WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8  (อ่าน 36341 ครั้ง)

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ไม่เอาดราม่าได้ไหม :hao5:ไม่อยากเห็นครูน้ำผู้สดใสต้องเศร้าใจเลย :hao5:
ภาคินรีบเคลียร์ใจตนเองเร็วๆ เลย

วาร์ปไปสิ้นเดือนทีอยากอ่านต่อแล้วววว :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.14
Black




ปกติสีน้ำเป็นคนที่ตื่นเช้าอยู่แล้ว อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ แต่พอหกโมงเช้าสีน้ำก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง ทันทีที่ลืมตาเพดานห้องที่ไม่เหมือนทุกวันทำให้สีน้ำยิ้มออกมา เขารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน.. เมื่อคืนหลังจากที่ดูรูปที่ถ่ายเมื่อวานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภาคินก็ทำเป็นเนียนล็อคประตูร้านเสร็จสรรพ มีการยืนรออยู่ที่บันไดอีกต่างหาก เอาเถอะทำขนาดนี้แล้วก็คงไม่ได้กลับบ้านกลับช่องแน่ๆ ณัฐเองก็เหมือนจะรู้พอเขาไลน์ไปบอกว่าไม่กลับ ญาติสนิทก็ตอบกลับมา

“รู้แล้วจ้า เชิญตามสบาย”

นี่เขาเองก็ไม่ใช่วัยรุ่นวัยใสอายุอานามก็ขนาดนี้แล้ว แต่พอเดินเข้ามาในห้องภาคินก็รู้สึกเขินๆ ขึ้นมาบ้าง ถึงแม้จะเคยมาแล้วก็ตามเถอะ ห้องของคินก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย โทนสีก็มีอยู่สามสี เทา ขาว และดำ พอล้มตัวลงนอนเราทั้งสองคนคุยกันหลายเรื่อง ส่วนมากก็เป็นเรื่องของแก๊งลูกเพื่อนแม่ วีรกรรมตั้งแต่เด็กยันแก่ของแก๊งนี้ให้เล่าสามวันสามคืนก็คงไม่จบ พอเวลาล่วงเลยจนเกือบจะตีสอง ภาคินก็เริ่มจะหมดแรงแบตหมดคงเพราะวันนี้ตากแดดมาทั้งวัน สีน้ำพอเห็นท่าทางแบบนั้นเลยยกมือจับผมคินให้เข้าที่เข้าทางพร้อมกับบอกว่าให้นอนได้แล้วเพิ่งจะหายป่วยแท้ๆ ยังจะออกไปทำงานตากแดดตากลม แทนที่คนง่วงจะหลับตาตามคำสั่งกลายเป็นว่าคินสอดแขนให้สีน้ำขยับตัวมานอนซบบนอก

“เป็นแฟนเด็กแบบไอ้พอร์ชมันดีแบบนี้นี่เอง”

“ดียังไง”

“ผมอยากอ้อนน้ำเยอะๆ”

“คินไม่ได้ดูเด็กเหมือนพอร์ชกับทิม คินเจ้าเล่ห์กว่าพอร์ชเยอะ”

“แน่นอน ผมฉลาดสุดในแก๊งแล้ว”

“ผมนึกว่าคุณมิลจะเก่งสุดซะอีก หัวหน้าแก๊งเลยนะ”

“หัวหน้าแก๊งต๊อกต๋อยจะไปมีอำนาจอะไร ภาคินคนนี้ต่างหากที่ฉลาด”

“แน่ใจ”

“ชัวร์”

“แล้วคนฉลาดอย่างคินจะแพ้อะไร”

“แพ้คนอย่างคุณไง สีน้ำ”

“แพ้ผมตรงไหน”

“รู้ทันผมทุกอย่างแล้วก็…รู้วิธีที่จะทำให้ผมเป็นบ้าด้วย”

ภาคินจับมือคนที่เล่นอยู่ตรงท้องเขาให้หยุด ก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ยิ่งเจ้าตัวหัวเราะเสียงใสคินก็รู้แล้วว่าไอ้ที่มาทำให้เขาสติแตกนี่ตั้งใจแน่ๆ เลยจัดการพลิกตัวให้สีน้ำลงมานอนบนเตียงแทน พอเห็นหน้าใกล้ๆ แบบนี้ต่างคนก็ต่างหัวเราะเพราะไม่คิดว่าเราสองคนจะมีวันที่มานอนเตียงเดียวกันแบบนี้ได้ ย้อนไปเมื่อก่อนนี่พูดกันนับคำได้เลยเอาแต่วาดรูปส่งข้อความกันไปมา อยู่ร้านข้างกันแท้ๆ แต่ไม่ยอมเจอหน้ากัน สีน้ำยกมือขึ้นมาไล้ไปตามแก้มของคินก่อนที่คินจะเอียงหน้ามาจูบมือเบาๆ

“ผมนอนคนเดียวมาได้ไงตั้งหลายเดือน ทั้งๆ ที่น้ำอยู่ใกล้ๆ แค่นี้”

“ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา”

“เราสองคนถ้าลองนับแล้วก็นานมากแล้วนะ ผมต้องรออีกนานเท่าไหร่”

“สำหรับผมไม่มีอะไรให้คินต้องกังวลใจเลย มีแค่คินเท่านั้น”

“ผม..”

“วันนี้นอนก่อนเถอะจะตีสามแล้ว ไม่ได้นอนกันสักทีห้ามชวนคุยแล้วด้วย”

“รู้สึกว่าน้ำโตกว่าก็ตอนที่ผมโดนดุ”


สีน้ำเลือกที่จะตัดบทแล้วรั้งให้ภาคินนอนซบลงมา มือที่คอยลูบผมเบาๆ ทำให้ภาคินเลือกที่จะเงียบลง ถึงจะสงสัยในสิ่งที่สีน้ำพูดถึงก็ตาม ตอนแรกคินยังคงไม่กล้านอนไปทั้งตัวเพราะกลัวว่าสีน้ำจะหนักแต่พอนานเข้า คินก็ค่อยๆ ผ่อนคลายแล้วปล่อยทุกอย่างตามที่ใจอยากจะทำ คินกระชับกอดให้แน่นขึ้นพร้อมกับเอียงหน้ามาจูบขมับสีน้ำเบาๆ เสียงพูดอู้อี้ๆ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องที่ดังขึ้นสีน้ำเลยต้องตั้งใจฟังอีกรอบ

“ผมสบายใจ ไม่อยากไปไหนแล้วผมอยากพักตรงนี้”

สีน้ำไม่ได้ตอบรับอะไรเพราะอีกฝ่ายน่าจะหลับไปแล้ว มันก็ตลกดีเหมือนกันถ้าใครได้เห็นภาพตอนนี้ ผู้ชายตัวโตเป็นหมีนอนซบอกเขาอยู่ สีน้ำค่อยๆ เลื่อนมือไปลูบกลางหลังคินเบาๆ คล้ายจะกล่อมให้นอนหลับ เขารู้ว่าภาคินนอกจากเรื่องงานแล้วก็ยังมีเรื่องครอบครัวที่ยังคงคิดอยู่ตลอด ถึงแม้ภายนอกจะชอบทำเป็นไม่สนใจแต่ลึกๆ คินก็ยังชอบนึกถึงเรื่องของคุณเค และเขาเองก็รู้ด้วยว่าคินกำลังทำอะไรอยู่ หลากหลายเรื่องมันถาโถมเลยทำให้คินต้องเหนื่อยมากกว่าที่เคย ถ้าตอนนี้เขาเป็นเหมือนที่พักพิงให้คินได้สีน้ำก็ยินดี ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของคนที่ชื่อนาวาจะยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาก็ตาม

เขาไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เท่าไหร่
แต่เวลามีความรักมันห้ามความรู้สึกกันได้ที่ไหน

พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนสีน้ำเลยก้มลงมองอ้อมแขนที่ยังคงกอดช่วงเอวเขาไว้แน่น ภาคินยังคงหลับสนิทลองยกมือให้หลุดออกก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังกอดแน่นกว่าเดิมอีก ตอนแรกมันก็อบอุ่นดีแต่ตอนนี้เริ่มจะเมื่อยตัวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกันคินกอดแน่นซะจนหายใจแทบไม่ออก เลยต้องแกล้งตีแขนคนขี้เซาแรงๆ

“ตื่นมาก็ทำร้ายร่างกาย”

“ผมจะเป็นตะคริวตายแล้ว”

“กอดนิดกอดหน่อยทำบ่น”

“กอดทั้งคืนเลย”

“ซ้อมไว้ก่อน น้ำต้องเจอผมนอนกอดแบบนี้ทุกวัน”

“ติดเป็นตังเมเลยนะ”

“บอกแล้วว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ติดสัมผัสมาก”

ถึงจะอยากกอดต่อแต่คินก็สงสารสีน้ำอยู่เหมือนกัน โดนเขากอดขนาดนั้นคงต้องเมื่อยตัวกันบ้างเลยต้องยอมปล่อยตัวให้สีน้ำลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วขยับแขนไปมา คินเลยกระเถิบตัวมานั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับมองคนที่ใส่ชุดนอนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปด้วย น่ารัก..น่ารักมากสีน้ำตอนตื่นนอนน่ารัก ไม่รู้เรียกว่าหลงหัวปักหัวปำหรือเปล่า แต่คินคิดว่าตอนนี้สีน้ำตอนนี้โคตรธรรมชาติ ท่าทางมึนๆ เหมือนเด็กเพิ่งตื่น คินเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้และเหมือนคนโดนถ่ายจะรู้ตัวเลยยกมือชูสองนิ้วแล้วยิ้มเหมือนจนตาหยี

“ส่งไปในกรุ๊ปลูกเพื่อนแม่นะ”

“อ้าวเฮ้ย!”

“เฮ้ยไร”

“สภาพแบบนี้เนี่ยนะ”

“ต้นไม้ คีตา ไอ้พอร์ชก็สภาพแบบนี้แหละเดี๋ยวน้ำคอยดู”

ทันทีที่ได้ยินสีน้ำรีบกระเถิบตัวเข้ามาหาคินที่อ้าแขนรอไว้อยู่แล้ว และมันก็เป็นอย่างที่คินว่ารามิลส่งรูปต้นไม้ในชุดนอนสีเขียวแต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจคือเวลานี้แทนที่จะอยู่บนเตียง แต่ต้นไม้กลับอยู่ในโรงเรือนกระบองเพชร แถมในรูปเดาได้เลยว่าเพิ่งตื่นแถมในมือยังถือต้นกระบองเพชรไว้ ส่วนคนต่อมาคือเบนจามินทันทีที่เห็นรูปทั้งคินกับสีน้ำก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เบนส่งรูปคีตาที่นั่งกอดจานอยู่ตรงเคาน์เตอร์ห้องครัว แต่ตาเรียวนั้นหลับสนิทแถมข้างๆ ยังมีน้องอันนาแมวหน้าหยิ่งที่พิงเจ้านายตัวเองหลับตาอีกตัว ยิ่งข้อความที่เบนจามินพิมพ์มายิ่งทำให้สีน้ำต้องอมยิ้ม

Ben: บอกจะตื่นมาช่วยกูทำอาหารเช้า หันมาอีกทีหลับทั้งคนทั้งแมว กูงง

คนสุดท้ายคือทับทิม รูปที่ส่งมาทำให้แก๊งลูกเพื่อนแม่หัวร้อนกันหมด  ทิมส่งรูปพอร์ชที่นอนอยู่บนเตียงโดยไม่ได้ใส่เสื้อดีที่ยังมีผ้าห่มคลุมไว้ รูปแรกก็ยังโอเคอยู่เพราะเป็นรูปเดี่ยวของพอร์ช แต่รูปที่สองเป็นรูปที่พอร์ชขยับมานอนบนตัวทิมที่นอนอยู่ข้างๆ แถมยังหอมแก้มทิมโชว์อีก นี่ขนาดทิมใส่เสื้อผ้าครบยังทำแก๊งลูกเพื่อนแม่หัวร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าแก้ผ้าแก้ผ่อนกันอยู่มีหวังระเบิดลงบ้านพอร์ชไปแล้ว สีน้ำเห็นข้อความของรามิลที่บอกว่า เหมือนจะชินแต่ก็ไม่ชินเด็กผมจุกที่เคยเดินตามกูต้อยๆ หายไปไหน แล้วก็ต้องหลุดขำออกมา

“ทุกคนหวงทิมมาก จนผมสงสัยว่าพอร์ชผ่านด่านแก๊งลูกเพื่อนแม่มาได้ยังไง”

“ยาวมาก ถ้าอยากฟังน้ำต้องมาค้างกับผมทั้งเดือน”

“มหากาพย์ขนาดนั้นเลย”

“น้ำอาจจะไม่เชื่อว่าทิมกับพอร์ชผ่านอะไรมาบ้าง เพราะทุกวันนี้เห็นว่าสองคนนั้นรักกันมากใช่ไหม”

“ผมไม่เคยคิดว่าความรักมันเป็นเรื่องง่ายๆ หรอกครับ ทุกคนก็เจออุปสรรคกันทั้งนั้น”

“ผมไม่อยากเจอแล้ว”

“อุปสรรคเหรือความรัก”

“อุปสรรคสิคุณ ผมยังอยากมีความรักอยู่”

“ที่ผ่านมาเจอมาหนักเหรอครับ”

“สำหรับผมเรียกว่าหนักถึงขั้นอยากหนีไปไกลๆ เลย”

“เชียงใหม่?”

“จริงๆ อยากหนีไปยุโรปแบบเท่ๆ แต่ไม่มีตังค์”

“อดเท่เลยสินะ”

“แต่เชียงใหม่ก็ดีนะ…ไม่คิดอย่างนั้นเหรอครับสีน้ำ”

ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินทำให้สีน้ำต้องเงยหน้าขึ้นมามอง คนที่ตัวเองนอนซบอยู่ ภาคินไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่หันมายิ้มให้แล้วก้มลงมาจุ๊บหน้าผากคนที่ยังมองเขาตาแป๋วอยู่ พอเห็นว่าสีน้ำไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไรก็เลยแกล้งทำเป็นจุ๊บรัวๆ จนสีน้ำต้องยกมือขึ้นมาดันหน้าคินให้ออกไป พอเห็นว่าถึงเวลาที่ควรจะต้องลุกออกจากเตียงสักที คินเลยขอตัวไปอาบน้ำเพราะวันนี้มีธุระที่ต้องออกไปข้างนอก สีน้ำล้มตัวนอนลงบนเตียงแต่ก็ต้องลุกขึ้นมานั่งอีกรอบเพราะเสียงของภาคินที่ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

“น้ำมีสอนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ วันนี้ร้านปิดณัฐมีอีเว้นท์ไปวาดรูปข้างนอก เอาพวกอุปกรณ์ไปด้วย”

“ไปกับผมไหม”

“ไปไหนครับ”

“เพื่อนผมโทรมาบอกว่ามีงานนิทรรศการพวกแสดงรูปภาพ อยากให้ผมไปดูน้ำน่าจะชอบเหมือนกัน”

“ครับ แต่เพื่อนคินจะโอเคหรือเปล่า”

“โอเคอยู่แล้ว”

พอได้ยินแบบนั้นสีน้ำก็เลยตอบตกลงก่อนจะลุกออกจากเตียงแล้วเดินดูรอบๆ ห้องนอนของภาคิน ถึงจะเคยมาแล้วแต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นชัดๆ เหมือนตอนนี้ สีของห้องเหมือนยกร้านมูจิมาไว้ที่นี่ไม่มีหลุดคอนเซ็ปต์ใดๆ ทั้งสิ้น สีน้ำเดินมาที่โต๊ะทำงานก็เรียกว่ารกพอสมควร มีทั้งเศษกระดาษ โน๊ตงาน และรูปถ่ายต่างๆ กระจายเต็มโต๊ะ สีน้ำมองกล่องสีน้ำตาลที่วางอยู่เดาว่าคงเป็นกล่องเอาไว้ใส่รูปถ่าย พอยกนาฬิกาขึ้นมาดูคงต้องกลับไปอาบน้ำอาบท่าบ้างแล้ว แต่อยู่ดีๆ รูปโพราลอยด์ก็ร่วงลงมาจากสมุดเล่มหนึ่ง สีน้ำเลยก้มลงไปหยิบขึ้นมาดูแต่ก็ต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่ารูปโพราลอยด์ที่เขาเห็น มันคือรูปคนเดียวกับที่เขาเห็นในคอมของภาคินเมื่อวานนี้ ทันทีที่พลิกรูปก็เห็นตัวเลขที่อยู่ด้านหลัง

“วันที่?”

สีน้ำเงยหน้ามองปฏิทินที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วพลิกรูปดูอีกครั้ง

“วันนี้….”

Watercolor

ก่อนจะไปงานนิทรรศการแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็นัดกินกินข้าวครบทั้งแก๊ง พอถึงร้านอาหารพอร์ชก็โดนรุมทันทีเนื่องจากรูปที่ส่งมาเมื่อเช้า ส่วนคนส่งรูปอย่างทิมก็เดินตัวปลิวไปที่โต๊ะปล่อยให้แฟนสุดที่รักโดนเพื่อนรุมอยู่อย่างนั้น แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ยังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิม สำหรับสีน้ำเขายังยืนยันตามเดิมอย่างที่เขาเคยบอก รามิลและต้นไม้ยังคงเป็นสีเขียวถ้ามองจากภายนอกก็เป็นคู่รักในอุดมคติ ภาพที่สีน้ำเห็นอยู่บ่อยๆ ต้นไม้จะคอยฟังรามิลพูด แต่การดูแลเทคแคร์เอาใจใส่ของทั้งคู่ไม่เคยลดลงเลย ไม่ว่าจะเป็นการจัดเสื้อ จัดผม หั่นอาหารหรือว่าเช็ดปากให้

“ซุปข้าวโพด”

“พี่เบนเบื่อจะตายอยู่แล้ว”

“ของโปรดมันจะเบื่อได้ยังไง”

“พี่ทำอร่อยกว่า”

“เข้าครัวไปขอเขาทำเลยนะ”

บทสนทนาที่คุ้นเคยมันทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารหัวเราะ ถึงแม้จะเถียงกันทุกประโยคแต่ใบหน้าของทั้งคู่มีแต่รอยยิ้ม เบนยกมือขึ้นมาบีบแก้มเจ้าหนูที่นั่งอยู่ข้างๆ จนแก้มยุ้ยๆ นั่นบู้บี้ คีตาทำได้แค่ตีๆ ลงบนแขนของเบนจามินก็เท่านั้น คีตาหัวเราะจนลักยิ้มบุ๋มลงไปมันดูน่ารักดี บรรยากาศรอบๆ ตัวของสองคนนี้ยังคงเป็นสีฟ้าสดใสเหมือนที่เขาเคยคิด มันก็เหมาะสำหรับคู่รักนักดนตรีส่วนคู่สีแดง..

“เล่นเกมกันพอร์ช ทายสิว่าวันนี้ผมจะสั่งอะไร”

“ขอประโยคชวนเล่นเกมอีกรอบซิทับทิม”

“เล่นเกมกันพอร์ช ทายสิว่าวันนี้ทิมจะสั่งอะไร”

“สิ่งที่คนชนะจะได้”

“เลี้ยงข้าวมื้อนี้”

“กระจอก”

“ขับรถให้”

“เบสิคมาก”

“อาบน้ำพร้อมกันทั้งอาทิตย์”

“เริ่มเกมได้เลยครับ”

ถึงเป็นข้อตกลงที่ชาวแก๊งลูกเพื่อนแม่หูผึ่งแถมพอร์ชยังโดนช้อนส้อมที่วางอยู่บนโต๊ะปาใส่ แต่เจ้าตัวก็ดูหน้าระรื่นไม่เลิก ได้ยินคุณเบนบ่นเบาๆ ว่า คู่พวกมึงเป็นอะไรกับเกมนักหนาแข่งกันได้ทุกเรื่องเป็นบ้าเหรอ ที่ผ่านมาน้ำตาตกในไม่พอเหรอไงยังจะเล่นกันอีก ทับทิมที่นั่งเท้าคางหัวเราะอยู่ทำได้แค่ยกมือลูบแก้มพอร์ชเบาๆ หลังจากโดนเบนจามินที่นั่งอยู่ข้างๆ ลงไม้มือเพราะความหมั่นไส้ สีน้ำยังแอบยิ้มเมื่อได้ยินพอร์ชบ่นเบาๆ ว่าเป็นทาสของแก๊งนี้โดนทำร้ายร่างกายตลอด แต่ก็ยังไม่วายแกล้งแหย่ด้วยการเข้าไปหอมทิมให้แก๊งลูกเพื่อนแม่โวยวายไม่เลิก

“น้ำนั่งมองเจ้าพวกนี้แล้วยิ้มทำไม”

“คิดว่าจะเจอกันกี่ครั้งทุกคนก็ยังมีสีเหมือนที่ผมคิดไว้เลย”

“แล้วเมื่อไหร่ผมจะมีสี คู่เราจะเป็นสีอะไร”

“นั่นสิ ทำไมคินไม่มีสี”

“ผมไม่เหมาะกับสีอะไรเลยเหรอครับ”

“ไม่ใช่ไม่เหมาะ แต่สำหรับผมไม่รู้ว่าคินเป็นสีอะไร”

“สีรุ้งหรือเปล่า”

“มินิมอลขนาดนี้”

“แล้วผมไม่ใช่สีเทา สีขาว สีดำเหรอครับมันต้องมีสักสีในสามนี้”

“ไม่ใช่”

สีน้ำส่ายหน้าไปมาจนคินยกมือยอมแพ้เพราะว่าคุยเรื่องนี้อีกสักกี่ครั้ง เขาก็ยังไม่มีสีสักที ยังคงเป็นภาคินนายไร้สีอยู่เหมือนเดิม บรรยากาศบนโต๊ะอาหารวุ่นวายเหมือนทุกครั้งที่รวมตัวกัน พอร์ชกับคีตาแย่งเนื้อที่วางอยู่ตรงหน้ากันไม่เลิก จนต้นไม้ต้องเอามีดตีมือทั้งสองคนให้หยุดไม่งั้นเนื้อคงกระเด็นออกจากจานไม่ได้กินกันพอดี สีน้ำเลยบอกว่าต้นไม้เหมือนพี่คนโตเลยทั้งๆ ที่ตามความจริงแล้วถ้านับตามอายุแล้วเขาเป็นคนที่อายุมากที่สุด รามิลสังเกตว่าคุณสีน้ำเริ่มจะสนิทกับแก๊งลูกเพื่นแม่มากขึ้นเมื่อก่อนยังดูเกร็งๆ ไม่ค่อยกล้าคุยอะไร ตอนนี้ก็กำลังตื่นเต้นที่ต้นไม้ชวนไปเที่ยวที่ร้าน SECRET GARDEN

“มาได้เลยนะครับพี่น้ำ ทุกคนก็มาที่ร้านผมเป็นเรื่องปกติ”

“จริงครับ เวลาที่คีย์แต่งเพลงไม่ได้ก็ไปที่ร้านของพี่ไม้ พอร์ชเวลาตีกับลูกค้าก็ไปขอเต้ขับรถส่งดอกไม้ พี่ทิมก็ชอบมานั่งออกแบบแหวนที่นี่ ทุกคนเวลามีเรื่องไม่สบายใจก็มาที่ SECRET GARDEN”

“ฟังแล้วเหมือนสวนแห่งความลับในนิยายเลย”

“สวนแห่งความลับจริงๆ ครับ มานั่งมองต้นกระบองเพชรของพี่ไม้ก็รู้สึกดี”

“ไว้ผมมีเรื่องไม่สบายใจจะแวะไปหาต้นไม้นะครับ”

“SECRET GARDEN ยินดีต้อนรับครับ”

ต้นไม้พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ สีน้ำคิดมานานแล้วว่าต้นไม้เป็นคนที่ยิ้มสวยมากๆ หลังจากนี้คงต้องมีสักวันที่ไปวาดรูปที่ร้านของต้นไม้บ้างแล้ว สัมผัสที่แตะลงบนแขนทำให้สีน้ำต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ภาคินตักอาหารใส่จานให้ พอเห็นอาหารที่คินตักก็ยิ้มออกมาเพราะมันเป็นของที่ชอบทั้งหมด ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าภาคินรู้อยู่แล้ว แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่คินใส่ใจอยู่เหมือนกัน คินหันไปคุยกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ตามเดิม จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าสำหรับเขาและภาคินทำไมถึงยังไม่มีสีเหมือนคู่อื่นๆ  แต่ก็คงมีสักวันละมั้งที่ได้รู้ว่าเราสองคนจะเป็นสีอะไร

Watercolor

หลังจากกินข้าวกลางวันที่แสนจะวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงโวยวายถกเถียงแย่งของกินของพอร์ชกับคีตา เบนจามินที่เอาแต่แกล้งพอร์ชไม่เลิก ต้นไม้บ่นรามิลเรื่องที่ชอบสั่งอาหารมาเยอะเกินไป หรือแม้แต่ภาคินที่โดนทับทิมถอนหายใจใส่เรื่องที่จำชื่อเรียกขนมหวานไม่ได้สักที แต่สีน้ำก็คิดว่ามันอบอุ่นมากแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่คบกันมาตั้งสามขวบเจอหน้ากันแทบบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงยังมีเรื่องคุยกันมากมายขนาดนี้ สี่คนนี้คุยกันทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องงาน เรื่องกิน เรื่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งเรื่องความรัก สีน้ำเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องของเราสองคนภาคินคุยอะไรบ้างกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพื่อนสนิทแบบนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว คิดอะไรเพลินๆ ก็ถึงงานนิทรรศการที่ภาคินบอกว่าจะมาวันนี้ ดูจากป้ายหน้างานและสีของนิทรรศการน่าจะเป็นแบบที่คินชอบ เพราะมันสุดแสนจะมินิมอลเหลือเกิน

“นี่เป็นนิทรรศการแบบไหนเหรอครับ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพื่อนผมบอกมาถึงก็รู้เองแต่ไม่แปลกหรอกครับ ทุกทีผมมางานแบบนี้บ่อยแต่ส่วนมากจะเป็นภาพถ่ายแนวขาวดำมากกว่า แต่งานนี้เพื่อนบอกเหมือนจะเป็นรูปวาดเส้นดินสอ”

“งานถนัดคินเลยนี่”

“ครับ เพื่อนผมถึงกำชับว่าผมต้องมาให้ได้”

ทั้งๆ ที่มันเป็นประโยคธรรมดาทั่วๆ ไปแต่สีน้ำถึงได้รู้สึกแปลกๆ ภาพแผ่นหลังของภาคินที่เดินนำไปทำให้สีน้ำต้องหยุดเดิน แต่อยู่ดีๆ คนที่มองอยู่ก็หันหลังกลับมาก่อนจะยื่นมือออกมาให้จับ สีน้ำยิ้มให้แล้วยื่นมือไปจับไว้ ตลอดทางเดินคำบรรยายต่างๆ ที่ติดไว้ทำให้ภาคินเริ่มขมวดคิ้วเพราะมันมีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น จนกระทั่งคินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซุ้มทางเข้า เพื่อนที่เป็นคนบอกให้มางานก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็กอดคินไว้แน่นตบๆ หลังเหมือนไม่ได้เจอกันมานาน ทันทีที่คินเบี่ยงตัวให้เห็นคนที่มาด้วย สีน้ำไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าเพื่อนของคินชะงักไปแป๊บหนึ่ง พร้อมกับทำหน้าตกใจที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้

“กูนึกว่ามึงจะมาคนเดียวซะอีกคิน”

“นี่ครูสอนศิลปะเลยนะเว้ยเหมาะกับงานนี้ที่สุดแล้ว แล้วนี่งานใครเมื่อไหร่มึงจะบอกกูสักที”

“กูอยากให้มึงดูด้วยตัวเอง”

“ลับลมคมในจังวะ”

“เอาน่าเข้าไปได้แล้ว”

เพื่อนผลักหลังคินให้เข้าไปข้างใน ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในงานสีน้ำก็มองไปรอบๆ  คนในนิทรรศการค่อนข้างเยอะพอสมควร เพิ่งเห็นว่ามันคือโปรเจกต์จบของนักศึกษาที่จบมาจากมหา’ลัยที่ญี่ปุ่น มิน่าล่ะถึงมีภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย สีน้ำหันมามองคินที่ค่อยๆ เดินดูเริ่มต้นตั้งแต่ภาพแรก ทั้งๆ ที่มันเป็นภาพลายเส้นดินสอที่ดูแล้วก็รู้สึกว่าสวยมากเลยนะแต่ภาคินกลับขมวดคิ้ว แล้วรีบเดินดูรูปต่อไปโดยที่ไม่ได้หันมามองสีน้ำที่ยังคงหยุดดูรูปอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมาภาคินก็คลาดสายตาไปแล้ว สีน้ำเลยหันกลับมามองดูรูปตามเดิม พอไล่ดูรูปมาเรื่อยๆ สีน้ำก็รู้สึกว่าภาพทั้งหมดมันดูคุ้นๆ เหมือนเขาเคยเห็นมาก่อน  สีน้ำหยุดเดินแล้วย้อนกลับไปดูตั้งแต่ภาพแรก

ภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย

ภาพของร้านอาหาร

ภาพต้นไม้และดอกไม้

ภาพของผู้ชายที่ถือดินสอไว้ในมือ

ภาพของผู้ชายที่กำลังถ่ายรูปอยู่

ภาพของผู้ชายกำลังยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้

และรูปที่อยู่ตรงหน้าสีน้ำตอนนี้คือรูปที่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้ากระดานวาดรูปและในมือถือดินสอไว้

เขารู้แล้วว่าทำไมเขาถึงคุ้นกับภาพวาดทั้งหมดนี้ ทุกภาพทุกอย่างมันเหมือนกับรูปที่เขาเคยเห็นในคอมของภาคิน เพียงแค่รูปเหล่านั้นถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดลายเส้นดินสอแทน สีน้ำขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงมองลายเซ็นที่อยู่มุมภาพ มันเป็นคำว่าอะไรเขาเองก็อ่านไม่ออก

“เป็นรูปเรือค่ะ ลายเซ็นเป็นรูปเรือ”

“เรือเหรอครับ”

“ผลงานทั้งหมดเป็นของนักศึกษาที่จบมาจากหลักสูตรพิเศษที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ ส่วนที่เอามาจัดแสดงเป็นโปรเจกต์จบส่วนผลงานที่คุณกำลังชมอยู่นี้เป็นของนักศึกษาที่ชื่อ..”

“นาวา”

“รู้จักเหรอคะ”

“คือ…”

“ค่ะ นาวา ปิติภูวดล”

สีน้ำไม่ได้ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังอธิบายเกี่ยวกับผลงานตรงหน้า แต่พยายามมองหาคินว่าอยู่ตรงไหน ทันที่เห็นหลังของภาคินก็ยิ้มออกมาตั้งใจจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือภาพของคนสองคนที่กำลังยืนดูรูปอยู่ด้วยกัน คนข้างซ้ายคือคนที่เขารู้จักดีอยู่แล้วคนที่เจอหน้ากันอยู่ทุกวันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง ส่วนคนข้างขวาคือคนที่สีน้ำไม่เคยเจอมาก่อน แต่จากรูปถ่ายที่เห็นได้เห็นเมื่อวานสีน้ำก็ไม่เคยลืมหน้าได้อีกเลย ขนาดมองจากตรงนี้การแต่งตัวของทั้งสองคนยังเป็นโทนสีเดียวกัน พอเงยหน้ามองไปรอบๆ งาน สีน้ำก็นึกไปถึงตอนที่อยู่ในห้องนอนของภาคิน ตัวเลขที่อยู่ด้านหลังของรูปโพราลอยด์ที่เขาเจอเมื่อเช้า

วันที่ก็คือวันที่จัดนิทรรศการงั้นเหรอ..

พนักงานยังคงอธิบายผลงานให้สีน้ำได้ยินอยู่เรื่อยๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยว่ามีขายของที่ระลึกอยู่ตรงด้านนู้น สีน้ำเอ่ยขอบคุณพนักงานที่ขอตัวเดินไปทางอื่น ตอนแรกตั้งใจจะรอให้ทั้งสองคนคุยกันเสร็จก่อนแต่ท่าทางจะนานกว่าที่คิด สองเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาภาคินและเจ้าของผลงานทั้งหมดในนิทรรศการนี้ แต่บทสนทนาของทั้งคู่ทำให้สีน้ำเลือกที่จะหยุดเดิน

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เดือนที่แล้ว”

“ไม่เห็นบอกเลย”

“เซอร์ไพรส์ไงไม่ว๊าวเหรอวะจริงๆ ก็เขียนวันที่บอกไว้นะ คินจำไม่ได้เองมากกว่า”

“ก็มันนานมาแล้ว”

“เป็นไงผลงานระดับนี้ ภาคิน..ฝีมือวาดรูปเราดีขึ้นยัง”

“นาวา..”

สีน้ำไม่ได้ฟังบทสนทนานั้นต่อคิดว่ามันคงเป็นเรื่องของเขาสองคนมันคงไม่ดีถ้าเขาจะเข้าไปตอนนี้ ใบหน้าของภาคินที่สีน้ำเห็นอยู่ทุกวันยังคงนิ่งเฉย มีบ้างที่หลุดยิ้มเวลาที่คุณนาวาอธิบายรูปภาพที่ตัวเองวาดให้ฟัง สีน้ำมองไปรอบๆ นิทรรศการ ภาพวาดลายเส้นทั้งหมดในงาน เขาเองก็เห็นบ่อยๆ เพราะมันเหมือนภาพวาดที่วางขายอยู่ที่ร้านของภาคิน ยอมรับเลยว่ามันเป็นงานที่ตัวเองไม่ถนัด จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองวาดรูปลายเส้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้ เรื่องราวที่คุณรามิลเล่าให้ฟังมันยิ่งทำให้สีน้ำเข้าใจแล้วว่าทำไมคินถึงได้ตัดสินใจที่ก้าวข้ามคำว่าเพื่อน ภาพของทั้งสองคนที่ยังคงยืนดูรูปอยู่ด้วยกันพร้อมกับบทสนทนาที่เขาเองไม่เข้าใจสักนิด สีน้ำเลยเลือกที่จะเดินไปเลี้ยวไปตรงซุ้มขายของที่ระลึกแทน เจ้าหน้าที่แนะนำของที่ระลึกหลายอย่าง ตอนแรกสีน้ำไม่ได้ตั้งใจจะซื้อหรอกแต่พอเห็นเจ้าหน้าที่คิดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาอธิบายอย่างแข็งขันก็เลยเปลี่ยนใจ

“มีถุงผ้า แก้วน้ำ แล้วก็โปสการ์ดค่ะสนใจอันไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”

“โปสการ์ดครับ”

“มีสามสีค่ะ สีขาว สีเทา แล้วก็สีดำ”

สีน้ำมองโปสการ์ดสามสีที่วางเรียงกันอยู่ บอกตามตรงเขาไม่ค่อยมีโปสการ์ดที่มันสีโทนนี้สักเท่าไหร่ ส่วนมากก็เป็นลายที่มีสีสัน ไม่ก็เป็นลายที่เขาวาดเองซะมากกว่า  แต่ถ้าจะให้เลือกสีใดสีหนึ่งในตอนนี้ล่ะก็..

“สีดำครับ ผมขอโปสการ์ดสีดำ”


ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกสีนี้ ก็แค่คิดว่าวันนี้สีดำก็สวยดีเหมือนกัน


..................
.........................................


ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
Watercolor


“ผมหาน้ำตั้งนาน”

ภาคินเดินมาหาคนที่กำลังนั่งกินนมสีชมพูอยู่ แปลกใจเหมือนกันทุกทีสีน้ำมักจะดื่มเครื่องนี้เวลาเหนื่อยๆ ปกติไม่ค่อยเห็นดื่มเวลาแบบนี้ พอคินถามเจ้าตัวก็บอกว่าแค่อยากกินก็เท่านั้น สีน้ำเลยแกล้งแหย่ให้อีกคนดื่มแน่นอนว่าภาคินผู้รักกาแฟเป็นชีวิตจิตใจได้แต่ส่ายหน้าจนสีน้ำหัวเราะเพราะคินทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาจีนขมๆ แต่พอทีเผลอคินก็ก้มลงมาดูดนมชมพูที่น้ำถืออยู่

“ตายหรือยังเนี่ย กินไปซะขนาดนั้น”

“นี่ก็เวอร์จังวะ”

“ก็ทุกทีเห็นทำหน้าเบ้เวลาเห็นผมกินนมชมพูนี่”

“อร่อยดี แต่ให้กินทั้งแก้วไม่ไหว”

“พ่อมนุษย์กาแฟกินน้ำหวานไม่ได้ ของหวานก็เรียกไม่ถูก”

“รู้จักบราวนี่ก็คุ้กกี้แล้วกัน เออ..น้ำ”

สีน้ำพอรู้ว่าคินจะทำอะไรเลยลุกขึ้นแล้วเดินมาหาคนที่กำลังยืนอ่านคำแสดงความยินดีอยู่ตรงบอร์ด ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ สีน้ำก็รู้สึกว่าคนตรงหน้ามีสเน่ห์มากๆ ถึงแม้จะอยู่ในชุดโทนสีเรียบๆ ก็ตาม ภาคินแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักโดยที่ภาคินบอกว่านาวาคือเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเพราะอีกฝ่ายไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น

“ครูสอนวาดรูป?”

“ครับ ผมสอนวาดรูปสีน้ำ”

“โอ้มายก็อต คือคุณน้ำเปิดร้านข้างๆ คินแล้วก็สอนวาดรูปสีน้ำด้วย”

“ใช่ครับ ผมถนัดสีน้ำที่สุด”

“แล้วตานี่ไปเรียนวาดรูปด้วยเหรอครับ”

“โลกแตกก่อนมั้งครับถ้าคินจะมาเรียนวาดรูปสีน้ำ”

“ผมก็ว่างั้น เกลียดสีน้ำยังกะอะไร”

ถึงแม้มันจะเป็นความจริงแต่พอได้ฟังอีกครั้งสีน้ำก็รู้สึกหน่วงๆ ในอกอยู่เหมือนกัน สีน้ำไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่หัวเราะไปกับคุณนาวาก็เท่านั้นโดยมีภาคินยกมือขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าขอเถอะเมื่อคุณนาวากำลังจะเล่าวีรกรรมที่ผ่านมากับคอร์สศิลปะ สีน้ำได้แต่ยืนยิ้มๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าคินบอกความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนกับคุณนาวาว่ายังไงแต่เขาไม่โกรธคินหรอก เพราะระหว่างเราสองคนก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ

“เออ คินกลับกี่โมงอยู่กินข้าวป่ะ เนี่ยพวกอาร์ทก็จะไปฉลองจำอาร์ทได้ป่ะคนที่ไปเรียนพร้อมเรา นิวด้วยคนที่หลอกให้คินมาที่นี่”

“เออ ก็ว่าถามมันเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมบอกว่างานใคร”

“ก็อยากให้คินมาดูด้วยตัวเอง”

“……………….”

ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรเสียงเรียกของอาจารย์ทำให้นาวาต้องเดินเข้าไปหา พอนาวาเดินออกไปแล้วก็เหลือคนสองคนที่ยืนมองหน้ากันอยู่ ความเงียบทำให้คินทำตัวไม่ถูกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงเหมือนทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด

“ผมกลับเองได้ ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“สีน้ำ”

“คินเดินดูรูปต่อก็ได้”

“รูปในงานนี้”

“เขาทำให้คุณภาคิน รูปทั้งหมดในงานนี้”

“น้ำรู้”

“ก็คินเป็นคนบอกว่าผมรู้ทันคุณทุกเรื่อง จริงๆ ผมนิสัยไม่ดีเองเมื่อวานเผลอไปกดดูรูปแล้วก็ได้เห็นเวอร์ชั่นลายเส้นดินสอในวันนี้ ด่าผมได้นะตอนนั้นความเสือกมันเยอะไปหน่อย”

“เป็นการสารภาพความผิดที่น่ารักซะจนโกรธไม่ลงเลย”

“นึกว่าจะโดนด่าซะอีก”

“บอกแล้วว่าผมแพ้คนอย่างคุณสีน้ำ”

“แต่เขาก็น่าจะมีเรื่องคุยกับคินเยอะนะ ผมกลับเองได้จริงๆ ครับไม่ต้องห่วง”

สีน้ำยิ้มให้แล้วชี้ไปตรงทางออก ภาคินหันไปมองนาวาที่เดินกลับมาพอดีแล้วหันกลับไปมองสีน้ำที่ถือแก้วนมชมพูไว้ส่วนมืออีกข้างก็ถือโปสการ์ดสีดำหนึ่งใบ เสียงเรียกชื่อเขาของนาวาดังขึ้นภาคินสังเกตว่าแผ่นหลังเล็กที่เขาเห็นอยู่ทุกวันของสีน้ำหยุดเดินไปแป๊บหนึ่งเหมือนรออะไรอยู่ก่อนจะเดินต่อ ภาคินยิ้มออกมาแล้วตัดสินใจหันไปบอกนาวาว่าไว้วันหลังพร้อมกับวิ่งไปหาคนที่เดินน้ำหน้าไปแล้ว มือที่วางพาดไว้บนเอวทำให้สีน้ำที่เดินอยู่หยุดชะงัก ก่อนที่ภาคินจะก้มลงมาดูดนมเย็นในแก้วที่สีน้ำถืออยู่ ไม่ได้มีคำพูดอะไรนอกจากเสียงหัวเราะของสีน้ำเมื่อเห็นคินทำหน้าเบ้อีกรอบคงเพราะความหวาน

ภาพทั้งสองคนที่เดินออกไปพร้อมกันทำให้นาวาเลือกที่จะยืนมองอยู่อย่างนั้น นิวคือคนที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับวางมือลงบนไหล่เบาๆ นาวายิ้มออกมาเมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เปลี่ยนไปจนตอนนี้เขาเองก็รู้สึกว่ามันอาจจะสายไปแล้วสำหรับบางเรื่อง

“คนที่ชื่อสีน้ำที่มากับคินเขาซื้อโปสการ์ดสีดำด้วยนะนาวา โปสการ์ดที่มึงบอกเองว่าจะมีคนซื้อจริงเหรอวะตอนที่มึงวาด”

“นั่นสิ”

“หรือเขาชอบสีดำวะ”

“ไม่รู้ว่าเขาชอบสีดำหรือเปล่าแต่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคินกินนมชมพู”

“เออ ทุกทีเห็นแดกแต่กาแฟ”

นาวาหันไปมองบอร์ดที่เอาไว้เขียนแสดงความยินดี แน่นอนว่าเขาหวังจะได้เห็นลายมือของภาคินที่เขียนไว้ แต่ไม่ว่าจะหาสักเท่าไหร่ก็ยังไม่เห็น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายลืมเขียนให้หรือตั้งใจจะไม่เขียนให้ อยู่ดีๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นรูปเรือสีเขียวน้ำทะเลที่อยู่ตรงริมสุด แปลกดีทั้งๆ ที่คนอื่นเขียนเป็นข้อความแต่คนนี้กลับเป็นรูปวาดแทนมีการระบายสีเรียบร้อยสวยงามโคตรๆ มีใครที่ไหนพกปากกาสีน้ำไว้กับตัวแบบนี้บ้าง แต่พอเห็นชื่อที่เขียนกำกับไว้นาวาก็ยิ้มออกมา

“บางที สีน้ำก็อาจจะเหมาะกับคินมากกว่าลายเส้นดินสอแล้วก็ได้นะ”







To Be Con

#ที่พักพิงสีน้ำ #ซีรีส์ลูกเพื่อแม่
@ribbinbo / twitter























ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เห็นชื่อตอนนี่หยิบทิชชู่รอแล้วนะ
ดีที่พออ่านจบแล้วไม่ต้องใช้  :กอด1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เวลานาวาผ่านแล้วผ่านเลย

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
งื้อออออออเด็กชายภาคินรู้ว่าสีน้ำรู้สึกยังไง เลยเลือกที่จะอยู่กับสีน้ำ :hao7:

ใช่แล้วนาวา เวลาเปลี่ยนไปอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปด้วย ภาคินก็เช่นกัน :hao3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าวววววว

ทำไมนาวาทำงี้หล่ะ?

แต่ก็นะ.....ตอนนี้คินเขามีที่พักพิงใหม่แล้วหล่ะ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ความรักของคู่นี้น่ารักดีค่ะ แต่ก็นะ ต้องมีเรื่องราวกันหน่อย
วันนี้ก็เหมือนสีน้ำคงได้ความชัดเจนขึ้นแล้วนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สีน้ำเจ๋งอะ ตอบกลับได้ดี คุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก เป็นเราวิ่งหนีไปร้องไห้แล้ว

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ภาคินคงเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ เพราะไม่หลงทาง  :mew1:

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ seaNON

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กลับมาได้ไหม กลับมาหาฉัน
 :mew2:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ลุ้นยันบรรทัดสุดท้าย  :ling2:

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา


CH.15
gold glitter




“คือกูไม่เข้าใจกูจำได้ว่า นาวาปฏิเสธมึงแล้วก็ไปเรียนที่ญี่ปุ่นแต่กลับมาแบบยิ่งใหญ่ โปรเจกต์จบทั้งหมดที่โชว์ที่งานคือมึงเป็นแรงบันดาลใจ โอ้โห..กูอึ้งเลยคินอึ้งเลย”

“ตอนกูเห็นรูปครั้งแรกกูก็ตกใจเหมือนกันเว้ยเบน ความทรงจำขึ้นมาเป็นฉากๆ เหมือนในหนัง”

“แถมเขายังวางแผนให้มึงไปดูงานของเขาแบบเซอร์ไพร์สด้วย”

“นาวาเซอร์ไพร์ส์กว่าป่ะมึง ไอ้คินดันไปพร้อมกับคุณสีน้ำ”

“ก็กูไม่รู้ก็นึกว่างานนิทรรศการรูปวาดทั่วไปป่ะวะ”

“แล้วถ้ามึงรู้ว่าเป็นงานของนาวา มึงจะไปโดยที่ไม่มีคุณน้ำเหรอไง”

“…………………”

อยู่ดีๆ ทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบแล้วหันมามองหน้าคินที่นั่งอยู่บนโซฟา วันนี้มีประชุมแก๊งลูกเพื่อนแม่พร้อมกับหัวข้อที่หายไปนาน นั่นคือเรื่องความรัก ตอนที่คินส่งข้อความมาในกรู๊ปแชทแก๊งลูกเพื่อนแม่ ทุกคนในแก๊งได้แต่มองค้างอยู่อย่างนั้น ปกติภาคินไม่ค่อยปรึกษาเรื่องความรักเท่าไหร่ ครั้งล่าสุดก็น่าจะเป็นเรื่องนาวาแต่มันก็นานมากแล้ว นอกนั้นก็เรื่องงานที่ต้องการความคิดเห็นบางอย่าง และตั้งแต่มีคุณสีน้ำก็ไม่เห็นคินจะมาปรึกษาอะไรก็เห็นทั้งคู่ก็ดูมีความสุขดีเลยแปลกใจที่อยู่ดีๆ คินก็เรียกประชุม พอทุกคนตกลงกันได้สถานที่ประชุมก็ยังเป็นบ้านของทิมเหมือนเดิม

“ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้ากูรู้ว่าเป็นงานของนาวากูจะได้บอกสีน้ำก่อนว่านาวาเป็นใคร”

“แล้วตอนนี้คุณน้ำรู้หรือยังว่านาวาเป็นใคร”

“อาจจะรู้แค่ว่ากูกับเขาเคยมีบางอย่างที่มากกว่าเพื่อน แต่มากกว่านั้นกูยังไม่ได้เล่าอะไร”

“ไม่รู้ก็แปลกรูปมึงทั้งงาน”

“ที่จริงสีน้ำเคยเห็นรูปนาวาก่อนจะไปงานนิทรรศการ”

“รูปอะไรวะ”

“รูปที่กูเคยถ่ายนาวาทั้งหมด”

“โอ้มายก็อต! วันนี้กูตกใจกับเรื่องมึงหลายเรื่องมากคิน กูเห็นมึงกับสีน้ำก็ดูรักกันดีไม่นึกว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก”

“แล้วคุณน้ำเขาว่ายังไงบ้างวะเรื่องรูปนาวา”

“ไม่ได้ว่าอะไรเลย เขาขอโทษกูด้วยซ้ำที่ไปเปิดดู”

“เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมีสติดีว่ะ ถ้าเป็นไอ้ทิมป่านนี้ไอ้พอร์ชหัวแตกเพราะโดนคอมทุ่มใส่หัว”

“แค่หัวแตกมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

“น่ากลัวสัด กูเริ่มสงสารพอร์ชแล้วนะจะตายก่อนอายุสามสิบเปล่าวะ”

รามิลส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าเบนกับทิมเริ่มตีกันอีกแล้ว พอหันมาเห็นคินที่นั่งมองโทรศัพท์อยู่เลยลุกจากเตียงมานั่งข้างๆ หัวหน้าแก๊งเริ่มเป็นงานเป็นการหลังจากคุยทีเล่นทีจริงมาตั้งแต่ตอนเย็น ภาคินวางโทรศัพท์ก่อนจะเอนศีรษะไปกับพนักพิงเหมือนมีเรื่องที่คิดไม่ตก

“แล้วนี่เครียดเรื่องอะไร”

“ไม่ได้เครียด”

“แล้วปัญหามันคืออะไรวะ หรือมึงยังรักนาวาอยู่”

“กูมั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับนาวาแล้ว แค่คิดว่าทำไมนาวาถึงทำอะไรแบบนี้ให้กู ชอบกูเหรอหรือยังไง ตั้งแต่เรียนที่ญี่ปุ่นแม่งก็หายไปเลย กลับมาอีกทีโปรเจกต์จบกลายเป็นเรื่องราวของกูกับเขาเฉย”

“สงสัยก็ไปถาม”

“ไม่ได้คุยนาน”

“ไม่อยากคุย”

“ไม่ใช่ กูไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง จะให้ถามตรงๆว่า ทำไมทำโปรเจกต์จบเป็นเรื่องนี้กูก็รู้สึกแปลกๆ”

“หรือกลัวคำตอบ”

“หมายถึง”

“ถ้านาวาตอบมาว่าทำให้ทั้งหมดนี่เพราะชอบมึง มึงจะตอบเขาว่ายังไง”

“………………”

ภาคินไม่ได้ตอบคำถามของรามิลแต่มองไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่กลางโต๊ะ มันขึ้นข้อความในไลน์สลับไปมาอยู่สองชื่อ นาวา และ สีน้ำ ทั้งสองคนส่งข้อความมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ภาคินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปตอบข้อความของสีน้ำ พอเห็นรูปของครูสอนวาดรูปที่โดนเด็กๆ วาดหน้าเป็นรูปน้องหมามีการวงกลมล้อมรอบดวงตาเป็นสีๆ มันดูตลกจนคินหัวเราะออกมา รามิลเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่พิมพ์ไปว่า น้องหมาตัวนี้น่ารักดี เอ้อ….ไอ้คินก็มีมุมกุ๊กกิ๊กแบบนี้เหมือนกันเว้ย แรงสัมผัสตรงไหล่ทำให้ภาคินเงยหน้าขึ้นมามอง

“มึงเป็นคนฉลาดแต่ชอบไม่พูดให้มันชัดเจน เรื่องเดียวเลยที่มึงต้องเคลียร์”

“กูไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยก็โง่เรื่องความรัก”

“ฉลาดกว่ากูแล้วกัน ตอนกูกับต้นไม้สับสนฉิบหายทำไม้ร้องไห้อยู่ตั้งนาน แต่มึงดูมีแผนในหัวอยู่ตลอด ตอนนี้มึงก็มีกูรู้ อย่างน้อยวันนี้มึงก็เลือกสีน้ำนะไม่ได้ปล่อยให้เขากลับคนเดียว”

“มึงรู้ป่ะวะมิล ตอนกูเห็นสีน้ำเดินออกไปในหัวกูคิดว่าไม่ได้ดิวะ มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้”

“ก็ดีแล้วมึง กูเดาได้เลยว่าคุณน้ำต้องบอกมึงว่าไม่เป็นไรแล้วก็ยิ้มให้”

“เหมือนมึงอยู่ในเหตุการณ์แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ว่ะแต่ตอนนั้นในหัวกูคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว”

“เวลาอะไรวะ”

“เชียงใหม่”

“มา! สักทีกูจะได้รู้เรื่องนี้สักที! เก็บไว้นานเหลือเกินนะมึง ไอ้เหี้ยเอ๊ยกูตื่นเต้นมากพอได้ยินคำว่าเชียงใหม่”

“มึงอาจจะช็อคตายก็ได้นะเบน ถ้ามึงรู้เรื่องทั้งหมด”

“ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้ ตำนานรักเชียงใหม่จะสู้ตำนานรักสิบปีของต้นไม้ได้หรือไม่”

“แล้วอะไรที่ทำให้มึงตัดสินใจได้วะ”

คำถามของรามิลทำให้ภาคินมองไปยังโทรศัพท์อีกรอบ ข้อความใจในไลน์ยังคงโชว์ข้อความของทั้งสองคน และมันก็เป็นของสีน้ำที่บอกว่าฝันดี เดาว่าคงไปวาดรูปต่อแล้วมีการส่งรูปวาดสีน้ำเป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งถือนมชมพูมาให้ดู ดูจากรูปก็น่าจะเป็นเขานั่นแหละ แก๊งลูกเพื่อนแม่กลับมานั่งรวมตัวกันอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินคำว่าเชียงใหม่ คินเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนจะบอก

“ไม่อยากให้น้ำต้องบอกคนอื่นว่าเป็นครูสอนวาดรูปที่เปิดร้านข้างกัน อีกอย่าง…กูอยากนอนกอดเขาทุกวันเหมือนพวกมึงนอนกอดแฟนแล้ว”

Watercolor


ภาคินกลับมาที่ร้านในตอนเช้าเพราะมีงานที่ต้องแก้และวันนี้ตั้งใจจะเปิดร้านด้วย ลูกค้าด่ากันเหลือเกินดีนะที่เขาเปิดขายออนไลน์ด้วยลูกค้าก็เลยสั่งซื้อกันได้ง่าย นั่งแก้งานอยู่ดีๆ เสียงกดออดหน้าร้านทำให้ภาคินเงยหน้าขึ้นมามองพอยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เห็นว่ามันถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว วันนี้มาแปลกเว้ยทุกทีสีน้ำก็ส่งเสียงทักทายแทนการกดออดนานแล้ว ภาคินลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาที่ประตู

“วันนี้ทำไมถึงกดออ…”

ภาคินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ครูสอนวาดรูปที่เขาคิดถึง แต่กลายเป็นคนเพื่อนที่เคยสนิทอย่างนาวา ยืนถือของกินเต็มสองแขนพร้อมกับกาแฟดำสองแก้วในมือ

“ร้านเปิดยัง”

“ยัง ใครจะเปิดร้านตั้งแต่หกโมงเช้า”

“เข้าได้ไหมเนี่ยหรือต้องรอเก้าโมงก่อน”


ภาคินเบี่ยงตัวให้อีกคนหอบของเข้ามา อีกฝ่ายพอเห็นร้านเต็มๆ ตาก็ร้องว๊าวพร้อมกับบอกว่าสมกับเป็นร้านภาคินจริงๆ ทุกอย่างโคตรมินิมอล นาวายังคงเดินดูร้านไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร คินเองก็ไม่รู้จะเริ่มคุยยังไง แปลกดีเหมือนกันทั้งที่เมื่อก่อนเราสองคนสนิทกันจนแทบจะแย่งกันคุยด้วยซ้ำตอนนี้กลับกลายเป็นเริ่มต้นบทสนทนาไม่ถูก แต่สำหรับคินคนที่บอกรักแล้วโดนตอบกลับมาว่าเป็นแค่เพื่อนก็ดีอยู่แล้ว มันก็ต้องทำตัวไม่ถูกป่ะวะ

“คินทำท่าเหมือนกลัวเราเลยนะ”

“งง นิดหน่อย”

“ขอโทษ”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องตอนนั้น”

“ก็ขอโทษไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“มีอะไรจะถามเราไหม”

“อยากถามเรื่องโปรเจกต์จบ นาวาทำไมถึงเป็นรูปเราวะ”

“กินอาหารเช้าก่อนได้ไหมหิว”

ภาคินรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจเลี่ยงที่จะคุยเรื่องนี้ ก็ดีเหมือนกันเพราะเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าถ้าเริ่มแล้วบทสนทนามันจะจบลงตรงไหน นาวาในวันนี้ดูโตขึ้น แต่การแต่งตัวสไตล์ต่างๆ ยังคงเหมือนเดิมก็แน่ล่ะมันไม่ได้ต่างจากเขาเท่าไหร่เพราะเราสองคนมีทุกอย่างที่คล้ายกันเลยทำให้เข้ากันได้ง่าย เสียงเรียกของนาวาทำให้คินเดินเข้าไปหาพร้อมกับของกินเต็มโต๊ะ นาวาก็ยังรู้ว่าเขาชอบอะไรเหมือนเดิม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงดีใจอยู่หรอกแต่ตอนนี้… เสียงเสียงชื่อของคินที่ดังขึ้นอยู่หน้าประตูก่อนที่สีน้ำจะโผล่หน้าเข้ามา..ภาคินเห็นสีน้ำชะงักไปนิดนึงเมื่อเห็นว่ามีใครนั่งอยู่ในร้านก่อนจะเอ่ยทักนาวาที่หันมาแล้วยิ้มให้

“ไหนอาหารเช้าผม”

“เต็มโต๊ะละนะ”

“อยากกินของน้ำ”

“ไม่ให้กินแล้วดีกว่า”

“อ้าว เฮ้ยไม่ได้ดิสีน้ำ!”

สีน้ำยังไม่ทันจะได้ก้าวเข้ามาในร้านก็เปลี่ยนใจหมุนตัวเดินออกไป จนคินต้องวิ่งตามมาคว้ามือเอาไว้ ปาท่องโก๋สองตัวห้าบาทที่สีน้ำไปต่อคิวซื้อถูกคินยื้อแย่งเอาไว้จนสำเร็จ แถมยังเอาไปกอดไว้ยังกะเด็กๆ ที่กลัวว่าใคจะแย่ง ตอนแรกสีน้ำตั้งใจจะเดินกลับเข้าไปในร้านของตัวเองแต่พอมาเจอแบบนี้ก็อดที่จะขำไม่ได้

“โตแล้วนะ”

“ผมเด็กกว่าคุณครับ”

“ทีอย่างนี้มาบอกเด็กกว่า”

“น้ำ นาวามาหาผมอาจจะมีเรื่องที่ต้องคุยกัน”

“ครับ ตื่นเช้าเหมือนกันเนอะ”

ภาคินพยายามกลั้นยิ้มเพิ่งเคยเห็นสีน้ำในมุมแบบนี้ ทุกทีเห็นอีกฝ่ายทำตัวนิ่งๆ มาโดยตลอด ยอมรับเลยว่าเขารู้สึกดีที่สีน้ำแสดงออกมาบ้าง เออ..เวลาหึงก็น่ารักดีคิ้วนี่ขมวดหน้าก็มู่ทู่เชียวคินค่อยๆ สอดนิ้วประสานมือไว้ก่อนจะพาสีน้ำมาตรงม้านั่งที่วางไว้ด้านหน้าร้าน

“เปลี่ยนบรรยากาศกินอาหารเช้าตรงนี้กัน”

“แล้ว..”

“ทำไม”

“เขาซื้อของกินมาให้คินเต็มเลยนะ”

“ก็อยากกินปาท่องโก๋สองตัวห้าบาท”

“รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ดีใจนิดนึงแบบนิดนึง”

“ดีใจเรื่อง”

“เรื่องที่คินอยากกินปาท่องโก๋”

“ดีใจเยอะๆ ไม่ได้เหรอไง”

“เสียฟอร์มแย่”

“ดูอารมณ์ดี ไหนวันนี้เป็นสีอะไร”

“สีทองวิบวับ”

“เพราะ?”

“ปาท่องโก๋สองตัวห้าบาทดูมีค่าเหมือนปาท่องโก๋เคลือบทองคำสองตัวห้าหมื่น”

“น่ารักจังวะ”

“เฮ้ย ก็น่ารักทุกวัน”

“ไหนขอหอมคนน่ารักหน่อย”

“นี่มันหน้าร้าน! ภาคิน!”

สีน้ำหน้าตาตื่นเมื่อเห็นว่าภาคินจะเข้ามาหอมจริงๆ ทั้งผลักทั้งดันแต่ก็สู้แรงไม่ได้เลยโดนคินหอมหัวไปเต็มๆ พอเห็นท่าทางกวนประสาทของคินสีน้ำก็ยิ้มออกมา ก่อนจะแบ่งปาท่องโก๋กันคนละครึ่ง คินบ่นเบาๆ ว่าอยากได้กาแฟสีน้ำเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ คินก็นึกว่าเจ้าตัวจะสั่งเดลิเวอรี่ให้มาส่ง แต่กลับกลายเป็นณัฐที่เดินออกมาจากร้านของสีน้ำด้วยท่าทางง่วงนอนสุดพลัง ยังใส่ชุดนอนลายสนู๊ปปี้อยู่ด้วยซ้ำแต่ในมือมีกาแฟดำหนึ่งแก้วส่วนอีกแก้วคือนมร้อน คินเอ่ยขอบคุณอย่างขำๆ เพราะเพิ่งเคยเจอคุณณัฐในสภาพเพิ่งตื่นนอนแบบนี้ ก่อนกลับเข้าร้านยังมีการผลักหัวสีน้ำหนึ่งที

เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นหน้าร้านทำให้คนที่ยืนพิงประตูอยู่ ได้แต่มองภาพของคนสองคนที่นั่งกินปาท่องโก๋กันอยู่ด้วยกัน นาวาก้มมองแก้วกาแฟดำของตัวเอง เรื่องราวที่ภาคินเคยสอนเขาชงกาแฟหรือแม้แต่ภาพที่เราสองคนนั่งดื่มกาแฟพร้อมกันได้ย้อนกลับเข้ามา แต่ภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือภาคินที่ดื่มกาแฟดำกำลังชนแก้วกับคุณสีน้ำที่ดื่มนมร้อนแล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน มีแกล้งกันบ้าง หยอกกันบ้าง มองจากด้านหลังแบบนี้ก็แปลกดีภาคินก็ยังแต่งตัวอยู่แค่สามสี ขาว เทา ดำ และคนที่นั่งข้างๆ อยู่ในชุดกางเกงสามส่วนสีเนื้อและเสื้อสีเขียวสดใสตัวใหญ่


สำหรับนาวาภาคินก็ยังเป็นภาคินที่ชอบดื่มกาแฟดำเหมือนเดิม แต่งตัวเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับนาวาก็คือ ความรู้สึกของภาคิน มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ


Watercolor


อาจเป็นเพราะภาคินไม่ได้เปิดร้านนาน ลูกค้าที่ติดตามอยู่ในช่องทางออนไลน์เลยตัดสินใจมาหากันถึงที่ร้าน ตอนแรกก็ตกใจอยู่เหมือนกันเพราะคินเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีลูกค้าเจ้าประจำกับเขาด้วย ทั้งๆ ที่ร้านก็ไม่ค่อยจะเปิด ตอนแรกคินตั้งใจจะคุยกับนาวาให้มันรู้เรื่องรู้ราว แต่อยู่ดีๆ  ลูกค้าก็มากันเต็มร้านคินเลยต้องไปรับลูกค้าแทน นาวาเห็นว่าภาคินหัวแทบหมุนเพราะลูกค้าเอาแต่เรียกหาเจ้าของร้านแทบทุกห้านาที นอกจากลูกค้าแล้วก็คงมีแฟนคลับของพี่ภาคินไม่มากก็น้อยเห็นมีถ่ายรูปคู่ด้วย ยังกับดารา

“พี่คินถ่ายรูปสวยโคตรชอบวาดรูปก็เก่ง ผมติดตามพี่มานาน”

“เริ่มจะเขินขึ้นมาแล้วนะอย่าชมกันแบบนี้”

“แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นไปต่างจังหวัดเลยพี่ เมื่อก่อนพี่โคตรตะลอนๆ เที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ล่าสุดพี่ไปไหนนะ”

“เชียงใหม่”

“เออ อยู่โคตรนานผมนึกว่าพี่จะไม่กลับมากรุงเทพแล้ว ทำไมไปอยู่นานขนาดนั้น”

“อกหัก”

คำตอบของคินทำให้ทุกคนในร้านหยุดชะงักรวมทั้งนาวาที่กำลังหยิบโปสการ์ดให้ลูกค้าอยู่ สายตาที่มองกันทำให้น้องผู้ชายที่เอ่ยถามได้แต่มองหน้าคนนู้นคนนี้ทีเหมือนหาตัวช่วย คงรู้สึกผิดที่ถามอะไรออกไปแบบนั้น

“เฮ้ยพี่คิน ผมไม่ได้ตั้งใ….”

“แต่ก็พบรักที่นู่นด้วย”

“อั๊ยยะ! ว่าแล้วมิน่ารูปวาดหลังๆ ดูฟอลอินเลิฟแปลกๆ”

“นี่ก็แฟนพันธ์แท้จริงๆ เลยเว้ยดูออกด้วย”

คินแทกมือกับน้องผู้ชายก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น เสียงเรียกของลูกค้าทำให้นาวารู้สึกตัวแล้วส่งโปสการ์ดให้ บทสนทนาเมื่อกี้ ขนาดไม่ได้เป็นเรื่องราวนาวายังรู้สึกได้ว่าตอนที่อยู่เชียงใหม่ภาคินได้เจออะไรดีๆ แน่ๆ ว่าแต่พบรักงั้นเหรอ..แล้วคุณสีน้ำนี่มันยังไงกัน

“รูปนี้ดีมาก วาดลายเส้นดินสอยังไงให้สวยขนาดนี้”

“ลองไหมครับ”

“ได้เหรอคะ”

“ที่ร้านผมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”

ภาคินเลื่อนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงแล้วหยิบกระดาษสีขาวออกมาแล้วลองวาดเล่นๆ แต่เพราะมีฝีมืออยู่แล้วลูกค้าภายในร้านเลยตื่นเต้นกันใหญ่ ปกติภาคินไม่เคยสอนใครวาดรูปจริงจังมาก่อนเขาวาดรูปได้แต่จะให้สอนเทคนิคอะไรต่างๆ เขาก็พูดไม่ถูก ไอ้ทิมเคยบอกว่าเขาอธิบายให้คนเข้าใจยาก ก็จริงอย่างที่ทิมว่าเพราะเขาชอบวาดรูปตามใจฉันพวกทฤษฎีต่างๆ เขาก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่

“ตรงนี้ต้องวาดยังไง แรเงาได้เลยไหมคะ”

“ก็..ยังไงดีผมอธิบายไม่ค่อยถูก”

“แรเงาได้เลยครับอย่าให้เข้มเกินไป”

นาวาที่ยืนมองอยู่เลยเป็นฝ่ายบอกแทนเพราะเห็นภาคินเอาแต่ขมวดคิ้ว พอลูกค้าไม่ถนัดนาวาเลยอาสาเป็นฝ่ายวาดให้ดูแทน สุดท้ายก็กลายเป็นว่าภาคินกับนาวานั่งวาดรูปอยู่ข้างกันแทน

“ยังพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิมภาคิน”

“ถนัดวาดไม่ถนัดพูด เก่งขึ้นเยอะเลยนี่”

“แน่นอนครับ ผมผ่านการเหลาดินสอมาแล้วสามหมื่นแท่งกว่าจะเรียนจบ”

“เมื่อก่อนยังไม่กล้าแม้แต่จะแรเงา แค่ลากเส้นยังยึกๆ ยือๆ ”

“คุณเห็นโปรเจกต์จบผมไหมครับภาคิน เอนะเอถ้ามีเอบวกๆๆๆก็คงจะได้”

“หลงตัวเองว่ะ”

“คุณสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่ชอบวาดรูปลายเส้นดินสอเหมือนกันเหรอคะ ดีจัง”

ลูกค้าชี้ไปที่กระดาษวาดรูปตอนนี้มันเป็นรูปแจกันดอกไม้ที่วางอยู่ตรงหน้า ภาคินหันไปมองนาวาที่ยักคิ้วให้แล้วก้มลงไปวาดรูปตามเดิม จะว่าไปมันนานมากแล้วนะที่เขาไม่ได้นั่งวาดรูปด้วยกันแบบนี้ เพราะมีความชอบเหมือนๆ กันรวมทั้งการวาดรูปลายเส้น เราสองคนเลยชอบมานั่งวาดรูปพร้อมกันบ่อยๆ คุยกันบ้าง ตีกันบ้างแต่ส่วนมากจะนั่งวาดรูปเงียบๆ มากกว่า คินถอนหายใจเมื่อรู้สึกว่าวันเวลาเหล่านั้นมันผ่านไปนานแล้ว แต่ก็ไม่คิดจะวันนี้ตอนนี้เราสองคนจะกลับมานั่งวาดรูปด้วยกันแบบนี้ได้อีก

ทั้งๆ ที่ห่างกันไปขนาดนั้นแท้ๆ


ภาพคนสองคนที่นั่งวาดรูปอยู่ข้างกัน นอกจากลูกค้าที่เห็นกันทั้งร้านแล้วยังมีอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูร้าน ทั้งๆ ที่ปกติสีน้ำสามารถเดินเข้าไปในร้านได้เลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือส่งเสียงเรียกภาคิน สีน้ำรู้สึกมาตลอดว่าเวลาที่คินวาดรูปโคตรจะมีสเน่ห์ มือที่จับดินสอ สายตาที่เอาแต่จ้องรูปวาดตรงหน้า ทุกอย่างมันทำให้ภาคิน พิชญเดชาดูดีจนละสายตาไม่ได้ แต่ก็นะ..นับครั้งได้เลยมั้งที่เราสองคนจะนั่งวาดรูปด้วยกัน เพราะเราชอบไม่เหมือนกัน

ภาคินรักการวาดรูปด้วยลายเส้นดินสอ
และตัวเขา รักการระบายสีน้ำมากที่สุด

“สัดเอ๊ย ตอนนี้บอกตามตรงกูโคตรเกลียดสีน้ำเลยว่ะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกันอีก!”

อยู่ดีๆ ประโยคที่คินเคยพูดออกมาตอนที่เราเจอกันครั้งแรกก็ย้อนกลับเข้ามา ทั้งๆ ที่บอกกับตัวเองไว้ว่าจะเชื่อใจภาคิน มีอะไรให้ถามอีกฝ่ายก่อน แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดจะให้เดินดุ่มๆ เข้าไปถามว่าทำอะไรกันอยู่มันก็ไม่ใช่ป่ะวะ สีน้ำรู้เลยว่าตอนนี้หัวสมองโคตรว่างเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะเข้าไปหาคินเหมือนทุกวันหรือกลับไปรอที่ร้านตัวเองดี พอยืนมองทั้งสองคนที่ยังคงนั่งวาดรูปอยู่ข้างกันแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้านาวาไม่ได้ปฏิเสธคินในวันนั้น ทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันดี สุดท้ายสีน้ำตัดสินใจเดินกลับเข้าไปที่ร้านตัวเอง แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนกล่องสีน้ำตาลที่ใส่โปสการ์ดที่เชียงใหม่ยังคงวางอยู่ที่เดิม มีแค่หนึ่งใบที่หนีบไว้ตรงกระดาน

ใบสุดท้าย..ที่ยังไม่ได้ให้




................
...............................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2021 16:25:42 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2



“น้ำออกไปข้างนอกครับ ไม่ได้บอกว่าไปไหน”

“..........”

“แต่ผมคิดว่าคุณคินน่าจะปล่อยสีน้ำไปก่อนจะดีกว่าครับ”

คินไม่ใช่คนโง่และเข้าใจที่คุณณัฐบอก สีน้ำคงไม่อยากจะเจอเขาในตอนนี้ แต่อย่างน้อยคินก็อยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ยังดี คุณณัฐก็ใจแข็งน่าดูหน้าก็ยิ้มอยู่นะแต่ส่ายหน้าไม่ยอมบอกท่าเดียว เดาได้เลยว่ากำลังด่าเขาอยู่ในใจแน่ๆ ถึงไม่รู้ความผิดตัวเองแบบชัดเจนร้อยเปอร์เซ็น แต่ก็พอเดาออกได้ว่าเรื่องอะไร นาวา..เพิ่งกลับไปเมื่อกี้และทั้งวันเราสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวสักที เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับลูกค้าที่มากันเต็มร้าน

เขาไม่ได้ตั้งใจจะละเลยสีน้ำแต่นั่นแหละไม่อยากจะแก้ตัวเหมือนกันเขารู้ว่าเขาผิด  คินยกนาฬิกาขึ้นมาดูตอนนี้มันสามทุ่มแล้วด้วยซ้ำ แต่สีน้ำก็ไม่เห็นจะไลน์มาหาหรือโผล่หน้ามาทักทายเหมือนเดิม รู้ว่าสีน้ำเองก็โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องมารายงานเวลาไปไหนมาไหน แต่เขาก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี

อีกอย่างตอนนี้เราทั้งสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย
สีน้ำคงคิดว่าไม่เห็นจะต้องบอกเขาเลย

ท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากทำให้ณัฐที่ยืนกอดอกมองอยู่ยิ้มออกมา จะว่าไปเพิ่งเคยเห็นคุณภาคินเป็นแบบนี้เหมือนกัน ปกติเห็นเก๊กขรึมนิ่งๆ แบบพระเอกตลอด ก็งี้แหละความรักต่อให้เก่งแค่ไหนพอเป็นเรื่องของตัวเองมันก็เป็นเรื่องยากทั้งนั้น เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นณัฐเลยกดเข้าไปดู ไอ้คนที่หนีเที่ยวส่งยิ้มหวานพร้อมกับชูสองนิ้วมาให้ เหมือนกับโชว์หลักฐานว่าสบายดี ไม่ต้องห่วง ณัฐยิ้มกับรูปที่ญาติตัวเองส่งมาให้

“อยากจะส่งรูปให้คุณคินดูจริงๆ”

watercolor


“ร้อยวันพันปีไม่เคยจะโผล่มาหา พอมาทีแดกเหล้าซะกูนึกว่ามึงอกหัก”

“……………….”

“สัด จริงเหรอวะเนี่ย”

“อยากกินเหล้าเฉยๆ มันผิดตรงไหน คิดถึงมึงใจจะขาด”

“โห..สีน้ำเพื่อนรักคนร้ายๆ อย่างมึงกูรู้หรอกมากินร้านกู เพราะจะได้เมาหัวทิ่มแบบไม่เป็นภาระใครแต่ภาระกู”

“เพื่อนตายว่ะ”

“แล้วเป็นไรวะอกหักเหรอไง ครูสอนวาดรูปที่สอนเด็กแต่โดนผู้ปกครองเด็กจีบไม่เว้นวันอย่างมึงจะอกหักเหรอวะ”

“บอกแล้วว่าแค่อยากกินเฉยๆ”

“กินเหล้าคนเดียวแปลกมากน้องสีน้ำเอ๊ย แต่ก็เชิญตามสบายเมาหัวทิ่มไปเลยกูดูเอง”

เพราะลูกค้ามากันเยอะกว่าทุกวัน เพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านเลยต้องผละออกไปก่อนจะไปยังบอกบาร์เทนเดอร์ให้ชงเหล้าให้เขาดีๆ เอาชนิดที่ชอตเดียวแล้วสลบ ตอนแรกสีน้ำไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่หรอกแต่อารมณ์ตอนนั้นมันดิ่งซะจนอยากจะดื่มอะไรให้มันลืมๆ ไปบ้างก็เท่านั้น เออ..แล้วเพลงในร้านก็เข้ากับชีวิตรักเขาดีจริงๆ สีน้ำวนนิ้วมือไปตามขอบปากแก้วท่าทางเหม่อๆ เหมือนคนไม่รู้ตัวทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านกอดอกมองอยู่นาน เพราะคิดอยู่ว่าจะเข้าไปทักดีเหรอเปล่าเห็นว่านั่งดื่มอยู่เดียว แต่ก็นะเข้าไปทักสักหน่อยก็น่าจะดี

“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลย”

เก้าอี้ข้างๆ ที่ว่างอยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายตัวสูงใหญ่มาจับจองพร้อมกับหันไปสั่งเครื่องดื่ม เพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านทำท่าจะเดินเข้ามาหาเพราะคิดว่าเขาโดนจีบ ดีที่เขายกมือทำสัญลักษณ์ว่าโอเคเพื่อนถึงหันไปกลับไปทำงานตามเดิม สีน้ำหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ วันนี้ดูแปลกตากว่าทุกวัน

“นายธนาคารวันนี้หล่อกว่าทุกครั้งที่เจอ”

“ก็มาเที่ยวจะมาแต่งตัวเนี๊ยบๆ ได้ไงล่ะครับ”

“ก็ยังดีที่คุณเคไม่ได้ใส่สีขาวสีดำสีเทา”

เคไม่ได้เอ่ยถามว่าคินหายไปไหนแต่ก็พอเดาได้ว่าอาจจะมีปัญหาอะไรกันอยู่ ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้สีน้ำมานั่งดื่มอยู่คนเดียวแบบนี้ นี่ก็ว่าคนสนใจน่าจะเยอะอยู่เห็นในร้านก็มีคนที่มองๆ อยู่บ้างคงรอจังหวะเข้ามาทำความรู้จัก ขนาดแต่งตัวเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากางเกงสีขาวธรรมดาๆ แล้วนะไม่ได้โชว์ตรงไหนด้วยซ้ำ

“ไม่ถามผมเหรอว่าทำไมมาคนเดียว”

“สงสัยเหมือนกันครับ ปกติแก๊งลูกเพื่อนแม่ติดแฟนมากแล้วก็หวงแฟนมากด้วย คินเองก็เป็นตั้งแต่เด็กแล้วมั้งขี้หวง เดาว่าคุณสีน้ำหนีมา”

“พี่น้องบ้านนี้นี่..”

“ทำไมครับ”

“ไม่คุยกันแต่รู้กันทุกเรื่อง”

“ผมว่าคุณสีน้ำเมาแล้ว”

เคพยายามดึงแก้วเหล้าออกจากมือคนที่จะเอาแต่กระดกเข้าปากอยู่เรื่อย ท่าทางเรื่องระหว่างคินกับครูสอนวาดรูปคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วมั้ง คนที่โดนหาว่าเมาก็พยักหน้ายอมรับพร้อมกับบอกว่ายังคุยรู้เรื่องยังมีสติอยู่ พอเห็นอีกฝ่ายมั่นใจตัวเองขนาดนั้นเคก็เลยพยักหน้าเออออไปก่อน เขาว่าอย่าเถียงคนเมา

“คินเป็นคนจริงจังในทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิต เรื่องงาน หรือเรื่องความรัก เห็นตะลอนๆ ไปทั่วแบบนั้นแต่นั่นคือสิ่งที่คินวางแผนไว้แล้วเหมือนกัน”

“………………”

“สำหรับเรื่องคุณน้ำเท่าที่ผมสังเกต คินจริงจังมากแล้วนะครับแต่คุณน้ำก็รู้ใช่ไหมครับ คนเราต่อให้คิดมาดีแล้วแค่ไหนมันก็อาจจะมีผิดพลาดกันได้”

“คินไม่ได้ผิดหรอกครับ หรือผิดไม่รู้สิ ผมรู้แค่ว่าวันนี้ผมน้อยใจสุดๆ เลยที่สุดเลยแบบไม่เคยเป็นมาก่อน”

“เลยหนีมากินเหล้า”

“คนเรามันต้องมีช่วงเวลาแบบนี้กันบ้าง ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกเลย”

“หนีวันนี้ได้แต่ต้องกลับไปคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะครับ ป่านนี้คินตามหาทั่วกรุงเทพแล้ว ผมรู้คนอย่างภาคินไม่ปล่อยให้ผ่านไปหรอก”

“ดี หัวหมุนซะบ้างหรือจริงๆ คินอาจจะอยู่กับคนอื่นแล้วสนุกกว่าผมก็ได้”

“ใคร? แฟนเก่า”

“เพื่อน…สนิทเคยสนิทมั้ง”

“อ้อ นาวาน่ะเหรอครับ”

ทันทีที่ได้ยินชื่อคนที่นั่งฟุบหน้ากับโต๊ะก็เด้งตัวขึ้นมาทันที พร้อมกับพูดเบาๆ ว่าทำไมใครๆ ก็รู้จักวะ เคหัวเราะออกมาพร้อมกับบอกว่าตอนนั้นเรื่องของคินกับนาวาเขาก็พอรับรู้มาบ้าง เหมือนจะเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดาทั่วๆ ไปแต่แววตาที่ดูเจ็บปวดเหมือนมันเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงทำให้สีน้ำเลือกที่จะบอกว่าไม่อยากฟัง

“เอาเป็นว่าผมไม่ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับความรักของคุณสีน้ำกับคินแล้วกัน ความรักยังไงก็เป็นเรื่องของคนสองคน แต่ในฐานะที่เป็นพี่ชายของคิน หมายถึงพี่ชายที่เคยสนิทกันมาก่อน”

“…………”

“คุณได้มาเป็นสะใภ้คนเล็กของพิชญเดชาแน่นอน”

ไม่รู้ว่าคนฟังเขินหรือเมาเพราะตอนนี้หน้าแดงไปหมดทั้งหน้าแล้ว เหล้าในแก้วก็หมดแต่เจ้าตัวไม่ได้ขอใหม่เหมือนก่อนหน้านี้คงรู้ลิมิตตัวเองดี อยู่ดีๆ สีน้ำก็เด้งตัวมานั่งเท้าคางแล้วมองเหม่อไปข้างหน้าก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มคุยบ้าง

“คินบอกว่าผมเป็นคนที่รู้ทันคินแทบทุกอย่าง”

“ครับ?”

“อยากรู้เหมือนกันว่ากับคนพี่ผมจะรู้ทันคุณเคไหม”

“รู้ทันผม”

“คุณเคคอยตามดูคินอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมครับ”

“ผมไม่คิดว่าจะมีใครรู้”

“ผมไม่รู้ว่าปัญหาระหว่างพี่น้องคืออะไร แต่คุณเคเหมือนจะพยายามกันให้คินออกจากบางอย่าง ไม่ได้ตั้งใจจะใจร้ายหรอกแต่ลึกๆ ก็ยังห่วงอยู่”

เคยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังไม่แปลกใจเลยที่น้องชายเขาจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ เขาเคยคิดว่าคินเป็นคนที่ฉลาดมากๆ แล้วนะแต่ก็เหมือนจะยังแพ้ครูสอนวาดรูปผมสีน้ำตาลแดงคนนี้อยู่ดี สีน้ำเอามือเล่นแก้วเหล้าเปล่าๆ ตรงหน้าพร้อมกับพูดเบาๆ ว่าสมกับเป็นพี่น้องกันใช้วิธีเดียวกันไม่มีผิด

“ผมขอบอกอะไรคุณเคหน่อยได้ไหม”

“ตามสบายเลยครับ”

“ถ้าจะกันให้คินออกห่าง ถ้าจะทำเป็นใจร้ายก็ขอให้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ แต่ถ้าจริงๆ แล้วไม่ได้คิดแบบนั้น ถ้าจะปกป้องก็ปกป้องให้ถึงที่สุด อาจจะเท่กว่าก็ได้นะ”

เคหันมามองคนที่พูดจบแล้วยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มคงจะมึนหัวเต็มที เห็นยกมือขึ้นมาบีบขมับหลายรอบ นี่ขนาดไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเขามาก่อนยังมองออกขนาดนี้ ครูสอนวาดรูปคนนี้โคตรจะไม่ธรรมดาเลย

“คุณสีน้ำคิดว่าตัวเองเป็นสีอะไร”

เหมือนเป็นคำถามง่ายๆ แต่สีน้ำกลับขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้าพลางบอกไม่เคยคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร เพราะตัวเองเปลี่ยนไปทุกวัน พอได้ยินคำตอบเคก็ไม่ได้สงสัยอะไรเท่าไหร่มันก็เหมาะกับตัวของคุณสีน้ำดี คนที่นั่งหน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หันมาชี้นิ้วใส่เขา

“คุณเคเป็นสีเทา”

“สีเทาเข้มคุณน้ำเคยบอกผมแล้ว”

“ไม่ วันนี้อ่อนลงมาเป็นสีเทาอ่อนแล้วนะ สบายใจขึ้นมาแล้วล่ะสิ”

เคว่าสะใภ้คนเล็กของพิชญเดชาน่าจะถูกใจพ่อกับแม่ไม่น้อย ขนาดเขาเพิ่งได้เจอไม่กี่ครั้งยังรู้สึกเอ็นดูเหมือนมีน้องชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน จะว่าไปก็จริงอย่างที่เจ้าตัวว่าเหมือนสิ่งที่เขากังวลมาตลอดมันถูกปลดล็อคออกไปแล้ว เหลือแค่ว่าเขาจะตัดสินใจเด็ดขาดอีกทีเมื่อไหร่ แต่ก็คิดว่าคงเร็วๆ นี้ ไม่ปล่อยให้นานกว่านี้แน่ๆ แต่ตอนนี้ท่าทางคนเมาก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันเพราะเคเห็นสีน้ำยกมือขึ้นมาลูบหน้าหลายที นี่เคก็คิดว่าคงรู้จักกับเจ้าของร้านเพราะเห็นฝ่ายนั้นเดินเข้ามาหาดูตลอด แต่จะปล่อยให้นั่งอยู่ด้วยท่าทางแบบนี้ก็ดูจะอันตรายไปหน่อย

“กลับบ้านไหมครับ ผมไปส่งให้ได้หรือให้ผมโทรบอกใครให้มารับ”

สีน้ำนั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด เขายังไม่อยากกลับไปที่ร้านตอนนี้สักเท่าไหร่อีกอย่างก็ไม่รู้ด้วยว่าเจอหน้าภาคินเขาต้องทำตัวแบบไหน แต่ก็หมดหนทางไม่รู้จะไปที่ไหนแล้วเหมือนกัน อยากไปอยู่ในที่ๆ รู้สึกว่าสบายใจ อยู่ดีๆ คำพูดของคุณต้นไม้แฟนของคุณรามิลก็แว๊บขึ้นมาในหัว

“ไว้ผมมีเรื่องไม่สบายใจจะแวะไปหาต้นไม้นะครับ”

“SECRET GARDEN ยินดีต้อนรับครับ”


คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ไปที่นี่จริงๆ  “คุณเคช่วยไปส่งผมที่หนึ่งหน่อยได้ไหมครับ”


Watercolor


“ไม้จะบอกคินไหมว่าคุณสีน้ำอยู่ที่นี่”

“ไม้ว่า เดี๋ยวคินก็รู้เองคงไม่ยอมนอนหรอกถ้าไม่ได้เจอคุณสีน้ำภายในคืนนี้”

“แก๊งลูกเพื่อแม่เป็นแบบนี้ทุกคนสินะ”

“ทุกคนจริงๆ ครับ”

“รามิลก็เป็นเหรอ”

“ติดเป็นตังเมเลยรายนั้น”

เคหัวเราะเมื่อรู้สึกว่ารามิล เตชนะหิรัญเพื่อนของน้องชายที่เขาเห็นตั้งแต่เด็กเวลาทำงานก็เห็นเก๊กเป็นผู้บริหารนิ่งขรึม ก็ไม่คิดว่าเวลาอยู่กับแฟนแล้วจะเป็นแบบนี้ ต้นไม้หันไปขอบคุณพี่ชายของคคิน ก่อนจะหันไปช่วยคีตากับพอร์ชพยุงคนเมาเข้าไปในร้าน  คีตาเอ่ยถามอีกครั้งว่าให้พาสีน้ำไปที่ไหนต้นไม้มองไปรอบๆ ร้านพร้อมกับบอกว่าให้พาไปนอนพักที่ห้องข้างหลังก่อนแล้วกัน  ไม้เองก็รู้ว่าที่สีน้ำมาที่นี่ก็คงมีเรื่องที่ไม่สบายใจคิดว่าปล่อยให้นอนพักสักหน่อยจะดีกว่า แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ประชุมกันไม่เสร็จสักที พอคิดถึงสี่คนนั้นก็ยิ้มออกมา

ขนาดภาคินที่คิดว่าฉลาดเป็นกรดยังพ่ายแพ้ให้กับความรักเลย



มึนหัวโคตรๆ
ตอนนี้สีน้ำทำได้แต่ลืมตามองเพดานห้อง

ก็พอรู้นะว่าตัวเองอยู่ไหนแต่ตอนนี้หัวมันหนักจนลุกไม่ขึ้น แต่นอนอยู่อย่างนี้ก็รู้สึกเวียนหัวอยู่เหมือนกัน สีน้ำนับหนึ่งถึงสามแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงรู้ถึงสภาพตัวเองตอนนี้เลยว่าดูไม่ได้แน่ๆ พอมองไปรอบๆ ห้องก็เห็นว่าเป็นห้องโล่งๆ มีแค่เตียงและเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น  คงเอาไว้ให้แขกพักมากกว่า พอสติค่อยๆ กลับมาสีน้ำเลยเดินออกจากห้อง ก่อนจะหยุดอยู่หน้าโรงเรือนที่เหมือนเพาะชำต้นไม้  ไม่รู้ว่าที่นี่เขาเข้าไปได้หรือเปล่า แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าข้างในจะเป็นแบบไหน สีน้ำเลยตัดสินใจแง้มม่านพลาสติกแล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู สิ่งที่เห็นทำให้สีน้ำมองค้างอยู่อย่างนั้น

ต้นกระบองเพชรหลากหลายพันธ์วางเรียงรายอยู่นับร้อยๆ ต้น รวมทั้งเจ้าของร้านดอกไม้ที่ในมือถือต้นกระบองเพชรอยู่ในมือหันมายิ้มให้ พร้อมกับบอกให้เขาเข้ามาข้างในได้เลย

“ปวดหัวไหมครับ เต้น่าจะมียาแก้แฮงค์ถ้าคุณน้ำอยากได้”

“ผมโอเคขึ้นแล้วนะ ขอเดินดูต้นกระบองเพชรได้ไหมครับจะระวัง”

“ตามสบายเลยครับ”

เพราะไม่เคยเห็นต้นกระบองเพชรหลากหลายสายพันธ์ขนาดนี้มาก่อน สีน้ำเลยสนใจเป็นพิเศษจริงอย่างที่ทุกคนบอก SECRET GARDEN ทำให้รู้สึกสบายใจ  สีเขียวของต้นกระบองเพชรทำให้สีน้ำผ่อนคลายขึ้นเยอะ พอเดินดูจนทั่วก็กลับมานั่งมองเจ้าของร้านเปลี่ยนกระถาง

“อยากวาดรูป”

“ผมไม่มีอุปกรณ์วาดรูปเลย วันนี้ไม่พกมาเหรอเห็นคินบอกปกติคุณน้ำพกปากกาพู่กันตลอด”

“ใครจะพกไปกินเหล้ากันล่ะครับ”

“ผมไม่คิดว่าจะได้เจอคุณน้ำเวอร์ชั่นนี้มาก่อนเลย ว่าแต่ผมถามได้ไหมคุณน้ำโกรธคินเหรอ”

“ไม่ได้โกรธครับ แค่ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ค่อยออกเลยอยากให้หัวสมองโล่งๆ สักหน่อย แล้วตอนนี้คุณรามิลไม่อยู่เหรอครับ”

“ไปประชุมกับแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ประชุม?”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่ประชุมกันแบบนี้บ่อยๆ ครับ ถือคติรวมหัวกันแก้ปัญหาดีกว่าตัวคนเดียว เรื่องประชุมมีตั้งแต่พรุ่งนี้ใส่เสื้อสีไหนดีจนถึงหุ้นตกกำไรหาย”

“อย่าบอกนะว่าวันนี้คือเรื่องผม”

“ครับ คินเรียกประชุมด่วนจี๋ มิลแทบวิ่งออกจากร้านบอกว่าภาคินมีเรื่องใหญ่มาก เบนกับทิมเลยแวะเอาพอร์ชกับคีตามาทิ้งไว้นี่”

“โห..รู้สึกผิดเลย”

“ไม่ผิดหรอกครับแก๊งนี้ก็เวอร์แบบนี้ตลอด เดี๋ยวก็ชินมีอะไรแปลกๆ อีกเยอะ”

“คุณไม้เคยทะเลาะกับคุณรามิลไหมครับ”

“ตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยทะเลาะกันแบบร้ายแรงเลย ก่อนที่ผมคบกันรามิลก็เคยหายไปนะครับนานกว่าคุณน้ำอีก ตอนนั้นผมคิดว่าความรักของผมคงจบแล้ว”

“............”

“แต่ผมก็ยังมีความหวังนะ ผมรอมิลมาตั้งสิบปี เหมือนคู่ของผมรักกันดีใช่ไหม แต่กว่าจะรักกันได้ก็เจอเรื่องเยอะเหมือนกัน คีตากับพอร์ชก็ด้วยไม่มีรักไหนที่ง่ายหรอกครับ”

“ผมคิดว่าตัวเองโตแล้วนะเนี่ย แต่จริงๆ ก็รู้สึกตัวเองไม่มีเหตุผลเลย”

“ไม่ต้องมีเหตุผลบ้างก็ได้ครับ ตอนที่ผมยังไม่ได้เป็นแฟนมิลผมทำอะไรหลายอย่างที่ไม่มีเหตุผลเท่าไหร่แต่ก็มีความสุขดี”

สีน้ำนั่งลงกับพื้นตรงหน้าของเจ้าของร้านที่เช็ดกระถางต้นกระบองเพชรไปด้วย  รอยยิ้มที่สีน้ำคิดว่ามันสวยมากถูกส่งมาให้พร้อมกับยื่นต้นกระบองเพชรต้นหนึ่งให้เขามาถือไว้ ครูสอนวาดรูปเงยหน้ามองไปรอบๆ โรงเรือนทุกวันนี้ไม่ค่อยได้อยู่กับต้นไม้ใบหญ้าเท่าไหร่พอได้มาอยู่แบบนี้ก็ผ่อนคลายดี

“คุณเหมาะกับชื่อต้นไม้จริงๆ ผมรู้สึกถึงลมเย็นๆ แค่นั่งอยู่ด้วยก็รู้สึกสบายใจ”

“ผมได้ยินคนบอกแบบนี้ตลอดเลย บอกว่าอยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกเย็นเหมือนมีลมพัด”

“มิน่าล่ะคุณรามิลถึงรักคุณไม้มาก”

“ต้องเอาคืนเยอะๆ ผมรอมิลมาตั้งหลายสิบปี”

เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นไปทั่วโรงเรือน ทำให้พอร์ชและคีตาโผล่หน้าเข้ามาหาพร้อมกับถามเรื่องอาหารที่จะสั่ง แต่สีน้ำส่ายหน้าไปมาเพราะตอนนี้ยังมึนๆ อยู่เลยให้กินอะไรเข้าไปสงสัยจะไม่ไหว เพราะฤทธ์แอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลืออยู่สีน้ำเลยขอตัวไปนอนพักอีกสักหน่อย  เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นสีน้ำเลยหยิบขึ้นมาดูข้อความจากณัฐทำให้สีน้ำยิ้มออกมา

“ไปนอนบ้านคนอื่นเขาได้ยังไงเมาแล้วไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง คนร้านข้างๆ เป็นห่วงตายห่าแล้ว”

เป็นญาติที่น่ารัก
ประทับใจ


ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
ภาคินรู้ว่าสีน้ำนอนพักอยู่ในห้องนี้หลังจากที่ประชุมกันเสร็จกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ ต้นไม้ก็โทรมาบอกมิลว่าสีน้ำอยู่ที่นี่ แปลกใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ดีๆ คนที่ตามหาก็โผล่มาที่ SECRET GARDEN แต่ก็โล่งใจที่ได้รู้สักทีว่าสีน้ำอยู่ที่ไหน บอกตามตรงเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย ความรู้สึกที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธจนไม่คุยด้วย ไม่อยากเห็นหน้ากันแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะทำยังไงดี นี่ก็เข้าใจสีน้ำเหมือนกันที่ยังไม่อยากเจอเขาตอนนี้ แต่จะให้เขากลับไปนอนหลับสบายก็ไม่ได้เหมือนกัน

 ยืนลังเลอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป  เตียงกลางห้องมีสีน้ำที่นอนหลับตาอยู่ส่วนคนที่นั่งอยู่ที่พื้นขีดๆ เขียนๆ เนื้อเพลงอยู่ตรงพื้นด้านล่างคือเจ้าหนูคีตาของไอ้เบน  คีตาพอเห็นเขาก็ยู่หน้าใส่ทันทีภาคินเลิกสนใจเจ้าเด็กแก้มยุ้ยแล้วนั่งลงตรงบนเตียงพร้อมกับยกมือลูบผมคนที่นอนหลับตาอยู่

ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรภาคินแค่สัมผัสกับเส้นผมสีน้ำตาลแดงนั่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ กระเถิบตัวแล้วก้มลงมาหาแก้มขาวที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสแก้มอย่างที่ตั้งใจเจ้าหนูคีตาก็ยื่นหน้าเข้ามาหา

“ไม่รักไม่ต้องไปหอมเขาเลยนะ”

ภาคินไม่ได้พูดโต้ตอบคีตา เพียงแค่ยิ้มออกมาแล้วก้มลงหอมแก้มขาวของสีน้ำเต็มฟอด พอจะก้มลงมาอีกครั้งก็ต้องหยุดค้างไว้เมื่อเจ้าหนูของไอ้เบนยังคงจ้องเขาไม่เลิก

“จะจูบนะจะอยู่ดูเหรอ”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่นี่มันจริงๆ เลย”

คีตาค้อนใส่หนึ่งทีก่อนจะเก็บอุปกรณ์ต่างๆ มาหอบไว้เต็มสองแขน พอเขาถามว่านั่งทำอะไรตรงนี้ เจ้าเด็กแก้มยุ้ยบอกว่าเป่ายิ้งฉุบแพ้พอร์ชเลยโดนส่งมาสืบเรื่องเขากับสีน้ำ พอได้ฟังเหตุผลภาคินก็อยากจะสั่งทั้งคีตาและไอ้พอร์ชหันหน้าเข้ามุมห้องสำนึกผิด แต่ก็ขอสั่งสอนเจ้าพวกนี้สักหน่อยก็น่าจะดี ยังไม่ทันจะได้เอ่ยวาจาว่ากล่าวตักเตือนอะไรคีตาก็สวนขึ้นมาซะก่อน

“แต่พี่ทิมสั่งมาอีกทีนะ”

โอเค…ยอมแพ้ก็ได้
คนสั่งนี่มันมีอำนาจจริงๆ

คีตาโบกมือก่อนจะปิดประตูห้อง ภาคินยังคงนั่งอยู่บนเตียงมือก็ลูบผมสีน้ำเบาๆ เขาไม่ได้รีบเร่งอะไรเพราะว่าตอนนี้สีน้ำก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ก่อนหน้านี้เขากระวนกระวายใจจนขนาดไอ้เบนถึงต้องจับให้เขานั่งเฉยๆ บ้างเพราะเขาเอาแต่เดินวนรอบห้องจนเพื่อนเวียนหัว แต่ก็นะจะให้นั่งมองทั้งคืนแบบนี้ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่

“เลิกแกล้งหลับได้แล้วครับ”

คิดจะหลอกคนอย่างภาคิน
บอกเลยใช้มุกนี้ไม่น่าจะได้ผล

ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นคนที่แกล้งหลับตาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาทีละข้าง พอเห็นหน้าภาคินเต็มๆ ตาก็หลับตาปี๋อีกครั้ง พอเห็นท่าทางแบบนั้นภาคินก็หัวเราะออกมา พร้อมกับสอดมือช้อนหลังให้คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นมานั่งพิงอกตัวเองไว้ สีน้ำก้มลงมองมือที่กอดเอวตัวเองไว้แน่นแล้วหันมามองหน้าคนที่นั่งซ้อนหลังอยู่

“มากไปหรือเปล่าเนี่ย”

“กอดแน่นไปเหรอ”

“เราควรต้องคุยกันก่อนหรือเปล่า”

“หายเมาแล้วหรือไงคุณพี่”

“สบายมากคุณน้อง นี่แค่นอนหลับตาเฉยๆ”

“โกรธผมมากเหรอถึงหนีไปไม่บอกผมเลย”

“แค่ไปกินหล้าเอง”

“ไม่เอง น้ำไปไหนผมก็ไม่รู้ ถามคุณณัฐก็ไม่ยอมบอกทำท่าเหมือนจะบีบคอผมด้วย แต่ผมดีใจนะที่น้ำมาที่นี่ที่ SECRET GARDEN”

“มาที่นี่แล้วสบายใจเหมือนที่คุณไม้บอก”

“แสดงว่าน้ำมีเรื่องไม่สบายใจ เกี่ยวกับผมใช่ไหม”

“………”

สีน้ำไม่ได้ตอบที่คินถามและภาคินก็ไม่ได้เร่งเร้าให้ตอบ มีเพียงสัมผัสตรงหลังมือเพียงเท่านั้น เพราะสีหน้าของสีน้ำดูเคร่งเครียดคนที่กอดอยู่ด้านหลังเลยจูบตรงข้างขมับพร้อมกับบอกว่าถ้ายังไม่พร้อมที่จะคุยกันวันนี้ก็ไม่เป็นไร ภาคินตั้งใจจะให้สีน้ำพักผ่อนก่อนขืนดึงดันที่จะคุยโดยที่อีกฝ่ายไม่พร้อมแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น อ้อมกอดที่ค่อยๆ คลายออกทำให้สีน้ำต้องจับมือของคินไว้ก่อนจะตัดสินใจหันหน้าเข้ามาหาแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ๆ จนคินต้องกระชับกอดให้แน่นขึ้น

“ไม่รู้จะพูดดีหรือเปล่า”

“ผมอยากให้เราคุยกันทุกเรื่อง เรื่องของเรา เรื่องงาน เรื่องอะไรทั่วๆ ไปมีสาระก็ได้ไร้สาระก็ได้ ปาท่องโก๋ไม่อร่อย ท้องฟ้าไม่สวย วันนี้ของคุณเป็นสีอะไร วันนี้ของผมเป็นสีนั้นสีนี้”

“ภาคิน”

“ครับ”

“วันนี้ที่ร้าน..”

“ที่ร้านทำไมครับ”

สีน้ำยังดูลังเลว่าจะเล่าดีหรือเปล่าจนภาคินต้องยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มที่ตอนนี้มันขึ้นสีแดงจางๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ คินได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าเหม็นเหล้าจะตาย แต่ภาคินก็ส่ายหน้าแล้วย้ายมาหอมอีกข้างแล้วแนบแก้มตัวเองไว้แบบนั้น เขาอยากให้สีน้ำผ่อนคลายมากกว่านี้ สีน้ำยังคงเงียบอยู่อย่างนั้นก่อนจะยกมือรั้งให้ภาคินผละออกมา

“ผมเห็นคินกับคุณนาวานั่งวาดรูปอยู่ด้วยกัน คือ..”

ภาคินคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ขัดสีน้ำเขาปล่อยให้ครูสอนวาดรูปพูดทุกอย่างที่อยากพูด มีบ้างที่หยุดพูดแล้วเหลือบตามองเขา แต่คินก็พยักหน้าพร้อมกับบอกให้เล่าต่อได้เลย

“รู้สึกตัวเองไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่”

“หึงแล้วหนีไปกินเหล้าเลยเหรอ ผมต้องจำไว้แล้ว”

“บอกว่าน้อยใจ”

“ผมไปอยู่ใกล้ใครไม่ได้แล้ว ร้านเหล้าขายดีแน่”

“ภาคินนี่มัน..”

“ขอโทษครับ”

สีน้ำตั้งท่าจะทุบคนตรงหน้าแต่พอได้ยินประโยคนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นวางมือบนไหล่กว้างแทน ที่จริงสีน้ำก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นความผิดของคินหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายก็ยอมพูดออกมาก่อน ทั้งแววตาและท่าทางก็ไม่ได้ดูล้อเล่นเลยสักนิด ภาคินกอดกระชับแล้วยกตัวให้สีน้ำให้ขึ้นมานั่งบนตัก

“ผมอาจจะคิดมากไปเอง”

“ผมผิด ผมคุยกับน้ำอยู่แต่ผมก็ยังทำแบบนั้นเป็นใครก็ต้องคิดมาก ถ้าน้ำไปนั่งวาดรูปกับแฟนเก่าหรือคนที่เคยชอบผมก็เป็นบ้าได้เหมือนกัน”

“คินไม่ชอบวาดสีน้ำเราเลยไม่เคยได้นั่งวาดรูปพร้อมกันเลย ตอนนั้นที่เห็นคุณนาวากับคินนั่งวาดรูปลายเส้นดินสอด้วยกันผมแบบ..ยังไงดี”

“พูดได้เลย ผมฟังอยู่”

“คิดว่าคินจะอยู่กับคุณนาวาแล้วมีความสุขมากกว่าอยู่กับผมหรือเปล่า แล้วตอนนี้เขาก็กลับมาแล้ว คินจะอื้ออ!”

สีน้ำยังไม่ทันพูดจบประโยคภาคินก็ก้มลงมาจูบ ตอนแรกแค่จะจูบเบาๆ แค่นั้นแต่เพราะตอนนี้อารมณ์ของสีน้ำมันอ่อนไหวจนคินจะอยากเรียกความมั่นใจกลับคืนมา เลยตัดสินใจประคองแก้มนุ่มทั้งสองข้างไว้ ภาคินยิ้มนิดๆ ก่อนจะก้มลงไปหาอีกครั้งสีน้ำหลับตาลงพร้อมกับสอดมือเข้าไปตรงกลุ่มผมของคิน เมื่ออีกฝ่ายเร่งจังหวะคล้ายจะบอกให้เขาเปิดปากมากกว่านี้ และทันทีที่ยอมให้คินทำตามใจสีน้ำก็ขยำเสื้อที่คินใส่อยู่มันยับยู่ยี่ ทั้งๆ ที่ปกติเราก็จูบกันบ่อยแต่ครั้งนี้สีน้ำรู้เลยว่ามันต่างออกไป คินจริงจังและตั้งใจให้เขาแทบหมดแรง

เราทั้งสองคนผละออกมาเพียงนิดและสีน้ำยังไม่ทันหายเหนื่อนคินก็ก้มลงมาหาอีกรอบ มือใหญ่ที่ประคอบหลังอยู่ค่อยๆ เอื้อมมือมาข้างหน้าแล้วปลอดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าของสีน้ำออก เสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวใหญ่พอโดนปลดกระดุมทำให้ไหล่ตกลงมา ภาคินยังคงแต้มจูบอยู่อย่างนั้นก่อนจะเลื่อนลงมาตรงข้างแก้มค่อยๆ ไล่ลงมาตรงซอกคอขาวและจูบเบาๆ ตรงไหล่ กระดุมเม็ดที่สองถูกปลดออกจนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแทบจะหลุดจากตัว แค่คินก็ปล่อยให้มันค้างไว้แบบนั้น สีน้ำแทบกลั้นหายใจเมื่อคืนยังคงแต้มจูบเบาๆ ตรงไหปลาร้าและวนเวียนอยู่ตรงแถวๆ ไหล่และแก้ม

“คิน”

“ผมรู้ยังไม่ใช่วันนี้ แต่ไม่น้อยใจผมแล้วได้ไหมอย่าคิดว่าผมอยู่กับน้ำแล้วจะไม่มีความสุข รู้ใช่ไหมเราไม่ต้องชอบเหมือนกันก็ได้ คุณวาดสีน้ำ ผมวาดดินสอแค่เราอยู่ด้วยกันก็พอ”

“……………”

“ผมยอมรับว่าผมเคยมีความสุขตอนที่ได้วาดรูปพร้อมกับนาวาแต่มันก็นานมาแล้ว วันนี้ความรู้สึกมีแค่สนุกดีเหมือนเรานั่งวาดรูปกับเพื่อนคนหนึ่ง”

“……………”

“แค่นั้นเลย แค่นั้นจริงๆ”

“………….”

“ผมขอโทษที่ไม่อธิบายอะไรให้ชัดเจน ผมขอโทษพูดให้ฟังทั้งคืนยังได้”

“พอแล้วครับ ผมเข้าใจแล้ว”

สีน้ำก็ไม่คิดว่าคนอย่างภาคินจะอธิบายถึงขนาดนี้ และแววตาของคินตอนนี้มันบอกได้เลยว่าทุกอย่างที่พูดมามันไม่ใช่เรื่องโกหก สีน้ำยกมือขึ้นมาสัมผัสลงบนแก้มของภาคินแล้วยิ้มให้ สงสัยภาคินจะทำให้เขาซึ้งไปหน่อยหยดน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมาแต่ภาคินก็ค่อยๆ ปาดมันทิ้งตามด้วยจูบลงบนแก้มขาวอีกครั้ง

“วันนี้ดีไหม”

“อะไรดี”

“จูบผม”

“ถามอะไรแบบนี้เนี่ย”

“ไม่เคยจูบใครนานขนาดนี้มาก่อน จริงๆ ก็ไม่อยากหยุดแต่กลัวน้ำขาดใจตาย”

“นึกว่าจะบอกว่ามีรสเหล้าซะอีก”

“เรื่องนี้ด้วย ผมไม่ได้ห้ามน้ำแต่บอกผมหน่อยว่าไปกินที่ไหน แต่ถ้าอยากเจอของเด็ดแนะนำคีตามือชงเหล้าอันดับหนึ่ง”

“คีตา?”

“ไม่ได้โม้ ไอ้เบนน๊อคสลบไปแปดชั่วโมงตื่นมาคีตายังนั่งชงเหล้าอยู่เลย อยากได้สูตรไหนชงได้หมด”

“ต้องไปตีซี๊ซะแล้ว”

“เป็นแฟนแก๊งลูกเพื่อนแม่เดี๋ยวก็สนิทหมดทุกคน”

“คิน”

“ครับ”

“ต่อจากนี้ผมจะบอกคินทุกเรื่องเลย”

“ไหนบอกซิวันนี้ยังเป็นสีทองอยู่ไหม หรือว่าเป็นสีอื่นแล้ว”

“วันนี้ยังเป็นสีทองแบบประกายวิบวับ เพราะรู้สึกม๊อบแม๊บในใจแบบใจฟูมีความสุข”

“ศัพท์ประหลาดไม่เคยได้ยินแต่ความหมายดีนะ พิมพ์บอกแก๊งลูกเพื่อนแม่บ้างดีกว่าว่าวันนี้ผมรู้สึกม๊อบแม๊บในใจ”

สีน้ำหัวเราะออกมาเมื่อคินทำท่าจะพิมพ์ลงไปในกรุ๊ปจริงๆ แถมพิมพ์ไปด้วยทำหน้าตาจริงจังไปด้วย ท่าทางที่เหมือนเด็กๆ สีน้ำนึกเอ็นดูเลยเอียงหน้ามาหอมแก้มคินบ้าง คนโดนหอมยิ้มออกมาก่อนจับเสื้อเชิ้ตที่หลุดร่วงลงมาตรงไหล่ของสีน้ำให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะดึงขึ้นมาติดกระดุมเหมือนเดิมคินก็ก้มลงมาจูบตรงไหล่เปลือยแรงๆ ทำให้สีน้ำก็ย่นคอเพราะรู้สึกจั๊กจี้ พอเห็นท่าทางแบบนั้นก็เลยแกล้งหอมไม่หยุด ทั้งจูบทั้งหอมจนสีน้ำหัวเราะออกมา กว่าคินจะหยุดแกล้งก็แทบหมดแรงสีน้ำเลยสั่งจริงจังว่าหยุดเล่นก่อน พร้อมกับจัดการติดกระดุมเสื้อเชิ้ตเอง

“สีน้ำ”

“หืม”

“พรุ่งนี้ผมจะเคลียร์ทุกอย่าง”

“ครับ”

“แล้วเรามาเล่าเรื่องที่เชียงใหม่ไปพร้อมๆ กันนะ”

“………..”

มือที่กำลังติดกระดุมเสื้ออยู่หยุดชะงักพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามอง แววตาของคินไม่มีความสับสนหรือแกล้งเล่นอีกแล้ว และสีน้ำเองก็คิดว่ามันคงถึงเวลาสักทีที่เราสองคนจะคุยกันเรื่องนี้ ภาคินกระชับกอดไว้แน่นเมื่อสีน้ำขยับตัวเข้ามาหาแล้วแนบหน้าผากลงมา

“ครับ ผมจะวาดรูปรอแล้วเราจะกลับไปที่เชียงใหม่ด้วยกัน”






To be con


ps.ใครจะพระเอกเท่าพี่คินไมีมีอีกแล้ว
ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามเดือน (ยังไม่ถึง) ขอโทษค่ะที่หายไปนานขนาดนี้ แต่พี่คินกลับมาแล้วจ้า
และก็ถึงเชียงใหม่สักที 555555

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back

ความหลังครั้งที่เชียงใหม่  จะได้เปิดเผยสู่สาธารณชนแล้ว

ว่าแต่...อีกกี่เดือนหว่า จึงจะได้รู้  อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อ้อมกันไปมา

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
สีน้ำกับน้องคินมาแล้ว คิดถึงมาก
สีน้ำน่ารักที่สุดดดด  :hao7:

ออฟไลน์ narongyut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
 :hao4: เชียงใหม่ อีกครั้ง ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งื้อออ รีบมาต่ออีกน้าาา

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
มาให้หายคิดถึงแล้วววววววว :hao7:
อ่านจบนี่อยากวาปไปเดือนหน้าเลย o18 o18
จะได้รู้เรื่องราวของเชียงใหม่แล้ว :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
รอลุ้นเชียงใหม่เป็นสีอะไร :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
นาวา=ตัวเร่งปฏิกิริยา

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
คิดถึง :sad4:

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.16
Rainbow

*ชื่อ ตัวละคร สถานที่ในนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติเท่านั้น

 

 

ภาคินไม่คิดว่าจะได้กลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สอง

งานนิทรรศการของนักศึกษาที่เขากับสีน้ำเคยมาแล้ว ตอนนั้นยอมรับว่าเพราะมัวแต่ตกตะลึงกับผลงานเลยไม่ได้มีโอกาสได้ดูงานอย่างละเอียด คราวนี้ภาคินตั้งใจว่าจะเดินดูทุกรูปทุกผลงานของนักศึกษาที่ชื่อว่า นาวา ปิติภูวดล จะว่าไปฝีมือของนาวาเรียกได้ว่าพัฒนามากๆ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน คินยืนมองรูปวาดลายเส้นดินสอที่เป็นเหมือนห้องประชุมสักห้องแล้วยิ้มออกมา เขารู้ว่าที่นี่คือที่ไหน

มันคือครั้งแรกที่เราเจอกัน

ตอนนั้นภาคินได้บัตรเชิญจากพี่ที่เคยร่วมงานกัน มันเป็นบัตรเชิญคอร์สบรรยายงานศิลปะและแน่นอนว่ามีให้ลงมือทำด้วย ตอนแรกคินตั้งใจจะอยู่แค่แป๊บเดียวเท่านั้น แต่พอถึงเวลาจริงๆ เขาก็ไม่กล้าลุกออกไปกลางคันเพราะกลัวว่าจะเสียมารยาท จนสุดท้ายคินก็ต้องนั่งวาดรูปตามที่วิทยากรบรรยายอยู่บนเวที นั่งขีดๆ เขียนๆ ไปเรื่อยเปื่อย พอได้ยินเสียงพิธีกรบอกว่าต่อไปจะเป็นการระบายสีน้ำเบื้องต้น ทันทีที่ได้ยินภาคินก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ไม่รู้เลยว่าคอร์สวันนี้จะเกี่ยวกับการระบายสีน้ำด้วย หรือควรออกไปตั้งแต่ตอนนี้ดี ยังไม่ทันจะได้เก็บอุปกรณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากคนข้างๆ

“คุณๆ คุณๆ นายๆ ทางนี้”

คินหันไปมองทางด้านซ้ายมือก็เจอผู้ชายตัวผอมกำลังยิ้มให้เขาอยู่ ยิ้มซะจนลักยิ้มบุ๋มลงทั้งสองข้าง คินนึกว่าเขาเจอฝาแฝดเพิ่งรู้ว่าคนข้างๆ แต่งตัวเหมือนเขาเป๊ะๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อยืดสีเทากางเกงยีนส์สีเข้มรองเท้าผ้าใบสีขาว รู้สึกเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่เลย คินไม่ได้ตอบรับคนข้างๆ แต่ก็เงียบรออีกฝ่ายว่าจะพูดอะไร

“หนีออกไปข้างนอกกันป่ะ”

“หนี? หนีไปไหน”

“ผมไม่ถนัดระบายสีน้ำเลย ไม่ค่อยชอบด้วยเห็นคุณทำหน้าเซ็งๆ อาจจะอยากออกไปข้างนอกเหมือนกัน”

ประหลาดมาก..

นอกจากจะแต่งตัวเหมือนกันแล้วยังไม่ชอบระบายสีน้ำเหมือนกันอีกต่างหาก คนข้างๆ คินยิ้มแฉ่งก่อนจะชี้นิ้วไปที่ประตูแล้วเดินย่องๆ ออกไป คินหัวเราะออกมาเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอคนแปลกๆ ที่นี่ แต่เอาเถอะจะให้เขาอยู่ต่อก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันเลยตัดสินใจเดินตามคนที่เพิ่งรู้จักออกไปข้างนอก ทันทีที่เขาปิดประตูก็เจอฝาแฝดเออเรียกอย่างนี้ไปก่อนแล้วกันยืนรออยู่แล้ว พอเขาถามว่าจะไปไหนเจ้าตัวก็ชี้ไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ

อเมริกาโน

เออ..เชื่อเลยไม่คิดว่าจะมีคนบนโลกใบนี้ที่ใช้ชีวิตเหมือนเขาได้อีก ปกติภาคินไม่ค่อยได้ความรู้จักกับเพื่อนใหม่ส่วนมากก็รู้จักกันตามงานบ้าง เมื่อก่อนตอนที่เขายังทำงานบริษัทโฆษณาเขาก็สร้างคอนเนคชั่นไว้เยอะพอสมควร แต่จะให้มานั่งทำความรู้จักใหม่ เธอชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็รู้สึกว่าเขาแก่เกินไปแล้วที่จะทำอะไรแบบนั้น แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนที่นั่งจิบกาแฟอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เพิ่งรู้ด้วยว่าอายุเท่ากัน

“เรายังไม่รู้ชื่อกันเลย”

“นั่งดื่มกาแฟกันมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”

“นึกว่าจะลุกหนีไปตั้งแต่สิบห้านาทีแรกแล้ว แล้วชื่ออะไรครับ”

“ภาคิน เรียกคินก็ได้”

“เราชื่อนาวา”

“นาวา?”

“เรือไง ลายเซ็นเราเป็นรูปเรือ”

นั่นเป็นครั้งแรกที่ภาคินรู้จักคนที่แต่งตัวเหมือนกันตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมความชอบก็เหมือนกันด้วย เราสนิทกันเพราะชอบอะไรเหมือนๆ กันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อาหารเครื่องดื่ม และการวาดรูปลายเส้นดินสอเหมือนกัน นาวาชอบบอกว่าตัวเองยังไม่เก่ง รูปวาดก็เลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่พอเห็นท่าทางหงอยๆ แบบนั้น คินก็เลยอาสาจะช่วยสอนให้ ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ตัวติดกันเหมือนคู่หูปาท่องโก๋ แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็เคยถามเขาเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับนาวา แต่ตอนนั้นคินก็บอกว่าแค่เพื่อนคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ในใจของคินนั้นยอมรับเลยว่ามันล้ำเส้นคำว่าเพื่อนที่เขาขีดเอาไว้แล้ว

ทุกครั้งที่คินถ่ายรูปให้นาวา

ทุกครั้งที่สอนนาวาวาดรูป

ทุกครั้งที่เราอยู่ใกล้ชิดกัน

ยอมรับเลยว่ามันไปไกลกว่าคำว่าเพื่อนตั้งนานแล้ว

วันนั้นคินเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มีกับนาวาไป ทั้งๆ ที่ในใจก็ยังแอบมีความหวังว่านาวาจะคิดเหมือนกันบ้าง เพราะทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันทุกอย่างมันดีมากๆ จนเขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าสักเสี้ยวหนึ่งเราจะคิดตรงกัน แต่มันไม่ใช่..

“เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้วนะคิน”

“………”


คินจำประโยคนั้นได้ขึ้นใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนคินไปเองหมดทุกอย่าง จริงๆ แล้วนาวาอาจจะแค่อัธยาศัยดีแค่เพียงเท่านั้น อาจจะแค่เป็นเรื่องสนุกที่เราได้ทำอะไรด้วยกัน ตอนนั้นคินยอมรับเลยว่าเขาโคตรเจ็บ อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้เผื่อใจไว้เลยว่าคำตอบที่ได้มาจะเป็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นคินก็ยังยิ้มให้นาวาพร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร นาวาเองก็คงกลัวเขาเสียใจถึงได้ขอโทษไม่หยุด และในตอนนั้นเองที่คินเพิ่งรู้ว่านาวากำลังจะไปเรียนต่อ

“ถ้าเรากลับจากญี่ปุ่นแล้วคินยังรู้สึกกับเราเหมือนเดิม ค่อยมาคุยกันอีกทีนะ”

“………”


ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนคินตั้งตัวไม่ทัน เขาเพิ่งสารภาพรัก โดนปฏิเสธ และคนที่ชอบกำลังจะไปเรียนต่อโดยที่ไม่เคยบอกเขามาก่อน คินเข้าใจมาตลอดว่าเราสนิทกันแล้วทำไมเรื่องแบบนี้เขาถึงรู้เป็นคนสุดท้าย แต่คินก็ไม่แน่ใจว่าเขามีสิทธิ์ถามหรือเปล่า มันสับสนไปหมดสุดท้ายคินก็ทำได้แค่ยิ้มให้แบบฝืนๆ พร้อมกับบอกว่าขอให้โชคดี

วันนั้นคินรู้สึกว่าเขาโคตรไม่ไหว ทุกอย่างมันหนักหนามันถาโถมจนตั้งตัวไม่ทัน สุดท้ายเขาก็นึกถึงครอบครัว คินแค่อยากกลับมาบ้านอยากพักจากทุกเรื่องที่เจอ เขาอยากได้ใครสักคนในครอบครัวที่นั่งข้างๆ ฟังเรื่องราว และกอดปลอบตอนที่เขารู้สึกแย่ขนาดนี้ และคนที่คินคิดถึงคือพี่ชาย พี่ชายของเขาที่คอยปลอบเขาเมื่อตอนยังเด็กถึงแม้ว่าตอนโตมาเราอาจจะไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน แต่คินขอแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่เจอมันไม่ใช่อย่างที่คินคิดเลยสักนิด ไม่ใช่เลย..

ตอนนั้นคินคิดอะไรไม่ออกนอกจากจะหนีไปไกลๆ เท่านั้น ไกลจากทุกคน ไกลจากทุกเรื่อง นั่นแหละเขาถึงตัดสินใจไป เชียงใหม่ โดยไม่มีกำหนดกลับ

 

นิทรรศการ


“รูปนี้วาดยากสุด เราไม่รู้ว่าคินตอนกำลังวาดรูปคิดอะไรอยู่ เราวาดเกือบร้อยรูปเลยมั้งกว่าจะผ่าน วาดไม่รู้ตั้งกี่ครั..”

“นาวา ทำไมถึงเป็นรูปเรา”

“นั่นสิทั้งๆ ที่ใจร้ายกับคินขนาดนั้น”

“ไม่ได้ใจร้ายหรอก ไม่รักก็คือไม่รักไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย เราแค่สงสัยตอนนั้นนาวาดูมั่นใจมากว่าให้กับเราได้แค่เพื่อนจริงๆ”

คินไม่อยากที่จะอ้อมไปอ้อมมาอีกแล้ว เขาต้องการจะพูดเรื่องนี้กับนาวาให้มันจริงจังสักที และเขาก็คิดว่านาวาเองก็พร้อมแล้วเหมือนกัน ระหว่างเราสองคนมีแค่ความเงียบเพียงเท่านั้นและนาวากำลังมองรูปภาพตรงหน้า มันเป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งกำลังวาดรูปอยู่และคินก็รู้ว่ามันคือตัวเขาเอง

“ขอโทษนะคิน”

“ขอโทษอีกแล้ว”

“ตอนนั้นตอนที่คินบอกว่าชอบเรา เรารู้สึกกับคินแค่เพื่อนอย่างที่คินบอกจริงๆ เราไม่พร้อมจะมีใครเลยและเราก็คิดแต่เรื่องที่จะไปเรียนต่อ คือไม่พร้อมสักอย่าง”

“เข้าใจ”

“แต่พอเราไปญี่ปุ่น เรากลับคิดถึงคินตลอดตอนนั่งเรียนอยู่ครูให้แรเงา เรายังเผลอเรียกชื่อคินเลยเพื่อนถึงกับ งง ว่าใครคือคิน เพราะปกติเวลาที่เราแรเงาไม่ได้ คินก็ช่วยเรา”

“แต่ก็หายไปเลย ไม่เห็นติดต่อมา”

“เอาจริง รู้สึกผิดเหมือนในละครที่เพิ่งรู้ใจตัวเองตอนที่พระเอกไม่อยู่แล้ว โคตรเหงาเลยว่ะคินแต่ก็เข้าใจเราใช่ไหม ปฏิเสธเขาขนาดนั้นใครจะกล้าทักไป แต่คินเองก็หายไปเหมือนกันเราเคยถามมิล มิลแค่บอกว่าคินไปต่างจังหวัด”

“ถามแก๊งลูกเพื่อนแม่ด้วยเหรอ ไหนบอกไม่ค่อยกล้าคุย”

“รามิลน่ากลัวน้อยสุดแล้ว ถ้าไปถามทิมอาจจะโดนต่อยมาทำเพื่อนเขาเสียใจขนาดนี้ ทิมดูไม่ค่อยชอบหน้าเราเท่าไหร่”

ภาคินเลือกที่จะเดินดูรูปในนิทรรศการไปด้วยพร้อมกับคุยไปด้วย อย่างน้อยตอนนี้บรรยากาศก็ดูผ่อนคลายกว่าเมื่อหลายวันก่อน รอยยิ้มของนาวาไม่ได้ดูฝืนเหมือนเมื่อตอนเราเจอกันแรกๆ พอเห็นแบบนี้คินก็เริ่มสบายใจขึ้นมาหน่อย อาจเป็นเพราะเราสนิทกันมาก่อน เลยทำให้คินรู้ว่าตอนนี้นาวาเองก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจะเป็นไปในทิศทางไหน

“นาวายังไม่ตอบคำถามเราเลยทำไมถึงเป็นรูปเรา โปรเจกต์จบไม่ใช่ง่ายๆ ต้องใช้เวลาอยู่กับมันตลอดแล้วนี่”

“ใจเย็น ที่จริงหัวข้อของเราไม่ใช่อย่างที่คินคิดหรอก”

“หัวข้อ?”

“ตอนเราคุยกับอาจารย์ ให้ทายว่าเราบอกหัวข้อโปรเจกต์จบคืออะไร”

“คิดไม่ออก คงไม่ใช่คำว่าคิดถึงอะไรแบบนั้นใช่ไหม”

“มั่วแล้ว”

“ยอมแพ้”

“สิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจ”

ทันทีที่ได้ยินภาคินก็หันมามองคนที่กำลังยืนยิ้มอยู่ นาวาพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับย้ำว่ามันคือคำนี้จริงๆ คินมองไปรอบๆ นิทรรศการ เพิ่งสังเกตว่ารูปภาพที่นาวาวาดมันเริ่มต้นตั้งแต่วันที่เราเจอกัน จนถึงวันสุดท้ายที่เขาบอกความรู้สึก

“เราบอกอาจารย์ว่า มันเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเรามาตลอด ภาคิน พิชญเดชาคือผู้ชายที่ชอบวาดลายเส้นดินสอ แต่งตัววนๆ อยู่แค่สามสี ชอบกินกาแฟดำและไม่ชอบระบายสีน้ำ เป็นความทรงจำที่ดีของเรานะ”

“นาวา”

“หัวข้อนี้มันก็เหมาะกับลายเส้นดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอดีตหมดเลยและคินก็รับรู้แล้วด้วย”

“วาดเก่งแล้ว คนชมกันตั้งเยอะแยะ”

“วันนี้สำหรับเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในใจกันอีกแล้วนะภาคิน ขอโทษด้วยถ้าทำให้ลำบากใจ ทะเลาะกับคุณสีน้ำหรือเปล่า”

“ไม่ถึงกับทะเลาะหรอกเขาโอเคแล้ว ตอนนี้ก็รออยู่ที่เชียงใหม่”

“เชียงใหม่? เดี๋ยวนะที่เคยบอกว่าพบรักที่เชียงใหม่ก็คือคนนี้เหรอ”

“เรื่องยาวมากและตัวเราเองยังไม่อยากเชื่อเลย”

“ไว้ถ้าพร้อมจะเล่า หมายถึงถ้า..เราสามารถคุยกันได้แบบเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนค่อยเล่าให้เราฟังนะ”

ภาคินพยักหน้าถึงแม้ว่าเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปี แต่มันก็อาจจะมีสักวันก็ได้ ตอนนี้เราสองคนเดินมาถึงรูปสุดท้ายและคินเห็นว่านาวาถอนหายใจเหมือนโล่งอก สำหรับตัวคินเองก็ยอมรับว่าสบายใจกว่าที่คิดไว้เขานึกว่าเราสองคนจะจบลงด้วยน้ำตาหรือผิดใจจนไม่สามารถกลับมาคุยกันได้อีก

“อยู่ไทยยาวเลยไหม หรือจะไปไหน”

“ตอนนี้คงอยู่ไทยก่อนมีงานทำแล้วนะเว้ย ลืมบอกไม่ตกงานเตะกระป๋องอีกต่อไป”

“เออ ดีใจด้วยเงินทองเป็นสิ่งสำคัญ”

“น้อมรับคำสอนลูกชายเจ้าของธนาคาร เออ..กับพี่เคเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน รู้ไหมว่าใครทำให้มันดีขึ้น”

“คุณสีน้ำ”

“รู้ได้ไงวะ”

“ตอนนี้ชีวิตนายภาคินมีแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วก็คุณสีน้ำ”

“เออ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้กลับมาคุยกับพี่เคได้อีกถึงจะไม่ได้สนิทเหมือนตอนเด็กๆ ก็ตามเถอะ แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อน”

“โสดป่ะ พี่เค”

“ไม่โสดแฟนสวยมาก แต่งงานปีหน้า”

“เกลียดมึงมากภาคิน ตัดเส้นทางสะใภ้ธนาคารแบบไม่เหลือเยื่อใย”

คินหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่านาวายังบ่นไม่เลิก พอเดินมาถึงบอร์ดที่ให้เขียนแสดงความยินดี นาวาก็ยืนมองอยู่อย่างนั้นหลากหลายข้อความที่ทุกคนเขียนให้ทำให้นาวายิ้มออกมา ทุกข้อความมันสมกับความพยายามและความทุ่มเทที่ทำมาทั้งหมด ก่อนที่คินบอกว่าขอตัวก่อนเพราะต้องไปแล้ว พอถามว่าไปไหนและคำตอบที่ได้มาคือเชียงใหม่ นาวาก็พยักหน้าพร้อมกับอวยพรให้โชคดี

“นาวา อ่านบอร์ดด้วยนะ”

ภาคินหันหลังกลับมาบอกแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไป นาวาเลยเงยหน้ามองบอร์ดที่ให้เขียนข้อความแสดงความยินดีอีกครั้ง พอเห็นข้อความที่เขียนเอาไว้เลยกระเถิบตัวเข้าไปดูใกล้ๆ 


ไม่ค่อยเข้าใจศิลปะเท่าไหร่แต่รูปสวยมาก วาดไอ้คินหล่อกว่าตัวจริง – เบนจามิน เกียรติธนธาดา

คินพามาดูงานนี้บอกว่าเป็นโปรเจกต์จบของเพื่อนเพิ่งรู้ว่าเป็นของนาวา รูปสวยมากถ้ามีรูปที่ขายขอซื้อไปแต่งบ้านได้ไหม (ไม่เอารูปไอ้คิน) - รามิล เตชนะหิรัญ

ขอโทษที่เมื่อก่อนนิสัยไม่ดี ตอนนี้ก็ยังนิสัยไม่ดีอยู่แต่เป็นเพื่อนกันได้นะ รูปโคตรสวยตอนเราเรียนไม่เคยวาดได้แบบนี้ ps.ถ้าแต่งงานจะให้ออกแบบแหวนก็บอกได้ จริงๆ เราเป็นคนใจดี - นพจินดา วรโชติเมธี



แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ยังเป็นแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เขาเคยรู้จัก เมื่อก่อนยอมรับเลยว่าเขาไม่ค่อยกล้าคุยกับแก๊งลูกเพื่อนแม่เท่าไหร่ทั้งๆ ที่สนิทกับคินแต่คนอื่นๆ ก็ไม่ค่อยได้คุย แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้ว่าเพื่อนแก๊งนี้รักและเป็นห่วงภาคินจริงๆ เป็นกลุ่มเพื่อนที่จะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนตาย และข้อความสุดท้ายที่ได้อ่านทำให้หยดน้ำตาไหลออกมาก่อนที่นาวาจะยิ้มจนลักยิ้มสองข้างบุ๋มลงไป

เก่งมาก ยินดีด้วยนะแล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เพื่อนรัก – ภาคิน พิชญเดชา



................
.......................


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด