WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8  (อ่าน 36336 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คิดถึงมากค่ะ รอคอยเสมอ

โอ๊ยยย ทำไมต้องทำให้ทุกคนสงสัย ตอนนี้สงสัยจะครบแก๊งค์ละนะ
ณัฐก็เด๋อไปแล้วคนนึง คิวต่อมาเป็นคีตา แต่ตอนนี้เป็นทับทิม แล้วมากระตุ้นคนอื่นตามคิว 5555

ภาคิน เดาว่า รู้ว่าเป็นสีน้ำ และจะค่อยๆ ปล่อยของ
สีน้ำน่าจะรอจังหวะให้ภาคินเปิดตัว เพราะณัฐบอกสีน้ำแสบไม่เบา และทิมก็บอกเหมือนกัน




ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นคนละคนก็ฮากริบละนะงานนี้

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
 

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.9
-Peach-



“มึงสั่งนมชมพูมานั่งมองเฉยๆ เหรอวะคิน”

“คนชอบกินไม่อยู่”

“ซึมเลยภาคิน เป็นบุญตาของกูมากๆ ที่ได้เห็นมึงเวลามีความรัก”

“กู? ทำไมวะแปลกเหรอไง”

“แปลก สำหรับกูนะมึงคือคนที่เฉยมากๆ ไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลย เวลาที่มึงอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่มึงคือที่ปรึกษาให้เพื่อน มึงคือคนที่เพื่อนจะพึ่งพา แน่แหละมึงฉลาดและมีสติสุดเท่าที่กูสังเกต”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“คือมึงแม่งฉลาดและรู้ทันคนอื่น จนกูนึกภาพไม่ออกเลยว่าเวลาที่มีความรัก ภาคินจะเป็นแบบไหน”

“กูก็เคยมีแฟน มึงอย่าเวอร์”

“ไม่เหมือนว่ะ ตอนนั้นมึงไม่ได้รักมากขนาดนี้”

“ขนาดไหน”

“ขนาดที่นั่งมองแก้วนมชมพูแล้วยิ้มคนเดียว..มึงก็มีมุมแบบนี้เนอะกิ๊บกิ๊วว่ะ น่ารักจังเลยภาคิน”

คินดันหัวเพื่อนที่ทำเป็นแกล้งจะเดินเข้ามาหยิกแก้ม แต่พอนึกตามเพื่อนที่พูดแบบนั้น เอาเข้าจริงก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันนี่ก็ทำตัวกุ๊กกิ๊กขึ้นทุกวัน เมื่อก่อนเขาคงไม่ออกจากบ้านเพื่อไปซื้อเครื่องดื่มสีสันสดใสขนาดนี้ แถมไอ้คนที่อยากให้ดื่ม ก็ไม่อยู่ นี่คิดว่าตัวเองตื่นเช้าสุดในรอบปีแล้วนะ แต่ก็ยังไม่ทันครูสีน้ำที่ยังตื่นเช้ากว่าเขาอีก พอไปเคาะประตูร้านข้างๆ ยืนเก๊กหน้าหล่อเต็มที่ หวังไว้ว่าคนที่จะเปิดประตูออกมาคือสีน้ำ แต่กลายเป็นณัฐที่พอเห็นเขาก็ทำหน้า งงๆ


“น้ำไม่อยู่ครับ วันนี้พาเด็กๆ ไปวาดรูปนอกสถานที่”


รู้สึกเหมือนได้ยินเหมือนเศษหน้าแตกดังเพล้ง เพราะยืนเก๊กทำหน้าหล่อชนิดพระเอกละครมาเอง คุณณัฐก็น่าจะตลกเขาอยู่เหมือนกันเห็นพยายามกลั้นหัวเราะ สุดท้ายภาคินก็ต้องเดินถือแก้วนมชมพูกลับมานั่งมองที่ร้านตัวเอง

“มึงอยู่กันได้ใช่ไหม เดี๋ยววันนี้กูต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน”

“ได้ครับ อยู่ไม่ได้กูปล้นของร้านมึงไปขายหมดนี่แหละ รวย”

“นี่กูไว้ใจถูกคนป่ะวะ”

“คิน แล้วมึงโอเคเหรอวะที่ต้องไปเจอญาติๆ มึง”

“กูใช้พลังทุกครั้งเวลาที่ต้องกินข้าวกับบรรดาญาติกู มึงก็รู้กอล์ฟ”

“เอาแก๊งลูกเพื่อนแม่มึงไปคนหนึ่งดิไปสู้ ไอ้ตัวจิ๋วอะ ตั้งแต่มีแฟนไม่เห็นหน้าเห็นตาฝากบอกกอล์ฟคิดถึง”

“มึงไม่โดนแฟนมันเตะก่อน ก็โดนไอ้ทิมแกล้งมึงอีกรอบ”

“จำได้ไม่ลืมจ้าตอนปอห้าเอาจิ้งจกปลอมมาใส่ในแก้วน้ำกู กูกรี๊ดลั่นโรงเรียนไอ้นพจินดาปอห้าห้องสาม”

พอนึกถึงวีรกรรมเก่าๆ ก็หัวเราะกันออกมาทั้งคู่ ป่านนี้ทิมน่าจะจามไม่หยุดโดนไอ้กอล์ฟนินทาขนาดนี้ ภาคินตบไหล่เพื่อนที่กำลังเช็คไฟที่สตูดิโอก่อนจะขอตัวขึ้นไปเก็บของที่ห้อง ทันทีที่ประตูปิดลงภาคินก็ถอนหายใจเขาไม่เคยชอบเลยเวลาที่ต้องไปกินข้าวที่บ้านพร้อมญาติมากมาย ทั้งๆ ที่น่าจะชินเพราะเจอเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ก็นะ..พอเจอหลายๆ ครั้งก็ต้องบั่นทอนจิตใจเป็นเรื่องธรรมดา บรรดาญาติๆ เขาก็ไม่เคยจะพูดเรื่องอื่นกันสักที พูดแต่เรื่องเดิม ๆ


คิน..ทำงานอะไรอยู่ เห็นเที่ยวตลอด
บอกให้เรียนเหมือนเคทำไมไม่เรียน ไปเรียนทำไม นิทง นิเทศ
มาช่วยงานที่ธนาคารไม่ดีกว่าเหรอ
วาดรูป ถ่ายรูป นี่เงินมันจะพอใช้ได้ไงกัน



เดาได้เลยว่าวันนี้ก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก ที่อดทนเพราะเห็นว่าเป็นญาติและก็ไม่อยากทำให้พ่อกับแม่ลำบากใจด้วย ทั้งๆ ที่พ่อกับแม่ก็บอกแล้วว่าเขาเป็นลูกที่ดี ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหายตรงไหน ตัวคินเองก็ดีใจอยู่หรอกแต่เขาก็อยากจะมีสักครั้งที่เห็นคนที่เป็นพี่ชายแท้ๆ ปกป้องเขาบ้าง

แต่นั่นแหละ เขาคงหวังมากเกินไป  ที่จริงเหตุผลหนึ่งที่เขาอยากเจอคุณน้ำในตอนเช้าก็เพราะเหตุผลนี้ด้วย อยากเติมพลังก่อนที่ต้องไปเจออะไรแบบนี้ คินเปิดกล่องสีน้ำตาลออกมาค้นหาโปสการ์ดใบหนึ่งแล้วนำมาหนีบไว้ตรงบอร์ด ก่อนจะหยิบดินสอมาเคาะลงไปตรงคำว่า นมชมพู

“ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกันนะเรา”




ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คุณลุง คุณป้า น้า อา เอาแต่ถามเรื่องงาน เรื่องแฟน ถามเป็นรอบที่ยี่สิบห้าว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานสักที สามสิบกว่าแล้ว ตอนแรกภาคินก็ตอบเลี่ยงๆ ไป แต่พอตอบประเด็นหนึ่งก็ถามจี้อีกประเด็นหนึ่ง ไม่จบไม่สิ้นสักที

“แล้วมันจะมั่นคงเหรอ บอกแล้วว่าให้มาช่วยงานตาเคไปเรียนอะไรก็ไม่รู้ป้าไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์..”

เคร้ง! ทุกคนบนโต๊ะอาหารนิ่งสนิทเมื่อคินโยนช้อนส้อมลงบนจานจนเสียงดังลั่น  คุณนายญาดาหันมามองมองลูกชายคนเล็กที่ยังคงนั่งท่าเดิมอยู่แบบนั้นพยายามจะเอื้อมมือไปจับไหล่ลูกชาย แต่คินกลับลุกขึ้นยืนซะก่อน

“ถ้าจะพูดเรื่องเดิมๆ ขอตัวก่อนนะครับ..ถ้าผมมันไม่ได้เรื่องขนาดนั้นลืมๆ ไปบ้างก็ได้ว่ามีผมเป็นหลานหรือว่ามีญาติชื่อภาคิน”

ก่อนที่คินจะหันหลังเดินออกไป สายตาก็มองไปยังพี่ชายที่เงยหน้าขึ้นมามองสายตาของพี่ชายคินเองก็ไม่เคยรู้เลยว่ามันหมายความว่ายังไง  ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา คินลองหยุดแล้วรอดูท่าทางของพี่เค แต่สุดท้ายมันก็เหมือนเดิมจบแบบเดิมๆ พี่เคเงียบโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ คินเลยยกมือไหว้พ่อกับแม่ก่อนจะเดินออกจากบ้าน ว่าแล้ว..มันต้องเป็นแบบนี้  ไม่เคยจะมีอะไรเปลียนไปเลยสักครั้ง ทันทีที่เดินมาถึงรถที่จอดไว้ สายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าเด็กผมจุกที่เกาะกำแพงบ้านมองเขาอยู่

“กลับมานอนบ้านเหรองไงทิม”

“ลูกกระจ๊อก”

“ไม่มีอะไรหรอกมึงก็เดิมๆ กูชินแล้ว”

“แล้วมึงจะไปไหน ไปจังหวัดอะไร”

คินเดินมาที่กำแพงสีขาวก่อนจะเอื้อมมือมาดึงผมจุกของทิมเบาๆ แก๊งลูกเพื่อนแม่ทุกคนรู้ดีว่าเวลาเจอเรื่องครอบครัวแบบนี้เขาเองจะขับรถไปต่างจังหวัดคนเดียว ไปนั่งคิดอะไรสักพักให้หัวมั่นโล่งแล้วค่อยกลับ บางทีก็ไม่มีจุดหมายว่าที่ไหนก็แค่ขับไปเรื่อยๆ

“ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน”

“บอกกูด้วยนะ”

“บอกทุกครั้งอยู่แล้ว”

“กูฟ้องไอ้มิลเรียบร้อย เบนด้วยมึงโดนด่าแน่นอนชอบหนีไปคนเดียว”

“กลับมาจะไปหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดแล้วกัน”

คินยิ้มบางๆ เมื่อลูกกระจ๊อกอย่างเขาต้องมาลูบหัวไอ้เจ้านายที่จิกหัวใช้มาตั้งแต่ปอสาม ไอ้ทิมทำหน้าบึ้งตึงก่อนที่เขาจะโบกมือลา ที่จริงคินก็รู้ว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่ชอบให้เขาหนีไปไหนคนเดียวแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องงานพวกนั้นไม่ว่าอะไรอยู่แล้วแต่เขาก็เจอแบบนี้บ่อยๆ พอเขากลับมาจากต่างจังหวัด รามิลจะคอยเตือนสติ ไอ้เบนบ่นยาวเหยียดเป็นหมีกินผึ้งเพราะกลัวเขาเกิดอุบัติเหตุ  และตบท้ายด้วยไอ้ทิมที่งอนจนเขาต้องเป็นฝ่ายง้อ ภาคินถอนหายใจแล้วนั่งหลับตาอยู่ในรถเขาเองก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน มันมืดแปดด้านไปหมด มันเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไร

หัวหิน
กาญจนบุรี
ระยอง
ภูเก็ต
หรือจะไปเชียงใหม่ ..


“เชียงใหม่..”


ภาคินลืมตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะสตาร์ทรถออกไป


Watercolor


เชียงใหม่ใกล้กว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ภาคินยืนกอดอกมองคนที่ใส่ผ้ากันเปื้อนแต่สีน้ำก็ยังเลอะเต็มไปหมด บางส่วนก็เลอะแขนเลอะแก้ม รอยยิ้มยามที่พูดคุยกับเด็กนักเรียนสดใสจนคินเองยังต้องยิ้มตาม คินรอจนนักเรียนคนสุดท้ายโบกมือลาครูสอนวาดรูปก่อนจะเดินเข้าไปหา สีน้ำหันมามองคนที่กำลังเดินมาวันนี้ภาคินแต่งตัวทางการมากกว่าทุกวัน มีเช็ตผมขึ้นเรียบร้อยแปลกๆ จากแววตาที่ดูอ่อนล้าและใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้มทำให้สีน้ำเลือกที่จะยืนอยู่หน้าร้าน และทันทีที่คินหยุดอยู่ตรงหน้าสีน้ำเลยยกมือขึ้นมาแตะแก้มเบาๆ

“เป็นอะไรครับคิน เหนื่อยเหรอ”

เพียงแค่ประโยคเดียวคินตัดสินใจรวบตัวคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่น สองแขนกอดรัดช่วงเอวใบหน้าซบลงตรงไหล่เล็กๆ นั่น  ภาคินไม่ได้สนใจคราบสีน้ำที่มันยังเลอะอยู่บนตัวของครูสอนวาดรูปเลยสักนิด และเดาได้เลยว่าตอนนี้มันน่าจะเลอะเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่เขาใส่อยู่เหมือนกัน สีน้ำเองก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นมาลูบแผ่นหลังกว้าง

ไม่มีคำพูดใดๆ
มีแค่การสัมผัสเท่านั้น

ภาคินหลับตาลงวันนี้เขารู้สึกว่าเขาเจอแล้ว…
ไม่ต้องไปจังหวัดไหนขอแค่มีคนๆ นี้คนเดียวก็เพียงพอแล้ว พอแล้วจริงๆ




“ไม่มีสอนแล้วเหรอครับวันนี้”

“หมดแล้วครับตอนเช้าผมพาเด็กๆ ไปวาดรูปที่สวนสาธารณะใกล้ๆ นี่เอง คลาสเมื่อกี้ก็คลาสสุดท้ายแล้ว คินล่ะครับปิดร้านเหรอ”

“สตูดิโอเปิดครับ แต่ร้านข้างล่างปิด”

“เหมือนที่คุณเบนบอก คินเปิดร้านปีละสามวัน”

“เดือนนี้สิบวันแล้ว…น้ำไม่ถามผมเหรอครับว่าเกิดอะไรขึ้น”

ท่าทางหงอยๆ เหมือนหมาตัวโตโดนให้งดอาหารทำให้สีน้ำยิ้มออกมา แบบนี้ภาคินค่อยดูเหมือนคนที่อายุน้อยกว่าเขาหน่อย ทุกทีเห็นชอบทำท่าวางมาดเหมือนคนที่อายุเลยวัยสี่สิบกว่าไปแล้ว พอเห็นเขาเงียบเจ้าตัวก็หางลู่หูตกมากกว่าเดิมจนสีน้ำต้องยกมือขึ้นมาจัดผมให้คนตรงหน้า

“ถ้าคินอยากเล่าผมก็จะฟัง แต่ถ้ายังไม่พร้อมผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก”

“แสนดีที่หนึ่งถึงแม้บางครั้งจะดูร้ายๆ เหมือนไอ้ทิมอยู่เหมือนกัน”

“ฟาดสักทีดีไหม”

“อย่าตีผมวันนี้ผมอ่อนแอ”

“ไปเที่ยวกันไหมครับ”

“ตอนนี้?”

“ครับ เที่ยวแบบวัยรุ่นๆ”


วัยรุ่นสมัยนี้ชอบมาดูนิทรรศการศิลปะเหรอวะคินก็สงสัยอยู่เหมือนกัน  นึกว่าเขาจะไปเที่ยวพวกคาเฟ่น่ารักๆ กันซะอีก ก็ตั้งแต่ตอบรับคำคุณน้ำก็ไปอาบน้ำอาบท่าล้างคราบสีที่ติดตามตัวออก แค่เพียงไม่นานก็ออกมาพร้อมหน้าตาใสปิ๊งก่อนจะบอกว่าเดี๋ยววันนี้จะพาไปเที่ยวเอง เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจแบบนั้น ภาคินเลยได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นไกด์พาเที่ยวเป็นคนจัดการเองทุกอย่าง

นั่นแหละตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู่กลางนิทรรศการภาพวาดสีน้ำ บอกตามตรงถึงแม้ว่าคินจะอยู่ในแวดวงของวงการศิลปะแต่นับครั้งได้เลยนะที่จะมีเวลามาเดินดูนิทรรศการแบบนี้ ตั้งแต่ทำฟรีแลนซ์ก็ลืมช่วงเวลาที่เดินดูงานศิลปะไปเหมือนกัน

“เบื่อไหมครับ”

“ไม่นะครับก็เพลินดี ไม่เคยได้ดูภาพวาดสีน้ำจริงจังมาก่อนเลย”

“ก็คินไม่ชอบ”

“ขอแก้ตัว เรียกว่าไม่ถนัดจะดีกว่า”

“ยังไม่เคยได้ลองเลย”

“จะค่อยๆ เรียนรู้ครับคุณครู น้ำรู้ไหมไอ้มิลเคยทำนิทรรศการภาพถ่ายต้นกระบองเพชรให้ไม้ด้วยนะ”

“แบบนี้เลยอะนะ”

“แบบนี้เลยเวอร์โคตรๆ รูปใหญ่เท่าฝาบ้าน”

“ไปว่าเพื่อน”

“เพื่อนทำไว้ยิ่งใหญ่มาก ของตัวเองจะต้องใหญ่ขนาดไหนคิดไม่ออกเดี๋ยวแพ้”

“แก๊งนี้นี่มันจริงๆ เลย”

ภาคินหัวเราะเมื่อเห็นว่าสีน้ำถอนหายใจแล้วเดินหนีไปอีกทาง ภาพวาดสีน้ำสีสันสดใสจนทำให้คินรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง แต่คนที่เดินอยู่ข้างๆ น่าจะตื่นเต้นมากกว่า เพราะเห็นเอาแต้จ้องรูปตาไม่กะพริบจนคินต้องแกล้งเอามือไปปัดๆ ผ่านหน้าถึงจะรู้สึกตัวเชื่อแล้วว่าชอบภาพวาดสีน้ำมากจริงๆ จะว่าไปได้มาเดินดูอะไรแบบนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายดีเหมือนกัน  พออกจากนิทรรศการก็เลยนั่งพักกันที่ร้านกาแฟ และแน่นอนว่าคินกำลังจ้องไอ้ก้อนขนมตรงหน้าแบบซีเรียส จนสีน้ำก็กลั้นหัวเราะ

“ผมรู้จักนี่เรียกว่าบราวนี่”

“แล้วอันนี้ล่ะครับ”

“เค้ก เค้ก เค้ก แล้วก็เค้ก ”

“จะบ้าตาย”

ก็คงจะจริงอย่างที่คุณทิมเคยบอกว่าคินเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่สนใจขนมหวานเลยสักนิด ให้กินมากสุดก็แค่สองคำ สีน้ำมองคนที่กำลังยกกาแฟดำขึ้นมาดื่ม จะว่าไปภาคินก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกัน คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังคงแต่งตัวโทนสีเดิมๆ ขาว ดำ เทา ขนาดเครื่องดื่มก็ยังไม่เคยเปลี่ยน สีน้ำเคยคิดว่าเขาจะใช้ชีวิตกับคนที่สุดแสนจะมินิมอลขนาดนี้ได้ยังไงกัน  มันตรงกันข้ามกับเขาไปหมดซะทุกอย่าง

“มองผมแล้วยิ้มแบบนี้คืออะไร จีบเหรอ”

“ทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปด แก่แล้วนะ”

“ใครแก่กว่านะ”

“กวนขนาดนี้แสดงวาอารมณ์ดีแล้วสิ”

คินไม่ได้ตอบอะไรแต่หยิบโปสการ์ดที่ซื้อมาจากนิทรรศการภาพวาดสีน้ำขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ วาดบางอย่างลงไป สีน้ำเข้าใจแล้วที่คินบอกว่าถนัดลายเส้นมากกว่าเพราะตอนที่คินวาดรูปมันมีสเน่ห์มากจริงๆ การจับดินสอ การลากเส้น หรือแม้แต่การแรเงา คินเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เอาแต่จ้องโปสการ์ดอยู่อย่างนั้นก่อนจะชูโปสการ์ดในมือขึ้นมา

“อยากได้เหรอครับ”

“ไปซื้อมาตอนไหน”

“ผมเห็นน้ำตั้งใจดูรูปอยู่เลยไม่อยากกวน เห็นโปสการ์ดสวยดีเลยแวะไปซื้อ”

“เสียดายผมอยากได้บ้าง”

“ไม่ให้หรอกนะ งก”

“ใจร้ายจริงๆ วันนี้ผมเป็นคนพามาเที่ยวแท้ๆ ”

“เที่ยวแบบวัยรุ่นหรือเที่ยวในวัยสามสิบ”

“ไอ้คนที่หงอยเป็นลูกหมาหายไปไหนแล้ว”

“สีน้ำ..ไว้วันหลังไปทำกิจกรรมซันเดย์กับแก๊งลูกเพื่อนแม่กันนะ”

“กิจกรรมวันอาทิตย์ที่คินเคยบอก จะดีเหรอครับมันเป็นวันของเพื่อนกับคิน”

“ไม้ คีตา พอร์ชก็มา กิจกรรมแรกก็เจอกันที่สนามยิงปืนก่อนเลย”

“ยิงปืน?”

“ไม่ต้องตกใจครับ ตอนแรกไม้กับคีตาก็ไม่ถนัดแต่พอหลังๆ ยิงแม่นแบบตรงเป้าไม่มีพลาด ไอ้มิลกับไอ้เบนกลัวจนตัวสั่น ส่วนพอร์ชกับทิมเหมือนแข่งทีมชาติ สู้กันไม่มีอ่อนข้อ งง ไปหมดนี่แฟนหรือศัตรู แข่งแบบเอาเป็นเอาตาย”

“แต่ที่คินบอกมาคือทุกคนเขาเป็น..เป็น”

สีน้ำเงียบไปไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรที่ทำจะทำให้ตัวเองเขินน้อยกว่านี้ดี ภาคินลุกขึ้นมานั่งดีๆ พร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มแต่สายตาเอาแต่จ้องสีน้ำคล้ายจะแกล้งคนตรงหน้าให้พูดคำนั้นออกมาสักที แต่สงสัยวันนี้เขาคงจะไม่ได้ยินเพราะเจ้าตัวเอาแต่หยุดอยู่ที่คำว่า เป็น เป็น เป็น แค่นั้น จนสุดท้ายคินต้องยอมแพ้วางแก้วกาแฟไว้ข้างแก้วนมชมพู ก่อนจะจับมือสีน้ำขึ้นมาแนบที่แก้มตัวเอง

“พาไปหาแก๊งลูกเพื่อนแม่ขนาดนี้แล้ว จะเป็นอะไรไปได้อีกครับสีน้ำ”



หลังจากกลับจากนิทรรศการและร้านกาแฟ ทั้งสองคนก็พากันกลับมาที่ร้านเพราะเห็นว่าฟ้าฝนเริ่มไม่ค่อยดี เห็นมืดมาแต่ไกล ตอนแรกสีน้ำอยากให้คินพักผ่อนเพราะวันนี้น่าจะเจอเรื่องหนักมาพอสมควร แต่ภาคินก็ส่ายหน้าไปมาท่าทางหงอยๆ เหมือนลูกหมาตัวโตกลับมาอีกรอบ สีน้ำเลยใจอ่อนให้คินทำตัวติดเป็นปาท่องโก๋ ตอนนี้ก็เอาแต่นั่งมองเขาวาดรูปอยู่ข้างๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่สีน้ำยอมให้ใครสักคนเข้ามานั่งในห้องทำงาน ปกติเวลาวาดรูปสีน้ำไม่เคยให้ใครเข้ามาในห้องเพราะเขาต้องใช้สมาธิ แต่ภาคินยกเว้นไว้สักคนแล้วกันนี่ก็นั่งดูหนังสือภาพเล่มใหญ่ไม่พูดไม่จาคงกลัวว่าว่าจะกวนเขาเชื่อฟังยิ่งกว่านักเรียนเขาซะอีก แต่ก็นะ..อยู่ด้วยกันแต่ไม่คุยกันนี่มันก็เงียบไปหน่อย

“คุยได้นะครับ”

“เดี๋ยวโดนครูน้ำดุ”

“จะตีด้วยเนี่ยถ้ายังกวนอยู่แบบนี้ คิน..ลองระบายสีน้ำเล่นไหมไม่ต้องวาดเป็นรูปก็ได้เอาที่คินอยากทำ สำหรับผมเวลาไม่สบายใจมันช่วยได้เยอะเลย”

สีน้ำยื่นสมุดวาดภาพพร้อมกับพู่กันให้ภาคินที่นั่งอยู่ข้างๆ คินหมุนพู่กันในมือไปมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะตัดสินใจจุ่มลงบนสีเขียวที่น้ำผสมไว้แล้วป้ายๆ ลงบนกระดาษสีขาวตรงหน้าคินบ่นเบาๆ ว่าไม่สวยเลยแต่สีน้ำก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรบอกแค่ว่าอยากวาดอะไรก็วาดอยากระบายอะไรก็ทำเลย ไม่มีคำพูดอะไรอีกสีน้ำนั่งวาดรูปของตัวเองส่วนภาคินก็นั่งขัดสมาธิแต้มสีน้ำไปเรื่อยๆ

“วันนี้ผมไปทานข้าวกับญาติมา…..”

สีน้ำหยุดพู่กันที่กำลังแต้มสีอยู่ ก่อนจะหันมามองคนที่กำลังนั่งระบายสีน้ำอยู่ข้างๆ ภาคินยังคงเล่าไปเรื่อยๆ กับเรื่องที่เจอในวันนี้ แต่มือก็ไม่ได้หยุดระบายสีน้ำไปด้วย คล้ายอยากให้มีคนรับฟังและสีน้ำก็แค่นั่งอยู่เงียบๆ ฟังทุกถ้อยคำที่ภาคินกำลังเล่า

“ทั้งๆ ที่น่าจะชินได้แล้วแต่ผมก็ยังหวังว่าพี่เคจะปกป้องผมสักครั้ง เหมือนตอนเด็กๆ”

“คินมีสิทธิ์ที่จะน้อยใจยังไงคินก็เป็นน้องชาย สำหรับผมที่เป็นคนนอกก็คงบอกได้แค่ว่าทุกคนมีเหตุผล บางทีพี่เคเขาก็อาจจะมีเหตุผลของเขา และก็ทุกคนมีด้านที่เราไม่เคยเห็นนะคิน”

“………………………………………”

“จะน้อยใจ จะโกรธก็ได้แต่อย่าเกลียดพี่ชายเลยนะ เท่าที่ผมเห็นพี่เคเขาก็พยายามมากแล้ว พยายามที่จะดูแลน้องชายอย่างคิน ทุกอย่างที่ผ่านมาผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง”

“น้ำรู้ไหม ทุกครั้งที่ผมเจอเรื่องแบบนี้ผมขับรถออกต่างจังหวัดไปอยู่คนเดียวตลอด นั่งคิดอะไรเงียบๆ พออารมณ์เข้าที่ถึงค่อยกลับมา”

“แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่ไปล่ะครับ”

“ที่นี่ก็ต่างจังหวัดนะ”

“ต่างจังหวัดตรงไหน ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ขนาดนี้”

“เพราะผมนึกถึงเชียงใหม่ ผมถึงมาที่นี่”

สีน้ำวางพู่กันที่กำลังระบายสีกระดาษตรงหน้าลงก่อนจะหันมามองคนที่พูดประโยคเมื่อกี้ออกมา ภาคินเลยยิ้มให้ เขาไม่ได้พูดผิดและความหมายก็หมายความตามนั้นจริงๆ สีน้ำกระเถิบเข้าไปใกล้คินพร้อมกับจูบลงบนหน้าผากคินเบาๆ มันเป็นการปลอบใจคินรู้ วงแขนคินรั้งเอวสีน้ำให้เข้ามาแนบชิดจนตัวสีน้ำขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนที่คินจะทำแบบเดียวกันบ้าง แก้มขาวตรงหน้าคือเป้าหมายต่อไปคินเอียงหน้าสูดความหอมก่อนจะย้ายไปอีกข้างให้เท่าเทียมกัน

“ถ้าไม่สบายใจจะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่อยากให้ไปต่างจังหวัดคนเดียวเลย”

“ตลอดเวลาเลยใช่ไหม”

“ตลอดเวลา คิดซะว่าที่นี่เหมือนเชียงใหม่อย่างที่คินบอกให้เป็นที่ให้คินได้พักเวลาที่เหนื่อย”

“ผมเข้าใจแก๊งลูกเพื่อแม่แล้ว รามิลเวลาเจอปัญหาที่บริษัทมันจะกลับไปหาไม้ที่ร้าน Secret Garden เบนจะกลับคอนโดไปฟังคีตาดีดกีตาร์ ทิมจะกลับไปหาพอร์ชที่บ้านสามร้อยล้านของมัน และตอนนี้ผม”

“…………………………………”

“มาเชียงใหม่แล้วระบายสีน้ำกับครูสอนวาดรูป”

ทันทีที่คินบอก รอยยิ้มพร้อมกับแววตาของสีน้ำทำให้ภาคินต้องกระชับกอดแน่นขึ้นพร้อมกับจูบลงบนข้างขมับ สีน้ำมองตามมือของคินที่ยื่นโปสการ์ดที่ซื้อในงานนิทรรศการมาให้ มันเป็นโปสการ์ดรูปท้องฟ้ายามเย็น สีของท้องฟ้ามันเหมือนกับสีของลูกพีช สีน้ำรับมันมาถือไว้รูปวาดเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนหันหลังมองภาพวาดสีน้ำและเขาเองก็รู้ดีว่าสองคนในโปสการ์ดคือใคร

“ไม่มีแลกกันเลย ผมน่าจะซื้อมาบ้าง”

ภาคินส่ายหน้าไปมาก่อนจะก้มลงมาบอกใกล้ๆ คนที่ยังคงนั่งอยู่บนตัก เพิ่งเห็นว่าแก้มขาวของสีน้ำเป็นรอยแดงจางๆ สงสัยเขาจะฟัดแก้มสีน้ำหนักไปหน่อยถึงได้ขึ้นสีแบบนี้ไม่รู้ว่าเพราะเขินเขาด้วยหรือเปล่า คินเลยกดจมูกลงบนแก้มนุ่มอีกครั้ง


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ต่อจากนี้เราอยู่แลกโปสการ์ดกันได้ตลอดเวลาอยู่แล้วสีน้ำ”


Watercolor

“มันอยู่ในกรุงเทพจริงเหรอวะ ทุกทีโผล่นู่นสมุย เชียงราย ขอนแก่น เหนือใต้ออกตก”

“เออ คินมันไลน์มาสั้นๆบอกแค่ว่าอยู่ร้าน”

“ร้านมืดสนิทขนาดนี้มีคนอยู่อีกเหรอ กูโทรหาเพื่อนมันที่มาสตูดิโอหมดทุกคนแล้วนะไม่เห็นมีใครเจอคินเลย”

ณัฐกำลังกอดอกยืนมองเมมเบอร์ของแก๊งลูกเพื่อนแม่ ชะเง้อชะแง้เกาะกระจกร้านคุณคินเหมือนเป็นพวกมิจฉาชีพจะมาปล้นร้านคนอื่น ทั้งสามคนบ่นแล้วบ่นอีกแต่ทุกประโยคมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง คุณรามิลหัวหน้าแก๊งเดินวนไปวนมาอยู่หน้าร้านคงจะร้อนใจที่ติดต่อคุณภาคินไม่ได้ คุณเบนกำลังอุ้มคุณทิมให้มองลอดผ่านกระจกดูข้างในร้าน ท่าทางจะรีบร้อนกันออกมาจากออฟฟิศคุณเบนจามินยังเสียบปากกาไว้ตรงหลังหู น่าจะรีบกันมากจริงๆ ณัฐยืนมองอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาทั้งสามคน

“ขอโทษนะครับ คุณคิน..”

บรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องทำงานของครูสีน้ำ ณัฐหัวเราะกับท่าทางเหมือนเจอผีของทั้งสามคน ยืนนิ่งกันเป็นหุ่น แก๊งนี้นี่มันบันเทิงดีจริงๆ ก็น่าตกใจอยู่เหมือนกัน ก็ภาพตรงหน้าที่ทุกคนเห็นคือบนโซฟามีครูสอนวาดรูปกำลังระบายสีน้ำอย่างตั้งอกตั้งใจน่าจะไม่ได้สนใจอะไรรอบตัว ถึงมองไม่เห็นคนที่ยืนกันอยู่หน้าประตู แต่ที่พวกเขาสนใจก็คือคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนตักคุณน้ำคือเพื่อนเขาเอง ภาคินนอนกำพู่กันไว้แน่นบนอกมีกระดาษสีขาวที่แต้มไปด้วยสีน้ำหลากสี แถมตามหน้าตามตัวยังเลอะไปด้วยสีน้ำอีกต่างหาก

เป็นภาพที่แก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ทั้งสามคนเลือกที่จะยืนอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่า คุณน้ำละสายตาจากภาพวาดตรงหน้าแล้วก้มลงมองคินที่นอนหลับสนิทอยู่บนตัก สักพักก็ยกมือขึ้นมาทาบลงบนแก้มคินคงเช็คดูว่ามีอาการป่วยหรือเปล่า ท่าทางอ่อนโยนและสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงทำให้ ทั้งสามคนยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆ ถอยออกมาแล้วปิดประตูเบาๆ

เบนจามินและรามิลยกมือขึ้นมากอดคอทิมคนละข้างซ้ายขวา
เมื่อเห็นว่าเจ้าชายน้อยของเขากำลังยิ้มอยู่

“ลูกกระจ๊อกไม่ต้องหนีไปไหนไกลๆ อีกแล้วเนอะ เจอที่พักใจแล้ว”





To be con



ps: นิยายรายเดือน ขออภัยที่มาช้ามากค่ะทุกคน
ตอนนี้เราซื้อคอมใหม่แล้วหลังจากคอมเก่าดับตลอดต้องชาร์ตแบตทุกสิบนาที ฮืออออ

PS.1 คู่นี้ดูเป็นคู่รักฉลาดหลักแหลมนะคะ มิสเตอร์แอนด์มิสซิสสมิทธิ์
ps.2 อย่าลืมไปร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่อง #สมรสเท่าเทียม กันด้วยนะคะ

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo



 

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่เค!! ขอเหตุผลด้วยค่ะ   :m16:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คนมีความรักมักละมุน อ่านแล้วฮีลใจ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
งืออออออออออิิ  :mew2: อยากอ่านอีกกกกกดด

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
รู้สึกถึงความอุ่นๆ ในห้องนั้น  :teach: :-[

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ละมุนใจมาก :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
อยากรู้พอสีน้ำไปกิจกรรมแก็งค์ลูกเพื่อนแม่ที่สนามยิงปืน จะแม่นเข้าเป้าขนาดไหน :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ลูกกระจ๊อกมีแฟนแล้วววว  :o8:
คิดถึงแก๊งลูกเพื่อนแม่   :กอด1:

ออฟไลน์ iMarchs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่เข้มข้น เราไม่นอน  :katai4:

ออฟไลน์ LonelyBoiZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
รอฉันรอเธอออยู่

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH 10
-purple -


   เสียงยิงปืนยังคงดังอย่างต่อเนื่องซึ่งมันก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ผิดปกติคือสายตาของแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่กำลังจ้องเขาอยู่ ภาคินหัวเราะกับท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสนิท แต่ก็พยายามไม่สนใจแล้วหันกลับไปยิงปืนต่อ คินเดาว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่อยากรู้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น เขาถึงไปโผล่ที่ร้านของสีน้ำแทนที่จะไปต่างจังหวัดเหมือนที่เคย พอนึกย้อนกลับไปวันนั้นก็รู้สึกสงสารสีน้ำอยู่เหมือนกัน ขาคงจะชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้วเพราะเขาเล่นนอนหลับจนเวลาไปเลย ตอนที่รู้สึกตัวตื่นเขาไม่ได้ลุกขึ้น แต่ลืมตานอนมองคนที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ เชื่อแล้วว่าเวลาวาดรูปสีน้ำมีสมาธิมากจริงๆ ขนาดเขานอนมองแบบนี้สีน้ำยังไม่รู้สึกตัวเลย

จังหวะที่คินนอนมองหน้าครูสอนวาดรูปอยู่อย่างนั้น  อยู่ดีๆ สีน้ำก็ก้มลงมามองพร้อมกับยกมือขึ้นมาจะแตะลงบนแก้มเขา แต่พอเห็นเขาลืมตาอยู่คงตกใจ

“แต๊ะอั๋งผมเหรอ”

“มานอนตักผมเป็นชั่วโมง ใครกันแน่ที่แต๊ะอั๋ง”

“เจ็บขาหรือเปล่า”

“ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว”

“ขอโทษ”

“อย่าเพิ่งลุก”

สีน้ำดันไหล่คนที่กำลังจะลุกขึ้นนั่งให้กลับไปนอนลงตามเดิม  พอเห็นสีน้ำทำหน้าเบ้ภาคินก็เลยไม่กล้าขยับตัวนอนตัวแข็งจนสีน้ำต้องบอกว่าเวอร์ไป พอเห็นว่าขาที่ชาเริ่มโอเคขึ้นแล้วภาคินเลยตะแคงตัวหันหน้าเข้าหาหน้าท้องคนที่นั่งอยู่


“ฟัดพุงเลยดีกว่า”

ภาคินไม่ได้พูดเล่นเพราะหลังจากที่บอกแบบนั้น ก็จัดการฝังใบหน้าลงไปถึงจะมีเสื้อผ้ากั้นอยู่แต่มันก็รู้สึกอยู่ดี สีน้ำพยายามตีไหล่คนที่เอาแต่แกล้งเขาไม่เลิก จนสุดท้ายคินเห็นครูสีน้ำเริ่มจะเหนื่อยเพราะหัวเราะมากเกินไปเลยหยุด พอตั้งสติได้ภาคินก็เลยโดนฟาดใส่

“ตีแรงมาก”

“ก็ดูทำ”

“เหนื่อยหรือเขิน”

“กลับร้านไปได้แล้ว”

พอสีน้ำพูดขึ้นมาแบบนั้น ภาคินเลยยกนาฬิกาขึ้นมาดู เพิ่งรู้ว่ามันดึกมากขนาดนี้แล้วนี่เขาก็นอนหลับเพลินไม่ได้รู้เรื่องเลย พอเขาลุกขึ้นมานั่งได้ก็เอาแต่นั่งอยู่แบบนั้น จนสีน้ำต้องดันตัวให้ลุกขึ้นกลับบ้านกลับช่องไปได้แล้ว ภาคินเลยต้องเดินไปที่หน้าประตูแต่ก็ไม่วายหันหลังกลับมามองคนที่เดินตามมา แล้วยืนกอดอกพิงประตูไว้

“ลีลาเหลือเกิน วันนี้จะเดินถึงร้านไหม”

“ผมว่าเราก็แก่เกินจะจีบกันแล้ว”

“พูดคำว่าแก่อีกคำเดียวต่อยเลยนะ จะแก่ไม่แก่แล้วยังไง”

“อยากนอนกอด ไม่อยากกลับร้านไปนอนคนเดียว”

“ณัฐฟ้องพ่อแม่ผมแน่”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่นอนกับแฟนหมดเลยนะ เหลือผมคนเดียวเนี่ย”

“แล้วที่ผ่านมาอยู่ได้ไง เขาหวานแหววกันขนาดนั้น”

“เออนั่นดิ เมือก่อนเข้มแข็งมั้งตอนนี้อ่อนแอ”

“กลับไปนอนเถอะครับ วันนี้คินเหนื่อย”

คินทำหน้าเบ้เมื่อสีน้ำใช้การอ้อนแทน คงรู้ว่าเขาแพ้อะไรแบบนี้คินเลยต้องยกมือยอมแพ้ ยังไงวันนี้ก็คงต้องถอยไปก่อน แต่จะไปก็ทำท่าอิดออดจนสีน้ำต้องดันตัวให้คินเดินออกไปร้านสักที ภาคินใช้ทีเผลอก้มลงมาหอมแก้มสีน้ำเร็วๆ หนึ่งทีแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางสบายใจผิดกลับตอนมาลิบลับ ภาคินจำได้ว่าเขาเดินฮัมเพลงกลับเข้ามาในร้านตัวเองแต่ก็ต้องตกใจกับบรรดาของกินที่วางอยู่หน้าร้าน

แก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
เวลาเศร้า เหงา ทุกข์ สุข ของอร่อยๆ ช่วยได้เสมอ( ถึงแม้บางครั้งจะเยอะเกินไปก็ตาม)


กลับมาที่สนามยิงปืน

“แล้วทำไมมึงไปไม่ชวนคุณน้ำมาด้วย”

“ตอนแรกเขาจะมาแต่อยู่ดีๆ ต้องไปสอนเด็กแทนคุณณัฐ กูว่าเขายังดูเกร็งๆ อยู่ด้วยเวลามาเจอพวกมึง เดี๋ยวตอนบ่ายจะแวะไปหาสักหน่อย”

“แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่มึงไม่ได้หนีไปต่างจังหวัด”

“ก็ต่างจังหวัดอยู่นะ กูไปเชียงใหม่”

“เมื่อไหร่กูจะรู้เรื่องเชียงใหม่สักทีเนี่ย ตอนนี้พล็อตละครของมึงกับคุณสีน้ำอยู่ในหัวกูเป็นล้านๆ พล็อต คีตาได้เพลงใหม่สองร้อยเพลงแล้วมั้ง”

“รอให้อะไรๆ มันเข้าที่ก่อน จริงๆ ก็อยากคุยเรื่องนี้กับพวกมึง ถือว่ากูเรียกประชุมเลยแล้วกัน”

ถือว่าเป็นการรวมตัวประชุมของแก๊งลูกเพื่อนแม่เรื่องเกี่ยวกับความรัก หลังจากที่ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันมาตั้งแต่เรื่องของทับทิมกับพอร์ช พอทั้งคู่แฮปปี้เอนดิ้งกันเรียบร้อยก็ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้อีก ที่จริงแล้วภาคินก็เคยจะประชุมเรื่องความรักเหมือนกันแต่คราวนั้น…จบเกมไปซะก่อน

“วันนี้พอร์ชกับคีย์แข่งกันหรือยัง”

“ยังเลย”

“ไปแข่งตอนนี้เลยไหม”

“ก็ได้นะผมยังไม่เหนื่อย ไปไหมเจ้าเด็กเปี๊ยก”

“เดี๋ยวจะล้มแชมป์ให้ดูมาเลยนายพชร”

พอคินพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ต้นไม้ที่นั่งอนู่ข้างรามิลเลยรู้ว่าต้องทำยังไง ต้นไม้รู้ว่าถึงแม้พวกเขาจะสนิทกันมากกว่าแต่ก่อน แต่แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ยังคงมีเรื่องที่ต้องการคุยกันแค่ในแก๊งอยู่ดี รามิลหันมายิ้มให้เมื่อไม้บอกว่าเดี๋ยวไปดูสองคนนั้นให้ กลัวว่าจะเอาปืนตีหัวกันตายไปซะก่อน ยังไม่ทันจะได้แข่งกันเป็นเรื่องเป็นราว คีตาก็วิ่งกลับมากระโดดกอดคอเบนจากด้านหลังแล้วหอมแก้มเต็มฟอด จังหวะเดียวกับที่พอร์ชเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วก้มลงมาหอมแก้มทับทิมเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งแข่งกลับไปหาต้นไม้ที่ยืนรออยู่ รามิลได้แต่กอดอกพร้อมกับบอกว่าต้นไม้ไม่เห็นวิ่งมาหอมมั่ง

“พวกแฟนเด็กนี่เอาใหญ่”

“เป็นแฟนเด็กซะเองก็ไม่ได้แย่ป่ะวะคิน”

“ถ้าไม่นับเรื่องที่อ้อนได้ นอกนั้นกูโดนดุโดนตีทั้งวัน”

“พูดแบบนี้ยอมรับแล้วสินะ แล้วไหนเรื่องที่จะคุย”

“ก็เรื่องนี้ที่จะคุย สีน้ำ”

“ทำไมวะกูก็เห็นมึงกับเขาก็ดูแฮปปี้ดี วันนั้นยังไปนอนตักเขาอยู่เลย”

“กูแค่รู้สึกว่า เขาต้องรู้แน่ว่ากูเป็นใครแต่ไม่ยอมบอกตรงๆ เหมือนรอดูว่าใครที่จะยอมรับก่อน”

“หมายถึง….ที่เชียงใหม่”

“กูได้ยินคำว่าเชียงใหม่วันละล้านรอบ แต่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติมเลย”

“ใจเย็นดิวะกูก็หาคำตอบอยู่ กูแค่บอกพวกมึงไว้ก่อนว่าถ้ากูพูดอะไรแปลกๆ อย่าคิดว่ากูบ้าแล้วกัน”

“แล้วทำไมมึงไม่ยอมรับก่อน”

“ง่ายไป..อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำยังไงต่อ”

“เออ! คุยกันตรงๆ ก็จบแล้วป่ะวะชอบทำอะไรให้มันยุ่งยาก”

“ก็เพราะถ้ามันใช่จริงๆ มึง…ชีวิตกูโคตรมหัศจรรย์เลยนะเว้ย แล้วก็สีน้ำก็ไม่ธรรมดาเลยว่ะ เพิ่งเคยเจอคนที่ทำให้กูไปไม่เป็นก็ครั้งนี้ พูดถึงเชียงใหม่ทีไรเฉไฉตลอดแบบเนียนๆ ด้วยนะ เชื่อเขาเลย”

“กูเชื่อว่ามึงคงคิดมาดีแล้ว คนอย่างมึงนะภาคินฉลาดเป็นกรดแต่อย่าลืมเซฟความรู้สึกด้วยนะเว้ย”

“....................”

“แล้วก็อย่าลืมเคลียร์ตัวเองด้วย กูยังไม่ลืมนะว่าที่มึงไปอยู่เชียงใหม่เพราะอะไร”

เบนเอื้อมมือมาตบไหล่คินเบาๆ ทุกคนในแก๊งรู้ดีว่า ภาคินเห็นเฉยๆ ทำตัวไม่สนใจโลกเท่าไหร่ แต่เรื่องความรักภาคินจริงจังเสมอ ถ้ารู้สึกไปแล้วก็จะยึดติดอยู่แบบนั้น ไม่มองคนไหน ทุ่มเทให้คนๆ เดียว ที่จริงก็เป็นกันทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราคบกันมาตั้งแต่สามขวบหรือเป็นกันมาแบบนี้ตั้งแต่เกิด



Watercolor



“น้ำอยู่โรงพยาบาลครับ”

ภาคินยืนนิ่งไปสักพักเมื่อคุณณัฐบอกมาอย่างนั้น  เขาคงทำหน้าตกใจจนคุณณัฐต้องบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ตอนกลับจากพาเด็กๆ นักเรียนแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนที่เขาโทรไปอาจจะรับโทรศัพท์ไม่ได้ ก็คงจะเป็นอย่างที่คุณณัฐบอกเพราะแค่เพียงไม่นานคุณน้ำก็โทรกลับมาหา ค่อยยังชั่วที่ไม่ได้เป็นอะไรแค่โดนรถเฉี่ยวมีรอยถลอกนิดหน่อย  แต่ที่ไปโรงพยาบาลก็เพราะคู่กรณีอยากให้มาตรวจเพื่อความปลอดภัย

“น้ำ..ผมไปหาได้ไหม”


สีน้ำกดวางสายจากคนที่กำลังมาหา ทั้งๆ ที่บอกแล้วแท้ๆ ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก มีแผลตรงข้อศอกเล็กน้อย ตรงเข่าอีกนิดหน่อย แต่ดูท่าภาคินจะไม่ได้ฟังเขาเลยยังยืนยันจะมาหาให้ได้ ตอนแรกก็จะปฏิเสธแต่เพียงแค่ประโยคเดียวสีน้ำก็เลยต้องยอมใจอ่อน

“ผมเป็นห่วง”

ตามใจเขาก็แล้วกัน



สีน้ำตั้งใจจะเดินไปนั่งรอตรงโซฟาอีกด้านของโรงพยาบาล จะว่าไปก็แผลก็เริ่มตึงๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน จังหวะที่กำลังจะเดินเลี้ยงตรงหัวมุม เสียงที่คุ้นเคยทำให้สีน้ำหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังยืนคุยกับหมอคือคนที่เขารู้จัก

คุณเค..พี่ชายภาคิน

“ทำงานหนักไปไหมเค ถอดสายน้ำเกลือไม่ถึงห้านาทีก็ต้องไปประชุมต่อยอดมนุษย์เหรอวะ”

“กูไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“สภาพเหมือนซอมบี้ยังจะมาบอกไม่เป็นอะไรมาก อย่าเครียดผ่อนคลายหน่อย”

“งานมันพักได้ที่ไหน”

“ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกากูยังไม่เห็นมึงพักเลย แล้วน้องชายมึง..ได้คุยกันยัง”

“เหมือนจะดีขึ้นแต่….ก็เหมือนเดิม”

“ไหนบอกว่าโอเคแล้วไงวะ วันก่อนยังถ่ายรูปหมูปิ้งมาอวดกูอยู่เลย”

บทสนทนาของทั้งสองคนหยุดลงแค่นั้นก่อนที่คุณหมอจะตบ ไหล่คุณเคเบาๆ  พร้อมกับตบท้ายว่าขอให้ดีกับน้องเร็วๆ ตอนเด็กๆ ก็เห็นเล่นด้วยกันบ่อยๆ  สีน้ำกระเถิบตัวหลบหลังเสาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคุณเคเดินแยกกับคุณหมอแล้วเดินไปอีกทาง สีน้ำชะโงกหน้ามาดูอีกครั้งให้แน่ใจว่าคุณเคเดินไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหลบแต่คิดว่าคุณเคคงไม่อยากเจอใครที่รู้จักที่นี่  พอเห็นว่าสถานการณ์โอเคแล้ว เลยถอยตัวกลับมาที่เดิมแต่ก็ต้องร้องลั่นเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า

“ตกใจอะไรขนาดนั้น”

“หายตัวมาหรือไง ทำไมมาเร็วขนาดนี้”

“ผมขับรถปกติเลย แล้วน้ำมองอะไรอยู่”

“ไม่มี ไม่ได้มอง”

“ตอบเร็วมีพิรุธมาก แล้วเป็นยังไงเจ็บตรงไหนครับ”



พอภาคินถามขึ้นมาสีน้ำเลยพลิกข้อศอกให้ดูแผล จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเท่าไหร่มากแต่อาจจะมีปวดๆ ตัวบ้างเพราะตอนล้มก็ล้มแรงอยู่เหมือนกัน ภาคินมองแผลอยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะแกล้งทำเป็นเป่าฟู่ๆ เหมือนเด็กๆ เวลาที่เหกล้มแล้วมีแผล พอสีน้ำเห็นเขาทำแบบนั้นก็หัวเราะลั่นพร้อมกับบอกนี่อายุเท่าไหร่กันแล้ว ภาคินเลยต้องบอกว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ชอบทำตอนเด็กๆ เลยติดมา

“สามสิบกว่ากันแล้วนะเนี่ย”

“ไอ้มิลหลอกว่าเป็นมนต์วิเศษตั้งแต่เด็ก เป่าแล้วจะไม่เจ็บจะได้ไม่ต้องร้องไห้ เชื่อกันอยู่ตั้งนาน”

“โดนหัวหน้าแก๊งหลอกเหรอครับ”

“พอไอ้ทิมรู้ความจริงว่าโดนหลอก กระโดดเตะไอ้มิลทันที”

สีน้ำหัวเราะกับวีรกรรมต่างๆ ของแก๊งนี้คุยไปคุยมาเริ่ม งง ไปหมดสรุปใครเป็นหัวหน้าแก๊งใครเป็นลูกน้อง เห็นมีแต่คนแกล้งคุณรามิลกันทั้งนั้น ทั้งสองคนเดินมาข้างหน้าโรงพยาบาลตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับบ้าน แต่พอจะเดินเลี้ยวไปยังรถที่จอดอยู่แขนเสื้อของภาคินก็ถูกดึงไว้ก่อนที่สีน้ำจะชี้ไปทางสวนสาธารณะที่มีงาน

“ไม่เจ็บแผลเหรอครับ”

“ผมจะเดินดูงานนี้แหลครับแต่เกิดอุบัติเหตุซะก่อน”

“งานเหมือนที่ไปขายต้นกระบองเพชรให้ไม้เลย”

“ครับ แต่งานนี้หมือนจะเป็นดอกไม้มากกว่า มีพวกผลไม้ด้วย”

ภาคินหันมามองคนที่ชะเง้อเข้าไปในงานเหมือนเด็กๆ ที่ตื่นเต้นเวลาได้ไปเที่ยว เขาคิดมานานแล้วว่าสีน้ำเป็นคนที่พลังงานเยอะมาก อย่างน้อยตอนนี้เพิ่งประสบอุบัติเหตุล้มกลิ้งไปกับถนน ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอาการเจ็บแผลตรงไหนยังหันมาลากเขาเข้าไปในงานที่จัดไว้อีกต่างหาก

เป็นคนที่สดใสขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ


ท่าทางงานจะถูกใจครูสอนวาดรูปมาก ดอกไม้สดดอกไม้แห้งวางเรียงรายอยู่เต็มทั้งสองข้าง ส่วนมากก็มาจากทางภาคเหนือของประเทศ ตอนแรกทั้งสองคนยังคงเดินคุยกันเรื่อยเปื่อย แต่ไม่รู้ว่าทำไมทันทีที่ก้าวขาเข้ามาตรงที่ป้ายเขียนติดไว้ว่า เชียงใหม่ ต่างคนก็ต่างเงียบกันทั้งคู่ ชื่อร้านต่างๆ ที่มาออกงานวันนี้มันคุ้นเคยจนบางครั้งสีน้ำต้องหยุดแล้วยืนมองอยู่นาน

“คุณคินเคยมาเดินงานแบบนี้ไหมครับ”

“หมายถึงที่นี่หรือว่าเชียงใหม่”

“ถ้าผมหมายถึงเชียงใหม่”

“เคยครับ ปกติก็ไม่ค่อยชอบเดินอะไรแบบนี้เท่าไหร่ แต่มีโอกาสได้ไปครั้งหนึ่งก็คล้ายๆ แบบนี้แต่อากาศเย็นสบายกว่านี้เยอะ น้ำล่ะเคยไปเหมือนกันใช่ไหม”

“ไปบ่อยเลย ไปซื้อดอกไม้มาใส่แจกันเอาไว้วาดรูป”

“คิดว่าที่เดียวกันไหม”

“งานแบบนี้ที่เชียงใหม่มีหลายงานเลยนะ เราจะอยู่ที่เดียวกันเหรอครับ”

“นั่นสิ ถึงตอนนั้นเราเดินอยู่ที่เดียวกันแต่เราก็ไม่รู้จักกันอยู่ดี”

“เราอาจจะเดินสวนกันก็ได้นะ แล้วเราก็เดินผ่านกันไปเลย”

“แล้วผมก็ได้มาเจอสีน้ำอีกครั้ง”

มันก็เป็นแค่ประโยคธรรมดาๆ แต่สีน้ำกลับรู้สึกว่ามันเขินขึ้นมาซะดื้อๆ ภาคินกุมมือสีน้ำไว้เบาๆ ก่อนจะประสานนิ้วไว้แน่น สีน้ำก้มลงมองมือที่จับกันไว้ ก่อนที่ภาคินจะเดินนำไปใบหน้าที่เรียบเฉยค่อยๆ ยิ้มออกมาเมื่อมือที่เขาจับอยู่กระชับตอบ ร้านดอกไม้แห้งที่มาออกงานเป็นสิ่งที่สีน้ำสนใจ ยิ่งมันอยู่ในขวดแก้วสวยงามเจ้าตัวก็มองตาละห้อยคงอยากได้มากกว่าสามอันแต่ราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่ ภาคินเงยหน้ามองบรรยากาศที่ไม่ได้สัมผัสมานานตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่ เมื่อก่อนเขาก็เดินถ่ายรูปวาดรูปไปเรื่อย จนมาเจองานที่คล้ายๆ แบบนี้ จำได้ว่าเขาสั่งกาแฟดำนั่งดื่มอยู่หน้าร้านแล้วก็วาดรูปไปเรื่อยเปื่อย

“ดอกลาเวนเดอร์หมดแล้วค่ะ มีแต่คนชอบวันนี้เลยเหมาไปหมดร้านเลย”

ลาเวนเดอร์..


ภาคินพอจำได้ว่ามันคือดอกไม้ที่มีสีม่วง และท่าทางคุณน้ำจะชอบมันมากพอเห็นว่าเขาจัดไว้ในสวนขวดแก้วก็ยิ่งอยากได้ แต่พอเจ้าของร้านบอกว่ามีคนจองไว้แล้ว สีน้ำก็ทำหน้าเศร้าพลางบอกว่าวันนี้ต้องไม่ใช่วันของเราแน่ๆ อยากซื้ออะไรก็หมดไม่ก็มีเจ้าของจับจองไปหมดแล้ว ภาคินเลยบอกว่าอยากได้ดอกไม้อะไรบอกต้นไม้ไว้ก็ได้ SECRET GARDEN มีอยู่แล้ว แต่สีน้ำก็บอกว่าเกรงใจ เพราะคุณไม้ชอบไม่คิดเงินและดอกไม้ก็ไม่ใช่ถูกๆ ด้วย พอเดินมาจนสุดทางทั้งสองคนก็หยุดซื้อกาแฟ

ภาคินเดินไปดูภาพถ่ายที่เขาติดไว้ข้างร้าน คิดถึงต้นไม้ ใบหญ้า ภูเขา เมฆ หมอก เหมือนกันนะ ตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่เขาก็ไม่เคยได้เห็นอะไรแบบนี้อีกเลยวันๆ ก็อยู่แต่ในสตูดิโอ เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ทำให้ภาคินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นเป็นแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็เลยเดินกลับไปหาสีน้ำที่นั่งรออยู่หน้าร้าน

สีน้ำเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อนั่งมองบรรยากาศในงานเพลินๆ ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่ภาคินที่เดินถือแก้วกาแฟเดินเข้ามาหา สีน้ำรู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่มันก็เป็นแค่ภาพลางๆ เท่านั้น เขารู้สึกคุ้นกับภาพภาคินใส่กางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาวเดินถือแก้วกาแฟท่ามกลางบรรยากาศงานดอกไม้แบบนี้ แต่มันก็นึกไม่ออกว่ามันคือที่ไหน

“น้ำ …สีน้ำ”

“ครับ”

“เห็นเหม่อๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”

“ตอนเช้าน้ำไปยิงปืนกับกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่ได้ วันนี้พวกมันเลยมาที่ร้านคิดซะว่ามาปาร์ตี้แล้วกัน”

สีน้ำหยักหน้ารับก่อนที่ภาคินบอกให้เขารอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวไปเอารถมารับด้านหน้าเพราะรถจอดอยู่ไกลจากงาน กลัวว่าสีน้ำจะเดินแล้วเจ็บแผลขึ้นมา ระหว่างที่เดินกลับไปเอารถภาคินหันไปมองร้านดอกไม้แห้งร้านหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปถาม..


.......................
..............................................

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
Watercolor


อยู่กันครบแก๊งจริงๆ

ร้านของภาคินกลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆ เมื่อมีขนมและของกินมากมายวางอยู่กลางโต๊ะ มีคีตาคอยเล่นกีตาร์ ข้างๆ มีแมวขนฟูน้องอันนาสะบัดหางไปมา พอร์ชกำลังจัดแก้วและต้นไม้ที่เช็ดจานอยู่อีกด้าน พอหันมามองตรงโซฟา รามิล เบนจามิน และทิม กำลังนั่งเถียงกันอยู่ สีน้ำยอมรับว่าเขาก็เกร็งๆ อยู่เหมือนกัน ถึงเขาจะกับภาคินจะอยู่ในฐานะคนคุยกันอะไรประมาณนั้นแต่ก็ไม่รู้เลยว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่จะคิดกับเขายังไง

“เมื่อเช้าเห็นคินบอกว่าคุณน้ำไม่ว่างมายิงปืนด้วย เลยคิดว่าตอนเย็นมาทานข้าวด้วยกันจะดีกว่า”

“ที่จริงผมเห็นว่ามันเป็นเวลาของคินกับเพื่อน ก็เลยไม่อยากรบกวน”

“คุณน้ำ ตอนไอ้พอร์ชง้อไอ้ทิมมันยังเสนอหน้ามาทุกกิจกรรมของแก๊งลูกเพื่อนแม่เลยครับ ขนาดตอนกินข้าวมันยังพกจานชามมาจากบ้านเองเลย ไล่เท่าไหรก็ไม่ไป”

“ลูกพี่เบนด่าผมหน้าด้านเลยดีกว่า”

“ห้ามว่าพี่เบน”

“หนอยแน่ะเจ้าเด็กเปี๊ยก ตอนพี่เบนไปอเมริกาไม่ต้องมาเล่นที่บ้านเลยนะไม่เลี้ยงน้องอันนาให้ด้วย”

“จะไปอยู่กับพี่ทิม”

“ไม่ให้อยู่”

“ไปหาพี่ไม้ก็ได้”

ต้นไม้ที่จัดจานอยู่เริ่มเวียนหัวเมื่อคีตาวิ่งมาอีกด้าน พอร์ชก็วิ่งมาอีกด้านถกเถียงกันซ้ายขวา มีการลงไม้ลงมือผลักหัวกันพอเป็นพิธีก่อนที่ต้นไม้จะบอกให้ทั้งสองคนเช็ดจานกันคนละใบ ตอนแรกก็ทำอย่างเงียบๆ ผ่านไปสองนาทีก็เอาผ้าเช็ดจานมาปาใส่กัน จนต้นไม้ต้องเอาตะเกียบเคาะลงบนศีรษะทั้งสองคนให้หยุดเล่นกันสักที

“ผมว่าคุณน้ำต้องเอาไปเลี้ยงสักคนแล้ว”

“สักวันต้นไม้จะปวดหัวตาย เด็กโข่งสองคนนี่มันตีกันตลอดเวลา”

“เหมือนอันนาของไอ้เบนกับรูบี้ของไอ้ทิมไม่มีผิด”

แก๊งลูกเพื่อนแม่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะหันมาบอกสีน้ำที่หัวเราะออกมา พร้อมกับบอกว่าถ้าวันไหนคุณเบนไปทำงานที่ต่างประเทศให้คีตามาวาดรูปที่ร้านก็ได้ เบนเลยพยักหน้ารับเพราะเขาก็กลัวว่าคีตาจะเหงาเหมือนกันบางทีไม้ก็ต้องทำงาน พอร์ชกับทิมก็ไม่ได้ว่างตลอดเวลา

“ไม่ต้องกลัวแก๊งลูกเพื่อนแม่นะครับคุณน้ำ ถ้าภาคินมั่นใจพามาหาแล้วแสดงว่า…ก็ต้องใช่”

“เห็นเราสามคนเป็นเพื่อนได้เลยครับ ไม่อยากให้คุณน้ำเกร็ง”

“เวลาไม่สบายใจหรือมีเรื่องอะไรแย่ๆ ไปหาไม้ที่ร้าน SECRET GARDEN ก็ได้ครับ ไอ้คินทำตัวไม่ดีหรือออกนอกลู่นอกทางมาฟ้องผมได้เลย ผมจัดการให้บอกไอ้ทิมก็ได้ครับนั่นเจ้านายไอ้คิน”

ภาคินที่ยืนพิงโต๊ะอยู่ข้างๆ เลยปาขนมใส่หัวหน้าแก๊งที่หลบไปอยู่หลังทิม พอคินจะปาอีกเจอหน้าทิมเลยเปลี่ยนเป็นป้อนขนมแทน โดยมีเบนจามินยืนส่ายหน้ามาพร้อมกับบอกว่าไม่ได้เรื่องเลยลูกกระจ๊อก เลยเกิดการถกเถียงกันยกใหญ่ถึงเรื่องตำแหน่งในแก๊งที่ปรับเปลี่ยนกี่ครั้งภาคินก็ยังเป็นลูกกระจ๊อกอยู่ดี เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนในแก๊งลูกเพื่อนแม่หยุดเถียงแล้วหันมามองหน้าสีน้ำ

“ไม่มีอะไร เวลาคินอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วน่ารักดี ทุกทีเห็นทำหน้าขรึมๆ ตลอดเลย”

“แล้วน้ำชอบแบบไหนมากกว่ากัน”

“ก็ทั้งสองแบบ ภาคินแบบมินิมอลหรือแบบที่อยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็คือภาคินอยู่ดี”

“อยากกอดน้ำตอนนี้เลย พวกมึงปิดตากันได้ป่ะวะ”

ภาคินกางแขนทำท่าจะเข้ามากอดสีน้ำจริงๆ แต่โดนสีน้ำยกมือห้ามไว้ก่อนเลยทำได้แค่คว้าเอวเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ภาคินติดเพื่อนมันเป็นสิ่งที่เขารู้ตัวเองดี เวลาอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่เขาจะเป็นตัวของตัวเองแบบสุดๆ เหมือนรามิลที่ติงต๊องไม่เหลือภาพลักษณ์ของนักธุรกิจ เบนจามินที่ชอบเล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ทับทิมที่เป็นเพียงเด็กผู้ชายมัดจุก ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับตรงนี้ได้แต่เพื่อนเขาทั้งสามคนก็เจอแล้ว และเขา..ภาคินหันมามองสีน้ำที่กำลังหัวเราะกับท่าทางตลกๆ ของเบนจามิน พอจ้องนานไปหน่อยสีน้ำก็ยกมือขึ้นมาแตะแก้มพลางถามว่ามีอะไร ภาคินส่ายหน้าก่อนจะเอียงแก้มเข้าหามือที่จับอยู่

“อ้อนเหรอ”

“มีคนให้อ้อนแล้ว เมื่อก่อนต้องดูพวกมันสวีตกันตลอดเลย”

“โถ..หัวเดียวกระเทียมลีบ”

“อยากให้พวกมันอิจฉาบ้าง กอดผมโชว์หน่อย”

นอกจากจะไม่ได้กอดแล้วยังโดนตีอีกต่างหาก สีน้ำหันไปมองอาหารบนโต๊ะหน้าตาทุกอย่างน่าทานมากๆ พอถามว่าทำเองเหรอและคีตาก็ผายมือไปยังเบนจามินที่สีน้ำเพิ่งเห็นว่าใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกันที่ท่าทางเหมือนตี๋มาเฟียขนาดนี้แต่ชอบทำอาหาร

เบนจามินเข้ามาชวนคุยเรื่องอาหารว่าเขาชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไรเผื่อวันหลังจะทำให้ทาน แก๊งลูกเพื่อนแม่พอได้รู้จักก็เข้าถึงง่ายกว่าที่คิด ขนาดทิมนพจินดาที่เคยเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ไฮโซว่าเย่อหยิ่ง ถือตัวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอได้รู้จักจริงๆ ก็เหมือนเด็กๆ ท่าทางจะชอบกินขนมมากเห็นกอดขนมถุงใหญ่อยู่บนโซฟา นั่งกินคุ้กกี้แก้มตุ่ยโดยมีพอร์ชกำลังจับมัดจุกให้อยู่ สีน้ำเองก็คุยกับทิมเรื่องนี้เหมือนกันและคำตอบที่ได้

“อ้อ ผมก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ ไม่รู้เรียกว่าหยิ่งหรือเปล่าแต่ไม่คุยกับคนที่เข้ามาแบบเจตนาไม่ดีเสียเวลา”

เลิศเลอสมคำร่ำลือ
นพจินดาแห่งวงการจิวเวลรี่

สีน้ำรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเมื่อได้คุยกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ รวมถึงต้นไม้ คีตาและพอร์ชด้วย ตอนแรกเห็นพอร์ชกับคีตายังเถียงกันอยู่ แต่พอคีตาเริ่มชงเครื่องดื่มก็เลิกตีกันซะดื้อๆ หันมาชนแก้วกันแทน ขนาดรามิลที่เดินเข้าไปหาทั้งสองคนยังบอกพอมีแอลกอฮอล์ก็สามัคคีกันขึ้นมาเลยนะ คีตาชงเครื่องดื่มเก่งมากเขาเองยังมองตาค้าง ตอนที่เห็นเจ้าตัวผสมสูตรที่เขาไม่รู้จักมาก่อนแต่รสชาติมันอร่อยมาก นักแต่งเพลงนี่ความสามารถหลากหลายจริงๆ

หายากเหมือนกันนะแก๊งเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่เด็กและยังสนิทกันจนถึงอายุป่านนี้ จะว่าไปเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของภาคินเวลาอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่เป็นสิ่งที่สีน้ำชอบมากที่สุด จังหวะที่เขาหันไปมองภาคิน เจ้าตัวก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้พร้อมกับบอกว่าให้รอเขาตรงนี้ก่อน

แค่เพียงไม่นานภาคินก็เดินลงมาจากชั้นบน ท่าทางเหมือนซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง ทำให้สีน้ำพยายามชะเง้อดูแต่ภาคินก็เอนตัวหลบไปมา พอเห็นสีน้ำขมวดคิ้วภาคินเลยต้องบอกยอมแพ้พร้อมกับเอาบางอย่างที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมา ทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสีน้ำก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น…

ดอกลาเวนเดอร์


“ผมเจอร้านหนึ่ง แต่มันเหลือแค่ช่อนี้ช่อเดียวผมเห็นน้ำอยากได้มาก แต่มันหมดทุกร้านเลยดีที่ร้านนี้ยังเหลืออยู่”

“………………………………..”

“ตอนแรกเขาจะไม่ขายแล้วผมอ้อนวอนอยู่นานสองนาน”

“………………………………..”

“วันนี้น้ำเจ็บตัวด้วย ผมอยากให้น้ำอารมมณ์ดีดอกลาเวนเดอร์ช่อนี้น่าจะช่วยได้”

“ภาคิน”

“ครับ”

“ขอกอดโชว์แก๊งลูกเพื่อนแม่หน่อย”

ทันทีที่ได้ยินภาคินก็หัวเราะ ก่อนจะกางแขนเมื่อสีน้ำเดินเข้ามาหาพร้อมช่อดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ภาคินวางมือลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลแดงเบาๆ ก่อนจะกระชับให้แน่นขึ้น พอเหลือบมองบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ต้องกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นว่า รามิลและต้นไม้กำลังยืนคุยกันอยู่หยุดชะงักทันที เบนจามินที่กำลังคีบผักสลัดใส่จานค้างไว้อย่างนั้นคีตาที่กำลังถือแก้วเป๊กก็หยุดค้างท่าเดิมหลังจากเทใส่อีกแก้วไปแล้ว ทับทิมที่นั่งอยู่บนตักพอร์ชตาโตขึ้นมาทันที พอร์ชเองเหมือนจะสติหลุดไปนิดนึงแต่ก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้เขา

“เพื่อนช็อคตายหมดแล้วตอนนี้”

“นี่เป็นครั้งแรกเหรอ”

“ครั้งแรกที่กอดใครสักคนต่อหน้าเพื่อน แล้วก็ครั้งแรกที่ให้ดอกไม้ใครสักคน คือเมื่อก่อนไม่ได้เป็นคนมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งแบบนี้เท่าไหร่ เรื่องดอกไม้ใบหญ้านี่ไม่เคยคิดจะทำเลย พอพูดเองแล้วก็เขินเอง”

“………………………..”

“น้ำไม่เชื่อเหรอ”

“……………”

“ไปถามแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ได้ว่าผมเคยทำแบ…”

“คินน่ารัก มากอดอีก”

คราวนี้ทุกคนส่งเสียงแซวดังลั่นเมื่อสีน้ำกอดคินอีกครั้ง ทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าใบหน้าของภาคินมีความสุขมากแค่ไหน แล้วก็แปลกใจมากด้วยที่เห็นภาคินให้ดอกไม้สีน้ำ คนที่ทื่อๆ ไม่ค่อยโรแมนติคจะทำอะไรแบบนี้กับเขาก็เป็น รามิลเงยหน้ามองบรรยากาศในร้านที่มีแต่สีขาว สีดำ สีเทา ขนาดไอ้ตัวเจ้าของร้านยังใส่ชุดเดิมๆ กางเกงยีนส์เสื้อยืดสีขาว ทุกอย่างเหมือนเดิม เหมือนภาคินที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก จะมีก็แต่คนที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายทางกับช่อดอกไม้ลาเวนเดอร์สีม่วงที่อยู่ในอ้อมกอดของภาคินที่เพิ่มเข้ามา

ก็คงจะเป็นสีสันที่ลงตัวที่สุดแล้วสำหรับภาคิน



“กอดนานกว่านี้เพื่อนล้อแน่สีน้ำ”

“ไม่กล้ามองหน้าใครเลยทำไงดี”

“เมื่อกี้ยังกอดไม่ปล่อยอยู่เลย”

“เงียบเลยห้ามพูด”

พอแกล้งพูดต่อก็โดนฟาดอีกสองสามที ภาคินหยุดมองคนที่กำลังกอดช่อดอกลาเวนเดอร์สีม่วงไว้ในอ้อมแขน อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกคุ้นกับภาพนี้ขึ้นมาซะดื้อๆ แต่สาบานได้เลยว่าชีวิตนี้ยังไม่เคยซื้อดอกลาเวนเดอร์ให้ใครเลยจริงๆ แล้วเขาจะเคยเห็นที่ไหนกัน สีน้ำพอเห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็เลยเงยหน้าขึ้นมามอง  ต่างคนต่างเงียบแล้วมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ภาคินจะหลับตาลงเหมือนนึกอะไรก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับรั้งคนที่ถือช่อดอกลาเวนเดอร์เข้ามากอดอีกครั้ง มันต่างจากกอดสองครั้งแรกแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมสีน้ำถึงรู้สึกว่าต่าง กอดครั้งนี้มันเหมือนกับว่า

ดีใจที่ได้เจอ


ภาคินกระชับกอดสีน้ำให้แน่น เมื่อภาพเหตุการณ์บางอย่างที่เชียงใหม่แว๊บขึ้นมาในหัว เขาไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า จะใช่คนๆ เดียวกันไหมแต่ความรู้สึกเขามันเชื่อไปแล้ว และเขาเองก็เชื่อความรู้สึกตัวเอง

ภาคินบอกแล้วว่าตอนที่อยู่เชียงใหม่ เขาไม่ได้ไปงานที่มีดอกไม้ต้นไม้เท่าไหร่ ส่วนมากก็เดินถ่ายรูปวาดรูปไปเรื่อยๆ จำได้ว่าครั้งนั้นเขาเดินหลงเข้าไปมัน ก็เหมือนงานวันนี้ที่เขาเพิ่งไปกับคุณน้ำมา ภาคินตัดสินใจเดินไปสั่งกาแฟอเมริกาโน แล้วนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่หน้าร้าน ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่คนๆ หนึ่งที่ยืนเลือกดอกไม้อยู่ร้านถัดไป มองจากตรงนี้เห็นหน้าไม่ชัดหรอกเห็นแค่ด้านข้างเท่านั้นแถมอีกฝ่ายยังใส่หมวกอยู่ด้วย

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ภาคินหยิบดินสอขึ้นมาวาดรูปคนที่ไม่รู้จัก คนๆ นั้นยังคงเลือกดอกไม้ไปเรื่อยๆ ภาคินเองก็ค่อยๆ ร่างดินสอจนรูปเกือบเสร็จสมบูรณ์เหลือแค่รอดูว่าคนนั้นจะเลือกดอกไม้อะไร แต่ยังไม่ทันจะได้วาด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นถึงเวลาที่คินต้องไปแล้ว รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกันสงสัยจะไม่ได้วาดต่อ เลยลุกขึ้นใส่แว่นกันแดดพร้อมกับหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาพอดีกับๆ คนนั้นที่เลือกดอกไม้เสร็จสักที จังหวะที่กำลังเดินสวนกันภาคินก็ยิ้มออกมา

ดอกลาเวนเดอร์สีม่วง..


“เราอาจจะเดินสวนกันก็ได้นะ แล้วเราก็เดินผ่านกันไปเลย”




ปลายรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินหยุดเดินก่อนจะหันหลังกลับไปมองคนที่เพิ่งเดินสวนกันเมื่อกี้ น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวไม่ใช่คนที่นี่ ผู้ชายตัวสูงสะพายกล้องถ่ายรูป กางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสีขาวพร้อมกับถือแก้วกาแฟจากที่ได้กลิ่นน่าจะเป็นอเมริกาโนโคตรจะมินิมอลเลย คุมโทนตั้งแต่หัวจรดเท้าถึงจะเห็นหน้าไม่ชัดเพราะอีกฝ่ายใส่แว่นกันแดดเอาไว้แต่ก็นะ เท่ดีเหมือนกัน นานๆ ถึงจะเจอคนแบบนี้ ก็ไม่รู้จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า โลกกว้างขนาดนี้

สีน้ำรู้สึกได้ว่าภาคินเอียงหน้ามาจูบตรงข้างขมับเบาๆ
เลยยกมือกอดเอวภาคินไว้แน่นแล้วก้มลงมองดอกลาเวนเดอร์สีม่วงที่ถือไว้


“แล้วผมก็ได้มาเจอสีน้ำอีกครั้ง”








*ถ้าฉันอยู่ตรงนี้ให้นานกว่าที่เคยมา ใช้เวลามองหานานกว่าที่เคยใช้
เดินให้ช้าลงกว่านี้ในทุกที่ที่เคยไป จะเป็นไปได้ไหมที่จะได้พบใครคนนั้น








To be con

PS.พี่คินจะมารักเรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงมาทั้งหมู่เหรอคะ...หึ
* เพลงให้นานกว่าที่เคยมา Klear - ไผ่ พงศธร


ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2020 23:25:59 โดย RIBBINBO »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เรื่องความรักลงตัวแล้ว..สถานีต่อไปก็พี่ชายนะคะ..เป็นกำลังใจให้หนุ่มมินิมอล  :L2:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แก๊งลูกเพื่อนแม่น่าร๊ากกกก
เขยกับสะใภ้กลุ่มก็น่ารัก
แต่พี่ต้นไม้ควรมีผู้ช่วยตอนพชรกับคีตาตีกัน  :laugh:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดราม่าน้อยสุดแล้วมั้งคู่นี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
เค้าแค่เดินสวนกันนี่เอง ก็นึกว่าทำไมจำกันไม่ได้นะ แต่ตอนนี้หวานละมุนมาก  :-[

ออฟไลน์ narongyut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
 :hao4: ถ้าบังเอิญเจอกันแบบนี้ก็คงจะดีครับ อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงเรื่องราวที่เคยผ่านมาเลย

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
โรแมนติคมากครับ :really2:

ออฟไลน์ iMarchs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทับใจมาก  :katai2-1:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อบอุ่นละมุนใจมากๆๆๆ :-[

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
หวานอบอุ่นละมุนละไม :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
น่ารัก ดูอบอุ่น และทุกคนเข้าถึงกันได้ครบแก็งค์

ภาคินเป็นคนที่ชัดเจน และทำเพื่อนช็อคได้ทุกอณูจริงๆ เลย
สีน้ำก็น่ารักมากค่ะ ทั้งหวาน ทั้งน่าแกล้ง และน่าเอ็นดูไปหมด

เข้าใจว่ามั่นใจกันตั้งแต่ครั้งไปบริจาคของแล้วซะอีก
แต่ยังไม่ชัวร์กันซะงั้น แต่ตอนนี้คงเกินร้อยแล้วเนาะ



ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ใจฟูกันไปอีก ดูเหมือนต่างคนต่างรอให้ใครสักคนเอ่ยปากก่อน

สีน้ำน่ารักอะ เป็นคนเย็นๆ ที่ใช้ชีวิตได้น่ารัก
คินก็ใช้ชีวิตปกติแหละ แค่ซื้อนมชมพูมามองให้เพื่อนสงสัยเล่นไปงั้นเอง

คินเปิดประชุม ต้องคืบหน้ากว่านี้ละนะ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ RIBBINBO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-2
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.11
-White -



สตูดิโอของคินมีลูกค้าสนใจมากกว่าที่คิด จริงๆ อาจจะเป็นเพราะคอนเนคชั่นเก่าๆ ตอนที่เขายังเรียนที่มหาวิทยาลัยก็ว่าได้ บรรดารุ่นพี่รุ่นน้องที่หายหน้าหายตาไป ต่างก็ติดต่อขอใช้สตูดิโอกันจนแน่น บางทีก็ขอใช้ตรงส่วนของร้านค้าถ่ายรูป จะว่าไปงานรัดตัวจนยุ่งเหยิงไปหมด แถมยังมีงานนอกตารางที่เขารับไว้อยู่แล้ว อย่างวันนี้เขารับปากกับเพื่อนไว้ว่าจะมาเป็นบาริสต้าให้ที่ร้านกาแฟที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ ขนาดแก๊งลูกเพื่อนแม่ยังบอก

“มึงเหมือนคนที่มีงานประจำทำแต่ก็ยังทำงานเหมือนฟรีแลนซ์ มุมกาแฟร้านตัวเองก็มีแต่ไม่ขายซื้อเครื่องไว้ตั้งโชว์”

เขาไม่ได้เถียงเบนหรอกมันก็จริงอย่างที่เบนบอก ท่าทางเขาก็ยังเป็นคนรักอิสระเหมือนเดิมนั่นแหละแค่ตอนนี้มันมีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนบ้าน เหมือนเจอที่พักพิง คินชอบเวลาที่เปิดประตูแล้วเจออาหารเช้าแขวนไว้ บางครั้งก็เจอครูสอนวาดรูปยืนถือของพะรุงพะรังแล้วยิ้มแฉ่งอยู่หน้าร้าน เจ้าตัวดูมีความสุขกับการเลือกสรรอาหารเช้าให้เขาทานซะเหลือเกิน บางวันก็ตื่นซะเช้าตรู่ไปจองคิวโจ้กชื่อดัง ผู้ชายที่ตัวคนเดียวมาตลอดพอมีคนมาดูแลแล้วมันก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้

“คินยิ้มอะไรวะ กูเห็นมึงยืนถือแก้วกาแฟนานแล้วเนี่ย”

คินเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเอาแต่นึกถึงสีน้ำ พอได้ยินเพื่อนทักแบบนั้นก็เลยก้มลองมองแก้วกาแฟที่ตัวเองถืออยู่ท่าทางเขาจะคิดถึงอีกคนนานไปหน่อยควันหอมๆ ถึงได้จางหายไปแล้ว คินเลยตัดสินใจวางแก้วกาแฟลงบนเคาน์เตอร์ แต่สงสัยจะวางแรงไปหน่อยน้ำสีดำเลยหกออกมาจากแก้ว

“อีกแล้วนะ เจอหน้ากันทีไรทำกาแฟหกใส่ตลอด”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นหน้าเคาน์เตอร์ทำให้คินที่ถือผ้าจะเช็ดกาแฟที่หกชะงักค้าง ท่าทางเขาคงจะช็อคจริงเพราะคนที่ยืนอยู่ถึงกับยกมือขึ้นมาโบกไป ก็ใครมันจะไปคิดว่าคนที่กำลังนึกถึงจะมายืนอยู่ตรงหน้า ครูสอนวาดรูปสีน้ำตัวเป็นๆ ยืนหอบอุปกรณ์เต็มสองแขน

“มาได้ไงครับ”

“วันนี้มีสอนวาดรูปที่นี่ คินมาทำอะไร”

“มาชงกาแฟ”

“ชงกาแฟ?”

“นี่ร้านเพื่อนผม ปกติผมมาชงให้เพื่อนอยู่แล้วมันเป็นกาแฟสูตรพิเศษ”

“ตอนอยู่ร้านผมไม่เห็นได้กินเลย”

“ก็คุณกินแต่นมชมพูทุกวัน ไม่เห็นรู้ว่าชอบดื่มกาแฟด้วย”

“กลับร้านไปวันนี้ขนเครื่องชงกาแฟออกมาเลยนะ”

“ร้านปิด คุณสีน้ำต้องรอหน่อยนะครับ”

“เนี่ย กวน”

สีน้ำเอาพู่กันมาฟาดใส่หนึ่งทีก่อนจะเดินไปทักทายกับเพื่อนเขา ที่จริงที่นี่เป็นร้านกาแฟที่จัดกิจกรรมต่างๆ ทุกอาทิตย์ ต้นไม้ก็เคยมาสอนวิธีจัดสวนต้นกระบองเพชร คีตาก็เคยมาสอนกีตาร์ที่นี่เหมือนกัน รู้อยู่แล้วแหละว่าวาดรูปนี่ยังไงก็ต้องมีแต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสีน้ำ เพื่อนเขาเองก็เหมือนจะรู้อะไรขึ้นมาถึงได้มองระหว่างเขากับสีน้ำไปมา พอสีน้ำขอตัวไปเตรียมอุปกรณ์ เจ้าของร้านกาแฟก็รีบเดินเข้ามาหาแถมยังยกที่คีบน้ำแข็งชี้หน้าเป็นอาวุธอีกต่างหาก

“อะไรวะ”

“มึงรู้จักกับเขาเหรอคนที่สอนวาดรูปที่ร้านกูวันนี้”

“เปิดร้านอยู่ข้างกันเจอหน้ากันทุกเช้า”

“แค่นั้นหรือมากกว่านั้น”

“ต้องบอกมึงด้วยเหรอไง”

“มีซัมติง?”

“ตอนนี้กูมีแค่เขา”

“กูอยากกรี๊ดให้ดังลั่นร้าน ภาคิน ภาคินคนที่สุดแสนจะเฉยเมยกับความรักใช้ชีวิตตะลอนๆ ไปทั่วโลกในที่สุดมึงก็เจอแล้วใช่ไหม”

“ก็เพราะกูตะลอนๆ ไปทั่วกูถึงได้เจอเขา”

“งงนิดหน่อย ไหนบอกเขาเปิดร้านข้างมึงไงแล้วมึงต้องตะลอนไปทำไม เออช่างเถอะมึงจะมีแฟนกูก็ดีใจ คนมินิมอลๆ อย่างมึงจะได้มีสีสันในชีวิต”

“มึงพูดเหมือนแก๊งลูกเพื่อนแม่กูเลยนะไอ้นนท์”

“แน่นอน กูเอฟซีทิมนพจินดาเอกจิวมาตั้งแต่ปีสอง ตอนมันมาช่วยมึงมาทำงานที่คณะกูยืนเฝ้าเป็นทหารยามเลยมึง แต่เพื่อนมึงไม่เคยจำชื่อกูได้เลย เรียกกูว่านายกาแฟเพราะจำได้ว่าบ้านเปิดร้านกาแฟ”

“ทำไมมีแต่คนเป็นแฟนคลับไอ้ทิมวะ”

“เราจะหาใครหน้าตากุ๊กกิ๊กเหมือนตุ๊กตาบลายธ์แต่นิสัยเหมือนแอนนาเบลได้อีกบนโลกใบนี้”

“กูฟ้องไอ้ทิมร้านมึงพังภายในห้านาทีแน่”

เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทำให้สีน้ำที่เตรียมอุปกรณ์อีกด้านต้องหันมามอง ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกันแต่รอยยิ้มของภาคินทำให้สีน้ำนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ตั้งแต่ที่เขาโดนรถเฉี่ยววันนี้ถึงคิวนัดตรวจอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ พอเดินออกมาจากห้องตรวจสีน้ำก็เจอคนเดิมกับที่เคยเจอเมื่อครั้งที่แล้ว

คุณเค..

คราวนี้สีน้ำไม่ได้หลบหลังเสาและดูว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าใครที่ยืนอยู่ตรงหน้า จนกระทั่งปลายเท้าหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง คุณเคดูท่าจะตกใจเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงนี้แถมยังมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าใครจะมาเจอเข้า

“ผมมาคนเดียวครับ คินไม่ได้มาด้วย”

ท่าทางโล่งอกทำให้สีน้ำมั่นใจว่า การที่คุณเคมาที่โรงพยาบาลคงไม่ต้องการให้ใครรู้ สีน้ำมองผู้บริหารธนาคารที่ดูเหนื่อยล้า จนเขาเองกลัวว่าจะเป็นลมไปต่อหน้าเลยชวนกันไปนั่งตรงโซฟา พอนั่งลงก็เงียบกันทั้งคู่สีน้ำลอบมองหน้าคุณเคตั้งแต่เขารู้จักคุณเคมาแทบจะไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มหรือแววตามีความสุขเลยสักครั้ง มันดูหม่นหมองไปหมด

“สีเทา”

“ครับ?”

“ผมแค่รู้สึกว่าคุณเคเหมือนสีเทา เทาแบบเข้มมากๆ”

“มันแปลว่าผมไม่ค่อยสดใสใช่ไหม”

“ไม่ค่อยมีความสุขครับ อย่างน้อยตอนนี้มาที่โรงพยาบาลก็คงไม่ใช่สุขภาพดีใช่ไหม”

“ผมแค่ไม่สบายนิดหน่อย”

“ครั้งที่แล้วผมก็เจอคุณเคนะครับแต่ไม่ได้เข้าไปทัก คุณเคมาโรงพยาบาลบ่อยมากหรือว่า..”

“เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงครับอย่าเพิ่งคิดไปไกล”

เครีบยกมือปฏิเสธคนที่นั่งอยู่ด้วยเพราะกลัวว่าจะคิดไปถึงไหนต่อไหน แถมท่าทางก็ยังดูตลกตาโตทำหน้าช็อคจนเขาเองยังอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ พอเห็นอีกฝ่ายหัวเราะสีน้ำก็เริ่มเบาใจขึ้นมาหน่อย เสียงหัวเราะของคุณเคทำให้สีน้ำมองอยู่อย่างนั้น

“ตอนนี้สีเทาเริ่มอ่อนลงเป็นสีเทาอ่อนแล้ว”

“ครูสอนวาดรูปชอบเปรียบทุกอย่างเป็นสีเหรอครับ”

“ไม่รู้ว่าผมเป็นคนเดียวหรือเปล่า”

“แล้วคินเป็นสีอะไรครับ”

“ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าภาคินสีอะไร”

“คนแรกเลยใช่ไหมครับที่ไม่รู้ว่าสีอะไร”

“ครับ คนแรก”

“คนพิเศษก็งี้แหละ”

“หูว นายธนาคารก็แซวคนอื่นเป็นเหมือนกันนะเนี่ย”

พอได้ยินแบบนั้นเคก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเงียบลงเหมือนตัดสินใจว่าพูดดีหรือไม่ดี สีน้ำเองก็พอจะดูออกเลยนั่งเงียบๆ รอเวลาให้อีกฝ่ายได้ตัดสินใจ แค่เพียงไม่นานคุณเคก็พิงหลังไปกับโซฟาที่นั่งอยู่

“ผมพักผ่อนไม่ค่อยพอมันแบบหลับๆ ตื่นๆ เลยลองมาคุยกับหมอดูครับ”

“……………..”

“ไม่ได้บอกให้ที่บ้านรู้กลัวว่าเขาจะเป็นห่วงกัน หมอเป็นเพื่อนของผมเองบอกว่ายังไม่ถึงขั้นร้ายแรงอะไร”

“คุณคินก็รู้ไม่ได้เหรอครับ”

“ผมไม่อยากให้คินมารู้เรื่องงานของผมเท่าไหร่ เขามีความสุขกับงานที่เขาทำอยู่แค่นี้ก็ดีแล้ว ดีที่คินเขาเลือกทางนี้ผมไม่อยากให้คินเป็นเหมือนผม”

“………………”

“มันไม่ใช่ความผิดของคินหรอกครับ ผมเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้เองคินเองก็โดนญาติๆ ว่ามาตั้งแต่เด็ก”

“………………”

“คินก็อดทนมากเหมือนกันนะครับ แค่ชอบศิลปะมากกว่าคำนวณทำไมถึงเป็นเรื่องเลวร้ายก็ไม่รู้”

“………………”

สีน้ำไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เขายินดีที่จะรับฟังทุกอย่างที่คุณเคบอก ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันต่อเสียงโทรศัพท์ของคุณเคก็ดังขึ้นเดาว่าน่าจะมีคนโทรมาตาม สีน้ำพยักหน้าก่อนจะยกมือไหว้อีกฝ่ายแต่ก่อนที่คุณเคจะเดินแยกออกไปอยู่ดีๆ ก็หันตัวกลับมามองแล้วยิ้มให้

“ผมดีใจที่คินไม่ใช่สีเทาเข้มเหมือนผม ฝากคุณสีน้ำทำให้เขามีความสุขมากๆ ด้วยนะครับ”

ก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่นะ

Watercolor


รู้สึกเหมือนมีเน็ตไอดอลมาทำงานที่ร้านกาแฟ
ตอนนี้หน้าเคาน์เตอร์ชงกาแฟมีคนมารุมเต็มไปหมด

สีน้ำหมุนเก้าอี้ที่นั่งวาดรูปอยู่หันไปมองในส่วนของร้านกาแฟ ตอนนี้ดูท่าครึกครื้นพอสมควรอย่างแรกก็น่าจะเป็นเพราะรสชาติกาแฟจะว่าไปร้านนี้ก็ดังอยู่เห็นคนรีวิวบ่อยๆ ครั้งแรกที่คุณนนท์ติดต่อมาให้เขามาร่วมกิจกรรมวาดรูปที่ร้านเขายังตื่นเต้นเลย บรรดาคนที่กำลังวาดรูปอยู่ มีการกระซิบกระซาบถึงบาริสต้าที่กำลังตั้งใจชงกาแฟไม่ได้สนใจอย่างอื่น มีบ้างที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ลูกค้าที่ถามถึงวิธีชงกาแฟ

“ภาคิน พิชญเดชา เมื่อก่อนเคยเห็นชื่อตามงานโฆษณากับนิทรรศการศิลปะแต่หาตัวยากมาก”

“หาตัวยากแปลว่าอะไรวะ”

“เขาไม่ค่อยอยู่กับที่เหมือนรับงานทั่วราชอาณาจักร แต่ตอนนี้เห็นเปิดร้านอยู่ที่กรุงเทพ”

“ทำไมข้อมูลมึงแน่นปึกขนาดนี้”

“หล่อรวยนามสกุลดังไฮโซแต่ดูติสท์ๆ ขนาดนี้กูจะพลาดได้ไง โสดอยู่คนเดียวในแก๊งลูกเพื่อนแม่ด้วย”

“กูเคยได้ยินชื่อแก๊งนี้บอสกูชอบสั่งดอกไม้ร้านของแฟนรามิล แต่เคยเห็นตามสื่อบ่อยๆ คนตี๋ๆ ชื่อเบนป่ะใช่ป่ะวะ”

“เออ คนนั้นชื่อเบนจามินกูยังเคยซื้อต่างหูของคนที่ชื่อทิมที่เป็นแฟนสถาปนิกที่หล่อๆ”

“แต่แน่ใจนะว่าคนนี้โสด”

“โสดสนิทชัวร์กูมั่นใจ!”


สีน้ำพยายามกลั้นขำกับบทสนทนาตรงหน้า เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ดังเหมือนดาราไอดอลขนาดนี้ ว่าแต่ภาคินนี่โสดสนิทเลยเหรอ สงสัยต้องไปถามเจ้าตัวซะแล้ว ยังไม่ทันจะลุกไปถามอยู่ดีๆ คนที่กำลังนึกถึงก็ลากเก้าอี้แล้วมานั่งลงข้างๆ สีน้ำที่กำลังระบายสีขาวรูปวาดตรงหน้าหยุดชะงักพอเงยหน้าขึ้นมามองรอบๆ ตัวคนที่กำลังตั้งใจวาดรูปอยู่เลยเงยหน้าขึ้นมามองกันหมด พอเห็นคนมองเยอะภาคินเลยหมุนเก้าอี้หันหลังให้แทน

“ว่างแล้วเหรอครับ”

“พักก่อนผมชงกาแฟจนมือเป็นตะคริวแล้ว”

“มีคนรู้จักคินเยอะแยะ ดังกะเน็ตไอดอล”

“ผมดัง? หมายถึงผม?”

สีน้ำพยักหน้าก่อนจะบอกให้ลองหันมามองคนที่กำลังเรียนวาดรูปอยู่  ภาคินเลยหมุนตัวกลับมาอีกรอบพอเห็นหลายคนมองอยู่อย่างนั้นเลยลองยกมือโบกมือไปมาพร้อมกับบอกว่าสวัสดีครับทุกคนเลยพากันหัวเราะ พอนานเข้าคินก็เริ่มเขินขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกันเลยหมุนเก้าอี้มามองคนที่กำลังวาดรูปอยู่ สีน้ำเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งมองเขาเงียบๆ เลยเลือกที่จะนั่งวาดรูปต่อ

“ว๊าว”

สีน้ำหันมามองคนที่ส่งเสียงออกมาเมื่อเขาเอาพู่กันจุ่มสีน้ำแล้วสะบัดลงบนกระดาษตรงหน้า ท่าทางเหมือนเด็กเจอของเล่นที่ถูกใจทำให้สีน้ำต้องยื่นพู่กันพร้อมกับบอกว่าให้ลองทำ ภาคินผู้ซึ่งไม่ถูกกับการระบายสีน้ำคิดอยู่นานว่าจะลองทำดีไหมเพราะกลัวว่าทำออกมาแล้วจะไม่สวยอย่างที่สีน้ำทำ

“แค่จุ่มสีแล้วดีดแบบนี้หรือเคาะพู่กันให้สีหยดลงกระดาษ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ได้นะครับ”

“สวยเหมือนกันนะเนี่ย”

“จริงๆ ใช้แปรงก็ได้แต่กลัวว่าจะเลอะเทอะกว่านี้”

“สนุก ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

“ตอนผมสอนเด็กๆ ก็ชอบกันครับมันไม่ยากเท่าไหร่”

“เด็ก?”

“ประมาณหกเจ็ดขวบ”

ภาคินหัวเราะตัวเองเมื่อรู้สึกว่าการระบายสีน้ำของเขาน่าจะเทียบเท่าเด็กหกขวบ แต่เขาก็รู้อยู่แล้วศิลปะไม่ได้จำกัดอายุ มันไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว คราวหน้าสงสัยจะต้องไปลงเรียนพร้อมกับนักเรียนของครูสีน้ำซะแล้ว พอภาคินเห็นว่าภาพตรงหน้าสวยแล้วก็คืนพู่กันให้กับสีน้ำได้วาดรูปต่อ มีบ้างที่สีน้ำลุกไปดูภาพวาดของคนที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ จะว่าไปคินก็ไม่เคยเห็นสีน้ำเวอร์ชั่นครูสอนวาดรูปเลยพอได้เห็นใกล้ๆ ครูสีน้ำก็ดูจริงจังขึ้นมาทั้งๆ ที่ทุกครั้งเวลาเจอกันชอบทำหน้าตาแป้นแล้นอยู่เรื่อย

“ที่จริงผมมีเรื่องจะบอกน้ำด้วย”

“ครับ”

“ตั้งแต่อาทิตย์หน้าจะมีพี่ที่เคยทำงานด้วยกันมาใช้สตูผม”

“แล้ว?”

“คือหนึ่งในนั้นมีคนที่ผม แบบยังไงดี แบบเคย”

“กิ๊กเก่าเหรอ”

“เฮ้ยไม่ถึงกับกิ๊กเลยแบบเคยหยอดๆ กันช่วงหนึ่งแถมตอนนี้เขามีแฟนแล้ว”

“อ้อ”

“ตอบสั้น”

“อ้อออออออออ”

“กวนว่ะ”

“คินไม่ต้องคิดมากหรอก งานก็คืองานผมรู้แต่ก็ขอบใจที่มาบอก”

“ไม่หวงผมหน่อยเหรอแบบนิดนึงก็ยังดี เมื่อกี้ตอนชงกาแฟมีคนถ่ายรูปไปเป็นร้อยรูปเลยมีคนมาขอเบอร์ด้วย”

“ให้ไปเหรอครับ”

“ถ้าบอกว่าให้”

“วันนั้นทิมบอกผมอย่างหนึ่งไม่คิดว่าจะได้ใช้วันนี้เหมือนกัน”

“ทิม ทับทิมนพจินดา”

“ครับ ทับทิมแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ขนลุกซู่เลยตอนนี้ ไหนไอ้ทิมบอกว่าไง”

สีน้ำเอาพู่กันจุ่มสีขาวในถาดสีแล้วเอามาป้ายแก้มภาคิน มันไม่ได้เลอะอะไรมากมายแค่เป็นแถบสีขาวจางๆ เพียงเท่านั้น แต่บรรดาคนที่กำลังวาดรูปอยู่บางคนก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ คินยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองแล้วขมวดคิ้ว คินไม่แน่ใจว่าไอ้การเอาสีมาป้ายแก้มเขานี่คือทับทิมบอกมาว่ายังไง

“เอาสีขาวมาป้ายนี่คือ?”

“ทิมบอกว่าให้เล่นเกม ‘s กับคินบ้าง”

“โดยเอาสีน้ำมาป้ายเนี่ยนะ”

“ใช่ก็นี่ภาคินนี่สีน้ำผมป้ายสีขาวจองไว้แล้ว ป้ายอีกดีกว่า”

คินจับข้อมือของครูสอนวาดรูปไว้ทันเมื่ออีกคนทำท่าจะเอาพู่กันมาป้ายที่แก้มเขาอีกรอบ ก็พอเข้าใจความหมายเกม ‘s ของทิมอยู่เหมือนกันแต่ท่าทางสีน้ำจะเลือกใช้วิธีเด็กน้อยไปหน่อย ถ้ารู้ว่าทิมเคยเล่นเกมนี้กับพอร์ชแบบไหนสงสัยน่าจะช็อคตาตั้ง พอคิดได้แบบนั้นภาคินก็ยิ้มออกมาก่อนจะกระตุกข้อมือให้สีน้ำเอนตัวเข้ามาหาพร้อมกับจูบลงข้างขมับเร็วๆ หนึ่งที คราวนี้คนโดนจูบตัวแข็งทื่อและไม่ใช่แค่สีน้ำที่ช็อคคนที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ก็น่าจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไป เสียงพู่กันที่หล่นลงพื้นทำให้ทุกคนรู้สึกตัว ภาคินก้มลงมากระซิบบางอย่างให้ได้ยินกันแค่สองคน

“นี่สิครับเกม ‘s ของแก๊งลูกเพื่อนแม่”

คินหัวเราะเมื่อสติของสีน้ำเริ่มกลับมาเข้าที่เลยโดนฟาดใส่ตามเคยมีการดันเก้าอี้ให้เขาไปนั่งห่างๆ อีกต่างหาก และยิ่งตลกมากกว่าเดิมเพราะคนที่กำลังนั่งวาดรูปกระซิบกับเพื่อนแต่สงสัยว่าจะดังไปหน่อยคินกับสีน้ำเลยได้ยินไปด้วย

“ไหนมึงบอกว่าเขาโสดสนิทโสดคนเดียวในแก๊งลูกเพื่อนแม่ไงวะ…”

นนท์เจ้าของร้านกาแฟตั้งใจจะตามคินไปชงกาแฟต่อเพราะเห็นหายไปนาน แต่พอมาเห็นภาพตรงหน้าก็เลือกที่จะเงียบลงแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ ภาคินที่เขารู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยไม่ชอบการระบายสีน้ำโคตรๆ แล้วดูวันนี้มันเป็นสิ่งที่นนท์เองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นภาพนี้ ภาพที่ภาคินมือหนึ่งถือแก้วกาแฟอเมริกาโนที่ตัวเองชงเอง ส่วนมืออีกข้างก็ถือจานสีให้คุณสีน้ำคอยจุ่มสี แล้วดูสองคนนี้แต่งตัวกันโคตรตรงกันข้ามคินยังคงคอนเซปต์เสื้อผ้าสามสี เทา ขาว ดำ ไม่เคยเปลี่ยนส่วนคุณสีน้ำอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตลายทางสีฟ้าสดใส จังหวะที่คินยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มพร้อมกับคุณสีน้ำหันมาจุ่มพู่กันลงบนจานสีทำให้นนท์เลือกที่จะกดถ่ายรูปนี้ไว้

น่ารักดี…ผู้ชายกาแฟดำกับนายสีน้ำ



................
..........................................

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด