♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)  (อ่าน 80216 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
5555 สะใจ วิธีการเอาคืนของพี่ทิมากอ่ะ น้ำมนต์ผู้มีวิญญาณแม่บ้านสถิตอยู่ เจ็บปวดสุดๆไปเลยสิท่า จะรับมือพี่ทิเวอร์ชั่นนี้ ก็ต้องสตรองพอตัวนะน้ำมนต์  :bye2:

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เจอเด็กทวงสัญญา 555


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
555 ทวงมา ทวงกลับ ไม่โกง,,,

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ให้มันได้แบบนี้น้องน้ำมนต์ o13

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โอ้โห คิดถึงนิยายของคุณ West มากกกกกกกกก

เพิ่งมาเห็นเรื่องนี้ อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากจริง ๆ ค่ะ

สำนวนน่าติดตามยิ่งกว่าเดิม เราอ่านงานคุณแล้วเห็นเป็นภาพเลย รัก  :mew1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้โหหหหห วิธีการแกล้งแบบใหม่ ร้ายมากพี่ทิ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
09 move on


          บ่ายสองห้าสิบนาที ผมพานายทิวากรมาถึงโรงพยาบาลฉิวเฉียดกับเวลานัด ยื่นประวัติที่เวชระเบียนแล้วกดลิฟต์มาชั้นสิบ ในโรงพยาบาลเอกชนหรูหรา ไม่มีกลิ่นแอมโมเนียระคายจมูก พนักงานต้อนรับสวยจนผมเกร็งไปหมด ยามก้าวเท้าได้ยินเสียงของพื้นผ้าใบแตะกระเบื้องแกรนิตกังวานก้อง ไม่ใช่เพราะผมเดินเร็วแต่ที่นี่ เงียบร้างเหมือนผู้คนไม่รู้จักป่วยไข้ ความจริงก็คือเพราะค่ารักษามหาโหด ผิดกับรอยยิ้มหวานหยดจนแทบลืมตายต่างหากที่ผู้คนมักเลือกใช้บริการสถานพยาบาลอื่นแม้ที่นี่จะสามารถเดินทางมาสะดวกและดูแลดุจโรงแรมหกดาวที่ผมไม่มีวันเอื้อมถึง

          ผมจำได้ คราวก่อนที่พี่ทิมารักษาโรคกระเพาะ ตอนไปจัดการบิลผมแทบล้มทั้งยืน ดีที่แจ้งพี่ลมแล้วพี่ลมโอนเงินเข้าธนาคารทัน ไม่อย่างนั้นต่อให้ขายอวัยวะให้โรงพยาบาลก็คงไม่พอค่ารักษาแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนของคนป่วยที่หาเรื่องป่วยได้เก่งเหมือนได้ค่าคอมมิชชั่นจากหมอของโรงพยาบาล

          ป้ายที่เขียนด้วยตัวอักษรโมเดิร์นบนแผ่นอะคลิลิกสีขาวขุ่นเขียนบอกทางไว้เหนือหัวเมื่อประตูลิฟต์เปิด คราวก่อนคุณหมอกระเพาะบอกแล้วว่าการบำบัดพิษสุราเรื้อรังจะต้องเข้าพบแผนกจิตเวช แม้ว่าจะคัดกรองเบื้องต้นแล้วแต่เมื่อเปลี่ยนแพทย์ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ผมจับข้อมือพี่ทิให้กำลังใจ เมื่อถึงหน้าห้องที่นัดหมายก็ส่งเขาไปชั่งน้ำหนัก วัดความดันกับคุณพยาบาล จากนั้นผมกับพี่ทิถึงได้พบหน้าผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคนท่าทางใจดี สวมแว่นหนา หัวตรงกลางล้านแต่มีผมสีเลาขึ้นข้างๆ เหมือนกัปปะ

          “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ก่อน แล้วทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหมอ พี่ทิเองก็เหมือนกัน เขายกมือไหว้พอเป็นพิธี คุณหมอยกมือรับยิ้มใจดี

          “วันนี้อยากให้หมอช่วยอะไรครับ”

          “ไม่มี” ชายหนุ่มตอบทันควัน ผมรีบแย้งกลับด้วยท่าทีหลุกหลิกลุกลน

          “คือเขาจะเลิกเหล้าน่ะครับ”

          “คนไข้อยากบำบัดเองหรือโดนบังคับมาครับ ถ้าใจไม่มาด้วยเลิกยากนะ”

          คนไข้ที่ว่าพรูลมหายใจออกยาว กลอกตามองบนอย่างไม่สงวนท่าที “ผมไม่ได้ติดเหล้า”

          “โอเค งั้นเราลองมาทำแบบทดสอบกันดีกว่า อันนี้คนละชุดครับ”

          คุณลุงหมอส่งใบประเมินพฤติกรรมการดื่มมาให้ เป็นเช็กลิสต์ง่ายๆ ที่บอกความถี่และอาการเมื่อดื่ม รวมถึงเมื่อไม่ได้ดื่ม เหลือบมองของพี่ทิเห็นเป็นคำถามชุดเดียวกัน ผมตอบตามจริงเท่าที่รู้ ก่อนส่งให้หมอพร้อมกับคนข้างๆ

          “จากใบประเมินแล้วยังไม่ได้ถึงขั้นร้ายแรงนะครับ สามารถเลิกเหล้าเองได้โดยไม่ต้องใช้ยา ไม่มีอาการลงแดงเมื่อขาดเหล้า หมอว่าไม่ยากเท่าไหร่ แต่คนไข้กับกำลังใจต้องเต็มที่ทั้งคู่ ถ้าตกลงเข้าบำบัดช่วยเซ็นต์เอกสารตรงนี้หน่อย ค่อยๆ อ่านไปก็ได้”

          ใบต่อมาเป็นใบเจตจำนงการรับการบำบัด ลงชื่อพี่ทิ และพยานก็คือผม หรูหราหมาเห่ามาก มีเซ็นต์เหมือนสัญญาแบบนี้น่าจะมีค่าปรับกรณีที่ทำไม่ได้ด้วยว่าเสียเท่าไหร่ จะได้เอาเงินค่าเหล้าเข้าโรงพยาบาล ที่นี่ยังขาดอยู่อย่าง เทเลพอตสำหรับเดินเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วเปิดวาร์ปมารอคิวหน้าห้องตรวจได้เลย

          “การบำบัดมีทั้งหมดสี่ครั้ง ในสองสัปดาห์ ครั้งละชั่วโมงครึ่ง วันนี้กับวันสุดท้ายญาติต้องเข้าร่วมกิจกรรมด้วยนะครับ อีกสองครั้งให้เขามาเองหรือจะมาด้วยกันก็ได้ หลังจากนั้นก็ติดตามเดือนละครั้ง”

          เขาพูดซ้ำกับหมอคนก่อนหน้านี้ เข้าใจว่าแพทย์ต้องแจ้งตามหน้าที่ ผมพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนพี่ทิยังคงไม่หือไม่อือ

          “เรามาเริ่มกิจกรรมแรกกันเลยดีกว่า สองใบนี้ให้แต่ละคนเขียนอธิบายเกี่ยวกับตัวเองนะครับ”

          ผมรับกระดาษแผ่นใหม่มาก่อนเริ่มเขียน ชื่อน้ำมนต (ร์) ผิวขาวเหลือง ค่อนข้างผอม ผมสีดำ ซอยสั้น จมูกรั้น มีแก้มนิดหน่อย หน้าตาดีมาก เป็นนักศึกษาฐานะปานกลางที่สู้ชีวิต มีอะไรอีกนะ ชอบเพลงของพี่ทิ เป็นนักแอบรักมือวางอันดับหนึ่ง

          “เสร็จแล้วทำอันนี้ต่อครับ”

          กระดาษใบเดิมโดนเก็บไป พี่ทิเขียนเสร็จก่อนผมครู่ใหญ่ จากนั้นก็รับอีกใบมาเขียนต่อ คราวนี้เป็นแบบประเมินการสำรวจข้อดีข้อเสียของตัวเอง สิ่งที่ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้น และสิ่งที่เป็นอุปสรรค

          ยากแฮะ... ไม่เป็นปรนัยหน่อยเหรอ ผมน่ะกาสุ่มเก่งมากเลยนะ

          ขณะที่กำลังคิดก็แอบเหลือบมองคนข้างๆ พี่ทินิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกัน คงไม่ค่อยมีใครได้คิดเรื่องนี้กับตัวเองเท่าไหร่ พอต้องตอบขึ้นมาก็ไม่มั่นใจว่าควรพูดถึงตัวเองยังไงดี

          “เริ่มได้เลยครับ”

          ก็อยากเริ่มหรอก แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนแฮะ ผมจิ้มดินสอเล่น ไม่นานจากนั้นพี่ทิก็ชิงส่งคำตอบไปก่อนผมอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักตัวเองดีก็เหลือแค่เป็นคนขี้เกียจที่ไม่เขียนอะไรลงไปเลยเท่านั้น คุณหมอยังให้เวลาผมต่ออีกห้านาทีก่อนผมจะส่งคืนกระดาษคำตอบกลับไป

          “คราวนี้ลองมาสลับกันดูนะครับ”

          ผมถึงกับอ้าปากหวอ ไม่เห็นรู้มาก่อนว่าจะต้องให้อีกฝ่ายอ่านด้วย เมื่อพีทิรับกระดาษที่เป็นของผมไปแล้วมุมปากก็อมยิ้มเล็กๆ ส่วนผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้า กระจกใสบนโต๊ะสะท้อนกับแสงไฟเป็นภาพผมกำลังก้มหน้างุด หูแดงอย่างเห็นได้ชัด แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นอีกฝ่ายหูแดงจัดไม่ต่างกัน

          แน่นอน เพราะประโยคหนึ่งในแบบทดสอบนั้นผมเขียนไว้ว่าเป็นแฟนเพลงของพี่ทิ และแม้ว่าเขาจะรู้ตัวมาก่อนหน้านี้แล้วพอต้องเขียนแบบเปลือยความรู้สึกแบบนี้กลับเขินกว่าครั้งที่ผ่านมา นั่นมันไม่ต่างกับการเปิดไดอารี่ให้อีกคนอ่านเลยไม่ใช่เหรอครับ

          “หน้าตาดีมาก”

          เขาพูดเปรย อ่านข้อความของผมเสียงดัง บ้าเอ๊ย หลักฐานมันฟ้องขนาดนี้ จะให้เขียนว่าขี้เหร่ก็ไม่ใช่ ผมเอาคืนด้วยการอ่านสิ่งที่เขาบรรยายถึงลักษณะของตัวเองบ้าง ผมดำ เล่นดนตรีได้ อะไร แค่นี้เองเหรอ

          “เขียนแค่นี้ไม่เห็นดูออกว่าเป็นพี่ตรงไหน”

          “ทำไม ไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ”

          “เรื่องจริง แต่มันน้อย ไม่เขียนว่าเป็นคน พ่อเป็นผู้ชาย แม่เป็นผู้หญิงเสียเลยล่ะ”

          “นายก็ไม่ได้เขียนหนิ” ผมกำลังอ้าปากจะเถียงกลับ แต่เห็นหมอยกมือยั้งไว้ก่อน

          “การรู้จักตัวเองทำให้เรารู้จักลดทิฐิ เห็นความสำคัญของคนอื่นแล้วก็เพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้นะครับ”

          ชายวัยกลางคนอธิบายช้าๆ ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของพี่ทิแล้วก็อยากรู้ว่าเขาไม่รู้จักตัวเองจริงๆ ว่าเป็นคนเจ๋งขนาดไหนหรือแค่ไม่เปิดใจให้หมอกันแน่

          “คุณทิวากรลองเขียนลักษณะของตัวเองให้ชัดกว่านี้ไหมครับ หรือว่าจะให้แฟนช่วยคิดก็ได้”

          “ไม่ใช่แฟน!”

          ผมและคนไข้เถียงเสียงแข็งพร้อมกัน คนพูดหน้าเจื่อนทันที เหมือนตรงไหน หมอก็เพ้อเจ้อ “ผมเป็น...”

          “เบ๊”

          “จะเอาใช่ปะ”

          “ทำไม”

          “ใจเย็นๆ ครับ เป็นเพื่อนแล้วกันเนอะ”

          จู่ๆ ห้องบำบัดก็กลายเป็นเวทีมวยโดยมีหมอเป็นกรรมการ ก่อนรื่องราวจะลุกลามคุณหมอก็รีบเข้าประเด็น “ถ้าอย่างนั้นคุณน้ำมนต์ลองอธิบายถึงคุณทิวากรแบบที่เห็นดูสิครับ”

          “ปากจัดหัวรั้นตัวสูงลงพุงผมไม่เป็นทรงใต้ตาดำสกปรกนิสัยกวนประสาททำตัวเป็นเด็ก” ผมพูดยาวเหยียดไม่เว้นจังหวะหายใจ คนถูกกล่าวหาจะแย้งแต่ก็ถูกประโยคถัดมาของผมห้ามไว้ “เมื่อก่อนตอนเป็นยูทูบเบอร์จะเห็นแค่นิ้ว เขาเป็นคนนิ้วสวย จับคอร์ดชัด ช่วงที่เล่นเปียโนถึงได้เห็นไปจนถึงข้อมือ มือใหญ่มีขี้แมงวันที่ตรงระหว่างนิ้วนางกับนิ้วกลางเล็กๆ เป็นคนเสียงทุ้ม พูดเบา สุภาพ ประหยัดคำพูด ไม่อวดตัวเอง เป็นคนที่เขียนเพลงไม่เหมือนคนอื่น”

          ผมเผลอยิ้มออกมาเมื่อพูดถึงตรงนี้

          “เป็นคนที่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอ”

          แต่แล้วก็หุบยิ้มลงทันที

          “แต่ถ้ารู้ว่าเจอแล้วจะเป็นคนแบบนี้ก็อาจจะไม่อยากเจอก็ได้”

          “เป็นอาการของผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังระยะกลางน่ะครับ ถ้าภายใน 72 ชั่วโมง ไม่สามารถควบคุมปริมาณการดื่มได้ ต้องใช้ความพยายามมากเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ พฤติกรรมเปลี่ยนไปแล้วก็มีอารมณ์แปรปรวนจะจัดเข้าขั้นนี้ แต่เท่าที่กรอกแบบทดสอบคุณทิวากรยังไม่มีอาการมือสั่น หรือประสาทหลอน ถ้ารีบรักษาตัวตอนนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องแอดมิทหรือใช้ยา เพียงแต่ว่าต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด แล้วก็ใจเย็น”

          ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจ ผิดกับคนข้างๆ ที่เริ่มเขย่าขา ผมเลยกระทุ้งศอกเข้าให้ทีนึง

          “คุณทิวากรทราบข้อเสียของการดื่มเหล้าไหมครับ”

          “ครับ” เขาตอบสุภาพด้วยน้ำเสียงไม่สุภาพ “คือผมไม่ได้ติดเหล้านะหมอ ผมแค่ทำงานไม่ได้ก็เลยกิน”

          “ดื่มแล้วทำได้ไหมครับ”

          พี่ทิเบือนหน้าหนี หมอให้โอกาสใหม่

          “คุณทิอยากเลิกดื่มไหมครับ”

          “อยากครับ” ผมตอบแทน แต่หมอไม่มองผมเลย เฮลโหล คนพามาอยู่นี่ครับ มาด้วยใจจริง ตั้งใจเกินร้อยด้วยซ้ำ

          “ถ้าไม่ติดก็ต้องหยุดดื่มได้ใช่ไหมครับ”

          เกิดเสียงเงียบระหว่างเราสามคน ใช้เวลาครู่ใหญ่สำหรับทบทวนตัวเองหมอก็เสนอทางเลือก “เรามาลองดูทางเลือกว่าจะลดการดื่มลงยังไงดีไหมครับ อย่างเช่น เลิกดื่มเลย ดื่มเฉพาะวันหยุด ดื่มไม่เกินสัปดาห์ละครั้ง หรือดื่มไม่เกินสัปดาห์ละสองครั้ง”

          พี่ทิหันกลับมามองหน้าหมอด้วยแววตาขุ่นๆ อย่าต่อยกันนะครับ ผมวิ่งออกนอกห้องคนแรกบอกเลย

          “วันเว้นวัน”

          จังหวะนี้แหละ ผมรีบแทรก

          “ไหนบอกไม่ติดไง ทำไมต้องกินด้วย”

          “อะ สัปดาห์ละไม่เกินสามครั้ง”

          “มันก็คือวันเว้นวันนั่นแหละ”

          “สัปดาห์ละครั้ง”

          “ไม่แน่จริงนี่หว่า”

          “ญาติครับ ขั้นตอนนี้ต้องให้คนไข้ตัดสินใจเอง” อ้าว ลุงหมอเบรกผมหัวทิ่มเลย ใครจะไปรู้วะ “ต้องเลือกเองแบบที่คิดว่าจะทำได้ด้วยครับ”

          “งั้นไม่ดื่มเลย”

          พี่ทิตอบเสียงชัด ยุขึ้นนี่หว่า “เหตุผลครับ”

          “เพราะผมไม่ได้ติดเหล้า”

          “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นหมอจะเขียนไว้ในใบนี้นะ คุณทิวากรเลือกจะเลิกดื่มเลย เพราะไม่ได้ติดเหล้า เริ่มตั้งแต่วันนี้นะครับ อันนี้เป็นข้อตกลงของเราก่อนเนอะ เดี๋ยวเราลองมาอ่านอีกใบดีกว่าว่าเขียนอะไรมาบ้าง”

          ผมรีบตะครุบใบของตัวเองจากมือหมอแล้วไหว้ปะลกๆ “อ่านแค่ของพี่ทิได้ไหมครับ คือ...”

          “ทำไม”

          “ไม่ทำไม” ก็เพราะในนั้นเขียนเรื่องคนที่ทำให้ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้นว่าเป็นฟ้า ส่วนอุปสรรคก็คือพี่ยังไงเล่า แต่พี่ทิมีมารยาทกว่าผมมาก เขาไม่ได้แย่งเอกสารออกมาจากมือหมอ เพียงแค่ใช้หางตามองเท่านั้น “ผมไม่ได้บำบัดด้วยสักหน่อย”

          งุบงิบตอบในลำคอ แล้วพูดต่อ “ผมมาเพราะจะได้รู้วิธีรับมือกับพี่ต่างหาก”

          “โอเคครับ งั้นเรามาดูกันว่าคุณทิวากรมีทัศนคติยังไงกับตัวเองกันบ้าง”

          หมอยอมเก็บกระดาษคำตอบของผมไว้ด้านหลัง แล้วหมุนกระดาษคำตอบของพี่ทิมาให้อ่านด้วยกัน ผมพรูลมหายใจออกยาว ค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าถูกจับได้ว่าเจ้าตัวกำลังเป็นปัญหาให้ผมตอนนี้การบำบัดจะแย่เข้าไปใหญ่

          ผมอ่านคำตอบจากกระดาษแผ่นนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ พยายามไม่รับรู้ถึงสายตาที่กำลังจับจ้องมาจากใครอีกคน

         



          “เอาจริงเหรอวะน้ำมนต์”
         
          เสือนักศึกษา หนังสือเรียน ที่ขาร์จโทรศัพท์ แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว กางเกงใน ชุดนอน เสื้อยืด กางเกงขาสั้น อะไรอีกนะ

          “ไม่เห็นมึงต้องย้ายเลย”

          “ถุงเท้า!”

          “ฟังกูอยู่ไหมเนี่ย”

          เสียงกระเง้ากระงอดของเพื่อนสนิทยังคงรบเร้าเอาคำตอบ หลังกลับจากโรงพยาบาลผมกับพี่ทิก็แยกกันโดยชายหนุ่มกลับคอนโด ส่วนผมกลับห้องมาเก็บเสื้อผ้า การเดินทางจากคอนโดพี่ทิไปมหาวิทยาลัยไม่ยุ่งยากมาก แต่ถ้าผมปล่อยให้เขาคลาดสายตาจนกลับไปดื่มใหม่หรือไม่ทำตามกติกาเห็นจะทำให้วุ่นวาย

          “ฟัง” ผมตอบแล้วหยิบถุงเท้าในลิ้นชักออกมา “เราก็ไม่ได้ย้ายไปถาวรเสียหน่อย แค่สองสัปดาห์นี้แหละ”

          “น้ำมนต์ อย่าไปเลยนะ กูเหงา”

          ไอ้นิวมากอดจากข้างหลัง ขนลุกเว้ย “จ้างเราดิ”

          “ทำไมหน้าเงินอย่างนี้ ที่บ้านมึงก็ไม่ได้ยากจนเสียหน่อย”

          “อ้าว ก็เวลาทำมาหากิน ค่าเสียเวลาล่ะครับ”

          “งั้นรีบไสหัวไปเลย โอนค่าห้องมาด้วย”

          “โห หน้าเลือดอะ ทำไม บ้านมึงก็ไม่ได้จนเหมือนกัน”

          “มีย้อนๆ ใช่ซี่ กูมันไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ของมึง” นิวจีบปากจีบคออย่างที่ชอบทำ มันโดดไปนั่งบนเตียง มองผมเก็บของแต่ไม่หยุดปากมาก “ถ้าฟ้าสั่งให้มึงไปตายมึงจะไปตายปะวะ ต้องทุ่มเทอะไรเบอร์นี้”

          ผมหัวเราะ ไม่ถือโทษโกรธคนค่อนขอด ที่ผ่านมาผมก็ทำเหมือนชีวิตขึ้นอยู่กับฟ้าจริง แต่ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ตอนนี้ผมชอบฟ้า แต่เดี๋ยวพอเริ่มทำงานก็คงไปชอบคนอื่น เป็นอย่างนี้มานานแล้ว แม้แต่ตัวเองก็รู้ดี ผมมันคนมีงานอดิเรกคือการแอบรักคนใกล้ตัวอยู่แล้ว

          “ไอ้นิว มึงก็เป็นโอตะ มึงต้องเข้าใจดิวะว่าเวลาที่คนที่เราปลื้มทำตัวดีๆ มันก็น่าชื่นใจ”

          เพื่อนสนิทเบะปาก ไม่เห็นด้วยแต่เถียงไม่ออก

          “ถ้าเราทำให้พี่ทิกลับมาเป็นพี่ทิคนเดิมได้ นะ ต่อให้มีสิบฟ้ามาบอกให้เราหยุดเราก็ไม่หยุดหรอก”

          “เออๆ กูแค่ไม่อยากให้มึงตัดสินใจอะไรเพราะเป็นคำสั่งของอีฟ้าไง มันก็เพื่อนกู มึงก็เพื่อนกู ไอ้อุ้ยก็เพื่อนกู ต่อให้มันสองตัวไม่รู้ว่ามึงมันเพื่อนเลวแต่กูก็ไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมความรักในกลุ่มเรา เข้าใจปะ”

          “มึงคิดเยอะเกินไปแล้ว”

          “ใครจะไปรู้วะ แต่ทีกูกับมึงรู้แน่ๆ คือฟ้าไม่มีวันคบมึง เข้าใจใช่ไหมน้ำมนต์”

          ผมปิดกระเป๋าลาก รูดซิปเรียบร้อยแล้วมองหน้านิวยิ้มๆ “นิว กูก็ไม่ได้จริงจังกับฟ้าขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นกูตรอมใจตายตั้งแต่ปีแรกที่เห็นมันสองตัวจู๋จี๋กันทุกวันแล้ว”

          “ถามจริง ถ้าได้เอาปะล่ะ”

          “เอาดิ”

          ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ รูมเมทถึงกับทำเสียงขากยาวๆ แล้วถ่มถุยเย้ยหยันความพระรองเต็มขั้นของผมไม่ไว้หน้ากันเลย






          “ก็ดีนะ”

          ปลายสายตอบพลางลกเสียงครางต่ำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ผมนั่งแท็กซี่มาที่คอนโดพี่ทิพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ ตั้งใจว่าจะอยู่กับเขาตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่เข้าบำบัด อย่างน้อยถ้าซุปเปอร์ไอดอลผมเครียดจะได้มีคนห้ามไม่ให้กลับไปดื่มอย่างที่เจ้าตัวตั้งปณิธานไว้หนักแน่น

          “ลำบากน้ำมนต์หรือเปล่า”

          “ไม่นะพี่ลม ผมว่าอยู่คอนโดพี่ทิก็สบายดี มีอ่างอาบน้ำด้วย”

          “เป็นเด็กติดอ่างนี่เอง”

          “ไม่ช้าย” ผมขึ้นเสียงสูง แค่ชอบแช่น้ำอุ่นเฉยๆ “ยังไงแมนชั่นพี่ทิก็กว้างขวาง มีห้องว่างด้วย ผมยึดห้องนั้นล่ะ อยากฟังเพลงทุกแผ่นในชั้นเลยด้วย”

          พี่ลมหัวเราะผ่านสัญญาณโทรศัพท์ก่อนพูดเสียงเนือย “น้ำมนต์นี่หลอกล่อง่ายจังเลยน้า”

          “หลอกอะไรเล่า”

          “ก็แค่มีอ่างอาบน้ำกับแผ่นเสียงก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ”

          ผมคิดนิดหน่อยก่อนตอบ “มีเงินเดือนด้วย”

          “เหรอ งั้นจบงานนี้มาอยู่กับพี่ไหม ห้องพี่มีอ่างอาบน้ำจากุซซี่ แผ่นเพลง แล้วก็ให้เงินเดือนเหมือนเดิมด้วย”

          “ฟังดูอันตรายยังไงก็ไม่รู้ฮะ”

          “อันตรายอะไรเล่า พี่น่ะจะดูแลเราอย่างดี มดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลย”

          ประโยคแบบนี้มันปลอดภัยตรงไหนครับ

          “แค่เป็นหมอนข้างให้พี่ฟัดแก้มทุกวันก็พอ”

          “โห เนี่ยๆ อันตรายทั้งนั้นเลย ผมวางสายก่อนดีกว่า กลัว”

          “รอพี่เลิกงานแล้วให้ไปรับมาหาอะไรอร่อยๆ กินปลอบขวัญไหม”

          “ไม่ไปครับ” ตอบชัดเจน บอกแล้วว่าผิดผี “ผมหยอกเล่น แต่ว่าต้องวางจริงๆ แล้ว ผมถึงคอนโดพี่ทิแล้ว ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบนะครับพี่ลม”

          “อื้อ คิดถึงหรือต้องการความรักก็โทรมาได้เหมือนกันนะ ไม่ต้องเรื่องงานพี่ก็อยากได้ยินเสียงน้ำมนต์”

          “หยอดเก่งเป็นพ่อค้าขนมครกเลยอะ ยอมแพ้”

          “ยอมจริงป่าว”

          “ไม่คุยด้วย...อ๊ะ...” ระหว่างกำลังต่อปากต่อคำกับปลายสายโทรศัพท์ผมก็ถูกฉกไปจากด้านหลัง ใจหายแวบเลย นึกว่าเจอโจรใต้คอนโดกลางวันแสกๆ

          “พี่ลม” หัวขโมยแนบหูกับโทรศัพท์อย่างไร้มารยาท สีหน้าเรียบนิ่ง แน่ล่ะ ใครจะกล้าทำกับผมแบบนี้ถ้าไม่ใช่ทิวากรคนมึนของโลกใบนี้ “หนวกหู พูดมากอยู่ได้ ทำไม ผมพูดแล้วมันทำไม อย่ามาทำตัวเจ้าชู้กับไอ้เด็กนี่ มันโง่ไม่ทันเกมพี่หรอก ไม่ได้หึง”

          ชายหนุ่มต่อปากต่อคำกับปลายสาย ผมไม่ได้ยินเสียงลอดออกมาเลยว่าพี่ลมพูดอะไรบ้าง แต่ประโยคของพี่ทิน่ะชัดมาก อ้อมแอ้มเถียงกลับในลำคอ

          “ไม่ได้โง่สักหน่อย”

          แต่เมื่อกี๊ใครหึงอะไรใครนะ

          “เลิกคิดไปแองได้แล้ว แค่รำคาญ เห็นมันยืนหน้าลิฟต์นานแล้ว พี่ไม่ยอมวางมันเลยวางไม่ได้ไง เข้าลิฟต์ไปสัญญาณตัด น้องมันมีมารยาทเลยจะวางสายพี่ก่อน ผมแค่มาช่วยพูดเพราะรู้จักพี่เฉยๆ บอกว่าไม่ได้หึงไง”

          ประโยคเริ่มวนกลับมาที่เก่า สุดท้ายพี่ทิก็ถอนใจใส่โทรศัพท์ยาว

          “แค่นี้นะ”

          แล้วก็ตัดสายไปเลย

          “เฮ้ย”

          “อะไร” เขาดูหงุดหงิดชขึ้นมาอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าอยากดื่มเหล้าหรอกนะ “อย่าไปคุยกับมันมาก พี่ลมมันนักล่อลวงไม่รู้หรือไง”

          “พี่ก็พูดเกินไป ผมโทรหาพี่ลมก็เพราะเรื่องพี่นั่นแหละ”

          “ต้องรายงานมันทุกอย่างเลยเหรอ”

          “แน่สิครับ เขาเป็นนายจ้างผมนี่” ถามอะไรแปลกๆ

          “ระวังมันจ้างขึ้นเตียง”

          “นี่ ผมก็มีหัวคิดหรอกนะ ทำไมอะ หรือว่าหึง”

          ลองแหย่กลับด้วยประโยคที่อีกฝ่ายเถียงกับคนในโทรศัพท์เป็นวรรคเป็นเวร พี่ทิส่ายหน้าระอาแล้วคว้ากระเป๋าลากไปจากมือผม

          “นี่ จะหยิบอะไรก็บอกเจ้าของเขาก่อนสิ ไม่มีมารยาทเลย”

          “พูดมากจังวะ”

          “ไม่ได้พูดมาก แต่พี่น่ะพูดบ้างเถอะ ว่าแต่ยังไง พี่กับพี่ลม...กุ๊กกิ๊กกันเหรอ”

          ผมรู้มาอย่างคือไม่ควรถามบริบทว่าใครรุกใครรับ แต่พี่ลมก็ไม่ได้ห้ามถามเรื่องความสัมพันธ์ของสองคนนี้เสียหน่อย

          “ไปฟังอะไรพี่ลม”

          “ไม่ได้ฟังพี่ลมเลย ได้ยินจากพี่นี่แหละ”

          เขาไม่ตอบในทันที แต่กดลิฟต์แล้วเดินเข้าไปรอ ผมก้าวเท้าตามติดๆ เสียงสัญญาณลิฟต์อ่านคีย์การ์ดดังติ๊ด ก่อนจะทะยานตัวขึ้นสูง

          “นี่ เล่าได้นะ ผมไม่เอาไปบอกใครหรอก”

          “ไม่มีอะไรให้เล่า”

          “ไม่มีได้ไง เมื่อกี๊ผมยังได้ยินว่าพี่บอกว่าไม่ได้หึงเลย ยังไงครับยังไง”

          “ไร้สาระ” เขาบอกปัด แต่ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้นก็มีแค่ผมกับเจ้าตัว ชั้นที่อยู่ก็สูงเสียด้วย โดนสายตาจับจ้องเข้าหน่อยอีกฝ่ายก็เหมอนกับทนไม่ไหว “มันก็ขี้หยอดอย่างนี้แหละ หยอดไปทุกคน อย่าไปหลงกลเชียวถ้าไม่อยากวุ่นวาย”

          ในที่สุดนักโทษก็สารภาพ ผมพอจับใจความได้ว่าพี่ลมคงหยอดพี่ทิบ้าง เหมือนที่เขาหยอดผมทุกครั้งที่มีโอกาส

          “เรื่องแค่นี้เอง”

          “เคยมีคนจะยิงกันเพราะปากอย่างมันมาแล้ว อย่ามองว่าเรื่องแค่นี้ อย่าทำนิสัยแบบมันด้วย เข้าใจหรือเปล่า”

          พอถูกอีกฝ่ายสั่งด้วยสีหน้าจริงจังผมก็ขำไม่ออกเหมือนกัน ยิงกันเลยเหรอ เยกเข้ พี่ลมปืนดุ

          “ไม่รู้ว่านอกจากปากแล้วมีอะไรดี”

          พี่ทิยังสบถตามลำพัง ผมนึกไปถึงแบบทดสอบที่พี่ทิทำ คุณหมอให้เขียนถึงข้อดีของตัวเองและสิ่งดีๆ ที่อยากทำเพื่อตัวเอง เป็นกิจกรรมที่สอนให้ผู้เข้าร่วมมีความหวังและภูมิใจในตัวเอง รวมถึงกำหนดเป้าหม่ายให้ตัวเองขึ้นมาได้

          คำตอบของพี่ทิในแบบทดสอบที่สองคือไม่มี

          ไม่มีทั้งคนที่เป็นแรงผลักดันให้เขาเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น ไม่มีเป้าหมายรวมทั้งความหวัง

          ความรู้สึกโดดเดี่ยวลำพัง ไม่มีแม้กระทั่งคนที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นไม่ให้เขาก้าวไปสู่ตัวเองในเวอร์ชั่นใหม่

          หมอบอกว่าคนที่เป็นแอลกอฮอลลิซึมมักมีอาการซึมเศร้าควบคู่ไปด้วย โชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ถึงขั้นคิดเรื่องตาย แต่กระนั้นเขาก็พูดมาได้อย่างไม่ลังเลสักนิดว่าหากพรุ่งนี้ไม่หายใจก็ไม่มีอะไรให้เสียดายอีก

          “แต่ผมเห็นข้อดีของพี่เยอะเลยนะ”

          ระหว่างที่ลิฟต์ใกล้ถึงชั้นปลายทางผมก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ คู่สนทนาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “พี่ลมสอนให้ปากหวานมาแล้วหรือไง”

          “ไม่ใช่ นี่พูดจริงๆ นะ พี่น่ะ เจ๋งไปเลย เวลาที่ผมเศร้าแล้วมีเพลงของพี่ฟังนะ มันทำให้รู้สึกไม่ได้เหงาอยู่คนเดียว หรือว่า เวลาที่ผมอินเลิฟแล้วมีเพลงของพี่เล่นในหัวมันเหมือนตัวเองเป็นพระเอกมิวสิคเลย”

          “เป็นเด็กเป็นเล็ก หัดอินเลิฟกับเขาแล้วเหรอ”

          “นี่อย่าทำตัวเป็นตาแก่หน่อยเลย ผมตกหลุมรักเป็นตั้งแต่ประถมแล้วเถอะ”

          “แก่แดด”

          “พูดเรื่องจริง”

          ประตูลิฟต์เปิดออก เขาเดินนำผมไปด้านหน้า เสียงล้อขูดกับพื้นเงาวับดังครืดยาวๆ ไม่กี่อึดใจเจ้าของห้องก็ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูแล้วทิ้งกระเป๋าของผมไว้ที่ข้างชั้นวางรองเท้า ผมถอดรองเท้าเข้าชั้น เก็บของเขาที่วางไม่เป็นระเบียบให้เรียบร้อยไปด้วย จากนั้นก็เอากระเป๋าไปไว้ในห้องนอนเล็กที่ตกลงกันว่าจะยกให้เป็นห้องของผมชั่วคราว

          ที่พูดไป เขาจะรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า รับรู้ไหมว่าเพลงของเขามันหล่อเลี้ยงชีวิตผมได้ทุกจังหวะนาทีจริงๆ

          ติ๊ง...

          เสียงเปียโนดังขึ้นหนึ่งครั้ง ผมแง้มประตูออกไปเห็นแผ่นหลังของคนที่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาบนเก้าอี้หน้าเปียโตสีดำตัวเขื่อง สมุดเปล่าวางตั้งอยู่ตรงหน้า เขาเขียนอะไรยุกยิกบนนั้น ครู่หนึ่งก็เริ่มกดที่คีย์บอร์ดเปียโนอีกครั้ง

          เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นใหม่ คราวนี้ไม่ใช่แค่จังหวะเดียว แต่พลิ้วยาว ปลายนิ้วพรมลงบนแป้นสีขาวสลับดำลื่นไหลไม่สะดุด ไม่มีจังหวะงกๆ เงิ่นๆ หรือชะงักค้างยาวเกือบนาที เมื่อพักเขาก็ใช้ดินสอไม้เขียนบางอย่างลงบนสมุดเล่มนั้นใหม่

          ยิ่งไปกว่าการได้ฟังพี่ทิเล่นดนตรีสดสักครั้ง มันคือการได้เห็นอีกฝ่ายเขียนเพลงใหม่ที่ไม่ผ่านการถ่ายทอดจากช่องทางไหน

          ร่องหลืบเล็กของบานประตูคมชัด

          ผมรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังค่อยๆ ขยายพองออกมา





TBC

ตอนนี้มีฉากตัดสลับนิดหน่อย ถ้าอ่านแล้วงงบอกได้ฮับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2019 19:18:12 โดย -west- »

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #128 เมื่อ18-12-2019 09:46:44 »

ไม่งงจ้า สนุกมาก รอชมเขาต่อปากต่อคำกัน  o13   :pig4:

ออฟไลน์ noomasoi3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #129 เมื่อ18-12-2019 09:51:49 »

น้ำมนต์เอ๊ยยย ท่าทางจะทึ่มจริงอย่างพี่ทิว่าละ น้ำมนต์ไม่ใช่แค่เห็นพี่ทิแต่งเพลงนะ ป้าว่าน้ำมนต์กำลังเห็นพี่ทิแต่งเพลงให้น้ำมนต์แล้ว อิ อิ  :laugh:  :laugh:

ปูลู ขอบคุณเว้ดเว้ดนะคะ ที่ทำให้วันพุธเป็นวันที่มีความสุขประจำสัปดาห์ของพี่  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
« ตอบ #129 เมื่อ: 18-12-2019 09:51:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Rubyrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #130 เมื่อ18-12-2019 09:54:16 »

แหน่ะคุณทิ เห็นความดีความชอบของน้องน้ำมนต์แล้วล่ะสิ หวั่นไหวแล้วใช้ไหมค่ะะะะ

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #131 เมื่อ18-12-2019 10:25:49 »

พี่ทิเอาน้ำมนต์อยู่หมัดเลย แค่นี้ก็พองแล้วเด็กพี่ทิเอ๋ย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #132 เมื่อ18-12-2019 10:42:38 »

ี่ลมนี่..ตัวร้ายใช่ไหม 555    :katai1:

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #133 เมื่อ18-12-2019 11:54:29 »

 :L1: :L1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #134 เมื่อ18-12-2019 12:27:23 »

น้ำมนต์ทำเพื่อพี่ทิมากๆ
สักวันน้ำมนต์ต้องกลายเป็นคนที่พี่ทิเขียนถึงแน่เลย

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #135 เมื่อ18-12-2019 12:47:50 »

เขาหึง!!! พี่ทิหึงเหรออออ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #136 เมื่อ18-12-2019 13:22:17 »

น้ำมนต์คนซื่อแต่ไม่เซ่อนะคะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #137 เมื่อ18-12-2019 20:30:33 »

เอ๊ะ ๆ มันดูยังไง ๆ นะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #138 เมื่อ18-12-2019 20:41:45 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Jnchnn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #139 เมื่อ18-12-2019 20:43:04 »

พี่ทิเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ชอบบรรยากาศของการที่มีน้ำมนต์ในชีวิตของพี่ทิจังค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
« ตอบ #139 เมื่อ: 18-12-2019 20:43:04 »





ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #140 เมื่อ18-12-2019 21:44:58 »


บ่ายสองห้าสิบนาที ผมพานายทิวากรมาถึงโรงพยาบาลฉิวเฉียดกับเวลานัด ยื่นประวัติที่เวชระเบียนแล้วกดลิฟต์มาชั้นสิบ

เมื่อถึงหน้าห้องที่นัดหมายก็ส่งเขาไปชั่งน้ำหนัก วัดความดันกับคุณพยาบาล บ่ายโมงห้านาที ผมกับพี่ทิถึงได้พบหน้าผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคน


เวลามันย้อนแย้งไหมอ่ะคุณเวด หรือเรางงเอง??    :ruready

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #141 เมื่อ18-12-2019 22:52:37 »

พลังบวกเริ่มมาละ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #142 เมื่อ19-12-2019 00:11:21 »

5555 เอ็นดูน้ำมนต์คนซื่อตรง ชัดเจนทุกคำพูดและการกระทำ
กลัวพี่เสียใจที่บอกว่าเป็นอุปสรรคในตอนนี้
ก็ขออย่าให้พลาดไปถึงมือพี่ที่ได้อ่านเลยนะ

น้ำมนต์แสบมาก จัดเต็มไปเลยค่ะ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ
กะทิเจอน้องโหมดนี้อีกแน่ ถ้ายังแกล้งน้องอีก

กะทิเอ้ย หลงน้องแล้วล่ะสิ ถึงออกอาการเหมือนหวง แถมมีงอน
ที่น้องผิดสัญญา เลยต้องพึ่งเหล้ายา พาลเคืองลมที่มาตอดน้อง

ลมก็หยอดเพลินเลยนะ สนุกล่ะสิ คือคิดจริงถ้าน้ำมนต์ตกลงใช่ไหม 5555

ว้าวว ดีมากเลยค่ะ กะทิพลิกฟื้นคืนตัวมาแล้ว รอฟังเพลงใหม่ของกะทินะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #143 เมื่อ19-12-2019 09:08:25 »

น้ำมนต์กับกะทิน่ารักชอบๆ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
«ตอบ #144 เมื่อ19-12-2019 23:37:15 »

อยากรู้จักพี่ทิให้มากกว่านี้

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
10 คิดไม่ซื่อ



          ความยากแรกของการเลิกเหล้าคือการยอมรับว่าตัวเองติดเหล้า ความยากที่สองคือการเริ่มบำบัดอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และจริงจัง ความยากอย่างที่สุดคือการเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยกลับไปดื่มใหม่ ผมใช้เวลาหลายสัปดาห์ เสี่ยงตายหวุดหวิดกว่าจะพาพี่ทิมาถึงขั้นที่สอง เหลือแค่ด่านบอสเท่านั้นที่ยังเดินทางมาไม่ถึง

          “เหนื่อยแล้ว”

          เช้าตรู่ของวันที่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ผมขุดตัวเองและคนที่อยู่ข้างหน้าออกมาวิ่งที่สวนสาธารณะข้างคอนโด อันที่จริงที่อยู่ของพี่ทิก็มีฟิตเนส เครื่องเล่นครบครัน เปิดแอร์เย็นฉ่ำ มีสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้าที่มองเห็นวิวเมืองและรถไฟฟ้าวิ่งพาดผ่านเมือง แต่ผมคิดว่ามันจำเจเหลือเกินกับการออกกำลังกายอยู่กับที่ มองโทรทัศน์ที่แขวนอยู่บนเสาเล่นหนังที่ไม่มีเสียง ทว่าข้อตกลงที่ให้ไว้กับหมอข้อหนึ่งคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

          และแม้ผมจะเป็นคนตั้งใจลากพี่ทิออกมาวิ่ง สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่หอบแฮกตั้งแต่สามกิโลแรกเกือบทุกวัน

          “ทำหน้าเหมือนจะตาย” ทิวากรพูดข่มทั้งที่ตัวเองก็หายใจถี่ไม่ต่างกัน ใบหน้าขาวแดงก่ำ เหงื่อไหลซึมจนชุ่มเสื้อกีฬาแขนกุดที่สวม

          “สภาพพี่ดีตาย”

          “ก็ดีกว่า”

          “ผมไม่เคยออกกำลังกายเลย ทำไมมันเหนื่อยเหมือนจะขาดใจอย่างนี้”

          พูดจบก็ทิ้งตัวลงนั่งริมทาง บนพื้นหญ้าที่ยังชื้นน้ำค้างจากเมื่อคืน ท้องฟ้าจากสีทึมค่อยๆ สว่างทีละน้อย นวลด้วยแสงสีละมุนอุ่นจากแสงแรกของวัน

          “น้ำ”

          “ขอบคุณครับ”

          พี่ทิเข้าบำบัดครั้งที่สาม แม้จะโยเยในช่วงก่อนไปแต่เขาก็ไปตามนัดทุกครั้งเหมือนเด็กอนุบาลไม่อยากไปโรเรียน แต่ผมไปส่งแล้วก็แล้วกัน ครั้งที่สองผมไม่ได้เข้าไปนั่งฟังด้วยเหมือนคราวแรกเพราะมีเรียน แต่ขากลับก็แวะรับเขาที่โรงพยาบาลเหมือนคุณแม่วัยใส

          ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อากาศตอนเช้านี่ช่างสดชื่นไม่เหมือนแดดเที่ยงที่จ้องจะแผดเผาผู้คนให้มอดไหม้เป็นจุณ ได้ยินเสียงนกร้องไกลๆ เงยหน้าขึ้นมองยอดไม้ก็เห็นมันบินโผจากิ่งหนึ่งมาอีกกิ่ง กลางเมืองใหญ่ฟุ้งไปด้วยมลภาวะ สัตว์พวกนี้ก็ยังอาศัยอยู่ได้แฮะ

          “คนมาวิ่งตอนเช้าเยอะเหมือนกันเนอะ”

          “นั่นสิครับ แต่บางคนก็มาวิ่งตอนเย็นนะ”

          “ไม่อยากมาตอนเย็นบ้างเหรอ จะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้า” เขาถาม รับน้ำขวดเดิมไปดื่มต่อ ผมเองก็ไม่ได้อยากตื่นเช้าเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าปล่อยให้ถึงตอนเย็นก็จะอืดอาดขี้เกียจออกมาข้างนอกกันทั้งคู่ งานของผมนอกจากการพาพี่ทิมาวิ่ง สิ่ที่ยากไม่แพ้กันคือปรับพฤติกรรมตัวเอง

          “ตอนเช้าก็ดีแล้ว พอวิ่งเสร็จ พี่กลับไปอาบน้ำก็เขียนเพลงต่อได้เลยไง ถ้ามาวิ่งตอนเย็นคงนอนตื่นเที่ยง เวลาหายไปแล้วครึ่งวัน”

          เขาพยักหน้าเห็นด้วย พี่ทิหาเรื่องทะเลาะกับผมน้อยลง แต่ก็ยังกวนประสาทอยู่บ้าง ราวกับเป็นทูดูลิสท์ที่วันไหนไม่ได้ยั่วโมโหกันจะนอนไม่หลับไปทั้งคืน

          “เขียนเสร็จสองเพลงครึ่งแล้วนะ”

          “จริงดิ โคตรไวเลย”

          “เมื่อก่อนเขียนสองสามชั่วโมงก็ได้ละ เพลงนึง กลับมาเขียนใหม่แล้วสปีดตก”

          “โหย แต่ก็คืบหน้ากว่าช่วงแรกๆ นี่ครับ” ผมกำหมัดชนไหล่เขา ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ ไม่สบตา “เลิกเหล้าแล้วดีเนอะพี่”

          “ก็บอกว่าไม่ได้ติด”

          “ยังจะเถียงอีก”

          อันที่จริงแล้วพี่ทิยังมีท่าทางหงุดหงิดให้เห็นบ้าง พอผมบอกว่าถ้าไม่ได้ติดเหล้าแล้วจะหงุดหงิดทำไมที่ไม่ได้ดื่ม เขาก็รีบกลบเกลื่อนว่าหิวบ้าง ร้อนบ้าง ผมเลยแกล้งลดแอร์จนตัวเองต้องใส่เสื้อขนเป็ดของเขาอยู่ในห้องให้สะใจไปเลย

          “ที่ไปหาหมอสองครั้งที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง ไม่เห็นเล่าเลย”

          “ครั้งที่สองไม่ค่อยอิน” เขาพูดเสียงเรียบ เหยียดขาข้างหนึ่งยาวแล้วโน้มตัวยืดกล้ามเนื้อ ผมเห็นก็ทำบ้าง เป็นขั้นสุดท้ายสำหรับการออกกำลังกายในแต่ละวัน “พูดเรื่องศีลห้า”

          “ทำไมล่ะ พี่ไม่ได้นับถือพุทธเหรอ”

          “ไม่เชิง จริงๆ ไม่ได้นับถืออะไรเป็นพิเศษ บางทีศาสนาก็มอมเมาคน”

          “เหรอ ผมนับถือพุทธมากๆ เลยนะ ผมว่าศาสนาน่ะ เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจคนได้ดีมากๆ แล้วพุทธก็มีความเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย”

          “เกิดมาเดินได้เจ็ดเก้า วิทยาศาสตร์ฉิบเป๋ง “

          “นั่นมันเรื่องเล่า” ผมมองค้อนให้กับคำค่อนแคะของอีกฝ่าย “เอาแค่แก่นคำสอนสิ”

          “พูดยากนะ แต่ใช้หลักไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่ต้องมีศาสนาก็ได้”

          “ก็จริงนะ พี่เชื่อเรื่องผีไหม”

          “ไม่”

          “ผมโคตรเชื่อ” ทิวากรหลุดหัวเราะในท่าทางจริงจังของผม ดวงตาหยีเป็นเส้นโค้งคว่ำ แต่ริมฝีปากบนและล่างโค้งหงาย แดดส่องกระทบเส้นผมที่เปียกเหงื่อทำให้ดวงหน้าเขาทั้งสดใสและอ่อนโยนจนผมแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ

          “เคยเจอผีเหรอ”

          “ไม่เคย”

          “แล้วทำไมถึงเชื่อ”

          “แหม ผมก็ไม่เคยมีความรักยังเชื่อว่ามีรักแท้ได้เลย”

          ไม่ว่าจะจากเพลงของเขา หรือว่าคู่เคียงคนอื่นที่โชคดีตามหากันเจอ พี่ทิลดมุมปากลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหมือนยังมีความขุ่นมัวบางอย่างในใจที่สลัดไม่ออก

          “พี่เคยคบกับคุณเจนคนเดียวเหรอ ผมหมายถึง ทำไมพี่เสียใจขนาดนั้น”

          ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เด็ดหญ้าที่ออกดอกโดดเด่นขึ้นมาหนึ่งอัน “เคยรักใครมากๆ ไหม”

          “เคยสิ”

          “เคยวางแผนอนาคตตัวเองกับคนๆ นั้นไหม” เขาพูดเสียงเรียบ แววตาหม่นลง ไม่ใช่คนที่ยิ้มสดใสและอุ่นละมุนเมื่อครู่อีกต่อไป “พยายามทะนุถนอมดูแลทุกอย่าง ระมัดระวังอดทน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำพลาดตอนไหน”

          “บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่พลาดหรอกครับ ก็แค่ยังไม่ใช่คู่กัน”

          “พูดง่ายแหละ แต่ทำได้ยากมากเลยนะ ทำความเข้าใจ ยอมรับกับความกลวงโบ๋ของตัวเองทั้งที่ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ทำให้รักดีๆ หายไปคืออะไร”

          “ถ้าเป็นรักที่ดีคงไม่หายไปหรอกครับ”

          ถึงผมจะไม่เคยเห็นผี แต่ผมก็เชื่อว่าผีมีจริง เช่นกันกับแม้ว่าผมไม่เคยคบใครแต่ผมก็เชื่อว่ารักที่ดีมันมีแน่ๆ อาจมาในรูปแบบของเพื่อน คนรัก สัตว์เลี้ยง หรืออะไรก็ตามที่เราเต็มใจจะมอบให้มัน และสิ่งเหล่านั้นจะกลับมาเยียวยาเราในวันที่หมดสิ้นเรี่ยวแรง

          “ผมไม่อยากให้พี่หมดหวังกับความรักแค่เพราะผิดหวังมาครั้งเดียวนะ”

          เขาหลุบตาลงต่ำ อมยิ้มอยู่ในที “พูดเก่งจริงๆ เราน่ะ”

          “จะบอกว่าผมพูดมากอีกแล้วเหรอ รำคาญเหรอ”

          “เปล่า ก็ดี เหมือนเลี้ยงชิวาว่าขี้เห่าไว้ตัวนึง ไม่เหงาหู”

          “ชิวาว่าบ้านพี่ดิ อย่างผมต้องเป็นโดเบอร์แมน มาดดีปราดเปรียวต่างหาก”

          พี่ทิหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้ยื่นมือมายีหัวผมเบาๆ ประกอบคำพูด

          “หมอให้ทำอะไรอีก”

          “ให้พูดถึงข้อเสียของเหล้า”

          “พี่ตอบว่าไง”

          “ก็อย่างที่เรียนมา ใครก็ท่องได้ ทำให้ขาดสติ อวัยวะในร่างกายพัง บลาๆ”

          “บลาๆ นี่คืออะไรครับ”

          พี่ทิมองผมด้วยหางตาโทษฐานที่กวนตีน ผมหลบสายตาคาดโทษนั้นด้วยการทิ้งตัวลงนอนหงายบนผืนหญ้า คันยุบยิบแต่ก็สบายตัวชะมัด

          “ครั้งที่ 3 ล่ะ”

          “ยกตัวอย่างเคสคนเมาให้มาวิเคราะห์ สอนเข้าหลักโยนิโสมนสิการ”

          “หา?!? โยนีแปลว่าจิ๋มไม่ใช่เหรอ?” ผมเด้งตัวลุกขึ้นทันที พี่ทิทำหน้าเหมือนเอือมระอาเต็มทน

          “โยนิโสมนสิการเป็นคำสอน สอนวิธีคิดเป็นระบบ”

          ใจหายใจคว่ำหมด นึกว่าหมอจะพาพี่ทิเข้าลัทธิอะไรแปลกๆ ซะแล้ว ขืนเป็นผีบ้าหนักกว่าเดิมพี่ลมฆ่าผมแน่

          “ครั้งหน้าผมต้องไปด้วยใช่ไหม”

          “อืม คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง”

          “ก็ดีนะ พี่ก็กลับมาเขียนเพลงได้ นี่ เล่นให้ผมฟังก่อนได้ป่าว”

          “แลกกับอะไร”

          “โห ผมทำให้พี่ขนาดนี้แล้วยังจะขออะไรแลกเปลี่ยนอีกเหรอ หัวจิตหัวใจพี่นี่มันช่างเย็นชาจริงๆ”

          เขาเหยียดยิ้มบาง หันมาผลักหัวผมเบาๆ

          “ใช้คำซะเวอร์”

          “ต้องเล่นใหญ่หน่อยดิ ว่าแต่ ผมจะได้ฟังก่อนคนอื่นไหมอะ”

          “อือ เดี๋ยวกลับไปเล่นให้ฟัง”

          “เย้! สุดยอดเลย” นาทีนั้นผมแทบกระโดดลุกขึ้นยืน เรี่ยวแรงกำลังวังชาเพิ่มขึ้นเหมือนได้ชาร์จไฟเบอร์แรง “กลับกัน ผมอยากฟังแล้ว”

          พี่ทิยื่นมือให้เหมือนหมา ผมคว้าข้อมือขวาของเขาไว้ด้วยมือตัวเองทั้งสองข้างก่อนดึงฉุดให้คนขี้เกียจลุกตามมา เมื่ออีกฝ่ายยืดตัวเต็มความสูงก็เกิดเงาทาบทับบนตัวผมจนมิด ก้มลงมองปลายนิ้วซึ่งเป็นอวัยวะแรกที่ผมรู้จัก มันเรียวสวยแต่ด้านกระด้างเพราะการจับคอร์ดเครื่องดนตรีนับครั้งไม่ถ้วน

          “ทำไมพี่ถึงมาเป็นนักแต่งเพลงได้อะ ผมถามได้ไหม”

          เขาดึงมือกลับไปล้วงในกระเป๋ากางเกง แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ผมเห็นด้วยกับพี่ลมขึ้นมาแล้วว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่นอกจากความสามารถล้นเหลือแล้วยังหน้าตาดีใช่เล่น อาจจะไม่หล่อจนสาวเหลียวแต่ก็ดูมีอะไรบางอย่างที่น่าค้นหา ท่าทางหลบตา เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแต่ยังอมยิ้มนั่นเพราะกำลังเขินอีกแหงๆ

          “เขินอะไรเล่า แค่ถามเอง”

          “เออ มันก็น่าอายหน่อยๆ”

          “งั้นผมเปลี่ยนคำถาม ถ้าไม่เป็นนักแต่งเพลง ตอนนี้พี่จะทำอะไร”

          เขาเป็นศิลปินที่แทบไม่ค่อยมีข่าวเลย ไม่มีบทสัมภาษณ์หรือออกรายการอะไรทั้งนั้น แต่แฟนคลับที่ติดตามก็เหนียวแน่น นั่นเพราะผลงานที่อีกฝ่ายตั้งใจทำมันส่งมาถึงผู้รับสารได้ชัดเจน

          “คงเป็นสถาปนิกมั้ง”

          “พี่จบถาปัตย์เหรอ โคตรเท่เลย”

          “มีไอดอล เคยฟังเพลงของ Art Garfunkel ไหม”

          “ไม่ครับ”

          พี่ทิเงยหน้าขึ้นฟ้า ทำท่าคิดเล็กน้อย “นักร้องวงSimon & Garfunkel ชนะรางวัลแกรมมี่ถึง 6 ครั้งเลยนะ จบสถาปัตย์ โคลัมเบีย อืม...นี่”

          เขายื่นหูฟังข้างหนึ่งมาให้ ผมทักตั้งแต่ก่อนออกมาแล้วว่าออกมาวิ่งทำไมไม่ใช้หูฟังบลูทูธ แต่พี่ทิว่าทำหายบ่อยเลยตัดปัญหา อีกอย่างเจ้าหูฟังเสียบแจ๊กตัวนี้ก็อยู่กับเขามานาน ทั้งเสียงดีทั้งอดทนจนต้องยกให้เป็นลูกรักอันดับหนึ่ง เมื่อผมยัดมันเข้าไปในหูข้างหนึ่ง โดยที่อีกข้างพี่ทิเสียบไว้ก็เลยกลายเป็นเราสองคนถูกผูกโยงกันด้วยสายสีขาวๆ เล็กๆ ของหูฟัง

          สวนสาธารณะช่วงเช้าไม่มีคนพลุกพล่าน การจราจรยังไม่แออัด แสงแดดอุ่นๆ เพิ่งทำงานเมื่อเพลง So long, Frank Lloyd Wright ขึ้นเลยดูโรแมนติกจนใจสั่น

          ใจสั่นกับพี่ทิน่ะนะ...

          อันที่จริงผมก็รู้สึกว่ามันแปลกนิดๆ กับอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะของตัวเอง แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าและดวงตาสกาวของอีกฝ่ายที่เต็มใจนำเสนอนักร้องที่เป็นดั่งแสงนำทางให้ผมฟังมันก็สมเหตุสมผลอย่างหาข้อปฏิเสธไม่ได้

          พี่ทิที่ตั้งใจทำอะไร มีเสน่ห์เหมือนวันที่เห็นเขาเล่นกีตาร์เพลงที่เขียนเองในยูทูปคลิปแรก และทำให้ผมกด Subscribe เขาทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ถูกโปรโมตจากสปอนเซอร์ไหนๆ

          วันนี้เมื่อเขาอยู่ตรงหน้าผมแล้วจะผิดอะไรถ้าความรู้สึกมันจะเข้มข้นกว่าปกติ

          “เพลงนี้ศิลปินได้แรงบันดาลใจมาจากตอนเรียนถาปัตย์”

          “อะ...อะไรนะครับ”

          “เพราะไหม”

          เวรละ...ลืมฟังเลย ผมเอามือข้างหนึ่งจับหูฟังไว้ ไม่ก้าวเดินต่อ ก้มลงมองปลายเท้าที่หันหน้าเข้าหากัน นี่มันฉากโรแมนติกในหนังชัดๆ บ้าเอ๊ย ไม่มีสมาธิฟังเพลงเลย หัวคิดแต่ว่าตอนนี้ผมอยู่ใกล้เขาจนถ้ายืดแขนออกไปคงโอบรอบเอวอีกฝ่ายได้พอดี

          “น้ำมนต์”

          “อะไรนะครับ”

          “ถามว่าเพลงเพราะไหม ชอบหรือเปล่า”

          “ชะ...ครับ”

          ผมหลบตา พูดอ้อแอ้เหมือนหาลิ้นตัวเองไม่เจอ ทำไมคำว่าชอบมันพูดยากขนาดนี้ สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบถอดหูฟังคืนเขา

          “จะเป็นลมหรือเปล่า”

          “ครับ?”

          “ทำท่าแปลกๆ”

          “อ้อ...อืม หน้ามืดหน่อยๆ แต่โอเค ผมโอเคแหละ”

          “เรียกแท็กซี่ดีกว่า”

          พี่ทิไม่รอฟังคำทัดทาน เขาโบกแท็กซี่ที่เปิดสัญญาณไฟว่าง เมื่อรถมาถึงก็บอกที่หมายโดยดันไหล่ผมให้เข้าไปนั่งก่อน แล้วเปลี่ยนมาเป็นจับข้อศอกไว้ นั่นทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกแล้ว

          “ถ้าไม่ไหวก็นอนตักได้นะ”

          ผมย่นจมูกแต่ไม่หันหน้าไปมอง แสร้งมองคำว่ากรุณาปิดเบาๆ ข้างประตูรถฝั่งตัวเอง ราวกับจะทำให้หัวใจเต้นเบาลงสักหน่อย ไอ้บ้าเอ๊ย มารู้สึกอะไรตอนนี้วะ

          “ง่วงไหม”

          “ไม่ครับ”

          “อยากฟังเรื่องเมื่อกี๊ต่อหรือเปล่า”

          “อะไรนะฮะ” ความจำผมผิดเพี้ยนไปกันใหญ่ เลิ่กลั่กจนจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันไว้ก่อนหน้า เพียงแค่เพราะการได้ใกล้ชิดพี่ทิในเวลาปกติดี พี่ทิในภาพจำของผมที่เป็นเหมือนเทพบุตรจุติลงตรงหน้า

          “ที่อยากเป็นนักเขียนเพลงไง”

          “อ๋อ ครับ เพราะนักร้องคนเมื่อกี๊ใช่ไหม”

          เขาพยักหน้าลงแล้วหัวเราะเบาๆ “ตอนสอบสัมภาษณ์อาจารย์ถามด้วยว่าทำไมอยากเรียนสถาปัตย์ ตอนนั้นตอบว่าอยากเป็นนักเขียนเพลงแทบโดนไล่ออกมาจากห้อง”

          “ก็สมควร คำตอบโคตรน่าโดนปรับตก”

          แต่ผมเข้าใจนะ การมีไอดอลเป็นดั่งธงชัย เป็นเสาหลัก เหมือนทีผมอยากเล่นดนตรีเป็นเพราะพี่ทินั่นแหละ

          “พอขึ้นปีสามที่คณะจะทำละครเวที หาคนเขียนเพลงก็เลยได้โอกาสพอดี”

          “แต่ก่อนหน้านั้นพี่ก็มีช่องยูทูปของตัวเองแล้วนี่ ผมย้อนกลับไปดูคลิปแรกของพี่ด้วยนะ ตอนนั้นยังเป็นเด็กหัวเกรียนอยู่เลย”

          “อือ ก็เขียนแบบผิดๆ ถูกๆ เพิ่งมารู้หลักของมันตอนปีสาม เขียนไปด้วยสัญชาตญาณเพราะฟังมาจากแม่เยอะ ดีที่แม่เคยเป็นนักร้องนั่นแหละเวลาที่ส่งเพลงให้ค่ายพิจารณาก็ได้แต้มต่อหน่อยนึงตรงที่เขาจะหยิบไปคัดก่อนคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากเขียนเพราะอยากเขียน อยากให้คนได้ฟัง ไม่เคยคิดว่าจะต้องดัง เลยไม่ได้ใช้เส้นสายของแม่มาก”

          เมื่อพูดถึงอดีตตาพี่ทิก็เป็นประกายหวาน ผมรู้สึกได้ว่าเขารักตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมาจริงๆ

          “แล้วงี้พี่เป็นนักเขียนเพลงประจำค่ายตั้งแต่เมื่อไหร่”

          ช่างเป็นช่วงเวลาที่เรือนลางเหลือเกิน ระหว่างที่เขาหายจากโลกอินเตอร์เน็ตและไปโผล่บนแพลตฟอร์มอื่น ขณะเดียวกันช่วงคลิปก่อนๆ หน้านั้นก็มีหลายต่อหลายเพลงที่เขาเล่นแล้วค่อยนำมาดัดแปลงให้นักร้องคนอื่นเอาไปเป็นผลงานเพลงของตัวเองภายหลัง

          “ก็หลังจากเจนเซ็นสัญญาได้สักพัก”

          ผมเริ่มเข้าใจ แปลว่าผู้หญิงคนนั้นที่อยู่กับพี่ทิตั้งแต่ยังเป็นดาบในฝัก ไม่คมกริบ วับวาวพร้อมประหัตถ์ประหารคนทั่วไป แต่จู่ๆ ผมก็เกิดข้อสงสัย

          “พี่จีบคุณเจนยังไงอะ”

          ขี้อายขนาดนี้

          “อืม...พูดยาก ก็ทำงานด้วยกัน…” พี่ทิเว้นจังหวะเพื่อระบายยิ้มเศร้า รถเลี้ยวเข้าคอนโดปลายทาง อาการร้อนผ่าวยุบยิบบนใบหน้าดีขึ้น เขาลงจากรถก่อนแล้วยื่นมือมาให้จับ ผมแสร้งหาเหรียญให้แท็กซี่แล้วขยับตัวออกมาจากอีกฝั่งของประตูที่ยังปิดอยู่

          ถึงผู้หญิงคนนั้นจะอยู่กับพี่ทิมาตั้งแต่ก่อนดังก็เถอะ แต่ก็เป็นคนทำลายเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง

          พูดด้วยรอยยิ้มเศร้าแบบนั้น ผมเห็นแล้วก็อดเจ็บใจไม่ได้

          ผมน่ะ...เป็นแฟนคลับที่ภักดีกับเขามาตลอด แต่เขายอมให้คนที่นอกใจทำลายตัวเอง แล้วยังจะกล้ายิ้มเศร้าจนถึงตอนนี้

          “ที่หน้ามืดเมื่อกี๊ดีขึ้นแล้วเหรอ”

          ผมพรูลมหายใจยาว ตอบเขากระชับ

          “ครับ”

          จากนั้นก็เม้มปากเข้าหากัน รอจนรถแล่นออกจากลาน เผยให้เห็นพื้นที่คนละฟากของประตูซ้ายและขวาขนาดกว้าง แต่ที่กว้างและว่างเปล่ากว่านั้นคือหลุมดำที่ปรากฏในใจ

          ผมยังคงไม่ก้าวเท้าเข้าหาเขา รู้สึกหงุดหงิดจนไม่อยากมองหน้า ไม่อยากสบตา ไม่อยากเห็นร่องรอยของเศษซากความโศกที่คงค้างบนใบหน้า หรือแม้กระทั่งในความทรงจำ

          ที่ไม่พอใจกว่านั้นคือผมจะไปหงุดหงิดเขาทำไม

          “น้ำมนต์” ชายหนุ่มเรียกเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ในท้ายที่สุดก็เงียบเสียงลง ผมเร่งก้าวเท้าผ่านหน้าเขาไปยังลิฟต์ แสกนบัตรให้ตัวเลขชั้นปรากฏขึ้นบนจอแสดงผล เจ้าของห้องเป็นฝ่ายก้าวตามมา วางมือลงบนหัวผมแล้วจับโยก

          “เป็นอะไรหรือเปล่า”

          พี่อย่ารู้เลย มันเรื่องงี่เง่า แต่พอนึกถึงวันแรกที่เจอกันมันก็สมเหตุสมผลที่จะโกรธเขาที่เอาตัวเองไปผูกกับผู้หญิงแบบนั้นไม่ใช่หรือไง

          ผมไม่รู้จักคนที่ชื่อเจน ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน แต่สำหรับผมผู้หญิงคนนั้นคือปฏิปักษ์ และผมก็ไม่ชอบมากๆ ที่พี่ทิยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ให้เห็น

          แต่นั่นมันก็พื้นที่ของตัวเองไม่ได้มีก้าวล่วงไปส่วนนั้น ผมไม่มีสิทธิ์ห้ามเขาไม่ให้เสียดายวันเวลาที่เสียไปหรือหยุดแสดงท่าทางว่าเสียใจสักที

          เพราะแบบนั้น... เพราะผมรู้ขอบเขตของตัวเองเลยเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ

         

          ลิฟต์โดยสารพาเรามาพร้อมมวลความกดดันบางอย่างที่อัดแน่นตั้งแต่ลงรถมาจนถึงหน้าประตู ผมยังคงเป็นฝ่ายเดินนำมาโดยเจ้าของสถานที่เดินอาดๆ ตามหลัง ปกติแล้วหลังออกกำลังกายพี่ทิจะอาบน้ำก่อน ส่วนผมเตรียมอาหารเช้า พอเขาออกมาทุกอย่างก็วางพร้อมบนโต๊ะ พี่ทิเดินไปเปิดเพลงจากแผ่นเสียงและแนะนำที่มาของเพลงแต่ละแผ่นราวเด็กที่อยากอวดของเล่นใหม่ หลังมื้ออาหารผมไปอาบน้ำและพี่ทิจัดการล้างจานชามให้ เป็นอย่างนั้นมาหลายวัน และผมคิดว่าแฟร์ดีสำหรับคนอยู่ร่วมกัน อย่างน้อยก็แฟร์มากกว่าอยู่กับไอ้นิวที่เอาแต่นอนอืดไม่ทำอะไร

          แต่วันนี้พี่ทิไม่ตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ไม่ทำตัวเหมือนในทุกวัน เขาเดินตามผมเข้ามาในครัว หยิบแก้วมากดน้ำดื่มจากตู้เย็นแล้วกอดอก จ้องมองผมทุกจังหวะการขยับไหว ผมหยิบไข่ไก่สดมาทำไข่ดาวน้ำ เปิดน้ำใส่หม้อเตรียมลวกแฮมและผัก แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงสายตาที่ประกบติดเหมือนแมวจับหนู

          แต่ทนได้ไม่นาน ผมก็หันมาถามคนที่เอาแต่ยืนจ้องอยู

          “ไม่ไปอาบน้ำเหรอครับ”

          ถูกต้องครับ พี่ทิเป็นนักกดดันมือวางอันดับหนึ่ง สามารถสร้างบรรยากาศให้ผมทนไม่ไหวได้โดยไม่ต้องพูดอะไร เล่นงานผมง่ายกว่าความคิดเด็กๆ สารพันที่ยกมาจัดการก่อนหน้านี้เพราะตอนนี้ผมรู้สึก...

          รู้สึกอ่อนไหวไปกับความเป็นเขาทีละนิดอย่างไม่ทันตั้งตัว

          ชายหนุ่มวางแก้วน้ำลงในซิงค์แทนคำตอบ เขาเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ผมต้องก้าวถอยอัตโนมัติ เราจ้องกันเหมือนเล่นเกมว่าใครกะพริบตาก่อนแพ้ และเมื่อเขาจับที่หัวไหล่ผมก็สะดุ้งโหยง

          “ทำไม”

          “อะ...อะไรทำไม?”

          “โดนตัวไม่ได้รึไง”

          “จู่ๆ พี่มาจับผมทำไมเล่า”

          ไม่จับเปล่า ยังโน้มตัวลงมาอีกด้วย ทำอย่างกับจะจูบกันอย่างนั้นแหละ

          อะ...อะไรนะ...จูบ จูบ!! จูบงั้นเหรอ!!!!

          ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง อีกข้างที่ถือมีดหั่นขนมปังอยู่ก็ยกมาขู่คั่นกลางระหว่างพื้นที่ว่างของเราสองคน

          “อย่าเล่นมีด”

          เขาจับมือผม แล้วดึงาวุธออกไปง่ายดาย ผมได้โอกาสเอามืออีกข้างมาปิดตาตัวเอง ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาจะไม่มีโอกาสเห็นหน้าร้อนๆ ของผมอีกแล้ว ไม่มีทาง จะยอมให้เห็นว่าพ่ายแพ้ยับเยินอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด นี่มันจะประหลาดเกินไปแล้ว

          “เพี้ยน”

          เขาสบถในลำคอ ผมรู้สึกถึงอุณหภูมิของอีกฝ่ายที่อุ่นร้อนกว่าอากาศทั่วไปในระยะใกล้ จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งมีเสียงขูดครากของเก้าอี้ก็เลยค่อยๆ เปิดตามองลอดผ่านนิ้วมือ พี่ทินั่งเรียบร้อยพร้อมกับจานไข่ดาวน้ำที่วางอยู่ด้านหลังผมเมื่อครู่

          “ตกใจหมดเลย”

          “อะไร”

          “ถ้าหิวก็บอกกันดีๆ ก็ได้ เดินเข้ามาแบบนั้นนึกว่าจะโดนจูบซะแล้ว”

          พี่ทิไอโขลกเหมือนไข่แดงติดคอ ก่อนดื่มน้ำเปล่าตามไปอึกใหญ่ “ไอ้เด็กบ้า!”

          “โทษผมไม่ได้นะ พี่เล่นเดินมาดุ่มๆ แบบนั้นน่ะ ใครจะไปรู้ว่าคิดอะไร ขนาดพี่ลมยังแอ๊วผมลงเลย”

          “ใครใช้ให้ทำหน้าบูดใส่ก่อนล่ะ แล้วอย่าเอาพี่ลมไปเทียบกับใครได้ไหม ไอ้นั่นมันปีศาจ”

          ผมเห็นด้วยหรอกนะ แต่ว่าสมัยนี้แล้วอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่หรือไง

          “นี่ ถ้าพี่คิดอะไรกับผมพี่ต้องรีบบอกผมเลยนะ ผมจะได้ช่วยพี่ตัดใจ ผมน่ะ ดีเกินไปสำหรับคนแบบพี่ รู้ใช่ไหม”

          พี่ทิสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มใหม่ หูจมูกแดงไปหมด

          “คนที่คิดเรื่องจูบมันนายไม่ใช่หรือไง” เรื่องนั้นมันก็ใช่ “ถ้าจะมีคนคิดไม่ซื่อก่อนน่ะ ถามตัวเองเถอะ”

          “โห มั่นหน้า”

          “ทำไม? ฉันไม่ดีตรงไหน รวย เล่นดนตรีเป็น มีชื่อเสียง หน้าตาก็ใช้ได้”

          “กระจอก โดนสาวทิ้งละอกหักเหมียนหมา”

          “ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย แค่เครียดที่เขียนงานไม่ได้”

          “นั่นแหละ เสียศูนย์ ไปไม่เป็นเลยค้าบ” ผมหยิบแฮมกับไส้กรอกลงลวกน้ำที่เดือดพอดี จากนั้นก็ตักใส่จานรวมกันมาให้เขาบนโต๊ะ บรรยากาศค่อยดีขึ้นมาหน่อย

          “นี่ แต่ว่าผมจะเริ่มมีสอบกลางภาคแล้วนะ เดี๋ยวต้องกลับไปอ่านหนังสือที่หอ แต่จะเข้ามาหาบ่อยๆ พี่ต้องออกกำลังกายทุกวันอย่างที่หมอบอกนะ บวมเบียร์จนพุงย้อยแล้วรู้ปะ”

          “อ่านที่นี่ก็ได้”

          “ต้องติวกับเพื่อนอะ”

          “โตเป็นควายยังอ่านคนเดียวไม่เป็นอีก”

          “แล้วทำไมต้องอ่านที่นี่ล่ะ ชีทก็อยู่หอ แบกไปแบกมาอีก สิ้นเปลืองพลังงาน”

          พี่ทิคอสเพลย์เป็นปลาทูแม่กลองทันที หน้างอคอหัก แหม ขาดเบ๊รับใช้ไปไม่กี่วัน ทำอย่างกับเมื่อก่อนเจนดูแลเขาดีอย่างนั้นแหละ

          “แล้วอย่ากินเหล้าล่ะ”

          “สั่งเป็นแม่”

          “แม่พี่ตายแล้ว”

          ทิวากรวางช้อน ชูนิ้วกลางให้ผมทั้งสองข้าง ขอบคุณสำหรับฟีดแบคครับ

          “ผมพูดจริงนะ รู้ใช่ป่าว”

          ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขากินมื้อเช้าเงียบๆ ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเรื่องคุย มีเพียงการขูดครากกระทบกันของส้อมมีดและจานเซรามิคดังเป็นพักๆ ผมอนุมานเอาว่านั่นคือประโยคตอบรับในแบบของเขาก็แล้วกัน





tbc



งานนี้มีคนคิดไม่ซื่อแล้วค้าบ พี่น้องค้าบ โหยย เป็น10ตอนที่พระเอกกับนายเอกของเรายังไมไ่ด้โดนตัวกันเลยอะ ถือศีลกินเจสุดๆ นิยายคุณธรรมอวอร์ดต้องมา

ขอโทษที่มาลงช้าไปหน่อยค่ะ เมื่อวานปวดหลัง เป็นเดี้ยง สงสัยสันหลังจะยืดงอกยาวกว่าเดิม

ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นต์เด้อ ปีใหม่นี้ใครจะแลกส.ค.ส.กับเราอย่าลืมไปกรอกข้อมูลลิงก์ในเพจนะครัช

เมอรี่คริสต์มาสนะก๊ะ <3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2019 13:07:32 โดย -west- »

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ที่คิดไม่ซื้อน่ะ น้ำมนต์หรือพี่ทิ กันแน่นะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
หายปวดหลังไวๆ นะคะ

นั่นไง ออกอาการคนคิดไม่ซื่อกันแล้ว
และเหมือนพี่ทิจะมีมาก่อน แต่ไม่ชัดเจนมาก

แล้วคนที่เป็นมาก กลายเป็นคนที่มาทำหน้าที่ซะเอง
เคืองอะไรคนเก่าพี่เค้าหนักหนา มาลุยจีบพี่ทิเลยดีกว่า

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
งอนแล้วคร๊าบ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
น้ำมนต์รู้ตัวเร็วแฮะ
พี่ทิยังไอโขลกตอนโดนน้ำมนต์บอกอยู่เลย
สองคนนี้อีกนานมั้ยกว่าจะรู้ตัว ฮืออออออ
อยากเห็นฉากหวานกันแล้ว 55555555  :hao7: :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด