( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( มหาลัย VS เทคนิค ) ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา : chapter 31(จบ) : 30/06/63  (อ่าน 22676 ครั้ง)

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ 

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

.........................................


                      ( มหาลัย VS เทคนิค )
                  ต่างกันแล้วไงก็ใจมันสั่งมา
____________________________________________


ใครจะไปคิดล่ะครับว่าแค่ก้มเก็บเหรียญที่ตกพื้น พอลุกขึ้นมาแล้วสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปมันจะย้อนกลับมาทางเดิม แถมยังพุ่งใส่ใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก…



               
                                  Intro

“มึงมีเงินสดปะ” เหมือนผมจะได้เงินอะไรสดๆ นะ เงินสดปะวะ

“กูมี!” ผมตะโกนออกไปแล้วพวกมันก็มองมาทางผม

“แปป” ผมล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกำเหรียญจำนวนหนึ่งออกมา มีแบงค์ด้วยเด้อขอบอก ผมหันไปฉีกยิ้มให้พวกมัน ซึ่งแต่ละคนก็ส่ายหน้ากันเป็นพัลวัน

อะไรหว้าาา กูก็มีเงินสดนะเว้ย

“เอามันไปเก็บที”

ขณะที่ไอ้โอ๊ตกำลังจะมาพยุงผมตามคำสั่งไอ้โก้ เหรียญอันแสนมีค่าของผมก็หล่นลงพื้นอย่างคาดไม่ถึง จะหายไม่ได้นะเว้ย

ไวกว่าเสียงผมรีบตามตะครุบเหรียญทันทีจนทำให้รู้สึกเวียนหัวกะทันหัน ชิบหายละครับของที่กินไปมันกำลังมารวมตัวกันทางเดิมแล้ว

ผมรีบหยิบเหรียญแล้วลุกขึ้นทันทีพอดีกับของเก่ากำลังจะพุ้งออกมาแต่ที่ทำเอาผมอยากจะกลืนของเก่าเข้าไปก็คือคนตรงหน้านี้แหละ

เชี้ยยย หลบไปสิโว้ยกูจะอ้วก!

“อ้วกกกก”

“ไอ้เหี้ยทัช!!!” ได้ยินเสียงเพื่อนผมแว่วๆ พร้อมกับของเก่าที่ขย้อนออกมาอีกรอบ หมดทุกอย่างรวมถึงสติที่เริ่มจะหมดลงด้วย

เสียงเพื่อนพูดอีกหลายประโยคแต่เหมือนผมจะไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ ก็มีแต่เสียงคนตรงหน้านี้แหละที่ได้ยินชัดแจ๋วเลย

“ไอ้เด็กเวร!!!”




สารบัญ

Chapter 1 Chapter 2 Chapter 3 Chapter 4 Chapter 5 Chapter 6 Chapter 7 Chapter 8 Chapter 9 Chapter 10 Chapter 11 Chapter 12 Chapter 13 Chapter 14 Chapter 15 Chapter 16 Chapter 17 Chapter 18 Chapter 19 Chapter 20 Chapter 21 Chapter 22 Chapter 23 Chapter 24 Chapter 25 Chapter 26 Chapter 27 Chapter 28 Chapter 29 Chapter 30 Chapter 31(จบ)


***ฝากติดตามกันด้วยน้าาา
***ฝากคอมเม้นท์และเป็นกำลังใจให้ด้วยน้าา
   
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2020 23:47:50 โดย Blackcrow »

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 1
กลุ้มใจจริงๆ



ณ ผับแห่งหนึ่ง


“กลุ้ม…ใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่โสนนน เลาาามันคนจนนนนน แม่หน้ามนจึงม่ายมองง”

เสียงแหกปากร้องเพลงที่แสนจะไพเราะนั้นเป็นเสียงของใครไปไม่ได้นอกจากกระผม นายทัช ทัชทัชทัชเบบี้คิสคิสคิส เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ละ

“ไอ้ทัชมึงลงมาจากโต๊ะก๊อนนน เดี๋ยวเขาก็เอารปภ.มาลากพวกกูออกจากร้านหรอก”

เรื่องอะไรผมจะยอมลงง่ายๆ วะคนกำลังมันส์ได้ที่เลย ชีวิตผมอะนะมันโคตรกลุ้มเลยเว้ย เพราะงั้นมันต้องระบาย!

แต่ผมคงลืมไปว่าที่นี่เป็นผับไม่ใช่ร้านเหล้าเจ้าประจำของผม จึงทำให้ผมดูเป็นตัวประหลาดในสายตาของลูกค้าคนอื่นๆ แต่เดี๋ยวก่อนทุกคนผมมีเงินจ่ายนะเว้ยเห็นหน้าอย่างนี้ก็มีปัญญาจ่ายค่าเหล้านะขอบอก แต่ส่วนเงินที่ผมได้มานั้นมันค่อนข้าง…

“พูดแล้วอยากจาร้องห้ายยย”

“มึงลงมาก่อนค่อยร้องดิเว้ย”

“มึงหยุดไอ้โก้! มึงไม่ต้องมาห้ามกู” ผมยกมือห้ามไอ้โก้ส่วนอีกข้างหนึ่งจับที่อกข้างซ้าย มันเจ็บที่ใจใครเล่าจะรู้…

คงต้องย้อนกลับไปเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว



‘นาย’ เสียงหวานเอ่ยขึ้นขณะที่ผมกำลังมองเจ้าของเสียงนั้นอย่างเผลอไผล

‘นาย!’

‘คะ…ครับ’ เผลอจ้องอีกแล้ว

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเป็นลูกค้าที่เรียกได้ว่าเป็นลูกค้าประจำเลยก็ว่าได้ ผมเป็นพนักงานร้านคาเฟ่ที่พี่ผมเป็นเจ้าของ ผมแอบมองเธอเสมอเวลาที่เธอเข้ามาในร้าน

ใช่แล้วครับ ผมชอบเธอ

‘ทั้งหมด 250 บาทครับ’ ผมรีบดึงตัวเองให้กลับมาเป็นปกติทันที เวลาเจอหน้าเธอทีไรมันไม่เป็นตัวของตัวเองนี่ครับ คนอะไรโคตรน่ารักเลย

‘นาย..เลิกงานตอนไหนหรอ’

‘เลิกตอนนี้เลยก็ได้ เอ่อ…’ ไอ้เชี้ยทัช มึงพูดอะไรเนี่ย

‘คือ…หมายถึงอีกครึ่งชั่วโมงครับ’ แถสิครับรอไร ถึงจะแถได้น่าเกลียดก็เถอะ

‘เราขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม’

เชรดด ใจผมตอนนี้มันเต้นเป็นจังหวะสามซ่าแล้วครับ

เธอจะคุยกับผมโว้ยย

‘มีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ’ เล่นตัวสักหน่อยพอเป็นพิธี ถึงแม้ในใจจะอยากให้ถึงตอนเลิกงานเร็วๆ ก็เถอะ

จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วเว้ย

‘เราจะจ้างเธอมาเป็นแฟนเราให้หน่อย...ได้ไหม’

‘หะ!’

‘แค่แปปเดียวเอง ไม่ให้นายเสียเวลานานหรอก’

ว้อท เดอะ ฟัค!




นั่นแหละครับเรื่องที่ทำให้ผมกึ่งเมากึ่งมีสติอยู่ในตอนนี้ แต่ผมว่าผมมีสติดีนะ…

“ดึงมันลงมาก่อนคนมองทั้งร้านแล้วเนี่ย”

“หูวว วิวดีมากพวกมึงดูหุ่นแต่ละโคนนน”

“เออๆ มึงลงมาก่อนนะ เขาเอาเครื่องดื่มมาให้ละ” พอได้ยินดังนั้นผมแทนจะโดดลงจากโต๊ะทันที

เงินค่าจ้างก็เอามาแดกเหล้าย้อมใจนี่แหละครับ แดกให้มันลืมไปเลย

“พวกมึงเห็นแผลนี่ปะ แฟนเขาต่อยกูเว้ย ไอ้เหี้ยยหน้าหล่อๆ กูเสียโฉมหมด” ผมชี้ที่มุมปากให้พวกเพื่อนๆ ผมที่นั่งอยู่ดู ที่บอกว่าจ้างให้ไปเป็นแฟนจริงๆ แล้วจ้างเพื่อประชดแฟนครับพอไอ้นั่นเห็นผมควงแฟนตัวเองก็ชัดเข้าที่ปากผมทันทีไม่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเลยสักคำ

“ใครบอกให้มึงไปช่วยเขาล่ะ”

“กู…ลืมปฏิเสธเขาว่ะ”

“ไอ้สัส!” พวกมึงจะด่ากูพร้อมกันทำเชี้ยไรรร

อย่างที่บอกผมลืมปฏิเสธเขาพูดไรมาก็เออออหมดเลย พอเอาเข้าจริงๆ ก็โดนแฟนเขาต่อยปากมาด้วยคุ้มไหมล่ะ เบอร์ก็ไม่ได้ไลน์ก็ไม่มีแถมยังถูกต่อยฟรีๆ ไม่บวกใส่ค่าจ้างอีก ทำกันได้ลงคอแท้!

“แล้วเขาจ้างมึงเท่าไหร่วะ”

“สาม”

“สามพัน”

“สามร้อย”

“ถุ้ย! นี่มึงโง่หรือโง่วะ” กูอยู่ในช่วงหน้ามืดตามัวเว้ย จริงๆ เขาจ้างผมสามพันครับหลอกพวกมันไปงั้นแหละแล้วไอ้โก้ก็ด่าผม เอ้อ หรือว่าผมโง่จริงๆ วะ อยู่ๆ ก็หลอกให้มันด่าตัวเอง

“กูอะนะ... กูอะนะ” ว่าแล้วก็ซดเหล้าไปหลายอึก พูดแล้วมันคอแห้ง

“เอออ ว่ามาๆ ”

“รัก! ผู้หญิง หญิงก็ไม่โสนนนน”

“กูเกลียดเวลาแม่งเมาว่ะ”

“กูด้วย/กูด้วย”

ผมว่าร้านแบบนี้ไม่เหมาะกับผมว่ะคนมองผมแปลกๆ หรือผมลืมรูดซิบกางเกงวะ แต่ดูแล้วก็เรียบร้อยดีนี่หว่า อ้ออออหรือว่าผมมันหล่อเกินไป ฮี่ๆ

“ดูหน้ามัน กูสงสารคนพบเห็นชะมัด”

“เช็คบิลแล้วพามันกลับเถอะว่ะ”

“มึงมีเงินสดปะ” เหมือนผมจะได้เงินอะไรสดๆ นะ เงินสดปะวะ

“กูมี!” ผมตะโกนออกไปแล้วพวกมันก็มองมาทางผม

“แปป” ผมล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกำเหรียญจำนวนหนึ่งออกมา มีแบงค์ด้วยเด้อขอบอก ผมหันไปฉีกยิ้มให้พวกมัน ซึ่งแต่ละคนก็ส่ายหน้ากันเป็นพัลวัน

อะไรหว้าาา กูก็มีเงินสดนะเว้ย

“เอามันไปเก็บที”

ขณะที่ไอ้โอ๊ตกำลังจะมาพยุงผมตามคำสั่งไอ้โก้ เหรียญอันแสนมีค่าของผมก็หล่นลงพื้นอย่างคาดไม่ถึง จะหายไม่ได้นะเว้ย

ไวกว่าเสียงผมรีบตามตะครุบเหรียญทันทีจนทำให้รู้สึกเวียนหัวกะทันหัน ชิบหายละครับของที่กินไปมันกำลังมารวมตัวกันทางเดิมแล้ว

ผมรีบหยิบเหรียญแล้วลุกขึ้นทันทีพอดีกับของเก่ากำลังจะพุ้งออกมาแต่ที่ทำเอาผมอยากจะกลืนของเก่าเข้าไปก็คือคนตรงหน้านี่แหละ

เชี้ยยย หลบไปสิโว้ยกูจะอ้วก!

“อ้วกกกก”

“ไอ้เหี้ยทัช!!!” ได้ยินเสียงเพื่อนผมแว่วๆ พร้อมกับของเก่าที่ขย้อนออกมาอีกรอบ หมดทุกอย่างรวมถึงสติที่เริ่มจะหมดลงด้วย

เสียงเพื่อนพูดอีกหลายประโยคแต่เหมือนผมจะไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ ก็มีแต่เสียงคนตรงหน้านี่แหละที่ได้ยินชัดแจ๋วเลย

“ไอ้เด็กเวร!!!”





……………………………………………



อยู่ๆ ก็มีแต่เธอมาปราฏกตัวในหัวใจ อยู่ๆ ไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงเธอได้ทั้งวัน~~~

ผมเริ่มรู้สึกตัวเมื่อเสียงเพลงเข้ามาในโสตประสาท ลักษณะการเปิดเพลงแบบนี้ผมคงนอนอยู่ในห้องไอ้โก้แน่ๆ มันเป็นบุคคลที่เปิดเพลงไม่เข้ากับหนังหน้าตัวเองเลยสักนิด

ผมลืมตาพลางพยุงตัวเองลุกเอาจริงๆ นะครับคำว่าแฮงค์ใช้กับผมไม่ได้หรอก

จริงๆ นะ

ตุบ!

“เสียงอะไรวะ …เห้ย! เป็นไรวะไอ้ทัช”

เสียงไอ้โก้ดังใกล้ๆ หูแต่ผมไม่เห็นหน้ามันสักนิด จะเห็นได้ไงล่ะก็ปากผมแทบจะจูบกับพื้นห้องมันอยู่แล้วเนี่ย

“กู โอ เค” ผมชูสองนิ้วให้มันก่อนจะพงกหัวขึ้น แล้วไอ้โก้มันทำไรกับผมรู้ไหมครับ มันตบหัวผมแล้วหน้าผมก็กระแทกกับพื้น…อันนี้จูบจริง ไม่ใช้ตัวแสดง

ไอ้เพื่อนเลววว

“เมาแล้วสร้างปัญหาตลอด” กูไปสร้างปัญหาตอนไหนวะ!

จากที่มึนๆ ก็มึนยิ่งกว่าเดิม เพื่อนหน๋อเพื่อนทำกูได้ลงคอ

ผมลุกขึ้นแล้วนั่งสักพักพอให้หายมึนก่อนจะกวาดสายตาไปรอบห้องแล้วก็ไปสะดุดกับบางอย่าง

“เสื้อมึงหรอ” ผมชี้ไปที่เสื้อที่กองอยู่กับพื้น

“นี่มึงจำไม่ได้หรอ” บางทีมึงก็ควรจะคิดนิดนึงนะว่าที่กูถามก็แสดงว่ากูจำไม่ได้ไง

“นึกดีๆ ”

เมื่อคืนผมเฮิร์ทจากนั้นจึงชวนเดอะแก๊งไปแดกเหล้า ร้านหรูด้วยสักพักผมก็เริ่มมึนๆ จากนั้นไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม ใช่แล้ว!

“มึงหาอะไร” ผมมองหาเสื้อตัวที่ใส่เมื่อคืนแต่ก็ไม่เจอ

“เห็นเสื้อที่กูใส่เมื่อคืนปะ”

“ตัวนี้อะหรอ” ไอ้โก้ชูเสื้อที่ผมกำลังหาก่อนมันจะโยนมาให้ผม

ผมล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา จำได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งให้ผมมา

คอนแท็คแน่นอนนน หวานหมูแล้วไอ้ทัชเอ้ย

“หล่อดีนะคะ แต่ช่วยหุบปากสักทีได้ไหม…อ้าว”

“กร๊ากกกกก แม่งโดนว่ะกูชอบๆ ” ผมแทบจะปากระดาษทิ้งทันทีที่อ่านจบแต่ก็ยังดีที่ชมว่าผมหล่อล่ะวะ บอกให้หุบปากแสดงว่าผมต้องร้องเพลงแน่ๆ แต่เอ๊ะปกติผมก็เสียงดีอยู่นะ

“อย่าบอกนะว่ามึงจำได้แค่นี้”

“กูจำได้ว่ากูชวนพวกมึงไปแดกเหล้า ไม่ใช่ร้านประจำด้วย แล้วกูก็ร้องเพลง เต้น”

“บนโต๊ะ”

“เออจำได้ แล้วก็มีผู้หญิงเดินมาหากูแล้วยัดกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็จะกลับใช่ปะแล้วกูดันทำเหรียญตกแล้วก็…เชี้ยยย กู อ้วก ใส่ใครวะ” เหตุการร์เมื่อคืนเริ่มไหลเข้ามาในหัวผม สร้างปัญหาไว้จริงๆ ด้วย ไปอ้วกใส่เขาอีกดีนะที่ยังกลับมาในสภาพที่อยู่ครบสามสิบสอง

“เมื่อคืนพวกกูแทบจะกราบตีนเขาอยู่ละ อ้วกใส่ใครไม่อ้วกดันไปอ้วกใส่พวกผู้ดี”

พวกผู้ดีที่ว่าคงไม่ต้องเดาให้ยากว่าหมายถึงใครแถวนี้ก็มีพวกผมกับพวกเด็กมหาลัยที่สไตล์แตกต่างกันเหลือเกิน นึกว่าระบบชนชั้น

“ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากอ้วกเสร็จวะ”

“ตายห่าไง ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นลำบากพวกกูต้องเคลียร์กับเจ้าของเสื้อแล้วก็ลากมึงกลับห้องเนี่ย อีกอย่างพี่แทนโทรมาหามึงด้วยนะ”

“แล้วพี่กูว่าไงวะ”

“บอกให้มึงเข้าร้าน”

โล่งอกที่พี่แทนยังไม่รู้เรื่องที่ผมไปเมาเละเมื่อคืน ไม่งั้นโดนบ่นแน่ๆ

เมื่อกี้ไอ้โก้มันพูดถึงเสื้อนี่หว่า คงเป็นเสื้อตัวที่กองอยู่พื้นนั่นแหละมั้ง

“ทำไมมึงได้เสื้อเขามาด้วยวะ”

“เปื้อนอ้วกขนาดนั้นเขาคงอยากเอากลับอยู่หรอกมั้ง”

ผมเขยิบไปหยิบเสื้อขึ้นมาดูเป็นเสื้อแจ็คเก็ตยี่ห้อดังบ่งบอกฐานะของผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี แถมยังเหมือนมีชื่อปักอยู่ที่เสื้อด้วย

Thay

ตายห่า ผมอ่านอังกฤษไม่ออกต้องเข้ากูเกิลให้มันช่วยอ่านไหมเนี่ย

แล้วต้องเป็นคนหวงเสื้อขนาดไหนวะถึงจะปักชื่อไว้ด้วย

“T h a y อ่านว่าไรวะ”

“แดกเหล้าเยอะแล้วโง่อย่างนี้ไง” มึงเป็นฝ่ายซ้ำเติมรึไงวะ

“ไอ้คนเก่ง มึงบอกกูมาดิ้ว่ามันอ่านว่าอะไร”

“ธัญ”

“มึงอ่านออกหรอวะ”

“เปล่า กูได้ยินเพื่อนเขาเรียก”

“ถุ้ย!”

นึกว่าจะแน่ที่แท้มันก็พอๆ กับผมแหละวะมาด่าว่าผมโง่มันก็โง่เหมือนกันนั่นแหละไม่งั้นคงไม่หลอมตัวมาคบกับผมหรอก

“ซักให้เขาด้วยนะเอาแบบสะอาด สะอาดแบบสะอาดชิบหายเลยอะ”

สะอาดแบบชิบหายนี่มันยังไงวะ

“เหม็นวะ” ขนาดอ้วกตัวเองยังจะอ้วกออกมาอีกรอบไม่อยากจะคิดถึงความรู้สึกคนที่โดนผมอ้วกใส่เมื่อคืนเลย คราวซวยแท้ๆ

ถ้าเจอครั้งหน้าคงต้องขอโทษแล้วล่ะ ต้องฝึกสเตปคานเข่าแล้วครับเผื่อเขาใจอ่อนแล้วยอมยกโทษให้ ฮี่ๆ

“เอาไปซัก แล้วก็ซักเสื้อมึงด้วยเหม็นชิบหาย”

“ครับเพื่อนโก้”

ผมลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วเอาผ้าไปซัก แล้วผมจะเจอเขาได้ไงวะหน้าตาก็จำไม่ได้จะมีก็แค่เสื้อกับชื่อที่ไม่เคยได้ยินอีก แต่สิ่งที่ผมรู้อีกอย่างก็คือเขาเป็นเด็กมหาลัย







อะแฮ่ม! ตอนนี้สติและสภาพภายนอกของผมกลับมาเป็นปกติแล้วครับ ได้เวลาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการสักที ผมชื่อทัชเรียนช่างยนต์ ปี1 มีพี่ชายชื่อแทนเรียนบริหารปี3 ซึ่งผมกับพี่ชายค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก ผมเรียนเทคนิคพี่แทนเรียนมหาลัยหรือไม่ว่าจะเป็นนิสัย หน้าตา ความชอบ พี่ผมอะลุคคุณชายส่วนผมมันลุคเด็กแว๊น

พี่ชายของผมเปิดร้านคาเฟ่ร้านหนึ่งชื่อร้าน Double T Cafe ซึ่ง T ก็ย่อมาจากชื่อของพวกผมนี่แหละ และผมยังเป็นพนักงานอยู่ที่นี่ด้วยแล้วก็ยังมีไอ้โก้ด้วยอีกคน

การเป็นน้องเจ้าของร้านไม่ได้สบายนะครับทำงานเหมือนพนักงานคนอื่นทุกอย่างแถมยังทำมากกว่าอีก ก็ร้านของพี่ผมนี่ครับต้องทำดีๆ หน่อย

Double T Cafe เป็นร้านวินเทจสไตล์ห้องสมุด ภายในร้านก็จะมีหนังสืออยู่ตามพนังซึ่งเจาะเป็นช่องไว้วางหนังสือ โดยมีโซฟาสไตล์วินเทจแบบเล็กมีโต๊ะทั้งด้านนอกและในร้าน มีมุมให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็น มุมนี้เป็นมุมที่ดูจะเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามากที่สุดด้วย

ที่เป็นสไตล์ห้องสมุดก็เพราะว่าพี่ผมชอบอ่านหนังสือมาก ทั้งยังชอบทำของหวานจึงเอามาจัดเป็นสไตล์ร้านของตัวเอง ผมก็ชอบนะถึงผมจะไม่ใช่หนอนหนังสือก็เถอะ อ๋อ อีกอย่างร้านนี้มีสองชั้นนะชั้นบนเป็นห้องทำงานของพี่ผม และมีห้องว่างห้องหนึ่งซึ่งบางทีผมก็มานอนร้านเพราะมันใกล้วิลัยดีแต่ถึงยังไงร้านนี้ก็ยังใกล้มหาลัยมากกว่าลูกค้าส่วนมากจึงมีแต่เด็กมหาลัย

“หวัดดีครับพี่แนน” พอผมเดินเข้ามาในร้านก็ยกมือไหว้พี่แนนที่ประจำอยู่ตรงเคาน์เตอร์ทันที

พี่แนนเป็นพนักคนแรกตั้งแต่เริ่มเปิดร้านและอยู่กับพวกผมมานานจนพี่แทนไว้ใจให้ดูแลแทนในหลายๆ เรื่อง พนักงานในร้านมีสี่คนรวมกับผมแล้วก็ไอ้โก้ คนทำพวกขนมอีกสอง เจ้าของร้านอีกหนึ่งรวมแล้วก็เป็นเจ็ดคนถือว่าไม่มากไม่น้อยที่พอจะช่วยกันดูแลร้าน คนในร้านก็เป็นคนที่พวกผมรู้จักทั้งหมด เพื่อนพี่แทนบ้างคนที่รู้จักบ้าง แล้วผมก็ชอบมาที่ร้านนะมันดูอบอุ่นดี

“หวัดดีจ้าา”

“พี่แทนเข้าร้านไหมครับ” ผมถามพี่แนนพลางวางกระเป๋า

“น่าจะเย็นๆ นะ วันนี้โก้ไม่มาหรอ”

“มันทำธุระครับ เดี๋ยวตามมา”

“เปลี่ยนชุดแล้วมาที่เคาน์เตอร์แทนพี่หน่อยนะ พี่จะไปดูพวกขนมหน่อย”

ผมพยักหน้าให้พี่แนนแล้วถอดเสื้อช็อปก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนมาคาดเอว

จริงๆ หน้าที่ส่วนใหญ่ของผมก็อยู่ตรงเคาน์เตอร์นี่แหละ



“ทั้งหมด350 บาทครับ” ผมยิ้มให้กับลูกค้าก่อนจะพบว่าลูกค้าก็จ้องหน้าผมนิ่ง

หน้าผมมีอะไรติดปะวะ แต่ที่ติดอยู่ก็น่าจะมีแต่ความหล่อนะ

“คุณลูกค้าครับ” ผมเรียกเขาอีกรอบ

“เท่าไหร่นะ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เสียงหล่อเหมือนหน้าตาเลยแฮะ

“350 บาทครับ” หน้าตาของลูกค้าที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นมิตรยื่นบัตรมาก่อนที่ผมจะยิ้มให้แล้วจัดการชำระเงินแล้วคืนบัตรให้ลูกค้าไป

มองหน้าเหมือนจะหาเรื่องเลยว่ะ สักยกไหมครับพี่

คิดไปงั้นแหละครับ ความจริงคือฉีกยิ้มให้อย่างน้อบน้อมอยู่ดี

แต่จะว่าไป ทำไมเสียงมันฟังดูคุ้นๆ จังวะ

ผมมองตามหลังลูกค้าที่เพิ่งเดินออกจากร้านอย่างนึกสงสัย แค่เสียงคุ้นล่ะมั้งอาจจะเสียงคล้ายไอ้โก้ก็ได้



ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 2
ทัช & เดอะแก๊ง



“โก้นะครับ 089666xxxx” สมัยนี้เขายังใช้มุขนี้จีบหญิงอยู่หรอวะ

ผมมองไอ้โก้แซวสาวที่เดินผ่านอย่างเอือมๆ มึงแซวอย่างนี้เมื่อไรมึงจะได้วะ

“เมื่อไหร่มึงจะเปลี่ยนวิธีจีบสาววะ” นั่นไม่ใช่เสียงผมครับแต่เป็นเสียงไอ้โอ๊ต

เดอะแก๊งของผมมีทั้งหมดห้าคนรวมผมด้วย มีผม ไอ้โก้ ไอ้โอ๊ต ไอ้ปาล์ม พวกผมสี่คนเรียนช่างยนต์กันหมดมีก็แต่ไอ้คนสุดท้ายที่มันเรียนออกแบบและเป็นคนที่เด็ดที่สุดในกลุ่มเลยล่ะครับ มันชื่อ…

“อีทัชชช” เสียงมาก่อนตัวเสมอต้นเสมอปลาย นี่แหละครับคนสุดท้ายที่ผมกำลังจะบอก มันชื่อเฆม ซึ่งมันบังคับให้พวกผมเรียกมันว่าตังเม

ไอ้เฆมหรือตังเมเนี่ยมันเป็นสาวประเภทสองที่ร่างถึกและบึกบึนเปรียบเสมือนชายแท้อย่างพวกผมนี่แหละ

“ยังไม่เลิกหัวหงอกอีกหรอยะ”

“สีควันบุหรี่โว้ย บอกกี่ครั้งแล้วไอ้นี่”

“ควันบุหรี่อะไรกูเห็นแต่สีหงอกๆ บนหัวมึงเนี่ย”

พูดซะสีที่ผมทำมาดูดับไปเลย จริงๆ มันเป็นสีควันบุหรี่นะครับแต่พวกมันเอาแต่เรียกผมว่า ไอ้หัวหงอกอยู่นั่นแหละ ถึงหัวหงอกกูก็เบ้าหน้าดีนะเว้ย

แต่ล่ะคนก็จะมีฉายาเป็นของตัวเองครับ ซึ่งถามว่าใครเป็นคนตั้งก็ไอ้ตังเมนั่นแหละมันเบื่อเรียกชื่อมันก็เรียกอย่างอื่นอย่างเช่นผม มันตั้งให้ผมว่า ไอ้หัวหงอก โจรกระจอกจีบใครก็ไม่ติด เรียกแค่ชื่อผมมันไม่ง่ายกว่าหรอวะ อีกอย่างผมก็ไม่ได้กระจอกขนาดนั้นนะแค่จีบติดเป็นส่วนน้อยแค่นั้นเอง

ส่วนไอ้โก้ ไอ้หัวโหลน โกนทุกครั้งที่ผมขึ้น จริงๆ ไอ้โก้มันตัดสกินเฮดครับบอกเลยว่ามันตัดทรงนี้มาตั้งแต่ม.ต้น ชอบมากทรงนี้ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ

ไอ้ปาล์ม ไซส์เล็ก สเปคสาวใหญ่ ความหมายก็ตามนั้นแหละครับไอ้ปาล์มมันตัวเล็กที่สุดในกลุ่มแต่สาวที่มันควงแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาสักคน ทำเอาคนไม่มีแฟนอย่างผมนี่อิจฉาตลอด

ไอ้โอ๊ต ปากหมา ท้าลำแข้ง ถามว่าท้าลำแข้งใครบ่อยที่สุดก็คงเป็นไอ้ตังเม กัดกันบ่อยที่สุดแล้ว

และก็มาถึงคนสุดท้ายที่พวกผมคิดว่าฉายานี้น่าจะเหมาะกับมันที่สุด ไอ้ตังเม สาวมีน้อย ร้อยเสียง วันๆ เปลี่ยนเสียงบ่อยมากเสียงสองเสียงสามของมันใช้กับคนอื่นส่วนเสียงจริงนี่ใช้กับพวกผม

“มึงจะไปคุยกับมันทำไม ไอ้เฆม”

“ต๊ายยยอีปาล์ม หยาบคาย”

เอาจริงปะ เดอะแก๊งของผมวุ่นวายที่สุดแล้ว

“แม่ง เมินกันจังหน้ากูเหมือนเจ้าหนี้รึไงวะพอเห็นก็รีบเดินหนีเนี่ย”

“ใครจะมาสนใจพวกเราวะ นู่นเขาแห่กันไปสนใจเด็กมหาลัยนู่น”

ไอ้โอ๊ตมันพูดถูกครับขนาดสาวในวิลัยยังสนใจพวกนั้นเลย

“ปี้สาวครับ…”

“ปี้สาวบ้านมึงสิไอ้หัวหงอก” ผมนี่เลี้ยวกลับแทบไม่ทันเลยครับเมื่อผมกำลังจะแซวรุ่นพี่ที่เดินผ่าน เป็นอะไรกับสีผมกูนักหนาวะ

“ว้ายๆ เจอสาวสวนกลับถึงกับหักเลี้ยวแทบไม่ทัน” สงสัยวันนี้จะไม่ใช่วันของผม

“หน้ากูไม่หล่อตรงไหนวะ” อันนี้ผมสงสัยจริงๆ นะ ส่องกระจกทุกวันผมก็ว่าผมหล่ออะ

“หล่อ แต่มึงสู้คนอื่นไม่ได้ไง” ตังเมมันว่าพลางนั่งข้างๆ ไอ้โก้

“สรุปคือกูหล่อ”

“เอาที่มึงสบายใจเลยจ้าาาา”

ว่าแล้วมันก็ซบไหล่ไอ้โก้โดนผลักหัวออกแล้วออกอีกมันก็ยังไม่ท้อ ตังเมมันชอบไอ้โก้ครับตามตื๊ออยู่เป็นเดือนแต่สุดท้ายก็มาเป็นเพื่อนสนิทกันชะงั้นแต่ก็อย่างที่เห็นมันก็ยังหลอกแต๊ะอั๋งไอ้โก้เหมือนเดิม

สถานที่ที่พวกผมอยู่ตอนนี้คือข้างวิลัยส่วนใหญ่ก็เป็นที่จอดรถประจำของพวกผมทุกเย็นก็จะมานั่งแถวนี้แล้วแซวสาวเป็นกิจวัติบางวันก็โดนด่าอย่างเมื่อกี้ที่ผมโดน บางวันก็มีคนเล่นด้วย สนุกอะครับตามประสาวัยรุ่นที่ฮอร์โมนกำลังพุ่งพล่าน เห็นอย่างนี้ผมเคยมีแฟนแค่สองคนเองนะ แล้วเขาก็เป็นฝ่ายบอกเลิกผมเองด้วย ล่าสุดไปแอบชอบสาวมหาลัยเขาก็ไม่สนใจแถมยังจ้างผมเพื่อประชดแฟนอีก คิดแล้วช้ำใจ

“ไอ้ทัชวันนี้มึงเข้าร้านปะ” ไอ้โก้หันมาถามผม

“ไม่อะกูจะไปเดินตลาดอยากซื้อตะบองเพชร”

“ซื้อมาแล้วจะรอดหรอวะ” อ้าว ไอ้ห่าปาล์มวอนชะแล้วนะมึง คนที่เลี้ยงตะบองเพชรไม่รอดมันต้องเป็นคนแบบไหนวะ

ผมง้างมือหมายจะตบหัวไอ้ปาล์มแต่มันดันหลบได้

“งั้นก็ไปกันหมดนี่แหละ โก้ไปส่งเราที่บ้านด้วยนะ” น้ำเสียงที่พูดกับไอ้โก้คือเสียงที่ร้อยแปดของมัน คนบ้าอะไรวันหนึ่งมีหลายเสียงชิบหายจีบปากจีบคออยู่นั่นแหละทีกับพวกผมนี่เสียงจริงด่าจริงไปอีก เหมาะกับฉายาที่ตั้งให้จริงๆ

“งั้นก็ไปกันตอนนี้เลยละกัน” ไอ้โก้ว่าพลางจะออกรถซึ่งคนซ้อนมันก็พร้อมแล้ว ได้เวลาแว๊นแล้วครับ

ผมก้าวขาค่อมรถคู่ใจก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วขับตามพวกเพื่อนๆ ไปทันที ผมชอบขับรถโดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ แต่ผมไม่ใช่พวกที่ชอบรุ่นไหนเป็นพิเศษนะผมขับได้หมด ส่วนรุ่นที่ผมขับอยู่คือรุ่น YZF-R15 สีดำล้วน ผมชอบเพราะมันดูเหมาะกับผมดีไม่ได้สนว่าจะเป็นที่นิยมรึเปล่าแค่ขับได้ผมก็โอเคแล้วแต่ราคามันก็ไม่ได้น้อยเลยนะสำหรับผมอะ



ไม่ถึงยี่สิบนาทีพวกผมก็มาถึงตลาดที่เรียกได้ว่าน่าจะใหญ่ที่สุดในแถวนี้เลยก็ว่าได้คนก็ค่อยข้างเยอะ และคนเยอะนั่นแหละคือประเด็นที่เดอะแก๊งของผมสนใจ

“จะไปไหนก่อนวะ” ไอ้ปาล์มถามหลังจากพวกผมหาที่จอดรถได้แล้ว

“ของกิน” ไอ้ตังเมตอบ

“งั้นก็ลุย!”

คิดสภาพผู้ชายตัวค่อนข้างใหญ่สี่คนกับสาวมีน้อยหนึ่งคนเดินไปด้วยคุยกันไปด้วยแล้วมันจะดูวุ่นวายแค่ไหนท่ามกลางคนหมู่มากที่เดินสวนไปมาแต่นี่คือเรื่องปกติของพวกผม

“กูอยากกินชานมไข่มุกร้านนั้น”

“ร้านนี้อร่อยกูเคยลองแล้ว”

“แต่ร้านนั้นแม่ค้าเด็ด”

“งั้นมึงเดินนำไปเลย”

สรุปแล้วก็พอๆ กันทั้งสองคนนั่นแหละ

“กินไรปะ” ไอ้โก้หันมาถามผม

“ยังไม่หิวว่ะ”

“มึงยังไม่หิวแต่มึงดูมัน” ไอ้โก้พยักเพยิดไปทางไอ้ตังเมที่ยืนอ่อยคนขายเครปอยู่ มันจะกินเครปหรือมันจะกินคนขายล่ะนั่น

“มึงยังไม่ชินอีกหรอมันก็เป็นของมันแบบนี้ เอ๊ะ หรือว่ามึงหึงไอ้ตังมัน”

“หึงพ่อง อย่ามาพูดอะไรน่าขนลุกได้ปะวะ”

ผมขำกับท่าทีไอ้โก้มันหลอนตั้งแต่ไอ้ตังตามจีบจนถึงตอนนี้ ก็มันชอบของมันนี้เนาะจะให้ทำไงได้

“มึงจะไปดูตะบองเพชรใช่ไหม”

“ใช่”

“ปะ ปล่อยพวกมันไว้นี่แหละ” พอมองไปทางไอ้โอ๊ตกับไอ้ปาล์มก็ไม่น่าจะออกจากร้านชานมไข่มุกง่ายๆ ส่วนไอ้ตังยิ่งแล้วใหญ่ ผมจึงหันไปพยักหน้าให้ไอ้โก้ก่อนที่พวกผมจะเดินออกจากโซนของกิน

“ถ้าซื้อแล้วมึงจะเอาไปไว้ไหน”

“ห้องมึงไง”

“ห้องกูยังรกไม่พอหรอวะ เอาไปไว้ร้านมึงดิ”

“ไม่อะ เผื่อพี่แทนบ่นกูขี้เกียจฟัง”

“กูก็บ่นมึงไม่เห็นจะฟังบ้างเลยไอ้สัส”

“ฮ่าๆ ” ก็จริงของมันนั่นแหละ เพื่อนครับไม่ใช่พี่ความเกรงใจมันต่างกัน

ถ้าจะให้พูดถึงความเกรงใจที่ผมมีต่อพี่แทนบอกเลยว่ามาก ไม่อยากโดนบ่นด้วย เพราะอย่างนั้นผมจึงต้องเป็นเด็กดีต่อหน้าพี่แทนแต่ลับหลังเป็นยังไงไม่ให้รู้แน่นอน หึๆ

แต่อย่าคิดว่าผมเป็นเด็กไม่ดีขนาดนั้นนะครับ ผมก็เป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ชอบแหกกฏบ้างก็เท่านั้นเอง

“แล้วมึงจะซื้ออะไรปะ” ผมถามไอ้โก้ขณะที่เดินหาร้านขายตะบองเพชร

“อยากได้ต่างหู” พูดถึงต่างหูก็อยากได้เหมือนกันแฮะที่ใส่อยู่ก็เริ่มเบื่อแล้ว

“ดิว”

“มึงจะซื้ออีกแล้วหรอ ซื้อไปขายรึไงอยู่ห้องก็เยอะ” ห้องที่ว่าไม่ใช่ห้องผมนะแต่เป็นห้องไอ้โก้ผมไปนอนห้องมันบ่อยกว่าบ้านตัวเองซะอีก ให้ทายว่ามันบ่นไหม จะเหลือหรอครับแต่ผมหาได้แคร์ไม่

“ของมันต้องมี”

“ไอ้ห่า”

ขณะที่ผมทั้งคุยกับไอ้โก้ทั้งมองซ้ายขวาหาร้านร้านตะบองเพชรก็มีบางอย่างดึงดูดสายตาของผมให้หันไปมอง

ผมมองนักศึกษาชายสามคนที่กำลังเดินมาซึ่งหนึ่งในนั้นผมรู้สึกคุ้นหน้าเป็นอย่างมาก ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมาสามคนนั้นดูโดดเด่นที่สุดนอกจากชุดนักศึกษาแล้วก็เห็นจะเป็นรูปร่างหน้าตานี่แหละที่ดึงดูดสายตาหลายๆ คนให้หันไปมองรวมทั้งผมด้วย

“มองไรวะ”

“มึงดูเด็กมหาลัยสามคนนั้นดิ” ไอ้โก้มองตาม

“ทำไม อย่าบอกนะว่ามึงจำเขาได้แล้ว”

“จำอะไรได้วะ” ผมรู้จักพวกนั้นด้วยหรอ

“ก็คนที่มึงเคยอ้วกใส่เขาไง คนที่หน้าดูหยิ่งๆ อะ” คนที่หน้าดูหยิ่งๆ …จำได้แล้ว! ว่าแล้วหน้าคุ้นๆ คนที่เคยจ้องหน้าผมที่ร้านนี่หว่า งั้นแสดงว่าที่จ้องหน้าผมก็เพราะว่าผมไปอ้วกใส่เขาเองน่ะหรอ

“เขาเคยมาที่ร้าน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลยนะเว้ย”

“เขาอาจจะรอให้มึงจำได้มั้ง” รอทำไมวะ ทำไมไม่ด่าหรือทวงเสื้อคืนอะไรงี้

“จะอะไรก็ช่างเถอะ หลบดีกว่า”

ผมลากไอ้โก้ไปอีกทางในเมื่อผมจำได้แล้วมันก็เหมือนรู้ตัวว่าตัวเองผิดแล้วต้องรีบหนี ไว้คราวหน้าค่อยเจอกันดีกว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม หน้าตาแม่งโหดซะด้วย

“มึงแน่ใจนะว่าคนนี้”

“เออดิ หน้าตาแบบนั้นน่าจะมีคนเดียวแหละ”

“เขาคงจะลืมแล้วมั้งผ่านมาหลายวันแล้ว” ผมคิดว่างั้นนะ

“เป็นมึงจะลืมคนที่อ้วกใส่มึงหรอ” เออว่ะ ใครแม่งจะลืมลงวะ น่าจะแค้นเลยด้วยซ้ำ

“มึงจะคิดมากทำไมไว้มีโอกาสก็ไปขอโทษแล้วก็คืนเสื้อเขาไง เขาคงไม่ถึงขั้นรุมกระทืบมึงหรอก”

พูดซะกูคิดเลยไอ้นี่

“งั้นไปหาร้านตะบองเพชรกันต่อเถอะ”

“เออๆ ”

เหนือสิ่งอื่นใดเป้าหมายในการมาครั้งนี้ของผมสำคัญกว่า น้องตะบองเพชรจ๋ารอพี่ทัชก่อนน้าาา





“มึง ต้นนี้สวยปะ” ผมชี้ต้นตะบองเพชรต้นหนึ่งให้ไอ้โก้ดู

“กูว่าต้นนี้น่าจะดีกว่า”

“ยังไง”

“มันน่าจะออกดอกได้เร็วไง”

“หรอวะ” ผมมองต้นที่ไอ้โก้บอก

“อยากซื้อแต่ไม่รู้ข้อมูล?”

“ก็อยากซื้อนี่หว่า”

“งั้นชอบต้นไหนมึงก็เลือก”

“มันจะรอดใช่ไหมวะ” ผมเริ่มจะไม่แน่ใจในการที่จะดูแลน้องแล้วนะ

“ถ้าไม่รอดมึงก็โคตรกากอะไอ้ทัช” นั่นโดนอีกละ

ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเดี๋ยวโดนมันด่าอีกยิ่งไม่มีอะไรให้มันชมอยู่ ผมว่าผมจะซื้อสักสองต้นนะเอาไว้เป็นคู่กัน

ต้นนี้ดีกว่า…

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบต้นที่ผมคิดว่าจะซื้อก็มีคนชี้ต้นนั้นตัดหน้าผมไปซะก่อน

“เอาต้นนี้ครับ” ผมหันไปมองคนที่พูดทันทีก่อนจะรีบหันกลับมา เพราะคนที่พูดน่ะคือคนที่ผมเพิ่งหลบมาเมื่อกี้

จะมาบังเอิญอะไรตอนนี้วะ แล้วจะหลบยังไงวะเนี่ย

“ทีกูชวนมาแล้วไม่อยากมาแต่ซื้อก่อนเพื่อนเลยนะมึง” เสียงที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนเขาพูดขึ้น

ว่าแต่ไอ้โก้มันไปไหนวะ เขาจะจำมันได้ไหมเนี่ย

ผมพยายามมองหาไอ้โก้ก็เห็นมันนั่งดูต้นตะบองเพชรอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งถ้ามันไม่โผล่หน้าออกมาก็คงได้เจอกับคนที่อยู่ข้างหลังผมตอนนี้แน่นอน

“แล้วนี่จะซื้อต้นเดียวหรอ”

“ใช่”

“ซื้อไปเป็นคู่ดิจะได้ไม่เหงา”

“ต้นไม้มันเหงาเป็นด้วยรึไง” มันก็จริงของเขานะครับ

“เออ กูผิดเองแหละครับคุณธัญที่คิดว่าต้นไม้มันจะเหงาอะ”

ธัญงั้นหรอ

นั่นมันชื่อที่ปักอยู่ที่เสื้อแจ็คเก็ตตัวนั้นสินะ ไม่ผิดแน่น่าจะคนเดียวกันจริงๆ

“ได้แล้วครับ”

ได้แล้วก็รีบๆ ไปนะ ผมจะนิ่งเป็นหินอยู่แล้ว

“เอ่อ พี่ครับช่วยดูให้น้องเขาหน่อยนะครับ เหมือนจะหาต้นที่ต้องการไม่เจอ”

พูดแค่นั้นก็เหมือนว่าพวกเขาจะเดินออกไปแล้ว

แต่น้องที่ว่าคงไม่ได้หมายถึง…

“น้องต้องการต้นตะบองเพชรแบบไหนหรอครับ” มือที่แตะไหล่ผมบ่งบอกว่าคนที่เดินออกไปนั้นพูดถึงผม

หรือเขารู้อยู่แล้ววะว่าเป็นผม

“เอาสองต้นนี้ครับ” ผมบอกเจ้าของร้าน

“พี่ก็นึกว่าน้องหาต้นที่อยากได้ไม่เจอซะอีกเดี๋ยวพี่ห่อให้นะ” ผมพยักหน้าให้เจ้าของร้านก่อนจะมองตามคนที่เดินออกไป

คงไม่ได้จงใจจะแย่งต้นนั้นไปจากผมหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็แกล้งผมชัดๆ เลย





…………………………………………



“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

“เป็นไรวะ!”

ผมที่นั่งเล่นเกมอยู่ได้ยินเสียงร้องของไอ้โก้ดังมาจากห้องน้ำก็รีบวิ่งไปดูทันที

“มะ…มึง” มันยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะชี้ไปทางผนังห้องน้ำ

จิ้งจก…ไอ้เหี้ย

“กูนึกว่ามึงลื่นล้มไอ้สัส” ผมทำท่าจะเดินกลับไปเล่นเกมต่อแต่ไอ้โก้ก็คว้าแขนผมไว้ซะก่อน

“เอามันออกให้กูก่อนดิกูจะอาบน้ำ”

“เดี๋ยวมันก็ไป มึงก็อาบๆ ไปดิไม่ต้องสนใจมันหรอก”

“มันได้ที่ไหนล่ะวะ” แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นเกาะหลังผมแทน คิดสภาพผู้ชายตัดสกินเฮดตัวสูง 180 กว่าๆ กำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะกลัวจิ้งจกสิครับ สภาพดูไม่จืดอะ

ถ้าจะให้ผมจับจิ้งจกสู้ไล่มันไปให้พ้นๆ หน้าไม่ง่ายกว่าหรอครับ

“เดี๋ยวกูจะไล่มันปะ…ไอ้เหี้ย!” ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในห้องน้ำผมก็กระโดดออกมาทันที

“อะไรอีก!”

“แมลงสาบ! มึงจัดการเองเลยกูไม่เข้าไปแล้วโว้ย”

ทุกคนครับในห้องน้ำมีแมลงสาบและที่สำคัญผมกลัวแมลงสาบ!

“มึงจับจิ้งจกให้กูก๊อนน”

“มึงก็จับแมลงสาบออกให้กูก่อนดิ”

“ไอ้สัส มีจิ้งจกอยู่กูจะกล้าเข้าไปได้ไง”

“งั้นก็ไม่ต้องอาบ”

ว่าดังนั้นผมก็เดินออกมาทันที ถ้าไม่มีตัวที่ผมไม่ชอบอยู่ในนั้นผมจะช่วยมันอยู่หรอกนะ

“ไอ้ทัชชชชช” ไอ้โก้มันตามผมออกมา

“มึงรอสักพักแล้วก็เข้าไปดูใหม่เผื่อมันไป” นี่คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผมกับมันแล้วครับ ว่าแต่ไอ้ตัวนั้นมันจะไม่ออกมาเดินเล่นข้างนอกใช่ไหม เริ่มระแวงซะแล้วสิ

“กูอยากอาบน้ำ”

“งั้นมึงก็เข้าไปอาบเลย”

“กูกลัวไอ้สัส”

สรุปคือไอ้โก้ก็ไม่กล้าเข้าไปอยู่ดี ส่วนผมก็ไม่เข้าไปเหมือนกันจนกว่าไอ้ตัวนั้นจะหนีไปให้พ้นๆ แต่ถามจริงมันจะไปไหนได้ถ้าไม่อยู่ในห้องน้ำกับออกมาข้างนอกที่ที่พวกผมอยู่

“กูอยากย้ายห้อง”

“เดี๋ยวๆ เพราะจิ้งจกตัวเดียวเนี่ยนะ”

“ไม่ใช่เว้ย กูคิดมาสักพักละแถวนี้มันมีบ้านว่างให้เช่ากูว่าจะถามพวกมึงอยู่ว่าสนใจมาอยู่ด้วยกันไหม” ถามว่าสนใจไหมมันก็น่าสนนะครับ คิดถึงความบันเทิงที่จะตามมาถ้าพวกผมมาอยู่ด้วยกันครบทั้งแก๊งสิครับว่ามันขนาดไหน

“ไว้ไปถามพวกมันกัน”

“โอเค ว่าแต่มึงไปจับมันออกให้กูหน่อยอยากอาบน้ำ”

“ไปเอาแมลงสาบออกก่อนดิ”

“มึงจะกลัวทำไมตัวมันก็ไม่ได้ใหญ่”

“โอ้โห จิ้งจกมึงตัวใหญ่ตายแหละ”

.

.

นั่นแหละครับ กว่าไอ้โก้มันจะได้อาบน้ำก็นานพอสมควร



ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 3
Thay × Touch



“ทัชไปส่งขนมให้พี่หน่อย”

ชายหนุ่มรูปร่างสูงท่าทางดูใจดีเอ่ยขึ้นขณะกำลังเอาขนมออกจากตู้อบ และนั่นคือพี่แทน พี่ชายของผมเอง

พี่แทนเป็นคนที่เมื่อดูภายนอกแล้วโคตรคุณชาย พูดเพราะ สุภาพ อ่อนโยน แต่ทุกคนล้วนมีข้อยกเว้นกันทั้งนั้นและก็แนะนำว่าอย่าไปทำให้พี่ท่านโกรธไม่งั้นจากเทพบุตรจะกลายร่างเป็นซาตานในทันที แต่ร่างนั้นไม่ค่อยได้เจอหรอกเพราะพี่แทนเป็นคนใจเย็นพอสมควร

ส่วนรูปร่างหน้าตาไม่ต้องพูดถึงพี่แทนฮอตมากๆ ถึงจะไม่ได้เป็นเดือนก็เถอะ ผมว่าก็ไม่แปลกนะใครจะไม่ชอบผู้ชายแบบพี่แทนล่ะ และอย่าถามหาความเหมือนของผมกับพี่แทนนะต่างกันตั้งแต่หน้าตาละ

“เยอะปะ” ปกติก็จะมีบ้างที่จะต้องไปส่งขนมแบบนี้แต่เป็นกรณีที่สถานที่ไม่ไกลจากร้านเท่าไหร่

“ไม่เท่าไหร่”

“ขอที่อยู่ด้วยค้าบบ”

พี่แทนเดินไปหยิบกระดาษก่อนจะยื่นให้ผมเป็นที่อยู่ซึ่งไม่ไกลจากร้านเท่าไหร่แต่นี่มันเหมือนสตูดิโออะไรสักอย่างที่ผมเคยขับรถผ่านนี่นา

“อย่าเถลไถลล่ะ”

“ครับผม!” พี่แทนยิ้มก่อนจะยีหัวผมเป็นเรื่องปกติครับเห็นหัวน้องเป็นผ้าเช็ดมือ ฮ่าๆ

“พี่ให้พี่แนนเตรียมของไว้แล้ว ไปส่งได้เลย”

ผมพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องทำขนมทันที วันนี้ไอ้โก้ไม่มามันก็จะเหงาๆ หน่อยไม่มีใครให้ต่อปากต่อคำ สาเหตุที่มันไม่มาน่ะหรอครับนอนตายอยู่ห้องนู่นเมื่อคืนทั้งกินเหล้าทั้งเล่นเกม ถามว่าผมรอดมาได้ยังไงก็มันไม่ให้ผมแตะเหล้าเลยสักนิดน่ะสิมันบอกว่าผมเมาแล้วชอบสร้างปัญหาแต่วันนี้ปัญหาคือมันนั่นแหละ คิดแล้วก็สมน้ำหน้า!

ผมสวมหมวกกันน็อคแล้วขับรถออกไปทันที รถคันนี้เป็นรถของร้านที่มีเอาไว้ส่งของเวลาจำเป็น ผมเบื่อผมก็ไปส่งของ ไปแล้วไม่กลับร้านก็มีเย็นค่อยกลับทีเดียวกลับมาก็โดนพี่แทนบ่นเป็นเรื่องปกติ รายนั้นก็ไม่ขี้เกียจบ่นเลยยังทำหน้าที่ได้ดีเหมือนเดิม



ไม่ถึงยี่สิบนาทีผมก็มาถึงสถานที่ที่พี่แทนเขียนไว้ในกระดาษ มันเป็นสตูดิโอซึ่งมองด้านนอกก็เหมือนจะไม่ใหญ่

ผมถือขนมที่ลูกค้าสั่งก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน

“เอาขนมมาส่งครับ”

คนที่อยู่ข้างในหันมามองผมก่อนจะทำงานของตัวเองต่อ อ้าว สรุปไม่มีใครสนใจเลยหรอหรือผมมาผิดที่วะ แต่พอมองที่อยู่ในมือก็ถูกนี่หว่า

เหมือนทุกคนจะกำลังยุ่งอยู่กับการจัดฉากไว้ถ่ายอะไรสักอย่าง แต่ช่วยมาจ่ายเงินแล้วเอาขนมไปก่อนได้ไหมค้าบบ

“ทั้งหมดเท่าไหร่”

“450 บาทครับ” ผมหันไปตอบคนข้างหลังแต่ก็ต้องเบิกตากว้างแล้วอยากอุทานออกมาดังๆ ว่า

เวรแล้ว!

ผมรีบก้มหน้าทันทีซึ่งมันก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว เพราะตอนนี้เขาคงเห็นหน้าผมเต็มๆ แล้วล่ะ

คนตรงหน้าผมคือคนที่ชื่อ ธัญ

“เงยหน้า” ทำไมเสียงโหดจังวะ

ผมเงยหน้าตามที่คนตรงหน้าบอกก่อนจะยิ้มออกมา

“นายเองหรอ” ผมนี่แหละครับ

“ทั้งหมด 450 บาทครับคุณลูกค้า”

“เมื่อไหร่จะคืนเสื้อ” ผมนี่ยื่นขนมให้เก้อเลยครับช่วยสนใจสิ่งที่กูพูดด้วยเว้ย

“เดี๋ยวผมเอามาคืนนะครับ แต่ตอนนี้ผมต้องทำงานก่อน” ผมบอกจุดประสงค์จริงๆ ไม่ใช่ว่าจะอยากเก็บไว้หรอกนะเสื้อน่ะ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมาเจอกันที่นี่วะ

“ไปเอามาคืนสิ”

“ตอนนี้…หรอครับ”

“ใช่ แล้วค่อยกับมาเก็บตังค์ทีหลัง” ว่าแล้วคนตรงหน้าก็แย่งถุงขนมจากมือผมไปอย่างหน้าตาเฉย เป็นคนแบบไหนวะเนี่ยแล้วสรุปคือผมต้องไปเอาเสื้อมาคืนเขาก่อนใช่ไหมถึงจะได้เงินค่าขนมอะ

ไม่มีทางเลือกสินะ





“ขอโทษที่อ้วกใส่นะครับ แล้วก็จ่ายค่าขนมมาด้วย” ผมยื่นเสื้อคืนให้อีกคนที่ดูจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แถมยังดูเมินๆ ผมอีก

“รู้ไหมว่าเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่” ดูก็รู้ว่าแพงแต่เท่าไหร่ผมจะไปรู้ได้ไงวะ

“ไม่รู้ครับ”

“แพงกว่าค่าขนมที่นายเพิ่งมาส่งแล้วกัน” มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วปะวะ

“เข้าใจความหมายที่ฉันจะสื่อไหม” ผมทำหน้างงทันที

เดี๋ยวนะผมต้องแปลไทยให้เป็นไทยอีกหรือไง

“รีบๆ พูดได้ปะครับ ผมต้องไปทำงานต่อนะ” หน้าตาคนตรงหน้าก็ยังไม่ได้ทุกข์ร้อนตามผมเลยแม้แต่น้อย

“ก็หมายความว่าฉันจะไม่จ่ายค่าขนมที่นายมาส่งไง”

“ได้ไง” ของซื้อของขายนะเว้ย

“นายทำให้ฉันเห็นเสื้อตัวนี้แล้วรู้สึกไม่ดี หรือนายไม่คิดจะรับผิดชอบมันล่ะ” ร้ายกาจ นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมา นี่จะหาเรื่องไม่จ่ายสินะ

“มันคนละเรื่องกันนะครับ”

“เรื่องเดียวกัน” ทำไมพูดยากแบบนี้วะ

“อ้วกนะไม่ใช่น้ำหกใส่จะได้ลืมกันง่ายๆ นายเข้าใจใช่ไหม” พูดขนาดนี้ผมคงต้องเข้าใจแล้วล่ะ ถือซะว่าเลิกแล้วต่อกันก็แล้วกัน

450 บาท เอาเงินตัวเองออกแทนก็ได้วะ

“นายชื่ออะไร” ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับเสียงคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เอ่ยขึ้น

“ขอโทษนะครับ ผมต้องไปทำงาน” ว่าแล้วก็หันไปฉีกยิ้มให้ ผมไม่ปลื้มคนที่ทำให้ผมเสียเงิน 450 บาทว่ะ!





“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“เจอลูกค้ากวนตีนอะดิ” ผมตอบพี่แทนอย่างหงุดหงิด

“เอาน่า เป็นฝ่ายบริการต้องรู้จักควบคุมอารมณ์นะ” โถ่พี่ผม ใครจะไปใจเย็นแบบพี่ได้ล่ะ

“แต่ลูกค้าที่เราไปส่งเมื่อกี้เขาสั่งเครื่องดื่มน่ะ”

“หะ!” ทำไมผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ ไม่ใช่ว่าจะเป็นอย่างที่ผมคิดนะ

“ผมไม่ไปส่งนะ”

“แล้วใครจะไปส่งล่ะ”

“ก็ให้คนอื่นไงพี่แทน” ผมเริ่มโอดครวญ

“คนอื่นเขามีงานกันหมดมีแต่เรานี่แหละที่ว่าง รีบไปรีบมาเดี๋ยวพี่ให้ปรางทำเครื่องดื่มให้”

ทำไมผมรู้สึกว่าจะได้เสียเงินอีกแล้ววะ ได้โปรดเถอะครั้งนี้จ่ายเงินด้วยนะถึงจะไม่เยอะแต่ก็กินข้าวได้หลายมื้อเลยนะเว้ย





และผมก็มาลงเอยอยู่ที่สตูดิโอที่ผมเพิ่งจะออกไปได้ไม่นานเพราะต้องมาส่งเครื่องดื่มอีก ทำไมไม่สั่งพร้อมๆ กันวะแม่ง ไม่รู้รึไงว่ากูขี้เกียจมาส่งเนี่ย

“เอาเครื่องดื่มมาส่งครับ”

“รอแปปนึงนะคะน้อง”

“ครับ”

ผมยิ้มให้กับพี่ผู้หญิงก่อนจะมองรอบๆ รู้สึกเหมือนจะถ่ายแบบเลยแฮะ

“น้องคะ คุณธัญบอกว่าจ่ายค่าเครื่องดื่มไปแล้วนะคะ”

รอยยิ้มของผมเริ่มหุบลงช้าๆ เล่นกูแล้วไง

ใจเย็นไว้ไอ้ทัชแค่ค่าขนมกับเครื่องดื่ม มึงไปอ้วกใส่เขาเลยนะเว้ย

“ผมขอคุยกับคุณเอ่อ…ธัญหน่อยได้ไหมครับ” แต่งานนี้ต้องมีการต่อรองครับ

“คงจะไม่ได้ค่ะ คุณธัญถ่ายแบบอยู่”

“งั้นผมขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหมครับ ผมจะไม่ถ่ายรูปหรืออะไรทั้งนั้นครับแค่เข้าไปดูเฉยๆ ” ส่งรอยยิ้มหวานๆ ไปให้หนึ่งทีเผื่อพี่เขาจะใจอ่อน

“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” นอกจากจะไม่ใจอ่อนแล้วยังไม่มีเยื่อใยอีก ไม่เห็นแก่ความพยายามของผมบ้างหรอวะ

“พี่แป้งคะน้องที่จะมาถ่ายแบบอีกเซตเขามาไม่ได้แล้วค่ะ”

“อ้าวทำไมล่ะ ก็นัดกันไว้แล้วนี่”

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้เลย”

ดูท่าจะมีปัญหากันนะ แต่ปัญหาของผมก็มีเหมือนกันอะ คนเราก็นะดูมีฐานะแต่ไม่น่าจะมาทำกันแบบนี้เลย

“งั้น…” พี่ผู้หญิงมองผมก่อนจะยิ้มออกมา

ทำหน้าแบบนี้ผมเริ่มกลัวแล้วนะ

“น้องอยากเจอคุณธัญใช่ไหม”

ผมเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมล่ะ

“ช่วยถ่ายแบบให้พี่หน่อยสิ ได้เจอคุณธัญแถมพอถ่ายเสร็จก็ได้ค่าจ้างด้วย”

ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่าค่าจ้างไม่ได้สนใจข้อเสนอแรกแม้แต่น้อย ถ้าเป็นผมปกติก็ไม่ได้ร้อนเงินนะแต่วันนี้ผมช็อต



….…………………………………



สุดท้ายผมก็มานั่งนิ่งๆ ให้ช่างแต่งหน้าเสริมหล่ออยู่หน้ากระจกจนได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยถ่ายแบบก็เคยถ่ายบ้างตอนหาเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ ตอนนั้นก็ทำทุกอย่างเลยครับกว่าจะได้มาไม่ได้ง่ายๆ เลย

“ผิวดีนะคะเนี่ย เคยถ่ายแบบรึเปล่าจ๊ะ”

“เคยครับ”

“ถ่ายอะไร” ไม่ใช่เสียงพี่ที่แต่งหน้าแต่เป็นเสียงของคนที่ทำให้ผมต้องมาถ่ายแบบอยู่แบบนี้

ว่าแต่เหมือนผมลืมอะไรสักอย่างแฮะ แต่ช่างเถอะนึกไม่ออก

“เสื้อผ้า”

ก็ไม่ต่างกับที่จะถ่ายตอนนี้หรอกครับ แต่ผมค่อนข้างจะแปลกใจที่คนดูดีมีฐานะอย่างเขาจะมาถ่ายแบบอะไรแบบนี้ด้วย

จะใครซะอีกล่ะครับ ก็คุณธัญไง

“เสร็จแล้ว ไปเปลี่ยนชุดที่พี่เตรียมไว้ให้เลยนะ”

“ครับ”

พอผมลุกจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ต้องอึ้งเมื่อคนตรงหน้าผมอยู่ในชุดสูทเต็มยศ

เชี้ย…โคตร ดู ดี

ผมยอมรับแบบไม่อคติเลยนะ พออยู่ในชุดนี้แล้วดูน่าเชื่อถือไม่เหมือนกับที่แกล้งผมเลยอะ

“จะอ้าปากทำไม” เสียงคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกตัวก่อนจะงับปากลง

“น้องเขาคงอึ้งในความหล่อของคุณธัญมั้งคะ”

ไม่เถียงหรอกนะว่าหล่อจริงแต่ผมไม่ชอบสายตาเวลาเขามองผมว่ะ มันเหมือนรังเกียจยังไงก็ไม่รู้

อาจจะเป็นเพราะผมไปอ้วกใส่เข้าแหละ ไม่รังเกียจก็บ้าแล้ว

ผมเลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วเข้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พอมองเสื้อผ้าแล้วก็ต้องแปลกใจผมคิดว่าจะได้ใส่สูทเหมือนเขาซะอีกแต่กลับเป็นชุดธรรมดาที่วัยรุ่นใส่กัน

ไม่ใช่ถ่ายเซตเดียวกันหรอกหรอ

แต่ก็ดีเหมือนกันเขาคงไม่อยากถ่ายกับผมเหมือนกันนั่นแหละ

ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปสแตนบายทันที ชุดที่ผมใส่จะเป็นเสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงยีนส์และรองเท้ามียี่ห้อคู่หนึ่ง มันก็ไม่ต่างจากที่ผมเคยถ่ายเท่าไหร่

“ตามสบายเลยนะน้อง” ผมพยักหน้าให้พี่ตากล้องก่อนจะเริ่มโพสท่า

ผมโพสท่าไปเรื่อยก่อนจะสะดุดสายตาที่มองมาของคนที่ชื่อธัญ ผมควรเรียกพี่ดีไหมแต่ไม่ดีกว่าไม่ถูกซะตาว่ะ

ผมจ้องกลับแต่ทางนั้นก็ไม่หลบสายตาจะเอาใช่ปะ ด้ายยยคิดว่าคนอย่างไอ้ทัชจะยอมแพ้รึไง

และเหมือนเกิดสงคารมทางสายตาซึ่งทั้งผมและเขาก็ไม่มีใครยอมหลบสายตาก่อนอีกคนจะกระตุกยิ้มแล้วหันหลังเดินออกไปทันที

โถ่ นึกว่าจะแน่

“น้องมองกล้องด้วย”

“ขอโทษครับ”

แต่คงต้องรีบดึงตัวเองกลับมาทำงานต่อแล้วล่ะ





ผมถ่ายมาจนถึงชุดสุดท้ายซึ่งอีกไม่กี่นาทีผมจะได้รับค่าจ้างแล้ว ต้องทำงานดีๆ หน่อยแล้ว

“เสร็จแล้วครับ ขอบใจมากน้อง” ถ่ายอีกสองสามรูปพี่ตากล้องก็บอกว่าเสร็จแล้ว ในที่สุดผมก็จะได้กลับสักทีถึงถ่ายแบบจะไม่ยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายซะทีเดียวยิ่งถ้าตากล้องเรื่องมากยิ่งยากเข้าไปใหญ่

“เดี๋ยวค่ะพี่ของอีกสักเซตนะ จะให้ถ่ายคู่กับคุณธัญ” ผมนี่ทำหน้างงเลยครับ ถ่ายคู่ด้วยชุดนี้เนี่ยนะมันใช่หรอวะพี่ คนหนึ่งใส่สูทเต็มยศแต่อีกคนเหมือนเด็กแว๊นเนี่ยนะ

“ผมต้องเปลี่ยนชุดไหมครับ”

“ไม่จ่ะ เอาชุดนี้เลย”

ถามจริง คิดอะไรอยู่ครับหรือเป็นการออกแบบที่ผมไม่สามารถเข้าถึงได้

ถามว่าผมมีปัญหาไหมก็ไม่หรอกครับแค่งงเฉยๆ ว่ามันจะไปกันได้หรอ

สักพักคนที่จะเป็นคู่ถ่ายรูปกับผมก็เดินเข้ามา มาในชุดสูทเต็มยศเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือสวมแว่น พอมองชุดตัวเองก็นึกขำในใจ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เอาชายเสื้อเข้าในกางเกงข้างหนึ่งกับกางเกงยีนส์ขาดเข่า ถ้าจะพูดให้ตัวเองดูดีหน่อยก็แต่งตัวสไตล์เกาหลีส่วนอีกคนก็ลุคผู้บริหารดีๆ นี่เอง

กะจะให้ผมดับเลยสินะ

“เข้าฉากได้เลยจ้า”

ทั้งผมและเขาเดินเข้าฉากที่จัดเตรียมไว้ ก่อนพี่อีกคนจะมาบอกว่าต้องทำยังไงบ้าง

แต่เขาลืมไปรึเปล่าครับว่าถ่ายคู่ยืนซะไกลเลย

“ใกล้ๆ กันนิดหนึ่งนะครับ”

พอพี่ตากล้องบอกแบบนั้นเขาก็ยังไม่ยอมขยับมาลำบากผมเองที่ต้องขยับไปหา ถ้าผมไม่ขยับวันนี้คงไม่เสร็จหรอกดูจากหน้านายแบบอีกคนละ

“นี่คุณช่วยให้ความร่วมมือหน่อยดิ ผมอยากถ่ายเสร็จไวๆ เนี่ย”

สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบและการถูกมองด้วยหางตา ให้ตายสิ ผมกำลังเจอคนประเภทไหนเนี่ย

“ผมว่าพอแค่นี้ดีกว่าไหมครับ เหมือนน้องเขาจะอยากกลับแล้ว”

ผมนี่แทบจะหันไปมองคนพูดในทันที โยนให้ผมเฉยเลยกลายเป็นว่านายแบบที่จับได้หน้าสตูดิโออย่างผมมีความเรื่องมากในการทำงานอีก

“โอเค พี่ก็ได้รูปพอดีเลยเอาเป็นว่ากลับกันได้นะทุกคน ส่วนน้องไปรับค่าจ้างกับพี่ผู้หญิงคนนั้นนะ”

เดี๋ยว! ได้ภาพตอนไหนวะ จะเทพไปไหนเนี่ยพี่พวกผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ยืนใกล้ๆ กันเอง

แต่ก็ช่างเถอะครับ งานเสร็จผมมีหน้าที่รับเงิน!

“ขอบใจมากนะน้องถ้าไม่ได้น้องงานพี่ไม่เสร็จแน่ๆ ”

ผมยิ้มให้กับพี่ผู้หญิงคนที่เสนอให้ผมมาถ่ายแบบ แฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่ายครับเพราะผมก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน จะได้ไปจ่ายค่าขนมกับค่าเครื่องดื่มที่มีคนไม่ยอมจ่าย!

พูดถึงเรื่องขนมกับเครื่องดื่มผมก็นึกอะไรขึ้นได้ว่าไม่ได้บอกพี่แทนว่ามารับจ๊อบข้างนอก เอาแล้วโดนบ่นอีกแน่ๆ ก็คิดอยู่ว่าตัวเองลืมอะไร

“นี่หาเงินจ่ายค่าขนมหรอ” เสียงดังใกล้ๆ ทำให้ผมรีบหันไปมอง

ผมมองอีกคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดาแต่ก็ยังคงความเรียบร้อยไว้อยู่ดี ผมว่าพี่แทนดูคุณชายแล้วนะคนตรงหน้าผมยิ่งคุณชายเข้าไปอีก

“ก็คุณไม่ยอมจ่ายไง”

“ไม่ให้ซื้อเสื้อใหม่ก็ดีแค่ไหนแล้ว” โห ดูพูดเข้า คิดว่าคนอย่างผมจะมีปัญญาซื้อใหม่ให้รึไง

“ขอโทษแล้วไงคุณ คนมันไม่ได้ตั้งใจ”

อีกคนไม่ได้พูดอะไรต่อแถมเหมือนจะเก็บของอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะพูดขึ้นโดยไม่ได้หันมามองผม

“ทำงานเสร็จแล้วก็กลับบ้านสิ” นี่คือการไล่ทางอ้อมหรอแต่ผมว่าไม่อ้อมนะน่าจะไล่ตรงๆ เลยล่ะ

ไม่ได้อยากอยู่เท่าไหร่หรอกเว้ย

ผมรีบเดินออกไปหารถที่จอดอยู่ทันทีกลับไปต้องโดนท่านพี่บ่นสินะ แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็มีเงินจ่ายค่าขนมกับเครื่องดื่มล่ะวะ






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิตาธัญ  แอบสนใจน้องทัชหล่ะสินะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
คุณธัญนี่ยังไง ๆ นะคะ

 :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ทัชไปมองพี่เค้าอ้าปากค้างยังงั้นได้ยังไงลูก​
เดี๋ยวพี่ธัญเค้าก็ได้ใจ​ ไว้ฟอร์มหน่อยลูก

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 4
สวัสดีบ้านใหม่



“พวกมึงกูมีเรื่องจะเม้าท์” เรื่องชาวบ้านไว้ใจตังเมคนเก่าคนเดิมแต่ถามว่าพวกผมอยากรู้ไหมบอกเลยว่า...

“ให้ไวเลยเพื่อนตังเมคนสวย”

“หูย ขอบใจที่ชมย่ะ” กูฝืนชมเหอะ

“คืองี้ เมื่อเช้าอะกูเห็นอีแมนมันลงมาจากรถหรูคันหนึ่งเว้ย กูว่ามันต้องแอบแซ่บกับเด็กมหาลัยแน่นอน”

แมนที่ไอ้ตังมันพูดถึงคือคู่กัดของมันส่วนมากจะกัดกันเพราะเรื่องผู้ชายชะมากกว่า ชอบคนเดียวกันบ่อยกัดกันแทบจะทุกครั้งที่เจอกันแถมยังเรียนแผนกเดียวกันอีก แต่คนที่ได้คงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่าใคร ไม่ใช่เพื่อนผมแน่ๆ เพราะอีกฝ่ายหน้าตาดีเลยล่ะ

“กูนึกว่าเรื่องอะไร มึงยังไม่ชินอีกรึไง” ผมเห็นด้วยกับไอ้โอ๊ตนะหน้าตาไอ้แมนก็ไม่ได้แย่ออกจะดีด้วยซ้ำมองไกลๆ นึกว่าทอม หน้านี่หวานมากกก แต่คำพูดคำจาก็ไม่ต่างจากไอ้ตังเท่าไหร่

“ไม่มีทาง กูหมั่นไส้ว่ะคิดว่าตัวเองหน้าตาดีมากมั้งควงมาอวดอยู่ได้”

“มึงก็ควงอวดบ้างดิ”

“จะพูดอะไรดูหน้าเพื่อนมึงด้วยไอ้ปาล์ม คิดว่าจะมีคนยอมให้มันควงไหมน่ะ”

“ปากหมาอีโอ๊ต”

“มันจะไปยากอะไร มึงก็ควงกับไอ้โก้ดิ” ผมเสนอ

“อ้าวๆ อย่าวนมาหากูดิ”

“ว้ายยย ขนาดเพื่อนยังไม่เอา”

“เดี๋ยวมึงจะโดนตีนอีโอ๊ต!” ไอ้ตังยกเท้าถีบไอ้โอ๊ตแต่ปัญหาคือไอ้โอ๊ตมันดันวิ่งไปหลบหลังไอ้ปาล์มนี่สิ คนที่โดนเต็มๆ กลับเป็นไอ้ปาล์มที่นั่งไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอะไรเลย

“โอ้ย! อีเม มึงถีบกูทำไมเนี่ย”

“ฮื่อออ อีปาล์มกูขอโทษมันยั้งไม่อยู่อะโทษอีโอ๊ตเลยมันกวนตีนกู”

“แดกตีนฟรีเลยกู” ตัวไอ้ตังก็ไม่ใช่เล็กๆ ท่าทางจะใส่เต็มแรงซะด้วยแต่ไม่ต้องห่วงครับพวกผมเคยโดนมันถีบกันมาแล้วไม่มีใครรอดหรอกถ้าไปกวนตีนมันอะ

“เออ พวกมึงไปดูบ้านเช่ากันไหม”

ลืมเลย วันนี้พวกผมคุยกันว่าจะไปดูบ้านนี่หว่าถ้าไอ้โก้ไม่พูดขึ้นมาคงไม่มีใครนึกออกแน่ๆ มัวแต่เล่นกันอยู่ได้

พวกผมคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน มันน่าจะโอเคแถมยังได้อยู่กันครบแก็งด้วยความบันเทิงต้องถามหาแน่นอน ส่วนเรื่องเช่าบ้านผมก็บอกพี่แทนแล้วท่านพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเป็นทั้งพี่ทั้งผู้ปกครองของผมเลยล่ะคนนี้

“ถ้าอยู่กับมันกูคงโดนถีบทุกวันแน่อะ”

“ถ้ามึงไม่กวนตีน กูจะถีบมึงหรอ”

ถ้าไม่มีใครเบรคเดี๋ยวมันก็ได้กัดกันอีกยกแน่ๆ

“เดี๋ยวกูเป็นกรรมการให้ ว่าแต่ให้กูซื้อนวมมาไว้ปะ” ไอ้ปาล์มก็อีกคน

“หยุดกัดกันแล้วไปได้แล้ว”

ผู้ที่มีอิทธิพลที่สุดในกลุ่มก็น่าจะเป็นไอ้โก้ แต่มีอิทธิพลแค่กับไอ้ตังคนเดียวนะครับ

“เอาเมียมึงไปด้วยเลยไอ้โก้”

“พูดถูกใจเอาไปยี่สิบ”

“อย่าพูดแต่ปากน่าจ่ายกูมาสักที” ไอ้โอ๊ตว่าพลางแบมือตรงหน้าไอ้ตัง ผมส่ายหน้าเอือมๆ กับพวกมันก่อนจะตั้งท่าออกรถไปดูบ้านที่พวกผมได้ต่อรองราคาไว้

ไปดูสภาพบ้านก่อนจะตกลงเช่าอย่างเป็นทางการดีกว่า



ผมมองบ้านตรงหน้าอย่างนึกชั่งใจทั้งหันไปมองสี่คนที่เหลือ สภาพก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ตอนที่เห็นบ้านหลังนี้ครั้งแรก ไม่ใช่ว่ามันเก่าหรืออะไรแต่สภาพด้านนอกนี่มันป่าชัดๆ

ต้นไม้ล้อมรอบต้วบ้านแถมหญ้ายังขึ้นสูงแทบจะท่วมหัวอยู่แล้วน่าจะมีสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่อาศัยอยู่ด้วยนะผมว่า แต่พอมองเข้าไปในตัวบ้านกลับไม่ได้ดูเก่าต่างจากสภาพด้านนอกกันคนละเรื่องเลย ยังดีหน่อยที่บริเวณนี้มีบ้านคนอยู่บ้างไม่งั้นผมจะคิดแล้วนะว่ามันเป็นป่าจริงๆ

ขัดใจอยู่อย่างเดียวว่าทำไมไม่ตัดหญ้าออกหน่อยล่ะวะทำให้มันดูเก่าไปได้

“พวกมึงว่าบ้านหลังนี้จะมีประวัติไหมวะ” ไอ้ปาล์มพูดขึ้น ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดนะแต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้วล่ะ

“ก็แค่บ้านที่ไม่มีคนอยู่นาน แล้วหญ้ามันขึ้นพวกมึงจะอะไรนักหนา”

“ไอ้โก้พูดถูก”

“เข้าไปดูข้างในกัน”

ไอ้โก้เปิดประตูแล้วเดินนำไปทันทีตามด้วยไอ้ตัง ผม ไอ้โอ๊ตและสุดท้ายไอ้ปาล์ม จริงๆ แล้วไอ้ปาล์มมันกลัวผีมากซึ่งเป็นจุดอ่อนให้พวกผมแกล้งมันบ่อย เอิ่ม พูดแล้วก็เหมือนเป็นเพื่อนที่ไม่ดีเลยอะ

พอเปิดประตูบ้านก็ไม่เป็นอย่างคิดข้างในดูดีมากยังใหม่อยู่เลย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ก็ถูกผ้าคุมไว้อย่างดีส่วนข้างนอกนั้นคือภาพลวงตาชัดๆ ทั้งที่ข้างในมันออกจะดูดีขนาดนี้

“เข้ามาข้างในนี่คนละเรื่องเลยว่ะ”

“นี่เราต้องไปบุกเบิกป่าข้างนอกใช่ปะ”

“มึงใช้คำเว่อร์ไปปะไอ้โอ๊ต”

“ก็มันเหมือนจริงๆ อะ”

ผมว่าบ้านหลังนี้กว้างมากๆ เลยนะทั้งในบ้านและนอกบ้านที่มีแต่หญ้านั่นอีก ถ้าทำความสะอาดดีๆ จะน่าอยู่มากเลยล่ะ

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเดี๋ยวข้างนอกเขามาตัดหญ้าให้ ส่วนข้างในนี่พวกเราค่อยทำเอง”

เจ้าของบ้านก็ใจดีเหมือนกันแฮะ ค่าเช่าก็ไม่แพงแถมยังจะทำความสะอาดให้ด้วยหรือว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำให้อยู่แล้ววะ

“งั้นตกลงเช่า จ่ายเงินไปเลยมึง” ผมว่า

“เอาไงเอากัน”

“ไม่ไกลวิลัยเท่าไหร่กูโอเค”

สรุปพวกผมก็ตกลงเช่าบ้านหลังนี้ ชีวิตอิสระมาถึงแล้วครับแต่จริงๆ ก็อิสระมานานแล้วล่ะ แต่คราวนี้อยู่ด้วยกันทั้งแก๊งบอกได้คำเดียวเลยว่า เละ…



“มีสี่ห้อง พวกมึงจะเอาไง”

วันนี้เป็นวันแรกที่ย้ายเข้ามาและตอนนี้พวกผมกำลังตกลงเรื่องห้องกันอยู่พวกผมมีกันห้าคนแต่ห้องมีสี่ห้องต้องมีสองคนที่ต้องนอนด้วยกัน สำหรับผมไม่มีปัญหาอยู่แล้วยังไงก็ได้เพราะขนาดไอ้ตังก็เคยไปนอนห้องมันมาแล้ว

“เดี๋ยวกูจะเสียสละไปนอนกับโก้เอง” เรื่องแบบนี้เสนอตัวนักแหละ

“ไม่เอาเว้ยย”

“ไปนอนกับไอ้โอ๊ตเลยมึง”

“กูยอมนอนนอกบ้านดีกว่านอนกับมัน”

“พูดเหมือนสวยมากมั้ง” ถ้าพวกมันสองตัวนอนด้วยกันน่าจะวุ่นวายไม่น้อยเลยนะผมว่า

“พอๆ เดี๋ยวกูไปนอนกับไอ้ทัช” ไอ้โก้มันสรุปเองเสร็จสรรพแล้วเดินไปเลือกห้องทันที

“จบแยก”

ต่างคนต่างเข้าไปจัดห้องของตัวเองส่วนผมก็เข้ามากับไอ้โก้ เตียงเดียวสินะแต่ผมไม่มีปัญหาแน่นอนแต่ไอ้โก้อะมี

“กูเปลี่ยนไปนอนคนเดียวทันไหมวะ” ทำไมไอ้โก้ถึงพูดแบบนี้น่ะหรอก็เพราะเตียงมันเล็กกว่าห้องที่มันเคยอยู่และที่สำคัญผมเป็นคนนอนกินที่

“เอาน่าเดี๋ยวกูนอนพื้น”

“ดีมากไอ้ทัชเพื่อนรัก!” ทันทีที่ผมพูดจบมันก็ลงไปนอนแผ่บนเตียงทันที ที่งี้ล่ะเพื่อนรักเชียวนะมึง

ผมคงต้องไปหาที่นอนมาใหม่สินะ

“ทำไรกินดีวะ” ไอ้ตังถามขณะที่พวกผมต่างก็จัดห้องเสร็จและตอนนี้ก็เย็นแล้วเริ่มหิวเหมือนกันครับ

“ไปหาไรกินข้างนอกปะ” ไอ้โอ๊ตเสนอ

“จะไปข้างนอกทำไมลืมไปแล้วหรอว่าเรามีพ่อครัวอยู่แล้วนี่ไง” ผมว่าพลางกอดคอไอ้ปาล์ม เดอะแก๊งผมพึ่งได้ทุกคนนะ แต่ส่วนตัวผมนี่ไม่แน่ใจว่าจะพึ่งได้รึเปล่า

“เออว่ะ งั้นไปซื้อของมาทำกันดีกว่า”

อยากจะบอกว่าอุปกรณ์ทำครัวพวกผมก็ครบนะคงไม่ได้ไปวอแวที่ร้านบ่อยๆ แน่ๆ เพราะงั้นอยากกินอะไรก็ทำเองครับ จัดหนักจัดเต็มไปเลย

“ใครจะออกไปซื้อ”

“กู” งานแบบนี้ไว้ใจผม

“กูไปด้วย” ไอ้โอ๊ตยกมือ

พวกไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเข้าห้องครัวอย่างพวกผมก็มีหน้าที่ไปซื้อของแค่นั้นแหละ

“เดี๋ยวกูจดรายการที่จะซื้อให้ ว่าแต่พวกมึงอยากกินอะไรกันบ้าง”

“แอลกอฮอล์”

“กวนตีนไอ้โอ๊ตกูหมายถึงอาหารเว้ย”

แอลกอฮอล์ลิซึมครับ แดกได้ทุกวัน

“อะไรก็ได้พวกกูกินได้หมดแหละ”

“มึงคิดเลยกูคิดไม่ออก”

เมนูยอดฮิตคือ อะไรก็ได้ ส่วนคนคิดนี่หนักใจที่สุดละ

“อะ ตามนี้ให้ไวนะพวกมึง ไม่ใช่ซื้อแดกจนอิ่มแล้วค่อยกลับนะ”

ผมกับไอ้โอ๊ตมองหน้ากันก่อนจะยิ้ม ไอ้ปาล์มันรู้ทันครับไปด้วยกันนี่ไม่มีใครห้ามใครเลย

พวกผมเลือกขับรถไอ้ปาล์มเพราะรถผมคงไม่น่าจะเอาของกลับมาได้ ตอนแรกว่าจะขับคนละคันแต่ไม่ดีกว่าลดโลกร้อนสักหน่อย ที่จริงคือไอ้โอ๊ตมันขี้เกียจขับต่างหากเลยไปกับผม

พอขับมาได้สักพักผมก็โดนรถหรูคันหนึ่งขับปาดหน้าอย่างเร็วจนเกือบได้กลับบ้านเก่าทั้งผมและไอ้ปาล์ม

“จะรีบไปตามควายรึไงวะ! สภาพก็ไม่น่าจะมีควายให้เลี้ยงนี่หว่า” ไอ้โอ๊ตตะโกนตามหลังรถคันนั้นอย่างโมโห ถ้าผมเบรคไม่ทันป่านนี้พวกผมเป็นฝ่ายเจ็บหนักแน่ ถ้าเจอครั้งหน้าจะปล่อยลมรถแม่ง!

กรีดรถเขาไม่ได้หรอกครับขับBMWขนาดนั้นถ้าโดนจับได้ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหายแน่นอน

“โอเคปะมึง”

“อืม”

ถึงจะหงุดหงิดนิดหน่อยก็เถอะ แม่งขับรถอะไรของมันวะ

ผมมองตามทางที่รถคันนั้นขับไปอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันมาขับรถของตัวเองต่อ

ใจเย็นไว้ ของกินจะเยียวยาทุกอย่างเองไอ้ทัช!



….………………………………………………….



ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองลูกค้าสองคนที่นั่งโต๊ะนอกร้านอย่างไม่วางตาเพราะหนึ่งในนั้นคือคนที่ผมรู้จักและบังเอิญเจอหลายครั้ง

มากับหญิงซะด้วย สวยขนาดนั้นอยากควงบ้างจัง

“มองอะไรลูกค้านักหนา”

ผมหันไปยิ้มให้กับพี่แนนที่เดินมาหา

“เปล่านะ ผมก็มองไปเรื่อยอะ”

“พี่เห็นนะ จ้องโต๊ะนั้นอยู่ล่ะสิ”

ผมมองโจ่งแจ้งไปหรอวะ สงสัยจะแสดงออกมากไปแฮะ

“เอาขนมไปเสริฟโต๊ะนั้นหน่อยสิ” โต๊ะที่พี่แนนบอกก็คือโต๊ะที่ผมกำลังมองอยู่นั่นแหละ

สงสัยผมกับเขาคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกันและกันมั้ง หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสินะ

ผมเดินมายังโต๊ะของลูกค้าที่เป็นเป้าหมายพร้อมกับเสริฟขนมแต่ลูกค้าไม่ได้สนใจการมาของผมเลยสักนิด ผมจึงพูดขึ้น

“ทานให้อร่อยนะครับคุณลูกค้า” พร้อมกับส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้ลูกค้าทั้งสอง พี่ผู้หญิงเงยหน้ามายิ้มให้ผมแต่อีกคนกลับมองนิ่งๆ แล้วก็กลับไปสนใจงานของตัวเองต่อ

ดูท่าทางเครียดๆ แฮะคงจะไม่มีอารมณ์กวนสินะ แต่ผมมีอารมณ์ว่ะ

อารมณ์อยากกวนตีนคนทำงานแถวนี้

“อ้าว สวัสดีครับคุณธัญ” ผมทำเสียงให้ดูเหมือนตกใจที่เห็นอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เนียนนะเพราะเขาไม่สนใจผมเลย

“รู้จักธัญด้วยหรอ” พี่ผู้หญิงถามผม

“คุณธัญมาที่ร้านบ่อยน่ะครับวันก่อนยังเห็นมากับผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารักมากเลยนะครับ โอะ! ผมขอโทษครับ”

“อ่า” พี่ผู้หญิงยิ้มให้คนที่นั่งตรงข้ามแต่นั่นทำให้ผมแปลกใจ ปกติมันต้องมีการทำหน้าไม่พอใจรึเปล่าวะแต่นี่ยิ้มเฉยหรือว่าเก็บอาการเก่ง

“นี่ควงสาวหรอเดี๋ยวนี้”

“มากับสาวทุกครั้งเลยนะครับ…”

“พูดจบรึยัง” เขาหันมาพูดกับผม

“แค่จะบอกว่าแฟนคุณธัญสวยมากเลยครับ” ผมยิ้มพี่ผู้หญิง

“หมายถึงฉันหรอ ฉันไม่ได้เป็นแฟนธัญนะ”

เพล้ง!

ได้ยินเสียงอะไรไหมครับ หน้าแตกแบบไม่รู้จะเก็บเศษยังไงเลยว่ะ

“งั้นหรอครับ” ยิ้มแห้งไปอีกกู

“หึ” เยาะเย้ยอีก บ้านไหนพาหัวเราะ หึ วะ ประหยัดพลังงานรึไง

“ทานให้อร่อยนะครับ”

อยู่ทำไมให้อายไปกว่านี้ล่ะครับ ไปดีกว่าวันนี้คงไม่ใช่วันของผม (อีกตามเคย)

“รู้จักลูกค้าโต๊ะนั้นด้วยหรอ” พอผมเดินเข้ามาในร้านพี่แทนก็ถามพร้อมกับทำหน้านิ่งๆ

อารมณ์ไหนอีกล่ะพี่ผม

“ไม่รู้จักครับ”

“ดีแล้ว”

“ถ้าผมรู้จักแล้วจะทำไมครับ” ท่าทางเหมือนพี่ผมจะรู้จักคุณธัญอะไรนั่นนะ

“ไม่มีอะไรหรอก ไปทำงานเถอะ” รอยยิ้มถูกส่งมาพร้อมกับมือที่เอือมมายีผม ทำไมพอมองไปทางโต๊ะนั้นสายตาพี่แทนดูนิ่งๆ แปลกๆ วะ หรือว่าสองคนจะรู้จักกันแต่ไม่ถูกกันหรือเปล่า

แต่ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของผม ผมจะไม่ยุ่งแล้วกัน



“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า พอดีว่าร้านของเราจะปิดแล้วครับ” ผมบอกลูกค้าที่ยังนั่งอยู่เป็นคนสุดในร้านทั้งที่ตอนนี้ก็ถึงเวลาปิดร้านแล้ว

คนที่นั่งอยู่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อเหมือนกับว่ายังไม่รู้ตัวว่าผมยืนอยู่ตรงนี้

“คุณลูกค้าครับ”

“…”

“คุณธัญ” ทีอย่างนี้ล่ะเงยหน้าขึ้นมาเชียวชอบให้เรียกชื่อรึไงวะ

“พี่”

“หะ”

“เรียกฉันว่าพี่” เดี๋ยวนะนี่ผมมีพี่อีกคนหรอวะ

“ทำไมครับ”

“ฉันไม่ชอบให้เรียกคุณ”

“อ่ออ หรอครับ'คุณ'ธัญ” ผมเน้นคำว่าคุณก่อนจะยิ้มกวนๆ ส่งไปให้ ไม่ชอบหรอแต่ผมชอบว่ะ

“ไอ้ตัวแสบ” เสียงบ่นเบาๆ แต่ผมได้ยินทำเอาคิ้วกระตุก นอกจากพี่แทนก็ไม่มีใครเรียกผมแบบนี้เลยนะ

นอกจากจะไม่ฟังที่ผมพูดแล้วยังทำงานต่ออีก เช่าร้านผมทั้งคืนเลยไหมคนเขาจะเลิกงานกลับบ้านกลับช่องเนี่ย

“ร้านจะปิดแล้ว”

“อีกแปปเดียว”

“กลับไปทำที่บ้านสิ” ผมก็อยากลับบ้านเหมือนกันนะ

“ถ้านายไม่พูดงานฉันก็จะเสร็จแล้วนะ” อ้าว ผิดเฉย

“เหงาหรอ”

“อะไร”

“หมายถึงถ้ากลับบ้านแล้วจะเหงาหรอ” ผมถามพลางนั่งลงตรงข้ามอีกคน ในเมื่อไม่ยอมลุกผมก็จะนั่งด้วยเลยแล้วกัน

“ถ้าบอกว่าเหงาแล้วจะให้อยู่ต่อหรอ” สายตาที่มองมามันเหมือนนึกสนุกอยู่ในทีแต่หน้าตายังคงความเรียบเฉยเอาไว้

“จ่ายค่าล่วงเวลามาสิ”

“เท่าไหร่” คำถามที่แทบจะถามขึ้นมาทันทีทำให้ผมนึกสนใจ เท่าไหร่งั้นหรอ ถามเหมือนจะยอมจ่ายเลยนะ

“จะจ่าย?”

“เปล่า” อ้าว กวนตีนซะแล้ว

ผมเพิ่งรู้ว่าคนตรงหน้าแค่กวนตีนแก้เครียดเฉยๆ ก็แค่นั้น แล้วทำไมผมต้องมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้ด้วยวะอีกหน่อยพี่แทนก็คงออกมาว่าแล้วมั้งเนี่ย

“กลับไปได้แล้ว”

“ไล่ลูกค้าหรอ”

“ตอนนี้ร้านปิดแล้วถือว่าคุณไม่ใช่ลูกค้า และผมก็สามารถไล่คุณได้” คนตรงหน้าผมพูดยากกว่าที่คิด

ยังคงก้มหน้าเขียนงานต่อไป ดื้อด้านชะมัดเลยขนาดไล่ยังไม่ไปสงสัยจะเหงาจริงๆ หรือเป็นเด็กมีปัญหาวะแต่รุ่นนี้คงไม่ใช่เด็กแล้วมั้ง

“นินทาฉันในใจหรอ”

“รู้ตัวก็กลับไปได้แล้ว”

“ชื่อทัชหรอ” เปลี่ยนเรื่องอีกผมนี่แทบจะถอนหายใจรัวๆ เลยครับ

“รีบกลับปะ…”

“ทัช กลับบ้านได้แล้ว”

เสียงพี่แทนทำให้ผมหันไปมองก่อนจะลุกขึ้นทันที ตามที่ท่านพี่สั่งเลยครับกลับบ้านน

“แล้วนั่นล่ะ” พอเดินมาใกล้พี่แทนผมก็ชี้ไปยังคนที่นั่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“เดี๋ยวพี่จัดการเองกลับไปพักผ่อนได้แล้ว” ผมพยักหน้าให้พี่แทนแล้วเข้าไปหยิบกระเป๋าเตรียมกลับบ้านทันที

ทางนั้นก็ให้พี่แทนจัดการเองก็แล้วกันไม่กลับก็แล้วแต่ขอแค่ผมได้กลับก็พอแล้ว






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ธันกับพี่แทน  น่าจะรู้จักกันสินะ

หรือว่าเคยปิ๊งปั๊งกันมาก่อน?

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 5
บังเอิญ



วันนี้ผมมีเรียนภาคปฏิบัติซึ่งเป็นคาบที่ผมชอบมาก แต่ปี1อย่างผมจะเรียนพวกซ่อมพื้นฐานซะมากกว่าซ่อมทุกอย่างอะไรพังก็ซ่อมหมดแต่จะซ่อมได้ไหมก็อีกเรื่อง

เรื่องซ่อมไว้ใจเด็กช่างครับ

“ใจพังๆ ถ้าเขาไม่จริงจังก็ให้เด็กช่างซ่อมได้นะครับ” เอกลักษณ์ของแผนกผมคือใครผ่านมาก็แซวแม่งหมด แซวจนกว่าจะได้ แต่จริงๆ แล้วมันน่าจะอยู่ไม่เป็นสุขถ้าไม่ได้แซวมากกว่านะผมว่าเพราะผมก็เป็น ฮ่าๆ

“ซ่อมให้ฟรีไม่คิดตังค์นะครับผม”

“ถ้าไม่มีเงินกินข้าวก็คิดนะครับบ” อันนี้เสียงของผมเองครับ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าอย่าไปลงทุนลงแรงเยอะไม่อย่างนั้นจะเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา

“ช่วงนี้จนหรอมึง” เพื่อนในแผนกคนหนึ่งหันมาถาม

“อย่าเรียกว่าจนเลยเรียกว่าไม่มีจะแดกดีกว่า” ไอ้โอ๊ตพูดแทนผมทันที

ผมกับมันก็พอๆ กันแหละหว่าา

“เรียนเสร็จแล้วไปกินข้าวไหนวะ” ไอ้ปาล์มถาม

“โรงอาหารปะกูขี้เกียจขับรถออกไปข้างนอก” ปกติพวกผมจะกินข้าวเที่ยงไม่ที่โรงอาหารในวิลัยก็ข้างนอกซึ่งวันไหนเบื่อข้าวในโรงอาหารก็ออกไปข้างนอก แต่วันนี้บอกเลยว่าขี้เกียจโคตรๆ

“กูเสร็จแล้วเนี่ยพวกมึงเสร็จยัง”

“เสร็งละๆ ” ผมตรวจสอบความเรียบร้อยของงานก่อนจะลงชื่อไว้ให้อาจาร์ยมาตรวจ งานเสร็จแล้วก็ไปหาไรกินดีกว่า

“นั่งทำเอ็มวีอะไรของมึงเพื่อนจะไปกินข้าวแล้วเนี่ย” ไอ้โอ๊ตหันไปพูดกับไอ้โก้ก่อนที่มันจะหันมามองด้วยตาลอยๆ ไม่ใช่อะไรนะครับไอ้โก้มันนอนไม่พอ

บอกแล้วว่าอย่าเล่นเกมส์ดึก ติดเกมส์ก็งี้แหละครับลาลาลอยเลยไหมล่ะมึง

“หน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอน”

“ก็มันไม่ได้นอน”

“อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนพวกมึง…”

“พวกมึงอะไร” ผมหันไปตบหัวไอ้โอ๊ตก่อนจะกอดคอมัน

“พวกมึงเล่นเกมส์กันดึกไง” เกลียดหน้าเวลามันแถจังครับกวนตีนชิบหาย

“กินไรดีวะ”

“เดินไปดูก่อนค่อยคิด” ผมว่าพลางกอดคอไอ้โอ๊ตแล้วเดินไปทางโรงอาหาร

ส่วนพวกข้างหลังก็ให้มันลากไอ้โก้มาด้วย เหลือแต่กายหยาบแล้วมั้งนั่น





“ขอโทษนะครับ รู้จักแมนแผนกออกแบบไหม” ผมเงยหน้ามองคนมาใหม่ อีกฝ่ายยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

ใบหน้าหล่อเหลาแต่พอยิ้มแล้วกลับดูหวานขึ้นมาบวกกับผมสีคาราเมลนั้นยิ่งทำให้คนตรงหน้าผมน่ามอง ทั้งการใส่ชุดนักศึกษาที่พับแขนเสื้อถึงข้อศอกแล้วปล่อยชายเสื้อออกยิ่งเสริมให้คนตรงหน้าผมดูเป็นคนแบดๆ ขึ้นมาทันที ในวิลัยมีคนแบบนี้ด้วยหรอวะ

“น้องครับ”

“ครับ เมื่อกี้ว่าไงนะครับ” มองจนลืมว่าเขาพูดอะไร แต่อย่าเข้าใจผิดว่าผมชอบนะครับแค่มองเพราะเขาดูดีแค่นั้นเอง

“รู้จักแมนแผนกออกแบบไหมครับ” แมนหรอ เดี๋ยวนะอยู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ไอ้ตังเคยเล่าขึ้นมา เรื่องไอ้แมนกับเด็กมหาลัย

“รู้จักครับ”

“ปกติแมนมากินข้าวที่นี่หรอครับ”

“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้สนิทกับเขา”

“เราชื่ออะไร พี่ชื่อไผ่นะเรียนมหาลัยใกล้ๆ นี่แหละ” เด็กมหาลัยจริงๆ ด้วยแฮะ เอาจริงๆ ผมก็ไม่ใช่พวกอคติกับคนอื่นไปทั่วหรอกนะ มันก็มีบางคนที่ไม่ได้อะไรกับพวกผมแต่ก็มีบางคนที่ไม่ชอบเหมือนกัน

“ทัชครับ”

“งั้นพี่ขอนั่งด้วยแปปนึงนะ” ว่าแล้วอีกคนก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามผมทันที

ผมนั่งอยู่คนเดียวโดยมีคนแปลกหน้านั่งด้วย เดอะแก๊งของผมพากันไปซื้อข้าวยังไม่มากันเลยส่วนไอ้ตังก็ยังไม่เลิกเรียน

เอาจริงๆ นะต่อมเผือกมันเริ่มทำงานแล้วว่ะ อยากรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นแฟนไอ้แมนจริงไหม

“ทัช” ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า ให้ตายเถอะผมชอบสีผมของเขาจริงๆ ว่ะ

“ครับ”

“พี่ขอไลน์ไว้ได้ไหม”

“ไลน์ผม?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าทำหน้ายังไงถึงทำให้อีกฝ่ายหลุดขำออกมาแบบนั้น

“โทษๆ พอดีเมื่อกี้หน้าน้องตลกมาก” เป็นคนเส้นตื้นขนาดนั้นรึไงวะ

“สรุปพี่ขอไลน์ทัชได้ไหม” ผมต้องให้ด้วยหรอวะเดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้วปะ

“จะเอาไปทำไมพี่ เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว”

“ก็เพราะอาจจะไม่ได้เจอไงเลยขอไว้” นี่คงไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอกนะ

คิดมากน่าผมเป็นผู้ชายเขาก็เป็นผู้ชาย แต่คนที่เขามาถามหาก็คือผู้ชายนี่หว่า

“อย่าคิดมากน่ะ พี่แค่อาจจะได้มาที่นี่บ่อยมีคนรู้จักไว้มันก็น่าจะดีกว่าไง” รอยยิ้มถูกส่งมาอีกครั้ง

“ก่อนจะให้ผมถามไรหน่อยดิ”

“ว่ามาสิ”

“พี่เป็นแฟนกับไอ้แมนหรอ” คนตรงหน้าไม่ได้ตอบในทันทีแต่กลับยิ้มให้ผม ยิ้มบ่อยจนผมเริ่มคิดแล้วนะเนี่ย

“ไม่ได้เป็นแฟนกันครับ” ถามว่าผมเชื่อไหมก็ห้าสิบห้าสิบนะ

“เอามือถือมาดิพี่”

ขณะที่ผมกำลังจะรับมือถือจากคนตรงหน้าก็โดนใครบางคนแย่งไปซะก่อน ผมหันไปมองก็พบว่าเป็นไอ้แมนที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆ

“ไม่เห็นต้องรบกวนทัชเลยพี่ไผ่ ครั้งหน้าถ้ามาก็ถามแมนสิ” ไอ้แมนยิ้มให้พี่ไผ่แต่ตามันไม่ได้ยิ้มด้วย

“แต่พี่อยากถามทัชนี่ครับ” พี่ไผ่ตอบแล้วยิ้มแบบเดียวกัน เอ่อ อย่ามาทะเลาะกันแถวนี้นะเว้ย

“หลบหน่อยค่ะคนจะกินข้าว” เสียงไอ้ตังดังขึ้นใกล้ๆ หูพลางชนไอ้แมนจนเกือบล้ม

แรงควายชิบหาย

“อีตังเม!”

“อ้าวอีแมน ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“พี่ไผ่เราไปกันเถอะ” ไอ้แมนตัดปัญหาด้วยการหันไปหาคนข้างๆ

“งั้นเจอกันใหม่นะทัช” คิดว่ากูอยากจะเจอมึงอีกไหมครับพี่

ไอ้แมนคว้าแขนคนที่ชื่อไผ่แล้วเดินออกไปทันที ส่วนไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็จ้องผมเหมือนมีอะไรอยากจะถาม

“เขามาจีบมึงหรอ”

“จีบเชี้ยไร”

“ก็เห็นเขาคุยกับมึง”

“คุยไม่ได้แปลว่าจีบ”

“ย่ะ อย่าคิดไปยุ่งกับพวกมันเด็ดขาด” ผมส่ายหน้ากับคำพูดมันก่อนจะหันไปหาเดอะแก๊งที่ไปซื้อข้าว

พวกมันไปซื้อข้าวที่ดาวอังคารรึไงเนี่ย นานชิบหาย

และผมก็แทบอยากจะเดินไปตบหัวพวกมันเรียงตัวเมื่อเห็นพวกมันนั่งจีบสาวอยู่ ข้าวไม่ต้องดงต้องแดกมันแล้ววันนี้

ไปจีบสาวก็ไม่ชวนกู!!!





….……………………………………………………



“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เชี้ยโอ๊ตแม่งโคตรได้อะ”

“มึงต้องไปเห็นหน้ามันตอนนั้นเว้ยอย่างฮา ฮ่าๆ ”

“แกล้งแต่กูไอ้พวกเวร” ไอ้ตังว่าพลางไล่เตะไอ้ปาล์มกับไอ้โอ๊ต

ผมกับไอ้โก้ได้แต่ยืนดูไม่เข้าข้างใครทั้งนั้นครับ ทีใครทีมัน

“พวกมึงหยุดเลยนะ”

“ไม่เว้ย เชี้ย! …ขอโทษครับ” ไอ้โอ๊ตวิ่งอยู่ดีๆ ก็ไปชนคนที่เดินผ่านมาพอดี เหมือนมันลืมว่าตอนนี้อยู่ห้างไม่ใช่ในวิลัย

“เดินอะไรของนายเนี่ย!” ผู้หญิงที่ถูกชนพูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะมองไอ้โอ๊ตตั้งแต่หัวจรดเท้า

พวกผมเกลียดการถูกมองแบบนี้ที่สุดมันเหมือนโดนเหยียดยังไงก็ไม่รู้

“เด็กเทคนิคหรอกหรอ”

“ขอโทษครับ” ไอ้โอ๊ตเริ่มเสียงแข็งก่อนที่พวกผมจะเดินเข้าไปหามัน

“ไปกันเถอะมึง ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ผมว่าก่อนจะบีบไหล่มัน แล้วขอโทษผู้หญิงตรงหน้า

“เสียงดัง เอะอะโวยวาย” ก่อนพวกผมจะเดินออกมาก็ไม่วายได้ยินเสียงบ่นของผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ผมจึงหันไปมองอีกทีก็เห็นใครบางคนที่ผมรู้จักเดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้นพอดี

พอคุณธัญอะไรนั่นเดินมาหาสาวเจ้าก็รีบไปเกาะแขนทันที ถ้าเป็นแฟนกันก็ไม่แปลกใจหรอกครับน่าจะเข้ากันได้ดี

“เล่นกันจนได้เรื่อง” ไอ้โก้หันไปบ่นให้ไอ้สามตัวนั้น

“ทำไมต้องมองแบบนั้นวะแม่ง เทคนิคแล้วไง” พอพูดถึงเรื่องนี้ไอ้โอ๊ตมันมักจะหัวเสียตลอด ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมองเราไม่ดีหรอกครับ แต่แล้วไงผมไม่แคร์นานแล้วล่ะคิดมากไปก็เหนื่อยเปล่าๆ ก็แค่คำคนอะไรปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยผ่านไป

“มึงจะไปแคร์ทำไมวะ เขาเป็นญาติมึงหรอ” ไอ้ตังเสริม

ไอ้โอ๊ตมองไอ้ตังอย่างหงุดหงิดก่อนที่ไอ้ตังมันจะส่งยิ้มกวนตีนกลับมา เดี๋ยวก็ได้ตีกันอีกรอบ

“มาๆ สุดหล่อของตังเมเดี๋ยวพาไปคีบตุ๊กตาเนาะ”

“จ่ายให้กูด้วย”

แต่ใครบอกว่ามันจะตีกันเสมอไปล่ะครับ มันก็ทำให้อีกฝ่ายกลับมาอารมณ์ดีได้อยู่ดี ไม่งั้นพวกผมคงคบกันไม่ได้หรอกถ้ามีแต่ตีกัน

“จ่ายให้กูบ้างดิ” ผมวิ่งไปกอดคอพวกมันทั้งสอง

“เกี่ยวไรอะมึง”

“เกี่ยวดิ ไม่มีกูพวกมึงไม่ได้ตุ๊กตาหรอก” ไม่ได้อยากโม้นะครับแต่จะบอกว่าผมคีบเก่งมากก

“ไหนมึงบอกว่าไม่มีมึงพวกกูจะไม่ได้ตุ๊กตาไง” วันนี้ไม่น่าจะใช่วันของผมว่ะ ปกติผมคีบได้ตลอดเลยนะเว้ยแต่วันนี้ไม่ได้สักตัว

“เสียเงินไปกับมึงจริงๆ ”

“ขออีกรอบ” ผมหันไปหาไอ้ตัง

“จ่ายเองดิ”

จ่ายเองก็ได้วะ ให้มันรู้ไปสิว่ารอบนี้จะไม่ได้

ผมเดินไปแลกเหรียญก่อนจะเดินกลับมาที่ตู้ตีบตู้เดิม

เอาตัวไหนดีวะ

ผมหันซ้ายหันขวาหาแนวร่วมก่อนจะเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งเดินมองตุ๊กตาอยู่

ถ้าคีบได้ผมจะให้เด็กคนนั้นแล้วกัน ต้องเป้าหมายไม่งั้นมันจะไม่มีแรงบันดาลใจ

สองเหรียญแรก… ไม่ได้

สองเหรียญต่อมา…ก็ยังไม่ได้อยู่ดี

ผมหยอดเหรียญแล้วเลือกคีบตุ๊กตาที่อยู่ใกล้ที่สุดมันต้องได้สักตัวแหละน่า

อย่าให้เสียชื่อไอ้ทัชดิวะ โม้ไว้แล้วด้วยได้แค่ตัวเดียวก็ยังดี

ในขณะที่ผมกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อตุ๊กตาตัวดังกล่าวก็หล่นลงในช่องพอดี

“เยส!” ผมหยิบตุ๊กตาออกมาอย่างดีใจ เสียเงินเยอะหน่อยได้ตัวเดียวก็ดีใจแล้วถึงจะไม่คุ้มก็เถอะ

พอหันไปรอบๆ อีกทีผมก็ถูกทิ้งซะแล้วไอ้พวกที่เหลือมันไปไหนล่ะเนี่ย

สงสัยจะไปเล่นเกมอื่นมั้ง

ผมมองหาเป้าหมายก่อนจะเดินไปหา บุคคลิกอย่างผมเดินไปหาน้องแล้วจะตกใจปะวะ

“น้องครับ” เด็กน้อยหน้าตาน่ารักหันมองหาผมก่อนผมจะย่อตัวลงให้เท่าน้อง

“พี่ให้ครับ” ผมยื่นตุ๊กตาไปตรงหน้า น้องทำหน้างงๆ ก่อนจะถอยห่าง

“ปะป๊าบอกว่าไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้าครับ” น้องทำหน้าจริงจังจนผมอดยิ้มไม่ได้

“พี่ชื่อทัชนะ น้องชื่ออะไรครับ”

“ชื่อมินครับ” ถึงจะบอกว่าแปลกหน้าแต่น้องก็ยังคุยกับผมอยู่ดีสิน้าา

“พ่อกับแม่ไปไหนครับ”

“ไปซื้อของครับ”

“แล้วน้องมินอยู่กับใครครับ”

“พี่เลี้ยงครับ”

“แล้วพี่เลี้ยงของน้องมินไปไหนเอ่ย” เด็กน้อยชี้ไปอีกทางก่อนผมจะถามต่อ

“พี่หายแปลกหน้ารึยังครับ”

“ยังแปลกอยู่ครับ” ผมขำทันทีที่น้องพูดจบ เด็กอะเนาะพูดอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด

“ตุ๊กตานี่พี่จะให้ใครดีน้าา” ผมลอบมองดูปฏิกิริยาของเด็กน้องตรงหน้า อยากได้แหละครับแต่ไม่กล้ารับเพราะผมเป็นคนแปลกหน้าสำหรับน้องไง

“งั้นผม…ขอได้ไหมครับ”

“พี่ไม่แปลกหน้าแล้วหรอ” ผมยิ้มให้เด็กน้อยตรงหน้า

“ก็...แปลกอยู่นิดหน่อยครับ” เด็กน๋อเด็ก

ผมยื่นตุ๊กตาให้น้องก่อนเจ้าตัวจะรับไปแล้วขอบคุณผม ทั้งทำท่าจะเดินออกไปแต่ยังเหมือนกล้าๆ กลัวๆ อยู่ผมเลยโบกให้ น้องจึงยิ้มแล้ววิ่งไปหาพี่เลี้ยง

เป็นเด็กนี่ก็ดีนะครับ สดใสดี

“อ้าว! น้องทัช เจอกันอีกแล้วนะ” ผมหันมองตามเสียงก็พบคนที่ผมเพิ่งเจอไปไม่กี่วัน เจ้าของผมสีคาราเมล ที่ชื่อไผ่คนนั้น

คนตรงหน้ายิ้มให้ผม คงรู้ตัวว่ายิ้มแล้วดูดีล่ะมั้งครับถึงได้ยิ้มเก่งขนาดนี้

“มาคนเดียวหรอ” พอเห็นว่าผมไม่ตอบคนตรงหน้าเลยถามต่อ

“เพื่อนครับ แล้วนี่มาเล่นเกมหรอพี่” บุคลิกไม่น่าจะมาโซนเกมเลยนะผมว่าน่าจะไปเดินดูพวกของแบรนเนมมากกว่า

“ก็เดินไปเรื่อยจนมาเจอทัชนี่แหละ”

“ว่างขนาดนั้นเลยหรอพี่”

“ฮ่าๆ อยากว่างมากกว่า” ได้ด้วยหรอวะ

“ผมไปหาเพื่อนก่อนนะพี่” ไม่ใช่มันหนีกลับแล้วหรอยิ่งเป็นเพื่อนที่น่ารักอยู่ด้วย

“เดี๋ยวสิ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินไปไหนคนข้างหลังก็เรียกไว้ซะก่อน

“ครับ”

“จะไม่ให้ไลน์พี่จริงๆ เหรอ”

“โทษทีนะพี่ ผมไม่ชอบให้ไลน์คนที่ไม่สนิทว่ะ” ยกเว้นผู้หญิงนะครับ อิอิ

ผมพูดแค่นั้นก็เดินออกมาทันที ตอนที่เจอกันครั้งแรกก็ว่าจะให้แล้วแต่คิดไปคิดมาไม่ให้ดีกว่า

อย่าหาว่าหยิ่งเลยนะครับแต่ผมไม่ชอบให้ไลน์ผู้ชายเท่าไหร่ มันไม่ใช่แนวของผมว่ะ



“ใจร้ายจังเลยนะ แบบนี้สิถึงจะน่าสนุก” ร่างสูงเจ้าของผมสีคาราเมลมองคนที่เพิ่งเดินออกไปอย่างนึกสนุก รอยยิ้มผุดขึ้นพร้อมกับความคิดบางอย่าง

เขายิ่งเป็นคนที่ชอบอะไรที่มันท้าทายและน่าสนุกซะด้วยสิ...








ผมกำลังขับรถเข้ามหาลัยที่ไม่ค่อยอยากจะเข้ามาเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น จริงๆ เคยเข้ามาสองสามครั้งแต่ไม่เคยใส่ช็อปเข้ามาเลยสักครั้งเพราะไม่อยากถูกตกเป็นเป้าสายตา แต่ครั้งนี้ต้องเข้ามาหาพี่แทนด้วยเหตุที่ท่านพี่ลืมกระเป๋าตังค์แล้วขี้เกียจเข้าร้าน

หาเรื่องใช้ผมล่ะไม่ว่าเพราะสองสามวันมานี้ผมไม่ได้เข้าร้านเลย

ผมจอดรถหน้าตึกคณะบริหารก่อนจะถอดหมวกกันน็อคแล้วหยิบมือถือขึ้นมาหาโทรหาพี่แทน

“ผมอยู่หน้าตึกคณะพี่นะ”

พอผมพูดจบพี่แทนก็วางสายทันที ตัดความสัมพันธ์ไวมากพี่ผม

ตอนนี้ตอนเย็นคนกำลังเยอะพอดีผมชอบบรรยากาศตอนเลิกเรียนนะครับ อาหารตาดีสุดๆ มองแล้วเพลินดี

“จะกลับบ้านไหม” เสียงดังจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง พี่แทนอยู่ในชุดนักศึกษาพับแขนเสื้อทั้งสองข้างกำลังเดินมาหาผม

“ไม่อะ เอากระเป๋ามาให้พี่ก็จะกลับห้องเลย”

“ระวังโดนตัดค่าขนม”

“ก็มาขอพี่ไง” ผมยิ้มกว้าง ถึงจะขี้บ่นแต่โคตรใจดีนะครับคนนี้

“ใครบอกว่าพี่จะให้” อ้าว

“งั้นผมเอาก่อนได้ปะ” ผมทำท่าจะเปิดกระเป๋าตังค์พี่แทน แต่ถ้าไม่โดนห้ามก็จะเอาจริงๆ นะครับ

“ไม่ต้องเลยไอ้ตัวแสบ” พี่แทนแย่งกระเป๋าจากมือผมก่อนจะใช้เคาะหัวผมเบาๆ

“แค่นี้เลี้ยงน้องไม่ได้หรอครับ”

“หึ” มือหนายีหัวผมแรงๆ รุ่นนี้ไม่เอ็นดูแล้วมั้งน่าจะหมั่นไส้มากกว่า

“เดี๋ยวผมกลับแล้ว อยู่นานไม่ดี”

“ทำไม”

“ไม่ชอบคนมอง” มองแบบพิศวาสจะดีมากนะครับแต่นี่ไม่ใช่อะดิ

“อย่าไปใส่ใจเลยน่า”

“รู้แล้วครับ”

ผมโบกมือให้พี่แทนก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วขับออกไปทันที ว่างๆ ก็อยากมาแถวนี้นะครับเจริญหูเจริญตากว่าในวิลัยตั้งเยอะไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงไม่สนใจพวกผมเลย เพราะที่นี่หน้าตาแต่ละคนเหมือนคัดมากันทั้งนั้น

ระหว่างที่ผมขับรถชิลๆ ของผมไปเรื่อยผมก็ขับผ่านตึกนิเทศ ตึกนี้คนหน้าตาดีน่าจะเยอะโดยเฉพาะคนที่ชอบมาปรากฏตัวอยู่ในสายตาของผม

คุณธัญนั่งอยู่กับเพื่อนอีกสองคน คนที่โดดเด่นก็มักจะมองเห็นก่อนคนอื่นเสมอ

เรียนนิเทศสินะ

จริงๆ ผมคงไม่มีเวลามาดูใครนานขนาดนั้นหรอกเพราะผมขับรถอยู่ ในขณะที่ผมกำลังจะละสายตาจากสามคนนั้นคุณธัญก็หันมาทางผมพอดี แต่คงไม่รู้หรอกว่าเป็นผม







“มึงปิดมือถือหรอ”

“ทำไม”

“กิ๊กเก่ามึงโทรมา” ผมวางกระเป๋าลงบนเตียงแล้วหันไปหาไอ้โก้

“ใครวะ”

“คนที่มึงเทล่าสุดไง” พอนึกได้ผมก็แทบจะถอนหายใจออกมาแรงๆ ใครไม่เทก็บ้าแล้วเอาแต่ใจขนาดนั้นแถมยังไม่ยอมจบอีก

“เขาโทรหามึงหรอ”

“ใช่”

“แล้วมึงตอบเขาว่าไง”

“เขาแร็พใส่กูอะกูเลยวาง” เหมือนเป็นเรื่องโชคดีที่ผมไม่ได้ยินเสียงมือถือ ไม่งั้นผมคงเผลอรับแน่ๆ เพราะเธอคนนี้ไม่น่าจะใช้เบอร์ตัวเองโทรมา

ไม่จำเป็นจริงๆ ผมไม่เลิกคุยกับใครง่ายๆ และไม่เทใครก่อนด้วยซ้ำแต่คนล่าสุดเอาแต่ใจแถมยังไม่ค่อยฟังใครผมเลยตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ และก็เป็นอย่างที่เห็นเธอยังไม่ยอมจบ

เห้อออ ถ้ามีแฟนอีกครั้งก็ขออย่าได้เจอคนเอาแต่ใจอีกเลย!



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เสน่ห์แรงไม่เบานะน้องทัช

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 6
นำ้ใจ


บรรยากาศภายในบ้านอึมครึมทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและบริเวณรอบๆ ถูกความมืดปกคลุมจนทำให้ทุกคนต้องมารวมตัวกันที่ห้องโถง

ต่างคนต่างเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา…

พัวะ!

“โอ้ย!”

“กูบอกให้เปิดไฟฉายมือถือมึงยืนนิ่งทำไมเนี่ย” ฝ่ามือไอ้โก้ตบลงที่กลางหัวผมเต็มๆ กำลังสร้างบรรยากาศในหัวอยู่ดีๆ ชอบขัดจริงๆ เลย

“เออๆ ไม่เห็นต้องตบเลยไอ้สัส” แม่ง กูแค่ยืนเหม่อเอง

เนื่องจากตอนนี้บ้านพวกผมไฟดับเลยอพยพกันมาอยู่ที่ห้องโถงดับแค่บ้านพวกผมด้วยนะประเด็น มาอยู่ยังไม่ถึงเดือนจะตัดไฟแล้วหรอวะ

“มันเป็นไรอะ” ผมส่องไฟไปที่ไอ้ปาล์มที่กำลังยืนสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ข้างๆ ไอ้โอ๊ต

“ตกใจไอ้ตังตอนเดินมาห้องโถง” ไม่รู้จะขำหรือสงสารดี

“เพื่อนมึงสวยเกินไปไงไอ้โอ๊ต ฮ่าๆๆ ”

“ปากมึงนี่นะ เดี๋ยวมันก็หลอกมึงหรอก ฮ่าๆ ”

“พวกมึงจะไม่หยุดใช่ไหม” อุ้ย เสียงแข็งมาเลยครับเพื่อนตัง

ไอ้ตังไม่ได้กลัวผีหรืออะไรนะมันร้อนเลยเริ่มหงุดหงิด ต้องสงบปากสงบคำครับก่อนจะซวย

“เดี๋ยวกูโทรไปถามเขาก่อน” ไอ้โก้ผู้ที่เปรียบเสมือนเสาหลักของบ้านรีบกดมือถือแล้วโทรออกทันที

“พวกมึง สถานการณ์แบบนี้มันต้องเล่า…”

“หยุดเลยไอ้ทัช” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบไอ้ปาล์มก็พูดแทรกขึ้นมาทันที เพราะมันรู้ว่าผมจะพูดอะไร

“มันยังไม่หายสั่นเลยมึงจะเล่าทำไม” อดเลยผม

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาจะมาดูให้” ไอ้โก้วางสายก่อนจะหันมาคุยกับพวกผม

งั้นวันนี้พวกผมก็ต้องทนร้อนอ่ะดิ

“เล่าเรื่องผีไม่ได้งั้นเรามาปาร์ตี้กัน” ผมเสนอ

ไฟดับแบบนี้ต้องเปิดEDM ตื๊ดๆ กันสักหน่อย ไม่มีอารมณ์นอนแล้วตอนนี้

“พรุ่งนี้มีเรียน”

“กูนอนไม่หลับเหมือนกัน”

“กูด้วย” ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจคำพูดไอ้โก้สักเท่าไหร่

“งั้นจัดไป”

“ไอ้ปาล์มมึงไปดูในตู้เย็นดิ้ มีเครื่องดื่มอะไรบ้าง”

“ไม่เอาอะ มึงไปเองดิกูจะนั่งรอตรงนี้” บางทีผมก็เบื่อที่มันขี้กลัวขนาดนี้นะ ใช้ไรไม่ได้เลย

“เออๆ เดี๋ยวกูไปดูเอง”

ผมใช้ไฟฉายจากมือถือส่องไปทางตู้เย็นก่อนจะเปิดตู้เย็นแล้วสิ่งที่พบก็ทำให้ผมแทบอยากจะร้องไห้

นมเปรี้ยว!

แล้วไหนล่ะเบียร์ที่ผมเอามาใส่ไว้ ใครมันแดกหมดวะเนี่ย

“ใครแดกเบียร์หมดเนี่ย” ผมตะโกนถาม

“กูเห็นไอ้ตังมันแดกทุกวันอะ หมดแล้วหรอ”

แล้วเอานมเปรี้ยวมาใส่แทนเนี่ยนะ มึงกินอะไรมึงก็ต้องเอาอันนั้นมาแทนสิวะ

ปาร์ตี้นมเปรี้ยว…

จ้าาาาา




สุดท้ายผมก็ต้องเอานมเปรี้ยวไปเป็นเครื่องดื่มในปาร์ตี้คืนไฟดับ จริงๆ กินนมเปรี้ยวก็เมาได้ถ้าใจเราคิดอย่างนั้น

เหอะ!

แต่ประเด็นคือมันไม่ควรเป็นนมนี่แหละ







ฉันจะพาเธอลอย…ล่องไปในอวกาศที่มีแต่เธอ มีแต่เธอ...

พอผมเห็นสภาพของตัวเองกับเดอะแก๊งก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาทันที ตาจะลอยไปไหน

เหตุเกิดจากการที่ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงทำให้หน้าตาแต่ละคนดูไม่สดใสเลยสักนิด

ใครเป็นคนต้นคิดวะเมื่อคืน

ก็ผมเองนี่หว่า...

“ตื่นมาฟังอาจารย์ดิวะ” ผมสะกิดไอ้โก้ จะปล่อยให้กูอยู่คนเดียวไม่ได้นะเว้ย

“ขออีกแปป” อีกแปปรอบที่ห้าแล้วไอ้สัส

ผมคือผู้รอดชีวิตที่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ของวันนี้ ในเมื่อไม่มีใครตื่นได้ก็คงเป็นผมที่ต้องเรียน ถ้าไม่เรียนแล้วใครจะเก็บงาน

วันนี้ก็ต้องเข้าร้านแล้วลากไอ้โก้ไปด้วยอีก ไม่รู้ว่าผมหรือมันที่จะไม่รอดในตอนนี้

ไลน์~

(Group) หล่อกว่านี้ก็ผีแล้วปะ!

N'May : เพื่อนนนน

ผมมองไลน์กลุ่มที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครส่งมา ไอ้สามตัวนี้คงไม่แชทมาแน่ๆ

T_T: ว่าไง

N'May: ไปตี้กัน

ตี้ที่ว่าคือปาร์ตี้ครับแต่มันชอบเรียกตี้เฉยๆ มันบอกว่าเข้าใจง่ายดี

T_T: กูเข้าร้าน

N'May: งั้นไปตี้ร้านพี่มึง

T_T: อย่ามาหาเรื่องให้กู อยากตี้ก็ไปตี้ที่อื่น

N'May: มึงไม่เข้าใจอะทัชชชช

เออกูไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่ามึงจะมาหาเรื่องให้พี่แทนบ่นกูทำไมเนี่ย

N'May: แล้วไอ้สามตัวมันไปไหนวะ

T_T: *แนบรูป

ผมถ่ายรูปไอ้สามตัวที่มันนอนฟลุบอยู่กับโต๊ะส่งเข้าในไลน์ อาจารย์ก็ไม่ได้สนใจจะด่าพวกผมหรอกเพราะแกด่าจนขี้เกียจด่าแล้ว

เสียงไลน์เงียบไปผมจึงเข้าแอพอื่นต่อ เมื่อกี้ก็อยากจะตั้งใจเรียนอยู่หรอกนะแต่มันง่วงมากไม่ไหวเลยต้องหาอะไรทำแก้ง่วง

บางทีมือถือก็ทำให้ง่วงได้เหมือนกันนะครับ เลื่อนไปเลื่อนมาตาก็เริ่มจะปิดแล้ว

ปล่อยเถอะครับอาจารย์!

ป๊อก ป๊อก

ผมเคาะโต๊ะรอเวลาเลิกทั้งให้ตัวเองไม่หลับ ไม่หลับหรอกครับเพราะเริ่มเจ็บนิ้ว

ทำทุกอย่างเพราะถ้าอยู่เฉยๆ หลับแน่ๆ

ป๊อก ป๊อก

สายตาก็มองเวลาบนหน้าจอมือถือไปพลาง หมดเวลาปุ๊บผมลุกขึ้นปั๊บเลยนะบอกเลย

“ไว้เจอกันคาบหน้า อย่าลืมทำงานมาส่งกันด้วยล่ะ”

เสียงบอกเลิกเรียนเหมือนเสียงจากสวรรค์ผมแทบจะเก็บของทันทีที่อาจารย์พูดจบ

“น้อยๆ หน่อย จะรีบอะไรขนาดนั้น” ผมยิ้มให้อาจารย์ก่อนจะหันมาเก็บของต่อ ก็คนมันรีบนี่ครับอาจารย์

“เห้ย พวกมึงตื่น” ผมเตะไอ้สามตัวก่อนพวกมันจะยอมเงยหน้าขึ้น

“เลิกเรียนแล้วหรอ” ไอ้โอ๊ตถามพลางเช็ดน้ำลาย หลับจริงจังไปอีก

“เออ ให้ไวกูจะเข้าร้าน” ประโยคหลังผมคุยกับไอ้โก้ก่อนมันจะพยักหน้าด้วยท่าทางสะลึมสะลือ จริงๆ ก็ไม่คิดว่าพวกมันจะนอนจริงจังขนาดนี้

“พวกมึงไปด้วยปะ”

“กูจะกลับบ้าน ไม่ไหว”

“กูด้วย ฮ้าวว” ไอ้ปาล์มหาวออกมาอย่างไม่เกรงใจประชากรที่อยู่ในห้องเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเช้าพวกมันหลับไม่ได้เพราะวิชานั้นอาจารย์โหด เลยมาหลับเอาคาบบ่ายซึ่งจะกลับไปนอนต่อที่บ้านอีก

อยากกลับด้วยชิบหาย

“เออๆ งั้นไว้เจอกัน”

“เออๆ ”

ผมเดินออกจากห้องโดยมีไอ้โก้เดินตามหลังมาติดๆ วันนี้มันไม่ขับรถมาเองเพราะสภาพมันไม่น่าจะรอดอะครับ กลัวแม่งหลับในยิ่งตอนนี้นึกว่าซอมบี้







“โก้อกหักหรอ” พี่แนนถามพลางชี้ไปทางไอ้โก้

“อกหักอะไรล่ะพี่ มันไม่ได้นอน” เศร้ากว่าอกหักคือไม่ได้นอนนั่นแหละชีวิตมันอะ

“อ้าว พี่ก็นึกว่าอกหักเห็นไม่พูดไม่จา” หลับในอะผมว่า

“วันนี้ทำไมคนเยอะอะพี่”

“ร้านเรามีโปรโมชั่นไง”

“นี่คนไม่เข้าร้านจนต้องทำโปรโมชั่นเลยหรอ”

“เรานี่นะ มันมีทุกเดือนอยู่แล้วจำไม่ได้หรอ” จริงด้วยแฮะ ลืมเลย

พี่แนนส่ายหน้าเอือมๆ ใส่ผมก่อนที่ผมจะหัวเราะออกมา แค่ความจำสั้นเป็นบางเรื่องเองนี่นา

“คิดตังค์ลูกค้าเร็ว”

“ค้าบบบ”

ผมหันมายิ้มให้ลูกค้าก่อนจะชะงักกับรอยยิ้มที่ถูกส่งมาเหมือนกัน

เจอบ่อยไปรึเปล่าวะ

“ทำงานที่นี่หรอ” คนตรงหน้าถาม

“ครับ”

“ทั้งหมด350บาทครับ”

ผมรับเงินสดจากคนตรงหน้าก่อนจะยื่นตังค์ทอนกลับไป

“เปลี่ยนจากตังค์ทอนเป็นไลน์ทัชได้รึเปล่า”

ฝังใจอะไรกับการขอไลน์ผมรึเปล่าวะ

“รับเงินทอนด้วยครับคุณลูกค้า”

“ไม่เป็นไรครับถือว่าเป็นทิป”

พี่ไผ่ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกจากร้านไป คนรวยอะเนาะทำอะไรก็ได้







.................................................



การกลับบ้านในรอบหลายสัปดาห์ทำให้คนที่บ้านพอใจอยู่ไม่น้อย แต่ที่กลับเพราะโดนขู่ตัดค่าขนมต่างหากล่ะ

โดนตัดค่าขนมแล้วผมจะอยู่ได้หรอก็ต้องกลับน่ะสิ

ตัวการเลยคือพี่ชายที่แสนดีของผมเอง บอกว่าคิดถึงผมก็จบไม่เห็นจะต้องหาเรื่องให้ผมกลับบ้านเลยโถ่

“ดูทำหน้าเข้า ไม่อยากกลับบ้านขนาดนั้นเลยหรอเรา” พี่แทนนั่งลงข้างๆ ผม

“เปล่าครับ แค่คิดว่าถ้าพี่คิดถึงผมก็บอกกันดีๆ ก็ได้ไง”

“หึ มั่นใจจังเลยนะ” พี่แทนหัวเราะทำเอาผมเริ่มหมั่นไส้นิดๆ ขนาดหัวเราะยังหล่อ ทำไมพี่แทนดูดีจังวะเป็นพี่ผมจริงๆ ปะเนี่ย

“ผมไม่ค้างนะ”

“งั้นกินข้าวเย็นก่อนค่อยกลับ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมคิดถึงฝีมือแม่จะตาย” เรื่องจริงนะครับแม่ผมทำอาหารอร่อยที่สุดแล้ว

“บอกพี่ทำไมไปบอกแม่นู่น”

“ไม่อะ จะบอกพี่”

ว่าแล้วผมก็ยิ้มกวนๆ ใส่พี่แทนทันที การกลับบ้านนอกจากจะสบายกายแล้วยังสบายใจอีกแต่ก็นั่นแหละนานๆ ทีค่อยจะได้กลับอยู่ดี




“กลับแล้วนะครับ” ผมไหว้พ่อกับแม่และพี่แทนก่อนจะโบกมือให้

“ขี่รถดีๆ นะกลับบ้านบ่อยๆ จะดีมาก” เสียงแม่พูดติดจะน้อยใจนิดหน่อย

แม่มักจะบ่นว่าผมไม่ค่อยกลับบ้านอาจจะเป็นเพราะมีแต่พี่แทนอยู่บ้านแล้วมันคงเหงาแปลกๆ ล่ะมั้ง พี่แทนก็เรียบร้อยไงไม่เหมือนผมที่เป็นตัวป่วน

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ ที่ผมออกจากบ้านและจะไปอีกบ้านที่มีเดอะแก๊งรออยู่ ตามจริงจะกลับไวกว่านี้แต่พอกินข้าวเสร็จก็คุยกันไปเรื่อยจนลืมเวลา

ที่จริงผมก็กลับดึกเป็นปกตินะเพราะทำงานและตอนนี้ก็มีความคิดจะไปสมัครงานอีกเพราะมีของที่อยากได้

แต่งานที่ผมจะไปสมัครค่อนข้างเป็นงานที่พี่แทนไม่น่าจะเห็นด้วย ก็นั่นแหละครับอย่าให้พี่ท่านรู้ก็พอ อิอิ

ผมขี่มอ’ ไซค์ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปบ้านอีกหลังอย่างใจเย็น จนกระทั่งเจอรถคันหนึ่งจอดอยู่แต่ผมจะไม่สนใจหรอกถ้าผมไม่รู้สึกคุ้นไอ้รถคันที่ว่า

ผมชะลอความเร็วแล้วขี่ไปดูใกล้ๆ ชัดเลยไอ้รถBMWที่ขับปาดหน้าผมตอนนั้น

สงสัยจะฝังใจแฮะถึงยังจำได้

แต่ดูเหมือนว่าผมคงจะไม่ต้องปล่อยลมรถอย่างที่เคยคิดไว้แล้วล่ะมั้ง เพราะเจ้าของรถที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างๆ รถทำให้พอจะรู้ว่ารถน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง แต่ขอดูหน้าเจ้าของรถหน่อยเถอะ

ผมจอดรถข้างๆ ทำให้อีกฝ่ายหันหน้ามาเหมือนกัน

ถ้าเป็นผู้หญิงผมจะคิดว่าเป็นเนื้อคู่ผมแล้วนะ บังเอิญเกินไปแล้ว

ไอ้คุณธัญ

ผมถอดหมวกกันน็อคออกก่อนจะทักทายอีกคน

“ไงคุณ รถเสียหรอ” อีกฝ่ายมองผมนิ่งๆ เหมือนอารมณ์ไม่ดีก่อนจะลุกขึ้น

อะไรวะคนพูดด้วยก็ไม่พูดด้วย

แล้วผมจะทำไงล่ะอุตส่าห์จอดรถลงมาดูแต่โดนเมินเฉยเลย งั้นก็ตัวใครตัวมันแล้วกันนะ ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้น

“เดี๋ยว” ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับไอ้คุณธัญก็เรียกพอดี ลีลาจริงๆ เลยพ่อเอ้ย

“มีอะไรครับ”

“รู้จักร้านซ่อมรถแถวนี้ไหม”

“รู้”

“มีเบอร์ไหม”

ผมไม่ได้ตอบในทันทีกะจะยั่วโมโหอีกฝ่ายสักหน่อยซึ่งมันก็ได้ผลครับเพราะตอนนี้อารมณ์ของอีกฝ่ายก็ค่อยข้างจะติดลบอยู่พอสมควร

“ตกลงมีไหม”

“เอามือถือคุณมาดิ” ไม่ทันได้รอนานมือถือราคาแพงก็วางอยู่บนมือผมเรียบร้อย เอาซะมือสั่นเลยวุ้ย อย่าทำของเขาตกนะไอ้ทัช

“อะ” ผมส่งมือถือคืนคนตรงหน้าก่อนคุณเขาจะกดโทรออก

จริงๆ ถือว่าผมช่วยแล้วจะกลับเลยก็ได้นะ แต่ผมก็ยังอยู่ดูอีกฝ่ายหัวเสียเล่นๆ จนลืมไปว่าผมก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน

“ไม่กลับ?”

“ช่างเขาว่าไง”

“เดี๋ยวเขาจะมาเอารถ”

คุณธัญจ้องมือถือสักพักก่อนจะแสดงสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็น เวลาหงุดหงิดก็แปลกตาไปอีกแบบเพราะเวลาเห็นทีไรก็มีแต่หน้านิ่งๆ หรืออาจจะมียิ้มมุมปากบ้างเป็นบางที

ให้ทายไม่แบตหมดก็โทรหาใครสักคนไม่ติด

ดูซวยกว่าที่คิดนะเนี่ย

“ยืมมือถือหน่อย”

“แบตหมดน่ะคุณ” หมดก็บ้าแล้วพึ่งชาร์จมา

แกล้งไปงั้นแหละครับเห็นคนอารมณ์เสียแล้วมันบันเทิงใจดี

รอสักพักช่างก็มาพร้อมทั้งจัดการดูรถคร่าวๆ ก่อนจะเคลื่อนย้ายรถไปที่ร้านเหลือแต่ผมกับคุณเขาที่ยังอยู่ที่เดิม กว่าจะซ่อมเสร็จคงสองสามวันล่ะมั้ง

“บ้านอยู่แถวไหน” ผมถามคนข้างๆ

“ทำไมจะไปส่งฉันหรอ” ถึงแม้ไอ้เรื่องไปส่งจะไม่อยู่ในหัวก็เถอะ แต่คิดสักหน่อยก็ได้เห็นแล้วสงสาร

“ถ้านั่งได้ก็ขึ้นมา” BMWกับมอ'ไซค์คงเทียบกันไม่ได้อะเนาะ

ในระหว่างที่ผมคิดว่าอีกคนคงไม่บ้าจี้ตามผมแน่ๆ แต่ผมคิดผิดเมื่ออีกคนนั่งซ้อนท้ายผมเรียบร้อยแล้ว

แล้วไงต่อล่ะเขาขึ้นรถแล้วก็คงต้องไปส่งสินะ

“ไปเร็วฉันรีบ” เป็นคนขับรถโดยสมบูรณ์แบบเลยกู





“อะไร” ผมมองแบงค์สีเทาหลายใบที่ยื่นมาตรงหน้า

“ค่ามาส่ง” ผมเข้าใจนะว่าคุณเขารวยแต่บางทีมันก็ไม่ต้องทำแบบนี้ปะวะ

“คุณรู้จักคำนี้ไหม”

“อะไร”

“น้ำใจ ถ้ารู้จักก็เอาเงินคุณคืนไป” ดูเหมือนคนตรงหน้าผมจะอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะเก็บเงินของตัวเองคืนไป

ว่าจะไม่อารมณ์เสียแล้วนะแต่ผมไม่ชอบว่ะ

“ขอบใจแล้วกัน” คำขอบใจที่ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทำให้ผมไม่ได้สนใจมากนะ เพราะเหมือนอีกฝ่ายพูดตามมารยาทมากกว่า

ขณะที่ผมกำลังจะขี่รถออกจากหน้าคอนโดหรู เสียงที่ดังพอให้ผมที่ใส่หมวกกันน็อคอยู่ได้ยินก็ทำให้ผมรีบขี่ออกไปทันที

“ทีหลังถ้าอยากมาส่งฉันก็ไม่ต้องโกหกว่าแบตหมดก็ได้นะ”

ครั้งหน้าคงไม่มีแบบนี้อีกแล้วล่ะ!




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หยิ่งไม่เปลี่ยนเลยนะ  อิตาธัญ

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 7
ผมก็อยู่ของผมเฉยๆนะ




“ทัชหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ทำไมกูต้องมาอยู่ในจุดที่ต้องวิ่งหนีผู้หญิงด้วยวะเนี่ย!

ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน แล้ววิ่งหนีแม่งเลย

“ขอโทษครับ!” ผมรีบขอโทษทันทีที่รู้สึกว่าชนกับใครบางคน

“รีบอะไรขนาดนั้นอะทัช”

“อ้าวไอ้แมน โทษๆ ” ผมว่าพลางหันกลับไปมองด้านหลังถ้าวิ่งตามทันผมก็ยอมแล้วนะ ดูมีความพยายามเกินไปแล้ว

“แล้วหนีอะไรมา”

“เรื่องของกูน่า”

“ไหนๆ ก็เจอกันแล้วเราขอคุยด้วยหน่อยสิ” ไม่ว่าเปล่าไอ้แมนก็คว้าแขนของผมให้เดินตามมันไปทันที

เดินมาสักพักมันก็หยุดแล้วมองผมด้วยสายตาจริงจัง ปกติผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันอยู่แล้วจึงค่อนข้างแปลกใจที่มันบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผม

“มีเรื่องอะไร”

“ทัชจำพี่ไผ่ได้ไหม”

“แฟนมึงอะนะ”

“ไม่ใช่แฟน” แต่กิ๊กกันอยู่ว่างั้น

“แล้ว?”

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ” ทำไมต้องคิดว่าผมจะอยากไปยุ่งกับพี่ไผ่อะไรนั่นด้วยวะ

“กูก็ไม่ได้จะยุ่งอยู่แล้ว อะไรของมึง”

“เราแค่อยากเตือนทัช”

“มีอะไรต้องเตือน ยังไงกูก็ไม่ไปยุ่งอยู่แล้ว” เพราะผมไม่ได้สนใจผู้ชายด้วยกันสักหน่อย

“ก็ดี…”

“ส่วนมึงถ้ารู้ว่าเขาไม่ดี ก็อย่าไปยุ่งดิ” ที่มาเตือนผมไม่รู้ว่าหวงหรืออะไรแต่ผมคิดว่ามันไม่ได้หวงพี่ไผ่หรอก ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้จริงจัง

“อือ”

“ที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม”

“ใช่”

พอไม่มีอะไรแล้วผมก็ทำท่าจะเดินไปอีกทางแต่ไอ้แมนก็เรียกไว้ซะก่อน

ลีลาอีกละ

“เดี๋ยว”

“อะไร”

“เราไปกินข้าวกันไหม…”

“กูไม่อยากมีปัญหากับไอ้ตัง” ผมคิดว่ามันก็น่าจะเข้าใจแหละเลยไม่เซ้าชี้ผมอีก

ผมกับมันไม่ได้เกลียดกันแต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันหรือชวนไปกินข้าวได้ ก็แค่เพื่อนร่วมวิลัยแค่นั้นแหละ







ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันซวยของผมหรืออะไรปัญหามีตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้

ขนาดในห้องน้ำยังจะตามมาอีกหรอวะ

ผมมองรุ่นพี่สามคนที่กำลังมองผมไม่ต่างกันแต่เป็นสายตาที่เอาเรื่องอยู่พอสมควร ไปเหยียบตาปลาใครไว้รึเปล่าวะเนี่ย

“พวกพี่มีธุระอะไรกับผมรึเปล่า” ผมถามออกไปอย่างสุภาพ เท่าที่จำได้ผมไม่ได้ไปมีเรื่องกับพวกนี้มาก่อนเลยนะ

“มีคนบอกว่ามึงคุยกับเมียกู” ถ้าเป็นเมียมึงจะมาคุยกับกูได้ไงล่ะวะ อีกอย่างตั้งแต่เลิกคุยกับคนที่ตามผมเมื่อเช้าผมก็ไม่ได้คุยกับใครเลยนะ

หรือว่า...

“กูเห็นพวกมึงคุยกันเมื่อเช้า” ชิบหาย มีผัวแล้วยังตามกูอีกหรอเนี่ย

“คนคุยกันก็เป็นเรื่องธรรมดาปะพี่”

“หรอ คุยกับเมียกูกูไม่นับว่าธรรมดาว่ะ” คนที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนของมายด์ คนที่ผมเคยคุยด้วยนั่นแหละคว้าคอเสื้อผมก่อนจะกำมันแน่น

กูเสียเวลารีดไปตั้งกี่นาทีแล้วมึงมาทำมันยับเนี่ยนะ

“แต่ผมนับว่าธรรมดาว่ะ” ผมแกะมือที่กำคอเสื้อผมออก ใจหนึ่งก็อยากผลักออกแต่คิดว่าถ้าทำแบบนั้นคงได้ต่อยกันในนี้แน่ๆ เพราะดูหน้าแต่ละคนพร้อมรุมผมมาก

การมีเรื่องชกต่อยเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกผมไม่ใช่มีเรื่องกันบ่อยนะแต่เพราะเลี่ยงไม่ได้เหมือนสถานการณ์ที่ผมกำลังเจอตอนนี้ เพราะงั้นต้องเอาตัวรอดให้ได้และอย่าให้ถึงหูอาจารย์เด็ดขาดไม่งั้นตายแน่ๆ

“หน้าตากวนตีนชิบหายเลยไอ้ห่านี่” ไอ้รุ่นพี่ตัวสูงอีกคนพูดขึ้น

ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าผมจะออกจากห้องน้ำยังไงไม่ให้โดนต่อย หมัดหลุ่นๆ ก็พุ่งเข้ามาที่หน้าผมอย่างไม่ทันได้ทั้งตัว

แม่งพาพวกมาไม่พอยังเล่นทีเผลออีกไอ้เหี้ย

“เห็นหน้ามึงแล้วหมั่นไส้ว่ะ”

“พวกเหี้ย! แม่งรุมหรอวะ” คนหนึ่งล็อคแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้ก่อนที่อีกคนจะใช้กำปั้นต่อยท้องผมอย่างจัง

อย่าให้กูรอดไปได้นะมึง!

ตุบ!

ผมยกเท้าถีบไอ้คนที่กำลังจะมาต่อยผมซ้ำก่อนจะเอาหัวกระแทกกับหัวคนที่ล็อคแขนผมอยู่ แล้วรีบพุ่งไปที่หน้าประตูทันที

สัสเถอะ แม่งล็อคประตูด้วยหรอเนี่ย

“จะไปไหน”

ตุบ!

แรงถีบจากด้านหลังทำให้หน้าผมแทบแนบกับประตูก่อนที่คนข้างหลังจะคว้าคอเสื้อผมเอาไว้

“ช่วยด้วยครับ! ช่วยด้วย!” ในเมื่อรอดด้วยตัวเองไม่ได้ก็ต้องหาคนช่วยล่ะวะ

“แหกปากทำเหี้ยไรวะ!” ผมอาศัยจังหวะที่มันหัวเสียถีบมันคืนแล้วรีบเปิดประตูออกไปทันที ไม่รู้จะบอกว่าโชคดีหรือไม่ดีที่ตอนนี้เป็นเวลาเรียนแล้วไม่มีใครเห็นสภาพเหมือนฟัดกับหมาของผมตอนนี้

เข้าห้องเรียนไม่ได้แล้วสิ ส่วนไอ้พวกข้างหลังก็ต้องหนีอีก

วันหนีแห่งชาติรึไงวะ!



ผมหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาเดอะแก๊งรายงานสภาพความเป็นอยู่เล็กน้อยทั้งในใจคิดว่าจะไปห้องพยาบาลแต่เสียงจากข้างหลังทำให้ผมต้องวิ่งอีกรอบ

“แสบนักนะมึง”

แม่งกัดไม่ปล่อยเลยว่ะ แค้นอะไรกูนักหนาวะเนี่ย

จากที่คิดว่าจะไปห้องพยาบาลผมก็เปลี่ยนทิศทางเป็นหน้าประตูวิลัยแทน รถก็ขี่ไม่ได้เพราะไม่มีกุญแจที่ติดตัวอยู่ก็มีแต่มือถือ

ถ้าจะถึงขนาดตามออกนอกวิลัยละก็ ผมก็หาทางหนีได้เหมือนกันล่ะวะ

“แฮกๆๆ ” ผมหยุดวิ่งก่อนจะมองข้างหลังก็ไม่เห็นใครวิ่งตามมาแล้วจึงนั่งลงทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าวิ่งมาถึงไหน

รู้สึกตัวอีกทีก็เจ็บไปทั้งตัวโดยเฉพาะตรงใบหน้า หน้ากูไอ้พวกเหี้ย!

ถ้าพี่แทนเห็นตายแน่ๆ ยิ่งต้องเข้าร้านอยู่ด้วย

ผมเคยมีเรื่องซกต่อยนะแต่จะหลีกเลี่ยงตรงใบหน้าเพราะมันสังเกตง่าย แต่ตอนนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ทันแล้วน่ะสิ

“เป็นอะไร”

ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงก่อนจะนึกแปลกใจเมื่อเห็นคนตรงหน้า

ไอ้คุณธัญนี่หว่า มาทำไรแถวนี้วะ

พอมองรอบๆ ผมก็อ่อทันทีเพราะตรงข้ามที่ผมนั่งอยู่คือมหาลัย วิ่งจนถึงมหาลัยเลยหรอวะความเร็วใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า

“โอ้ย! ทำเหี้ยไรเนี่ย” ผมร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ มืออีกคนก็จิ้มลงบนแผลที่มุมปากของผม

“ไปทำไรมา”

หน้าเยินแบบนี้ไปสวนสนุกมามั้ง

“โดนต่อยสิคุณถามได้” ผมชักสีหน้าใส่อีกคน

“ลุกขึ้น จะพาไปทำแผล” และผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ

แล้วผมต้องทำตามหรอวะ

เมื่อเห็นผมนั่งนิ่งอีกคนก็หันมามองเป็นเชิงว่าจะไปหรือไม่ไป

“เร็ว”

อยากบอกว่าไม่ไปแต่มันก็เจ็บแถมยังหิวอีกด้วย อย่างน้อยถือว่าเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันล่ะวะถึงจะหมั่นไส้ไปบ้างก็เถอะ





คุณธัญถือถุงยาออกมาจากเซเว่นก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“อะ เอาไปทำแผล”

“นี่ไม่ได้จะทำแผลให้ผมหรอ” ใจดีไม่สุดเลยว่ะ

“ก่อเรื่องเองก็ทำเองสิ”

“ไม่ได้เริ่มก่อนสักหน่อย” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ

อีกฝ่ายวางถุงยาไว้ข้างๆ ที่ผมนั่งก่อนจะทำท่าเหมือนจะเดินออกไป

แต่ปากผมกลับไวกว่าความคิด

“เดี๋ยวคุณ”

“อะไร”

“ผมทำแผลไม่ได้ ช่วยหน่อยดิ” ไม่ได้อยากให้อยู่ต่อหรืออะไรนะแต่เวลาเห็นหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายแล้วมันสนุกดี

“นะคุณไหนๆ ก็ช่วยผมแล้วช่วยทำแผลให้หน่อยสิ เนี่ยโคตรเจ็บเลยนะคุณ” ผมทำท่ากุมปากตัวเองและมันก็ได้ผลครับเพราะสีหน้าแบบที่ผมเห็นแล้วนึกสนุกก็ปรากฏออกมา

คุณธัญทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ยังเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ผม

ถึงจะไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมาทำแผลให้ก็เถอะ ก็ถือว่ายังมีน้ำใจอยู่นะ

“หันหน้ามา”

เนื่องจากตอนนี้กำลังทำแผลผมจึงมีโอกาสสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายใกล้ๆ แบบวีไอพีสุดๆ

หน้าตาดีตามสไตล์คุณชายที่อยู่ดีกินดี เวลาอยู่เฉยๆ ก็จะดูหยิ่งๆ แต่มันขัดตรงที่บางครั้งก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเย็นชาแล้วก็หยิ่งอย่างที่คิด เท่าที่รู้สึกคนตรงหน้าผมคงจะร้ายไม่เบาเลยล่ะ

หน้าตาแบบนี้ใครเห็นก็เหลียวหลัง อยู่เฉยๆ ก็คงมีคนเข้าหาแล้วล่ะ

“คุณ”

“ไหนว่าเจ็บพูดบ่อยจริงๆ ” ก็ไม่ได้อยากจะพูดบ่อยๆ หรอกเว้ย

โครกกกกกกกกกก

ขณะที่ผมกำลังจะขอความช่วยเหลืออีกเรื่องแต่ดูเหมือนว่าท้องไส้จะรู้หน้าที่ซะเหลือเกิน

“คือ...ขอยืมตังค์ไปกินข้าวหน่อยได้ไหม” คุณธัญไม่ได้ตอบอะไรแต่เก็บยาใส่ถุงก่อนจะลุกขึ้น

แค่ยืมตังค์เองนะไม่ใช่ว่าจะไม่คืนสักหน่อย

“อยากกินอะไร” ขณะที่ผมกำลังตัดพ้ออยู่ในใจอีกฝ่ายก็พูดขึ้น

“อะไรก็ได้คุณ ตอนนี้หิวมาก” ผมยิ้มให้อีกฝ่าย

“ฉันไม่ค่อยได้กินข้าวแถวนี้ นายนำไปแล้วกัน”

“เห้ย จริงปะเนี่ยแล้วปกติกินที่ไหน”

“ห้าง” ก็ธรรมดาแหละเนาะดูจากทรงแล้วคงไม่กินข้าวแถวนี้แน่นอน

จริงๆ อยากพาไปกินร้านโปรดนะแต่สภาพผมตอนนี้ห้าวมากไม่ได้ ปากแตกขนาดนี้กินอะไรไม่ค่อยอร่อยแน่ๆ

เศร้าเลยว่ะ





‘มึงอยู่ไหน’

“กำลังจะเข้าวิลัย เอากระเป๋าออกมาให้ด้วย” ผมวางสายจากไอ้โก้ก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ขอบคุณนะคุณ”

“ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” หายกันอะไรวะ

แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมเคยไปส่งเขาตอนนั้น

“ไปแล้วนะคุณ”

“ทีหลังก็อย่ามีเรื่องอีกล่ะ” ผมไม่รู้จะแปลกใจหรือขำดีที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น

ที่พูดแบบนั้นมันเหมือนกับเป็นห่วงผมเลยไม่ใช่รึไงครับ





..........................................................



ผมกำลังยืนอยู่หน้าผับที่ครั้งหนึ่งเลยทำวีรกรรมเอาไว้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่ทั้งผมทั้งไอ้คุณธัญ

“มึงไหวแน่นะ งานร้านพี่มึงก็ไม่ใช่เบาๆ ” ไอ้โก้ที่ยืนข้างๆ ผมถามขึ้น

“มึงไหวปะล่ะ”

“กูได้หมดอยู่แล้ว”

พอผมบอกว่าจะมาสมัครงานไอ้โก้มันก็ตามมาด้วย มาแบบแพ็คคู่ตลอดครับถ้าเขารับทั้งสองก็ดีไปแต่ถ้าไม่รับก็หางานใหม่ไม่ก็กลับไปตั้งใจทำงานร้านพี่แทนเหมือนเดิม

“เข้าไปกัน”

ไอ้โก้พยักหน้าก่อนจะเดินตามเข้ามาในร้าน

“มาสมัครงานครับ”

“ที่นัดไว้ใช่ไหม”

“ครับ”

“ตามมา”

ผมกับไอ้โก้เดินตามพี่พนักงานขึ้นไปชั้นบนที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องทำงานของเจ้าของร้านระหว่างทางก็มองบรรยากาศภายในร้านก่อนจะสะดุดตากับแผ่นหลังที่คุ้นเคย

เชี้ยแล้ว พี่แทนมาได้ไงวะเนี่ย

ผมรีบหันหน้ากลับมาทันทีดีนะที่พี่แทนหันหลัง ผมคงไม่ได้หลอนไปเองนะแต่ไม่น่าจะพลาดหรอกเพราะหนีพี่แทนบ่อย

“เป็นอะไร”

“พี่แทน”

“พี่แทนมาร้านนี้หรอ”

“เออดิ” ไอ้โก้เหมือนจะขำกับท่าทางของจนผมจะโบกหัวมันสักทีแต่พี่พนักงานก็หันมาซะก่อน

“ห้องนี้แหละ”

“ขอบคุณครับพี่” พี่พนักงานพยักหน้าให้พวกผมแล้วเดินกลับไปทำงานต่อ

ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา”

พอได้ยินเสียงจากด้านในผมก็เปิดประตูเข้าไปทันที

คนที่นั่งอยู่มองพวกผมอย่างเป็นมิตรคงจะเป็นเจ้าของร้านแต่ดูอายุไม่มากอย่างที่คิดไว้แฮะ

จะว่าไปคนตรงหน้าก็ดูคุ้นๆ นะ

“สวัสดีครับ” ผมกับไอ้โก้ไหว้คนตรงหน้า

คนที่นั่งเก้าอี้อยู่เปิดดูเอกสารที่พวกผมเตรียมมาอย่างใจเย็น ผมมองหน้าเขาอีกครั้งก่อนจะนึกได้ว่าผมเคยเจอที่ไหน

เพื่อนคุณธัญนี่หว่า

“เรียนเทคนิคหรอ”

“ครับ”

“คงจะไม่มีเรื่องในร้านฉันนะ” คนตรงหน้าถามติดตลก

“ไม่มีแน่นอนครับ” ผมตอบพลางส่งยิ้มให้

“ทำงานให้ได้วันไหนบ้าง”

“เสาร์อาทิตย์ครับ” ไอ้โก้ตอบ จริงๆ ผมอยากทำมากกว่าสองวันแต่ติดงานร้านพี่แทน

“งั้นเริ่มงานเสาร์นี้เลยได้รึเปล่า”

“ได้ครับ”

“ดีเลย ว่าแต่นายสองคนชื่ออะไรนะ”

“ผมทัชครับ”

“โก้ครับ”

“ฉันชื่อภูมิเรียกพี่ภูมิก็ได้” รอยยิ้มใจดีส่งมาให้พวกผมถึงมันจะดูสนิทไปหน่อยแต่ก็ดีนะจะได้ไม่เกรงด้วย

“ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าพวกนายจัง” จะไม่คุ้นได้ไงล่ะก่อเรื่องไว้ขนาดนั้น

ตึง!

“ไอ้ภูมิ ทำไมมึงไม่บอกว่าพวกไอ้แทนมาที่นี่วะ”

ยังไม่ทันที่พวกผมจะได้ตอบอะไรเสียงประตูพร้อมกับเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น ถ้าผมฟังไม่ผิดมันมีชื่อพี่ผมอยู่ในประโยคนั้นด้วย

แต่อาจจะเป็นคนชื่อซ้ำล่ะมั้ง

“มึงนี่ไม่ชอบเคาะประตู กูติดธุระอยู่เนี่ย”

พอได้ยินแบบนั้นคุณธัญก็หันมามองพวกผม ทั้งยังทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผมก่อนจะมองไปทางอื่น

ผมเพิ่งสังเกตว่าต่อหน้าคนอื่นเขามักจะเมินผม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจหรอกอยากเมินหรือสนใจก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักหน่อย

“มึงรับสมัครพนักงาน?”

“ใช่ ทีหลังก็เคาะประตูด้วย”

นอกจากจะไม่ได้สนใจที่พี่ภูมิพูดแล้วยังยักไหล่ใส่อีก

คุณธัญหันมามองพวกผมก่อนจะยกยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง

“พวกนายออกไปก่อนไป ทำงานวันแรกก็อย่ามาสายล่ะ”

“ขอบคุณครับ”

ไอ้โก้สะกิดผมให้เดินตาม ผมจึงละสายตาจากคุณธัญแล้วเดินตามไอ้โก้ออกมา

“ถ้าพี่แทนรู้นะ มึงเตรียมตัวโดนด่าเลย” พอออกจากห้องพี่ภูมิแล้วไอ้โก้ก็พูดขึ้น

“ก็อย่าให้รู้สิวะ” ผมยกคิ้วพลางกอดคอไอ้โก้

ก่อนอื่นต้องหลบให้ดีเพราะตอนนี้พี่แทนอยู่ในร้าน ถ้าเจอคงไม่ได้ทำงานแน่ๆ

แต่ผมยังติดกับประโยคที่คุณธัญพูดอยู่เลย จะใช่แทนเดียวกันไหมวะถ้าใช่ก็ต้องรู้จักกันสินะแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ท่าทางของคนที่เป็นมิตรกันซะด้วยสิ...



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ.....พี่แทนกะนัยธัญ   มีซัมธิงกันหรือเปล่า?

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 8
วันแรก(ก็แหกซะแล้ว)




“ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามกูแล้วกัน”

“ครับ!” ไอ้โก้ตอบพี่ฟิลอย่างกระตือรือร้น

วันนี้เป็นวันแรกที่พวกผมเริ่มงานที่ร้านพี่ภูมิแต่คนที่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษกลับไม่ใช่ผมแต่เป็นไอ้โก้แทน ก็ดูแต่ละคนที่เข้าร้านสิครับสวยๆ ทั้งนั้น อาหารตาเพียบ

“ไม่ค่อยเลยนะมึง”

“นิดนึงน่า” ว่าแล้วไอ้โก้ก็แยกตัวไปทำงานของมัน

ส่วนผมหลักๆ จะเช็คของเป็นงานที่ไม่ค่อยได้พบปะผู้คนเท่าไหร่ จริงๆ กลัวจะไปเจอพี่แทนเหมือนวันนั้นต่างหาก

“เพิ่งมาทำงานหรอ” ขณะที่ผมกำลังจะดูของเสียงจากข้างหลังก็ดังขึ้น

“ใช่ครับ” ผมยิ้มให้คนตรงหน้าซึ่งผมไม่รู้จักแต่ดูจากการแต่งตัวแล้วไม่น่าจะใช่พนักงานแล้วเข้ามาในนี้ได้ยังไงวะ

“ฉันเป็นน้องไอ้ภูมิ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยขนาดนั้น”

“สวัสดีครับ ผมชื่อทัชนะครับ”

“ฉันชื่อภพ” ท่าทางดูเบื่อๆ ของอีกฝ่ายทำให้ผมหันกลับมาทำงานต่อ

“น่าเบื่อ”

“ครับ?” เสียงแว่วๆ จากคนข้างๆ ทำให้ผมขานรับ

“งานที่ทำไม่น่าเบื่อหรอ” ใจจริงผมก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้สักหน่อย

“มันเป็นหน้าที่ของผมครับ” ถึงจะไม่ค่อยอยากทำก็เถอะ

“เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อน”

รอยยิ้มเหมือนเด็กเจอของเล่นถูกส่งมาให้ผมทั้งที่ลักษณะไม่น่าจะดูนิสัยเด็กอ่ะนะ แต่ผมเดาว่าคนนี้คงจะขี้เหงาพอสมควร

การแต่งกายของอีกคนดูธรรมดาแต่ด้วยหน้าตาของคนใส่ทำให้เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ดูมีระดับขึ้นมามากเลยทีเดียว ทั้งต่างหูข้างเดียวนั้นทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษ เสื้อที่ปลดกระดุมสองเม็ดบนยิ่งล่อเหยื่อเข้าไปอีก

คนหน้าตาดีใส่อะไรก็ดูดีสินะ

“มาทำอะไรตรงนี้”

“มาเป็นเพื่อนพนักงานมึงไง”

“ว่างมากก็ไปอ่านหนังสือ พรุ่งนี้สอบไม่ใช่รึไง” เสียงที่คาดว่าน่าจะเป็นพี่ภูมิดังขึ้น

ผมก็เช็คของของผมไปเรื่อยไม่ได้ตั้งใจจะฟังบทสนทนาของสองพี่น้องเลยนะ แต่มันอยู่ใกล้ผมแค่นี้เองไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว

“ก็กูจะอยู่”

“อย่ายุ่งให้มาก”

“สั่งจัง”

“ไปข้างบนกับกู”

ผมเหลือบมองพี่ภูมิจากมุมที่ผมยืนอยู่ก่อนจะเห็นอีกคนทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ยอมเดินตามไป

“ไอ้ทัชเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟโต๊ะนั้นให้กูหน่อย เดี๋ยวมา”

“เดี๋ยวพี่...”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบรับพี่ฟิลก็วิ่งไปทางห้องน้ำซะแล้ว สงสัยข้าศึกจะบุก

ผมมองเลขโต๊ะก่อนจะยกเครื่องดื่มแล้วเดินไปยังโต๊ะที่ว่า แต่ความซวยของผมยังมีอยู่เมื่อต้องมาเจอกับโจทก์เก่าที่เพิ่งจะมีเรื่องกันเมื่อไม่นานมานี้

ผมต้องเข้าวัดบ้างแล้วล่ะ

“โอะโอ ใครล่ะเนี่ย”

“นี้มันไอ้รุ่นน้องที่วิ่งหนีเราหัวซุกหัวซุนใช่ปะวะ” ไอ้รุ่นพี่หัวโจกที่ห้องน้ำวันนั้นพูดขึ้น

วันนี้พวกมันมากันสามคนเพิ่มเติมคือคนที่ทำเหมือนไม่ยอมจบกับผมแต่จริงๆ มีแฟนอยู่แล้ว

ดีนะที่ผมเลิกคุยไปแล้ว แต่ไม่ดีตรงที่แฟนมาตามกระทืบผมเนี่ย

มายด์แทบจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองผมซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

ขณะที่ผมกำลังจะวางเครื่องดื่มมือไอ้รุ่นที่อยู่ใกล้ผมที่สุดกลับปัดมือผมอย่างแรงจนทำให้เครื่องดื่มหก

“แม่ง! ทำงานยังไงวะเนี่ย” เสียงตะคอกดังพอที่จะทำให้โต๊ะข้างๆ หันมาสนใจทางผม

“พนักงานอะไรซุ่มซ่ามชิบหาย” ตามมาด้วยบทเสริมของพวกพ้อง

ผมกลายเป็นพนักงานที่ซุ่มซ่ามไปโดยปริยายซึ่งเกิดจากแผนโง่ๆ ของไอ้พวกนี้

นี่มันนิยายน้ำเน่าชัดๆ!

“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าครับ” พี่ฟิลเดินเข้ามาพลางมองหน้าผม

“ก็พนักงานคนนี้น่ะสิซุ่มซ่ามทำเครื่องดื่มหกหมดแล้ว” อยากจะเบะปากมองบนสักสิบรอบ

“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีน้องมันเป็นพนักงานใหม่เลยไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่เอาเป็นว่าทางเราจะลดราคาให้ครึ่งหนึ่งนะครับ”

“แต่ผมไม่ได้ทำนะพี่” นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ

“จะนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟใหม่นะครับ” ว่าแล้วพี่ฟิลก็ดึงผมให้เดินตามไปด้วย

พวกเหี้ยนี่ก็ยิ้มสะใจเหลือเกินที่ผมจะโดนด่า

หน้าเหี้ยแล้วยังทำตัวเหี้ยอีก





“ผมไม่ได้ทำนะพี่”

“รู้แล้ว”

“อ้าว ทำไมยังจะลดให้พวกมันอีกล่ะ”

“ไม่ได้จะลดจริงๆ สักหน่อย” แม่ง ได้ใจว่ะหัวหน้าผม

“มันไม่ได้สนใจหรอกว่าลดจริงหรือเปล่า ดูท่าแค่อยากแกล้งมึง” สมแล้วที่ทำงานแบบนี้

“นึกว่าพี่จะไม่เชื่อซะละ”

“มุขควายๆ เด็กอนุบาลยังมองออกเลยเหอะ ว่าแต่คู่อริมึงหรอ”

“คงงั้นมั้ง” ผมตอบแบบขอไปทีไม่อยากจะพูดถึงสักเท่าไหร่

“ช่างเถอะไปทำงานต่อไป กูคงไม่ใช้มึงไปเสิร์พอีกละ” สาธุเถอะพี่

ผมว่าผมควรหลบอยู่หลังร้านนั่นแหละดีที่สุด นอกจากหลบพี่แทนแล้วคงต้องหลบอริด้วยไม่รู้ว่าไปทำอะไรใครไว้บ้าง





กลุ้มใจจริงๆ รักผู้หญิง หญิงก็ไม่สน~~~

เสียงมือถือดังขึ้นขณะที่ผมเช็คของเสร็จพอดีแต่พอดูหน้าจอแล้วก็อยากตัดสายทิ้งซะตอนนี้เลย

พ่อคนที่สองโทรมา

ผมเดินไปหลังร้านซึ่งน่าจะเป็นมุมที่เสียงเพลงเบาที่สุดก่อนจะกดรับสาย

“ครับพี่แทน”

‘นอนยัง’

“กำลังจะนอนแล้วครับ” แถไปอีก

‘พี่จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้เข้าร้านนะ ตั้งแต่เช้าเลย’

“พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของผมไม่ใช่หรอ”

‘มาเช็คของให้พี่หน่อย’

“โถ่พี่แทน...”

“กินข้าวยัง”

“กินแล้ว นี่ก็กำลังจะนอนไง”

‘คุยกับใครน่ะทัช’

“ก็คุยกับพี่…” ยังไม่ทันได้พูดจบผมก็รับรู้ถึงการมาของใครบางคน เลยหันไปดูเจอไอ้คุณธัญยืนอยู่ไม่ไกลแถมยังส่งยิ้มกวนตีนมาให้ผมด้วย

‘คุยกับใคร’

“เอ่อ.. ไอ้โก้มันถามอะพี่แทน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปดูให้นะฝันดีครับ” พูดจบผมก็กดตัดสายทันที ถ้าโดนจับได้ผมจะโทษคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่แหละ

“มีอะไรคุณ”

“อู้งานหรอ”

“ผมทำเสร็จแล้ว”

“ทำเสร็จแล้วก็ไปหาไรกิน” ผมมองคุณธัญอย่างมีคำถามในใจว่า…

จริงๆ แล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่

ต่อหน้าคนอื่นเป็นอีกอย่าง พออยู่กับผมแล้วก็เป็นอีกอย่างสรุปแล้วแบบไหนคือตัวตนของเขาจริงๆ กันแน่

“เมื่อกี้คุยกับแฟนหรอ”

“ยุ่งอะไรด้วยล่ะคุณ”

“ก็แค่อยากรู้ไง”

“คล้ายๆ กับคำว่าเสือกปะ” คุญธัญหันมามองผมด้วยสายตานิ่งๆ คิดว่าผมจะกลัวหรอวะ คิดผิดแล้วเพราะนอกจากพี่แทนผมก็ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ











...........................................



ผมใช้ที่ฉีดน้ำรดน้ำตะบองเพชรอย่างอารมณ์ดีวันนี้งดคลาสเลยทำให้ผมว่างทั้งวัน แต่ตอนเย็นก็เข้าร้านตามปกติและด้วยเหตุนี้จึงทำให้เดอะแก๊งนอนระเนระนาดอยู่ห้องโถงยกเว้นไอ้ตังที่มันมีเรียนอยู่คนเดียว

น่าสงสารมันนะครับ

“อารมณ์ดีจังนะมึงไม่ใช่มันบวมน้ำตายแล้วหรอ รดน้ำบ่อยเกิ้น”

“ไม่ได้รดบ่อยขนาดนั้นไหม”

“เห็นทีไรมึงก็รดน้ำมันนี่หว่า” ว่าแล้วไอ้โอ๊ตก็เดินมาส่องดูต้นตะบองเพชรใกล้ๆ

ผมวางต้นตะบองเพชรไว้ใกล้หน้าต่างหน้าบ้านแต่ดีที่ไม่มีใครสนใจ ตรงนี้จึงกลายเป็นพื้นที่ของผมไปโดยปริยาย

“แล้วนี่พวกมึงจะนอนอยู่บ้านทั้งวันหรอ” ผมถามไอ้โอ๊ตซึ่งดูก็รู้ว่ามันไม่น่าจะอยู่บ้านหรอก

“ไม่รู้กับพวกมัน แต่กูจะออกไปข้างนอก” นั่นไง ซื้อหวยทำไมไม่ถูกบ้างวะ

“นัดสาว?” กลิ่นน้ำหอมฟุ้งขนาดนี้คงไม่ออกไปกินข้าวเฉยๆ แน่

“แสนรู้ไอ้นี่” ไอ้โอ๊ตชกไหล่ผมเบาๆ พลางทำท่าเหมือนจะเขิน แต่เขินได้ตอแหลมากไอ้สัส

“ก็ไปดิ”

“แล้วมึงจะไปไหนปะ”

“ไปแดกข้าว” ไอ้โอ๊ตพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี

คนมันอินเลิฟก็งี้แหละครับ ฟิลเตอร์สีชมพูอบอวนไปหมด

ผมเลิกสนใจไอ้โอ๊ตแล้วหันมาสนใจน้องตะบองเพชรของผมต่อ







ร้านอาหารตามสั่งข้างทางเป็นสิ่งที่ผมเลือกสำหรับเที่ยงวันนี้ อยู่บ้านก็คงได้กินมาม่าส่วนเดอะแก๊งมันก็ไม่สนใจจะกินข้าวกันหรอกว่างก็นอนไม่ก็เล่นเกมส์ผมเลยต้องออกมาคนเดียว

กินข้าวคนเดียวเฟี้ยวจะตาย

“อ้าวทัช”

ผมมองไอ้แมนที่โบกมือพร้อมกับส่งยิ้มมาทางผม

“ไงมึง”

“ทัชมากับใครอะ”

“คนเดียว”

“นั่งด้วยกันปะ เราก็มาคนเดียว” ถ้าไอ้ตังมาเห็นคงด่าผมแน่ๆ แต่ผมไม่ได้เกลียดไอ้แมนนี่หว่าแถมยังมีเพื่อนนั่งกินข้าวด้วย

“มึงสั่งข้าวยัง”

“ยังเลย เราเพิ่งมา”

“จะกินไร”

“ข้าวผัดทะเล”

“มึงหาที่นั่งแล้วกันเดี๋ยวกูจะไปสั่งข้าว” ไอ้แมนพยักหน้าก่อนที่ผมจะเดินไปสั่งข้าว

ขณะที่กำลังเดินกลับมาหาโต๊ะไอ้แมนสายตาก็ดันไปสะดุดกับบุคคลที่ไม่น่าจะมาโผล่อยู่แถวนี้และด้วยความเบื่อของวันว่างๆ อยากกวนคนสักหน่อย ขาก็ก้าวไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าร้านเป็นที่เรียบร้อย

“มากินข้าวหรอคุณ” ผมถามพลางยิ้มให้คุณธัญ

“มาเรียนมั้ง” มีกวนด้วยแฮะ แต่ก็กวนเป็นปกติอยู่แล้วปะวะ

“แล้วมาคนเดียวหรอ”

“เห็นกี่คนล่ะ” ไอ้เราก็จะมากวนเขาแต่โดนเขากวนกลับซะได้อะเนาะ

ท่าทางเก้งๆ กางๆ ของอีกฝ่ายทำให้ผมนึกขำ คงไม่เคยมาร้านแบบนี้ล่ะมั้งเพราะดูยังไงมันก็ไม่เหมาะกับเจ้าตัวเลยสักนิด

“ไปนั่งกับผมไหม” ชวนเหมือนเขาอยากจะไปนั่งกินกับผมยังไงยังงั้น

แต่จะทำไงได้ก็เอ่ยปากชวนไปแล้ว

“มากับใคร”

“จริงๆ ก็มีเพื่อนมาด้วย มาเถอะคุณจะได้ไปสั่งข้าว” อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะยอมเดินตามผมไปยังโต๊ะที่มีไอ้แมนนั่งรออยู่

เห็นหน้าเซ็งๆ ของคุณธัญแล้วก็อารมณ์ดีแปลกๆ แฮะ

“นี่ใครหรอทัช” พอเดินมาถึงโต๊ะไอ้แมนก็ถามขึ้นทันที

เออว่ะ แล้วเป็นใครวะเพื่อนก็ไม่ใช่คนรู้จักก็ไม่ใช่

“รุ่นพี่น่ะ” ขณะที่ผมไม่รู้จะตอบอะไรคุณธัญก็พูดขึ้น

“อ๋อ สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ” นึกว่าจะหยิ่งซะอีก



ผมกินข้าวอิ่มแล้วมองคนที่สั่งข้าวมาแต่ไม่แตะแม้แต่นิดเดียว ได้แต่นั่งมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย

“กินข้าวสิคุณ” คุณธัญมองหน้าผมเหมือนจะถามว่า ต้องกินหรอ

สรุปว่าสั่งข้าวมานั่งดูรึไง

“กินข้าวเสร็จแล้วทัชจะไปไหนต่อปะ” ไอ้แมนที่นั่งฝั่งตรงข้ามถามผมหลังจากที่มันกินข้าวอิ่มแล้วเหมือนกัน เหลือก็แต่คนข้างๆ ผมนี่แหละ

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“อ่า งั้นไป...”

“ไปส่งฉันหน่อยสิ” อยู่ดีๆ คุณธัญก็พูดขึ้นมา

ผมมองคุณธัญอย่างงงๆ จนไม่ได้สนใจว่าไอ้แมนพูดอะไรต่อ มาไม้ไหนวะเนี่ย

“มาเองก็กลับเองสิคุณ”

“ฉันจะกลับแล้วแต่นายลากฉันมา” อ้าว…นี่กูผิดหรอ

“ทัช...”

“เร็วฉันรีบ” เป็นอีกครั้งที่ไอ้แมนไม่ได้พูดจบประโยคสัก

พูดจบคุณเขาก็ลุกขึ้นเหมือนเป็นการกดดันผมทันที

นี่กูต้องไปส่งจริงๆ หรอวะ

ผมหันมามองไอ้แมนก่อนจะยิ้มแห้งๆ ใส่มันแล้วลุกขึ้น

“ฝากจ่ายด้วยมึง”

“อะ โอเค” ไอ้แมนรับเงินจากผมไปอย่างงงๆ ก่อนที่ผมกับคุณธัญจะเดินออกมาจากร้าน

“คุณคงไม่ได้จะให้ผมไปส่งจริงๆ ใช่ไหม”

“ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเอารถมา” โดนแกล้งอีกแล้วสินะกู

ใครมันจะมาอยากซ้อนมอ’ ไซค์ล่ะเนาะ

“งั้นก็แยกกันตรงนี้แล้วกันคุณ”

ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็คงต้องแยกย้ายก่อนที่ผมจะโดนแกล้งไปมากกว่านี้

ไหนล่ะความคิดที่อยากจะแกล้งเขาอะไอ้ทัช

“ทัช”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างคนเคยชินเมื่อมีคนเรียกแค่ชื่อแบบนี้

เดี๋ยวนะเมื่อกี้คุณธัญเรียกแค่ชื่อผมหรอ

“ไว้เจอกัน”

ว่าแล้วคุณธัญก็เดินไปหารถที่จอดไว้ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร

.

.

.

ไว้เจอกัน เป็นคำที่ไม่น่าจะออกจากปากคุณธัญเลยนะ






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พฤติกรรมอิตาธัญนี่  ชักจะยังไง ๆ แล้วแฮะ

ติดใจน้องทัชเหรอ?

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ตาธัญนี่ยังไงอยู่นะ เข้าใกล้ทัชเพื่อเข้าหาแทนเหรอ แต่เหมือนธัญกับแทนจะรู้จักกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ รอดูต่อไป

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 9
Thay'Part


ผมมองตามคนที่เพิ่งขี่รถมอ’ ไซค์ออกจากร้านอาหารตามสั่งที่ผมเพิ่งเดินออกมาได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ผมเห็นทัชเดินเข้าไปในร้านขณะที่ผมกำลังจะขับรถผ่านพอดี แล้วก็อย่างที่เห็นครับอยู่ๆ ผมไปนั่งกินข้าวกับน้องมันเฉยเลย

ยอมรับว่าตอนนี้ผมเริ่มสนใจทัชขึ้นมานิดหน่อยอาจจะเป็นเพราะเจอของแปลกแถมช่วงนี้เบื่อๆ ล่ะมั้ง ทัชดึงดูดสายตาผมตั้งแต่แรกเห็นถึงแม้จะเป็นการเจอกันครั้งแรกที่ไม่น่าประทับใจไปหน่อยก็ตาม

และผมเพิ่งรู้มาว่าทัชเป็นน้องไอ้แทน คนที่ไม่ค่อยจะลงลอยกับผมสักเท่าไหร่

ผมกับไอ้แทนรู้จักกันตั้งแต่ปี1จนตอนนี้อยู่ปี3 จริงๆ ได้รู้จักกันเพราะผมเคยคบกับเพื่อนไอ้แทนอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ตอนที่คบกันนั้นดูเหมือนว่ามันจะไม่ชอบผมเท่าไหร่แถมพอเลิกกับเพื่อนมันก็ยิ่งเหม็นขี้หน้าผมเข้าไปอีก ตอนแรกผมก็สงสัยนะว่ามันชอบเพื่อนตัวเองรึเปล่าแต่จริงๆ แล้วมันแค่หวงเพื่อนเท่านั้น แล้วคิดดูว่าแค่เพื่อนยังหวงขนาดนี้แล้วน้องแท้ๆ มันจะขนาดไหน

แต่ถ้าเป็นอะไรที่ผมสนใจแล้วล่ะก็ผมไม่หวั่นหรอก มาดูสิว่าจะทำให้คนอย่างไอ้แทนอกแตกตายรึเปล่า

ตื๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

ผมมองเบอร์คนที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับสาย

“ว่าไงโซ”

‘อยู่ไหน’

“กำลังจะไปร้านไอ้ภูมิ”

‘ว่างรึไง’

“ว่าง มาก” ผมย้ำให้ไอ้โซฟังชัดๆ ทีละคำก่อนที่มันจะได้บ่นผม

ปกติไอ้โซมันมักจะบ่นผมกับไอ้ภูมิเวลาที่ทำตัวไร้สาระโดยเฉพาะเรื่องแฟน ผมจะโดนบ่นบ่อยที่สุดเพราะผมค่อนข้างขี้เบื่อและมักจะเปลี่ยนคนควงบ่อย

จริงๆ แล้วผมเป็นไบส่วนมากคนจะรู้เพราะเวลาควงใครผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงถ้าถูกใจก็คุย แต่ไม่ใช่ว่าผมจะคบใครง่ายๆ หรอกนะเพราะที่เข้ามาผมก็พอเดาออกว่าเขาเข้ามาเพราะอะไร

“จะไปด้วยไหมจะได้ไปรับ”

‘ไปดิ’

“อีก20นาทีถึง” ว่าแล้วผมก็กดวางสายทันทีก่อนจะขับรถโดยมีเป้าหมายแรกคือบ้านไอ้โซซึ่งไปบ่อยพอๆ กับคอนโดตัวเองเลยก็ว่าได้



วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้าไอ้โซมันไม่สบายเลยไม่ได้ไปส่วนไอ้ภูมิมันวุ่นวายกับธุระกิจพันล้านของมันอยู่ ผมจึงเป็นคนเดียวที่ไปเรียนในวันนี้

ผมมีเพื่อนสนิทสองคนคือไอ้ภูมิกับไอ้โซที่ตอนปี1โคจรมาเจอกันแบบไม่ได้ตั้งใจ

ถ้าจะบอกว่าผมเป็นคนเข้ากับคนยากก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมแค่จะคุยกับคนที่ผมอยากคุยด้วยเท่านั้นก็มีไอ้ภูมิกับไอ้โซที่พวกมันค่อนข้างจะเข้าใจผมและสนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนมากคนจะคิดว่าผมหยิ่งก็คงหยิ่งจริงๆ ล่ะมั้งก็ถ้าเราไม่อยากคุย ไม่อยากรู้จักก็ไม่รู้จะสนใจทำไม

ยอมรับว่าผมค่อนข้างนิสัยเสียอยู่มากเรื่องนี้ไอ้โซก็บ่นผมบ่อย แต่ผมพอใจที่มีเพื่อนแค่นี้เก็บไว้ทำตัวดีๆ กับคนที่อยากทำดีกว่า

“หิวข้าว” พอขึ้นรถสิ่งแรกที่ไอ้โซมันพูดก็ไม่พ้นเรื่องของกินอีกตามเคย

“ไปกินร้านไอ้ภูมิ” ไอ้โซพยักหน้าก่อนจะรีบคาดเบลทันที

ไอ้โซเป็นผู้ชายหน้าหวานแต่นิสัยมันไม่ได้หวานไปกับหน้าเลยสักนิด เวลาด่าก็ปากหมาเอาเรื่องอยู่เหมือนกันผมเกือบหลงกลมันไปแล้วตอนเจอกันครั้งแรกเพราะหน้าอย่างมันเนี่ยสเปคผมเลย แต่ผมไม่นิยมเพื่อนตัวเองหรอกเพราะแค่นี้ก็ไม่มีเพื่อนจะคบอยู่แล้ว

“ไอ้ภูมิมันรู้ปะว่าเราจะไป”

“ไปถึงเดี๋ยวมันก็รู้เอง” ร้านมันก็เหมือนร้านพวกผมนั่นแหละ





พอถึงร้านไอ้ภูมิไอ้โซมันก็วิ่งไปหาของกินทันที ดูไม่ออกเลยว่าหิว

“มึงพาหน้าหยิ่งๆ ของมึงมาร้านกูอีกแล้วหรอ” ดูไอ้ภูมิมันทักผมดิ

“ไม่มีกูร้านมึงเจ๊งไปแล้ว”

“จะดีกว่านี้ถ้าไม่แดกฟรี” ผิดตรงไหนที่เป็นเพื่อนเจ้าของร้านแล้วจะแดกฟรีครับ

“ทำไรอยู่วะ”

“ดูเอกสารนิดหน่อย แล้วมึงมาคนเดียวหรอ”

“มากับไอ้โซ”

“แล้วมันไปไหน”

“ไปหาไรกิน”

“ในร้านกู?” ผมพยักหน้าก่อนจะตบบ่าเป็นการปลอบใจ มีเพื่อนดีจนน้ำตาจะไหลก็งี้แหละ

“แล้วพนักงานใหม่มึงเป็นไงบ้าง”

“พนักงานใหม่? มึงหมายถึงเด็กสองคนนั้นอะนะ”

“ใช่”

“ก็ดี ถึงหน้าตาจะดูกวนตีนไปหน่อยก็เถอะแต่นิสัยโอเคกูชอบ โดยเฉพาะไอ้ทัช” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่ไอ้ภูมิทำท่าเหมือนเอ็นดูทัชขนาดนั้น

“จะเปลี่ยนแนวหรอมึง”

“เปลี่ยนอะไรล่ะกูแค่เอ็นดูน้องมันเฉยๆ ”

“นึกว่าอยากดูเอ็น”

“ไอ้เหี้ยธัญ กูไม่ใช่มึง” ผมอดขำไม่ได้ที่เห็นท่าทางของไอ้ภูมิ ปกติผมมักจะแซวมันแบบนี้แต่จริงๆ แล้วมันชอบผู้หญิงนะ

“กูคนดี”

“เหี้ย”

“พูดลอยๆ ใช่ปะ”

“พูดให้มึงนั่นแหละ”

สำหรับใครที่คิดว่าพวกผมสุภาพและดูคุณชายคุณคิดผิดแล้วครับ ถ้าได้รู้จักพวกผมจริงๆ ก็คงจะผิดหวังกันน่าดูเพราะพวกผมน่ะไม่ตรงปกกันสักคน

มันทำให้รู้ว่าอย่ามองคนแค่ภายนอก เพราะบางทีคนที่คุณคิดว่าต่างกันมากๆ บางทีอาจจะไม่ต่างจากกันเลยด้วยซ้ำ

“ร้านมึงของกินน้อยมากกกก” ไอ้โซเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับของกินในมือ

“ร้านเหล้าไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่ง” พอโดนไอ้ภูมิว่าไปแบบนั้นมันก็ทำหน้างอทันที

น่าเอ็นดูนะครับ แต่รู้จักมันเกินกว่าจะเอ็นดูแล้วล่ะ

“แดกเสร็จแล้วมาทำการบ้านให้กูด้วย”

“กูป่วยอยู่นะเว้ย”

“ถ้างั้นก็คายที่มึงแดกของกูทั้งหมดออกมาเลย”

“มึงดูเพื่อนมึงดิไอ้ธัญ”

“เพื่อนมึงเหมือนกันนั่นแหละ”

ผมเลิกสนใจพวกมันสองคนแล้วล้มตัวลงนอนที่โซฟาก่อนจะเปิดหน้าจอมือถือหวังจะเข้าแชทของคนที่เพิ่งจะเพิ่มเป็นเพื่อนในไลน์เมื่อเช้า ซึ่งผมคิดว่าเจ้าตัวก็ไม่น่าจะรู้หรอกว่าเป็นผมแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจไม่ทักเพราะเจอหน้ากันตรงๆ หน้าจะดีกว่า

“ร้านเปิดปลุกกูด้วยนะ”

“ค้าบบบคุณธัญ สบายจังเลยเนาะ”

ผมไม่สนใจเสียงประชดของไอ้ภูมิแล้วหลับตาลงทันที พักผ่อนเอาแรงเพื่อจะได้มีแรงไปต่อคืนนี้ดีกว่าครับ





“ไม่น่าให้มันนอนเลย ปลุกยากกก” เสียงบ่นไอ้โซทำให้ผมลืมตาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ผมเป็นคนปลุกยากไม่รู้มันใช้วิธีอะไรไปบ้างผมถึงได้ตื่น แต่ที่รู้ๆ คือรู้สึกชาที่แก้มข้างซ้าย…

“มึงตบหน้ากูหรอ”

“แฮ่ ก็มึงไม่ตื่นอ่ะ” ไอ้โซว่าพลางยิ้มแห้งใส่ผม

ผมแตะแก้มข้างที่มันชาก่อนจะมองแรงใส่ไอ้โซ ได้ทีเอาใหญ่เลยสิผมตื่นมันไม่มีทางได้ทำอะไรแบบนี้แน่ๆ

“หน้าแดงเลย”

“เพราะมึงนั่นแหละ”

“ใครใช้ให้มึงปลุกยากล่ะ นี่ธัญกูเจอคู่กัดมึงด้วยแหละ”

อยู่ๆ ไอ้โซก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วก็ทำหน้าตื่นเต้นจนผมเริ่มสงสัยว่าไอ้คู่กัดที่ว่ามันเป็นใคร

“ใคร”

“ไอ้ไผ่ไง”

พอได้ยินชื่อผมก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เบื่อมันครับเบื่อหน้ายิ้มๆ ที่หาความจริงใจไม่ได้ของมัน

ไอ้ไผ่มันเรียนนิเทศซึ่งเป็นคณะเดียวกับผม ฟาดฟันกันมาตั้งแต่ปี1จนถึงทุกวันนี้แล้วก็ยังไม่เลิกเหม็นขี้หน้ากัน ผมไม่ใช่คนที่จะเกลียดใครง่ายขนาดนั้นแต่กับมันแค่เห็นหน้าก็อารมณ์เสียแล้ว

ยิ่งช่วงปี2ผมกับมันดันไปจีบผู้หญิงคนเดียวกันยิ่งไม่ชอบขี้หน้ากันเข้าไปใหญ่ มันกับผมชอบไทป์เดียวกันไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เจอมันทีไรก็เหมือนผีเห็นผีผมเล็งคนไหนก็มักจะไปตรงกับมันจนผมคิดว่ามันแกล้งผมหรือเปล่าผมเลยตัดปัญหาโดยการที่ไหนมีมันที่นั่นผมไม่ไป

แต่ตอนนี้ผมกับมันอยู่ที่เดียวกัน แค่คิดก็หมดอารมณ์เที่ยวแล้ว

“ทำหน้าเซ็งเลย”

“มึงพูดถึงมันทำไมล่ะ”

“ก็กูเจอมันไง”

ผมดูเวลาในมือถือก่อนจะลุกขึ้น

“มึงนั่งไหน”

“ไอ้ภูมิมันจองโซนวีไอพีให้” เพื่อนแท้ก็งี้แหละครับ หากินกับเพื่อนตัวเองนี่แหละ

“อย่าบอกนะว่าไอ้ไผ่ก็อยู่โซนวีไอพี”

“เยป” ท่าทางดูสนุกของไอ้โซทำให้ผมนึกหมั่นไส้มันขึ้นมา

แต่ถ้าคิดว่าผมจะไม่ไปนั่งดื่มตามที่ตั้งใจไว้เพียงเพราะไอ้ไผ่แล้วล่ะก็ คิดผิดแล้วครับถึงแม้เห็นหน้ามันแล้วหงุหงิดสุดๆ แต่ก็ยอมรับว่าบางทีสนุกเหมือนกัน

“หิวละ ไปกันเถอะ”

“โอเค้”

ไอ้โซเดินนำผมไปอย่างอารมณ์ดีสงสัยจะหายป่วยแน่นอนแล้วล่ะดีดได้ขนาดนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะเวลาป่วยทีไรผมต้องเป็นสารถีรับส่งมันทุกที

เพื่อนหรือลูกเอาดีๆ



ผมปรายตามองคนที่นั่งอยู่โต๊ะขณะที่ผมเดินผ่าน แล้วไอ้ไผ่ที่นั่งอยู่ในนั้นก็หันมามองผมพอดีก่อนจะยักคิ้วใส่ผม

เชื่อผมสิว่าอีกสักพักมันจะต้องเดินมากวนประสาทผมแน่ๆ

“มึงว่ามันจะตามมาปะ” ไอ้โซพูดเมื่อผมกับมันเดินมาถึงโต๊ะ

“ทุกครั้งมันเคยพลาดไหมล่ะ”

“ไม่คบเป็นเพื่อนหน่อยหรอวะ ดูๆ แล้วมันก็เข้ากับมึงดีนะ”

เข้ากับผมเนี่ยนะ กวนประสาทขนาดนั้นผมคงจะทนคบเป็นเพื่อนได้หรอก

“แล้วไอ้ภูมิไปไหน”

“ไม่รู้ เดี๋ยวก็มามั้งกูสั่งเครื่องดื่มเผื่อมึงละแต่อย่าเมานะขอร้องขี้เกียจแบกกลับห้อง”

น้อยครั้งที่ผมจะเมาถ้าไม่มีเรื่องเครียดหรืออยากดื่มจริงๆ ก็ไม่ใส่เต็มแน่ๆ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่คนคออ่อนขนาดนั้น

“ไม่ได้เจอหน้ากันนานเลยนะครับคุณธัญ” เสียงของคนที่พวกผมเพิ่งจะพูดถึงเมื่อกี้ดังอยู่ไม่ไกล

ไอ้ไผ่เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่นั่งของไอ้ภูมิพร้อมกับกอดอกแล้วมองมาที่ผม

“คิดถึงกูหรอ”

“ก็คิดถึงนะ เห็นหน้าหมาเป็นหน้ามึงประจำเลยไม่รู้ว่าที่นั่งตรงนี้เป็นมึงจริงๆ หรือว่าหมากันแน่” ว่าแล้วมันก็ยื่นหน้าเข้ามาหาผม

ผมหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆ กระแทกหน้ามันแรงๆ อย่างตั้งใจ

“โทษที มือกูไวต่อสิ่งสกปรกน่ะ” ผมสะบัดมือเหมือนจับสิ่งสกปรกก่อนที่รอยยิ้มปลอมๆ ของไอ้ไผ่จะปรากฏบนใบหน้า

ไอ้ไผ่เป็นคนยิ้มสวยแต่ผมบอกได้เลยว่าไม่มีความจริงใจอยู่ในนั้นเลยสักนิด

“ได้ดูมวยอีกแล้วแฮะ” ไอ้โซมันชอบนักล่ะเวลาผมกับไอ้ไผ่เจอกัน

“ไม่ได้จะมาหาเรื่องนะ แค่มาทักทายเฉยๆ ไม่เจอหน้าหลายวันไม่รู้ว่าคุณธัญไปติดใครที่ไหนหรือเปล่า แต่หวังว่าจะไม่ซ้ำกับผมนะครับ”

“มึงรึเปล่าที่จะซ้ำกับกู ที่ผ่านมาเขาก็เลือกกูนะ”

มันมองผมก่อนจะยักไหล่เหมือนไม่แคร์อะไร คนอย่างมันก็หาทางกันผมจนได้นั่นแหละ

“แต่ครั้งนี้ถ้าซ้ำผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะครับ”

ความเป็นไปได้น้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาแต่ถ้าซ้ำจริงๆ คนนี้ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ให้มันรู้กันไปสิว่าระหว่างผมกับมันใครกันแน่ที่จะชนะ













….……………………………………



ช่วงนี้ผมเข้าร้านไอ้ภูมิบ่อยจนมันถามว่ามีอะไรที่มันยังไม่รู้รึเปล่า คำตอบที่ผมตอบมันก็คือพนักงานในร้านของมันนั่นแหละ

พวกผมสามคนไม่เคยมีความลับต่อกันถ้าถามก็ตอบแต่ถ้าไม่ถามก็อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเรื่องที่ผมสนใจทัชไอ้โซก็ยังไม่รู้หรอกเพราะมันมัวแต่สนใจเรื่องอื่นอยู่

“น้องมันเข้างานทุ่มหนึ่ง มึงจะรีบมาทำไม”

“เรื่องของกูไหมล่ะ”

“กี่วันล่ะคนนี้”

“เรื่อยๆ ” จนกว่าผมจะเลิกสนใจไปเองนั่นแหละ เพราะเอาเข้าจริงๆ ทัชก็ไม่ได้ตรงสเปคผมเลย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกชอบมองน้องมันบ่อยๆ เหมือนกับมีบางอย่างดึงดูดผมตลอดเวลาที่เจอกัน

“น้องมันดูไม่ใช่แนวนี้นะ”

ผมมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าทัชชอบผู้หญิง แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนไม่ลองก็ไม่รู้หรอกจริงไหมครับ

“ก็ลองดู ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”

“ลองไปลองมา ชอบเขาเข้าจริงๆ แล้วจะซวยนะมึง”

ถ้าบอกว่าชอบตอนนี้ผมก็ชอบ แต่ผมรู้ว่าชอบที่ไอ้ภูมิหมายถึงมันลึกซึ้งกว่านั้นซึ่งผมไม่เคยรู้สึกกับใครเลย

“ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำให้กูชอบได้รึเปล่า” ผมว่าพลางลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานไอ้ภูมิ เพราะอีกไม่นานเป้าหมายของผมคงจะมาแล้ว





เด็กหนุ่มผมสีควันบุหรี่เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทักคนนั้นทีคนนี้ที ดูเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากๆ คนหนึ่งนั่นคงเป็นข้อดีของทัชล่ะมั้งไม่ว่าใครเจอก็ต้องชอบรอยยิ้มนั้น

ผมไม่เถียงว่าผมก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบมองรอยยิ้มนั้นเหมือนกัน นี่สินะที่เข้าเรียกว่าเสน่ห์

ผมไม่ได้เดินเข้าไปหาหรือไปทักทายอะไรแต่กลับยืนอยู่อีกมุมซึ่งมองเห็นทัชได้ชัด ถ้าเอาตามที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมกับทัชก็ไม่ได้สนิทหรือเจอหน้ากันต้องทักกันเป็นปกติขนาดนั้น ทั้งที่บางทีผมก็นึกอยากจะสนิทด้วยแต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากเข้าไป

อีกครึ่งชั่วโมงทัชก็จะเข้างานแล้วส่วนผมก็ไม่มีไรทำ สรุปคือผมมาเฝ้าน้องมันหรอวะเนี่ย น่าตลกดีแฮะ ผมมีโมเมนต์มาเฝ้าคนอื่นด้วย

ผมเดินไปหาโต๊ะนั่งโดยที่ไม่ลืมหาโต๊ะที่สามารถมองเห็นอีกคนได้ชัดๆ มาดูซิว่าวันนี้จะมีอะไรสนุกๆ ให้ผมดูรึเปล่า



21:30 น.

คนเริ่มเข้าร้านมากขึ้นเรื่อยๆ จนคนที่ผมมองอยู่ก็เริ่มวุ่นวายกับการทำงานมากขึ้นเหมือนกันแต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าก็ปรากฎรอยยิ้มให้เห็นอยู่ตลอด

พลังเหลือเฟือเชียวนะ

“ซุ่มมองเหยื่อหรอคุณธัญ” ไอ้โซกอดคอผมก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ

ผมยักไหล่แทนคำตอบทำให้ไอ้โซทำหน้าเซ็งทันที

“อาทิตย์หน้ามีเปิดบ้าน มึงไปปะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

เปิดบ้านที่ไอ้โซหมายถึงคือ Open House ที่มหาลัยจะจัดขึ้นเพื่อให้เด็กเข้ามาดูมาค้นหาตัวเองว่าอยากเรียนต่อคณะอะไร ส่วนคนในมหาลัยอย่างพวกผมก็มีหน้าที่แนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับคณะตัวเอง แต่ผมไม่เคยไปเลยสักปีแล้วปีนี้ก็คงไม่ไปอีกตามเคยล่ะมั้ง

“นั่นมันวินปะ” ผมมองตามไอ้โซก็เจอคนที่ผมเคยเจอนับครั้งได้ตั้งแต่เลิกกันไป

วิน แฟนเก่าของผมที่เลิกกันไปหลายเดือนแล้วแถมยังเป็นเพื่อนสนิทไอ้แทนที่เป็นต้นเหตุทำให้ไอ้แทนไม่ชอบขี้หน้าผม

ถ้าวินมาไอ้แทนก็ต้องมาด้วยน่ะสิ แล้วคนหวงน้องอย่างไอ้แทนถ้ารู้ว่าน้องมาทำงานแบบนี้มันจะไม่โวยวายรึไง

ผมมองคนที่กำลังจะเดินไปบริการลูกค้าก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับคนที่ผมเพิ่งนึกถึง

ไอ้แทนเดินเข้ามากับเพื่อนอีกคนซึ่งน่าจะเดินไปหาวิน

“นั่นมึงจะไปไหน”

“เดี๋ยวกูมา”

อย่างน้อยๆ ทัชต้องยังไม่ออกจากงานก่อนที่ผมจะเบื่อสิ

เพราะแบบนั้นผมจึงรีบเดินตรงไปหาทัชทันที

“เอาไปให้คนอื่นทำแทนก่อน” ผมแย่งของที่ทัชกำลังจะเอาไปเสิร์ฟลูกค้าเดินไปให้พนักงานอีกคนแล้วลากแขนคนที่กำลังยืนงงให้เดินตามไปหลังร้านทันที

“อะไรของคุณเนี่ย” แรงสะบัดทำให้ผมปล่อยแขนทัชอย่างว่าง่าย

“ก็ช่วยไง”

“ช่วย? ช่วยอะไรผมกำลังทำงานนะคุณ”

ผมยกมือขึ้นกอดอกมองหน้าคนที่กำลังขมวดคิ้วใส่ผม

“พี่นายมา” ผมพูดแค่นั้นทัชก็ทำหน้าตกใจทันที

เป็นอย่างที่คิดว่าทัชต้องแอบไอ้แทนมาทำงานแน่ๆ แต่ผมจำได้ว่างานที่ร้านCafeก็ทำ จะทำอะไรหลายงานขนาดนั้น

“กลัวพี่นายเจอหรอ”

“กลัวดิคุณ” เชื่อแล้วว่ากลัวเพราะแสดงออกทางหน้าตาขนาดนั้น

แล้วอยู่ๆ ผมก็คิดอะไรขึ้นได้ เพราะผมน่ะช่วยใครก็หวังผลประโยชน์ซะด้วยสิ

“ถ้าพี่นายรู้ว่ามาทำงานที่นี่จะเป็นยังไง”

“ก็ให้เลิกทำน่ะสิ”

คำตอบที่ไม่ได้เกินความคาดหมายถูกเอ่ยออกมาทั้งคนพูดยังทำหน้าเคร่งเครียดยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุกกว่าเดิม

“จะไปไหนน่ะคุณ” พอผมทำท่าจะเดินออกไปข้างนอกทัชก็คว้าแขนผมไว้

ผมมองมือที่จับแขนผมก่อนที่ทัชจะรู้สึกตัวแล้วรีบปล่อยแขนผมทันที

“พอดีอยากเห็นคนออกจากงานน่ะ”

“คุณคงจะไม่ไปบอกพี่ผมหรอกนะ”

“ฉลาดดีนี่”

“คุณรู้จักพี่ผมหรอ”

“รู้จักสิ รู้จักดีเลยล่ะ”

ใส่สีตีไข่เข้าไปสักหน่อย เพื่อความสนุกล้วนๆ เห็นหน้ากังวลของเด็กตรงหน้าแล้วมันขำดี

“อย่าแกล้งผมเลยนะคุณ”

ดูเหมือนว่าผมจะกลายเป็นคนขี้แกล้งในสายตาน้องไปซะแล้วสิ

“งั้น...ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร”

ไม่มีของความกลัวหรือไม่หมั่นใจในแววตาคู่นั้น ยกเว้นเป็นเรื่องของไอ้แทน

คนที่มีอิทธิพลต่อทัชคือไอ้แทนเท่านั้นสินะ

“เรียกฉันว่าพี่สิ”

“หะ”

“แลกกับที่ฉันไม่บอกพี่นายว่านายทำงานที่นี่”

“คุณนี่มัน…ขาดความอบอุ่นรึไง”

“จะเรียกหรือไม่เรียก”

“โถ่ เรื่องแค่นี้เอง”

ผมเคยบอกให้ทัชเรียกนะแต่ตอนนั้นคือกวนตีนผมด้วยไง

“ไหนลองเรียกสิ”

“พะ..กระดากปากจังวะ”

หน้าตาตอนนี้โคตรจะตลกเลย รู้สึกอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมดเลยสินะ

“ยิ้มอะไรคุณ”

“สงสัยจะไม่อยากทำงานแล้วสินะ” ว่าแล้วผมก็ทำท่าจะเดินออกไปอีกรอบ

“โอเคๆ พี่ธัญ”

และคำที่ผมอยากได้ยินก็ออกมาจากปากน้องมันจนได้

ที่จริงก็ไม่ได้อะไรหรอกแต่ได้ยินเรียกไอ้ภูมิว่าพี่ผมนึกหมั่นไส้เฉยๆ ทีผมล่ะไม่ยอมเรียก

“พี่จะไม่บอกพี่แทนแน่นะ”

“ฉันพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”

“งั้นสัญญาก่อนดิ” ทัชชูนิ้วก้อยขึ้นมาเหมือนเด็กเวลาจะสัญญาอะไรก็ต้องเกี่ยวก้อยไม่มีผิด

.

.

“สัญญา”

ผมไม่ได้เกี่ยวก้อยแต่ยื่นมือไปยีหัวน้องมันแทนก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับเสียงที่เหมือนจะบังคับให้ผมเกี่ยวก้อยให้ได้

บางทีลักษณะภายนอกกับนิสัยจริงๆ มันก็อาจจะไม่เข้ากันเลยสักนิด เพราะฉะนั้นเราถึงต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักใครสักคน แค่ใครสักคนที่เราสนใจ…






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Blackcrow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
Chapter 10
มุมแสดงความคิดเห็น


“มึง” มาละครับคำเริ่มบทสนทนาที่ทำให้คนได้ยินอยากเสือกว่าคนเรียกจะพูดอะไรต่อ

“อะไร”

“อยากมีแฟนว่ะ” ผมมองหัวที่แทบจะเรียกว่าโล้นของไอ้โก้ก่อนจะถอนหายใจ

“บ่นกับกูแล้วมันจะได้ไหม ไปหาไอ้ปาล์มนู่น”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันบ่นนะ บ่นแล้วก็ไม่ทำห่าอะไรเลยไม่จีบใครสักคนเอาแต่บอกว่าไม่ใช่สเปคเลือกมากไปมันก็ไม่มีแบบนี้ไง

“อย่าบอกนะว่าจะเหลือกูกับมึงที่ไม่มีแฟน”

“มึงมองข้ามไอ้ตังทำไม ถ้ามึงไม่มีมันก็ไม่มีหรอก” อันนี้เรื่องจริงนะเห็นไอ้ตังมันเป็นแบบนั้นแต่คนที่มันชอบมีคนเดียวซึ่งเดอะแก๊งก็รู้รวมถึงเจ้าตัวอย่างไอ้โก้ด้วย

แต่ก็ไม่แน่หรอกครับบางทีไอ้ตังอาจจะมีกิ๊กซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้

“มันไม่อยากมีเองเหอะ”

“มึงก็รู้อยู่แก่ใจอะ”

แล้วไอ้โก้ก็สะบัดหน้าหนีผมเฉยเลย นี่ไงพอพูดความจริงแล้วก็ไม่ยอมรับอีก

ผมหันกลับมาสนใจการบ้านตรงหน้าต่อเพราะที่ร้านตอนนี้คนไม่เยอะเลยมีเวลาลอกการบ้านนิดหน่อย

ถ้าถามว่าเรียนมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงก็กล้าบอกเลยครับว่าเพื่อนทั้งลากทั้งดึงกว่าจะมาอยู่จุดนี้ได้ ส่วนไอ้คนที่ลากก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกไอ้โก้เพื่อนรักนั่นแหละ

“เออ แล้วมึงกับคุณธัญนี่ยังไง”

“อะไรยังไง”

“เหมือนมึงจะสนิทกับเขานะ” ผมยังไม่รู้ตัวเลยว่าสนิทกับเขา

“กูกับเขาดูสนิทกันหรอ”

“ดูเขาไม่น่าจะมายุ่งกับคนแบบพวกเราไง”

ที่ไอ้โก้มันพูดก็จริงแต่มันก็คงไม่มีอะไรมากกว่าที่เขาแค่อยากแกล้งผมเล่นล่ะมั้ง

“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย” ผมมองตามไอ้โก้ก่อนจะเห็นคนที่เพิ่งพูดถึงเมื่อกี้เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ซึ่งผมก็รู้จักอยู่แล้วเพราะหนึ่งในนั้นก็เป็นเจ้านายของผม

“มึงไปรับออเดอร์นะ”

“มึงก็ไปดินั่นหน้าที่มึง” หน้าที่ผมคืออยู่เคาเตอร์แล้วจะให้ผมไปรับออเดอร์ผมไม่ไปหรอกนะ เดี๋ยวไอ้พี่ธัญแม่งก็หาเรื่องแกล้งผมอีก

พอผมไม่ไปไอ้โก้มันก็ไปทำหน้าที่ของมันต่อ

ผมมองรอบๆ ร้านอย่างเพลินๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมาจึงหันไปมอง พี่ธัญมองผมไม่สิจ้องเลยล่ะมีปัญหาอะไรมากไหมวะนั่น

“จ้องขนาดนี้จะแดกหัวกูรึไง”

ผมได้แต่บ่นอยู่คนเดียวก่อนจะจ้องกลับ ผมไม่เคยกลัวสายตาของคนคนนี้อยู่แล้วจริงๆ ก็ไม่กลัวใครทั้งนั้นแหละยกเว้นพี่แทน

จนในที่สุดพี่ธัญก็ละสายตาจากผมไปสนใจของกินที่ไอ้โก้เพิ่งเอาไปเสิร์ฟแทน

พี่ภูมิและพี่โซไม่ได้ทำเหมือนว่ารู้จักพวกผมแต่อย่างใดเพราะผมเคยขอไว้ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีมากถ้าพี่แทนมาก็ไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่าพวกเรารู้จักกัน

ต้องวางแผนรอบครอบสักหน่อยครับเพราะพี่ผมน่ะร้ายใช่เล่น ตาอย่างกับสับปะรด

“มึง กิ๊กไอ้แมนอะนั่งนานมากแล้วนะ” ไอ้โก้ที่ว่างจากการเสิร์ฟแล้วชี้ไปที่มุมที่ไม่ค่อยมีใครนั่งซึ่งค่อยข้างเป็นส่วนตัวอย่างมาก

พี่ไผ่ยังนั่งอยู่มุมนั้นเหมือนเดิมอย่างที่เคยมาเกือบทุกวันและมักจะมาทักทายผมเสมอ มันเป็นเรื่องปกติที่คนจะเข้ามาสั่งเครื่องดื่มหรือขนมแล้วนั่งทำงานไปด้วยและผมก็คิดว่าพี่ไผ่น่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

“เขาก็นั่งทำงานของเขาแหละ”

“แต่ไม่มีอะไรเลยนะนอกจากเล่นมือถือ”

“แล้วมึงจะไปยุ่งกับเขาทำไมเนี่ย”

“ท่าทางดูเศร้าๆ นี่หว่า” มาพูดให้ผมอยากเสือกด้วยอีกละ เรื่องชาวบ้านนี่ขอให้บอก

นอกจากพี่ไผ่จะกลายเป็นลูกค้าประจำก็มีเพิ่มมาอีกหนึ่งคนก็คือพี่ธัญ แต่ดูเหมือนว่าจะมาไม่ตรงกันเลยสักครั้งยกเว้นวันนี้

“ทำงานเสร็จแล้วไปไหนต่อ” ไม่ใช่เสียงไอ้โก้แต่เป็นเสียงคนที่เพิ่งนั่งจ้องหน้าผมเมื่อกี้

“กูไปช่วยงานพี่แนนละ” ว่าแล้วไอ้โก้ก็เดินเข้าไปหาพี่แนนทันที

ส่วนผมก็ต้องมาตอบคำถามของคนตรงหน้า

“ทำไมครับ จะชวนผมไปกินข้าวหรอ” อันนี้แค่กวนตีนครับแต่ถ้าชวนก็ไปจริง

“จะชวนไปตลาด” เดี๋ยวนะนี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม

“พี่จะไปตลาด?”

“ใช่” แต่งตัวอย่างกับจะไปเดินห้างแต่ชวนไปตลาดเนี่ยนะ จริงจังปะเนี่ย

“ใช้ชีวิตติดดินหรอครับช่วงนี้”

“จะไปรึเปล่า”

“เราสนิทกันหรอพี่”

“อยากสนิทไหมล่ะ” น้ำเสียงที่ไม่ได้ล้อเล่นบวกกับสายตาจริงจังแบบนั้น ค่อนข้างทำให้ผมแปลกใจ

อยากสนิทกับผมรึไง

“เอาความจริงหรือโกหกอะ”

“กวนแล้วนะทัช” เริ่มหงุดหงิดแล้ววุ้ย

“น่าจะไปแหละพี่ แต่ผมจะไปกับเพื่อนนะ”

“แต่ฉันชวนนาย”

“ก็ค่อยไปเจอกันที่ตลาดไง” อีกคนเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดบวกกับลูกค้าคนอื่นเดินมาจ่ายตังพอดีพี่ธัญจึงเดินกลับโต๊ะตัวเอง

ด้วยความที่ช่วงนี้ผมกับพี่ธัญวนเวียนมาเจอกันทั้งที่ร้านกับร้านพี่ภูมิก็เลยเหมือนรู้จักกันอย่างเป็นทางการไปชะแล้วแต่ถ้าถามว่าสนิทไหม อืม...คิดว่าคนอย่างพี่ธัญจะอยากสนิทกับผมรึเปล่าล่ะ

ผมว่าคงไม่หรอกมั้ง

“ทัช ไปซื้อของตามนี้ให้พี่หน่อย”

พี่แนนเดินมาหาผมพร้อมกับกระดาษในมือ ผมรับมาก่อนจะดูรายการที่ต้องซื้อ

เป็นน้องเจ้าของร้านที่ทำทุกอย่างจริงๆ ถามว่าพี่แทนมาผมจะสบายขึ้นไหมบอกเลยว่าถูกใข้งานหนักกว่าเดิมอีก!

“แล้วตรงนี้ล่ะพี่”

“เดี๋ยวพี่ดูให้เเอง รีบไปรีบมานะ”

“ครับผม!”

ผมเดินออกจากร้านอย่างสบายอารมณ์ จะได้ชิ่งแล้วครับยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์นานๆ มันก็เบื่อเหมือนกันออกไปสูดอากาศที่...เอิ่ม ค่อนข้างจะร้อนไปหน่อยก็เถอะ

“ไอ้ทัช!”

“อะไร” อยู่ๆ ไอ้โก้ก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมาหาผม

“อยากแดกลูกชิ้น ฝากซื้อหน่อยดิ”

“ไว้ไปแดกที่ตลาด กูรีบ” ผมไม่รอให้ไอ้โก้ได้โอดครวญรีบสตาจรถออกไปทันที

จริงๆ ก็ไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แต่อีกหน่อยก็เลิกงานละให้มันไปแดกที่ตลาดน่าจะดีกว่า





รายการที่จะซื้อก็มีไม่เยอะเท่าไหร่หรอกแต่ประเด็นคือมันไม่ได้อยู่โซนเดียวกันสักอย่างนี่สิ ทั้งที่พี่แนนบอกให้รีบกลับแต่ผมก็ยังเดินหาของชิลๆ ไปเรื่อยจนกระทั่งเจอกับบุคคลคนปริศนาที่เห็นแค่ข้างหลังก็จำได้

“ไอริน!”

เสียงเรียกของผมทำให้คนที่กำลังหยิบของหันมา แถมยังทำหน้าตกใจที่ได้เจอผมอีก

“ทัช!”

ผมรีบเข็นรถไปหาไอรินทันที

“ไม่ได้เจอตั้งนาน ยังกระดานเหมือนเดิมเลยนะ”

“แหมมม ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะยะ”

ไอรินเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผมพอจบไปแล้วก็แยกย้ายและไม่ได้ติดต่อกันเลย เพิ่งจะได้เจอกันก็วันนี้

“แล้วนี่เรียนไหนนะ”

“มอใกล้ๆ วิลัยแกไง ทำไมความจำสั้นอะบอกจะมาหาฉันก็ไม่เห็นแวะมาสักที”

ผมเคยบอกแบบนั้นหรอวะ

“จำไม่ได้เลย”

“มีเพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนเก่าหรอ” นั่น ดูพูดเข้าทำเหมือนน้อยใจทั้งที่ก็ลืมพอๆ กันนั่นแหละ

“อย่ามาดราม่าแถวนี้” พอผมจับไต๋ได้ก็ยิ้มแฉ่งทันที

ไอรินเป็นผู้หญิงที่สวยก็ได้น่ารักก็ดี ถ้าไม่รู้จักก็จะคิดว่าเรียบร้อย คุณหนูๆ หน่อยแต่คนที่จะคบกับผมได้มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เหมือนกันนั่นแหละครับศีลเสมอกันอยู่แล้ว

“แล้วนี้มากับใคร”

“แฟนจ้าาาาาา” ตอบได้ภูมิใจสุดๆ

“คนมีแฟนอะเนาะ”

“พูดแบบนี้นี่ไม่มีแฟนหรอ” ไอรินถามพลางทำหน้าแปลกใจ

“เห็นหล่อๆ แบบนี้ก็โสดนะครับบบ”

ไอรีนส่ายหน้าเอือมๆ แล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

“อีกไม่กี่อาทิตย์มหลัยจะจัดงาน Open House ว่างๆ ก็มาสิ”

" ถ้าว่างนะ " ใจจริงก็ไม่ได้คิดจะไปอยู่แล้วเพราะผมคงไม่ได้เรียนต่อหรอกจบปวส.ก็คงจะออกมาทำงานเลยค่อยไม่เสียเวลาใครจะเรียนก็เรียนไปส่วนผมสองปีคงเพียงพอละ

“อย่าลืมนะ มาให้ได้นะ”

“คร้าบบบ”

ขณะที่กำลังจะถามไอรินต่อผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมต้องรีบกลับอีกอย่างของก็ยังไม่ครบเลยย

ตอนนี้พี่แนนคงกำลังบ่นผมแน่ๆ

“งั้นเราไปก่อนนะ”

“อ้าว โอเคๆ ไว้ว่างๆ ทักหานะ” ผมพยักหน้าให้ไอรินก่อนจะรีบไปหาของตามรายการที่เหลือต่อ

มัวแต่โม้จนลืมเวลา







“มึงไปซื้อของที่เชียงใหม่หรอ” ไม่ช่วยถือแล้วยังแขวะกูอีกไอ้นี่

“โต๊ะนั้นกลับแล้วหรอ” ผมชี้ไปที่โต๊ะของพี่ธัญกับเพื่อนซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว

“กลับละ แล้วก็คุณธัญฝากบอกมึงว่าครั้งหน้าค่อยไปด้วยกัน”

ให้ตายสิ เพิ่งชวนผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนตัวเองกลับไม่ไปชะละ

“ว่าแต่ไปไหนวะ”

“ตลาด”

“หมายถึงมึงกับคุณธัญจะไปตลาด?”

“คงงั้นมั้ง” ผมเก็บของให้เข้าที่กับอารมณ์ที่เริ่มเซ็งๆ

ชวนเองเทเอง สมกับเป็นเขาจริงๆ

ผมไม่ได้น้อยใจนะอย่าเข้าใจผิด แค่เซ็งเฉยๆ ทั้งที่เขาเป็นคนชวนแท้ๆ แต่กลับเปลี่ยนใจซะได้

“ทำไมเขาต้องมาชวนมึงวะ สรุปสนิทกันใช่ไหม”

“เลิกพูดถึงเขาเถอะน่า” ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นนี่น้อยๆ ลงหน่อยก็ได้มั้งเหมือนกูจังเลย วุ๊!

“ก็กูอยากเสือกอ่าาา”

“กูไม่รู้ จบนะ”

เก็บของเสร็จผมก็เดินไปทำความสะอาดโต๊ะทันที เพราะอีกไม่กี่นาทีร้านก็จะปิดแล้ว

ทุกวันเมื่อใกล้จะถึงตอนปิดร้านผมจะมามุมแสดงความคิดเห็นและมาอ่านข้อความต่างๆ ที่ลูกค้าได้เขียนไว้ในแต่ละวัน

ข้อความหลายข้อความและเรื่องที่แตกต่างกันถูกติดไว้ในที่เดียวกัน มันทำให้ผมรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้อ่านถึงแม้มันจะเป็นข้อความไร้สาระหรือความในใจของใครบางคนที่ไม่สามารถพูดกับใครได้ เลยเลือกที่จะอธิบายมันออกมาผ่านตัวอักษรและวันนี้ผมก็เจอข้อความแบบนั้นอีกครั้ง

‘ถ้ามีใครสักคนที่จริงใจ

มันคงจะกว่านี้’

คนที่เขียนจะอกหักหรือมีเรื่องอะไรรึเปล่าไม่รู้แต่คงจะเศร้าพอสมควรเพราะการหาคนที่จริงใจมันหายากกว่าคนรักชะอีก

ผมใช้ปากกาเขียนลงที่ว่างข้างๆ โพสอิทใบนั้นและติดไว้ที่เดิมเผื่อลูกค้าคนนั้นกลับมาอาจจะเจอข้อความนี้

‘อย่างน้อยพนักงานร้านนี้ก็จริงใจกับคุณนะครับ’

ส่วนโพสอิทแผ่นอื่นผมก็เก็บมาใส่กล่องความทรงจำของร้านอย่างเคย

หวังว่าคราวหน้าเขาจะมาเห็นมันนะ















.......................................................





“ขนมร้านผมไม่อร่อยขนาดนั้นเลยหรอ” พอได้ยินเสียงผมพี่ไผ่ก็เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

“อร่อยที่สุดแล้ว”

“แต่ผมเห็นพี่นั่งเฝ้ามันมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”

“สังเกตพี่ขนาดนั้นเลยหรอ” แล้วก็มาทำตาหวานใส่ผมอีก

“ผมสังเกตลูกค้าของผมทุกคนครับ”

“ดีจังเลยน้าาาา”

ผมมองหน้าพี่ไผ่ก่อนจะรู้สึกว่ารอยยิ้มที่ส่งมานั้นดูฝืนมากกว่าที่เคยเป็น เขายิ้มให้ผมทุกครั้งแต่ครั้งนี้รอยยิ้มมันไม่เหมือนเดิม

ในใจอยากถามว่าเป็นอะไร แต่ผมก็ไม่ได้สนิทกับเขาขนาดนั้น

อยากเสือกนะ แต่ต้องมีมารยาทสักหน่อย

“นี่พี่ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็เดินไปมุมนั้นนะ” ผมชี้ไปที่มุมแสดงความคิดเห็นของร้าน

“คุยกับทัชไม่ได้หรอ”

“พี่คงไม่ได้ไว้ใจผมขนาดนั้น ใช่ไหมล่ะ” พี่ไผ่ไม่ตอบแต่ยิ้มกลับมาแทนนั่นก็แสดงว่าสิ่งที่ผมพูดมันก็ถูกแล้ว

“ไประบายได้นะพี่ เผื่อจะดีขึ้น” ลูกค้าที่เข้าร้านต้องไม่มานั่งมีเรื่องทุกข์ใจแบบนี้สิเห็นแล้วมันไม่สบายใจ

เพราะพี่แทนเคยบอกว่าความสบายใจของลูกค้าก็คือความสบายใจของเรา

ผมเดินมาประจำที่เคาน์เตอร์เหมือนเดิมเมื่อไอ้โก้มันออกมาจากห้องน้ำ อู้เข้าห้องน้ำเก่งจริงๆ

“อาทิตย์หน้าไปงาน Open House ไหมมึง”

“มอใกล้ๆ เราอะนะ” ผมพยักหน้า

ตอนแรกก็ไม่คิดจะไปหรอกแต่พอคิดไปคิดมาแล้วเราควรไปเปิดหูเปิดตาไปหาอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง

อย่างเช่น...

“จะไปทำไมวะ”

“กูเจอไอริน ก็เลยว่าจะไปหาสักหน่อย”

“จะว่าไปก็ไม่ได้เจอนานแล้วนี่หว่า” อย่างที่เคยบอกครับพวกผมเป็นเพื่อนกันและรู้จักไอรินมาก่อนอยู่แล้ว

“จะไปจริงหรอวะ ไม่อยากไปถิ่นเขาว่ะ”

“เออน่า ไม่ต้องใส่ช็อปดิ” ใส่ชุดนักศึกษาไปก็ไม่มีใครรู้ละ ไม่มีใครมองเหยียดด้วย

“ไปชวนพวกอยู่บ้านดิ”

“ไอ้โอ๊ตไม่แน่ใจว่ะ” แอนตี้เด็กมหาลัยเข้าไส้เลยมันน่ะ

“ว่าแต่วันนั้นเราว่างหรอวะ”

“ถ้าใจเราว่างมันก็ว่างแหละ”

“ถุ้ย!”

“ไอ้สัส มึงจะถุ้ยจริงทำไมเนี่ยสกปรก” ไม่ถุ้ยแต่ปากแต่ของจริงสุดๆ

เต็มตีนกูเลยเนี่ย!

“เฝ้าเลย กูจะไปล้างตีน”

“สกปรกว่ะ”

“มึงอะสกปรก!”

“ฮ่าๆๆๆ ” ดูมัน ไม่สำนึกแล้วยังขำอีก

ทำไมพี่แนนไม่มาเห็นวะให้แม่งโดนบ่นซะให้เข็ด

“ไอ้ทัช มานี่หน่อยลูกค้าจะคุยกับมึง”

พอได้ยินไอ้โก้ตะโกนเรียกผมก็รีบออกมาทันที

ลูกค้าที่ว่าคือพี่ไผ่ที่ยืมยิ้มพร้อมกับส่งกระดาษโพสอิทมาให้ผม

“เห็นบอกว่าพนักงานที่นี่จริงใจ ถ้างั้น...พี่ขอไลน์ทัชหน่อยสิ”

ขอความที่ผมเคยอ่านและเขียนไว้ปรากฏอยู่ตรงหน้าและที่สำคัญพี่ไผ่เป็นคนเขียน

ภายใต้รอยยิ้มนั้นคงมีอะไรซ่อนอยู่มากมายและผมก็อยากรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นบ้าง

ผมหยิบปากกาเขียนไอดีไลน์ใส่โพสอิทแผ่นเดิมก่อนจะส่งคืนให้พี่ไผ่

“มีอะไรก็ทักมานะพี่” ก็อย่างที่บอกอย่างน้อยพนักงานร้านนี้ก็จริงใจกับเขาเสมอ

“ทักแน่นอนครับ”

จริงๆ ผมรู้สึกถูกชะตากับพี่ไผ่อย่างบอกไม่ถูกมันอาจจะเป็นเพราะว่าเรามีอะไรคล้ายๆ กันทั้งสไตล์การแต่งตัว ความชอบ ที่ผมเคยได้คุยกับพี่ไผ่มาจนกระทั่งเขามาเป็นลูกค้าประจำที่ร้าน

“พี่กลับก่อนนะ ไว้พี่จะทักหา”

“กลับดีๆ นะครับ”

พอพี่ไผ่เดินออกจากร้านไปแรงสะกิดจากไอ้คนข้างๆ ก็ทำให้ผมหันไปมอง

“อะไรของมึง”

“เขาขอหลายครั้งแล้วไม่เห็นจะให้ทำไมครั้งนี้ถึงให้ไปวะ”

“กูว่าเขาต้องมีอะไรในใจสักอย่างที่บอกใครไม่ได้”

“แล้วคิดว่าเขาจะบอกมึงว่างั้น”

“ก็ไม่แน่”

“เสือกล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม” พูดอย่างกับตัวเองไม่เคยเสือกเรื่องชาวบ้านอีกละ

“ถ้ากูรู้ไรมากูจะไม่เล่าให้มึงฟัง”

“โถ่ทัชเพื่อนรักกกกก” บางทีเพื่อนก็มักจะมาในรูปแบบตอแหลนะครับ ดูไว้ๆ











“และในค่ำคืนนี้ นี้ นี้ นี้”

“คุณจะได้พบกับ กับ กับ กับ”

“เกม truth or dare!!!” เล่นใหญ่ชิบหาย

ไอ้ตังวางอุปกรณ์ในการเล่นเกมลงซึ่งก็คือขวดลงตรงกลางวง กติกาง่ายๆ คือถ้าปากขวดหมุนไปหยุดอยู่ที่ใครก็ต้องให้คนนั้นเลือกว่าจะพูดความจริงหรือท้า เป็นเกมที่ผมกับเดอะแก๊งเล่นค่อนข้างบ่อยเลยล่ะ

“มึงๆ เอาเบียร์มาให้ดูด้วย” ผมวานไอ้ปาล์มที่กำลังลุกไปทำอะไรสักอย่าง

“เริ่มละนะ ไอ้ปาล์มเร็วๆ ดิ้”

“เออๆ ”

ผมรับกระป๋องเบียร์จากไอ้ปาล์มก่อนที่ไอ้ตังจะเริ่มหมุนขวดและผู้โชคดีคนแรกก็คือไอ้โอ๊ต

“พูดความจริงหรือท้า” ไอ้ตังรีบทำหน้าที่ถามทันที

“พูดความจริง”

“กับคนที่คุยล่าสุดมึงจริงจังหรือแค่เล่นๆ ” ไอ้ตังประเดิมคนแรกด้วยคำถามที่พวกผมก็อยากรู้ไม่แพ้กัน

นานๆ ทีไอ้โอ็ตมันจะคุยกับใครบ้างสักที

“จริงจัง”

“เชร้ดดด” ทั้งตอบทั้งเขินสงสัยจะจริงจังจริงๆ เพื่อนผมจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วหรอเนี่ย

“ต่อๆ ”

ไอ้ตังหมุนขวดอีกรอบ ผู้โชคดีคนที่สองก็คือไอ้โก้

“พูดความจริงหรือท้า”

“ท้า” มึงพลาดแล้วไอ้โก้

“กูท้าให้มึงหอมแก้มไอ้ตัง” ยังดีที่ไอ้โอ๊ตมันให้แค่หอมแก้มแต่ถ้าจูบปากล่ะมึงเอ้ย ผิดผีแน่ๆ

ไอ้โก้มันก็คงจะคิดไม่ต่างจากผมมันหันไปหอมแก้มไอ้ตังอย่างว่าง่าย ส่วนไอ้คนถูกหอมก็เขินจนม้วนไปละทั้งยังหันไปแทคทีมกับไอ้โอ๊ตเป็นที่เรียบร้อย

ผมบอกแล้วว่าไอ้โก้มันพลาดที่เลือกท้า

ขวดหมุนไปเรื่อยๆ วนไปหยุดอยู่ที่เดอะแก๊งเกือบทุกคนยกเว้นผม ไม่รู้วันนี้โชคดีหรืออะไรที่ขวดไม่แม้แต่จะสนใจผมเลยสักนิด

“ทำไมปากขวดไม่หยุดอยู่ที่ไอ้ทัชสักทีวะ”

“นั่นดิ มึงเล่นของปะเนี่ย”

“เล่นของเชี้ยไรละ”

“กูลองหมุนหน่อยดิ” ว่าแล้วไอ้โก้ก็หมุนขวดทันที

และแน่นอนครับว่ามันไม่ได้หยุดอยู่ที่ผมแต่เป็นไอ้ตัง

“พูดความจริงหรือท้า” เป็นผมที่ถามคำถามนี้กับไอ้ตัง

“พูดความจริง”

“มึงกำลังแอบกิ๊กกับเด็กแผนกกูใช่ไหม” ไอ้ตังมันอึ้งเล็กน้อยก่อนจะยอมตอบแบบอึกอัก

“ก็…ใช่” นั่นไงเห็นมันส่งสายตาให้คนในแผนกผมอยู่ไม่คิดว่ามันจะกิ๊กกันจริง ที่ไหนได้มันแอบร้าย!

ไอ้โก้เริ่มหมุนขวดอีกรอบซึ่งรอบนี้ไม่พลาด ปากขวดมาหยุดอยู่ที่ผมพร้อมกับสายตาทุกคนที่มองมา

ไม่ค่อยจะพร้อมใจกันเท่าไหร่เลย

“พูดความจริงหรือท้า” เอาจริงนะเลือกทางไหนก็น่าจะชิบหายพอกันดูจากหน้าตาแต่ละคนพร้อมรุมผมมาก

“พูดความจริง” ที่เลือกพูดความจริงเพราะอย่างน้อยผมก็ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ แน่นอน

“สมมติว่ามีผู้ชายสองคนมาจีบมึง มึงจะทำยังไง” คำถามจากไอ้โก้มันเป็นคำถามที่ง่ายสำหรับผมและคำตอบแทบจะไม่ต้องคิดเลยล่ะ

“ก็ไม่ทำยังไง เพราะกูชอบผู้หญิง”

.

.

นั่นแหละครับคำตอบของผมและเป็นคนปิดท้ายเกมในวันนี้












ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด