♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♪ดังต้องมนตร์♫ ตอนพิเศษ ปัจจุบัน (หน้า12|18062020)  (อ่าน 80185 ครั้ง)

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
555​ มีความมั่นหน้าสูง

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ในที่สุดก็เผยโฉมคนที่หวั่นไหวก่อนออกมาแล้ว

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตายๆๆๆ น้ำมนต์รู้สึกก่อน
จะเครียดก่อนสอบไหมลูก

เรื่องนี้ 10 ตอนแค่พระนายไม่ถูกตัวกัน
แต่มีอยู่เรื่องนึง 20 กว่าตอนพระนายเพิ่งคุยกันไม่กี่คำเองค่ะ

ออฟไลน์ wanida023

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้ำมนต์น่ารักกกก.... พูดเก๊ง​ เก่ง

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
หนุ่ม ๆ เลือดลมดีมันก็วูบไหวเป็นธรรมดา
อิพี่ขาดน้องไม่ได้แล้วสินะ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
อ่าส น้ำมนต์เริ่มรู้สึกก่อนแล้วแน่ๆ

ออฟไลน์ inkteuk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จริงมาก รู้สึกอ่อนไหวไปกับตัวตนของพี่ทิทีละนิดแล้ว ฉันหวั่นไหว
นึกว่าพี่ทิคิดไม่ซื่อก่อนซะอีก หรือจริงๆก็คิดก่อน เอ๊ะ? เป็นน้ำมนต์ที่รู้สึกก่อน แง ไอ้ต้าว มีหงุดหงิดด้วย แต่พี่ทิก็เริ่มขาดน้องไม่ได้แล้วนะ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
น่ารักมาก ทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เริ่มแล้วสินะเริ่มรู้สึกแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Rubyrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น้ำมนต์ เราน่ะคิดไปไหนแล้วครับบบบ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
พี่ทิ ขี้งอล,,,

ออฟไลน์ kokilolylove

  • รัก ได้ยินหรือเปล่า
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
ใครจะบอกชอบใครก่อน คือถ้าพี่ทิทำให้น้องน้ำมนต์บอกชอบก่อนได้คือเจ๋ง5555
สวัสดีปีใหม่นะคุณ WEST

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 น้องเริ่มหวั่นไหวไปก่อนแล้ว พี่ทิจะเริ่มรู้สึกตอนไหนนะ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
จูบซักทีสิพี่ทิ 555

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
11. ฮาวาเอี้ยนไม่เอาสับปะรด



     การเข้าบำบัดครั้งที่สี่ของสำหรับผู้ป่วยแอลกอฮอล์ลิซึ่มดำเนินการโดยญาติหรือคนสนิทเป็นแกนนำ

     กิจกรรมชวนผมนึกถึงการรับบายศรี สู่ขวัญ โดยเป็นการให้สัญญาจากผู้ป่วยถึงญาติว่าจะไม่กลับไปดื่มแอลกอฮอล์อีก โดยหน้าที่ต่อจากนี้ไม่ใช่แค่ตัวพี่ทิที่จะต้องพยายามหักห้ามใจ แต่ผมต้องเป็นฝ่ายประคับประคองไม่ให้เขาเผชิญหน้ากับความเครียดหรือปัจจัยเสี่ยงลำพัง เพราะนั่นอาจกระตุ้นพฤติกรรมเก่าๆ ให้กลับมาซ้ำอีกรอบ

     ที่สำคัญคือ...หากเขาพลั้งเผลอ หน่วยกำลังใจให้ลองพยายามใหม่ก็คือผม แค่ผมเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผมต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับโรงพยาบาลในวันนี้

     เราเสียเวลาในห้องทำกิจกรรมแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ขากลับต้องติดแหง็กในแท็กซี่ราวกับนานนับปี

     ผม พี่ทิ และลุงคนขับฟังเสียงดีเจคลื่นวิทยุรายงานข่าวดาราอย่างร้อนแรงราวกับแดดบนถนนในวันที่การจราจรติดแหง็ก ผู้โดยสารหันหน้าไปคนละทิศโดยเงี่ยหูฟังเรื่องของคนอื่นที่ดังมาจากลำโพง ใจของผมพะวักพะวนเกี่ยวกับเรื่องราวของทิวากร ผู้ชายอายุ25 ที่มีชื่อเสียง เงินทอง มีความสามารถหลากหลาย แต่กลับเป็นผมที่ต้องไปนั่งฟังเขาสัญญาว่าจะใช้ชีวิตให้ดีขึ้นเพื่อใครสักคน

     จริงๆ ไม่ควรเป็นผมเลยด้วยซ้ำ คนที่มาทำงานด้วยเงิน ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่ในวงโคจรของกันและกันด้วยใจ

     ความรู้สึกที่อบอวลเหมือนจุดไฟในห้องอับขมุกขมัว ชวนอึดอัด โชคดีที่ระยะทางจากโรงพยาบาลมายังคอนโดพี่ทิไม่ไกลกันนัก แม้จะใช้เวลานั่งรถเท่ากับเดินเท้าเราก็หลุดจากห้องโดยสารของแท็กซี่สีเขียวเหลืองคันนั้นเสียที

     “ไม่ต้องทอน”

     พี่ทิจ่ายเงินให้ลุงคนขับแล้วปิดรถ ผมก้าวขาตามเขาไป วันนั้นเหมือนเราถมเอาความประหม่าบางอย่างออกไปได้ แต่ไม่เจอกันสองวัน เหมือนระยะห่างระหว่างเรากลับเกิดขึ้นมาใหม่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน

     “ของสดที่ผมซื้อไว้ให้ยังไม่หมดเหรอครับ”

     ผมถามซ้ำหลังจากที่ชวนเขาไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารแต่เจ้าของห้องปฏิเสธ ผมไม่ชอบทำกับข้าว แต่ถ้าให้เทียบกับการออกไปหาอะไรกินในสภาพจราจรแบบนี้ทุกมื้อคงเป็นบ้า

     “ยัง ไม่ค่อยได้ทำ”
     
     “พี่ทำกับข้าวเป็นไหม”

     “เป็น เมนูง่ายๆ ก็พอทำได้ บางทีหิวดึกๆ ร้านปิดแล้ว เมื่อก่อนร้าน24ชั่วโมงมันไม่ได้เยอะเหมือนตอนนี้เสียหน่อย”

     ผมนึกขึ้นได้ว่าส่วนมากเขาจะเขียนเพลงในตอนกลางคืน งีบหลับช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนออกไปวิ่ง และตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็นมักจะใช้มันบนเตียง หรือโซฟาทั้งที่มือยังจับดินสอไว้บันทึกความคิดตัวเองอย่างนั้น ยังดีที่ไม่หลับคาเปียโนหรือกีตาร์ ไม่อย่างนั้นคงลำบากเจ้าเครื่องเล่นพวกนั้นเอาการ

     “พรุ่งนี้ผมเริ่มสอบแล้วนะ คงไม่ได้มาสักสัปดาห์ พี่อยู่ได้ใช่ป่าว เลิกเหล้าแล้วนี่”

     เขาไม่ตอบ มองเดินนำผมโดยใช้สองมือล้วงกระเป๋า อะไรกัน ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันทำไมถึงทำท่าปั้นปึ่งอย่างกับเป็นความผิดผมงั้นแหละ

     แต่จะว่าไป ก่อนผมกลับหอ เขาก็ยังโยเยให้ผมเอาหนังสือมาอ่านที่นี่ซ้ำๆ จนต้องแกล้งทำเป็นหูดับ เดินออกมาทั้งที่อีกฝ่ายตะโกนเรียกไว้ด้วยท่าทางฉุนเฉียวนี่นะ

     แต่โกรธกันด้วยเรื่องแบบนี้น่ะเหรอ ทีตัวเองอ้วกใส่คนอื่นยังไม่เคยขอโทษสักคำ

     “วันนี้อยากกินอะไรครับ หรือให้ผมสั่งของเข้ามา”

     “อยากกินเบียร์”

     ไอ้เวร

     “เพิ่งรับปากกับผมเมื่อกี๊ ตดยังไม่ทันหายเหม็นก็บอกว่าอยากกินเบียร์แล้ว ถ้ากลับไปกินที่ผ่านมาก็ไม่มีความหมายเลยนะครับ งดมาได้ตั้งสองสัปดาห์แล้วเชียว”

     “งั้นอยากกินอะไรก็สั่งมา”

     เขาพูดเสียงห้วน ยังคงไม่มองหน้า เว้นระยะห่างจากผมพอประมาณ กระทั่งถอดรองเท้าเราถึงอยู่ใกล้กันมากๆ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

     จะว่าไป เขาก็ดูโทรมลงนิดหน่อย ถึงไม่แย่เท่าวันแรกที่เจอแต่ก็แย่กว่าก่อนผมออกไปอย่างสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ผมมองแผ่นหลังกว้างห่างออกไปก่อนเขาจะไปเปิดเพลงเก่าจากแผ่นเสียแล้วกลับมานอนที่โซฟา ยกแขนสองข้างขึ้นหนุน ยืดขายาวออกไปเกินขนาดโซฟา ความยาวของตัวทำให้เสื้อยืดสีขาวที่สวมลอยเหนือระดับเอวเล็กน้อย ส่วนกางเกงเอวต่ำก็โชว์ให้เห็นผิวและกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายจนผมต้องเผลอหลบตา

     ใจเต้นอีกแล้วว่ะ สัญญาณไม่ค่อยดีแล้ว ขอร้องล่ะ อย่าเต้นเพราะว่าผมชอบเขามากกว่าการเป็นแฟนเพลงเลยครับพระเจ้า นั่นมันคงเป็นตลกร้ายเกินไปหน่อย

     “พี่จะนอนใช่ไหมงั้นผมทำอะไรให้กินทิ้งไว้นะ ตื่นมาก็มาอุ่นกินได้เลย”

     “จะไปไหน”

     “กลับไปอ่านหนังสือครับ”

     พี่ทิไม่รั้งผมแล้วเขาหยิบสมุดเล่มสีเทาสันห่วงของตัวเองมาเปิด ไม่สนใจการมีอยู่ของผมอีกต่อไป พอคิดดูแล้วว่าถ้าเขาเลิกดื่มและกลับมาทำงาน อยู่คนเดียวได้จริงๆ ผมก็คงไม่มีหน้าที่อะไร ที่กังวลว่าเขาช่างเป็นคนสันโดษจนน่าตกใจเอาเข้าจริงคงหาใครใหม่แทนที่เจนไม่ยาก วงการบันเทิงก็ได้เจอคนสวยๆ งามๆ จนเป็นกิจวัตรด้วยซ้ำไป

     นึกมาถึงเท่านี้ก็รู้สึกใจหาย เหมือนหมาที่หางลู่หูตก

     “เชี่ย!” หงอยได้ไม่ถึงนาที เดินผ่านเข้าประตูมาผมก็แหกปากลั่น วิ่งกลับมาที่ห้องโถงกลาง กระโดดข้ามโต๊ะเตี้ยไปนั่งบนพนักพิงโซฟาที่เจ้าของห้องนอนอยู่ ไอ้พี่ทิมันยังไม่สิ้นฤทธิ์ว่ะครับ มันเล่นผมอีกแล้ว

     “พี่ขังปีเตอร์ไว้ทำไม”

     “อะไร”

     “แมลงสาบในแก้วอะ”

     นอกจากผีก็ปีเตอร์นั่นแหละครับที่ทำเอาผมขนลุกชูชันได้ทุกเส้น เดินเข้าไปในครัวเมื่อครู่หางตาเหลือบไปเห็นแก้วใสที่โดดเด่นเป็นสง่าวางคว่ำอยู่ข้างอ่างล้างจาน สิ่งมีชีวิตในนั้นขนาดใหญ่กว่าหัวแม่มือ เกาะปีนอยู่ด้านริมเผยให้เห็นแง่งขาและหน้าท้องชัดแจ๋ว ผมเอื้อมมือลงไปทุบหลังพี่ทิดังปั้กแล้วสวดต่อ

     “ทำไมยังไม่เลิกกวนตีนผมอีก!”

     “ไม่ได้กวนตีน ให้ทำไงอะ”

     “ทำไงอะไรล่ะวะ เจอก็จับไปทิ้งดิ”

     “เอาแก้วออกเดี๋ยวมันก็บินหรอก”

     “แต่พี่ขังมันไว้อย่างนั้นไม่ได้โว้ย”

     “มาแล้วก็เอาไปทิ้งดิ”

     “ไม่” ผมส่ายหน้าหวือ ครั้นกลั้นใจกวาดๆ ส่งๆ หรือฉีดยาพ่นยังพอไหว แต่ให้ไปจับมันแม้จะมีแก้วใสกั้นอยู่เป็นสิ่งที่เกินกำลังผมไปแล้ว แค่คิดว่ามันไต่อยู่บนฝ่ามือก็อยากร้องไห้ แล้วตัวอย่างเป้ง ตอนห้องรกมากๆ ไม่เห็นมี แล้วนี่มาจากไหนวะ “พี่อะแหละเอาไปทิ้ง”

     “กลัว”

     อะไรนะ?!

     ผมมองหน้าพี่ทิเหมือนโดนผีหลอก เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนี้กลัวจริงหรือแกล้งกลัวให้ผมไปจับกันแน่ “ตัวพี่ออกจะใหญ่ แมลงสาบตัวแค่นั้นจะกลัวทำไม”

     “นายก็ตัวใหญ่กว่าแมลงสาบตั้งหลายเท่า วิ่งออกมาทำไม”

     “ผมไม่ชอบ”

     “ไม่ชอบเหมือนกัน”

     “แล้วปกติถ้าพี่เจอพี่ทำยังไงเล่า!”

     “แม่บ้าน”

     พี่ทิพูดพลางจ้องหน้าผม อย่าบอกเชียวว่านี่เป็นหน้าที่ผม ไม่มีทาง! “ทำความสะอาดห้องได้ทำไมจับแมลงสาบไม่ได้”

     “มันไม่เหมือนกัน!”

     “แล้วจะให้ทำไง ถ้าเก็บเองได้จะรอให้มาเหรอ” ประสาทจะแดกตอนนี้นี่ล่ะ พี่ทิไม่พูดเปล่า หดขาขึ้นโซฟาไปด้วย “ไม่ได้ทำกับข้าวกินเองเพราะมีแมลงสาบอยู่ในห้องนี่ล่ะ”

     โอเค ผมเชื่อแล้วว่าพี่ทิกลัวจริงๆ “แล้วพี่กินน้ำจากไหน ยังไงพี่ก็ต้องเข้าไปในครัว”

     “ซื้อใหม่” เขาชี้ไปทีลังข้างเปียโน ใช้เงินแก้ปัญหาเก่ง “ไม่เข้าไปเด็ดขาด”

     “แปลว่าผมต้องจับไปทิ้งเหรอ”

     เขาเงียบเป็นคำตอบ เห็นสายตาแข็งกร้าวมุ่งมั่นนั้นแล้วก็รู้ชะตากรรมชัดว่าพี่ทิไม่มีทาง ไม่ว่าจะโน้มน้าวยังไง แค่เห็นยังทำใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม่งเอ๊ย! ทำไงดีวะ ผมต้องร้องไห้แน่ๆ ถ้าต้องเข้าไปจัดการ แต่ปล่อยไว้อย่างนั้นก็ไม่รู้มันจะอยู่นานแค่ไหน เผลอๆ ส่งสัญญาณเรียกเพื่อนมาช่วยห้องพักหรูไม่กลายเป็นแหล่งกบดานแมลงสาบเลยหรือไง

     “โทรสั่งพิซซ่า”

     ผมมองหน้าพี่ทิ มันใช่เวลาคิดถึงเรื่องกินเหรอครับพี่!





     “ใครเป็นต้นคิด”

     เสียงทุ้มแหบห้าว หลังจากปฏิบัติการปราบเอเลี่ยนยึดห้องสิ้นสุดลง พี่ทิกัดพิซซ่าคำโตเข้าปาก นั่งขัดสมาธิบนพื้นพรมใกล้โต๊ะเตี้ยที่วางพิซซ่าสองถาดและเครื่องเคียงขนาดผู้ชายสามคนกินอิ่ม

     ผมฉีกซอส บีบใส่หน้าฮาวาเอี้ยน เอาสับปะรดที่พี่ทิเขี่ยทิ้งโปะลงทับ แล้วยกใส่จานเสิร์ฟให้พี่ลมถึงหน้าห้องน้ำหลังจากเขาโดนเรียกมากินพิซซ่าที่ห้องและจัดการแมลงสาบให้ในที่สุด

     “น้ำมนต์”

     ผมส่ายหน้าหวือ เจ้าของเสียงเลยหันไปยังเจ้าของห้องที่ทำท่าราวไม่ทุกข์ร้อน ผิดกับตอนที่เถียงกับผมคอเป็นเอ็นว่าใครจะเข้าไปเก็บแมลงสาบในห้องครัวราวกับเป็นคนละคน “ไอ้ทิ”

     “อะไร”

     “ถึงขั้นสั่งฮาวาเอี้ยนทั้งที่เกลียดสับปะรด” พี่ลมเมินพิซซ่าที่ผมยกไปให้ เดินตรงเข้าหาเจ้าของแผนการเอาเรื่อง “เพื่อมาเก็บแมลงสาบให้เนี่ยนะ”

     “เขาเรียก ใช้คนให้ถูกกับงาน เหมือนที่พี่ทำบ่อยๆ ไง”

     “งานกูไม่ใช่เก็บแมลงสาบโว้ย!”

     ผมเพิ่งเคยเห็นพี่ลมขึ้นเสียงตอนนี้ ภาพจำของผมคือเขาเป็นผู้ชายนิ่มๆ ยิ้มอุ่นๆ ตลอดเวลา นี่มันอะไรกันครับ “มึงนี่มันน่าบีบคอให้ตาย”

     ผมเห็นด้วยครับ can’ t agree more

     “แล้วน้ำมนต์ไม่ห้ามมันหรือไง เฮอะ ลงทุนนะพวกเอ็ง”

     “ผมก็กลัวนี่ครับ” งุบงิบอยู่ในลำคอ พอหดแขนห่อไหล่ปล่อยให้ลู่ลงพี่ลมก็ไม่บ่นซ้ำ นั่งลงบนโซฟาเอาขาข้างหนึ่งพาดไหล่พี่ทิ ก็ดูสนิทสนมกันดีนี่นา

     “มานี่เลย เราน่ะ” มือขาวตบลงบนที่นั่งข้างๆ ผมก้าวได้สองเท้าที่นั่งตรงนั้นก็ถูกอาร์ตติสท์หนุ่มแย่งไปเรียบร้อย “ไม่ได้เรียกมึง”

     “ห้องผม”

     “ไม่เป็นไร งั้นน้ำมนต์มานั่งตักพี่”

     “เมื่อย”

     เจ้าของห้องยังขยายอาณาบริเวณด้วยการเหยียดขาขึ้นวางบนตักพี่ลมอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ผมยืนมองสองคนเถียงกันเหมือนเด็กๆ แล้วก็วางตัวไม่ถูก เอาพิซซ่าวางที่โต๊ะเตี้ยตรงหน้าทั้งคู่แล้วหนีไปนั่งโซฟาใกล้ๆ กับเปียโนที่เปิดทิ้งไว้แทน

     พี่ลมกับพี่ทิยังทะเลาะกันเบาๆ อย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ผมไม่ได้ใส่ใจนักเพราะสายตาจับจ้องอยู่บนกระดาษฉีกที่วางอยู่บนเปียโนตัวนั้น จะเป็นเพลงแบบไหนกันนะ

     “พี่ทิ”

     ผมหันกลับมา ภาพที่เห็นคือชายอายุย่างสามสิบถูกเจ้าของห้องคร่อมไว้ พี่ทิกดแขนสองข้างของพี่ลมไว้เหนือหัว แต่พี่ลมก็เอาขาเกี่ยวเอวชายหนุ่มไว้เช่นกัน ตอบได้ยากว่าในสถานการณ์แบบนี้ใครกำลังได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

     “ไม่ใช่!”

     คนอยู่ด้านบนรีบปฏิเสธทั้งที่ผมยังไม่ได้ถาม เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่เอวถูกเหนี่ยวไว้ด้วยเรียวขาของคนอายุมากกว่า

     “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

     “เลิกเล่นซักทีน่ะ มันน่ารำคาญ”

     “ซื้อเหอะไอ้คำว่าน่ารำคาญอะ จ่ายเป็นจูบเลย”

     “พอแล้ว ปล่อยเสร็จธุระแล้วก็รีบกลับไปดิวะ”

     “นายโทรเรียกฉันให้มากินพิซซ่านะสหาย ยังไม่ได้กินสักคำจะให้กลับแล้วเหรอ ใจดำเกินไปมั้ง”

     “งั้นก็รีบๆ กินรีบๆ กลับไปเซ่”

     “คิดว่าฉันมาแค่นั้นหรือไง เพลงถึงไหนแล้ว”

     อ้อ ใช่ ผมกำลังจะถามเรื่องเพลงที่เขาเขียนในแผ่นกระดาษ มันเป็นเนื้อหาของเพลงที่ไม่เหมือนกับที่ผมเห็นผ่านๆ เมื่อสองวันก่อน “เพลงใหม่เหรอครับ”

     พี่ทิลุกจากโซฟามาถึงผมด้วยความเร็วแสง คว้ากระดาษแผ่นนั้นหมับ ขยำซุกใส่กางเกง “อย่าหยิบของคนอื่นดูทั้งที่ยังไม่ได้ขออนุญาตสิวะ”

     เหวอ โดนด่าเฉย

     “ถ้าสำคัญทำไมไม่เก็บดีๆ ล่ะครับ วางตรงนี้นึกว่าเศษขยะด้วยซ้ำไป”

     “ขยะก็อยู่ในถังไงเล่า”

     พี่ทิฟาดงวงฟาดงากับทุกสิ่ง ตั้งแต่พี่ลมมาจากปั้นปึ่งใส่ผมดูเหมือนเขาจะปรวนแปรเป็นหงุดหงิดง่าย คล้ายกับช่วงแรกๆ เจอกันไม่มีผิด “มีความลับเหรอไอ้ทิ ไหนเอามาดู”

     “ยังไม่เสร็จ”

     “เอามาดูก่อน”

     “เสร็จไปสามเพลงแล้ว เดี๋ยวเล่นให้ฟัง”

     “หรือว่าอินเลิฟครับ” ผมถามขึ้นแทรกบทสนทนาของทั้งคู่ แต่เนื้อหาเพลงตอนที่แม่เสียก็เป็นเพลงรักเหมือนกัน วางใจไม่ได้เลย

     “ถ้าอินเลิฟก็ต้องกับน้ำมนต์แล้วนะ ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปไหนเลยไม่ใช่เหรอ จะไปเจอใครได้”

     “อ๋อ คิดถึงแฟนแหง” ผมจำได้ไม่ทุกถ้อยคำสำนวน กระนั้นก็พอจับใจความได้ “มีคำว่าอยากให้อยู่ด้วยกัน”

     เสียงห่วงดึงฝากระป๋องอะลูมิเนียมตกลงบนพื้นแกรนิตมันวาววับ เขย่าดูในถังไม่เห็นว่ามีกระป๋องอะไร หรือว่าตอนที่เก็บห้องครั้งที่แล้วผมดึงหูกระป๋องแล้วทำหล่นไว้นะ รอบนั้นสะสมไว้เกือบได้เต็มโหลเลย เอาไปบริจาคคนพิการต้องขอบคุณในความลำยองของพี่ทิแน่ๆ ว่าแล้วก็แวะเอาที่หล่นไปหย่อนใส่โหลแก้วที่ตั้งไว้เป็นอนุสรณ์ความเมา แล้วก็หันกลับไปที่ประตูห้องอีกครั้ง

     “กลับไปได้แล้ว ไหนว่าจะอ่านหนังสือ”

     ผมเบะปาก แค่นี้ทำเป็นหวง

     “สุดท้ายผมก็ได้ฟังอยู่ดี”

     “ไม่ใช่ตอนนี้”

     “โอเคครับ ตามสะดวกท่านเลย ผมกลับไปอ่านหนังสือล่ะ เจอกันหลังสอบฮะ”

     ผมค่อยๆ ขยับตัวอืดอาดเหมือนคนหมดแรง นึกว่าจะได้อยู่ฟังพี่ทิร้องเพลงสักหน่อย

     “เดี๋ยว”

     นั่นไงล่ะ สุดท้ายก็อยากฟังคำวิจารณ์จากติ่งนัมเบอร์วันอยู่ดี ผมชะงักขา เอี้ยวตัวกลับไปตามเสียงที่รั้งไว้ “เอาขยะไปทิ้งด้วย เดี๋ยวแมลงสาบมาอีก”

     ไอ้คนใจหมา! ตัวอย่างกับยักษ์ กลัวแค่แมลง เหอะ ผมเดินลงน้ำหนักที่ส้นเท้าปึงปัง พี่ลมหัวเราะคิกคัก ที่ต้องทำตามคำสั่งแบบนี้ก็เพราะพี่ไม่ใช่เหรอวะ ยังหัวเราะอยู่ได้!

     กริ๊ง

     เสียงห่วงดึงฝากระป๋องอะลูมิเนียมตกลงบนพื้นแกรนิตมันวาววับ เขย่าดูในถังไม่เห็นว่ามีกระป๋องอะไร หรือว่าตอนที่เก็บห้องครั้งที่แล้วผมดึงหูกระป๋องแล้วทำหล่นไว้นะ รอบนั้นสะสมไว้เกือบได้เต็มโหลเลย เอาไปบริจาคคนพิการต้องขอบคุณในความลำยองของพี่ทิแน่ๆ ว่าแล้วก็แวะเอาที่หล่นไปหย่อนใส่โหลแก้วที่ตั้งไว้เป็นอนุสรณ์ความเมา แล้วก็หันกลับไปที่ประตูห้องอีกครั้ง

     คราวนี้ไม่มีเรียกรั้งไว้เลยครับ แต่ก็ดี อย่างน้อยจะได้ไม่เสียเวลาเถียงกันยืดเยื้อเรื่องที่ผมจะไม่อยู่กับเขาไปสักพัก

     แต่ว่า มันก็อดรู้สึกหวิวๆ ในใจไม่ได้เหมือนกัน

     ถ้าวันหนึ่งไม่ต้องมีผมตรงนี้แล้ว...คงเหงาน่าดู



     เสียงสัญญาณรถไฟฟ้ากำลังจะปิดประตูดัง ผมยืนรอขบวนถัดไป ไม่เร่งรีบ อันที่จริงก็อ่านหนังสือทันที่สอบแล้วเพราะก่อนหน้านี้เร่งมือและจริงจังมาก นัดพบหมอครั้งนี้ผมก็บอกไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เลยเคลียร์เรื่องของตัวเองให้ตารางเวลาโล่งไวไว เผื่อว่าต้องมาดูแลพี่ทิอีกจะได้ไม่ต้องพะวง แต่เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือแล้วก็ไม่เป็นไร

     โทรศัพท์สายเข้า เป็นเบอร์ของแม่ ผมกดรับและกรอกเสียงไปตามสาย รถไฟฟ้าขบวนใหม่เดินทางมาถึงชานชาลาในระยะเวลาไม่ถึง15 นาที แต่เสียงปลายสายกลับไม่ใช่แม่ แต่เป็นเจ้าหลานสาวตัวดีที่ติดผมเป็นตังเม ช่วงนี้เริ่มโตแล้ว แต่ก็ยังชอบอ้อนให้ผมตามใจเหมือนเด็กๆ

     “น้ามนต์จะกลับบ้านเมื่อไหร่ นะโมอยากเล่นกีตาร์ ขอยืมหน่อย”

     “เฮ้ย เอาจริงเหรอ”

     ผมถามกลั้วหัวเราะ เด็กสิบขวบมันหัดเล่นดนตรีแล้วเว้ย เร็วกว่าผมตั้งหลายปี “จริง จำพี่แพนได้ไหม ที่อยู่ข้างบ้าน”

     “จำได้ ขึ้นมัธยมก็ย้ายบ้านไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

     “ใช่ ย้ายกลับมาแล้ว”

     “อะไร ยังไม่ถึงเทอมเลย”

     เด็กผู้หญิงที่เป็นลูกตำรวจ นิสัยห้าวเป้งอย่างกับทอม หลังจากผมเข้ามาเรียนในกรุงเทพหลานของผมก็ไปเกาะเขาแจ ซึมซับพฤติกรรมโผงผางกลับมาด้วย เดี๋ยวนี้ไม่มีหางเสียงคะขาอีกแล้ว แต่ที่บ้านไม่เคร่งมารยาทครับ ขอแค่อย่าไปเป็นเด็กเวรใส่ใครเป็นพอ

     “พ่อกับแม่พี่แพนไม่อยู่ด้วยกันแล้ว ป้าแอ๋วเลยพาพี่แพนกลับมาอยู่ที่นี่ พี่แพนบอกว่าไปเรียนกีตาร์มา นะโมเห็นแล้วอยากเล่นบ้าง แต่พี่แพนบอกว่าต้องมีกีตาร์ก่อนจะช่วยสอน”

     “แล้วทำไมต้องไปเรียนกับเขาล่ะ เรียนกับน้าก็ได้”

     “น้ากลับมาแป๊บๆ ก็ไปกรุงเทพแล้ว ทิ้งตลอด”

     “ไม่ได้ทิ้ง แล้วปิดเทอมนี้ไม่มาเที่ยวกรุงเทพเหรอ”

     “น้ามนต์ว่างพาไปเที่ยวป่าว ยายบอกว่าน้ามนต์ทำงาน”

     ผมเบียดตัวเองขึ้นไปบนขบวนรถ พลางนึกว่าถ้านะโมได้พี่ทิเล่นกีตาร์ให้ดูสักครั้งคงตั้งใจเรียนดนตรีจริงจังแน่ๆ อายุสิบขวบแต่มีความฝันเป็นของตัวเองนี่มันแน่นอนสมกับเป็นหลานของผมจริงๆ

     “ว่างก็ได้ จะมาไหม เดี๋ยวพาไปเจอเซียน”

     “เซียนอะไรอะ”

     “เซียนกีตาร์”

     “เก่งกว่าน้ามนต์อีกเหรอ”

     ยัยเปี๊ยกเอ๊ย ฝีมือระดับน้าเอ็งน่ะเรียกว่ากาก

     “เก่งกว่านิดนึง” ผมทำฟอร์มตอบ “แต่หล่อน้อยกว่าแน่ๆ”

     “ได้ นะโมจะขอแม่กับยาย น้ามนต์มารับหน่อยนะ”

     “ถ้าตั้งใจอ่านหนังสือนะ” เด็กประถมนี่ดีชะมัด ปิดเทอมทีเกือบเดือน “เดี๋ยวน้าจะถามแม่ว่าตั้งใจอ่านหนังสือหรืองอแงอยากเล่นกีตาร์อย่างเดียว”

     “ถามได้เลยนะโมขยันอยู่แล้ว”

     “ตกลงพรรคพวก ไว้เจอกัน ขอคุยกับยายหน่อย”

     ไม่นานปลายสายก็เปลี่ยนคนรับ แม่หัวเราะนำมาเป็นอย่างแรก “ว่าไง ยัยตัวดีโทรไปอ้อนอะไร”

     “ปิดเทอมผมว่าจะพาหลานมาเที่ยวกรุงเทพนะครับ”

     “ไม่ยุ่งเหรอเรา ไหนว่ารับช่วยงานเพื่อน เรื่องสอบอีก”

     “ไม่ยุ่งเท่าไหร่หรอกแม่ เทอมนี้สบายๆ แล้ว เอามาอยู่ด้วยสักสัปดาห์เดี๋ยวส่งขึ้นรถตู้กลับ”

     ตั้งแต่พี่ทิหยุดดื่มก็ดีขึ้นเยอะอย่างกับเป็นคนละคน งานผมเบาลงเยอะเหมือนนั่งๆ นอนๆ รับเงินเดือนเลยก็ว่าได้

     “พี่เขาเลิกดื่มง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

     “โห กว่าจะพาไปเจอหมอได้ก็ไม่ง่ายนะ ผมน่ะ เหนื่อยจนแทบขาดใจ”

     “เหนื่อยก็พักบ้าง เงินไม่พอใช้หรือไง รับงานพิเศษตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่”

     “ไม่พอแล้วให้เพิ่มเหรอครับ”

     “ไม่ให้ จะสมน้ำหน้า”

     ไม่ต้องสืบล่ะว่าต่อปากต่อคำเก่งเหมือนใคร พานคิดไปถึงอีกคนที่เมื่อเหงาก็ไม่มีคนให้โทรหา ไม่มีใครคอยถามสารทุกข์สุกดิบ ไม่มีแม้กระทั่งคนออดอ้อนเอาใจ ก็ไม่แปลกหรอกถ้าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเหมือนหลักเสายึดโยงพี่ทิเอาไว้กับโลก เมื่อสูญสิ้นก็เลยร่วงโรย ไร้กำลัง แม้จะทำให้เจ็บปวดผิดหวัง ก็ยังทำคล้ายว่าไม่โกรธแค้นขุ่นเคือง

     เพลงนั้นที่ยังไม่ให้ผมอ่านยังไม่สมบูรณ์ ผมเผลอถอนหายใจส่งไปที่ปลายทาง ยังหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่หาย ต่อให้คราวนี้ข่มเก็บอารมณ์ไม่ให้แสดงผ่านสีหน้าก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รู้สึกอะไรที่เพลงในกระดาษยังพร่ำเพ้อรำพัน

     ผมมีสิทธิ์อะไรไปขุ่นเคือง ในเมื่อเจ้าตัวเขายังปรารถนาให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมด้วยซ้ำ

     “เป็นอะไรหรือเปล่าน้ำมนต์”

     “พี่เขายังคิดถึงแฟนเก่าอยู่เลยแม่”

     “ก็ธรรมดา เงินหายยังเสียดายเลย ประสาอะไรกับคนทั้งคน”

     “แต่คนนั้นทำร้ายพี่เขานะครับ”

     “มันก็มีช่วงเวลาที่ดีต่อกันนั่นแหละ คนคบหากันนะน้ำมนต์ มันมีทั้งเรื่องดีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นทั้งนั้น เขาก็คงเสียดายเรื่องดีๆ ที่มีด้วยกันมาล่ะมั้ง ให้เวลาเขาหน่อยนะลูก”

     “ผมหงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้” เผลอขมวดคิ้วเข้ากัน “หงุดหงิดทุกครั้งที่พี่ทิคิดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย”

     “ฟังเสียงก็เดาได้”

     ผมกับแม่คงเป็นคู่แม่และลูกชายที่สนิทกันที่สุดในรุ่นแล้ว เพื่อนๆ วัยเดียวกันยังแซวว่าผมเป็นลูกแหง่ไม่ยอมห่างแม่ ห่างที่หมายถึงการมีโลกอีกใบเป็นของตัวเองอย่างที่วัยรุ่นชายมักเป็นกัน

     “หงุดหงิดจนเหมือนไม่ใช่น้ำมนต์เลยนะ”

     จริงอย่างแม่ว่า น้อยครั้งนักที่ผมจะเก็บเรื่องราวที่ทำให้อารมณ์เสียมาสะสมไม่ยอมปล่อยผ่าน แต่ว่าเรื่องนี้แม้พยายามปล่อยแค่ไหน ผมก็ไม่ชอบใจอยู่ดี

     “ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไม”

     “ถ้าเป็นพี่ผู้หญิง เขาเรียกว่าหึงล่ะมั้ง”

     “ไม่ใช่สักหน่อย!” ผมเผลอเสียงดังในที่สาธารณะ สายตาคนรอบข้างจับจ้องราวกับประณาม แค่ตกใจที่แม่แซวอย่างนี้เท่านั้นเอง “เขาเป็นผู้ชาย”

     “รู้แล้วจ้ะ”

     “เขาไม่ได้คิดอะไรกับผมด้วย”

     ปลายสายหัวเราะแผ่ว ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน นึกถึงเรื่องคราวก่อนหน้านั้นที่เขาเดินก้าวเข้ามาทำเหมือน...จะจูบ

     “เขาไม่ได้จะจูบผมนะแม่ พี่ทิยังบอกผมเลยว่าผม...ผมน่ะ อาจจะชอบเขาก่อน”

     คราวนี้ปลายสายไม่หัวเราะแล้ว แม่คงตั้งใจฟังมากขึ้น แต่ผมกลับ...รู้สึกบางอย่างแปลกๆ กับตัวเอง เหมือนกับสิ่งที่พูดออกไปไม่ได้บอกให้ใครเชื่อ แต่กำลังสั่งตัวเองว่าหยุดความคิดอย่างนั้นเสียที

     “ใจเย็นๆ นะน้ำมนต์”

     “ผมใจเย็นครับ แค่หงุดหงิด ไม่ชอบให้พี่ทิคิดถึงแฟนเก่า”

     โฆษณาบนรถไฟฟ้าฉายภาพของหญิงสาวในบทสนทนากำลังหัวเราะร่า ดื่มน้ำอัดลมที่เป็นสปอนเซอร์แล้วทำตาลุกวาว ยิ่งเห็นท่าทางมีความสุขแบบนั้นยิ่งเจ็บใจ ผมไม่เคยสังเกตด้วยซ้ำว่าในโฆษณาบนบีทีเอสเป็นเจน กระทั่งตอนนี้

     ใจร้ายชะมัด ทำไมถึงยิ้มได้สดใสขนาดนั้น ทั้งที่ลงมือทำร้ายคนที่รักไว้เบื้องหลังอย่างเลือดเย็น

     พี่ทิเกือบเขียนเพลงไม่ได้ เป็นผู้ป่วยแอลกอฮอลลิซึม เกือบผิดสัญญาจนเสียค่าปรับหลักล้าน เกือบสูญสิ้นทุกอย่างทั้งที่เขารักผู้หญิงคนนั้นมากแท้ๆ

     ชีวิตเขาไม่มีใครนอกจากหญิงสาวในจอที่ดึงเขาออกมากลางสปอตไลต์แต่เธอก็ปล่อยเขาไว้ตรงนั้น

     เขา...

     เขาเกือบจะเชื่อว่ารักที่ดีไม่มีอยู่จริง เขาเกือบจะมองโลกทั้งใบโหดร้ายขนาดนั้น

     เสียงประกาศของสถานีปลายทางดังขึ้น ผมยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ

     “น้ำมนต์” เสียงแม่เรียกให้ผมหลุดออกจากภวังค์

     บ้าฉิบ คิดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้ว

     “ผมวางสายก่อนนะครับ ต้องลงรถ”

     ตัดสายพลางตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆ ทำไมผมต้องร้องไห้ให้กับวิธีแก้ปัญหางี่เง่าแบบนั้นของพี่ทิด้วยวะ

     ....ทำไม...





TBC

แฮปปี้นิวเมียร์ นิวเยียร์ค่ะทุกคน ปีนี้เริ่มต้นด้วยวันพุธ ดีใจจังเลย (ดีใจทำไมมม) ขอบคุณที่ปีที่แล้วอยู่ด้วยกันมา สำหรับปีนี้ฝากเนื้อฝากตัวฝากหัวใจ ฝากหนุ่มๆ ไว้ดูแลอีกปีนะคะ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง เดินทางปลอดภัย และอยู่ท่ามกลางคนที่รักที่เข้าใจ เป็นปีที่ละมุนอุ่นนุ่มลิ้นของทุกคนค่ะ

รักมากๆ เลยคับ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ชอบพี่ลม


อยากได้555555


พี่ทิยกให้น้ำมนต์


แต่พี่ลมเราขอ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น้ำมนต์ชอบพี่ทิแล้วใช่ไหม?...โอพระเจ้าช่วยกล้วยทอด เป็นห่วง  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาละสิ งานนี้,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
น้ำมนต์กลับไปดูแลพี่ทิเดี๋ยวนี้เลยนะ
ระวังพี่เขากลับไปดื่มอีก :ling1:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เหมือนจะมีเรื่องยุ่งตามมา

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ต่างคนต่างหวง พี่ทิน่ะรู้ตัวเง แต่น้ำมนต์นี่สิ เดี๋ยวลืมฟ้าแล้วมั้ง

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
น้ำมนต์ตกหลุมไปเรียบร้อย อาจจะพี่ทิด้วย

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
นี้ว่าแม่น้องน้ำมนต์รู้สึก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ติดใจการหยอกล้อของพี่ลมกับพี่ทิ
มันตงิดๆ ติดในความรู้สึก

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โอ้ หนูน้ำมนต์ โดนอิพี่ทิทำเสน่ห์เข้าให้แล้ว

ออฟไลน์ kokilolylove

  • รัก ได้ยินหรือเปล่า
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
จะรู้ใจตััวเองแล้วมั้งน้ำมนต์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด