บทที่12
‘วี้ดวิ้ว ฮู้ฮู’
“มันเป็นอารมณ์ดีๆจังเลยนะจ๊ะพี่จ๋า มีความผิวปงผิวปากอ่ะโน๊ะ เพื่อนจูนครับเพื่อนจูน มึงลองฟังเสียงผิวปากนี้สิ มันใช่มาจากเจ้านายของเราหรือเปล่านะเพื่อนนะ”
“กูจะไม่ถือสามึงนะคะอิอิฐ เพราะวันนี้กูค่อนข้างจะอารมณ์ดีเหมือนหน้าตาสวยๆของกูอ่ะค่ะ”
พูดออกไปแบบนั้นพรางยกมือขึ้นเอาผมทัดหูแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าบาร์น้ำที่ไอ้อิฐมันทำงานอยู่ เหมือนเป็นที่ประจำของเจ้าของร้าน เพราะปกติคนมาเที่ยวไม่ค่อยชอบนั่งตรงนี้กันเท่าไหร่มันเลยว่างให้ได้มานั่งดูลูกค้า
“ผมล่ะเกลียดจริตเอาผมทัดหูของเจ๊พี่มึงมากนะเอาจริงๆ” ไอ้อิฐที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนที่มันจะวางaround the worldลงตรงหน้าผม ได้แต่กดยิ้มให้มันนิดหน่อยแล้วรับแก้วมา เป็นเด็กฉลาดที่รู้ว่าผมชอบอะไรไม่ชอบอะไร แต่ก็กวนตีนยิ่งกว่าใครเหมือนกัน
“ชงของแรงมาให้กูแต่วันเลยนะคะ”
“เอ้า ผมก็ชงตามความสวยของเจ๊ไง สวยแบบหนักๆอ่ะโน๊ะ”
“มึงว่าเจ๊พี่ดาบอ้วนหรอไอ้สัดเพื่อนอิฐ” เป็นไอ้จูนที่เดินเข้ามาหลังจากที่มันเดินเอาคอกเทลไปเสริฟให้ลูกค้าโต๊ะนึงเสร็จพอดี มันที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มกวนตีนใส่ไอ้อิฐ ไอ้อิฐที่ส่ายหัวนิดๆแล้วส่งยิ้มหวานไปให้ไอ้จูน ก่อนที่มันจะยื่นมือออกไปหยิกแก้มไอ้จูนทั้งแบบนั้น
“โถ่ น้องจูนเพื่อนรัก ในโลกนี้ไม่มีใครอ้วนไปกว่ามึงแล้วครับพะยูนน้อย”
“ไอ้สัดอิฐ!”
“ฮ่าๆๆ เจ๊พี่มึงดู น้องพะยูนตัวสุดท้ายของโลกใบนี้โกรธแล้วว่ะ”
“กูจะเอาคลีบตบปากมึงไอ้สัด”
ไอ้จูนที่ว่าออกมาแบบหงุดหงิดยกมือขึ้นไปตบหัวไอ้อิฐทันทีที่พูดจบ หน้าตาน่ารักของมันที่ตอนนี้บูดบึ้งแบบไม่ไหวจะทน แต่ไอ้อิฐก็แค่ขำออกมาเสียงดังแบบชอบอกชอบใจ ... ไม่เข้าใจนิดหน่อย แต่คิดว่ามันคงสนุกเหมือนเวลาที่ผมได้แกล้งไอ้เด็กที่ตอนนี้คงนั่งทำงานอยู่ที่ห้องของผมล่ะมั้ง ... แกล้งเล่นแล้วสนุกดี
“เจ๊พี่ดาบ จูนคิดถึงพี่เอมอ่ะ”
“อิสัดน้องจูนค่ะ โปรดเรียกกูว่าดานี่ค่ะ มึงเห็นกลิตเตอร์วิ้งๆบนใบหน้าสุดแสนจะน่ารักกุ๊กกิ๊กของกูไหม ช่วยให้เกียรติความสวยกูนิดนึง”
“พี่ต่างหากที่ควรจะให้เกียรติความหล่อบนหน้าตัวเองบ้าง” ไอ้จูนที่พึมพำเบาๆพร้อมทำหน้างอ
“กูได้ยินค่ะ!” ปรายตามองแรงใส่มันแล้วแหวใส่ แต่ไอ้เด็กแก้มกลมตรงหน้าก็ทำแค่ยิ้มประจบออกมานิดๆ เป็นไอ้อิฐที่อยู่หลังเคาร์เตอร์บาร์ที่ชะโงกหน้าออกมาแล้วพูดขึ้นอีก
“แต่อิฐก็คิดถึงพี่เอมเหมือนกันนะ พี่เอมมาทำงานไม่กี่วันแต่พี่เค้าทำงานไวทำงานเก่ง แล้วก็เป็นอาหารตา แบบว่าขาวๆน่ารักนุ่มนิ่มจัง”
“นุ่มนิ่มพ่อง!” ขมวดคิ้วนิดๆแล้วหันไปด่ามัน ไอ้อิฐที่ยกมือขึ้นทาบอกแล้วทำหน้าตาเบิกตากว้างๆแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางอกสั่นขวัญแขวน
“แล้วคือน้องอิฐทำอะไรผิดนะ ด่าอิฐทำไมก่อน สุดแสนจะปวดร้าว น้องจูนๆ อิฐโดนเจ๊พี่มันด่า หล่อเจ็บ”
“เล่นใหญ่เพื่อใคร ทำงานไป อย่าให้กูเห็นมึงอู้นะไอ้อิฐ กูจะหักเงินมึง!”
“ข่มขู่ไปอีก สุดแสนจะเศร้า ร้องไห้เหมียนหมา ก็แค่ถามถึงพี่เอมนิดนึงเอง” ไอ้อิฐที่ว่าออกมาแล้วหยิบผ้าเช็ดโต๊ะแถวนั้นขึ้นมาทำท่าซับน้ำตา ไอ้จูนที่เห็นแบบนั้น มันขมวดคิ้วใส่แล้วทำหน้าขยะแขยงก่อนจะเดินหนีไป
“ใคร ๆก็ไม่รักอิฐ”
“เออ กูก็เป็นหนึ่งในนั้นไอ้สัด ทำงาน!”
“ครับพี่ดาบ!”
“ดานี่ค่ะอิสัด!!”
“เกรี้ยวกราดอะไรครับเพื่อนดาบ” เสียงของคนมาใหม่ที่ดังมาจากด้านหลัง ยังไม่ทันได้หันกลับไปมองก็รู้แล้วว่าใคร ได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆแบบอดไม่อยู่
“คือมึงมาร้านกูอีกแล้ว”
“ดานี่เพื่อนรักกกก นี่เพื่อนมึงไงจ๊ะ ทำไมมึงทักทายเพื่อนแบบนี้”
“มึงผัวเมียกันหรอคะ มึงมากับไอ้เมฆอีกแล้วหรอวะไอ้จั๊ม” หันไปมองหน้าพวกมันสองตัว ไอ้จั๊มที่ยังน่ารักเหมือนเดิม มันที่กอดไหล่ไอ้เมฆไว้พร้อมยิ้มจนตาหยี
“จริงๆกูก็พร้อมจะเป็นเมียไอ้เมฆเสมอเลย เมฆๆเมื่อไหร่มึงจะสนองกูวะ กูพร้อมจะนอนใต้ร่างครวญครางชื่อมึงแล้วนะ อยากมีผัวรวย กูเหนื่อยทำงานนนน”
“ไปแรดไกลๆตีนกู” ไอ้เมฆที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมสลัดไหล่หนี ไอ้จั๊มที่วืดไปกับสายลม มันเซถลานิดๆ พอยืนได้ดีๆก็หันไปมองค้อนใส่ไอ้เมฆอีกที กูเห็นมึงเป็นกันแบบนี้มาตั้งแต่ปี1
“ไม่เคยจะอ่อนโยนกับน้องจั๊มเลย โย่ว ไอ้สัดอิฐ ขอของอร่อยๆมากระแทกปากพี่สักแก้วสิน้อง” ไอ้จั๊มที่กระโดดลงมานั่งเก้าอี้ข้างๆผม ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปทางด้านหลังเคาร์เตอร์บาร์ สายตาสอดส่องไปเรื่อย มองส่วนผสมคอกเทลขวดนั้นขวดนี้ไปเรื่อย
“พี่จั๊มพี่เมฆสวัสดีจ๊ะพี่จ๋า รอสุดหล่อแป๊บนะ ขอชงแก้วนี้ให้ลูกค้าแป๊บ”
“ได้เลยน้อง” ไอ้จั๊มว่าแบบนั้นแล้วขยิบตาให้ไอ้อิฐ ผมเห็นไอ้เมฆแอบถอนหายใจออกมานิดหน่อย มันที่ค่อยๆเดินมานั่งข้างๆผมอีกฝั่งนึง
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะอิเมฆ หึงก็บอกว่าหึงสิคะ” ว่าออกไปแบบนั้นล้อมัน และเป็นดังคาด ไอ้เมฆที่ถลึงตาใส่แล้วทำท่าจะยกเท้าขึ้นถีบกัน
“อย่ารุนแรงกับสวยสิคะเพื่อน”
“มึงไม่สวยไอ้สัด” ไอ้เมฆที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อใส่กัน สวยปวดใจ สวยอยากหวีดร้องใส่หน้า มึงว่ากูไม่สวยได้ไง กูนี่นางสาวเชียงใหม่นะ สวยๆต๊ะต่อนยอน
“อิดานี่เพื่อนรัก มันหึงกูชิมิๆ” เป็นไอ้จั๊มที่เอาไหล่มากระแทกแขนผม ก่อนที่มันเองจะทำหน้าเจ็บออกมานิดหน่อยแต่ก็ยังคงพูดออกมาแบบนั้น
“ใช่ค่ะ มันหึงมึงอยู่กูดูออก”
“ดูออกหน้ามึงสิ ไม่ต้องมาเสือกเรื่องกู เมื่อกี้มึงยังเกรี้ยวกราดใส่ไอ้อิฐอยู่เลย มีเรื่องไรวะ หรือมึงสับรางรถไฟไม่ทัน?”
“สับรางไม่ทันพ่องมึงไอ้สัด”
“หึ เสียงเข้มมาเลยนะครับ” ไอ้เมฆที่ยักคิ้วใส่แล้วยกยิ้มมุมปากส่งมาให้ พอโยนขี้มาตกที่เรื่องกูก็ดูมึงจะมีความสุขขึ้นหลายระดับเลยนะ
“สาระแนนักนะคะ จริงๆวันนี้กูอารมณ์ดีมาก มาอารมณ์เสียตอนเห็นหน้ามึงนี่แหล่ะค่ะ”
“แค่หน้าอิเมฆเนาะ ไม่เกี่ยวกับหน้าไอ้จั๊มเนาะ” และไอ้หน้าแป้นแร้นข้างๆก็เสือกเข้ามาอีกหนึ่งที ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ ท้อใจมีเพื่อนแบบพวกมัน
“ว่าแต่ น้องเอมๆไปไหนวะ ไม่เห็นหน้าเลย” ไอ้จั๊มที่ถามออกมาอีกพรางสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ผมที่ก็ถอนหายใจออกมาอีกรอบในตอนที่ได้ยิน ...
ถามถึงไอ้เอมกันอีกแล้ว จะอยากรู้ไรกันนักวะ...
เห็นไอ้เมฆยกยิ้มมุมปากเหมือนสนุกอะไรมากนักก็ไม่รู้ อยากพูดว่าไอ้สัดใส่หน้ามันนิดหน่อย
“ไม่ได้มา”
“อ้าว มึงให้น้องมันลาหยุดหรอวะ เจ้านายหน้าเลือดแบบมึงเนี่ยนะให้ลูกน้องหยุด” ไอ้จั๊มว่าออกมาพร้อมทำหน้าเหลือเชื่อ
“เดี๋ยวนะคะ หน้าเลือดเหี้ยอะไร กูนี่สุดแสนจะใจดีและสวยน่ารักขนาดนี้ มึงว่ากูหน้าเลือดหรอคะอิจั๊ม ตบไหม ตบกับกูให้มันจบๆไปนะคะ”
“อิตุ๊ดไร้อารยะ” ไอ้จั๊มว่าออกมาแบบนั้นพร้อมทำปากเบะใส่ มันที่ยกแก้วคอกเทลขึ้นมาจิบอีกหนึ่งที่ และไอ้อิฐที่ก็ยื่นแก้วคอกเทลอีกแก้วส่งไปให้ไอ้เมฆ มันที่ยิ้มกว้างออกมาให้ไอ้เมฆและไอ้จั๊มก่อนจะอ้าปากพูดต่อ
“พี่จั๊มจะว่าเจ๊พี่มันหน้าเลือดไม่ได้นะครับ เพราะเจ๊พี่มันน่ะใจดีมากๆ”
“นี่ค่ะ ลูกน้องตัวอย่างของกู พวกมึงฟังไว้ค่ะ”
“ใช่ๆ เพราะเจ๊ไม่ได้ให้พี่เอมลา แต่เจ๊ให้พี่เอมไปทำงานกับเจ๊ส่วนตัวที่ห้องเลย เนี่ย ใจดี๊ใจดี อิฐล่ะอยากจะทำแทนพี่เอมแต่เจ๊คงไม่อนุญาต” มันที่บอกออกมาแบบนั้นแล้วส่งยิ้มกว้างๆหันไปขยิบตาส่งซิกให้ไอ้เมฆ
ไอ้สัด! สัดทั้งหมดทุกตัวคน
“อ๋ออออ สรุปให้น้องมันทำงานที่ห้องนี่เอง” ไอ้เมฆที่รับช่วงต่อจากไอ้อิฐรีบพูดออกมาแบบนั้น ไอ้จั๊มที่หันมามองทำหน้าตาตกอกตกใจใส่ผม
“แต่มึงไม่ชอบให้ใครเข้าห้องมึงนี่หว่า พวกกูจะไปแต่ละทีมึงยังด่าเลย มึงให้น้องมันไปทำไรวะ”
“ไปอุ่นเตียงหรอวะเพื่อน” ไอ้เมฆที่เอียงหน้าเข้ามากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ผมที่หันไปทำหน้าตึงใส่มันแล้วพูดออกมาสั้นๆแค่ว่า ‘Kวย’
“ฮ่าๆๆ” เป็นไอ้เมฆที่ได้ยินแล้วขำลั่นออกมาทันที กูล่ะอยากจะลุกขึ้นถอดรองเท้าแล้วเอายัดปากมึงจริงๆนะครับ
“ไอ้เมฆขำไรวะ นี่พวกมึงอย่าคุยกันสองคนสิวะ เล่าให้กูฟังด้วยครับๆ”
“ไม่มีๆๆๆอะไรทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ก็แค่ให้น้องมันเก็บกวาดห้องให้แค่นั้นแหล่ะค่ะ!” บอกออกมาแบบรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหงุดหงิดอะไร
“แค่เก็บกวาดห้องหรอจ๊ะ”
“หุบปากแล้วแดกเหล้าไปอิสัดเมฆ น่ารำคาญ”
“ดุจังวะ พี่ดาบวิดวะมันดุแบบนี้แหล่ะเนอะไอ้จั๊ม”
“มาก เหมือนได้เห็นร่างไอ้ดาบผู้เยดุเลยว่ะ” พูดเข้าคู่กันแบบไม่แคร์หน้าตาสวยๆและอายแชร์โดวบนหน้ากูกันเลย
“รำคาญค่ะ ดาบเดิบเหี้ยไร มีแต่ดานี่คนสวยเท่านั้นค่ะ”
“ดานี่เนอะ ดานี่ที่ดูดปากน้องมันจนระทวยคาอกเลยเนาะ” ไอ้เมฆที่ขยับเข้ามาพูดประโยคนี้ให้ได้ยินกันแค่สองคนอีกครั้ง ... เนอะๆเนาะๆอยู่ได้ รำคาญค่ะ!
“เสือกไอ้สัดเมฆ” ด่ามันออกไปแบบเสียงปกติ ไอ้จั๊มกับไอ้อิฐถึงกับยกมือขึ้นปิดปากเบิกตากว้างแบบตกใจ ส่วนไอ้เมฆก็แค่หัวเราะแบบเสียงดังออกมา ไม่สนใจว่าหนังหน้าหล่อๆของมันตอนนี้จะยับย่นและหน้าเหี้ยแค่ไหน ดูถูกอกถูกใจที่งัดไอ้ดาบออกมาด่ามันได้ สัดเอ้ย
“ไอ้อิฐๆ มึงมากราบร่างไอ้ดาบไวๆ”
“กราบจ้าพ่อ”
“สัด กูเบื่อจะพูดกับพวกมึง กูไปตรวจบัญชีละ พวกมึงก็นั่งแดกเหล้าอยู่กับไอ้อิฐตรงนี้แหล่ะ ตรวจเสร็จจะลงมาใหม่ ไม่ต้องเสนอหน้าขึ้นไปกวนตีนกูนะ รำคาญ” บอกพวกมันออกไปแบบนั้นแล้วลุกขึ้นเดินหนี ได้ยินเสียงดังแว่วๆตามหลังมาว่า
“อยากเป็นคนที่กวนใจพี่ดาบจังค่า” เสียงไอ้จั๊ม อยากจะประเคนตีนให้
“แต่คงเป็นไม่ได้ เพราะเค้ามีคนในใจแล้ว”
“ฮิ้วววว ว่าแต่คนในใจเจ๊คือใครวะพี่เมฆ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะไอ้อิฐ เพราะนอกจากกูไม่รู้ เจ้าตัวมันเองก็อาจจะยังไม่รู้นะ”
“ฮิ้วววว”
โห่ฮิ้วกันอยู่นั่น พ่อมึงบวชนาคหรอ ...
ตัวกู ใจกู ใครมันจะมารู้ดีมากกว่ากูวะ“อ้าว เจ๊สวัสดีครับ” เสียงของคนมาใหม่ที่พึ่งเดินขึ้นบันไดมาที่โซนชั้นสอง ไม่ใช่ใครเป็นลูกน้องในร้าน ‘ไอ้โก้’
“ดีค่ะ วันนี้มึงอยู่โซนนี้หรอคะ”
“ครับเจ๊” ผมที่แค่พยักหน้าตอบกลับไปให้แบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ก่อนจะหันตัวกลับเพื่อไปทำงานที่ห้องตัวเองบนชั้นสาม แต่ติดตรงที่อีกฝ่ายก็เรียกกันไว้อีกที
“เจ๊ครับ” กูสวยล่ะสิคะถึงดื้อดึงจะยื้อกันไว้ อิ๊
“ว่าไงคะสุดหล่อ”
“เอมไม่มาหรอครับ เห็นเจ๊บอกจะให้มันมานอนกับผมแต่หายไปเลย” มึงไม่หล่อแล้วตอนนี้ เจอตีนกูไหม ถามถึงไอ้เอมเพื่อ...
ไม่รู้ว่าทำสีหน้าแบบไหนออกไป แต่ก็แค่มองจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกไว้
“มึงถามทำไม”“ก็แค่...เป็นห่วง” เสือกเก่ง
“ไม่ต้องห่วง กูไม่ได้ให้มันทำงานที่นี่แล้ว”
“อ้าวทำไมล่ะครับเจ๊” ไอ้โก้ที่ทำหน้าไม่พอใจนิดหน่อยแล้วขึ้นเสียงดังส่งมาถามผม เห็นแบบนั้นเลยมองจ้องหน้ามันนิ่งๆก่อนจะเลิกคิ้วใส่ อีกฝ่ายที่เหมือนจะเริ่มรู้ตัวมันก้มหน้าลงนิดหน่อย แต่กูนี่รู้สึกคันตีนแปลกๆนะ
“กูให้มันทำงานอื่นแล้ว และถ้ามึงจะเป็นห่วงมันมาก
กูจะบอกให้ว่าไม่จำเป็น เพราะกูเป็นคนดูแลมันเอง”
...
“นี่มัน...”
เป็นอีกครั้งที่ผมต้องพูดพึมพำออกมาคนเดียวแบบนี้ ได้แต่มองตรงไปที่ภาพหน้าจอที่เปิดขึ้นมาก็เห็นได้ในทันที หัวใจยังคงรู้สึกวูบๆไหวๆโหวงๆ เต้นในจังหวะช้าๆเร็วๆแบบบอกไม่ถูก สายตาก็ยังคงมองภาพตรงหน้า ภาพของคนที่นอนหลับตาซุกหน้าอยู่บนหมอน ขนตายาวที่เรียงตัวรับกับสันจมูกในแบบที่ตัวเองไม่เคยเห็น มองเห็นมุมปากที่ยกขึ้นนิดๆทั้งๆที่ยังนอนหลับอยู่ เหมือนกับว่ากำลังนอนหลับฝันดีอยู่ในตอนนั้น
“ทำไมเจ๊มันถึงมีรูปกูรูปนี้วะ” กระพริบตาปริบๆอีกครั้งแบบไม่เข้าใจ มองๆดูแล้ว ชุดที่ใส่ในภาพหน้านี้ มันเป็นชุดนอนของอิเจ๊มันนี่หว่า
“นี่มันตั้งแต่คืนแรกที่กูมานอนที่นี่นี่หว่า” บ่นกับตัวเองออกมาแบบนั้นแล้วก็ต้องกระพริบตาปริบๆ
“แต่คืนนั้นกูนอนที่พื้น” แต่ในรูปมันคือตัวผมที่นอนอยู่บนเตียงหลับตาพริ้มสนิทนอนแบบสบายกายสบายใจซุกหน้าหันข้างเข้ากับหมอนอย่างมีความสุข ในภาพมีแดดอ่อนๆที่สาดเข้ามาจากทางฝั่งของระเบียงที่ยังมองเห็นผ้าม่านสีฟ้าอ่อนๆปลิวอยู่ไกลๆจากในภาพนี้
“แล้วเจ๊มันมีภาพนี้ได้ไงวะ เจ๊มันแอบถ่ายกันหรอวะ” ถึงว่าจะคิดแบบนั้น แต่ว่าผมยังจำได้ว่าในเช้าวันนั้น กูถูกถีบหงายท้องลงมาจากเตียงนอนด้วยฝ่าตีนมหาภัยของอิเจ๊ดานี่ที่ตื่นมาทีหลังผม แล้วเจ๊มันก็กรี๊ดกร๊าดว่าผมปีนขึ้นไปนอนทับอกมันเอง
“แล้วถ้าผมปีนขึ้นเตียงเอง เจ๊มันบอกว่าไม่รู้เรื่อง แล้วรูปนี้มาได้ไงวะ หรือว่าจริงๆแล้วอิเจ๊มันอุ้มกูไปนอนบนเตียงแล้วมาแอบถ่ายกัน แล้วก็แกล้งไปนอนหลับแล้วกรี๊ดกร๊าดใส่กันในตอนเช้าหรอวะ”
“เห้ยยย บ้าน่า...เจ๊มันจะทำแบบนั้นทำไมวะ” บอกกับตัวเองแบบนั้น แม่งโคตรจะไม่มีเหตุผล เจ๊เนี่ยนะที่จะทำแบบนั้น เพื่อ? คิดยังไงก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ ....
“แต่ว่า แล้วจะเอารูปกูมาขึ้นหน้าจอทำไมวะ” เคาะนิ้วลงกับโต๊ะอย่างใช้ความคิด ไอ้เอมใช่ความคิด
ปิ๊งป่อง
“เจ๊ชอบกู”
เบิกตากว้างๆตอนที่พูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะ
‘เพี๊ยะ’
“พูดเหี้ยอะไรออกมาไอ้เอม เจ๊มันไม่ได้ชอบมึง มันเป็นตุ๊ดสวยๆทาปากแดง ถึงแม้มันจะมโนไปเองก็เถอะ” ว่าแบบนั้นแล้วกูก็ตีปากตัวเองรัวๆเลย ถึงหลังๆมันจะชอบทำท่าทางแปลกๆใส่กันตลอด แต่ถ้าจะมโนยิ้มไปเองคนเดียวว่ามันจะชอบกัน ... ก็บ้าน่า
“พอๆ หยุดคิดๆ” ถึงจะบอกตัวเองแบบนั้นเป็นครั้งที่ร้อย แต่สายตาก็คงยังมองอยู่ที่ภาพตรงหน้าแบบไม่ละสายตาไปไหน โดยเฉพาะฝ่ามือใหญ่ที่แค่มองก็รู้ว่าเป็นของใครที่กำลังทำท่าลูบแก้มผมเบาๆอยู่ในภาพนั่น ใจสั่นแปลกๆ แต่ก็แอบรู้สึกวูบๆโหวงๆที่อกแบบอดไม่ได้ รู้สึกว่าหน้าเหมือนจะร้อนขึ้นมาแปลกๆอยู่เหมือนกัน ... ท่าทางที่ดูเหมือนจะรักกันมากแบบนั้น...
“ถ้าเจ๊มันชอบกันก็คงจะดี...สัด! เจ็บไข่ พูดเหี้ยไรของมึงเนี่ยไอ้เอม” ยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอีกที ก่อนจะส่ายหน้าไปมาจนผมกระจายฟูไม่เป็นทรงเพราะถูกผมขยุ้มขยำแบบใช้ความคิด
“เจ๊มันจะยังมีอะไรซ่อนไว้อีกไหมวะ จะมีรูปแอบถ่ายกูอีกหรือเปล่า ไหนขอดูหน่อย เจ๊ดานี่ขอดูหน่อยน้า ... แล้วแต่มึงเลยจ้าอิดอกหนูบ๋อย ... ขอบคุณคร๊าบบบบ” พูดเองเออเองและอนุญาตตัวเองแบบคนหน้าด้าน แต่ใช่เลย นั่นแหล่ะครับหน้ากูเอง
ผมที่ค่อยๆเปิดเข้าไปในไดร์ซี ไดร์ดี เพื่อเปิดหาโฟลเดอร์อื่นๆแต่ก็ไม่มีอะไรอีกที่น่าสงสัย จนสุดท้ายเลื่อนลงไปเจอโฟลเดอร์นึงที่หน้าสนใจ ชื่อโฟลเดอร์ว่า
PPกับเพื่อนอเวจีที่ต้องตกนรกลงไปด้วยกันชื่อโฟลเดอร์ชวนลังเลว่าถ้าเสือกต่อแล้วเราจะตกนรกไปกับเรื่องราวในโพลเดอร์นี้ไหม
“พีพีคืออะไรวะ คล้ายๆซีพีขายไก่ไหม” งงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆ เพราะความสงสัยที่ออกจะคล้ายๆความเสือกหน่อยๆเลยกดเข้าไป ... ตกนรกคืออะไร อย่าไปกลัว บางทีก้าวแรกที่ก้าวขาไปอาจเจอเพื่อนทักทายที่กระทะทองแดงใบข้างๆ
‘ตึ๊ง’
“เอ้าไอ้เหี้ย มีให้ใส่รหัสไปอีก โฟลเดอร์อะไรวะ กูอุตส่าห์พลีชีพไปนรกแล้วยังดูไม่ได้อีก หรือว่าจะเป็นคลิปโป๊ของอิเจ๊มันว้า” พยายามจิ้มเลขห้องแล้วแต่ก็ยังเข้าไม่ได้ สุดท้ายก็เลยถอดใจและล้มเลิกไปในที่สุด
“ไว้วันหลังค่อยหลอกถามอิเจ๊มันดูดีกว่าว่ารหัสอะไร”
คิดแบบนั้นแล้วหัวเราะออกมา ถ้าใจเราสู้ เรื่องเสือกก็ไม่ยากนะครับจะบอกให้ แต่คิดว่าตอนนี้ควรจะทำงานได้แล้ว สุดท้ายก็เลยเข้าเน็ตแล้วเริ่มเสริชหาข้อมูลต่างๆพร้อมพิมพ์งานไปด้วย แต่สุดท้าย...เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ก็ล่อตาล่อใจมากกว่าที่คิด ผมที่หยุดทำงานในชั่วโมงต่อมาแล้วกดเข้าทวิตก่อนเป็นอันดับแรก ขอไปรีวิวนิยายที่ตัวเองก่อนให้ไรเตอร์คนเขียนสักนิดนึง ... ใช่ครับ คนเขียนหนังสือที่ป้าผมปาทิ้งนั่นล่ะ แต่ผมชอบของผม เพราะแบบนั้นก็เลยอยากเข้าไปด่า เอ้ย ไปบอกคนเขียนให้ได้รู้ฟีดแบคสักนิดนึง ... หลังจากนั้นก็เข้าเฟซบุ๊ก
“เอ๊ะ...” แต่พอกดปุ่มรูปไอคอนตัวเอฟสีฟ้าที่มีไว้ให้กดแบบไม่ต้องพิมพ์ชื่อเว็บยาวๆตรงปุ่มบุ๊กมาร์ก ภาพที่ปรากฏก็ดันเป็นเฟซบุ๊กที่ไม่ได้ล็อคเอ้าท์ออกของเจ้าของเครื่องซะงั้น
“เชี่ยย นี่มันเจ๊ดานี่หรอวะ”
กูถึงกับต้องอุทานออกมาแบบนั้นแล้วขยับหน้าเข้าไปชิดกับหน้าจอโน๊ตบุ๊คใกล้ๆ ภาพโปรไฟล์ของเจ้าของเฟซที่อยู่ในเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยีนส์ที่นั่งทำหน้านิ่งๆเอาแขนค้ำกับขาแกร่งทำให้คอเสือบริเวรช่วงอกเผยออกให้เห็นหน้าอกแกร่ง ด้านหลังเจ้าตัวยังมองเห็นพวกเครื่องยกน้ำหนัก แบบ barbells , dumbbells เหมือนว่าเป็นภาพที่ถ่ายมาจากในฟิตเนส กล้ามแขนแน่นๆพร้อมๆกับเหงื่อที่ซึมอยู่แถวไรผมและสันกราม ทำให้ภาพตรงหน้ายิ่งเพิ่มความดิบเข้าไปอีก เป็นผู้ชายแมนๆที่หล่อและไม่ปากแดงแบบที่เคยเห็น สายตาคมๆที่เหมือนจะเคยเห็น เป็นแบบเดียวกันกับในวันที่ผมนอนอยู่ใต้ร่างของมัน เป็นเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า
Dab Dorothy “
ดาบ ดลธี หรอวะ...น่าจะใช่แหล่ะ คงไม่ใช่แด็ปโดโรทรีหรอกมั้ง กูว่ากูก็อ่านภาษาอังกฤษเก่งอยู่น้า”
เปิดเข้าไปในหน้าส่วนตัวของเจ้าของเฟซ เหมือนจะเป็นเฟซเก่าที่ไม่ได้อัพเดทมานานหลายปีมากๆแล้ว ข้อความโพสสุดท้ายโพสไว้ว่า
‘จะเปลี่ยนให้นะคะ!’
เปลี่ยนอะไรก่อนวะ?
เลื่อนลงมาอีก เจอข้อความก่อนหน้าข้อความสุดท้ายนั่นกูก็แทบอยากจะซี๊ดปาก ข้อความที่โพสเอาไว้ว่า
‘นี่คนหรือกระป๋องเป๊ปซี่วะ ต้องโดนกูเปิดสักทีมั้งถึงจะหายซ่าอ่ะไอ้สัด’แซ่บสุดในย่านนี้ กูนี่กระพริบตาถี่ ๆแถมขยี้ตาเป็นของแถมเลยเลยนะ แคปชั่นโคตรเถื่อนสะเทือนโลก เฟี้ยวฟ้าวจัด พร้อมบวกกันไปหมด เห็นแอคเคาท์ของเพื่อนเจ๊มันมาตอบกลับ มีทั้งของพี่เมฆพี่จั๊ม
Metad: อีกแล้วหรอวะ ไม่จบหรอวะ
Jira JumpJump: เพื่อนดาบครับ เอาสักที เปิดเลยไหมกูพร้อมไฟท์ไปกับมึง
Metad: @Jira JumpJump เก็บหน้าขาวๆเหมือนซาลาเปานมของมึงไว้ให้ดีเถอะ อย่ามาหาเรื่อง กูจัดการเอง
Jira JumpJump: @Metad เมฆ มึงปกป้องกู เนี่ย...กูพร้อมเป็นเมียมึงแล้วนะ อยากบอกอีกทีว่าพร้อมมากนะคะ
Metad: @Jira JumpJump ไอ้สัด
Cherry: พี่ดาบ รี่เป็นห่วงนะคะ คิดถึงพี่นะไม่โทรหากันบ้างเลย
จ๋ารักนะจุ๊บๆ: พี่ดาบคะใครจะทำอะไรพี่ ดูแลตัวเองบ้างนะคะ คิดถึง
รักแท้มีจริงไหม ถ้าใช่ขอเสียงหน่อย: พี่ดาบฮะ เป็นห่วงพี่นะ ผมรอพี่นะฮะ
และข้อความอีกหลากหลายร้อยที่ดูเหมือนจะเป็นทั้งชะนีและเก้งกวางตัวเล็กตัวน้อยตัวใหญ่ที่เหมือนจะเป็นอดีตคู่นอนพี่ท่านเข้ามาโพสให้กำลังใจกันรัวๆ อ่านแล้วกูได้แต่กรอกตาแป๊บ ... หมั่นไส้มาก เลื่อนลงไปเรื่อยๆจนมาสะดุดตรงที่
Prapray: ... งื้อ แบบนี้ไม่ชอบเลยนะDab Dorothy: @Prapray ไม่มีอะไรนะคะ ไม่ต้องตกใจน้า
“พาพวยอีกแล้วหรอวะ”
ผมที่ว่าออกมาแบบนั้น เห็นจะมีแค่ข้อความจากคนนี้ที่อิเจ๊พี่มันตอบกลับไป ขนาดพี่เมฆกับพี่จั๊มอิเจ๊พี่มันก็ไม่ตอบ แต่กับพาพวยคนนี้ก็ตอบกลับไปอย่างดี ... ได้แต่พูดออกไปแบบนั้นแล้วกระพริบตาสองปริบ ความรู้สึกวูบๆโหวงๆมาอีกแล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างจากตอนที่เห็นรูปตัวเองอยู่ที่หน้าจอเมื่อก่อนหน้านี้ ... ไม่รู้หรอกว่าพาพวยนี่เป็นใคร แต่ที่ผมเข้าใจได้ก็คือ พาพวยคนนี้ คงจะเป็นคนที่อิเจ๊พี่มันให้ความสำคัญมากๆคนนึงเลย
“ใจมันยุบยิบๆแบบนี้ทำไมวะ ไม่ชอบเลยอ่ะ” ยกมือขึ้นเกาที่หัวใจทั้งๆที่มันก็ไม่ได้คัน แต่ก็รู้สึกยุบยิบยุบยับอยู่ในใจแบบแปลกๆ
“ถ้าจะบอกว่าเจ๊มันชอบกู ... ตอนนี้กูคิดว่า จริงๆแล้วเจ๊มันก็เป็นแค่คนใจดีคนนึงเท่านั้นเองแหล่ะว่ะไอ้เอม ฮ่าๆ” พูดพลางหัวเราะอยู่คนเดียว เลื่อนมือกดปิดเฟซบุ๊คของเจ๊มันไป และก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปรื้อไปค้นดูอะไรอีกแล้วในตอนนี้ เหลือบมองเวลาที่มุมขวาของหน้าจอโน๊ตบุ๊ค มันบอกเวลาว่าตอนนี้ห้าทุ่มครึ่ง
“นอนดีกว่านะตัวเรา” บอกกับตัวเองไปแบบนั้นแล้วเก็บงานของตัวเองเซฟเข้าแฟลชไดร์ฟเรียบร้อย ปัดกวาดเช็ดถูโต๊ะแล้วสำรวจทุกซอกทุกมุมว่าไม่ลืมปิดไฟให้เจ้าของห้องก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนที่ผมเคยนอนอยู่ทุกวัน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าไม่อยากขึ้นไปนอนบนเตียงนั้นในวันนี้
“นอนพื้นก็ดี ไม่ต้องกลัวว่าจะตกลงมาแล้วเจ็บด้วย” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วแค่นยิ้มขำออกมาหน่อยๆ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตผมก็ดูแลปกป้องตัวเองมาตลอด ... และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องปกป้องใจตัวเอง ... มึงก็แค่ไอ้เอมป่ะวะ อย่าคิดอะไรให้เยอะเลย แค่มีที่กินที่นอนก็อย่าได้ใจมากไปสิวะ
(มีต่อจ้า)