พิมพ์หน้านี้ - ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: -west- ที่ 23-10-2019 12:12:03

หัวข้อ: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 23-10-2019 12:12:03
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



**********************************************

เนื้อหาในตอนต้นมีการใช้คำพูดเชิง sexual harassment ซึ่งผู้เขียนได้ educated ตัวละครในตอนพิเศษ 'ปัจจุบัน' โดยในเว็บไซต์จะลงครึ่งหนึ่งที่มีการพูดถึงน้ำมนต์และทิวฟ้า อีกครึ่งที่เป็นพาร์ทของพี่ทิอยู่ในเล่มนะคะ


เปิดจอง วันนี้  - 30 มิถุนายน 2563
หนังสือทำมือ Made to order

รายละเอียด -> https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf0vDzgWhr_0RcGzF9crU33iFGXgBs9A_vAI5aH3TTTFpru-w/viewform
 (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf0vDzgWhr_0RcGzF9crU33iFGXgBs9A_vAI5aH3TTTFpru-w/viewform)

(http://image.free.in.th/v/2013/io/200618035051.jpg) (http://picture.in.th/id/8b36c9611d0b14949eeddb4069d53bcd) 

หนังสือรอบนี้เป็นหนังสือทำมือ จะพิมพ์เกินยอดพรีออเดอร์ไม่มาก และไม่ได้วางขายตามร้านหนังสือคับ
[/color]
หัวข้อ: Re: ดังต้องมนตร์
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 23-10-2019 12:14:09
(http://dl.glitter-graphics.net/pub/1267/1267761pggbvxciek.gif)

งานเขียนที่ผ่านมา
01 - Friend's brother, brother's friend  เมื่อเพื่อนสงสัยว่าพี่ชาย... [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32944.0)
02 - เรื่องสั้น เหนือฝัน [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33691.0)
03 - รักเร่  Dalhia [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36452.0)
04 - เรื่องสั้น หลบรัก [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39195.0)
05 - คำประกาศของความรู้สึกใหม่ Adore you [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40483.0)
06 - Special Happiness ฝากรักไว้ข้างบ้าน [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40617.0)
08 - When the wind blow back [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43545.msg2809650#msg2809650)
09 - โอบตะวัน [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45980.0)
10 - candy [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48823.0)
11 - At first sight [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49998.msg3229151#msg3229151)
12 - สู่กลางใจ | a tu co ra zon [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53541.0)
13 - หลังม่าน | behind the scene [End] ***Ft. Afterday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53818.0)
14 - กลพยัคฆ์ [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57275.0)
15 - Sexy Naughty Nerdy[End] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67955.msg3868945#msg3868945)


west's talk:

 ☼
มาทำวันกลางสัปดาห์ให้มีค่ากันเถอะค่ะทุกคน! วันพุธกลับมาแล้ววว
คิดถึงจังเลย เว้ดหายไปทำอะไรตั้งหลายอย่างค่ะ อัพเดทหน่อย เว้ดลาออกจากงานประจำแล้ว โล่งสุดๆ เลย(เงินในกระเป๋า) แต่สนุกมากค่ะ ได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่าง ไปลองเขียนตามคำบอก ลองเป็นแม่ครัว ลองปั้นกระถาง ลองเป็นนักอบขนมปัง ลองปลูกดอกไม้ ลองเป็นแม่ค้า ลองเป็นบาริสต้า ลองเป็นแอดมินร้านหนังสือ ลองเขียนบทความ ลองเป็นคนพิสูจน์อักษร ลองทำมาร์เกตติ้ง สุดท้ายวนมาที่เดิมคือเป็นนักอยากเขียน เพื่อนๆ ยังอยู่กันใช่มั้ย ขอเสียงหน่อย
.
.
.
 :undecided:

แฮร่ ตอนนี้อาการป่วยดีขึ้นมากเลยค่ะ แต่ยังไม่อยากแตะเรื่องซึมเศร้าเลย แยบๆ ว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับแอลกอฮอลิซึ่มมาด้วย ยังไงใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

รักแหละ
เจอกันพุธหน้า เย้

❤( ^^)人(^^ )❤゙



west on wednesday
(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT2zZFT49Lj5BxpzGD0-eRfERrhNBcGMtr-leP3jlHnTjjytP3D)  (https://www.twitter.com/westonwednesday/) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQRuqkotV_XM1npaDA1hJv5uxPWmKaub796nA6-lwYljgPm7u8R)  (https://www.facebook.com/westonwednesday/)


(http://www.bloggang.com/data/destiny/picture/1116360560.gif)



c o n t e n t

(https://i.pinimg.com/564x/a7/86/57/a7865751495a30bcd010a00a73319eaf.jpg)
#ดังต้องมนตร์
best song ever
01 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4009616#msg4009616)
02 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4010696#msg4010696)
03 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4011771#msg4011771)
04 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4012814#msg4012814)
05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4013869#msg4013869)
06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4015052#msg4015052)
07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4016129#msg4016129)
08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4017139#msg4017139)
09 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4018060#msg4018060)
10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4018993#msg4018993)
11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4019906#msg4019906)
12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4020721#msg4020721)
13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4020721#msg4020721#msg4022109)
14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4022732#msg4022732)
15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71084.msg4023622#msg4023622)
♩ ♩

หัวข้อ: Re: ดังต้องมนตร์
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 23-10-2019 12:26:10
01 มีค่าดั่งยาพิษ


          ฝนบางหยดกระทบหลังคากลิ้งรวมตัวกันลงมาเป็นสาย ท้องฟ้ามืดตั้งแต่ชั่วโมงก่อนกระทั่งปล่อยโฮออกมาระลอกใหญ่ พระอาทิตย์เพิ่งได้ส่องแสงลอดผ่านก้อนเมฆลงกระทบใบไม้เขียวชุ่มชอุ่ม กิ่งก้านบางส่วนไหวเอนจนหักระเนระนาดลงพื้น เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมนึกถึงบางเพลงของกะทิ-ทิวากร นักแต่งเพลงที่โด่งดังถึงขั้นมีอัลบั้มรวมเป็นของตัวเองในรอบทศวรรษ

          เพลงที่ทั้งละมุนอุ่นและเย็นเยียบ เนื้อร้องที่สะกดคนฟังให้หลุดจากโลกของความจริงไปสู่โลกอีกใบอย่างไร้แรงต้านทาน วิธีการเล่าเนื้อหาที่ลึกซึ้งกินใจจนเป็นที่ยอมรับในหมู่กว้าง ทำนองพลิ้วไหวคล้ายกระดิ่งกริ่งลม ผลงานของกะทิเริ่มต้นจากการเขียนเนื้อร้อง แต่งทำนอง กระทั่งร้องและอัดเสียงด้วยตัวเองลงยูทูป ดังในกระแสชายขอบ กระทั่งเข้าชาร์ตคลื่นวิทยุ ประวัติของกะทิถูกสืบทราบอย่างรวดเร็ว ค่ายเพลงยักษ์ไม่รั้งรอที่จะดึงเขาเข้าร่วมงาน ข้อดีคือผมหาฟังเพลงของกะทิได้ง่ายขึ้น ส่วนข้อเสียคือเขาไม่ร้องเพลงอีกแล้ว จะหาดูตามยูทูปหรือแอปพลิเคชั่นเฉพาะกลุ่มก็ไม่มี ห่างไกลจนยากสัมผัส ราวกับทิวากร นักร้องอินดี้คนนั้นหายสาบสูญไปตลอดกาล

          “อยากกินอะไรแซบๆ โว้ย!”

          เสียงโวยวายหาอาหารดังลั่นใต้อาคารเรียนที่เต็มไปด้วยผู้คน หลังเลิกเรียนนักศึกษาหลายคนยังติดแหง็กอยู่ใต้อาคารเรียนเพราะฝนลงเม็ดหนัก แต่เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของเด็กๆ ก็ยังดังไม่สู้เสียงโครกครากของคนโวยวายหาอาหาร นิ้วอวบลูบพุงส่วนที่ยื่นเกินเข็มขัดออกมาเล็กน้อย หาเหตุจูงใจให้เพื่อนในกลุ่มคล้อยตามไปด้วยกัน

          “คิดถึงตำข้าวโพดเจ๊ไฝ ไม่ได้ไปกินตั้งแต่สอบไฟนอลปีที่แล้ว”

          “ตำข้าวโพดพริกติดครกอะนะที่มึงเรียกว่าแซบ อ้วนเอ๊ย!” ใครคนหนึ่งโต้ตอบสัพยอก สะบัดมือฟาดพุงตุ้ยนุ้ยของเจ้าของร่างอวบระยะสุดท้ายเบาๆ แล้วหัวเราะกลบเกลื่อน ผมเก็บสมุดตัวเองลงกระเป๋าเป้ อีกเล่มส่งคืนหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มหลังจากเข้าเลทไปครึ่งชั่วโมง ไอ้คนบ่นว่าหิวนั่นแหละที่แวะซื้อของกินเรี่ยไร่รายทางจนพากันเข้าห้องไม่ทันพาร์ทแรก

          “อุ้ย มึงไม่เข้าใจว่าซัมเมอร์ที่ต้องไปอยู่นอกกับครอบครัววีแกนแม่งโคตรแย่ กูโหยหาผงชูรสอะแบบนัวๆ ฝรั่งแม่งไม่มีนะเว้ย”

          “เบื่อมังสวิรัสแต่อยากกินตำข้าวโพด โคตรอ้าง”

          “ไม่ไง ก็มีคอหมูย่าง ปีกไก่ ตับย่าง ต้มแซบ ตับหวานด้วย”

          ไอ้นิวสำทับด้วยเมนคอร์สที่พรั่งพรูราวกับท่องจำเมนูได้จนชินปากต่างหาก คู่กรณีหันมาถามความเห็นของแฟนเสียงอ่อนนุ่ม ผิดกับท่าทีขึงขังต่อเพื่อนตัวใหญ่

          “ฟ้าว่าไงล่ะจะไปกินกับไอ้นิวหรืออยากกลับบ้าน”

          “แหม ทีงี้ล่ะตามใจเมีย”

          เมียที่ไอ้นิวค่อนแคะเป็นเจ้าของสมุดที่ผมยืม เป็นเพื่อนผู้หญิงคนนั้น และเป็นคนเดียวกับที่ผมอยากให้เป็นนางเอกเอ็มวีในเพลงของกะทิ ซึ่งชีวิตจริงไม่ง่ายอย่างในเพลง ฟ้ากับอุ้ยคบกันมาตั้งแต่มัธยม ทั้งคู่เจอกันในที่เรียนพิเศษ ส่วนผมเพิ่งปรากฎตัวเข้ากรุงเทพ ทำความรู้จักกับทิวฟ้าในวันแรกพบของเด็กปี 1 และนั่นก็นับว่าสายไปหลายก้าวทีเดียว

          เพลงที่ผมร้องเล่นจนชินปากเพลงหนึ่งของกะทิกล่าวถึงเด็กสาวแสนสดใส ทั้งแสบและซนแต่ก็น่าหลงไหล เติบโตในหมู่มวลดอกไม้ และบานสะพรั่งเมื่อพบความรัก ทั้งหมดนี้หากสามารถอธิบายได้เป็นคน ผมคงหมายถึงนางสาวทิวฟ้าตรงหน้าผม เพลง sun child เป็นเพลงที่เล่าถึงการแอบชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็กหญิงกระทั่งแตกเนื้อสาว แม้ผมจะไม่ได้รู้จักทิวฟ้าตั้งแต่ยังเล็กแต่ความรู้สึกของการหลงรักและเฝ้ามองการเปลี่ยนไปของผู้หญิงคนหนึ่งนับตั้งแต่วันรายงานตัวจนถึงปีสุดท้ายของการเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็ไม่ต่างจากบทพรรณนาของกะทิ นักร้องผู้เสียงสาบสูญ เหลือเพียงผลงานผ่านเนื้อร้องและทำนองที่ขับขานผ่านคนอื่นในค่ายเพลงเท่านั้น และเพลง sun child ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมยอมอยู่ในฐานะเพื่อนพระเอกที่แอบชอบนางเอก อยู่ใต้เส้นเฟรนด์โซนหนาปึ้กโดยไม่แม้แต่คิดต่อรองร้องขอความเห็นใจ

          คนมาทีหลังยังไงก็ผิด มิหนำซ้ำยังไม่มีอะไรทัดเทียมคนรักของเธอได้ แค่คิดก็ผิดมหันต์

          “สรุปว่ามึงหิว อยากไปกินส้มตำเจ๊ไฝ แค่นั้น?”

          “ต้องสรุปอีกเหรอวะ”

          “เหอะ จะไปถามเพื่อนก่อนไหม น้ำมนตร์มีสอนพิเศษหรือเปล่า ไว้รอไปพร้อมน้ำมนตร์ฉันขี้เกียจอัพเดทชีวิตช่วงปิดเทอมหลายรอบ”

          “มึงอัพเดทตลอดเวลาในอินสตาแกรมอะฟ้า แถบสตอรี่ยาวเป็นตะเข็บ ถามจริงมึงไม่ทำเป็นหนังสั้นขนาดยาวเลยวะ” คนหิวรีบแทรกเมื่อเห็นทีท่าไม่ดีจากหมู่มิตรสหาย น้ำเสียงหวานหยดของทิวฟ้าจะเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดราวภูติผีเข้าสิง

          “เอ๊า ก็ชีวิตฉันมีแอคติวิตี้ไง วิถีเซเลป แกไม่เข้าใจหรอก คนอยากรับรู้ชีวิตฉันก็เยอะแยะ”

          “จ้า แม่เซเลปหัวหน้าแม่บ้าน”

          ไอ้นิวเป็นคนปากจัด จัดว่าหมา ค่อนแคะแซะเก่ง แน่นอนว่าชีวิตผ่านมือผู้หญิงนับไม่ถ้วน แต่ถ้าถามถึงผู้หญิงที่ฝากรอยมือไว้มากที่สุดคงเป็นคนที่มันเพิ่งแซวไปหมาดๆ หลักฐานคือไม่นานจากนั้นเสียงเพียะก็ดังลั่นต่อหน้าพยานและธารกำนัลจำนวนมาก

          “อีฟ้า ฟาดมาได้ นี่ถ้าผู้หญิงตบแปลว่าผู้หญิงรัก ไอ้อุ้ยคงหึงกูจนอกแตกตาย”

          “ผู้หญิงตบแปลว่าผู้หญิงตบ อีเวร ปากจัดแบบนี้ไงถึงจีบใครก็ไม่ติด”

          “พูดให้ดีๆ กูไม่เคยจีบใครเว้ย”

          “ฉันเห็นนะไอ้นิว ที่แกแอบเอาขนมไปแขวนที่รถน้องจูน”

          “เสือกเก่ง!”

          “ไม่ได้เก่งแค่เสือกนะ ตบก็เก่ง หรือจะลองอีกที”

          “ใช้กำลัง ไม่เป็นอารยะชน”

          “เฮ้ยๆ พอ!” ผมรีบปรามเพราะคนโดนตบเมื่อครู่ยังปากดีไม่เลิก ไอ้นิวรีบเบี่ยงตัวหนีเมื่อทิวฟ้าง้างมือรอแล้วหาพรรคพวก ซึ่งในกลุ่มก็ย่อมเป็นผมอีกนั่นแหละ ในเมื่ออีกคนเป็นแฟนกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอุ้ยต้องเลือกอยู่ข้างตรงข้ามกับมันแน่ๆ

          “ไม่ต้องมากระแซะ กูไม่เกี่ยว” ผมโบกมือปัดรำคาญก่อนถึงตอบคำถามที่ฟ้าทิ้งไว้ “เทอมนี้ไม่ได้รับงานร้านมินิมาร์ทแล้ว เรายังไงก็ได้”

          “อ้าว ทำไมอะ หัวหน้ามาจีบมึงเหรอ งี้แหละ เนื้อหอม ตอนเป็นครูสอนพิเศษเด็กมัธยมก็โดนเด็กจีบ หน้าตาอปป้าซารางเฮขนาดนี้ใครจะไปอดใจไหว อปป๊าน้ำมนตร์ อ๊บอ๊บ อ๊บๆ”

          “อ๊บพ่อง! ไม่ใช่เว้ย มีเด็กตามกูแค่คนเดียว ที่มินิมาร์ทจัดตารางลงไม่ได้เลยไม่ได้ทำต่อ นี่น้ำมนตร์นะครับไม่ใช่ณเดช อยู่ที่ไหนคนก็หลงคนก็รัก”

          เพราะถ้าหล่อเป็นณเดชป่านนี้ผมเดินเครื่องจีบฟ้าเต็มกำลังไปแล้ว เรื่องที่ไอ้นิวว่าก็เกิดตั้งแต่ปี 1 สมัยที่เพิ่งเริ่มรับสอนพิเศษตามบ้าน รุ่นไม่ห่างกับนักเรียนมาก สมัยโน้นน เมื่อสามปีก่อนน้องตามมาถึงมหาวิทยาลัยเรื่องก็เลยแดงขึ้นมา แต่ผมจัดการได้รวดเร็วด้วยการเลิกสอนแม่งเลย ครึ่งเทอมอันสูญเปล่าและการเกาะเพื่อนกินจนเป็นเพื่อนตายมาถึงทุกวันนี้

          “แหย่เล่นๆ แหม ทำเป็นเข้ม งั้นไปเหอะ กูหิว วันนี้กูยังไม่กินข้าวเลย” ไอ้ตัวป่วนประจำกลุ่มลูบท้องป้อย ทำตาละห้อยน่าสงสาร แต่ประทานโทษ มันซัดไส้กรอกลูกชิ้นมาจนเกือบหมดเซเว่นตั้งแต่เช้า แล้วก็บ่นว่าอ้วนเอาๆ ชาตินี้คงผอม

          “เออ แล้วแบบนี้น้ำมนตร์ไม่ขาดรายได้เหรอ”

          “น้ำมนตร์มันก็ไม่ได้จนปะมึง มันแค่ใช้เวลาแบบเถ้าแก่น้อย ไม่ใช่อวดรวยลอยชายไปลอยชายมาแบบมึงอะฟ้า”

          “ฉันรวยลอยชายไปลอยชายมาแล้วไปหนักหัวพ่อแกเหรอ นี่ก็เสือกทุกประโยค ฉันถามน้ำมนตร์ปะไม่ได้ถามแก”

          “อยู่ดีไม่ว่าดีละไอ้นิว” อุ้ยพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนหันไปปรามแฟนสาวให้ใจเย็นลง “ฟ้าก็ใจเย็นๆ ว่าไงล่ะคะ อยากไปไหม ถ้าไปเดี๋ยวเค้าไปเอารถมารับ จะได้ไม่ต้องเดินตากฝน นี่ฝนก็ยังลงเม็ดอยู่เลย”

          “เค้าตามใจอุ้ยเลย”

          “ตามใจอุ้ยเลย” นิวไม่เลิกระรานง่ายๆ มันทำเสียงสองเลียนแบบเพื่อนสาว ทิวฟ้าง้างมืออีกครั้งคราวนี้ไอ้ตัวดีกระโดดหลบไปไกลถึงหลังเสา แต่แม้ว่านิวจะชอบแกล้งผู้หญิงจนน่ารำคาญก็ยังนับว่าเป็นเพื่อนที่ดี ผมเห็นสองคนนี้ตีกันทุกวัน และทุกครั้งที่ฟ้าโกรธ นิวก็ง้อแล้วง้ออีก งอแงกันเป็นไม้เบื่อไม้เมาประเภทที่ว่ารักก็ไม่ใช่ ชังก็ไม่เชิง

          “กวนตีนว่ะ”

          “เอาน่าๆ ...น้ำมนตร์มึงดูสองคนนี้ดีๆ อย่าให้แง่งใส่กันอีกเดี๋ยวกูรีบมา”

          “เออ รีบเลยมึง เดี๋ยวฟ้ากินหัวกูอีกคน” ผมบอกอุ้ยทีเล่นทีจริง หญิงสาวต้นเรื่องเปลี่ยนเป้าหมายมาขู่ฟ่อใส่ผมแทน ซึ่งคนดีอย่างผมไม่เคยถูกฟ้ารังแกสักครั้ง อย่างมากก็แยกเขี้ยวน่ารัก ไม่น่ากลัวเลยสักนิด

          “สองมาตรฐานโว้ยๆ”

          นิวตะโกนมาจากหลังเสา ยังไม่ยอมเข้าใกล้ฟ้าในระยะเอื้อมถึง

          “อะไรของแก ไอ้นิว”

          “ไม่เห็นตบน้ำมนตร์เหมือนตบกูล่ะ”

          “เฮอะ” เสียงหวานสบถในลำคอ มีสองเหตุผลที่ฟ้าไม่ตบผม หนึ่งคือผมไม่ได้กวนตีนมากพอให้ลงไม้ลงมือเหมือนไอ้อ้วน หรือถ้าการตบหมายถึงผู้หญิงรัก ฟ้าก็ไม่รัก และไม่มีทางมองผมเลยแม้แต่หางตา

          เรื่องจริงมันเศร้า แต่เรื่องเล่าเสือกตลก

          ฟ้าเป็นเสมือนท้องฟ้าสำหรับผมจริงๆ

          เป็นยิ่งกว่าเครื่องบินที่ลอยเด่น แต่เป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา นิสัย และฐานะทางสังคม ครอบครัวฟ้าเป็น New rich Asian อากง อาม่า ขึ้นสำเภามาไทย ใช้ความรู้ซ่อมสร้างตั้งบริษัทค้าขายอะไหล่รถยนต์ ส่วนตายายเป็นครอบครัวของคนใช้แรงงานในตลาดย่านเยาวราชผู้กว้างขวางดังนั้นฟ้าจึงมีลักษณะของสาวไทยเชื้อสายจีนที่ครอบครัวนำเข้าอะไหล่ยนต์ และใช้ระบบอุปถัมภ์ในการจัดหาแม่บ้าน คนงานตั้งแต่รุ่นพ่อเป็นต้นมา กระทั่งยุคดิลิเวอรี่เรืองรอง กระแสมาริเอะจัดบ้านมาแรง ธุรกิจสตาร์ทอัพอย่างจัดส่งแม่บ้านรายชั่วโมงกลายเป็นกระแสรายได้หลัก โดยมีพี่ชายซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์หนุ่มในค่ายเพลงเดียวกับกะทิหาลูกค้าชนชั้นรวยมากมหาศาลมาให้

          ส่วนผม ลูกชายแท้ๆ คนเดียวของชาวเวียดนามหนีสงครามและแม่ซึ่งพื้นเพเป็นชาวนาภาคกลางตอนบนตั้งต้นชีวิตหลังจากคลอดผมด้วยการกู้เงินก้อนใหญ่มาทำหอพักใกล้มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ตั้งแต่จำความได้ผมก็รู้ว่าพ่อแม่เป็นหนี้ ต้องใช้ชีวิตประหยัดอดออม เราเป็นชนชั้นส่วนใหญ่ของคนในประเทศแต่ไม่ได้เสียงดังเท่าไหร่ ต้องปากกัดตีนถีบหนีระบบทุนนิยมกระทั่งปลดหนี้ได้เมื่อปีสองปีก่อน กระนั้นภาพจำจากที่บ้านเคยลำบากผมก็ยังคงพยายามหาอาชีพเสริมทำจนถึงเทอมนี้ที่ไม่มีเด็กเรียนพิเศษด้วย ไม่ต้องทำงานมินิมาร์ท ซึ่งโคตรโชคดี เพราะผมก็ขี้เกียจแล้วเหมือนกัน



.
(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: ดังต้องมนตร์
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 23-10-2019 12:26:27


          น้ำฝนยังไม่ทันเหือดแห้งจางหาย เมเซราติสีดำปลาบป้ายประมูลก็แล่นมาจอดเปิดไฟระวังหน้าอาคารเรียน คนขับในชุดนิสิตแขนยาวทรงเนี้ยบวิ่งถือร่มมาที่ใต้ตึก ยื่นให้สุภาพสตรีอันเป็นที่รัก ก่อนพาไปส่งถึงเบาะข้างคนขับด้วยความเคยชิน ผมกับนิววิ่งฝ่าหยดฝนที่ซาเม็ดลงแล้ว โยนตัวเองลงเบาะหนังและกลิ่นน้ำหอมราคาแพงในรถ กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นหวานๆ เย็นๆ เช่นเดียวกับอากาศ ผมนั่งหลังทิวฟ้า มองชุดเครื่องเสียงที่เล่นเพลงอัลเทอเนทีฟสไตล์ไอ้อุ้ยส่งเสียงครางฮึมฮัม เบสหนักเหี้ยๆ แล้วโย้ตัวตามไอ้นิวที่ทิ้งน้ำหนักลงจนรถยวบ

          “มึงทำอะไรกับรถใหม่ปะวะ”

          ไม่ใช่แค่ผม แต่นิวก็สัมผัสได้ เซราเมติคันนี้อุ้ยใช้ตั้งแต่ปีหนึ่ง ที่บ้านมันมีรถหลายคัน สมฐานะ ครอบครัวอุ้ยเป็นนักธุรกิจเจ้าของนามสกุลใหญ่ ลงทุนในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง นายทุนที่กลืนกินประเทศไปทีละนิดด้วยความอำนวยของภาครัฐ อุ้ยเติบโตมาในครอบครัวที่มีทุกอย่างพร้อม ทรัพย์สิน เงินทอง พ่อ แม่ พี่น้อง และบรรดาแม่เลี้ยง ถ้าถามผมแล้วอันหลังไม่มีจะดีกว่า ปัญหาการนับญาติของไอ้อุ้ยรวนเหี้ยๆ ผมไม่เคยจำได้ว่าพี่คนไหนเกิดจากแม่คนไหนของมันได้เลยสักครั้ง

          “เปลี่ยนเครื่องเสียง กับแม็กซ์”

          “เออ ก็ว่าล้อรถมึงหน้าตาประหลาดๆ”

          “นำเข้านะเว้ย คันเดียวในไทย” เจ้าของรีบอวด ขณะที่คนข้างๆ หน้ามุ่ย

          “แพงมากแก ไม่เห็นจะต่างจากของเดิม”

          “ต่างงงงง!!!” ผม ไอ้นิว รวมทั้งเจ้าของรถพร้อมใจประสานเสียง มหาวิทยาลัยเป็นเมืองตลกที่เราสามารถพบคนที่รวยมหาศาลและจนมหาซวยได้พร้อมๆ กัน แน่นอนว่าอุ้ยจัดเป็นประเภทเดียวกับฟ้า ส่วนผมกับนิวเป็นคนพรรค์เดียวกัน ชนชั้นที่ไม่มีวันได้เอาตูดมาแตะเบาะหนังรถหรูแบบนี้แม้แต่ในโชว์รูมถ้าไม่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นเพื่อนกับไฮโซนนท์ ที่ชื่อจริงพยางค์เดียวก็ยังเสือกมีชื่อเล่นพยางค์เดียวเพื่อเสริมศิริมงคล

          “ไม่เข้าใจอะ”

          “ก็เหมือนตัวเองซื้อลิปสติกน่ะแหละค่ะ”

          เดาได้ทันทีว่าที่ฟ้าบ่นแพงเพราะคนสั่งซื้อให้อุ้ยก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พ่อของฟ้าที่คงฟาดไอ้อุ้ยหัวแบะ ขณะเดียวกันขนหน้าแข้งของเสี่ยอุ้ยก็ไม่สะเทือน เหอะ อะไรจะเหมาะสมไปกว่านี้ อย่าเทียบผมเป็นหมามองเครื่องบินเลย ความหวังของผมที่จะสานต่อกับหญิงสาวนับจากเรียนจบไปแล้วในฐานะเพื่อนก็เลือนรางเต็มทน

          “มึงจะบ่นทำไมวะฟ้า คนได้กำไรก็พ่อมึง เอาเงินไปซื้อลิปสติกให้มึง อัฐยายซื้อขนมยาย”

          “เอออ มึงจะเสือกทำไมวะนิว นี่ก็รถผัวกู เงินก็ผัวกู เดี๋ยวแม่ไล่ลงจากรถเลย”

          รอบนี้ไอ้นิวรูดซิปปากสนิท รถยุโรปวิ่งจากในมหาวิทยาลัยมาจอดซุกในซอยใกล้ร้านส้มตำเพิงเจ๊ไฝในตำนาน เจ้าของรถเดินควงสาวลงมาสง่าผ่าเผย แต่แค่ย่างกรายเข้าไปในซากรั้วไม้ไผ่ที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ เข็มขัดแอร์เมสของไอ้อุ้ยก็ดูคล้ายของปลอมโดยพลัน ภาพฝันที่คิดว่าคนรวยมหารวยต้องไม่กินข้าวข้างทางพังพินาศตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเพราะกิจกรรมละลายพฤติกรรมที่รุ่นพี่จัด หรือความหิวโซในวันแรกพบนั้นทำให้เราควานหาร้านอาหารที่ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุด ได้เร็วที่สุด และปริมาณมากที่สุดโดยครอบคลุมบัดเจ็ทของเราทั้งสี่ได้หวยเลยตกลงที่ร้านนี้ โชคชั้นที่สองนอกจากได้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับมหาเศรษฐีก็คือร้านเพิงหมาแหงนแบบนี้ทำกับอาหารอร่อยทุกจาน ลิ้นไม่ชาถือว่าไม่ได้มาเจ๊ไฝ ใส่ผงชูรสเกือบเท่ามะละกอ แต่ช่างมัน เน้นรสชาติมากกว่าความปลอดภัย

          “เอาตำข้าวโพด คอหมูย่าง ตับหวาน น้ำตกหมู ลาบหมู ข้าวเหนียวสี่ ตำไข่เค็ม ปลาดุกย่าง แล้วก็ซุปเปอร์ตีนไก่ ทั้งหมดไม่เผ็ดครับ พวกมึงเอาอะไรอีกไหม”

          เจ้าของไอเดียสั่งสาวใหญ่ไฝกลางหน้าผากรวดเดียวหมดแผง เรียกได้ว่าไม่เหลืออะไรให้สั่งดีกว่าจะสั่งอะไรเพิ่ม ผมอมยิ้ม ขณะที่ทิวฟ้าบ่นงุบงิบในลำคอว่าเล่นสั่งเป็นพรวนอย่างนี้จะเหลืออะไรให้เลือกอีก

          “เอาน้ำเปล่าหนึ่งขวด แล้วก็น้ำแดงโซดาอีกหนึ่งแก้วครับ”

          สุภาพบุรุษของกลุ่มสั่งให้คนรัก ทิวฟ้าซบบ่าอ้อนชายหนุ่มมาดขรึมอย่างลูกแมวขี้อ้อน ผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นภาพบาดตาจนชินชา แต่ไม่ยักไม่รู้สึกรู้สาได้จริงๆ สักที

          “อะ ไหน มีแอคติวิตี้อะไรอัพเดท อีฟ้า”

          “ก็ไม่มีอะไร โอ๊ย พูดแล้วเบื่อ ฉันก็ไปเที่ยวอังกฤษกับอุ้ยตอนปิดเทอมใช่ปะ กลับมาอีกทีพี่ลมเป็นบ้าไปแล้ว”

          “ฮะ อะไรนะ?” ผมไม่เข้าใจคำว่าเป็นบ้าไปแล้วของทิวฟ้า เท่าที่เห็นก็ไม่เคยพูดถึงพี่ชายตัวเองสักเท่าไหร่ “อะไรคือเป็นบ้าไปแล้ว”

          “อีพี่กะทิเลิกกับน้องเจนจ้า คงเคลียร์กันไม่ได้ล่ะมั้ง ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่ทิทำงานไม่ได้ ไล่แม่บ้านออกไปสองคน พี่ลมแทบกรี๊ดใส่ฉันวันละสามรอบ เดี๋ยวสิ้นปีจะมีโปรเจ็กต์ครบรอบค่าย 25 ปีด้วย”

          “พูดจริงปะเนี่ย”

          ไม่ใช่แค่ผมที่ตกใจ แต่ไอ้นิวก็ด้วย ทิวากรในภาพจำของคนรุ่นเราคือชายหนุ่มสุขุมที่ละมุนอุ่น เนื้อเพลงเบาสบายแต่ทำนองหนักหน่วง ครั้งหนึ่งที่ขับขานราวพราหมณ์ร่ายคาถา เขาเป็นไอดอล และน่าสนใจขึ้นไปอีกเมื่อไม่เล่นสื่อโซเชียลมีเดียนับตั้งแต่เข้าค่ายเพลงยักษ์ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเพราะแฟนสาว เจนจิรา นักร้องและไอดอลอันดับต้นๆ ของประเทศมีแฟนคลับที่สามารถต่อกรได้ยากเย็น เป็นผมก็เลิกเล่นโซเชียล ไอ้ความอิจฉาน่ากลัวมากครับ บดบังทุกความสามารถและความดีงามที่พี่กะทิสั่งสมมาได้จนสิ้นชิ้นดี

          “คิดดูแล้วกัน เมื่อก่อนพี่ทิเคยบอกว่าจะไม่เข้าทำงานกับค่ายใหญ่เด็ดขาด แต่ยอมเข้ามาเพราะเจนขอร้อง วันดีคืนดีชีมาเทแบบนี้พี่ทิจะพังแค่ไหน”

          “พอพังก็ไล่แม่บ้านที่บริษัทแกส่งไปออก เลยขาดรายได้ แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ลมวะ”

          “พี่ลมเป็นโปรดิวเซอร์หลักของงานคอนเสิร์ต 25 ปี ที่ตัวชูโรงคือเพลงใหม่ของพี่ทิ”

          “ฉิบหายละ” ผมสบถ เห็นด้วยกับฟ้าว่าพี่ลมควรเป็นบ้า ตอบในฐานะคนทำเพลงที่ตามติดผลงานทิวากรมาตั้งแต่เป็นหนอนดักแด้ จนตอนนี้น่าจะกลายเป็นมังกรยักษ์ ไม่สิ ผีเสื้อสมุทร ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ แต่พี่เขาไปไกลมาก ผมที่เป็นแฟนเพลงตัวน้อยยังอดภูมิใจไม่ได้ นอกจากผมที่เป็นแฟนคลับเงาแล้วก็ยังมีอีกหลายคนที่เป็นตัวจริงเสียงจริง เป็นเจ้าบุญทุ่ม ถ้าพี่ทิเขียนเพลงไม่ทันใช้คอนเสิร์ตสิ้นปีรายได้จากงานนั้นหายไปเกือบครึ่ง

          ถ้าพูดรวมๆ แล้วคือบ้านของฟ้า ทั้งธุรกิจของครอบครัวและชีวิตงานของพี่ลมอยู่ในมือพี่กะทิทั้งหมด

          “ก็ให้คนอื่นแต่งดิ” เก่งมากเจ้านิว พูดเหมือนเจ้าของค่ายเขาต้องไม่ทันคิดเรื่องนี้แน่ๆ

          “มึง มันไม่เหมือนกันเว้ย พี่ทิงานดีจริง กูบอกเลยใครร้องเพลงที่พี่ทิแต่งก็ดัง”

          “ตอนแรกที่คุยกันจะมีเซอร์ไพรส์เดี่ยวเพลงพี่ทิบนเวทีด้วย นี่ไม่รู้จะไหวไหม”

          “ฟ้า เราขอบัตรวีไอพี จ่ายเท่าไหร่ก็ยอม พี่ลมเป็นโปรดิวเซอร์ใช่ไหม”

          “ไอ้นี่มันติ่งพี่ทิ” อุ้ยแซวเมื่อเห็นท่าทีเหมือนกระดี่ได้น้ำของผม

          อาหารทยอยมาเสิร์ฟจากเมนูง่ายๆ ผมไม่เถียง ถ้าไม่ถูกไล่ลบเพราะผิดลิขสิทธิ์จะเปิดให้ไอ้นิวฟังสักครั้งเป็นบุญหูว่าเพลงที่พี่ทิเขียนและร้องด้วยตัวเองมันโคตรดี โคตรคุ้มค่าแค่ไหนกับการสละเวลามานั่งละเมียดฟังทีละท่วงทำนอง บัตรหนึ่งหมื่นบาทผมก็จะซื้อ แต่เกินกว่านั้นไม่ไหว ไม่มีเงิน

          “แล้วตอนนี้พี่ทิเป็นไง”

          “ก็อย่างที่บอก ส่งแม่บ้านไปสามคน คนแรกเข้าไปดูแลประจำอยู่แล้ว แต่หลังๆ พี่ทิติดเหล้าหนัก คุยไม่รู้เรื่อง เลยขอย้ายสาขา คนที่สองโดนพี่ทิซื้อตัวให้เลิกทำงาน ส่วนคนที่สามไม่รับเงิน โดนไล่ตะเพิด ยังคิดอยู่เลยว่าจะเอายังไง”

          “ทำไมต้องเอายังไง” ผมถาม แค่เลิกกับแฟน ไม่น่าใช่เรื่องใหญ่ แม้ว่าจะเป็นแฟนที่ทำให้ชีวิตเขาพลิกไปพลิกมาอย่างที่ตัวเองไม่เคยวางแผนไว้ก็เถอะ “เดี๋ยวเวลาก็ช่วยเอง”

          “เวลาช่วยได้จริงก็ดีน่ะสิ นับวันยิ่งแย่ลงๆ กินเหล้าจนพี่ลมสงสัยว่าเป็นแอลกอฮอลิซึ่มรึเปล่า”

          “ก็รอดูอะเนอะ” ผมพยายามปลอบใจ แต่ไม่ช่วยอะไรเพราะสีหน้าทิวฟ้ายังคงบูดบึ้งไม่สบอารมณ์

          “กลัวว่าจะตายก่อน อีน้องเจนนี่พี่ทิรักมากเลยนะ แล้วแกเข้าใจปะ อารมณ์ปกติพี่กะทิก็ติสต์จะตาย ตอนนี้ยิ่งไม่มีใครเข้าหน้าติด”

          “ศิลปิน อารมณ์รุนแรง”

          “เอ้อ แต่น้ำมนตร์เป็นติ่งพี่ทิไม่ใช่เหรอ” ไอ้นิวคิดได้ ถูกต้อง ผมเป็นติ่งพี่ทิ แล้วไงวะ “ลองไปคุยหน่อยไหม อย่างน้อยถ้าแพชชั่นการทำงานของพี่ทิกลับมาได้อารมณ์ที่กดไว้ข้างในจะได้ระบายออกมา”

          “จริงด้วย!”

          ฟ้าถ้าไม่สงมาให้เธอมีใจ บอกกันสักคำทำไม ต้องให้เธอมาทำรว้ายกัน...

          ผมยืดตัวหนี ร้องเสียงหลง

          “เหออออออออ”

          ลากเสียงยาวกึ่งปฏิเสธ ถึงจะชอบรับจ๊อบสอนเด็กพิเศษบ้าง ทำมินิมาร์ทบ้างแต่ไม่เคยเปิดคอร์สสอนอกหัก ถ้าสอนตัดใจจากรักได้ง่ายๆ ป่านนี้ผมคงเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนไปนานแล้ว ไม่ต้องมองคนที่ตัวเองแอบรักหวานชื่นรื่นรมกับแฟนให้ตัวเองเป็นลูซเซอร์น่าสมเพชแบบนี้มาตั้งหลายปีหรอก

          “ทำไมอะ แกชอบเพลงของพี่กะทิไม่ใช่เหรอ”

          “ไม่เกี่ยวไง ชอบเพลงก็ส่วนชอบ แต่สอนให้ปลงไม่ไหวหรอก”

          ไอ้นิวหัวเราะในลำคออย่างคนรู้ทัน มันพักอยู่กับผม และรู้ความลับข้อนั้นที่ผมพยายามปกปิดทั้งเพื่อน และแฟนเพื่อนไว้อย่างมิดชิด ถ้ามดแดงแฝงพวงมะม่วงว่าเนียนแล้ว น้ำมนตร์เนียนกว่ามดทุกตัวบนโลก ไม่พูดเยอะ

          “ได้ค่าจ้างด้วยนะ ได้ลูกค้าเป็นซุปเปอร์วีไอพีเลยนะ ยังไงก็ไม่มีงานพิเศษอยู่แล้วนี่ น้า น้ำมนตร์ นะ”

          “ทำไมถึงคิดว่าเราจะช่วยได้อะ เรื่องแบบนี้มันเรื่องส่วนตัวนะฟ้า”

          โดยเฉพาะผมที่ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาของตัวเองด้วยซ้ำ

          “ใจร้าย ไหนเคยบอกว่าตัวเองโตขึ้นมาเป็นคนละมุนได้เพราะเพลงของพี่ทิขัดเกลาไง ทีอย่างนี้ทิ้งกันเลยนะ” เสียงหวานตัดพ้อ ตากลมฉายแววดื้อรั้น ปลายจมูกสวยเชิดขึ้นเล็กน้อย ทำหน้าตาขึงขังแค่ไหนก็น่ารักไม่หยอก สมกับเป็นทิวฟ้าในเพลงซันไชด์ของกะทิเสียเหลือเกิน

          ไม่ได้การ...ความพาสเทลโพนี่บลิ๊งค์ทั้งหมดของหญิงสาวหลอกล่อผม ทำตากลมแก้มป่องแล้วใครจะอดใจไหว

          ฟอด!

          นั่นไง ไอ้อุ้ยจัดให้หนึ่งดอก เซ็งจัดปลัดขิก

          ซุปเปอร์ร้อนๆ ยกมาเสิร์ฟ ตักตีนให้ตัวเองค่าความน่าสมเพชที่ยังทำตัวเป็นคนสมองโปรโตซัว ถูกต้อง เพราะโปรโตซัวแม่งไม่มีสมอง

          “กูจะบอกให้นะฟ้า ถ้าไอ้นักแต่งเพลงกระจอกนั่นตายเพราะอกหักก็ช่างหัวแม่งไปดิ” ไอ้นิวว่า ก่อนซดน้ำซุปดังโครก จ้วงข้าวโพดจากจานรวมใส่จานตัวเองอย่างผิดสุขลักษณะที่สุด ช้อนกลางมีไว้วางประดับ กับเสริมมารยาทฝั่งแย่ของไอ้นิวให้ฉายชัด ผมใช้ช้อนส้อมเลาะเอาหนังออกจากตีนไก่ พอไม่ได้ดั่งใจก็ยกขึ้นกัดเต็มปากเต็มคำ

          “กะอีแค่แฟนทิ้ง ถ้าตายจริงๆ ให้มันรู้ไป”

          “เฮ้ย ไม่ได้!”

          “ไม่ได้งั้นมึงไปเป็นยาใจให้แม่งดิ”

          “ไม่ใช่ กูหมายถึงต้องหาผู้เชี่ยวชาญ” หาหมอหาอะไรก็ว่าไป มาหานักศึกษาที่ยังไม่ได้ใบปริญญาไม่ได้โว้ย อีกอย่างสมัยนี้ใครๆ ก็พบจิตแพทย์ได้ ถ้าอกหักแล้วส่งผลต่อชีวิตประจำวันขนาดนั้นการมีแม่บ้านหรือต่อให้เป็นแฟนคลับอย่างผมเข้าไปวุ่นวายไม่น่าจะช่วยได้ มิหนำซ้ำจะโดนตะเพิดมาเหมือนคนก่อนๆ ให้เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ

          อย่างนี้เรียกหนังไม่ได้นั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ ฝันไปเถอะว่าผมจะทำ

          “มึงง บ้านกูเพิ่งลงทุนกับพี่กะทิไป บริษัทแม่บ้านของแม่กู พี่ชายกู เหลือแค่อู่รถของพ่อกูนี่ล่ะที่ยังมีอุ้ยเป็นแอมบราสเดอร์”

          “เวอร์ว่ะฟ้า”

          ถึงแม้ใจอ่อนไปเกินครึ่งแต่ทำขึงขัง ทิวฟ้ารู้ดีว่าผมเป็นคนแบบไหน อ่อนนอกแข็งในกับทุกคน

          ย้อนไปถึงรากฐานการเลี้ยงดู คือผมมีพี่สาวที่พ่อแม่เก็บมาเลี้ยงหนึ่งคน ส่งเสียเรียนจบตามกฎหมายก็ออกไปแต่งงานกับนักเรียนช่างในละแวกเดียวกัน พี่ปุ้นเป็นลูกติดของญาติสักฝั่งที่ซักทอดไปถึงตัวยาก พ่อแม่ตายในอุบัติเหตุ บ้านผมเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในตอนนั้นเลยไปไปจดทะเบียนรับรองบุตรโดยไม่เสียเวลาเกี่ยงกับญาติคนไหนรับผิดชอบ

          แต่เซอร์ไพรส์มักมาหลังทุกอย่างถูกที่ถูกทางแล้วเสมอ ไม่เกินสองเดือนแม่ก็รู้ว่ามีผมอยู่ในท้อง

          เรื่องราวของพี่ปุ้นถูกถ่ายทอดให้ผมรับรู้ทุกอย่าง เจ้าตัวเองก็อายุมากเกินกว่าจะคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของที่บ้านได้ ยิ่งเมื่อพี่ปุ้นมีลูกสาวตัวจ้อยที่นับศักดิ์เป็นหลานผม ผัวก็ชิ่งไปมีเมียใหม่ ไม่ดูดำดูดีลูกเมียแม้แต่น้อย

          ความอ่อนไหวในใจผมที่มีต่อเพศหญิงยิ่งทวีเท่าตัว

          แต่ยังไง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะรับปากกันง่ายๆ

          “ให้ไอ้อุ้ยไปดูดิ ท่อน้ำเลี้ยงมึงอีกทางเลยนะ” ต้องได้อย่างนี้สิวะไอ้นิว!

          ขอบคุณมากแต่ดูไม่ผ่านสมอง ลูกคุณหนูอย่างไอ้อุ้ยที่ใส่กางเกงในแล้วทิ้งคงดูแลใครได้ ดูฤทธิ์เดชคุณชายสายติสท์ที่ทิวฟ้าเล่านั่นอีก ธรรมดาที่ไหน

          “ไอ้อุ้ยได้สั่งคนเอาปืนไปจ่อหัวพี่ทิให้เขียนเพลงให้อะดิ” ผมเย้าทีเล่นทีจริง แต่คนถูกแหย่ไม่ขำ ทิวฟ้าวางช้อนส้อมลงกับจานพลาสติกที่มีร่องรอยการใช้งานมานานนม บางส่วนของจานมีรอยไหม้จากไฟจนบิดเบี้ยว ซีเรียสเวอร์

          “เราก็คิดเหมือนกันนะว่าถ้าเราเข้าไปเองจะเป็นยังไง”

          “อย่าาา!!”

          ทั้งผมและอุ้ยห้ามสุดกำลัง มีแต่ไอ้นิวอีกนั่นแหละที่โซ้ยตำข้าวโพดคนเดียวไม่แคร์สื่อ ใครจะไปรู้ว่าทิวากร พ่อหนุ่มสายละมุนเมื่อเป็นพ่อหนุ่มสายละมุดแล้วจะแปลงกายเป็นอะไร คนหล่อยิ้มสังหารแบบพี่ลมยังเอาไม่ไหว ฟ้าคงช่วยได้มาก! (ผมประชด)

          “คนในบริษัทแกตั้งหลายคนอะฟ้า”

          “แต่ไม่มีใครเป็นแฟนคลับพี่ทิไง”

          ทิวฟ้ามองผม มองจ้องเหมือนเป็นความผิดของผมที่บอกปฎิเสธ เหมือนเป็นหน้าที่ที่ผมไม่ยอมทำ ไม่มีความรับผิดชอบ และผิดหวังในตัวผมมากๆ

          “น้ำมนตร์จะไม่ช่วยเราจริงๆ ใช่ปะ”

          “เออ น้ำมนตร์จะไม่ช่วยฟ้าจริงๆ ใช่ปะ” ไอ้เหี้ยอุ้ย หุบปากไปเลย มึงก็ต้องเข้าข้างเมียอยู่แล้วสิวะ

          “เออๆ น้ำมนตร์ทำไมมึงแล้งน้ำใจอย่างนี้เนี่ย” พอมติส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางฝั่งของหญิงสาว ไอ้นิวเพื่อนรักก็ไม่เห็นค่าความสำคัญของผมอีกคน พูดหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้ว่าผมมีความรู้สึกพิเศษต่อหญิงสาว เคยได้ยินไหมครับ โจรมันจะร่วมมือกันตอนปล้น และตอนนี้ก็เหมือนไอ้สามตัวนี้กลายเป็นโจรเพื่อปล้นอิสระทางเวลาจากผมไปหน้าด้านๆ

          “สรุปคือกูต้องไปเป็นแม่บ้านที่สร้างไฟในการเขียนเพลงและเป็นผู้เป็นคนให้ลูกค้าฟ้าใช่ปะ”

          “ต้องสรุปอีกเหรอ”

          “เพราะกูเป็นแฟนเพลงของพี่ทิใช่ปะ”

          “ไม่ใช่เว้ย เพราะน้ำมนตร์เป็นคนที่ใจเย็นแล้วก็เด็ดขาดที่สุดต่างหากล่ะคะ”

          ถ้าไม่ได้แอบชอบอยู่จะด่าพ่อให้ ทิวฟ้าคว้ามือผมไปจับต่อหน้าอุ้ย แต่ไอ้อุ้ยไม่คิดอะไรหรอก คนคิดน่ะผม ผมคนเดียวทั้งนั้น ใครไหวไปก่อนเลย ผมแม่งใจเหลวเป็นน้ำแล้ว

          “น้ำมนตร์ช่วยฟ้าหน่อยนะ แล้วน้ำมนตร์อยากได้อะไรฟ้าให้หมดเลย”

          ขอเย็บทีได้ปะล่ะ

          แน่นอนว่าอยู่ในหัว แต่ไม่ได้พูดออกไป ผมถอนหายใจ ปล่อยให้ทิวฟ้าจับมือผมเอาไว้ ภาวนาให้จับนานกว่านี้อีกหน่อย และขอให้ไอ้อุ้ยโง่เง่าแบบนี้ต่อไปนานๆ

          “ขอดูนมจะให้เราดูปะ”

          แม่งเอ๊ย...เหี้ยไม่ต่างกันเท่าไหร่เลย แต่พูดไปแล้ว พูดไปแล้วน้ำมนตร์

          “นมเล็ก ฟองน้ำทั้งนั้น”

          ไอ้อุ้ยบลัฟต์ผมด้วยการเผาเมียหน้าตาย ทิวฟ้าปล่อยมือจากผมทันที ได้ยินเสียงเพียะดังลั่น สมควรโดนตบ อยากฝากฟ้าตบอีกรอบข้อหาขิงกันหน้าด้านๆ นมเล็กแล้วมึงไม่เลิกไปหาคนอื่นล่ะ รูปหล่อพ่อรวยนักหาได้ดีกว่าทิวฟ้าเป็นไหนๆ ผมนี่ดิ จะหาคนที่ดีเท่าฟ้าได้ยังไงในชีวิต คิดแล้วท้อ

          “จะให้ไปเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับแอลกอฮอลลิซึ่มก่อน กลัวรับมือไม่ได้เหมือนกัน”

          “เย้ น้ำมนตร์น่ารักที่สุดเล้ย”

          หญิงสาวยิ้มแก้มบาน ยืดแขนมาหยิกแก้มผมที่นั่งหน้าตึงฝั่งตรงข้ามทั้งสองข้างให้ย้วยออกมา

          น่ารักจริงก็รักดิวะ

          ไปรักไอ้ห่าอุ้ยมันทำไม

          หึ...คำหวานของผู้หญิง แม่งโคตรยาพิษเลย


tbc


หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-10-2019 14:23:19
เปิดเรื่องใหม่แล้ววววววววว  ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-10-2019 14:41:16
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 23-10-2019 15:10:23
เรื่องใหม่ ~~~~~~~
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 23-10-2019 15:38:45
สนุกดีครับ รอตอนต่อไปครับ ^^
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 23-10-2019 20:49:18
รอคุณเว้ดมานานนน ในที่สุดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-10-2019 21:06:48
นี่เขาเป็นเพื่อนกันจริงเหรอ หยอกกันแร๊งแรง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-10-2019 05:42:37
แปะไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยมาอ่าน :z13:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-10-2019 07:37:10
 :katai2-1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 25-10-2019 10:50:06

ดีใจมากเลยค่ะ จะมีนิยายน่าสนใจให้รออ่านทุกวันพุธอีกเรื่องแล้ว

เปิดมาได้น่าสนใจมาก ติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 26-10-2019 23:11:45
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 27-10-2019 12:18:13
วันพุธที่รอคอย กลับมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-10-2019 12:37:49
เย้.....ติดตามจ้า   :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 30-10-2019 00:51:31
ดังต้องมนตร์
02 อ้าวเฮ้ย..
____



          “อ่อนสัด กูว่าแล้วว่ามึงต้องแพ้อีฟ้า มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามึงต้องโดนอีฟ้าหลอกใช้เหมือนเคย ไอ้วอก วอกขนั๊ด จั๊ดง่าว ง่าวมะลักมะเหลื่อ”

          เสียงทุ้มพูดยาวเหยียดโดยไม่หันมองคู่กรณีอย่างผมแม้แต่หางตา ไอ้นิวจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยเกิร์ลกรุ๊ปเต้นยั่วๆ บดๆ ตาเป็นมัน สวมกางเกงบ็อกเซอร์ นั่งพุงพลุ้ยออกมาบนเก้าอี้เลซี่บอยที่ยกมาจากบ้านย่านสมุทรปราการเพื่อเล่นเกมและติ่งทุกนักร้องหรือเรียกอีกชื่อว่าการเป็นโอตาขุฟูลไทม์

          “พูดเหมือนมึงห้ามกูเต็มที่นะนิวน้า เดี๋ยวกูเตะตกระเบียง”

          “กูก็ช่วยเชียร์ไปงั้น แต่ถึงกูไม่เชียร์มึงก็ช่วยฟ้าอยู่แล้ว มีครั้งไหนด้วยเหรอที่ฟ้าขอร้องแล้วมึงไม่ทำอะ”

          เอาเรื่องจริงมาล้อเล่น พูดได้สิมันไม่ได้เป็นผมที่แอบชอบฟ้ามาตลอดนี่ครับ คิดแล้วก็เซ็ง ทั้งที่น่าจะเป็นเทอมที่ว่างที่สุดของผมใช่ปะ แล้วนี่อะไร อยู่ๆ ลาภก้อนใหญ่ก็วิ่งเข้าชนเหมือนตั้งใจชนกันให้ตายไปข้างแต่รับงานมาก็ดี ผมเองก็อยากเจอพี่กะทิตัวเป็นๆ แล้วบอกพี่ทำผมผิดหวังมากเลยรู้ปะใส่หน้าสักครั้ง

          “ใครๆ มันก็ต้องเคยอกหักว่ะ ดูอย่างกูสิ ก็ไม่ตายปะ”

          คู่สนทนาหัวเราะหึๆ ในลำคอ ไม่รู้ว่าขำหรือสมเพช ความสัมพันธ์ของพวกเราง่ายมาก ผมรู้จักไอ้นิววันรายงานตัวเพราะชื่อน้ำมนต์ ไอ้นิวชื่อนนทวัฒน์ ถูกจัดอยู่ในอักษร น.หนูเหมือนกัน รหัสนักศึกษาต่อกัน นั่นรวมถึงนายนนท์ที่ชื่อเล่นว่าอุ้ยที่คนทั้งโลกอาจเรียกว่าไฮโซนนท์ แต่พวกผมเรียกไอ้เหี้ยอุ้ยตามความสนิท ส่วนหญิงสาวผู้โดดเด่นดั่งลอยลงจากสวรรค์คนนั้น ทิวฟ้า ศรุตานันท์เป็นผลพลอยได้ที่ชื่อของเราสามคนต่อกันพอดิบพอดี

          โชคดีที่อุ้ยกับฟ้าเป็นคนรวยที่ทำตัวสมถะ ต่อนยอน ใช้ชีวิตแบบลากอมใช้ทำให้แม้ว่ารสนิยมการใช้กระเป๋าหนึ่งใบของเราต่างกันราวฟ้ากับเหวก็ยังสมัครสมานสามัคคีได้ด้วยอาหารอร่อยและถูก ทิวฟ้าเป็นคนง่ายๆ สบายๆ  และเคล็ดลับการใช้ชีวิตให้มีความสุขของฟ้าก็คือทำตัวให้รวย จากนั้นเราจะเป็นคนรวยไปเอง เข้!

          ผลผลิตของครอบครัวศรุตานนท์ไม่ได้มีแค่ทิวฟ้าที่เป็นกึ่งบุญกึ่งบาปของผมเท่านั้น แต่ยังหมายถึงทิวลม ศรุตานนท์ พี่ชายคนโตอายุ 30 ที่ไม่สนใจธุรกิจที่บ้านแต่ตั้งหน้าตั้งตาเป็นนักร้องตั้งแต่มัธยมแต่นอกจากหน้าตาก็ไม่มีอะไรเข้าแก๊ปของนักร้องได้ก็เลยกลายเป็นโปรดิวเซอร์ในวงการบันเทิง ทำหน้าที่ในค่ายเพลงยักษ์และฟ้ายังเล่าว่าเขาเป็นรุ่นพี่คนสนิทของทิวากร หรือพี่กะทิในตำนาน ชายหนุ่มวัยเบญเพสผู้เจริญรอยตามแม่ผู้เป็นศิลปินซึ่งกำลังเป็นปัญหาก้อนใหญ่ของฟ้า และแน่นอน เขาก็กำลังทำตัวกลายเป็นปัญหาของผมเช่นกัน กระนั้นก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยถ้าผมแก้ปัญหาของตัวเองคือโรคแพ้ผู้หญิงและแพ้ทางฟ้าได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

          “พูดจริงๆ นะน้ำมนต์ ทำไมมึงไม่มองคนอื่นบ้างวะ มึงก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ จับแต่งเนื้อแต่งตัวหน่อยก็พอดูได้ นิสัยก็ไม่แย่ บ้านก็ไม่ได้จน มึงขาดคุณสมบัติเดียวอะ เสือกเอาตาไปมองปลากระป๋อง”

          “มึงเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมไอ้นิว” กราบขอโทษอุ้ยในใจ แต่ผมรู้สึกผูกพันกับฟ้าจริงๆ ไม่ว่าจะเพราะเพลงของพี่กะทิหรือไม่ก็ตาม ความผูกพันที่ถูกถักทอตั้งแต่ก่อนพบจนได้เจอหน้ามันมีโอกาสราวหนึ่งในล้าน ใครจะรู้ แต่จู่ๆ สวรรค์จะมาบอกว่าส่งทิวฟ้ามาเจอผมเพื่อให้เป็นเพื่อนกันแค่ครั้งหนึ่งในชีวิตเท่านั้นจริงๆ เหรอวะ ไม่มีทาง

          “เออ มึงเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมน้ำมนต์”

          ฮั่นแหนะ มียอกย้อน ผมยักคิ้วท้าทายจึ้กๆ ไหนมึงจะมามุกไหนไอ้อวบ

          “ไอ้อุ้ยแม่งรวยสัดๆ มีผู้หญิงเข้าหาเป็นล้าน แต่อุ้ยเสือกชอบแต่งรถตั้งแต่ยังไม่มีใบขับขี่ แล้วบ้านอีฟ้าก็เปิดอู่นำเข้าของแต่งรถ”

          “น้ำมนต์ไม่ถูกใจสิ่งนี้” ยกนิ้วให้เลยแด่ไอ้นิวนักดับฝัน นิ้วกลางสองข้าง ถ้าชูเท้าขึ้นมาได้ก็จะชูส่งให้ทั้งสี่ ไม่พูดไม่ใช่ไม่สะเทือนใจนะครับ น้ำมนต์เจ็บปวดมากๆ สัดเด้ย

          “แล้วงะ แล้วมึงก็ต้องไปเป็นเบ๊ให้พี่กะทิเมื่อไหร่”

          “ไม่รู้ ได้คีย์การ์ดมาแล้วเนี่ย”

          “เร็วกว่าฟาสต์แอนฟิวเรียส”

          “เดี๋ยวบ่ายๆ ว่าจะเข้าไปสักหน่อย ฟ้าให้บัตรรถไฟฟ้ามาด้วย บอกว่าถึงสถานีแล้วติ๊ดบัตรออกไม่ต้องลงมาเหยียบดินเลย ทางเข้าคอนโดเชื่อมกับรถไฟฟ้า”

          “เท่สัด”

          ผมล้มตัวลงนอน ข้อดีของปีสี่คือวิชาเรียนน้อย แต่ข้อเสียของมันก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเรียนน้อยลงผมกับฟ้าก็มีโอกาสเจอกันน้อยลง และเมื่อเรียนจบไปแล้วผมจะมีโอกาสเจอฟ้าอีกสักเท่าไหร่ นั่งคิด ยืนคิด ตะแคงคิด ตีลังกาคิดก็ยังรู้สึกว่าบางทีการตกลงรับปากจะช่วยฟ้าอาจจะเป็นหนทางที่ดีของผมก็ได้ วิน-วิน ซิททูเอชั่น เอาจริง คนอย่างผมจะมีสิทธิ์ไปหวังอะไรมากกว่านั้นกัน


          มีรักในวัยเรียน ก็เหมือนจุดเทียนกลางสายฝน แต่ถ้าไม่หัดรักในวัยเรียนจะให้ไปเรียนรู้จักความเจ็บปวดที่ไหน
          ชีวิตวัยรุ่นกับความรักเป็นของคู่กันทุกยุคสมัย สังเกตได้จากเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่โบราณกาลก็หนีไม่พ้นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จะฉ่อยหรือจะฉอดก็เต็มไปด้วยวิธีการเกี้ยวพาราสี จะว่าแก่แดดตามประเพณีบ้านเมืองก็ได้ แต่ผมคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ประถม รักแรกเป็นช่วงประถมปลาย และเป็นความสัมพันธ์ที่เรียกได้ว่าแอบรักเต็มขั้น ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนนั้นการตกหลุมรักใครสักคนเป็นสิ่งน่าอายมาก ถ้าถูกเพื่อนจับได้ก็จะกึ่งๆ โดนประณาม กึ่งๆ ถูกหยอกล้อ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะน่ารักแค่ไหนแต่ทั้งผมและคนที่ถูกชอบต้องโดนบูลลี่จากเพื่อนในสายชั้น เรื่องใหญ่มากครับ ดังนั้นผมถึงได้เป็นนักแอบรักมือวางอันดับหนึ่งมาจนถึงทุกวันนี้
          คอนโดของพี่ทิตั้งอยู่ใจกลางเมือง อย่างที่ทิวฟ้าว่า การเดินทางมาที่คอนโดของพี่ทิแสนสะดวก นอกจากรถไฟฟ้าที่เปิดประตูมาก็เจอทางเข้าในชั้นเดียวกันแล้ว การรักษาความปลอดภัยก็เข้มงวดขณะเดียวกันก็สะดวกสบายเป็นที่หนึ่ง ผมมีคีย์การ์ดที่เข้าตึก และเดินทางได้เฉพาะชั้นที่เป็นห้องพักของพี่ทิเท่านั้น ลิฟต์ที่พาขึ้นไปก็หรูหราพาคนโง่งงได้ง่าย แต่ไม่สามารถหลอกล่อให้ผมเด๋อด๋า แม้ว่าไม่มีปุ่มตัวเลขให้กดแต่แสกนบัตรครั้งเดียวเครื่องโดยสารก็ทะยานขึ้นไปโดยไม่ต้องสั่ง เสียงเอไอบอกเมื่อถึงที่หมายเป็นภาษาอังกฤษกระด้างๆ ประตูเปิดออกให้เห็นทางเดินกว้าง ตบแต่งสไตล์สวีดิช เน้นความมินิมอล ขาวสะอาดและเรียบง่าย กระถางไทรใบสักสีขาวโง่ๆ สุดทางเดินนั่นต้องแพงสัดๆ กลิ่นคนรวยมันแรง เหยียบย่ำบนพื้นหินแกรนิตแต่ละก้าวพานเอารู้สึกผิดที่ไม่ได้เคาะดินออกก่อนเข้าตึก

          ผมไม่เข้าใจความพังทลายของพี่ทินัก ในช่วงอายุยี่สิบปีที่ผ่านมาชีวิตผมมีความแอบรักมาหลายต่อหลายครั้ง และคิดว่าอาจถึงร้อยครั้งก่อนตาย ศาสตร์ของความแอบรักคือเราจะไม่ได้มาแต่ก็ไม่เสียไปอาจมีอารมณ์หม่นๆ แต่ไม่เยินถึงขั้นร้องห่มร้องไห้พากันฉิบหายทั้งบ้านเหมือนเจ้าของห้องมุมสุดของชั้น 21

          ผมนึกหน้าของพี่ทิไม่ออกเลย ให้ตาย เขาไม่ปรากฎตัวมานานมากแล้ว และแม้ว่าผมชื่นชมเขามากแค่ไหนก็จำได้แค่เสียงทุ้มที่ทั้งอุ่นและนุ่ม ผมยังมีเทปคลาสเซ็ตของเจ้าตัวอยู่หนึ่งอัลบั้ม ตอนนั้นเป็นงานอินดี้ชิ้นแรกที่ผมเก็บหอมรอมริบเสี่ยงตายฝากเพื่อนที่เรียนพิเศษในกรุงเทพซื้อ ซึ่งปกก็ประทับใจสัดๆ เปียโนสีดำหนึ่งตัว ทั้งที่เพลงเปิดตัวเป็นโซโล่กีต้าร์ แต่ความไม่น่าเข้าใจนี่แหละที่มันโคตรเท่ เท่จนกลายเป็นอินสไปเรชั่นด้านดนตรีแม้จะเล่นได้แค่โชว์สาวแค่ไม่กี่เพลงก็ตาม

          ผมหยุดยืนหน้าประตูห้องสีขาวจนแทบกลืนไปกับผนัง ตัวเลขห้องที่แสดงทำมาจากไม้ ไม่แตกต่างโดดเด่นจากอีกสามห้องในชั้น และแม้ว่าเป็นตึกใหญ่ที่รวมทั้งสำนักงานและคอนโดไว้ที่เดียวกันแต่หนึ่งชั้นก็มีแค่สี่ห้อง ไม่อยากคิดว่าราคาต่อห้องตกตารางเมตรละเท่าไหร่ รู้ไปก็เท่านั้น แม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียวผมก็คงไม่มีปัญญาแม้แต่จะเช่ารายวัน ด้านข้างมีกริ่งให้กดเรียกคนด้านในเหมือนลักษณะของบ้าน เป็นกริ่งระบบสัมผัส วางมือเบาๆ ก็มีไฟวาบขึ้นมาว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานแล้ว ทว่าผมก็ไม่ได้ยินเสียงจากด้านใน เงียบสนิทไม่มีตาแมวให้แอบมอง แต่กล้องวงจรปิด อีส ว็อชชิ่ง ยู ทิวฟ้าบอกว่าคีย์การ์ดอันเดียวกันสามารถปลดล็อกประตูได้ เว้นเสียแต่คนข้างในจะลงกลอนอีกชั้นซึ่งผมไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่ทิครั้งแรกด้วยความไร้มารยาท ดังนั้นจึงยืนรออีกพักใหญ่ถึงกดกริ่งซ้ำเป็นรอบสอง

          เงียบสนิท...

          ผมกดอีกครั้ง

          อีกครั้ง

          หรือว่าตายไปแล้ววะ...

          ระหว่างที่ลังเลว่าจะโทรเรียกทิวฟ้าซึ่งสมควรจะมาด้วยกัน กับเรียกป่อเต็กตึ้งมาช่วยรับศพประตูห้องก็เปิดออก กลิ่นไม่พึงประสงค์โชยออกมาทันที ภาพของคอนโดหรูหราสะอาดตาเมื่อครู่พังครืนเมื่อมองผ่านช่องระหว่างประตูเข้าไปด้านใน กลิ่นที่ว่าเป็นกลิ่นละมุดหมัก อย่างน้อยก็อุ่นใจว่าพี่ทิน่าจะยังไม่ตาย เพราะถ้าเป็นผีพี่ทิกลิ่นที่ลอยออกมาคงจะเป็นกลิ่นสาบระคนเหม็นเน่าของร่างไร้วิญญาณ

          “....”

          แต่เสียงนั่น...พะ...พูดเหี้ยอะไรวะ

          “สะ....สวัสดีครับ”

          อีฟ้า! ขอโทษครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอยากเรียกเพื่อนที่ตัวเองแอบชอบด้วยคำไม่สุภาพตามไอ้นิว มาคิดดูอีกที การที่มาเจอพี่กะทิครั้งแรกคนไหว้วานให้ผมเป็นธุระให้ก็ควรจะมาด้วยหรือเปล่าวะ ตอนรับปากคิดไม่ทัน แต่ใครจะไปทันคิดวะว่าจะเจอชายหนุ่มสภาพคล้ายซอมบี้พูดจาอ้อแอ้งึมงำในลำคอแบบนี้

          ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่ยังทำใจดีสู้เสือ เสือเมาด้วยจะสักเท่าไหร่เชียว

          “ผม...ซื้อโจ๊กมาให้”

          “...ห้องแล้ว”

          “ครับ?”

          “มาผิดห้องแล้ว”

          ผมถอยออกมา มองเลขที่บ้านอีกครั้ง

          “ไม่ผิดนะครับ”

          ยืนยันหนักแน่น ชั้นนี้มีแค่สี่ห้อง เลขแค่สามตัวยังจำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันแล้ว

          “คุณทิวากรที่จ้างบริษัทโซลเหมดใช่ไหมครับ”

          ผมถาม สติร้อยเปอร์เซนต์ แต่คนตรงหน้าน่าจะติดลบ เขานิ่งไปพักหนึ่งจนเหมือนยืนหลับ อาศัยแขนพยุงตัวเองไว้อ้าปาก แต่ไม่ตอบ มิหนำซ้ำยังเรอเบิ้กใหญ่ใส่หน้าอีกต่างหาก

          “พี่แปรงฟันบ้างก็ดีนะ”

          ผมอาจจะขอมากไป เพราะแค่ยืนตรงๆ ยังดูเป็นสิ่งที่เจ้าตัวทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เขาขยับตัว เซไปด้านหลัง ผมคว้าคอเสื้อยืดของอีกฝ่ายทันแต่ก็ได้แค่ประคองชั่วขณะ เจ้าของร่างสูงใหญ่พลิกพิงแผ่นหลังบนผนัง ก่อนถอยกรูดรูดลงหมดสภาพบนพื้น
เวรกรรม เวรกู

          นอกจากไม่สามารถสื่อสารกันได้แล้ว เหมือนหน้าที่ของผมจะไม่ใช่แค่ส่งข้าวส่งน้ำทำความสะอาดห้อง เป็นกำลังใจให้พี่ทิเลิกเหล้ามาทำงาน แต่คงเป็นยิ่งกว่าบุรุษพยาบาลดูแลผู้ป่วย พี่กะทิในตำนานแม่งตายไปแล้ว ตายแบบไม่เหลือเค้าเดิมให้ผมนึกได้ว่าเคยปลื้มผลงานเพลงของผู้ชายคนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

          “พี่ลุกไหวปะ หือ ทำไมแม่งเหม็นงี้วะ”

          เฟิร์สอิมเพรสชั่นโคตรแย่ ผมเอาตัวเองก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่รอคำเชิญจากเจ้าของ ซึ่งเจ้าตัวก็ดูท่าจะไม่ไหวทั้งเชิญและไล่ สุดท้ายก็ต้องยอมให้ผมหิ้วปีก กึ่งเดินกึ่งลากจากพื้นหน้าประตูมายังโซฟา

          สัด...โซฟาก็เต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์ ไอ้นี่อะไรวะ ใช่คราบอ้วกหรือเปล่า

          “โคตรเรื้อนเลยว่ะพี่”

          “...ไป”

          “ไปไหน”

          “ออกไป!”
คราวนี้เสียงดังฟังชัดมากครับ ขี้หูผมเต้นระบำเป็นจังหวะรุมบ้า ชะชะช่า เหอะ ไม่ขำ โคตรไม่ขำทั้งเสียงและกลิ่นเป็นอะไรที่ท็อกซิกมาก ผมเหวี่ยงพี่กะทิลงบนโซฟา เสียงอะลูมิเนียมยุบตัวจากการทิ้งน้ำหนักลงทั้งตัวดังกร๊อบ ชายหนุ่มพยายามชี้โบ๊ชี้เบ๊ สิ้นสติโดยสิ้นเชิง

          “ผมมาหานี่เพราะ...” ระหว่างที่จะแนะนำตัวก็ลังเลระหว่างว่าควรอธิบายหรือปล่อยตามยถากรรม ภาพชายร่างสูงเหยียดตัวยืด กระป๋องเปล่าที่บุบไม่เป็นรูปทรงร่วงหล่นระเนระนาดก็ทำใจสลาย อธิบายไปคงเหมือนนั่งคุยกับหมาหน้าเซเว่น ไม่ก่อประโยชน์แล้วยังเหนื่อยเปล่า

          ความรักทำไมแย่!

          ความจริงคนที่มาดูแลพี่ทิควรจะเป็นพี่ลม โปรดิวเซอร์คอนเสิร์ตปลายปีและนายหน้าหาแบรนด์แอมบลาสเดอร์ให้บริษัทที่บ้านแท้ๆ แต่กลายเป็นผมที่สาระแนขี้เกรงใจจนปฏิเสธไม่ลง บาปกรรมของการแอบรักแฟนชาวบ้านอาจเล่นงานผมด้วยวิธีนี้ ผมบ่นทดท้อกับตัวเองได้แค่ในใจก่อนพี่กะทิจะคว้าเอากระป๋องเบียร์ปามาสุดแรง ไม่มียั้ง มีความพยายามนะครับ แต่ยังอ่อนหัด เสียงป๊อกแป๊กดังข้างตัว เห็นแล้วโคตรสมเพชลูกตา

          แอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างรินไหลลงพื้นแกรนิตไต่ตามความลาดเอียงมาจนถึงรองเท้าหนังของผม เวรเอ๊ย มีคู่เดียวด้วย

          “มึง...ออกไปจากห้องกู”

          เขาพูดซ้ำ เสียงยังคงทั้งแหบและอ้อแอ้ตามประสาคนเมา ซุกหัวลงไปในหมอนอิง หลบเลี่ยงแสงที่สว่างจากประตูด้านนอกแม้เพียงรำไร ข้างในห้องมืดทึม ถูกซ่อนเร้นไว้จากแดดบ่ายด้วยม่านกันแสง บนพื้นเต็มไปด้วยขยะ ส่วนมากเป็นกระป๋องเบียร์ ขวดแอลกอฮอล์ เอาเท้าเขี่ยเจอซองมาม่า ท่าทางกินดิบด้วย คุณภาพชีวิตโคตรแย่

          “ผมเปิดไฟนะพี่”

          พูดไปงั้น เจ้าของห้องหลับใส่เรียบร้อย กรนครอกๆ คำราม โคตรเข้าใจว่าทำไมฟ้าถึงได้เครียดนักกับการที่พี่กะทิทำงานไม่ได้ ขนาดผมที่ไม่ได้เกี่ยวโยงอะไรด้วยยังรู้สึกเวทนา

          ถุงโจ๊กที่ซื้อมายังร้อน นอนสงบเหมือนเจียมเนื้อเจียมตัวว่าจะเป็นหมัน ผมวางมันในพื้นที่เล็กๆ ตรงโต๊ะกลาง ควานหาทางเดินไปเปิดโคมไฟให้ส่องแสงเรืองๆ สีส้มอ่อนเพื่อตามหาสวิตซ์ไฟในห้องอีกที สืบกันอย่างโมริโคโคโร่ แต่กว่าจะเจอสวิตซ์ไฟที่ควบคุมความสว่างแบบไฟฟ้าอัจฉริยะได้ก็เดินวนเกือบรอบห้อง

          ไฟดาวไลท์แบบฝังเพดานค่อยๆ สว่าง ผมไม่เร่งเบอร์แรง กลัวว่าเจ้าของห้องจะลุกขึ้นสู้และไม่ยอมสิ้นฤทธิ์โดยง่าย มองดูอสังหาริมทรัพย์ราคาหลักหลายสิบล้าน ห้องชุดของอาคารเมื่อถูกซื้อโดยศิลปินก็ถูกตบแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์ต่างจากภาพลักษณ์หรูหราด้านนอก ผนังด้านหนึ่งเต็มไปด้วยแผ่นหนังวางเรียงกันจากกำแพงฝั่งหนึ่งมาจนถึงส่วนที่ตบแต่งด้วยกล่องเทปคลาสเซ็ต ม้วนวีดีโอ แผ่นเล่นเพลงสูงท่วมหัว ไล่มาจนถึงหนังสือเพลงทั้งไทยและเทศจนชิดกำแพงอีกฝั่ง ถัดมาเป็นประตูห้องกรอบขาว ผิวเรียบ วอลเปเปอร์สีขาวสะอาด เว้นระยะเป็นกระถางต้นไม้ฟอกอากาศขนาดกลาง ตั้งใกล้กับเปียโนสีดำขลับตัวเขื่องที่น่าจะเป็นพระเอกของอัลบั้มแรกของทิวากรที่ผมมี ฝุ่นเกาะด้านบนผิวมันปลาบหนาเป็นนิ้ว จากนั้นเป็นประตูห้องอีกห้อง มีชั้นวางหนังสือที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นหนังสืออะไรวางระเกะระกะต่างจากผนังห้องที่เต็มไปด้วยของเก่า มันส่งเสียงเชิงว่านั่นคือตู้หนังสือสำหรับใช้จริง ส่วนชั้นวางแรกที่โดดเด่นสะดุดตาถูกจัดวางอย่างสวยงามและเขรอะฝุ่นนั่นมีสำหรับโชว์เท่านั้น

          ผมยังคงกวาดตามอง ร่องรอยบางสิ่งบางอย่างหายไป ซึ่งนั่นอาจเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของหญิงสาวที่เคยพำนักด้วยกัน ฝุ่นที่เกาะบนพื้นจึงบางตากว่าที่อื่น แต่แต่งแต้มอย่างยุติธรรมด้วยม้วนกระดาษขยำ ทิชชู่ กล่องพิซซ่า ถุงมาม่า กระป๋องเบียร์ ขวดเบียร์ ขวดเหล้า มีขวดวิสกี้ทรงสวยที่นอนเท้งเต้งอยู่บนพื้น เสื้อผ้าขยำยำกองลวกๆ ตามมุมห้อง สกปรกแบบที่ว่าไม่น่ามีสิ่งมีชีวิตใดใช้ชีวิตได้

          คอนโดสุดล้ำสภาพสลัมคือสิ่งนี้ ประตูห้องหนึ่งเปิดไว้ ปิดไม่ลงจากการที่ผ้าปูที่นอนลายทางสีเทากับขาวหม่นเลื้อยออกมา หมอนสองใบ วางใกล้เก้าอี้สาน ผสมปนเปกับชุดเครื่องครัว แก้วน้ำ ขวดโซดา ตลอดไปจนถึงแก้วที่บางส่วนเป็นเศษแก้วจากการทำลายหรืออุบัติเหตุ แม่งโคตรแย่ อย่างไอ้นิวเรียกว่าซกมกได้ยังไง ห้องพี่ทิคือนรกของความซกมกโสมมได้เบอร์นั้น
แล้วอะไรคือการที่ทิวฟ้าบอกว่าเคยมีแม่บ้านทำงานวะ...นี่มันสภาพของห้องขังไอ้ขี้เมาคนหนึ่งซึ่งไม่มีคนเข้ามาดูแลเลยต่างหาก
ผมหยิบตุ๊กตาเป็ดตัวหนึ่งขึ้นมา หน้าตาน่ารักเชียว แต่รอยรองเท้าชัดมาก เอาจับอาบน้ำอาบท่าหน่อยคงสะอาดน่ากอดน่าฟัด

          “พี่กะทิ”

          ผมส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ไม่มีสัญญาณอะไรตอบกลับมา กดโทรศัพท์โทรหาฟ้า อยากจะเรียกอีฟ้าอีกครั้งด้วยความโมโห มึงหลอกกูมาเจออะไรวะ แต่ต้องคีฟลุค เมื่อปลายสายรับก็ได้แต่เรียกเสียงสอง เอื่อยเฉื่อยเหนื่อยหน่าย

          “ฟ้าาาาา”

          “ว่าไงน้ำมนต์”

          “เราเข้ามาห้องพี่ทิแล้วนะ พี่ทิเมาไม่รู้เรื่องเลยว่ะ”
         
          “เหรอๆ โชคดีจัง”

          โชคดีกับพ่อมึงสิ...

          ไม่ได้น้ำมนต์ นึกถึงหน้าหวานๆ นั่นไว้

          “ห้องรกมากเลยอะครับ”

          “อื้อ รอบก่อนแม่บ้านเข้าไปแล้วเหยียบแก้วด้วย น้ำมนต์ระวังดีๆ นะ เขาไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรใช่ไหม”

          น้อยไปน่ะสิ ผมยังเป็นผู้รอดชีวิตเพราะไม่ถอดรองเท้าครับ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเหยียบอะไรไปแล้วบ้างเหมือนกัน

          “ฟ้าจะให้เราทำยังไงต่อ”

          บอกตรงๆ ทำอะไรไม่ถูกเลยครับ ระหว่างหนีไปจากที่นี่กับเริ่มลงมือเก็บของที่เป็นอันตรายต่อตัวพี่ทิเอง ยิ่งพอได้ยินว่าเคยมีแม่บ้านเข้ามาแล้วโดนแก้วบาดแล้วก็ยิ่งลังเลใจ ขอใช้ตัวเลือกจ้างแม่บ้านอีกรอบได้ไหม ไม่เลือกงานไม่ยากจนนะเว้ย

          “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

          อ้าว อีฟ้า

          “เราไม่รู้จริงๆ แต่ถ้าถามพี่ลมคงอยากให้น้ำมนต์ช่วยพูดความรู้สึกตอนที่น้ำมนต์ฟังเพลงพี่ทิแล้วตกหลุมรักล่ะมั้ง”

          “ฟ้า เราไม่ใช่นักจิตบำบัดนะเว้ย”

          “เรารู้ แล้วน้ำมนต์มีไอเดียอื่นไหม คือ...มันกระทบกับงานที่บ้านเราจริงๆ”

          ผมเข้าใจมากๆ เข้าใจไอ้อุ้ยที่ไม่มีปัญญาดูแลใคร เข้าใจพี่ลมที่เหนื่อยหน่ายกับรุ่นน้องที่ฝากความหวังไว้ และเข้าใจทุกคนที่ไม่อยากให้เรื่องไปถึงพ่อแม่และนักข่าว เออ...

          “แล้วน้องเจนอะ”

          “ไม่รู้ ไม่ได้คุย”

          ห้วน กระชับ สะบัดในน้ำเสียง รู้เลยน้าว่าเข้าข้างนักเขียนเพลงหนุ่มเต็มเหนี่ยว

          “เราว่าแกเอาอีน้องเจนมาคุยไม่ง่ายกว่าเหรอวะฟ้า”

          “ถ้าชีมาชีจะทิ้งพี่ทิไปทำไม คิดสิคิด นี่ว่าที่บัณฑิตเหรอ”

          ด่ากูโง่อี๊ก อะไรจะเฟรนด์โซนเบอร์แรงได้ขนาดนี้ ไม่มีอีกแล้ว น้ำมนต์เหนื่อยเหลือเกินน

          ผมถอนหายใจใส่โทรศัพท์ เป็นนัยยะว่าไม่ชอบใจนัก แต่โชคดีมากที่ฟ้าเป็นนางเอกของผมดังนั้นจะไม่โดนด่า ถ้าเป็นไอ้นิวป่านนี้ผมลากบรรพบุรุษขุดมายำเละเรียบร้อย

          ผมกวาดตาดูรอบห้องอีกครั้ง นี่ขนาดยังไม่ทันลัดเลาะซอกซอยไปในห้องต่างๆ ว่ารกมากน้อยแค่ไหน เต็มไปด้วยขยะและอสรพิษหรือไม่ ก็แทบหมดแรง สิ่งที่ชุบชูให้เกิดประกายในดวงตาวับวาวพราวแสงคือผนังห้องที่ปูด้วยงานศิลป์ซึ่งเป็นทั้งในรูปแบบของหนัง ดนตรี และตัวอักษร
 
          หลังจากวางสายทิวฟ้าแล้ว เหลือบมองเจ้าของห้องอีกครั้ง ภาพของทิวากรเลือนรางเต็มทน แต่เสียงดนตรีที่แปลกหูเมื่อโน้ตตัวแรกโซโล่กีต้าร์ดังขึ้นมาแดดยามบ่ายหลังจากที่วิ่งเตะบอลตอนเที่ยงวันก็อ่อนละมุน ภาพของตัวเองนั่งพักลงข้างสนาม ฟังเสียงตามสายของโรงเรียนที่เปิดเพลงโดยรุ่นพี่ชมรมดนตรีก็บรรเลงขับกล่อมให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าเบาบาง เสียงทุ้มนุ่มต่ำคล้ายกระซิบแต่ทรงพลัง เพลงที่ผมไม่เคยได้ฟังจากช่องวิทยุรายการไหน เนื้อเสียงที่ฮัมคลอกับเมโลดี้ยังคงชัดเจน

          ผมถวิลหาเสียงเพลงนั้นเสมอ เพลงที่ผมมองนีน่ายิ้มหวานถือน้ำอัดลมใส่แก้วพลาสติกใบละห้าบาทมาให้ นั่งลงข้างๆ แก้มแดงปลั่งแล้วรีบผุดลุกออกไป

          ภาพของรอยยิ้มจริงใจของดาริกา เพื่อนสนิทตอนมัธยมที่เคี่ยวเข็นให้ผมลงเรียนพิเศษ แอบฟังเพลงใหม่ของทิวากรในชั้นเรียนหลังห้อง หรือแม้กระทั่งหลังวางสายโทรศัพท์บ้าน

          มาจนถึงภาพของทิวฟ้าที่มองมายังผม ดวงตากลมสีดำขลับริมฝีปากชมพูอ่อนคลี่ยิ้มเป็นมิตร ในวันรับน้องที่ผมใส่หูฟังขนาดพกพาป้องกันการรบกวนจากคนแปลกหน้า เสียงของทิวฟ้าดังแทรกเข้ามา ทุกอย่างเชื่องช้า นุ่มนวลคล้ายเสียงเพลงเก่าของทิวากรปรากฎเป็นรูปร่าง ลอยมาให้เห็นจากริมสุดของเส้นขอบฟ้า

          ผู้หญิงทุกคนที่ผมแอบรักล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่อยู่ในเพลงของพี่กะทิ

          ผมถูกสะกดให้ชอบผู้หญิงแบบที่พี่ทิร่ายมนต์ใส่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา

          เมื่อมองชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในชีวิตแล้วก็อดไม่ได้ที่จะให้กำลังใจตัวเองอีกครั้งมึงจะเย็นชากับไอดอลที่เลี้ยงมึงมา มิหนำซ้ำยังเป็นท่อน้ำเลี้ยงอันดับหนึ่งของครอบครัวผู้หญิงคนปัจจุบันที่มึงหลงรักจริงเหรอวะ น้ำมนต์ ใจดำขนาดนั้นเลยเหรอวะ

          ยังไม่ทันคิดว่าจะทำยังไง ผมก็ก้มลงเก็บกระป๋องเบียร์บีบให้บี้แบน แกะหูกระป๋องแยกออกมาตามที่แม่สอนให้แยกขยะตั้งแต่เล็กแล้วหย่อนลงถุงพลาสติก เทเบียร์ที่เหลือก้นขวดแต่ละกระป๋องรวมกันแล้วเอาเข้าไปกรอกลงชักโครกห้องน้ำ สุดท้ายได้ถุงขยะใบใหญ่กับกระป๋องเก็บฝาดึงอีกหนึ่งกระป๋อง อย่างน้อยเอาไปบริจาคให้เป็นวัสดุหลอมขาให้คนพิการก็ยังดี จากนั้นค่อยจัดการขวดแก้วแยกที่แตกแล้ว กับไม่แตกออกจากกัน พวกของมีคมใส่ในถุงใส ขยะในห้องพี่กะทิเยอะมากจนไม่ต้องกลัวว่าจะหาถุงขยะจากไหนมาใส่ได้หมด ยังไม่ทันได้ครึ่งห้องก็ต้องเอาลงมาทิ้งถังขยะด้านล่างแล้วกลับขึ้นไปเก็บใหม่

          โคตรโชคดีที่ผมมาในวันที่ไม่มีธุระและว่างจัดๆ เลยมีเวลาเลือกเอาเฉพาะของที่เป็นขยะจริงๆ ทิ้งไป ส่วนอันไหนที่ไม่แน่ใจแยกไว้ไอ้พวกก้อนกระดาษกลมๆ ที่เต็มไปด้วยลายมือขยุกขยุย ซึ่งไม่แน่ใจว่าเรียกเนื้อเพลงได้หรือเปล่ายัดสุมไว้ในตะกร้าอีกใบ เสื้อผ้าซึ่งไม่ทราบอดีตว่าใส่แล้วหรือไม่ยัดเอาไว้ในห้องนอน

          ความตื่นตาตื่นใจในดีไซน์หรูหราแบบคนมีคลาสเมื่อยามเหยียบย่างเข้ามาในตัวตึกเหือดหายไปแล้ว ตอนนี้จากไอ้เด็กบ้านๆ ที่ได้เปิดหูเปิดตาเห็นโลกของคนรวยกลายเป็นกลายเป็นมาริเอะ คนโดจัดบ้านให้คนไม่รู้จัก และไม่มีความสปาร์คเคิลกับอะไรทั้งนั้น นอกจากผนังคอลเล็กชั่นงานศิลป์ที่ผมคงได้แตะเป็นอันดับสุดท้าย

          ตู้นั่นส่งเสียงเชียร์อัพผมเนืองๆ เมื่อยามทิ้งตัวลงนั่งแล้วกวาดตามองก็อดทึ่งไม่ได้ว่าพี่กะทิเก็บสะสมของพวกนี้มาตั้งแต่อายุเท่าไหร่

          นอกจากตู้โชว์ของสะสมแล้ว อีกส่วนที่ผมไม่ย่างกรายเข้าไปเลยก็คือโซฟาสภาพไม่น่าใช้ นอกจากมันจะวางบิดเบี้ยว ไม่ถูกฮวงซุ้ยใดๆ คล้ายกับถูกถีบมาวางกลางห้องแล้ว ยังมีอสูรกายนอนสงบเหมือดเหมือนตายตลอดทั้งวัน

หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 01 มีค่าดังยาพิษ (หน้า1|231019)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 30-10-2019 00:52:41
          กระทั่งเมื่อตะวันคล้อยลอยต่ำ ผมก็ปีนไปเอาผ้าม่านออกมากองรวมกับภูเขาผ้าในห้องนอน และกลับออกมาอีกทีเมื่ออสูรร้ายตัวนั้นไม่อยู่ที่เดิมแล้ว มีเสียงโอ้กอ้ากลอยมาจากในห้องน้ำ ผมรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังต้นกำเนิด มิสเตอร์ทิวากรนั่งกอดชักโครก อ้วกจนแทบล้วงไส้ออกมาเพราะไม่มีแม้แต่อาหารที่ถูกขับออกมาแม้แต่น้อย

          “โห พี่ ได้กินข้าวบ้างป่าววะ”

          เขาตอบด้วยการโก่งคออีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำลายใสๆ ส่วนที่ขย้อนออกมานอนในชักโครกนั้นเป็นน้ำสีชา ไม่ใช่ฉิ้งฉ่องเพราะกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจัดมาก แนะนำให้ฟ้าเก็บน้ำชักโครก ใช้แทนน้ำยาล้างเล็บยังไหว

          “พี่ทิ”

          สาบานว่าเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดแล้ว เจ้าของชื่อมองผมตาขวาง แบบที่ว่าได้ยินเสียงกล่าวถามว่าใครพี่มึงลอยออกมาจากตาได้ทีเดียว

          ผมทำใจดีสู้เสือ กระโดดไปเปิดน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำให้แทนลูบหลัง มือไม้สั่นไปหมด ใครจะไปคิดว่าคนเราต้องมาเจอไอดอลตัวเองในสภาพแบบนี้วะ ถามจริงๆ

          “ผมว่าพี่เสร็จธุระแล้วอาบน้ำอาบท่าหน่อย จะได้สดชื่น เดี๋ยวผมไปเตรียมของกินกับเสื้อผ้าให้ อ้อ ผ้าเช็ดตัว ผมเห็นผ้าเช็ดตัวอยู่ในกล่อง...”
         
          “มึงยังไม่ไปอีกเหรอ”

          “พี่จำได้เหรอว่าไล่ผมแล้ว”

          “กู-ไม่ใช่-ปลาทอง”

          สร่างแล้ว แต่ยังก้าวร้าว ที่บอกว่าอย่าไปรู้จักตัวตนของคนที่เราชื่นชอบผลงานท่าจะจริง ไอ้พี่ทิจะเล่นมุกก็ไม่ใช่ หยาบคายก็ไม่เชิง ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ น้ำมนต์จะรอดวันนี้ไปให้ได้

          “เฟียสมากครับ แต่ว่าผมต้องอยู่”

          “พี่ลมจ้างมึงมาเท่าไหร่”

          โห คิดว่าเงินเท่าไหร่ถึงจะคุ้มวะกับการมาอยู่ในสลัมระดับสูงแบบนี้ พี่ทิแม่งคิดว่าผมซื้อได้ด้วยเงินหรือไง

          “ไม่ได้จ้างด้วยเงินอย่างเดียว” แต่หมายถึงมิตรภาพ น้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ และเพื่อการผดุงความฝันของผมด้วย

          “มึงอยากได้อะไร”

          อยากได้ฟ้ามาเป็นเมีย แต่ว่าตอนนี้กลายเป็นเรื่องรอง

          “ไม่ได้อยากได้อะไร ผมว่าพี่ไม่ไหวว่ะ”

          “เสือก จะไปไหนก็ไป อย่าให้กูไล่เป็นรอบที่สาม!”

          “ไม่ไปเว้ย!”

          ผมตวาดกลับ ทั้งที่ยืนชิดผนังจนแทบจะกลืนไปเป็นหนึ่งเดียวกัน พี่กะทิเดินเซ มือสั่น แต่แข็งแรงมาก ทุบผนังห้องน้ำข้างๆ ผมดังปึ้ก สัด เจ็บแทน

          “มึงจะเอาเงินเท่าไหร่”

          “พี่ ผมเป็นแฟนเพลงพี่”

          ถึงตอนนี้อยากลาออกจากด้อมใจจะขาด แต่ถ้าโปรดิวเซอร์คู่ใจช่วยไม่ได้ แม่บ้านช่วยไม่ได้ แฟนจริงๆ ก็ทิ้งไปใครจะลากพี่ทิออกจากเขาวงกตล่ะครับ ถึงจะโดนด่าว่าเสือก แต่พอเห็นสภาพของผู้ชายที่ผมเคยคิดว่าคูลฉิบเป๋งเป็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่อยากจะช่วย เออ ผมมันคงขี้เสือกจริงๆ นั่นแหละ

          “พี่ทิ ใจเย็นๆ นะพี่ ผมว่าพี่อาบน้ำอาบท่าก่อน เราค่อยมาคุยกัน”

          “มึงต้องการอะไร”

          “ตอนนี้ผมต้องการให้พี่อาบน้ำ”

          เขาหรี่ตามองผมด้วยสายตาประเมิน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เสพไปเป็นเวลานานและปริมาณเกินพอดีทำให้ตาขาวของอีกฝ่ายแดงก่ำ มือข้างที่ทุบผนังยังใช้ค้ำเป็นหลักอยู่เฉียดหูผมไปเพียงนิด อีกฝั่งเป็นอ่างน้ำ ทางหนีเดียวของผมถ้าไม่ไหลลงท่อระบายน้ำไปก็ต้องมุดใต้ศอกอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

          “ผม...ไปเตรียมของกินให้นะพี่ กินอะไรอุ่นๆ จะได้ใจเย็นลง”

          พูดพลางใช้นิ้วชี้ดันแขนใหญ่ที่ใช้แทนลูกกรงนั่นออกเบาๆ วิธีออกจากกรงขังสองทางแรกที่แวบเข้ามาในหัวปัญญาอ่อนเกินไป แต่วิธีนี้ก็ไม่เลว สายตาของพี่ทิยังเข้มข้น ร้อนแรง ซึ่งอย่างน้อยสัญญาณที่ดีก็คือเขาลดแขนลง ปล่อยให้ผมเดินหนีบไหล่ออกจากห้องน้ำโดยไม่หักคอไปเสียก่อน

          “เตรียมเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว ไม่ต้องมาอีก เอาคีย์การ์ดไปคืนพี่ลมด้วย กูไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย”

          ผมก็ไม่อยากวุ่นวายเลยครับแต่คนวุ่นวายน่ะคือครอบครัวที่จ่ายเงินให้พี่ไง

          อยากเถียงดังๆ แต่ได้แต่บ่นลำพังในใจ ผมดึงประตูห้องน้ำปิดให้เบาที่สุด ก่อนจะได้ยินเสียงโป้งเป้งของอะไรบางอย่างถูกปาไล่หลัง เดชะบุญ หัวของผมยังอยู่บนบ่า ผมกดโทรศัพท์ที่ซ่อนตัวเงียบเชียบในกระเป๋าโทรออกเบอร์ล่าสุดทันที

          “อีฟ้า! พี่ทิจะฆ่ากู!!”


TBC
สวัสดีวันพุธค่ะเอเวอรี่บาดี้<3
น้ำมนต์คนขยัน ขอบคุณทุกคนที่ช่วยแจ้งว่าเขียนชื่อยี่ห้อรถผิด ตะแงว รู้จักแต่วีอ๊อดอะ ขอโทษๆ เรื่องนี้นายเอกเราสู้มาก เป็นกำลังใจให้น้องน้ำมนต์คนสู้กันค่ะ! ไว้เจอกันพุธหน้า
เลิ้บยู
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 30-10-2019 01:33:04
น้ำมนต์ต้องเป็นคนใจเย็นขนาดไหนถึงจะเอาพี่ทิอยู่
ตั้งสตินะพี่ทิ อกหักเรื่องเล็ก อกเล็กเรื่องใหญ่พี่  :onion_asleep:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-10-2019 02:29:05
นี่รักฟ้าจริงดิ จิกกัดตล๊อด ฮา
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 30-10-2019 07:00:59
นึกสภาพห้องแล้วเป็นท้อแทน
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-10-2019 07:08:04
นานแค่ไหนกว่าจะกลับมาเป็นผู้เป็นคน :hao4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 30-10-2019 07:25:38
รอน้ำมนต์ร่ายมนต์ใส่พี่ทิอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-10-2019 11:04:09
เจอกันครั้งแรกก็สุดประทับใจแล้ว พระเอกกลิ่นโชยมาเชียว ยี้
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-10-2019 16:13:16
น้ำมนต์น่าจะเหนือย..ยยยยยย #แอบไม่ปลื้มฟ้านะ   :m16:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 30-10-2019 19:34:49
เอาใจช่วยนะคะ ขอบคุณไรท์มากๆค่ะรออยู่เด้อออออ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 30-10-2019 19:37:24
 :katai5: :katai5:5555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-10-2019 20:17:09
เรายินดีที่เวสต์มีความุขกับสิ่งที่ทำนะคะ

โอ๊ยยย เหนื่อยแทนน้ำมนต์ ทำไมทั้งทีมเพื่อน และพี่ทิ ทำตัวมีปัญหา
พี่ทิก็ไม่ไหวนะ ถ้าจะพังขนาดนี้ แล้วเค้าแคร์ไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 31-10-2019 10:18:30
อีฟ้าแล้วนาทีนี้ 55555555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sulumu ที่ 31-10-2019 13:41:42
มารอคุณ West ครับ
ติดเรื่องนี้งอมเเงม อดใจรอให้ถึงวันพุธหน้าไม่ไหว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 01-11-2019 23:59:56
พี่ทิจากคำบอกเล่าตอนแรกกับปัจจุบัน ต่างกันมาก :katai5:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-11-2019 21:45:51
สนุกจังเลยค่ะ ชอบๆๆๆๆๆ เว้ดไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ

ชอบคำเรียกสุดท้ายมาก อิฟ้า! 555555 ในที่สุดน้ำมนตร์ก็ปรี๊ดออกมาจนได้ ขำนางจริงๆ สู้ๆๆ นะน้ำมนตร์ แค่พี่ทิ น้ำมนตร์เอาอยู่ๆแล้ว / เหรอ? 555  o13
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-11-2019 00:18:26
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 02 อ้าวเฮ้ย (หน้า1|301019)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 06-11-2019 03:25:14
03  ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ)




          “ไอ้เหี้ย อย่างจี้”

          เรื่องจริงมันเศร้า เรื่องเล่ามักตลกเป็นคำคมที่ใช้ได้เสมอเมื่อเล่าเรื่องฉิบหายของตัวเองให้คนอื่นฟัง รูมเมทเพียงคนเดียวของผมขำจนแก้มกระเพื่อม ส่วนหญิงสาวผู้ส่งผมไปพบความฝันอันสูญสลายได้แต่ยิ้มเจื่อน ถ้าไม่ติดว่าสวยมึงซวยแน่ ข้อหาพังอิมเมจเทพบุตรสุดคูลของผมภายในครึ่งวันทำการ

          “แล้วยังไงวะ พอหนีออกมาจากห้องน้ำได้มึงทำยังไงต่อ”

          “ก็เทโจ๊กไว้ให้แล้วเปิดแนบสิครับ รออะไร”

          “เอ๊า แล้วสรุปมึงช่วยอะไรพี่กะทิได้บ้าง” ประโยคสุดท้ายเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หมายถึงผมนะที่อยากจะหักเหลี่ยมมันใจจะขาดแต่ไม่มีอะไรไปแข็งข้องัดด้วยได้ถาม ใต้ต้นก้ามปูที่แผ่กิ่งก้านสาขากว้างใหญ่ ไอ้เพื่อนเวรก็นั่งหัวเราะไประหว่างรอเข้าคลาสถัดไปที่ตั้งใจลงเรียนพร้อมกัน

          ผมตอบด้วยการถอนหายใจพรืดยาว ก่อนพรั่งพรูความอัดอั้นออกมายาวเหยียดเหมือน

          “จะให้กูช่วยอะไรได้ แค่เอาตัวรอดก็เกือบไม่ไหว ไอ้ควาย”

          “โห แล้วฟาดตั้งสองพัน ฟ้าอย่าไปให้มัน เอาไปสองร้อย แค่ทิ้งขยะ กทม.เก็บขยะทั้งเดือนยังคิดแค่ 50 บาท ไอ้น้ำมนต์”

          “เข้าไปเก็บขยะห้องพี่ทิง่ายมากมั้ง คิดว่ากระจอกขนาดนั้นไม่ไปทำเองล่ะวะ” อย่าให้ฉอด เพราะถ้าน้ำมนต์ฉอดจะฉอดไม่หยุด ผมไม่ชอบนิสัยตัวเองแบบนี้เลย แง่ง

          “โอ๊ย อย่าทะเลาะกัน เอาน่า อย่างน้อยก็รู้ว่าพี่ทิยังรู้เรื่องว่ามีคนแปลกหน้าเข้าไปในห้อง นี่น้ำมนต์ เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหม พี่ลมอยากเจอน้ำมนต์”

          “อยากเจอเราอะนะ”

          ผมทำหน้าหมาสำลักน้ำลาย กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสุดๆ พูดมาขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าอยากเจอเพราะอะไร ผมเคยได้ยินชื่อพี่ทิวลมอยู่บ้าง แต่ฟ้าไม่ได้เล่าให้ฟังบ่อยๆ แน่นอน ผมก็ไม่ได้อยากฟังเรื่องของพี่ลมบ่อยๆ เหมือนกัน เว้นเสียแต่ว่าพี่ลมเป็นผู้หญิง

          “โน ฟ้า เรารับงานนี้ไม่ไหว ลาออก อย่างนี้ต้องลาออก”

          “เฮ้ย อยากให้เจอกันเฉยๆ บ้า แกอะคิดม้าก”

          คนไม่คิดทำเสียงสูงเหมือนขึ้นไปพูดอยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ น่าเชื่อถือมาก ไอ้อุ้ยโกหกว่าไม่มีกิ๊กยังน่าเชื่อกว่า

          “แหม ไหนๆ ก็เลิกเรียนพร้อมกัน ถือว่าพี่ลมเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เข้าไปดูพี่กะทิหน่อยก็แล้วกัน ใช่ไหมนิว”

          “ข้าวที่ไหนอะ”

          นี่สิครับที่ว่าเพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายก็ปล่อยมันไป ไอ้นิวจะเป็นรูมเมทของผม เพื่อนคู่เตียงเคียงคู่หมอนของผม!

          “เดอฟีนอมีน่อล”

          “ตกลง! ไปดิน้ำมนต์ ร้านนั้นพิซซ่าผักโขมอร่อยมาก”

          “แพงมากๆ ด้วย”

          ทิวฟ้าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและโกงเก่ง ขอบคุณที่สนใจเรื่องบริษัทมากกว่าลงการเมือง ผมบอกได้โดยไม่ต้องใช้หมอดูคนไหนก็รู้ได้ทันทีว่าฟ้าสายเปย์พร้อมจะซื้อเสียงเพื่อความเป็นใหญ่ของตัวเองแน่ๆ เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะการเช็กบิลย้อนหลังมันคุ้มกว่าการลงทุนไง

          “เออๆ ถ้าจะไปก็ไป ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่ได้ผลหรอก เราต้องทำธีสิสจบ ถึงจะอยากช่วยฟ้าแค่ไหนก็คงทำไม่ได้หรอก”

          ผมดักคอ ขณะเดียวกันก็มีรอยยิ้มปรามาศจากรูมเมทผู้รู้เท่าทันผมคอยเย้ยหยันข้างๆ ทิวฟ้าฉีกยิ้มกว้าง กว้างแบบที่เห็นแล้วใครใจไม่สั่นมันผู้นั้นไม่ใช่คน ผมเหมือนโดนสะกดให้เท้าคางมองภาพตรงหน้าเพ้อๆ บทเพลงบางท่อนบางตอนของพี่กะทิลอยเข้ามาในหัว เมโลดีของเปียโน ผสมผสานกันกับกีต้าร์คลาสสิค ความรู้สึกของผมไหวเอน คล้ายกับว่าจะยอมทำตามทุกคำสั่งของฟ้าแค่หญิงสาวออดอ้อนสักคำหวานๆ ให้ชื่นใจ

          “ฟ้าดีใจน้าที่น้ำมนต์ช่วย”

          “อื้อ”

          ผมยิ้มเขิน เกาท้ายทอย เสเบือนสายตาหลบดวงตาวาววับ ความลำบากของคนแอบรักเพื่อนก็เรียกว่ายากมากๆ แล้ว ถ้าไม่เซียนจริงคงไม่หน้าด้านหน้าทนนั่งตรงนี้ทั้งที่แฟนมันก็เป็นเพื่อนตัวเองเหมือนกันอย่างนี้หรอก เสียงหัวเราะขึ้นจมูกของไอ้นิวยังฟังรกแก้วหู มันเป็นเพียงคนเดียวที่รู้จักความคิดของผม กระนั้นนิวก็ไม่ได้ห้ามปรามจริงจัง ตราบใดที่ผมอยู่ในเส้นแดนของผม ไม่ก้าวล่วงพังทลายความสัมพันธ์ของพวกเราลงครืนด้วยความคิดวูบไหวไปตามอารมณ์

          แน่ล่ะ...เพราะผมกับฟ้า ไม่มีอะไรคู่ควรกันเลย

          ไม่ต้องย้ำ ภาพก็ชัดเจนทุกอย่างเสมอมา

         

         

          การพบกันครั้งแรกของผมกับพี่ทิวลม พี่ชายอายุมากกว่าทิวฟ้าถึงสิบปีเกิดขึ้นในร้านอาหารฟิวชั่นไทยอิตาเลี่ยน ไอ้นิวสั่งเมนูในฝันไม่ยั้ง ไม่มีคำว่าเกรงใจ ไม่เคยแคร์คอเรสเตอรอลหรือน้ำหนัก ฟาดคนเดียวยาวเหยียดจนคนอื่นไม่ต้องสั่งเพิ่มตามเคย สั่งไม่ดูฐานะ สั่งเหมือนอยากกินให้อิ่มไปจนถึงชาติหน้า ซึ่งรอบนี้นางฟ้าของผมไม่ขัด ก็นะ...หัวคะแนนอย่างไอ้นิวมีคนเดียวก็เกินคุ้ม เลี้ยงหนึ่งครั้งทวงบุญคุณหนึ่งเทอม เทอมหน้านับใหม่ ถ้าไม่มีเบี้ยใบ้รายทางที่ต้องไหว้วานอะไรเพิ่มเติม

          สำหรับผมแล้วจะเรียกว่าเคยชินกับไลฟ์สไตล์ของคนรวยก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่แปลกใจถ้าเมื่อย่างกรายลงจากรถหรูของไอ้อุ้ยแล้วพนักงานจะบริการราวผมเป็นเทวดา จากไอ้น้ำมนต์ของคนที่บ้านกลายเป็นคุณผู้ชายแค่เดินตามไฮโซนนท์เท่านั้น ความยุติธรรมของชุดนิสิตคือแม้ว่าฐานะทางบ้านผมจะห่างชั้นกับคุณชายนนท์แค่ไหนก็ไม่ดูประดักประเดิดเกินไป ออกแนวคล้ายบอยแบนด์ที่ต้องมีคาแรคเตอร์ของตัวเอง ผมขอนำเสนอตัวเองในมาดของผู้ชายที่มีฐานะ ฐานะยากจน

          ร้านอาหารเดอมาพอห์นซัมธิงที่ว่าตั้งอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นร้านในโรงแรมหรูหราระดับหกดาว คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะ new rich asian อย่างคนจีน อีหล่งฉ่งฉ่างกันทุกถิ่นที่ ทิวฟ้ารู้จักร้านนี้ดี เปิดห้องอาหารสุดเอ็กคลูซีฟ สุดไพรเวทด้วยเงินไอ้อุ้ย น้ำเปล่าที่เสิร์ฟก็ไม่ใช่น้ำก๊อก หรือน้ำประปา แต่เป็นน้ำแร่ธรรมชาติ จานชามสะอาดสะอ้าน แม้แต่ทิชชู่ยังดูดีกว่าเสื้อนักศึกษาที่ผมสวมด้วยซ้ำไป

          “สวัสดีค่ะคุณแอ้ พี่ลมมาหรือยังคะ ไม่ตอบข้อความฟ้าเลย”

          “มาแล้วค่ะ คุณลมติดสายอยู่” ผู้จัดการร้านเข้ามาทักทายทิวฟ้า ผมชะเง้อคอมองหาคนที่น่าจะหน้าตาละม้ายหญิงสาวที่สุด กระทั่งพี่ลมเดินเข้ามาจริงๆ ก็ตอบได้ในปราดตาเดียวว่าทิวลมและทิวฟ้าเป็นพี่น้องคลานตามกันมาไม่ผิดเพี้ยน

          “ว่าไงเจ้าอุ้ย สั่งอะไรไปหรือยัง”

          “สั่งแล้วครับ เพื่อนผมกินจุหน่อยนะ เดี๋ยวผมช่วยออก”

          “ไม่ต้องๆ เป็นเด็กเป็นเล็ก คนไหนชื่อน้ำมนต์ล่ะ” เข้าเรื่องรวดเร็ว ฉับไว พี่ลมไม่ได้มีท่าทางเหมือนคนอายุสามสิบเลยสักนิด เขาทั้งสมาร์ทและกระฉับกระเฉง ยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาขาวใสเปล่งประกายอย่างคนเชื้อจีนแรงกล้า ผมยกมือไหว้ก่อนไอ้นิวจะทำตาม อุ้ยชี้มาทางผมแล้วแนะนำให้รู้จัก

          “คนนี้ชื่อน้ำมนต์ครับ ไอ้อ้วนนั่นชื่อนิว น้ำมนต์เรียนเอกการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ส่วนนิวเรียนเอกการจัดการเจ้าของธุรกิจ”

          ในสายวิชาบริหารของมหาวิทยาลัยผมเปิดรับนักศึกษาเข้าเรียนสาขาใหม่ๆ หลายอัตรา และแม้ว่าตอนปีหนึ่งเราจะเรียนด้วยกันทุกตัว เมื่อขึ้นปีสองแต่ละคนก็เลือกเอกเป็นของตัวเอง อย่างอุ้ยก็เรียนบริหาร ส่วนฟ้าเรียนสายงานการจัดการกับต่างประเทศ เหลือเพียงบางวิชาเท่านั้นที่ยังลงเรียนเซคเดียวกันอยู่

          “อ้อ คนนี้เอง หน้าตาดีนะเรา”

          “หา?” พี่ลมเป็นคนแรกเลยที่ชมแบบนี้ เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่น่าไว้ใจ หลอกชมให้กูทำงานให้หรือเปล่าเนี่ย “ผมน่ะแค่ไปวัดหมาไม่หอนก็ดีใจแล้วครับ”

          “ก็เวอร์ไป แต่หน้าตาดีจริงๆ จัดการแต่งตัวให้ดีๆ หน่อยปั้นได้เลยล่ะ สนใจไหม”

          “พี่ลมเป็นนักปั้นเด้อ ตาถึง” ทิวฟ้าอวยพี่ตัวเองสุดใจ แล้วไง ปั้นผมเป็นดาราแล้วฟ้าจะเลิกกับไอ้อุ้ยมาคบกับผมไหมล่ะ ถ้าไม่ก็อย่ามาอวยดีกว่า “คนนี้แหละค่ะที่ฟ้าบอกว่าเป็นแฟนคลับพี่กะทิ”

          “ทิมันคงดีใจนะที่ยังมีแฟนคลับ ตั้งแต่มันทำงานให้ค่ายก็ไม่ค่อยเจอแฟนเพลงตัวเอง มันเขียนเพลงให้น้องเจนเสียเยอะด้วย แฟนเพลงก็สนใจแต่หน้าตากับท่าเต้นมากกว่าเนื้อหาที่ทิเขียน”

          ผมเห็นด้วย ก็น้องเจนโดดเด่นเด้งดึ๋งขนาดนั้น ทว่าเรื่องที่พี่ทิคบกับเด็กในสังกัดก็เป็นเรื่องที่รู้กันแคบๆ ผมยังเห็นน้องเจนให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดว่าหัวใจยังว่างอยู่เลย เหอะ หัวใจว่างแต่ห้องไม่ว่าง อยู่กับผัว แต่พูดไม่ได้

          “วันนั้นเข้าไปไอ้ทิแผลงฤทธิ์อะไรหรือเปล่า”

          “ก็มีบ้างครับ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเยอะนะ แค่เอาขยะไปทิ้ง พี่ทิเมาไม่รู้เรื่อง”

          “เหรอ วันหลังไปอีกสิ”

          นั่น...ผมมองฟ้าค้อนขวัก ส่วนคนลากผมมาเชือดกลางห้องอาหารเฉไฉเล่นโทรศัพท์ เรด้ารับสัญญาณเพื่อนเสียกะทันหันนะมึง

          “ไม่ไหวหรอกพี่ ผมปีสี่แล้ว ต้องทำธีสิสจบอีก”

          “แต่ไม่หนักไม่ใช่เหรอ ฟ้าบอกว่าเมื่อก่อนเราสอนพิเศษด้วย พี่ว่าน้ำมนต์ทำได้ ไอ้ทิมันไม่มีอะไรหรอก ถ้าพามันไปหาหมอบำบัดเรื่องติดเหล้าได้น่ะนะ”

          “ถ้าไม่มีอะไรทำไมพี่ลมไม่ดูแลเองล่ะครับ”

          “พี่มีงานต้องทำเยอะไปหมดเลยว่ะ อีกอย่างไม่ค่อยมีศิลปะในการพูดกับมันด้วย เข้าใจใช่ไหมพอคนเราสนิทกันมากๆ ช่องว่างของความเกรงใจจะหายไป พี่เห็นมันทำเพลงตั้งแต่ตอนทำลงยูทูป”

          “ใช่ไหม! ผมก็ตามพี่ทิตั้งแต่ตอนนั้น พี่เขาไปสุดมาก แต่ไม่เคยเล่นให้เห็นหน้านะ ผมเห็นแต่มือตอนโซโล่กีต้าร์ อย่างเท่ นิ้วสวยมาก นิ้วเรียวยาวอย่างกับผู้หญิง”

          “จริงๆ มันหล่อนะ”

          “โห วันที่ผมเห็นห่างไกลมากพี่ หนวดเคราเฟิ้มเชียวโทรมเหมือนผีดิบ บอกว่าเป็นผีดิบผมก็เชื่อนะ แต่ผมรอด ซอมบี้แม่งกินสมอง ผมไม่ค่อยมี”

          “น่ารักนะเราน่ะ”

          เอะเอ๊? !?

          ตอบน้ำมนต์ทีว่าทำไมถึงจบประโยคด้วยคำนี้ ผมมองทิวฟ้าโดยอัตโนมัติด้วยประโยคคำถามว่าฟ้าๆ พี่มึงชมเพื่อนแบบนี้ทุกคนมั้ย

          “ไม่ได้นะพี่ลม”

          “อะไร ชมไม่ได้เหรอ ฟ้านี่หวงเพื่อนจังเลยเนอะ มีเพื่อนน่ารักแบบนี้ไม่เคยพามาให้พี่เจอ”

          “ไม่ชมนิวบ้างล่ะ นิวก็น่ารัก”

          คนถูกพาดพิงคว้าส้อมมีดรอแล้ว ชะเง้อคอยาววว่าเมื่อไหร่อาหารจะมาเสิร์ฟ ออเดิร์ฟเป็นยำผลไม้ มิกซ์แอนด์แมชเบอรี่กับสูตรน้ำยำสไตล์ไทย นิวไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม มาเพื่อกินและชัดเจนเสมอมา

          “เข้าเรื่องเลยดีกว่า พี่ว่าไอ้เจ้าทิมันติดเหล้าน่ะ”

          พี่ลมตัดบทไม่ให้ผมกระอักกระอ่วน มีอะไรเซอร์ไพรส์เหรอครับ สภาพที่ผมเห็นคราวนั้นก็น่าจะติดเหล้าอยู่แล้ว งอมแงมทีเดียว

          “ผมเห็นตามโรงพยาบาลก็มีคนให้คำปรึกษาเรื่องบำบัดอาการติดเหล้านะพี่”

          “ไอ้ทิมันไม่ไปนี่สิ”

          “อ้าว แล้วเขาทำงานได้เหรอครับ”

          “ไม่ได้น่ะสิ” ใช่ นั่นไง แล้วทำไมไม่ไปวะ “กะทิบอกว่าไม่ทำเพราะไม่อยากทำ ไม่เกี่ยวกับเหล้า”

          “ไม่เกี่ยวได้เหรอ ตื่นมาก็อ้วก อ้วกเสร็จจะดื่มต่อเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้ สภาพเหมือนโดนของ”

          “เออ ใช่ไหม”

          ผมเริ่มคุยกับพี่ลมรู้เรื่อง เห็นพ้องต้องกันว่าอยากให้พี่กะทิเข้าบำบัด เหตุผลหลักคืออยากให้เขากลับมาทำงานอีก อย่างน้อยก็ในฐานะคนเขียนเพลงก็ได้ ไม่ต้องเล่นร้องเหมือนสมัยยังไม่ดังเพราะตอนนี้ไม่มีน้องเจนคอยขับขานส่งต่อท่วงทำนองคล่องหูอีกต่อไปแล้ว แต่ผมว่าพี่กะทิก็ทำเพลงให้ดังได้ แมสได้ แมสแบบเพราะๆ ก็เยอะแยะไป

          “บางคนเขาต่อต้านเพลงแมสนะ”

          “ทำไมอะครับ”

          “เขาเชื่อว่ามันขายวิญญาณ” พี่ลมว่า ตักพาสต้าใกล้มือใส่จานแบ่งให้ผม อาหารกระจุ๋มกระจิ๋มพรรค์นี้กินไม่ทันอิ่มก็เลี่ยนก่อน น้ำมนต์รักในข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ปีกไก่ทอดน้ำปลา ยำปลาดุกฟู แบบนัวๆ ร้านริมทาง ยิ่งสภาพสกปรกยิ่งอร่อย อร่อยระดับเลียจาน

          “ขายวิญญาณยังไงอะพี่”

          “ก็นายทุนเข้าใช่ไหม พอนายทุนเข้าก็ทำตามใบสั่งของนายทุน มันเลยเป็นเพลงที่ไม่ค่อยได้คุณภาพ มีนักเขียนเพลงแค่ไม่กี่คนหรอกนะที่เป็นมืออาชีพ พี่หมายถึงต่อให้มีใบสั่งก็เขียนเพลงตามใบสั่งได้สวยงาม”

          “อย่างพี่กะทิเรียกว่ามืออาชีพไหมครับ”

          ผมถาม พี่ลมยิ้ม ดวงตาเป็นสระอิคล้ายทิวฟ้า แต่โครงหน้าความเป็นผู้หญิงของฟ้าน่ารักกว่า กระนั้นองศามุมปากก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ อาจเป็นลักษณะรอยยิ้มที่ดูเหมือนคนเจ้าเล่ห์ ลุ่มลึก และดูรว้ายๆ เหมือนกันทั้งบ้าน

          “กะทิไม่เขียนเพลงตามใบสั่ง แต่มีวินัย ถ้าบอกว่าอยากได้เพลงเดือนไหน ให้ใครร้อง เขาจะหาแนวทางของนักร้องคนนั้นแล้วแต่งเพลงออกมา ทุกเพลงของกะทิเลยติดหู แล้วก็เป็นแมสเพราะความโปรเฟสชันแนล”

          ผมแม่ง โคตรเลื่อมใสพี่ทิเลย

          “เสียดายที่ตอนนี้ขาดวินัย แต่เขาเป็นคนอินดี้ คนอินดี้กับงานอินดี้ไม่เหมือนกันนะ หมายถึงไลฟ์สไตล์ บางทีบอกให้เขาเขียนเพลงส่งภายในเดือนมกรา ในธีมครบรอบก่อตั้งห้างสรรพสินค้า เขาจะหายไปแบบตามตัวไม่ได้ แต่กลับมาอีกทีพร้อมงานที่ดีที่สุด”

          “ต้องแก้ไหมพี่”

          “มีบ้าง ธรรมดา บางครั้งแก้หลายรอบ บางครั้งไม่ต้องแก้เลย บางครั้งสั่งแก้ เขาไม่แก้ แต่เล่นให้ดู เฮ้ย มันดีว่ะ แต่นักร้องเรามือไม่ถึงจริงๆ จะให้กะทิร้องก็ไม่ร้อง พอร้องมากๆ ต้องรับอีเวนท์ เราเข้าใจใช่ไหมว่าบางทีร้องตามผับก็มี ต้องเซอร์วิส กะทิทำไม่ได้ เขาชอบร้องเพลง ไม่ได้ชอบเล่นตลก”

          จะว่าไปทิวากรก็เป็นที่โด่งดังเพราะเปิดยูทูปมาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่แนะนำตัวอะไรทั้งนั้นดีดกีต้าร์นำ บางทีก็ตั้งกล้องถ่ายแผ่นหลังกว้างกับเปียโนตัวนั้น เปียโนสีดำโบราณ คนจับได้ว่าเขาเป็นใครจากรอยสักที่นิ้วรูปตัวหนอนเหมือนในแป้นพิมพ์ ไม่มีใครเล่าประวัติของมัน แม้แต่เจ้าตัว พี่กะทิเลยเป็นไอดอลซึ่งคล้ายการอุปโลกขึ้นมาว่ามีตัวตนหรือไม่มี นึกถึงครั้งที่นักร้องชายบางคนถูกสร้างข่าวลือว่าเป็นผู้หญิง จนถึงทุกวันนี้ยังมีคนเชื่อแบบนั้น ตลกดี

          “น้ำมนต์ชอบเพลงไหนของกะทิที่สุดเหรอ”

          “ผมเหรอ ผมชอบเพลงดนต์บรรดาล เคยได้ยินคำว่าดลบรรดาล แต่พี่ทิเอาคำว่าดนต์จากดนตรีมาเล่นคำ ผมว่าเขามีความรู้ด้านภาษาไทยที่เฉียบมาก ไหนจะความคิดสร้างสรรค์ ถามผม ผมตอบไม่ได้หรอกว่าคิดได้ยังไง”

          “เชื่อไหมกะทิเคยเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่”

          “ลงหลุมไหมพี่” ผมหมายถึงยาเสพติดให้โทษอื่นๆ พี่ลมส่ายหน้าหวือ ตักพิซซ่าให้ผมเพิ่ม เพลงบรรเลงเล่นคลอเพิ่มอรรถรสแต่ไม่กลบเสียงส้อมและมีด ด้านไอ้นิวตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนฟ้ากับแฟนก็กระจุ๋งกระจิ๋งต๊ะติ่งโหน่งจนรกลูกตา ผมผูกขาดบทสนทนาไว้กับพี่ลมเป็นเรื่องราวของพี่กะทิแบบเอ็กคลูซีฟอย่างที่แฟนเพลงคนไหนก็ไม่เคยได้แหย็ม

          “กะทิไม่ยุ่งเลย ผิดกับนิสัยนักดนตรียุคเก่าที่บอกว่าต้องพึ่งเฮโรอีนผลิตสื่อ”

          “นั่นไง ผมว่าแล้ว เท่เป็นบ้า” ตัดสลับภาพมาเป็นผู้ชายกากๆ ในห้องนอนสับปะรังเคนั่นแล้วทดท้อ “พี่ทิคงรักน้องเจนมากเนาะ”

          “ไม่รู้มัน ตอนคบกันก็พาไปดีนะ แต่เจนคบคุณพรหมดีกว่า”

          ตัวละครลับโผล่ขึ้นมา แปลว่าพี่ทิสุดเท่ของผมโดนคุณพรหมแย่งของรัก กลายเป็นสภาพกอลลั่มโหยยาจนปัจจุบัน

          “คุณพรหมเป็นลูกชายคุณพฤกษ์”

          “พี่เล่นมุกอะไร ไวพดเพ็ดตะพึดเหรอ”

          “เปล่าๆ แค่ไล่เรียงให้เห็นว่าคุณพฤกษ์เป็นเจ้าของค่ายเพลง ส่วนคุณพรหมน่ะเป็นลูกชายที่ตอนนี้คบกับเจน ที่จริงน่าจะคบกันมาสักพักแล้ว แต่ไม่มีใครคิดว่าคุณพรหมจะจริงจัง ไอ้เจ้ากะทิมันก็เป็นคนไม่ติดตามข่าว อยู่ป่าได้คงหายเข้าป่าไปแล้ว พอลำดับเหตุการณ์ได้ไหม”

          เท่านี้ก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมเรื่องส่วนตัวของพี่กะทิกับเรื่องงานถึงยึดโยงเกี่ยวพันกันไปหมด สรุปคือตอนนี้ไม่มีแรงแต่งเพลงให้ค่ายที่หักหลังตัวเอง เพราะตั้งแต่ลูกชายเจ้าของที่ลักลอบเป็นชู้กับศิลปินในค่าย

          “โห ผมสงสารพี่กะทิเลยว่ะ โดนแย่งแฟนจากลูกเจ้านายงี้”

          “แล้วจะโดนไล่ออกด้วยถ้าทำงานให้ค่ายไม่ได้”

          อะไรจะซวยซ้ำซ้อน แต่จากสมบัติที่เห็นถ้าไม่เอาเงินไปลงขวดหมดก็น่าจะลาออกไปอยู่ต่างจังหวัดสบาย ในทางกลับกัน การหนีเข้าป่าอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีของพี่ทิ เพราะถึงแม้เป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ทพี่ทิก็ยังต้องการแฟนคลับและชื่อเสียงในการยืนยันว่าผลงานของตัวเองเป็นที่ยอมรับอยู่ดี

          “นี่ น้ำมนต์ พี่อยากได้คนที่ไว้ใจได้พากะทิไปรักษา”

          “ใช่สิพี่ ถ้าขืนเรื่องนี้หลุดออกไปมีแต่เสียกับเสีย”

          “แล้วไม่ใช่ว่ามาทำงานด้วยเงินด้วย เพราะไอ้เจ้าทิก็ร้าย ฟ้าได้เล่าไหมว่าไล่จ้างแม่บ้านออกไปคน อาละวาดไปคน”

          “ได้ข่าวว่าสามคน”

          “อืม นั่นแหละ”

          จู่ๆ เสียงเชลโล่ก็ดังชัด ผมรู้สึกว่าพี่ลมจะตักอาหารใส่จานให้ผมมากเกินไปแล้วล่ะ มันดูเกินไป เกินไปทุกอย่าง

          “น้ำมนต์ช่วยพี่หน่อยสิ”

          นั่นไง เซนส์กูเคยพลาดที่ไหน ขอเพลงหมากเกมนี้ฉันก็รู้ จะต้องลงเอยเช่นไรครับ พี่พูดราคามาเลยดีกว่า อย่าเสียเวลาหว่านล้อมกันให้มากความ ถ้าบอกว่าทิวฟ้าเจ้ามารยาแล้วผมยอมพี่ลมจริงๆ เล่นหลอกให้ผมเผยความชื่นชมในตัวพี่กะทิหมด ตะล่อมด้วยความดีงามที่ผ่านมา ปิดท้ายว่ากูจะใช้มึงแล้วน้า ที่ผ่านมาแค่ขนมๆ ผมกลืนน้ำลายลงเอื้อก บอกแล้วว่าค่าความเสี่ยงต่อชีวิตไม่คุ้มเลย ไม่คุ้มจริงๆ
         
          “ฟ้ามันให้ผมชั่วโมงละสองพันแหนะพี่ ผมยังไม่สู้เลย คนเมา คนไม่มีสติน่ากลัวนะครับ ผมยังไม่มีเมียเลยพี่ลม”

          “งั้นพี่เป็นเมียให้เอาปะ”

          “เดี๋ยวครับ ไม่ได้!” ถึงพี่จะหน้าคล้ายกับฟ้ามากแค่ไหน แต่ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ!

          “ล้อเล่นโว้ย ปฎิเสธขึงขังเชียว เดี๋ยวเหอะ แต่ที่จะให้ช่วยไอ้เจ้าทิน่ะ พูดจริงๆ นะ พี่เสียดายมันว่ะ”

          “เสียดายฝีมือ?”

          “เสียดายเงิน จ้างมันไว้หลายงานเลย”

          ผ่าม!

          มาดดีอย่างพี่ลมก็แหย่ขึ้นเว้ย

          “ก็พี่ลมไปแหย่น้ำมนต์ เดี๋ยวน้ำมนต์ก็ไม่ช่วย”

          นางฟ้าผมเข้าชาร์จ ผมยิ้มโชว์ฟันกระต่ายเต็มภาคภูมิ เห็นร่องรอยของความเอ็นดูผ่านดวงตา ถ้าฟ้าอายุสามสิบจะกลายเป็นคนติดหรูเหมือนพี่ลมหรือเปล่า หรือยังเป็นฟ้าคนเดิมที่ผมรู้จัก คนที่กินข้าวข้างทางด้วยกันได้ คนที่ปกป้องเวลาผมถูกแกล้งแบบนี้อยู่ไหม

          “พี่ พูดจริงผมก็สนใจแหละนะ แต่ว่าผมก็กลัว ผมยังมีอนาคตนะครับ”

          “เราเรียนอะไรมานะ”

          “การจัดการทรัพยากรบุคคลครับ”

          “คิดว่าเงินเดือนจบไปจะได้สักเท่าไหร่”

          “ถ้าในกรุงเทพ หรือบริษัททั่วไปก็น่าจะซักหมื่นห้าครับ”

          ปริญญาตรีอะโนะ แต่ผมแค่ปีสี่เองนะครับ ยังไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ ทำงานแถวไหน ตอนนั้นจะยังหารค่าห้องกับไอ้นิวอยู่ไหม หรือว่าจะกลับไปทำงานที่บ้านดีกว่ากัน

          “พี่ให้สองหมื่น สามเดือนโปร ทำไปเรียนไปได้ ไม่จำกัดเวลาเข้างาน ไม่จำกัดเวลาออกงาน แค่พากะทิไปบำบัด หลักๆ เลย แค่นี้ แต่ถ้าทำให้มันกลับมาเขียนงานได้พี่ให้อีกสามพัน สนใจไหม”

          สองหมื่นเลยเหรอครับ เชี่ย ทำงานสองเดือนได้ไอโฟนเครื่องใหม่ ทุนนิยมนี่มันแย่จริงๆ

          “ถ้าเรียนจบแล้วกะทิมันเป็นผู้เป็นคนอาจได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวเลยนะ”

          เท่สัด เป็นผู้จัดการส่วนตัวของกะทิ ทิวากร แต่ว่า...

          “ปกติแล้วคนเขียนเพลงต้องมีผู้จัดการส่วนตัวด้วยเหรอครับ”

          “ไม่ต้อง”
         
          “อ้าว งี้ก็ขายฝันผมสิ”

          “ไม่ใช่ดิ เมื่อก่อนกะทิมันมีเจน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว มันก็ต้องการคนอยู่ด้วย พ่อมันไม่ยอมรับเรื่องเป็นนักดนตรีด้วย รู้ไหม ต่อให้ได้เรียนดนตรีหรือถีบตัวเองมาเป็นเบอร์แรงของประเทศก็ยังไม่คุยกับมันเลย”

          “ดราม่านะครับ”

          “น้ำมนต์จะช่วยใช่ไหม”

          เนี่ย แล้วก็วางพิซซ่าให้ผมอีกชิ้น คนอย่างผมซื้อด้วยของกินไม่ได้หรอกครับ อยากล่อด้วยอาหารหันไปทางไอ้นิวโน่น ที่สำคัญไม่ใช่คนขี้เกรงใจด้วย ผมอ่อนข้อให้กับผู้หญิง พี่ทิวลมก็ไม่ใช่ผู้หญิงปะ

          “เดี๋ยวพี่คุยกับทางบริษัทให้ออกหนังสือรับรองการทำงานให้ด้วย ทำงานเลยนะ ไม่ใช่รับรองฝึกงานนะ”

          ประสบการทำงานกับโฟลด์เรคคอร์ด ด้วยเงินเดือนสองหมื่นเลยนะเว้ย

          “ถามจริง น้ำมนต์อยากได้อะไร ถ้าพี่หาให้ได้พี่หาให้เลย”

          อยากได้น้องสาวพี่ครับ แต่ไม่เอากระสุนจากไอ้อุ้ย ซึ่ง...เงื่อนไขที่คิดไว้นอกจากไม่น่าจะทำได้แล้วยังเสี่ยงโดนตีนด้วย แต่ทำไมถึงต้องเป็นผมวะ

          “น้ำโมนน ช่วยพี่เราหน่อยน้า”

          โอเค ทิวฟ้าเสียงหวานมาขนาดนี้ใครมันจะใจไม้ไส้ระกำลงคอ

          “ให้ผมเริ่มงานเมื่อไหร่ครับพี่ลม”

          ไอ้นิวผู้เงียบตลอดมื้ออาหารสำลักพาสต้าขึ้นจมูก ไม่รู้จะสมเพชมันหรือตัวเองดีที่สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนทิวฟ้าอะเกน อะเกน แอนด์อะเกน

          ใครบอกร.ห้าเลิกทาสแล้วครับ

          ทำไมผมยังเป็นทาสรักของหญิงสาวอย่างอับจนหนทางตลอดเลย





TBC

                วันพุธเดินทางมาถึงไวจังเลยค่ะ ช่วงนี้เว้ดกลับมาปั่นงานอีกแล้ว เป็นคนชอบทำงาน! เรารักงานเร่ง!! ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นนะคะ ไว้เจอกันใหม่พุธหน้า (ถ้ายังมีชีวิต)
                ใครเล่นทวิตฝากแท็ก #ดังต้องมนตร์ นะคะ จะเข้าไปส่อง ช่วงแรกๆ ยังเป็นช่วงล่อลวง เดี๋ยวรู้ใครจะแสบกว่าใคร ฮึ่มๆ 
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 06-11-2019 08:28:56

วันพุธสีเขียวมาเร็วจังเลยค่ะ ชอบมาก

ยิ่งชอบมากขึ้นไปอีกับจังหวะพี่ลมล่อลวงน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 06-11-2019 09:39:57
พี่ลมร่ายยาวมาเป็นตอน เจอประโยคเดียวจากฟ้า จอดเลย
น้ำมนต์นังคนโง่ 555555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 06-11-2019 11:13:40
ไม่ต้องหรอกน้ำมนต์ ทิวฟ้าน่ะ ทิวลมแล้วกัน
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 06-11-2019 11:47:11
เหมือนน้ำมนตร์กำลังโดนแก๊งค์พี่น้องล่อลวง ป้ายยา 55555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-11-2019 23:25:51
น้ำมนต์..คนใจอ่อน   :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-11-2019 07:45:48
ไม่รอด สุดท้ายก็ต้องช่วยอยู่ดี 5555555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 08-11-2019 13:08:13
โถ้น้ำมนต์ สุดท้ายก็แพ้บ้านนี้55555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-11-2019 19:37:41
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 09-11-2019 00:16:57
ง่ายกว่าที่คิดเยอะ
พี่ลมอ่านเกมขาดจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ) (หน้า2|061119)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-11-2019 22:35:56
ชอบพี่ลม หว่านล้อมเก่งมาก
หัวข้อ: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 13-11-2019 00:49:44
04 ทำคุณบูชาโทษ


จำคำผมไว้นะ

ถ้าไม่อยากทำอะไรให้รีบปฎิเสธให้เด็ดขาด อย่ายืดเยื้อ

ไม่อย่างนั้น สิ่งเหล่านั้นมันจะตามติดคุณเหนียวหนึบแน่นยิ่งกว่าเวรกรรม

หลังหมดคาบเรียน ในช่วงสายที่พระอาทิตย์ซ่อนตัวหลังเมฆก้อนสีเทาผมก็ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยด้วยรถไฟฟ้าไปหาพี่กะทิที่คอนโดเพื่อจัดการภารกิจพิชิตฝัน

ไอ้นิวถ่มถุยหยามเหยียดผมยาวยืดจนหมดแรงถึงได้ยอมเปลี่ยนมาชวนคุยเรื่องกันดั้มตัวใหม่ที่ฝากรุ่นน้องซื้อจากญี่ปุ่น ซึ่งหน้าตาเหมือนคลองถมเปี๊ยบ ราคาแพงกว่าสองเท่า แกะสติ๊กเกอร์ออกก็พบว่าเป็นป้ายเม้ดอินไทยแลนด์ เลยหาข้อสรุปกันว่าที่จริงระหว่างผมโดนฟ้าหลอกกับไอ้นิวโดนรุ่นน้องหลอกอะไรดูโง่น้อยกว่ากัน

ชีวิตมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายของคณะการจัดการเป็นปัจเจกต่างกันโดยสิ้นเชิง บางคนไปฝึกงานตลอดเก้าเดือน หรือเทอมครึ่ง บางคนเลือกทำวิจัย บางคนยังเก็บตัวเลคเชอร์ไม่ครบ ส่วนผมกับกลุ่มเพื่อนเก็บตัววิชาเลือกเอาไว้ และไปฝึกงานกันตั้งแต่ปีสาม โดยก่อนหน้านั้นยัดเรียนวิชาหลักตั้งแต่ปีสองจนสมองบวม เกือบตาย แต่ก็รอดมาได้

แนวทางความคิดว่ารีบเรียน รีบฝึกงาน ปีสี่จะได้สบายได้มาจากไอ้อุ้ย เพราะมันตั้งใจจะไปชิลต่างประเทศบ่อยๆ ก่อนเรียนจบไปทำงานกับที่บ้าน เตี่ยมันเป็นคนรวยที่แสนประหลาดสำหรับผม ไอ้อุ้ยคุยตลอดว่าถ้ามีเงินให้รีบใช้ตั้งแต่ตอนเรียน เพราะเมื่อไหร่ที่เริ่มงานมันจะโดนเตี่ยตัดวงเงินในบัตรเครดิต เหลือให้ใช้เพียงเงินเดือนที่มันหาได้ มิหนำซ้ำยังให้ไอ้อุ้ยเริ่มงานจากการเป็นสจ๊วต ไม่ใช่สจ๊วตบนเครื่องบินแต่อย่างใด แต่เป็นร้านอาหารในเครือบริษัท และตำแหน่งสจ๊วตก็คือพนักงานล้างจาน หรือเบ๊ของพ่อครัวอีกที โดยปกปิดฐานะไม่ให้เพื่อนร่วมงานรู้อีกต่างหาก

ละค๊อน ละคร

ขอให้ฟ้าทิ้งมันตอนนั้นเผื่อโอกาสจะตกเป็นของผมบ้าง พูดแล้วจะร้องไห้ หวังว่าถูกหวยยังมีโอกาสมากกว่าเลย

และเพราะเหตุนั้น ผมจะเห็นตารางการใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ของไอ้อุ้ยที่เดี๋ยวบินขึ้นเขาภาคเหนือ ดำดิ่งดูปะการังในทะเลใต้ หอบทิวฟ้าไปอเมริกา หรือดินเนอร์ก้ามปูยักษ์ที่สิงคโปร์ ส่วนไอ้นิวที่นอนอืดกับกองซีดีซิงเกิ้ลของวงเกิร์ลกรุ๊ปที่มันชอบตลอดปี อาจมีบางวันออกจากห้องน้ำมาเจอไอ้อ้วนตบเตียงปุๆ ตามแบบลิซ่าให้ผมถอยกรูดเข้าไปในห้องน้ำจนกว่ารูมเมทจะตะโกนบอกว่าซ้อมโคฟเวอร์เสร็จแล้ว

ส่วนเรื่องเซอร์ไพรส์คือผลจากการที่ฟ้าขอร้องตาใสให้ผมช่วยงานทั้งที่ไม่อยากช่วย แลกกับการมีประวัติทำงานในโฟลด์อะคาเดมี่ในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของนักแต่งเพลงดาวรุ่งพุ่งลงเหวเพราะไม่ชินกับการอกหักครั้งแรกในชีวิต

จะว่าไป น้องเจนก็เสียงดี หุ่นดี หน้าตาน่ารัก สมควรที่พี่กะทิจะทั้งเสียใจและเสียดาย แต่ว่าความรักมันคือการดีลของความสัมพันธ์นี่ครับ ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ไปด้วยก็ต้องเลิก เป็นเรื่องธรรมดา แมนๆ อย่างผมนี่ยังแค่เฝ้ารอเขาในฐานะเพื่อนพระเอกสายดม คือไม่ได้เด็ดมาแดกแน่ๆ เชยชมกลิ่นความรักแค่แผ่วๆ ก็ฟินไปทั้งวัน

ฝนยังไม่ลงเม็ดเมื่อผมมาถึงคอนโดตึกเดิม ผู้คนบางเบาเพราะเป็นวันทำงาน ผมไม่แน่ใจเวลาการทำงานของคนเมืองมากนักเพราะแม้ส่วนใหญ่คนจะเข้างานแปดโมงครึ่ง เลิกงานห้าโมงครึ่ง รถมันดันติดตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะย่านที่ไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน เดชะบุญที่เพนส์เฮาส์หรูหราของพี่กะทิเดินทางสะดวกสบาย นี่ล่ะนะกรุงเทพฯ สวรรค์ของคนมีเงิน แต่นรกของชนชั้นกลางที่แท้ทรู

เลขประตูห้องมุมเป็นสิ่งที่ผมยืนสบตามันพักใหญ่ก่อนจะเคาะสามป๊อก ในมือถือปิ่นโตที่ซื้อข้าวจากโรงอาหาร ถ้าเอาปิ่นโตไปห่อเองจะได้กับข้าวเยอะเป็นพิเศษ แถมราคาถูกลงอีกต่างหาก ส่วนตัวเองกินมาจากที่มหาวิทยาลัยพร้อมไอ้นิวหลังเลิกคลาส เดาได้ว่าเจ้าของห้องคงยังไม่กินอะไรนอกจากเหล้าแน่ๆ ร้อยเอาอีแปะเดียว

เงียบเหมือนเดิม

แม่ง ต้องเปิดเข้าไปเองอีกแล้ว

ผมถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปด้วยคีย์การ์ดที่ได้มา สภาพห้องยังแย่ แต่ดีกว่าแรกพบกันคราวนั้น ไม่มีเจ้าของห้องบนโซฟา เปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็ไม่เจอ วนกลับไปในครัวก็มีแต่ซากของกินที่ทิ้งระเกะระกะ เสื้อผ้าสุมเท่าภูเขาทอง ไหลเละออกมาจากห้องนอนที่ปิดประตูไม่ได้ แต่ก่อนจะตะกายผ่านภูเขาผ้าเข้าไปหาตัวเจ้าของห้องผมก็เอาปิ่นโตไปเก็บในครัว และแน่นอน ผมยังใส่รองเท้าเดินในห้องราคาพรีเมี่ยมเพื่อความปลอดภัยของตัวเองในทุกฝีเก้า

“พี่ทิค อยู่ไหนคร้าบ น้ำมนต์เอาอาหารมาให้คร้าบ”

รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ให้อาหารแพนด้าในสวนสัตว์ เสียงสวบสาบดังมาจากด้านหลัง ผมหันขวับแต่ไม่เจอใคร เดินเข้าไปในห้องที่ปิดไว้เห็นเพียงร่องรอยว่าเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ มึนงงกับการเล่นซ่อนหาไม่นาน เสียงวืดก็ดังข้างหู ลมพัดเย็นวูบก่อนกระป๋องเบียร์จะกระทบผนังดังแป๊ง แล้วร่วงลงมาโดยมีแอลกอฮอล์กระฉอกเลอะเทอะเต็มพื้น

มุกเก่า ไม่ครีเอทเลย

“คิดว่าเล่นสาวน้อยตกน้ำอยู่เหรอฮะ” เนี่ย ทำเลอะเทอะแล้วกูก็ต้องเก็บ ไอ้เวร “พี่เก่งมากเลยที่เมาแล้วยังปาของเฉียดหัวผมได้ ต้องชมปะ”

“ออกไป”

“วันนี้ดูมีสติกว่าวันนั้นนะครับ” ด้านได้อายอด สองเดือนได้ไอโฟนหนึ่งเครื่องเลยนะเว้ยน้ำมนต์ ผมเฉไฉ ไม่หือไม่อือกับการปรากฎตัวของเจ้าของห้องแล้วพล่ามตามความพอใจ “ผมเอาข้าวมาให้ พี่อาบน้ำบ้างไหมตั้งแต่วันนั้น ยีสต์แรงมาก”

กลิ่นเหม็นเปรี้ยวมาแต่ไกล หนวดเครายาวเฟิ้ม หัวมันเยิ้มจนเหมือนแปรงพู่กันปาดมาการีนตามร้านเครป อยากถามพี่ลมซ้ำว่านี่น่ะเหรอที่พี่ว่าหน้าตาดี เหอะ...ผมก็ว่าดี...ดีแล้วที่ไม่ใช่ศพ

“มึงออกไปจากห้องกู ไม่งั้นกูจะแจ้งความ”

“แจ้งเลยครับ” ผมยื่นโทรศัพท์ให้เลยเอ้า “กดเบอร์ให้ไหม เงื่อนไขคือพี่ต้องเดินมาหยิบเองนะ”

อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมาคือสิ่งนี้ วางยี่สิบเอาอีแปะเดียว เดินมาสามก้าวถอยห้าก้าว สุดท้ายก็ต้องวิ่งสับขาหลบขยะเข้าประคองคนตัวสูงเอาไว้ก่อนล้ม ตามร่างกายพี่ทิมีแผลฟกช้ำเป็นจุด โถ คงฟาดตามมุมขอบโต๊ะมานับไม่ถ้วน เล่นเมาไม่ได้สติขนาดนี้

“พี่กะทิ พี่ต้องไปหาหมอแล้ว รู้ปะ”

“อย่ายุ่งกับกู”

“พี่ลมจ้างผมมา พี่ไล่ผมไม่ได้หรอกว่ะ เอาเป็นเรามาดีลกันดีกว่า ว่าพี่ไปหาหมอ เลิกเหล้า แล้วผมจะไป”

“ทำไมกูต้องไปหาหมอ กูไม่ได้ป่วย”

“พี่ติดเหล้า”

“กูไม่ได้ติด!”

“ไม่ได้ติดแล้วจะตะคอกทำไมล่ะวะ” ร้อนตัว สันหลังหวะ ไม่ได้ติดเหล้าเลยมั้ง กินทุกวันขนาดนี้ “ผมรู้นะเว้ยว่ามันเจ็บ แต่ใครๆ ก็เคยอกหักทั้งนั้นแหละ”

“มึงไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า จะไม่ไปใช่ไหม? ได้ งั้นไปเอาเหล้ามา”

“เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสเลยนะครับ”

เขาผละออกจากผม ทิ้งตัวลงบนเบาะโซฟาที่หน้าตาฟูกยังแย่เหมือนวันนั้น แต่อย่างน้อยบนพื้นก็มีช่องว่างที่เป็นทางเดินอยู่บ้าง ถ้าใครมาเห็นตอนนี้คงเรียกว่าห้องอย่างเน่า แต่ถ้าเห็นก่อนหน้านี้จะรู้ว่าความเน่าที่แท้จริงมันเป็นยังไง นึกว่าห้องเก็บขยะ แล้วผมก็ต้องเป็นพนักงานเก็บขยะเงินเดือนเดือนละสองหมื่น!

“พูดมาก ไปเอามา”

“พี่ ผมไม่อยากใช้ไดอะล็อกเดิมนะ แต่พี่ไปอาบน้ำ ผมจะเตรียมเสื้อผ้าให้ แล้วออกมากินข้าวกันก่อน ค่อยกินเหล้า”

“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ”

“ผมน่ะรู้เรื่อง แต่พี่ไม่รู้เรื่อง”

เป็นช่วงเวลาท้าทายมากกับการต่อสู้ทางบทสนทนากับคนเมา ที่บ้านผมไม่ดื่มเหล้า ไม่มีใครดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แม่จะตี ส่วนหนึ่งเพราะผมเองเป็นโรคหอบหืดตั้งแต่เด็ก แม่มีผมตอนอายุมากแล้วเมื่อเทียบกับคนทั่วไป แม้ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายแต่ก็นับว่าเป็นเด็กเรียบร้อยและปอดแหกคนหนึ่ง ที่มีความมั่นใจในตัวเองคงเพราะชื่อน้ำมนต์ที่หลวงพ่อตั้งให้ พูดตรงๆ ตามเด็กบ้านนอกอ่ะนะครับ ผมทั้งเชื่อและไม่ลบหลู่เลยว่าผีปีศาจมีจริง ผมเองก็คงมีแม่ซื้อที่เจ๋งเอาเรื่องเพราะยังแคล้วคลาดมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะดูเป็นมนุษย์โฮโมเซเปี้ยนที่มักจะถูกเอาเปรียบทุกทางอยู่ร่ำไป

“ผมรู้ว่าพี่เครียด แต่ว่าพี่น่ะ มีวิธีคลายเครียดตั้งหลายอย่าง เอางี้ดีไหม อาบน้ำอุ่นๆ นะ เดี๋ยวผมจุดเทียนหอมให้ สระผม แล้วผมจะรอเช็ดหัวให้ พอแต่งตัวเสร็จมีอาหารร้อนๆ รอเลย อร่อยมาก ผมซื้อมาจากเหลา”

ไม่ใช่ร้านอาหารจีนเหลาครับ หมายถึงร้านเกาเหลา ขอเล่นคำให้ดูน่าลองชิมสักหน่อยเถอะ

“น่ารำคาญ”

“ผมก็รำคาญพี่เหมือนกันนั่นแหละน่า เจ๊ากัน”

“มึงนี่มันหน้าด้าน พี่ลมจ้างมึงมาเท่าไหร่”

“สองหมื่นสาม”

“มึงเอาไปเลยห้าหมื่น”

อีเหี้ย คนรวยเขาคุยกันแบบนี้ครับคุณท่าน แต่เงินอย่างเดียวซื้อผมไม่ได้หรอกนะ สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือเงินเดือนที่หมายถึงหลายๆ เดือน รวมทั้งประวัติการทำงานที่จะเอาไปต่อยอดขึ้นค่าตัวได้ในอนาคตต่างหาก มีใบรับรองการทำงานด้วย พี่ทิให้ผมได้หรือเปล่า แค่เงินก้อนมันเยอะก็จริงแต่ผมมีการศึกษาครับ ผมเป็นนักลงทุนระยะยาว

“เงินพี่ซื้อผมไม่ได้หรอก”

วงเล็บในใจว่าถ้าไม่มากพอ แต่จบแค่นี้ดูหล่อแล้ว น้ำมนต์ขอไม่แฉตัวเองต่อ ผมดึงแขนคนตัวโตที่ทิ้งน้ำหนักตามแรงโน้มถ่วงโลก อาบน้ำหมาที่บ้านยังไม่ยากขนาดนี้ นี่มันคนตัวยักษ์เลยนี่ครับ

“พี่ไม่ลุกใช่ปะ”

“อย่ามายุ่งกับกู”

แม่งอย่างกับโดนโปรแกรมมา ตอบได้ประโยคเดียวเท่านั้น แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ โซฟาโกโรโกโสนี่ก็สมควรได้รับการทำความสะอาดเสียที ผมก็ใช้ความรู้รอบตัวที่มีแม่ดุโดยเดินเข้าห้องน้ำ หยิบกะละมังใบเล็กผสมสบู่เหลวกับน้ำเย็นเข้าด้วยกัน ตีจนเกิดฟองแล้วอุ้มออกมาทั้งกาละมังก่อนจะ ซ่า...คราวหน้าอย่าคิดไปเอง

“ไอ้เหี้ย! ”

“เหี้ยมันชอบเล่นน้ำนะพี่”

“มึงจะเอาใช่ไหม!”

“เอาพี่ไปอาบน้ำนี่แหละ”

ฟาดมาฟาดกลับไม่โกง คนป้อแป้เมื่อกี้ตาสว่างเลยครับ กระโดดลุกออกจากโซฟา เปียกม่อล่อกม่อแล่กตั้งแต่หัวลงไป เขาสวมเสื้อยืดสีขาวตัวเก่าๆ กับกางเกงวอร์มยางยืด พอเปียกไปทั้งตัวด้วยฟองสบู่ไม่อยากอาบก็ต้องไปอาบแล้วปะ

“เดี๋ยวมึงเจอกู”

“น้ำมนต์ครับ น้ำมนต์เป็นชื่อที่พระตั้งให้ เอามาสาดผีที่สิงพี่ออกไปอะ หยุด! อย่ามาใช้กำลังกับผมนะ ผมมีอาวุธนะเว้ย”

รีบป้องกันตัวเองด้วยกะลามังพลาสติกที่แปลงร่างเป็นอาวุธก็ได้ เป็นเกราะกำบังก็ได้ พี่กะทิชะงักแค่เสี้ยววินาทีแล้วย่างสามขุมเดินเข้ามาหาผมที่กระโดดหลบ อาศัยความตัวเล็กวิ่งเอาตัวรอดอยู่ในห้องจนเสียงข้าวของหล่นโครมคราม โอ้โห สนุกเหมือนเล่นทอมแอนด์เจอรี่!

“เอาแรงที่พี่ไล่กวดผมไปอาบน้ำเหอะ”

กระป๋องเบียร์ลอยมา ตกกระทบกะละมังดังปุ สองหมื่นสามนี่พอกับการเสี่ยงชีวิตผมไหมวะ ให้ตาย “อย่าหนีสิไอ้เด็กเปรต”

“ผมไม่หนีพี่ก็ตามผมไม่ทัน กระจอก”

“กูจะเอาเลือดหัวมึงออก”

“ผมจะเอาแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดพี่ออกเหมือนกัน ว้าก แว้กก! ”

ที่นิ่งๆ จริงๆ คีพลุคสุด มีอะไรโยนมาผมก็แหกปากร้องเสียงหลง แม้ว่าจะไม่มีอะไรผ่านก้นกะละมังที่เป็นเกราะบังได้เลยสักอย่าง อาวุธที่พี่ทิเลือกก็แค่กระป๋องเบียร์ กระดาษ ผ้า หมอน แต่หนักสุดคือขวดแก้ว จะเอากันตายจริงๆ เลยเหรอ

“ผมแค่ไล่พี่ไปอาบน้ำเองนะเว้ย”

“วอนตีนนักนะมึง”

“ไม่ได้วอนท์ตีน ว้อนท์ยูทูเทคอะบาธอะ พี่มึง ไม่เหนื่อยเหรอวะ ปามาก็ไม่โดน”

ปากกูนี่พาซวยจริงๆ แต่ทำใจให้โดนถล่มฝ่ายเดียวได้ไง นี่มันยุค 2019 แล้วนะครับ ทุกคนมีเสรีภาพเท่าเทียมกัน

“จะเอาใช่ไหม แน่จริงอย่าหนี”

“ไม่หนีก็เจ็บตัวดิ อะๆ ผมยอมแล้ว คนละครึ่งทาง พี่ไปอาบน้ำ ผมเตรียมข้าวให้ เหมือนวันนั้นไง”

วันนั้นที่เข้ามาเก็บขยะได้สองพันบาทแล้วโดนไอ้อุ้ยด่า แต่อย่างน้อยก็ทำให้พี่กะทิกินอะไรนอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้บ้าง ทำไมถึงรู้น่ะเหรอครับ เพราะถ้วยในครัวยังไม่ได้ล้างไง พี่ทิกูคนจริง ซกมกจริงอะไรจริง ลืมภาพมโนในหัวว่าคนตรงหน้านี้คือคนที่ทำให้ผมสงบลงวันที่สับสนวุ่นวายไปได้เลย

พี่กะทิหอบหายใจ เขาออกแรงไม่มากก็เหนื่อยแล้ว บวกกับความเหนียวเหนอะของน้ำสบู่ที่เปียกชุ่มยันกางเกงในคงทำให้คู่กรณีไม่สบายตัวนัก ผมยืนจำนนอยู่มุมหนึ่งของห้อง ใช้ต้นไทรใบสักเขรอะฝุ่นอำพรางตัว อย่างน้อยร่องรอยการต่อสู้ก็ไม่เสียหายและส่งเสียงดังไปกระทั่งมีใครเรียกรปภ.ขึ้นมาห้ามเหตุ เจ้าของห้องไม่พูดกับผม เขาเดินกลับไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ยกนี้ผมยังคงเอาชนะได้ด้วยแบบฉิวเฉียด แต่ก็ปวดหัวกับสภาพยับเยินตอนนี้ชะมัด

“สรุปว่าคุ้มหรือไม่คุ้มวะ”

ผมพูดกับแม่ซื้อของตัวเอง รำพึงรำพัน ปีนออกมาจากกระถางต้นไม้ใหญ่ ทิ้งรอยรองเท้าไว้บนดินร่วนสีดำ ถอดปลอกโซฟาออกม้วน เอามาเช็ดน้ำที่เปียกตามพื้นและกระเซ็นไปบนโต๊ะ ตามด้วยเก็บขยะชิ้นใหญ่ๆ ใส่ถุง แล้วหอบหิ้วผ้าใส่ตะกร้าหวาย ห้องพี่ทิไม่มีเครื่องซักผ้า เดาว่าคงทำความสะอาดจากร้านซักรีดใต้คอนโด ถึงแต่ให้มีผมก็คงซักเองไม่ไหว ผ้ากองเท่าเขานางนอน

“ป้าครับ ผมขอยืมตะกร้าใบใหญ่ๆ แบบที่ใหญ่ที่สุดที่ร้านมีเลยได้ไหมครับ”

หญิงวัยกลางคนกำลังยืนรีดผ้า เขาเห็นผมใช้แผ่นหลังดันประตูกระจกเข้ามาก็รีบช่วยรับช่วงต่อ อุ้มตะกร้าผ้าไปวางพื้นที่ส่วนที่ว่าง แกหายกลับเข้าไปในกองผ้าหลังราวแขวน แล้วกลับมาอีกทีพร้อมตะกร้าใบใหญ่ได้ใจป๋า

“ย้ายมาใหม่เหรอเรา”

“เปล่าครับ”

นึกในใจว่าเป็นป้าร้านซักรีดต้องรู้จักคนทั้งตึกเลยเหรอวะ พานนึกไปอีกว่าเป็นสกิลที่เจ้าของร้านซักรีดต้องมี ไม่งั้นโดนลูกค้าสลับเสื้อผ้าเอาของคนอื่นไปจะแย่เอา แต่ยังไม่ทันตอบป้าก็ ป้าหยิบผ้าที่เพิ่งส่งซักของผมขึ้นมา พูดต่อราวกับนักสืบโกโกริ

“ห้องเจ้าทิใช่ไหมเนี่ย”

“ใช่ครับ เขาเอาผ้าส่งซักบ่อยเหรอครับ”

“ไม่บ่อยหรอก นี่ก็หายไปหลายเดือนแล้ว ปกติแม่บ้านเขาจะจัดการให้น่ะ แต่ผ้าคลุมโซฟานี่ป้าจำได้ ผ้าม่านอีกอย่าง ห้องนี้เขาแต่งไม่เหมือนห้องอื่นนะ ซื้อเข้ามาแต่งเอง ปกติคนที่นี่เขาจ้างอินทีเรียแต่งคล้ายๆ กัน มีห้องเขานี่ล่ะที่แปลกตาหน่อย”

“อ๋อ คนรวยน่ะสินะครับ”

“รวยสิ ไม่รวยจะอยู่ได้เหรอ ตึกนี้น่ะกี่ล้านก็ไม่รู้”

“โห งี้ป้าก็รวยสินะครับ เปิดร้านซักรีดใต้ตึกนี้ได้”

“เปล่าหรอก ไอ้หนู เป็นลูกจ้างเขา”

อ้าว ก็คิดว่าผ้าขี้ริ้วห่อทอง แต่ก็โคตรดีใจครับ เจอคนโลกเดียวกันแล้ว โลกที่กินข้าวจานละห้าสิบบาทแล้วบ่นว่าแพงอะ “แล้วนี่เป็นลูกจ้างคนใหม่ของเจ้าทิมันเหรอ”

“อ่า..ประมาณนั้นครับ”

“ป้าถามหน่อยสิ”

“ครับ?”

“สรุปกะทิกับนักร้องคนนั้นเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่า ดูเค้าสนิทๆ กันนะ ป้าเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”

เนี่ย รู้เลยว่าถ้าข่าวรั่วใครจะเอาไปฝอย

“ไม่รู้ดิป้า ผมก็เพิ่งมา นักร้องคนไหนเหรอ”

“โอ๊ย คนที่ดังๆ นั่นไง เห็นบอกแค่ว่าเช่าห้องอยู่ชั้นเดียวกัน แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยมาแล้ว”

“ช่วงนั้นทำงานด้วยกันมั้ง เขาเป็นนักแต่งเพลง”

ในใจบอกว่าจ่ายมาสองพัน แล้วจะคายออกมาหมด แต่อย่างที่บอกครับว่าผมมองการไกล สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือถ้าฟ้าโกรธแล้วชีวิตผมคงไม่ค้นพบอะไรดีงามอีกต่อไปแล้ว

“เรื่องไอ้เจ้าทิเป็นนักแต่งเพลงน่ะรู้ แต่อยากรู้เรื่องผู้หญิงคนนั้น”

“ไม่มีอะไรหรอกป้า เดี๋ยวผมยืมตะกร้าไปก่อนนะ พี่ทิขาดแม่บ้านมาหลายเดือน ผ้ากองเท่าตึก เดี๋ยวผมทยอยเอามาให้”

“เอ้อ ทิ้งเบอร์กับชื่อไว้ด้วยสิ”

“อ๋อ น้ำมนต์นะครับ ชื่อจริงน้ำมนตร์ ชื่อเล่นน้ำมนต์”

หยิบปากกามาเขียนใส่แผ่นกระดาษ ชื่อผมแม่งโคตรเท่ ภูมิใจมากๆ กับความครีเอทีฟของหลวงพ่อ “เดี๋ยวผมเอาตะกร้านี้ลงมาให้พร้อมผ้านะครับ สิบนาที”

ว่าแล้วก็หอบเอาตะกร้าใบใหญ่ขึ้นลิฟต์กลับไปชั้นเดิม พอห้องไม่มีม่านสีทึบปิดอยู่ก็มีแสงจากด้านนอกสาดเข้ามาให้ดูโปร่งขึ้นบ้าง ข้างนอกฝนตกแต่แดดออก เมฆคงสงสารต้นไม้ที่เฉาใกล้ตายเพราะไม่ได้รับอาหารเลยเมตตาให้พระอาทิตย์แสดงพลังบ้าง

คนที่อยู่ในห้องน้ำยังไม่ออกมา ผมโกยผ้าที่พื้นใส่ตะกร้า เดือนนี้ซักของพี่ทิคนเดียวป้าแม่งรวยแน่นอน ได้ยินเสียงน้ำจากในห้องน้ำ เพิ่งผ่านไปยี่สิบนาที เดี๋ยวค่อยขึ้นมาเรียกถ้าคนข้างในยังไม่ยอมออกมา สายตาผมกวาดไปเจอเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณ เคยได้ยินว่าเวลาที่อยู่บ้านถ้าเราเปิดเพลงมันไม่ใช่แค่เพียงฟังคนเดียว แต่เปิดเพลงให้บ้าน ถือวิสาสะเปิดกูเกิลหาวิธีใช้แผ่นเสียงหน้าตาโบร่ำโบราณ จัดการเปิดคลอให้ดอกไม้ประตูแจกันดินทรายต้นไม้ใหญ่ฟังก่อนลงมาส่งผ้าซัก คราวนี้ไม่เจอป้า คงหายไปจัดการกับงานชิ้นโตหลังร้าน เลยกลับขึ้นมาอีกครั้งเร็วกว่ารอบแรกหน่อย

ทิวากรออกมาจากห้องน้ำแล้ว เขาสระผมด้วย เอาผ้าเช็ดตัวที่ผมหยิบให้ก่อนไล่ไปอาบน้ำพาดบ่า เปลือยกายล่อนจ้อนหน้าเครื่องเล่นเพลงนั้นแน่นิ่ง ผมก็ไม่ได้อยากเห็นหรอก ผู้ชายด้วยกันมันน่ามองตรงไหน ไอ้ท่าทางเหมือนสติหลุดลอยออกไปไกลนั่นต่างหากที่ทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กูทำอะไรผิดไปอีกหรือเปล่าวะ ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนจริงๆ นะ

“พี่ทิ”

เจ้าของชื่อไม่ขยับตัวสักนิด ไม่เอนไหวอย่างคนเมา พอผมเดินไปใกล้ถึงเห็นนัยน์ตาแดงก่ำของอีกฝ่าย ที่จริงก็เป็นแดงทั่วไปของพวกติดเหล้า แต่มันเอ่อคลอด้วยของเหลวใสต่างหากที่ทำให้ผมรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย

“คือ...ผม...”

“จะอยู่ก็ได้ แต่ลงไปซื้อเหล้าให้หน่อย”

โห พูดจาดีๆ อย่างนี้ใครจะขัดไหว เกือบเห็นใจแล้ว แต่ถ้ากินอีกก็วกกลับมาเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิมน่ะสิ

“กินข้าวก่อน เดี๋ยวผมอุ่นเกาเหลาให้”

เขาไม่ตอบ เดินเข้าครัวไป เดี๋ยวก่อนเฮ้ย “แต่งตัวก่อนดิพี่ ไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวเลย เดินระวังๆ นะครับ”

“วุ่นวาย”

“ไม่ได้อยากวุ่นวายหรอก พูดจริง แต่อย่างที่ผมบอกว่าถ้าพี่โอเคผมก็จะเลิกวุ่นวายกับพี่ไวๆ เราควรจะมาดีลกันนะ”

“ไร้สาระ”

“โอเค ยังไม่คุยเรื่องผลประโยชน์ร่วมกันตอนนี้ ผมอยากให้พี่แต่งตัวให้เรียบร้อยนะ แล้วจะเอาข้าวไปเสิร์ฟ พี่ไม่ต้องทำอะไรเลย รอกินอย่างเดียว”

“ไม่ได้อยากกินข้าว อยากกินเหล้า”

เอาไงดีวะ ดูเขาจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว

“หมดใช่ไหม ได้ ตอนนี้ร้านข้างล่างยังไม่ขายเหล้า พี่กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวได้เวลาพอดี ผมลงไปซื้อให้”

ซอฟต์สกิลเป็นสกิลยุคใหม่ของปี 2019 ครับ น้ำมนต์มีสกิลนี้เต็มเปี่ยม เคยทำงานมาทั้งกับเด็ก ไหนจะร้านสะดวกซื้อที่ต้องเจอคนประหลาดๆ อีก ในกลุ่มเพื่อนถ้าไม่ใช่ผมก็คงไม่มีใครช่วยฟ้าได้แล้ว โห รู้สึกเป็นคนที่มีบุญคุณต่อฟ้าขึ้นมาเลย แต่น้ำมนต์เป็นคนทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปครับ ไม่อย่างนั้นไม่ใช่เซียนอกหักแบบนี้แน่นอน

“กินให้หมดนะ ไม่หมดไม่ไปซื้อให้”

ผมวางถ้วยเกาเหลากับข้าวสวยตรงหน้า รินน้ำเย็นใส่แก้วบริการดุจเป็นง่อย อดไม่ได้ที่จะถาม “ปกติเหล้าหมดพี่ซื้อยังไงอะ ลงไปซื้อเองเลยเหรอ”

“เปล่า ฝากพี่ลมซื้อ”

นั่นไง คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด “ทำไมพี่ลมซื้อให้วะ”

เขาไม่ตอบ ตักข้าวเข้าปากแบบขอไปที “กินผักเข้าไปด้วย”

“น่ารำคาญ”

“ก็อย่าทำตัวเป็นเด็กดิ”

“มึงเด็กกว่ากูนะ”

“อายุก็มากกว่ายังคิดไม่ได้เลยอะ เกิดมาก่อนทำไม ถามจริง”

“หุบปากน่ะ ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมาก”

“ก็พอรู้มาบ้างนะครับ”

ผมน่ะ รู้จักพี่มากกว่าแม่บ้านคนก่อนๆ นะ ไม่สิ ผมไม่ใช่เมดพี่นะ ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัว บอกเขาในใจครับ เห็นสงบอย่างนี้ก็ไม่อยากแหย่ให้เสือตื่น เดี๋ยวจะโดนงาบเข้าให้

“รู้แล้วก็ยิ่งต้องหุบปาก”

“ปากมันทำอะไรได้มากกว่ากินเหล้า พี่รู้ปะ”

“เออ มีไว้แตกด้วย”

ผมอมริมฝีปากล่างตัวเองทันที พี่ดุเหรอ หนูไม่ไหวนะ

“ผมไปล้างจานให้ดีกว่า”

“เอาม่านมาติดคืนด้วย”

“เปิดไว้แบบนี้แหละครับ สงสารต้นไม้ พี่รู้ไหมไทรใบสักเนี่ยทนอย่างกับอะไร เขาเอาใบมันไปใช้ในพวงหรีดงานศพเลยนะ เพราะมันเหี่ยวยากมาก ดูพี่ทำกับมันดิ จะตายมั้ยอะ”

เขามองผมนิ่ง โอเค หยุดพูดก็ได้

“ชื่ออะไรนะ”

ตอนที่กำลังหันหลังกลับไปเขาถามขึ้นมา เสียงเพลง Now and forever ของ Richard Marx ผ่านแผ่นเสียงฟังเพราะจนเลี่ยนหู ผมหันกลับไป ผู้ชายที่โต๊ะอาหารขนาดสี่คนนั่งสวมแค่กางเกงบอลขาสั้น ไม่ใส่เสื้อ ผมเส้นหนายังฉ่ำแฉะหยดน้ำ มันไหลสู่บ่าที่วางพาดผ้าเช็ดตัวสีขาว หน้าตาบึ้งตึงไม่เข้ากับห้วงทำนองเพลงหวานที่บรรเลงอวลในอากาศ แต่อย่างน้อยคำถามของเขาก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย บางทีแล้วเมื่อสร่างเมาเขาก็คือทิวากรในภาพจำผมคนนั้นนั่นแหละ เพียงแค่พิษสุรามันเข้าสิงเหมือนภูติผีดุร้ายที่ไล่ไม่ไปเฉยๆ

“น้ำมนตร์ครับ เรียกว่าน้ำมนต์ก็ได้”

“มันต่างกันยังไง”

“ชื่อจริงมีรเรือแล้วก็เปลี่ยนตัวการันต์มาไว้ที่ร.เรือครับ”

“พูดมากอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ”

“อ้าว” ในใจผมตะโกนว่าก็มึงถามกูอะ แต่น้ำเสียงขาดไปแค่นั้น เขาวางช้อนลง กินได้ไม่กี่คำเอง

“อิ่มแล้วเหรอครับ”

“ปวดท้อง”

“เข้าห้องน้ำเหรอครับ เดี๋ยวกลับมากินต่อนะ กินเยอะๆ หน่อย พี่น่ะผอมเกินไปแล้ว”

เขาไม่ตอบ แต่กดนิ้วหัวแม่มือลงบนลิ้นปี่

“กระเพาะเหรอครับ พี่มียาไหม...แต่ห้องรกอย่างนี้หาไม่เจอแน่ เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้นะ หรือจะไปหาหมอ”

เขาไม่ทันตอบก็ลุกขึ้น วิ่งเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงโอ้กอ้ากดังมา หมดกัน ที่กินเข้าไปเมื่อกี๊ เสร็จคุณชักโครกเรียบร้อย ผมตามเข้าไปด้านใน นั่งยองๆ ลูบหลังให้ แม่งเอ๊ย อาชีพผู้จัดการนักแต่งเพลงตกอับต้องเฝ้าคนอ้วกด้วยเหรอวะ ไม่ได้รังเกียจนะ แค่คลื่นไส้ไปด้วยเฉยๆ

“ไหวมั้ยพี่ ไปหาหมอป่าว ผมพาไป”

แขนข้างขวาพี่ทิกอดชักโครก ข้างซ้ายหดเข้าหาตัว ยกมือขึ้นอ่อนระโหยโรยแรง ก่อนหุบนิ้วก้อย ชี้ นาง โป้งลงไป อวดนิ้วกลางเด่นเป็นสง่าแทนคำตอบ

ไม่ไปก็ไม่ไป ไม่เห็นต้องด่ากันเลย เป็นคนทำดีไม่ขึ้นจริงๆ ครับกู



tbc



สงสารน้อน ทำดีไม่ได้ดี 
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikzyxxx ที่ 13-11-2019 01:04:30
แงงงงงงงงงงพี่ทิจ๋าาาาา :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-11-2019 06:37:43
น้ำมนต์เก่งจัง ทำพี่ทิอาบน้ำได้ 555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 13-11-2019 07:06:27

ชอบความที่น้ำมนต์คุยกับตัวเอง คุยกับแม่ซื้อมาก น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-11-2019 07:31:06
น้ำมนต์ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-11-2019 09:15:14
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-11-2019 14:34:22
อดทนไว้น้ำมนต์ ช่วยพี่ทิให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปให้ได้  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 13-11-2019 19:53:02
 :katai3:  น้ำมนต์สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-11-2019 21:59:04
คนเรานี่น้าทำไมต้องทำร้ายตัวเองด้วย
เอาน้ำมนต์สาดโครม ๆ ให้ผีอกหักออกจากร่างพี่ทิซะที
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 14-11-2019 09:45:16
น้องน้ำมนต์ต้องสู้นะคะ แล้วค่อยมาเอาคืนพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 14-11-2019 11:27:22
เริ่มดูเป็นคนขึ้นมาแล้ว น้ำมนต์ทำให้ดูเป็นนักแต่งเพลงให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 14-11-2019 18:08:14
ขั้นแรกมาได้ละ น้ำมนต์สู้ตายจ้าาา
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-11-2019 23:25:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 17-11-2019 21:23:11
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 04 ทำคุณบูชาโทษ (หน้า2|131119)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 19-11-2019 23:24:03
ติดตามค่าาา ชอบผลงานคุณwestมาก
 :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 20-11-2019 00:04:07
chapter 5 ใจกากปากเก่ง




          ร้านขายของชำหน้ามหาวิทยาลัยเป็นร้านเก่าแก่ ขายตั้งแต่รุ่นมหาวิทยาลัยเพิ่งสร้างใหม่ ร้านที่เป็นกระจกรอบด้าน ท่ามกลางอาคารพาณิชย์สามชั้น ที่ไม่ว่านายทุนมาต่อรองเท่าไหร่เจ้าของก็ไม่ยอมขายสักที

          “อ้าว น้ำมนต์ กลับมาทำงานเหรอ”

          พี่ขวัญเป็นผู้จัดการร้าน ถ้าไม่นับเจ้าของร้านที่เป็นคุณลุงคุณป้าซึ่งซื้อบ้านห่างออกจากเมืองไปก็คงเป็นคนที่อยู่ร้านนี้นานที่สุด เริ่มจากรับเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ตอนเรียน เมื่อเรียนจบยังไม่มีที่ไปลุงกับป้าเจ้าของร้านก็จ้างต่อพร้อมเกษียณอายุตัวเอง ผมรู้เพราะเคยทำงานที่นี่ช่วงสั้นๆ ที่เบื่อจากงานรับสอนพิเศษเด็ก เทอมนั้นมาช่วยพี่ขวัญตลอดทั้งเทอม ที่จริงก็เงินดี งานสนุก ที่สำคัญคือไอ้เจ้าจีลูกชายเจ้าของร้านโคตรตลก เป็นพวกตลกหน้าตายแบบเด็กๆ

          “อยากทำมากเลยพี่ แต่เข้ากะไม่ไหว ตอนนี้รับงานพิเศษอย่างอื่นด้วย”

          “สอนพิเศษเหรอ” พี่ขวัญถาม หลังจากเทอมนั้นก็พบว่างานสอนพิเศษแม่งเงินดีกว่าเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อสี่เท่า ค่าแรงพาร์ทไทม์อยู่ที่ห้าสิบบาท แต่ถ้าสอนพิเศษเด็กมัธยมตกชั่วโมงละสามร้อยถึงห้าร้อยบาท ยากตรงที่เนื้องานมันต่อเนื่อง ต้องคอยติดตามดูแลเด็กในปกครองจนตลอดรอดฝั่ง ส่วนงานที่ร้านแบบนี้มักสิ้นสุดแค่การจ่ายเงินเป็นครั้งคราวเท่านั้น

          “ไม่ใช่ครับ ช่วยงานเพื่อนอะ แล้วนี่พี่ขวัญอยู่คนเดียวเหรอ”

          “เปล่า มีพนักงานใหม่เข้างาน ให้จีสอนงานในแบ็ครูม”

          หมายถึงห้องสำหรับพนักงานด้านหลัง ปีนี้จีน่าจะอายุ 22 แล้ว กำลังแตกเนื้อหนุ่มเต็มตัว “แน่ใจเหรอพี่ให้มันสอนงาน เดี๋ยวก็ป่วน”

          “ไม่แน่ใจหรอก แต่ก็บอกไปว่านี่ร้านเตี่ยมัน คนยิ่งขาดๆ อยู่ด้วย”

          ฤทธิ์ไอ้เด็กนั่นใช่ย่อยเสียที่ไหน ต้องขอกระดาษเอสี่สักหนึ่งรีมเพื่อบรรยายความแสบของเจ้าตัว ที่มาวันนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอมันหรอก เดี๋ยวจะหลอกใช้งานผมอีก “หวังว่ามันจะเห็นใจสมบัติที่เตี่ยมันหวงไม่ให้นายทุนซื้อง่ายๆ นะพี่ ว่าแต่มียาเคลือบกระเพาะที่รสชาติดีๆ ไหมครับ”

          “ยาเคลือบกระเพาะที่รสชาติดีๆ เหรอ...เอ ได้ชื่อว่ายามันก็ไม่น่าจะอร่อยแล้วปะ”

          อันนั้นถูกเผง แต่รสชาติแย่คุณชายก็ไม่รับประทานอีก ป่วยจะตายห่าแล้วยังเรื่องมาก เชื่อเขาเลย “งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปถามร้านขายยาก็ได้”

          “อะไร มาถึงนี่แล้วยังจะไปซื้อของร้านคนอื่นอีกเหรอ” เสียงทุ้มแทรกเมื่อพี่ขวัญกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ไอ้เด็กแสบที่ว่าเดินออกมา อย่าพูดไป ไอ้อายุ 22 ที่ผมว่ามันมากกว่าผมน่ะนะ แต่ว่าผมยังรู้สึกว่ามันยังเด็กกว่าผมอยู่เรื่อย เหมือนสูงขึ้นกว่าครั้งก่อนที่เจอกันยังไงไม่รู้ หรือเพราะบางทีวันนี้ผมสวมแตะก็เลยดูตัวเล็กเหมือนเป็นหลักกิโลเมื่อเทียบกับพนักงานพาร์ทไทม์ที่เป็นลูกเจ้าของร้านในตัว

          “เจอหน้าก็หาเรื่องเลยเหรอ แทนที่จะทักกันดีๆ”

          “หวัดดี จะเอาอะไร”

          พูดให้ถูกคือไอ้จีถูกส่งมาฝึกงาน เท่าที่รู้คือเตี่ยมันเป็นคนขยันมาก แต่ลูกไม่เอาไหน ไม่เรียนหนังสือ ผมนอกจากไม่เรียนหนังสือก็เห็นว่ามันแข่งรถ มีวงดนตรีเป็นของตัวเองด้วย เท่ไม่หยอก แต่ว่าเตี่ยมันไม่เห็นตามนั้น สุดท้ายยอมให้มันเลิกเรียนก็ได้แต่ต้องอยู่เฝ้าร้าน ช่วยที่บ้านทำมาหากินสักหน่อย

          “มียาเคลือบกระเพาะที่มันกินง่ายๆ ไหม”

          “อันนี้”

          “รู้จริงปะ หรือแนะนำส่งๆ”

          คุณคนป่วยของผมไม่ธรรมดานะครับ ไม่ใช่เหล้าพี่แกไม่ยอมกินท่าเดียว แต่ไอ้จีไม่ใช่เด็กขี้โกหก ไม่ใช่พ่อค้าประเภทพูดๆ ให้ลูกค้าซื้อของเพราะเห็นแก่เงิน นอกจากหุ่นก้านดี ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ชอบที่มันเป็นอย่างนี้ ผมหยิบขวดยาเคลือบกระเพาะจากบนชั้นวางบนเคาน์เตอร์ พี่ขวัญแสกนบาร์โค้ดคิดเงิน เห็นตัวเลขแล้วก็หยิบแบงค์ยี่สิบสองใบจ่ายไป

          “จะยากอะไร แค่กลืนลงท้อง เด็กทารกยังเกิดมายังมีสัญชาตญาณการกินเลย”

          พูดจบมันก็เดินผ่านไปเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน พี่ขวัญหัวเราะทอนเงินให้ผมใส่ถาดแสตนเลสขนาดเล็กวาววับ ไอ้จีไปหยุดยืนที่หน้าตู้เครื่องดื่ม ตอนผมเดินผ่านมันก็แอบผลักหัวเบาๆ แล้วหนีออกมาก่อนถูกโวยวายโชคดีที่มันยังติดพันกับการจัดเรียงน้ำอัดลมอยู่เลยรอดตัวไป



          ความจริงแล้ววันนี้ผมก็มีเรียนเช้า แต่ต้องโดดเรียนอย่างที่ไม่อยู่ในข้อตกลงการทำงาน เหตุผลก็เพราะอาการโอ้กอ้ากของพีทิเมื่อวานที่ทำให้เขาไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงที่ว่าหลังกินหมดจานผมจะไปซื้อเหล้ามาให้ได้ ไม่รุ้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย สุดท้ายเขาก็อดดื่ม อยากจะฆ่าผมแทบตายก็หมดแรงลุกมาบีบคอให้ตาย วันนี้เลยตั้งใจจะซื้อของกินง่ายๆ เข้าไปใหม่ พร้อมยาเคลือบกระเพาะเป็นการรักษาขั้นต้น ถ้าเก่งกล้าสามารถขั้นพาไปหาหมอได้ทุกอย่างคงง่ายขึ้นมาก

          บทสรุปของกิจกรรมที่ผมต้องโดดเรียนคาบเช้าคือโจ๊กหมูใส่ไข่ไม่ใส่ผัก ของตัวเองและคนป่วย ยาเคลือบกระเพาะหนึ่งขวด งดน้ำอัดลม งดผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว แน่นอน ต้องงดแอลกอฮอลของโปรดโดยปริยาย

          ผมกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้นเดิม เมื่อวานป้าร้านซักรีดโทรตามว่าผ้าที่ฝากซักเสร็จแล้ว เดี๋ยวให้พี่ทิกินอะไรสักหน่อยแล้วลงมาเอา ผมปัดกวาดขยะใส่ถังแล้วบางส่วน คอนโดเริ่มเหมือนสถานที่ที่มนุษย์สามารถอยู่ได้ แต่เมื่อแนบคีย์การ์ดเปิดประตูเข้ามาก็ต้องยืนนิ่งงันกับภาพที่เห็น

          ขยะที่รวบรวมใส่ถุงดำไว้เมื่อวานกระจัดกระจายระเนระนาด น้ำจากขยะไหลเลอะพรมสักหลาด ทิชชู่ที่ถูกแยกไว้ผสมขยุมรวมกับเส้นผมที่ร่วงบนพื้น กระดูกไก่แห้งกรังวางอยู่บนโซฟาที่ถอดปลอกออก ไอ้เหี้ยพี่ทิเล่นผมอีกแล้ว

          “พี่ทิโว้ย!”

          ผมแผดเสียงให้ดังที่สุด เสียงโครมครามของแก้วกระทบกันดังออกมาจากห้องน้ำ ผมเดินดุ่มๆ เปิดประตูเข้าไป ไอ้พี่ทิใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับเมื่อวานนอนบนพื้น ยิ้มตาหยีกวนประสาท

          “ทำอะไรของพี่วะ ผมเก็บห้องไปแล้วอะ พี่รื้อถังขยะออกมาทำไม”

          “...เบียร์”

          “อย่าบอกนะว่าหาเบียร์ที่เหลือในกระป๋อง”

          เขาชูกระป๋องเบียร์ขึ้นมา เขย่าเบาๆ “เอา...ผสมน้ำ...ได้เบียร์เพิ่ม”

          โอ้โห ไอ้เหี้ย ยอมใจความครีเอถีบนี้ ถ้ามีหัวเหลือทำไมพี่ไม่ใช้เขียนเพลงวะ “พี่มึง...กูหมดคำพูด”

          ไม่รู้จะโกรธหรือร้องไห้ก่อน มันกรอกเบียร์ผสมน้ำเข้าปาก อย่าพูดว่าเมาเหมียนหมา เดี๋ยวจะบูลลี่หมา หมาบอกใครเมาเหมียนไอดอลมึง

          ผมยื้อแอลกอฮอลออกมาจากมือ พี่ทิเปลี่ยนสีหน้าทันที

          “ไอ้สัด”

          พูดชัดขึ้นมาทันทีเลยน้า

          “กินข้าว กินยา พี่ทิ เลิกกินเบียร์ได้แล้ว มันไม่ช่วยให้เมียกลับมาหาพี่หรอก”

          “อย่าเสือก เอาคืนมา”

          “ไม่เสือกไม่ได้ ผมต้องทำงาน”

          ข่าวดีคือวันนี้พี่ทิพูดรู้เรื่องมากกว่าปกติ อาจเพราะแอลกอฮอลผสมน้ำเปล่าไม่ดึงสติเขาไปมาก แต่ข่าวร้ายคือท่าทางเขาก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์น่าคบหาเท่าไหร่ อาการหงุดหงิดเพราะขาดเหล้าเป็นอาการเบื้องต้นของผู้ป่วยแอลกอฮอลลิซึม เช่นกันกับโรคกระเพาะที่สำแดงฤทธิ์เมื่อวานที่ผ่านมา ทว่าคล้ายกับเจ้าตัวลบเลือนไปว่าความรู้สึกทรมานเมื่อทานอะไรเข้าไปแล้วกระเพาะต่อต้านเป็นเช่นไรเพราะยังดื้อรั้นจะทำในสิ่งที่เป็นข้อห้ามต่อ

          “อาบน้ำ กินยา กินข้าว ถ้ามีแรงพี่ช่วยไปเอาผ้าข้างล่างให้ผมหน่อย เดี๋ยวจะเก็บห้องรอ”

          ผมหันหลังกลับแต่โดนกระชากคอเสื้อจนเสียหลัก มือใหญ่ผลักให้ติดผนังเย็นเยียบ ใช้ท่อนแขนกดล็อกไหปลาร้าผมจนเจ็บไปหมด ผมหน้ายาวไม่เป็นระเบียบตกลงมา ดวงตาแดงก่ำดุดันของชายหนุ่มจับจ้องผ่านแพเส้นผมหนา ผมเม้มปากเข้าหากัน ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

          “มึงคิดว่ามึงเป็นใคร”

          ผมสะบัดไหล่ แต่ขนาดตัวที่ได้เปรียบของเขาทำให้ผมได้แต่ขืนคอแข็งไว้ พยายามผลักอีกฝ่ายออกแต่ได้แค่ยุกยิกไม่ได้ดั่งใจ

          “เป็นน้ำมนตร์ครับ”

          “มึงคิดว่ามึงแน่มากเหรอ กูจะบอกให้ ไอ้พี่ลมยังยอมแพ้ มึงคิดว่ามึงเป็นใคร”

          เสียงคำรามต่ำรอดไรฟัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้ผมขวัญหนีดีฝ่อเหมือนวันแรกๆ ที่เข้ามา ให้พูดตรงๆ น้ำมนตร์ไม่ใช่พ่อพระ กวนประสาทแบบนี้ผมก็สู้วะ

          “พี่คิดว่าพี่เป็นใคร โลกมันหมุนรอบพี่คนเดียวหรือไงถึงทำอะไรตามใจตัวเองคนเดียว”

          “มึงไม่ต้องมายุ่งกับกู ทำไม พี่ลมจ้างมึงมายังไง เงินหรืออย่างอื่นด้วย”

          “จะจ้างด้วยอะไรก็เรื่องของผมกับพี่ลม จะช่วยหารรึไง ถ้าอยากช่วยก็ช่วยทำตัวเป็นผู้เป็นคนสักทีเถอะ แม่งโคตรเหนื่อยเลยว่ะ”

          “มึงหวังสูงไปมั้งให้กูช่วยหารน่ะ”

          “แล้วจะถามทำไมวะ ปล่อยได้แล้ว เจ็บ”

          “อย่าสะเออะออกคำสั่ง!”

          เขาตวาดลั่น ออกแรงกดลงมาทั้งตัว ผมที่อยู่ในท่าเสียเปรียบตั้งแต่แรกออกแรงดิ้นหนักกว่าเก่า แต่ยิ่งหนีดูเหมือนอีกฝ่ายจะยิ่งสะใจที่ความพยายามของผมสูญเปล่า กดมุมปากเหยียดเยาะ โคตรกวนประสาท

          “ไง แค่นี้ก็หมดแรงแล้วเหรอ”

          “พี่ฉวยโอกาสตอนผมเผลอต่างหากเล่า!”

          “ไอ้เปี๊ยก”

          “เปี๊ยกพ่อพี่ดิ!”

          พี่กะทิทำเสียงจุ๊ๆ ขยับก้าวเท้าเข้าชิด เฮ้ยๆ จะชิดเกินไปแล้ว

          “อย่าเล่นพ่อดิครับ”

          “ปล่อย!”

          “ตอนกูบอกให้ไปไม่ไปล่ะ ทีอย่างนี้มาขอให้ปล่อย”

          “พี่พูดไม่รู้เรื่องแล้ว ปล่อยสิวะ!”

          “แหกปากขอร้องพี่ลมให้มาช่วยดูสิ เผื่อจะได้ผล”

          “พี่เป็นบ้าเหรอ!”

          ผมแม่ง โคตรไม่น่ารู้จักเขาเลย เคยได้ยินว่าเราไม่ควรสนิทสนมกับไอดอลที่ตัวเองชอบเพราะเมื่อรู้จักตัวตนจริงๆ แล้วอาจจะผิดหวัง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้เตรียมใจว่าจะต้องผิดหวังร้ายแรงขนาดนี้มาก่อน

          ผมจ้องเขากลับ ร้อนผ่าวที่กระบอกตา

          “ผมแม่งโคตรผิดหวังในตัวพี่อะ”

          “ใครใช้ให้มึงมาหวังกับกู”

          “พี่เลิกพูดจาหมาไม่แดกสักทีเถอะ! ถ้ามีแรงแล้วก็ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย กลับมาทำงานได้ใครมันจะอยากเข้ามายุ่งกับพี่นักหนา ที่เป็นอยู่มันทำคนอื่นเดือดร้อน ไม่รู้หรือไง!”

          ถึงจะจนมุม แต่ผมยังปากกล้า ขยำกำเสื้อยืดของอีกฝ่ายไว้แน่นและออกแรงขืนไม่ยอมลงให้

          “แล้วมึงเดือดร้อนอะไรกับเขาด้วย เป็นแค่เมียพี่ลม รู้หรือเปล่าว่าเป็นคนที่เท่าไหร่ อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญนักเลย อยากเอาใจผัวงั้นสิถึงดึงดันนัก”

          ผัวอะไรของมันวะ ผมต้องเถียงเรื่องไหนก่อนกันแน่

          “กลัวพี่ลมจะชวดเงินแล้วปลิงอย่างมึงจะอดตายด้วยงั้นเหรอ”

          “ไม่ใช่โว้ย!” ผมเถียงจนเจ็บคอ จินตนาการพี่ ผมขอล่ะ ไอ้เหี้ยไปใช้ให้มันถูกที่ถูกทางหน่อยเถอะ “เพ้อเจ้อสัด”

          “ยอมแพ้แล้วก็ไสหัวไปซะ”

          เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย บอกเลยว่าถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมเปิดแนบ หางจุกตูดไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ความรู้สึกต่อต้านอยากเอาชนะทวีความรุนแรงแล่นริ้วทั่วตัว ใช้ส้นรองเท้าเหยียบเท้าเปลือยของอีกฝ่าย แววตาคู่นั้นกระตุก แต่ดูเหมือนการต่อสู้ผมจะเล็กน้อยเกินกว่าใครจะรู้สึกรู้สา

          “รู้อะไรไหม ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากเอาชนะพี่ขนาดนี้หรอกนะ”

          รอบดวงตาคนที่มีกลิ่นเหล้ารุนแรงแดงก่ำ ตาดำเล็กกลมจ้องเขม็งไม่ลดละ เหมือนกำลังแล่เนื้อเถือไขผมออกเป็นชิ้นบางๆ ด้วยสายตา

          “ถ้าพี่จะเปิดศึกกับผม ผมก็ยินดีรับคำท้า”

          “ทำเป็นพูดดี ศักดิ์ศรีเต็มบ่า ทั้งที่เป็นแค่กะหรี่”

          “ทำไม เป็นกะหรี่แล้วไม่มีศักดิ์ศรีตรงไหน ไปเรียนหน้าที่พลเมืองใหม่เลยไป!”

          ไอ้เหี้ยน้ำมนตร์ เถียงอะไรไปวะ มึงต้องบอกก่อนสิว่าไม่ได้ทำอาชีพอย่างที่เขาว่า

          “งั้นบอกกูมาว่าต้องทำยังไงมึงถึงเลิกวุ่นวายกับกูสักที”

          พี่กะทิพูดเสียงเบาลงเล็กน้อย เขาหลุบตาลงมองปลายเท้า ก่อนช้อนขึ้นมองหวานฉ่ำ แต่สิ่งที่ทำให้ผมสะดุ้งโหยงคือสัมผัสแผ่วเบาจากมือที่ค้ำยันผนังเมื่อครู่แตะลงกลางแผ่นหลัง ผมเด้งตัวออกจากกำแพงกระเบื้องวาววับของห้องน้ำ กลายเป็นเบียดหน้าขาตัวเองกับหน้าขาอีกคน

          เขาหัวเราะในลำคอ ยกมุมปากขึ้นแค่หนึ่งข้าง

          “อยากนอนกับกูเหรอ”

          โว้ย!! ไม่ได้ตั้งใจจะเบียดไอ้นั่นกับพี่เข้าใจปะ “พี่อย่าทะลึ่งแตะต้องร่างกายคนอื่นแบบนี้สิวะ ผมไม่ชอบ”

          “นึกว่าชอบ อยากถูกแตะไปทุกที่ของร่างกายเสียอีก”

          “โรคจิต!”

          “รู้แล้วก็ ไสหัวไปซะนะ”

          ทุ่มทุนสร้างมากแม่ เกือบปอดแหกแล้วจริงๆ แต่ทำให้น้ำมนตร์โมโห เกมนี้คงยอมถอยให้เสียศักดิ์ศรีหรอก บอกเลยว่าลากคอไอ้พี่ทิไปบำบัดอาการติดเหล้าที่โรงบาลไม่ได้ น้ำมนตร์คนนี้ไม่มีทางเลิกจองเวรจองกรรมเด็ดขาด

          “พี่ไม่มีวันไล่ผมไปได้หรอก รู้ไว้นะ”

          ผมรวบรวมพลังเฮือกสุดท้าย กดอัลติ ผลักคู่ต่อสู้จนผงะก้าวถอยไปด้านหลัง ขยับปกคอเสื้อนักศึกษาที่ใส่มาพอเป็นกระษัยนิดหน่อย มึงเจอกูแน่ไอ้พี่ทิ เจอฤทธิ์กูบ้างแน่ๆ

          “เลิกพยายามทำอะไรที่มันงี่เง่าแบบนี้เถอะ เว้นเสียแต่สมองจะเล็กกว่ากะลา แม่งโคตรเด็กน้อย”

          ผมเป็นอิสระแล้ว เดินออกจากประตูห้องน้ำ เห็นสภาพห้องแล้วเหนื่อยหน่ายมากกว่าเดิมหน่อยคนบ้าอะไรกวนประสาทคนอื่นเก่งฉิบเป๋ง

          แกร๊ง!
          ผมเตะกระป๋องเบียร์ที่ตั้งอยู่บนพื้นแถวนั้นเต็มเหนี่ยว กึก! ไอ้สัด แม่นเสียด้วย ไปโดนลูกเบสบอลสีเขียวบนโต๊ะ มันค่อยๆ กลิ้งไปชนลูกบาสอีกที คราวนี้ล่ะฉิบหายของจริง ขวดแก้ววางตะแคงของเขาค่อยๆ กลิ้งตามแรงเฉื่อย ก่อนจะตกลงมา กึก! โชคดีที่ยังไม่แตก

          ใจหายแวบเลยครับ

          ผมวิ่งไปหยิบขวดเหล้า หรือบางทีอาจเป็นไวน์บอกตรงๆ ไม่สันทัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ก่อนเสียงตุบ! จะดัง และรู้สึกชาที่หัวเข่า เหยียบขยะจนลื่นล้มเสียได้ ลุกขึ้นยืน แต่ก็เซจนต้องรีบจับพนักพิงโซฟาไว้ เหยียดขาขวาแล้วเจ็บแปล๊บเลยแฮะจะถลกดูอาการหน่อยก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน วันนี้ดันสวมกางเกงยีนขายาวมาเสียด้วย

          “พี่ทิ...”

          ผมร้องเรียกชื่อเจ้าของห้องเสียงอ่อย ไม่ขึงขังเหมือนตอนท้าต่อยท้าตีกับเขา เงียบสนิท อย่าบอกนะว่าหลับในห้องน้ำต่ออีก

          “พี่ทิ...ผมล้ม ช่วยหน่อย”

          ไม่อยากขอความช่วยเหลือเลยสิ ให้ตาย เจ้าของห้องยิ่งเป็นคนแล้งน้ำใจอยู่ด้วย ผมพยุงตัวเองนั่งบนโซฟา เรียกอีกรอบ

          “พี่ทิครับ”

          ประตูห้องน้ำเปิดออกหลังส่งเสียงอ่อนระโหยตะโกนไปครั้งที่สาม เขาลากร่างผุพังทรุดโทรมออกมาจนได้ กอดอก ยืนพิงกำแพงมองผม

          “ยืมกางเกงขาสั้นหน่อยครับ”

          “ไม่ได้ใส่บ๊อกเซอร์หรือไง”

          “ใส่ครับ” แต่จะให้ผมสวมบ๊อกเซอร์ตอนอยู่กับคนไม่สนิทอย่างพี่น่ะนะ “ยืมหน่อย ไปรื้อให้หน่อย เอาที่ยังไม่ใส่นะ”

          เขายังคงนิ่ง มองผมด้วยสายตาเย็นชา นี่มันอำมหิตเกินคนไปแล้ว

          “ถ้าขาผมเดินได้แล้วจะลงไปซื้อเหล้าให้ ตอนนี้พี่ต้องช่วยผมก่อน”

          เขากลอกตาด้วยความระอา เดินเข้าอีกห้องก่อนกลับออกมาพร้อมกางเกงบอล โยนให้ผมรับโดยไม่เข้ามาใกล้แม้แต่น้อย ผมปลดกระดุม ถอดกางเกงขายาวออก อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถึงจะมีขาสั้นด้านในผมก็กระมิดกระเมี้ยนถอดไม่อยากให้เขาเห็นผมสวมแค่นั้นอยู่ดี เจ้าของห้องไม่ได้จ้องผมขนาดนั้น เขาเดินมาหยิบขวดเหล้าที่ตกลงมาเมื่อครู่ เปิดฝาออกแล้วคว่ำขวด หมด ไม่เหลือสักหยดแล้วถอนหายใจ

          ส่วนเข่าผมก็แตกจนได้เลือดจริงๆ ด้วย ไม่ใช่แผลใหญ่หรอก แต่ก็เจ็บเอาการ ไอ้ต้นเหตุก็หนีไม่พ้นความสกปรกของขยะบนพื้นนี่ล่ะ

          “อะ”

          เขาโยนกระเป๋าสตางค์มาใส่หัว ผมหยิบดูแล้วเงยหน้าถาม

          “อะไรครับ”

          “บอกว่าจะซื้อเบียร์ให้ไม่ใช่เหรอ”

          คนใจยักษ์ใจมาร ไม่เห็นมีใครเตือนมาก่อนว่าเขาจะเป็นคนไม่มีหัวใจได้ขนาดนี้ ผมมาดูแลเขาต้องเจ็บตัวเพราะเขาแท้ๆยังมีกะใจจะใช้ให้ไปซื้อเหล้าให้อีก ถึงจะปากหมาหาเรื่องเขาไปเมื่อกี๊ก็เถอะ แต่ต้องมีอุ๊บอิ๊บทดเวลาบาดเจ็บกันบ้างสิ ขนาดนักฟุตบอลยังขอเวลานอกได้เลย

          “บนห้องไม่มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลหรอกนะ อะไรที่ต้องใช้ก็ซื้อมา”

          เขาว่าแล้วเดินไปยังโต๊ะที่ผมวางขวดยาเคลือบกระเพาะและโจ๊ก เปิดฝาขวดดื่มอึกๆ ทำหน้าเหยเก “รสชาติแย่ฉิบ”

          “ยานี่ครับ ไม่ใช่น้ำหวาน”

          ชายหนุ่มปรายตามองดุ ผมกลืนคำเถียงลงคอก้อนใหญ่ สงสัยต้องไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลข้างล่างจริงๆ

          “เดี๋ยวผมมานะพี่ กินยาแล้วรอสักพักค่อยกินข้าว ถ้าไม่มีอะไรทำก็เก็บห้องให้หน่อย”

          ห้องของพี่นั่นแหละครับ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนผมโบ้ยงาน

          “อย่าลืมเบียร์”

          “ครับ”

          ผมถอนหายใจ เดินกระเผลกออกจากห้อง คำขอโทษสักคำก็ไม่มี คนแบบนี้น่ะนะที่เขียนเพลงรัก ไม่อยากจะเชื่อ ไร้มนุษยธรรม แล้งน้ำใจ ไม่มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ มิหนำซ้ำยังผิดศีลข้อใหญ่อีกต่างหาก




          ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่าง ผมเดินเข้ามินิมาร์ท ซื้อชุดทำแผลกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์5% ติดมือมาด้วย นั่งทำแผลตรงล็อบบี้คอนโดเหงาๆ จ๋อยๆ อยากโทรไปอ้อนฟ้าชะมัด แต่ถ้างอแงอีกก็เหมือนบ่ายเบี่ยงว่าเรื่องมากกับงานหรือเปล่านะ ทั้งที่พี่ลมก็ช่วยยื่นข้อเสนอให้ขนาดนั้นแล้วด้วย

          ผมกดดูรายชื่อเบอร์โทรศัพท์แล้วปิดลง จริงๆ ก็ไม่เหงานะ ไม่ใช่คนขี้เหงา แต่เวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรโทรไปปรึกษาใคร โทรไปบ่นกับใคร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเศร้าจะเปิดเพลงของพี่ทิแล้วนึกถึงผู้หญิงที่ชอบในชีวิตออกทีละคน ทีละช่วงวัยของชีวิตแล้วลืมความเศร้านั้นไปได้แท้ๆ แต่วันนี้พอเลื่อนเปิดโปรแกรมเพลง ชื่อเพลงที่เหมือนกับจะอยู่เคียงข้าง และเข้าใจก็ถูกกลบลบด้วยภาพของนักแต่งเพลงที่ชื่อเสียงโด่งดังที่ดับฝันผมไปจนหมดสิ้น

          “อ้าว ไอ้หนู มานั่งทำอะไรตรงนี้ล่ะ”

          ผมเงยหน้าขึ้น ป้าร้านซักรีดคนนั้นนั่นเอง หอบกองผ้าใส่ตะกร้ามาวางหน้าล็อบบี้เป็นผ้าที่ซักและพับเป็นระเบียบเรียบร้อย
         
          “ทำแผลน่ะครับ หกล้ม”

          “อ้าว แล้วอย่างนี้เดินไหวไหม ให้ป้าไปเอาผ้ามาให้หรือเปล่า”

          “ไม่เป็นไรครับ” ซาบซึ้งฉิบหาย เจ้าของผ้ามันยังไม่ใส่ใจผมอย่างนี้เลยด้วยซ้ำ “ผมว่าจะไปเอาอยู่พอดี”

          ว่าแล้วก็เดินตามป้าแกไปที่ร้าน ผ้าที่ฝากซักหอมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจนไม่อยากเอากลับเข้าไปในห้องอับๆ ห้องนั้น สีสันสดใสกว่าตอนที่เอาลงมาเป็นไหนๆ ผมจ่ายค่าซักรีดให้ป้าด้วยเงินในกระเป๋าพี่ทิ บทจะไว้ใจก็ยกให้กันทั้งกระเป๋าเลย ไม่กลัวว่าผมจะชิ่งเอาไปทำอะไรไม่ดีสักนิด เป็นคนแบบไหนกันแน่วะ

          อย่าหาว่าเสือกงั้นงี้เลยครับ ผมหยิบบัตรในกระเป๋าพี่ทิออกมาดูทีละใบ ส่วนใหญ่เป็นนามบัตรของบริษัทต่างๆ ภาพภ่ายโพลารอยด์ของเขากับน้องเจนแฟนเก่าหนึ่งใบ บัตรประชาชน โห คนราศีสิงห์ แสดงว่าเป็นคนมุ่งมั่นใช่เล่น กรุ๊ปเอ แสดงว่าเป็นคนจริงจัง ตั้งใจ ผิดกับผมที่เป็นคนกรุ๊ปโอที่เปิดกว้าง ยืดหยุ่น หรือเรียกอีกอย่างว่ามักง่าย สะเพร่านั่นแหละครับ

          ที่พูดนั่นไม่ใช่ว่างมงาย แต่อันดับวันเดือนปีเกิดของผมปีนี้จัดอยู่ในร้อยอันดับแรกของคนโชคดีเลยนะ ส่วนของพี่ทิปีนี้เดือนสิงหาจัดอยู่ในอันดับท้ายๆ เลยล่ะ ผมหยิบภาพดวงที่เซฟไว้มากดเทียบวันกับเดือนที่เกิด รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง นั่นไง ดวงไม่ค่อยดีจริงๆ ด้วย อยู่กันดับที่สองร้อยกว่าๆ จากจำนวน 365 วันนี่เข้าขั้นแย่ จะต่อกรกับคนแบบนั้นต้องสืบเสาะข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ครับ ถ้าได้เวลาตกฟากล่ะก็ดีเลย เผื่อว่าไปหาหมอผีผูกดวงให้เลิกเหล้า ไหนๆ ก็ไม่ยอมไปหาหมอที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว

          ลิฟต์ทะยานตัวกลับขึ้นชั้นที่เจ้าของกระเป๋าสตางค์อยู่โดยไม่แวะพัก เมื่อเปิดออกผมก็เก็บทุกอย่างเข้าที่เหมือนเดิม อุ้มตะกร้าผ้าด้วยสองแขน ใช้เท้าเคาะประตูสองที คราวนี้พี่ทิเป็นฝ่ายยอมเปิดประตูให้ผมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้จักกันมา ห้องเรียบร้อยกว่าตอนลงไปหน่อย อย่างน้อยขยะบนพื้นก็ถูกกวาดกันไปกองรวมกันที่มุมหนึ่ง

          “ไหนเบียร์”

          “ผมซื้อเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์5% มาครับ”

          จากที่ศึกษาไว้คร่าวๆ คือการเลิกเหล้าในกรณีของผู้ป่วยแอลกอฮอลลิซึ่มต้องเป็นไปทีละขั้น ค่อยๆ ลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงไม่อย่างนั้นอาจลงแดงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผมไม่สามารถประเมินถูกว่าพี่ทิติดเหล้าขนาดไหน ซื้อแบบเมาน้อยหน่อยได้ทั้งช่วยเขาลดปริมาณ ไหนจะโรคกระเพาะที่ทำให้เจ้าตัวอ้วกแตกอ้วกแตนเมื่อวานอีก

          เขามองหน้าผม หงุดหงิดขึ้นมาอีก

          “ไอ้นี่อะนะมีแอลกอฮอล์ เปิดก็ระเหยหมดแล้ว”

          “มีแอลกอฮอล์ล้างแผลอีกอย่างนะครับ ความเข้มข้น 70% เลย สนไหม”

          “อยากปากแตกอีกอย่างหรือไง”

          ผมรีบอมลิ้นเลย สีหน้าอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้พูดเล่นเสียด้วย พี่ทิใช้ฝาขวดสปายงัดกันเองก๊อกแก๊กแป๊บเดียวก็เรียบร้อย เซียนสุดๆ แต่ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเสียหน่อย

          “กินโจ๊กเสร็จแล้วก็เอาจานไปไว้ที่อ่างสิครับ ถุงนี่ก็ทิ้งลงถังให้เรียบร้อย ถ้าพี่จัดการทันทีขยะก็ไม่ท่วมห้องแบบนี้แท้ๆ”

          ผมบ่น เอาถ้วยไปเก็บในซิงค์แล้วจัดการกับขยะต่อ แต่เดี๋ยวก่อน “พี่ทิ โจ๊กของผมล่ะ”

          “อะไร”

          เขาถามห้วน ยกแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มจากขวด ไม่เสียเวลาเทใส่แก้วด้วยซ้ำ

          “โจ๊กไง ผมซื้อมาสองถุงอะ”

          วันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย

          “กินหมดแล้ว” เฮ้ย ทำไมพูดหน้าตาเฉยอย่างนั้นวะ “นึกว่าซื้อมาให้”

          “ก็ซื้อมาให้ แต่มันมีสองถุงไง ก็แบ่งกันคนละถุงดิ”

          “หนวกหู กูไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานคิดว่าถุงเดียวจะพอยาไส้อะไร อยากกินก็ไปซื้อใหม่ ซื้อเบียร์ขึ้นมาด้วย รู้จักไหมเบียร์น่ะ หรือกินเป็นแต่นมแม่”

          ด่าอะไรก็ไม่โกรธเลย แต่แย่งของกินโมโหมาก กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะเว้ย

          “พี่นั่นแหละต้องซื้อมาคืนผม พี่จะใช้แรงงานผมทำอะไรไม่ว่าเลยนะ แต่อดข้าวผมมันไม่เกินไปหน่อยหรือไง”

          ผมไม่ได้เห็นแก่กินอย่างไอ้นิว แต่หิวต้องได้กิน ถึงเวลาต้องได้กิน

          “ก็แค่โจ๊ก” เขาตอบ ไม่รู้สึกรู้สา “อร่อยก็ไม่อร่อย”

          “ไม่อร่อยแล้วพี่กินไปทำไมสองถุงล่ะวะ!”

          “ก็คนมันหิว มึงไม่รู้หรอกว่ากูไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้ว” เขาบ่นงุบงิบในลำคอ

          “ถามหน่อยใครให้พี่อดวะ”

          “เมา ลงไปซื้อไม่ไหว ลงไปทีก็ซื้อเบียร์ขึ้นมาเต็มมือแล้ว พี่ลมแม่งก็ไม่ค่อยมา”

          ปวดหัวปรี๊ดเลย เขากระดกเครื่องดื่มลงคอรวดเดียวจนหมดแล้วทิ้งขวดลงที่พื้น มองหน้าผมไม่รู้สึกรู้สา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำว่าขอโทษหลุดออกมาสักคำ "หมดแล้ว มึงไปซื้อเพิ่มหน่อย"


          จะ หมด ความ อด ทน แล้ว นะ โว้ย!!



.

tbc

อดทนเอาไว้ น้ำมนต์เหรอ ไม่ใช่ อีพี่ทิบอกกุปวดหัวกับมึงเหลือเกินอิเด็กกก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 20-11-2019 00:59:52
ปวดหัวแทนน้ำมนต์มาก
อ่านไปให้ความรู้สึกหลายอารมณ์มากในตอนเดียว 5555
แรกๆนี่นับถือใจน้ำมนต์ต้องใจเย็นความอดทนสูงขนาดไหน
พร้อมกับเริ่มหงุดหงิดความพี่ทิแล้ว
ตอนพี่ทิเริ่มด่าน้องแรงๆนี่ โกรธจัดเลย โกรธแทนน้อง 555
แต่พอพี่ทิหาว่าน้องอยากนอนด้วย นี่ตลกจัดเลย
ใครเป็นคนเบาความคิดนี้ใส่สมองพี่แก
หลังๆนี่แบบพี่ทิ มึงมีปัญญาลงไปซื้อเบียร์แต่ไม่มีปัญญาซื้อข้าว ยอมมึงเลยพี่
ความผีบ้าของพี่ทิ น้องจะต้องทนอีกกี่น้ำ 55555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 20-11-2019 01:33:52
สงสารน้ำมนต์แล้วอ่ะ อยากเอาพี่ทิไปทิ้งป่ามากเลยตอนนี้
ส่วนพี่ลมนี่ยังไงนะคะ เหมือนมีซัมติงงง :hao4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: Pikzyxxx ที่ 20-11-2019 02:06:22
อยากรู้ว่าทำไมพี่ทิถึงคิดว่าหนูน้ำมนต์เป็นเมียพี่ลม นี่คือคาใจมากมายยยย :hao6: :hao7: :ruready :sad4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 20-11-2019 05:16:35
 :z6:  ไอ้พี่ทิมันน่าถีบจริงๆ 
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-11-2019 08:33:37
 :เฮ้อ

  :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: inkteuk ที่ 20-11-2019 11:03:06
พี่ทิปากร้ายย น้ำมนต์อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ5555
เป็นกำลังใจให้คุณwestนะคะ สนุกมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-11-2019 11:05:10
 :pig4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 20-11-2019 13:01:56
ถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ
เอาใจช่วยน้ำมนต์จ้า คนเมานี่รับมือด้วยยาก
แต่คนปกติก็รับมือยากเหมือนกัน 5555555555  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-11-2019 19:22:45
พี่ทิซักที :z6:จะได้รู้ว่ามีคนห่วงใย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-11-2019 23:22:02
อดทน หน่อยไม่พอ  ต้องอดทนสุดๆเลย จริงมะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-11-2019 23:26:55
 :m31: :m31: :m31: ไอ้พี่ทิแย่มาก...กกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 21-11-2019 00:12:23
เป็นนำ้มนต์นี้อยากจะตีพี่ทิให้!!!
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-11-2019 00:20:51
ฝากน้ำมนต์กวาดพี่ทิใส่ถุงดำไปทิ้งด้วยสิ คนอะไรน่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-11-2019 02:56:38
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 22-11-2019 10:30:59
ตอนแรกว่าจะรอให้เว้ดเขียนไปสัก10ตอนแล้วค่อยเริ่มอ่าน แต่ช่วงนี้จิตตกเล็กน้อยเลยอยากมีวันพุธไว้รอคอย เว้ดไม่เคยทำให้ผิดหวัง  มองเห็นนังว่านไหวในตัวน้ำมนต์ แต่น้ำมนต์เป็นนังว่านที่อัพเกรดแล้ว เป็นนังน้องว่านที่เฉลียวขึ้น ตั้งใจขึ้น ชอบบบบบ ชอบคนมุ่งมั่นขยันแยกขยะแบบน้ำมนต์ จะรอวันพุธสีเขียวน้า :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 05 ใจกากปากเก่ง (หน้า2|201119)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 23-11-2019 12:33:31
จากคนดูแลกลายเป็นรักแท้ในอนาคต
นับถือใจน้ำมนต์เลย​ อดทนเก่งมาก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 26-11-2019 23:47:47

          ความอดทนของทุกคนมีขีดจำกัด
          แต่บางที ผมก็รู้สึกว่าตัวเองช่างอดและทนเก่งเกินมาตรฐานคนทั่วไปเกินไปหน่อย
          “ไหวป่าว”
          ฟ้าขยับมานั่งใกล้ผมในคาบเรียนรวมของบ่ายวันที่แดดแรงจัด หน้าขาวฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลีที่ไม่แน่ใจว่าหน้ามันหรือเป็นเครื่องสำอางกันแน่ กลิ่นน้ำหอมหวานๆ คล้ายวานิลาผสมกับไวท์ช็อกโกแลตทำให้ผมอยากขยับเข้าใกล้หญิงสาวมากไปอีก เป็นกลิ่นที่เป็นมิตรกับจมูกมากกว่าละมุดหมักที่ห้องพี่ทิเป็นไหนๆ ผมหมุนปากกาควงอยู่บนปลายนิ้ว เผลอทำหล่นเกิดเสียงแก๊กเบาๆ เมื่อก้มลงมองใต้โต๊ะไปมันก็กลิ้งไปอยู่ตรงปลายรองเท้าเพื่อนสาวพอดี
          “เดี๋ยวเก็บให้”
          ผมชอบเวลาฟ้าสวมชุดนักศึกษา เป็นชุดพอดีตัวที่ไม่เล็กจนอึดอัดแต่ก็ไม่หลวมจนเหมือนเสื้อแฟชั่น เมื่อก้มลงหยิบของเนื้อผ้าจะแนบเข้ากับเอวบาง ยืดตัวหน่อยก็จะเห็นหน้าอกกลมให้พอวาบหวิวข้างใน ทดสอบตบะไม่ให้ผมแกล้งเนียนอาศัยความเป็นเพื่อนแตะเนื้อต้องตัวครั้งแล้วครั้งเล่า
          “ไอ้อุ้ยไม่เข้าเหรอ” ผมถาม วิชานี้ไม่เช็กชื่อ แต่บางครั้งอาจารย์จะควิซท้ายคาบดัดสันหลังเด็กที่ไม่เข้าเรียน ไอ้อุ้ยไม่กังวลคะแนนเก็บ สอบทีมันเกือบได้ท็อปเซคทุกวิชาอยู่แล้ว
          “เห็นว่ามีเรื่องที่บ้าน”
          “เรื่องอะไรอะ”
          “ไม่รู้เหมือนกัน” ฟ้าตอบ วางปากกาคืนให้แล้วถาม “พี่ทิเป็นไงบ้าง”
          “เมื่อวานกินข้าวแล้ว” ผมตอบ อย่างน้อยก็มีพัฒนาการขึ้นมาหน่อย “แต่ยังงอแงหาเหล้ากินอยู่ดี”
          “เรื่องพาไปเจอหมอนี่เกลี้ยกล่อมได้บ้างไหม”
          “ยากว่ะ เราไม่รู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไร แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่อยากเลิกเหล้าน่ะ ฟ้าเข้าใจไหม”
          หญิงสาวพยักหน้า ผมเปิดหน้าจอมือถือ เข้ากูเกิลหาวิธีเลิกเหล้าในผู้ป่วยแอลกอฮอลลิซึมให้ฟ้าอ่าน “เท่าที่เห็นพี่ทิอาจอยู่ในระดับต้นถึงกลาง คือยังไม่เข้าขั้นประสาทหลอน แต่หงุดหงิดเวลาที่ไม่ได้กิน”
          “แล้วอย่างนี้น้ำมนต์จะทำอะไรต่อ”
          ผมถอนหายใจ จะบอกว่าโน้มน้าวให้อีกฝ่ายไปพบหมออย่างเดียวก็จนปัญญา แค่ขอให้เขาลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าดูแลตัวเองบ้างยังยากเย็นเข็นใจ
          “แต่น้ำมนต์ทำได้อยู่แล้วแหละ ไม่มีอะไรที่น้ำมนต์ทำไม่ได้หรอก ฟ้ารู้”
          หญิงสาวจับบ่าผมไว้ แกล้งนวดเบาๆ เอาใจ ไม่ต้องสปอยล์กูเลย แค่นี้ก็สยบแทบเท้าเหมียนหมา “เย็นนี้หลังเลิกเรียนไปเดินตลาดนัดหลังม.กันไหม ไม่ได้ไปกันสองคนมานานแล้วเนอะ”
          “อือ” ผมตอบ ไอ้นิวไม่ตื่นเพราะเมื่อคืนนั่งฟลัดยูทูปปั่นยอดไลก์ให้วงมันยันเช้า ลึกๆ นึกไปถึงอีกคน ถ้าไม่เข้าไปหาจะลงมาหาอะไรกินเองหรือนอนหิวปวดท้องอยู่บนห้องกันแน่นะ


          ผมชอบเดินตลาดนัดมากกว่าห้างสรรพสินค้า
          ส่วนหนึ่งเพราะราคาของที่ขายตามบูธเล็กๆ ขนาดสองคนยืนเป็นสินค้าที่จับต้องได้ อาหารที่ขายส่วนใหญ่ก็เป็นของที่เดินไปกินไป ไม่ต้องนั่งหรือต่อคิวรอนาน ตลาดนัดที่ฟ้าชอบที่สุดเป็นตลาดนัดใกล้โรงหนัง แต่ที่นั่นจะเปิดตั้งแต่หกโมงเป็นต้นไป ในฤดูหนาวมีลานเบียร์ขนาดย่อมให้หนุ่มสาวได้ชิมช็อปใช้กันตามสะดวกอีกต่างห่าง         
          ตลาดนัดหลัง ม. เป็นตลาดนัดดั้งเดิม ไม่เหมือนตลาดนัดข้างโรงหนัง ที่นี่จะเปิดเฉพาะวันพุธ ของส่วนมากเป็นของทำมือนักศึกษา งานคราฟต์ รวมทั้งของกินแปลกๆ ที่เหมือนยกเมียงดงมาตั้งที่ไทย ต็อกโบกี กุ้งเผาซอส วาฟเฟิลชีส สารพันของที่อยู่ในยูทูปถูกปลุกเสกสร้างสรรค์มาส่งกลิ่นหอมยั่วยวนนักท่องตลาดผู้หิวโหยให้ตกหลุมพราง ฟ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้ในมือเราเลยเต็มไปด้วยอาหารขนาดเกินสองคนกินอิ่มไปสามวัน
          “น้ำมนต์ไม่ห้ามฟ้าอะ”
          หญิงสาวที่เกาะแขนเกี่ยวกับผมบ่นกระปอดกระแปด ชูถุงลูกชิ้นปลาระเบิดกลิ่นหอมขึ้นสูง “น้ำมันทั้งนั้นเลย”
          “บอกแล้วว่าอ้วน ฟ้าก็พูดเองว่าถ้ามากับไอ้อุ้ยจะไม่ได้กิน จะให้ทำไง”
          “ก็อยากกินนิ่ อุ้ยดุอย่างกับพ่อ”
          “คนอยากรักษาหุ่นน่ะคือเธอไม่ใช่เหรอ สาวน้อย” ผมมองเสี้ยวหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาวแล้วนึกไปถึงเพลงของพี่กะทิ ที่พูดถึงเนื้อหาทำนองว่าต่อให้อ้วนก็ยังน่ารักอยู่ดี แต่ว่าก็ว่าเถอะ ฟ้ายังกินได้อีกเยอะ ส่วนเจ้าของบทเพลงนั่นไม่กินอีกมื้อคงอดตาย
          “ไม่น่าซื้อของตอนหิวเลยอะ อย่างนี้เหลือเพียบแน่เลย น้ำมนต์ก็กินไม่เก่งด้วย คิดถึงนิวขึ้นมาเลย”
          ผมหลุดหัวเราะพรืดใหญ่ ยกมือขึ้นยีหัวหน้าม้าของเพื่อนเบาๆ “ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวเหลือเราเอาไปให้พี่ทิเอง ปล่อยไอ้นิวนอนไปเถอะ”
          “วันนี้ก็จะเข้าไปหาพี่ทิเหรอ”
          “อ๋อ..อืม ก็ถ้ามีของเหลือทิ้งก็เสียดายอะ” ซึ่งมองประเมินดูแล้วเหลือเกินครึ่งแน่ๆ “ฟ้าไปด้วยกันไหม”
          “อย่าเลย พี่ทิคงไม่ชอบให้มีคนแปลกหน้าไปที่คอนโด”
          พูดอีกก็ถูกอีก วันแรกที่ไปผมเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน
          “จริงๆ ฟ้าก็แอบเกรงใจน้ำมนต์นะ ลำบากแย่เลยอะ”
          วินาทีพระเอกต้องมาแล้วครับ ผมโปรยยิ้มบางอย่างที่คิดว่าเท่ที่สุดตอนส่องกระจกให้ทิวฟ้า
          “ไม่เป็นไร ก็สนุกดี ได้เจอไอดอลด้วย ไม่ต้องคิดมากนะ”
          ความพยายามทั้งหมดของผมก็เพื่อเท่านี้ การถูกคนที่ตัวเองหลงใหลชื่นชมน่ะเป็นความรู้สึกที่วิเศษจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ไอ้นิวจะบอกว่าเลวทรามชั่วช้าอสรพิษยังไงก็เถอะ ผมน่ะ ไม่เคยคิดให้ไอ้อุ้ยกับฟ้าทะเลาะกันเลยสักครั้ง แค่รอเสียบเฉยๆ อิอิ
          “น้ำมนต์นี่น่ารักแบบนี้ พี่ทิต้องชอบน้ำมนต์เหมือนที่ฟ้าชอบแน่ๆ”
          ผมซ่อนอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ฟ้าชอบก็พอ ส่วนพี่ทิน่ะช่างมันเถอะ ไม่ใช่สาระสำคัญของชีวิตผมสักเท่าไหร่หรอกครับ พูดจริง


.
          หึ...ถอนคำพูด
          สองทุ่มตรง หลังจากนั่งแท็กซี่ไปส่งฟ้าที่หน้าหมู่บ้านแล้วนั่งรถเมล์ผ่านหน้าคอนโดหรูใจกลางเมือง ผมก็แทบถอนคำพูดที่บอกว่าพี่ทิไม่ใช่สาระสำคัญของชีวิตออกไป
          เมื่อวานเหมือนเราจะเริ่มคุยกันรู้เรื่อง แต่เหมือนผมต้องนับหนึ่งใหม่ในทุกๆ วันที่กลับมาที่ห้องอีกครั้ง กำลังใจเพียงน้อยนิดคือการที่ห้องชุดหรูหราค่อยๆ มีหน้าตากลิ่นอายของความหรูหราอย่างราคาขึ้นมาทีละน้อย แต่เจ้าของห้องยังคงเป็นซากซอมบี้เดินได้ นอนกอดขวดเบียร์ใหม่ คราวนี้ซื้อมาไว้ยกลัง
          “มีแรงลงไปซื้อเบียร์ขึ้นมาแล้วทำไมไม่ล้างจานล่ะครับ” ผมถาม คนที่นอนอยู่บนพื้นค่อยๆ ขยับตัวลุกนั่ง ประเดี๋ยวเดียวก็โอนเอนกลับไปล้มที่พื้นอีกครั้ง ผมแม่งโคตรเหนื่อยหน่ายใจเลย “พี่ทิ ต้องรอให้ผมไล่ไปอาบน้ำทุกวันเลยเหรอ”
          “...กี่โมง”
          “ครับ?”
          “นี่มันกี่โมงแล้ว!”
          แม่ง กลับมาตวาดเสียงดังอีกแล้ว อดเหล้าก็หงุดหงิด ได้กินเหล้าก็หงุดหงิด ถามจริงว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงช่วงใกล้รอบเดือนกันแน่ เอาใจไม่ถูก
          “สองทุ่มครับ”
          “ทำไมเพิ่งมา”
          “ห้ะ?” อย่าบอกนะว่าเขาคิดว่าผมต้องมาหาเขาตั้งแต่ไก่โห่ทุกวัน “ผมมีเรียน”
          “สองทุ่ม?”
          “คนเราก็ต้องมีธุระอะไรบ้างสิครับ”
          ผมเก็บขวดเบียร์ที่หมดแล้วไปกองรวมกัน กระดาษกำขยำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน คลี่เปิดออกเป็นรอยเขียนอะไรบางอย่างแล้วขีดขยี้จนอ่านไม่ออก
          “ผมทิ้งนะ พี่คงจำไม่ได้แล้วว่าเขียนอะไรไป”
          ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
          ผมเก็บขยะชิ้นใหญ่ที่กระจัดกระจายตามพื้นลงถุงดำ จากนั้นก็เอาอาหารที่เหลือของตัวเองกับฟ้าเทใส่จาน เข้าไมโครเวฟหน่อย ก่อนผละมาล้างจาน ปล่อยให้พี่ทิลุกๆ นั่งๆ เหมือนตุ๊กตาแม่ลูกดกอยู่บนพื้นหน้าโซฟา ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้วะ
          “พี่ทิไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว วันนี้มีอาหารเกาหลีด้วยนะ”
          อุ๊บอิ๊บว่าผมกับฟ้ากินได้สองคำก็อิ่มแล้วไว้ในใจ ชายหนุ่มเจ้าของห้องยังคงไม่เคลื่อนไหว ผมล้างจานเสร็จก็หยิบมื้อเย็นที่อุ่นไว้ออกมาวางที่โต๊ะ
          มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป
          เหลือบตามองเปียโนสีดำตัวใหญ่ที่ฝุ่นพอกตัวหนาวันแรกที่เข้ามาก็พบว่ามันเปิดฝ่าครอบออก โชว์แป้นคีย์บอร์ดสีดำสลับขาวมันวาว สะท้อนแสงไฟวิบวับอยู่ที่เก่า
          “วันนี้พี่เล่นเปียโนเหรอครับ”
          ผมถาม พอนึกว่าเจอก้อนกระดาษขยำนั่นก็เผลอมีกำลังใจขึ้นมาว่าบางทีพี่ทิอาจจะลุกขึ้นมาเขียนเพลงต่อแล้วก็ได้
          “พี่ทิ”
          ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่เรียกอยู่ดี ผมเดินไปหาคนที่นั่งๆ นอนๆ ที่โซฟาเมื่อครู่ เขาพยายามประคองตัวเองด้วยการกอดขา ซุกหน้าลงหัวเข่าเหมือนกุ้ง แต่ก็ล้มตะแคงไปอย่างคนเสียสมดุลย์ในร่างอยู่ดี
          “พี่”
          ผมเลิกเรียกชื่อเขาไปในตอนท้ายเพราะคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร พี่ทิกลับมาเมาเหมือนวันแรกที่เราเจอกัน เป็นการเมาที่ไม่เกรี้ยวกราด จะบอกว่าเมาเหมือนหมา หมาก็ไม่เมาแบบนี้ ไม่รู้จะเทียบกับอะไรไหว
          ผมพยุงหิ้วปีกเจ้าของห้องให้ลุกขึ้น อย่างน้อยไปนอนสบายๆ บนเตียงใหญ่ๆ ที่เปลี่ยนผ้าปูใหม่สภาพอาจไม่อเนจอนาถบาดใจ แต่การพยุงคนเมาได้ ต่อให้ขนาดร่างกายใกล้เคียงกันยังเหนื่อยเลย
          “น้ำมนต์...”
          “ครับ?”
          เขาเรียกชื่อผมเสียงเบาจนเหมือนกระซิบ แหบปร่าพร่าเลือนคล้ายละเมอแล้วไม่พูดอะไรออกมาอีก ผมรวบรวมเรี่ยวแรงกึ่งลากกึ่งแบกคนตัวโตเข้ามาในห้อง เขาทิ้งน้ำตัวลงจนเซแทบทรุด แต่ที่ไม่คาดคิดคือเสือกเอียงหน้ามาใกล้ จมูกเฉียดแก้มผมไปยังกะจงใจจะแกล้งกัน
          จะอ้วกหรือเปล่าวะ! จะอ้วกรดหน้ากันเลยเหรอ!!
          “พี่ทิใจเย็นเว้ย! คลื่นไส้หรือเปล่า ช่วยผมพยุงตัวเองหน่อย”
          แต่แทนที่อีกฝ่ายจะเหยียดตัวขึ้นยืนบ้าง กลับเป็นสอดแขนโอบมารอบเอวแล้วดึงผมเข้าประชิด นี่ไม่ใช่ไม้ค้ำยันนะครับ
          “เดี๋ยวได้ล้มไปทั้งคู่อะ เจ็บๆ ผมเจ็บขา”
          ที่ล้มเมื่อวานยังไม่หาย ไม่ใช่แผลใหญ่แต่ก็พอช้ำอยู่
          ผมเหวี่ยงพี่ทิลงเตียงด้วยแรงเฮือกสุดท้ายเจ็บตึงที่หัวเข่าขึ้นมาอีก อาจเพราะว่าวันนี้เดินเยอะด้วยก็ได้ เจ้าของห้องนอนแผ่บนเตียงกว้าง โชคดีที่วันนี้ใส่กางเกงที่ไม่รัดเลยถกปลายขาขึ้นดูแผลที่เข่าได้ เลือดไหลซิบๆ ไม่ถึงตาย ห้องวันนี้ก็ไม่ได้เป็นเหมือนสนามรบ คงอยู่อย่างปลอดภัยได้อีกวัน
          ฟึ่บ!
          ไอ้แม่ย้อย!!
          ชั่ววินาทีที่สนใจแผลที่เข่าตัวเองนั้น คนเมามันคืนชีพมากอดผมจากข้างหลัง ทิ้งคางลงบนบ่าเหมือนลูกหมีโคอาล่าทั้งที่ตัวมหึมาเท่าหมีควาย
          “อะ...อ็อก...”
          ไอ้....
          หมดครับ อ้วกใส่กูจนได้ โลกใบนี้ตั้งกว้างทำไมต้องเป็นไหล่ผม ไม่เข้าใจ ผมยกมือลูบหน้าตัวเอง ใช้ความอดทน หลังจากสบายท้องพี่ท่านก็นอนหงายไปบนเตียง ไม่สนใจหินสนแดดใดๆ อีกต่อไป

          จะไม่ไหวแล้วนะโว้ย!
          ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะไม่เกิดปัญญา มีงานแปลว่ามีปัญหา มีปัญหาพี่ลมถึงมาจ้างเรานะน้ำมนต์ ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะได้ทำงานที่ตัวเองอยากทำ ถ้าผ่านคนนี้ไปได้มึงจะเป็นขั้นสุดยอดของคนเลยนะ นึกถึงความชื่นชมที่ฟ้ามีให้เอาไว้ ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ...
          ผมถอดเสื้อตัวเองออก รู้หมดแล้วว่าของใช้ห้องนี้อยู่ตรงไหน เปิดตู้ปีนหยิบผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา เลือกเสื้อที่แขวนไล่สีในห้องแต่งตัว เอาลายที่ชอบที่สุด เดี๋ยวกูจะยึดเสื้อตัวนั้นกลับบ้านเป็นรางวัลปลอบใจ วิธีแก้แค้นพี่ทิจะยากสักแค่ไหน เงินพี่ทิซื้อผมไม่ได้ แต่ซื้อของได้ งั้นกูเอาของ พอคิดอย่างนี้แล้วก็นึกอยากให้มันอ้วกใส่โทรศัพท์แบรนด์จีนของผมขึ้นมาถนัด ถ้าได้ไอโฟนเครื่องใหม่จะใช้แบบโปรแม็กซ์พลัสความจุสูงเต็มขั้น เอาให้ล้มละลายเลยไอ้ห่า
          คิดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเอง ตอนนี้สองทุ่มนิดๆ เจ้าของห้องสลบไสลหมดท่า ผมเปิดประตูห้องน้ำ เปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำ มีบาธบอมด้วยว่ะ อยากเล่นไอ้นี่มานานแล้ว ตรงนี้มีที่วางโทรศัพท์ตอนนอนแช่อ่างได้ด้วย ส่วนนั่นลำโพงบลูทูธตั้งในตำแหน่งบาลานซ์กับอ่างอาบน้ำพอดี ทำไมพี่ทิไม่ชอบอาบน้ำวะ นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ
          จู่ๆ ผมก็นึกถึงการเป็นคนรับใช้ในบ้านคนรวยที่วันไหนเจ้านายไม่อยู่ก็ทำตัวเสมือนเป็นเจ้าของบ้านได้ขึ้นมา โอ้โหแฮะ เหมือนตัวเองเป็นครอบครัวคิมในหนังเรื่อง Parasiteเจ้านายผมไม่ได้ออกไปข้างนอก ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เขานอนถอดวิญญาณบนเตียงไม่มีกำหนดกลับ จะนอนแช่น้ำอุ่นจนตัวเปื่อยยังได้
          ผมเชื่อมต่อโทรศัพท์กับลำโพงบลูทูธแล้วกดเล่นเพลงเพลลิสต์โปรด วางโทรศัพท์ไว้ในที่ปลอดภัย น้ำอุ่นอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะแล้วแค่หย่อนร่างลงไปทั้งตัว หลับตา กลิ่นหอมของบาธบอมค่อยๆ กอดผมเอาไว้
          อา..รสชาติของคนรวยนี่มันเจ๋งสุดๆ เลย
          ทั้งที่แค่นอนแช่น้ำร้อนก็มีความสุขได้ขนาดนี้ ทำไมพี่ทิถึงต้องกินเหล้าวะ
          ถ้าเป็นผมนะ...ถ้าอกหักจากฟ้าก็จะอาบน้ำแม่งทั้งวัน
          กึก...
          เสียงอะไรบางอย่างดังรบกวนห้วงทำนองชวนฝัน อย่าบอกนะว่าลุกมาหาเบียร์ดื่มอีกแล้ว ผมยังไม่อยากออกจากอ่างไปห้ามเลย ให้ตาย
          “หิว”
          เสียงนั้นแทรกเข้ามาชัดเกินไปหน่อย ผมค่อยๆ ขยับเปลือกตาเปิด ห้องน้ำอวลด้วยไอสีหมอกเป็นฉากกั้น ซอมบี้หน้าตาไม่รับแขกยืนกอดอก พิงกรอบประตูห้องน้ำ มองตรงมา ทราบครับว่าห้องน้ำในห้องนอนของพี่ทิไม่มีล็อกป้องกัน แต่ว่าเปิดประตูมาตอนคนอื่นกำลังอาบน้ำอยู่มันได้เหรอวะ
          “เฮ้ย พี่เปิดทำไมเนี่ย”
          ผมหดขาเข้าหาตัวโดยอัตโนมัติ ยกมือขึ้นปิดหัวนมชมพูของตัวเองด้วย ถ้าฟ้าไม่ได้เห็นใครก็อย่าหวังว่าจะเห็น
          “หิว”
          ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ สีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว อ้วกออกมาแล้วคงโล่งท้องน่ะเข้าใจ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดตอนผมโล่งโจ้งแบบนี้นะเว้ย
          “ผมอุ่นกับข้าวให้แล้ว บนโต๊ะ ไปกินดิ สร่างเมาแล้วไม่ใช่เหรอ”
          “ยัง”
          กวนประสาท
          “ไปตักมาให้หน่อย จะรอที่เตียง”
          แม่งเอ๊ย! คืนวันอันแสนสุขของผมทำไมมันสั้นจังครับ คิดแล้วท้อ ผมกดปิดเพลง ล้างตัวแล้วหยิบเอาผ้าขนหนูมาเช็ดตัวลวกๆ สวมเสื้อยืดของพี่ทิที่ยังไม่ได้ยืม ส่วนกางเกงเป็นกางเกงยางยืดที่ใส่ไม่หลุดเอวก็พอ
          “พี่ไม่ควรเข้าไปตอนผมอาบน้ำอย่างนั้นรู้ปะ”
          “เอ็งก็ไม่ควรมาอาบน้ำบ้านคนอื่นทั้งที่เจ้าของเขาไม่อนุญาตเหมือนกัน”
          “ก็พี่อ้วกใส่ผมให้ทำไง”
          “เสื้อนั่นก็ยังไม่ได้ให้ใส่”
          “ถ้าเถียงไหวทำไมไม่เดินไปหยิบของกินเองล่ะครับ”
          ผมบ่นตั้งแต่ออกจากห้องน้ำ หยิบชามใส่อาหารเกาหลีเหลือๆ พร้อมน้ำเปล่ากลับมา ยื่นให้คนนั่งหน้าย่นอยู่บนเตียง “เดินแล้วมึน จะอ้วก”
          “งั้นก็ขอโทษผมสักเรื่องก่อนได้ไหมล่ะ จะเรื่องอ้วกใส่ เรื่องทำห้องเละอีกแล้ว หรือเรื่องเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็ได้”
          “เป็นคนรับใช้อย่าพูดมาก”
          “ไม่ใช่คนรับใช้โว้ย” ผมเถียง ตำแหน่งนี้พี่ลมบอกว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวต่างหาก พี่ทิรับชามต๊อกโบกีมา จิ้มๆ กินไปสองสามคำก็วาง “ไหนว่าหิว”
          “ปวดท้อง”
          “อ๋อ ยา ยังไม่ได้กินยาใช่ไหม”
          “กินหมดแล้ว”
          อย่างน้อยก็ขยันกินยาเว้ย “ไม่ดีขึ้นเลยเหรอ”
          “ไม่...”
          “ไปหาหมอไหม เดี๋ยวกระเพาะทะลุนะพี่”         
          “ไม่อิ่ม”
          ผมหูเพี้ยนหรือยังไงนะ
          “กินต๊อกไม่อิ่มเหรอ”
          “กินยา...แทนข้าว”
          “.....”
          ผมมองหน้าคนพูดนิ่ง หมดคำจะสรรหามาด่า พี่ทิค่อยๆ งอตัวลงอีกครั้ง มือกดไว้ที่หน้าอก ควรสมน้ำหน้าหรือสมน้ำหน้าดี ทำตัวเองทั้งนั้น
          “ปวดท้อง จะอ้วก”
          สีหน้านิ่งเรียบคล้ายไม่รู้สึกรู้สาเริ่มกลับมายุ่งเหยิงเหมือนสายไฟบนเสาหน้าปากซอยทุกที ปลายนิ้วขาวเรียวขยำบนเสื้อยืดตัวย้วย พี่ทิโก่งคอเหมือนผีจะเข้าสิง แต่ก็มีแค่ลมออกมา ผมรีบพยุงให้ลุกนั่งดีๆ แล้วดื่มน้ำเข้าไปอีกหน่อย ดูเหมือนหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก
          “ผมว่าไปหาหมอดีกว่าแป๊บนะพี่ ผมโทรบอกพี่ลมก่อน”
          ผมกดโทรศัพท์โทรหาเจ้านายตัวจริงโดยไม่ฟังคำทัดทาน คราวนี้สิ้นสภาพของจริง พี่ทิไม่มีแรงมาห้ามปรามหรือต่อล้อต่อเถียงอีกต่อไป เป็นกะทิสิ้นฤทธิ์โดยสิ้นเชิง นอนบิดตัวทรมานกับกรรมที่ก่อบนเตียง พี่ลมอนุญาตให้ผมลากพี่ทิขึ้นแท็กซี่ไปหาหมอโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เหตุผลที่ต้องแจ้งหลักๆ คือจะได้รู้ว่าหลังเกิดค่าใช้จ่ายแล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบค่าเสียหาย กับน้ำมนต์ใช้แรงเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่าให้เข้าเนื้อ ไม่ได้งกแต่คนมันไม่มีจริงๆ นี่ฮะ



          พี่ทิกลายเป็นบุคคลทุพลภาพโดยสิ้นเชิง มือขาวเย็น ผิวซีด ขดตัวเป็นก้อน หลังจากประคับประคองกันขึ้นแท็กซี่หน้าคอนโดได้แล้วเมื่อถึงโรงพยาบาลก็มีเปลมารับ โรงพยาบาลเอกชนนี่หรูหราหมาเห่า ก้าวไปแทบจะมีพนักงานมาอุ้มรับ ผิดกับโรงพยาบาลรัฐแถวบ้านผมลับราวฟ้ากับเหว
          “ญาติคุณทิวากรหรือเปล่าคะ”
          “อ่า...ครับ ไม่เชิง”
          “คนไข้มีอาการยังไงบ้างคะ”
          “ปวดท้องครับ” ผมตอบ “ก่อนหน้านี้เหมือนปวดตรงลิ้นปี่ เขากินข้าวไม่ตรงเวลาก็เลยเดาว่าเป็นโรคกระเพาะ ผมซื้อยาเคลือบกระเพาะมาให้แล้วนะ กินหมดไปขวดนึงแล้ว”
          พยาบาลสาวจดอาการเบื้องต้นมือเป็นระวิง พี่ทิแม่งไม่พูดอะไรเลย นอนบิดบนเตียงคนป่วยอย่างเดียว “คนไข้มีอาการมากี่วันแล้วคะ”
          “ไม่แน่ใจนะครับ แต่มีอาเจียนด้วย”
          “ดื่มเหล้า สูบบุหรี่หรือเปล่าคะ”
          “ดื่มเหล้าครับ ดื่มหนัก แต่ไม่สูบบุหรี่ มั้งนะ”
          ไม่มีกลิ่นควันในห้อง ไม่มีเศษซากของขี้เถ้าและก้นกรอง ผมนี่มันละเอียดรอบคอบจริงๆ “ถ่ายเป็นสีดำหรือเปล่าคะ”
          เฮ้ย ต้องรู้ขนาดนี้เลยเหรอ
          “อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ”
          “แล้วที่ว่าดื่มเหล้าดื่มบ่อยแค่ไหนคะ”
          “บ่อยฮะ บ่อยมาก” มากแบบที่เจ้าของโรงงานเหล้าคงจ้างพี่ทิไปแต่งเพลงบุรุษผู้ร่ำสุราได้เลย จะว่าไปนี่ก็เป็นอีกวันที่เขาดื่มหนักๆ เลยก็ว่าได้
          “ญาติรอข้างนอกสักครู่นะคะ”
          ผมพยักหน้า ก่อนเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้โซฟา เบาะนุ่มนวมหนา ส่วนคนป่วยและคุณหมอรวมทั้งพยาบาลหายเข้าไปในห้องหมายเลข 3 ระหว่างรอก็มีข้อความจากพี่ลมเข้ามา
          “ทิเป็นไงบ้างน้ำมนต์”
          “ถึงมือหมอแล้วครับ น่าจะดีขึ้น พี่ลมมาไหม”
          “โอเค ถ้าเจ้าทิมันออกมาให้มันโทรหาพี่หน่อยนะ พี่คงไม่ได้เข้าไปว่ะ งานเยอะฉิบหาย”
          ผมเข้าใจ พอไม่มีพี่ทิพี่ลมก็ต้องรับงานที่หลากหลายมากกว่าเมื่อก่อนที่พี่ทิเป็นรายได้หลักของเขา ถึงจะบอกว่าเพราะตัวเองเป็นแค่โปรดิวเซอร์งานคอนเสิร์ตสิ้นปีนี้ก็เถอะ แต่ต้องยอมรับว่าการป่วยไข้ของพี่ทิทำให้การเงินของพี่เมียในมโนของผมต้องชะงักงัน ดังนั้นในฐานะผู้ปกป้องมรดกของทิวฟ้า ผมเลยอดที่จะคล้อยตามไม่ได้
          “ถ้าต้องแอดมิทน้ำมนต์ช่วยอยู่เฝ้ามันทีนะ พี่เสร็จธุระแล้วจะรีบไป”
          มีบวกโอทีไหมครับ ผมถามในใจ กลัวพูดไปแล้วจะดูงกเงิน หลังวางสายก็ไลน์เข้ากลุ่ม บอกไอ้นิวว่าไม่กลับห้อง รายงานเอาหน้าจากฟ้า แล้ววอะไรอีกนะ ไอ้อุ้ยเคลียร์ปัญหาที่บ้านเสร็จรึยัง
          Nammon: พวกมึง กูพาพี่ทิมาโรงบาล พรุ่งนี้อาจจะเข้าเลทนะ
          New: มึงซ้อมไอดอลจนต้องพามาส่งโรงบาลเลยเหรอ
          Fah: พี่ทิเป็นอะไรหรือเปล่าน้ำมนต์
          Nammon: กระเพาะมั้ง หมอดูอยู่   
          ยังไม่มีใครพิมพ์กลับมา ประตูห้องตรวจก็เปิดออก พี่ทินอนสงบบนเตียง อยู่ในโอวาทหมอดีไม่เหมือนตอนอยู่ด้วยกันสักนิด
          “หมอฉีดยาให้แล้ว อาการปวดท้องจะค่อยๆ ทุเลาลง แต่คนไข้ยังกินข้าวไม่ได้คืนนี้ให้น้ำเกลือไปก่อน พรุ่งนี้กลับบ้านได้แต่ต้องงดแอลกอฮอลล์เด็ดขาดนะครับ ทานอาหารอ่อน งดอาหารเผ็ด รสจัด อย่าเพิ่งดื่มนม กินอาหารให้ตรงเวลา สังเกตสีอุจจาระด้วยถ้าเป็นสีดำอาจหมายถึงมีเลือดออกในช่องท้อง ให้รีบมาพบแพทย์ด่วน อันตรายมาก”
          อา...
          “เขาติดเหล้าน่ะครับหมอ”
          “ไม่ได้ติด”
          คนป่วยเถียง แหม ไอ้ที่กระเพาะกำเริบขึ้นมานี่ไม่ใช่แอลกอฮอลเร่งปฏิกิริยาหรอกเหรอ
          “งั้นต้องเลิกเหล้าก่อนถึงรักษาได้” คุณหมอพูด ไม่ได้มีทีท่าแปลกใจนัก เขาเขียนอะไรยุกยิกลงกระดาษแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “เดี๋ยวคนไข้ทำแบบทดสอบก่อนนะครับ แต่โปรแกรมบำบัดนี่ต้องให้ญาติเข้าร่วมด้วย”
          เดี๋ยวก่อน
          “เอ่อ...ที่จริงผมไม่ใช่ญาติครับ”
          “ถ้าอย่างนั้นจะติดต่อญาติหรือคนที่อยู่ใกล้ชิดด้วยครับ”
          แอะแอ๊
          ผมเหลือบตามองพี่ทิ คนป่วยนอนมองเพดาน ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ถ้ายกตีนได้คงยกไปแล้ว แต่ไม่ก่ายหน้าผากนะ เป็นฟาดปากผม
          ขอตัวช่วยครับ!
          “ผมขอโทรหาเพื่อนสนิทเขาก่อนนะครับ”
          ไอ้พี่ลม ที่เคารพครับ นี่มันงานนอกเหนือจ๊อบดิสคริปชั่นแล้วนะครับพี่!!!


TBC

มาแล้ววว น้ำมนต์คือนังว่านเวอร์ชั่นอัพเกรดจริงๆ แต่อัพไปหลายขุมอยู่นะคะ อย่างน้อยก็ไม่โง่ ฮือ เหมือนเติมท็อปอัพทุกอย่างในทางที่ดีขึ้นลงไป ยกเว้นเรื่องดวงเพราะน้ำมนต์ไม่ได้หลัวเทพเหมือนพี่แคน วงวารน้อง ทำดีได้ดีไม่มีจริงค่ะ
พี่ทิเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงนิดๆหน่อยๆ(?)แล้ว ภาวนาไม่ให้น้ำมนต์เฉามือตายก่อนนะคะแง
ขอให้เป็นวันพุธที่ดีของทุกคนค่ะ

หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 27-11-2019 01:00:02
อิพี่ทินิมาอ้วกใส่น้ำมนต์ทำไม น้องออกจะน่ารัก เดี๋ยวแช่งให้หลงน้องน้ำมนต์คนดีหัวปักหัวปำเลย
น้ำมนต์นี่จะว่าไม่โง่ก็ใช่แต่ออกจะใจดีไปหน่อย มีคนมาอ้วกใส่อย่างน้อยต้องตบกะโหลกสักทีก่อนพาไปหาหมอ…
รออ่านความวุ่นวายของกะทิกะลากับน้ำมนต์วันพุธนะคะ
เลิ้ฟเลิ้ฟเว้ดเว้ดน้า :mew1:

หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: inkteuk ที่ 27-11-2019 01:32:27
 :pig4:
รอคอยแต่วันพุธ  :ling1:

น้ำมนต์ตลกก พี่ทิหายไวๆนะ อ่านแล้วปวดท้องตามเลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 27-11-2019 05:02:22
อยากให้พี่ทิหายไวๆ​ อ่านแล้วปวดใจ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 27-11-2019 06:57:07
พี่ทิเริ่มเห็นความสำคัญของน้ำมนต์แล้ว(?)  น้องมาช้าเริ่มบ่น / บ่นเพราะหิวไม่ใช่คิดถึง 5555  หน่ะ! ก็ยังดีอ่ะเนอะน้ำมนต์เนอะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 27-11-2019 09:47:53
พี่ทิอาทิตย์นี้ว่าง่าย ไม่สู้เหมือนช่วงแรก
มีการถามน้ำมนต์ด้วยว่าไปไหนมา เริ่มติดน้องแล้วล่ะสิ
แต่ว่า พี่จะมาอ้วกใส่หัวน้ำมนต์ไม่ได้โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย  :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-11-2019 09:49:12
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 27-11-2019 12:17:18
โอ๊ะโอ น้ำมนต์ต้องได้รับคำชมจากทิวฟ้ามากนะ พาพี่ทิไปหาหมอได้
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 27-11-2019 12:52:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-11-2019 15:01:07
พี่ทิแอบดูน้ำมนต์อาบน้ำ..คิดไรป่าว?  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-11-2019 16:16:12
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: perpor_2718 ที่ 27-11-2019 19:28:56
 o13 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-11-2019 19:49:20
น้ำมนต์นี่เมียทาสชัด ๆ รองรับทุกสถานการณ์
หายแล้วก็ตอบแทนน้องเขาให้สมน้ำสมเนื้อนะพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 28-11-2019 00:10:10
อย่างพี่ทิมันใช้คำว่างอแงไม่ได้นะน้ำมนต์ มันเรียกงี่เง่า 555
ไม่เห็นทางที่สองคนจะลงเอยกันได้เลย
พี่ทิอาจจะเข้าใจหน่อยตอนหายปุ้บ ซึ้งในความดี
แต่น้องนี่ดิ หรือจะสงสารจนเกิดความรักความห่วงใย
รอติดตามเรื่องราวชีวิตคู่ต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 29-11-2019 00:02:30
แกต้องชดใช้ให้น้องด้วยนะทิ!!!!
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-11-2019 08:49:03
อ่านเพลินเลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 29-11-2019 23:05:32
สนุกมากกก เป็นกำลังใจให้น้ำมนต์ 555


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-12-2019 03:31:54
วุ่นวายมาก วุ่นจนสงสารน้ำมนต์
เจ็บตัวก็แล้ว ดูแลดีก็แล้ว

พี่ทิคะ คิดได้สักทีไหม ติดเหล้านี่เรื่องใหญ่นะ

แล้วลมก็นะ ทำไมปล่อยน้องให้ดูแลขนาดนี้
มาส่องน้องบ้างเหอะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 03-12-2019 00:37:12
สนุกมากครับ,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 06 flood over me (หน้า3|271119)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 03-12-2019 22:45:59
นับถือความอดทนของน้ำมนต์จริงๆ ทั้งกับฟ้าและก็พี่ทิ
บางทีก็อยากให้น้ำมนต์เทไปเลยทั้งคู่
แต่ก็นะ เพราะความอดทนนี้ของน้ำมนต์ที่ทำให้ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น
อยากให้พี่ทิมันตกหลุมรักน้องก่อนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
แล้วถ้าน้ำมนต์ไม่รับรักด้วยนะ แกไม่รอดแน่พี่ทิ!!!
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย (หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 04-12-2019 00:05:45
07 คนขี้อาย



          บางทีแล้วผมก็มีความรู้สึกที่น่ารำคาญบางอย่าง ประมาณว่าเป็นความรุงรัง น้อยอกน้อยใจที่ตัวเองไม่ถูกจัดเป็นคนกลุ่มเดียวกันกับเพื่อนในกลุ่มโก้หรูร่ำรวยจนไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเขาจริง

          แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะรู้สึกว่าถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตใครทั้งที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับเขา

          กระทั่งเกิดสัญญาใจ สัญญาทาสที่ให้ไว้กับพี่ลม

          “สมน้ำหน้า”

          ชายผู้นอนพังพาบสิ้นฤทธิ์เมื่อวานกลับมากำลังวังชาขึ้นมาต่อต้านผมใหม่เพียงเพราะอาการป่วยทุเลาลงแล้ว คนที่เสียสติสมประดีกลายเป็นผมแทนเพราะคำตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมจากนายจ้างที่ขึงขังไม่เหมือนตอนเกาะกินข้าว โต๊ะตักอาหารให้อย่างช่างเอาอกเอาใจแม้สักหน่อย

          ใครจะรู้ว่าเห็นพี่ลมเอาใจเก่งขนาดนั้นบทจะเด็ดขาดก็เล่นเอาผมใบ้แดก เถียงไม่ออกทั้งที่อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ

          ‘ที่พี่จ้างน้ำมนต์ก็เพราะต้องการให้น้ำมนต์พากะทิไปบำบัดไงครับ’

          ผมก็ทึกทักไปเองว่าต้องเป็นพ่อบ้านคอยดูแลเรื่องส่วนตัวบางประการแล้วเชียร์อัพให้ตัวเงินตัวทองของฟ้ามีแรงลุกขึ้นมาทำงานก็เท่านั้น

          ใครจะคิดว่าทิวากรจะไร้ญาติขาดมิตรโดยสิ้นเชิงขนาดนี้

          ผมปรายตามองคนที่นั่งดีดกีตาร์บนโซฟา เขายังคงสีหน้าถมึงทึงไม่เป็นมิตร แผ่รังสีความหงุดหงิดออกมาแม้ว่าในห้องพักจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปโข หลังจากที่เขานอนแอดมิทที่โรงพยาบาลหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ

          เมื่อวานนี้ผมอยู่เฝ้าพี่ทิในห้องพิเศษ แอร์เย็นฉ่ำ พอเช้าก็รีบกลับมาเอาเสื้อผ้าจากคอนโดไปให้เขาเปลี่ยนก่อนออกมา พอเห็นสภาพห้องที่ปราศจากอุปสรรคอย่างเจ้าของห้องแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะเร่งมือทำความสะอาดก่อนตัวทำลายล้างจะกลับมาป่วน คอนโดหรูหลักล้านถึงได้มีหน้าตาหลักล้านได้อย่างราคาคุย

          หลังจากนั้นผมก็ถูกคุณหมอหน้าตาสุภาพเรียกไปคุยในฐานะคนที่อยู่ด้วยกับผู้ป่วยเพื่อรับฟังเนื้อหาขั้นต้นของการบำบัดโรคพิษสุราเรื้อรังของนักเขียนเพลงชื่อดังอย่างทิวากร

          “พ่อแม่พี่ไปไหนหมด”

          ผมคุ้นๆ ว่าแม่ของพี่ทิเป็นนักร้อง ทำงานในวงการเพลง แต่พี่ลมบอกว่าที่บ้านพี่ทิไม่คุยด้วยเพราะการเลือกทางเดินสายดนตรี ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ สรุปว่าที่บ้านทำงานเพลงแต่ไม่ชอบให้ลูกชายทำอะไรอย่างนี้น่ะนะ ย้อนแย้งเหลือเกิน

          “แม่ตาย พ่อแต่งงานใหม่ พ่ออยากให้ทำงานที่บริษัทเลยมีปัญหากันนิดหน่อย”

          “นิดหน่อยที่ว่า ถึงขั้นไม่ได้ติดต่อกันเลยเหรอ”

          “เห็นว่าติดต่อไหมล่ะ”

          ยอกย้อนเก่งนัก ปลายนิ้วดีดสายกีตาร์ไม่เป็นเพลง เหมือนกดคอร์ดเล่นมั่วๆ ไปงั้นๆ “เอ็งไม่ต้องมายุ่งก็ได้นะ”

          “เกรงใจผมล่ะสิ”

          “รำคาญ”

          เนี่ย สังคมไทยถึงไม่พัฒนา แทนที่จะพูดจาดีๆ กลับเอาแต่กดเหยียดกันอยู่ได้

          “ผมก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะ พูดแบบหล่อๆ เลยคือผมอยากให้พี่กลับมาทำงานได้ พูดอย่างจริงใจคือมันเป็นงานที่ผมดีลกับพี่ลมไว้ เข้าใจใช่ปะ”

          “โดนพี่ลมหลอกใช้”

          “ก็ไม่เชิง”

          “สรุปเป็นเด็กพี่ลมจริงๆ เหรอ”

          “เด็กยังไง แฟน กิ๊ก อะไรอย่างนี้ไม่ใช่นะ แต่เป็นคนที่พี่ลมจ้างมาพร้อมข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ เข้าใจปะ”

          “พี่ลมก็ไม่เคยยื่นข้อเสนอที่ใครปฏิเสธได้อยู่แล้ว”

          ผมนึกว่ากำลังอยู่ในเรื่องก็อด ฟาเธอร์ และพี่ลมสวมบท ดอน วีโต คอร์เลโอเน ที่มักพูดว่า I'll make you an offer you can't refuse แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมพี่ลมเอาพี่ไม่อยู่ล่ะวะ ผมตั้งถามอยู่ในใจ แต่ไอ้คนหัวรั้นตรงหน้าก็เป็นคำตอบให้ด้วยตัวเองไปพร้อมกัน

          “มองอะไร”

          “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เรามาทำให้มันจบๆ ไปเลยไหมพี่”

          พี่ทิถลึงตามองผม “ใครจะทำอะไรกับเอ็ง”

          โว้ยยย!

          “ผมหมายถึงก็ไปบำบัดให้มันจบๆ ไป สองสัปดาห์เอง”

          เป็นคอร์สบำบัดที่คุณพยาบาลให้ข้อมูลไว้ ต้องเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งสิ้นหกครั้ง ปัญหาของการเลิกเหล้าไม่ใช่เลิกเหล้า แต่เป็นการกลับไปกินซ้ำ พี่ทิเองก็ไม่ได้ติดถึงขั้นไม่กินแล้วจะลงแดง ไม่น่ายืดเยื้อเท่าไหร่ ที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลเคยบำบัดผู้ป่วยแบบกลุ่มให้เลิกเหล้าเด็ดขาดมาหลายคนแล้ว ยิ่งเคสพี่ทิมีหมอดูแลควบคุมเดี่ยวๆ จะไปยากอะไร

          “ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ติดเหล้า”

          “ไม่ได้ติดเหล้าแล้วไม่กินได้ปะ หงุดหงิดปะ”

          “เหล้ามันติด”

          เวร

          ข้อเสียของการต่อล้อต่อเถียงกับนักประพันธ์คือเราไม่มีทางรู้เลยครับว่าเขาจะประดิษฐ์คำไหนมาแย้งได้ ต่อให้แถแบบสีข้างถลอกก็พูดออกมาหน้าตาเฉย

          “นั่นแหละ ผมอยากให้พี่เลิกเหล้าให้ขาด”

          “ก็มันเขียนงานไม่ได้”

          “กินแล้วเขียนได้เหรอครับ”

          เขาไม่ตอบ ยังดื้อเงียบด้วยการดีดกีตาร์ดังจนหนวกหู ผมเลยสวดต่อ

          ” พี่เขียนงานไม่ได้ก็ไม่ได้เงิน ถ้าไม่ได้เงินแต่จ่ายค่าเหล้าเรื่อยๆ แบบนี้มีแต่ขาดทุนนะพี่ทิ ไม่กินยังจะเก็บเงินได้มากกว่า”
                   
          “มันไม่ใช่เรื่องของเงิน”

          ต้องคนรวยเท่านั้นที่พูดแบบนี้ได้ ถ้าเงินซื้อความสุขให้เขาไม่ได้ก็ควรโอนให้ผมปะวะ เงินซื้อความสุขของผมได้ ได้มากด้วย

          “พูดไปเอ็งก็ไม่เข้าใจหรอก ยังเด็ก”

          เขาวางกีตาร์ลงพื้น เป็นคนที่ไม่ยอมขยับตัวเก็บของใช้ให้เข้าที่เข้าทางจริงๆ สิน่า ผมพรูลมหายใจออกยาว เดินไปหยิบกีตาร์ของเขา แต่แทนที่จะวางพื้นเอามาวางที่ตักตัวเองแทน ลองกดคอร์ดเล่นๆ โดยไม่ขออนุญาต

          “เล่นเป็นด้วยเหรอ”

          “แน่นอน แต่ไม่กี่เพลงนะ เล่นไม่เก่ง ฝึกไว้จีบสาว”

          “เคยเล่นดนตรีจีบสาวเหรอ”

          “ไม่เคย เขิน”

          ผมหัวเราะ พี่ทิก็หลุดขำออกมานิดนึง พอผมมองหน้าก็ทำหน้าขรึมอย่างกับกลัวว่าจะเสียผู้ใหญ่ เอาจริงพอเขาไม่เมาแล้วก็ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนะ ผิดหูผิดตาจากวันแรกพอสมควรเลย

          ผมลองดีดเป็นเพลงของพี่ทิ เพลงยู เป็นเพลงรักที่เนิบช้า มีแค่สี่คอร์ด จับคอร์ดง่ายสุด เพลงชาติประจำงานแต่ง พูดถึงหญิงสาวอันเป็นที่รัก และดีใจที่เธอมีความสุขในวันนี้ ประมาณนั้น เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่เจ้าบ่าวเล่นก็ได้ แฟนเก่าเจ้าสาวเล่นก็ได้ ครบองค์

          “ตอนพี่แต่งเพลงนี้พี่คิดอะไรอยู่อะ”

          ผมถาม เขานิ่งไปสักพัก นอนเหยียดตัวยาวบนโซฟา มองเพดานห้องที่สว่างจ้าจากม่านที่รูดชิดมุม “คิดถึงแม่”

          “แม่ที่แต่งงานใหม่หลังจากพ่อตายอะเหรอ”

          “แม่ตาย พ่อแต่งงานใหม่”

          โอเคครับ ผมจำผิด

          “แม่พี่เป็นอะไรตายอะ ถามได้ปะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องตอบนะ”

          “ไม่หายใจ”

          ขอบคุณ

          “หลับไปเฉยๆ หมอบอกว่าภาวะหัวใจล้มเหลวฉับพลัน ไม่มีสัญญาณ ไม่มีคำบอกลาอะไรทั้งนั้น”

          “พี่โตมากับแม่เหรอ”

          “อืม ไม่เชิง โตมาในโรงเรียนประจำ แต่แม่จะไปรับมาอยู่ด้วยตอนปิดเทอม”

          เดาได้ว่าคนที่อยู่โรงเรียนประจำตลอดชีวิตที่บ้านคงมีฐานะอยู่บ้าง ก็คือรวยตั้งแต่เกิดแล้วนั่นเอง “เมื่อก่อนผมไม่คิดว่าพี่รวยเลยอะ”

          “ใครบอกเอ็งว่าเรารวย”

          “พี่ว่าสรรพนามมันประหลาดๆ ปะวะ”

          “ทำไม” เขาเกาแก้มเบาๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ไหน “แล้วต้องเรียกอะไร”

          “ก็เรียกน้ำมนต์ไง พี่ก็รู้ชื่อผม เรียกนาย เรียกมึง เรียกแก ทำไมต้องเอ็งวะ”

          “ไม่รู้ ไม่ค่อยสนิทกับเด็กผู้ชาย”

          ให้โอกาสพูดใหม่ ท่าทางไม่สนิทกับใครเลยต่างหาก หรือถ้ามีก็ช่วยบอกกันบ้าง ผมจะได้ไม่ต้องรับหน้าที่ผู้ปกครองที่พาเขาไปบำบัดเหล้า แถมยังต้องเข้าไปร่วมกิจกรรมด้วย

          “แต่เพลงยูเป็นเพลงรักที่หวานมากเลยนะ” ผมวกกลับมาที่เรื่องเดิม ยิ่งผสานกับซาวด์ของฝนในตอนเริ่มแล้วยิ่งรู้สึกหวานฉ่ำชุ่มในใจ แบบที่ว่าผู้หญิงคนไหนฟังก็ต้องติดกับดัก

          “ก็มันเป็นเพลงรัก”

          จะว่าไปก็ไม่ได้เอ่ยว่าเป็นความรักในแบบของหนุ่มสาว ผมนึกถึงเพลง Tear in heaven ของเอริก แคลปตันที่เขียนให้ลูกชายที่ตกลงอพาร์ทเม้นลงมาตาย แต่นั่นเป็นเพลงเศร้าที่ฟังเมื่อไหร่ก็เศร้า แต่เพลงของพี่ทินี่ดิ

          “ต้องเติบโตท่ามกลางมวลดอกไม้มากขนาดไหนน้า ถึงได้เขียนเพลงได้หวานซึ้งทั้งที่ตัวเองเศร้า”

          “โตในโรงเรียนประจำ ชายล้วน ไม่ได้โตในปากคลอง”

          “อะไรปากคลอง”

          “โตในดงดอกไม้อะไรของเธอ”

          เหยดโด้ว ขนลุกกว่าเรียกเอ็งอีก

          พระเจ้าเฉลยทีเถอะว่าไอ้คนพูดเสียงเย็นชืดในห้องเดียวกับผมตอนนี้ไม่ใช่ทิวากรที่ผมหลงใหลได้ปลื้มนักหนา เขาผุดลุกขึ้น เดินไปในห้องครัวและกลับออกมาอีกทีพร้อมสีหน้าไม่สบอารมณ์

          “เบียร์ไปไหนหมด”

          “ทิ้ง”

          “พูดจริง?”

          “อ้าว ก็พี่จะเลิก”

          “กูบอกตอนไหนว่าจะเลิก”

          เริ่มกูมึงอีกแล้วอะ ไม่อ่อนโยนเลย

          “ปวดท้องขนาดนั้นยังจะกลับไปกินอีกเหรอครับ อย่างน้อยรักษาตัวให้หายก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”

          “ก็หายแล้วนี่ไง”

          “ตอนนี้แค่ดีขึ้นเพราะยาช่วยหรอก หมอก็บอกแล้วว่าถ้ากลับไปกินอีกยาก็ไม่ช่วยอะไร”

          “หมอมันจะมารู้ดีกว่าตัวกูได้ไง”

          “หมอเรียนมา พี่อะจบหมอมาหรือไง”

          พี่ทิหงุดหงิดไม่หาย เดินวนไปวนมาไม่ยอมนั่งที่

          “เอาน้ำหวานแทนไหมครับ หรือสปาร์คกิ้งวอเต้อร์”

          ผมหมายถึงน้ำดื่มซ่าๆ เพื่อสุขภาพ อาจจะชดเชยเบียร์หรือเหล้าใส่โซดาได้

          “มันเหมือนกันที่ไหนล่ะวะ”

          “เอ้อ จริงด้วย หมอห้ามดื่มน้ำซ่า งั้นเหลือแค่เฮลบลูบอยแล้วอะ เดี๋ยวผมชงให้ ชากาแฟก็งดนะพี่ทิ เข้าใจป่าว”

          “เออ รู้แล้ว กลับไปได้แล้ว อยากนอน”

          จู่ๆ ก็ไล่กันแบบนี้ผมเดาว่าเขาต้องคิดอะไรไม่ดีแน่ๆ

          “ถ้าผมกลับไปแล้วพี่จะลงไปซื้อเบียร์ขึ้นมาอะดิ”

          “ไม่ซื้อหรอกน่า พรุ่งนี้ก็ไปหาหมอด้วยกันไง เธอไม่มีเรียนหรือไง ไหนว่ารุ่นเดียวกับฟ้า”

          พี่ทิรู้จักฟ้าด้วย? แต่ไม่รู้จักสิแปลก พี่เล่นกินรวบกิจการครอบครัวเขาไปขนาดนั้น

          “ตกลงว่าพี่ไปเข้าคอร์สกับผมแล้วนะ”

          “เออ”

          “เย้ งั้นสัญญากัน ครึ่งเดือน แล้วก็ไปติดตามผลทุกเดือน แล้วผมจะไม่จุกจิกพี่เลย ด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง”

          เขามองผมด้วยหางตา เดินไปหยิบน้ำมาดื่มแทนแอลกอฮอลล์ ผมยังดีดกีตาร์เป็นเพลงยูของพี่ทิ

          “นี่...” จู่ๆ เขาก็เรียก ผมชะงักมือที่กำลังดีดกีตาร์อยู่จนเสียจังหวะ “ที่บอกว่าเป็นแฟนเพลง ไม่ได้โกหกเหรอ”

          “จำได้ด้วยเหรอว่าผมพูดอะไรกับพี่”

          เขาครางรับในลำคอ

          “งั้นก็จำได้ดิว่าทำอะไรกับผมไว้บ้าง”

          “ไม่ได้”

          “โกหก ขอโทษผมมาเลยนะ”

          คนตัวโตเบะปาก เดินเลยผมไปด้านหลัง ชั้นเก็บแผ่นเสียงที่สูงเท่าหัว เลือกออกมาหนึ่งแผ่นแล้วจัดการใส่กับเครื่องเล่น ทำนองเพลงไทยเย็นๆ ดังกลบเสียงดีดกีตาร์เหมือนสั่งให้ผมเลิกเล่นเสียที

          “ผู้ใหญ่ก็อย่างนี้แหละนะ ทำผิดแล้วไม่ค่อยยอมรับ”

          ผมยังพูดลอยๆ เขาก็ทำหูทวนลมเก่งจนผมต้องเปลี่ยนเรื่องชวนคุยไปเอง

          “เวลาพี่เขียนเพลง พี่เขียนเนื้อก่อนหรือทำนองก่อนอะ”

          “แล้วแต่ บางครั้งก็พร้อมกัน”

          “มีเพลงที่เคยเขียนแต่ใส่ทำนองของคนอื่นด้วยใช่ปะ รู้สึกขัดๆ ไหมอะ เหมือนเป็นงานที่ไม่สมบูรณ์ของตัวเอง อะไรงี้”

          “ไม่”

          เขายืนตัวตรงหน้าเครื่องเล่นเสียงนั่น กระดิกนิ้วเรียวเบาๆ ให้เป็นจังหวะ

          “พี่เขียนเพลงแรกตอนอายุเท่าไหร่เหรอ”

          “ถามมากจังวะ”

          “ก็พี่ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับที่ไหนเลย”

          ถ้าไม่ใช่เจน เขาคงไม่ยอมออกมาสู่แสงไฟ เป็นคนประเภทไหนที่ทำงานเอนเตอร์เทนแต่ไม่อยากถูกเปิดเผย

          “ไม่ให้สัมภาษณ์แปลว่าไม่อยากเล่า”

          “แหม แต่ผมเป็นแฟนเพลงพี่จริงๆ นะ”

          คราวนี้คู่สนทนาหันกลับมา มองผมนิ่ง ดวงตาไม่แข็งกร้าวเหมือนทุกที มีร่องรอยระริกไหว เหมือนกับว่าเขาดีใจที่ผมบอกว่าเป็นแฟนเพลงอย่างนั้นแหละ

          “พี่ก็อยากให้คนชอบผลงานพี่ แต่พี่ไม่โปรโมตอะนะ”

          “ไม่ใช่ไม่อยากโปรโมต” อ้อมแอ้มพูดในลำคอ แถมยังเกาท้ายทอยอีกต่างหาก อย่าบอกนะว่าเขิน

          “พี่...หรือที่จริงเป็นคนขี้อาย”

          “เพ้อเจ้อ”

          “อ๊ะ หูแดงด้วย”
         
          “พูดมาก กลับบ้านไปได้แล้วไป น่ารำคาญ”

          “พี่ทิ” ผมลุกขึ้นวางกีตาร์กลับเข้าที่ของมันให้เรียบร้อย เจ้าของชื่อเดินหมุนหนีไปอีกฝั่ง ไม่ยอมมองหน้า “อุ๊บ..เขินจริงด้วย”
         
          คำสารภาพจากทิวากรคือหมอนอิงลายเดียวกับโซฟา ลอยตรงมายังผมอย่างแม่นยำ แต่ไม่ได้กินหรอก ประสาทสัมผัสผมไวอย่างกับอะไรดี เขาทำหน้ายุ่ง ทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้ง นอนหันหน้าเข้าพนักพิงเหมือนไม่อยากจะให้ค้นหาตัวตนให้ลึกไปกว่านี้
         
          “กลับไปได้แล้ว คนจะนอน”

          “นอนจริงป๊าว”

          “หนวกหู!”

          ให้ตายครับ ผู้ชายที่นอนหันหลังให้ผมตอนนี้เป็นคนเดียวกับที่ตะเพิดผมเตลิดเปิดเปิงไปเมื่อหลายวันก่อนแน่เหรอ ผมควานหาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา กดอัดคลิปโดยที่ไม่ขออนุญาต เป้าหมายคือเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่หันหน้าหนีไม่ยอมพูดยอมจาคนนั้นแหละ

          “พี่ทิ”

          “อะไร”

          “ผมชอบเพลงพี่มากเลยนะ”

          “เออ”

          “เพลง Untitled ของพี่อะ ผมฟังแล้วโคตรเศร้าเลย ร้องไห้ด้วย”

          เพลงนั้นเป็นเพลงอกหัก ตอนฟังผมไม่ได้อกหักแต่คิดว่าความรู้สึกคงเป็นทำนองนั้น เจ้าของบทเพลงนอนนิ่ง ไม่ขยับ ผมค่อยๆ ก้าวขาเข้าหาเชื่องช้า เก็บภาพผ่านสายตาที่จับจ้องไปที่โทรศัพท์ของตัวเองอีกที

          “ตอนที่เขียนเพลงพี่คิดอะไรอยู่อะ”

          “ไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่า...เป็นเพลงที่คุณลูกแก้วร้อง”

          “อ๋อ คุณลูกแก้วชอบร้องแต่เพลงอกหักนี่นะ”

          ผมเพิ่งรู้ว่านอกจากเนื้อหาแล้วพี่ทิยังเลือกเขียนเพลงจากนักร้องแต่ละคนด้วย คาแรคเตอร์ของคุณลูกแก้วเป็นผู้หญิงเศร้า ไม่รู้ว่าเศร้าเบอร์นั้นได้ยังไง ต่อให้เป็นเพลงรักยังร้องออกมาเศร้าเลย โคตรเก่ง แต่จะว่าไปแล้วเพลง Untitled ของคุณลูกแก้วก็โด่งดังติดชาร์ตหลายสัปดาห์เลยทีเดียว หลังจากเพลงดัง นักร้องก็ถูกเชิญออกรายการเพื่อโปรโมตหลายงาน เบื้องหลังความสำเร็จอย่างพี่ทิแทบจะไม่มีซีนเลย แต่กระนั้นก็หลุดรอดสายตาของผมไปไม่ได้

          “ผมมีเทปด้วยนะ”

          ยุคนั้นเป็นช่วงปลายมากๆ ของเทปคลาสเซ็ต กว่าพี่ทิจะมีผลงานถี่ๆ ก็ตั้งช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย ส่วนเพลงนั้นเป็นเพลงที่เก่ามากจนแทบจำไม่ได้ว่าเขาเขียนไว้ กว่าจะรู้ก็ตอนเมื่อเขาอยู่ช่วงมหาวิทยาลัย แต่ผมยังต้องตามหาเทปมาฟังเพราะเครื่องเสียงในรถของพ่อยังเป็นเครื่องเล่นเทปอยู่ ในเทปหน้าเอเป็นเพลงโปรโมต เพลงดัง ส่วนหน้าบีมักเป็นหน้าของเพลงที่ไม่ถูกใจคนฟังนัก แต่กระนั้น Untitled ที่ถูกจัดร่นลงมาหน้าบีกลับโด่งดังจนผมแปลกใจว่าไม่ได้ตั้งใจโปรโมตจริงดิ
           จะว่าก็ว่าเถอะ ตอนที่คุณลูกแก้วดังพี่ทิยังเป็นโนเนมอยู่เลย ถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ไม่มีทางรู้เด็ดขาด
          ผมค่อยๆ คลาน เข่าเข้าหาคนที่โซฟา เขาไม่ได้เล่าอะไรต่อจนผมแอบคิดว่าบางทีเขาอาจจะหลับไปแล้ว หมดกัน อุตส่าห์ถ่ายคลิปไว้ยังไม่ทันเห็นพี่ทิเขินหน้าแดงเลย

          ผมทรุดตัวลงนั่งข้างโซฟาที่เขานอนหลับตา ส่งเสียงเรียกเบาๆ “พี่ทิ...พี่ทิ...”

          ฉับพลันที่ไม่ทันตั้งตัวก็โดนแขนใหญ่ล็อกเอาไว้ กลิ้งหลุนๆ ตกลงมาจากเบาะหนัง พี่ทิช่วยเซฟหัวผมด้วยการกดหัวเข้ากับบ่า ได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟเบาบาง และเสื้อผ้าที่หอมน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผมเลือกกลิ่นให้ แต่ว่าหนักฉิบเป๋ง อย่างกับโดนหมีควายทับ

          “พูดมาก”

          เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ กดแผ่นหลังผมลงกับแผ่นพื้น ยกมือใหญ่ขึ้นปิดปาก จ้องตากันระยะประมาณหนึ่งไม้บรรทัด พอไม่อวลด้วยกลิ่นละมุดหมักเขาก็ดูดีขึ้นกว่าวันแรกพบจริงๆ นี่ผมเผลอชมเขาเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วนะ สมกับที่เป็นไอดอลของผมแล้ว

          “หนัก”

          ผมพยายามดันช่วงบ่าของเขาให้ยืดขึ้นเล็กน้อย เล่นโถมลงมาทั้งตัวแบบนี้จะแบนเป็นขี้แล้วครับ

          “น้ำมนต์”

          เขาเรียกชื่อผมเสียงทุ้มแหบ ปร่าแปร่ง ลูกตาดำในกรอบตากวาดมองรอบใบหน้า ไม่สบตากับผม เดี๋ยวก็หลุบไปทางซ้าย ทางขวา จ้องต่ำลงมาแถวๆ คางหรือปากก็ไม่แน่ใจ

          “อะไรครับ”

          “ไม่ได้เป็นเด็กพี่ลมจริงเหรอ”

          “เอาจริงนะพี่” ผมเริ่มสับสนว่าควรจะพาตัวเองออกไปจากท่าทางพิลึกพิลั่นแบบนี้หรือควรตอบคำถามเขาก่อน แต่นานๆ ทีพี่ทิจะดูมีสติแบบนี้ ไม่สิ นับเป็นครั้งแรกที่เราได้เจรจากันดีๆ ด้วยซ้ำไป “พี่ลมเป็นเกย์เหรอ ผมไม่รู้เลย”

          ชายหนุ่มที่กอดผมไว้ทั้งตัวถอนหายใจ เขาคลายอ้อมแขนแต่ยังไม่ลุก กลิ้งตัวลงนอนข้างๆ กัน มองฝ้าเพดานลายท้องฟ้า ผมเพิ่งสังเกตว่ามันคือลายท้องฟ้าที่เหมือนฟ้าจริงๆ โคมไฟแชนเดอเรียระย้า เม็ดคริสตัลเป็นประกายวาววับเมื่อกระทบกับแดดจากด้านนอกที่ส่องเข้ามา

          “มองจากดาวอังคารยังรู้เลย”

          “ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย ทำไมพี่ถามอย่างนั้น หรือเขาเล็งผมอยู่ ไม่ได้นะ ไม่ได้เลย”

          ผมระล่ำระลักห้ามทั้งที่คนข้างๆ ก็ไม่ใช่เจ้าตัว ผิดผี ผิดมากๆ ผมที่แอบชอบน้องสาวจะให้ไปได้กับพี่ก็ออกจะละครไปหน่อย ถึงแม้ว่าการอยู่บ้านเดียวกับฟ้าเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันก็เถอะ

          “เปล่า ก็ถามไปงั้น”

          คนพูดยกมือก่ายหน้าผาก ผมพลิกตัวนอนคว่ำ ดีนะที่ห้องสะอาดแล้วก็เลยนอนกลิ้งอย่างสบายใจ “หรือว่าพี่ลมชอบพี่?”

          คราวนี้พี่ทิไม่ตอบ ยังมองเพดานด้วยท่าเดิม ดวงตาเลื่อนลอยจับจุดไม่ได้ ผมยกมือขึ้นกวาดผ่านหน้าเขาเบาๆ ชายหนุ่มก็คว้าหมับที่ข้อมือ ทำเสียงดังจิ๊กับเพดานปาก

          “อย่าบอกนะว่าพี่ลมทำให้พี่กับเจนเข้าใจผิดกันแล้วก็รอเสียบ”

          โอ้โห พี่ลมแม่งไอดอลผมเลยครับ! แผนอย่างนี้ผมก็คิดไว้นิดๆ ระหว่างไอ้อุ้ยกับฟ้าเหมือนกัน แต่อย่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะทำให้สองคนนั้นทะเลาะกันได้ยังไง ต้องไปปรึกษาท่านอาจารย์เสียหน่อยแล้ว

          “นาย ยังไม่มีแฟนใช่ไหม”

          เขาถามเสียงเบา แต่เพราะมีแค่เราสองคนในห้องกว้างๆ แบบนี้ทำให้ได้ยินชัด ผมพยักหน้าหงึกหงัก “ทำไมเหรอ จะให้ผมช่วยอะไร ไม่ไหวแล้วนะแค่รับจ๊อบมาดูแลพี่ผมก็เหนื่อยจะแย่แล้ว”

          “เปล่าหรอก สมควรแล้วแหละที่ไม่มีแฟน เพ้อเจ้อเก่งฉิบเป๋ง”

          เขามองผมด้วยหางตา อย่างนี้มันบุลลี่กันชัดๆ

          “โห คนแต่งเพลงได้เป็นอัลบั้มไม่เพ้อเจ้อเลยมั้ง”

          ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ถอนหายใจบางเบา เสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายด้านนอกดังเมื่อลมพัดลอยเข้ามาด้านใน ช่วงเวลาที่แดดเป็นสีส้มอ่อนละมุน พี่ทิเงยหน้าแหงนกลับขึ้นไป เหมือนเห็นคลับคล้ายคลับคลาว่ามีละอองของหยดน้ำตาเคลือบวาวบนดวงตาทั้งสองก่อนอันตรธานหายไป

          เป็นเมจิกโมเม้นต์ที่ดูสวยงามและเศร้าซึมลึกอย่างบอกไม่ถูก หรือว่า...ผมพูดอะไรบางอย่างผิดไป

          “พอตื่นจากฝันก็เลยรู้ไงล่ะว่ารักที่เพ้อหามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง มันเลย...ไม่กล้าวาดภาพของความรักให้ดีได้อีก”

          เขาพูดเสียงเนือยแต่สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้า เรี่ยวแรงอ่อนระโหยจนผมรู้สึกชา ไม่ใช่เจ็บปวดรวดร้าวทรมาน แต่คล้ายๆ กับวินาทีที่เหยียบตะปูแล้วชักขากลับขึ้นมา จะพูดไปแล้วผมก็ไม่เคยได้สัมผัสความรักที่สมหวังอย่างที่เขาว่าเหมือนกัน

          ทิ้งตัวลงนอนที่เก่า มองฟ้าจำลองบนหัว แสงระยิบพราวของโคมไฟคริสตัลสวยสะดุดตา จู่ๆ ความรักที่วาดฝันไว้ก็เหมือนเป็นเถ้าถ่าน คล้ายกับดวงดาวเผาไหม้ตัวเอง ให้เราหลงยินดีในแสงกะพริบวิบวับของมันว่าสวยงามทั้งที่กำลังแผดเผาตัวเองเป็นจุณ

          “ถ้าเขียนเพลงรักไม่ได้พี่เริ่มจากเพลงอกหักก่อนดิ ประโยคเมื่อกี๊มันเหมือนตบหน้าคนที่ผิดหวังในความรักทุกคนเลยนะ”

          “ประโยคไหน”

          “ที่บอกว่า...พอตื่นแล้วก็กลับไปฝันไม่ได้อีก”

          เขาเลียริมฝีปาก ผมเห็นผ่านหางตา กระซิบเสียงเบาคล้ายกลัวว่าใครจะได้ยิน

          “เดี๋ยวลองดูแล้วกัน”

          ให้ตาย แค่คำพูดธรรมดาๆ ของเขาก็ทำให้ผมรู้สึกวูบไหวร้อนผ่าวทั่วหน้า “คงดีเนอะถ้าผมได้เป็นคนที่ช่วยให้พี่เขียนเพลงได้จริงๆ”

          “เพ้อเจ้ออีกละ”

          “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ไง” ผมว่า “งั้นผมให้เวลาพี่อยู่คนเดียวเผื่อคิดเพลงออกดีกว่า ไว้พรุ่งนี้เก้าโมงเจอกัน ผมจะกลับไปลอกเล็กเชอร์ด้วย”

          “อืม ไล่ตั้งนานแล้วไม่รู้จักไป”

          ผมยิ้มตายิบหยี ดันตัวเองลุกขึ้นมา เห็นห้องโล่งขึ้นกว่าวันแรก พี่ทิเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาก็ใจชื้น อย่างน้อยที่อดทนมามันก็ไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียวล่ะวะ

          นาทีนั้นที่ผมเพิ่งรู้สึกว่าที่จริงแล้วเงินค่าจ้างรวมทั้งใบรับรองการฝึกงานต่างๆ นานาที่พี่ลมบอกว่าจะให้อาจเป็นแค่แรงจูงใจ แต่ความรู้สึกที่ทำให้ผมอยากสู้ต่อสักเดือน สองเดือนจากนี้คงเป็นการได้เห็นคนที่เราชื่นชมค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิดต่างหาก

          “ขอบคุณนะ พี่ทิ”

          ผมว่า เขาไม่ตอบ แต่หลับตา

          นี่ใช่วิธีแสดงออกของคนขี้อายหรือเปล่านะ ไม่รู้ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ผมเชื่อว่าตัวเองมีเวลาเรียนรู้อีกนานว่าทิวากรคนนั้น คนที่ผมอยากรู้จัก ที่จริงแล้วข้างในเป็นคนยังไงกัน

         



          tbc



วันพุธมาแล้ววว เลทไปนี้ดด หน่อย พอดีแบตหมด เพิ่งหาที่ชาร์จเจอ ฮือๆ ยินดีต้อนรับสู่เดือนสุดท้ายของปีนะคะทุกคนน พี่ทิเริ่มเผยความน่ารักออกมานิดนึงละ #prayforน้ำมนตร์ กันค่ะ!!
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 04-12-2019 00:48:46
เริ่มน่ารักแล้ว>< พี่ทิเริ่มดีขึ้นถึงขั้นบอกน้องว่าจะลองเขียนเพลง แงงง
อยากรู้จักพี่ทิมากขึ้นเลยค่ะ  คนๆนี้เหมือนมีอะไรในใจมากมาย
แต่อีกมุมหนึ่งกลับดูว่างเปล่าจัง
ไม่เป็นไรนะพี่ น้ำมนต์จะเข้ามาเติมเต็มพี่ทิเอง
ส่วนพี่ลมนี่ยังไงนะคะ ดูน่าสงสัยหลายอย่าง โดยเฉพาะคสพกับพี่ทิ :hao4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: inkteuk ที่ 04-12-2019 00:58:36
เง้อ แพ้มาก แพ้ตอนพี่ทิเรียกชื่อน้ำมนต์
ขำตอนใช้สรรพนามว่าเธอ เอ็นดูววว
เป็นผู้เป็นคนขึ้นมามากแล้ว แถมเขินน่ารักด้วย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 04-12-2019 05:12:10
มอบโลห์แฟนพันธ์แท้ทิให้น้ำมนต์เลย
พี่ทิต้องหันมารักตัวเองได้แล้ว​นะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-12-2019 07:34:39
โอ๊ยยย สั้นนนนน  :ling1: พี่ทิเริ่มน่ารักแล้ว เป็นการปิดปากที่ท่วงท่าล่อแหลมน่าลุ้นต่อมากเลยอ่าาาา รักพี่ทิจัง  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 04-12-2019 08:16:10
 :L1: :L1: พี่ทิเริ่มเปิดประตูหัวใจแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-12-2019 08:36:48
พี่ทิมีอะไรในกอไผ่กับพี่ลมเปล่าเนี่ย  :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-12-2019 08:54:40
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 04-12-2019 11:09:27
เขิน!! คิดภาพผู้ชายตัวโตเขินแบบพี่ทิก็จะบ้าตาย :katai5:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-12-2019 13:29:55
พี่ทิมีเงื่อนงำเรื่องความรักแน่ๆเลย เจนเป็นแค่ตัวหลอกใช่หรือไม่?  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-12-2019 22:09:17
พี่ทิเริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้ว พอไม่เมาก็เริ่มมองเห็นความน่ารักของน้องล่ะซี้
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 05-12-2019 00:15:24
เป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ อย่ากินเหล้าเลยพี่ นึกแล้วปวดหัวแทนน้อง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: มาดามพีพี ที่ 05-12-2019 12:22:18
กำลังจะดีแล้ว น้ำมนต์อย่าเพิ่งหมดแรงนะลู้กกกก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 05-12-2019 23:06:22
เริ่มดีขึ้นมาละนะ พี่ทิ,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-12-2019 06:29:53
ตกลงความรักของพี่ทินี่ยังไง
พี่ทิแอบรักพี่ลมเหรอ
เพราะจากที่ว่าน้ำมนต์เพ้อเจ้อ
เรื่องที่เดาว่าพี่ลมชอบพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 07 คนขี้อาย(หน้า4|041219)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-12-2019 19:57:17
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา(หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 11-12-2019 11:11:30
08  คำสัญญา



       ที่จริงแล้วผมมีนัดกับพี่กะทิจะไปเข้าคอร์สบำบัดที่โรงพยาบาลด้วยกัน แต่ทุกอย่างตาลปัตรไปหมด

       นักศึกษาปีสี่ยังไงก็เป็นนักศึกษา งานหลักของผมคือเรียนหนังสือ ดังนั้นการขาดควิซจึงเป็นเรื่องที่ยอมให้เกิดขึ้นง่ายๆ ไม่ได้ ถ้าหัวไวอย่างคนอื่นก็ดี แต่ผมมันสายเอาหัวชนผนัง จะพูดก็คือเป็นคนที่เรียนดีจากความมานะอดทนล้วนๆ คะแนนเล็กน้อยก็เก็บให้ได้หมด ดังนั้นพอเพื่อนในกรุ๊ปไลน์บอกว่าวันนี้มีควิซผมก็เลยโทรไปบอกให้พี่ลมพาพี่ทิไปหาหมอแทน ถ้าเรียบร้อยจากเรื่องเรียนเมื่อไหร่จะรีบตามไปให้ไวที่สุด

       “ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้ามึงเลย หายไปไหนวะ”

       ไอ้อั้มทักหลังหมดคาบแรก ผมลังเลระหว่างจะอยู่เรียนวิชาต่อไปกับโดดไปหาพี่ทิที่โรงพยาบาล ไม่ทันคิดคำตอบไอ้นิวก็พูดแทรก “ที่หอก็เหมือนกลับมานอนอย่างเดียว”

       “เอ๊ะ หรือว่ามีแฟน”

       “ไม่ใช่โว้ย” ผมรีบปฏิเสธ ฟ้าหัวเราะแหะๆ มึงน่ะตัวดี ขอโทษครับ เผลอหยาบคายใส่หญิงสาวอันเป็นที่รักไปอีกแล้ว “ก็พี่ทิไง”

       “อ๋อ ไปติ่ง”

       “ไม่ใช่โว้ย” ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด ผมกำลังทำหน้าที่ไล่ผีออกจากทิวากรที่ผมหลงใหลเมื่อครั้งเยาว์วัยต่างหาก “พี่ทิไม่ค่อยสบาย ก็บอกไปแล้วนี่”

       “อ๋อ ที่ไปโรงพยาบาลน่ะเหรอ แล้ว เป็นไรมากป่าว”

       “กระเพาะ ไม่ค่อยได้กินข้าวอะ กินแต่เหล้า”

       ฟ้าทำหน้าเหมือนได้กลิ่นลำยองออกมาจากคำว่าเหล้า แต่ที่จินตนาการมันยังดีเกินไป จะให้ผมอธิบายก็เดี๋ยวจะเสียจรรยาบรรณผู้จัดการส่วนตัวเปล่าๆ “แล้วเป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม”

       “ก็ดีขึ้นนะ”

       “ฟ้าว่าแล้วว่าน้ำมนต์ต้องทำได้”

       “ยัง” ผมปรามก่อนจะคาดหวังไกลกันไปใหญ่ “เขาบอกว่าจะพยายามเขียนเพลงน่ะนะ แล้วก็เรื่องเลิกเหล้าก็ต้องคุยกับหมอจริงๆ นั่นแหละ”

       “เขายอมไปเหรอ”

       “ล่าสุดเดี้ยงไง ไม่ยอมก็ต้องยอม แต่วันนี้พี่ลมเป็นคนพาไปนะ”

       พูดถึงพี่ลมขึ้นมา ผมก็มองหน้าฟ้านิ่งพักหนึ่ง “ฟ้า พี่ลมเป็นเกย์เหรอ”

       “มึงดูไม่ออกเหรอวะน้ำมนต์”

       ไอ้นิว สาระแน ตอบมาเหมือนผมเป็นคนเดียวที่โง่ “ไม่ใช่ ก็แค่ไม่ทันสังเกต”

       “แล้วทำไมถึงถามอะ พี่ลมจีบน้ำมนต์เหรอ”

       “ยัง” ทุกคนทำตาโต ผมรีบแก้ตัวกลับไป “เปล่าๆ หมายถึงไม่ได้จีบ”

       “ไม่ได้จีบหรือยังไม่ได้จีบ”

       “ไม่ได้จีบ”

       “อ้อ แล้วไป”

       เห็นฟ้าถอนหายใจยาวแล้วมีกำลังวังชาขึ้นมาหน่อย หึงล่ะซี่

       “ถ้าจีบน้ำมนต์อีกคนฟ้าปวดหัวตาย ขอลาออกจากการเป็นน้องสาว”

       ผมค่อนข้างเอะใจกับคำว่าอีกค แต่ฟ้าก็เปลี่ยนเรื่องคุยก่อน “คนอื่นหาที่ฝึกงานกันได้หรือยังอะ”

       “เราได้แล้ว เป็นโรงแรมของญาติๆ กัน” ไอ้นิวตอบ ผมเพิ่งรู้ว่ามันมีคอนเนคขั่นกับเขาด้วย “ฟ้ากับอุ้ยไปฝึกที่เดียวกันหรือเปล่า”

       “อือ ก็ของที่บ้านอะแหละ”

       แม่งเป็นประเทศของคนรวยจริงๆ อยากทำอะไรก็ได้ทำ ผมล่ะเชื่อในบุญเก่าของไอ้อุ้ยกับฟ้าจริงๆ แม้แต่ชนชั้นกลางค่อนข้างไปทางเกือบรวยอย่างไอ้นิวก็มีคอนเนคชั่น จะว่าไปแล้วผมเองถ้าไม่ได้บังเอิญสนิทกับพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ฝึกงานที่ไหน อย่างที่พี่ตูนบอกว่ามีสตางค์น่ะมันช่างดีเหลือเกิน ผมพูดอย่างคนไม่โกรธโลกเลยนะ แม้แต่พี่ทิเองก็ยังมีพื้นฐานชีวิตที่ดีถึงได้มาอยู่จุดนี้ได้

       “แป๊บเดียวเองเนอะ ยังจำวันที่น้ำมนต์มาชวนฟ้าคุยได้เลยอะ”

       ไอ้นิวหัวเราะหึๆ อย่างคนรู้ทัน ผมบอกมันเองว่าชอบฟ้าตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แต่ก็ได้แค่นั้นแหละ มันจบตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ

       “เออ เลิกเรียนแล้ววันนี้ไปไหนกันหรือเปล่า ไปดูหนังกันมั้ย” อุ้ยถาม คงได้ตั๋วฟรีมาตามสไตล์ ผมลังเลครู่หนึ่งระหว่างการไปหาพี่ทิกับไปดูหนังกับเพื่อนควรเลือกอะไร แต่ว่าพักหลังๆ ก็ไม่ได้อยู่กับพวกนี้เลย อีกอย่างวันนี้พี่ลมก็รับปากว่าจะพาพี่ทิไปหาหมอด้วย ผมไม่เข้าไปวันนึงคงไม่เป็นไร

       “ไปดิ ไม่ได้ไปดูครบๆ มานานแล้ว ไอ้นิว วันนี้มึงห้ามเบี้ยว”

       “เลี้ยงป๊อบคอร์นปะ”

       “ตั๋วก็ไม่ต้องจ่ายยังจะแดกของฟรีอีกนะ เป็นเพื่อนหรือเป็นปลิง”

       “ขนหน้าแข้งมึงไม่ทันร่วงหรอกไอ้อุ้ย แหม กูก็กินไม่เยอะสักหน่อย”

       “เยอะ!!!”

       ทุกคนประสานเสียงกัน หัวคิดเลยได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน

       

       

       หนังทีไอ้อุ้ยได้ตั๋วมาเป็นหนังผีเกาหลี พักหลังวงการหนังเกาหลีก้าวแบบก้าวกระโดดจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียไปไกลมาก ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ซีจี หรือพล็อตเรื่อง แย่พื้นที่ฉายในโรงไปโข เว้นเสียแต่หนังไทยทุนหนาที่กวาดเอาเรื่องอื่นเหลือโรงฉายไม่กี่โรง เชิงว่าถ้ามึงไม่ดูหนังกูก็ไม่ต้องดูหนังเรื่องอะไรทั้งนั้น ปกติแล้วผมไม่ดูหนังผี แต่ถ้ามากับไอ้นิวต้องดูเพราะมันกลัวผีขึ้นสมอง แต่ความประหลาดก็คือคนกลัวผีอย่างมันดันชอบดูหนังผีจนน่ารำคาญ

       “เลิกกอดแขนกูได้แล้ว ห่า”

       ผมด่าหลังออกจากโรงแล้วเพื่อนที่นั่งติดกันยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงคิดว่าไอ้นิวหลอกลวนลามแล้วนะ

       “ยังไงก็ต้องกลับห้องด้วยกันอยู่แล้ว กูเกาะนิดเกาะหน่อยไม่เห็นเป็นไร”

       “มันน่ารำคาญโว้ย”

       ผมพูดกลั้วหัวเราะ ไอ้นิวเบะปากใส่ “น้ำมนต์ มึงพูดว่ารำคาญกูเหรอ นี่มึงจะโหดร้ายเกินไปแล้วนะ”

       มานึกดู ผมเองก็ไม่ค่อยพูดกับใครว่ารำคาญ รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่หยาบคายและเย็นชาที่สุด สงสัยว่าจะเป็นผลพวงจากการที่เข้าไปเจอพี่ทิบ่อยๆ แล้วโดนอีกฝ่ายพูดใส่หน้าว่ารำคาญทุกครั้งกระมัง

       “เออ โทษๆ อุ้ยกับฟ้ากลับเลยป่าว เดี๋ยวเราเดินกลับก็ได้ หอแค่นี”

       “เดี๋ยวพี่ลมมาน่ะ คงมาหาน้ำมนต์มั้ง”

       “อ้าวเหรอ” ผมเกาหัวแกรกๆ ไม่ทันขาดคำโทรศัพท์ก็ดัง พี่ลมโทรมา “ครับพี่”

       “รับไวเหมือนใจสั่งมา”

       “จะหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาพอดี พี่ลมจะมาแถวนี้เหรอครับ”

       “มาแล้ว” เขาตอบ ไม่ทันขาดคำก็เห็นชาหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งขึ้นมาจากบันไดเลื่อน ออร่าโดดเด่นสะดุดตาอย่างกับลอยมา

       “สวัสดีครับพี่”

       ทุกคนยกมือไหว้ พี่ลมโบกมือไหวๆ ก่อนตรงมาหยิกแก้มผม “เอ็บ”

       “หมั่นเขี้ยว”

       ผมย่นจมูกเข้าหากัน ตอนนี้ที่ไอ้นิวปล่อยมือจากแขนผมอัตโนมัติ “เดี๋ยวกลับกันไปก่อนเลยนะ พี่ขอคุยกับเจ้านี่แป๊บ”

       “อ้าว มาฉกเพื่อนฟ้าไปเฉย”

       “ไม่งั้นก็ไม่ได้เจอสักที ช่วงนี้พี่ยุ่งๆ ด้วย น้ำมนต์กินข้าวหรือยัง”

       “กินแล้วครับ”

       “พี่ยังไม่กินเลย ไปกินเป็นเพื่อนหน่อย เอ้า บอกลาเพื่อนๆ ซะ”

       มาไวเคลมไวที่สุดล่ะคนนี้ ใช้เวลาไม่ถึงนาทีพี่ลมก็ลากผมเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่คิวน้อยที่สุด สั่งสลัดมาเป็นมื้อเย็น ผมเพิ่งรู้ว่าพี่ลมต้องคุมหุ่นด้วย

       “เป็นโปรดิวเซอร์ต้องรักษารูปร่างด้วยเหรอครับ”

       “ถ้าลำพังแค่โปรดิวเซอร์จะหุ่นยังไงก็ได้น่ะนะ” เขาว่าก่อนจิบชาเขียวอุ่นๆ “แต่ถ้าเป็นโปรดิวเซอร์ที่จะงาบนักร้องก็ต้องดูแลหุ่นนิดนึง”

       ก็ตรงไป๊! เล่นเอาผมสำลักชาเขียวเลยทีเดียว

       “นี่ วันนี้พี่ไม่ได้พาเจ้าทิไปหาหมอหรอกนะ” จู่ๆ พี่ลมก็พูดขึ้นมา ถอนหายใจยาวจนเหมือนจะไม่หายใจเข้าอีกแล้ว “ดื้ออีกแล้ว”

       “พี่ทิน่ะเหรอครับ”

       “จะใครล่ะ น้ำมนต์ พี่เห็นที่ห้องแล้วนะ เรียบร้อยกว่าตอนพี่เข้าไปเยอะมาก ขอบคุณนะ ฟ้าแนะนำคนคุณภาพมาจริงๆ พี่ชอบ”
       
       พอถูกชมด้วยน้ำเสียงจริงจังผมก็เขินขึ้นมานิดๆ ยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เก้อ “เหมือนกะทิเริ่มพยายามเขียนเพลงแล้วด้วย”

       “ครับ เขาบอกผมว่าจะลองดู”

       “อืม แต่มันคงไม่ง่ายหรอก พี่คงต้องรบกวนน้ำมนต์ไปก่อนนะช่วงนี้ จะเริ่มสอบกลางภาคเมื่อไหร่ก็ส่งตารางมาให้พี่ก่อน ให้ไวที่สุด พี่จะได้เคลียร์คิวตัวเองเข้ามาแทน”

       “ได้ครับ แล้วันนี้พี่ทิเป็นไงบ้างอะพี่”

       “ก็งอแง หงุดหงิด เจ้าอารมณ์ สุดท้ายก็ลงไปซื้อเหล้าอีก ห้ามไม่ได้เลย”

       “พี่เองก็ชอบซื้อมาให้เขานีครับ”

       พี่ลมสะดุ้งเหมือนเด็กๆ โดนจับได้ว่ามีความผิดร่วมกับหัวขโมย

       “ก็มันชอบโวยวาย พอบอกว่าจะซื้อให้ค่อยฟังกันหน่อย”

       ผมนึกออก ผู้หญิงมารยาร้อยเล่มเกวียน ผู้ชายอย่างพี่ทิก็มารยาสามร้อยเล่มเกวียนนั่นแหละครับ

       “พี่ต้องใจแข็งสิ...หรือทนขัดใจพี่ทิไม่ได้อะครับ”

       “ทำไมถามอย่างนั้น เดี๋ยวจะตี”
       
       ผมหัวเราะเบาๆ นึกถึงที่คุยกับพี่ทิว่าพี่ลมชอบพี่ทิหรือเปล่า รวมกับที่พี่มบอกว่าต้องรักษาหุ่นเพราะจะงาบนักร้องแล้วก็เป็นไปได้ว่านอกจากนักร้องอาจจะอยากงาบนักแต่งเพลงด้วยก็ได้ “พี่ทิถามผมว่าผมเป็นเด็กพี่หรือเปล่า”

       “ไอ้เด็กบ้านั่น ผีเจาะปากมาพูดจริงๆ แล้วตอบไปว่าไง”

       “ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ชอบผู้ชาย” ผมหัวเราะแหะๆ สลัดญีปุ่นมาเสิร์ฟพอดี พร้อมกันกับทาโกยากิไส้ปลาหมึกของผม

       “ผมเลยถามกลับว่าพี่ลมชอบพี่ทิหรือเปล่า”

       “ถามใคร”

       “ถามพี่ทิ”

       คนตรงหน้าหัวเราะต่ำ ผมมองยังไงเขาก็เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป ทำไมพี่ทิถึงบอกว่ามองจากดาวอังคารก็รู้วะ ไม่เข้าใจเลย “แล้วไอ้ทิว่าไง”

       “ไม่ตอบ”

       ผู้ชายตรงหน้าค่อยๆ คีบมะเขือเทศเข้าปากอ้อยอิ่ง ยิ้มมุมปากร้ายๆ น่ากลัวชะมัด

       “ที่จริงพี่ก็ชอบนะ แต่กะทิมันไม่เล่นด้วยเลย”

       “จริงดิ” ผมห้ามความคิดตัวเอง แต่ยิ่งห้ามก็ยิ่งคิด “อย่างนี้ใครรุกใครรับอะครับ”

       “หยาบคายนะ อย่าไปถามแบบนี้กับใคร”

       ผมตะครุบปากตัวเองเอาไว้ แต่พี่ลมดูจะไม่ถือสา แค่สอนในฐานะที่ผมเป็นน้องคนหนึ่ง

       “ถ้าอยากรู้ต้องลองขึ้นเตียงกับพี่สักรอบ”

       ไม่ว่าเปล่า ยังขยิบตาให้อีกที ผมใบ้แดกเลยครับ ไม่รู้จะไปต่อทางไหน กระทั่งคู่สนทนาหลุดหัวเราะออกมาเลยรู้ว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้ว

       “หยอกเล่นน่า รู้ว่าเราน่ะชอบฟ้า”

       “ดะ...ดูออกเลยเหรอครับ”

       “เปล่า เดา”

       ผมอมริมฝีปากล่างของตัวเองทันที คนตรงหน้าร้ายกาจจนประมาทไม่ได้เลย ให้ตาย

       


       สี่ปีของการเรียน ปีนี้นับเป็นปีที่ว่างได้จนนึกเสียดายค่าเทอม มหาวิทยาลัยรัฐปัจจุบันเป็นเหมาจ่ายหมดแล้ว แต่ลงเรียนได้ไม่เกิน 28 หน่วยกิจ ส่วนหนึ่งเพื่อการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพของนักศึกษา อีกส่วนก็เพื่อควบคุมภาระงานของอาจารย์แต่ละท่านไม่ให้มากจนปวดหัว แต่ถึงอย่างนั้นผมในฐานะที่เรียนไม่ถึงยี่สิบหน่วยกิตก็เสียดายค่าเทอมอยู่ดี เพราะแม้ว่าตัวเรียนจะน้อยผมก็ยังโดดไปตั้งวิชาละหลายคาบ

       หลังจากหมดคาบเช้าของอีกวันที่ไม่มีเพื่อนเข้าเรียนด้วยผมก็เดินเตร่ออกมาซื้อของกินติดไม้ติดมือไปเยี่ยมพี่ทิเหมือนเคย เมื่อวานหลังจากกินข้าวกับพี่ลมแล้วก็กลายเป็นว่าผมต้องเป็นคนพาพี่ทิไปพบคุณหมอใหม่วันนี้ บ่ายสามโมงตรง นัดเวลาและสถานที่เรียบร้อย

       ไม่อยากจะเชื่อเลย คนอะไรถึงโตแต่ตัวได้ขนาดนั้น

       ทำไมถึงดื้อ...ไอ้เวร ดื้อฉิบหาย

       ผมไม่มาทีคอนโดวันเดียวดูเหมือนทิวากรคนมึนจะคืนร่างมาร นอนเป็นลำยองในร่างชายที่พื้นหน้าโซฟา ยาแก้ปวดกระเพาะวางข้างขวดเหล้าเลย คงหาย

       “พี่ทิ”

       ผมเรียกเสียงหน่าย ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือเอือมระอาก่อนดี คคนนอนสลบไสลไม่ได้สติค่อยๆ ขยับตัว ปีนขึ้นนั่งบนโซฟา หัวยุ่งฟูเหมือนตาแก่ที่เกษียณแล้วไม่ดูแลตัวเอง

       “อะไรของพี่วะ ไหนว่าสัญญากันแล้วว่าจะเลิกเหล้าไง”

       “สัญญา?”

       เขาหัวเราะหึในลำคอ หยิบขวดเหล้าที่วางบนโต๊ะกระจกมา เทใส่โซฟาหน้าตาเฉย ผมวิ่งเข้าไปชาร์จทันกึ่งหนึ่ง แต่บางส่วนก็เปียกซึมลงไปตามร่องรูของโซฟาเรียบร้อย

       “ไอ้เหี้ย เพิ่งซัก แล้วเทอย่างนี้ซักแค่ปลอกไม่ได้นะเว้ย มันเหม็น”

       เขายังคงหัวเราะหึในลำคอ มองผมด้วยสายตาเย็นชา ไม่ติดแววเล่นหลุกหลิกหรือรำคาญ เป็นสายตาที่เหมือนผิดหวังกับผมนักล่ะ

       “เฮ้ย”

       เขาคว้าขวดเหล้าแย่งไปอีกรอบตอนที่ผมเผลอ เทใส่พื้นเพราะรู้ว่าคนทำความสะอาดต้องเป็นผมแน่ๆ อย่างนี้มันกวนตีนกันนี่หว่า

       “หยุด!”

       หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดทันที! ผมกระโจนไปแย่งขวดแก้วจากมือ ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นสูงผมก็ปีนขึ้นตักเขาไปคว้าก้นขวดได้ แต่จับประคองได้แค่นั้นเพราะสุดแขนตัวเองแล้วยังเหยียดไม่ถึง พี่ทิแม่งมือยาวเกินไปแล้ว ไหนจะมืออีกข้างล็อกเอวไม่ให้ผมขยับตัวยืดไปไกลกว่านี้

       “พี่จะกวนประสาทผมทำไมวะ” ถามพลางหอบหายใจแรง ทั้งโมโหทั้งเหนื่อย ของกินที่ซื้อมาเมื่อกี๊ก็นอนกองรวมกันหลังประตูทางเข้า นี่ผมอุตส่าห์เดินตากแดดตอนเที่ยงเพื่อซื้อของมาให้เขาและเจอเจ้าของห้องกวนตีนอย่างนี้น่ะเหรอ มันจะเกินไปหน่อยแล้ว

       “ทั้งที่สัญญา...”

       “ก็ใช่น่ะสิ ทั้งที่สัญญา...”

       จู่ๆ ภาพที่ดีใจที่เขารับปากเมื่อวันก่อนก็ผุดพรายขึ้นมาเหมือนหนังฉายซ้ำ อย่าบอกนะว่าเขาโกรธที่ผมรับปากว่าจะไปหาหมอเป็นเพื่อนเมื่อวานแล้วผมไม่ได้มา

       “คือ...เมื่อวานมีควิซ”

       “ทำไม่ได้แล้วจะสัญญาทำไม”

       อุ่ก...

       เหมือนโดนอัปเปอร์คัตกลางแยกอโศก

       “มันสุดวิสัย...ผมก็เพิ่งรู้ตอนเช้า ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญาพี่เลยนะ”

       ทำไมเกมมันตาลปัตรได้อย่างนี้นะ จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าการที่พี่ทิเมาหยำเปอย่างนี้เป็นความผิดของตัวเอง แต่ว่า...วิธีการแก้แค้นมันก็ไม่ควรเป็นอย่างนี้นะเว้ย

       “วันนี้ก็จะพาไปหาหมอแล้วไง โอ๊ย!”

       เพราะผมยืดตัวค้างอยู่บนตัก และกำลังคิดหาข้อแก้ตัวเลยไม่ทันระวัง จู่ๆ ฟันเรียงก็กัดเข้าที่เอวหนึ่งหมับ หดตัวถอยกลับทันที

       “เป็นหมาเหรอวะ”

       “เออ”

       “ผมต้องไปฉีดยาแก้พิษสุนัขบ้าแล้ว...” จังหวะนี้แหละ “พี่พาผมไปโรงพยาบาลหน่อยได้ไหม”

       “ไม่เนียน ไปคิดมาใหม่”

       จะหลอกเขาไปโรงพยาบาลเสียหน่อย สรุปเมาจริงเมาหลอก ทำไมไม่กระจอกลงเลย “พี่ลมนัดหมอให้แล้ว บ่ายสาม”

       “ไม่ไป”

       “พี่ที้” ลากเสียงยาว ทั้งที่ผมก็ยังโกรธอยู่แต่ต้องทำเสียงอ่อนหลอกล่อ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ไม่ชนก็ต้องตะล่อมให้ได้ น้ำมนต์ไม่เลือกวิธีการหรอกครับ “ไปเถอะนะ คราวนี้ผมไปด้วยแล้วไง ไปอาบน้ำอาบท่า กินข้าวแล้วก็ออกไปด้วยกัน ผมจะไม่โกรธที่พี่เทเหล้าใส่พื้น ใส่โซฟาก็จะไม่บ่น ที่กัดผมด้วย ไปเถอะนะ”

       ผมเม้มปากเข้าหากัน เขายังนิ่ง มองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

       “ผมพูดมากอีกแล้วใช่ไหม”

       พออยู่กับเขาก็กลายเป็นคนปากไม่มีหูรูดไปได้ ทั้งที่ตอนอยู่กับฟ้าผมเป็นน้ำมนต์คนละมุนแท้ๆ ผมผ่านสายตาใครๆ ก็ไม่เคยเป็นน้ำมนต์ที่น่ารำคาญเหมือนอยู่กับเขาสักครั้ง แต่ที่เป็นอย่างนี้เพราะตัวพี่ทินั่นแหละที่งอแงจนต้องบ่นยาวเหยียด

       จะบอกว่าผู้ชายทุกคนคือเด็กที่ไม่รู้จักโตเลยก็ไม่ได้ เพราะผมเองถึงแม้ว่าเขาอาจมองว่าเป็นเด็กก็ยังไม่แก้ปัญหาด้วยวิธีปัญญาอ่อนแบบเขาเลยสักนิด

       ถอนหายใจยาวเหยียด ตอนสอนพิเศษเด็กๆ หลอกล่อด้วยวิธีไหนนักเรียนถึงยอมบอกว่ามีการบ้านนะ

       “ไปเตรียมน้ำ”

       ระหว่างที่กำลังคิด จู่ๆ ชายหนุ่มก็พูดออกมา ถ้าเป็นหมาตอนนี้ผมก็คงเป็นหมาที่หูตั้งหางกระดิกแล้ว บทจะใจอ่อนก็อ่อนกันง่ายๆ อย่างนี้เลยเนอะคนเรา

       “เยส!”

       ผมกระโดดลงจากโซฟาทันที เดินส่องห้องโน้นห้องนี้แล้วสภาพยังไม่เยินมาก เขาอาละวาดแค่ในส่วนของห้องโถงเหมือนทำเพื่อให้เห็นว่าไม่พอใจ หยิบผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหัว เปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วต้องผงะ

       ไอ้เหี้ยพี่ทิ

       “ไม่กดชักโครกวะ!!!”

       ฝันร้ายของน้ำมนต์มากๆ เลยครับ อยากเอาน้ำยาล้างห้องน้ำล้างตา ผมเดินปึงปังกลับมาเห็นเจ้าแผนการณ์นั่งหัวเราะคิกคักชอบใจก่อนยักคิ้วกวนๆ หนึ่งข้าง

       “ไปกดชักโครกเดี๋ยวนี้!”

       ผมพูดเสียงจริงจัง เขาเอียงคอ ทำท่าแคะหูเหมือนไม่ได้ยิน

       “ไอ้ทุเรศเอ๊ย จงใจใช่ไหม!”

       “คนผิดสัญญามีสิทธิ์ต่อรองด้วยเหรอ”

       “เมื่อไหร่พี่จะหยุดแกล้งผมซักที เหนื่อยนะเว้ย”

       “คนผิดสัญญา”

       เขาเอาแต่พูดประโยคเดิม หน้าสะใจเมื่อครู่เปลี่ยนกลับไปเป็นบึ้งตึงแข่งกับผม “จะไปหรือไม่ไป”

       ชายหนุ่มผู้ทิ้งอารยธรรมไว้ในส้วมเหยียดตัวบิดขี้เกียจ ผมถกแขนเสื้อ เดินไปกระชากคอเสื้อยืดอีกฝ่ายจนรัดคอ ทิวากรสำลักอากาศเพราะไม่คิดว่าผมจะเข้าประชิดตัว จังหวะที่เขายังไม่ทันรู้ว่าต้องทำยังไงผมก็บังคับให้เขาลุกจากโซฟา เดินนำเข้าไปในห้องน้ำ ปิดตา กลั้นลมหายใจ ดันเขาไปด้านหน้าหาชักโครกที่ใช้แล้วไม่กด เขย่าคอเสื้อจนได้ยินเสียงสำลักอากาศของอีกฝ่ายอีกครั้งก่อนเสียงน้ำในชักโครกจะไหลชำระเศษซากลงไป พอลืมตาขึ้นก็เห็นฝาชักโครกปิดแล้ว เลยได้ปล่อยคนในอาณัติให้เป็นอิสระ

       ทิวากรไอโขลก หอบหายใจหน้าแดงจนถึงคอ

       มุตตาไม่ใช่เหยื่อของแกอีกต่อไป!

       “ผมจะไม่ยอมให้พี่แกล้งผมฝ่ายเดียวแล้วนะ บอกไว้เลย”

       ไม่ได้ขู่ เอาจริงแน่ ฟาดมาฟาดกลับไม่โกง ผมไม่ได้เตรียมน้ำอุ่นให้เขาอาบแล้ว เดี๋ยวไปเตรียมเสื้อผ้ากับมื้อเที่ยงให้ดีกว่า กลัวว่าอยู่นานจะได้จับคนเอาหัวจุ่มชักโครกสักที

       “ถ้าคราวหลังเล่นอะไรแบบนี้นะ ผมจะเอาแปรงสีฟันพี่มาขัดเล็บเท้า”

       เรื่องสถุนต่ำน่ะลอกของไอ้นิวมาทั้งนั้น แต่ไม่เหมือนกันตรงที่รูมเมทผมมักจะทำอะไรแย่ๆ เพราะไม่คิดจนหน่าย ไม่ใช่ทำเลวหวังผลแบบคนตรงหน้า พี่ทิเหลือบมองแปรงสีฟันหน้ากระจกโดยอัตโนมัติ แอบผวาแบบปิดบังไว้ไม่ได้

       “ยังไม่ได้ทำ”

       ผมบอกแล้วหมุนตัวกลับ แม่บ้านคนก่อนๆ เจออะไรแบบนี้หรือเปล่านะถึงได้ลาออกไปตั้งสามคน

       



TBC



พี่ทิท็อปฟอร์ม อย่าหือกับพี่ บอกแค่นี้นะน้องมนต์
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-12-2019 15:16:48
พี่ลมน่าสงกะสัยมาก..กกกกกกกก  :hao4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-12-2019 19:21:04
อ่านไปอ่านมาเหมือนมีเงื่อนงำมีแผน​อะไรซ่อนอยู่
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-12-2019 19:34:16
พี่ทิเล่นสกปรก เป็นเด็กหรือไง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-12-2019 20:22:26
เอาจริงๆนะพี่ลมน่าสงสัยที่สุด o18
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-12-2019 20:45:19
สงสารน้ำมนต์ 555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 11-12-2019 20:50:55
แหม พี่ทิ มีการมากัดเอวน้อง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 11-12-2019 21:30:50
น้ำมนต์เก่งมากลูก เรียนรู้จะรับมือคนเกเรเกตุง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-12-2019 21:35:22
5555 สะใจ วิธีการเอาคืนของพี่ทิมากอ่ะ น้ำมนต์ผู้มีวิญญาณแม่บ้านสถิตอยู่ เจ็บปวดสุดๆไปเลยสิท่า จะรับมือพี่ทิเวอร์ชั่นนี้ ก็ต้องสตรองพอตัวนะน้ำมนต์  :bye2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 11-12-2019 22:26:11
เจอเด็กทวงสัญญา 555


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-12-2019 23:30:12
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 11-12-2019 23:40:02
555 ทวงมา ทวงกลับ ไม่โกง,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 12-12-2019 00:17:13
ให้มันได้แบบนี้น้องน้ำมนต์ o13
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-12-2019 00:56:33
โอ้โห คิดถึงนิยายของคุณ West มากกกกกกกกก

เพิ่งมาเห็นเรื่องนี้ อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากจริง ๆ ค่ะ

สำนวนน่าติดตามยิ่งกว่าเดิม เราอ่านงานคุณแล้วเห็นเป็นภาพเลย รัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-12-2019 00:33:19
โอ้โหหหหห วิธีการแกล้งแบบใหม่ ร้ายมากพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 08 สัญญา (หน้า4|111219)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 18-12-2019 09:15:10
09 move on


          บ่ายสองห้าสิบนาที ผมพานายทิวากรมาถึงโรงพยาบาลฉิวเฉียดกับเวลานัด ยื่นประวัติที่เวชระเบียนแล้วกดลิฟต์มาชั้นสิบ ในโรงพยาบาลเอกชนหรูหรา ไม่มีกลิ่นแอมโมเนียระคายจมูก พนักงานต้อนรับสวยจนผมเกร็งไปหมด ยามก้าวเท้าได้ยินเสียงของพื้นผ้าใบแตะกระเบื้องแกรนิตกังวานก้อง ไม่ใช่เพราะผมเดินเร็วแต่ที่นี่ เงียบร้างเหมือนผู้คนไม่รู้จักป่วยไข้ ความจริงก็คือเพราะค่ารักษามหาโหด ผิดกับรอยยิ้มหวานหยดจนแทบลืมตายต่างหากที่ผู้คนมักเลือกใช้บริการสถานพยาบาลอื่นแม้ที่นี่จะสามารถเดินทางมาสะดวกและดูแลดุจโรงแรมหกดาวที่ผมไม่มีวันเอื้อมถึง

          ผมจำได้ คราวก่อนที่พี่ทิมารักษาโรคกระเพาะ ตอนไปจัดการบิลผมแทบล้มทั้งยืน ดีที่แจ้งพี่ลมแล้วพี่ลมโอนเงินเข้าธนาคารทัน ไม่อย่างนั้นต่อให้ขายอวัยวะให้โรงพยาบาลก็คงไม่พอค่ารักษาแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนของคนป่วยที่หาเรื่องป่วยได้เก่งเหมือนได้ค่าคอมมิชชั่นจากหมอของโรงพยาบาล

          ป้ายที่เขียนด้วยตัวอักษรโมเดิร์นบนแผ่นอะคลิลิกสีขาวขุ่นเขียนบอกทางไว้เหนือหัวเมื่อประตูลิฟต์เปิด คราวก่อนคุณหมอกระเพาะบอกแล้วว่าการบำบัดพิษสุราเรื้อรังจะต้องเข้าพบแผนกจิตเวช แม้ว่าจะคัดกรองเบื้องต้นแล้วแต่เมื่อเปลี่ยนแพทย์ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ผมจับข้อมือพี่ทิให้กำลังใจ เมื่อถึงหน้าห้องที่นัดหมายก็ส่งเขาไปชั่งน้ำหนัก วัดความดันกับคุณพยาบาล จากนั้นผมกับพี่ทิถึงได้พบหน้าผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคนท่าทางใจดี สวมแว่นหนา หัวตรงกลางล้านแต่มีผมสีเลาขึ้นข้างๆ เหมือนกัปปะ

          “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ก่อน แล้วทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหมอ พี่ทิเองก็เหมือนกัน เขายกมือไหว้พอเป็นพิธี คุณหมอยกมือรับยิ้มใจดี

          “วันนี้อยากให้หมอช่วยอะไรครับ”

          “ไม่มี” ชายหนุ่มตอบทันควัน ผมรีบแย้งกลับด้วยท่าทีหลุกหลิกลุกลน

          “คือเขาจะเลิกเหล้าน่ะครับ”

          “คนไข้อยากบำบัดเองหรือโดนบังคับมาครับ ถ้าใจไม่มาด้วยเลิกยากนะ”

          คนไข้ที่ว่าพรูลมหายใจออกยาว กลอกตามองบนอย่างไม่สงวนท่าที “ผมไม่ได้ติดเหล้า”

          “โอเค งั้นเราลองมาทำแบบทดสอบกันดีกว่า อันนี้คนละชุดครับ”

          คุณลุงหมอส่งใบประเมินพฤติกรรมการดื่มมาให้ เป็นเช็กลิสต์ง่ายๆ ที่บอกความถี่และอาการเมื่อดื่ม รวมถึงเมื่อไม่ได้ดื่ม เหลือบมองของพี่ทิเห็นเป็นคำถามชุดเดียวกัน ผมตอบตามจริงเท่าที่รู้ ก่อนส่งให้หมอพร้อมกับคนข้างๆ

          “จากใบประเมินแล้วยังไม่ได้ถึงขั้นร้ายแรงนะครับ สามารถเลิกเหล้าเองได้โดยไม่ต้องใช้ยา ไม่มีอาการลงแดงเมื่อขาดเหล้า หมอว่าไม่ยากเท่าไหร่ แต่คนไข้กับกำลังใจต้องเต็มที่ทั้งคู่ ถ้าตกลงเข้าบำบัดช่วยเซ็นต์เอกสารตรงนี้หน่อย ค่อยๆ อ่านไปก็ได้”

          ใบต่อมาเป็นใบเจตจำนงการรับการบำบัด ลงชื่อพี่ทิ และพยานก็คือผม หรูหราหมาเห่ามาก มีเซ็นต์เหมือนสัญญาแบบนี้น่าจะมีค่าปรับกรณีที่ทำไม่ได้ด้วยว่าเสียเท่าไหร่ จะได้เอาเงินค่าเหล้าเข้าโรงพยาบาล ที่นี่ยังขาดอยู่อย่าง เทเลพอตสำหรับเดินเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วเปิดวาร์ปมารอคิวหน้าห้องตรวจได้เลย

          “การบำบัดมีทั้งหมดสี่ครั้ง ในสองสัปดาห์ ครั้งละชั่วโมงครึ่ง วันนี้กับวันสุดท้ายญาติต้องเข้าร่วมกิจกรรมด้วยนะครับ อีกสองครั้งให้เขามาเองหรือจะมาด้วยกันก็ได้ หลังจากนั้นก็ติดตามเดือนละครั้ง”

          เขาพูดซ้ำกับหมอคนก่อนหน้านี้ เข้าใจว่าแพทย์ต้องแจ้งตามหน้าที่ ผมพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนพี่ทิยังคงไม่หือไม่อือ

          “เรามาเริ่มกิจกรรมแรกกันเลยดีกว่า สองใบนี้ให้แต่ละคนเขียนอธิบายเกี่ยวกับตัวเองนะครับ”

          ผมรับกระดาษแผ่นใหม่มาก่อนเริ่มเขียน ชื่อน้ำมนต (ร์) ผิวขาวเหลือง ค่อนข้างผอม ผมสีดำ ซอยสั้น จมูกรั้น มีแก้มนิดหน่อย หน้าตาดีมาก เป็นนักศึกษาฐานะปานกลางที่สู้ชีวิต มีอะไรอีกนะ ชอบเพลงของพี่ทิ เป็นนักแอบรักมือวางอันดับหนึ่ง

          “เสร็จแล้วทำอันนี้ต่อครับ”

          กระดาษใบเดิมโดนเก็บไป พี่ทิเขียนเสร็จก่อนผมครู่ใหญ่ จากนั้นก็รับอีกใบมาเขียนต่อ คราวนี้เป็นแบบประเมินการสำรวจข้อดีข้อเสียของตัวเอง สิ่งที่ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้น และสิ่งที่เป็นอุปสรรค

          ยากแฮะ... ไม่เป็นปรนัยหน่อยเหรอ ผมน่ะกาสุ่มเก่งมากเลยนะ

          ขณะที่กำลังคิดก็แอบเหลือบมองคนข้างๆ พี่ทินิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกัน คงไม่ค่อยมีใครได้คิดเรื่องนี้กับตัวเองเท่าไหร่ พอต้องตอบขึ้นมาก็ไม่มั่นใจว่าควรพูดถึงตัวเองยังไงดี

          “เริ่มได้เลยครับ”

          ก็อยากเริ่มหรอก แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนแฮะ ผมจิ้มดินสอเล่น ไม่นานจากนั้นพี่ทิก็ชิงส่งคำตอบไปก่อนผมอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักตัวเองดีก็เหลือแค่เป็นคนขี้เกียจที่ไม่เขียนอะไรลงไปเลยเท่านั้น คุณหมอยังให้เวลาผมต่ออีกห้านาทีก่อนผมจะส่งคืนกระดาษคำตอบกลับไป

          “คราวนี้ลองมาสลับกันดูนะครับ”

          ผมถึงกับอ้าปากหวอ ไม่เห็นรู้มาก่อนว่าจะต้องให้อีกฝ่ายอ่านด้วย เมื่อพีทิรับกระดาษที่เป็นของผมไปแล้วมุมปากก็อมยิ้มเล็กๆ ส่วนผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้า กระจกใสบนโต๊ะสะท้อนกับแสงไฟเป็นภาพผมกำลังก้มหน้างุด หูแดงอย่างเห็นได้ชัด แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นอีกฝ่ายหูแดงจัดไม่ต่างกัน

          แน่นอน เพราะประโยคหนึ่งในแบบทดสอบนั้นผมเขียนไว้ว่าเป็นแฟนเพลงของพี่ทิ และแม้ว่าเขาจะรู้ตัวมาก่อนหน้านี้แล้วพอต้องเขียนแบบเปลือยความรู้สึกแบบนี้กลับเขินกว่าครั้งที่ผ่านมา นั่นมันไม่ต่างกับการเปิดไดอารี่ให้อีกคนอ่านเลยไม่ใช่เหรอครับ

          “หน้าตาดีมาก”

          เขาพูดเปรย อ่านข้อความของผมเสียงดัง บ้าเอ๊ย หลักฐานมันฟ้องขนาดนี้ จะให้เขียนว่าขี้เหร่ก็ไม่ใช่ ผมเอาคืนด้วยการอ่านสิ่งที่เขาบรรยายถึงลักษณะของตัวเองบ้าง ผมดำ เล่นดนตรีได้ อะไร แค่นี้เองเหรอ

          “เขียนแค่นี้ไม่เห็นดูออกว่าเป็นพี่ตรงไหน”

          “ทำไม ไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ”

          “เรื่องจริง แต่มันน้อย ไม่เขียนว่าเป็นคน พ่อเป็นผู้ชาย แม่เป็นผู้หญิงเสียเลยล่ะ”

          “นายก็ไม่ได้เขียนหนิ” ผมกำลังอ้าปากจะเถียงกลับ แต่เห็นหมอยกมือยั้งไว้ก่อน

          “การรู้จักตัวเองทำให้เรารู้จักลดทิฐิ เห็นความสำคัญของคนอื่นแล้วก็เพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้นะครับ”

          ชายวัยกลางคนอธิบายช้าๆ ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของพี่ทิแล้วก็อยากรู้ว่าเขาไม่รู้จักตัวเองจริงๆ ว่าเป็นคนเจ๋งขนาดไหนหรือแค่ไม่เปิดใจให้หมอกันแน่

          “คุณทิวากรลองเขียนลักษณะของตัวเองให้ชัดกว่านี้ไหมครับ หรือว่าจะให้แฟนช่วยคิดก็ได้”

          “ไม่ใช่แฟน!”

          ผมและคนไข้เถียงเสียงแข็งพร้อมกัน คนพูดหน้าเจื่อนทันที เหมือนตรงไหน หมอก็เพ้อเจ้อ “ผมเป็น...”

          “เบ๊”

          “จะเอาใช่ปะ”

          “ทำไม”

          “ใจเย็นๆ ครับ เป็นเพื่อนแล้วกันเนอะ”

          จู่ๆ ห้องบำบัดก็กลายเป็นเวทีมวยโดยมีหมอเป็นกรรมการ ก่อนรื่องราวจะลุกลามคุณหมอก็รีบเข้าประเด็น “ถ้าอย่างนั้นคุณน้ำมนต์ลองอธิบายถึงคุณทิวากรแบบที่เห็นดูสิครับ”

          “ปากจัดหัวรั้นตัวสูงลงพุงผมไม่เป็นทรงใต้ตาดำสกปรกนิสัยกวนประสาททำตัวเป็นเด็ก” ผมพูดยาวเหยียดไม่เว้นจังหวะหายใจ คนถูกกล่าวหาจะแย้งแต่ก็ถูกประโยคถัดมาของผมห้ามไว้ “เมื่อก่อนตอนเป็นยูทูบเบอร์จะเห็นแค่นิ้ว เขาเป็นคนนิ้วสวย จับคอร์ดชัด ช่วงที่เล่นเปียโนถึงได้เห็นไปจนถึงข้อมือ มือใหญ่มีขี้แมงวันที่ตรงระหว่างนิ้วนางกับนิ้วกลางเล็กๆ เป็นคนเสียงทุ้ม พูดเบา สุภาพ ประหยัดคำพูด ไม่อวดตัวเอง เป็นคนที่เขียนเพลงไม่เหมือนคนอื่น”

          ผมเผลอยิ้มออกมาเมื่อพูดถึงตรงนี้

          “เป็นคนที่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอ”

          แต่แล้วก็หุบยิ้มลงทันที

          “แต่ถ้ารู้ว่าเจอแล้วจะเป็นคนแบบนี้ก็อาจจะไม่อยากเจอก็ได้”

          “เป็นอาการของผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังระยะกลางน่ะครับ ถ้าภายใน 72 ชั่วโมง ไม่สามารถควบคุมปริมาณการดื่มได้ ต้องใช้ความพยายามมากเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ พฤติกรรมเปลี่ยนไปแล้วก็มีอารมณ์แปรปรวนจะจัดเข้าขั้นนี้ แต่เท่าที่กรอกแบบทดสอบคุณทิวากรยังไม่มีอาการมือสั่น หรือประสาทหลอน ถ้ารีบรักษาตัวตอนนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องแอดมิทหรือใช้ยา เพียงแต่ว่าต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด แล้วก็ใจเย็น”

          ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจ ผิดกับคนข้างๆ ที่เริ่มเขย่าขา ผมเลยกระทุ้งศอกเข้าให้ทีนึง

          “คุณทิวากรทราบข้อเสียของการดื่มเหล้าไหมครับ”

          “ครับ” เขาตอบสุภาพด้วยน้ำเสียงไม่สุภาพ “คือผมไม่ได้ติดเหล้านะหมอ ผมแค่ทำงานไม่ได้ก็เลยกิน”

          “ดื่มแล้วทำได้ไหมครับ”

          พี่ทิเบือนหน้าหนี หมอให้โอกาสใหม่

          “คุณทิอยากเลิกดื่มไหมครับ”

          “อยากครับ” ผมตอบแทน แต่หมอไม่มองผมเลย เฮลโหล คนพามาอยู่นี่ครับ มาด้วยใจจริง ตั้งใจเกินร้อยด้วยซ้ำ

          “ถ้าไม่ติดก็ต้องหยุดดื่มได้ใช่ไหมครับ”

          เกิดเสียงเงียบระหว่างเราสามคน ใช้เวลาครู่ใหญ่สำหรับทบทวนตัวเองหมอก็เสนอทางเลือก “เรามาลองดูทางเลือกว่าจะลดการดื่มลงยังไงดีไหมครับ อย่างเช่น เลิกดื่มเลย ดื่มเฉพาะวันหยุด ดื่มไม่เกินสัปดาห์ละครั้ง หรือดื่มไม่เกินสัปดาห์ละสองครั้ง”

          พี่ทิหันกลับมามองหน้าหมอด้วยแววตาขุ่นๆ อย่าต่อยกันนะครับ ผมวิ่งออกนอกห้องคนแรกบอกเลย

          “วันเว้นวัน”

          จังหวะนี้แหละ ผมรีบแทรก

          “ไหนบอกไม่ติดไง ทำไมต้องกินด้วย”

          “อะ สัปดาห์ละไม่เกินสามครั้ง”

          “มันก็คือวันเว้นวันนั่นแหละ”

          “สัปดาห์ละครั้ง”

          “ไม่แน่จริงนี่หว่า”

          “ญาติครับ ขั้นตอนนี้ต้องให้คนไข้ตัดสินใจเอง” อ้าว ลุงหมอเบรกผมหัวทิ่มเลย ใครจะไปรู้วะ “ต้องเลือกเองแบบที่คิดว่าจะทำได้ด้วยครับ”

          “งั้นไม่ดื่มเลย”

          พี่ทิตอบเสียงชัด ยุขึ้นนี่หว่า “เหตุผลครับ”

          “เพราะผมไม่ได้ติดเหล้า”

          “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นหมอจะเขียนไว้ในใบนี้นะ คุณทิวากรเลือกจะเลิกดื่มเลย เพราะไม่ได้ติดเหล้า เริ่มตั้งแต่วันนี้นะครับ อันนี้เป็นข้อตกลงของเราก่อนเนอะ เดี๋ยวเราลองมาอ่านอีกใบดีกว่าว่าเขียนอะไรมาบ้าง”

          ผมรีบตะครุบใบของตัวเองจากมือหมอแล้วไหว้ปะลกๆ “อ่านแค่ของพี่ทิได้ไหมครับ คือ...”

          “ทำไม”

          “ไม่ทำไม” ก็เพราะในนั้นเขียนเรื่องคนที่ทำให้ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้นว่าเป็นฟ้า ส่วนอุปสรรคก็คือพี่ยังไงเล่า แต่พี่ทิมีมารยาทกว่าผมมาก เขาไม่ได้แย่งเอกสารออกมาจากมือหมอ เพียงแค่ใช้หางตามองเท่านั้น “ผมไม่ได้บำบัดด้วยสักหน่อย”

          งุบงิบตอบในลำคอ แล้วพูดต่อ “ผมมาเพราะจะได้รู้วิธีรับมือกับพี่ต่างหาก”

          “โอเคครับ งั้นเรามาดูกันว่าคุณทิวากรมีทัศนคติยังไงกับตัวเองกันบ้าง”

          หมอยอมเก็บกระดาษคำตอบของผมไว้ด้านหลัง แล้วหมุนกระดาษคำตอบของพี่ทิมาให้อ่านด้วยกัน ผมพรูลมหายใจออกยาว ค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าถูกจับได้ว่าเจ้าตัวกำลังเป็นปัญหาให้ผมตอนนี้การบำบัดจะแย่เข้าไปใหญ่

          ผมอ่านคำตอบจากกระดาษแผ่นนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ พยายามไม่รับรู้ถึงสายตาที่กำลังจับจ้องมาจากใครอีกคน

         



          “เอาจริงเหรอวะน้ำมนต์”
         
          เสือนักศึกษา หนังสือเรียน ที่ขาร์จโทรศัพท์ แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว กางเกงใน ชุดนอน เสื้อยืด กางเกงขาสั้น อะไรอีกนะ

          “ไม่เห็นมึงต้องย้ายเลย”

          “ถุงเท้า!”

          “ฟังกูอยู่ไหมเนี่ย”

          เสียงกระเง้ากระงอดของเพื่อนสนิทยังคงรบเร้าเอาคำตอบ หลังกลับจากโรงพยาบาลผมกับพี่ทิก็แยกกันโดยชายหนุ่มกลับคอนโด ส่วนผมกลับห้องมาเก็บเสื้อผ้า การเดินทางจากคอนโดพี่ทิไปมหาวิทยาลัยไม่ยุ่งยากมาก แต่ถ้าผมปล่อยให้เขาคลาดสายตาจนกลับไปดื่มใหม่หรือไม่ทำตามกติกาเห็นจะทำให้วุ่นวาย

          “ฟัง” ผมตอบแล้วหยิบถุงเท้าในลิ้นชักออกมา “เราก็ไม่ได้ย้ายไปถาวรเสียหน่อย แค่สองสัปดาห์นี้แหละ”

          “น้ำมนต์ อย่าไปเลยนะ กูเหงา”

          ไอ้นิวมากอดจากข้างหลัง ขนลุกเว้ย “จ้างเราดิ”

          “ทำไมหน้าเงินอย่างนี้ ที่บ้านมึงก็ไม่ได้ยากจนเสียหน่อย”

          “อ้าว ก็เวลาทำมาหากิน ค่าเสียเวลาล่ะครับ”

          “งั้นรีบไสหัวไปเลย โอนค่าห้องมาด้วย”

          “โห หน้าเลือดอะ ทำไม บ้านมึงก็ไม่ได้จนเหมือนกัน”

          “มีย้อนๆ ใช่ซี่ กูมันไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์ของมึง” นิวจีบปากจีบคออย่างที่ชอบทำ มันโดดไปนั่งบนเตียง มองผมเก็บของแต่ไม่หยุดปากมาก “ถ้าฟ้าสั่งให้มึงไปตายมึงจะไปตายปะวะ ต้องทุ่มเทอะไรเบอร์นี้”

          ผมหัวเราะ ไม่ถือโทษโกรธคนค่อนขอด ที่ผ่านมาผมก็ทำเหมือนชีวิตขึ้นอยู่กับฟ้าจริง แต่ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ตอนนี้ผมชอบฟ้า แต่เดี๋ยวพอเริ่มทำงานก็คงไปชอบคนอื่น เป็นอย่างนี้มานานแล้ว แม้แต่ตัวเองก็รู้ดี ผมมันคนมีงานอดิเรกคือการแอบรักคนใกล้ตัวอยู่แล้ว

          “ไอ้นิว มึงก็เป็นโอตะ มึงต้องเข้าใจดิวะว่าเวลาที่คนที่เราปลื้มทำตัวดีๆ มันก็น่าชื่นใจ”

          เพื่อนสนิทเบะปาก ไม่เห็นด้วยแต่เถียงไม่ออก

          “ถ้าเราทำให้พี่ทิกลับมาเป็นพี่ทิคนเดิมได้ นะ ต่อให้มีสิบฟ้ามาบอกให้เราหยุดเราก็ไม่หยุดหรอก”

          “เออๆ กูแค่ไม่อยากให้มึงตัดสินใจอะไรเพราะเป็นคำสั่งของอีฟ้าไง มันก็เพื่อนกู มึงก็เพื่อนกู ไอ้อุ้ยก็เพื่อนกู ต่อให้มันสองตัวไม่รู้ว่ามึงมันเพื่อนเลวแต่กูก็ไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมความรักในกลุ่มเรา เข้าใจปะ”

          “มึงคิดเยอะเกินไปแล้ว”

          “ใครจะไปรู้วะ แต่ทีกูกับมึงรู้แน่ๆ คือฟ้าไม่มีวันคบมึง เข้าใจใช่ไหมน้ำมนต์”

          ผมปิดกระเป๋าลาก รูดซิปเรียบร้อยแล้วมองหน้านิวยิ้มๆ “นิว กูก็ไม่ได้จริงจังกับฟ้าขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นกูตรอมใจตายตั้งแต่ปีแรกที่เห็นมันสองตัวจู๋จี๋กันทุกวันแล้ว”

          “ถามจริง ถ้าได้เอาปะล่ะ”

          “เอาดิ”

          ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ รูมเมทถึงกับทำเสียงขากยาวๆ แล้วถ่มถุยเย้ยหยันความพระรองเต็มขั้นของผมไม่ไว้หน้ากันเลย






          “ก็ดีนะ”

          ปลายสายตอบพลางลกเสียงครางต่ำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ผมนั่งแท็กซี่มาที่คอนโดพี่ทิพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ ตั้งใจว่าจะอยู่กับเขาตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่เข้าบำบัด อย่างน้อยถ้าซุปเปอร์ไอดอลผมเครียดจะได้มีคนห้ามไม่ให้กลับไปดื่มอย่างที่เจ้าตัวตั้งปณิธานไว้หนักแน่น

          “ลำบากน้ำมนต์หรือเปล่า”

          “ไม่นะพี่ลม ผมว่าอยู่คอนโดพี่ทิก็สบายดี มีอ่างอาบน้ำด้วย”

          “เป็นเด็กติดอ่างนี่เอง”

          “ไม่ช้าย” ผมขึ้นเสียงสูง แค่ชอบแช่น้ำอุ่นเฉยๆ “ยังไงแมนชั่นพี่ทิก็กว้างขวาง มีห้องว่างด้วย ผมยึดห้องนั้นล่ะ อยากฟังเพลงทุกแผ่นในชั้นเลยด้วย”

          พี่ลมหัวเราะผ่านสัญญาณโทรศัพท์ก่อนพูดเสียงเนือย “น้ำมนต์นี่หลอกล่อง่ายจังเลยน้า”

          “หลอกอะไรเล่า”

          “ก็แค่มีอ่างอาบน้ำกับแผ่นเสียงก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ”

          ผมคิดนิดหน่อยก่อนตอบ “มีเงินเดือนด้วย”

          “เหรอ งั้นจบงานนี้มาอยู่กับพี่ไหม ห้องพี่มีอ่างอาบน้ำจากุซซี่ แผ่นเพลง แล้วก็ให้เงินเดือนเหมือนเดิมด้วย”

          “ฟังดูอันตรายยังไงก็ไม่รู้ฮะ”

          “อันตรายอะไรเล่า พี่น่ะจะดูแลเราอย่างดี มดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลย”

          ประโยคแบบนี้มันปลอดภัยตรงไหนครับ

          “แค่เป็นหมอนข้างให้พี่ฟัดแก้มทุกวันก็พอ”

          “โห เนี่ยๆ อันตรายทั้งนั้นเลย ผมวางสายก่อนดีกว่า กลัว”

          “รอพี่เลิกงานแล้วให้ไปรับมาหาอะไรอร่อยๆ กินปลอบขวัญไหม”

          “ไม่ไปครับ” ตอบชัดเจน บอกแล้วว่าผิดผี “ผมหยอกเล่น แต่ว่าต้องวางจริงๆ แล้ว ผมถึงคอนโดพี่ทิแล้ว ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบนะครับพี่ลม”

          “อื้อ คิดถึงหรือต้องการความรักก็โทรมาได้เหมือนกันนะ ไม่ต้องเรื่องงานพี่ก็อยากได้ยินเสียงน้ำมนต์”

          “หยอดเก่งเป็นพ่อค้าขนมครกเลยอะ ยอมแพ้”

          “ยอมจริงป่าว”

          “ไม่คุยด้วย...อ๊ะ...” ระหว่างกำลังต่อปากต่อคำกับปลายสายโทรศัพท์ผมก็ถูกฉกไปจากด้านหลัง ใจหายแวบเลย นึกว่าเจอโจรใต้คอนโดกลางวันแสกๆ

          “พี่ลม” หัวขโมยแนบหูกับโทรศัพท์อย่างไร้มารยาท สีหน้าเรียบนิ่ง แน่ล่ะ ใครจะกล้าทำกับผมแบบนี้ถ้าไม่ใช่ทิวากรคนมึนของโลกใบนี้ “หนวกหู พูดมากอยู่ได้ ทำไม ผมพูดแล้วมันทำไม อย่ามาทำตัวเจ้าชู้กับไอ้เด็กนี่ มันโง่ไม่ทันเกมพี่หรอก ไม่ได้หึง”

          ชายหนุ่มต่อปากต่อคำกับปลายสาย ผมไม่ได้ยินเสียงลอดออกมาเลยว่าพี่ลมพูดอะไรบ้าง แต่ประโยคของพี่ทิน่ะชัดมาก อ้อมแอ้มเถียงกลับในลำคอ

          “ไม่ได้โง่สักหน่อย”

          แต่เมื่อกี๊ใครหึงอะไรใครนะ

          “เลิกคิดไปแองได้แล้ว แค่รำคาญ เห็นมันยืนหน้าลิฟต์นานแล้ว พี่ไม่ยอมวางมันเลยวางไม่ได้ไง เข้าลิฟต์ไปสัญญาณตัด น้องมันมีมารยาทเลยจะวางสายพี่ก่อน ผมแค่มาช่วยพูดเพราะรู้จักพี่เฉยๆ บอกว่าไม่ได้หึงไง”

          ประโยคเริ่มวนกลับมาที่เก่า สุดท้ายพี่ทิก็ถอนใจใส่โทรศัพท์ยาว

          “แค่นี้นะ”

          แล้วก็ตัดสายไปเลย

          “เฮ้ย”

          “อะไร” เขาดูหงุดหงิดชขึ้นมาอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าอยากดื่มเหล้าหรอกนะ “อย่าไปคุยกับมันมาก พี่ลมมันนักล่อลวงไม่รู้หรือไง”

          “พี่ก็พูดเกินไป ผมโทรหาพี่ลมก็เพราะเรื่องพี่นั่นแหละ”

          “ต้องรายงานมันทุกอย่างเลยเหรอ”

          “แน่สิครับ เขาเป็นนายจ้างผมนี่” ถามอะไรแปลกๆ

          “ระวังมันจ้างขึ้นเตียง”

          “นี่ ผมก็มีหัวคิดหรอกนะ ทำไมอะ หรือว่าหึง”

          ลองแหย่กลับด้วยประโยคที่อีกฝ่ายเถียงกับคนในโทรศัพท์เป็นวรรคเป็นเวร พี่ทิส่ายหน้าระอาแล้วคว้ากระเป๋าลากไปจากมือผม

          “นี่ จะหยิบอะไรก็บอกเจ้าของเขาก่อนสิ ไม่มีมารยาทเลย”

          “พูดมากจังวะ”

          “ไม่ได้พูดมาก แต่พี่น่ะพูดบ้างเถอะ ว่าแต่ยังไง พี่กับพี่ลม...กุ๊กกิ๊กกันเหรอ”

          ผมรู้มาอย่างคือไม่ควรถามบริบทว่าใครรุกใครรับ แต่พี่ลมก็ไม่ได้ห้ามถามเรื่องความสัมพันธ์ของสองคนนี้เสียหน่อย

          “ไปฟังอะไรพี่ลม”

          “ไม่ได้ฟังพี่ลมเลย ได้ยินจากพี่นี่แหละ”

          เขาไม่ตอบในทันที แต่กดลิฟต์แล้วเดินเข้าไปรอ ผมก้าวเท้าตามติดๆ เสียงสัญญาณลิฟต์อ่านคีย์การ์ดดังติ๊ด ก่อนจะทะยานตัวขึ้นสูง

          “นี่ เล่าได้นะ ผมไม่เอาไปบอกใครหรอก”

          “ไม่มีอะไรให้เล่า”

          “ไม่มีได้ไง เมื่อกี๊ผมยังได้ยินว่าพี่บอกว่าไม่ได้หึงเลย ยังไงครับยังไง”

          “ไร้สาระ” เขาบอกปัด แต่ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้นก็มีแค่ผมกับเจ้าตัว ชั้นที่อยู่ก็สูงเสียด้วย โดนสายตาจับจ้องเข้าหน่อยอีกฝ่ายก็เหมอนกับทนไม่ไหว “มันก็ขี้หยอดอย่างนี้แหละ หยอดไปทุกคน อย่าไปหลงกลเชียวถ้าไม่อยากวุ่นวาย”

          ในที่สุดนักโทษก็สารภาพ ผมพอจับใจความได้ว่าพี่ลมคงหยอดพี่ทิบ้าง เหมือนที่เขาหยอดผมทุกครั้งที่มีโอกาส

          “เรื่องแค่นี้เอง”

          “เคยมีคนจะยิงกันเพราะปากอย่างมันมาแล้ว อย่ามองว่าเรื่องแค่นี้ อย่าทำนิสัยแบบมันด้วย เข้าใจหรือเปล่า”

          พอถูกอีกฝ่ายสั่งด้วยสีหน้าจริงจังผมก็ขำไม่ออกเหมือนกัน ยิงกันเลยเหรอ เยกเข้ พี่ลมปืนดุ

          “ไม่รู้ว่านอกจากปากแล้วมีอะไรดี”

          พี่ทิยังสบถตามลำพัง ผมนึกไปถึงแบบทดสอบที่พี่ทิทำ คุณหมอให้เขียนถึงข้อดีของตัวเองและสิ่งดีๆ ที่อยากทำเพื่อตัวเอง เป็นกิจกรรมที่สอนให้ผู้เข้าร่วมมีความหวังและภูมิใจในตัวเอง รวมถึงกำหนดเป้าหม่ายให้ตัวเองขึ้นมาได้

          คำตอบของพี่ทิในแบบทดสอบที่สองคือไม่มี

          ไม่มีทั้งคนที่เป็นแรงผลักดันให้เขาเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น ไม่มีเป้าหมายรวมทั้งความหวัง

          ความรู้สึกโดดเดี่ยวลำพัง ไม่มีแม้กระทั่งคนที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นไม่ให้เขาก้าวไปสู่ตัวเองในเวอร์ชั่นใหม่

          หมอบอกว่าคนที่เป็นแอลกอฮอลลิซึมมักมีอาการซึมเศร้าควบคู่ไปด้วย โชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ถึงขั้นคิดเรื่องตาย แต่กระนั้นเขาก็พูดมาได้อย่างไม่ลังเลสักนิดว่าหากพรุ่งนี้ไม่หายใจก็ไม่มีอะไรให้เสียดายอีก

          “แต่ผมเห็นข้อดีของพี่เยอะเลยนะ”

          ระหว่างที่ลิฟต์ใกล้ถึงชั้นปลายทางผมก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ คู่สนทนาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “พี่ลมสอนให้ปากหวานมาแล้วหรือไง”

          “ไม่ใช่ นี่พูดจริงๆ นะ พี่น่ะ เจ๋งไปเลย เวลาที่ผมเศร้าแล้วมีเพลงของพี่ฟังนะ มันทำให้รู้สึกไม่ได้เหงาอยู่คนเดียว หรือว่า เวลาที่ผมอินเลิฟแล้วมีเพลงของพี่เล่นในหัวมันเหมือนตัวเองเป็นพระเอกมิวสิคเลย”

          “เป็นเด็กเป็นเล็ก หัดอินเลิฟกับเขาแล้วเหรอ”

          “นี่อย่าทำตัวเป็นตาแก่หน่อยเลย ผมตกหลุมรักเป็นตั้งแต่ประถมแล้วเถอะ”

          “แก่แดด”

          “พูดเรื่องจริง”

          ประตูลิฟต์เปิดออก เขาเดินนำผมไปด้านหน้า เสียงล้อขูดกับพื้นเงาวับดังครืดยาวๆ ไม่กี่อึดใจเจ้าของห้องก็ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูแล้วทิ้งกระเป๋าของผมไว้ที่ข้างชั้นวางรองเท้า ผมถอดรองเท้าเข้าชั้น เก็บของเขาที่วางไม่เป็นระเบียบให้เรียบร้อยไปด้วย จากนั้นก็เอากระเป๋าไปไว้ในห้องนอนเล็กที่ตกลงกันว่าจะยกให้เป็นห้องของผมชั่วคราว

          ที่พูดไป เขาจะรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า รับรู้ไหมว่าเพลงของเขามันหล่อเลี้ยงชีวิตผมได้ทุกจังหวะนาทีจริงๆ

          ติ๊ง...

          เสียงเปียโนดังขึ้นหนึ่งครั้ง ผมแง้มประตูออกไปเห็นแผ่นหลังของคนที่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาบนเก้าอี้หน้าเปียโตสีดำตัวเขื่อง สมุดเปล่าวางตั้งอยู่ตรงหน้า เขาเขียนอะไรยุกยิกบนนั้น ครู่หนึ่งก็เริ่มกดที่คีย์บอร์ดเปียโนอีกครั้ง

          เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นใหม่ คราวนี้ไม่ใช่แค่จังหวะเดียว แต่พลิ้วยาว ปลายนิ้วพรมลงบนแป้นสีขาวสลับดำลื่นไหลไม่สะดุด ไม่มีจังหวะงกๆ เงิ่นๆ หรือชะงักค้างยาวเกือบนาที เมื่อพักเขาก็ใช้ดินสอไม้เขียนบางอย่างลงบนสมุดเล่มนั้นใหม่

          ยิ่งไปกว่าการได้ฟังพี่ทิเล่นดนตรีสดสักครั้ง มันคือการได้เห็นอีกฝ่ายเขียนเพลงใหม่ที่ไม่ผ่านการถ่ายทอดจากช่องทางไหน

          ร่องหลืบเล็กของบานประตูคมชัด

          ผมรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังค่อยๆ ขยายพองออกมา





TBC

ตอนนี้มีฉากตัดสลับนิดหน่อย ถ้าอ่านแล้วงงบอกได้ฮับ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-12-2019 09:46:44
ไม่งงจ้า สนุกมาก รอชมเขาต่อปากต่อคำกัน  o13   :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 18-12-2019 09:51:49
น้ำมนต์เอ๊ยยย ท่าทางจะทึ่มจริงอย่างพี่ทิว่าละ น้ำมนต์ไม่ใช่แค่เห็นพี่ทิแต่งเพลงนะ ป้าว่าน้ำมนต์กำลังเห็นพี่ทิแต่งเพลงให้น้ำมนต์แล้ว อิ อิ  :laugh:  :laugh:

ปูลู ขอบคุณเว้ดเว้ดนะคะ ที่ทำให้วันพุธเป็นวันที่มีความสุขประจำสัปดาห์ของพี่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: Rubyrain ที่ 18-12-2019 09:54:16
แหน่ะคุณทิ เห็นความดีความชอบของน้องน้ำมนต์แล้วล่ะสิ หวั่นไหวแล้วใช้ไหมค่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 18-12-2019 10:25:49
พี่ทิเอาน้ำมนต์อยู่หมัดเลย แค่นี้ก็พองแล้วเด็กพี่ทิเอ๋ย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-12-2019 10:42:38
ี่ลมนี่..ตัวร้ายใช่ไหม 555    :katai1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 18-12-2019 11:54:29
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 18-12-2019 12:27:23
น้ำมนต์ทำเพื่อพี่ทิมากๆ
สักวันน้ำมนต์ต้องกลายเป็นคนที่พี่ทิเขียนถึงแน่เลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 18-12-2019 12:47:50
เขาหึง!!! พี่ทิหึงเหรออออ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-12-2019 13:22:17
น้ำมนต์คนซื่อแต่ไม่เซ่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 18-12-2019 20:30:33
เอ๊ะ ๆ มันดูยังไง ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-12-2019 20:41:45
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 18-12-2019 20:43:04
พี่ทิเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ชอบบรรยากาศของการที่มีน้ำมนต์ในชีวิตของพี่ทิจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 18-12-2019 21:44:58

บ่ายสองห้าสิบนาที ผมพานายทิวากรมาถึงโรงพยาบาลฉิวเฉียดกับเวลานัด ยื่นประวัติที่เวชระเบียนแล้วกดลิฟต์มาชั้นสิบ

เมื่อถึงหน้าห้องที่นัดหมายก็ส่งเขาไปชั่งน้ำหนัก วัดความดันกับคุณพยาบาล บ่ายโมงห้านาที ผมกับพี่ทิถึงได้พบหน้าผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคน


เวลามันย้อนแย้งไหมอ่ะคุณเวด หรือเรางงเอง??    :ruready
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-12-2019 22:52:37
พลังบวกเริ่มมาละ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-12-2019 00:11:21
5555 เอ็นดูน้ำมนต์คนซื่อตรง ชัดเจนทุกคำพูดและการกระทำ
กลัวพี่เสียใจที่บอกว่าเป็นอุปสรรคในตอนนี้
ก็ขออย่าให้พลาดไปถึงมือพี่ที่ได้อ่านเลยนะ

น้ำมนต์แสบมาก จัดเต็มไปเลยค่ะ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ
กะทิเจอน้องโหมดนี้อีกแน่ ถ้ายังแกล้งน้องอีก

กะทิเอ้ย หลงน้องแล้วล่ะสิ ถึงออกอาการเหมือนหวง แถมมีงอน
ที่น้องผิดสัญญา เลยต้องพึ่งเหล้ายา พาลเคืองลมที่มาตอดน้อง

ลมก็หยอดเพลินเลยนะ สนุกล่ะสิ คือคิดจริงถ้าน้ำมนต์ตกลงใช่ไหม 5555

ว้าวว ดีมากเลยค่ะ กะทิพลิกฟื้นคืนตัวมาแล้ว รอฟังเพลงใหม่ของกะทินะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-12-2019 09:08:25
น้ำมนต์กับกะทิน่ารักชอบๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 09 move on (หน้า5|181219)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 19-12-2019 23:37:15
อยากรู้จักพี่ทิให้มากกว่านี้
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 25-12-2019 13:02:08
10 คิดไม่ซื่อ



          ความยากแรกของการเลิกเหล้าคือการยอมรับว่าตัวเองติดเหล้า ความยากที่สองคือการเริ่มบำบัดอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และจริงจัง ความยากอย่างที่สุดคือการเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยกลับไปดื่มใหม่ ผมใช้เวลาหลายสัปดาห์ เสี่ยงตายหวุดหวิดกว่าจะพาพี่ทิมาถึงขั้นที่สอง เหลือแค่ด่านบอสเท่านั้นที่ยังเดินทางมาไม่ถึง

          “เหนื่อยแล้ว”

          เช้าตรู่ของวันที่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ผมขุดตัวเองและคนที่อยู่ข้างหน้าออกมาวิ่งที่สวนสาธารณะข้างคอนโด อันที่จริงที่อยู่ของพี่ทิก็มีฟิตเนส เครื่องเล่นครบครัน เปิดแอร์เย็นฉ่ำ มีสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้าที่มองเห็นวิวเมืองและรถไฟฟ้าวิ่งพาดผ่านเมือง แต่ผมคิดว่ามันจำเจเหลือเกินกับการออกกำลังกายอยู่กับที่ มองโทรทัศน์ที่แขวนอยู่บนเสาเล่นหนังที่ไม่มีเสียง ทว่าข้อตกลงที่ให้ไว้กับหมอข้อหนึ่งคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

          และแม้ผมจะเป็นคนตั้งใจลากพี่ทิออกมาวิ่ง สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่หอบแฮกตั้งแต่สามกิโลแรกเกือบทุกวัน

          “ทำหน้าเหมือนจะตาย” ทิวากรพูดข่มทั้งที่ตัวเองก็หายใจถี่ไม่ต่างกัน ใบหน้าขาวแดงก่ำ เหงื่อไหลซึมจนชุ่มเสื้อกีฬาแขนกุดที่สวม

          “สภาพพี่ดีตาย”

          “ก็ดีกว่า”

          “ผมไม่เคยออกกำลังกายเลย ทำไมมันเหนื่อยเหมือนจะขาดใจอย่างนี้”

          พูดจบก็ทิ้งตัวลงนั่งริมทาง บนพื้นหญ้าที่ยังชื้นน้ำค้างจากเมื่อคืน ท้องฟ้าจากสีทึมค่อยๆ สว่างทีละน้อย นวลด้วยแสงสีละมุนอุ่นจากแสงแรกของวัน

          “น้ำ”

          “ขอบคุณครับ”

          พี่ทิเข้าบำบัดครั้งที่สาม แม้จะโยเยในช่วงก่อนไปแต่เขาก็ไปตามนัดทุกครั้งเหมือนเด็กอนุบาลไม่อยากไปโรเรียน แต่ผมไปส่งแล้วก็แล้วกัน ครั้งที่สองผมไม่ได้เข้าไปนั่งฟังด้วยเหมือนคราวแรกเพราะมีเรียน แต่ขากลับก็แวะรับเขาที่โรงพยาบาลเหมือนคุณแม่วัยใส

          ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อากาศตอนเช้านี่ช่างสดชื่นไม่เหมือนแดดเที่ยงที่จ้องจะแผดเผาผู้คนให้มอดไหม้เป็นจุณ ได้ยินเสียงนกร้องไกลๆ เงยหน้าขึ้นมองยอดไม้ก็เห็นมันบินโผจากิ่งหนึ่งมาอีกกิ่ง กลางเมืองใหญ่ฟุ้งไปด้วยมลภาวะ สัตว์พวกนี้ก็ยังอาศัยอยู่ได้แฮะ

          “คนมาวิ่งตอนเช้าเยอะเหมือนกันเนอะ”

          “นั่นสิครับ แต่บางคนก็มาวิ่งตอนเย็นนะ”

          “ไม่อยากมาตอนเย็นบ้างเหรอ จะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้า” เขาถาม รับน้ำขวดเดิมไปดื่มต่อ ผมเองก็ไม่ได้อยากตื่นเช้าเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าปล่อยให้ถึงตอนเย็นก็จะอืดอาดขี้เกียจออกมาข้างนอกกันทั้งคู่ งานของผมนอกจากการพาพี่ทิมาวิ่ง สิ่ที่ยากไม่แพ้กันคือปรับพฤติกรรมตัวเอง

          “ตอนเช้าก็ดีแล้ว พอวิ่งเสร็จ พี่กลับไปอาบน้ำก็เขียนเพลงต่อได้เลยไง ถ้ามาวิ่งตอนเย็นคงนอนตื่นเที่ยง เวลาหายไปแล้วครึ่งวัน”

          เขาพยักหน้าเห็นด้วย พี่ทิหาเรื่องทะเลาะกับผมน้อยลง แต่ก็ยังกวนประสาทอยู่บ้าง ราวกับเป็นทูดูลิสท์ที่วันไหนไม่ได้ยั่วโมโหกันจะนอนไม่หลับไปทั้งคืน

          “เขียนเสร็จสองเพลงครึ่งแล้วนะ”

          “จริงดิ โคตรไวเลย”

          “เมื่อก่อนเขียนสองสามชั่วโมงก็ได้ละ เพลงนึง กลับมาเขียนใหม่แล้วสปีดตก”

          “โหย แต่ก็คืบหน้ากว่าช่วงแรกๆ นี่ครับ” ผมกำหมัดชนไหล่เขา ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ ไม่สบตา “เลิกเหล้าแล้วดีเนอะพี่”

          “ก็บอกว่าไม่ได้ติด”

          “ยังจะเถียงอีก”

          อันที่จริงแล้วพี่ทิยังมีท่าทางหงุดหงิดให้เห็นบ้าง พอผมบอกว่าถ้าไม่ได้ติดเหล้าแล้วจะหงุดหงิดทำไมที่ไม่ได้ดื่ม เขาก็รีบกลบเกลื่อนว่าหิวบ้าง ร้อนบ้าง ผมเลยแกล้งลดแอร์จนตัวเองต้องใส่เสื้อขนเป็ดของเขาอยู่ในห้องให้สะใจไปเลย

          “ที่ไปหาหมอสองครั้งที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง ไม่เห็นเล่าเลย”

          “ครั้งที่สองไม่ค่อยอิน” เขาพูดเสียงเรียบ เหยียดขาข้างหนึ่งยาวแล้วโน้มตัวยืดกล้ามเนื้อ ผมเห็นก็ทำบ้าง เป็นขั้นสุดท้ายสำหรับการออกกำลังกายในแต่ละวัน “พูดเรื่องศีลห้า”

          “ทำไมล่ะ พี่ไม่ได้นับถือพุทธเหรอ”

          “ไม่เชิง จริงๆ ไม่ได้นับถืออะไรเป็นพิเศษ บางทีศาสนาก็มอมเมาคน”

          “เหรอ ผมนับถือพุทธมากๆ เลยนะ ผมว่าศาสนาน่ะ เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจคนได้ดีมากๆ แล้วพุทธก็มีความเป็นวิทยาศาสตร์ด้วย”

          “เกิดมาเดินได้เจ็ดเก้า วิทยาศาสตร์ฉิบเป๋ง “

          “นั่นมันเรื่องเล่า” ผมมองค้อนให้กับคำค่อนแคะของอีกฝ่าย “เอาแค่แก่นคำสอนสิ”

          “พูดยากนะ แต่ใช้หลักไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่ต้องมีศาสนาก็ได้”

          “ก็จริงนะ พี่เชื่อเรื่องผีไหม”

          “ไม่”

          “ผมโคตรเชื่อ” ทิวากรหลุดหัวเราะในท่าทางจริงจังของผม ดวงตาหยีเป็นเส้นโค้งคว่ำ แต่ริมฝีปากบนและล่างโค้งหงาย แดดส่องกระทบเส้นผมที่เปียกเหงื่อทำให้ดวงหน้าเขาทั้งสดใสและอ่อนโยนจนผมแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ

          “เคยเจอผีเหรอ”

          “ไม่เคย”

          “แล้วทำไมถึงเชื่อ”

          “แหม ผมก็ไม่เคยมีความรักยังเชื่อว่ามีรักแท้ได้เลย”

          ไม่ว่าจะจากเพลงของเขา หรือว่าคู่เคียงคนอื่นที่โชคดีตามหากันเจอ พี่ทิลดมุมปากลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหมือนยังมีความขุ่นมัวบางอย่างในใจที่สลัดไม่ออก

          “พี่เคยคบกับคุณเจนคนเดียวเหรอ ผมหมายถึง ทำไมพี่เสียใจขนาดนั้น”

          ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เด็ดหญ้าที่ออกดอกโดดเด่นขึ้นมาหนึ่งอัน “เคยรักใครมากๆ ไหม”

          “เคยสิ”

          “เคยวางแผนอนาคตตัวเองกับคนๆ นั้นไหม” เขาพูดเสียงเรียบ แววตาหม่นลง ไม่ใช่คนที่ยิ้มสดใสและอุ่นละมุนเมื่อครู่อีกต่อไป “พยายามทะนุถนอมดูแลทุกอย่าง ระมัดระวังอดทน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำพลาดตอนไหน”

          “บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่พลาดหรอกครับ ก็แค่ยังไม่ใช่คู่กัน”

          “พูดง่ายแหละ แต่ทำได้ยากมากเลยนะ ทำความเข้าใจ ยอมรับกับความกลวงโบ๋ของตัวเองทั้งที่ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ทำให้รักดีๆ หายไปคืออะไร”

          “ถ้าเป็นรักที่ดีคงไม่หายไปหรอกครับ”

          ถึงผมจะไม่เคยเห็นผี แต่ผมก็เชื่อว่าผีมีจริง เช่นกันกับแม้ว่าผมไม่เคยคบใครแต่ผมก็เชื่อว่ารักที่ดีมันมีแน่ๆ อาจมาในรูปแบบของเพื่อน คนรัก สัตว์เลี้ยง หรืออะไรก็ตามที่เราเต็มใจจะมอบให้มัน และสิ่งเหล่านั้นจะกลับมาเยียวยาเราในวันที่หมดสิ้นเรี่ยวแรง

          “ผมไม่อยากให้พี่หมดหวังกับความรักแค่เพราะผิดหวังมาครั้งเดียวนะ”

          เขาหลุบตาลงต่ำ อมยิ้มอยู่ในที “พูดเก่งจริงๆ เราน่ะ”

          “จะบอกว่าผมพูดมากอีกแล้วเหรอ รำคาญเหรอ”

          “เปล่า ก็ดี เหมือนเลี้ยงชิวาว่าขี้เห่าไว้ตัวนึง ไม่เหงาหู”

          “ชิวาว่าบ้านพี่ดิ อย่างผมต้องเป็นโดเบอร์แมน มาดดีปราดเปรียวต่างหาก”

          พี่ทิหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้ยื่นมือมายีหัวผมเบาๆ ประกอบคำพูด

          “หมอให้ทำอะไรอีก”

          “ให้พูดถึงข้อเสียของเหล้า”

          “พี่ตอบว่าไง”

          “ก็อย่างที่เรียนมา ใครก็ท่องได้ ทำให้ขาดสติ อวัยวะในร่างกายพัง บลาๆ”

          “บลาๆ นี่คืออะไรครับ”

          พี่ทิมองผมด้วยหางตาโทษฐานที่กวนตีน ผมหลบสายตาคาดโทษนั้นด้วยการทิ้งตัวลงนอนหงายบนผืนหญ้า คันยุบยิบแต่ก็สบายตัวชะมัด

          “ครั้งที่ 3 ล่ะ”

          “ยกตัวอย่างเคสคนเมาให้มาวิเคราะห์ สอนเข้าหลักโยนิโสมนสิการ”

          “หา?!? โยนีแปลว่าจิ๋มไม่ใช่เหรอ?” ผมเด้งตัวลุกขึ้นทันที พี่ทิทำหน้าเหมือนเอือมระอาเต็มทน

          “โยนิโสมนสิการเป็นคำสอน สอนวิธีคิดเป็นระบบ”

          ใจหายใจคว่ำหมด นึกว่าหมอจะพาพี่ทิเข้าลัทธิอะไรแปลกๆ ซะแล้ว ขืนเป็นผีบ้าหนักกว่าเดิมพี่ลมฆ่าผมแน่

          “ครั้งหน้าผมต้องไปด้วยใช่ไหม”

          “อืม คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง”

          “ก็ดีนะ พี่ก็กลับมาเขียนเพลงได้ นี่ เล่นให้ผมฟังก่อนได้ป่าว”

          “แลกกับอะไร”

          “โห ผมทำให้พี่ขนาดนี้แล้วยังจะขออะไรแลกเปลี่ยนอีกเหรอ หัวจิตหัวใจพี่นี่มันช่างเย็นชาจริงๆ”

          เขาเหยียดยิ้มบาง หันมาผลักหัวผมเบาๆ

          “ใช้คำซะเวอร์”

          “ต้องเล่นใหญ่หน่อยดิ ว่าแต่ ผมจะได้ฟังก่อนคนอื่นไหมอะ”

          “อือ เดี๋ยวกลับไปเล่นให้ฟัง”

          “เย้! สุดยอดเลย” นาทีนั้นผมแทบกระโดดลุกขึ้นยืน เรี่ยวแรงกำลังวังชาเพิ่มขึ้นเหมือนได้ชาร์จไฟเบอร์แรง “กลับกัน ผมอยากฟังแล้ว”

          พี่ทิยื่นมือให้เหมือนหมา ผมคว้าข้อมือขวาของเขาไว้ด้วยมือตัวเองทั้งสองข้างก่อนดึงฉุดให้คนขี้เกียจลุกตามมา เมื่ออีกฝ่ายยืดตัวเต็มความสูงก็เกิดเงาทาบทับบนตัวผมจนมิด ก้มลงมองปลายนิ้วซึ่งเป็นอวัยวะแรกที่ผมรู้จัก มันเรียวสวยแต่ด้านกระด้างเพราะการจับคอร์ดเครื่องดนตรีนับครั้งไม่ถ้วน

          “ทำไมพี่ถึงมาเป็นนักแต่งเพลงได้อะ ผมถามได้ไหม”

          เขาดึงมือกลับไปล้วงในกระเป๋ากางเกง แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ผมเห็นด้วยกับพี่ลมขึ้นมาแล้วว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่นอกจากความสามารถล้นเหลือแล้วยังหน้าตาดีใช่เล่น อาจจะไม่หล่อจนสาวเหลียวแต่ก็ดูมีอะไรบางอย่างที่น่าค้นหา ท่าทางหลบตา เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแต่ยังอมยิ้มนั่นเพราะกำลังเขินอีกแหงๆ

          “เขินอะไรเล่า แค่ถามเอง”

          “เออ มันก็น่าอายหน่อยๆ”

          “งั้นผมเปลี่ยนคำถาม ถ้าไม่เป็นนักแต่งเพลง ตอนนี้พี่จะทำอะไร”

          เขาเป็นศิลปินที่แทบไม่ค่อยมีข่าวเลย ไม่มีบทสัมภาษณ์หรือออกรายการอะไรทั้งนั้น แต่แฟนคลับที่ติดตามก็เหนียวแน่น นั่นเพราะผลงานที่อีกฝ่ายตั้งใจทำมันส่งมาถึงผู้รับสารได้ชัดเจน

          “คงเป็นสถาปนิกมั้ง”

          “พี่จบถาปัตย์เหรอ โคตรเท่เลย”

          “มีไอดอล เคยฟังเพลงของ Art Garfunkel ไหม”

          “ไม่ครับ”

          พี่ทิเงยหน้าขึ้นฟ้า ทำท่าคิดเล็กน้อย “นักร้องวงSimon & Garfunkel ชนะรางวัลแกรมมี่ถึง 6 ครั้งเลยนะ จบสถาปัตย์ โคลัมเบีย อืม...นี่”

          เขายื่นหูฟังข้างหนึ่งมาให้ ผมทักตั้งแต่ก่อนออกมาแล้วว่าออกมาวิ่งทำไมไม่ใช้หูฟังบลูทูธ แต่พี่ทิว่าทำหายบ่อยเลยตัดปัญหา อีกอย่างเจ้าหูฟังเสียบแจ๊กตัวนี้ก็อยู่กับเขามานาน ทั้งเสียงดีทั้งอดทนจนต้องยกให้เป็นลูกรักอันดับหนึ่ง เมื่อผมยัดมันเข้าไปในหูข้างหนึ่ง โดยที่อีกข้างพี่ทิเสียบไว้ก็เลยกลายเป็นเราสองคนถูกผูกโยงกันด้วยสายสีขาวๆ เล็กๆ ของหูฟัง

          สวนสาธารณะช่วงเช้าไม่มีคนพลุกพล่าน การจราจรยังไม่แออัด แสงแดดอุ่นๆ เพิ่งทำงานเมื่อเพลง So long, Frank Lloyd Wright ขึ้นเลยดูโรแมนติกจนใจสั่น

          ใจสั่นกับพี่ทิน่ะนะ...

          อันที่จริงผมก็รู้สึกว่ามันแปลกนิดๆ กับอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะของตัวเอง แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าและดวงตาสกาวของอีกฝ่ายที่เต็มใจนำเสนอนักร้องที่เป็นดั่งแสงนำทางให้ผมฟังมันก็สมเหตุสมผลอย่างหาข้อปฏิเสธไม่ได้

          พี่ทิที่ตั้งใจทำอะไร มีเสน่ห์เหมือนวันที่เห็นเขาเล่นกีตาร์เพลงที่เขียนเองในยูทูปคลิปแรก และทำให้ผมกด Subscribe เขาทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ถูกโปรโมตจากสปอนเซอร์ไหนๆ

          วันนี้เมื่อเขาอยู่ตรงหน้าผมแล้วจะผิดอะไรถ้าความรู้สึกมันจะเข้มข้นกว่าปกติ

          “เพลงนี้ศิลปินได้แรงบันดาลใจมาจากตอนเรียนถาปัตย์”

          “อะ...อะไรนะครับ”

          “เพราะไหม”

          เวรละ...ลืมฟังเลย ผมเอามือข้างหนึ่งจับหูฟังไว้ ไม่ก้าวเดินต่อ ก้มลงมองปลายเท้าที่หันหน้าเข้าหากัน นี่มันฉากโรแมนติกในหนังชัดๆ บ้าเอ๊ย ไม่มีสมาธิฟังเพลงเลย หัวคิดแต่ว่าตอนนี้ผมอยู่ใกล้เขาจนถ้ายืดแขนออกไปคงโอบรอบเอวอีกฝ่ายได้พอดี

          “น้ำมนต์”

          “อะไรนะครับ”

          “ถามว่าเพลงเพราะไหม ชอบหรือเปล่า”

          “ชะ...ครับ”

          ผมหลบตา พูดอ้อแอ้เหมือนหาลิ้นตัวเองไม่เจอ ทำไมคำว่าชอบมันพูดยากขนาดนี้ สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบถอดหูฟังคืนเขา

          “จะเป็นลมหรือเปล่า”

          “ครับ?”

          “ทำท่าแปลกๆ”

          “อ้อ...อืม หน้ามืดหน่อยๆ แต่โอเค ผมโอเคแหละ”

          “เรียกแท็กซี่ดีกว่า”

          พี่ทิไม่รอฟังคำทัดทาน เขาโบกแท็กซี่ที่เปิดสัญญาณไฟว่าง เมื่อรถมาถึงก็บอกที่หมายโดยดันไหล่ผมให้เข้าไปนั่งก่อน แล้วเปลี่ยนมาเป็นจับข้อศอกไว้ นั่นทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกแล้ว

          “ถ้าไม่ไหวก็นอนตักได้นะ”

          ผมย่นจมูกแต่ไม่หันหน้าไปมอง แสร้งมองคำว่ากรุณาปิดเบาๆ ข้างประตูรถฝั่งตัวเอง ราวกับจะทำให้หัวใจเต้นเบาลงสักหน่อย ไอ้บ้าเอ๊ย มารู้สึกอะไรตอนนี้วะ

          “ง่วงไหม”

          “ไม่ครับ”

          “อยากฟังเรื่องเมื่อกี๊ต่อหรือเปล่า”

          “อะไรนะฮะ” ความจำผมผิดเพี้ยนไปกันใหญ่ เลิ่กลั่กจนจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันไว้ก่อนหน้า เพียงแค่เพราะการได้ใกล้ชิดพี่ทิในเวลาปกติดี พี่ทิในภาพจำของผมที่เป็นเหมือนเทพบุตรจุติลงตรงหน้า

          “ที่อยากเป็นนักเขียนเพลงไง”

          “อ๋อ ครับ เพราะนักร้องคนเมื่อกี๊ใช่ไหม”

          เขาพยักหน้าลงแล้วหัวเราะเบาๆ “ตอนสอบสัมภาษณ์อาจารย์ถามด้วยว่าทำไมอยากเรียนสถาปัตย์ ตอนนั้นตอบว่าอยากเป็นนักเขียนเพลงแทบโดนไล่ออกมาจากห้อง”

          “ก็สมควร คำตอบโคตรน่าโดนปรับตก”

          แต่ผมเข้าใจนะ การมีไอดอลเป็นดั่งธงชัย เป็นเสาหลัก เหมือนทีผมอยากเล่นดนตรีเป็นเพราะพี่ทินั่นแหละ

          “พอขึ้นปีสามที่คณะจะทำละครเวที หาคนเขียนเพลงก็เลยได้โอกาสพอดี”

          “แต่ก่อนหน้านั้นพี่ก็มีช่องยูทูปของตัวเองแล้วนี่ ผมย้อนกลับไปดูคลิปแรกของพี่ด้วยนะ ตอนนั้นยังเป็นเด็กหัวเกรียนอยู่เลย”

          “อือ ก็เขียนแบบผิดๆ ถูกๆ เพิ่งมารู้หลักของมันตอนปีสาม เขียนไปด้วยสัญชาตญาณเพราะฟังมาจากแม่เยอะ ดีที่แม่เคยเป็นนักร้องนั่นแหละเวลาที่ส่งเพลงให้ค่ายพิจารณาก็ได้แต้มต่อหน่อยนึงตรงที่เขาจะหยิบไปคัดก่อนคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากเขียนเพราะอยากเขียน อยากให้คนได้ฟัง ไม่เคยคิดว่าจะต้องดัง เลยไม่ได้ใช้เส้นสายของแม่มาก”

          เมื่อพูดถึงอดีตตาพี่ทิก็เป็นประกายหวาน ผมรู้สึกได้ว่าเขารักตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมาจริงๆ

          “แล้วงี้พี่เป็นนักเขียนเพลงประจำค่ายตั้งแต่เมื่อไหร่”

          ช่างเป็นช่วงเวลาที่เรือนลางเหลือเกิน ระหว่างที่เขาหายจากโลกอินเตอร์เน็ตและไปโผล่บนแพลตฟอร์มอื่น ขณะเดียวกันช่วงคลิปก่อนๆ หน้านั้นก็มีหลายต่อหลายเพลงที่เขาเล่นแล้วค่อยนำมาดัดแปลงให้นักร้องคนอื่นเอาไปเป็นผลงานเพลงของตัวเองภายหลัง

          “ก็หลังจากเจนเซ็นสัญญาได้สักพัก”

          ผมเริ่มเข้าใจ แปลว่าผู้หญิงคนนั้นที่อยู่กับพี่ทิตั้งแต่ยังเป็นดาบในฝัก ไม่คมกริบ วับวาวพร้อมประหัตถ์ประหารคนทั่วไป แต่จู่ๆ ผมก็เกิดข้อสงสัย

          “พี่จีบคุณเจนยังไงอะ”

          ขี้อายขนาดนี้

          “อืม...พูดยาก ก็ทำงานด้วยกัน…” พี่ทิเว้นจังหวะเพื่อระบายยิ้มเศร้า รถเลี้ยวเข้าคอนโดปลายทาง อาการร้อนผ่าวยุบยิบบนใบหน้าดีขึ้น เขาลงจากรถก่อนแล้วยื่นมือมาให้จับ ผมแสร้งหาเหรียญให้แท็กซี่แล้วขยับตัวออกมาจากอีกฝั่งของประตูที่ยังปิดอยู่

          ถึงผู้หญิงคนนั้นจะอยู่กับพี่ทิมาตั้งแต่ก่อนดังก็เถอะ แต่ก็เป็นคนทำลายเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง

          พูดด้วยรอยยิ้มเศร้าแบบนั้น ผมเห็นแล้วก็อดเจ็บใจไม่ได้

          ผมน่ะ...เป็นแฟนคลับที่ภักดีกับเขามาตลอด แต่เขายอมให้คนที่นอกใจทำลายตัวเอง แล้วยังจะกล้ายิ้มเศร้าจนถึงตอนนี้

          “ที่หน้ามืดเมื่อกี๊ดีขึ้นแล้วเหรอ”

          ผมพรูลมหายใจยาว ตอบเขากระชับ

          “ครับ”

          จากนั้นก็เม้มปากเข้าหากัน รอจนรถแล่นออกจากลาน เผยให้เห็นพื้นที่คนละฟากของประตูซ้ายและขวาขนาดกว้าง แต่ที่กว้างและว่างเปล่ากว่านั้นคือหลุมดำที่ปรากฏในใจ

          ผมยังคงไม่ก้าวเท้าเข้าหาเขา รู้สึกหงุดหงิดจนไม่อยากมองหน้า ไม่อยากสบตา ไม่อยากเห็นร่องรอยของเศษซากความโศกที่คงค้างบนใบหน้า หรือแม้กระทั่งในความทรงจำ

          ที่ไม่พอใจกว่านั้นคือผมจะไปหงุดหงิดเขาทำไม

          “น้ำมนต์” ชายหนุ่มเรียกเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ในท้ายที่สุดก็เงียบเสียงลง ผมเร่งก้าวเท้าผ่านหน้าเขาไปยังลิฟต์ แสกนบัตรให้ตัวเลขชั้นปรากฏขึ้นบนจอแสดงผล เจ้าของห้องเป็นฝ่ายก้าวตามมา วางมือลงบนหัวผมแล้วจับโยก

          “เป็นอะไรหรือเปล่า”

          พี่อย่ารู้เลย มันเรื่องงี่เง่า แต่พอนึกถึงวันแรกที่เจอกันมันก็สมเหตุสมผลที่จะโกรธเขาที่เอาตัวเองไปผูกกับผู้หญิงแบบนั้นไม่ใช่หรือไง

          ผมไม่รู้จักคนที่ชื่อเจน ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน แต่สำหรับผมผู้หญิงคนนั้นคือปฏิปักษ์ และผมก็ไม่ชอบมากๆ ที่พี่ทิยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ให้เห็น

          แต่นั่นมันก็พื้นที่ของตัวเองไม่ได้มีก้าวล่วงไปส่วนนั้น ผมไม่มีสิทธิ์ห้ามเขาไม่ให้เสียดายวันเวลาที่เสียไปหรือหยุดแสดงท่าทางว่าเสียใจสักที

          เพราะแบบนั้น... เพราะผมรู้ขอบเขตของตัวเองเลยเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ

         

          ลิฟต์โดยสารพาเรามาพร้อมมวลความกดดันบางอย่างที่อัดแน่นตั้งแต่ลงรถมาจนถึงหน้าประตู ผมยังคงเป็นฝ่ายเดินนำมาโดยเจ้าของสถานที่เดินอาดๆ ตามหลัง ปกติแล้วหลังออกกำลังกายพี่ทิจะอาบน้ำก่อน ส่วนผมเตรียมอาหารเช้า พอเขาออกมาทุกอย่างก็วางพร้อมบนโต๊ะ พี่ทิเดินไปเปิดเพลงจากแผ่นเสียงและแนะนำที่มาของเพลงแต่ละแผ่นราวเด็กที่อยากอวดของเล่นใหม่ หลังมื้ออาหารผมไปอาบน้ำและพี่ทิจัดการล้างจานชามให้ เป็นอย่างนั้นมาหลายวัน และผมคิดว่าแฟร์ดีสำหรับคนอยู่ร่วมกัน อย่างน้อยก็แฟร์มากกว่าอยู่กับไอ้นิวที่เอาแต่นอนอืดไม่ทำอะไร

          แต่วันนี้พี่ทิไม่ตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ไม่ทำตัวเหมือนในทุกวัน เขาเดินตามผมเข้ามาในครัว หยิบแก้วมากดน้ำดื่มจากตู้เย็นแล้วกอดอก จ้องมองผมทุกจังหวะการขยับไหว ผมหยิบไข่ไก่สดมาทำไข่ดาวน้ำ เปิดน้ำใส่หม้อเตรียมลวกแฮมและผัก แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงสายตาที่ประกบติดเหมือนแมวจับหนู

          แต่ทนได้ไม่นาน ผมก็หันมาถามคนที่เอาแต่ยืนจ้องอยู

          “ไม่ไปอาบน้ำเหรอครับ”

          ถูกต้องครับ พี่ทิเป็นนักกดดันมือวางอันดับหนึ่ง สามารถสร้างบรรยากาศให้ผมทนไม่ไหวได้โดยไม่ต้องพูดอะไร เล่นงานผมง่ายกว่าความคิดเด็กๆ สารพันที่ยกมาจัดการก่อนหน้านี้เพราะตอนนี้ผมรู้สึก...

          รู้สึกอ่อนไหวไปกับความเป็นเขาทีละนิดอย่างไม่ทันตั้งตัว

          ชายหนุ่มวางแก้วน้ำลงในซิงค์แทนคำตอบ เขาเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ผมต้องก้าวถอยอัตโนมัติ เราจ้องกันเหมือนเล่นเกมว่าใครกะพริบตาก่อนแพ้ และเมื่อเขาจับที่หัวไหล่ผมก็สะดุ้งโหยง

          “ทำไม”

          “อะ...อะไรทำไม?”

          “โดนตัวไม่ได้รึไง”

          “จู่ๆ พี่มาจับผมทำไมเล่า”

          ไม่จับเปล่า ยังโน้มตัวลงมาอีกด้วย ทำอย่างกับจะจูบกันอย่างนั้นแหละ

          อะ...อะไรนะ...จูบ จูบ!! จูบงั้นเหรอ!!!!

          ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง อีกข้างที่ถือมีดหั่นขนมปังอยู่ก็ยกมาขู่คั่นกลางระหว่างพื้นที่ว่างของเราสองคน

          “อย่าเล่นมีด”

          เขาจับมือผม แล้วดึงาวุธออกไปง่ายดาย ผมได้โอกาสเอามืออีกข้างมาปิดตาตัวเอง ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาจะไม่มีโอกาสเห็นหน้าร้อนๆ ของผมอีกแล้ว ไม่มีทาง จะยอมให้เห็นว่าพ่ายแพ้ยับเยินอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด นี่มันจะประหลาดเกินไปแล้ว

          “เพี้ยน”

          เขาสบถในลำคอ ผมรู้สึกถึงอุณหภูมิของอีกฝ่ายที่อุ่นร้อนกว่าอากาศทั่วไปในระยะใกล้ จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งมีเสียงขูดครากของเก้าอี้ก็เลยค่อยๆ เปิดตามองลอดผ่านนิ้วมือ พี่ทินั่งเรียบร้อยพร้อมกับจานไข่ดาวน้ำที่วางอยู่ด้านหลังผมเมื่อครู่

          “ตกใจหมดเลย”

          “อะไร”

          “ถ้าหิวก็บอกกันดีๆ ก็ได้ เดินเข้ามาแบบนั้นนึกว่าจะโดนจูบซะแล้ว”

          พี่ทิไอโขลกเหมือนไข่แดงติดคอ ก่อนดื่มน้ำเปล่าตามไปอึกใหญ่ “ไอ้เด็กบ้า!”

          “โทษผมไม่ได้นะ พี่เล่นเดินมาดุ่มๆ แบบนั้นน่ะ ใครจะไปรู้ว่าคิดอะไร ขนาดพี่ลมยังแอ๊วผมลงเลย”

          “ใครใช้ให้ทำหน้าบูดใส่ก่อนล่ะ แล้วอย่าเอาพี่ลมไปเทียบกับใครได้ไหม ไอ้นั่นมันปีศาจ”

          ผมเห็นด้วยหรอกนะ แต่ว่าสมัยนี้แล้วอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่หรือไง

          “นี่ ถ้าพี่คิดอะไรกับผมพี่ต้องรีบบอกผมเลยนะ ผมจะได้ช่วยพี่ตัดใจ ผมน่ะ ดีเกินไปสำหรับคนแบบพี่ รู้ใช่ไหม”

          พี่ทิสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มใหม่ หูจมูกแดงไปหมด

          “คนที่คิดเรื่องจูบมันนายไม่ใช่หรือไง” เรื่องนั้นมันก็ใช่ “ถ้าจะมีคนคิดไม่ซื่อก่อนน่ะ ถามตัวเองเถอะ”

          “โห มั่นหน้า”

          “ทำไม? ฉันไม่ดีตรงไหน รวย เล่นดนตรีเป็น มีชื่อเสียง หน้าตาก็ใช้ได้”

          “กระจอก โดนสาวทิ้งละอกหักเหมียนหมา”

          “ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย แค่เครียดที่เขียนงานไม่ได้”

          “นั่นแหละ เสียศูนย์ ไปไม่เป็นเลยค้าบ” ผมหยิบแฮมกับไส้กรอกลงลวกน้ำที่เดือดพอดี จากนั้นก็ตักใส่จานรวมกันมาให้เขาบนโต๊ะ บรรยากาศค่อยดีขึ้นมาหน่อย

          “นี่ แต่ว่าผมจะเริ่มมีสอบกลางภาคแล้วนะ เดี๋ยวต้องกลับไปอ่านหนังสือที่หอ แต่จะเข้ามาหาบ่อยๆ พี่ต้องออกกำลังกายทุกวันอย่างที่หมอบอกนะ บวมเบียร์จนพุงย้อยแล้วรู้ปะ”

          “อ่านที่นี่ก็ได้”

          “ต้องติวกับเพื่อนอะ”

          “โตเป็นควายยังอ่านคนเดียวไม่เป็นอีก”

          “แล้วทำไมต้องอ่านที่นี่ล่ะ ชีทก็อยู่หอ แบกไปแบกมาอีก สิ้นเปลืองพลังงาน”

          พี่ทิคอสเพลย์เป็นปลาทูแม่กลองทันที หน้างอคอหัก แหม ขาดเบ๊รับใช้ไปไม่กี่วัน ทำอย่างกับเมื่อก่อนเจนดูแลเขาดีอย่างนั้นแหละ

          “แล้วอย่ากินเหล้าล่ะ”

          “สั่งเป็นแม่”

          “แม่พี่ตายแล้ว”

          ทิวากรวางช้อน ชูนิ้วกลางให้ผมทั้งสองข้าง ขอบคุณสำหรับฟีดแบคครับ

          “ผมพูดจริงนะ รู้ใช่ป่าว”

          ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขากินมื้อเช้าเงียบๆ ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเรื่องคุย มีเพียงการขูดครากกระทบกันของส้อมมีดและจานเซรามิคดังเป็นพักๆ ผมอนุมานเอาว่านั่นคือประโยคตอบรับในแบบของเขาก็แล้วกัน





tbc



งานนี้มีคนคิดไม่ซื่อแล้วค้าบ พี่น้องค้าบ โหยย เป็น10ตอนที่พระเอกกับนายเอกของเรายังไมไ่ด้โดนตัวกันเลยอะ ถือศีลกินเจสุดๆ นิยายคุณธรรมอวอร์ดต้องมา

ขอโทษที่มาลงช้าไปหน่อยค่ะ เมื่อวานปวดหลัง เป็นเดี้ยง สงสัยสันหลังจะยืดงอกยาวกว่าเดิม

ขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นต์เด้อ ปีใหม่นี้ใครจะแลกส.ค.ส.กับเราอย่าลืมไปกรอกข้อมูลลิงก์ในเพจนะครัช

เมอรี่คริสต์มาสนะก๊ะ <3
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-12-2019 14:22:38
ที่คิดไม่ซื้อน่ะ น้ำมนต์หรือพี่ทิ กันแน่นะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-12-2019 14:41:53
หายปวดหลังไวๆ นะคะ

นั่นไง ออกอาการคนคิดไม่ซื่อกันแล้ว
และเหมือนพี่ทิจะมีมาก่อน แต่ไม่ชัดเจนมาก

แล้วคนที่เป็นมาก กลายเป็นคนที่มาทำหน้าที่ซะเอง
เคืองอะไรคนเก่าพี่เค้าหนักหนา มาลุยจีบพี่ทิเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 25-12-2019 14:56:27
งอนแล้วคร๊าบ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 25-12-2019 15:07:05
น้ำมนต์รู้ตัวเร็วแฮะ
พี่ทิยังไอโขลกตอนโดนน้ำมนต์บอกอยู่เลย
สองคนนี้อีกนานมั้ยกว่าจะรู้ตัว ฮืออออออ
อยากเห็นฉากหวานกันแล้ว 55555555  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 25-12-2019 15:32:20
555​ มีความมั่นหน้าสูง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 25-12-2019 18:53:21
ในที่สุดก็เผยโฉมคนที่หวั่นไหวก่อนออกมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-12-2019 18:55:08
ตายๆๆๆ น้ำมนต์รู้สึกก่อน
จะเครียดก่อนสอบไหมลูก

เรื่องนี้ 10 ตอนแค่พระนายไม่ถูกตัวกัน
แต่มีอยู่เรื่องนึง 20 กว่าตอนพระนายเพิ่งคุยกันไม่กี่คำเองค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 25-12-2019 20:22:53
น้ำมนต์น่ารักกกก.... พูดเก๊ง​ เก่ง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-12-2019 22:00:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-12-2019 22:06:10
หนุ่ม ๆ เลือดลมดีมันก็วูบไหวเป็นธรรมดา
อิพี่ขาดน้องไม่ได้แล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 25-12-2019 23:50:50
อ่าส น้ำมนต์เริ่มรู้สึกก่อนแล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: inkteuk ที่ 26-12-2019 03:57:31
จริงมาก รู้สึกอ่อนไหวไปกับตัวตนของพี่ทิทีละนิดแล้ว ฉันหวั่นไหว
นึกว่าพี่ทิคิดไม่ซื่อก่อนซะอีก หรือจริงๆก็คิดก่อน เอ๊ะ? เป็นน้ำมนต์ที่รู้สึกก่อน แง ไอ้ต้าว มีหงุดหงิดด้วย แต่พี่ทิก็เริ่มขาดน้องไม่ได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 26-12-2019 06:29:49
น่ารักมาก ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-12-2019 14:39:44
เริ่มแล้วสินะเริ่มรู้สึกแล้ว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: Rubyrain ที่ 27-12-2019 10:01:19
น้ำมนต์ เราน่ะคิดไปไหนแล้วครับบบบ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-12-2019 15:35:21
 :z1:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-12-2019 00:21:16
พี่ทิ ขี้งอล,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: kokilolylove ที่ 28-12-2019 01:20:54
ใครจะบอกชอบใครก่อน คือถ้าพี่ทิทำให้น้องน้ำมนต์บอกชอบก่อนได้คือเจ๋ง5555
สวัสดีปีใหม่นะคุณ WEST
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-12-2019 21:15:14
 น้องเริ่มหวั่นไหวไปก่อนแล้ว พี่ทิจะเริ่มรู้สึกตอนไหนนะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 10 คิดไม่ซื่อ (หน้า5|251219)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-01-2020 11:22:45
จูบซักทีสิพี่ทิ 555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 01-01-2020 12:37:08
11. ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด



     การเข้าบำบัดครั้งที่สี่ของสำหรับผู้ป่วยแอลกอฮอล์ลิซึ่มดำเนินการโดยญาติหรือคนสนิทเป็นแกนนำ

     กิจกรรมชวนผมนึกถึงการรับบายศรี สู่ขวัญ โดยเป็นการให้สัญญาจากผู้ป่วยถึงญาติว่าจะไม่กลับไปดื่มแอลกอฮอล์อีก โดยหน้าที่ต่อจากนี้ไม่ใช่แค่ตัวพี่ทิที่จะต้องพยายามหักห้ามใจ แต่ผมต้องเป็นฝ่ายประคับประคองไม่ให้เขาเผชิญหน้ากับความเครียดหรือปัจจัยเสี่ยงลำพัง เพราะนั่นอาจกระตุ้นพฤติกรรมเก่าๆ ให้กลับมาซ้ำอีกรอบ

     ที่สำคัญคือ...หากเขาพลั้งเผลอ หน่วยกำลังใจให้ลองพยายามใหม่ก็คือผม แค่ผมเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผมต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับโรงพยาบาลในวันนี้

     เราเสียเวลาในห้องทำกิจกรรมแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ขากลับต้องติดแหง็กในแท็กซี่ราวกับนานนับปี

     ผม พี่ทิ และลุงคนขับฟังเสียงดีเจคลื่นวิทยุรายงานข่าวดาราอย่างร้อนแรงราวกับแดดบนถนนในวันที่การจราจรติดแหง็ก ผู้โดยสารหันหน้าไปคนละทิศโดยเงี่ยหูฟังเรื่องของคนอื่นที่ดังมาจากลำโพง ใจของผมพะวักพะวนเกี่ยวกับเรื่องราวของทิวากร ผู้ชายอายุ25 ที่มีชื่อเสียง เงินทอง มีความสามารถหลากหลาย แต่กลับเป็นผมที่ต้องไปนั่งฟังเขาสัญญาว่าจะใช้ชีวิตให้ดีขึ้นเพื่อใครสักคน

     จริงๆ ไม่ควรเป็นผมเลยด้วยซ้ำ คนที่มาทำงานด้วยเงิน ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่ในวงโคจรของกันและกันด้วยใจ

     ความรู้สึกที่อบอวลเหมือนจุดไฟในห้องอับขมุกขมัว ชวนอึดอัด โชคดีที่ระยะทางจากโรงพยาบาลมายังคอนโดพี่ทิไม่ไกลกันนัก แม้จะใช้เวลานั่งรถเท่ากับเดินเท้าเราก็หลุดจากห้องโดยสารของแท็กซี่สีเขียวเหลืองคันนั้นเสียที

     “ไม่ต้องทอน”

     พี่ทิจ่ายเงินให้ลุงคนขับแล้วปิดรถ ผมก้าวขาตามเขาไป วันนั้นเหมือนเราถมเอาความประหม่าบางอย่างออกไปได้ แต่ไม่เจอกันสองวัน เหมือนระยะห่างระหว่างเรากลับเกิดขึ้นมาใหม่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน

     “ของสดที่ผมซื้อไว้ให้ยังไม่หมดเหรอครับ”

     ผมถามซ้ำหลังจากที่ชวนเขาไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารแต่เจ้าของห้องปฏิเสธ ผมไม่ชอบทำกับข้าว แต่ถ้าให้เทียบกับการออกไปหาอะไรกินในสภาพจราจรแบบนี้ทุกมื้อคงเป็นบ้า

     “ยัง ไม่ค่อยได้ทำ”
     
     “พี่ทำกับข้าวเป็นไหม”

     “เป็น เมนูง่ายๆ ก็พอทำได้ บางทีหิวดึกๆ ร้านปิดแล้ว เมื่อก่อนร้าน24ชั่วโมงมันไม่ได้เยอะเหมือนตอนนี้เสียหน่อย”

     ผมนึกขึ้นได้ว่าส่วนมากเขาจะเขียนเพลงในตอนกลางคืน งีบหลับช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนออกไปวิ่ง และตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็นมักจะใช้มันบนเตียง หรือโซฟาทั้งที่มือยังจับดินสอไว้บันทึกความคิดตัวเองอย่างนั้น ยังดีที่ไม่หลับคาเปียโนหรือกีตาร์ ไม่อย่างนั้นคงลำบากเจ้าเครื่องเล่นพวกนั้นเอาการ

     “พรุ่งนี้ผมเริ่มสอบแล้วนะ คงไม่ได้มาสักสัปดาห์ พี่อยู่ได้ใช่ป่าว เลิกเหล้าแล้วนี่”

     เขาไม่ตอบ มองเดินนำผมโดยใช้สองมือล้วงกระเป๋า อะไรกัน ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันทำไมถึงทำท่าปั้นปึ่งอย่างกับเป็นความผิดผมงั้นแหละ

     แต่จะว่าไป ก่อนผมกลับหอ เขาก็ยังโยเยให้ผมเอาหนังสือมาอ่านที่นี่ซ้ำๆ จนต้องแกล้งทำเป็นหูดับ เดินออกมาทั้งที่อีกฝ่ายตะโกนเรียกไว้ด้วยท่าทางฉุนเฉียวนี่นะ

     แต่โกรธกันด้วยเรื่องแบบนี้น่ะเหรอ ทีตัวเองอ้วกใส่คนอื่นยังไม่เคยขอโทษสักคำ

     “วันนี้อยากกินอะไรครับ หรือให้ผมสั่งของเข้ามา”

     “อยากกินเบียร์”

     ไอ้เวร

     “เพิ่งรับปากกับผมเมื่อกี๊ ตดยังไม่ทันหายเหม็นก็บอกว่าอยากกินเบียร์แล้ว ถ้ากลับไปกินที่ผ่านมาก็ไม่มีความหมายเลยนะครับ งดมาได้ตั้งสองสัปดาห์แล้วเชียว”

     “งั้นอยากกินอะไรก็สั่งมา”

     เขาพูดเสียงห้วน ยังคงไม่มองหน้า เว้นระยะห่างจากผมพอประมาณ กระทั่งถอดรองเท้าเราถึงอยู่ใกล้กันมากๆ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

     จะว่าไป เขาก็ดูโทรมลงนิดหน่อย ถึงไม่แย่เท่าวันแรกที่เจอแต่ก็แย่กว่าก่อนผมออกไปอย่างสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ผมมองแผ่นหลังกว้างห่างออกไปก่อนเขาจะไปเปิดเพลงเก่าจากแผ่นเสียแล้วกลับมานอนที่โซฟา ยกแขนสองข้างขึ้นหนุน ยืดขายาวออกไปเกินขนาดโซฟา ความยาวของตัวทำให้เสื้อยืดสีขาวที่สวมลอยเหนือระดับเอวเล็กน้อย ส่วนกางเกงเอวต่ำก็โชว์ให้เห็นผิวและกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายจนผมต้องเผลอหลบตา

     ใจเต้นอีกแล้วว่ะ สัญญาณไม่ค่อยดีแล้ว ขอร้องล่ะ อย่าเต้นเพราะว่าผมชอบเขามากกว่าการเป็นแฟนเพลงเลยครับพระเจ้า นั่นมันคงเป็นตลกร้ายเกินไปหน่อย

     “พี่จะนอนใช่ไหมงั้นผมทำอะไรให้กินทิ้งไว้นะ ตื่นมาก็มาอุ่นกินได้เลย”

     “จะไปไหน”

     “กลับไปอ่านหนังสือครับ”

     พี่ทิไม่รั้งผมแล้วเขาหยิบสมุดเล่มสีเทาสันห่วงของตัวเองมาเปิด ไม่สนใจการมีอยู่ของผมอีกต่อไป พอคิดดูแล้วว่าถ้าเขาเลิกดื่มและกลับมาทำงาน อยู่คนเดียวได้จริงๆ ผมก็คงไม่มีหน้าที่อะไร ที่กังวลว่าเขาช่างเป็นคนสันโดษจนน่าตกใจเอาเข้าจริงคงหาใครใหม่แทนที่เจนไม่ยาก วงการบันเทิงก็ได้เจอคนสวยๆ งามๆ จนเป็นกิจวัตรด้วยซ้ำไป

     นึกมาถึงเท่านี้ก็รู้สึกใจหาย เหมือนหมาที่หางลู่หูตก

     “เชี่ย!” หงอยได้ไม่ถึงนาที เดินผ่านเข้าประตูมาผมก็แหกปากลั่น วิ่งกลับมาที่ห้องโถงกลาง กระโดดข้ามโต๊ะเตี้ยไปนั่งบนพนักพิงโซฟาที่เจ้าของห้องนอนอยู่ ไอ้พี่ทิมันยังไม่สิ้นฤทธิ์ว่ะครับ มันเล่นผมอีกแล้ว

     “พี่ขังปีเตอร์ไว้ทำไม”

     “อะไร”

     “แมลงสาบในแก้วอะ”

     นอกจากผีก็ปีเตอร์นั่นแหละครับที่ทำเอาผมขนลุกชูชันได้ทุกเส้น เดินเข้าไปในครัวเมื่อครู่หางตาเหลือบไปเห็นแก้วใสที่โดดเด่นเป็นสง่าวางคว่ำอยู่ข้างอ่างล้างจาน สิ่งมีชีวิตในนั้นขนาดใหญ่กว่าหัวแม่มือ เกาะปีนอยู่ด้านริมเผยให้เห็นแง่งขาและหน้าท้องชัดแจ๋ว ผมเอื้อมมือลงไปทุบหลังพี่ทิดังปั้กแล้วสวดต่อ

     “ทำไมยังไม่เลิกกวนตีนผมอีก!”

     “ไม่ได้กวนตีน ให้ทำไงอะ”

     “ทำไงอะไรล่ะวะ เจอก็จับไปทิ้งดิ”

     “เอาแก้วออกเดี๋ยวมันก็บินหรอก”

     “แต่พี่ขังมันไว้อย่างนั้นไม่ได้โว้ย”

     “มาแล้วก็เอาไปทิ้งดิ”

     “ไม่” ผมส่ายหน้าหวือ ครั้นกลั้นใจกวาดๆ ส่งๆ หรือฉีดยาพ่นยังพอไหว แต่ให้ไปจับมันแม้จะมีแก้วใสกั้นอยู่เป็นสิ่งที่เกินกำลังผมไปแล้ว แค่คิดว่ามันไต่อยู่บนฝ่ามือก็อยากร้องไห้ แล้วตัวอย่างเป้ง ตอนห้องรกมากๆ ไม่เห็นมี แล้วนี่มาจากไหนวะ “พี่อะแหละเอาไปทิ้ง”

     “กลัว”

     อะไรนะ?!

     ผมมองหน้าพี่ทิเหมือนโดนผีหลอก เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนี้กลัวจริงหรือแกล้งกลัวให้ผมไปจับกันแน่ “ตัวพี่ออกจะใหญ่ แมลงสาบตัวแค่นั้นจะกลัวทำไม”

     “นายก็ตัวใหญ่กว่าแมลงสาบตั้งหลายเท่า วิ่งออกมาทำไม”

     “ผมไม่ชอบ”

     “ไม่ชอบเหมือนกัน”

     “แล้วปกติถ้าพี่เจอพี่ทำยังไงเล่า!”

     “แม่บ้าน”

     พี่ทิพูดพลางจ้องหน้าผม อย่าบอกเชียวว่านี่เป็นหน้าที่ผม ไม่มีทาง! “ทำความสะอาดห้องได้ทำไมจับแมลงสาบไม่ได้”

     “มันไม่เหมือนกัน!”

     “แล้วจะให้ทำไง ถ้าเก็บเองได้จะรอให้มาเหรอ” ประสาทจะแดกตอนนี้นี่ล่ะ พี่ทิไม่พูดเปล่า หดขาขึ้นโซฟาไปด้วย “ไม่ได้ทำกับข้าวกินเองเพราะมีแมลงสาบอยู่ในห้องนี่ล่ะ”

     โอเค ผมเชื่อแล้วว่าพี่ทิกลัวจริงๆ “แล้วพี่กินน้ำจากไหน ยังไงพี่ก็ต้องเข้าไปในครัว”

     “ซื้อใหม่” เขาชี้ไปทีลังข้างเปียโน ใช้เงินแก้ปัญหาเก่ง “ไม่เข้าไปเด็ดขาด”

     “แปลว่าผมต้องจับไปทิ้งเหรอ”

     เขาเงียบเป็นคำตอบ เห็นสายตาแข็งกร้าวมุ่งมั่นนั้นแล้วก็รู้ชะตากรรมชัดว่าพี่ทิไม่มีทาง ไม่ว่าจะโน้มน้าวยังไง แค่เห็นยังทำใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม่งเอ๊ย! ทำไงดีวะ ผมต้องร้องไห้แน่ๆ ถ้าต้องเข้าไปจัดการ แต่ปล่อยไว้อย่างนั้นก็ไม่รู้มันจะอยู่นานแค่ไหน เผลอๆ ส่งสัญญาณเรียกเพื่อนมาช่วยห้องพักหรูไม่กลายเป็นแหล่งกบดานแมลงสาบเลยหรือไง

     “โทรสั่งพิซซ่า”

     ผมมองหน้าพี่ทิ มันใช่เวลาคิดถึงเรื่องกินเหรอครับพี่!





     “ใครเป็นต้นคิด”

     เสียงทุ้มแหบห้าว หลังจากปฏิบัติการปราบเอเลี่ยนยึดห้องสิ้นสุดลง พี่ทิกัดพิซซ่าคำโตเข้าปาก นั่งขัดสมาธิบนพื้นพรมใกล้โต๊ะเตี้ยที่วางพิซซ่าสองถาดและเครื่องเคียงขนาดผู้ชายสามคนกินอิ่ม

     ผมฉีกซอส บีบใส่หน้าฮาวาเอี้ยน เอาสับปะรดที่พี่ทิเขี่ยทิ้งโปะลงทับ แล้วยกใส่จานเสิร์ฟให้พี่ลมถึงหน้าห้องน้ำหลังจากเขาโดนเรียกมากินพิซซ่าที่ห้องและจัดการแมลงสาบให้ในที่สุด

     “น้ำมนต์”

     ผมส่ายหน้าหวือ เจ้าของเสียงเลยหันไปยังเจ้าของห้องที่ทำท่าราวไม่ทุกข์ร้อน ผิดกับตอนที่เถียงกับผมคอเป็นเอ็นว่าใครจะเข้าไปเก็บแมลงสาบในห้องครัวราวกับเป็นคนละคน “ไอ้ทิ”

     “อะไร”

     “ถึงขั้นสั่งฮาวาเอี้ยนทั้งที่เกลียดสับปะรด” พี่ลมเมินพิซซ่าที่ผมยกไปให้ เดินตรงเข้าหาเจ้าของแผนการเอาเรื่อง “เพื่อมาเก็บแมลงสาบให้เนี่ยนะ”

     “เขาเรียก ใช้คนให้ถูกกับงาน เหมือนที่พี่ทำบ่อยๆ ไง”

     “งานกูไม่ใช่เก็บแมลงสาบโว้ย!”

     ผมเพิ่งเคยเห็นพี่ลมขึ้นเสียงตอนนี้ ภาพจำของผมคือเขาเป็นผู้ชายนิ่มๆ ยิ้มอุ่นๆ ตลอดเวลา นี่มันอะไรกันครับ “มึงนี่มันน่าบีบคอให้ตาย”

     ผมเห็นด้วยครับ can’ t agree more

     “แล้วน้ำมนต์ไม่ห้ามมันหรือไง เฮอะ ลงทุนนะพวกเอ็ง”

     “ผมก็กลัวนี่ครับ” งุบงิบอยู่ในลำคอ พอหดแขนห่อไหล่ปล่อยให้ลู่ลงพี่ลมก็ไม่บ่นซ้ำ นั่งลงบนโซฟาเอาขาข้างหนึ่งพาดไหล่พี่ทิ ก็ดูสนิทสนมกันดีนี่นา

     “มานี่เลย เราน่ะ” มือขาวตบลงบนที่นั่งข้างๆ ผมก้าวได้สองเท้าที่นั่งตรงนั้นก็ถูกอาร์ตติสท์หนุ่มแย่งไปเรียบร้อย “ไม่ได้เรียกมึง”

     “ห้องผม”

     “ไม่เป็นไร งั้นน้ำมนต์มานั่งตักพี่”

     “เมื่อย”

     เจ้าของห้องยังขยายอาณาบริเวณด้วยการเหยียดขาขึ้นวางบนตักพี่ลมอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ผมยืนมองสองคนเถียงกันเหมือนเด็กๆ แล้วก็วางตัวไม่ถูก เอาพิซซ่าวางที่โต๊ะเตี้ยตรงหน้าทั้งคู่แล้วหนีไปนั่งโซฟาใกล้ๆ กับเปียโนที่เปิดทิ้งไว้แทน

     พี่ลมกับพี่ทิยังทะเลาะกันเบาๆ อย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ผมไม่ได้ใส่ใจนักเพราะสายตาจับจ้องอยู่บนกระดาษฉีกที่วางอยู่บนเปียโนตัวนั้น จะเป็นเพลงแบบไหนกันนะ

     “พี่ทิ”

     ผมหันกลับมา ภาพที่เห็นคือชายอายุย่างสามสิบถูกเจ้าของห้องคร่อมไว้ พี่ทิกดแขนสองข้างของพี่ลมไว้เหนือหัว แต่พี่ลมก็เอาขาเกี่ยวเอวชายหนุ่มไว้เช่นกัน ตอบได้ยากว่าในสถานการณ์แบบนี้ใครกำลังได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

     “ไม่ใช่!”

     คนอยู่ด้านบนรีบปฏิเสธทั้งที่ผมยังไม่ได้ถาม เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่เอวถูกเหนี่ยวไว้ด้วยเรียวขาของคนอายุมากกว่า

     “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

     “เลิกเล่นซักทีน่ะ มันน่ารำคาญ”

     “ซื้อเหอะไอ้คำว่าน่ารำคาญอะ จ่ายเป็นจูบเลย”

     “พอแล้ว ปล่อยเสร็จธุระแล้วก็รีบกลับไปดิวะ”

     “นายโทรเรียกฉันให้มากินพิซซ่านะสหาย ยังไม่ได้กินสักคำจะให้กลับแล้วเหรอ ใจดำเกินไปมั้ง”

     “งั้นก็รีบๆ กินรีบๆ กลับไปเซ่”

     “คิดว่าฉันมาแค่นั้นหรือไง เพลงถึงไหนแล้ว”

     อ้อ ใช่ ผมกำลังจะถามเรื่องเพลงที่เขาเขียนในแผ่นกระดาษ มันเป็นเนื้อหาของเพลงที่ไม่เหมือนกับที่ผมเห็นผ่านๆ เมื่อสองวันก่อน “เพลงใหม่เหรอครับ”

     พี่ทิลุกจากโซฟามาถึงผมด้วยความเร็วแสง คว้ากระดาษแผ่นนั้นหมับ ขยำซุกใส่กางเกง “อย่าหยิบของคนอื่นดูทั้งที่ยังไม่ได้ขออนุญาตสิวะ”

     เหวอ โดนด่าเฉย

     “ถ้าสำคัญทำไมไม่เก็บดีๆ ล่ะครับ วางตรงนี้นึกว่าเศษขยะด้วยซ้ำไป”

     “ขยะก็อยู่ในถังไงเล่า”

     พี่ทิฟาดงวงฟาดงากับทุกสิ่ง ตั้งแต่พี่ลมมาจากปั้นปึ่งใส่ผมดูเหมือนเขาจะปรวนแปรเป็นหงุดหงิดง่าย คล้ายกับช่วงแรกๆ เจอกันไม่มีผิด “มีความลับเหรอไอ้ทิ ไหนเอามาดู”

     “ยังไม่เสร็จ”

     “เอามาดูก่อน”

     “เสร็จไปสามเพลงแล้ว เดี๋ยวเล่นให้ฟัง”

     “หรือว่าอินเลิฟครับ” ผมถามขึ้นแทรกบทสนทนาของทั้งคู่ แต่เนื้อหาเพลงตอนที่แม่เสียก็เป็นเพลงรักเหมือนกัน วางใจไม่ได้เลย

     “ถ้าอินเลิฟก็ต้องกับน้ำมนต์แล้วนะ ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปไหนเลยไม่ใช่เหรอ จะไปเจอใครได้”

     “อ๋อ คิดถึงแฟนแหง” ผมจำได้ไม่ทุกถ้อยคำสำนวน กระนั้นก็พอจับใจความได้ “มีคำว่าอยากให้อยู่ด้วยกัน”

     เสียงห่วงดึงฝากระป๋องอะลูมิเนียมตกลงบนพื้นแกรนิตมันวาววับ เขย่าดูในถังไม่เห็นว่ามีกระป๋องอะไร หรือว่าตอนที่เก็บห้องครั้งที่แล้วผมดึงหูกระป๋องแล้วทำหล่นไว้นะ รอบนั้นสะสมไว้เกือบได้เต็มโหลเลย เอาไปบริจาคคนพิการต้องขอบคุณในความลำยองของพี่ทิแน่ๆ ว่าแล้วก็แวะเอาที่หล่นไปหย่อนใส่โหลแก้วที่ตั้งไว้เป็นอนุสรณ์ความเมา แล้วก็หันกลับไปที่ประตูห้องอีกครั้ง

     “กลับไปได้แล้ว ไหนว่าจะอ่านหนังสือ”

     ผมเบะปาก แค่นี้ทำเป็นหวง

     “สุดท้ายผมก็ได้ฟังอยู่ดี”

     “ไม่ใช่ตอนนี้”

     “โอเคครับ ตามสะดวกท่านเลย ผมกลับไปอ่านหนังสือล่ะ เจอกันหลังสอบฮะ”

     ผมค่อยๆ ขยับตัวอืดอาดเหมือนคนหมดแรง นึกว่าจะได้อยู่ฟังพี่ทิร้องเพลงสักหน่อย

     “เดี๋ยว”

     นั่นไงล่ะ สุดท้ายก็อยากฟังคำวิจารณ์จากติ่งนัมเบอร์วันอยู่ดี ผมชะงักขา เอี้ยวตัวกลับไปตามเสียงที่รั้งไว้ “เอาขยะไปทิ้งด้วย เดี๋ยวแมลงสาบมาอีก”

     ไอ้คนใจหมา! ตัวอย่างกับยักษ์ กลัวแค่แมลง เหอะ ผมเดินลงน้ำหนักที่ส้นเท้าปึงปัง พี่ลมหัวเราะคิกคัก ที่ต้องทำตามคำสั่งแบบนี้ก็เพราะพี่ไม่ใช่เหรอวะ ยังหัวเราะอยู่ได้!

     กริ๊ง

     เสียงห่วงดึงฝากระป๋องอะลูมิเนียมตกลงบนพื้นแกรนิตมันวาววับ เขย่าดูในถังไม่เห็นว่ามีกระป๋องอะไร หรือว่าตอนที่เก็บห้องครั้งที่แล้วผมดึงหูกระป๋องแล้วทำหล่นไว้นะ รอบนั้นสะสมไว้เกือบได้เต็มโหลเลย เอาไปบริจาคคนพิการต้องขอบคุณในความลำยองของพี่ทิแน่ๆ ว่าแล้วก็แวะเอาที่หล่นไปหย่อนใส่โหลแก้วที่ตั้งไว้เป็นอนุสรณ์ความเมา แล้วก็หันกลับไปที่ประตูห้องอีกครั้ง

     คราวนี้ไม่มีเรียกรั้งไว้เลยครับ แต่ก็ดี อย่างน้อยจะได้ไม่เสียเวลาเถียงกันยืดเยื้อเรื่องที่ผมจะไม่อยู่กับเขาไปสักพัก

     แต่ว่า มันก็อดรู้สึกหวิวๆ ในใจไม่ได้เหมือนกัน

     ถ้าวันหนึ่งไม่ต้องมีผมตรงนี้แล้ว...คงเหงาน่าดู



     เสียงสัญญาณรถไฟฟ้ากำลังจะปิดประตูดัง ผมยืนรอขบวนถัดไป ไม่เร่งรีบ อันที่จริงก็อ่านหนังสือทันที่สอบแล้วเพราะก่อนหน้านี้เร่งมือและจริงจังมาก นัดพบหมอครั้งนี้ผมก็บอกไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เลยเคลียร์เรื่องของตัวเองให้ตารางเวลาโล่งไวไว เผื่อว่าต้องมาดูแลพี่ทิอีกจะได้ไม่ต้องพะวง แต่เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือแล้วก็ไม่เป็นไร

     โทรศัพท์สายเข้า เป็นเบอร์ของแม่ ผมกดรับและกรอกเสียงไปตามสาย รถไฟฟ้าขบวนใหม่เดินทางมาถึงชานชาลาในระยะเวลาไม่ถึง15 นาที แต่เสียงปลายสายกลับไม่ใช่แม่ แต่เป็นเจ้าหลานสาวตัวดีที่ติดผมเป็นตังเม ช่วงนี้เริ่มโตแล้ว แต่ก็ยังชอบอ้อนให้ผมตามใจเหมือนเด็กๆ

     “น้ามนต์จะกลับบ้านเมื่อไหร่ นะโมอยากเล่นกีตาร์ ขอยืมหน่อย”

     “เฮ้ย เอาจริงเหรอ”

     ผมถามกลั้วหัวเราะ เด็กสิบขวบมันหัดเล่นดนตรีแล้วเว้ย เร็วกว่าผมตั้งหลายปี “จริง จำพี่แพนได้ไหม ที่อยู่ข้างบ้าน”

     “จำได้ ขึ้นมัธยมก็ย้ายบ้านไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

     “ใช่ ย้ายกลับมาแล้ว”

     “อะไร ยังไม่ถึงเทอมเลย”

     เด็กผู้หญิงที่เป็นลูกตำรวจ นิสัยห้าวเป้งอย่างกับทอม หลังจากผมเข้ามาเรียนในกรุงเทพหลานของผมก็ไปเกาะเขาแจ ซึมซับพฤติกรรมโผงผางกลับมาด้วย เดี๋ยวนี้ไม่มีหางเสียงคะขาอีกแล้ว แต่ที่บ้านไม่เคร่งมารยาทครับ ขอแค่อย่าไปเป็นเด็กเวรใส่ใครเป็นพอ

     “พ่อกับแม่พี่แพนไม่อยู่ด้วยกันแล้ว ป้าแอ๋วเลยพาพี่แพนกลับมาอยู่ที่นี่ พี่แพนบอกว่าไปเรียนกีตาร์มา นะโมเห็นแล้วอยากเล่นบ้าง แต่พี่แพนบอกว่าต้องมีกีตาร์ก่อนจะช่วยสอน”

     “แล้วทำไมต้องไปเรียนกับเขาล่ะ เรียนกับน้าก็ได้”

     “น้ากลับมาแป๊บๆ ก็ไปกรุงเทพแล้ว ทิ้งตลอด”

     “ไม่ได้ทิ้ง แล้วปิดเทอมนี้ไม่มาเที่ยวกรุงเทพเหรอ”

     “น้ามนต์ว่างพาไปเที่ยวป่าว ยายบอกว่าน้ามนต์ทำงาน”

     ผมเบียดตัวเองขึ้นไปบนขบวนรถ พลางนึกว่าถ้านะโมได้พี่ทิเล่นกีตาร์ให้ดูสักครั้งคงตั้งใจเรียนดนตรีจริงจังแน่ๆ อายุสิบขวบแต่มีความฝันเป็นของตัวเองนี่มันแน่นอนสมกับเป็นหลานของผมจริงๆ

     “ว่างก็ได้ จะมาไหม เดี๋ยวพาไปเจอเซียน”

     “เซียนอะไรอะ”

     “เซียนกีตาร์”

     “เก่งกว่าน้ามนต์อีกเหรอ”

     ยัยเปี๊ยกเอ๊ย ฝีมือระดับน้าเอ็งน่ะเรียกว่ากาก

     “เก่งกว่านิดนึง” ผมทำฟอร์มตอบ “แต่หล่อน้อยกว่าแน่ๆ”

     “ได้ นะโมจะขอแม่กับยาย น้ามนต์มารับหน่อยนะ”

     “ถ้าตั้งใจอ่านหนังสือนะ” เด็กประถมนี่ดีชะมัด ปิดเทอมทีเกือบเดือน “เดี๋ยวน้าจะถามแม่ว่าตั้งใจอ่านหนังสือหรืองอแงอยากเล่นกีตาร์อย่างเดียว”

     “ถามได้เลยนะโมขยันอยู่แล้ว”

     “ตกลงพรรคพวก ไว้เจอกัน ขอคุยกับยายหน่อย”

     ไม่นานปลายสายก็เปลี่ยนคนรับ แม่หัวเราะนำมาเป็นอย่างแรก “ว่าไง ยัยตัวดีโทรไปอ้อนอะไร”

     “ปิดเทอมผมว่าจะพาหลานมาเที่ยวกรุงเทพนะครับ”

     “ไม่ยุ่งเหรอเรา ไหนว่ารับช่วยงานเพื่อน เรื่องสอบอีก”

     “ไม่ยุ่งเท่าไหร่หรอกแม่ เทอมนี้สบายๆ แล้ว เอามาอยู่ด้วยสักสัปดาห์เดี๋ยวส่งขึ้นรถตู้กลับ”

     ตั้งแต่พี่ทิหยุดดื่มก็ดีขึ้นเยอะอย่างกับเป็นคนละคน งานผมเบาลงเยอะเหมือนนั่งๆ นอนๆ รับเงินเดือนเลยก็ว่าได้

     “พี่เขาเลิกดื่มง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

     “โห กว่าจะพาไปเจอหมอได้ก็ไม่ง่ายนะ ผมน่ะ เหนื่อยจนแทบขาดใจ”

     “เหนื่อยก็พักบ้าง เงินไม่พอใช้หรือไง รับงานพิเศษตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่”

     “ไม่พอแล้วให้เพิ่มเหรอครับ”

     “ไม่ให้ จะสมน้ำหน้า”

     ไม่ต้องสืบล่ะว่าต่อปากต่อคำเก่งเหมือนใคร พานคิดไปถึงอีกคนที่เมื่อเหงาก็ไม่มีคนให้โทรหา ไม่มีใครคอยถามสารทุกข์สุกดิบ ไม่มีแม้กระทั่งคนออดอ้อนเอาใจ ก็ไม่แปลกหรอกถ้าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเหมือนหลักเสายึดโยงพี่ทิเอาไว้กับโลก เมื่อสูญสิ้นก็เลยร่วงโรย ไร้กำลัง แม้จะทำให้เจ็บปวดผิดหวัง ก็ยังทำคล้ายว่าไม่โกรธแค้นขุ่นเคือง

     เพลงนั้นที่ยังไม่ให้ผมอ่านยังไม่สมบูรณ์ ผมเผลอถอนหายใจส่งไปที่ปลายทาง ยังหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่หาย ต่อให้คราวนี้ข่มเก็บอารมณ์ไม่ให้แสดงผ่านสีหน้าก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รู้สึกอะไรที่เพลงในกระดาษยังพร่ำเพ้อรำพัน

     ผมมีสิทธิ์อะไรไปขุ่นเคือง ในเมื่อเจ้าตัวเขายังปรารถนาให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมด้วยซ้ำ

     “เป็นอะไรหรือเปล่าน้ำมนต์”

     “พี่เขายังคิดถึงแฟนเก่าอยู่เลยแม่”

     “ก็ธรรมดา เงินหายยังเสียดายเลย ประสาอะไรกับคนทั้งคน”

     “แต่คนนั้นทำร้ายพี่เขานะครับ”

     “มันก็มีช่วงเวลาที่ดีต่อกันนั่นแหละ คนคบหากันนะน้ำมนต์ มันมีทั้งเรื่องดีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นทั้งนั้น เขาก็คงเสียดายเรื่องดีๆ ที่มีด้วยกันมาล่ะมั้ง ให้เวลาเขาหน่อยนะลูก”

     “ผมหงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้” เผลอขมวดคิ้วเข้ากัน “หงุดหงิดทุกครั้งที่พี่ทิคิดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย”

     “ฟังเสียงก็เดาได้”

     ผมกับแม่คงเป็นคู่แม่และลูกชายที่สนิทกันที่สุดในรุ่นแล้ว เพื่อนๆ วัยเดียวกันยังแซวว่าผมเป็นลูกแหง่ไม่ยอมห่างแม่ ห่างที่หมายถึงการมีโลกอีกใบเป็นของตัวเองอย่างที่วัยรุ่นชายมักเป็นกัน

     “หงุดหงิดจนเหมือนไม่ใช่น้ำมนต์เลยนะ”

     จริงอย่างแม่ว่า น้อยครั้งนักที่ผมจะเก็บเรื่องราวที่ทำให้อารมณ์เสียมาสะสมไม่ยอมปล่อยผ่าน แต่ว่าเรื่องนี้แม้พยายามปล่อยแค่ไหน ผมก็ไม่ชอบใจอยู่ดี

     “ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไม”

     “ถ้าเป็นพี่ผู้หญิง เขาเรียกว่าหึงล่ะมั้ง”

     “ไม่ใช่สักหน่อย!” ผมเผลอเสียงดังในที่สาธารณะ สายตาคนรอบข้างจับจ้องราวกับประณาม แค่ตกใจที่แม่แซวอย่างนี้เท่านั้นเอง “เขาเป็นผู้ชาย”

     “รู้แล้วจ้ะ”

     “เขาไม่ได้คิดอะไรกับผมด้วย”

     ปลายสายหัวเราะแผ่ว ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน นึกถึงเรื่องคราวก่อนหน้านั้นที่เขาเดินก้าวเข้ามาทำเหมือน...จะจูบ

     “เขาไม่ได้จะจูบผมนะแม่ พี่ทิยังบอกผมเลยว่าผม...ผมน่ะ อาจจะชอบเขาก่อน”

     คราวนี้ปลายสายไม่หัวเราะแล้ว แม่คงตั้งใจฟังมากขึ้น แต่ผมกลับ...รู้สึกบางอย่างแปลกๆ กับตัวเอง เหมือนกับสิ่งที่พูดออกไปไม่ได้บอกให้ใครเชื่อ แต่กำลังสั่งตัวเองว่าหยุดความคิดอย่างนั้นเสียที

     “ใจเย็นๆ นะน้ำมนต์”

     “ผมใจเย็นครับ แค่หงุดหงิด ไม่ชอบให้พี่ทิคิดถึงแฟนเก่า”

     โฆษณาบนรถไฟฟ้าฉายภาพของหญิงสาวในบทสนทนากำลังหัวเราะร่า ดื่มน้ำอัดลมที่เป็นสปอนเซอร์แล้วทำตาลุกวาว ยิ่งเห็นท่าทางมีความสุขแบบนั้นยิ่งเจ็บใจ ผมไม่เคยสังเกตด้วยซ้ำว่าในโฆษณาบนบีทีเอสเป็นเจน กระทั่งตอนนี้

     ใจร้ายชะมัด ทำไมถึงยิ้มได้สดใสขนาดนั้น ทั้งที่ลงมือทำร้ายคนที่รักไว้เบื้องหลังอย่างเลือดเย็น

     พี่ทิเกือบเขียนเพลงไม่ได้ เป็นผู้ป่วยแอลกอฮอลลิซึม เกือบผิดสัญญาจนเสียค่าปรับหลักล้าน เกือบสูญสิ้นทุกอย่างทั้งที่เขารักผู้หญิงคนนั้นมากแท้ๆ

     ชีวิตเขาไม่มีใครนอกจากหญิงสาวในจอที่ดึงเขาออกมากลางสปอตไลต์แต่เธอก็ปล่อยเขาไว้ตรงนั้น

     เขา...

     เขาเกือบจะเชื่อว่ารักที่ดีไม่มีอยู่จริง เขาเกือบจะมองโลกทั้งใบโหดร้ายขนาดนั้น

     เสียงประกาศของสถานีปลายทางดังขึ้น ผมยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ

     “น้ำมนต์” เสียงแม่เรียกให้ผมหลุดออกจากภวังค์

     บ้าฉิบ คิดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้ว

     “ผมวางสายก่อนนะครับ ต้องลงรถ”

     ตัดสายพลางตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆ ทำไมผมต้องร้องไห้ให้กับวิธีแก้ปัญหางี่เง่าแบบนั้นของพี่ทิด้วยวะ

     ....ทำไม...





TBC

แฮปปี้นิวเมียร์ นิวเยียร์ค่ะทุกคน ปีนี้เริ่มต้นด้วยวันพุธ ดีใจจังเลย (ดีใจทำไมมม) ขอบคุณที่ปีที่แล้วอยู่ด้วยกันมา สำหรับปีนี้ฝากเนื้อฝากตัวฝากหัวใจ ฝากหนุ่มๆ ไว้ดูแลอีกปีนะคะ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง เดินทางปลอดภัย และอยู่ท่ามกลางคนที่รักที่เข้าใจ เป็นปีที่ละมุนอุ่นนุ่มลิ้นของทุกคนค่ะ

รักมากๆ เลยคับ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 01-01-2020 13:56:41
ชอบพี่ลม


อยากได้555555


พี่ทิยกให้น้ำมนต์


แต่พี่ลมเราขอ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-01-2020 14:19:44
น้ำมนต์ชอบพี่ทิแล้วใช่ไหม?...โอพระเจ้าช่วยกล้วยทอด เป็นห่วง  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-01-2020 16:16:41
เอาละสิ งานนี้,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-01-2020 17:17:49
น้ำมนต์กลับไปดูแลพี่ทิเดี๋ยวนี้เลยนะ
ระวังพี่เขากลับไปดื่มอีก :ling1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-01-2020 21:00:45
เหมือนจะมีเรื่องยุ่งตามมา
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 01-01-2020 23:26:08
ต่างคนต่างหวง พี่ทิน่ะรู้ตัวเง แต่น้ำมนต์นี่สิ เดี๋ยวลืมฟ้าแล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-01-2020 23:33:03
น้ำมนต์ตกหลุมไปเรียบร้อย อาจจะพี่ทิด้วย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 01-01-2020 23:53:18
นี้ว่าแม่น้องน้ำมนต์รู้สึก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-01-2020 09:59:56
ติดใจการหยอกล้อของพี่ลมกับพี่ทิ
มันตงิดๆ ติดในความรู้สึก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 03-01-2020 14:34:47
 :o8: :o8: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2020 17:09:29
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-01-2020 23:48:58
โอ้ หนูน้ำมนต์ โดนอิพี่ทิทำเสน่ห์เข้าให้แล้ว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: kokilolylove ที่ 04-01-2020 00:25:40
จะรู้ใจตััวเองแล้วมั้งน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-01-2020 14:37:03
พี่ทิต้องการอะไร ไหนบอกมาสิ
หวงน้องนะ มองออก แต่ทำไมทำเหมือนไม่คิดอะไร
กลัวน้องไม่ชอบกลับหรอ หรือกลัวน้องหนีไป

เอ็นดูน้ำมนต์คนรักจริงมากเลยค่ะ
น้องรักแล้วแหละ อาการแบบนี้ น้ำตาร่วงไปอีก

สวัสดีปีใหม่จ้า ขอให้เป็นปีที่สดใส ได้ทำในสิ่งที่อยากทำนะคะ
ส่งกำลังใจ และเป็นแรงใจให้เสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 11 ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด (หน้า6|01012020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 08-01-2020 00:03:22
12  ฝัน





“แค่นี้ต้องร้องไห้เลยเหรอ”

“ไม่ได้ร้องเสียหน่อย”

“แล้วนี่อะไร”

มือของเขาแตะลงบนแก้มผมแผ่วเบา น้ำตาที่ติดปลายนิ้วไปเป็นหลักฐานของความอ่อนแอที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ผมหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าสบกับดวงตาสีนิลนั่นก่อนรู้สึกว่าเอวจะถูกโอบกอดไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงทั้งสอง

“น้ำตานาย...ทำให้ฉันรำคาญ”

เขาสวมเสื้อยืดสีพื้นสีเขียวขี้ม้า ไม่มีลวดลายโดดเด่นสะดุดตา ผมค่อยๆ ไล่ภาพจากด้านล่างขึ้นบนจนถึงลำคอ ปลายคางและริมฝีปาก

เจ้าของร่างค่อยๆ โน้มขยับเข้ามาช้าๆ ไม่ถึงนาทีนับจากนั้นก็จูบผมอย่างอ่อนโยน ยามเมื่อริมฝีปากแนบชิดในหัวผมเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหน ไม่ขัดขืนแต่กลับยินยอมโอนอ่อนตามที่ผู้เริ่มพาไป

ไม่ว่าข้างหน้าจะเป็นดินแดนแห่งความเจ็บปวดเหลือคณานับ หรือแตกดับสูญสลายผมก็ก้าวขาตามทิวากรราวกับกำลังเต้นรำ

“ถอดเสื้อผ้าออกสิ”

“หะ...หา!”



ปึก!!

อัก!

คิดอยู่แล้วว่าจะเจ็บ แต่ก็ไม่น่าเจ็บแบบนี้ ผมสะดุ้งตื่นจากความฝันทันที เมื่อรูมเมทที่นอนด้วยกันมากว่าสามปีฟาดแขนลงบนปากเต็มแรง นาฬิกานับชีพจรชีวิตตอนหลับของมันกระแทกจนผมได้รสเค็มปร่าของเลือด ส่วนเจ้าตัวยังกรนครอกๆ ไม่ทุกข์ร้อน

ไอ้เวรเอ๊ย ฝัน แค่ฝันเท่านั้น!

โล่งอกไปที กำลังตกใจเลยที่พี่ทิสั่งให้ถอดเสื้อผ้า

ผมขยำคอเสื้อยืดของตัวเองแล้วลูบหน้าแรงๆ ไม่ผิดแน่ว่าผมฝัน ร่างกายก็มีปฏิกิริยารวดเร็วถึงแม้ว่ายังไม่เลอะเทอะแต่ก็แน่ชัดว่าสมองกำลังประมวลผลอะไรในขั้นถัดไป

ผมฝันว่ากำลังจะมีเซ็กซ์กับพี่ทิ

ใช่...พี่ทิ!



ให้พูดถึงความฝันลามกจกเปรตของผู้ชายจนทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดไปถึงปล่อยสารคัดหลั่งออกมายามหลับใหลคงพูดได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่ากับใครก็ต้องเผชิญภาวะนี้สักครั้งของชีวิต สำหรับผมแล้วยังนับว่าน้อยนักเมื่อเทียบกับที่คนอื่นเอามาคุยโวตอนมัธยมตนถึงภาพในจินตนาการ รวมทั้งการปลดปล่อยตัวเองหลังตื่นจากฝันด้วยมือและนิ้ว ตลอดจนไปถึงร่างกายของใครสักคน

ด้วยความที่เป็นเด็กอยู่บ้าน แถมยังไม่กล้าบอกรักใครก่อนทำให้ประสบการณ์ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาของผมกับคนที่เป็นคนจริงๆ เท่ากับศูนย์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเทียบกับผมเก็บผู้ชายที่มีตัวตนในชีวิตจริงไปแทรกในภาพฝัน จินตนาการถึงรสจูบและแววตา และถ้าปล่อยให้เนิ่นนานกว่านั้น ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นภาพที่ออกมาในรูปแบบใด

“ส่งข้อสอบได้แล้วค่ะ”

เสียงอาจารย์ประกาศหน้าชั้น ผมที่ทวนคำตอบได้ครึ่งรอบเพราะว่อกแว่กสับสนกับเรื่องเมื่อเช้าต้องยอมลุกจากที่ตามคนอื่นๆ ไปวางกระดาษคำตอบ ไอ้นิวออกจากห้องสอบก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ฟ้ากับอุ้ยลุกขึ้นทันทีที่หมดเวลา กลายเป็นว่ากว่าจะกลับมาเก็บปากกาที่โต๊ะอีกทีผมก็คือคนสุดท้ายของห้องสอบ

อุ้ยโบกกวักมือเรียกหน้าห้องน้ำ ไอ้นิวนั่งพื้นดูดเส้นมาม่าไม่ห่างกันนัก ส่วนฟ้าคงยังต่อคิวในห้องน้ำหญิงที่แถวยาวออกมาด้านนอกเหมือนรอซื้อของเซล

“ตรงตามที่มึงติวให้พวกกูเป๊ะ ทำไมช้าวะ” อุ้ยถาม หน้าที่ติวข้อสอบเป็นของผมตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ ถ้าทำงานมีสอบด้วยมันคงลากผมไปบริษัทเดียวกันเพื่อติวข้อสอบต่อจนตาย

“ไม่ค่อยมีสมาธิ” ผมถอนหายใจ อีกสองคนที่เหลือหลิ่วตามอง

“มีอะไรปะเนี่ย ปกติอาจารย์น้ำมนต์ไม่เคยว่อกแว่กจากเรื่องเรียนนี่คะ” ไอ้อุ้ยดัดจริตพูดคะขาใส่ผม แต่ก็จริงอย่างที่มันว่า แม้ว่าผมจะไม่ได้เรียนเก่งกวาดเอช้วนทุกเทอม แต่ผมให้ความสำคัญเรื่องเรียนมาที่หนึ่ง แม้แต่ฟ้าถ้ามากวนใจช่วงสอบก็โดนผมดุได้เหมือนกัน

ใช่ ครั้งนี้มันไม่ปกติ ไม่ปกติมากๆ ด้วย

ผมกระแอมไอในลำคอตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นว่ายังไม่มีทีท่าว่าฟ้าจะออกจากห้องน้ำก็เอ่ยปากปรึกษา “พวกมึงเคยฝันเปียกถึงผู้ชายไหมวะ”

“ไม่อะ ในฝันกูมีสาวๆ เป็นฮาเร็ม” นิวตอบหน้าตาเฉย ส่วนอีกคนก็ส่ายหน้าหวือ

“มึงฝันเหรอ” อุ้ยกระซิบ ผมยังไม่ทันตั้งตัวมันก็เดา “พี่ลมเหรอ”

“ไม่ใช่”

“พี่ทิ?”

เสียอาการทันที จู่ๆ ก็เหมือนเกิดก้อนอากาศติดในคอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปฏิเสธยังไงให้ดูแนบเนียนได้ ยากกว่าข้อสอบวิชาเมื่อกี๊อีก

“มึงคิดเรื่องพี่ทิมากเกินไปป่าว”

“เออ ไอ้น้ำมนต์ไปค้างที่คอนโดพี่ทิด้วย”

ผมพรูลมหายใจออกยาว นึกถึงที่คุยกับแม่แล้วร้องไห้ออกมา “คงกังวลเรื่องพี่ทิมากเกินไปจริงๆ นั่นแหละ”

พอไม่ได้ไปหาแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันในช่องทางอื่นๆ เหมือนตายจากกันไปเลย เหตุผลสำคัญคือพี่ทิไม่ชอบใช้โทรศัพท์ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันผมแทบไม่เคยเห็นเขาจับมือถือสักครั้ง ทั้งที่เป็นยูทูปเบอร์รุ่นแรกๆ ใช้โปรแกรมทันสมัยตัดแต่งเพลงคล่องแคล่ว แต่กลับไม่เล่นโซเชียลมีเดีย พวกแฟนเพจหรือไอจีก็เป็นพี่ลมทำให้ทั้งหมด

เรื่องไลน์นั่นไม่ต้องพูดถึง พี่ทิยังถามผมอยู่เลยว่าเอ็มเอสเอ็นคนเลิกเล่นกันไปตอนไหน

“ฟ้า มึงเข้าห้องน้ำไปขี้หรือกินขี้วะ นานฉิบหาย”

เมื่อฟ้าเดินออกมาไอ้นิวก็ทักสุภาพสตรีด้วยท่าทีที่ไม่สุภาพ ฟ้าโวยวายเสียงดังแต่ผมไม่ทันได้จับใจความ

“น้ำมนต์ เป็นไรป่าวเนี่ย”

“อ๋อ เปล่า ทำไมเหรอ”

“ลอยๆ อ่านหนังสือหนักเหรอเมื่อคืน”

“เปล่าหรอก กำลังคิดว่าเหลือสอบอีกกี่ตัวน่ะ”

“อ่านทันใช่ไหม ขอโทษน้า ต้องให้น้ำมนต์ดูแลพี่ทิจนถึงตอนใกล้สอบเลย แต่พี่ลมบอกว่าช่วงนี้พี่ทิเริ่มไปห้องอัดแล้วล่ะ ไม่ได้น้ำมนต์ช่วยล่ะแย่เลย”

“ขอบคุณกี่รอบแล้วเนี่ย เราก็ไม่ได้ช่วยฟรีเสียหน่อยพี่ลมจ่ายเงินอย่างแพง แล้วนี่จะกลับบ้านกันเลยหรืออ่านวิชาต่อไปก่อน”

“ว่าจะอ่านต่อเลย น้ำมนต์ว่าไง”

ผมพยักหน้าเบาๆ “ไปไงก็ไปกัน”

ขืนอยู่คนเดียวคงฟุ้งซ่านไม่เลิกสักที



แม้จะรู้แก่ใจว่าผมเก็บเรื่องราวของพี่ทิใส่หัวมากเกินไปแล้ว แต่ชีวิตประจำวันของผมตั้งแต่เริ่มโตเป็นหนุ่มคือการสรรหาเพลงของพี่ทิมาฟัง เหงา เบื่อ เศร้า ต้องการที่ปรึกษา แต่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็เปิดเพลงของพี่ทิฟังตลอด แม้ว่าเขาจะไปแจมเป็นส่วนเล็กๆ กับเพื่อนๆ แบบunofficial ก็ยังหามาฟังจนได้ ตอนนี้ที่ผมพยายามใช้สมาธิจรดจ่อกับหนังสือก็เลยเต็มไปด้วยทำนองเพลงของพี่ทิที่เปิดผ่านหูฟัง ตัดตัวเองออกจากโลกของความจริงไปสู่ดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ทำนองเปล่าๆ ที่เคยพยุงให้มีสมาธิกลับเป็นคลื่นรบกวนให้ผมนึกถึงภาพทีพี่ทิเล่นเปียโนในห้อง บรรเลงเพลงและโยกตัวตามจังหวะทำนองจนเคลิบเคลิ้มคล้ายล่องลอยไปทุกที

อยากให้อยู่ด้วยกันตอนนี้จัง

ช่วงสองสัปดาห์สั้นๆ ที่อยู่ด้วยกันตอนนั้นพี่ทิเขียนเพลงใหม่ได้เร็วจนทึ่ง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้เพลงครบตามที่พี่ลมต้องการแล้วหรือเปล่า

ถ้าอย่างนั้น ผมยังต้องไปหาเขาอีกไหม

เป็นช่วงเวลาต่อสู้กันระหว่างกับการอยากให้พี่ทิเขียนเพลงต่อไปได้กับไม่ได้ ยื้อเวลาอีกสักหน่อยให้ผมได้เข้าไปอยู่ในโลกใบนั้นกับเขาอย่าตื่นจากฝันเร็วเกินกว่าที่คาดหมาย

จริงอยู่ที่เดิมทีผมอยากให้งานนี้จบลงไวๆ แต่พอเขาเริ่มเป็นพี่ทิอย่างในภาพจำผมก็รู้สึกเหมือนอยากอยู่กับเขาให้นานเท่านาน

“น้ำมนต์ยังอ่านชีทนั้นไม่จบอีกเหรอ”

“เออ แปลกๆ นะมึง”

อุ้ยวางมือบนหน้าผากแรงไปหน่อย ผมได้ยินเสียงแป๊ะเมื่อผิวสัมผัส เหมือนโดนตบหน้าผากมากกว่าวัดอุณหภูมิ

“สัด เจ็บ”

“โทดๆ นึกว่าเหม่ออยู่”

มันพูดกลั้วหัวเราะ ผมปรายตาไปเห็นไอ้นิวทำหน้าหงุดหงิดก่อนมันจะโยนชีทที่อ่านลงบนโต๊ะ

“ถามจริง น้ำมนต์ มึงกับพี่ทินี่ยังไงวะ”

“หา?” ไม่ใช่แค่ผม แต่เพื่อนอีกสองคนก็ร้องเสียงหลง “มีปัญหาอะไรกันเหรอ นึกว่าโอเคแล้วเสียอีก”

“เปล่า ไม่ได้มี”

ผมรีบตอบฟ้า ก่อนถลึงตามองไอ้นิวดุ รูมเมทผมพรูลมหายใจออกยาว

“ตั้งแต่ไปค้างกับพี่ทิสองสัปดาห์นั่นกลับมาก็ทำเหมือนคนอกหัก เหม่อเก่ง ห่างกับกูเป็นอย่างนี้ปะ”

“ขนลุก ไอ้เชี่ย” ผมเตะนิวใต้โต๊ะ ไอ้อุ้ยก็เออออห่อหมก

“น้ำมนต์มันไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษเพราะมันเป็นพราหมณ์ มึงไม่รู้เหรอไอ้นิว”

“พราหมณ์พ่อมึงสิ” ผมด่าไอ้อุ้ย คนที่กูเล็งก็เมียมึงนั่นแหละ

“อ้าว กูนึกว่ามึงถือศีล 8”

“ศีล5 ยังทำไม่ได้เลย”

“ข้อไหนทำไม่ได้ครับ อย่าบอกนะว่าติดเหล้าไปกับพี่ทิเรียบร้อย”

“เอ๊ะ แต่นิวพูดแบบนี้อย่าบอกนะว่าน้ำมนต์กับพี่ทิมีซัมธิงรอง โอ๊ย ถ้าใช่ฟ้าจะขอบคุณมากเลยเนี่ย สะใจ”

“สะใจอะไรฟ้า” ดีนะที่เป็นผู้หญิง ไม่งั้นจะเตะขาใต้โต๊ะอีกคน

“ก็พี่ลมน่ะสิ จีบพี่ทิตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ พอเจอน้ำมนต์ยังก้อร่อก้อติกใส่อีก นี่นะ ให้หนุ่มๆ ที่เล็งไว้ได้กันเองให้หมด”

เดี๋ยวนะ...ที่บอกว่าจีบพี่ทินั่นเรื่องจริงเหรอ

“ฟ้าก็พูดไป ถ้าพี่ทิชอบผู้ชายป่านนี้เสร็จพี่ลมแล้ว”

“แหม แต่ก็เป็นคู่จิ้นกันได้นี่นา” ไอ้อุ้ยเขกมะเหงกที่หัวคนรักเบาๆ เหอะ เหม็นความรักฉิบเป๋ง “แล้วทำไมนิวถามงั้นอะ”

“เออ ทำไมถามงั้น”

จำเลยมองผมตาขวาง

“ก็มึงฝันเปียกถึงพี่ทิไม่ใช่หรือไง กูเริ่มกลัวแล้วว่ามึงจะละเมอมาปล้ำกูหรือเปล่า ยิ่งนอนเตียงเดียวกันด้วย”

ไอ้นิวทำท่ากอดตัวเองอย่างคนหวงตัว ฟ้าส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ ส่วนผมความร้อนแล่นผ่านทั่วทั้งใบหน้า อุตส่าห์เล่าให้ฟังตอนฟ้าไม่อยู่เสือกเอามาแฉกัน ไอ้เพื่อนเลว!

“ไม่ใช่แบบนั้น ก็แค่ช่วงนี้คิดเรื่องพี่ทิมากเกินไปเฉยๆ น่า” ผมทำเสียงโยเย แต่ฟ้ายังไม่เลิกยิ้มกริ่ม “เป็นสาววายหรือไง ยิ้มอยู่ได้”

“เปล่าค่า” ทำมาเป็นขานรับเสียงใส จับมาจูบสักทีแล้วจะหนาว “เพิ่งเคยเห็นน้ำมนต์เขิน”

“เขินอะไรเล่า”

“หน้าแดงแปร๊ดเลย”

“เวอร์” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็หยิบกระจกของฟ้าที่วางไว้หลังทาปากเมื่อครู่มาดู ไม่ได้แดงขนาดนั้นเสียหน่อย “อ่านๆ อยากดรอปปีสุดท้ายกันหรือไง ตั้งใจหน่อย ไม่อยู่สอนปีเปอร์นะเว้ย”

ผมแสร้งโวยวายแล้วหยิบชีทขึ้นบังหน้าเป็นการกลบเกลื่อน ในใจกู่ร้องตะโกนก้อง ไอ้ฉิบหายๆ เป็นนักแอบรักมายี่สิบกว่าปีจะมาโป๊ะแตกเพราะผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ

แค่คิดก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว



การสอบมิดเทอมของผมผ่านไปเชื่องช้ากว่าปกติ ส่วนหนึ่งเพราะลงเรียนไว้ไม่กี่ตัว ทำให้มีเวลาเหลือเฟือสำหรับอ่านหนังสือ ไม่ตะบี้ตะบันอ่านเหมือนเทอมก่อนๆ ที่ผ่านมา ชวนรู้สึกว่าช่างเป็นเทอมที่น่าเบื่อและไม่มีความตื่นเต้นอะไรเลย อีกส่วนอาจเพราะที่จริงแล้วผมเฝ้าภาวนาทุกวันให้การสอบสิ้นสุดลงเสียทีจะได้ไปเจอตาลุงขี้เมาที่เข้ามารบกวนผมทั้งยามตื่นและหลับฝันให้หายคาใจ

พูดก็พูดเถอะ ไม่ขอปฏิเสธให้มากความว่าการที่ผมติดต่อพี่ทิไม่ได้ และไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันทำให้ผมคิดถึงเขาจริงๆ ไม่ว่าจะในฐานะแฟนคลับ หรือเบ๊อย่างที่เขาเรียกก็ตาม กิจวัตรในพักหลังมานี้ที่ต้องมีพี่ทิในทุกย่างก้าวทำให้สมองผมเคยชินกับการที่มีเขาทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นหลังสอบเสร็จวิชาสุดท้าย ผมก็อัปเปหิตัวเองไปเพนส์เฮาส์หรูใจกลางเมืองทั้งชุดนักศึกษาถูกต้องตามระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าจนได้

ป่านนี้ห้องจะรกขนาดไหน

นั่นไม่ทำให้ผมตื่นเต้นได้เท่ากับ เขาจะดีใจหรือเปล่าที่ผมโผล่มาแบบไม่บอกไม่กล่าว

หรือว่า...การที่พี่ลมเข้ามาป้วนเปี้ยนในระยะประชิดที่หัวใจยังว่าง พี่ทิจะหวั่นไหวไปหรือยัง

บ้าชะมัด หรือว่าที่ไอ้นิวเดาว่าผมคิดอะไรกับพี่ทิ มันเป็นเรื่องจริงวะ

ท้ายที่สุดผมก็ยอมรับในใจโดยดุษณีว่าพักหลังๆ ผมไม่ให้ความสำคัญกับทิวฟ้าเหมือนก่อนเก่าอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังชัดเจนว่าเป็นห่วงพี่ทิมากแค่ไหนเวลาที่ไม่ได้อยู่ในสายตาอีกต่างหาก

เสียงสัญญาณประตูห้องพักดังเมื่อแนบคีย์การ์ดลงไป ผมผลักเปิดบานประตูออกก่อนเสียงโครมครามในห้องจะดัง ถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้ก่อนกวาดสายตามองห้องชุดหรูที่กลับมารกอีกครั้งแล้วถอนหายใจระอา

ที่ต้องจ้างแม่บ้านเพราะอย่างนี้สินะ รื้อเก่งอย่างกับอะไรดี

กองกระดาษขยำกำไว้กระจัดกระจาย ผมหยิบถึงขยะที่ล้มระเนระนาดขึ้นตั้ง เอาก้อนกระดาษที่ระเกะระกะตามพื้นใส่เข้าที่ พี่ทิโดดออกมาจากห้องนอนหน้าตาเหมือนยังไม่ตื่นดี ขณะเดียวกันก็หลุกหลิกลุกลนราวกับโดนไฟจี้ด้านหลัง

“ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมา”

“เซอร์ไพรส์ไง” ผมตอบ ฉีกยิ้มกว้าง มาแต่ตัวทัวร์ยกแก๊ง อยากชวนพี่ทิออกไปหาอะไรกินข้างนอกชิวๆ สบายๆ ไม่ต้องล้างถ้วยล้างจาน ฉลองสอบเสร็จสักหน่อย

“พี่ทำห้องรกเก่งชะมัด”

เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม มองผมหวาดๆ ไอ้ท่าทางแบบนี้มันเหมือนมีลับลมคมในอะไรบางอย่างนะครับ “มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า”

“ซ่อนใครไว้ในห้องนอน”

ผมหยุดเก็บขยะแล้ว วางถังลงที่พื้นแล้วก้าวเข้าหา ไม่ได้นะเว้ย หรือว่าจะกลับไปคบผู้หญิงคนนั้น ให้ตาย จู่ๆ ผมก็หัวร้อนปรี๊ดขึ้นมาเลย ผมไม่อยู่ด้วยไม่กี่สัปดาห์ถึงขั้นซุกชู้รักไว้ในห้องเลยเหรอ อย่างนี้มันหยามกันไปแล้ว

“ซ่อนอะไร บ้าปะ”

“แล้วบังอะไร”

“ห้องรก”

“ข้างนอกก็รก”

“ถึงได้ถามว่าทำไมไม่โทรมาบอกก่อนไง”

“พี่ใช้โทรศัพท์ด้วยเหรอ”

พอถามอย่างนี้เขาก็เงียบไป ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรแต่ก็ห้ามขาไม่ได้ ก้าวฉับเข้าหาเจ้าของห้องที่ทำท่าคล้ายมีพิรุธอย่างไม่ลังเล

กระทั่งยังไม่ทันถึงตัวด้วยซ้ำผมก็ได้รับเฉลยว่าสิ่งที่ถูกซ่อนเร้นไว้ภายใต้ท่าทีหลุกหลิก ไม่สบตา ประสาทสัมผัสด้านกลิ่นทำงานก่อนสายตาจะทันได้เห็นหลักฐานไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบขวดแก้วหรือกระป๋องทันที

กลิ่นนั้นที่ห่างร้างจมูกมาเนิ่นนาน มันลอยกรุ่นมามาจากตัวของอีกฝ่าย หัวใจที่สั่นไหวของผมรู้สึกเหมือนฟีบแบนยับย่นคล้ายลูกโป่งที่เคยเต็มตื้นเต่งตึงเกิดรอยรั่วขนาดเล็กแต่สูบเอาลมภายในออกไปจนสิ้น

ผมชะงักขา หลบตาเพราะไม่อยากมองเขาด้วยร่องรอยของความผิดหวัง

หมอเตือนไว้แล้วแท้ๆ ว่าเขาอาจจะกลับมาดื่มได้ใหม่

แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับไม่ได้เผื่อใจในความผิดพลาดนั้นเลย

คิดว่าจะเข้มแข็งกว่านี้

สักนิดก็ยังดี

“น้ำมนต์”

พี่ทิเรียกเสียงอ่อนอย่างคนรู้สึกผิด ก้าวเท้าเข้าหาขณะที่ผมผงะถอยทันที เขาจับข้อมือผมเบาๆ ดวงตาแดงก่ำที่ไม่ใช่แดงเพราะเพิ่งตื่น แต่เป็นสีแดงที่เกิดจากปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปต่างหาก

“คือ...เขียนเพลงไม่ได้เลย”

ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ตัวเองได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาแต่ไหนแต่ไรทว่าในเวลานี้กลับไม่สามารถยิ้มรับหรือดุว่าอีกฝ่ายได้ ผมรู้ว่าต้องรับมือกับเขาแบบไหนแต่ก็ห้ามไม่ให้เจ็บใจไม่ได้อยู่ดี

“ดื่มตั้งแต่วันไหนครับ”

ผมปล่อยให้เขาจับมือผมไปนวด พยายามไม่กะพริบตาเพราะไม่อยากให้น้ำตาที่มันเอ่อขึ้นมาจากความผิดหวังหยดริน ผมคิดว่าถ้าเขาดื่มอีกคงโมโห แต่ไม่ได้เผื่อใจไว้ว่าจะเสียใจขนาดไหน

ความพยายามของผมทั้งหมด

ความพยายาม...ที่ไม่มีค่าอะไรเลย

“หรือว่า...ตั้งแต่ช่วงที่ผมเริ่มไปๆ มาๆ”

ผมนึกถึงฝากระป๋องเบียร์ที่หล่นอยู่ใต้ถุงขยะวันที่พี่ลมมา ที่จริงแล้วตั้งแต่วันนั้น พี่ทิก็แสดงท่าทางว่าไม่ชอบใจที่ผมหายไป มิหนำซ้ำยังไม่ได้เขียนเพลงเพิ่มขึ้นจากตอนที่ผมไม่อยู่ด้วย

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปพึ่งแอลกอฮอล์คือความสามารถในการเขียนเพลง

แต่แม้ว่ารู้ ผมก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้เสียใจไม่ได้อยู่ดี

“...ขอโทษ” เสียงทุ้มนั่นแหบพร่าและเบาหวิว แต่อย่างน้อยนั่นก็เป็นคำขอโทษแรกที่เขามอบให้ผมโดยไม่ทวงถาม “ขอโทษ ตั้งใจจะดื่มแค่นิดเดียวให้หัวมันแล่น”

“ดื่มไปมากแค่ไหนครับ”

“ไม่รู้...แต่อย่าร้องไห้ได้ไหม”

“ผมไม่ได้ร้อง”

เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนแก้มผมอย่างถือวิสาสะ ออกแรงกึ่งบังคับให้เงยหน้าขึ้นมอง น้ำตาผมไหลลงจากหางตาในที่สุด ก่อนพี่ทิจะดึงผมไปกอดไว้ทั้งตัว

“ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ยกแขนขึ้นกอดเขากลับ “ไม่เป็นไรเลย มันเกิดขึ้นได้ เรามาพยายามกันใหม่นะ พี่ปวดท้องหรือเปล่า ผมลงไปซื้อยาให้ไหม”

อ้อมแขนที่กอดผมไว้รัดแน่นขึ้นมากกว่าเดิมจนผมแทบหายใจไม่ออก

“จะด่าก็ได้ จะตีก็ได้”

“ผมจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ”

“ขอโทษ แต่อย่าเพิ่งทิ้งไปได้ไหม”

ผมรู้ ยิ่งพี่เป็นแบบนี้ผมจะทิ้งไปได้ไง

“ไม่ได้จะไปไหนสักหน่อย”

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก เหม็นกลิ่นเหล้าชะมัด น่าตีจริงๆ นั่นแหละ แต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ก็ทำผมโกรธไม่ลงเหมือนกัน

“พี่ไปอาบน้ำ แล้วออกไปหาอะไรกินกันนะ ฉลองให้ผมหน่อย เพิ่งสอบเสร็จก็มาหาเลยนะเนี่ย”

เขาคลายอ้อมแขนที่รัดรึงไว้ออก เราสบตากันครู่ใหญ่ก่อนค่อยๆ ย้ายจุดสนใจของดวงตาลงมาต่ำกว่าปลายจมูก ผมไม่กล้าบอกว่าเขากำลังจ้องริมฝีปากของผมหรือเปล่า เพราะนอกจากวางมือบนแก้มและกอดนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะขยับล้ำเส้นอย่างในฝัน ความรู้สึกของผมมันชัดไปแล้ว ชัดว่าที่เสียใจแทนที่จะโมโหนั่นเพราะว่ารู้สึกกับเขามากเกินกว่าจะมีต่อคนในปกครองขยันหาเรื่องมาให้ไม่หยุดหย่อน

ผมอยากให้เขาเป็นพี่ทิที่ดีกว่านี้

ไม่ใช่เพื่องานจะได้ลุล่วงไปด้วยดี แต่ผมอยากเห็นเขาเป็นทิวากรที่แสนดีอย่างที่ในอดีตเคยเป็นมา

“นั่งรอนะ รอเฉยๆ ไม่ต้องเก็บห้อง เดี๋ยวเก็บเอง”

“หา? ทำไมครับ ซุกขวดเหล้าไว้อีกหรือเปล่า”

“ไม่ใช่ แต่เหนื่อยใช่ไหม เพิ่งสอบเสร็จ...” เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนพูดต่อเสียงเศร้า “...แล้วยังมาเจออะไรแบบนี้อีก”

“ไม่เป็นไรเลย มันหน้าที่ผมอยู่แล้ว พี่ไปอาบน้ำเถอะ”

ผมจับเขาหมุนตัวหันหลัง ชายหนุ่มไม่ทันก้าวขาก็ถามทวนซ้ำ

“หน้าที่?”

“ไปอาบน้ำเถอะครับ เหม็นเหล้าจนผมจะเมาตามไปแล้ว ผมเก็บของเท่าที่เก็บได้หลังจากกินอิ่มค่อยมาช่วยกันเก็บแล้วกันเนอะ”

ออกแรงรุนหลังเขากลับเข้าไปในห้องนอน ปิดประตูแน่นหนาก่อนหมุนตัวกลับมาหยิบถังขยะที่วางไว้อีกครั้ง แสร้งทำไม่สนใจว่าเจ้าของห้องจะสั่งให้อยู่เฉยๆ เพื่อหลบลี้หนีการประจันหน้า แม้ว่าจะยิ้มร่าทำเป็นให้อภัยไม่รู้สึกรู้สา แต่ลึกลงไปผมก็ยังไม่ชอบที่ตัวเองปล่อยให้อีกฝ่ายเผชิญหน้ากับภาวะกดดันจนกลับไปพึ่งแอลกอฮอล์อยู่ดี

หลังเสียงปิดประตูดังขึ้น ผมที่ทำตัวเหมือนเป็นตุ๊กตาล้มลุกที่ไม่รู้จักท้อถอยก็หมดกำลังจะแสร้งทำเป็นเริงร่า เมื่อเห็นความพยายามบนแผ่นกระดาษที่ขยำเป็นก้อนแตกสลายกระจัดกระจายก็แทบล้มลงหมดพลัง คลี่อ่านลายมือที่เขียนแล้วขีดทิ้งในนั้นทีละแผ่น ถ้อยคำที่เค้นความรู้สึกออกมาเขียนเต็มไปด้วยความอัดอั้น กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าที่ชำแหละเอาอารมณ์หมองหม่นสิ้นหวังมาแผ่ขยาย ความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดายที่ชายหนุ่มเผชิญ ความอ้างว้างของอนาคตที่สรรค์สร้าง คับแค้นแน่นสุมในตัวอักษร

ถ้อยคำไม่เรียงร้อยต่อกันสวยงามอย่างที่เขาเคยทำได้ มีความสับสนในลายเส้นราวกับเป็นคนจมน้ำที่หลงทางกลางมหาสมุทรกว้าง

สำหรับผม พี่ทิอาจเพลี่ยงพล้ำเผลอไผลได้

แต่สำหรับพี่ทิ ผมต้องยืนหยัดมั่นคงเป็นคนประคับประคองเขาให้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดไป

ไม่มีข้ออ้าง ปราศจากข้อแม้และเงื่อนไข

ไม่ใช่หน้าที ไม่ใช่แฟนคลับ และผมก็รู้ดีว่าคืออะไร

อะไรที่ผมบอกตัวเองว่าพี่ทิไม่ต้องขอโทษผมเลย

ผมต่างหาก...ที่ยังทำสิ่งที่ตัวเองควรทำได้ดีไม่พอ







tbc



อีพี่ทิ มึง!!!
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 08-01-2020 00:30:03
โอ้ยยยยพี่ทิก็รู้สึกกับน้องน้ำมนต์แล้วใช่มั้ยถึงแคร์ขนาดนี้ :ling1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 08-01-2020 03:25:39
นั่นไง พี่ทิก็กลับไปดื่มจนได้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-01-2020 08:42:04
เอาน่ะเดี๋ยวมันก็ดีถึงจะวนไปวนมาหน่อย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-01-2020 09:17:50
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-01-2020 16:06:11
ต่างคนต่างรู้สึกแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-01-2020 16:51:09
 :mew4: สงสารน้องอ่ะ เฮ้อ...
  :3123:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 08-01-2020 17:26:44
น้องน้ำมนต์ลูกกกก... โกรธพี่ทิๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-01-2020 17:53:32
คาสโนว่าพี่ลม..สงสารน้ำมนต์อย่าเพิ่งท้อนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 08-01-2020 20:55:52
โถ่พี่ทิ ทำน้องร้องให้แล้ว


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-01-2020 22:16:20
ร้องไห้หนัก ๆ แล้วก็รักกันมาก ๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: มาดามพีพี ที่ 08-01-2020 23:01:03
ฮือออ..โอ๋ๆกอดๆนะหนูมนต์นะ..เดี๋ยวแม่ตีพี่ทิให้เอง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 08-01-2020 23:08:40
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 08-01-2020 23:33:35
ยอมรับหัวใจตัวเองได้แล้วทั้งสองคน ช่วงสอบน้ำมนต์ที่เหม่อเพราะพี่ทิทั้งนั้น
ส่วนพี่ทิอ่ะ เราว่าหนักกว่าอีกมั้ง เธอคิดถึงน้ำมนต์อ่ะพี่ทิเราดูออก
แต่ก็อยากรู้ว่าพี่ทิเขียนเพลงด้วยแรงบันดาลใจอะไร
ตอนที่อกหักจากแฟนเก่าแล้วเขียนเพลงไม่ได้จนติดแอลกอฮอลล์ จะเหมือนตอนนี้ที่เขียนเพลงไม่ได้มั้ย
มันหน่วงๆหนึบๆแทนน้ำมนต์มากเลย ที่รู้ว่าแฟนเก่าพี่ทิเคยมีอิทธิพลต่อความรู้สึกพี่ทิมากขนาดนั้น
ถ้าน้ำมนต์ยอมรับความรู้สึกตัวเองจริงๆ น้ำมนต์อาจจะติดกับความคิดว่าคงไม่มีทางเทียบเขาได้งี้
 :mew2:  :m15:

หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 09-01-2020 00:16:39
ต่างคนต่างคิดถึงกัน,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 09-01-2020 21:25:54
ยังไม่รู้ตัวกันว่าสาเหตุจริงๆคืออะไร ทำไมเขียนไม่ออก ทำไมคิดถึง ทำไมเสียใจ ทำไม่รู้สึกผิดมาก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-01-2020 00:43:47
กอดน้ำมนต์ค่ะ น้องนอยด์มากเลย ไม่ได้เจอกันก็คิดถึง
แล้วพอมาเจอพี่ทิเป็นแบบนี้อีก จะเคืองก็ไม่ใช่จะเสียใจก็มาก
น้ำมนต์ไม่ได้ผิดนะหนู มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้

พี่ทินะพี่ทิ ทำน้องเสียใจ น้องไม่ได้ทิ้ง คิดถึงก็โทรหาสิ
ทำไมมาทำร้ายตัวเองแล้วทำน้องนอยด์เพิ่มอีก ฮึ่มมมม
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 10-01-2020 13:44:34
 :mew4: สงสารน้ำมนต์ สงสารพี่ทิด้วย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 10-01-2020 17:48:11
แงงงง สงสารยัยน้อง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jely ที่ 10-01-2020 22:38:19
พี่ทิใจรัาย แงงง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 11-01-2020 10:09:31
งื้อออออ ร้องไห้ตามเลยยยยย  :mew6:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-01-2020 11:19:41
พี่ทิทำน้องร้องไห้เลยเนี่ย อยากโอ๋น้องมากเลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: kokilolylove ที่ 11-01-2020 18:05:33
น้ำมนต์์์์์์์์ต้องอยู่ที่นี่แล้วหละ พี่ทิจะได้มีกำลังใจเลิกเเบียร
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 15-01-2020 08:09:39
รู้สึกว่าพี่ทิก็คิดอะไรกับน้อง แล้วแต่ก่อนล่ะกับเจนล่ะ คือเกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 15-01-2020 12:36:41
มารอแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 15-01-2020 13:30:38

เห็นคุณ west แจ้งใน FB ว่าวันนี้ไม่มานะคะ มาวันศุกร์ค่ะ

หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 15-01-2020 22:24:59
สงสารทุกฝ่ายอ่ะ  :o12:
พี่ทิก็คงพยายามแล้ว แต่พอไม่มีน้ำมนต์ก็คงไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร
ส่วนน้ำมนต์ก็คงไม่วายโทษตัวเองวนไป
ฮือออออ ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่สองคนนี้หนักหนาที่สุดละ  :hao5: :hao5:
เพราะเป็นช่วงวัดใจเลยทีเดียว
เอาใจช่วยทั้งสองคนเด้อ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 12 ฝัน (หน้า7|08012020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 18-01-2020 00:00:33
13 สตอเบอรี่เชอร์เบทและชอกโกแลต


     


          เสียงดนตรีของพี่ทิลื่นไหลจนผมฟังแล้วเคลิ้มตาม หลังหาอะไรใกล้ๆ คอนโดเป็นมื้อเย็นแล้วเราก็พากันกลับมาพร้อมขนมปังสังขยาใบเตย พี่ทิไม่ได้กำลังเมาเรื้อนถึงขีดสุดตอนที่ผมเปิดประตูห้องมาเจอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เขายังมีอาการเมาค้างจากที่ดื่มเมื่อคืนที่ผ่านมา

          เสียงไส้ดินสอคาร์บอนขูดกับกระดาษดังๆ หยุดๆ บางครั้งพี่ทิเหม่อมองออกไปจับจุดไม่ได้ บางครั้งเขาเดินออกไปดูการจราจรของเมืองใหญ่ที่ริมระเบียงแล้วกลับเข้ามาเขียนต่อ และบางครั้งเขาก็มองกลับมาที่ผมซึ่งเปิดหนังสือเพลงของเขาดู ทั้งสมุดภาพรวมคอนเสิร์ตและแผ่นกระดาษไวนิลปรินท์แปะมากับแผ่นซีดีพร้อมลายเซ็น

          “มีเพลงที่เก่ากว่าเพลงที่พี่แต่งให้คุณลูกแก้วไหม”

          ผมถาม นึกถึงผลงานที่โด่งดังแต่ไม่ค่อยมีคนรู้จักคนเขียนเท่าไหร่ในสมัยนั้น พี่ทิฮัมเพลงในลำคอ ส่ายหน้าแทนคำตอบ

          “เมื่อก่อนชอบคุณลูกแก้วเลยตั้งใจจะเขียนเพลงแรกให้คุณลูกแก้ว ส่งไปตั้งหลายรอบกว่าจะผ่าน”

          “เพลงแรกที่พี่เขียนเลยปะ”

          “เปล่า เขียนเพลงแรกตั้งแต่จำความได้”

          “ไม่คิดว่าจะอุแว้ออกมาแล้วเขียนเพลงเลยไง” ผมยียวนกลับ พี่ทิยังคุยกับผมทั้งที่ไม่สบตา

          “ตอนนั้นเกกิดยังจำไม่ได้ จำไม่ได้ด้วยว่าเริ่มเขียนตอนหน แต่ Untitled เป็นเพลงแรกที่ผ่าน”

          “งี้พี่ก็รักเพลงนั้นมากๆ เลยดิ”

          “ไม่อะ เกลียด” เขาพูดหน้าตาเฉย เฮ้ย เป็นคนแบบไหนวะเกลียดงานตัวเองลง “พอย้อนกลับไปแล้วภาษาที่ใช้โคตรสะเหล่อ ไม่รู้สึกเหรอ”

          “ไม่ ผมว่ามันเพราะดี ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ แต่ยินดีมอบให้แม้ไม่มีใครเรียกชื่อมัน โรแมนติกออก”

          “แต่มันเป็นเพลงเศร้า”

          ผมเห็นด้วย ฟังแค่เมโลดี้ก็รู้เลยว่าผู้เขียนทุกข์ระทมแค่ไหน ผมหยัดตัวลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา พี่ทิยังคงดีดกีตาร์ด้วยโน้ตที่เขียนแสดงไวบนชั้นวางแล้วขีดเขียนบางตัวอักษรลงบนกระดาษอีกครั้ง ผมพลิกตัวนอนคว่ำมองท่าทางจริงจังแบบนั้นแล้วอดรู้สึกชื่นชมท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนั้นของเขาไม่ได้ พี่ทิเท่มากๆ เวลาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตอนเล่นดนตรีหรือว่าเขียนเพลง สีหน้าจริงจังของเขาลบภาพของตาลุงขี้เมาไปจนหมดสิ้น

          “พี่อยากเป็นนักแต่งเพลงจริงจังตอนอายุเท่าไหร่”

          “เป็นนักข่าวหรือไง ถามเก่ง”

          “ไม่ได้เหรอ”

          เขาเงียบไปอึดใจแล้วหันหน้ากลับมา พรายยิ้มที่ทำให้หัวใจผมกระตุกเบาๆ “บอกว่าตั้งแต่ประถมจะเวอร์ไหม”

          “พี่คลอดออกมาพร้อมกีตาร์ละงั้น”

          “ก็แม่เป็นนักร้องไง อยากเขียนเพลงให้แม่ร้อง”

          แต่ประถมก็อัจฉริยะเกินไปแล้วโว้ย แต่จะว่าไปหลานผมก็รู้ตัวเร็วเหมือนกันนะว่าชอบดนตรี เพิ่งเรียนอยู่ ป.4 เองแท้ๆ “เออนี่ พี่ ผมต้องกลับบ้านไปรับหลานมาอยู่ด้วยนะ เดี๋ยวพามาเจอพี่ได้หรือเปล่า”

          “ทำไม” เขาขมวดคิ้วเข้าหาก้น ท่าทางหงุดหงิดขึ้นมาอีก “สอบเสร็จแล้วยังจะต้องอยู่หออีกเหรอ”

          อุก...

          อยู่ๆ ผมก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

          “ก็...เดี๋ยวหลานผมมาอยู่ด้วย จะมาอยู่กับพี่ได้ไงเล่า อีกอย่างหลานผมก็รู้จักไอ้นิวอยู่แล้ว มาอยู่ด้วยกันทุกปิดเทอม”

          “ให้มาอยู่ที่นี่ก็ได้ นายก็ได้ห้องนอนเป็นของตัวเองแล้วจะไปเบียดกันทำไมที่หอ”

          “ผมเกรงใจพี่”

          “ถ้าเกรงใจก็มาอยู่ด้วยกัน”

          “เกรงใจเพราะต้องรบกวนแล้วจะมาอยู่ด้วยกันได้ไง”

          “บอกว่ารบกวนเหรอ ถ้าเกรงใจทำไมไม่ไปตั้งแต่ตอนไล่...จะมาพูดตอนนี้ทำไม หรือเพราะหมดหน้าที่แล้ว”

          มาเต็ม อารมณ์ล้วนๆ

          “ช่างเถอะ ยังไงที่ทำเพราะรับเงินพี่ลมนี่”

          เขาหันไปวางดินสอบนหลังเปียโน ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสตางค์ ทำท่าจะออกไปข้างนอก ผมรีบลุกขึ้นมาคว้าแขนเขาเอาไว้

          “ตกลงครับ ผมจะพาหลานมาอยู่นี่ พี่อย่าเพิ่งหัวร้อนดิ”

          ผมกำลังสับสนว่าจะบอกเขาตรงๆ ว่าที่ทำตอนนี้ไม่ใช่แค่เพราะหน้าที่หรือไม่พูดจะดีกว่ากัน กฎของการเป็นนักแอบรักคืออย่าบอกหรือทำอะไรที่มันโจ่งแจ้งเกินไป ไอ้คำพูดนั้นของผมเลยจุกอยู่ที่ต้นคอ

          “พี่อดซื้อเหล้ามากินแล้ว เสียใจด้วย”

          ผมเบี่ยงประเด็น ไม่อยากแสดงท่าทีว่ารู้สึกพิเศษและมากกว่าแฟนคลับทั่วไปธรรมดา เหตุผลที่ผมไม่เคยแสดงตัวสารภาพต่อความรักส่วนมากเพราะกลัวการสูญเสีย ยิ่งกับคนที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งต้องซ่อนมันให้แนบเนียนที่สุด

          “ลองไปดิ จะเหมามาให้หมดร้าน”

          “พี่อย่าแก้ปัญหาด้วยวิธีนั้นได้ไหม มันไม่ทำให้พี่หาคำตอบให้ชีวิตได้หรอกนะ”

          “มันทำให้ลืมคำถามไง”

          “คำถามอะไร พี่ถามผมสิ”

          เขามองผมด้วยแววตาตัดพ้อก่อนเบือนหนีไปที่อื่น วางกระเป๋าสตางค์ลงตามเดิมก่อนเดินหนีเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตูดังโครมจนผมเผลอสะดุ้งทั้งตัว

          พวกศิลปินน่ะ เอาใจยากชะมัด

          ผมมองกระเป๋าสตางค์ของพี่ทิแล้วพรูลมหายใจออกมา

          ถ้ายังแก้ปัญหาด้วยเหล้าแบบนี้อยู่อีกล่ะก็ จะเลิกขาดได้ยังไงกัน



          -----

          “น้ำมนต์กลับมาอยู่ด้วยก็เขียนเพลงออกเลยเหรอ”

          หลังเลิกเรียนของวันพฤหัสพี่ลมมารับผมที่มหาวิทยาลัย พาไปกินไอศกรีมร้านเปิดใหม่ระหว่างทางจากมหาวิทยาลัยไปคอนโดพี่ทิ ผมสั่งรสดาร์กช็อกโกแลตกับสตรอวเบอรี่เชอร์เบท ท็อปปิ้งด้วยวิปครีมพิเศษ ไม่ค่อยได้กินขนมเท่าไหร่ แต่ถ้าได้กินแล้วก็เอาให้คุ้มแคลลอรี่ในถ้วยเดียว

          “แบบนี้มันแปลกๆ อยู่นะ”

          “ยังไงครับ”

          “กะทิน่ะ จะเขียนเพลงได้ตอนที่ไม่มีอะไรมาบังคับ พูดยังไงดี ไม่ว่าจะเศร้า หรือมีความสุข แต่เขาจะเขียนได้เฉพาะตอนที่ไม่เครียด ไม่อย่างนั้นคำที่ใส่ในเพลงมันจะห้วนๆ ตันๆ น่ะ”

          ผมนึกถึงกระดาษที่ขยำจนยับย่นพวกนั้น มันก็รู้สึกได้ว่าพี่ทิเขียนด้วยความรู้สึกอึดอัดขนาดไหน

          “เมื่อก่อนตอนยังไม่คบกับเจนเขาจะเขียนตอนอยู่คนเดียว”

          ผมตักวิปครีมเข้าปากคำใหญ่จนเลอะเหนือริมฝีปากด้านบน ตวัดลิ้นเลียทำความสะอาดแล้วก้มหน้าลงใหม่ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับเรื่องของผู้หญิงคนนั้น

          “พออยู่กับเจนก็เขียนได้ดีเลยล่ะ เป็นคนทำงานเร็ว หันหน้ามาซิ เลอะปากแล้ว”

          พี่ลมใช้นิ้วหัวแม่มือปาดเหนือริมฝีปาก วิปครีมสีขาวก้อนเล็กจิ๋วติดปลายนิ้วมากก่อนอีกฝ่ายจะชิมไปต่อหน้า เหวอ! ฉากแบบนี้มันมีแต่ในหนังรักไม่ใช่เหรอ

          “หยุดแกล้งผมสักทีเถอะครับ ไม่หลงกลหรอก”

          “เนี่ย ยิ่งแปลกเลย น้ำมนต์กับกะทิน่ะ ชักพูดจาเหมือนกันมากขึ้นทุกวันแล้ว”

          “เหมือนที่ไหนกัน”

          “เหมือนทุกอย่างเลย นึกถึงตอนที่พี่ไปจีบมาเป็นนักแต่งเพลงประจำของค่าย จีบตั้งหลายปีพอแฟนเอ่ยปากคำเดียวก็ยอมเลย รู้ทันไปเสียทุกอย่าง”

          “พี่ทิคงรักคุณเจนมากเลยนะครับ”

          ผมก็เข้าใจเหตุผลได้อยู่หรอก เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ใครเห็นก็ชอบทั้งนั้น

          “รักสิ รักมากเลย เขาเล่นดนตรีคนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆ เพิ่งได้ฟอร์มวงจริงจังตอนมหา’ลัย ตอนนั้นเจนก็เป็นนักร้องในวง แต่เสียดายที่เพื่อนคนอื่นๆ ไม่ได้เดินสายดนตรีจริงจัง ไม่งั้นจะปั้นทั้งวงไปเลย ถ้าดันสองคนเป็นนักร้องกับนักดนตรีดูโอ้มันก็ยาก ความเสี่ยงทีวันหนึ่งจะเลิกกันแล้ววงแตกมีสูงเกินไป”

          “แล้วทำไมเจนถึงไปชอบคนใหม่ได้เหรอครับ” ผมเขี่ยไอศกรีมในถ้วยแก้วไปมา “พี่ทิก็ดูน่ารักดีออก”

          “ทิมันรักจริง แต่บ้างาน แล้วก็ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน”

          “แต่เขาก็เป็นคนที่ศรัทธาในรักไม่ใช่เหรอครับ”

          “พ่อทิแต่งงานใหม่ แต่ใหม่หลายครั้งด้วย ก็เลยเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพิธีกรรม พอลูกชายเจ้าของค่ายโปรไฟล์ดีกลับมาจากเมืองนอกตามรับตามส่ง เอาใจสารพัด...ช่วยไม่ได้นี่”

          “ถึงอย่างนั้นก็ไม่แฟร์กับพี่ทิอยู่ดี”

          ผมทำปากจู๋ไม่ชอบใจ “เขาแค่เขินที่จะแสดงออกมาว่ารัก แต่ไม่ใช่เขาไม่รักเสียหน่อย”

          พี่ลมระบายยิ้มพราย ยืดมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ “น้ำมนต์นี่...ผ่าด่านกำแพงน้ำแข็งของทิได้เร็วจนเหลือเชื่อเลยแฮะ”

          ไอติมช็อกโกแลตละลายรวมกับสตอเบอรี่เชอร์เบท ตักชิมในส่วนที่ละลายก็พบรสกลมกล่อมแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้ กาแฟร้อนในถ้วยของพี่ลมเย็นชืด พร่องไปแค่ครึ่งเดียว มองออกไปข้างนอกแล้วผมก็ถอนหายใจออกยาว

          ละลายน้ำแข็งได้ก็เรื่องหนึ่ง แต่การทำให้เขามีชีวิตชีวาเหมือนตอนที่ยังไม่ได้หลงรักใคร ผมก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนให้เขาคืนกลับมาเหมือนกัน

          พี่ลมจอดรถไว้ที่ลานจอดสำหรับผู้มาติดต่อแล้วขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกสูงด้วยกัน พี่ทิแทบไม่ออกไปข้างนอกเลยถ้าไม่จำเป็นหรือถูกผมลากไปออกกำลังกายหรือหาอะไรกินเพราะขี้เกียจล้างจาน เป็นที่มาของผิวขาวไม่มีสะเก็ดฝ้า ผมยาวจนเสียทรงจากการไม่เข้าร้านทำผมตั้งแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน




          “ไง เพลงถึงไหนแล้ว”

          พี่ลมทักเจ้าของห้องที่กอดกีตาร์อยู่บนตัก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองผมที่เดินตามข้างหลังแล้วขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ “มาทำไม บอกว่าเสร็จแล้วเดี๋ยวส่งไฟล์งานไปเองไง”

          “ก็อยากรู้ว่าอู้อีกหรือปล่า ได้ข่าวว่ากลับไปกินเหล้าด้วย”

          พี่ทิมองผมดุจนพี่ลมต้องเอ่ยปากแทน

          “พอดีเอาของไปให้ฟ้าเลยไปรับน้ำมนต์ไปกินไอ้ติมแล้วค่อยมา เจ้านี่แค่ตอบคำถามน่ะ ไม่ได้รายงานทุกเรื่องหรอก”

          “ทำไมเลิกเรียนแล้วไม่รีบกลับมา”

          “อะ...เอ่อ ผมคิดว่าพี่ทิอาจจะต้องการเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง”

          “อย่าคิดแทนคนอื่นได้ปะ” แค่นี้ต้องทำหน้าตึงใส่กันเลยเหรอ “เพลงใหม่กำลังจะตัด สองเพลงที่เคยส่งไปเป็นยังไง ได้นักร้องหรือยัง”

          “ได้แล้ว ให้ไอรินร้อง”

          “น้องไอรินจากวงบีทูเหรอครับ”

          ผมถามแทรกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น บีทูเป็นวงหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงสุดๆ แบบหยุดไม่อยู่เลย

          “อื้อ ใช่แล้ว แต่เล่นครั้งแรกในงานตอนสิ้นปีนะ” พี่ลมวางมือบนหัวผมเบาๆ แล้วพูดต่อ “แล้วก็คุณพรหมอยากให้แต่งเพลงให้เจนเพิ่มด้วยสองเพลง”

          พี่ทิกลอกตาขึ้นบน ถอนหายใจ ท่าทางหงุดหงิด

          “ให้คนอื่นเขียนไม่ได้เหรอครับ” ผมแย้ง คนที่ทำร้ายพี่ทิขนาดนั้นไม่ควรได้อะไรไปจากพี่ทิอีกแล้วด้วยซ้ำ

          “จะพูดก็พูดเถอะนะ ที่เจนดังขนาดนี้ก็เพราะทิรู้จักเจนดี ใส่คาแรคเตอร์ของเจนเข้าไปในเพลงด้วย มันต้องหลายอย่างนะที่จะผลักดันนักร้องคนนึง เจนยังมีอนาคตไปได้อีก ปีหน้าอาจจะดันขึ้นแทนบีทูด้วย หาได้ยากนะนักร้องหญิงที่มีความสามารถขนาดนั้น ถ้าขาดกำลังสนับสนุนอย่างทิไปคงลำบาก”

          “ทำไมพูดถึงส่วนของตัวเองกันทั้งนั้นล่ะครับ ไม่มีใครคิดว่าพี่ทิจะรู้สึกยังไงกันเลยเหรอ”

          “พอแล้ว น้ำมนต์” เจ้าของเรื่องปรามผมเสียงเบา สายตาเลื่อนไปมองยังมือพี่ลมบนบ่าของผม “แค่นั้นใช่ไหม งั้นก็กลับไปได้แล้ว”

          “ไล่โปรดิวเซอร์เลยเรอะ นี่นายมีชื่อเสียงทุกวันนี้เพราะใคร ไอ้เด็กไม่รู้จักบุญคุณนี่”

          “ผมไม่ได้อยากมีชื่อเสียง พี่ไม่ต้องเอาเรื่องนั้นมาทวงบุญคุณหรอก ที่มาเป็นนักแต่งเพลงให้บริษัทก็เพราะเจนขอตั้งแต่ต้น ผมทำฟรีแลนซ์ของผมมาตั้งแต่มัธยม ไม่ได้อยากให้มีคอนเสิร์ตฉลองแซยิดอะไรอย่างที่พี่คิดโปรเจ็กต์ไปเสนอค่ายเสียหน่อย”

          พี่ทิหงุดหงิด และไม่แม้แต่จะซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้ “น้ำมนต์ มานี่”

          “อะ...ครับ? ผมเหรอ?”

          จะเรียกผมไปเป็นสนามอารมณ์ไม่ได้นะเว้ย

          “ชื่อน้ำมนต์หรือเปล่าล่ะ!”

          ผมสะดุ้งโหยง ก้าวเท้าถี่ๆ ไปหาพี่ทิ อดไม่ได้ที่จะทำหน้าเหยเก ให้เล่นวิ่งไล่จับเหมือนตอนเจอกันแรกๆ ไม่ไหวแล้วนะครับ เพิ่งกินไอติมมา จุกตาย

          “ยังไงเหตุผลที่ผมทำงานให้พี่ก็คือเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จะเขียนให้แล้วกัน เพลงเร็วหนึ่ง ช้าหนึ่ง มีธีมหรือคอนเซปต์อะไรไหม”

          “ไม่มี เอาที่นายเห็นว่าเหมาะเลย คุณพรหมเชื่อในเทสต์นาย งั้นไปละ ไว้พี่พาไปกินไอติมใหม่นะน้ำมนต์”

          “เลิกยุ่งได้ปะ”

          พี่ทิพูดเสียงเรียบ ทั้งผมและพี่ลมสบตากันก่อนเลื่อนสายตามายังคนพูดอย่างไม่ได้นัดหมาย พี่ทิเลียริมฝีปากเบาๆ ไม่สบตาใครทั้งนั้น

          “เลิกมาวุ่นวายกับน้ำมนต์ได้ปะ ไม่ชอบ”

          “ทำไม”
          คนอายุมากสุดขมวดคิ้วหน้ายุ่ง ผมก็มีคำถามนั้นผุดขึ้นมาในใจเลยนิ่งเงียบรอฟังคำตอบเหมือนกัน หรือคิดว่าผมไปเตี๊ยมแผนการอะไรลับหลังเขา หรือกลัวพี่ลมหลอกใช้ผม ซึ่งคำตอบนั้นคงพอเข้าใจได้มากกว่าการที่พี่ทิย้ำเสียงชัดหนักแน่น

          “ไม่-ชอบ”

          ไอ้คำตอบกำปั้นทุบดินนั่นมันเรียกว่าเหตุผลที่ไหนล่ะวะ

          “อ้อ...อือ เข้าใจละ”

          น่าโมโหที่พี่ลมเกิดเข้าใจอะไรง่ายดายเหลือเกิน ง่ายเหมือนกับโคนันที่ไขคดีกระจ่างเพียงคนเดียวแล้วไม่เฉลยสาเหตุการตายทว่าจนแล้วจนรอดเขาก็แค่โบกมือยิ้มๆ แล้วกลับออกไปโดยไม่สปอยล์อะไรให้ผมเข้าใจทั้งนั้น

          อะไรวะ

          ผมลังเลว่าจะถามพี่ทิดีหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายพรูลมหายใจออกยาวแล้วมองดุผมก็ไม่กล้าพูดอะไรเรื่องของตัวเองอีก

          “ถ้าพี่ไม่โอเคที่ต้องแต่งเพลงให้เจนพี่ก็น่าจะพูดไปตรงๆ นะ”

          ผมเสนอความเห็นซ้ำ เขามองผมแล้วส่ายหัว ไอ้ท่าทางแบบนี้นี่มันอะไร เหมือนกับว่าเล่นเกมให้ผมเป็นคนโง่ที่พูดจาไม่รู้เรื่องอย่างนั้นแหละ

          “ถ้าเครียดอีกพี่ก็กลับไปดื่มอีก ผมไม่ชอบเลย”

          “ก็อยู่ด้วยกัน อย่าเกเรนักดิจะได้ไม่ดื่ม”

          “อยู่ด้วยตลอดไม่ได้หรอก เดี๋ยวเสาร์นี้ผมก็ต้องกลับบ้านด้วย ถ้าพี่ไม่สบายใจที่ต้องทำงานกับเขา พี่ก็น่าจะปฏิเสธ ใช่ว่านักแต่งเพลงของค่ายจะมีคนเดียวเสียหน่อย”

          “ฉันรู้จักเจนดีที่สุด”

          แหงล่ะ เพราะเคยรู้จักดีที่สุดนั่นแหละปัญหา

          “ฉันไม่เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมารวมกันหรอก”

          พูดง่าย ทำได้หรือเปล่าเถอะ

          ผมหน้าหงิก นั่งลงบนโซฟา หยิบสมุดเขียนเพลงของพี่ทิขึ้นมาดู บทจะเขียนได้นี่ก็เร็วชะมัด จริงอย่างที่พี่ลมบอกว่าเขาทำงานไว และปัญหาหลักๆ คือถ้าทำงานไม่ได้แม้แต่บรรทัดเดียวเขาก็เขียนคำออกมาขัดๆ เขินๆ ไปหมด

          เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผมเลยลดสมุดลงมามองคนที่ยืนกอดอกตรงหน้า

          “ผม...ทำอะไรไม่ถูกใจพี่เหรอ หรือว่าห้ามอ่าน”

          “เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปไว้ใจพี่ลม ทำไมยังให้มันพาไปไหนมาไหนอยู่ได้”

          “เขาแค่มาถามเรื่องพี่”

          “ถามอะไร เมลก็มี บ้านก็รู้ จะไปถามกับนายทำไม”

          “ก็...”

          จะไปรู้เหรอ

          “ถึงขั้นไหนแล้ว”

          “อะไรขั้นไหน นี่ พี่ลมเป็นพี่ชายเพื่อนผมนะ”

          “ขนาดกับฉันมันยังจูบได้ กับนายถ้ามันอยากได้ไม่ยากหรอกมั้ง”

          เช็ด...

          ไม่มีอะไรหกครับ เป็นคำอุทาน

          ผมเบิกตากว้าง เมื่อกี๊พี่พูดว่าไงนะ

          “พี่...เคยจูบกับพี่ลมด้วยเหรอ”

          “คนเจ้าเล่ห์อย่างมัน”

          ถะถะ...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ทิเองก็มีแฟนมาตลอดนี่ครับ

          “จูบกันหรือยัง”

          “ยัง บ้าพี่...ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก ไว้ใจได้”

          พี่ทิเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวเดียวกัน กวาดมือวาดไปด้านหลัง เท่ากับว่าโอบผมไว้ทั้งตัว “น้ำมนต์”

          “คะ...ครับ”

          จู่ๆ ผมก็นึกถึงฝันนั้นขึ้นมา ฝันที่พี่ทิบอกให้ผมถอดเสื้อผ้า แต่ละฉากละตอนในจินตนาการกระตุ้นให้ผมร้อนวูบขึ้นมาบนหน้า หัวใจเต้นแรงจนเจ็บไปหมด

          “ขอจูบจองไว้ก่อนได้ไหม”

          “หา?!”

          ผมหันไปมอง คราวนี้พี่ทิเป็นฝ่ายหลบตา ทั้งหูและแก้มขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด “ช่างเถอะ ไม่มีอะไร คงหงุดหงิดพี่ลมไปหน่อย ลืมไปซะนะ”

          “ดะ...ได้ครับ!”

          จริงๆ ผมก็อยากตีปากตัวเองอยู่หรอก แต่ว่าก็ไม่อยากให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเหมือนกัน มันคงแปลกที่จูบแรกของผมกลายเป็นผู้ชาย ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาก็ตั้งใจว่าต้องเป็นผู้หญิงสักคนที่แอบชอบจนผมกล้าพูดสารภาพออกไป ถึงอย่างนั้น...ผมก็ชอบ...ชอบพี่ทิเหมือนกัน

          ชอบที่ไม่ได้หมายถึงชื่นชมธรรมดาๆ

          “แต่...ทำไมถึงอยากจูบเหรอครับ”

          “นาย...ชอบฉันใช่ไหมล่ะ”

          “ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

          “หน้าที่ของนายคือทำยังไงก็ได้ให้ฉันเขียนเพลงส่งค่ายทันกำหนด กลับมาห้ามเรื่องเจนจนพี่ลมไปต่อไม่ถูก ปกป้องความรู้สึกของฉันขนาดนั้น...มันไม่แปลกหรือไง”

          เออว่ะ จะพูดไปมันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ

          “พี่ไม่รังเกียจเหรอ...ผมหมายถึง...”

          “ไม่รู้เหมือนกัน จะลองด้วยกันไหมล่ะ”

          มันเป็นบทสนทนาก่อนจูบที่โคตรไม่โรแมนติกเลย ไหนวะนักเขียนเพลงรักอันดับหนึ่งของประเทศ

          “...อย่าเงียบดิ”

          “พี่จะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ”

          ห้องของพี่ทิจะเปิดดนตรีคลอเบาๆ ตลอดเวลา จู่ๆ บางครั้งจากแผ่นเสียง บางครั้งจากคอมพิวเตอร์ วันนี้เปิดจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นเพลงในยุคหลังจากเครื่องเล่นเทปอำลาวงการเพลงไปโดยสิ้น เนื้อเสียงผ่านลำโพงคุณภาพดีชัดใสไม่ต่างกับมีนักร้องมาเล่นให้ฟังสด ผมรู้ว่าลำโพงของพี่ทิราคาหลักแสน ไม่ได้พิสมัยการใช้ของหรูหราแต่ว่ามันดีจริงๆ มาห่วยแตกเอาตอนที่เสือกแรนด้อมเพลงจูบของJetset’er มาตอนนี้นี่แหละ

          ถ้าหูผมเป็นหวอดรถไฟ ป่านนี้ความร้อนที่สะสมไว้คงดันเอาไอน้ำพ่นออกมาดังปู๊นปู๊น เสียดายที่มันไม่ได้เป็นกลไกเช่นนั้น ผมเลยระบายความรู้สึกประหม่าด้วยการกำมือจนแน่น ขณะที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมขยับตัวสักที

          นั่นน่ะสิ ตอนนี้จะพูดอะไรได้

          ประสบการณ์นักแอบรักอันโชกโชนของผมไม่เคยถูกจับได้มาก่อน ดังนั้นการจินตนาการว่าถ้าผมถูกรู้ความลับในใจเข้าให้แล้วจะต้องทำตัวต่อไปยังไง

          มันยากขึ้นไปอีกเพราะพี่ทิก็เป็นผู้ชาย

          ผู้ชายที่หมายถึงเพศชายที่เคยมีเมียและอยู่กินด้วยกันมาหลายปี แม้ว่าทางนิตินัยไม่ใช่ แต่พฤตินัยน่ะชัดแน่ สำหรับผมความสัมพันธ์ทั้งชายและหญิงคือศูนย์ ถ้าผมชอบผู้ชายจริงๆ ก็คงไม่แปลกเท่าพี่ทิที่มีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน มิหนำซ้ำยังเมามายเสียผู้เสียคนตอนโดนทิ้งไปด้วย

          “พี่...อยากจูบผมเพราะจะประชดแฟนเก่าหรือเปล่า”

          ผมอยากตีปากตัวเองอีกแล้ว พูดอะไรดีๆ ไม่ได้ก็น่าจะเก็บปากไว้อมเหรียญตอนตายนะกู

          “ฉันไม่ได้คาใจกับเจนขนาดนั้น ตอนเลิกก็พูดกันดีๆ เข้าใจที่เจนจะไป เข้าใจทุกอย่าง”

          แต่ตอนนี้ผมคาใจมากๆ ว่าถ้าเหมือนจะยอมรับแล้วทำไมถึงได้เละเทะขนาดนั้น อ้อใช่...เพราะการจากไปทำให้เขาเสียศรัทธาในความรักต่างหาก

          แต่ว่า...ตอนนี้เขาก็กลับมาเขียนเพลงรักได้ใหม่แล้ว อย่างน้อยๆ ผมน่าจะได้เรียกคืนความเชื่อบางอย่างของเขาคืนมา

          “พี่ชอบผมเหรอ”

          “ไม่รู้ดิ”

          เขาเป็นคนที่ชัดเจนกับความรู้สึกดีนะ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ ดีกว่าหลอกว่าชอบแล้วค่อยมาเฉลยทีหลังว่าพูดๆ ไปก่อน เพราะถ้าถามไอ้อุ้ยมันจะสอนให้ผมทำอย่างนั้น ฟันสาวก่อน ค่อยเคลียร์ทีหลัง ไม่รู้ว่าพูดเอาฮาหรือเปล่าแต่ฟ้าได้ยินก็สวดยับ สำนึกผิดไปสามวันแปดวัน

          “ผมว่า ผมไปดูในตู้เย็นดีกว่าว่ามีอะไรกินบ้าง”

          ท้ายที่สุดก็กลายเป็นตัวเองที่ทนความรู้สึกประหม่าและประดักประเดิดนี้ไม่ไหว ผุดลุกจากโซฟ้า ก้าวเท้าฉับๆ ออกไปพี่ทิขายาวกว่าเขาก้าวไม่กี่ช่วงขาก็ตามทัน เขาคว้าข้อศอกผม ออกแรงกระชากให้ผมพลิกหันกลับมา มือข้างหนึ่งคว้าต้นคอด้านหลัง ใช้นิ้วนางและนิ้วก้อยดันกรอบหน้าให้ยกเงย วินาทีนั้นเขาโน้มตัวลงมาและทาบริมฝีปากลงทับในที่สุด

          ภาพทุกอย่างเหมือนช้าลงโดยอัตโนมัติ เขาไม่ใช่แค่วางปากตัวเองบนปากของผม แต่เผยอเกร็งริมฝีปากจูบดึงริมฝีปากล่างผมให้สัมผัสถึงความอุ่นหยุ่นและชื้นแผ่วเบา ขยับนิ้วคลึงบริเวณท้ายทอยของผม โอบกระชับด้วยแขนอีกข้างรอบเอวให้เข้าชิดร่างของตัวเอง เบี่ยงสันจมูกแต่ไม่ละห่างจากริมฝีปากออกมา ผละถอยและกดซ้ำย้ำลงบนกลีบปากเชื่องช้า อ้อยอิ่ง ก่อนผมจะค่อยๆ หลับตาและขยับริมฝีปากตามอย่างที่คนอายุมากกว่านำ

          “สตอเบอรี่เชอร์เบทกับช็อกโกแลต”

          เขากระซิบที่ข้างหู ผมแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายถอนจูบไปเมื่อไหร่ หัวใจตัวเองเต้นแรงเป็นบ้า หน้าที่คิดว่าร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนผ่าวหนักหนากว่าเก่า

          “จะเขียนเพลง ห้ามเข้ามากวน”

          “หะ..หา?”

          พี่ทิค่อยๆ ปล่อยมือที่โอบเอวผมไว้ออก ผมไม่กล้ามองหน้าเขา คงคล้ายกับที่อีกฝ่ายไม่สบตา เขาสั่งไว้แค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไป ปิดประตูดังปัง

          “พี่ทิ...”

          ผมเรียกรั้งอีกฝ่ายไม่ทัน แต่ชั่วอึดใจเขาก็เปิดประตูห้องเข้ามาใหม่ พูดกับผมว่า “ห้องนอนอยู่ฝั่งโน้น”

          กะ...ก็ใช่น่ะสิครับ

          ชายหนุ่มกระแอมไอแล้วรีบสาวเท้าหลบสายตา พอคิดว่าเขาเองก็คงเขินจนหลงทิศ ผมค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงมาหน่อย

          อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่ผมที่ใจเต้นเป็นจังหวะรุมบ้าคนเดียว

          นึกแล้วก็ขำ คนอะไรวะ อายุ 25 ยังขี้เขินเหมือนเด็กประถมถูกเพื่อนล้อว่ามีแฟนไม่มีผิด

          แต่ก็...น่ารักนะ

          ผมมองบานประตูห้องนอนที่ซ่อนชายหนุ่มเจ้าของจูบนั้นไว้แล้วตีแก้มตัวเองเบาๆ

          บ้าจริง ผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย




....
          TBC

ขอโทษที่มาช้าค้าบ หนีเที่ยวมาแหะๆ กอปรกับใช้คอมน้อง ถะถะถะถะถูกต้อง เว้ดจำพาสเวิร์ดไม่ได้ ขอโทษด้วยค่ะ ฮือ นั่งสุ่มกันเป็นชั่วโมงเลย
จากฉากเรียกน้ำตาตอนที่แล้วตอนนี้เริ่มยิ้มไม่หยุดเลยนะนังน้ำมนตร์ เจ้าเด็กดื้อ แอแงงง
ขอบคุณสำหรับการติดตามฮะ
สิบกว่าตอน ในที่สุดก็ได้จูบมัดจำ โฮฮฮ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-01-2020 01:16:49
มัดจำไว้แล้ว,,, 555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 18-01-2020 07:11:06
งื่อออออออ.  พี่ทิน่ารักเกินไปแล้ววววววววว~~  (灬♥ω♥灬)
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-01-2020 07:50:39
จูบมัดจำไว้แล้วด้วย โอ้โหหหหหห
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-01-2020 08:34:58
ต้องขอบคุณพี่ลมไหมล่ะ ทำให้เจอกัน ทำให้หึงกัน
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 18-01-2020 08:55:50
เราอ่านยังเขิลเลย  :o8: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 18-01-2020 08:56:12
งุ้ยยยยย เขินด้วยคนนนนนนนน  ชอบน้องมากแล้วนะพี่ทิ หึงเอาเรื่องอยู่น้าาาาา
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 18-01-2020 09:12:37
งื้ออออออออออออออออออออออ ชอบไอดอลอ่ะเนาะ
จะให้พูดเองมันก็คงยาก
ในที่สุด พี่ทิก็รู้จัว ฮืออออ เขิงไปหมดแร้ว  :z3: :z3:
พี่ลมพอเรื่องแบบนี้ก็เข้าใจเร็วจนน้ำมนต์ตามไม่ทัน
เค้าจูบกันแล้วค่ะแม่
รอวันนี้มานานแสนนาน  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-01-2020 09:30:30
แย่แล้วว ว่าน้ำมนต์ดูออกง่าย แต่คนที่ดูออกอาการง่ายและไวกว่า
คือคุณพี่กะทิจ้าา มาเร็ว จู่โจมไว กันซีน ออกตัวแรงถ้ามองออก

ลองไหมล่ะ แล้วเป็นไงล่ะ เปิดก่อนใช่ว่าจะได้เปรียบนะ
คนได้เปรียบยืนขำความน่ารักพี่ ที่เขินจนเดินผิดทาง

โอ๊ยยย อะไรคือจูบจนรู้รสไอติม ความลึกซึ้งนี้ กุมใจ

ขอบคุณมากนะคะ ที่เจอพาสเวิร์ด ไม่งั้นคิดถึงกันแย่เลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 18-01-2020 09:38:35
มัดจำแล้วอย่าลืมมาเก็บที่เหลือด้วยนาาาาพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-01-2020 12:21:21
คืบหน้าสักที พี่ลมเป็นตัวกระตุ้นซืนะ
เลยต้องขอจูบมัดจำไว้ก่อน

แล้วพี่ลมไปจูบกับพี่ทิตอนไหน ยังไง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 18-01-2020 12:24:56
จูบกันแล้วอะ แงง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 18-01-2020 14:20:05
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-01-2020 14:23:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-01-2020 17:02:49
น่ารัก..กกกกกกกกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jely ที่ 18-01-2020 17:34:07
เขินจนเข้าห้องผิดเลยนะพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 18-01-2020 18:53:52
จูบแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-01-2020 20:10:38
 :mc4:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-01-2020 21:05:10
เขาเริ่มรักกันแล้วๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 18-01-2020 21:16:55
ตอนพี่ทิกระซิบว่าสตรอเบอรี่เชอเบทกับชอคโกแลต นางดูร้ายกาจไม่เบาอ่ะ
นี่ แล้วก็รีบมั่นใจในตัวเองได้แล้วว่าพี่น่ะชอบน้ำมนต์แค่ไหน
ขอน้องเป็นแฟนไปเลย !!!!
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 18-01-2020 21:22:49
อิ๊ีพี่ทิๆๆๆๆ.... อืออเขินตัวบิดเลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 18-01-2020 21:49:29
ยังไม่รู้ว่าชอบไหม  ยังมาขอจูบมัดจำก่อนอี๊ก พี่ทิร้ายจริงๆ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 18-01-2020 22:32:09
พี่ทิต้องเขียนเพลงจูบรสไอติมแน่ๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: kokilolylove ที่ 19-01-2020 13:20:20
เขินนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 13 สตรอวเบอรี่เชอร์เบทและช็อกโกแลต (หน้า7|18012020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 22-01-2020 05:45:39
14 ผู้มาเยือน


สามสิบห้าองศาต่างจังหวัดไม่เหมือนสามสิบห้าองศาในกรุงเทพแม้แต่น้อย

หลังจากจัดการสั่งเสียกับพี่ทิจนวางใจได้ว่าระหว่างที่ผมกลับมารับหลานที่บ้านพี่ทิจะพยายามอย่างที่สุดไม่กลับไปดื่มเหล้าผมก็เบาใจ โทรบอกให้หลานเก็บกระเป๋าเตรียมตีตั๋วไปเที่ยวในเมืองกับสุดยอดนักดนตรี นักร้อง และนักเขียนเพลงอันดับหนึ่งในใจผมได้เลย ไม่ใช่แค่การพบแรงบันดาลใจชั้นเยี่ยม นะโมยังจะได้พักในห้องชุดหรูหราหมาเห่าแบบที่ทั้งชีวิตผมคงไม่มีปัญญาพาใครไปเยี่ยมชมสถานที่นั้นได้หากไร้บุญพาวาสนาส่ง ดังนั้นเมื่อเจ้าตัวเล็กนั่งรถเครื่องมากับพ่อผมเลยโบกมือหย็อยๆ ตื่นเต้นกว่าทุกครั้งที่เจอหน้าน้าชายต่างสายเลือด

“น้ามนต์ๆ ได้เอากีตาร์กลับมามั้ย”

“ไม่ได้เอามา มันหนัก” ผมว่า หลานสาวมุ่ยหน้าแต่ก็กระโดดกอดผมเหมือนหมีโคอาล่า “ตัวใหญ่แล้ว แบกไม่ไหว”

“สูงขึ้นเยอะเลยใช่ป่าว”

“อื้อ โตจนไอ้เฉาก๊วยเลียตูดไม่ถึงแล้วมั้ง”

ผมหมายถึงหมาสี่ตาสีดำที่หลงมานอนหน้าบ้านบ่อยๆ เด็กผู้หญิงอายุสิบขวบดูโตกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนที่เจอจนผิดตา “ยายยังบอกว่าโมเป็นเด็กอยู่เลย ห้ามมีแฟน”

ไอ้เปี๊ยกนี่ ทำไมมันแก่แดดแก่ลมจังวะ “ยังเป็นเด็กหญิงอยู่นี่ จะมีแฟนแล้วเหรอ”

“ทำไมล่ะ เฉาก๊วยเด็กกว่าโมอีก มีลูกแล้วนะ” นะโมรีบแย้ง ก่อนทำเสียงเศร้าในตอนหลัง “เสียดายที่มันทับลูกตัวเองตายหมดเลย เหลือสีขาวตัวเดียว น้ามนต์มาไม่ทัน แต่ลูกมันตัวนั้นปลอดภัยแล้วนะ กำลังซน เมื่อเช้าก็ไปเอารองเท้าตามากัด ตาเกือบฟาดให้ แต่โมปกป้องมันทัน”

“จริงเหรอ ตานี่ใจร้ายจังเลยเนอะ”

เด็กน้อยพยักหน้า “ตอนแรกโมอยากให้น้ามนต์มาตั้งชื่อ แต่ว่ากว่าน้าโมจะกลับมาก็นานแล้ว โมเลยตั้งชื่อให้มันไปเลย”

“จริงเหรอ แม่ชื่อเฉาก๊วยลูกชื่ออะไรล่ะ”

นะโมยิ้มอวดเขี้ยวจนเห็นลักยิ้มเล็กๆ “ลูกเฉาก๊วยตัวสีขาว โมเลยให้ชื่อกะทิ กะทิกับเฉาก๊วย น่ารักใช่ป่าว”

พอหลานสาวพูดจบ ผมก็อดหัวเราะจนสำลักอากาศเข้าหายใจไม่ได้ ไม่อยากนึกหน้าพี่ทิถ้าได้ยินเรื่องเล่าจากหลานสาวตัวห้าวของผมกับความภาคภูมิใจชิ้นใหม่ แต่จะว่าไปชื่อกะทิมันก็เหมาะกับหมาสีขาวมากกว่าผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นจริงๆ



ความสัมพันธ์ปร่าแปร่งไประหว่างผมกับพี่ทิไม่ถูกขนานนามเรียกชื่อชัดเจน มันเกิดขึ้นบนความแปลกประหลาดที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของเพศหรือหน้าที่การงาน ขณะเดียวกันอาจเป็นความแปลกประหลาดของนิสัยบางอย่างที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นพี่ทิที่ขี้อายเกินกว่าจะอธิบาย หรือเป็นผมที่มือใหม่จนไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากจัดการกับมันอย่างไรกับความรัก

กระนั้นหลังจากจูบฉกฉวยอย่างไม่ทันตั้งตัวเราก็ไม่มีใครพูดถึงมันอีก ผินหน้าหลบกันไปคนละทาง แตกต่างจากวันแรกที่ได้พบที่พลีชีพต่อสู้กับคนแปลกหน้าอย่างกลัวๆ กล้าๆ ทว่ากลับรู้สึกใกล้ชิดเกินกว่าจะหยิบคำไหนมาบรรยาย ผมรู้ว่าตัวเองถือโอกาสฉกฉวยไว้แม่นมั่นกว่าการแอบรักครั้งไหน แม้ว่าจะมองไม่เห็นตัวเองกับพี่ทิในวันข้างหน้าสักนิดก็ตาม

“น้ำมนต์จะอยู่บ้านนานหรือเปล่า” แม่ถามในมื้อเย็นวันแรกของการกลับถิ่นฐาน น้ำพริกแดงผักลวกของแม่อร่อยที่สุด หากินที่ไหนในกรุงเทพก็ไม่อร่อยเท่า

“ไม่นานครับ ว่าจะนอนบ้านคืนเดียว พรุ่งนี้เย็นก็นั่งรถกลับ”

“เสียดายเลย แต่ทิ้งพี่เขาไว้นานก็ไม่ได้ใช่ไหม”

ผมเงียบแทนคำตอบ ไม่ใช่ทิ้งไม่ได้ แต่ไม่อยากทิ้งต่างหาก “จะได้พาเจ้าโมไปเที่ยวด้วยครับ”

“จริงสิ ว่าแต่นะโมจะไปอยู่คอนโดเขาได้เหรอ เกรงใจเปล่าๆ”

“ไม่ต้องเกรงใจเลยแม่ เขาน่ะต้องเกรงใจผม” ได้ทีขี่แพะไล่ อวดอ้างสรรพคุณผู้จัดการดีเด่นเสียหน่อย “แรกๆ ก่อนไปหาหมอได้นะ ผมแทบตาย”

“ก็เขาป่วย แต่ว่าจะเลิกเหล้าได้เหรอ จำตาปลูกร้านขนมไทยในตลาดได้ไหม นั่นก็ติดเหล้า เข้าพรรษาที่ผ่านมาเมียแกจับหักดิบ ถึงตายเลยนา”

“พี่เขาไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้นน่ะครับ” ผมว่า แต่ก็ไม่กล้ายืนยันว่าพี่ทิจะไม่กลับไปดื่มอีก “ที่จริงเขาก็น่าจะแอบดื่มอยู่บ้าง แค่ไม่ให้ผมรู้เท่านั้นเอง”

“แล้วอย่างนี้ไม่โกรธแย่เหรอ เราน่ะ” พี่ปุ้นหรือแม่ของนะโมถาม เทน้ำใส่แก้วให้ลูกสาวตัวเล็ก “เราน่ะ ตอนเป็นติวเตอร์เจอเด็กไม่ตั้งใจเรียนยังบ่นไปทั้งเทอม เจอแบบนี้เข้าไปกำลังใจไม่หมดเหรอ”

“ไม่นะพี่ ผมเข้าใจมากกว่า”

นึกถึงว่าโกรธมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องแย่งของกินเสียกระมัง

“แต่น้ำมนต์ก็เหมาะกับงานอย่างนี้จริงๆ นะ อดทน ใจเย็น”

“พูดเหมือนผมเป็นคนดีมากๆ เลย”

“ดีไม่ดีไม่รู้ล่ะ แต่โดนแกล้งตั้งแต่เด็กๆ ไม่ร้องสักแอะ ไม่รู้จักเข็ดจักจำ”

เรื่องนั้นจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ผมไม่เข็ดไม่จำ แค่ไม่อยากเอามาใส่ใจมากกว่า

“แล้วต้องโทรไปถามเขาหรือเปล่าว่าเป็นยังไง เราไม่อยู่แล้วมีคนมาอยู่ด้วยไหม”

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ เขาไม่ชอบใช้โทรศัพท์น่ะ”

“พิลึกคน”

ผมก็คิดอย่างนั้น แต่การมีชีวิตโดยไม่ต้องสื่อสารอีกฝ่ายตลอดเวลาก็เป็นอีกความสัมพันธ์ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นพี่ทิได้ดีมากแล้ว

“ช่วงนี้คงเร่งทำเพลงน่ะครับ”

“เขาทำได้แล้วเหรอ”

“ก็น่าจะ...ผมจะรู้อีกทีก็ตอนก่อนส่งเดโมไปพี่ลมนั่นแหละ ก่อนหน้านั้นส่วนมากพี่ทิจะเขียนกับเล่นดนตรีคลอเบาๆ ไม่กระโตกกระตาก ถ้าเขียนได้ก็จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว แต่ถ้าคิดไม่ออกก็จะหงุดหงิด ไม่รู้ว่าเพราะอยากดื่มด้วยหรือเปล่า”

ผมนึกถึงตอนที่เขาเริ่มหงุดหงิดจนมือสั่น แต่พอเห็นสายตาประหัตประหารจากผมเปลี่ยนไปดื่มน้ำหวานระบายความอัดอั้น

“น้ำมนต์ต้องเป็นกำลังสำคัญเลยนะเนี่ย”

พ่อชมยิ้มๆ เหมือนภูมิใจนักหนากับลูกชายคนนี้ และระหว่างที่กำลังหวานชื่นรื่นรมย์โทรศัพท์ผมก็ดัง เป็นเรื่องประหลาดในรอบปีเลยก็ว่าได้ที่มีคนโทรหาเพราะตั้งแต่วิทยาการของไลน์รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเราทุกที่แล้วผมกับเพื่อนๆ ก็มักติดต่อกันผ่านข้อความมากกว่าโทรหา ไม่นับรวมกับการปรากฏตัวของพี่ลมซึ่งหลังจากผมรับงานก็ต้องรับสายเขาเพิ่มไปด้วยบ่อยๆ

“ว่าไงฟ้า”

ผมรับสายเมื่อเห็นชื่อขึ้นหน้าจอ หลังจากนั้นก็อ้ำอึ้งเพราะปลายสายปล่อยโฮออกมาอย่างที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน



ผมเคยคิดว่าถ้าอุ้ยกับฟ้าทะเลาะกันก็อาจมีช่องทางให้ตัวเองสวมบทเพื่อนพระเอกเข้าไปปลอบใจให้ฟ้าเห็นความสำคัญเป็นเพื่อนคนพิเศษขึ้นมาบ้าง ไม่ต้องถึงขั้นเลิกรากันมามองผม แต่ถ้าฟ้าเห็นผมเป็นที่พึ่งพิงบ่อยๆ ก็หวังว่าการมีอยู่ของผมที่วนเวียนรอบหญิงสาวจะเป็นประโยชน์เข้าให้ในวันหนึ่ง อย่างน้อยก็ช่วยยืนยันว่าระหว่างเราจะไม่มีวันสูญหายไปจากชีวิตแม้เส้นทางในอนาคตไม่มีทางเคียงข้างกันได้เลย

แต่ผิดถนัด

รถมินิคูเปอร์สีพาสเทลหวานขับมาจอดหน้าอาคารพาณิชย์ที่ปรับปรุงเป็นหอพักเก่าโทรมโกโรโกโสตามสภาพของหอพักต่างจังหวัดด้วยความเร็วสูง ได้ยินเสียงเอี๊ยดหนักๆ ก่อนกลิ่นไหม้ระหว่างล้อยางคุณภาพเยี่ยมกับถนนคอนกรีตจะลอยแตะจมูก ฟ้าโทรหาผมเมื่อช่วงเย็น พอตกดึกหญิงสาวก็ขับรถตามจีพีเอสมาถึงบ้านผมทั้งที่ยังร้องไห้ไม่หยุด

“บอกให้ค่อยๆ ขับมา เหยียบมาเท่าไหร่เนี่ย”

ผมอดไม่ได้ที่จะเอ็ด เป็นห่วงเพื่อนก็ห่วง โกรธที่ไม่ดูแลตัวเองก็โกรธ แต่จะว่าก็ว่าเถอะผมยังไม่เคยเห็นฟ้าทะเลาะกับอุ้ยจนร้องไห้ไม่มีสติขนาดนี้มาก่อน

“มาๆ ลงมา กินข้าวหรือยัง”

หญิงสาวส่ายหน้า ตาปูดบวม โผตัวเข้ากอดผมไว้แน่น ปล่อยโฮอีกระลอกใหญ่

“ใจเย็นๆ ไปกินข้าวก่อนนะ แม่เราเจียวไข่ไว้ให้”

“ไม่อยากกินอะไรเลย”

“ฟ้าโทรบอกที่บ้านกับอุ้ยหรือยังว่ามาหาเรา”

ผลเป็นไปตามที่คาด หญิงสาวส่ายหัวรัวๆ ไอ้อุ้ยไม่โทรหาผม คงเข้าใจว่าฟ้าอยู่ที่บ้าน ขณะเดียวกันที่บ้านก็คงเข้าใจว่าอยู่กับอุ้ยเหมือนทุกวัน

“ทะเลาะอะไรกัน เราฟังฟ้าพูดไม่รู้เรื่องเลย”

“อุ้ยขอเลิก” หญิงสาวพูดแค่นั้นแล้วร้องไห้กระอึกกระอือ ผมได้แต่คอยลูบแผ่นหลังกว้างของเพื่อนสนิทเบาๆ ปลอบประโลม “อุ้ยบอก...บอกว่าแม่ให้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้อง”

“เฮ้ย บ้าป่าว”

ชีวิตไอ้อุ้ยค่อนข้างลิเกแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้องฝึกงานตั้งแต่พนักงานล้างจานก่อนเลื่อนขั้นไปบริหารงานแทนพ่อมันและเมียนับแสน กระนั้นมันก็ไม่เคยบอกว่าที่บ้านกีดกันมันกับฟ้าสักครั้ง

“เป็นญาติกันแต่งกันเดี๋ยวลูกก็เป็นออ”

“แม่อุ้ยคิดว่าเราจะไปเกาะอุ้ยกินอะ”

“เดี๋ยว เป็นไงมาไงวะ บ้านฟ้าก็มีเงินนี่ คบกันมาตั้งนานแล้วด้วย แม่คนไหน” เพื่อนก็เสือกมีหลายแม่เสียด้วย

“ไม่รู้” หญิงสาวส่ายหน้าระวิง “เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ช่วงหลังๆ อุ้ยไม่ค่อยมีเวลาให้เลย รู้อีกทีพอเราถามบ่อยๆ ก็หลุดออกมาบอกว่าอย่าเรื่องเยอะ กำลังจัดการปัญหาที่บ้าน เราก็เลยบอกว่าปัญหาที่บ้านอุ้ยทำไมไม่บอกใช่ว่าเราไม่รู้จักครอบครัวอุ้ยเสียหน่อย อุ้ยเลยบอกว่าจะให้บอกยังไง แม่กำลังสั่งให้เลิก”

จริงอยู่ที่ไอ้อุ้ยของพวกเราไม่ใช่แค่ไอ้คุณหนูอุ้ย แต่เป็นถึง ไฮโซนนท์ของประเทศนี้ ครอบครัวถือครองธุรกิจที่เป็นจีดีพีหลักของประเทศ กระนั้นก็ใช่ว่าฟ้าจะไก่กาอาราเล่เสียที่ไหน

“แล้วยังไงอะ ไอ้อุ้ยว่าไง”

“อุ้ยเลือกแม่อะ บอกให้ห่างกันสักพักรอให้แม่เลิกแพนิค เราก็ไม่รู้ว่าแม่อุ้ยแพนิคอะไร อยู่ๆ มาเกลียดเราทำไม”

ผมเกาหัวแกรก นึกว่าเรื่องแบบนี้จะมีแต่ในละครเสียอีก

“ทั้งที่ก็กินข้าวด้วยกันทุกสัปดาห์ เราไม่รู้เลยว่าบ้านอุ้ยมองเราอย่างนี้”

ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้นี้มันพูดยากฉิบเป๋ง ผมพรูลมหายใจ ถ้าเป็นผมก็คงตอบยากว่าระหว่างคนรักกับครอบครัวต้องเลือกอะไร ที่สำคัญคือทำไมต้องเลือกวะ “ใจเย็นๆ นะฟ้า เข้าบ้านก่อน คืนนี้นอนที่ห้องเรา เดี๋ยวเราไปนอนกับหลาน”

“อยู่ด้วยกันไม่ได้เหรอ ฟ้ารู้สึกเหมือนตัวเองไม่เหลือใครเลยอะ” ถึงจะเป็นเพื่อนกันมาหลายปีก็เถอะ แต่พราหมณ์อย่างผมก็ไม่ควรอยู่กับสีกาในยามวิกาลนี่ครับ “คนที่ควรจะอยู่ข้างกันกลับทิ้งเราทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดอะ ทำไมวะน้ำมนต์ ทำไมวะ”

ผมอ้ำๆ อึ้งๆ ยังถูกกอดไว้ทั้งตัวตั้งแต่เพื่อนสนิทลงจากรถมา สัมผัสได้ถึงร่องรอยอุ่นของหยดน้ำตา ก่อนเย็นเยียบเมื่อมันปะทะเข้ากับอุณหภูมิเย็นจนหนาวของอากาศ ก็นั่นดิ รอสองคนนี้ตีกันแทบตาย พอมาวันนี้ที่ผมเริ่มมีเค้าลางของความสมหวังในรักสักครั้งก็ประดังประเดเข้ามา ทั้งกับสาวที่แอบชอบ ทั้งกับชายที่แอบปลื้ม ไม่ใช่แค่ฟ้าที่สับสน ผมเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูก ช่วยแบ่งโชคด้านโอกาสไปลงที่ลอตเตอรี่ทีเถอะ อยากรวย

“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวแว้นรถเครื่องไปกับเรา หาอะไรอุ่นๆ กิน เผื่อใจเย็นลง หรือจะอาบน้ำก่อน”

“ฟ้าไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเลย”

อะไรจะหุนหันพลันแล่นเบอร์นั้น

“แต่มีกระเป๋าเครื่องสำอางนะ”

นี่สินะ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิง!

ผมพรูลมหายใจออกยาว นึกอยากยีหัวคนตัวเล็กกว่าให้สมกับความมันเขี้ยวแต่ต้องข่มใจเอาไว้ จู่ๆ ก็เข้าใจขึ้นมาว่าเพื่อนที่ถูกต้องต้องมีความใกล้ชิดสนิทสนมแค่ไหน นึกถึงในอดีตที่แย้งไอ้นิวหัวชนฝาว่าผมไม่ได้ทำอะไรเกินเลยก็ย้อนมาตบหน้า เหตุผลที่ฟ้าเลือกมาหาผมในวันนี้แทนที่จะไปเจอไอ้นิวที่อยู่หอในกรุงเทพคือสิ่งนั้น ที่ผ่านมา ผมปฏิบัติกับฟ้ามากกว่าความเป็นเพื่อนที่ดีทั่วๆ ไปจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ผมไม่ใช่คนที่จะนั่งรอฟ้าหันมองกลับมาเหมือนก่อน ไม่ใช่คนที่พร้อมจะซัพพอร์ตฟ้าทุกอย่าง คนเราก็ต้องมีเส้นทางชีวิตของตัวเองทั้งนั้น

ผมหดมือที่ยกขึ้นลงข้างลำตัว อยู่ๆ ก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองขึ้นมา

การเป็นเพื่อนที่ไม่คอยแอบคิดทรยศเพื่อน มันสบายใจอย่างนี้นี่เอง



“อยู่กันกี่คน”

เสียงนั้นดังราบเรียบ แต่กรุ่นขุ่นด้วยอารมณ์ไม่พร้อมพังให้เรียบราบเป็นหน้ากลอง ผมกลืนน้ำลายข้นเหนียวลงคอ มองชื่อที่โทรหาอีกครั้ง แต่ฟังไม่ผิดแน่ นั่นไม่ใช่เสียงของเจ้าของเบอร์ พี่ลมรับสายแค่ถึงตอนที่ผมบอกว่าฟ้าขับรถมาหาผมที่บ้านต่างจังหวัด

“ประมาณ...เจ็ดครับ รวมคนขายน้ำเต้าหู้ด้วย”

“ไม่ตลก”

เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยห้วน ไร้หางเสียงหรือกระทั่งช่องว่างให้ผมเปลี่ยนเรื่องเฉไฉ พี่ลมขุดเอาพี่ทิไปห้องอัด แต่ผมไม่รู้ มารู้เพราะโทรศัพท์เจ้านายโดนแย่งไปพูดเนี่ย ตอนนี้เลยไม่มีทางหนีได้โดยสิ้นเชิง

“ผมออกมากับฟ้า แต่ไม่ได้เปลี่ยวนะพี่ทิ คนเยอะแยะ”

“แล้วทำไมฟ้าทะเลาะกับแฟนแล้วต้องไปหา”

“ก็ผมเป็นเพื่อนฟ้า”

“มีเพื่อนคนเดียวเหรอ ขับรถไปหาถึงต่างจังหวัดเลยนะ”

ผมอึกอัก ยืนรอขนมปังสังขยานึ่งขณะที่หญิงสาวนั่งรอที่โต๊ะ เซื่องซึมเหงาหงอย

“ก็คงเปลี่ยนบรรยากาศมั้งครับ หนีไปไกลๆ จากกรุงเทพ”

“ไม่เมคเซนส์”

“โธ่ พี่ ผมก็ไม่รู้”

“จะไม่รู้ได้ไง”

“ผมไม่ใช่ฟ้าสักหน่อย” จะให้บอกว่าเพราะที่ผ่านมาผมสปอยล์ฟ้าเกินเบอร์ก็ไม่ได้ป้ะ “หึงเหรอ”

ไม่ได้จะหลงตัวเองนะ แต่ว่ามันก็คิดได้ไม่ใช่หรือไง พี่ทิไม่ตอบ เกิดเพียงความเงียบส่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์ อยากจะดีใจหรอกนะ แต่ถ้าหึงแล้วผมง้อไม่ได้ก็ใจคอไม่ดีเหมือนกัน นานๆ ทีจะมีคนที่ยอมให้ผมชอบอย่างเปิดเผยนี่ครับ

ไม่สิ พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก ถ้าหึงก็หมายถึงพี่ทิชอบผมเหมือนกันไม่ใช่หรือไง

“พี่ชอบผมใช่ไหม”

“ไม่ชอบ” ปฏิเสธเสียงแข็งมาก หัวใจผมฟีบแบนลงไปเลย “ไม่ชอบ...ให้อยู่กับคนอื่น”

“นั่นมันหึงไม่ใช่เหรอ”

ผมหัวเราะ มองลุงคนขายน้ำเต้าหู้เคาะกระป๋องนึ่งขนมปังเทลงใส่จานแล้วตักสังขยาสีเขียวใบเตยใส่ถ้วยน้ำจิ้ม โรยนมสดอีกหน่อย อยากบอกว่าไม่เอาสังขยาแล้วฮะ ตอนนี้คนในสายผมหวานจ๋อยน้ำตาลละอาย เขินจังโว้ย หัวใจที่ฟีบเมื่อกี้เต้นแรง ช่างกลิ้งกลอกเจ้าเล่ห์นักเชียว

“ตลกอะไร ขำนักเหรอ”

“ไม่ได้ตลกครับ”

“ไม่ตลกแล้วหัวเราะอะไร”

“ไม่ได้ขำ” ผมกรอกเสียงเนิบไปตามสาย ยังถ่วงเวลาไม่กลับไปที่โต๊ะเพราะอยากคุยกับพี่ทิอีกหน่อย คนบ้าอะไรโทรไปก็ไม่รับ พอเห็นผมโทรหาพี่ลมแล้วก็มาแย่งรับสาย คิดถึงก็โทรหาผมสิครับ จะท่ามากทำไม “เขิน”

ผมสารภาพ ใช่จะเป็นคนท่ามากเสียเมื่อไหร่ น่าแปลกที่แม้ว่าตัวเองจะคิดว่าไม่คู่ควรกับความรักมากแค่ไหนเมื่อเป็นพี่ทิผมกลับกล้าก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนได้หน้าตาเฉย

บางที อาจเป็นเพราะผมชอบเขามากกว่าใคร

ชอบมากพอที่จะรับไว้ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือเศร้าใจ ไม่ว่าพี่ทิจะหยิบยื่นตำแหน่งไหนให้ ผมก็คงน้อมรับไว้อย่างไม่รู้จักเจ็บจักจำอยู่ดี

“พี่ก็เขินใช่ไหม เงียบทำไม”

“จะให้พูดอะไร”

“หึงก็บอกว่าหึง บอกว่าคิดถึง บอกว่าชอบผมจะไปยากตรงไหน ไม่มีใครห้ามเสียหน่อย”

“ยาก” เขากระซิบเสียงเบา จากนั้นก็มีใครบางคนตะโกนแทรกเข้ามา “อ้าว น้องเจน ยังไม่กลับเหรอ”

เสียงโทรศัพท์ดังกลุกๆ เหมือนคนในสายขยับท่าทาง ผมเม้มปากเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เรื่องที่พี่ทิไปทำเพลงที่ค่ายผมรู้ เรื่องที่อยู่กับพี่ลมผมก็รู้ แต่เรื่องที่มีเจนอยู่แถวนั้นด้วยไม่เห็นอีกฝ่ายจะเล่าให้ฟังบ้างเลย แล้วในสถานการณ์แบบนี้ ตรงนั้นที่ไม่มีผมอยู่... ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเนิ่นนานของทั้งคู่ก็ทำเอาผมรู้สึกร้อนรนในอกอย่างบอกไม่ถูก

“เจอเจนเหรอครับ”

“อืม มาทำเดโม่”

เขายังคงพูดเสียงเบาในระดับที่คนที่ตะโกนเบื้องหลังส่งเสียงลอดเข้ามาในสายได้ “พี่ทิไปไหน”

“โทรศัพท์ เดี๋ยวมา”

“เฮ้ยๆ มือถือกู”

“เดี๋ยวเอามาคืน ไม่เอาไปปาหัวหมาหรอก”

นักเขียนเพลงมือฉมังส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ สุดท้ายเสียงที่อุดอู้อื้ออึงในห้องก็เงียบลง กลายเป็นเสียงหวีดหวิวของสายลม เดาว่าอีกฝ่ายคงหนีมาคุยที่ระเบียงหรือลานโล่งแจ้ง

แม้ว่าเขาจะดูดีขึ้นแล้ว ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อเจอคู่กรณีจะกลับไปอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเหมือนก่อนหน้านี้ไหม สภาพจิตใจจะพร้อมสำหรับการทำงานร่วมกันกับคนใจร้ายพวกนั้นหรือเปล่า

ให้ตาย แม้ว่าจะระแวงว่าพฤติกรรมของอีกฝ่ายจะย่ำแย่ในระดับไหน เขาฉกฉวยโอกาสชิดใกล้คนรักเก่าหรือเปล่า แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมเอ่ยผ่านลำคอแห้งผากกลับเป็นสิ่งที่หัวใจอยากรับรู้มากที่สุด

“พี่โอเคหรือเปล่า”

“ไม่โอเค”

ก็นั่นน่ะสิ ยับเยินเสียขนาดนั้น เสาหลักที่ใช้เกาะยามเหนื่อยล้าท้อถอยสูญสลายไป เมื่อเจออีกครั้งคนที่จมน้ำอย่างเขาจะไม่อยากไขว่คว้าไว้เชียวหรือ

“ยังทำใจไม่ได้เหรอครับ”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง” พี่ทิถอนหายใจแล้วพูดต่อ “จะให้ทำใจยังไง ไหนพูดดิ๊ มีผู้หญิงตามไปถึงบ้านต่างจังหวัด ดึกขนาดนี้ก็ยังอยู่ด้วยกัน จะให้โอเคได้ไง”

เชี่ย พีค แต่ผมไม่ได้หมายความว่าเขาไม่โอเคเรื่องของผมหรือเปล่าโว้ย

“หมายถึงเรื่องพี่กับเจน พี่โอเคหรือเปล่า”

“ก็พูดอยู่ว่าอย่าเปลี่ยนเรื่อง”

“ไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง พี่นั่นแหละพูดคนละเรื่องกับผม ก่อนหน้านี้จะเป็นจะตายเพราะเจนไม่ใช่หรือไง”

ไม่ได้อยากโมโหใส่หรอกนะ แต่คนที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขาอยู่ตรงนั้น ได้มองหน้า ได้สบตา ได้ร้องเพลงที่พี่ทิเขียน ได้ฟังเสียงของคนเก่าขับกล่อมเพลงรักของตัวเอง

“คิดว่าฉันสนใจเรื่องของคนอื่นมากกว่าเรื่องน้ำมนต์หรือไง”

ถะ...ถึงจะบอกอย่างนั้นก็เถอะ

“รู้ไหมว่าทำให้โกรธ”

“ผมทำให้พี่โกรธเหรอ”

ปลายสายไม่ตอบ ผมเองก็พูดไม่ออก ไปทำให้โกรธตอนไหน “พี่หึงผมแล้วใช้คำว่าโกรธไม่ได้นะ มันไม่เหมือนกัน”

“แล้วจะง้อหรือเปล่า”

เล่นถามแบบนี้แล้วผมจะพูดอะไรได้

“พรุ่งนี้ผมจะรีบกลับไปง้อ”

เรายืนฟังเสียงลมหายใจของกันและกันพักใหญ่ ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนยิ่งกว่าขนมปังนึ่งและน้ำเต้าหู้ที่ตักใหม่ ไม่รับรู้ถึงความเศร้าของเพื่อนสนิท เหมือนโลกสีเทาของฟ้าไม่อาจพาโลกสีชมพูฟรุ้งฟริ้งของผมให้หม่นสีลงแม้แต่น้อย

ความรู้สึกของการได้รักและถูกรักคงเป็นเช่นนี้

ความรู้สึกที่แม้พี่ทิจะไม่พูด ผมกลับได้ยินมันในใจ ตรงไปตรงมา

“ผมคิดถึงพี่นะ”

อยากอยู่ใกล้ๆ

อยากเจอหน้าตอนนี้ชะมัดเลย



.

TBC

ทำไมนายเอกของเว้ดมันแรดทุกคนเลยเนี่ย!


หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 22-01-2020 06:58:07
ให้มันเป็นสีชมพู~~~  (♥ω♥ ) ~♪
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-01-2020 09:05:49
ชิ..เหม็นความรัก  :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-01-2020 09:31:20
กร้าวใจมากค่ะน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-01-2020 15:20:23
น้ำมนต์ไม่วอกแวกกับฟ้าเลย...นับถือ นับถือ   o13
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 22-01-2020 20:13:34
ชั้นเขินนนนนนน พี่ทิติดน้องแล้วววว  งุ้ยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-01-2020 22:08:18
ดีใจที่ฟ้ามาหลังจากน้ำมนต์รู้ใจตัวเองแล้ว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-01-2020 22:09:34
ฟิลเตอร์ชมพูกระจาย หยอดกันงุ้งงิ้ง โดย มีแบ๊คกราวน์เป็นพ่อค้าขนมปังสังขยา กับฟ้าที่ยังตาบวมรอน้ำมนต์วางโทรศัพท์แล้วไปปลอบ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 22-01-2020 23:02:31
เขิ๊นนน.... น้ำมนต์​น่ารักก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 22-01-2020 23:27:05
หวานหยดดดดด เขินอีพี่เวอร์ชั่นนี้มากกก :ling1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-01-2020 00:20:46
ฟ้าจะทำให้เกิดปัญหาตามมารึเปล่านะ  :z10:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 23-01-2020 05:17:59
หึง​ หวง​ สะกดอย่างนี้นะพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 23-01-2020 08:47:04
ตอนนี้น่ารักจริง
ชอบนายเอกคุณเว้ดมาก ไม่ท่ามาก ไม่เรื่องเยอะ
พอมีอะไรมันก็เคลียร์ง่าย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-01-2020 09:18:58
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 23-01-2020 11:35:07
หึงสะกดแบบนี้นะพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 23-01-2020 13:07:35
ปากแข็ง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 24-01-2020 22:13:15
ประโยคสุดท้ายของน้ำมนต์ทำพี่ทิละลายไปแร้ว แงง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: kokilolylove ที่ 24-01-2020 22:36:57
 :-[ เขิน1
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-01-2020 00:34:34
เขินหนักมาก,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 14 ผู้มาเยือน (หน้า8|21012020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 29-01-2020 23:46:49
15 ลมเพลมพัด


          ผมจำได้ว่ามีเพลงหนึ่งของพี่ทิที่เขียนเกี่ยวกับความผิดพลาด เป็นเพลงที่เนื้อหาหม่นหมอง ลึกซึ้ง รันทด แต่งดงามคลอด้วยดนตรีเรียบง่าย นิ่ง น้อย และสะเทือนอารมณ์จนไม่อาจสรุปได้ชัดในเนื้อหากระชับเพียงประโยคเดียวได้ว่ามันคือความรู้สึกของอะไร บางทีแล้วอาจเป็นความรู้สึกของยามที่เรามองคนที่ห่วงใยทุกข์ระทมขมขื่นแบบที่ไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยได้เลย

          เมื่อคืนนี้แม้ผมจะชื่นมื่นเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกที่พี่ทิซ่อนไว้ในปลายสาย แต่เมื่อฟ้าเริ่มร้องไห้ และร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็ค่อยๆ จมหม่นไปกับรอยน้ำตา และทำได้เพียงยื่นทิชชูให้เพื่อนสนิททีละแผ่นจนลุงเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ไล่กลับบ้านตอนเกือบตีสี่

          น้ำเต้าหู้เป็นหมัน เช่นกันกับขนมปังสังขยา มันเพิ่งขายได้ดีตอนเช้าของวันต่อมาที่ไอ้หลานตัวดีโยเยไม่อยากกินข้าวเช้าที่เป็นผัดบวบของแม่มัน

          ไอ้อุ้ยโทรหาผมก่อนฟ้าจะตื่นในตอนสาย ท่าทางร้อนรนไม่ต่างกัน ผมไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของมันทั้งคู่นัก ทั้งที่รักกันมานานแต่บทจะมีปัญหาก็เกิดเรื่องที่ไม่มีใครเคยเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน

          พ่อแม่กีดกันเพราะฟ้าไม่ใช่ไฮซ้อไฮโซอะไรเนี่ยนะ?

          โคตรเอเชี่ยนริชเลย

          “ฟ้าตื่นหรือยัง น้ำมนต์”

          แม่ถามหลังกลับจากตลาด พ่อออกไปเล่นหมากรุกที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน มีสมาคมหมากรุกไทยกันอยู่ที่นั่น บรรยากาศของบ้านต่างจังหวัดเหมือนคนละโลกกับในกรุงเทพ บ้านที่ไม่มีความเป็นส่วนตัว ทุกคนเหมือนเครือญาติกันไปหมด เรื่องราวของลูกบ้านหนึ่งไปเป็นเดือดเป็นร้อนของอีกบ้าน โยงใยกันแน่นหนาและขยายกว้างดั่งแชร์แม่มะลิก็ไม่ปาน ส่วนกรุงเทพเรามักรู้จักเฉพาะคนที่เราอยากทำความรู้จักเท่านั้น

          “ยังเลยแม่ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบเช้า”

          “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า โทรบอกที่บ้านเขายังว่าเอาลูกเขามา เดี๋ยวได้แจ้งความกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต”

          ผมกำลังจะเล่าว่าโทรบอกพี่ลมแล้ว แต่ไม่ได้คุยกับพี่ลม พี่ทิแย่งสายไปแถมยังดุใส่อีกแต่ก็เงียบไป มีความกังวลใจบางอย่างลอยขุ่นค้าง เป็นต้นว่าความสัมพันธ์ที่อธิบายให้ผู้ใหญ่ฟังยากของผมกับพี่ทิ

          ว่ากันว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่บ้านเราให้การยอมรับแล้ว ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าบ้านเราที่ว่าหมายถึงบ้านคนอื่นในประเทศไทย หรือหมายถึงในบ้านที่เป็นของเราจริงๆ

          “บอกแล้วครับ ฟ้าทะเลาะกับแฟนนิดหน่อย”

          “มีอะไรก็คุยกันดีๆ ไม่น่าหนีมาแบบนี้เลย อันตราย”

          “วัยรุ่นน่ะแม่” ผมพูดเหมือนปลงสังวร “อารมณ์พุ่งพล่าน”

          “น้ำมนต์เองถ้ามีแฟนก็ใจเย็นๆ หน่อยนะ ทำอะไรคิดถึงความปลอดภัยตัวเองเยอะๆ”

          ผมพยักหน้ารับคำ ที่ฟ้าบุ่มบ่ามมาอย่างนี้กลางดึกก็อันตรายจริงๆ นั่นแหละ “แล้วเมื่อไหร่จะพาแฟนมาเที่ยวบ้านบ้างล่ะเรา”

          “ผมน่ะเหรอ ยังไม่มี๊” ลากเสียงสูง ถึงแม้จะจูบกันแล้วก็เถอะนะ ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ทิก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นเสียหน่อย “แม่ว่าคนที่เป็นแฟนผมจะเป็นคนยังไง”

          “ต้องเอาแต่ใจแน่ๆ”

          “ทำไมอะ”

          ” ก็เราน่ะ ติดนิสัยตามใจคนอื่น ไอ้เจ้าโมจะเสียคนเข้าให้ ที่บ้านนะไม่มีใครตามใจหลานเท่าเราแล้ว”

          “ผมน่ะนะตามใจ” ผมยังคิดว่าตัวเองเป็นน้าที่ดุและน่าเกรงขามมากๆ จนถึงเมื่อกี๊อยู่เลย “เจ้าโมขอให้ผมซื้อกีตาร์ให้ ผมยังไม่ซื้อให้เลย จะบอกว่าตามใจได้ไง”

          “เจ้าโมเป็นเด็กดีไง ถ้าลองตื๊อเข้าหน่อยใจแข็งได้เหรอ”

          ผมเถียงไม่ออกเลยครับ

          “น้ำมนต์น่ะ เป็นน้องคนเล็กของที่บ้านก็จริง แต่เป็นผู้ใหญ่นะ มีความเป็นผู้นำสูง แม่ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตั้งแต่มัธยมแล้วที่เราจะคอยดูแลเพื่อนๆ คนอื่น แม่ยังเคยคุยกับพ่อเลยว่าถ้าน้ำมนต์ลงสมัครนายกอ.บ.ต.คงได้”

          ผมทำหน้าแหยงทันที นี่แหละนะเป็นที่มาของคำว่าลูกฉันเป็นคนดีในสายตาแม่ๆ ขนาดผมฟังยังขนลุก

          “แม่ก็เวอร์เกิ๊น” ผมน่ะ ตามใจเฉพาะคนที่อยากตามใจเท่านั้นแหละครับ “แต่ว่าสงสัยผมต้องกลับกรุงเทพไวกว่าที่คิดแล้วล่ะ”

          “กลับพร้อมฟ้าเลยใช่ไหม ก็ดีนะ เป็นผู้หญิงขับรถคนเดียวอันตราย”

          ก็แม่สอนผมอย่างนี้ ให้คิดถึงคนอื่นก่อนตลอดแล้วยังมากล่าวหาว่าผมใจดีเกินเหตุเสียได้

          “พาเจ้าโมไปด้วยจะรบกวนฟ้าหรือเปล่า”

          “ไม่หรอกครับ”

          อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ ฟ้าเนี่ยตัวกวนผมเลย บ่นในใจยาวสามชาติยังไม่จบ แต่ก็ไม่เคยพูดออกมาหรอก เพราะเป็นเพื่อนนั่นแหละถึงยอมให้กวนทุกเรื่อง ถ้าก่อนหน้านี้ก็เสริมตำแหน่งเพื่อนคนพิเศษให้อีกหน่อยด้วย

          “นี่ ถ้าพี่ทิเขาดีขึ้นแล้วอย่าลืมพามาเที่ยวที่บ้านนะ แม่อยากเจอ”

          ประโยคนั้นมันฟังดูแปลกๆ ยังไงชอบกล แม่ไม่เคยอยากเจอเพื่อนผมคนไหนแท้ๆ “ถ้าเขาว่างนะแม่ หลังจากนี้ก็ต้องเตรียมงานคอนเสิร์ตสิ้นปี เสียเวลามาเยอะมากแล้ว”

          “อื้อ พามาแล้วกัน”

          ผมพยักหน้า เดินไปนั่งที่พื้นหน้าโซฟาตัวที่แม่นั่งอยู่ ซบหน้าขาอ้อนๆ อย่างคนสันหลังวะ ทำไมน้ำมนต์ต้องเกิดมาสันหลังหวะกับทุกเรื่องขนาดนี้ครับ ไม่เข้าใจ เหมือนความสามารถเรื่องการปกปิดความจริงของตัวเองนำไปใช้กับเรื่องแอบรักสาวๆ จนหมดโควตาแล้วงั้นแหละ

          “น้ำมนต์”

          แม่วางมือบนหัวผม ลูบเบาๆ อย่างที่ชอบทำตอนเด็ก ใครบอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่ ผมก็เป็นเด็กชายน้ำมนต์คนเดิมของแม่ตลอดนี่ครับ

          “รู้ใช่ไหมว่าต่อให้เป็นผู้ชายยังไงก็ต้องป้องกันนะลูก”

          เอ๊ะ..?

          “เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ น้ำมนต์อาจจะมีพี่เขาคนเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่เขาจะมีน้ำมนต์คนเดียวเข้าใจไหม ไม่ว่ายังไงแม่ก็อยากให้น้ำมนต์ดูแลตัวเองให้ดี”

          “แม่ ผมกับพี่ทิยังไม่ได้...”

          เช็ดครก! ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่ทั้งที่หัวใจแข็งค้างเหมือนแช่น้ำแข็งขั้วโลกเหนือ แม่ก็คือแม่ ยิ่งแม่ผมที่ยอมให้เจ้านะโมเกิดขึ้นทั้งที่พี่ปุ้นยังเรียนอยู่ คนที่ยินยอมให้แม่เจ้าโมเลือกเส้นทางตัวเองแม้ว่าไม่เห็นด้วยเมื่อสิบปีก่อน

          “เฮ้อ น้ำมนต์พูดอย่างนี้แม่ก็เบาใจ อย่างน้อยก็เตือนได้ทัน”

          ผมกลืนน้ำลายข้นเหนียวลงคอ ไม่อาจซ่อนแววตาสับสนได้พ้นทาง “ผมกับพี่ทิยังไม่ได้คบกัน”

          “ก็ดีแล้ว แม่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อเขาหรอก ไม่รู้ว่ายอมรับได้มากน้อยแค่ไหน ใช้เวลาหน่อยนะน้ำมนต์ คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ไม่ได้เกิดมาในยุคที่เรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องปกติ แต่แม่พยายามเข้าใจหนูนะ น้ำมนต์มีสุขกาย สุขใจ แม่ก็พอแล้วล่ะ”

          เกือบซึ้งแล้วครับ ไม่สิ มันเป็นบทสนทนาที่ซึ้งมากๆ สำหรับผมเลยต่างหาก ต่างก็ตรงที่...ตรงที่ผมยังช็อกอยู่

          จริงที่ว่าผมกับแม่พูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างสนิทใจ แต่ว่าเรื่องนี้ผมยังไม่ทันเล่าให้ใครฟังเลยด้วยซ้ำ

          ไม่ว่าจะเป็นกอดหรือจูบ...หรือกระทั่งท่าทางหึงหวงของพี่ทิ ความคิดถึงของผม ไม่เคยหลุดปากออกมาเลยแม้แต่น้อย

          ผมก้มลงกอดเข่าแม่ไว้ แกล้งร้องฮือๆ ซ่อนความเขินอาย ให้ตายเถอะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าแกล้งตาลุงตัวโตนั่นไว้เยอะสุดท้ายจะตกม้าตายรู้สึกกระดากอายกับคำพูดธรรมดาๆ ของคนในครอบครัว

          “น้ำมนต์ อ๊ะ แม่ สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะเมื่อคืนฟ้ามารบกวนดึกเลย”

          แขกคนพิเศษเดินออกมาจากห้องนอน สุดท้ายเมื่อคืนเราก็อยู่ด้วยกันในห้องนั้น แม้ว่าจะบ่ายเบี่ยงสุดกำลังแค่ไหนเมื่อถึงเวลาผมก็ทิ้งให้ฟ้าอยู่คนเดียวไม่ลงจริงๆ ความคิดอกุศลต่างๆ อันตรธานหายไป เหลือเพียงความหม่นเศร้าในโศกนาฏกรรมรักที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้เท่านั้นเอง ยิ่งผมเปิดเพลงของพี่ทิคลอไปด้วยฟ้าก็ร้องไห้อย่างกับพี่ลมเสีย วันนี้เลยกลายเป็นสาวน้อยหน้าสดที่ตาบวมเป่งเหมือนกบ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้

          “หัวเราะอะไรน้ำมนต์”

          “ไม่เคยเห็นฟ้าหน้าสดเลยอะ”

          “น้ำโมนนนน” ได้ยินเสียงโหยหวนแบบนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็มีรอยยิ้มเซียวๆ ให้เห็นได้

          “ตาบวมเป็นเคโระเลยอะ”

          “อีน้ำมนต์ ขอโทษค่ะแม่”

          “น้ำมนต์อย่าแกล้งเพื่อนสิ” แม่เข้าข้างฟ้า แต่ก็หลุดหัวเราะมาเหมือนกัน สาวน้อยทำหน้างอ แกล้งเดินมาตีไหล่ผมเบาๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเนียนจับมือสักหน่อยหรอก ซึ่งไม่ว่าจะเพราะไม่อยากฉวยโอกาสเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นแล้วหรือเพราะต่อหน้าแม่ ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับไป

          “แล้วเป็นยังไงจ๊ะ ดีขึ้นมั้ย”

          “ค่ะ” ฟ้าไม่ได้มาที่นี่ครั้งแรก แต่ก็นานมาแล้ว ตอนนั้นที่มาเที่ยวบ้านผมตอนอยู่ปีหนึ่งพร้อมไอ้พวกที่เหลือ “บ้านยังจัดน่ารักเหมือนเดิมเลยนะคะ”

          “พอน้ำมนต์ไม่อยู่ก็ไม่มีคนทำรกเลย”

          “น้ำมนต์เป็นคนทำบ้านรกเหรอเนี่ย”

          “โม้” ผมรีบเถียง “ทำบ้านรกแล้วจะไปเก็บห้องพี่ทิได้ไง”

          จู่ๆ การพูดถึงพี่ทิต่อหน้าแม่ก็กลายเป็นเรื่องที่ผมประหม่าอาย เหลือบมองคนรู้ทันที่ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วก็ร้อนเห่อบนพวงแก้มทั้งสองข้างจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

          ” อุ้ยมันโทรมานะฟ้า”

          หญิงสาวลดมุมปากที่ฉีกยิ้มเมื่อครู่ลงเล็กน้อย พยักหน้ารับรู้ ให้เดาก็คงโทรหาฟ้าแล้วเหมือนกัน “ค่อยๆ คุยกัน ยังไงมันก็รักฟ้าแหละ”

          “ไม่รู้ดิน้ำมนต์ เหมือนเราต้องรอให้พ่อแม่อุ้ยตายอะถึงจะได้แต่ง”

          “แรงไป๊”

          “ไอ้อุ้ยพูดงี้ จริง สาบาน”

          ผมหัวเราะร่วนลงคอ คงทะเลาะแล้วประชดประชันกันไปตามประสา มองในมุมของคนนอกแล้วก็คิดว่าไม่นานเดี๋ยวก็ดีกัน

จู่ๆ ผมก็รู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่มองฟ้าได้เต็มตา เอาใจช่วยไอ้อุ้ยให้หาทางฟันฝ่าอุปสรรคไปได้เป็นอย่างนี้นี่เอง

          “แล้วจะอยู่กี่วัน ไม่ได้เตรียมของมาด้วยนี่”

          “อืม คงต้องกลับวันนี้แหละ ไม่อยากให้อุ้ยมาตาม เดี๋ยวโดนผู้ใหญ่บ้านนั้นฉีกอก”

          ผมพยักหน้าแล้วหันไปถามแม่ “นะโมไปไหนแล้วครับ ให้เตรียมของไปด้วยกันเลย เดี๋ยวฟ้าอาบน้ำอาบท่า กินข้าวก่อนแล้วแวะไปส่งเราหน่อย”

          พอจะพูดว่าไปส่งเราที่ห้องพี่ทิหน่อยต่อหน้าแม่ก็เลิ่กลั่กไปหมด

          “อื้อ ขอโทษน้า รบกวนน้ำมนต์เยอะเลย”

          ผมได้แต่คิดในใจว่า รู้ตัวแล้วก็หัดรบกวนให้มันน้อยๆ หน่อยสิโว้ย ทว่าท่าทางที่แสดงออกมากลับเป็นยิ้มใจดีดั่งที่ทำมาตลอดสี่ปี

          เริ่มคล้อยตามแม่แล้วว่าผมคงเป็นคนขี้ตามใจมากเกินไปอย่างว่าจริงๆ

         

         
          ผมส่งข้อความไปบอกพี่ทิว่าจะไปหาที่คอนโดค่ำๆ แต่เจ้าตัวคงไม่ได้กดอ่าน หรืออ่านแล้วไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยเงียบไป ไม่ติดต่อมา ดีที่ก่อนหน้านี้ผมบอกไปก่อนแล้วว่าจะพาหลานมาอยู่ด้วย เมื่อฟ้าจอดส่งหน้าตึกสูงผมเลยเดินเข้าตึกโดยไม่รู้สึกว่าเป็นผู้บุกรุกเท่าไหร่

          “โห อย่างหรูเลยน้ามนต์”

          ไอ้ตัวเล็กยังสัมผัสได้ ผมอยากให้มันสูดกลิ่นความไฮโซเข้าปอดลึกๆ เพราะบ้านเราไม่มีวันได้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อย่างนี้แน่แต่ก็วางฟอร์ม ทำเป็นนิ่งทั้งที่ตอนแรกที่ตัวเองมาก็แทบกรี๊ดเหมือนกัน

          ใช่ แทบกรี๊ดจริงๆ เพราะหลังประตูที่ดูดีบานนั้นซ่อนเอาความโสมมแบบที่เห็นแล้วนอนฝันร้ายไปได้อีกเกือบเดือน

          “อ้าว...พี่ทิล่ะครับ”

          เมื่อเปิดบานประตูออกด้วยคีย์การ์ด คนที่นั่งจิบไวน์อยู่ในห้องกับเสียงดนตรีเคล้าบรรยากาศกลับไม่ใช่เจ้าของห้อง นะโมยกมือไหว้พี่ลมตามมารยาทก่อนผมสั่งให้เขาเอาของไปเก็บในห้องนอนเล็กซึ่งพี่ทิยกให้ผมชั่วคราว พี่ลมสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงแสลคพอดีตัว น่าจะเพิ่งกลับจากประชุมเพราะไม่อยู่ในชุดสบายๆ อย่างที่เห็นบ่อยๆ

          “ทิอยู่ห้องอัด”

          “แล้วพี่?”

          “กะทิฝากโทรศัพท์ไว้ที่พี่ตอนทำงานน่ะ” เขาตอบยิ้มๆ ผมเหลือบมองขวดไวน์แล้วหงุดหงิดพิกล เอาแอลกอฮอล์มาไว้ในห้องแบบนี้ถ้าพี่ทิเห็นไม่มือสั่นแย่เหรอ “เลยมารอน้ำมนต์ก่อน”

          “ครับ? มีอะไรหรือเปล่า”

          “มานั่งนี่สิ”

          เขาตบที่นั่งข้างตัว ผมไม่ได้รังเกียจพี่ลมหรอกนะ แต่ว่าที่ว่างตั้งเยอะแยะไม่ใช่หรือไง

          “พี่บอกให้มานี่”

          เขาไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงใจดีอย่างเคยแล้ว ผมก็เผลอห่อไหล่ลง ขยับไปนั่งข้างชายหนุ่มเงียบๆ แขนยาวยกพาดด้านหลัง โอบให้ผมเอนตัวเบียดกับร่างกายอีกฝ่ายโดยใช่เหตุ ผมเกร็งตัวขึ้นมา เม้มปากเข้าหากัน

          “มีอะไรเหรอครับ”

          “น้ำมนต์เก่งมากเลยนะที่ทำให้เจ้าทิกลับมาเขียนเพลงได้ทันงานคอนเสิร์ตสิ้นปี”

          “พี่ทิตั้งใจจะเลิกเหล้าด้วยครับ ผมก็แค่พาเขาไปปรึกษาคุณหมอ”

          “เป็นกำลังใจที่ดีให้กะทิด้วยใช่ไหม”

          ผมตอบในใจว่านั่นก็เพราะพี่จ้างผมมาไม่ใช่หรือไง

          “น่ารักจังเลยนะ แต่ว่า...ต่อจากนี้น้ำมนต์ไม่ต้องทำงานให้กะทิแล้วแหละ เขาเขียนเพลงเสร็จแล้ว เหลือเชื่อเลยไหม นี่ล่ะกะทิ ทิวากรที่เก่งกาจจนหาตัวจับยาก”

          “หมายความว่าไงครับ”

          ผมมองหน้าคนพูด ขมวดคิ้วเข้าหากัน “พี่ทิยังอยู่ในช่วงที่หมอติดตามผลนะครับ เขามีโอกาสกลับไปดื่มได้อีกถ้าเจอความเครียดเหมือนก่อนหน้านี้ พี่ลมต้องสนใจเรื่องสุขภาพของพี่ทิมากกว่างานสิครับ”

          “สนใจ ใครบอกว่าพี่ไม่สนใจ พี่น่ะสนใจทิทุกอย่างนั่นแหละ พี่เห็นเขามาตั้งแต่ยังเป็นฟรีแลนซ์ ตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียง น้ำมนต์น่ะ เพิ่งมาตามเขาตอนที่เริ่มดังแล้วไม่ใช่หรือไง”

          วงการขิงคนมาก่อนในติ่งนี่มันอยู่ทุกด้อมจริงเว้ย

          “แล้วยังไงครับ พี่บอกว่าพี่ชอบพี่ทิก่อนก็เลยเขี่ยผมออกไปเพราะได้ของที่ตัวเองต้องการแล้ว อย่างนี้พี่ยังเรียกว่าสนใจพี่ทิได้เหรอครับ พี่สนแค่ชื่อเสียงแล้วล่ะมั้ง”

          “น้ำมนต์ พี่อาจจะดูเหมือนใจร้ายนะ แต่พี่ว่าน้ำมนต์กับกะทิกำลังทำอะไรที่ไม่สมควรทำหรือเปล่า”

          ผมเม้มปากเข้าหากัน ที่ไม่สมควรทำนั่นหมายถึงอะไรกันแน่

          “น้ำมนต์อยากได้ทิเป็นของตัวเองใช่ไหม”

          “ไม่ใช่เรื่องนั้นนะครับ”

          “พี่ถามอะไรหน่อยสิ ได้กันหรือยัง”

          วันนี้มันวันโป๊ะแตกโลกหรือไงวะ ทำไมทุกคนถึงได้รู้ทั้งที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย แม้แต่พี่ทิก็ยังไม่ได้คุยกับผมชัดเจนถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำ ผมขยับตัวจะลุกแต่ก็โดนล็อกแขนเอาไว้ บีบจนต้นแขนเจ็บไปหมด

          “ไหนเคยบอกพี่ว่าชอบฟ้า แล้วนอนกับกะทิทำไม”

          “ผมยัง...” เสียงนั้นหายไปเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ต้นคอ ผมเปลี่ยนมาหันหน้าเผชิญหน้าอีกฝ่าย ใช้สองมือดันหน้าพี่ลมไว้ “อย่าทำแบบนี้เลยครับ หลานผมก็อยู่”

          “งั้นปล่อยสิ อยากให้หลานมาเห็นตอนน้าตัวเอง...”

          ผมเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าจะถูกพูดใส่แบบนี้มาก่อน ถึงจะทโมนตามประสาผู้ชาย ผมก็นับว่าเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยและสุภาพกว่าเกณฑ์มาตรฐานมากนะครับ พูดอย่างนี้ได้ยังไง น้ำมนต์ระคายหูมากๆ

          “มองหน้าทำไม มีปัญหาเหรอ”

          “ไม่เชิงครับ ผมคิดว่าพี่จะเห็นผมเป็นน้องเสียอีก”
         
          การถามตรงไปตรงมาทำให้พี่ลมอึกอัก เขาผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย

          “พี่เอ็นดูเรานะ แล้วก็เห็นว่าน้ำมนต์ไม่ได้มีพิษมีภัย ฟ้าเองก็เล่าให้ฟังว่าในกลุ่มก็มีน้ำมนต์นี่แหละที่เป็นผู้เป็นคนที่สุด”

          ผมขอบคุณฟ้ามากที่พูดถึงผมแบบนั้น แม้ไม่ได้คิดว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นสักเท่าไหร่ มุมเป็นคนดีก็มี เพี้ยนก็ใช่ว่าน้อย ถ้าเทียบกับคนอื่นก็อย่างที่ฟ้าว่านั่นล่ะ

          “พี่ไว้ใจให้น้ำมนต์มาดูแลทิ เราไม่น่าทำแบบนี้”

          “ผมทำอะไรครับ”

          ผมสู้นะ จ้องหน้าคนกล่าวหาเขม็ง ขยับตัวรักษาระยะห่างแต่ไม่แสดงทีท่าจะถอย ถ้าคิดว่าผมเป็นคนยอมคนง่ายๆ ล่ะก็ พี่ลมคงคิดผิด ไม่อย่างนั้นคงผมคงถอดใจเหมือนแม่บ้านคนก่อนๆ ที่พี่ลมหามาให้พี่ทิตั้งนานแล้ว

          “ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”

          “น้ำมนต์ก็รู้ว่ากะทิมันเอาใจผูกไวกับความรัก พอโดนทิ้งก็เสียผู้เสียคน บอกตรงๆ พี่น่ะ...ไม่เชื่อหรอกนะว่าเรากับทิจะไปตลอดรอดฝั่ง น้ำมนต์เองก็ยังเด็ก มีอนาคตที่ไกลกว่านี้ แล้วถ้าวันนึงน้ำมนต์ไปแล้วทิมันจะทำยังไง ไม่สงสารมันเหรอ”

          “แล้วทำไมผมต้องไปด้วยล่ะครับ”

          “มันไม่มีหรอกนะ ความรักจีรังของคนเพศเดียวกันน่ะ อย่างมากก็แค่เซ็กซ์ระยะยาว”

          “พี่ไม่เจอ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีนะครับ”

          อีกอย่าง ความรู้สึกข้างในมันไม่ได้ตัดสินกันได้ด้วยเครื่องเพศเสียหน่อย

          “พี่ลมใจร้ายมากนะครับที่ตัดสินความรักของคนอื่น แล้วยังห้ามไม่ให้พี่ทิมีความรู้สึกอีก เขาไม่ใช่เครื่องผลิตเพลงนะครับ ถ้าพี่ทิจะล้มบ้าง เสียใจบ้าง มันก็เป็นสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งควรเผชิญกับมันไม่ใช่เหรอครับ พี่น่ะ...ทั้งๆ ที่ชอบพี่ทิ ทำไมถึงทำแบบนั้นกับเขาล่ะครับ”

          ผมเผลอเม้มปากเข้าหากันในตอนท้าย ไม่อยากรับปากว่าความสัมพันธ์ของผมกับพี่ทิจะเดินไปที่จุดไหน แต่ว่าต่อให้ผมหรือพี่ทิเสียใจ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรเลี่ยงเสียหน่อย

          ผมหนีความรับผิดชอบต่อใจตัวเองมาตลอดชีวิต แม้จะบอกว่าการแอบรักทำให้เราไม่สูญเสีย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีวันได้มา เมื่อพบความรู้สึกที่มันมากมายจนไม่อาจเย็นชาใส่อีกต่อไปผมก็เดิมพันกับมันด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี

          พี่ลมไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในตัวผมและพี่ทิด้วยซ้ำ

          “เป็นเด็กที่เด็ดเดี่ยวมากเลยนะ”

          ชายหนุ่มถอนหายใจ ท่าทีระรานเมื่อครู่หายไปแล้ว กลายเป็นความรู้สึกเหนื่อยอ่อนและสับสนฉายในแววตา ผมรู้ การที่แอบชอบใครสักคนมาเนิ่นนาน พอเขาต้องหลุดมือไปจริงๆ มันก็กึ่งๆ รู้สึกผิดทีไม่พยายามอย่างที่สุด กึ่งๆ เสียใจที่ความรักนั้นไม่ใช่ของเรา อาการของพี่ลมตอนนี้ก็ไม่ต่างกันกับหมาหวงก้างเท่าไหร่

          “ถ้าพี่ไม่ต่อสู้เพื่อมัน พี่ก็ไม่มีสิทธิห้ามคนอื่นนะครับ”

          ผมพูดเตือนสติ คงเป็นประโยคที่เปรี้ยวตีนมาก เพราะอีกฝ่ายถึงกับหัวเราะเยาะในลำคอ

          “คิดว่าพี่ไม่พยายามเหรอ”

          “ถ้าพยายามแล้วยังไม่ได้มา แปลว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของพี่ไงครับ” ไอ้สัด เปรี้ยวตีนอีกแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันฟังน่าหมั่นไส้ แต่ต่อให้โดนต่อยก็ต้องบอก “ผมแค่พูดเพราะผมก็เคยทั้งพยายามแล้วไม่ได้มา ทั้งไม่ได้พยายาม ผมเข้าใจพี่ลมนะครับ”

          คราวนี้เขาทอดหายใจยาว ยื่นมือหยิกแก้มผมแรงจนเจ็บ

          “หมั่นเขี้ยว”

          ผมลูบแก้มตัวเองเบาๆ ไม่ออมแรงกันเลย

          “ผมขอโทษนะพี่ลม ผมก็บอกไม่ได้หรอกว่าพี่ทิคิดยังไง แล้วผมกับเขาจะไปถึงไหน ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มเอง”

          ยังใช้เวลาตีกันมากกว่ารักกันเสียด้วยซ้ำ ต่างตรงที่ความรู้สึกมันชัดสุดๆ เลยต่างหาก

          “เรื่องนี้ไม่มีใครผิดหรอก”

          ผมพยักหน้าก่อนถาม “แล้วพี่ทิกับแฟนเก่าเจอกันเป็นยังไงบ้างครับ”

          “ก็เงียบๆ นะ กะทิเป็นคนไม่ค่อยเล่นกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว พอเทียบกับเมื่อก่อนบรรยากาศเลยเปลี่ยนไป แต่อย่างน้อยก็ร่วมงานกันได้”

          “ผมเป็นห่วง ตาลุงนั่นยิ่งทำตัวเป็นเด็กอยู่ด้วย”

          “นี่” พี่ลมกอดหมอนอิง ยืดขาเหยียดยาว “กะทิน่ะ จะทำตัวเป็นงอแงแค่กับคนที่ชอบเท่านั้นแหละ คนที่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อ้อนก็จะได้โอ๋น่ะ ไม่ต้องหึงหรอก”

          ผมบ่นอุบอิบในลำคอว่าไม่ได้หึงๆ บอกว่าผมหึงพี่ทิอยู่ได้

          จริงๆ แล้ว ความรู้สึกข้างใน

          ผมแค่เป็นห่วงเขาเท่านั้นเอง







tbc



ขอโทษที่มาช้ามากค่ะ แงงงง ดอกที่1 คือลืม ทำงานเพลิน ดอกที่2 คือพอวันนี้เปิดคอม จากเมื่อคืนนอนตีสองกว่าๆ คอมแม่งไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น นี่เอาคอมพ่อมาลงให้ก่อน แหหะๆๆๆ  อีเวนคอมพิวเตอร์มันรู้นะคะว่าถ้างานเราเยอะมันจะทำตัวป่วงๆ โมโหมาก อยากถอยใหม่ใช้เงินแก้ปัญหา ติดอย่างเดียวไม่มีเงิน /ฮืดฮาดๆ 

ตอนนี้พระเอกมาน้อย ใช้สอยอย่างประหยัด เจอกันพุธหน้ากั๊บ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-01-2020 00:02:01
อิพี่ลม..ไม่น่ารักเลย  :fire:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-01-2020 00:17:24
น้ำมนต์เจ๋งสุด
รับมือได้ทุกสถานการณ์
ซัดกลับได้ทุกดอก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 30-01-2020 01:04:22
ตกใจ นึกว่าพี่ลมจะข่มเหงน้อง :mew4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-01-2020 01:45:30
น้ำมนต์สุดๆ นุ่มนอกแข็งในนะคะ
พี่ลมอย่ามาแหยม
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 30-01-2020 05:19:24
ไม่เข้าใจอีตาคุณลมเลย ที่จริงต้องดีใจที่พี่ทิมีความสุขซิ​ ทำไมเหมือนจะห้าม​ ไม่อยากให้ทิผิดหวังอีก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-01-2020 07:11:49
พี่ลมรักเขาแต่ไม่กล้าก้าวต่อสินะ  :m22:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 30-01-2020 07:32:05
ลมก็ดูเป็นห่วงนะ คิดว่าคงเป็นห่วงทั้งคู่แหละ ถ้าจริงจังค่อไปยังไงก็ต้องเตรียมรับผลกระทบ ทิเป็นคนดังมีคนรู้จักยังไงก็ไม่พ้น ถึงบ้านน้ำมนต์จะโอเคก็เถอะ แต่ที่น้องเด็ดเดี่ยสแบบนี้คงทำให้ลมยอมรับได้บ้างล่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 30-01-2020 15:27:49
น้ำมนต์ดูมีสติกว่าลมเยอะเลยนะ ยังดีที่ลมรู้ตัวเร็วไม่งั้นในฐานะแฟนคลับน้ำมนต์เราก็คงต้องเกลียดลมอ่ะ //ขอบคุณเว้ดน้า ที่ทำให้วันนี้ที่เครียดๆมีรอยยิ้มขึ้นมา  :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-01-2020 23:33:23
อีพี่ลมนี้มันเป็นยังไงผีเข้าผีออก :m16:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 31-01-2020 23:32:47
น้ำมนต์อย่างเฟี้ยว ชอบๆๆๆๆ อย่าไปยอมค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 01-02-2020 08:40:15
สรุป ครอบครัวไม่ใช่ปัญหา
แต่อิพี่ลมมีปัญหาเช้ยยย  :z6: :z6:
พูดซะ คนอ่านงงเป็นไก่ตาแตก
ไปโดนตัวไหนมา
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 01-02-2020 15:08:34
ตาลุงรีบกลับบ้านเร็ววว น้ำมนต์กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 15 ลมเพลมพัด (หน้า9|29012020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 04-02-2020 23:58:34
16 น้าทิ



ดูเหมือนนะโมจะถูกใจน้าคนใหม่

ภายในไม่ถึงสัปดาห์โมก็หัดเล่นเพลงง่ายๆ ของพี่ทิที่ผมไว้ใช้หากินเป็นอย่างรวดเร็วโดยมีเจ้าของบทประพันธ์เป็นคุณครูคอยติวเข้มตัวต่อตัว แต่การเล่นให้คล่องคงต้องอาศัยประสบการณ์ ทำให้เจ้าตัวยังเล่นได้ไม่เพลินหูเหมือนคุณครูนัก พี่ทิใช้เวลาเกือบทั้งวันกับนะโม ส่วนผมก็เพียงแค่มองห่างๆ ถ้าหลานสาวจริงจังกับดนตรีก็อยากซื้อกีตาร์ให้ติดตัวสักชิ้นในวันเกิดปีหน้า

“บอด ใช้ปลายนิ้วจิกลงไปสิ”

“เจ็บแล้วอะน้าทิ” เจ้าลูกศิษย์เริ่มงอแง เอามือให้ครูสอนดูเป็นภาพประกอบ “เป็นแผลแล้ว”

“มือกีตาร์คนไหนก็ต้องเคยมือแตกกันทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่อยากเจ็บมือก็ต้องเล่นเครื่องดนตรีอื่น”

“โมอยากเล่นกีตาร์”

“งั้นต้องทน” เขาพูดห้วนเหมือนสอนเพื่อน ไม่เห็นใจตาอ้อนๆ ของหลานผมเลยสักนิด เจ้าตัวแสบหันหน้ามาเบะปากใส่ผมขอความช่วยเหลือ แต่เรื่องนี้ผมขอไม่ช่วยครับ ตัวเองก็ไม่ได้จริงจังกับการเล่นดนตรีนัก ให้เป็นนักฟังอย่างเดียวก็พอ อย่าไปแย่งงานนักดนตรีเขาเลย “เจ็บแค่ช่วงนี้แหละ เดี๋ยวนิ้วด้านก็ชิน”

เขาว่าพลางขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุด พยักพเยิดให้เด็กน้อยเล่นดนตรีสี่โน้ตวนไป ใช้แค่หูฟังแล้วคอยวิจารณ์

“ตอนน้าฝึกก็เลือดอาบเหมือนกัน”

“นานไหมคะกว่าจะเล่นเก่ง“

คุณน้าที่แสดงท่าทางเหมือนเป็นผู้ใหญ่เต็มทีพยักหน้าเงียบๆ เด็กหญิงโมยังพยายามดีดเครื่องเสียงแม้จะบ่นอุบไม่ขาดปากก็ตาม

“พี่เขียนเพลงอยู่เหรอ โมมันเข้าไปเล่นในห้องไหม จะได้มีสมาธิ”

“ไม่เป็นไร เขียนได้”

บทจะได้ก็ได้เว้ย ไม่เกี่ยวกับสายลมแสงแดดอะไรทั้งนั้น ไม่สิ คงมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ความสิ้นหวังในรัก

ผมนอนอ่านการ์ตูน วันนี้พี่ทิไม่เปิดเพลง มีแต่เสียงของกีตาร์น่าหนวกหูของเจ้าโมลอยตลบในห้องชุดสุดหรู ผมยังไม่ได้บอกพี่ทิว่าวันก่อนพี่ลมมาหา เช่นกัน เราต่างไม่พูดถึงความสัมพันธ์ที่มันขาดๆ เกินๆ ราวกับปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติแม้ว่าจะประหม่าอายจนต้องผินหน้าหลบกันไปเมื่อสบตาแต่ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ก็บอกว่าผมมีตำแหน่งที่พิเศษกว่าช่วงก่อนที่เราจูบกันอย่างชัดเจน

ถึงอย่างนั้น ก็คงไม่เป็นที่น่าสงสัยหากโมจะเข้าใจว่าผมเข้ามาอยู่กับพี่ทิตามหน้าที่ภาระงาน

“เมื่อกี๊ต้องเป็นซีไมเนอร์ไม่ใช่เหรอ”

“โมลืม”

“เล่นใหม่ตั้งแต่ต้น”

ลืมภาพของผู้ชายงอแงคนนั้นได้เลย เมื่อเขาอยู่ในมาดของอาจารย์ พี่ทิแม่งเป็นครูที่ผมเห็นแล้วยังขยาด เขี้ยวลากดินฉิบเป๋ง แต่ก็เข้าใจได้ครับว่าเพราะเป็นแบบนี้ถึงได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเล็ก ภาพของพี่ทิที่ตั้งใจตั้งแต่เด็กคงน่ารักน่าเอ็นดู เพราะเมื่อโตมาเมื่อไหร่ที่เขาไขว่ห้างแล้วตั้งหน้าตั้งตาเขียนก็ยังน่ามองแม้จะอยู่ในชุดนอนก็ตาม

“พี่ทิเหลืองานอีกเยอะไหม”

“ที่จริงก็เสร็จแล้ว เหลือโชว์ของตัวเองเฉยๆ”

ผมอยากชวนเขาออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะอีก แต่ว่าช่วงนี้พี่ทิเขียนงานจนดึกทุกวัน กลางวันก็ไปค่ายเพลงบ้าง ไปประชุมบ้าง พอเขากลับมาทำงานก็กลายเป็นความสำคัญของผมลดลงอย่างเห็นได้ชัด

แถมยังไม่มีเวลาส่วนตัวอีก... ผมถอนหายใจแล้วมองหลานสาวที่ยังคงตั้งใจเล่นกีตาร์ให้ถูกต้องตามกฎของอาจารย์

“โม หิวปะ”

“ไม่หิว โมเพิ่งกินข้าวไปเอง”

“น้าหิวอะ ลงไปซื้อไอติมให้หน่อยดิ”

“น้ามนต์หิวก็ลงไปซื้อเองสิ”

ไอ้เจ้านี่ ชักดื้อขึ้นทุกวัน “บอกให้ลงไปก็ลงไปดิ เดี๋ยวนี้ใช้ยากนะ”

“ก็โมเรียนกีตาร์อยู่นี่”

“เออ ลงไปเถอะน่า ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”

“แล้วทำไมโมอยู่คุยด้วยไม่ได้”

ไอ้ลูกดื้อนี่ได้มาจากใคร นะโมหลานสาวของผมไม่เคยเป็นเด็กเวรนี่ครับ

“ฝากซื้อไส้กรอกชีสหน่อย”พี่ทิแทรกศึกเล็กๆ ของน้าหลานขึ้นเสียงเรียบ ที่น่าโมโหคือเจ้าตัวเล็กมันวางกีตาร์ทันทีแบบไม่ต่อรองสักคำ

“เอากี่ชิ้นคะ”

พูดจาคะขาเสียด้วย

“สองพอ เอาเงินไปแล้วอยากกินอะไรก็ซื้อมานะ”

นะโมยกมือไหว้ย่ออย่างมีมารยาท ไอ้เด็กม้าดีดกะโหลกเมื่อกี๊หายไปไหนแล้วนะ ได้น้าใหม่ลืมน้าเก่าก็ได้ด้วย

“ทีงี้ล่ะพูดง่าย”

ผมบ่นในลำคอ เมื่อหลานสาวออกไปจากห้องพี่ทิก็หันมาถามผม “มีอะไร”

“ไม่มีอะไร แค่อยากอยู่กับพี่สองคนบ้าง”

“ทำตัวเป็นเด็ก” แหม ที่ผ่านมาพี่เป็นผู้ใหญ่นักล่ะ “มานี่ซิ”

แม้จะทำหน้ายับแต่ผมก็ยอมเดินไปหาชายหนุ่มแต่โดยดี พี่ทิตบมือบนตัก ท่าเสี่ยสุดๆ ใครจะไปนั่งตักพี่วะ “ผมไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะ”

“อยากกอด”

มาอีกแล้ว หัวใจจังหวะรุมบ้า ผมกัดปากล่างหลบตา พอนึกว่าตัวเองเป็นคนเรียกร้องความสนใจแต่แรกก็ยิ่งเขินเข้าไปใหญ่

“ช่วงนี้งานยุ่ง หลังจากนี้จนถึงสิ้นปีด้วย น้ำมนต์จะกลับไปอยู่กับเพื่อนก็ได้นะ”

เขาพูดพลางดึงรั้งแขนผมให้ก้าวเข้าหา สุดท้ายก็จับนั่งลงบนตักอย่างที่สั่งจนได้ ผมก้มหน้างุด พี่ทิกอดผมจากด้านหลังอย่างที่เขาบอกว่าอยากทำจริงๆ วางคางบนบ่าจนเหมือนร่างเขากำลังค่อยๆ เขมือบผมไปทั้งตัว

“ไหนตอนแรกบอกว่าอยากให้ผมอยู่ด้วยไง”

“อยากให้อยู่ด้วย แต่เห็นเหงาก็สงสาร”

เรื่องนั้นน่ะ...

ก็ต้องเหงาแหละ เขาเล่นสนใจแต่งานที่ต้องส่งจนลืมคนรอบตัวได้ขนาดนี้

ผมเข้าใจขึ้นมาอีกหน่อยว่าทำไมการเขียนเพลงไม่ได้ของพี่ทิถึงได้เป็นเรื่องใหญ่นัก ใช่ สาเหตุมันก็เพราะเขาทุ่มเทให้งานมากจนแทบไม่เหลือหนทางอื่นให้หนีออกไปจากโลกแห่งความจริง

โลกที่ทำให้รักแท้กลายเป็นความฝัน โลกที่บอกว่าหัวใจและความรู้สึกเป็นเรื่องเพ้อเจ้อของเด็กสาวผู้เริ่มอ่านการ์ตูนลูกกวาด

โชคดีเป็นของผมตรงที่พี่ทิยังไม่ได้ปิดประตูของศรัทธาแน่นจนเกินไป เลยหลุดเล็ดรอดแทรกตัวเข้าไปได้โดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว

“พี่ทิ”

“ว่า”

ผมลังเลใจครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดตอนนี้มันจะค่อนข้างชัดก็เถอะ แต่ผมก็อยากได้ยินสักครั้ง “ตอนนี้เราเป็นอะไรกันอยู่เหรอ”

“กอดไว้อย่างนี้เป็นพ่อลูกมั้ง”

ไอ้เวร

“ผมรู้ว่าคำถามมันซื่อบื้อไปหน่อย แต่ว่าเกิดพี่บอกว่าไม่ได้คิดอะไรผมไม่แย่เหรอ”

...เพราะว่าผมมันคิดไปแล้วครับ

พี่ทิหัวเราะเบาๆ เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เสียงหัวเราะของพี่ทิจะทำให้ผมใจสั่น จู่ๆ เขาก็เป็นทิวากรที่อุ่นราวไมโครเวฟคนนั้น คนที่ผมเฝ้ามองแค่ปลายนิ้วตลอดมา

อานุภาพของความรักนี่มันแน่นอนจริงๆ

“ถ้าน้ำมนต์บอกว่าไม่คิดอะไร ฉันก็แย่เหมือนกัน”

โอ...

ถ้อยคำพวกนั้น ทำลายล้างผมจนแทบล้มทั้งที่นั่งพิงแผ่นอกของคนพูด พี่ทิกระชับแขนกอดผมแน่นกว่าเดิม แถมให้ด้วยการหอมฟอดใหญ่บนแก้ม จังหวะรุมบ้าในใจผมเริ่มสับสน เหมือนจู่ๆ ก็มีคนมารัวกลองใส่เพิ่มอีกวง หน้าเห่อร้อนไปหมด อย่างกับน้ำมนต์กับเจ้าชายอสูรที่เมื่อสลัดคราบความเมามายแล้วกลายเป็นเจ้าชายที่แสนดี

“รู้ไหมที่จริงอยากทำอะไร”

“อยากทำงานต่อเหรอครับ”

ทั้งที่รู้ว่ากำลังยุ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกวน ความรักนี่มันทำให้คนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจได้จริงๆ ผมโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของมัน ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นสลับจังหวะ ความรู้สึกเหมือนเกิดพลุแตกซ่านสั่นไหว

“อยากปล้ำ”

หมดกัน ความโรแมนติกที่สั่งสมมานาน ผมกลอกตาเป็นวงกลม เรื่องนั้นผมก็คิดบ้างแหละ แต่ว่าถ้าจะทำก็หัดใช้วิธีที่ละมุนละม่อมหน่อยสิโว้ย

“ถ้าถึงตอนนั้นใครจะเป็นคนทำอะ”

“ต้องให้คนมีประสบการณ์นำดิ”

“พี่เคยนอนกับผู้ชายหรือไง”

“ไม่เคย”

“งั้นก็เท่ากัน”

ทำไมเราต้องมาคุยอะไรแบบนี้วะ ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าคู่อื่นจะต้องเจอประสบการณ์แบบนี้ไหม ไอ้ผมมันไม่ใช่คนโรแมนติกนักหรอก แต่เปิดอกคุยแบบนี้มันเกินไป เกินไปมาก

“รอหน่อยนะ”

“ครับ?”

“หลังคอนเสิร์ตจบ ย้ายมาอยู่ด้วยกัน คราวนี้จะไม่ให้เหงาแล้ว”

ฟังดูเรียบง่าย แต่เหมือนคำขอแต่งงานชะมัด ผมวางมือซ้อนลงบนหลังมือใหญ่ที่หยาบกร้าน ปลายนิ้วของเขาด้านเพราะเล่นกีตาร์หนักอย่างที่บอกนะโมจริงๆ

“พี่หัดเล่นกีตาร์ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ไม่รู้สิ รู้แค่ครูคนแรกคือแม่ แต่พ่อห้าม”

เพราะผมเติบโตมากับครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุดเลยแทนตัวเองไปในตำแหน่งของเขาแล้วเจ็บปวดชอบกล บ้านผมสนับสนุนทุกอย่างเท่าที่กำลังมีต่างกับพี่ทิที่กำลังซัพพอร์ตล้นพ้นทว่าอยากให้เดินตามกรอบรอยที่ผู้ใหญ่ขีดไว้

“จะว่าไป พี่คงดื้ออย่างนี้มาตั้งแต่เล็กแล้วสินะ”

“เรื่องอะไร”

“ดนตรี”

พี่ทิหัวเราะในลำคอ คล้ายเยาะตัวเองมากกว่าขำขัน ผมเงยหน้าเอาหัวชนคางของคนตัวใหญ่เบาๆ “พ่อพี่เคยดูพี่เล่นดนตรีไหม ผมว่าเขาควรมาดูสักครั้งนะ รับรองติดใจ”

“ไม่สำคัญหรอก เราไม่ได้มีเขาอยู่ในชีวิตมานานแล้ว”

เจ็บชะมัด ผมเอี้ยวตัวมองคนพูดที่สามารถพูดได้หน้าตาเฉย ไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดใดหลงเหลืออีกต่อไป ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือไม่ ไล่สายตาลงมายังสันจมูก ปลายจมูกของเขามนโค้งรับกับรูปปากหยักดี มีเคราครึ้มขึ้นเพราะไม่ได้โกนหนวดมาเกือบสัปดาห์ น่าแปลกที่ทำให้ริมฝีปากของเขายิ่งน่าจูบเข้าไปใหญ่

ไม่ทันรู้ตัว ผมก็เป็นฝ่ายยืดตัวไปสัมผัสริมฝีปากนั้นด้วยความหลงใหล ไม่ลึกซึ้ง เพียงแผ่วเบาและจากมาเงียบเชียบเหมือนสัมผัสของอุ้งเท้าแมวนุ่มๆ

“จูบปลอบใจเหรอ”

“เปล่า”

ครั้งนี้เราทั้งคู่รับมือได้ดีกว่าครั้งก่อนทีเตลิดเปิดเปิงไปคนละทิศละทาง เขาสอดมือจับแก้มผม และจูบซ้ำอีกครั้งทั้งที่มองตา เมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของจูบครั้งแรกและปัจจุบันของผมแก้มก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกจนได้

“ต้องจูบบ่อยๆ ให้หายเขิน”

“ครั้งก่อนพี่นั่นแหละที่เขินจนเดินหลงทิศ”

เขาพรายยิ้มด้วยความเขินอาย เกามือที่ท้ายทอยแล้วผินหน้าหนี เห็นตัวใหญ่ขนาดนี้ ทำไมใจบางนักล่ะครับ

“อืม...ที่บอกว่าให้กลับห้องไปก่อน นี่พูดจริงนะ ช่วงนี้น้ำมนต์อยู่ด้วยฉันไม่ค่อยมีสมาธิเลย”

อย่างน้อยเขาก็พูดตรงๆ ถึงแม้จะทำให้ผมห่อเหี่ยวใจก็เถอะ

ผมอยากอยู่กับเขาตอนเขียนเพลงเหมือนก่อนหน้านี้นี่ครับ

“ผมไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้พี่แล้วเหรอ”

คำถามนั้นไม่ได้น้อยใจ แต่เต็มไปด้วยความสงสัย บางครั้งอารมณ์ศิลปินก็ทำให้ผมสับสนไม่อาจคาดเดา เขาถอนใจบางเบา นัวเนียจมูกกับกกหูผม จั๊กจี้จนต้องย่นคอเข้าหากัน

“เป็น แต่ใจมันอยากทำอย่างอื่นตลอดเลย”

“แล้วตอนคบคุณเจนเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ”

“คนละคนกัน จะถามทำไม”

“ผมแค่อยากรู้ว่าเมื่อก่อนพี่ทิเป็นยังไง”

“สำคัญคือตอนนี้อยากทำจนหาวิธีห้ามตัวเองไม่ไหวแล้วต่างหาก”

เขาวางมือบนหัวเข่าเปลือยของผม แล้วค่อยๆ ลูบมือขึ้นสูงใต้ร่มผ้า ผมอยากบอกว่าก็ไม่ต้องห้ามสิครับ สู้ครึ่งไม่สู้ครึ่ง แต่ประตูห้องเปิดผลัวะเข้ามาจนตัวเองกระโดดไปนั่งที่เดิมแทบไม่ทัน

ตากลมของหลานสาวมองผมสลับกับพี่ทิที่ก้มลงเก็บสมุดเขียนเนื้อเพลง หูแดงก่ำ

“ไส้กรอกชีสของน้าทิค่ะ โมไม่ได้ถามว่าจะหั่นหรือเปล่าเลยไม่ได้หั่นมา พอเวฟชีสก็ปลิ้นเลย”

ผมมองไส้กรอกในถุงพลาสติก อาการชีสปลิ้นแม่งไปปลิ้นตรงปลายเสียด้วย ลามก เวรเอ๊ย ผมกลายเป็นคนลามกแบบนี้ได้ยังไง

“น้ามนต์อยากกินไส้กรอกของน้าทิเหรอ จ้องใหญ่เลย”

พี่ทิสำลักอากาศ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นผมที่หน้าแดงกว่าหูพี่ทิแน่ๆ “โมซื้อมันฝรั่งทอดมาฝาก จะได้ปากไม่ว่าง”

ผมสบตากับพี่ทิโดยบังเอิญ รับถุงมันฝรั่งทอดที่หลานสาวโยนให้มาแกะ ทำเป็นอ่านรสชาติและข้อมูลโภชนาการข้างห่อ

“โมเล่นต่อเลยนะน้าทิ”

“อะ...อืม ลองเริ่มที่เดิมใหม่”

ผมเหลือบตามองพี่ทิแล้วรีบหลบ เฉียดกับอีกฝ่ายแอบเหลือบมองมา

คิดผิดมหันต์เลยที่พาหลานมาอยู่ด้วย แม้สัปดาห์เดียวก็ตาม



“กลับมาทำไมให้อายบ้านนา นวลน้อง ไม่ต้องกลับคืนมา”

ไอ้นิวไอ้เพื่อนเนรคุณ

“ตอนจะไปไม่ลาหนีหน้า ไปกับหนุ่มเมืองหลวง ทิ้งคนข้างหลังนั่งน้ำตาร่วง มันเจ็บในทรวงพุ่มพวงรู้หรือเปล่า”

“กูยังจ่ายค่าห้องอยู่นะ”

ผมวางกระเป๋าตัวเองลงก่อนถอดถุงเท้า เห็นห้องแล้วปวดหัว ไมเกรนจะขึ้น อยากไล่คนเฝ้าห้องไปอยู่กับพี่ทิคนเก็บจะได้จุดไฟเผาทีเดียวจบ ไม่ต้องเหนื่อยหลายรอบ ถ้วยมาม่านั่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ผมเหลือบไปมองทิชชู่ข้างเตียง ไอ้เวรนี่จะเอาใหญ่แล้ว ทำเสร็จก็หัดทิ้งลงถังขยะสิโว้ย จะให้คนอื่นมาเก็บซากอารยธรรมไปตรวจดีเอ็นเอหรือไง

“มึงทำอะไรกับห้องเนี่ย”

“ประท้วง เรียกร้องความสนใจ มึงหนีกูไปอะ ห้องเละเทะเลย”

อ้างหน้าตาเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกผิดสักนิด นิดเดียวก็ไม่มี วีธีการคุ้นมากครับ เหมือนพี่ทิใช้เลย แมวไม่อยู่หนูค้นห้อง มันสกปรกนะเฮ้ย “ไอ้เหี้ยนิว เห็ดขึ้นเสื้อ!”

ผมไม่กล้าใช้นิ้วเขี่ยกองเสื้อผ้าในถังขยะที่กองสูงเป็นต้นคริสต์มาสเลย ให้ตาย แต่กองผ้าเน่าของมันมีการปรากฏตัวของพืชสปีชี่ส์ฟังไจจริงๆ ครับ ไม่เห็ดก็รา เดาว่าเพราะห้องทั้งอับและชื้น แถมยังรวมทุกกิจกรรมไว้ในที่เดียว ไม่ได้แยกกว้างเป็นสัดส่วนเหมือนห้องชุดพี่ทิ เดินไม่ถึงสิบก้าวจากประตูห้องก็ถึงห้องน้ำแล้ว อากาศไม่หมุนเวียนไปไหนทั้งนั้น

“สารภาพมา มึงกลับมาทำไม มึงมีแผนอะไร”

“เพิ่งไปส่งนะโมมา” จะว่าไปชีวิตนะโมก็คล้ายโดดเดี่ยวผู้น่ารักครับ อายุเลขตัวเดียวน้ามันก็โยนขึ้นรถตู้แล้ว ไอ้นิวอือออรับคำก่อนถาม

“แล้วพานะโมไปอยู่กับพี่ทิเหรอ”

“อ่าฮะ กำลังหัดกีตาร์เลยพาไปเจอเทพ”

“มีพี่ทิแล้วลืมกูเลย นะ ทั้งน้าหลาน แล้วไปยังไง ไอ้อุ้ยเล่าว่าทะเลาะกับฟ้า ฟ้าไปหามึงเหรอ”

ผมพยักหน้า เก็บขยะตามพื้นใส่ถุง เงยหน้าอีกทีไอ้เพื่อนอ้วนก็จ้องตาแข็ง “อะไร ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ยุไม่ได้ฉวยโอกาส สาบานเลย”

“คนอย่างมึง”

“เมื่อก่อนโสดไง ขอโทษว่ะที่ใช้ความโสดหาเศษหาเลยกับเพื่อนมาตลอด”

ยักไหล่ยิ้มๆ นึกถึงที่ถามพี่ทิแล้วก็เขิน แต่ความอยากอวดแฟนก็มี สับสนย้อนแย้งในใจไปหมดต่อไปนี้คือการสารภาพแล้วนะ ไม่ว่าไอ้นิวจะรับได้รึเปล่าผมก็จะพูดความจริงแล้ว

“เมื่อก่อนโสดคืออะไร หมายความว่าไง เฮ้ย มึงจะมีเมียก่อนกูไม่ได้นะ ไหนเล่ามาเกิดอะไรขึ้น”

“ไม่ใช่เมียว่ะ”

มัดปากถุงพลาสติกแน่นหนา โยนกองใส่ถังขยะที่มีขยะล้นออกมา เพื่อนสนิทคนแรกที่จะได้รับเกียรติรู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพี่ทิเบิกตาโพลง อึ้งตั้งแต่ยังไม่เล่า งี้เดาได้แล้วแหง

“จริงเหรอวะน้ำมนต์”

ผมพยักหน้า ไอ้นิวถึงกับทิ้งตัวลงบนเก้าอี้คอม ถีบเตียงให้เก้าอี้ไถลไปติดประตูกระจกที่เชื่อมต่อกับระเบียง

“ได้กันนานยัง”

“ได้ยังไงวะ”

“ก็แบบ”

มันซ้อนหลังมือซ้ายด้วยมือขวา ขยับพับเป็นเสียงเนื้อกระทบกัน ผมหยิบขวดน้ำเปล่าเขวี้ยงใส่ทันที“จังไรครับ”

“แหม ก็บอกว่าไม่ใช่เมีย เลยแบบ อยากรู้ เดี๋ยวนะน้ำมนต์ งี้แปลว่าที่ผ่านมามึงเป็นเกย์ตลอดเลยเหรอ เชี่ย...กูนอนกับเกย์มาสี่ปีแล้วยังบริสุทธิ์ได้ไงวะ งงมาก”

“แหม ไอ้ควาย บอกให้นะ ต่อให้กูจะคบกับผู้ชาย ชอบผู้ชายทั้งโลก กูก็ไม่ชอบมึง เลิกหลงตัวเองได้แล้ว”

“ก็แซวเล่น”

ดีนะที่เห็นเป็นเพื่อน ไม่งั้นต่อจากขวดน้ำได้เป็นชุดแก้วสะสมหน้านักร้องมันแน่ๆ

“แล้วยังไงวะ กูนึกว่ามึงชอบเขาข้างเดียวไรงี้ หรือพี่ทิรู้แล้วตะเพิดมึงออกมาเนี่ย”

“ไม่ใช่เว้ย พี่ทิจะทำงาน” ผมพูดอ้อมแอ้มในคอ นั่งลงบนเตียงแล้วเหยียดขายาว “ก็ไม่ยังไง คบกันแหละ”

“มึงจีบเขายังไงวะ”

“ไม่ได้จีบ ไม่รู้ว่ะ อยู่ๆ มันก็รู้กันเองอะว่าคิดอะไรเกินกว่าปกติ”

ไอ้นิวพยักหน้าทำความเข้าใจ แต่ก็สงสัยเหมือนที่ผมถาม “แน่ใจนะว่าพี่ทิไม่ได้ยอมคบกับมึงประชดน้องเจน กูไม่ได้ดูถูกมึงนะน้ำมนต์ ดูตัวมึงกับแฟนเก่าเขาดิ อะไรทำให้พี่ทิเลือกมึงวะ”

“จะไปรู้เหรอ”

ให้พูดว่าเพราะรักหรือไง ผมไม่มีทางพูดคำนั้นต่อหน้าไอ้นิวหรอก คำที่บางครั้งก็ฟังขนลุกแต่ก็ชุ่มฉ่ำ คำที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกระโดดบันจี้จัมพ์ หัวใจสูบฉีดเลือดจนร้อนผ่าวทั่วหน้า เก็บไว้คุยกันกับพี่ทิก็เฝือแล้ว

“ถ้าบอกไอ้สองคนนั้นจะเป็นยังไงวะ”

ไอ้นิวหัวเราะเหอะๆ ก่อนถามจริงจัง

“มึงคิดดีแล้วใช่ไหมวะน้ำมนต์ คือ...มึงก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะชอบผู้ชายมาก่อน มึงอาจจะสับสนก็ได้นะเว้ย บางทีที่มึงเป็นเนี่ยอาจจะเพราะว่ามึงอยู่ใกล้พี่ทิมากไป มึงปลื้มเขาเลยเข้าใจผิดก็ได้”

“ทำไมมึงต้องพยายามบอกว่าความรู้สึกของกูมันไม่จริงวะ”

ผมจ้องตาเพื่อนสนิทกลับ ไอ้นิวถอนหายใจยาว

“กูเป็นห่วงนะน้ำมนต์ กูรู้ว่ามึงเป็นคนชอบใครชอบจริง แต่พี่ทิไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่มึงแอบชอบนะเว้ย อันนี้เรื่องใหญ่นะ”

“เพราะเขาเป็นผู้ชายเหรอ”

ไอ้นิวไม่พูด ผมก็รู้คำตอบ

“ถ้าความรู้สึกเรามันชัดมากๆ แล้ว เรายังต้องบอกว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเพราะเพศเขาเหรอวะนิว”

“เออ ตามใจมึงละกัน ถึงมึงจะเป็นเพื่อนที่ไม่ดีของไอ้อุ้ยมึงก็เป็นเพื่อนที่ดีของกู กูไม่อยากให้มึงเจออะไรที่ไม่ดีนะน้ำมนต์”

ยังอุตสาห์วกกลับมากัดเรื่องเก่าอีก ไอ้เวร




TBC
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-02-2020 00:33:43
พี่ทิอยากปล้ำน้องหราา :m20:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-02-2020 08:05:25
นะโมจังหวะนรกมาก ทำคนลามกสองคนร้อนตัว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-02-2020 09:13:46
อดโดนพี่ทิปล้ำเลยน้ำมนต์
เพราะพี่ทิงานยุ่งมากมาย

แล้วเพื่อนอุ้ยกับเพื่อนฟ้ายังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-02-2020 09:18:41
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-02-2020 09:38:41
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 05-02-2020 10:02:01
เค้าหวานเกินเบอร์มาก
นะโมทั้งจังหวะที่เข้ามาในห้อง
จังหวะที่ถามเรื่องไส้กรอก
บอกเลยว่าเอาไปเลยสิบคะแนน
อ่านละยังสำลักแทน  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-02-2020 12:36:02
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jely ที่ 05-02-2020 19:01:12
น่ารัก!!  :o8:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-02-2020 20:48:45
“อยู่ๆก็รู้กันเองว่าความรู้สึกมันมากกว่าปกติ” ชอบอ่าาาา โลกทุกวันนี้ก็อยู่ยากมากละ เรื่องความรักความรู้สึกก็ปล่อยมันไปตามธรรมชาติเถอะ อย่าซับซ้อนกันนักเลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-02-2020 23:01:49
ไม่ขอดราม่าได้มั้ยยยยกลัวใจพี่ทิเหลือเกิน :ling2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 06-02-2020 00:02:35
555 มีความอยากอวดแฟน,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 06-02-2020 05:09:49
เป็นคนที่ทำให้พีทิดีขึ้นขนาดนี้ถ้าเราเป็นพี่ทิจะไม่มีทางทำให้น้ำมนต์เสียใจเด็ดขาด
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 06-02-2020 17:35:34
น้องน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 06-02-2020 20:31:49
เนี่ยพี่ทิคนตรง ไม่มีสมาธิก็พูด อยากปล้ำก็บอก เอ้ออออ ชัดเจนดี
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-02-2020 03:15:16
น้ำมนต์ น่ารัก คึกคักคุคิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 16 น้าทิ (หน้า9|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 13-02-2020 08:34:25
 :z13: มาจิ้มไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|022020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 13-02-2020 16:53:16
17 ไม่เคยจะห่างกัน



       ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ทิถูกเปิดเผยอย่างไม่เป็นทางการในกลุ่มเพื่อนสนิท อุ้ยค่อนข้างมีทีท่าเป็นห่วงผมเหมือนไอ้นิว ส่วนฟ้าผมก็เดาความรู้สึกจริงๆ ไม่ออก เหมือนกับยินดีแต่เผลอเมื่อไหร่ก็เหม่อๆ ไม่รู้ว่าจัดการปัญหาส่วนตัวยังไม่เรียบร้อยหรือเพราะความสัมพันธ์ของพี่ลมกับพี่ทิที่ทำให้หญิงสาวมีสีหน้าคล้ายกังวลอะไรบางอย่าง

       ส่วนผมกับพี่ทิที่ต้องห่างกันสักพักเพราะเขาต้องเร่งงานสุดท้ายที่เป็นไฮไลท์ของงานซึ่งก็คือการร้องและเล่นดนตรีในคอนเสิร์ต ผมเคยเห็นคลิปที่เขาไปร้องตามร้านอาหารหรือผับ ท่าทางสบายๆ เหมือนเล่นที่ห้อง ไม่ได้สบตาหรือสนใจลูกค้านัก แต่คลิปที่ถูกแอบถ่ายนั้นก็กวาดไปรอบๆ ให้เห็นบรรยากาศว่าการแสดงของเขาสะกดคนได้อยู่หมัด เรียกได้ว่าจากวงสังสรรค์ที่ส่งเสียงเฮฮาคึกคักก็หยุดทุกกิจกรรมจับตามองที่เวทีเกือบครึ่งชั่วโมงทีเดียว

       พี่ทิขึ้นไปร้อง สลับกับบรรเลงเฉพาะดนตรีเพื่อพักเสียง ไม่รับใบขอเพลงจากลูกค้า หรือกระทั่งหยุดพูดคุยเลยสักนิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเข้าใจว่าคีพคาแรคเตอร์คนคูล พอรู้จักเลยเข้าใจว่าที่แท้เพราะเขาเป็นคนที่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาไม่ถูกต่างหาก

       จะบอกว่าเป็นเสน่ห์ ก็คงเรียกว่าเสน่ห์ แต่จะบอกว่าเป็นปัญหาก็ใช่อีกนั่นแหละ เพราะการที่เขาเป็นอย่างนั้นทำให้เจ้าตัวไม่อาจสื่ออารมณ์ได้ว่าข้างในกำลังรู้สึกอะไร

       ต้องเป็นคนที่ใช้เวลากับเขานานทีเดียวกว่าจะได้ยินคำพูดผ่านสายตา

       “ฟ้าว่าแล้ว ว่าทำไมวันนั้นน้ำมนต์ให้ฟ้าไปส่งที่คอนโดพี่ทิ” หลังเลิกเรียนไอ้อุ้ยรีบกลับบ้าน ส่วนไอ้นิวไปคอนเสิร์ต เหลือแค่ผมกับฟ้าอยู่ด้วยกันอย่างคนไม่มีที่ไป เดินเตร่ในห้างสรรพสินค้าใกล้มหา’ลัยฆ่าเวลา

       “มาว่าแล้วอะไร ฟ้าจ้างเราไปดูแลพี่ทิเองไม่ใช่เหรอ”

       ผมหยุดยืนที่ร้านหนังสือที่กำลังโฆษณางานคอนเสิร์ตปลายปี ภาพพี่ทิในคลิปดูดีกว่าตอนนี้แต่ตอนนี้ คงถ่ายไว้ตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่อง

       “ก็ใช่ แต่น้ำมนต์ดูกระตือรือร้นเกินเหตุไปหน่อย รู้ว่าขยันนะ แต่ก็แปลกๆ ใช่ไหมล่ะ”

       “ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ”

       “น้ำมนต์ไม่ใช่คนดูยากเสียหน่อย”

       คำพูดนั้นของหญิงสาวทำให้ผมร้อนๆ หนาวๆ ละสายตาจากจอโทรทัศน์ที่แขวนอยู่เหนือหัวมาสบตา ฟ้าก็ยิ้มเขินๆ “แต่เราก็ดูผิดไปนิด คิดว่าเมื่อก่อนน้ำมนต์ชอบเราเสียอีก”

       เคยได้ยินว่าคนที่เราชอบมักจะรู้ตัวว่าเราชอบ แต่ที่เขาทำเป็นไม่รู้เพราะไม่อยากเสียความสัมพันธ์ดีๆ ไปนะครับ เพียงแต่ว่าไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน

       “ขอโทษนะ เราดันคิดอะไรไม่ดีไปได้”

       “ระ...เหรอ ไม่เป็นไรหรอก” ความรู้สึกที่ถูกจับได้ ต่อให้จับได้คาหนังคาเขาผมก็ไม่มีวันยอมรับแน่นอน

       “แต่ก็ขอบใจนะที่ใจดีกับเราตลอด เราน่ะ เป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่กลับไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย เพราะว่าคบกับอุ้ยตั้งแต่ม.ปลาย เลยไปไหนมาไหนด้วยกัน เพื่อนมัธยมก็เป็นเพื่อนกลุ่มอุ้ย มหา’ลัยก็มีแต่เพื่อนผู้ชาย ทะเลาะกันทีไรก็ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังดี มีแต่น้ำมนต์นั่นแหละที่พร้อมอยู่ข้างเรา”

       “บางทีเราก็ดุฟ้านะ”

       “แต่ดุเพราะหวังดีใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวพรายยิ้ม ฟ้ายังคงสวยงามเหมือนนางเอกเอ็มวีซันไชด์ของพี่ทิในมโนภาพของผมไม่เปลี่ยน “ฟ้าก็ได้แต่ขอให้น้ำมนต์ไปเจอคนดีๆ น่ะนะ พี่ทิใจดีกับน้ำมนต์ใช่ไหม”

       “อืม...จะว่างั้นก็ได้”

       “ต้องดีอยู่แล้วแหละ คนอย่างน้ำมนต์น่ะใครอยู่ด้วยก็ต้องตกหลุมรัก”ฟ้าพูดแบบนี้แล้วผมใจคอไม่ดีเลยครับ “ตอนแรกพี่ลมมาบอกฟ้าว่าชอบน้ำมนต์ด้วยนะ”

       “พี่ลมน่ะชอบไปทั่วไม่ใช่เหรอ”

       “ไม่ชอบอุ้ยไง”

       “เรื่องนั้นก็แน่อยู่แล้วสิ”

       ฟ้าหัวเราะจนตาปิด พี่ชายชอบแฟนตัวเองนั่นมันจะไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอ ถึงพี่ลมจะเป็นคนที่ชอบคนง่ายๆ ขนาดนั้นก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้าง “แต่ว่า ฟ้าก็ไม่แน่ใจนะว่าพี่ทิน่ะ จะชอบน้ำมนต์มากพอที่จะไม่ทำให้เสียใจหรือเปล่า”

       ประโยคเรียบง่ายแบบนั้นแต่เล่นเอาผมสะอึกไปเหมือนกัน แววตาของหญิงสาวค่อยๆ ฉายความกังวลที่ซ่อนไว้เด่นชัด

       “ฟ้ากำลังหมายถึงอะไรเหรอ”

       “พี่ทิรักเจนมากนะน้ำมนต์”

       เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้ว

       “เจนก็รักพี่ทิ”

       “ถ้ารักแล้วจะทำให้เสียใจทำไมล่ะ”

       “เรื่องนี้ฟ้าก็เพิ่งรู้มา แต่ว่า เจนยอมไปคบกับลูกเจ้าของค่ายเพื่อคอนเสิร์ตนี้พี่ทิจะได้แสดงความสามารถที่มีให้คนอื่นเห็น” วินาทีนั้นที่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกแช่แข็ง ไมอาจขยับริมฝีปากพูดอะไรออกมาได้ “พี่ทิกับพี่ลมเองก็รู้ ฟ้าก็สงสัยว่าทั้งที่คบกันมาตั้งนานทำไมตอนพี่ทิแย่เจนถึงไม่แวะเข้ามาดูดำดูดีกันบ้าง ที่แท้ก็เพราะเจนทุ่มสุดตัวให้งานนี้เกิดขึ้น แล้วก็จะดันให้พี่ทิเป็นที่รู้จักให้ได้ พี่ทิน่ะ...รักวงการเพลงมากๆ น้ำมนต์เองก็รู้”

       ความเสียสละแบบนั้นมันน่าจะอยู่ในการ์ตูนตาหวานไม่ใช่หรือไง

       ถ้าเจนทำแบบนั้นแล้ว ผมจะไปสู้อะไรได้

       ผมที่มีแค่ใจสนับสนุนพี่ทิเท่านั้นเอง





       แม้ว่าผมจะรับปากกับพี่ทิว่าจะอดทนรอให้งานนี้ผ่านไปค่อยกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่วันนั้นหลังคุยกับฟ้าผมก็ไม่อาจใจเย็นเหมือนทีผ่านมาได้อีก ผมไม่ได้กลับไปที่หอเพื่อเก็บของใช้จำเป็นด้วยซ้ำ หลังจากแยกกันก็ตรงดิ่งกลับมาที่ห้องชุดของคนรักโดยไม่บอกล่วงหน้า

       ไม่สิ...ใช้คำว่าไม่บอกล่วงหน้าก็ไม่ถูก เพราะผมพยายามติดต่อเขาแล้วแต่โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง ถ้าโทรหาพี่ลมก็กลัวว่าจะวุ่นวายโดยใช่เหตุ แต่ว่าผมอยากมาเจอพี่ทิ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไม อยากให้เขาเห็นหน้า ให้ย้ำชัดว่าคนที่เขากอดจูบและบอกว่าให้รอยังรอเขาอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

       ผมไม่อยากให้ความรู้สึกที่มันผ่านเข้ามาเป็นแค่ความอ่อนไหวชั่วครั้งชั่วคราวที่เกิดขึ้นตอนที่เขาอ่อนแอ ผมข้ามมันมาแล้ว เขตแดนของการเป็นแฟนคลับ เป็นแค่คนที่หลงใหลในผลงานของเขา ผมข้ามมาเป็นคนที่รักผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ่อนละมุนและน่ารักภายใต้ท่าทางขึงขังคนนั้นเต็มรูปแบบ

       จะบอกให้ผมก้าวถอยไป...มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ

       ไม่มีทางทีจะเปลี่ยนความรู้สึกให้กลับไปเป็นน้ำมนต์ที่เจอเขาในวันแรก ผมทำไม่ได้เด็ดขาด

       เสียงสัญญาณประตูเปิดดังขึ้นหลังผมเคาะหลายรอบแต่ไม่มีการตอบรับจากใคร ดีที่ผมยังเก็บคีย์การ์ดเอาไว้และพกมันติดตัวไว้ตลอด

       ในห้องที่แบ่งเป็นสัดส่วนนั่น ตู้ใส่แผ่นเสียงและหนังสือที่ทอดตัวยาวจากฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งยังคงดึงดูดสายตาได้เหมือนเดิม เปียโนสีดำพับปิดป้องกันฝุ่นเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีเศษกระดาษขยำปาทิ้งระเกะระกะ รวมทั้งในถังขยะก็ยังว่างเปล่า สะอาดเหมือนไม่มีคนอยู่มาพักใหญ่

       ประตูห้องนอนทั้งสองปิดเอาไว้ ในครัวมีแค่แก้วสองใบวางอยู่ในซิงค์ล้างจาน เป็นแก้วไวน์ใช้แล้ว 2 แก้ว ข้างซิงก์เป็นขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ยังไม่หมด

       ผมเผลอเม้มปากเข้าหากัน รับปากว่าจะไม่กินอีกแล้วไม่ใช่เหรอ

       ทำไม...

       ความรู้สึกข้างในของผมมันปั่นป่วนไปหมด ไม่สามารถอธิบายความเจ็บจุกที่เกิดขึ้นภายในอกได้อย่างชัดเจนว่าคือความรู้สึกแบบไหน มีทั้งความเศร้าหมอง กังวล หวาดกลัวปะปนในใจ วูบไหวคล้ายอยู่ใจกลางพายุที่หมุนเคว้งและกัดกิน ทำลาย เผาไหม้อยู่ข้างใน อัดอั้นจนเผลอจิกเล็บเข้ากับฝ่ามือของตัวเอง

       ผมกดเบอร์โทรศัพท์หาพี่ลม ไม่นานปลายสายก็รับ เสียงดังเหมือนอยู่ในผับหรืองานปาร์ตี้สักอย่าง เขาบอกให้ผมถือสายรอก่อนปลีกตัวออกมา

       “ว่าไงน้ำมนต์”

       “ผมโทรหาพี่ทิไม่ติดครับ”

       “อ๋อ แบตมันหมดมั้ง คงไม่ได้ดู มีอะไรหรือเปล่า”

       “ตอนนี้พี่ทิอยู่ไหนเหรอครับ”

       “อ่า...พอดีช่วงนี้ซ้อมกันหนัก ไอ้ทิมันดูหงุดหงิดเลยลากมาเที่ยวน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก มันกินแต่โซดา ต้องฟิตหุ่นให้ทันงาน มีอะไรหรือเปล่า”

       “ผมไปหาได้ไหมครับ”

       “ไม่ต้องมาหรอก มาทำไม ดึกแล้ว”

       “บอกเถอะครับว่าอยู่ที่ไหน” ผมคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้อีกแล้ว “ขอร้องล่ะครับ”



       ผมเรียกวินมอเตอร์ไซค์นั่งจากคอนโดไปยังร้านกินดื่มที่พี่ลมแชร์โลเคชั่นมา ตกดึกถนนบางย่านอาจว่างเปล่าโล่งร้าง แต่แหล่งอันอุดมไปด้วยคลับบาร์ที่เป็นรังให้ผีเสื้อกลางคืนออกล่า การจราจรแออัด ผมเปลี่ยนเสื้อจากเสื้อนักศึกษาของตัวเองเป็นเสื้อยืดในตู้ของพี่ทิ ผมเผ้าก็เป็นทรงที่ถอดหมวกกันน็อกออกมา ไม่ทันจัดแต่งให้เข้ารูปหล่อเหลาเหมือนนักท่องราตรีทั่วไป

       การ์ดหน้าร้านที่มีเสียงดนตรีดังกระหึ่มตรวจบัตรประชาชน ผมได้ประทับสัญลักษณ์ว่าตรวจบัตรแล้วที่ข้อมือก่อนเดินเข้ามาด้านใน พวกพี่ลมมากันกลุ่มใหญ่ เมื่อกวาดสายตามองไปในความมืดสลัวก็พบกลุ่มที่ว่าทันที โยกหัวขยับไหว ชูแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นเหนือหัวแล้วชนสะเปะสะปะ

       พี่ทิไม่อยู่ตรงนั้น

       ผมเข้าไปทักพี่ลมที่โต๊ะก่อน เขาตะโกนกลับมาว่าห้องน้ำแล้วหันไปเต้นกับเพื่อน ไม่มีใครแนะนำว่าผมมาในฐานะอะไรด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่สำคัญเพราะผมก็ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างปัญหารักสามเศร้าของลูกเจ้าของบริษัท นักร้องอันดับหนึ่ง และนักเขียนเพลงมากความสามารถคนนั้น ผมแค่อยากมาหาพี่ทิ อยากเจอ อยากย้ำไม่ให้เขาลืมความรู้สึกที่เราบอกว่ามีตรงกันต่างหาก



       “เดี๋ยวพี่โทรเรียกคุณพรหมให้”

       “รู้แล้วว่าเจนต้องไปกับเขา แต่ขอแค่วันนี้ได้หรือเปล่า พี่คิดว่าพี่เจ็บอยู่คนเดียวหรือไง”

       เสียงที่เรียกผมไว้ระหว่างทางไปห้องน้ำชายเป็นเสียงที่คุ้นเคยกับชื่อที่คุ้นหู ผมรีบมองหาต้นเสียงก่อนเดินตามเสียงที่ห่างจากดนตรีออกไป “ถ้าเจนไม่ชอบใจใครขอร้องให้ทำล่ะ พี่ก็เคยพูดไปแล้ว”

       “พี่ทิ พี่แม่งโคตรเห็นแก่ตัว พี่คิดจะเป็นนักเขียนเพลงกระจอกๆ ตลอดไปเลยหรือไง แล้วเจนล่ะ แล้วอนาคตของเราล่ะ”

       “แล้วเจนไปคบกับไอ้นั่นมันสร้างอนาคตของเรายังไงเหรอ”

       “พี่ก็พูดเองว่าคุณพรหมแค่เห่อของใหม่ เขาเจอคนตั้งเยอะเดี๋ยวเขาก็ไปสนใจคนอื่น เจนขอให้พี่แค่รอไม่ได้หรือไง พี่แค่รอนะ พี่ไม่ใช่คนที่ต้องไปนอนกับเขา มันยากนักเหรอ”

       “ยากดิ ใครมันจะยอมให้แฟนตัวเองไปนอนกับคนอื่นวะ”

       “เรื่องแค่นี้อะนะที่พี่ยอมไม่ได้? พี่ดูดิว่าได้อะไรคืนมาบ้าง พี่มีคอนเสิร์ตที่พี่จะได้โชว์ ปีหน้าบริษัทก็ให้งานทั้งงานร้องงานแสดงเจน แม้แต่พี่ลมเองก็ยังได้จับงานสเกลใหญ่ขึ้น”

       “พี่ไม่ได้ต้องการเรื่องพวกนี้ พี่แค่ต้องการเจน”

       ผมชะงักงัน เหมือนขาแข็งไปชั่วขณะ

       “เจนแค่ชอบเพลงพี่เหมือนตอนที่เราคบกันใหม่ๆ แค่เชื่อในฝีมือพี่ แค่รักพี่ ที่เหลือมันไม่ได้สำคัญเลยรู้ปะ”

       “เห็นแก่ตัว...” เสียงเจนสั่นก่อนจะร้องไห้ออกมา “พี่มันเห็นแก่ตัว”

       “เดี๋ยวพีโทรให้เขามารับ อย่าร้องไห้เลย พี่ไม่อยากตอบคำถามว่าเจนเป็นอะไร”

       เสียงเวลาที่เขาแทนตัวเองว่าพี่กับหญิงสาวที่รักหมดใจ ช่างอบอุ่นจนผมอดไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเรียกแทนตัวเองกับผม

       อย่างที่นิวบอกจริงด้วย...ผมจะเอาอะไรไปสู้ได้...

       แพ้ตั้งแต่ยังไม่ก้าวขาออกไปแสดงตัวแล้วด้วยซ้ำ

       “อ้าว พี่ก็ว่าเราหายไปไหน เดินไปหาที่ห้องน้ำไม่เจอ ไอ้ทิล่ะ”

       เสียงของพี่ลมทำให้คนที่ยืนคุยกันเมื่อครู่รู้ว่ามีใครอยู่ในสถานการณ์นี้ด้วย หญิงสาวรีบปาดน้ำตาหันหน้าไปทางอื่น ผมถูกดันไปข้างหน้าก่อนเห็นสีหน้าซีดเผือดของคนที่ตามหา

       “น้ำมนต์ มานี่ได้ไง”

       “กูจะบอกมึงอยู่ แต่หาไม่เจอ แล้วมายืนคุยอะไรกับเจนสองคน รำลึกความหลังเรอะ”

       ผมไม่รอให้ใครอธิบาย หมุนตัวออกจากมือของพี่ลมที่จับหัวไหล่ไว้ แต่ก็ถูกชายหนุ่มอีกคนวิ่งมาดักหน้าก่อน “น้ำมนต์”

       “ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง”

       “ถามสิ”

       ผมเม้มปากเข้าหากัน

       “ไม่พอใจอะไร ไม่เข้าใจอะไร ถามสิ”

       ผมรู้ว่าเขาเป็นคนอธิบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ แต่เวลานี้เหลืออะไรให้ผมถามอีกครับ

       แค่ที่ได้ยินเท่านี้ มันยังชัดเจนไม่พอหรือยังไง



       ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มีเหตุผลและหนีความจริงมาก่อน กระทั่งเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา

       และก็ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะงี่เง่าได้ถึงขั้นที่เปลี่ยนเบอร์ ย้ายที่อยู่เพื่อหลบหน้าเหมือนเด็กไม่รู้จักโต

       “แหม ไม่คิดว่าน้ำมนต์เนี่ยจะช่วยงานพี่ได้คุ้มยิ่งกว่าคุ้มซะอีก”

       แค่เงินเดือนที่พี่ลมให้กระจอกไปเลย เมื่อเทียบกันกับการได้ที่พักเป็นบ้านเดี่ยวโอ่โถงกว้างใหญ่ มีสระว่ายน้ำด้านหลัง หน้าบ้านเป็นสนามหญ้า เลี้ยงหมาชิวาว่าใส่กระโปรงสีชมพูบานเย็นและสร้อยลูกปัดที่แสร้งทำว่าเป็นไข่มุกเม็ดงามสองตัว

       คิดว่าคนอย่างผมจะหนีไปไหนพ้น

       ถ้าไม่ใช่บ้านเพื่อนสักคนที่ไว้ใจได้

       “ไอ้ทิลีนขึ้นเยอะเลย ตั้งแต่ออกกำลังกายเป็นบ้าเป็นหลังเพราะติดต่อน้ำมนต์ไม่ได้”

       เจ้าของบ้าน หรือคนที่มักจะเสนอข้อเสนอที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้พูดอย่างถูกอกถูกใจ ผมได้ห้องนอนของพี่ลมไว้พักชั่วคราว ส่วนเจ้าตัวช่วงนี้โหมงานหนัก ถ้าไม่นอนที่ออฟฟิศก็เช่าโรงแรมละแวกนั้นอยู่แทนขับรถดึกๆฟ้าอยู่ห้องถัดออกไป ซึ่งการขอมาอยู่บ้านฟ้าสักระยะไม่ได้ทำให้ผมกับหญิงสาวเจอกันบ่อยขึ้นเลย

       พอดีกับไอ้อุ้ยแล้วเพื่อนก็เป็นหมาตลอด

       ผมถอนหายใจ นอนคว่ำหน้าดูคลิปพี่ทิซ้อมดนตรีที่พี่ลมอัดมาให้ในโทรศัพท์ ขณะที่เจ้าของห้องนั่งเช็กตารางงานจากในไอแพดรุ่นล่าสุดไปด้วย

       “เขาไม่ได้กลับไปดื่มจริงๆ ใช่ไหมครับ”

       “อือ ไม่ได้ดื่มหรอก ไม่งั้นจะร้องเพลงไม่ไหว เสียงพังแน่ๆ”

       “วันนั้นผมเห็นแก้วไวน์” หมายถึงวันที่เข้าไปที่ห้องอีกฝ่ายโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า “สองใบ”

       “อ๋อ พี่ชวนมันดื่มแหละ” พูดจบผมก็หันมองพี่ลมตาขวาง ชายหนุ่มรีบยกมือทั้งสองข้างเชิงสัญลักษณ์ว่ายอมแพ้ ขอลดโทษ “แต่กะทิไม่แตะเลย บอกว่าไม่อยากให้น้ำมนต์เสียใจ”

       ชั่วขณะนั้น ผมยอมรับว่าดีใจ..

       “จะไม่ไปเจอมันหน่อยจริงๆ เหรอ มันคิดถึงน้ำมนต์นะ”

       ผมก็คิดถึงพี่ทิเหมือนกัน

       แต่ว่ายังไม่อยากฟังคำพูดที่ว่าเขาไม่ได้มีผมในใจแค่คนเดียว

       “ไม่ครับ”

       “ใจแข็งชะมัด วันนั้นทะเลาะอะไรกัน ถามไอ้คนก่อเรื่องก็เงียบ ไม่ยอมเล่า ถามเจนก็เมา จำไม่ได้”

       ผมเองก็ใช่ว่าจะเป็นพวกชอบเล่าปัญหาส่วนตัวให้คนอื่นฟังเสียด้วย ต่อให้บากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากพี่ลมก็ไม่อยากพูดว่าเกิดอะไรขึ้น วันนั้นผมไม่ได้ถาม ไม่พูดอะไรกับพี่ทิสักคำ แค่บอกให้พี่ลมพากลับที่พัก แต่ก็เปลี่ยนใจไม่กลับห้องกลางทาง

       ผมไม่อยากให้ไอ้นิวโมโหพี่ทิที่ทำให้ผมเสียใจ แม้ว่าผมจะเสียใจ และยังเสียใจไม่น้อยลงสักนิดเดียว

       “จะโกรธก็อย่าแอบส่องเขาอย่างนี้สิ นี่เรียกว่าโกรธไม่จริงนี่หว่า”

       “ไม่ได้โกรธครับ”

       “แล้วทำไมวันนั้นหนีมัน ยังให้ไปขอซิมฟรีมาใช้ชั่วคราวอีก ขนาดไม่โกรธนะเนี่ย”

       “ผมแค่ยังไม่พร้อมจะฟัง”

       ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก...

       “พี่ทิคงรักเจนมากนะครับ”

       “กะทิมันเป็นคนที่รักใครรักจริง ไม่ใช่แค่คนหรอก ดูอย่างที่มันชอบดนตรีสิ”

       “แล้ว...คนเรารักสองคนพร้อมๆ กันได้ไหมครับ”

       พี่ลมทิ้งตัวข้างๆ ผมที่แนบหน้าไปกับหมอน มองอีกฝ่ายอย่างคาดหวังเดิมทีผมกับพี่ลมไม่ได้สนิทกันขนาดนี้ แต่ว่าสถานการณ์บางอย่างทำให้เราต้องใกล้ชิดกันรวดเร็ว ถึงอย่างนั้นความรู้สึกที่พี่ลมมีให้ผมก็ชัดขึ้นว่าผมเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่งของเขานับจากวันที่ผมบอกว่าผมกับพี่ทิมีความสัมพันธ์กันยังไง

       “หึงเหรอ ไม่มีอะไรหรอกน่า”

       “เปล่าครับ” ทำไมถึงชอบยัดเยียดให้ผมเป็นคนขี้หึงอยู่เรื่อย “แค่คิดว่าคุณเจนก็รักพี่ทิมาก เสียสละให้กันได้มากกว่าที่ผมจะนึกออกด้วยซ้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วพี่ทิจะหมดรักแฟนเก่าได้ยังไง”

       “ถามไอ้ทิมันหรือเปล่าว่ามันต้องการให้ใครเสียสละให้ไหม”

       ชายหนุ่มอายุสามสิบทำท่าเคร่งขรึมสมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา เขาถอนหายใจยาวก่อนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เอียงคอซ้ายขวาจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น ผมเงียบ ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี

       ต่อให้เป็นความเสียสละที่คนที่เรารักไม่ต้องการ แต่มันก็คือความเสียสละที่เกิดจากความหวังดีไม่ใช่เหรอครับ

       ถ้าวันหนึ่งเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว คอนเสิร์ตจบลง พี่ทิมีซีนในวงการบันเทิงมากขึ้น หรือกระทั่งคุณเจนเลิกกับผู้ชายที่คบตอนนี้ ถ้าเธอกลับมาหาพี่ทิอีกครั้ง ถึงเวลานั้นผมควรอยู่ตรงไหนของความสัมพันธ์ขาดๆ เกินๆ เว้าแหว่งไม่สมประกอบอย่างนี้ดี

       “น้ำมนต์ คนที่เลิกกันไปแล้วอะ อาจจะมีความผูกพัน มีความไม่เข้าใจกันอยู่นะ แต่มันไม่ใช่รักแล้ว เข้าใจไหม”

       พี่ลมพูดด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ผมส่ายหน้าเป็นระวิง

       “ถ้ายังผูกพันแล้วจะเลิกกันทำไมล่ะครับ ความผูกพันก็เป็นส่วนหนึ่งของความรักไม่ใช่เหรอครับ”

       “แค่ส่วนหนึ่ง เสี้ยวเดียว คนเราเลิกรักกันว่ายากแล้ว แต่เลิกผูกพันน่ะ ยากกว่า มันต้องใช้เวลา ทั้งสถานการณ์ ทั้งจังหวะ แต่ตัวเร่งที่ทำให้คนบั่นความผูกพันให้ขาดจากกันได้เพราะเขาต้องปกป้องสิ่งที่รักกว่าเอาไว้ ความผูกพันบางทีก็เป็นเหมือนนิ้วที่เน่าน่ะนะ การทำใจตัดนิ้วที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของเรามันยากมากเลย แต่มันก็ต้องทำ เพราะอะไรรู้ไหม หนึ่งคือมันไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บเอาไว้ สองคือเราต้องปกป้องส่วนที่สำคัญจริงๆ มากกว่า”

       ผมไม่เข้าใจที่พี่ลมพูดหรอกนิ้วเนิ้วบ้าบออะไรนั่น

       “ไอ้ทิมันอาจจะผูกพันกับเจนมาก แต่ถ้าให้เลือกความผูกพันกับถนอมหัวใจน้ำมนต์ไว้พี่ว่ามันยอมตัดสะบั้นทุกอย่างได้หมด คนอย่างกะทิมันไม่ใช่คนยอมสูญเสียสิ่งสำคัญของตัวเองไปง่ายๆ นะ”

       ถึงจะพูดแบบนั้น ผมก็ยังรู้สึกแย่ที่ตัวเองไม่เคยช่วยอะไรพี่ทิได้อยู่ดี ผมไม่ได้อยากเอาตัวเองไปเทียบ แต่ว่าอดไม่ได้จริงๆ

       สิ่งที่ผมทำมันจิ๊บจ๊อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับสิ่งที่เจนทำให้พี่ทิ เหมือนผมเป็นเม็ดเกลือขณะที่ความทุ่มเทของผู้หญิงคนนั้นเป็นมหาสมุทร

       “สิ่งสำคัญของพี่ทิอาจไม่ใช่ผมก็ได้นี่ครับ”

       พี่ลมไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองผมนิ่ง ถอนหายใจแผ่ว ผมมีเหตุผลให้คิดอย่างนั้น บทสนทนาของพี่ทิกับเจนที่ไม่ต้องการเล่าซ้ำไปย้ำแผลที่ยังสดใหม่ช้ำเลือดช้ำหนอง

       ผมไม่รู้ว่าต้องการเวลานานแค่ไหนถึงจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริงว่าตัวเองไม่มีวันแทนผู้หญิงคนนั้นได้

       ผมไม่ได้ทำเพื่อพี่ทิได้มากขนาดนั้น

       จู่ๆ ผมก็คิดถึงตอนที่รู้จักพี่ทิแรกๆ ประโยคที่เขาว่าผมไม่รู้อะไรแล้วยังมาวุ่นวาย

       เข้าใจว่าตัวเองรู้ดีมาตลอด แต่ที่จริงแล้วเป็นคนนอกของนอกวงโคจรของพี่ทิอีกที กว่าจะรู้เรื่องพวกนั้น เหตุผลที่พี่ทิเสียผู้เสียคนจนเกือบล้มพังไม่เป็นท่า

       รู้โดยบังเอิญอีกต่างหาก

       “นี่...ยังอยากไปดูคอนเสิร์ตหรือเปล่า”

       “อยากสิครับ”

       ผมตอบเสียงเบา จ๋อยสนิท ตอนนี้ผมยังอยากเห็นพี่ทิ ถ้าสุดท้ายแล้วเราไปกันไม่ได้ ผมก็อยากที่จะเห็นพี่ทิเล่นดนตรีที่ผมมีเศษเสี้ยวในความสำเร็จนั่นสักครั้ง แค่ได้เห็นความสำเร็จของเขาและชื่นชมห่างๆ ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ก็คงปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาฟ้าลิขิต

       คนบางคน เลิกกับแฟนแล้วยังเป็นเพื่อนกันได้ ส่วนผม แค่เจอหน้าตรงๆ หลังได้ยินว่าเขารักเจนมากแค่ไหนยังทนไม่ไหวเลยไม่กล้าหวังว่าหลังจากงานนี้ผมจะยังทนเห็น ทนได้ยินเสียงของพี่ทิได้อีกไหม

       พอคิดว่าจะไม่ได้เจอกับพี่ทิอีกแล้ว หัวใจมันก็บีบรัดจนอยากจะร้องไห้

       “คอนเสิร์ตมีสองวัน แต่ไอ้อุ้ยจะไปวันที่สอง เราจะไปสองวันเลยหรือเปล่า”

       “ผมไปพร้อมอุ้ยดีกว่าครับ”

       บนเวทีนั่นคงได้เห็นพี่ทิเล่นดนตรีคู่กับเจน

       คนหนึ่งนักร้อง อีกคนนักเขียนเพลง

       คงไม่มีอะไรเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว

       เห็นทีวันนั้นพวกไอ้อุ้ยคงได้เก็บศพผมเต็มกำลัง

       “แปลกนะครับ ทั้งที่รู้ว่าเจ็บก็ยังเลือกจะไปเจ็บ”

       พี่ลมหยิกแก้มผม ดึงจนยืด

       “ผมเจ็บนะ”

       “เจ็บที่แก้มน่ะ เพราะพี่หยิก แต่ตอนนี้ที่น้ำมนต์เจ็บข้างในเพราะความคิดของตัวเองทั้งนั้น รู้หรือเปล่า”

       ก็มันมีเรื่องให้คิดนี่ครับ

       “เออ นี่ มีเรื่องจะเล่า ช่วงที่กลับไปทำงานแรกๆ มีวันที่ไอ้ทิมือสั่นเพราะอยากกินเหล้าด้วยนะ”

       ผมเม้มปากเข้าหากันเล็กน้อย ช่วงนั้นอาจเป็นช่วงที่ผมจับได้ว่าเขากลับไปดื่ม ไม่รู้ว่าก่อนหรือหลัง แต่อาการพวกนี้ไม่เป็นที่สังเกตให้เห็นตอนอยู่กับผม อย่างมากก็แค่หงุดหงิดงุ่นง่านพาลไม่เป็นเรื่องเท่านั้น

       “ช่วงที่น้ำมนต์ไม่อยู่มันต้องไปหาหมอเอง ก่อนหน้านี้พี่เคี่ยวเข็ญยังไงมันก็ดื้อ ไม่ไป พอน้ำมนต์เข้ามาในชีวิตมัน เชื่อในตัวมัน ให้กำลังใจมัน กะทิน่ะ...เหมือนได้เกิดใหม่เลยนะ”

       เสียงทุ้มอธิบายหนักแน่น จริงจัง เว้นช่วงจังหวะให้ผมได้คิดหักล้างกับสิ่งที่ยังวกวนทิ่มแทงตัวเองตลอดเวลา น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ค่อยๆ เอ่อออกมาจนต้องเงยหน้ามองฝ้าเพดาน

       “จริงๆ น้ำมนต์ไม่ต้องเจอไอ้ทิช่วงนี้ก็เป็นผลดีกับพี่ กับตัวทิเอง เพราะมันตั้งใจทำงาน ไม่มีเวลามายุ่งกับน้ำมนต์ แต่พี่ก็ไม่อยากให้น้ำมนต์เอาความคิดว่ามันไม่รักน้ำมนต์ หรือน้ำมนต์ไม่สำคัญพอมาทำร้ายตัวเองนะ ถึงเวลาที่ไอ้ทิมันบอกว่ามันจริงจังแค่ไหน คนพูดจะท้อได้ เราเล่นสร้างกำแพงอคติไว้ขนาดนี้”

       ผมกลัวนี่ครับ

       การรักพี่ทิไม่ทำให้ผมกลัวเลยสักนิด แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือความกลัวที่จะไม่ถูกรักต่างหาก

       ที่บอกว่าถ้าพี่ทิพูดว่าไม่ได้คิดอะไรผมคงแย่

       ผมหมายความอย่างที่พูดจริงๆ

       “เดี๋ยวพี่ออกไปทำงานแล้ว มีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวไลน์มาเล่าให้ฟัง อยากดูมันซ้อมอีกไหม จะได้ถ่ายคลิปมาให้”

       ผมพยักหน้าหงึกหงัก

       “บอกให้เขากินข้าวเยอะๆ แล้วก็พักผ่อนด้วยนะครับ”

       พี่ลมพรายยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนยีหัวผมจนยุ่งเหยิงไปหมด

       “เราก็กินข้าวเยอะๆ แล้วก็พักผ่อนให้พอ อย่าสภาพเยินแบบนี้ไปคอนเสิร์ตมัน เจ้าตัวจะเสียสมาธิได้”

       จัดในฮอลใหญ่ขนาดนั้น คงเห็นผมหรอก

       “ขอบคุณนะครับพี่ลม”

       สำหรับทุกอย่าง

       เขาแค่ยักคิ้วให้ผมสองครั้ง ก่อนปล่อยให้ผมได้ใช้เวลาทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นลำพัง

       ความรักนี่ช่างยากจริงๆ เลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 13-02-2020 17:26:29
 :กอด1:ลุงทิก็ยังคงค่าตัวแพงเหมือนเดิม 5555
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: wanida023 ที่ 13-02-2020 18:20:38
หน่วงงงง... มากๆๆๆ
ไม่รู้จะทีมใครดี..... แต่ทีมน้องน้ำมนต์​แล้วก๊านนน
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 13-02-2020 18:26:29
 :z3:a :z3:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 13-02-2020 18:58:45
แงงงงง เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-02-2020 19:56:19
พี่ทิไม่ยอมหรอกเรารู้
ส่วนน้ำมนต์ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้้
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-02-2020 20:24:54
เพิ่งโมโหพี่ลมไป ตอนนี้ต้องขอบคุณแล้ว พูดจาดี  :mew2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-02-2020 20:40:00
ใครเขาอยากได้การเสียสละแบบนั้นของเธอยายเจน บ้าไปแล้ว
น้ำมนต์จะไม่มั่นใจในตัวเองก็ไม่แปลก ก็พี่ทิเล่นเสียใจไม่เป็นผู้เป็นคนขนาดนั้น
แต่ก็ต้องพูดคุยกันให้เคลียร์ อย่าคิดเอง เออเอง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-02-2020 21:15:26
เจนกระหายความสำเร็จจนไม่เห็นค่าคนที่รัก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-02-2020 21:36:57
 :เฮ้อ:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 13-02-2020 21:39:06
ฉากที่น้ำมนต์ไปได้ยินพี่ทิกับเจนคุยกันคือจุกในอกไปหมด
รักฉากน็อคเอาท์แบบนี้ของคุณเว้ดมากๆเลยค่ะ มันสุดจริงๆ ชอบมากกก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-02-2020 22:03:17
คุยกันเถอะน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-02-2020 22:03:36
ขอให้น้ำมนต์ผ่านความกลัวนี้ไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 13-02-2020 22:20:18
อะไรของเธออ่ะเจน บอกว่าตัวเองเสียสละ
อยากให้ทิได้มีงานใหญ่โดยเอาตัวเข้าแลก
คนเป็นแฟนที่ไหนจะทนได้วะ นี่โมโหมากๆ เลยนะ
และอีกอย่างตัวเองก็ได้งานเพิ่มขึ้นเยอะด้วยเช่นกัน
ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ  :hao4:

อีกเรื่องคงกะจะจับปลา 2 มือใช่มั้ยละเจน!!
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-02-2020 22:51:13
น้ำมนต์คนหัดรัก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 14-02-2020 01:16:27
น้ำตาคนอ่าน มันมาจากไหน,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 14-02-2020 04:44:25
 :mew5:  เจน...อย่ามาพูดว่าทำเพื่อทิเลย ...เธอทำเพื่อตัวเองต่างหาก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 14-02-2020 05:26:06
เจนโคตรเห็นแก่ตัว​ ไม่รักศักดิ์ศรี​
พี่ทิเลิกกับเจนไปได้น่ะดีแล้ว​
รู้เหตุผลของเจนยิ่งเห็นความดีของน้ำมนต์มากขึ้นไปอีก​ พี่ทิรีบๆไปง้อเลยนะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-02-2020 11:00:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Plakhem ที่ 14-02-2020 22:01:51
 :mew6:  ความไม่ชัดเจน จะทำให้หัวใจเจ็บ  :ling2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jely ที่ 15-02-2020 06:47:20
พี่ทิคุยกับน้องก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรอให้น้องถามก่อน   T . T
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-02-2020 07:43:18
เอ็นดูน้ำมนต์ เจอความจริงแบบไม่ได้ตั้งใจ
ถ้ารับมือถือแต่แรกก็ไม่เป็นแบบนี้หรอกกะทิ
กำลังจะดี ความห่วงใย ความคิดถึง กำลังกัดกิน
มาเจอช็อตนี้ไปคือสงบเลยค่ะ ทำน้ำมนต์เสียใจ

กะทิเอ้ยย พยายามอีกนิด อดทนอีกหน่อยนะ
น้องแค่ขอทำใจอีกสักพัก

เจนทำแบบนี้ แน่ใจใช่ไหมว่าเพื่อกะทิกับเจน
ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง กะทิพูดถูกนะ ใครจะทำใจได้
ที่ต้องยอมให้คนรักตัวเองไปเป็นของคนอื่น

ก่อนหน้านี้เคืองลม ตอนนี้ลมเป็นกำลังใจให้น้องละ
แต่เริ่มงงกับฟ้าว่ายังไง ต้องการอะไร
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 15-02-2020 09:23:54
คสามักช่างยาก
เอาแน่ๆ ยากเพราะอะไรน้ำมนต์
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์ -จบ(หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 19-02-2020 00:34:29
ต้องมนตร์




        แต่ละวันของผมเดินไปอย่างเชื่องช้าจนน่ารำคาญ ทุกครั้งที่เห็นโฆษณาคอนเสิร์ตตามสื่อต่างๆ ก็อดคิดไม่ได้ว่าช่วงนี้พี่ทิเป็นยังไง ซ้อมหนักไหม มีคนดูแลหรือเปล่า

        พี่ลมไม่รบเร้าให้ผมไปหาพี่ทิอีก แต่ผมเองที่เป็นฝ่ายเปลี่ยนเบอร์กลับมาใช้เบอร์เก่า ย้ายกลับไปอยู่หอกับไอ้นิว ทำตัวซึมเซาจนเพื่อนแซวว่าแฟนงานยุ่งจนผมกลายเป็นหมาจ๋อย ส่วนเรื่องเปลี่ยนเบอร์ชั่วคราวก็โกหกไปว่าเป็นเหตุผลของการแก้ชง คนงมงายกับทุกเรื่องอย่างผมเพื่อนๆ ก็ไม่เคลือบแคลงสงสัยว่าเปลี่ยนเพราะหนีไม่อยากให้พี่ทิตาม ส่วนหนึ่งก็ไม่อยากให้เพื่อนแซวว่าไม่โสดได้แป๊บๆ ก็ทะเลาะกับแฟนจนต้องหนีไม่ให้เขาง้อหัวซุกหัวซุน แต่พอถึงเวลาก็กลับมารอเขาเหมือนหมาเฝ้ารั้วบ้าน

        ข้อความของพี่ทิฝากทิ้งไว้สามข้อความ เป็นคำว่าคิดถึง คิดถึง และคิดถึง บอกตรงๆ ใจผมเหลวเป็นน้ำเลย อยากกลับไปหาแต่ก็พะวักพะวงทั้งกับเรื่องงานของพี่ทิที่ไม่ควรเสียสมาธิไปมากกว่านี้ ไหนจะไม่อยากฟังเรื่องของเขากับเจนอีก

        แม้ว่าไม่อยากได้ยิน ระหว่างเราก็ต้องพูดเรื่องนี้กันอยู่ดี ผมขอแค่เวลามาตั้งหลักก่อนเถอะ เข้มแข็งกว่านี้แล้วจะยอมให้พูดใส่หน้าเลยว่ารักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน

        กระนั้นก็หักห้ามใจไม่ให้ส่งข้อความไปให้กำลังใจเขาไม่ได้ แม้ว่ากดส่งแล้วปิดเครื่องหนีทันทีเลยก็ตาม



        ทำไมเป็นคนปอดแหกขนาดนี้วะ



        แต่เหมือนพี่ทิจะรับรู้ถึงความประหม่าอายผ่านตัวอักษรไม่กี่ตัว เพราะเขาก็แทบไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย



        “ถามจริง มึงมโนไปคนเดียวปะน้ำมนต์ว่าคบกับพี่ทิอะ”

        วันที่อากาศร้อนจัดในฤดูหนาว ทิวฟ้างอแงว่าอยากกินไอติมในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ เรื่องของกินเข้าทางไอ้นิว มันสมัครบัตรสมาชิกทุกร้านอาหารจนกระเป๋าตังค์ตุงไปด้วยบัตรสะสมแต้มและสิทธิพิเศษ

        ผมเขี่ยวิปครีมบนไอศกรีมทั้งแปดลูกถ้วยใหญ่ที่สั่งมากินด้วยกัน เรื่องที่ผมกับพี่ทิห่างกันออกมามีแค่ฟ้าที่พอจะรู้ที่มาที่ไป สนับสนุนว่าผมน่าจะทิ้งระยะห่างออกมาหน่อย อย่างน้อยก็เพื่อให้ความรู้สึกของเราทั้งคู่ชัดแบบที่ไม่มีอะไรมากระทบได้

        จริงอย่างผู้มีประสบการณ์ว่า ผมเปราะบางและอ่อนไหวเกินไป มากจนกระทั่งสูญเสียความเป็นตัวเองได้ไม่ใช่เรื่องดีหากคิดคบหากับใครสักคนในระยะยาว

        “ทำไม ตั๋วคอนเสิร์ตฟรียังไม่ตอบอีกเหรอ” ผมทำทีข่มทับ บัตรขายเกลี้ยงในชั่วโมงแรก นับว่าเป็นคอนเสิร์ตไทยที่ขายได้ไวจนหลายสื่อจับตามอง

        “พี่ลมให้มาปะ ไม่ใช่พี่ทิ”

        “เออ เหมือนกันล่ะน่า” เป็นบัตรโซนวีไอพีที่สงวนไว้สำหรับแจกแต่แรก ส่วนมากจะแจกสื่อเพื่อทำข่าว ซึ่งไม่ใช่แถวหน้าสุดเหมือนประธานในพิธีสงฆ์ตามประสาไทยบ้านแต่เป็นบัตรชั้นลอยที่สูงกว่าดอย และปลีกวิเวกจากกลุ่มแฟนคลับระดับหนึ่งเลยทีเดียว
       
        “ฟ้า มึงคุยกับไอ้อุ้ยบ่อยไหม โทรหากัน ฝันดีนะคะไรงี้”

        “ก็ทุกวันอะ ทำไม”

        “เนี่ย” ไอ้นิวใช้ช้อนยาวชี้ผม “กูไม่เห็นมึงคุยโทรศัพท์จนหลับเหมือนคนเป็นแฟนกันทำกันเลยวะ”

        “ก็พี่ทิยุ่ง”

        “ยุ่งแค่ไหนก็ต้องคุยกับแฟนเว้ย”

        “เขาโตแล้วไง จะมาหยุมหยิมอะไรกับเรื่องพวกนี้”

        “อวดแฟนเหรอจ๊ะ” คนเรื่องเยอะประจำกลุ่มทำตาเล็กตาน้อย แย่งลูกเชอรี่ที่ผมกำลังใช้ช้อนตะล่อมตักด้วยมือเปล่า “หรือเพราะเป็นผู้ชาย มึงเลยสวีทกันไม่ได้? อายกูเหรอ”

        “ไม่ใช่” ผมปฏิเสธ เริ่มหงุดหงิดที่ไอ้นิวแย่งของกิน “อยู่ที่นิสัยคน พี่ทิไม่ใช่คนตอแหลแบบไอ้อุ้ยไง”

        “อ้าว โยนมาที่กูอีก”

        ฟ้ามองหน้าผม ก่อนถามเสียงแผ่ว “ยังไม่คุยกันเหรอ”

        “ก็ ไม่เชิง คุยผ่านพี่ลมมากกว่า”

        สื่อสารด้วยวิธีฝากบอกเป็นหลัก พี่ลมยอมรับว่าโคตรรำคาญ แต่เขาก็ไม่อยากให้ผมกับพี่ทิมีเรื่องวุ่นวายในช่วงนี้ เลยต้องอดทนเป็นนกพิราบสื่อสารให้อีกพักใหญ่ อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าหลังคอนเสิร์ตจบ

        “มีแฟนก็เหมือนไม่มี จะมีไปทำไมวะ”

        ไอ้นิวยังไม่เลิกเสี้ยม ชาติก่อนเป็นบ่างหรือไงช่างยุเหลือเกิน “เรื่องของกูน่า”

        ผมตอบพลางมองไอศกรีมรสที่ตัวเองสั่งมา สีน้ำตาลของช็อกโกแลตและชมพูสดใสของสตรอวเบอรี่เชอร์เบต หวานอมเปรี้ยวของจูบวันนั้นฉายชัด วันที่ความรู้สึกของเราสดใหม่และไร้ความหวาดระแวง ตักสองรสนี้ให้ผสมบนช้อนคันเดียวกัน เอาเข้าปากแล้วคิดถึงสัมผัสวันนั้น

        ผมอยากจูบเขาที่สุดเลย

       

        ผมขีดปฏิทินตั้งโต๊ะของตัวเองนับตั้งแต่วันที่ได้บัตรคอนเสิร์ตมาจากพี่ลม ให้ปากกาเมจิกสีดำเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ลดระยะเวลาที่รอคอยเจอพี่ทิอีกครั้งจนหน้าปฎิทินยับเยิน คอนเสิร์ตวันแรกของพี่ทิผ่านไปด้วยดี ดีจนติดท็อปเทรนด์ในทวิตเตอร์หนึ่งวันเต็มๆ ส่วนมากแล้วจะพูดถึงทิวากรในตำนาน ภาพที่ถ่ายจากคนไปดูเป็นภาพที่เบลอนักร้องที่อยู่ด้านหน้า โฟกัสไปยังชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวหลังแกรนด์เปียโนสีดำสนิท

        คอนเสิร์ตจัดแสงไฟให้สปอร์ตไลท์ลงมาสองจุด จุดหนึ่งเป็นนักร้อง อีกจุดคือนักดนตรีโดยเฉพาะในเพลงสุดท้ายที่พี่ทินั่งไขว่ห้าง เล่นกีตาร์ร้อง แฮชแท็กที่มากับชื่องานคือเพลงที่มีชื่อผมเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ยังมีคลิปสั้นๆ ที่ผู้เข้าชมอัพไว้ในสตอรี่อินสตราแกรมหรือในทวิตเตอร์ แต่ยังไม่ทันกดดูก็ถูกไอ้นิวฟาดหลังมือแทบหัก มันว่าห้ามดูสปอยล์ ให้ไปตื่นเต้นในงานด้วยกัน ผมตัดอกตัดใจอยู่นานแต่ขี้เกียจเถียงกับมันเลยหยุดเสิร์ชหาคลิปดูล่วงหน้า แต่ภาพนิ่งนี่ห้ามไม่ได้จริงๆ อย่างกับเทวดามาจุติ หล่อจนไม่ควรเป็นมนุษย์แล้ว

        พอมองจากสายตาแฟนคลับ ก็ยินดีที่เขาถูกกล่าวถึงอย่างรวดเร็วในข้ามคืนเดียว

        จากการมีแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม หรือคนคุ้นหูได้ยินแค่ชื่อว่าเป็นนักเขียนเพลงมือดีของค่าย แม้แต่ตอนออกอัลบั้มยังไม่ค่อยมีภาพถ่ายปรากฏชัด วันนี้ภาพของพี่ทิถูกสืบค้นอย่างกว้างขวาง แต่พี่ทิก็คือพี่ทิ เป็นบุคคลที่แทบไม่มีข้อมูลในสารระบบอะไรมากไปกว่าที่ทางค่ายปล่อยออกมา

        เขาไม่ได้ทำตัวลึกลับ เพียงแต่ว่าช่วงที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นแฟนหนุ่มของนักร้องสาวเจนจิราถูกพวกโอตะคุกคามจนรำคาญและงดออกสื่อไปเอง

        หนึ่งคืนก่อนคอนเสิร์ต ผมนอนไม่หลับ

        การไม่ได้พบกันอาจเริ่มต้นจากการที่เขาอยากให้ผมกลับมาอยู่ที่หอ สานต่อด้วยเรื่องที่พี่ทิไม่ได้เล่าบางประการ เพิ่มด้วยความรู้สึกหวาดกลัวขลาดเขลา และยืดยาวเพราะพี่ลมอยากให้พี่ทิมีสมาธิกับเรื่องงานมากกว่าเรื่องของผม กว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็แทบลืมไปแล้วว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าทิวากร เขามองผมด้วยสายตาแบบไหน

        อย่างที่พี่ลมว่า ผมถูกปรุงแต่งด้วยอคติมากเกินไป สิ่งที่สั่งให้ผมตระเตรียมหัวใจว่าบางทีแล้วผมอาจไม่ได้มีความหมายมากพอ

        สองทุ่มตรง พี่ลมเป็นคนเดินนำเราทุกคนไปที่อัฒจรรย์ชั้นบนเยื้องมาทางซ้ายของเวที ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปหลังเวที แต่มานั่งรวมกันกับตากล้องมุมสูง เพลงแรกจะเริ่มตอนสองทุ่ม นักร้องสับเปลี่ยนกันขึ้นมาเฉลิมฉลองให้กับค่ายด้วยเพลงที่พี่ทิเขียนเป็นส่วนมาก นักร้องชายและหญิงขึ้นมาแสดงโชว์ พิธีกรนำเข้างานเป็นนักแสดงชื่อดังที่เป็นที่รู้จัก

        หลายเพลงเป็นเพลงซึ่งโด่งดังดั่งดาวค้างฟ้า ผ่านมากี่ปีก็ยังไพเราะติดหู เกือบครึ่งเป็นเพลงใหม่ที่พี่ทิเคยเล่นให้ผมฟัง เมื่อรวมกับเสียงเครื่องดนตรีครบทุกอย่างก็อดขนลุกซู่ไม่ได้ โดยปกติพี่ทิมักใช้เปียโนกำหนดเมโลดี้ บางทีก็ใช้กีตาร์เล่นพลางร้องไม่เป็นคำอยู่ในลำคอ จริงที่ว่าคอนเสิร์ตเป็นศาสตร์ที่รวมทั้งดนตรี การแสดง พลังเสียง เนื้อร้อง แสง สี และบรรยากาศชวนขับกล่อมให้เหมือนเป็นเมฆวิเศษพาผู้ชมลอยไปไกลแสนไกล จังหวะสนุกสนานเหล่าคนแปลกหน้าโยกตัวกันตามทำนองอย่างไม่กระดากอาย เพลงที่เคยได้ยินจนคุ้นหู เมื่อนักร้องเงียบเสียงไปนักฟังกลับร้องต่อประสานเสียงให้เป็นหนึ่งเดียว

        พี่ลมยืนกอดอก ในหูใส่หูฟังเอาไว้ เขามองจากบนอัฒจันทร์เดียวกัน ไม่นานก็วิ่งลงไป ท่าทางเครียดขมึง จริงจัง และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ

        “มีอะไรหรือเปล่า”

        “อย่างนี้แหละ ปัญหาหน้างาน มีตลอด” ฟ้าพูดอย่างคนรู้จักหน้าที่ของพี่ชายดี วันนี้คงวุ่นวายจนนาทีสุดท้าย “เดี๋ยวพี่ทิจะออกแล้วใช่ไหม”

        หญิงสาวถาม ผมได้แต่ส่ายหัว ไม่รู้กำหนดการเลย

        “บอกแล้วว่าไอ้น้ำมนต์มันมโน” ไอ้นิวไม่หยุดแซว มันเป็นคนเห็นช่องห่างระหว่างผมกับพี่ทิมากที่สุดเพราะอยู่ด้วยกัน ผมชูนิ้วกลางให้มันโดยไม่ออกเสียงอีกฝ่ายก็หัวเราะคิกคักกลับมา

        ไม่มีเงาของพี่ทิปรากฏบนเวทีสักที

        จากตรงนี้เราได้แต่มองคนบนเวทีผ่านจอฉายภาพขนาดยักษ์ที่ขนาบทั้งสองข้าง นักร้องที่อยู่บนเวทีคนนี้คือเสี้ยนเล็กๆ ที่ปักอยู่ในใจผมจนอักเสบระบม แววตาสุกใสแบบนั้น ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ขยับตัวนิดหน่อยก็มีเสียงกรี๊ดกระหึ่มดังทั้งฮอลล์

        “โคตรน่ารักเลย” ไอ้นิวเพ้อ ผมไม่ตอบอะไร ก็น่ารักจริงๆ ร่าเริง สดใส หันไปเล่นกับนะกดนตรีบ้างแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ตอบรับหรือบ่ายเบี่ยงเมื่อเห็นสายตาอดีตคนรักมองมา

        พี่ทิจะรู้สึกยังไงบ้างนะ อยากได้ผู้หญิงคนนั้นกลับไปหรือเปล่า

        ผมกัดปากล่างของตัวเอง รู้สึกโกรธที่มัวแต่พะวงจนไม่ได้ซึมซับรสชาติของงานเต็มอิ่มอย่างที่ควร

        ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของการแสดง เจนจิรากล่าวขอบคุณวงดนตรี สปอนเซอร์ แนะนำโปรดิวเซอร์และผู้เกี่ยวข้องคลอไปกับทำนองเร็วช้าเร่งสลับ จากนั้นไฟสปอร์ตไลท์ก็หมุนวนอยู่ตรงนั้น ก่อนนักร้องสาวจะเอ่ยชื่อผู้ประพันธ์เพลงหลักของการแสดง ไฟสีขาวจึงเลื่อนไปด้านหลัง ตำแหน่งเดียวกับที่ภาพถ่ายจากงานเมื่อวานถ่ายให้เห็น นักเปียโนที่นั่งอยู่เป็นเอกเทศจากเครื่องดนตรีอื่นๆ คือคนที่ผมมองหาตั้งแต่ต้นงาน คนที่ละเมียดละไมในความรู้สึก เฝ้าสังเกตและถ่ายทอดส่วนลึกของหัวใจออกมาด้วยทำนอง ไม่กี่ประโยคของพี่ทิในบทเพลงสามารถขโมยหัวใจ เข้าปากและติดหูอย่างเหลือเชื่อ

        เขาเปลี่ยนจังหวะเล่นกีตาร์ต่อ ก่อนขึ้นเพลงใหม่ที่เขียนให้เจนจิรา แน่นอนว่าเป็นเพลงที่ผมได้ฟังมาแล้วบางช่วงอย่างตรงท่อนฮุคที่มีความหมายของความคิดถึง

        ผมมองพี่ทิบนจอฉาย ด้านซ้ายเป็นชายหนุ่มด้านขวาเป็นนักร้องสาว ทั้งคู่เล่นส่งรับกันไม่มีสะดุด พี่ทิผอมลงกว่าตอนนั้น ดูดีกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ไม่ว่าจะด้วยเสื้อผ้า หน้า ผม แสงไฟ หรือท่าทางจริงจังหลังเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ เขาไม่เหมือนพี่ทิของผม คนที่กวนประสาทและทำตัวเป็นเด็ก เขาคือทิวากรที่เป็นดังดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า

        ผมเข้าใจเหตุผลที่เจนบอกว่าพี่ทิควรไปได้ไกลกว่าที่เขาเป็น

        ในฐานะศิลปิน สิ่งที่เจนพูดไม่เกินจริงสักนิด

        แต่ในฐานะคนรัก ผมอยากให้พี่ทิอยู่ในจุดที่ได้เป็นตัวเองก็เท่านั้น

        “พี่ทิแม่งเจ๋งว่ะ เพลงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเป็นเพลงที่เขาเขียนใหม่ทั้งหมดเลยใช่ไหม”

        ผมพยักหน้า บางเพลงเคยได้ฟังก่อนหน้านี้ บางเพลงพี่ทิเขียนตอนผมไม่อยู่ ดนตรีเล่นบรรเลงอย่างคนซ้อมจนคล่องมือ ไม่ว่าจะเป็นช่วงจังหวะที่เปียโนเดี่ยวนำเนื้อเพลง บ้างก็เป็นคอร์ดกีตาร์ไฟฟ้า หรือยามดนตรีผสานรวมด้วยกัน นักร้องคนอื่นๆ นอกจากเจนขึ้นสลับสับเปลี่ยน แต่สปอร์ตไลท์ที่ส่องยังคนเขียนเพลงนั้นแน่นิ่งไม่ขยับไปไหน

        สายตาของผมจ้องไปที่คนคนเดียว ชั่วขณะหนึ่งเขาละสายตาจากเครื่องดนตรีตรงหน้ามองมาทางที่ผมนั่ง เพียงเท่านั้นหัวใจผมก็สั่นเหมือนมีกลองรัวอยู่ด้านใน

        นักร้องที่ยืนอยู่คนละสเตจกับเปียโนพูดอะไรบางอย่าง ผมไม่ได้สนใจฟัง ดนตรีเปลี่ยนเป็นเบาคลอไปไม่สะดุด ไฟทุกที่ค่อยๆ มัวแสงลง เครื่องดนตรีแต่ละชิ้น ค่อยๆ เงียบเสียงลง พี่ทิกลับไปที่เปียโนหลังนั้นอีกครั้ง เหลือเพียงเมโลดี้เนิบช้าบนปลายนิ้วที่พลิ้วไหว เขาโยกตัวเล็กน้อย หลับตาเหมือนกำลังล่องลอยออกไป

       

        ใครคนหนึ่ง

        มอบความรักอบอุ่นในคืนที่เหน็บหนาว

        สายตาละมุน รอยยิ้มสุกสกาว

        มีเธอเป็นดังดวงดาว เฝ้าฟังคำอธิษฐานของหัวใจ

        มีเธอเป็นดังดวงดาว คอยชี้นำทางไป

        สายลมพัดผ่าน ดอกไม้ผลิบาน เหมือนฉันได้ชีวิตใหม่

        จูบแผ่วเบาฝังในใจ อธิษฐานให้เธอเคียงข้างกันไป

        ไม่อาจทัดทานได้ ความรู้สึกทั้งหัวใจ ดังต้องมนตร์



        ฉากหลังเวทีประดับด้วยแสงสีที่เป็นไฟคล้ายกลีบดอกซากุระ เมโลดี้สุดท้ายค่อยๆ จางแผ่วเบาทีละห้วงทำนอง เอฟเฟ็กต์ที่เป็นคล้ายกลีบดอกไม้แห้งโปรยปลิวด้านล่าง กล้องจับไปยังใบหน้าของแฟนคลับบ้างก็ยิ้ม บ้างก็มีน้ำตา เป็นเพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก อัดแน่นไปด้วยความรู้สึก มัวเมาคนฟังด้วยทำนองเนิบช้า ซาบซึ้ง ผมเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง ความหมายของเพลงนั้น...เพลงที่ผมไม่เคยฟังมาก่อน

        แม้ไม่ได้หันมาบอกว่าหมายถึงใคร แต่ก็สามารถรับรู้ได้

        “มีแฟนเป็นคนเขียนเพลงมันดีอย่างนี้นี่เอง”

        ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะแสดงความรู้สึกแบบไหนออกไประหว่างเขินอายกับซาบซึ้ง ทั้งที่หน้าร้อนผ่าวแต่มือกลับเย็นเฉียบ เหมือนเลือดวิ่งมาหล่อเลี้ยงที่แก้มทั้งสองข้าง

        “เชื่อเขาเลย เอาชื่อน้ำมนตร์ไปใส่ในเพลงด้วย” ฟ้าคลี่ยิ้มบาง วางมือบนหัวไหล่ผม บีบเบาๆ “น้ำมนต์คงเลือกคนไม่ผิดแล้วล่ะ ถึงกับมีเพลงเป็นของตัวเองอย่างนี้”

        “เออ คบกับน้องเจนตั้งนานทำไมไม่มีเพลงรักชัดเจน รักเดียวของเจนจิรา อะไรอย่างนี้บ้างวะ”

        “เขาอาจจะมีเพลงที่เคยเป็นของทั้งสองคนแต่ไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้ก็ได้นี่” ผมเสนอความเห็น ก้อนหินที่ถ่วงรั้งในใจเบาลง พี่ทิอาจพูดถึงอดีต หรือความสัมพันธ์ที่มันดับสลายและต้นสายปลายเหตุ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าปัจจุบันเขายังปรารถนาให้วันคืนหวนกลับมาอีกต่อไป

        พี่ทิขยับก้าวเดินออกมาจากความสัมพันธ์นั้นเด็ดเดี่ยวและชัดเจน

        เขาไม่ได้พยายามแก้ตัวแก้ต่าง แต่พิสูจน์ให้ผมเห็นกับตาว่าในใจเขามีเรื่องของผมมากแค่ไหน

        ความรู้สึกที่ขุ่นมัวราวเมฆหมอกในใจค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

        และคนที่ทำให้เขาเดินต่อไปได้ เรื่องเล่าระหว่างบรรทัดของเพลงเพราะความศรัทธาของผม

        ความศรัทธาที่ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยมี

        “แล้วยังงายๆ จะไปกินข้าวต้มกับพวกกูต่อหรือเปล่า”

        เรายังนั่งอยู่ที่เดิมกันกระทั่งผู้ชมทยอยออกไปจากฮอลล์ไปจนหมด ไอ้อุ้ยถามเสียงยานกวนประสาท ผมเผลอยิ้มอย่างอดไม่ได้ ส่ายหน้าระวิง “เดี๋ยวรอเจอพี่ทิดีกว่า ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน”

        “เห่อแฟนจ้า” เครื่องค่อนแคะประจำกลุ่มกระเซ้า ใช้ศอกสะกิดหยอกผมเบาๆ ก่อนหันไปพูดกับอุ้ย “กูบอกแล้วว่างอนกัน ห่า คนเป็นแฟนกันอะไรนั่งจ๋อยมองโทรศัพท์แต่ไม่โทรหาเขาได้เป็นเดือน”

        “พวกมึงเมาท์กูเหรอ”

        “เสือกปากแข็งบอกยุ่งๆ ว่างไม่ตรงกัน กูว่ามึงได้แล้วน้ำมนต์ เป็นแฟนดาราแล้วแล้วไอ้เหี้ย ตอบเพื่อนเหมือนสัมภาษณ์”

        มะ...ไม่รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองเป็นที่ถูกใส่ใจขนาดนี้ ไอ้นิวหัวเราะลงคอ

        “สรุปงอนที่พี่ทิบ้างานเหรอ”

        “เปล่า”

        จ้างให้ก็ไม่บอก

        “ทำฟอร์ม แหม มีอะไรเล่าให้พวกกูฟังได้รู้ปะ มึงคบใครพวกกูก็ห่วง แต่ที่สำคัญคือเราทุกคนเคารพการตัดสินใจของมึงนะเว้ย”

        “เออ ต่อให้มึงคบเหี้ย กูก็จะไปบอกให้เหี้ยเลิกคบกับมึงแล้วไปหาอนาคตดีๆ แทน”

        “รู้สึกได้ว่าเพื่อนรักกูมากแน่ๆ” ผมแกล้งประชด ที่กังวลว่าพวกมันจะไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์นี้ก็จริงอยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่เวลาใครถามก็จะบ่ายเบี่ยง ไม่บอกใครนอกจากพี่ลม “ยังไงก็ขอบใจพวกมึงมากนะ”

        ฟ้ายิ้ม มองเลยไปด้านหลังก่อนพูด “ไปเถอะ หมดหน้าที่ตัวประกอบแล้ว โน่น พระเอกเดินมาโน่น”

        คนถูกกล่าวถึงเพิ่งลงจากเวที ปลดไมค์และหูฟังสำหรับใส่ตอนขึ้นเวทีออกแล้ว ยังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิม ไม่ทันล้างเครื่องสำอางออกด้วยซ้ำ

        “พี่ทิ”

        “อื้มม...”

        ไอ้สามตัวส่งเสียงแซวในลำคอ ผมกับคนมาใหม่ได้แต่แสร้งมองไปคนละทาง แต่กลับจับกุมมือกันเอาไว้แนบแน่น ราวกับให้มือเป็นตัวแทนของร่างที่โผเข้ากอดกัน พี่ทิเลียริมฝีปากเล็กน้อย หลุบสายตามองปลายนิ้วที่สอดประสาน บื้อใบ้ไปชั่วขณะ ไม่ทันตั้งตัวแม้แต่ตั้งรับไหว้จากเพื่อนผมที่เป็นรุ่นน้องเขาทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ

        “พี่ทิ ผมเคยได้ยินไอ้น้ำมนต์มันบอกว่าต้องดูพี่เล่นสักครั้งแล้วจะเข้าใจว่าทำไมมันติ่งพี่ เฮ้ย พี่สุดยอดจริงว่ะ” ไอ้อุ้ยพยายามทำลายบรรยากาศประดักประเดิดด้วยการชวนคุย ก่อนเจ้าของหัวข้อสนทนาจะเกาท้ายทอยตัวเองเก้อๆ

        “อือ...ขอบใจ แล้วกลับกันยังไง”

        “ผมขับรถมา ติดรถผมออกไปข้างนอกไหมครับ ผมว่าแท็กซี่ในนี้น่าจะหายาก”

        พี่ทันมองผมเชิงปรึกษา “จะออกไปพร้อมอุ้ยหรือให้ทีมงานไปส่ง”

        ผมเห็นว่ารถไอ้อุ้ยน่าจะเต็ม ไหนจะข้าวของเครื่องใช้ของพี่ทิคงอยู่หลังเวทีพอประมาณ “ไปกับทีมงานก็ได้ครับ”

        “เจนติดรถไปด้วยนะ” เขาเว้นจังหวะช่วงหนึ่ง “ถ้าไม่สบายใจ...”

        “ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมพรายยิ้มออกมาด้วยความจริงใจอย่างที่สุด “เรื่องมันผ่านไปแล้วนี่นา”

        ไม่ว่าจะผ่านมาด้วยความยากเย็นแค่ไหน

        ไม่ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่

        ผมจะมั่นใจในมือที่จับเอาไว้ตอนนี้ให้มาก

        “ขอบคุณนะ”

        “เรื่องอะไรเหรอครับ”

        เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง อีกฝ่ายก็เขินจนหน้าแดงก่ำ เห็นสายตาสอดรู้สอดเห็นของเพื่อนๆ แล้วก็หวงขึ้นมา ไม่อยากให้ใครเห็นพี่ทิที่ประหม่าจนเสียอาการแบบนี้เลย

        “มองอาราย” ผมลากถามเสียงยาว สามทหารเสือก็ไหวไหล่ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา

        “เปล๊า ไปๆ หิวแล้วๆ ไอ้นิวไป ไปกันเถอะค่ะฟ้า” คุณชายนนท์รีบเปลี่ยนเรื่องโอบแขนรอบบ่าเล็กให้หมุนตัวกลับไปยังประตูที่มีสัญญาณไฟว่าเป็นทางออกผมกับพี่ทิยังจับมือเกี่ยวประสานกันไว้แน่นอย่างนั้น ทั้งที่ใจนึกอยากทำยิ่งกว่านั้นให้สาสมกับรอคอยเวลา

        “ขอบคุณที่อดทนตั้งแต่วันที่โดนไล่กลับ”

        เมื่อปราศจากผู้คน เขาก็สารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

        “ขอบคุณที่ฉันทำให้ผิดหวัง แต่ก็ยังให้โอกาส”

        พี่ทิสบตาผมขณะกล่าวช้าๆ

        “ขอบคุณที่เชื่อในตัวฉัน วันที่ฉันไม่เชื่อในตัวเอง”

        ภายนอกเขาไม่เหมือนทิวากรที่เป็นของผมเลยสักนิด ดูดีเกินไป จริงจังเกินไป แต่ข้างในก็คือคนนั้น เหมือนเด็กชายทิวากรที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์หน้าชั้น ตื่นเต้น ประหม่าอาย มีถ้อยคำมากมาย เช่นกันกับเพลงนั้นที่ไม่บอกรักแต่เปี่ยมด้วยความหมายลึกซึ้งกินใจยิ่งกว่า

        ฐานะนักเขียนเพลงมือวางอันดับหนึ่งเขาเก่งกาจในการพรรณนาให้ผู้ฟังเข้าซึ้งถึงรสชาติของความรู้สึกนั้นจริงๆ

        “ตอนแรกก็อดทนนะครับ พอรักแล้วก็ไม่ได้ทนเลยอะ แค่อยากอยู่ข้างๆ พี่ แต่ก็...ไม่รู้ว่าพี่อยากให้ผมอยู่ข้างๆ แค่คนเดียวหรือเปล่า ไม่รู้สิ...ผม....”

        ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วดึงผมไปกอดในที่สุดผมยกแขนขึ้นกอดเขากลับ สิ่งที่ปรารถนาจะทำมาเนิ่นนาน ผ่องถ่ายความเหน็ดเหนื่อยจากงานมาที่ผมด้วยสองแขนที่มี

        “ผอมลงหรือเปล่าครับ”

        “อือ โดนสั่งให้ออกกำลังกาย คุมอาหารด้วย”

        “เตรียมตัวเป็นนักร้องแมสแล้วสินะครับ”

        “เปล่า” เขากระชับอ้อมแขนหนักขึ้นจนผมหายใจลำบาก “พี่ลมบอกว่าถ้าตอนทำมีพุงพลุ้ยออกมามันชวนหมดอารมณ์ได้น่ะ”

        เดี๋ยว...

        เมื่อกี๊ผมไม่ได้หูฝาดใช่ไหมนะ

        “ล้อเล่น”

        ผมหลุดหัวเราะ ไม่โต้ตอบ ยอมให้เป็นวันของทิวากรหนึ่งวันแล้วกัน

        “งั้นกลับคอนโดกันเถอะครับ ทีมงานอาจจะรอแล้วก็ได้”

        ขณะนั้นมีใครคนหนึ่งเดินมา หยุดยืนนิ่งเมื่อผมหันไปเจอ เราเคยเจอกันโดยบังเอิญหนึ่งครั้ง เจนอ้างว่าเมา จำไม่ได้ แต่สายตาไม่ชอบใจที่มองมาทำให้ผมเดาว่าที่จริงแล้วเรื่องจำไม่ได้คงโกหกเพราะไม่อยากพูดให้ใครฟังมากกว่า

        “พี่ลมให้มาถามว่ากลับด้วยกันไหม”

        เสียงนั้นสะบัดห้วน มองมือพี่ทิที่จับผมไว้แล้วเบือนสายตาหนี

        เรื่องที่เจนรักพี่ทิมากๆ คงไม่ใช่เรื่องโกหก และที่พี่ทิเคยรักเจนมากๆ ก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเหมือนกัน

        ส่วนที่พีทิรู้สึกกับผมยังไงนั้น เขาก็บอกมันด้วยการกระทำให้ผมรับรู้อย่างชัดเจน

        “อือ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พี่ทิพูดเรียบง่าย ไม่มีร่องรอยของอารมณ์ใดๆ หลงเหลือก่อนเอ่ยประโยคถัดมาให้ผมใจเต้นระส่ำ “เดี๋ยวแฟนพี่ไปด้วยอีกคน คงมีที่ว่างนะ”

        หญิงสาวผู้เป็นอดีตนิ่งงัน พี่ทิจูงมือผมเดินผ่านหัวไหล่เล็กลู่ไป

        ผมก้มลงมองฝ่ามือที่สอดประสาน

        ความชัดเจนที่ไม่ต้องประดิษฐ์คำมาบรรยาย

        ที่ตรงนี้เป็นของผม ของผมแต่เพียงผู้เดียว

        "พูดแบบนั้นไปจะดีเหรอ"

        "ทำไม หรือไม่ใช่?"

        เอ้อ...อืม ผู้ชายคนนี้มันยังไง ขอเป็นแฟนสักคำก็ไม่เคย พูดคำว่ารักให้ได้ยินก็ไม่มี ทำคนอื่นเสียใจ ไม่ทันง้อก็ทึกทักว่าเป็นแฟนเสียแล้ว พอทักท้วงหน่อยก็ทำเสียงงอนสะบัด บีบมือผมแน่นยิ่งกว่าเก่า

        "เดี๋ยวก็เป็นข่าวไม่ดีหรอก"

        "เป็นแฟนน้ำมนต์มีอะไรไม่ดี"

        "ก็ ถ้าเป็นข่าวแล้วเรตติ้งตกผมไม่รู้จะช่วยยังไงเลยนะ"

        พี่ทิหยุดฝีเท้า ผมที่ถูกจูงมือให้เดินตามถึงกับเบรคไม่ทัน หน้าผากชนแผ่นหลังกว้างเข้าอย่างจัง ยกมือขึ้นลูบหัวป้อยๆ ยังไม่ทันบ่นคนตัวสูงกว่าก็โน้มร่างลงมาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากโดยไม่ทันตั้งตัว

        "มีสองอย่างที่ต้องรู้ หนึ่ง แฟนนายเป็นคนเก่ง สอง แฟนนายแคร์นายมากที่สุด"

        ท่าทีหยิ่งผยอง แสนดื้อรั้นเอาแต่ใจ ลบภาพชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์บนเวทีนั้นไป เมื่ออยู่นอกสปอร์ตไลท์ เขาก็คือไอ้พี่ทิที่ชอบทำตัวเป็นมนุษย์ลุงจอมเกเรของผมคนเดิม

        "รับทราบครับ" ผมอ้อมแอ้มตอบในลำคอ "แต่แฟนพี่ไม่ค่อยเก่งนะ แค่รักพี่มากๆ ไม่ว่าพี่จะเป็นยังไงเท่าน้นเอง"

        ผมใช้ความกล้าทั้งหมดพูดมันออกมาโดยที่ไม่มองหน้า ก็เลยไม่รู้ว่าระหว่างผมกับเขา ใครจะเขินใครมากกว่ากัน

        "เท่านั้นก็พอแล้วล่ะ"

        เสียงทุ้มพูดแผ่วเบา ก่อนเดินเข้ามากอดผมอีกครั้ง ซบหน้าผากลงบนบ่าลาด คล้ายกับว่าเขาอนุญาตให้ผมเป็นคนที่รัก และสยบยอมให้ผมรักแต่โดยดี







end
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 17 ไม่เคยจะห่างกัน (หน้า10|05022020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 19-02-2020 00:37:28
+++

behind scence


          “น้ำมนต์ไปอาบน้ำก่อนเลย”

          ทันทีที่กลับถึงห้องพี่ทิก็ออกปากบอกให้ผมไปอาบน้ำคนแรก เพนส์เฮาส์หรูหราที่ควรจะหรูหราเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าวันที่ผมเข้ามาเหยียบที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ฝุ่นในห้องปิดตายยังนับว่ามากจนเดาได้ว่าช่วงระยะหลังๆ พี่ทิคงไม่ได้อยู่ห้องเลยอย่างมากก็กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น

          หลังจากมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับพี่ทิผมก็แอบหาข้อมูลการเตรียมตัวก่อนเผด็จศึกจากในอินเตอร์เน็ตไว้พอประมาณ สารภาพว่าพักหลังๆ เมื่อถึงคราวช่วยตัวเองผมก็คิดถึงจูบของพี่ทิไปด้วย เสียดายที่ไม่ได้จิ๊กเสื้อใส่แล้วที่มีกลิ่นเหงื่อของพี่ทิไปบิวท์อารมณ์เพราะกลัวจะเหมือนโรคจิต แต่ตลอดเวลาที่ผมคิดถึงพี่ทิ ก็นึกถึงกลิ่นบอดี้เชฟอ่อนๆ ผสานกับกลิ่นตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่ทิยามเขาโอบผมไว้ทั้งร่างทุกที

          ผมเปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง มีบาธบอมของบาธแอนด์บอดี้เวิร์คกลิ่นมาร์ชเมลโล่วางไว้ ไม่รู้ว่าพี่ทิซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ผมถือวิสาสะใช้มันเพื่อให้กลิ่นหอมหวานน่ารับประทานติดอยู่บนผิว ผมตื่นเต้นแทบบ้ากับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ ดูก็รู้ว่าพี่ทิมีความตั้งใจจริงที่จะเป็นฝ่ายทำ เพราะเมื่อเปิดเข้าประตูห้องนอนมาผมก็เห็นอุปกรณ์ทั้งเจลหล่อลื่นและกล่องถุงยางอนามัยวางอล่างฉ่างข่มขวัญอยู่ข้างหัวเตียง

          ผมน่ะ ไม่ติดปัญหาอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทำหรือถูกกระทำ ถ้าได้ใกล้ชิดกับพี่ทิจนรวมเป็นคนเดียวกันได้ผมก็ยินดีทั้งหมด ความรู้สึกที่อดกลั้นมาตลอดของผมมันหมดลงแล้ว ผมไม่สามารถทนห่างเหินกับพี่ทิได้อีก เวลานี้ต้องการเพียงชดเชยช่วงเวลาที่หายไปให้สาสมกับที่รอคอย ผมพยายามเตรียมตัวให้สะอาดที่สุด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยน้ำอุ่น กลบเกลื่อนความเครียดด้วยเพลงแจ๊สบัลลาร์ดในห้องน้ำ เมื่อคิดว่าสมควรแก่เวลาก็ลุกมาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของพี่ทิ ไม่ใส่ชุดนอน ไม่ปกปิดอะไรไว้ข้างใน ผมอาจนั่งรอให้พี่ทิอาบน้ำก่อนก็ได้ หรือถ้าพี่ทิต้องการทั้งที่ไม่ชำระล้างร่างกายผมก็ไม่ขัด

          เมื่อเปิดประตูห้องออกมา เสียงเพลงจากแผ่นเสียงดังกระจายตามลำโพงที่ติดมุมต่างๆ ของห้อง พี่ทินอนอยู่บนเตียง น่าจะล้างเท้าอย่างเดียวเพราะเสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกอย่าง

          นึกไปถึงเรื่องที่เขาเปิดตัวว่าคบกับผมต่อหน้าธารกำนัลแล้วก็เขินไม่หาย นี่น้ำมนต์ แฟนผมครับ พูดแบบไม่เหลือบตามองคนรักเก่าสักนิดว่ากำลังส่งสายตาตัดพ้อให้รุนแรงและโจ่งแจ้งเพียงใด

          แต่ช่างมันเถอะ สุดท้ายแล้วชีวิตใครก็ต่างต้องจัดการมันอยู่ดี

          “พี่ทิ”

          ผมกระซิบ ถ้าสะกินจะดูจงใจมากไปหรือเปล่านะ หรือผมควรกอดเขาจากด้านหลังเลย ผมจะหอมแก้มเขาก่อนแล้วบอกให้ไปอาบน้ำ หรือว่าผมควรจะเริ่มจากนวดที่หัวไหล่เขาก่อน

          หัวใจของผม มันกลับมาเต้นแรงเสียยิ่งกว่าก่อนฟังผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก

          “พะ..พี่ทิ”

          สาบานเลย ผมไม่เคย ไม่เคยคิดว่าจะเรียกใครสักคนด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าขนาดนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนคอแห้ง ผมเดินออกจากห้องนอนไปที่ครัว หยิบน้ำออกมาดื่มอึกๆ คิดว่าคงช่วยให้ภาวะตื่นเต้นแบบนี้แผ่วเบาลงบ้าง

          บางทีแล้ว ผมอาจถ่วงเวลาได้อีกนิดถ้าพี่ทิตัดสินใจไปอาบน้ำก่อน ระหว่างนั้นผมอาจไม่เผลอทำอะไรที่มันน่าอายไปมากกว่านี้

          ทำอะไรที่มันน่าอาย...

          ชั่ววินาทีนั้น ผมก็ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวเอง เซ็กซ์มันเป็นเรื่องน่าอายตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

          จริงๆ แล้ววิวัฒนาการของมนุษย์ มันก็เริ่มต้นมาจากการที่มนุษย์มีเซ็กซ์กันไม่ใช่เหรอ ผมเอง ก็เป็นผลผลิตของการมีเซ็กซ์แท้ๆ การโอบกอดกัน ร่างกายสอดประสาน เสพความสุขอิ่มเอม เหน็ดเหนื่อยและหอมหวาน การเกาะก่ายและฟังเสียงของหัวใจของตัวเองเต้นไปพร้อมอีกคน โห มันโคตรโรแมนติกและสวยงามเลยนะครับ

          ทำไมเราถึงได้มองว่าเป็นเรื่องน่าอายกันนะ

          ยังไงเสีย...ทั้งผมทั้งพี่ทิก็ต่างบรรลุนิติภาวะและรับความเสี่ยงได้แล้ว

          ผมเลียริมฝีปาก กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนปิดตู้เย็นแล้วผลักประตูห้องนอนกลับเข้าไปอีกครั้ง พี่ทิยังนอนหันหลังในท่าเดียวกับก่อนผมจะเข้าไปอาบน้ำเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

          แต่ว่า...นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ...

          ผมมองเข็มนาฬิกา ตีสามแล้ว เรื่องของเราจะเกิดในคืนที่ดึกสงัดแบบนี้ เวลาที่ทุกคนหลับไหล โมงยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันรู้ว่าทิวากรที่แสนดีกำลังถูกผมช่วงชิงไป ผมขยับตัวขึ้นเตียงช้าๆ วางแขนพาดกับเอวแข็งแรงของอีกฝ่ายงอตัวเล็กน้อยเพื่อให้หน้าผากจรดกับต้นคอของอีกฝ่าย

          “พี่ทิครับ”

          “....”

          “พี่ทิจะอาบน้ำก่อนไหม ให้ผมช่วย...”

          “คร่อก....”

          มะ...หมายความว่าไงนะ?
          เสียงเมื่อกี๊นี้????

          “พี่ทิ”

          ผมเลื่อนมือขึ้นมาที่หัวไหล่ เขย่าเบาๆ ชายหนุ่มครางอือในลำคอก่อนพลิกตัวนอนหงาย เปลือกตาสองข้างปิดสนิท ลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ เคี้ยวน้ำลายแจ๊บๆ สองครั้งปิดท้ายเป็นอันรู้กันว่าอีกฝ่ายกลายเป็นเจ้าชายนิทราเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว

          คนอุตส่าห์เตรียมตัวโว้ยยย!

          บอกตามตรงแม่งโคตรหัวเสีย เหมือนทำมื้อเย็นไว้ให้ใครสักคนแล้วเขาบอกว่ากินมาจากข้างนอกแล้ว ครั้นจะโกรธก็โกรธไม่ลง พี่ทิผอมลงกว่าตอนที่เจอ แต่เป็นความผอมที่ดูสุขภาพดีกว่าบวมเบียร์แน่ๆ ผมใช้ปลายนิ้วลูบใบหน้า สันกรามลงมาจนถึงคางอีกฝ่าย ยืดตัวไปจูบเบาๆ แล้วเปลี่ยนเป็นนอนทับบนแผ่นอกแข็งแรงช้าๆ

          ช่วงที่ผ่านมาเหนื่อยมากใช่ไหมครับ

          ผมก็เหนื่อยนะ ทนคิดถึงพี่จนเหนื่อยไปหมด

          ผมกลัวมากเลยว่าพี่จะกลับไปหาคุณเจนอีกหรือเปล่า ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรยึดเหนี่ยวดึงรั้งพี่ไว้ รวมทั้งผลักดันให้พี่โดดเด่นมีอนาคตก้าวไกล

          ผมแค่รักพี่อย่างที่พี่เป็น อยากให้พี่ได้กินอิ่ม นอนหลับ และมีความสุขกับสิ่งที่พี่ชอบเท่านั้น

          พี่จะหลับใส่ผมในคืนที่ผมเตรียมตัวเตรียมใจจะนอนกับพี่ก็ได้

          พักผ่อนให้มากๆ นะครับ

          เพราะน้ำมนต์คนนี้อยากเห็นพี่ทิตื่นมามีโลกที่สดใส มีเป้าหมายจะใช้ชีวิตเป็นอย่างดีต่อไป

          “พี่ทิ...ผมรักพี่นะ”

          ความรักของผมอาจไม่เหมือนคนอื่น แต่ถ้าพี่ต้องการ ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่มอบมันให้ใครอีกเลย




จบจริงๆแล้วๆๆๆๆๆ

เรื่องนี้หมดไปกับการพาอีพี่ทิเข้าไปรักษาค่อนเรื่อง อุงแงงงง ไฟนัลลี่น้ำมนต์กับพี่ทิก็ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ สักคำให้ลึกซึ้งแล้วนะคะ เค้าดีกันแล้วค่ะะะ ขอมาชดเชยความหวานด้วยตอนพิเศษนะคะ

ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้กั๊บ
         
รัก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 19-02-2020 01:40:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 19-02-2020 05:25:15
แฟนนายแคร์นายมากที่สุด​ แม้จะมาใช้คำว่าแฟนเอาตอนนี้แต่มันก็ปลื้มใจที่สุด​ ได้เป็นคนสำคัญในวันสำคัญ
ปล.ขอตอนพิเศษมาช่วยสานฝันของน้ำมนต์ทีอุตส่าห์เตรียมหาข้อมูล​ 55
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-02-2020 06:04:19
ฉันล่ะสงสารน้ำมนต์จริง ๆ
ขำที่น้องบิ๊วต์ตัวเองไปไกลมาก
ส่วนอิพี่ทินั้น...คร่อกเดียวจบ ปัดโถ่เอ๊ย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 19-02-2020 07:06:07
สงสารนัำมนต์ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง 55555555555
ยัยน้องโดนหลับใส่แง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-02-2020 09:08:26
 :katai2-1: :katai2-1:

รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 19-02-2020 12:35:11

ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับนิยายน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 19-02-2020 13:08:03
ทางนี้ที่แอบดูอยู่ริมระเบียงคือหน้สแห้งมาก ยิ่งกว่าตัดเข้าโคมไฟอีก พี่ทิโว้ยยยยยยย 
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-02-2020 13:09:58
ไม่รู้จะขำหรือสงสารน้ำมนต์ดี
เมื่อพี่ทิ ครอกกกๆๆๆๆ ในวันที่น้ำมนต์เตรียมเสียตัว
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jnchnn ที่ 19-02-2020 19:28:31
พี่ทิจริงใจกับความรู้สึกตัวเองมาก เหมือนลุงกับเด็กน้อยในคนเดียวกัน
คนที่จะมาอยู่ข้างๆพี่ทิได้ก็คือคนที่เข้าใจ เชื่อในความเป็นพี่ทิ
ไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไร แต่พร้อมจะเดินไปข้างๆกัน supportกันและกัน
ซึ่งน้ำมนต์นี่แหละคือคนที่ใช่ที่สุดของพี่ทิ
ขอบคุณคุณเว้ดมากเลยนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้
รัก
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jely ที่ 19-02-2020 20:31:24
พี่ทิแกคงเหนื่อยอะแหละ ฮ่าๆ
น้ำมนต์น่ารักเชียวว ขอบคุณนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะคุณเวสต์
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 19-02-2020 21:29:23
พี่ทิก็ยังมีบทน้อยอยู่นะ 5555

ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 19-02-2020 22:16:41
555พี่ทิมาชิงหลับไปก่อนซะนี่ คนเขาอุตส่าห์เตรียมตัว :ling1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-02-2020 23:01:13
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 19-02-2020 23:18:28
เขินผู้ชายแบบพี่ทิ ปากแข็งแต่ความจริงคือขี้อาย :L2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 20-02-2020 04:16:37
พระเอกดิฉันบทน้อยกว่าตัวประกอบคนอื่นๆอีกจ่ะจุดนี้ 555555555 ขอตอนพิเศษปามาฮีลใจทีอยากเห็นอิพี่ทิมันหึงน้องอยากเห็นมันหวงมันบอกรักน้องบ้างงงงงง น้ำมนตร์ของแม่น่าสงสารตั้งแต่แรกเริ่มจนจบโอ๊ยยยยยเสียมู้ดหมดอิพี่ทิมาหลับกลางคัน 555555555 ผีบ้าาาา
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 20-02-2020 10:01:11
ลักหลับ พี่ทิ ไปเลยน้อง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 20-02-2020 11:05:30
หลับ  :m20: สงสารใครดี  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 20-02-2020 17:19:44
เป็นนิยายที่ไม่มี NC มันดีมากเลยค่ะ  ขอบคุณค่ะ สำหรับนิยายดีดีมาให้อ่าน  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Plakhem ที่ 20-02-2020 22:18:20
 :mew6:  จบแล้ว  ทำไง จะอ่านอะไรต่อดี โอ้ยยยยย   :ling3:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 21-02-2020 07:17:41
น้ำมนตร์โว้ย5555555 
อดกินเรย พี่ทิคงเหนื่อยมากจีๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: noomasoi3 ที่ 21-02-2020 09:31:01
 "มีสองอย่างที่ต้องรู้ หนึ่ง แฟนนายเป็นคนเก่ง สอง แฟนนายแคร์นายมากที่สุด"
ชอบประโยคนี้ที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ค้าง
เว้ดเว้ดทำแบบนี้ได้ไง เว้ดดดดดดด ตอนพิเศษมาให้ไวเลย  :z3: :z3:

ปล.ขอให้รู้ว่าบ่นไปรักไปนะจ๊ะเว้ด
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-02-2020 10:50:41
เตรียมการนานไปจนหลับเลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 23-02-2020 01:48:50
ดีอ่ะ ต่างคนต่างอคร์กัน อ่านชิวๆ ได้เรื่อยๆ น่ารักดี ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-02-2020 21:59:45
อิพี่ทิหลับใส่น้องเฉย  :laugh: :laugh:
น้องอุตส่าเตรียมตัวเตรียมใจ  :laugh:
ขอบคุณนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 29-02-2020 22:35:04
อ่านแล้วเขินจัง
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 01-03-2020 16:09:12
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 01-03-2020 16:10:44
ขอบคุณนักเขียน
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: TiGgeRLuMOs62 ที่ 01-03-2020 18:32:29
พาร์ทที่น้ำมนต์รู้ว่าพี่ทิแอบกินเหล้านี่คือหน่วงมาก
น้ำตาไหลเหมือนเปิดก็อก สงสารน้ำมนต์มากเลย
แต่ในที่สุดก็เข้าใจกันแล้ว ดีใจที่น้ำมนต์ไม่ถอดใจเสียก่อน
Happy ending  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: YoKu ที่ 08-03-2020 11:06:44
อ่านแบบรวดเดียวไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียวค่ะ
พี่ิเวอร์ชั่นลำยองนี่น่าโดนเตะวันละสิบทีจริงๆเลยค่ะ สมควรแล้วที่ถูกน้ำมนต์ (เอาน้ำ) ราด 555
ขอบคุณน้ำมนต์นะที่เป็นเด็กดี ใจเย็น ไม่ทิ้งอีตาลุงขี้เมาไปซะก่อน
ขอบคุณพี่ทิที่กลับตัวกลับใจได้ทัน ขอบคุณที่รักน้ำมนต์
ขอบคุณ คุณ west ด้วยนะคะ ที่มาฮีลใจในวันที่เสพข่าวจนเกรงว่าเส้นเลือดในสมองจะแตกตาย
ปล. เราล่ะเกลียดบรรยากาศความอึดอัด อึมครึมของการไม่ยอมพูดยอมจากันให้เข้าใจจริงๆเลยค่ะ อยากจับทั้งคู่มาเอาหน้าผากโขกกันเผื่อจะหายบื้อบ้าง (ซึ่งมันกลายเป็นซิกเนเจอร์ของคุณ west ไปแล้วรึเปล่าคะ) เกลียดแบบ love-hate relationship อ่ะนะคะ 55
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-03-2020 19:18:07
5555 เป็นเอ็นดูน้ำมนต์ อุตส่าห์พร้อม ที่ไหนได้ พี่หลับใส่เฉย

ในที่สุด การรอคอยก็สิ้นสุดสักทีนะน้ำมนต์ ได้เป็นคนที่ใช่ ในวันที่ดี
กะทิถือว่าชัดเจนพอตัวเลยนะ เปิดตัวพร้อมเลยด้วย
อย่าได้แคร์คนอื่นมากกว่าแฟนนาย เข้าใจนะน้ำมนต์

น้ำมนต์น่ารักมากเลย ปากแข็งไปงั้น แต่ในใจคือทั้งห่วงทั้งคิดถึง
และปลื้มความชัดเจนของพี่มาก

ขอบคุณมากนะคะ กับความสัมพันธ์ที่ชัดเจนในความคลุมเครือนี้
ทำให้เราลุ้นตลอดเลยค่ะ ว่ากะทิจะตัดสินใจยังไง ถึงจะเอียงมาทางน้ำมนต์
แต่บางทีก็แอบหลอนแทนว่ากะทิจะเปลี่ยนใจ

ขอบคุณสำหรับนิยายน่าติดตามเสมอ และน่าสนใจทุกตอนเลยค่ะ
รออ่านเรื่องใหม่น้า เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 08-03-2020 23:46:19
555 พี่ทิหลับไปก่อน. สนุกมากครับ. ขอบคุณครับ,,,
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 09-03-2020 04:45:07
โอ้ยมันเป็นเขินหนักมาก เป็นมะลิ่งกิ่งก่องสะระนองป่องแป่ง มันแบบ เขินโอ้ย บิดจนไม่รู้จะบิดไงแล้วววววว :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 09-03-2020 22:44:04
สนุกมากค้าา น่ารักทั้งคู่เลย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
 :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 12-03-2020 04:55:08
สนุกมากๆ ค่ะ
ชอบทุกตัวละคร ในเรื่องนี้
และติดตามอ่านทุกเรื่องนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 20-03-2020 15:21:34
นิยายอีกเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกถึงความสัมพันธ์ ความรักจริงๆ ชอบความเรียลของทุกตัวละครมันแทนความรู้สึกของคนจริงๆแหละ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 20-03-2020 17:01:06
เขินมากๆๆๆๆอ่านรวดเดียวจบเลยชอบน่ำมนต์มากเลยเเบบว่ายัยน้องก็ตัวเเค่นี้ตัวนิดเดียวเเง้ น่ารักมาก พี่ทิพอเป็นผู้เป็นคนเเล้วอบอุ่นไปอีก ฮื่อรักๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-03-2020 23:45:41
อ่านรวดเดียวจบเลย หลงรักน้ำมนต์มากๆๆๆๆๆ น่ารัก พี่ทิดูแลน้องดีๆนะ อยากให้มีตอนพิเศษ อยากอ่านอีก
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 22-03-2020 13:44:01
นายเอกของคุณเวสต์ สกิลการแรดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 23-03-2020 00:50:11
อีพี่ทิชิงหลับไปได้ไงเนี่ยย น้องอุตส่าเตรียมตัวมา 5555555555555  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 08:46:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Piechicofic ที่ 20-04-2020 10:51:08
อ่านจบแล้วอยู่ในภวังค์มาก ชอบที่เห็นเส้นความสัมพันธ์ของพี่ทิกับน้อง กับอารมณ์ที่โพล่ามา เซอร์ไพรส์กับเหตุการณ์ทีาเข้ามากระทบในมุมน้ำมนตร์ จะร้องไห้ไปกับน้องตอนที่คุยกับแม่เลยค่ะ

ขอบคุณมากนะคะที่เขียนนิยายดีๆมาให้ ่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่ติดตาม  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 27-04-2020 23:41:22
งืออออ อ่านรวดเลย เราไปแอบที่ไหนมานะทำไมพึ่งมาได้อ่าน
ขอบคุณสำหรับนิยายพลังบวก ได้พลังมาจากน้ำมนต์ด้วยเลย
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 01-06-2020 17:14:13
อ่านรวดเดียวเลยฮะคุณเวด55555ตาล๊กกกกกกน้ำมนต์5555555
ขำตั้งแต่บทแรกๆเลย ยิ่งตอนขึ้นคอนโดครั้งแรกรู้สึกผิดที่ไม่ได้เคาะดินออก55555รู้เลยว่าหรูขนาดไหนนนน  :a5:  เรื่องภาษาไม่ต้องห่วงดีใจประทับจายย  :z2:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ 18 ต้องมนตร์(จบ) (หน้า11|19022020)
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 18-06-2020 22:58:07
ตอนพิเศษ


       

          คุณว่าอะไรเป็นเรื่องทะเลาะที่งี่เง่าที่สุดของคนรักกัน

          ผมคิดว่าเรื่องราวในอดีต

          “Truth or dare”

          งานวันกินเลี้ยงปีใหม่จัดขึ้นที่บ้านของพี่ลม พ่อแม่อนุญาตให้เด็กๆ ปาร์ตี้

          ริมสระกันได้ถึงเช้า มีอาหารและเบียร์ รวมไปถึงว้อดก้าชั้นดีที่เป็นของขวัญปีใหม่ ประมาณตีสาม เด็กๆ เริ่มเมา ผมนั่งเกากีต้ตาร์มองน้ำมนต์ดื่มกับเพื่อนโดยไม่แตะแอลกอฮอล์แค่คนเดียว

          “Truth” น้ำมนต์ตอบ เกมฮิตในวงเหล้าคือพูดเรื่องจริงหรือทำตามคำสั่ง คราวนี้เป็นโอกาสของทิวฟ้า เพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มน้ำมนต์และน้องสาวของพี่ลม พี่ชายคนโตของเจ้าของบ้าน

          “น้ำมนต์เคยคิดกับเราเกินเพื่อนหรือเปล่า”

          ผมเงี่ยหูฟัง เกิดเสียง อู้ววว ลากยาวของพี่ลมกับเพื่อนตัวท้วมที่ดูเนิร์ดที่สุด ส่วนแฟนของเด็กสาว ที่คนนอกรู้จักในนามไฮโซนนท์ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มเงียบๆ ไม่เฮละโลไปกับคนอื่น

          “ทำไมถามงั้น”

          “ตอบดิ”

          “ก็อยากรู้” เสียงทิวฟ้าอ้อแอ้แต่ยังฟังรู้เรื่อง “น้ำมนต์เคยแซวเราว่าขอดูนม จำได้ปะ”

          “เชี่ย จริงเหรอ?”

          ผมขึงตามองเด็กหนุ่มที่แสดงท่าทีเลิ่กลั่กโดยอัตโนมัติ น้ำมนต์แสดงพิรุธจนน่าหงุดหงิด อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาคิดอะไรเกินเลยกับเพื่อนตัวเองมาตลอด

          “อะไรวะ คนพูดพูดไม่คิด กูนี่คิดแล้วคิดอีกว่าจะทิ้งไอ้อุ้ยมาหามึงดีไหม ถ้ามึงบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับกูเลยมึงจะแซวกูแบบนั้นทำห่าอะไรอีน้ำมนต์”

          หญิงสาวโวยวายพลางชี้นิ้วไปยังเพื่อนคู่กรณี

          “หรือคิดว่ากูเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจะพูดอะไรก็ได้ มึงนะ สันดานหมาเหมือนกันหมดเลย ไอ้พวกผู้ชาย”

          “เฮ้ยๆ กูไม่เคยแซวมึงอย่างนั้นนะ” นิวรีบออกตัว “มึงจะเหมา men are trash ไม่ได้ not all men”

          “ไม่ใช่ trash แล้วมึงจะเดือดร้อนทำไมอีนิว”

          “พอๆ ฟ้าเมาแล้ว เลิก ไม่ต้องเล่นแล้ว” แฟนหนุ่มเจ้าของบ้านที่ยังดูมีสติปราม แต่ดูเหมือนคนเมาจะอัดอั้นตันใจมานานเลยไม่ยอมหยุดแต่โดยดี

          “อะไรวะอุ้ย ให้น้ำมนต์ตอบก่อนดิ น้ำมนต์มันไม่เคยแซวใครลามปามเลยนะเว้ย ไม่เหมือนมึงกับอีนิวที่แซวกระทั่งเมียเก่าพี่ทิ”
         
          ผมที่ถือกีต้าร์อยู่ชะงักปลายนิ้วเมื่อมีชื่อตัวเองเข้าเอี่ยว เหลียวมองกลุ่มเด็กๆ ที่รุมตะครุบปากเจ้าของบ้านแค่หางตา

          “แล้วเป็นเหี้ยอะไรกับนมกูนักหนา อีอุ้ย ชอบเอากูไปเม้าท์”

          “ก็แซวเล่น”

          “ขำนักเหรอ กูแซวนมแม่มึงบ้างได้ปะ”

          “เฮ้ยๆ ใจเย็น”

          “นี่กูยังเย็นไม่พออีกเหรอ ห้ะ กูเคยฉีกหน้าพวกมึงสักครั้งไหม อีพวกเหี้ย”

          ดูเหมือนว่าจากเกมเล่นสนุกในตอนต้นจะลุกลามเป็นสงครามขนาดย่อมของหนึ่งหญิง สามชาย พ่อกับแม่ของทิวฟ้าเข้านอนตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน ส่วนพี่ลมออกไปกับรุ่นน้องคนพิเศษสักคนที่เจอกันในแอพหาคู่เมื่อวันคริสต์มาส ทั้งหมดทั้งมวลหมายความว่าในงานปาร์ตี้ขึ้นปีใหม่นี้ผมได้รับหน้าที่เป็นผู้ปกครองที่ต้องควบคุมและดูแลความเรียบร้อยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

          อุบัติเหตุที่คะเนไว้ทีแรกก็แค่เมาตกน้ำ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการวิวาทจากความอัดอั้นตันใจของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มซึ่งเป็นเจ้าของบ้านแต่อย่างใด

          “อุ้ย พาฟ้าไปนอนเถอะ เดี๋ยวเราค้างที่นี่ใช่ไหม”

          ผมวางกีต้าร์ที่พี่ลมให้ยืมลงก่อนช่วยแยกเด็กสาวออกจากน้ำมนต์ที่โดนเขย่าคอเสื้อจนสีหน้าไม่สู้ดีนัก เจ้าของชื่อตอบผมหน้าแหย “ครับ ผมขออนุญาตพ่อแม่ฟ้าไว้แล้ว นิวจะนอนนี่ก็ได้นะ”

          “ไม่เอา กูจะกลับหอ”

          “โอเค งั้นเดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่ไปส่ง”

          “ไม่เป็นไรครับพี่ทิ ผมล้างหน้าก็สร่างแล้ว เอาน้ำมนต์ไปส่งเถอะ ดูไม่ไหวแล้ว”

          นิวพยักเพยิดชี้มาทางคนที่ผมหิ้วปีกด้วยคาง วันนี้น้ำมนต์ดื่มมากไปจริงๆ









          ผมไม่ขับรถ เพราะไม่ชอบบรรยากาศรถติดในเมืองหลวง ลงทุนซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าที่เจนอยากได้ด้วยเงินครึ่งหนึ่งของเงินในบัญชี พื้นฐานแล้วผมมาจากครอบครัวที่ไม่ลำบากเรื่องเงินนัก ช่วงเวลาที่แม่มีชีวิตอยู่ผมไม่ได้ใช้เงินของพ่อเลยสักสตางค์แดงเดียว ตอนที่แม่เสียถึงได้รู้ว่าตัวเองมีเงินในบัญชีมากพอจะใช้ชีวิตตามใจต้องการ ออกตามหาความฝันที่ดูหยิบโหย่งไม่ถูกใจคนรุ่นเก่านัก หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณการมีชีวิตอยู่ด้วยความลุ่มหลง

          ความลุ่มหลงที่ว่า เคยมีเจนรวมอยู่ในนั้น

          แม้ท้ายสุดแล้วเจนจากไป ผมก็ไม่ปฏิเสธว่าความลุ่มหลงที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องจริง หลักฐานคือผมในวันนี้ ที่กอปรรวมมาจากความพลาดพลั้งในอดีต และการก้าวผ่านเพื่อเป็นตัวเองที่ดีกว่าเดิม

          แสงไฟในห้องโถงติดสว่าง ผมแบกร่างที่เกือบๆ สร่างเมาขึ้นหลังเมื่อลงแท็กซี่จนถึงโซฟาก็กึ่งโยนกึ่งวางเด็กหนุ่มตัวจ้อยลงอย่างหมดเรี่ยวแรง

          “ตัวหนักเหมือนกันนะเรา” ผมว่าพลางวางมือลงบนพวงแก้มแดงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เบาๆ “น้ำมนต์อยากอาบน้ำไหม เดี๋ยวไปรองน้ำให้”

          เจ้าของชื่อหยัดตัวขึ้นนั่งตาละห้อย คว้ามือผมที่อยู่บนแก้มตัวเองเมื่อครู่มาจับกุมไว้แล้วซบหน้าผากลง

          “พี่ทิ ฟ้ารู้เหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลักฐานที่บอกว่าน้ำมนต์ยังไม่สร่างเมาคือคำสารภาพสิ่งที่ติดค้างมาจากบ้านหลังใหญ่ “ฟ้ารู้มาตลอดเลยเหรอว่าผมชอบ”

          ถูกแฟนบอกว่าชอบคนอื่นต่อหน้าควรทำยังไงดี อยากจะตีแต่เห็นท่าทางหงอยๆ แบบนี้แล้วก็ดุไม่ลง

          “น้ำมนต์ชอบฟ้าเหรอ”

          เด็กหนุ่มพยักหน้า หน้าผากเสียดสีกับหลังมือผมเบาๆ

          “เคยชอบ จริงเหรอวะพี่ทิที่คนที่เราชอบเขารู้ตัวแต่ทำไม่รู้เพราะไม่อยากเสียเพื่อน แต่ผมไม่เคย...ไม่เคยคิดจะแย่งฟ้ามาจากไอ้อุ้ยเลยนะ ไม่เคยจริงๆ”

          ไม่ใช่ทุกรายที่จะเป็นอย่างนั้น แต่ผมไม่ตอบ ไม่ว่าฟ้าจะรู้หรือไม่รู้ความรู้สึกของน้ำมนต์ก็ไม่สำคัญ เพราะตอนนี้น้ำมนต์เป็นของผมคนเดียว และเพราะน้ำมนต์เป็นของผม เป็นคนของผมที่ผมทั้งรักและหวงแหนถึงไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านเลยไปง่ายๆ

          “เคยพูดไม่ดีถึงเจนด้วยเหรอ”

          “ก็แซว...แต่ไม่ได้คิดไม่ดีด้วย”

          “แล้วกับฟ้าเคยแซวหรือคิดไม่ดีด้วยไหม”

          จะเรียกว่าผมฉวยโอกาสหลอกถามก็ได้ แต่น้ำมนต์ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ให้ได้ยินเลยสักครั้ง แม้ผิดหวังแต่ผมก็ต้องรู้ให้มากที่สุด

          “ผมคิดว่าฟ้าไม่คิดอะไรมาตลอด”

          “เพราะฟ้าไม่เคยพูด?”

          คำตอบของน้ำมนต์ก็คือหลังมือที่ถูกถูด้วยหน้าผากถูกดึงเคลื่อนมาวางข้างแก้มขวา สัมผัสเปียกปอนของน้ำตาและความอัดอั้นตันใจ

          “ดุ...ไม่สิ ด่าผมก็ได้ ผมมันเหี้ยเอง ผมไม่อยากทำให้ฟ้ารู้สึกไม่ดีเลย ผมคิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนที่ฟ้าคบด้วยแล้วจะสบายใจที่สุดแท้ๆ ผมไม่รู้...ไม่รู้เลย”

          ผมถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ก่อนถาม

          “รู้สึกผิดใช่ไหม”

          น้ำมนต์พยักหน้าอีกครั้งท่ามกลางความเงียบงัน

          “น้ำมนต์ควรไปขอโทษฟ้า ไม่ใช่พี่”

          เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผมตาปรือปรอย แดงช้ำ แดงที่เปลือกตาและจมูกมากกว่าตรงแก้มที่มีเลือดฝาดแล่นริ้วจากการสูบฉีดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์

          “สำหรับพี่ มันเป็นแค่อดีตของน้ำมนต์ ถ้าน้ำมนต์รู้ว่ามันไม่ดี แล้วอยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ พี่ก็ไม่โกรธอะไร”

          เพราะผมรู้ ผมเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมส่งผลยังไงต่อความคิดและการเติบโตของคนหนึ่งคน

         
 


          ที่พ่อกับแม่เลิกกันเพราะเขามีชุดความคิดแบบนั้น

          ระหว่างนั่งรอน้ำมนต์เลือกซื้อของขวัญปีใหม่กับเพื่อนๆ ผมนึกย้อนกลับไปถึงที่พ่อสั่งให้แม่เลิกร้องเพลงแต่แม่ไม่ยอม หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย และนำไปสู่การหย่าขาดกันในที่สุด
         
          ผมได้ใช้เวลากับแม่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่หากเทียบกับพ่อแล้วก็นับว่าเยอะกว่ามาก แม้กระทั่งแม่ที่จากไปก่อน ก็ยังเป็นเศษเสี้ยวของช่วงชีวิตที่คลุกคลีกับผมมากกว่าพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่

          บ้านไหนก็เป็นกันแบบนั้น พ่อเป็นเจ้าชีวิต พ่อสามารถพูดข่มทับแม่ต่อหน้าเพื่อนฝูง คุยโวโอ้อวดเรื่องสัปดนโผงผาง ยิ่งลุกล้ำพื้นที่ของผู้หญิงได้มากยิ่งภาคภูมิใจเป็นที่นับหน้าถือตาเข้าไปใหญ่

          ผมได้ยินเรื่องนี้จากเพื่อนๆ ช่วงมอ.ปลาย กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเห็นทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจจากกลุ่มเพื่อนชาย กระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมทำใจยอมรับได้เสมอมา

          ช่วงวัยรุ่น เป็นช่วงชีวิตที่อินเตอร์เน็ตเฟื่องฟูพอดี ผมหัดเครื่องเล่นดนตรีต่างๆ จากยูทูป และใช้มันเป็นช่องทางเพื่อบันทึกเส้นทางนักดนตรีของผม ผมรู้จักเจนในตอนที่สูญเสียแม่ และไม่มีพ่อมาหลายปี ผมผูกติดตัวเองกับเด็กสาวรุ่นน้องที่มีรอยยิ้มสดใส ความลุ่มหลงที่ผมมีต่อเจนเหมือนพายุพัดพาเส้นทางชีวิตเรียบง่ายของผมให้เปลี่ยนไป ความรักของผมที่มีต่อเจนก็เคยเรียบง่าย และจู่ๆ ก็ยุ่งยากเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมา

          “มึงมันเพื่อนทรยศ!”

          เสียงอุ้ยดังขึ้นเมื่อเปิดประตูร้านกาแฟเข้ามา เขายกมือไหว้ผม เช่นกันกับเพื่อนตัวท้วมใหญ่ ส่วนคนที่ผมรอเพิ่งถูกเจ้าของเสียงตบหัวจากด้านหลังจนหน้าคว่ำ 

          “กูก็นึกว่ามึงจะปากหมากับฟ้าเล่นๆ ไอ้ห่า จ้องจะเคลมแฟนเพื่อน มึงนี่มันงูพิษ เห็นหน้าใสๆ พี่ทิระวังมันไว้ ไอ้น้ำมนต์มันเลว”

          จากประโยคร่ายยาวของไฮโซหนุ่มผมก็พอเดาได้ว่าบทสนทนาก่อนหน้านี้เป็นเรื่องอะไร คนถูกกล่าวหาเบะปาก เมื่อคืนหลังจากน้ำมนต์ร้องไห้ก็หลับไปทั้งที่ยังกอดมือผมแน่น พอตอนเช้าให้เล่าใหม่ก็อึกอัก ผมบอกว่ารู้หมดแล้วที่น้ำมนต์เคยชอบฟ้าอีกฝ่ายถึงยอมสารภาพด้วยท่าทีหงอยๆ ผมเพิ่งรู้ตอนนั้นว่านอกจากที่เพราะน้ำมนต์เป็นแฟนคลับผมแล้ว ความรู้สึกพิเศษที่เจ้าตัวมีให้หญิงสาวก็เป็นตัวพัดพาเอาไฟที่อยากปลุกผมขึ้นมาจากความเป็นซอมบี้ขี้เมาลุกโชนไม่สิ้นสุด ผมไม่โกรธน้ำมนต์สักนิดเพราะเป็นเพียงเรื่องเก่า เหมือนความสัมพันธ์ของผมกับเจนที่เป็นเพียงชนวนพัดมาให้เรามาเจอกันเท่านั้น

          “กูขอโทษ จะให้ทำไง มึงอยากให้กูชดใช้ยังไงว่ามาเลยอุ้ย พี่รู้พี่มันเลว”

          “น้ำหน้าอย่างมึงชดใช้อะไรกูได้”

          “เอาน่าๆ อย่าตีกัน อย่างน้อยน้ำมนต์มันก็ไม่ได้เสี้ยมให้มึงกับฟ้าทะเลาะกันปะ ตีกันทีไรอีน้ำมนต์ก็รับบทที่ปรึกษาตลอด” นิวช่วยพูดให้ ส่วนคนคิดไม่ซื่อกับแฟนเพื่อนและเพื่อนสนิทยังนั่งจ๋อยสงบปากสงบคำ “เอาเวลาตีกันไปคิดดีกว่าว่าจะขอโทษฟ้ายังไง ตั้งสี่ปีที่เราเล่นอะไรกันไม่รู้เลยว่าอีฟ้าไม่โอเค”

          “จริง ฟ้าแม่งเก็บอะไรไว้ในใจเยอะกว่าที่พวกเราคิดมากเลยว่ะ”

          “เจ้าแม่ประสาทแดก” นิวค่อนขอด ส่วนน้ำมนต์มองค้อน

          “มึงยังไม่รู้สึกผิดอีกเหรอไอ้นิว”

          “แค่แซวขำๆ ปะวะ”

          “คนโดนไม่ขำหรอกนะ” ผมพูดพลางยกกาแฟขึ้นมาจิบ สามทหารเสือได้ยินก็นั่งสลดเพราะหนึ่งในเหยื่อที่เคยถูกเอามาพูดถึงขำๆ คือแฟนเก่าของผมเอง



to be continue in the book



talk

อันนี้จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจว่าจะลงในเว็บค่ะ ตั้งใจจะลงแค่ตอน beside you แต่เนื่องจากเนื้อหาช่วงแรกมีการใช้คำพูด abuse และคนอ่านไม่สบายใจก็เลยcutเอาว่าตอนท้ายฟ้าพูดเรื่องนี้ยังไง และแก้ปมความลับที่น้ำมนต์เก็บไว้กับตัว (เราไม่ได้ใส่ในตอนหลักเพราะpointของเรื่องเน้นไปที่พี่ทิค่ะ)

ตอนพิเศษนี้เป็นตอนที่เราตั้งใจจะเขียนตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้มีคนท้วงก็เลยเขียนน้า เมนที่ใส่ตั้งแต่แรกคืออยากสะท้อนความคิดของคนหนึ่งที่มีด้านมืด แต่ตลอดในเรื่องจะเห็นความยับยั้งชั่งใจที่น้ำมนต์มีต่อทิวฟ้าค่ะ ถ้าที่ผ่านมา misleading ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย (ส่วนเรื่องการพูดถึงหน้าอกของทิวฟ้าก็มาโผล่ในตอนพิเศษนี้เช่นกันค่ะว่าการที่ผู้ถูกกระทำไม่พูดไม่ใช่ไม่คิด เรื่องนี้ตั้งใจจะเขียนเพราะประสบมาโดยตรงแต่หาที่ใส่ไม่ได้ค่ะเลยมาโผล่ในตอนพิเศษค่ะ

นอกจากนี้ยังมีตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงที่ไหนอีก 2 ตอนในเล่ม (NC อยู่ในนั้นค่ะ)

นิยายเรื่องนี้เป็นหนังสือทำมือที่จะทำเกินยอดพรีไม่มาก และไม่ได้วางขายที่ไหน เปิดพรีตั้งแต่วันนี้ - 30 มิ.ย.63 หลังจากนั้นจะขายในรูปแบบของ ebook ค่ะ

สามารถดูรายละเอียดได้ที่

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf0vDzgWhr_0RcGzF9crU33iFGXgBs9A_vAI5aH3TTTFpru-w/viewform

ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำ เว้ดจะใช้ปรับปรุงในการเขียนเรื่องถัดไปให้ดีขึ้นแน่นอนคับ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 19-06-2020 00:33:30
??? Where???
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 28-06-2020 14:28:26
ร้องไห้เลยตอนจบ เป็นลุ้นไปกับน้ำมนตร์ด้วย
ก็พระเอกเรื่องนร้แสนจะพูดน้อย ติสท์เยอะ และเดายาก
เอาง่ายๆ คือเรายังไม่เชื่อใจพี่ทิ แต่ดีใจเหลือเกินที่น้ำมนตร์สมหวัง
พี่ทิเจาก็น่ารักในแบบของเขา ได้เป็นแฟนกับ ศลป ที่ชอบนี่มันที่สุดแล้วล่ะน้ำมนตร์เอ๊ย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-06-2020 20:50:35
เป็นเรื่องเลย... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: KOWPOON ที่ 03-07-2020 14:44:50
คิดถึงน้ำมนต์กับพี่ทิ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-07-2020 22:56:36
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 04-07-2020 02:05:18
ยิงยาวจนจบเลยค่ะ สนุกมาก พี่ลมเป็นตัวละครที่อยากเข้าไปในชีวิตพี่แกจัง เหมือนจะมีอะไรๆ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: P_atist ที่ 05-07-2020 18:20:03
ชอบบบบบบบมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 17-07-2020 06:36:37
นิยายดีมากเลยค่ะ อบอุ่นหัวใจสุด ๆ เลย
ขอบคุณมากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-08-2020 06:09:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 22-08-2020 14:59:34
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 21-10-2020 15:43:45
ขอบคุณนิยายดีๆนะครับ อ่านแล้วละมุนมาก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 19-11-2022 02:47:34
น้ำมนต์ น่ารักจริงงง  ชอบค้าบบ
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: sakura_sung ที่ 28-11-2022 20:08:40
 :-[o ขอบคุณครับ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 30-11-2022 17:28:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 16-12-2022 08:13:24
อ่านแล้วสนุกมากครับ