ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​  (อ่าน 24102 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อินังแพรว  แกมันร้าย   สร้างสถานการณ์ให้มีพยานยืนยันที่อยู่

แต่...ทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไปตรวจว่ามีการใช้โทรศัพท์ ณ เวลานั้นจริงหรือเปล่า?  ใครโทรเข้ามา? หรือ โทรออกไปหาใคร?

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
หมอแพรวไม่เนียนนะทำเป็นโทรซึ่งอาจจะโทรจริงรึไม่จริงก็ได้เพราะดักให้พยาบาลเอากาแฟไปเสริฟหวังเป็นพยานอ่ะ​ ความจริงจะต้องปรากฏ​ ดีที่หมวดวีณไม่ตายแต่โดนใส่ร้ายแทนนี่สิ

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตามจ้า  o13

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
สนุกมากเลยครับ

           :hao3:

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของตั้ม
เช้าวันนี้ก็เป็นอีกวัน ที่ทุกอย่างดูเร่งรีบไปซะหมด แต่สำหรับผม  มันเป็นอีกวันของความลำบาก เพราะเรื่องเมื่อคืน ที่ผมโดนมอบความเป็นภรรยารอบที่สองให้ คราวนี้มันเจ็บกว่าเดิมอีกร้อยเท่าพันเท่าเลย
“พร้อมรึยังคุณ”เสียงสดใสร่าเริ่งเชียวนะ
“พร้อมแล้ว….แต่…เดินช้าๆนะ”
“เจ็บมากหรอ”แต่เขากูดูเป็นห่วงผมจริงๆ
“ก็เจ็บอ่ะ เหมือนจะเจ็บกว่ารอบที่แล้วอีก”
“งั้นลางานมั้ยคุณ”ต้องขนาดนั้นเลย แค่เดินลำบากเฉยๆป่ะ
“ไม่อ่ะคุณ ไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น…รีบไปกันเถอะ” คนอื่นจะดูรู้มั้ยเนี้ย ถ้าเขาเห็นผมเดินแบบนี้ อายตัวเองชะมัด แต่ก็นะ…ก็ต้องทำตัวเองให้ชินกับเรื่องแบบนี้ได้สักทีได้แล้ว เพราะชัชตำรวจบ้าคนนี้ หื่นมากกกกกกกกกกก
“เดี๋ยวตอนเที่ยงผมมารับไปทานข้าว …ค่อยๆเดินไปละคุณ”ชัชชะเง้อหน้ามาคุนกับผมทางช่องกระจกรถ ก่อนที่จะขับออกไป วันนี้คนเต็มโรงพยาบาลแต่เช้าเลย เห็นทีว่าตัวผมเองก็ต้องรีบแล้ว…แต่ก็นะ…รีบได้แค่นี้ เฮ้อ
“เป็นอะไรคะหมอตั้ม ทำไมเดินแบบนั้น ขาเจ็บหรอ”แหม ถามได้จังหวะจริงๆนะพยาบาลดา
“ท่าของคนที่เดินแบบนี้  ไม่ใช่อาการของคนขาเจ็บหรอก”กำลังจะพูดอะไรแพรว เธอกำลังเดินออกมาจากหลังเคาท์เตอร์พอดี แล้วพยาบาลแถวนั้นก็มองไปที่แพรวด้วยความสงสัย “แต่เป็นอาการของคนที่พึ่งถูก…..ถูกอะไรก็ไปเติมกันเอาเองเนอะ”
“เอ้าหมอแพรว มาจุดประกายให้อยากรู้ซะงั้นอ่ะ” หวานพยาบาลข้างๆดาพูดขึ้น
“หมอก็พูดแซวหมอตั้มไปอย่างนั้นแหละ ขำๆน่ะ” ทำไมผมรู้สึกชาไปทั้งตัว “เมื่อคืนน่ะ ทำอะไรก็ระวังหน่อย ลานจอดรถโรงพยาบาลนะ ไม่ใช่ม่านรูด หรืออยากจะลองแบบนอกสถานที่” เธอเห็นหมวดชัชหอมแก้มผม แล้วทำไมเธอต้องเดินมาพูดเบาๆที่ข้างหูผม เธอต้องการอะไร “เป็นเพศทางเลือกไม่มีใครว่า แต่ถ้าร่านมาก…มันน่ารังเกียจ” แล้วเธอก็เดินจากผมไป ผมในตอนนั้นมันทำอะไรไม่ถูก มันอึ้ง มันว่างเปล่าไปหมด
“ผมขอตัวก่อนนะ” ผมพยายามรีบเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้  ก่อนจะนั่งสงบสติอยู่แบบนั้น

วันนี้เป็นวันทำงานที่แย่ที่สุดสำหรับผมเลยก็ได้ ไม่มีสมาธิ ไม่มีแม้กระทั่งความถูกต้องในการทำงานเลย คำพูดของแพรวมันวนเวียนอยู่ในหัว มันซ้ำไปซ้ำมาจนผมเองยังรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ยังเอาเรื่องนี้ออกจากหัวไม่ได้
“คุณตั้ม เป็นอะไรหรือเปล่า”เขาคงเห็นผมนอนฟลุบไปกับโต๊ะ
“มีเรื่องเครียดนิดหน่อย…แล้ว คุณไปหาคุณปวีณมาแล้วหรอ”
“ไปมาแล้ว ตอนนี้ดูโอเคขึ้นเยอะเลย…แล้วคุณละเครียดเรื่องอะไร…บอกผมได้รึเปล่า” ผมไม่รู้ผมจะพูดยังไง ใจจริงผมไม่อยากให้เขารู้ด้วยซ้ำ แต่เพราะตัวผมที่เก็บอาการเอาไว้ไม่ได้เอง แค่เรื่องของหมวดปวีณตอนนี้ก็ทำให้เขาเครียดเเละวุ่นวายมากพออยู่แล้ว “ว่าไง…บอกผมได้หรือยัง” เขานั่งลงตรงหน้าและกุมมือผม แต่ผมกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น เลยพยายามที่จะเอาออก แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย “ผมล็อกห้องแล้ว ไม่ต้องห่วง” ผมก็เลยปล่อยไป
“หมอแพรว…เห็นคุณหอมแก้ม เมื่อวาน” เขายังคงมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มให้อย่างใจเย็น “เขา…บอกกับผมว่า เป็นเพศทางเลือกไม่มีใครว่า แต่ถ้าร่านมาก …มันน่ารังเกียจ”
“แล้วเขาว่ายังไงอีก”น้ำเสียงเขาเริ่มเปลี่ยน ผมรู้สึกได้ ถึงแม้หน้าของเขายังดูปกติอยู่ก็ตาม ผมไม่อยากให้เขารู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ แค่ตอนนี้ผมเป็นคนเดียวก็แย่พอแล้ว
“ไม่มีอะไรแล้ว…ชัชใจเย็นๆนะ”ผมบีบมือเขา อยากให้เขารู้ว่าผมไม่อยากให้เขาโกรธ และเหมือนเขาก็เข้าใจ
“เราออกไปทานข้าวข้างนอกกัน….แล้วผม….ก็มีเรื่องสำคัญอยากจะบอกกับคุณด้วย” ผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร พอผมเปิดประตูออกไป ก็เห็นดายืนอยู่หน้าห้อง
“อ้าวดา…มีอะไรหรือเปล่า”
“พอดีวันนี้ดาติดเคสกับหมอแวนเยอะ เลยยังไม่ได้มาคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ” ตอนนั้นเธอก็เห็นว่าหมวดชัชกำลังจะเดินตามออกมา
“เรื่องอะไร พูดมาได้เลย”
“ดาอยากขอโทษแทนเพื่อนเมื่อเช้าน่ะค่ะ ดาไม่คิดว่ามันจะสอดรู้สอดเห็นขนาดนั้น ดาไม่สบายใจค่ะ” หมวดชัชก็เดินมาฟังด้วย
“ผมโอเคแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด จะรู้ได้ทั้งนั้น แล้วผมก็รู้ว่า…ดาก็ดูผมออก”
“ดาขอโทษอีกครั้งนะคะ” ผมก็ได้แต่ยิ้มรับให้กับเธอ ก่อนที่เธอจะยกมือไหว้แล้วเดินจากไป แล้วผมก็รู้ว่าหมวดชัชพยายามทำให้ผมไม่ไปคิดถึงเรื่องที่มันเกิดขึ้น พยายามเล่าเรื่องตลกฮาๆให้ผมฟัง มันก็พอช่วยได้นะ
และวันนี้เราทั้งคู่มาทานอาหารกันที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลของผม เขาเป็นคนเลือกร้านและจัดการสั่งอาหารเองโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเลย
“เพื่อนผมบอกร้านนี้อร่อย ผมเลยอยากพาคุณมา”เดี๋ยวนี้รู้จักตามกระแสคนอื่นเขาด้วย
“แล้วที่บอกมีเรื่องสำคัญ เรื่องอะไรอะ”
“คุณต้องทานอาหารเสร็จก่อน ผมถึงจะบอก”แต่อยู่ดีๆเขาก็ลุกมานั่งข้างๆผม “มา…ถ่ายรูปกัน”
“….!? มาไม้ไหนนี่วันนี้”
“เปล่าซะหน่อย…ผมแค่อยากถ่ายรูปกับแฟนผม…ไม่ได้หรอ”ใครจะไปขัดใจละ มาเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนี้ และนี่…ก็เป็นรูปแรกของผมกับเขาตั้งแต่เรารู้จักกันมา “คุณเล่น ig รึเปล่า…ถ้าเล่นผมขอหน่อย”และเขาก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็พิมพ์ account ของผมให้ไป “ผม follow คุณแล้วนะ Tag ไปแล้วด้วย” ผมก็หยิบมือถือตัวเองออกมาดู แล้วก็เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ
“วันนี้คิดอะไรถ่ายรูปลง Ig มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า” ก็ถามติดตลกไป
“ก็ผมกลัวคนมาจีบคุณไง เลยต้องถ่ายรูปข่มขู่ไว้ซะหน่อย”
“บ้าแล้ว…ใครจะมาจีบผม ต้องเป็นผมมากกว่าป่าวที่ต้องห่วงอ่ะ ดีกรีคุณออกจะขนาดนั้น”ก็จริงนี่เนอะ” อืม…ว่าจะถามตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว…วันนี้ทำไมใส่แว่น อยากเปลี่ยนแนวว่างั้น”
“เปลี่ยนแนวอะไรกันคุณ ก็ทำตัวให้คนจำผมไม่ได้ไง ผมอยากมีเวลาส่วนตัวแค่กับคุณ” เลี่ยนสุดๆ
~~ขออนุญาตนะคะ ซี่โครงหมูพันชีสนะคะ สลัดแซลม่อนย่าง แล้วก็ baked Garlic อาหารที่สั่งครบเรียบร้อยแล้วนะคะ~~
อาหารที่เขาสั่งมาแต่ละอย่างดูน่ากินทั้งนั้นเลย นี่ถ้าผมน้ำหนักขึ้นแล้วไม่หล่อนี่ผมโทษเขาคนเดียวเลย  แต่ก็ไม่น่าเชื่อ ผมคิดว่าที่เขาสั่งมามันเยอะมาก แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มันหายเข้าไปอยู่ในท้องเราทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว
“สนใจของหวานป่ะคุณ หรืออยากไปทานร้านอื่น”
“งั้นเราไ…..ป”
“ขอโทษนะคะ นี่พี่ชัช หนุ่มโสดปีนี้ใช่มั้ยค่ะ”มีสามสาวพูดแทรกผมมาซะงั้น แต่นี้ขนาดใส่แว่นพรางตัวแล้วนะ…ยังไม่รอด
“ครับ”อย่าทำหน้าเบื่อโลกสิ ยิ้มไว้ ผมทำท่าบอกให้เขายิ้ม เขาก็ดูใจเย็นและทำตามง่ายขึ้น แต่พวกเธอทั้งสามก็ถ่ายไม่หยุดเหมือนกันนะ แทบทำเอาชัชสติแตกไปเลยทีเดียว
“รีบไปเหอะ ขืนอยู่ต่อผมสติแตกแน่”เขารีบเรียกพนักงานมาเช็คบิลกันเลยทีเดียว “รอบนี้คุณเลือกร้านเลย เอาให้อร่อยๆ…เหมือนคุณนะ” ผมต่อยเข้าไปที่เเขนเขาทีนึงเป็นการสั่งสอนซะหน่อย  แต่ตอนนี้ความอยากของหวานของผมเป็น 0 ไปซะแล้ว แต่ก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจ ซื้อไอติมโคนกินเอาแล้วกัน ก็มันก็ของหวานเหมือนกันนี่นา
“คุณพร้อมที่จะฟังหรือยัง”
“ฟังอะไรอ่ะ”
“ก็เรื่องสำคัญที่จะบอกคุณไง…ทำมาเป็นลืม” ก็มันลืมจริงๆนี่เว้ย
“พร้อมละ…ว่ามาโลด”
“ผลตรวจสอบลายนิ้วมือบนแก้วกาแฟออกมาแล้ว…พบแค่ลายนิ้วมือของพยาบาลที่ชื่อมีน…ส่วนของหมอแพรว…ไม่พบ”
“แปลว่า หมอแพรวไม่ได้ดื่มกาแฟแก้วนั้นหรอ”
“น่าจะใช่ คุณบอกผมเองไม่ใช่หรอ ว่าหมอแพรวเป็นคนติดทานหวาน แต่ในถาดกาแฟวันนั้นไม่มีน้ำตาลซองไหนถูกฉีกออก และผมว่าคงไม่มีหมอคนไหนใส่ถุงมือที่ตรวจคนไข้แล้วมาจับแก้วกาแฟดื่มหรอก”
“คุณจะบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเป็นฝีมือหมอแพรวงั้นหรอ”
“70%...แล้วไม่ใช่แค่นั้น วันนี้ผมผมลองโทรไปหาลูกสาวคุณเอนก เธอก็รับสาย แล้วบอกว่าอีกสองวันจะเป็นวันหยุดเธอ เดี๋ยวเธอจะโทรกลับมาคุยในเรื่องที่ผมต้องการ”
“ตรงกับวันศุกร์น่ะสิ” เขาพยักหน้ารับ “งั้นศุกร์นี้...เราไม่ต้องไป Outing กับน้องผมก็ได้ อยู่เคลียร์เรื่องงานก่อนดีกว่า”
“ต้องไปสิคุณ…ยังไงเราก็ต้องไป” ผมเดาใจเขาไม่ถูกจริงๆตอนนี้ ในวันนั้น เขากลับไม่ร้อนรน หรืออยากจะสืบหาเบาะแสอะไรเลย แต่กลับพาผมไปซื้อเสื้อผ้าเพื่อไปใช้ในทริปที่กำลังจะเกิดขึ้น และก็ถ่ายรูปกับผมเหมือนวันนี้เป็นวันหยุดยังไงอย่างงั้นเลย และตอนเย็น หมวดชัชก็พาผมกลับมาที่โรงพยาบาล เพื่อมาเอากระเป๋าและของใช้ส่วนตัว
“คุณตั้ม…ตั้งแต่คุณรู้จักกับผม จนตอนนี้เราทั้งคู่…เป็นแฟนกัน คุณมีความสุขมั้ย”
“ทำไมอยู่ดีๆถึงถามแบบนี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ก็ตอบผมมาก่อนสิ”
“ก็….มีความสุข แล้วก็…ดีใจ…ที่มีคุณเป็นแฟน”  จุ๊บ เขาโน้มตัวมาจูบปากผม แต่ก็ไม่เป็นไร กับเขาน่ะผมไม่อายแล้ว แล้วก็โชคดีที่ที่นี่ยังเป็นห้องทำงานของผม “วันนี้เป็นอะไรผมถามจริง ดูอ้อนแปลกๆนะคุณน่ะ”
“ก็ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่า ผมรักคุณแค่ไหน”
“พอแล้ว…มาอ้อนๆแบบนี้คืนนี้ผมไม่ให้หรอกนะ ของเก่ายังแย่ๆอยู่เลย” เรานั่งพูดคุยเล่นกันอยู่สักพักก่อนที่จะพากันกลับมายังคอนโด แล้วผมก็รีบโทรไปคอนเฟิร์มทริปกับตาลน้องสาวผมจนเรียบร้อย คอนเฟิร์มช้าเดี๋ยวไม่ได้ที่พักล่ะ แย่เลย
ในคืนนั้นหมวดปวีณโทรเข้ามาหาหมวดชัช แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกัน แต่ดูท่าทางไม่ซีเรียสเหมือนรอบก่อนๆ และหลังจากนั้น เวลาผมไปทำงาน หมวดชัชก็มาอยู่ที่ทำงานผมทั้งวัน ไม่ว่าจะนั่งรอในห้อง ออกไปเดินเล่นหาอะไรทาน แล้วก็กลับเข้ามาใหม่ ช่วงนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆเขาถึงมีพฤติกรรมอะไรแบบนี้ จะบอกว่าเราทั้งคู่ รักกันมากขึ้น เปิดเผยมากขึ้น มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เขาทำเหมือนต้องการให้ใครๆรู้ว่าผมกับเขาเป็นอะไรกัน แต่มันก็ยังแปลกอีกอยู่ดี เพราะเวลาออกนอกโรงพยาบาล เขาก็กลับมาเป็นชัชคนเดิม ที่ไม่ได้เล่น ทะเล้นอะไรมากเหมือนตอนอยู่ในโรงพยาบาล ผมไม่อยากถามเขาออกไป เพราะถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด มันก็จะทำให้เขารู้สึกแย่ไปกับความคิดของผม ผมไม่อยากให้เรามีปัญหากันในเรื่องเล็กๆน้อย เพราะที่มันเป็นแบบทุกวันนี้ มันก็ดีกว่าที่ผมเคยคาดหวังไว้มากแล้ว

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ก็ไม่อะไร  แค่กระตุ้นให้ผู้ร้ายตัวจริงคลั่งและเปิดเผยตัวเองออกมา

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นังคนร้ายยย เปิดเผยตัวมาเร็วๆนะ  :katai1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m16: หมอเเพรวปากไม่ดีเลย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
และแล้วเช้าวันศุกร์ก็มาถึง ผมกับหมวดชัชก็ออกไปทำงานกันตามปกติก่อนที่จะไปตามคำสัญญาที่ให้กับตาลเอาไว้ โชคดีที่วันนี้ผมไม่มีอะไรที่ต้องทำมาก เคสคนไข้ของผมก็ไม่ได้มากเหมือนทุกๆวัน แถมวันนี้พยาบาลสุดซี้ของผมก็มาเป็นผู้ช่วยอีก ยิ่งทำให้ทุกอย่างไวกว่าที่กำหนดไว้เยอะเลย ขณะที่ผมกำลังเก็บของอุปกรณ์เข้ากระเป๋า เพื่อนสนิทของผมที่ตอนนี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็เปิดเข้ามา
“เตรียมตัวเสร็จรึยังตั้ม มีอะไรให้แพรวช่วยหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอกแพรว ผมจัดกระเป๋าเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
“แล้วอยู่ไหนล่ะ แพรวจะได้เอาไปไว้ที่รถ”
“ผมเอาไปไว้ที่รถให้เรียบร้อยแล้วนะตั้ม ยังลื……ม” ชัชชะงักไปชั่วครู่ หลังผลักประตูเข้ามาแล้วเจอแพรวในห้องผม “ยังลืมอะไรอีกหรือเปล่า”
“ไม่แล้วล่ะ ไปกันเลย…แล้วแพรวล่ะจะไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่ล่ะ แพรวบอกกับตาลไว้ว่าแพรวจะขับรถไปเอง ”
“อ้าวหรอ…พอดีตั้มกับชัชติดรถไปพร้อมกับตาลเลยน่ะ….งั้นแพรวเดินทางดีๆนะ เจอกันที่รีสอร์ท” แล้วผมก็ปลีกตัวออกมาจากเธอทันที คือผมก็พึ่งมารู้ด้วยซ้ำว่าแพรวจะร่วมทริปกับเราด้วย หวังว่าเธอคงจะไม่นอยด์จนทำให้ทริปนี้หมดสนุกไปนะ
เราออกเดินทางตอนประมาณ 10 โมงนิดๆ ตลอดการเดินทาง พลรับหน้าที่เป็นสารถีประจำรถ ส่วนผมกับชัชน่ะหรอ นั่งชิลล์สบายๆอยู่ข้างหลัง ระยะทางจากกรุงเทพไปถึงยังที่พักของเราก็ใช้เวลาคร่าวๆประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ตอนนี้ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อรีสอร์ทด้วยซ้ำเพราะน้องสาวผมบอกว่า อยากจะเก็บเอาไว้เซอร์ไพร์ส
และประมาณ เกือบบ่ายสอง เราก็มาถึงยัง villa maroc ปราณบุรี ซึ่งดูจากที่เห็นภายนอก ดูมีเอกลักษณ์และสไตล์เป็นของตัวเองมากๆ ในขณะที่ตาลกำลังตรวจสอบเรื่องห้องพัก แพรวที่ขับรถตามหลังพวกเรามาเธอก็พึ่งมาถึง เราทุกคนได้รับการต้อนรับจากรีสอร์ท ด้วย welcome drink ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ด้วย virgin mojito เธอลงจากรถมาด้วยความยิ้มแย้มก่อนที่จะมารวมตัวอยู่กับพวกเราบริเวณ ห้องโถงรับแขก
“เป็นยังไงแพรว เที่ยวต่อไหวหรือเปล่า”ผมก็ไม่อยากทำให้เธอต้องโดดเดี่ยว และพาลบรรยากาศภาพรวมเสียไปซะหมด
“สบายเลยล่ะตั้ม แพรวยังทำอะไรได้อีกเยอะเลย”
“เอาละคะทุกคน…เดี๋ยวแยกย้ายไปตามห้องพักที่พวกพี่กำลังจะแจกให้นะ พวกพี่จัดรายชื่อให้แล้ว 1 บ้านพักจะนอนกัน 6-8 คน ตามที่พี่เคยสอบถามเอาไว้ก่อนแล้ว เดี๋ยวยังไง จะมีพนักงานเดินเข้าไปสอบถามรายชื่อ พร้อมกับจัดการพาน้องๆทุกคนไปยังบ้านพัก ตอนนี้เวลา 14.45 นาที เราจะออกมารวมตัวทำกิจกรรมรอบแรกตอนเวลา 16.00 น. ขอให้พวกเราไปเจอกันที่ริมหาด เดี๋ยวตอนนั้นจะมีซุ้มทำกิจกรรมตั้งเอาไว้ ไปรอที่นั้นกันได้เลย” ตาลป่าวประกาศข้อมูลให้กับทุกๆคนได้ทราบ “ส่วนของพวกเรานะคะ ตาลจอง Royal villa ไว้ 2หลัง 1 หลังจากพักได้ 4 คน นะคะ ตาล พล พี่ชัช พี่ตั้ม นอนวิลล่า 1 เนอะ ส่วนวิลล่าที่ 2 จะเป็นพี่หมอแพรว น้ำหวาน อิ๊กแล้วก็แอนนะ เดี๋ยวยังก็ตามที่ตาลนัดเนอะ เเล้วเดี๋ยวเจอกัน
“ตาล จัดให้แพรวไปนอนกับพวกเขา แพรวเขาจะไม่อึดอัดหรอ” ผมเดินเข้าไปหา
“ไม่หรอกค่ะ เพราะตาลบอกพี่แพรวไว้ตั้งแต่เเรกแล้ว ว่าเราจัดกันแบบไหน แล้วน้ำหวาน พี่แพรวก็รู้จักตอนมาหาตาลที่ร้านบ่อยๆ สบายใจได้”ได้ฟังแบบนี้ก็โล่งใจไป ถึงผมจะไม่ได้อะไรกับเธอ แต่ก็เป็นห่วงเรื่องความรู้สึกเหมือนกัน
ความรู้สึกแรกที่ผมได้เห็นห้องพัก มันเป็นอะไรที่ดูแปลกใหม่สำหรับผม เพราะมีการตกแต่วด้วยข้าวของโบราณตามสไตล์ของโมร๊อกโคจริงๆ ทั้งห้องอาหารและห้องอาบน้ำ และด้วยความใจดี น้องผมเลยยกห้องนอนใหญ่ให้ผมกับชัช เราทั้งคู่เลยเดินขึ้นไปเพื่อเก็บข้าวของ
“น้องคุณนี่ Tatse ดีไม่เบา เลือกที่พักได้สวยดี…งั้น...ผมถือว่านี่เป็นการซ้อม Honeymoon ของเราทั้งคู่ด้วยแล้วกันเนอะ”
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะเราน่ะ”แต่ผมก็หุบยิ้มกับความคิดต๊องๆแบบนี้ของเขาไม่ได้ “ผมเห็นว่ามีชั้นดาดฟ้าด้วย ขึ้นไปดูกันมั้ย” คำตอบรับของผมคือการถูกนายชัชคว้าแขนมากอดคอ นี่เบาแล้วใช่ป่ะเนี้ย คือแทบหักเลย พอขึ้นไปถึงบรรยากาศดีกว่าที่เราเห็นด้านล่างอีก สามารถมองเห็นได้ทั่วเกือบทั้งรีสอร์ท แถมมีมุมที่สามารถนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกได้อย่างส่วนตัวอีกด้วย หลังจากที่เราเดินสำรวจที่พักจนเรียบร้อย ผมกับชัชก็เดินลงมานอนผ่อนคลายบนที่นอนอันแสนจะนุ่ม แทบจะหลับเมื่อล้มตัวลงไปสัมผัสเลย

พาร์ทของชัช
และแล้วก็ถึงเวลากิจกรรมที่ทางน้องสาวของตั้มและเพื่อนๆของเขาได้เตรียมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นวอลเล่ย์บอลชายหาด ชักคะเย่อ หรือกีฬายอดฮิตอีกอย่างก็คือฟุตบอล แต่ผมก็เป็นแค่คนดูนะครับ ปล่อยให้เหล่าพนักงานเขาได้ปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่ไปดีกว่า
“งั้นเดี๋ยวผมไปเอาเครื่องดื่มมาให้นะคุณ” เสียงคนคุ้นเคยประจำตัวผมที่ถ้าตอนนี้ไม่ได้ยิน คงรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป “เขาทำ mocktail หลายแบบเลย แต่เห็นเขาบอกว่าตัวนี้เด็ดสุด…เลยเอามาให้”
“จะมอมผมรึไงคุณหมอ…” ขอให้ได้แซว แต่เขาก็ส่ายหัวทะเล้นใส่ผม ผมเลยยื่นแขนผมไปคว้าคอเขามา
“เดี๋ยวก็หกหมดหรอกคุณ” เขาตกใจรีบพูด
“คืนนี้ไม่รอดผมแน่…หมอตั้ม” การทำน้ำเสียงกระเสร่าใส่เขานี้มันทำให้ผมขำได้ทุกที ผมน่ะ…อาจจะแกล้งเล่น แต่คิดจริงเสมอ -^+^- หลังจากการแข่งขันกีฬาและสันทนาการจบ ก็ถึงเวลาอาหารมื้อค่ำ ที่สำหรับผมเองยังรู้สึกว่า มันหรูหรามาก ทั้งกุ้งหอยปูปลา ที่เจ้าภาพจัดเต็มมาจนผมคิดว่า ทริปนี้มากันเป็นร้อยคน ไหนจะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีให้เลือกมากกว่าร้านสะดวกซื้อบางร้านซะอีก เวลาหัวค่ำๆแบบนี้ มันคงเหมาะที่สุดกับการปาร์ตี้ที่ไม่มีกำหนดเวลามาจำกัดให้วุ่นวายใจ แต่ดูทางเจ้าภาพจะเอาใจลูกน้องเต็มที่ ปล่อยให้ลูกน้องนั่งทานกันอย่างมีความสุข ส่วนพวกเขากับยืนปิ้งแทนกันซะอย่างนั้น รวมถึงหมอตั้มผู้ที่ไม่เป็นมิตรต่อการทำอาหารซะเลย
ขณะที่ผมกำลังดื่มอยู่นั้น ปรากฏมีสายๆนึงโทรเข้ามา แต่เบอร์ไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่นัก
“สวัสดีครับ ชัชวินพูดสายครับ”
“ดิฉันเองค่ะ เปรมมิกา ลูกสาวคุณเอนก โทรมาตามที่ได้นัดกับคุณเอาไว้ หวังว่าดิฉันคงคำนวนเวลาไม่ผิด”
“ไม่หรอกครับ ที่นี่พึ่งจะ 2 ทุ่มเอง…ถ้าคุณพร้อมที่จะเล่าอะไรให้ผมฟัง เชิญได้เลยครับ
“จากที่คุณเคยถามดิฉันว่า รู้จักกับหมอแพรวได้ยังไง เรารู้จักกันตอนที่เรามาดูงานโรงพยาบาลที่ boston ด้วยกัน ตอนนั้นเราพักห้องเดียวกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดหนึ่งสัปดาห์ ที่เราสนิทกันได้เร็ว เพราะดิฉันกับเค้ามี Lifrstyle ที่คล้ายๆกัน  แพรวเล่าให้ดิฉันฟังว่า ตอนนั้น เขาบอกว่าเขาชอบผู้ชายอยู่คนนึง ชอบมากตั้งแต่ตอนอยู่ ม.ปลาย และพอรู้ว่าผู้ชายคนนั้น ลงชื่อเพื่อที่จะมาดูงานต่างประเทศ เธอก็รู้สึกว่า เธอจะต้องเดินทางไปดูงานกับผู้ชายคนที่เธอชอบให้ได้ ด้วยเหตุผลของเธอที่ว่า เธอไม่เคยอยู่ห่างจากเขาเลย แต่คุณก็คงจะรู้ใช่มั้ยค่ะ ว่าการมาดูงานต่างประเทศแต่ละครั้ง ต้องใช้ทุนทรัยพย์สูงมากขนาดไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอโชคดี หรือว่าโชคร้ายกันแน่นะคะ เธอดันผ่านการพิจารณา จนมันทำให้เธอต้องจัดการหาเงินมาเพื่อใช้จ่ายในการเดินทางในครั้งนี้ ถ้าพูดถึงค่าใช้จ่ายรวมในตอนนั้นก็ราวๆ 300000-500000 บาท แต่เธอก็ยังไม่ได้เล่าให้ฟังนะคะ ว่าเธอไปหาเงินมาด้วยวิธีไหน จนวันนึง เธอมากินเหล้าที่ร้านพ่อของดิฉัน ไม่รู้ว่า เมา หรือ หรืออัดอั้นจนทนไม่ไหว เธอบอกว่า ตอนที่ต้องหาเงินไปดูงาน ตอนนั้นเธอไม่สามารถหาเงินจำนวนดังกล่าวได้ในระยะเวลา 2 เดือน เพื่อนของเธอที่เรียนอยู่ต่างคณะ เลยแนะนำให้ทำอาชีพๆหนึ่ง ที่เธอคอนเฟิร์มว่า จะได้เงินไม่ต่ำกว่า 100000 บาทต่อเดือน
“เขาขาย….”
“คงจะเรียกแบบนั้นได้มั้งค่ะ เพราะอาชีพ side line มันเป็นอาชีพที่นักศึกษาชอบทำกันอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุน แถมได้ผลตอบแทนดี ตอนที่ได้ฟัง….ก็ตกใจเหมือนกัน เธอบอกว่า ลูกค้าคนแรกของเธอก็คือ คนในเครื่องแบบๆคุณ เธอบอกว่า ตำรวจคนนั้น วิตถาร ชอบใช้ความรุนแรงตอนมี sex กับเธอ  แต่เธอก็บอกว่าเธอต้องทน เพราะตำรวจคนนั้นให้ค่าตอบแทนเธอสูงถึง 30000 บาท และหลังจากนั้น เธอก็เป็นที่โปรดปรานในหมู่ชายในเครื่องแบบ ด้วยการบอกต่อจากตำรวจคนนั้น  เธอบอกว่าเธอต้องทนกับความเจ็บปวดทรมาน กับการกระทำต่ำช้าของผู้ชายพวกนั้น ทั้งทารุณ ทรมาน ดิฉันก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาให้คุณเข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนั้นได้ จนวันนึงเราทั้งคู่มีปัญหากัน เพราะว่า เธอกับแฟนของดิฉันมีอะไรกัน ตอนนั้นด้วยอารมณ์โมโหไม่ฟังใคร ดิฉันก็โทษเธอฝ่ายเดียว หาว่าเธอมาให้ท่า มาป้อล้อแฟนของดิฉัน ตอนนั้นชั้นตัดสินใจเลิกคบกับเธอ จริงๆเธอก็หายหน้าไปพักใหญ่นะคะ กว่าจะกลับมาหาดิฉันที่ร้าน เธอไปมาร้านพ่อดิฉันบ่อย เธอบอกกับพ่อชั้นว่า ชั้นเป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจ ตอนนั้นพ่อก็มาบอกให้ๆอภัยเขา  พอตัวชั้นมาคิดไตร่ตรองอีกที ก็เลยพอที่จะให้อภัยเธอได้ หลังจากเราคืนดีกัน เธอก็มาเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆว่า ตอนนี้เธอมีตำรวจเข้ามาจีบเธอหลายคน แต่เธอก็บอกนะคะว่าเธอคบได้ไม่นานสักคน  แต่รู้สึกว่าตอนนั้นมีข่าวว่าตำรวจถูกฆาตกรรมต่อเนื่องหลายศพด้วยนะคะ แต่ตอนนั้นดิฉันย้ายมาอยู่บอสตันได้สักพักแล้ว
“แล้วคุณรู้ข่าวพวกนี้ได้ยังไง”
“ก็ตามอินเทอร์เน็ต แล้วก็มีคุณพ่อเล่าให้ฟังบ้าง
“แล้วตอนนี้คุณยังติดต่ออยู่กับเธอคนนั้นรึเปล่าครับ”
“ไม่ได้ติดต่อกันมาจะครึ่งปีแล้วค่ะ อาจจะด้วยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องงาน เรื่องเวลา”
“งั้นผมขอถามอีกอย่างได้มั้ยครับ…ผมอยากทราบว่า คุณพอที่จะรู้ชื่อผู้ชายที่คบหากับคุณแพรวบ้างมั้ยครับ”
“เธอไม่เคยบอกนะคะ…แต่ว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอ่ะ ชั้นเปิดเข้าอีเมลเก่า เพื่อที่จะเอารายชื่อที่ต้องติดต่องานน่ะค่ะ พอเข้าไปก็มีอีเมลที่คุ้นๆ ปรากฏว่าเป็นเมลล์ของแพรวนี่ล่ะค่ะ ส่งมาคุยกับชั้น”
“คุณพอที่จะบอกเนื้อหาในเมลคร่าวๆให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ”
“มันหลายฉบับน่ะสิคะ แต่เอาที่พีคที่สุดสำหรับชั้นแล้วกันเนอะ…มันเป็นอีเมลที่แนบรูปคู่เธอกับผู้ชายคนนึงมาน่ะค่ะ เธอบอกว่า เขาขอเธอแต่งงาน แต่เธอปฏิเสธไป
“ขอแต่งงาน…ปฏิเสธ ผมรบกวนคุณช่วยส่งรูปนั้นมาให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ ถ้าเป็นไปได้ขอตอนนี้เลย”
 “คุณจะเอาไปทำอะไรคะ อย่าบอกนะ ว่าเป็นผู้ชายที่ตามตื้อยัยนั้นอีกคน”
 “ไม่ใช่ครับ ถ้าจะให้ผมพูดตามตรง คือผมกำลังสงสัยในพฤติกรรมของเพื่อนคุณ ผมเลยอยากได้ข้อมูลอะไรก็ได้ที่สามารถทำให้ผมรู้ว่าข้อสันนิษฐานของผมมันผิดหรือถูก”
งั้นบอกเมลล์ดิชั้นมา” หลังจากที่ผมบอกเมลกับเธอไป ความรู้สึกของผมในตอนนี้ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่จะขอหมอตั้มเป็นแฟนซะอีก ในขณะที่เธอกำลังส่งเธอก็พูดเล่าเรื่องของหมอแพรวให้ผมรู้เป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อมูลสำคัญอะไรเท่าไหร่นัก ไม่ถึง 5 นาที เสียงอีเมลเข้าในโทรศัพท์ผมก็เตือนขึ้น ผมรีบเปิดเมลล์ฉบับนั้นดู ปรากฏเป็นรูปหมอแพรว ที่ใส่ชุดสีแดงอย่างที่พนักงานที่ร้าน Enchanted บอก แถมมุมซ้ายในภาพก็เห็นกระเป๋าใบสีดำอย่างที่พนักงานบอกจริงๆ เธอคือฆาตกร
“แล้วถ้าผมจะให้คุณ Forward mail ทั้งหมดที่เธอส่งให้คุณ จะได้มั้ย”
“ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกคะ เป็นอีเมลที่มีแต่เรื่องรักๆใคร่ๆเดี๋ยวดิชั้นจะส่งให้ รู้สึกว่าฉบับล่าสุดจะส่งมาเมื่อวานนะคะ…แต่ชั้นของเตือนคุณไว้อย่าง ว่าแพรวน่ะ ร้ายกว่าที่คุณคิดไว้มาก”
“ผมต้องขอบคุณๆมาก ยังไง…ผมได้รบกวนคุณอีกแน่ๆ”
“ยินดีค่ะ”แล้วเธอก็ตัดสายไป ในตอนนั้น ผมรีบเดินตามหาหมอตั้มในทันที เดินไปตรงเตาย่างบาร์บีคิว เขาก็ไม่อยู่ โทรไปหาเขาก็ไม่รับสาย
“ตาลเห็นตั้มมั้ย พี่หาตัวเขาไม่เจอ”ผมวิ่งมาหาตาลตรงซุ้ม mocktail
“อ๋อ พี่ตั้มไปเปลี่ยนเสื้อค่ะพี่ชัช พอดีลูกน้องตาลทำน้ำจิ้มหกใส่เสื้อพี่เข……..า”ผมรีบวิ่งไปก่อนที่ตาลจะพูดจบ จากหน้าหาดมาถึงห้องมันก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เมื่อมาถึงผมกลับไม่เจอตั้มอยู่ในห้องหรืออยู่ในบ้านเลย ผมพยายามตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยวิ่งกลับมาที่หน้าหาดอีกครั้งเพื่อตามหา แต่ยังไงจุดไหนก็ไม่เจอ รวมถึงหมอแพรวด้วย
“ตาล…ตั้มไม่อยู่ที่บ้านพัก รวมทั้งในงาน รวมถึงหมอแพรวด้วย”
“เขาอาจจะไปนั่งเล่นตรงไหนกันก็ได้มั้งคะ”
“ไม่มี พี่วิ่งหาจนทั่วแล้ว”ผมร้อนใจมาก แทบคุมสติตัวเองไม่ได้
“งั้น….พล….พล…วิ่งไปดูรถของพี่แพรวทีว่าจอดอยู่รึเปล่า”ในตอนนั้นผมก็ลองวิ่งหาดูอีกที พร้อมกับโทรติดต่อไปด้วย แต่ยังไง เขาก็ไม่รับสายผมสักที พอผมวิ่งมาเจอพล เขาก็บอกว่าไม่พบรถของแพรวจอดอยู่ที่ลานจอด ในตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดได้อย่างเดียวก็คือขอดูกล้องวงจรปิดของทางรีสอร์ท ผมรีบติดต่อดำเนินการให้ไวที่สุด ผมยื่นบัตรราชการทุกบัตรที่ผมมีให้เขาดู จนทางรีสอร์ทยอมเปิดกล้องให้ ในตอนนั้น มีผม ตาล พล ยืนอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ และสิ่งที่ผมไม่ได้คิดมันก็เกิดขึ้น แพรวพยุงร่างตั้มที่ไม่มีสติ ผ่าน lobby ไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ที่ลานจอด ผมควรทำยังไง จัดการกับสติตัวเองยังไง ผมควรเริ่มยังไง
“ตาล…พี่ควรเริ่มตามหาตั้มที่ไหน….จะเริ่มต้นที่ไหน”ตอนนี้ในหัวผมมัน blank ไปหมด
“งั้น เดี๋ยวเรากลับกรุงเทพกันก่อนค่ะ ส่วนเรื่องทางนี้…พล….ตาลฝากด้วย ตาลไม่อยากทำให้งานปาร์ตี้ของน้องๆหมดสนุก งั้นเดี๋ยวตาลวิ่งไปเอากุญแจรถที่บ้านก่อน เเล้วเดี๋ยววเรามาเจอกันที่รถนะคะ” พอผมเรียกสติกลับมาได้ ก็จัดการทำตามที่ตาลได้บอกไว้ ในตอนนั้นผมก็เลยคว้ากระเป๋าของตั้มออกมาด้วย พอตาลมาถึงรถเราก็ออกเดินทางกันทันที โดยที่มีผมเป็นคนขับ
“เเล้วเราจะเอายังไงกันก่อนคะ”
“เดี๋ยวพี่ว่าจะตรงไปโรงพยาบาลก่อน คงจะมีหลักฐานอะไรที่หมอแพรวทิ้งไว้บ้าง”ในตอนนั้นผมรีบโทรหาหมวดกวิณเพื่อให้ช่วยติดตามอะไรบางอย่าง “หมวดกวิณครับ ผมมีเรื่องอยากให้พี่ช่วย”แล้วผมก็บอกรายละเอียดรถของหมอแพรว พร้อมกับหมายเลขทะเบียนที่ผมมองเห็นแค่ เลขตัวหน้ากับอักษรเท่านั้น ในตอนนี้พี่กวิณรับปากที่จะช่วยแต่ตัวผมเองก็เข้าใจว่าไม่ใช่พื้นที่ในการที่จะออกคำสั่งได้ แล้วแถมรายละเอียดของทะเบียนรถหรือข้อมูลก็น้อยมาก
“ตาลไม่เข้าใจว่าพี่แพรวทำแบบนี้ทำไม ตาลไม่คิดมาก่อนว่าพี่แพรวจะเป็นแบบนี้”
“เขามีอะไรที่ตาลยังไม่รู้และนึกไม่ถึงอีกเยอะ” ในหัวผมตอนนี้พยายามหาวิถีทางที่จะตามหาตั้มให้ได้เร็วที่สุด  ในเวลานั้น ผมเหยียบเร็วที่สุดเท่าที่ผมจะเร็วได้
ผมขับรถมาถึงโรงพยาบาลก็ปาไปจะเที่ยงคืนแล้ว โชคดีที่ในคืนนั้น มีหมอแทนเข้าเวรอยู่ ถึงผมจะไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไหร่แต่เวลานี้คงจะใช้อารมณ์ส่วนตัวไม่ได้ แต่ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้เข้าไปทักทายอะไรเขาหรอก ผมตรงไปยังห้องทำงานของหมอแพรวเลยทันที
“ตาล ตาลลองดูว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้เราสืบไปถึงตัวหมอแพรวได้ อะไรที่รู้สึกว่าเป็นไปได้ เอามากองไว้บนโต๊ะให้หมด”แต่จากที่ผมดูแล้วแทบจะไม่มีอะไรที่จะใช้เป็นข้อมูลได้เลยสักอย่าง มีแต่เอกสารทางการแพทย์ ข้อมูลผู้ป่วย แล้วอย่างนี้ผมจะรู้ได้ยังไงว่าหมอแพรวพาตัวตั้มไปที่ไหน เวลาเกือบ ชม.ที่ผ่านไป มันเหมือนจะเสียเปล่า
“แต่ก็ยังเหลือคอนโดที่พี่แพรวอยู่ ที่นั้นอาจจะมีหลักฐานอะไรอยู่บ้าง”
“แล้วเราจะเข้าไปในห้องเขาได้ยัง ถึงให้พี่ใช้หมายค้น แต่มันก็ต้องใช้เวลาขอ และถึงมีเจ้าของห้องไม่อยู่เราก็ทำอะไรไม่ได้”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตาลจัดการเองค่ะ”  แล้วเธอก็หันกลับไปค้นหาของต่ออีกครั้ง
“ตาล…ตามพี่มา” ผมรีบเดินออกจากห้องหมอแพรว ตรงไปยังห้องทำงานของตั้มทันที “พอรู้พาสเวิร์ดที่พี่ชายเราใช้มั้ย” แต่ดูจากที่เห็นเธออาจจะไม่รู้จริงๆ
“เดี๋ยวตาลลองดูค่ะ” ตาลพยายามลองใส่รหัสผ่านที่เธอคิดว่าพี่ชายของเธอจะใช้ แต่กลับไม่เป็นผลเลยสักอัน
“ตั้ม…คุณใช้รหัสอะไร บอกผมหน่อย”ผมคงบ้าไปแล้วที่พูดกับตัวเองแบบนี้
“เราจะทำยังไงดีล่ะคะ จะแจ้งความคนหายตอนนี้ก็ไม่ได้” ทำไมผมไม่รู้อะไรเลย ทำไมผมถึงใจเย็นมาอยู่ได้ตลอดเวลา ทำไมผมไม่จัดการเธอตั้งแต่แรกที่ผมสงสัย  “พี่ชัชคะ…ตาลว่า เราลองรอให้ถึงเช้าก่อนมั้ยคะ บางที พี่แพรวหรือพี่ตั้มอาจจะติดต่อกลับมา บางที…สิ่งที่เราคิดมันอาจจะเลวร้ายเกินไปก็ได้”เธอแตะบ่าปลอบใจผม และมันอาจจะจริงที่ผมใจร้อน แต่ผมแค่กลัว กลัวว่าตั้มจะเป็นอะไรไป ในคืนนั้น ตาลขับรถพาผมกลับมายังคอนโด เธอใจเย็นและสามารถทำให้ผมคล้อยตามเธอไปได้ แต่ยังไงผมก็ยังอดเป็นห่วงตั้มไม่ได้อยู่ดี แต่ตาลก็ไม่ปล่อยใหผมต้องอยู่คนเดียว เธอพยายามชวนผมคุย ไม่ให้ผมเครียด แต่มันก็ได้แค่หน้างานตรงนั้น แต่ความเป็นจริงผมกลับทำมันไม่ได้เลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เผยออกมาแล้ว  ปมที่นางฆ่าเฉพาะตำรวจ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :3125: อย่าทำอะไรหมอตั้มนะนังแพรว

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นางแพรวแกจะทำอะไรหมอตั้ม  :angry2:

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ของตั้ม
“ทำไมผมรู้สึกเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด แถมขยับร่างกายไม่ได้อิสระเหมือนเคย แถมรอบๆตัวผมมีแต่กลิ่นเหม็นอับคละคลุ้งไปหมด
“ตื่นแล้วหรอคะตั้ม นอนสลบไปนานเลยเนอะ” เสียงแพรว แต่ทำไมผมหันไปหาเธอตามเสียงไม่ได้ แล้วทำไมผมถึงปิดปากถูกมัดมือมัดเท้าไว้แบบนี้
“ไม่ต้องพยายามหรอกค่ะตั้ม พอดี แพรวมัดไว้แน่นเลย” ผมรู้สึกว่าเธอกำลังเดินมาจากข้างหลังผม “แต่เดี๋ยวแพรวจะแกะผ้าปิดปากออกให้ก่อนนะคะ เราจะได้พูดคุยกันสะดวก” สิ้นเสียงเธอกระชากเทปกาวออกจากปากผม มันทั้งเจ็บทั้งแสบไปหมด
“โถๆๆๆ หน้าแดงปากช้ำไปหมดเลย…เสียดายจัง”
“คุณทำแบบนี้ทำไมแพรว”
“ทำอะไรคะ แพรวยังไม่ได้ทำอะไรเลย แพรวแค่พาคุณมาดูเรือนหอที่แพรวสร้างไว้สำหรับเราสองคน”
“เรือนหอบ้าอะไรของคุณ”
~~พลั่ก~~ เธอเตะเข้ามาที่ปากของผม
“เจ็บมั้ยจ๊ะตั้ม…นี่ยังดีนะ..ที่แพรวยังออมเเรงเอาไว้ ไม่อย่างนั้น ปากตั้มคงเลือดออกมากกว่านี้แน่”เธอลูบไล้ใบหน้าของผม แต่เธอกำลังทำให้ผมขยะปแขยงการกระทำแบบนี้ “แต่เอาเถอะ...นี่ก็สายแล้ว เดี๋ยวแพรวจะเอาข้าวมาให้ทาน…รอแปปนึงนะ” แล้วเธอก็เดินหายออกไปจากห้อง ผมใช้ช่วงเวลานี้พยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่มันก็ทำไม่ได้ แม้กระทั่งจะพลิกตัวไปอีกด้านผมยังทำไม่ได้เลย ยิ่งผมขยับมากเท่าไหร่ เชือกที่มัดผมเอาไว้มันก็บาดผมมากเท่านั้น
“มาแล้วจ้ะ....อาหารเช้า” เธอเดินไปลากเก้าอี้มาวางข้างหน้าผมก่อนที่เธอจะนั่ง “ข้าวผัดหมู เมนูที่ตั้มชอบทาน…เเต่แพรวไม่ป้อนนะ” แพรวก้มลงมาวางกล่องข้าวตรงหน้าผม เธอกำลังเห็นผมเป็นอะไร ผมพยายามที่จะขยับตัวหนี  แต่มันก็ได้แค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น “ไม่เป็นไรหรอกตั้ม แพรวมีเวลาให้ตั้มอีกเยอะ” แล้วเธอก็ลุกขึ้นพร้อมกับใช้เท้าเขี่ยกล่องข้าวมาไว้ใกล้ๆหน้าของผม “เดี๋ยวจะไม่มีแรงซะก่อน” แล้วเธอก็เดินออกไปจากห้องอีกครั้ง  ผมมีเวลาแค่ช่วงนี้เท่านั้นที่จะต้องพยายามเอาเชือกที่เท้าออกก่อนให้ได้ ผมพยายามมองหาสิ่งของที่ผมคิดว่ามันพอจะมีคมที่จะทำให้เชือกของผมนั้นขาดได้ เเต่เหมือนเธอรอบคอบ อุปกรณ์ที่อยู่ภายในห้องมีแต่เพียง กล่องพลาสติก กล่องกระดาษ เศษไม้ ที่วางอยู่เต็มไปหมด มันไม่มีอะไรที่จะช่วยให้ผมรอดจากสถานการณ์นี้ได้เลย ผมเลยพยายามขยับร่างกายตัวเองไปให้ใกล้ผนังที่สุด เพื่อที่จะใช้ผนังนั้นเป็นตัวพยุงให้ผมพอที่จะลุกขึ้นนั่งได้ แต่ผมยิ่งพยายามผมก็ยิ่งเจ็บ ทั้งเชือกที่มัด และหน้าอกของผมที่ใช้ไถไปกับพื้นปูน  และความทุลักทุเลนั้นก็เป็นผล ตอนนี้ผมสามารถพยุงตัวเองให้นั่งได้ ก่อนที่พยุงให้ตัวเองลุกขึ้นยืน  แต่กระจกที่มีอยู่มันดันสูงกว่าตัวผมไปมาก จะไปเลื่อนกล่องมาต่อผมก็ไม่สามารถ ตอนนี้คิดได้อย่างเดียวคือ กระโดด เพื่อที่จะได้รู้ว่า สถานที่ๆผมอยู่ตอนนี้คือที่ไหน
~~~พลั่ก~~~
แพรวเอาไม้มาฟาดที่ขาของผม ทำเอาผมทรุดลงทันทีด้วยความเจ็บปวดในตอนนั้น ถึงผมจะร้องเจ็บปวดทรมานยัง ตอนนี้มันก็คงไม่มีความหมายสำหรับเธอ
“แพรวบอกแล้วไงค่ะว่าอย่าพยายาม…ทำไมชอบให้แพรวใจร้าย”
“ขาผม”
“แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวก็หายเจ็บ”เธอเอามือจิกหัวผมแล้วดึงขึ้นมา”อย่าคิดจะตุกติก…ไม่งั้น…ตาย”เธอผลักหัวผมลง หลังจากนี้ผมจะเป็นยังไง จะรอดมีชีวิตกลับไปเจอหน้าทุกคนมั้ย”

พาร์ทของชัช
“หมวดชัชครับ มีมอเตอร์ไซค์เอาพัสดุมาส่งให้ครับ” ผมหยิบมาดู มันก็จ่าหน้าถึงผมจริงๆ แต่ไม่มีชื่อผู้ส่ง
“ขอบคุณมาก….”ก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่มีพัสดุส่งมาถึงผม แล้วระบุหน้ากล่องมาด้วยว่า “เปิดช้าระวังเน่า” มันเป็นซองเอกสารที่มีกันกระแทกบุอยู่ภายใน  “ตาล…ถ้าพร้อมเมื่อไหร่บอกพี่นะ เราจะได้ออกเดินทาง” ตอนนี้น้องสาวของตั้มก็อยู่กับผม เธอก็คงเครียดมากเหมือนกัน แต่ซึ่งยังดีที่ตอนนี้เธอยังสามารถที่จะทานอะไรได้บ้าง ผมเลยไม่อยากเร่งเร้าอะไร พอแกะซอง สิ่งที่ผมหยิบออกมาคือ ไอแพด แถมก็ดูไม่ต่างอะไรจากทั่วๆไป แต่ที่แปลก ปุ่ม เปิด-ปิด กลับใช้ปุ่มโฮมเป็นตัวสั่งงานแทน เมื่อผมลองเปิด ก็ปรากฏภาพของตั้มที่ถูกมัดและนอนกองอยู่ที่พื้นห้อง
“.ต….ตั้ม” เธอเห็นผมแปลกเลยเกินเข้ามาดู เธอส่งเสียงร้องกรี้ดจนทำให้ตำรวจที่อยู่ข้างนอกเปิดเข้ามาด้วยความตกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าครับผู้หมวด”
“เอ่อ…พอดีน้องผม….ตกใจคลิปนิดหน่อย …ไม่มีอะไร” ในตอนนั้นผมรีบโทรหาพี่กวินให้เข้ามาที่สน.ทันที ในระหว่างที่รอ การถ่ายทอดสดตรงนั้นก็ยังดำเนินต่อไป ตั้มยังนอนอยู่กับที่ และดูเจ็บปวดอะไรบางอย่างแต่ผมบอกไม่ถูก ผมลองพยายามกดออกเพื่อเข้าสู่เมนูอื่น แต่ไม่สามารถทำได้
“ว่าไงชัช….ไหนพี่ขอดูหน่อย”พี่กวิณมาถึงก็ไม่รอช้า รีบเข้ามาดูการถ่ายทอดสดนี้ “ไอแพดเครื่องนี้ถูกแปลง มันไม่สามารถทำอะไรได้เลย.ตอนนี้…แบตมีอยู่ 93% เต็มที่ไม่เกิน 10 ชั่วโมงถ้าเราเปิดต่อเนื่อง” พี่กวิณมีความรู้ด้านไอทีพอสมควร “มันเกิดเหตุอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆถึงมีเรื่องแบบนี้” ในตอนนั้นเอง ภาพที่ปรากฏพบว่า มีผู้หญิงคนนึง เดินเข้ามาพร้อมมีดเล่มนึงที่อยู่ในมือ
“นั้นมันมีดผ่าตัดนี่พี่ชัช”ตาลร้องบอกขึ้น แล้วหน้าที่ปรากฏในนั้นนอกจากหน้าของตั้มแล้ว ยังมีหมอแพรวร่วมเป็นตัวแสดงอีกคน ภาพที่เห็น เธอกำลังถอดรองเท้าที่ตั้มได้ใส่อยู่ออก ก่อนที่จะหยิบมีดที่วางอยู่ที่พื้นขึ้นมาถือไว้ แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ แล้วเธอก็ใช้มีดเล่มนั้น เฉือนไปที่เอ็นร้อยหวายของตั้มข้างขวา ตาลที่ได้เห็นภาพเธอตกใจกรี๊ดเสียงดังออกมา ในตอนนี้ มีนายตำรวจวิ่งเข้ามาเพราะเสียงกรี๊ดของตาลหลายนาย และได้เห็นตอนที่แพรวกำลังเอามีดเฉือนเอ็นร้อยหวายข้างที่สองของตั้ม ตอนนี้ ผมเหมือนคนกำลังจะเป็นบ้า
“ใจเย็นชัช…เอ่อ…จ่าฤทธิ์ รีบโทรตามหน่วยไอทีมาที่นี่ด่วน บอกว่าเป็นคำสั่งจากผม…ส่วนจ่าสรรค์ ติดต่อหน่วยกำลังเสริมมาให้ผม เราต้องเร่งทำคดีนี้” พี่กวิณรีบลงคำสั่ง “ ไอ้ชัช แกรู้มั้ย ว่าที่ๆกำลังถ่ายทอดสดนี่อยู่ที่ไหน”
“ผม...ผมไม่รู้….”หมอแพรวกำลังเล่นบ้าอะไรอยู่ “ผมฝากพี่ติดตามสถานการณ์ต่อที ผมต้องออกไปตามหาเขา” ผมรีบเปิดลิ้นชัก และหยิบมือถืออีกเครื่องนึงขึ้นมา “ผมรบกวนพี่ คอยวีดีโอเหตุการณ์นี้ให้ผมด้วย…”ผมรีบกดโทรวีดีโอคอลเข้ามือถือผมทันที ผมฝากพี่ด้วยนะ…ไป…ตาล” ผมรีบวิ่งออกมาจากห้องโดยมีตาลตามหลังมาติดๆ เราทั้งคู่ตรงไปยังรถของผมที่จอดไว้ ผมสตาร์ทและรีบเหยียบคันเร่งทันที สถานที่แรกที่ผมจะไป คือห้องทำงานของหมอแพรว ถึงแม้เมื่อวานเราจะไม่เจออะไร แต่ใช่ว่าเราจะหามันทั่วแล้ว ในตอนนั้นผมเอามือถือขึ้นมาวางที่แท่นตั้ง เพื่อที่จะดูสถานการณ์ real time แต่ก็มีเรื่องนึงผุดขึ้นมาในหัวผม
“ตาล พี่รบกวนเอาโทรศัพท์ตาลเข้าอีเมลพี่ที เดี๋ยวนี้เลย” ตาลรีบทำตาม ผมรีบบอกเมล บอกพาสเวิร์ดให้กับเธอ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“โอเค…ตาลดูให้พี่หน่อยว่ามี forward mail มาถึงพี่บ้างมั้ย”
“แปปนึงนะคะ..1…2…3…4….”ถ้าทางจะเยอะพอสมควร “ มี 28 ฉบับค่ะ”
“ตาลอ่านทุกฉบับให้พี่ฟังที ห้ามข้ามแม้แต่ตัวเดียว” ตาลรับคำและเปิดอ่านในทันที ตอนนี้ หูผมที่กำลังฟัง ได้ยินแต่เรื่องพร่ำพรรณนาถึงความรัก ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเขียนไปมันมีความจริงอยู่ในนั้นแค่ไหน และสิ่งที่ทำให้ผมทรมาน คือตั้มที่กำลังนอนนิ่งด้วยความเจ็บปวด เลือดของเขาไหลไม่หยุด และเขากำลังร้องไห้” ตอนนี้ภาพในหัวของผมมันกำลังประมวลผลหลายสิ่งหลายอย่าง ประจวบเหมาะกับอัเมลที่ตาลกำลังอ่าน และสิ่งที่คุณเปรมมิกาได้เล่าเอาไว้
“ฉบับที่ 23 นี่เปรม…วันนี้ฉันมีเรื่องจะมาเล่าให้เธอฟัง เธอจำคนที่ฉันบอกเมื่อเมลก่อนได้มั้ย วันนี้เขามาขอชั้นแต่งงาน ทำเซอร์ไพร์ส เอาแหวนใส่มาใน โมจิหยดน้ำ ที่ข้างในมีดอกนางหญาเสือโคร่งกับดอกกัลปพฤกษ์ที่ชั้นชอบด้วยละ เขาทำโรแมนติกมาก แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบรับคำขอเขาหรอกนะ ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร คงจะมีอยู่เหตุผลเดียวล่ะมั้ง เพราะคนพวกนั้น ไม่ใช่….ตั้ม”
“อ่านฉบับต่อไปเลยตาล”
“ฉบับที่ 24 ผู้ชายที่ชั้นชอบ ชั้นรู้สึกว่าเขาเริ่มมีความรัก แต่ไม่ใช่กับชั้น  ตอนนี้เขาสนิทอยู่กับตำรวจคนนึง  ท่าทางดูสนิทสนมกันมาก ชั้นไม่ชอบเอาซะเลย สงสัยชั้นต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่เรื่องจะบานปลาย เห็นหน้าตำรวจคนนั้นชั้นรู้สึกอยากจะ……”
ฉบับที่ 25 เธอไม่เห็นตอบอีเมลชั้นกลับเลย  แต่ก็พอเข้าใจว่าเธอยุ่ง นี่ วันนี้ตำรวจคนนั้นนัดชั้นไปคุยที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง เขาพูดจาไม่เข้าหูชั้นมากๆ ชั้นแทบจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ แล้วก็ไม่อยู่จริงๆ ชั้นเอากาแฟของชั้นสาดใส่เขา สะใจชะมัด อยากให้เธอเห็นเหตุการณ์นี้จัง”
ฉบับที่ 26 ชั้นชักจะทนไม่ไหวแล้วเปรม ชั้นเห็นเขาจูบกันที่ลานจอดรถ  ไอ้ตำรวจคนนั้นมันผิดเพศ และตอนนี้มันกำลังทำให้คนที่ชั้นรักผิดเพศไปกับมัน ชั้นจะจัดการมันยังไงดีเปรม เธอตอบชั้นหน่อย ชั้นจะบ้าตายอยู่แล้ว อยากจะฆ่าไอ้ตำรวจนั่นให้ตายไปซะพ้นๆ
ฉบับที่ 27 ตอนเช้าชั้นเห็นตั้มเดินเข้ามาด้วยท่าทีแปลกๆ เขาบอกกับพยาบาลพวกนั้นว่าเขาเจ็บขา แต่อาการมันไม่ใช่ เขาสองคนมีอะไรกันมา ตั้มทำแบบนี้กับชั้นได้ยังไง ชั้นตั้งใจทำงาน เก็บเงิน มาตั้งหลายปี เพื่อเรือนหอของชั้นกับเขา ชั้นตกแต่งบ้านในสิ่งที่เขาชอบ สีที่เขาชอบ ชั้นอุตส่าหาที่ทางที่จะทำให้เราสองคนใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข เขาทรยศชั้น เพราะไอ้ตำรวจบ้านั้น ชั้นจะต้องรีบจัดการเขา เขาต้องตาย
ฉบับที่ 28 วันนี้ชั้นเห็นภาพที่ชั้นทนไม่ได้ เขาทั้งคู่หอมเเก้มจูบปากกัน ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ ทำไมหน้าด้านกันแบบนี้ ชั้นจะลงมือแยกเขากับไอ้ตำรวจนั้นให้เร็วที่สุด แล้วเดี๋ยวชั้นจะพาเขาไปอยู่ที่เรือนหอของเรา แต่ถึงชั้นจะพาเขาไป เขาก็ต้องไถ่โทษที่ ทำร้ายจิตใจชั้นมานาน ชั้นจะสั่งสอนให้สาสม เขาจะได้ไม่กล้าทำร้ายจิตใจชั้นอีก มันจะต้องมีเจ็บตัวกันบ้าง ยิ่งเจ็บมากจะได้ยิ่งจดจำไว้มากๆ…..ตั้งแต่อ่านมา ยิ่งอ่านยิ่งโรคจิต ไม่น่าเชื่อว่าพี่ตั้มจะรู้จักกับผู้หญิงแบบนี้”
นี่มันบ้าไปแล้ว เขาบอกทุกอย่างกับผู้หญิงคนนั้น เธอเข้าข่ายโรคจิตเข้าไปทุกที “ตาล…พี่เปลี่ยนใจแล้ว บอกทางไปคอนโดหมอแพรวที” ตาลรีบจัดการบอกเส้นทางผมอย่างไม่อิดออด โชคดีที่คอนโดหมอแพรวอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไหร่ เมื่อมาถึง คอนโดที่ว่าเป็นเพียง service apartment  ธรรมดา  ผมไม่รอช้า รีบตรงไปยังห้องสำนักงาน ที่มีชายสูงอายุนั่งดูทีวีอยู่
“ขอโทษครับ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย” เเก่เพ่งตามองผมอยู่นาน
“ช่วยเรื่องอะไร”
“ผมจะขอตรวจค้นห้องพักห้อง xxx เพราะมีสายรายงานว่าเป็นที่กบดานของคนร้าย ไม่ทราบว่าคุณลุงพอที่จะช่วยเปิดห้องให้ผมได้มั้ย”
“ลื้ออย่ามาซี้ซั้วน่า หอพักอั๊วไม่มีคนแบบนั้นอยู่หรอก”
“แต่ถ้าผมตรวจสอบแล้วพบ ลุงก็จะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด และให้ที่พักพิงกับผู้ต้องสงสัย หลายกระทงนะครับ… “ แกเริ่มนิ่งขึ้น “แล้วที่ผมมาแค่สองคน เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงของ อพาร์ทเม้นลุงต้องเสีย ว่ายังไงครับ พร้อมให้ความร่วมมือหรือยัง” หวังว่ามันจะได้ผล
“บอกเลขห้องมา แล้วรีบไปจัดการให้เรียบร้อยเลย” ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ผล  ลุงแกยื่นกุญแจให้กับผม “อย่าทำอะไรเสียงดังจนทำให้ลูกบ้านอั๊วตกใจ เข้าใจมั้ย”
ผมไม่รอช้าที่จะรีบขึ้นไปให้ถึงห้องเร็วที่สุด การค้นหาเริ่มดำเนินขึ้น แต่ไม่น่าเชื่อ ว่าภายในห้องพักจะมีแต่รูปของหมอตั้มเต็มไปหมด แม้กระทั่งชุดที่หมอตั้มใส่ทำงาน “ตอนที่ตาลมา ตอนนั้นยังไม่มีอะไรแบบนี้เลยนะคะ”
“ก็คงไม่แปลกอะไรที่เขาจะไม่อยากให้คนอื่นรู้”
~~ชัชวิน…ชัชวิน~~ เสียงดังมากจากมือถือของผม “เดี๋ยวพี่จะปิดแทปเลตนี้ก่อน  แล้วทุกๆสิบนาทีพี่จะเปิดใหม่ ตอนนี้ แบตฯลดเหลือ 70 %แล้ว
“รับทราบครับพี่ …แต่ถ้าพี่เปิด…รบกวนโทรหาผมด้วยนะครับ” พอวางสายผมก็เริ่มทำการสำรวจต่อ ผมเริ่มจากโต๊ะทำงานของเธอ มีทุกอย่างคล้ายๆกันไม่ว่าจะที่ทำงานหรือห้องของเธอ
“พี่ชัชค่ะ…พี่ชัช”เสียงตาลดังออกมา เหมือนจะดังออกมาจากห้องนอน “พี่ชัช…ลองมาอ่านอะไรนี่สิคะ”มันคือ diary  ที่มีเขียนไว้ไม่กี่หน้า ส่วนที่เหลือมีแต่ดอกไม้ที่ถูกทับให้แห้ง “นี่มันดอกซากุระนี่คะ”
“ไม่ใช่…นี่มันดอกพญาเสือโคร่ง กับดอกกัลปพฤกษ์…”หมอแพรวมีอะไรฝังใจกับดอกไม้พวกนี้ ทำไมถึงมีมันอยู่ทุกที่ “ตาล พี่ว่าเรา ต้องช่วยกัน… หาว่า ต้นพญาเสือโคร่งมันมีปลูกที่ไหนบ้าง และจำในเมลที่ตาลอ่านได้มั้ย ว่าหมอแพรวลงทุนเก็บเงินซื้อบ้าน แปลว่า สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลายที่มีต้นไม้พวกนี้ ตัดทิ้งไปได้เลย”
“เดี๋ยวตาลลองหาดูนะคะ”ในตอนนั้นเราทั้งคู่ช่วยกันค้นหาถึงสถานที่ที่ต้นไม้ชนิดนี้ปลูกอยู่ แต่ก็พบว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซะส่วนใหญ่ ผมเลยให้ตาลจัดการสืบค้นต่อ ส่วนผมก็กลับมาสำรวจห้องหมอแพรวตามเดิม  จนเดินมาเห็นตู้ๆหนึงที่มีแม่กุญแจล็อกอยู่ 2 ตัว ถ้าล็อกมากขนาดนี้มันคงต้องมีอะไรให้ผมรู้บ้างแล้วล่ะ ผมเลยเดินออกมาที่โต๊ะทำงานของเขาเพื่อที่จะหาคลิปหนีบกระดาษมาเป็นอุปกรณ์ปลดล็อกกุญแจในครั้งนี้ แล้วมันก็ใช่ว่าจะหายากซะเมื่อไหร่  ผมเลยจัดการตามวิธีที่ผมได้พอรู้มา ก็ใช้เวลาสักพักเลยล่ะถึงจะสำเร็จ และก็เหมือนเป็นความโชคดีของผมด้วยแหละที่กุญแจที่ใช้เป็นกุญแจแบบรุ่นเก่า ถ้าเป็นแบบรุ่นปัจจุบันผมคงหมดปัญญาไปแล้ว พอเปิดออกมาได้ ในตู้ก็มีอัลบั้มรูปอยู่เต็มไปหมด เอกสาร รวมถึงข้าวของเงินทองของเธอ

~~~เสียงวีดีโอคอล~~~


“ชัชแกรีบดูซะ”เสียงของพี่วินพูดขึ้นมา “ภาพที่ผมเห็น ตอนนี่ตั้มกำลังโดนหมอแพรวเอาอะไรยัดเข้าปากไม่รู้ แต่หมอตั้มพยายามบ้วนออก และสิ่งที่ทำให้ผมยิ่งตกใจ หมอแพรวเหยียบเข้าไปที่แผลตรงเท้าของตั้ม น้ำตาของผมมันเอ่อคลอมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ทำไมตอนนี้ผมถึงยังช่วยอะไรตั้มไม่ได้ ผมพยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนี้น้ำตาของผมมันจะต้องรีบถูกเช็ดออก ผมจะเอาความอ่อนแอมาทำให้ผมหมดแรงไม่ได้ ผมเลยวางโทรศัพท์ แล้วกลับมาสนใจของที่อยู่ในตู้นั้นอีกครั้งหนึ่ง ผมหยิบอัลบั้มรูปกับเอกสารออกมา ในอัลบั้มก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญนักมีแต่รูปของหมอแพรวตอนไปเที่ยวกับรูปที่ดูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะพาเราเชื่อมโยงไปยังแหล่งกบดานเท่าไหร่ ผมเลยยกหน้าที่นี้ให้ตาลช่วยดู ส่วนเอกสาร ก็เป็นเอกสารการกู้ยืมต่างๆของธนาคาร
“ตาล…ตาลคิดว่าถ้าเรากลับไปที่ห้องทำงานของหมอแพรวอีกครั้ง เราจะได้อะไรมั้ย” หัวผมตื้อไปหมด
“ตาลก็ตอบพี่ไม่ได้ เพราะเมื่อวานเรารื้อค้นทุกอย่างหมดแล้ว…เว้นแต่…คอมพิวเตอร์” ใช่ คอมพิวเตอร์ ผมเลยออกไปที่โต๊ะทำงานข้างนอกอีกครั้ง แลปทอปเครื่องนี้ที่วางอยู่มันต้องมีอะไรบ้างแน่ๆ  ผมรีบกดเปิดเครื่องทันที ปรากฏว่าแลปทอปเครื่องนี้อยู่ในโหมด Hibernate งานทุกอย่างที่หมอแพรวทำไว้ปรากฏขึ้นมาหมด ผมเลยกดซ่อน tab ทั้งหมด เพื่อจะได้เห็นหน้าจอหลัก พอหน้าต่างสุดท้ายปิดลงสิ่งที่ผมเห็นบนหน้าจอก็คือ บ้านหลังโตหลังหนึ่งที่มีต้นพญาเสือโคร่งกับต้นกัลปพฤกษ์ล้อมรอบ
“พี่วินครับ…พี่วินอยู่มั้ย…”
“ว่าไงชัช มีอะไรให้พี่ช่วย”
“ผมรบกวนให้พี่ช่วยหาใครก็ได้ที่พอจะรู้เรื่องบ้านหรือที่ทาง ผมอยากทราบว่ามีที่ไหนบ้างที่สามารถปลูกบ้านแล้วปลูกต้นพญาเสือโคร่งกับต้นกัลปพฤกษ์ไว้รวมกันได้”
“มันจะมีหรอวะชัช ต้นไม้พวกนี้เขาไม่นิยมปลูกในบ้านกันเท่าไหร่”
“แต่ถ้ามีพื้นที่มากพอหรือเป็นโครงการที่หมู่บ้านๆนั้นๆจัดทำขึ้นมันก็ไม่แน่ใช่มั้ยพี่ ยังไงผมรบกวนพี่ทีนะ ถ้าได้เรื่องยังไงรีบบอกผมด่วนเลยนะพี่”

ผมก็รีบถ่ายภาพบ้านหลังนั้นเก็บเอาไว้เหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้มันจะทำให้ผมใกล้ความจริงหรือไกลจากความจริงก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้จะมานั่งคิดวิกตกอะไรมันก็คงไม่เป็นผล ผมก็เปิดดูไฟล์แทบทุกแฟ้มที่มีอยู่ แต่ก็เหมือนคว้าได้แต่ลม มันยิ่งทำให้ผมมองหาทางที่จะสืบต่อไปแทบจะไม่เจอ
“ทำอะไรตาล” เห็นเธอเดินถ่ายรูปไปทั่ว
“ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ค่ะ เผื่อเอาไปใช้อะไรทีหลังได้”เธอก็ดูมีทักษะดีไม่เบา เก็บเล็กเก็บน้อยในส่วนที่ผมมองข้ามไป
“เดี๋ยวพี่ว่าพี่จะกลับไปโรงพยาบาล ตาลจะไปด้วยกันรึเปล่า?”
“คงไม่ดีกว่าค่ะ …ตาลว่าตาลจะไปหาเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ดู เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรที่พี่ชัชอยากรู้บ้าง พอดีตาลได้ยินที่พี่คุยน่ะค่ะ”
“งั้นบอกทางพี่มาเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ชัช ตาลไม่อยากให้พี่เหนื่อย แค่นี้มันก็แย่พอสำหรับพี่แล้ว”
เราทั้งคู่ก็ต่างช่วยกันเก็บของที่รื้อออกมากลับเข้าที่ ก่อนที่เราจะออกกันมา แต่ผมก็ไม่ได้ล็อคห้องของเธอเอาไว้หรอก เผื่อบางทีผมอาจจะต้องกลับมา และสุดท้ายตาลก็ให้ผมส่งเธอแค่ที่หน้าปากซอย ก่อนที่จะโบกเรียกแท๊กซี่ขึ้นต่อไป ตอนนี้ก็เหลือเพียงแต่ผม ผมที่ดูไร้สติและความสามารถไปถนัดตา มันทรมาน ทรมานจนพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ผมแม่งโคตรเฮงซวยเลย


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นางโหดแท้  เป็นหมอได้ไงเนี่ย

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นางเป็นบ้าไปแล้ว โรคจิตมาก :m31:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
แพรวร้ายมากหมอตั้มเป็นยังไงบ้างแล้วนะบีบหัวใจมากเลยอ่ะ​ สงสารหมอตั้มโดนตัดเอ็นแบบนั้นจะพิการมั้ยคะ​ หมวดชัชขอให้เจอทางช่วยหมอตั้มเร็วๆนะคะสงสารหมอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-09-2019 16:16:31 โดย naruxiah »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของตั้ม
เรี่ยวแรงของผมมันเริ่มหมดไปทุกทีๆแม้แต่แค่จะลืมตา ผมยังทำไม่ได้เลย ตอนนี้…ในห้อง มีแต่กลิ่นคาวเลือดของผมที่ไหลอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ใช่ว่าจะเจอแต่โชคร้ายซะทีเดียว เลือดจากบาดแผลของผมตอนนี้ มันเริ่มออกน้อยลงกว่าตอนแรกแล้ว แต่อีกไม่นานถ้าเธอยังไม่เห็นใจผม ผมอาจจะต้องนอนตายอยู่ตรงนี้ก็ได้ แต่ดูเธอคงจะอ่านความคิดของผมได้ เธอเดินมาหยุดตรงหน้าผม ก่อนที่จะลงมือเอาผ้าในมือพันแผลที่เท้า
“รู้รึเปล่า…ว่าตอนที่แพรวตัดเอ็นร้อยหวายของตั้ม ไอ้ตำรวจปากกล้าแฟนของตั้ม มันคงได้เห็นความทรมานและความสะใจของแพรวไปพร้อมๆกัน แพรวสะใจมากเลยรู้มั้ย”
“แพรว…พูด…อะไร”
“ตั้มลองมองสิ” เธอชี้ให้ดูที่มุมห้องทั้งสองฝั่ง “มันออนไลน์สดๆเลยล่ะ ชมฟรี…ไม่ต้องเสียค่าบัตร 555” เสียงของแพรวมันเย็นยะเยือก ดูไร้ความรู้สึกไปแล้ว “แต่ก็ไม่รู้นะว่า ว่าแทปเลตที่แพรวส่งไปให้ จะแบตหมดก่อน หรือว่า ตั้ม…จะตายซะก่อน 555” ตอนนี้ผมคงเป็นแค่เครื่องระบายอารมณ์ของเธอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอโยนเศษผ้าที่เหลือใส่หน้าผม
“นี่คือคนที่รักกัน มอบให้กัน…ใช่มั้ย” เธอนิ่ง “นี่แพรวคนที่ตั้มรู้จัก…ใช่มั้ย” ผมใช้เสียงเท่าที่ผมจะมี เธอหันหลังกลับมา นี่งลงข้างหน้าผมอีกครั้ง
“รักหรอ…ตั้มมองเห็นสิ่งนั้นในตัวแพรวด้วยหรอ…เป็นสิบปีที่แพรวพยายามทำให้ตั้มเห็น แต่ตั้มกลับมองข้าม” เธอดึงหัวของผมขึ้นมา “แต่กลับไปรักกับไอ้ตำรวจนั้น ตั้มทำร้ายแพรวมาก”น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้างจนน่ากลัว
“แพรวไม่ได้รักตั้มหรอก…เปล่าเลย…เพราะความรักที่ตั้มรู้จัก มันไม่ทำให้ใครต้องเป็นแบบนี้”
“โลกสวยมันใช้ในชีวิตจริงไม่ได้หรอกตั้ม…ความจริงมันโหดร้าย”
“แต่มันก็มาจากตัวเราทั้งนั้น....และตั้มว่า ชีวิตนี้ แพรวจะไม่เหลือใคร ถ้าไม่ติดคุกจนตาย.....ก็ถูกฆ่าจนตาย”เธอดึงหัวผมแรงยิ่งขึ้น
“แต่แพรวว่า ตั้ม…ไม่ได้เห็นแพรวตายหรอก จริงมั้ย” เธอผลักหัวผมลง “ความระทึกยังเหลือให้ตั้มอีกเยอะ เตรียมตัวไว้” แล้วเธอก็เดินออกไป ผมไม่ได้ตั้งใจยั่วโมโหเธอหรอก แต่ผมแค่อยากให้เธอเข้าใจ เข้าใจว่าความรักที่เธอมีมันไม่ใช่ความหมายแบบที่เธอคิดแบบนี้ แต่เรื่องทั้งหมด มันอาจจะเกิดมาจากผมคนเดียวก็ได้


พาร์ทของชัช

ผมมาถึงโรงพยาบาลก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ตอนนี้ที่พึ่งของผมเพียงคนเดียวก็คือ ปวีณ เพราะมันคือคนเดียว ที่รู้ว่าอะไรคืออะไร
“เป็นไงไอ้ชัช สบายดีป่ะวะ ไม่แวะมาหากูเลย” ผมได้แต่มองหน้า ตอนนี้มันจุกอกผมไปหมด ไม่รู้จะพูดยังไง
“ฟ้า…ฟ้าลงไปซื้อเครื่องดื่มมาหน่อยสิ มันมาทั้งทีต้องเลี้ยงอะไรมันหน่อย”มันคงดูออก “เกิดไรขึ้นวะ…”
“ตั้ม ถูกหมอแพรวจับตัวไป ตอนนี้สาหัส”
“สาหัส….แปลว่า…มึงรู้ว่าอยู่ที่ไหน หรือว่า…”
“ไม่….หมอแพรว ส่งสัญญาณภาพมาทางแทปเลตที่ส่งมาให้กู….กู พยายามทุกอย่างแล้วเว้ย แต่กูไม่รู้ว่าตั้มอยู่ที่ไหน”ผมนั่งลงข้างๆมัน ผมกำลังจะเก็บมันไว้ไม่อยู่
“ใจเย็นๆเว้ย…แล้วจากภาพที่มึงเห็น มันบอกอะไรเกี่ยวกับสถานที่ที่หมอตั้มอยู่ป่ะวะ”
“ไม่…เป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา มองไม่เห็นบรรยากาศข้างนอกด้วยซ้ำ…แต่..มันมีเบาะแสอยู่อย่างนึง กูพึ่งไปค้นห้องพักของหมอแพรวมา กูเจอภาพบ้านของเขา ที่มีต้นนางพญาเสือโคร่งกับกัลปพฤกษ์ล้อมรอบไปหมด แต่กูพยายามหาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน”
“มึงคิดว่า มันเป็นหมู่บ้าน หรือบ้านพักตากอากาศทั่วไป”
“กูว่ามันน่าจะเป็นหมู่บ้าน”
“งั้นมึงรอแปป” มันเอื้อมไปหยิบมือถือบนโต๊ะข้างเตียง แล้วกดโทรหาใครคนหนึ่ง “ไอ้กร กูปวีณนะ” มันเปิดลำโพง “กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยหน่อย มึงลองสอบถามหรือค้นหาได้ป่ะวะ ว่าหมู่บ้านไหนที่ตกแต่งหมู่บ้านด้วยต้นนางพญาเสือโคร่งกับกัลปพฤกษ์บ้าง”
“โห มึงไม่เคยมีงานง่ายๆมาให้กูเลย เเล้วกูจะรู้มั้ยวะเนี้ย”
“มึงก็ลองจำกัดขอบเขตดูดิ…ไม่มึงก็ถามในวงการมึงก็ได้ มันไม่น่ายากป่ะวะ”
“แค่พูดมันง่ายไงมึง…เออ กูจะถามให้ แต่กูก็ไม่เคยได้ยินโครงการแบบนี้ป่ะวะ..ถ้าแม่งมีจริง กูว่าคงเเพงเหี้ยเลย”
“ช่างแม่งเหอะจะราคาเท่าไหร่ก็ แต่กูขอแค่ได้ข้อมูลเร็วที่สุด ภายใน 1 ชม ได้เลยยิ่งดี
“เป็นเพื่อนมึงนี่…ต้องมีพลังวิเศษทุกคนป่ะวะ
“กูฝากด้วย” มันกดวางสายทันที “มันทำงานอยู่ Real Estate ยักษ์ใหญ่พอสมควร กูว่า…ไม่น่าพลาด”
~~เสียงวีดีโอคอล~~
 แต่คราวนี้พี่กวิณไม่พูดอะไร แต่กลับให้ดูภาพออนไลน์ทันที ภาพที่เห็น หมอแพรวกำลังตักข้าวยัดใส่ปากของตั้มอย่างไม่ปรานีปราสัย แถมยังกรอกน้ำใส่ปากจนหมอตั้มสำลัก ผมยื่นโทรศัพท์ให้ปวีณดู เพราะตัวผมเองก็ทนเห็นภาพแบบนี้ไม่ไหว ไอ้ปวีณก็คงไม่ต่างกัน มันวางโทรศัพท์ผมแล้วหยิบโทรศัพท์มันขึ้นมากดโทรทันที
“ไอ้กร…มึงได้คำตอบยังวะ ทำไมมันช้านักอ่ะ” มันดูโมโห “คือกูต้องการเดี๋ยวนี้เว้ย แฟนเพื่อนกูกำลังแย่มึงเข้าใจป่ะวะ”
~~~เสียงโทรศัพท์ผม~~
“ว่าไงตาล”
“เพื่อนตาลพอทราบแล้วว่าที่ที่เราเห็นคือที่ไหน แต่ไม่คอนเฟิร์มนะคะ เป็นหมู่บ้านหรูในเขาใหญ่ ชื่อว่า civilai hill khao yai เดี๋ยวตาลจะส่งแผนที่ไปให้”
“ไม่เป็นไรตาล เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง”ผมรีบวางสาย “ไอ้วีณ ถ้าเพื่อนมึงโทรมาบอกชื่อหมู่บ้านเมื่อไหร่ รีบโทรบอกกูทันที” ผมก็รีบวิ่งออกไป สวนกับภรรยาของไอ้วีณพอดี แต่ผมก็ไม่ได้ร่ำลาอะไร ผมรีบค้นหาที่อยู่ในอินเทอร์เนต ถึงสถานที่ที่ตาลได้บอกไว้ ก่อนที่จะรีบเหยียบคันเร่งออกไป ในเวลานั้นผมพยายามหาทางไปให้ได้เร็วที่สุด ถูกผิดผมไม่สนใจแล้ว หลังจากที่ผมหลุดจากการจราจรและพาตัวเองขึ้นทางด่วนได้ ตอนนั้นผมเหยียบไม่คิดชีวิต เพราะถ้าให้ผมไปเจ็บแทนเขามันคงจะดีกว่าการที่ผมต้องมาทนเห็นคนที่ผมรักเจ็บปวดมากขนาดนี้ ยิ่งตอนนี้ผมรู้ว่าจุดหมายคือที่ไหน มันยิ่งทำให้ผมใจร้อน และระงับตัวเองไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น

…………………………………

~~เสียงโทรศัพท์ผม~~
“เออไอ้ชัช ได้ชื่อหมู่บ้านแล้วเว้ย ชื่อว่า Civilai Hill Khao Yai”
“ขอบใจที่ช่วยกูยืนยัน” แล้วผมก็ตัดสายมันไป  ตอนนี้ผมขับมาถึงสหกรณ์โคนมปากช่องแล้ว อีกเพียงแค่ไม่ไกล
~~เสียงโทรศัพท์~~ “พี่กวิณ”
“ว่าไงครับพี่”
“พี่ว่า…แกคงรู้แล้วว่าคนร้ายกบดานอยู่ที่ไหน…ปวีณโทรบอกพี่แล้ว แล้วมันก็ตรงกับที่พี่ให้เจ้าหน้าที่ช่วยค้นหาให้”
“ครับพี่…ขอบคุณพี่มากนะครับ”
“พี่กำลังติดต่อ ทางสภ.หมูสี เพื่อขอกำลังเสริมให้ แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย…แล้ว มีอีกเรื่องที่แกควรรู้ บ้านเลขที่ของหมอแพรวในหมู่บ้านนั้น…หวังว่า คงไม่ช้าเกินไป” พี่วินบอกบ้านเลขที่กับผมก่อนตัดสายไป คุณเจอผมแน่ หมอแพรว
ผมขับรถมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านอย่างที่ได้รับข้อมูลมา และมันก็มีต้นพญาเสือโคร่งอยู่เต็มไปหมดจริงๆ ผมติดต่อกับ รปภ.หน้าหมู่บ้านให้ดูปกติมากที่สุด ก่อนที่จะจัดการเเลกบัตรและปล่อยผมเข้าไป จากปากทางเข้าหมู่บ้าน บ้านของเธออยู่ท้ายสุดของโครงการ ผมจอดอยู่ห่างจากบ้านของเธอมาสองหลัง จากการดูลาดราวไม่มีอะไรเคลื่อนไหวตั้งแต่ผมจับตามอง ผมตัดสินใจลงไปพร้อมกับปืนที่เหน็บไว้ข้างหลัง  และตลอดตัวบ้านที่เป็นกระจก ก็ถูกปิดบังด้วยม่านสีน้ำตาลไปตลอดทั้งหลัง ทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ทางเข้าบ้านที่ผมเห็นมีสองทาง ทางแรกต้องเข้าผ่านทางประตูกระจก และทางที่ 2 ทางประตูรั้วไม้อีกฝั่งซึ่งน่าจะดัดแปลงจากระแนงไม้กันเเดด ผมตัดสินใจเดินเลี่ยงไปทางประตูไม้ ซึ่งผมเดาไม่ได้เลยว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไร อยู่ หรือไม่อยู่ภายในบ้าน และประตูรั้วไม้ที่ว่า กลับไม่ได้มีกุญแจหรือการล็อกรักษาความปลอดภัยใดๆ พอเปิดเข้ามาก็พบกับบานเลื่อนกระจกอีกชั้น ซึ่งห้องภายในเป็นห้องครัว พอเข้ามาด้านใน ตอนนี้ในบ้านทั้งหลังแทบไม่มีการเปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ แม้กระทั่งพัดลมระบายอากาศ ผมพยายามเดินลงเท้าให้เบาที่สุด
“คิดว่าแพรวไม่รู้หรอค่ะ ว่าคุณจะเข้ามา”เธอเอาปืนมาจ่อที่หัวและหลังผม หลังจากที่เดินออกจากห้องครัว “อย่าประมาทสิคะ ผู้หมวด...ค่อยๆวางปืนลงช้าๆแล้วยกมือไว้”ตอนนี้ผมทำได้แค่ตามที่เธอสั่ง “แล้วเดินตรงไปข้างหน้า” เธอใช้ปืนดันผมให้เดินไปเรื่อยๆ ผ่านห้องรับแขก จนมาจบลงที่ห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอน เธอให้ผมเป็นคนเลื่อนเปิดประตู  แล้วหลังจากนั้น ภาพผมก็ตัดหายไปดื้อๆ
“ทำไมสลบไปนานจังล่ะคะคุณตำรวจ นี่ขนาดฉีดยาสลบแบบอ่อนๆให้นะ” ประโยคแรกที่ผมได้ยินหลังจากลืมตาขึ้นมา  ตอนนี้ร่างกายของผมถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ “ทำไมดูนิ่งจังเลยล่ะคะ ไม่เห็นพยายามเหมือนกับคนรักคุณที่นอนอยู่ตรงนั้นเลย” ผมรีบมองไปตามที่เธอบอก ในความมืดนั้น ผมเห็นผู้ชายที่นอนแน่นิ่งอยู่ ต้องใช่ตั้มแน่ๆ แต่ผมก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์เอาไว้
“เขา…ตายรึยัง”
“เสียงสั่นเชียวนะคะ” แต่ผมคงเก็บอาการได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก “คุณอยากรู้มั้ยละ…เดี๋ยวชั้น…จะไปทดสอบให้” เธอค่อยๆเดินไปหาตั้มที่นอนอยู่ข้างหน้าผม ก่อนที่เธอจะใช้เท้าเหยียบลงไปที่แผลของตั้มอย่างเต็มแรง
“โอ๊ย!!!! ผมเจ็บ …ผมเจ็บ….แพรว!!!!!”เสียงร้องของตั้มที่ฟังดูก็รู้แล้วว่าแย่ลงทุกที
“หยุดคุณแพรว”แต่เธอก็ยังคงเหยียบบี้อยู่อย่างนั้น “ผมบอกให้หยุดไงเล่า…หยุดดดดดดดด!!!!!!!!!”ผมพยายามดิ้นเพื่อให้เชือกที่มัดไว้หยุด ถึงแม้จะรู้ว่าไม่เป็นผล
“เจ็บปวดหรอคะ ผู้หมวด…อ่อนไหวจังเลยนะคะ”เธอก็ยังคงเหยียบอยู่แบบนั้น เสียงร้องด้วยความทรมานของตั้ม มันแทบจะทำให้ผมคลั่งจนจะเป็นบ้า
“หยุดเถอะ….ผมขอร้อง….ผมยอมแล้วคุณแพรว”ผมหมดหนทาง
“ทำไมต้องยอมล่ะคะ แพรวแค่มาทำให้คุณรู้ว่า ตั้มยังไม่ตาย....คุณต้องขอบคุณแพรวสิถึงจะถูก” เสียงหัวเราะของเธอยิ่งกว่าแม่มดที่อยู่ตามนิทานของเด็กซะอีก ยังดี…ที่เธอยังหยุดที่จะทำร้ายตั้มต่อ “เรื่องสนุกมันยังไม่หมดแค่นี้หรอก…ยังมีอะไรให้คุณสนุก…อีกเยอะเลย” แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป
“ผมพยายามขยับตัวไปหาตั้มที่นอนอยู่ไม่ไกลจากผม  เสียงร้องที่เขาเรียกชื่อผมมันแผ่วเบาจนน่าเป็นกังวล
“เป็นยังไงบ้างคุณ ยังพอทนไหวอยู่มั้ย” เขาได้แต่พยักหน้า ขนาดแค่นี้ก็ยังจะไม่มีแรงอยู่แล้ว “ มีมีดอยู่ในรองเท้าข้างซ้าย…คุณช่วยผมที” ผมกระซิบบอก ก่อนที่จะพยายามหันขาไปให้ตรงกับมือของตั้มที่ถูกมัดอยู่ด้านหลัง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่ผมคิด ทุลักทุเลพอสมควร ผมพยายามทำให้ตั้มหยิบมันได้สะดวกที่สุด  จากที่ผมเห็นเขาพยายามใช้แรงทั้งหมดที่เขามี จนในที่สุดเขาก็หยิบมันออกมาจนได้ “ขอบคุณมากตั้ม” ผมไม่รอช้า ที่จะขยับตัวเองกลับไปยังจุดเดิมให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย เหมือนโชคเข้าข้างที่หมอแพรวยังไม่เดินเข้ามา ผมจึงรีบใช้มีดที่พกมาค่อยๆตัดเชือกที่มัดอยู่ออก แต่มันไม่ได้ง่ายเลย ทั้งมุมและการจับมีด มันยิ่งทำให้ยากขึ้นทวีคูณ แต่ยังไงผมก็ต้องพยายาม แต่หูผมในเวลานั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าหมอแพรวกำลังเดินมา ผมเลยต้องรีบพับมีด และยัดเข้าไปในกางเกงของผม และเธอก็เดินเข้ามาจริงๆ เธอเดินถือกล่องข้าวมาวางตรงหน้าหมอตั้ม
“ถ้าตั้มไม่กินเอง…เดี๋ยวแพรวจะมาป้อนให้เหมือนเดิม”แล้วเธอก็เดินมาหาผม “ส่วนแก…แค่นั่งมองตั้มกิน…ก็พอแล้ว” เธอมองหน้าผม
“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร เพื่อความสะใจ เพื่อแก้เเค้น หรือแค่สนองตัณหาฆาตกรในตัวคุณ”เธอนั่งเงียบจ้องหน้าผมเขม็ง “สิ่งที่คุณทำเอง คุณกลับโทษคนอื่นว่าเขาเป็นต้นเหตุ แต่คุณกลับไม่โทษตัวคุณเองเลยสักอย่าง ความอยากได้อยากมีของคุณ มันทำร้ายคนอื่นมามากแค่ไหน ผมว่าคุณน่าจะรู้”
“ไอ้ชัช”เธอกระชากหัวผมอย่างแรง”คุณเถียงสิ ว่าสิ่งที่ผมพูดมันไม่จริง คนที่เขาไม่รู้เรื่อง รู้อดีตกับคุณ กลับต้องมาสังเวยชีวิตเพราะผู้หญิงที่ความคิดจิตใจต่ำแบบคุณ” เธอเอาปืนที่เธอถืออยู่จอหัวผมด้วยความโมโห “ยิ่งสิ….อย่าเก่งแต่จ่อ คนอย่างคุณน่ะ มันสวะ กากเดนสังคม” เธอกรี๊ดลั่น พร้อมเหนี่ยวไกปืนที่มือเธอ
“อย่าให้ชั้นหมดความอดทน….”
“ยิงเลย”ผมดันหัวเข้าหาปืนเธอ “ยิงดิ ทำไมไม่ยิง ยิงงงง”ผมเสียงดังใส่เธออย่างกับคนบ้า แต่เธอกลับตบหน้าผมด้วยปืน “เห็นมั้ย คุณมันก็พวกขี้ขลาด…ถุย” ผมถ่มเลือดที่กลบอยู่ที่ปากใส่หน้าเธอ เธอไม่ตอบโต้อะไรแต่รีบเดินออกไปทันที ผมรีบใช้เวลานั้นหยิบมีดแล้วรีบตัดเชือกทันที
“คุณยั่วให้เธอโกรธทำไม”ตั้มถามขึ้น
“ผมอยากให้เธอคายความจริงออกมาไง เห็นมั้ยล่ะ ยิ่งผมจี้ เธอยิ่งลน” และในที่สุดเชือกที่มัดมือผมก็ขาด ผมรีบแก้เชือกที่เท้าออกทันที เหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้ ผมต้องรีบช่วยตั้มให้ได้เร็วที่สุด ผมรีบคลายเชือกที่มือตั้มให้หลวมที่สุด เพื่อที่เขาจะสามารถเอาออกได้เอง ผมไม่อยากให้ตั้มต้องเจ็บตัวอีก
“คุณเก็บปืนนี้ไว้”ผมหยิบปืนอีกอันที่ซ่อนไว้ที่เท้าข้างขวา “ถ้าผมควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ มีแต่คุณเท่านั้น”ผมรีบยัดปืนไว้ที่มือข้างขวาของเขา เพราะมันเป็นมุมอับที่แพรวจะไม่สังเกตุ
~~~เสียงโทรศัพท์ผม~~~

 มันมาดังบ้าอะไรตอนนี้ ผมรีบกดปิดเสียงโทรศัพท์ และต้องจัดการเธอให้ได้ไวที่สุด ผมไปยืนรอดักเธออยู่ตรงทางเข้าประตู แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด เธอได้ยินเสียงจริง จังหวะที่เธอเปิดประตูเข้ามา ผมจึงรีบเข้าชาร์จ ล็อคคอเธอเอาไว้ พร้อมกับบิดข้อมือเพื่อให้ปืนในมือนั้นล่วงลง
“อ๊ากกกกกกกกกกกก” เธอใช้มืออีกข้างหยิบมีดในกระเป๋าแล้วแทงมาที่ต้นขาของผม 2 ครั้ง เธอบิดมีดเล่มนั้น จนทำให้การควบคุมที่ผมเอาอยู่ตั้งแต่แรกต้องพังลง ไร้เรี่ยวแรงไปดื้อๆ แถมเธอถีบผมซ้ำ ก่อนจะรีบวิ่งไปคว้าปืนที่อยู่ไม่ห่างจากเธอ แต่ผมคว้าขาเธอไว้ได้ เธอพยายามถีบผมเท่าที่เเรงของเธอจะทำได้ ก่อนที่ดอกสุดท้ายมันจะพุ่งมาที่หน้าของผม
“แกคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ”เธอคว้าปืนได้ และใช้ปืนไล่ให้ผมไปอยู่รวมกับหมอตั้ม “ชั้นคิดไว้อยู่แล้ว ว่ามันจะต้องมีแบบนี้…ขยับไปเร็วๆ”เธอตวาดใส่ผม ตอนนี้มันกลายเป็นความลำบาก มีดที่ปักคาขาของผม มันทำให้ผมทำอะไรไม่สะดวกเอาซะเลย ผมพยายามขยับตัวเองตามที่เธอสั่งจนมานั่งอยู่ข้างๆหมอตั้ม และผมก็ตัดสินใจ ดึงมีดออกจากขาของผม
“อ๊ากกกกกกกก”
“ใจกล้าดีนี่ เข้มแข็ง อดทน สมเป็นตำรวจ” แต่ตอนนี้เลือดของผมมันไหลไม่หยุด และมันก็ยิ่งทำให้ขาของผมพาลไม่มีแรงไปด้วย
“แล้วคุณจะทำไงต่อ ฆ่าพวกผม…งั้นหรอ”ผมพยายามปั่นหัวเธออีกครั้ง
“ก็ถ้าแกยัง ก่อเรื่องไม่เลิก…มันได้อยู่ในหัวแกแน่” ท่าทางเธอจะโมโหผมเอามาก และตอนนี้ในหัวผมก็เหลือแค่วิธีสุดท้าย ที่ต้องให้หมอตั้มร่วมกับผมด้วย
“คุณดูหมอตั้ม…ตอนนี้…เขาแย่เพราะคุณแค่ไหน”ผมมองหน้าเขา และใช้สายตาของผมชี้ไปที่ปืนที่วางอยู่ข้างตัวของเขา “ถ้าเขาตาย คุณจะเหลือใครให้รัก”ผมหวังว่าเขาจะเข้าใจที่ผมกำลังสื่อ ผมพยายามพยุงตัวของเขาขึ้น ด้วยแรงที่ผมมี ถึงแม้มันจะลำบากมากก็ตาม “คุณเห็นใช่มั้ย แค่เขาจะยืน จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เขายังทำไม่ได้” ตอนนี้เขาสามารถพยุงให้ตัวเองขึ้นมากอดคอผมได้ และเขาก็รู้ในสิ่งที่ผมสื่อสารออกไป เขาหยิบปืนที่ผมวางไว้ ไปเหน็บไว้ที่หลังของเขา แต่…ตั้มกำลังร้องไห้ ผมเลยกอดเขาให้แน่น “ คุณทำให้เขาต้องตายทั้งเป็น”
“คิดว่าคำพูดแค่นี้ มันจะทำให้ชั้นสำนึกผิดว่างั้น..หมวดชัช…มันไม่ได้กินใจอะไรขนาดนั้น”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะสำนึกหรอก แค่ผม…อยากให้คุณพูดอะไรก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้พูด” ผมควักปืนแล้วยิงไปที่หมอแพรวทันที กระสุนไปถูกที่ท้องจนเธอล้มลงไป ผมยิงซ้ำไปอีกหนึงนัดในตอนที่ผมกำลังจะล้ม แต่เธอมีสติกลับยิงสวนกลับมา กระสุนฝังเขาไปที่เเขนของผม ส่วนเธอ กระสุนไปโดนเข้าที่ต้นขา ตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะต่อกรอะไรได้อีก บาดแผลที่เธอโดนยิงตอนนี้มีเลือดซึมออกมาจำนวนมาก เธอได้แต่ร้องตกใจ ส่วนหมอตั้ม เขายังปลอดภัยดี ถึงแม้เราทั้งคู่จะล้มระเนระนาดก็เถอะ ยังดีที่ตัวผมยังเป็นเบาะรองรับแรงกระแทกให้เขาได้ ผมค่อยพยุงหมอตั้มออกจากตัว ก่อนที่จะฝืนตัวเองลุกขึ้นเพื่อจะไปหาหมอแพรวที่นอนเจ็บอยู่ข้างหน้า ผมรีบคว้าปืนที่วางอยู่ข้างๆเธอ แล้วจ่อกลับไป กันเธอคิดจะพลิกเกมส์อีก
“จะฆ่าชั้นให้ตายเลยก็ได้นะ ชั้นไม่กลัว” เธอยังทำหน้าเยาะเย้ยใส่ผมได้
“ไม่อ่ะ อย่างคุณ ต้องไปทรมานต่อในคุก มันน่าจะเหมาะสมกว่า...แต่ถ้าผมไม่ได้เป็นตำรวจ ผมเจาะสมองคุณไปนานแล้ว…คนอย่างคุณ ไม่ควรได้รับแม้กระทั่งโอกาส และผม...ก็ไม่อยากให้แฟนผมต้องมาเห็นอะไรที่มันทุเรศสายตา”
“งั้นก็…” ผมไม่อยากได้ยินอะไรจากปากของเธออีกแล้ว ผมตัดสินใจตบหน้าของเธอด้วยปืนอย่างเต็มแรงของผม ผมก็แค่อยากให้เธอสลบ ไม่ลุกขึ้นมาก่อเรื่องอะไรได้อีก ก่อนที่จะมัดแขนมัดขาเธอเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้ทำ มันคงจะถูกบันทึกไปด้วยกล้องที่เธอได้ติดตั้งเอาไว้
ตอนนี้คนที่ผมห่วงที่สุดได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของผมแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้เรี่ยวแรงมันหายไปไหน แต่ผมจะรออยู่แบบนี้ไม่ได้
“คุณไม่ไหวหรอกชัช เลือดเต็มตัวคุณไปหมดแบบนี้..”ยังจะมาห่วงคนอื่นอีก
“แค่นี้สบาย...คุณนั้นล่ะต้องอดทน”ผมรวบรวมกำลังเท่าที่ผมจะทำได้อีกครั้ง เพื่อที่จะอุ้มตั้มขึ้นอีกครั้ง ขาผมไม่สู้ แต่ใจผมสู้ ถึงมันจะเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม พอโผล่พ้นประตูออกมา มันทำให้ผมเห็นว่าร่างกายของตั้มมันซีดขาวอ่อนแอมากแค่ไหน แม้กระทั่งแรงที่จะพูดกับผมหรือหรือตาแทบจะยังทำไม่ได้ ผมพยายามก้าวให้ไวที่สุด เมื่อพาตั้มเข้าไปในรถได้ ตัวผมเองก็ใช้ว่าจะไหว ตามันพร่ามัวไปหมด แต่ผมต้องพาตั้มไปถึงโรงพยาบาลก่อนให้ได้ ผมพยายามตั้งสติ เปิดgps เพื่อค้นหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เมื่อสถานที่ปรากฏ เท้าผมมันก็เหยียบคันเร่งไปโดยที่ผมแทบจะไม่ต้องบังคับอะไร
ผมขับรถด้วยความเร็วที่ผมคิดว่ามันจะไม่เป็นอันตรายทั้งผมและเขา แต่ยิ่งผมรีบมันก็ยิ่งช้า ผมรู้ตัวเองว่าสภาพร่างกายมันไม่พร้อม แต่ผมก็ปล่อยให้แฟนผมเป็นอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้
เวลาเกือบ 40 นาที กว่าที่ผมจะมาถึงโรงพยาบาล
“ช่วยผมด้วยครับ มีคนบาดเจ็บอยู่ในรถ”ผมเปิดกระจกตะโกนบอกเหล่าบุรุษพยาบาลที่ยืนอยู่บริเวณนั้น แต่ทำไม ภาพที่ผมเห็นมันซ้อนทับกันไปหมด ผมยังล้มตอนนี้ไม่ได้ ตั้มถูกหามขึ้นเตียงไปแล้ว เขากำลังจะปลอดภัยใช่มั้ย……

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เฮ้อออ​ อย่างน้อยก็ช่วยหมอตั้มออกมาได้แล้ว​ ไม่รู้​พี่ชัชเราจะยังไงแต่อยู่หน้าโรงพยาบาล​แล้ว​ ต้องปลอดภัย​ทั้งคู่ หวังว่าหมอแพรวมันจะไม่รอดมาทำร้ายใครได้อีกนะคะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมตะหงิดว่ายัยหมอแพรวยังไม่หมดฤทธิ

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กำลังเสริมจากสนในพื้นที่ไม่ต้องทำอะไรเลยจ้าาา มาช้ามากกก พระเอกกะนายเอกจะตายอยู่แล้วถุงกับต้องขับรถไปรพเอง
 :katai2-1:

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของตั้ม
“พี่ตั้ม…พี่ตั้มได้ยินตาลมั้ยคะ”เสียงที่รู้สึกคุ้นเคย ดังก้องเข้ามาในหูของผม แสงสว่างที่แยงเข้าตาผมมันยิ่งทำให้ผมลืมตาแทบจะไม่ขึ้น
“ได้ยินแล้ว” เสียงแสบแก้วหูชะมัดน้องผม “ขอน้ำให้พี่หน่อย” ทำไมคอผมแห้งได้ขนาดนี้ ขนาดกลืนน้ำลายยังรู้สึกเจ็บ แต่…พอได้ดื่มก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลย
“เป็นยังไงบ้างพี่ตั้ม ยังเจ็บ ยังปวดตรงไหนอยู่มั้ย ”
“ก็มีที่ขานั้นแหละ…แต่ยังไหว” แต่ก็ไม่รู้จะไหวได้นานแค่ไหนเหมือนกัน ทั้งความรู้สึก และรอยยิ้ม “แล้ว..ชัชล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็คงโอเคแล้วมั้งคะ เมื่อกี้ เขายังเข้ามาหาพี่อยู่เลย”
“มาหาพี่หรอ…”
“ค่ะ…ก่อนพี่จะตื่นได้แปปเดียวเอง เขามาหาพี่แทบจะทุกชั่วโมง ตั้งแต่ตัวพี่เขาฟื้นขึ้นมา” ขนาดเขาก็เจ็บไม่ต่างจากผม ยังพยายามเข้ามาหาผมตลอดอีก “งั้นเดี๋ยวตาลมานะคะ” ผมไม่ใช่คนป่วยที่ตื่นมาแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ถึงแม้ผมจะพยายามไม่คิดอะไร แต่สุดท้ายมันก็อดไม่ได้ ผมจะกลายเป็นคนที่เดินไม่ได้ ทำงานที่ตัวเองรักไม่ได้ แล้วชีวิตผมจะยังเป็นชีวิตผมคนเดิมได้อีกมั้ย
~~ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ~~
 “เข็นมาส่งแล้วค่ะ” น้องตัวดีคนนี้รู้งานดีเหมือนกัน” งั้นยังไงเดี๋ยวตาลฝากดูพี่ตั้มก่อนนะคะ เดี๋ยวขอไปหาอะไรทานก่อน หิวมากกกกกก”
“น้องคุณเป็นนินจารึเปล่า มาไวไปไว”ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน “เป็นยังไงบ้างคุณ ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่า”
“ก็มีอยู่บ้าง ไม่เจ็บเท่าก่อนหน้าแล้ว” ผมจับมือเขา “แล้วคุณล่ะ เจ็บมากรึเปล่า”
“ก็ยังระบมน่ะ แต่ทนไหว”เขาบีบมือผมแน่น “ผมน่ะห่วงคุณมากกว่า หลับไปตั้ง 2 วันขนาดนั้น”
“จริงหรอคุณ” ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลย หลับไปได้ยังไงตั้งสองวัน
“จริงดิ…ผมเข้ามาดูคุณบ่อยจะตาย…จนคุณหมอเขาจะมัดผมไว้กับเตียงแล้ว”
“เป็นผมๆก็ทำ”
“ก็ผมห่วงแฟนผมนี่” เขาบีบแก้มผมจนเจ็บไปหมด แต่มันมีความสุขยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก การที่ผมได้เจอหน้าเขา อยู่กับเขา มันช่วยทำให้ผมหายเจ็บจากสิ่งที่ผมกำลังเป็นหรือหายจากความเป็นทุกข์ที่มันกำลังทำร้ายจิตใจผม หลังจากนี้ผมคงขาดเขาไม่ได้แล้วแน่ๆ  น้ำเน่าเนอะ
ตั้งแต่ตาลออกไปทานข้าว ผมกับชัชก็นั่งคุยเล่นกันจนลืมไปเลยว่าเราทั้งคู่กำลังป่วย “ผมลองคุยกับคุณหมอแล้ว ว่าถ้าคุณกับผมอาการทรงตัวขึ้น จะขอย้ายกลับไปพักฟื้นโรงพยาบาลที่กรุงเทพ” ก็น่าจะดีกว่าอยู่ที่นี่ละมั้ง “ถึงผมจะหายก่อนคุณ ผมก็ยังไปเฝ้าคุณได้ทุกวัน” เขายกมือผมขึ้นมาจูบ “ ถ้าขาไม่เจ็บ ปากคุณไม่รอดหรอก” เขาคิดว่าผมเป็นผู้หญิงหรือไงกัน คิดอยากทำอะไรก็ทำ ตำรวจคนนี้
“ผมลืมบอก ตอนนี้หมอแพรวถูกจับไปเรียบร้อยแล้ว รู้สึกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเช็คอาการว่ามีความผิดปกติทางจิตหรือเปล่า แต่จากที่ตำรวจที่ทำคดีบอกผม ตอนนี้หมอแพรวยังไม่ยอมปริปากพูดอะไร
 ~~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~~
“ดูสิคะว่าใครมา”น้องสาวผมมีเซอไพร์สได้ตลอดจริงๆ ปรากฏคนที่เดินตามหลังน้องสาวผมเข้ามาก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน
“พ่อกับแม่มาได้ยังไงครับเนี้ย” ตกใจจนบอกไม่ถูกเลย
“จะมาได้ยังไงไม่สำคัญหรอกลูก…เป็นยังไงบ้าง คุณหมอว่ายังไงบ้าง”แม่ผมถามมาเป็นชุดเลย ถ้าท่ายังดูตกใจไม่หาย
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น” เรื่องเดินไม่ได้…ไว้ค่อยบอกแล้วกัน”พ่อ…แม่ นี่ชัชครับ เพื่อนสนิทผม แล้วก็..เป็นคนที่ช่วยผมไว้”เขาคงเข้าใจที่ผมพูดออกไปนะ
“สวัสดีครับ”เขายกมือไหว้พ่อกับแม่ผม “เดี๋ยวยังไง ผมขอตัวกลับห้องก่อนแล้วกันครับ”
“อยู่ด้วยกันก่อนสิคุณ”
“ไม่ดีกว่า…คุณอยู่กับครอบครัวเถอะ ไว้ผมค่อยมาเยี่ยมใหม่…”
“งั้นเดี๋ยวตาลเข็นไปส่งค่ะ” หลังจากที่น้องสาวผมพาชัชออกไป พ่อกับแม่ก็ถามผมเรื่องอาการไม่หยุด รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นมายังไง ผมก็เลยตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมอให้พ่อกับแม่ผมฟัง ท่านตกใจและโกรธมาก เพราะแพรวกับพ่อแม่ผมเข้าขั้นที่สนิทกันพอสมควร ทั้งไว้ใจและเชื่อใจ แถมน้องสาวผมที่พึ่งเดินเข้ามา พอได้ยิน ก็ดันผสมโรงไปกับพ่อแม่ผมด้วย
“และตอนนี้ แพรว เป็นยังไงบ้าง” พ่อผมถามอย่างเป็นห่วงถึงแม้ ท่านจะรู้สึกโกรธอยู่ก็ตาม ผมก็เลยเล่ารายละเอียด แบบที่ชัชเล่ามาให้กับท่านฟัง
“แม่ไม่อยากจะเกลียดเเพรวนะ แต่ฟังจากสิ่งที่ลูกพูด แม่รับไม่ได้จริงๆ ทั้งสิ่งที่เขาทำกับลูก ทำกับคนอื่น  เขาไม่น่าจะมาเป็นแพทย์ได้ด้วยซ้ำ”
“เอาเถอะน่ะคุณ คนเรามักมีเรื่องในจิตใจกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากเก็บกดหรอก แต่แค่การแสดงออกที่เขาทำ มันแค่ผิดและรุนแรงเกินกว่ามนุษย์คนอื่นจะรับได้เท่านั้นเอง แถมเคสแบบนี้ก็มีอยู่ออกมาก” นี่แหละครับพ่อผม เหตุผลมักจะมาก่อนอารมณ์เสมอ “งั้นเดี๋ยว พ่อกับแม่จะไปคุยกับคุณหมอก่อน ว่าเขาวางแผนการฟื้นฟูไว้ยังไงบ้าง เดี๋ยวผลสรุปออกมาว่ายังไง เดี๋ยวพ่อจะมาบอก” พ่อผมใจดีเสมอ “ตาลดูแลพี่ให้ดีด้วย เดี๋ยวพ่อกับแม่มา” และท่านทั้งคู่ก็พากันเดินออกไป
ผมก็ไม่อยากตะต่อว่าน้องผมหรอกนะที่โทรไปบอกพ่อกับแม่ ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่ผมเป็นแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลใน เดนมาร์กล่ะก็นะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมดันนอนหลับยาวมากไปหน่อย และในตลอดทั้งวันนั้น ทั้งพ่อทั้งแม่ก็ต่างพูดถึงเรื่องทำกายภาพให้กับผมฟัง พ่อไม่เท่าไหร่น่ะสิ แต่แม่อยากให้ผมไป admit โรงพยาบาลที่แม่ทำงานเลยด้วยซ้ำ  แต่ดีที่พ่อช่วยทักท้วงไว้ ไม่อย่างนั้น ผมจะต้องบินตามแม่ผมไปแน่ๆ
ในคืนนั้นกว่าพ่อแม่ผมจะกลับบ้านได้ ก็พาลอลหม่านกันไปหมด แม่อยากนอนเฝ้า พ่ออยากให้ผมมีเวลาส่วนตัว แต่ผลสุดท้ายแม่ก็พ่ายแพ้ต่อพลังจิตแข็งของพ่ออยู่ดี บางทีก็สงสารแม่นะ หลังจากที่พ่อกับแม่กลับไป ก็มีน้องสาวตัวแสบนี่แหละที่นอนเฝ้าผม แต่วันนี้น้องผมคงไม่เหงา เพราะเจ้าพลแวะมาหาถึงที่ นายคนนี้ก็มาพร้อมกับอาหารเต็มไม้เต็มมือ ทั้งคาว ทั้งหวาน เห็นแล้วก็อดน้ำลายไหลไม่ได้ ถ้าไม่ได้โดนให้ทานแต่อาหารอ่อนอย่างเดียวละก็ไม่พลาดแน่ๆ แต่น้องผมมันก็ดี มันพากันออกไปนั่งทานกันที่ริมระเบียง แบบเสื่อผื่นจานใบยังไงยังงั้น แถมยังปิดม่านบดบังสายตาผมให้ด้วย ต้องขอบคุณมั้ยเนี้ย
หลังจากตรวจเช็คอาการรอบสุดท้ายก่อนเข้านอน กลายเป็นว่าในเวลานั้นผมกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ส่วนน้องสาวผมน่ะหรอ หนังท้องตึงหนังตามันก็หย่อนไปตามธรรมชาติ เห็นแล้วก็อิจฉาชีวิตที่มีอิสระแบบนี้ แต่ทางเดินของผมมันเดินมาไกลเกินกว่าที่จะถอยกลับแล้ว แถมผมจะกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ถ้าผมเป็นอย่างนั้นจริง งานที่ผมรัก ชีวิตที่ผมรัก และเขาคนนั้น จะยังอยู่เคียงข้างผมอยู่มั้ย แล้วผมจะกลายเป้นคนพิการที่ไม่มีค่าในสายตาใครๆบ้างรึเปล่า  ความเงียบและความว่างเปล่าตอนนี้มันทำให้ผมฟุ้งซ่านคิดอะไรมากมายไปหมด
--ตึ๊ง—(เสียงข้อความ)
“ผมอยากอยู่ข้างๆคุณจัง ขนาดเราอยู่ห้องติดกันนะเนี้ย”
“ใช่…ถึงจะมีคนอยู่รอบตัว แต่มันก็ยังทำให้ผมกลัว”
“กลัวเรื่องอะไร…คุณมีผมอยู่ทั้งคน ผมไม่มีทางทิ้งคุณไปไหนอยู่แล้ว”
ผมไม่กล้าบอกเขา ทำไมผมตอนนี้มันถึงอ่อนแอ ผมอาจจะกลายเป็นคนขี้ขลาดไปแล้วจริงๆก็ได้ ความมืดรอบตัวผม มันดูน่ากลัวกว่าทุกๆครั้ง
~~เสียงเปิดประตู~~
ชัชเปิดประตูเข้ามา เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงผม แล้วนั่งลงข้างๆ
“ใช้รถเข็นมันไม่ถนัด ก็เลยค่อยๆเดินมาดีกว่า” รอยยิ้มบนหน้าของเขา มันยิ่งทำให้ผมอ่อนแอ “เป็นอะไรตั้ม”ผมโน้มไปซบไหล่เขาแล้วก็ร้องไห้ออกมา เขาก็คงจะตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ชัชก็ไม่พูดอะไร เขาได้แต่กอดผมอยู่อย่างนั้น “วันที่ผมร้องไห้ ก็มีคุณเป็นคนที่กอดผม…วันนี้ คุณร้องไห้ ผมก็ขอเป็นคนที่กอดคุณบ้างแล้วกัน” ชัชจูบมาที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา “ผมรักคุณนะตั้ม”
“คุณจะไม่ทิ้งคนพิการแบบผมใช่มั้ย” ผมหยุดตัวเองไม่ได้ หยุดไม่ได้จริงๆ
“ด้วยชีวิตของชัช สัญญา” ชัชเอามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผม “ร้องไห้เป็นเด็กไปได้” ผมเงยหน้ามอง สายตาที่ชัชมองมา มันอ่อนโยนกว่าที่ใครๆเคยมองผม “เดี๋ยวคืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อน ไม่ออกไปไหน” ตอนนี้ผมกลับเชื่อฟังอย่างว่าง่าย “เดี๋ยวผมจะนั่งอยู่อย่างนี้แหละ คุณนอนพักผ่อนให้มากๆ”
“แต่คุณ…..”
“เอาน่า แค่นั่งหลับแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” แต่ผมไม่อยากให้เขาต้องลำบากไปมากกว่านี้ เลยพยายามที่จะขยับตัวเองให้ได้ด้วยแรงที่มี ก่อนที่จะใช้เเขนทั้งสองข้าง ยกขาของตัวเองให้ขยับตามมา แต่ดีหน่อยที่เตียง รพ.นี้มันใหญ่
“คุณจะได้ไม่ต้องนั่งหลับเพราะผม” ชัชก็ขยับตัวเองขึ้นมา ขาซ้ายที่พันแผลเอาไว้ผมเห็นมามีเลือดซึมออกมาเยอะพอสมควร “ขาคุณเลือดออกนี่”
“ก็ต้องออกสิ ขาผมเป็นเเผลนี่นา” ยังจะมีอารมณ์ขัน “เอาน่ะ อย่าคิดมาก ผมง่วงแล้ว” รีบตัดบททุกที การที่มีเขานอนอยู่ข้างๆมันทำให้ผมหายกังวล แต่การนอนครั้งนี้อาจจะลำบากหน่อย เพราะเเผลที่เเขนขวาของเขา แต่ผมไม่ใช่คนนอนดิ้น คงจะไม่เป็นไร

……..
~~เสียงโทรศัพท์~~
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์น้องสาวผม ขนาดเสียงดังมากขนาดนี้ ยังนอนหลับแบบไม่รู่เรื่อง ผมล่ะเชื่อเลย ไม่ใช่แค่น้องสาวผมน่ะ รวมถึงสามีของน้องผมด้วย
“ตาล….ตาล…ตาล…โทรศัพท์” ผมตะโกนเสียงดัง เลยทำให้ตื่นกันหมด “นี่แกหลับ หรือแกตาย เสียงโทรศัพท์ดังขนาดนี้ไม่รู้เรื่อง”
“ค่ะๆๆ” รับสายทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องเนี้ยนะ “เดี๋ยวพ่อกับแม่กำลังจะมาคะพี่ตั้ม อีกประมาณ 10 นาทีถึง” แล้วคู่ขี้เซาก็ต่างพากันตื่นไปล้างหน้า ผมเห็นแล้วหมั่นไส้ยังไงไม่รู้
“งั้นเดี๋ยวผมกลับห้องก่อน แล้วเดี๋ยวเจอกัน” ผมรีบคว้ามือชัชเอาไว้ ผมไม่รู้จะพูดยังไงออกไป ทำได้แค่ส่ายหน้า “ไม่ดื้อสิคุณ” เขายิ้มอารมณ์ดี
“อยู่กับผมนะ” ผมยังรู้สึกเลยว่าตัวผมเองกำลังดื้อและงี่เงาอยู่ แต่ชัชกลับไม่ต่อว่าอะไรผมซักคำ แถมยังยิ้มให้ผมอยู่ตลอด เราใช้ช่วงเวลาตรงนั้นนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ชัชพูดกับผมถึงที่ๆเขาอยากไป รวมถึงเรื่องต่างๆที่ผมยังไม่เคยรู้มันมาก่อน “แล้วดอกไม้ที่คุณชอบล่ะ ดอกอะไร”
“Caspia”
“มันคือดอกอะไรอ่ะ”
“ถามผมนึกว่าจะรู้ซะอีก” ดอกไม้บนโลกมีเป็นล้าน จะไปรู้จักหมดได้ยังไงล่ะ “มันเป็นดอกไม้ดอกเล็กๆ มีทั้งสีขาวและสีม่วง แล้วมันก็เป็นดอกไม้ที่อยู่ทนมาก ถึงแม้ว่ามันจะแห้งไปแล้วก็ตาม” ลึกซึ้งเนอะ “แล้วดอกไม้ที่คุณชอบล่ะ ชื่ออะไร”
“ดอก Hyacinth สีอะไรก็ได้ชอบหมด ผมเคยลองปลูกนะ แต่ไม่รอดสักต้น” มันเป็นดอกไม้ที่ผมชอบมาก เคยลองทุกวิธีแล้วแต่ก็ไม่รอดจริงๆ
~~~ก๊อกๆๆ~~~
พ่อผมเปิดประตูเข้ามา ส่วนแม่ผมก็พลุงพลังกับของกินเต็มไปหมด ส่วนมากจะเป็นของบำรุง ตามความแม่ของผมน่ะนะ
“สวัสดีครับ “ คำกล่าวทักทายของชัชที่ยังดูไม่กล้าสักเท่าไหร่
“สวัสดีลูก... อาการเราเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นเยอะแล้วใช่มั้ย”
“ครับ ก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังมีปวดแผลอยู่บ้างครับ”
“ดีแล้ว …พักผ่อนให้มากๆ”พ่อเดินไปหยิบกระเช้านมสดที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้กับชัช “พ่อกับแม่ซื้อมาให้ จะได้ช่วยฟื้นฟูได้ไวๆ”
“ ไม่รู้จะถูกใจเรารึเปล่า” แม่ผมเสริมขึ้น ในตอนนั้น แพทย์ประจำตัวของเราทั้งสองคนก็มาทำการตรวจตามตารางเวลาประจำวัน หมอยังแอบแซวชัชเลยเรื่องที่เขามาอยู่ห้องผมมากกว่าห้องพักของตัวเอง
“เดี๋ยววันนี้ตอนเที่ยง พยาบาลจะพาคุณตั้มไปทำแผลนะครับ…ส่วนของคุณชัชเดี๋ยวผมจะให้พยาบาลพาไปทำแผลเลยนะครับ  ผมเห็นว่าที่แผลมีเลือดออกมากเลยไม่อยากให้ปล่อยเอาไว้ ส่วนอาการแทรกซ้อนอื่นๆดูจะไม่มีปัญหาอะไร” ผมทำให้ชัชแผลแย่ลงสินะ “เดี๋ยวคุณไปเอารถเข็นมาพาคุณชัชไปได้เลย….งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากคุณหมอเดินออกไป พยาบาลก็นำรถเข็นมารับชัชตามออกไปติดๆ
“ตั้มอยากกินผลไม้อะไรมั้ย เดี๋ยวแม่จะปลอกให้...”
“…….”ทำไมในใจผมมันมีแต่เรื่องความรู้สึกผิด ทำไมผมถึงคิดแต่โทษตัวเอง ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ ผมได้ยินที่แม่ผมถามนะ แต่แค่ปากผมมีนไม่ยอมขยับพูดออกไป
“งั้นเดี๋ยวแม่ปลอกเมล่อนให้ทานแล้วกันนะ” แม่ผมก็ไม่เซ้าซี้อะไรมาก ตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจความอารมณ์แปรปรวนของผม เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวหงุดหงิด เดี๋ยวน้อยใจ มันไม่ใช่ตัวผมอีกแล้ว
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ผมก็ยังไม่เห็นว่าชัชจะกลับเข้ามาในห้องพักของผม พอผมโทรหาเขาก็ไม่รับสาย ผมหงุดหงิดจนน้องผมดูออกละมั้ง เธอเดินออกไปข้างนอก ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามา ผมก็พยายามใจเย็นนะ ผมไม่อยากให้ชัชต้องเบื่อที่ผมมาเป็นแบบนี้
“พี่ชัชนอนหลับค่ะ ตาลเดินสวนกับพยาบาลที่พึ่งออกมาจากห้องพอดี…เขาบอกว่าแผลที่เย็บมากฉีกขาด ตอนนี้เลยให้พี่ชัชทานยาเพื่อที่จะได้นอนพักก่อนน่ะค่ะ” ผมก็พยักหน้าตอบกลับ แต่ยังไงผมต้องกลับมาเป็นผมคนเดิมให้ได้
“ขอบใจมากนะ”แล้วผมก็ล้มตัวเองลงนอน เพดานห้องสีขาวที่มันดูว่างเปล่า มันก็สามารถทำให้ใจเราหดหู่ได้เหมือนกัน แต่แค่ผมยิ้มสู้ หรือแค่คั้ง Mind set ของตัวเองใหม่ มันก็คงจะมีความสุขมากขึ้น
ผมเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็พระอาทิตย์ตกดินไปซะแล้ว แต่ตอนนี้ หิวน้ำชะมัดเลย นี่ล่ะคือสิ่งที่ผมต้องเริ่มเอง ผมพยายามเอี้ยวตัวเองเพื่อที่จะหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์ข้างที่นอนของผม แต่เคาท์เตอร์มันดันอยู่ไกลจากที่นอนของผมมากไปหน่อย แต่ผมก็พยายามหยิบมันมาจนได้  แต่น้องผมที่ออกจากห้องน้ำพอดีเลยร้องตกใจ จนพาลเอาพ่อแม่ผมกับพลที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นกันหมด
“ทำอะไรของลูกน่ะตั้ม” พ่อผมถามอย่างตกใจ
“ก็ผมหิวน้ำ แล้วก็แค่จะหยิบ…เท่านั้นเอง”
“พี่ก็เรียกพวกเราก็ได้นี่ค่ะ…ถ้าพี่ตกลงมาจะว่ายังไง เดี๋ยวก็พาลเดือดร้อนกันไปหมด”
“พี่แค่อยากทำอะไรด้วยตัวเองตาล พี่พิการแค่ขา ไม่ใช่ทั้งตัว ทำไม....ต้องให้พี่นอนนิ่งเป็นผักเน่า อยากได้อะไรอยากเอาอะไรต้องพึ่งคนอื่นเท่านั้นหรอ ขอร้องเหอะ แกอย่าทำให้พี่สมเพชตัวเองไปมากกว่านี้เลย แค่นี้แม่งก็เฮงซวยชิบหายแล้ว”
“ใจเย็นๆก่อนตั้ม ใจเย็นๆ”พ่อผมปราม ดึงผมเข้าไปกอด “พ่อรู้ว่าลูกเครียด มีพ่อกับแม่อยู่ลูกไม่ต้องกลัว” ผมกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่ได้ ปล่อยโฮออกมายกใหญ่
“พี่ตั้ม…ตาลไม่ได้ตั้งใจจะว่า ตาลแค่เป็นห่วงพี่จริงๆ”เธอเดินเข้ามาจับมือผม ผมไม่ได้โกรธอะไรน้องหรอก ก็แค่…ไม่อยากให้ใครมองผมเป็นคนพิการ ในตอนนั้นน้องสาวผมก็ถือแก้วน้ำมาให้ผมดื่ม ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เมื่อกี้อาจจะแค่ฟิวส์ในตัวผมมันขาดเร็วไปก็เท่านั้น
“พ่อครับ ผมอยากกลับไปรักษาที่กรุงเทพ พ่อว่า อาการอย่างผมคุณหมอเขาจะอนุญาตให้ย้ายกลับไปได้มั้ยครับ”
“ลูกต้องลองคุยดูก่อน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าการรักษาที่นี่เขาต้องรอทำอะไรต่ออีกบ้าง เดี๋ยวคุณหมอเข้ามาอีกตอนไหนเราค่อยถามแล้วกันนะลูก”
 และในคืนนั้น หลังจากที่หมอทำการตรวจอาการให้กับผม แล้วมันก็มีเรื่องที่ทำให้ผมดีใจ คือผมสามารถย้ายไปรักษาตัวที่กรุงเทพได้แล้ว ผมอดดีใจไม่ได้ อยากจะรีบบอกให้ชัชรู้ซะเดี๋ยวนี้เลย
“ขอโทษนะคะ นี่ใช่ห้องพักของหมอตั้มหรือเปล่าคะ”เสียงทักทายของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีอายุ เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายที่ดูภูมิฐานทั้งคู่
“ใช่ค่ะ”แม่ผมรีบตอบไป ก่อนที่จะเดินไปรับหน้าตามมารยาท
“ดิฉันสุวรรณากับคุณสุวิทย์ เป็นพ่อแม่ของตาชัชน่ะค่ะ ดิชั้นต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาเข้าเยี่ยมช้า พอดีพึ่งทราบข่าวจากเพื่อนของตาชัชเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง”ผมรีบยกมือไหว้ พ่อกับแม่ของชัชแล้วท่านก็ยื่นกระเช้าผลไม้มาให้กับผม “ขอให้หายไวๆนะจ้ะ เห็นตาชัชเล่าให้ฟัง ขนาดเป็นผู้หญืงยังทำได้ขนาดนี้ น่ากลัวจังเลยนะคะ”
“ครับ”ก็ตามภาษาพ่อผมนั้นละ “ยังไงผมก็ต้องขอบคุณลูกชายของคุณทั้งสองด้วยนะครับที่ช่วยเหลือลูกชายผมเอาไว้” วงสังคมของผู้ใหญ่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ ผมก็ลยรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆและรีบไลน์หาชัชในทันทีตอนนั้น
“นอนหรือยังคุณ?”
“ยังน่ะ พ่อแม่ผมมาเอาซะผมนอนไม่หลับเลย”
“ดีใจว่างั้น”
“เปล่าเลย…โดนถามนั้นถามนี่ไม่หยุด โดยเฉพาะแม่ผม ขนาดผมนอนเจ็บแบบนี้ ยังโยงเข้าเรื่องหาเมียให้ผมได้เลย…แต่เห็นขาบอกจะไปเยี่ยมคุณ”
“เข้ามาได้สักพักละ …แต่คุณก็น่าจะชินได้แล้ว นิ่งๆไว้เดี๋ยวก็จบ” แล้วชัชก็นิ่งไปไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมา แต่ก็ดูเขาคงไม่ชอบจริงๆนั้นล่ะ เขายังเคยบ่นให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ การสนทนาดูท่าจะยืดยาวไม่จบง่ายๆ แต่หลังจากที่ชัชนิ่งเงียบหายไปไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมา
“ขอโทษนะ พอดีเมื่อกี้พยาบาลเขาเอายามาให้”
“อืม ตั้มมีเรื่องจะบอก ตั้มย้ายไปรักษาตัวที่กรุงเทพได้แล้ว หมอพึ่งบอกกับตั้มได้ไม่นาน”
“ก็ดีสิ ผมก็เหมือนกัน เขาบอกผมว่าแผลของผมน่ะแค่คอยหมั่นทำความสะอาดแล้วก็เข้ารับการตรวจตามเวลาแค่นี้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ว่าแต่ตั้มน่ะ จะกลับวันไหน”
“อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ เพราะตอนเช้าตั้มว่าจะโทรไปแจ้งกับโรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยให้คุณหมอเขาจัดการส่งตัวให้อีกที”
“อืม…และเราสองคนคงได้เจอกันอีกทีก็คงจะที่กรุงเทพเลย ตั้มไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่เป็นไร ตั้มเข้าใจ”
“งั้นก็เตรียมตัวนอนได้แล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว ส่วนพ่อแม่ของชัช เดี๋ยวชัชจัดการเอง…ฝันดีนะ” หลังจากอ่านข้อความได้ไม่กี่วินาที ก็มีสายโทรเข้ามาที่เบอร์ของคุณแม่ชัชทันที
“งั้นดิฉันกับสามีขอตัวก่อนนะคะ เดียวยังไงคงได้พบกันใหม่” หลังจากที่พ่อแม่ของชัชกลับไป พ่อแม่ของผมก็เตรียมตัวกลับไปยังโรงแรมเช่นกัน เหลือเพียงแค่ยัยตัวป่วนที่คอยดูแลผม
“เดี๋ยวแม่กลับโรงแรมก่อนนะตั้ม แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาแต่เช้า คงจะต้องติดต่ออะไรอีกมากเลย”
“ครับแม่…แต่เดี๋ยวผมจะโทรไปแจ้งกับทางโรงพยาบาลไว้ก่อน พรุ่งนี้จะได้ไม่ฉุกละหุก”
“นอนพักผ่อนมากๆนะลูก”แม่ก้มลงผมจูบหน้าผากผม
“เดินทางกลับดีๆนะครับแม่…พ่อด้วยนะครับ”ผมรู้สึกดีนะที่ผมยังเป็นเด็กในสายตาของพ่อกับแม่ ที่ยังคงอ้อนได้ หอมแก้มได้ กอดได้โดยที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเขินอาย ความรู้สึกข้างในที่กำลังบอบช้ำมันก็ถูกรักษาได้โดยสัมผัสของร่างกายและความรู้สึกของคนใกล้ตัวนี่ละ พอดื่มด่ำกับความสุขจนเป็นที่พอใจ ก็กลับมาสู่สภาพความเป็นจริงต่อ ผมรีบโทรไปหาหมอแทนเพื่อให้เตรียมการทั้งเรื่องห้องและก็เรื่องรถพยาบาลที่ผมจะให้ทางนั้นขับมารับผมกลับไป

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: หมอตั้มอย่าเพิ่งเครียดเกินไปน้า

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สงสารหมอตั้มสุดๆ :mew4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด