WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร?
ภาคิน พิชญเดชา
CH.12 - Silver Glitter
คินไม่เอาเรื่องแฟนของรุ้งแต่ก็ให้ชดใช้ข้าวของที่เสียหาย และดูท่าทางอีกฝ่ายก็น่าจะสำนึกผิดแล้วเหมือนกัน ตอนแรกแก๊งลูกเพื่อนแม่บอกให้เขาแจ้งความเพราะว่าถึงกับเลือดตกยางออก แต่อีกใจก็สงสารรุ้งอย่างน้อยก็รู้จักกันมานาน ตอนที่แฟนของรุ้งตั้งใจมาขอโทษที่ร้าน เขาเองก็บอกว่าให้ตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ดีๆ ถ้าวันดีคืนดีทำร้ายร่างกายรุ้งขึ้นมาจะว่ายังไง รุ้งพยักหน้าแล้วก็บอกว่าตอนนี้ขอเลิกกับแฟนแล้วเพราะครั้งนี้เรื่องมันร้ายแรงมากทำใจไม่ได้จริงๆ
พอขอโทษชดใช้ค่าเสียหายจ่ายเงินกันเสร็จสรรพ ทุกอย่างกำลังจะจบกันด้วยดี อยู่ดีๆ ทุกคนในร้านของคินก็หยุดนิ่ง เมื่อเห็นว่าทับทิมเดินไปหยุดตรงหน้าแบงค์ที่เงยหน้าขึ้นมามองพอดี
“อย่าคิดว่าที่เพื่อนผมไม่แจ้งความแล้วคุณจะไปทำแบบนี้กับคนอื่นได้อีก ขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าเพื่อนผมมีแผลที่เกิดขึ้นเพราะคุณอีกครั้ง ชีวิตคุณไม่มีวันสงบสุขแน่”
“………”
“นี่ประโยคบอกเล่านะ ให้รู้ไว้เฉยๆ”“………”
ตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานหนึ่งที ทุกคนในร้านเงียบสนิทไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงอะไรออกมา ภาคินกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นว่าแบงค์เองถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่พอทิมถามซ้ำอีกครั้งว่าเข้าใจไหมเจ้าตัวก็พยักหน้าพร้อมกับพูดเร็วๆ ว่าเข้าใจครับๆ ซ้ำไปซ้ำมา คินและแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เจอเหตุการณ์แบบนี้จนชินเลยได้แต่ยืนเฉยๆ พอร์ชแฟนดีเด่นยกนิ้วโป้งให้ไอ้ทิมที่หันมายิ้มให้ ส่วนแฟนคลับนัมเบอร์วันอย่างสีน้ำที่ยืนอยู่ข้างคินถึงกับปรบมือรัวๆ ไม่หยุดแถมยังมีการเอียงหน้ามากระซิบบอก
“เท่เนอะ วันหลังถ้ามีคนมาแกล้งทำแบบนี้บ้างดีกว่า”
ภาคินได้แต่หัวเราะแหะๆทำไมทุกคนถึงมีไอ้ทิมเป็นไอดอลกันหมดเลยวะ
วันนี้ภาคินปิดร้านเพื่อจัดการข้าวของที่มันเละเทะและต้องการพักผ่อนด้วย ไม่รู้ว่าด้วยอายุที่มันมากขึ้นหรือเปล่าร่างกายมันถึงฟื้นตัวช้ากว่าทุกครั้ง ก็ไม่คิดว่าการที่โดนต่อยแค่ครั้งเดียวจะทำให้เขาไข้ขึ้นได้นานหลายวันขนาดนี้ ไอ้มิลถึงกับบุกมาที่ร้านแล้วจับเขายัดใส่รถพาไปโรงพยาบาลทันที ทั้งๆ ที่เขาเองก็บอกแล้วไม่ต้องไปโรงพยาบาลให้มันวุ่นวาย แต่รามิลก็ไม่ยอมแถมยังเอาไอ้ทิมมาขู่อีกต่างหาก
“มึงอย่าลีลาได้ไหมคิน ทำตัวเป็นเด็กห้าขวบกลัวหมอไปได้”
“กูไม่ได้กลัวแต่ขี้เกียจ”
“ไอ้ทิมสั่งมามึงกล้าขัดคำสั่งมันเหรอไง”
“นี่มึงเป็นหัวหน้าแก๊งจริงป่ะวะเนี่ยรามิล ไม่ไปโว้ยกูขี้เกียจไป”
“ไอ้ทิมรู้ขึ้นมาเดี๋ยวได้ตายคู่ เร็ว”
กว่าจะถกเถียงกันเสร็จก็หลายนาที รามิลหัวหน้าแก๊งไร้อำนาจยกโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ พร้อมกับขู่ว่าจะโทรหาไอ้ทิมทันทีถ้าเขาไม่ไปหาหมอวันนี้ สุดท้ายภาคินก็ยกมือยอมแพ้ก่อนจะสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่เมื่ออยู่ดีๆ ไอ้ทิมก็โทรมาเช็คว่าเขาไปโรงพยาบาลจริงหรือเปล่า ไอ้นี่ก็น่ากลัวจริงๆ เหมือนมีญาณทิพย์รู้ไปหมดทุกอย่าง พอถึงโรงพยาบาลคินก็เลยไล่ให้ไอ้มิลไปทำงานทำการเดี๋ยวขากลับเขากลับเองได้ ดีที่รามิลยังเชื่อฟังบ้างไม่งั้นต้องมานั่งรอกันครึ่งค่อนวัน ทันทีที่พยาบาลเรียกชื่อเขาให้เข้าไปในห้อง หมอที่รักษาประจำพอเห็นหน้าที่ช้ำก็ตาโตตกใจขึ้นมาทันที
“แผลนี่โดนต่อยชัดๆ พี่ไม่ได้ทำแผลให้คินมาตั้งแต่มหา’ ลัยใช่ไหมที่จำได้ ตอนนั้นที่มีเรื่องกับคนที่มาจีบน้องทิม”
“ทีทิมเรียกน้องเชียวนะ”
“แหม ดูหน้าด้วยน้องทิมของพี่หมอน่ารักขนาดไหน”
“เจอฤทธิ์น้องทิมแล้วจะเปลี่ยนเป็นไอ้ทิมแทบไม่ทัน”
“เนี่ย ทั้งไอ้เคทั้งคินเอาแต่ขู่พี่แบบนี้ พี่กลัวจริงๆ แล้วนะ”
“ลองไปจีบสิเดี๋ยวจะรู้ว่าเป็นยังไง”
“เหมือนชวนไปทำอะไรที่มันเสี่ยงตาย วีรกรรมนพจินดาแห่งวงการจิลเวอรี่ได้ยินมานักต่อนัก อีกอย่างน้องทิมมีแฟนแล้วอย่ามาหลอกล่อให้พี่โดนแฟนเขากระทืบ”
“นึกว่าจะกล้า”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง แล้วไปต่อยกับใครมาวะไอ้เครู้ยัง”
“แผลเล็กน้อยเองพี่ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ฉีดยาแก้ไข้หน่อยแล้วกัน มาโรง’ บาลกันทั้งพี่ทั้งน้อง”
“พี่หมอว่าอะไรนะ”
คินหรี่ตามองเพราะประโยคสุดท้ายที่พี่หมอพูดเขาไม่ค่อยได้ยิน แต่หมอก็ส่ายหน้าพร้อมกับเรียกพยาบาลให้เข้ามา คินยกมือไหว้หมอที่รู้จักกันดีเพราะเป็นเพื่อนของพี่เค ก่อนจะออกจากห้องตรวจ ภาคินก็หันมาบอกว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับพี่ชายก่อนที่พยาบาลจะเดินมาตาม คนเป็นทั้งหมอและเพื่อนของพี่ชายได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น แล้วก้มลงไลน์ตัวเองที่เผลอบอกเคไปแล้ว
เวรกรรม..บอกช้าไปว่ะน้อง“ไอ้พี่หมอนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
ภาคินแบกของพะรุงพะรังเต็มสองมือเมื่อพยาบาลฉีดยาเสร็จ คินก็เลยจะมาเอ่ยลาพี่หมออีกรอบแต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องพักก็เจอพี่หมอยืนยิ้มแฉ่งพร้อมกับของกินบำรุงล้านแปดที่วางอยู่บนโต๊ะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าใครที่ส่งมาให้อุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าบอกพี่เค แต่เอาเหอะเห็นพี่หมอหัวเราะแหะๆ อย่างสำนึกผิด ก็เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ก่อนจะออกจากห้องพี่หมอยังย้ำว่าพี่เคเป็นห่วงเขามาก คินที่กำลังจะจับลูกบิดประตูได้แต่กำมือแน่นก่อนจะบอกบางอย่าง
“พี่เคควรห่วงตัวเองให้มากๆ ก่อนที่จะมาห่วงผม ถ้าเขามาหาพี่หมอพุธหน้าก็ฝากบอกเขาด้วยแล้วกัน”
พี่หมอได้แต่ถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคินออกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พี่น้องจะกลับมาคืนดีกันได้สักที ดูก็รู้ว่ายังรักกันขนาดนี้แค่เขาบอกว่าคินป่วยไอ้คนพี่ก็ส่งของมาให้ ตอนแรกจะให้บอกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนสั่งเอง โห..คินมันคงเชื่อหรอก แถมไอ้คนน้องยังบอกให้คนพี่ให้ห่วงตัวเองมากๆ อีกด้วย
ว่าแต่มันรู้ได้ไงวะว่าเคมันมาหาหมอที่นี่ทุกวันพุธ?
Watercolor
“ไปโรงพยาบาลหรือไปช้อปปิ้งกันแน่เนี่ย”
สีน้ำยืนกอดอกพิงประตูหน้าร้าน มองคนที่ป่วยจนโดนเพื่อนหามไปโรงพยาบาลหอบอาหารเต็มสองมือ ภาคินจัดการเปิดประตูร้านตัวเองวางของไว้ตรงโต๊ะแถวนั้น แล้วเดินเข้ามาหาครูสอนวาดรูปก่อนยกมือกอดคนตรงหน้าไว้ ท่าทางหมดแรงอ่อนล้าแถมยังอ้อนเกินกว่าเหตุทำให้สีน้ำต้องยกมือขึ้นมาลูบหลังเบาๆ ดีหน่อยที่อุณหภูมิในตัวภาคินลดลงแล้ว สองสามวันก่อนเข้าไปเช็ดตัวยังดูป่วยหนักอยู่เลย
“เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล คินไปนอนพักก่อนดีกว่า”
“ผมนอนจนเบื่อไม่ไหวแล้วสีน้ำ อยากทำอย่างอื่น”
“ห้ามทำงานครับ มิล เบน ทิมสั่งผมเอาไว้”
“เบื่อ”
“ก็คินป่วย”
“ผมเบื่อ”
“อย่ามาดื้อกับผมนะ”
“เบื่อ”
“ภาคิน”
“ภาคินเบื่อ”
“จะเอายังไงเนี่ย มาวาดรูปที่ร้านผมไหม”
“ไม่เบื่อแล้วครับ ไปวาดรูปกัน”
สีน้ำอยากจะหัวเราะให้ตายภาคินในเวอร์ชั่นแฟนเด็กนี่งอแงกว่าที่คิด แต่เจ้าตัวก็คงเบื่ออย่างที่บอกเพราะเห็นนอนซมอยู่หลายวัน แถมแก๊งลูกเพื่อนแม่ยังสั่งห้ามทำงานอีก ดีที่รามิลมาลากไปโรงพยาบาลได้สำเร็จไม่งั้นไม่รู้เลยจะหายป่วยเมื่อไหร่ สีน้ำเดินตามหลังภาคินที่เอ่ยทักทายณัฐที่กำลังเก็บกระดานวาดรูป สีน้ำเลยมาบอกขอสองอันไปตั้งในห้องทำงานส่วนตัวหน่อย ณัฐทำหน้าตาล้อเลียนทำเสียงกิ๊วๆ ก่อนจะยกกระดานเข้าไปให้
พอเอาเข้าจริงภาคินก็ไม่รู้ว่าจะวาดอะไรเหมือนกัน ได้แต่นั่งมองกระดานวาดรูปตรงหน้าอยู่อย่างนั้น ลองร่างดินสอคร่าวๆ ก็ไม่มีไอเดียเข้ามาในหัวเลยสักนิด พอเหลือบมองสีน้ำฝ่ายนั้นก็ยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมข้าวของทั้งถาดสี พู่กัน และบรรดาสีน้ำหลากหลายสี อุปกรณ์เยอะแยะเต็มไปหมด
“ไม่วาดเหรอครับ”
“ผมไม่รู้ว่าจะวาดอะไร”
“งั้นเอาเหมือนที่ผมสอนนักเรียน เอาเป็นให้วาดตามคำที่ผมบอก”
“ผมขอเป็นคนกำหนดคำด้วย”
“ได้ครับ”
“ผมจะวาดด้วยดินสอนะ”
“โธ่คนเราอยู่ในถิ่นผมเองยังไม่ยอมใช้สีน้ำอีก”
“รูปหนึ่งผมคงใช้เวลาสักสามชั่วโมง”
“ตามใจคินเลยวาดด้วยดินสอก็ได้”
“น้ำผมขอใช้กระดาษที่มันเล็กกว่านี้ เอาเล็กเท่าการ์ดหนึ่งใบก็ได้ อีกอย่างเราต่างคนต่างวาดแล้วเอามาแลกกันนะ”
“สนุกใหญ่เลยเนอะ เมื่อกี้ยังทำท่าเป็นหมาหงอย”
“เริ่มได้แล้วครับคุณครู ผมขอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
พอได้ยินคำนั้นสีน้ำก็รู้สึกเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเหมือนกัน ทุกทีเขาเป็นคนบอกคำแล้วให้เด็กๆ เป็นคนวาด แต่วันนี้กลายมาเป็นคนวาดเองมันเลยรู้สึกแปลกๆ ภาคินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสะบัดมือเตรียมพร้อมมาก พอคินเห็นว่าสีน้ำเองก็พร้อมแล้วเลยพยักหน้ารับก่อนจะบอกคำแรก
“เชียงใหม่”ภาคินเงยหน้าเมื่อเห็นว่าครูสีน้ำชะงักไปเหมือนกันเมื่อได้ยินคำนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเหลือบตาขึ้นมามองยิ้มมุมปากแล้วเอาสีน้ำมาจุ่มลงบนถาดสี คินเลยหยิบดินสอมาร่างเป็นรูปบ้าง แน่นอนว่ารูปของคินต้องเสร็จก่อนของสีน้ำเพราะเขาวาดด้วยดินสอ พอเขาวางดินสอลงครูน้ำก็แกล้งพูดดังๆ รอก่อนเลยเจ้าคนวาดรูปลายเส้น
“หมดเวลาแล้ว”
“เฮ้ย มีจับเวลาได้ไง”
“ไม่งั้นสีน้ำวาดไปถึงพรุ่งนี้ทำไง นี่เพิ่งคำแรกเอง”
“หนอย ไอ้เจ้าดินสอ”
ภาคินหยิบกระดาษที่วาดเสร็จแล้วโบกไปมา ส่วนคนที่กำลังลงสีน้ำได้แต่ยกพู่กันขึ้นมาทำท่าขู่ ก่อนจะบอกว่าเสร็จแล้ว ภาคินเลยนับหนึ่งถึงสามแล้วทั้งสองคนก็ยื่นกระดาษที่วาดรูปออกมาพร้อมกัน ต่างคนต่างนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่ารูปที่ภาคินวาดคือตัวเขาและรูปที่เขาวาดก็คือภาคิน
“เชียงใหม่? และทำไมถึงเป็นรูปผม?”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้จริงอะ”
“แล้วคินทำไมวาดผม”
“ไม่บอก”
“เนี่ย ทำมาเป็นเล่นตัว”
“หรือว่าเราเคยเจอกันที่เชียงใหม่”
“มั่วเปล่า”
“ก็น้ำวาดรูปผม มันเกี่ยวกับเชียงใหม่ตรงไหน”
“คินก็วาดรูปผมเหมือนกัน ผมกับเชียงใหม่เกี่ยวกันตรงไหน”
“ผมไม่มีทางบอกก่อนหรอก”
“ผมก็ไม่บอกเหมือนกัน”
“งั้นคำต่อไปมาเลย น้ำเป็นคนบอก”
ต่างคนต่างไม่ยอมบอกเหตุผลที่วาดรูปอีกฝ่าย เลยหันไปหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาเตรียมวาด สีน้ำหมุนพู่กันในมือไปมาแล้วนั่งมองกระดาษตรงหน้าอยู่แบบนั้น ภาคินเห็นอีกฝ่ายเงียบไปเลยเอียงหน้ามาดู พอเห็นสีน้ำทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วก็หัวเราะออกมาสงสัยจะคิดคำยากๆ ให้เขาวาดแน่ๆ แต่อยู่ดีๆ สีน้ำก็หันมายิ้มให้ก่อนจะบอกออกมา
“อาหารเช้า”ภาคินพยักหน้านึกว่าจะเป็นคำที่ยากกว่านี้ซะอีก ท่าทางอีกฝ่ายคงมีภาพอยู่ในหัวแล้วแน่ๆ ถึงได้เอาพู่กันจุ่มสีแล้วระบายลงกระดาษตรงหน้า ภาคินหันกลับมามองกระดาษของตัวเองก่อนนจะนั่งเท้าคางมองอยู่อย่างนั้น อาหารเช้า โอ้โห…เป็นล้านอย่างเลยมั้ง นี่ก็ไม่รู้จะวาดอะไรดีแต่อยู่ดีๆ ภาพอาหารเช้าบางอย่างก็แว๊บเข้ามาในหัวเลยหยิบดินสอค่อยๆ ร่างให้เป็นรูป
“เสร็จยังภาคิน”
“ทำมาเร่ง”
“นับหนึ่งถึงสาม”
“โอเค วาดเสร็จแล้ว”
คินวางดินสอลงหลังจากแรเงารูปวาดในกระดาษ ก่อนจะยื่นให้สีน้ำพร้อมกับรับของสีน้ำมาไว้กับมือ ทั้งสองคนนับพร้อมกันก่อนจะพลิกกระดาษ เป็นครั้งที่สองที่ต่างคนต่างเงียบเมื่อรูปอาหารเช้าที่อยู่ในมือของทั้งคู่ดูยังไงก็เป็นรูปเดียวกัน ขนมปังปิ้งพร้อมกับขวดแยมผลไม้หลากหลายรส สีน้ำชูรูปวาดในมือขึ้นมา
“นึกว่าคินจะวาดกาแฟ”
‘’ ตอนแรกก็จะวาดกาแฟแต่อยู่ดีๆ ก็นึกถึงขนมปังปิ้ง”
“ของร้านไหนเหรอครับ”
“ตอนผมอยู่ที่เชียงใหม่เขามีบริการอาหารเช้าฟรี แล้วผมก็กินขนมปังปิ้งทุกวันเพราะมันอร่อยสุด แยมเขาทำเองด้วย”
“อร่อยจริง ผมกินหลายแผ่นเลย”
“น้ำชอบแยมรสอะไร”
“ส้ม เคยลองเสาวรสแล้วเปรี้ยวมากแล้วคินล่ะ”
“ส้มเหมือนกันครับ ผมชอบส้มที่สุด”
“กินขนมปังปิ้งทาแยมส้มแล้วก็นั่งดูไร่ส้มจากระเบียง คิดถึงจัง”
ภาคินอมยิ้มเมื่อได้ยินที่สีน้ำบอกออกมาก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับชูภาพขนมปังปิ้งในมือขึ้นมา สีน้ำมองตามรูปแล้วหันมามองหน้าคินคล้ายจะถามว่ามีอะไร
“ว่าแต่ อาหารเช้าที่เป็นขนมปังปิ้งของน้ำอันนี้มันคือที่เดียวกับของผมเหรอครับ หรือว่ามันเป็นของร้านไหนถึงมีไร่ส้มเหมือนที่ผมเคยไปพักเลย”“…………”
เหมือนเด็กที่เผลอพูดอะไรออกไปแล้วคนฟังจับได้ สีน้ำเลยหลบสายตาเสหันไปมองทางอื่น ท่าทางของคนตรงหน้ามันน่ารักจนคินต้องก้มลงมาหอมแก้มหนึ่งที เลยโดนพู่กันเคาะหัวไปหนึ่งที ก่อนที่สีน้ำจะกลับมานั่งตัวตรงพร้อมกับท่าทางจริงจังเหมือนตอนสอนเด็กนักเรียน มีการชี้กระดาษเปล่าตรงหน้าให้เขาบอกคำต่อไปมาสักที ภาคินเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะบอก
“สถานที่”สีน้ำถือพู่กันค้างไว้อย่างนั้นแล้วหันไปหยิบหลอดสีมาบีบสีเพิ่ม ภาคินเหลือบมองเห็นว่าเป็นสีน้ำตาลอาจจะเป็นบ้านไม่ก็รีสอร์ทสักหลัง คินเองก็ค่อยๆ ลากดินสอจะว่าไปรูปที่เขาจะวาดมันก็รายละเอียดเยอะเหมือนกัน นี่ก็พยายามนึกแล้วค่อยๆ วาดออกมา แต่ดูสีน้ำจะสนุกมากเห็นตั้งใจวาดแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด จนคินบอกว่าวาดนานเกินไปแล้วเจ้าตัวถึงได้วางพู่กันลง
“อันนี้ตั้งใจวาดมาก”
“อย่าบอกนะว่าวาดร้านนี้”
“ไม่ใช่สักหน่อย ของคินวาดทุกที่ในประเทศหรือเปล่าเห็นไปมาแล้วทุกจังหวัด”
“น้ำเดาไม่ถูกแน่ว่ามันคือที่ไหน เอารูปมาดูซิ”
ต่างคนต่างมั่นใจว่าอีกคนต้องเดาไม่ถูกแน่ว่าสถานที่ในรูปคือที่ไหน แต่ทันทีที่พลิกกระดาษดูทั้งสีน้ำและภาคินต้องเอารูปมาดูใกล้ๆ ก่อนจะเอามาเทียบกันถึงแม้ของสีน้ำจะเป็นการระบายสีแต่รายละเอียดก็ยังเห็นชัดเจน มันเป็นรูปคล้ายๆ อาคารเรียนที่ตั้งอยู่บนเขา มีกระดานดำ มีกระดานวาดรูป ส่วนรูปของภาคินถึงจะเป็นเส้นดินสอแต่ก็พอมองออกว่าเป็นอาคารไม้ มีชั้นหนังสือ
“ที่นี่คือ..”
“โรงเรียนที่ผมไปสอนเด็กวาดรูปตอนที่อยู่เชียงใหม่ครับ ทางมันไปลำบากมากเลยแต่เด็กๆ ดีใจมากเลยเวลาที่เขาได้ระบายสี เด็กบางคนวาดรูปเก่งกว่าผมอีก”
“………”
“ทุกวันตอนบ่ายผมจะให้เด็กๆ มานั่งบนเนินหญ้าแล้ววาดรูป ก้อนเมฆ ต้นไม้ ดอกไม้ พระอาทิตย์ อากาศดีมากด้วย”
“ยกเว้นตอนฝนตก”
“ใช่! อาคารหลังคารั่ว ทุกครั้งที่ฝนตกนะผมต้องรีบเก็บข้าวของตลอดเลย ไม่งั้นเปียกแน่ๆ อ้อ..หลังจาดวาดรูปเสร็จก็จะเดินไปเก็บสตรอว์เบอรี่มากิน”
“เก็บได้เป็นตะกร้า กินแล้วก็กินอีกกินได้ทั้งวัน”
“ผมเคยกินติดกันเป็นอาทิตย์เลยนะชอบมาก เก็บมาเต็มตะกร้าเลยคุณลุงพรชัยเจ้าของไร่ใจดีมาก แล้วก็มีอีกอย่างที่กินทุกวัน”
“ข้าวไข่เจียวใส่ดอกอัญชัญ”
“อร่อยมาก กินจนตัวจะกลายเป็นสีม่วงได้แล้ว ว่าแต่…”
ภาคินเขยิบตัวเข้ามาใกล้เมื่อเห็นสีน้ำเงียบไป สีน้ำอมยิ้มก่อนจะหยิบรูปของภาคินขึ้นมาโชว์อีกรอบ หน้าตาที่ดูเจ้าเล่ห์ทำให้คินเริ่มไม่ไว้วางใจเลยตั้งใจจะถอยหลังไปตั้งหลักแต่สีน้ำกลับดึงเสื้อให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“รู้ได้ไงว่าหลังคารั่ว รู้ได้ไงว่ามีไร่สตรอว์เบอรี่ รู้จักไข่เจียวดอกอัญชัญได้ยังไง หรือว่าคินก็เคยไปที่นี่เหมือนกันแล้วรูปที่คินวาดอันนี้คือ..”เหมือนเหตุการณ์คุ้นๆ ภาคินแกล้งยกมือขึ้นมาทาบลงบนหน้าผากตัวเอง แถมยังทำท่าปวดหัวซะจนโอเวอร์ สีน้ำได้แต่มองคนที่แกล้งแสดงอย่างหมั่นไส้ดูก็รู้ว่ากำลังเฉไฉอยู่
“รู้สึกว่าไข้ผมจะกลับมาแล้วล่ะ ต้องไปนอนพักแล้วขออีกสองคำพอนะ”
“ไหนบอกหายแล้ว”
“มันจะหายกันง่ายๆ ได้ไง”
“คนเจ้าเล่ห์ ตาผมใช่ไหมผมเริ่มคิดคำไม่ออกแล้ว”
“เอาคำง่ายๆ พอนะที่ผ่านมาเกินคาดคิดมาก”
“ที่เกินคาดคิดน่ะรูปวาดต่างหาก จะเหมือนกันทุกรูปได้ไง”
“มา บอกคำต่อไปมาได้เลยผมจองคำสุดท้ายไว้แล้ว”
“สีคำว่าสี คัลเลอร์”“ไหนบอกง่าย”
“แล้วยากตรงไหน”
สีน้ำยิ้มแฉ่งก่อนจะหยิบพู่กันมาจุ่มสีแล้วค่อยๆ ระบายลงบนแผ่นกระดาษตรงหน้า ส่วนภาคินได้แต่นั่งหมุนดินสอในมือไปมาพร้อมกับมองคนที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี สีงั้นเหรอ…ภาคินนึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน สีน้ำชอบบอกว่าเขาเป็นคนแรกที่ไม่รู้ว่าจะให้เป็นสีอะไร จนถึงตอนนี้ก็ใม่รู้ว่าสำหรับสีน้ำเขามีสีประจำตัวแล้วหรือยัง พอนั่งนึกถึงวันนั้นวันที่โดนสีน้ำสาดใส่คินก็รู้แล้วว่าเขาจะวาดอะไร คินลุกออกจากที่นั่งแล้วจัดการลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ สีน้ำที่หันมามอง
“ทำอะไร”
“ยืมสีหน่อย”
“สีน้ำเนี่ยนะ”
“ใช่”
ภาคินหยิบพู่กันมาจุ่มสีน้ำทีละสีแล้วป้ายลงไปบนกระดาษสีขาว ครูสอนวาดรูปได้แต่นั่งมองภาคินที่ดูสนุกกับการป้ายสีน้ำไม่หยุดอยู่อย่างนั้น ตอนนี้กระดาษของภาคินเต็มไปด้วยสีน้ำหลากหลายสีจนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง พอป้ายสีเสร็จภาคินก็มองหาบางอย่างจนสีน้ำต้องเอ่ยถาม
“ผมอยากได้ไอ้นี่ ที่มันฟรุ้งฟริ้งๆ วิ๊บวับๆ”
“มันคืออะไร”
“ที่มันเป็นเกล็ดๆ ที่เขาเอาไว้โรยบนการ์ดแล้วมันวิ๊งๆ ผมเรียกไม่ถูก”
“กากเพชร?”
“เออ! เนี่ยแหละที่ต้องการน้ำมีไหม ผมอยากได้กากเพชร”
ถึงจะงงๆ แต่สีน้ำก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาแถวที่เก็บพวกอุปกรณ์ พยายามหาอยู่นานในที่สุดสีน้ำก็เจอกากเพชรสีเงิน ทันทีที่ยื่นให้ภาคินเจ้าตัวก็ยิ้มดีใจเหมือนเด็กนักเรียนที่เขาสอนไม่มีผิด พอเห็นภาคินค่อยๆ หยิบกากเพชรแล้วเอามาโรยบนกระดาษที่แต้มสีน้ำหลากหลายสีเอาไว้ สีน้ำก็ร้องหูว…ออกมาเบาๆ ยังแกล้งแซวว่างานชิ้นนี้สีสันคัลเลอร์ฟูมาก
“เสร็จแล้วครับ แล้วของน้ำเสร็จแล้วหรือไงเห็นเอาแต่นั่งมองผม”
“เสร็จนานแล้ว ง่ายจะตาย”
“ไหน เอามาแลกกันซิ”
สีน้ำเอื้อมไปหยิบกระดาษที่ระบายสีเรียบร้อย แล้วยื่นให้ภาคินที่หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ มันไม่ใช่รูปวาดแต่ทั้งแผ่นกระดาษมันเป็นสีดำจางๆ คล้ายๆ เวลาที่กาแฟหกใส่กระดาษ
กาแฟ?“นี่คือคำว่าคัลเลอร์เหรอ สีดำ? ไม่สิ หรือว่าน้ำตาลเข้มมันปนๆ กัน”
“สีของกาแฟตอนที่มันหกใส่เสื้อผม”
“วันนั้นที่ผมเป็นคนทำใช่ไหม”
“เก่งไปหมดซะทุกอย่างเลยภาคิน ผมนึกถึงวันแรกที่เราเจอกันก็เลยวาดสีของกาแฟตอนที่มันหกใส่ แล้วของคินสีน้ำหลายๆ สีนี่คืออะไร”
“ถ้าจะบอกว่าผมนึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน เลยออกมาเป็นรูปนี้น้ำจะเชื่อผมไหม”
“ไอ้สีๆ หลายๆ สีนี่คือสีน้ำที่ผมทำหกใส่คินเหรอครับ”
“วันนั้นสีน้ำที่อยู่บนตัวผมเยอะกว่าอีก”
“แล้วกากเพชร?”
“มันวิ๊บวับเหมือนน้ำไงผมหมายถึงว่ามันสดใสดีเหมาะกับคุณ ตั้งแต่วันนั้นชีวิตผมมีสีสันวิ๊บวับวิ๊งๆ ขึ้นเยอะ”
“วันนั้นคินทำท่าเหมือนจะต่อยผมแถมยังตะโกนลั่นว่าเกลียดสีน้ำ”
“เรื่องนี้นี่จำไปจนตายแน่ๆ”
“ใครจะลืม นายคนไม่มีสี”
ภาคินหัวเราะกับสรรพนามที่สีน้ำเรียกก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอวให้เข้ามาใกล้ๆ สีน้ำเลยเอนตัวมาพิงคินไว้พร้อมกับมองกระดาษที่แต้มสีน้ำและกากเพชรไปด้วย พอลองขยับกระดาษมันก็วิ๊บวับเหมือนที่คินบอก เออ..เหมือนตอนนี้เขาเป็นเด็กนักเรียนเองเลย แค่กากเพชรสีเงินบนกระดาษก็ตื่นเต้นขนาดนี้
“แล้วหลังจากนั้นก็มีคนมาจีบผมด้วยข้าวเช้าทุกวัน”
“น่าจะปล่อยให้อดตายจริงๆ ผมแค่ทำความรู้จักตามประสาคนที่อยู่ร้านติดกัน”
“จีบก็บอกว่าจีบ”
“โอ๊ย เอาคำสุดท้ายมาเลยเลิกเล่นแล้ว ไปนอนเลยไปคนป่วย”
พอสู้ไม่ได้ก็โวยวายภาคินเลยขยับตัวพร้อมกับกอดกระชับสีน้ำให้แน่นขึ้น ท่าทางจริงจังของภาคินทำให้สีน้ำต้องตั้งใจฟัง มือที่กอดเอวคินอยู่ก็เผลอกอดแน่นกว่าเดิม จนคินต้องแอบยิ้มก่อนจะก้มลงไปแนบหน้าผากกับคนตรงหน้า
“โปสการ์ด”“…………..”
ทุกอย่างเงียบสนิทไม่มีเสียงตอบรับมีแค่สายตาของสีน้ำที่จ้องเขาอยู่ ภาคินเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองหน้าเขาอยู่อย่างนั้นเลยจุ๊บหน้าผากไปหนึ่งที สีน้ำเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวแล้วผละออกไปนั่งหน้ากระดานวาดรูปตามเดิม ภาคินเองก็เลยหันไปหยิบดินสอขึ้นมาถือไว้บ้าง เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีสีน้ำก็เหลือบมองอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งๆ อยู่หน้ากระดานวาดรูป จนภาคินบอกว่าหมดเวลาแล้วสีน้ำเลยลุกขึ้นพร้อมกับยื่นกระดาษให้ คินเลยยื่นของตัวเองให้ด้วยต่างคนต่างยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่าไม่กล้าที่จะพลิกกระดาษดูว่าอีกด้านจะเป็นรูปอะไร และทันทีที่ทั้งสองคนพลิกกระดาษในมือพร้อมกัน
กระดาษเปล่า..ทั้งภาคินและสีน้ำต่างคนต่างพลิกกระดาษในมือไปมา เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้มีรูปวาดอะไรเลยพอเงยหน้าขึ้นมามองตั้งใจจะถามให้รู้เรื่องแต่อยู่ดีๆ ก็หัวเราะออกมาทั้งคู่ ภาคินเอื้อมมือไปรั้งให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักสีน้ำเลยยกมือคล้องคอไว้
“ทำไมไม่วาดล่ะ โปสการ์ดมันยากเหรอ”
“ไม่ยาก”
“แล้ว?”
“คินก็ไม่วาด”
“ผมมีของผมอยู่ใบหนึ่ง ไม่อยากวาดใหม่”
“วาดเอง?”
“เขียนเองด้วย”
“ผมก็มีวาดไว้แล้วเหมือนกัน ระบายสีเองกับมือแล้วก็..มีข้อความที่เขียนไว้แล้ว”
“แล้วเราจะไม่เอามาแลกกันเหรอครับ”
“แค่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา”
“ไว้ถ้าถึงวันนั้นผมจะกอดน้ำไว้ไม่ปล่อยเลย”
“ผมก็รอให้ถึงวันนั้น”
“………..”
“ผมก็จะกอดคินไว้เหมือนกัน”
คินกระชับกอดคนบนตักไว้แน่นจนสีน้ำหัวเราะออกมาเมื่อแก้มขาวถูกฟัดไม่หยุด ก่อนที่คินจะหยุดชะงักแล้วทำหน้าตกใจ สีน้ำเลยหน้าตาตื่นไปด้วยแค่เพียงไม่นานภาคินก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้นมา เพิ่งเห็นว่ากากเพชรสีเงินมันยังคงติดอยู่ที่มือของคินเต็มไปหมด เดาได้เลยว่าตอนนี้มันคงติดเต็มหน้าเต็มผมของสีน้ำแล้วแน่ๆ ทั้งๆ ที่คินพยายามกลั้นหัวเราะแล้วแต่ก็ไม่ไหวจริงๆ คนที่หน้าและผมเต็มไปด้วยกากเพชรสีเงินทำได้แต่ปัดๆ สะบัดผมไปมาเพื่อให้มันหลุดออก แต่ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกมาแถมภาคินยังแกล้งป้ายให้มันเลอะมากกว่าเดิม
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยเพราะใคร”
“ให้ป้ายคืน ยอมเลอะด้วยก็ได้”
ภาคินแบมือแต่สีน้ำก็ทำแค่ตีๆ ลงไปบนมือของคินแค่นั้น ภาคินยิ้มอย่างเอ็นดูคนตรงหน้าอายุมากกว่าเขาแท้ๆ แต่ตอนนี้มันน่ารักซะจนเขาอยากจะกอดไว้แน่นๆ ไม่อยากให้ใครได้เห็นสีน้ำในมุมแบบนี้ ผมสีน้ำตาลแดงยุ่งเหยิงเพราะเจ้าตัวสะบัดผมไปมาแถมแก้มขาวๆ ก็มีกากเพชรติดอยู่เต็มไปหมด ภาคินก้มลงมาใกล้ๆ พร้อมกับแนบแก้มตัวเองกับแก้มของสีน้ำให้เลอะกากเพรไปด้วย ก่อนที่จะย้ายไปทำแบบเดียวกันอีกข้างทำสลับไปสลับมา จนแก้มคินเองตอนนี้ก็เต็มไปด้วยกากเพชร สีน้ำส่ายหน้ายิ้มๆ สุดท้ายก็เลอะกากเพชรกันทั้งคู่ เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้ คินเอียงหน้าเข้ากับมือของที่สีน้ำที่กำลังเช็ดแก้มเขาอยู่ ก่อนจะบอกบางอย่างที่ทำให้สีน้ำต้องหัวเราะออกมา
“คุณคือคนแรกเลยนะที่ผมเล่นอะไรแบบนี้ด้วย ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นกาแฟดำเวอร์ชั่นโรยด้วยกากเพชรวิ๊บวับ” To be con
PS.ก่อนจะถึงโปสการ์ดใบสุดท้าย
พี่คินจะต้องเจอกับเหตุผลที่ไปเชียงใหม่ก่อนนะคะ..*ยิ้ม
หายไปนานเหลือเกิน...นิยายรายเดือนของเรา
อาจจะมาช้าแต่สัญญาว่าจบแน่นอนค่ะทุกคน
ขอบคุณนะคะที่ยังรอกันเสมอ ^^
ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า
#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo