♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)  (อ่าน 80227 ครั้ง)

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขิ๊นนน.... น้ำมนต์​น่ารักก

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
หวานหยดดดดด เขินอีพี่เวอร์ชั่นนี้มากกก :ling1:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ฟ้าจะทำให้เกิดปัญหาตามมารึเปล่านะ  :z10:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
หึง​ หวง​ สะกดอย่างนี้นะพี่ทิ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนนี้น่ารักจริง
ชอบนายเอกคุณเว้ดมาก ไม่ท่ามาก ไม่เรื่องเยอะ
พอมีอะไรมันก็เคลียร์ง่าย  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
หึงสะกดแบบนี้นะพี่ทิ

ออนไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ปากแข็ง

ออฟไลน์ Jnchnn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ประโยคสุดท้ายของน้ำมนต์ทำพี่ทิละลายไปแร้ว แงง

ออฟไลน์ kokilolylove

  • รัก ได้ยินหรือเปล่า
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
 :-[ เขิน1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เขินหนักมาก,,,

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
15 ลมเพลมพัด


          ผมจำได้ว่ามีเพลงหนึ่งของพี่ทิที่เขียนเกี่ยวกับความผิดพลาด เป็นเพลงที่เนื้อหาหม่นหมอง ลึกซึ้ง รันทด แต่งดงามคลอด้วยดนตรีเรียบง่าย นิ่ง น้อย และสะเทือนอารมณ์จนไม่อาจสรุปได้ชัดในเนื้อหากระชับเพียงประโยคเดียวได้ว่ามันคือความรู้สึกของอะไร บางทีแล้วอาจเป็นความรู้สึกของยามที่เรามองคนที่ห่วงใยทุกข์ระทมขมขื่นแบบที่ไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยได้เลย

          เมื่อคืนนี้แม้ผมจะชื่นมื่นเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกที่พี่ทิซ่อนไว้ในปลายสาย แต่เมื่อฟ้าเริ่มร้องไห้ และร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็ค่อยๆ จมหม่นไปกับรอยน้ำตา และทำได้เพียงยื่นทิชชูให้เพื่อนสนิททีละแผ่นจนลุงเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ไล่กลับบ้านตอนเกือบตีสี่

          น้ำเต้าหู้เป็นหมัน เช่นกันกับขนมปังสังขยา มันเพิ่งขายได้ดีตอนเช้าของวันต่อมาที่ไอ้หลานตัวดีโยเยไม่อยากกินข้าวเช้าที่เป็นผัดบวบของแม่มัน

          ไอ้อุ้ยโทรหาผมก่อนฟ้าจะตื่นในตอนสาย ท่าทางร้อนรนไม่ต่างกัน ผมไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของมันทั้งคู่นัก ทั้งที่รักกันมานานแต่บทจะมีปัญหาก็เกิดเรื่องที่ไม่มีใครเคยเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน

          พ่อแม่กีดกันเพราะฟ้าไม่ใช่ไฮซ้อไฮโซอะไรเนี่ยนะ?

          โคตรเอเชี่ยนริชเลย

          “ฟ้าตื่นหรือยัง น้ำมนต์”

          แม่ถามหลังกลับจากตลาด พ่อออกไปเล่นหมากรุกที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน มีสมาคมหมากรุกไทยกันอยู่ที่นั่น บรรยากาศของบ้านต่างจังหวัดเหมือนคนละโลกกับในกรุงเทพ บ้านที่ไม่มีความเป็นส่วนตัว ทุกคนเหมือนเครือญาติกันไปหมด เรื่องราวของลูกบ้านหนึ่งไปเป็นเดือดเป็นร้อนของอีกบ้าน โยงใยกันแน่นหนาและขยายกว้างดั่งแชร์แม่มะลิก็ไม่ปาน ส่วนกรุงเทพเรามักรู้จักเฉพาะคนที่เราอยากทำความรู้จักเท่านั้น

          “ยังเลยแม่ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบเช้า”

          “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า โทรบอกที่บ้านเขายังว่าเอาลูกเขามา เดี๋ยวได้แจ้งความกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต”

          ผมกำลังจะเล่าว่าโทรบอกพี่ลมแล้ว แต่ไม่ได้คุยกับพี่ลม พี่ทิแย่งสายไปแถมยังดุใส่อีกแต่ก็เงียบไป มีความกังวลใจบางอย่างลอยขุ่นค้าง เป็นต้นว่าความสัมพันธ์ที่อธิบายให้ผู้ใหญ่ฟังยากของผมกับพี่ทิ

          ว่ากันว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่บ้านเราให้การยอมรับแล้ว ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าบ้านเราที่ว่าหมายถึงบ้านคนอื่นในประเทศไทย หรือหมายถึงในบ้านที่เป็นของเราจริงๆ

          “บอกแล้วครับ ฟ้าทะเลาะกับแฟนนิดหน่อย”

          “มีอะไรก็คุยกันดีๆ ไม่น่าหนีมาแบบนี้เลย อันตราย”

          “วัยรุ่นน่ะแม่” ผมพูดเหมือนปลงสังวร “อารมณ์พุ่งพล่าน”

          “น้ำมนต์เองถ้ามีแฟนก็ใจเย็นๆ หน่อยนะ ทำอะไรคิดถึงความปลอดภัยตัวเองเยอะๆ”

          ผมพยักหน้ารับคำ ที่ฟ้าบุ่มบ่ามมาอย่างนี้กลางดึกก็อันตรายจริงๆ นั่นแหละ “แล้วเมื่อไหร่จะพาแฟนมาเที่ยวบ้านบ้างล่ะเรา”

          “ผมน่ะเหรอ ยังไม่มี๊” ลากเสียงสูง ถึงแม้จะจูบกันแล้วก็เถอะนะ ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ทิก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นเสียหน่อย “แม่ว่าคนที่เป็นแฟนผมจะเป็นคนยังไง”

          “ต้องเอาแต่ใจแน่ๆ”

          “ทำไมอะ”

          ” ก็เราน่ะ ติดนิสัยตามใจคนอื่น ไอ้เจ้าโมจะเสียคนเข้าให้ ที่บ้านนะไม่มีใครตามใจหลานเท่าเราแล้ว”

          “ผมน่ะนะตามใจ” ผมยังคิดว่าตัวเองเป็นน้าที่ดุและน่าเกรงขามมากๆ จนถึงเมื่อกี๊อยู่เลย “เจ้าโมขอให้ผมซื้อกีตาร์ให้ ผมยังไม่ซื้อให้เลย จะบอกว่าตามใจได้ไง”

          “เจ้าโมเป็นเด็กดีไง ถ้าลองตื๊อเข้าหน่อยใจแข็งได้เหรอ”

          ผมเถียงไม่ออกเลยครับ

          “น้ำมนต์น่ะ เป็นน้องคนเล็กของที่บ้านก็จริง แต่เป็นผู้ใหญ่นะ มีความเป็นผู้นำสูง แม่ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตั้งแต่มัธยมแล้วที่เราจะคอยดูแลเพื่อนๆ คนอื่น แม่ยังเคยคุยกับพ่อเลยว่าถ้าน้ำมนต์ลงสมัครนายกอ.บ.ต.คงได้”

          ผมทำหน้าแหยงทันที นี่แหละนะเป็นที่มาของคำว่าลูกฉันเป็นคนดีในสายตาแม่ๆ ขนาดผมฟังยังขนลุก

          “แม่ก็เวอร์เกิ๊น” ผมน่ะ ตามใจเฉพาะคนที่อยากตามใจเท่านั้นแหละครับ “แต่ว่าสงสัยผมต้องกลับกรุงเทพไวกว่าที่คิดแล้วล่ะ”

          “กลับพร้อมฟ้าเลยใช่ไหม ก็ดีนะ เป็นผู้หญิงขับรถคนเดียวอันตราย”

          ก็แม่สอนผมอย่างนี้ ให้คิดถึงคนอื่นก่อนตลอดแล้วยังมากล่าวหาว่าผมใจดีเกินเหตุเสียได้

          “พาเจ้าโมไปด้วยจะรบกวนฟ้าหรือเปล่า”

          “ไม่หรอกครับ”

          อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ ฟ้าเนี่ยตัวกวนผมเลย บ่นในใจยาวสามชาติยังไม่จบ แต่ก็ไม่เคยพูดออกมาหรอก เพราะเป็นเพื่อนนั่นแหละถึงยอมให้กวนทุกเรื่อง ถ้าก่อนหน้านี้ก็เสริมตำแหน่งเพื่อนคนพิเศษให้อีกหน่อยด้วย

          “นี่ ถ้าพี่ทิเขาดีขึ้นแล้วอย่าลืมพามาเที่ยวที่บ้านนะ แม่อยากเจอ”

          ประโยคนั้นมันฟังดูแปลกๆ ยังไงชอบกล แม่ไม่เคยอยากเจอเพื่อนผมคนไหนแท้ๆ “ถ้าเขาว่างนะแม่ หลังจากนี้ก็ต้องเตรียมงานคอนเสิร์ตสิ้นปี เสียเวลามาเยอะมากแล้ว”

          “อื้อ พามาแล้วกัน”

          ผมพยักหน้า เดินไปนั่งที่พื้นหน้าโซฟาตัวที่แม่นั่งอยู่ ซบหน้าขาอ้อนๆ อย่างคนสันหลังวะ ทำไมน้ำมนต์ต้องเกิดมาสันหลังหวะกับทุกเรื่องขนาดนี้ครับ ไม่เข้าใจ เหมือนความสามารถเรื่องการปกปิดความจริงของตัวเองนำไปใช้กับเรื่องแอบรักสาวๆ จนหมดโควตาแล้วงั้นแหละ

          “น้ำมนต์”

          แม่วางมือบนหัวผม ลูบเบาๆ อย่างที่ชอบทำตอนเด็ก ใครบอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่ ผมก็เป็นเด็กชายน้ำมนต์คนเดิมของแม่ตลอดนี่ครับ

          “รู้ใช่ไหมว่าต่อให้เป็นผู้ชายยังไงก็ต้องป้องกันนะลูก”

          เอ๊ะ..?

          “เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ น้ำมนต์อาจจะมีพี่เขาคนเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่เขาจะมีน้ำมนต์คนเดียวเข้าใจไหม ไม่ว่ายังไงแม่ก็อยากให้น้ำมนต์ดูแลตัวเองให้ดี”

          “แม่ ผมกับพี่ทิยังไม่ได้...”

          เช็ดครก! ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่ทั้งที่หัวใจแข็งค้างเหมือนแช่น้ำแข็งขั้วโลกเหนือ แม่ก็คือแม่ ยิ่งแม่ผมที่ยอมให้เจ้านะโมเกิดขึ้นทั้งที่พี่ปุ้นยังเรียนอยู่ คนที่ยินยอมให้แม่เจ้าโมเลือกเส้นทางตัวเองแม้ว่าไม่เห็นด้วยเมื่อสิบปีก่อน

          “เฮ้อ น้ำมนต์พูดอย่างนี้แม่ก็เบาใจ อย่างน้อยก็เตือนได้ทัน”

          ผมกลืนน้ำลายข้นเหนียวลงคอ ไม่อาจซ่อนแววตาสับสนได้พ้นทาง “ผมกับพี่ทิยังไม่ได้คบกัน”

          “ก็ดีแล้ว แม่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อเขาหรอก ไม่รู้ว่ายอมรับได้มากน้อยแค่ไหน ใช้เวลาหน่อยนะน้ำมนต์ คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ไม่ได้เกิดมาในยุคที่เรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องปกติ แต่แม่พยายามเข้าใจหนูนะ น้ำมนต์มีสุขกาย สุขใจ แม่ก็พอแล้วล่ะ”

          เกือบซึ้งแล้วครับ ไม่สิ มันเป็นบทสนทนาที่ซึ้งมากๆ สำหรับผมเลยต่างหาก ต่างก็ตรงที่...ตรงที่ผมยังช็อกอยู่

          จริงที่ว่าผมกับแม่พูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างสนิทใจ แต่ว่าเรื่องนี้ผมยังไม่ทันเล่าให้ใครฟังเลยด้วยซ้ำ

          ไม่ว่าจะเป็นกอดหรือจูบ...หรือกระทั่งท่าทางหึงหวงของพี่ทิ ความคิดถึงของผม ไม่เคยหลุดปากออกมาเลยแม้แต่น้อย

          ผมก้มลงกอดเข่าแม่ไว้ แกล้งร้องฮือๆ ซ่อนความเขินอาย ให้ตายเถอะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าแกล้งตาลุงตัวโตนั่นไว้เยอะสุดท้ายจะตกม้าตายรู้สึกกระดากอายกับคำพูดธรรมดาๆ ของคนในครอบครัว

          “น้ำมนต์ อ๊ะ แม่ สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะเมื่อคืนฟ้ามารบกวนดึกเลย”

          แขกคนพิเศษเดินออกมาจากห้องนอน สุดท้ายเมื่อคืนเราก็อยู่ด้วยกันในห้องนั้น แม้ว่าจะบ่ายเบี่ยงสุดกำลังแค่ไหนเมื่อถึงเวลาผมก็ทิ้งให้ฟ้าอยู่คนเดียวไม่ลงจริงๆ ความคิดอกุศลต่างๆ อันตรธานหายไป เหลือเพียงความหม่นเศร้าในโศกนาฏกรรมรักที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้เท่านั้นเอง ยิ่งผมเปิดเพลงของพี่ทิคลอไปด้วยฟ้าก็ร้องไห้อย่างกับพี่ลมเสีย วันนี้เลยกลายเป็นสาวน้อยหน้าสดที่ตาบวมเป่งเหมือนกบ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้

          “หัวเราะอะไรน้ำมนต์”

          “ไม่เคยเห็นฟ้าหน้าสดเลยอะ”

          “น้ำโมนนนน” ได้ยินเสียงโหยหวนแบบนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็มีรอยยิ้มเซียวๆ ให้เห็นได้

          “ตาบวมเป็นเคโระเลยอะ”

          “อีน้ำมนต์ ขอโทษค่ะแม่”

          “น้ำมนต์อย่าแกล้งเพื่อนสิ” แม่เข้าข้างฟ้า แต่ก็หลุดหัวเราะมาเหมือนกัน สาวน้อยทำหน้างอ แกล้งเดินมาตีไหล่ผมเบาๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเนียนจับมือสักหน่อยหรอก ซึ่งไม่ว่าจะเพราะไม่อยากฉวยโอกาสเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นแล้วหรือเพราะต่อหน้าแม่ ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับไป

          “แล้วเป็นยังไงจ๊ะ ดีขึ้นมั้ย”

          “ค่ะ” ฟ้าไม่ได้มาที่นี่ครั้งแรก แต่ก็นานมาแล้ว ตอนนั้นที่มาเที่ยวบ้านผมตอนอยู่ปีหนึ่งพร้อมไอ้พวกที่เหลือ “บ้านยังจัดน่ารักเหมือนเดิมเลยนะคะ”

          “พอน้ำมนต์ไม่อยู่ก็ไม่มีคนทำรกเลย”

          “น้ำมนต์เป็นคนทำบ้านรกเหรอเนี่ย”

          “โม้” ผมรีบเถียง “ทำบ้านรกแล้วจะไปเก็บห้องพี่ทิได้ไง”

          จู่ๆ การพูดถึงพี่ทิต่อหน้าแม่ก็กลายเป็นเรื่องที่ผมประหม่าอาย เหลือบมองคนรู้ทันที่ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วก็ร้อนเห่อบนพวงแก้มทั้งสองข้างจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

          ” อุ้ยมันโทรมานะฟ้า”

          หญิงสาวลดมุมปากที่ฉีกยิ้มเมื่อครู่ลงเล็กน้อย พยักหน้ารับรู้ ให้เดาก็คงโทรหาฟ้าแล้วเหมือนกัน “ค่อยๆ คุยกัน ยังไงมันก็รักฟ้าแหละ”

          “ไม่รู้ดิน้ำมนต์ เหมือนเราต้องรอให้พ่อแม่อุ้ยตายอะถึงจะได้แต่ง”

          “แรงไป๊”

          “ไอ้อุ้ยพูดงี้ จริง สาบาน”

          ผมหัวเราะร่วนลงคอ คงทะเลาะแล้วประชดประชันกันไปตามประสา มองในมุมของคนนอกแล้วก็คิดว่าไม่นานเดี๋ยวก็ดีกัน

จู่ๆ ผมก็รู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่มองฟ้าได้เต็มตา เอาใจช่วยไอ้อุ้ยให้หาทางฟันฝ่าอุปสรรคไปได้เป็นอย่างนี้นี่เอง

          “แล้วจะอยู่กี่วัน ไม่ได้เตรียมของมาด้วยนี่”

          “อืม คงต้องกลับวันนี้แหละ ไม่อยากให้อุ้ยมาตาม เดี๋ยวโดนผู้ใหญ่บ้านนั้นฉีกอก”

          ผมพยักหน้าแล้วหันไปถามแม่ “นะโมไปไหนแล้วครับ ให้เตรียมของไปด้วยกันเลย เดี๋ยวฟ้าอาบน้ำอาบท่า กินข้าวก่อนแล้วแวะไปส่งเราหน่อย”

          พอจะพูดว่าไปส่งเราที่ห้องพี่ทิหน่อยต่อหน้าแม่ก็เลิ่กลั่กไปหมด

          “อื้อ ขอโทษน้า รบกวนน้ำมนต์เยอะเลย”

          ผมได้แต่คิดในใจว่า รู้ตัวแล้วก็หัดรบกวนให้มันน้อยๆ หน่อยสิโว้ย ทว่าท่าทางที่แสดงออกมากลับเป็นยิ้มใจดีดั่งที่ทำมาตลอดสี่ปี

          เริ่มคล้อยตามแม่แล้วว่าผมคงเป็นคนขี้ตามใจมากเกินไปอย่างว่าจริงๆ

         

         
          ผมส่งข้อความไปบอกพี่ทิว่าจะไปหาที่คอนโดค่ำๆ แต่เจ้าตัวคงไม่ได้กดอ่าน หรืออ่านแล้วไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยเงียบไป ไม่ติดต่อมา ดีที่ก่อนหน้านี้ผมบอกไปก่อนแล้วว่าจะพาหลานมาอยู่ด้วย เมื่อฟ้าจอดส่งหน้าตึกสูงผมเลยเดินเข้าตึกโดยไม่รู้สึกว่าเป็นผู้บุกรุกเท่าไหร่

          “โห อย่างหรูเลยน้ามนต์”

          ไอ้ตัวเล็กยังสัมผัสได้ ผมอยากให้มันสูดกลิ่นความไฮโซเข้าปอดลึกๆ เพราะบ้านเราไม่มีวันได้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อย่างนี้แน่แต่ก็วางฟอร์ม ทำเป็นนิ่งทั้งที่ตอนแรกที่ตัวเองมาก็แทบกรี๊ดเหมือนกัน

          ใช่ แทบกรี๊ดจริงๆ เพราะหลังประตูที่ดูดีบานนั้นซ่อนเอาความโสมมแบบที่เห็นแล้วนอนฝันร้ายไปได้อีกเกือบเดือน

          “อ้าว...พี่ทิล่ะครับ”

          เมื่อเปิดบานประตูออกด้วยคีย์การ์ด คนที่นั่งจิบไวน์อยู่ในห้องกับเสียงดนตรีเคล้าบรรยากาศกลับไม่ใช่เจ้าของห้อง นะโมยกมือไหว้พี่ลมตามมารยาทก่อนผมสั่งให้เขาเอาของไปเก็บในห้องนอนเล็กซึ่งพี่ทิยกให้ผมชั่วคราว พี่ลมสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงแสลคพอดีตัว น่าจะเพิ่งกลับจากประชุมเพราะไม่อยู่ในชุดสบายๆ อย่างที่เห็นบ่อยๆ

          “ทิอยู่ห้องอัด”

          “แล้วพี่?”

          “กะทิฝากโทรศัพท์ไว้ที่พี่ตอนทำงานน่ะ” เขาตอบยิ้มๆ ผมเหลือบมองขวดไวน์แล้วหงุดหงิดพิกล เอาแอลกอฮอล์มาไว้ในห้องแบบนี้ถ้าพี่ทิเห็นไม่มือสั่นแย่เหรอ “เลยมารอน้ำมนต์ก่อน”

          “ครับ? มีอะไรหรือเปล่า”

          “มานั่งนี่สิ”

          เขาตบที่นั่งข้างตัว ผมไม่ได้รังเกียจพี่ลมหรอกนะ แต่ว่าที่ว่างตั้งเยอะแยะไม่ใช่หรือไง

          “พี่บอกให้มานี่”

          เขาไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงใจดีอย่างเคยแล้ว ผมก็เผลอห่อไหล่ลง ขยับไปนั่งข้างชายหนุ่มเงียบๆ แขนยาวยกพาดด้านหลัง โอบให้ผมเอนตัวเบียดกับร่างกายอีกฝ่ายโดยใช่เหตุ ผมเกร็งตัวขึ้นมา เม้มปากเข้าหากัน

          “มีอะไรเหรอครับ”

          “น้ำมนต์เก่งมากเลยนะที่ทำให้เจ้าทิกลับมาเขียนเพลงได้ทันงานคอนเสิร์ตสิ้นปี”

          “พี่ทิตั้งใจจะเลิกเหล้าด้วยครับ ผมก็แค่พาเขาไปปรึกษาคุณหมอ”

          “เป็นกำลังใจที่ดีให้กะทิด้วยใช่ไหม”

          ผมตอบในใจว่านั่นก็เพราะพี่จ้างผมมาไม่ใช่หรือไง

          “น่ารักจังเลยนะ แต่ว่า...ต่อจากนี้น้ำมนต์ไม่ต้องทำงานให้กะทิแล้วแหละ เขาเขียนเพลงเสร็จแล้ว เหลือเชื่อเลยไหม นี่ล่ะกะทิ ทิวากรที่เก่งกาจจนหาตัวจับยาก”

          “หมายความว่าไงครับ”

          ผมมองหน้าคนพูด ขมวดคิ้วเข้าหากัน “พี่ทิยังอยู่ในช่วงที่หมอติดตามผลนะครับ เขามีโอกาสกลับไปดื่มได้อีกถ้าเจอความเครียดเหมือนก่อนหน้านี้ พี่ลมต้องสนใจเรื่องสุขภาพของพี่ทิมากกว่างานสิครับ”

          “สนใจ ใครบอกว่าพี่ไม่สนใจ พี่น่ะสนใจทิทุกอย่างนั่นแหละ พี่เห็นเขามาตั้งแต่ยังเป็นฟรีแลนซ์ ตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียง น้ำมนต์น่ะ เพิ่งมาตามเขาตอนที่เริ่มดังแล้วไม่ใช่หรือไง”

          วงการขิงคนมาก่อนในติ่งนี่มันอยู่ทุกด้อมจริงเว้ย

          “แล้วยังไงครับ พี่บอกว่าพี่ชอบพี่ทิก่อนก็เลยเขี่ยผมออกไปเพราะได้ของที่ตัวเองต้องการแล้ว อย่างนี้พี่ยังเรียกว่าสนใจพี่ทิได้เหรอครับ พี่สนแค่ชื่อเสียงแล้วล่ะมั้ง”

          “น้ำมนต์ พี่อาจจะดูเหมือนใจร้ายนะ แต่พี่ว่าน้ำมนต์กับกะทิกำลังทำอะไรที่ไม่สมควรทำหรือเปล่า”

          ผมเม้มปากเข้าหากัน ที่ไม่สมควรทำนั่นหมายถึงอะไรกันแน่

          “น้ำมนต์อยากได้ทิเป็นของตัวเองใช่ไหม”

          “ไม่ใช่เรื่องนั้นนะครับ”

          “พี่ถามอะไรหน่อยสิ ได้กันหรือยัง”

          วันนี้มันวันโป๊ะแตกโลกหรือไงวะ ทำไมทุกคนถึงได้รู้ทั้งที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย แม้แต่พี่ทิก็ยังไม่ได้คุยกับผมชัดเจนถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำ ผมขยับตัวจะลุกแต่ก็โดนล็อกแขนเอาไว้ บีบจนต้นแขนเจ็บไปหมด

          “ไหนเคยบอกพี่ว่าชอบฟ้า แล้วนอนกับกะทิทำไม”

          “ผมยัง...” เสียงนั้นหายไปเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ต้นคอ ผมเปลี่ยนมาหันหน้าเผชิญหน้าอีกฝ่าย ใช้สองมือดันหน้าพี่ลมไว้ “อย่าทำแบบนี้เลยครับ หลานผมก็อยู่”

          “งั้นปล่อยสิ อยากให้หลานมาเห็นตอนน้าตัวเอง...”

          ผมเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าจะถูกพูดใส่แบบนี้มาก่อน ถึงจะทโมนตามประสาผู้ชาย ผมก็นับว่าเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยและสุภาพกว่าเกณฑ์มาตรฐานมากนะครับ พูดอย่างนี้ได้ยังไง น้ำมนต์ระคายหูมากๆ

          “มองหน้าทำไม มีปัญหาเหรอ”

          “ไม่เชิงครับ ผมคิดว่าพี่จะเห็นผมเป็นน้องเสียอีก”
         
          การถามตรงไปตรงมาทำให้พี่ลมอึกอัก เขาผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย

          “พี่เอ็นดูเรานะ แล้วก็เห็นว่าน้ำมนต์ไม่ได้มีพิษมีภัย ฟ้าเองก็เล่าให้ฟังว่าในกลุ่มก็มีน้ำมนต์นี่แหละที่เป็นผู้เป็นคนที่สุด”

          ผมขอบคุณฟ้ามากที่พูดถึงผมแบบนั้น แม้ไม่ได้คิดว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นสักเท่าไหร่ มุมเป็นคนดีก็มี เพี้ยนก็ใช่ว่าน้อย ถ้าเทียบกับคนอื่นก็อย่างที่ฟ้าว่านั่นล่ะ

          “พี่ไว้ใจให้น้ำมนต์มาดูแลทิ เราไม่น่าทำแบบนี้”

          “ผมทำอะไรครับ”

          ผมสู้นะ จ้องหน้าคนกล่าวหาเขม็ง ขยับตัวรักษาระยะห่างแต่ไม่แสดงทีท่าจะถอย ถ้าคิดว่าผมเป็นคนยอมคนง่ายๆ ล่ะก็ พี่ลมคงคิดผิด ไม่อย่างนั้นคงผมคงถอดใจเหมือนแม่บ้านคนก่อนๆ ที่พี่ลมหามาให้พี่ทิตั้งนานแล้ว

          “ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”

          “น้ำมนต์ก็รู้ว่ากะทิมันเอาใจผูกไวกับความรัก พอโดนทิ้งก็เสียผู้เสียคน บอกตรงๆ พี่น่ะ...ไม่เชื่อหรอกนะว่าเรากับทิจะไปตลอดรอดฝั่ง น้ำมนต์เองก็ยังเด็ก มีอนาคตที่ไกลกว่านี้ แล้วถ้าวันนึงน้ำมนต์ไปแล้วทิมันจะทำยังไง ไม่สงสารมันเหรอ”

          “แล้วทำไมผมต้องไปด้วยล่ะครับ”

          “มันไม่มีหรอกนะ ความรักจีรังของคนเพศเดียวกันน่ะ อย่างมากก็แค่เซ็กซ์ระยะยาว”

          “พี่ไม่เจอ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีนะครับ”

          อีกอย่าง ความรู้สึกข้างในมันไม่ได้ตัดสินกันได้ด้วยเครื่องเพศเสียหน่อย

          “พี่ลมใจร้ายมากนะครับที่ตัดสินความรักของคนอื่น แล้วยังห้ามไม่ให้พี่ทิมีความรู้สึกอีก เขาไม่ใช่เครื่องผลิตเพลงนะครับ ถ้าพี่ทิจะล้มบ้าง เสียใจบ้าง มันก็เป็นสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งควรเผชิญกับมันไม่ใช่เหรอครับ พี่น่ะ...ทั้งๆ ที่ชอบพี่ทิ ทำไมถึงทำแบบนั้นกับเขาล่ะครับ”

          ผมเผลอเม้มปากเข้าหากันในตอนท้าย ไม่อยากรับปากว่าความสัมพันธ์ของผมกับพี่ทิจะเดินไปที่จุดไหน แต่ว่าต่อให้ผมหรือพี่ทิเสียใจ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรเลี่ยงเสียหน่อย

          ผมหนีความรับผิดชอบต่อใจตัวเองมาตลอดชีวิต แม้จะบอกว่าการแอบรักทำให้เราไม่สูญเสีย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีวันได้มา เมื่อพบความรู้สึกที่มันมากมายจนไม่อาจเย็นชาใส่อีกต่อไปผมก็เดิมพันกับมันด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี

          พี่ลมไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในตัวผมและพี่ทิด้วยซ้ำ

          “เป็นเด็กที่เด็ดเดี่ยวมากเลยนะ”

          ชายหนุ่มถอนหายใจ ท่าทีระรานเมื่อครู่หายไปแล้ว กลายเป็นความรู้สึกเหนื่อยอ่อนและสับสนฉายในแววตา ผมรู้ การที่แอบชอบใครสักคนมาเนิ่นนาน พอเขาต้องหลุดมือไปจริงๆ มันก็กึ่งๆ รู้สึกผิดทีไม่พยายามอย่างที่สุด กึ่งๆ เสียใจที่ความรักนั้นไม่ใช่ของเรา อาการของพี่ลมตอนนี้ก็ไม่ต่างกันกับหมาหวงก้างเท่าไหร่

          “ถ้าพี่ไม่ต่อสู้เพื่อมัน พี่ก็ไม่มีสิทธิห้ามคนอื่นนะครับ”

          ผมพูดเตือนสติ คงเป็นประโยคที่เปรี้ยวตีนมาก เพราะอีกฝ่ายถึงกับหัวเราะเยาะในลำคอ

          “คิดว่าพี่ไม่พยายามเหรอ”

          “ถ้าพยายามแล้วยังไม่ได้มา แปลว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของพี่ไงครับ” ไอ้สัด เปรี้ยวตีนอีกแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันฟังน่าหมั่นไส้ แต่ต่อให้โดนต่อยก็ต้องบอก “ผมแค่พูดเพราะผมก็เคยทั้งพยายามแล้วไม่ได้มา ทั้งไม่ได้พยายาม ผมเข้าใจพี่ลมนะครับ”

          คราวนี้เขาทอดหายใจยาว ยื่นมือหยิกแก้มผมแรงจนเจ็บ

          “หมั่นเขี้ยว”

          ผมลูบแก้มตัวเองเบาๆ ไม่ออมแรงกันเลย

          “ผมขอโทษนะพี่ลม ผมก็บอกไม่ได้หรอกว่าพี่ทิคิดยังไง แล้วผมกับเขาจะไปถึงไหน ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มเอง”

          ยังใช้เวลาตีกันมากกว่ารักกันเสียด้วยซ้ำ ต่างตรงที่ความรู้สึกมันชัดสุดๆ เลยต่างหาก

          “เรื่องนี้ไม่มีใครผิดหรอก”

          ผมพยักหน้าก่อนถาม “แล้วพี่ทิกับแฟนเก่าเจอกันเป็นยังไงบ้างครับ”

          “ก็เงียบๆ นะ กะทิเป็นคนไม่ค่อยเล่นกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว พอเทียบกับเมื่อก่อนบรรยากาศเลยเปลี่ยนไป แต่อย่างน้อยก็ร่วมงานกันได้”

          “ผมเป็นห่วง ตาลุงนั่นยิ่งทำตัวเป็นเด็กอยู่ด้วย”

          “นี่” พี่ลมกอดหมอนอิง ยืดขาเหยียดยาว “กะทิน่ะ จะทำตัวเป็นงอแงแค่กับคนที่ชอบเท่านั้นแหละ คนที่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อ้อนก็จะได้โอ๋น่ะ ไม่ต้องหึงหรอก”

          ผมบ่นอุบอิบในลำคอว่าไม่ได้หึงๆ บอกว่าผมหึงพี่ทิอยู่ได้

          จริงๆ แล้ว ความรู้สึกข้างใน

          ผมแค่เป็นห่วงเขาเท่านั้นเอง







tbc



ขอโทษที่มาช้ามากค่ะ แงงงง ดอกที่1 คือลืม ทำงานเพลิน ดอกที่2 คือพอวันนี้เปิดคอม จากเมื่อคืนนอนตีสองกว่าๆ คอมแม่งไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น นี่เอาคอมพ่อมาลงให้ก่อน แหหะๆๆๆ  อีเวนคอมพิวเตอร์มันรู้นะคะว่าถ้างานเราเยอะมันจะทำตัวป่วงๆ โมโหมาก อยากถอยใหม่ใช้เงินแก้ปัญหา ติดอย่างเดียวไม่มีเงิน /ฮืดฮาดๆ 

ตอนนี้พระเอกมาน้อย ใช้สอยอย่างประหยัด เจอกันพุธหน้ากั๊บ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อิพี่ลม..ไม่น่ารักเลย  :fire:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้ำมนต์เจ๋งสุด
รับมือได้ทุกสถานการณ์
ซัดกลับได้ทุกดอก

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ตกใจ นึกว่าพี่ลมจะข่มเหงน้อง :mew4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น้ำมนต์สุดๆ นุ่มนอกแข็งในนะคะ
พี่ลมอย่ามาแหยม

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ไม่เข้าใจอีตาคุณลมเลย ที่จริงต้องดีใจที่พี่ทิมีความสุขซิ​ ทำไมเหมือนจะห้าม​ ไม่อยากให้ทิผิดหวังอีก

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พี่ลมรักเขาแต่ไม่กล้าก้าวต่อสินะ  :m22:

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ลมก็ดูเป็นห่วงนะ คิดว่าคงเป็นห่วงทั้งคู่แหละ ถ้าจริงจังค่อไปยังไงก็ต้องเตรียมรับผลกระทบ ทิเป็นคนดังมีคนรู้จักยังไงก็ไม่พ้น ถึงบ้านน้ำมนต์จะโอเคก็เถอะ แต่ที่น้องเด็ดเดี่ยสแบบนี้คงทำให้ลมยอมรับได้บ้างล่ะ

ออฟไลน์ noomasoi3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น้ำมนต์ดูมีสติกว่าลมเยอะเลยนะ ยังดีที่ลมรู้ตัวเร็วไม่งั้นในฐานะแฟนคลับน้ำมนต์เราก็คงต้องเกลียดลมอ่ะ //ขอบคุณเว้ดน้า ที่ทำให้วันนี้ที่เครียดๆมีรอยยิ้มขึ้นมา  :L1: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
อีพี่ลมนี้มันเป็นยังไงผีเข้าผีออก :m16:

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
น้ำมนต์อย่างเฟี้ยว ชอบๆๆๆๆ อย่าไปยอมค่ะ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
สรุป ครอบครัวไม่ใช่ปัญหา
แต่อิพี่ลมมีปัญหาเช้ยยย  :z6: :z6:
พูดซะ คนอ่านงงเป็นไก่ตาแตก
ไปโดนตัวไหนมา

ออฟไลน์ Jnchnn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตาลุงรีบกลับบ้านเร็ววว น้ำมนต์กลับมาแล้ว

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
16 น้าทิ



ดูเหมือนนะโมจะถูกใจน้าคนใหม่

ภายในไม่ถึงสัปดาห์โมก็หัดเล่นเพลงง่ายๆ ของพี่ทิที่ผมไว้ใช้หากินเป็นอย่างรวดเร็วโดยมีเจ้าของบทประพันธ์เป็นคุณครูคอยติวเข้มตัวต่อตัว แต่การเล่นให้คล่องคงต้องอาศัยประสบการณ์ ทำให้เจ้าตัวยังเล่นได้ไม่เพลินหูเหมือนคุณครูนัก พี่ทิใช้เวลาเกือบทั้งวันกับนะโม ส่วนผมก็เพียงแค่มองห่างๆ ถ้าหลานสาวจริงจังกับดนตรีก็อยากซื้อกีตาร์ให้ติดตัวสักชิ้นในวันเกิดปีหน้า

“บอด ใช้ปลายนิ้วจิกลงไปสิ”

“เจ็บแล้วอะน้าทิ” เจ้าลูกศิษย์เริ่มงอแง เอามือให้ครูสอนดูเป็นภาพประกอบ “เป็นแผลแล้ว”

“มือกีตาร์คนไหนก็ต้องเคยมือแตกกันทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่อยากเจ็บมือก็ต้องเล่นเครื่องดนตรีอื่น”

“โมอยากเล่นกีตาร์”

“งั้นต้องทน” เขาพูดห้วนเหมือนสอนเพื่อน ไม่เห็นใจตาอ้อนๆ ของหลานผมเลยสักนิด เจ้าตัวแสบหันหน้ามาเบะปากใส่ผมขอความช่วยเหลือ แต่เรื่องนี้ผมขอไม่ช่วยครับ ตัวเองก็ไม่ได้จริงจังกับการเล่นดนตรีนัก ให้เป็นนักฟังอย่างเดียวก็พอ อย่าไปแย่งงานนักดนตรีเขาเลย “เจ็บแค่ช่วงนี้แหละ เดี๋ยวนิ้วด้านก็ชิน”

เขาว่าพลางขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุด พยักพเยิดให้เด็กน้อยเล่นดนตรีสี่โน้ตวนไป ใช้แค่หูฟังแล้วคอยวิจารณ์

“ตอนน้าฝึกก็เลือดอาบเหมือนกัน”

“นานไหมคะกว่าจะเล่นเก่ง“

คุณน้าที่แสดงท่าทางเหมือนเป็นผู้ใหญ่เต็มทีพยักหน้าเงียบๆ เด็กหญิงโมยังพยายามดีดเครื่องเสียงแม้จะบ่นอุบไม่ขาดปากก็ตาม

“พี่เขียนเพลงอยู่เหรอ โมมันเข้าไปเล่นในห้องไหม จะได้มีสมาธิ”

“ไม่เป็นไร เขียนได้”

บทจะได้ก็ได้เว้ย ไม่เกี่ยวกับสายลมแสงแดดอะไรทั้งนั้น ไม่สิ คงมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ความสิ้นหวังในรัก

ผมนอนอ่านการ์ตูน วันนี้พี่ทิไม่เปิดเพลง มีแต่เสียงของกีตาร์น่าหนวกหูของเจ้าโมลอยตลบในห้องชุดสุดหรู ผมยังไม่ได้บอกพี่ทิว่าวันก่อนพี่ลมมาหา เช่นกัน เราต่างไม่พูดถึงความสัมพันธ์ที่มันขาดๆ เกินๆ ราวกับปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติแม้ว่าจะประหม่าอายจนต้องผินหน้าหลบกันไปเมื่อสบตาแต่ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ก็บอกว่าผมมีตำแหน่งที่พิเศษกว่าช่วงก่อนที่เราจูบกันอย่างชัดเจน

ถึงอย่างนั้น ก็คงไม่เป็นที่น่าสงสัยหากโมจะเข้าใจว่าผมเข้ามาอยู่กับพี่ทิตามหน้าที่ภาระงาน

“เมื่อกี๊ต้องเป็นซีไมเนอร์ไม่ใช่เหรอ”

“โมลืม”

“เล่นใหม่ตั้งแต่ต้น”

ลืมภาพของผู้ชายงอแงคนนั้นได้เลย เมื่อเขาอยู่ในมาดของอาจารย์ พี่ทิแม่งเป็นครูที่ผมเห็นแล้วยังขยาด เขี้ยวลากดินฉิบเป๋ง แต่ก็เข้าใจได้ครับว่าเพราะเป็นแบบนี้ถึงได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเล็ก ภาพของพี่ทิที่ตั้งใจตั้งแต่เด็กคงน่ารักน่าเอ็นดู เพราะเมื่อโตมาเมื่อไหร่ที่เขาไขว่ห้างแล้วตั้งหน้าตั้งตาเขียนก็ยังน่ามองแม้จะอยู่ในชุดนอนก็ตาม

“พี่ทิเหลืองานอีกเยอะไหม”

“ที่จริงก็เสร็จแล้ว เหลือโชว์ของตัวเองเฉยๆ”

ผมอยากชวนเขาออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะอีก แต่ว่าช่วงนี้พี่ทิเขียนงานจนดึกทุกวัน กลางวันก็ไปค่ายเพลงบ้าง ไปประชุมบ้าง พอเขากลับมาทำงานก็กลายเป็นความสำคัญของผมลดลงอย่างเห็นได้ชัด

แถมยังไม่มีเวลาส่วนตัวอีก... ผมถอนหายใจแล้วมองหลานสาวที่ยังคงตั้งใจเล่นกีตาร์ให้ถูกต้องตามกฎของอาจารย์

“โม หิวปะ”

“ไม่หิว โมเพิ่งกินข้าวไปเอง”

“น้าหิวอะ ลงไปซื้อไอติมให้หน่อยดิ”

“น้ามนต์หิวก็ลงไปซื้อเองสิ”

ไอ้เจ้านี่ ชักดื้อขึ้นทุกวัน “บอกให้ลงไปก็ลงไปดิ เดี๋ยวนี้ใช้ยากนะ”

“ก็โมเรียนกีตาร์อยู่นี่”

“เออ ลงไปเถอะน่า ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”

“แล้วทำไมโมอยู่คุยด้วยไม่ได้”

ไอ้ลูกดื้อนี่ได้มาจากใคร นะโมหลานสาวของผมไม่เคยเป็นเด็กเวรนี่ครับ

“ฝากซื้อไส้กรอกชีสหน่อย”พี่ทิแทรกศึกเล็กๆ ของน้าหลานขึ้นเสียงเรียบ ที่น่าโมโหคือเจ้าตัวเล็กมันวางกีตาร์ทันทีแบบไม่ต่อรองสักคำ

“เอากี่ชิ้นคะ”

พูดจาคะขาเสียด้วย

“สองพอ เอาเงินไปแล้วอยากกินอะไรก็ซื้อมานะ”

นะโมยกมือไหว้ย่ออย่างมีมารยาท ไอ้เด็กม้าดีดกะโหลกเมื่อกี๊หายไปไหนแล้วนะ ได้น้าใหม่ลืมน้าเก่าก็ได้ด้วย

“ทีงี้ล่ะพูดง่าย”

ผมบ่นในลำคอ เมื่อหลานสาวออกไปจากห้องพี่ทิก็หันมาถามผม “มีอะไร”

“ไม่มีอะไร แค่อยากอยู่กับพี่สองคนบ้าง”

“ทำตัวเป็นเด็ก” แหม ที่ผ่านมาพี่เป็นผู้ใหญ่นักล่ะ “มานี่ซิ”

แม้จะทำหน้ายับแต่ผมก็ยอมเดินไปหาชายหนุ่มแต่โดยดี พี่ทิตบมือบนตัก ท่าเสี่ยสุดๆ ใครจะไปนั่งตักพี่วะ “ผมไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะ”

“อยากกอด”

มาอีกแล้ว หัวใจจังหวะรุมบ้า ผมกัดปากล่างหลบตา พอนึกว่าตัวเองเป็นคนเรียกร้องความสนใจแต่แรกก็ยิ่งเขินเข้าไปใหญ่

“ช่วงนี้งานยุ่ง หลังจากนี้จนถึงสิ้นปีด้วย น้ำมนต์จะกลับไปอยู่กับเพื่อนก็ได้นะ”

เขาพูดพลางดึงรั้งแขนผมให้ก้าวเข้าหา สุดท้ายก็จับนั่งลงบนตักอย่างที่สั่งจนได้ ผมก้มหน้างุด พี่ทิกอดผมจากด้านหลังอย่างที่เขาบอกว่าอยากทำจริงๆ วางคางบนบ่าจนเหมือนร่างเขากำลังค่อยๆ เขมือบผมไปทั้งตัว

“ไหนตอนแรกบอกว่าอยากให้ผมอยู่ด้วยไง”

“อยากให้อยู่ด้วย แต่เห็นเหงาก็สงสาร”

เรื่องนั้นน่ะ...

ก็ต้องเหงาแหละ เขาเล่นสนใจแต่งานที่ต้องส่งจนลืมคนรอบตัวได้ขนาดนี้

ผมเข้าใจขึ้นมาอีกหน่อยว่าทำไมการเขียนเพลงไม่ได้ของพี่ทิถึงได้เป็นเรื่องใหญ่นัก ใช่ สาเหตุมันก็เพราะเขาทุ่มเทให้งานมากจนแทบไม่เหลือหนทางอื่นให้หนีออกไปจากโลกแห่งความจริง

โลกที่ทำให้รักแท้กลายเป็นความฝัน โลกที่บอกว่าหัวใจและความรู้สึกเป็นเรื่องเพ้อเจ้อของเด็กสาวผู้เริ่มอ่านการ์ตูนลูกกวาด

โชคดีเป็นของผมตรงที่พี่ทิยังไม่ได้ปิดประตูของศรัทธาแน่นจนเกินไป เลยหลุดเล็ดรอดแทรกตัวเข้าไปได้โดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว

“พี่ทิ”

“ว่า”

ผมลังเลใจครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดตอนนี้มันจะค่อนข้างชัดก็เถอะ แต่ผมก็อยากได้ยินสักครั้ง “ตอนนี้เราเป็นอะไรกันอยู่เหรอ”

“กอดไว้อย่างนี้เป็นพ่อลูกมั้ง”

ไอ้เวร

“ผมรู้ว่าคำถามมันซื่อบื้อไปหน่อย แต่ว่าเกิดพี่บอกว่าไม่ได้คิดอะไรผมไม่แย่เหรอ”

...เพราะว่าผมมันคิดไปแล้วครับ

พี่ทิหัวเราะเบาๆ เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เสียงหัวเราะของพี่ทิจะทำให้ผมใจสั่น จู่ๆ เขาก็เป็นทิวากรที่อุ่นราวไมโครเวฟคนนั้น คนที่ผมเฝ้ามองแค่ปลายนิ้วตลอดมา

อานุภาพของความรักนี่มันแน่นอนจริงๆ

“ถ้าน้ำมนต์บอกว่าไม่คิดอะไร ฉันก็แย่เหมือนกัน”

โอ...

ถ้อยคำพวกนั้น ทำลายล้างผมจนแทบล้มทั้งที่นั่งพิงแผ่นอกของคนพูด พี่ทิกระชับแขนกอดผมแน่นกว่าเดิม แถมให้ด้วยการหอมฟอดใหญ่บนแก้ม จังหวะรุมบ้าในใจผมเริ่มสับสน เหมือนจู่ๆ ก็มีคนมารัวกลองใส่เพิ่มอีกวง หน้าเห่อร้อนไปหมด อย่างกับน้ำมนต์กับเจ้าชายอสูรที่เมื่อสลัดคราบความเมามายแล้วกลายเป็นเจ้าชายที่แสนดี

“รู้ไหมที่จริงอยากทำอะไร”

“อยากทำงานต่อเหรอครับ”

ทั้งที่รู้ว่ากำลังยุ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกวน ความรักนี่มันทำให้คนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจได้จริงๆ ผมโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของมัน ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นสลับจังหวะ ความรู้สึกเหมือนเกิดพลุแตกซ่านสั่นไหว

“อยากปล้ำ”

หมดกัน ความโรแมนติกที่สั่งสมมานาน ผมกลอกตาเป็นวงกลม เรื่องนั้นผมก็คิดบ้างแหละ แต่ว่าถ้าจะทำก็หัดใช้วิธีที่ละมุนละม่อมหน่อยสิโว้ย

“ถ้าถึงตอนนั้นใครจะเป็นคนทำอะ”

“ต้องให้คนมีประสบการณ์นำดิ”

“พี่เคยนอนกับผู้ชายหรือไง”

“ไม่เคย”

“งั้นก็เท่ากัน”

ทำไมเราต้องมาคุยอะไรแบบนี้วะ ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าคู่อื่นจะต้องเจอประสบการณ์แบบนี้ไหม ไอ้ผมมันไม่ใช่คนโรแมนติกนักหรอก แต่เปิดอกคุยแบบนี้มันเกินไป เกินไปมาก

“รอหน่อยนะ”

“ครับ?”

“หลังคอนเสิร์ตจบ ย้ายมาอยู่ด้วยกัน คราวนี้จะไม่ให้เหงาแล้ว”

ฟังดูเรียบง่าย แต่เหมือนคำขอแต่งงานชะมัด ผมวางมือซ้อนลงบนหลังมือใหญ่ที่หยาบกร้าน ปลายนิ้วของเขาด้านเพราะเล่นกีตาร์หนักอย่างที่บอกนะโมจริงๆ

“พี่หัดเล่นกีตาร์ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ไม่รู้สิ รู้แค่ครูคนแรกคือแม่ แต่พ่อห้าม”

เพราะผมเติบโตมากับครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุดเลยแทนตัวเองไปในตำแหน่งของเขาแล้วเจ็บปวดชอบกล บ้านผมสนับสนุนทุกอย่างเท่าที่กำลังมีต่างกับพี่ทิที่กำลังซัพพอร์ตล้นพ้นทว่าอยากให้เดินตามกรอบรอยที่ผู้ใหญ่ขีดไว้

“จะว่าไป พี่คงดื้ออย่างนี้มาตั้งแต่เล็กแล้วสินะ”

“เรื่องอะไร”

“ดนตรี”

พี่ทิหัวเราะในลำคอ คล้ายเยาะตัวเองมากกว่าขำขัน ผมเงยหน้าเอาหัวชนคางของคนตัวใหญ่เบาๆ “พ่อพี่เคยดูพี่เล่นดนตรีไหม ผมว่าเขาควรมาดูสักครั้งนะ รับรองติดใจ”

“ไม่สำคัญหรอก เราไม่ได้มีเขาอยู่ในชีวิตมานานแล้ว”

เจ็บชะมัด ผมเอี้ยวตัวมองคนพูดที่สามารถพูดได้หน้าตาเฉย ไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดใดหลงเหลืออีกต่อไป ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือไม่ ไล่สายตาลงมายังสันจมูก ปลายจมูกของเขามนโค้งรับกับรูปปากหยักดี มีเคราครึ้มขึ้นเพราะไม่ได้โกนหนวดมาเกือบสัปดาห์ น่าแปลกที่ทำให้ริมฝีปากของเขายิ่งน่าจูบเข้าไปใหญ่

ไม่ทันรู้ตัว ผมก็เป็นฝ่ายยืดตัวไปสัมผัสริมฝีปากนั้นด้วยความหลงใหล ไม่ลึกซึ้ง เพียงแผ่วเบาและจากมาเงียบเชียบเหมือนสัมผัสของอุ้งเท้าแมวนุ่มๆ

“จูบปลอบใจเหรอ”

“เปล่า”

ครั้งนี้เราทั้งคู่รับมือได้ดีกว่าครั้งก่อนทีเตลิดเปิดเปิงไปคนละทิศละทาง เขาสอดมือจับแก้มผม และจูบซ้ำอีกครั้งทั้งที่มองตา เมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของจูบครั้งแรกและปัจจุบันของผมแก้มก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกจนได้

“ต้องจูบบ่อยๆ ให้หายเขิน”

“ครั้งก่อนพี่นั่นแหละที่เขินจนเดินหลงทิศ”

เขาพรายยิ้มด้วยความเขินอาย เกามือที่ท้ายทอยแล้วผินหน้าหนี เห็นตัวใหญ่ขนาดนี้ ทำไมใจบางนักล่ะครับ

“อืม...ที่บอกว่าให้กลับห้องไปก่อน นี่พูดจริงนะ ช่วงนี้น้ำมนต์อยู่ด้วยฉันไม่ค่อยมีสมาธิเลย”

อย่างน้อยเขาก็พูดตรงๆ ถึงแม้จะทำให้ผมห่อเหี่ยวใจก็เถอะ

ผมอยากอยู่กับเขาตอนเขียนเพลงเหมือนก่อนหน้านี้นี่ครับ

“ผมไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้พี่แล้วเหรอ”

คำถามนั้นไม่ได้น้อยใจ แต่เต็มไปด้วยความสงสัย บางครั้งอารมณ์ศิลปินก็ทำให้ผมสับสนไม่อาจคาดเดา เขาถอนใจบางเบา นัวเนียจมูกกับกกหูผม จั๊กจี้จนต้องย่นคอเข้าหากัน

“เป็น แต่ใจมันอยากทำอย่างอื่นตลอดเลย”

“แล้วตอนคบคุณเจนเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ”

“คนละคนกัน จะถามทำไม”

“ผมแค่อยากรู้ว่าเมื่อก่อนพี่ทิเป็นยังไง”

“สำคัญคือตอนนี้อยากทำจนหาวิธีห้ามตัวเองไม่ไหวแล้วต่างหาก”

เขาวางมือบนหัวเข่าเปลือยของผม แล้วค่อยๆ ลูบมือขึ้นสูงใต้ร่มผ้า ผมอยากบอกว่าก็ไม่ต้องห้ามสิครับ สู้ครึ่งไม่สู้ครึ่ง แต่ประตูห้องเปิดผลัวะเข้ามาจนตัวเองกระโดดไปนั่งที่เดิมแทบไม่ทัน

ตากลมของหลานสาวมองผมสลับกับพี่ทิที่ก้มลงเก็บสมุดเขียนเนื้อเพลง หูแดงก่ำ

“ไส้กรอกชีสของน้าทิค่ะ โมไม่ได้ถามว่าจะหั่นหรือเปล่าเลยไม่ได้หั่นมา พอเวฟชีสก็ปลิ้นเลย”

ผมมองไส้กรอกในถุงพลาสติก อาการชีสปลิ้นแม่งไปปลิ้นตรงปลายเสียด้วย ลามก เวรเอ๊ย ผมกลายเป็นคนลามกแบบนี้ได้ยังไง

“น้ามนต์อยากกินไส้กรอกของน้าทิเหรอ จ้องใหญ่เลย”

พี่ทิสำลักอากาศ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นผมที่หน้าแดงกว่าหูพี่ทิแน่ๆ “โมซื้อมันฝรั่งทอดมาฝาก จะได้ปากไม่ว่าง”

ผมสบตากับพี่ทิโดยบังเอิญ รับถุงมันฝรั่งทอดที่หลานสาวโยนให้มาแกะ ทำเป็นอ่านรสชาติและข้อมูลโภชนาการข้างห่อ

“โมเล่นต่อเลยนะน้าทิ”

“อะ...อืม ลองเริ่มที่เดิมใหม่”

ผมเหลือบตามองพี่ทิแล้วรีบหลบ เฉียดกับอีกฝ่ายแอบเหลือบมองมา

คิดผิดมหันต์เลยที่พาหลานมาอยู่ด้วย แม้สัปดาห์เดียวก็ตาม



“กลับมาทำไมให้อายบ้านนา นวลน้อง ไม่ต้องกลับคืนมา”

ไอ้นิวไอ้เพื่อนเนรคุณ

“ตอนจะไปไม่ลาหนีหน้า ไปกับหนุ่มเมืองหลวง ทิ้งคนข้างหลังนั่งน้ำตาร่วง มันเจ็บในทรวงพุ่มพวงรู้หรือเปล่า”

“กูยังจ่ายค่าห้องอยู่นะ”

ผมวางกระเป๋าตัวเองลงก่อนถอดถุงเท้า เห็นห้องแล้วปวดหัว ไมเกรนจะขึ้น อยากไล่คนเฝ้าห้องไปอยู่กับพี่ทิคนเก็บจะได้จุดไฟเผาทีเดียวจบ ไม่ต้องเหนื่อยหลายรอบ ถ้วยมาม่านั่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ผมเหลือบไปมองทิชชู่ข้างเตียง ไอ้เวรนี่จะเอาใหญ่แล้ว ทำเสร็จก็หัดทิ้งลงถังขยะสิโว้ย จะให้คนอื่นมาเก็บซากอารยธรรมไปตรวจดีเอ็นเอหรือไง

“มึงทำอะไรกับห้องเนี่ย”

“ประท้วง เรียกร้องความสนใจ มึงหนีกูไปอะ ห้องเละเทะเลย”

อ้างหน้าตาเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกผิดสักนิด นิดเดียวก็ไม่มี วีธีการคุ้นมากครับ เหมือนพี่ทิใช้เลย แมวไม่อยู่หนูค้นห้อง มันสกปรกนะเฮ้ย “ไอ้เหี้ยนิว เห็ดขึ้นเสื้อ!”

ผมไม่กล้าใช้นิ้วเขี่ยกองเสื้อผ้าในถังขยะที่กองสูงเป็นต้นคริสต์มาสเลย ให้ตาย แต่กองผ้าเน่าของมันมีการปรากฏตัวของพืชสปีชี่ส์ฟังไจจริงๆ ครับ ไม่เห็ดก็รา เดาว่าเพราะห้องทั้งอับและชื้น แถมยังรวมทุกกิจกรรมไว้ในที่เดียว ไม่ได้แยกกว้างเป็นสัดส่วนเหมือนห้องชุดพี่ทิ เดินไม่ถึงสิบก้าวจากประตูห้องก็ถึงห้องน้ำแล้ว อากาศไม่หมุนเวียนไปไหนทั้งนั้น

“สารภาพมา มึงกลับมาทำไม มึงมีแผนอะไร”

“เพิ่งไปส่งนะโมมา” จะว่าไปชีวิตนะโมก็คล้ายโดดเดี่ยวผู้น่ารักครับ อายุเลขตัวเดียวน้ามันก็โยนขึ้นรถตู้แล้ว ไอ้นิวอือออรับคำก่อนถาม

“แล้วพานะโมไปอยู่กับพี่ทิเหรอ”

“อ่าฮะ กำลังหัดกีตาร์เลยพาไปเจอเทพ”

“มีพี่ทิแล้วลืมกูเลย นะ ทั้งน้าหลาน แล้วไปยังไง ไอ้อุ้ยเล่าว่าทะเลาะกับฟ้า ฟ้าไปหามึงเหรอ”

ผมพยักหน้า เก็บขยะตามพื้นใส่ถุง เงยหน้าอีกทีไอ้เพื่อนอ้วนก็จ้องตาแข็ง “อะไร ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ยุไม่ได้ฉวยโอกาส สาบานเลย”

“คนอย่างมึง”

“เมื่อก่อนโสดไง ขอโทษว่ะที่ใช้ความโสดหาเศษหาเลยกับเพื่อนมาตลอด”

ยักไหล่ยิ้มๆ นึกถึงที่ถามพี่ทิแล้วก็เขิน แต่ความอยากอวดแฟนก็มี สับสนย้อนแย้งในใจไปหมดต่อไปนี้คือการสารภาพแล้วนะ ไม่ว่าไอ้นิวจะรับได้รึเปล่าผมก็จะพูดความจริงแล้ว

“เมื่อก่อนโสดคืออะไร หมายความว่าไง เฮ้ย มึงจะมีเมียก่อนกูไม่ได้นะ ไหนเล่ามาเกิดอะไรขึ้น”

“ไม่ใช่เมียว่ะ”

มัดปากถุงพลาสติกแน่นหนา โยนกองใส่ถังขยะที่มีขยะล้นออกมา เพื่อนสนิทคนแรกที่จะได้รับเกียรติรู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพี่ทิเบิกตาโพลง อึ้งตั้งแต่ยังไม่เล่า งี้เดาได้แล้วแหง

“จริงเหรอวะน้ำมนต์”

ผมพยักหน้า ไอ้นิวถึงกับทิ้งตัวลงบนเก้าอี้คอม ถีบเตียงให้เก้าอี้ไถลไปติดประตูกระจกที่เชื่อมต่อกับระเบียง

“ได้กันนานยัง”

“ได้ยังไงวะ”

“ก็แบบ”

มันซ้อนหลังมือซ้ายด้วยมือขวา ขยับพับเป็นเสียงเนื้อกระทบกัน ผมหยิบขวดน้ำเปล่าเขวี้ยงใส่ทันที“จังไรครับ”

“แหม ก็บอกว่าไม่ใช่เมีย เลยแบบ อยากรู้ เดี๋ยวนะน้ำมนต์ งี้แปลว่าที่ผ่านมามึงเป็นเกย์ตลอดเลยเหรอ เชี่ย...กูนอนกับเกย์มาสี่ปีแล้วยังบริสุทธิ์ได้ไงวะ งงมาก”

“แหม ไอ้ควาย บอกให้นะ ต่อให้กูจะคบกับผู้ชาย ชอบผู้ชายทั้งโลก กูก็ไม่ชอบมึง เลิกหลงตัวเองได้แล้ว”

“ก็แซวเล่น”

ดีนะที่เห็นเป็นเพื่อน ไม่งั้นต่อจากขวดน้ำได้เป็นชุดแก้วสะสมหน้านักร้องมันแน่ๆ

“แล้วยังไงวะ กูนึกว่ามึงชอบเขาข้างเดียวไรงี้ หรือพี่ทิรู้แล้วตะเพิดมึงออกมาเนี่ย”

“ไม่ใช่เว้ย พี่ทิจะทำงาน” ผมพูดอ้อมแอ้มในคอ นั่งลงบนเตียงแล้วเหยียดขายาว “ก็ไม่ยังไง คบกันแหละ”

“มึงจีบเขายังไงวะ”

“ไม่ได้จีบ ไม่รู้ว่ะ อยู่ๆ มันก็รู้กันเองอะว่าคิดอะไรเกินกว่าปกติ”

ไอ้นิวพยักหน้าทำความเข้าใจ แต่ก็สงสัยเหมือนที่ผมถาม “แน่ใจนะว่าพี่ทิไม่ได้ยอมคบกับมึงประชดน้องเจน กูไม่ได้ดูถูกมึงนะน้ำมนต์ ดูตัวมึงกับแฟนเก่าเขาดิ อะไรทำให้พี่ทิเลือกมึงวะ”

“จะไปรู้เหรอ”

ให้พูดว่าเพราะรักหรือไง ผมไม่มีทางพูดคำนั้นต่อหน้าไอ้นิวหรอก คำที่บางครั้งก็ฟังขนลุกแต่ก็ชุ่มฉ่ำ คำที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกระโดดบันจี้จัมพ์ หัวใจสูบฉีดเลือดจนร้อนผ่าวทั่วหน้า เก็บไว้คุยกันกับพี่ทิก็เฝือแล้ว

“ถ้าบอกไอ้สองคนนั้นจะเป็นยังไงวะ”

ไอ้นิวหัวเราะเหอะๆ ก่อนถามจริงจัง

“มึงคิดดีแล้วใช่ไหมวะน้ำมนต์ คือ...มึงก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะชอบผู้ชายมาก่อน มึงอาจจะสับสนก็ได้นะเว้ย บางทีที่มึงเป็นเนี่ยอาจจะเพราะว่ามึงอยู่ใกล้พี่ทิมากไป มึงปลื้มเขาเลยเข้าใจผิดก็ได้”

“ทำไมมึงต้องพยายามบอกว่าความรู้สึกของกูมันไม่จริงวะ”

ผมจ้องตาเพื่อนสนิทกลับ ไอ้นิวถอนหายใจยาว

“กูเป็นห่วงนะน้ำมนต์ กูรู้ว่ามึงเป็นคนชอบใครชอบจริง แต่พี่ทิไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่มึงแอบชอบนะเว้ย อันนี้เรื่องใหญ่นะ”

“เพราะเขาเป็นผู้ชายเหรอ”

ไอ้นิวไม่พูด ผมก็รู้คำตอบ

“ถ้าความรู้สึกเรามันชัดมากๆ แล้ว เรายังต้องบอกว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเพราะเพศเขาเหรอวะนิว”

“เออ ตามใจมึงละกัน ถึงมึงจะเป็นเพื่อนที่ไม่ดีของไอ้อุ้ยมึงก็เป็นเพื่อนที่ดีของกู กูไม่อยากให้มึงเจออะไรที่ไม่ดีนะน้ำมนต์”

ยังอุตสาห์วกกลับมากัดเรื่องเก่าอีก ไอ้เวร




TBC

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
พี่ทิอยากปล้ำน้องหราา :m20:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
นะโมจังหวะนรกมาก ทำคนลามกสองคนร้อนตัว

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อดโดนพี่ทิปล้ำเลยน้ำมนต์
เพราะพี่ทิงานยุ่งมากมาย

แล้วเพื่อนอุ้ยกับเพื่อนฟ้ายังไงต่อ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
 :hao7: :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด