WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8  (อ่าน 36407 ครั้ง)

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
Watercolor

เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังอยู่หน้าร้านทำให้ภาคินที่เพิ่งเดินลงมาจากข้างล่างต้องส่ายหน้าอย่างขำๆ พวกพี่ๆ ที่เคยทำงานด้วยแกล้งส่งเสียงโหยหวนเพราะรออยู่นานแล้ว ดีที่สนิทกันอยู่แล้วถึงได้มาส่งเสียงแบบนี้ได้ ทันทีที่คินเปิดประตูสายรุ้งหลากหลายสีก็กระจายใส่เต็มหน้า บนหัวทุกคนใส่หมวกปาร์ตี้เตรียมฉลอง คินรู้ว่าทุกคนมาแสดงความยินดีที่เขาเปิดร้านและสตูดิโอเป็นของตัวเองแต่เขาเปิดร้านมาครึ่งปีแล้วก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาฉลองให้อยู่อีก

“ขอบคุณมากพี่ แค่มาใช้บริการสตูดิโอผมก็ดีใจมากแล้ว”

“ชื่อเสียงร้านมึงโคตรโด่งดังเลยคิน”

“ร้านผมดังขนาดนั้นเลย”

“เออ โด่งดังเรื่องที่เปิดเดือนละสามวัน เวรเอ๊ยเพื่อนกูบอกมากี่ทีๆ ก็ขึ้นป้ายว่า close ตลอดไม่เคยได้ซื้อของเลย”

“เดี๋ยวจะเปิดบ่อยขึ้นแล้วที่ผ่านมาตารางมันยังไม่ค่อยลงตัว งานนอกที่รับมายุ่งด้วย”

คินทักทายพี่ๆ ที่ขนอุปกรณ์เดินเข้ามาในร้านก่อนที่คินจะบอกให้ขึ้นไปชั้นสองได้เลย แต่คนที่เดินมาเป็นคนนสุดท้ายทำให้คินยืนพิงประตูแล้วยิ้มให้ ปลายรุ้งยังคงคอนเซ็ปต์สาวหมวยสุดแสนจะเท่ พอเห็นหน้าเขาก็ร้องเฮ้ยเสียงดังลั่นพร้อมกับทุบไหล่เขาดังปักๆ

“เป็นไงคิน สบายดีนะไม่เจอกันโคตรนานเลยข่าวสุดท้ายคือแกหนีไปเชียงใหม่ หายต๋อมไปเลยนะ”

“สบายดีรุ้งอะ ยังทำงานที่นี่อยู่อีกเหรอเห็นบ่นลาออกรอบที่ร้อย”

“ไม่มีที่ไปว่ะพูดแล้วเศร้าซึมขนาดตอนนี้ยังใช้ผู้หญิงอย่างฉันแบกของ แล้วนี่กลับจากเชียงใหม่ได้ก็ดีขึ้นแล้วสินะ”

“ไม่ได้เป็นอะไรมากรุ้งก็พูดเวอร์”

“เจอรักใหม่แล้วใช่ป่ะ กิ้วๆ”

“คิน วันนี้ซื้อหมูปิ้งมาเผื่อ…”

เสียงที่ดังขึ้นหน้าประตูทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง สีน้ำยังใส่ผ้ากันเปื้อนสีแดงแถมข้างแก้มยังเลอะไปด้วยสีเป็นปื้นๆ วันนี้มีสิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือผ้าโพกหัวสีเดียวกับผ้ากันเปื้อนด้วย พอเห็นว่ามีใครยืนอยู่ด้วยก็เลยเอ่ยทักทายก่อนที่คินจะแนะนำให้รู้จัก คินเห็นบรรดาอาหารเช้าที่สีน้ำถือมาก็รีบเข้าไปช่วย คนที่ซื้ออาหารเช้ากำลังพูดเจื้อยแจ้วว่าวันนี้ซื้ออะไรมาให้บ้างคินเองก็พยักหน้ารับพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดตรงแก้มที่เลอะสีไปด้วย

“อร่อยมากเจ้านี้เหมาซาลาเปามาหลายไส้ให้คินเลือก พูดจนเหนื่อยผมต้องกลับไปสอนแล้ว”

ครูสอนวาดรูปวันนี้เหมือนเด็กลงกว่าอายุจริงเยอะ นี่ก็พูดไม่หยุดตั้งแต่เจอร้านขายขนมจีบซาลาเปาเจ้าใหม่ แถมวันนี้มีผ้าโพกหัวน่ารักทำให้คินรู้สึกมันเขี้ยวเอาแต่ยืนลูบแก้มอยู่อย่างนั้น ปลายรุ้งที่ยืนอยู่ที่เดิมรู้สึกตัวเองเหมือนไร้ตัวตนมากๆ ได้แต่ยกมือโบกไปมาพร้อมกับพูดเบาๆ ว่าฮัลโหล

“คนนี้เหรอที่บอก”

“ครับ แต่ยืนยันนะผมไม่ได้คิดอะไรกันแล้ว”

“ยืนยันอีกเสียงค่ะ เพื่อนกันร้อยเปอร์เซ็นต์”

ทั้งสองคนปฏิเสธเสียงแข็งทำหน้าจริงจังจนสีน้ำหัวเราะออกมา ก่อนจะพยักหน้าแล้วขอตัวไปสอนนักเรียนต่อ ปลายรุ้งก็นึกว่าคุณสีน้ำจะไปไหนไกลก็แค่เดินเลี้ยวไปร้านข้างๆ แต่ภาคินก็มองตามซะจนลับสายตาจนปลายรุ้งต้องบอกเสียงดังว่าเวอร์จริงๆ แต่พอภาคินบอกว่าคุณน้ำเป็นครูสอนวาดรูปและสอนคลาสระบายสีน้ำ ปลายรุ้งก็ยกมือทาบที่อก

“คุณพระคุณเจ้านึกภาพแกระบายสีน้ำไม่ออกเลยคิน เห็นแต่ภาพโยนจานสีทิ้ง”

“ตอนนี้ก็ยังไม่ถนัดแต่ก็เคยลองแล้วก็ไม่ได้แย่นะ แต่ก็ยังขี้เกียจผสมสีเอง”

“ดีเนอะ คุณน้ำดูไว้ใจคินดีแต่แฟนเรา..”

คินพอรู้ว่าแฟนของรุ้งเป็นคนขี้หึง เมื่อวันก่อนพวกพี่ๆ ก็เกริ่นให้เขาฟังแล้วตอนแรกจะไม่ให้รุ้งมาด้วยซ้ำ แต่คนที่มีความรับผิดชอบเรื่องงานอย่างรุ้งไม่ยอมแน่ๆ แฟนรุ้งเองก็รู้ว่าเขาเป็นใครเคยคุยกับรุ้งแบบไหน ถึงได้ไม่ไว้ใจตัวคินก็เลยเลือกที่จะบอกกับสีน้ำก่อนเหมือนกัน ดีที่สีน้ำเข้าใจเขาในเรื่องนี้ แต่ทางฝ่ายรุ้งเขาก็ไม่แน่ใจเลย

งานลากยาวมาจนเกือบห้าทุ่ม
ตอนนี้ในสตูดิโอของคินทุกคนสภาพเหมือนซอมบี้

ตอนแรกเสียงโทรศัพท์ของรุ้งดังแทบทุกสิบนาทีจนหลังๆ เจ้าตัวปิดเครื่องแล้วกลับไปตั้งใจทำงานต่อ แต่ดูจากสีหน้าแล้วคินคิดว่าเจ้าตัวก็น่าจะไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน ในที่สุดงานเสร็จสิ้นจนเกือบเที่ยงคืนทุกคนนอนแผ่ลงบนพื้นก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นมาเก็บของ ปลายรุ้งที่เก็บอุปกรณ์ประกอบฉากร้องออกมาเสียงดังลั่นเมื่อโดนขอบพลาสติกบาดนิ้ว ภาคินที่อยู่ใกล้ที่สุดเลยชะโงกหน้ามาดูดีที่แผลไม่ได้ลึกมากคินเลยหยิบพาสเตอร์มาแปะลงบนนิ้วให้ อยู่ดีๆ ประตูสตูดิโอก็เปิดออกพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้านิ่งสนิท และยิ่งเห็นว่าคินกำลังจับมือรุ้งอยู่อีกฝ่ายก็ดูโมโหมากกว่าเดิมก่อนจะเดินเข้ามากระชากคอเสื้อคินแล้วต่อยลงบนหน้าเต็มแรง

เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รุ้งพยายามดึงแขนแฟนตัวเองที่เอาแต่จะเข้าไปกระชากเสื้อคินตลอดเวลา เสียงโครมครามดังลั่นร้านจนสีน้ำที่เดินเข้าในร้านคินต้องขมวดคิ้ว ตอนแรกสีน้ำก็คิดว่าข้างบนยังทำงานกันอยู่เลยหันหลังจะเดินกลับแต่พอหยุดฟังดีๆ มันเหมือนคนกำลังทะเลาะกัน สีน้ำเลยรีบวิ่งขึ้นไปดูชั้นสองก็ต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังกระชากเสื้อคินอยู่แถมใบหน้าของคินยังมีรอยช้ำตรงแก้ม

“รุ้งบอกให้หยุด! แบงค์ ”

“จะให้คิดยังไงแบงค์เปิดประตูเห็นมันยืนจับมือรุ้งอยู่!”

ทุกถ้อยคำสีน้ำได้ยินทั้งหมด ปลายรุ้งพยายามอธิบายว่ามันไม่ได้มีอะไรภาคินแค่แปะพลาสเตอร์ให้เท่านั้น แต่ดูคนที่กำลังโมโหอยู่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นยังคงพูดตามที่ตัวเองเห็นพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าที่ตามมาดูเพราะรุ้งปิดโทรศัพท์ และกลัวว่าถ่านไฟเก่าจะร้อนขึ้นมาอีกรอบถ้าอยู่ใกล้กันแบบนี้ จังหวะที่แบงค์กำลังจะยกมือต่อยภาคินอีกครั้ง ก็ต้องหยุดชะค้างเมื่อมีอีกคนเข้ามาขวางไว้

“ถ้าคุณทำร้ายคินอีกผมฟาดคุณแน่”

ขาตั้งกล้องในมือของอีกฝ่ายทำให้แบงค์ชะงักไปเหมือนกัน ภาคินที่มึนหัวเพราะโดนเหวี่ยงไปมาพอตั้งสติได้และเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลยดันตัวสีน้ำให้ไปยืนข้างหลังแต่เจ้าตัวก็ดูท่าจะไม่ยอมแถมยังกระชับอาวุธในมือไว้แน่น

“ตอนนี้ผมสามารถแจ้งความคุณได้ด้วยซ้ำ”

“…………………….”

“เชื่อใจแฟนตัวเองซะบ้าง ไม่ใช่มาทำร้ายคนอื่นแบบนี้”

“…………………….”

“ผมไม่ได้พูดเล่นและผมก็พร้อมจะฟาดไอ้นี่ใส่หัวคุณจริงๆ”

“…………………….”

พอสีน้ำพูดแบบนั้นแบงค์ก็เหมือนจะใจเย็นลง เสียงร้องไห้ของปลายรุ้งที่สะอื้นไม่หยุดทำให้สติของแบงค์เริ่มกลับมา พอหันมองรอบตัวข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น แถมใบหน้าของภาคินตรงแก้มก็เป็นรอยช้ำ พอเหตุการณ์ปกติพี่ที่เป็นหัวหน้าเลยบอกให้รุ้งพาแฟนกลับไปก่อน เดี๋ยวจะเคลียร์ทางนี้ให้เองดีที่ข้าวของที่เสียหายไม่ได้มีอะไรที่สำคัญ ส่วนมากก็เป็นพวกแจกันดอกไม้ ไม่ก็หนังสือที่เอามาประกอบฉาก ภาคินกับสีน้ำเลยมานั่งรอข้างล่างเพราะสตูดิโอตอนนี้แทบจะไม่มีที่ให้นั่งแล้ว เวลาเกือบตีสองพวกพี่ๆ ก็เข้ามาเอ่ยขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย พร้อมกับบอกจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่คินก็ส่ายหน้าเพราะว่าไม่ยังไงมันก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด 

“ทำแผลก่อนหน้าช้ำไปหมดแล้ว ดีนะที่โดนแค่หมัดเดียว”

“เจ็บ..”

สีน้ำที่กำลังแต้มสำลีไปบนแผลหยุดก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเบ้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นยังเก๊กหน้านิ่งว่าไม่เจ็บอยู่เลย สีน้ำเลยกระเถิบเข้าใกล้มากกว่าเดิมเพราะจะได้ทำแผลได้ถนัดๆ ภาคินมองคนที่กำลังตั้งใจทำแผลให้เขาอยู่ตอนนี้ ภาพเหตุการณ์ที่สีน้ำเอาแต่มาขวาง แถมยังทำท่าจะเอาขาตั้งกล้องฟาดใส่มันทำให้คินยิ้มออกมา เขานึกว่าสีน้ำจะโกรธเขาซะตอนที่แบงค์บอกว่าเห็นเขายืนจับมือกับรุ้งอยู่

“ถามได้ไหม จะอาขาตั้งกล้องฟาดแบงค์จริงเหรอครับ”

“ไม่จริงหรอกทำเท่ไปงั้น”

“และยังจะไปสู้กับเขา”

“ก็เขาจะต่อยคินนี่”

พอรู้เหตุผลภาคินก็ยิ้มออกมาทั้งๆ ที่เจ็บแผลตรงโหนกแก้มจะแย่อยู่แล้ว สองมือเลยยกขึ้นมาโอบเอวสีน้ำเข้ามากอดไว้แน่น แววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงทำให้คินต้องแนบหน้าผากกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด

“รู้ไหม ผมนึกภาพคุณไว้เยอะมากก่อนที่เราจะเจอกัน”

“แบบไหนบ้าง”

“อาจจะเด็กกว่า อาจจะแก่กว่า ใส่แว่น ดัดฟัน ผมสั้น ผมยาว คิดไว้หมดทุกแบบ แต่มีอย่างหนึ่งที่คิดไว้ว่าตรงนะ”

“อะไร”

“ดูบ๊องๆ”

“คนเรา..แล้วเป็นไงผิดหวังไหมล่ะ”

ภาคินส่ายหน้าไปมาพร้อมกับกอดกระชับให้แน่นขึ้นจนแทบไม่มีช่องว่าง ภาคินพูดเบาๆ ว่าขอบคุณ ตั้งแต่เกิดมาก็ผ่านการมีเรื่องชกต่อยมาเหมือนกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนปกป้องเขาขนาดนี้ สีน้ำไม่ลังเลที่จะช่วยเขาเลยด้วยซ้ำสายตาและท่าทางแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นห่วงเขามาก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วภาคินเงยหน้าจูบลงบนหน้าผาก

“ดีใจที่เป็นคุณสีน้ำ ผมดีใจที่เราได้เจอกัน”

สีน้ำยิ้มออกมาเมื่อได้ยินก่อนที่ระยะห่างของเราสองคนต่อยๆ สั้นลงเรื่อยๆ เสียงหัวใจที่ดังขึ้นจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ภาคินค่อยๆ ก้มหน้าลงมาจนเกือบจะแนบชิดกับริมฝีปากของอีกฝ่าย

“ภาคิน..”

เสียงเรียกชื่อที่ดังออกมาทำให้คินหยุดชะงัก แต่สุดท้ายสีน้ำก็ไม่ได้พูดอะไรต่อมีเพียงมือที่ยกขึ้นมาวางลงบนอกกว้างของเขาแค่เพียงเท่านั้นภาคินก็ก้มลงแนบจูบลงไปพร้อมกับรั้งให้สีน้ำให้ขึ้นมานั่งบนตัก มือของสีน้ำที่วางอยู่เฉยๆ ค่อยๆ เลื่อนมากอดคอคินไว้ คินตั้งใจไว้แล้วว่ายังไม่ใช่ดีฟคิสเราทั้งคู่ต้องการเวลามากกว่านี้ แต่แค่เท่านี้คินก็จะบ้าตายแล้วเหมือนกันความอ่อนนุ่มที่สัมผัสอยู่ตอนนี้ทำให้คินไม่อยากจะหยุดสักวินาที มีให้อีกฝ่ายพักหายใจก่อนจะแนบจูบลงไปอีกครั้งจนสีน้ำต้องยิ้มออกมาก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายพอก่อน ภาคินยิ้มนิดๆ ก่อนจะก้มลงไปจูบครั้งสุดท้ายแล้วผละออก

“เพิ่งโดนต่อยมาแท้ๆ”

“ดีนะไม่โดนต่อยที่ปาก”

“น่าจะโดนสักทีสองที แล้วนี่คินไม่บอกแก๊งลูกเพื่อนแม่เหรอครับ”

“พรุ่งนี้ค่อยบอกแล้วกันมันดึกแล้ว พวกมันอยู่กับแฟ..”

ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคเสียงดังโหวกเหวกก็ดังขึ้นอีกรอบ คินกับสีน้ำเลยเดินออกมาดูและก็เป็นอย่างที่คิด สีน้ำค่อยๆ สอดมือมาประสานมือกับคินไว้แน่นก่อนจะบอก

“ขบวนการจูเรนเจอร์ คิดไว้แล้วว่ายังไงแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ต้องมาวันนี้”

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ภาคินยิ้มออกมา รถยนต์สองคันจอดอยู่ที่หน้าร้านของเขาคันแรกเป็นของรามิลและต้นไม้ พอรามิลลงมาสลับให้ต้นไม้ขับแทน ภาคินยกมือโบกให้ต้นไม้ที่ยิ้มให้พร้อมกับยกมือทำสัญลักษณ์ว่าโอเคเพราะต้นไม้ถามว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ส่วนคันหลังคือรถของพอร์ชที่พอเห็นหน้าเขาก็ตะโกนดังลั่น

“ลูกพี่ มีเรื่องมีราวไม่โทรเรียกผมเลยนะจะได้มาช่วย” เลยโดนไอ้ทิมที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟาดใส่เข้าให้

นอกจากพอร์ชกับทิมแล้วเบาะข้างหลังยังมีเบนจามินกับคีตา ท่าทางคีตาจะง่วงมากจริงๆ ถึงได้สะลืมสะลือเหมือนคนเพิ่งตื่นแต่ก็ยังเดินมาหาเขาพร้อมกับถามว่า พี่คินต่อยชนะไหม ภาคินหัวเราะออกมาก่อนจะขยี้ผมเจ้าหนูของไอ้เบนจนผมยุ่งเหยิง แก๊งลูกเพื่อนแม่และแฟนของทุกคนอยู่ในชุดนอนดูก็รู้ว่ารีบมาขนาดไหน รามิลคุยอะไรกับต้นไม้ก่อนจะจับตัวมาหอมลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลสองที เบนจามินจูงมือคีตาให้มาทีรถของรามิลก่อนจะบอกต้นไม้ว่าฝากคืนหนึ่งแล้วบีบแก้มกลมๆ นั้นจนคีตาต้องดันมือไอ้เบนออก

“เดี๋ยวผมมารับพรุ่งนี้เช้าหรือทิมจะเข้าสาย มีนัดลูกค้าไหม”

“มีตอนบ่าย เดี๋ยวโทรไปบอกพี่ต่ายแล้วกันว่าไม่เข้าบริษัทตอนเช้า ล็อคบ้านดีๆ ด้วย”

ทับทิมกำชับเรื่องบ้านอีกรอบพอร์ชเองรับคำสั่งพร้อมทวนซ้ำว่าต้องทำอะไรบ้าง ก่อนที่พอร์ชจะก้มลงมาหอมแก้มทิมทั้งสองข้างตามด้วยหน้าผากอีกครั้ง แล้วหันมาโบกมือลาพวกเขาที่ยืนอยู่ ไอ้เบนบ่นเบาๆ ว่าเวอร์เหลือเกินคู่นี้ทำยังกะไอ้ทิมไปไหนไกล เดี๋ยวนี้พวกเขามีภูมิต้านทานขึ้นเยอะถ้าเป็นเมื่อก่อนไอ้พอร์ชทำแบบนี้ รับรองโดนถีบกระเด็นไปนู่นแล้ว อีกอย่างเพื่อนเราก็เป็นคนยื่นแก้มให้อีกคนหอมก่อนอีกต่างหากว่ามันไม่ได้เลย

พอเสร็จภารกิจร่ำลาแฟน
แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็เดินกอดอกเข้ามาหาคินที่ยืนอยู่

“มาทำไมกันป่านนี้”

“เพื่อนรักกูมีเรื่องขนาดนี้พวกกูจะนอนหลับเหรอไง ไอ้หัวหน้าแก๊งโทรมาบอกกู กูนี่ช็อคแทบจะกรี๊ด เล่นบอกมึงโดนกระทืบกูนึกสภาพมึงนอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้วคิน”

“เบนนี่มึงออกมาจากคอนโดด้วยชุดนอน ใส่แว่น รองเท้าแตะได้แสดงว่ามึงตกใจจริง”

“แก่ป่านนี้ยังจะมีเรื่องต่อยเพราะผู้หญิงอีกเหรอนี่ภาคิน หล่อนักเหรอเราหน้าเหมือนกงยูเหรอไง นู่น เจ้านายมึงทับทิมหน้าบึ้งตึงตั้งแต่รู้ว่ามึงมีเรื่อง ดีที่พี่ที่ทำงานเก่ามึงเขามีเบอร์ไอ้มิลโทรมาเล่าซะละเอียดยิบ”

“แล้วนี่จะแจ้งความป่ะวะ”

“เดี๋ยวกูคุยกับรุ้งก่อนไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตเท่าไหร่เลยว่ะ”

“โดนเขาต่อยหน้าช้ำขนาดนี้”

ทับทิมยังคงหน้าบึ้งไม่เลิกถึงจะตีกันบ่อยๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกกระจ๊อกก็แน่นแฟ้นมาตั้งแต่สามขวบ ภาคินเลยยกมือดึงผมจุกทิมเบาๆ เมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่ทำหน้านิ่งอยู่แบบนั้น

“เป็นไร”

“ลูกกระจ๊อกห้ามมีแผลสิ”

“นิดเดียวเอง สองวันก็หายเลิกทำหน้าบึ้งได้แล้ว ตอนหกขวบโดนมึงเอากระติกน้ำฟาดใส่ยังเจ็บกว่าอีก”

“มึงเอารองเท้ากูไปซ่อนก่อนเหอะตอนนั้น”

พอคินหัวเราะได้ทับทิมก็เลิกทำหน้าบึ้ง แล้วถอนหายใจใส่แต่พอเห็นว่าแผลของคินใส่ยาเรียบร้อยแล้วก็เบาใจขึ้นมาหน่อย แก๊งลูกเพื่อนแม่พยายามแย่งกันถามไถ่อาการ มีบังคับให้คินไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัวร์แต่คินก็ยังยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่พอทับทิมทำหน้าบึ้งอีกรอบคินเลยต้องยกมือบีบไหล่เบาๆ พร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบไปตรวจเลยจ่ะ

พอเผลอพูดมากไปหน่อยคินก็เบ้หน้าเพราะแผลเริ่มระบม สีน้ำเลยลุกขึ้นดูแผลให้คินพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวไปหายาแก้ปวดให้คินกินก่อนเดี๋ยวต้องเจ็บแผลมากแน่ๆ ท่าทางเป็นห่วงของสีน้ำทำให้แก๊งลูกเพื่อนแม่มองตาปริบๆ พอสีน้ำเดินเข้าไปหายาข้างในแล้ว รามิล เบนจามิน และทับทิมก็หันมามองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงประโยคของคนที่โทรมาบอก


“คุณที่อยู่ร้านข้างๆ ชื่อสีน้ำสีเทียนสีอะไรสักอย่างกูไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าแฟนปลายรุ้งทำท่าจะต่อยคินอีกรอบ น้องเขาหรือพี่วะเออนั่นแหละเตรียมสู้ทันที เอาตัวมาขวางด้วยนะเว้ยเขาโคตรเป็นห่วงไอ้คินเลยกูประทับใจ”






To be con

PS พี่คินเป็นคนที่ฉลาดมากๆ นะคะ 555
นิยายรายเดือน..


ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2020 20:32:17 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
มาแล้ววว คิดถึงสีน้ำที่สุด  :katai2-1:

รอทุกวันเลย ไม่นึกว่าจะรายเดือนจริงๆ  :laugh:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
แก็งค์นี้น่ารักกันทุกคนเลย

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สีน้ำคือซุปเปอร์ฮีโร่ o13 o13 o13

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เขาจูบกันแล้ววววววจูบอีกๆๆขอจูบอีก :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
สีน้ำห้าวมากเอาขาตั้งกล้องมาสู้ :mew1: ชอบความผูกพันของแก็งส์ลูกเพื่อนแม่จริงๆ :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ชอบความชัดเจนแต่คลุมเครือนี้จังเลย
ขยันแสดงออก และเหมือนจะบอกกัน แต่ไม่อะไรสักที
จูบกันล้ำหน้าไปอีก ห่วง หวง ออกนอกหน้าไปอีก แหมมมมม

โอ๊ยยย ไวมากจ้า ทุกคนมาไวมาก ปลื้ม รักกันดีนะชาวแก๊ง

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ชอบความเหนียวแน่นของแก๊งค์ลูกเพื่อนแม่จริง ๆ
เอ็นดูfcพี่ทับทิม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ben33

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR

#ที่พักพิงสีน้ำ



คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร?

ภาคิน พิชญเดชา



CH.12 - Silver Glitter



คินไม่เอาเรื่องแฟนของรุ้งแต่ก็ให้ชดใช้ข้าวของที่เสียหาย และดูท่าทางอีกฝ่ายก็น่าจะสำนึกผิดแล้วเหมือนกัน ตอนแรกแก๊งลูกเพื่อนแม่บอกให้เขาแจ้งความเพราะว่าถึงกับเลือดตกยางออก แต่อีกใจก็สงสารรุ้งอย่างน้อยก็รู้จักกันมานาน ตอนที่แฟนของรุ้งตั้งใจมาขอโทษที่ร้าน เขาเองก็บอกว่าให้ตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ดีๆ ถ้าวันดีคืนดีทำร้ายร่างกายรุ้งขึ้นมาจะว่ายังไง รุ้งพยักหน้าแล้วก็บอกว่าตอนนี้ขอเลิกกับแฟนแล้วเพราะครั้งนี้เรื่องมันร้ายแรงมากทำใจไม่ได้จริงๆ

พอขอโทษชดใช้ค่าเสียหายจ่ายเงินกันเสร็จสรรพ ทุกอย่างกำลังจะจบกันด้วยดี อยู่ดีๆ ทุกคนในร้านของคินก็หยุดนิ่ง เมื่อเห็นว่าทับทิมเดินไปหยุดตรงหน้าแบงค์ที่เงยหน้าขึ้นมามองพอดี

“อย่าคิดว่าที่เพื่อนผมไม่แจ้งความแล้วคุณจะไปทำแบบนี้กับคนอื่นได้อีก ขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าเพื่อนผมมีแผลที่เกิดขึ้นเพราะคุณอีกครั้ง ชีวิตคุณไม่มีวันสงบสุขแน่”

“………”

“นี่ประโยคบอกเล่านะ ให้รู้ไว้เฉยๆ”

“………”

ตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานหนึ่งที ทุกคนในร้านเงียบสนิทไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงอะไรออกมา ภาคินกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นว่าแบงค์เองถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่พอทิมถามซ้ำอีกครั้งว่าเข้าใจไหมเจ้าตัวก็พยักหน้าพร้อมกับพูดเร็วๆ ว่าเข้าใจครับๆ ซ้ำไปซ้ำมา คินและแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เจอเหตุการณ์แบบนี้จนชินเลยได้แต่ยืนเฉยๆ พอร์ชแฟนดีเด่นยกนิ้วโป้งให้ไอ้ทิมที่หันมายิ้มให้ ส่วนแฟนคลับนัมเบอร์วันอย่างสีน้ำที่ยืนอยู่ข้างคินถึงกับปรบมือรัวๆ ไม่หยุดแถมยังมีการเอียงหน้ามากระซิบบอก

“เท่เนอะ วันหลังถ้ามีคนมาแกล้งทำแบบนี้บ้างดีกว่า”

ภาคินได้แต่หัวเราะแหะๆทำไมทุกคนถึงมีไอ้ทิมเป็นไอดอลกันหมดเลยวะ





วันนี้ภาคินปิดร้านเพื่อจัดการข้าวของที่มันเละเทะและต้องการพักผ่อนด้วย ไม่รู้ว่าด้วยอายุที่มันมากขึ้นหรือเปล่าร่างกายมันถึงฟื้นตัวช้ากว่าทุกครั้ง ก็ไม่คิดว่าการที่โดนต่อยแค่ครั้งเดียวจะทำให้เขาไข้ขึ้นได้นานหลายวันขนาดนี้ ไอ้มิลถึงกับบุกมาที่ร้านแล้วจับเขายัดใส่รถพาไปโรงพยาบาลทันที ทั้งๆ ที่เขาเองก็บอกแล้วไม่ต้องไปโรงพยาบาลให้มันวุ่นวาย แต่รามิลก็ไม่ยอมแถมยังเอาไอ้ทิมมาขู่อีกต่างหาก

“มึงอย่าลีลาได้ไหมคิน ทำตัวเป็นเด็กห้าขวบกลัวหมอไปได้”

“กูไม่ได้กลัวแต่ขี้เกียจ”

“ไอ้ทิมสั่งมามึงกล้าขัดคำสั่งมันเหรอไง”

“นี่มึงเป็นหัวหน้าแก๊งจริงป่ะวะเนี่ยรามิล ไม่ไปโว้ยกูขี้เกียจไป”

“ไอ้ทิมรู้ขึ้นมาเดี๋ยวได้ตายคู่ เร็ว”

กว่าจะถกเถียงกันเสร็จก็หลายนาที รามิลหัวหน้าแก๊งไร้อำนาจยกโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ พร้อมกับขู่ว่าจะโทรหาไอ้ทิมทันทีถ้าเขาไม่ไปหาหมอวันนี้ สุดท้ายภาคินก็ยกมือยอมแพ้ก่อนจะสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่เมื่ออยู่ดีๆ ไอ้ทิมก็โทรมาเช็คว่าเขาไปโรงพยาบาลจริงหรือเปล่า ไอ้นี่ก็น่ากลัวจริงๆ เหมือนมีญาณทิพย์รู้ไปหมดทุกอย่าง พอถึงโรงพยาบาลคินก็เลยไล่ให้ไอ้มิลไปทำงานทำการเดี๋ยวขากลับเขากลับเองได้ ดีที่รามิลยังเชื่อฟังบ้างไม่งั้นต้องมานั่งรอกันครึ่งค่อนวัน ทันทีที่พยาบาลเรียกชื่อเขาให้เข้าไปในห้อง หมอที่รักษาประจำพอเห็นหน้าที่ช้ำก็ตาโตตกใจขึ้นมาทันที

“แผลนี่โดนต่อยชัดๆ พี่ไม่ได้ทำแผลให้คินมาตั้งแต่มหา’ ลัยใช่ไหมที่จำได้ ตอนนั้นที่มีเรื่องกับคนที่มาจีบน้องทิม”

“ทีทิมเรียกน้องเชียวนะ”

“แหม ดูหน้าด้วยน้องทิมของพี่หมอน่ารักขนาดไหน”

“เจอฤทธิ์น้องทิมแล้วจะเปลี่ยนเป็นไอ้ทิมแทบไม่ทัน”

“เนี่ย ทั้งไอ้เคทั้งคินเอาแต่ขู่พี่แบบนี้ พี่กลัวจริงๆ แล้วนะ”

“ลองไปจีบสิเดี๋ยวจะรู้ว่าเป็นยังไง”

“เหมือนชวนไปทำอะไรที่มันเสี่ยงตาย วีรกรรมนพจินดาแห่งวงการจิลเวอรี่ได้ยินมานักต่อนัก อีกอย่างน้องทิมมีแฟนแล้วอย่ามาหลอกล่อให้พี่โดนแฟนเขากระทืบ”

“นึกว่าจะกล้า”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง แล้วไปต่อยกับใครมาวะไอ้เครู้ยัง”

“แผลเล็กน้อยเองพี่ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ฉีดยาแก้ไข้หน่อยแล้วกัน มาโรง’ บาลกันทั้งพี่ทั้งน้อง”

“พี่หมอว่าอะไรนะ”

คินหรี่ตามองเพราะประโยคสุดท้ายที่พี่หมอพูดเขาไม่ค่อยได้ยิน แต่หมอก็ส่ายหน้าพร้อมกับเรียกพยาบาลให้เข้ามา คินยกมือไหว้หมอที่รู้จักกันดีเพราะเป็นเพื่อนของพี่เค ก่อนจะออกจากห้องตรวจ ภาคินก็หันมาบอกว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับพี่ชายก่อนที่พยาบาลจะเดินมาตาม คนเป็นทั้งหมอและเพื่อนของพี่ชายได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น แล้วก้มลงไลน์ตัวเองที่เผลอบอกเคไปแล้ว

เวรกรรม..บอกช้าไปว่ะน้อง





“ไอ้พี่หมอนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”

ภาคินแบกของพะรุงพะรังเต็มสองมือเมื่อพยาบาลฉีดยาเสร็จ คินก็เลยจะมาเอ่ยลาพี่หมออีกรอบแต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องพักก็เจอพี่หมอยืนยิ้มแฉ่งพร้อมกับของกินบำรุงล้านแปดที่วางอยู่บนโต๊ะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าใครที่ส่งมาให้อุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าบอกพี่เค แต่เอาเหอะเห็นพี่หมอหัวเราะแหะๆ อย่างสำนึกผิด ก็เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ก่อนจะออกจากห้องพี่หมอยังย้ำว่าพี่เคเป็นห่วงเขามาก คินที่กำลังจะจับลูกบิดประตูได้แต่กำมือแน่นก่อนจะบอกบางอย่าง

“พี่เคควรห่วงตัวเองให้มากๆ ก่อนที่จะมาห่วงผม ถ้าเขามาหาพี่หมอพุธหน้าก็ฝากบอกเขาด้วยแล้วกัน”

พี่หมอได้แต่ถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคินออกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พี่น้องจะกลับมาคืนดีกันได้สักที ดูก็รู้ว่ายังรักกันขนาดนี้แค่เขาบอกว่าคินป่วยไอ้คนพี่ก็ส่งของมาให้ ตอนแรกจะให้บอกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนสั่งเอง โห..คินมันคงเชื่อหรอก แถมไอ้คนน้องยังบอกให้คนพี่ให้ห่วงตัวเองมากๆ อีกด้วย

ว่าแต่มันรู้ได้ไงวะว่าเคมันมาหาหมอที่นี่ทุกวันพุธ?



Watercolor

“ไปโรงพยาบาลหรือไปช้อปปิ้งกันแน่เนี่ย”

สีน้ำยืนกอดอกพิงประตูหน้าร้าน มองคนที่ป่วยจนโดนเพื่อนหามไปโรงพยาบาลหอบอาหารเต็มสองมือ ภาคินจัดการเปิดประตูร้านตัวเองวางของไว้ตรงโต๊ะแถวนั้น แล้วเดินเข้ามาหาครูสอนวาดรูปก่อนยกมือกอดคนตรงหน้าไว้ ท่าทางหมดแรงอ่อนล้าแถมยังอ้อนเกินกว่าเหตุทำให้สีน้ำต้องยกมือขึ้นมาลูบหลังเบาๆ ดีหน่อยที่อุณหภูมิในตัวภาคินลดลงแล้ว สองสามวันก่อนเข้าไปเช็ดตัวยังดูป่วยหนักอยู่เลย

“เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล คินไปนอนพักก่อนดีกว่า”

“ผมนอนจนเบื่อไม่ไหวแล้วสีน้ำ อยากทำอย่างอื่น”

“ห้ามทำงานครับ มิล เบน ทิมสั่งผมเอาไว้”

“เบื่อ”

“ก็คินป่วย”

“ผมเบื่อ”

“อย่ามาดื้อกับผมนะ”

“เบื่อ”

“ภาคิน”

“ภาคินเบื่อ”

“จะเอายังไงเนี่ย มาวาดรูปที่ร้านผมไหม”

“ไม่เบื่อแล้วครับ ไปวาดรูปกัน”

สีน้ำอยากจะหัวเราะให้ตายภาคินในเวอร์ชั่นแฟนเด็กนี่งอแงกว่าที่คิด แต่เจ้าตัวก็คงเบื่ออย่างที่บอกเพราะเห็นนอนซมอยู่หลายวัน แถมแก๊งลูกเพื่อนแม่ยังสั่งห้ามทำงานอีก ดีที่รามิลมาลากไปโรงพยาบาลได้สำเร็จไม่งั้นไม่รู้เลยจะหายป่วยเมื่อไหร่ สีน้ำเดินตามหลังภาคินที่เอ่ยทักทายณัฐที่กำลังเก็บกระดานวาดรูป สีน้ำเลยมาบอกขอสองอันไปตั้งในห้องทำงานส่วนตัวหน่อย ณัฐทำหน้าตาล้อเลียนทำเสียงกิ๊วๆ ก่อนจะยกกระดานเข้าไปให้

พอเอาเข้าจริงภาคินก็ไม่รู้ว่าจะวาดอะไรเหมือนกัน ได้แต่นั่งมองกระดานวาดรูปตรงหน้าอยู่อย่างนั้น ลองร่างดินสอคร่าวๆ ก็ไม่มีไอเดียเข้ามาในหัวเลยสักนิด พอเหลือบมองสีน้ำฝ่ายนั้นก็ยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมข้าวของทั้งถาดสี พู่กัน และบรรดาสีน้ำหลากหลายสี อุปกรณ์เยอะแยะเต็มไปหมด

“ไม่วาดเหรอครับ”

“ผมไม่รู้ว่าจะวาดอะไร”

“งั้นเอาเหมือนที่ผมสอนนักเรียน เอาเป็นให้วาดตามคำที่ผมบอก”

“ผมขอเป็นคนกำหนดคำด้วย”

“ได้ครับ”

“ผมจะวาดด้วยดินสอนะ”

“โธ่คนเราอยู่ในถิ่นผมเองยังไม่ยอมใช้สีน้ำอีก”

“รูปหนึ่งผมคงใช้เวลาสักสามชั่วโมง”

“ตามใจคินเลยวาดด้วยดินสอก็ได้”

“น้ำผมขอใช้กระดาษที่มันเล็กกว่านี้ เอาเล็กเท่าการ์ดหนึ่งใบก็ได้ อีกอย่างเราต่างคนต่างวาดแล้วเอามาแลกกันนะ”

“สนุกใหญ่เลยเนอะ เมื่อกี้ยังทำท่าเป็นหมาหงอย”

“เริ่มได้แล้วครับคุณครู ผมขอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”

พอได้ยินคำนั้นสีน้ำก็รู้สึกเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเหมือนกัน ทุกทีเขาเป็นคนบอกคำแล้วให้เด็กๆ เป็นคนวาด แต่วันนี้กลายมาเป็นคนวาดเองมันเลยรู้สึกแปลกๆ ภาคินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสะบัดมือเตรียมพร้อมมาก พอคินเห็นว่าสีน้ำเองก็พร้อมแล้วเลยพยักหน้ารับก่อนจะบอกคำแรก

“เชียงใหม่”

ภาคินเงยหน้าเมื่อเห็นว่าครูสีน้ำชะงักไปเหมือนกันเมื่อได้ยินคำนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเหลือบตาขึ้นมามองยิ้มมุมปากแล้วเอาสีน้ำมาจุ่มลงบนถาดสี คินเลยหยิบดินสอมาร่างเป็นรูปบ้าง แน่นอนว่ารูปของคินต้องเสร็จก่อนของสีน้ำเพราะเขาวาดด้วยดินสอ พอเขาวางดินสอลงครูน้ำก็แกล้งพูดดังๆ รอก่อนเลยเจ้าคนวาดรูปลายเส้น

“หมดเวลาแล้ว”

“เฮ้ย มีจับเวลาได้ไง”

“ไม่งั้นสีน้ำวาดไปถึงพรุ่งนี้ทำไง นี่เพิ่งคำแรกเอง”

“หนอย ไอ้เจ้าดินสอ”

ภาคินหยิบกระดาษที่วาดเสร็จแล้วโบกไปมา ส่วนคนที่กำลังลงสีน้ำได้แต่ยกพู่กันขึ้นมาทำท่าขู่ ก่อนจะบอกว่าเสร็จแล้ว ภาคินเลยนับหนึ่งถึงสามแล้วทั้งสองคนก็ยื่นกระดาษที่วาดรูปออกมาพร้อมกัน ต่างคนต่างนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่ารูปที่ภาคินวาดคือตัวเขาและรูปที่เขาวาดก็คือภาคิน

“เชียงใหม่? และทำไมถึงเป็นรูปผม?”

“ไม่รู้”

“ไม่รู้จริงอะ”

“แล้วคินทำไมวาดผม”

“ไม่บอก”

“เนี่ย ทำมาเป็นเล่นตัว”

“หรือว่าเราเคยเจอกันที่เชียงใหม่”

“มั่วเปล่า”

“ก็น้ำวาดรูปผม มันเกี่ยวกับเชียงใหม่ตรงไหน”

“คินก็วาดรูปผมเหมือนกัน ผมกับเชียงใหม่เกี่ยวกันตรงไหน”

“ผมไม่มีทางบอกก่อนหรอก”

“ผมก็ไม่บอกเหมือนกัน”

“งั้นคำต่อไปมาเลย น้ำเป็นคนบอก”

ต่างคนต่างไม่ยอมบอกเหตุผลที่วาดรูปอีกฝ่าย เลยหันไปหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาเตรียมวาด สีน้ำหมุนพู่กันในมือไปมาแล้วนั่งมองกระดาษตรงหน้าอยู่แบบนั้น ภาคินเห็นอีกฝ่ายเงียบไปเลยเอียงหน้ามาดู พอเห็นสีน้ำทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วก็หัวเราะออกมาสงสัยจะคิดคำยากๆ ให้เขาวาดแน่ๆ แต่อยู่ดีๆ สีน้ำก็หันมายิ้มให้ก่อนจะบอกออกมา

“อาหารเช้า”

ภาคินพยักหน้านึกว่าจะเป็นคำที่ยากกว่านี้ซะอีก ท่าทางอีกฝ่ายคงมีภาพอยู่ในหัวแล้วแน่ๆ ถึงได้เอาพู่กันจุ่มสีแล้วระบายลงกระดาษตรงหน้า ภาคินหันกลับมามองกระดาษของตัวเองก่อนนจะนั่งเท้าคางมองอยู่อย่างนั้น อาหารเช้า โอ้โห…เป็นล้านอย่างเลยมั้ง นี่ก็ไม่รู้จะวาดอะไรดีแต่อยู่ดีๆ ภาพอาหารเช้าบางอย่างก็แว๊บเข้ามาในหัวเลยหยิบดินสอค่อยๆ ร่างให้เป็นรูป

“เสร็จยังภาคิน”

“ทำมาเร่ง”

“นับหนึ่งถึงสาม”

“โอเค วาดเสร็จแล้ว”

คินวางดินสอลงหลังจากแรเงารูปวาดในกระดาษ ก่อนจะยื่นให้สีน้ำพร้อมกับรับของสีน้ำมาไว้กับมือ ทั้งสองคนนับพร้อมกันก่อนจะพลิกกระดาษ เป็นครั้งที่สองที่ต่างคนต่างเงียบเมื่อรูปอาหารเช้าที่อยู่ในมือของทั้งคู่ดูยังไงก็เป็นรูปเดียวกัน ขนมปังปิ้งพร้อมกับขวดแยมผลไม้หลากหลายรส สีน้ำชูรูปวาดในมือขึ้นมา

“นึกว่าคินจะวาดกาแฟ”

‘’ ตอนแรกก็จะวาดกาแฟแต่อยู่ดีๆ ก็นึกถึงขนมปังปิ้ง”

“ของร้านไหนเหรอครับ”

“ตอนผมอยู่ที่เชียงใหม่เขามีบริการอาหารเช้าฟรี แล้วผมก็กินขนมปังปิ้งทุกวันเพราะมันอร่อยสุด แยมเขาทำเองด้วย”

“อร่อยจริง ผมกินหลายแผ่นเลย”

“น้ำชอบแยมรสอะไร”

“ส้ม เคยลองเสาวรสแล้วเปรี้ยวมากแล้วคินล่ะ”

“ส้มเหมือนกันครับ ผมชอบส้มที่สุด”

“กินขนมปังปิ้งทาแยมส้มแล้วก็นั่งดูไร่ส้มจากระเบียง คิดถึงจัง”

ภาคินอมยิ้มเมื่อได้ยินที่สีน้ำบอกออกมาก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับชูภาพขนมปังปิ้งในมือขึ้นมา สีน้ำมองตามรูปแล้วหันมามองหน้าคินคล้ายจะถามว่ามีอะไร

“ว่าแต่ อาหารเช้าที่เป็นขนมปังปิ้งของน้ำอันนี้มันคือที่เดียวกับของผมเหรอครับ หรือว่ามันเป็นของร้านไหนถึงมีไร่ส้มเหมือนที่ผมเคยไปพักเลย”

“…………”

เหมือนเด็กที่เผลอพูดอะไรออกไปแล้วคนฟังจับได้ สีน้ำเลยหลบสายตาเสหันไปมองทางอื่น ท่าทางของคนตรงหน้ามันน่ารักจนคินต้องก้มลงมาหอมแก้มหนึ่งที เลยโดนพู่กันเคาะหัวไปหนึ่งที ก่อนที่สีน้ำจะกลับมานั่งตัวตรงพร้อมกับท่าทางจริงจังเหมือนตอนสอนเด็กนักเรียน มีการชี้กระดาษเปล่าตรงหน้าให้เขาบอกคำต่อไปมาสักที ภาคินเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะบอก

“สถานที่”

สีน้ำถือพู่กันค้างไว้อย่างนั้นแล้วหันไปหยิบหลอดสีมาบีบสีเพิ่ม ภาคินเหลือบมองเห็นว่าเป็นสีน้ำตาลอาจจะเป็นบ้านไม่ก็รีสอร์ทสักหลัง คินเองก็ค่อยๆ ลากดินสอจะว่าไปรูปที่เขาจะวาดมันก็รายละเอียดเยอะเหมือนกัน นี่ก็พยายามนึกแล้วค่อยๆ วาดออกมา แต่ดูสีน้ำจะสนุกมากเห็นตั้งใจวาดแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด จนคินบอกว่าวาดนานเกินไปแล้วเจ้าตัวถึงได้วางพู่กันลง

“อันนี้ตั้งใจวาดมาก”

“อย่าบอกนะว่าวาดร้านนี้”

“ไม่ใช่สักหน่อย ของคินวาดทุกที่ในประเทศหรือเปล่าเห็นไปมาแล้วทุกจังหวัด”

“น้ำเดาไม่ถูกแน่ว่ามันคือที่ไหน เอารูปมาดูซิ”

ต่างคนต่างมั่นใจว่าอีกคนต้องเดาไม่ถูกแน่ว่าสถานที่ในรูปคือที่ไหน แต่ทันทีที่พลิกกระดาษดูทั้งสีน้ำและภาคินต้องเอารูปมาดูใกล้ๆ ก่อนจะเอามาเทียบกันถึงแม้ของสีน้ำจะเป็นการระบายสีแต่รายละเอียดก็ยังเห็นชัดเจน มันเป็นรูปคล้ายๆ อาคารเรียนที่ตั้งอยู่บนเขา มีกระดานดำ มีกระดานวาดรูป ส่วนรูปของภาคินถึงจะเป็นเส้นดินสอแต่ก็พอมองออกว่าเป็นอาคารไม้ มีชั้นหนังสือ

“ที่นี่คือ..”

“โรงเรียนที่ผมไปสอนเด็กวาดรูปตอนที่อยู่เชียงใหม่ครับ ทางมันไปลำบากมากเลยแต่เด็กๆ ดีใจมากเลยเวลาที่เขาได้ระบายสี เด็กบางคนวาดรูปเก่งกว่าผมอีก”

“………”

“ทุกวันตอนบ่ายผมจะให้เด็กๆ มานั่งบนเนินหญ้าแล้ววาดรูป ก้อนเมฆ ต้นไม้ ดอกไม้ พระอาทิตย์ อากาศดีมากด้วย”

“ยกเว้นตอนฝนตก”

“ใช่! อาคารหลังคารั่ว ทุกครั้งที่ฝนตกนะผมต้องรีบเก็บข้าวของตลอดเลย ไม่งั้นเปียกแน่ๆ อ้อ..หลังจาดวาดรูปเสร็จก็จะเดินไปเก็บสตรอว์เบอรี่มากิน”

“เก็บได้เป็นตะกร้า กินแล้วก็กินอีกกินได้ทั้งวัน”

“ผมเคยกินติดกันเป็นอาทิตย์เลยนะชอบมาก เก็บมาเต็มตะกร้าเลยคุณลุงพรชัยเจ้าของไร่ใจดีมาก แล้วก็มีอีกอย่างที่กินทุกวัน”

“ข้าวไข่เจียวใส่ดอกอัญชัญ”

“อร่อยมาก กินจนตัวจะกลายเป็นสีม่วงได้แล้ว ว่าแต่…”

ภาคินเขยิบตัวเข้ามาใกล้เมื่อเห็นสีน้ำเงียบไป สีน้ำอมยิ้มก่อนจะหยิบรูปของภาคินขึ้นมาโชว์อีกรอบ หน้าตาที่ดูเจ้าเล่ห์ทำให้คินเริ่มไม่ไว้วางใจเลยตั้งใจจะถอยหลังไปตั้งหลักแต่สีน้ำกลับดึงเสื้อให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“รู้ได้ไงว่าหลังคารั่ว รู้ได้ไงว่ามีไร่สตรอว์เบอรี่ รู้จักไข่เจียวดอกอัญชัญได้ยังไง หรือว่าคินก็เคยไปที่นี่เหมือนกันแล้วรูปที่คินวาดอันนี้คือ..”

เหมือนเหตุการณ์คุ้นๆ ภาคินแกล้งยกมือขึ้นมาทาบลงบนหน้าผากตัวเอง แถมยังทำท่าปวดหัวซะจนโอเวอร์ สีน้ำได้แต่มองคนที่แกล้งแสดงอย่างหมั่นไส้ดูก็รู้ว่ากำลังเฉไฉอยู่

“รู้สึกว่าไข้ผมจะกลับมาแล้วล่ะ ต้องไปนอนพักแล้วขออีกสองคำพอนะ”

“ไหนบอกหายแล้ว”

“มันจะหายกันง่ายๆ ได้ไง”

“คนเจ้าเล่ห์ ตาผมใช่ไหมผมเริ่มคิดคำไม่ออกแล้ว”

“เอาคำง่ายๆ พอนะที่ผ่านมาเกินคาดคิดมาก”

“ที่เกินคาดคิดน่ะรูปวาดต่างหาก จะเหมือนกันทุกรูปได้ไง”

“มา บอกคำต่อไปมาได้เลยผมจองคำสุดท้ายไว้แล้ว”

“สีคำว่าสี คัลเลอร์”

“ไหนบอกง่าย”

“แล้วยากตรงไหน”

สีน้ำยิ้มแฉ่งก่อนจะหยิบพู่กันมาจุ่มสีแล้วค่อยๆ ระบายลงบนแผ่นกระดาษตรงหน้า ส่วนภาคินได้แต่นั่งหมุนดินสอในมือไปมาพร้อมกับมองคนที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี สีงั้นเหรอ…ภาคินนึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน สีน้ำชอบบอกว่าเขาเป็นคนแรกที่ไม่รู้ว่าจะให้เป็นสีอะไร จนถึงตอนนี้ก็ใม่รู้ว่าสำหรับสีน้ำเขามีสีประจำตัวแล้วหรือยัง พอนั่งนึกถึงวันนั้นวันที่โดนสีน้ำสาดใส่คินก็รู้แล้วว่าเขาจะวาดอะไร คินลุกออกจากที่นั่งแล้วจัดการลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ สีน้ำที่หันมามอง

“ทำอะไร”

“ยืมสีหน่อย”

“สีน้ำเนี่ยนะ”

“ใช่”

ภาคินหยิบพู่กันมาจุ่มสีน้ำทีละสีแล้วป้ายลงไปบนกระดาษสีขาว ครูสอนวาดรูปได้แต่นั่งมองภาคินที่ดูสนุกกับการป้ายสีน้ำไม่หยุดอยู่อย่างนั้น ตอนนี้กระดาษของภาคินเต็มไปด้วยสีน้ำหลากหลายสีจนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง พอป้ายสีเสร็จภาคินก็มองหาบางอย่างจนสีน้ำต้องเอ่ยถาม

“ผมอยากได้ไอ้นี่ ที่มันฟรุ้งฟริ้งๆ วิ๊บวับๆ”

“มันคืออะไร”

“ที่มันเป็นเกล็ดๆ ที่เขาเอาไว้โรยบนการ์ดแล้วมันวิ๊งๆ ผมเรียกไม่ถูก”

“กากเพชร?”

“เออ! เนี่ยแหละที่ต้องการน้ำมีไหม ผมอยากได้กากเพชร”

ถึงจะงงๆ แต่สีน้ำก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาแถวที่เก็บพวกอุปกรณ์ พยายามหาอยู่นานในที่สุดสีน้ำก็เจอกากเพชรสีเงิน ทันทีที่ยื่นให้ภาคินเจ้าตัวก็ยิ้มดีใจเหมือนเด็กนักเรียนที่เขาสอนไม่มีผิด พอเห็นภาคินค่อยๆ หยิบกากเพชรแล้วเอามาโรยบนกระดาษที่แต้มสีน้ำหลากหลายสีเอาไว้ สีน้ำก็ร้องหูว…ออกมาเบาๆ ยังแกล้งแซวว่างานชิ้นนี้สีสันคัลเลอร์ฟูมาก

“เสร็จแล้วครับ แล้วของน้ำเสร็จแล้วหรือไงเห็นเอาแต่นั่งมองผม”

“เสร็จนานแล้ว ง่ายจะตาย”

“ไหน เอามาแลกกันซิ”

สีน้ำเอื้อมไปหยิบกระดาษที่ระบายสีเรียบร้อย แล้วยื่นให้ภาคินที่หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ มันไม่ใช่รูปวาดแต่ทั้งแผ่นกระดาษมันเป็นสีดำจางๆ คล้ายๆ เวลาที่กาแฟหกใส่กระดาษ

กาแฟ?

“นี่คือคำว่าคัลเลอร์เหรอ สีดำ? ไม่สิ หรือว่าน้ำตาลเข้มมันปนๆ กัน”

“สีของกาแฟตอนที่มันหกใส่เสื้อผม”

“วันนั้นที่ผมเป็นคนทำใช่ไหม”

“เก่งไปหมดซะทุกอย่างเลยภาคิน ผมนึกถึงวันแรกที่เราเจอกันก็เลยวาดสีของกาแฟตอนที่มันหกใส่ แล้วของคินสีน้ำหลายๆ สีนี่คืออะไร”

“ถ้าจะบอกว่าผมนึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน เลยออกมาเป็นรูปนี้น้ำจะเชื่อผมไหม”

“ไอ้สีๆ หลายๆ สีนี่คือสีน้ำที่ผมทำหกใส่คินเหรอครับ”

“วันนั้นสีน้ำที่อยู่บนตัวผมเยอะกว่าอีก”

“แล้วกากเพชร?”

“มันวิ๊บวับเหมือนน้ำไงผมหมายถึงว่ามันสดใสดีเหมาะกับคุณ ตั้งแต่วันนั้นชีวิตผมมีสีสันวิ๊บวับวิ๊งๆ ขึ้นเยอะ”

“วันนั้นคินทำท่าเหมือนจะต่อยผมแถมยังตะโกนลั่นว่าเกลียดสีน้ำ”

“เรื่องนี้นี่จำไปจนตายแน่ๆ”

“ใครจะลืม นายคนไม่มีสี”

ภาคินหัวเราะกับสรรพนามที่สีน้ำเรียกก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอวให้เข้ามาใกล้ๆ สีน้ำเลยเอนตัวมาพิงคินไว้พร้อมกับมองกระดาษที่แต้มสีน้ำและกากเพชรไปด้วย พอลองขยับกระดาษมันก็วิ๊บวับเหมือนที่คินบอก เออ..เหมือนตอนนี้เขาเป็นเด็กนักเรียนเองเลย แค่กากเพชรสีเงินบนกระดาษก็ตื่นเต้นขนาดนี้

“แล้วหลังจากนั้นก็มีคนมาจีบผมด้วยข้าวเช้าทุกวัน”

“น่าจะปล่อยให้อดตายจริงๆ ผมแค่ทำความรู้จักตามประสาคนที่อยู่ร้านติดกัน”

“จีบก็บอกว่าจีบ”

“โอ๊ย เอาคำสุดท้ายมาเลยเลิกเล่นแล้ว ไปนอนเลยไปคนป่วย”

พอสู้ไม่ได้ก็โวยวายภาคินเลยขยับตัวพร้อมกับกอดกระชับสีน้ำให้แน่นขึ้น ท่าทางจริงจังของภาคินทำให้สีน้ำต้องตั้งใจฟัง มือที่กอดเอวคินอยู่ก็เผลอกอดแน่นกว่าเดิม จนคินต้องแอบยิ้มก่อนจะก้มลงไปแนบหน้าผากกับคนตรงหน้า

“โปสการ์ด”

“…………..”

ทุกอย่างเงียบสนิทไม่มีเสียงตอบรับมีแค่สายตาของสีน้ำที่จ้องเขาอยู่ ภาคินเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองหน้าเขาอยู่อย่างนั้นเลยจุ๊บหน้าผากไปหนึ่งที สีน้ำเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวแล้วผละออกไปนั่งหน้ากระดานวาดรูปตามเดิม ภาคินเองก็เลยหันไปหยิบดินสอขึ้นมาถือไว้บ้าง เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีสีน้ำก็เหลือบมองอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งๆ อยู่หน้ากระดานวาดรูป จนภาคินบอกว่าหมดเวลาแล้วสีน้ำเลยลุกขึ้นพร้อมกับยื่นกระดาษให้ คินเลยยื่นของตัวเองให้ด้วยต่างคนต่างยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่าไม่กล้าที่จะพลิกกระดาษดูว่าอีกด้านจะเป็นรูปอะไร และทันทีที่ทั้งสองคนพลิกกระดาษในมือพร้อมกัน

กระดาษเปล่า..

ทั้งภาคินและสีน้ำต่างคนต่างพลิกกระดาษในมือไปมา เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้มีรูปวาดอะไรเลยพอเงยหน้าขึ้นมามองตั้งใจจะถามให้รู้เรื่องแต่อยู่ดีๆ ก็หัวเราะออกมาทั้งคู่ ภาคินเอื้อมมือไปรั้งให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักสีน้ำเลยยกมือคล้องคอไว้

“ทำไมไม่วาดล่ะ โปสการ์ดมันยากเหรอ”

“ไม่ยาก”

“แล้ว?”

“คินก็ไม่วาด”

“ผมมีของผมอยู่ใบหนึ่ง ไม่อยากวาดใหม่”

“วาดเอง?”

“เขียนเองด้วย”

“ผมก็มีวาดไว้แล้วเหมือนกัน ระบายสีเองกับมือแล้วก็..มีข้อความที่เขียนไว้แล้ว”

“แล้วเราจะไม่เอามาแลกกันเหรอครับ”

“แค่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา”

“ไว้ถ้าถึงวันนั้นผมจะกอดน้ำไว้ไม่ปล่อยเลย”

“ผมก็รอให้ถึงวันนั้น”

“………..”

“ผมก็จะกอดคินไว้เหมือนกัน”

คินกระชับกอดคนบนตักไว้แน่นจนสีน้ำหัวเราะออกมาเมื่อแก้มขาวถูกฟัดไม่หยุด ก่อนที่คินจะหยุดชะงักแล้วทำหน้าตกใจ สีน้ำเลยหน้าตาตื่นไปด้วยแค่เพียงไม่นานภาคินก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้นมา เพิ่งเห็นว่ากากเพชรสีเงินมันยังคงติดอยู่ที่มือของคินเต็มไปหมด เดาได้เลยว่าตอนนี้มันคงติดเต็มหน้าเต็มผมของสีน้ำแล้วแน่ๆ ทั้งๆ ที่คินพยายามกลั้นหัวเราะแล้วแต่ก็ไม่ไหวจริงๆ คนที่หน้าและผมเต็มไปด้วยกากเพชรสีเงินทำได้แต่ปัดๆ สะบัดผมไปมาเพื่อให้มันหลุดออก แต่ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกมาแถมภาคินยังแกล้งป้ายให้มันเลอะมากกว่าเดิม

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยเพราะใคร”

“ให้ป้ายคืน ยอมเลอะด้วยก็ได้”

ภาคินแบมือแต่สีน้ำก็ทำแค่ตีๆ ลงไปบนมือของคินแค่นั้น ภาคินยิ้มอย่างเอ็นดูคนตรงหน้าอายุมากกว่าเขาแท้ๆ แต่ตอนนี้มันน่ารักซะจนเขาอยากจะกอดไว้แน่นๆ ไม่อยากให้ใครได้เห็นสีน้ำในมุมแบบนี้ ผมสีน้ำตาลแดงยุ่งเหยิงเพราะเจ้าตัวสะบัดผมไปมาแถมแก้มขาวๆ ก็มีกากเพชรติดอยู่เต็มไปหมด ภาคินก้มลงมาใกล้ๆ พร้อมกับแนบแก้มตัวเองกับแก้มของสีน้ำให้เลอะกากเพรไปด้วย ก่อนที่จะย้ายไปทำแบบเดียวกันอีกข้างทำสลับไปสลับมา จนแก้มคินเองตอนนี้ก็เต็มไปด้วยกากเพชร สีน้ำส่ายหน้ายิ้มๆ สุดท้ายก็เลอะกากเพชรกันทั้งคู่ เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้ คินเอียงหน้าเข้ากับมือของที่สีน้ำที่กำลังเช็ดแก้มเขาอยู่ ก่อนจะบอกบางอย่างที่ทำให้สีน้ำต้องหัวเราะออกมา

“คุณคือคนแรกเลยนะที่ผมเล่นอะไรแบบนี้ด้วย ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นกาแฟดำเวอร์ชั่นโรยด้วยกากเพชรวิ๊บวับ”









                                                     
     To be con



PS.ก่อนจะถึงโปสการ์ดใบสุดท้าย
พี่คินจะต้องเจอกับเหตุผลที่ไปเชียงใหม่ก่อนนะคะ..*ยิ้ม

หายไปนานเหลือเกิน...นิยายรายเดือนของเรา
อาจจะมาช้าแต่สัญญาว่าจบแน่นอนค่ะทุกคน
ขอบคุณนะคะที่ยังรอกันเสมอ ^^


ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่

 แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo





























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2020 23:57:54 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะครับ รอๆๆตอนต่อไป :katai2-1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
อ่านไปยิ้มไป :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ลุ้นทุกตอน

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอยยยย หัวใจ เต้นแข่งเค้าใหญ่เลย
เอ็นดูสีน้ำกับภาคินมากค่ะ วอแวกันเก่ง น่ารักมาก
ชอบโมเมนท์ที่อยู่ด้วยกัน จะหวานอย่างเดียวก็ไม่ใช่
แต่รู้สึกอบอวลไปหมดเลย

55555 ทับทิมก็ยังคงเป็นหัวหน้าตัวจริง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
หายไปนานเลยคับ :sad4:

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
 
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?

ภาคิน พิชญเดชา


CH.13 - Gray -



หายป่วยสักที

หลังจากวันนั้นวันที่ไปวาดรูปเล่นที่ร้านของสีน้ำ ภาคินก็รู้สึกร่างกายมันฟื้นตัวเร็วขึ้นไม่รู้ว่าเพราะยาที่พี่หมอฉีดให้ หรือเป็นเพราะสีน้ำกันแน่ พอคิดถึงวันนั้นคินก็หยิบบรรดาโปสการ์ดที่วาดเล่นกันขึ้นมาดูอีกครั้ง รูปวาดที่สีน้ำทำให้คินยิ้มออกมาทั้งๆ ที่เราสองคนต่างรู้กันอยู่แล้วว่ามันคืออะไร แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับตรงๆ นี่ขอบอกเลยนะว่าสีน้ำเป็นคนแรกที่ทำให้เขาเสียอาการ ชนิดที่ว่าหาอะไรมารับมือไม่ทัน เคยคิดว่าตัวเองเจ้าเล่ห์ในระดับที่ใครๆ ก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่กลายเป็นว่าวันนี้ไม่ว่าเขาจะหลอกล่อให้สีน้ำยอมสารภาพเรื่องเชียงใหม่ด้วยวิธีไหน เจ้าตัวก็จะมีวิธีทีเฉไฉไปเรื่องอื่นจนได้ เชื่อเขาเลยให้ตาย

“คอยดูนะวันไหนที่ยอมรับจะไม่ปล่อยตัวสักวินาทีเลย”

คินเอาโปสการ์ดที่วาดรูปวันนั้นใส่ลงไปในกล่องสีน้ำตาล หวังไว้สักวันสีน้ำจะได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องนี้ทั้งหมด คินหันไปมองนาฬิกาเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่นัดถ่ายงานแล้ว ไอ้ทิมบ่นยาวเหยียดสองสามชั่วโมงว่าเพิ่งจะหายไข้ แต่ก็ยังจะรับงานที่มันตากแดดตากลม ร้านก็ไม่เคยจะเปิดลูกค้าด่าฉิบหายวายวอด เออ..ยิ่งกว่าแม่อีกคนนี้อยากกราบสักสามครั้ง จังหวะที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์อยู่ดีๆ มือก็ไปโดนสมุดบันทึกปกสีดำตกลงบนพื้น คินเลยก้มลงไปเก็บแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรูปถ่ายโพลารอยด์ที่สอดไว้ในสมุด รูปถ่ายที่เขาเองก็ลืมมันไปแล้ว ผู้ชายผมสีดำมีลักยิ้มสองข้างฉีกยิ้มสดใสกอดคอตัวเขาที่ถือรูปวาดลายเส้นดินสออยู่



“เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้วคิน”

“………”

“ถ้าเรากลับจากญี่ปุ่นแล้วคินยังรู้สึกกับเราเหมือนเดิม ค่อยมาคุยกันอีกทีนะ”

“………”



ตั้งแต่วันนั้นมันผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ..

 

watercolor


“ผมได้ยินเรื่องครูสีน้ำมานาน เพิ่งเคยได้เจอตัวจริงก็วันนี้”

“เรียกผมสีน้ำเฉยๆ ก็ได้ครับ”

“น้องสาวผมอยากจะมาเรียนวาดรูปทุกวันเอาแต่พูดว่าครูน้ำน่ารัก รู้งี้ผมมาส่งน้องสาวผมด้วยตัวเองตั้งนานแล้ว”

“อ้อ…ครับ”

เหตุการณ์ตรงหน้านี่มันอะไรกันวะ คินเชื่อเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ เหมือนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากคุณอาของน้องปุ๊กกี้ที่หายสาบสูญไปแล้วยังจะมีอีกเหรอนี่ ภาคินยืนกอดอกมองคนสองคนกับเด็กผมแกละอีกหนึ่งคนอยู่หน้าร้าน เดาว่าผู้ชายตัวสูงคนนั้นน่าจะเป็นผู้ปกครองของน้องผมแกละ น่าจะอยู่ในวัยนักศึกษาด้วยซ้ำดูจากหน้าตา แต่ไอ้อาการตาเยิ้ม หน้าแดง ตอนคุยกับสีน้ำนี่มันคืออะไร เขิน? หวั่นไหว ? ชอบ?

เออ คนเราขนาดสีน้ำอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนใบหน้าแต้มไปด้วยสีมอมแมม ไอ้คนนั้นก็ยังยืนมองแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น

“วันนี้แฟนครูน้ำไม่มาหาเหรอคะ”

“แฟน?”

“พี่ที่หล่อๆ ชอบใส่เสื้อสีขาวสีดำทุกวันค่ะ โอ๊ะ! นั่นไง พี่เสื้อดำ!”

เด็กหญิงผมแกละยกมือไหว้คินก่อนจะโบกมือทักทาย ภาคินเอ็นดูเด็กนักเรียนของสีน้ำ เขาก็จำไม่ได้หรอกว่าเด็กคนไหนชื่ออะไร ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นที่รักของเด็กๆ ด้วยซ้ำ แต่เจ้าเด็กผมแกละคงไม่รู้ว่าทำพี่ชายตัวเองอกหักเพราะเจ้าตัวเอาแต่พูดว่าเขาเป็นแฟนของครูสีน้ำ เจอหน้าทุกวัน ซื้อขนมมาให้ บางวันก็มานั่งเรียนวาดรูปด้วย ยิ่งสีน้ำไม่ได้ปฏิเสธเอาแต่ยืนยิ้มๆ ยิ่งทำให้ผู้ชายคนนั้น เอ่ยขอโทษก่อนจะขอตัวกลับ ภาคินแอบยกนิ้วโป้งให้เด็กผมแกละที่หันมาขยิบตาให้เขาอย่างรู้กัน

เออ..เด็กสมัยนี้นี่มันเลิศจริงๆ



“เด็กนักเรียนผมไปเป็นพวกของคินตั้งแต่เมื่อไหร่”

“คนมันหล่อขนาดนี้ เด็กก็ต้องรู้แล้วว่าอยู่ฝั่งใคร”

“หลงตัวเองไม่เคยเปลี่ยน”

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง มีอีกไหมแบบนี้ที่เข้ามาจีบ”

“เยอะเลยนับไม่ถ้วน”

“อย่ามาหลอก”

“ผมน่ารักจะตาย”

“หัวร้อนแล้วเนี่ย หน้าตาเลอะไปด้วยสีแบบนี้คนยังเข้ามาเต๊าะอีก”

“ไม่น่ารักเหรอ”

“เดี๋ยวนี้มีถามแบบนี้ด้วย”

“แล้วนี่คินจะไปไหน ทำงานข้างนอก?”

“เปลี่ยนเรื่องทันทีเลยนะ วันนี้ผมมีถ่ายงานตรงสวนรถไฟ”

“เพิ่งหายไข้แท้ๆ”

ภาคินหัวเราะคิดไว้ไม่มีผิดว่าสีน้ำจะต้องบ่นเหมือนไอ้ทิม แถมตอนนี้ยังยืนทำหน้าบึ้งตึงแต่คินก็รู้ว่าสีน้ำเป็นห่วง ตอนเขาป่วยก็เรียกว่าหนักเอาการคงอยากให้เขาหายสนิทก่อนจะรับงานข้างนอก แต่ก็นะคนอย่างภาคินให้นอนเฉยๆ ต่อ เขาจะต้องขาดใจตายแน่ๆ สีที่เปื้อนอยู่ตรงแก้มขาวทำให้คินเอื้อมมือไปเช็ดให้เบาๆ พร้อมกับถามว่ามีคลาสสอนอีกไหมสีน้ำส่ายหน้าไปมา ภาคินเลยหยุดเช็ดสีที่เลอะตรงแก้มแล้วก้มลงมาใกล้ๆ

“ตามไปดูแลคนป่วยที่ยังไม่หายดีหน่อยได้ไหมครับ”

 
Watercolor

สวนรถไฟร้อนเหมือนที่ภาคินบอก ถึงสีน้ำเคยชินกับการพาเด็กๆ ออกมาวาดรูปตามสถานที่ต่างๆ แต่ก็หลบอยู่ตรงใต้ต้นไม้ ไม่ได้ตากแดดเหมือนกับภาคินตอนนี้ ภาคินเวลาที่เป็นช่างภาพมีสเน่ห์จนละสายตาไม่ได้ ปกติก็เรียกได้ว่าหน้าตาดีอยู่แล้วพอจับกล้องก็เลยเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาคนที่เดินไปเดินมาได้ สีน้ำสังเกตว่ามีบางคนที่หยุดดูตอนที่คินกำลังถ่ายรูปนางแบบที่หมุนตัวไปมาอยู่ตรงสนามหญ้า นี่ขนาดแต่งตัวธรรมดาสุดๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ยังหล่อได้ขนาดนี้

“พักก่อนแล้วกัน ผมอยากได้แสงตอนเย็นๆ ไว้เดี๋ยวมาถ่ายกันอีกรอบ ร้อนไหมครับ”

“นิดหน่อย ตากแดดขนาดนี้ไข้ไม่กลับเหรอไง”

“ทุกคนประคบประหงมเหมือผมอายุหกขวบ”

“ตัวเองไม่ใช่เด็กๆ แล้วเหอะโดนต่อยครั้งเดียวยังไข้ขึ้นจนนอนซม”

“ไม่ได้เจ็บตัวนานร่างกายไม่ชิน”

“พูดเหมือนเจ็บตัวบ่อย”

“ตำแหน่งผมในแก๊งคือลูกกระจ๊อกของไอ้ทิม เมื่อก่อนใครจะมาจีบไอ้ทิมต้องผ่านด่านผมคนแรก”

“โห..เท่ไม่เบาแล้วมีใครเคยผ่านบ้างไหม”

“ไอ้พอร์ชนี่ไงคนแรกและคนสุดท้าย”

“พอร์ชเก่งเหมือนกันนะเนี่ยเห็นดูเล่นๆ”

“มันมีความอยากเอาชนะอยู่ในสายเลือด คู่นี้แข่งกันทุกอย่างตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนจนตอนนี้ เมื่อวานมันยังแข่งกันปีนผาจำลองกันอยู่เลย ปวดหัว”

“เหมาะกันดีออก เดาได้เลยว่าพอร์ชต้องยอมแกล้งแพ้เพื่อให้ทิมชนะ”

“แม่นยังกะตาเห็น พอร์ชยอมทิมทุกอย่างเกิดมาเพื่อยอมเธอสโลแกนชีวิตมัน แล้วน้ำวาดรูปอะไรรูปผมหรือเปล่า”

“คนเรา”

ภาคินเอนตัวลงบนพื้นหญ้าใกล้ๆ สีน้ำที่นั่งวาดรูปอยู่ เสียงเอ่ยแซวดังขึ้นมาทำให้คินต้องหันไปมอง บรรดาทีมงานที่นั่งพักอยู่ไม่ไกลเริ่มส่งเสียงกันเป็นระยะจนคินต้องยกมือขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าพอก่อน แต่ท่าทางจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ เสียงแซวยังคงดังอย่างต่อเนื่อง สีน้ำก็หัวเราะไปตามประสาแต่ประโยคหนึ่งที่สีน้ำได้ยินชัดเจนคือ

“นานแล้วนะที่ไม่ได้พาใครมาทำงานด้วยตั้งแต่..”

หนึ่งในทีมงานยังไม่ทันพูดจบประโยคก็โดนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟาดเข้าให้ สีน้ำเหลือบมองคินที่มองหน้าเขายิ้มๆ แต่เพียงแค่แว๊บเดียวที่เห็นว่าแววตาของคินเปลี่ยนไป ก่อนจะกลับมายิ้มให้เขาเหมือนเดิม

“ไม่เคยมีใครมาเฝ้าเวลาทำงานเหรอไง”

“ใช้คำว่าเฝ้าเลยนะ”

“นั่งรอก็ได้”

“ไม่มีหรอกครับ งานผมมันต้องใช้สมาธิแล้วเวลาเลิกงานก็ไม่แน่นอนด้วยให้ใครมารอเขาก็เบื่อกัน”

“แล้วไม่กลัวผมเบื่อเหรอครับ”

“แล้วเบื่อไหมครับ”

“ผมถามก่อน”

“ไม่รู้สิ แค่อยากให้อยู่ใกล้ๆ อยู่ในสายตาตลอด”

เสียงโห่แซวดังขึ้นมาอีกรอบและสีน้ำเองก็เขินขึ้นมาจริงๆ เขาไม่ได้คาดคิดว่าภาคินจะตอบเขาแบบนี้ แถมยังตั้งใจพูดเสียงดังอีกต่างหาก รู้ว่าตั้งใจแกล้งเขาแน่ๆ ตัวต้นเหตุหัวเราะชอบใจก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวมาล้มลงนอนบนตัก คินเอียงหน้ามาดูรูปภาพที่สีน้ำวาดมันเป็นรูปวาดวิวทั่วๆ ไป แต่ฝีมือระดับสีน้ำก็เรียกว่าโคตรสวย เพราะเผลอมองนานรูปนานไปหน่อยสีน้ำเลยแตะลงบนแก้มของคินเบาๆ

“ผมเคยสัญญากับแก๊งลูกเพื่อนแม่ว่า ถ้าใครแต่งงานผมจะเป็นคนถ่ายรูปให้ทุกคน”

“แล้วถ่ายให้ครบทุกคนยัง”

“ครบแล้ว”

“อยากเห็นรูปเลย”

“เดี๋ยวผมเอาให้ดู รามิลกับต้นไม้เหมือนถ่ายพรีเวดดิ้งกันจริงๆ ดอกไม้เต็มไปหมด เบนกับคีตาก็ถ่ายที่นี่ผมยังจำวันนั้นได้อยู่เลย ส่วนทิมกับพอร์ชถ่ายรูปห้าชั่วโมงเถียงกันไปแล้วสามชั่วโมง ผมแทบเป็นลม”

“น่ารักออก”

“เรามาซ้อมกันไหมครับ”

“ซ้อม?”

“ผมถ่ายให้น้ำก่อนไว้ตอนถ่ายคู่ไว้ให้ไอ้มิลมาถ่าย ไอ้มิลถ่ายรูปสวยนะมันชนะการประกวดด้วย”

“เป็นเรื่องเป็นราวเลยเนอะ เดี๋ยวก่อนคิน..”

“ลุกเร็ว!”

ภาคินลุกขึ้นมานั่งก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาเช็คแสง พอหันกล้องมาทางสีน้ำที่ยกกระจกขึ้นมาส่อง เจ้าตัวก็เหลือบมองแล้วหัวเราะใส่ ภาคินชี้ไปทางถาดสีน้ำที่วางอยู่ ครูสอนวาดรูปรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรเลยรีบยกมือขึ้นมาปฏิเสธทันที แต่ภาคินก็หยักหน้าแถมยังทำสายตาอ้อนสุดพลัง พอเห็นแบบนั้นก็เลยยอมใจอ่อน ภาคินค่อยๆ จุ่มสีแดงแล้วป้ายลงบนแก้มขาว อีกข้างก็วาดเป็นดอกไม้ พระอาทิตย์ พระจันทร์  จนสีน้ำต้องยกมือว่าพอแล้ว

เพราะไม่ใช่การทำงานเลยไม่ต้องเก๊กท่าอะไรให้วุ่นวาย สีน้ำตอนแรกก็ดูจะเขินๆ ที่ต้องถ่ายรูปกลางแจ้งทั้งๆ ที่หน้าเต็มไปด้วยสี แต่พี่ๆ ทีมงานของคินก็บอกว่าน่ารักดี สีน้ำเลยค่อยๆ ผ่อนคลายมากขึ้น คินเปลี่ยนมุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ถ่ายไปหัวเราะไปเพราะเขารู้สึกเหมือนถ่ายเด็กประถมกำลังวิ่งเล่นทั้งๆ ที่คนตรงหน้าอายุมากกว่าแท้ๆ

เพราะทั้งคู่มัวแต่ถ่ายรูปเลยไม่เห็นว่ารามิลกับต้นไม้ที่อุ้มน้องอันนาไว้ในอ้อมแขนกำลังเดินเข้ามาหา ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศตรงหน้ามันสดใสหรือเพราะเสียงหัวเราะของทั้งคู่ที่ดังลั่นทำให้ทั้งสองคนเลือกที่จะยืนมองอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ต้นไม้จะให้รามิลเป็นคนอุ้มน้องอันนาไว้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ มิลเอียงหน้ามามองรูปที่ต้นไม้ถ่ายไว้มันเป็นรูปที่ภาคินกับสีน้ำยืนข้างกันเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรที่เป็นพิเศษ

“สองคนนี้สไตล์แตกต่างกันเลยเนอะ”

รามิลมองรูปที่ต้นไม้ถ่ายไว้อีกครั้ง สีน้ำอยู่ในชุดกางเกงสีขาวเสื้อยืดสีฟ้าแถมใบหน้ายังเลอะไปด้วยสีต่างๆ เต็มไปหมด ในขณะที่ภาคินยังคงคอนเซปต์ขาวดำไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ดีๆ เหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันแบบนี้ก็แว๊บขึ้นมาในหัวของรามิล หัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่มองไปยังทั้งสองคนที่ยังคงถ่ายรูปเล่นกันอยู่ เสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นทำให้ต้นไม้หันมามองสายตาที่มิลมองสีน้ำกับภาคิน ต้นไม้เลยแตะมือลงบนต้นแขน ที่จริงก็พอรู้เรื่องราวมาบ้างเลยตบๆ มือคล้ายจะบอกว่ามันอาจจะไม่มีอะไร รามิลเลยหันมายิ้มให้ก่อนะจะถาม

“ไม้ว่าคนที่เหมือนกันทุกอย่างกับคนที่ตรงข้ามกันทุกอย่าง คนไหนคือคนที่จะอยู่กับคิน”

ต้นไม้เข้าใจที่รามิลเอ่ยถามเลยหันไปมองภาคินที่กำลังเช็ดหน้าให้สีน้ำอยู่ตรงกลางสนามหญ้า ภาคินวันนี้แตกต่างจากตอนนั้นมากเหลือเกิน ตอนนั้นที่ต้นไม้หมายถึงคือก่อนที่จะไปเชียงใหม่…ต้นไม้เลื่อนมือมาลูบหัวน้องอันนาที่มิลอุ้มอยู่

“บางทีคนที่ตรงข้ามกันทุกอย่างอาจจะใช่สำหรับคินก็ได้นะ”

 

watercolor

ภาคินกลับไปทำงานแล้วสีน้ำเลยมานั่งวาดรูปต่อ ไม่รู้ว่าภาคินกดถ่ายไปทั้งหมดดี่รูปแค่คาดว่าน่าจะเยอะอยู่ นี่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยเลยมั้ง จังหวะที่กำลังแต้มสีลงบนภาพอยู่ดีๆ ก็มีเจ้าเหมียวขนฟูฟ่องเดินเข้ามาหา ตอนแรกสีน้ำก็ไม่กล้าจับเท่าไหร่หน้าตาพี่ท่านดูไม่ค่อยเป็นมิตร แต่พอมองนานๆ เข้าก็รู้สึกคุ้นอยู่เหมือนกัน

“อันนา?”

น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะเจ้าเหมียวได้ยินชื่อที่เขาเรียกก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับอ้อนใหญ่ สีน้ำจำได้เพราะคีตาชอบลงรูปเจ้าแมวตัวยักษ์นี่บ่อยๆ ในอินสตาแกรม พอลองจับน้องอันนาก็ดูชอบอกชอบใจทิ้งตัวนอนข้างสีน้ำไม่ไปไหน

“สิทธิพิเศษเลยนะเนี่ย ปกติน้องอันนาไม่เอาใครเลยนอกจากแก๊งลูกเพื่อนแม่ คีตา ต้นไม้แล้วก็พอร์ช”

“หน้าตาผมอาจจะดูใจดี”

“หรือไม่ก็เพราะคุณน้ำเป็นว่าที่แฟน..”

“พอก่อนเลยครับ คุณมิลมาได้ไง”

“เบนกับคีตาไม่ว่างก็เลยให้ผมกับไม้ไปรับคีตาที่ร้านเสริมสวย เห็นคินบอกในกรุ๊ปว่าทำงานอยู่นี่เลยแวะมาหา”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่นี่ความสัมพันธ์เหนียวแน่นหนึบ”

“น่าจะไม่มีใครคบแล้วมากกว่า ดูนิสัยแต่ละคนไอ้ทิมยืนหนึ่ง”

“น่าอิจฉาออกครับ ผมยังไม่เคยเห็นใครสนิทกันเท่าแก๊งลูกเพื่อนแม่เลย”

“พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งลูกเพื่อนแม่หรือยังครับ”

เพราะรามิลแกล้งทำเสียงเหมือนพระเอกละคร สีน้ำเลยหัวเราะไปด้วยแต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องตลก แต่รามิลเห็นว่าแววตาของสีน้ำมันมีความกังวลใจอยู่ รามิลเลยกระเถิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม

“ผมขอถามได้ไหมเรื่องของคุณน้ำกับคิน”

“หมายถึงความสัมพันธ์เหรอครับ”

“ครับ ตอนนี้เรียกว่าอะไรดีคนคุย?”

“รู้สึกว่าตัวเองแก่เกินจะใช้คำนั้นแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเหมือนกัน”

“ภาคินสำหรับคุณน้ำเป็นยังไงบ้าง”

“ก็เป็นคนสบายๆ ชิล ๆ เป็นตัวของตัวเองสูงมาก ไม่ค่อยพูดแต่เวลาพูดก็กวนๆ เทคแคร์ดีเอาใจใส่เก่ง อันนี้น่าจะเป็นกันทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ถูกเป๊ะ คุณน้ำนี่มอง..”

“แต่เรื่องความรักยังไม่แน่ใจ ดูลังเล ไม่กล้าตัดสินใจเหมือนยังรออะไรสักอย่างอยู่ ไม่รู้ว่ารอใครกลับมาหาหรือเปล่า”

“………”

“ผมเดาถูกเหรอ”

รามิลเข้าใจที่คินบอกแล้วว่าสีน้ำคือคนที่ฉลาดมากๆ รู้ทันคินทุกอย่างแม้กระทั่งตอนนี้ อย่างน้อยก็มองคินออกว่าเป็นคนแบบไหน สีน้ำไม่ได้ใส่อารมณ์หรือชักสีหน้าเลยสักนิดตอนที่คุยกัน มีแค่ปลายพู่กันที่จุ่มสีเทาแล้วป้ายไปบนกระดาษสีขาวที่อยู่ตรงหน้า พอเห็นเขาเงียบไปสีน้ำเลยหันมายิ้มให้พร้อมกับบอกว่าอย่าเครียดๆ ถือซะว่าคุยกันเฉยๆ รามิลเองก็เงียบไปตอนนี้ในหัวกำลังใช้ความคิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ดีหรือเปล่า แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วก็คิดว่าควรจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“ตอนที่คินอยู่ที่เชียงใหม่ ผมเบนและทิมคิดว่าคินน่าจะตกหลุมรักใครสักคนที่อยู่ที่โน่น”

“ตกหลุมรักเลยเหรอครับ”

“ครับ ขนาดไม่ได้เห็นกับตานะแต่สัมผัสได้จากตัวอักษรหรือเวลาที่เราได้วิดีโอคอลกัน”

“ภาคินตอนนั้นเป็นยังไงเหรอครับ”

“เป็นเหมือนตอนนี้ครับ”

สีน้ำหยุดระบายสีเทาแล้วหันมามองหน้ารามิล จากท่าทางและแววตาของหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้พูดไปเรื่อยเพื่อให้เขาสบายใจ แต่มันเป็นสิ่งที่รามิลตั้งใจให้เขารับรู้จริงๆ สีน้ำเลยพยักหน้าก่อนจะระบายสีต่อ

“แล้วใครล่ะครับที่คินตกหลุมรัก”

“เป็นเรื่องเดียวที่คินยังไม่เล่าให้แก๊งลูกเพื่อนแม่ฟัง แต่ผมมีผู้ต้องสงสัยแล้ว”

“แสดงว่าคุณมิลเจอเขาแล้ว”

“อาจจะเป็นคุณน้ำที่นั่งระบายสีอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ก็ได้”

“แล้วถ้าเกิดว่าไม่ใช่ผมล่ะครับ”

“ถ้าตอบในฐานะเพื่อนสนิทตั้งแต่สามขวบของภาคิน คนที่เชียงใหม่จะเป็นความทรงจำที่ดีของคิน ส่วนคุณน้ำจะเป็นคนที่ภาคินรักครับ”

“สมกับเป็นคำตอบของหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ แต่ผมยังยืนยันคำเดิมนะครับคินยังเหมือนมีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจ ความสัมพันธ์ของผมกับคินมันดูเรื่อยๆ ก็จริง”

“……………”

“แต่คินเองก็เองเหมือนยังไม่กล้าที่พัฒนาไปมากกว่านี้ เขายังรออะไรอยู่หรือเปล่า”

“……………”

“และแน่นอนภาคินที่ผมรู้จักเขาไม่มีวันพูดออกมาด้วยตัวเองหรอกครับ”

รามิลถอนหายใจกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะเงียบไป สีน้ำเห็นท่าทางแบบนั้นเลยปล่อยให้รามิลเป็นฝ่ายตัดสินใจ เขาไม่ได้บังคับให้คุณรามิลบอกเขาเข้าใจดีว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวและละเอียดอ่อน หัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่เงยหน้ามองกระดาษที่ถูกแต้มไปด้วยสีเทาเพิ่งสังเกตว่ามันค่อยๆ ไล่ระดับความเข้มขึ้นเรื่อยๆ

“คุณน้ำรู้ใช่ไหมครับว่าคินเป็นคนที่แบ่งความสัมพันธ์ไว้ชัดเจน คนนี้คือลูกค้า คนนี้คือเพื่อนร่วมงาน คนนี้คือเพื่อน คนนี้คือเพื่อนสนิท”

“ครับ”

“ก่อนที่คินจะไปเชียงใหม่มันเกิดเรื่องหลายเรื่องขึ้นพร้อมๆ กัน ตอนนั้นคิดว่าเป็นช่วงที่พังที่สุดในชีวิตของคินแล้ว”

“……………”

“รวมทั้งเรื่องความรัก”

“……………”

“เป็นครั้งแรกสำหรับคนที่แบ่งเส้นความสัมพันธ์ไว้ชัดเจนอย่างคิน เลือกที่จะก้าวออกจากเฟรนด์โซน”

“……………”

“เลือกที่บอกรักเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่ง”

ทุกอย่างเงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกและตอนนั้นเอง ที่รามิลเห็นว่าสีเทาบนกระดาษสีขาวที่สีน้ำระบายสีมันเป็นสีเทาที่เข้มที่สุดแล้ว

 
..................
........................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2020 00:15:01 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
watercolor


“ตอนนั่งรอผม วาดรูปอะไรไม่เห็นให้ดู”

“วาดรูปน้องอันนาแต่ยังไม่เสร็จเลยกะว่าจะมาลงสีเพิ่ม”

“อยากดูรูปที่ถ่ายกันไหม เดี๋ยวผมจะเอาไฟล์ลงเผื่อว่าจะต้องแต่งสี”

“อยาก แต่ขอเอาของไปเก็บก่อนเดี๋ยวผมมาหาอีกรอบ ไปล้างหน้าด้วยใครก็ไม่รู้เอาสีมาระบายหน้า”

“ชุดนอนได้เลยนะไม่ถือนอนนี่เลยก็ได้ไม่ถือเช่นกันโอ๊ย!”

หลอดสีน้ำปาใส่หัวคินทันที คนที่โดนได้แต่ลูบหัวป้อยๆ อะไรจะปาของทุกอย่างใส่หัวคนได้แม่นขนาดนี้ มีการโบกมือลาแล้วก็เดินหายไปร้านข้างๆ ภาคินเลยหยิบกล้องออกมาจัดการกับรูปที่ถ่ายวันนี้ พอเอารูปลงคอมก็นั่งดูรูปไปเรื่อยๆ เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเขาหรือครูสอนวาดรูปที่อายุน้อยกว่ากันแน่ นับว่าวันนี้เป็นวันที่เขาถ่ายรูปในแบบที่ต่างออกไป

คินชอบถ่ายรูปวิวมากกว่าคนแต่ถ้าให้ถ่ายก็ถ่ายได้ แต่ส่วนมากมันจะเป็นรูปในโทนสีขาวดำซะมากกว่า ที่จริงรูปวันนี้คินไม่ค่อยอยากแต่งแสงอะไรเท่าไหร่ อยากให้มันเป็นรูปตามธรรมชาติแบบนี้ดีแล้ว ยังไงสำหรับคินสีน้ำก็เหมาะกับแสงแดดสดใสแบบนี้ คินจัดการไฟล์รูปก่อนจะดึงออกมาไว้ตรงหน้าจอเพื่อให้สีน้ำได้ดู

อยู่ดีๆ สายตาคินก็เหลือบไปเห็นโฟล์เดอร์ที่ไม่ได้เปิดนานแล้ว นิ้วมือก็เคาะกับโต๊ะเหมือนใช้ความคิด ตั้งใจจะย้ายไปเก็บไว้ที่อื่น แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้คินต้องผละจากคอมไปรับแล้วทิ้งไฟล์ทุกอย่างที่จะจัดการไว้อย่างนั้


“ไหนบอกออกไปกับคุณคิน ทำไมหน้าเลอะแบบนั้น”

“ก็คุณคินของณัฐเป็นคนทำ”

“อยู่ที่ไหนก็เลอะสีเนอะ สมกับที่ชื่อสีน้ำ”

“ณัฐว่าเป็นสีน้ำหลายๆ สีหรือว่าเป็นแค่สีดำสีขาวดีกว่ากัน”

“ถามอะไรแปลกๆ”

“ยังไงเขาก็น่าจะเลือกสีที่เขาชอบป่ะวะ”

“เฮ้ย โอเคป่ะเนี่ย นานๆ ทีถึงจะเห็นเวอร์ชั่นอ่อนแรงขนาดนี้”

ณัฐขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าญาติตัวเองมีท่าทางไม่ค่อยปกติ แววตาก็ดูหม่นๆ เหมือนมีเรื่องให้คิด ทั้งๆ ที่ตอนที่ออกไปกับคุณคินก็เห็นว่ายังสดใสดี พอเห็นสีน้ำเป็นแบบนั้นณัฐเลยเดินเข้ามาหากับวางมือลงบนกลุ่มผมนั่นเบาๆ ไม่มีคำพูดอะไรอีก แต่สีน้ำก็ยิ้มให้พร้อมกับบอกว่าตัวเองสบายดีแค่เพลียๆ เพราะวันนี้ตากแดดเยอะไปหน่อย ณัฐเลยบอกให้อีกฝ่ายไปพักผ่อน ทันทีที่สีน้ำเดินขึ้นชั้นสองไปแล้วสายตาณัฐก็เหลือบไปเห็นกระดาษวาดรูปที่ตกอยู่ คงเป็นของสีน้ำเมื่อกี้เห็นถืออยู่หลายแผ่น ณัฐก้มลงเก็บขึ้นมาตั้งใจจะเอาไปให้ แต่พอเห็นสีที่อยู่ในกระดาษก็ทำให้ณัฐหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น

เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเลยทำให้รู้ว่าสีน้ำชอบเปรียบเทียบคนกับสี และอีกอย่างที่ณัฐรู้ก็คือรูปที่วาดในแต่ละวันก็สามารถบอกความรู้สึกของสีน้ำได้ ณัฐถอนหายใจก่อนจะก้มลงกระดาษวาดรูปที่เต็มไปด้วยสีเทาแล้วเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบน

หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร

 

สีน้ำวางอุปกรณ์วาดรูปทั้งหมดไว้ตรงโต๊ะทำงานก่อนจะเดินมาล้มตัวลงนอนบนเตียง ยอมรับว่าตอนนี้จัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้เท่าไหร่ มันสวิงจนสีน้ำปวดหัวไปหมด สิ่งที่รู้มาจากคุณรามิลมันวนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอด ทั้งๆ ที่คิดไว้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับคุณคินมันน่าจะเรียกว่าค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ได้รีบร้อนอะไรก็มีแค่เรื่องที่ เชียงใหม่  ที่รอให้ถึงเวลาของมันเอง พอคิดถึงตรงนี้สีน้ำก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาที่โต๊ะทำงาน พอเปิดกล่องสีน้ำตาลออกมาบรรดาก็เจอโปสการ์ดหลากหลายใบที่เขาเองไม่ได้หยิบออกมานานแล้ว สีน้ำค่อยๆ หยิบโปสการ์ดออกมาทั้งหมดแต่อยู่ดีๆ กลับมีหนึ่งใบที่ร่วงลงมาบนพื้น สีน้ำเลยก้มลงไปหยิบแต่ข้อความที่ปรากฏบนโปสการ์ดทำให้สีน้ำเลือกที่จะอ่านมันอีกครั้ง..



“นึกว่าน้ำจะมาสักตีสองนานมาก”

“จะรีบไปไหนร้านอยู่ข้างๆ นี่ไม่หนีไปไหนหรอก”

“ไม่หนีจริงนะ”

“ถ้าหนีไปจริงๆ คินจะทำยังไง”

“แล้วสีน้ำจะหนีไปไหน”

“เชียงใหม่”

“คนอะไรจะหนีแล้วยังมาบอกสถานที่ๆ จะไป”

ภาคินหัวเราะเมื่อเห็นว่าสีน้ำเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอบอกไปแล้ว มีการพูดกับตัวเองว่าเออว่ะ..ท่าทางตลกๆ นั่นทำให้คนที่กำลังอุ่นนมอยู่หลังเคาน์เตอร์ต้องเดินออกมาหา กลิ่นนมหอมๆ ทำให้สีน้ำรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างภาคินเลยยื่นแก้วให้อีกคนถือไว้ก่อนจะรวบเอาทั้งตัวสีน้ำเข้ามากอดไว้อ้อมแขนรัดช่วงเอวไว้แน่น ยิ่งสีน้ำอยู่ในชุดนอนสีเข้มตัวก็ยิ่งดูเล็กมากกว่าเดิม เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เรายังไม่ได้กอดกันเลยทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันทั้งวัน

“มันร้อนเดี๋ยวหก ภาคิน”

“เวลาเรียกชื่อจริงเหมือนกำลังโดนดุ”

“เนี่ยดุจริง”

“นอนนี่ไม่ได้เหรอครับ”

“มันทำไมนัก”

“เราแก่กันแล้วนะ แก๊งลูกเพื่อนแม่นอนกอดแฟนหมดแล้ว”

“อิจฉาเพื่อนเหรอ”

“มาก”

"ขนาดไหน"

"ที่สุด"

“ดูรูปก่อนถ้าสวยแล้วจะตัดสินใจอีกที”

“ฝีมือระดับนี้แล้ว”

ภาคินกอดเอวสีน้ำให้นั่งลงตรงหน้าคอมก่อนจะเปิดไฟล์รูปให้ดู แน่นอนว่ามันจะต้องมีรูปทีเผลอที่ภาคินไม่ได้ลบออกและเหมือนจะเยอะกว่ารูปที่ตั้งใจถ่ายซะอีก ดูไปสี่ห้ารูปภาคินเลยบอกให้เขาดูไปพลางๆ ก่อนเพราะแก้งานค้างไว้ต้องส่งพรุ่งนี้ สีน้ำพยักหน้าแล้วดูรูปต่อ ฝีมือของภาคินไม่ใช่เล่นๆ รูปสวยระดับมืออาชีพมากๆ พอเงยหน้าเห็นว่าภาคินยังคงก้มหน้าก้มตากับงานอยู่เหมือนเดิม

“หน้าผมเลอะสีทุกรูป ไม่มีรูปปกติเลย”

“ผมตั้งใจ มันเป็นคอนเซปต์ของผม”

“คอนเซปต์อะไรกัน”

“สีน้ำ ชื่อนี้เลยสีน้ำที่ผมเจอครั้งแรกหรือว่าสีน้ำที่ผมเจอทุกครั้งมีสีน้ำเลอะอยู่ตลอด”

“ฟังแล้วเหมือนผมเป็นเด็กนักเรียนมากกว่าครูอีกนะ”

“อ้าวแน่นอน เด็กชายสีน้ำคู่กับเด็กชายภาคิน”

“ตลก”

“น้ำชอบรูปไหนเลือกไว้ได้เลย”

สีน้ำยกมือขึ้นว่าทำท่าโอเคก่อนจะค่อยๆ เปิดดูรูปไปเรื่อยๆ ภาพเขาที่หน้าเลอะไปด้วยสีน้ำกำลังยิ้มให้กล้อง เอาจริงวันนี้ก็ทำตัวย้อนวันเหมือนสมัยวัยรุ่น เขาไม่ได้ถ่ายรูปแบบนี้มานานแล้วและยิ่งกับคนที่ตัวเองชอบ ก็ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ถึงภาคินจะบอกว่าปกติไม่ค่อยได้รูปในแนวสดใสแบบนี้เท่าไหร่ แน่แหละเจ้าตัวมินิมอลชอบแนวขาวดำซะขนาดนั้น อยู่ดีๆ สีน้ำก็เผลอกดปิดโฟล์เดอร์รูปไป ตั้งใจจะเปิดขึ้นมาใหม่แต่ตาก็เหลือบไปเห็นโฟล์เดอร์ที่ตั้งชื่อไว้ NW ไว้ตรงหน้าจอ

ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นการเสียมารยาทแต่ไม่รู้ว่าทำไมสีน้ำถึงเลือกที่จะกดเข้าไปดู ไฟล์รูปค่อนข้างจะเยอะจนสีน้ำต้องไล่ดูไปเรื่อยๆ ภาคินยังคงชวนเขาคุยอยู่เหมือนเดิม สีน้ำก็แค่ตอบเออออไปตามประสา รูปในโฟล์เดอร์เป็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด มีทั้งวัด คาเฟ่ ร้านอาหาร ทุกภาพเป็นรูปโทนขาวดำทั้งหมด

จริงๆ มันก็อาจจะเป็นแค่งานของภาคินเท่านั้นไม่ได้มีอะไร แต่พอเลื่อนดูรูปมาเรื่อยๆ สีน้ำก็ต้องหยุดเมาส์ที่กำลังเลื่อนดูรูป มันเป็นภาพผู้ชายตัวสูงผมสีดำ มีลักยิ้มสองข้าง แน่นอนว่าทุกรูปยังคงเป็นรูปสีขาวดำ สีน้ำค่อยๆ เลื่อนดูรูปต่อเป็นรูปผู้ชายคนเดียวในอิริยาบทต่างๆ ไม่ว่าจะเดิน จะนั่ง จะยิ้มหรือหัวเราะ ไม่มีรูปไหนที่เป็นสีสันสดใสเลยสักรูปทุกรูปเป็นโทนสีเดียวกัน แต่ยอมรับเลยว่ามันสวยมากๆ ทั้งสีของรูป ทั้งองค์ประกอบ รวมทั้งคนในรูปด้วย อยู่ดีๆ สีน้ำก็นึกถึงคำพูดของคุณรามิลที่คุยกันในวันนี้

“เป็นครั้งแรกสำหรับคนที่แบ่งเส้นความสัมพันธ์ไว้ชัดเจนอย่างคิน เลือกที่จะก้าวออกจากเฟรนด์โซน”

“……………”

“เลือกที่บอกรักเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่ง”


รูปสุดท้ายที่สีน้ำเลื่อนดูมาจนสุดมันคือรูปคู่ของทั้งสองคน ภาคินก็ยังอยู่ในชุดที่เขาเองคุ้นเคยอยู่ทุกวันเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์และคนข้างๆ ที่ยิ้มจนลักยิ้มบุ๋มลงทั้งสองข้างใส่เสื้อยืดสีดำที่สกรีนไว้ว่า

 

นาวา..

 

สีน้ำไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรรู้สึกแบบไหน แค่ถือวิสาสะเปิดดูรูปเขาก็เสียมารยาทจะแย่อยู่แล้ว จะให้ถามตรงๆ ว่าคนในรูปเป็นใครก็รู้ว่าตัวเองยังไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น มันสับสนจนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง พอได้มาเจอความจริงบางทีสีน้ำก็รู้สึกว่าตัวเองเพ้อเจ้อมากไป เชียงใหม่ โปสการ์ด ความบังเอิญ พรหมลิขิต มันก็อาจจะเป็นแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไปแค่นั้นก็ได้ พอคิดถึงเรื่องนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าข้อความบนโปสการ์ดที่วันนี้เขาทำตกมันเขียนไว้ว่ายังไง


ที่คุณถามว่ามาเชียงใหม่ทำไม เพราะส่วนมากก็มาเที่ยว

ไม่ก็หนีความจริงอะไรสักอย่างเพื่อมาพักรักษาจิตใจ ใช้ธรรมชาติบำบัด

เก่งเหมือนกันนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะมาเที่ยวบ้างเหรอไงแต่ก็นะ คนเรามันหนีความจริงกันไม่พ้นทั้งนั้น

ขอตอบข้อสอง..ตอนอ่านโปสการ์ดใบนี้ห้ามหัวเราะนะ

ที่มาที่เชียงใหม่ก็เพราะว่า อกหัก เจ็บเหมือนจะตายเลย..


 

 

 

 

 
To be con



อ้าว! พี่คิน!
PS. นิยายรายเดือนที่เกินเดือนมาหนึ่งวัน..โซซอรี่


อาจจะมาช้าแต่สัญญาว่าจบแน่นอนค่ะทุกคน
ขอบคุณนะคะที่ยังรอกันเสมอ ^^
ตอนนี้บ้านเมืองของเรานั้นอาจจะทำให้ทุกคนเครียดกัน ยังไงถ้าอยากพักผ่อนมาอ่านนิยายผ่อนคลายกันสักแป๊บ
แต่ถ้าทุกคนยังไม่พร้อมอ่านก็ไม่เป็นไรนะคะ ค่อยกลับมาอ่านก็ได้นะ ไม่โกรธกัน ไม่โกรธกัน
แต่แต่งนิยายตอนนี้ก็๋ยากเช่นกัน อารมณ์สวิง360 แงงงงเนี่ย #ถ้าการเมืองดี

เลิฟทุกคนที่เข้ามาอ่านจ้าาาาา


ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่

 แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2020 23:33:38 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
สีน้ำยิ้มไว้นะ..เอาใจช่วย..ยยยย   :hao5:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เห้อ  :hao5:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
รอตอนต่อไป ขอให้เปลี่ยนจากสีเทาเแฌนสีสดใสไวๆ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หวานๆอยู่ ดราม่าย่างกรายเข้ามาซะแล้ว

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รวดเดียวจบ และจุกมากกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด