอ”

“แล้วพี่บอกหรอว่าขี่ไม่เป็น ขึ้นมาเร็ว” ผมสวมหมวกกันน็อคก่อนจะเรียกคนที่กำลังยืนอึ้งให้ขึ้นซ้อนท้ายสักที

น้องทำอย่างกับว่าผมเคยขับแค่รถยนต์อย่างนั้นแหละ แต่ผมยังทำได้หลายอย่างโดยที่น้องคาดไม่ถึงเชียวล่ะ

และผมก็เชื่อว่าเราต่างคนต่างยังมีอะไรให้ค้นหาซึ่งกันและกันอีกหลายอย่าง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบทัชมากขนาดนี้

.

.

.

เรามักจะอยากอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจและมีความสุขครั้งทุกเวลาเจอหน้าเขา นับวันความรู้สึกแบบนั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จากชอบ…จนกลายเป็นรัก

หวังว่าทัชจะรู้สึกถึงมันแม้ว่าผมจะไม่ได้พูดออกไปตรงๆ ก็ตาม





The End







….…………………………………

สวัสดีนักอ่านทุกคนนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางไปกับความรักของธัญทัชจนมาถึงตอนสุดท้าย ขอบคุณทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ มันเป็นแรงผลักดันให้เรามากๆ และเราจะพยายามพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นกว่าเดิม ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆ ด้วยนะฮับบบบ

เข้ามาติดตามและพูดคุยกันได้น้าาา

ทวิตเตอร์ : @BC_BlackCrow




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ,,,

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด