Dear my flower #ช่างสักรักคุณครู
10 : A price to pay
“น้องอยากนั่งหน้ากับคุมคู” น้องสิบบอกคุณน้า เมื่อเห็นว่าวันนี้คุณครูแป้งมารับน้องสิบเป็นเพื่อนน้าสามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ครูแป้งไม่ยอมลงจากรถเหมือนเคย ได้แต่นั่งมองบรรยากาศตอนเลิกเรียนอยู่ห่างๆ
“นั่งคาร์ซีทเพื่อความปลอดภัยครับ” คุณน้าบอกหลานตัวแสบ
“ไม่เป็นไรคับ อยากนั่งหน้า” น้องสิบบอกหน้าซื่อ
“ไม่เป็นไรได้ไง สิบอย่าดื้อ”
“น้องอยากนั่งกับคูแป้งอ่ะ…” หลานวัยสี่ขวบงอนคุณน้าเพราะคุณแม่บอกว่าที่ครูแป้งไม่ยอมไปทำงานเพราะน้าสามไม่ให้ไปไหน น้าสามนี่ไม่รู้อะไรเลยว่าทั้งห้องของน้องสิบไม่มีใครอยากเรียนกับครูพิกุล!
“เดี๋ยวผมนั่งข้างหลังกับน้องเองครับ” แป้งบอกคนตัวโต ที่มากับคุณสามวันนี้เพราะสามบอกว่าหลานอยากเจอ
คุณน้าพยักหน้ารับ ก่อนจะกลายเป็นคนขับรถโดยปริยาย
“สบายดีไหมครับ เรียนสนุกไหม? ” แป้งถามเด็กตัวเล็ก น้องสิบจ้องคุณครูก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“ก็...สนุกฮะ”
แป้งอมยิ้ม อย่างที่เขาว่ากันว่าเด็กๆ ลืมง่าย
“แต่คิดถุงคูแป้งนะ” น้องสิบบอกตามจริง
“น้องยอมกินผักเลย ถ้าคูแป้งไปเล่นด้วย”
สามมองหลานชายกับอีกคนกำลังคุยกัน เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“อันปังบอกจะเลิกซนเลยด้วยฮะ ถ้าคุมคูยอมกลับไปเล่นด้วย”
คนฟังน้ำตาซึม ก่อนจะอธิบายให้น้องฟัง
“คุณครูไม่ได้เป็นครูของน้องสิบแล้วนะครับ ออกมาแล้ว”
“เพราะน้าฉาม! คุมแม่บอกว่าน้าฉามขังคูแป้งไว้! ”
“ได้ไง เป็นงั้นไป” สามขับรถไปขำไป พอได้คุยหลายๆ เรื่องกับพี่เอที่เป็นทนายของบ้านและบริษัท เลยไม่มีทางที่พี่สองกับพี่หนึ่งจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วย ยิ่งเห็นว่าหลังๆ เขาเอาตัวมาติดกับครูแป้งของหลาน ก็ยิ่งน่าจะพอเข้าใจอะไรมากขึ้น ถึงสามจะยังไม่บอกที่บ้านเป็นจริงเป็นจัง แต่โดยนิสัยพี่ๆ คุณช่างคิดว่าคงพฤติกรรมของเขาคงไม่รอดพ้นสายตาเหยี่ยวไปได้
ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงบ้าน สามขับรถมาส่งน้องที่บ้าน กะว่าจะจอดรถไว้เลยแล้วจะออกไปกินข้าวเย็นกับเพื่อนต่อ
เด็กอนุบาลที่เมื่อครู่ยังอ้อนคุณครูหนัก เมื่อเห็นว่าถึงบ้านจะได้เวลาเล่นเกมแล้วก็รีบถอดคาร์ซีตเอง เพราะหนึ่งวันคุณแม่ให้เล่นเกมส์ได้แค่ 30 นาทีเองนะ ต้องรีบ!
“คูมคู สวัสดีฮะ” น้องสิบรีบยกมือไหว้ คุณครูเลยขำใหญ่ เพราะเรื่องนี้น้องเคยเล่าให้ฟังว่ากลับถึงบ้านต้องรีบทำการบ้าน แล้วจะได้เล่นเกมแป๊บเดียว
“แสบจริง” สามเดินลงมาอุ้มหลานลงจากรถ ดูก็รู้ว่าใจน้องไปอยู่ที่เครื่องเล่นเกมแล้ว
“ฮักๆ หน่อยเร็ว”
น้องสิบรีบกอดคุณน้าพอเป็นพิธี เลยโดนแกล้งอุ้มมาหอมแก้มฟอดใหญ่
“น้าฉาม ปล่อยเลยนะ หยุดแกล้ง”
“ฮักๆ ครูแป้งก่อน” สามบอกหลาน
น้องสิบยิ้มกว้างก่อนจะโผจากอกคุณน้าตัวสูงมากอดคุณครู คราวนี้กอดนานกว่าที่กอดน้าสามเยอะเลย
“ฮักๆ คุมคูนะ”
แป้งยิ้มกว้าง พานคิดไปว่าถ้าอยู่ในฐานะคุณครูที่โรงเรียนคงกอดเด็กๆ แบบนี้คงไม่ได้
“วิ่งไปเลยแสบ เดี๋ยวหมดเวลาเล่นเกม” สามบอกตามหลังหลานตัวเล็กวิ่งดุ๊กดิ๊ก อุ้มกระเป๋าไปด้วย
พี่สองชอบบอกว่าเจ้าสิบซนเหมือนสามสมัยเด็กๆ ไม่มีผิด มีแต่ครูแป้งที่เอาอยู่ได้ พอเปลี่ยนคุณครูน้องก็ดื้อขึ้นอีก ชอบมาต่อรองเวลาเล่นเกมแล้วบอกว่า 'ทีคุณครูพิกุลยังให้เล่นเกมเกินเวลาได้' พอผู้ใหญ่ละเลยไม่เป็นระเบียบ เด็กก็จำมาใช้หมด
“ทำหน้าเครียดอีกแล้ว” สามวางมือลงบนผมนิ่ม รู้ว่าแป้งช่วงนี้เครียดกับเรื่องงาน และเรื่องที่สามกำลังจะจัดการพวกที่โรงเรียน แต่ก็ไม่อยากให้ทำหน้ามุ่ยแบบนี้
“เหมือนพะยูนเผือกหิวปลา”
“คุณสาม! ”
คนโดนเรียกเสียงดังหัวเราะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นหน้าบ้านป่านนี้ดึงมาฟัดแล้ว จะว่าไปแล้วโมจิก็เพิ่งเคยเข้าบ้านเขาครั้งแรก
“สวัสดีค่ะ สามทำไมไม่พาคุณครูเข้าบ้าน”
แป้งยกมือรับไหว้คุณแม่น้องสิบ รู้สึกแปลกๆ ที่ยืนอยู่ตรงนี้ ทั้งไม่กล้าสบตา เพราะตัวเองเป็นอดีตคุณครูของลูกชาย แต่วันนี้ดันมากับน้องชายคุณสอง ไม่รู้ว่าคุณสองจะมองยังไง
...พอเข้าใจกฎที่ครูแมวบอกแล้ว ว่าสิ่งที่ไม่เหมาะสม ยังไงก็ไม่เหมาะ…
“ว่าจะพาไปกินข้าวเย็นข้างนอกเลย คืนนี้ไม่กลับครับ”
พี่สองหรี่ตามองน้องชาย ก่อนจะหันไปมองคนที่ทำหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ สองคนนี้คงคิดว่าพี่สองรู้อะไรไม่เยอะ
...ซึ่งคิดผิดไป…
.
.
.
สามเป็นพวกไม่ค่อยพูดถึงเรื่องตัวเอง เพื่อนๆ ถึงได้แปลกใจที่วันนี้ช่างบอกว่าจะพาแฟนมาดื่มด้วย
“ร้านนี้อาหารอร่อย เบียร์ก็ดี เป็นดนตรีสด เล่นเฉพาะเพลงร็อกแบบที่แป้งชอบ” เขาบอกคนข้างตัว เย็นนี้พาแป้งไปกินข้าวแล้วก็ดื่มกับเพื่อนๆ ในช่วงวันศุกร์สิ้นเดือน พวดเขานั่งรถไฟฟ้ามาใจกลางเมืองเพราะรถติดมาก แถมไม่อยากจะเมาแล้วขับ
หลังจากวันที่สามไปประจันหน้ากับพวกครูแมว เขาก็ไม่เคยปล่อยแป้งไว้คนเดียว เพราะกลัวจะแอบร้องไห้หรือคิดอะไรไม่เข้าท่าอีก แต่คุณช่างก็รู้ตัวดี ว่านอกจากจะห่วงแล้วยังเห่อแถมติดแฟนยิ่งกว่าอะไร กะว่าถ้าวันนี้แป้งไม่ยอมมาด้วยก็จะเทนัดเพื่อนทิ้ง
“คุณสาม”
“ครับ? ”
คุณครูมองคนตัวสูงที่จับมือตัวเองไม่ปล่อย คนก็พลุกพล่าน มันน่าอายน้อยที่ไหน เขาไม่ใช่เด็กๆ นะ!
“ไม่ต้องดึงมือออกเลยโมจิ เกิดหลงจะทำยังไง” คนหน้าดุหันมาบอก แป้งเลยย่นคิ้วท่าทางไม่พอใจ
“ผมโตแล้ว”
“ใช่ โตมาก หนักมากด้วย”
“บอกว่าผมอ้วนอีกแล้วนะ” แป้งแกะมือออกแต่อย่าหวังว่าอีกคนจะยอม!
“ยังไม่ได้พูดสักคำ” สามดึงมือที่จับอยู่ขึ้นมาจุ๊บเบาๆ ไม่ได้สนใจใครก็ตามที่เดินผ่านไปผ่านมา
เขาเชื่อว่าคนเรามักจะสนใจตัวเองที่สุด ว่ารูปลักษณ์เป็นยังไง วันนี้ดูดีในสายตาคนอื่นหรือยัง แต่ทุกๆ คนก็คิดแบบนั้นเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นถึงมั่นใจว่าคงไม่มีใครสนใจพวกเราในตอนนี้หรอก
“ผมจะตีคุณสาม! ”
คนจะโดนดียิ้มร้าย ก่อนจะก้มลงกระซิบแผ่ว
“ตีเหมือนที่สามตีแป้งวันก่อนไหม? ”
คนได้ยินหน้าร้อนฉ่าเมื่อนึกถึงตอนโดนฟาดก้นบนเตียงจนเป็นรอยมือ เรื่องแบบนี้เอามาพูดข้างนอกได้ยังไง!
“ไม่อายบ้างหรือไงเนี่ย” โมจิเดินไปบ่นไป ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณสามที่เคยรู้จักทำไมต่างจากตอนนี้ขนาดนี้ แต่ก่อนออกจะเงียบ ขรึม แล้วดูตอนนี้สิ…
ช่วงนี้โมจิหัวหมุนกับเรื่องคนตรงหน้ามากกว่าเรื่องงานเสียอีก สามเป็นเหมือนคนแปลกหน้าตัวใหญ่ในชีวิต เรารู้จักกันมานานในฐานะคุณครูกับผู้ปกครองเด็กนักเรียน แต่เพิ่งรู้จักกันจริงๆ ได้ไม่กี่เดือน ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน รู้ตัวอีกทีก็ไปเที่ยวด้วยกัน เข้านอนด้วยกันในบางวัน ตื่นขึ้นมาด้วยกันในตอนเช้า ก็แปลกดี…
ถึงจะบอกว่าอายที่สุดแล้วก็อมยิ้มให้กับมือใหญ่ที่คอยกุมกันไว้ ถ้าตอนนี้ไม่มีคุณสามคงจะเศร้ากว่านี้ แต่คิดอีกทีถ้าไม่มีคุณสาม...ก็คงไม่ถูกไบ่ออกจากงาน
“มองอะไรโมจิ เดี๋ยวจะโดนตีแบบคืนก่อนนะ”
.
.
.
ร้านที่สามนัดกับเพื่อนไว้เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ขนาดใหญ่ เปิดหน้าต่างบานกระจกได้บรรยากาศเอาต์ดอร์ในตอนกลางคืน เสียงดนตรีสดเป็นเพลงร็อกยุค 90’s ดังออกมาจากร้าน ลูกค้า 80% เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาทานอาหารอร่อยและดื่มเบียร์สด แต่เดิมคนไม่ได้แน่นขนาดนี้ แต่เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน คิวหน้าร้านถึงได้ยาวเกือบร้อยเมตร
โชคดีที่เพื่อนเขาจองโต๊ะไว้ ถึงได้เดินเข้าร้านโดยไม่ต้องต่อคิว
“อะไร เมื่อกี้ยังขอให้ปล่อยมืออยู่เลย” เขาหันมาหาคนข้างตัว ที่อยู่ๆ ก็ขยับตัวมาใกล้ และถึงจะแซวสามก็ดึงอีกคนมาโอบเอวให้อุ่นใจ เพราะข้างในคนนั่งกันแน่นจนแทบไม่เหลือที่ให้เดิน
“สามมากับใครวะ”
“คนที่คอนวันนั้นเหรอ? ”
แป้งไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยเอาแต่ยิ้มเมื่อเดินถึงโต๊ะเพื่อนคุณสาม ที่จริงวันนี้ไม่อยากมาที่นี่เลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสามบอกว่าซี่โครงหมูตุ๋นกับเบอร์เกอร์อร่อยมาก อร่อยจนรีวิวในเว็บได้ 4.8 ดาว!
“มองกันอะไรขนาดนั้นวะ” ช่างปัดมือไปมา อยากเอามือจิ้มตาเพื่อนที่บังอาจจ้องโมจิใกล้ขนาดนี้ เดี๋ยวของนุ่มๆ บุบหมด
“ไหว้แฟนผมครับทุกคน” สามรีบบอกเมื่อเห็นว่าคุณครูเขินจนแทบจะแอบที่หลังเขาแล้ว
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ” แป้งรับไว้งงๆ ...ไม่เห็นต้องไหว้เลยก็อายุเท่ากัน…
“แป้ง นี่อาร์ เอมกับต้น เคยเจอที่คอนครั้งนั้น”
คุณครูมองตามคุณสาม ถึงจะบอกว่าเคยเจอแต่ตอนนั้นก็เห็นกันครู่เดียว จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใครบ้าง
“เปิดตัวซะที ตอนคอนที่แล้วกูก็ลุ้นแทบตาย” อาร์เล่าไปขำไป ตอนนั้นแทบจะไม่ได้สนใจพี่แมทธิวที่กำลังเล่นกีตาร์เลย เพราะมองไอ้สามกับเด็กมันตาแทบจะหลุด
“พี่คู้มายัง” สามมองไปรอบๆ เห็นคนเริ่มแน่นกว่าเดิม เก้าอี้รอบโต๊ะกลมเล็กๆ แทบจะไม่พอคน
“ยัง เห็นบอกรอฟ่าง” เอมบอกก่อนจะถามต่อ
“คนดีล่ะ"
“เอาคนดีมากินผัก กูกินเสต๊กโคตรรู้สึกผิด” อาร์ขำ
“เขามีแฟน พวกเรามันก็หมา” ต้นเสริม ทำเอาเพื่อนๆ ขำร่วน
จริงๆ ในแก๊งมีกันเกือบสิบคน แต่พอเริ่มเรียนจบเริ่มทำงานก็นัดกันยากเย็นเหลือเกิน ยิ่งถ้าเริ่มมีแฟนเริ่มแต่งงาน ก็ยิ่งเจอกันลำบาก
“ชอบไหม? ” สามถามคนที่กำลังมองไปรอบร้าน ร้านนี้ตกแต่งด้วยไม้สลับปูนเปลือย หน้าต่างเป็นแบบบานพับ พอเปิดออกหมด อากาศข้างในเลยเย็นเพราะลมผ่าน ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย ถึงคนจะเยอะก็ตาม
“ชอบครับ” แป้งตอบพร้อมกับยิ้มจนเห็นลักยิ้ม ทำเอาคนมองยิ้มตาม
ถึงอาทิตย์ที่ผ่านมาจะตัวติดกันเป็นตังเม แต่พวกเขาเองก็เหมือนคนที่ยังไม่รู้จักกันดีเท่าไหร่ สามถึงได้พยายามพาโมจิไปไหนมาไหนด้วยกัน อยากรู้เรื่องทั้งหมดว่าคนที่ชื่อว่าเป็นแฟนตอนนี้ ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง
“สั่งข้าวกันได้เลยนะ พวกเราอิ่มแล้ว” ต้นที่นั่งข้างแป้งยื่นเมนูมาให้ เพียงแค่นั้นคนที่มาเพื่อกินก็ตาโตเมื่อเห็นรูปชีสเบอร์เกอร์ชิ้นโต เป็นเวลาเดียวกับที่สามเรียกพนักงานมารับออเดอร์พอดี
“อันนี้อร่อย ซี่โครงกับกระเทียมย่างก็ดี หอมทอดด้วยไหม? ”
โมจิพยักหน้าหงึกหงัก ตานี่เป็นประกายเชียว สามเลยแอบอมยิ้ม
“เบียร์ไหม? ”
ปกติโมจิชอบดื่มเบียร์มากกว่าเหล้าเพราะคอไม่ค่อยแข็ง แต่หลังๆ มานี้อยากลองหลายๆ อย่าง เพราะเกิดมาเพิ่งจะเคยมาร้านเหล้าแบบนี้ ถ้าไม่มีคุณสามพามาเขาก็คงเป็นมนุษย์ติดบ้านอย่างเคย
...นี่โมจิยังไม่เชื่อเลยว่าตัวเองมีแฟน...
“อันนี้ gin tonic ใส่ cucumber” สามบอกคนที่เอานิ้วมาจิ้มรูปแก้วใสที่ข้างในมีแตงกวาแผ่นบางฝานแช่เหล้าอยู่
“ดีไหมครับ? ”
“มันหอมๆ แต่แป้งน่าจะดื่มไม่ไหว”
“ลองเลย อยากรู้ต้องลอง” อาร์ยุ เห็นคู่รักเอาหัวชนกันเลือกเมนูก็อดแซวไม่ได้
“อย่าเลย เมาแล้วแบกกลับไม่ได้ หนัก” สามพูดไปขำไป
“งั้นผมเอาแก้วนี้! ” โมจิบอกเสียงเด็ดขาด เลยเกือบจะโดนอีกคนจับมาน้วยบีบแก้ม
“แป้ง! ”
“สาม! ” แต่ก่อนจะได้แกล้งอะไรโมจิ ก็มีคนเรียกคุณช่างเสียงดัง
ทุกคนมองตามเสียงเรียก แป้งเห็นหญิงสาวตัวสูงหุ่นดีหน้าตาเหมือนนางแบบเดินเบียดคนจำนวนมากเข้ามาที่โต๊ะกลม
“เอ้า ทำไมฟ่างมาก่อน” ต้นทักเพราะเห็นบอกจะมาพร้อมพี่คู้
“พี่คู้บอกอาจจะไม่มา แกต้องรอปิดร้านเพราะวันนี้โต้ซังมีธุระ” คนมาใหม่บอก พวกในโต๊ะถึงได้พยักหน้ารับรู้
“ฟ่างนี้แป้งแฟนเรา แป้งนี่ฟ่าง” สามบอกเมื่อเห็นโมจิมองเพื่อนสาวด้วยสายตาตื่นเต้น เพิ่งรู้ว่านอกจากของกินแล้ว ของสวยๆ งามๆ ก็ทำให้คุณครูของหลานเขาทำสายตาแบบนี้ได้
“สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆ ให้คนที่นั่งอยู่ก่อน
“นั่งนี่ก็ได้ครับ” แป้งรีบสละเก้าอี้ทรงสูงที่นั่งอยู่ให้หญิงสาวสวมส้นสูง เพราะไม่มีเก้าอี้เหลือด้วย ปล่อยให้ยืนนานน่าจะไม่ดี
“แป้งมานี่” สามดึงคนที่เหมือนกำลังมองหาเก้าอี้ว่าง อีกคนไม่ทันได้ตอบ คนตัวสูงก็ดึงแขนแฟนเข้ามาหาตัว เอาขากับมือเกี่ยวให้เข้ามาใกล้ เหมือนนั่งกึ่งยืนเบียดกึ่งนั่งตักกลายๆ
“คุณสาม...”
“อะไร คนนั่งแบบนี้เยอะแยะ” คุณช่างบอกคนที่ทำหน้าตาตื่นตูม ร้านนี้คนเยอะทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกที บางคืนต้องยืนจนปวดน่อง
“แต่มัน...” โมจิอึกอัก เพราะตอนนี้ในโต๊ะหันมาบอกพวกเขาเป็นสายตาเดียว
“ไม่มีแต่”
คนในโต๊ะมองคู่รักที่แทบจะสิงกันด้วยสายตาหลากหลาย หนึ่งในนั้นคืออาร์ที่หมั่นไส้เพื่อนสนิทเต็มที
“มาแล้วๆ ” อาร์ร้องบอกเมื่อเครื่องดื่มเริ่มทยอยมาถึง
“ดื่มเลย สั่งอะไรไป” สามยื่นแก้วสีใสข้างในมีแตงกวาให้อีกคน โมจิยู่หน้าเมื่อลองดมแล้วกลิ่นฉุนขึ้นจมูก
“หมูเอ๊ย! ” สามอดใช้มือที่เกาะเอวแฟนอยู่บีบเนื้อตรงนั้นไม่ได้ ก็บอกแล้วว่าดื่มไม่ไหว แต่ก็ยังดื้อ!
“ไอ้เหี้ยสาม มึงนี่นะ ตอนพวกกูถามไม่บอก มึงมาทีสวีตแบบนี้เลย” อาร์ปรามเพื่อน แต่อีกคนไม่สนใจเพราะกำลังจัดการกับโมจิอยู่
ซึ่งอาร์รู้ดีว่าเพื่อนไม่ค่อยพูด...แต่ก็ไม่ใช่มันไม่ขี้อวด
“วงนี้ที่เจอตอน summer sonic นี่” ต้นเปรยขึ้นเมื่อได้ยินซาวด์คุ้นๆ จากวงดนตรีที่กำลังเล่นอยู่อีกโซน
แป้งที่ชอบฟังเหมือนกันหูผึ่ง
“เออ เล่นสดโคตรดี” อาร์พูดถึงวงต้นฉบับที่ไปดูกับเพื่อนๆ มาที่งานเทศกาลดนตรีเมื่อปีที่แล้ว
“แป้งก็ชอบ บอกว่าซาวด์ดี” สามบอก คืนก่อนหน้านี้โมจิบอกว่าชอบเพลงของวงนี้
“ไอ้อาร์ตอนแรกบอกไม่ดูหรอก วงเมทัลปลอม ไปเจอน้องเขาเล่นสด กลับมาถวายตัวเป็นแฟนคลับ” เอมเล่าไปขำไป คนที่นั่งเงียบอยู่ถึงบอกออกมาบ้าง
“ผมก็อยากดูสดๆ บ้างครับ ดีไหม”
“ดีมาก ให้เสี่ยสามพาไป คราวที่แล้วมันก็พาฟ่างไปด้วย” เอมเล่าไปดื่มไป
“ดีจัง คุณฟ่างก็ชอบวงนี้เหมือนกันเหรอครับ? ” แป้งหันมาถามสาวสวยข้างกัน รู้สึกดีที่ได้คุยเรื่องที่ชอบกับผู้คนที่ชอบอะไรเหมือนตัวเอง ให้ไปคุยกับที่ทำงานเก่าคงไม่สนุกแบบนี้
“เปล่าค่ะ สามชวนเลยไป” เธอตอบแบบขอไปที คนชวนคุยเลยยิ้มเก้อ
สามลูบเอวโมจิเบาๆ หันมาสนใจวงสนทนาแทนที่จะสนใจปฏิกิริยาเพื่อนตัวเอง ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้คงไม่พาโมจิมา...
“เงียบจังวะวันนี้ ปกติฟ่างเสียงดังกว่านักร้องร้านนี้อีก” เอมแซว เลยโดนแขวะ
“เรื่องของฟ่าง อย่ามายุ่ง”
“พวกมึงอย่าตีกัน” อาร์ปราม
แป้งรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ เขาถึงหันมาสนใจแก้วตัวเองแทน
“สั่งมาแล้วชิมยัง” สามเรียกคนที่เหมือนเหม่อไปชั่วขณะ
โมจิเบ้หน้าเมื่อได้กลิ่นหอมอมขมของแตงกวาแช่เหล้า พอลองเอาแตะลิ้นแล้วก็พบว่า...
“ขม! ”
“ก็ยังจะดื้อสั่ง” สามบ่นไปขำไป ก่อนจะเทโซดาที่มาด้วยกันลงไปเต็มแก้ว จะได้ดื่มง่ายขึ้นหน่อย
“กินหมดเหรอวะ พวกกูไม่ช่วยนะ” อาร์พูดถึงอาหารที่เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ คนมาก่อนแบบพวกเขาอิ่มแล้ว เลยได้แต่มอง
“หมด” สามบอกเสียงหนักแน่นพลางมองสายตามุ่งมั่นของอีกคน เห็นว่าไม่ยอมกินมื้อบ่ายเพราะอยากมาชิมเบอร์เกอร์ยักษ์ จะอะไรขนาดนั้นก็ไม่เข้าใจ แต่พอเห็นว่าของกินเป็นสิ่งที่ทำให้โมจิเลิกทำหน้าเครียดได้เขาก็ดีใจ
“ฟ่างเอาสลัดไหม? ” อาร์หันมาถามเพื่อนสาว ปกติมาร้านนี้ชอบกินสลัดทูน่า เดือดร้อนสามต้องสั่งให้ทุกรอบ แต่ฟ่างปัดมือไปมา
“ไม่เป็นไร”
“วันนี้ซึมจัดเลยว่ะ เครียดเรื่องอะไร เรื่องเรียนไหนบอกสี่ปีครึ่งก็จบแล้วนี่” เอมบอกพลางถอนหายใจ มาดื่มแบบนี้พอมีคนหงอย ในโต๊ะก็พานไม่สนุกกันหมด
“มาๆ ดื่มกัน” ต้นยกแก้วขึ้น พวกเขาเลยเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้บรรยากาศมันดีขึ้น
โมจิหยิบหอมทอดเข้าปากไปด้วย ชวนคนอื่นทานไปด้วย คุยเรื่องวงดนตรีที่ชอบไปด้วย รู้สึกสนุกดีเหมือนกัน แต่บางทีก็รู้สึกเกร็งกับสายตาของเพื่อนคุณสาม...
“สาม ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย”
สามโคลงหัวไปมา เขาอยากดูดบุหรี่พอดี เลยขยับตัวลุก
“แป้งรอนี่นะ”
คนที่กำลังอร่อยกับอาหารตรงหน้าพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็มองตามแผ่นหลังคุณสาม รู้สึกแปลกๆ ...แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร
“ฟ่างมันช...”
“ไอ้เอม! ” อาร์เรียกเพื่อนเสียงดัง ก่อนจะมองหน้าแฟนเพื่อนที่ยังคะยั้นคะยอให้เอมช่วยกินแบบไม่สนใจอะไร
อาร์ยิ้ม เข้าใจสามจริงๆ ว่าทำไมถึงได้ชอบคุณครูของหลานขนาดนี้ เห็นมันมีแฟนกี่คนก็ลุคนี้ทุกคน จะมีแต่ฟ่าง...เป็นแฟนเก่าที่ฉีกแนวทุกคนไป
ฟ่างกับสามเริ่มจากการเป็นเพื่อนในกลุ่มก่อนจะข้ามไปเป็นแฟน แล้วสุดท้ายก็กลับมาอยู่ในสถานะเดิมได้เกือบครึ่งปีแล้ว
“แป้งเจอกับไอ้สามที่ไหน? ” ต้นชวนคุย
“ที่ร้านสักครับ ผมไปสักกับสาม” แป้งตอบไปยิ้มไป นึกถึงเมื่อหลายเดือนที่แล้วก็ตลกดี เหมือนจะผ่านมานานแล้วแต่ก็แป๊บเดียวเองที่เรารู้จักกัน
“ฟ่างล่ะ” เอมถามคนที่อยู่ๆ ก็เดินกลับมาคนเดียว
“กลับไปแล้ว”
“เฮ้ย! ได้ไงวะ”
คุณช่างยักไหล่แบบไม่ได้ใส่ใจ เขานั่งลงข้างคนที่กำลังแฮปปี้กับการเคี้ยวหอมทอดหงุบหงับ ทีแบบนี้ไม่คิดเยอะนะโมจิ
“อร่อยไหม? ” สามจ้องหน้าคนข้างตัว ไม่เห็นแววตาเศร้าๆ แล้วก็ใจชื้น
“อร่อย”
“มา ดื่มๆ ”
.
.
.