♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)  (อ่าน 80311 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
พี่ทิต้องการอะไร ไหนบอกมาสิ
หวงน้องนะ มองออก แต่ทำไมทำเหมือนไม่คิดอะไร
กลัวน้องไม่ชอบกลับหรอ หรือกลัวน้องหนีไป

เอ็นดูน้ำมนต์คนรักจริงมากเลยค่ะ
น้องรักแล้วแหละ อาการแบบนี้ น้ำตาร่วงไปอีก

สวัสดีปีใหม่จ้า ขอให้เป็นปีที่สดใส ได้ทำในสิ่งที่อยากทำนะคะ
ส่งกำลังใจ และเป็นแรงใจให้เสมอค่ะ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
12  ฝัน





“แค่นี้ต้องร้องไห้เลยเหรอ”

“ไม่ได้ร้องเสียหน่อย”

“แล้วนี่อะไร”

มือของเขาแตะลงบนแก้มผมแผ่วเบา น้ำตาที่ติดปลายนิ้วไปเป็นหลักฐานของความอ่อนแอที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ผมหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าสบกับดวงตาสีนิลนั่นก่อนรู้สึกว่าเอวจะถูกโอบกอดไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงทั้งสอง

“น้ำตานาย...ทำให้ฉันรำคาญ”

เขาสวมเสื้อยืดสีพื้นสีเขียวขี้ม้า ไม่มีลวดลายโดดเด่นสะดุดตา ผมค่อยๆ ไล่ภาพจากด้านล่างขึ้นบนจนถึงลำคอ ปลายคางและริมฝีปาก

เจ้าของร่างค่อยๆ โน้มขยับเข้ามาช้าๆ ไม่ถึงนาทีนับจากนั้นก็จูบผมอย่างอ่อนโยน ยามเมื่อริมฝีปากแนบชิดในหัวผมเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหน ไม่ขัดขืนแต่กลับยินยอมโอนอ่อนตามที่ผู้เริ่มพาไป

ไม่ว่าข้างหน้าจะเป็นดินแดนแห่งความเจ็บปวดเหลือคณานับ หรือแตกดับสูญสลายผมก็ก้าวขาตามทิวากรราวกับกำลังเต้นรำ

“ถอดเสื้อผ้าออกสิ”

“หะ...หา!”



ปึก!!

อัก!

คิดอยู่แล้วว่าจะเจ็บ แต่ก็ไม่น่าเจ็บแบบนี้ ผมสะดุ้งตื่นจากความฝันทันที เมื่อรูมเมทที่นอนด้วยกันมากว่าสามปีฟาดแขนลงบนปากเต็มแรง นาฬิกานับชีพจรชีวิตตอนหลับของมันกระแทกจนผมได้รสเค็มปร่าของเลือด ส่วนเจ้าตัวยังกรนครอกๆ ไม่ทุกข์ร้อน

ไอ้เวรเอ๊ย ฝัน แค่ฝันเท่านั้น!

โล่งอกไปที กำลังตกใจเลยที่พี่ทิสั่งให้ถอดเสื้อผ้า

ผมขยำคอเสื้อยืดของตัวเองแล้วลูบหน้าแรงๆ ไม่ผิดแน่ว่าผมฝัน ร่างกายก็มีปฏิกิริยารวดเร็วถึงแม้ว่ายังไม่เลอะเทอะแต่ก็แน่ชัดว่าสมองกำลังประมวลผลอะไรในขั้นถัดไป

ผมฝันว่ากำลังจะมีเซ็กซ์กับพี่ทิ

ใช่...พี่ทิ!



ให้พูดถึงความฝันลามกจกเปรตของผู้ชายจนทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดไปถึงปล่อยสารคัดหลั่งออกมายามหลับใหลคงพูดได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่ากับใครก็ต้องเผชิญภาวะนี้สักครั้งของชีวิต สำหรับผมแล้วยังนับว่าน้อยนักเมื่อเทียบกับที่คนอื่นเอามาคุยโวตอนมัธยมตนถึงภาพในจินตนาการ รวมทั้งการปลดปล่อยตัวเองหลังตื่นจากฝันด้วยมือและนิ้ว ตลอดจนไปถึงร่างกายของใครสักคน

ด้วยความที่เป็นเด็กอยู่บ้าน แถมยังไม่กล้าบอกรักใครก่อนทำให้ประสบการณ์ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาของผมกับคนที่เป็นคนจริงๆ เท่ากับศูนย์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเทียบกับผมเก็บผู้ชายที่มีตัวตนในชีวิตจริงไปแทรกในภาพฝัน จินตนาการถึงรสจูบและแววตา และถ้าปล่อยให้เนิ่นนานกว่านั้น ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นภาพที่ออกมาในรูปแบบใด

“ส่งข้อสอบได้แล้วค่ะ”

เสียงอาจารย์ประกาศหน้าชั้น ผมที่ทวนคำตอบได้ครึ่งรอบเพราะว่อกแว่กสับสนกับเรื่องเมื่อเช้าต้องยอมลุกจากที่ตามคนอื่นๆ ไปวางกระดาษคำตอบ ไอ้นิวออกจากห้องสอบก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ฟ้ากับอุ้ยลุกขึ้นทันทีที่หมดเวลา กลายเป็นว่ากว่าจะกลับมาเก็บปากกาที่โต๊ะอีกทีผมก็คือคนสุดท้ายของห้องสอบ

อุ้ยโบกกวักมือเรียกหน้าห้องน้ำ ไอ้นิวนั่งพื้นดูดเส้นมาม่าไม่ห่างกันนัก ส่วนฟ้าคงยังต่อคิวในห้องน้ำหญิงที่แถวยาวออกมาด้านนอกเหมือนรอซื้อของเซล

“ตรงตามที่มึงติวให้พวกกูเป๊ะ ทำไมช้าวะ” อุ้ยถาม หน้าที่ติวข้อสอบเป็นของผมตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ ถ้าทำงานมีสอบด้วยมันคงลากผมไปบริษัทเดียวกันเพื่อติวข้อสอบต่อจนตาย

“ไม่ค่อยมีสมาธิ” ผมถอนหายใจ อีกสองคนที่เหลือหลิ่วตามอง

“มีอะไรปะเนี่ย ปกติอาจารย์น้ำมนต์ไม่เคยว่อกแว่กจากเรื่องเรียนนี่คะ” ไอ้อุ้ยดัดจริตพูดคะขาใส่ผม แต่ก็จริงอย่างที่มันว่า แม้ว่าผมจะไม่ได้เรียนเก่งกวาดเอช้วนทุกเทอม แต่ผมให้ความสำคัญเรื่องเรียนมาที่หนึ่ง แม้แต่ฟ้าถ้ามากวนใจช่วงสอบก็โดนผมดุได้เหมือนกัน

ใช่ ครั้งนี้มันไม่ปกติ ไม่ปกติมากๆ ด้วย

ผมกระแอมไอในลำคอตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นว่ายังไม่มีทีท่าว่าฟ้าจะออกจากห้องน้ำก็เอ่ยปากปรึกษา “พวกมึงเคยฝันเปียกถึงผู้ชายไหมวะ”

“ไม่อะ ในฝันกูมีสาวๆ เป็นฮาเร็ม” นิวตอบหน้าตาเฉย ส่วนอีกคนก็ส่ายหน้าหวือ

“มึงฝันเหรอ” อุ้ยกระซิบ ผมยังไม่ทันตั้งตัวมันก็เดา “พี่ลมเหรอ”

“ไม่ใช่”

“พี่ทิ?”

เสียอาการทันที จู่ๆ ก็เหมือนเกิดก้อนอากาศติดในคอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปฏิเสธยังไงให้ดูแนบเนียนได้ ยากกว่าข้อสอบวิชาเมื่อกี๊อีก

“มึงคิดเรื่องพี่ทิมากเกินไปป่าว”

“เออ ไอ้น้ำมนต์ไปค้างที่คอนโดพี่ทิด้วย”

ผมพรูลมหายใจออกยาว นึกถึงที่คุยกับแม่แล้วร้องไห้ออกมา “คงกังวลเรื่องพี่ทิมากเกินไปจริงๆ นั่นแหละ”

พอไม่ได้ไปหาแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันในช่องทางอื่นๆ เหมือนตายจากกันไปเลย เหตุผลสำคัญคือพี่ทิไม่ชอบใช้โทรศัพท์ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันผมแทบไม่เคยเห็นเขาจับมือถือสักครั้ง ทั้งที่เป็นยูทูปเบอร์รุ่นแรกๆ ใช้โปรแกรมทันสมัยตัดแต่งเพลงคล่องแคล่ว แต่กลับไม่เล่นโซเชียลมีเดีย พวกแฟนเพจหรือไอจีก็เป็นพี่ลมทำให้ทั้งหมด

เรื่องไลน์นั่นไม่ต้องพูดถึง พี่ทิยังถามผมอยู่เลยว่าเอ็มเอสเอ็นคนเลิกเล่นกันไปตอนไหน

“ฟ้า มึงเข้าห้องน้ำไปขี้หรือกินขี้วะ นานฉิบหาย”

เมื่อฟ้าเดินออกมาไอ้นิวก็ทักสุภาพสตรีด้วยท่าทีที่ไม่สุภาพ ฟ้าโวยวายเสียงดังแต่ผมไม่ทันได้จับใจความ

“น้ำมนต์ เป็นไรป่าวเนี่ย”

“อ๋อ เปล่า ทำไมเหรอ”

“ลอยๆ อ่านหนังสือหนักเหรอเมื่อคืน”

“เปล่าหรอก กำลังคิดว่าเหลือสอบอีกกี่ตัวน่ะ”

“อ่านทันใช่ไหม ขอโทษน้า ต้องให้น้ำมนต์ดูแลพี่ทิจนถึงตอนใกล้สอบเลย แต่พี่ลมบอกว่าช่วงนี้พี่ทิเริ่มไปห้องอัดแล้วล่ะ ไม่ได้น้ำมนต์ช่วยล่ะแย่เลย”

“ขอบคุณกี่รอบแล้วเนี่ย เราก็ไม่ได้ช่วยฟรีเสียหน่อยพี่ลมจ่ายเงินอย่างแพง แล้วนี่จะกลับบ้านกันเลยหรืออ่านวิชาต่อไปก่อน”

“ว่าจะอ่านต่อเลย น้ำมนต์ว่าไง”

ผมพยักหน้าเบาๆ “ไปไงก็ไปกัน”

ขืนอยู่คนเดียวคงฟุ้งซ่านไม่เลิกสักที



แม้จะรู้แก่ใจว่าผมเก็บเรื่องราวของพี่ทิใส่หัวมากเกินไปแล้ว แต่ชีวิตประจำวันของผมตั้งแต่เริ่มโตเป็นหนุ่มคือการสรรหาเพลงของพี่ทิมาฟัง เหงา เบื่อ เศร้า ต้องการที่ปรึกษา แต่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็เปิดเพลงของพี่ทิฟังตลอด แม้ว่าเขาจะไปแจมเป็นส่วนเล็กๆ กับเพื่อนๆ แบบunofficial ก็ยังหามาฟังจนได้ ตอนนี้ที่ผมพยายามใช้สมาธิจรดจ่อกับหนังสือก็เลยเต็มไปด้วยทำนองเพลงของพี่ทิที่เปิดผ่านหูฟัง ตัดตัวเองออกจากโลกของความจริงไปสู่ดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ทำนองเปล่าๆ ที่เคยพยุงให้มีสมาธิกลับเป็นคลื่นรบกวนให้ผมนึกถึงภาพทีพี่ทิเล่นเปียโนในห้อง บรรเลงเพลงและโยกตัวตามจังหวะทำนองจนเคลิบเคลิ้มคล้ายล่องลอยไปทุกที

อยากให้อยู่ด้วยกันตอนนี้จัง

ช่วงสองสัปดาห์สั้นๆ ที่อยู่ด้วยกันตอนนั้นพี่ทิเขียนเพลงใหม่ได้เร็วจนทึ่ง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้เพลงครบตามที่พี่ลมต้องการแล้วหรือเปล่า

ถ้าอย่างนั้น ผมยังต้องไปหาเขาอีกไหม

เป็นช่วงเวลาต่อสู้กันระหว่างกับการอยากให้พี่ทิเขียนเพลงต่อไปได้กับไม่ได้ ยื้อเวลาอีกสักหน่อยให้ผมได้เข้าไปอยู่ในโลกใบนั้นกับเขาอย่าตื่นจากฝันเร็วเกินกว่าที่คาดหมาย

จริงอยู่ที่เดิมทีผมอยากให้งานนี้จบลงไวๆ แต่พอเขาเริ่มเป็นพี่ทิอย่างในภาพจำผมก็รู้สึกเหมือนอยากอยู่กับเขาให้นานเท่านาน

“น้ำมนต์ยังอ่านชีทนั้นไม่จบอีกเหรอ”

“เออ แปลกๆ นะมึง”

อุ้ยวางมือบนหน้าผากแรงไปหน่อย ผมได้ยินเสียงแป๊ะเมื่อผิวสัมผัส เหมือนโดนตบหน้าผากมากกว่าวัดอุณหภูมิ

“สัด เจ็บ”

“โทดๆ นึกว่าเหม่ออยู่”

มันพูดกลั้วหัวเราะ ผมปรายตาไปเห็นไอ้นิวทำหน้าหงุดหงิดก่อนมันจะโยนชีทที่อ่านลงบนโต๊ะ

“ถามจริง น้ำมนต์ มึงกับพี่ทินี่ยังไงวะ”

“หา?” ไม่ใช่แค่ผม แต่เพื่อนอีกสองคนก็ร้องเสียงหลง “มีปัญหาอะไรกันเหรอ นึกว่าโอเคแล้วเสียอีก”

“เปล่า ไม่ได้มี”

ผมรีบตอบฟ้า ก่อนถลึงตามองไอ้นิวดุ รูมเมทผมพรูลมหายใจออกยาว

“ตั้งแต่ไปค้างกับพี่ทิสองสัปดาห์นั่นกลับมาก็ทำเหมือนคนอกหัก เหม่อเก่ง ห่างกับกูเป็นอย่างนี้ปะ”

“ขนลุก ไอ้เชี่ย” ผมเตะนิวใต้โต๊ะ ไอ้อุ้ยก็เออออห่อหมก

“น้ำมนต์มันไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษเพราะมันเป็นพราหมณ์ มึงไม่รู้เหรอไอ้นิว”

“พราหมณ์พ่อมึงสิ” ผมด่าไอ้อุ้ย คนที่กูเล็งก็เมียมึงนั่นแหละ

“อ้าว กูนึกว่ามึงถือศีล 8”

“ศีล5 ยังทำไม่ได้เลย”

“ข้อไหนทำไม่ได้ครับ อย่าบอกนะว่าติดเหล้าไปกับพี่ทิเรียบร้อย”

“เอ๊ะ แต่นิวพูดแบบนี้อย่าบอกนะว่าน้ำมนต์กับพี่ทิมีซัมธิงรอง โอ๊ย ถ้าใช่ฟ้าจะขอบคุณมากเลยเนี่ย สะใจ”

“สะใจอะไรฟ้า” ดีนะที่เป็นผู้หญิง ไม่งั้นจะเตะขาใต้โต๊ะอีกคน

“ก็พี่ลมน่ะสิ จีบพี่ทิตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ พอเจอน้ำมนต์ยังก้อร่อก้อติกใส่อีก นี่นะ ให้หนุ่มๆ ที่เล็งไว้ได้กันเองให้หมด”

เดี๋ยวนะ...ที่บอกว่าจีบพี่ทินั่นเรื่องจริงเหรอ

“ฟ้าก็พูดไป ถ้าพี่ทิชอบผู้ชายป่านนี้เสร็จพี่ลมแล้ว”

“แหม แต่ก็เป็นคู่จิ้นกันได้นี่นา” ไอ้อุ้ยเขกมะเหงกที่หัวคนรักเบาๆ เหอะ เหม็นความรักฉิบเป๋ง “แล้วทำไมนิวถามงั้นอะ”

“เออ ทำไมถามงั้น”

จำเลยมองผมตาขวาง

“ก็มึงฝันเปียกถึงพี่ทิไม่ใช่หรือไง กูเริ่มกลัวแล้วว่ามึงจะละเมอมาปล้ำกูหรือเปล่า ยิ่งนอนเตียงเดียวกันด้วย”

ไอ้นิวทำท่ากอดตัวเองอย่างคนหวงตัว ฟ้าส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ ส่วนผมความร้อนแล่นผ่านทั่วทั้งใบหน้า อุตส่าห์เล่าให้ฟังตอนฟ้าไม่อยู่เสือกเอามาแฉกัน ไอ้เพื่อนเลว!

“ไม่ใช่แบบนั้น ก็แค่ช่วงนี้คิดเรื่องพี่ทิมากเกินไปเฉยๆ น่า” ผมทำเสียงโยเย แต่ฟ้ายังไม่เลิกยิ้มกริ่ม “เป็นสาววายหรือไง ยิ้มอยู่ได้”

“เปล่าค่า” ทำมาเป็นขานรับเสียงใส จับมาจูบสักทีแล้วจะหนาว “เพิ่งเคยเห็นน้ำมนต์เขิน”

“เขินอะไรเล่า”

“หน้าแดงแปร๊ดเลย”

“เวอร์” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็หยิบกระจกของฟ้าที่วางไว้หลังทาปากเมื่อครู่มาดู ไม่ได้แดงขนาดนั้นเสียหน่อย “อ่านๆ อยากดรอปปีสุดท้ายกันหรือไง ตั้งใจหน่อย ไม่อยู่สอนปีเปอร์นะเว้ย”

ผมแสร้งโวยวายแล้วหยิบชีทขึ้นบังหน้าเป็นการกลบเกลื่อน ในใจกู่ร้องตะโกนก้อง ไอ้ฉิบหายๆ เป็นนักแอบรักมายี่สิบกว่าปีจะมาโป๊ะแตกเพราะผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ

แค่คิดก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว



การสอบมิดเทอมของผมผ่านไปเชื่องช้ากว่าปกติ ส่วนหนึ่งเพราะลงเรียนไว้ไม่กี่ตัว ทำให้มีเวลาเหลือเฟือสำหรับอ่านหนังสือ ไม่ตะบี้ตะบันอ่านเหมือนเทอมก่อนๆ ที่ผ่านมา ชวนรู้สึกว่าช่างเป็นเทอมที่น่าเบื่อและไม่มีความตื่นเต้นอะไรเลย อีกส่วนอาจเพราะที่จริงแล้วผมเฝ้าภาวนาทุกวันให้การสอบสิ้นสุดลงเสียทีจะได้ไปเจอตาลุงขี้เมาที่เข้ามารบกวนผมทั้งยามตื่นและหลับฝันให้หายคาใจ

พูดก็พูดเถอะ ไม่ขอปฏิเสธให้มากความว่าการที่ผมติดต่อพี่ทิไม่ได้ และไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันทำให้ผมคิดถึงเขาจริงๆ ไม่ว่าจะในฐานะแฟนคลับ หรือเบ๊อย่างที่เขาเรียกก็ตาม กิจวัตรในพักหลังมานี้ที่ต้องมีพี่ทิในทุกย่างก้าวทำให้สมองผมเคยชินกับการที่มีเขาทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นหลังสอบเสร็จวิชาสุดท้าย ผมก็อัปเปหิตัวเองไปเพนส์เฮาส์หรูใจกลางเมืองทั้งชุดนักศึกษาถูกต้องตามระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าจนได้

ป่านนี้ห้องจะรกขนาดไหน

นั่นไม่ทำให้ผมตื่นเต้นได้เท่ากับ เขาจะดีใจหรือเปล่าที่ผมโผล่มาแบบไม่บอกไม่กล่าว

หรือว่า...การที่พี่ลมเข้ามาป้วนเปี้ยนในระยะประชิดที่หัวใจยังว่าง พี่ทิจะหวั่นไหวไปหรือยัง

บ้าชะมัด หรือว่าที่ไอ้นิวเดาว่าผมคิดอะไรกับพี่ทิ มันเป็นเรื่องจริงวะ

ท้ายที่สุดผมก็ยอมรับในใจโดยดุษณีว่าพักหลังๆ ผมไม่ให้ความสำคัญกับทิวฟ้าเหมือนก่อนเก่าอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังชัดเจนว่าเป็นห่วงพี่ทิมากแค่ไหนเวลาที่ไม่ได้อยู่ในสายตาอีกต่างหาก

เสียงสัญญาณประตูห้องพักดังเมื่อแนบคีย์การ์ดลงไป ผมผลักเปิดบานประตูออกก่อนเสียงโครมครามในห้องจะดัง ถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้ก่อนกวาดสายตามองห้องชุดหรูที่กลับมารกอีกครั้งแล้วถอนหายใจระอา

ที่ต้องจ้างแม่บ้านเพราะอย่างนี้สินะ รื้อเก่งอย่างกับอะไรดี

กองกระดาษขยำกำไว้กระจัดกระจาย ผมหยิบถึงขยะที่ล้มระเนระนาดขึ้นตั้ง เอาก้อนกระดาษที่ระเกะระกะตามพื้นใส่เข้าที่ พี่ทิโดดออกมาจากห้องนอนหน้าตาเหมือนยังไม่ตื่นดี ขณะเดียวกันก็หลุกหลิกลุกลนราวกับโดนไฟจี้ด้านหลัง

“ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมา”

“เซอร์ไพรส์ไง” ผมตอบ ฉีกยิ้มกว้าง มาแต่ตัวทัวร์ยกแก๊ง อยากชวนพี่ทิออกไปหาอะไรกินข้างนอกชิวๆ สบายๆ ไม่ต้องล้างถ้วยล้างจาน ฉลองสอบเสร็จสักหน่อย

“พี่ทำห้องรกเก่งชะมัด”

เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม มองผมหวาดๆ ไอ้ท่าทางแบบนี้มันเหมือนมีลับลมคมในอะไรบางอย่างนะครับ “มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า”

“ซ่อนใครไว้ในห้องนอน”

ผมหยุดเก็บขยะแล้ว วางถังลงที่พื้นแล้วก้าวเข้าหา ไม่ได้นะเว้ย หรือว่าจะกลับไปคบผู้หญิงคนนั้น ให้ตาย จู่ๆ ผมก็หัวร้อนปรี๊ดขึ้นมาเลย ผมไม่อยู่ด้วยไม่กี่สัปดาห์ถึงขั้นซุกชู้รักไว้ในห้องเลยเหรอ อย่างนี้มันหยามกันไปแล้ว

“ซ่อนอะไร บ้าปะ”

“แล้วบังอะไร”

“ห้องรก”

“ข้างนอกก็รก”

“ถึงได้ถามว่าทำไมไม่โทรมาบอกก่อนไง”

“พี่ใช้โทรศัพท์ด้วยเหรอ”

พอถามอย่างนี้เขาก็เงียบไป ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรแต่ก็ห้ามขาไม่ได้ ก้าวฉับเข้าหาเจ้าของห้องที่ทำท่าคล้ายมีพิรุธอย่างไม่ลังเล

กระทั่งยังไม่ทันถึงตัวด้วยซ้ำผมก็ได้รับเฉลยว่าสิ่งที่ถูกซ่อนเร้นไว้ภายใต้ท่าทีหลุกหลิก ไม่สบตา ประสาทสัมผัสด้านกลิ่นทำงานก่อนสายตาจะทันได้เห็นหลักฐานไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบขวดแก้วหรือกระป๋องทันที

กลิ่นนั้นที่ห่างร้างจมูกมาเนิ่นนาน มันลอยกรุ่นมามาจากตัวของอีกฝ่าย หัวใจที่สั่นไหวของผมรู้สึกเหมือนฟีบแบนยับย่นคล้ายลูกโป่งที่เคยเต็มตื้นเต่งตึงเกิดรอยรั่วขนาดเล็กแต่สูบเอาลมภายในออกไปจนสิ้น

ผมชะงักขา หลบตาเพราะไม่อยากมองเขาด้วยร่องรอยของความผิดหวัง

หมอเตือนไว้แล้วแท้ๆ ว่าเขาอาจจะกลับมาดื่มได้ใหม่

แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับไม่ได้เผื่อใจในความผิดพลาดนั้นเลย

คิดว่าจะเข้มแข็งกว่านี้

สักนิดก็ยังดี

“น้ำมนต์”

พี่ทิเรียกเสียงอ่อนอย่างคนรู้สึกผิด ก้าวเท้าเข้าหาขณะที่ผมผงะถอยทันที เขาจับข้อมือผมเบาๆ ดวงตาแดงก่ำที่ไม่ใช่แดงเพราะเพิ่งตื่น แต่เป็นสีแดงที่เกิดจากปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปต่างหาก

“คือ...เขียนเพลงไม่ได้เลย”

ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ตัวเองได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาแต่ไหนแต่ไรทว่าในเวลานี้กลับไม่สามารถยิ้มรับหรือดุว่าอีกฝ่ายได้ ผมรู้ว่าต้องรับมือกับเขาแบบไหนแต่ก็ห้ามไม่ให้เจ็บใจไม่ได้อยู่ดี

“ดื่มตั้งแต่วันไหนครับ”

ผมปล่อยให้เขาจับมือผมไปนวด พยายามไม่กะพริบตาเพราะไม่อยากให้น้ำตาที่มันเอ่อขึ้นมาจากความผิดหวังหยดริน ผมคิดว่าถ้าเขาดื่มอีกคงโมโห แต่ไม่ได้เผื่อใจไว้ว่าจะเสียใจขนาดไหน

ความพยายามของผมทั้งหมด

ความพยายาม...ที่ไม่มีค่าอะไรเลย

“หรือว่า...ตั้งแต่ช่วงที่ผมเริ่มไปๆ มาๆ”

ผมนึกถึงฝากระป๋องเบียร์ที่หล่นอยู่ใต้ถุงขยะวันที่พี่ลมมา ที่จริงแล้วตั้งแต่วันนั้น พี่ทิก็แสดงท่าทางว่าไม่ชอบใจที่ผมหายไป มิหนำซ้ำยังไม่ได้เขียนเพลงเพิ่มขึ้นจากตอนที่ผมไม่อยู่ด้วย

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปพึ่งแอลกอฮอล์คือความสามารถในการเขียนเพลง

แต่แม้ว่ารู้ ผมก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้เสียใจไม่ได้อยู่ดี

“...ขอโทษ” เสียงทุ้มนั่นแหบพร่าและเบาหวิว แต่อย่างน้อยนั่นก็เป็นคำขอโทษแรกที่เขามอบให้ผมโดยไม่ทวงถาม “ขอโทษ ตั้งใจจะดื่มแค่นิดเดียวให้หัวมันแล่น”

“ดื่มไปมากแค่ไหนครับ”

“ไม่รู้...แต่อย่าร้องไห้ได้ไหม”

“ผมไม่ได้ร้อง”

เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนแก้มผมอย่างถือวิสาสะ ออกแรงกึ่งบังคับให้เงยหน้าขึ้นมอง น้ำตาผมไหลลงจากหางตาในที่สุด ก่อนพี่ทิจะดึงผมไปกอดไว้ทั้งตัว

“ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ยกแขนขึ้นกอดเขากลับ “ไม่เป็นไรเลย มันเกิดขึ้นได้ เรามาพยายามกันใหม่นะ พี่ปวดท้องหรือเปล่า ผมลงไปซื้อยาให้ไหม”

อ้อมแขนที่กอดผมไว้รัดแน่นขึ้นมากกว่าเดิมจนผมแทบหายใจไม่ออก

“จะด่าก็ได้ จะตีก็ได้”

“ผมจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ”

“ขอโทษ แต่อย่าเพิ่งทิ้งไปได้ไหม”

ผมรู้ ยิ่งพี่เป็นแบบนี้ผมจะทิ้งไปได้ไง

“ไม่ได้จะไปไหนสักหน่อย”

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก เหม็นกลิ่นเหล้าชะมัด น่าตีจริงๆ นั่นแหละ แต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ก็ทำผมโกรธไม่ลงเหมือนกัน

“พี่ไปอาบน้ำ แล้วออกไปหาอะไรกินกันนะ ฉลองให้ผมหน่อย เพิ่งสอบเสร็จก็มาหาเลยนะเนี่ย”

เขาคลายอ้อมแขนที่รัดรึงไว้ออก เราสบตากันครู่ใหญ่ก่อนค่อยๆ ย้ายจุดสนใจของดวงตาลงมาต่ำกว่าปลายจมูก ผมไม่กล้าบอกว่าเขากำลังจ้องริมฝีปากของผมหรือเปล่า เพราะนอกจากวางมือบนแก้มและกอดนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะขยับล้ำเส้นอย่างในฝัน ความรู้สึกของผมมันชัดไปแล้ว ชัดว่าที่เสียใจแทนที่จะโมโหนั่นเพราะว่ารู้สึกกับเขามากเกินกว่าจะมีต่อคนในปกครองขยันหาเรื่องมาให้ไม่หยุดหย่อน

ผมอยากให้เขาเป็นพี่ทิที่ดีกว่านี้

ไม่ใช่เพื่องานจะได้ลุล่วงไปด้วยดี แต่ผมอยากเห็นเขาเป็นทิวากรที่แสนดีอย่างที่ในอดีตเคยเป็นมา

“นั่งรอนะ รอเฉยๆ ไม่ต้องเก็บห้อง เดี๋ยวเก็บเอง”

“หา? ทำไมครับ ซุกขวดเหล้าไว้อีกหรือเปล่า”

“ไม่ใช่ แต่เหนื่อยใช่ไหม เพิ่งสอบเสร็จ...” เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนพูดต่อเสียงเศร้า “...แล้วยังมาเจออะไรแบบนี้อีก”

“ไม่เป็นไรเลย มันหน้าที่ผมอยู่แล้ว พี่ไปอาบน้ำเถอะ”

ผมจับเขาหมุนตัวหันหลัง ชายหนุ่มไม่ทันก้าวขาก็ถามทวนซ้ำ

“หน้าที่?”

“ไปอาบน้ำเถอะครับ เหม็นเหล้าจนผมจะเมาตามไปแล้ว ผมเก็บของเท่าที่เก็บได้หลังจากกินอิ่มค่อยมาช่วยกันเก็บแล้วกันเนอะ”

ออกแรงรุนหลังเขากลับเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูแน่นหนาก่อนหมุนตัวกลับมาหยิบถังขยะที่วางไว้อีกครั้ง แสร้งทำไม่สนใจว่าเจ้าของห้องจะสั่งให้อยู่เฉยๆ เพื่อหลบลี้หนีการประจันหน้า แม้ว่าจะยิ้มร่าทำเป็นให้อภัยไม่รู้สึกรู้สา แต่ลึกลงไปผมก็ยังไม่ชอบที่ตัวเองปล่อยให้อีกฝ่ายเผชิญหน้ากับภาวะกดดันจนกลับไปพึ่งแอลกอฮอล์อยู่ดี

หลังเสียงปิดประตูดังขึ้น ผมที่ทำตัวเหมือนเป็นตุ๊กตาล้มลุกที่ไม่รู้จักท้อถอยก็หมดกำลังจะแสร้งทำเป็นเริงร่า เมื่อเห็นความพยายามบนแผ่นกระดาษที่ขยำเป็นก้อนแตกสลายกระจัดกระจายก็แทบล้มลงหมดพลัง คลี่อ่านลายมือที่เขียนแล้วขีดทิ้งในนั้นทีละแผ่น ถ้อยคำที่เค้นความรู้สึกออกมาเขียนเต็มไปด้วยความอัดอั้น กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าที่ชำแหละเอาอารมณ์หมองหม่นสิ้นหวังมาแผ่ขยาย ความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดายที่ชายหนุ่มเผชิญ ความอ้างว้างของอนาคตที่สรรค์สร้าง คับแค้นแน่นสุมในตัวอักษร

ถ้อยคำไม่เรียงร้อยต่อกันสวยงามอย่างที่เขาเคยทำได้ มีความสับสนในลายเส้นราวกับเป็นคนจมน้ำที่หลงทางกลางมหาสมุทรกว้าง

สำหรับผม พี่ทิอาจเพลี่ยงพล้ำเผลอไผลได้

แต่สำหรับพี่ทิ ผมต้องยืนหยัดมั่นคงเป็นคนประคับประคองเขาให้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดไป

ไม่มีข้ออ้าง ปราศจากข้อแม้และเงื่อนไข

ไม่ใช่หน้าที ไม่ใช่แฟนคลับ และผมก็รู้ดีว่าคืออะไร

อะไรที่ผมบอกตัวเองว่าพี่ทิไม่ต้องขอโทษผมเลย

ผมต่างหาก...ที่ยังทำสิ่งที่ตัวเองควรทำได้ดีไม่พอ







tbc



อีพี่ทิ มึง!!!

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #182 เมื่อ08-01-2020 00:30:03 »

โอ้ยยยยพี่ทิก็รู้สึกกับน้องน้ำมนต์แล้วใช่มั้ยถึงแคร์ขนาดนี้ :ling1:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #183 เมื่อ08-01-2020 03:25:39 »

นั่นไง พี่ทิก็กลับไปดื่มจนได้ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #184 เมื่อ08-01-2020 08:42:04 »

เอาน่ะเดี๋ยวมันก็ดีถึงจะวนไปวนมาหน่อย  :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #185 เมื่อ08-01-2020 09:17:50 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #186 เมื่อ08-01-2020 16:06:11 »

ต่างคนต่างรู้สึกแล้วใช่ไหม

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #187 เมื่อ08-01-2020 16:51:09 »

 :mew4: สงสารน้องอ่ะ เฮ้อ...
  :3123:  :pig4:  :L2:

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #188 เมื่อ08-01-2020 17:26:44 »

น้องน้ำมนต์ลูกกกก... โกรธพี่ทิๆ :katai1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #189 เมื่อ08-01-2020 17:53:32 »

คาสโนว่าพี่ลม..สงสารน้ำมนต์อย่าเพิ่งท้อนะ  :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
« ตอบ #189 เมื่อ: 08-01-2020 17:53:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #190 เมื่อ08-01-2020 20:55:52 »

โถ่พี่ทิ ทำน้องร้องให้แล้ว


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #191 เมื่อ08-01-2020 22:16:20 »

ร้องไห้หนัก ๆ แล้วก็รักกันมาก ๆ ด้วย

ออฟไลน์ มาดามพีพี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #192 เมื่อ08-01-2020 23:01:03 »

ฮือออ..โอ๋ๆกอดๆนะหนูมนต์นะ..เดี๋ยวแม่ตีพี่ทิให้เอง

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #193 เมื่อ08-01-2020 23:08:40 »

 :really2: :really2:

ออฟไลน์ Jnchnn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #194 เมื่อ08-01-2020 23:33:35 »

ยอมรับหัวใจตัวเองได้แล้วทั้งสองคน ช่วงสอบน้ำมนต์ที่เหม่อเพราะพี่ทิทั้งนั้น
ส่วนพี่ทิอ่ะ เราว่าหนักกว่าอีกมั้ง เธอคิดถึงน้ำมนต์อ่ะพี่ทิเราดูออก
แต่ก็อยากรู้ว่าพี่ทิเขียนเพลงด้วยแรงบันดาลใจอะไร
ตอนที่อกหักจากแฟนเก่าแล้วเขียนเพลงไม่ได้จนติดแอลกอฮอลล์ จะเหมือนตอนนี้ที่เขียนเพลงไม่ได้มั้ย
มันหน่วงๆหนึบๆแทนน้ำมนต์มากเลย ที่รู้ว่าแฟนเก่าพี่ทิเคยมีอิทธิพลต่อความรู้สึกพี่ทิมากขนาดนั้น
ถ้าน้ำมนต์ยอมรับความรู้สึกตัวเองจริงๆ น้ำมนต์อาจจะติดกับความคิดว่าคงไม่มีทางเทียบเขาได้งี้
 :mew2:  :m15:


ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #195 เมื่อ09-01-2020 00:16:39 »

ต่างคนต่างคิดถึงกัน,,,

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #196 เมื่อ09-01-2020 21:25:54 »

ยังไม่รู้ตัวกันว่าสาเหตุจริงๆคืออะไร ทำไมเขียนไม่ออก ทำไมคิดถึง ทำไมเสียใจ ทำไม่รู้สึกผิดมาก

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #197 เมื่อ10-01-2020 00:43:47 »

กอดน้ำมนต์ค่ะ น้องนอยด์มากเลย ไม่ได้เจอกันก็คิดถึง
แล้วพอมาเจอพี่ทิเป็นแบบนี้อีก จะเคืองก็ไม่ใช่จะเสียใจก็มาก
น้ำมนต์ไม่ได้ผิดนะหนู มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้

พี่ทินะพี่ทิ ทำน้องเสียใจ น้องไม่ได้ทิ้ง คิดถึงก็โทรหาสิ
ทำไมมาทำร้ายตัวเองแล้วทำน้องนอยด์เพิ่มอีก ฮึ่มมมม

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #198 เมื่อ10-01-2020 13:44:34 »

 :mew4: สงสารน้ำมนต์ สงสารพี่ทิด้วย

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #199 เมื่อ10-01-2020 17:48:11 »

แงงงง สงสารยัยน้อง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
« ตอบ #199 เมื่อ: 10-01-2020 17:48:11 »





ออฟไลน์ Jely

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #200 เมื่อ10-01-2020 22:38:19 »

พี่ทิใจรัาย แงงง

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #201 เมื่อ11-01-2020 10:09:31 »

งื้อออออ ร้องไห้ตามเลยยยยย  :mew6:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #202 เมื่อ11-01-2020 11:19:41 »

พี่ทิทำน้องร้องไห้เลยเนี่ย อยากโอ๋น้องมากเลย

ออฟไลน์ kokilolylove

  • รัก ได้ยินหรือเปล่า
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #203 เมื่อ11-01-2020 18:05:33 »

น้ำมนต์์์์์์์์ต้องอยู่ที่นี่แล้วหละ พี่ทิจะได้มีกำลังใจเลิกเเบียร

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #204 เมื่อ15-01-2020 08:09:39 »

รู้สึกว่าพี่ทิก็คิดอะไรกับน้อง แล้วแต่ก่อนล่ะกับเจนล่ะ คือเกิดอะไรขึ้น

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #205 เมื่อ15-01-2020 12:36:41 »

มารอแล้วค่ะ

ออฟไลน์ OrangeryLemon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #206 เมื่อ15-01-2020 13:30:38 »


เห็นคุณ west แจ้งใน FB ว่าวันนี้ไม่มานะคะ มาวันศุกร์ค่ะ


ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #207 เมื่อ15-01-2020 22:24:59 »

สงสารทุกฝ่ายอ่ะ  :o12:
พี่ทิก็คงพยายามแล้ว แต่พอไม่มีน้ำมนต์ก็คงไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร
ส่วนน้ำมนต์ก็คงไม่วายโทษตัวเองวนไป
ฮือออออ ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่สองคนนี้หนักหนาที่สุดละ  :hao5: :hao5:
เพราะเป็นช่วงวัดใจเลยทีเดียว
เอาใจช่วยทั้งสองคนเด้อ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
«ตอบ #208 เมื่อ18-01-2020 00:00:33 »

13 สตอเบอรี่เชอร์เบทและชอกโกแลต


     


          เสียงดนตรีของพี่ทิลื่นไหลจนผมฟังแล้วเคลิ้มตาม หลังหาอะไรใกล้ๆ คอนโดเป็นมื้อเย็นแล้วเราก็พากันกลับมาพร้อมขนมปังสังขยาใบเตย พี่ทิไม่ได้กำลังเมาเรื้อนถึงขีดสุดตอนที่ผมเปิดประตูห้องมาเจอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เขายังมีอาการเมาค้างจากที่ดื่มเมื่อคืนที่ผ่านมา

          เสียงไส้ดินสอคาร์บอนขูดกับกระดาษดังๆ หยุดๆ บางครั้งพี่ทิเหม่อมองออกไปจับจุดไม่ได้ บางครั้งเขาเดินออกไปดูการจราจรของเมืองใหญ่ที่ริมระเบียงแล้วกลับเข้ามาเขียนต่อ และบางครั้งเขาก็มองกลับมาที่ผมซึ่งเปิดหนังสือเพลงของเขาดู ทั้งสมุดภาพรวมคอนเสิร์ตและแผ่นกระดาษไวนิลปรินท์แปะมากับแผ่นซีดีพร้อมลายเซ็น

          “มีเพลงที่เก่ากว่าเพลงที่พี่แต่งให้คุณลูกแก้วไหม”

          ผมถาม นึกถึงผลงานที่โด่งดังแต่ไม่ค่อยมีคนรู้จักคนเขียนเท่าไหร่ในสมัยนั้น พี่ทิฮัมเพลงในลำคอ ส่ายหน้าแทนคำตอบ

          “เมื่อก่อนชอบคุณลูกแก้วเลยตั้งใจจะเขียนเพลงแรกให้คุณลูกแก้ว ส่งไปตั้งหลายรอบกว่าจะผ่าน”

          “เพลงแรกที่พี่เขียนเลยปะ”

          “เปล่า เขียนเพลงแรกตั้งแต่จำความได้”

          “ไม่คิดว่าจะอุแว้ออกมาแล้วเขียนเพลงเลยไง” ผมยียวนกลับ พี่ทิยังคุยกับผมทั้งที่ไม่สบตา

          “ตอนนั้นเกกิดยังจำไม่ได้ จำไม่ได้ด้วยว่าเริ่มเขียนตอนหน แต่ Untitled เป็นเพลงแรกที่ผ่าน”

          “งี้พี่ก็รักเพลงนั้นมากๆ เลยดิ”

          “ไม่อะ เกลียด” เขาพูดหน้าตาเฉย เฮ้ย เป็นคนแบบไหนวะเกลียดงานตัวเองลง “พอย้อนกลับไปแล้วภาษาที่ใช้โคตรสะเหล่อ ไม่รู้สึกเหรอ”

          “ไม่ ผมว่ามันเพราะดี ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ แต่ยินดีมอบให้แม้ไม่มีใครเรียกชื่อมัน โรแมนติกออก”

          “แต่มันเป็นเพลงเศร้า”

          ผมเห็นด้วย ฟังแค่เมโลดี้ก็รู้เลยว่าผู้เขียนทุกข์ระทมแค่ไหน ผมหยัดตัวลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา พี่ทิยังคงดีดกีตาร์ด้วยโน้ตที่เขียนแสดงไวบนชั้นวางแล้วขีดเขียนบางตัวอักษรลงบนกระดาษอีกครั้ง ผมพลิกตัวนอนคว่ำมองท่าทางจริงจังแบบนั้นแล้วอดรู้สึกชื่นชมท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนั้นของเขาไม่ได้ พี่ทิเท่มากๆ เวลาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตอนเล่นดนตรีหรือว่าเขียนเพลง สีหน้าจริงจังของเขาลบภาพของตาลุงขี้เมาไปจนหมดสิ้น

          “พี่อยากเป็นนักแต่งเพลงจริงจังตอนอายุเท่าไหร่”

          “เป็นนักข่าวหรือไง ถามเก่ง”

          “ไม่ได้เหรอ”

          เขาเงียบไปอึดใจแล้วหันหน้ากลับมา พรายยิ้มที่ทำให้หัวใจผมกระตุกเบาๆ “บอกว่าตั้งแต่ประถมจะเวอร์ไหม”

          “พี่คลอดออกมาพร้อมกีตาร์ละงั้น”

          “ก็แม่เป็นนักร้องไง อยากเขียนเพลงให้แม่ร้อง”

          แต่ประถมก็อัจฉริยะเกินไปแล้วโว้ย แต่จะว่าไปหลานผมก็รู้ตัวเร็วเหมือนกันนะว่าชอบดนตรี เพิ่งเรียนอยู่ ป.4 เองแท้ๆ “เออนี่ พี่ ผมต้องกลับบ้านไปรับหลานมาอยู่ด้วยนะ เดี๋ยวพามาเจอพี่ได้หรือเปล่า”

          “ทำไม” เขาขมวดคิ้วเข้าหาก้น ท่าทางหงุดหงิดขึ้นมาอีก “สอบเสร็จแล้วยังจะต้องอยู่หออีกเหรอ”

          อุก...

          อยู่ๆ ผมก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

          “ก็...เดี๋ยวหลานผมมาอยู่ด้วย จะมาอยู่กับพี่ได้ไงเล่า อีกอย่างหลานผมก็รู้จักไอ้นิวอยู่แล้ว มาอยู่ด้วยกันทุกปิดเทอม”

          “ให้มาอยู่ที่นี่ก็ได้ นายก็ได้ห้องนอนเป็นของตัวเองแล้วจะไปเบียดกันทำไมที่หอ”

          “ผมเกรงใจพี่”

          “ถ้าเกรงใจก็มาอยู่ด้วยกัน”

          “เกรงใจเพราะต้องรบกวนแล้วจะมาอยู่ด้วยกันได้ไง”

          “บอกว่ารบกวนเหรอ ถ้าเกรงใจทำไมไม่ไปตั้งแต่ตอนไล่...จะมาพูดตอนนี้ทำไม หรือเพราะหมดหน้าที่แล้ว”

          มาเต็ม อารมณ์ล้วนๆ

          “ช่างเถอะ ยังไงที่ทำเพราะรับเงินพี่ลมนี่”

          เขาหันไปวางดินสอบนหลังเปียโน ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสตางค์ ทำท่าจะออกไปข้างนอก ผมรีบลุกขึ้นมาคว้าแขนเขาเอาไว้

          “ตกลงครับ ผมจะพาหลานมาอยู่นี่ พี่อย่าเพิ่งหัวร้อนดิ”

          ผมกำลังสับสนว่าจะบอกเขาตรงๆ ว่าที่ทำตอนนี้ไม่ใช่แค่เพราะหน้าที่หรือไม่พูดจะดีกว่ากัน กฎของการเป็นนักแอบรักคืออย่าบอกหรือทำอะไรที่มันโจ่งแจ้งเกินไป ไอ้คำพูดนั้นของผมเลยจุกอยู่ที่ต้นคอ

          “พี่อดซื้อเหล้ามากินแล้ว เสียใจด้วย”

          ผมเบี่ยงประเด็น ไม่อยากแสดงท่าทีว่ารู้สึกพิเศษและมากกว่าแฟนคลับทั่วไปธรรมดา เหตุผลที่ผมไม่เคยแสดงตัวสารภาพต่อความรักส่วนมากเพราะกลัวการสูญเสีย ยิ่งกับคนที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งต้องซ่อนมันให้แนบเนียนที่สุด

          “ลองไปดิ จะเหมามาให้หมดร้าน”

          “พี่อย่าแก้ปัญหาด้วยวิธีนั้นได้ไหม มันไม่ทำให้พี่หาคำตอบให้ชีวิตได้หรอกนะ”

          “มันทำให้ลืมคำถามไง”

          “คำถามอะไร พี่ถามผมสิ”

          เขามองผมด้วยแววตาตัดพ้อก่อนเบือนหนีไปที่อื่น วางกระเป๋าสตางค์ลงตามเดิมก่อนเดินหนีเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตูดังโครมจนผมเผลอสะดุ้งทั้งตัว

          พวกศิลปินน่ะ เอาใจยากชะมัด

          ผมมองกระเป๋าสตางค์ของพี่ทิแล้วพรูลมหายใจออกมา

          ถ้ายังแก้ปัญหาด้วยเหล้าแบบนี้อยู่อีกล่ะก็ จะเลิกขาดได้ยังไงกัน



          -----

          “น้ำมนต์กลับมาอยู่ด้วยก็เขียนเพลงออกเลยเหรอ”

          หลังเลิกเรียนของวันพฤหัสพี่ลมมารับผมที่มหาวิทยาลัย พาไปกินไอศกรีมร้านเปิดใหม่ระหว่างทางจากมหาวิทยาลัยไปคอนโดพี่ทิ ผมสั่งรสดาร์กช็อกโกแลตกับสตรอวเบอรี่เชอร์เบท ท็อปปิ้งด้วยวิปครีมพิเศษ ไม่ค่อยได้กินขนมเท่าไหร่ แต่ถ้าได้กินแล้วก็เอาให้คุ้มแคลลอรี่ในถ้วยเดียว

          “แบบนี้มันแปลกๆ อยู่นะ”

          “ยังไงครับ”

          “กะทิน่ะ จะเขียนเพลงได้ตอนที่ไม่มีอะไรมาบังคับ พูดยังไงดี ไม่ว่าจะเศร้า หรือมีความสุข แต่เขาจะเขียนได้เฉพาะตอนที่ไม่เครียด ไม่อย่างนั้นคำที่ใส่ในเพลงมันจะห้วนๆ ตันๆ น่ะ”

          ผมนึกถึงกระดาษที่ขยำจนยับย่นพวกนั้น มันก็รู้สึกได้ว่าพี่ทิเขียนด้วยความรู้สึกอึดอัดขนาดไหน

          “เมื่อก่อนตอนยังไม่คบกับเจนเขาจะเขียนตอนอยู่คนเดียว”

          ผมตักวิปครีมเข้าปากคำใหญ่จนเลอะเหนือริมฝีปากด้านบน ตวัดลิ้นเลียทำความสะอาดแล้วก้มหน้าลงใหม่ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับเรื่องของผู้หญิงคนนั้น

          “พออยู่กับเจนก็เขียนได้ดีเลยล่ะ เป็นคนทำงานเร็ว หันหน้ามาซิ เลอะปากแล้ว”

          พี่ลมใช้นิ้วหัวแม่มือปาดเหนือริมฝีปาก วิปครีมสีขาวก้อนเล็กจิ๋วติดปลายนิ้วมากก่อนอีกฝ่ายจะชิมไปต่อหน้า เหวอ! ฉากแบบนี้มันมีแต่ในหนังรักไม่ใช่เหรอ

          “หยุดแกล้งผมสักทีเถอะครับ ไม่หลงกลหรอก”

          “เนี่ย ยิ่งแปลกเลย น้ำมนต์กับกะทิน่ะ ชักพูดจาเหมือนกันมากขึ้นทุกวันแล้ว”

          “เหมือนที่ไหนกัน”

          “เหมือนทุกอย่างเลย นึกถึงตอนที่พี่ไปจีบมาเป็นนักแต่งเพลงประจำของค่าย จีบตั้งหลายปีพอแฟนเอ่ยปากคำเดียวก็ยอมเลย รู้ทันไปเสียทุกอย่าง”

          “พี่ทิคงรักคุณเจนมากเลยนะครับ”

          ผมก็เข้าใจเหตุผลได้อยู่หรอก เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ใครเห็นก็ชอบทั้งนั้น

          “รักสิ รักมากเลย เขาเล่นดนตรีคนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆ เพิ่งได้ฟอร์มวงจริงจังตอนมหา’ลัย ตอนนั้นเจนก็เป็นนักร้องในวง แต่เสียดายที่เพื่อนคนอื่นๆ ไม่ได้เดินสายดนตรีจริงจัง ไม่งั้นจะปั้นทั้งวงไปเลย ถ้าดันสองคนเป็นนักร้องกับนักดนตรีดูโอ้มันก็ยาก ความเสี่ยงทีวันหนึ่งจะเลิกกันแล้ววงแตกมีสูงเกินไป”

          “แล้วทำไมเจนถึงไปชอบคนใหม่ได้เหรอครับ” ผมเขี่ยไอศกรีมในถ้วยแก้วไปมา “พี่ทิก็ดูน่ารักดีออก”

          “ทิมันรักจริง แต่บ้างาน แล้วก็ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน”

          “แต่เขาก็เป็นคนที่ศรัทธาในรักไม่ใช่เหรอครับ”

          “พ่อทิแต่งงานใหม่ แต่ใหม่หลายครั้งด้วย ก็เลยเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพิธีกรรม พอลูกชายเจ้าของค่ายโปรไฟล์ดีกลับมาจากเมืองนอกตามรับตามส่ง เอาใจสารพัด...ช่วยไม่ได้นี่”

          “ถึงอย่างนั้นก็ไม่แฟร์กับพี่ทิอยู่ดี”

          ผมทำปากจู๋ไม่ชอบใจ “เขาแค่เขินที่จะแสดงออกมาว่ารัก แต่ไม่ใช่เขาไม่รักเสียหน่อย”

          พี่ลมระบายยิ้มพราย ยืดมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ “น้ำมนต์นี่...ผ่าด่านกำแพงน้ำแข็งของทิได้เร็วจนเหลือเชื่อเลยแฮะ”

          ไอติมช็อกโกแลตละลายรวมกับสตอเบอรี่เชอร์เบท ตักชิมในส่วนที่ละลายก็พบรสกลมกล่อมแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้ กาแฟร้อนในถ้วยของพี่ลมเย็นชืด พร่องไปแค่ครึ่งเดียว มองออกไปข้างนอกแล้วผมก็ถอนหายใจออกยาว

          ละลายน้ำแข็งได้ก็เรื่องหนึ่ง แต่การทำให้เขามีชีวิตชีวาเหมือนตอนที่ยังไม่ได้หลงรักใคร ผมก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนให้เขาคืนกลับมาเหมือนกัน

          พี่ลมจอดรถไว้ที่ลานจอดสำหรับผู้มาติดต่อแล้วขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกสูงด้วยกัน พี่ทิแทบไม่ออกไปข้างนอกเลยถ้าไม่จำเป็นหรือถูกผมลากไปออกกำลังกายหรือหาอะไรกินเพราะขี้เกียจล้างจาน เป็นที่มาของผิวขาวไม่มีสะเก็ดฝ้า ผมยาวจนเสียทรงจากการไม่เข้าร้านทำผมตั้งแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน




          “ไง เพลงถึงไหนแล้ว”

          พี่ลมทักเจ้าของห้องที่กอดกีตาร์อยู่บนตัก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองผมที่เดินตามข้างหลังแล้วขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ “มาทำไม บอกว่าเสร็จแล้วเดี๋ยวส่งไฟล์งานไปเองไง”

          “ก็อยากรู้ว่าอู้อีกหรือปล่า ได้ข่าวว่ากลับไปกินเหล้าด้วย”

          พี่ทิมองผมดุจนพี่ลมต้องเอ่ยปากแทน

          “พอดีเอาของไปให้ฟ้าเลยไปรับน้ำมนต์ไปกินไอ้ติมแล้วค่อยมา เจ้านี่แค่ตอบคำถามน่ะ ไม่ได้รายงานทุกเรื่องหรอก”

          “ทำไมเลิกเรียนแล้วไม่รีบกลับมา”

          “อะ...เอ่อ ผมคิดว่าพี่ทิอาจจะต้องการเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง”

          “อย่าคิดแทนคนอื่นได้ปะ” แค่นี้ต้องทำหน้าตึงใส่กันเลยเหรอ “เพลงใหม่กำลังจะตัด สองเพลงที่เคยส่งไปเป็นยังไง ได้นักร้องหรือยัง”

          “ได้แล้ว ให้ไอรินร้อง”

          “น้องไอรินจากวงบีทูเหรอครับ”

          ผมถามแทรกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น บีทูเป็นวงหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงสุดๆ แบบหยุดไม่อยู่เลย

          “อื้อ ใช่แล้ว แต่เล่นครั้งแรกในงานตอนสิ้นปีนะ” พี่ลมวางมือบนหัวผมเบาๆ แล้วพูดต่อ “แล้วก็คุณพรหมอยากให้แต่งเพลงให้เจนเพิ่มด้วยสองเพลง”

          พี่ทิกลอกตาขึ้นบน ถอนหายใจ ท่าทางหงุดหงิด

          “ให้คนอื่นเขียนไม่ได้เหรอครับ” ผมแย้ง คนที่ทำร้ายพี่ทิขนาดนั้นไม่ควรได้อะไรไปจากพี่ทิอีกแล้วด้วยซ้ำ

          “จะพูดก็พูดเถอะนะ ที่เจนดังขนาดนี้ก็เพราะทิรู้จักเจนดี ใส่คาแรคเตอร์ของเจนเข้าไปในเพลงด้วย มันต้องหลายอย่างนะที่จะผลักดันนักร้องคนนึง เจนยังมีอนาคตไปได้อีก ปีหน้าอาจจะดันขึ้นแทนบีทูด้วย หาได้ยากนะนักร้องหญิงที่มีความสามารถขนาดนั้น ถ้าขาดกำลังสนับสนุนอย่างทิไปคงลำบาก”

          “ทำไมพูดถึงส่วนของตัวเองกันทั้งนั้นล่ะครับ ไม่มีใครคิดว่าพี่ทิจะรู้สึกยังไงกันเลยเหรอ”

          “พอแล้ว น้ำมนต์” เจ้าของเรื่องปรามผมเสียงเบา สายตาเลื่อนไปมองยังมือพี่ลมบนบ่าของผม “แค่นั้นใช่ไหม งั้นก็กลับไปได้แล้ว”

          “ไล่โปรดิวเซอร์เลยเรอะ นี่นายมีชื่อเสียงทุกวันนี้เพราะใคร ไอ้เด็กไม่รู้จักบุญคุณนี่”

          “ผมไม่ได้อยากมีชื่อเสียง พี่ไม่ต้องเอาเรื่องนั้นมาทวงบุญคุณหรอก ที่มาเป็นนักแต่งเพลงให้บริษัทก็เพราะเจนขอตั้งแต่ต้น ผมทำฟรีแลนซ์ของผมมาตั้งแต่มัธยม ไม่ได้อยากให้มีคอนเสิร์ตฉลองแซยิดอะไรอย่างที่พี่คิดโปรเจ็กต์ไปเสนอค่ายเสียหน่อย”

          พี่ทิหงุดหงิด และไม่แม้แต่จะซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้ “น้ำมนต์ มานี่”

          “อะ...ครับ? ผมเหรอ?”

          จะเรียกผมไปเป็นสนามอารมณ์ไม่ได้นะเว้ย

          “ชื่อน้ำมนต์หรือเปล่าล่ะ!”

          ผมสะดุ้งโหยง ก้าวเท้าถี่ๆ ไปหาพี่ทิ อดไม่ได้ที่จะทำหน้าเหยเก ให้เล่นวิ่งไล่จับเหมือนตอนเจอกันแรกๆ ไม่ไหวแล้วนะครับ เพิ่งกินไอติมมา จุกตาย

          “ยังไงเหตุผลที่ผมทำงานให้พี่ก็คือเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จะเขียนให้แล้วกัน เพลงเร็วหนึ่ง ช้าหนึ่ง มีธีมหรือคอนเซปต์อะไรไหม”

          “ไม่มี เอาที่นายเห็นว่าเหมาะเลย คุณพรหมเชื่อในเทสต์นาย งั้นไปละ ไว้พี่พาไปกินไอติมใหม่นะน้ำมนต์”

          “เลิกยุ่งได้ปะ”

          พี่ทิพูดเสียงเรียบ ทั้งผมและพี่ลมสบตากันก่อนเลื่อนสายตามายังคนพูดอย่างไม่ได้นัดหมาย พี่ทิเลียริมฝีปากเบาๆ ไม่สบตาใครทั้งนั้น

          “เลิกมาวุ่นวายกับน้ำมนต์ได้ปะ ไม่ชอบ”

          “ทำไม”
          คนอายุมากสุดขมวดคิ้วหน้ายุ่ง ผมก็มีคำถามนั้นผุดขึ้นมาในใจเลยนิ่งเงียบรอฟังคำตอบเหมือนกัน หรือคิดว่าผมไปเตี๊ยมแผนการอะไรลับหลังเขา หรือกลัวพี่ลมหลอกใช้ผม ซึ่งคำตอบนั้นคงพอเข้าใจได้มากกว่าการที่พี่ทิย้ำเสียงชัดหนักแน่น

          “ไม่-ชอบ”

          ไอ้คำตอบกำปั้นทุบดินนั่นมันเรียกว่าเหตุผลที่ไหนล่ะวะ

          “อ้อ...อือ เข้าใจละ”

          น่าโมโหที่พี่ลมเกิดเข้าใจอะไรง่ายดายเหลือเกิน ง่ายเหมือนกับโคนันที่ไขคดีกระจ่างเพียงคนเดียวแล้วไม่เฉลยสาเหตุการตายทว่าจนแล้วจนรอดเขาก็แค่โบกมือยิ้มๆ แล้วกลับออกไปโดยไม่สปอยล์อะไรให้ผมเข้าใจทั้งนั้น

          อะไรวะ

          ผมลังเลว่าจะถามพี่ทิดีหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายพรูลมหายใจออกยาวแล้วมองดุผมก็ไม่กล้าพูดอะไรเรื่องของตัวเองอีก

          “ถ้าพี่ไม่โอเคที่ต้องแต่งเพลงให้เจนพี่ก็น่าจะพูดไปตรงๆ นะ”

          ผมเสนอความเห็นซ้ำ เขามองผมแล้วส่ายหัว ไอ้ท่าทางแบบนี้นี่มันอะไร เหมือนกับว่าเล่นเกมให้ผมเป็นคนโง่ที่พูดจาไม่รู้เรื่องอย่างนั้นแหละ

          “ถ้าเครียดอีกพี่ก็กลับไปดื่มอีก ผมไม่ชอบเลย”

          “ก็อยู่ด้วยกัน อย่าเกเรนักดิจะได้ไม่ดื่ม”

          “อยู่ด้วยตลอดไม่ได้หรอก เดี๋ยวเสาร์นี้ผมก็ต้องกลับบ้านด้วย ถ้าพี่ไม่สบายใจที่ต้องทำงานกับเขา พี่ก็น่าจะปฏิเสธ ใช่ว่านักแต่งเพลงของค่ายจะมีคนเดียวเสียหน่อย”

          “ฉันรู้จักเจนดีที่สุด”

          แหงล่ะ เพราะเคยรู้จักดีที่สุดนั่นแหละปัญหา

          “ฉันไม่เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมารวมกันหรอก”

          พูดง่าย ทำได้หรือเปล่าเถอะ

          ผมหน้าหงิก นั่งลงบนโซฟา หยิบสมุดเขียนเพลงของพี่ทิขึ้นมาดู บทจะเขียนได้นี่ก็เร็วชะมัด จริงอย่างที่พี่ลมบอกว่าเขาทำงานไว และปัญหาหลักๆ คือถ้าทำงานไม่ได้แม้แต่บรรทัดเดียวเขาก็เขียนคำออกมาขัดๆ เขินๆ ไปหมด

          เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผมเลยลดสมุดลงมามองคนที่ยืนกอดอกตรงหน้า

          “ผม...ทำอะไรไม่ถูกใจพี่เหรอ หรือว่าห้ามอ่าน”

          “เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปไว้ใจพี่ลม ทำไมยังให้มันพาไปไหนมาไหนอยู่ได้”

          “เขาแค่มาถามเรื่องพี่”

          “ถามอะไร เมลก็มี บ้านก็รู้ จะไปถามกับนายทำไม”

          “ก็...”

          จะไปรู้เหรอ

          “ถึงขั้นไหนแล้ว”

          “อะไรขั้นไหน นี่ พี่ลมเป็นพี่ชายเพื่อนผมนะ”

          “ขนาดกับฉันมันยังจูบได้ กับนายถ้ามันอยากได้ไม่ยากหรอกมั้ง”

          เช็ด...

          ไม่มีอะไรหกครับ เป็นคำอุทาน

          ผมเบิกตากว้าง เมื่อกี๊พี่พูดว่าไงนะ

          “พี่...เคยจูบกับพี่ลมด้วยเหรอ”

          “คนเจ้าเล่ห์อย่างมัน”

          ถะถะ...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ทิเองก็มีแฟนมาตลอดนี่ครับ

          “จูบกันหรือยัง”

          “ยัง บ้าพี่...ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก ไว้ใจได้”

          พี่ทิเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวเดียวกัน กวาดมือวาดไปด้านหลัง เท่ากับว่าโอบผมไว้ทั้งตัว “น้ำมนต์”

          “คะ...ครับ”

          จู่ๆ ผมก็นึกถึงฝันนั้นขึ้นมา ฝันที่พี่ทิบอกให้ผมถอดเสื้อผ้า แต่ละฉากละตอนในจินตนาการกระตุ้นให้ผมร้อนวูบขึ้นมาบนหน้า หัวใจเต้นแรงจนเจ็บไปหมด

          “ขอจูบจองไว้ก่อนได้ไหม”

          “หา?!”

          ผมหันไปมอง คราวนี้พี่ทิเป็นฝ่ายหลบตา ทั้งหูและแก้มขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด “ช่างเถอะ ไม่มีอะไร คงหงุดหงิดพี่ลมไปหน่อย ลืมไปซะนะ”

          “ดะ...ได้ครับ!”

          จริงๆ ผมก็อยากตีปากตัวเองอยู่หรอก แต่ว่าก็ไม่อยากให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเหมือนกัน มันคงแปลกที่จูบแรกของผมกลายเป็นผู้ชาย ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาก็ตั้งใจว่าต้องเป็นผู้หญิงสักคนที่แอบชอบจนผมกล้าพูดสารภาพออกไป ถึงอย่างนั้น...ผมก็ชอบ...ชอบพี่ทิเหมือนกัน

          ชอบที่ไม่ได้หมายถึงชื่นชมธรรมดาๆ

          “แต่...ทำไมถึงอยากจูบเหรอครับ”

          “นาย...ชอบฉันใช่ไหมล่ะ”

          “ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

          “หน้าที่ของนายคือทำยังไงก็ได้ให้ฉันเขียนเพลงส่งค่ายทันกำหนด กลับมาห้ามเรื่องเจนจนพี่ลมไปต่อไม่ถูก ปกป้องความรู้สึกของฉันขนาดนั้น...มันไม่แปลกหรือไง”

          เออว่ะ จะพูดไปมันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ

          “พี่ไม่รังเกียจเหรอ...ผมหมายถึง...”

          “ไม่รู้เหมือนกัน จะลองด้วยกันไหมล่ะ”

          มันเป็นบทสนทนาก่อนจูบที่โคตรไม่โรแมนติกเลย ไหนวะนักเขียนเพลงรักอันดับหนึ่งของประเทศ

          “...อย่าเงียบดิ”

          “พี่จะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ”

          ห้องของพี่ทิจะเปิดดนตรีคลอเบาๆ ตลอดเวลา จู่ๆ บางครั้งจากแผ่นเสียง บางครั้งจากคอมพิวเตอร์ วันนี้เปิดจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นเพลงในยุคหลังจากเครื่องเล่นเทปอำลาวงการเพลงไปโดยสิ้น เนื้อเสียงผ่านลำโพงคุณภาพดีชัดใสไม่ต่างกับมีนักร้องมาเล่นให้ฟังสด ผมรู้ว่าลำโพงของพี่ทิราคาหลักแสน ไม่ได้พิสมัยการใช้ของหรูหราแต่ว่ามันดีจริงๆ มาห่วยแตกเอาตอนที่เสือกแรนด้อมเพลงจูบของJetset’er มาตอนนี้นี่แหละ

          ถ้าหูผมเป็นหวอดรถไฟ ป่านนี้ความร้อนที่สะสมไว้คงดันเอาไอน้ำพ่นออกมาดังปู๊นปู๊น เสียดายที่มันไม่ได้เป็นกลไกเช่นนั้น ผมเลยระบายความรู้สึกประหม่าด้วยการกำมือจนแน่น ขณะที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมขยับตัวสักที

          นั่นน่ะสิ ตอนนี้จะพูดอะไรได้

          ประสบการณ์นักแอบรักอันโชกโชนของผมไม่เคยถูกจับได้มาก่อน ดังนั้นการจินตนาการว่าถ้าผมถูกรู้ความลับในใจเข้าให้แล้วจะต้องทำตัวต่อไปยังไง

          มันยากขึ้นไปอีกเพราะพี่ทิก็เป็นผู้ชาย

          ผู้ชายที่หมายถึงเพศชายที่เคยมีเมียและอยู่กินด้วยกันมาหลายปี แม้ว่าทางนิตินัยไม่ใช่ แต่พฤตินัยน่ะชัดแน่ สำหรับผมความสัมพันธ์ทั้งชายและหญิงคือศูนย์ ถ้าผมชอบผู้ชายจริงๆ ก็คงไม่แปลกเท่าพี่ทิที่มีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน มิหนำซ้ำยังเมามายเสียผู้เสียคนตอนโดนทิ้งไปด้วย

          “พี่...อยากจูบผมเพราะจะประชดแฟนเก่าหรือเปล่า”

          ผมอยากตีปากตัวเองอีกแล้ว พูดอะไรดีๆ ไม่ได้ก็น่าจะเก็บปากไว้อมเหรียญตอนตายนะกู

          “ฉันไม่ได้คาใจกับเจนขนาดนั้น ตอนเลิกก็พูดกันดีๆ เข้าใจที่เจนจะไป เข้าใจทุกอย่าง”

          แต่ตอนนี้ผมคาใจมากๆ ว่าถ้าเหมือนจะยอมรับแล้วทำไมถึงได้เละเทะขนาดนั้น อ้อใช่...เพราะการจากไปทำให้เขาเสียศรัทธาในความรักต่างหาก

          แต่ว่า...ตอนนี้เขาก็กลับมาเขียนเพลงรักได้ใหม่แล้ว อย่างน้อยๆ ผมน่าจะได้เรียกคืนความเชื่อบางอย่างของเขาคืนมา

          “พี่ชอบผมเหรอ”

          “ไม่รู้ดิ”

          เขาเป็นคนที่ชัดเจนกับความรู้สึกดีนะ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ ดีกว่าหลอกว่าชอบแล้วค่อยมาเฉลยทีหลังว่าพูดๆ ไปก่อน เพราะถ้าถามไอ้อุ้ยมันจะสอนให้ผมทำอย่างนั้น ฟันสาวก่อน ค่อยเคลียร์ทีหลัง ไม่รู้ว่าพูดเอาฮาหรือเปล่าแต่ฟ้าได้ยินก็สวดยับ สำนึกผิดไปสามวันแปดวัน

          “ผมว่า ผมไปดูในตู้เย็นดีกว่าว่ามีอะไรกินบ้าง”

          ท้ายที่สุดก็กลายเป็นตัวเองที่ทนความรู้สึกประหม่าและประดักประเดิดนี้ไม่ไหว ผุดลุกจากโซฟ้า ก้าวเท้าฉับๆ ออกไปพี่ทิขายาวกว่าเขาก้าวไม่กี่ช่วงขาก็ตามทัน เขาคว้าข้อศอกผม ออกแรงกระชากให้ผมพลิกหันกลับมา มือข้างหนึ่งคว้าต้นคอด้านหลัง ใช้นิ้วนางและนิ้วก้อยดันกรอบหน้าให้ยกเงย วินาทีนั้นเขาโน้มตัวลงมาและทาบริมฝีปากลงทับในที่สุด

          ภาพทุกอย่างเหมือนช้าลงโดยอัตโนมัติ เขาไม่ใช่แค่วางปากตัวเองบนปากของผม แต่เผยอเกร็งริมฝีปากจูบดึงริมฝีปากล่างผมให้สัมผัสถึงความอุ่นหยุ่นและชื้นแผ่วเบา ขยับนิ้วคลึงบริเวณท้ายทอยของผม โอบกระชับด้วยแขนอีกข้างรอบเอวให้เข้าชิดร่างของตัวเอง เบี่ยงสันจมูกแต่ไม่ละห่างจากริมฝีปากออกมา ผละถอยและกดซ้ำย้ำลงบนกลีบปากเชื่องช้า อ้อยอิ่ง ก่อนผมจะค่อยๆ หลับตาและขยับริมฝีปากตามอย่างที่คนอายุมากกว่านำ

          “สตอเบอรี่เชอร์เบทกับช็อกโกแลต”

          เขากระซิบที่ข้างหู ผมแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายถอนจูบไปเมื่อไหร่ หัวใจตัวเองเต้นแรงเป็นบ้า หน้าที่คิดว่าร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนผ่าวหนักหนากว่าเก่า

          “จะเขียนเพลง ห้ามเข้ามากวน”

          “หะ..หา?”

          พี่ทิค่อยๆ ปล่อยมือที่โอบเอวผมไว้ออก ผมไม่กล้ามองหน้าเขา คงคล้ายกับที่อีกฝ่ายไม่สบตา เขาสั่งไว้แค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไป ปิดประตูดังปัง

          “พี่ทิ...”

          ผมเรียกรั้งอีกฝ่ายไม่ทัน แต่ชั่วอึดใจเขาก็เปิดประตูห้องเข้ามาใหม่ พูดกับผมว่า “ห้องนอนอยู่ฝั่งโน้น”

          กะ...ก็ใช่น่ะสิครับ

          ชายหนุ่มกระแอมไอแล้วรีบสาวเท้าหลบสายตา พอคิดว่าเขาเองก็คงเขินจนหลงทิศ ผมค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงมาหน่อย

          อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่ผมที่ใจเต้นเป็นจังหวะรุมบ้าคนเดียว

          นึกแล้วก็ขำ คนอะไรวะ อายุ 25 ยังขี้เขินเหมือนเด็กประถมถูกเพื่อนล้อว่ามีแฟนไม่มีผิด

          แต่ก็...น่ารักนะ

          ผมมองบานประตูห้องนอนที่ซ่อนชายหนุ่มเจ้าของจูบนั้นไว้แล้วตีแก้มตัวเองเบาๆ

          บ้าจริง ผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย




....
          TBC

ขอโทษที่มาช้าค้าบ หนีเที่ยวมาแหะๆ กอปรกับใช้คอมน้อง ถะถะถะถะถูกต้อง เว้ดจำพาสเวิร์ดไม่ได้ ขอโทษด้วยค่ะ ฮือ นั่งสุ่มกันเป็นชั่วโมงเลย
จากฉากเรียกน้ำตาตอนที่แล้วตอนนี้เริ่มยิ้มไม่หยุดเลยนะนังน้ำมนตร์ เจ้าเด็กดื้อ แอแงงง
ขอบคุณสำหรับการติดตามฮะ
สิบกว่าตอน ในที่สุดก็ได้จูบมัดจำ โฮฮฮ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2020 00:17:22 โดย -west- »

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด