พิมพ์หน้านี้ - ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Blackcrow ที่ 26-12-2019 15:24:48

หัวข้อ: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 26-12-2019 15:24:48
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ 

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

.........................................


                      ( มหาลัย VS เทคนิค )
                  ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา
____________________________________________


ใครจะไปคิดล่ะครับว่าแค่ก้มเก็บเหรียญที่ตกพื้น พอลุกขึ้นมาแล้วสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปมันจะย้อนกลับมาทางเดิม แถมยังพุ่งใส่ใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก…



               
                                  Intro

“มึงมีเงินสดปะ” เหมือนผมจะได้เงินอะไรสดๆ นะ เงินสดปะวะ

“กูมี!” ผมตะโกนออกไปแล้วพวกมันก็มองมาทางผม

“แปป” ผมล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกำเหรียญจำนวนหนึ่งออกมา มีแบงค์ด้วยเด้อขอบอก ผมหันไปฉีกยิ้มให้พวกมัน ซึ่งแต่ละคนก็ส่ายหน้ากันเป็นพัลวัน

อะไรหว้าาา กูก็มีเงินสดนะเว้ย

“เอามันไปเก็บที”

ขณะที่ไอ้โอ๊ตกำลังจะมาพยุงผมตามคำสั่งไอ้โก้ เหรียญอันแสนมีค่าของผมก็หล่นลงพื้นอย่างคาดไม่ถึง จะหายไม่ได้นะเว้ย

ไวกว่าเสียงผมรีบตามตะครุบเหรียญทันทีจนทำให้รู้สึกเวียนหัวกะทันหัน ชิบหายละครับของที่กินไปมันกำลังมารวมตัวกันทางเดิมแล้ว

ผมรีบหยิบเหรียญแล้วลุกขึ้นทันทีพอดีกับของเก่ากำลังจะพุ้งออกมาแต่ที่ทำเอาผมอยากจะกลืนของเก่าเข้าไปก็คือคนตรงหน้านี้แหละ

เชี้ยยย หลบไปสิโว้ยกูจะอ้วก!

“อ้วกกกก”

“ไอ้เหี้ยทัช!!!” ได้ยินเสียงเพื่อนผมแว่วๆ พร้อมกับของเก่าที่ขย้อนออกมาอีกรอบ หมดทุกอย่างรวมถึงสติที่เริ่มจะหมดลงด้วย

เสียงเพื่อนพูดอีกหลายประโยคแต่เหมือนผมจะไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ ก็มีแต่เสียงคนตรงหน้านี้แหละที่ได้ยินชัดแจ๋วเลย

“ไอ้เด็กเวร!!!”




สารบัญ

 Chapter 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4019168#msg4019168)  Chapter 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4019473#msg4019473)  Chapter 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4019997#msg4019997)  Chapter 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4020517#msg4020517) Chapter 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4022879#msg4022879) Chapter 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4024726#msg4024726) Chapter 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4025608#msg4025608) Chapter 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4026063#msg4026063) Chapter 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4027420#msg4027420) Chapter 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4028693#msg4028693) Chapter 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4028965#msg4028965) Chapter 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4029701#msg4029701) Chapter 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4030046#msg4030046) Chapter 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4030627#msg4030627) Chapter 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4031754#msg4031754) Chapter 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4034973#msg4034973) Chapter 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4038150#msg4038150) Chapter 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4038503#msg4038503) Chapter 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4038878#msg4038878) Chapter 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4039156#msg4039156) Chapter 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4039437#msg4039437) Chapter 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4039752#msg4039752) Chapter 23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4040005#msg4040005) Chapter 24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4040270#msg4040270) Chapter 25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4042607#msg4042607) Chapter 26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4042881#msg4042881) Chapter 27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4043140#msg4043140) Chapter 28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4043322#msg4043322) Chapter 29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4043524#msg4043524) Chapter 30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4043730#msg4043730) Chapter 31(จบ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71335.msg4043853#msg4043853)


***ฝากติดตามกันด้วยน้าาา
***ฝากคอมเม้นท์และเป็นกำลังใจให้ด้วยน้าา
   
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 1: 26/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 26-12-2019 16:09:32
Chapter 1
กลุ้มใจจริงๆ



ณ ผับแห่งหนึ่ง


“กลุ้ม…ใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่โสนนน เลาาามันคนจนนนนน แม่หน้ามนจึงม่ายมองง”

เสียงแหกปากร้องเพลงที่แสนจะไพเราะนั้นเป็นเสียงของใครไปไม่ได้นอกจากกระผม นายทัช ทัชทัชทัชเบบี้คิสคิสคิส เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ละ

“ไอ้ทัชมึงลงมาจากโต๊ะก๊อนนน เดี๋ยวเขาก็เอารปภ.มาลากพวกกูออกจากร้านหรอก”

เรื่องอะไรผมจะยอมลงง่ายๆ วะคนกำลังมันส์ได้ที่เลย ชีวิตผมอะนะมันโคตรกลุ้มเลยเว้ย เพราะงั้นมันต้องระบาย!

แต่ผมคงลืมไปว่าที่นี่เป็นผับไม่ใช่ร้านเหล้าเจ้าประจำของผม จึงทำให้ผมดูเป็นตัวประหลาดในสายตาของลูกค้าคนอื่นๆ แต่เดี๋ยวก่อนทุกคนผมมีเงินจ่ายนะเว้ยเห็นหน้าอย่างนี้ก็มีปัญญาจ่ายค่าเหล้านะขอบอก แต่ส่วนเงินที่ผมได้มานั้นมันค่อนข้าง…

“พูดแล้วอยากจาร้องห้ายยย”

“มึงลงมาก่อนค่อยร้องดิเว้ย”

“มึงหยุดไอ้โก้! มึงไม่ต้องมาห้ามกู” ผมยกมือห้ามไอ้โก้ส่วนอีกข้างหนึ่งจับที่อกข้างซ้าย มันเจ็บที่ใจใครเล่าจะรู้…

คงต้องย้อนกลับไปเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว



‘นาย’ เสียงหวานเอ่ยขึ้นขณะที่ผมกำลังมองเจ้าของเสียงนั้นอย่างเผลอไผล

‘นาย!’

‘คะ…ครับ’ เผลอจ้องอีกแล้ว

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเป็นลูกค้าที่เรียกได้ว่าเป็นลูกค้าประจำเลยก็ว่าได้ ผมเป็นพนักงานร้านคาเฟ่ที่พี่ผมเป็นเจ้าของ ผมแอบมองเธอเสมอเวลาที่เธอเข้ามาในร้าน

ใช่แล้วครับ ผมชอบเธอ

‘ทั้งหมด 250 บาทครับ’ ผมรีบดึงตัวเองให้กลับมาเป็นปกติทันที เวลาเจอหน้าเธอทีไรมันไม่เป็นตัวของตัวเองนี่ครับ คนอะไรโคตรน่ารักเลย

‘นาย..เลิกงานตอนไหนหรอ’

‘เลิกตอนนี้เลยก็ได้ เอ่อ…’ ไอ้เชี้ยทัช มึงพูดอะไรเนี่ย

‘คือ…หมายถึงอีกครึ่งชั่วโมงครับ’ แถสิครับรอไร ถึงจะแถได้น่าเกลียดก็เถอะ

‘เราขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม’

เชรดด ใจผมตอนนี้มันเต้นเป็นจังหวะสามซ่าแล้วครับ

เธอจะคุยกับผมโว้ยย

‘มีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ’ เล่นตัวสักหน่อยพอเป็นพิธี ถึงแม้ในใจจะอยากให้ถึงตอนเลิกงานเร็วๆ ก็เถอะ

จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วเว้ย

‘เราจะจ้างเธอมาเป็นแฟนเราให้หน่อย...ได้ไหม’

‘หะ!’

‘แค่แปปเดียวเอง ไม่ให้นายเสียเวลานานหรอก’

ว้อท เดอะ ฟัค!




นั่นแหละครับเรื่องที่ทำให้ผมกึ่งเมากึ่งมีสติอยู่ในตอนนี้ แต่ผมว่าผมมีสติดีนะ…

“ดึงมันลงมาก่อนคนมองทั้งร้านแล้วเนี่ย”

“หูวว วิวดีมากพวกมึงดูหุ่นแต่ละโคนนน”

“เออๆ มึงลงมาก่อนนะ เขาเอาเครื่องดื่มมาให้ละ” พอได้ยินดังนั้นผมแทนจะโดดลงจากโต๊ะทันที

เงินค่าจ้างก็เอามาแดกเหล้าย้อมใจนี่แหละครับ แดกให้มันลืมไปเลย

“พวกมึงเห็นแผลนี่ปะ แฟนเขาต่อยกูเว้ย ไอ้เหี้ยยหน้าหล่อๆ กูเสียโฉมหมด” ผมชี้ที่มุมปากให้พวกเพื่อนๆ ผมที่นั่งอยู่ดู ที่บอกว่าจ้างให้ไปเป็นแฟนจริงๆ แล้วจ้างเพื่อประชดแฟนครับพอไอ้นั่นเห็นผมควงแฟนตัวเองก็ชัดเข้าที่ปากผมทันทีไม่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเลยสักคำ

“ใครบอกให้มึงไปช่วยเขาล่ะ”

“กู…ลืมปฏิเสธเขาว่ะ”

“ไอ้สัส!” พวกมึงจะด่ากูพร้อมกันทำเชี้ยไรรร

อย่างที่บอกผมลืมปฏิเสธเขาพูดไรมาก็เออออหมดเลย พอเอาเข้าจริงๆ ก็โดนแฟนเขาต่อยปากมาด้วยคุ้มไหมล่ะ เบอร์ก็ไม่ได้ไลน์ก็ไม่มีแถมยังถูกต่อยฟรีๆ ไม่บวกใส่ค่าจ้างอีก ทำกันได้ลงคอแท้!

“แล้วเขาจ้างมึงเท่าไหร่วะ”

“สาม”

“สามพัน”

“สามร้อย”

“ถุ้ย! นี่มึงโง่หรือโง่วะ” กูอยู่ในช่วงหน้ามืดตามัวเว้ย จริงๆ เขาจ้างผมสามพันครับหลอกพวกมันไปงั้นแหละแล้วไอ้โก้ก็ด่าผม เอ้อ หรือว่าผมโง่จริงๆ วะ อยู่ๆ ก็หลอกให้มันด่าตัวเอง

“กูอะนะ... กูอะนะ” ว่าแล้วก็ซดเหล้าไปหลายอึก พูดแล้วมันคอแห้ง

“เอออ ว่ามาๆ ”

“รัก! ผู้หญิง หญิงก็ไม่โสนนนน”

“กูเกลียดเวลาแม่งเมาว่ะ”

“กูด้วย/กูด้วย”

ผมว่าร้านแบบนี้ไม่เหมาะกับผมว่ะคนมองผมแปลกๆ หรือผมลืมรูดซิบกางเกงวะ แต่ดูแล้วก็เรียบร้อยดีนี่หว่า อ้ออออหรือว่าผมมันหล่อเกินไป ฮี่ๆ

“ดูหน้ามัน กูสงสารคนพบเห็นชะมัด”

“เช็คบิลแล้วพามันกลับเถอะว่ะ”

“มึงมีเงินสดปะ” เหมือนผมจะได้เงินอะไรสดๆ นะ เงินสดปะวะ

“กูมี!” ผมตะโกนออกไปแล้วพวกมันก็มองมาทางผม

“แปป” ผมล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกำเหรียญจำนวนหนึ่งออกมา มีแบงค์ด้วยเด้อขอบอก ผมหันไปฉีกยิ้มให้พวกมัน ซึ่งแต่ละคนก็ส่ายหน้ากันเป็นพัลวัน

อะไรหว้าาา กูก็มีเงินสดนะเว้ย

“เอามันไปเก็บที”

ขณะที่ไอ้โอ๊ตกำลังจะมาพยุงผมตามคำสั่งไอ้โก้ เหรียญอันแสนมีค่าของผมก็หล่นลงพื้นอย่างคาดไม่ถึง จะหายไม่ได้นะเว้ย

ไวกว่าเสียงผมรีบตามตะครุบเหรียญทันทีจนทำให้รู้สึกเวียนหัวกะทันหัน ชิบหายละครับของที่กินไปมันกำลังมารวมตัวกันทางเดิมแล้ว

ผมรีบหยิบเหรียญแล้วลุกขึ้นทันทีพอดีกับของเก่ากำลังจะพุ้งออกมาแต่ที่ทำเอาผมอยากจะกลืนของเก่าเข้าไปก็คือคนตรงหน้านี่แหละ

เชี้ยยย หลบไปสิโว้ยกูจะอ้วก!

“อ้วกกกก”

“ไอ้เหี้ยทัช!!!” ได้ยินเสียงเพื่อนผมแว่วๆ พร้อมกับของเก่าที่ขย้อนออกมาอีกรอบ หมดทุกอย่างรวมถึงสติที่เริ่มจะหมดลงด้วย

เสียงเพื่อนพูดอีกหลายประโยคแต่เหมือนผมจะไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ ก็มีแต่เสียงคนตรงหน้านี่แหละที่ได้ยินชัดแจ๋วเลย

“ไอ้เด็กเวร!!!”





……………………………………………



อยู่ๆ ก็มีแต่เธอมาปราฏกตัวในหัวใจ อยู่ๆ ไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงเธอได้ทั้งวัน~~~

ผมเริ่มรู้สึกตัวเมื่อเสียงเพลงเข้ามาในโสตประสาท ลักษณะการเปิดเพลงแบบนี้ผมคงนอนอยู่ในห้องไอ้โก้แน่ๆ มันเป็นบุคคลที่เปิดเพลงไม่เข้ากับหนังหน้าตัวเองเลยสักนิด

ผมลืมตาพลางพยุงตัวเองลุกเอาจริงๆ นะครับคำว่าแฮงค์ใช้กับผมไม่ได้หรอก

จริงๆ นะ

ตุบ!

“เสียงอะไรวะ …เห้ย! เป็นไรวะไอ้ทัช”

เสียงไอ้โก้ดังใกล้ๆ หูแต่ผมไม่เห็นหน้ามันสักนิด จะเห็นได้ไงล่ะก็ปากผมแทบจะจูบกับพื้นห้องมันอยู่แล้วเนี่ย

“กู โอ เค” ผมชูสองนิ้วให้มันก่อนจะพงกหัวขึ้น แล้วไอ้โก้มันทำไรกับผมรู้ไหมครับ มันตบหัวผมแล้วหน้าผมก็กระแทกกับพื้น…อันนี้จูบจริง ไม่ใช้ตัวแสดง

ไอ้เพื่อนเลววว

“เมาแล้วสร้างปัญหาตลอด” กูไปสร้างปัญหาตอนไหนวะ!

จากที่มึนๆ ก็มึนยิ่งกว่าเดิม เพื่อนหน๋อเพื่อนทำกูได้ลงคอ

ผมลุกขึ้นแล้วนั่งสักพักพอให้หายมึนก่อนจะกวาดสายตาไปรอบห้องแล้วก็ไปสะดุดกับบางอย่าง

“เสื้อมึงหรอ” ผมชี้ไปที่เสื้อที่กองอยู่กับพื้น

“นี่มึงจำไม่ได้หรอ” บางทีมึงก็ควรจะคิดนิดนึงนะว่าที่กูถามก็แสดงว่ากูจำไม่ได้ไง

“นึกดีๆ ”

เมื่อคืนผมเฮิร์ทจากนั้นจึงชวนเดอะแก๊งไปแดกเหล้า ร้านหรูด้วยสักพักผมก็เริ่มมึนๆ จากนั้นไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม ใช่แล้ว!

“มึงหาอะไร” ผมมองหาเสื้อตัวที่ใส่เมื่อคืนแต่ก็ไม่เจอ

“เห็นเสื้อที่กูใส่เมื่อคืนปะ”

“ตัวนี้อะหรอ” ไอ้โก้ชูเสื้อที่ผมกำลังหาก่อนมันจะโยนมาให้ผม

ผมล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา จำได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งให้ผมมา

คอนแท็คแน่นอนนน หวานหมูแล้วไอ้ทัชเอ้ย

“หล่อดีนะคะ แต่ช่วยหุบปากสักทีได้ไหม…อ้าว”

“กร๊ากกกกก แม่งโดนว่ะกูชอบๆ ” ผมแทบจะปากระดาษทิ้งทันทีที่อ่านจบแต่ก็ยังดีที่ชมว่าผมหล่อล่ะวะ บอกให้หุบปากแสดงว่าผมต้องร้องเพลงแน่ๆ แต่เอ๊ะปกติผมก็เสียงดีอยู่นะ

“อย่าบอกนะว่ามึงจำได้แค่นี้”

“กูจำได้ว่ากูชวนพวกมึงไปแดกเหล้า ไม่ใช่ร้านประจำด้วย แล้วกูก็ร้องเพลง เต้น”

“บนโต๊ะ”

“เออจำได้ แล้วก็มีผู้หญิงเดินมาหากูแล้วยัดกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็จะกลับใช่ปะแล้วกูดันทำเหรียญตกแล้วก็…เชี้ยยย กู อ้วก ใส่ใครวะ” เหตุการร์เมื่อคืนเริ่มไหลเข้ามาในหัวผม สร้างปัญหาไว้จริงๆ ด้วย ไปอ้วกใส่เขาอีกดีนะที่ยังกลับมาในสภาพที่อยู่ครบสามสิบสอง

“เมื่อคืนพวกกูแทบจะกราบตีนเขาอยู่ละ อ้วกใส่ใครไม่อ้วกดันไปอ้วกใส่พวกผู้ดี”

พวกผู้ดีที่ว่าคงไม่ต้องเดาให้ยากว่าหมายถึงใครแถวนี้ก็มีพวกผมกับพวกเด็กมหาลัยที่สไตล์แตกต่างกันเหลือเกิน นึกว่าระบบชนชั้น

“ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากอ้วกเสร็จวะ”

“ตายห่าไง ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นลำบากพวกกูต้องเคลียร์กับเจ้าของเสื้อแล้วก็ลากมึงกลับห้องเนี่ย อีกอย่างพี่แทนโทรมาหามึงด้วยนะ”

“แล้วพี่กูว่าไงวะ”

“บอกให้มึงเข้าร้าน”

โล่งอกที่พี่แทนยังไม่รู้เรื่องที่ผมไปเมาเละเมื่อคืน ไม่งั้นโดนบ่นแน่ๆ

เมื่อกี้ไอ้โก้มันพูดถึงเสื้อนี่หว่า คงเป็นเสื้อตัวที่กองอยู่พื้นนั่นแหละมั้ง

“ทำไมมึงได้เสื้อเขามาด้วยวะ”

“เปื้อนอ้วกขนาดนั้นเขาคงอยากเอากลับอยู่หรอกมั้ง”

ผมเขยิบไปหยิบเสื้อขึ้นมาดูเป็นเสื้อแจ็คเก็ตยี่ห้อดังบ่งบอกฐานะของผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี แถมยังเหมือนมีชื่อปักอยู่ที่เสื้อด้วย

Thay

ตายห่า ผมอ่านอังกฤษไม่ออกต้องเข้ากูเกิลให้มันช่วยอ่านไหมเนี่ย

แล้วต้องเป็นคนหวงเสื้อขนาดไหนวะถึงจะปักชื่อไว้ด้วย

“T h a y อ่านว่าไรวะ”

“แดกเหล้าเยอะแล้วโง่อย่างนี้ไง” มึงเป็นฝ่ายซ้ำเติมรึไงวะ

“ไอ้คนเก่ง มึงบอกกูมาดิ้ว่ามันอ่านว่าอะไร”

“ธัญ”

“มึงอ่านออกหรอวะ”

“เปล่า กูได้ยินเพื่อนเขาเรียก”

“ถุ้ย!”

นึกว่าจะแน่ที่แท้มันก็พอๆ กับผมแหละวะมาด่าว่าผมโง่มันก็โง่เหมือนกันนั่นแหละไม่งั้นคงไม่หลอมตัวมาคบกับผมหรอก

“ซักให้เขาด้วยนะเอาแบบสะอาด สะอาดแบบสะอาดชิบหายเลยอะ”

สะอาดแบบชิบหายนี่มันยังไงวะ

“เหม็นวะ” ขนาดอ้วกตัวเองยังจะอ้วกออกมาอีกรอบไม่อยากจะคิดถึงความรู้สึกคนที่โดนผมอ้วกใส่เมื่อคืนเลย คราวซวยแท้ๆ

ถ้าเจอครั้งหน้าคงต้องขอโทษแล้วล่ะ ต้องฝึกสเตปคานเข่าแล้วครับเผื่อเขาใจอ่อนแล้วยอมยกโทษให้ ฮี่ๆ

“เอาไปซัก แล้วก็ซักเสื้อมึงด้วยเหม็นชิบหาย”

“ครับเพื่อนโก้”

ผมลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วเอาผ้าไปซัก แล้วผมจะเจอเขาได้ไงวะหน้าตาก็จำไม่ได้จะมีก็แค่เสื้อกับชื่อที่ไม่เคยได้ยินอีก แต่สิ่งที่ผมรู้อีกอย่างก็คือเขาเป็นเด็กมหาลัย







อะแฮ่ม! ตอนนี้สติและสภาพภายนอกของผมกลับมาเป็นปกติแล้วครับ ได้เวลาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการสักที ผมชื่อทัชเรียนช่างยนต์ ปี1 มีพี่ชายชื่อแทนเรียนบริหารปี3 ซึ่งผมกับพี่ชายค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก ผมเรียนเทคนิคพี่แทนเรียนมหาลัยหรือไม่ว่าจะเป็นนิสัย หน้าตา ความชอบ พี่ผมอะลุคคุณชายส่วนผมมันลุคเด็กแว๊น

พี่ชายของผมเปิดร้านคาเฟ่ร้านหนึ่งชื่อร้าน Double T Cafe ซึ่ง T ก็ย่อมาจากชื่อของพวกผมนี่แหละ และผมยังเป็นพนักงานอยู่ที่นี่ด้วยแล้วก็ยังมีไอ้โก้ด้วยอีกคน

การเป็นน้องเจ้าของร้านไม่ได้สบายนะครับทำงานเหมือนพนักงานคนอื่นทุกอย่างแถมยังทำมากกว่าอีก ก็ร้านของพี่ผมนี่ครับต้องทำดีๆ หน่อย

Double T Cafe เป็นร้านวินเทจสไตล์ห้องสมุด ภายในร้านก็จะมีหนังสืออยู่ตามพนังซึ่งเจาะเป็นช่องไว้วางหนังสือ โดยมีโซฟาสไตล์วินเทจแบบเล็กมีโต๊ะทั้งด้านนอกและในร้าน มีมุมให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็น มุมนี้เป็นมุมที่ดูจะเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามากที่สุดด้วย

ที่เป็นสไตล์ห้องสมุดก็เพราะว่าพี่ผมชอบอ่านหนังสือมาก ทั้งยังชอบทำของหวานจึงเอามาจัดเป็นสไตล์ร้านของตัวเอง ผมก็ชอบนะถึงผมจะไม่ใช่หนอนหนังสือก็เถอะ อ๋อ อีกอย่างร้านนี้มีสองชั้นนะชั้นบนเป็นห้องทำงานของพี่ผม และมีห้องว่างห้องหนึ่งซึ่งบางทีผมก็มานอนร้านเพราะมันใกล้วิลัยดีแต่ถึงยังไงร้านนี้ก็ยังใกล้มหาลัยมากกว่าลูกค้าส่วนมากจึงมีแต่เด็กมหาลัย

“หวัดดีครับพี่แนน” พอผมเดินเข้ามาในร้านก็ยกมือไหว้พี่แนนที่ประจำอยู่ตรงเคาน์เตอร์ทันที

พี่แนนเป็นพนักคนแรกตั้งแต่เริ่มเปิดร้านและอยู่กับพวกผมมานานจนพี่แทนไว้ใจให้ดูแลแทนในหลายๆ เรื่อง พนักงานในร้านมีสี่คนรวมกับผมแล้วก็ไอ้โก้ คนทำพวกขนมอีกสอง เจ้าของร้านอีกหนึ่งรวมแล้วก็เป็นเจ็ดคนถือว่าไม่มากไม่น้อยที่พอจะช่วยกันดูแลร้าน คนในร้านก็เป็นคนที่พวกผมรู้จักทั้งหมด เพื่อนพี่แทนบ้างคนที่รู้จักบ้าง แล้วผมก็ชอบมาที่ร้านนะมันดูอบอุ่นดี

“หวัดดีจ้าา”

“พี่แทนเข้าร้านไหมครับ” ผมถามพี่แนนพลางวางกระเป๋า

“น่าจะเย็นๆ นะ วันนี้โก้ไม่มาหรอ”

“มันทำธุระครับ เดี๋ยวตามมา”

“เปลี่ยนชุดแล้วมาที่เคาน์เตอร์แทนพี่หน่อยนะ พี่จะไปดูพวกขนมหน่อย”

ผมพยักหน้าให้พี่แนนแล้วถอดเสื้อช็อปก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนมาคาดเอว

จริงๆ หน้าที่ส่วนใหญ่ของผมก็อยู่ตรงเคาน์เตอร์นี่แหละ



“ทั้งหมด350 บาทครับ” ผมยิ้มให้กับลูกค้าก่อนจะพบว่าลูกค้าก็จ้องหน้าผมนิ่ง

หน้าผมมีอะไรติดปะวะ แต่ที่ติดอยู่ก็น่าจะมีแต่ความหล่อนะ

“คุณลูกค้าครับ” ผมเรียกเขาอีกรอบ

“เท่าไหร่นะ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เสียงหล่อเหมือนหน้าตาเลยแฮะ

“350 บาทครับ” หน้าตาของลูกค้าที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นมิตรยื่นบัตรมาก่อนที่ผมจะยิ้มให้แล้วจัดการชำระเงินแล้วคืนบัตรให้ลูกค้าไป

มองหน้าเหมือนจะหาเรื่องเลยว่ะ สักยกไหมครับพี่

คิดไปงั้นแหละครับ ความจริงคือฉีกยิ้มให้อย่างน้อบน้อมอยู่ดี

แต่จะว่าไป ทำไมเสียงมันฟังดูคุ้นๆ จังวะ

ผมมองตามหลังลูกค้าที่เพิ่งเดินออกจากร้านอย่างนึกสงสัย แค่เสียงคุ้นล่ะมั้งอาจจะเสียงคล้ายไอ้โก้ก็ได้


หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 2 : 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 28-12-2019 22:17:24
Chapter 2
ทัช & เดอะแก๊ง



“โก้นะครับ 089666xxxx” สมัยนี้เขายังใช้มุขนี้จีบหญิงอยู่หรอวะ

ผมมองไอ้โก้แซวสาวที่เดินผ่านอย่างเอือมๆ มึงแซวอย่างนี้เมื่อไรมึงจะได้วะ

“เมื่อไหร่มึงจะเปลี่ยนวิธีจีบสาววะ” นั่นไม่ใช่เสียงผมครับแต่เป็นเสียงไอ้โอ๊ต

เดอะแก๊งของผมมีทั้งหมดห้าคนรวมผมด้วย มีผม ไอ้โก้ ไอ้โอ๊ต ไอ้ปาล์ม พวกผมสี่คนเรียนช่างยนต์กันหมดมีก็แต่ไอ้คนสุดท้ายที่มันเรียนออกแบบและเป็นคนที่เด็ดที่สุดในกลุ่มเลยล่ะครับ มันชื่อ…

“อีทัชชช” เสียงมาก่อนตัวเสมอต้นเสมอปลาย นี่แหละครับคนสุดท้ายที่ผมกำลังจะบอก มันชื่อเฆม ซึ่งมันบังคับให้พวกผมเรียกมันว่าตังเม

ไอ้เฆมหรือตังเมเนี่ยมันเป็นสาวประเภทสองที่ร่างถึกและบึกบึนเปรียบเสมือนชายแท้อย่างพวกผมนี่แหละ

“ยังไม่เลิกหัวหงอกอีกหรอยะ”

“สีควันบุหรี่โว้ย บอกกี่ครั้งแล้วไอ้นี่”

“ควันบุหรี่อะไรกูเห็นแต่สีหงอกๆ บนหัวมึงเนี่ย”

พูดซะสีที่ผมทำมาดูดับไปเลย จริงๆ มันเป็นสีควันบุหรี่นะครับแต่พวกมันเอาแต่เรียกผมว่า ไอ้หัวหงอกอยู่นั่นแหละ ถึงหัวหงอกกูก็เบ้าหน้าดีนะเว้ย

แต่ล่ะคนก็จะมีฉายาเป็นของตัวเองครับ ซึ่งถามว่าใครเป็นคนตั้งก็ไอ้ตังเมนั่นแหละมันเบื่อเรียกชื่อมันก็เรียกอย่างอื่นอย่างเช่นผม มันตั้งให้ผมว่า ไอ้หัวหงอก โจรกระจอกจีบใครก็ไม่ติด เรียกแค่ชื่อผมมันไม่ง่ายกว่าหรอวะ อีกอย่างผมก็ไม่ได้กระจอกขนาดนั้นนะแค่จีบติดเป็นส่วนน้อยแค่นั้นเอง

ส่วนไอ้โก้ ไอ้หัวโหลน โกนทุกครั้งที่ผมขึ้น จริงๆ ไอ้โก้มันตัดสกินเฮดครับบอกเลยว่ามันตัดทรงนี้มาตั้งแต่ม.ต้น ชอบมากทรงนี้ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ

ไอ้ปาล์ม ไซส์เล็ก สเปคสาวใหญ่ ความหมายก็ตามนั้นแหละครับไอ้ปาล์มมันตัวเล็กที่สุดในกลุ่มแต่สาวที่มันควงแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาสักคน ทำเอาคนไม่มีแฟนอย่างผมนี่อิจฉาตลอด

ไอ้โอ๊ต ปากหมา ท้าลำแข้ง ถามว่าท้าลำแข้งใครบ่อยที่สุดก็คงเป็นไอ้ตังเม กัดกันบ่อยที่สุดแล้ว

และก็มาถึงคนสุดท้ายที่พวกผมคิดว่าฉายานี้น่าจะเหมาะกับมันที่สุด ไอ้ตังเม สาวมีน้อย ร้อยเสียง วันๆ เปลี่ยนเสียงบ่อยมากเสียงสองเสียงสามของมันใช้กับคนอื่นส่วนเสียงจริงนี่ใช้กับพวกผม

“มึงจะไปคุยกับมันทำไม ไอ้เฆม”

“ต๊ายยยอีปาล์ม หยาบคาย”

เอาจริงปะ เดอะแก๊งของผมวุ่นวายที่สุดแล้ว

“แม่ง เมินกันจังหน้ากูเหมือนเจ้าหนี้รึไงวะพอเห็นก็รีบเดินหนีเนี่ย”

“ใครจะมาสนใจพวกเราวะ นู่นเขาแห่กันไปสนใจเด็กมหาลัยนู่น”

ไอ้โอ๊ตมันพูดถูกครับขนาดสาวในวิลัยยังสนใจพวกนั้นเลย

“ปี้สาวครับ…”

“ปี้สาวบ้านมึงสิไอ้หัวหงอก” ผมนี่เลี้ยวกลับแทบไม่ทันเลยครับเมื่อผมกำลังจะแซวรุ่นพี่ที่เดินผ่าน เป็นอะไรกับสีผมกูนักหนาวะ

“ว้ายๆ เจอสาวสวนกลับถึงกับหักเลี้ยวแทบไม่ทัน” สงสัยวันนี้จะไม่ใช่วันของผม

“หน้ากูไม่หล่อตรงไหนวะ” อันนี้ผมสงสัยจริงๆ นะ ส่องกระจกทุกวันผมก็ว่าผมหล่ออะ

“หล่อ แต่มึงสู้คนอื่นไม่ได้ไง” ตังเมมันว่าพลางนั่งข้างๆ ไอ้โก้

“สรุปคือกูหล่อ”

“เอาที่มึงสบายใจเลยจ้าาาา”

ว่าแล้วมันก็ซบไหล่ไอ้โก้โดนผลักหัวออกแล้วออกอีกมันก็ยังไม่ท้อ ตังเมมันชอบไอ้โก้ครับตามตื๊ออยู่เป็นเดือนแต่สุดท้ายก็มาเป็นเพื่อนสนิทกันชะงั้นแต่ก็อย่างที่เห็นมันก็ยังหลอกแต๊ะอั๋งไอ้โก้เหมือนเดิม

สถานที่ที่พวกผมอยู่ตอนนี้คือข้างวิลัยส่วนใหญ่ก็เป็นที่จอดรถประจำของพวกผมทุกเย็นก็จะมานั่งแถวนี้แล้วแซวสาวเป็นกิจวัติบางวันก็โดนด่าอย่างเมื่อกี้ที่ผมโดน บางวันก็มีคนเล่นด้วย สนุกอะครับตามประสาวัยรุ่นที่ฮอร์โมนกำลังพุ่งพล่าน เห็นอย่างนี้ผมเคยมีแฟนแค่สองคนเองนะ แล้วเขาก็เป็นฝ่ายบอกเลิกผมเองด้วย ล่าสุดไปแอบชอบสาวมหาลัยเขาก็ไม่สนใจแถมยังจ้างผมเพื่อประชดแฟนอีก คิดแล้วช้ำใจ

“ไอ้ทัชวันนี้มึงเข้าร้านปะ” ไอ้โก้หันมาถามผม

“ไม่อะกูจะไปเดินตลาดอยากซื้อตะบองเพชร”

“ซื้อมาแล้วจะรอดหรอวะ” อ้าว ไอ้ห่าปาล์มวอนชะแล้วนะมึง คนที่เลี้ยงตะบองเพชรไม่รอดมันต้องเป็นคนแบบไหนวะ

ผมง้างมือหมายจะตบหัวไอ้ปาล์มแต่มันดันหลบได้

“งั้นก็ไปกันหมดนี่แหละ โก้ไปส่งเราที่บ้านด้วยนะ” น้ำเสียงที่พูดกับไอ้โก้คือเสียงที่ร้อยแปดของมัน คนบ้าอะไรวันหนึ่งมีหลายเสียงชิบหายจีบปากจีบคออยู่นั่นแหละทีกับพวกผมนี่เสียงจริงด่าจริงไปอีก เหมาะกับฉายาที่ตั้งให้จริงๆ

“งั้นก็ไปกันตอนนี้เลยละกัน” ไอ้โก้ว่าพลางจะออกรถซึ่งคนซ้อนมันก็พร้อมแล้ว ได้เวลาแว๊นแล้วครับ

ผมก้าวขาค่อมรถคู่ใจก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วขับตามพวกเพื่อนๆ ไปทันที ผมชอบขับรถโดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ แต่ผมไม่ใช่พวกที่ชอบรุ่นไหนเป็นพิเศษนะผมขับได้หมด ส่วนรุ่นที่ผมขับอยู่คือรุ่น YZF-R15 สีดำล้วน ผมชอบเพราะมันดูเหมาะกับผมดีไม่ได้สนว่าจะเป็นที่นิยมรึเปล่าแค่ขับได้ผมก็โอเคแล้วแต่ราคามันก็ไม่ได้น้อยเลยนะสำหรับผมอะ



ไม่ถึงยี่สิบนาทีพวกผมก็มาถึงตลาดที่เรียกได้ว่าน่าจะใหญ่ที่สุดในแถวนี้เลยก็ว่าได้คนก็ค่อยข้างเยอะ และคนเยอะนั่นแหละคือประเด็นที่เดอะแก๊งของผมสนใจ

“จะไปไหนก่อนวะ” ไอ้ปาล์มถามหลังจากพวกผมหาที่จอดรถได้แล้ว

“ของกิน” ไอ้ตังเมตอบ

“งั้นก็ลุย!”

คิดสภาพผู้ชายตัวค่อนข้างใหญ่สี่คนกับสาวมีน้อยหนึ่งคนเดินไปด้วยคุยกันไปด้วยแล้วมันจะดูวุ่นวายแค่ไหนท่ามกลางคนหมู่มากที่เดินสวนไปมาแต่นี่คือเรื่องปกติของพวกผม

“กูอยากกินชานมไข่มุกร้านนั้น”

“ร้านนี้อร่อยกูเคยลองแล้ว”

“แต่ร้านนั้นแม่ค้าเด็ด”

“งั้นมึงเดินนำไปเลย”

สรุปแล้วก็พอๆ กันทั้งสองคนนั่นแหละ

“กินไรปะ” ไอ้โก้หันมาถามผม

“ยังไม่หิวว่ะ”

“มึงยังไม่หิวแต่มึงดูมัน” ไอ้โก้พยักเพยิดไปทางไอ้ตังเมที่ยืนอ่อยคนขายเครปอยู่ มันจะกินเครปหรือมันจะกินคนขายล่ะนั่น

“มึงยังไม่ชินอีกหรอมันก็เป็นของมันแบบนี้ เอ๊ะ หรือว่ามึงหึงไอ้ตังมัน”

“หึงพ่อง อย่ามาพูดอะไรน่าขนลุกได้ปะวะ”

ผมขำกับท่าทีไอ้โก้มันหลอนตั้งแต่ไอ้ตังตามจีบจนถึงตอนนี้ ก็มันชอบของมันนี้เนาะจะให้ทำไงได้

“มึงจะไปดูตะบองเพชรใช่ไหม”

“ใช่”

“ปะ ปล่อยพวกมันไว้นี่แหละ” พอมองไปทางไอ้โอ๊ตกับไอ้ปาล์มก็ไม่น่าจะออกจากร้านชานมไข่มุกง่ายๆ ส่วนไอ้ตังยิ่งแล้วใหญ่ ผมจึงหันไปพยักหน้าให้ไอ้โก้ก่อนที่พวกผมจะเดินออกจากโซนของกิน

“ถ้าซื้อแล้วมึงจะเอาไปไว้ไหน”

“ห้องมึงไง”

“ห้องกูยังรกไม่พอหรอวะ เอาไปไว้ร้านมึงดิ”

“ไม่อะ เผื่อพี่แทนบ่นกูขี้เกียจฟัง”

“กูก็บ่นมึงไม่เห็นจะฟังบ้างเลยไอ้สัส”

“ฮ่าๆ ” ก็จริงของมันนั่นแหละ เพื่อนครับไม่ใช่พี่ความเกรงใจมันต่างกัน

ถ้าจะให้พูดถึงความเกรงใจที่ผมมีต่อพี่แทนบอกเลยว่ามาก ไม่อยากโดนบ่นด้วย เพราะอย่างนั้นผมจึงต้องเป็นเด็กดีต่อหน้าพี่แทนแต่ลับหลังเป็นยังไงไม่ให้รู้แน่นอน หึๆ

แต่อย่าคิดว่าผมเป็นเด็กไม่ดีขนาดนั้นนะครับ ผมก็เป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ชอบแหกกฏบ้างก็เท่านั้นเอง

“แล้วมึงจะซื้ออะไรปะ” ผมถามไอ้โก้ขณะที่เดินหาร้านขายตะบองเพชร

“อยากได้ต่างหู” พูดถึงต่างหูก็อยากได้เหมือนกันแฮะที่ใส่อยู่ก็เริ่มเบื่อแล้ว

“ดิว”

“มึงจะซื้ออีกแล้วหรอ ซื้อไปขายรึไงอยู่ห้องก็เยอะ” ห้องที่ว่าไม่ใช่ห้องผมนะแต่เป็นห้องไอ้โก้ผมไปนอนห้องมันบ่อยกว่าบ้านตัวเองซะอีก ให้ทายว่ามันบ่นไหม จะเหลือหรอครับแต่ผมหาได้แคร์ไม่

“ของมันต้องมี”

“ไอ้ห่า”

ขณะที่ผมทั้งคุยกับไอ้โก้ทั้งมองซ้ายขวาหาร้านร้านตะบองเพชรก็มีบางอย่างดึงดูดสายตาของผมให้หันไปมอง

ผมมองนักศึกษาชายสามคนที่กำลังเดินมาซึ่งหนึ่งในนั้นผมรู้สึกคุ้นหน้าเป็นอย่างมาก ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมาสามคนนั้นดูโดดเด่นที่สุดนอกจากชุดนักศึกษาแล้วก็เห็นจะเป็นรูปร่างหน้าตานี่แหละที่ดึงดูดสายตาหลายๆ คนให้หันไปมองรวมทั้งผมด้วย

“มองไรวะ”

“มึงดูเด็กมหาลัยสามคนนั้นดิ” ไอ้โก้มองตาม

“ทำไม อย่าบอกนะว่ามึงจำเขาได้แล้ว”

“จำอะไรได้วะ” ผมรู้จักพวกนั้นด้วยหรอ

“ก็คนที่มึงเคยอ้วกใส่เขาไง คนที่หน้าดูหยิ่งๆ อะ” คนที่หน้าดูหยิ่งๆ …จำได้แล้ว! ว่าแล้วหน้าคุ้นๆ คนที่เคยจ้องหน้าผมที่ร้านนี่หว่า งั้นแสดงว่าที่จ้องหน้าผมก็เพราะว่าผมไปอ้วกใส่เขาเองน่ะหรอ

“เขาเคยมาที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลยนะเว้ย”

“เขาอาจจะรอให้มึงจำได้มั้ง” รอทำไมวะ ทำไมไม่ด่าหรือทวงเสื้อคืนอะไรงี้

“จะอะไรก็ช่างเถอะ หลบดีกว่า”

ผมลากไอ้โก้ไปอีกทางในเมื่อผมจำได้แล้วมันก็เหมือนรู้ตัวว่าตัวเองผิดแล้วต้องรีบหนี ไว้คราวหน้าค่อยเจอกันดีกว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม หน้าตาแม่งโหดซะด้วย

“มึงแน่ใจนะว่าคนนี้”

“เออดิ หน้าตาแบบนั้นน่าจะมีคนเดียวแหละ”

“เขาคงจะลืมแล้วมั้งผ่านมาหลายวันแล้ว” ผมคิดว่างั้นนะ

“เป็นมึงจะลืมคนที่อ้วกใส่มึงหรอ” เออว่ะ ใครแม่งจะลืมลงวะ น่าจะแค้นเลยด้วยซ้ำ

“มึงจะคิดมากทำไมไว้มีโอกาสก็ไปขอโทษแล้วก็คืนเสื้อเขาไง เขาคงไม่ถึงขั้นรุมกระทืบมึงหรอก”

พูดซะกูคิดเลยไอ้นี่

“งั้นไปหาร้านตะบองเพชรกันต่อเถอะ”

“เออๆ ”

เหนือสิ่งอื่นใดเป้าหมายในการมาครั้งนี้ของผมสำคัญกว่า น้องตะบองเพชรจ๋ารอพี่ทัชก่อนน้าาา





“มึง ต้นนี้สวยปะ” ผมชี้ต้นตะบองเพชรต้นหนึ่งให้ไอ้โก้ดู

“กูว่าต้นนี้น่าจะดีกว่า”

“ยังไง”

“มันน่าจะออกดอกได้เร็วไง”

“หรอวะ” ผมมองต้นที่ไอ้โก้บอก

“อยากซื้อแต่ไม่รู้ข้อมูล?”

“ก็อยากซื้อนี่หว่า”

“งั้นชอบต้นไหนมึงก็เลือก”

“มันจะรอดใช่ไหมวะ” ผมเริ่มจะไม่แน่ใจในการที่จะดูแลน้องแล้วนะ

“ถ้าไม่รอดมึงก็โคตรกากอะไอ้ทัช” นั่นโดนอีกละ

ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเดี๋ยวโดนมันด่าอีกยิ่งไม่มีอะไรให้มันชมอยู่ ผมว่าผมจะซื้อสักสองต้นนะเอาไว้เป็นคู่กัน

ต้นนี้ดีกว่า…

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบต้นที่ผมคิดว่าจะซื้อก็มีคนชี้ต้นนั้นตัดหน้าผมไปซะก่อน

“เอาต้นนี้ครับ” ผมหันไปมองคนที่พูดทันทีก่อนจะรีบหันกลับมา เพราะคนที่พูดน่ะคือคนที่ผมเพิ่งหลบมาเมื่อกี้

จะมาบังเอิญอะไรตอนนี้วะ แล้วจะหลบยังไงวะเนี่ย

“ทีกูชวนมาแล้วไม่อยากมาแต่ซื้อก่อนเพื่อนเลยนะมึง” เสียงที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนเขาพูดขึ้น

ว่าแต่ไอ้โก้มันไปไหนวะ เขาจะจำมันได้ไหมเนี่ย

ผมพยายามมองหาไอ้โก้ก็เห็นมันนั่งดูต้นตะบองเพชรอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งถ้ามันไม่โผล่หน้าออกมาก็คงได้เจอกับคนที่อยู่ข้างหลังผมตอนนี้แน่นอน

“แล้วนี่จะซื้อต้นเดียวหรอ”

“ใช่”

“ซื้อไปเป็นคู่ดิจะได้ไม่เหงา”

“ต้นไม้มันเหงาเป็นด้วยรึไง” มันก็จริงของเขานะครับ

“เออ กูผิดเองแหละครับคุณธัญที่คิดว่าต้นไม้มันจะเหงาอะ”

ธัญงั้นหรอ

นั่นมันชื่อที่ปักอยู่ที่เสื้อแจ็คเก็ตตัวนั้นสินะ ไม่ผิดแน่น่าจะคนเดียวกันจริงๆ

“ได้แล้วครับ”

ได้แล้วก็รีบๆ ไปนะ ผมจะนิ่งเป็นหินอยู่แล้ว

“เอ่อ พี่ครับช่วยดูให้น้องเขาหน่อยนะครับ เหมือนจะหาต้นที่ต้องการไม่เจอ”

พูดแค่นั้นก็เหมือนว่าพวกเขาจะเดินออกไปแล้ว

แต่น้องที่ว่าคงไม่ได้หมายถึง…

“น้องต้องการต้นตะบองเพชรแบบไหนหรอครับ” มือที่แตะไหล่ผมบ่งบอกว่าคนที่เดินออกไปนั้นพูดถึงผม

หรือเขารู้อยู่แล้ววะว่าเป็นผม

“เอาสองต้นนี้ครับ” ผมบอกเจ้าของร้าน

“พี่ก็นึกว่าน้องหาต้นที่อยากได้ไม่เจอซะอีกเดี๋ยวพี่ห่อให้นะ” ผมพยักหน้าให้เจ้าของร้านก่อนจะมองตามคนที่เดินออกไป

คงไม่ได้จงใจจะแย่งต้นนั้นไปจากผมหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็แกล้งผมชัดๆ เลย





…………………………………………



“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

“เป็นไรวะ!”

ผมที่นั่งเล่นเกมอยู่ได้ยินเสียงร้องของไอ้โก้ดังมาจากห้องน้ำก็รีบวิ่งไปดูทันที

“มะ…มึง” มันยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะชี้ไปทางผนังห้องน้ำ

จิ้งจก…ไอ้เหี้ย

“กูนึกว่ามึงลื่นล้มไอ้สัส” ผมทำท่าจะเดินกลับไปเล่นเกมต่อแต่ไอ้โก้ก็คว้าแขนผมไว้ซะก่อน

“เอามันออกให้กูก่อนดิกูจะอาบน้ำ”

“เดี๋ยวมันก็ไป มึงก็อาบๆ ไปดิไม่ต้องสนใจมันหรอก”

“มันได้ที่ไหนล่ะวะ” แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นเกาะหลังผมแทน คิดสภาพผู้ชายตัดสกินเฮดตัวสูง 180 กว่าๆ กำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะกลัวจิ้งจกสิครับ สภาพดูไม่จืดอะ

ถ้าจะให้ผมจับจิ้งจกสู้ไล่มันไปให้พ้นๆ หน้าไม่ง่ายกว่าหรอครับ

“เดี๋ยวกูจะไล่มันปะ…ไอ้เหี้ย!” ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในห้องน้ำผมก็กระโดดออกมาทันที

“อะไรอีก!”

“แมลงสาบ! มึงจัดการเองเลยกูไม่เข้าไปแล้วโว้ย”

ทุกคนครับในห้องน้ำมีแมลงสาบและที่สำคัญผมกลัวแมลงสาบ!

“มึงจับจิ้งจกให้กูก๊อนน”

“มึงก็จับแมลงสาบออกให้กูก่อนดิ”

“ไอ้สัส มีจิ้งจกอยู่กูจะกล้าเข้าไปได้ไง”

“งั้นก็ไม่ต้องอาบ”

ว่าดังนั้นผมก็เดินออกมาทันที ถ้าไม่มีตัวที่ผมไม่ชอบอยู่ในนั้นผมจะช่วยมันอยู่หรอกนะ

“ไอ้ทัชชชชช” ไอ้โก้มันตามผมออกมา

“มึงรอสักพักแล้วก็เข้าไปดูใหม่เผื่อมันไป” นี่คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผมกับมันแล้วครับ ว่าแต่ไอ้ตัวนั้นมันจะไม่ออกมาเดินเล่นข้างนอกใช่ไหม เริ่มระแวงซะแล้วสิ

“กูอยากอาบน้ำ”

“งั้นมึงก็เข้าไปอาบเลย”

“กูกลัวไอ้สัส”

สรุปคือไอ้โก้ก็ไม่กล้าเข้าไปอยู่ดี ส่วนผมก็ไม่เข้าไปเหมือนกันจนกว่าไอ้ตัวนั้นจะหนีไปให้พ้นๆ แต่ถามจริงมันจะไปไหนได้ถ้าไม่อยู่ในห้องน้ำกับออกมาข้างนอกที่ที่พวกผมอยู่

“กูอยากย้ายห้อง”

“เดี๋ยวๆ เพราะจิ้งจกตัวเดียวเนี่ยนะ”

“ไม่ใช่เว้ย กูคิดมาสักพักละแถวนี้มันมีบ้านว่างให้เช่ากูว่าจะถามพวกมึงอยู่ว่าสนใจมาอยู่ด้วยกันไหม” ถามว่าสนใจไหมมันก็น่าสนนะครับ คิดถึงความบันเทิงที่จะตามมาถ้าพวกผมมาอยู่ด้วยกันครบทั้งแก๊งสิครับว่ามันขนาดไหน

“ไว้ไปถามพวกมันกัน”

“โอเค ว่าแต่มึงไปจับมันออกให้กูหน่อยอยากอาบน้ำ”

“ไปเอาแมลงสาบออกก่อนดิ”

“มึงจะกลัวทำไมตัวมันก็ไม่ได้ใหญ่”

“โอ้โห จิ้งจกมึงตัวใหญ่ตายแหละ”

.

.

นั่นแหละครับ กว่าไอ้โก้มันจะได้อาบน้ำก็นานพอสมควร


หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 2 : 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 31-12-2019 11:21:54
รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 2 : 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-12-2019 17:22:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 2 : 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 31-12-2019 20:34:15
รอๆ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 2 : 28/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-12-2019 22:49:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 3 : 01/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 01-01-2020 23:52:54
Chapter 3
Thay × Touch



“ทัชไปส่งขนมให้พี่หน่อย”

ชายหนุ่มรูปร่างสูงท่าทางดูใจดีเอ่ยขึ้นขณะกำลังเอาขนมออกจากตู้อบ และนั่นคือพี่แทน พี่ชายของผมเอง

พี่แทนเป็นคนที่เมื่อดูภายนอกแล้วโคตรคุณชาย พูดเพราะ สุภาพ อ่อนโยน แต่ทุกคนล้วนมีข้อยกเว้นกันทั้งนั้นและก็แนะนำว่าอย่าไปทำให้พี่ท่านโกรธไม่งั้นจากเทพบุตรจะกลายร่างเป็นซาตานในทันที แต่ร่างนั้นไม่ค่อยได้เจอหรอกเพราะพี่แทนเป็นคนใจเย็นพอสมควร

ส่วนรูปร่างหน้าตาไม่ต้องพูดถึงพี่แทนฮอตมากๆ ถึงจะไม่ได้เป็นเดือนก็เถอะ ผมว่าก็ไม่แปลกนะใครจะไม่ชอบผู้ชายแบบพี่แทนล่ะ และอย่าถามหาความเหมือนของผมกับพี่แทนนะต่างกันตั้งแต่หน้าตาละ

“เยอะปะ” ปกติก็จะมีบ้างที่จะต้องไปส่งขนมแบบนี้แต่เป็นกรณีที่สถานที่ไม่ไกลจากร้านเท่าไหร่

“ไม่เท่าไหร่”

“ขอที่อยู่ด้วยค้าบบ”

พี่แทนเดินไปหยิบกระดาษก่อนจะยื่นให้ผมเป็นที่อยู่ซึ่งไม่ไกลจากร้านเท่าไหร่แต่นี่มันเหมือนสตูดิโออะไรสักอย่างที่ผมเคยขับรถผ่านนี่นา

“อย่าเถลไถลล่ะ”

“ครับผม!” พี่แทนยิ้มก่อนจะยีหัวผมเป็นเรื่องปกติครับเห็นหัวน้องเป็นผ้าเช็ดมือ ฮ่าๆ

“พี่ให้พี่แนนเตรียมของไว้แล้ว ไปส่งได้เลย”

ผมพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องทำขนมทันที วันนี้ไอ้โก้ไม่มามันก็จะเหงาๆ หน่อยไม่มีใครให้ต่อปากต่อคำ สาเหตุที่มันไม่มาน่ะหรอครับนอนตายอยู่ห้องนู่นเมื่อคืนทั้งกินเหล้าทั้งเล่นเกม ถามว่าผมรอดมาได้ยังไงก็มันไม่ให้ผมแตะเหล้าเลยสักนิดน่ะสิมันบอกว่าผมเมาแล้วชอบสร้างปัญหาแต่วันนี้ปัญหาคือมันนั่นแหละ คิดแล้วก็สมน้ำหน้า!

ผมสวมหมวกกันน็อคแล้วขับรถออกไปทันที รถคันนี้เป็นรถของร้านที่มีเอาไว้ส่งของเวลาจำเป็น ผมเบื่อผมก็ไปส่งของ ไปแล้วไม่กลับร้านก็มีเย็นค่อยกลับทีเดียวกลับมาก็โดนพี่แทนบ่นเป็นเรื่องปกติ รายนั้นก็ไม่ขี้เกียจบ่นเลยยังทำหน้าที่ได้ดีเหมือนเดิม



ไม่ถึงยี่สิบนาทีผมก็มาถึงสถานที่ที่พี่แทนเขียนไว้ในกระดาษ มันเป็นสตูดิโอซึ่งมองด้านนอกก็เหมือนจะไม่ใหญ่

ผมถือขนมที่ลูกค้าสั่งก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน

“เอาขนมมาส่งครับ”

คนที่อยู่ข้างในหันมามองผมก่อนจะทำงานของตัวเองต่อ อ้าว สรุปไม่มีใครสนใจเลยหรอหรือผมมาผิดที่วะ แต่พอมองที่อยู่ในมือก็ถูกนี่หว่า

เหมือนทุกคนจะกำลังยุ่งอยู่กับการจัดฉากไว้ถ่ายอะไรสักอย่าง แต่ช่วยมาจ่ายเงินแล้วเอาขนมไปก่อนได้ไหมค้าบบ

“ทั้งหมดเท่าไหร่”

“450 บาทครับ” ผมหันไปตอบคนข้างหลังแต่ก็ต้องเบิกตากว้างแล้วอยากอุทานออกมาดังๆ ว่า

เวรแล้ว!

ผมรีบก้มหน้าทันทีซึ่งมันก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว เพราะตอนนี้เขาคงเห็นหน้าผมเต็มๆ แล้วล่ะ

คนตรงหน้าผมคือคนที่ชื่อ ธัญ

“เงยหน้า” ทำไมเสียงโหดจังวะ

ผมเงยหน้าตามที่คนตรงหน้าบอกก่อนจะยิ้มออกมา

“นายเองหรอ” ผมนี่แหละครับ

“ทั้งหมด 450 บาทครับคุณลูกค้า”

“เมื่อไหร่จะคืนเสื้อ” ผมนี่ยื่นขนมให้เก้อเลยครับช่วยสนใจสิ่งที่กูพูดด้วยเว้ย

“เดี๋ยวผมเอามาคืนนะครับ แต่ตอนนี้ผมต้องทำงานก่อน” ผมบอกจุดประสงค์จริงๆ ไม่ใช่ว่าจะอยากเก็บไว้หรอกนะเสื้อน่ะ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมาเจอกันที่นี่วะ

“ไปเอามาคืนสิ”

“ตอนนี้…หรอครับ”

“ใช่ แล้วค่อยกับมาเก็บตังค์ทีหลัง” ว่าแล้วคนตรงหน้าก็แย่งถุงขนมจากมือผมไปอย่างหน้าตาเฉย เป็นคนแบบไหนวะเนี่ยแล้วสรุปคือผมต้องไปเอาเสื้อมาคืนเขาก่อนใช่ไหมถึงจะได้เงินค่าขนมอะ

ไม่มีทางเลือกสินะ





“ขอโทษที่อ้วกใส่นะครับ แล้วก็จ่ายค่าขนมมาด้วย” ผมยื่นเสื้อคืนให้อีกคนที่ดูจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แถมยังดูเมินๆ ผมอีก

“รู้ไหมว่าเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่” ดูก็รู้ว่าแพงแต่เท่าไหร่ผมจะไปรู้ได้ไงวะ

“ไม่รู้ครับ”

“แพงกว่าค่าขนมที่นายเพิ่งมาส่งแล้วกัน” มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วปะวะ

“เข้าใจความหมายที่ฉันจะสื่อไหม” ผมทำหน้างงทันที

เดี๋ยวนะผมต้องแปลไทยให้เป็นไทยอีกหรือไง

“รีบๆ พูดได้ปะครับ ผมต้องไปทำงานต่อนะ” หน้าตาคนตรงหน้าก็ยังไม่ได้ทุกข์ร้อนตามผมเลยแม้แต่น้อย

“ก็หมายความว่าฉันจะไม่จ่ายค่าขนมที่นายมาส่งไง”

“ได้ไง” ของซื้อของขายนะเว้ย

“นายทำให้ฉันเห็นเสื้อตัวนี้แล้วรู้สึกไม่ดี หรือนายไม่คิดจะรับผิดชอบมันล่ะ” ร้ายกาจ นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมา นี่จะหาเรื่องไม่จ่ายสินะ

“มันคนละเรื่องกันนะครับ”

“เรื่องเดียวกัน” ทำไมพูดยากแบบนี้วะ

“อ้วกนะไม่ใช่น้ำหกใส่จะได้ลืมกันง่ายๆ นายเข้าใจใช่ไหม” พูดขนาดนี้ผมคงต้องเข้าใจแล้วล่ะ ถือซะว่าเลิกแล้วต่อกันก็แล้วกัน

450 บาท เอาเงินตัวเองออกแทนก็ได้วะ

“นายชื่ออะไร” ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับเสียงคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เอ่ยขึ้น

“ขอโทษนะครับ ผมต้องไปทำงาน” ว่าแล้วก็หันไปฉีกยิ้มให้ ผมไม่ปลื้มคนที่ทำให้ผมเสียเงิน 450 บาทว่ะ!





“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“เจอลูกค้ากวนตีนอะดิ” ผมตอบพี่แทนอย่างหงุดหงิด

“เอาน่า เป็นฝ่ายบริการต้องรู้จักควบคุมอารมณ์นะ” โถ่พี่ผม ใครจะไปใจเย็นแบบพี่ได้ล่ะ

“แต่ลูกค้าที่เราไปส่งเมื่อกี้เขาสั่งเครื่องดื่มน่ะ”

“หะ!” ทำไมผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ ไม่ใช่ว่าจะเป็นอย่างที่ผมคิดนะ

“ผมไม่ไปส่งนะ”

“แล้วใครจะไปส่งล่ะ”

“ก็ให้คนอื่นไงพี่แทน” ผมเริ่มโอดครวญ

“คนอื่นเขามีงานกันหมดมีแต่เรานี่แหละที่ว่าง รีบไปรีบมาเดี๋ยวพี่ให้ปรางทำเครื่องดื่มให้”

ทำไมผมรู้สึกว่าจะได้เสียเงินอีกแล้ววะ ได้โปรดเถอะครั้งนี้จ่ายเงินด้วยนะถึงจะไม่เยอะแต่ก็กินข้าวได้หลายมื้อเลยนะเว้ย





และผมก็มาลงเอยอยู่ที่สตูดิโอที่ผมเพิ่งจะออกไปได้ไม่นานเพราะต้องมาส่งเครื่องดื่มอีก ทำไมไม่สั่งพร้อมๆ กันวะแม่ง ไม่รู้รึไงว่ากูขี้เกียจมาส่งเนี่ย

“เอาเครื่องดื่มมาส่งครับ”

“รอแปปนึงนะคะน้อง”

“ครับ”

ผมยิ้มให้กับพี่ผู้หญิงก่อนจะมองรอบๆ รู้สึกเหมือนจะถ่ายแบบเลยแฮะ

“น้องคะ คุณธัญบอกว่าจ่ายค่าเครื่องดื่มไปแล้วนะคะ”

รอยยิ้มของผมเริ่มหุบลงช้าๆ เล่นกูแล้วไง

ใจเย็นไว้ไอ้ทัชแค่ค่าขนมกับเครื่องดื่ม มึงไปอ้วกใส่เขาเลยนะเว้ย

“ผมขอคุยกับคุณเอ่อ…ธัญหน่อยได้ไหมครับ” แต่งานนี้ต้องมีการต่อรองครับ

“คงจะไม่ได้ค่ะ คุณธัญถ่ายแบบอยู่”

“งั้นผมขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหมครับ ผมจะไม่ถ่ายรูปหรืออะไรทั้งนั้นครับแค่เข้าไปดูเฉยๆ ” ส่งรอยยิ้มหวานๆ ไปให้หนึ่งทีเผื่อพี่เขาจะใจอ่อน

“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” นอกจากจะไม่ใจอ่อนแล้วยังไม่มีเยื่อใยอีก ไม่เห็นแก่ความพยายามของผมบ้างหรอวะ

“พี่แป้งคะน้องที่จะมาถ่ายแบบอีกเซตเขามาไม่ได้แล้วค่ะ”

“อ้าวทำไมล่ะ ก็นัดกันไว้แล้วนี่”

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้เลย”

ดูท่าจะมีปัญหากันนะ แต่ปัญหาของผมก็มีเหมือนกันอะ คนเราก็นะดูมีฐานะแต่ไม่น่าจะมาทำกันแบบนี้เลย

“งั้น…” พี่ผู้หญิงมองผมก่อนจะยิ้มออกมา

ทำหน้าแบบนี้ผมเริ่มกลัวแล้วนะ

“น้องอยากเจอคุณธัญใช่ไหม”

ผมเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมล่ะ

“ช่วยถ่ายแบบให้พี่หน่อยสิ ได้เจอคุณธัญแถมพอถ่ายเสร็จก็ได้ค่าจ้างด้วย”

ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่าค่าจ้างไม่ได้สนใจข้อเสนอแรกแม้แต่น้อย ถ้าเป็นผมปกติก็ไม่ได้ร้อนเงินนะแต่วันนี้ผมช็อต



….…………………………………



สุดท้ายผมก็มานั่งนิ่งๆ ให้ช่างแต่งหน้าเสริมหล่ออยู่หน้ากระจกจนได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยถ่ายแบบก็เคยถ่ายบ้างตอนหาเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ ตอนนั้นก็ทำทุกอย่างเลยครับกว่าจะได้มาไม่ได้ง่ายๆ เลย

“ผิวดีนะคะเนี่ย เคยถ่ายแบบรึเปล่าจ๊ะ”

“เคยครับ”

“ถ่ายอะไร” ไม่ใช่เสียงพี่ที่แต่งหน้าแต่เป็นเสียงของคนที่ทำให้ผมต้องมาถ่ายแบบอยู่แบบนี้

ว่าแต่เหมือนผมลืมอะไรสักอย่างแฮะ แต่ช่างเถอะนึกไม่ออก

“เสื้อผ้า”

ก็ไม่ต่างกับที่จะถ่ายตอนนี้หรอกครับ แต่ผมค่อนข้างจะแปลกใจที่คนดูดีมีฐานะอย่างเขาจะมาถ่ายแบบอะไรแบบนี้ด้วย

จะใครซะอีกล่ะครับ ก็คุณธัญไง

“เสร็จแล้ว ไปเปลี่ยนชุดที่พี่เตรียมไว้ให้เลยนะ”

“ครับ”

พอผมลุกจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ต้องอึ้งเมื่อคนตรงหน้าผมอยู่ในชุดสูทเต็มยศ

เชี้ย…โคตร ดู ดี

ผมยอมรับแบบไม่อคติเลยนะ พออยู่ในชุดนี้แล้วดูน่าเชื่อถือไม่เหมือนกับที่แกล้งผมเลยอะ

“จะอ้าปากทำไม” เสียงคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกตัวก่อนจะงับปากลง

“น้องเขาคงอึ้งในความหล่อของคุณธัญมั้งคะ”

ไม่เถียงหรอกนะว่าหล่อจริงแต่ผมไม่ชอบสายตาเวลาเขามองผมว่ะ มันเหมือนรังเกียจยังไงก็ไม่รู้

อาจจะเป็นเพราะผมไปอ้วกใส่เข้าแหละ ไม่รังเกียจก็บ้าแล้ว

ผมเลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วเข้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พอมองเสื้อผ้าแล้วก็ต้องแปลกใจผมคิดว่าจะได้ใส่สูทเหมือนเขาซะอีกแต่กลับเป็นชุดธรรมดาที่วัยรุ่นใส่กัน

ไม่ใช่ถ่ายเซตเดียวกันหรอกหรอ

แต่ก็ดีเหมือนกันเขาคงไม่อยากถ่ายกับผมเหมือนกันนั่นแหละ

ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปสแตนบายทันที ชุดที่ผมใส่จะเป็นเสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงยีนส์และรองเท้ามียี่ห้อคู่หนึ่ง มันก็ไม่ต่างจากที่ผมเคยถ่ายเท่าไหร่

“ตามสบายเลยนะน้อง” ผมพยักหน้าให้พี่ตากล้องก่อนจะเริ่มโพสท่า

ผมโพสท่าไปเรื่อยก่อนจะสะดุดสายตาที่มองมาของคนที่ชื่อธัญ ผมควรเรียกพี่ดีไหมแต่ไม่ดีกว่าไม่ถูกซะตาว่ะ

ผมจ้องกลับแต่ทางนั้นก็ไม่หลบสายตาจะเอาใช่ปะ ด้ายยยคิดว่าคนอย่างไอ้ทัชจะยอมแพ้รึไง

และเหมือนเกิดสงคารมทางสายตาซึ่งทั้งผมและเขาก็ไม่มีใครยอมหลบสายตาก่อนอีกคนจะกระตุกยิ้มแล้วหันหลังเดินออกไปทันที

โถ่ นึกว่าจะแน่

“น้องมองกล้องด้วย”

“ขอโทษครับ”

แต่คงต้องรีบดึงตัวเองกลับมาทำงานต่อแล้วล่ะ





ผมถ่ายมาจนถึงชุดสุดท้ายซึ่งอีกไม่กี่นาทีผมจะได้รับค่าจ้างแล้ว ต้องทำงานดีๆ หน่อยแล้ว

“เสร็จแล้วครับ ขอบใจมากน้อง” ถ่ายอีกสองสามรูปพี่ตากล้องก็บอกว่าเสร็จแล้ว ในที่สุดผมก็จะได้กลับสักทีถึงถ่ายแบบจะไม่ยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายซะทีเดียวยิ่งถ้าตากล้องเรื่องมากยิ่งยากเข้าไปใหญ่

“เดี๋ยวค่ะพี่ของอีกสักเซตนะ จะให้ถ่ายคู่กับคุณธัญ” ผมนี่ทำหน้างงเลยครับ ถ่ายคู่ด้วยชุดนี้เนี่ยนะมันใช่หรอวะพี่ คนหนึ่งใส่สูทเต็มยศแต่อีกคนเหมือนเด็กแว๊นเนี่ยนะ

“ผมต้องเปลี่ยนชุดไหมครับ”

“ไม่จ่ะ เอาชุดนี้เลย”

ถามจริง คิดอะไรอยู่ครับหรือเป็นการออกแบบที่ผมไม่สามารถเข้าถึงได้

ถามว่าผมมีปัญหาไหมก็ไม่หรอกครับแค่งงเฉยๆ ว่ามันจะไปกันได้หรอ

สักพักคนที่จะเป็นคู่ถ่ายรูปกับผมก็เดินเข้ามา มาในชุดสูทเต็มยศเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือสวมแว่น พอมองชุดตัวเองก็นึกขำในใจ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เอาชายเสื้อเข้าในกางเกงข้างหนึ่งกับกางเกงยีนส์ขาดเข่า ถ้าจะพูดให้ตัวเองดูดีหน่อยก็แต่งตัวสไตล์เกาหลีส่วนอีกคนก็ลุคผู้บริหารดีๆ นี่เอง

กะจะให้ผมดับเลยสินะ

“เข้าฉากได้เลยจ้า”

ทั้งผมและเขาเดินเข้าฉากที่จัดเตรียมไว้ ก่อนพี่อีกคนจะมาบอกว่าต้องทำยังไงบ้าง

แต่เขาลืมไปรึเปล่าครับว่าถ่ายคู่ยืนซะไกลเลย

“ใกล้ๆ กันนิดหนึ่งนะครับ”

พอพี่ตากล้องบอกแบบนั้นเขาก็ยังไม่ยอมขยับมาลำบากผมเองที่ต้องขยับไปหา ถ้าผมไม่ขยับวันนี้คงไม่เสร็จหรอกดูจากหน้านายแบบอีกคนละ

“นี่คุณช่วยให้ความร่วมมือหน่อยดิ ผมอยากถ่ายเสร็จไวๆ เนี่ย”

สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบและการถูกมองด้วยหางตา ให้ตายสิ ผมกำลังเจอคนประเภทไหนเนี่ย

“ผมว่าพอแค่นี้ดีกว่าไหมครับ เหมือนน้องเขาจะอยากกลับแล้ว”

ผมนี่แทบจะหันไปมองคนพูดในทันที โยนให้ผมเฉยเลยกลายเป็นว่านายแบบที่จับได้หน้าสตูดิโออย่างผมมีความเรื่องมากในการทำงานอีก

“โอเค พี่ก็ได้รูปพอดีเลยเอาเป็นว่ากลับกันได้นะทุกคน ส่วนน้องไปรับค่าจ้างกับพี่ผู้หญิงคนนั้นนะ”

เดี๋ยว! ได้ภาพตอนไหนวะ จะเทพไปไหนเนี่ยพี่พวกผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ยืนใกล้ๆ กันเอง

แต่ก็ช่างเถอะครับ งานเสร็จผมมีหน้าที่รับเงิน!

“ขอบใจมากนะน้องถ้าไม่ได้น้องงานพี่ไม่เสร็จแน่ๆ ”

ผมยิ้มให้กับพี่ผู้หญิงคนที่เสนอให้ผมมาถ่ายแบบ แฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่ายครับเพราะผมก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน จะได้ไปจ่ายค่าขนมกับค่าเครื่องดื่มที่มีคนไม่ยอมจ่าย!

พูดถึงเรื่องขนมกับเครื่องดื่มผมก็นึกอะไรขึ้นได้ว่าไม่ได้บอกพี่แทนว่ามารับจ๊อบข้างนอก เอาแล้วโดนบ่นอีกแน่ๆ ก็คิดอยู่ว่าตัวเองลืมอะไร

“นี่หาเงินจ่ายค่าขนมหรอ” เสียงดังใกล้ๆ ทำให้ผมรีบหันไปมอง

ผมมองอีกคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดาแต่ก็ยังคงความเรียบร้อยไว้อยู่ดี ผมว่าพี่แทนดูคุณชายแล้วนะคนตรงหน้าผมยิ่งคุณชายเข้าไปอีก

“ก็คุณไม่ยอมจ่ายไง”

“ไม่ให้ซื้อเสื้อใหม่ก็ดีแค่ไหนแล้ว” โห ดูพูดเข้า คิดว่าคนอย่างผมจะมีปัญญาซื้อใหม่ให้รึไง

“ขอโทษแล้วไงคุณ คนมันไม่ได้ตั้งใจ”

อีกคนไม่ได้พูดอะไรต่อแถมเหมือนจะเก็บของอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะพูดขึ้นโดยไม่ได้หันมามองผม

“ทำงานเสร็จแล้วก็กลับบ้านสิ” นี่คือการไล่ทางอ้อมหรอแต่ผมว่าไม่อ้อมนะน่าจะไล่ตรงๆ เลยล่ะ

ไม่ได้อยากอยู่เท่าไหร่หรอกเว้ย

ผมรีบเดินออกไปหารถที่จอดอยู่ทันทีกลับไปต้องโดนท่านพี่บ่นสินะ แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็มีเงินจ่ายค่าขนมกับเครื่องดื่มล่ะวะ





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 3 : 01/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-01-2020 00:16:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิตาธัญ  แอบสนใจน้องทัชหล่ะสินะ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 3 : 01/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-01-2020 10:14:21
คุณธัญนี่ยังไง ๆ นะคะ

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 3 : 01/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 04-01-2020 04:57:01
ทัชไปมองพี่เค้าอ้าปากค้างยังงั้นได้ยังไงลูก​
เดี๋ยวพี่ธัญเค้าก็ได้ใจ​ ไว้ฟอร์มหน่อยลูก
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 4 : 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 05-01-2020 23:58:09
Chapter 4
สวัสดีบ้านใหม่



“พวกมึงกูมีเรื่องจะเม้าท์” เรื่องชาวบ้านไว้ใจตังเมคนเก่าคนเดิมแต่ถามว่าพวกผมอยากรู้ไหมบอกเลยว่า...

“ให้ไวเลยเพื่อนตังเมคนสวย”

“หูย ขอบใจที่ชมย่ะ” กูฝืนชมเหอะ

“คืองี้ เมื่อเช้าอะกูเห็นอีแมนมันลงมาจากรถหรูคันหนึ่งเว้ย กูว่ามันต้องแอบแซ่บกับเด็กมหาลัยแน่นอน”

แมนที่ไอ้ตังมันพูดถึงคือคู่กัดของมันส่วนมากจะกัดกันเพราะเรื่องผู้ชายชะมากกว่า ชอบคนเดียวกันบ่อยกัดกันแทบจะทุกครั้งที่เจอกันแถมยังเรียนแผนกเดียวกันอีก แต่คนที่ได้คงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่าใคร ไม่ใช่เพื่อนผมแน่ๆ เพราะอีกฝ่ายหน้าตาดีเลยล่ะ

“กูนึกว่าเรื่องอะไร มึงยังไม่ชินอีกรึไง” ผมเห็นด้วยกับไอ้โอ๊ตนะหน้าตาไอ้แมนก็ไม่ได้แย่ออกจะดีด้วยซ้ำมองไกลๆ นึกว่าทอม หน้านี่หวานมากกก แต่คำพูดคำจาก็ไม่ต่างจากไอ้ตังเท่าไหร่

“ไม่มีทาง กูหมั่นไส้ว่ะคิดว่าตัวเองหน้าตาดีมากมั้งควงมาอวดอยู่ได้”

“มึงก็ควงอวดบ้างดิ”

“จะพูดอะไรดูหน้าเพื่อนมึงด้วยไอ้ปาล์ม คิดว่าจะมีคนยอมให้มันควงไหมน่ะ”

“ปากหมาอีโอ๊ต”

“มันจะไปยากอะไร มึงก็ควงกับไอ้โก้ดิ” ผมเสนอ

“อ้าวๆ อย่าวนมาหากูดิ”

“ว้ายยย ขนาดเพื่อนยังไม่เอา”

“เดี๋ยวมึงจะโดนตีนอีโอ๊ต!” ไอ้ตังยกเท้าถีบไอ้โอ๊ตแต่ปัญหาคือไอ้โอ๊ตมันดันวิ่งไปหลบหลังไอ้ปาล์มนี่สิ คนที่โดนเต็มๆ กลับเป็นไอ้ปาล์มที่นั่งไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอะไรเลย

“โอ้ย! อีเม มึงถีบกูทำไมเนี่ย”

“ฮื่อออ อีปาล์มกูขอโทษมันยั้งไม่อยู่อะโทษอีโอ๊ตเลยมันกวนตีนกู”

“แดกตีนฟรีเลยกู” ตัวไอ้ตังก็ไม่ใช่เล็กๆ ท่าทางจะใส่เต็มแรงซะด้วยแต่ไม่ต้องห่วงครับพวกผมเคยโดนมันถีบกันมาแล้วไม่มีใครรอดหรอกถ้าไปกวนตีนมันอะ

“เออ พวกมึงไปดูบ้านเช่ากันไหม”

ลืมเลย วันนี้พวกผมคุยกันว่าจะไปดูบ้านนี่หว่าถ้าไอ้โก้ไม่พูดขึ้นมาคงไม่มีใครนึกออกแน่ๆ มัวแต่เล่นกันอยู่ได้

พวกผมคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน มันน่าจะโอเคแถมยังได้อยู่กันครบแก็งด้วยความบันเทิงต้องถามหาแน่นอน ส่วนเรื่องเช่าบ้านผมก็บอกพี่แทนแล้วท่านพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเป็นทั้งพี่ทั้งผู้ปกครองของผมเลยล่ะคนนี้

“ถ้าอยู่กับมันกูคงโดนถีบทุกวันแน่อะ”

“ถ้ามึงไม่กวนตีน กูจะถีบมึงหรอ”

ถ้าไม่มีใครเบรคเดี๋ยวมันก็ได้กัดกันอีกยกแน่ๆ

“เดี๋ยวกูเป็นกรรมการให้ ว่าแต่ให้กูซื้อนวมมาไว้ปะ” ไอ้ปาล์มก็อีกคน

“หยุดกัดกันแล้วไปได้แล้ว”

ผู้ที่มีอิทธิพลที่สุดในกลุ่มก็น่าจะเป็นไอ้โก้ แต่มีอิทธิพลแค่กับไอ้ตังคนเดียวนะครับ

“เอาเมียมึงไปด้วยเลยไอ้โก้”

“พูดถูกใจเอาไปยี่สิบ”

“อย่าพูดแต่ปากน่าจ่ายกูมาสักที” ไอ้โอ๊ตว่าพลางแบมือตรงหน้าไอ้ตัง ผมส่ายหน้าเอือมๆ กับพวกมันก่อนจะตั้งท่าออกรถไปดูบ้านที่พวกผมได้ต่อรองราคาไว้

ไปดูสภาพบ้านก่อนจะตกลงเช่าอย่างเป็นทางการดีกว่า



ผมมองบ้านตรงหน้าอย่างนึกชั่งใจทั้งหันไปมองสี่คนที่เหลือ สภาพก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ตอนที่เห็นบ้านหลังนี้ครั้งแรก ไม่ใช่ว่ามันเก่าหรืออะไรแต่สภาพด้านนอกนี่มันป่าชัดๆ

ต้นไม้ล้อมรอบต้วบ้านแถมหญ้ายังขึ้นสูงแทบจะท่วมหัวอยู่แล้วน่าจะมีสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่อาศัยอยู่ด้วยนะผมว่า แต่พอมองเข้าไปในตัวบ้านกลับไม่ได้ดูเก่าต่างจากสภาพด้านนอกกันคนละเรื่องเลย ยังดีหน่อยที่บริเวณนี้มีบ้านคนอยู่บ้างไม่งั้นผมจะคิดแล้วนะว่ามันเป็นป่าจริงๆ

ขัดใจอยู่อย่างเดียวว่าทำไมไม่ตัดหญ้าออกหน่อยล่ะวะทำให้มันดูเก่าไปได้

“พวกมึงว่าบ้านหลังนี้จะมีประวัติไหมวะ” ไอ้ปาล์มพูดขึ้น ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดนะแต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้วล่ะ

“ก็แค่บ้านที่ไม่มีคนอยู่นาน แล้วหญ้ามันขึ้นพวกมึงจะอะไรนักหนา”

“ไอ้โก้พูดถูก”

“เข้าไปดูข้างในกัน”

ไอ้โก้เปิดประตูแล้วเดินนำไปทันทีตามด้วยไอ้ตัง ผม ไอ้โอ๊ตและสุดท้ายไอ้ปาล์ม จริงๆ แล้วไอ้ปาล์มมันกลัวผีมากซึ่งเป็นจุดอ่อนให้พวกผมแกล้งมันบ่อย เอิ่ม พูดแล้วก็เหมือนเป็นเพื่อนที่ไม่ดีเลยอะ

พอเปิดประตูบ้านก็ไม่เป็นอย่างคิดข้างในดูดีมากยังใหม่อยู่เลย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ก็ถูกผ้าคุมไว้อย่างดีส่วนข้างนอกนั้นคือภาพลวงตาชัดๆ ทั้งที่ข้างในมันออกจะดูดีขนาดนี้

“เข้ามาข้างในนี่คนละเรื่องเลยว่ะ”

“นี่เราต้องไปบุกเบิกป่าข้างนอกใช่ปะ”

“มึงใช้คำเว่อร์ไปปะไอ้โอ๊ต”

“ก็มันเหมือนจริงๆ อะ”

ผมว่าบ้านหลังนี้กว้างมากๆ เลยนะทั้งในบ้านและนอกบ้านที่มีแต่หญ้านั่นอีก ถ้าทำความสะอาดดีๆ จะน่าอยู่มากเลยล่ะ

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเดี๋ยวข้างนอกเขามาตัดหญ้าให้ ส่วนข้างในนี่พวกเราค่อยทำเอง”

เจ้าของบ้านก็ใจดีเหมือนกันแฮะ ค่าเช่าก็ไม่แพงแถมยังจะทำความสะอาดให้ด้วยหรือว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำให้อยู่แล้ววะ

“งั้นตกลงเช่า จ่ายเงินไปเลยมึง” ผมว่า

“เอาไงเอากัน”

“ไม่ไกลวิลัยเท่าไหร่กูโอเค”

สรุปพวกผมก็ตกลงเช่าบ้านหลังนี้ ชีวิตอิสระมาถึงแล้วครับแต่จริงๆ ก็อิสระมานานแล้วล่ะ แต่คราวนี้อยู่ด้วยกันทั้งแก๊งบอกได้คำเดียวเลยว่า เละ…



“มีสี่ห้อง พวกมึงจะเอาไง”

วันนี้เป็นวันแรกที่ย้ายเข้ามาและตอนนี้พวกผมกำลังตกลงเรื่องห้องกันอยู่พวกผมมีกันห้าคนแต่ห้องมีสี่ห้องต้องมีสองคนที่ต้องนอนด้วยกัน สำหรับผมไม่มีปัญหาอยู่แล้วยังไงก็ได้เพราะขนาดไอ้ตังก็เคยไปนอนห้องมันมาแล้ว

“เดี๋ยวกูจะเสียสละไปนอนกับโก้เอง” เรื่องแบบนี้เสนอตัวนักแหละ

“ไม่เอาเว้ยย”

“ไปนอนกับไอ้โอ๊ตเลยมึง”

“กูยอมนอนนอกบ้านดีกว่านอนกับมัน”

“พูดเหมือนสวยมากมั้ง” ถ้าพวกมันสองตัวนอนด้วยกันน่าจะวุ่นวายไม่น้อยเลยนะผมว่า

“พอๆ เดี๋ยวกูไปนอนกับไอ้ทัช” ไอ้โก้มันสรุปเองเสร็จสรรพแล้วเดินไปเลือกห้องทันที

“จบแยก”

ต่างคนต่างเข้าไปจัดห้องของตัวเองส่วนผมก็เข้ามากับไอ้โก้ เตียงเดียวสินะแต่ผมไม่มีปัญหาแน่นอนแต่ไอ้โก้อะมี

“กูเปลี่ยนไปนอนคนเดียวทันไหมวะ” ทำไมไอ้โก้ถึงพูดแบบนี้น่ะหรอก็เพราะเตียงมันเล็กกว่าห้องที่มันเคยอยู่และที่สำคัญผมเป็นคนนอนกินที่

“เอาน่าเดี๋ยวกูนอนพื้น”

“ดีมากไอ้ทัชเพื่อนรัก!” ทันทีที่ผมพูดจบมันก็ลงไปนอนแผ่บนเตียงทันที ที่งี้ล่ะเพื่อนรักเชียวนะมึง

ผมคงต้องไปหาที่นอนมาใหม่สินะ

“ทำไรกินดีวะ” ไอ้ตังถามขณะที่พวกผมต่างก็จัดห้องเสร็จและตอนนี้ก็เย็นแล้วเริ่มหิวเหมือนกันครับ

“ไปหาไรกินข้างนอกปะ” ไอ้โอ๊ตเสนอ

“จะไปข้างนอกทำไมลืมไปแล้วหรอว่าเรามีพ่อครัวอยู่แล้วนี่ไง” ผมว่าพลางกอดคอไอ้ปาล์ม เดอะแก๊งผมพึ่งได้ทุกคนนะ แต่ส่วนตัวผมนี่ไม่แน่ใจว่าจะพึ่งได้รึเปล่า

“เออว่ะ งั้นไปซื้อของมาทำกันดีกว่า”

อยากจะบอกว่าอุปกรณ์ทำครัวพวกผมก็ครบนะคงไม่ได้ไปวอแวที่ร้านบ่อยๆ แน่ๆ เพราะงั้นอยากกินอะไรก็ทำเองครับ จัดหนักจัดเต็มไปเลย

“ใครจะออกไปซื้อ”

“กู” งานแบบนี้ไว้ใจผม

“กูไปด้วย” ไอ้โอ๊ตยกมือ

พวกไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเข้าห้องครัวอย่างพวกผมก็มีหน้าที่ไปซื้อของแค่นั้นแหละ

“เดี๋ยวกูจดรายการที่จะซื้อให้ ว่าแต่พวกมึงอยากกินอะไรกันบ้าง”

“แอลกอฮอล์”

“กวนตีนไอ้โอ๊ตกูหมายถึงอาหารเว้ย”

แอลกอฮอล์ลิซึมครับ แดกได้ทุกวัน

“อะไรก็ได้พวกกูกินได้หมดแหละ”

“มึงคิดเลยกูคิดไม่ออก”

เมนูยอดฮิตคือ อะไรก็ได้ ส่วนคนคิดนี่หนักใจที่สุดละ

“อะ ตามนี้ให้ไวนะพวกมึง ไม่ใช่ซื้อแดกจนอิ่มแล้วค่อยกลับนะ”

ผมกับไอ้โอ๊ตมองหน้ากันก่อนจะยิ้ม ไอ้ปาล์มันรู้ทันครับไปด้วยกันนี่ไม่มีใครห้ามใครเลย

พวกผมเลือกขับรถไอ้ปาล์มเพราะรถผมคงไม่น่าจะเอาของกลับมาได้ ตอนแรกว่าจะขับคนละคันแต่ไม่ดีกว่าลดโลกร้อนสักหน่อย ที่จริงคือไอ้โอ๊ตมันขี้เกียจขับต่างหากเลยไปกับผม

พอขับมาได้สักพักผมก็โดนรถหรูคันหนึ่งขับปาดหน้าอย่างเร็วจนเกือบได้กลับบ้านเก่าทั้งผมและไอ้ปาล์ม

“จะรีบไปตามควายรึไงวะ! สภาพก็ไม่น่าจะมีควายให้เลี้ยงนี่หว่า” ไอ้โอ๊ตตะโกนตามหลังรถคันนั้นอย่างโมโห ถ้าผมเบรคไม่ทันป่านนี้พวกผมเป็นฝ่ายเจ็บหนักแน่ ถ้าเจอครั้งหน้าจะปล่อยลมรถแม่ง!

กรีดรถเขาไม่ได้หรอกครับขับBMWขนาดนั้นถ้าโดนจับได้ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหายแน่นอน

“โอเคปะมึง”

“อืม”

ถึงจะหงุดหงิดนิดหน่อยก็เถอะ แม่งขับรถอะไรของมันวะ

ผมมองตามทางที่รถคันนั้นขับไปอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันมาขับรถของตัวเองต่อ

ใจเย็นไว้ ของกินจะเยียวยาทุกอย่างเองไอ้ทัช!



….………………………………………………….



ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองลูกค้าสองคนที่นั่งโต๊ะนอกร้านอย่างไม่วางตาเพราะหนึ่งในนั้นคือคนที่ผมรู้จักและบังเอิญเจอหลายครั้ง

มากับหญิงซะด้วย สวยขนาดนั้นอยากควงบ้างจัง

“มองอะไรลูกค้านักหนา”

ผมหันไปยิ้มให้กับพี่แนนที่เดินมาหา

“เปล่านะ ผมก็มองไปเรื่อยอะ”

“พี่เห็นนะ จ้องโต๊ะนั้นอยู่ล่ะสิ”

ผมมองโจ่งแจ้งไปหรอวะ สงสัยจะแสดงออกมากไปแฮะ

“เอาขนมไปเสริฟโต๊ะนั้นหน่อยสิ” โต๊ะที่พี่แนนบอกก็คือโต๊ะที่ผมกำลังมองอยู่นั่นแหละ

สงสัยผมกับเขาคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกันและกันมั้ง หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสินะ

ผมเดินมายังโต๊ะของลูกค้าที่เป็นเป้าหมายพร้อมกับเสริฟขนมแต่ลูกค้าไม่ได้สนใจการมาของผมเลยสักนิด ผมจึงพูดขึ้น

“ทานให้อร่อยนะครับคุณลูกค้า” พร้อมกับส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้ลูกค้าทั้งสอง พี่ผู้หญิงเงยหน้ามายิ้มให้ผมแต่อีกคนกลับมองนิ่งๆ แล้วก็กลับไปสนใจงานของตัวเองต่อ

ดูท่าทางเครียดๆ แฮะคงจะไม่มีอารมณ์กวนสินะ แต่ผมมีอารมณ์ว่ะ

อารมณ์อยากกวนตีนคนทำงานแถวนี้

“อ้าว สวัสดีครับคุณธัญ” ผมทำเสียงให้ดูเหมือนตกใจที่เห็นอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เนียนนะเพราะเขาไม่สนใจผมเลย

“รู้จักธัญด้วยหรอ” พี่ผู้หญิงถามผม

“คุณธัญมาที่ร้านบ่อยน่ะครับวันก่อนยังเห็นมากับผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารักมากเลยนะครับ โอะ! ผมขอโทษครับ”

“อ่า” พี่ผู้หญิงยิ้มให้คนที่นั่งตรงข้ามแต่นั่นทำให้ผมแปลกใจ ปกติมันต้องมีการทำหน้าไม่พอใจรึเปล่าวะแต่นี่ยิ้มเฉยหรือว่าเก็บอาการเก่ง

“นี่ควงสาวหรอเดี๋ยวนี้”

“มากับสาวทุกครั้งเลยนะครับ…”

“พูดจบรึยัง” เขาหันมาพูดกับผม

“แค่จะบอกว่าแฟนคุณธัญสวยมากเลยครับ” ผมยิ้มพี่ผู้หญิง

“หมายถึงฉันหรอ ฉันไม่ได้เป็นแฟนธัญนะ”

เพล้ง!

ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ หน้าแตกแบบไม่รู้จะเก็บเศษยังไงเลยว่ะ

“งั้นหรอครับ” ยิ้มแห้งไปอีกกู

“หึ” เยาะเย้ยอีก บ้านไหนพาหัวเราะ หึ วะ ประหยัดพลังงานรึไง

“ทานให้อร่อยนะครับ”

อยู่ทำไมให้อายไปกว่านี้ล่ะครับ ไปดีกว่าวันนี้คงไม่ใช่วันของผม (อีกตามเคย)

“รู้จักลูกค้าโต๊ะนั้นด้วยหรอ” พอผมเดินเข้ามาในร้านพี่แทนก็ถามพร้อมกับทำหน้านิ่งๆ

อารมณ์ไหนอีกล่ะพี่ผม

“ไม่รู้จักครับ”

“ดีแล้ว”

“ถ้าผมรู้จักแล้วจะทำไมครับ” ท่าทางเหมือนพี่ผมจะรู้จักคุณธัญอะไรนั่นนะ

“ไม่มีอะไรหรอก ไปทำงานเถอะ” รอยยิ้มถูกส่งมาพร้อมกับมือที่เอือมมายีผม ทำไมพอมองไปทางโต๊ะนั้นสายตาพี่แทนดูนิ่งๆ แปลกๆ วะ หรือว่าสองคนจะรู้จักกันแต่ไม่ถูกกันหรือเปล่า

แต่ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของผม ผมจะไม่ยุ่งแล้วกัน



“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า พอดีว่าร้านของเราจะปิดแล้วครับ” ผมบอกลูกค้าที่ยังนั่งอยู่เป็นคนสุดในร้านทั้งที่ตอนนี้ก็ถึงเวลาปิดร้านแล้ว

คนที่นั่งอยู่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อเหมือนกับว่ายังไม่รู้ตัวว่าผมยืนอยู่ตรงนี้

“คุณลูกค้าครับ”

“…”

“คุณธัญ” ทีอย่างนี้ล่ะเงยหน้าขึ้นมาเชียวชอบให้เรียกชื่อรึไงวะ

“พี่”

“หะ”

“เรียกฉันว่าพี่” เดี๋ยวนะนี่ผมมีพี่อีกคนหรอวะ

“ทำไมครับ”

“ฉันไม่ชอบให้เรียกคุณ”

“อ่ออ หรอครับ'คุณ'ธัญ” ผมเน้นคำว่าคุณก่อนจะยิ้มกวนๆ ส่งไปให้ ไม่ชอบหรอแต่ผมชอบว่ะ

“ไอ้ตัวแสบ” เสียงบ่นเบาๆ แต่ผมได้ยินทำเอาคิ้วกระตุก นอกจากพี่แทนก็ไม่มีใครเรียกผมแบบนี้เลยนะ

นอกจากจะไม่ฟังที่ผมพูดแล้วยังทำงานต่ออีก เช่าร้านผมทั้งคืนเลยไหมคนเขาจะเลิกงานกลับบ้านกลับช่องเนี่ย

“ร้านจะปิดแล้ว”

“อีกแปปเดียว”

“กลับไปทำที่บ้านสิ” ผมก็อยากลับบ้านเหมือนกันนะ

“ถ้านายไม่พูดงานฉันก็จะเสร็จแล้วนะ” อ้าว ผิดเฉย

“เหงาหรอ”

“อะไร”

“หมายถึงถ้ากลับบ้านแล้วจะเหงาหรอ” ผมถามพลางนั่งลงตรงข้ามอีกคน ในเมื่อไม่ยอมลุกผมก็จะนั่งด้วยเลยแล้วกัน

“ถ้าบอกว่าเหงาแล้วจะให้อยู่ต่อหรอ” สายตาที่มองมามันเหมือนนึกสนุกอยู่ในทีแต่หน้าตายังคงความเรียบเฉยเอาไว้

“จ่ายค่าล่วงเวลามาสิ”

“เท่าไหร่” คำถามที่แทบจะถามขึ้นมาทันทีทำให้ผมนึกสนใจ เท่าไหร่งั้นหรอ ถามเหมือนจะยอมจ่ายเลยนะ

“จะจ่าย?”

“เปล่า” อ้าว กวนตีนซะแล้ว

ผมเพิ่งรู้ว่าคนตรงหน้าแค่กวนตีนแก้เครียดเฉยๆ ก็แค่นั้น แล้วทำไมผมต้องมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้ด้วยวะอีกหน่อยพี่แทนก็คงออกมาว่าแล้วมั้งเนี่ย

“กลับไปได้แล้ว”

“ไล่ลูกค้าหรอ”

“ตอนนี้ร้านปิดแล้วถือว่าคุณไม่ใช่ลูกค้า และผมก็สามารถไล่คุณได้” คนตรงหน้าผมพูดยากกว่าที่คิด

ยังคงก้มหน้าเขียนงานต่อไป ดื้อด้านชะมัดเลยขนาดไล่ยังไม่ไปสงสัยจะเหงาจริงๆ หรือเป็นเด็กมีปัญหาวะแต่รุ่นนี้คงไม่ใช่เด็กแล้วมั้ง

“นินทาฉันในใจหรอ”

“รู้ตัวก็กลับไปได้แล้ว”

“ชื่อทัชหรอ” เปลี่ยนเรื่องอีกผมนี่แทบจะถอนหายใจรัวๆ เลยครับ

“รีบกลับปะ…”

“ทัช กลับบ้านได้แล้ว”

เสียงพี่แทนทำให้ผมหันไปมองก่อนจะลุกขึ้นทันที ตามที่ท่านพี่สั่งเลยครับกลับบ้านน

“แล้วนั่นล่ะ” พอเดินมาใกล้พี่แทนผมก็ชี้ไปยังคนที่นั่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“เดี๋ยวพี่จัดการเองกลับไปพักผ่อนได้แล้ว” ผมพยักหน้าให้พี่แทนแล้วเข้าไปหยิบกระเป๋าเตรียมกลับบ้านทันที

ทางนั้นก็ให้พี่แทนจัดการเองก็แล้วกันไม่กลับก็แล้วแต่ขอแค่ผมได้กลับก็พอแล้ว





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 4 : 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-01-2020 00:17:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

ธันกับพี่แทน  น่าจะรู้จักกันสินะ

หรือว่าเคยปิ๊งปั๊งกันมาก่อน?
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 5 : 23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 23-01-2020 17:30:39
Chapter 5
บังเอิญ



วันนี้ผมมีเรียนภาคปฏิบัติซึ่งเป็นคาบที่ผมชอบมาก แต่ปี1อย่างผมจะเรียนพวกซ่อมพื้นฐานซะมากกว่าซ่อมทุกอย่างอะไรพังก็ซ่อมหมดแต่จะซ่อมได้ไหมก็อีกเรื่อง

เรื่องซ่อมไว้ใจเด็กช่างครับ

“ใจพังๆ ถ้าเขาไม่จริงจังก็ให้เด็กช่างซ่อมได้นะครับ” เอกลักษณ์ของแผนกผมคือใครผ่านมาก็แซวแม่งหมด แซวจนกว่าจะได้ แต่จริงๆ แล้วมันน่าจะอยู่ไม่เป็นสุขถ้าไม่ได้แซวมากกว่านะผมว่าเพราะผมก็เป็น ฮ่าๆ

“ซ่อมให้ฟรีไม่คิดตังค์นะครับผม”

“ถ้าไม่มีเงินกินข้าวก็คิดนะครับบ” อันนี้เสียงของผมเองครับ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าอย่าไปลงทุนลงแรงเยอะไม่อย่างนั้นจะเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา

“ช่วงนี้จนหรอมึง” เพื่อนในแผนกคนหนึ่งหันมาถาม

“อย่าเรียกว่าจนเลยเรียกว่าไม่มีจะแดกดีกว่า” ไอ้โอ๊ตพูดแทนผมทันที

ผมกับมันก็พอๆ กันแหละหว่าา

“เรียนเสร็จแล้วไปกินข้าวไหนวะ” ไอ้ปาล์มถาม

“โรงอาหารปะกูขี้เกียจขับรถออกไปข้างนอก” ปกติพวกผมจะกินข้าวเที่ยงไม่ที่โรงอาหารในวิลัยก็ข้างนอกซึ่งวันไหนเบื่อข้าวในโรงอาหารก็ออกไปข้างนอก แต่วันนี้บอกเลยว่าขี้เกียจโคตรๆ

“กูเสร็จแล้วเนี่ยพวกมึงเสร็จยัง”

“เสร็งละๆ ” ผมตรวจสอบความเรียบร้อยของงานก่อนจะลงชื่อไว้ให้อาจาร์ยมาตรวจ งานเสร็จแล้วก็ไปหาไรกินดีกว่า

“นั่งทำเอ็มวีอะไรของมึงเพื่อนจะไปกินข้าวแล้วเนี่ย” ไอ้โอ๊ตหันไปพูดกับไอ้โก้ก่อนที่มันจะหันมามองด้วยตาลอยๆ ไม่ใช่อะไรนะครับไอ้โก้มันนอนไม่พอ

บอกแล้วว่าอย่าเล่นเกมส์ดึก ติดเกมส์ก็งี้แหละครับลาลาลอยเลยไหมล่ะมึง

“หน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอน”

“ก็มันไม่ได้นอน”

“อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนพวกมึง…”

“พวกมึงอะไร” ผมหันไปตบหัวไอ้โอ๊ตก่อนจะกอดคอมัน

“พวกมึงเล่นเกมส์กันดึกไง” เกลียดหน้าเวลามันแถจังครับกวนตีนชิบหาย

“กินไรดีวะ”

“เดินไปดูก่อนค่อยคิด” ผมว่าพลางกอดคอไอ้โอ๊ตแล้วเดินไปทางโรงอาหาร

ส่วนพวกข้างหลังก็ให้มันลากไอ้โก้มาด้วย เหลือแต่กายหยาบแล้วมั้งนั่น





“ขอโทษนะครับ รู้จักแมนแผนกออกแบบไหม” ผมเงยหน้ามองคนมาใหม่ อีกฝ่ายยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

ใบหน้าหล่อเหลาแต่พอยิ้มแล้วกลับดูหวานขึ้นมาบวกกับผมสีคาราเมลนั้นยิ่งทำให้คนตรงหน้าผมน่ามอง ทั้งการใส่ชุดนักศึกษาที่พับแขนเสื้อถึงข้อศอกแล้วปล่อยชายเสื้อออกยิ่งเสริมให้คนตรงหน้าผมดูเป็นคนแบดๆ ขึ้นมาทันที ในวิลัยมีคนแบบนี้ด้วยหรอวะ

“น้องครับ”

“ครับ เมื่อกี้ว่าไงนะครับ” มองจนลืมว่าเขาพูดอะไร แต่อย่าเข้าใจผิดว่าผมชอบนะครับแค่มองเพราะเขาดูดีแค่นั้นเอง

“รู้จักแมนแผนกออกแบบไหมครับ” แมนหรอ เดี๋ยวนะอยู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ไอ้ตังเคยเล่าขึ้นมา เรื่องไอ้แมนกับเด็กมหาลัย

“รู้จักครับ”

“ปกติแมนมากินข้าวที่นี่หรอครับ”

“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้สนิทกับเขา”

“เราชื่ออะไร พี่ชื่อไผ่นะเรียนมหาลัยใกล้ๆ นี่แหละ” เด็กมหาลัยจริงๆ ด้วยแฮะ เอาจริงๆ ผมก็ไม่ใช่พวกอคติกับคนอื่นไปทั่วหรอกนะ มันก็มีบางคนที่ไม่ได้อะไรกับพวกผมแต่ก็มีบางคนที่ไม่ชอบเหมือนกัน

“ทัชครับ”

“งั้นพี่ขอนั่งด้วยแปปนึงนะ” ว่าแล้วอีกคนก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามผมทันที

ผมนั่งอยู่คนเดียวโดยมีคนแปลกหน้านั่งด้วย เดอะแก๊งของผมพากันไปซื้อข้าวยังไม่มากันเลยส่วนไอ้ตังก็ยังไม่เลิกเรียน

เอาจริงๆ นะต่อมเผือกมันเริ่มทำงานแล้วว่ะ อยากรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นแฟนไอ้แมนจริงไหม

“ทัช” ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า ให้ตายเถอะผมชอบสีผมของเขาจริงๆ ว่ะ

“ครับ”

“พี่ขอไลน์ไว้ได้ไหม”

“ไลน์ผม?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าทำหน้ายังไงถึงทำให้อีกฝ่ายหลุดขำออกมาแบบนั้น

“โทษๆ พอดีเมื่อกี้หน้าน้องตลกมาก” เป็นคนเส้นตื้นขนาดนั้นรึไงวะ

“สรุปพี่ขอไลน์ทัชได้ไหม” ผมต้องให้ด้วยหรอวะเดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้วปะ

“จะเอาไปทำไมพี่ เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว”

“ก็เพราะอาจจะไม่ได้เจอไงเลยขอไว้” นี่คงไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอกนะ

คิดมากน่าผมเป็นผู้ชายเขาก็เป็นผู้ชาย แต่คนที่เขามาถามหาก็คือผู้ชายนี่หว่า

“อย่าคิดมากน่ะ พี่แค่อาจจะได้มาที่นี่บ่อยมีคนรู้จักไว้มันก็น่าจะดีกว่าไง” รอยยิ้มถูกส่งมาอีกครั้ง

“ก่อนจะให้ผมถามไรหน่อยดิ”

“ว่ามาสิ”

“พี่เป็นแฟนกับไอ้แมนหรอ” คนตรงหน้าไม่ได้ตอบในทันทีแต่กลับยิ้มให้ผม ยิ้มบ่อยจนผมเริ่มคิดแล้วนะเนี่ย

“ไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” ถามว่าผมเชื่อไหมก็ห้าสิบห้าสิบนะ

“เอามือถือมาดิพี่”

ขณะที่ผมกำลังจะรับมือถือจากคนตรงหน้าก็โดนใครบางคนแย่งไปซะก่อน ผมหันไปมองก็พบว่าเป็นไอ้แมนที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆ

“ไม่เห็นต้องรบกวนทัชเลยพี่ไผ่ ครั้งหน้าถ้ามาก็ถามแมนสิ” ไอ้แมนยิ้มให้พี่ไผ่แต่ตามันไม่ได้ยิ้มด้วย

“แต่พี่อยากถามทัชนี่ครับ” พี่ไผ่ตอบแล้วยิ้มแบบเดียวกัน เอ่อ อย่ามาทะเลาะกันแถวนี้นะเว้ย

“หลบหน่อยค่ะคนจะกินข้าว” เสียงไอ้ตังดังขึ้นใกล้ๆ หูพลางชนไอ้แมนจนเกือบล้ม

แรงควายชิบหาย

“อีตังเม!”

“อ้าวอีแมน ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“พี่ไผ่เราไปกันเถอะ” ไอ้แมนตัดปัญหาด้วยการหันไปหาคนข้างๆ

“งั้นเจอกันใหม่นะทัช” คิดว่ากูอยากจะเจอมึงอีกไหมครับพี่

ไอ้แมนคว้าแขนคนที่ชื่อไผ่แล้วเดินออกไปทันที ส่วนไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็จ้องผมเหมือนมีอะไรอยากจะถาม

“เขามาจีบมึงหรอ”

“จีบเชี้ยไร”

“ก็เห็นเขาคุยกับมึง”

“คุยไม่ได้แปลว่าจีบ”

“ย่ะ อย่าคิดไปยุ่งกับพวกมันเด็ดขาด” ผมส่ายหน้ากับคำพูดมันก่อนจะหันไปหาเดอะแก๊งที่ไปซื้อข้าว

พวกมันไปซื้อข้าวที่ดาวอังคารรึไงเนี่ย นานชิบหาย

และผมก็แทบอยากจะเดินไปตบหัวพวกมันเรียงตัวเมื่อเห็นพวกมันนั่งจีบสาวอยู่ ข้าวไม่ต้องดงต้องแดกมันแล้ววันนี้

ไปจีบสาวก็ไม่ชวนกู!!!





….……………………………………………………



“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เชี้ยโอ๊ตแม่งโคตรได้อะ”

“มึงต้องไปเห็นหน้ามันตอนนั้นเว้ยอย่างฮา ฮ่าๆ ”

“แกล้งแต่กูไอ้พวกเวร” ไอ้ตังว่าพลางไล่เตะไอ้ปาล์มกับไอ้โอ๊ต

ผมกับไอ้โก้ได้แต่ยืนดูไม่เข้าข้างใครทั้งนั้นครับ ทีใครทีมัน

“พวกมึงหยุดเลยนะ”

“ไม่เว้ย เชี้ย! …ขอโทษครับ” ไอ้โอ๊ตวิ่งอยู่ดีๆ ก็ไปชนคนที่เดินผ่านมาพอดี เหมือนมันลืมว่าตอนนี้อยู่ห้างไม่ใช่ในวิลัย

“เดินอะไรของนายเนี่ย!” ผู้หญิงที่ถูกชนพูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะมองไอ้โอ๊ตตั้งแต่หัวจรดเท้า

พวกผมเกลียดการถูกมองแบบนี้ที่สุดมันเหมือนโดนเหยียดยังไงก็ไม่รู้

“เด็กเทคนิคหรอกหรอ”

“ขอโทษครับ” ไอ้โอ๊ตเริ่มเสียงแข็งก่อนที่พวกผมจะเดินเข้าไปหามัน

“ไปกันเถอะมึง ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ผมว่าก่อนจะบีบไหล่มัน แล้วขอโทษผู้หญิงตรงหน้า

“เสียงดัง เอะอะโวยวาย” ก่อนพวกผมจะเดินออกมาก็ไม่วายได้ยินเสียงบ่นของผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ผมจึงหันไปมองอีกทีก็เห็นใครบางคนที่ผมรู้จักเดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้นพอดี

พอคุณธัญอะไรนั่นเดินมาหาสาวเจ้าก็รีบไปเกาะแขนทันที ถ้าเป็นแฟนกันก็ไม่แปลกใจหรอกครับน่าจะเข้ากันได้ดี

“เล่นกันจนได้เรื่อง” ไอ้โก้หันไปบ่นให้ไอ้สามตัวนั้น

“ทำไมต้องมองแบบนั้นวะแม่ง เทคนิคแล้วไง” พอพูดถึงเรื่องนี้ไอ้โอ๊ตมันมักจะหัวเสียตลอด ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมองเราไม่ดีหรอกครับ แต่แล้วไงผมไม่แคร์นานแล้วล่ะคิดมากไปก็เหนื่อยเปล่าๆ ก็แค่คำคนอะไรปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยผ่านไป

“มึงจะไปแคร์ทำไมวะ เขาเป็นญาติมึงหรอ” ไอ้ตังเสริม

ไอ้โอ๊ตมองไอ้ตังอย่างหงุดหงิดก่อนที่ไอ้ตังมันจะส่งยิ้มกวนตีนกลับมา เดี๋ยวก็ได้ตีกันอีกรอบ

“มาๆ สุดหล่อของตังเมเดี๋ยวพาไปคีบตุ๊กตาเนาะ”

“จ่ายให้กูด้วย”

แต่ใครบอกว่ามันจะตีกันเสมอไปล่ะครับ มันก็ทำให้อีกฝ่ายกลับมาอารมณ์ดีได้อยู่ดี ไม่งั้นพวกผมคงคบกันไม่ได้หรอกถ้ามีแต่ตีกัน

“จ่ายให้กูบ้างดิ” ผมวิ่งไปกอดคอพวกมันทั้งสอง

“เกี่ยวไรอะมึง”

“เกี่ยวดิ ไม่มีกูพวกมึงไม่ได้ตุ๊กตาหรอก” ไม่ได้อยากโม้นะครับแต่จะบอกว่าผมคีบเก่งมากก

“ไหนมึงบอกว่าไม่มีมึงพวกกูจะไม่ได้ตุ๊กตาไง” วันนี้ไม่น่าจะใช่วันของผมว่ะ ปกติผมคีบได้ตลอดเลยนะเว้ยแต่วันนี้ไม่ได้สักตัว

“เสียเงินไปกับมึงจริงๆ ”

“ขออีกรอบ” ผมหันไปหาไอ้ตัง

“จ่ายเองดิ”

จ่ายเองก็ได้วะ ให้มันรู้ไปสิว่ารอบนี้จะไม่ได้

ผมเดินไปแลกเหรียญก่อนจะเดินกลับมาที่ตู้ตีบตู้เดิม

เอาตัวไหนดีวะ

ผมหันซ้ายหันขวาหาแนวร่วมก่อนจะเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งเดินมองตุ๊กตาอยู่

ถ้าคีบได้ผมจะให้เด็กคนนั้นแล้วกัน ต้องเป้าหมายไม่งั้นมันจะไม่มีแรงบันดาลใจ

สองเหรียญแรก… ไม่ได้

สองเหรียญต่อมา…ก็ยังไม่ได้อยู่ดี

ผมหยอดเหรียญแล้วเลือกคีบตุ๊กตาที่อยู่ใกล้ที่สุดมันต้องได้สักตัวแหละน่า

อย่าให้เสียชื่อไอ้ทัชดิวะ โม้ไว้แล้วด้วยได้แค่ตัวเดียวก็ยังดี

ในขณะที่ผมกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อตุ๊กตาตัวดังกล่าวก็หล่นลงในช่องพอดี

“เยส!” ผมหยิบตุ๊กตาออกมาอย่างดีใจ เสียเงินเยอะหน่อยได้ตัวเดียวก็ดีใจแล้วถึงจะไม่คุ้มก็เถอะ

พอหันไปรอบๆ อีกทีผมก็ถูกทิ้งซะแล้วไอ้พวกที่เหลือมันไปไหนล่ะเนี่ย

สงสัยจะไปเล่นเกมอื่นมั้ง

ผมมองหาเป้าหมายก่อนจะเดินไปหา บุคคลิกอย่างผมเดินไปหาน้องแล้วจะตกใจปะวะ

“น้องครับ” เด็กน้อยหน้าตาน่ารักหันมองหาผมก่อนผมจะย่อตัวลงให้เท่าน้อง

“พี่ให้ครับ” ผมยื่นตุ๊กตาไปตรงหน้า น้องทำหน้างงๆ ก่อนจะถอยห่าง

“ปะป๊าบอกว่าไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้าครับ” น้องทำหน้าจริงจังจนผมอดยิ้มไม่ได้

“พี่ชื่อทัชนะ น้องชื่ออะไรครับ”

“ชื่อมินครับ” ถึงจะบอกว่าแปลกหน้าแต่น้องก็ยังคุยกับผมอยู่ดีสิน้าา

“พ่อกับแม่ไปไหนครับ”

“ไปซื้อของครับ”

“แล้วน้องมินอยู่กับใครครับ”

“พี่เลี้ยงครับ”

“แล้วพี่เลี้ยงของน้องมินไปไหนเอ่ย” เด็กน้อยชี้ไปอีกทางก่อนผมจะถามต่อ

“พี่หายแปลกหน้ารึยังครับ”

“ยังแปลกอยู่ครับ” ผมขำทันทีที่น้องพูดจบ เด็กอะเนาะพูดอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด

“ตุ๊กตานี่พี่จะให้ใครดีน้าา” ผมลอบมองดูปฏิกิริยาของเด็กน้องตรงหน้า อยากได้แหละครับแต่ไม่กล้ารับเพราะผมเป็นคนแปลกหน้าสำหรับน้องไง

“งั้นผม…ขอได้ไหมครับ”

“พี่ไม่แปลกหน้าแล้วหรอ” ผมยิ้มให้เด็กน้อยตรงหน้า

“ก็...แปลกอยู่นิดหน่อยครับ” เด็กน๋อเด็ก

ผมยื่นตุ๊กตาให้น้องก่อนเจ้าตัวจะรับไปแล้วขอบคุณผม ทั้งทำท่าจะเดินออกไปแต่ยังเหมือนกล้าๆ กลัวๆ อยู่ผมเลยโบกให้ น้องจึงยิ้มแล้ววิ่งไปหาพี่เลี้ยง

เป็นเด็กนี่ก็ดีนะครับ สดใสดี

“อ้าว! น้องทัช เจอกันอีกแล้วนะ” ผมหันมองตามเสียงก็พบคนที่ผมเพิ่งเจอไปไม่กี่วัน เจ้าของผมสีคาราเมล ที่ชื่อไผ่คนนั้น

คนตรงหน้ายิ้มให้ผม คงรู้ตัวว่ายิ้มแล้วดูดีล่ะมั้งครับถึงได้ยิ้มเก่งขนาดนี้

“มาคนเดียวหรอ” พอเห็นว่าผมไม่ตอบคนตรงหน้าเลยถามต่อ

“เพื่อนครับ แล้วนี่มาเล่นเกมหรอพี่” บุคลิกไม่น่าจะมาโซนเกมเลยนะผมว่าน่าจะไปเดินดูพวกของแบรนเนมมากกว่า

“ก็เดินไปเรื่อยจนมาเจอทัชนี่แหละ”

“ว่างขนาดนั้นเลยหรอพี่”

“ฮ่าๆ อยากว่างมากกว่า” ได้ด้วยหรอวะ

“ผมไปหาเพื่อนก่อนนะพี่” ไม่ใช่มันหนีกลับแล้วหรอยิ่งเป็นเพื่อนที่น่ารักอยู่ด้วย

“เดี๋ยวสิ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปไหนคนข้างหลังก็เรียกไว้ซะก่อน

“ครับ”

“จะไม่ให้ไลน์พี่จริงๆ เหรอ”

“โทษทีนะพี่ ผมไม่ชอบให้ไลน์คนที่ไม่สนิทว่ะ” ยกเว้นผู้หญิงนะครับ อิอิ

ผมพูดแค่นั้นก็เดินออกมาทันที ตอนที่เจอกันครั้งแรกก็ว่าจะให้แล้วแต่คิดไปคิดมาไม่ให้ดีกว่า

อย่าหาว่าหยิ่งเลยนะครับแต่ผมไม่ชอบให้ไลน์ผู้ชายเท่าไหร่ มันไม่ใช่แนวของผมว่ะ



“ใจร้ายจังเลยนะ แบบนี้สิถึงจะน่าสนุก” ร่างสูงเจ้าของผมสีคาราเมลมองคนที่เพิ่งเดินออกไปอย่างนึกสนุก รอยยิ้มผุดขึ้นพร้อมกับความคิดบางอย่าง

เขายิ่งเป็นคนที่ชอบอะไรที่มันท้าทายและน่าสนุกซะด้วยสิ...








ผมกำลังขับรถเข้ามหาลัยที่ไม่ค่อยอยากจะเข้ามาเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น จริงๆ เคยเข้ามาสองสามครั้งแต่ไม่เคยใส่ช็อปเข้ามาเลยสักครั้งเพราะไม่อยากถูกตกเป็นเป้าสายตา แต่ครั้งนี้ต้องเข้ามาหาพี่แทนด้วยเหตุที่ท่านพี่ลืมกระเป๋าตังค์แล้วขี้เกียจเข้าร้าน

หาเรื่องใช้ผมล่ะไม่ว่าเพราะสองสามวันมานี้ผมไม่ได้เข้าร้านเลย

ผมจอดรถหน้าตึกคณะบริหารก่อนจะถอดหมวกกันน็อคแล้วหยิบมือถือขึ้นมาหาโทรหาพี่แทน

“ผมอยู่หน้าตึกคณะพี่นะ”

พอผมพูดจบพี่แทนก็วางสายทันที ตัดความสัมพันธ์ไวมากพี่ผม

ตอนนี้ตอนเย็นคนกำลังเยอะพอดีผมชอบบรรยากาศตอนเลิกเรียนนะครับ อาหารตาดีสุดๆ มองแล้วเพลินดี

“จะกลับบ้านไหม” เสียงดังจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง พี่แทนอยู่ในชุดนักศึกษาพับแขนเสื้อทั้งสองข้างกำลังเดินมาหาผม

“ไม่อะ เอากระเป๋ามาให้พี่ก็จะกลับห้องเลย”

“ระวังโดนตัดค่าขนม”

“ก็มาขอพี่ไง” ผมยิ้มกว้าง ถึงจะขี้บ่นแต่โคตรใจดีนะครับคนนี้

“ใครบอกว่าพี่จะให้” อ้าว

“งั้นผมเอาก่อนได้ปะ” ผมทำท่าจะเปิดกระเป๋าตังค์พี่แทน แต่ถ้าไม่โดนห้ามก็จะเอาจริงๆ นะครับ

“ไม่ต้องเลยไอ้ตัวแสบ” พี่แทนแย่งกระเป๋าจากมือผมก่อนจะใช้เคาะหัวผมเบาๆ

“แค่นี้เลี้ยงน้องไม่ได้หรอครับ”

“หึ” มือหนายีหัวผมแรงๆ รุ่นนี้ไม่เอ็นดูแล้วมั้งน่าจะหมั่นไส้มากกว่า

“เดี๋ยวผมกลับแล้ว อยู่นานไม่ดี”

“ทำไม”

“ไม่ชอบคนมอง” มองแบบพิศวาสจะดีมากนะครับแต่นี่ไม่ใช่อะดิ

“อย่าไปใส่ใจเลยน่า”

“รู้แล้วครับ”

ผมโบกมือให้พี่แทนก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วขับออกไปทันที ว่างๆ ก็อยากมาแถวนี้นะครับเจริญหูเจริญตากว่าในวิลัยตั้งเยอะไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงไม่สนใจพวกผมเลย เพราะที่นี่หน้าตาแต่ละคนเหมือนคัดมากันทั้งนั้น

ระหว่างที่ผมขับรถชิลๆ ของผมไปเรื่อยผมก็ขับผ่านตึกนิเทศ ตึกนี้คนหน้าตาดีน่าจะเยอะโดยเฉพาะคนที่ชอบมาปรากฏตัวอยู่ในสายตาของผม

คุณธัญนั่งอยู่กับเพื่อนอีกสองคน คนที่โดดเด่นก็มักจะมองเห็นก่อนคนอื่นเสมอ

เรียนนิเทศสินะ

จริงๆ ผมคงไม่มีเวลามาดูใครนานขนาดนั้นหรอกเพราะผมขับรถอยู่ ในขณะที่ผมกำลังจะละสายตาจากสามคนนั้นคุณธัญก็หันมาทางผมพอดี แต่คงไม่รู้หรอกว่าเป็นผม







“มึงปิดมือถือหรอ”

“ทำไม”

“กิ๊กเก่ามึงโทรมา” ผมวางกระเป๋าลงบนเตียงแล้วหันไปหาไอ้โก้

“ใครวะ”

“คนที่มึงเทล่าสุดไง” พอนึกได้ผมก็แทบจะถอนหายใจออกมาแรงๆ ใครไม่เทก็บ้าแล้วเอาแต่ใจขนาดนั้นแถมยังไม่ยอมจบอีก

“เขาโทรหามึงหรอ”

“ใช่”

“แล้วมึงตอบเขาว่าไง”

“เขาแร็พใส่กูอะกูเลยวาง” เหมือนเป็นเรื่องโชคดีที่ผมไม่ได้ยินเสียงมือถือ ไม่งั้นผมคงเผลอรับแน่ๆ เพราะเธอคนนี้ไม่น่าจะใช้เบอร์ตัวเองโทรมา

ไม่จำเป็นจริงๆ ผมไม่เลิกคุยกับใครง่ายๆ และไม่เทใครก่อนด้วยซ้ำแต่คนล่าสุดเอาแต่ใจแถมยังไม่ค่อยฟังใครผมเลยตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ และก็เป็นอย่างที่เห็นเธอยังไม่ยอมจบ

เห้อออ ถ้ามีแฟนอีกครั้งก็ขออย่าได้เจอคนเอาแต่ใจอีกเลย!


หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 5 : 23/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-01-2020 23:14:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

เสน่ห์แรงไม่เบานะน้องทัช
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 6 : 07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 07-02-2020 18:32:57
Chapter 6
นำ้ใจ


บรรยากาศภายในบ้านอึมครึมทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและบริเวณรอบๆ ถูกความมืดปกคลุมจนทำให้ทุกคนต้องมารวมตัวกันที่ห้องโถง

ต่างคนต่างเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา…

พัวะ!

“โอ้ย!”

“กูบอกให้เปิดไฟฉายมือถือมึงยืนนิ่งทำไมเนี่ย” ฝ่ามือไอ้โก้ตบลงที่กลางหัวผมเต็มๆ กำลังสร้างบรรยากาศในหัวอยู่ดีๆ ชอบขัดจริงๆ เลย

“เออๆ ไม่เห็นต้องตบเลยไอ้สัส” แม่ง กูแค่ยืนเหม่อเอง

เนื่องจากตอนนี้บ้านพวกผมไฟดับเลยอพยพกันมาอยู่ที่ห้องโถงดับแค่บ้านพวกผมด้วยนะประเด็น มาอยู่ยังไม่ถึงเดือนจะตัดไฟแล้วหรอวะ

“มันเป็นไรอะ” ผมส่องไฟไปที่ไอ้ปาล์มที่กำลังยืนสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ข้างๆ ไอ้โอ๊ต

“ตกใจไอ้ตังตอนเดินมาห้องโถง” ไม่รู้จะขำหรือสงสารดี

“เพื่อนมึงสวยเกินไปไงไอ้โอ๊ต ฮ่าๆๆ ”

“ปากมึงนี่นะ เดี๋ยวมันก็หลอกมึงหรอก ฮ่าๆ ”

“พวกมึงจะไม่หยุดใช่ไหม” อุ้ย เสียงแข็งมาเลยครับเพื่อนตัง

ไอ้ตังไม่ได้กลัวผีหรืออะไรนะมันร้อนเลยเริ่มหงุดหงิด ต้องสงบปากสงบคำครับก่อนจะซวย

“เดี๋ยวกูโทรไปถามเขาก่อน” ไอ้โก้ผู้ที่เปรียบเสมือนเสาหลักของบ้านรีบกดมือถือแล้วโทรออกทันที

“พวกมึง สถานการณ์แบบนี้มันต้องเล่า…”

“หยุดเลยไอ้ทัช” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบไอ้ปาล์มก็พูดแทรกขึ้นมาทันที เพราะมันรู้ว่าผมจะพูดอะไร

“มันยังไม่หายสั่นเลยมึงจะเล่าทำไม” อดเลยผม

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาจะมาดูให้” ไอ้โก้วางสายก่อนจะหันมาคุยกับพวกผม

งั้นวันนี้พวกผมก็ต้องทนร้อนอ่ะดิ

“เล่าเรื่องผีไม่ได้งั้นเรามาปาร์ตี้กัน” ผมเสนอ

ไฟดับแบบนี้ต้องเปิดEDM ตื๊ดๆ กันสักหน่อย ไม่มีอารมณ์นอนแล้วตอนนี้

“พรุ่งนี้มีเรียน”

“กูนอนไม่หลับเหมือนกัน”

“กูด้วย” ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจคำพูดไอ้โก้สักเท่าไหร่

“งั้นจัดไป”

“ไอ้ปาล์มมึงไปดูในตู้เย็นดิ้ มีเครื่องดื่มอะไรบ้าง”

“ไม่เอาอะ มึงไปเองดิกูจะนั่งรอตรงนี้” บางทีผมก็เบื่อที่มันขี้กลัวขนาดนี้นะ ใช้ไรไม่ได้เลย

“เออๆ เดี๋ยวกูไปดูเอง”

ผมใช้ไฟฉายจากมือถือส่องไปทางตู้เย็นก่อนจะเปิดตู้เย็นแล้วสิ่งที่พบก็ทำให้ผมแทบอยากจะร้องไห้

นมเปรี้ยว!

แล้วไหนล่ะเบียร์ที่ผมเอามาใส่ไว้ ใครมันแดกหมดวะเนี่ย

“ใครแดกเบียร์หมดเนี่ย” ผมตะโกนถาม

“กูเห็นไอ้ตังมันแดกทุกวันอะ หมดแล้วหรอ”

แล้วเอานมเปรี้ยวมาใส่แทนเนี่ยนะ มึงกินอะไรมึงก็ต้องเอาอันนั้นมาแทนสิวะ

ปาร์ตี้นมเปรี้ยว…

จ้าาาาา




สุดท้ายผมก็ต้องเอานมเปรี้ยวไปเป็นเครื่องดื่มในปาร์ตี้คืนไฟดับ จริงๆ กินนมเปรี้ยวก็เมาได้ถ้าใจเราคิดอย่างนั้น

เหอะ!

แต่ประเด็นคือมันไม่ควรเป็นนมนี่แหละ







ฉันจะพาเธอลอย…ล่องไปในอวกาศที่มีแต่เธอ มีแต่เธอ...

พอผมเห็นสภาพของตัวเองกับเดอะแก๊งก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาทันที ตาจะลอยไปไหน

เหตุเกิดจากการที่ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงทำให้หน้าตาแต่ละคนดูไม่สดใสเลยสักนิด

ใครเป็นคนต้นคิดวะเมื่อคืน

ก็ผมเองนี่หว่า...

“ตื่นมาฟังอาจารย์ดิวะ” ผมสะกิดไอ้โก้ จะปล่อยให้กูอยู่คนเดียวไม่ได้นะเว้ย

“ขออีกแปป” อีกแปปรอบที่ห้าแล้วไอ้สัส

ผมคือผู้รอดชีวิตที่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ของวันนี้ ในเมื่อไม่มีใครตื่นได้ก็คงเป็นผมที่ต้องเรียน ถ้าไม่เรียนแล้วใครจะเก็บงาน

วันนี้ก็ต้องเข้าร้านแล้วลากไอ้โก้ไปด้วยอีก ไม่รู้ว่าผมหรือมันที่จะไม่รอดในตอนนี้

ไลน์~

(Group) หล่อกว่านี้ก็ผีแล้วปะ!

N'May : เพื่อนนนน

ผมมองไลน์กลุ่มที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครส่งมา ไอ้สามตัวนี้คงไม่แชทมาแน่ๆ

T_T: ว่าไง

N'May: ไปตี้กัน

ตี้ที่ว่าคือปาร์ตี้ครับแต่มันชอบเรียกตี้เฉยๆ มันบอกว่าเข้าใจง่ายดี

T_T: กูเข้าร้าน

N'May: งั้นไปตี้ร้านพี่มึง

T_T: อย่ามาหาเรื่องให้กู อยากตี้ก็ไปตี้ที่อื่น

N'May: มึงไม่เข้าใจอะทัชชชช

เออกูไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่ามึงจะมาหาเรื่องให้พี่แทนบ่นกูทำไมเนี่ย

N'May: แล้วไอ้สามตัวมันไปไหนวะ

T_T: *แนบรูป

ผมถ่ายรูปไอ้สามตัวที่มันนอนฟลุบอยู่กับโต๊ะส่งเข้าในไลน์ อาจารย์ก็ไม่ได้สนใจจะด่าพวกผมหรอกเพราะแกด่าจนขี้เกียจด่าแล้ว

เสียงไลน์เงียบไปผมจึงเข้าแอพอื่นต่อ เมื่อกี้ก็อยากจะตั้งใจเรียนอยู่หรอกนะแต่มันง่วงมากไม่ไหวเลยต้องหาอะไรทำแก้ง่วง

บางทีมือถือก็ทำให้ง่วงได้เหมือนกันนะครับ เลื่อนไปเลื่อนมาตาก็เริ่มจะปิดแล้ว

ปล่อยเถอะครับอาจารย์!

ป๊อก ป๊อก

ผมเคาะโต๊ะรอเวลาเลิกทั้งให้ตัวเองไม่หลับ ไม่หลับหรอกครับเพราะเริ่มเจ็บนิ้ว

ทำทุกอย่างเพราะถ้าอยู่เฉยๆ หลับแน่ๆ

ป๊อก ป๊อก

สายตาก็มองเวลาบนหน้าจอมือถือไปพลาง หมดเวลาปุ๊บผมลุกขึ้นปั๊บเลยนะบอกเลย

“ไว้เจอกันคาบหน้า อย่าลืมทำงานมาส่งกันด้วยล่ะ”

เสียงบอกเลิกเรียนเหมือนเสียงจากสวรรค์ผมแทบจะเก็บของทันทีที่อาจารย์พูดจบ

“น้อยๆ หน่อย จะรีบอะไรขนาดนั้น” ผมยิ้มให้อาจารย์ก่อนจะหันมาเก็บของต่อ ก็คนมันรีบนี่ครับอาจารย์

“เห้ย พวกมึงตื่น” ผมเตะไอ้สามตัวก่อนพวกมันจะยอมเงยหน้าขึ้น

“เลิกเรียนแล้วหรอ” ไอ้โอ๊ตถามพลางเช็ดน้ำลาย หลับจริงจังไปอีก

“เออ ให้ไวกูจะเข้าร้าน” ประโยคหลังผมคุยกับไอ้โก้ก่อนมันจะพยักหน้าด้วยท่าทางสะลึมสะลือ จริงๆ ก็ไม่คิดว่าพวกมันจะนอนจริงจังขนาดนี้

“พวกมึงไปด้วยปะ”

“กูจะกลับบ้าน ไม่ไหว”

“กูด้วย ฮ้าวว” ไอ้ปาล์มหาวออกมาอย่างไม่เกรงใจประชากรที่อยู่ในห้องเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเช้าพวกมันหลับไม่ได้เพราะวิชานั้นอาจารย์โหด เลยมาหลับเอาคาบบ่ายซึ่งจะกลับไปนอนต่อที่บ้านอีก

อยากกลับด้วยชิบหาย

“เออๆ งั้นไว้เจอกัน”

“เออๆ ”

ผมเดินออกจากห้องโดยมีไอ้โก้เดินตามหลังมาติดๆ วันนี้มันไม่ขับรถมาเองเพราะสภาพมันไม่น่าจะรอดอะครับ กลัวแม่งหลับในยิ่งตอนนี้นึกว่าซอมบี้







“โก้อกหักหรอ” พี่แนนถามพลางชี้ไปทางไอ้โก้

“อกหักอะไรล่ะพี่ มันไม่ได้นอน” เศร้ากว่าอกหักคือไม่ได้นอนนั่นแหละชีวิตมันอะ

“อ้าว พี่ก็นึกว่าอกหักเห็นไม่พูดไม่จา” หลับในอะผมว่า

“วันนี้ทำไมคนเยอะอะพี่”

“ร้านเรามีโปรโมชั่นไง”

“นี่คนไม่เข้าร้านจนต้องทำโปรโมชั่นเลยหรอ”

“เรานี่นะ มันมีทุกเดือนอยู่แล้วจำไม่ได้หรอ” จริงด้วยแฮะ ลืมเลย

พี่แนนส่ายหน้าเอือมๆ ใส่ผมก่อนที่ผมจะหัวเราะออกมา แค่ความจำสั้นเป็นบางเรื่องเองนี่นา

“คิดตังค์ลูกค้าเร็ว”

“ค้าบบบ”

ผมหันมายิ้มให้ลูกค้าก่อนจะชะงักกับรอยยิ้มที่ถูกส่งมาเหมือนกัน

เจอบ่อยไปรึเปล่าวะ

“ทำงานที่นี่หรอ” คนตรงหน้าถาม

“ครับ”

“ทั้งหมด350บาทครับ”

ผมรับเงินสดจากคนตรงหน้าก่อนจะยื่นตังค์ทอนกลับไป

“เปลี่ยนจากตังค์ทอนเป็นไลน์ทัชได้รึเปล่า”

ฝังใจอะไรกับการขอไลน์ผมรึเปล่าวะ

“รับเงินทอนด้วยครับคุณลูกค้า”

“ไม่เป็นไรครับถือว่าเป็นทิป”

พี่ไผ่ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกจากร้านไป คนรวยอะเนาะทำอะไรก็ได้







.................................................



การกลับบ้านในรอบหลายสัปดาห์ทำให้คนที่บ้านพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ที่กลับเพราะโดนขู่ตัดค่าขนมต่างหากล่ะ

โดนตัดค่าขนมแล้วผมจะอยู่ได้หรอก็ต้องกลับน่ะสิ

ตัวการเลยคือพี่ชายที่แสนดีของผมเอง บอกว่าคิดถึงผมก็จบไม่เห็นจะต้องหาเรื่องให้ผมกลับบ้านเลยโถ่

“ดูทำหน้าเข้า ไม่อยากกลับบ้านขนาดนั้นเลยหรอเรา” พี่แทนนั่งลงข้างๆ ผม

“เปล่าครับ แค่คิดว่าถ้าพี่คิดถึงผมก็บอกกันดีๆ ก็ได้ไง”

“หึ มั่นใจจังเลยนะ” พี่แทนหัวเราะทำเอาผมเริ่มหมั่นไส้นิดๆ ขนาดหัวเราะยังหล่อ ทำไมพี่แทนดูดีจังวะเป็นพี่ผมจริงๆ ปะเนี่ย

“ผมไม่ค้างนะ”

“งั้นกินข้าวเย็นก่อนค่อยกลับ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมคิดถึงฝีมือแม่จะตาย” เรื่องจริงนะครับแม่ผมทำอาหารอร่อยที่สุดแล้ว

“บอกพี่ทำไมไปบอกแม่นู่น”

“ไม่อะ จะบอกพี่”

ว่าแล้วผมก็ยิ้มกวนๆ ใส่พี่แทนทันที การกลับบ้านนอกจากจะสบายกายแล้วยังสบายใจอีกแต่ก็นั่นแหละนานๆ ทีค่อยจะได้กลับอยู่ดี




“กลับแล้วนะครับ” ผมไหว้พ่อกับแม่และพี่แทนก่อนจะโบกมือให้

“ขี่รถดีๆ นะกลับบ้านบ่อยๆ จะดีมาก” เสียงแม่พูดติดจะน้อยใจนิดหน่อย

แม่มักจะบ่นว่าผมไม่ค่อยกลับบ้านอาจจะเป็นเพราะมีแต่พี่แทนอยู่บ้านแล้วมันคงเหงาแปลกๆ ล่ะมั้ง พี่แทนก็เรียบร้อยไงไม่เหมือนผมที่เป็นตัวป่วน

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ ที่ผมออกจากบ้านและจะไปอีกบ้านที่มีเดอะแก๊งรออยู่ ตามจริงจะกลับไวกว่านี้แต่พอกินข้าวเสร็จก็คุยกันไปเรื่อยจนลืมเวลา

ที่จริงผมก็กลับดึกเป็นปกตินะเพราะทำงานและตอนนี้ก็มีความคิดจะไปสมัครงานอีกเพราะมีของที่อยากได้

แต่งานที่ผมจะไปสมัครค่อนข้างเป็นงานที่พี่แทนไม่น่าจะเห็นด้วย ก็นั่นแหละครับอย่าให้พี่ท่านรู้ก็พอ อิอิ

ผมขี่มอ’ ไซค์ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปบ้านอีกหลังอย่างใจเย็น จนกระทั่งเจอรถคันหนึ่งจอดอยู่แต่ผมจะไม่สนใจหรอกถ้าผมไม่รู้สึกคุ้นไอ้รถคันที่ว่า

ผมชะลอความเร็วแล้วขี่ไปดูใกล้ๆ ชัดเลยไอ้รถBMWที่ขับปาดหน้าผมตอนนั้น

สงสัยจะฝังใจแฮะถึงยังจำได้

แต่ดูเหมือนว่าผมคงจะไม่ต้องปล่อยลมรถอย่างที่เคยคิดไว้แล้วล่ะมั้ง เพราะเจ้าของรถที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างๆ รถทำให้พอจะรู้ว่ารถน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง แต่ขอดูหน้าเจ้าของรถหน่อยเถอะ

ผมจอดรถข้างๆ ทำให้อีกฝ่ายหันหน้ามาเหมือนกัน

ถ้าเป็นผู้หญิงผมจะคิดว่าเป็นเนื้อคู่ผมแล้วนะ บังเอิญเกินไปแล้ว

ไอ้คุณธัญ

ผมถอดหมวกกันน็อคออกก่อนจะทักทายอีกคน

“ไงคุณ รถเสียหรอ” อีกฝ่ายมองผมนิ่งๆ เหมือนอารมณ์ไม่ดีก่อนจะลุกขึ้น

อะไรวะคนพูดด้วยก็ไม่พูดด้วย

แล้วผมจะทำไงล่ะอุตส่าห์จอดรถลงมาดูแต่โดนเมินเฉยเลย งั้นก็ตัวใครตัวมันแล้วกันนะ ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น

“เดี๋ยว” ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับไอ้คุณธัญก็เรียกพอดี ลีลาจริงๆ เลยพ่อเอ้ย

“มีอะไรครับ”

“รู้จักร้านซ่อมรถแถวนี้ไหม”

“รู้”

“มีเบอร์ไหม”

ผมไม่ได้ตอบในทันทีกะจะยั่วโมโหอีกฝ่ายสักหน่อยซึ่งมันก็ได้ผลครับเพราะตอนนี้อารมณ์ของอีกฝ่ายก็ค่อยข้างจะติดลบอยู่พอสมควร

“ตกลงมีไหม”

“เอามือถือคุณมาดิ” ไม่ทันได้รอนานมือถือราคาแพงก็วางอยู่บนมือผมเรียบร้อย เอาซะมือสั่นเลยวุ้ย อย่าทำของเขาตกนะไอ้ทัช

“อะ” ผมส่งมือถือคืนคนตรงหน้าก่อนคุณเขาจะกดโทรออก

จริงๆ ถือว่าผมช่วยแล้วจะกลับเลยก็ได้นะ แต่ผมก็ยังอยู่ดูอีกฝ่ายหัวเสียเล่นๆ จนลืมไปว่าผมก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน

“ไม่กลับ?”

“ช่างเขาว่าไง”

“เดี๋ยวเขาจะมาเอารถ”

คุณธัญจ้องมือถือสักพักก่อนจะแสดงสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็น เวลาหงุดหงิดก็แปลกตาไปอีกแบบเพราะเวลาเห็นทีไรก็มีแต่หน้านิ่งๆ หรืออาจจะมียิ้มมุมปากบ้างเป็นบางที

ให้ทายไม่แบตหมดก็โทรหาใครสักคนไม่ติด

ดูซวยกว่าที่คิดนะเนี่ย

“ยืมมือถือหน่อย”

“แบตหมดน่ะคุณ” หมดก็บ้าแล้วพึ่งชาร์จมา

แกล้งไปงั้นแหละครับเห็นคนอารมณ์เสียแล้วมันบันเทิงใจดี

รอสักพักช่างก็มาพร้อมทั้งจัดการดูรถคร่าวๆ ก่อนจะเคลื่อนย้ายรถไปที่ร้านเหลือแต่ผมกับคุณเขาที่ยังอยู่ที่เดิม กว่าจะซ่อมเสร็จคงสองสามวันล่ะมั้ง

“บ้านอยู่แถวไหน” ผมถามคนข้างๆ

“ทำไมจะไปส่งฉันหรอ” ถึงแม้ไอ้เรื่องไปส่งจะไม่อยู่ในหัวก็เถอะ แต่คิดสักหน่อยก็ได้เห็นแล้วสงสาร

“ถ้านั่งได้ก็ขึ้นมา” BMWกับมอ'ไซค์คงเทียบกันไม่ได้อะเนาะ

ในระหว่างที่ผมคิดว่าอีกคนคงไม่บ้าจี้ตามผมแน่ๆ แต่ผมคิดผิดเมื่ออีกคนนั่งซ้อนท้ายผมเรียบร้อยแล้ว

แล้วไงต่อล่ะเขาขึ้นรถแล้วก็คงต้องไปส่งสินะ

“ไปเร็วฉันรีบ” เป็นคนขับรถโดยสมบูรณ์แบบเลยกู





“อะไร” ผมมองแบงค์สีเทาหลายใบที่ยื่นมาตรงหน้า

“ค่ามาส่ง” ผมเข้าใจนะว่าคุณเขารวยแต่บางทีมันก็ไม่ต้องทำแบบนี้ปะวะ

“คุณรู้จักคำนี้ไหม”

“อะไร”

“น้ำใจ ถ้ารู้จักก็เอาเงินคุณคืนไป” ดูเหมือนคนตรงหน้าผมจะอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะเก็บเงินของตัวเองคืนไป

ว่าจะไม่อารมณ์เสียแล้วนะแต่ผมไม่ชอบว่ะ

“ขอบใจแล้วกัน” คำขอบใจที่ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทำให้ผมไม่ได้สนใจมากนะ เพราะเหมือนอีกฝ่ายพูดตามมารยาทมากกว่า

ขณะที่ผมกำลังจะขี่รถออกจากหน้าคอนโดหรู เสียงที่ดังพอให้ผมที่ใส่หมวกกันน็อคอยู่ได้ยินก็ทำให้ผมรีบขี่ออกไปทันที

“ทีหลังถ้าอยากมาส่งฉันก็ไม่ต้องโกหกว่าแบตหมดก็ได้นะ”

ครั้งหน้าคงไม่มีแบบนี้อีกแล้วล่ะ!



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 6 : 07/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-02-2020 22:35:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

หยิ่งไม่เปลี่ยนเลยนะ  อิตาธัญ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 7 : 14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 14-02-2020 22:22:57
Chapter 7
ผมก็อยู่ของผมเฉยๆนะ




“ทัชหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ทำไมกูต้องมาอยู่ในจุดที่ต้องวิ่งหนีผู้หญิงด้วยวะเนี่ย!

ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน แล้ววิ่งหนีแม่งเลย

“ขอโทษครับ!” ผมรีบขอโทษทันทีที่รู้สึกว่าชนกับใครบางคน

“รีบอะไรขนาดนั้นอะทัช”

“อ้าวไอ้แมน โทษๆ ” ผมว่าพลางหันกลับไปมองด้านหลังถ้าวิ่งตามทันผมก็ยอมแล้วนะ ดูมีความพยายามเกินไปแล้ว

“แล้วหนีอะไรมา”

“เรื่องของกูน่า”

“ไหนๆ ก็เจอกันแล้วเราขอคุยด้วยหน่อยสิ” ไม่ว่าเปล่าไอ้แมนก็คว้าแขนของผมให้เดินตามมันไปทันที

เดินมาสักพักมันก็หยุดแล้วมองผมด้วยสายตาจริงจัง ปกติผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันอยู่แล้วจึงค่อนข้างแปลกใจที่มันบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผม

“มีเรื่องอะไร”

“ทัชจำพี่ไผ่ได้ไหม”

“แฟนมึงอะนะ”

“ไม่ใช่แฟน” แต่กิ๊กกันอยู่ว่างั้น

“แล้ว?”

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ” ทำไมต้องคิดว่าผมจะอยากไปยุ่งกับพี่ไผ่อะไรนั่นด้วยวะ

“กูก็ไม่ได้จะยุ่งอยู่แล้ว อะไรของมึง”

“เราแค่อยากเตือนทัช”

“มีอะไรต้องเตือน ยังไงกูก็ไม่ไปยุ่งอยู่แล้ว” เพราะผมไม่ได้สนใจผู้ชายด้วยกันสักหน่อย

“ก็ดี…”

“ส่วนมึงถ้ารู้ว่าเขาไม่ดี ก็อย่าไปยุ่งดิ” ที่มาเตือนผมไม่รู้ว่าหวงหรืออะไรแต่ผมคิดว่ามันไม่ได้หวงพี่ไผ่หรอก ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้จริงจัง

“อือ”

“ที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม”

“ใช่”

พอไม่มีอะไรแล้วผมก็ทำท่าจะเดินไปอีกทางแต่ไอ้แมนก็เรียกไว้ซะก่อน

ลีลาอีกละ

“เดี๋ยว”

“อะไร”

“เราไปกินข้าวกันไหม…”

“กูไม่อยากมีปัญหากับไอ้ตัง” ผมคิดว่ามันก็น่าจะเข้าใจแหละเลยไม่เซ้าชี้ผมอีก

ผมกับมันไม่ได้เกลียดกันแต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันหรือชวนไปกินข้าวได้ ก็แค่เพื่อนร่วมวิลัยแค่นั้นแหละ







ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันซวยของผมหรืออะไรปัญหามีตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้

ขนาดในห้องน้ำยังจะตามมาอีกหรอวะ

ผมมองรุ่นพี่สามคนที่กำลังมองผมไม่ต่างกันแต่เป็นสายตาที่เอาเรื่องอยู่พอสมควร ไปเหยียบตาปลาใครไว้รึเปล่าวะเนี่ย

“พวกพี่มีธุระอะไรกับผมรึเปล่า” ผมถามออกไปอย่างสุภาพ เท่าที่จำได้ผมไม่ได้ไปมีเรื่องกับพวกนี้มาก่อนเลยนะ

“มีคนบอกว่ามึงคุยกับเมียกู” ถ้าเป็นเมียมึงจะมาคุยกับกูได้ไงล่ะวะ อีกอย่างตั้งแต่เลิกคุยกับคนที่ตามผมเมื่อเช้าผมก็ไม่ได้คุยกับใครเลยนะ

หรือว่า...

“กูเห็นพวกมึงคุยกันเมื่อเช้า” ชิบหาย มีผัวแล้วยังตามกูอีกหรอเนี่ย

“คนคุยกันก็เป็นเรื่องธรรมดาปะพี่”

“หรอ คุยกับเมียกูกูไม่นับว่าธรรมดาว่ะ” คนที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนของมายด์ คนที่ผมเคยคุยด้วยนั่นแหละคว้าคอเสื้อผมก่อนจะกำมันแน่น

กูเสียเวลารีดไปตั้งกี่นาทีแล้วมึงมาทำมันยับเนี่ยนะ

“แต่ผมนับว่าธรรมดาว่ะ” ผมแกะมือที่กำคอเสื้อผมออก ใจหนึ่งก็อยากผลักออกแต่คิดว่าถ้าทำแบบนั้นคงได้ต่อยกันในนี้แน่ๆ เพราะดูหน้าแต่ละคนพร้อมรุมผมมาก

การมีเรื่องชกต่อยเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกผมไม่ใช่มีเรื่องกันบ่อยนะแต่เพราะเลี่ยงไม่ได้เหมือนสถานการณ์ที่ผมกำลังเจอตอนนี้ เพราะงั้นต้องเอาตัวรอดให้ได้และอย่าให้ถึงหูอาจารย์เด็ดขาดไม่งั้นตายแน่ๆ

“หน้าตากวนตีนชิบหายเลยไอ้ห่านี่” ไอ้รุ่นพี่ตัวสูงอีกคนพูดขึ้น

ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าผมจะออกจากห้องน้ำยังไงไม่ให้โดนต่อย หมัดหลุ่นๆ ก็พุ่งเข้ามาที่หน้าผมอย่างไม่ทันได้ทั้งตัว

แม่งพาพวกมาไม่พอยังเล่นทีเผลออีกไอ้เหี้ย

“เห็นหน้ามึงแล้วหมั่นไส้ว่ะ”

“พวกเหี้ย! แม่งรุมหรอวะ” คนหนึ่งล็อคแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้ก่อนที่อีกคนจะใช้กำปั้นต่อยท้องผมอย่างจัง

อย่าให้กูรอดไปได้นะมึง!

ตุบ!

ผมยกเท้าถีบไอ้คนที่กำลังจะมาต่อยผมซ้ำก่อนจะเอาหัวกระแทกกับหัวคนที่ล็อคแขนผมอยู่ แล้วรีบพุ่งไปที่หน้าประตูทันที

สัสเถอะ แม่งล็อคประตูด้วยหรอเนี่ย

“จะไปไหน”

ตุบ!

แรงถีบจากด้านหลังทำให้หน้าผมแทบแนบกับประตูก่อนที่คนข้างหลังจะคว้าคอเสื้อผมเอาไว้

“ช่วยด้วยครับ! ช่วยด้วย!” ในเมื่อรอดด้วยตัวเองไม่ได้ก็ต้องหาคนช่วยล่ะวะ

“แหกปากทำเหี้ยไรวะ!” ผมอาศัยจังหวะที่มันหัวเสียถีบมันคืนแล้วรีบเปิดประตูออกไปทันที ไม่รู้จะบอกว่าโชคดีหรือไม่ดีที่ตอนนี้เป็นเวลาเรียนแล้วไม่มีใครเห็นสภาพเหมือนฟัดกับหมาของผมตอนนี้

เข้าห้องเรียนไม่ได้แล้วสิ ส่วนไอ้พวกข้างหลังก็ต้องหนีอีก

วันหนีแห่งชาติรึไงวะ!



ผมหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาเดอะแก๊งรายงานสภาพความเป็นอยู่เล็กน้อยทั้งในใจคิดว่าจะไปห้องพยาบาลแต่เสียงจากข้างหลังทำให้ผมต้องวิ่งอีกรอบ

“แสบนักนะมึง”

แม่งกัดไม่ปล่อยเลยว่ะ แค้นอะไรกูนักหนาวะเนี่ย

จากที่คิดว่าจะไปห้องพยาบาลผมก็เปลี่ยนทิศทางเป็นหน้าประตูวิลัยแทน รถก็ขี่ไม่ได้เพราะไม่มีกุญแจที่ติดตัวอยู่ก็มีแต่มือถือ

ถ้าจะถึงขนาดตามออกนอกวิลัยละก็ ผมก็หาทางหนีได้เหมือนกันล่ะวะ

“แฮกๆๆ ” ผมหยุดวิ่งก่อนจะมองข้างหลังก็ไม่เห็นใครวิ่งตามมาแล้วจึงนั่งลงทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าวิ่งมาถึงไหน

รู้สึกตัวอีกทีก็เจ็บไปทั้งตัวโดยเฉพาะตรงใบหน้า หน้ากูไอ้พวกเหี้ย!

ถ้าพี่แทนเห็นตายแน่ๆ ยิ่งต้องเข้าร้านอยู่ด้วย

ผมเคยมีเรื่องซกต่อยนะแต่จะหลีกเลี่ยงตรงใบหน้าเพราะมันสังเกตง่าย แต่ตอนนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ทันแล้วน่ะสิ

“เป็นอะไร”

ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงก่อนจะนึกแปลกใจเมื่อเห็นคนตรงหน้า

ไอ้คุณธัญนี่หว่า มาทำไรแถวนี้วะ

พอมองรอบๆ ผมก็อ่อทันทีเพราะตรงข้ามที่ผมนั่งอยู่คือมหาลัย วิ่งจนถึงมหาลัยเลยหรอวะความเร็วใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า

“โอ้ย! ทำเหี้ยไรเนี่ย” ผมร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ มืออีกคนก็จิ้มลงบนแผลที่มุมปากของผม

“ไปทำไรมา”

หน้าเยินแบบนี้ไปสวนสนุกมามั้ง

“โดนต่อยสิคุณถามได้” ผมชักสีหน้าใส่อีกคน

“ลุกขึ้น จะพาไปทำแผล” และผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ

แล้วผมต้องทำตามหรอวะ

เมื่อเห็นผมนั่งนิ่งอีกคนก็หันมามองเป็นเชิงว่าจะไปหรือไม่ไป

“เร็ว”

อยากบอกว่าไม่ไปแต่มันก็เจ็บแถมยังหิวอีกด้วย อย่างน้อยถือว่าเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันล่ะวะถึงจะหมั่นไส้ไปบ้างก็เถอะ





คุณธัญถือถุงยาออกมาจากเซเว่นก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“อะ เอาไปทำแผล”

“นี่ไม่ได้จะทำแผลให้ผมหรอ” ใจดีไม่สุดเลยว่ะ

“ก่อเรื่องเองก็ทำเองสิ”

“ไม่ได้เริ่มก่อนสักหน่อย” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ

อีกฝ่ายวางถุงยาไว้ข้างๆ ที่ผมนั่งก่อนจะทำท่าเหมือนจะเดินออกไป

แต่ปากผมกลับไวกว่าความคิด

“เดี๋ยวคุณ”

“อะไร”

“ผมทำแผลไม่ได้ ช่วยหน่อยดิ” ไม่ได้อยากให้อยู่ต่อหรืออะไรนะแต่เวลาเห็นหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายแล้วมันสนุกดี

“นะคุณไหนๆ ก็ช่วยผมแล้วช่วยทำแผลให้หน่อยสิ เนี่ยโคตรเจ็บเลยนะคุณ” ผมทำท่ากุมปากตัวเองและมันก็ได้ผลครับเพราะสีหน้าแบบที่ผมเห็นแล้วนึกสนุกก็ปรากฏออกมา

คุณธัญทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ยังเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ผม

ถึงจะไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมาทำแผลให้ก็เถอะ ก็ถือว่ายังมีน้ำใจอยู่นะ

“หันหน้ามา”

เนื่องจากตอนนี้กำลังทำแผลผมจึงมีโอกาสสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายใกล้ๆ แบบวีไอพีสุดๆ

หน้าตาดีตามสไตล์คุณชายที่อยู่ดีกินดี เวลาอยู่เฉยๆ ก็จะดูหยิ่งๆ แต่มันขัดตรงที่บางครั้งก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเย็นชาแล้วก็หยิ่งอย่างที่คิด เท่าที่รู้สึกคนตรงหน้าผมคงจะร้ายไม่เบาเลยล่ะ

หน้าตาแบบนี้ใครเห็นก็เหลียวหลัง อยู่เฉยๆ ก็คงมีคนเข้าหาแล้วล่ะ

“คุณ”

“ไหนว่าเจ็บพูดบ่อยจริงๆ ” ก็ไม่ได้อยากจะพูดบ่อยๆ หรอกเว้ย

โครกกกกกกกกกก

ขณะที่ผมกำลังจะขอความช่วยเหลืออีกเรื่องแต่ดูเหมือนว่าท้องไส้จะรู้หน้าที่ซะเหลือเกิน

“คือ...ขอยืมตังค์ไปกินข้าวหน่อยได้ไหม” คุณธัญไม่ได้ตอบอะไรแต่เก็บยาใส่ถุงก่อนจะลุกขึ้น

แค่ยืมตังค์เองนะไม่ใช่ว่าจะไม่คืนสักหน่อย

“อยากกินอะไร” ขณะที่ผมกำลังตัดพ้ออยู่ในใจอีกฝ่ายก็พูดขึ้น

“อะไรก็ได้คุณ ตอนนี้หิวมาก” ผมยิ้มให้อีกฝ่าย

“ฉันไม่ค่อยได้กินข้าวแถวนี้ นายนำไปแล้วกัน”

“เห้ย จริงปะเนี่ยแล้วปกติกินที่ไหน”

“ห้าง” ก็ธรรมดาแหละเนาะดูจากทรงแล้วคงไม่กินข้าวแถวนี้แน่นอน

จริงๆ อยากพาไปกินร้านโปรดนะแต่สภาพผมตอนนี้ห้าวมากไม่ได้ ปากแตกขนาดนี้กินอะไรไม่ค่อยอร่อยแน่ๆ

เศร้าเลยว่ะ





‘มึงอยู่ไหน’

“กำลังจะเข้าวิลัย เอากระเป๋าออกมาให้ด้วย” ผมวางสายจากไอ้โก้ก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ขอบคุณนะคุณ”

“ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” หายกันอะไรวะ

แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมเคยไปส่งเขาตอนนั้น

“ไปแล้วนะคุณ”

“ทีหลังก็อย่ามีเรื่องอีกล่ะ” ผมไม่รู้จะแปลกใจหรือขำดีที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น

ที่พูดแบบนั้นมันเหมือนกับเป็นห่วงผมเลยไม่ใช่รึไงครับ





..........................................................



ผมกำลังยืนอยู่หน้าผับที่ครั้งหนึ่งเลยทำวีรกรรมเอาไว้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่ทั้งผมทั้งไอ้คุณธัญ

“มึงไหวแน่นะ งานร้านพี่มึงก็ไม่ใช่เบาๆ ” ไอ้โก้ที่ยืนข้างๆ ผมถามขึ้น

“มึงไหวปะล่ะ”

“กูได้หมดอยู่แล้ว”

พอผมบอกว่าจะมาสมัครงานไอ้โก้มันก็ตามมาด้วย มาแบบแพ็คคู่ตลอดครับถ้าเขารับทั้งสองก็ดีไปแต่ถ้าไม่รับก็หางานใหม่ไม่ก็กลับไปตั้งใจทำงานร้านพี่แทนเหมือนเดิม

“เข้าไปกัน”

ไอ้โก้พยักหน้าก่อนจะเดินตามเข้ามาในร้าน

“มาสมัครงานครับ”

“ที่นัดไว้ใช่ไหม”

“ครับ”

“ตามมา”

ผมกับไอ้โก้เดินตามพี่พนักงานขึ้นไปชั้นบนที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องทำงานของเจ้าของร้านระหว่างทางก็มองบรรยากาศภายในร้านก่อนจะสะดุดตากับแผ่นหลังที่คุ้นเคย

เชี้ยแล้ว พี่แทนมาได้ไงวะเนี่ย

ผมรีบหันหน้ากลับมาทันทีดีนะที่พี่แทนหันหลัง ผมคงไม่ได้หลอนไปเองนะแต่ไม่น่าจะพลาดหรอกเพราะหนีพี่แทนบ่อย

“เป็นอะไร”

“พี่แทน”

“พี่แทนมาร้านนี้หรอ”

“เออดิ” ไอ้โก้เหมือนจะขำกับท่าทางของจนผมจะโบกหัวมันสักทีแต่พี่พนักงานก็หันมาซะก่อน

“ห้องนี้แหละ”

“ขอบคุณครับพี่” พี่พนักงานพยักหน้าให้พวกผมแล้วเดินกลับไปทำงานต่อ

ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา”

พอได้ยินเสียงจากด้านในผมก็เปิดประตูเข้าไปทันที

คนที่นั่งอยู่มองพวกผมอย่างเป็นมิตรคงจะเป็นเจ้าของร้านแต่ดูอายุไม่มากอย่างที่คิดไว้แฮะ

จะว่าไปคนตรงหน้าก็ดูคุ้นๆ นะ

“สวัสดีครับ” ผมกับไอ้โก้ไหว้คนตรงหน้า

คนที่นั่งเก้าอี้อยู่เปิดดูเอกสารที่พวกผมเตรียมมาอย่างใจเย็น ผมมองหน้าเขาอีกครั้งก่อนจะนึกได้ว่าผมเคยเจอที่ไหน

เพื่อนคุณธัญนี่หว่า

“เรียนเทคนิคหรอ”

“ครับ”

“คงจะไม่มีเรื่องในร้านฉันนะ” คนตรงหน้าถามติดตลก

“ไม่มีแน่นอนครับ” ผมตอบพลางส่งยิ้มให้

“ทำงานให้ได้วันไหนบ้าง”

“เสาร์อาทิตย์ครับ” ไอ้โก้ตอบ จริงๆ ผมอยากทำมากกว่าสองวันแต่ติดงานร้านพี่แทน

“งั้นเริ่มงานเสาร์นี้เลยได้รึเปล่า”

“ได้ครับ”

“ดีเลย ว่าแต่นายสองคนชื่ออะไรนะ”

“ผมทัชครับ”

“โก้ครับ”

“ฉันชื่อภูมิเรียกพี่ภูมิก็ได้” รอยยิ้มใจดีส่งมาให้พวกผมถึงมันจะดูสนิทไปหน่อยแต่ก็ดีนะจะได้ไม่เกรงด้วย

“ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าพวกนายจัง” จะไม่คุ้นได้ไงล่ะก่อเรื่องไว้ขนาดนั้น

ตึง!

“ไอ้ภูมิ ทำไมมึงไม่บอกว่าพวกไอ้แทนมาที่นี่วะ”

ยังไม่ทันที่พวกผมจะได้ตอบอะไรเสียงประตูพร้อมกับเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น ถ้าผมฟังไม่ผิดมันมีชื่อพี่ผมอยู่ในประโยคนั้นด้วย

แต่อาจจะเป็นคนชื่อซ้ำล่ะมั้ง

“มึงนี่ไม่ชอบเคาะประตู กูติดธุระอยู่เนี่ย”

พอได้ยินแบบนั้นคุณธัญก็หันมามองพวกผม ทั้งยังทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผมก่อนจะมองไปทางอื่น

ผมเพิ่งสังเกตว่าต่อหน้าคนอื่นเขามักจะเมินผม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจหรอกอยากเมินหรือสนใจก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักหน่อย

“มึงรับสมัครพนักงาน?”

“ใช่ ทีหลังก็เคาะประตูด้วย”

นอกจากจะไม่ได้สนใจที่พี่ภูมิพูดแล้วยังยักไหล่ใส่อีก

คุณธัญหันมามองพวกผมก่อนจะยกยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง

“พวกนายออกไปก่อนไป ทำงานวันแรกก็อย่ามาสายล่ะ”

“ขอบคุณครับ”

ไอ้โก้สะกิดผมให้เดินตาม ผมจึงละสายตาจากคุณธัญแล้วเดินตามไอ้โก้ออกมา

“ถ้าพี่แทนรู้นะ มึงเตรียมตัวโดนด่าเลย” พอออกจากห้องพี่ภูมิแล้วไอ้โก้ก็พูดขึ้น

“ก็อย่าให้รู้สิวะ” ผมยกคิ้วพลางกอดคอไอ้โก้

ก่อนอื่นต้องหลบให้ดีเพราะตอนนี้พี่แทนอยู่ในร้าน ถ้าเจอคงไม่ได้ทำงานแน่ๆ

แต่ผมยังติดกับประโยคที่คุณธัญพูดอยู่เลย จะใช่แทนเดียวกันไหมวะถ้าใช่ก็ต้องรู้จักกันสินะแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ท่าทางของคนที่เป็นมิตรกันซะด้วยสิ...


หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 7 : 14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-02-2020 02:30:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ.....พี่แทนกะนัยธัญ   มีซัมธิงกันหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 7 : 14/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-02-2020 21:40:07
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 8 : 19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 19-02-2020 01:20:08
Chapter 8
วันแรก(ก็แหกซะแล้ว)




“ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามกูแล้วกัน”

“ครับ!” ไอ้โก้ตอบพี่ฟิลอย่างกระตือรือร้น

วันนี้เป็นวันแรกที่พวกผมเริ่มงานที่ร้านพี่ภูมิแต่คนที่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษกลับไม่ใช่ผมแต่เป็นไอ้โก้แทน ก็ดูแต่ละคนที่เข้าร้านสิครับสวยๆ ทั้งนั้น อาหารตาเพียบ

“ไม่ค่อยเลยนะมึง”

“นิดนึงน่า” ว่าแล้วไอ้โก้ก็แยกตัวไปทำงานของมัน

ส่วนผมหลักๆ จะเช็คของเป็นงานที่ไม่ค่อยได้พบปะผู้คนเท่าไหร่ จริงๆ กลัวจะไปเจอพี่แทนเหมือนวันนั้นต่างหาก

“เพิ่งมาทำงานหรอ” ขณะที่ผมกำลังจะดูของเสียงจากข้างหลังก็ดังขึ้น

“ใช่ครับ” ผมยิ้มให้คนตรงหน้าซึ่งผมไม่รู้จักแต่ดูจากการแต่งตัวแล้วไม่น่าจะใช่พนักงานแล้วเข้ามาในนี้ได้ยังไงวะ

“ฉันเป็นน้องไอ้ภูมิ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยขนาดนั้น”

“สวัสดีครับ ผมชื่อทัชนะครับ”

“ฉันชื่อภพ” ท่าทางดูเบื่อๆ ของอีกฝ่ายทำให้ผมหันกลับมาทำงานต่อ

“น่าเบื่อ”

“ครับ?” เสียงแว่วๆ จากคนข้างๆ ทำให้ผมขานรับ

“งานที่ทำไม่น่าเบื่อหรอ” ใจจริงผมก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้สักหน่อย

“มันเป็นหน้าที่ของผมครับ” ถึงจะไม่ค่อยอยากทำก็เถอะ

“เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อน”

รอยยิ้มเหมือนเด็กเจอของเล่นถูกส่งมาให้ผมทั้งที่ลักษณะไม่น่าจะดูนิสัยเด็กอ่ะนะ แต่ผมเดาว่าคนนี้คงจะขี้เหงาพอสมควร

การแต่งกายของอีกคนดูธรรมดาแต่ด้วยหน้าตาของคนใส่ทำให้เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ดูมีระดับขึ้นมามากเลยทีเดียว ทั้งต่างหูข้างเดียวนั้นทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษ เสื้อที่ปลดกระดุมสองเม็ดบนยิ่งล่อเหยื่อเข้าไปอีก

คนหน้าตาดีใส่อะไรก็ดูดีสินะ

“มาทำอะไรตรงนี้”

“มาเป็นเพื่อนพนักงานมึงไง”

“ว่างมากก็ไปอ่านหนังสือ พรุ่งนี้สอบไม่ใช่รึไง” เสียงที่คาดว่าน่าจะเป็นพี่ภูมิดังขึ้น

ผมก็เช็คของของผมไปเรื่อยไม่ได้ตั้งใจจะฟังบทสนทนาของสองพี่น้องเลยนะ แต่มันอยู่ใกล้ผมแค่นี้เองไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว

“ก็กูจะอยู่”

“อย่ายุ่งให้มาก”

“สั่งจัง”

“ไปข้างบนกับกู”

ผมเหลือบมองพี่ภูมิจากมุมที่ผมยืนอยู่ก่อนจะเห็นอีกคนทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ยอมเดินตามไป

“ไอ้ทัชเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟโต๊ะนั้นให้กูหน่อย เดี๋ยวมา”

“เดี๋ยวพี่...”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบรับพี่ฟิลก็วิ่งไปทางห้องน้ำซะแล้ว สงสัยข้าศึกจะบุก

ผมมองเลขโต๊ะก่อนจะยกเครื่องดื่มแล้วเดินไปยังโต๊ะที่ว่า แต่ความซวยของผมยังมีอยู่เมื่อต้องมาเจอกับโจทก์เก่าที่เพิ่งจะมีเรื่องกันเมื่อไม่นานมานี้

ผมต้องเข้าวัดบ้างแล้วล่ะ

“โอะโอ ใครล่ะเนี่ย”

“นี้มันไอ้รุ่นน้องที่วิ่งหนีเราหัวซุกหัวซุนใช่ปะวะ” ไอ้รุ่นพี่หัวโจกที่ห้องน้ำวันนั้นพูดขึ้น

วันนี้พวกมันมากันสามคนเพิ่มเติมคือคนที่ทำเหมือนไม่ยอมจบกับผมแต่จริงๆ มีแฟนอยู่แล้ว

ดีนะที่ผมเลิกคุยไปแล้ว แต่ไม่ดีตรงที่แฟนมาตามกระทืบผมเนี่ย

มายด์แทบจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองผมซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

ขณะที่ผมกำลังจะวางเครื่องดื่มมือไอ้รุ่นที่อยู่ใกล้ผมที่สุดกลับปัดมือผมอย่างแรงจนทำให้เครื่องดื่มหก

“แม่ง! ทำงานยังไงวะเนี่ย” เสียงตะคอกดังพอที่จะทำให้โต๊ะข้างๆ หันมาสนใจทางผม

“พนักงานอะไรซุ่มซ่ามชิบหาย” ตามมาด้วยบทเสริมของพวกพ้อง

ผมกลายเป็นพนักงานที่ซุ่มซ่ามไปโดยปริยายซึ่งเกิดจากแผนโง่ๆ ของไอ้พวกนี้

นี่มันนิยายน้ำเน่าชัดๆ!

“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าครับ” พี่ฟิลเดินเข้ามาพลางมองหน้าผม

“ก็พนักงานคนนี้น่ะสิซุ่มซ่ามทำเครื่องดื่มหกหมดแล้ว” อยากจะเบะปากมองบนสักสิบรอบ

“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีน้องมันเป็นพนักงานใหม่เลยไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่เอาเป็นว่าทางเราจะลดราคาให้ครึ่งหนึ่งนะครับ”

“แต่ผมไม่ได้ทำนะพี่” นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ

“จะนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟใหม่นะครับ” ว่าแล้วพี่ฟิลก็ดึงผมให้เดินตามไปด้วย

พวกเหี้ยนี่ก็ยิ้มสะใจเหลือเกินที่ผมจะโดนด่า

หน้าเหี้ยแล้วยังทำตัวเหี้ยอีก





“ผมไม่ได้ทำนะพี่”

“รู้แล้ว”

“อ้าว ทำไมยังจะลดให้พวกมันอีกล่ะ”

“ไม่ได้จะลดจริงๆ สักหน่อย” แม่ง ได้ใจว่ะหัวหน้าผม

“มันไม่ได้สนใจหรอกว่าลดจริงหรือเปล่า ดูท่าแค่อยากแกล้งมึง” สมแล้วที่ทำงานแบบนี้

“นึกว่าพี่จะไม่เชื่อซะละ”

“มุขควายๆ เด็กอนุบาลยังมองออกเลยเหอะ ว่าแต่คู่อริมึงหรอ”

“คงงั้นมั้ง” ผมตอบแบบขอไปทีไม่อยากจะพูดถึงสักเท่าไหร่

“ช่างเถอะไปทำงานต่อไป กูคงไม่ใช้มึงไปเสิร์พอีกละ” สาธุเถอะพี่

ผมว่าผมควรหลบอยู่หลังร้านนั่นแหละดีที่สุด นอกจากหลบพี่แทนแล้วคงต้องหลบอริด้วยไม่รู้ว่าไปทำอะไรใครไว้บ้าง





กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่สน~~~

เสียงมือถือดังขึ้นขณะที่ผมเช็คของเสร็จพอดีแต่พอดูหน้าจอแล้วก็อยากตัดสายทิ้งซะตอนนี้เลย

พ่อคนที่สองโทรมา

ผมเดินไปหลังร้านซึ่งน่าจะเป็นมุมที่เสียงเพลงเบาที่สุดก่อนจะกดรับสาย

“ครับพี่แทน”

‘นอนยัง’

“กำลังจะนอนแล้วครับ” แถไปอีก

‘พี่จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้เข้าร้านนะ ตั้งแต่เช้าเลย’

“พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของผมไม่ใช่หรอ”

‘มาเช็คของให้พี่หน่อย’

“โถ่พี่แทน...”

“กินข้าวยัง”

“กินแล้ว นี่ก็กำลังจะนอนไง”

‘คุยกับใครน่ะทัช’

“ก็คุยกับพี่…” ยังไม่ทันได้พูดจบผมก็รับรู้ถึงการมาของใครบางคน เลยหันไปดูเจอไอ้คุณธัญยืนอยู่ไม่ไกลแถมยังส่งยิ้มกวนตีนมาให้ผมด้วย

‘คุยกับใคร’

“เอ่อ.. ไอ้โก้มันถามอะพี่แทน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปดูให้นะฝันดีครับ” พูดจบผมก็กดตัดสายทันที ถ้าโดนจับได้ผมจะโทษคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่แหละ

“มีอะไรคุณ”

“อู้งานหรอ”

“ผมทำเสร็จแล้ว”

“ทำเสร็จแล้วก็ไปหาไรกิน” ผมมองคุณธัญอย่างมีคำถามในใจว่า…

จริงๆ แล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่

ต่อหน้าคนอื่นเป็นอีกอย่าง พออยู่กับผมแล้วก็เป็นอีกอย่างสรุปแล้วแบบไหนคือตัวตนของเขาจริงๆ กันแน่

“เมื่อกี้คุยกับแฟนหรอ”

“ยุ่งอะไรด้วยล่ะคุณ”

“ก็แค่อยากรู้ไง”

“คล้ายๆ กับคำว่าเสือกปะ” คุญธัญหันมามองผมด้วยสายตานิ่งๆ คิดว่าผมจะกลัวหรอวะ คิดผิดแล้วเพราะนอกจากพี่แทนผมก็ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ











...........................................



ผมใช้ที่ฉีดน้ำรดน้ำตะบองเพชรอย่างอารมณ์ดีวันนี้งดคลาสเลยทำให้ผมว่างทั้งวัน แต่ตอนเย็นก็เข้าร้านตามปกติและด้วยเหตุนี้จึงทำให้เดอะแก๊งนอนระเนระนาดอยู่ห้องโถงยกเว้นไอ้ตังที่มันมีเรียนอยู่คนเดียว

น่าสงสารมันนะครับ

“อารมณ์ดีจังนะมึงไม่ใช่มันบวมน้ำตายแล้วหรอ รดน้ำบ่อยเกิ้น”

“ไม่ได้รดบ่อยขนาดนั้นไหม”

“เห็นทีไรมึงก็รดน้ำมันนี่หว่า” ว่าแล้วไอ้โอ๊ตก็เดินมาส่องดูต้นตะบองเพชรใกล้ๆ

ผมวางต้นตะบองเพชรไว้ใกล้หน้าต่างหน้าบ้านแต่ดีที่ไม่มีใครสนใจ ตรงนี้จึงกลายเป็นพื้นที่ของผมไปโดยปริยาย

“แล้วนี่พวกมึงจะนอนอยู่บ้านทั้งวันหรอ” ผมถามไอ้โอ๊ตซึ่งดูก็รู้ว่ามันไม่น่าจะอยู่บ้านหรอก

“ไม่รู้กับพวกมัน แต่กูจะออกไปข้างนอก” นั่นไง ซื้อหวยทำไมไม่ถูกบ้างวะ

“นัดสาว?” กลิ่นน้ำหอมฟุ้งขนาดนี้คงไม่ออกไปกินข้าวเฉยๆ แน่

“แสนรู้ไอ้นี่” ไอ้โอ๊ตชกไหล่ผมเบาๆ พลางทำท่าเหมือนจะเขิน แต่เขินได้ตอแหลมากไอ้สัส

“ก็ไปดิ”

“แล้วมึงจะไปไหนปะ”

“ไปแดกข้าว” ไอ้โอ๊ตพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี

คนมันอินเลิฟก็งี้แหละครับ ฟิลเตอร์สีชมพูอบอวนไปหมด

ผมเลิกสนใจไอ้โอ๊ตแล้วหันมาสนใจน้องตะบองเพชรของผมต่อ







ร้านอาหารตามสั่งข้างทางเป็นสิ่งที่ผมเลือกสำหรับเที่ยงวันนี้ อยู่บ้านก็คงได้กินมาม่าส่วนเดอะแก๊งมันก็ไม่สนใจจะกินข้าวกันหรอกว่างก็นอนไม่ก็เล่นเกมส์ผมเลยต้องออกมาคนเดียว

กินข้าวคนเดียวเฟี้ยวจะตาย

“อ้าวทัช”

ผมมองไอ้แมนที่โบกมือพร้อมกับส่งยิ้มมาทางผม

“ไงมึง”

“ทัชมากับใครอะ”

“คนเดียว”

“นั่งด้วยกันปะ เราก็มาคนเดียว” ถ้าไอ้ตังมาเห็นคงด่าผมแน่ๆ แต่ผมไม่ได้เกลียดไอ้แมนนี่หว่าแถมยังมีเพื่อนนั่งกินข้าวด้วย

“มึงสั่งข้าวยัง”

“ยังเลย เราเพิ่งมา”

“จะกินไร”

“ข้าวผัดทะเล”

“มึงหาที่นั่งแล้วกันเดี๋ยวกูจะไปสั่งข้าว” ไอ้แมนพยักหน้าก่อนที่ผมจะเดินไปสั่งข้าว

ขณะที่กำลังเดินกลับมาหาโต๊ะไอ้แมนสายตาก็ดันไปสะดุดกับบุคคลที่ไม่น่าจะมาโผล่อยู่แถวนี้และด้วยความเบื่อของวันว่างๆ อยากกวนคนสักหน่อย ขาก็ก้าวไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าร้านเป็นที่เรียบร้อย

“มากินข้าวหรอคุณ” ผมถามพลางยิ้มให้คุณธัญ

“มาเรียนมั้ง” มีกวนด้วยแฮะ แต่ก็กวนเป็นปกติอยู่แล้วปะวะ

“แล้วมาคนเดียวหรอ”

“เห็นกี่คนล่ะ” ไอ้เราก็จะมากวนเขาแต่โดนเขากวนกลับซะได้อะเนาะ

ท่าทางเก้งๆ กางๆ ของอีกฝ่ายทำให้ผมนึกขำ คงไม่เคยมาร้านแบบนี้ล่ะมั้งเพราะดูยังไงมันก็ไม่เหมาะกับเจ้าตัวเลยสักนิด

“ไปนั่งกับผมไหม” ชวนเหมือนเขาอยากจะไปนั่งกินกับผมยังไงยังงั้น

แต่จะทำไงได้ก็เอ่ยปากชวนไปแล้ว

“มากับใคร”

“จริงๆ ก็มีเพื่อนมาด้วย มาเถอะคุณจะได้ไปสั่งข้าว” อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะยอมเดินตามผมไปยังโต๊ะที่มีไอ้แมนนั่งรออยู่

เห็นหน้าเซ็งๆ ของคุณธัญแล้วก็อารมณ์ดีแปลกๆ แฮะ

“นี่ใครหรอทัช” พอเดินมาถึงโต๊ะไอ้แมนก็ถามขึ้นทันที

เออว่ะ แล้วเป็นใครวะเพื่อนก็ไม่ใช่คนรู้จักก็ไม่ใช่

“รุ่นพี่น่ะ” ขณะที่ผมไม่รู้จะตอบอะไรคุณธัญก็พูดขึ้น

“อ๋อ สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ” นึกว่าจะหยิ่งซะอีก



ผมกินข้าวอิ่มแล้วมองคนที่สั่งข้าวมาแต่ไม่แตะแม้แต่นิดเดียว ได้แต่นั่งมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย

“กินข้าวสิคุณ” คุณธัญมองหน้าผมเหมือนจะถามว่า ต้องกินหรอ

สรุปว่าสั่งข้าวมานั่งดูรึไง

“กินข้าวเสร็จแล้วทัชจะไปไหนต่อปะ” ไอ้แมนที่นั่งฝั่งตรงข้ามถามผมหลังจากที่มันกินข้าวอิ่มแล้วเหมือนกัน เหลือก็แต่คนข้างๆ ผมนี่แหละ

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“อ่า งั้นไป...”

“ไปส่งฉันหน่อยสิ” อยู่ดีๆ คุณธัญก็พูดขึ้นมา

ผมมองคุณธัญอย่างงงๆ จนไม่ได้สนใจว่าไอ้แมนพูดอะไรต่อ มาไม้ไหนวะเนี่ย

“มาเองก็กลับเองสิคุณ”

“ฉันจะกลับแล้วแต่นายลากฉันมา” อ้าว…นี่กูผิดหรอ

“ทัช...”

“เร็วฉันรีบ” เป็นอีกครั้งที่ไอ้แมนไม่ได้พูดจบประโยคสัก

พูดจบคุณเขาก็ลุกขึ้นเหมือนเป็นการกดดันผมทันที

นี่กูต้องไปส่งจริงๆ หรอวะ

ผมหันมามองไอ้แมนก่อนจะยิ้มแห้งๆ ใส่มันแล้วลุกขึ้น

“ฝากจ่ายด้วยมึง”

“อะ โอเค” ไอ้แมนรับเงินจากผมไปอย่างงงๆ ก่อนที่ผมกับคุณธัญจะเดินออกมาจากร้าน

“คุณคงไม่ได้จะให้ผมไปส่งจริงๆ ใช่ไหม”

“ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเอารถมา” โดนแกล้งอีกแล้วสินะกู

ใครมันจะมาอยากซ้อนมอ’ ไซค์ล่ะเนาะ

“งั้นก็แยกกันตรงนี้แล้วกันคุณ”

ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็คงต้องแยกย้ายก่อนที่ผมจะโดนแกล้งไปมากกว่านี้

ไหนล่ะความคิดที่อยากจะแกล้งเขาอะไอ้ทัช

“ทัช”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างคนเคยชินเมื่อมีคนเรียกแค่ชื่อแบบนี้

เดี๋ยวนะเมื่อกี้คุณธัญเรียกแค่ชื่อผมหรอ

“ไว้เจอกัน”

ว่าแล้วคุณธัญก็เดินไปหารถที่จอดไว้ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร

.

.

.

ไว้เจอกัน เป็นคำที่ไม่น่าจะออกจากปากคุณธัญเลยนะ





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 8 : 19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-02-2020 08:55:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

พฤติกรรมอิตาธัญนี่  ชักจะยังไง ๆ แล้วแฮะ

ติดใจน้องทัชเหรอ?
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 8 : 19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-02-2020 21:55:58
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 8 : 19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-02-2020 14:10:31
ตาธัญนี่ยังไงอยู่นะ เข้าใกล้ทัชเพื่อเข้าหาแทนเหรอ แต่เหมือนธัญกับแทนจะรู้จักกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ รอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 8 : 19/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-02-2020 12:04:17
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 9 : 03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 03-03-2020 09:50:42
Chapter 9
Thay'Part


ผมมองตามคนที่เพิ่งขี่รถมอ’ ไซค์ออกจากร้านอาหารตามสั่งที่ผมเพิ่งเดินออกมาได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ผมเห็นทัชเดินเข้าไปในร้านขณะที่ผมกำลังจะขับรถผ่านพอดี แล้วก็อย่างที่เห็นครับอยู่ๆ ผมไปนั่งกินข้าวกับน้องมันเฉยเลย

ยอมรับว่าตอนนี้ผมเริ่มสนใจทัชขึ้นมานิดหน่อยอาจจะเป็นเพราะเจอของแปลกแถมช่วงนี้เบื่อๆ ล่ะมั้ง ทัชดึงดูดสายตาผมตั้งแต่แรกเห็นถึงแม้จะเป็นการเจอกันครั้งแรกที่ไม่น่าประทับใจไปหน่อยก็ตาม

และผมเพิ่งรู้มาว่าทัชเป็นน้องไอ้แทน คนที่ไม่ค่อยจะลงลอยกับผมสักเท่าไหร่

ผมกับไอ้แทนรู้จักกันตั้งแต่ปี1จนตอนนี้อยู่ปี3 จริงๆ ได้รู้จักกันเพราะผมเคยคบกับเพื่อนไอ้แทนอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ตอนที่คบกันนั้นดูเหมือนว่ามันจะไม่ชอบผมเท่าไหร่แถมพอเลิกกับเพื่อนมันก็ยิ่งเหม็นขี้หน้าผมเข้าไปอีก ตอนแรกผมก็สงสัยนะว่ามันชอบเพื่อนตัวเองรึเปล่าแต่จริงๆ แล้วมันแค่หวงเพื่อนเท่านั้น แล้วคิดดูว่าแค่เพื่อนยังหวงขนาดนี้แล้วน้องแท้ๆ มันจะขนาดไหน

แต่ถ้าเป็นอะไรที่ผมสนใจแล้วล่ะก็ผมไม่หวั่นหรอก มาดูสิว่าจะทำให้คนอย่างไอ้แทนอกแตกตายรึเปล่า

ตื๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

ผมมองเบอร์คนที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับสาย

“ว่าไงโซ”

‘อยู่ไหน’

“กำลังจะไปร้านไอ้ภูมิ”

‘ว่างรึไง’

“ว่าง มาก” ผมย้ำให้ไอ้โซฟังชัดๆ ทีละคำก่อนที่มันจะได้บ่นผม

ปกติไอ้โซมันมักจะบ่นผมกับไอ้ภูมิเวลาที่ทำตัวไร้สาระโดยเฉพาะเรื่องแฟน ผมจะโดนบ่นบ่อยที่สุดเพราะผมค่อนข้างขี้เบื่อและมักจะเปลี่ยนคนควงบ่อย

จริงๆ แล้วผมเป็นไบส่วนมากคนจะรู้เพราะเวลาควงใครผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงถ้าถูกใจก็คุย แต่ไม่ใช่ว่าผมจะคบใครง่ายๆ หรอกนะเพราะที่เข้ามาผมก็พอเดาออกว่าเขาเข้ามาเพราะอะไร

“จะไปด้วยไหมจะได้ไปรับ”

‘ไปดิ’

“อีก20นาทีถึง” ว่าแล้วผมก็กดวางสายทันทีก่อนจะขับรถโดยมีเป้าหมายแรกคือบ้านไอ้โซซึ่งไปบ่อยพอๆ กับคอนโดตัวเองเลยก็ว่าได้



วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้าไอ้โซมันไม่สบายเลยไม่ได้ไปส่วนไอ้ภูมิมันวุ่นวายกับธุระกิจพันล้านของมันอยู่ ผมจึงเป็นคนเดียวที่ไปเรียนในวันนี้

ผมมีเพื่อนสนิทสองคนคือไอ้ภูมิกับไอ้โซที่ตอนปี1โคจรมาเจอกันแบบไม่ได้ตั้งใจ

ถ้าจะบอกว่าผมเป็นคนเข้ากับคนยากก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมแค่จะคุยกับคนที่ผมอยากคุยด้วยเท่านั้นก็มีไอ้ภูมิกับไอ้โซที่พวกมันค่อนข้างจะเข้าใจผมและสนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนมากคนจะคิดว่าผมหยิ่งก็คงหยิ่งจริงๆ ล่ะมั้งก็ถ้าเราไม่อยากคุย ไม่อยากรู้จักก็ไม่รู้จะสนใจทำไม

ยอมรับว่าผมค่อนข้างนิสัยเสียอยู่มากเรื่องนี้ไอ้โซก็บ่นผมบ่อย แต่ผมพอใจที่มีเพื่อนแค่นี้เก็บไว้ทำตัวดีๆ กับคนที่อยากทำดีกว่า

“หิวข้าว” พอขึ้นรถสิ่งแรกที่ไอ้โซมันพูดก็ไม่พ้นเรื่องของกินอีกตามเคย

“ไปกินร้านไอ้ภูมิ” ไอ้โซพยักหน้าก่อนจะรีบคาดเบลทันที

ไอ้โซเป็นผู้ชายหน้าหวานแต่นิสัยมันไม่ได้หวานไปกับหน้าเลยสักนิด เวลาด่าก็ปากหมาเอาเรื่องอยู่เหมือนกันผมเกือบหลงกลมันไปแล้วตอนเจอกันครั้งแรกเพราะหน้าอย่างมันเนี่ยสเปคผมเลย แต่ผมไม่นิยมเพื่อนตัวเองหรอกเพราะแค่นี้ก็ไม่มีเพื่อนจะคบอยู่แล้ว

“ไอ้ภูมิมันรู้ปะว่าเราจะไป”

“ไปถึงเดี๋ยวมันก็รู้เอง” ร้านมันก็เหมือนร้านพวกผมนั่นแหละ





พอถึงร้านไอ้ภูมิไอ้โซมันก็วิ่งไปหาของกินทันที ดูไม่ออกเลยว่าหิว

“มึงพาหน้าหยิ่งๆ ของมึงมาร้านกูอีกแล้วหรอ” ดูไอ้ภูมิมันทักผมดิ

“ไม่มีกูร้านมึงเจ๊งไปแล้ว”

“จะดีกว่านี้ถ้าไม่แดกฟรี” ผิดตรงไหนที่เป็นเพื่อนเจ้าของร้านแล้วจะแดกฟรีครับ

“ทำไรอยู่วะ”

“ดูเอกสารนิดหน่อย แล้วมึงมาคนเดียวหรอ”

“มากับไอ้โซ”

“แล้วมันไปไหน”

“ไปหาไรกิน”

“ในร้านกู?” ผมพยักหน้าก่อนจะตบบ่าเป็นการปลอบใจ มีเพื่อนดีจนน้ำตาจะไหลก็งี้แหละ

“แล้วพนักงานใหม่มึงเป็นไงบ้าง”

“พนักงานใหม่? มึงหมายถึงเด็กสองคนนั้นอะนะ”

“ใช่”

“ก็ดี ถึงหน้าตาจะดูกวนตีนไปหน่อยก็เถอะแต่นิสัยโอเคกูชอบ โดยเฉพาะไอ้ทัช” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่ไอ้ภูมิทำท่าเหมือนเอ็นดูทัชขนาดนั้น

“จะเปลี่ยนแนวหรอมึง”

“เปลี่ยนอะไรล่ะกูแค่เอ็นดูน้องมันเฉยๆ ”

“นึกว่าอยากดูเอ็น”

“ไอ้เหี้ยธัญ กูไม่ใช่มึง” ผมอดขำไม่ได้ที่เห็นท่าทางของไอ้ภูมิ ปกติผมมักจะแซวมันแบบนี้แต่จริงๆ แล้วมันชอบผู้หญิงนะ

“กูคนดี”

“เหี้ย”

“พูดลอยๆ ใช่ปะ”

“พูดให้มึงนั่นแหละ”

สำหรับใครที่คิดว่าพวกผมสุภาพและดูคุณชายคุณคิดผิดแล้วครับ ถ้าได้รู้จักพวกผมจริงๆ ก็คงจะผิดหวังกันน่าดูเพราะพวกผมน่ะไม่ตรงปกกันสักคน

มันทำให้รู้ว่าอย่ามองคนแค่ภายนอก เพราะบางทีคนที่คุณคิดว่าต่างกันมากๆ บางทีอาจจะไม่ต่างจากกันเลยด้วยซ้ำ

“ร้านมึงของกินน้อยมากกกก” ไอ้โซเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับของกินในมือ

“ร้านเหล้าไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่ง” พอโดนไอ้ภูมิว่าไปแบบนั้นมันก็ทำหน้างอทันที

น่าเอ็นดูนะครับ แต่รู้จักมันเกินกว่าจะเอ็นดูแล้วล่ะ

“แดกเสร็จแล้วมาทำการบ้านให้กูด้วย”

“กูป่วยอยู่นะเว้ย”

“ถ้างั้นก็คายที่มึงแดกของกูทั้งหมดออกมาเลย”

“มึงดูเพื่อนมึงดิไอ้ธัญ”

“เพื่อนมึงเหมือนกันนั่นแหละ”

ผมเลิกสนใจพวกมันสองคนแล้วล้มตัวลงนอนที่โซฟาก่อนจะเปิดหน้าจอมือถือหวังจะเข้าแชทของคนที่เพิ่งจะเพิ่มเป็นเพื่อนในไลน์เมื่อเช้า ซึ่งผมคิดว่าเจ้าตัวก็ไม่น่าจะรู้หรอกว่าเป็นผมแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจไม่ทักเพราะเจอหน้ากันตรงๆ หน้าจะดีกว่า

“ร้านเปิดปลุกกูด้วยนะ”

“ค้าบบบคุณธัญ สบายจังเลยเนาะ”

ผมไม่สนใจเสียงประชดของไอ้ภูมิแล้วหลับตาลงทันที พักผ่อนเอาแรงเพื่อจะได้มีแรงไปต่อคืนนี้ดีกว่าครับ





“ไม่น่าให้มันนอนเลย ปลุกยากกก” เสียงบ่นไอ้โซทำให้ผมลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ผมเป็นคนปลุกยากไม่รู้มันใช้วิธีอะไรไปบ้างผมถึงได้ตื่น แต่ที่รู้ๆ คือรู้สึกชาที่แก้มข้างซ้าย…

“มึงตบหน้ากูหรอ”

“แฮ่ ก็มึงไม่ตื่นอ่ะ” ไอ้โซว่าพลางยิ้มแห้งใส่ผม

ผมแตะแก้มข้างที่มันชาก่อนจะมองแรงใส่ไอ้โซ ได้ทีเอาใหญ่เลยสิผมตื่นมันไม่มีทางได้ทำอะไรแบบนี้แน่ๆ

“หน้าแดงเลย”

“เพราะมึงนั่นแหละ”

“ใครใช้ให้มึงปลุกยากล่ะ นี่ธัญกูเจอคู่กัดมึงด้วยแหละ”

อยู่ๆ ไอ้โซก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วก็ทำหน้าตื่นเต้นจนผมเริ่มสงสัยว่าไอ้คู่กัดที่ว่ามันเป็นใคร

“ใคร”

“ไอ้ไผ่ไง”

พอได้ยินชื่อผมก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เบื่อมันครับเบื่อหน้ายิ้มๆ ที่หาความจริงใจไม่ได้ของมัน

ไอ้ไผ่มันเรียนนิเทศซึ่งเป็นคณะเดียวกับผม ฟาดฟันกันมาตั้งแต่ปี1จนถึงทุกวันนี้แล้วก็ยังไม่เลิกเหม็นขี้หน้ากัน ผมไม่ใช่คนที่จะเกลียดใครง่ายขนาดนั้นแต่กับมันแค่เห็นหน้าก็อารมณ์เสียแล้ว

ยิ่งช่วงปี2ผมกับมันดันไปจีบผู้หญิงคนเดียวกันยิ่งไม่ชอบขี้หน้ากันเข้าไปใหญ่ มันกับผมชอบไทป์เดียวกันไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เจอมันทีไรก็เหมือนผีเห็นผีผมเล็งคนไหนก็มักจะไปตรงกับมันจนผมคิดว่ามันแกล้งผมหรือเปล่าผมเลยตัดปัญหาโดยการที่ไหนมีมันที่นั่นผมไม่ไป

แต่ตอนนี้ผมกับมันอยู่ที่เดียวกัน แค่คิดก็หมดอารมณ์เที่ยวแล้ว

“ทำหน้าเซ็งเลย”

“มึงพูดถึงมันทำไมล่ะ”

“ก็กูเจอมันไง”

ผมดูเวลาในมือถือก่อนจะลุกขึ้น

“มึงนั่งไหน”

“ไอ้ภูมิมันจองโซนวีไอพีให้” เพื่อนแท้ก็งี้แหละครับ หากินกับเพื่อนตัวเองนี่แหละ

“อย่าบอกนะว่าไอ้ไผ่ก็อยู่โซนวีไอพี”

“เยป” ท่าทางดูสนุกของไอ้โซทำให้ผมนึกหมั่นไส้มันขึ้นมา

แต่ถ้าคิดว่าผมจะไม่ไปนั่งดื่มตามที่ตั้งใจไว้เพียงเพราะไอ้ไผ่แล้วล่ะก็ คิดผิดแล้วครับถึงแม้เห็นหน้ามันแล้วหงุหงิดสุดๆ แต่ก็ยอมรับว่าบางทีสนุกเหมือนกัน

“หิวละ ไปกันเถอะ”

“โอเค้”

ไอ้โซเดินนำผมไปอย่างอารมณ์ดีสงสัยจะหายป่วยแน่นอนแล้วล่ะดีดได้ขนาดนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะเวลาป่วยทีไรผมต้องเป็นสารถีรับส่งมันทุกที

เพื่อนหรือลูกเอาดีๆ



ผมปรายตามองคนที่นั่งอยู่โต๊ะขณะที่ผมเดินผ่าน แล้วไอ้ไผ่ที่นั่งอยู่ในนั้นก็หันมามองผมพอดีก่อนจะยักคิ้วใส่ผม

เชื่อผมสิว่าอีกสักพักมันจะต้องเดินมากวนประสาทผมแน่ๆ

“มึงว่ามันจะตามมาปะ” ไอ้โซพูดเมื่อผมกับมันเดินมาถึงโต๊ะ

“ทุกครั้งมันเคยพลาดไหมล่ะ”

“ไม่คบเป็นเพื่อนหน่อยหรอวะ ดูๆ แล้วมันก็เข้ากับมึงดีนะ”

เข้ากับผมเนี่ยนะ กวนประสาทขนาดนั้นผมคงจะทนคบเป็นเพื่อนได้หรอก

“แล้วไอ้ภูมิไปไหน”

“ไม่รู้ เดี๋ยวก็มามั้งกูสั่งเครื่องดื่มเผื่อมึงละแต่อย่าเมานะขอร้องขี้เกียจแบกกลับห้อง”

น้อยครั้งที่ผมจะเมาถ้าไม่มีเรื่องเครียดหรืออยากดื่มจริงๆ ก็ไม่ใส่เต็มแน่ๆ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่คนคออ่อนขนาดนั้น

“ไม่ได้เจอหน้ากันนานเลยนะครับคุณธัญ” เสียงของคนที่พวกผมเพิ่งจะพูดถึงเมื่อกี้ดังอยู่ไม่ไกล

ไอ้ไผ่เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่นั่งของไอ้ภูมิพร้อมกับกอดอกแล้วมองมาที่ผม

“คิดถึงกูหรอ”

“ก็คิดถึงนะ เห็นหน้าหมาเป็นหน้ามึงประจำเลยไม่รู้ว่าที่นั่งตรงนี้เป็นมึงจริงๆ หรือว่าหมากันแน่” ว่าแล้วมันก็ยื่นหน้าเข้ามาหาผม

ผมหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆ กระแทกหน้ามันแรงๆ อย่างตั้งใจ

“โทษที มือกูไวต่อสิ่งสกปรกน่ะ” ผมสะบัดมือเหมือนจับสิ่งสกปรกก่อนที่รอยยิ้มปลอมๆ ของไอ้ไผ่จะปรากฏบนใบหน้า

ไอ้ไผ่เป็นคนยิ้มสวยแต่ผมบอกได้เลยว่าไม่มีความจริงใจอยู่ในนั้นเลยสักนิด

“ได้ดูมวยอีกแล้วแฮะ” ไอ้โซมันชอบนักล่ะเวลาผมกับไอ้ไผ่เจอกัน

“ไม่ได้จะมาหาเรื่องนะ แค่มาทักทายเฉยๆ ไม่เจอหน้าหลายวันไม่รู้ว่าคุณธัญไปติดใครที่ไหนหรือเปล่า แต่หวังว่าจะไม่ซ้ำกับผมนะครับ”

“มึงรึเปล่าที่จะซ้ำกับกู ที่ผ่านมาเขาก็เลือกกูนะ”

มันมองผมก่อนจะยักไหล่เหมือนไม่แคร์อะไร คนอย่างมันก็หาทางกันผมจนได้นั่นแหละ

“แต่ครั้งนี้ถ้าซ้ำผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะครับ”

ความเป็นไปได้น้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาแต่ถ้าซ้ำจริงๆ คนนี้ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ให้มันรู้กันไปสิว่าระหว่างผมกับมันใครกันแน่ที่จะชนะ













….……………………………………



ช่วงนี้ผมเข้าร้านไอ้ภูมิบ่อยจนมันถามว่ามีอะไรที่มันยังไม่รู้รึเปล่า คำตอบที่ผมตอบมันก็คือพนักงานในร้านของมันนั่นแหละ

พวกผมสามคนไม่เคยมีความลับต่อกันถ้าถามก็ตอบแต่ถ้าไม่ถามก็อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเรื่องที่ผมสนใจทัชไอ้โซก็ยังไม่รู้หรอกเพราะมันมัวแต่สนใจเรื่องอื่นอยู่

“น้องมันเข้างานทุ่มหนึ่ง มึงจะรีบมาทำไม”

“เรื่องของกูไหมล่ะ”

“กี่วันล่ะคนนี้”

“เรื่อยๆ ” จนกว่าผมจะเลิกสนใจไปเองนั่นแหละ เพราะเอาเข้าจริงๆ ทัชก็ไม่ได้ตรงสเปคผมเลย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกชอบมองน้องมันบ่อยๆ เหมือนกับมีบางอย่างดึงดูดผมตลอดเวลาที่เจอกัน

“น้องมันดูไม่ใช่แนวนี้นะ”

ผมมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าทัชชอบผู้หญิง แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนไม่ลองก็ไม่รู้หรอกจริงไหมครับ

“ก็ลองดู ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”

“ลองไปลองมา ชอบเขาเข้าจริงๆ แล้วจะซวยนะมึง”

ถ้าบอกว่าชอบตอนนี้ผมก็ชอบ แต่ผมรู้ว่าชอบที่ไอ้ภูมิหมายถึงมันลึกซึ้งกว่านั้นซึ่งผมไม่เคยรู้สึกกับใครเลย

“ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำให้กูชอบได้รึเปล่า” ผมว่าพลางลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานไอ้ภูมิ เพราะอีกไม่นานเป้าหมายของผมคงจะมาแล้ว





เด็กหนุ่มผมสีควันบุหรี่เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทักคนนั้นทีคนนี้ที ดูเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากๆ คนหนึ่งนั่นคงเป็นข้อดีของทัชล่ะมั้งไม่ว่าใครเจอก็ต้องชอบรอยยิ้มนั้น

ผมไม่เถียงว่าผมก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบมองรอยยิ้มนั้นเหมือนกัน นี่สินะที่เข้าเรียกว่าเสน่ห์

ผมไม่ได้เดินเข้าไปหาหรือไปทักทายอะไรแต่กลับยืนอยู่อีกมุมซึ่งมองเห็นทัชได้ชัด ถ้าเอาตามที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมกับทัชก็ไม่ได้สนิทหรือเจอหน้ากันต้องทักกันเป็นปกติขนาดนั้น ทั้งที่บางทีผมก็นึกอยากจะสนิทด้วยแต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากเข้าไป

อีกครึ่งชั่วโมงทัชก็จะเข้างานแล้วส่วนผมก็ไม่มีไรทำ สรุปคือผมมาเฝ้าน้องมันหรอวะเนี่ย น่าตลกดีแฮะ ผมมีโมเมนต์มาเฝ้าคนอื่นด้วย

ผมเดินไปหาโต๊ะนั่งโดยที่ไม่ลืมหาโต๊ะที่สามารถมองเห็นอีกคนได้ชัดๆ มาดูซิว่าวันนี้จะมีอะไรสนุกๆ ให้ผมดูรึเปล่า



21:30 น.

คนเริ่มเข้าร้านมากขึ้นเรื่อยๆ จนคนที่ผมมองอยู่ก็เริ่มวุ่นวายกับการทำงานมากขึ้นเหมือนกันแต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าก็ปรากฎรอยยิ้มให้เห็นอยู่ตลอด

พลังเหลือเฟือเชียวนะ

“ซุ่มมองเหยื่อหรอคุณธัญ” ไอ้โซกอดคอผมก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ

ผมยักไหล่แทนคำตอบทำให้ไอ้โซทำหน้าเซ็งทันที

“อาทิตย์หน้ามีเปิดบ้าน มึงไปปะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

เปิดบ้านที่ไอ้โซหมายถึงคือ Open House ที่มหาลัยจะจัดขึ้นเพื่อให้เด็กเข้ามาดูมาค้นหาตัวเองว่าอยากเรียนต่อคณะอะไร ส่วนคนในมหาลัยอย่างพวกผมก็มีหน้าที่แนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับคณะตัวเอง แต่ผมไม่เคยไปเลยสักปีแล้วปีนี้ก็คงไม่ไปอีกตามเคยล่ะมั้ง

“นั่นมันวินปะ” ผมมองตามไอ้โซก็เจอคนที่ผมเคยเจอนับครั้งได้ตั้งแต่เลิกกันไป

วิน แฟนเก่าของผมที่เลิกกันไปหลายเดือนแล้วแถมยังเป็นเพื่อนสนิทไอ้แทนที่เป็นต้นเหตุทำให้ไอ้แทนไม่ชอบขี้หน้าผม

ถ้าวินมาไอ้แทนก็ต้องมาด้วยน่ะสิ แล้วคนหวงน้องอย่างไอ้แทนถ้ารู้ว่าน้องมาทำงานแบบนี้มันจะไม่โวยวายรึไง

ผมมองคนที่กำลังจะเดินไปบริการลูกค้าก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับคนที่ผมเพิ่งนึกถึง

ไอ้แทนเดินเข้ามากับเพื่อนอีกคนซึ่งน่าจะเดินไปหาวิน

“นั่นมึงจะไปไหน”

“เดี๋ยวกูมา”

อย่างน้อยๆ ทัชต้องยังไม่ออกจากงานก่อนที่ผมจะเบื่อสิ

เพราะแบบนั้นผมจึงรีบเดินตรงไปหาทัชทันที

“เอาไปให้คนอื่นทำแทนก่อน” ผมแย่งของที่ทัชกำลังจะเอาไปเสิร์ฟลูกค้าเดินไปให้พนักงานอีกคนแล้วลากแขนคนที่กำลังยืนงงให้เดินตามไปหลังร้านทันที

“อะไรของคุณเนี่ย” แรงสะบัดทำให้ผมปล่อยแขนทัชอย่างว่าง่าย

“ก็ช่วยไง”

“ช่วย? ช่วยอะไรผมกำลังทำงานนะคุณ”

ผมยกมือขึ้นกอดอกมองหน้าคนที่กำลังขมวดคิ้วใส่ผม

“พี่นายมา” ผมพูดแค่นั้นทัชก็ทำหน้าตกใจทันที

เป็นอย่างที่คิดว่าทัชต้องแอบไอ้แทนมาทำงานแน่ๆ แต่ผมจำได้ว่างานที่ร้านCafeก็ทำ จะทำอะไรหลายงานขนาดนั้น

“กลัวพี่นายเจอหรอ”

“กลัวดิคุณ” เชื่อแล้วว่ากลัวเพราะแสดงออกทางหน้าตาขนาดนั้น

แล้วอยู่ๆ ผมก็คิดอะไรขึ้นได้ เพราะผมน่ะช่วยใครก็หวังผลประโยชน์ซะด้วยสิ

“ถ้าพี่นายรู้ว่ามาทำงานที่นี่จะเป็นยังไง”

“ก็ให้เลิกทำน่ะสิ”

คำตอบที่ไม่ได้เกินความคาดหมายถูกเอ่ยออกมาทั้งคนพูดยังทำหน้าเคร่งเครียดยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุกกว่าเดิม

“จะไปไหนน่ะคุณ” พอผมทำท่าจะเดินออกไปข้างนอกทัชก็คว้าแขนผมไว้

ผมมองมือที่จับแขนผมก่อนที่ทัชจะรู้สึกตัวแล้วรีบปล่อยแขนผมทันที

“พอดีอยากเห็นคนออกจากงานน่ะ”

“คุณคงจะไม่ไปบอกพี่ผมหรอกนะ”

“ฉลาดดีนี่”

“คุณรู้จักพี่ผมหรอ”

“รู้จักสิ รู้จักดีเลยล่ะ”

ใส่สีตีไข่เข้าไปสักหน่อย เพื่อความสนุกล้วนๆ เห็นหน้ากังวลของเด็กตรงหน้าแล้วมันขำดี

“อย่าแกล้งผมเลยนะคุณ”

ดูเหมือนว่าผมจะกลายเป็นคนขี้แกล้งในสายตาน้องไปซะแล้วสิ

“งั้น...ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร”

ไม่มีของความกลัวหรือไม่หมั่นใจในแววตาคู่นั้น ยกเว้นเป็นเรื่องของไอ้แทน

คนที่มีอิทธิพลต่อทัชคือไอ้แทนเท่านั้นสินะ

“เรียกฉันว่าพี่สิ”

“หะ”

“แลกกับที่ฉันไม่บอกพี่นายว่านายทำงานที่นี่”

“คุณนี่มัน…ขาดความอบอุ่นรึไง”

“จะเรียกหรือไม่เรียก”

“โถ่ เรื่องแค่นี้เอง”

ผมเคยบอกให้ทัชเรียกนะแต่ตอนนั้นคือกวนตีนผมด้วยไง

“ไหนลองเรียกสิ”

“พะ..กระดากปากจังวะ”

หน้าตาตอนนี้โคตรจะตลกเลย รู้สึกอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมดเลยสินะ

“ยิ้มอะไรคุณ”

“สงสัยจะไม่อยากทำงานแล้วสินะ” ว่าแล้วผมก็ทำท่าจะเดินออกไปอีกรอบ

“โอเคๆ พี่ธัญ”

และคำที่ผมอยากได้ยินก็ออกมาจากปากน้องมันจนได้

ที่จริงก็ไม่ได้อะไรหรอกแต่ได้ยินเรียกไอ้ภูมิว่าพี่ผมนึกหมั่นไส้เฉยๆ ทีผมล่ะไม่ยอมเรียก

“พี่จะไม่บอกพี่แทนแน่นะ”

“ฉันพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”

“งั้นสัญญาก่อนดิ” ทัชชูนิ้วก้อยขึ้นมาเหมือนเด็กเวลาจะสัญญาอะไรก็ต้องเกี่ยวก้อยไม่มีผิด

.

.

“สัญญา”

ผมไม่ได้เกี่ยวก้อยแต่ยื่นมือไปยีหัวน้องมันแทนก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับเสียงที่เหมือนจะบังคับให้ผมเกี่ยวก้อยให้ได้

บางทีลักษณะภายนอกกับนิสัยจริงๆ มันก็อาจจะไม่เข้ากันเลยสักนิด เพราะฉะนั้นเราถึงต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักใครสักคน แค่ใครสักคนที่เราสนใจ…





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 9 : 03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-03-2020 22:30:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 9 : 03/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-03-2020 00:53:51
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 10 : 15/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 15-03-2020 21:40:55
Chapter 10
มุมแสดงความคิดเห็น


“มึง” มาละครับคำเริ่มบทสนทนาที่ทำให้คนได้ยินอยากเสือกว่าคนเรียกจะพูดอะไรต่อ

“อะไร”

“อยากมีแฟนว่ะ” ผมมองหัวที่แทบจะเรียกว่าโล้นของไอ้โก้ก่อนจะถอนหายใจ

“บ่นกับกูแล้วมันจะได้ไหม ไปหาไอ้ปาล์มนู่น”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันบ่นนะ บ่นแล้วก็ไม่ทำห่าอะไรเลยไม่จีบใครสักคนเอาแต่บอกว่าไม่ใช่สเปคเลือกมากไปมันก็ไม่มีแบบนี้ไง

“อย่าบอกนะว่าจะเหลือกูกับมึงที่ไม่มีแฟน”

“มึงมองข้ามไอ้ตังทำไม ถ้ามึงไม่มีมันก็ไม่มีหรอก” อันนี้เรื่องจริงนะเห็นไอ้ตังมันเป็นแบบนั้นแต่คนที่มันชอบมีคนเดียวซึ่งเดอะแก๊งก็รู้รวมถึงเจ้าตัวอย่างไอ้โก้ด้วย

แต่ก็ไม่แน่หรอกครับบางทีไอ้ตังอาจจะมีกิ๊กซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้

“มันไม่อยากมีเองเหอะ”

“มึงก็รู้อยู่แก่ใจอะ”

แล้วไอ้โก้ก็สะบัดหน้าหนีผมเฉยเลย นี่ไงพอพูดความจริงแล้วก็ไม่ยอมรับอีก

ผมหันกลับมาสนใจการบ้านตรงหน้าต่อเพราะที่ร้านตอนนี้คนไม่เยอะเลยมีเวลาลอกการบ้านนิดหน่อย

ถ้าถามว่าเรียนมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงก็กล้าบอกเลยครับว่าเพื่อนทั้งลากทั้งดึงกว่าจะมาอยู่จุดนี้ได้ ส่วนไอ้คนที่ลากก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกไอ้โก้เพื่อนรักนั่นแหละ

“เออ แล้วมึงกับคุณธัญนี่ยังไง”

“อะไรยังไง”

“เหมือนมึงจะสนิทกับเขานะ” ผมยังไม่รู้ตัวเลยว่าสนิทกับเขา

“กูกับเขาดูสนิทกันหรอ”

“ดูเขาไม่น่าจะมายุ่งกับคนแบบพวกเราไง”

ที่ไอ้โก้มันพูดก็จริงแต่มันก็คงไม่มีอะไรมากกว่าที่เขาแค่อยากแกล้งผมเล่นล่ะมั้ง

“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย” ผมมองตามไอ้โก้ก่อนจะเห็นคนที่เพิ่งพูดถึงเมื่อกี้เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ซึ่งผมก็รู้จักอยู่แล้วเพราะหนึ่งในนั้นก็เป็นเจ้านายของผม

“มึงไปรับออเดอร์นะ”

“มึงก็ไปดินั่นหน้าที่มึง” หน้าที่ผมคืออยู่เคาเตอร์แล้วจะให้ผมไปรับออเดอร์ผมไม่ไปหรอกนะ เดี๋ยวไอ้พี่ธัญแม่งก็หาเรื่องแกล้งผมอีก

พอผมไม่ไปไอ้โก้มันก็ไปทำหน้าที่ของมันต่อ

ผมมองรอบๆ ร้านอย่างเพลินๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมาจึงหันไปมอง พี่ธัญมองผมไม่สิจ้องเลยล่ะมีปัญหาอะไรมากไหมวะนั่น

“จ้องขนาดนี้จะแดกหัวกูรึไง”

ผมได้แต่บ่นอยู่คนเดียวก่อนจะจ้องกลับ ผมไม่เคยกลัวสายตาของคนคนนี้อยู่แล้วจริงๆ ก็ไม่กลัวใครทั้งนั้นแหละยกเว้นพี่แทน

จนในที่สุดพี่ธัญก็ละสายตาจากผมไปสนใจของกินที่ไอ้โก้เพิ่งเอาไปเสิร์ฟแทน

พี่ภูมิและพี่โซไม่ได้ทำเหมือนว่ารู้จักพวกผมแต่อย่างใดเพราะผมเคยขอไว้ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีมากถ้าพี่แทนมาก็ไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่าพวกเรารู้จักกัน

ต้องวางแผนรอบครอบสักหน่อยครับเพราะพี่ผมน่ะร้ายใช่เล่น ตาอย่างกับสับปะรด

“มึง กิ๊กไอ้แมนอะนั่งนานมากแล้วนะ” ไอ้โก้ที่ว่างจากการเสิร์ฟแล้วชี้ไปที่มุมที่ไม่ค่อยมีใครนั่งซึ่งค่อยข้างเป็นส่วนตัวอย่างมาก

พี่ไผ่ยังนั่งอยู่มุมนั้นเหมือนเดิมอย่างที่เคยมาเกือบทุกวันและมักจะมาทักทายผมเสมอ มันเป็นเรื่องปกติที่คนจะเข้ามาสั่งเครื่องดื่มหรือขนมแล้วนั่งทำงานไปด้วยและผมก็คิดว่าพี่ไผ่น่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

“เขาก็นั่งทำงานของเขาแหละ”

“แต่ไม่มีอะไรเลยนะนอกจากเล่นมือถือ”

“แล้วมึงจะไปยุ่งกับเขาทำไมเนี่ย”

“ท่าทางดูเศร้าๆ นี่หว่า” มาพูดให้ผมอยากเสือกด้วยอีกละ เรื่องชาวบ้านนี่ขอให้บอก

นอกจากพี่ไผ่จะกลายเป็นลูกค้าประจำก็มีเพิ่มมาอีกหนึ่งคนก็คือพี่ธัญ แต่ดูเหมือนว่าจะมาไม่ตรงกันเลยสักครั้งยกเว้นวันนี้

“ทำงานเสร็จแล้วไปไหนต่อ” ไม่ใช่เสียงไอ้โก้แต่เป็นเสียงคนที่เพิ่งนั่งจ้องหน้าผมเมื่อกี้

“กูไปช่วยงานพี่แนนละ” ว่าแล้วไอ้โก้ก็เดินเข้าไปหาพี่แนนทันที

ส่วนผมก็ต้องมาตอบคำถามของคนตรงหน้า

“ทำไมครับ จะชวนผมไปกินข้าวหรอ” อันนี้แค่กวนตีนครับแต่ถ้าชวนก็ไปจริง

“จะชวนไปตลาด” เดี๋ยวนะนี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม

“พี่จะไปตลาด?”

“ใช่” แต่งตัวอย่างกับจะไปเดินห้างแต่ชวนไปตลาดเนี่ยนะ จริงจังปะเนี่ย

“ใช้ชีวิตติดดินหรอครับช่วงนี้”

“จะไปรึเปล่า”

“เราสนิทกันหรอพี่”

“อยากสนิทไหมล่ะ” น้ำเสียงที่ไม่ได้ล้อเล่นบวกกับสายตาจริงจังแบบนั้น ค่อนข้างทำให้ผมแปลกใจ

อยากสนิทกับผมรึไง

“เอาความจริงหรือโกหกอะ”

“กวนแล้วนะทัช” เริ่มหงุดหงิดแล้ววุ้ย

“น่าจะไปแหละพี่ แต่ผมจะไปกับเพื่อนนะ”

“แต่ฉันชวนนาย”

“ก็ค่อยไปเจอกันที่ตลาดไง” อีกคนเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดบวกกับลูกค้าคนอื่นเดินมาจ่ายตังพอดีพี่ธัญจึงเดินกลับโต๊ะตัวเอง

ด้วยความที่ช่วงนี้ผมกับพี่ธัญวนเวียนมาเจอกันทั้งที่ร้านกับร้านพี่ภูมิก็เลยเหมือนรู้จักกันอย่างเป็นทางการไปชะแล้วแต่ถ้าถามว่าสนิทไหม อืม...คิดว่าคนอย่างพี่ธัญจะอยากสนิทกับผมรึเปล่าล่ะ

ผมว่าคงไม่หรอกมั้ง

“ทัช ไปซื้อของตามนี้ให้พี่หน่อย”

พี่แนนเดินมาหาผมพร้อมกับกระดาษในมือ ผมรับมาก่อนจะดูรายการที่ต้องซื้อ

เป็นน้องเจ้าของร้านที่ทำทุกอย่างจริงๆ ถามว่าพี่แทนมาผมจะสบายขึ้นไหมบอกเลยว่าถูกใข้งานหนักกว่าเดิมอีก!

“แล้วตรงนี้ล่ะพี่”

“เดี๋ยวพี่ดูให้เเอง รีบไปรีบมานะ”

“ครับผม!”

ผมเดินออกจากร้านอย่างสบายอารมณ์ จะได้ชิ่งแล้วครับยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์นานๆ มันก็เบื่อเหมือนกันออกไปสูดอากาศที่...เอิ่ม ค่อนข้างจะร้อนไปหน่อยก็เถอะ

“ไอ้ทัช!”

“อะไร” อยู่ๆ ไอ้โก้ก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมาหาผม

“อยากแดกลูกชิ้น ฝากซื้อหน่อยดิ”

“ไว้ไปแดกที่ตลาด กูรีบ” ผมไม่รอให้ไอ้โก้ได้โอดครวญรีบสตาจรถออกไปทันที

จริงๆ ก็ไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แต่อีกหน่อยก็เลิกงานละให้มันไปแดกที่ตลาดน่าจะดีกว่า





รายการที่จะซื้อก็มีไม่เยอะเท่าไหร่หรอกแต่ประเด็นคือมันไม่ได้อยู่โซนเดียวกันสักอย่างนี่สิ ทั้งที่พี่แนนบอกให้รีบกลับแต่ผมก็ยังเดินหาของชิลๆ ไปเรื่อยจนกระทั่งเจอกับบุคคลคนปริศนาที่เห็นแค่ข้างหลังก็จำได้

“ไอริน!”

เสียงเรียกของผมทำให้คนที่กำลังหยิบของหันมา แถมยังทำหน้าตกใจที่ได้เจอผมอีก

“ทัช!”

ผมรีบเข็นรถไปหาไอรินทันที

“ไม่ได้เจอตั้งนาน ยังกระดานเหมือนเดิมเลยนะ”

“แหมมม ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะยะ”

ไอรินเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผมพอจบไปแล้วก็แยกย้ายและไม่ได้ติดต่อกันเลย เพิ่งจะได้เจอกันก็วันนี้

“แล้วนี่เรียนไหนนะ”

“มอใกล้ๆ วิลัยแกไง ทำไมความจำสั้นอะบอกจะมาหาฉันก็ไม่เห็นแวะมาสักที”

ผมเคยบอกแบบนั้นหรอวะ

“จำไม่ได้เลย”

“มีเพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนเก่าหรอ” นั่น ดูพูดเข้าทำเหมือนน้อยใจทั้งที่ก็ลืมพอๆ กันนั่นแหละ

“อย่ามาดราม่าแถวนี้” พอผมจับไต๋ได้ก็ยิ้มแฉ่งทันที

ไอรินเป็นผู้หญิงที่สวยก็ได้น่ารักก็ดี ถ้าไม่รู้จักก็จะคิดว่าเรียบร้อย คุณหนูๆ หน่อยแต่คนที่จะคบกับผมได้มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เหมือนกันนั่นแหละครับศีลเสมอกันอยู่แล้ว

“แล้วนี้มากับใคร”

“แฟนจ้าาาาาา” ตอบได้ภูมิใจสุดๆ

“คนมีแฟนอะเนาะ”

“พูดแบบนี้นี่ไม่มีแฟนหรอ” ไอรินถามพลางทำหน้าแปลกใจ

“เห็นหล่อๆ แบบนี้ก็โสดนะครับบบ”

ไอรีนส่ายหน้าเอือมๆ แล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

“อีกไม่กี่อาทิตย์มหลัยจะจัดงาน Open House ว่างๆ ก็มาสิ”

" ถ้าว่างนะ " ใจจริงก็ไม่ได้คิดจะไปอยู่แล้วเพราะผมคงไม่ได้เรียนต่อหรอกจบปวส.ก็คงจะออกมาทำงานเลยค่อยไม่เสียเวลาใครจะเรียนก็เรียนไปส่วนผมสองปีคงเพียงพอละ

“อย่าลืมนะ มาให้ได้นะ”

“คร้าบบบ”

ขณะที่กำลังจะถามไอรินต่อผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมต้องรีบกลับอีกอย่างของก็ยังไม่ครบเลยย

ตอนนี้พี่แนนคงกำลังบ่นผมแน่ๆ

“งั้นเราไปก่อนนะ”

“อ้าว โอเคๆ ไว้ว่างๆ ทักหานะ” ผมพยักหน้าให้ไอรินก่อนจะรีบไปหาของตามรายการที่เหลือต่อ

มัวแต่โม้จนลืมเวลา







“มึงไปซื้อของที่เชียงใหม่หรอ” ไม่ช่วยถือแล้วยังแขวะกูอีกไอ้นี่

“โต๊ะนั้นกลับแล้วหรอ” ผมชี้ไปที่โต๊ะของพี่ธัญกับเพื่อนซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว

“กลับละ แล้วก็คุณธัญฝากบอกมึงว่าครั้งหน้าค่อยไปด้วยกัน”

ให้ตายสิ เพิ่งชวนผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนตัวเองกลับไม่ไปชะละ

“ว่าแต่ไปไหนวะ”

“ตลาด”

“หมายถึงมึงกับคุณธัญจะไปตลาด?”

“คงงั้นมั้ง” ผมเก็บของให้เข้าที่กับอารมณ์ที่เริ่มเซ็งๆ

ชวนเองเทเอง สมกับเป็นเขาจริงๆ

ผมไม่ได้น้อยใจนะอย่าเข้าใจผิด แค่เซ็งเฉยๆ ทั้งที่เขาเป็นคนชวนแท้ๆ แต่กลับเปลี่ยนใจซะได้

“ทำไมเขาต้องมาชวนมึงวะ สรุปสนิทกันใช่ไหม”

“เลิกพูดถึงเขาเถอะน่า” ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นนี่น้อยๆ ลงหน่อยก็ได้มั้งเหมือนกูจังเลย วุ๊!

“ก็กูอยากเสือกอ่าาา”

“กูไม่รู้ จบนะ”

เก็บของเสร็จผมก็เดินไปทำความสะอาดโต๊ะทันที เพราะอีกไม่กี่นาทีร้านก็จะปิดแล้ว

ทุกวันเมื่อใกล้จะถึงตอนปิดร้านผมจะมามุมแสดงความคิดเห็นและมาอ่านข้อความต่างๆ ที่ลูกค้าได้เขียนไว้ในแต่ละวัน

ข้อความหลายข้อความและเรื่องที่แตกต่างกันถูกติดไว้ในที่เดียวกัน มันทำให้ผมรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้อ่านถึงแม้มันจะเป็นข้อความไร้สาระหรือความในใจของใครบางคนที่ไม่สามารถพูดกับใครได้ เลยเลือกที่จะอธิบายมันออกมาผ่านตัวอักษรและวันนี้ผมก็เจอข้อความแบบนั้นอีกครั้ง

‘ถ้ามีใครสักคนที่จริงใจ

มันคงจะกว่านี้’

คนที่เขียนจะอกหักหรือมีเรื่องอะไรรึเปล่าไม่รู้แต่คงจะเศร้าพอสมควรเพราะการหาคนที่จริงใจมันหายากกว่าคนรักชะอีก

ผมใช้ปากกาเขียนลงที่ว่างข้างๆ โพสอิทใบนั้นและติดไว้ที่เดิมเผื่อลูกค้าคนนั้นกลับมาอาจจะเจอข้อความนี้

‘อย่างน้อยพนักงานร้านนี้ก็จริงใจกับคุณนะครับ’

ส่วนโพสอิทแผ่นอื่นผมก็เก็บมาใส่กล่องความทรงจำของร้านอย่างเคย

หวังว่าคราวหน้าเขาจะมาเห็นมันนะ















.......................................................





“ขนมร้านผมไม่อร่อยขนาดนั้นเลยหรอ” พอได้ยินเสียงผมพี่ไผ่ก็เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

“อร่อยที่สุดแล้ว”

“แต่ผมเห็นพี่นั่งเฝ้ามันมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”

“สังเกตพี่ขนาดนั้นเลยหรอ” แล้วก็มาทำตาหวานใส่ผมอีก

“ผมสังเกตลูกค้าของผมทุกคนครับ”

“ดีจังเลยน้าาาา”

ผมมองหน้าพี่ไผ่ก่อนจะรู้สึกว่ารอยยิ้มที่ส่งมานั้นดูฝืนมากกว่าที่เคยเป็น เขายิ้มให้ผมทุกครั้งแต่ครั้งนี้รอยยิ้มมันไม่เหมือนเดิม

ในใจอยากถามว่าเป็นอะไร แต่ผมก็ไม่ได้สนิทกับเขาขนาดนั้น

อยากเสือกนะ แต่ต้องมีมารยาทสักหน่อย

“นี่พี่ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็เดินไปมุมนั้นนะ” ผมชี้ไปที่มุมแสดงความคิดเห็นของร้าน

“คุยกับทัชไม่ได้หรอ”

“พี่คงไม่ได้ไว้ใจผมขนาดนั้น ใช่ไหมล่ะ” พี่ไผ่ไม่ตอบแต่ยิ้มกลับมาแทนนั่นก็แสดงว่าสิ่งที่ผมพูดมันก็ถูกแล้ว

“ไประบายได้นะพี่ เผื่อจะดีขึ้น” ลูกค้าที่เข้าร้านต้องไม่มานั่งมีเรื่องทุกข์ใจแบบนี้สิเห็นแล้วมันไม่สบายใจ

เพราะพี่แทนเคยบอกว่าความสบายใจของลูกค้าก็คือความสบายใจของเรา

ผมเดินมาประจำที่เคาน์เตอร์เหมือนเดิมเมื่อไอ้โก้มันออกมาจากห้องน้ำ อู้เข้าห้องน้ำเก่งจริงๆ

“อาทิตย์หน้าไปงาน Open House ไหมมึง”

“มอใกล้ๆ เราอะนะ” ผมพยักหน้า

ตอนแรกก็ไม่คิดจะไปหรอกแต่พอคิดไปคิดมาแล้วเราควรไปเปิดหูเปิดตาไปหาอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง

อย่างเช่น...

“จะไปทำไมวะ”

“กูเจอไอริน ก็เลยว่าจะไปหาสักหน่อย”

“จะว่าไปก็ไม่ได้เจอนานแล้วนี่หว่า” อย่างที่เคยบอกครับพวกผมเป็นเพื่อนกันและรู้จักไอรินมาก่อนอยู่แล้ว

“จะไปจริงหรอวะ ไม่อยากไปถิ่นเขาว่ะ”

“เออน่า ไม่ต้องใส่ช็อปดิ” ใส่ชุดนักศึกษาไปก็ไม่มีใครรู้ละ ไม่มีใครมองเหยียดด้วย

“ไปชวนพวกอยู่บ้านดิ”

“ไอ้โอ๊ตไม่แน่ใจว่ะ” แอนตี้เด็กมหาลัยเข้าไส้เลยมันน่ะ

“ว่าแต่วันนั้นเราว่างหรอวะ”

“ถ้าใจเราว่างมันก็ว่างแหละ”

“ถุ้ย!”

“ไอ้สัส มึงจะถุ้ยจริงทำไมเนี่ยสกปรก” ไม่ถุ้ยแต่ปากแต่ของจริงสุดๆ

เต็มตีนกูเลยเนี่ย!

“เฝ้าเลย กูจะไปล้างตีน”

“สกปรกว่ะ”

“มึงอะสกปรก!”

“ฮ่าๆๆๆ ” ดูมัน ไม่สำนึกแล้วยังขำอีก

ทำไมพี่แนนไม่มาเห็นวะให้แม่งโดนบ่นซะให้เข็ด

“ไอ้ทัช มานี่หน่อยลูกค้าจะคุยกับมึง”

พอได้ยินไอ้โก้ตะโกนเรียกผมก็รีบออกมาทันที

ลูกค้าที่ว่าคือพี่ไผ่ที่ยืมยิ้มพร้อมกับส่งกระดาษโพสอิทมาให้ผม

“เห็นบอกว่าพนักงานที่นี่จริงใจ ถ้างั้น...พี่ขอไลน์ทัชหน่อยสิ”

ขอความที่ผมเคยอ่านและเขียนไว้ปรากฏอยู่ตรงหน้าและที่สำคัญพี่ไผ่เป็นคนเขียน

ภายใต้รอยยิ้มนั้นคงมีอะไรซ่อนอยู่มากมายและผมก็อยากรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นบ้าง

ผมหยิบปากกาเขียนไอดีไลน์ใส่โพสอิทแผ่นเดิมก่อนจะส่งคืนให้พี่ไผ่

“มีอะไรก็ทักมานะพี่” ก็อย่างที่บอกอย่างน้อยพนักงานร้านนี้ก็จริงใจกับเขาเสมอ

“ทักแน่นอนครับ”

จริงๆ ผมรู้สึกถูกชะตากับพี่ไผ่อย่างบอกไม่ถูกมันอาจจะเป็นเพราะว่าเรามีอะไรคล้ายๆ กันทั้งสไตล์การแต่งตัว ความชอบ ที่ผมเคยได้คุยกับพี่ไผ่มาจนกระทั่งเขามาเป็นลูกค้าประจำที่ร้าน

“พี่กลับก่อนนะ ไว้พี่จะทักหา”

“กลับดีๆ นะครับ”

พอพี่ไผ่เดินออกจากร้านไปแรงสะกิดจากไอ้คนข้างๆ ก็ทำให้ผมหันไปมอง

“อะไรของมึง”

“เขาขอหลายครั้งแล้วไม่เห็นจะให้ทำไมครั้งนี้ถึงให้ไปวะ”

“กูว่าเขาต้องมีอะไรในใจสักอย่างที่บอกใครไม่ได้”

“แล้วคิดว่าเขาจะบอกมึงว่างั้น”

“ก็ไม่แน่”

“เสือกล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม” พูดอย่างกับตัวเองไม่เคยเสือกเรื่องชาวบ้านอีกละ

“ถ้ากูรู้ไรมากูจะไม่เล่าให้มึงฟัง”

“โถ่ทัชเพื่อนรักกกกก” บางทีเพื่อนก็มักจะมาในรูปแบบตอแหลนะครับ ดูไว้ๆ











“และในค่ำคืนนี้ นี้ นี้ นี้”

“คุณจะได้พบกับ กับ กับ กับ”

“เกม truth or dare!!!” เล่นใหญ่ชิบหาย

ไอ้ตังวางอุปกรณ์ในการเล่นเกมลงซึ่งก็คือขวดลงตรงกลางวง กติกาง่ายๆ คือถ้าปากขวดหมุนไปหยุดอยู่ที่ใครก็ต้องให้คนนั้นเลือกว่าจะพูดความจริงหรือท้า เป็นเกมที่ผมกับเดอะแก๊งเล่นค่อนข้างบ่อยเลยล่ะ

“มึงๆ เอาเบียร์มาให้ดูด้วย” ผมวานไอ้ปาล์มที่กำลังลุกไปทำอะไรสักอย่าง

“เริ่มละนะ ไอ้ปาล์มเร็วๆ ดิ้”

“เออๆ ”

ผมรับกระป๋องเบียร์จากไอ้ปาล์มก่อนที่ไอ้ตังจะเริ่มหมุนขวดและผู้โชคดีคนแรกก็คือไอ้โอ๊ต

“พูดความจริงหรือท้า” ไอ้ตังรีบทำหน้าที่ถามทันที

“พูดความจริง”

“กับคนที่คุยล่าสุดมึงจริงจังหรือแค่เล่นๆ ” ไอ้ตังประเดิมคนแรกด้วยคำถามที่พวกผมก็อยากรู้ไม่แพ้กัน

นานๆ ทีไอ้โอ็ตมันจะคุยกับใครบ้างสักที

“จริงจัง”

“เชร้ดดด” ทั้งตอบทั้งเขินสงสัยจะจริงจังจริงๆ เพื่อนผมจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วหรอเนี่ย

“ต่อๆ ”

ไอ้ตังหมุนขวดอีกรอบ ผู้โชคดีคนที่สองก็คือไอ้โก้

“พูดความจริงหรือท้า”

“ท้า” มึงพลาดแล้วไอ้โก้

“กูท้าให้มึงหอมแก้มไอ้ตัง” ยังดีที่ไอ้โอ๊ตมันให้แค่หอมแก้มแต่ถ้าจูบปากล่ะมึงเอ้ย ผิดผีแน่ๆ

ไอ้โก้มันก็คงจะคิดไม่ต่างจากผมมันหันไปหอมแก้มไอ้ตังอย่างว่าง่าย ส่วนไอ้คนถูกหอมก็เขินจนม้วนไปละทั้งยังหันไปแทคทีมกับไอ้โอ๊ตเป็นที่เรียบร้อย

ผมบอกแล้วว่าไอ้โก้มันพลาดที่เลือกท้า

ขวดหมุนไปเรื่อยๆ วนไปหยุดอยู่ที่เดอะแก๊งเกือบทุกคนยกเว้นผม ไม่รู้วันนี้โชคดีหรืออะไรที่ขวดไม่แม้แต่จะสนใจผมเลยสักนิด

“ทำไมปากขวดไม่หยุดอยู่ที่ไอ้ทัชสักทีวะ”

“นั่นดิ มึงเล่นของปะเนี่ย”

“เล่นของเชี้ยไรละ”

“กูลองหมุนหน่อยดิ” ว่าแล้วไอ้โก้ก็หมุนขวดทันที

และแน่นอนครับว่ามันไม่ได้หยุดอยู่ที่ผมแต่เป็นไอ้ตัง

“พูดความจริงหรือท้า” เป็นผมที่ถามคำถามนี้กับไอ้ตัง

“พูดความจริง”

“มึงกำลังแอบกิ๊กกับเด็กแผนกกูใช่ไหม” ไอ้ตังมันอึ้งเล็กน้อยก่อนจะยอมตอบแบบอึกอัก

“ก็…ใช่” นั่นไงเห็นมันส่งสายตาให้คนในแผนกผมอยู่ไม่คิดว่ามันจะกิ๊กกันจริง ที่ไหนได้มันแอบร้าย!

ไอ้โก้เริ่มหมุนขวดอีกรอบซึ่งรอบนี้ไม่พลาด ปากขวดมาหยุดอยู่ที่ผมพร้อมกับสายตาทุกคนที่มองมา

ไม่ค่อยจะพร้อมใจกันเท่าไหร่เลย

“พูดความจริงหรือท้า” เอาจริงนะเลือกทางไหนก็น่าจะชิบหายพอกันดูจากหน้าตาแต่ละคนพร้อมรุมผมมาก

“พูดความจริง” ที่เลือกพูดความจริงเพราะอย่างน้อยผมก็ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ แน่นอน

“สมมติว่ามีผู้ชายสองคนมาจีบมึง มึงจะทำยังไง” คำถามจากไอ้โก้มันเป็นคำถามที่ง่ายสำหรับผมและคำตอบแทบจะไม่ต้องคิดเลยล่ะ

“ก็ไม่ทำยังไง เพราะกูชอบผู้หญิง”

.

.

นั่นแหละครับคำตอบของผมและเป็นคนปิดท้ายเกมในวันนี้











หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 10 : 15/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-03-2020 22:03:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 10 : 15/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-03-2020 01:38:22
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 11 : 18/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 18-03-2020 22:54:27
Chapter 11
สองคน



“เพื่อนพี่ไปไหน”

“ไม่รู้”

“แล้วเห็นเพื่อนผมปะ”

“ไม่เห็น”

“จะซื้ออะไร”

“ไม่รู้สิ” โว้ยยยยยยยรู้อะไรกับเขาบ้างไหมนอกจากเดินตามหลังผมต้อยๆ เนี่ย!

หลังจากตอนนั้นที่พี่ธัญเทผมก็มาชวนใหม่อีกรอบ ส่วนผมก็แล้วแต่เลยครับเอาที่สบายใจ

จริงๆ มากันหลายคนนะแต่เดินไปเดินมาก็เหลือผมกับพี่ธัญแค่สองคนนี่แหละ

“อันนั้นอร่อยไหม” ผมมองตามนิ้วที่ชี้ไปยังร้านชานมไข่มุกก่อนจะหันมาถามคนข้างๆ

“ไม่เคยกินหรอ”

“ไม่เคย” เป็นท้อกับคุณเขาจริงๆ ครับ โตมาได้ยังไงโดยที่ไม่เคยกินชานมไข่มุกเนี่ย

“เดี๋ยวพาไปลอง” ผมเดินนำโดยที่มีพี่ธัญเดินตามหลังมาติดๆ

“ชานมไต้หวันกับโกโก้ครับ” ผมจัดการสั่งให้พี่ธัญเรียบร้อยเพราะคิดว่าคงไม่น่าจะพ้นผมหรอก

“สั่งอะไร”

“ชานมไต้หวันกับโกโก้”

“อร่อยหรอ”

“รอชิมเองเถอะน่า”



กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่สน ~~~



เสียงมือถือผมดังทำเอาคนแถวนี้หันมามอง มองทำไมกันแค่สายเข้าเองโถ่

“ว่าไงครับ”

‘ทัชอยู่ไหน’

“ผมอยู่ตลาดอะพี่ มีอะไรรึเปล่า”

‘โอเคพี่เห็นละ’ ว่าแล้วปลายสายก็วางทันที

อะไรของเขาวะ อยู่ๆ โทรมาแล้วก็วางเฉยเลย

“ใครโทรมา”

“ไงทัช”

ผมกำลังจะตอบพี่ธัญคนที่เพิ่งวางสายผมเมื่อกี้ก็โผล่มาพอดี

“หาผมเจอได้ไงเนี่ย”

“ตามGps มา”

“เห้ย”

“ล้อเล่นน่า” พี่ไผ่ยิ้มขำก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม

“รู้จักกันหรอ”

“รู้จักครับ นี่พี่ไผ่ลูกค้าประจำเลยนะส่วนนี่พี่…”

“ธัญ พี่รู้จักแล้วล่ะเราเรียนคณะเดียวกัน” พี่ไผ่ยิ้มตามปกติแต่คนที่ไม่ปกติน่าจะเป็นพี่ธัญที่เริ่มจะหน้าตึงเข้าทุกที

“สนิทกันรึเปล่าครับ”

“ก็ไม่เชิงนะ แต่ก็คุยกันบ่อยไม่ยักรู้ว่าธัญจะรู้จักทัชด้วย”

“พี่ธัญก็เป็นลูกค้าประจำครับ มาบ่อย”

“งั้นหรอ”

“ชานมไต้หวันกับโกโก้ได้แล้วค่ะ”

ผมรีบลุกไปจ่ายตังค์แล้วส่งชานมไต้หวันให้พี่ธัญก่อนที่จะหน้าตึงไปมากกว่านี้ ของหวานน่าจะช่วยได้

สงสัยจะหงุดหงิดอากาศร้อนคนก็เยอะ

“พี่เดินด้วยได้ไหม”

“ได้ครับ/ไม่ได้” พี่ธัญพูดขึ้นมาพร้อมผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากให้ไปจริงจัง

“สรุปพี่ไปได้นะ” ผมก็พยักหน้าเออออกับพี่ไผ่โดยหันมามองหน้าพี่ธัญด้วย

ตึงขนาดนั้นระวังมันจะขาดนะครับพี่

ผมเลิกสนใจคนที่ทำหน้าตึงข้างๆ แล้วหันมาสนใจร้านค้าแต่ละร้านต่อ

สรุปคือมีคนร่วมทางมาหนึ่งคนโดยที่ผมเดินอยู่ตรงกลางทั้งสองด้านเป็นพี่ไผ่กับพี่ธัญ แต่บรรยากาศมันแปลกๆ อีกคนก็อารมณ์ดีเกินเหตุส่วนอีกคนก็ตึงเครียดสุดๆ

“เปลี่ยนที่กันหน่อย”

ไม่รอให้ผมได้ตอบพี่ธัญก็ดึงผมให้ไปแทนที่เขาทันที กลายเป็นว่าคนที่อยู่ตรงกลางคือพี่ธัญ

“ทัช...อ้าว”

ได้แต่โบกไม้โบกมือให้พี่ไผ่แล้วสักพักพี่ธัญก็เอาตัวมาบังอีก อะไรของเขาวะ

“ทำแบบนี้หมายความว่าไงครับคุณธัญ”

“หมายความว่าอยากให้มึงไปไกลๆ ไง”

เสียงที่คุยให้ได้ยินแค่สองคนทำเอาผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องดีเท่าไหร่ดูจากลักษณะก็คงไม่ใช่คนที่เป็นมิตรกันแน่ๆ

นี่ผมคงไม่ได้พาคู่อริมาเจอกันหรอกนะ

“ทัชต่างหูร้านนั้นสวยมาก เราไปดูกันไหม” ผมชะโงกหน้ามองตามที่พี่ไผ่ชี้ นั่นร้านประจำผมเลยนี่หว่า

กิเลสมาอีกแล้วครับ ซื้อเปลี่ยนวันละคู่เลยก็ว่าได้

ผมเดินตามพี่ไผ่มาร้านต่างหูพร้อมทั้งพี่ธัญแถมยังบ่นเหมือนไอ้โก้ไม่มีผิด

“ซื้อไปทำไมเยอะแยะ” ผมก็คงจะตอบแบบที่เคยตอบไอ้โก้แหละครับว่า

“ของมันต้องมีไงพี่” ถ้าชอบอะไรสักอย่างคุณจะเข้าใจครับ ถึงแม้ว่าซื้อไปแล้วจะไม่ได้ใช้ก็ตาม

“แล้วชานมไต้หวันอร่อยปะ”

“ก็กินได้” ก็กินได้นี่คือหมดแก้วไปแล้วนะครับ

“อันนี้เท่ดี เหมาะกับทัชเลย”

พี่ไผ่ชูต่างหูขึ้นเทียบกับหูผมแต่กลับถูกมือของพี่ธัญปัดออกชะก่อน ดีที่ปัดเบาไม่งั้นต่างหูหล่นแน่ๆ

“อะไรของมึง”

“โทษที มือไวไปหน่อย” พี่ไผ่มองหน้าพี่ธัญนิ่งๆ ก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหันไปพูดกับพี่ธัญด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ระวังตีนกูไวบ้างนะ”

อืมมม ผมเริ่มจะแน่ใจแล้วนะว่าอริเจอกับอริจริงๆ

กูอยู่ในดงอะไรวะเนี่ย

“เดี๋ยวผมไม่จ่ายตังค์ก่อนนะ เอ่อ…อย่าเพิ่งตีกันนะพี่” พอผมพูดแบบนั้นพี่ธัญก็จ้องเขม็งทันที

“แฮร่ หยอกๆ น่าพี่” โหมดโหดก็มาแล้วว่ะ

ชิ่งดีกว่าครับ

และในขณะที่ผมกำลังรอตังค์ทอนจากคนขายของอีกฝั่งเสียงคุ้นๆ ก็ดังขึ้นข้างๆ หูพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ผมคุ้นเคย

“ไอ้ตัวแสบ”

“พี่แทน”

“กลับกับพี่เดี๋ยวนี้เลย” ไม่พูดพร่ำทำเพลงพี่แทนก็คว้าแขนผมให้เดินตามทันที แต่ประเด็นคือผมยังไม่ได้ตังค์ทอน!

“พี่แทนตังค์ทอนนนนน”

“มาขี้งกอะไรตอนนี้” ตั้งห้าสิบบาทเลยนะเว้ยยยย

“แต่ผมมากับ…”

“ช่างหัวพวกมัน” เสียงแข็งขนาดนี้ต้องหุบปากแล้วครับ

สงบปากสงบคำไว้ชะไอ้ทัช

พี่แทนพาผมเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าซึ่งไกลจากร้านต่างหูเมื่อกี้พอสมควร

มาเจอผมได้ไงวะ ฝังชิพไว้ในตัวผมหรือไง

“พวกมึงเดี๋ยวกูกลับก่อนนะ” ผมยกมือไหว้พี่วินกับพี่กิวที่กำลังยื่นเลือกเสื้อผ้าอยู่

“อ้าว”

“อย่าเพิ่งกลับดิ ไปซื้อของด้วยกันก่อนน้องมึงก็อยู่เนี่ย”

“กูมีธุนะต้องคุยกับไอ้ตัวแสบ” แสบถึงทรวงแน่กูงานนี้ พี่แทนไปรู้อะไรมาวะหรือว่าจะรู้เรื่องที่ผมไปทำงานที่ร้านพี่ภูมิ โอ้ววไม่นะจบแน่ๆ คราวนี้

“ซื้อของก่อนก็ได้พี่แทน วันนี้ทัชจะกลับบ้านพอดีค่อยไปคุยที่บ้านก็ได้เนาะ” ผมรีบส่งซิกไปให้พี่กิวช่วยอีกแรง

“นั่นดิ พาน้องอยู่นานๆ หน่อยดิวะ” แต่ถามว่าพี่กิวช่วยได้ไหม???

“กูไปละนะวิน”

“เออๆ ”

ก็ตามนั้นแหละครับทุกคน

รับกรรมที่ตัวเองก่อครับส่วนคนที่ถูกทิ้งไว้ทั้งสองคน...ขอโทษนะพี่

ผมหยิบมือถือขึ้นมาไลน์บอกพี่ไผ่ว่าผมกลับแล้ว แต่ข้อความจากใครก็ไม่รู้ก็เด้งขึ้นมาซะก่อน

Thxx: อยู่ไหน

T_T: ใครครับ

Thxx: ธัญ

“อย่ามัวแต่เล่นมือถือเดินดีๆ ” ผมนี่รีบเก็บมือถืออย่างไวเลยครับ

ไม่ชอบพี่แทนโหมดนี้เลยโว้ยยย

คิดหนักกว่าเรื่องที่พี่แทนจะคุยด้วยก็คือพี่แทนจะจับได้เรื่องไหนก่อนนี่สิ!





ผมกับพี่แทนนั่งจ้องหน้าวัดใจกันมาก็หลายนาทีแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีใครเอ่ยปากซึ่งผมก็ไม่คิดจะพูดอะไรอยู่แล้วเพราะถ้าสารภาพไปก็ไม่รู้จะถูกเรื่องไหมหรือจะมีคดีเพิ่ม เนี่ยมันต้องคิดหนักอีก

“รู้จักสองคนนั้นได้ไง”

“สองคนไหนครับ” พอเปิดเรื่องมาก็ไม่มีเกริ่นอะไรทั้งนั้นเลยย

“ไอ้ธัญกับไอ้ไผ่”

อ๋ออออ

“เขาเป็นลูกค้าประจำของร้านเราไง”

“แต่ปกติลูกค้าประจำกับพนักงานก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนะ”

จริงๆ มันก็ใช่นะครับ แต่ก็รู้จักกันไปแล้วไงจะให้เมินใส่เวลาเจอกันก็ไม่ใช่

“ก็นั่นแหละพี่แทน รู้จักเพราะเขามาร้านเราบ่อยๆ ไง”

“ต่อให้เป็นลูกค้าพี่ก็ไม่อยากให้ทัชยุ่งกับสองคนนั้น”

“ทำไมครับ” ท่าทางพี่แทนดูเป็นห่วงผมมากตั้งแต่ที่ลากผมออกจากตลาดแล้ว

“สองคนนั้นเป็นไบ”

พี่ไผ่ผมพอรู้อยู่แล้วแต่พี่ธัญนี่สิ เกินคาดแฮะ

“พี่คงไม่ได้คิดว่าเขาจะจีบผมหรอกนะ” อย่าบอกนะครับว่าที่ร้อนรนวันนี้คือคิดว่าสองคนนั้นจีบผม ผมก็ไม่ได้ดูเกย์สักหน่อยอีกอย่างผมก็ไม่ได้หน้าหวานด้วย

“ใช่”

“โถ่พี่แทน”

“ถ้าพวกมันไม่สนใจเรามันไม่มาวอแวหรอก” พอพี่แทนพูดแบบนั้นผมก็เริ่มคิด ผมเคยคิดนะว่าผมกับพี่ธัญจะโคจรมาเจอกันได้ยังไง

“แต่ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะพี่แทน”

“พี่รู้ แต่พี่ไม่อยากให้ทัชยุ่งกับพวกมัน” พี่แทนพูดย้ำอีกรอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่กลัวว่าเขาจะมาหลอกผมหรอ”

ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่ธัญพี่ไผ่เขาจะไม่ดียังไง แต่ผมก็ไม่ใช่คนดีขนาดที่ต้องเจอแต่คนดีๆ ในชีวิตขนาดนั้น

“พวกนี้มันไม่เคยจริงใจกับใคร เห็นความรู้สึกคนอื่นเป็นของเล่นไปวันๆ ” เหมือนพี่แทนจะแค้นน่าดูนะฟังจากน้ำเสียงแล้ว

“พี่แทน นี่ผมใครผมไอ้ตัวแสบของพี่นะ ไม่มีใครทำอะไรผมได้ง่ายๆ หรอก” ถ้าถือปืนมายิงก็ว่าไปอย่าง

“รับปากพี่สิว่าจะไม่ยุ่งกับสองคนนั้น” ผมเข้าจะนะว่าพี่แทนเป็นห่วงเพราะคงไม่มีพี่คนไหนอยากให้น้องตัวเองอยู่ใกล้คนที่ไม่ดีหรอกแต่น้องพี่ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นไง เจอคนไม่ดีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

“รับทราบครับ ว่าแต่...มีแค่นี้ใช่ปะ” เพื่อความสบายใจของพี่แทนผมจึงตอบตกลงแต่ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ก็อีกเรื่อง

“แล้วทำอะไรไว้อีกรึป่าว” เสียวสันหลังเลยกู ทำไมพี่แทนทำหน้าเหมือนรู้อะไรมาวะ

“ก็ไม่มีนะครับ” ยิ้มสู้เข้าไว้ไอ้ทัช

“คิดว่าพี่ไม่รู้หรอว่าทัชไปทำงานร้านไอ้ภูมิ” นี่พี่ผมหรือสายลับวะเนี่ยไม่ก็ฝังชิพอะเอาจริง

“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าพี่แทน”

“นับหนึ่ง” ใจเย๊นนนนนนนนน

“…”

“นับสอง”

“โอเคๆ ผมผิดที่ไม่ได้บอกพี่ว่าทำงานที่นั่น”

“แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่เป็นร้านของเพื่อนไอ้ธัญ”

“พี่แทนอย่าเหมารวมกันสิ ผมไปทำงานไม่ได้มีอะไรเลยนะ” ตอนไปก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ภูมิกับพี่ธัญจะรู้จักกันอะ

“ทำแค่ที่ร้านเราก็ได้” น้ำเสียงพี่แทนเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอม อีกอย่างถ้ามาแนวนี้ผมก็มักใจอ่อนทำตามพี่แทนเสมอและครั้งนี้ก็คงไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ

“แต่ผม…”

“พี่เพิ่มค่าขนมให้” ก็เป็นซะแบบเนี้ยะ

“ชอบล่อผมด้วยเงิน เห็นผมงกหน่อยก็ล่อเก่งจริง” พี่แทนยิ้มพลางยีหัวผมเบาๆ

“จะเอาไหม”

“ไม่”

“สองเท่า”

“อะ ยอมก็ได้เห็นว่าพี่ขอร้องหรอกนะ” ไม่ได้เห็นแก่เงินที่จะเพิ่มเป็นสองเท่าหรอกจริงจริ๊ง

“ไปลาออกด้วย”

“ค้าบบบบ” ทำงานกับเขาได้ไม่ถึงเดือนก็ต้องลาออกแล้วไอ้ทัชเอ้ย

“พรุ่งนี้ยิ่งดี”

“จ้าาาาาาา”

เอาที่ท่านพี่สบายใจเลยครับผม!











...................................................





“มึงจะเอาไงต่อ”

“หางานใหม่ไง” จะไปสมัครร้านขายดอกไม้ละ ดูซิว่าพี่แทนจะให้ลาออกอีกไหม

หลังจากที่ทำตามบัญชาของท่านพี่เรียบร้อยผมก็ต้องมานั่งสอดส่องหางานใหม่ สารภาพตามตรงเลยนะครับว่าผมต้องการเงิน! เนื่องจากโน๊ตบุ๊คที่ใช้อยู่ทุกวี่ทุกวันมันจะตายแหล่มิตายแหล่บวกกับผมอยากได้เครื่องที่มันสเปคสูงกว่าเครื่องเดิมเพื่อ…เล่นเกม

เรื่องนี้บอกพี่แทนไม่ได้เพราะว่าผมไม่ได้ทำอะไรที่มันมีประโยชน์นอกจากเล่นเกม เอ๊ะหรือผมจะไปของแม่ดีนะเผื่อแม่ให้มาสักครึ่งหนึ่งน่าจะได้ซื้อเร็วขึ้น

“มึงก็ทำที่ร้านพี่แทนแหละดีแล้ว” ไอ้โก้ว่า

ไอ้โก้ยังทำงานที่ร้านพี่ภูมิเหมือนเดิมเพราะนอกจากเจ้าของร้านจะใจดีเงินยังดีด้วย

“กูอยากได้โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่!”

“มันจะยากอะไรอีทัช มึงก็เล่นของไอ้โอ๊ตสิไอ้ปาล์มก็มี”

“มึงคิดว่าพวกมันจะให้กูเล่นหรอ” ไม่ใช่ว่าพวกมันหวงหรืออะไรนะแต่พวกมันก็เล่นเหมือนกันไงแล้วจะให้ผมเล่นตอนไหน

“ตัดปัญหาคือไม่ต้องเล่น” เกมกับกูนี่เพื่อนตายเลยนะเว้ย

“พวกมึงดูหน้ามันดิจะร้องไห้แล้วนั่น” ไอ้โอ๊ตว่าพลางเอานิ้วจิ้มแก้มผม

“เอางี้ มาเล่นของกูก่อนเก็บเงินไปเรื่อยๆ ครบเมื่อไหร่ค่อยซื้อ” ไอ้ปาล์มผู้เปรียบเสมือนฮีโร่ในใจผมพูดขึ้น

หึๆ ในที่สุดมันก็ยอมให้ผมเล่น ไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่แล้วโว้ยยย

แผนนี้เข้าท่าแฮะไม่มีงานอย่างน้อยก็มีเกมเล่น อิอิ

“โอเคปะ”

“กูว่ามันตอแหลลลล” มึงทำกูตกใจไอ้ตังงง

“ตอแหลอะไร๊” ผมว่าผมไม่มีพิรุธนะ

“เออไอ้ทัช คุณธัญถามหามึงด้วย”

เรื่องที่ผมลาออกพี่ธัญไม่รู้ซึ่งผมคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องบอกอะนะ แถมตอนนี้ก็ตรงตามความต้องการของพี่แทนที่ไม่อยากให้ผมยุ่งกับเขา

บางครั้งผมก็คิดว่ารอบตัวผมช่วงนี้ไม่มีผู้หญิงเลยมันรู้สึกหวิวๆ ยังไงไม่รู้

“ธัญไหนวะมึง”

“มึงจำตอนนั้นได้ปะ”

“ไม่ได้อะ”

“สัส ฟังกูพูดก่อนไหมล่ะ”

“ฮ่าๆ หยอกๆ ” ไอ้โอ๊ตหัวเราะชอบใจก่อนที่ไอ้โก้มันจะพูดต่อ

“ก็ตอนที่ไอ้ทัชมันอกหักแล้วเมาอ้วกใส่ใครก็ไม่รู้ไง”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนชื่อธัญวะ”

“ก็คนที่มันอ้วกใส่วันนั้นคือคุณธัญเพื่อนเจ้าของร้านที่กูกับไอ้ทัชทำงาน ซึ่งตอนนี้ไอ้ทัชก็ลาออกมาละ”

“อ๋ออออออออออ”

“ประเด็นคือเขาถามหาอีทัชทำไม อย่าบอกนะว่า…”

“กูไม่รู้” ไอ้โก้ตอบตัดบทชะไอ้ตังมันทำหน้าเสียดาย

“มีอะไรที่พวกกูยังไม่รู้ปะ”

“พวกกูแค่ไปทำงานแล้วรู้จักเขาเฉยๆ ” ผมตอบ

แล้วอยู่ๆ คำพูดพี่แทนก็เริ่มย้อนเข้ามาในหัว

บ้าน่าอย่างพี่ธัญเนี่ยนะจะมาชอบผมแล้วยังจะมีพี่ไผ่อีก ไม่จริงหรอกพี่แทนคงคิดมากไปเองนั่นแหละ

“เป็นไรมึง” ไอ้โก้สะกิดผมหลังจากที่ผมเงียบไป

“เปล่าๆ ”

“งั้นก็ช่างเรื่องนี้เหอะ ว่าแต่ตอนเย็นไปแดกหมูกะทะกันปะ”

ได้ข่าวว่าเมื่อวานเพิ่งแดกไปเองนะ

“มึงลืมไปรึเปล่าว่าเมื่อวานเพิ่งแดกไป”

“ก็กินอีกไงโก้” เสียงสองอีกละ เบื่อผัวเมียคู่นี้จริงๆ

“กูไม่แปลกใจเลยที่สภาพมันเป็นแบบนี้”

“มิน่าถึงไม่มีแฟน”

“ต๊ายยยอิพวกมีแฟน! กล้าดียังไงถึงมาว่าคนโสดแบบกูยะ” เอาล่ะครับดูท่าของจะขึ้น

“ไปแดกข้าวข้างวิลัยกัน โอเคปะ” ผมรีบหาบทสรุปให้ก่อนที่พวกมันจะตีกันและดูเหมือนว่าจะพากันเห็นด้วยกับผมยกเว้นไอ้คนที่มันเสนอหมูกะทะที่ตอนนี้หน้างอใส่พวกผมไปละ

เผื่อมึงลืมว่ามึงไม่ได้น่ารักไอ้ตัง!





“ไอ้ภูมิบอกว่านายลาออกหรอ”

พอผมเดินมาถึงที่จอดรถก็เห็นคนที่เป็นบุคคลต้องห้ามของพี่แทน

มาได้ไงวะเนี่ย

“ใช่ครับ”

“ไอ้แทนรู้แล้ว?”

“อาฮะ”

“ถ้างั้นไอ้แทนคงบอกให้นายเลิกยุ่งกับฉันด้วยสินะ” ผมแปลกใจเล็กน้อยที่พี่ธัญรู้ งั้นก็แสดงว่าคงรู้ตัวอยู่พอสมควรว่าพี่ผมไม่ชอบ

“มึงใครอะ” ไอ้ตังสะกิดผมแล้วถาม

“มานี่เลยมึงอะ” ไอ้โอ๊ตลากไอ้ตังไปอีกทางก่อนที่ผมจะหันกลับมาตอบคำถามพี่ธัญ

“ก็ใช่”

“พี่นายได้บอกเหตุผลรึเปล่าว่าทำไม”

“บอกครับ”

“วันนั้นที่ตลาดก็เป็นเพราะไอ้แทนด้วยใช่ไหม”

“ครับ…ว่าแต่ผมขอถามอะไรหน่อยสิ” พื้นฐานของผมก็เป็นอยากรู้อยากเห็นอยู่แล้วอะนะ เพราะงั้นผมคงปล่อยให้เรื่องมันคาใจอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก

“ถามมาสิ”

“พี่แทนบอกว่าพี่สนใจผม จริงรึเปล่าครับ?”

พี่ธัญไม่ได้ตอบในทันทีแต่มองผมสักพักซึ่งผมก็ไม่ได้หลบสายตาแต่อย่างใด ก่อนจะตอบด้วยประโยคที่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง

.

.

“ถ้าไม่สนใจฉันจะมาอยู่ตรงนี้หรอ”





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 11 : 18/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2020 01:13:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

สงสัย  ไม่พี่ไผ่ก็พี่ธัญ หรือทั้งสองคน  ต้องเคยมีซัมธิงกับพี่แทนแน่ ๆ อ่ะ  ไม่งั้นจะห้ามอะไรขนาดนี้  หุหุ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 11 : 18/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Windtofree ที่ 19-03-2020 04:08:09
อิน้องจะทำยังไงต่อละเนี่ย
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 11 : 18/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-03-2020 01:06:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 12 : 24/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 24-03-2020 21:57:20
Chapter 12
คนมีเจ้าของ



“มึง หนึ่งแถมหนึ่งเอาปะ” ผมเปิดหน้าจอมือถือแล้วยื่นให้ไอ้ปาล์มดูรองเท้าที่ผมเคยเล็งไว้นานแล้วเพียงแต่ว่าตอนนั้นไม่มีเงินก็เลยไม่ได้ซื้อ

“อะไรหนึ่งแถมหนึ่ง”

“รองเท้า”

“แตะหรอ”

“โว้ยย มึงก็ดูดิเนี่ย” ผมยื่นมือถือเข้าใกล้ไอ้ปาล์มจนจะกระแทกหน้ามันอยู่ร่อมร่อ

“ใกล้ขนาดนี้กูจะเห็นไหม!” ว่าแล้วไอ้ปาล์มก็แย่งมือถือผมไปดูเอง

“สวยปะ”

“ก็สวยดี” ไอ้ปาล์มคืนมือถือให้ผมแล้วหันกลับไปสนใจหนังในทีวีต่อ

อ้าว ไม่มีอารมณ์ร่วมกับกูเลยหรอ

“ไม่หารกับกูหรอ”

“กูมีเปลี่ยนวันละคู่ มึงยังจะให้กูซื้ออีกหรอ”

เออ ก็จริงของมัน แล้วผมจะไปให้ใครหารด้วยวะไอ้โอ๊ตก็ไม่อยู่ส่วนได้ตังมันไม่ใส่แนวนี้แน่นอน แต่จะว่าไปผมยังเหลือตัวเลือกสุดท้ายนี่หว่า!

“โก้เพื่อนระ…”

“กูไม่หาร” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบไอ้โก้มันก็สวนขึ้นทันที

รักกูจริงพวกมึง!

แม่งซื้อคนเดียวก็ได้วะได้ตั้งสองคู่

ว่าแต่...มันซื้อยังไงวะเนี่ย

พูดกันตามตรงเลยนะครับตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยซื้อของทางออนไลน์เลยสักครั้ง ผมจะไม่ถูกโกงใช่ปะ

“มึง”

“ก็บอกแล้วว่ากูไม่หาร” ไอ้ปาล์มปัดมือไล่ผมอย่างไม่ใยดี

“กูแค่จะถามว่ามันสั่งยังไง”

“นี่มึงล้อกูเล่นปะเนี่ย”

“หน้ากูเหมือนคนล้อเล่นหรอ”

“หน้ามึงเหมือนคนโง่” ผมนี่แถบลุกขึ้นไปเตะไอ้โก้เลยครับ

หน้ามึงดูฉลาดตายแหละไอ้สัสส

“เออเหมือนจริง” แต่ผมว่าไอ้ปาล์มน่าจะโดนเตะก่อนนะ เพราะอยู่ใกล้ผมที่สุด

“เลิกด่าแล้วบอกวิธีกูมา”

“เอามานี้จะสั่งให้” ผมกำลังจะส่งมือถือให้ไอ้ปาล์มแต่เสียงไอ้โก้ก็ดังขึ้นมาซะก่อน

“สอนวิธีดิไม่ใช่สมัครให้ มันจะได้ไม่โง่” คนไม่รู้ไม่ได้แปลว่าโง่เว้ยย

“เออๆ มานี่” ผมขยับไปหาไอ้ปาล์มให้มันสอนวิธีสั่งของแล้วก็โอนเงินให้

มันไม่ได้ยากหรอครับแต่ประเด็นคือผมไม่เคยทำไงเลยไม่มั่นใจ อีกอย่างที่ผมไม่เคยสั่งของออนไลน์เลยเพราะกลัวโดนโกงนี่แหละ

ครั้งนี้อยากจะลองบ้าง แต่เงินที่โอนไปถ้าโดนโกงก็คงเสียดายน่าดู

ผมคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกน่า

ติงต่อง ~

“ใครมาวะ”

“อยู่ตรงนี้ด้วยกันกูจะรู้ไหมล่ะ” แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ไอ้โอ๊ตแน่นอนเพราะมันไม่จำเป็นต้องกดออดหน้าบ้านเลยด้วยซ้ำ

“ไอ้ตังไปดูดิ้” ผมหันไปบอกไอ้ตังที่กำลังนอนดูยูทูปไม่สนใจโลกภายนอกเลยสักนิด

“…” ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก…

“ไอ้ตัง!!!”

“อะไรร กูดูซีรีส์อยู่เนี่ย”

“ไปดูซิว่าใครมา”

“ทำไมต้องกูอะ”

“มึงว่างสุดละ”

“แล้วพวกมึงไม่ว่างตรงไหนนนนน”

“กูสั่งของอยู่ไง” ไอ้ตังทำปากคว่ำใส่ผมแต่ก็ยอมลุกขึ้นไปดูแต่โดยดี

ปกติไม่มีใครมาบ้านนะนอกจากพี่แทน แต่ก็มานานๆ ทีแบบนานจริงๆ อะไม่น่าจะใช่พี่แทนแน่ๆ

แล้วใครมันจะมาวะ

“ไอ้ทัชมีคนมาหา”

“หือ ใครวะ” ผมหันไปมองแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่เดินตามหลังไอ้ตังมาคือพี่ธัญ

มาได้ไงวะเนี่ย

“ทำอะไรอยู่”

“พี่มาได้ไงเนี่ย” ผมไม่ได้สนใจคำถามของพี่ธัญ แต่ถามในสิ่งที่ผมสงสัยทันที

“ขับรถมา”

“ไม่ใช่โว้ย หมายถึงพี่รู้จักบ้านผมได้ไงหรือมึงบอกไอ้โก้” ผมหันไปหาไอ้โก้ทันที

“กูเปล่านะเว้ย” ได้โก้ว่าพลางส่ายหัว

“โอ้ยยจะมายังไงก็ช่างเถอะย่ะ พี่ธัญคะเชิญนั่งเลยค่ะไม่ต้องไปฟังไอ้ทัชนะคะ”

นั่นเห็นคนหล่อหน่อยไม่ได้เลยนะไอ้นี่

พี่ธัญเดินมานั่งข้างผมพลางยื่นหน้าเข้ามาดูว่าผมทำอะไรอยู่

“สรุปพี่รู้จักบ้านผมได้ไง” ผมยังคงถามต่อ

“ขับรถตามมา” เริ่มน่ากลัวแล้วนะผมว่า

“พี่คิดจะทำอะไร”

“มาหาเฉยๆ ไม่ได้หรอ” มาทำเสียงเล็กเสียงน้อยอีกนี่ไม่ใช่พี่ธัญอะบอกเลย

“ไม่มาจะดีกว่านะพี่ผมไม่อยากมีปัญหาว่ะ”

“กับไอ้แทนน่ะหรอ มันไม่รู้หรอก”

“แต่ผมจะพูดตรงๆ นะพี่ ผม ไม่ ได้ ชอบ ผู้ ชาย” ผมย้ำทีละคำให้คนข้างๆ ฟังชัดๆ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมพูดไปเขาจะไม่สนใจเลยสักนิด

“นั่นมันเรื่องของนาย ไม่ ใช่ เรื่อง ของ ฉัน” พี่ธัญยักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ

จะเอาแบบนี้สินะ ด้ายยย

“ไอ้ตังส่งแขกหน่อย หมดธุระแล้ว”

“หะ พี่เขาเพิ่งมาไม่ใช่หรอ”

“ไล่เลยหรอ” พี่ธัญขยับมากระซิบผม

“ผมไม่ชอบคนที่คุยไม่รู้เรื่อง” ผมไม่ได้ใจดีตลอดนะขอบอก

“ฉันไม่กลับ”

“อย่าเพิ่งกลับเลยค่ะอยู่นั่งเล่นเป็นเพื่อนตังเม อุ้ย ไอ้ทัชก่อนนะคะ”

ในเมื่ออีกคนไม่มีท่าทีว่าจะลุกไปไหนแถมยังมีไอ้ตังที่คอยสนับสนุน ไม่ไปใช่ไหมผมไปเองก็ได้เว้ย

“งั้นผมไปเอง” ว่าแล้วผมก็คว้าเสื้อแขนยาวกับกุญแจรถเดินออกจากบ้านทันที

ส่วนคนที่บอกว่าจะไม่ไปก็ตามหลังผมมาติดๆ

“เดี๋ยวทัช”

ผมมองหน้าคนที่คว้าแขนผมไว้ก่อนจะสะบัดแขนออก

“ถึงขนาดต้องหนีเลยหรอ”

“ผมบอกพี่ชัดเจนแล้วนะว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”

“แค่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ได้เลยหรอ”

“พี่ก็รู้ว่าผมไม่อยากมีปัญหากับพี่แทน แล้วอีกอย่างผม…อึดอัด” พอมารู้ว่าคนตรงหน้ารู้สึกยังไงกับผม มันก็รู้สึกอึดอัออย่างบอกไม่ถูก

" แล้วกับไอ้ไผ่ อึดอัดรึเปล่า " พี่ธัญถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

ผมไม่รู้ว่าพี่ไผ่คิดยังไงกับผมแต่ความรู้สึกมันเหมือนพี่ไผ่เป็นพี่คนหนึ่ง ถึงแม้เขาจะชอบหยอดแต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง

“เงียบแบบนี้คงไม่อึดอัดสินะ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปปล่อยให้เขาคิดเองไปเถอะ พูดอะไรไปก็ไม่ฟังผมอยู่ดี

“ถ้าเราจะคุยกันแบบพี่น้องผมโอเคนะ แต่ผมไม่ชอบที่พี่มาหาผมแบบนี้ถ้าพี่แทนรู้ไม่ใช่แค่ผมที่จะซวยแต่เป็นพี่ด้วย”

ปัญหาหลักคือพี่แทนผมก็ไม่ได้อยากจะตัดความสัมพันธ์อะไรกับพี่ธัญหรอกเพราะเท่าที่รู้จักเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหมายถึงแค่บางเรื่องอะนะ

“โอเค ฉันขอโทษที่มาหานายวันนี้แต่ฉันแค่อยากเอาของมาให้”

ว่าแล้วพี่ธัญก็เดินไปที่รถแล้วสักพักก็เดินกลับมาพร้อมกับของบางอย่างในมือ

พี่ธัญยื่นตะบองเพชรสองต้นมาทางผม

“อะไรครับ”

“ซื้อมาฝาก” ผมรับต้นตะบองเพชรจากพี่ธัญอย่างงงๆ

“ให้ผมทำไม”

“ชอบไม่ใช่หรอ” ประเด็นคือรู้ได้ไงว่าผมชอบ

“เคยเห็นซื้อ” สงสัยผมจะทำหน้าแปลกใจเกินไปล่ะมั้งพี่ธัญถึงได้พูดขึ้นมา

“ขอบคุณครับ”

“ที่จริงแค่จะเอาต้นตะบองเพชรมาให้นี่แหละ แต่กลับโดนไล่ซะได้” พี่ธัญทำหน้าเมือนน้อยใจ จนผมเริ่มจะรู้สึกผิดนิดๆ ที่ไล่เขา

แต่ผมก็ทำถูกแล้วปะก็ผมไม่อยากมีปัญหาอะ

“ให้ที่ร้านก็ได้มั้งพี่ ไม่เห็นต้องมาบ้านเลย”

“ก็ร้านมันปิด” เออว่ะ

“อ๋อ…”

“แล้ว…วันหลังมาได้รึเปล่า” ผมมองหน้าพี่ธัญนิ่งเหมือนจะเริ่มหมดความอดทน พูดไม่รู้เรื่องว่ะแม่งงง

“…”

“งั้นเจอกันที่ร้านก็ได้” ผมมองคนที่เหมือนจะสำนึกได้ว่าควรเข้าใจสิ่งที่ผมพูดได้สักที

“กลับได้แล้ว”

“ไล่อีกแล้ว”

“ก็ใครบอกให้พี่พูดไม่รู้เรื่องวะ”

“โอเคกลับก็กลับ ไว้เจอกันนะ” ผมพยักหน้าให้แล้วพี่ธัญก็เดินไปที่รถก่อนจะขับออกไป

ผมมองตามจนรถของพี่ธัญจนลับตา

มีอีกเรื่องที่พี่แทนเล่าให้ผมฟัง พี่ธัญเคยเป็นแฟนกับพี่วิน

ผมรับรู้เรื่องราวของพี่วินผ่านคำบอกเล่าของพี่แทนตอนที่เลิกกับแฟนและคนที่ทำให้พี่วินเสียสูญอยู่พักหนึ่งก็คือพี่ธัญ ไม่แปลกใจเลยที่พี่แทนจะห้ามไม่ให้ผมไปยุ่งกับพี่ธัญ เพราะถ้าเกิดหลงรักคนคนนี้ขึ้นมาอาจจะเสียใจไม่น้อยเลย

แต่ถือว่าผมปฏิเสธชัดเจนแล้วนะต่อไปจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ด้วยล่ะ











......................................................





“คิดยังไงถึงชวนพวกกูมาเนี่ย” เสียงไอ้โอ๊ตบ่นตั้งแต่เดินเข้ามาในมหาลัยที่ตอนนี้เขาจัดกิจกรรม Open House ตอนแรกมันจะไม่มาแต่สุดท้ายพวกผมก็ลากมันมาจนได้

ถ้าตัดอคติออกไปก็จะรู้ว่ามีแต่อะไรสวยๆ งามๆ ครับ

“เอาน่า ที่นี่น่าดูกว่าในวิลัยตั้งเยอะ”

“มึงจะดูอะไรไอ้ตัง”

“กิจกรรมไง” สาบานเถอะครับว่ามันไม่ได้ดูกิจกรรมหรอก

“ถือว่ามาเปิดหูเปิดตาละกัน” ผมว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาแชทหาใครบางคนที่ผมบอกไว้ว่าจะมา

“แยกกันปะ”

“ไม่หลงแน่นะ”

“ถึงหลงกูก็หาทางกลับได้น่า”

" ฝากลากมันกลับด้วย " ผมบอกไอ้โอ๊ตแล้วชี้ไปทางไอ้ตัง ดูท่าว่ามันคงไม่อยากกลับง่ายๆ

“เออๆ เดี๋ยวถีบส่งให้”

“ถีบมาถีบกลับเด้ออ” ผมขำกับท่าทางของไอ้สองตัวข้างๆ พลางหันไปมองไอ้ปาล์มที่ทำหน้าเหมือนกับว่าจะเอาไงกับชีวิต

“แล้วมึงอะเอาไง” ผมถามไอ้ปาล์ม

“กูไปกับไอ้โอ๊ตแล้วกัน”

“กูก็ไปกับไอ้ปาล์มดีกว่า”

“นี่มึงล้อกูเล่นหรอไอ้โก้” อะไรคือจะปล่อยให้ผมไปคนเดียววะ ไม่เป็นห่วงผมก็เป็นห่วงคนที่พบเจอผมบ้างดิ…

“เอออล้อเล่นน่า แต่จริงๆ ในมหาลัยก็มีคนที่มึงรู้จักนี่ ไหนจะคุณธัญไหนจะกิ๊กไอ้แมนอีกมึงก็ลองทักหาใครสักคนดิรับรองมาอย่างไว” อย่างไวที่ว่าน่าจะเป็นระเบิดลงหัวผมมากกว่า

“พวกกูไปละ เจอกันที่บ้าน” ตอนมามาด้วยกันตอนกลับกลับคนละทางครับ วิถีผู้สำรวจก็งี้

“เออๆ เจอกัน”

ไอ้ปาล์ม ไอ้โอ๊ต ไอ้ตังเดินไปอีกทางส่วนผมกับไอ้โก้ก็กำลังหาทางไปเหมือนกันและที่สำคัญผมกำลังรอคนนำทางอยู่

“ทัชชชช” นั่นไงครับพูดถึงก็มาเลย ตายยากจริงๆ

“ไงไอริน” ผมกับไอ้โก้ยิ้มให้ไอ้รินที่กำลังเดินมาหาพวกผม

“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

" ก็รับปากไปแล้ว "

“ไปรับปากกันตอนไหนวะ” ไอ้โก้ถามพลางทำหน้างงๆ

“ตอนที่มึงไม่รู้ไง”

“อ้าวไอ้นี่” ผมหลบฝ่ามือไอ้ไก้โดยใช้ตัวช่วยอย่างไอ้รินบังไว้

แมนไปอีก

“ยังตีกันเหมือนเดิมเลยนะ”

“ก็มันดิกวนตีน” ไอ้โก้ชี้มาทางผม

“เอาน่าเลิกตีกันก่อนนานๆ ทีจะเจอกัน”

“งั้นวันนี้คุณไอรินช่วยแนะนำมหาลัยให้พวกผมรู้จักด้วยนะครับผม” ไอ้โก้ว่าพลางยิ้มให้ไอริน

" ได้เลยค่ะ! " ว่าแล้วไอรินก็ควงแขนทั้งผมแล้วก็ไอ้โก้ก่อนจะเดินไปชมบู๊ทแต่ละบู๊ททันที

และแน่นอนบู๊ทแรกต้องเป็นคณะที่ไอรินเรียนอยู่นั่นก็คือคณะนิเทศ

“นี่คือคณะนิเทศที่ฉันเรียนอยู่”

“สาวสวยๆ เยอะแน่ๆ ”

“แน่นอน ฉันนี่แหละคนหนึ่ง” อยากเถียงก็เถียงไม่ได้ครับเพราะสวยจริง

ไอ้โก้ส่ายหน้าเอือมๆ พลางมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย

ส่วนมากคนที่มาร่วมกิจกรรมก็จะเป็นเด็กมอปลายดูจากบรรยากาศแล้วทำให้รู้สึกถึงตอนที่ผมอยู่ในช่วงมอปลายเหมือนกันแฮะ ปีที่แล้วก็เคยมาแต่สุดท้ายก็ค้นพบว่าตัวเองเหมาะที่จะอยู่ที่ไหน

“เด็กมอปลายนี่ดีเนาะมึง”

“อะไรดี”

“หน้าตา”

“กูว่าละอย่างมึงไม่พ้นเรื่องพวกนี้หรอก”

“หรือมึงว่าไม่ดี”

“หึ โคตรดีเลยล่ะ ฮ่าๆ ” ผมหันไปแท็กทีมกับไอ้โก้ก่อนจะพากันหัวเราะร่วน

“นิสัยนี่ยังไม่เปลี่ยนกันอีกหรอ” เวลาไม่ทำให้อะไรมันเปลี่ยนไปไวขนาดนั้นหรอกครับโดยเฉพาะคนอย่างพวกผม อิอิ

“มันเป็นคาแรคเตอร์”

“หรออออ”





หลังจากที่รินพาผมกับไอ้โก้เดินรอบๆ งานเราก็มาหยุดอยู่ที่โรงอาหารของคณะนิเทศและถ้าผมจำไม่ผิดพี่ธัญก็เรียนคณะนี้นี่หว่า

แล้วผมจะนึกถึงเขาทำไมวะ

จะว่าไปหลังจากที่เอาต้นตะบองเพชรมาให้ผมวันนั้นก็ไม่เห็นหน้าอีกเลย ไม่ได้ไปที่ร้านผมด้วยสงสัยคงจะล้มเลิกความตั้งใจไปแล้วมั้ง

ก็อย่างว่าแหละครับมาเล่นๆ ก็งี้

“กินไรกัน” รินเอ่ยขึ้นขณะที่เราหาที่นั่งได้เรียบร้อยแล้ว

“มีเมนูแนะนำปะ แบบว่าเด็ดเลยอะ” ไอ้โก้ถาม

“อืมมมมมมม ไม่มีอะปกติไม่ได้กินที่นี่”

“โถ่ ไรเนี่ยคณะตัวเองยังไม่รู้เลยว่ามีอะไรอร่อย” ไอ้โก้ว่าพลางดูเมนูส่วนผมก็มีเมนูในใจอยู่แล้วครับ

“ห้องน้ำไปทางไหนอะริน”

“เดินตรงไปทางนั้นแล้วก็เลี้ยวซ้ายอะ” ผมมองตามที่รินชี้ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ฝากสั่งคะน้าหมูกรอบด้วยนะ” ผมก็หันไปพูดกับไอ้โก้แล้วเดินไปทางที่รินบอกทันที

ก่อนจะเดินไปถึงห้องน้ำสายตาผมก็เหลือบไปเห็นคนที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามากอดแขนแล้วพี่ธัญก็ยีหัวพลางยิ้มให้

สนใจผมงั้นหรอ? ตลกดีแฮะ

อย่าไปใส่ใจเลยน่าไอ้ทัช เขาไม่มาวุ่นวายกับมึงก็ดีแล้ว

ผมเลิกคิดอะไรไร้สาระแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างที่ตั้งใจมาตั้งแต่แรก เรื่องของพี่ธัญผมรู้จากพี่แทนหมดแล้ว จริงๆ ผมไม่ได้ตัดสินใครเพราะคำพูดหรอกนะมันต้องเห็นด้วยตาและได้ยินกับหูตัวเองมากกว่าซึ่งผมก็ได้เห็นแบบที่พี่แทนเคยบอกไว้

บางทีเขาอาจจะไม่ได้จริงใจกับใครจริงๆ นั่นแหละ

“ทัช”

“อ้าวพี่ไผ่ หวัดดีครับ” ขณะที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เจอกับพี่ไผ่เข้าพอดี

จะว่าไปพี่ไผ่ก็เรียนนิเทศนี่หว่า บังเอิญจังวะ

“มางาน Open House หรอ”

“ครับ”

“มากับใครล่ะ”

“แก๊งผมอะพี่” ผมมองพี่ไผ่ที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่ค่อนข้างเรียบร้อยและดูแปลกตาไปอีกแบบ

“กินข้าวรึยัง”

“กำลังสั่งครับ พี่ล่ะ”

“ยังเลย”

“งั้นไปกินด้วยกันปะพี่”

“ทัชชวนทั้งทีพี่จะพลาดได้ไงล่ะ” พี่ไผ่ยิ้มให้ผมอย่างเคย ก่อนที่ผมจะยิ้มกลับและเดินนำพี่ไผ่ไปโต๊ะที่มีไอ้โก้กับรินนั่งรออยู่

" งั้นตามผมมาเลยครับ "

" ยังใจดีเหมือนเดิมเลยน้า "

พี่ไผ่ชอบบอกว่าผมใจดีทั้งที่ผมก็ไม่ได้ใจดีอะไรหรอกแค่ไม่ได้ทำร้ายใครแค่นั้นเอง และผมหวังจะไม่มีใครมาทำร้ายผมเหมือนกัน

ผมกับพี่ไผ่ค่อนข้างสนิทกันมากขึ้นเนื่องจากเราคุยกันทางไลน์เกือบตลอด จนทำให้รู้จักกันในระดับหนึ่ง

แต่เห็นพี่ไผ่ดูเป็นคนชิลๆ กับชีวิตแบบนี้แต่จริงๆ แล้วเขามีอะไรมากกว่านั้นนะ





“มึงเรียกเขามาหรอ” ไอ้โก้หันมากระซิบผมเบาๆ

“เรียกห่าไรล่ะกูบังเอิญเจอหน้าห้องน้ำ”

“พรหมลิขิต” ขีดเขี่ยอะดิ

“ถ้าคุณธัญมาด้วยคงจะสนุกนะ มึงว่าปะ” รายนั้นคงไม่มาโผล่แถวนี้แล้วล่ะ

“กินข้าวแล้วจะไปไหนต่อกันครับ” พี่ไผ่ถามขึ้นเมื่อพวกเราเริ่มจะอิ่มกันแล้ว

“รินว่าจะพาสองคนนี้ไปเดินดูงานอีกสักหน่อยค่ะ” รินพูดพลางยิ้มให้พี่ไผ่

รินน่าจะรู้จักพี่ไผ่อยู่แล้วเพราะเรียนอยู่คณะเดียวกัน อีกอย่างผมว่าพี่ไผ่ก็คงเป็นที่รู้จักอยู่พอสมควร เพราะดูจากสายตาที่มองมาก็น่าจะตอบได้เป็นอย่างดี

“งั้นพี่ขอไปด้วยคนนะ พี่ว่าง...”

“ว่างเก่งจังนะคะพ่อคุณ”

“พายด์” พวกผมหันไปมองคนมาใหม่อย่างงงๆ รวมถึงพี่ไผ่ด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ สวย มาก!

สวยแบบมีออร่า สวยแบบสง่า สวยแบบจับต้องไม่ได้อะทุกคนนนน

“ไผ่ลืมนัดอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”

“นัด? นัดอะไรหรอ” พอพี่ไผ่พูดแบบนั้นคนที่ยืนอยู่ก็ทำหน้างอนๆ ซึ่งมันแอคแทคมากกกกก

โอ้ว ไอ้ทัชคนนี้หัวใจจะวาย น่ารักเหลือเกินแม่เอ้ย

“ไปกินข้าวบ้านพายด์ไง”

“เห้ย ลืมไปเลยอะ”

“ตลอดอะ” คนอะไรยิ่งมองยิ่งน่ารัก

“พี่คงไปด้วยไม่ได้แล้วนะ ไว้เจอกันใหม่เนาะ” ประโยคสุดท้ายพี่ไผ่หันมายิ้มให้ผมแล้วเดินไปพร้อมกับพี่คนสวยคนนั้นทันที

แต่อยู่ตรงนี้นานกว่านี้จะได้ไหม~~~

“สวย ชิบ หาย” ไอ้โก้ก็อาการไม่ต่างจากผมเท่าไหร่

“โคตรๆ ”

“ใครอะริน แฟนพี่ไผ่หรอ” ไอ้โก้ถามอย่างสนอกสนใจ

“ไม่ใช่แฟน”

“เพื่อนกันสิะ”

“นั่นก็ไม่ใช่อะ”

“อ้าวแล้วเป็นไรกันอะ น้อง?”

“คู่หมั้น” OMG! อิจฉาโว้ยยย

แต่ถ้าพี่ไผ่มีคู่หมั้นแล้ว แล้วไอ้แมนล่ะเคยกิ๊กกันอยู่ไม่ใช่หรอวะ

“แต่พี่ไผ่อะ เจ้าชู้มากกกกกก” รินเล่าต่อ

“แล้วพี่คนสวยไม่รู้หรอ” ผมถาม

“เห็นคนอื่นบอกว่ารู้นะแต่ไม่ได้ว่าอะไรอะเป็นคนที่ใจกว้างโคตรๆ ” มันมีด้วยหรอวะคนที่ยอมให้แฟนตัวเองมีกิ๊กเนี่ย

“แต่พี่ไผ่ก็แคร์คนนี้มากนะ เอาจริงๆ คนนี้ก็สำคัญกว่าทุกคนอะ”

สวยขนาดนั้นเป็นผม ผมก็แคร์อะ

“แล้วอีกเรื่องหนึ่งพูดแล้วก็พูดเลยเถอะ มีคนที่เป็นไม้เบื่อไม่เมากับพี่ไผ่อยู่คนนี้ก็ไม่ต่างกันแต่ไม่ค่อยอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ควงคนนั้นทีคนนี้ทีถ้าไม่หล่อไม่รวยนะโดนด่าแม่ไปแล้ว” รินพูดแบบอินสุดๆ ไม่ชอบคนเจ้าชู้ก็จะอินประมาณนี้แหละครับ

“ใครอะ”

“ชื่อธัญ เรียนปีเดียวกับพี่ไผ่นี่แหละแต่พวกนายไม่น่าจะได้เห็นหรอกคงไม่มางานอะไรแบบนี้” ผมกับไอ้โก้มองหน้ากันโดยอัตโนมัติ มันจะใช่คนเดียวกันรึเปล่าวะ

แต่ผมว่าที่รินพูดถึงก็คือพี่ธัญที่ผมรู้จักนั่นแหละ คงไม่มีคนชื่อซ้ำหรอก

ดูเหมือนว่าคนรอบตัวผมจะไม่มีใครพูดถึงสิ่งที่ดีๆ ของคนสองนั้นเลยนะ เอ๊ะ! หรือว่าจะไม่มีสิ่งดีๆ ให้พูดถึงกันแน่นะ

…สงสัยจะเป็นอย่างหลังนั่นแหละ









“ขับรถดีๆ มึง”

“เออๆ เจอกันมึง”

ผมขี่รถออกจากบ้านเดอะแก๊งมุ่งตรงไปบ้านของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าและผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอยากกลับบ้านตอนนี้ อารมณ์คิดถึงอาหารฝีมือแม่อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาเป็นผลทำให้ผมต้องขี่รถกลับบ้านเวลานี้แต่ไม่ได้บอกคนที่บ้านนะ เก็บไว้เซอร์ไพรส์ดีกว่า

กลางคืนรถไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่แต่มันก็ยังมีอยู่เลยทำให้ผมค่อนข้างจะขี่เร็วนิดนึงซึ่งนั่นก็ทำให้ผมไม่ทันระวังรถที่กำลังออกมาจากซอยด้วยความเร็วไม่แพ้กัน...



เอี๊ยดดดดดดด โครม!!!



สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือแสงไฟจากท้ายรถคันที่ผมชนก่อนทุกอย่างจะมืดดับไป...





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 12 : 24/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2020 23:26:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชนรถใคร?   สงสัยจะเป็นรถอิตาธัญ

ประมาณว่า  บุพเพฯ ได้อีก  อิอิ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 12 : 24/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Mitaro ที่ 24-03-2020 23:41:27
คะ..ค้างเติ่งตัดจบได้ทำร้ายจิตใจมากกก  o22  55
ทั้งพี่ไผ่ทั้งพี่ธัญดูไว้ใจไม่ได้ซักคน จะจีบน้องทัชหรอฝันไปก่อนเถอะ 
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 12 : 24/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-03-2020 02:49:20
 :z3:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 13 : 27/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 27-03-2020 21:57:45
Chapter 13
Thay'Part


มีไม่กี่อย่างในชีวิตที่ทำให้ผมร้อนรนและกระวนกระวายใจได้มากขนาดนี้และต้นเหตุก็มาจากคนที่ผมมักจะแวะเวียนไปเจอหน้าอยู่บ่อยๆ

ผมวิ่งมาหยุดอยู่หน้าห้องที่พยาบาลบอกมาก่อนหน้านี้ มือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูกลับถูกใครบางคนคว้าไว้ซะก่อน

“จะทำอะไร” ผมมองเจ้าของมือก่อนจะสะบัดมันออกทันที

ไอ้ไผ่ อีกแล้วหรอวะ

“เรื่องของกู”

“มึงแหกตาดูข้างในดิ้” ผมมองเข้าไปในห้องก่อนจะพบว่าไอ้แทนอยู่ในนั้นด้วยนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าทำไมไอ้ไผ่ถึงยืนอยู่ตรงนี้

เข้าไปก็คงโดนไล่ออกมาสินะ

“รีบจนลืมเอาสมองมาด้วยรึไง ทะเล่อทะล่าเข้าไปเดี๋ยวก็โดนไอ้แทนไล่ออกมาหรอก” เถียงไม่ออกครับยอมรับว่าผมเป็นห่วงทัชจนลืมคิดหน้าคิดหลัง

ผมมองเข้าไปข้างในเห็นทัชที่ยังยิ้มได้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา อย่างน้อยน้องก็ไม่เป็นอะไรมากล่ะวะ

“หึๆ ” ผมหันไปมองคนที่เหมือนจะขำอะไรสักอย่างอยู่ไม่ไกล

เป็นอะไรของมันอีกล่ะนั่น ผีเข้าผีออก

ผมไม่ได้สนใจว่าไอ้ไผ่มันจะขำอะไรเพราะสิ่งที่สนใจคือคนที่นั่งอยู่บนเตียงในห้องมากกว่า

ผมรู้เรื่องทัชเกิดอุบัติเหตุจากเพื่อนของทัช นั่นทำให้ผมต้องรีบขับรถมาที่นี่ด้วยความเป็นห่วง

แต่จะว่าไปไอ้ไผ่มันมาได้ยังไง มันรู้จากใคร ที่สำคัญมาก่อนผมอีกต่างหาก

“มึงชอบทัชหรอ” ผมถามไอ้ไผ่ แต่อยู่ๆ มันก็กระชากแขนผมให้เดินตามไปอีกทาง ผมจะไม่ตามมันไปเลยถ้าหากคนในห้องไม่ได้กำลังจะเดินออกมา

ผมกับไอ้ไผ่เดินมาหลบอีกมุมหนึ่งเพื่อไม่ให้ไอ้แทนเห็นไม่งั้นโดนไล่ตะเพิดแน่ ในชีวิตไม่คิดว่าจะได้มาหลบๆ ซ่อนๆ อะไรแบบนี้เลยครับ ทั้งที่เป็นคนเปิดเผยแท้ๆ

“นี่กูเป็นชู้กับเมียชาวบ้านรึไง” และคงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่คิดแบบนี้

ไอ้ไผ่ทำหน้าเซ็งก่อนจะเดินออกจากมุมที่หลบอยู่เมื่อไอ้แทนเดินไปแล้ว

“กูถามทำไมไม่ตอบ”

“ถามอะไร”

“มึงชอบทัชหรอ”

“มึงก็น่าจะรู้ดีนะ ไม่เห็นจะต้องถามกูเลย” ก็ถูกของมันถ้ามันอยู่ตรงนี้แปลว่ามันก็ไม่ต่างจากผม แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าชอบทัชจริงๆ แต่กับมันผมว่าไม่น่าจะใช่ มันแค่สนุกมากกว่า

ผมเดินตามหลังไอ้ไผ่มาติดๆ แต่ก่อนที่มันจะเปิดประตูเข้าไปผมก็ชนมันแรงพอที่จะทำให้มันพ้นประตูได้

“โทษที” ไอ้ไผ่จ้องผมเขม็งก่อนจะยิ้มออกมา

“อยากเข้าไปก่อนก็ไม่บอก เข้าไปดิ” ไอ้ไผ่พยักเพยิดให้ผมเปิดประตูเข้าไป ถึงมันไม่บอกผมก็เข้าไปอยู่แล้วล่ะ

ผมเปิดประตูเข้ามาก็พบว่าทัชอยู่คนเดียว เรียกได้ว่าทางสะดวกแต่ที่ไม่สะดวกก็เพราะมีไอ้คนข้างหลังนี่แหละ

“เป็นยังไงบ้างทัช”

“อ้าวพี่ไผ่ พี่…ธัญ” ทัชทักไอ้ไผ่อย่างร่าเริงแต่พอเห็นผมกลับทำหน้าแปลกใจ

ผมไม่ได้พูดอะไรได้แต่สำรวจร่างกายของอีกคนที่ดูรวมๆ แล้วไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่ ใบหน้ามีรอยแผลเล็กน้อยกับขาข้างซ้ายที่พันแผลเอาไว้ ซึ่งเจ้าตัวดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองต่างจากผมที่พอรู้ว่าทัชเกิดอุบัติเหตุก็รีบมาหาทันที

เห็นแบบนี้ก็สบายใจแล้วล่ะอย่างน้อยทัชก็ยังยิ้มได้ แต่ประเด็นคือทำไมต้องยิ้มให้ไอ้ไผ่วะ!

“ซ่านะเราอะ”

“โถ่ ก็มันเพลินอะพี่”

“เพลินจนรถล้มเนี่ยนะ”

“ฮ่าๆ ”

บทสนทนาที่ดูเหมือนสนิทสนมกันของทั้งคู่ทำให้ผมนึกแปลกใจว่าไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน ไอ้ไผ่มันมาหาทัชบ่อยขนาดที่เข้ากันได้ดีขนาดนี้เชียวหรอ

แต่...จะเรียกว่าผมเป็นหมาหัวเน่าก็คงเหมาะกับตอนนี้อยู่

ผมปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันแล้วเดินมานั่งที่โซฟามองดูไอ้ตัวแสบที่ดูอารมณ์ดีเกินกว่าจะเป็นคนป่วย นั่นทำให้ผมยิ้มตามถึงแม้จะหงุดหงุดที่ต้นเหตุของรอยยิ้มมาจากไอ้ไผ่ แต่ผมคงไม่ทำตัวเสียมารยาทพูดแทรกในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันหรอก และถ้าต้องตีกับไอ้ไผ่คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา



“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาหาใหม่นะ” กลับได้สักทีนะมึงอะ

“ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมาก็ได้นะพี่ผมเกรงใจ”

“สำหรับทัชพี่ว่างเสมอแหละ”

“งั้นครั้งหน้าขอของกินมาด้วยนะครับ ฮ่าๆ ”

“ถ้าไอ้แทนมันเลี้ยงไม่ดีบอกพี่” ว่าแล้วไอ้ไผ่ก็เอื้อมมือทำท่าจะยีหัวทัชแต่ผมคงไวกว่ามันเพราะรู้สึกตัวอีกทีมือผมก็คว้ามือข้างนั้นของมันไว้แล้ว

ผมปล่อยให้มันคุยกับทัชได้ก็จริงแต่ไม่ปล่อยให้มันทำอะไรได้นอกจากคุยแน่ๆ

“โอ๊ะ เกือบลืมเลยแฮะว่าอยู่นี่ด้วย” ไอ้ไผ่สะบัดมือผมออกก่อนจะหันมามองผม

“จะกลับแล้วก็ไปดิ”

“พี่กลับแล้วนะทัช” ไอ้ไผ่ทำหน้ากวนตีนใส่ผมก่อนจะหันไปบอกลาทัชพร้อมกับยิ้มปลอมๆ ของมัน

ปลอมทั้งใจทั้งรอยยิ้มแหละมันน่ะ

“อยากด่าก็ด่ากูมาตรงๆ ด่าในใจมันไม่มันส์นะมึง” ก่อนจะเดินออกไปก็ไม่วายหันมากระซิบผมพร้อมกับตบไหล่ซึ่งผมก็ได้แต่ปัดมือมันออก จะให้ผมด่ามันตรงๆ หรอเหนื่อยเปล่าๆ

พอผมปัดมือไอ้ไผ่ออกมันก็หัวเราะแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างคนอารมณ์ดี

“พี่กับพี่ไผ่ก็ดูเข้ากันดีนะ”

“ตรงไหน”

“เหมือนกันไง” ผมเข้าใจทันทีว่าทัชหมายถึงอะไร เหมือนกันก็จริงแต่ไอ้เรื่องที่เข้ากันได้ผมว่าไม่ใช่แล้ว

“ทำไมทีกับไอ้ไผ่ไม่เห็นไล่มันเลย”

“ทำไมต้องไล่อะ” ท่าทางที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรทำให้ผมเดินไปหาทัช

“แล้วทำไมกับพี่ถึงไล่” ผมใช้มือข้างหนึ่งคล่อมตัวทัชเอาไว้ก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้ๆ

“อะไรของพี่เนี่ย”

“พี่ถามทำไมถึงไล่พี่” ทัชมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจแล้วผลักผมออก

“ก็พี่บุกไปที่บ้านผมไง” เหตุผลฟังไม่เข้าท่าเลยสักนิด

ทำไมต้องเป็นผมที่โดนไล่อยู่คนเดียวล่ะทั้งที่ไอ้แทนก็ไม่น่าจะโอเคกับพวกผมทั้งสองคนอยู่แล้ว

“อย่าไล่พี่อีกเลยนะ” ผมมองทัชด้วยสายตาจริงจังจนทำให้ทัชเริ่มทำตัวไม่ถูก

ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรก็จริงแต่ไม่มีใครอยากให้คนที่เราชอบเฉยชาใส่หรอกครับโดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้

“ก็… ไม่ได้ตั้งใจไล่สักหน่อย แต่ถ้าพี่แทนมาเจอผมไม่รู้ด้วยนะ”

“ที่แท้ก็เป็นห่วงเองหรอ”

“หะ”

“ทัชเป็นห่วงว่าไอ้แทนจะเจอพี่เลยทำเป็นไล่ใช่ไหม” พอผมพูดจบทัชก็ทำหน้าเอือมใส่ทันที แกล้งคนป่วยนี่มันสนุกจริงๆ นะครับ

“เหอะๆ คิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็แล้วแต่นะพี่”

ผมยื่มมือไปยีผมอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะโดนเจ้าตัวจ้องเขม็งนั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้างเข้าไปอีก

“ลืมกินยาปะพี่ยิ้มอะไรขนาดนั้น แล้วก็แทนตัวเองว่าพี่ทำไมอะฟังแล้วขนลุก”

“ทีไอ้ไผ่ยังแทนตัวเองว่าพี่ได้เลย”

“พี่ไปยุ่งอะไรกับพี่ไผ่นักหนาเนี่ย ไม่ถูกกันไม่ใช่รึไง”

“ก็แล้วทำไมมันพูดได้แล้วพี่พูดไม่ได้ล่ะ”

“โว้ยยยย จะพูดอะไรก็พูดเถอะไม่ยุ่งด้วยแล้ว!” ทัชเอาผ้าห่มคลุมหัวตัวเองทันทีที่พูดจบ

คงเหนื่อยที่จะพูดกับผมล่ะมั้ง

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ออกมาเร็ว” ถึงผมจะบอกว่าไม่แกล้งแต่ทัชก็ยังไม่ยอมเอาผ้าห่มออก

ผมคงต้องเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีอื่นแล้วล่ะมั้ง

“หิวรึเปล่า”

“…”

“อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้”

“…” ยังไร้การตอบรับอีกเหมือนเคย

“ถ้ารำคาญพี่ขนาดนั้น…”

“อยากกินโก้โก้ปั่น” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบไอ้ตัวแสบก็โผล่หัวออกมาจากผ้าห่มทันที

“เอาอะไรอีกไหม”

“…ขนมปังปิ้ง”

“แค่นี้?” ทัชทำหน้านึกอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้า

อย่างน้อยของกินก็ช่วยทำให้ทัชยอมคุยกับผมล่ะนะถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจก็เถอะ

“เร็วๆ นะพี่ หิว”

แล้วทีถามเมื่อกี้ทำเป็นเล่นตัว ไอ้ตัวแสบเอ้ย

.

.

ใครจะไปคิดล่ะครับว่าคนที่ไม่เคยแม้แต่จะง้อใครแต่กลับต้องค่อยเอาใจแถมยังอาสาไปซื้อของให้เขาอีกด้วย ผมคงเป็นหนักมากๆ แล้วล่ะ











….……………………………………………………



“กูได้ข่าวว่าช่วงนี้ไอ้ไผ่มันยุ่งๆ กับเรื่องที่บ้านนะ คงไม่มีเวลาไปทำคะแนนแข่งกับมึงหรอก”

“ได้ข่าวมาจากไหนวะ”

“กูใคร กูภูมินะเว้ยอยากรู้อะไรก็รู้หมดแหละ”

“พ่อคนกว้างขวางงง”

“เรื่องที่บ้านนี่เรื่องอะไรวะ” ผมถามไอ้ภูมิอย่างสงสัย

“อันนี้ก็ไม่รู้ว่ะ มึงก็รู้ว่าบ้านมันมีหน้ามีตาทางสังคมจะตายคงไม่พ้นเรื่องที่มันควงผู้ชายนั่นแหละ” ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้ภูมิว่าจริงๆ ผมคงจะอารมณ์ดีขึ้นเยอะที่จะไม่มีไอ้ไผ่มาก่อกวนให้หงุดหงิดเล่นๆ

“สรุปคือจีบคนเดียวกันอีกแล้วหรอ เห้ยไอ้ภูมิ มึงว่าครั้งนี้ใครจะชนะวะ”

“ก็ต้องเป็นไอ้ธัญอยู่แล้ว”

“แต่กูได้ยินว่าทัชดูสนิทกับไอ้ไผ่มากกว่านี่หว่า” ไอ้โซพูดทำเอาคิ้วผมกระตุก จะย้ำทำไมวะ

“แต่กูว่าไอ้ธัญ ไม่งั้นก็ไม่ติดทั้งคู่”

“กูว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่านะ” ผมมองไอ้เพื่อนสองคนที่มันคุยกันข้ามหัวผมก่อนจะตบหัวคนที่อยู่ใกล้ผมที่สุดนั่นก็คือไอ้โซ

“โอ้ย! ตบหัวกูทำไมเนี่ย” ไอ้โซลูบหัวตัวเองปรอยๆ พลางมองผมอย่างเคืองๆ

“ขอบคุณที่พวกมึงสนับสนุนกูเป็นอย่างดีไง”

“แล้วทำไมไม่ตบไอ้ภูมิบ้างอะ” ดูมันหาพรรคพวกสิครับ

“หัวมันแข็งตบไปก็เจ็บมือ ตบมึงนี่แหละหัวอ่อนดี”

“ไอ้สัสธัญ!” ชอบนักล่ะครับเวลาไอ้โซมันโมโหเพราะมันดูตลกมากว่าน่ากลัว

“มึงก็อย่าไปแกล้งมันเยอะ ยิ่งหัวอ่อนอยู่”

“ไอ้ภูมิ!” ไอ้โซโดดไปล็อคคอไอ้ภูมิอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ได้คิดเลยว่าตอนนี้อยู่ในผับไม่ใช่สนามเด็กเล่น

“เดี๋ยวกูมา”

“ไปไหนวะ” ไอ้โซปล่อยคอไอ้ภูมิแล้วหันมาถามผม

ผมชี้ไปทางโก้ที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนที่ไอ้โซจะพยักหน้ารับ

วันนี้ผมว่าจะแวะเข้าไปหาทัชสักหน่อยแต่ก่อนจะไปต้องดูก่อนว่าไอ้แทนอยู่ด้วยไหม ไม่อยากปะทะกับมันเสียเวลาเปล่าๆ

“ไงโก้”

“อ้าวคุณธัญ หวัดดีครับ” ผมพยักหน้ารับ

“วันนี้จะไปหาทัชรึเปล่า”

“ไปครับ พอดีพี่แทนไม่ว่างผมเลยกะว่าจะไปนอนเฝ้ามัน” เข้าทางผมเลยแฮะ

อย่างนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอล่ะนะ

“เอารถมารึเปล่า ถ้าไม่ได้เอามาเลิกงานแล้วไปกับฉันก็ได้”

“คุณธัญจะไปเยี่ยมไอ้ทัชหรอครับ”

“อืม”

“ไม่เป็นไรครับผมเอารถมา คุณธัญไปหาไอ้ทัชเถอะครับป่านนี้คงเหงาน่าดู”

ผมไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะปล่อยให้โก้ทำงานของตัวเอง

วันนี้ทางสะดวก ผมควรไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า

“แล้วนี่มึงจะไปไหน”

“ไปหาทัช”

“ไปหาเขาเช้าเย็น แถมยังไปซื้อของให้เขาอีกเพื่อนกูมาถึงจุดนี้ได้ไงวะเนี่ย”

ผมไม่สนใจเสียงไอ้โซรีบเดินออกมาจากร้าน ขับรถตรงไปโรงพยาบาลที่ทัชรักษาตัวอยู่ทันที







ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาเลยครับบบ” เสียงสดใสของคนในห้องทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ ขนาดเจ็บตัวยังร่าเริ่งได้อีกนะไอ้ตัวแสบ

“เป็นไงบ้าง”

“สบาย หายห่วง แล้วทำไมมาเวลานี้อะพี่มันดึกแล้วนะ”

“เผื่อคนป่วยแถวนี้หิวไง” ผมชูถุงเซเว่นที่มีขนมปังปิ้งอยู่ข้างในให้ทัชดู และดูเหมือนเจ้าตัวจะตาวาวขึ้นมาทันทีหลังจากที่รู้ว่ามันคืออะไร

“ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะพี่” ปากบอกขอบคุณแต่ตาจ้องถุงในมือผมไม่วางตา

“อยากกินอะไรก็บอกครั้งหน้าจะซื้อมาฝาก”

“เกรงใจว่ะพี่” ผมมองไอ้ตัวแสบที่ดูจะมีความสุขททุกทีที่มีของกินเข้าปาก

รู้งี้จะซื้อของกินมาล่อทุกครั้งเลยจะได้ไม่ด่าเวลาผมเข้าใกล้

ผมนั่งมองทัชอย่างเพลินๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเปิดประตูซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นโก้ที่เพิ่งมา แต่พอหันไปดูกลับเป็นคนที่ผมคิดว่าจะไม่มาแล้ว

ไอ้แทนยืนมองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่ได้ดีใจที่เห็นผมอยู่ที่นี่

เอาแล้วไง ไหนบอกว่าจะไม่มาวะ

“พี่แทน…ไหนว่าไม่มาไงครับ”

“พี่ลืมของน่ะ” ไอ้แทนเดินมาหยิบมือถือตรงโซฟาก่อนจะเดินมาหาผม

“ออกไปคุยกับกูหน่อย” ผมหันไปมองทัชที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่เลือกที่จะเงียบไว้

ผมเดินตามไอ้แทนออกมาอย่างว่าง่าย ไหนๆ ก็จะคุยกันแล้วก็เปิดอกคุยกันเลยดีกว่า

“กูจะพูดกับมึงตรงๆ นะ เลือกยุ่งกับน้องกูซะ” ผมกับไอ้แทนเดินออกมาห่างจากห้องของทัชพอสมควรก่อนที่ไอ้แทนมันจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“กูชอบน้องมึง”

“นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือมึงต้องเลิกยุ่งกับน้องกู”

“กูขอโอกาส” ผมเลือกที่จะพูดออกมาตรงๆ อย่างน้อยมันก็แสดงถึงความจริงใจของผม

“กูไม่ให้” แววตาฉายความไม่พอใจอย่างชัดเจนซึ่งผมก็เข้าใจดีว่ามันยากที่จะทำให้ไอ้แทนยอมรับ

“กูชอบน้องมึงจริงๆ ไม่ได้คิดจะมาหลอกอย่างที่มึงเข้าใจ” ขอแค่ได้เจอได้คุยกันก็พอ เพราะถ้าด่านไอ้แทนว่ายากแล้วใจของทัชก็คงยากกว่าหลายเท่า

“มึงจะให้กูเชื่อหรอ ดูสิ่งที่มึงเคยทำกับเพื่อนกูสิสุดท้ายแล้วเป็นไง มึงทำเพื่อนกูเจ็บแค่ไหนมึงรู้ตัวรึเปล่าแล้วคิดว่ากูจะยอมให้น้องกูไปยุ่งกับคนอย่างมึงเนี่ยนะ ถ้าฝันอยู่ก็ตื่นซะนะไอ้ธัญ”

ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้นเพราะทั้งหมดที่ไอ้แทนพูดมามันคือความจริง คงต้องโทษตัวเองที่พอจะจริงจังกับใครก็สายเกินไปที่จะทำให้เขามาเชื่อใจเราได้

“กูเตือนมึงแล้วนะ ถ้าหากว่ามึงยังมายุ่งกับน้องกูอีกมึงก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นแม้กระทั่งเงาของน้องกู”

ครั้งนี้มันต่างกันตรงที่ผมชอบน้องมันจริงๆ คงเป็นผลกรรมที่ผมเคยทำไว้กับคนอื่นล่ะมั้ง

ผมยอมรับนะแต่ไม่ยอมแพ้หรอก

.

.

ผมมองไอ้แทนที่เดินกลับเข้าห้องไป พลางคิดว่ามันคิดจริงๆ หรอว่าจะหยุดคนอย่างผมได้ สิ่งที่ผมสนใจคือความรู้สึกของทัชเท่านั้น ตราบใดที่ทัชไม่ได้เกลียดผมก็อย่างที่ว่านั่นแหละผมไม่ยอมแพ้หรอก และอีกอย่างผมไม่มีทางยอมให้ไอ้ไผ่เข้าใกล้ทัชได้ฝ่ายเดียวแน่ มันอันตรายยิ่งกว่าผมซะอีก

ส่วนเรื่องไอ้แทนผมคงต้องจัดการตามสถานการณ์ไป ถ้ามันคิดจะหยุดคนอย่างผมก็ต้องเหนื่อยหน่อยแล้วล่ะ



ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องไอ้แทนก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับส่งมือถือมาให้ผม

“กลับไปได้ละ” ผมรับมือถือของตัวเองจากไอ้แทน

“ไว้เจอกัน” ผมยิ้มให้ไอ้แทนที่หน้าตาไม่ได้คล้อยตามไปกับผมสักนิดก่อนจะเดินออกมา

“ใครจะไปอยากเจอคนอย่างมึง”

แต่ก็ไม่วายได้ยินสิ่งที่ไอ้แทนพูดอยู่ดี

.

.

ใครจะไปรู้ล่ะบางทีมันอาจจะอยากเจอคนอย่างผมก็ได้ เพราะอนาคตไม่มีอะไรแน่นอนหรอก







หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 13 : 27/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-03-2020 22:25:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมทัชเนื้อหอมจัง?

บุคลิกทัช ไม่น่าดึงดูดให้บรรดาเมะมาชอบได้เลยนา
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 13 : 27/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-03-2020 23:54:39
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 13 : 27/03/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 31-03-2020 00:03:50
สนุกดีครับ มาต่ออีกนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 14 : 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 31-03-2020 23:56:04
Chapter 14
รักได้ป่าว




“เปลี่ยนหัวกันไหมมึง”

“มึงเป็นกระสือหรอ”

“ก็ดูคนที่เข้าหามันแต่ละคนดิ หน้าอย่างหล่อบ้านอย่างรวย” ผมส่ายหัวให้กับความคิดไอ้ตัง

หลังจากที่ผมเล่าเรื่องของพี่ไผ่กับพี่ธัญแล้วก็ยังเรื่องคำสั่งจากท่านพี่ให้เดอะแก๊งฟัง พวกมันก็ทำหน้าตาไม่ต่างจากผม ไอ้หน้าตาที่คิดว่าทำไมต้องเป็นกูวะ ทำไมต้องมาทำให้ชีวิตกูยุ่งยากด้วย

“แล้วมึงรู้สึกยังไงวะ”

“มึงหมายถึง?” ผมหันไปถามไอ้โก้

“มึงหวั่นไหวกับใครในสองคนนี้” หวั่นไหวงั้นหรอ มันไม่เหมือนเวลาผมอยู่กับผู้หญิงนี่หว่าแต่ที่แน่ๆ คือขนลุกแหละอย่างแรก

“ขนลุก”

“กับ?”

“พี่ธัญ” ไอ้โก้ทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างแล้วหันไปมองเดอะแก๊ง

“มึงมีปฏิกิริยากับพี่ธัญ” ไอ้ตังว่า

ไอ้ขนลุกเนี่ยนะมันนับด้วยหรอวะ

“แต่กูว่านะจะมีหรือไม่มีก็ไม่น่าคบทั้งสองอะดูจากที่เล่ามา แต่ละคนไม่ธรรมดาเลยนะมึง” ไอ้ปาล์มออกความเห็น

“มึงว่าเพื่อนมึงธรรมดา ใสๆ งั้นหรอ”

“เออว่ะ อันนี้น่าคิด”

“แต่กูว่ามีไว้ก็ไม่เสียหายนะอย่างน้อยก็เอาไว้เป็นอาหารตาอิอิ” เอาเข้าไป

“กูว่าต้องมีการทดสอบว่ะ” ไอ้โอ๊ตว่า

“เดี๋ยว พวกมึงลืมอะไรไปรึเปล่ากูไม่ได้ชอบเขานะเว้ย” จะมาทดสอบเหมือนลองใจคนที่ชอบแบบนี้ไม่ได้นะ

“อย่างน้อยก็จะได้รู้ไงว่ามาไม้ไหน จริงใจรึเปล่า”

“ส่วนเรื่องพี่แทนนะ เดี๋ยวพวกกูดูลาดเลาให้เอง”

“กูว่าพวกมึงสนุกแหละเอาจริงๆ ” เหมือนหาเรื่องทำแก้เบื่อมากกว่าอะผมว่า

“เออน่าเชื่อมือพวกกู จะช่วยมึงเลือกคนที่จริงใจเอง” ไอ้โอ๊ตตบบ่าผมเบาๆ

วุ่นวายกว่ามีผู้ชายมาชอบก็เดอะแก๊งผมรู้เรื่องนี่แหละ ไม่ได้การละผมจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้

แต่จะว่าไปทั้งสองคนก็มีแฟนอยู่แล้วนี่หว่า ไม่ต้องพิสูจน์หรือทดสอบอะไรแล้วมั้งมันก็เห็นชัดๆ อยู่แล้วว่าไม่มีใครจริงใจกับผม

แม่งเห็นผมเป็นอะไรวะ

“เขามีแฟนแล้วนะพวกมึง”

“ใครวะ”

“พี่ไผ่กับพี่ธัญ”

“เชี่ย…”

“มีแฟนแล้วแต่ยังมายุ่งกับมึงเนี่ยนะ”

“หรือเราไม่ควรเล่นกับไฟวะ”

“พวกล่าแต้มแหงๆ ”

“แล้วถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเลิกกับแฟนเพื่อมึงล่ะ” ผมกับเดอะแก๊งหันไปมองไอ้โก้ที่เพิ่งพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา มันทำหน้าจริงจังซะจนเหมือนกับว่าที่มันพูดจะเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นแหละ

“มึงหมายถึงยอมทิ้งทุกคนเพื่อไอ้ทัชน่ะหรอ”

“ใช่”

“งั้นก็เอาเลยมึง” ไอ้ห่านี่ก็ยุให้กูเอาอยู่นั่นแหละ

“พวกมึงก็รู้ถ้ากูชอบ กูไม่มานั่งคิดอะไรแบบนี้หรอก”

เพราะถ้าผมชอบใครสักคนผมคงไม่ต้องมานั่งเล่าให้เดอะแก๊งฟังแบบนี้ และถ้าผมชอบใครสักคนในสองคนนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมคงหาเหตุผลให้ตัวเองได้ว่าทำไมถึงต้องเป็นคนนั้น ทำไมผมถึงมองข้ามสิ่งที่คนอื่นห้ามผมนักหนา...







ไม่เคยมีใครน่ารักเท่ากับเธอ เจอกี่ครั้งก็ยังละเมอ

ยอมให้เธอได้ทุกอย่าง ให้ฉันรักได้ป่าว~~~

ผมนอนมองเพดานฟังเพลงในมือถืออย่างคนไม่มีอะไรทำ จะเดินก็ไม่ได้เพราะขาข้างที่เจ็บก็ยังไม่หายดี ซ่ากว่านี้คงไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลง่ายๆ แน่

แต่สิ่งที่กวนใจผมตอนนี้ก็คือเรื่องของพี่ไผ่กับพี่ธัญ พี่ไผ่ผมค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรแต่กับพี่ธัญ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่นะ แค่ปั่นหัวผมเล่นงั้นหรอ

“เฮ้ออออ แล้วทำไมกูต้องมาคิดเรื่องพวกนี้ด้วยวะ” ผมทึ้งหัวตัวเอง

ปกติก็ไม่ได้เป็นคนคิดมากนะแต่อยู่ๆ มาคิดมากทำไมวะเนี่ยยย

ผมมองรอบๆ ห้องที่ไม่มีใครนอกจากผมก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองประมาทจนเกิดเรื่องก็ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะเถียงเวลาพี่แทนพูด แถมยังโดนกำชับเรื่องพี่ธัญอีก เรื่องนั้นผมจะไปทำไรได้วะก็เขามาหาผมเองอะ

เป็นคนป่วยนี่มันน่าเบื่อจริงๆ!

กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่สน~~~

เสียงเพลงที่เปิดอยู่ถูกแทนที่ด้วยเสียงริงโทน ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่โต๊ะซึ่งไม่ไกลจากเตียงมากนัก

ผมมองเบอร์แปลกๆ ก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับ”

‘นี่พี่เองนะ’ ผมมองดูหน้าจออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่เบอร์คนรู้จัก ก็ไม่ใช่เบอร์พี่แทนนี่หว่า แล้วพี่ไหนวะ

“ใครครับ”

‘พี่ธัญ’ พอปลายสายพูดชื่อเท่านั้นแหละ ผมก็อ๋อทันที

“เอาเบอร์ผมมาจากไหนเนี่ย”

‘ไอ้ภูมิ ตอนนี้อยู่กับใคร’

“ทำไม จะมาหาผมหรอ” ผมถามกวนๆ

‘ใช่ ไอ้แทนไม่อยู่ใช่ไหม’ ดูเหมือนจะระแวงพี่แทนไม่น้อยเลยแฮะ

“ไม่อยู่ครับ ถ้าอยู่ผมจะคุยกับพี่ได้หรอ”

‘ก็ดี แล้วจะกินไรไหมพี่จะซื้อไปให้’

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ อีกอย่างไม่ต้องมาน่าจะดีกว่านะ” อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะผมว่ามันก็แฟร์ๆ ทั้งสองฝ่าย ควรสงบศึกกันไว้ดีกว่า

‘ทำไม กลัวไอ้แทนบ่นหรอ’ พูดเหมือนถูกบ่นแล้วมันดีเนาะ

“แน่นอนสิพี่ ลองมาโดนบ่นแทนผมไหมล่ะ”

‘ก็ได้นะ’ กวนตีนผมอีกแม่ง ใครจะไปรู้ว่าช่วงนี้จะเปลี่ยนจากแกล้งผมเป็นเอาใจผมชนิดที่ว่าต้องบอกให้พักก่อน

นี่ผมยังคิดไม่ออกเลยนะว่าพี่ธัญมาชอบผมตอนไหน ใครกำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่รึเปล่าวะ

แต่คนที่น่าจะตอบได้ดีที่สุดก็คงเป็นคนในสายนี่แหละมั้ง



สักพักประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับคนที่ผมเพิ่งวางสายไปได้ไม่นาน ในมือพี่ธัญมีของที่ผมชอบอยู่ด้วย

นี่คือผลของการที่บอกไม่ให้มาสินะ

“เบื่อไหม”

“เบื่อดิพี่ อยู่โรง’ บาลนะไม่ใช่ผับจะได้คึกครื้น” พี่ธัญขำผมเล็กน้อยก่อนจะยื่นถุงของกินมาให้ผม แต่ผมมีคำถามซึ่งอยากถามเขามากว่าที่จะมาสนใจของกิน

“พี่ทำดีกับผมทำไม” ไม่เกริ่นหรืออ้อมค้อมให้เสียเวลา เพราะเรื่องนี้ยิ่งยืดเยื้อก็ไม่เกิดผลดีต่อใครทั้งนั้น

“จีบ” สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ

“ทั้งที่พี่มีแฟนอยู่แล้วเนี่ยนะ เอาจริงๆ นะพี่ผมพยายามมองพี่ให้ดีสุดๆ แล้วนะ แต่ผมคิดว่าพี่ก็คงไม่ต่างจากที่ใครเขาพูดกัน”

“ทัชใจเย็นก่อน พี่ไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”

“จะไปรู้กับพี่หรอ” พอผมพูดจบพี่ธัญก็ยิ้มออกมา นี่ผมดูไม่จริงจังขนาดนั้นเลยหรอ

“พี่ไม่ได้มีแฟน ยอมรับก็ได้ว่ามีคนควงแต่ถ้าทัชไม่โอเคพี่จะเลิกคุยให้หมดเลย”

เดี๋ยวนะทำไมพูดเหมือนกับว่าผมไปหึงเขาอย่างนั้นล่ะ ทั้งที่มันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่ ที่ผมจะหมายถึงคือถ้าพี่มีแฟนแล้วก็อย่ามาจีบใครมั่วๆ แบบนี้สิ” ไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างตัวเองกับแฟนของพี่ธัญ

“พี่ไม่มีแฟนนะทัช” พี่ธัญพูดแล้วมองผม สายตาที่ดูเหมือนว่าพูดความจริงทำให้ผมหันไปมองทางอื่น ผมไม่ชินกับสายตาแบบนี้ของพี่ธัญเลยจริงๆ

“เพื่อความสบายใจพี่จะเลิกคุยให้หมดเลย” เพื่อความสบายใจของใครวะ อย่ามาทำเหมือนว่าผมหึงพี่ได้ไหมล่ะ

“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเว้ย”

“ทัชหมายความว่าแบบนั้นแหละพี่รู้” รู้ดี รู้ไปหมด ผมล่ะยอมใจจริงๆ

ผมยัดของกินเข้าปากแก้เซ็งยิ่งเห็นหน้าเจ้าของสิ่งที่กินอยู่ยิ่งเหนื่อยใจ ชีวิตไม่สงบสุขแล้วไอ้ทัชเอ้ย

“อร่อยไหม”

“เริ่มไม่อร่อยแล้วพี่”

“หึๆ ” ช่วงนี้คุณเขาอารมณ์ดีแหละครับ แต่ผมจะเป็นประสาท

“ทัช” ผมมองพี่ธัญ แต่ผมไม่สามารถขานรับได้เพราะตอนนี้ของกินยังเต็มปากอยู่เลย

แต่แล้วก็ไม่มีประโยคใดเล็ดลอดออกมาจากปากคนตรงหน้ามีเพียงรอยยิ้มที่ส่งมาและผมบอกได้แค่ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นของพี่ธัญ

พี่ธัญไม่ยิ้มบ่อยแต่ก็ไม่ใช่คนยิ้มยากขนาดนั้น ไม่มีใครชอบคนที่หน้าตึงตลอดเวลาหรอกครับ ผมก็เป็นแบบนั้น ผมชอบรอยยิ้มมากกว่า

.

.

“ครั้งหน้าไม่ต้องถามอีกแล้วนะว่าพี่ทำไปทำไม ทั้งหมดที่ทำก็เพราะชอบทัชนั่นแหละ”

สักพักประโยคที่ทำให้ของกินแทบจะติดคอผมก็ถูกเอ่ยออกมาจากปากพี่ธัญ

ให้ตายเถอะ ผมอยู่ในจุดที่มีผู้ชายมาบอกชอบซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ได้ยังไง!









….……………………………………………..



“พวกมึงจะมานอนเฝ้ากู? ทุกคนเนี่ยนะ” ผมมองเดอะแก๊งที่พากันหอบข้าวของเข้ามาในห้อง

พวกมึงจะรักกูมากไปรึเปล่า ห้องก็ไม่ได้ใหญ่นะเว้ย

“ก็ใช่ไง นี่เป็นครั้งแรกที่มึงนอนโรง’ บาลหลายวัน พวกกูกลัวมึงเหงา”

“มึงบอกความจริงกูมา”

“พยาบาลน่ารักอ่าา กูอยากเจออีก” ผมแทบจะปาหมอนใส่ไอ้ปาล์มแต่นึกได้ว่าตัวเองพิงอยู่ก็เลยยั้งมือทัน

ผมว่าแล้วไงดูหน้ามันดิ มีความห่วงใยผมซะเมื่อไหร่

“พวกกูก็เป็นห่วงมึงนั่นแหละ ว่าแต่พี่ธัญกับพี่ไผ่จะมาปะ” ไอ้นี่ก็อีกคนหวังมาส่องผู้ชายอีกละ

“พอเลยพวกมึง ว่าแต่นั่นอะไรวะ” ผมชี้ไปยังถุงที่ไอ้ตังถือมา

“อุ้ย ลืมเลย ของฝากจากสาวที่มึงเคยไปม่อไว้ไง”

“ใครวะ”

“พลอย ออกแบบ” ผมอ๋อทันทีที่นึกถึงเจ้าของชื่อ พลอยเป็นคนที่ผมเคยแวะเวียนไปขายขนมจีบอยู่ช่วงหนึ่งแล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปแผนกนั้นอีกเลย ไม่ยักรู้ว่าเธอจะมีน้ำใจซื้อของมาเยี่ยม

หรือว่าจริงๆ แล้วเธอมีใจให้ผมกันแน่นะ

“คิดไปไกลแหละกูว่า เขาแค่เอาของมาเยี่ยมมึงย่ะ” ไอ้ตังดับฝันผมซะไม่เหลืออะไรเลย

ไอ้ตังวางของฝากจากพลอยไว้โต๊ะก่อนที่ผมจะหยิบมันขึ้นมา ข้างในเป็นคุกกี้และมีโน๊ตใบหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย

ข้างในเขียนว่าให้ผมหายป่วยไวๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมา

“กูว่านะ มึงมีแฟนสิจะได้ตัดปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้” ไอ้โก้พูดขึ้น

เรื่องนี้ผมก็คิดๆ อยู่เหมือนกัน

“นั่นดิ พอมึงมีแฟนเขาคงไม่มายุ่งกับมึงแล้วล่ะ” ไอ้โอ๊ตเสริม

“ถึงกูจะเสียดายนะ แต่ที่พวกมันพูดก็ถูกหล่อยังไงถ้าไม่ดีก็ไม่ควรเอานะมึง” ทีเมื่อกี้ยังอยากเจอเขาอยู่เลยนะมึง

“ช่างเรื่องนี้เถอะพวกมึง มาๆ กูเอาของกินมาเพียบ” ไอ้ปาล์มว่าพลางปูเสื่อแล้วจัดการขนของกินออกมา

ถึงขนาดเอาเสื่อเอาที่นอนมาเลยนะ ที่สำคัญคือเอากีตาร์มาทำไมก่อน

“ไอ้โอ๊ตมึงเอากีตาร์มาทำไม”

“ก็เอามาดีดไง มึงจะให้กูเอามาวางของกินหรอ”

“นี่โรง’ บาลนะมึง เขาห้ามส่งเสียงดัง”

“เออว่ะ กูลืมเลยงั้นเก็บไว้ก่อนก็ได้”

ว่าแล้วไอ้โอ๊ตก็เดินมาพยุงผมลงจากเตียง แล้วผมจะนั่งเสื่อยังไงง เจ็บขาเนี่ย

“เดี๋ยวกูแนะนำสาวๆ ให้”

พอจัดแจงทุกอย่างเสร็จไอ้ปาล์มก็พูดขึ้น ผมมองมันพลางยัดของกินใส่ปาก

แต่ผมยังสลัดคำพูดพี่ธัญออกจากหัวไม่ได้เลย จีบผมเนี่ยนะ ต่อให้ตีลังกาคิดก็ยังไม่เห็นถึงความสมเหตุสมผลของเรื่องนี้เลย

“ไอ้ทัช ไอ้ทัช!”

“หะ”

“มึงฟังกูปะเนี่ย”

“ไอ้ปาล์มมึงก็เบาๆ เสียงหน่อย” ไอ้โก้หันไปเอ็ดไอ้ปาล์มก่อนที่มันจะยกมือขึ้นทำท่าโอเค

“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”

“กูบอกว่า พลอยน่าจะสนใจมึงให้มึงลองจีบดูใหม่” ตอนจีบไม่สนใจตอนจะไปมาเสียดายนะคนเรา

แต่ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนสนใจ

.

.

“ไปเจอผู้หญิงบ้างเถอะ กูเริ่มจะคิดแล้วนะว่ามึงชอบผู้ชาย”

เหอะ! จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะผมเนี่ยนะจะชอบผู้ชาย



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 14 : 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-04-2020 01:19:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 14 : 01/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-04-2020 23:30:24
จะเป็นไงต่อละครับทีนี้,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 15 : 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 09-04-2020 18:28:29
Chapter 15
Move



ผมนั่งซ้อนท้ายรถไอ้โก้จนรู้สึกง่วงเพราะไม่ว่าจะขี่วนยังไงก็ยังไม่ถึงที่หมายสักที อีกอย่างท้องไส้มันก็เริ่มประท้วงแล้ว

เมื่อไหร่ถึงว่ะเนี่ย!

“มึงจำทางไม่ได้ใช่ไหมไอ้ตัง” พอจอดรถที่คิดว่าถึงแล้วแต่มันก็ยังไม่ใช่ที่หมาย

ไอ้โก้ถามไอ้ตังเหมือนจะเริ่มหงุดหงิดที่ขี่วนอยู่หลายรอบแต่ยังไม่ถึงสักที

“กะ...กูน่าจะลืมอะ แฮ่”

“ทำไมมึงไม่บอกตั้งแต่แรก พาพวกกูขี่วนทำไมเนี่ย”

“ใจเย็นน่าพวกมึงง กูโทรหาเฮียแปป” ผมว่ามันควรทำแบบนี้ตั้งแต่วนรอบแรกแล้วนะ ปล่อยให้เสียเวลาอยู่ได้ เดี๋ยวก็โมโหหิวกันหมดพอดี

สักพักไอ้ตังก็วางสายพร้อมกับทำท่าโอเค ถ้าครั้งนี้ยังไม่ถึงมึงโดนแน่ไอ้ตัง

จุดมุ่งหมายที่ผมและเดอะแก๊งจะไปก็คือร้านหมูกะทะเปิดใหม่ซึ่งเจ้าของร้านก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่ชายของไอ้ตังที่มันเรียกเฮียเมื่อกี้นั่นแหละ

เหตุผลที่มาคือผมเพิ่งออกจากโรง’ บาลเดอะแก๊งจึงพามาฉลอง เอาง่ายๆ คือต่างคนต่างอยากแดกนั่นแหละที่พาผมมาฉลองนั่นเป็นข้ออ้างชัดๆ

หลังจากที่อยู่โรง’ บาลผมก็รับรู้ถึงความน่าเบื่อที่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียงทั้งวัน ถ้าวันนั้นไม่ประมาทคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ครั้งนี้คงเป็นบทเรียนให้ผมได้ดีทีเดียว

ให้ทายว่าเรื่องนี้โดนพี่แทนบ่นไปกี่วัน ทั้งยังมีเรื่องพี่ธัญกับพี่ไผ่อีกแต่ผมสังเกตได้อย่างหนึ่งจากพี่แทน พี่แทนพุ้งเป้าไปที่พี่ธัญมากกว่าพี่ไผ่อย่างเห็นได้ชัดซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพราะเหตุผลอะไรกันแน่

“ถึงสักที แม่งขี่รถหาร้านจนหิวไปหมดแล้ว” เสียงจากไอ้โอ๊ตทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง

ผมก้าวขาลงรถที่มีไอ้โก้เป็นคนขี่ มันไม่ยอมให้ผมขี่ครับเพราะกลัวว่าผมจะซิ่งอีกจึงได้แต่นั่งซ้อนท้ายอย่างสงบเสงี่ยมจนมาถึงร้านแบบนี้

“นี่ยกพวกมาพังร้านกูหรอ”

“หวัดดีครับเฮีย” พวกผมยกมือไหว้เฮียไอ้ตังอย่างพร้อมเพียง

ภายนอกที่ดูแล้วไม่แตกต่างจากไอ้ตังเพียงแต่สูงกว่า เอาจริงๆ นะถ้าได้ตังมันเป็นผู้ชายก็ดูท่าจะหล่อใช้ได้เพราะเฮียมันก็หน้าตาดีเลยทีเดียวผิดแต่ว่าหนวดที่อยู่บนหน้านั้นทำให้ดูโหดขึ้นมานิดนึง

“แหมเฮีย พูดให้เกียรติหุ่นอันแสนบอบบางของน้องหน่อยสิคะ”

“มึงนั่นแหละตัวดี” ผมแทบขำกับท่าทางจริงจังของเฮีย ส่วนไอ้ตังก็ฮึดฮัดไปตามฉบับของมัน

แต่ตอนนี้ผมรู้สึกหิวมากกกกก

“ว่าแต่ให้พวกผมนั่งโต๊ะไหนอะเฮีย” ผมถาม

“ตามกูมาๆ พวกมึงมาช้ากูจะย่างแดกเองอยู่ละ” อยากจะบอกว่าเป็นเพราะน้องสุดที่รักของเฮียพาหลงนั่นแหละ

พวกผมนั่งโต๊ะที่เฮียจองพร้อมกับตั้งเตาไว้ให้เรียบร้อย แค่เห็นก็อดใจไม่ไหวแล้วว เนื้อที่รักมาให้พี่กินซะดีๆ!

“อันนี้ฟรีปะ”

“ฟรีอะไรยะ ของซื้อของขาย”

“เปิดร้านใหม่ไง ไม่เลี้ยงหน่อยหรอ”

“ไปเคลียร์กับเฮียกูเลยจ่ะ” ผมว่าจ่ายเองน่าจะง่ายกว่าไปเคลียร์กับเฮียแกนะ

ผมลืมบอกไปเลยเฮียไอ้ตังชื่อหมอก ทุกคนคงจำได้ใช่ไหมว่าชื่อเล่นจริงๆ ของไอ้ตังชื่อเมฆ ผมว่าชื่อมันก็เพราะนะแต่อย่างว่าแหละมันคงแมนไปสำหรับมันอะ



หลังจากได้อยู่กับของกินต่างคนก็ต่างก้มหน้าก้มตาจัดการกับเนื้อในจานของตัวเองไม่มีใครสนใจจะคุยกันเลยสักนิด ลักษณะอย่างนี้คือหิวในระดับมากถึงมากที่สุดครับ ผ่านไปสักพักก็จะเกิดอาการรักเพื่อนเริ่มแบ่งอาหารให้กันเพราะมันกินไม่หมด

ตอนนี้ผมก็เริ่มจะสนใจที่จะเงยหน้าดูบรรยากาศในร้านแล้ว คนค่อนข้างเยอะเพราะมันเป็นร้านที่เปิดใหม่ แต่ผมติดใจอยู่อย่างหนึ่งนะว่าร้านจะเปิดเพลงเศร้าอะไรนักหนาวะ นั่งฟังมาหลายเพลงละเนี่ยจะให้ลูกค้าแดกหมูกะทะกับน้ำตารึไง ใครเศร้าๆ นี่คือร้องไห้แล้วนะผมว่า

“กูสามารถบอกเฮียมึงเปลี่ยนเพลงได้ปะวะ” ผมหันไปถามไอ้ตัง

“กูไม่แน่ใจว่ะ กูกำลังสงสัยว่าเฮียแม่งจะโดนเมียทิ้ง” ไอ้ตังมาหันมากระซิบอย่างกับว่าถ้าพูดปกติเฮียมันจะมาได้ยิน

“กูก็รู้สึกเศร้าไปด้วยละเนี่ย”

“แต่เพราะดีนะมึง แบบนี้แหละได้บรรยากาศดี” มันได้จริงๆ หรอวะ

มันก็เพราะนะแต่มันไม่เข้ากับอารมณ์มีความสุขของผมงายยยย

ผมเลิกสนใจเรื่องนี้แล้วคีบหมูเข้าปากพลางมองลูกค้าที่เดินเข้ามาใหม่

“นั่นมันพลอยนี่หว่า” คนที่ทักไม่ใช่ผมแต่เป็นไอ้ปาล์ม

ผมไม่ลังเลที่จะโบกมือเรียกพลอยพร้อมกับเพื่อนของเธออีกสองคน ผมรู้แล้วว่ารู้สึกขาดอะไรไปคงเป็นเพราะที่โต๊ะไม่มีผู้หญิงนี่แหละมันถึงดูกร่อยแบบนี้

“อ้าวทัช”

“หวัดดี มากันสามคนหรอ”

“อื้อ เห็นว่ามีร้านเปิดใหม่แถวนี้เลยลองมาดู” พลอยยิ้มให้ผมอย่างสดใสซึ่งมันก็สดใสจริงๆ ดีกว่านั่งมองหน้าไอ้พวกนี้ตั้งเยอะ

“นั่งด้วยกันไหม” ผมถามซึ่งก็อยากให้นั่งด้วยกันแหละ

พลอยหันไปมองเพื่อนอีกสองคนก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าให้ผม แล้วผมจะรออะไรล่ะครับ

“เฮียต่อโต๊ะหน่อยครับ” ผมตะโกนบอกเฮียแล้วจัดแจงที่นั่งให้สามสาวทันที และแน่นอนว่าพลอยนั่งข้างผม

“ขอบคุณสำหรับของเยี่ยมนะ”

“ไม่เป็นไร แล้วนี่อาการเป็นไงบ้าง”

“ดีขึ้นมากแล้ว แต่ไอ้พวกนี้ยังไม่ยอมให้เราขี่รถอะ” แอบเซ็งที่ไม่ได้ขี่รถนะครับแต่ก็เข้าใจถึงความเป็นห่วงของพวกมันแหละ

“พอสาวมาแล้วลืมพวกกูเลยนะ”

“แดกไปเลยมึงอะ” ผมปาผักบุ้งใส่ไอ้โอ๊ตอย่างนึกหมั่นไส้ ทีเมื่อกี้ก้มหน้าก้มตาแดกนะมึงแล้วตอนนี้ทำมาเป็นสนใจกู

“ตามสบายเลยนะครับสาวๆ มื้อนี้ไอ้ทัชเลี้ยงเอง” หางานขายหน้าให้กูหรอแม่ง

ผมได้แต่หันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับสาวๆ ทั้งสามคน ส่วนของกูยังจะเอาไม่รอดยังจะให้ไปเลี้ยงคนอื่นอีกหรอ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า จะมาให้คนเพิ่งหายป่วยเลี้ยงได้ไงล่ะ” ใช่ที่สุดเลยครับ

“ไอ้โอ๊ตนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเนาะ” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้โอ๊ต มันเบ้ปากใส่ผมแล้วหันไปจัดการหมูในจานต่อ

พอจัดแจงโต๊ะเสร็จเราต่างกินไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ทั้งพลอยและผมดูเหมือนจะคุยกันเยอะกว่าตอนที่ผมไปจีบเธอซะอีก ก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ เธอถึงหันมาสนใจผมได้ แต่มันอาจจะดีก็ได้เพราะตอนนี้ผมก็เริ่มอยากคุยกับใครสักคนแบบจริงจังอยู่เหมือนกัน

พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วหน้าพี่ธัญก็ลอยเข้ามาในหัวจนน่าแปลกใจ แบบนี้ไม่ถูกสิ ทำไมต้องนึกถึงเขาด้วยวะ

“ทัชเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมอยู่ๆ ถึงเงียบไปล่ะ”

“เปล่าๆ ” จะให้ผมบอกพลอยว่ากำลังนึกถึงผู้ชายที่มาจีบก็คงไม่ใช่ละ

“ไม่ให้เราไปส่งแน่นะ” ผมถามพลอยขณะที่พวกเรากำลังจะแยกย้ายกันกลับ

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเรากลับกับเพื่อน”

“งั้นกลับดีๆ นะ” ผมยิ้มให้พลอยกับเพื่อนของเธอก่อนจะโบกมือให้ทั้งสามสาวที่เดินไปยังรถของตัวเอง

“มองๆ ” ไอ้โก้กอดคอผมพลางมองตาม

“อะไรของมึง กลับกันเถอะ”

“เขินหรอ แค่นี้เขิน” ใครบอกว่าผมเขินวะ ผมรำคาญที่มันแซวต่างหาก

“ถ้าเป็นพลอยกูเชียร์นะมึง นิสัยดีอยู่”

ผมก้าวขาซ้อนท้ายรถไอ้โก้ก่อนจะตบหมวกกันน็อคที่มันใส่อยู่เป็นเชิงบอกให้ไปได้แล้ว

ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าอยากหาคนคุยจริงจังแต่ทำไมมันไม่รู้สึกอินด้วยเลยวะ หรือจริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากคุยกับใครแค่อยากหาคนมาเป็นไม้กันหมาแค่นั้นรึเปล่า









….………………………………………………..



“ไอ้ทัชเอาขยะไปทิ้งหน่อย”

“ใช้กู?”

“เออ ใช้มึงนั่นแหละ”

“เออ เดี๋ยวกูไปเดี๋ยวนี้แหละ” พอผมพูดจบเสียงหัวเราะของไอ้โก้ก็ดังตามมา อยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ได้ในเมื่อตอนนี้มีผมว่างอยู่คนเดียว หน้าที่เอาขยะไปทิ้งก็คงไม่พ้นผม

ผมแบกถุงขยะที่ค่อนข้างจะหนักพอสมควรมาทิ้งแต่ก่อนที่จะได้หันหลังกลับก็มีอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากข้างถังขยะ

“เหี้ย!”

“ไม่ใช่เหี้ย นี่คนต่างหาก”

ผมมองพี่ธัญอย่างตกใจที่อยู่ๆ ก็โผล่ออกมา

“พี่มาทำอะไรที่ข้างถังขยะเนี่ย”

“รอทัชไง” ผมควรตกใจอะไรก่อนดีระหว่างพี่ธัญมารอผมกับโผล่ออกมาจากข้างถังขยะเนี่ย

“รอผมทำไม” ผมมองพี่ธัญก่อนจะอดขำไม่ได้ ไหงคุณชายถึงมาป้วนเปี้ยนในที่แบบนี้ได้ล่ะ

“ไปกินข้าวกัน”

“แล้วทำไมต้องมาทำลับๆ ล่อๆ แถวนี้อะพี่” ลงทุนไปรึเปล่าวะ

“พี่เข้าร้านไม่ได้ ไม่รู้รึไงว่าไอ้แทนมันห้ามพี่เข้าร้าน” เดี๋ยวนะ มันต้องขนาดนี้เลยหรอวะ นี่พี่แทนเอาจริงหรอเนี่ย

“พี่ก็เลยต้องมาหลบอยู่ข้างถังขยะเนี่ยนะ”

“ก็เพิ่งมาตอนเห็นทัชเดินออกมานี่แหละ” เอ็นดูความพยายามของพี่เขานะครับแต่ก็อดขำไม่ได้ ภาพวันแรกที่เจอกันกับวันนี้มันช่างต่างกันเหลือเกิน คุณชายที่ดูเหมือนหยิ่งๆ คนนั้นหายไปไหนแล้วนะ

แต่ก็ดีแล้วล่ะพี่ธัญในตอนนี้ดูเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อนแถมยังเข้าหาผมก่อนด้วย แต่จะว่าไปทำไมผมถึงพูดเหมือนจะภูมิใจกันล่ะเนี่ย

“พี่ก็ยังจะมาชวนผมไปกินข้าวอีกเนาะ”

“ก็อยากกินข้าวด้วย”

“ผมไม่ว่าง”

“พี่รู้ว่าทัชว่าง ไปกินข้าวกับพี่เถอะนะ” น้ำเสียงอ้อนแบบนั้นมันอะไรกัน

ไปไม่เป็นเลยกู ช่วยผมด้วยผมต้องโดนผีหลอกแน่ๆ

“เงียบแสดงว่าตกลง พี่จะรออยู่แถวนี้เลิกงานแล้วเจอกันนะ” ตกลงกับตัวเองอีกแล้ว

มัดมือชกสุดๆ

ผมส่ายหัวกับพฤติกรรมของคนตรงหน้าแล้วเดินเข้าร้านไปโดยไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะยิ้มกว้างแค่ไหน

“ไอ้โก้ล่ะครับ” พอเข้าร้านมาผมก็มองหาไอ้โก้ที่เมื่อกี้มันยังใช้ผมอยู่เลย

“ออกไปเมื่อกี้อะ” พี่แนนตอบ

เดี๋ยวนะ ผมมากับมันแล้วมันกลับก่อนคืออะไรวะ

“หมายถึงกลับบ้านหรอพี่”

“ใช่จ่ะ ก็เลิกงานแล้วนี่” ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่าไอ้โก้มันไม่ได้ลืมผมมมม

มึงลืมรึเปล่าว่ากูซ้อนท้ายมึงมาาา

“แล้วทัชจะกลับเลยรึเปล่า”

“กลับได้ไงล่ะพี่ ไม่มีรถเนี่ย”

“อ้าว วันนี้ไม่ได้เอารถมาหรอ” ผมส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ เห็นทีต้องใช้ตัวเลือกสุดท้ายที่เจอข้างถังขยะแล้วล่ะมั้ง







ผมเดินเข้ามาในร้านอาหารอย่างอารมณ์ดีโดยมีคนที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงในวันนี้เดินตามหลังมา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ธัญ คนที่ผมติดรถมากินข้าวแล้วก็จะกลับบ้านด้วย เห็นได้ชัดว่าได้ประโยนช์ทั้งผมและพี่ธัญ

“จะกินร้านนี้จริงๆ หรอ” แน่นอนว่าเป็นคำถามที่คนถามดูอยากให้ผมตอบว่า ไม่ มากกว่าใช่ชะอีก

ร้านที่ผมมาเป็นร้านอาหารอีสานที่มีอาหารอีสานเกือบทุกอย่าง ผมเคยมาลองแล้วบอกเลยว่าแซ่บ

“ผมลืมไปว่าพี่คงกินอาหารแบบนี้ไม่ได้” ผมว่าพลางทำท่านึกขึ้นได้

“จริงๆ ก็…ลองดูก็ได้”

ผมแอบขำกับหน้าตาพี่ธัญปากบอกว่าลองดูแต่สีหน้าคืออยากเดินออกจากร้านมาก

อย่าหาว่าผมแกล้งเลยนะ ผมก็แค่อยากกินร้านนี้จริงๆ อะ อิอิ

“พี่จะกินไร”

“ทัชเลือกเถอะ” พอหาที่นั่งได้แล้วผมก็เตรียมจดเมนูไปให้แม่ครัว ถามคนตรงหน้าก็ไม่ได้รับคำตอบอย่างที่คาดไว้ก็แน่ล่ะพี่ธัญไม่เคยกินอะไรสักอย่างนี่นา

งั้นก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะคัดสรรเมนูที่ผมได้เลือกแล้วว่าอร่อยมาให้พี่ธัญได้ลอง แต่พี่ธัญจะกินได้ไหม อันนี้ก็ต้องรอดูครับ

“ที่จริงเราเปลี่ยนร้านก็ได้นะพี่” ผมแสร้งทำเป็นพูดเห็นใจคนที่นั่งบอกบุญไม่รับอยู่ตรงหน้าทั้งที่ความจริงแล้วจะเปลี่ยนร้านตอนนี้ก็คงไม่ทันเพราะผมเขียนเมนูไปให้แม่ครัวเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ทันแล้วล่ะ”

“ฮ่าๆ ” ผมหลุดขำออกมาทันทีที่พี่ธัญพูดจบ ไม่ใช่อะไรนะผมตลกหน้าตาพี่ธัญว่ะ แม่งเหมือนถูกบังคับมายังไงยังงั้นทั้งที่จริงเขาเป็นคนบอกให้ผมเลือกร้านตามใจผมเองแท้ๆ

ดูสิครับว่าจะอยู่ในโหมดตามใจได้นานแค่ไหน เจอไอ้ทัชสักหน่อยเป็นไง

“นี่จงใจแกล้งพี่หรอ”

“ผมอยากกินจริงๆ เหอะ พี่เป็นคนบอกให้ผมเลือกร้านเองนี่นา นี่ถ้าเป็นพี่ไผ่นะ…” พอผมพูดชื่อพี่ไผ่ตาก็ขวางขึ้นมาทันที

“ไอ้ไผ่ทำไม”

“ไม่บ่นแถมยังบอกว่าอร่อย”

“นี่ทัชเคยมากินร้านนี้กับมันหรอ” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่นทำให้พี่ธัญลุกจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินออกจากร้านจนผมห้ามไว้แทบไม่ทัน

“เห้ย พี่จะไปไหน”

“ไปกินร้านอื่น” ผมนี่แทบกุมขมับเลยครับ

“เมื่อกี้ผมแค่ล้อเล่นนนน” ใช่ครับผมล้อเล่น ก็เคยกินข้าวกับพี่ไผ่แต่ไม่ใช่ร้านนี้และที่พูดเมื่อกี้แค่แกล้งพี่ธัญเฉยๆ ไม่คิดว่าจะจริงจังถึงขนาดลุกออกจากร้านแบบนี้

“ล้อเล่น?”

“อาฮะ”

พอพี่ธัญได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกถึงรังสีอะไรบางอย่างจากพี่ธัญทำให้ผมรีบถอยกลับมาที่โต๊ะ รังสีแห่งการเอาคืนซึ่งเดาไม่ออกเลยว่าจะมาในรูปแบบไหน

“แสบนักนะ” ผมใช้มือบังหน้าตัวเองไว้เพื่อป้องกันแต่กลับรู้สึกถึงแค่สัมผัสของผ่ามือที่ยีหัวผมอยู่

หน้าตาที่เหมือนจะเอ็นดูผมแบบนั้นทำให้ผมไปไม่เป็น ไม่ใช่ความรู้สึกแบบที่พี่แทนทำแต่มันเป็นความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ที่รู้สึกอุ่นใจแปลกๆ ผมคงไม่ได้หวั่นไหวไปใช่ไหม

กลับมาก่อนไอ้ทัช สติๆ

“อะแฮ่ม พี่ธัญอาหารมาละ” ผมหันกลับมาสนใจอาหารที่ทยอยเอามาวางบนโต๊ะ เห็นแล้วหิวเลยครับ มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้น

“มันคืออะไร”

พออาหารครบตามที่สั่งพี่ธัญก็ชี้ไปที่เมนูหนึ่ง ซึ่งผมก็ภูมิใจนำเสนอมาก

“แกงหน่อไม้”

“มันมีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ”

“มีดิพี่ ลองชิมดู” ผมตักแกงจากถ้วยยื่นไปจ่อปากพี่ธัญนั่นก็เท่ากับเป็นการกดดันทางอ้อมเลยก็ว่าได้

และก็เป็นไปตามคาดพี่ธัญไม่ปฏิเสธผม

หลังจากที่ผมป้อนพี่ธัญเห็นได้ชัดว่าพี่ธัญกินทุกอย่างที่ผมสั่งมาได้ ก็บอกแล้วครับว่าอร่อย นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พี่ธัญเคยกินอะไรแบบนี้แต่ก็ถือว่าผมทำได้ไม่เลวนะเพราะดูเหมือนว่าพี่ธัญน่าจะชอบอยู่พอสมควร

ไม่ใช่ไม่กินแต่พี่ธัญไม่เคยกิน และบางสถานที่ไม่ใช่ไม่อยากไปเพียงแต่ไม่เคยไป

บางทีพี่ธัญอาจจะแค่อยากเปิดหูเปิดตาพอดีกับมาเจอผม ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธนะว่าพอเจอพี่ธัญมันก็สนุกดีเหมือนกัน…





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 15 : 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-04-2020 19:00:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

แกพึงใจพี่ธัญแล้วใช่ไหมล่ะ  เจ้าทัช
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 15 : 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 09-04-2020 22:31:46
ก็ถ้าเค้ามาดีก็ดีอยู่หรอก
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 15 : 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-04-2020 00:06:41
555 เอาละสิ ความรู้สึกจะเป็นไงต่อ,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 15 : 09/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-04-2020 23:29:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 16 : 26/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 26-04-2020 22:31:29
Chapter 16
วันนี้คงไม่เหมือนกับเมื่อวาน


ผมมองเลขห้องสลับกับที่อยู่ที่พี่แนนให้มา นี่เป็นลูกค้ารายแรกในสัปดาห์นี้ที่สั่งของจากร้านเพราะส่วนมากก็นั่งกินที่ร้านกันทั้งนั้น

ผมกดออดหน้าห้อง รอสักพักประตูก็เปิดออกพร้อมกับลูกค้าที่แสนจะคุ้นหน้าคุ้นตา

พี่ธัญ อีกแล้วหรอวะ

ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าพี่มันรุกหนักขึ้นทุกที ไปหาผมที่ร้านไม่ได้ก็ให้ผมมาหาเอง ร้ายกาจไม่เบาเลยแฮะ

“มาไวดีนะ อย่างนี้ต้องใช้บริการบ่อยๆ ซะแล้ว”

“แผนของพี่หรอ”

“ถามแบบนี้คิดว่าพี่อยากเจอหน้าทัชหรอ” อ้าว

กวนตีนอีกละแม่ง

“ถ้าคิดแบบนั้นก็ถูกแล้วล่ะ เพราะพี่อยากเจอทัชจริงๆ ” กะอีแค่คำว่าอยากเจอคิดหรอว่าจะทำให้ผมหวั่นไหว เหอะ

ผมแค่ยิ้มเท่านั้นแหละ

“เอาของไปแล้วก็จ่ายตังค์มา ผมจะรีบไปทำงาน”

“เข้ามาข้างในก่อนสิ” ผมจะไม่เข้าไปหรอกครับถ้าไม่มีประโยคถัดมา

“…ไม่งั้นไม่จ่ายตังค์นะ”

มามุขนี้อีกแล้ว

ผมเดินตามพี่ธัญเข้ามาในห้องก่อนจะมองรอบๆ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าต่างจากที่คิดไว้มาก ในความคิดของผมคงจะเป็นห้องที่มีแต่เฟอร์นิเจอร์หรูๆ เหมาะกับลุคคุณชายของเจ้าตัวแต่มันไม่ใช่เลยครับ นอกจากจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรูๆ แบบที่คิดไว้การตกแต่งห้องยังธรรมดาอีก ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะไม่ได้ใส่ใจที่จะตกแต่งมันมากนัก

“เอาของวางไว้แล้วตามพี่มา” ผมทำตามที่พี่ธัญบอกอย่างว่าง่ายแล้วเดินตามออกไปที่นอกระเบียง ตรงหน้าผมคือต้นตะบองเพชรหลายต้นเรียงกันสวยงามแถมยังมีต้นไม้ชนิดอื่นรวมอยู่ด้วย มันเหมือนกับสวนเล็กๆ ไม่มีผิดซึ่งเป็นส่งที่บ่งบอกว่าคนข้างๆ ผมคงจะชอบปลูกต้นไม้แน่ๆ แต่ดูแล้วไม่เข้ากับบุคลิกเอาซะเลยแฮะ

“จำสองต้นนี้ได้ไหม” พี่ธัญชี้ต้นตะบองเพชรสองต้นที่กำลังออกดอกให้ผมดู

กระถางที่เหมือนกับร้านที่ผมเคยซื้อทำให้ผมนึกออกซึ่งมันก็ค่อนข้างผ่านมานานอยู่นะ

“ที่พี่แย่งผมอะนะ”

“เขาเรียกใครไวกว่าคนนั้นได้” แต่ผมเจอก่อนเหอะ

จะว่าไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็รู้จักพี่ธัญมาพอสมควรแล้วแฮะ ไม่น่าเชื่อว่าจะคบกันได้หมายถึงคบเป็นพี่เป็นน้องนะครับ

“แย่งผมชัดๆ ”

“พี่ยกให้ก็ได้นะ” ได้ยินแบบนั้นผมก็หูผึ่งทันที

“จริงหรอพี่”

“แต่ต้องเอาใจมาแลก” เริ่มแล้วครับ เจ้าพ่อมุกเสี่ยวเริ่มมาละ

“ให้ผมควักออกมาตอนนี้เลยไหม”

“ก็ได้นะ รออยู่” ประชดเว้ยยย

แล้วยังมีหน้ามาขำผมอีกได้กวนคนอื่นอารมณ์ดีนักแหละ

“สวยดีอะ ชอบ” ผมเลิกสนใจคนข้างๆ แล้วไล่สายตามองต้นตะบองเพชรไปทีละต้น

แน่นอนครับว่าต้นตะบองเพชรที่บ้านยังไม่มีต้นไหนที่จะมีวี่แววว่าจะออกดอกเลย เศร้าใจจริงๆ ดูของคนอื่นไปพลางๆ ก่อนก็ได้วะ

“ถ้าชอบก็มาบ่อยๆ สิ”

“นี่หลอกผมเข้าห้องหรอ”

“จะมาไหมล่ะ” จะไม่มาก็เพราะเจ้าของห้องนี่แหละ

พี่ธัญยีหัวผมก่อนจะเดินเข้าห้องไป ปล่อยผมให้อยู่กับสวนขนาดเล็กของเขาจนผมลืมไปว่าผมเข้ามาในห้องเพราะอะไร



“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ” พี่ธัญเดินออกมาพร้อมกับประโยคที่มักจะพูดเสมอเวลาเจอผม หน้าผมคงแปะคำว่าเห็นแก่กินไว้เต็มหน้าล่ะมั้งถึงชวนแต่ผมไปกินข้าวอยู่ได้

ผมแบมือตรงหน้าพี่ธัญซึ่งเจ้าตัวก็เอามือวางไว้บนมือผมก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจับมือผมแทน

“ผมไม่เล่นนะ เอาตังค์มา”

“ไปกินข้าวก่อน”

“ผมต้องกลับไปทำงานออกมานานแล้วเนี่ย”

“พี่จ้างต่อ คิดชั่วโมงละเท่าไหร่”

พอพี่ธัญพูดจบผมก็ทำหน้าจริงจังทันที นั่นทำให้พี่ธัญเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกมาก่อนจะทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดแล้วบีบมือผมเบาๆ

“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น”

“ไม่ได้ตั้งใจหรอ พูดมาได้เนาะ” ผมสะบัดมือพี่ธัญออก แต่เมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของพี่ธัญผมจึงพูดต่ออีกว่า

“ถ้าพี่ให้ค่าจ้างถูกผมไม่ไปนะ ค่าตัวผมไม่ใช่น้อยๆ นะบอกไว้ก่อน” พี่ธัญทำหน้างงๆ ก่อนจะยิ้มออกมา

ใช่ครับเมื่อกี้ผมแกล้งเล่น ไปทางไหนก็ได้ตังค์แถมไปกับพี่ธัญยังอิ่มท้องอีกผมว่ามันก็คุ้มดีนะ อิอิ

“งั้นก็ไปกันเถอะ หิวแล้ว” พี่ธัญคว้าข้อมือผมอย่างถือวิสาสะก่อนจะเดินนำผมไป

ผมมองมือพี่ธัญที่จับมือผมอยู่อย่างแปลกใจ แปลกใจที่ตัวเองไม่แม้แต่อยากจะสะบัดมือพี่ธัญออก...







ผมมองคนที่ตั้งใจคีบตุ๊กตาอย่างขมักเขม้นทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะบอกว่ามันไร้สาระก็ตาม กลายเป็นว่าตอนนี้ผมต้องยืนดูเด็กโข่งที่กำลังขมวดคิ้วเมื่อคีบตุ๊กตาไม่ได้สักที

“เมื่อไหร่จะคีบได้สักทีเนี่ย” ผมแกล้งถามพี่ธัญให้หงุดหงิดเล่นๆ เพราะตั้งแต่ที่กินข้าวเสร็จผมก็ลากพี่ธัญมาโซนเกมและก็ไม่คิดเลยว่าจะทำให้คนแถวนี้ติดไปด้วย แถมยังเสียตังค์ไปเยอะกับการคีบตุ๊กตาแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคีบไม่ได้สักตัว

รู้ว่ามีความพยายามนะแต่เสียดายตังค์นี่สิ

“อีกนิดเดียวก็จะได้แล้ว” อีกนิดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

ผมเลิกสนใจพี่ธัญก่อนจะเดินไปเล่นเกมอย่างอื่นแทนเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พี่แกจะคีบได้อะนะ ขืนให้ผมยืนรอคงหลับแหงๆ

การโดดงานของผมไม่มีใครโทรตามหรือถามหาแม้แต่น้อย ไม่มีใครสนใจผมสักนิดไม่ใช่อะไรหรอกครับคงจะชินกับการหายไปดื้อๆ แบบนี้เพราะผมค่อยข้างทำบ่อย เอาง่ายๆ คือเกินเยียวยาแต่พอกลับร้านผมก็เก็บของแทนทุกคนนะถือว่าผมได้ทำงานแล้ว

ยิ่งช่วงนี้พี่แทนมีสอบยิ่งสบายไม่งั้นผมไม่ได้มาเอ้อระเหยกินข้าวกับพี่ธัญอย่างนี้หรอก ท้าทายแบบนี้ผมก็กลัวว่าสักวันพี่แทนจะจับได้อยู่นะ แต่ก็นั่นแหละยังไม่ถึงวันนั้นสักหน่อย

และอย่าถามว่าทำไมผมถึงยอมมากับพี่ธัญทุกครั้งที่เขาเอ่ยปากชวนเพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จะบอกว่าเหงาก็ไม่ใช่เพราะเพื่อนผมก็ออกจะเยอะหรือว่าผมเริ่มหวั่นไหวกับพี่ธัญกันแน่นะ…

“อะ” ตุ๊กตาหมีถูกยื่นมาทางผมพร้อมกับคนถือที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

สีหน้าแสดงความภูมิใจออกมาอย่างชัดเจนคงเป็นเพราะตุ๊กตาที่อยู่ในมือ ในที่สุดก็คีบได้สักทีแต่อย่าถามหาราคาที่จ่ายไปนะครับเพราะมันน่าจะเยอะพอสมควร แต่ก็อย่างว่าคงไม่ทำให้ขนหน้าแข็งพี่ธัญร่วงหรอกออกจะรวยขนาดนั้น

“ให้ผมหรอ”

“ใช่”

“นี่ตัวแรกเลยนะที่พี่คีบได้ เก็บไว้เป็นที่ระลึก” พอเห็นจะได้รู้ว่าเสียไปกับมันเท่าไหร่สินะ

“ตัวแรกก็เก็บไว้เองดิพี่”

พี่ธัญไม่ได้ฟังที่ผมพูดแต่กลับยัดตุ๊กตาใส่มือผมพร้อมกับพูดประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว

“ที่คีบเพราะอยากให้ทัชต่างหาก ไม่ได้อยากเก็บไว้เองซะหน่อย”

“ให้ผมเนี่ยนะ ผมไม่ได้อยากได้สักหน่อย”

“แต่พี่อยากให้ เก็บไว้เป็นที่ระลึกนะอุตส่าห์ได้มาด้วยกันทั้งที” พี่ธัญยิ้มให้ผม

พูดอย่างกับว่าจะไม่ได้มาอีกอย่างนั้นแหละ

ผมมองตุ๊กตาหมีในมือแล้วรู้สึกว่าพอได้ตุ๊กตาที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนคีบเองมันก็รู้สึกดีไปอีกแบบนะ เอาเถอะเก็บไว้ก็ไม่เสียหายนี่น่า

“แล้วพี่จะไปไหนต่อปะ”

“ทัชอยากไปไหน” แล้วก็วกกลับมาถามผมอีกจนได้

“ได้หมด แต่ถ้าพี่ไม่ไปไหนแล้วผมจะกลับร้าน”

“รีบกลับทำไม ช่วงนี้ไอ้แทนมันสอบคงไม่เข้าร้านหรอก” ผมหันไปมองพี่ธัญอย่างนึกสงสัย เรียนคนละคณะไม่ใช่หรอวะไปรู้ได้ยังไงว่าพี่แทนมีสอบ

“พี่รู้ได้ไงอะ”

“รู้อะไร”

“ว่าพี่แทนมีสอบ”

“ช่วงนี้เขาก็สอบกันหมดแหละ” แล้วทำไมคนข้างๆ ผมถึงได้ชิลมาเดินเล่นเฉยเลยล่ะ

“แล้วพี่ไม่อ่านหนังสือกับเขาหรอ”

“อ่านสิ แต่มาหากำลังใจก่อนไง”

“แล้วได้ยัง”

“ได้แล้ว” พอพูดจบก็หันมามองหน้าผมแล้วยิ้มแปลกๆ ผมจะไม่คิดนะว่ากำลังใจที่ว่านั่นคือผม

ผมจะไม่คิด!

“ไม่ถามหน่อยหรอว่ากำลังใจของพี่คืออะไร”

“ไม่ดีกว่า ผมไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่” พี่ธัญมองผมแล้วยิ้มแบบนั้นไม่หยุด แกล้งผมว่ะแกล้งผมแน่ๆ ไอ้พี่ธัญ

เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้ผมสบตาพี่ธัญได้ไม่นานเลยทั้งที่เมื่อก่อนจ้องจนพี่ธัญหลบสายตาไปเอง

มึงหวั่นไหวหรอไอ้ทัช!

“โอเค ไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยากบอกนะว่ากำลังใจพี่คือทัช แล้วก็…ขอบคุณนะที่มาเป็นเพื่อนพี่วันนี้”

“พี่จ้างผมต่างหากเลยมา” อันนี้เรื่องจริงนะ

“เกือบดีแล้วเชียว” ว่าแล้วพี่ธัญก็ทำหน้าเซ็งจนผมหลุดขำออกมา ใช่ครับมันเกือบจะดีแล้วฮ่าๆ

.

.

“ยังไงก็สู้ๆ นะพี่ อ่านหนังสือบ้างก็ดี”

“ระดับนี้ไม่อ่านก็สอบได้ แต่จะอ่านก็ได้เพราะคนแถวนี้บอกให้อ่าน”

ให้ตายเถอะ ดูคำพูดคำจาน่าหมั่นไส้ชิบหาย!







….………………………………………………..



ผมกวาดสายตามองหาคนที่ผมเพิ่งจะวางสายไปได้ไม่นานหลังจากที่เดินเข้ามาในร้านซึ่งเป็นร้านที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่นก็คือร้านของพี่ภูมิ วันนี้ไอ้โก้ไม่ได้ทำงานผมจึงมาคนเดียวอีกทั้งมันก็ค่อนข้างดึกแต่จะไม่มาก็ไม่ได้เพราะคนที่โทรมา ผมก็ไม่สามารถละเลยเขาได้เช่นกัน

“มาคนเดียวหรอทัช” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เจอกับคนที่ผมมาหาพี่ภูมิก็เข้ามาทักพอดี

“ครับ พี่ภูมิเห็นพี่ไผ่ไหมครับ”

“มาหาไอ้ไผ่หรอ”

“ใช่ครับ” พี่ภูมิทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะตอบผม

“อยู่โซนวีไอพีน่ะ” พอได้คำตอบผมก็ก้มหัวแทนคำขอบคุณก่อนจะเดินไปทางโซนวีไอพีทันที

พอเดินมาถึงโต๊ะก็เห็นพี่ไผ่เอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากอย่างกับน้ำเปล่าไม่รู้ว่าหลังจากวางสายผมพี่ไผ่ดื่มไปเยอะเท่าไหร่แล้ว

“พอแล้วครับกลับบ้านเถอะ” ผมแย่งแก้วเหล้าจากมือพี่ไผ่ก่อนที่เจ้าตัวจะได้ดื่มมัน

“ทัชช มาแล้วหรอ” พี่ไผ่ลุกขึ้นพลางเข้ามากอดคอผม

ผมว่าเริ่มจะได้ที่แล้วล่ะ ดูจากสายตาที่ปกติก็หวานอยู่แล้วพอกินเหล้าเข้าไปยิ่งกว่าเดิมอีก

“เดี๋ยวผมพากลับบ้านนะ”

“ดื่มด้วยกานก่อนสิ” ไม่ว่าเปล่าพี่ไผ่ยื่นหน้าเข้ามามองผมใกล้ๆ เมาแล้ววอแวสินะ แล้วผมจะทำไงดีเนี่ย

“แต่มันดึกแล้วนะครับ”

“พี่ไม่อยากกลับบ้าน” พี่ไผ่ผละออกจากผมแล้วนั่งลงตามเดิมแถมยังเปลี่ยนอารมณ์ต่างจากเมื่อกี้คนละขั้วเมื่อพูดถึงบ้าน

ผมพอรู้มาบ้างเรื่องปัญหาของพี่ไผ่ ก็เจ้าตัวนั่นแหละที่เล่าให้ผมฟังซึ่งมันเป็นปัญหาทางบ้านที่ผมไม่คิดว่าคนร่าเริ่งอย่างพี่ไผ่จะมีปัญหาอะไรแบบนี้กับเขาด้วย

ที่ทำอยู่อาจจะทำเพราะปกปิดความรู้สึกของตัวเองแหละมั้งและนั่นก็คือเหตุผลที่ผมทำเฉยไม่ได้เมื่อพี่ไผ่ต้องการความช่วยเหลือ

อย่างน้อยก็อยู่เป็นเพื่อนตอนเขาไม่มีใคร

ผมนั่งลงตรงข้ามพี่ไผ่ก่อนจะสังเกตเห็นมุมปากที่มีเลือดซิบซึ่งคนที่เคยมีเรื่องอย่างผมจะรู้ดีว่ามันไม่ใช่แผลจากการโดนต่อยแต่เป็นแผลจากการโดนตบต่างหาก

“ใครทำอะไรพี่”

“เหอะ จะใครล่ะก็มีคนเดียวนั่นแหละ พี่แค่ไม่ทำตามที่เขาบอกถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือ น่าตลกดีเนาะ” พี่ไผ่แค่นหัวเราะแต่สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

เขาที่พี่ไผ่หมายถึงผมรู้ว่าเป็นใคร และผมก็จะไม่ถามต่อเพราะไม่อยากให้พี่ไผ่รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้

“แล้วพี่มีเพื่อนไหม เดี๋ยวผมพาไปส่งบ้านเพื่อน” พี่ไผ่ส่ายหน้า

ผมหันซ้ายหันขวาพลางคิดว่าจะทำไงดี ให้นอนนี่คงไม่ได้เพราะยังไงร้านก็ต้องปิดแล้วพี่ไผ่รู้จักใครอีกวะ

พี่ภูมิ



กลุ้มใจจริงๆ รัก….

เบอร์ที่ปรากฏอยู่หน้าจอทำให้ผมไม่ลังเลที่จะกดรับ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรปลายสายก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนหงุดหงุดอะไรสักอย่าง

“อยู่ไหน”

“ร้านพี่ภูมิ พอดีเลยพี่ธัญมาช่วยพิ…” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบพี่ธัญก็ตัดสายทันที

อะไรของเขาวะ

แต่เมื่อกี้ผมเกือบจะขอให้พี่ธัญมาช่วยพาพี่ไผ่กลับนี่หว่า คิดได้ไงวะเนี่ยเดี๋ยวก็ได้ตีกันพอดี ดีนะที่พี่ธัญวางสายไปซะก่อน

“พอแล้วพี่ไผ่” ผมพยายามแย่งแก้วเหล้าจากมือพี่ไผ่แต่ก็ไม่สำเร็จ เจ้าตัวกระดกเหล้าในแก้วจนหมดพลางหันมายิ้มให้ผม

“ทัชรู้ไหมม ไม่มีคายยเข้าจายพี่เลยนอกจากทาชช” เสียงเริ่มยานคางบ่งบอกว่าอีกสักพักคงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง คงปล่อยให้พี่ไผ่ดื่มต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว

“งั้นก็ฟังที่ผมพูดนะ เลิกกินแล้วกลับบ้านกันนะพี่ไผ่”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่กลับ!” เสียงตะหวาดของพี่ไผ่ทำให้ผมชะงัก ผมที่ไม่เคยเห็นโหมดนี้ของพี่ไผ่ก็เล่นเอาตกใจอยู่เหมือนกัน

“โอเค งั้นกลับกับผมนะ”

ผมพยายามพูดไม่ให้มีคำที่จะไปสะกิดต่อมความรู้สึกของพี่ไผ่ให้มากที่สุด

พี่ไผ่นิ่งไปทำให้ผมขยับเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นซึ่งพี่ไผ่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่อยู่ๆ พี่ไผ่ก็เข้ามากอดผมก่อนจะเอ่ยขอโทษ

“ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเสียงใส่ทัช” ผมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ แต่ก่อนที่มือของผมจะกอดตอบ พี่ไผ่ก็ถูกมือของใครบางคนกระชากออกไปอย่างแรงจนล้ม

แน่นอนว่าถ้าเป็นเวลาปกติอาจจะไม่ล้มแต่ตอนนี้คือดื่มไปเยอะไง

“ทำอะไรของพี่เนี่ย” ผมหันไปมองคนที่เป็นต้นเหตุ

อยู่ดีๆ ก็เข้ามากระชากคนอื่น แล้วไอ้ท่าทางเหมือนโกรธใครมานั่นคืออะไรวะ

“เป็นไรมากไหมพี่” ผมประคองพี่ไผ่ให้ลุกขึ้น ยิ่งทำให้พี่ธัญไม่พอใจเดินมาผลักพี่ไผ่อีกรอบ จะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะเว้ย

“เป็นเหี้ยไรเนี่ยพี่”

“แล้วทำไมต้องประคองมันด้วย”

“แล้วพี่ผลักพี่ไผ่ทำไม อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาหาเรื่องเนี่ยนะพี่บ้ารึเปล่า”

“ก็ใครใช้ให้มันกอดทัชล่ะ”

พอได้ยินเหตุผลผมแทบอยากจะบ้าตายไม่ดูสถานการณ์เลยว่าเขาทำอะไรกันอยู่ อยู่ๆ ก็โผล่มาฟาดงวงฟาดงากับเหตุผลที่โคตรไร้สาระเนี่ยนะ

“เหอะ อิจฉากูหรออ” พี่ไผ่พยายามทรงตัวไม่ให้ล้มก่อนจะทำหน้ากวนประสาทใส่พี่ธัญ ยิ่งเมาหน้าตายิ่งกวนตีนไปอีกนี่ก็ไม่เจียมตัวเองเลย

ผมควรจะปวดหัวกับอะไรก่อนดีเนี่ย

“พอก่อนครับ พี่ไผ่กลับกันเดี๋ยวผมไปส่ง”

“ทำไมต้องไปส่งมันมาเองก็ให้มันกลับเองสิ” แล้วทำไมต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้นด้วยวะ ผมก็เริ่มจะโมโหแล้วนะไม่รู้อะไรก็มาพาลใส่คนอื่นแบบนี้

“พี่เป็นอะไรนักหนาเนี่ย”

“แล้วทัชเป็นอะไรทำไมต้องไปส่งมันด้วย” ผมว่าพี่ธัญเริ่มพูดไม่รู้เรื่องละ ปกติก็ไม่ค่อยจะฟังอะไรอยู่ละทีนี้ยิ่งแล้วใหญ่

“พี่ธัญใจเย็นก่อนนะ ใจเย็นๆ ” มันอาจจะไม่ได้ทำให้พี่ธัญหายหงุดหงิดแต่อย่างน้อยก็น่าจะยอมฟังผมบ้าง

“ทาชชช” ตอนแรกก็จะฟังผมอยู่แล้วแต่พอพี่ไผ่พุ้งเข้ามากอดผมอีกก็เริ่มเห็นหายนะใกล้เข้ามาลางๆ

โถ่พี่ไผ่ เกือบจะรอดแล้วเชียว

“พี่จะนับหนึ่งถึงสามถ้าทัชยังไม่มีเหตุผลที่ดีพอว่าทำไมถึงอยู่กับไอ้ไผ่ ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”

ทำไมกูต้องมาอยู่ในสถานการณ์อะไรแบบนี้ด้วยวะ

“ทาชเปนห่วงกูงายยย กูสำคัญอิอิ” อิอิ ไม่รู้จักเวล้ำเวลาเลยว่าตัวเองอาจจะโดนตีนอยู่แล้วเนี่ย

“ทัช” นั่นไงโดนอีกกู แล้วเสียงจะเย็นไปไหนน

“พี่ไผ่มีปัญหานิดหน่อยผมเลยมาดู พี่ก็รู้ใช่ปะว่าพี่ไผ่ไม่มีเพื่อนสนิท” ผมพูดความจริงออกไป พี่ไผ่เฟรนลี่ก็จริงแต่ทุกครั้งหรือตอนบังเอิญเจอกันก็มักจะอยู่คนเดียวตลอด

และดูเหมือนพี่ธัญจะเห็นด้วยจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นดีขึ้นแต่อย่างใด

“งั้นมานี่กูจะไปส่ง”

“ม่ายปายย กูจาปายกาบทาชช” พี่ธัญไม่สนเสียงที่เริ่มจะฟังไม่รู้เรื่องของพี่ไผ่ แล้วรีบลากออกจากร้านทันทีโดยมีผมเดินตามมาติดๆ

เอิ่ม ลากแบบลากจริงจังเลยครับ เล่นเอาชะคนโดนลากน่าสงสารเลย

“ทัชรออยู่นี่เดี๋ยวพี่ไปส่งมันเอง”

“ผมไปด้วย” ขืนปล่อยให้ไปด้วยกันพี่ไผ่จะไม่โดนฆ่าทิ้งข้างทางก่อนหรอ

“อยู่นี่แหละ พี่ไม่ฆ่ามันหรอก” เดาความคิดเก่งซะด้วย

“แต่…”

“อย่าเพิ่งหนีกลับก่อนล่ะเดี๋ยวพี่มา” ว่าแล้วพี่ธัญก็ลากพี่ไผ่ไปที่รถโดยไม่มีโอกาสให้พี่ไผ่ได้ขัดขืนแม้แต่นิดเดียวซึ่งรวมถึงผมด้วยที่ไม่มีโอกาสได้ค้านอะไรเลย

ผมมองรถของพี่ธัญเคลื่อนออกจากร้านจนลับตา แล้วผมต้องรอพี่ธัญอีกหรอเนี่ยแต่ถ้าหนีกลับก็คงงานเข้าอะเนาะ

รอก็รอวะ





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 16 : 26/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 27-04-2020 00:13:16
งานจะเข้ารึป่าวนะ,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 16 : 26/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-04-2020 01:03:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอาตาไผ่กลับไปส่งบ้านสภาพนี้  เด๋วก็โดนผู้ปกครองที่บ้านตบอีกหรอก
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 16 : 26/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-04-2020 01:59:11
 :katai2-1:



รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 16 : 26/04/63
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 27-04-2020 22:42:39
ว่านอนสอนง่ายมาก บอกให้อยู่ก็อยู่
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 17 : 16/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 16-05-2020 19:59:48
Chapter 17
Thay'Part


ผมมองไอ้นักแสดงระดับรางวัลตุ๊กตาทองที่กำลังทำหน้าตามีความสุขจนผมอยากจะถีบมันลงจากรถซะให้รู้แล้วรู้รอด

ฉากเมาเหล้าในร้านไอ้ภูมิเมื่อกี้สมจริงจนทำให้ทัชเชื่อและผมก็เกือบจะเชื่อไปแล้วว่ามันเมาจริงถ้ามันไม่ทำหน้าสะใจตอนทัชตำหนิผม

ตอนนั้นผมแทบจะเข้าไปชกหน้ามันให้หายหงุดหงิดแต่ยังดีที่ยั้งมือตัวเองไว้ทัน เพราะแค่ผมผลักมันทัชก็ปกป้องมันขนาดนั้นถ้าผมชกมันคงโดนทัชด่าแน่ๆ

“มึงไม่น่ารีบมาเลยว่ะ ทัชจะไปส่งกูอยู่แล้วเชียว” คิ้วผมกระตุกทันทีที่ได้ยินมันพูด

“มึงจงใจเรียกทัชออกมา?”

“อาฮะ ตอนแรกคิดว่าทัชจะไม่มาแต่ผิดคาดว่ะ ทัชเป็นห่วงกูกว่าที่คิด” มันตั้งใจพูดใส่ผมทั้งทำหน้าเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“มึงต้องการอะไร”

“ทัชไง ยังต้องถามอีกหรอ”

“มึงไม่ได้ชอบทัชไอ้ไผ่” แววตามันมีแต่ความสนุกที่ได้กวนประสาทผม และผมหมั่นใจว่ามันไม่ได้ชอบทัชแน่ๆ แค่หาอะไรทำฆ่าเวลา ยิ่งเป็นคนที่ผมชอบแล้วยิ่งไม่ต้องหาเหตุผลเลยว่าทำไมมันถึงมาวนเวียนอยู่แบบนี้

มันอยากเอาชนะผม

“แล้วมึงชอบหรอ”

“ชอบ”

“ว้าว นับว่าผิดจากสเปคที่มึงเคยคบเลยนะ”

ไอ้ไผ่ทำหน้าเหมือนแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้นซึ่งมันดูไม่มีความจริงใจเลยสักนิด แต่ผมก็ลืมไปว่ามันเรียนนิเทศที่ดูจะเรียนได้ดีในวิชาการแสดงซะด้วยสิ

“งั้น…เรามาตกลงอะไรกันแบบจริงจังดีมะ” ไอ้ไผ่ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยักคิ้วซึ่งดูแล้วสิ่งที่มันจะพูดต่อจากนี้คงไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผมแน่ๆ

แต่ผมมีทางเลือกหรอนอกจากสู้กับมันจนกว่ามันจะยอมแพ้ไปเอง

“จะตกลงอะไรก็ว่ามา”









“พี่ไม่ได้ทำอะไรพี่ไผ่ระหว่างทางใช่ปะ” พอผมมาถึงร้านไอ้ภูมิไอ้ตัวแสบก็ถามผมทันที ไอ้ท่าทีดูเป็นห่วงไอ้ไผ่แบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ

ไอ้ไผ่มันทำให้ทัชเป็นห่วงมันขนาดนี้ได้ยังไง

“พี่ธัญ ฟังผมอยู่ปะเนี่ย” แรงเขย่าที่แขนทำให้ผมหลุดจากความคิดตัวเอง

“ไม่ได้ทำอะไรหรอกน่า เห็นพี่เป็นคนยังไง”

“พาล”

“ว่าไงนะ”

“พาลไง” ทัชย้ำอีกครั้งทั้งทำหน้าตาเหมือนตำหนิผมอยู่ในที

ก็ตอนที่ผมเห็นไอ้ไผ่กอดทัชผมนึกว่ามันตั้งใจกอดไง แต่มันก็ตั้งใจจริงๆ นั่นแหละดีเท่าไหร่ที่ผมแค่เข้าไปกระชากมันออกมา

“แล้วผมกลับบ้านได้ยัง”

“ทีเมื่อกี้ไม่เห็นรีบ”

“นี่พี่จะให้ผมรอแค่จะกวนประสาทผมหรอ” แค่อยากยืดเวลาให้ได้อยู่ด้วยนานๆ แค่นั้นเอง

ยิ่งเป็นคนที่ไม่ใช่จะไปหาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่จริงผมคิดว่าไอ้แทนมันรู้ว่าผมแอบไปเจอน้องมันแต่มันยังนิ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้

“เข้าไปข้างในก่อนไหม”

“พรุ่งนี้ผมมีเรียน จะกลับไปนอน”

“มีเรียนแล้วยังมาหาไอ้ไผ่เนี่ยนะ”

“พี่ธัญ” ทัชจ้องผมด้วยสายตาจริงจังซึ่งทำให้ผมรู้ตัวว่าเผลอหงุดหงุดใส่น้องอีกแล้ว

“โอเค ไม่พูดแล้วครับ งั้นพี่ไปส่งที่บ้านโอเคไหม” ผมใช้น้ำเสียงที่รู้สึกว่านุ่นนวลที่สุดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทัชคล้อยตามได้เลย

“ผมเอารถมา”

“ขับตามไปส่งไง”

“พี่เป็นอะไรนักหนาเนี่ย”

“เป็นห่วง กลัวเกิดอุบัติเหตุเหมือนตอนนั้นไง” คราวนี้ทัชไม่ได้เถียงอะไรกลับมา อุบัติเหตุตอนทำให้ทัชก็ไม่ได้ขี่มอ’ ไซด์เป็นอาทิตย์เลยทีเดียว

“ก็ได้”

เอาเข้าจริงก็ปฏิเสธผมไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละไอ้ตัวแสบบ





ผมลงจากรถแล้วเดินเข้าไปข้างในบ้านของทัชกับเพื่อนๆ ที่ครั้งหนึ่งผมเคยมาแล้วถูกไล่อย่างไม่ใยดี แต่ครั้งนี้ผมเข้ามาโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านจริงๆ ซึ่งมันก็รู้สึกดีไม่น้อยเลยนะ

“ส่งผมแค่นี้ก็พอแล้ว” แต่ถึงยังไงก็เข้ามาได้แค่พ้นรั้ว แต้มบุญคงมีแค่นี้จริงๆ

“งั้นพี่ไปแล้วนะ ฝันดีครับ” ผมยิ้มแล้วบอกฝันดีทัช มองหน้าอีกคนสักพักก็ไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะตอบกลับมา ผมจึงเตรียมหันหลังกลับแต่ก็ได้ยินประโยคหนึ่งจากทัช

“ฝันดีครับ ขับรถกลับดีๆ ล่ะ” ทัชโบกมือให้ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

แน่นอนว่าคืนนี้ผมต้องฝันดีอยู่แล้วล่ะ







….………………………………………………



“มึงมาบ้านกูทำไมเนี่ย”

ผมไม่สนใจคำถามของไอ้โซแต่เดินเข้ามาในบ้านอย่างกับเป็นบ้านของตัวเอง จุดมุ่งหมายที่ผมมาคือห้องครัวบ้านไอ้โซ

“ขอยืมใช้ห้องครัวหน่อยนะ”

“ขนาดนี้ก็ไม่ต้องยืมแล้วมั้ง”

ผมจัดการวางของที่เตรียมมาแล้วเช็คดูว่ามีอะไรขาดไปบ้างหรือเปล่า วันนี้ผมไม่มีเรียนจึงถือโอกาสมาทำขนม ใช่ครับได้ยินไม่ผิดหรอกผมกำลังจะทำขนมถามว่าทำเป็นไหมก็ไม่หรอกครับ แต่แค่เข้ายูทูปก็ทำได้ละส่วนเรื่องความอร่อยค่อยว่ากันอีกที

“นี่มึงอย่าบอกนะว่า มึงจะทำขนม” ผมพยักหน้าให้ไอ้โซ

ที่ผมต้องหอบของมาทำที่บ้านไอ้โซเพราะที่คอนโดไม่มีอุปกรณ์สำหรับทำขนมเลย ผมอยู่คอนโดก็จริงแต่ก็ออกไปข้างนอกบ่อยจนเรื่องที่คิดจะเข้าครัวไม่ได้อยู่ในหัวเลยสักนิด

“มึงไม่สบายหรืออะไรเข้าสิงมึงเนี่ย ไม่ได้การละกูต้องโทรบอกไอ้ภูมิ”

ไม่แปลกที่ไอ้โซมันจะพูดอย่างนั้นเพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่พอคิดถึงตอนที่ทัชกินของอร่อยๆ ผมก็อยากทำให้น้องกินเองซะงั้น

ผมยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเปิดยูทูปดูวิธีทำขนมอีกครั้ง ถึงจะเพิ่งทำเป็นครั้งแรกแต่อย่างน้อยมันก็ต้องกินได้แหละน่า

“เดี๋ยวไอ้ภูมิมันมา”

“มาดูอะไร ละครลิงหรอ”

“เออ มาดูลิงแบบมึงนี่แหละคุณธัญ แล้วนี่ทำไร”

“ดูวิธีทำไง”

“ให้กูช่วยไหม”

“ไม่ต้อง” ผมตอบแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เอาไปให้คนสำคัญผมต้องเป็นคนทำเองทั้งหมดสิ

“งั้นก็ตามใจ อย่าทำครัวกูพังแล้วกันขี้เกียจแก้ตัวกับแม่”

เสียงไอ้โซเงียบลงสงสัยมันคงออกไปแล้ว ส่วนผมก็เตรียมอุปกรณ์จัดแจงสัดส่วนผสมให้ครบ

แล้วก็…ได้เวลาลงมือทำสักที!

ผมใส่ส่วนผสมลงในภาชนะแล้วคนตามวิธีที่ดูเขาสอนมา เมนูที่ผมทำอย่างแรกคือคุกกี้เมนูที่สองคือชีสพาย ผมเลือกทำสองอย่างนี้เพราะเห็นทัชชอบกินอยู่บ่อยๆ แอบกินของในร้านตัวเองนั่นแหละครับ

การทำคุกกี้ไม่ยากเท่าไหร่แต่ชีสพายผมไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไง อาจจะต้องมองข้ามเรื่องหน้าตาไปแล้วเน้นแค่รสชาติหรือบางทีรสชาติอาจจะใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

ไม่ได้สิผมควรให้กำลังใจตัวเองนี่หว่า



พอทำทุกอย่างเสร็จแล้วผมก็นำคุกกี้ที่เป็นรูปร่างตามแบบตัวกดแบบพิมพ์ที่ผมซื้อมาเข้าไปในเตาอบ จากนั้นก็รอเวลาตามที่ตั้งไว้ แต่งานของผมยังไม่เสร็จเท่านี้ยังมีเมนูเหลืออยู่หนึ่งอย่าง

“โอ้โห้ จะกินได้ปะเนี่ย”

เสียงที่ไม่ใช่เสียงไอ้โซดังขึ้น ผมหันไปมองไอ้ภูมิที่ยืนพิงประตูมองผมอยู่ก่อนแล้ว

“ความรักนี่มันทำให้คนทำได้ทุกอย่างจริงๆ ว่ะ กูต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกปะไอ้ธัญมันเข้าครัว”

“กูถ่ายไว้ละ”

“ออกไปเลยกูจะทำขนม”

“นี่บ้านกูรึเปล่า” เป็นเจ้าของบ้านผมก็ไล่ได้นะ

“ทำถึงไหนละ” ว่าแล้วไอ้ภูมิก็เข้ามาดู ไอ้โซก็เดินตามเข้ามาด้วย

“คิดไงถึงทำขนมวะ”

“ก็เด็กมันอยากกินไง” ไอ้โซว่า

“กูก็อยากกินนะ”

“ไปหาซื้อกินเองสิ” ผมว่าพลางใส่ส่วนผสมไปด้วยเดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันตอนทัชเลิกเรียน ถ้ามัวแต่สนใจไอ้สองตัวนี้

“แบ่งจากที่มึงทำให้กูไม่ได้หรอ”

“ไม่ได้ เพราะมันไม่เหลือ”

ไอ้ภูมิไม่ได้พูดอะไรต่อแต่หันไปหัวเราะกับไอ้โซแล้วมองผมอีกครั้ง จะมองอะไรนักหนาวะ

“เสร็จแล้วออกมาคุยกับกูด้วยนะ มีเรื่องจะคุยด้วย”

ผมพยักหน้าให้ไอ้ภูมิถึงจะสงสัยว่ามันจะคุยเรื่องอะไรแต่เอาไว้ก่อนเพราะสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่สำคัญกว่า





ผมเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมขนมที่จัดใส่กล่องเรียบร้อยเตรียมเอาไปให้ทัช

“ดูมีความสุขนะมึง”

“มีอะไรจะคุยก็ว่ามา กูรีบ”

“เดี๋ยวนี้รีบเก่งนะ”

ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้โซจากนั้นไอ้ภูมิก็เปิดบทสนทนาพร้อมกับทำหน้าจริงจัง

“มึงระวังไอ้ไผ่กับไอ้แทนไว้ด้วยนะ”

แน่นอนว่าผมระวังสองคนนั้นอยู่แล้ว แต่ที่ผมไม่ค่อยไว้ใจคือไอ้แทนที่มันเงียบจนน่าแปลกใจทั้งที่ตอนนั้นมันพูดอย่างกับจะไม่ให้ผมเจอทัชอีก แต่นี่ผมยังเจอทัชได้ตามปกติอยู่เลย

“ให้กูแน่ใจก่อนแล้วจะบอก”

“มึงตามสืบเรื่องไอ้ไผ่กับไอ้แทนหรอ” ไอ้โซถาม

“อืม กูสงสัยอะไรนิดหน่อย”

“งั้นฝากด้วยแล้วกัน กูไปละ” ผมว่าแล้วลุกขึ้นแล้วเดินออกมาทันที เวลานี้เป็นเวลาเลิกเรียนของทัชพอดี ผมต้องเอาขนมไปให้น้อง

“ดูมัน ไม่สนใจกูอีกละ”

...โดยไม่สนเสียงบ่นตามหลังของไอ้ภูมิ







ระหว่างทางขับรถไปหาทัชที่วิลัยผมก็คิดเรื่องไอ้ไผ่กับไอ้แทนไปด้วย มันต้องมีอะไรมากกว่าที่ผมคิด จุดประสงค์ของไอ้ไผ่ผมรู้แล้วว่ามันทำไปเพื่ออะไรแต่ไอ้แทนนี่สิจะบอกว่าเพราะติดสอบเลยไม่ได้มาสนใจทัชก็ไม่ใช่เพราะมันดูไม่ใช่คนที่พูดแต่ปากเท่าไหร่ มันคิดจะทำอะไรกันแน่

แต่ระหว่างนี้ผมต้องเร่งทำคะแนนแบบสุดๆ และที่สำคัญผมไม่ยอมให้ไอ้ไผ่อยู่กับทัชสองต่อสองแน่!

ผมจอดรถอีกฝั่งหวังว่าจะเดินข้ามไปหาทัชแต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับคนที่ผมมาหา สีผมที่โดดเด่นเห็นไกลๆ ก็จำได้ แต่ขาที่กำลังจะก้าวไปกลับชะงักเมื่อทัชเดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีเพื่อนเดินตามออกมาด้วย รอยยิ้มกว้างที่ยิ้มให้คนข้างๆ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า ทัชมีแฟนแล้วงั้นหรอ

ความคิดที่จะเอาขนมไปให้ทัชกับต้องยุติลง แล้วลองคิดทบทวนที่ผ่านมา

ผมเข้าใจมาตลอดว่าทัชไม่มีแฟนเวลาผมเจอทัชก็อยู่กับเพื่อนตลอด หรือว่าจะเป็นคนที่กำลังคุยๆ กันอยู่

จะยังไงก็ช่างเถอะ ขนมที่ผมทำมาต้องถึงมือน้องอย่างแน่นอนแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ดูจากรถที่ขี่ออกไปผมคงให้ตอนนี้ไม่ทันแล้ว

ผมเดินกลับมารถแล้วขับตามรถของทัชไปทันที ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมขับตามทัชแต่อาจจะหลายครั้งเลยด้วยซ้ำ เพราะบางทีมันต้องไปเห็นกับตาถึงจะสบายใจ



ทัชจอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นบ้านของน้องผู้หญิงที่ซ้อนท้ายกันมา ก่อนจะเข้าบ้านทัชก็ถอดหมวกกันน็อคให้น้องคนนั้น

บริการดีจังเลยแฮะ

แน่นอนว่าผมไม่เคยมีโมเม้นแบบนี้ ไอ้มองหน้าแล้วยิ้มหวานเยิ้มนั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้

ผมได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างนึกหงุดหงิดในใจ

สักพักทัชก็โบกมือเป็นเชิงบอกลาแล้วขี่รถออกไป ผมก็ขับรถตามไปเหมือนเดิมซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่าจุดหมายปลายทางทัชจะไปที่ไหน

แต่ก็เดาได้ไม่ยากหรอกถ้าไม่กลับบ้านแล้วจะไปไหน

แล้วก็เป็นตามที่คิดไว้ทัชขี่รถเข้าบ้านโดยที่ไม่ได้เอ๊ะใจว่ามีรถของผมขับตามมา ผมจึงบีบแตรเพื่อให้ทัชรู้ตัวแล้วเปิดประตูลงจากรถโดยไม่ลืมหยิบถุงขนมที่เตรียมไว้ออกมาด้วย

“อ้าว พี่ธัญ มีอะไรรึเปล่าครับ” ทัชเปลี่ยนจากเดินเข้าบ้านเป็นเดินออกมาหาผม

“พี่ทำขนมมาให้”

“พี่ทำ?” ทัชทำหน้าแปลกใจสุดขีดเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น

อาการเดียวกันกับไอ้โซไม่มีผิด

“ทำไมต้องทำหน้าแปลกใจขนาดนั้น”

“ก็พี่ทำไง” ทัชรับถุงขนมจากผมทั้งยังทำหน้าแบบเดิม

“จะกินได้ใช่ปะพี่” ทัชมองถุงขนมในมืออย่างไม่ไว้ใจ

ตอนผมชิมผมก็ว่ามันกินได้นะ อืม คงได้แหละ

“พี่มีเรื่องจะถาม”

“อะไรอะพี่” ทัชเงยหน้าจากถุงขนมขึ้นมามองผม

“ทัชมีแฟนรึยัง”

“พี่มาถามเอาทำไมตอนนี้” ทัชหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลก ซึ่งผมไม่ได้ตลกด้วยนะ

“โถ่พี่ พี่เห็นผมไปยุ่งกับใครหรอก็มีแต่พี่เนี่ย” แล้วผู้หญิงคนที่ไปส่งคือใคร

นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะถามแต่ทัชดันพูดขึ้นมาก่อน

“แต่ก็มีคุยๆ นะพี่ ก็เป็นเรื่องปกติของคนหล่อปะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ขยิบตาให้ผม

งั้นแสดงว่ากำลังคุยกันอยู่สินะ คู่แข่งมีทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายดูแล้วท้าทายดีนะ แต่ทำไมมันดูวุ่นวายแบบนี้วะเมื่อก่อนไม่เห็นจะมีอะไรยุ่งยากแบบนี้เลย พอมาเจอคนที่อยากอยู่ด้วยจริงๆ อะไรๆ มันก็ยุ่งยากไปหมด

นี่ล่ะมั้งที่เขาว่า ถ้าอะไรที่ได้มาง่ายๆ มันก็คงไม่มีค่าอะไร

“พี่จีบทัชแต่ทัชกลับไปจีบคนอื่น ใจร้ายกับพี่ชะมัด”

พอผมพูดแบบนั้นทัชก็เงียบทันที ผมพูดให้น้องรู้สึกแย่รึเปล่านะยิ่งปากไวอยู่ด้วย

“พี่ล้อเล่นน่ะ ตราบใดที่ทัชยังไม่มีแฟนพี่ก็ไม่ยอมแพ้หรอก”

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกพี่…เรื่องของเราอะ”

จากสถานการณ์แบบนี้มันก็คิดได้ทางเดียวแบบที่ทัชคิดนั่นแหละ แต่สำหรับผม…

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกทัช” จนกว่าจะมีอะไรที่ทำให้ผมยอมรับว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ผมถึงจะยอมแพ้ซึ่งตอนนี้มันก็ไม่มีคำนี้อยู่ในหัวแม้แต่น้อย

ถ้าผมจะสู้เพื่อความรักสักครั้งมันคงไม่ทำให้ผมเสียเวลาหรอก เพราะไม่รู้ว่าจะเจอคนที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้อีกไหมหรือมันอาจจะไม่มีแล้วก็ได้

ทัชไม่ใช่คนที่จะอยู่ในสายตาผมด้วยซ้ำแต่พอได้รู้จักผมก็ต้องคิดใหม่ ผมควรเปิดใจกับสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัสบ้างซึ่งมันก็ทำให้ผมยังอยู่ตรงนี้

ทัชอาจจะดูธรรมดาแต่ผมชอบในความธรรมดาของเขา…



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 17 : 16/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-05-2020 20:32:11
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 17 : 16/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-05-2020 22:10:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 18 : 18/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 18-05-2020 18:21:30
Chapter 18
วันว่างๆ


วันนี้เป็นอีกวันที่ผมและเดอะแก๊งมาเตะบอลที่วิลัยตอนเย็น แต่จะมีคนหนึ่งที่มานั่งดูเฉยๆ ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ตัง จะพิเศษหน่อยก็ตรงที่วันนี้พลอยมาดูพวกผมเตะบอลด้วย

“แม่งวันนี้ไอ้ทัชมาว่ะ สงสัยได้กำลังใจดี” เพื่อนในทีมแซวผมก่อนจะหันไปมองพลอยที่นั่งอยู่ข้างสนาม

นอกจากเดอะแก๊งแล้วก็มีเพื่อนในแผนกที่มาเตะบอลด้วยกันบ่อยๆ วันไหนไม่ได้ทำงานผมก็จะมาเตะบอลบ้าง เที่ยวบ้างตามประสา

“สรุปคบกันหรอวะ” เพื่อนคนหนึ่งถาม

“เสือกว่ะ” ผมพูดก่อนจะทำหน้ากวนๆ ใส่มัน

“อ้าว ไอ้เหี้ยนี่” ผมขำกับหน้าเหวอๆ ของมันที่ได้ยินผมตอบไปแบบนั้นก่อนจะวิ่งออกจากสนาม

ช่วงพักก็ต้องมาขอกำลังใจกันหน่อยครับ

“เก่งมากเลยทัช ยิงเข้าตั้งสองลูก” พลอยยกนิ้วโป้งให้ผมแล้วยื่นน้ำเปล่ามาให้

“ก็กำลังใจดีนี่ครับ”

“แหมมม ให้มันน้อยๆ หน่อยย่ะ”

“อ้าว มึงอยู่ตรงนี้ด้วยหรอ” ผมทำท่าเหมือนกับว่าเพิ่งเห็นว่าไอ้ตังนั่งอยู่ตรงนี้

“อยู่นานแล้วย่ะ” ไอ้ตังเบ้ปากใส่ผม แต่มีหรือที่ผมจะสนใจ

“ไอ้ตังงงงงง ขอน้ำหน่อย” เสียงไอ้ปาล์มดังมาแต่ไกล ตามด้วยเพื่อนคนอื่นๆ ที่เดินตามหลังมา

“หาแดกเองย่ะ” ว่าแล้วไอ้ตังก็ลุกขึ้นถือขวดน้ำเดินไปให้ไอ้โก้ บุคคลที่ไอ้ตังพร้อมจะบริการให้ถึงที่

“แล้วนี่จะเตะต่อไหม” พลอยหันมาถาม

“ต่อปะ” ผมหันไปถามเพื่อนคนอื่นๆ จริงๆ พวกผมก็เตะบอลกันมาสักพักใหญ่แล้วล่ะ

“กูมีธุระว่ะเดี๋ยวจะกลับแล้ว”

“ไว้วันหลังจะมาแก้มือ” เพื่อนในแผนกอีกคนพูดพลางเดินไปเก็บของ คนไม่ครบทีมมันจะไปสนุกได้ยังไงล่ะครับ

“ไว้ว่างๆ เดี๋ยวมาเตะด้วย”

“เออๆ ไว้เจอกัน” ผมว่าพลางโบกมือให้เพื่อนในแผนกที่กำลังจะกลับ

“เจอกัน”

“แล้วเราเอาไงต่อวะ” เมื่อเพื่อนคนอื่นกลับกันแล้วก็เหลือเพียงเดอะแก๊งของผมที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อ

“ตอนเย็นเราทำอาหารกินดีปะ ชวนพลอยไปด้วย” ไอ้ปาล์มเสนอ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดูเหมือนจะเข้าทางผมสุดๆ

“ซื้อของมาทำกินหลายๆ คนก็น่าสนุกดีนะ” ไอ้โอ๊ตเสริม

“ว่าไงครับพลอย กินข้าวเย็นด้วยกันไหมเดี๋ยวตอนกลับทัชจะไปส่ง”

“ก็ได้นะ น่าสนุกดี”

“มีอะไรน่าสนุกหรอครับ ขอพี่ไปด้วยคนสิ” เสียงร่าเริงของใครบางคนทำให้พวกผมหันไปมอง และคนที่ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่กลับกำลังยิ้มให้พวกผมอยู่

พี่ไผ่

โอเค พี่ไผ่มาผมไม่แปลกใจเท่ากับพี่ไผ่เดินมากับพี่ธัญ ประเด็นคือมาด้วยกันได้ไงวะเนี่ย

ทั้งสองคนเดินมาหาพวกผมถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่อยากมาด้วยกันก็เถอะ

“มาได้ไงอะพี่”

“พอดีพี่ไปหาทัชที่บ้านไม่เจอเลยมาหาที่นี่”

“แล้ว…” ผมมองไปทางพี่ธัญที่ยืนหน้านิ่งไม่สนใจจะพูดอะไรสักอย่างทั้งยังเอาแต่จ้องผมไม่วางตา

“อ๋อ เจอกันที่บ้านทัชน่ะเลยมาด้วยกัน” แล้วมาด้วยกันแบบนี้ไม่ตีกันหรอหรือว่าตีกันก่อนหน้านั้นแล้ววะ

“จะไปไหนกันต่อครับ” น้ำเสียงดูใจดีเปล่งออกมาทั้งที่ใบหน้ายังคงนิ่งเหมือนเดิม

“พวกเราว่าจะไปซื้อของมาทำอาหารเย็นนี้ค่ะ พวกพี่สนใจมากินด้วยกันไหมคะ” นั่นไง ชวนใครไม่ถามความคิดเห็นคนอื่นเลยไอ้นี่

ผมหันไปสะกิดไอ้ตังซึ่งมันก็ไม่ได้สนใจผมเลยสักนิด ถ้าสองคนนี้อยู่ด้วยกันมันจะน่าปวดหัวแค่ไหนมึงรู้รึเปล่าเนี่ย

“ได้หรอครับ งั้นพี่ขอเป็นลูกมือนะ”

พี่ไผ่ผู้ไม่เคยปฏิเสธใครตอบรับอย่างไวแถมท่าทางดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ

“แล้วพี่ธัญล่ะคะ”

“ขอฝากท้องด้วยนะครับเย็นนี้”

เหอะ มึงทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่าไอ้ตังงงงงง พาเสือสองตัวเข้าบ้านมึงคิดว่ามันจะสงบไหม!

“งั้นเราไปซื้อของกันเถอะ เดี๋ยวกูไปกับพลอย”

“พี่ว่าให้สาวๆ ไปรอที่บ้านก่อนดีกว่านะ” พี่ไผ่เสนอ

สาวๆ ที่ว่าก็มีแต่พลอยนี่แหละครับส่วนไอ้ตังไม่นับ

“เอางี้ กูจะไปซื้อของกับไอ้ปาล์ม พวกมึงไปรอที่บ้านกันเลยรวมทั้งพวกพี่ด้วย” ไอ้โก้สรุป

“กูไปกับมึงดีกว่า ให้ไอ้ปาล์มมันกลับไปเตรียมของ” ไอ้โอ๊ตบอก พวกผมจึงพยักหน้าตกลงตามนั้นแล้วก็เดินไปหารถที่จอดอยู่ไม่ไกล

“นั่นใครหรอทัช” พลอยถามขณะเดินมาถึงรถ

“อ๋อ เพื่อนที่มหาลัยของพี่เราน่ะ”

“ทัชสนิทกับพี่ๆ เขาหรอ”

ผมหันไปมองพี่ธัญกับพี่ไผ่ที่เดินตามหลังแล้วหันกลับมาตอบพลอย

“ก็สนิทนะ”

ก็เรียกว่าสนิทได้เต็มปากเต็มคำแล้วล่ะครับ







“นั่นเพื่อนหรอ” พอมีโอกาสได้อยู่สองคนพี่ธัญก็ถามผมทันที

“ใคร”

“น้องผู้หญิงคนนั้น” ผมมองพี่ธัญที่กำลังมองผมอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมว่าพี่ธัญก็น่าจะรู้แล้วแหละว่าไม่ใช่เพื่อนธรรมดา แต่เป็นคนที่กำลังคุยๆ อยู่ต่างหาก

“รู้อยู่แล้วจะถามผมทำไม”

“คุยกันอยู่หรอ”

“ใช่ครับ”

พอผมตอบพี่ธัญก็เงียบไปสักพัก จะให้ผมทำไงวะผมว่าผมโคตรจะชัดเจนแล้วนะ แต่พี่ธัญแม่งยังดึงดันที่จะอยู่ตรงนี้เอง และด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่ต้องพูดแบบนี้ซ้ำๆ

“แต่ถึงยังไงก็ยังไม่ได้คบกัน พี่ก็ยังไม่ไปไหนหรอกนะ”

เหอะ เชื่อเขาเลย

“ไปที่อื่นบ้างก็ได้นะ เกะกะ” พี่ไผ่โผล่มาพร้อมชามผักในมือ ผมกับพี่ธัญหลบออกจากอ่างล้างมือแทบไม่ทัน

“ผมช่วยไหมครับ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ทำเอง”

เห็นได้ชัดว่าผมกับพี่ธัญดูว่างงานสุดๆ ในขณะที่คนอื่นก็เตรียมอุปกรณ์ทำครัวกันอยู่

“ทัช พี่ว่าถ้าทัชจะเลือกคบใครต้องเลือกให้มันดีๆ นะ คิดให้มากๆ รู้ไหม” ทั้งที่พูดกับผมแต่สายตากลับมองพี่ธัญ

เริ่มแล้วไง

“อย่างมึงไม่น่าจะมาบอกคนอื่นได้นะ”

“งั้นหรอ แต่กูเป็นห่วงทัชไงอยากให้น้องเจอแต่คนดีๆ ”

“เจอมึงก็ไม่ดีแล้วล่ะ” ผมเกือบหลุดขำกับประโยคที่พี่ธัญพูด คู่นี้เขาสมน้ำสมเนื้อกันดีนะผมว่า

“ยิ้มอะไรอะเรา” พี่ไผ่หันมาทำหน้าดุใส่ผมซึ่งมันก็ได้ดูจริงจังนัก

“เปล่าครับเดี๋ยวผมออกไปก่อนนะ พี่ธัญก็ช่วยพี่ไผ่ล้างผักดิจะได้มีอะไรทำ” ว่าแล้วผมก็รีบชิ่งออกมาทันที อย่าตีกันจนครัวผมพังก็แล้วกัน

“ไงล่ะมึง”

“ไงอะไรของมึง เพราะมึงเลยชวนมาทำไมเนี่ย” ผมทำหน้าเซ็งใส่ไอ้ตัง

“กูเห็นนะว่ามึงดีใจที่เขามา”

“กูเนี่ยนะ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“กูจะบอกอะไรให้นะ เวลามึงมองพี่ธัญดูมีชีวิตชีวามากกว่ามองพลอยอีก” จากที่งงอยู่แล้วยิ่งทำให้ผมงงหนักกว่าเดิม ไอ้ตังมันพูดอะไรของมัน



“ทำอะไรอยู่เอ่ย” ผมนั่งลงข้างๆ พลอย

“กำลังทำซอสสปาเก็ตตี้น่ะ”

“ทำเป็นด้วยหรอ”

“โถ่ นี่ทัชจะหาว่าพลอยทำอาหารไม่เป็นหรอ” พลอยหันมาทำหน้างอนๆ ใส่ผมซึ่งมันน่ารักมาก

“เปล่าซะหน่อย แค่แปลกใจ”

“ทำเป็นสิ ปกติก็ทำบ่อย”

“งั้นเราก็สบายใจละ เพราะถ้าเราคบกันคงได้กินอาหารฝีมือพลอยบ่อยๆ แน่”

“ไม่คบก็ทำให้กินได้ค่ะ” ผมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปยีผมพลอยอย่างนึกเอ็นดูนั่นทำให้เจ้าตัวหันมามองค้อนใส่ผม แต่ผมมองว่ามันทำให้เธอดูน่ารักขึ้นไปอีก

“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าทัชชอบตะบองเพชร”

“แล้วรู้ได้ไงอะ”

“เห็นตอนเดินเข้ามาในบ้านน่ะ” จะว่าไปคนให้จะเห็นมันไหมนะ

“แล้วพลอยชอบไหม”

“หมายถึงตะบองเพชรน่ะหรอ” ผมพยักหน้ารับ

“ก็ธรรมดานะ เราชอบกุหลาบมากกว่า”

“ผู้หญิงนี่ชอบดอกกุหลาบทุกคนรึเปล่า”

“ไม่หรอกน่า” แต่ส่วนมากก็ชอบกันทั้งนั้น

แต่ผมน่ะยังไงก็ชอบตะบองเพชรมากกว่าต้นไม้ชนิดอื่นอยู่แล้วล่ะนะ…







“กับข้าวไม่อร่อยหรอ” ผมถามพี่ธัญขณะเดินเอาจานมาเก็บ

“เปล่า”

“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น” คุยกับเพื่อนผมอยู่นะแต่หน้านิ่งมาก

“สนใจด้วยหรอ”

“นี่พี่คงไม่ได้หึงผมกับพลอยใช่ปะ” ผมลองแกล้งถามเล่นๆ

“อันนั้นก็มีส่วน” แต่ผมควรเตรียมใจกับคำตอบที่ค่อนข้างตรงของพี่ธัญไว้ก่อนสินะ ไม่งั้นต้องมาสะดุดแบบนี้อีกแน่

“แล้วเหตุผลจริงๆ คือ?”

“ไอ้ไผ่” อย่างที่รู้ว่าพี่ไผ่เฟรนลี่แล้วก็เข้ากับคนอื่นง่ายมากแล้ววันนี้ก็ชวนผมคุยบ่อยเป็นพิเศษถ้านี่คือสาเหตุที่ทำให้พี่ธัญนั่งหน้านิ่งมันก็คงไม่แปลก

“พี่ยังไม่ชินอีกหรอ พี่ไผ่ก็แบบนี้”

“ไม่ชิน แล้วก็ไม่มีวันชินด้วย” น้ำเสียงที่ฟังดูเอาแต่ใจจนผมมองพี่ธัญ นั่นทำให้พี่ธัญรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ

“จริงๆ พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ แต่จะห้ามความรู้สึกมันก็ทำไม่ได้ ทัชเข้าใจพี่หน่อยนะ”

ผมเข้าใจพี่ธัญ เข้าใจจนไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังรู้สึกอะไรกันแน่ ทำไมการกระทำของผมมันถึงดูสวนทางกับคำพูดแบบนี้







….………………………………



“เดินคนเดียวไม่เหงาหรอครับบบบ” ผมตะโกนทักคนที่อยู่อีกฝั่งก่อนที่เจ้าตัวจะหันมา

“มาได้ไง” พอเห็นว่าเป็นผมพี่ธัญก็ยิ้มให้แล้วเดินข้ามจากอีกฝั่งมาหาผม

“ผมเอาของมาให้พี่แทนอะ แล้วทำไมมาเดินคนเดียวครับ” ผมจอดรถพลางถอดหมวกกันน็อคเพื่อคุยกับพี่ธัญ

“กำลังจะกลับคอนโดไง”

“เดิน?”

“เขาเรียกว่าไปหารถเอาข้างหน้า”

“แล้วรถพี่ล่ะ”

“อยู่คอนโด เมื่อเช้าติดรถไอ้ภูมิมา”

“ผมไปส่งเอาเปล่า” พี่ธัญทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อผมบอกจะไปส่ง มันแปลกหรอปกติผมก็แบบนี้นะ

“ทำไมวันนี้ใจดี”

“ผมก็ใจดีทุกวันแหละ”

“งั้นหรอ”

“จะไปไม่ไปเนี่ยพี่ ถ้าพี่แทนผ่านมาเห็นผมไม่รู้ด้วยนะ” ที่จอดรถคุยด้วยก็เสี่ยงมากพอละ ผมนี่เปรี้ยวตีนจริงๆ เดี๋ยวคงโดนพี่แทนจับได้เข้าสักวัน

“ทำไมน่ารัก”

“อะไรนะ”

“ทำไมทัชน่ารักจังเลยครับ” ผมแม่งไม่ชอบที่พี่ธัญพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้เลยว่ะ

มันทำให้ผมหน้าร้อนแปลกๆ น่ารักหรอ ผมหล่อต่างหากล่ะเว้ย

“พูดมากว่ะ”

“เพิ่งจะพูดเมื่อกี้เอง โมโหกลบเกลื่อนความเขินหรอเรา”

“หยุดพูดเลยพี่อะ แล้วก็เอาหมวกกันน็อคไปใส่ด้วย” ผมยื่นหมวกกันน็อคให้พี่ธัญแต่แทนที่เจ้าตัวจะรับไปใส่แต่กลับดันหมวกมันคือมาให้ผม

“ใส่เถอะ”

“พี่อะใส่ไปเร็วๆ อย่าลีลา” คราวนี้ผมยัดหมวกกันน็อคใส่มือพี่ธัญแล้วตั้งท่าจะสตาร์ทรถ ทำให้พี่ธัญไม่มีทางเลือกใส่หมวกแล้วซ้อนท้ายผมทันที

ต้องให้บังคับว่ะ







“คราวนี้คงไม่ให้ค่ามาส่งผมอีกนะ”

“ยังจำได้อีกหรอ” พี่ธัญว่าพลางถอดหมวกกันน็อคแล้วส่งคืนให้ผม

“มันฝังใจมั้ง”

“ก็จำแต่เรื่องดีๆ บ้าง”

“มีด้วยหรอ”

“เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวแสบ” พี่ธัญขี้หน้าคาดโทษจนทำให้ผมหัวเราะออกมา โถ่ กลัวที่ไหนล่ะครับบ

“เข้าไปเถอะครับ เดี๋ยวผมกลับละ”

“กลับดีๆ นะ”

“ดีอยู่แล้วครับ”

พอนึกถึงครั้งแรกที่มาส่งพี่ธัญกับตอนนี้มันค่อนข้างต่างกันด้วยซ้ำ ตอนนั้นดูจะไม่ถูกกันซะมากกว่า แต่ตอนนี้ดูจะเข้ากันได้ดีจนน่าแปลกใจ

แต่มีมิตรก็ดีกว่ามีศัตรูอยู่แล้วล่ะนะ ว่าไหม

“แล้วก็... ฝันดีนะ” และประโยคนี้คงต่างจากครั้งแรกที่เคยมาส่งเช่นกัน

“ฝันดีเช่นกันครับ” ต่างกันมากด้วย

เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีประโยคนี้หลุดออกจากปากผมแน่ๆ อีกอย่างผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความหมั่นไส้เปลี่ยนมาเป็นรู้สึกดีตั้งแต่เมื่อไหร่





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 18 : 18/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-05-2020 18:52:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

นู๋ตัง  นี่ช่างสังเกตนะ

เจ้าทัช  หันส่องกระจกบ้างนะ  เจ้าตังอ่ะเป็นกระจกให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 18 : 18/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-05-2020 18:53:50
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 18 : 18/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-05-2020 23:26:07
ยังไงต่อละทีนี้,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 19 : 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 20-05-2020 21:49:21
Chapter 19
จริงหรือหลอก



ถ้าจะถามว่าวันไหนเป็นวันที่วุ่นวายที่สุดสำหรับผม ก็ตอบได้เลยว่าเป็นวันนี้!

วันที่อยู่ๆ ลูกค้าก็เข้าร้านกันอย่างทล่มทลาย ทำเอาพนักงานอย่างผมทำงานไม่ได้พักกันเลยทีเดียว ตอนจัดโปรโมชั่นยังไม่ขนาดนี้เลย แต่นี่มีทั้งกินที่ร้านสั่งกลับแล้วยังจะมาให้ไปส่งอีก บางทีก็แยกวันให้ลูกค้าเข้าร้านบ้างเถ๊อะไม่ใช่มาตุ้มเดียวแบบนี้ พวกผมจะตายกันหมด

“ทำไมวันนี้ลูกค้าเยอะจังวะ” ใครจะไปรู้ล่ะวะ

“อย่าบ่นน่าเด็กๆ ทำงานเร็ว”

“ค้าบบบ” ผมกับไอ้โก้รีบหันมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที

ลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ มันก็ดีนะครับ ถ้าพี่แทนมาเห็นคงดีใจมากแน่ๆ

“กูว่าโทรให้พวกอยู่บ้านมาช่วยไหม” ไอ้โก้เสนอ มันก็ดูเข้าท่านะเพราะตอนนี้ไม่มีคนส่งของ คนรับออร์เดอร์ด้วย เอาง่ายๆ คือคนไม่พอครับ

“มึงไปโทรดิ้ กูคิดตังค์ให้ลูกค้าก่อน”

“โอเคๆ ” ว่าแล้วไอ้โก้มันก็ไปจัดการต่อ

“ทั้งหมด250บาทครับ”

ผมรับตังค์จากลูกค้าพร้อมกับยิ้มอย่างเคย

“ขอบคุณนะครับ”

“วันหลังจะมาใหม่นะคะ” ลูกค้าสาวยิ้มก่อนจะขยิบตาให้ผม

“ร้านของเรายินดีต้อนรับเสมอครับ” ความเกิดมาหน้าตาดีก็งี้แหละครับ เฮ้ออออ ลูกค้าเยอะเพราะผมแน่ๆ …

กลุ้มใจกับความหล่อของตัวเองจริงๆ

“วันนี้ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษนะ ต้องการคนช่วยไหม”

“เห้ย! ทำไมเข้าร้านได้อะ” ผมตกใจเมื่ออยู่ๆ พี่ธัญก็โผล่มา แถมเดินเข้ามาในร้านได้ด้วย

“ไม่มีคนว่างมาไล่ไง” ผมมองไปรอบๆ ซึ่งมันก็จริงอย่างที่พี่ธัญพูดไม่มีใครว่างมาสนใจพี่ธัญเลยสักคน จะสนก็แต่สาวๆ ในร้านนี่แหละครับ

ผมรู้สึกว่ามันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่พี่ธัญเข้าร้านไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ธัญก็ยังมารอผมที่หน้าร้านหลังเลิกงานทุกวัน

ต้องยอมให้กับอดทนของเขาเลยจริงๆ

“พี่นี่วอนหาเรื่องจริงๆ เลยว่ะ”

“ท้าทายดีออก” ท้าไปท้ามาเดี๋ยวก็โดนจริงๆ

“งั้นไปรับออร์เดอร์ให้ผมหน่อย โต๊ะนู่นนน” ผมชี้ไปทางลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่

“ได้ครับ” พี่ธัญยิ้มรับก่อนจะเดินไปตามที่ผมบอก

ผมมองตามหลังพี่ธัญก่อนจะเห็นว่าลูกค้าดูพอใจกับพนักงานจำเป็นของผมซะเหลือเกิน เวลาพี่ธัญยิ้มดูดีมากกว่าเวลาทำหน้านิ่งตั้งเยอะ

“นั่นคืออะไรวะ”

“อะไร”

“นั่นไง” ไอ้โก้ชี้ไปทางพี่ธัญ

“คนช่วยงานไง”

“เดี๋ยวพี่แทนก็จับได้หรอก”

“กูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

“ระวังไว้เถอะมึง มาดีแปลกๆ นะกูว่า”

ไอ้โก้คงหมายถึงช่วงนี้พี่ธัญทำตัวดีแปลกๆ ใช่ครับ มันคงดูแปลกสำหรับคนรอบข้างผมขนาดผมยังมองว่าแปลกเลย แต่หมายถึงตอนแรกนะเพราะตอนนี้ผมเริ่มชินแล้วล่ะ

“เออน่า”

“ระวังจะชอบเขาจริงๆ นะมึง”

“ถ้าชอบแล้วจะทำไมวะ มึงไม่โอเคที่กูชอบผู้ชายหรอ” จริงๆ ผมก็พอรู้คำตอบนะแต่แค่ลองถามดูเฉยๆ

“ไม่ใช่แบบนั้น มึงจะชอบใครก็เรื่องของมึงแต่ดูดีๆ แล้วกัน”

“ครั้งนี้ถ้ากูจะคบใครสักคนกูคงคิดเยอะกว่าเมื่อก่อนว่ะ”

“ก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง” ก็จริงอย่างที่ไอ้โก้มันพูดแหละครับ เพราะงั้นผมถึงยังไม่ขอพลอยเป็นแฟนอาจจะเป็นเพราะผมรอให้อะไรๆ มันชัดเจนกว่านี้ ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดโดยไม่ต้องมีใครมาวุ่นวายแบบนี้

นี่สินะเขาเรียกว่าความหล่อเป็นเหตุ

“ไม่ได้เข้าร้านหลายวันลูกค้าเยอะขึ้นนะ” เสียงของคนมาใหม่ทำให้ความคิดของผมหยุดชะงัก เมื่อคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของร้านและเป็นพี่ชายของผมเดินเข้ามา

ชิบหายแล้ว!!!

ผมใช้เท้าสะกิดไอ้โก้แล้วมองมันเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่างซึ่งแน่นอนว่ามันเข้าใจ

“เอ่อ พี่แทนครับมาพอดีเลย ช่วยดูขนมให้หน่อยได้ไหมครับ”

“หืม มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“เหมือนว่ามันจะไม่พอน่ะครับ”

“ใช่ครับพี่แทน ลูกค้าเข้าร้านเยอะคิดว่าไม่น่าจะพอ” ผมพูดเสริมแล้วฉีกยิ้มก่อนจะเห็นว่าพี่ธัญกำลังเดินมาทางนี้

อย่าเพิ่งเดินมานะเว้ย!!!

“ไปดูสิพี่แทน ลูกค้าเข้าร้านอีกแล้วเนี่ย”

ผมดันหลังพี่แทนให้เดินไปดูขนมในห้องอบ ถ้าไม่ทำแบบนี้คงได้เจอพี่ธัญแน่ๆ รายนั้นจะรู้ไหมว่าพี่แทนมาเนี่ย

“แล้วพี่แนนล่ะ” ยังไม่วายหันกลับไปมองข้างหลังจนผมต้องเดินเข้ามาข้างในด้วย

“อ่อ ไปเช็คของหลังร้านมั้งครับ”

“นี่”

“ครับ?”

“คิดว่าพี่ไม่รู้หรอ” พี่แทนพูดพลางทำหน้าจริงจังจนผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เอาแล้วไงจบแล้วไอ้ทัช เกมโอเวอร์แล้วมึง

“รู้อะไรอะพี่แทน”

“ก็รู้ว่า…ขนมมันพอไง นี่หลอกให้พี่มาดูเพื่อที่เราจะอู้งานหน้าเคาน์เตอร์ใช่ไหมไอ้ตัวแสบ” พี่แทนว่าพลางเขกหน้าผากผมเบาๆ เมื่อกี้คือใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มแล้วนะแต่ดีที่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน รอดตายอย่างหวุดหวิด

“ออกไปทำงานเลย”

“ครับๆ คุณเจ้านาย” ผมเดินออกจากห้องอบขนมแล้วสอดส่องดูด้านนอกเห็นว่าพี่ธัญน่าจะไปแล้วจึงทำงานตามปกติ

ผมมองไอ้โก้เป็นเชิงถามว่าพี่ธัญไปแล้วหรอ มันก็พยักหน้ารับถือว่าวันนี้รอดไปอีกวันแต่เอาจริงๆ นะผมกับพี่ธัญจะเล่นซ่อนแอบแบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่ มันต้องมีสักวันที่พี่แทนจับได้แล้วความซวยจะมาเยือนแน่ๆ

“ทำตัวเหมือนแอบคบกันยังไงยังงั้น”

“คบห่าอะไรล่ะ”

“ปากแข็งขึ้นเยอะนะมึงอะ”

ถ้าผมพูดออกมาตรงๆ ก็ซวยดิ…









….………………………………..



ผมเดินออกมาหน้าบ้านหลังจากได้ยินเสียงออดซึ่งตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมีแขกมาบ้านเท่าไหร่เพราะมันค่อนข้างดึกมากแล้ว

พี่ไผ่ยืนอยู่นอกรั้ว สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ดูจากสีหน้าผมก็เดาได้ไม่อยากว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร

ผมเปิดประตูให้อีกคนเข้ามา พี่ไผ่ยิ้มให้ผมอย่างเคยแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนมากกว่าจะเป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสนั่นทำให้ผมค่อนข้างเป็นห่วง

“พี่โอเครึเปล่า” พี่ไผ่ไม่ได้ตอบในทันทีแต่เดินมานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน สักพักก็ตอบกลับมา

“อีกสักพักก็คงโอเคล่ะมั้ง”

“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ เล่าให้ผมฟังได้นะ” ผมนั่งลงข้างๆ ที่ไผ่ก่อนจะยิ้มให้

ผมมองว่าพี่ไผ่เป็นพี่ชายคนหนึ่งมาตลอดและทุกครั้งที่เขามีปัญหาผมก็พร้อมจะรับฟัง อย่างน้อยก็อยู่ข้างๆ ดีกว่าปล่อยให้เจ้าตัวอยู่คนเดียว

“พี่กำลังจะหมั้น”

หมั้น? หมายถึงหมั้นกับพี่คนสวยคนนั้นรึเปล่า แต่ทำไมพี่ไผ่ถึงได้ทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ ดูจากคนที่จะหมั้นด้วยแล้วผมว่าควรดีใจมากกว่านะ

“แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”

“พี่ไม่ได้รักเขาทัช” พี่ไผ่มองผมด้วยสายตาเศร้าๆ ซึ่งมันไม่เหมาะกับเจ้าตัวเลยสักนิด

ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพี่ไผ่ถูกบังคับสินะ แต่จะให้หมั้นกับคนที่ไม่ได้รักมันก็ยากเหมือนกันถึงแม้คนคนนั้นจะมีพร้อมทุกอย่างก็เถอะ

“พ่อพี่ไม่รู้เรื่องนี้หรอครับ” ผมค่อนข้างที่จะพยายามพูดถึงพ่อพี่ไผ่เสียงเบาที่สุดเพราะพี่ไผ่กับพ่อมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ซึ่งมันทำให้ผมรู้ว่าพี่ไผ่มีพร้อมทุกอย่างแต่ไม่ได้มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น

“เขาจะมารู้อะไรล่ะ เขาไม่เคยอยากรู้ว่าพี่รู้สึกอย่างไรหรอก”

“…อย่างน้อยก็มีผมนะครับ” พอผมพูดแบบนั้นพี่ไผ่ก็หันมามองผมทันที พี่ไผ่เข้าใจดีว่าผมหมายถึงอะไรผมพูดเรื่องสถานะกับพี่ไผ่เรียบร้อยแล้ว

พี่ไผ่ไม่ได้ชอบผมอย่างที่คนอื่นเข้าใจ และผมก็ไม่ได้ชอบพี่ไผ่

“เพราะอย่างนี้ไงพี่ถึงมาหาทัช ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆ พี่”

“มาอุดหนุนร้านผมบ่อยๆ สิผมจะอยู่ข้างๆ พี่ตลอดเวลาเลย”

“ขายของอีกแล้วนะเรา”

“นิดนึง” พี่ไผ่ยิ้มออกมาซึ่งมันดูโอเคกว่าเมื่อกี้มาก

“เห็นทีว่าพี่จะอยู่กับเราตลอดไม่ได้น่ะสิ มีหมาหวงก้างอยู่ตัวหนึ่งไม่ใช่หรอ” รอยยิ้มเจ้าเหล่ห์ปรากฎบนใบหน้าพี่ไผ่ หมาหวงก้างที่พี่ไผ่หมายถึงคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ธัญ

“ไม่เห็นเกี่ยวเลยพี่”

“แน่ใจหรอ”

“แน่ใจสิ ผมไม่ได้สนใจสักหน่อย”

“อย่ามาหลอกพี่ซะให้ยากน่า” พี่ไผ่มองผมเหมือนจับผิดอะไรสักอย่างอีกทั้งยังเหมือนรู้อะไรมา นั่นทำให้ผมรู้ว่าพี่ไผ่คนเดิมกลับมาแล้ว เศร้าได้ไม่นานจริงๆ เลยพี่คนนี้

แต่ก็ดีแล้วล่ะ

“หายเศร้าแล้วใช่ไหมครับ”

“แหนะ มีเปลี่ยนเรื่อง”

“พี่นั่นแหละเปลี่ยนเรื่อง” ยังมีหน้ามาว่าผมอีกโถ่

“โอเคๆ พี่ยอมก็ได้” นั่นเป็นสิ่งที่พี่ควรทำอยู่แล้วครับ เพราะคนที่เปลี่ยนเรื่องคือพี่

พี่ไผ่มองหน้าผมแล้วยิ้มแปลกๆ อะไรของเขาวะอารมณ์เปลี่ยนไวจนเพี้ยนหรือไง

“เป็นอะไรของพี่เนี่ย”

“พี่แค่กำลังคิดว่าทำไมทัชน่ารักจัง หมายถึง…นิสัยน่ะ”

“ก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะหน้าผมหล่อ” เรื่องนี้ผมโคตรหมั่นใจอะบอกเลย

“อะไรทำให้เราหมั่นใจขนาดนั้น”

“ก็เห็นๆ กันอยู่ปะพี่” หลักฐานมันชัดเจนอยู่บนหน้าผมขนาดนี้ยังต้องถามอีกหรอ

“มิน่าไอ้ธัญถึงได้หลงขนาดนั้น”

“อะไรนะพี่” เสียงพรึมพรำเหมือนคุยกับตัวเองของพี่ไผ่ทำให้ผมได้ยินไม่ชัดจนต้องถามออกไป

“เปล่าครับ”

“ไม่ใช่นินทาผมอยู่หรอกนะ” ลักษณะอย่างนี้ใช่แน่ๆ

พี่ไผ่ยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาก่อนจะเงียบไป

ผมกับพี่ไผ่ต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเอง เงยหน้ามองดาวบนท้องฟ้าพลางคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย

ตอนกลางคืนเป็นเวลาที่เราได้ยินเสียงความคิดของตัวเองดังที่สุด ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ

ผมชอบนะมันทำให้ผมมีสมาธิมากกว่าตอนกลางวันซะอีกโดยเฉพาะเวลาทำงานส่งอาจารย์ นี่อาจจะเป็นเหตุผลของการอยู่โต้รุ่งในช่วงเวลาที่ต้องปั่นงานหรือมีสอบล่ะมั้ง และอีกหนึ่งเหตุผลคงไม่พ้นความขี้เกียจที่ต้องมานั่งปั่นงานคืนสุดท้ายก่อนส่ง แต่มันก็ท้าทายดี ว่าไหมล่ะครับ

“ขอโทษที่พี่มารบกวนทัชเวลาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้นะ” อยู่ๆ พี่ไผ่ก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ

“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยการมารบกวนผมมันก็ทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นไม่ใช่รึไง” ผมไม่ชอบเห็นคนรอบตัวผมมีความทุกข์เท่าไหร่โดยเฉพาะคนที่ผมรู้จัก ถ้าช่วยได้ผมก็เต็มใจช่วย พูดแบบนี้ก็เหมือนว่าผมเป็นคนดี แต่ไม่ใช่หรอกผมแค่ไม่ได้ทำร้ายใครแค่นั้นเอง

“เพราะใจดีแบบนี้ไงเลยมีแต่คนเข้าหา”

“งั้นหรอครับ” แต่ผมไม่เห็นว่าที่ผ่านมาคนที่ผมเคยชอบจะอยากเข้าหาผมบ้างเลยนะ

“ที่พี่พูดว่าอยากให้ทัชเจอคนดีๆ พี่พูดจริงนะ”

“ผมก็อยากเจอคนดีๆ เหมือนกันครับ” ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ดีขนาดนั้นก็เถอะ

“งั้นก็ดูดีๆ นะ... อย่าเชื่อถ้าไม่ได้เห็นด้วยตา อย่าฟังถ้าไม่ได้ยินกับหูตัวเอง” น้ำเสียงและแววตาของพี่ไผ่ทำให้ผมรู้ว่าพี่ไผ่หมายถึงอะไร ผมเชื่อตัวเองเสมอและเมื่อไหร่ที่ผมตัดสินใจอะไรแล้วนั่นคือเป็นสิ่งที่เด็ดขาด

ตอนนี้ผมเลือกที่จะเชื่อความรู้สึกของตัวเอง

“การเชื่อใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรเชื่อใจจนทำให้ตัวเองดูเป็นคนโง่ เข้าใจที่พี่พูดรึเปล่า”

พี่ไผ่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังซึ่งไม่ต่างจากตอนที่พี่แทนพูดกับผมเลยสักนิด

“คนเรามันไม่ได้มีแค่ด้านเดียวนะ มองหลายๆ ด้านของเขาก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป”

“พี่หมายความว่าไง” เหมือนพี่ไผ่อยากจะบอกอะไรกับผมแต่ก็ไม่ยอมบอกสักที ผมจึงเลือกที่จะถามออกไปตรงๆ

“เอาเถอะ พี่รบกวนเวลาของทัชมามากแล้ว เข้าไปนอนเถอะพี่จะกลับแล้ว”

เดี๋ยวนะ มาพูดแบบนี้แล้วจะซิ่งหนีกลับไม่ได้นะเว้ย

“พี่นี่จริงๆ เลยมาพูดให้ผมสงสัยแล้วก็ไม่ยอมตอบ”

“เดี๋ยวเราก็รู้เองแหละ” บอกเลยไม่ได้หรอวะทำไมต้องรอเวลาให้ผมรู้เองด้วย

เห็นใจคนอยากรู้บ้างดิเว้ยยยยยยยยยยยย

“พี่กลับแล้ว ฝันดีนะ”

“ฝันดีครับ กลับดีๆ นะพี่” ว่าแล้วผมก็เดินไปส่งพี่ไผ่หน้าบ้านก่อนจะโบกมือให้

รถหรูเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณหน้าบ้านไปจนลับตา

สิ่งที่พี่ไผ่พูดมาก่อนหน้านี้ยังติดอยู่ในหัว ผมจะทำยังไงกับความรู้สึกตอนนี้ดีนะผมจะตัดสินใจยังไงดี

ในเมื่อผมกำลังจะเริ่มต้นกับอีกคนแต่ความรู้สึกที่มีกับอีกคนหนึ่งคืออะไรก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เลย











...ในคืนเดียวกันนั้นผมก็ได้รับข้อความจากเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก แต่มันกลับทำให้ผมตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ทันที..…



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 19 : 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Windtofree ที่ 21-05-2020 01:46:15
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 20 : 22/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 22-05-2020 22:16:53
Chapter 20
Thay'Part



ผมเดินออกจากหน้าคณะตรงไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลอย่างอารมณ์ดี เรียกได้ว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ตอนเย็นผมต้องแวะไปหาทัชที่ร้านเกือบทุกวัน ทั้งที่ได้แค่รออยู่ข้างนอกแต่กลับมีสิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจไปรอน้องทุกวันก็คือความน่ารักของเจ้าตัวนั่นแหละ ปากก็ถามว่ามาทำไมแต่ก็ยอมออกมาหาผมอยู่ดี

“ดูคุณชายเขาสิครับ ไม่สนใจเพื่อนอย่างเราแล้วเนาะ”

“คนมีความรักก็งี้”

“ไว้เจอกัน”

ผมบอกลาเพื่อนทั้งสองคนโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกมันพูดก่อนหน้านั้นแล้วขับรถออกไปทันทีโดยมีจุดมุ่งหมายคือร้าน Double T







พอมาถึงจุดที่เคยจอดรถก็ต้องแปลกใจเมื่อทัชมายืนรออยู่ก่อนแล้ว มันควรจะเป็นเรื่องที่น่าดีใจแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ โดยเฉพาะหน้านิ่งๆ ของทัชซึ่งปกติจะไม่ค่อยได้เห็น นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยล่ะ

“ทำไมวันนี้ถึงมารอพี่ได้ล่ะครับ” ผมแกล้งทำเป็นพูดแซวอีกคน

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” ผมไม่ชอบที่ทัชทำหน้านิ่งแบบนี้เลย โดยเฉพาะสายตาที่กำลังมองมา... มันเหมือนไม่ใช่ทัชคนเดิม

“เรื่องอะไรครับ” คงจะเป็นเรื่องสำคัญมากถึงได้ดูจริงจังขนาดนี้

“นี่คือเสียงพี่จริงๆ ใช่ไหม” ทัชถามก่อนจะเปิดอะไรบ้างในมือถือให้ผมฟัง

รอสักพักเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้น มันคือบทสนทนาของผมกับไอ้ไผ่…



‘มึงกล้าพนันกับกูไหมล่ะ’

‘พนันอะไร’

‘ถ้ามึงจีบทัชติดกูยอมจ่ายห้าหมื่น แต่ถ้ามึงจีบไม่ติดมึงก็ต้องจ่ายห้าหมื่นให้กูเหมือนกัน… มึงกล้าปะ’

‘แล้วทำไมกูต้องเล่น’

‘นั่นน่ะสินะ เอ๊ะ หรือว่า…มึงกลัวจีบไม่ติดหรอครับคุณธัญ แต่ก็ดีนะปล่อยให้คนอื่นจีบบ้าง อย่างเช่นกูไง’

‘…ก็ได้ กูตกลง’



คลิปเสียงหยุดแต่เพียงเท่านั้น ผมมองหน้าทัชที่นิ่งเสียจนผมไม่รู้จะทำยังไง

น้องโกรธผมแน่ๆ

แต่สิ่งที่ทำให้ผมได้แต่หวั่นใจคือผมไม่รู้ว่าตอนนี้น้องกำลังคิดอะไรอยู่

“เสียงของพี่ใช่ไหม” ทัชถามย้ำอีกครั้ง

“ใช่…” นั่นคือเสียงผมที่คุยกับไอ้ไผ่คืนนั้น คืนที่มันแกล้งเมาเพื่อจะได้ให้ทัชไปส่ง

“พี่แม่ง…”

“พี่อธิบายได้นะ ที่พี่ตอบตกลงไปแบบนั้นพี่แค่ไม่อยากให้ไอ้ไผ่มายุ่งกับทัช”

“เหอะ แล้วพี่กล้าพูดไหมล่ะว่าไม่ได้อยากเอาชนะพี่ไผ่”

คำถามของทัชทำเอาผมสะอึก ผมตอบไม่ได้เต็มปากเพราะลึกๆ แล้วผมก็อยากเอาชนะไอ้ไผ่จริงๆ

ผมรู้ว่ามันแย่มาก ที่ทำให้ทัชต้องมาเสียความรู้สึกแบบนี้

แต่ที่ผมทำไป…

“เงียบแบบนี้แสดงว่าผมพูดถูกสินะ จริงๆ แล้วผมอยากพูดขำๆ นะว่าเงินพนันห้าหมื่นมันเยอะเกินไป แต่แม่งขำไม่ออกว่ะ เพราะตอนนี้…ผมโคตรเสียความรู้สึกเลย”

สิ่งที่ทัชพูดทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหาคำแก้ตัว และที่เจ็บไปกว่านั้นคือสายตาที่มองผมอย่างผิดหวัง

“หรือว่าพี่เข้าหาผมเพราะแบบนี้หรอวะ ที่ทำทุกอย่างก็เพื่ออยากเอาชนะพี่ไผ่หรอ”

“ทัช มันไม่ใช่…”

“พี่รู้ปะ ที่ผ่านมาผมหาเหตุผลเข้าข้างพี่แค่ไหน ผมพยายามมองพี่ต่างจากที่คนอื่นมองแค่ไหน”

“พี่ยอมรับว่าพี่ผิด แต่ที่พี่เคยบอกว่าชอบทัช…พี่พูดจริงๆ นะ”

ทัชเงียบไปสักพักก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกใจหาย

“…ผมไม่อยากหาเหตุผลเข้าข้างพี่อีกแล้วว่ะ”

“ทัชหมายความว่าไง”

“เลิกยุ่งกับผมเถอะ จริงๆ เราไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

เหมือนบรรยากาศรอบตัวหยุดชะงักหลังจากที่ทัชพูดประโยคนั้นออกมาก่อนจะรู้เจ็บแปลบที่โดยคนที่เราชอบตัดขาดความสัมพันธ์ ขนาดตอนที่ทัชปฏิเสธตอนผมบอกชอบยังไม่เจ็บเท่าสายตาที่ทัชกำลังมองผมตอนนี้เลย

ทัชไม่ฟังขนาดไอ้แทนบอกไม่ให้ยุ่งกับผม แต่สุดท้ายผมก็พลาดเพียงเพราะไอ้ไผ่มันยุแค่ไม่กี่คำ

แต่จะโทษใครได้ในเมื่อเป็นผมที่ผิดเอง



ทัชเดินเข้าไปในร้านโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา สองมือที่อยากจะรั้งแต่กลับทำได้แค่คิด ผมจะรั้งทัชด้วยเหตุผลอะไรในเมื่อเป็นผมเองที่ดึงดันอยากอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแค่…ฝ่ายเดียว

และสายตาแบบนั้นผมไม่อยากเห็นมันเลยจริงๆ

ผมยืนนิ่งกับความรู้สึกที่อยู่ๆ ก็พุ้งเข้ามาโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนผมกำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม

เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่มันเปลี่ยนความรู้สึกของผมและมีหนึ่งคนที่เดินจากไปโดยที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะรั้งเขาไว้

คำที่บอกให้เลิกยุ่งของทัชยังดังก้องอยู่ในหัว เพียงแค่คำเดียวที่ทำให้ผมเจ็บขนาดนี้

ทัชไม่อยากยุ่งกับผมจริงๆ แล้วใช่ไหม…







“ไอ้ธัญมาพอดีเลยกูมีเรื่องจะบอก”

“ถ้าไม่สำคัญอย่าเพิ่งบอก กูไม่มีอารมณ์ฟังอะไรทั้งนั้น” ผมยกแก้วเหล้าของไอ้ภูมิขึ้นดื่มเผื่อมันจะช่วยบรรเทาความรู้สึกตอนนี้ได้บ้าง

“สำคัญ”

ไอ้ภูมิยื่นมือถือของมันมาให้ผมดู หน้าจอปรากฎภาพของผู้ชายสองคนกำลังนั่งดื่มในร้านแห่งหนึ่ง แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจคือสองคนนั้นคือไอ้แทนกับไอ้ไผ่

สองคนนั้นรู้จักกันอย่างนั้นหรอ

ผมหันไปมองหน้าไอ้ภูมิก่อนที่ไอ้ภูมิจะพูดต่อ

“สองคนนี้รู้จักกัน”

ผมมองภาพอีกครั้งก่อนจะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องที่ผ่านมาพร้อมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ คนที่ส่งคลิปเสียงให้ทัชคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ไผ่ เพราะวันนั้นมีแค่ผมกับมัน!

ส่วนไอ้แทน หรือว่า…

“กูว่าทั้งหมดที่ไอ้ไผ่ทำ มันเป็นแผนของไอ้แทน”

ผมเห็นด้วยกับไอ้ภูมิ เพราะถ้าลองคิดดูดีๆ มันก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล มิน่าล่ะทำไมผมถึงรู้สึกแปลกใจตั้งแต่ที่ผมเข้าถึงตัวทัชได้โดยที่ไอ้แทนไม่โผล่มาเลยสักครั้ง เพราะคนที่คอยจับตามองผมคือไอ้ไผ่นี่เอง

รวมถึงยุให้ผมพนันอะไรบ้าๆ นั่นด้วย แล้วยังบันทึกเสียงผมส่งให้ทัชอีก

ไม่เบาเลยนี่ไอ้แทน แม่งทำสำเร็จซะด้วย

“ทัชบอกให้กูเลิกยุ่งกับเขา”

“ทำไมวะ ทัชก็ดูชอบมึงนี่”

“เพราะไอ้ไผ่ไง”

“ทัชชอบไอ้ไผ่หรอ”

“เปล่า”

“ไอ้ไผ่มันก่อเรื่องอีกแล้วสินะ ว่าแต่คราวนี้มันก่อเรื่องอะไรล่ะ”

“เรื่องพนัน มันบันทึกเสียงส่งให้ทัช” เรื่องพนันผมกับไอ้ไผ่แทบจะพนันกันทุกครั้งที่จีบคนเดียวกัน ทั้งที่คิดว่าครั้งนี้จะไม่พนันเพราะเป็นทัชแต่สุดท้ายผมก็ทำเหมือนเดิมอยู่ดี

สมน้ำหน้าตัวเองแล้วล่ะครับ ทำตัวเองแท้ๆ

“ไม่ใช่แผนของไอ้แทนมันก็อยากทำอยู่แล้วล่ะกูว่า” ก็มันทำไปเพราะความสนุกและปั่นหัวคนอื่นไง

แต่สิ่งที่ทำให้ผมสบายใจได้ตอนนี้คือไอ้ไผ่จะไม่ยุ่งกับทัชแล้ว ก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงทำให้ผมคิดแบบนี้ เพียงแค่รู้สึกว่าถ้ามันต้องการแค่อยากให้ผมเลิกยุ่งกับทัช มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปหาทัชเหมือนกับเมื่อก่อนที่ต้องคอยจับตาดูผม

“แล้วมึงจะทำไงต่อวะ”

“....ไม่รู้ว่ะ” เพราะตอนนี้ผมยังคิดอะไรไม่ออกเลย

ความรู้สึกด้านลบมันพุ้งเข้ามาจนผมตันไปหมดแล้ว

“จะเลิกยุ่งกับน้องมันจริงๆ หรอ”

“แล้วมึงคิดว่ากูควรเลิกยุ่งรึเปล่า” นี่ไม่ใช่คำถามกวนประสาทแต่ผมถามเพราะอยากรู้คำตอบของไอ้ภูมิจริงๆ และเหมือนมันจะรู้ด้วยว่าผมก็จริงจัง

“ก็ลองดูสิ เผื่อมันจะทำให้มึงตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาดขึ้นว่าชีวิตที่ไม่มีเขา…มึงจะอยู่ได้ไหม”

พอรู้ว่าเป็นแผนของไอ้แทนความรู้สึกที่ตามมาคือโล่งอก และดูเหมือนว่าตอนนี้อุปสรรคของผมไม่ได้มีแค่ไอ้แทนแต่มันรวมถึงตัวผมด้วย

“อืม..... กูจะลองดู”

เพราะผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเลิกยุ่งกับทัชได้รึเปล่า จะใช้ชีวิตโดยไม่คิดถึงอีกคนได้รึเปล่า

“ทำตามแผนเขาหน่อยแล้วกัน”

“คงเอาคืนที่กูทำกับเพื่อนมันไว้ล่ะมั้ง ทำสำเร็จซะด้วย” ไอ้ภูมิไม่ได้ว่าอะไรแต่ตบบ่าผมเบาๆ

ลึกๆ แล้วผมก็กลัวว่าจะเป็นเหมือนที่ผ่านมา กลัวว่าผมแค่อยากจะเอาชนะทุกคนที่คอยขัดขวางผม แล้วถ้าทัชชอบผมขึ้นมาจริงๆ มันจะเป็นอย่างไรต่อ ผมจะเบื่อน้องแล้วทิ้งอย่างที่เคยทำกับคนที่ผ่านมารึเปล่า

และเมื่อเป็นทัชผมถึงอยากพิสูจน์ให้แน่ใจ เพราะยิ่งเห็นสายตาของทัชในวันนี้ผมยิ่งไม่อยากทำให้น้องต้องเสียความรู้สึกเพราะผมอีก

“กูจะเบื่อทัชไหมวะ”

“เบื่อไม่เบื่อจะได้รู้หลังจากนี้แหละ”

ผมเข้าใจความรู้สึกของทัชนะ ล้อเล่นกับความรู้สึกมันไม่ใช่เรื่องตลกและที่แย่ไปกว่านั้นก็คือผมรู้และก็ทำมันมาตลอด…







‘งั้น…เรามาตกลงอะไรกันแบบจริงจังดีมะ’ ไอ้ไผ่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางยักคิ้วซึ่งดูแล้วสิ่งที่มันจะพูดต่อจากนี้คงไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผมแน่ๆ

แต่ผมมีทางเลือกหรอนอกจากสู้กับมันจนกว่ามันจะยอมแพ้ไปเอง

‘จะตกลงอะไรก็ว่ามา’

‘ไหนๆ เราก็มีเป้าหมายเดียวกันแล้ว เรามาเพิ่มเงื่อนไขเพื่อให้มันน่าสนุกขึ้นดีไหม’

‘พูดมาตรงๆ ’ ผมไม่มีเวลามานั่งฟังมันพูดอ้อมโลกหรอกนะ

‘มึงกล้าพนันกับกูไหมล่ะ’

‘พนันอะไร’

‘ถ้ามึงจีบทัชติดกูยอมจ่ายห้าหมื่น แต่ถ้ามึงจีบไม่ติดมึงก็ต้องจ่ายห้าหมื่นให้กูเหมือนกัน… มึงกล้าปะ’

ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยพนันกับมันแต่ครั้งนี้ผมไม่อยากเล่น

‘แล้วทำไมกูต้องเล่น’

‘นั่นน่ะสินะ เอ๊ะ หรือว่า…มึงกลัวจีบไม่ติดหรอครับคุณธัญ แต่ก็ดีนะปล่อยให้คนอื่นจีบบ้าง อย่างเช่นกูไง’

ปล่อยให้คนอื่นจีบงั้นหรอ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่มันผมอาจจะพอรับได้นะ

แต่ใครจะไปยอมให้มันทำแบบนั้นวะ

ผมมองหน้าไอ้ไผ่ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด เพราะหน้าตากวนๆ ของมันทำให้ผมเริ่มหมดความอดทน

ทำไมเกิดมาได้หน้าตากวนตีนขนาดนี้วะ

‘…ก็ได้ กูตกลง’

สุดท้ายผมก็ตกลงพนันกับมันจนได้

‘เตรียมเงินห้าหมื่นไว้แล้วกัน เพราะมึงต้องจ่ายให้กูในเร็วๆ นี้แน่’ ว่าแล้วมันก็ยิ้มอย่างพอใจ มั่นใจไปเถอะมึง

‘แต่กูมีข้อแม้’

‘หืม? ว่ามาสิครับคุณชาย’

‘ถ้ากูชนะมึงต้องเลิกยุ่งกับทัช แล้วก็ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้ทัชเห็นอีก’

‘นึกว่าจะเพิ่มของพนันชะอีก อืม…ก็ได้นะถ้ามึงชนะกูจะเลิกยุ่งกับทัช แต่ว่านะ…มึงชนะให้ได้ก่อนเถอะ’ ถ้าผมต่อยมันจะผิดไหม เริ่มคันไม้คันมือจริงๆ ซะแล้วสิ

ผมจอดรถทันทีที่คิดได้แต่ไม่ได้จะต่อยมันนะ ปล่อยมันลงข้างทางต่างหาก

‘มึงจอดรถทำไม’

‘นี่มึงคิดว่ากูจะไปส่งมึงจริงๆ หรอ มองโลกในแง่ดีไปรึเปล่า’ ผมพูดพลางยิ้มให้ไอ้ไผ่ก่อนที่มันจะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดแล้วเปิดประตูลงจากรถไป แต่ก็ยังไม่วายชะโงกหน้าเข้ามาพูดกับผม

‘ถ้าแพ้ก็อย่าหาว่ากูใจร้ายแล้วกัน!’

คนที่แพ้น่าจะเป็นมันมากกว่า









….………………………………



เสียงเพลงคลอเบาๆ ภายในร้านทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายทั้งยังเหมาะที่จะมานั่งดื่มชิลๆ มากกว่ามาหาอะไรที่มันท้าทาย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมมาที่นี่ผมมาเพราะอยากคุยกับคนที่ผมไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าเท่าไหร่

ผมต้องอดทนไม่ให้ตัวเองซัดหน้ามันให้ได้เมื่อนึกถึงสิ่งที่มันทำเอาไว้

ไอ้ไผ่นั่งอยู่กับผู้หญิงที่ทุกคนในมหาลัยรู้จักกันดีในฐานะคู่หมั้นของมัน เป็นคนที่ใจกว้างจนผมไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลก

ผมเดินมาถึงโต๊ะของไอ้ไผ่แต่มันก็ไม่ได้สนใจเลยว่าผมมายืนอยู่ตรงนี้ จนกระทั่งผู้หญิงของมันสะกิดจึงหันมามองผม

“อ้าว นึกว่าใคร ว่าไงเอาเงินมาให้กูหรอ” ไอ้ไผ่ยกยิ้ม

“มึงเป็นคนทำใช่ไหม”

“ทำอะไร” มันทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร

“คลิปเสียงนั่น”

“อ่ออ เรื่องนี้นี่เอง จะว่าไปมึงก็มาโวยวายช้านะหรือว่ามัวแต่สืบหาอะไรอยู่” ไอ้ไผ่ว่าอย่างรู้ทัน แน่นอนแหละครับคนอย่างมันไม่รู้อะไรบ้างล่ะ

“มึงเป็นอะไรกับไอ้แทน”

“คำถามฟังดูน่าขนลุกนะ” ไอ้ไผ่หันไปยิ้มขำกับผู้หญิงของมันเหมือนเป็นเรื่องตลก

ถามว่าผมต้องใช้ความอดทนในการคุยกับไอ้ไผ่แค่ไหน ผมบอกเลยว่าต้องใช้ความอดทนทั้งหมดที่ผมมีเลยล่ะ โคตรจะกวนตีนทั้งหน้าตาทั้งคำพูด

“กูมายกเลิกการเดิมพัน”

“แค่ยกเลิกเดิมพันปากเปล่ามึงถึงกับมาหากูเลยงั้นหรอ บอกมาตรงๆ ดีกว่าว่ามึงต้องการอะไรกันแน่” ไอ้ไผ่จ้องหน้าผมพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“กูอยากให้มึงช่วย...”

“ความสัมพันธ์ของกูกับมึงไม่ได้อยู่ในขั่นที่จะมาขอให้ช่วยก็ช่วยได้นะ”

“แล้วความสัมพันธ์แบบไหนถึงจะยอมช่วยเหมือนที่มึงช่วยไอ้แทนล่ะ” ถ้าจะบอกว่ามันกับไอ้แทนเป็นเพื่อนกันผมว่ามันคงฟังดูตลกไปหน่อยนะ เพราะอย่างที่รู้ๆ ไอ้ไผ่มันไม่มีเพื่อนสนิท

“เห้อ พวกมึงสองคนนี่มันบ้าพอๆ กันเลยนะ”

และจากที่คิดว่ามันไม่น่าจะปฏิเสธ แต่ผมกลับคิดผิด…

“กูไม่ช่วย ไม่ว่าจะเรื่องอะไร” แทนที่จะเป็นน้ำเสียงกวนๆ แต่กลับจริงจังจนผมแปลกใจ แปลกใจว่าคนที่สนใจแต่ความสนุกอย่างมันทำไมถึงปฎิเสธผม

มันไม่แม้แต่จะฟังด้วยซ้ำว่าผมจะให้มันช่วยเรื่องอะไร

หึ แล้วทำไมผมต้องง้อมันด้วยล่ะ

“กูจะเชื่อนะว่ามึงชอบทัชจริงๆ แต่ต่อให้มึงชอบทัชยังไงมันก็ยังมีความจริงที่ว่ามึงอยากชนะ ถ้าไม่มีกูไม่มีไอ้แทนหรือคนอื่นที่คอยขัดขวางมึง มึงจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจทัชไหม… ชอบอาจจะชอบจริงแต่ต่อจากนั้นล่ะ ต่อจากที่มึงชนะทุกคนแม้กระทั่งใจทัช มึงกล้ารับปากรึเปล่าว่าสุดท้ายแล้วมึงจะไม่ทิ้งทัชไป”

คำพูดยาวเหยียดออกจากปากไอ้ไผ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพร้อมทั้งสายตาที่เหมือนกับไอ้แทนเวลาที่มันบอกไม่ให้ผมยุ่งกับทัช…เหมือนกันไม่มีผิด

“เพราะมึงเคยทำกับไอ้วิน... กูพูดถูกไหม” สายตาที่ดูเหมือนจะเย็นชาแต่กลับซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้

และที่มันพูดแบบนี้ก็เพราะมันเคยชอบวิน แต่วินมาคบกับผม

ความสัมพันธ์และการเอาชนะกันของผมกับมันเป็นแบบนี้อยู่เสมอ

“กู…”

“ไม่ต้องพูดกูไม่อยากฟัง” ท่าทีของไอ้ไผ่เปลี่ยนไปในทันที มันทำท่ารำคาญผมก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

“เราขอพูดอะไรหน่อยนะ เราว่าธัญกลับไปทบทวนกับตัวเองให้มันชัดเจนก่อนดีกว่าว่าจะเอายังไงต่อ อย่างน้อยมันก็ดีต่อตัวธัญแล้วก็คนที่ธัญชอบนะ”

นี่ผมยังชัดเจนไม่พองั้นหรอ ผมควรทำยังไงให้ทัชเห็นว่าผมจริงใจกันล่ะ

หรือว่าผมควรถอยกลับไปตั้งหลักก่อนจริงๆ …





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 20 : 22/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-05-2020 23:06:04
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 20 : 22/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-05-2020 23:16:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 20 : 22/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-05-2020 15:10:54
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 21 : 24/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 24-05-2020 22:44:28
Chapter 21
Pai'Part



ผมกลับจากไปส่งพายด์ที่บ้านก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ได้นัดหมายกับใครบางคนเอาไว้ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไอ้แทน คนที่อยู่ๆ ก็มาขอให้ผมช่วยเรื่องของน้องชายตัวเองที่ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันมีน้องชายกับเขาด้วย

น้องชายไอ้แทนก็คือทัช คนที่ผมเคยเจอก่อนจะรู้ว่าเป็นน้องของมัน



‘ที่ผ่านมากูเข้าใจผิดมาตลอดหรอว่ามึงไม่ชอบขี้หน้ากู’ ผมถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ผมรู้จักกับไอ้แทนมาก่อนอยู่แล้วแต่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันและก็ไม่ใช่ศัตรู แค่ไม่ชอบขี้หน้าของกันและกัน งงไหมครับ เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ

‘กูมีเรื่องให้มึงช่วย’

‘นี่คิดว่ากูเป็นคนมีเมตตากรุณาขนาดนั้นเลยรึไง’

‘เปล่า คิดว่ามึงเป็น ‘คนชั่ว’ คนหนึ่ง’ ดูมัน มาขอให้คนอื่นช่วยยังจะมาด่าเขาอีก

อย่างที่บอกผมไม่ได้เป็นศัตรูแต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกับมัน

เอาจริงๆ ผมเริ่มจะงงกับความสัมพันธ์แปลกๆ นี้แล้วนะ

‘มีอะไร ก็ว่ามา แต่จะช่วยไหมก็อีกเรื่องนะ’

‘มึงช่วยกันไอ้ธัญออกจากน้องกูหน่อย’



นั่นแหละครับจุดเริ่มต้นของกันปั่นประสาทไอ้ธัญ ผมยอมช่วยไอ้แทนเพราะนึกสนุกและมีอีกเรื่องที่ไอ้แทนมันไม่เคยรู้ว่าตอนแรกผมก็สนใจทัชเหมือนกัน

ถ้าไอ้แทนรู้มันคงไม่มาขอให้ผมช่วย แต่ผมก็แค่สนใจยิ่งเป็นน้องของไอ้แทนเลยไม่อยากยุ่งเท่าไหร่

ทัชไม่ควรมายุ่งกับผม แต่กับไอ้ธัญผมไม่รู้หรอกว่าควรยุ่งด้วยรึเปล่า

ถึงผมจะรู้ว่าไอ้ธัญชอบทัชจริงๆ แต่ก็ยังไม่หยุดแถมยังทิ้งระเบิดเอาไว้ซึ่งมันก็สำเร็จซะด้วย ตอนแรกผมคิดว่าทัชจะไม่สนใจคลิปเสียงนั่นแล้วเข้าข้างไอ้ธัญอย่างเคย แต่ผิดคาดทัชตัดความสัมพันธ์จนผมอย่างก็นึกแปลกใจ

แต่พอมาคิดถึงเหตุและผล การที่เราจะโกรธใครสักคนเราก็ต้องรู้สึกอะไรบางอย่างกับคนคนนั้นใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งมันอาจจะเป็นไปได้ว่าทัชก็เริ่มชอบไอ้ธัญแล้วเหมือนกัน

เมื่อมีความรักมันก็ต้องมีอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต่อจากนี้อุปสรรคไม่ใช่ผมหรือไอ้แทนหรอกแต่เป็นความรู้สึกของสองคนนั้นมากกว่า

ผมไม่ได้นึกถึงความสนุกของตัวเองจนไม่สนใจความรู้สึกของใครหรอกนะ แต่คนที่ผมสนใจคงไม่ใช่ไอ้ธัญแน่นอน

“ไหนล่ะค่าตอบแทนของกู” ผมนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ ไอ้แทน

ร้านที่ไอ้แทนนัดผมมาเป็นร้านประจำของผมกับมัน พอมาร้านนี้ทีไรยิ่งตอกย้ำว่าผมเหมือนเป็นลูกน้องที่ต้องคอยรายงานความคืบหน้าของงานที่ทำให้เจ้านายอย่างมันฟัง

นี่ผมเป็นลูกน้องของมันเต็มตัวแล้วสินะ

“จะเอาอะไร”

“เอาเพื่อนมึง” ไอ้แทนจ้องเขม็งทันทีที่ผมพูดจบ

“ล้อเล่นน่า กูไม่เอาหรอก” ไอ้แทนมองผมอีกครั้งอย่างไม่ไว้ใจ เรื่องค่าตอบแทนผมไม่ได้คิดอยู่แล้วผมไม่อยากได้อะไรหรอกนอกจาก…จะว่าไปก็ช่างมันเถอะ

“จะบอกว่ามึงช่วยกูฟรีๆ งั้นหรอ”

“ทำไมก็กูมีน้ำใจ” ผมยักไหล่

“อย่างมึงเนี่ยนะ” ผมไม่ได้ตอบอะไรแล้วหยิบมือถือเปิดคลิปที่ผมบันทึกไว้เมื่อสองวันก่อนให้ไอ้แทนดู

นอกจากผมจะเป็นคนกันไอ้ธัญออกจากทัชแล้วผมยังรับหน้าที่เป็นสโตกเกอร์อีกด้วย ทำไมเหมือนชีวิตผมว่างขนาดนั้นล่ะเนี่ย มันก็ว่างจริงๆ นั่นแหละครับ

“มึงคิดว่าไง” ไอ้แทนยื่นมือถือคืนมาให้ผม

คลิปที่ผมให้ไอ้แทนดูคือวันที่ทัชทะเลาะกับไอ้ธัญถึงขั่นเลิกยุ่งกันเลยนั่นแหละ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าผมหมดหน้าที่ตรงนี้แล้ว

“ก็ดีไงจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับน้องกูอีก”

“กูหมายถึงมึงคิดว่าน้องมึงชอบไอ้ธัญไหม” ไอ้แทนทำหน้าคิดสักพักแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา จนเป็นผมที่ถามต่อ

“ถ้าเขาสองคนชอบกันจริงๆ มึงจะทำยังไงวะ” ผมอยากรู้ว่าถ้าน้องมันชอบไอ้ธัญมันจะขัดขวางเหมือนที่เคยทำไหม

“กูมีเหตุผลพอ ถ้าไอ้ธัญมันทำให้กูรู้สึกว่าจะไม่ทำแบบที่เคยทำกับไอ้วิน กูจะขัดขวางทำไม”

เลือกที่จะให้โอกาสสินะ ก็สมกับเป็นไอ้แทนดี

บทจะดีก็ดีแต่บทจะร้ายมันก็ร้ายไม่เผื่อแผ่ใครเหมือนกัน นั่นแหละคือไอ้แทน

“ไม่แน่นะมึงอาจจะได้น้องเขยเป็นมันก็ได้”

“เหอะ ไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่ว่ะ”

แต่ผมว่าไม่รอดหรอก

“ว่าแต่…เพื่อนมึงมีแฟนยังวะ”

“ใคร”

“วินไง” เมื่อกี้ยังเหมือนจะเป็นมิตรกับผมอยู่เลยพอพูดถึงเพื่อนรักนี่ตาขว้างขึ้นมาเชียว

จริงๆ แล้ววินเป็นคนที่ผมชอบนะแต่ถูกไอ้ธัญคาบไปแดกซะก่อน ผมควรจะทำให้มันสำลักความเศร้าตายไปเลยดีไหมไอ้ธัญเนี่ย คิดแล้วหมั่นไส้มันว่ะ

“เลิกคิดเถอะมึงน่ะ” ว่าแล้วมันก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

“มึงควรจะเปิดใจกับกูบ้าง”

“พายด์เล่าเรื่องมึงให้กูฟังเยอะเกินกว่าที่กูจะเปิดใจได้ว่ะ” ผมเบ้ปาก ยัยตัวแสบอีกแล้วหรอคอยดูนะเจอเมื่อไหร่จะเอาคืนซะให้เข็ด!

“เดี๋ยวกูมา”

“เออ จะไปไหนก็ไป” ดูมันสิครับ พองานเสร็จก็ไม่เห็นหัวกันเลยแม่ง

หมดประโยชน์แล้วก็เขี่ยทิ้ง เฮ้อออออเป็นผมนี่มันเศร้าจริงๆ นะ



พอเดินห่างจากโต๊ะมาพอสมควรผมก็หยิบมือถือขึ้นมา เบอร์ของคนที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ปรากฏบนหน้าจอพร้อมกับเวลาที่บอกว่าโทรหากันได้นานเท่าไหร่ ผมยกมันขึ้นแนบหูก่อนจะพูดกับปลายสาย

“ถ้าอยากได้น้องเขาก็ต้องทำตัวให้มันดีๆ หน่อยนะ แต่อาจจะยาก…” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบประโยคปลายสายก็ตัดสายทันที

ผมมองหน้าจอที่เพิ่งโดนตัดสายไปอย่างไม่ใยดีก่อนที่คิ้วจะกระตุก ให้ตายสิไม่น่าช่วยมันเลยแม่ง

แต่ก็เอาเถอะถือว่าทำบุญแล้วกัน

.

.

.

จริงๆ ผมทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับนกสองหัวใช่ไหมล่ะ แต่จะบอกอะไรให้นะครับ ผมน่ะ…ก็เป็นคนแบบนี้แหละ







….……………………………….





“ผมนึกว่าพี่จะไม่มาแล้วซะอีก” น้ำเสียงของเจ้าตัวบ่งบอกว่าดีใจที่ได้เจอผม

ไอ้แมน ที่อยู่ในชุดนักศึกษาแต่ไม่ได้เรียนที่เดียวกับผม มันเรียนเทคนิคซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจว่าเขายอมใหม่มันเรียนได้ยังไงทั้งที่ออกจะห่วงภาพลักษณ์ทางสังคมขนาดนั้น

“งั้นครั้งหน้ากูจะไม่มา”

“โถ่ พี่ไผ่ก็ใจดีที่สุดแล้วล่ะ” ไอ้แมนยิ้มจนปากแทบจะฉีกไปถึงหู โดยไม่ได้สนใจหน้าตาที่ไม่ได้คล้อยตามมันของผมเลย

“รีบขึ้นรถกูจะไปส่ง”

“แล้วพี่ไม่นอนบ้านหรอ”

“ที่ถามนี่คิดรึยัง” พอได้ยินผมพูดแบบนั้นไอ้แมนก็ทำหน้าหงอยๆ ทันที พอเห็นมันทำหน้าแบบนั้นผมก็เลิกสนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปในรถทันที

“ถ้าไม่ขึ้นกูจะกลับแล้วนะ” ไอ้แมนรีบขึ้นรถแทบไม่ทัน เมื่อกี้ถ้าไม่ขึ้นผมก็จะกลับจริงๆ นะ

ใครจะอยู่รอมันล่ะ คิดว่าผมใจดีขนาดนั้นเลยรึไง

“ทำไมไม่โทรเรียกรถที่บ้านมารับ”

“ผมอยากเจอพี่ไง” ผมแค่นยิ้มกับคำตอบของไอ้แมน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นคนเดียวในบ้านที่อยากเจอผมและอยากให้ผมกลับบ้านน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ซึ้งหรอกน่า

ไอ้แมนคิดว่าผมเป็นพี่ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจหรอกว่ามันจะคิดยังไง ก็อย่างว่าแหละมันไม่ใช่น้องแท้ๆ ของผมสักหน่อยถึงจะมีพ่อคนเดียวกันก็เถอะ

แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดมันนะทั้งๆ ที่มัน…กำลังจะแย่งทุกอย่างไปจากผม…





“พี่จะไม่เข้าไปหาพ่อหน่อยหรอ” ผมจอดรถหน้าบ้านให้ไอ้แมนลง แต่ก็ยังไม่วายหันมาถามผมอีกรอบ

“เข้าบ้านไป” ผมไม่สนใจว่าไอ้แมนจะทำหน้ายังไงรีบขับรถออกไปจากตรงนี้ทันที

เข้าไปหาพ่องั้นหรอ ฟังดูตลกชะมัด

แล้วก็บ้านหลังนั้นด้วยใครจะอยากกลับวะ

…ถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่อยากกลับไปหรอก





End Part
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 21 : 24/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-05-2020 22:54:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 21 : 24/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2020 00:17:01
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 21 : 24/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 25-05-2020 23:36:47
มาต่ออีกนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 22 : 26/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 26-05-2020 22:55:19
Chapter 22
กลับสู่สภาวะปกติที่ไม่ปกติ



วันนี้เกือบทั้งวันที่ผมนั่งเรียนแต่เนื้อหาที่อาจายร์สอนไม่ยอมเข้าหัวเหมือนกับว่ามันไม่มีที่ว่างพอสำหรับเรื่องเรียนทั้งๆ ที่ในหัวก็โล่งไปหมด

“เป็นอะไรของมึงเนี่ย” แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้ผมกลับมาสนใจสิ่งรอบข้าง

“เปล่า”

“มึงท่าทางแปลกๆ มาสองสามวันละนะ เป็นอะไรบอกพวกกูได้นะเว้ย” ผมมองหน้าเดอะแก๊งก่อนจะถอนหายใจทำเอาพวกมันทำหน้างงไปตามๆ กัน

ที่ผมเป็นแบบนี้คงเป็นเพราะเรื่องที่ผมทะเละกับพี่ธัญเมื่อหลายวันก่อนแต่ยังไม่ได้บอกเดอะแก๊ง จริงๆ ก็ไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกันมันรู้สึกไม่อยากพูดถึง และที่สำคัญผมไม่อยากยอมรับความจริงว่าที่ผ่านมาพี่ธัญหลอกผม

“เกี่ยวกับคุณธัญใช่ไหม” ไอ้โก้ถามอย่างรู้ทัน

ผมพยักหน้าอย่างปฎิเสธไม่ได้ ตามจริงผมควรจะดีใจด้วยซ้ำที่เลิกยุ่งกับพี่ธัญแต่ทำไมมันถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลยวะ

ตั้งแต่วันที่ผมพูดตัดความสัมพันธ์กับพี่ธัญไปหลังจากนั้นเขาก็ไม่โผล่หน้ามาอีกเลย

มันก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง….

“สองสามวันมานี่กูไม่เห็นเขามาหาไอ้ทัชเลยนะ”

“เออจริงด้วย พวกมึงมีอะไรกันหรอหรือว่าทะเลาะกัน” ไอ้ปาล์มถาม

“ไม่มีอะไร ก็แค่...กูกับเขาเลิกยุ่งเกี่ยวกันแล้ว” พอได้ยินแบบนั้นพวกมันก็ทำหน้างงเข้าไปอีก

“เป็นไปได้ไง นี่มึงเชื่อเรื่องที่เขาพูดกันแล้วหรอ”

“อืม เชื่อแล้ว” ตอนแรกดึงดันแทบตาย สุดท้ายก็ต้องเจอกับตัวเองถึงจะรู้

ถึงตอนนี้จะยังไม่ชินที่ไม่มีพี่ธัญคอยป้วนเปี้ยนแต่สักพักคงกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ยังไม่ได้เจอพี่ธัญ

มันคงไม่อยากเท่าไหร่หรอก…มั้ง

“คืนนี้ไปแดกเหล้ากัน”

“นี่มึงกำลังทำตัวเหมือนคนอกหักอยู่นะไอ้ทัช” ไอ้โอ๊ตว่าพลางมองผม

“กูอยากแดกเหล้านี่เหมือนคนอกหักตรงไหน พวกมึงจะไปไม่ไป ไม่ไปกูไปคนเดียวก็ได้” แน่นอนว่าผมพูดจริงทำจริงอารมณ์อยากนั่งดื่มชิลๆ มันมาครับ พร้อมฉายเดี่ยวแล้วตอนนี้

“โถ่ พูดแค่นี้ทำเป็นน้อยใจ พวกกูก็ต้องไปกับมึงอยู่แล้วปะเมามาใครจะเก็บศพมึง” ไม่ว่าเปล่าไอ้โอ๊ตมันกอดคอผมก่อนจะใช้มือหนักๆ ของมันยีหัวผมอย่างแรง

ผมนี่ขึ้นชื่อว่าเมาเหมือนหมาต้องมีเพื่อนคอยเก็บศพตลอด ไอ้ที่คิดจะฉายเดี่ยวเมื่อกี้ก็คงต้องพับเก็บไว้ก่อนไม่งั้นคงได้นอนข้างทางแน่ๆ

อย่างเพิ่งห้าวไอ้ทัช เดี๋ยวมึงจะได้เป็นหมานอนข้างถนน!





หลังจากที่ตกลงสถานที่กันได้แล้วเลิกเรียนพวกผมก็ตรงมาที่ร้านทันที

พวกผมเดินเข้ามาในร้านที่คุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดีนั่นก็คือร้านพี่ชายไอ้ตัง กันเองแบบนี้แหละดีเวลาหมดสภาพจะได้ไม่นอนข้างถนน ผมคิดว่างั้นนะ

“นึกว่าร้านแกจะเจ๊งไปแล้วซะอีก”

“จะเจ๊งเพราะพวกมึงมาแดกฟรีเนี่ย”

“อุ้ย! เฮียหวัดดีค้าบบบ” พวกผมนี่ยกมือไหว้เฮียแกแทบไม่ทันเมื่อไอ้โอ๊ตมันนินทาแล้วอยู่ๆ เฮียแกก็โผล่มา

อาจจะได้แดกตีนเฮียแกก่อนจะได้แดกเหล้าเป็นแน่

“วันนี้จัดมาเลยเฮียเอาแบบหนักๆ ไม่เมาไม่กลับ”

“พวกมึงไม่มีเรียนกันหรอพรุ่งนี้” ปากถามพวกผมแต่ตาหันไปจ้องไอ้ตัง

“พรุ่งนี้วันเสาร์ค่าเฮียย ลืมวันลืมเดือนรึไง”

เฮียหมอกทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ก่อนจะพยักหน้าให้พวกผมแล้วเดินนำพวกผมไปที่โต๊ะ เด็กเส้นมันดีอย่างนี้แหละครับ จองโต๊ะแบบวีไอพีได้ด้วย



“พวกกูจะถือซะว่าวันนี้มาฉลองที่มึงไม่มีตัวป่วนมาวนเวียนให้รำคาญแล้วกันนะ” ไอ้ปาล์มพูดพลางทำท่าโอเว่อร์ตามสไตล์มัน ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มรับทั้งที่ในใจมันจะรู้สึกโหวงๆ แปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

“ก็ดีนะมึงที่ผ่านมาบรรยากาศแม่งแปลกๆ ชิบหาย” ไอ้โอ๊ตเสริม

“แปลกตรงไหนย่ะ บรรยากาศออกจะดี เนาะไอ้ทัช”

“พวกมึงเลิกพูดเรื่องนี้เถอะน่า อย่ามัวแต่พูดย่างแดกเองบ้างไม่ใช่ให้แต่กูย่างให้เนี่ย” เป็นไอ้โก้ที่ตัดบทสนทนา จากนั้นต่างคนต่างกินทั้งพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้กันอย่างสนุกสนาน ผมก็สนุกนะแต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกเหงา

หวังว่ามันจะเป็นแค่ช่วงนี้นะ ไม่งั้นผมต้องแย่แน่ๆ

“กูว่าเราน่าจะชวนสาวๆ มาด้วยนะ”

“สาวๆ นี่หมายถึงคนไหนวะ ชวนมาให้ถูกนะมึงรถไฟชนกันระวังจะซวย” ผมแซวไอ้ปาล์มอย่างนึกหมั่นไส้ สาวเยอะชิบหายไอ้นี่ไม่รู้เอามุขอะไรไปจีบสาวถึงได้ติดขนาดนี้

สาเหตุที่ไอ้ปาล์มมันยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนคือมันเลือกไม่ได้ครับ มันบอกเลือกไม่ได้เพราะมันชอบหมด

สักวันสาวๆ จะมารุมกระทืบแทนที่จะพิศวาสมัน

“มึงก็หาสักคนดิ แห้งมานานแล้วไม่ใช่หรอ”

“กูเจ้าชู้ไม่เป็นว่ะ กูมันคนดี”

“หราาาาาา” แม่งประสานเสียงกันอีก

“ตัวจริงมันก็พลอยไง” ไอ้โก้ว่า

“คนนี้กูเชียร์”

“กูด้วย”

“ก็ไม่ได้เลวร้ายนะถึงแม้จะสวยน้อยกว่ากูก็เถอะ” อันหลังนี่ผมว่าไม่ใช่ละ

ดูเหมือนเดอะแก๊งจะเชียร์พลอยมากกว่าคนที่ผมเคยคบมา ก็แน่ล่ะพลอยทั้งน่ารักทั้งนิสัยดีนี่นา จะว่าไปผมก็ตาถึงเหมือนกันนะเนี่ย







“เห้ยๆ ไอ้ทัชมึงทำเหี้ยไรเนี่ย” โก้ตะโกนลั่นก่อนจะคว้าตัวเพื่อนเอาไว้ไม่ให้พุ่งไปมีเรื่องกับลูกค้าคนอื่น

“ขอโทษครับเพื่อนผมเมา” อีกฝ่ายมองมาอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักแล้วเดินออกไป

ถือเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครอยากถือสาคนเมา ถึงแม้จะน่าโดนสักทีก็เถอะ

“พามันกลับเถอะ แม่งเมาทีไรหมาทุกที” ปาล์มบอก

ในบรรดาเพื่อนที่นั่งดื่มกันทั้งหมดก็มีแค่ทัชที่เมาเละอยู่คนเดียวเนื่องจากดื่มเหล้าเหมือนดื่มน้ำเปล่า

ไม่รู้เจ้าตัวตั้งใจจะมาเมาหรือติดลมกันแน่ แต่เมาครั้งนี้ไม่ได้อ้วกแล้วหลับเหมือนครั้งก่อนๆ

โก้มองเพื่อนตัวเองก่อนจะใช้แขนล็อคคออีกคนเอาไว้หลอมๆ แล้วส่ายหน้าเบาๆ

สาเหตุที่เมาเละก็มีไม่กี่อย่างส่วนมากก็อกหัก แต่ครั้งนี้มันค่อนข้างน่าแปลกใจแต่ก็พอเข้าใจได้สำหรับเพื่อนที่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาแบบโก้

คงไม่พ้นเรื่องคนคนนั้น

ทั้งที่ขัดขวางแทบตายสุดท้ายเพื่อนเขาก็มีใจให้อีกคนจนได้

“ยั้มมี่ย้ามมมมม” เสียงแหกปากร้องเพลงที่ไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไรดึงความคิดของโก้ให้กลับมาอยู่ปัจจุบัน

ปัจจุบันที่ควรจะพาไอ้ขี้เมากลับบ้านสักที

“อายคนชิบหาย มีสาวที่กูเล็งไว้มาไหมเนี่ย”

ปาล์มบ่นแต่ไม่ได้จริงจังนัก

“มาช่วยกูแบกมันไปรถดิ้ หนักจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย”

ยังไม่ทันที่ปาล์มจะเข้าถึงตัวทัช ไอ้ตัวแสบก็หยิบมือถือขึ้นมาเหมือนจะโทรหาใครสักคนซึ่งมันทำให้โก้รีบแย่งมือถือจากมือทัชทันที

เป็นเพราะโก้สนใจมือถือในมือจนเผลอปล่อยให้ทัชลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นด้วยสภาพที่เห็นแล้วไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี

“ปล่อยมันทำไมเนี่ย” ปาล์มโวยวายแต่โก้กลับไม่ได้สนใจเพราะชื่อที่ทัชเกือบจะกดโทรออกนั้นน่าสนใจกว่า

พี่ธัญ

โก้ละสายตาจากหน้าจอแล้วมองเพื่อนที่นั่งปัดป่ายมือปาล์มไม่ให้พยุงตัวเอง เพื่อนเขามีนิสัยอีกอย่างเวลาเมาก็คือมักจะโทรหาคนที่เป็นต้นเหตุของการเมาครั้งนั้น และครั้งนี้เขาก็มั่นใจแล้วว่าต้นเหตุคือใคร

ตอนเลิกกับแฟนเก่าทัชก็มักจะโทรไปหาคนนั้นจนเขาต้องปิดเครื่องหนี พอเมาแล้วความรู้สึกจริงๆ ก็มักจะแสดงออกมา

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าทัชกับธัญทะเลาะกันเรื่องอะไร จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อเขาก็เป็นอีกคนที่พี่แทนบอกให้ช่วยจับตามองทัช

เขาช่วยพี่ไผ่แทบจะทุกอย่างตั้งแต่พี่ไผ่เข้ามา

สาเหตุที่โก้ทำแบบนั้นก็เพราะเป็นห่วงทัช และเขาก็ไม่ได้รู้สึกถูกชะตากับธัญตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

โก้หันกลับมากดบางอย่างในมือถือของทัชก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าตัวเองแล้วช่วยปาล์มพยุงทัชไปที่รถ









….……………………………………..



สิ่งแรกที่รู้สึกคือหัวที่ปวดแทบจะระเบิด ผมกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและคำตอบที่ได้หลังจากพยายามนึกอยู่สักพักก็คือ

เมาเหมือนหมาอีกตามเคย

“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจอย่างนึกรำคาญตัวเองที่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้

ก่อนจะนึกถึงคนที่มักจะเข้ามาในความคิดของผมตลอดในช่วงสามวันที่ผ่านมา

“นี่ผมชอบพี่จริงๆ หรอวะ”

ผมทึ้งหัวตัวเองเผื่อมันจะทำให้สมองทื่อๆ ของผมโล่งบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะความรู้สึกของผมมันมักจะสวนทางกับความคิดอยู่เสมอ

“ให้กูช่วยไหม” เสียงจากทางประตูทำให้ผมผงกหัวดู

ไอ้โก้ยืนกอดอกพิงประตูมองผมด้วยสายตาเอือมๆ ที่เห็นบ่อยจนชิน

ผมลุกขึ้นก่อนจะกุมหัวตัวเองเพราะความปวดมันกลับมาเล่นงานอีกครั้ง

“มีอะไรวะ”

“ไปแดกข้าว ไอ้ปาล์มมันทำไว้ให้ละ”

“เดี๋ยวไป” ผมตอบไอ้โก้แต่ก็ยังไม่ยอมลุกไปไหน

ไอ้โก้ไม่ได้พูดอะไรต่อซึ่งมันแปลกเพราะปกติมันต้องกวนตีนผมแล้ว แต่นี่ไม่แถมยังเงียบใส่อีกต่างหาก

“เห็นมือถือกูไหม” พอผมถามออกไปไอ้โก้ก็หยุดเดินแต่ไม่ได้หันกลับมา ก่อนจะตอบคำถามผม

“อยู่กับกู อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วค่อยมาเอา”

มันตอบคำถามทั้งที่ไม่หันมาแล้วเดินออกไปทั้งอย่างนั้น นี่ผมไปทำอะไรไว้รึเปล่าวะเมื่อคืน

ผมไม่ได้ไปทำให้ไอ้โก้มันโกรธใช่ไหมเนี่ย ทำไมอยู่ๆ ถึงนิ่งใส่ผมแบบนี้ล่ะ

“เหี้ยไรวะเนี่ยยย”

ผมทึ้งหัวตัวเองอีกรอบ นึกโทษตัวเองที่แม่งจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้จนคิดไม่ออกว่าไปทำอะไรไว้

แต่เดี๋ยวมันก็บอกผมเองแหละอย่างไอ้โก้มันปิดปากเงียบได้ไม่นานหรอกน่า





โต๊ะกินข้าวมีแค่ไอ้โก้ที่นั่งอยู่ ผมมองหาคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เห็นจนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะไอ้โก้จึงบอกผมเหมือนกับรู้ว่าผมกำลังจะถามอะไร

“ไอ้ตังไปเรียน ส่วนสองตัวนั้นไปข้างนอก”

“แล้วมึงไม่ไปกับพวกมันอะ”

“พวกมันนัดสาวแล้วกูมีสาวกับพวกมันที่ไหนล่ะ” ไอ้โก้ว่าพลางทำหน้าเซ็งซึ่งผมรู้สึกว่ามันปกติกว่าตอนที่อยู่ในห้องกับผมขึ้นเยอะ

หรือผมอาจจะคิดมากไปเอง

“มือถือกูล่ะ”

“ห่วงจังมือถือเนี่ย ไปหาข้าวแดกนู่นไป” ถึงจะพูดอย่างนั้นไอ้โก้มันก็วางมือถือไว้บนโต๊ะเรียบร้อย

ผมหยิบมือถือมาเช็คว่าสภาพมันยังโอเคอยู่ไหม ไม่ใช่หวงความเป็นส่วนหรือมีความลับอะไร แต่ผมห่วงว่ามันจะพังต่างหากเวลาเมายิ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ด้วย

เมื่อเช็คสภาพทุกอย่างว่าโอเคแล้ว ผมจึงเดินเข้าครัวแล้วออกมาพร้อมกับข้าวต้มถ้วยใหญ่ อาการปวดหัวมาเป็นระยะแต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมากเดี๋ยวมันก็หาย

ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเมานี่นา

“เมื่อคืนมึงโทรหาคนคนหนึ่ง” พอผมนั่งลงไอ้โก้ก็เปิดประเด็นขึ้นมาซึ่งมันเรียกความสนใจของผมได้ดีเลยทีเดียว

เพราะในเวลาแบบนี้ผมจะโทรหาใครล่ะ นอกจาก…

“ทำหน้าตกใจอะไรขนาดนั้นวะ ทำไม กลัวว่าจะโทรไปหาใครหรอ” ไอ้โก้ทำหน้าตาอย่างผู้เหนือกว่า เวลาเมามันเหนือกว่าผมตลอดครับแถมยังเป็นคนรู้ความลับผมเยอะที่สุดด้วย

“กูโทรหาใคร”

“เช็คมือถือดูดิ้” นั่นไงได้ทีเริ่มปั่นหัวผมละ

ผมกดเช็คการโทรออกของมือถือแต่ก็ไม่พบว่าตัวเองโทรหาใครเลยเมื่อคืน พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไอ้โก้กำลังกลั้นขำอยู่

ไอ้ห่านี่ แกล้งผมอีกแล้ว

“ไอ้เหี้ยโก้” ผมยืดสุดแขนเพื่อที่จะตบหัวไอ้โก้ที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“โอ้ยสัส!” ฟาดไปเต็มแรงครับ สะใจดี

“กวนตีนแต่เช้านะมึง”

“เที่ยงเหอะ” สำหรับผมมันเช้านี่ครับผิดตรงไหน

“มึงกลัวว่ามึงจะโทรหาใครหรอ” ไอ้โก้มองผมอย่างจับผิด

“เปล่า”

“แต่กูรู้นะ” ไอ้โก้ยิ้มกวนตีนให้ผม ยิ้มแบบนี้ไม่ใช่แค่กวนตีนผมแน่ๆ แสดงว่ามันต้องรู้อะไรมาแน่นอน

“กูไม่ได้โทรหาใครสักหน่อย”

“ก็ใช่ไง แต่มึงอาจจะจำไม่ได้ว่ามึงเกือบ…โทรถ้ากูไม่แย่งมือถือมาจากมึงซะก่อน”

ผมนึกขอบคุณมันที่ทำแบบนั้นเพราะคนเดียวที่ผมพอนึกได้ว่าจะโทรไปคงมีคนเดียว

“ที่มึงเมาเมื่อคืนเพราะคุณธัญ…มึงชอบเขาใช่ไหมไอ้ทัช” ไอ้โก้ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ผมวางช้อนที่ต่อให้อยากกินก็คงกินไม่ลงก่อนจะตอบคำถามที่ผมเคยคิดมันมาหลายครั้ง อาจจะมีแค่ไอ้โก้ที่รู้เพราะจากนี้คงต้องลืมๆ มันไปแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตปกติสักที

.

.

.

“ไอ้โก้” ผมมองบางอย่างในมือถือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามไอ้โก้

“ว่า?”

“มึงบล็อคเบอร์พี่ธัญหรอ”

ไอ้โก้ยักไหล่ก่อนจะตอบกลับมา

“กูไม่ลบทิ้งก็ดีเท่าไหร่แล้ว”





หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 22 : 26/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-05-2020 23:00:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

เพื่อนโก้นี่เอง  หนึ่งขบวนการสายลับ ๆ ของพี่แทน
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 22 : 26/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-05-2020 23:08:49
 :pig4:
 :3123:
 o13
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 22 : 26/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 26-05-2020 23:28:53
เอาละสิ,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 23 : 28/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 28-05-2020 20:04:21
Chapter 23
ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจ



“อ้ายคนจนจำต้องทนปั่นรถถีบ จะไปจีบอีน้องคนงาม ~”

“พอไปถึง อ้ายก็ฟังเอิ้นถาม~”

“พอไปถึง อ้ายก็ฟังเอิ้นถาม~”

“อี๋น้องคนงาม กิ๋นข้าวแลงแล้วกา~ ฮิ้ววว”

“ยังไม่กินจ้าา สนใจมากินด้วยกันไหมคะ”

“โห่ๆ บ้านอยู่ไหนหรอค้าบบบคนสวย”

ผมนั่งขำเพื่อนในแผนกที่พากันร้องเพลงแซวสาวที่กำลังเดินผ่าน ไอ้คนร่วมแซวก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ไอ้โอ๊ตขาประจำที่มักจะเป็นหัวโจกแซวสาวๆ เวลาเขาเดินผ่านจนแทบจะไม่มีใครกล้าผ่านเพราะกลัวพวกมันเนี่ย

แต่นานๆ ทีจะมีสาวเล่นด้วยให้หายเหงาล่ะครับ

“คนนี้แม่ของลูกว่ะ”

“กูจองๆ ”

“พวกมันหิวมาจากไหนวะนั่น” เสียงไอ้โก้ดังมาจากด้านหลัง ผมจึงลุกไปเก็บของเตรียมกลับบ้านตามมัน

“นานๆ ทีจะมีคนมาเล่นด้วยนี่หว่า”

“เหอะ แล้วนี่มึงจะไปส่งพลอยใช่ปะ”

“ใช่ ว่าจะไปหาไรกินที่ตลาดด้วย พวกมึงจะไปปะ”

“มึงพาพลอยไปก่อนเลยเดี๋ยวพวกกูตามไป แล้วเจอกันที่บ้าน”

“โอเค เจอกัน”

พอเก็บของเสร็จผมก็เดินออกไปหาพลอยที่แผนกออกแบบทันที



ช่วงนี้ชีวิตผมก็มีความสุขดีครับ อิสระเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีคนคุย ผมกับพลอยแทบจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนกันแต่เพราะเราทั้งคู่ยังไม่ได้ใส่ใจในสถานะจึงไม่ได้ตกลงคบกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งผมก็รู้สึกดีกับการอยู่แบบนี้นะ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่คนที่จะคุยกับใครไปทั่วพลอยจึงไม่ได้กังวลอะไร

คนเราถ้าจะคบกันมันต้องเชื่อใจกันใช่ไหมล่ะครับ

“ทำไมวันนี้มาไวจัง”

“ก็คิดถึงพลอยไง”

“โม้อีกแล้ว” พลอยหยิกแขนผมไม่แรงนักซึ่งเธอมักจะทำเวลาที่หมั่นใส้ผม แต่ผมมองว่ามันก็น่ารักดี

“ไปกันเลยไหม”

“โอเคค”

ผมแย่งกระเป๋าของพลอยมาถือก่อนจะวิ่งนำหน้าเพราะเธอไม่ชอบที่ผมถือของให้เท่าไหร่ นั่นแหละครับสาเหตุที่ต้องวิ่งเพราะเธอต้องบ่นเรื่องนี้แน่ๆ

“ทัช! เล่นเป็นเด็กอีกแล้วนะ” เสียงตะโกนไล่หลังไม่ได้ทำให้ผมหยุดวิ่ง

นี่แทบจะเป็นกิจวัตรที่ผมจะต้องกวนเธอแล้วให้เธอบ่นเป็นประจำ ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก





“พลอยบอกแล้วใช่ไหมว่าพลอยถือเองได้” ไม่ว่าเปล่าพลอยทำท่าจะเข้ามาแย่งกระเป๋าตัวเองจากผมคืนแล้วมีหรือที่ผมจะยอม

“ไม่เล่นดิ เดี๋ยวก็ชนคนอื่นหรอก” ผมคว้าแขนเธอให้ขยับเข้ามาหาเพื่อไม่ให้ชนคนที่กำลังเดินสวนมา

ตอนนี้ผมกับพลอยเดินหาซื้อของที่ตลาดที่เรามักจะมาประจำ ส่วนมากก็จะมีเด็กวิลัยแบบพวกผมนี่แหละพอหลังเลิกเรียนก็มาเดินตลาดกัน

“เห็นพลอยบ่นว่าอยากกินน้ำแตงโมปั่น เดี๋ยวเราไปซื้อให้เอาไหม” พลอยทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้า

“งั้นเราไปดูของทางนั้นรอนะ ทัชรีบมาล่ะ”

“ค้าบบบบ”

ผมแยกกับพลอยโดยที่ถือกระเป๋าของเธอมาด้วย ซึ่งพลอยก็เดินดูของไม่ไกลจากผมเท่าไหร่

“แตงโมปั่นแก้วหนึ่งครับ”

“รอแปปนึงนะคะ” ผมยิ้มให้แม่ค้าแล้วหาที่นั่งพลางมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย

เดอะแก๊งผมน่าจะมาแล้วมั้งแต่คงไม่เจอกันหรอกคนเยอะขนาดนี้ แต่ผมกลับชอบที่คนเยอะแบบนี้นะอาจเป็นเพราะเวลาอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ ผมจะไม่รู้สึกเหงาล่ะมั้ง

“ได้แล้วจ้าาา”

“ขอบคุณครับ”

ผมรับแก้วแตงโมปั่นจากแม่ค้าก่อนจะจ่ายตังค์แล้วเดินออกมา มองหาพลอยซึ่งไม่รู้ว่าไปหยุดอยู่ที่ร้านไหนแล้ว

เผลอแปปเดียวหายเลยนะยัยตัวแสบ

ผมเดินสอดส่องหาพลอยตามร้านต่างๆ แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่หน้าร้านขายขนมซึ่งตอนนี้มีคนกำลังมุงดูอะไรสักอย่าง แต่สักพักคนที่มุงอยู่ก็เลิกสนใจแล้วสลายตัวไปจนได้รู้ว่าตรงนั้นมีคนที่ผมกำลังตามหายืนอยู่

ผมรีบเดินเข้าไปหาพลอยทันที

“ขอโทษนะคะ เดี๋ยวฉันซื้อคืนให้นะคะ”

“มีอะไรรึเปล่า…” ผมเดินเข้าไปถามพลอยแล้วมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนที่คำพูดจะถูกกลืนลงคอ

คนตรงหน้าทำให้ผมยืนนิ่งทั้งที่หัวใจกำลังเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือน…..

ฟังไม่ผิดหรอกครับ หนึ่งเดือนที่ผมไม่ได้เจอเขาและอยู่ๆ ก็บังเอิญมาเจอกันที่นี่

“พี่ธัญ…” เสียงของผมเบาจนไม่น่าจะทำให้คนที่ยืนห่างจากผมเล็กน้อยได้ยิน

พี่ธัญมองผมสักพักก็ละสายตาไปมองสิ่งที่ตกอยู่บนพื้น

“ไม่เป็นไรครับ ผมก็เดินไม่ดูทางเหมือนกัน” คำพูดที่ฟังดูสุภาพและรอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมา มันแปลกตาจนผมรู้สึกว่าเขามีบางอย่างเปลี่ยนไป

อาจเป็นเพราะไม่ได้เจอกันนานล่ะมั้ง

“มีเรื่องอะไรกันหรอครับ” แล้วสิ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นก็คือ…เสียงผมสั่น

ไม่มีอะไรผิดปกติเลยไอ้ทัชเอ้ย เสียงมึงสั่นขนาดนี้ไม่ผิดปกติเลย!

ในขณะที่ผมกำลังบ่นตัวเองอยู่ในใจคนตรงหน้าก็พูดขึ้น

“พอดีเราเดินชนกันน่ะครับ ตะบองเพชรจึงหล่นแตกอย่างที่เห็น”

ให้ตายสิ คำพูดนี่มัน…

ผมพยายามควบคุบตัวเองไม่ให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้แล้วหันมาพูดกับพลอย

“พลอยชนเขาหรอ” พลอยพยักหน้าทั้งทำหน้ารู้สึกผิด

แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ไอ้น้ำแตงโมปั่นในมือผมคงเป็นหมันแล้วสินะ

เย็นมือด้วยเนี่ยย

“ซื้อมาจากร้านไหนครับเดี๋ยวเราซื้อคืนให้” ผมถามพลางมองหน้าอีกคนถึงแม้ใจจะเต้นแรงก็ตาม

พี่ธัญทำท่าคิดอยู่สักพักก่อนจะเดินนำพวกผม ตอนแรกเหมือนจะไม่ให้ซื้อคืนนี้หว่าแล้วทำไมถึงนึกเปลี่ยนใจได้ล่ะ



“ซุ่มซ่ามนะเรา” ผมแกล้งดุพลอย ก่อนจะยื่นน้ำแต่งโมปั่นให้

“แล้วเมื่อกี้แตกไปกี่ต้นอะ ผมลืมดู”

“ทั้งหมด” ผมมองหน้าพี่ธัญทันทีที่เขาตอบ นี่ไม่ใช่คำตอบกวนตีนใช่ไหมครับ

“แล้วทั้งหมดที่ว่ามันกี่ต้นล่ะครับ”

“4 ต้น” ตอบแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบปะวะ

ผมทำหน้าเซ็งใส่พี่ธัญอย่างลืมตัว ทั้งยังไม่ทันได้เห็นมุมปากที่ยกขึ้นของอีกคน

“งั้นก็เลือกเลยครับ”

สิ้นเสียงผมไม่นานพี่ธัญก็เดินดูต้นตะบองเพชรต้นใหม่ ผมจึงเดินมาหาพลอยที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ ที่ตอนนี้กำลังดูดน้ำแตงโมปั่นอย่างสบายใจเหมือนกับลืมไปว่าตัวเองก่อเรื่องอะไรไว้ เห็นแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะบีบจมูกรั้นๆ ของเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว

“โอ้ยทัช เจ็บนะ” พลอยทำหน้ามุ้ยใส่ผม แต่มีหรือที่ผมจะแคร์ผมยักไหล่ไปหนึ่งทีจนเธอตีไหล่ผมชะแรง

ใช้กำลังกับผมอีกแล้ว

ผมกับพลอยยืนรอคนที่ตั้งใจหาต้นตะบองเพชรที่ถูกใจจนรู้สึกว่ามันนาน และมันก็นานเกินไปด้วย!

กะอิแค่เลือกต้นตะบองเพชรก็ล่อไปครึ่งชั่วโมงแล้ว นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงคิดว่าเขากำลังแกล้งผมอยู่แน่ๆ

“ทัช ทำไมพี่เขาเลือกนานจังอะ” พลอยสะกิดผมพลางพูดเสียงเบา ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าใครจะไปรู้ล่ะครับ

“เลือกได้รึยังครับ” และความอดทนในการยืนรอผมก็หมดลง เดินไปถามคนที่เหมือนกำลังพินิจพิจารณาต้นตะบองเพชรอย่างตั้งใจ

“เลือกได้พอดีเลย เอาสี่ต้นนี้ครับ” ว่าแล้วก็ชี้ทั้งสี่ต้นให้เจ้าของร้านดู ซึ่งมันก็เป็นต้นที่เขานั่งเฝ้ามันมาตั้งนานไม่ใช่หรอวะ นี่ถ้าผมไม่เดินมาถามก็ไม่ยอมเลือกสินะ

“นี่พี่แกล้งผมหรอ” ผมถามออกไปทั้งรู้สึกไม่พอใจ

“เปล่านะครับ ทำไมถึงคิดว่าผมแกล้งล่ะ” พี่ธัญหันมามองหน้าผม แววตาไม่ได้มีความล้อเล่นหรือเจ้าเล่ห์อย่างที่ควรจะเป็นแต่มันกลับเรียบเฉยทั้งที่ปากยังคงยิ้ม

สุดท้ายผมก็คงจะนึกบ้าไปเองล่ะมั้ง

ผมละสายตาตากพี่ธัญพอดีกับเจ้าของร้านเดินมา

“เท่าไหร่ครับ”

“140 บาทครับ” ผมจ่ายตังค์แล้วยื่นถุงที่ห่อต้นตะบองเพชรอย่างดีให้พี่ธัญ

หมดธุระสักที เสียเวลาไปตั้งครึ่งชั่วโมง

และในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปอีกทางเสียงของพี่ธัญก็ดังขึ้นพร้อมกับประโยคที่ทำให้ผมงง

“พี่ชื่อธัญนะ แล้วน้องชื่ออะไรครับ” แน่นอนว่าประโยคที่พูดออกมานั้นพูดกับผม

แล้วคำถามก็ผุดขึ้นมาในหัวทันทีว่า ผมกับเขาไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้วหรอ

“พลอยค่ะ ส่วนนี่ทัช” พอเห็นผมไม่ตอบอะไรพลอยที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงตอบแทน

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” สายตาพี่ธัญยังคงจ้องมาที่ผมพร้อมกับรอยยิ้มที่นานๆ ครั้งจะยิ้มออกมา

และผมก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ธัญถึงพูดแบบนั้น ก่อนที่ผมจะตอบกลับไป

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

ในเมื่อเขาอยากรู้จักผม ผมก็อยากรู้จักเขา…อีกครั้ง

…คงไม่เป็นไรใช่ไหมล่ะครับ









….………………………………..



“เหนื่อยเป็นบ้า!” ไอ้โก้พูดพลางทิ้งถุงขยะลงข้างถังอย่างไม่ใยดี ก็แน่ล่ะวันนี้ลูกค้าเยอะนี่นา

“ทำเป็นบ่นนะมึง แอบอู้เยอะกว่ากูอีก”

“อะไร เขาเรียกพักเอาแรงเว้ย” แถได้หน้าตาเฉย สมแล้ว! สมแล้วที่เป็นเพื่อนผม!

“มึง วันนี้อยากแดกอาหารทะเล”

“ซีฟู้ดปะ”

“ดิว” ผมดีดนิ้วเห็นด้วยกับไอ้โก้

และต้องไปดิวกับเดอะแก๊งอีกซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาเพราะตามกันอยู่แล้ว อยู่ง่ายกินง่ายสไตล์เดอะแก๊ง เพราะอย่าให้พวกผมแต่ละคนเรื่องมากเลยครับ มันจะชิบหายกันหมดดดด

“ปะเข้าร้าน” ผมกอดคอไอ้โก้แล้วเดินเข้ามาในร้าน ที่กอดคอมันไม่ใช่อะไรนะครับเนียนๆ เช็ดมือกับเสื้อมันต่างหาก

“นึกว่ากลับกันแล้ว ลูกค้าฝากมาให้น่ะจ่ะ” พี่แนนเดินมาหาผมพร้อมกับยื่นโพสอิทให้

ผมรับโพสอิทมาแล้วพลิกดูหน้าหลังก็พบว่ามันมีสองแผ่นประกบกัน นี่กันไม่ให้คนอ่านสินะ แต่ดูเหมือนว่าไอ้คนข้างๆ มันจะอยากอ่านเต็มทนแล้วนะ

“เอาไปเปิดอ่านเลยไหม”

“เอามาดิ”

“กูประชดไอ้สัส” ว่าแล้วผมก็เดินเลี่ยงมาอีกทาง ไอ้โก้มันก็ทำหน้าเซ็งที่อดเผือกไปตามระเบียบ

ผมเปิดโพสอิทออกก่อนจะพบว่าข้อความข้างในเป็นข้อความธรรมดา แต่กลับทำให้รู้สึกดี


อย่าลืมหาอะไรทานนะ



แล้วใครที่เขียนข้อความนี้ให้ผมล่ะ

“พี่แนนครับ ใครเป็นคนให้โพสอิทนี่มาหรอครับ”

“พี่ไม่รู้จักชื่อเขานะ รู้แต่ว่าหล่อมากแถมยังดูคุณชายด้วย เหมือนเขาจะมาร้านเราบ่อยด้วยแต่ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยเห็นเพิ่งจะมาก็วันนี้แหละ” ได้ฟังแค่นั้นผมก็พอจะนึกออกว่าเป็นใคร แต่ไม่อยากคิดว่าจะเป็นคนเดียวกัน

“เอามาดูดิ้ …อย่าลืมหาอะไรทานนะ อะไรเนี่ยนึกว่าจะเขียนว่า คิดถึง อะไรแบบนี้ซะอีก” ไอ้โก้ทำหน้าเหมือนผิดหวังที่ข้อความในโพสอิทเป็นอีกแบบ

“มึงรู้หรอว่าใคร”

“ทำไมจะไม่รู้ ที่ไม่รู้คือมึงต่างหาก”

“อ้าว แล้วกูจะไปรู้ได้ไงอะ” ทำไมคนรอบตัวผมเหมือนรู้อะไรตลอดทั้งที่ตัวผมแม่งไม่รู้อะไรเลยวะ

เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะเว้ย

“งั้นกูจะบอกให้ก็ได้เห็นว่าโง่มาเป็นเดือนแล้วหรอกนะ” เตะมันสักทีดีไหมเนี่ย

ผมก็ได้แค่คิดแหละครับเพราะถ้าเตะมันก็อดฟังเรื่องที่มันจะพูดแน่ๆ

“มึงเห็นต้นไม้ต้นนั้นไหม ทุกๆ วันที่มึงมาทำงานเขาก็จะมายืนอยู่ตรงนั้นสักพักแล้วก็ไปตอนแรกกูก็สงสัยนะว่ามาทำไม แต่พอสังเกตดีๆ กูถึงได้รู้ว่าเขาแค่อยากเห็นหน้ามึง…แค่แปปเดียวก็ยังดี”

ผมมองต้นไม้ที่อยู่ห่างจากร้านไม่ไกล แต่มันคงไกลสำหรับผมที่ไม่เคยเห็นอะไรเลย

“ทำไม…มึงถึงไม่บอกกู”

“กูต้องถามว่าทำไมมึงถึงไม่เคยสังเกตเห็นทั้งที่เขามาทุกวัน”

“เรื่องจริงหรอวะ” ผมยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่ไอ้โก้พูด อย่างที่มันถามทำไมผมถึงไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะ

“ตอนแรกกูไม่ได้ชอบคุณธัญหรอกนะ แต่ไม่รู้สิตอนนี้กูอาจจะชอบความพยายามของเขามั้ง”

“กู…ควรทำยังไงดีวะ”

“มึงเลิกถามคนอื่นแล้วถามตัวเองได้แล้ว มึงถามคนอื่นเยอะเกินไปแล้วไอ้ทัชครั้งนี้มึงต้องตัดสินใจด้วยตัวเองบ้าง เออแล้วก็ไม่ต้องมาถามอะไรอีกนะเพราะกูบอกไปหมดแล้ว” พูดจบไอ้โก้ก็เดินไปหลังร้านหยิบกระเป๋าออกมาให้ผมด้วย

“อย่ามัวแต่ยืนเอ๋อกลับบ้านได้แล้ว หิว”

แม่งอะไรวะเนี่ย

ในความสับสนมึนงงกับสิ่งที่ไอ้โก้พูด ผมกลับรู้สึกถึงความดีใจที่ตัวเองรู้สึกอยู่ลึกๆ ภายในใจ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมเจอพี่ธัญครั้งนั้น

แล้วอยู่ๆ ความรู้สึกที่มันควรจะหายไปก็กลับมา…



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 23 : 28/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-05-2020 20:14:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 23 : 28/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-05-2020 20:56:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 23 : 28/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-05-2020 23:47:44
จะรู้ตัวเองจริงๆรึป่าวครับทัช,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 23 : 28/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-05-2020 10:08:54
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 24 : 30/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 30-05-2020 20:19:58
Chapter 24
Thay'Part



“มีอะไรให้กูกินบ้างอะ” หน้าที่ไม่แม้แต่จะหันมามองผมกลับถามหาของกินเหมือนกับว่าผมจะใจดีซื้อมาให้มันอย่างนั้นแหละ

“เมื่อไหร่จะกลับ”

“ก็บอกแล้วว่ากูขออยู่ด้วยอาทิตย์หนึ่งไง”

ตอนนี้ไอ้โซมันกำลังทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาหนีออกจากบ้าน เพียงแค่พ่อไม่ยอมซื้อรถคันใหม่ให้ทั้งที่มันก็ไม่ขับ

ผมเข้าใจพ่อมันนะ เพราะต่อให้ไอ้โซได้รถคันใหม่มันก็มานั่งรถผมอยู่ดี

ไม่รู้จะซื้อให้ทำไม

“แล้วนี่มึงไปไหนมา”

“ไปหาทัช”

“จริงดิ” มันหันมาสนใจผมแทนหน้าจอทีวีทันที

“ก็ไปหาปกติ”

“มึงหมายถึงแบบที่ไปยืนมองเขาแล้วก็กลับมาเฉยๆ อะนะ”

“อืม”

“เฮ้ออ เพื่อนกู” ไอ้โซส่ายหน้าแล้วหันไปสนใจทีวีต่อ

ผมไม่ได้สนใจไอ้โซแล้วเดินเข้าห้อง นั่งลงบนเตียงพลางนึกถึงวันที่เจอทัชซึ่งๆ หน้าวันนั้น

ทัชตกใจที่เห็นผมแต่ผมกลับดีใจที่ได้เจอทัชในระยะใกล้ขนาดนั้น เพราะปกติก็มองอีกคนจากนอกร้าน

ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทั้งที่บอกว่าจะลองใช้ชีวิตโดยไม่มีทัช แต่ผมกลับทำไม่ได้ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไปที่ร้านทุกวัน แต่ได้แค่ยืนมองอยู่ห่างๆ แค่นั้น

มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึก…ไม่กล้า ถ้าเข้าไปทัชจะมองผมแบบไหน หรือถ้ามองเหมือนวันที่เราทะเลาะกันผมยอมมองทัชอยู่ห่างๆ แบบนี้ดีกว่า

ใครจะไปคิดล่ะครับว่าอยู่ๆ ผมจะขี้ขลาดขึ้นมาทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่แล้วการเจอกันครั้งนั้นมันทำให้ผมกล้าที่จะปรากฏตัว ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปทัชก็เหมือนดีใจที่เจอผม แต่สิ่งที่ทำให้ผมลังเลคือผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ทัชวันนั้น

“ถ้าได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิมก็ดีสินะ” ผมถอดเนคไทที่เคยถูกผูกไว้อย่างดีก่อนจะนอนแผ่ลงบนเตียง

ตั้งแต่วันที่ทัชหันหลังให้ผม ผมก็แทบจะรีเซ็ทตัวเองใหม่จากที่เคยคุยกับใครหลายคนก็แทบจะไม่คุย ถ้าเบื่อก็ไปร้านไอ้ภูมิวันไหนที่คิดถึงทัชก็ไปหา จริงๆ ผมก็ไม่ได้เป็นคนขี้เหงาแล้วต้องมีคนคุยหรือควงใครตลอดเวลาขนาดนั้นพอมาอยู่แบบนี้จึงไม่มีปัญหาอะไร

สบายใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องคอยตามใจใคร

“ธัญ! ไปหาไรกินกันนนน” เสียงตะโกนของไอ้โซหลังบานประตูทำให้ผมลุกขึ้น

นี่ผมต้องเลี้ยงลูกอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย

“จะกินอะไร” สุดท้ายผมก็ยอมเปิดประตูออกมาตามใจมันอยู่ดี

“อยากกินอะไรร้อนๆ อะ”

“ไอ้ต้มน้ำกินไป”

“กวนตีนละ” ไอ้โซทำหน้ามุ้ยจนผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปยีหัวมันแรงๆ

“บอกแล้วว่าอย่าเล่นหัว” เสียงขู่ที่ไม่ได้น่ากลัวของมันทำให้ผมยักไหล่อย่างกวนๆ

“ถ้าหิวก็ตามมา” เพิ่งกลับมาห้องก็ต้องออกไปอีกแล้วครับ

ได้เวลาพาลูกไปกินข้าว จะว่าไปลูกก็มีแล้วแต่ขาดแม่อะครับ พูดแล้วเศร้า

“ชวนไอ้ภูมิมาด้วยปะ”

“ตามใจ” หมายถึงผมนี่แหละตามใจมัน อาจจะเป็นเพราะผมตามใจมันจนติดนิสัยล่ะมั้ง
สรุปคือผิดที่ผมสินะ





“มึงจอดเซเว่นหน่อยดิ” คำสั่งของคนข้างๆ ทำให้ผมต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้

“เร็วๆ ล่ะ”

“ค้าบพ่ออออ” ว่าแล้วไอ้โซก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปเซเว่นทันที

ระหว่างที่รอผมก็เห็นคนที่ไม่น่าจะได้เจอในเวลาดึกๆ แบบนี้ ทัชนั่งอยู่เก้าอี้หน้าเซเว่นเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง

ผมควรเข้าไปทักน้องดีไหม

ไม่รอให้ตัวเองได้ลังเลนานกว่านี้ ผมเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ทันที

ดึกแล้วควรกลับบ้านสิทำไมมาอยู่แถวนี้ได้ล่ะ

“มาทำอะไรแถวนี้” ทัชเงยหน้าขึ้นมามองพอเห็นว่าเป็นผมก็ทำหน้าตกใจทันที

“พี่ธัญ” ว่าแล้วทัชก็ก้มหน้าลงเหมือนเดิมผมจึงนั่งลงข้างๆ

“มาทำอะไรแถวนี้ครับ” ผมถามน้องอีกครั้งแต่ก็ได้รับเพียงความเงียบแทนคำตอบ

ทัชยังก้มหน้ามองมือตัวเองโดยไม่ได้สนใจผมที่นั่งอยู่ข้างๆ

มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่านะ แล้วผมอยู่ในสถานะที่จะถามเรื่องพวกนี้ได้อยู่รึเปล่า

“มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

“…….”

“ไม่อยากคุยกับพี่หรอครับ” พอผมพูดออกไปแบบนั้นทัชก็เงยหน้าขึ้นมา

“เฮ้ออ เปล่าครับ”

“หมายถึงยังอยากคุยกับพี่อยู่ใช่ไหม” ทัชมองหน้าผมก่อนจะตอบคำถาม

“คงงั้นมั้งครับ”



...เราต่างคนต่างเงียบกันไปสักพักจนเป็นผมที่เอ่ยทำลายความเงียบนั้น

“พี่ขอโทษนะ”

“เรื่องอะไรครับ”

“เรื่องที่พนันกับไอ้ไผ่” ไม่ว่าครั้งไหนผมก็อยากขอโทษจนกว่าทัชจะให้อภัยผม

เรื่องล้อเล่นกับความรู้สึกแบบนี้ ผมควรได้รับการให้อภัยรึเปล่า

“ช่างมันเถอะครับ”

“ทัชไม่โกรธพี่แล้วหรอ”

“โกรธดิ” ทัชจ้องหน้าผมจริงจังก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มบางๆ พร้อมทั้งประโยคที่ทำให้ผมยิ้มออกมา

“แต่หายแล้ว”

“แล้วพี่ยังคุยกับทัชได้เหมือนเดิมใช่ไหม”

“อืมมม ได้ดิ” ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่ทัชยอมกลับมาคุยกับผมเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม

น้องไม่โกรธผมแล้วจริงๆ หรอ ผมฝันอยู่รึเปล่าวะเนี่ยย

“ดีใจขนาดนั้นเลยหรอพี่” ทัชมองหน้าผมแล้วขำออกมา ดีใจจนอยากจะคว้าคนตรงหน้ามากอดเลยล่ะเพียงแค่ยังทำไม่ได้

ต้องเก็บอาการไว้ก่อน!

“อ้าวไอ้ธัญ” เสียงจากด้านหลังทำให้ทั้งผมและทัชหันไปมอง

ไอ้โซหอบถุงขนมออกมาจากเซเว่นเหมือนกับลืมว่าอีกไม่กี่นาทีก็ต้องไปกินข้าวต่อ กินข้าวดึกๆ แบบนี้ก็ยังไม่อ้วนทั้งขนมอีกคนอะไรกินเก่งชิบหาย

“พี่โซหวัดดีครับ” ทัชยกมือไหว้ไอ้โซก่อนที่มันจะพยักหน้ารับ

“หวัดดีครับ แล้วทัชมาทำไรอะดึกแล้วนะ”

“อ๋อ ผมมาขี่รถเล่นน่ะเดี๋ยวผมกลับละ ไปก่อนนะครับ” พอไอ้โซมาก็ซิ่งหนีเลย

เวลาของความสุขมันมักผ่านไปเร็วเสมอสินะครับ

“กลับดีๆ นะ” ไว้พรุ่งนี้เจอกัน

“ครับ.....เกือบลืมไปเลย ผมว่าจะบอกพี่…” ทัชหันกลับมายิ้มให้ก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกเขินขึ้นมาดื้อๆ

“วันหลังไม่ต้องไปแอบอยู่นอกร้านแล้วนะครับ เข้ามาในร้านก็ได้ร้านเรายินดีต้อนรับ”

ครั้งนี้ผมยิ้มแบบไม่ต้องเก็บอาการทัชรู้ว่าผมไปที่นั่นทุกวันสินะ ไม่รู้ว่ารู้ด้วยเองหรือคนอื่นบอกแต่ยังไงก็ช่างเถอะถือว่าผมได้รับอนุญาตแล้ว

“ยิ้มหน้าบานเลยนะครับคุณชายย ไม่คีฟลุคแล้วว่างั้น”

“พูดมากน่า” ปากบ่นให้ไอ้โซแต่ก็ยังยิ้มไม่หุบ

รอจนกระทั่งทัชขี่รถออกไปผมกับไอ้โซจึงเดินกลับมาที่รถก่อนจะขับไปยังร้านอาหารที่นัดกับไอ้ภูมิไว้

....ถึงอย่างนั้นใบหน้าผมก็ยังเปื้อนยิ้มจนถึงร้านอาหาร









….…………………………………..



“นี่กูต้องกลับไปแก้งานอีกแล้วหรอวะ ธัญวันนี้มึงช่วยกูด้วยนะ” ไอ้โซที่เดินนำหน้าหันมาพูดกับผมอย่างจนใจ

“อย่าช่วยมันนะ” ไอ้ภูมิกระซิบเบาๆ เพื่อไม่ให้ไอ้โซได้ยิน ไม่งั้นมันงอแงใส่ไอ้ภูมิแน่ๆ

“ของกูก็ต้องแก้ กูคงว่างไปช่วยมันอยู่หรอก”

“พวกมึงคุยอะไรกัน” พอไอ้โซหันมาผมกับไอ้ภูมิก็ขยับออกจากกันโดยอัตโนมัติ

เรื่องแก้งานผมไม่ได้กังวลหรอกครับแต่ขี้เกียจแก้นี่สิปัญหา รอบนี้ก็เป็นรอบที่สามแล้วไม่รู้ว่าต้องแก้อีกกี่ครั้งอาจารย์ถึงจะพอใจสักที

“เสียดายว่ะ”

“เสียดายอะไรวะ”

“นั่นไง” ไอ้ภูมิชี้ไปข้างหน้าที่มีเพื่อนร่วมคณะยืนอยู่แต่ที่โดดเด่นกว่าคนอื่นก็คงจะเป็นเจ้าของผมสีคาราเมลซึ่งเป็นคนที่ผมรู้จักดี ข้างๆ ก็มีสาวสวยที่มองแล้วก็ดูเหมาะสมกันดี

“มึงเสียดายไอ้ไผ่หรอ”

“จะบ้ารึไงกูต้องเสียดายพายด์สิ” ที่ไอ้ภูมิมันพูดแบบนั้นเพราะมันเคยมองพายด์มาสักพักจนได้รู้ว่าพายด์คบกับไอ้ไผ่ ไม่ใช่คบกันธรรมดาแต่เป็นคู่หมั้นกันด้วย

“ทำใจนะ” ผมตบบ่าไอ้ภูมิเบาๆ

“ทำใจนานละว่าแต่เรื่องของมึงเถอะไปถึงไหนแล้ว”

เรื่องของผมก็คงเหมือนกับการเริ่มต้นใหม่พร้อมกับโอกาสที่ครั้งนี้ผมจะพลาดไม่ได้นั่นแหละ

“น้องไม่โกรธกูแล้ว”

“ก็ดีนี่ แต่ทำไมเหมือนมึงยังกังวลอยู่วะ” ไอ้โซถาม

“กูยังไม่รู้ว่าน้องมีแฟนแล้วรึเปล่า”

“แล้วถ้ามีล่ะ มึงจะเอาไงต่อ”

คำถามนี้ผมก็เคยถามตัวเองนะ และผมก็ได้คำตอบแล้วด้วย

“ก็ถอยออกมา มองอยู่ห่างๆ อย่างที่เคยทำ” จะให้ผมไม่เจอทัชเลยคงจะเป็นการหักดิบกับความรู้สึกตัวเองเกินไป

“ทำไมอยู่ๆ ถึงเป็นพระเอกขนาดนี้วะ มึงใช่ไอ้ธัญเพื่อนกูรึเปล่าเนี่ย” ไอ้โซจับหน้าผมหันไปหันมาจนผมต้องจับมือมันออก

“เป็นอย่างนี้ก็ดีไม่ใช่หรอวะ ดีกว่ามันไปบ้าจี้เล่นเกมไร้สาระกับไอ้ไผ่ไปวันๆ ” เหมือนโดนด่าว่าที่ผ่านมาผมทำแต่เรื่องไร้สาระเลยนะครับเนี่ย

“ไป แยกย้ายเดี๋ยวกูจะเข้าร้าน”

“ไม่ชวนพวกกูหรอ”

“กลับไปแก้งานเลยมึงน่ะ”

“ขี้งก” ก่อนจะไปไอ้ภูมิก็ไม่วายผลักหัวไอ้โซอย่างหมั่นไส้

“กลับได้แล้ว”

“หาอะไรกินก่อนได้ปะ หิว” อยู่กับมันคงไม่พ้นเรื่องกินจริงๆ ครับ

ผมส่ายหน้าเอือมๆ ก่อนจะหันไปเห็นคนต่างคณะที่กำลังเดินมาทางผม

ไอ้แทน

ไอ้แทนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะมองด้วยสายตาที่ไม่รู้ว่ามาดีหรือมาร้าย แต่อย่างไอ้แทนมันคงไม่มาดีกับผมหรอก

“ได้ข่าวว่าเป็นคนดีขึ้นหนิ”

“ก็คงงั้น จะว่าไปดีพอที่จะยุ่งกับน้องมึงได้รึยังล่ะ” พอผมพูดถึงทัชไอ้แทนก็เริ่มตาขวางใส่ผมก่อนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า

“ก็ลองดูสิ ถ้ามึงทำให้ทัชชอบมึงได้อะนะ” คำตอบของไอ้แทนทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย อยู่ๆ มันก็ยอมหลีกทางให้ผมง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ หรือว่า…

“มึงมีแผนอะไรอยู่งั้นหรอ”

“กลัวว่ากูจะมีแผนเหมือนคราวที่แล้วสินะ” รอยยิ้มของไอ้แทนดูเย้ยหยันผมอยู่ในที

“อย่าคิดมากเลย เมื่อก่อนกูอาจจะประเมินมึงสูงเกินไปแต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงไม่ได้มีอะไรให้กูต้องกังวลเลยสักนิด.... เพราะมึงไม่เหมือนไอ้ไผ่”

“เหอะ” ผมไม่รู้ว่าควรดีใจรึเปล่าที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น

“นี่แสดงว่ามึงยอมให้เพื่อนกูจีบน้องมึงแล้วหรอ” ไอ้โซถามอย่างปกปิดความตื่นเต้นไม่มิด

ลุ้นกว่าผมอีกนะนั่น

“ครั้งนี้กูจะไม่ยุ่งแล้วกัน” ไอ้แทนว่าแค่นั้นแล้วก็ยักไหล่ ก่อนจะเดินมากระซิบผมด้วยประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะซัดหน้ามันสักหมัด

“กากๆ อย่างมึงจะจีบน้องกูติดได้ไง.....จริงไหม”

ไอ้แทนผละออกแล้วเดินไปหาไอ้ไผ่ทันที

ก็รอดูเอาเองละกันว่ากากๆ อย่างผมจะจีบน้องมันติดรึเปล่า

“เอาเรื่องว่ะ คบค้าสมาคมกับไอ้ไผ่นี่ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”

“ทำไมดูชื่นชมมันขนาดนั้น”

“เปล่านี่ แต่ก็จริงอย่างที่ไอ้แทนมันพูดนะ มึงไม่เหมือนไอ้ไผ่เพราะงั้นคราวนี้มันถึงยอมให้มึงจีบน้องมันไง”

“แล้วกูต่างจากไอ้ไผ่ตรงไหน”

“อาจจะต่างตรงที่....มึงจริงใจไงไอ้ธัญ มึงอาจจะมีเยอะกว่ามัน”

นั่นคือข้อแตกต่างระหว่างผมกับไอ้ไผ่งั้นหรอ ไม่น่าจะใช่มั้ง

เพราะบางทีผมกับมันอาจจะไม่แตกต่างกันเลยก็ได้…



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 24 : 30/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-05-2020 21:21:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 24 : 30/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-05-2020 23:47:24
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 24 : 30/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 30-05-2020 23:50:34
รีบๆจีบให้ติดนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 25 : 19/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 19-06-2020 20:04:44
Chapter 25
ตัดสินใจ


ผมมองต้นตะบองเพชรที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างใช้ความคิด แต่การมองอะไรที่ชอบไม่ได้ทำให้ผมคิดออกเลยแม้แต่น้อย

ตั้งแต่ตื่นมาผมก็ยังคิดไม่ออกว่าควรทำยังไง

ผมควรจะบอกพลอยยังไงดีว่าผมมีคนที่ชอบแล้ว มันจะดูเป็นคนเลวทำร้ายความรู้สึกเธอรึเปล่า

“ดูอะไรวะ ตะบองเพชรออกดอกหรอ” อยู่ๆ ไอ้โอ๊ตก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูตะบองเพชรใกล้ๆ จนผมเกือบใช้มือฟาดปากมันเพราะความตกใจ

“ตกใจทำไมเนี่ย”

“อยู่ๆ ก็โผล่มาไงสัส”

“อ้าว กูผิดหรอ” ไอ้โอ๊ตชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ

ผมไม่เถียงกับมันต่อแล้วหยิบเป้มาสะพายก่อนจะเดินออกจากบ้าน แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงไอ้โอ๊ตตะโกนถาม

“มึงจะไปไหน!”

“ไปหาพลอย”

“เออๆ โชคดี”

โชคดีงั้นหรอ พูดอย่างกับรู้ว่าผมจะไปเจอพลอยเพราะอะไร แต่จะว่าไปถ้าโชคดีทำให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกแย่กับผมมากไปก็คงจะดี

เห็นผมเป็นแบบนี้ผมก็คิดมากเมื่อต้องทำอะไรบ้างอย่างที่อาจจะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่นะ





ผมเดินเข้ามาในห้องสมุดวิลัยที่เป็นสถานที่นัดหมายของผมกับพลอย เอาเข้าจริงมันก็ไม่เหมาะกับเรื่องที่ผมจะบอกเธอเท่าไหร่ แต่ทำไงได้ก็อีกฝ่ายเป็นคนนัดผมมาที่นี่เองนี่นา

“ทัชมาพอดีเลย” พลอยที่กำลังดูหนังสือหันมาเจอผมก่อนจะทักแล้วยิ้มให้ ผมยิ้มตอบก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเธอ

“กำลังหาหนังสืออยู่หรอ”

“ช่ายย เราจะเอาไปทำงานส่งอาจารย์น่ะ”

“หนังสืออะไร ให้เราช่วยหาไหม”

“ก็ดีนะเดี๋ยวรีบหาแล้วไปหาไรกินกัน” พลอยยื่นมือถือที่มีรูปของหนังสือที่กำลังหาให้ผมดู ซึ่งมันเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับงานออกแบบ

ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินไปโซนหนังสือศิลปะพร้อมกับพลอย ในหัวผมตอนนี้ไม่ได้สนใจที่จะหาหนังสือสักเท่าไหร่ คิดเพียงแต่ว่าจะเริ่มบอกพลอยยังไงดี

“มองพลอยทำไมอะ หาหนังสือเร็ว” ไม่รู้ว่าผมเผลอยืนมองพลอยนานเท่าไหร่ถึงได้ยินเสียงใสๆ ของอีกคน

ผมได้แต่ยิ้มก่อนจะเดินหาหนังสือทันที



เฮ้อออออ จริงๆ ผมไม่ควรคิดมากแล้วก็บอกเรื่องที่อยากบอกกับพลอยไปซะ ผลจะออกมายังไงก็ต้องยอมรับมัน อาจจะโดนพลอยโกรธหรือเกลียดก็ต้องรับมันให้ได้

“ทัช หาเจอไหม” ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ เสียงพลอยก็ดังขึ้น

“เอ่อ…ยังไม่เจอครับ” จะเจอได้ไงก็ผมยังไม่หาเลย

ผมสะบัดหัวที่กำลังมึนๆ ก่อนจะหันกลับมาตั้งใจหาหนังสือต่อ

ว่าแต่ไอ้หนังสือที่ว่านี่มันจะมีในห้องสมุดหรอวะ

ผมสอดส่องหาหนังสือที่ว่าก่อนจะสะดุดตาหนังสือเล่มหนึ่งแล้วหยิบมันออกมาจากชั้น หน้าปกเหมือนกับที่พลอยให้ผมดูไม่มีผิด ในใจดีใจแวบหนึ่งที่หาหนังสือเจอแต่อีกใจก็รู้สึกไม่น่าหาเจอ เพราะจากนี้ก็ต้องบอกเรื่องที่ไม่อยากบอกกับพลอย

อย่างงี่เง่าน่า สุดท้ายก็ต้องบอกอยู่ดี

ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมกำลังจะเถียงกับตัวเองซึ่งตอนแรกก็ได้ข้อสรุปแล้วแต่ตอนนี้กลับลังเลอีกขึ้นมาซะงั้น

จะเป็นแบบนี้ไปอีกเท่าไหร่วะ ปกติมึงไม่ใช่คนลังเลนะทัช

แค่พูดๆ ไปก็จบน่า

แต่ที่ผมยังเป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะผมแคร์ความรู้สึกของพลอยล่ะมั้ง…







“ทัชมีอะไรรึเปล่า วันนี้แปลกไปนะ” ผมใช้ช้อนเขี่ยข้าวไปมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยถาม

“เอ่อ…จริงๆ ทัชมีเรื่องจะคุยกับพลอยน่ะ”

“งั้นก็ว่ามาสิ” พลอยยิ้มให้

“เราสองคน…กลับมาคุยกันแบบเพื่อนดีไหม” มือที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากชะงัก มองผมเหมือนมีคำถามแต่แล้วกลับไม่เอ่ยออกมา

พลอยวางช้อนแล้วมองหน้าผมนิ่ง นิ่งจนผมกลืนคำพูดที่เตรียมมาลงคอ ขณะที่ผมกำลังจะพูดต่อพลอยกลับพูดขึ้นมาก่อน

“ทัชมีคนที่ชอบแล้วใช่ไหม”

...ผมพยักหน้ารับ

“เราขอโทษนะพลอย”

“…..ไม่ต้องขอโทษเราหรอก เราเคยตกลงกันไว้นี่ว่าถ้าวันหนึ่งเราต่างมีคนที่ชอบเราจะบอกกันตรงๆ แล้วตอนนี้ทัชก็บอกเราแล้ว เราดีใจนะที่ทัชบอกเราตรงๆ ดีกว่าเก็บไว้แล้วมาอึดอัดใส่กัน” รอยยิ้มบางๆ ปรากฎบนใบหน้าของพลอย แต่ถึงยังไงผมก็ยังรู้สึผิดที่ผมชอบเขามานานแล้ว…. เพียงแต่ผมเพิ่งรู้ตัว

“เลิกทำหน้ารู้สึกผิดได้แล้ว ทัชไม่ได้บอกเลิกเราซะหน่อยอีกอย่างเราก็ไม่ได้คบกันด้วย”

“มันก็…” รู้สึกผิดนี่นะ

“นี่คือเรื่องที่ทำให้ทัชดูแปลกๆ วันนี้ใช่ไหม”

“ครับ”

“โถ่ เอาเถอะถึงแม้เราจะตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆ ทัชก็บอกเรื่องนี้ แต่…ทำตามความรู้สึกของตัวเองเถอะ เราไม่เป็นไร” รอยยิ้มที่เหมือนจะสดใสแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหม่น ผมรู้ดีว่าพลอยรู้สึกอย่างไร

ทำไมผมถึงชอบคนตรงหน้าไม่ได้ ทั้งที่เธอดีกับผมขนาดนี้

“กินข้าวต่อเถอะ ไหนๆ ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันแล้วเลี้ยงข้าวเราด้วยนะ” คราวนี้พลอยยิ้มกว้างจนตาแทบปิดนั่นทำให้ผมยิ้มตาม

บรรยากาศตึงๆ เมื่อกี้คลายลงเพราะรอยยิ้มของพลอย

พลอยเข้าใจผมมากกว่าที่คิด และเธอก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่าผมมีคนที่ชอบแล้ว

“เลี้ยงอีกมื้อก็ยังไหว”

“พูดแล้วนะ” พลอยทำหน้าจริงจังซึ่งนั่นทำให้ผมรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป เพราะคนตรงหน้าผมน่ะกินเยอะอย่างกับอะไรดี

“ถอนคำพูดตอนนี้ทันไหม”

“ไม่ทันแล้ว เราบันทึกเสียงไว้แล้ว”

“ร้ายนะเรา” เพราะแบบนั้นผมจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปยีหัวอีกคน

จะว่าไปมีเพื่อนผู้หญิงมันก็ไม่เลวนะครับ มีเพื่อนกับพี่น้องเพิ่มงี้

“แล้ว…คนที่ทัชชอบนี่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงหรอ” น้ำที่เพิ่งดื่มแทบพุ่งออกมาเมื่ออยู่ๆ พลอยก็ถามขึ้น

แล้วผมควรจะตอบพลอยว่ายังไงดีล่ะเนี่ย

“ท่าทางแบบนี้…ผู้ชายชัวร์!” แววตาเป็นประกายทันทีที่สรุปเองเสร็จสรรพ ซึ่งมันก็ถูกนั่นแหละครับ

“ใครอะ”

“อยากรู้ไปทำไมเล่า” ผมเกาท้ายทอยแก้เก้อ

ให้ตายสิ ทำไมต้องทำหน้าอยากรู้ขนาดนั้นด้วยล่ะ แถมตาเป็นประกายอย่างกับเจอขนมชิ้นโตแบบนั้นทำเอาผมไม่กล้าสบตาพลอยเลย

อยู่ๆ ก็เขินขึ้นมาซะงั้น

“ช่างมันเถอะน่า”

“เชอะ ไม่รู้ก็ได้ แต่ให้เดานะต้องเป็นหนึ่งในพี่สองคนนั้นแน่ๆ ” สองคนที่พลอยหมายถึงคงเป็นพี่ธัญกับพี่ไผ่เพราะไม่มีใครที่พลอยจะเห็นนอกจากสองคนนั้นแล้วล่ะนะ

ก็ใช่ครับผมชอบหนึ่งในสองคนนั้น ทั้งที่เขาทำร้ายความรู้สึกผมแต่ตอนนี้มันแทบไม่มีความรู้สึกโกรธเหลืออยู่เลย

เหลือก็แต่ความรู้สึกชอบและ…คิดถึง









….……………………………………



สายลมปะทะใบหน้ายามขี่รถทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้ง เหมือนได้รับอิสระทั้งที่ไม่ได้ถูกพันธนาการ

ผมชอบขี่รถเล่นตอนเย็น นอกเมืองแบบนี้รถค่อนข้างน้อยกว่าในเมืองทำให้ผมมักจะมาขี่รถเล่นแถวนี้เสมอ

ยามที่ต้องการปล่อยความคิดไปกับสายลมและความเร็วของรถ มันทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ

ความรู้สึกของผมตอนนี้เหมือนกับได้ยกสิ่งหนักอึ้งภายในใจออกไป แต่มันไม่ได้ออกไปทั้งหมดเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น

ผมยอมรับว่าตอนเจอพี่ธัญครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือน ผมดีใจ แต่กลับมีสิ่งที่ฉุดไม่ให้ผมรู้สึกแบบนั้นและย้ำกับผมว่าเขาเคยทำอะไรไว้ ทั้งที่มีอีกความรู้สึกที่มันสวนทาง

ผมไม่อยากยอมรับว่าผมยังชอบพี่ธัญ ทั้งที่ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ธัญรู้สึกยังไงกับผม และไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่เขาพูดเป็นความจริง

ผมเลิกคิดเรื่องที่ยังไม่มีทางออกแล้วมองทางด้านหน้าอย่างตั้งใจ ปลายทางคือที่ไหนไม่รู้ รู้แค่ว่าอยากจอดตรงไหนก็จอด แค่นั้นแหละ







สุดท้ายผมก็มาโผล่อยู่หน้าบ้านตัวเอง บ้านที่ไม่ได้มีเดอะแก๊งแต่เป็นบ้านจริงๆ ของผม คงจะคิดถึงฝีมือทำกับข้าวของแม่อีกล่ะมั้ง

“ทัช! กลับมาทำไมไม่โทรบ้านแม่ก่อนล่ะ” ทันทีที่เห็นผมแม่ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที ผมเข้าไปกอดแม่ก่อนจะหอมแก้มไปหนึ่งที

“ถ้าบอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ แล้วนี่กำลังทำไอะไรอยู่ครับ”

“กำลังทำกับข้าวจ่ะ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ”

“ครับบบ ว่าแต่พี่แทนล่ะครับ” เมื่อสายตามองหาคนที่ควรจะอยู่บ้านแต่ไม่เจอ ผมจึงถามขึ้น

“เห็นบอกว่าจะกลับดึกๆ น่ะ เข้าไปเคลียร์งานที่ร้าน” ผมนึกอ๋อในใจทันที วันนี้เป็นวันหยุดของผมแต่พี่แทนทำงานนี่นา

“ให้ผมช่วยนะครับ” แม่ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินนำไปที่ครัว

ทั้งที่บอกว่าจะมาเป็นลูกมือแต่วัตถุดิบและอุปกรณ์เครื่องครัวกลับถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย แล้วจะให้ผมทำอะไรล่ะเนี่ย

“ดูเหมือนแม่จะเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ทัชไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นเถอะไป”

“ไม่เอาอะ ผมดูแม่ทำกับข้าวดีกว่า” มาบ้านทั้งทีผมคงไม่ได้มานั่งเล่นแน่ๆ เบื่อจะตาย

“งั้นก็ตามใจจ่ะ”

ว่าแล้วแม่ก็หันไปจับนู่นจับนี่อย่างคล่องมือผมมองก่อนจะยิ้มตาม แม่ชอบทำอาหารและดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ท่านทำแล้วไม่เบื่อ

“ที่วิลัยเป็นไงบ้างจ๊ะ”

“ก็สนุกดีครับ” แต่ถ้าถามถึงเรื่องเรียนผมคงไม่ตอบแบบนี้แน่ๆ ใครเรียนหนังสือแล้วสนุกกันครับผมคนหนึ่งแหละที่ไม่สนุก

“แล้วนี่มีแฟนรึยังล่ะเรา”

“ถ้ามีผมจะพามาให้แม่ดูตัวคนแรกเลยครับ” แต่ผมว่าคงอีกนานแหละ

“งั้นหรอจ๊ะ” ว่าแม่พลางอมยิ้มแปลกๆ

“มีอะไรรึเปล่าครับ พี่แทนพูดอะไรให้แม่ฟังหรอ”

“แหนะ ร้อนตัวนะเรา” ผมร้อนตัวตรงไหนครับทุกคน ไม่ได้ร้อนตัวเล้ยย

“ก็พี่แทนน่ะรายงานเรื่องของผมให้แม่ฟังทุกเรื่องไม่ใช่รึไงครับ”

“คิดมากน่ะเรา พี่เขาไม่ได้บอกแม่ทุกเรื่องสักหน่อย” ผมเบ้ปากทันทีที่นึกถึงหน้าพี่แทน พี่แทนอะนะจะไม่เล่าทุกเรื่อง โถ่ ไม่เชื่อหรอก

“ผมไปรอที่ห้องนั่งเล่นดีกว่า”

“ว่าไม่ได้เลยลูกคนนี้หนิ” ว่าแล้วผมก็หอมแก้มแม่ทีหนึ่งก่อนจะรีบวิ่งออกมา

จริงๆ ผมไม่ได้คิดว่าจะค้างที่บ้านนะแต่สงสัยต้องคิดใหม่ซะแล้ว นอนบ้านสักคืนก็ดีเหมือนกัน





22:00 น.

พี่แทนไม่กลับบ้าน

ปกติต่อให้อยู่เช็คของจนดึกก็ต้องกลับแต่อยู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าจะนอนที่ร้าน เพิ่งรู้ว่าพี่ผมเริ่มจะบ้างานเข้าทุกวัน หลายวันมานี้ผมแทบไม่ได้เจอพี่แทนเพราะเล่นไม่เข้าร้านเป็นอาทิตย์พอกลับมาที่บ้านก็ดันไม่อยู่อีก เวลาไม่ตรงกันสักที

พี่แทนไม่กลับผมก็เหงาน่ะสิ ไม่มีใครบ่นให้รำคาญหูเลย

ผมมองซ้ายมองขวาพลางคิดว่าจะทำอะไรดี ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าที่ห้องพี่แทนมีเครื่องเล่นเกมอยู่

“เสร็จโจร” ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องตัวเองไปอีกห้องที่อยู่ข้างๆ กันทันที

ผมเข้าออกห้องที่แทนได้เหมือนห้องตัวเอง พี่แทนก็เช่นกัน เราสองคนแทบจะไม่หวงพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันเลย

พอเข้ามาในห้องก็ต่างกับห้องผมลิบลับ ห้องพี่แทนสะอาดมากส่วนห้องผมน่ะหรอก็ตรงกันข้ามยังไงล่ะ

วันนี้นอนห้องพี่แทนดีกว่า น่าจะสบายกว่าเยอะ

“อยู่ไหนล่ะเนี่ย” ผมกวาดสายตาหาเครื่องเล่นเกมแต่ดูเหมือนพี่แทนจะจัดห้องใหม่เพราะที่เดิมที่มันเคยวางอยู่กลับไม่มี

ก่อนที่ผมจะคิดได้ว่ามันควรอยู่ตรงไหนมือถือที่ผมปิดเสียงไว้ก็สั่นเป็นเจ้าเข้า

เวลานี้ใครจะโทรมาหาผมวะ

ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนานมือก็ล้วงเอามือถือที่กระเป๋ากางเกงออกมา หน้าจอปรากฏชื่อคนที่โทรเข้ามาจนผมต้องขมวดคิ้ว

พี่ภูมิ?

ผมชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะกดรับสาย

“ครับพี่ภูมิ”

“ทัช..... มารับไอ้ธัญหน่อยได้ไหมมันเมากลับไม่ได้” และประโยคที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอีกรอบก็ตามมา

อย่างพี่ธัญเนี่ยนะเมา

“แล้วทำไมผมต้องไปรับพี่ธัญด้วยล่ะครับ” ปลายสายเงียบไปสักพักจนผมคิดว่าวางแล้วแต่ก่อนที่ผมจะดูว่าปลายสายวางไปแล้วรึเปล่ากลับมีเสียงพูดขึ้นมา

“ก็เพราะมันไม่ยอมให้พี่ไปส่งแล้วก็เอาแต่เรียกหาทัชน่ะสิ”

กลับกลายเป็นผมที่เงียบ แต่มีเสียงที่ดังอยู่ตอนนี้คือเสียงหัวใจของผม...

ตอนนี้ผมได้ยินแค่เสียงหัวใจตัวเอง แค่คำพูดแค่นั้น คำพูดที่ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่ากลับทำให้ผมรู้สึกดี

.

.

ให้ตายสิ ผมชอบเขาขนาดนั้นเลยหรอวะ



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 25 : 19/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-06-2020 23:25:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 26 : 21/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 21-06-2020 19:49:45
Chapter 26
‘ ทัช ’



ไม่รู้เป็นเพราะประโยคที่พี่ภูมิบอกหรือเพราะห่วงอีกคนผมถึงได้ออกจากบ้านตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ทั้งที่ควรจะนั่งเล่นเกมอยู่ห้องพี่แทน

เหตุผลคงเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละ

แต่เดี๋ยวนะ เหมือนมีอะไรแปลกๆ เลยว่ะ

อยู่ๆ ผมก็คิดว่ามันแปลกๆ พวกเขาคงไม่ได้วางแผนหลอกให้ผมมาใช่ไหม แต่จะหลอกทำไม อยากให้ผมปรับความเข้าใจกับพี่ธัญงั้นหรอ แต่ผมก็ไม่โกรธแล้วนี่นา

“ทัช!” ขณะที่ความคิดกำลังตีกันวุ่นวายเสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้น

ผมหันไปมองตามเสียงเรียก เห็นพี่โซกำลังกวักมือเรียกผมให้เข้าไปในร้าน

ร้านพี่ภูมิร้านเดิมที่คุ้นตาถึงไม่ได้มานานแต่ลูกค้าก็ยังคงหนาแน่นเหมือนเดิม

“แล้ว…”

“ไอ้ธัญอยู่ข้างใน ตามพี่มา” ไม่รอให้ผมได้ถามพี่โซก็พูดขึ้นทันทีพร้อมกับเดินนำผม

สภาพที่เห็นหลังจากที่มาถึงโต๊ะคือพี่ธัญนอนราบอยู่กับโต๊ะโดยหนุนแขนตัวเอง เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่ธัญในสภาพนี้ เรียกได้ว่า…หมดสภาพ

“มันน็อคไปเมื่อกี้” พี่ภูมิพูดขึ้น

ทั้งพี่ภูมิและพี่โซต่างยังมีสติครบถ้วนแต่คนตรงหน้าผมไม่ใช่

“แล้วทำไมถึงได้ดื่มหนักขนาดนี้ล่ะครับ”

“เห็นมันบอกว่าอยากดื่มน่ะ พี่ก็ไม่รู้นะว่ามันมีเรื่องอะไรแต่ช่วงนี้เหมือนมันจะเครียดๆ ” พี่โซตอบ

ผมมองคนที่นอนไม่รู้เรื่องอย่างปลงๆ ดูพี่ธัญจะไม่ใช่คนที่เมาง่ายๆ สงสัยจะดื่มเข้าไปไม่น้อย

“พี่รบกวนพามันไปส่งที่คอนโดหน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะไปส่งไอ้โซ”

มาขนาดนี้ก็คงต้องไปส่งแล้วล่ะ

“ว่าแต่ทัชจำห้องไอ้ธัญได้ไหม เห็นมันเคยบอกว่าทัชเคยไป”

“ไม่ได้ครับ” ผมตอบแทบจะทันที

ใครจะไม่จำได้ล่ะครับ ผมไม่ได้ไปบ่อยขนาดนั้นแถมไปเมื่อนานแล้วด้วย

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่เขียนเลขห้องให้” พี่โซหันไปคว้ากระเป๋าตัวเองก่อนจะหยิบโพสอิทสีส้มออกมาเขียนเลขห้องแล้วยื่นให้ผม

“ฝากมันด้วยนะ พี่รู้ว่าทัชอาจจะลำบากใจ”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบพลางยิ้มให้พี่โซ

ลำบากใจงั้นหรอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะใช่นะ

“เดี๋ยวพี่ให้พนักงานมาแบกมันไปที่รถ พี่ลองแบกละหนักเป็นบ้า”

พี่ภูมิบ่นแต่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจมากนัก ไม่หนักก็แปลกแล้วครับ





เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดในที่จอดรถของคอนโดเรียบร้อยผมก็ต้องมองหาสิ่งที่จะช่วยให้ผมแบกร่างหนักๆ ของคนที่หลับไม่รู้เรื่องขึ้นห้อง

ผมเพิ่งรู้มาจากพี่โซว่าเวลาเมาพี่ธัญจะหลับซึ่งต่างกับผมที่เมาแล้วเรื้อนเหมือนหมา เดี๋ยวนะผมจะมาแซะตัวเองทำไมเนี่ย

ผมเปิดประตูลงจากรถหรูซึ่งอยู่ๆ ก็มีวาสนาได้ขับเพราะเจ้าของรถเมา เพิ่งรู้ว่านอกจากขี่มอ’ ไซด์แล้วขับรถก็โคตรฟินเลยย

ตอนมาที่ร้านพี่ภูมิบอกให้ผมนั่งแท็กซี่และผมก็รู้เหตุผลในภายหลังว่าต้องมาทำหน้าที่ขับรถให้เจ้าของรถนั่นเอง

“เอ่อ…คุณลุงครับ ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ” ผมวิ่งมาหาลุงยามที่กำลังเดินตรวจนับว่าเป็นโชคดีของผมที่ไม่ต้องแบกพี่ธัญขึ้นห้องคนเดียว

“มีอะไรครับ”

“ช่วยผมแบกเขาขึ้นห้องหน่อยได้ไหมครับ” เมื่อเดินตามผมมาแล้วลุงยามก็มองคนในรถก่อนจะทำหน้าตกใจ

“คุณธัญ!” ดูจากท่าทางลุงยามน่าจะรู้จักพี่ธัญเพราะลุงแกรีบเปิดประตูก่อนจะพยุงพี่ธัญออกมาผมจึงรีบเข้าไปช่วย

“ไม่เคยเห็นคุณธัญเมาขนาดนี้มาก่อนเลยนะครับ ว่าแต่หนูเป็นน้องคุณธัญรึ”

“เอ่อ..ครับ” ผมเออออกับลุงยามก่อนจะรีบเดินเข้าไปในคอนโดเพราะน้ำหนักของคนข้างๆ ไม่เหมาะที่จะยืนคุยกันตรงนี้





“ขอบคุณมากนะครับ”

“ไม่เป็นไรๆ ฝากดูแลคุณธัญด้วยนะ”

“ครับ” ลุงยามยิ้มให้ผมก่อนจะเดินจากไป ผมนึกว่าพี่ธัญจะมีมนุษยสัมพันธ์แย่จนไม่รู้จักใครแถวนี้ซะอีก แต่กลับรู้จักกับยามหน้าคอนโดเนี่ยนะ เป็นไปได้ด้วย

ผมเดินเข้ามาในห้องโดยไม่ลืมปิดประตูก่อนจะมองพี่ธัญที่นอนอยู่บนโชฟาอย่างใช้ความคิด ทำแบบนี้เพื่ออะไรไอ้ทัช เป็นห่วงเขาจนต้องออกมาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้เลยงั้นหรอ

โว้ยยยยยย ไม่คิดแล้วเว้ย!

ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ ก่อนจะพยุงพี่ธัญเข้าไปในห้องนอน หลับเป็นตายแบบนี้ได้ไงวะเนี่ย

“หนักเป็นบ้า!” ผมเริ่มเข้าใจเดอะแก๊งที่มันคอยเก็บศพผมตอนเมาแล้วล่ะ

ต่อไปนี้กูจะพยายามไม่เมาให้พวกมึงลำบากอีกแล้วเพื่อนนนน

ผมใช้มืออีกข้างเปิดประตูห้องอย่างทุลักทุเลก่อนจะใช้เท้าถีบประตูให้กว้างพอที่ผมจะพาร่างหนักๆ ของพี่ธัญเข้าไปได้

ถึงสักที!!

แต่จังหวะที่ผมกำลังจะวางพี่ธัญลง คงเป็นเพราะน้ำหนักตัวของพี่ธัญจึงทำให้ผมเซล้มลงไปทับบนตัวพี่ธัญด้วย

ทั้งที่รู้สึกว่าขนาดร่างกายผมกับพี่ธัญก็ไม่ต่างกันมาก แต่พอมาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้แล้วก็ต้องรู้ถึงความแตกต่าง พี่ธัญซ่อนรูปกว่าที่คิดส่วนผมน่ะหรอไม่ซ่อนอะไรทั้งนั้นแหละภายนอกเป็นยังไงภายในก็ไม่ต่างกัน

ขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นแขนทั้งสองข้างของคนที่ผมคิดว่าหลับอยู่ก็กอดผมเอาไว้ หน้าของผมแนบกับอกของพี่ธัญจนได้ยินเสียงหัวใจที่มันเต้นแรงเหมือนกับจะทะลุออกมา และนั่นคือเสียงหัวใจของผม!

พี่ธัญไม่ได้หลับงั้นหรอ

“พี่ธัญ”

“.......”

“พี่แกล้งหลับใช่ไหม ปล่อยผมเดี๋ยวนี้เลยนะไม่งั้นผมจะโกรธจริงๆ ด้วย” ไม่ว่าเปล่าผมออกแรงดันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น แถมยังกอดผมแน่นกว่าเดิมอีก

“พี่ขอ…กอดทัชหน่อยได้ไหม…” เสียงพี่ธัญเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน

แล้วร่างกายผมมันก็นิ่งราวกลับได้รับคำสั่งและดูเหมือนคนที่สั่งจะไม่ใช่ผมแต่เป็นพี่ธัญ

เราทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบแต่มีสิ่งหนึ่งที่ดังท่ามกลางความเงียบก็คือเสียงเต้นของหัวใจ ที่ไม่รู้ว่าเป็นของผมหรือพี่ธัญที่เต้นแรงกว่ากัน…

อ้อมกอดที่แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่กลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผมรู้สึกชอบอ้อมกอดนี้ชะมัด

“พี่ธัญ พี่ธัญ” ไม่ใช่ว่างหลับไปจริงๆ หรอกนะ

“พี่ธัญ”

“อื้อ”

“ถ้าจะนอนก็ปล่อยผมก่อน”

“…………” ได้ความเงียบแทนคำตอบอีกแล้ว

“เอาแต่ใจซะมัด”

“ทัช….”

ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่ธัญแกล้งหลับแต่แล้วแขนที่กอดผมอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง อย่างกับว่าเมื่อกี้แค่ละเมอ

ผมลุกขึ้นทันทีที่มีโอกาส สักพักเสียงพรึมพรำก็ดังขึ้น ซึ่งผมก็จับใจความไม่ได้หรอกว่าพี่ธัญพรึมพรำอะไร

ตอนแรกคิดว่าแกล้งเมาซะอีก แต่คงจะเมาจริงแล้วล่ะ

เสียงพรึมพรำของพี่ธัญเงียบลงพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอทำให้ผมมั่นใจว่าอีกฝ่ายหลับไปจริงๆ

ผมคงไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่ธัญแน่นอน ไม่มีทาง

ผมจัดการถอดรองเท้าให้พี่ธัญแล้วจัดท่านอนที่มันดูสบายกว่าท่าเดิมให้ แต่ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องสายตาก็เหลือบไปเห็นโพสอิทที่แปะอยู่ผนังใกล้ๆ ประตู และสิ่งที่ทำให้ผมต้องเบิกตากว้างก็คือมันไม่ได้ติดไว้แค่แผ่นเดียว...

โพสอิทหลากสีถูกติดไว้เต็มห้องโดยมีคำเพียงคำเดียวที่เขียนไว้ในนั้นก็คือ.....ชื่อของผม

‘ทัช’

คำเดียวที่อยู่ในพื้นที่ห้องนี้

ผมมองไปรอบๆ ห้องทั้งที่ตอนเข้ามาไม่ได้สังเกตเห็นมันเลยสักนิด ก่อนจะกลืนน้ำลายที่มันเริ่มจะฝืดคอแล้วหันไปมองคนที่หลับอยู่บนเตียง

ผมไม่รู้ว่าเจ้าของห้องเขียนชื่อผมทำไม แต่ผมรู้แค่ว่าความรู้สึกของผมมันชันเจนมากขึ้นทุกที

ทำแบบนี้ผมจะหนีไปไหนรอดล่ะพี่ธัญ…









….…………………………………….



“ไหนบอกว่าชอบนักชอบหนาไงไอ้ผมสีควันบุหรี่เนี่ย แล้วไปย้อมกลับทำไม” เสียงไอ้ตังดังขึ้นข้างหูจนผมต้องถอยหนี เพราะมันเข้ามาใกล้เกินไป

“กูเบื่อ”

“จ้าแหมมมม เบื่อก็ทิ้งงี้”

“แล้วมึงมายุ่งอะไรกับกูเนี่ย”

“กูก็ยุ่งของกูมานานแล้วปะ จริงๆ กูมีเรื่องจะสารภาพนะ” อยู่ๆ ไอ้ตังมันก็จับมือผมก่อนจะทำหน้าจริงจัง

“อะไร”

“กูชอบมึงมานานแล้วทัช…. กูไม่ได้ชอบโก้แต่กูชอบมึง”

“ถุ้ย! ไปหลอกเด็กป.2นู่นไป” ผมสะบัดมือไอ้ตังออกก่อนจะผลักหัวมันจนเกือบหงายหลัง

“กูไม่น่าเชื่อตรงไหน”

“ตรงที่มึงบอกชอบกูนี่แหละ”

“กัดกันอีกแล้วหรอกพวกมึง” ไอ้ปาล์มเดินมานั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับไอ้โก้ไอ้โอ๊ต

ช่วงนี้เป็นช่วงพักหลังจากกินข้าวเสร็จพวกผมเลยมาหาที่นั่งสุมหัวกัน อืมมมมคำมันค่อนข้างดูไม่ดีไปหน่อยนะครับแต่ความหมายก็ตามนั้นแหละ

“มึงว่าไอ้ตังเป็นหมาหรอไอ้ปาล์ม”

“มึงนั่นแหละย่ะ”

“หมาอะไรจะหล่อขนาดนี้”

“หมาอย่างมึงไง ไม่ใช่หมาธรรมดานะแต่เป็นหมาหัวเน่า” โอ้โหๆ แม่งดูมันพูดให้ผมสิครับ

คิดว่าผมจะเจ็บรึไง ไม่เจ็บหรอกเว้ย

“หมาทั้งคู่”

จากที่กำลังจะหันไปเถียงก็รีบหุบทันทีเพราะนั่นเป็นเสียงของไอ้โก้ ไอ้ตังไม่กล้าแม้แต่จะเถียง ผมจึงได้แต่นั่งกลั้นขำข้างๆ ซึ่งก็โดนศอกไอ้ตังถองเข้าให้

แรงควายขนาดนี้มีจุกแหละครับ

“ว่าแต่มึงเถอะไอ้ทัช เลิกคุยกับพลอยทำไมวะ”

“เลิกคุยอะไรกูกับพลอยก็คุยกันตามปกติ”

“อย่ามาแถ คุยที่กูหมายถึงไม่ใช่คุยแบบเพื่อน” ไอ้โอ๊ตว่าพลางทำหน้าเหมือนคาดคั้นเอาคำตอบจากผม

“ก็มันไม่ใช่ไง ไม่ใช่ก็ไปต่อไม่ได้มันจะยากอะไร”

“หรอ ไม่ใช่เพราะคนที่กูบอกว่ามาเฝ้ามึงที่หน้าร้านทุกวันหรอ” ไอ้โก้พูดพลางยกยิ้มอย่างเป็นต่อ

นี่จะยำกูใช่ไหม ด้ายยย เดี๋ยวมึงเจอกู

“จริงๆ เมื่อวานกูเห็นนะว่ามึงแอบขโมยขนมแล้ว..อื้อ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบประโยคมือหนาๆ ของไอ้โก้ก็รีบปิดปากผมทันที จนผมต้องรีบแกะมือมันออกที่รีบไม่ใช่อะไรหรอกครับ เค็ม!

“อะไรกันวะ”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไรกูว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า คุยเรื่องเรียนกันบ้างดิเออ” เหอะ ทีงี้รีบเปลี่ยนเรื่องทีเรื่องกูล่ะแฉจัง

ไอ้ตังทำหน้าตาสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

สาเหตุที่ไอ้โก้มันเปลี่ยนเรื่องเพราะมันไม่อยากให้ไอ้ตังรู้ว่าเมื่อวานมันขโมยขนมที่ร้านไปให้สาวคนหนึ่งที่มันกำลังจีบอยู่ เพราะถ้าไอ้ตังรู้ล่ะก็…มันตามไอ้โก้เป็นเงาแน่ๆ

“มีความลับกับพวกกูงั้นหรอ”

“ไม่มี้” แล้วกูจะเสียงสูงทำไมมมม

“บอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” ไอ้ปาล์มกระโดดมาล็อคคอผมจนแทบหายใจไม่ออก

นี่กะจะฆ่ากูรึไงฟะ

“กูหายใจ…ไม่ออก!”

“อุ้ย โทษๆ ” ไอ้ปาล์มปล่อยผมเป็นอิสระแต่ก็ไม่วายมานั่งเบียดจนผมเริ่มจะทนไม่ไหว

“อยากรู้อะไรก็ถามมา” เท่านั้นแหละครับไอ้ปาล์มก็ทำหน้าระริกระรี้แล้วถามผมอย่างตั้งใจ

กับการเรียนมึงตั้งใจขนาดนี้ไหมเพื่อน

“มึงเลิกคุยกับพลอยทำไม” ผมได้แต่กลอกตาไปมากับคำถามที่วนมาอีกครั้ง

ถ้าอยากรู้ผมจะตอบให้แล้วกัน

“ก็กูมีคนที่ชอบแล้ว”

“ใคร!!!” ว่าแล้วไงไม่ได้มีแค่คำถามเดียวซะด้วย แต่ดูเหมือนเดอะแก๊งของผมจะสนใจเหลือเกินนะว่าคนที่ผมชอบเป็นใคร

“กูชอบ……จ่ายมาคนละ50แล้วกูจะบอก” ไม่ว่าเปล่าผมแบมือไปตรงหน้าไอ้ปาล์มก่อนจะเรียงไปทีละคนยกเว้นไอ้โก้ที่มันรู้อยู่แล้ว

“งกสัส กูถามไอ้โก้ก็ได้” ไอ้ปาล์มหันไปหมายจะถามไอ้โก้แต่ไอ้โก้ดันพูดขึ้นก่อน

“คนละร้อย” ไอ้โก้แบบมืออย่างที่ผมเคยทำก่อนจะหันมายักคิ้วให้

วันนี้มันอยู่ข้างผมว่ะ

เดอะแก๊งที่เหลือทำหน้าเซ็งไปตามระเบียบซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าไม่มีใครยอมจ่าย เห็นอย่างนี้มีแต่คนงกมาอยู่ด้วยกันนะครับ แต่เชื่อเหอะเดี๋ยวมันก็หาทางเผือกจนได้นั่นแหละ

ไม่มีอะไรหยุดยั้งความอยากรู้อยากเห็นของพวกมันได้หรอกน่า

.

.

ส่วนคนที่ผมชอบ….ก็เดาได้ไม่อยากนี่ครับ จริงไหม?



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 26 : 21/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-06-2020 20:46:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 26 : 21/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 21-06-2020 21:07:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 26 : 21/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-06-2020 23:06:38
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 26 : 21/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 23-06-2020 00:04:01
มาต่ออีกนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 27 : 23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 23-06-2020 20:05:14
Chapter 27
Thay'Part



โพสอิทสีเขียวถูกแปะบนผนังโดยข้างในเขียนเพียงคำเดียวคือคำว่า ทัช นี่ไม่ใช่แผ่นแรกหรือจะเป็นแผ่นสุดท้ายที่ผมจะเขียน เพราะผมแทบจะมีแต่เรื่องของทัชอยู่ในหัวตลอดเวลา

ความคิดถึงมันทรมาน ผมเคยได้ยินคำนี้แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามันรู้สึกยังไงจนได้มาเจอกับตัวเองว่าตอนที่ไม่ได้เจอทัชอย่างที่ใจต้องการมันรู้สึกยังไง

ทั้งที่ตอนนี้ก็เหมือนจะกลับมาคุยกันได้ตามปกติแต่ผมก็ยังไม่กล้าไปเจอทัชตามที่ใจต้องการ

เฮ้อออ ผมกลายเป็นคนคิดเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

ผมมองรอบห้องที่ทัชเคยเข้ามาเมื่อหลายวันก่อน และคงจะเห็นสิ่งที่อยู่ในห้องนี้หมดแล้ว

วันนั้นที่ผมเมาพอตื่นมาก็แทบจำอะไรไม่ได้จนไอ้ภูมิมันบอกว่าคนที่มาส่งผมคือทัช ผมแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ในตอนนั้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอาย เมาต่อหน้าทัช แล้วก็ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง เพราะต่อให้ไอ้ภูมิบอกว่าผมหลับแต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะตื่นมาทำอะไรน้องรึเปล่า

พอรู้แบบนั้นก็อยากโทรหาทัชทันที แต่ติดตรงที่ผมไม่กล้า คำคำนี้มีบทบาทในชีวิตผมมากนับตั้งแต่ที่ไม่ได้คุยกับทัช

มีบทบาทจนน่าหงุดหงิดเลยล่ะ

“เฮ้อ คิดถึงอีกแล้ว” โพสอิทแผ่นที่สองของเช้านี้ถูกแปะลงผนังอีกครั้ง

ผมเริ่มตลกกับตัวเองที่อยู่ๆ ก็มานั่งทำอะไรแบบนี้ พอคิดถึงทัชทีไรก็จะเขียนชื่อทัชแปะไว้ทุกครั้งจนตอนนี้พนังห้องแทบไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว

ใครจะไปคิดล่ะว่าผมจะทำอะไรแบบนี้

วันนี้ผมมีเรียนเช้าและเป็นวันนัดส่งงาน งานที่ทำเป็นเดือนแก้อีกเกือบเดือนกว่าจะได้ส่ง ถ้าคราวนี้ได้แก้อีกก็คงไม่ต้องทำอย่างอื่นกันแล้วนั่งแก้แต่งานอยู่นี่แหละ

ตื๊ดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดด

หน้าจอมือถือปรากฏเบอร์ของคนที่เพิ่งจะกลับบ้านไปเมื่อหลายวันก่อน โอ้โซกลับบ้านหลังจากที่ผมไล่มันแล้วแทบจะทุกทาง แต่เหตุผลที่กลับบ้านมันบอกว่าอยู่กับผมได้กินแต่ของสำเร็จรูปซึ่งมันไม่จริงเลยสักนิดเดียว เพราะเป็นมันเองที่ลากผมให้พาออกไปกินข้าวข้างนอกแทบทุกวัน

นึกแล้วก็หมั่นไส้

“ว่าไง”

‘เอางานที่โซฟามาให้หน่อย’

“ไม่”

‘คุณชายยยยยยยยยยยย’ ไอ้โซลากเสียงยาวจนผมต้องเอามือถือผละออกจากหู ตัดสายไปเลยดีไหม

“อะไร รีบพูดจะไปอาบน้ำ”

‘งานกูอยู่ห้องมึงอะเอามาให้ด้วยนะ’

“โน๊ตบุ๊คหรอ”

‘ใช่ๆ’

“อืม เดี๋ยวเอาไปให้แล้วกัน” ไม่รอให้ไอ้โซได้พูดประโยคต่อไปผมก็วางสายทันที ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ







“กูนึกว่าครั้งนี้จะไม่ผ่านซะอีก” ไอ้โซบ่นขณะเดินออกมาจากห้องของอาจารย์ที่พวกผมเอางานไปส่ง

ในที่สุดก็ผ่านสักที!

“ไปฉลองกันปะ”

“ไหนบอกว่าช่วงนี้ไม่ดื่มไง” ไอ้ภูมิถามคนที่เป็นคนต้นคิด

“กินข้าวไงมึง กินข้าว”

“บ้านมึงเรียกกินข้าวว่าฉลองหรอ”

“บ้านกูนี่แหละ พูดมากว่ะไอ้ภูมิกูกลับบ้านไปกินข้าวกับพ่อแม่กูก็ได้”

“พูดแค่นี้ทำงอน กลับไปเลยไปไอ้ลูกแหง่”

“ไอ้ภูมิ!”

ทะเลาะกันอีกจนได้สินะ

ผมส่ายหัวกับภาพตรงหน้าที่ไอ้โซกำลังไล่เตะไอ้ภูมิอยู่ ก่อนที่มือถือจะส่งเสียงการแจ้งเตือนของข้อความไลน์

ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อคนที่ส่งมาเป็นไอ้ไผ่ และผมจะไม่สนใจเลยถ้าเนื้อหาในข้อความไม่ได้เกี่ยวกับทัช

Pai: ทัชทำสีผมใหม่ น่ารักขึ้นเยอะเลยว่ะ

อีกหนึ่งข้อความที่ตามมาคือรูปถ่ายของทัชขณะทำงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์

ผมมองภาพของทัชที่กำลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่างก่อนจะนึกได้ว่า ไอ้ไผ่มันคงอยู่ที่ร้านตอนนี้

คิดได้ดังนั้นผมก็เปลี่ยนเป้าหมายที่จะไปทันที

จากที่จะกลับคอนโดคงต้องแวะไปหาทัชที่ร้านซะแล้ว

“กูกลับก่อนนะ ไปส่งมันด้วย”

“โอเคๆ ”

ทั้งที่รู้ว่าไอ้ไผ่แค่ส่งรูปมากวนประสาทแต่เพราะมันอยู่ที่ร้านกับทัชจึงทำให้ผมหงุดหงิด ถึงมันจะไม่ได้ชอบทัชก็เถอะ

ผมควรทำอะไรสักอย่างกับความรู้สึกตอนนี้ ผมควรเลิกขี้ขลาดแล้วเอาจริงสักที ในเมื่อที่ผ่านมาผมก็ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างแล้ว

ตอนนี้ผมพอจะมีดีที่จะทำให้ทัชหันมาชอบได้บ้างรึยังนะ

ผมดีพอสำหรับทัชหรือยัง…





ผมเดินเข้ามาในร้านอย่างรีบร้อนก่อนจะมองหาไอ้คนที่มันส่งข้อความหาผม

ไม่เจอ

หรือว่ามันจะกลับไปแล้ว

“พี่ธัญ?” ผมหันไปตามเสียงเรียก ทัชมองผมเหมือนจะถามว่ามีอะไรรึเปล่า

ตอนนี้หน้าตาผมคงดูกระวนกระวายจนน้องต้องเข้ามาทักสินะ

ผมมองคนที่เพิ่งทำสีผมใหม่อย่างไม่คุ้นตา ผมสีดำสนิทที่ตัดกับผิวสีขาวทำให้ทัชดูน่ามองไปอีกแบบ แถมยังเข้ากับทัชมากกว่าสีควันบุหรี่นั่นซะอีก

และดูเหมือนจะน่ารักขึ้นอย่างที่ไอ้ไผ่ว่าจริงๆ ด้วย…

“พี่ธัญ!”

“ครับ?”

“จะสั่งอะไรไหมครับ”

“เอ่อ..เอาอะไรก็ได้” คำตอบสิ้นคิดซะมัด

ทัชไม่ได้ถามอะไรต่อแต่เดินเข้าข้างในสักพัก ก่อนจะกลับมาประจำหน้าเคาน์เตอร์เหมือนเดิม

ผมนั่งลงเก้าอี้ใกล้ๆ ลืมเหตุผลที่รีบมาร้านซะสนิทเพราะตอนนี้เอาแต่จ้องหน้าคนที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์

อาการมันหนักขึ้นทุกวัน

ไม่ใช่แค่ชอบแล้วล่ะมั้ง

“นี่ครับ” ทัชวางขนมตรงหน้าผมก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“มองผมขนาดนี้ผมจะคิดตังค์แล้วนะ”

“เท่าไหร่พี่ก็จ่าย”

“แน่ใจหรอครับ” ทัชยิ้ม ทำเอาผมใจเต้นแรง ก็ไม่ได้เห็นทัชยิ้มใกล้ๆ แบบนี้นานแล้วนี่ครับ

“แน่ใจครับ”

“ทั้งหมดที่พี่มี... ให้ได้รึเปล่าล่ะครับ”

“ถ้ามีแค่ใจล่ะจะเอาไหม”

ทัชยิ้มมุมปากก่อนจะตอบกลับมาด้วยประโยคที่ทำเอาผมคิดว่าบางทีทัชก็ร้ายไม่เบา

“ถ้าให้…ก็เอาครับ”









….……………………………………



ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของผมกับทัชจะเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ผมกำลังตามจีบทัช ใช่ครับ ไม่มีอะไรคืบหน้าไปจากเดิมเลย

ทัชจีบยากหรือผมมันกากอย่างที่ไอ้แทนบอกจริงๆ วะ

แต่มันก็ดีตรงที่ทัชให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

ใจดี แถมน่ารักแบบนี้ จะไม่ให้หลงได้ไง

“แน่ใจนะว่าพี่จะไปกับผม” เสียงคุ้นเคยดึงผมให้กลับมาอยู่ปัจจุบัน

“แน่ใจสิ ทำไม พี่ไปด้วยไม่ได้หรอ”

“ไปได้ แต่มันอาจจะนานไง”

“เอาน่า ไปก่อนเถอะเดี๋ยวสาย” ว่าแล้วผมก็เดินนำทัชไปที่รถ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ทัชนั่งรถผม…หรือเปล่า

ไม่น่าจะใช่ เพราะทัชเคยขับมันตอนที่ผมเมานี่นา คิดถึงตอนนั้นแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาซะดื้อๆ

“ไปดิพี่ ไหนว่าเดี๋ยวสายไง”

“ครับบ” นอกจากจะไม่เถียงแล้วผมยังตามใจคนที่นั่งข้างๆ อีกด้วย

ขออะไรผมก็ให้หมดแหละครับ ไม่เหลือไว้ให้ใครแล้ว



สักพักผมก็ขับรถมาถึงที่หมาย เป็นร้านกาแฟเล็กๆ แต่กลับมีคนเต็มร้าน นี่คือสถานที่ถ่ายแบบของทัช

วันนี้ผมกะจะชวนทัชไปหาอะไรกินสักหน่อยแต่เจ้าตัวกลับบอกว่ารับงานไว้ผมจึงเปลี่ยนกิจกรรมที่จะทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่น้องต้องไปทำนั่นก็คือมาเฝ้าทัชทำงาน

นี่คือตัวอย่างแฟนที่ดีในอนาคตใช่ไหมล่ะครับ

“สวัสดีครับพี่” ทัชยกมือไหว้ใครคนหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน

“หวัดดีๆ ” ท่าทางสบายๆ ของเจ้าของร้านทำให้ผมนึกสงสัย

รู้จักกันอยู่แล้วหรอ?

“เข้ามาก่อนๆ ”

“ร้านสวยนะพี่ ไม่เห็นรู้เลยว่าพี่จะทำร้านกับเขาด้วย”

“แฟนกูอยากทำน่ะสิ”

ทัชเดินตามเจ้าของร้านก่อนจะหันมามองผม

ผมพยักหน้าให้น้องแล้วเดินตามเข้าไปในร้าน

ภายในร้านก็เหมือนกับร้านกาแฟทั่วไปแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาคงจะเป็นการตกแต่ง รายละเอียดเล็กๆ น้อยอย่างของที่วางไว้กับโต๊ะหรือต้นไว้ที่ใช้ตกแต่งกลับดูเข้ากันจนน่ามอง

และยิ่งเดินเข้ามาเรื่อยๆ ผมก็รู้ว่าร้านนี้ไม่ได้เล็กอย่างที่เห็นภายนอก

ทางเดินเป็นทางยาวลึกเข้าไปในตัวร้าน ทั้งยังมีโต๊ะไว้สำหรับนั่งคนเดียวและคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

“ไม่คิดว่าพี่จะให้ผมมาถ่ายโปรโหมดร้านนะเนี่ย ผมต้องไปโม้ให้ไอ้โก้ฟังซะแล้ว”

“ไว้ว่างๆ ก็พามันมาด้วย แต่บอกไว้ก่อนนะว่ากูให้กินฟรีแค่รอบแรกนะ ถ้ามาอีกต้องจ่ายตังค์นะเว้ย”

“ก็ยังดีที่เลี้ยงนะพี่ ฮ่าๆ ”

“แล้วนั่นใครวะ”

“อ่อ นี่พี่ธัญครับ อายุเท่าพี่แหละส่วนนี่พี่เปรมรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าผมครับ”

“สวัสดีครับ” ผมทักทายคนตรงหน้า

“เช่นกันครับ”

“ผมต้องทำไรบ้างอะ”

“นั่งเก๊กท่าหล่อๆ ไง จะว่าไงพี่มึงก็หล่อนะยืมมาถ่ายรูปด้วยได้ไหม” เปรมหันมามองผม

“อย่าไปกวนพี่ธัญเลยพี่ ไปถ่ายกันเถอะ”

ให้ตายสิ นี่กะว่าถ้าทัชขอผมจะยอมถ่ายด้วยสักหน่อย

“ไม่ลองถามดู…”

“ไปเตรียมตัวค้าบบ” ทัชดันหลังเปรมให้ไปเตรียมตัว ซึ่งผมก็อดขำกับท่าทางของทัชที่เหมือนไม่อยากให้เจ้าของร้านยุ่งกับผมเท่าไหร่

“พี่ถ่ายด้วยไม่ได้หรอ”

“ไม่เอาอะ พี่ถ่ายด้วยผมก็ดับดิ” คำตอบบวกกับหน้าตาที่ดูจริงจังของทัชทำให้ผมยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือยีหัวอีกคนอย่างเอ็นดู

จะหล่อทำไมในเมื่อน่ารักก็ดีอยู่แล้ว

“ผมไปทำงานละ พี่ก็รออยู่ตรงนี้แล้วกัน”

“ไม่ให้พี่ไปถ่ายด้วยแน่นะ”

“นั่งรอเฉยๆ ไปเถอะน่า” ทัชทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเดินไปหาเปรมที่กำลังเตรียมฉากเพื่อถ่ายแบบอยู่

ส่วนผมก็นั่งมองอยู่ไม่ไกล



เวลาเดินไปเรื่อยๆ จนผมรู้สึกว่าหนังตาเริ่มไม่ไหว ช่วงนี้ผมนอนดึกเพราะแก้งานที่เพิ่งจะได้ส่ง ไม่แปลกที่จะรู้สึกง่วงแบบนี้

เงยหน้ามองอีกคนที่กำลังตั้งใจโพสท่าอยู่ก็คิดว่านอนรอสักงีบคงจะไม่เป็นไร

ทั้งที่อยากดูทัชถ่ายแบบแท้ๆ แต่ก็ทนความง่วงไม่ไหวเมื่อได้ยินเสียงเพลงคลอเบาๆ อีกทั้งบรรยากาศที่ทำให้ง่วงแบบนี้ ผมจึงผล็อยหลับได้ไม่ยาก...



ทัชมองคนที่ฟลุบอยู่กับโต๊ะกาแฟก่อนจะยิ้มบางๆ บอกว่าจะเฝ้าเขาแท้ๆ แต่กลับหลับไปซะได้

เฝ้าที่ว่าหมายถึงนอนเฝ้าสินะ

“แล้วเรียนเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่ามึงเรียนอยู่เทคนิค” รุ่นพี่โรงเรียนเก่าอย่างเปรมถามรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันนานจนกระทั่งติดต่ออีกคนให้มาถ่ายแบบโปรโหมดร้านหลังจากที่เปิดร้านได้ไม่ถึงเดือน

“ก็ดีนะพี่ แล้วพี่อะได้ข่าวว่าเรียนวิศวะไหงมาเปิดร้านกาแฟซะได้”

“ก็แฟนกูอยากเปิดอะดิ จริงๆ กูก็ชอบทำอะไรแบบนี้ด้วยแหละ” เปรมยิ้มให้ก่อนจะยกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์

“เห้ยพี่ ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย”

“แบบเมื่อกี้นี่แหละ ธรรมชาติ” เปรมว่าพลางยิ้มให้

“แล้วก็ไม่บอก ว่าแต่ผมกินได้ใช่ปะ” ทัชชี้ไปที่กาแฟหลายแก้วที่เตรียมไว้

ซึ่งนี่ก็เป็นเช็ตสุดท้ายของงานในวันนี้ งานที่ค่าจ้างคุ้มกว่างานที่ได้ทำจริงๆ แถมยังได้กินของฟรีอีก

“ได้ๆ เดี๋ยวถ่ายเซ็ตสุดท้ายแล้ว เอาแบบธรรมชาตินะ”

“ครับผม”

ธรรมชาติของทัชคือชิมกาแฟแต่ละแก้วอย่างตั้งใจในขณะที่เปรมก็กดชัตเตอร์รัวๆ จนคาดว่าน่าจะได้ภาพที่น่าพอใจจึงหยุดถ่าย แล้วมองอีกคนที่ยังชิมกาแฟอย่างนึกเอ็นดู

ทัชเป็นรุ่นน้องของเขาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมซึ่งทัชเข้ามาอยู่ในชมรมฟุตบอลจึงทำให้สนิทกันรวมทั้งโก้ด้วย พอคิดจะหาคนมาถ่ายแบบจึงนึกถึงรุ่นน้องตรงหน้าเป็นคนแรกด้วยความสดใสและมีเสน่ห์นั่นทำให้เปรมเลือกทัชอย่างไม่ลังเล

ไม่ได้เจอกันนานรอยยิ้มที่มองแล้วต้องยิ้มตามก็ยังเหมือนเดิม

“เสร็จแล้ว กินขนาดนั้นนอนไม่หลับแน่มึงคืนนี้”

“ก็ดีดิพี่ ผมจะปั่นงานพอดี” รุ่นน้องหันมายิ้มกว้าง

“นอนดึกบ่อยๆ ไม่ดีนะมึง”

“ครับผม แล้วนี่เสร็จแล้วใช่ปะ”

“เสร็จแล้ว เดี๋ยวกูโอนตังค์ให้” ทัชพยักหน้ารับ

“โอเคพี่ ว่าแต่แก้วนี้อร่อยดีนะ”

“อร่อยทุกแก้วเถอะ”

“ครับๆ อร่อยทุกแก้วเนาะ”

“ว่าแต่ไอ้ที่นอนอยู่นั่นเป็นแค่พี่จริงๆ หรอวะ” ทัชเลิกคิ้วกับคำถามของเปรมก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังหลับอยู่แล้วหันกลับมาตอบคนตรงหน้า

“ครับ…พี่…ที่ไม่ได้แปลว่าพี่” ประโยคสุดท้ายทัชพูดเสียงเบาจนเปรมไม่ได้ยิน เหมือนกับว่าเขาแค่พูดกับตัวเองเท่านั้น



…พี่ที่ไม่ได้แปลว่าพี่



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 27 : 23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-06-2020 22:46:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...พี่ที่ไม่ได้แปลว่าพี่   อิอิ
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 27 : 23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-06-2020 00:58:12
 :L1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 27 : 23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-06-2020 01:12:36
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 27 : 23/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 24-06-2020 23:28:30
แหม ร้ายกาจไม่เบา,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 28 : 25/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 25-06-2020 18:01:18
Chapter 28
ตลาด



“แบบนี้คือกลับมาคืนดีกันแล้วถูกไหม”

“คงงั้นมั้ง”

“ไม่กลัวเขาหลอกอีกหรอ” ผมละสายตาจากคนที่นั่งอยู่โต๊ะกาแฟมาหาไอ้โก้

“ไม่รู้สิ กูแค่อยากทำตามความรู้สึกตัวเองบ้าง”

“ก็เลยให้โอกาสเขาสินะ” ไอ้โก้ว่าพลางยักไหล่

โอกาสที่ว่าผมให้ตัวเองต่างหาก

“งั้นมั้ง”

“โว้ยยย มึงจะตอบแต่คำนี้รึไงวะ”

“งั้นมั้ง”

“กวนตีนละ” ผมขำกับท่าทางหงุดหงิดของไอ้โก้ก่อนจะเดินจากหน้าเคาน์เตอร์ไปหาลูกค้าที่ผมมองก่อนหน้านี้

พี่ธัญนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ในร้านมาตั้งแต่บ่ายยังไม่ลุกไปไหน ดูเหมือนว่าจะเป็นงานด่วน

“งานเยอะหรอครับ” ผมถามแล้วนั่งลงตรงข้ามก่อนจะเท้าคางมองคนที่กำลังง่วนอยู่กับหน้าจอโน๊ตบุ๊ค

“นิดนึง แต่รีบส่งมากกว่า” พี่ธัญเงยหน้าแล้วยิ้มให้ผม ก่อนจะกลับไปสนใจงานตัวเองต่อ

ท่าทางดูเพลียๆ ซึ่งผมไม่เคยเห็นพี่ธัญในโหมดทำงานเลย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมจ้องพี่ธัญจนเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง

“มีอะไรรึเปล่า”

“ให้ผมช่วยปะ” พี่ธัญทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา

ทำไมอะ เห็นแบบนี้ผมอาจจะช่วยได้นะ

“งั้นช่วยนั่งอยู่ตรงนี้เป็นกำลังใจให้พี่ก็แล้วกันนะ”

“แค่นั้นหรอ”

“งั้นทัชอยากทำอะไร”

จริงๆ ก็ออยากช่วยนะแต่คงช่วยไม่ได้แล้วล่ะ

“ผมก็จะไปทำงานไง ลูกค้ามาละ แต่…จะคอยเป็นกำลังให้นะครับ” ผมพูดแค่นั้นแล้วก็เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์โดยไม่ได้หันกลับไปมองพี่ธัญ ถึงจะเป็นประโยคธรรมดาแต่มันก็เขินนะครับ

อยู่ๆ ก็เขินเฉยเลย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนพูดแท้ๆ

“อ้าว ยิ้มๆ ”

“อะไร!”

“ไม่บอกเขาไปเลยล่ะว่าชอบ”

“เรื่องของกูน่า”

“เออ เรื่องของมึง แต่ทำคนอื่นวุ่นวายกันชิบหาย” ไอ้โก้โยกหัวผม ไม่ใช่แบบเอ็นดูนะครับแต่โยกแบบหัวแทบหลุด!

“อะไรของมึง”

“เรื่องของกู” เอาคืนซะด้วย

“ไปรับออดอร์เลยไป”

“กูฟ้องพี่แทนแน่” ไอ้โก้ชี้หน้าผมแล้วเดินไปหาลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามา

ฟ้องพี่แทนหรอ กลัวที่ไหนล่ะโถ่

ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ลูกค้าอีกคนที่เดินเข้ามาในร้านก็ดึงความสนใจของผมทันที

“สวัสดีครับพี่วิน” ผมยิ้มให้พี่วินพร้อมกับทักทาย

พี่วินเป็นเพื่อนสนิทของพี่แทนและผมก็เคยเจอพี่วินหลายครั้งจนสนิทกันไปด้วย

“หวัดดีทัช แล้วนี่เห็นไอ้แทนไหม พี่โทรหาแต่มันไม่รับสายเลย”

“วันนี้พี่แทนยังไม่เข้าร้านนะครับ”

“ไปไหนของมันเนี่ย” พี่วินทำหน้าเครียดจนผมสงสัยว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“พวกพี่นัดมันทำงานน่ะ แต่มันดันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้แถมยังติดต่อไม่ได้อีก”

“งานเร่งหรอพี่”

“ส่งก่อนเที่ยงคืนวันนี้ ยังทำไม่ถึงไหนเลย” ช่วงนี้เป็นช่วงปั่นงานรึเปล่าครับเนี่ย ทั้งพี่ธัญแล้วก็พี่วินดูเหมือนจะเครียดกับงานกันหมดเลย

ว่าแต่พี่แทนหายไปไหนวะ

“นั่นมัน…” พี่วินหันไปเห็นใครบางคนจนผมต้องมองตาม

ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรพี่วินก็เดินไปยังโต๊ะที่คนนั้นนั่งอยู่

โต๊ะพี่ธัญ ดูเหมือนผมจะลืมไปนะว่าพี่วินเคยคบกับพี่ธัญ

พี่ธัญเงยหน้ามองพี่วินก่อนจะยิ้มให้ นั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก รู้แค่ว่าไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย

แต่พี่ธัญยิ้มให้พี่วินแล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ

ทั้งสองคนคุยกันสักพักก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้ม

มองผมทำไมวะ

พี่ธัญกับพี่วินคุยกันปกติจนเหมือนคนที่ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน หรือเมื่อก่อนผมจะเข้าใจผิดไปเองว่าทั้งสองคนเลิกกันไม่ดีจนเข้าหน้ากันไม่ติด

“พี่รู้แล้วว่าไอ้แทนมันอยู่ไหน พี่ไปก่อนนะ แล้วก็…คบกันนานๆ นะ”

ประโยคสุดท้ายทำเอาผมงงแดก คบกันนานๆ คืออะไร หมายถึงใครคบกับใครอะ

ผมมองพี่ธัญที่เหมือนจะขำอะไรสักอย่างก่อนจะเข้าใจในทันที ไปพูดอะไรแปลกๆ กับพี่วินแน่ๆ เลยแต่ฟังจากที่พี่วินพูดคงไม่พ้นบอกว่าผมกับพี่ธัญกำลังคบกันสินะ

ขี้ตู่จริงๆ

…จะเป็นแฟนกันได้ยังไงทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่เคยขอคบเลยสักครั้ง!









….………………………………



“พี่จะมาแย่งผมกินทำไมเนี่ย” ผมมองคนที่แย่งลูกชิ้นที่ผมกำลังถืออยู่หงุดหงิด จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงล่ะครับในถุงก็มีตั้งหลายไม้แต่มาแย่งในมือผมเนี่ย

พี่ธัญเคี้ยวลูกชิ้นอย่างพอใจไม่ได้ดูหน้าผมเลยสักนิด

“เอาไปกินเลยไป แล้วไม่ต้องมาแย่งผมอีกนะ” ผมยัดไม้ที่โดนแย่งไปลูกหนึ่งให้พี่ธัญก่อนจะหยิบอีกไม้ในถุงออกมา

“แค่อยากกินไม้เดียวกันไง”

“งั้นพี่กินไม้แล้วผมกินลูกชิ้นโอเคปะ”

“กวนละ”

“พี่แหละกวนผมก่อน”

“แค่ลูกชิ้นเองนะ ทัชจะหวงทำไม”

“ผมไม่ได้หวง แต่ในถุงก็มีเยอะแยะพี่มาแย่งในมือผมทำไมล่ะ”

“อ่อ หวงเพราะมันอยู่ในมือหรอ” น้ำเสียงนี่กวนประสาทสุดๆ

อยู่ๆ ผมก็ต้องมาเถียงเรื่องลูกชิ้นกับพี่ธัญกลางตลาดที่มีคนเดินผ่านไปมาแบบนี้

แต่มันน่าเถียงไหมล่ะครับ มาแย่งของกินผมเนี่ย!

“โอเคๆ ไม่แย่งแล้วก็ได้ เราไปดูเสื้อกันไหม”

“อะไร จะชวนผมซื้อเสื้อคู่หรอ” ผมว่าพลางเคี้ยวลูกชิ้น

“รู้ได้ไง” พี่ธัญทำหน้าตกใจซึ่งปกติไม่ค่อยได้เห็นพี่ธัญทำหน้าแบบนี้เท่าไหร่ จะว่าไปมันก็...แปลกตาดี

ว่าแต่จะซื้อเสื้อคู่จริงดิ คิดอะไรแบบนี้กับเขาเป็นด้วยหรอวะ

“นี่ล้อผมเล่นปะเนี่ย”

“ไม่ได้ล้อเล่น” ท่าจะจริงครับเพราะตอนนี้พี่ธัญคว้ามือผมให้เดินตามไปที่ร้านขายเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

พี่ธัญจะซื้อเสื้อผ้าที่ตลาด!

“ผมนึกว่าพี่จะใส่แต่พวกแบรนเนมซะอีก” ผมมองคนที่กำลังเลือกเสื้ออยู่อย่างแปลกใจ

“ก็ไม่เคยใส่แบบนี้เหมือนกัน”

“แล้วจะซื้อทำไม”

“ก็อยากได้เสื้อคู่” คำพูดบวกกับสายตาที่จริงจังทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู ก็ตอนนี้น่ะพี่ธัญเหมือนเด็กที่กำลังอยากได้ของเล่นที่ชอบน่ะสิ

“แล้วถามผมยังว่าอยากได้รึเปล่า”

“ทำไมต้องถาม ยังไงทัชก็ต้องยอมพี่อยู่แล้ว” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของอีกคน เมื่อกี้ที่ผมบอกว่าเหมือนเด็กก็ลืมๆ มันไปนะครับ เพราะยังไงคนตรงหน้าผมก็เป็นผู้ใหญ่ที่ร้ายกาจคนหนึ่งอยู่ดี

หลอกให้เด็กอย่างผมมาติดกับจนไปไหนไม่รอดแล้ว

“ผมอาจจะไม่ยอมพี่ก็ได้นะ”

“จริงหรอ” พี่ธัญทำหน้าหงอยทันที คิดว่าผมจะใจอ่อนหรอ เหอะ

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย รีบเลือกดิจะได้ไปดูอย่างอื่น”

ผมไม่ใจอ่อนหรอกเพราะผมยอมมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…

“ไอ้ตัวแสบเอ้ย”

“เลือกเร็วๆ ”

“ชอบตัวไหน” พี่ธัญชูเสื้อสองตัวที่เหมือนกันแต่คนละสีให้ผมดู จริงๆ ผมชอบสีเทานะแต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะชอบสีฟ้า

“เทา”

“โอเค เอาสองตัวนี้ครับ” พี่ธัญหันไปหยิบเสื้อสีฟ้าสองตัวให้แม่ค้า แล้วจะถามผมทำไมวะสุดท้ายก็ไม่เลือกอยู่ดี

“พี่กวนตีนอะ”

“กวนตีนอะไรก็ถามว่าชอบตัวไหนไม่ได้หมายความว่าจะซื้อตามที่ทัชเลือกสักหน่อย”

เอาที่สบายใจเลยครับ!

รู้สึกว่าตั้งแต่กลับมาคุยกันเนี่ยสกิลการกวนของพี่ธัญจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เหมือนเก็บกดอย่างนั้นแหละ



“เงียบเลย”

หลังจากเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้าผมก็กินลูกชิ้นเงียบๆ โดยไม่สนใจคนที่เดินอยู่ข้างๆ

“ขี้เกียจพูดกับพี่ว่ะ” เพราะผมโดนกวนอยู่ฝ่ายดียวไง

“แน่ใจนะว่าจะไม่พูด”

“….” ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้วครับ

“จะกินอะไรเดี๋ยวพี่เลี้ยง”

ทำตัวป๋าอีกละ คิดว่าผมไม่มีเงินซื้อกินเองรึไงวะโถ่

“ไม่เลี้ยงก็ได้แค่พาไปเฉยๆ ”

“….”

ผมเดินเข้ามาในร้านต่างหูเจ้าประจำโดยไม่สนใจว่าพี่ธัญจะพูดอะไร เพราะตอนนี้ของภายในร้านดึงความสนใจของผมไปหมดแล้ว

อยากได้ทั้งหมดเลยแม่ง!

ผมควรซื้ออันใหม่ที่ผมยังไม่มีเลยดีไหม จะโดนไอ้โก้บ่นไหมนะ แต่ช่างเถอะอย่าให้มันรู้ก็พอ

“ทัช”

“…….”

“ทัช”

“อะไรอะพี่” ผมตอบพี่ธัญไปอย่างลืมตัว ผมต้องคีพลุคเงียบๆ นี่หว่า โป๊ะเฉยเลย

“พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่ามาเลยพี่” ผมตอบพลางเลือกต่างหูไปด้วย ก่อนที่คำถามของพี่ธัญจะทำให้มือที่กำลังจะหยิบต่างหูคู่หนึ่งขึ้นมาดูต้องหยุดชะงัก

“ทัชรู้สึกกับพี่ เหมือนที่พี่รู้สึกกับทัชบ้างรึเปล่า”

“พี่ถามทำมะ…”

“ทัช…ชอบพี่บ้างรึเปล่า”

ผมมองคนถามที่แววตาและน้ำเสียงดูจริงจังมากกว่าปกติ

“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่พี่ยังจะอยู่ตรงนี้ปะ”

“ก็อยู่…เหมือนเดิม” น้ำเสียงฟังจากดาวอังคารก็รู้ว่าหงอย

ผมเดินไปหยิบต่างหูคู่หนึ่งเอาไปให้เจ้าของร้านคิดตังค์แล้วเดินกลับมาหาคนที่กำลังทำหน้าหงอยอยู่

อยู่ๆ ก็ดราม่าเฉย เมื่อกี้ยังซื้อเสื้อคู่อยู่เลย ปรับอารมณ์ตามไม่ทันนะเว้ยยย

“พี่ไม่ต้องคิดมากหรอก ที่ผมยังอยู่ตรงนี้ผมเองก็รู้สึกเหมือนพี่นั่นแหละ”

เท่านั้นแหละครับจากหงอยๆ ก็กลับมาเป็นปกติทันทีอย่างกลับว่าเมื่อกี้ไม่ได้มีอารมณ์ดราม่าอะไรทั้งนั้น จะว่าไปพี่ธัญก็มีมุมไบโพลาร์เหมือนกันแฮะ

ท่าทางจะมีเยอะซะด้วย

“พูดงี้แต่แรกก็จบแล้วไอ้ตัวแสบ” ไม่ว่าเปล่าพี่ธัญวาดแขนมากอดคอผมก่อนจะยีหัวแรงๆ อันนี้หมั่นไส้แหละครับดูออก

“ปล่อยได้แล้วพี่ อายคน!”

ลืมไปปะครับว่าเราอยู่ตลาดดดดด

“อายทำไมคนเยอะแยะ”

“มุขตั้งแต่สมัยไหนเนี่ยพี่”

“สมัยนี้นี่แหละ”

“โคตรเก่า” จากที่คิดว่าพี่ธัญจะเถียงกลับแต่ก็เปล่า ผมจึงหันไปมองคนที่ยังกอดคอผมอยู่ก่อนจะเห็นรอยยิ้มปรากฎอยู่ในใบหน้า

“ทัชรู้ไหมวันนี้พี่โคตรมีความสุขเลย”

“เพ้ออะไรเนี่ยพี่ ปล่อยผมได้แล้วมั้ง” แต่ก็นั่นแหละครับ นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมอีก

“ก็ทัชเพิ่งบอกชอบพี่นี่นา”

“เดี๋ยวนะ มีตรงไหนที่ผมบอกว่าชอบพี่วะ” เท่าที่จำได้ผมไม่ได้พูดว่าชอบเลยนะ

“ก็บอกชอบ....แบบไม่มีคำว่าชอบไง”

พี่ธัญยักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ เหอะ เชื่อเขาเลย พออารมณ์ดีก็เสี่ยวขึ้นมาซะงั้นแต่ผมก็ดันบ้าจี้ชอบเฉยเลยแม่ง

.....อาจเป็นเพราะคนพูดคือพี่ธัญแหละมั้งผมถึงได้ยิ้มออกมาแบบนี้

ถ้าใจมันชอบปัจจัยภายนอกก็ไม่สำคัญล่ะวะ!



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 28 : 25/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-06-2020 11:13:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 29 : 27/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 27-06-2020 18:53:20
Chapter 29
ตะบองเพชร



กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่สน~~

“เมื่อไหรมึงจะเปลี่ยนริงโทนวะ เพลงสมัยไหนล่ะนั่น”

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะเลิกฟังเพลงที่ไม่เข้ากับหัวสกินเฮดของมึงล่ะ” ผมยกเท้าเตะไอ้โก้ก่อนจะหยิบมือถือมาดูว่าใครโทรมา

แล้วมุมปากก็ยกขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

“ว่าไงพี่”

‘นอนรึยัง’

“กำลังจะนอน แล้วพี่ล่ะ”

‘เหมือนกัน’

“แล้วโทรมามีอะไรปะ”

‘มี.….อยากได้ยินเสียงทัชก่อนนอน’

“…….”

เดดแอร์ไปชั่วขณะ พี่ธัญแม่งอยู่ๆ มาพูดอะไรแบบนี้วะ!

“อ้าว เขินๆ ผ้าห่มกูจะขาดแล้วมั้งจิกอยู่นั่นแหละ”

“ไอ้ห่าโก้” ผมปาหมอนใส่ไอ้โก้ที่นั่งเล่นเกมอยู่บนพื้นอย่างหมั่นไส้

‘เขินหรอ’

“บ้าปะ ใครเขินไม่มีหรอกเว้ย”

‘หรอครับน้องทัช’

“พี่แม่ง ไปนอนเลยไป” ผมไม่ได้เขินนะ ไม่ได้เขินจริงจริ๊ง

‘เขินแล้วไล่กันแบบนี้หรอเรา’

“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้เลยนะ ผมจะนอนละพรุ่งนี้มีเรียน”

‘หึ ครับๆ ’

คนในสายไม่เท่าไหร่แต่ไอ้ที่นั่งเล่นเกมเมื่อกี้มันเปลี่ยนมามองผมแล้วยิ้มล้อเลียนนี่สิ น่าโดนเตะอีกสักทีจริงๆ

‘ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน’

“ฝันดีครับ” พูดจบผมก็ตัดสายทันทีก่อนที่จะเขินเสียงพี่ธัญจนไอ้โก้มันล้อไปมากกว่านี้

พอพูดเพราะๆ แล้วแม่งทำให้ผมเขินอยู่เรื่อย ยิ่งช่วงนี้ยิ่งพูดเพราะเหมือนรู้ว่าผมแพ้

พี่ธัญแม่งร้าย แล้วผมก็เสือกชอบด้วย

ไอ้บ้าเอ้ยยยย

“ยิ้มเข้าไปแหมมม ผมนอนละพรุ่งนี้มีเรียน เสียงสองมากกกก”

“มึงอะไปนอน กวนตีน”

“ลงมาดิ เตียงกู”

“ไม่คิดจะให้กูนอนเตียงบ้างหรอ”

“มึงชื่อเนยไหม” ผมส่ายหน้า อะไรของมัน

“ไม่ได้ชื่อเนยก็ไปนอนพื้น เพราะกูเสียสละให้แค่น้องเนยเท่านั้น”

สัส!

คำพูดคำจาหน้าถีบออกนอกห้องจริงๆ

ส่วนน้องเนยที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือคนที่มันตามจีบอยู่ตอนนี้ กูจะแช่งให้มึงจีบน้องเขาไม่ติดไอ้เหี้ยโก้!

แต่ก็นั่นแหละครับได้แค่คิด ไอ้เราก็ดันเป็นคนดีเสียสละเตียงให้มันตั้งแต่แรกก็เลยต้องหอบผ้าห่มลงมานอนพื้นแบบนี้

กูจะไม่หงุดหงิดมึงหรอกนะเพราะตอนนี้กูอารมณ์ดี แต่ถ้าเป็นวันอื่นไม่แน่!









“เห้ยพวกมึง วันนี้ไปเตะบอลกันปะ” ไอ้ดิน เพื่อนในแผนกที่เคยไปเตะบอลด้วยกันบ่อยๆ เดินมาถามพวกผม

“ว่าไงพวกมึง” ผมหันไปถามเดอะแก๊ง

“กูจะกลับบ้านว่ะ” ไอ้โอ๊ตตอบ

จะว่าไปพรุ่งนี้ก็วันเสาร์นี่หว่า อีกอย่างนานๆ ทีไอ้โอ๊ตมันกลับบ้าน

“กูก็ไม่ว่าง”

“กูด้วย”

“แล้วมึงอะไอ้ทัช”

“กูมีนัดว่ะ”

“โห่ ขาดคนอีกละ” ไอ้ดินทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเดินกลับโต๊ะตัวเอง

จริงๆ ก็อยากเตะบอลนะครับ แต่ผมดันมีนัดแล้วนี่สิ

“นัดอะไรวะ”

“ไม่เสือกดิ” ไอ้โก้ยกมือขึ้นหวังจะตบหัวแต่ผมหลบได้ทัน

“นัดกับคุณธัญแน่ๆ ตกลงคบกันยังวะ” ไอ้ปาล์มถาม

“ยัง”

“อ้าวทำไม แค่กลับมาคุยกันเฉยๆ งี้หรอ”

“ป่าว แต่กูว่าอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนี่หว่า”

“ระวังหมาคาบไปแดก หน้าตาก็ไม่ได้ดีพอจะไปรั้งเขาไว้นะมึง” ไอ้โอ๊ตว่าพลางจับหน้าผมหันไปมา

ถ้าขนาดนี้ไม่ดีแล้วจะมีใครหน้าตาดีวะ เออ เว้นพี่ธัญไว้คนหนึ่งก็ได้ รายนั้นแม่งหล่อชิบหายอยู่แล้ว

“กูเห็นด้วยกับไอ้โอ๊ต แต่ก็อยากให้ดูไปก่อนเผื่อซ้ำรอย”

“มันจะยากอะไรวะ ชอบกันก็คบดิจะรออะไร รอให้กูตัดริบบิ้นหรอ”

“แล้วมึงไปยุ่งอะไรกับเขาล่ะไอ้ปาล์ม เอาเวลาไปตอบเด็กมึงนู่น”

“พูดอย่างกับมึงมีน้อยที่ไหน ระวังรถไฟชนกันนะเว้ย”

“พวกมึงนี่มันเจ้าชู้แม่ปลาบู่ปลาช่อนจริงๆ ” ไอ้โก้ว่าพลางยิ้มขำ

“เดี๋ยว แม่ปลาบู่ปลาช่อนมาไงวะ”

“ไม่รู้กูเติมเอา ฮ่าๆ ”

“ทำไมแม่งอารมณ์ดีแปลกๆ ” ผมถามไอ้โก้ที่มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งแต่ดูมือถือเมื่อกี้แล้ว

สาวตอบแชทแน่ๆ

“ก็นะ เดี๋ยวกูไปละ”

“อ้าวไปไหนวะ”

“ไม่เสือกดิ” โดนไหมล่ะมึง

ไอ้ปาล์มหน้าเหวอเมื่อไอ้โก้มันตอบแบบนั้น ก็ปกติไอ้โก้มันไม่ค่อยกวนตีนไอ้ปาล์มอะนะ วันนี้มาแปลก

“อะไรของมันวะ”

“ช่างมันเถอะน่า มันไปหาสาว”

“หะ จริงดิ ใครวะ”

“นี่มึงไม่รู้หรอ ก็เนยไง” ไอ้โอ๊ตว่า

เออว่ะ ทำไมไอ้ปาล์มไม่รู้มันไปอยู่ไหนมาเนี่ย บ้านก็อยู่หลังเดียวกัน

“อีกคนที่ไม่รู้เหมือนกูก็คือไอ้ตังรึเปล่า”

“อืม น่าจะนะ”

พูดถึงไอ้ตัง จะบอกมันว่าไงล่ะเนี่ยแต่ยังไงไอ้โก้ก็ต้องมีแฟนไม่วันใดก็วันหนึ่ง คงมีอย่างเดียวที่ต้องบอกมันคือทำใจ เท่านั้นล่ะ

ยังไงก็เพื่อนกัน ผมคิดว่ามันก็น่าจะเข้าใจแล้วก็ทำใจบ้างแล้ว

“ช่างเรื่องไอ้โก้เถอะ มึงดูนู่น” ผมหันไปมองตามสายตาไอ้โอ๊ตก็พบว่าพี่ธัญกำลังเดินมาทางนี้โดยไม่สนสายตาเด็กเจ้าถิ่นอย่างพวกผมเลย

ก็ขึ้นชื่อว่ามอใกล้กันแต่เหมือนไม่ถูกกันจึงทำให้คนมองพี่ธัญ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

อย่างพี่ธัญต่อให้ใส่ชุดนักศึกษาก็ดูไม่เหมือนเรียนเทคนิคหรอก

“มาทำอะไรเนี่ยพี่”

“มารับทัชไง”

“รออยู่หน้าวิลัยก็ได้” จะเดินเข้ามาให้คนมองทำไมมมม

“ก็ไลน์มาแล้วไม่ตอบเลยมาตาม”

“พี่ไม่กลัวโดนรุมกระทืบหรอ”

“ทำไมต้องกลัว พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด”

“มึงก็พูดเกินไปไอ้ทัชถึงเราจะไม่ชอบพวกเด็กมหาลัย แต่พวกเราก็ไม่ได้ตีกับใครมั่วๆ ปะ”

“ใช่ แค่หมั่นไส้เฉยๆ ”

เออ ก็จริงอย่างที่พวกมันพูด พวกผมไม่ชอบก็จริงแต่ไม่ได้ถึงขั่นหาเรื่องใครไปทั่วขนาดนั้นแต่บางคนมันก็น่าหมั่นไส้จริงๆ นะ พวกที่คิดว่าตัวเองสูงส่งแล้วพูดเหยียดคนที่ด้อยกว่า

“จะไปกันยัง”

“ครับ เจอกันที่บ้านนะพวกมึง”

“เออๆ เจอกัน”

ผมบอกลาเพื่อนทั้งสองก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินตามคนที่สูงกว่าผมไม่มากนัก

ระหว่างทางทุกสายตาแทบจะมองมาที่พวกผม แต่ถ้าคิดว่าพี่ธัญไม่แคร์แล้วผมนั้นยิ่งกว่า เพื่อนร่วมสถาบันก็จริงแต่ไม่ใช่เพื่อนสนิท ไม่เห็นจำเป็นต้องสนสายตาพวกนั้นเลย

“นี่เด็กเทคนิคไม่ชอบพวกพี่ขนาดนี้เลยหรอ ทั้งที่อยู่ใกล้กันแท้ๆ ”

“คงงั้นมั้ง”

“แต่พี่ชอบนะ”

“ชอบอะไร”

“ชอบทัช”

อย่างนี้ก็ได้หรอวะ วกเข้าเรื่องตัวเองเฉย

“ไปส่งผมที่ร้านเลย เดี๋ยวเข้างานสาย”

“สายก็ไม่มีใครว่าหรอกน่า” ไม่มีใครว่าผมก็จะว่าตัวเองครับ ดีกว่ามายืนเขินแบบนี้

เดี๋ยวพี่ธัญแม่งได้ใจ

แค่ผมไม่ขี่รถตัวเองมาแล้วให้พี่ธัญมารับมาส่งก็ยอมพอละ โอเค ผมยอมพี่ธัญมานานแล้วต่างหากยังมีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่ยอมพี่ธัญอีกวะ

“เดี๋ยวทำงานช่วย”

“พี่ว่างหรอ”

“ว่างสิ ไม่ว่างก็จะว่างเพราะพี่อยากอยู่ใกล้ๆ ทัช”

“……”

….เก็บศพผมด้วยนะครับ

ตายอย่างสงบ ศพสีชมพู









….…………………………………



ผมจอดรถก่อนจะถือถุงกาแฟกับขนมเดินเข้าไปในร้านขายต้นไม้ทั้งที่ไม่ได้มีป้ายบอกแต่ผมคิดว่างั้นนะ เพราะดูจากสภาพภายนอกก็ชวนให้คิดแบบนั้น

พอเปิดประตูเข้ามาผมก็ต้องเบิกตากว้างแทบจะผลาเข้าไปหาต้นไม้ตรงหน้า

ตะบองเพชร!!! สวยมากกกกกก

ต้นตะบองเพชรถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามโดยมันถูกวางตามขั่นบันไดที่เจ้าของร้านตกแต่งเอาไว้ แล้วที่สำคัญมันแทบจะเต็มร้านไม่มีต้นไม้ชนิดอื่นอยู่เลย แต่นอกจากต้นตะบองเพชรแล้วภายในร้านก็มีแค่โต๊ะยาวกับเก้าอี้สองตัวเหมือนไว้นั่งพักแค่นั้น

ผมมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้นนี่มันสวรรค์ของคนชอบตะบองเพชรแบบผมชัดๆ ไม่เห็นรู้เลยว่ามีร้านแบบนี้อยู่ด้วย

ผมเดินดูตะบองเพชรเพลินจนลืมไปว่าผมมาส่งของ ว่าแต่เจ้าของร้านอยู่ไหนล่ะเนี่ย

พอนึกได้ว่าตัวเองมาทำอะไรผมก็เงยหน้ามองหาเจ้าของร้านแต่กลับไม่มีใคร ด้านในเข้าไปอีกเหมือนมีทางเดินอาจจะเป็นห้องหรือพื้นที่สำหรับเจ้าของร้านล่ะมั้ง

“มาส่งของครับบบบ”

“.…..”

เมื่อไร้การตอบรับ ผมจึงมองที่อยู่แล้วออกไปดูหน้าร้านก่อนจะเดินกลับเข้ามา

ก็ถูกนี่หว่า หรือว่าเจ้าของร้านจะออกไปข้างนอก

งั้นดูตะบองเพชรรอแล้วกัน

เมื่อคิดแบบนั้นผมก็เอาของว่างไว้โต๊ะแล้วเดินไปดูอีกฝั่งอย่างสนใจ ต้นที่ออกดอกมีเยอะมาก เห็นแล้วอยากหอบกลับไปไว้ที่บ้านซะมัด แต่ราคาคงแพงน่าดู

ขณะที่ผมกำลังชื่นชมกับความสวยของต้นตะบองเพชรอยู่ ก็เห็นตะบองเพชรส่วนหนึ่งถูกวางเรียงกันเป็นรูปหัวใจไม่ใหญ่มากพร้อมทั้งตรงกลางยังมีการ์ดวางไว้ที่กระถางด้วย

ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านอาจจะเตรียมงานอะไรบางอย่าง

เซอร์ไพรส์แฟนรึเปล่านะ ดูโรแมนติกดีแฮะ แต่หมายถึงคนที่ชอบอะไรแบบนี้นะ คนอื่นอาจจะคิดว่ามันดูธรรมดา

“หยิบการ์ดขึ้นมาเปิดดูสิ” เสียงของบุคคลปริศนาทำให้ผมตกใจก่อนจะรีบหันไปมอง

“เอ่อ ผมเอาของมาส่งครับ” ด้วยความตกใจผมจึงไม่ทันได้ฟังว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายพูดอะไร

“รู้แล้วครับ แล้วก็…เงยหน้าขึ้นมามองพี่ด้วย” น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูกับประโยคคุ้นเคยทำให้ผมเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“พี่ธัญ”

ว่าแต่สั่งมาทำไมวะ ปกติก็ไปหาผมที่ร้านอยู่แล้ว

แล้วพี่ธัญมาอยู่ที่นี่ได้ไง...

“หยิบการ์ดขึ้นมาเปิดดูสิ”

“หะ ของผมหรอ”

ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนที่พี่ธัญจะพยักหน้า แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหยิบการ์ดขึ้นมามือก็ชะงักเมื่อความคิดก่อนหน้าแล่นเข้ามาในหัว

เซอร์ไพรส์แฟนงั้นหรอ

ช่างเถอะน่า มันไม่เหมือนกันสักหน่อย

“มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่าครับ ว่าแต่ทำไมผมต้องเปิดดูอะในการ์ดมีอะไรงั้นหรอ” จากที่จะหยิบการ์ดขึ้นมาดูผมกลับหันมาถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

ดูเหมือนว่าพี่ธัญจะทำหน้าลุ้นอยู่ด้วย

“ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรก็เปิดดูสิ”

พี่ธัญยิ้มก่อนจะเพยิดหน้าไปทางการ์ด ผมจึงหยิบการ์ดที่วางอยู่กระถางตะบองเพชรขึ้นมาเปิดดู

ข้อความในการ์ดทำให้ผมอึ้งไปแปปนึงก่อนจะหันมามองคนที่ยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“พี่…เอาจริงดิ”

“ถ้าให้เอาก็เอานะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นโว้ยยยยย ผมหมายถึงพี่คิดดีแล้วหรอ”

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”

“เอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้ว่ะ” พอเห็นข้อความในการ์ดผมยอมรับว่าดีใจมากแต่ก็เกิดหวั่นใจขึ้นมา

“กังวลเรื่องไอ้แทนหรอ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกพี่จัดการได้”

ผมมองข้อความที่เขียนด้วยลายมืออีกครั้ง



‘ เป็นแฟนกันนะครับ ’



ข้อความสั้นๆ แต่ทำให้ใจสั่นชิบหาย

“ว่าไงครับ จะให้คำตอบพี่ได้รึยัง” โถ่ อย่าเพิ่งกดดันกันสิวะ

จริงๆ ผมก็กังวลเรื่องพี่แทนอย่างที่พี่ธัญพูดนั่นแหละ แต่แล้วไงวะนี่มันใจผมนี่หว่า จะเอาพี่แทนมาวัดไม่ได้

อืมมม พี่แทนก็ต้องคิดแบบนี้แน่ๆ

ผมสูดลมหายใจเรียกขวัญและกำลังใจก่อนจะตัดสินใจพูดประโยคที่ผมคิดมาตลอดตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบพี่ธัญ

“พี่รู้ปะ ผมไม่คิดเลยนะว่าผมจะคบกับผู้ชาย…” พี่ธัญเลิกคิ้วอย่างงงๆ

ผมยิ้มกว้างก่อนจะพูดต่อ

“แต่พอเป็นพี่…ผมแม่งอยากคบว่ะ”

ดูเหมือนคำตอบของผมจะทำให้พี่ธัญอึ้งไปสักพักก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มออกมาแล้วจูงมือผมมายืนอยู่กลางห้อง

“จริงๆ ต้นตะบองเพชรพวกนี้เมื่อก่อนมันเป็นของพี่ แต่ตอนนี้มันเป็นของทัชนะ”

“ของผม?”

“ใช่ พี่ตั้งใจตกแต่งรอทัช….และไม่ว่าจะเป็นต้นตะบองเพชร…หรือหัวใจของพี่…พี่ยกมันให้ทัช ให้ทัชคนเดียว”

พี่ธัญจับมือผมแล้วประสานแน่นก่อนรอยยิ้มอบอุ่นที่คุ้นเคยจะส่งมา แน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธและตัวผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่ธัญ

“ผมจะรับไว้ไม่ว่าจะเป็นต้นตะบองเพชรพวกนี้และหัวใจของพี่…ผมจะดูแลอย่างดี”

….และหวังว่าพี่จะดูแลหัวใจของผมเหมือนกัน



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 29 : 27/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-06-2020 20:14:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 30 : 29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 29-06-2020 21:21:37
Chapter 30
แฟน (งั้นหรอ)



ผมเดินอย่างเซ็งๆ ทั้งที่อากาศในห้างก็เย็นสบายแถมยังมีสินค้าให้เลือกมากมายไม่น่าจะเบื่อหรือเซ็งเลยสักนิด แต่กลับมีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น

สายตาหลายคู่มองมาที่พวกผม ไม่ใช่สิมองแค่พี่ธัญต่างหาก

ผมเคยรู้สึกว่าเวลาอยู่กับพี่ธัญผมแม่งดับสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกหรือหน้าตา ผมไม่ได้ขี้เหล่นะแต่พี่มันหล่อเกินไปต่างหาก!

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น อาหารร้านเมื่อกี้ไม่อร่อยหรอ” ผมมองหน้าต้นเหตุอารมณ์เซ็งๆ ของผมตอนนี้ ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ผิดอะไร

“เปล่าครับ”

“แล้วเป็นอะไร”

“คนมอง” พี่ธัญทำหน้างงแล้วหันไปมองรอบๆ ก่อนจะพบสายตาที่มองมา

“ก็เรื่องของเขาสิ”

“เขามองพี่ไง”

“หืม นี่หวงพี่หรอ”

หวงหรอ ผมว่าคำนี้ไม่ได้อยู่ในหัวของผมเลยนะ จะมีก็แต่…

“พี่แม่งหล่อกว่าผมอะ โคตรเซ็ง”

พี่ธัญทำหน้าอึ้งไปแปปนึงก่อนจะหัวเราะออกมา มันน่าขำตรงไหนวะเฮ้ย นี่ผมซีเรียสนะ

“ไอ้ตัวแสบเอ้ย” มือหนายีหัวผมจนต้องเอียงหลบ

“พี่ไม่เป็นผมพี่ไม่เข้าใจหรอก”

“นั่นสินะ จะไปเข้าใจคนขี้เหล่ได้ยังไง”

“อ้าวพี่”

“หึ เอาน่าเลิกเซ็งได้แล้วไปเล่นเกมกันดีกว่า ทัชอยากเล่นไม่ใช่หรอ”

“ไหนพี่บอกอยากดูหนัง” ผมจำได้ว่าพี่ธัญบ่นอยากดูหนังมาหลายวันแล้ว

“ก็ทัชบอกอยากเล่นเกม”

“ไปดูหนังก็ได้” เห็นแก่ความบ่นที่ไม่ค่อยจะเจอในตัวคุณชายเขานะครับ

“งั้นก็ได้”

พี่ธัญตามใจผมมากกว่าสิ่งที่ตัวเองอยากทำจนผมกลัวว่าพี่ธัญจะเสียความเป็นตัวของตัวเองไป เข้าใจว่าอยากเอาใจ แต่บางครั้งก็ต้องทำตามใจตัวเองบ้าง

ผมชอบที่พี่ธัญตามใจก็จริงแต่ก็อยากให้พี่ธัญทำสิ่งที่อยากทำเหมือนกัน

“พี่ตามใจผมจนจะเสียคนแล้วนะ”

“พี่แค่อยากให้ทัชมีความสุข”

“ผมก็อยากให้พี่มีความสุข”

“…น่ารักจริงๆ ”

“ผมหล่อเหอะ”

“ก็พี่พูดความจริง ทัชน่ะ…น่ารัก”

เออ ยอมก็ได้วะ






ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะนึกได้ว่าสวนสาธารณะเป็นสถานที่ที่ผมไม่ได้มาบ่อยนัก เพราะถ้าไม่ทำงานที่ร้านก็เตะบอลที่วิลัยนานๆ ทีจะได้มาเดินเล่นชิลๆ แบบนี้

“ปกติพี่มาที่นี่บ่อยปะ”

“นี่ครั้งแรก”

“เห้ยย จริงปะเนี่ย” ทั้งที่พาผมมาแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่ามาครั้งแรก นึกว่ามาบ่อยแล้วอยากพาผมมาซะอีก

แต่จะว่าไปคุณชายเขาคงไม่มาเดินเล่นสวนสาธารณะหรอกเนาะ

“คิดว่าทัชน่าจะชอบไง”

“เดาเก่งนะเนี่ย” ผมก็ชอบจริงๆ นั่นแหละ

ผมมองพี่ธัญก่อนจะยิ้มออกมา

ใครจะไปคิดล่ะว่าผมกับพี่ธัญจะเป็นแฟนกันทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักนิดแถมยังตีกันบ่อยด้วยถึงหลังๆ พี่ธัญจะเป็นคนยอมก็เถอะ

แต่แบบนี้มันก็ทำให้ผมมีความสุขนะไม่รู้ว่าอีกคนคิดเหมือนกันรึเปล่า

หวังว่าพี่ธัญจะไม่เบื่อผมไปซะก่อน…

“ดีแล้วที่ชอบ”

“แล้วพี่ชอบรึเปล่า”

“ถ้าหมายถึงสถานที่ก็เฉยๆ นะ แต่พี่ชอบที่มีทัชอยู่ด้วยมากกว่า”

อืมมมม เรื่องแบบนี้ต้องยอมพี่เขาล่ะครับ ทำให้คนอื่นใจสั่นเก่งงงง

“พูดดี”

“ก็ดีมาตลอดนี่ครับ”

อยู่ๆ ก็หมั่นไส้พี่ธัญว่ะแม่ง!

“ว่าแต่พี่ออกกำลังกายบ่อยปะ”

พอผมเห็นคนวิ่งผ่านอยู่ๆ ก็นึกอยากรู้ว่าพี่ธัญจะขยันออกกำลังกายบ่อยแค่ไหนถึงได้หุ่นดีแบบนั้น

จริงๆ ผมเคยเห็นตอนพี่ธัญเปลี่ยนเสื้อครับ ผมไม่ได้แอบดูนะก็พี่ธัญแม่งเปลี่ยนต่อหน้าผมเองอะอันนี้ผมไม่ผิดใช่ปะทุกคนนนน

“อาทิตย์ละครั้ง ทำไม สนใจจะไปออกกำลังกายกับพี่หรอ”

“แค่ถามเฉยๆ เหอะ พี่คิดว่าผมจะมีเวลาไปออกกำลังกายกับพี่หรอ”

“มีสิถ้าทัชจะไป”

มันก็จริงนะครับ เอาตรงๆ คือผมขี้เกียจนั่นแหละ

ผมเงียบเมื่อพี่ธัญพูดจี้จุดก่อนที่คนข้างๆ จะยิ้มขำแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศดีๆ



ความเงียบเข้าปกคุมหลังจากที่ผมกับพี่ธัญต่างก็ตกอยู่ในความคิดของตัวเอง ผมคิดมาตลอดตั้งแต่ที่ตกลงคบกับพี่ธัญถึงมันจะยังไม่นานแต่ผมกลับมีความคิดหนึ่งโผล่เข้ามาในหัว

เราจะไปกันรอดรึเปล่า?

ผมก็รู้นะว่าผมไม่ควรคิดแบบนี้ แต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี

“คิดอะไรอยู่หรอ”

ผมหันไปมองคนถาม

“กำลังคิดว่าความรักของเราจะไปรอดรึเปล่า”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ทัชไม่เชื่อใจพี่หรอ”

“ก็…เปล่า” มั้ง

“พี่เข้าใจนะว่าพี่เคยทำให้ทัชเสียความเชื่อใจที่มีต่อพี่ แต่ครั้งนี้พี่อยากให้ทัชเชื่อใจพี่…อย่างน้อยสักนิดก็ยังดี”

“ผมก็เชื่อใจพี่อยู่แล้วไม่งั้นผมจะตกลงคบกับพี่ทำไม” แต่คนเรามันก็มักจะมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่ชอบเข้ามาขัดขวางความสุขอยู่เสมอ

“แล้วอะไรทำให้ทัชคิดว่าเราจะไปกันไม่รอดล่ะ”

“ช่างเถอะพี่ ผมแม่งก็คิดไปเรื่อยอะ”

“…อย่าคิดแบบนั้นอีกเลยนะ” พี่ธัญหยุดเดินจนผมต้องหันกลับไปมอง

กลายเป็นว่าผมทำให้บรรยากาศดีๆ เริ่มหม่นลงซะงั้น ผมจึงเดินไปจับมืออีกคนให้เดินตาม

“ขอโทษนะครับ ผมจะไม่พูดแบบนั้นอีก” ผมยิ้มให้พี่ธัญที่ตอนนี้หน้านิ่งไปเรียบร้อยแล้ว

มันน่าตีตัวเองให้เลิกพูดอะไรเพ้อเจ้อจริงๆ เลยเชียว กำลังจะดีอยู่แล้วแท้ๆ แม่งพูดแบบนั้นทำไมวะเนี่ยยยยยย

“เดี๋ยวผมเลี้ยงไอติมเลยอะ ไม่ทำหน้านิ่งแบบนั้นดิ”

“ไม่ต้องเอาของกินมาล่อ พี่ไม่ใช่ทัชนะ” มือหนาเอือมมาบีบจมูกผมแต่หน้ายังเรียบเฉยอยู่

“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ”

“ไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่เดินจับมือกันแบบนี้ก็พอแล้ว” พี่ธัญชูมือของเราที่ประสานกันก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นมาให้

นั่นสินะ อยู่กับคนที่ชอบแค่เดินจับมือกันก็มีความสุขแล้ว ไม่เห็นจะต้องทำอะไรที่มันหวือหวาเลย

แค่ได้อยู่ใกล้ๆ กันก็มีความสุขแล้ว…









….…………………………….



ผมไม่รู้ว่าตอนคิดกำลังคึกอะไรอยู่ถึงได้ใจกล้าทำอะไรแบบนี้ มันกะทันหันจนลืมไปว่าควรเตรียมตัวเตรียมใจให้นานกว่านี้สักหน่อย

ตรงหน้าผมคือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชาย พี่ชายที่เวลาโกรธไม่ควรมายุ่งให้เสียวสันหลังเล่นๆ แต่ตอนนี้คนที่จะเป็นต้นเหตุทำให้พี่แทนโกรธคือผมเอง

เรื่องของเรื่องคือผมสารภาพว่าตอนนี้ผมกับพี่ธัญกำลังคบกันอยู่ หลังจากที่เราคบกันได้อาทิตย์กว่าๆ ตอนแรกผมก็คิดว่าเร็วเกินไปที่จะบอกแต่ผมก็ไม่อยากปิดบังโดยเฉพาะพี่แทน ทั้งที่รู้ว่าถ้าบอกไปพี่แทนจะแสดงท่าทีแบบไหนพอมาเจอจริงๆ มันก็อดเสียวสันหลังไม่ได้อยู่ดี

“นี่พี่ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม”

“ครับ!” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เป็นผู้ชายมันต้องมีความมั่นใจดิวะ!

“ไหนทัชเคยบอกกับพี่ว่าไม่มีทางชอบมันไง” พี่แทนจ้องหน้าผมนิ่ง

“ก็…เวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยนตามไงพี่แทน…” ความมั่นใจมันเริ่มจางลงเรื่อยๆ เมื่อสบตากับพี่แทน

แบบว่าไม่ต้องจ้องหน้าน้องขนาดนั้นก็ได้พี่ชายยย

“เฮ้อออ ว่าแล้วเชียว”

พี่แทนถอนหายใจก่อนจะกอดอกมองผม สายตาที่ไม่ได้ตำหนิเหมือนเมื่อกี้แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่ายินดีกับเรื่องที่ผมเพิ่งบอกไปก่อนหน้านี้

“หมายความว่าอะไรอะพี่แทน”

“ก็หมายความว่าเราจะตกหลุมพรางไอ้ธัญจนชอบมันแบบนี้ไง”

“ผมไม่ได้ตกหลุมพรางอะไรนั่นสักหน่อย”

“จะบอกว่าชอบมันเองโดยที่มันไม่ได้ทำอะไรงั้นหรอ” เจอประโยคนี้เข้าไปก็หาคำเถียงไม่ได้แฮะ

“แล้ว…พี่โกรธผมปะ”

“โกรธสิ… โกรธที่เตือนอะไรเราไม่เคยฟังพี่เลย”

จะว่าไปเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแรกที่ผมไม่ฟังพี่แทน แต่มันก็มีหลายครั้งที่ผมเชื่อในการตัดสินใจของตัวเอง อย่างเช่นครั้งนี้

ผมรู้ว่าพี่แทนโกรธแต่ผมก็คือผม ถ้าเลือกแล้วผมก็จะทำให้คนรอบข้างเข้าใจเหตุผลที่ผมเลือกให้ได้

“แต่ก็ช่างมันเถอะ”

ขณะที่ผมกำลังจะอธิบายเหตุผลพี่แทนก็ตัดบทแบบไม่ใยดี

เดี๋ยวนะ มันง่ายไปหรือเปล่า

“หมายความว่ายังไงอะพี่แทน”

“ในเมื่อห้ามแล้วไม่ฟังพี่ก็จะไม่ยุ่ง อีกอย่างเราก็โตแล้วพี่ไม่ได้อยากบังคับอะไรนักหรอก”

ประโยคที่พี่แทนพูดไม่ใช่การประชดประชันแต่หมายความว่าแบบนั้นจริงๆ ผมยิ้มออกเมื่อรอยยิ้มอบอุ่นของพี่แทนถูกส่งมาให้ก่อนมือหนาจะยื่นมายีหัวผมอย่างที่เคยทำ

นับว่าเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงหลังจากตัดสินใจบอกเรื่องที่คบกับพี่ธัญให้พี่แทนฟัง ถึงจะรู้สึกแปลกๆ ที่พี่แทนดูนิ่งไม่ตกใจเท่าไหร่อย่างกับว่า…รู้อยู่แล้ว แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยพี่แทนก็ไม่ได้ว่าอะไร

“แต่ไม่ใช่ว่าพี่จะชอบมันหรอกนะไอ้ธัญน่ะ”

“ไม่ชอบแต่ก็อย่าถึงขั่นเกลียดกันเลยเนาะ”

“เดี๋ยวนี้มีพูดแทนกันด้วย นี่เราหลงมันขนาดนั้นเลยหรอ” นั่น เข้าตัวอีก

“เปล่าสักหน่อย”

“เหอะ”

ดูเหมือนจากโกรธจะกลายเป็นงอนผมชะแล้วสิ เห็นทีน้องชายสุดหล่อต้องง้อพี่ชายชะแล้ว

“ไม่งอนดิพี่แทนน เดี๋ยวตอนเย็นผมเลี้ยงข้าวนะ”

“ไม่ได้นัดไอ้ธัญไว้หรอ” มีเหลือบมองผมอีก ท่าทางแบบนี้งอนชัวร์ๆ

“ไม่ได้นัดสักหน่อย เย็นนี้จะผมอยู่กับพี่”

“แต่พี่ไม่ว่างอยู่กับเราหรอกนะ”

“อ้าววว”

แล้วอยู่ๆ พี่แทนก็หัวเราะออกมา ผมจึงรู้ได้ทันทีว่าเมื่อกี้พี่แทนแกล้งผม! ผมลืมไปรึไงว่าพี่คนนี้ก็ร้ายไม่เบา

หลงกลพี่แทนอีกแล้ว

“พี่จะเข้ามอ เก็บร้านด้วยนะไอ้ตัวแสบ” พี่แทนลุกขึ้นก่อนจะเดินมาหาผมแล้วโยกหัวเบาๆ

“ว่าแต่พี่ไม่โกรธผมแน่นะ”

“ไม่โกรธหรอก แต่ถ้าโดนมันทิ้งมาล่ะก็…พี่ไม่ปลอบนะ” ว่าแล้วพี่แทนก็ยักคิ้วกวนๆ ใส่ผม

โถ่ นี่แช่งกันแบบนี้ได้ไง น้องนะเว้ยยยยยต้องอวยพรดิ

แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมโดนทิ้งหรอกน่าคอยดูสิ

“มึง!”

“อะไรวะ”

ไอ้โก้พุ่งตัวมาหาผมทันทีที่พี่แทนเดินออกจากร้าน ดูจากท่าทางมันคงอยากรู้เต็มแก่ว่าพี่แทนจะว่ายังไงเรื่องของผมกับพี่ธัญ

“พี่แทนว่าไงวะ”

“ก็ไม่ว่าไง”

“เป็นไปได้ไง ” ไอ้โก้ทำหน้าแปลกใจเมื่อผมตอบไปแบบนั้น

“กูก็แปลกใจเหมือนกัน นึกว่าพี่แทนจะโกรธซะอีก”

“หรือว่าพี่แทนจะรู้อยู่แล้ว”

“จะรู้ได้ไง ไม่มีใครบอกสักหน่อย”

“อย่างพี่แทนอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ”

“มึงว่าไงนะ” ไอ้โก้พรึมพรำเบาๆ จนผมได้ยินไม่ถนัด

“เปล่าๆ ไม่โกรธก็ดีแล้ว แบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วอะดิ” ผมพยักหน้าให้ไอ้โก้ก่อนจะนึกโล่งอกเมื่อสิ่งที่กังวลมันผ่านไปได้ด้วยดี อย่างน้อยก็ไม่โดนขัดขวาง

จะบอกว่าความรักของผมกับพี่ธัญราบรื่นได้รึเปล่านะ

แม่ง คิดเองเขินเองเฉยเลยวุ้ย

“มึงทำหน้าอะไรของมึงอะ คิดอะไรแปลกๆ อยู่แน่เลย”

“เรื่องของกูน่า”

“เออ ไปเก็บโพสอิทใส่กล่องเลยไป”

“เออออครับ” ผมรับคำไอ้โก้แล้วเดินมาทำหน้าที่ของตัวเอง

ตอนนี้ร้านก็ปิดแล้วพนักงานในร้านอย่างผมก็ต้องเก็บของอย่างเคย จะว่าไปพอพูดถึงโพสอิทก็อดนึกถึงห้องพี่ธัญที่มีโพสอิทติดเต็มไปหมดไม่ได้แฮะ

อยู่ๆ ก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงใบหน้าเจ้าของห้อง

เป็นเอามากว่ะไอ้ทัช

แต่ถ้าผมจะคิดถึงแฟนตัวเองมันก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะครับ ก็แฟนผมนี่น่าาาา

“จะยืนมองอีกนานไหม รีบเก็บรีบกลับดิโว้ย” เสียงไอ้โก้ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของผมทำเอาผมนึกเซ็ง

ขัดกูจริงงงงง นี่คนหรือฝอยขัดหม้อไอ้สัส

“มึงก็รีบทำดิ สั่งแต่กูอยู่นั่น”

“กูทำงกๆ อยู่นี่ไม่แหกตาดูรึไง เดี๋ยวกูจะฟ้องพี่แทนว่ามึงอู้งานเพราะมัวแต่คิดถึงผู้ชาย!”

เอะอะฟ้อง โถ่ ขี้ฟ้องนี่หว่า อีกอย่างกูไม่ได้มัวแต่คิดถึงผู้ชายโว้ยยยกูคิดถึงแฟน!

“เงียบแบบนี้แสดงว่ากูพูดถูกสินะ อิอิ”

“เปล่า แต่กูกำลังคิดว่าจะโทรไปบอกเรื่องของมึงกับไอ้ตังหรือไปบอกมันต่อหน้าดี”

“มึงว่าไงนะ!” คราวนี้ไอ้โก้มันทำตาโตก่อนจะรีบเดินมาหาผม แล้วผมจะยืนเฉยๆ ให้มันมาเตะผมรึไงง หนีสิครับผมม

“กูบอกว่า จะบอกเรื่องเด็กของมึงกับไอ้ตัง”

“อย่านะเว้ยยย”

“ทีมึงยังจะฟ้องพี่แทนเลย ทำไมกูจะฟ้องไอ้ตังไม่ได้อะ แฟร์ๆ หน่อยสิเพื่อนน”

“มันไม่เหมือนกันนนนนนน”

ผมยักไหล่อย่างอารมณ์ดี ก็ลองฟ้องดูดิไม่งั้นมึงเจอกูแน่ไอ้โก้ หึๆ

ให้มันรู้ชะบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร!



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 30 : 29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 29-06-2020 23:54:34
น่ารักดี,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 30 : 29/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-06-2020 01:33:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31 : 30/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Blackcrow ที่ 30-06-2020 23:45:41
Chapter 31
ต่างกันแล้วไง ก็ใจมันสั่งมา



“เห็นพี่ไม่ว่าหน่อยเอาใหญ่เลยนะเรา”

“พี่ธัญมาช่วยทำขนมนะพี่แทนน”

“กินได้?”

“กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ทิ้ง” อันนี้ผมไม่ได้พูดนะครับแต่เป็นพี่ธัญต่างหาก

ปากดีจัดดด

เวลาพี่ธัญเจอพี่แทนไม่ต่างจากเจอพี่ไผ่เมื่อก่อนเลย เหมือนกันเปะ

เนื่องจากตอนนี้ผมกับพี่ธัญกำลังทำขนมอยู่ในร้านแล้วพี่แทนก็เข้าร้านมาพอดี ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ เข้ามาก็ทักทายกันซะดีเลย

ส่วนเรื่องทำขนมอย่าเข้าใจผิดว่าผมทำเป็นนะ มาดูพี่ธัญเฉยๆ แต่ก็ใช่ว่าพี่ธัญจะทำเป็นเห็นเปิดยูทูปทำตามเขาเหมือนกัน สรุปคือไม่รู้จะกินได้รึเปล่า

“ใครอนุญาตให้ใช้ครัวที่ร้านพี่”

โอ้วว มาโหมดนี้อีกแล้วพี่ผม ใช้สิทธิ์เจ้าของร้านกับผมแล้ว

“ก็ผมอยากกินขนมอะพี่แทน”

“ขนมที่ร้านก็มี”

“ทัชอยากกินขนมที่กูทำ ชัดไหม” ชัดเลยชัดว่าจะโดนพี่แทนเตะออกจากร้านเนี่ย ปากดีจริงๆ เลยโว้ยแต่ละคน

“ปากดีจริงๆ ”

“เอ่อ…พี่แทนจะมาทำงานไม่ใช่หรอ” ขึ้นไปทำข้างบนดิ

ประโยคหลังไม่กล้าพูดครับเดี๋ยวหาว่าผมไล่อีก

“นี่เราไล่พี่หรอ” นั่นไงว่าแล้วเชียว

เป็นคนกลางนี่มันลำบากใจจริงๆ นะครับ

“เดี๋ยวจะทำไม่เสร็จไง”

“หรอ นึกว่าอยากอยู่กับ ‘แฟน’ แล้วไล่พี่ไปทำงานซะอีก” โอ้โห แฟน เน้นๆ กระแทกหน้าผมเลยครับ

พี่แทนพูดแล้วเดินไปห้องทำงานของตัวเองทันทีโดยไม่ให้โอกาสผมได้อธิบายอะไรเลยสักคำ ไม่ใช่ว่างอนผมจริงๆ หรอกนะ

“มันไม่งอนทัชจริงๆ หรอกน่า” พูดเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรเลยแฮะ

“ใช่หรอ”

“อืม มันแค่เรียกร้องความสนใจ” อืมมมปากดีจริงๆ ว่ะแฟนผม

“ว่าแต่จะรอดปะเนี่ย” ผมมองพี่ธัญที่ใส่ส่วนผสมสลับกับดูวิธีทำในยูทูป

“รอดสิเคยทำแบบนี้แล้วกินได้”

“ตอนไหน”

“ก็ตอนที่เอาขนมไปให้ทัชที่บ้านไง” อ๋ออ แต่เดี๋ยวนะนี่ผมเป็นหนูทดลองของพี่ธัญหรอกหรอ!

“นั่นพี่ทำครั้งแรกหรอ”

“ใช่”

ยังดีที่กินได้ จะว่าไปรสชาติตอนนั้นมันก็…ไม่เลวนะ

ครั้งนี้คงจะกินได้เหมือนกันนั่นแหละ

“แล้วทำไมวันนี้อยู่ๆ ถึงอยากทำล่ะ” ผมเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเท้าคางมองหน้าคนที่กำลังขมักเขม้นในการใส่ส่วนผสมอยู่

เวลาพี่ธัญตั้งใจทำอะไรสักอย่างนี่โคตรมีเสน่ห์เลยอะ

“ก็มีคนแถวนี้ชอบกินไม่ใช่หรอ”

“พี่หมายถึงผมหรอ”

“หมาที่บ้านมั้ง”

กวนตีนจังเลยครับ

ได้แค่คิดอะครับ ไม่กล้าพูดออกไปหรอกเดี๋ยวคุณเขาจะบ่นว่าผมเป็นเด็กพูดไม่เพราะอย่างนั้นอย่างนี้แล้วดูทีตัวเองดิโถ่ พอๆ กับผมนั่นแหละ

“งั้นก็รีบทำแล้วเอาไปให้หมาที่บ้านกินนะครับ”

“ไม่อยากรู้หรอว่าหมาชื่ออะไร”

“ไม่อะ” ผมตอบในทันทีจึงทำให้พี่ธัญทำหน้าเซ็งๆ ที่ผมดักมุขได้ทัน

“ไม่อยากรู้เลยหรอ”

“ไม่ครับ”

“สักนิด”

“ไม่”

“ทัช”

“ครับ”

ผมมองพี่ธัญก่อนจะยักคิ้วใส่ ผมไม่ยอมแพ้พี่หรอกน่าไม่ได้กินผมหรอกเว้ยยย

“หมาทัช”

“หมา…”

“หืมม”

เกือบหลุดปากว่าหมาธัญไปแล้วไหมล่ะ ไม่งั้นโดนบ่นแน่

ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพี่ธัญจะบอกว่าหมาที่บ้านชื่อทัช เหอะมุขเก่าๆ ผมก็เคยเล่นหรอกน่า

พี่ธัญกลับไปสนใจขนมของตัวเองต่อซึ่งผมก็สนใจเหมือนกันหมายถึงสนใจที่จะดูคนทำอะนะ

วันนี้เป็นหยุดผมจึงไม่ได้ทำงานพี่ธัญก็เลยบอกว่าจะทำขนมโดยซื้อของมาด้วยแต่ขอยืมครัวพี่แทนหน่อยซึ่งพี่แทนก็น่าจะเข้าใจผิดคิดว่ามาใช้ของที่ร้านไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมขี้เกียจอธิบายยังไงชะพี่แทนก็ไม่ชอบขี้หน้าพี่ธัญอยู่แล้วงั้นช่างมันก็แล้วกัน

ถามว่าผมกังวลไหมที่พี่ธัญกับพี่แทนไม่ถูกกัน ผมเลิกกังวลแล้วครับเพราะยังไงก็ไม่ถึงกับเกลียดกันเข้ากระดูกดำแค่เวลาเจอหน้ากันเกิดสงครามน้ำลายขนาดหย่อมแค่นั้นเอ้งงง

ผมมองแผ่นหลังพี่ธัญแล้วยิ้มออกมาเมื่ออยู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว

“พี่จำได้ปะว่าเมื่อก่อนเคยขับรถปาดหน้าผมอะ” ผมจำได้ว่าตอนนั้นแม่งโคตรหงุดหงิดเลย

“พี่เนี่ยนะ” ผมพยักหน้า

“ว่าแล้วพี่ต้องจำไม่ได้”

“คงงั้น เพราะเมื่อก่อนก็ขับรถเปรียวตีนอยู่เหมือนกัน” พี่ธัญแม่งพูดได้หน้าตายมากกกก

สำนึกสักนิดปะวะเนี่ย

“พี่นี่แม่ง” ผมนี่ยอมเลยครับถึงว่าทำไมเมื่อก่อนผมถึงหมั่นไส้พี่ธัญนัก

ตอนนี้ก็ยังหมั่นไส้อยู่ครับ…

“ขอโทษนะ พี่ไม่รู้ว่าเป็นทัช”

“ถ้ารู้ว่าเป็นผมจะขับดีๆ?”

“เปล่า ก็คงทำเหมือนเดิม”

“จะพูดเพื่อ???”

“ก็เลยอยากขอโทษนี่ไง” บางทีก็คิดว่าพี่ธัญแม่งเข้าใจยากว่ะ

ผมว่าผมหนักแล้วพี่ธัญหนักกว่าอีก เพราะงี้ถึงอยู่ด้วยกันได้สินะ

ผมคิดมาตลอดว่าเราต่างกันแต่พอมารู้จักจริงๆ เราก็มีบางอย่างที่เหมือนกัน หรือบางอย่างที่อีกคนไม่มีแต่อีกคนมีคอยเติมเต็มให้กันและกัน

แค่นี้มันก็พอแล้ว

ผมรู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ได้เจอกับพี่ธัญถึงแม้จะมีปัญหาระหว่างทางที่เรากำลังเดินแต่เราก็ผ่านมันมาได้

ถ้าจะถามหาเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบพี่ธัญ ผมคงตอบไม่ได้เพราะชอบก็คือชอบ บางครั้งมันก็ไม่มีคำอธิบาย

.

.

.

มีคนรอบตัวผมถามว่าทำไมถึงยอมให้อภัยพี่ธัญทั้งที่เขาทำร้ายความรู้สึกและความไว้ใจของผม ผมไม่ได้อธิบายอะไรมากนักนอกจากตอบไปว่า….. ผมอยากให้โอกาสตัวเอง ไม่ใช่เพราะพี่ธัญชอบผมแต่เป็นเพราะผมชอบพี่ธัญ

ผมเลือกทำตามความรู้สึกของตัวเองไม่เกี่ยวกับความผิดที่ผ่านมาของพี่ธัญเลยสักนิดและผมเลือกที่จะเชื่อใจเขา…อีกครั้ง

เพราะถ้าคุณรักใครสักคนคุณจะอยากให้โอกาสเขาและตัวเองเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ ถึงมันจะไม่ง่ายที่จะทำให้ความรู้สึกมันหลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่สำหรับผมไม่จำเป็นที่เราจะต้องรู้สึกเหมือนเดิมทั้งหมด ขอเพียงแค่ความรู้สึกที่เคยมีมันไม่หายไปก็พอ









….……………………………………..



Thay’ Part



ช่วงนี้งานที่อาจารย์สั่งค่อนข้างเยอะแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกเซ็งเหมือนครั้งก่อนๆ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ผมอารมณ์ดีที่อะไรมันก็ดูจะราบรื่นไปหมด อืมม ยกเว้นงานที่อาจารย์สั่งนะครับ

“รู้สึกว่าตั้งแต่คบกับน้องเขาเนี่ยมึงดูมีความสุขมากเลยนะ”

ไอ้ภูมิเอ่ยแซว จะไม่ให้มีความสุขได้ไงล่ะครับ นั่นคนที่ผมชอบนะ

ไม่ใช่สิคนที่ผมรักต่างหาก

ทัชเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ มีอะไรให้น่าค้นหาเยอะ

“คนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดหนึ่ง~”

“มิน่าล่ะมึงถึงได้แก่เอาแก่เอา”

“กวนตีนอีกแล้วไอ้ภูมิ”

พูดกันยังไม่เกินสองประโยคก็กวนตีนกันอีกแล้ว แก้ไม่ได้เลยครับเรื่องแบบนี้เพราะเวลาผมเจอไอ้แทนก็ไม่ต่างกับพวกมันสองคนเลย

จะว่าไปมันก็ตลกดี

เอาเถอะครับ เรามันชอบน้องเขานี่นาก็ต้องยอมๆ กันบ้างทั้งที่กวนตีนมันทุกครั้งเวลาเจอกันอะนะ

ไม่รู้ติดพูดจากวนตีนแบบนี้มาจากใครนะครับ ผมว่าเมื่อก่อนผมไม่ขนาดนี้นะ

“เออ มึงไม่ได้ขับรถมาหรอวะ”

“กูหรอ”

“มันถามกูมั้งคุณชาย”

“งั้นมึงก็ตอบมันสิ”

“เดี๋ยวนี้กวนตีนเก่งนะครับคุณชาย ติดจากใครมาวะ” ไอ้โซว่าพลางทำหน้าเหม็นเบื่อใสผม

“จะใครล่ะก็แฟนมันไง”

“เห้ยๆ ดูสายตาคุณชายดิ มองแรงแล้วนั่น”

ผมไม่ได้มองแรงนะครับแค่มองด้วยหางตาเฉยๆ

แฟนผม ผมว่าได้คนเดียวครับคนอื่นห้ามยุ่ง…..แต่เว้นพี่ชายทัชไว้คนหนึ่งก็ได้

“เอออออ กูล้อเล่นน่า เข้าเรียนกันเดี๋ยวสาย”

ไอ้ภูมิกอดคอไอ้โซก่อนจะเดินนำผมไปห้องเรียน วันนี้เรียนทั้งวันแต่ละวิชาอาจารย์สอนเต็มที่จนพวกผมเกรงใจ

ก็อย่างว่าแหละครับคนเราต้องเต็มที่ในหน้าที่ของตัวเองยกเว้นนักศึกษาอย่างผม





“อาจารย์แม่งสอนแบบสุดยอดอะ กูจะตายยยยยย” ไอ้โซโอดครวญทันทีที่ออกมาจากห้องเรียน

ผมก็คิดเหมือนไอ้โซนะครับ คาบนี้โคตรเปลืองพลังงานเลย

“เห้ยมึง นั่นเด็กเทคนิคที่อยู่ใกล้ๆ มอเราปะ”

ได้ยินคำว่าเทคนิคผมก็หันไปมองคนที่พูดทันที คนพูดเป็นรุ่นน้องคณะผมดูเหมือนจะเป็นปีหนึ่งเพราะไม่ค่อยคุ้นหน้าและดูจากการแต่งกายก็น่าจะใช่

ผมมองตามสายตาของรุ่นน้องทั้งสองก็เห็นคนคุ้นตากำลังยืนพิงรถมอ’ ไซค์ของตัวเองอยู่

“หน้าตาดีว่ะ แต่เป็นเด็กเทคนิคแม่งไม่ค่อยน่าคบ”

“ทำไมวะ”

“จะอะไรซะอีกล่ะ เรื่องชกต่อยก็ที่หนึ่งแถมยังต่อยไม่เลือกอีก คิดว่าในมอเราจะมีใครอยากยุ่งกับพวกมันปะ เห็นวิศวะเถื่อนๆ ยังไม่สู้พวกเทคนิคเลย”

ทั้งสองคนพูดกันอย่างออกรสโดยไม่ทันได้สังเกตว่าผมเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ

“พวกมึงพูดจบรึยัง”

“ยังพูดไม่จบ…” ทั้งสองคนหันมาเห็นผมก็ถอยไปหนึ่งก้าวก่อนจะยกมือขึ้นไหว้

“สวัสดีครับพี่ธัญ”

“เมื่อกี้มึงว่าใคร”

“เอ่อ…ผม”

“ไอ้ปานมันว่าให้เด็กเทคนิคคนนั้นอะพี่ หน้าตาดีนะแต่น่าเสียดายที่เป็นเด็กเทคนิค”

“เด็กเทคนิคทำไม”

“โถ่พี่ ดูก็รู้แล้วว่ามันคนละชั้นกับเรา”

“หรอ แต่ที่มึงพูดให้อยู่น่ะ… ‘แฟนกู’ ” พวกมันทำหน้าอึ้งก่อนจะสะกิดกันแล้วยกมือไหว้ผมอีกครั้งแล้วรีบวิ่งออกไป

ใครมันจะทนฟังคนอื่นพูดให้แฟนตัวเองแบบนี้วะ ถ้าผมความอดทนต่ำกว่านี้สักหน่อยคงตบหัวเรียงตัวไปแล้ว

“อย่าโมโหดิวะ ไปหาเด็กมึงนู่นไม่ต้องสนใจพวกมันหรอก” ไอ้ภูมิเดินมาตบไหล่ผมตามด้วยไอโซที่พยักหน้าเห็นด้วย

ผมจึงรีบปรับอารมณ์หงุดหงิดให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะบอกลาเพื่อนทั้งสองแล้วเดินมาหาคนที่กำลังรอผมอยู่

ที่ผมไม่ได้ขับรถมาวันนี้เพราะทัชบอกว่าจะมารับ แล้วมีหรือที่ผมจะปฏิเสธ นานๆ ทีทัชจะอยากเข้ามาในมออีกทั้งยังใส่เสื้อช็อปมาด้วย เพราะปกติเข้ามาในมอทีไรก็ไม่เคยเห็นใส่มาสักครั้ง

“ไง ไอ้ตัวแสบ” ผมเอื้อมมือไปโยกหัวทัชเบาๆ ทำให้เจ้าตัวหันมาก่อนจะยิ้มให้ผม

รอยยิ้มของทัชทำให้พลังงานที่หมดไปกับการเรียนเริ่มกลับมาอีกครั้ง นี่แหละครับที่ชาจพลังของผม

“จะไปไหนดีครับ หิวรึยัง ไปกินข้าวกันไหม”

“ถามทีละคำถามสิ พี่ตอบไม่ทัน”

“จะไปไหนครับ”

“แล้วทัชหิวรึยัง”

“นิดหน่อย”

“งั้นเราไปหาอะไรกินกัน”

“โอเคครับ”

ทัชตอบรับก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคอีกใบให้ผม

“ซื้อมาใหม่หรอ” ผมมองหมวกกันน็อคในมือ เพราะของทัชก็มีอีกใบซึ่งผมจำได้ว่าทัชมีใบเดียว

“ครับ ก็ต่อไปจะมีคนซ้อนบ่อยๆ ไงก็ต้องซื้อไว้สิ”

“ใคร” ผมเผลอเสียงแข็งในทัชอย่างลืมตัว

“ที่ถามไม่รู้หรือแกล้งเนี่ยพี่ จะใครซะอีกก็พี่ไง”

“ทัชซื้อให้พี่หรอ?”

“ให้ขนาดนั้นซื้อให้คนอื่นมั้ง” จากหน้ามืดตามัวเกือบจะหึงกลับดีใจที่ได้ยินทัชพูดแบบนั้น

ไม่คิดว่าจะใส่ใจกันขนาดนี้ แต่จะว่าไปทุกครั้งที่ขี่รถทัชก็เสียสละหมวกกันน็อคให้ผมตลอด

“อะไรอะพี่” ทัชทำหน้างงเมื่อผมแบมือไปตรงหน้า

“ขอกุญแจหน่อยครับ”

“อะไร พี่จะขี่หรอ”

“ใช่ครับ” ผมคว้ากุญแจรถจากทัชที่กำลังงงๆ แล้ววาดขาขึ้นคร่อมมอ’ ไซค์ก่อนที่ทัชจะถามผมหน้าตาตื่น

“เห้ย! แล้วพี่ขี่เป็นหรอ”

“แล้วพี่บอกหรอว่าขี่ไม่เป็น ขึ้นมาเร็ว” ผมสวมหมวกกันน็อคก่อนจะเรียกคนที่กำลังยืนอึ้งให้ขึ้นซ้อนท้ายสักที

น้องทำอย่างกับว่าผมเคยขับแค่รถยนต์อย่างนั้นแหละ แต่ผมยังทำได้หลายอย่างโดยที่น้องคาดไม่ถึงเชียวล่ะ

และผมก็เชื่อว่าเราต่างคนต่างยังมีอะไรให้ค้นหาซึ่งกันและกันอีกหลายอย่าง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบทัชมากขนาดนี้

.

.

.

เรามักจะอยากอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจและมีความสุขครั้งทุกเวลาเจอหน้าเขา นับวันความรู้สึกแบบนั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จากชอบ…จนกลายเป็นรัก

หวังว่าทัชจะรู้สึกถึงมันแม้ว่าผมจะไม่ได้พูดออกไปตรงๆ ก็ตาม





The End







….…………………………………

สวัสดีนักอ่านทุกคนนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางไปกับความรักของธัญทัชจนมาถึงตอนสุดท้าย ขอบคุณทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ มันเป็นแรงผลักดันให้เรามากๆ และเราจะพยายามพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นกว่าเดิม ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆ ด้วยนะฮับบบบ

เข้ามาติดตามและพูดคุยกันได้น้าาา

ทวิตเตอร์ : @BC_BlackCrow



หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-07-2020 00:19:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-07-2020 23:50:41
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ,,,
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 06-07-2020 12:36:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :bye2: o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 07-07-2020 15:03:47
 :pig4: