พิมพ์หน้านี้ - ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Jackkiesatg ที่ 21-08-2019 17:02:13

หัวข้อ: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 21-08-2019 17:02:13
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

***************************















***************************
กล่าวเกริ่นย่อๆ

เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้รับความรักจากชายหนุ่มที่หลงรักมานาน

แต่ความรักกลับไม่เป็นดังหวัง เพราะชายที่เธอรักกลับไปสานสัมพันธ์กับตำรวจหนุ่มคนดัง เธอจึงหาทางเพื่อที่จะขัดขวางจนพลั้งพลาดเป็นความสูญเสีย แต่ลึกๆแล้วมันมีบางอย่างที่ใครบางคนยังปิดบัง เอาไว้

**** เนื้อหา เป็นความรักของชายรักชาย แต่เนื้อเรื่องเพื่อความสมจริง จึงต้องนำผู้หญิงมาเป็นตัวแปรในการเดินนำเรื่องนะครับ****

เรื่องราวทั้งหมดถูกแต่งขึ้นมาตามความรู้สึกของผู้แต่ง อาจจะมีเนื้อหา ข้อมูล สถานที่ ที่ถูกระบุขึ้นมา ล้วนแล้วแต่เป็นการอ้างอิง เรื่องทางการแพทย์ ทางตำรวจ หรือกฎหมายใดๆที่เขียนขึ้น ขอให้อ่านเพื่อความสนุกนะครับ และถ้าหากมีความผิดพลาดประการใด ในเนื้อหา หรือ ข้อมูลต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

********************************************************


   
สารบัญ

​​Chapster 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg3998805#msg3998805)

​Chapster2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg3998913#msg3998913)​

​​Chapster3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg3998918#msg3998918)​​

​​Chapster4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg3999392#msg3999392)​​

​​ Chapster5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg3999627#msg3999627)​​

​​ Chapster6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg3999853#msg3999853)​​


​ Chapster7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4000053#msg4000053)​​


​ Chapster8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4000227#msg4000227)​​


​ Chapster9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4000432#msg4000432)​​


​Chapster10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4000643#msg4000643)​​


​Chapster11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4000857#msg4000857)​​


​Chapster12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4001104#msg4001104)​​


​Chapster13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4001324#msg4001324)​​


​Chapster14 Nc20+ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4001480#msg4001480)​​


​Chapster15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4001598#msg4001598)​​


​Chapster16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4001714#msg4001714)​​


​Chapster17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4001845#msg4001845)​​


​Chapster18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4001886#msg4001886)​​


​Chapster19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4002138#msg4002138)​​


​Chapster20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4002233#msg4002233)​​


​Chapster21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4002407#msg4002407)​​


​Chapster22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4002596#msg4002596)​​


​Chapster23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4002794#msg4002794)​​


​Chapster24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4002966#msg4002966)​​


​Chapster25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4002988#msg4002988)​​


​Chapster26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4003227#msg4003227)​​


​Chapster27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4003485#msg4003485)​​


​Chapster28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4003678#msg4003678)​​


​Chapster29 End (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70830.msg4003957#msg4003957)​​





หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love
เริ่มหัวข้อโดย: beedy ที่ 22-08-2019 09:14:51
 :hao7: :hao7: อย่าลืมแปะกฎของเล้าด้วยน้าาาาา ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 22-08-2019 17:52:55
:hao7: :hao7: อย่าลืมแปะกฎของเล้าด้วยน้าาาาา ติดตามจ้า

ต้องทำยังไงอ่ะครับ แนะนำได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 22-08-2019 18:49:15
Cahpster1


ชีวิตของผมในวันหนึ่งๆก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ นอกจากคนไข้กับโรงพยาบาล และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันในรอบหลายๆเดือนที่ผมสามารถจัดการกับเคสคนไข้ที่เข้ามาตรวจรักษากับผมได้อย่างรวดเร็ว

“อ้าว คุณหมอตั้ม ออกมาเดินแบบนี้ เคสหมดแล้วหรอคะนี่พึ่งเที่ยงเองนะคะ” ดา พยาบาลสาวที่ปกติเธอจะเป็นคนจัดการตารางคนไข้ให้กับผม แต่วันนี้ เวรของเธอคือการเป็นประชาสัมพันธ์ให้กับโรงพยาบาล

“ใช่ วันนี้ผมมีผ่าตัดใหญ่ตอนบ่ายสอง ก็เลยอยากพักก่อน”ผมตอบกลับเธอไปอย่างอารมณ์ดี ก็ใช่น่ะสิ นานๆทีผมถึงจะเวลาพักนานๆกับเขาบ้างนี่นา และในตอนที่ผมกำลังยืนคุยอยู่กับดานั้น หูของผมก็ได้เสียงดนตรีแว่วๆมาจากห้องโถงของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเสียงที่คุ้นเคยของคนที่นี่


(เสียงดนตรี)


“วันนี้เขามาเล่นดนตรีด้วยหรอ ปกติจะได้ยินแค่เสาร์ไม่ก็อาทิตย์นะ”

“ช่วงนี้มาเล่นบ่อยน่ะค่ะ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งได้ แล้วอีกอย่างหมอตั้มก็อยู่แต่ในห้องตรวจกับห้องผ่าตัด จะไปได้ยินได้ยังไงล่ะคะ” พยาบาลสาวพูดไปพร้อมกับมือที่กำลังพิมพ์รายละเอียดคนไข้อย่างชำนาญ

“โอเค ตั้งใจทำงานละกัน ผมไปละ” ผมกล่าวลาเธอเพียงสั้นๆก่อนที่จะเดินตรงไปยังร้านกาแฟเจ้าประจำที่อยู่ในศูนย์อาหารของโรงพยาบาล
ผมแทบจะเป็นเจ้าประจำของร้านกาแฟแห่งนี้ก็เป็นได้ เพราะเพียงแค่ผมก้าวเดินเข้าไป พนักงานประจำร้านก็รู้ทันทีว่าต้องจัดการเมนูอะไรให้กับผม ก็ทำไงได้ละครับ เวลาพักผมมีน้อยก็พึ่งได้แค่โกโก้ปั่นกับแซนวิชทูน่า จนบางทีผมคิดว่ายอดขายของทางร้านก็มาจากผมสะส่วนใหญ่นะเนี้ย (555)

“หมอตั้ม” เสียงเรียกที่คุ้นเคยนี้ไม่ใช่ใคร หมอแพรว เพื่อนคนสนิทตั้งแต่เรียนคณะแพทย์มาด้วยกัน แล้วแถมยังได้มาบรรจุทำงานที่เดียวกันอีก โชคดีชะมัด
   “ไหงวันนี้มาโผล่ที่นี่ได้ ปกติเห็นต้องให้ที่ร้านไปส่งให้ทุกที”....ก่อนที่เธอจะหันไปสั่งน้ำสุดโปรดปรานของเธอ “ขอกาแฟร้อนหวานๆนะคะ”
   “ก็วันนี้มีผ่าตัดตอนบ่ายสอง ก็เลยขอรับเคสน้อยน่ะ และก็ว่าจะขึ้นไปหาอาจารย์ใหญ่ก่อนผ่าตัดด้วย” 
   “เคสที่บอกว่าต้องผ่าตัดไขสันหลังใช่มะ”
   “ใช่ ผมถึงอยากมีเวลาเตรียมตัว”

   --“โกโก้ปั่นกับแซนวิชทูน่าได้แล้วค่ะ”—

   เสียงพนักงานประจำร้าน บอกกล่าวผมกับยืนแก้วน้ำกับกล่องแซนวิชให้ผม
   “งั้นตั้มไปก่อนนะ” ผมกล่าวลาเธอเพียงสั้นๆก่อนที่จะเดินลับสายตาเธอไป ขณะที่ผมเดินเพื่อที่จะกลับไปยังห้องพักของผม เสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ที่กลางห้องโถงของโรงพยาบาล เหมือนมีเวทย์มนต์สะกดให้ผมยืนนิ่งรับฟังอย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่กำลังยืนเล่นไวโอลิน หุ่นและรูปร่างของเขาสำหรับผมนี่บอกเลยว่ามันมีเสน่ห์มาก สูงๆผิวแทนๆ หุ่นที่ล่ำกำลังดี แต่ตัวเข้ากลับใส่หน้ากากสีขาวปกปิดใบหน้าซะอย่างนั้น ขนาดท่ามกลางความวุ่นวายของโรงพยาบาลที่มีทั้งญาติผู้ป่วยและบุคลากรที่กำลังเดินทำงานกันขวักไขว่ ก็ยังคงมีสาวๆที่น่าจะเป็นแฟนคลับขาประจำของเจ้าตัวมานั่งฟังกันอย่างมีความสุข แต่จากที่ผมฟัง เพลงที่เขาคนนั้นกำลังเล่น มันไม่ใช่เพลงที่มีความสุขซักเท่าไหร่ ผมก็เป็นคนเล่นดนตรีคนหนึ่งก็พอที่จะรู้ว่า เพลง Sad Romance ที่เขากำลังบรรเลง มันอาจจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกมีความสุขที่ได้ฟังก็จริงแต่สำหรับผู้เล่นถ้าเขาไม่มีความทุกข์ เขาจะเล่นเพลงเศร้าทำไมล่ะ ใช่มั้ยครับ ยิ่งรวมกับความเฉยเมยของหน้ากากที่เขาใส่ มันยิ่งทำให้เพลงนั้น มันยิ่งเศร้ามากกว่าเดิม ผมยืนฟังเสียงไวโอลินเพราะๆนั้นไม่ได้ไม่นาน การแสดงตรงนั้นก็พลันจบลง ชายหนุ่มคนนั้นโค้งคำนับเป็นการของคุณที่มีผู้ฟังหลายๆคนปรบมือให้กับเขา รวมทั้งตัวผมด้วย ก่อนที่เขาจะจัดเก็บไวโอลินตัวนั้นอย่างถนอมมือ ส่วนตัวผมเมื่อยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูอีกที ก็ปาเข้าไปจะบ่ายโมงแล้ว ตัวผมเลยต้องรีบจ้ำอ้าวกลับไปยังห้องเพื่อไปเตรียมการผ่าตัด ส่วนโกโก้กับแซนวิชน่ะหรอครับ เป็นหมันสิครับ
   และไม่นาน เวลาอันแสนยาวนานที่ผมจะต้องเข้าห้องผ่าตัดก็มาถึง ผมต้องจัดการทำความสะอาดมือและแขนของผมให้สะอาดมากที่สุด และทำการฆ่าเชื้อด้วยน้ำยา และแอลกอฮอร์อีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องผ่าตัด ก่อนที่พยาบาลประจำห้องผ่าตัด จะนำ surgical wear มาสวมใส่ให้กับผม พร้อมกับถุงมือ ก่อนที่จะลงมือผ่าตัด
   จากการที่ใช้เวลาในการผ่าตัดไปเกือบ 5 ชม. ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นลง หลังจากที่ผมจัดการเช็คอาการคนไข้อีกครั้งพร้อมกับสายน้ำเกลือ สายสวนปัสสาวะ สายระบายเลือดจากแผลผ่าตัด และสายบันทึกสัญญาณชีพจรต่างๆจนเรียบร้อย หน้าที่ของผมก็ยังคงมีต่อ หลังจากเปิดประตูห้องผ่าตัดออกมา เหล่าญาติๆของผู้ป่วยก็ต่างมารอฟังผลการผ่าตัดจากผม
   “การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีครับ และผมจะยังให้ผู้ป่วยพักฟื้นอยู่ในห้อง ICU ก่อนนะครับ  ถ้าผู้ป่วยไม่มีอาการอื่นใดแทรกซ้อน วันพรุ่งนี้ก็สามารถย้ายไปยังห้องพักฟื้นได้แล้วครับ” หลังจากพูดคุยกับญาติผู้ป่วยเป็นที่เรียบร้อย ผมก็เดินกลับไปยังห้องทำงานประจำของผม ก่อนที่จะขึ้นไปพบกับท่านอาจารย์ใหญ่อีกครั้ง
ในเวลาเกือบสามทุ่ม ภารกิจประจำวันของผมก็เสร็จสิ้น พร้อมกับเรี่ยวแรงที่กำลังจะหมดไป


--- กริ๊งงงงงงงงงง ---

เสียงมือถือของผมดังขึ้น  ตาล น้องสาวตัวแสบของผมนั้นเอง
   “ว่าไงตาล พี่พึ่งผ่าตัดเสร็จ โทดทีที่ไม่ได้บอก”
   “รีบพูดเลยนะคะพี่ตั้ม  แล้วนี่พี่จะกลับบ้านมั้ยค่ะ ถ้ากลับ...ตาลจะได้อยู่รอเปิดประตูให้น่ะค่ะ”

   “ไม่ต้องรอพี่หรอก กว่าจะถึงก็คงดึกน่ะ ตาลเข้านอนเลย ล็อคบ้านดีๆล่ะ”
   “งั้นก็โอเคค่ะ พี่ตั้มเดินทางกลับดีๆนะ”
   “ฝันดีนะ”
หลังจากที่วางสายจากตาล ผมก็รีบเก็บของเข้ากระเป๋า ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป เมื่อเดินไปถึงหน้า โรงพยาบาลก็ได้มีรถคันหนึ่งเปิดกระจกออกมาเรียกทักผม
   “หมอตั้ม ไม่ได้ขับรถมาหรอครับวันนี้” หมอเอก เพื่อนสนิทของผมอีกคนในโรงพยาบาล
   “ขับมา แต่วันนี้เพลียมากเลยไม่อยากขับกลับ กะว่าจะนั่งแท็กซี่กลับบ้าน”
   “งั้นขึ้นรถมาเลย เดี๋ยวผมไปส่ง”
   “ไม่เป็นไร บ้านเอกกับบ้านตั้มคนละทางกันเลย ลำบากเปล่าๆ ตั้มกลับแท็กซี่ได้”
   “แน่นะหมอตั้ม”
   “อืมมมม...”ผมพยักหน้าตอบรับกลับไปอีกที “แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ ขับรถดีๆ” หลังจากที่หมอเอก เห็นว่าดึงดันยังไงผมก็ไม่เป็นอยู่ดีก็เลยล้มเลิกสิครับ ก่อนที่จะขับรถออกไป
   จากหน้าโรงพยาบาลออกไปปากทางถนนใหญ่ก็ไม่ได้ใกล้กันมากและด้วยความโชคดีที่เมื่อเดินออกมา ก็เรียกแท็กซี่ได้พอดี
   “ไป หมู่บ้าน สันติบุรี แถวเลียบด่วนฯ น่ะครับ” ผมบอกกล่าวกับโชเฟอร์ ก่อนที่คนขับจะตอบตกลง ผมจึงไม่รอช้าที่จะรีบก้าวขึ้นไปนั่ง และด้วยความอ่อนเพลียของร่างกายตัวเอง ยังไงล่ะครับ ผมก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว


         ...


   “คุณ...คุณ...คุณได้ยินผมหรือเปล่า”เสียงเรียกที่แว่วเข้ามาในโสตประสาทของผม พร้อมกับแรงประทะเข้ามาที่ใบหน้าของผมเบาๆ

   “ครับๆ” ผมเอ่ยตอบออกไป พร้อมกับค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างไม่มีแรง แต่...ทำไมผมถึงรู้สึก ปวดระบมตามตัวไปหมด

   “คุณไหวมั้ย ผมโทรเรียกรถพยาบาลให้แล้ว อีกสักพักคงมา” เสียงชายคนเดิมพูดขึ้น ผมจึงค่อยลุกขึ้นนั่ง โดยมีผู้ชายคนนั้นช่วยพยุงผมขึ้น ก่อนที่จะให้ผมไปนั่งพิงต้นไม้ตรงรถที่เกิดเหตุ ผมกวาดสายตามองไปรอบๆก่อนที่จะเห็นแท็กซี่คนที่ผมนั่ง จอดแน่นิ่งทิ่มต้นไม้อยู่
   “ดีนะที่คุณไม่เป็นไร ผมเรียกคุณอยู่ตั้งนาน นึกว่าจะแย่ซะแล้ว”
   “แล้วคนขับเป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามออกไปด้วยความเคยชินนี่ครับ (ห่วงตัวเองก่อนมั้ยเนี้ย)
   “หนีไปแล้วสิครับ พวกผมขับรถลาดตระเวนมาเห็น เปิดดูในรถก็มีแต่คุณนั้นละ”
   “-----------------“

   “เกิดไรขึ้น” ตัวละครใหม่ในที่เกิดเหตุเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วสินะ
   “พอดีลาดตระเวนมาเจอผู้ประสบเหตุน่ะครับ ส่วนคนก่อเหตุไม่อยู่ในพื้นที่ละครับ”
   “จัดการตามเรื่องให้เรียบร้อย โทรไปสอบถามที่อู่แท็กซี่ด้วยว่าเจ้าของรถเป็นใคร แล้วดำเนินการซะ...ส่วนคนเจ็บ...เดี๋ยวผมดูแลต่อเอง ไปจัดการเรื่องหลักฐานเถอะ”
   “ครับ!!!!!!!!”
ส่วนผมที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ เป็นยังไงหรอครับ ก็มีความรู้สึกระบมมากขึ้น แต่ก็พยายามที่จะลุกขึ้น ซึ่งนั้นมันไม่เกินความสามารถของผมในเวลานั้น
   “คุณจะลุกไปไหน รถพยาบาลกำลังมา” ชายคนนั้นถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเป็นที่สุด
   “ผมจะกลับบ้านน่ะ ผมแค่ปวดๆตามร่างกายไม่ได้เป็นไรมาก” ผมจึงค่อยๆเดินออกไปริมถนน เพื่อที่จะรอเรียกแท็กซี่อีกครั้ง แต่ชายคนนั้นก็ดันเดินตามผมมาก่อนที่จะพาผมเดินไปที่รถของเขา
   มา...เดี๋ยวผมไปส่ง แต่คุณแน่ใจนะ ว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลจริงๆ”เขาถามผมอีกครั้ง
   “อืม....” ผมตอบเขาเเค่นั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดประตูรถให้ผมขึ้นไปนั่ง หลังจากที่เขาคนนั้นขึ้นมานั่งบนรถ และเห็นว่าผมนั้นนั่งแน่นิ่งเป็นผักเปื่อย เขาจึงเอื้อมมือของเขาไปจับ safty belt มาคาดให้กับผม ยังไง...ก็ตกใจสิครับ หน้าผมกับหน้าของเขาคนนั้น แทบจะชนกันอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นผมจะทำไรได้ ก็เจ็บอยู่นี่ครับ
   “บ้านคุณอยู่ที่ไหนครับ”
   “ไปส่งผมที่คอนโดก็ได้ครับ อยู่ทองหล่อ 12” 
   ขณะที่รถกำลังสัญจรอยู่บนถนนที่เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ แต่ในรถที่เขากับผมนั่งนั้นกลับเงียบเหมือนในโลกนี้มีแค่ผมกับเขาสองคน แถมรู้จักก็ไม่รู้จัก แต่ผมกลับให้เขามาส่งสะอย่างนั้น บ้าไปแล้ว

   “คุณชื่ออะไรครับ ผมตั้มนะ”ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ

   “....................”

   “นี่คุณ ได้ยินที่ผมถามหรือเปล่า”

   “...................”

ผู้ชายคนนี้ท่าจะบ้า ผมถามอะไรไปเขากลับนิ่ง ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ประจวบเหมาะกับที่รถกำลังชะลอเพราะติดไฟแดงที่แยกข้างหน้า ผมเลยตัดสินใจว่าจะปลด safty belt ออก แล้วเดินไปขึ้นรถต่อเอง แต่เขากลับยื่นมือมาจับมือผมที่กำลังจะปลดล็อคในเวลานั้น

   “ผมชื่อ ชัช” อยู่ดีๆก็ตอบผมมาซะงั้น

   “จริงๆผมไปต่อเองก็ได้นะครับ อีกไม่ไกลก็ถึงแล้ว ขอบคุณนะครับ” ผมตัดสินในปลดล็อค safty belt อีกครั้ง แล้วเปิดประตูรถออกไปทันที หลังจากที่สัญญาณไฟเปลี่ยนสีทำให้รถเคลื่อนตัวอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นกลับขับรถไปหน้าตาเฉย โดยที่ไม่ได้สนใจอะไรผมอีก แต่ผมจะไปว่าอะไรเขาได้ล่ะครับ แค่เขาช่วยมาส่งผมแค่นี้ก็ดีแล้ว สำหรับคนที่ไม่รู้จักกัน ไม่สิ รู้จักเพียงว่า ชื่อ “ชัช”
   ผมใช้เวลาประมาณเกือบ 20 นาที ในการเดินกะเพลกๆมาถึงยังหน้าปากซอยทองหล่อ 12 ความรู้สึกปวดที่มีอยู่ก่อนหน้ามันยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กำลังจะเดินเลี้ยวเข้าซอย ผมก็พบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง  แต่ผมก็ทำเฉยๆไม่ได้สนใจอะไรเขา ผมก็เดินของผมไปเรื่อยๆ จนความเจ็บมันพุ่งปรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง ผมจึงหยุดเดินต่อเพื่อที่จะพักให้อาการนั้นทุเลาลง แต่อยู่ดีๆเขาคนนั้นก็เดินมาหยุดที่ข้างหน้าผมอีกครั้ง ก่อนที่จะย่อตัวเองลง
   “ขึ้นมาขี่หลังผม แค่ที่ผมไม่พาคุณไป รพ. ก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว อย่าให้ผมต้องรู้สึกแย่มากไปกว่านี้” นายคนนี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอีกตามเคย แต่เพราะอะไรไม่รู้...ผมค่อยโน้มตัวลงไปพร้อมกับเอื้อมแขนไปกอดที่คอของเขา ก่อนที่เขาจะค่อยๆพยุงตัวผมขึ้นแล้วก้าวเดินไปอย่างช้าๆ
   “ผมนึกว่า...คุณกลับไปแล้วซะอีก” ผมพูดขึ้นขณะที่ใบหน้าแนบอยู่ที่ไหล่ของเขา ไม่ใช่ว่าอยากจะอะไรหรอกนะครับ แค่แรงยกคอตัวเองยังจะไม่มี
   “หน้าที่ผมยังไม่เสร็จ กลับไม่ได้” เขาตอบกลับผมมาแค่นั้น แต่เวลานั้นผมก็ไม่อะไรแล้วล่ะ เพราะร่างกายมันเริ่มไม่ฟังผมเท่าไหร่แล้ว
   ไม่ถึง 10 นาที เขาก็พาผมเดินมาถึงยังคอนโด ก่อนที่จะมายืนนื่งรออยู่ตรงทางเข้าหน้า lobby ผมจึงค่อยๆล้วงเอากระเป๋าตังค์ในกางเกงอย่างทุลักทุเล ก่อนที่จะยื่นให้เขาสแกนบัตรผ่านเข้าประตู
   “ผมอยู่ชั้น 20 ห้อง xxxx รหัส xxxxx” ผมพูดบอกเขาเพียงเท่านั้น ไม่ถึง 5 นาที เขาก็พาผมมาถึงที่ห้อง หลังจากที่เปิดประตูเข้ามา เขาก็พาผมมานั่งที่โซฟา
   “ตู้ยาของคุณอยู่ตรงไหน”
   “อยู่ที่ตู้หลังกระจกในห้องน้ำ”
ผมบอกกับเขาด้วยท่าทีที่ไม่โอเคเอาซะเลย ความอ่อนล้าและเจ็บปวดในร่างกายของผมมันคงถึงสุดๆแล้วจริงๆ เพรามันทำให้ผมแทบจะไม่สามารถลืมตาขึ้นมามาองสถานการณ์รอบๆได้เลยว่า เขาคนนั้นที่ชื่อ ชัช กำลังทำอะไรอยู่บ้าง
“เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวและทายาให้ ยังไง ผมคงต้องถอดเสื้อของคุณออก…นี่ ยาแล้วก็น้ำกินซะ” เขาพูดพร้อมกับยื่นแก้วน้ำกับยาให้ผม หลังจากที่ทานยาเสร็จ ผมก็กลับกลายเหมือนเด็กที่ว่าง่าย เขาสั่งให้ผมทำอะไร ผมแทบจะทำตามเขาหมดทุกอย่าง และผ่านไปไม่นานฤทธิ์ของยาที่ผมทานเข้าไป มันกำลังเริ่มออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ สติผมเริ่มไม่รับรู้อะไรตรงหน้า
 ความรู้สึกสุดท้ายที่ผมรับรู้ได้ก็เพียงแค่ เขาคนนั้นกำลังทายาบรรเทาปวดให้กับผม
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 2)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-08-2019 01:39:21
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love อัพเดทตอน 2
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 23-08-2019 05:59:17
Chapster2


กริ๊งงงงงงงงงงง


เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ด้วยความสะลืมสะลือ ตื่นอย่างไม่เต็มตา ผมก็แค่ได้ควานหามือถือของผมไปเรื่อยๆ

พลั่ก!!!!!!!!!!!

ผมลืมตัวหรือว่าผมกำลังมึน ผมนึกขึ้นได้ว่าผมไม่ได้นอนอยู่บนที่นอนนี่นา ความเจ็บปวดที่มีเป็นทุนเดิมกลับกลายเพิ่มอย่างทวีคูณ อย่าให้ผมรู้นะว่าใครโทรมา ผมจะจัดการให้ และในที่สุดผมก็นึกขึ้นได้ ว่าเจ้ามือถือตัวการอยู่ในกระเป๋าเป้ของผมนั้นเอง

“ว่ายังไงตาล โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่า” ผมพูดทักทายน้องสาวอย่างงัวเงีย พร้อมกับร่างกายที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นหน้าโซฟา

“ เช้าอะไรล่ะพี่ตั้ม นี่ จะเที่ยงแล้ว พี่แพรวเขาโทรมาหาตาลบอกว่าติดต่อพี่ไม่ได้ ตกลงนี่..พี่ไม่ได้ไปทำงานหรอคะ”

“อืม… พอดี taxi ที่พี่นั่งกลับเมื่อวาน คนขับหลับใน ก็เลยเกิดอุบัติเหตุน่ะ ตอนนี้นอนเป็นศพอยู่ที่คอนโด

“ห๊ะ!!!!!....แล้วทำไมพี่ไม่โทรบอกตาล เดี๋ยวตาลจะรีบไปเดี๋ยวนี่ค่ะ” น้องสาวผมพูดขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่จะวางสายไป ในเวลานั้น ผมก็ยังคงนอนราบอยู่กับพื้นหน้าโซฟาอยู่อย่างนั้น ทำยังไงได้ แรงจะลุกยังไม่มี แถมพรมที่ปูมันก็ดันนิ่มกว่าโซฟาที่ผมนอนซะอีก

……

“พี่ตั้ม!!!ทำไมมานอนอยู่กับพื้นอย่างนี้ล่ะคะ เป็นอะไรอีกหรือเปล่า”ตาลน้องสาวผมพูดขึ้นอย่างตกใจก่อนที่จะช่วยพยุงตัวผมให้นั่ง

“ป่าว...แต่ทำไม...แกมาถึงเร็วจัง พี่รู้สึกว่าพึ่งวางสายจากแกไปได้ไม่นาน”

“bts สิคะ ขืนขับรถมา พี่ตายก่อนพอดี”สิ้นคำพูดเธอก็พยายามพยุงผมให้ขึ้นนั่งบนโซฟา ก่อนที่จะซักถามผมไม่หยุด พอผมแกล้งโวยวายหงุดหงิดใส่ จิตวิญญาณแม่ก็เริ่มเข้าสิงร่างน้อง
สาวของผมทันที ทำไงได้ล่ะครับ ก็ต้องทนฟังมันบ่นอยู่แบบนั้น หรือว่านี่น้องสาวผมลืมว่าผมกำลังเจ็บป่วยอยู่

“นี่แกเริ่มเหมือนแม่เข้าทุกวันแล้วนะ…ห้ะ” ผมแซว

“ก็พี่ชอบทำให้บ่นอยู่เรื่อย แต่เอาเถอะ ทานอะไรไปบ้างยังคะ แล้วไปหาหมอรึยัง”

“ยัง...แกมาพี่ก็พึ่งจะตื่นนี่ละ ส่วนหมอ...นี่ไงหมอ”ผมชี้ตัวเอง

“ค่ะ คุณหมอธีร์ รออยู่นี่แหละ จะไปทำอะไรมาให้กิน”เธอแสดงอาการเอือมระอาผม ขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นอยู่ดีๆเธอก็ชะงักพร้อมกับหันหน้ากลับมาหาผมอีกครั้ง

“แต่เอ๊ะ…หนูก็ยังมีเรื่องข้องใจอยู่ดี ข้องใจไม่หาย”

“ข้องใจอะไร”ผมถามกวนๆ

“พี่อ่ะ...ชื่อจริงก็สั้นอยู่ล่ะ ยังจะตั้งชื่อเล่นอีก ไม่เข้าใจเลย”

“แกก็...ไปถามแม่ละกัน” แล้วเธอก็ลุกไปเพื่อจะไปจัดหาอาหารที่เธอเอามาจากร้านให้ผมทาน ผมลืมแนะนำไป น้องสาวของผมมีร้านที่พ่อกับแม่เปิดให้หลังจากที่เธอเรียนจบ ตอนนี้เธอดูแลร้านอาหารนั้นกับ พล แฟนหนุ่มที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย น้องสาวผมมันแก่นเกินกว่าจะเป็นผู้หญิงซะด้วยซ้ำ แต่ไม่น่าเชื่อที่มันจะทำให้ผู้ชายที่ชื่อ พล รักมันได้ขนาดนี้ ผมล่ะนับถือเลย แต่เรื่องทำอาหารนี่ไม่เป็นสองรองใคร ก็เวลาผมอยู่บ้านก็มีแต่ตาลนี่ล่ะที่ทำอาหารให้ผมทาน

“มาแล้วค่า ข้าวต้มกุ้งร้อนๆ”ตาลยกถาดอาหารพร้อทกับน้ำดื่มมาวางไว้ให้กับผมตรงหน้า

“ทานตอนร้อนๆ น่าจะช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นบ้าง”

“ขอบใจ”ผมตอบกล่าวเธอเพียงสั้นๆก่อนที่เธอจะกลับไปจัดเตรียมอาหารมื้อต่อไปไว้ให้กับผม

“อืม…ตาลลืมบอก ว่าตาลโทรไปหาพี่แพรวบอกว่าพี่ไม่สบายนะ เผื่อพี่แพรวจะได้ไปแจ้งกับทางโรงพยาบาลให้” ผมก็ได้แค่รับฟังเธอ
“ตาลถามอะไรหน่อยสิ” น้ำเสียงดูเข้มขึ้น
“ถามอะไร..ว่ามาสิ”ผมตอบเธอขณะที่สายตากำลังจ้องมองรายการทีวี ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามานั่งข้างๆผม
“พี่กับพี่แพรว ตกลงเป็นอะไรกัน” เมื่อผมได้ยินคำถาม ถึงกับนิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะตอบออกมา
“จะให้เป็นอะไรได้ ก็เป็นเพื่อนกันไง ตาลก็รู้” ผมก็ยังคงตักอาหารเข้าปาก ทำเหมือนไม่มีอะไร
“ค่ะ ตาลรู้ แต่ตาลว่าพี่แพรวไม่รู้…ตาลไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องพี่ตั้มนะ แต่ตอนนี้ตาลว่าพี่แพรวคิดไปไกลแล้ว เมื่อสองวันก่อน พี่แพรวมาหาตาลที่ร้าน แล้วบอกกับตาลว่า ถ้าพี่แพรวจะขอพี่ตั้มแต่งงาน…จะน่าเกลียดมั้ย”
คำว่าแต่งงาน ทำเอาผมสำลักข้าวต้มกันเลยทีเดียว
“แต่งงาน แต่งงานอะไรตาล เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“แต่การกระทำพี่คงไม่ใช่ “
“ตาล...พี่เป็นคน friendly ตาลก็รู้ พี่ให้ความสำคัญกับเพื่อนทุกคนเท่ากัน แต่แค่พี่กับแพรวทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน มันก็แค่เจอกันมากกว่าเพื่อนคนอื่นก็เท่านั้นเอง”
“ตาลไม่รู้จะช่วยพูดกับพี่แพรวยังไงเหมือนกัน แต่ตาลก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมพี่ตั้มถึงไม่ยอมเป็นแฟนกับพี่แพรว ทั้งที่ๆรู้จักกันมาจะเป็นสิบปีแล้ว”
“………”
ผมได้แต่นิ่งเงียบ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม หรืออาจเป็นเพราะผมกับแพรวเรารู้จักกันมากเกินไป ตอนนี้ในหัวผมมันปั่นป่วนไปหมด ความเจ็บปวดตามร่างกายในตอนนี้ ผมแทบจะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นเลย
“พี่….ควรทำยังไง”
“..........”
กลับมีแต่มืออุ่นๆมาแตะที่ไหล่ของผมแทนคำตอบ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นไป หลังจากช่วงเวลาแห่งความกดดันของตัวผม ค่อยๆคลี่คลายลงจากเสียงไวโอลินที่ผมเปิดจาก ยูทูป ในเพลงที่เขาคนนั้นบรรเลงไว้ตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาล ผมก็บอกไม่ถูกว่าทำไมมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้ ทั้งๆที่บทเพลงนั้นมีเนื้อหาที่เศร้า ส่วนน้องสาวผมที่กำลังยืนทำอาหารกับน้องเขยผมที่พึ่งมาถึงคอนโดได้ไม่นาน ภาพของสองคนนั้น มันทำให้ผมมีความรู้สึกว่าอยากมี ช่วงเวลาเเบบนี้บ้าง แต่อยู่ๆมันก็มาฉุกคิดขึ้นว่า ก็เพราะตัวผมเองที่ปิดกั้นมันอยู่  หรือผม…อาจจะไม่เหมือนคนอื่นๆ
              “พี่ตั้ม ตาลกลับก่อนนะ”น้องสาวผมเดินเข้ามาสะกิดขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการฟังดนตรีบรรเลง
“อ้าว พี่นึกว่าจะนอนค้างที่นี่”
“ก็อยากอยู่ แต่ว่าพรุ่งนี้ที่ร้านมีคนมาเช่าจัดงาน คืนนี้เลยต้องไปเตรียมสถานที่ก่อนน่ะ”
ผมก็ได้แค่พยักหน้าตอบรับก่อนที่จะลากับเธอ
“อ่อ...ตาลลืม...คือตาลทำอาหารไว้ให้ในตู้เย็นนะคะ เอามาเวฟก็ทานได้เลย แล้วก็ทานข้าวทานยาให้ตรงเวลาด้วย เข้าใจ!!!!”เธอหันกลับมาบอกกับผมอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไป ผมว่าผมไม่ได้มีน้องแล้วล่ะ น่าจะมีแม่เพิ่มมากกว่า
             ในคืนนี้ทำไมผมถึงมีความรู้สึกที่มันไม่สามารถอธิบายได้ ตั้งแต่รับรู้เรื่องที่แพรวมาคุยกับตาล มันทำให้ผมครุ่นคิดไม่ตก และอีกหลายๆเรื่องที่ผมไม่เคยคิด มันกลับมารุมเร้าผม ผมจะหลุดพ้นช่วงเวลาแย่ๆแบบนี้ไปได้ตอนไหนกัน

......................................................................................

   เช้าวันนี้ผมรู้สึกมีเรี่ยวมีแรงมากกว่าเมื่อวาน อาจด้วยการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ผมจึงตัดสินใจแต่งตัวไปทำงาน ถึงแม้ว่าจะมีอาการเจ็บแปลบๆตามร่างกายอยู่บ้าง แต่แค่นี้ไม่น่าจะทำให้มีอุปสรรคในการทำงานเท่าไหร่ ผมมาถึงโรงพยาบาลตอน 08.00น. หลังจากที่เข้ามายังห้องทำงานของผม คิวชาร์จคนไข้ก็วางอยู่เต็มโต๊ะไปหมด ส่วนมากเป็นเคสที่ผมต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด รายละเอียดการเข้าตรวจหลายๆรายเป็นหมอเอก ที่เข้าตรวจแทนผม
   ก๊อกๆๆๆ
   “เห็นพยาบาลบอกว่ามาทำงานแล้ว...ไหวนะหมอตั้ม” หมอเอกเปิดประตูเข้ามาทัก
   “ก็..โอเค ดีขึ้นมากแล้ว แล้วก็ ขอบคุณมากนะที่เมื่อวานทำหน้าที่แทนผม เหนื่อยแย่เลยดิ” ผมพูดบอกหมอเอก ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะของผม
   “ไม่ขนาดนั้นหรอกหมอตั้ม...แต่...หมอตั้มมาวันนี้ก็ดีแล้ว  ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย”หมอเอกพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่
   “ได้สิ...แต่ว่าเรื่องที่จะให้ผมช่วยนี่เรื่องอะไร...แต่ถ้าเรื่องจีบหญิงแบบครั้งก่อนผมขอบายนะ ผมไม่ถนัดจริงๆ”ผมพูดแซว
   “ไม่ใช่ หมอตั้มก็...คือพอดีว่า ทางตำรวจเขาได้รับแจ้งว่ามีการฆาตกรรม สภาพศพถูกตัดมือทั้งสองข้างแล้วก็รวมถึง...อวัยวะเพศ”
   “มือ กับอวัยวะเพศงั้นหรอ?”
   “ใช่...แล้วที่สำคัญ...เป็นตำรวจ...ทางแพทย์กับตำรวจเลยรวมความเห็นว่าน่าจะเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เคยเกิดขึ้น เมื่อ  เดือนก่อน แล้วนี่ก็เป็นศพที่ 5 ในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ทางตำรวจเลยอยากให้เราเป็นคนชันสูตรพลิกศพให้ เพราะญาติผู้ตายข้องใจมีการวางยาหรือเปล่า”
“แต่เท่าที่ผมทราบ ปกติเวลามีเคสชันสูตร จะเป็นหมอแพรวที่รับผิดชอบไม่ใช่หรอครับ”
“ใช่ แต่ ผอ. มาบอกกับผมว่า อยากเปลี่ยนให้ผมมาเป็นคนรับหน้าที่นี้แทน เพราะเกรงว่าหมอแพรวจะต้องทนรับแรงกดดันมากเกินไป แต่ประเด็นก็คือ อย่างที่หมอรู้ ว่าผมจะต้องเดินทางไปช่วยงานในอีก 2 อาทิตย์ ผมคงไม่สามารถรับหน้าที่ตรงนี้ได้ เพราะถึงผมรับ...ยังไงวันหนึ่งก็ต้องโอนงานไปให้คนอื่นรับผิดชอบอยู่ดี ผมเลยอยากให้หมอตั้มเป็นคนรับผิดชอบงานนี้แทน แล้ว ผอ.ท่านก็ไว้ใจที่จะให้หมอตั้มรับผิดชอบหน้าที่นี้”
   “หมอเอกพูดมาแบบนี้ ผมปฏิเสธได้ด้วยหรอครับ” เหมือนผมถูกมัดมือชกเลย แต่ทำยังไงได้ล่ะครับ ก็ผมเป็นแพทย์ ก็ต้องทำหน้าที่ของแพทย์ให้ดีที่สุด
   “เดี๋ยวผมจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งกับ ผอ.ให้ ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวว่ากัน ขอบคุณมากนะหมอตั้ม” หมอเอกเดินออกไปด้วยท่าทีที่ดูโล่งใจเป็นพิเศษ ส่วนผม ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ แค่รู้ว่าเป็นคดีอะไรก็หนาวแล้ว แต่ผมก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งนิ่งเฉย ในตลอดวันของวันนั้น เคสคนไข้ของผมก็มากันอย่างไม่ขาดสายทั้งเคสนัด และเคสแทรกฉุกเฉิน และก็เป็นเหมือนอย่างทุกๆครั้งที่ เวลาอาหารมื้อกลางวันของผม ได้เดินลาจากผมไปอย่างเงียบๆ จนเป็นความคุ้นชินที่แสนคุ้นเคยไปแล้วครับ แต่พอผมมีเวลาว่าง ผมจึงไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งไปยังร้านกาแฟเจ้าประจำของผม และไม่นานเกินรอโกโก้ที่เป็นเหมือนแสงสว่างของผมในตอนนี้ก็ได้เข้ามาอยู่ในมือของผมเป็นที่เรียบร้อย
   “หมอตั้มค่ะ มีตำรวจมาขอพบน่ะค่ะ” เสียงพยาบาลนางหนึ่งบอกกับผมในตอนที่ผมกำลังเดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์พอดี
   “ตำรวจหรอครับ!?” ผมถามย้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะหันไปเห็น ชัช คนที่ช่วยผมวันนั้นยืนอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์
   “สวัสดีครับคุณชัช คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ”
   “มาพบคุณ...ผมแค่จะมาแจ้งเรื่องคู่กรณีที่เป็นโชว์เฟอร์ของคุณวันนั้น” เมื่อชัชพูดขึ้นก็ทำให้ผมเข้าใจในทันที แต่ทำยังไงได้ ผมยังติดเคสคนไข้อยู่เลย   
   “เอ่อ...คือตอนนี้ผมยังติดเคสคนไข้อยู่เลย แต่อีก 1ชม. ผมจะลงเวรแล้ว คุณรอก่อนได้มั้ย”
   “ครับ” เป็นคำตอบที่ง่ายๆสั้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ก็ดีสำหรับผม ถ้านายชัชตอบไม่ได้นี่สิ ผมแย่เลย หลังจากที่จบบทสนทนาเมื่อสักครู่ ผมก็ได้มาจัดการหน้าที่ที่ยังคงค้างอยู่ให้เสร็จ เหล่าบรรดาคนไข้ที่กำลังรอตรวจก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆจนหมด หันดูนาฬิกาอีกที 4 โมงกว่าแล้ว มันเลยเวลานัดมาแล้ว ผมจึงรีบจัดการเก็บเอกสารและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบวิ่งออกมาที่หน้าโถง ปรากฏว่าเขาก็ยังคงนั่งรอผมอยู่ผมจึงเดินตรงเข้าไปหาเขาทันที
   “ขอโทษครับ...พอดีเคสแทรกเพิ่มเติม เลยต้องทำให้คุณรอนาน”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมออกเวรแล้ว ก็เลยไม่ได้รีบ”เขาบอกผมก่อนที่จะเอี้ยวตัวเพื่อหยิบสมุดที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง
   “คุณชัชครับ คือ เรื่องคดีไว้ค่อยคุยกัน คือตอนนี้ ไปหาอะไรทานกันเถอะ ผมหิวมากกก” ผมบอกไปตามตรงในเวลานั้น ท้องของผมมันกำลังส่งสัญญาณฉุกเฉินระดับสิบแล้ว แต่คำพูดของผมกลับทำให้เขานิ่งเงียบ แต่ผมก็รู้ว่าผิดที่ผม ทำให้เขารอแล้วก็จะมายืดเยื้ออีก ก็มันไม่ไหวจริงๆนี่นา
   “งั้นเชิญคุณหมอไปทานข้าวเถอะครับ ผมขอตัว”
   “เดี๋ยวก่อนสิคุณ”ผมรีบยื่นมือไปจับที่ข้อมือของเขา ขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินกลับไป จนเขาหันมามองหน้าผม ผมจึงรีบปล่อยมือ
   “ผมก็จะให้คุณไปทานกับผมด้วย อยากเลี้ยงขอบคุณ...ที่คุณช่วยเหลือผมวันนั้น ส่วนเรื่องคดีที่คุณอยากจะคุยกับผมน่ะ ทานไปคุยไปก็ได้ไม่ใช่หรอ”
   “......”
   “ไปนะ” ผมพูดบอกกับเขาอีกครั้ง มองใบหน้าที่เหมือนจะไร้ความรู้สึกของเขา แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้ผมมั่นใจว่าเขาจะไม่ปฎิเสธผม
แล้วก็เป็นไปตามความรู้สึก เขาเดินตามผมมาอย่างห่างๆ แต่ผมก็รู้สึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ทำไมเวลาที่ผมได้อยู่กับเขามันทำให้ผมมีความรู้สึกแปลกๆ ถึงแม้จะพึ่งเคยเจอครั้งนี้เป็นครั้งที่สองก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 23-08-2019 07:54:51
Chapster3


   หลังจากที่ผมพาเขานั่งรถเมล์จนจะมาถึงแยกประตูน้ำ ด้วยความที่การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก ผมเลยตัดสินใจที่จะลงเดินมากกว่ารอให้รถไปถึงยังจุดหมายที่อยู่อีกไม่ไกล
   “ขอโทษนะที่ผมพาคุณมาเหนื่อย ผมแค่รู้สึกว่าผมยังไม่พร้อมที่จะขับรถน่ะ” ผมพูดกับเขาไปด้วยความรู้สึกผิดที่เหมือนพาเขามาลำบากจริงๆ แต่ผมพึ่งจะมาสังเกตว่า เขาใส่หมวกเพิ่มหลังจากที่ลงรถ จะใส่เพื่ออะไรกัน แต่ก็นะ...เขาก็ดู...หล่อดี
   “ไม่เป็นไร” เขาตอบผมมาเพียงสั้น แต่มันกลับไม่เหมือนกับทุกครั้ง น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป ดูมีความรู้สึกมากขึ้น แถมที่มากไปกว่านั้น เขาเผยรอยยิ้มเล็กๆตอนที่พูดประโยคนั้นออกมา สงสัยเขาคงจะเริ่มสนิทกับผมบ้างแล้วล่ะมั้ง คิดว่างั้นนะ
   หลังจากที่ใช้เวลาเกือบ 30นาทีจากจุดที่ผมลงรถจนมาถึงห้างๆหนึ่ง ผมก็เลยตัดสินใจเดินตรงไปร้านอาหารร้านหนึ่งที่การตกแต่งและรสชาติของอาหารในสไตล์ฝรั่งเศส ไม่ใช่ว่าผมจะอวดเขาว่าผมมีเงินนะ แต่ว่าร้านนี้เป็นร้านที่น้องสาวผมชอบพามาทาน ผมไม่รอช้าที่จะรีบก้าวเข้าไปนั่งยังโต๊ะด้านในสุด
   “ผมไม่คิดว่าคุณจะมาทานร้านหรูๆแบบนี้”ชัชพูดกับผมอย่างเป็นกันเอง พระเจ้า
   “มันก็ไม่ได้แพงอย่างที่คุณคิดหรอก แล้วอีกอย่างผมอยากเลี้ยงตอบแทนคุณ ต้องจัดเต็มหน่อย” ผมตอบกลับอย่างยิ้มแย้มเลยเชียวล่ะ
ไม่นานเกินรอ พนักงานก็นำเมนูมาวางให้กับที่โต๊ะของผม ซึ่งในเวลานั้นมันแทบไม่จำเป็นกับผมซะเลย ผมเลยจัดการสั่งอาหารจานประจำที่ผมกับน้องสาวมาแล้วไม่เคยที่จะพลาด
   “ผมขอ Escargots with Garlic Butter ครับ แล้วก็ Tuna Steak  แล้วคุณล่ะคุณชัช”
   “คุณสั่งให้ผมได้เลยครับ ผมไม่สันทัดด้านอาหารฝรั่งเศส” เขาพูดขึ้นอย่างเรียบๆ
   “งั้นผมขอ Pasta Cabonara เพิ่มอีกที่นึงด้วยนะครับ ส่วนเครื่องดื่มผมขอเป็น น้ำดื่มนะครับ”
   “ผมก็เช่นกันครับ”เขาพูดแทรกขึ้นมาทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ หลังจากที่สั่งอาหารไปเป็นที่เรียบร้อย เจ้าตัวก็เริ่มที่จะหยิบสมุดเล่มเล็กนั้นจากกระเป๋าด้านหลังอีกครั้ง แล้วก็พลิกดูรายละเอียดภายในเล่มเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาคุยกับผม
   “ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ขับรถ taxi วันนั้นได้เรียบร้อยแล้วนะครับ จากการตรวจร่างกาย ผู้ต้องหาไม่ได้มีอาการหลับในอย่างที่สันนิฐานไว้ แต่เป็นเพราะผู้ต้องหาเสพยาเกินขนาดทำให้เกิดภาพหลอนว่ามีผู้ไม่หวังดีไล่ตาม ทางจ่าที่ดำเนินคดีนี้ เลยอยากให้คุณเข้าไปให้ปากคำอีกครั้ง ผมกับแจ้งเรียกร้องค่าเสียที่เกิดกับตัวของคุณที่ สน.”
   หลังจากที่ผมได้ยินคำว่าเสพยาเกินขนาด มันก็ยิ่งทำให้ผมหวาดกลัวการที่จะขึ้นรถบริการสาธารณะไปเลย
   “จริงๆแล้ว ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็แค่รอยฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องเรียกร้องค่าเสียหาย...ผมคงไม่เอาดีกว่า แต่ถ้าจะให้ผมไปให้ปากคำ ผมยินดีนะ แต่ปัญหาก็คือ วันที่ผมนั่งรถวันนั้น ผม...เผลอ...หลับ อาจจะให้ปากคำอะไรได้ไม่มาก”ผมพูดตะกุกตะกักขึ้นมาทันที
ก็ทำยังไงได้มันเป็นเรื่องจริง แต่มันก็ทำให้ผมอายที่จะพูดนี่นา
   “ยังไงเรื่องนี้คุณคงต้องไปคุยกับทางเจ้าหน้าที่อีกที เพราะผมไม่ได้ดูแลคดีนี้”
   “ไม่ได้ดูแลคดีนี้...แล้วทำไมคุณถึงต้องมาบอกรายละเอียดเรื่องนี้ด้วยตัวคุณเองละ จริงๆให้จ่าคนนั้นมาจัดการก็ได้นะ” ผมพูดไปตามความคิดเวลานั้น แต่พอมาฉุกคิดอีกที ผมกำลังฉีกหน้าเขาหรือเปล่าวะเนี้ย แต่เหมือนโชคเข้าข้าง พนักงานได้นำอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะพอดี เหล่าบรรดาเมนูที่ผมสั่งไป มันแทบทำให้ผมอดใจแทบไม่ได้...แต่ก็นะ ผมก็เกือบทำเสียบรรยากาศไปซะแล้ว
   “อันนี้ผมสั่งให้คุณ Tuna Steak กับ Escargots   ผมจัดแจงขยับจานอาหารเหล่านั้นให้กับเขา
   “แล้วของคุณล่ะ” เขาถามขึ้น เมื่อเห็นว่าผมเอาเมนูเกือบทั้งหมดให้กับเขา
   “นี่ไงของผม”ผมก็ขยับจาน Pasta จานนั้นมาไวตรงหน้าของผมอีกที
   “งั้นเรามาทานกันเลยเนอะ”ผมจึงไม่รอช้าที่จะชักชวนเขาอีกครั้งก่อนที่จะจัดการอาหารอันแสนหอมกรุ่นตรงหน้าเข้าไปในท้องของผมทันที ขณะที่ผมทาน มันทำให้ผมพึ่งสังเกตว่า มารยาทการทานอาหารของเขานั้นมันช่างดูดี กว่าเพื่อนของผมบางคนซะอีก บางทีอาจจะดูดีกว่าผมในเวลานี้ก็ได้ และในเวลานั้นผมก็เห็นมือของคนตรงหน้ายื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ ผมก็ได้แต่มองหน้าของเขาด้วยความงุนงง ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนจากการยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็นการเอื้อมมือมาเช็ดแก้มให้กับผมแทน
   “..........”ผมนิ่งไปด้วยความเขินอาย บ้าชะมัดผมกลายเป็นคนกินมูมมามขนาดนั้นเลยหรอ
   “ผมเห็นว่ามันจะเข้าตาคุณ ผมเลยเช็ดให้” แล้วเขาก็เริ่มต้นทานต่อ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตัวผมกลับเขินไม่หยุด เลยต้องยกน้ำขึ้นมาดื่มแก้เขินไปซะอย่างนั้น...แต่...ทำไมผมต้องเขินด้วยอ่ะ...งง
   หลังจากที่พยายามจัดการกับ Pasta ตรงหน้า อย่างเหนียมๆอายๆจนหมด ผมก็เห็นว่าเขากำลังจัดการกับเจ้าหอยตรงหน้า โดยการค่อยๆแกะ ก่อนที่จะนำใส่ช้อนยื่นมาให้กับผม
   “ทานสิ” แต่ผมก็ส่ายหน้าปฎิเสธเขาไป เพราะผมยกเมนูเหล่านั้นให้กับเขาไปแล้วนี่นา
   “จะทานเอง หรือจะให้ผมป้อนครับ” นี่เขาพูดบ้าอะไรเนี้ย แล้วทำไมผมถึงรู้สึกว่าเลือดในร่างกายมันกำลังสูบฉีดอย่างหนักหน่วงแบบนี้
เกิดอะไรขึ้นกับผมเนี้ย “ด...เดี๋ยวผมทานเองครับ”ผมตอบก่อนที่จะยื่นมือไปรับช้อนที่เขายื่นมาให้กับผม  หลังจากนั้น เขาก็ยื่นช้อนมาให้กับผมจน เจ้าหอยทากในจานนั้น หมดโดยผมเป็นคนกิน
   “ผมสั่งมาให้คุณทาน แต่คุณไม่เห็นทานเลย กลับเอามาให้ผมทานซะหมด”ผมถามเขา แต่ทำไมผมมีความรู้สึกว่าผมอายที่จะพูดกับเขายังไงไม่รู้
   “ผมทานแค่ Tuna ก็อิ่มแล้วครับ” คำตอบเพียงสั้นๆพูดกลับมา แต่เวลานี้ผมรู้สึกว่าผมกำลังที่จะเริ่มทำอะไรไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าตัวผมกำลังเป็นอะไร เขินอะไร ผมเลยเรียก พนักงาน มาจัดการเก็บเงินเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน รอเพียงไม่นานใบเสร็จค่าอาหารก็มายังโต๊ะของผม ผมไม่สนใจที่จะเช็คอะไร ได้แต่เพียงนำบัตรเครดิตใส่ลงไปในแฟ้มเก็บเงินเท่านั้น หลังจากที่จัดการเซ็นต์และรับบัตรคืนมาเรียบร้อย หลังจากที่เดินออกมาจากร้าน ด้วยความที่ผมไม่ระวังหรือพวกเด็กวัยรุ่นเหล่านั้นไม่เห็นผมกันแน่ ดันวิ่งมาชนผมซะเต็มแรง เป็นยังไงน่ะหรอ ก็ล้มไปตามระเบียบสิครับ ก็ขาผมยิ่งไม่มีแรงบวกกับยังเจ็บอยู่ ผลก็เลยเป็นไปตามนั้น แล้วไงล่ะครับ หันมามองผมยังไม่มีเลย
   “เจ็บมากมั้ยคุณ ลุกไหวมั้ย”ชัชถามผมพร้อมกับค่อยๆพยุงผมลุกขึ้น น้ำเสียงเขาดูเป็นห่วงมากกว่าทุกครั้งที่เขาเคยพูดกับผม
   “ผมเจ็บขากับสะโพก”เขาจึงค่อยๆพาผมเข้าไปนั่งในร้านที่พึ่งเดินออกมาอีกครั้ง  ก่อนที่จะค่อยๆนั่งลงและนวดคลึงที่ขาผมเบาๆ
   “เดี๋ยวนั่งพักก่อน ดีขึ้นแล้วค่อยลองลุกอีกที”เขาบอกกับผมพร้อมกับมือที่กำลังบีบนวดผมอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าคนร่างกายกำยำแบบเขามือจะเบาได้ขนาดนี้
   “ผมโอเคขึ้นแล้วครับ”ผมบอกกับเขาหลังจากที่ผมนั่งนิ่งๆมาสักพัก เขาจึงถามย้ำความแน่ใจของผมอีกครั้งก่อนที่จะค่อยๆพยุงผมให้ยืนขึ้น ก่อนที่จะพาผมเดินออกไปอย่างช้าๆ จากวันก่อน จนมาวันนี้ อาจเพียงแค่ไม่กี่วัน ที่ผมรู้จักกับเขา ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นคนอ่อนโยน และสุขุมกว่าที่ผมคิดไว้มาก แต่ทุกอย่างที่ผมเห็นอาจเป็นเพียงเพราะแค่เขาเห็นผมเป็นแค่ผู้ป่วยคนนึงก็ได้
“ไอ้ชัช” เสียงตะโกนเรียกชื่อดังขึ้น ก่อนที่เขาจะเห็นว่าเพื่อนของเขากำลังเดินตรงเขามา
“มึงมาทำอะไรที่นี่วะเนี้ย เดี๋ยวนี้เที่ยวเป็นกับเขาแล้วหรือไง ไอ้ฤๅษี” ไอ้ฤๅษี ฉายานี่ก็เหมาะกับเขาดีนะ
“กูมาธุระ แล้วก็กำลังจะกลับ” เขาพูดบอกกับเพื่อนสนิทของเขาคนนั้น ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะหันมามองที่ผมแล้วก็ยิ้ม แล้วทำไมต้องยิ้ม
“ไม่คิดจะแนะนำให้กูรู้จักหน่อยหรอว่ะ”
“เพราะมึงไม่จำเป็นที่ต้องรู้จัก”พูดโคตรตัดมิตรเลย ไอ้ฤๅษี
“ผม ปวีณ ครับ”เล่นชิงแนะนำตัวเองมาก่อนแบบนี้ ทำไงได้ละก็ต้องไปตามน้ำสิครับ ก็ผม Friendly นี่นา
“ผมตั้มครับ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เรื่องมารยาทผมชนะเลิศ ผมบอกเลย
“จะกลับได้หรือยัง” น้ำเสียงสุดแข็งกร้าวพร้อมกับความเย็นชา มันเริ่มหวนกลับมาอีกละ ทำไมมันฟังดูน่ากลัวจังแหะ ผมยังไม่ได้ทำความรู้เขามากขึ้นเลยนะ
“เอางี้...เดี๋ยวกูเดินไปส่ง...ช่วยพยุงสองคนดีกว่าเดินพยุงไปคนเดียวนะเว้ย” คือถามผมก่อนก็ได้นะว่าต้องพยุงไปมั้ย แค่เดินพยุงมาคนเดียว คนก็มาจะแย่ และยิ่งมาตอนนี้ ควบสอง คนอื่นเขาจะมองผมยังไงกัน แต่ถ้าผมเป็นผู้หญิงนี่ ผมคงจะสุดแสนจะภูมิใจเชียวล่ะ
“เดี๋ยวผมค่อยๆเดินไปก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องลำบากคุณทั้งสองคน”ผมรีบพูดแทรกขึ้น ก่อนที่จะเดินนำออกไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบ แค่นี้ก็เด่นจะแย่ละ ก่อนที่เขาทั้งคู่จะเดินตามหลังผมมา แต่ก็นะ
“เดี๋ยวถ้าล้มขึ้นมาอีกจะว่ายังไง”ชัชเดินมาพยุงที่ตัวผมอีกครั้ง พร้อมกับน้ำเสียงดุพิฆาตตามสไตล์ ทำไมเวลาเขาพูดดุๆผมถึงไม่ค่อยกล้าเถียงเขาสักที แล้วยังไงล่ะครับ ก็ยอมนิ่งๆไปตามระเบียบ เมื่อเดินก้าวพ้นออกจากประตูห้างฯ เหล่ากลุ่มมวลชนที่มากล้นอยู่บน BTS ต่างพากันเดินขวักไขว่ จนเวียนหัวไปหมด ถึงแม้ผมจะมาใช้บริการบ้างก็ตามแต่ก็ยังไม่คุ้นชินกับภาพแบบนี้สักที
“เดี๋ยวคุณยืนรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวผมจะไปจัดการเรื่องบัตรให้”เขาพูดทิ้งท้ายก่อนทีจะเดินไปต่อคิวแลกเหรียญ
“คุณนี่...คงพิเศษกับมันน่าดู ปกติไอ้ชัชแม่งไม่เคยออกไปไหนกับใครเลย ขนาดกับผมเพื่อนสนิทมัน ยังชวนมันไปไหนมาไหนยาก” ปวีณ พูดขึ้น
“คงไม่ใช่หรอกครับ ผมแค่พาเขามาเลี้ยงข้าวขอบคุณ ที่เขามาช่วยผมไว้ก็เท่านั้นเอง”
“นั้นล่ะครับ ที่พิเศษ เพราะ...มันยอมที่จะมากับคุณ...คุณรู้หรือเปล่า ว่ามีสาวต่างพากันมาจีบไอชัชไม่เว้นแต่ละวัน อย่าว่าแต่สาวๆเลย หนุ่มๆก็ยังมี แต่พวกนั้นโชคร้ายครับ โดนไอ้ชัชปฏิเสธตัดสัมพันธ์ไม่เหลือชิ้นดีสักคน”ตกลงผมจะโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่เนี้ยที่สนิทกับนายฤๅษีคนนี้ ผมเลยมองตามไปที่เขาที่กำลังไปยืนต่อคิวที่จะกดบัตรโดยสารให้กับผม ทำไมเขาถึงดูโดดเด่นในกลุ่มคนเหล่านั้น “ถ้าเมื่อไหร่ที่ไอ้ชัชมันจริงจังกับคุณ ผมอยากจะบอกว่าคุณเป็นคนโชคดีที่สุดในโลกเลยล่ะ”
“ผ...ผมกับคุณชัช ม...ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณปวีณคิดนะครับ”ทำไมผมรู้สึกเขินที่ได้ยินเพื่อนของเขาพูดแบบนั้น ผมเริ่มจะทำตัวไม่ถูก
“นี่บัตรคุณ”ชัชเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นบัตรโดยสารให้กับผม
“เออ งั้นเดี๋ยวกูไปก่อน พรุ่งนี้เจอกันที่สน. ... ผมไปก่อนนะครับคุณตั้ม”เขาส่งยิ้มให้ผมแบบนี้มันหมายความว่าอะไรกัน ผมต้องสะบัดสิ่งที่เขาพูดมาออกจากหัวผมให้หมด ไม่ๆๆๆๆๆๆ ก่อนที่ผมจะค่อยๆเดินไปที่ช่องเสียบบัตรทางเข้าอย่างทุลักทุเล หลังจากที่เดินเข้าไปด้านใน ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะเดินตามผมเข้ามาเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรออกไป เพราะบางทีความจริงมันอาจจะต่างจากสิ่งที่ผมคิด ขณะที่บันไดเลื่อนกำลังเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ เขากับเดินก้าวขึ้นมายืนที่บันไดขั้นเดียวกับผม ผมก็ได้แค่แอบเหลือบมองไปเท่านั้น ตอนนี้หลายๆสิ่งที่เพื่อนของเขาพูดไว้ มันทำให้ความรู้สึกผมปั่นป่วนไปหมด เมื่อขึ้นมาถึงชานชลาที่ผมจะต้องยืนรอรถไฟ ทำไมคนมันมากมายขนาดนี้ ผมจึงตัดสินใจเดินไปต่อแถว ที่ดูไม่ค่อยเป็นแถวสักเท่าไหร่ ยืนรอได้ไม่นาน รถไฟก็เคลื่อนมาเทียบที่ชานชลา  ยังไงล่ะครับ ประมาณคนในอยากรีบออกคนนอกอยากรีบเข้าเลยล่ะ แต่ในที่สุดผมก็สามารถย่างกรายเข้ามาอยู่ในขบวนได้สำเร็จ แต่ก็อย่างว่าเขาคนนั้นก็เดินตามผมเข้ามา พร้อมกับผู้โดยสารอีกหลายๆคนที่ต่างพากันเบียดเสียดเข้ามาจนแทบจะไม่มีที่จะให้ยืน กลายเป็นว่าตอนนี้ตัวผมแนบชิดกับตัวของเขามาก เขายื่นมือมาโอบที่ตัวของผมไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร แต่ตอนนี้มันทำให้ผมเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของเขา ผมได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เมื่อรถไฟเคลื่อนขบวนผมกับเห็นสายตาบางคู่ที่กำลังจ้องมองมาทางผมกับเขา มันยิ่งทำให้ผมได้แต่ยืนก้มหน้าทำอะไรไม่ถูกจริงๆ  ในตอนนี้ผมกำลังยืนโดยที่ไม่ได้จับอะไรยึดเหนี่ยวไว้เลย และด้วยความพิการของผมในเวลานี้ทำให้เวลารถไฟจอดเทียบชานชลา ผมไม่สามารถบังคับตัวเองให้ยืนอยู่โดยไม่เซได้
ชิบหายละ!!!! ปากผมดันไปจูบกับปากของเขา ผมนี่แม่งทำไมทำให้เกิดแต่เรื่องว่ะเนี้ย สายตาจากเดิมที่มองผมหนักอยู่แล้วยิ่งมองผมหนักเข้าไปอีก “ผ...ผมขอโทษ” ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ทำไมกว่าจะถึงทองหล่อมันนานขนาดนี้  ผมได้แต่ยืนก้มหน้า สะกดจิตใจตัวเองให้นิ่งเข้าไว้
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 3)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-08-2019 10:21:11
 :pig4:
 o13
 :3123:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (Chapster4)​
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 25-08-2019 09:43:17
Chapster 4


เป็นเช้าอีกหนึ่งวันที่ผมต้องฝืนลุกขึ้น จากสภาวะร่างกายที่ยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก ฤทธิ์ของยาที่ผมทานไปก่อนนอนมันยังค้างคาและออกฤทธิ์อยู่เป็นเนืองๆอย่างไม่หยุด และยิ่งหลังฝ่ากลุ่มมวลชนที่ต่างเร่งรีบในยามเช้ามาแล้วนั้น มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยคูณสองเลย
   “หมอตั้มค่ะ เดี๋ยวตอน 9 โมง หมอตั้มมีประชุมที่ห้องประชุมเล็กนะคะ เกี่ยวกับเรื่องคดี เลยทำให้คิวลงตรวจของหมอตั้มย้ายไปเป็นช่วงบ่ายนะคะ ” พยาบาลสาวหน้าเคาท์เตอร์บอกกับผม ผมก็ได้เพียงแต่พยักหน้าและตอบขอบคุณเธอไปก็เท่านั้น  เมื่อผมยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เหลือเพียงแค่ 20 นาที เท่านั้นก่อนเข้าประชุม ผมจึงไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปเก็บของแล้วขึ้นไปรอยังห้องประชุมทันที  แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมกลับกลายเป็นว่าทุกคนมานั่งรอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา กลายเป็นว่าผมเป็นคนสุดท้ายที่มาช้า แต่ที่ตกใจไปกว่านั้นก็คือ นายชัช กับคุณปวีณ แค่ชื่อเรียกก็สองมาตรฐานแล้ว ยังไงล่ะผม
   “ไม่ต้องตกใจหรอกหมอตั้ม มานั่งก่อน พวกเราแค่เข้ามานั่งรวบรวมเอกสารต่างๆที่เรามี ให้พร้อมก่อนเข้าประชุมจริงน่ะ”ท่าน ผอ.พูดบอกกับผมอย่างยิ้มแย้ม “แล้วนี่อาการที่เกิดจากอุบัติเหตุดีขึ้นเยอะหรือยัง” ท่านถามผมอีกครั้ง
   “ก็ดีขึ้นตามลำดับครับ แต่ก็ยังมีปวดๆอยู่บ้าง”ผมตอบกลับพร้อมกับลงนั่งข้างๆหมอแพรวกับหมอเอก
   “สวัสดีครับหมอตั้ม เราเจอกันอีกแล้วนะครับ” ปวีณพูดขึ้นด้วยอารมณ์ที่ยิ้มแย้ม ผมก็ได้เพียงทักทายกลับตามมารยาทเพียงเท่านั้น
   “งั้นเรามาเริ่มประชุมกันเลยดีมั้ยครับ”หมอเอกพูดเปิดขึ้น ท่านผอ.เห็นตามนั้นจึงเริ่มเปิดการประชุมขึ้นในทันที
   “คือจริงๆแล้วที่ผมนัดขึ้นมาประชุมวันนี้ก็เพื่อที่จะสรุปรายละเอียดการชันสูตรที่เคยได้กระทำไว้ก่อนหน้า แล้วก็จะได้แจ้งกับท่านผู้หมวดทั้งสองด้วยว่า แพทย์ที่จะทำการชันสูตรจะมีการเปลี่ยนตัว จาก แพทย์หญิงวีรวัลย์ มาเป็น นายแพทย์ ธีร์ เพราะเนื่องจากผมเห็นว่า ในการทำการชันสูตรแต่ละครั้ง มักจะใช้เวลาและมักจะมีความกดดันสูง ผมกลัวว่าแพทย์หญิงวีรวัลย์ จะกดดันจากการทำงานมากเกินไป ผมเลยจะให้แพทย์หญิงวีรวัลย์ ชี้แจงถึงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้ทำการชันสูตรเอาไว้ในเคสก่อนหน้าให้นายแพทย์ธีร์ และผู้หมวดทั้งสองรับทราบอีกครั้ง
   “งั้นแพรวขอเริ่มเลยนะคะ เคสแรก ผู้ตายชื่อว่าดาบตำรวจตรีพงศธร กลัดนิล อายุ 36 ปี ถูกฆาตกรรมในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 สันนิฐานเวลาตายคือ 20.00-00.00 น.สภาพศพของผู้ตายถูกตัดมือทั้งสองข้าง และถูกตัดอวัยวะเพศ และจากการชันสูตร สภาพศพของผู้ตายไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ หรือบาดแผลฟกช้ำภายในร่างกาย แต่พบว่าผู้ตายถูกฆาตกรฉีดยานอนหลับและยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อให้กล้ามเนื้อหยุดหายใจ   
เคสที่2 ผู้ตายชื่อว่าจ่าสิบตำรวจอนุชา เฟื่องจันทร์ อายุ 30 ปี ถูกมาตกรรมในวันที่  12 มกราคม 2562 สันนิฐานเวลาตาย อยู่ที่ช่วง 18.00 – 22.00น. สภาพศพของผู้ตายถูกตัดมือทั้งสองข้างและอวัยวะเพศเหมือนกัน  แต่ในเหยื่อรายนี้ พบว่าบริเวณศรีษะถูกทุบด้วยของแข็ง มีปากแผลกว้าง 4 ซม. และซี่โครงขวาหัก 2 ซี่ ค่ะ
เคสที่ 3 ผู้ตายชื่อว่า สิบตำรวจโทเอกพันธ์ วันวิลาศ อายุ 33 ปี ถูกฆาตกรรมในวันที่ 22กุมภาพันธ์ 2562 สันนิฐานเวลาตาย อยู่ที่ช่วง 20.00 – 00.00น. สภาพศพของผู้ตายก็ถูกตัดมือทั้งสองข้างและอวัยวะเพศเหมือนกัน  แต่เหยื่อรายนี้ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยการฉีดยา แต่เป็นการให้เหยื่อทานสารพิษที่ชื่อว่า Potassium cyanide โดยเหยื่อรายนี้ถูกมัด ที่แขนและขาก่อนที่จะถูกฆาตกรรม
เคสที่ 4 ผู้ตายชื่อว่าร้อยตำรวจตรีเผ่าพันธุ์ อเนกประการ อายุ 28 ปี ถูกฆาตกรรมในวันที่ 9 เมษายน 2562สันนิฐานเวลาตายอยู่ที่ช่วง 14.00 – 18.00 น. สภาพศพของผู้ตายก็ไม่ต่างจากรายแรกๆ คือโดนตัดมือและอวัยวะเพศเหมือนกัน  แต่ยังพบร่องรอยการทุบตีทั่วบริเวณร่างกาย
แขนซ้ายของผู้ตายหัก กระดูกซี่โครงซ้ายหัก 4 ซี่  และจากร่องรอยจากการชันสูตร ผู้ตายขาดอากาศหายใจเนื่องจากถูกแขวนคอ มากกว่าที่จะเสียเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
   และเคสสุดท้าย ผู้ตายชื่อว่า ร้อยตำรวจตรี มนตรี อนุศรีวรกุล อายุ 30 ปี ถูกฆาตกรรมในวันที่ 3 สิงหาคม 2562 สันนิฐานเวลาตายอยู่ที่ช่วง 22.00 – 03.00 น. สภาพศพของผู้ตายรายนี้ ตายเพราะขาดอากาศหายใจเนื่องจากการจมน้ำ แต่ก็ยังถูกตัดมือและอวัยวะเพศเช่นเดิม และบางส่วนกำลังอยู่ในการชันสูตร ว่าผู้ตายได้ถูกให้ทานสารพิษอะไรเข้าไปหรือเปล่าค่ะ อีกไม่นานก็คงจะทราบผล”
   “ครับ จากที่ผมฟังทางหมอแพรวพูด เหยื่อส่วนมากของฆาตกรรายนี้ จะเป็นตำรวจ ส่วนสถานที่ที่พบศพนะครับ จะกระจัดกระจาย อยู่ในบริเวณเขตปริมณฑล อย่างเหยื่อรายแรก ถูกพบศพที่เขตป่ารกร้างแถวนนทุบรี  เหยื่อรายที่สอง ถูกพบที่กองเผาขยะในเขตกรุงเทพ เหยื่อรายที่สาม ถูกพบที่โกดังเก่าแถวสมุทรปราการ  เหยื่อรายที่สี่ถูกพบที่ บริเวณตึกร้างในเขตกรุงเทพ และเหยื่อรายสุดท้าย พื้นที่รกร้าง ในจังหวัดปทุมธานี จะสังเกตว่าในแต่ละที่ที่ฆาตกรนำศพไปทิ้งนั้นจะเป็นพื้นที่ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด หรือเป็นพื้นที่ตาบอด และที่สำคัญฆาตกรมักจะส่งข้อความไปยังเครื่องของญาติของผู้ตาย และสถานที่ๆส่งข้อความก็คือพื้นที่ที่เหยื่อถูกนำไปทิ้ง จากที่ทางตำรวจพยายามตรวจสอบหารอยนิ้วมือ หรือสารคัดหลั่งที่นอกเหนือจากของผู้ตายก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ และที่สำคัญมากไปกว่านั้น อวัยวะที่ถูกตัดทิ้ง ทั้งมือและอวัยวะเพศ จากการค้นหารอบๆบริเวณ ก็ตรวจหาไม่พบ ตอนนี้จากที่ผมทราบมา เรายังไม่สามารถหาหลักฐานสาวถึงตัวฆาตกรรายนี้ได้ เพราะฆาตกรไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้กับศพหรือบริเวณที่พบศพเลย” หมวดชัชกล่าว
   “ถ้าเราลองมองเหตุการณ์พวกนี้ดีๆ จะสังเกตว่าฆาตกรเป็นคนที่มีความรู้ทางด้านการใช้ยาและอุปกรณ์เป็นอย่างดี จากรูปที่ผมเห็น ร่องร่อยการตัดมือหรือเฉือนอวัยวะเพศ บาดแผลมันดูเรียบร้อยเกินกว่าที่บุคคลธรรมดาจะสามารถกระทำได้ และฆาตกรต้องมีเวลามากพอถึงจะกระทำการพวกนี้ได้ทัน”ผมพูดเสริม
   “พอได้ยินหมอตั้มพูดแบบนี้มันทำให้ผมนึกได้ว่า จากรายงานที่เคยได้รับ เหยื่อจะหายไปจากที่ทำงานหรือบ้านพักก่อนเป็นเวลา 3- 4 วันก่อนที่จะพบอีกทีว่ากลายเป็นศพ ฆาตกรคงมีการวางแผนล่วงหน้า แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าฆาตกรหลอกล่อเหล่าตำรวจพวกนี้ออกไปหาง่ายๆได้ยังไง
และจากการสอบถามบุคคลรอบข้าง ก็ไม่มีใครทราบถึงคนที่ตำรวจพวกนี้ออกไปพบ เราได้สอบปากคำญาติ คนใกล้ชิด และบุคคลที่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไร”หมวดปวีณกล่าว และจากที่ผมนั่งฟังการประชุม ทุกฝ่ายก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าฆาตกรเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ก็คิดว่านี่เป็นอีกคดีหนึ่งที่ไม่ง่าย ทั้งสำหรับผมแล้วผู้หมวดทั้งสอง พวกเราใช้เวลาการประชุมไปร่วมชั่วโมงกว่า ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ส่วนผมที่ก็รวบรวมเอกสารชันสูตรที่แพรวจัดเตรียมมาไว้ให้ผม
   “ต่อไปนี้ก็เป็นหน้าที่ของตั้มแล้วนะ แพรวฝากด้วย”แพรวพูดพลางช่วยรวบรวมเอกสาร
   “แล้วนี่หายไปไหนมา วันสองวันนี้ไม่เห็นหน้าเลย”ผมถามขึ้น
   “ก็ชันสูตรศพนี่ล่ะ แล้วก็พยายามตรวจหาข้อสงสัยประเด็นอื่นๆด้วย ญาติผู้เสียชีวิตรายนี้เขายังไม่ค่อยเชื่อกับผลชันสูตรเท่าไหร่”ใบหน้าของแพรวบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
   “เดี๋ยวหลังจากนี้ ตั้มรับหน้าที่ต่อเอง แพรวจะได้พักเต็มที่สักที”หลังจากที่รวบรวมเอกสารเสร็จกำลังที่จะเดินออกไป แพรวกับพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมถึงกับต้องหยุดชะงัก
   “ตาลบอกเรื่องที่แพรวคุยกับตาลให้ตั้มฟังแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่มีความมั่นใจนั้น มันทำให้ผมยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก แต่ในเวลานั้นผมคิดว่าผมควรจะพูดกับเธอไปตรงๆ
   “บอกแล้วล่ะ...แล้วตั้มก็ไม่ได้คิดอะไรกับแพรวแบบนั้น ตั้มไม่ได้รักแพรวแบบคนรักกัน ตั้มรักแพรว...แบบเพื่อน”ผมหันหลังกลับมาพูดกับเธอ “ขอโทษนะ” ผมทิ้งคำพูดสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกไป ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันทำร้ายความรู้สึกของแพรว แต่ผมก็ไม่อยากปล่อยเอาไว้ให้มันคาใจตัวผมเองอีกต่อไป ผมไม่รู้ว่าหลังจากที่ผมเดินออกมา แพรวจะมีความรู้สึกแย่มากกว่าเดิมขนาดไหน แล้วความเป็นเพื่อนของผมกับเธอจะยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่มั้ย มันทำให้ผมคิดไม่ตก
   หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ผมก็ยังคงพอที่จะมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวรลงตรวจของผม ซึ่งปกติผมจะไม่ค่อยมีเวลาแบบนี้เท่าไหร่นัก จึงไม่พ้นที่จะเดินไปยังศูนย์อาหารในโรงพยาบาลที่ผมห่างหายจากมันมาเป็นเวลานาน  ผมมองเห็นร้านเจ้าประจำที่ผมเคยมาอุดหนุนในช่วงที่ผมมาอยู่โรงพยาบาลนี้ใหม่ๆ และร้านนี้ ก็ยังคงเอกลักษณ์อาหารแบบเดิมๆ คือขายแต่อาหารที่มีรสชาติแบบที่เด็กสามารถรับประทานได้ทุกอย่าง คือไม่มีอาหารรสชาติเผ็ดเลยนั้นเอง
   “ไม่ได้มาซะนานเลยนะคะคุณหมอ”เสียงที่ดูใจดีถามผม
   “ครับป้า ผมติดเคสคนไข้ เลยไม่ค่อยได้ลงมาทานหรอกครับ”ผมพูดตอบเธอพร้อมกับมองอาหารในตู้ที่วางอยู่เต็มไปหมด “ผมขอผัดผักรวมแล้วก็หมูทอดนะครับ” นี่ล่ะครับเมนูโปรดของผมล่ะ
   “ขอแบบนี้เพิ่มอีกจานด้วยครับ”เสียงที่ผมคุ้นเคยพูดแทรกขึ้นมาทางด้านหลังของผม
   “คุณชัช” กลายเป็นเขาอีกแล้ว ทำไมผมกับเขาถึงได้บังเอิญมาเจอกันบ่อยจัง “คุณยังไม่กลับ สน.หรอครับ หรือว่ายังมีเรื่องอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า”

--อาหารได้แล้วจ้ะ—

   คุณป้าขายอาหารส่งเสียงบอกพร้อมกับยื่นจานอาหารเหล่านั้นมาให้กับผม
   “นี่ครับ...จ่ายทั้งสองจานเลยนะครับ”เขารับจานอาหารพร้อมกับยื่นเงินให้ป้าในร้านทันที
   “เดี๋ยวผมจ่ายเองไม่เป็นไร”แต่ก็เหมือนทุกทีนั้นละครับ ที่คำพูดของผมเป็นเหมือนสายลมที่ผ่านไปกระทบหูของเขาเท่านั้นเอง
   “ไม่ครับ...ผมอยากเลี้ยงคุณ”เขาหันมาพูดใส่ผมก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะว่างบริเวณแถวหน้าร้าน ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งสิครับ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาคนนี้กำลังทำ มันมีความหมายหรือจุดประสงค์อะไร “เหม่ออะไรครับ...มานั่งทานด้วยกันสิ” เขาทำภวังค์ผมแตกซ่านอีกแล้ว แล้วทำไมเขาต้องยื่นหน้ามาพูดใกล้ผมด้วย
   “ค...คุณทำแบบนี้เดี๋ยวคนอื่นเขาก็เข้าใจผิดหมดหรอก”ผมพูดด้วยอารมณ์เขินอายและตกใจสุดๆก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะ
   “นี่...ของชอบของคุณ”เขาเลื่อนแก้วน้ำมาให้กับผม และสิ่งที่แปลกอีกอย่าง เขารู้ได้ยังไงว่าผมชอบทานโกโก้ “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมชอบทาน...คุณ… นี่...น่ากลัวชะมัด” เขาก็ได้แต่นั่งนิ่งไร้ความรู้สึก ผมจึงไม่อยากสนใจอะไรมากนัก ก็กลายเป็นต่างคนก็ต่างทานอาหารของตัวเองไป แต่ทว่า
   “นี่ พี่ชัช หนุ่มcleo ใช่มั้ยค่ะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเดินมากับเพื่อนพูดขึ้นอย่างดีใจ แต่เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ นายชัชคนนี้เนี้ยนะ เป็นหนุ่มคลีโอ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่อง
   “พวกหนูขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ”เสียงของหญิงสาวทั้งสองที่ต่างพากันขอร้องที่จะถ่ายรูปกับชัช แต่เจ้าตัวกลับทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่จะทำอะไรได้ ยังไงก็ต้อง keep look ที่เป็นคนของประชาชนไว้อยู่ดี แต่ก็ยังหารอยยิ้มบนใบหน้าไม่เจอน่ะนะ
   “คุณหมอช่วยถ่ายให้พวกหนูสองคนหน่อยได้มั้ยคะ” ซะงั้น...ผมกลายเป็นตากล้องจำเป็นไปซะแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร การมอบความสุขก็เป็นหน้าที่ของผมอย่างหนึ่งเหมือนกัน เต็มใจ... หลังจากถ่ายรูป ดูผู้หญิงสองคนนั้นจะเป็นปลื้มเอามากๆ ต่างเปิดรูปชื่นชมกันใหญ่ (ขนาดหน้านายแบบบึ้งแบบนั้นเนี้ยนะ) ก่อนที่จะอำลาแล้วเดินจากไป
   “เป็นคนดังก็ไม่บอก...แอบซุ้มนะคุณน่ะ”ผมแซวขึ้น
    “ก็เเค่ตำแหน่งที่ผมไม่ได้อยากได้ ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับผม แล้วอีกอย่าง...ผมก็ไม่ใช่หุ่น ที่ใครเห็นอยากจะเข้ามาจับ ก็จับ อยากจะเข้ามาทำอะไรก็ทำ ”
   “แต่พวก เขารักคุณ คุณก็ต้องมีความสุขสิ...พวกเขาต้องการรอยยิ้มจากคุณ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรคุณถึงดูเศร้า...แต่ผมว่าเวลาคุณยิ้มน่ะ คุณดูน่ารักนะ...รู้รึเปล่า” เขากลับเงยหน้าขึ้นมามองผม  “ขนาดผมเป็นผู้ชายเหมือนกับคุณ รอยยิ้มคุณเมื่อวาน ผมยังว่ามันน่ารักเลย”  ตอนนั้นไม่รู้ว่าในหัวของผมคิดอะไร ผมสลับแก้วน้ำของผมกับเขา ถึงแม้ว่าผมจะดูดมันไปบ้างแล้วก็ตาม
   “เห็นเขาบอกกันว่า...ถ้าเราทานช็อกโกแลตหรือโกโก้...มันจะทำให้เรามีความสุข...งั้น...ผมขอเอาความสุขของผมให้คุณ...ส่วนเจ้าชาเขียวแก้วนี้ ผมจัดการเอง”เมื่อผมพูดจบผมก็ลงมือทานอาหารต่อโดยที่ไม่ได้สนใจคนตรงหน้าว่าเขานั้นเป็นยังไง เพราะตัวผมมันกลับเขินที่พูดแบบนั้นออกไป เลยต้องรีบแสร้งทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าแก้ขัด

“ผมทำอะไรลงไปว่ะเนี้ย”
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 4)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-08-2019 18:17:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครร้ายหว่า?
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 25-08-2019 21:10:12
:pig4: :pig4: :pig4:

ใครร้ายหว่า?

พึ่งเริ่มครับ อีกนิดก็จะรู้
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 4)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-08-2019 22:54:30
 :pig2:
 o13
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 4)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 26-08-2019 00:02:25
 :impress2: Story น่าสนุกและน่าติดตามอ่านต่อมากเลย เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 26-08-2019 05:19:05
:impress2: Story น่าสนุกและน่าติดตามอ่านต่อมากเลย เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ

ขอบคุณมากๆครับติชมกันได้นะครับ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 5)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 26-08-2019 08:42:42
Chapster 5


(พาร์ทของตาล)

   “พี่ตั้มคะ เดี๋ยวคืนนี้ตาลไปหานะคะ ตาลมีเรื่องอยากคุยด้วย”นี่คือสิ่งที่ตาลบอกกับพี่ชายค่ะ ตาลไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ตาลได้บอกกับพี่ตั้มไปวันนั้น มันจะมีผลในอนาคตยังไง แต่ถ้ามันทำให้พี่ชายของตาลมีความสุข ตาลก็ต้องทำ วันนี้ช่วงหัวค่ำ พี่แพรวเข้ามาหาตาลที่ร้าน แค่เพียงเห็นก็รู้ทันทีว่าคงไม่ใช่เรื่องมีความสุขแน่นอน
   “สวัสดีค่ะพี่แพรว แวะมาทานอาหารหรอคะ”ก็ถามไปตามมารยาทน่ะค่ะ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามาด้วยเหตุผลอะไรจากที่คาดเดา
   “ตาลพอมีเวลาว่างมั้ย พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย”
   “.......... งั้นพี่แพรวรอตาลแปปนะ เดี๋ยวตาลไปฝากงานกับพลก่อน เดี๋ยวมาค่ะ” ในช่วงเวลานั้นจะทำอะไรได้ล่ะคะ นอกจากจะต้องปลีกตัวเข้ามานั่งคุย เพราะยังไงพี่แพรวก็เหมือนพี่สาวที่ตาลรู้จักมานานคนหนึ่ง
   “พี่แพรวมีอะไรหรือเปล่าคะ...หน้าตาดูเครียดๆ”
   “........ ตาลได้บอกในสิ่งที่พี่คุยกับตาลให้ตั้มใช่มั้ย”
   “บอกค่ะ พี่แพรวก็อยากให้บอกอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ ถึงมาคุยกับตาล”
   “วันนี้ตั้มมาบอกกับพี่ว่า ยังไง...เราก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน มันคืออะไรตาล”น้ำเสียงสั่นเครือของพี่แพรวมันทำให้ตาลรู้ว่าพี่แพรวกำลังรู้สึกยังไง
   “ตาลเคยบอกกับพี่แล้ว ว่าพี่ตั้มเป็นคนยังไง หรือว่าพี่แกล้งทำเป็นไม่รู้...และสิ่งที่พี่กำลังทำ มันคือการบังคับ...ไม่ใช่ความรัก พี่เข้าหาทางพี่ตั้มไม่ได้ พี่ก็ให้ตาลช่วย ใช่ค่ะ ตาลยินดี แต่หลายๆครั้งที่พี่สารภาพกับพี่ตั้มว่าพี่คิดอะไร พี่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่พี่ก็ยังทำ ทำเพื่อให้ตัวเองเจ็บ..ตาลว่าพี่หยุดเถอะ ” ตาลไม่รู้ว่าสิ่งที่ตาลพูดออกไปมันจะกระทบจิตใจของพี่แพรวแค่ไหน แต่ถ้าในเมื่อพี่ชายของตาลพูดไปแล้ว ตาลก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งโกหกหรือช่วยอะไรพี่แพรวอีก
   “ตาลรู้ใช่มั้ยว่าพี่รักตั้มมาก...รักมานานมาก...พี่อยากให้เขามาเป็นปัจจุบันของพี่...เป็นอนาคตของพี่...ช่วยดึงพี่ให้พ้นจากอดีตที่เลวร้าย แต่เขากลับไม่เคยมองเห็นถึงความรักที่พี่มีให้เลย”
   “พี่แพรวคิดไปกันใหญ่แล้วค่ะ...ก็เพราะรักไงค่ะพี่ตั้มถึงบอกกับพี่ตรงๆ ไม่ต้องให้พี่มานั่งคิดเอง...และตัวพี่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเข้าหา พี่เคยบอกกับตาลเอง  ว่ามีคนมาคอยตามจีบพี่...ตื้อพี่ แต่เป็นพี่ที่ไม่สนใจ นี่ล่ะค่ะความรัก ยิ่งต้องการ ก็ยิ่งสูญเสีย” ตาลก็ไม่รู้ว่าบทสรุปเรื่องนี้ระหว่างตาลกับพี่แพรวมันจะเป็นยังไง ตาลแค่อยากให้พี่เขาเข้าใจ เข้าใจในความเป็นจริง ไม่ใช่เข้าใจในสิ่งที่พี่เขาคิดไปเอง “ถ้าพี่แพรวไม่มีอะไรแล้ว ตาลขอตัวนะค่ะ” ตาลคงจะทำสิ่งที่เสียมารยาทที่สุด แต่ถึงให้ตาลนั่งต่อไป มันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น หลังจากที่ตาลลุกมาทำงานต่อได้ไม่นาน พี่แพรวก็เดินออกไปจากร้านอย่างเงียบๆ ไม่แน่ พี่เขาอาจจะกำลังทำใจอยู่ก็เป็นได้
      
         ...

ตั้ม   
- - - ก๊อก ก๊อก ก๊อก - - -

   “ทำไมวันนี้มาถึงเร็วล่ะ เคลียงานที่ร้านเสร็จแล้วหรอ” ผมทักทายเธอตามปกติ
   “เหลืออีกนิดหน่อยน่ะค่ะ ตาลให้พลจัดการต่อแล้ว” จากคำพูดที่ได้ยิน เธอดูไม่ค่อยสดใสเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
   “มาๆนั่งก่อน แล้วนี่ทานอะไรมารึยัง พี่มีเมล่อน พึ่งซื้อมาวันนี้เอง เอามั้ย” ผมพยายามทำให้เธอมีความสุข เพราะเธออาจจะเครียดกับงานที่ร้านมาก็ได้
   “ก็ดีค่ะ”
“งั้นรอแปบ เดี๋ยวพี่ไปจัดการให้” ผมจึงเดินกลับไปยังห้องครัว เพื่อจัดเตรียมเมล่อนให้กับเธอ ผมบอกก่อนนะว่า สกิลการทำอาหารหรือแม้กระทั่งหั่นผลไม้ ของผมนี่เป็นศูนย์ แต่ผมก็เต็มใจที่จะทำ (พี่ชายที่แสนดีมั้ยล่ะ 555)
 “พี่ตั้มค่ะ” ตาลเดินเข้ามาหาผมที่กำลัง จัดการกับเปลือกเมล่อนอย่างเก้ๆกังๆ “วันนี้พี่แพรวมาคุยกับตาลที่ร้าน...เรื่องพี่”
“..............” ผมได้แต่ยืนนิ่ง เมื่อได้ยินเรื่องราวแบบนี้อีกครั้ง
“พี่แพรวบอกว่า พี่บอกไม่ชอบเธอ คบกับเธอเป็นแฟนไม่ได้ แต่ตาลเข้าใจพี่ค่ะ ตาลก็เลยเคลียร์กับพี่แพรวไปยกใหญ่ จนบางทีคิดว่า...สิ่งที่ตาลพูด...มันรุนแรงกับความรู้สึกของพี่เขาไปหรือเปล่า”
“..................”  ผมควรทำยังไง สิ่งที่ผมคิดว่ามันจะดีผมก็ทำมันไปหมดแล้ว “ตาลไปนั่งเถอะ...เดี๋ยวพี่ยกผลไม้ไปให้” ผมหันมาพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าผมจะต้องฝืนมันออกมาก็ตาม ไม่นานนัก ผลไม้ที่ผมพยายามตัดตกแต่งให้เธอก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่ผมจะวางไปให้ตรงข้างหน้าของเธอ
   “ตาล...ความรักที่เขาเรียกกัน...มันเป็นยังไงหรอ” ผมถามขึ้นพลางนั่งลงข้างๆ
   “เป็นยังไงหรอค่ะ...ตาลก็บอกพี่ไม่ได้...แต่พี่จะรู้สึกมันเอง รู้สึกมากกว่าที่พี่เคยรู้สึก ”    
“...................” ผมก็เพียงได้แต่ฟังแล้วก็คิดตามคำพูดของเธอ ความหนักอึ้งในใจของผม ตอนนี้มันกำลังถาโถมเข้ามาหาผม จนแทบจะต้านเอาไว้ไม่ไหว “พี่อาจจะต้องเสียเพื่อนที่ดีอย่างแพรวไป... ก็พี่รักเขาแบบนั้นไม่ได้จริงๆ “
“มีพบ...ก็ต้องมีจาก มันเป็นสัจธรรมค่ะ...แต่อาจจะมีบางเรื่องบางเหตุผลที่สัจธรรมพวกนี้อาจจะใช้ไม่ได้ก็ได้นะค่ะ” แค่ตอนนี้ผมมีน้องสาวที่รักผม เป็นคนคอยให้กำลังใจผม แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว


      ...

เริ่มต้นวันใหม่ พร้อมกับงานและหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น เป็นแพทย์ใครว่าจะสบายล่ะครับ ความรับผิดชอบมันมากมายนัก ตั้งแต่เช้าที่ผมมาทำงาน ก็ยังไม่ได้หยุดกับการลงตรวจคนไข้ แต่มันคืออาชีพที่ผมรัก เคยคิดจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ทำไม่ได้ซักที แต่เนื่องจากช่วงนี้ หลังจากที่ผมมีหน้าที่เพิ่มขึ้น ทางผอ.เลยมีคำสั่งให้ผมลงเวรตรวจแต่ช่วงเช้า เพราะเผื่อมีเหตุฉุกเฉินที่จะต้องไปปฏิบัติจะได้ไม่มีผลกระทบต่อคนไข้ที่เป็นเคสของผม มันก็เลยทำให้ผมมีเวลาที่จะทำอะไรได้มากขึ้นด้วย
“คุณหมอตั้มคะ” เสียงใสที่ผมคุ้นเคยตะโกนเรียกผมมาแต่ไกล แถมยงวิ่งกระหืดหระหอบเข้ามาหาผมอีกตะหาก “ดาวิ่งตามหาคุณหมอตั้งนาน โอ๊ย เหนื่อยมาก” เธอพูดไปหอบไป น่าสงสารซะจริง   
“ผมก็อยู่ไม่กี่ที่หรอก นี่ไปทานข้าวมา มีอะไรรึเปล่า”
“นี่ค่ะ”
เธอยื่นซองๆหนึ่งมาให้ผม รูปแบบหน้าตาซองแบบนี้สำหรับผมมันดูคุ้นๆ แล้วก็เป็นไปตามที่คิด มันเป็นการ์ดงานแต่งงาน ของเธอกับแฟน
   “การ์ดงานแต่ง...สายย่อของหมอจะแต่งงานกับเขาด้วย”
   “คุณหมอก็...ดาก็ไม่ได้ขนาดนั้นมั้ยคะ ที่เห็นมันเป็นภาพลวงตาค่ะ ตัวจริงเรียบร้อยขนาด” ภาษาถิ่นชาวเหนือก็มา เธอดูดีออกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอเคยมาปรึกษากับผมว่า ทำไมแฟนของเธอถึงไม่ขอเธอแต่งงานสักที แล้วผมจะไปตอบอะไรได้ล่ะครับ แฟนสักคนผมยังไม่เคยมีเลย
   “แต่ทำไมมันกระชั้นชิดจัง อีกแค่สองวันเอง มีเวลาเตรียมตัวหรอ”
   “สำหรับดา ไม่ต้องใช้เวลาเตรียมเยอะค่ะ สวยอยู่แล้ว” คำตอบที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะแห่งความมั่นใจของเธอ “คุณหมอต้องมาร่วมงานให้ได้นะคะ คุณหมอเป็นแขกคนสำคัญของดาเลย ถ้าไม่มา ดาโกรธคุณหมอจริงๆนะ” เธอกำชับเสียงเข้ม
   “ก็ถ้าไม่ได้ติดเคสหรือติดอะไร หมอก็จะไป” ก็ต้องตามนั้นล่ะครับ เพราะตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าอีกสองวันข้างหน้า มันจะมีอะไรรอคอยให้ผมทำอยู่รึเปล่า
   “หวังว่าคุณหมอจะมาได้นะคะ” เธอพลางก้มดูเวลาที่ข้อมือ ก่อนที่จะดูตกใจๆนิด “งั้นดาไปก่อนนะคะ วันนี้ดาเป็นผู้ช่วยหมอเอก เดี๋ยวโดนเชือด” เธอรีบพูดบอกลา ก่อนที่จะหันหลังวิ่งกลับไป “คุณหมอคะ ธีมงานเป็นสายแว๊น สายย่อนะคะ แต่งแซ่บๆไปนะคะคุณหมอ”เธอก็ยังอุตส่าห์หลังกลับมาบอกธีมงานกับผมอีก ถ้าวิ่งชนอะไรเข้าผมจะยืนขำให้อายไปเลย แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ เห็นอย่างนี้ เธอครองรางวัล พยาบาลยอดเยี่ยม เกือบทุกเดือนที่มีการจัดโพลกันเลยทีเดียว
   ผ่านไปไม่นานหลังจากที่ผมแยกย้ายกับพยาบาลสาวสายย่อ ก็ต้องมีเหตุให้ผมต้องเริ่มภารกิจของหน้าที่ที่ผมพึ่งได้รับมาสดๆร้อนๆ
   “สวัสดีครับ หมวดปวีณ” ใช่ครับ หมดปวีณ เข้ามาหาผมยังห้องทำงานกันเลยทีเดียว “วันนี้มีอะไรคืบหน้าหรือเปล่าครับ ถึงมาหาผมถึงที่”
   “คุณหมอนี่เหมือนมี sense นะครับ...ถูกเผงเลย” แซวผมกลับซะอย่างนั้น ก่อนที่จะหย่อนก้นนั่งลงตรงหน้าผม “ใช่ครับ ผมจะมาขอพาตัวคุณหมอ ไปยังที่พบศพของเหยื่อรายล่าสุด เพราะตอนนี้เริ่มมีความคืบหน้าแล้วครับ”
   “มีความคืบหน้าหรอครับ...งั้น...เราไปกันเลยก็ได้ครับ” ผมรีบจัดการเก็บแฟ้มเอกสารรายงานคนไข้ก่อนที่จะคว้ากล้องที่อยู่บนโต๊ะติดมือออกไปด้วย หมวดปวีณไม่รอช้าที่จะรีบเร่งขับรถพาผมไปให้ทันเวลาที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่อยู่ที่พื้นที่รกร้าง จังหวัดปทุมธานี
   “ที่บอกผมว่าเริ่มมีความคืบหน้า มันคืออะไรหรอครับ”ผมถามขึ้นอย่างสงสัย
   “ครับ ได้มีเจ้าหน้าที่โทรมาบอกผมว่าได้พบมีดและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดมือและอวัยวะเพศของศพ อยู่ห่างจากจุดที่พบศพ และวงล้อมที่เรากั้นไว้ไปอีก 50 เมตรครับ เพราะมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเห็นว่ามีรอยเลือดที่หยดเป็นทางออกไปในบริเวณนั้น น่ะครับ ตอนนี้ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่เลยขยายวงในการค้นหาหลักฐานให้กว้างขึ้นน่ะครับ”
   จากสิ่งที่หมวดปวีณบอกกับผม มันทำให้ผมมีข้อสงสัยในหลายๆประเด็นเกิดขึ้น ทั้งเวลาที่ฆาตกรใช้ในการฆ่าเหยื่อ เวลาที่มีคนพบศพ มันเหมือนกำลังขัดแย้งกับสิ่งที่หมอแพรวเคยอ่านผลชันสูตรให้ฟังตอนประชุม และเพียงไม่ถึง ชม. หมวดปวีณก็พาผมมาถึงยังสถานที่พบศพ ซึ่งตอนนี้กำลังมีเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงานกันอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึง เขาคนนั้น และซึ่งในสถานที่ๆผมยืนอยู่ ทั้งสองฝั่งถนนมีเพียงพื้นที่ที่ดูเป็นที่รกร้าง และป่ากกขึ้นอยู่ทั่วไปเป็นแนวยาวไปตามเส้นถนน  นานๆทีถึงจะมีรถวิ่งผ่านมาไปมาจากการสังเกตของผม  ไม่น่าล่ะครับฆาตกรถึงเลือกที่นี่เป็นที่ทิ้งศพหรือกระทำการ
   “นี่คืออาวุธที่ฆาตกรใช้ในการชำแหละศพ” ปรากฏเป็นหมวดชัช ที่เป็นคนยื่นหลักฐานชิ้นสำคัญนั้นมาให้กับผม
   ผมรับมา ก่อนที่จะตั้งใจจดจ่ออยู่กับอาวุธเหล่านั้น “อุปกรณ์พวกนี้ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในทางการแพทย์นี่ครับ”
   “ใช่ครับ ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกผมมาแบบนั้นเหมือนกัน ก่อนหน้าที่คุณจะมาถึง เจ้าหน้าที่ได้นำมีดพวกนี้ ไปตรวจปฏิกิริยาลูมินอล พบว่า ไม่ได้มีเลือดของคนเพียงคนเดียว แต่มีมากถึง 5 คน”
   “ถ้าอย่างงั้นก็แปลว่า ฆาตกรใช้อุปกรณ์พวกนี้ชำแหละศพของเหยื่อทุกรายสิครับ แล้ว นอกเหนือจากเลือด พบรอยนิ้วมือบนมีดเหล่านี้บ้างมั้ยครับ”
   “ไม่ครับ”
“ผมถามหน่อยสิครับ ว่าญาติของผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เขาได้ให้ปากคำอะไรกับทางคุณไว้บ้าง
    “ก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับทางเราเท่าไหร่ แทบจะไม่ได้อะไรเลยดีกว่า”เขาพูดด้วยท่าทีที่ดูเบื่อหน่ายอยู่บ้าง
    “ผมอยากไปพบเขา พาผมไปหน่อยได้มั้ย อยู่ที่นี่ผมก็ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้” เขายืนมองหน้าผมอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะยอมเอ่ยปากพาผมไป   
    “............. งั้นคุณไปรอผมที่รถ” ผมก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเลยล่ะครับ เพราะในหัวของผมตอนนี้ มันมีแต่คำว่า ทำไม เพราะอะไร อยู่เต็มไปหมด ถ้าผมได้รู้ข้อมูลบางอย่างที่เป็นประโยชน์ คดีนี้อาจจะถูกปิดได้โดยเร็ว ไม่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องมีตำรวจอีกกี่นายที่ต้องมาสังเวยชีวิตให้กับฆาตกรคนนี้
   
   หลังจากที่ใช้เวลา เกือบ 2 ชม เพื่อมาถึงบ้านของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย บ้านของเหยื่อตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งแถวถนนชานเมือง หมวดชัชจึงตัดสินใจจอดรถไว้บริเวณก่อนที่จะถึงหน้ารั้วบ้านของพ่อแม่ตำรวจรายนั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผมที่ต้องมาทำการแบบนี้ นอกเหนือจากการรักษาคนไข้ มันน่าตื่นเต้นเหมือนกันนะ ผมตัดสินใจเดินไปกดกริ่งที่หน้าบ้าน เพียงไม่นานก็มีผู้หญิงสูงวัยดูท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรเดินมา
   “มาหาใคร” ดูไม่เป็นมิตรจริงด้วย
   “คือผมเป็นหมอนะครับ ผมรับหน้าที่ให้ทำการชันสูตรพลิกศพ ร้อยตำรวจตรี มนตรี น่ะครับ แล้วที่ผมมาวันนี้ ผมแค่อยากจะมาสอบถามอะไรเพิ่มเติม สักหน่อย จะเป็นการรบกวนมั้ยครับ” ผมพยายามใช้น้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนมากที่สุด เพื่อเป็นการไม่ทำให้ญาติของเหยื่อรู้สึกไม่พอใจ
   “ชั้นไม่มีอะไรจะพูด ลูกชั้นตายไปแล้วจะมาเอาอะไรอีก พูดอะไรไปแล้วทำให้ลูกของชั้นกลับมาได้มั้ย ก็ไม่ได้...ทำไมตอนที่ลูกของชั้นหายไปไม่เห็นมีใครมาดูดำดูดีชั้นเลย”
   “ใช่ครับผมทำไม่ได้ ผมถึงต้องให้คุณช่วย ผมว่าถ้าถึงเวลาแบบนี้ คุณมนตรีลูกของคุณก็คงทำแบบพวกผมเหมือนกัน เขาเป็นตำรวจที่จริงจังกับงานไม่ใช่หรอครับ ถึงตอนนี้เขาไม่อยู่กับพวกเราแล้ว แต่ผมมั่นใจว่าเขาก็อยากจะช่วยพวกเราเหมือนกัน คุณไม่อยากช่วยลูกชายของคุณให้ปิดคดีนี้สำเร็จหรอครับ” ผมพยายามใช้คำพูดที่ผมคิดได้ในเวลานั้นให้เขาฟังแล้วดูนิ่มนวลที่สุด
   “ผมว่าเรากลับเถอะ คือเรา...............................” หมวดชัชพูดขึ้นมาไม่ทันสิ้นเสียง เราก็ได้รับคำตอบที่เหนือความคาดหมายออกมาจากแม่ของเหยื่อรายนั้น
   “เขามานั่งคุยกันข้างใน” น้ำเสียงของเขาดูเบาลงกว่าเมื่อกี้เป็นอย่างมาก ผมทั้งคู่จึงรีบพากันเข้าไปด้านในในทันที ความรู้สึกภายในบ้าน มันเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ทุกๆมุมในบ้านมีแต่รูปลูกชายเพียงคนเดียวของเขาตั้งอยู่เต็มไปหมด    
   “พวกคุณอยากถามอะไร ก็ถามมา”เธอยกน้ำมาวางให้กับเราก่อนที่จะนั่งลงที่โซฟาข้างๆ ผมเลยสะกิดให้ หมวดชัชเป็นคนถามคำถามเหล่านั้น
   “ผมแค่อยากถามน่ะครับว่า ก่อนวันเกิดเหตุ คุณมนตรี มีท่าทียังไงบ้างครับ แล้วหายออกไปจากบ้านตั้งแต่ช่วงเวลาเท่าไหร่  หรือถ้าคุณแม่มีรายละเอียดอะไรที่อยากจะเล่าให้พวกเราฟัง พวกเราจะขอบคุณเป็นอย่างมากเลยครับ”ไม่น่าเชื่อว่ามุมอ่อนโยนของนายหมวดชัชคนนี้จะดาเมจแรงขนาดนี้ น้ำเสียงดูต่างอย่างกับเป็นคนละคน ถือว่าเป็นบุญหูของผมเลยนะเนี้ย
   “ยิ้มอะไรของคุณ” เขาคงอายผมล่ะสินะ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 5)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 26-08-2019 09:10:51
ต่อ


“วันนั้นเป็นวันศุกร์ที่ 30 เมษายน ตามนมาบอกกับแม่ว่า วันนี้เขามีนัดทานข้าวกับคนๆนึง ที่รู้จักกันมาได้ไม่นานเท่าไหร่ ด้วยความที่เป็นแม่ ก็พยายามที่จะขอดูรูปของผู้หญิงคนนั้น แต่เขากลับบอกว่า เธอคนนั้นไม่ชอบให้ถ่ายรูป แต่ปกติเวลาเขาคบใคร เขามักจะพามาที่บ้านเพื่อให้พ่อกับแม่ได้รู้จัก แต่หน้าเธอคนนี้แทบจะไม่เคยได้เห็นเลย เวลาตอนประมาณ 1 ทุ่ม ผู้หญิงคนนั้นก็โทรเข้ามา เพื่อให้ตามนเดินออกไปหา แต่ปกติเวลาเขาออกไปไหน มักจะขับรถออกไปเองเสมอ ตอนที่เขาเดินออกไปหาผู้หญิงคนนั้น แม่ก็เลยคิดว่าจะเดินไปส่งเขา เผื่อจะได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นบ้าง แต่พอเดินออกไป เขากลับจอดห่างจากจุดที่พวกคุณจอดไปอีกหน่อย เขาขับรถคันสีแดง แต่ฟิล์มที่ติดรถของเขามันดำมาก
แต่พอได้แสงจากบริเวณนั้น ก็พอที่จะเห็นเค้าโครงหน้าบ้างแต่ก็ไม่ชัดสักทีเดียว เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงผมยาว ใส่หมวกปีกปิดหน้าเอาไว้ หลังจากที่เขาเดินไปขึ้นรถผู้หญิงคนนั้น แม่ก็เลยเดินเข้าบ้านมา และในช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เขาโทรเขามาหาแม่ บอกว่า วันนี้เขาจะนอนที่บ้านผู้หญิงคนนั้น แล้วเช้าเขาจะกลับไปเข้าเวรที่ สน.เลย แม่ก็เลยไม่ได้อะไรมากตอนนั้น พอวันเสาร์ ทางสน.โทรเข้ามาที่บ้านตอน 11โมง บอกว่า ตามนไม่ไปเข้าเวร ที่ สน. แล้วก็ติดต่อไม่ได้ แม่ก็เลยลองโทรไปหาเขา ก็ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน แม่เลยรีบโทรไปหา ต้นเพื่อนของเขาที่สน.บอกให้ช่วยโทรหามนตรีให้หน่อย ทางนั้นก็บอกกลับมาว่า ทุกคนลองโทรหมดแล้วไม่มีใครติดต่อได้ ทางนั้นก็เลยบอกกับแม่ว่า ต้นอาจจะแบตหมดกลางทางหรือว่าไปที่ไหนต่อกับผู้หญิงคนนั้น  แม่ก็พยายามไม่คิดมาก พยายามเชื่อในสิ่งที่ตำรวจพวกนั้นบอก แต่ผ่านไปวันก็แล้ว สองวันก็แล้ว ไม่มีการติดต่อกลับมาจากเขาเลย พอวันจันทร์ทุกคนเริ่มออกตามหาตามที่ๆเขาเคยไป ไปหาคนที่เขารู้จัก แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าไปไหน ทาง สน.ออกตามหากันตลอดทั้งวัน จนเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ได้มีข้อความส่งเข้ามาที่เครื่องของแม่ว่า เบอร์โทรศัพท์ของเขาสามารถติดต่อได้แล้ว แม่ก็เลยรีบโทรกลับไป แต่ก็ไม่มีคนรับ พยายามกดโทรอยู่เรื่อยๆจนมีข้อความหนึ่งส่งเข้ามาจากเบอร์ของเขาบอกว่า “ลูกของแกนอนเป็นศพอยู่ที่ป่ารกร้างแถวปทุมฯ”
ตอนนั้นแม่ตกใจมาก เลยรีบโทรหาต้นให้เขาจัดการ หลังจากที่เขาขับรถมาหาแม่แล้วบอกว่ารู้แล้วว่ามนตรีอยู่ที่ไหน เมื่อไปถึงที่ ก็มีรถมูลนิธิ รถตำรวจเต็มไปหมด สิ่งที่แม่เห็นก็คือร่างของเขา ที่อยู่ในชุดวันที่ออกไป แต่ไม่มีมือทั้งสองข้าง แล้วต้นก็เดินออกมาบอกกับแม่ว่า มนตรีเสียเพราะขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ และที่สำคัญ อวัยวะเพศของเขาถูกตัดออกไป” น้ำเสียงของคุณแม่ที่เล่าออกมา มีทั้งความทุกข์ใจ เศร้าใจ เสียงสะอื้น และน้ำตาที่ไหลออกมา มันทำให้ผมที่เห็น แทบที่จะทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้ว่าผมจะเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ที่โรงพยาบาลมาก็ตาม แต่ทำไมผมถึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดกับเหตุการณ์มากกว่าก็ไม่รู้
   “ขอบคุณๆแม่นะครับที่ยอมบอกเล่าให้ผมฟัง เดี๋ยวผมจะไปขอดูกล้องวงจรปิดจากหมู่บ้านในวันและเวลาที่คุณแม่บอก เอาไว้ เราจะรีบดำเนินการและจับกุมฆาตกรรายนี้ให้ได้เร็วที่สุด ผมสัญญา” คำพูดจริงจังที่ออกมาจากปากของหมวดชัช มันจะทำให้แม่ของเหยื่อรายนี้ ดีขึ้นบ้างหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ  หลังจากที่ใช้เวลาในการพูดคุยไปนานพอสมควร ออกมาอีกทีฟ้าก็เริ่มมืดไปซะแล้ว
   “ขอบคุณๆนะ ที่ทำให้ผมได้ข้อมูลอะไรสำคัญๆอีกเยอะเลย”
   “จะขอบคุณทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย”ผมพูดส่งท้ายก่อนที่จะก้าวขึ้นรถไป“ผมยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่ยังสงสัย วันนี้...คุณพาผมไปดูแฟ้มคดีหน่อยได้มั้ยครับ”
   “คุณสงสัยเรื่องอะไร”
   “ผมแค่อยากจะเห็นสภาพของศพหลายๆมุม อยากดูบาดแผลแบบชัดๆ แล้วก็จากที่แม่ของคุณมนตรีเล่า ผมมีความสงสัยว่า ฆาตกรทำงานคนเดียวมั้ย เพราะทำไมเขาถึงสามารถต่อสู้หรือต้านแรงผู้ชายตัวใหญ่ๆได้ขนาดนั้น แล้วถ้าฆาตกรใช้ยา ทำไมในผลชันสูตรถึงไม่มีการตรวจพบสารหรือยาชนิดใดเลยในร่างกาย” ผมพูดกับเขาพลางมองออกไปนอกหน้าต่างรถ มันยิ่งทำให้ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของแม่คุณมนตรีมากยิ่งขึ้น เพราะขนาดเราอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ทั้งที่รู้จักละไม่รู้จัก เรายังรู้สึกเหงาขึ้นมาได้เลย แต่กับเธอ ความเหงาและความเสียใจจากการที่ต้องเสียลูกชายสุดที่รักไป มันคงไม่สามารถหาคำพูดหรือความรู้สึกไหนมาอธิบายได้   
   การเดินทางบนถนนในกรุงเทพมหานครนี่คงเหมือนกับการเทียมเกวียนในสมัยก่อนได้ละมั้ง กว่าจะกลับมาถึงห้องทำงานของหมวดชัช ก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว พาลเอาเพลียกันไปเลย
“แฟ้มคดีอันนี้มีข้อมูลตั้งแต่เหยื่อรายแรก จนถึงคุณมนตรี ทั้งรูป สถานที่เกิดเหตุและผลการชันสูตรของศพทุกศพ คุณเลือกเปิดดูได้เลย”หมวดชัชเปิดแฟ้มข้อมูลให้ผมดูทันที ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องทำงาน ( ฟิตดีจริงนะนายคนนี้) หลังจากที่เข้าดูข้อมูล แทบจะไม่มีรายละเอียดตรงส่วนไหนที่จะสามารถโยงหาตัวคนร้ายได้เลย ผมจึงค่อยๆไล่ดูใหม่ทีละราย จนมาสะดุดกับผลการชันสูตรที่ออกมา
“คุณชัช...ผลการชันสูตรพวกนี้ ใครเป็นคนส่งมาให้คุณ ทางสถาบัน หรือใคร” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็ทางคงเป็นทางสถาบันฯ เพราะผมพึ่งมารับช่วงต่อคดีนี้ได้ไม่นาน”
“แต่ผมว่าทางสถาบันไม่น่ามีผลการชันสูตรแบบนี้  เพราะปกติไม่ว่าฆาตกรจะกระทำการอำพรางศพยังไงก็ตาม  หรือเก่งแค่ไหนก็เถอะ ยังไงก็สามารถที่จะแกะรอยสืบได้จากสิ่งที่ฆาตกรได้กระทำหลงเหลือเอาไว้ แล้วคุณดูนี่สิ ผลชันสูตรของทุกคนที่ออกมาเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่สามารถค้นหาหลักฐานอะไรได้เลย มีแต่ข้อมูลพื้นฐานทั้งนั้น”
“คุณจะบอกว่า... ทั้งหมดเป็นข้อมูลเท็จงั้นหรอ”
“ผมแค่สันนิษฐาน แต่คุณไม่สงสัยบ้างหรอ...ว่าทำไม ฆาตกรเก่งมากเกินคน ขนาดทางสถาบันนิติฯยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบอะไรจากศพได้เลย”
“ผมว่าคุณใจเย็นๆก่อน กว่าเอกสารจะออกมาผมว่ามันก็มีขั้นตอนของมัน ถ้าเกิดมีการปลอมแปลง ใครสักคนก็ต้องเห็นความผิดปกติของเอกสารบ้างแหละ” เขากลับพูดอย่างใจเย็น ในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“แต่คุณชัช ผมว่า...........................”อยู่ดีๆเขาก็เอื้อมมือมาแตะที่ไหล่ของผมเบาทั้งสองข้าง ก่อนที่จะค่อยๆบีบนวดอย่างเบามือ ทำเอาผมตกใจไปเลย “ค...คุณ ทำ...ทำ อะไร”
“ผมไม่ชินที่เห็นคุณเครียด ก็เลยคิดว่าการนวดแบบนี้น่าจะช่วยคุณได้” ไม่ชินที่เห็นผมเครียด คำพูดแบบนี้ แปลว่าเขาเห็นการกระทำของผมตลอดอย่างงั้นหรอ ทำไมเขาต้องไม่ชิน แล้วทำไมผมต้องตัวสั่น
“ผ...ผมว่า ค...คุณ พอเถอะ  ผ...ผม ไม่ชินที่มีคนมาทำให้แบบนี้”ผมรีบจับเอามือของเขาออกจากไหล่ทั้งสองข้างของผมทันที
“คุณเขินผมหรอ”
“เขิน บ้าอะไรคุณ พูดไปเรื่อยๆ”เบือนหน้าหนีสิผม
“แล้วทำไมคุณถึงจับมือผมไม่ยอมปล่อยสักทีล่ะ แถมหลบตาผมอีกตะหาก” จับมือ!!! ไม่ยอมปล่อย!!! เฮ้ย!!! ผมยังจับมือเขาอยู่แบบนั้น
“ผมขอโทษ”ผมรีบปล่อยมือออกทันที ก่อนที่จะรีบหันกลับมาจ้องยังหน้าจอ notebook อีกครั้ง  ทำไมเขาชอบหาจุดที่จะแกล้งผมได้อยู่เรื่อย ผมมันไก่อ่อนสุดๆ


ผมใช้เวลาสักพักกว่าจะดึงตัวเองให้กลับมามีสติกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เหมือนเดิม ผมพยายามค้นหาข้อมูลเท่าทั้งหมดที่มี ดูวนไปวนมา ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ
“คุณ...เดี๋ยวตอนเที่ยงคืนผมมีเวรออกตรวจพื้นที่ ยังไงคุณก็นั่งรอผมอยู่ที่นี่ก่อน แล้วถ้าจะกลับยังไงก็ค่อยว่ากัน” หมวดชัชพูดขึ้นมา ผมจึงหันไปดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว นี่ผมนั่งดูแทบจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ
“โอเค...เดี๋ยวผมรออยู่ที่นี่แหละ คุณไปทำหน้าที่ของคุณเถอะ”ผมบอกกับเขา ก่อนที่ผมจะกลับมาจดจ้องกับข้อมูลคดีเหล่านั้นต่อ เพราะยิ่งผมพยายามสืบค้นข้อมูลมากเท่าไหร่ เปอร์เซ็นต์ที่จะได้ผลสรุปที่สอดคล้องกับคดีก็มีมากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่ผมจดจ้องอยู่กับหน้าจอ Notebook พอหันกลับมาอีกที นายคนนั้นก็หายออกไปจากห้องซะแล้ว

หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 5)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-08-2019 09:28:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีความเป็นไปได้ว่า  ฆาตกรน่าจะเป็นหมอแพรว หว่ะ

นางน่าจะมีปมในอดีต (จากบทสนทนาระหว่างนางกับตาล)
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน6)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 27-08-2019 07:50:22
พาร์ทนี้ผมจัดให้ยาวหน่อยนะครับ


Chapster6

หลังจากที่ผมนั่งสืบค้นข้อมูลคดีอยู่นานหลาย ชม. เมื่อคืน ทำให้เช้าวันนี้ ผมมีจุดมุ่งหมายที่จะทำอะไรต่ออะไรเยอะแยะไปหมด และสิ่งที่ผมจะทำ ผมจะไปตามบ้านของญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมด เพื่อที่จะรวบรวมรายละเอียดในบางส่วนที่ทางตำรวจยังไม่มี
   ผมเริ่มต้นจากบ้านของ ดาบตำรวจตรีพงศธร กลัดนิล เหยื่อรายแรก จากข้อมูลที่ผมได้จดมา ดาบตำรวจคนนี้อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวมีนบุรี และเมื่อผมไปถึง สภาพบ้านเป็นบ้านสองชั้นและดูไม่ใหม่นัก ผมจึงตัดสินใจจอดรถเทียบอยู่บริเวณหน้าบ้านของเขาในเวลานั้น
   “สวัสดีครับ...นี่ใช่บ้านของดาบตำรวจตรีพงศธร กลัดนิล หรือเปล่าครับ”ผมเริ่มบทสนทนาอย่างยิ้มแย้มเชียวล่ะ แต่อีกฝ่ายที่มองเห็นหน้าผม กลับเหมือนจะรู้ว่าผมมาในวันนี้เพื่ออะไร กิริยาท่าทางของเธอพอที่จะมองออกว่าไม่ค่อยอยากที่จะสนทนากับผมสักเท่าไหร่นัก
   “ใช่ แล้วคุณมาทำอะไร...คะ”
   “มาหา คุณบราลี น่ะครับ อยากจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องคดีสักหน่อยน่ะครับ”
   “มันจะได้อะไร ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ชั้นไม่เห็นว่าจะมีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องสามีของชั้นเลย” เธอยิ่งไม่สบอารมณ์หนัก แต่ก็ยังพูดตอบโต้ด้วยอารมณ์ที่ไม่รุนแรงมากอย่างที่คิดไว้
   “มันจะคืบหน้าครับ ถ้าคุณช่วยผม” ผมไม่รู้จะตอบอะไรในเวลานั้น คิดแค่เพียงว่าทำให้เธอรู้สึกมั่นใจในตัวผมก็พอ “ผมไม่อยากให้ใครต้องมาสังเวยชีวิตกับเรื่องแบบนี้ ”
   เธอมองหน้าผม จ้องมองผมอยู่แบบนั้น ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะดูผ่อนลง ก่อนที่จะเปิดประตูรั้วให้ผมเดินเข้าไป
   “ชั้นเชื่อคุณ” คำพูดต้อนรับผมเพียงสั้นๆ แต่มันแฝงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมายไปหมด หลังจากที่ผมเดินเข้ามาในบ้าน ความรู้สึกมันเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก ชุดของดาบฯถูกแขวนอยู่คู่กับรูปงานแต่งงานของเขากับภรรยา ยิ่งผมเห็นมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกหดหู่มากขึ้นไปอีก
   “เชิญนั่งค่ะ” เสียงพูดของเธอมันทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความรู้สึกสั้นๆตอนนั้น “ชั้นก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายนักหรอก...แต่ถ้าในสิ่งที่ชั้นรู้ มันมีประโยชน์ ชั้นก็ยินดี”
   “ผมอยากทราบว่า วันที่ดาบ พงศธร ออกไปก่อนที่จะหายตัว คุณสังเกตหรือพบเห็นอะไรบ้างมั้ยครับ” ผมยิงคำถามใส่เธอทันที แต่เธอกลับไม่ตอบอะไรผม แต่เธอพลันลุกขึ้นก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะที่คาดว่าน่าจะเป็นโต๊ะทำงานของดาบฯ ก่อนที่เธอจะเปิดลิ้นชักพร้อมกับหยิบสิ่งๆหนึ่งติดมือมา ก่อนที่จะยื่นมาให้กับผม
   “นี่คือข้อความที่ดาบคุยกับผู้หญิงคนนั้น...คุณลองอ่านดู” ผมรับโทรศัพท์มาพร้อมกับอ่านข้อความเหล่านั้น
“คุณรู้ได้ยังไงครับ ว่าคู่สนทนาที่ดาบคุย...เป็นผู้หญิง ทั้งๆที่ข้อความ มันเหมือนผู้ชายคุยกันปกติทั่วไป”
“ก็เพราะว่าเขาเป็นสามีของชั้น ชั้นถึงได้รู้ ไอ้การกระทำหลบๆซ่อนๆแบบนี้ ชั้นจับมาได้ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ” เธอพูดด้วยอารมณ์สีหน้าที่ดูนิ่งเฉย ดูไม่มีอารมณ์หรือโกรธแค้นอะไร และหลังจากนั้น เธอก็เล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้กับผมฟัง ใบหน้าของเธอที่ผมเห็น มันดูไร้ความรู้สึกอย่างที่ผมเคยบอก แต่ในดวงตาของเธอมันกำลังร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน อย่าว่าแต่เพียงเธอเลยครับ ในบรรดาอีกหลายๆบ้านที่ผมไปในวันนั้น ก็มีสภาวะที่ไม่แตกต่างอะไรกันสักเท่าไหร่ ทุกคนต่างเศร้าเสียใจการกับศูนย์เสียเสาหลักของครอบครัวหรือลูกชายอันเป็นที่รักของพวกเขา
กว่าผมจะพูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิตคนสุดท้ายเสร็จ ก็กินเวลาไปจนค่ำ วันนี้ผมแทบจะไม่ได้รับรู้เรื่องราวส่วนตัวของตัวเอง หรือแม้กระทั่งเรื่องงานหรือคนไข้ของผม เมื่อผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู กลับมี miss call มาเป็นร้อยๆสาย แต่มีเบอร์ๆหนึ่ง ที่ผมไม่คุ้น โทรมาหาผมเป็นจำนวนเกือบ 90 กว่าสาย แล้วไงต่อหรอครับ ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว ผมรีบโทรกลับทันทีเลยสิครับ
“สวั..........ส”
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคุณตั้ม ทำไมผมโทรหาคุณไม่รับสายผม”เสียงจากปลายทางพูดแทรกผมขึ้นมาทันทีหลังจากที่เขากดรับสายผม เสียงของเขาดูโกรธเอามากๆ จากที่ผมรู้สึก งงสิครับ
“เดี๋ยวๆคุณ นี่คุณเป็นใคร อยู่ดีๆมาพูดโมโหใส่ผม”
“ผมชัช” นายชัช แล้วทำไมเขาต้องมาโมโหผมด้วย “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน บอกผมมา” เขาย้ำคำพูด
“ผมอยู่แถวศาลายา กำลังจะกลับ”
“ผมจะรออยู่ที่คอนโดคุณ จนกว่าคุณจะมาถึง” คำพูดทั้งท้ายก่อนที่เขาจะตัดสายไปโดยไม่ฟังอะไรผมสักคำ ในหัวผมตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เกือบสามทุ่มในคืนนั้นกว่าผมจะมาถึงที่คอนโด พอผมเลี้ยวรถเข้าไปเท่านั้น ผมก็เห็นนายชัช ยืนประจันหน้าอยู่ตรงทางเข้าพอดี สายตาของเขาดูดุและน่ากลัวว่าที่ผมเคยเห็น ผมจึงตัดสินใจที่จะเลือกจอดรถที่ลานจอดด้านล่าง  แค่เพียงรถถอยเข้าซองยังไม่ทันเรียบร้อยดี เขาก็เดินตรงมาที่ด้านฝั่งคนขับที่ผมนั่งอยู่ และพยายามเปิดประตูรถทันที
“เดี๋ยวๆๆๆๆ”ผมร้องบอก กลัวประตูรถผมจะเจ๊งเอาสะก่อน ผมรีบจัดการดับเครื่องยนต์ ก่อนที่จะปลดล็อคประตู และเปิดออกไป “นี่คุณทำอะไรของคุณ เดี๋ยวรถผมก็พังหมดหรอก” ผมก็พูดแกมหยอกออกไป ถึงแม้จะคิดจริงๆก็เถอะ
“ผมรู้ว่าวันนี้คุณไปไหนมา คุณไม่กลัวอันตรายบ้างรึไง ถ้ามาตกรมันตามรอยคุณที่คุณพยายามจะไปสืบเรื่องของมัน มันทำอะไรคุณขึ้นมา...”
“เดี๋ยวๆคุณชัช คุณใจเย็นๆ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย ครบ 32 ตามปกติ”ผมรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
“แต่ผมเป็นห่วงคุณ เข้าใจมั้ย มันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องมาเสี่ยง...ผมขอร้องล่ะ”น้ำเสียงและท่าทีของเขามันทำให้ผมเถียงไม่ออก ใบหน้าที่ดูเคร่งเครียด น้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงและโมโหผมในเวลาเดียวกัน
“ซีเรียสมากขนาดนั้นเลยหรอ”ผมถามเสียงแผ่ว
“ใช่...ผมซีเรียส”
เขาย้ำคำผมอย่างเต็มคำ ผมก็ทำได้แต่เพียงยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก เหตุการณ์วันนี้มันทำให้ผมงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปหมด เขาคนนั้นเป็นอะไร ตั้งแต่ที่รารู้จักกันมา ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้
“ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากก้าวก่ายงานคุณ แล้วก็ไม่ได้อยากทำให้คุณต้องเป็นห่วง แค่อยากจะช่วยจริงๆ”
เขาได้แต่ยืนเงียบๆพลางถอนหายใจ  “คุณปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว รีบขึ้นห้องเถอะ”น้ำเสียงของเขาดูอ่อนลง ขณะที่ผมกำลังจะก้าวเดินออกไป เขาก็ได้ยื่นขนมปังที่สภาพดูบี้แบนไปหมด
“ผมจะเอาคุณเมื่อเช้า แต่กลับเข้าไปก็ไม่เห็นคุณอยู่แล้ว” เขาพยายามหลบสายตาของผม “แต่ตอนนี้มันดูไม่น่ากินแล้ว …….”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย คิดมากน่ะ”ผมรีบบอกกับเขาแทบไม่ทัน ก่อนที่จะรับขนมปังมากจากมือของเขา “ขอบคุณนะ …แล้วคุณก็ไปหาอะไรทานซะด้วย ไปละ” แล้วผมก็เดินห่างออกมาจากเขา ทำไมผู้ชายคนนี้มักมีอะไรให้ผมเเปลกใจได้ทุกวัน บางทีก็น่ากลัว บางทีก็ดูกวน แต่บางทีก็…น่ารัก อย่างวันนี้ ผมก็ต้องขอบคุณเขานะ ที่เข้ามาทำให้ชีวิตผมมีอะไรมากกว่า โรงพยาบาล คนไข้ กับคอนโด


………………………………

ทำไมในเช้าวันนี้ งานผมถึงมากขนาดนี้ก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะที่ผมออกไปตามหาเบาะแสเมื่อวาน ก็อย่างว่านะครับ คนเจ็บไข้ได้ป่วยยังมีอยู่ทุกวัน แถมแนมโน้มก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้โชคดีนิดหน่อยครับที่ไม่ต้องออกไปปฎิบัติภาระกิจนอกสถานที่ที่ไหน แต่ภาระกิจภายในนั้นแน่นขนัดอย่างไม่ต้องพูดถึงเชียวครับ ทั้งครึ่งวันเช้า ผมนั่งง่วนอยู่แต่กับผู้ป่วยในห้องตวรจ แล้วยังต้องมีไปตรวจคนไข้ตามห้องพักอีก ทำยังไงได้ละครับ พยาบาลประจำของผมหนีไปแต่งงานซะแล้ว พยาบาลที่มาช่วยงานแทนก็ทำงานยังไม่ค่อยเข้าขากับผมเท่าไหร่ ก็เลยทำให้ช้าไปบ้าง
กว่าภาระกิจในวันนี้ของผมจะเสร็จสิ้นก็แทบทฃให้ผมเป็นลมคาโต๊ะกันไปเลยทีเดียว
ก๊อกๆๆ
“ขออนุญาตนะหมอตั้ม”
“อ้าว หมอแทน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เลย” หมอแทนเป็นหมอรุ่นน้องที่ผมฝึกสอนครับ ก่อนหน้าน้องถูกย้ายไปช่วยงานที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง เนื่องจากแพทย์เฉพาะทางทางด้านจักษุแพทย์ไม่เพียงพอ
“พึ่งมาถึงได้สักพักเองครับพี่ตั้ม มาถึงก็รีบมาหาพี่ตั้มก่อนเลย”
“แล้วเป็นยังไงบ้าง ไปช่วยงานที่โรงพยาบาล หัวหมุนเลยมั้ย”
“ยิ่งกว่าหัวหมุนอีกครับ ที่นั้นมีผู้ป่วยที่เป็นโรคต้อเยอะน่ะครับ ผมไปได้ไม่กี่วันก็มีคิวให้ผมทำการลอกตา ยาวเป็นห่างว่าวเลยล่ะ”
“ก็ดีแล้ว…จะได้ฝึกความชำนาญให้มากขึ้น….แล้วนี่ ต้องกลับไปช่วยเขาอีกทีวันไหน”
“ไม่ต้องแล้วครับ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้รับคุณหมอมาเพิ่มเติมละครับ เห็นว่าจบมาจากเมืองนอก คงเก่งสุดๆไปเลย” แล้วแทนก็นั่งเล่าอะไรให้ผมฟังสารพัด ตามเหตุการณ์ที่เขาได้ไปพบเจอมา จนเวลาผ่านล่วงไปอย่างน่าตกใจเลยทีเดียว
“อืมนี่ หมอแทน เย็นนี้ว่างมั้ย ไปงานแต่งงานเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ดูท่าทางวันนี้หมอเอกกับหมอแพรวน่าจะติดเคสผ่าตัดน่ะ”ผมเปิดประเด็นขึ้น
“งานแต่งใครครับพี่ตั้ม หรือว่าจะเป็น….พี่”ทำไมเสียงอ่อย!?
“ไม่ใช่ๆ งานแต่งดา ที่เป็นพยาบาลผู้ช่วยของผมไง”ผมรีบแย้งทันทีเชียวละ จะไปแต่งกะเขาได้ไง แฟนยังไม่มีกับเขาเลย
“อ่อ…พี่ดา อะไรกันหนีไปแต่งงานซะละ”
“ก็ใช่น่ะสิ สละโสดสายฟ้าแลบขนาดนี้ เอาตกใจไปเลย แต่ก็ดีใจแทน”
“แล้วที่พี่ตั้มมาชวนผมไปงานน่ะ เคลียร์งานเรียบร้อยแล้วหรอครับ”
“ ก็ใกล้จะเรียบร้อยแล้วละขออีก 15 นาที” ผมบอกกับแทนก่อนที่จะลงมือเคลียร์กับเอกสารของคนไข้ที่ผมต้องดูแลเป็นพิเศษ แล้วก็ไม่เกินการคาดคะเนของผม เพียงไม่เกิน 10 นาที งานเคสคนไข้ของวันก็พร้อมที่จะลงมือได้ในวันพรุ่งนี้ทันที ผมจึงรีบเก็บของเพราะกลัวว่าจะไม่มีเวลาเตรียมตัว
“ผมใส่ชุดนี้ไปเลยได้ใช่มั้ยครับ พี่ตั้ม”
“ ไม่ๆๆ ดาเขาตั้ง ธีมงานเป็น แว๊นๆ สก๊อยๆอะไรนี่ละ “
“ห๊ะ” ใช่ นายฟังไม่ผิดหรอกหมอแทน มันเป็นธีมที่แหวกแนวจริงๆนั้นละ “โคตรแนวเลยพี่ตั้ม”
“แนวเกินจนไม่รู้จะใปหาชุดที่ไหนเลยนะสิ” ไม่ใช่ว่าแอ๊บใสอะไรหรอกนะครับ แต่ตั้งแต่จำความได้ผมมีแต่เสื้อผ้าที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นลูกคุณหนูได้เลยเชียวล่ะ ก็อย่างว่ามีแต่แม่ที่จับผมแต่งตัว จะไปหวือหวาอะไรมากละครับ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยพี่ตั้ม เดี๋ยวผมพาไป” เจ้าแทนพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ๆของเขาออกมา  แล้วผมจะเป็นผู้เป็นคนกับเขามั้ยเนี้ย
หลังจากที่ผมจัดการเก็บของในห้องจนเเรียบร้อย เจ้าแทนไม่รอช้าที่จะพาผมไปยังสถานที่ๆเขารับประกันว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ก็ถือว่าสบายผม รถก็ไม่ต้องขับ แถมยังไม่ต้งกังวลเรื่องหาเสื้อผ้าอีก มันจะมีะไรชิลลลล์ไปมากกว่านี้อีกมั้ยน้า

การที่ผมแต่งตัวแบบนี้เข้าไปในโรงแรมระดับนี้ เขาจะให้ผมเข้าไปมั้ยนะ รู้สึกเพลียใจกับเจ้าของงานแต่งงานนี่ชะมัดเลย
“นี่พี่ต้องลงไปแบบนี้จิงๆหรอหมอแทน พี่ว่า มันดูขัดแย้งกับสถานที่จัดงานแบบสุดโต่งเลยนะ”
“นี่ละพี่หมอ ธีมเด็กแว๊นมันต้องแบบนี้…นี่ถือว่ายังเบานะครับ ถ้าเพื่อนผมจัดหนักกว่านี้ พี่แย่เเน่ๆ” ขนาดเบาๆนี่ยังกางเกงขาสั้นลายจุดสะท้อนแสง กับเสื้อยืดที่เหมือนว่าหยิมมาใส่แบบผิดไซด์ ผสมผสานกับรองเท้าแตะหูคีบที่ดูเก่าเก็บ แถมยังต้องผูกจุกยังกับกุมาร. ทำไมไอ้หมอแทนมันดูไม่อายแถมยังสนุกกับการแต่งตัวแบบนี้ หมดกันพอดีความน่าเคารพในการเป็นหมอของผม
“รีบไปเถอะพี่หมอ เข้างานเลทมากๆเดี๋ยวโดนเจ๊ดาขาแว๊น จัดการหรอก วันนี้วันสำคัญของพี่ดานะพี่”ก็เพราะไอ้วันสำคัญนี่ละถึงยอมทำ
ผมพยายามตั้งสติรวบรวมลมหายใจอีกครั้งก่อนที่จะก้าวลงจากรถอย่าง…เอ่อ….กล้าๆกลัวๆ ก่อนที่เจ้าแทนมันจะดึงมือพาผมวิ่งเข้ายัง lobby โรงแรม เพื่อไปสู่ยังห้องจัดงาน
แต่เมื่อขึ้นมาถึงยังที่จัดการ การแต่งตัวของผมดูเบาบางไปถนัดตา เพราะเเต่ละเจ้าแต่ละนางต่างมากันด้วยองค์ประกอบที่จัดหนักจัดเต็ม ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แต่ถึงยังไง ผมก็ยังไม่ชินกับการแต่งตัวแบบนี้อยู่ดี
“นี่เด็กแว๊นสายไหนค่ะเนี้ย เปรี้ยวมากกกกกก” คำพูดทักทายของเจ้าของงานแต่งงานสุดแปลกในครั้งนี้ “ ดานึกว่าคุณหมอจะมาไม่ได้สะอีก แล้วนี่พาใครมาด้วยคะเนี้ย“สายตายั่วยวนของเธอเริ่มปฎิบัติการอีกครั้ง
“ก็หมอแทน หมอรุ่นน้องที่ผมเคยเป็นพี่ฝึกสอนให้ไง จำไม่ได้หรอ”
“ก็รู้สึกคุ้นๆแต่ไม่กล้าทักนี่คะ หายไปซะนานกลับมานี่หล่อจนจำไม่ได้เลยนะคะหมอแทน” เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ ผช.ดา
“นี่ของขวัญแต่งงาน” ผมพูดพลางยื่นกล่องของขวัญใบเล็กๆให้กับเธอ
“ขอบคุณมากๆเลยนะคะหมอตั้ม มาๆมาถ่ายรูปด้วยกันก่อน เชิญหมอแทนด้วยนะคะ” เธอไม่รอช้ารีบดึงผมไปเข้าเฟรมถ่ายรูปหน้างานในทันที แต่ผมไม่ค่อยจะ :m16:ภูมิใจกับการถ่ายรูปครั้งนี้สักเท่าไหร่ ทำไมน่ะหรอครับ ก็ไม่อยากให้มีการบันทึกว่าผมเคยแต่งตัวประหลาดๆแบบนี้มาก่อนยังไงละ แต่นะ ทำได้แต่ยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้มอย่างเดียวๆ
หลังจากถ่ายรูปเสร็จผมก็รีบไปนั่งที่โต๊ะตามที่ เจ้าสาวเเสนเห้วคนนั้นได้จัดไว้ให้ผม ส่วนเจ้าหมอแทนน่ะหรอครับ เปรียบเสมือนเป็นงาน re -union ย่อมๆได้เลย เพราะเหล่าบรรดาคุณหมอและพยาบาลที่มาต่างรู้จักนายหมอหนุ่มคนนี้ซะเกือบหมด ก็คุยเก่งซะขนาดนั้นน่ะนะ
บรรยากาศในงานเป็นที่สนุกสนานเป็นอย่างมาก เหมือนเป็นวันที่ทุกคนได้ปลดปล่อยหลังจากเคร่งเครียดกับงานมาหนักหน่วง ส่วนผมน่ะก็ขอนั่งนิ่งๆอยู่ที่โต๊ะดีกว่า ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะครับ แต่แค่ยังไม่ชินกับเครื่องแต่งกายเท่านั้นเอง หึหึ


“ขออนุญาตขัดจังหวะความสนุกสักครู่นะครับ ตอนนี้ถึงเวลาที่คู่บ่าวสาวจะต้องขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวอะไรสักนิดกับแขกในงานหน่อย”
เสียงป่าวประกาศดังขึ้นจาก mc ประจำงาน  ไม่ทันสิ้นเสียง เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ก็พากันเดินเข้างานมาทางประตูหลักทางเข้าของห้องจัดเลี้ยงเป็นความลงตัวหรือไม่ยังไงผมก็ไม่ทราบ ชุดเจ้าสาว สำหรับผมมันคือความจัดจ้านที่ผมไม่สามารถจำกัดความได้ว่าสก๊อยจริงๆเป็นยังไงแต่สำหรับดา ผู้ช่วยของผมนั้นมันน่าจะมากกว่าสก๊อยแล้วละ แล้วแถมยังมี Bridal veils เป็นพร๊อบเสริมเพิ่มเติมเข้ามาอีก มันคือความลงตัวที่แตกต่างสินะ แต่เอาเถอะวันนี้มันคือวันแห่งความสุข ของเธอและว่าที่สามี
“วันนี้ดาต้องขอขอบคุณแขกทุกๆท่านมากนะคะที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานแต่งงานของดากับพี่เป๊ก  แถมยังแต่งตัวตามธีมบ้าๆในแบบที่ดาตั้งขึ้นมาอีก ขอขอบคุณจากใจจริงๆเลยค่ะ และต้องขอขอบคุณ เพื่อนตำรวจของพี่เป๊กทุกๆคนด้วยนะคะ ที่ยอมแต่งตัวแบบนี้กันด้วย ซึ่งในตอนแรกพี่เป๊กก็จะไม่ยอมหรอกค่ะ”
“แต่เพราะรักไงครับถึงยอม” เสียงของเจ้าบ่าวพูดเเทรกขึ้น ทำให้มีเสียงโห่แซวดังทั่วห้องไปหมด หลังจากนั้นเจ้าสาวก็เริ่มเล่าถึงสิ่งที่ทำให้เขาทั้งคู่ได้พบเจอกัน และรักกันมาจนถึงทุกวันนี่ พอได้ฟังผมก็รู้สึกว่าดาเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่งที่เจอผู้ชายที่ยอมรับในความเป็นตัวตนของเธอได้ดีขนาดนี้ หวังว่าวันนึงผมคงจะมีโอกาศแบบนี้บ้างนะเนี้ย หลังจากจบงานพิธี ความสนุกสนานก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เพลงแดนซ์มันเขย่าโลกไผมขึ้นมาด้เริ่มต้นขึ้น ทุกคนไม่รอช้ารวมทั้งเจ้าสาวประจำงานยังต้องออกมาวาดลวดลายสาวขาแดนซ์ แหมช่างแก่นซะจริงๆ ส่วนผม…ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ได้แต่นั่งมองผู้คนเหล่านั้น โยกย้ายกันอย่างสนุกสนาน

บรรยากาศในงานที่กำลังสนุกสนานแต่ตัวผมกับสวนทางไปซะอย่างนั้น อาการอ่อนเพลียจากการทำงานเริ่มออกฤทธิ์ขึ้นมาบ้างแล้ว
“เป็นยังไงบ้างครับหมอตั้ม ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวละครับ” เสียงของพี่เป็กสามีของดาเข้ามาทักทาย
“ไม่ล่ะครับ วันนี้ผมรู้สึกเพลียกับงานนิดหน่อย ปล่อยให้พวกเขาสนุกกันไปดีกว่า”
“งั้นเอาไว้งานรอบหน้าผมจะแจ้งคุณหมอเเต่เนิ่นๆนะครับ”
“งานหน้า?” เล่นเอาซะผมงงเลย
“คือรอบนี้เราจัดแบบกันเองน่ะครับ แต่รอบหน้าจะมีพิธีลอดซุ้มกระบี่น่ะครับ คือเอา อาฟเตอร์ปาร์ตี้มาก่อนพิธีจริงน่ะครับ”พี่เป็กพูดอย่างอารมณ์ดี ก็อย่างว่าละเนอะขืนแต่งตัวแบบนี้ในงานพิธีล่ะก็ พี่เป็กคงได้อยู่ย้ายไปอยู่สามชายแดนแน่ๆ ก็แซวไปนะครับ
“สงสัยก่อนถึงงานพิธีจริงคงต้องส่งเจ้าสาวไปเข้าคอร์สความเป็นกุลสตรีเพิ่มแล้วล่ะมัง้ครับ”
“ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ ดีดซะเหลือเกิน” ดันตบมุขกลับผมอีก ไม่น่าละ ดา ถึงได้เลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต
“ยังไงวันนี้ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน พอดียังมีงานที่รอสะสางอีกเยอะเลยล่ะครับ”ผมพูดบอกลากับเจ้าของงานอีกคนก่อนที่จะปลีกตัวเดินออกมาจากงานโดยที่ก็ยังมีพี่เป็กเจ้าบ่าวนี่ละที่เดินมาส่งผม ส่วนตัวเจ้าสาวน่ะหรอครับ องค์กำลังลงอยู่กลางฟลอร์เลย
   หลังจากที่ผมเดินออกมาจากงานและมานั่งรอแท็กซี่อยู่ที่ ล็อบบี้ของโรงแรม ก็อย่างที่ผมบอกตั้งแต่ตอนเข้างานนั้นล่ะครับ ว่าการแต่งตัวในวันนี้ผมช่างขัดแย้งกับสถานที่จัดงานมากขนาดไหน ขนาดมีพนักงานของโรงแรมไม่กี่คนนะ ยังรู้สึกตัวลีบแบนได้ขนาดนี้  เฮ้อดานะดา แต่ก็เหมือนฟ้าเป็นใจให้ผมไม่ต้องเป็นคนตัวเล็กอีกต่อไป แท็กซี่ที่ผมได้เรียกผ่านแอพพลิเคชั่นได้มาจอดเทียบที่หน้าโรงแรมพอดี
“ไป...”     ในเวลานั้นผมรู้สึกว่ามีคนมาดึงแขนผมเอาไว้ แต่พอหันไปดูก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนคุ้นเคยที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ นายชัชไงจะใครละ
เขาหยิบเงินออกจากกระเป๋าเพื่อที่จะไปยื่นให้กับคนขับแท็กซี่คนนั้น
“ค่าเสียเวลาของคุณครับ  เดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งเขาเอง”
“อ้าว...คุณ” งงเลยสิผม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าผู้โดยสารยังไม่ได้ขึ้น ยังไงมันก้เป็นทางผ่านอยู่แล้วด้วย”
“รับไว้เถอะครับ”เขาก้มเข้าไปยัดเงินใส่มือให้กับคนขับแท๊กซี่คนนั้นก่อนที่จะถอยออกมาพร้อมกับปิดประตู
“ไมทำงี้อ่า”
“ก็เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ที่พักคุณกับคอนโดผมมันคนละทางกันเลยนะ ขับไปขับกลับเหนื่อยตายเลย”
“เอาเถอะ ตามผมมา” เป็นอย่างนี้อีกละไอ้นายคนนี้ทำไมชอบมาบังคับผม แล้วก็เอาอีกนั้นละ แล้วทำไมผมต้องเดินตามเขาไปด้วย เออ...งงกับชีวิตจิงๆ
“ไม่คิดว่าคุณจะมางานนี้กับเขาด้วย” ผมพูดทำลายความเงียบขึ้น
“ก็เพื่อนตำรวจแต่งงานทั้งที ถึงแม้จะอยู่กันคนละที่ก็เถอะ....”วันนี้เจ้าตัวก็มาในรูปแบบการแต่งตัวไม่ต่างจากผมไม่ว่าจะเป็นกางเกงขาสั้น  กับเสื้อยืดที่ซักแล้วมันหดหรือไงก็ไม่รู้  บวกกับทรงผมที่ดูไม่ได้จัดแต่งอะไรมากมายแต่ผมกลับมองว่าเขาดูดีกว่าผมอีก อาจจะเป็นเพราะรูปร่างของเขาที่มันดูทรมานใจสาวด้วยล่ะมั้ง
“ผมรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไร” เขาพูดขึ้นในขณะที่ผมกำลังเดินตามหลังเขา
“ก็แค่คิดน่ะแหม...ว่าคุณแต่งแบบนี้ก็...ดูน่า...รัก...ดี”ทำไมต้องพูดเสียงเบาด้วย งง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรผมนะ ไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่าด้วยซ้ำ
“คุณรออยู่ตรงนี้ล่ะ ผมจะเข้าไปเอารถ”แล้วผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่เข้าใจจริงๆ
แต่ในขณะที่ผมยืนรอเขาอยู่นั้น ก็ได้มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง เข้ามาเทียบจอดข้างหน้าผม แต่ว่าเอ๊ะ สีเสื้อกับสีกางเกงมันคุ้นๆ
“นี่...หมวกของคุณ”เขาพลางถอดกระเป๋าใส่หมวกกันน็อคที่สะพายอยู่ด้านหลังให้กับผม  แต่พวกคุณรู้หรือเปล่า ว่าผมกับการนั่งมอเตอร์ไซค์เนี้ย มันเป็นอะไรที่ไม่ถูกกันเลย เพราะอะไรน่ะหรอ ไม่ว่าผมจะนั่งมอไซค์ไปกับเพื่อนคนไหนก็แล้วแต่  ถ้าไม่ล้ม ก็ชน....ไม่คนก็หมาแมวข้างทาง พากันเจ็บตัวไปหมด มันเลยทำให้ผมขยาดกับการนั่งมอเตอร์ไซค์ไปเลยล่ะ
“มานี่มา...ผมใส่ให้”สงสัยเขาคงรอที่ผมทำใจนานไม่ได้ล่ะมั้ง
“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวผมใส่เอง”ผมรีบพูดสวน ก่อนที่จะรีบใส่หมวกกันน็อคใบโตอันนั้น ก่อนที่จะก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์อย่างเก้ๆกังๆ
 แล้วไอ้มอเตอร์ไซค์ที่เขาพามาด้วยเนี้ย มันเป็นรุ่นอะไรผมไม่รู้หรอก แต่มันคันใหญ่เกิน ขึ้นก็ขึ้นยาก เบาะก็สูง ที่จับข้างหลังก็ไม่มี แล้วผมจะรอดมั้ยเนี้ย
“ต้องจับด้วย ไม่จับดีๆเดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” ทำมาเป็นพูดดี ไม่ได้อยากมาขึ้นด้วยเลย
“จะให้จับตรงไหนล่ะ ไอ้ที่จับข้างหลังก็ไม่มี” ก็มันจริงนี่หว่า
“จับตรงนี้ไง”แล้วเขาก็จับมือของผมให้ไปเกาะที่เอวของเขา ทำเอาตกใจทำไรไม่ถูก
“จะบ้าไงคุณ ผู้ชายขึ้นมาไซค์แล้วมานั่งกอดเอวกันเนี้ยนะ”
“ก็ผมไม่ได้สนใจคนอื่นไง...แต่ก็แล้วแต่คุณ” สิ้นเสียงคำพูดของเขา เสียงกระหึ่มคำรามจากรถมอเตอร์คันโตของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะบิดพุ่งไปข้างหน้า จนผมแทบหงายหลังตกลงไป เขาคงได้ยินเสียงร้องตกใจของผม แต่เขาก็ยังคงขี่ต่อไป จะให้ทำไงได้ล่ะครับ  ก็มันมีที่เกาะอยู่ที่เดียว มันก็เลยต้องเกาะ ....นี่มันอะไรกันเนี้ย
   หลังจากที่ผมกับกับเขาเดินทางกันมาได้สักพักหนึ่ง ก็อย่างว่านะครับ เส้นทางในกรุงเทพฯมันจะทำให้เขาขี่เร็วได้แค่ไหนกันเชียว แต่ก็นะ เหมือนตานี่มันแกล้งผม พอผมปล่อยมือออกจากเอวเขาเมื่อไหร่ เขาก็จะรีบเบิ้ลเครื่องให้มันเร็วจนกระชากจะทำให้ผมต้องหงายหลังได้ทุกที อย่าให้ถึงทีของผมบ้างก็แล้วกัน ยังไงผมก็คงต้องก้มหน้าเกาะเอวของเขาไปจนถึงคอนโดของผมนั้นล่ะ

หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 6)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-08-2019 14:46:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

นายชัชนี่  เกาะติดเป็นเห็บหมาเลยเนอะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 6)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 27-08-2019 20:49:29
เจอกันบ่อยดีแล้วค่ะ​ ห่วงคุณ​หมอ​ ให้คุณชัชคอยดูแลจะได้หายห่วง​ แสดงว่าฆาตกร​เกลียดคนเจ้าชู้แน่เลยแรงจูงใจ​อาจจะเกลียด​ตำรวจที่เจ้าชู้แค้นเลยหาเหยื่อมาฆ่า
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 6)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-08-2019 22:41:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 7)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 28-08-2019 08:16:50
พาร์ทของชัช  (ตอนนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับ มันจะยาวหน่อย)​


   นี่ก็เป็นอีกวันนึงที่เหมือนกับทุกๆวันที่ชีวิตของผม มีแต่งาน งาน แล้วก็งาน ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ ผมแค่ไม่อยากวกกลับไปคิดในเรื่องเก่าๆเท่านั้นเอง หลายๆคนชขอบถามผมว่า ทำไมผมไม่เริ่มต้นชีวิตใหม่ หาแฟนใหม่ สาวใหม่ ไม่เห็นที่จะต้องมาจมอยู่กับอดีตแบบนี้ แล้วผมจะตอบอะไรได้ล่ะครับ ถ้าคนๆนั้นไม่ได้เจอสถานการณ์แบบผม เขาก็คงไม่เข้าใจหรอกว่ามัน blank แค่ไหน จนเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่เป็ก รุ่นพี่ร่วมสายงานเดียวกับผม ที่แต่ก่อนเคยเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรเดียวกัน มายื่นการ์ดแต่งงานให้กับผม ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกภายในไม่กี่วันข้างหน้า
   “ไอ้ชัช…การ์ดงานแต่งกู นี่กูมาเรียนเชิญมึงด้วยตัวเองเลยนะเว้ย”เสียงของรุ่นพี่ที่มาพร้อมกับแรงปะทะที่หัวของผมในขณะที่ผมกำลัง เวท เทรนนิ่ง
   “อ่าว หวัดดีครับพี่มาถึงก็เคาะเรียกสติผมเลยนะ”ผมผ่อนเครื่องที่ผมกำลังเล่นพร้อมกับยื่นมือไปรับการ์ดจากมือพี่เป็ก
   “ได้ฤกษ์แต่งแล้วหรอพี่ ยินดีด้วยนะครับ”
   “แล้วเมื่อกี้มึงได้ยินที่กูพูดใช่ป่าว ว่ากูมาเรียนเชิญมึงด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น จะเป็นจะตายยังไง มึงก้ต้องไป” เหมือนพี่เป็กจะอ่านเกมส์ผมออก เลยพูดดักคอผมเอาไว้ก่อน “เพราะถ้ามึงไม่ไปงานกู กูจะถือว่ามึงไม่ได้เคารพกูเหมือนเดิมแล้ว เคนะ?
   “โห…พี่เป็ก เอาแบบนี้เลยหรอพี่ โหดไปเปล่า?”
   “ก็กูอยากให้มึงกลับไปเป็นไอ้ชัชคนเดิมที่กูเคยรู้จักเมื่อสองปีก่อนนี่หว่า มึงเล่นเป็นแบบนี้ ใครบ้างว่ะที่จะไม่เป็นห่วง กูว่ามึงควรวางอดีตเเล้วเริ่มปัจจุบันได้แล้ว มึงไม่คิดหรอว่ะ ว่าถ้าพลอยเขารับรู้ว่าเขาทำให้มึงต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ แล้วเขาจะรู้สึกดีหรอว่ะ” มาเป็นชุดเลยพี่ผม
   “ไม่ใช่ผมไม่พยายาม แต่ยิ่งผมพยายามมากแค่ไหน ผมก็ยิ่งทำให้ผมลืมเรื่องพวกนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ”
   “กูไม่ได้บอกให้มึงลืม แต่กูหมายถึง ให้มึงใช้ชีวิตโดยที่มีเขาเป็นแค่ความทรงจำที่คอยสอนมึงว่า อะไรที่มึงควรทำหรือมึงไม่ควรทำ ไอ้ชัช
ไม่มีใครลืมอดีตหรือเรื่องอื่นๆได้หรอกเว้ย แต่เพียงแค่เเขาต้องอยู่กับอดีตให้เป็นเท่านั้นเอง มึงอย่าทำให้คนที่จากไป เขามีห่วงดิว่ะ ตอนมีชีวิตเขาก็อยากให้มึงมีความสุข ถึงตอนนี้เขาไม่มีชีวิต เขาก็อยากให้มึงมีความสุขเหมือนกัน”
   ผมก็ได้แต่เพียงนั่งนิ่ง เพราะไม่ได้มีพี่เป็กแค่คนเดียว คนอื่นๆที่พยายามมาให้กำลังใจผมแบบนี้มีมากมายไปหมด แต่มันคงเป็นที่ตัวผม ที่อ่อนแอเอง
   “มึงต้องหาใครสักคน…หรือใครก็ได้ที่มึงอยู่กับเขาแล้วความรู้สึกหม่นหมองที่มึงมีอยู่มันหายไป ในชีวิตมึงมันต้องมีบ้างละน่ะ”
   “ผมจะลองดูอีกทีพี่”
   “จำไว้นะเว้ย ชีวิตเรามันไม่แน่ไม่นอน อยากทำไรรีบทำ เพราะยิ่งมึงไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น มึงยิ่งต้องทำในสิ่งที่ใจของมึง อยากทำ” คำคมทิ้งท้ายจากพี่ชายผม ก่อนที่จะเดินออกไปจากฟิตเนส เป็นไงครับ เฉียบเลยใช่มั้ยล่ะ  และในวันนั้น คำพูดที่พี่ของผมพูด มันก็วนเวียนอยู่ในหัวของผม และถ้าการเริ่มต้นใหม่ของผมมันเป็นการเริ่มต้นที่ใครคนอื่นไม่เข้าใจ แล้วผมจะสู้มันไปได้ไกลแค่ไหนกัน ผมอาจจะแข็งแกร่งในเรื่องของพละกำลังร่างกาย แต่ใจผมมันอ่อนแอจนบางทีตัวผมเองยังกลัวเลย

            ....................................................................................

ผมเผลอหลับไปตอนไหนว่ะเนี้ย ชิ-หายแล้ว ทำไมคุณไม่ปลุกผมละคุณชัช” อาการสลึมสลือของผมของผมหายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ค้นพบว่าตัวเองนั้นนั่งหลับบนรถมอเตอร์ไซค์
   “ก็ผมเห็นว่าคุณกำลังหลับสบาย เลยไม่อยากปลุก”
   “รู้ได้ยังไงว่าผมหลับสบาย ผมอาจจะนั่งจนเป็นตะคริวขยับไม่ได้เลยก็ได้” แถไปไหนเนี้ย
   “ก็น้ำลายคุณไหลเต็มหลังผมแบบนั้น อันนั้นแหละที่บอกว่าคุณกำลังหลับสบาย”การอมยิ้มแบบนั้นของเขา มันกำลังสื่ออะไร ทำไมการอยู่กับนายคนนี้ผมถึงมีแต่เรื่องโก๊ะๆตลอดเวลา
   “ผมขอโทษคุณด้วยละกัน”ผมก็พูดได้แค่เสียงอ่อยๆ ตอนนี้หน้าแตกแบบหมอเพื่อนผมก็ไม่รับเย็บแล้วล่ะ “คุณกลับไปพักเถอะ อีกไม่กี่ ชม.ก็จะเช้าแล้ว”
   “ที่นี่ก็บ้านผม จะให้ผมไปไหนละ”
   “......” งงสิครับ
   “แต่ว่าคุณใจร้ายมากนะ ขนาดผมทำขนาดนี้ คุณยังไล่ให้ผมกลับไปบ้านที่อีก”พูดมาแบบนี้ พาลเอาตัวเองทำอะไรไม่ถูกเลย “ผมแซวเล่นน่ะคุณ...ไปเถอะ ขึ้นไปข้างบนกัน” ทำไมผมหน้าชาแบบบอกไม่ถูก หลังจากที่เขาก้าวถอยลงจากรถ อาการยืนไม่คงที่ก็มีปรากฎให้เห็นบ้าง และมันก็คงมาจากผมที่ต้องทำให้เขานั่งหลังแข็งแบบนั้นเป็นเวลานาน
   “ไปกันเถอะคุณ” เสียงเขาของแทรกเข้ามาในภวังค์ความรู้สึกผิดของผม เราทั้งคู่ต่างพากันเดินเข้าในในคอนโด โดยที่มีคีย์การ์ดของเขาเป็นตัวผ่านทางให้กับผม
   “แล้วคุณพักอยู่ชั้นอะไรล่ะครับ คุณชัช” ผมถามทำลายความเงียบขณะที่เราทั้งคุ่กำลังอยู่ในลิฟท์
   “ชั้นไหนเดี๋ยวคุณก็รู้”ไอ้การอมยิ้มแบบมีเลศนัยของเขาเนี้ย มันทำให้ผมยิ่งฟุ้งซ่าน ถือว่าเป็นโชคดีของเขานะเนี้ยที่ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้นของผมซะก่อน
   “คุณไม่ต้องเดินมาส่งผมหรอก”ผมพูดพลางล้วงหากุญแจห้องในกระเป่ากางเกงของตัวเอง แต่ทำไมผมหามันไม่เจอสักที “ผมไม่รู้ว่าผมเอากุญเเจห้องไปไว้ไหน  แถมกระเป๋าตังค์ก้ด้วย”
   “ลองนึกดูดีๆคุณ ว่าตั้งแต่คุณออกมาจากที่ทำงาน แล้วคุณไปแวะที่ไหนบ้าง” การประมวลผลในสมองของผมเริ่มการทำงานทันที และเพียงไม่กี่วินาที ความทรงจำที่เลือนหายไปเพราะความงัวเงียก้ปรากฎขึ้น
   “ผมลืมไว้ที่รถของหมอแทน” เบื่อความสัพเพร่าของตัวเองซะจริง
   “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยคุณ ยังไงพรุ่งนี้คุณก็ต้องไปทำงานอยู่แล้ว”
   “จะไปยังไงล่ะคุณ เงินก็ไม่มี รถก็จอดอยู่ที่โรงพยาบาล ขืนให้น้องสาวมารับผมแต่เช้า มันด่าผมตายเลย”
   “แต่คุณมีผมไง” คำพูดที่แทรกขึ้นมาทำให้ผมอึ้งไปชั่วขณะ “งั้นวันนี้คุณไปพักที่ห้องของผมก่อนก็แล้วกัน อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลห้องคุณหรอก”
ไอ้คำว่าไม่ใกล้ไม่ไกลของเขามันคือห้องข้างๆผมนี่ละ ทำไมผมไม่เคยรุ้มาก่อนว่านายชัชคนนี้มีห้องพักอยู่ข้างๆผม
   “เชิญเข้ามาเลยคุณ”เสียงกล่าวชวนหลังจากที่เจ้าตัวเปิดประตูห้องเดินเข้าไป หลังจากที่แสงไฟสว่างขึ้น ภาพที่ปรากฏ คือความเรียบร้อยและสะอาดตามากกว่าที่ผมคิดทั้งเครื่องใช้และของตกแต่ง เป็นสไตล์คล้ายแบบเดียวกับห้องของผม แม้กระทั่งสีของโซฟา พรม และที่สำคัญ การจัดวางเหมือนกับในห้องของผมไม่มีผิดเพี้ยน
   “เป็นอะไรคุณ ยืนนิ่งไปเลย”
.   “อ้อ เปล่าน่ะไม่มีอะไร” ผมพูดก่อนที่จะทิ้งตัวลงยังโซฟาในห้องรับแขก ก่อนที่เขาจะยื่นผ้าและชุดนอนมาให้กับผม
   “คุณพอจะใส่ได้หรือเปล่า ลองดู”
   ส่วนตัวผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ ผมจึงจัดการเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับธุระส่วนตัวของผมดดยที่ไม่สนใจว่า เสื้อผ้าที่เขายื่นมานั้นจะใส่ได้หรือเปล่า แต่ว่าหลังจากที่ผมได้เปลี่ยนชุดแล้วมันทำให้ผมรู้สึกว่า ชีวิตของผมกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หลังจากที่ชุดรัดติ้วพวกนั้นได้หลุดออกไปจากร่างกายผมได้สักที  แต่ทว่า......เจ้าของห้องหายไปไหนกันละเนี้ย ด้วยความถือวิสาสะ ผมจึงเดินไปดูยังห้องต่างๆ ทั้งในห้องครัว ห้องนั่งเล่น และก็เหลือเพียง....ห้องนอน...แต่ยังดีนะ ที่ผมยังสามารถยื้อมือตัวเองเอาไว้ได้ทัน ผมจึงตัดสินใจทิ้งตัวเองลงบนโซฟาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็มันทั้งดึกทั้งเพลีย จะให้ต้านไหวยังไงละครับ



   “ปี๊ด ปี้ ปี้ดๆๆๆ” เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือของผมดังขึ้นทำลายโสตประสาทที่หลับไหลให้ตื่นขึ้นมาอย่างรำคาญเสียไม่ได้ หลังจากที่ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆด้วยความงัวเงีย ก็ได้ยินเสียงเเว่วๆดังมากจากห้องครัว เลยเหมือนถุกบังคับให้เดินไปดูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ผมเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้ นั่งทานก่อนได้เลยนะคุณ”เขาบอกกับผมด้วยท่าทีที่ยิ้มแย้ม ซึ่งผมไม่ได้เคยเห็นมันมาก่อน
   คุณตื่นมาทำตั้งแต่กี่โมงเนี้ย แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่า คุณจะทำอาหารได้น่าตาดีขนาดนี้”ปากหมาซะอย่างนั้นผม
   “ก็ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตั้งนาน จะให้ใครเขามาทำให้ผมทาน ก็ต้องทำเองอ่ะดิ”เขาพูดพลางล้างจานใบสุดท้ายขึ้นจากอ่าง “แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะถูกปากคุณรึเปล่า เพราะคุณทานอาหารรสจัดไม่ได้ ก็เลยได้เมนูพวกนี้ละ”
   ซุปเห็ด กับขนมปังกระเทียม คือเขาเก่งที่สามารถทำของพวกนี้ได้เอง เรื่องอะไรที่ผมต้องรอช้า กระเพาะของผมเรียกหาของกินตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว....มันอร่อยมาก!!!!.... ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนแข็งกระด้างอย่างเขาจะมีฝีมือมากขนาดนี้
   “เป็นไงบ้างคุณ พอทานได้รึเปล่า” เขามานั่งตรงหน้าพร้อมกับถามผมอย่างเกรงๆ
   “ไม่ใช่แค่พอทานได้ แต่มันอร่อยมากเลยล่ะ”ผมกินอย่างไม่เกรงใจเจ้าภาพเลยล่ะ เพียงไม่กี่นาทีอาหารที่จัดเตรียมไว้พาลหายเรียบเข้าท้องผมไปหมด
       “เอาเพิ่มอีกมั้ยคุณ ยังมีอยู่ในหม้ออีกเยอะเลย” เขาพูดบอกผมขณะที่กำลังกินอยู่ แต่ก็นะด้วยความเกรงใจของผม จะรอช้าอยู่ทำไมล่ะครับ รีบไปตักเพิ่มอย่างเร็วเลยล่ะ ก็ทำไงได้มันอร่อยจริงๆนี่ แถมมันยังหิวอยู่ไม่หายเลย
      “แล้วนี่คุณจะต้องไปถึงโรงพยาบาลกี่โมง ผมจะได้กะเวลาถูก”
      “ก็ไม่เกินแปดโมงอ่ะคุณ วันนี้มีตรวจคนไข้พักฟื้นตอนเช้า”
      “แล้วหลังช่วงบ่ายไป คุณว่างหรือเปล่า?”
      “ก็มีชันสูตรศพนี่ละ ผมรู้สึกว่าผมทิ้งคดีมานานเกินไป วันนี้กะว่าจะตรวจสอบอะไรเพิ่มเติม เผื่อจะมีอะไรสาวถึงตัวคนร้ายได้บ้าง
      “งั้นเดี๋ยววันนี้ช่วงบ่ายผมเข้าไป ยังไงผมจะโทรเขาหาคุณอีกที”
      “โทรหาผม?”
      “ใช่….โทรหาคุณ”
      “คุณจะโทรหาผม…คุณมีเบอร์ของผมด้วยหรอ”สงสัยเข้าไปใหญ่
      “ก็ถ้าคุณจำวันที่ผม miss call ไปหาคุณเป็นร้อยสายได้ คุณก็จะรู้ว่าผมมีเบอร์ของคุณ” น้ำเสียงเย็นชาแบบนี้มัน come back มาแล้ว “คุณไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง” มาแบบเต็มรูปแบบเเล้วด้วย จะให้ผมทำยังไงละ ผมเป็นพวกสมองปลาทอง จะจดจำได้ก็พวกเรื่องเรียนกับเรื่องงานที่ทำเท่านั้นละ ผมก็รู้ว่ามันก็เป็นการทำร้ายน้ำใจเขาเหมือนกัน แต่มันก็พลั้งปากพูดไปแล้ว
      หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ออกมาที่หน้าห้องน้ำก็พบกับชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีน้ำตาลแขวนอยู่ ถ้าให้ผมเดาจากสถานการณ์แล้ว ก็คงเป็นชุดที่ผมจะต้องใส่ทำงานทำในวันนี้อย่างแน่นอน ก็ผมมาตัวเปล่านี่ครับ ถ้าจะให้ใส่ชุดของเมื่อคืนออกไป ผมยอมลางานซะดีกว่า หลังจากจัดการกับการแต่งตัวจนเรียบร้อย ผมก็ตัดสินใจมานั่งรอเขาที่โซฟา ไม่เกิน 10 นาที เขาก็เดินมาจากห้องนอนของอีกฝั่งมาที่ห้องรับแขก พร้อมด้วยชุดตำรวจที่เนี้ยบ เรียบ เป๊ะ ไม่น่าล่ะทำไมสาวๆถึงชอบใจละลายกับผู้ชายในเครื่องแบบ
      “ถ้าคุณไม่ได้ติดอะไรแล้วก็ไปกันเถอะ ผมไม่อยากให้คุณต้องสายในวันที่ผมต้องไปส่ง” เขาคนเดิมกลับมาอย่างเต็มรูปแบบ ที่ดูไม่สนใคร ไม่แคร์ใคร ก็รับกรรมกันไปตามระเบียบแล้วกันผม
      หลังจากที่เราทั้งคู่ก้าวขึ้นรถ พอขับลงมาถึงลานจอดรถหน้าคอนโด ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งมายืนดักหน้ารถตอนที่เขากำลังจะสแกนบัตรออก
     “เขาบอกเขามารอคุณชัชน่ะครับ” รปภ.คนหนึ่งบอกกับเขาด้วยท่าทางที่ดูสนิทกันพอสมควร และผู้หญิงคนนั้นก็เดินไปทางฝั่งที่ชัชนั่งอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะลดกระจกลงเพียงคืบเดียวเท่านั้น
     “ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ใหม่ อันดาเข้าถึงตัวคุณยากจังเลยนะคะชัช” เสียงของผู้หญิงคนนั้นลอดผ่านช่องกระจกเขามา
     “ก็ดีแล้วที่คุณเข้าถึงตัวผมยาก เพราะมันก็ตรงกับความต้องการของผมอยู่แล้ว” ผู้ชายคนนี้น่ากลัวแท้
     “แล้วไม่คิดจะเปิดประตูให้อันเขาไปนั่งในรถคุณบ้างหรอคะ” ผู้หญิงคนนั้นโน้มตัวท้าวมาที่กระจกรถและมองมาที่นายชัชด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง
แต่ก็ไม่เท่าความนิ่งของนายคนนี้หรอก เขาทำเหมือนเธอคนนั้นไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวผมโทรหาน้องสาวให้ไปส่งผมที่โรงพยาบาลแทนก็ได้ ถ้าคุณมีธุระ……”
“ไม่หรอก ธุระจบละ” เขาพูดสวนขึ้นมาพร้อมกับเลื่อนกระจกปิดก่อนที่จะค่อยๆเคลื่อนตัวรถออกไปจากบริเวณดังกล่าว
     ตลอดการเดินทางมานั้น ความรู้สึกอึมครึมมันเกิดขึ้นเต็มรถไปหมด ไอ้บทอยากจะเอ่ยปากถามหรือพูดอะไร มันก็ดันไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะก้าวก่ายเขาด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกแบบนี้มันน่าอึดอัดชะมัด ผมจึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงที่วิทยุในรถ เมื่อเสียงเพลบรรเลงงดังขึ้น ความอึดอัดที่มีมันก็พลันเบาบางลงบ้าง
     “คุณชอบฟังดนตรีแนวนี้หรอคุณชัช” ผมถามทำลายความเงียบที่เขากำลังสร้างขึ้น แต่ก็แปลกนะ รอบนี้เขาดันตอบผมง่ายกว่าทุกๆที
     “ ใช่ …ผมชอบฟัง แล้วเสียงดนตรีพวกนี้ ก็มักละลายความเครียดอออกไปจากหัวของผมได้” ยังจะมาทำเสียงขรึม
     “ถ้าคุณชอบฟังมากขนาดนี้ แปลว่าคุณก็ต้องเล่นเครื่องดนตรีพวกนี้เป็นด้วยล่ะสิ”
     “ก็พอได้” ตอบง่ายๆสั้นๆแค่นี้ ก็ตามใจ  และไม่นาน เจ้าตัวก็พาผมขับรถมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งในอีกหนึ่งนาทีถ้าผมไม่ทันมันจะทำให้ผมเข้าตรวจคนไข้ช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ “ผมไปก่อนนะคุณ ขอบคุณมากๆที่มาส่ง”ก่อนที่ผมจะเปิดประตูและรีบวิ่งไปในมันที สปีดเร็วกว่านรกของผม ทำให้ผมมาถึงห้องภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที แต่ก็พาเอาผมเหนื่อยแทบตายเหมือนกัน
     “วันนี้สาย 1 นาทีนะคะหมอตั้ม” จะเป็นใครละครับ พยายาลผู้ช่วยสุดซี้ของผม
     “แหม ก็นิดนึงน่า ไม่ได้ตั้งใจให้มันสายสักหน่อย….อืม แล้วนี่ เตรียมชาร์จคนไข้ที่มีคิวผ่าตัดในอีก 2 วันข้างหน้าให้ด้วย ที่จะผ่าเรื่องหมอนรองกระดูกทับเส้นน่ะ เห็นญาติคนไข้บอกว่าคนไข้เป็นโรคโลหิตจางร่วมด้วย แต่จากที่ผมอ่านชาร์จรอบก่อน ไม่มีระบุไว้”ผมบอกกับดาอย่างคร่าวๆก่อนที่ลงตรวจตามเวลาที่ผมได้นัดคนไข้ไว้


                   พาร์ทของชัช
      หลังจากที่ผมไปส่งหมอตั้มที่โรงพยาบาล ผมก็ใช้เวลาเกือบ ชม.ที่กว่าจะฝ่าฝูงรถติดมาจนถึง สน.ได้ แต่มาถึงก็พาลมีเรื่องให้ผมต้องทำทันที
“ผู้หมวดครับ มีรายงานจากสายที่เราให้ไปติดตามคนที่คาดว่าเป็นคนร้ายน่ะครับ สองคนจากปากคำผู้ให้การ สองคนนั้นเป็นแค่ผู้หญิงขายบริการครับ และจากการที่สายเราล่อซื้อ พฤติกรรมของทั้งสองคนนั้นไม่ตรงกับคำที่ผู้เห็นเหตุการณ์ให้ไว้ครับ”
“ผมก็คิดไว้เหมือนกัน เพราะมีหลักฐานหลายอย่างที่บ่งบอกว่าคนร้ายมีความรู้และความสามารถมากกว่าที่เราคิด และคาดว่าคนร้ายน่าจะเคยทำหรือกำลังทำงานโรงพยาบาล แต่ไม่เป็นไร....เดี๋ยวเรื่องนี้ผมสืบต่อเอง ขอบใจมาก” คดีนี้มันมีหลักฐานที่ขัดแย้งกับข้อมูลที่ถูกแจ้งมาหลายอย่าง เลยทำให้การสืบสวนออกนอกเส้นทางจนแทบจะไม่สามารถสืบสาวไปยังคนร้ายตัวจริงได้ ผมจึงหยิบแฟ้มคดีขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ก็รู้สึกเอะใจว่า สถานที่ที่พบศพ อาจไม่ใช่สถานที่ๆทำคดีฆาตกรรมก็เป็นได้ เพราะในแต่ละสถานที่ ไม่ได้มีความเหมาะสมที่จะเป็นที่ฆาตกรรมได้เลยสักนิด
แล้วก่อนที่เหยื่อเหล่านั้นจะถูกฆ่า พวกเขาได้ไปที่ไหนกันมาบ้าง ผมไม่รอช้าที่จะรีบโทรหา ปวีณ ในทันที
     “ไอ้วีณ ตอนนี้มึงอยู่ที่ สน. หรือเปล่า”
     “กูกำลังจะเข้าไปนี่ละ พอดีออกไปเอาเอกสารมาว่ะ แล้วมึงมีอะไรรึเปล่า!?” ผมจึงจัดการเล่าความต้องการที่ผมต้องการให้มันมาร่วมมือช่วยผมในวันนี้ ให้มันฟัง เพียงไม่กี่ประโยคที่ผมพูดไปมันก้ตบปากรับคำทันที
      “งั้นเดี๋ยวอีก 10 นาทีเจอกัน ส่วนมึงก็เอารายละเอียดของญาติผู้เสียชีวิตมาให้ครบ จะได้จัดการรวดเดียวไปเลย”มันบอกสั่งผมก่อนวางสาย ผมก็ไม่รอช้าที่จะรวบรวมข้อมูลและหลักฐานสำคัญเอาไปจนหมด และไม่นาน ไอ้ปวีณมันก็มาถึง ผมจึงรีบลงไปในทันที
     “แล้วมึงจะเริ่มจากใครเป็นอันดับแรก” มันถามผม
     “กูว่าจะเริ่มจากบ้าน รต.มนตรี”
     “แล้วนี่มึงมีแผนในหัวหมดแล้วใช่อ่ะ”
ผมพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับมันในขณะที่สายตาของผมกำลังอ่านรายละเอียดอย่างรอบคอบอีกครั้ง ก่อนที่ไอ้วีณจะเหยียบคันเร่งไปตามสถานที่ที่ผมกำหนดลงไปใน gps เราทั้งคู่ใช้เวลาเกือบ 2 ชม. จนมาถึงบ้านของ รต.มนตรี
“มึงมั่นในนะว่าจะได้ข้อมูลที่มึงต้องการจากบ้านของตำรวจคนนี้” ไอ้วีณถามขึ้น
“จะได้หรือไม่ได้มันก็ต้องลองดู”สิ้นคำพูดผมผมก็ก้าวลงจากรถทันที
~~กิ๊งก่อง~~
“อ้าวคุณ....มาที่ต้องการอะไรอีก” ดุดันเหมือนครั้งก่อนไม่ทีผิด
“สวัสดีครับ หวังว่าคุณป้าคงจำผมได้ ส่วนข้างๆผมคือร้อยตำรวจโทปวีณ ครับ คือ…ผมมีเรื่องอยากให้คุณป้าช่วยผมอีกสักเรื่องน่ะครับ ผมรบกวนเวลาเพียงไม่นาน “เขายืนมองหน้าผมเหมือนกับครั้งก่อน ก่อนที่จะเดินมาเปิดประตูให้เราทั้งคู่เข้าไป
     “ไหนว่าเรื่องที่คุณต้องการให้ดิฉันช่วยมาสิคะ”
     “คือผมอยากทราบว่า รถกับมือถือของ รต.มนตรี ยังอยู่หรือเปล่าครับ” ผมถามตรงทันที
     “มือถือก็ยังอยู่ ส่วนรถ…พ่อของเขาเอาขับไปข้างนอก อีกไม่นานก็คงกลับมา แล้วคุณมาถามถึงของสองสิ่งนี่ทำไม”
     “ผมแค่อยากแกะรอยว่าลูกชายของคุณป้าได้ไปที่ไหนมาบ้างน่ะครับ ถึงแม้ว่าวันที่เกิดคดีลูกชายของคุณป้าจะไม่ได้ขับรถออกไปก็ตาม เราแค่อยากแกะรอยจาก gps จากรถของเขาน่ะครับและ ผมขอสอบถามเรื่องส่วนตัวของลูกชายคุณป้ได้มั้ยครับ”
    “เรื่องอะไรล่ะ ถ้ารู้…ฉันก็จะบอก”
     “ลูกชายของคุณป้าพักที่บ้านที่เดียวหรือเปล่าครับ หรือว่ามีพักที่บ้านพักของข้าราชการด้วย”
     “ตลอดสองปีที่ผ่านมาก็มีบ้างที่เข้าจะไปที่บ้านพัก แต่ส่วนใหญ่เขาจะกลับมาที่บ้านหลังนี้มากกว่า”
     “แล้วลูกชายของคุณป้าเคยบอกมั้ยครับ ว่าเขาเคยคบกับใครหรือเป็นแฟนกับใครบ้าง”
     “เท่าที่เขาเคยเล่า ก็มีสองคน แต่เขาก็เลิกลากันไปก่อนที่จะเกิดเรื่องนานอยู่เหมือนกัน”
     “แล้วคุณป้ารู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้หญิงสองคนนี้หรือเปล่าครับ”
     “ก็พอตัว แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมากทุกวันนี้เขาทั้งสองคนก็ยังแวะมาเยี่ยมเยียนหลังจากทราบข่าวว่า ตามนเสีย แต่เขาทั้งคู่ก็มากับแฟนของเขานะเท่าที่เขาแนะนำให้ป้ารู้จัก
     “แล้วเรื่องสุดท้ายครับ กับผู้หญิงคนล่าสุดที่คุณป้าเคยเห็น พอทราบมั้ยครับว่าเขาทั้งคู่ได้พูดคุยกันมานานเท่าไหร่เเล้ว”
     “เท่าที่เขาบอกก็ไม่น่าเกินสี่เดือน” ขณะที่ผมกำลังนั่งจดรายละเอียด คุณป้าก็เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นมาให้ผม
     “หวังว่าคุณจะทำให้ลูกชายของดิฉันหลุดพ้นได้ซักทีนะคะ””สิ้นคำพูดของเธอคนนั้นผมก็ได้แต่มองหน้าเธอตอบ  ผมอาจจะไม่สามารถรับปากเธอได้ว่าผมจะทำให้เรื่องมันคลี่คลายได้หรือเปล่า แต่ผมก็จะเต็มที่ และผมก็หวังว่าเธอผู้นั้นจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ หลังจากที่จบการสนทนาผมก็เลยตัดสินใจกลับไป สน.อย่างเดิม
     “มึงได้มือถือมาจะทำอะไรได้วะ ยังไงมันก็คงไม่น่ามีอะไรให้มึงสืบได้อยู่แล้ว”
     “กูขอลองวิธีที่กูคิดก่อนท่าไม่มีอะไรพลาด มันน่าจะได้เบาะแสอะไรบ้าง”
     “แล้วทำไมมึงไม่ไปหาเบาะแสจากญาติผู้เสียชีวิตคนอื่นอีก เผื่อมันจะยืนยันสมมุติฐานที่มึงกำลังอยากรู้ได้
     ”เพราะกูกำลังคิดว่าถ้าจะลงมือตีสนิทหรือรู้จักอะไรกับใครสักคนมันจะใช้วิธีไหนเขาหาคนๆนั้น แล้วอีกอย่างจากที่ดูมือถือเครื่องนี้ ไม่ได้ถูกตั้ง fringerprint scan ไว้ มันต้องเข้าด้วยรหัสผ่านเท่านั้น ดูจากสภาพแล้วคนร้ายไม่น่ามีความรู้เรื่องเครื่องมือไอทีสักเท่าไหร่ และเป็นเพียงคนเดียวที่คนร้ายทิ้งมือถือไว้กับศพ เพราะทรัพย์สินของผู้ตายทุกคน ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลยสักชิ้นเดียว”
  ในเวลาเกือบเที่ยงของวันนั้นกว่าผมจะกลับมาถึง สน. ผมไม่รอช้าที่จะรีบกลับมาทำในสิ่งที่ผมคิดไว้ ผมจัดการสอบถามอีเมลของ รต.มนตรี จาก เพื่อนร่วมงานของเขาจากข้อมูลเบื้องต้น จนได้อีเมลมาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งเขายืนยันว่า รต.มนตรี ใช้อีเมลนี้ติดต่อมากกว่าอีเมลของทางราชการ แต่ก็อย่างว่านะครับ ได้อีเมลแต่ไม่มีพาสเวิร์ดก็ไม่เป็นผล แต่ผมแค่หวังใจให้อีเมลตรงกับในตัวเครื่องที่ผมได้มาเป็นพอ แล่วมันก็เป็อย่างที่ผมคาดไว้ แต่ปัญหาอีกอย่างคือผมจะเข้ารหัสมือถือเครื่องนี้ได้ยังไง แต่ผมลืมไปว่ามือถือของเขาไม่ได้ต่างจากของผมสักเท่าไหร่ คือถ้ามีข้ความส่งเข้ามา มันก็สามารถโชว์ให้เราเห็นว่ามีรายละเอียดข้อความอะไรบ้าง แต่อยู่ดีๆเพื่อนของ รต.มนตรีคนที่ผมได้โทรไปถามเรื่องอีเมลก็โทรกลับมาบอกถึงเรื่องพาสเวิร์ดของเมลนั้น เนื่องจาก 
    “หมวดชัช นะครับ”
     “ครับ ผมหมวดชัช”
     “ คือเมื่อสักครู่ ผมลองสอบถามเพื่อนๆเรื่องอีเมลที่หมวดถามผมมา  มีเพื่อนของหมวดมนอีกคนหนึ่งที่พอรู้เรื่องรายลละเอียดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขาบอกว่า รหัสที่หมวดมนชอบใช้มีอยู่ไม่กี่แบบ เขาเลยลองคร่าวๆมาให้ ยังไงหมวดจดตามผมเลยนะครับ
อันแรก 12092531mt อันนี้เป็นวันเกิดของหมวดมนครับ อันที่สอง  04062501 อันที่สาม 384412 ส่วนอันสุดท้ายเหมือนจะเป็นพาสเวิร์ดเข้ามือถือ น่ะครับเห็นเจ้าตัวบอกว่าเคยกดเล่นมือถือของหมวดมนหลายครั้ง แต่ไม่แน่ใจว่าจะยังใช้พาสฯเดิมอยู่หรือเปล่านะครับ 1739 แล้วก็ 3304 ยังไงหมวดลองดูนะครับ พวกเราพร้อมช่วยเหลือเต็มที่”
     “ ขอบคุณมากนะครับ ไม่งั้นผมคงนั่งงมกับพาสเวิร์ดตายแน่ๆ ขนาดตอนนี้ผมยังจะลองใช้ระบบทางไอทีแก้ไข ยังไม่รู้จะสำเร็จรึเปล่าเลย”
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 7.1)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 28-08-2019 08:17:45
ต่อจาก C7 นะครับ


หลังจากกล่าวขอบคุณ ผมก็จัดการเอาพาสเวิร์ดที่ผมได้มา ลองใส่กับมือถือก่อนทันที โดยผมลองจากรหัสแรก 1739 แต่ก็ไม่เป็นผล แล้วตอนนี้มันก็เหลือเพียงอันเดียว คือ 3304 ปรากฏว่ามันสำเร็จ ผมสามารถเข้ารหัสมือถือของหมวดมนได้ คราวนี้ก็เหลือแค่ลองตรวจสอบว่าหมวดมนได้ขับรถไปที่ไหนมาบ้างก่อนที่จะถูกฆาตกรรม ผมเลยลองเข้าผ่านโปรแกรมๆหนึ่ง google location history แต่คราวนี้ก็เป็นการเสี่ยงกับรหัสของอีเมล โดยผมดูอีเมลจากการ log in เข้าใช้เครื่อง และลองใช้รหัสที่ทางเพื่อนของหมวดมนให้มา ผมจึงตัดสินใจเลือกใช้รหัสตัวแรกในการเข้าใช้ ปรากฏว่ามันสามารถเข้าได้อีกเช่นเคย เลยทำให้การตรวจสอบนี้ร่นระยะเวลามากกว่าที่ผมคิด  และจากเส้นทางที่ปรากฏใน map แสดงให้เห็นถึงสถานที่ๆหมวดได้ไปมา ผมจึงเลือกดู ก่อนหน้าสองอาทิตย์ก่อนถูกฆาตกรรม มีจำนวนถึง 15 สถานที่ แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสถานที่ใดบ้างที่หมวดไปซ้ำๆกันหลายๆครั้ง ผมจึงรีบลุกขึ้นเดินไปหาปวีณที่นั่งทำงานอยู่อีกห้องหนึ่งทันที
     “ไอ้วีณ กูพอได้เบาะแสมาบ้างแล้วว่ะ ว่าก่อนถูกฆาตกรรมหมวดมนไปสถานที่ไหนมาบ้าง มีทั้งหมด 14 สถานที่ แต่ตอนนี้ที่กูตัดออกไปได้4 ที่ก็คือ บ้านพ่อแม่เขากับห้างสรรพสินค้าอีก 3 แห่ง” ผมพูดพลางเดินไปนั่งตรงหน้าไอ้วีณมัน
    “ ก็เหลืออีก 9 สถานที่ ที่เราต้องสืบค้น…. มันไม่ใช่น้อยๆเลยนะเว้ย และดูจาก list ที่มึงจดมา 4  สถานที่คือโรงแรม 1 สถานที่คือบ้านพัก อีก 2 เป็นผับบาร์ ส่วน 2 ที่สุดท้ายคือรีสอร์ท ที่ปราณฯ กับ ที่เขาใหญ่ มึงจะตามไปเชคยังไงได้ว่ะ แล้วอีกอย่าง ถ้าการจองที่พักที่รีสอร์ททั้งสองที่ไม่ได้ใช้ชื่อหมวดมนขึ้นมา มันก็จะยิ่งสืบค้นยากเข้าไปอีก”
     “มึงอย่าลืมสิว่ามีกล้องวงจรปิด แล้วเเค่ลองเอารูปหมวดไปให้ Reception ที่นั้นดู อาจจะพอได้รู้อะไรบ้าง”
     “แต่วันนี้ไม่ได้แล้วดิวะ กูพึ่งได้รับคำสั่งมาสดๆร้อนๆให้ไปลงพื้นที่เรื่องยา แต่ท่าพรุ่งนี้ไม่น่ามีปัญหา”
     “แต่กูรอไม่ได้เว้ย….” ผมทักท้วงเสียงแข็ง แตก็นะ “งั้นเอางี้ เดี๋ยวเรื่องวันนี้กูจัดการเอง ส่วนพรุ่งนี้มึงออกนอกพื้นที่กับกู ไปปราณฯ กับเขาใหญ่กัน”
พอพูดคุยกับปวีณจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็เริ่มต้นภารกิจที่ผมได้วางแผนเอาไว้ทันที แต่พอดูเวลาอีกที มีนเลยนัดที่ผมได้นัดกัยหมอตั้มเอาไว้แล้วนี่ แต่ผมไม่อยากเป็นครผิดคำพูด ถึงจะเลยเวลายังไงผมก็ต้องไป จากสน.ผมไปยัง รพ.ที่หมอตั้มอยู่ปกติใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที แต่ด้วยการจราจรมันอาจจะทำให้เกินไปมมากกว่าที่เกณฑ์ไว้ ผมจึงตัดสินใจใช้ มอเตอร์ไซค์ที่ใช้ออกลาดตระเวน เป็นพาหนะหลักซะเลย
   จนเมื่อถึง รพ.ผมรีบสับเท้าอย่างไวในแบบที่ผมสามารถ ณ เวลานั้น จนมาถึงหน้าห้องตรวจ ที่หมอตั้มนั่งประจำเวรอยู่ ผมจึงรีบเปิดประตูเข้าไป
แต่เมื่อผมเห็นหน้าหมอตั้ม มันกลับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก
     “เป็นอะไรคุณ เดินเข้ามาไม่พูดไม่จา…เชิญนั่งก่อนสิ” ยิ่งได้ฟังคำพูดและน้ำเสียงนุ่มนวลแบบนี้ มันยิ่งทำให้ผมพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ ในตอนนี้มันมีทั้งความรู้สึกผิด ความเขินอายผสมผเสอยู่เต็มไปหมด
     “ผมขอโทษที่ผมมาช้า เลยเวลาที่นัดคุณไว้” ในที่สุดก็พูดอะไรออกมาได้สักที
     “ไม่เห็นเป็นไรเลยคุณ คุณก็ต้องทำงานเหมือนกัน ผมเข้าใจ แต่ไหนบอกว่าจะโทรเข้ามาก่อนไง”
     “ก็เห็นว่ามันเลยมานานแล้วเลยเข้ามาเลยดีกว่า…แล้ว…..คุณ..ทานอะไรไปหรือยัง”
     “ยังเลย…ก็คิดว่าคุณจะเข้ามา…ก็เลยรอ หวังว่าคุณคงจะยังไม่ได้ทานมาใช่ป่ะ?” ทำไมถึงทำหน้าทะเล้นแบบนั้น
     “ยังหรอกครับ แต่ถ้าออกไปทานคงมีเวลาไม่มาก พอดีพึ่งได้เบาะเเสเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมมา เลยอยากจะไปสถานที่เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นหน่อยน่ะ
     “ จริงหรอ….งั้นผมไปด้วย เดี๋ยวเราหาอะไรทานตามร้านสะดวกซื้อก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ งั้นเดี๋ยวผมขอเก็บเอกสารแปปนึง”
     “งั้นเดี๋ยวผมไปรอคุณหน้าห้องแล้วกัน”
ผมก็ปลีกตัวเองออกมานอกห้องทำงานของเขา เพื่อที่เขาจะได้ทำอะไรได้สะดวกขึ้น ไม่นานหลังจากที่ผมเดินออกมา เขาก็เดินตามออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเล็กที่คาดหน้าอกออกมา
     “พร้อมแล้วคุณ ไปกันเลย” ไฟแรงซะจิงไอ้คุณหมอคนนี้
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 7 และ 7.1)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-08-2019 17:31:48
 :pig4:
:katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 7 และ 7.1)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-08-2019 21:53:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 7 และ 7.1)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-08-2019 23:52:00
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 8)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 29-08-2019 04:45:30
"ขับช้าๆหน่อยยยยยยยยย”
เสียงที่พยายามเปล่งให้ดังกว่าลมปลิวมาสะท้านที่ข้างหูผม  แต่กลับกลายเป็นผมกับสนุกกับการที่เห็นไอ้คุณหมอคนนี้กลัวอะไรแบบนี้ซะอย่างนั้น ก็เลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไปซะเลย  แต่ดันมามีไฟจราจรดักหน้าผมไว้ซะก่อนล่ะสิ
     “ผมไม่ไปต่อแล้วคุณ คุณไปจัดการเรื่องของคุณคนเดียวเหอะ”น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความกลัวและโกรธไปพร้อมกัน ขณะที่เขากำลังจะก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ของผมตรงแยกไฟแดง พอดีมือของผมไวกว่าขาของเขาน่ะนะ
     “ขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้แล้วนะคุณ”
     “ แต่คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบนั่งอ่ะ”เขารีบพูดสวนเลยล่ะ
     “เดี๋ยวคุณก็จะชอบ…แล้วอีกอย่างผมเคยบอกคุณแล้ว ว่าให้กอดที่เอวผม…ถ้าไม่เชื่อ…คุณก็ลองทำดู แล้วมันจะไม่มีอะไรน่ากลัวเลย”
     “แต่นี้มันตอนกลางวันนะคุณ แถมคนเต็มถนนไปหมด”
     “คุณอยากหายกลัวหรือคุณอยากจะกลัวต่อไปละ คุณเชื่อผมดิ ผมไม่เคยหลอกคุณ” ผมถือว่าเป็นคำพูดที่จะทำให้เขาสบายใจและไม่ต้องสนอะไรกับใครที่เราแค่เพียงผ่านไปมากับพวกเขา
      “คุณนี่มันพวกรั้นชัดๆ”เสียงที่บ่นพึมพำอยู่ในหมวก แต่ผมกลับได้ยินซะชัดเชียวขณะที่ไฟจราจรกำลังจะเปลี่ยนสี ปรากฏว่าเขาเอื้อมมือลงมากอดเอวของผมด้วยแขนทั้งสองข้าง พร้อมกับหน้าที่ซบอยู่บนแผ่นหลังของผม มันกลับกลายเป็นว่า ผมรู้สึกมีความสุขซะอย่างนั้น แต่ใช่ว่าเรื่องพวกนี้ ผมจะอนุญาตกับทุกคนซะหน่อย ถ้าผมไม่รู้สึกอะไรด้วยละก็นะ
 และจนในที่สุด เราทั้งคู่ก็มาถึงสถานที่แรกที่เป็นโรงแรมมิลเลเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ เราทั้งคู่ต่างไม่รอข้ารีบเข้าดำเนินการในทันที  เมื่อไปถึงยัง Reception ของโรงแรม ผมจึงขอติดต่อกับผู้จัดการ เพื่อที่จะดำเนินการอะไรได้สะดวก หลังจากพูดคุยไม่ถึง 5 นาที ทางโรงแรมก็ยืนยอมให้ทางเราตรวจดูกล้องวงจรปิดได้
     “ แล้วหมวดจะให้เราโฟกัสใครในกล้องวงจรละครับ” ผู้จัดการถามขึ้น จึงทำให้ผมนึกได้ รีบเปิดมือถือให้ผู้จัดการและพนง.ในบริเวณนั้นได้ดู ผู้จัดการจึงสอบถามถึงชื่อของหมวดมนตรี ก่อนที่จะให้พนง.ที่รับจองโต๊ะที่นั่งในภัตาคารของโรงเเล้วตรวจสอบว่าได้มีการลงชื่อจองเอาไว้หรือไม่ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ตรวจดูเทปกล้องวงจรปิดก่อนหน้า สองอาทิตย์ก่อนเกิดเหตุ แต่เหมือนการสอบสวนนี้เป็นใจ ทำให้เรารู้ว่า หมวดมนตรี ได้จองโต๊ะเอาไว้ในวันที่ 24 เมษายน ในเวลา 20.00 น.หลังจากที่ได้ทราบวันที่แน่ชัด พนง.จึงรีบเปิดเทปไปยังวันที่ 24 ในทันที และเราก็ได้เห็นหมวดมนตรีมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งกายเป็นชุดเดรสกระโปรงสั้นสีน้ำเงิน ผมสั้นหยักโศก ใส่แว่นกันแดดแฟชั้นที่ทีลักษณะใหญ่ แต่ที่สำคัญเธอกำลังพยายามหลบมุมกล้อง  แม้กระทั่งตอนขึ้นลิฟต์ เธอหยอกล้อและเล่นกับหมวดมนตรีจนเราไม่สามารถจับรูปพรรณสัณฐานของเธอได้อย่างชัดเจน แต่จากที่เห็น ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรูปร่างเล็ก สูงประมาณ 170-175ผิวขาวเหลือง จนลิฟต์ไปจอดอยู่ที่ชั้น 32 ซึ่งเป็นห้องอาหาร Three sixty lounge ตลอดระยะเวลาการเดิน เราไม่สามารถจับใบหน้าของเธอผู้นั้นได้เลย และโต๊ะที่เธอได้ก็เป็นโต๊ะที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับไปถึง
“งั้นถ้าเราขอทราบว่า พนักงานที่ประจำตำแหน่งในวันนั้นมีใครบ้างจะได้มั้ยครับ ผมอยากสอบถามอะไรเพิ่มเติม”เสียงหมอตั้มดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังวนอยู่ภาพกล้องวงจรปิดซ้ำๆ
     “คุณ…..ผมว่าเราลองไปสอบถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นดีกว่า บางทีผมว่าอาจจะได้รูปพรรณที่ชัดเจนมากกว่า เพราะจากในกล้องมันยากมากที่จะสัณนิฐานว่าเป็นใคร”
     “งั้นคุณนำขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวผมขอเก็บภาพตรงนี้ก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวจะรีบตามไป”


…………………..
     “เป็นยังไงบ้างคุณ พอได้อะไรเพิ่มเติมบ้างรึเปล่า” ผมถามตั้มที่กำลังนั่งสอบถามพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น
     “ส่วนมากก็บอกว่าเห็นแค่ผ่านๆ แล้วก็ไม่ได้จดจำอะไรขนาดนั้น เพราะส่วนมากลูกค้าหลายๆคนก็แต่งตัวมาแบบนั้นจนเป็นเรื่องปกติ แต่มีน้องพนักงานที่เป็นเชฟ ทำงานอยู่ข้างหน้าขอเธอคนนั้นพอดี บอกว่า เธอรับประทานอาหารอย่างระมัดระวังมาก และสวมแว่นตาอยู่ตลอดเวลา และเขาก็เห็นว่าหมวดมน พยายามเอื้อมมือเพื่อที่จะไปถอดแว่นของเธอ แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ”
     “แล้วไม่มีใครเห็นอะไรมากกว่านี้อีกหรอ เช่น เข้าไปเจอในห้องน้ำ หรือตอนเข้าไปบริการตามโต๊ะน่ะ” ผมถามเสริมขึ้น แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล
     “คือ….หนู อ่ะค่ะ” พอมีผลบางแล้ว “คือมีลูกค้าท่านหนึ่งให้หนูเข้าไปช่วยรูดซิบชุดของเธอในห้องน้ำเพราะเธอบอกว่าซิบมันหวานจนทำให้ล็อคไม่อยู่  ตอนที่หนูกำลังแก้ซิบให้กับชุดลูกค้า หนูก็เห็นเธอคนนั้นออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ออกมาล้างมือแต่งหน้าตรงที่ล้างมือน่ะค่ะ แต่เธอก็ไม่ได้ถอดแว่นนะคะ แต่จากที่หนูสังเกตุเห็นก็คือตอนที่เธอกำลังหยิบเครื่องสำอางค์ เธอทำบัตรใบนึงตกลงที่พื้น หนูก็เลยรีบเอื้อมมือไปเก็บให้ กับเธอ
 แต่ว่าหน้าบัตรมันคว่ำนะคะ หนูเลยไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไรแล้วก็เป็นบัตรอะไรด้วย”
“โอเค…ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวะขอชื่อพวกน้องไว้ แล้วถ้าพี่จะสอบถามอะไรเพิ่มเติม พี่จะติดต่อมาทางหัวหน้าพวกน้องอีกที”ผมพูดบอกกับพวกน้องๆอีกครั้ง ก่อนที่หมอตั้มจะตามจดชื่อของพวกน้องๆเหล่านั้นเอาไว้ หลังจากจัดการเรื่องจนเสร็จเรียบร้อย เราทั้งคู่ก็วางแพลนที่จะไปยังโรงแรมต่อไป คือ โรงแรมอนันตา สาทร
     “ เหลืออีก 3 ที่จะทันหรอคุณ แต่ละที่ไม่ได้ใช้เวลาน้อยๆเลยนะ” หมอตั้มถามผมขึ้นมา แต่จากที่สังเกตุหมอตั้มดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด
     “ ทันสิคุณ  3 ที่ แค่แปปเดียว” ผมพูดบอกกับเขา ผมก็ได้แต่เพียเห็นงการพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบของเขา “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวคุณรออยู่ตรงนี้แปปนึง เดี๋ยวผมมา” ผมรีบวิ่งไป ร้านสะดวกซื้อร้านหนึ่งที่อยู่ไกลจากตัวโรงเเรมเท่าไหร่ เมื่อไปถึงผมก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้กับเขา ผมจึงตัดสินใจหยิบในสิ่งที่ผมชอบทานในเวลาที่หิวมากๆ นั้นก็คือ Snickers  เมื่อคว้าได้ผมก็รีบชำระเงินแล้วก็วิ่งกลับไปที่รถทันที
    “ไปไหนมาอ่ะคุณ”
    “คุณทานลองท้องไปก่อน …มันคงพอแก้หิวได้” ผมยื่น Snack bars ให้กับเขาพร้อมกับน้ำดื่มขวดเล็ก
    “ แล้วของคุณละ” ผมเลยตบที่กระเป๋ากางเกงของผมเพื่อสื่ให้เขารู้ว่า ผมไม่พลาดอยู่แล้ว
    “ คุณทานก่อนก็ได้นะ”
    “ไม่เป็นไร ยังพอไหวอยู่ รีบทำงานของเราต่อดีกว่า”
ผมก็ไม่อยากขัดศรัทธา ผมจึงก้าวนำขึ้นค่อมมอเตอร์ไซค์ ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นค่อมตามผมขึ้นมา แต่คราวนี้เขาดูคล่องแคล่วมากกว่าสองครั้งแรกที่ดูขัดๆยังไงก็ไม่รู้  เรื่องอะไรที่ผมจะต้องรอช้า ก็ต้องรีบพุ่งตัวไปยังที่ที่สองเลยสิครับ โรงแรมที่สองนี้คือโรงแรมอนันตา สาทร อยู่ห่างจากที่แรกไปไม่มาก ก่อนที่เราทั้งสองจะจัดการตามขั้นตอนที่เราได้เคยทำไว้ที่โรงแรมก่อนหน้าทันที แต่คราวนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิดกลับไม่ได้แสดงให้เห็นถึงผู้หญิงปริศนาคนนั้น กลับพบแต่ หมวดมนตรีกำลังถือกล่องสีน้ำตาลอิฐใบหนึ่ง ที่หน้ากล่องสกรีนลายแบรนด์กระเป๋าสุดหรู แต่ปลายทางจากการขึ้นลิฟต์ ตรงไปยังห้องพักห้องหนึ่งที่ชั้น 31 (เป็นห้องSkyline Premier) ผมก็รีบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันทีว่า ผู้ที่ลงชื่อจองห้องพักเป็นใคร แต่จากที่พนักงานตรวจสอบชื่อนามสกุลมาจนเรียบร้อย ผมจึงให้ปวีณตรวจสอบ ปรากฏว่าชื่อที่ทำการจองมีทะเบียนราษฎร์อยู่ในจังหวัดพัทลุงและยิ่งมีการสืบค้นลึกต่อไปเรื่อยๆ หญิงสาวผู้นี้เป็นเพียงแม่ค้าที่ค้าขายอยู่ในตลาดใต้โตนดเท่านั้น เราจึงย้อนดูกล้องวงจรปิดอีกครั้ง จนพบกับหญิงสาวเจ้าปัญหาที่เข้ามาเชคอินตอนเวลา 13.00 น ของวันที่ 22 เมษายน จนผมต้องเรียกพบพนักงาน Reception ทีปฎิบัติงานในช่วงเวลานั้น
  “ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นมาเชคอินตอนเวลา 13.00 น. ใครเป็นคนรับเรื่องครับ”
  “ ดิฉันค่ะ…เธอมาแจ้งว่าได้ติดต่อห้องพักเอาไว้ทางเวบไซต์น่ะค่ะ ดิฉันก็ตรวจสอบตามปกติ ชื่อก็ตรงตามบัตรประชาชน เธอก็จัดการจ่ายค่าห้องพักเป็นเงินสดน่ะค่ะ ดิฉันก็เลยจัดการให้พร้อมกับยื่นกุญแจให้กับเธอ” พนักงานคนแรกเป็นคนพูด
     “แล้วตอน check-out ละเป็นยังไง” ผมถามต่อ
     “ตอนเช็คเอ้าท์เป็นดิฉันที่รับเรื่องค่ะ แต่เป็นคุณผู้ชายนะคะ ที่เป็นคนจ่ายค่าส่วนต่างเรื่องค่าอาหารและน้ำดื่มน่ะค่ะ แล้วก็มาเพียงคนเดียวไม่ได้มีใครติดตามมาด้วย”
     “แล้วคุณจำเค้าโครงหรือรูปพรรณของผู้หญิงคนนั้นได้บ้างมั้ย” ผมถามกลับไปยังพนักงานคนแรก
     “ก็คงจะหุ่นกำลังดีน่ะค่ะ ถึงแม้เธอจะใส่ Overcoat อยุ่แต่ดูจากใบหน้าของเธอแล้วน่าจะหุ่นดีแน่นอน ส่วนความสูงก็พอๆกับดิฉัน ประมาณ 172 มั้งคะ ผิวดูขาวเหลือง จากที่ดิฉันเห็นที่มือกับลำคอนะคะ”
     “ แล้วใบหน้าล่ะ มีจุดสังเกตุอะไรบ้าง”
     “เธอใส่แว่นกันแดดเข้ามาค่ะ แว่นอันใหญ่พอสมควร ส่วนรายละเอียดบนใบหน้าส่วนอื่นๆก็ไม่ได้มีอะไรให้เป็นจุดสังเกตุค่ะ แต่เธอดูเป็นคนสวยคนนึงเลยนะคะ
     “ ยังไงผมต้องขอบคุณพวกคุณทุกคนมากที่ให้ความร่วมมือ ถ้าผมต้องการคำให้การอะไรเพื่มเดี๋ยวผมจะติดต่อกับมาอีกที” ผมรีบพูดปิดงานในเวลานั้น เพราะถึงแม้เราจะมาเป็นโรงแรมที่สองแต่เราแทบไม่ได้อะไรคืบหน้าขึ้นมาเลย
     “ เธอคนนั้นระวังตัวเองดีมาก ขนาดสถานที่ใหญ่ๆมีกล้องวงจรปิดนับไม่ถ้วน แต่เธอก็สามารถปิดบังใบหน้าของเธอจนเราไม่สามารถที่จะตาม
หรือตรวจสอบอะไรได้เลย” ผมพูดกับหมอตั้มที่เดินอยู่ข้างๆผม
     “มันปกติน่ะคุณ ถ้าคุณเป็นคนร้ายคุณก็ต้องปกปิดระวังตัวเองถึงที่สุดเหมือนกัน แต่เราก็ยังรู้ว่ารูปร่างเธอเป็นยังไง สูงประมาณเท่าไหร่ มันก็พอที่จะได้เค้าลางๆมาบ้างแล้วน่ะคุณ” คำพูดของหมอตั้มมันก็ทำให้ผมคล้อยตามได้ เพราะความจริงแล้ว วงค้นหาที่เกำลังทำ มันแคบลงมากจากคำให้การและภาพหลักฐานต่างๆ “แล้วนี่เราจะไปไหนต่ออ่ะคุณ นี่ก็จะห้าโมงแล้ว”
เเละเราทั้งคู่ก็ออกเดินทางไปยัง โรงแรมที่ 3 คือโรงแรม สยามแอทสยามดีไซน์โฮเทลแอนด์สปาห่างจากโรงแรมที่เราอยู่ไปประมาน 4.1 กม.ผมใช้เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ประมาน 15 นาที เพราะด้วยการจราจรที่แออัดพอสมควร  และหลังจากการครวจสอบปรากฏว่า หมวดมนตรีได้จองโต๊ะที่ห้องอาหาร The Roof Restaurant ช่วงเวลา 21.00 น.ในวันที่ 25 เมษายน แต่ทั้งคู่มาช้ากว่าเวลานัด 10 นาที แต่คราวนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะจากสองโรมแรมก่อนหน้า ผู้หญิลที่มากับหมวดมนตรีมีลักษณะเปลี่ยนไป คือมีลักษณะผมยาวเกือบถึงกลางหลังดัดลอน และไม่มีการอำพรางใดๆบนใบหน้า ลักษณะใบหน้าที่เราเห็นผ่านกกล้องนั้นไม่สามารถลงรายละเอียดได้ว่าเป็นอย่างไร จนมีน้องพนักงานชายคนหหนึ่งที่ทำหน้าที่ต้อนรับในวันนั้นไดเปิดเผยรายละเอียดให้เราฟังว่า
     “ตอนนั้นเป็นเวลา 21.15 นาทีครับ คุณผู้ชายเดินมาสอบถามถึงเรื่องโต๊ะที่ได้จองไว้ ก่อนที่จะมีผู้หญืงอย่างในภาพเดินตามมาทีหลังครับ ลักษณะของเธอ เป็นผู้หญิงผิวขาวเหลือง สูงราวๆ 174 ได้ครับ ถ้ารวมรองเท้าที่เธอใส่อยู่ด้วย หุ่นผอมกำลังดี ผมยาวเป็นลอน มีหน้าหม้า แต่งเหมือนสไตล์ญี่ปุ่นน่ะครับ ตาโและเธอก็มีนัยต์ตาสีน้ำตาลเทาๆ ดูๆแล้วอายุไม่น่าเกิน 25 ปีนะครับ”
    “แล้วมีอะไรเป็นจุดสังเกตุมากกว่าที่เห็นมั้ยครับ อย่างเช่น ใฝ่ ปาน หรือรอยแผลเป็นที่ใบหน้า หรือตามจุดที่พอมองเห็นได้”หมอตั้มถามขึ้น
     “ ไม่นะครับ หน้าเธอเนียนสวย ไม่มีร่องรอยอย่างที่คุณหมอกล่าวเลยครับ”
     “คุณยังพอจำหน้าของเธอคนนั้นได้อยู่มั้ย” ผมถามขึ้น
     “ก็ยังพอจำได้ครับ แต่อาจจะไม่ได้ละเอียดอะไรมาก”
     “งั้นดี เดี๋ยวผมจะนัดคุณให้เขาไปช่วยร่างภาพสเก็ตคนร้ายคนนี้อีกประมาณวันถึงสองวัน”
    ~~คนร้ายหรอครับ/ค่ะ~~
 ทุกคนประสานเสียงด้วยความตกใจในสิ่งที่ผมพูด
     “ยังไม่แน่ใจหรอกครับว่าใช่เธอคนนี้หรือเปล่า และก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอคนนี้กับผู้หญิงที่ผมตามตระเวนตรวจสอบจะเป็นคนๆเดียวกันมั้ย ยังไงมันก็ต้องรอรวบรวมข้อมูล”
     “ผมถามได้มั้ยครับว่าถ้าเธอเป็นคนร้าย เธอเป็นคนร้ายคดีอะไร”
     “ผมคงยังบอกพวกคุณไม่ได้…ยังไง ผมขอความร่วมมือพวกคุณ ถ้าพบ เจอ หรือมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากที่พวกคุณบอกผม ให้ติดต่อไปที่ สน.××× แล้วบอกติดต่อหมวดชัช เดี๋ยวพวกเขาจะโอนสายพวกคุณมาที่ผมเอง ยังไงวันนี้ผมต้องขอบคุณพวกคุณทุกคนมาก หวังว่าพวกเราจะช่วยกันคลี่คลายคดีนี้จนสำเร็จ” หลังจากที่ผมบอกลากับเหล่าพนักงาน เราทั้งคู่ก็ต่างรีบลงมาเพื่อจะไปยังสถานที่สุดท้ายในหมวดของโรงแรม นั้นก็คือโรงแรมโฟร์ พอยท์ บาย เชอราตัน
     “แต่ผมสงสัยน่ะคุณชัช ทำไมรอบนี้เธอถึงไม่ปิดบังอำพรางใบหน้าของตัวเอง หรือเธอคิดว่า แค่เปลี่ยนลุค ก็จะไม่มีใครจำเธอได้” หมอตั้มถามผม แต่ผมกับสังเหตุเห็นว่าหมอตั้มเอา Snicker ที่ผมให้เอาขึ้นมาทานระหว่างรอลิฟต์ลงไปด้านล่าง เหมือนเด็กชะมัด
     “ผมก็สงสัย แต่…ตอนนี้เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน กินล่อตาล่อใจผมขนาดนั้น แถมจะทุ่มแล้วเราสองคนยังไม่มีอะไรรองท้องเลย” ผมก็หยอกแกมจริงซะหน่อย
     “งั้นเอาสิ…แบ่งกัน” แล้วเขาก็ยื่นอีกครึ่งอันมาให้ผม
     “คุณลืมหรือไงว่าผมก็ซื้อของผมมาเหมือนกัน”ผมเลยล้วงออกมาให้ดูซะเลย
     “ก็…แค่แสดงน้ำใจ ไม่ได้จะให้จริงๆซะหน่อย” พูดแก้อายอยู่ละซิคุณหมอ เรื่องอะไรผมจะทำให้เสียน้ำใจละใช่มั้ย
     ~~อ้ำ~~ ผมยื่นหน้าเข้าไปกัดไอ้เจ้า snicker ซะคำโต ก่อนที่เจ้าตัวกำลังจะเอาเข้าปากหน้าของผมเลยไปชนกับหน้าของเขานิดหน่อย ถือว่าเป็นกำไรแล้วกันเนอะ
     “คุณทำอะไรของคุณๆชัช” เขาโผลงพูดขึ้นอย่างตกใจ
     “ก็ไม่อยากให้คุณเสียน้ำใจ  ก็เลยขอสักคำ”
     “ทำอะไรเป็นเล่นนะคุณน่ะ”
     “แล้วใครว่าผมเล่นล่ะ”สอดคล้องกับเสียงประตูลิฟต์ที่กำลังเปิดพอดี เขาก็รีบจ้ำอ้าวเดินออกไปเลย  ก็…ว่ากันไป ผมก็รีบเดินตามเจ้าตัวที่กำลังก้าวเดินอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
     “เป็นอะไรคุณ…เดินซะไวเลย”แซวสักหน่อยละกัน
     “ก็….เปล่า….ก็แค่….จะได้ไปที่ใหม่เร็วๆไง”
     ผมก็ได้แต่พยักหน้าแกล้งใส่เขาก็นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่าหมอตั้มเขินมากขนาดนี้ หน้าแดงหูแดงไปหมด
    “ยังจะมายืนมองหน้าผมอีก รีบๆขึ้นรถดิ” ดันมาแกล้งโวายวายใส่ผม แต่นี่….คือโวยวายแล้วใช่มั้ยครับ หมอตั้ม 
     หลังจากที่อมยิ้มกับการกระทำของหมอตั้มไปเป็นที่เรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปยังที่สุดท้ายที่ห่างไปอีก 6.0 กม. ยิ่งเวลานี่ในกรุงเทพไม่ต้องพูดถึงเรื่องการจราจร ขนาดผมจะลัดเลาะมอเตอร์ไซค์ยังลำบากเลย แต่อยู่ดีๆก็มีความรู้สึกหนักอึ้งที่หลังขึ้นมา เลยพยายามหันไปมอง ปรากฏว่าหมอตั้มเผลอหลับไปสงสัยจะไม่ชินกับการออกมาตระเวนพร้อมกับเจออากาศร้อนๆแบบนี้และแต่ มันประจวบเหมาะกับการติดไฟแดงแยกสุดท้ายของผมพอดีผมเลยถือโอกาส หยิบมือถือจากในกระเป๋าขึ้นมาถ่ายรูปของเขาและผมเอาไว้ มันอาจจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมในขณะที่ผมสวมใส่ชุดตำรวจ แต่มันก็เป็นโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิตผมเหมือนกัน จนเวลาผ่านไปอีกเพียงไม่กี่นาที เราก็มาถึงโรงแรมสุดท้ายตอนเวลา 19.45 นาที เมื่อผมจอดรถ ผมก็พยายามส่งเสียงเรียกเขาอย่างเบาๆเพราะไม่อยากให้ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่การเรียกเบาๆแบบนี้ก็ทำให้ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ไม่เกินความพยายามของผม
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 8)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-08-2019 19:05:43
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 8)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-08-2019 22:14:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิตาชัชเนี่ยหลงเสน่ห์หมอตั้มตั้งแต่แรกพบเลยสินะ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 8)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-08-2019 22:24:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 8)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 30-08-2019 08:25:18
ค่อยๆหาเบาะแส​ ลุ้นๆ​
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 9)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 30-08-2019 08:52:59
 “เป็นไงบ้างคุณ….ยังพอไหวหรือเปล่า” ผมถามซ้ำอีกครั้ง
     “ผมโอเค…ขอโทษทีที่เผลอหลับไป”บอกโอเคแต่เสียงยังดูงัวเงียอยู่เลย
     “ไปกันคุณ ทำงานของเรากันดีกว่า” ผมพูดพลางรอเจ้าตัวก้าวลงจากรถ หลังจากที่หมอตั้มสะบัดความงัวเงียออกจากร่างกายจนเรียบร้อยเราก็เริ่มทำงานกันตามเดิม   หลังจากที่เราติดต่อกับทางผู้จัดการของโรงแรม จนสามารถเข้ามาดูกล้องวงจรปิดได้ พร้อมกับพนักงานที่ปฏิบัติงานในวันนั้นแล้วก็ได้ผลเกินคาดกว่าที่เราคิด และมากกว่าอีกสามโรงแรมที่ผ่านมา
     “คือในวันที่ 27 เมษายน  น่ะค่ะ คุณผู้ชายที่เห็นในกล้องเข้ามาเปิดจองห้องพักตอนเวลา 20.00 น.แต่ตอนมาเปิดห้องพักคุณผู้ชายเดินเข้ามาจัดการเพียงคนเดียวนะคะ ณ  เวลานั้นลูกค้าของจองเป็นห้องแบบ Presidential Sweet  ค่ะ ขณะที่ดิฉันจัดการเรื่องห้องอยู่ ไม่น่าเกินสามนาทีนะคะ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆคุณผู้ชาย ก่อนที่จะสอบถามจากคุณผู้ชายว่าห้องพักเป็นแบบไหน มีอ่างอาบน้ำรึเปล่า อะไรประมานนี้อ่ะค่ะ ส่วนลักษณะรูปร่างของผู้หญิง จากที่ได้เห็น ออกจะผอมสูงนะคะ ผิวออกขาวนิดนึง แล้วก็ใส่ Mask ปิดหน้าเอาไว้
     “แล้วลักษณะดวงตาของเขาเป็นยังไงพอจะได้สังเกตุมั้ย”หมอตั้มถามขึ้น
     “ไม่ได้สังเกตุหรอกค่ะ เพราะเธอเอาแต่ยืนคุยอยู่กับคุณผู้ชาย แทบไม่ได้หันหน้ามาทางดิฉันเลยค่ะ”
     “งั้นพวกคุณช่วยพาเราไปที่ห้องพักหน่อยได้หรือปล่าว หรือว่าตอนนี้มีผู้เข้าพักอยู่”
     “งั้นขอดิฉันตรวจสอบสักครู่นะคะ” พนักงานหญิงคนนั้นจึงต่อสายไปยัง Reception เพื่อตรวจสอบทันที เพียงไม่นานก็ได้คำตอบ
     “ตั้งแต่ลูกค้า Check out ก็ยังไม่มีลูกค้าท่านไหนเข้าพักค่ะ”
     “งั้นผมรบกวนคุณผู้จัดการช่วยพาพวกเราไปที่ห้องพักนั้นทีครับ” ผมเอ่ยปากไป ทางผู้จัดการก็ไม่ได้มีอะไรขัดข้อง เขาและพนักงานอีกสองคนได้พาเราไปยังห้องพักนั้น ซึ่งลักษณะภายในห้องพัก มีขนาดใหญ่พอสมควร แบ่งสัดส่วนอย่างเป็นระเบียบ
     “น่าแปลก มาพักแค่สองคน แต่ทำไมถึงต้องเลือกห้องพักใหญ่และราคาสูงแบบนี้” ผมพึมพำกับตัวเอง
     “ก็ไม่เห็นแปลกซะหน่อย ดูอย่างผมกับคุณสิ ยังซื้อคอนโดในแบบที่อยู่ได้เป็นครอบครัว 6-8  คนขนาดนั้นเลย มันอาจจะเป็นที่ความชอบของเขาทั้งคู่มากกว่า” ดันได้ยินผมพึมพำซะอีกหมอตั้ม แถมตอบกลับซะผมไปไม่ถูกเลย
     “หรือไม่ทางผู้หญิงก็เป็นคนที่ติดความหรูหรา ขนาด 3 โรงแรมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่พัก หรือร้านอาหารยังเป็นระดับหรูเลย แต่ผมว่ามันขัดแย้งกับทางบ้านของหมวดมนตรี ที่ดูไม่น่าจะเป็นคนฟุ่มเฟือย”
     “มันก็จริงของคุณ แต่มันก็ยังปักใจเชื่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะสุดท้ายอาจจะเป็นที่ตัวหมวดมนตรีเองที่อยากจะทำให้กับผู้หญิงคนนั้นก็ได้ อย่างที่เราเห็นในภาพ ตอนที่หมวดมนตรีถือกล่องของ hermes มา ถ้าไซส์ขนาดนั้นคงต้องเป็นกระเป๋าที่ราคาเหยียบ 7-8 แสนได้ ลองคิดดูว่าอยู่ดีๆผู้หญิงคนนั้นบอกให้หมวดมนตรีซื้อกระเป๋าให้ทั้งๆที่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน แล้วแถมราคาเหยียบล้าน เป็นคุณ…คุณจะซื้อให้มั้ยล่ะ แต่ถ้าเรามองในอีกด้าน ถ้าหมวดมนตรีรู้ว่า รสนิยมของผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง มีฐานะหรือหน้าตาทางสังคมเป็นยังไง เขาอาจจะซื้อให้กับเธอเองเพราะเห็นว่ามันคู่ควรก็ได้ จริงหรือเปล่า”จากเหตุผลที่หมอตั้มพูดมามันก็พอที่จะมีเหตุผล หลังจากตรงนั้นผมกับหมอตั้มก็ต่างพากันเดินสำรวจในบริเวณห้อง ว่ามันจะพอมีอะไรตกหลงเหลืออยู่บ้าง ตามมุมหรือซอกที่ทำความสะอาดไม่ได้ ถึงแม้ในความเป็นจริงเรื่องพวกนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยก็ตาม
     “ผมรบกวนหน่อย ผมอยากทราบว่า แม่บ้านที่ทำความสะอาดห้องนี้ตอนนี้ยังอยู่ในเวลาทำงานของเธอหรือเปล่า ผมอยากพบ”
     “เดี๋ยวผมจะตรวจสอบกับทางแผนกของแม่บ้านให้นะครับ รอสักครู่” ในระหว่างรอคำตอบ ผมก็ยังเดินสำรวจอยู่เรื่อยๆ ทั้งบริเวณห้องนอน โถงห้องรับแขก และห้องน้ำ ผ่านไปประมาณ 10 นาที แม่บ้านก็ขึ้นมาตามที่ผมได้ร้องขอไว้
     “สวัสดีครับ ผมอยากทราบว่า คุณป้าเป็นคนทำความสะอาดห้องนี้เพียงคนเดียวหรือเปล่าครับ หรือว่ามีแม่บ้านคนอื่นช่วยด้วย”
     “ป้าทำคนเดียวค่ะ เพราะบริเวณในห้องไม่ได้สกปรกอะไรมาก ป้าก็แค่ทำความสะอาดพื้น เปลี่ยนปลอกหมอนผ้าปู่ที่นอน แล้วก็ทำความสะอาดพวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆอ่ะค่ะ”
     “แล้วตอนทำความสะอาดพบอะไรที่ผิดสังเกตุบ้างมั้ยครับ อย่างเช่นสิ่งของที่ไม่ควรมีอยู่ในห้องแต่ก็มี” หลังจากที่ผมถามไปท่าทางของคุณป้าก็ดูเหนียมๆเหมือนไม่กล้าตอบ ก่อนที่จะหันไปมองหน้าผู้จัดการของเขา ก่นที่จะเดินเข้ามากระซิบข้างๆผม
     “ก็มีถุงยางที่ใช้แล้วอยู่จำนวนสองชิ้นค่ะ แต่ที่ป้าบอกก็เพราะว่า เขาไม่ได้ทิ้งอย่างที่ควรจะทิ้ง เพราะว่าถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างที่นอนทั้งสองชิ้นเลย แล้วก็มีคราบ….เอ่อ…คราบ”
     “คราบน้ำอสุจิ”ผมพูดขึ้นด้วยความที่แกคงไม่กล้าที่จะพูด
     “ ใช่ค่ะ แต่ไม่ได้มีคราบนั้นเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่ยังมีคราบเลือดหยดเป็นทางทางด้านฝั่งซ้ายของที่นอน รวมถึงที่ผ้าปูที่นอนด้วยค่ะ” ถึงแม้ผมอยากจะถามป้าว่าผ้าปูนั้นยังอยู่มั้ยซึ่งมันก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ยังโชคดีที่พื้นห้องนั้นเป็นการปูพรมทั้วทั้งห้อง
     “ถ้าอย่างนั้นป้าพาผมไปดูหน่อยสิครับว่าคราบเลือดมันอยู่บริเวณไหน”หมอตั้มที่ยืนอยู่ข้างๆผมพูดขึ้น พอได้ยินป้าแม่บ้านก็พาเดินไปยังบริเวณที่พบรอยเลือด ผมที่เดินตามไปก็เห็นว่า หมอตั้มก้มลงไปมองยังใต้ที่นอนพร้อมกับเอามือเข้าสอดเข้าไปแล้วควานอะไรบางอย่าง
     “คุณทำอะไรน่ะหมอตั้ม”ผมถามอย่างสงสัย
     “ก็ลองคลำดูเผื่อจะมีบางบริเวณที่คุณป้ามองไม่เเห็นหรือทำความสะอาดไม่ถึง”แต่ผลสุดท้ายหมอตั้มก็ไม่พบอะไร
     “ถ้าอย่างนั้น วันพรุ่งนี้ผมจะให้ทางทีมสืบสวนมาตรวจสอบพร้อมกับเครื่องมือ ยังไงผมขอให้ผู้จัดการอย่าพึ่งให้ลูกค้าใช้บริการห้องนี้ก่อนนะครับ จนกว่าทางทีมสืบสวนจะปฏิบัติภารกิจเสร็จ เต็มที่ก็ไม่น่าเกินหนึ่งวัน”
     “ได้ครับ เดี๋ยวยังไงผมจะแจ้งกับทางพนักงานเอาไว้ให้ แต่ยังไงก็ขอให้คุณตำรวจมาอย่างเงียบๆหน่อยนะครับ คือผมไม่อยากให้ลูกค้าต้องตกใจหรือสงสัยน่ะครับ”
     “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งเรื่องนี้กับทางทีมสอบสวนอีกที ยังไงผมต้องรบกวนด้วยนะครับ”หลังจากที่ผมทำการตกลงกับทางผู้จัดการของโรงแรม
จนเสร็จเรียบร้อย เราทั้งคู่ก็พากันลงมาโดยมีพนักงานของโรงแรมเป็นคนนำทาง
     “จะสามทุ่มแล้ว เรายังเหลืออีกสองที่นะคุณชัช”หมอตั้มเปรยกับผม
     “ไอ้สองที่ที่เหลือเดี๋ยวผมไปจัดการต่อเองก็ได้ วันนี้คุณคงเหนื่อยมามากแล้ว เดี๋ยวยังไงผมจะไปส่งคุณที่คอนโดก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยมาสานต่อ”
     “ไม่ได้ๆคุณชัช เราลงเรือลำเดียวกันเเล้วผมจะเอาเปรียบคุณไม่ได้ แล้วแถม…ยิ่งทำมันก็ยิ่งได้เบาะแสมากขึ้นเรื่อยๆ มันยื่งฮึกเหิมขึ้นไงคุณ” แล้วเขาก็หยิบ List กระดาษขึ้นมาดูอีกครั้ง “สองที่สุดท้ายที่คุณว่ามันเป็นผับนี่”
     “ก็ใช่สิคุณ”ทำไมต้องทำหน้าสงสัย
     “แล้วคุณจะใส่ครื่องแบบไปเนี้ยนะ เขาได้แตกตื่นหรือไม่ก็ไม่ให้คุณเข้าพอดี”
     “มันไม่ใช่ผับแบบที่คุณคิดนะ มันออกแนว Bar & Bistro ซะมากกว่า.แต่ถ้าคุณมองว่ามันไม่โอเค…เดี๋ยวผมถอดเสื้อนอกออกก็ได้ มันจะได้ดูลำลองขึ้น” ก็คงทำได้ตอนนี้ ถ้าจะไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยนก็คงลำบาก  เราทั้งคู่มุ่งตรงไปยังจุดหมายต่อไปคือ ร้าน Enchanted Bar ซอย สุขุมวิท 55
ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 4.5 กม. จึงทำให้การขับขี่ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็มาถึงยังเป้าหมาย
     “หมวดมนตรีเขาพาผู้หญิงคนนี้ไปแต่สถานที่ดีๆทั้งนั้นเลยเนอะ บรรากาศนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย” อยู่ดีๆหมอตั้มก็พูดขึ้น ตอนก้าวลงจากรถ พอได้ฟัง แต่ผมก็ว่าจริง หมวดคนนี้ทุ่มเทเพื่อความรักน่าดู พากินพาเที่ยว ขนาดนี้ นับถือใจผู้หมวดจริงๆ กลับเข้าสู่โหมดความเป็นจริง ขณะที่ผมกำลังปลดเสื้อเครื่องแบบของผมอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าคุ้นๆ
     “หมอแพรว” เสียงเรียกของหมอตั้มคลายความสงสัยของผมทันที
     “แล้วนี่…ตั้มกับหมวดชัชมาทำอะไรกันคะเนี้ย” เสียงถามกลับจากหมอแพรวเมื่อเดินมาถึงจุดที่เราสองคนยืนอยู่
     “ก็มาตามเก็บรายละเอียดเรื่องคดีนั้นล่ะ แล้วนี่ก็….”
     “เราจะมาทานข้าวกันน่ะครับ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”ผมรีบพูดแทรกหมอตั้มขึ้นไปทันที “แล้วหมอแพรวล่ะครับมาทำอะไร”ผมรีบถามกลับ
     “พอดีเพื่อนแพรวนัดมาทานข้าวที่นี่น่ะค่ะ เดี๋ยวยังไงแพรวไปก่อนนะ พอดีแพรวมาเลทน่ะ ไปก่อนนะตั้ม ไปก่อนนะคะหมวดชัช”แล้วเธอก็รีบวิ่งไปทันที
     “เมื่อกี้ทำไมคุณ…อยู่ดีๆก็พูดแทรกขึ้นมาแบบนั้น”
     “เราไม่ควรพูดหรือบอกสิ่งที่เรากำลังทำกับบุคคลอื่น ถึงแม้เขาจะสนิทกับเรามากแค่ไหนก็ตาม”
     “แต่เขาก็เคยทำคดีกับคุณมาก่อ......น”
     “แต่ตอนนี้เขาออกจากทีมไปแล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็นที่ต้องรู้อะไรเพิ่มอีก…ไม่มีใครไว้ใจได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งผม…หรือคุณ”ผมเสียงดังใส่เขา ก่อนที่จะเดินไปกดลิฟต์ เพื่อไปยังร้านที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า
~~ตึ๊ง ตึง~~
เสียงลิฟต์ที่ดังขึ้นตรงหน้าเราสอง เมื่อประตูลิฟต์เปิด ผมก็เดินเข้าไปก่อนที่หมอตั้มจะเดินเข้ามา
     “ผมขอโทษคุณด้วย ที่เมื่อกี้เสียงดังใส่คุณ...”ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ผมคิดว่ามันดุดันน้อยที่สุดแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยืนเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร “ผมยังไม่ได้บอกกับคุณว่านิสัยผมเวลาทำงานเป็นยังไง ผมแค่ไม่อยากให้อะไรมันรั่วไหลออกไป แล้วผมก็ขอโทษอีกครั้งที่บอกไปว่าคุณไว้ใจไม่ได้”
     “ผมเข้าใจ ผมตะหากที่เลินเล่อทำอะไรโดยไม่ปรึกษาคุณก่อน มันก็จริงอย่างที่คุณพูดจริงๆนั้นล่ะ” เขาดูนิ่งไปกว่าเดิมมาก เพียงแค่ไม่กี่ชั้นที่จะไปถึงร้าน ทำไมมันถึงดูยาวนั้นมากนัก
     หลังจากที่ประตูลิฟต์เปิด เราทั้งคู่ก็รีบเดินไปยังร้านเป้าหมายทันที เนื่องด้วยเวลาที่ยังเดินไปเรื่อยๆไม่หยุด
     “ผมมาขอพบเจ้าของร้านไม่ก็ผู้จัดการร้านน่ะครับ”ผมพูดกับพนักงานที่ยืนรอต้อนรับอยู่หน้าร้าน ก่อนที่เธอจะเดินไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากเธอไปไม่มาก
     “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าจะติดต่อเรื่องอะไรครับ”ผู้จัดการถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกันเอง
     “คือผมจะมาขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางร้านของคุณหน่อยน่ะครับ แล้วก็ขอพูดคุยกับพนักงานบางส่วนด้วย….นี่ครับ….หมายค้น”ผมยื่นหมายค้นให้กับทางผู้จัดการร้านดู หลังจากที่ผู้จัดการตรวจสอบเอกสาร เขาก็พาเราเดินไปยังห้องทำงาน ซึ่งมีจอมอนิเตอร์ตั้งวางอยู่ด้วย ก่อนที่จะโทรรายงานให้กับเจ้าของร้านฟัง และทุกอย่างก็ดูผ่านไปอย่างราบรื่น
     “คุณตำรวจอยากจะดูย้อนไปวันไหนครับ”
     “วันที่ 29 เมษาฯ ขอตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็นน่ะครับ” แล้วผมก็เปิดรูปหมวดมนตรีที่อยู่ในโทรศัพท์ให้ผู้จัดการดู “รบกวนช่วยมองหาผู้ชายคนนี้ทีนะครับ หลังจากเห็นภาพ ผู้จัดการก็จัดการเปิดกล้องวงจรปิดในวันนั้นทันที  หลังจากที่เรานั่งดูกันมาได้สักพัก ก็พบหมวดว่าหมวดมนตรีเดินขึ้นมาพร้อมกับผู้หญิงเหมือนจะเป็นคนเดิม แต่การแต่งตัวของเธอคราวนี้ก็เปลี่ยนไปจากหลายๆครั้งที่เราดู เธอแต่งตัวเป็นสาวเปรี้ยวกว่าทุกครั้ง เสื้อผ้าที่โชว์เนื้อหนังมากขึ้น และทรงผมที่ดูเปลี่ยนไปจากทุกครั้ง และที่สำคัญ เธอถือกระเป๋าที่คาดว่าน่าจะเป็นใบที่หมวดมนตรีซื้อให้จากที่เราเห็นในกล้องของโรงแรมก่อนหน้า
     “ผมรบกวนเรียกพนักงานที่ทำงานในวันนั้นมาคุยหน่อยได้มั้ยครับ” ผู้จัดการก็ดูไม่มีปัญหาอะไรก่อนที่จะวอบอกหัวหน้าพนักงานให้ตรวจดูตารางการทำงานเเละเรียกคนที่ทำงานในวันนั้นมาพบ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เหล่าพนักงานเหล่านั้นก็มาถึงที่ห้อง
     “ผมอยากทราบว่า วันนั้นพวกคุณทำงานอยู่บริเวณไหนกันบ้างครับ….เริ่มจากคุณ”ผมชี้ไปที่พนักงานชายคนแรก
     “ผมเดินบริการลูกค้าครับ
     “หนูเป็นพนักงานต้อนรับอยู่หน้าร้านค่ะ”
     “ส่วนหนูก็เดินบริการลูกค้าค่ะ
     “งั้นเริ่มจากน้องผู้หญิงคนกลางก่อน ตอนที่น้องยืนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านน้องได้เห็นผู้ชายคนนี้หรือเปล่า”ผมยื่นมือถือให้เธอดูรูป
     “อ๋อ เขามากับผู้หญิงคนนึงค่ะ เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวแฟชั้นมากค่ะ ใส่ชุดเดรสสีแดงขายาวเปิดหลัง  ทรงผมเป็นแบบบ๊อบเทอ่ะค่ะใส่เเว่นตาแฟชั้นสวยมากๆ “
     “แล้วเขาถือกระเป๋าอะไรมาด้วยหรือเปล่า”
    “ถือค่ะ เป็นกระเป๋า สีดำ.....แต่หนูไม่รู้ยี่ห้อนะคะ”
     “ยี่ห้อ hermes ค่ะ ที่หนูรู้เพราะเธอวางกระเป๋าใบนั้นไว้บนโต๊ะน่ะค่ะ”พนักงานสาวอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น
     “แล้วที่น้องคนแรกเห็น ตอนนั้นพวกเขาดูมีท่าทีเป็นยังไงบ้าง”
     “ก็ดูสนิทสนมกันอยู่นะคะ ผู้หญิงเดินหยอกล้อเล่นกับคุณผู้ชายมาตลอดจนถึงหน้าร้านน่ะค่ะ”
     “แล้วน้องสองคนละเห็นอะไรบ้าง” ผมสังเกตุเห็นท่าทางน้องผู้ชายดูอึดอัด ดูกล้วๆยังไงก็ไม่รู้
     “คุณตำรวจไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ เขาเป็นพวกขี้ตกใจ ขี้กลัวน่ะค่ะ เขาพึ่งถูกผู้จัดการให้มาลองเดินบริการครั้งแรกหลังจากที่ทำงานอยู่ในบาร์น่ะค่ะ งั้นเดี๋ยวนี้เป็นคนเล่าเองแล้วกันนะคะ คงไม่น่าต่างอะไรกันมาก” ตอบฉะฉานเต็มปากเต็มคำดีผู้หญิงคนนี้ “หลังจากที่ทั้งคู่มานั่งที่โต๊ะ ก็เป็นไปตามปกติค่ะ สั่งอาหาร สั่งเครื่องดื่ม หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร พอทั้งคู่รับประทานอาหารเสร็จ เขาก็เรียกนายไม้คนนี้ละค่ะไปรับออร์เดอร์อีกรอบ แต่หนูก็ไปยืนอยู่ข้างหลังเขานะคะ ในตอนเลือกดูเมนูของหวาน ตอนนั้นคุณผู้หญิงขอตัวไปห้องน้ำ เหลือแต่คุณผู้ชายที่สั่งอยู่เพียงคนเดียว แล้วคุณผู้ชายก็บอกให้พวกหนูไปเอาดอกไม้ที่คุณผู้ชายให้ messenger มาส่งให้ที่ร้านน่ะค่ะมาเตรียมเอาไว้ตามแพลนที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้า”
     “แปลว่าคุณผู้ชายมาที่ร้านก่อนแล้วรอบนึงใช่หรือเปล่า” ผมถามขึ้น
     “ใช่ค่ะ เขามาหลังจากที่หนูลงเวลาทำงานได้ไม่นาน ก็มีหนู มีนายไม้ แล้วก็พ่อครัวอีกคน”
     “ค่ะ พ่อครัว เพราะเขาจะให้ทำเมนูของหวานพิเศษให้กับเขา  หลังจากตกกลงอะไรเรียบร้อย ตอนนั้นก็ไม่มีอะไร”
     “แล้วผมถามได้มั้ย ว่าดอกไม้ที่มาส่งเป็นดอกไม้อะไร” หมอตั้มถามขึ้น
     “หนูไม่รู้จักหรอกค่ะว่ามันชื่อดอกอะไร แต่ว่ามันเป็นดอกไม้ปลอมผสมดอกไม้จริงนะคะ ส่วนดอกไม้จริงเป็นดอกกัลปพฤกษ์ค่ะ”
     “ดอกไม้ปลอมคือ.ดอกพญาเสือโคร่งครับ”
     “ดอกอะไรนะน้อง”น้องผู้ชายพึมพำอะไรฟังไม่รู้เรื่อง
     “ดอกพญาเสือโคร่งครับ มันเป็นต้นที่ออกดอกเหมือนซากุระ แถวแม่ฮ่องสอนบ้านผมมันมีขึ้นเยอะน่ะครับ” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำดี
     “นั้นละค่ะ แต่พอดีคุณผู้หญิงเขาลุกไปก่อน แผนไปให้รับช่อดอกไม้ก็เลยงดไป หลังจากที่ออร์เดอร์ไปไม่นาน อาหารก็ถูกจัดเสิร์ฟไปที่โต๊ะพร้อมกับช่อดอกไม้ที่หนูบอกไป คุณผู้หญิงก็ดูดีใจนะคะ”
     “อาหารเมนูนั้นมันคืออะไร พอจะรู้มั้ย”หมอตั้มถามอีกครั้ง
     “เห็นเชฟบอกว่าเป็นเค้กหยดน้ำที่ใส่กลีบดอกซากุระน่ะค่ะ  แล้วก็มีแหวนดอยู่ใต้ดอกซากุระนั้น พอคุณผู้หญิงทานไปจนเจอแหวน ใบหน้าที่เคยแสดงมีความสุขตอนแรกก็หายไปเลยค่ะ กลับทำหน้าเหมือนตกใจแล้วก็นิ่งไป ก่อนที่จะเกินออกจากร้านไปเฉยๆเลยค่ะ คุณผู้ชายก็เลยยื่นเงินสดมาชำระค่าอาหาร 5000 บาท เเล้วก็เดินออกไปเลย แต่จริงค่าอาหารแค่สองพันกว่าบาทเองนะคะ”
     “ทำไมเห็นแหวนแต่งงานแล้วต้องตกใจ….แล้ว พี่ย้อนถามกลับไปเรื่องรูปลักษณะหน่อย คือมีใครพอเห็นว่าที่ตัวหรือตามส่วนอื่นๆในร่างกายน่ะมันมีอะไรเป็นจุดสังเกตุบ้างมั้ย อย่างเช่นพวก ปาน ไฝ ขี้แมลงวันหรือรอยแผลเป็นอะไรประมานนี้อ่ะ”เผื่อผมจะได้อะไรเพิ่มขึ้น แต่ก็กลับไม่ได้คำตอบอะไร อย่างที่คาดหวังไว้
     “ยังไงวันนี้ผมต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือนะครับ ยังไงวันนึงผมอาจจะต้องพึ่งพาพวกคุณอีก” ประโยคทิ้งท้ายก่อนที่ผมสองคนจะเดินทางกลับ  หลังเดินออกมาจากห้อง ผจก.ผมก็เดินไปดูบริเวณพื้นที่รัยประทานอาหาร จากสายตาที่ผมมองไปรอบๆแต่ก็กลับไม่เห็นหมอแพรว ที่บอกกับผมว่านัดเพื่อนมาทานข้าว
     “คุณมองอะไรคุณชัช”
     “ก็…คิดอะไรนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอกคุณ…ไปกันเถอะ” ตลอดระยะทางจากที่ร้านลงมาที่รถ หมอตั้มดูนิ่งๆเงียบๆจนดูผิดปกติของผมไป แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะถาม หรืออาจจะเป็นเพราะเขายังรู้สึกนอยด์ผมเรื่องก่อนหน้านี้อยู่ก็ได้
     “ที่สุดท้าย….ชื่อร้านอะไรนะคุณ”ผมถามขึ้นขณะที่ตัวเองกำลังสวมหมวกกันน็อค
     “แปปนะ…” แล้วเขาก็เปิดในสมุดที่ผมได้จดเอาไว้ “Bar & Grill ลาดพร้าวซอย 8”  ก่อนที่เขาจะเก็บสมุดนั้นลงกระเป๋า ผมก็เลยเอื้อมมือไปหยิบหมวกกันน็อคที่วางอยู่เบาะท้ายขึ้นมา
     “คุณจะเอาหมวกผมไปไหน”
     “เปล่า…ผมก็แค่…จะสวมหมวกให้…”ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเขาก่อนที่จะค่อยๆสวมหมวกลงไป “เจ็บรึเปล่า” แต่เขาก็ส่ายหน้าเหมือนกับเด็กเล็กๆเลย “หมวกใบนี้ผมจะสะพายติดตัวทุกครั้งเวลาที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์ ผมซื้อมันมานานมากแล้ว แล้วก็ไม่เคยให้ใครใส่มันมาก่อน จนวันนั้นที่โรงเเรม คุณก็ได้ใส่มัน ตอนนี้มันเป็นหมวกของคุณแล้ว  คุณจะใส่มันบ่อยๆได้หรือเปล่า” แต่หมอตั้มก็ยืนก้มหน้านิ่งเงียบไม่พูดอะไร “ผม….ไม่อยากให้คุณโกรธผม ชอบเห็นเวลาคุณยิ้ม ผมต้องขอโท….ษ”
     “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณสักหน่อย แค่กำลังคิดอะไรในหัวก็เท่านั้นล่ะ…แต่….คิดว่า…ถ้าพูดแบบนั้น คุณจะหล่อเหมือนพระเอกในละครว่างั้น” เขาพูดแซวผมพร้อมกับหัวเราะเบาๆออกมา
     “ใช่ ผมเป็นพระเอก…แล้วคุณ….อยากมีพระเอกคอยดูแลบ้างหรือเปล่าล่ะ”
     “……………… รีบไปเลย เดี๋ยวถึงช้าไม่ได้อะไรกันพอดี”เขาหมุนตัวผมให้ไปเตรียมขี่มอเตอร์ไซค์ซะอย่างนั้น ผมก็…ทำตามอย่างว่าง่ายแล้วกัน  แต่ก็ว่าเถอะ เขาก็เริ่มคล่องในการเป็นคนซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่ไม่กลัวเหมือนตอนแรกๆแล้ว
     “ขอบคุณนะ…”เขามาพูดกระซิบข้างหูผม แต่ผมก็ทำให้ผมมีความสุขแบบบอกไม่ถูก ถึงแม้…จะไม่รู้ว่าคำขอบคุณนั้นมันจะหมายถึงเรื่องอะไรก็ตาม
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 9)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-08-2019 09:33:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 31-08-2019 07:00:07
เราทั้งคู่ออกเดินทางอีกครั้ง ปลายทางสุดท้ายของวันนี้ก็คือ แถวห้วยขวาง ผมใช้ระยะเวลาในการขับขี่ไม่ถึง 25 นาที ในระยะทางไม่ถึง 12 กม. อาจเพราะด้วยการจราจรที่เบาบางลงกว่าตอนช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา

   “ใช่ที่นี่หรอคุณ มันร้านกาแฟไม่ใช่หรอ”

   “อยู่บนชั้นดาดฟ้าตะหากละคุณ”

ผมก็เลยเดินนำเขาขึ้นมาก่อน จนขึ้นไปถึงด้านบน ก็เป็นร้านอาหาร แบบร้าน Hang -Out ทั่วไป แต่ตอนที่ผมมาทางร้านก็ดันมีลูกค้าเยอซะด้วย

     “มากี่ท่านครับ” ผู้ชายดูมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม

     “คือผมจะมาขอพบเจ้าของร้าน ไม่ก็…ผู้จัดการร้านน่ะครับ

     “พบผม?”

     “คือ...ผมไม่ได้มาทานอาหารครับ แต่จะมาสอบถามขอความช่วยเหลือแล้วก็ขอดูกล้องวงจรปิดน่ะครับ” แล้วผมก็ล้วงเอาหมายค้นที่อยู่ในซองให้กับพี่ผู้ชายคนนั้น เขาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ ก่อนที่จะเชิญเราทั้งสองคน เข้ามานั่งที่ห้องด้านใน

     “ไหนคุณตำรวจลองว่ามาซิครับว่ามีเรื่องอะไรที่จะช่วย”

     “ผมขอแนะนำตัวก่อนแล้วกันนะครับ ผมร้อยตำรวจโทชัชวิน ส่วนข้างๆผมนายแพทย์ธีร์ครับ  คืออย่างนี้ครับไม่ทราบว่าคุณเคยเห็นผู้ชายคนนี้มั้ยครับ เหมือนกับว่าเขาเคยมาร้านนี้ คุณพอจำได้บ้างหรือเปล่า   ผมก็เลยรีบเปิดรูปหมวดมนตรีในโทรศัพท์ให้เขาดู

     “ถามแบบนี้ตอบยากเลยสิคุณ ลูกค้าผมมีทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า ผมจำได้ไม่หมดหรอก”

     “แล้วถ้าผมจะขอดูกล้องวงจรปิด ทางคุณ….”

     “ผมเอนก”

     “ครับ ทางคุณเอนกจะพอช่วยได้มั้ยครับ”

     “ครับ ไอ้ช่วยน่ะผมช่วยได้ แต่กล้องในร้านผมน่ะใช้ได้แค่ตัวเดียวคือตรงทางเข้าร้าน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเห็นในสิ่งที่คุณอยากเห็นได้หรือเปล่า เพราะอีก 3 ตัวมันเสียมาหลายเดือนละ เเต่ผมยังไม่ได้เปลี่ยน เห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น”

     “แค่ตัวเดียวก็ยังดีครับ” ผมรีบตอบกลับก่อนที่คุณเอนกจะเริ่มเปิดภาพจากกล้องให้พวกเราดู

     “ประมาณช่วงไหนวันไหนละคุณ”

     “ผมขอตั้งแต่วันที่ 30 เมษา ตอนประมาณ 19.35 น.ครับ” หลังจากได้ช่วงเวลาที่ผมได้บอกไป ก็ปรากฏภาพหมวดมนตรี เดินขึ้นมากับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มี mask ปิดหน้าอยู่ แต่หมวดก็หันหลังลงกลับไปก่อน ไม่ได้เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น

    “คุณเอนกเห็นใช่มั้ยครับ ผู้ชายกับผู้หญิงเมื่อกี้”

    “ถ้าคุณพูดถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้น่ะ เธอน่ะมาบ่อย เพราะมีเธอแค่คนเดียวที่ชอบทำตัวแปลกจากคนอื่น แล้วเธอก็สนิทกับลูกสาวผม เห็นลูกสาวผมบอกว่า สนิทกันตอนไปดูงานที่ boston เมื่อปีก่อน แต่ผมน่ะไม่ได้รู้จักอะไรกับผู้หญิงคนนั้นหรอก

     “แล้วเธอมีลักษณะยังไงครับ จากที่เห็น คือผมยาวตรง มี mask ปิดหน้า”

     “ใช่ เธอผมยาว ขาว ดูหมวยๆหน่อย เพราะเธอมาเธอไม่เคยถอด mask เลยสักครั้ง ลูกสาวผมชอบเล่าให้ฟังว่าเธอชอบมาปรึกษาเรื่องความรัก เหมือนปประมาณรักเขาข้างเดียว มาพูดมาถามเรื่องเดิมๆ”

     “แล้วตอนนี้ลูกสาวของคุณอยู่หรือเปล่าครับ”

     “ไม่น่ะ เธอย้ายไปทำงานที่ Boston ได้ประมาณ 6 เดือนละ ไม่ค่อยได้ติดต่อกลับมาเท่าไหร่ นอกจากจะมีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตหรือไม่ก็คิดถึงผมเท่านั้นล่ะ”

     “แล้วตอนนี้คุณเอนกสามารถติดต่อลูกสาวของคุณเอนกให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”

     “ได้น่ะได้ แต่ผมไม่รู้ว่าเธอจะรับสายหรือเปล่า ถ้าทางตอนนี้จะเป็นเวลาทำงานอยู่ด้วย” แล้วคุณเอนกก็กดติดต่อไปยังลูกสาวตามที่ผมได้ร้องขอ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะพยายามติดต่อไปหลายครั้งแต่เธอก็ไม่รับสาย

     “เอาอย่างนี้แล้วกันคุณตำรวจ ถ้าลูกสาวผมติดต่อกลับมา ผมจะสอบถามให้ ยังไงคุณทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้ผมก็แล้วกัน แล้วยังไงผมจะติดต่อกลับไป”

จะทำยังไงได้ล่ะครับ ผมก็ต้องรอ แต่มันก็น่าเสียดายถ้าสามารถพูดคุยได้ตอนนี้มันก็อาจจะทำให้การสืบสวนของเรามันกระชับและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าเป็นจริงตามคำให้การของคุณเอนกแล้ว ลูกสาวของคุณเอนกคือกุญแจสำคัญที่อาจจะทำให้สาวถึงตัวคนร้ายก็เป็นได้

     “น่าเสียดายเนอะคุณ ไม่งั้นเราคงจะได้ข้อมูลสำคัญ ที่อาจจะเป็นกุญแจพาไปหาตัวคนร้ายได้เลย” คิดเหมือนผมเลยคุณหมอตั้ม เราสองคนพูดคุยกันขณะเดินลงบันได

     “มันก็ใช่อ่ะคุณ แต่ตอนนี้เราทำได้แค่รอ แล้วนี่เราก็ไปมาหมดทุกที่ ตามที่หมวดมนตรีเคยไปก่อนถูกฆาตกรรม แต่เรากลับได้ข้อมูลที่มันยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้เลย”

     “แล้วข้อมูลจากเหยื่อรายอื่นๆล่ะ คุณตรวจค้นหมดแล้วหรอ”

     “ยัง…ยังไม่หมด แต่ผมคิดว่า หลักฐานหรือข้อมูลของเหยื่อรายก่อนๆมันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเราไม่ได้มาก แล้วอีกอย่าง ถ้าผมต้องทำแบบที่ทำกับหมวดมนตรี ผมว่ามันคงต้องใช้เวลามาก ไม่ว่าจะต้องกู้อีเมล หาพาสเวิร์ด หรือแม้กระทั่งตัวโทรศัพท์ของเหยื่อรายนั้นๆ ผมก็เลยคิดว่าหมวดมนตรีนี่ละ น่าจะให้ข้อมูลอะไรเราได้มากที่สุด เพราะจากที่ดูแฟ้มคดี ระยะเวลาการคบหาจากการคาดคะเน ก็มีหมวดมนตรีนี่ละ ที่คบกับผู้หญิงคนนั้นนานที่สุด และพาไปในสถานที่ที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้มากที่สุด ไม่ต้องสงสัยหรอกนะว่าทำไม เหตุผลก็เพราะว่า หมวดมนตรีคือเหยื่อที่มีฐานะดีที่สุด”

     “ที่คุณเอนกพูดว่า ลูกสาวเขาเคยไปดูงานที่ Boston น่ะ จะว่าไป ตอนผมจะจบแพทย์ปีสุดท้าย ตอนฝึกงาน ทางมหาลัยก็คัดเลือกคนไปดูงานเหมือนกัน ตัวผมน่ะได้ไป Maryland ส่วนแพรวได้ไป Boston  ไม่แน่แพรวกับลูกสาวคุณเอนกอาจจะพอรู้จักกันก็ได้”

     “คุณรู้ได้ยังไง ว่าลูกสาวคุณเอนกเป็นแพทย์ เขาอาจจะทำงานคนละสายงานก็ได้”

     “ก็รูปที่ใส่กรอบวางไว้บนโต๊ะไงคุณ เป็นรูปที่ลูกสาวของเขาถ่ายหน้าโรงพยาบาล Harvard Medical School Boston”

     “ทำไมผมถึงไม่เห็นมัน”

     “คุณจะไปเห็นได้ยังไงละ คุณเข้าห้องไปคุณก็จดจ่ออยู่กับการซักถามพร้อมกับดูกล้องวงจรปิด แต่ก็ช่างเถอะ ผมแอบถ่ายรูปมา เดี๋ยวจะเปิดให้ดู”หลังจากที่ผมเห็นภาพ ก็เป็นความจริงอย่างที่ตั้มพูด

     “งั้นก็แปลว่า ฆาตกรเป็นแพทย์ อย่างนั้นหรอ”

     “ผมก็คิดแบบนั้น เพราะว่าการไปดูงานโรงพยาบาลในต่างประเทศ อาจจะเป็นการสมัครใจก็จริง แต่คุณสมบัติก็ต้องเป็นไปตามที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด รวมถึงงานวิจัยที่อาจารย์ที่เป็นกรรมการตัดสิน กว่าจะได้ไปไม่ได้ง่ายนะคุณ เพราะงานวิจัยที่ทำให้เวลาจำกัด แถมไม่มีการแก้ไขใดๆ รวมถึง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานก็ไม่ใช่น้อยๆ”

     “ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเราสามารถไปขอทางมหาลัยดูได้สิว่ามีใครไปบ้าง”

     “มันยากน่ะสิคุณ เพราะว่าโครงการตอนนั้น มีทั้งหมด 5 มหาวิทยาลัยที่ไป และแต่มหาวิทยาลัยก็คัดจำนวนนักศึกษาได้ไม่เท่ากัน แล้วก็โครงการที่ว่าเนี้ย ขนาดรุ่นผมยังผ่านมาหกปีแล้วเลย ถ้าจะให้ทางมหาลัยช่วยค้นหารายชื่อละก็ ผมว่ายาก”

     “ยาก….แต่ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้…ยังไงคุณช่วย list รายชื่อมหาวิทลัยที่ร่วมโครงการให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจะให้เพื่อนผมที่อยู่อีก สน.นึงช่วยตามเรื่องให้ เพราะว่าแม่ของมันเเป็นอธิการบดี น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย

     “อืม เดี๋ยวผมจะจัดการให้…แต่ว่าตอนนี้พาผมกลับคอนโดก่อนเถอะ ทั้งหิว ทั้งง่วงเลย” ทำตัวเหมือนเด็กไปซะอย่างนั้น แต่ก็คงจะจริงเพราะดูจากใบหน้าของเขา มันก็ดูอ่อนแรงจริงๆ แล้วแถมก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่างนอกจาก snicker  ที่ผมให้เขาไปตั้งแต่ตอนเย็น ผมก็จัดการสวมหมวกให้กับเขาและผมอีกครั้ง ผมเองก็ไม่รอช้าที่จะบิดตรงไปยังห้องพักในทันทีเหมือนกัน

     ระยะทางจากลาดพร้าวมาทองหล่อจริงๆมันก็ไม่ได้ใช้เวลามากเท่าไหร่ แต่ก็สามารถทำให้นายหมอตั้มนั้น หลับอยู่บนหลังของผมได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จริงๆผมก็อยากให้มันอยู่แบบนี้ไปนานๆนะ แต่ก็กลัวว่าเจ้าตัวตื่นมาจะปวดเนื้อปวดตัวเอา 25 นาทีบนท้องถนนของผมทำไมรอบนี้มันช่างเร็วนักก็ไม่รู้ แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่อยากฉวยโอกาสตอนที่หมอตั้มไม่รู้เรื่อง (แต่เดี๋ยวนะ อย่าคิดลึกกับคำว่าฉวยโอกาสล่ะ)

     “คุณตั้ม….คุณตั้ม…ถึงคอนโดแล้ว” ผมพยายามส่งเสียงเรียกเขาพร้อมกับเอามือเอื้อมไปสะกิด เพราะผมไม่สามารถเอี้ยวตัวได้เลยตอนนี้ ผมส่งเสียงเรียกเจ้าตัวอยู่นานเลยล่ะกว่าจะตื่น

     “โอเคๆ ผมขอโทษ เผลอหลับไปอีกแล้ว”งัวเงียตลอดเลยนะคุณหมอ

     “ไม่เป็นไรหรอก …ลงดีๆอ่ะคุณ”ตามแพทเทิร์นความงัวเงียของหมอตั้มเลย ลงปุ๊ปเซปั๊ป “เอ้าๆ ไหวมั้ยคุณ”

     “ไหวสิคุณ แค่ขามันอ่อนแรงชั่วขณะ” ถ้าผมไม่รู้จักหมอตั้มในฐานะของหมอละก็นายคนนี้ก็คงเหมือนพวกขี้เมาคนนึงแน่ๆ ผมยังไม่แน่ใจเลยนี่ตกลงว่าเขาพึ่งตื่นนอนจริงๆหรือเปล่า

     “เดี๋ยววันนี้ คุณพักที่ห้องผมก่อนก็ได้นะ ผมจะได้เอาข้อมูลที่คุณต้องการให้”

     “แต่ถ้าคุณง่วงนอน เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้นะ”ผมเห็นว่าเหมือนตัวเขาจะไม่ไหวจริงๆ

     “ไม่เป็นไร คุณยังไหว…ผมก็ต้องไหว”

     ~~ ติ๊ง~~ ประตูลิฟต์มาเปิดตรงหน้าห้องของเขาพอดี วันนี้ผมอาจจะพาเขาตระเวนลงพื้นที่มากเกินไป เพราะเขาดูอิดโรยมากกว่าหลายๆครั้งที่ผมเคยเห็น หลังจากที่เดินเข้ามาในห้อง เขาก็จัดแจงเอาผลไม้กับน้ำดื่มมาให้ผม

     “คุณอยากอาบน้ำก่อนหรืออยากทานผลไม้ก่อนล่ะ”

     “เดี๋ยวผมขอนั่งพักก่อน ยังไงคุณไปอาบน้ำก่อนเลยก็ได้นะ” ผมก็นั่งพักอยู่บนโซฟาในห้องโถงกลาง พร้อมกับหยิบผลไม้ทานอย่างไม่รู้อิ่ม จนหันมาอีกที มันแทบจะไม่เหลือส่วนของเขาเลย ผมเลยถือวิสาสะเดินไปยังห้องครัวเพื่อจะไปเอาผลไม้มาแทนในส่วนของเขา พอผมเปิดตู้เย็นก็พบว่ามีผลไม้อยู่หลายชนิดที่ถูกปอกและ ซีลสูญญากาศไว้ในถุงอย่างดี ไม่แม้แต่กระทั่งเนื้อสัตว์ ผัก เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นถึงความเป็นระเบียบและความปลอดภัยมากขนาดนี้ ผมเลยหยิบแอปเปิ้ลออกมาอีกหนึ่งถุง ก่อนจัดใส่จานเอาไว้ให้เขาพร้อมกับเครื่องดื่ม อย่างที่เขาทำให้ผม

     “เป็นยังไงบ้าง พอที่จะตาสว่างขึ้นบ้างรึเปล่า” เขาเดินหัวเปียกออกมาซะอย่างนั้น แต่ที่โดดเด่นไปกว่านั้น คือชุดนอนลายแมวสีดำที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าผม

     “ก็พอโอเคอ่ะ คุณก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ผมเตรียมผ้าขนหนู กับแปรงสีฟันวางอยู่บนอ่างล้างหน้านะ ส่วนชุดนอนแขวนอยู่ตรงราวข้างๆ” แล้วเขาก็เดินมานั่งข้างๆผม ก่อนที่จะบรรจงเช็ดผมอย่างใจเย็น ส่วนตัวผมก็ลุกไปอาบน้ำตามระเบียบสิครับ

     หลังจากใช้เวลาอาบน้ำแปรงฟันไปได้ไม่นาน ก็ออกมาพร้อมกับการเตรียมใส่ชุดนอน แต่ทว่า ลายหมาชิวาว่าสีขาวที่อยู่บนชุดที่ผมกำลังจะใส่
นี่คือชุดนอนชุดแรกสำหรับผมที่หวานแหว๋วขนาดนี้ แต่ก็นะเขาเลือกมาให้ผมใส่แล้วนี่นา แปลว่ามันก็คงจะต้องเหมาะกับผม บ้างละเนอะ

     ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ ความมั่นใจของผมมันลดน้อยถอยลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ใครจะไปอยู่ในห้องน้ำได้ตลอดชีวิตละครับ ผมก็เลยชะโงกหน้าออกไปดูว่าเจ้าตัวกำลังทำอะไร ก่อนที่จะเดินตรงไปนั่งข้างๆเขา

     “ผมจดรายชื่อมหาลัยฯ ให้คุณแล้วนะ มหาลัยแรกเป็นมหาลัยที่ผมเรียน ถ้าจำไม่ผิด มี นศ. เข้าโครงการประมาณ 18 คน กับอีกมหาลัยนึง มี นศ.เข้าร่วม 13 คน จากที่เพื่อนผมเคยบอก ส่วนที่เหลือคุณต้องตามเองน่ะ ผมไม่ทราบจริงๆ

     “ขอบคุณมากคุณตั้ม “

     “อ่อ ผมลืมอีกอย่าง ผมรุ่น 121 ปี 2553 ได้ไปดูงานตอนปี 57” ในตอนนั้นผมก็เลยรีบโทรหาเพื่อนของผมอีกคนหนึ่งที่เป็นตำรวจเหมือนกัน

     “ไอ้ติว กูชัชนะเว้ย กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยหน่อย คือตอนนี้กูกำลังสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอยู่ คือ อยากให้มึงช่วยตามรายชื่อ นศ.แพทย์ ที่เคยไปดูงานที่ต่างประเทศในตอนปี 2557 ให้หน่อย ตอนนี้มีรายชื่อมหาลัยที่ร่วมโครงการ อยู่แค่ 2 มหาลัย จาก 5”

     “ไม่ใช่งานง่ายเลยนะเว้ยไอ้ชัช มันผ่านมา 5 ปีแล้วนะมึง”

     “แต่กูจำเป็นต้องรู้จริงๆ มันอาจจะเป็นทางเดียวที่อาจจะทำให้กูสาวถึงตัวคนร้ายได้”

     “กูยังไม่รับปากนะเว้ย ว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า แต่ก็จะช่วยมึงเต็มที่”

     “ขอบใจมากนะเว้ย ยังไงกูฝากด้วย”

     “ได้เรื่องยังไงกูจะรีบโทรบอก”

ผมหวังว่ามันจะช่วยผมได้ แต่ก็เหลืออีก 1 คนที่ผมจะต้องส่งงานต่อให้มันช่วย แต่พอจะหันไปปรึกษาคุณหมอประจำตัวอีกทีก็ ดันหลับไปก่อนผมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมก็ยังเช็ดไม่แห้ง ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกเหมือนเขาเป็นเด็กขึ้นทุกวัน แต่ผมก็…ชอบ ผมก็เลยจับตัวของเขาให้นอนลงไปกับโซฟา แล้วผมก็ขยับลงมานั่งที่พื้นข้างล่างแทน แต่ในตอนนั้นผมก็พยายามติดต่อไอ้ปวีณเพื่อนผมอยู่ด้วยเหมือนกัน

   “กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยทำแทนหน่อย คือวันพรุ่งนี้กูอยากให้มึงกับทีมนิติฯไปพิสูจน์คราบเลือดกับคราบน้ำอสุจิให้หน่อยที่โรงแรม โฟร์ พอยท์ฯ”

     “แล้วมันจะทันหรอว่ะ ไหนมึงบอกว่าต้องไป รีสอร์ทสองที่นั้นด้วย”

     “เรื่องรีสอร์ทน่ะเดี๋ยวกูลุยเดี่ยวเอง มึงไปจัดการเรื่องที่กูฝากเหอะ อีกอย่างกูมีเรื่องบางเรื่องอยากให้มึงช่วย แต่ต้องเป็นความลับ เดี๋ยวยังไงมึงกับกูเจอกันเมื่อไหร่กูจะบอกก็แล้วกัน”

     “แล้วนี่มึงอยู่ไหน ก็มาบอกกูให้มันจบๆ เสือกมาทำให้กูอยากรู้”

     “อยู่ห้องหมอตั้ม กูพึ่งกลับจากหาหลักฐานกันมา”

     “แล้วมึงจำเป็นต้องไปอยู่ห้องคุณตั้มเขาด้วยหรอว่ะ ได้ข่าวว่ามึงก็ลงทุนซื้อคอนโดอยู่ข้างๆห้องเขาไม่ใช่ไง”

     “จะเสือกอยากรู้เรื่องกูเยอะไปแล้วไอ้วีณ เจอตัวกูจะเตะแม่งให้”

     “จะไม่ให้เสือกได้ไงว่ะ จะมีผู้ชายบ้าที่ไหนลงทุนซื้อคอนโดห้องละ 40 กว่าล้านเพื่อตามจีบคนที่ตัวเองชอบมาเป็นปีๆ แต่ก็อย่างว่า ถ้าบ้านไม่รวยจริงก็ทำไม่ได้ จริงป่ะวะ 555”

     “งั้นเดี๋ยวกูไปแฉเรื่องมึงให้น้องมดสุดที่รักของมึงฟังบ้างดีกว่า หึหึ”รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าไอ้วีณถนัดตา

     “อย่านะมึงไอชัช น้องมดรู้กูเละเป็นโจ๊กแน่มึง ในที่สุดมึงก็หาเรื่องมาขู่กูจนได้”

     “ไม่งั้นเดี๋ยวมึงมันจะเหลิง  ไงกูฝากเรื่องพรุ่งนี้ด้วย” ปล่อยช่องวางให้ไอ้วีณไม่ได้ทุกทีต้องถูกมันแซะตลอด แต่ยังไง วันนี้มันก็จะเป็นอีกวันหนึ่งในความทรงจำของผม ที่ผมได้ใช้เวลากับเขาได้นานที่สุด ตั้งแต่เรามีโอกาสได้พูดคุยกันมา ขอบคุณนะหมอตั้ม ที่ทำให้ผมมีความสุข

…………………..

     “คุณชัช ทำไมคุณมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ คุณชัช”เสียงที่ทำให้ผมต้องงัวเงียตื่นขึ้นมา

     “ก็เมื่อคืนเห็นคุณนั่งหลับ ก็เลยจับตัวคุณนอนลงไปกับโซฟาน่ะ ส่วนพื้นนี่มันก็นอนสบายดี ผมก็เลยตรงนี้ล่ะ”

     “ไม่เอาคุณชัชลุกขึ้นมาเลย มานอนข้างบน คุณเป็นแขกผมน่ะ ลุกขึ้น~~~~น” เขาพยายามดึงตัวผมให้ลุกขึ้น แต่เผอิญตัวผมใหญ่ไปหน่อยมั้ง ก็เลยต้องช่วยลุกขึ้นเอง

     “ผมกลัวคุณนอนไม่สบาย ”

     “คุณก็เข้าไปนอนในห้องนอนผมก็ได้ หรือห้องนอนอีกฝั่งก็ได้”

     “ที่นี่ไม่ใช่ห้องผม ผมจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง ผมง่ายๆนอนตรงไหนก็ได้…” ผมก็ไม่รู้จะบแกกับเขาได้ยังไงว่าทำไมผมถึงนอนตรงนี้ แต่ถ้าการพูดแบบนี้มันทำให้เขาไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมว่ามันก็คงจะดีกว่า“งั้นเดี๋ยวผมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องของผมละกัน เดี๋ยวยังไงผมจะกลับมาหาคุณที่ห้อง เเล้วออกไปพร้อมกัน” เขาก็พยักหน้ารับ ก่อนที่จะลุกเดินออกไป

     หลังจากที่จัดการธุรส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินกลับมาหาที่ห้องพร้อมกับของกินที่ติดไม้ติดมือมา

     “คุณเอาอะไรมา…ของกินในตู้เย็นผมก็มี”
 
     “Egg Benedic? “

     “ใช่ พอดีผมชอบกิน English muffin เลยมีตุนไว้เยอะ…ลองชิมดู…”

     “มีทั้งแซลมอนทั้งเบค่อน อัดแน่นแต่เช้าเลยนะคุณ”  ทำมาบ่นแต่ก็กัดซะคำเบ้อเริ่ม

     “ก็ทดแทนมื้อเมื่อวาน….เป็นไงพอกินได้เปล่า”

     “อื้อๆๆๆ” เป็นเสียงตอบที่จากในลำคอซะอย่างนั้น “อร่อยดีคุณชัช ไว้สอนผมทำบ้างสิ เอาแบบนี้เลยนะ” แล้วก็ทานต่อแบบไม่สนใจผมเลย และนี่ก็เป็นอาหารมื้อที่สองที่เขากินจากฝีมือของผม แล้วก็ได้รับคำชมอีกตะหาก ภูมิใจดี

      พอเวลาอาหารเช้าจบลง เราสองคนก็ต่างเตรียมตัวไปปฎิบัติภารกิจหน้าที่ของตัวเอง เมื่อลงมาถึงยังรถคู่ใจสองล้อ คราวนี้ผมไม่ต้องพูดอะไรมากเหมือนครั้งก่อนๆ เจ้าตัวกลับหยิบหมวกออกจากกระเป๋าและสวมใส่เองเหมือนเป็นความคุ้นชินไปซะแล้ว

     “กลัวผมใส่ให้หรือไงถึงได้รีบใส่ก่อนน่ะ”เขาไม่ตอบผมแต่กลับอมยิ้มแทน  ไอ้อาการแบบนี้ผมจะทนอดกลั้นใจตัวเองไปได้อีกนานเท่าไหร่กัน ผมกลัวใจตัวเองจริงๆ กลัวที่จะทำอะไรลงไปจนเขาต้องโกรธจนไม่ยอมคุยกับผมอีก แต่แล้วผมก็ต้องกลับมาสู่ความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ผมจะต้องทำให้เขารับรู้มากยิ่งขึ้นว่าผมกำลังรู้สึกอะไร พอความรู้สึกเข้าที่เข้าทางผมก็สตาร์ทรถอุ่นเครื่อง  หลับมีมือสองข้างมาจับที่เอวของผม จนผมต้องหันกลับไปมอง เพราะทุกครั้งผมจะต้องบอกไม่ก็แกล้งเขาเพื่อท่จะให้เขามากอดเอวผม

     “ก็คุณบอกถ้ากอดเอวคุณแล้วจะไม่กลัวไง…ผมก็เลย…กอด” ผมก็เพียงได้แต่ยิ้ม ก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกจากลานจอด เพียงไออุ่นจากอ้อมกอดของเขา มันก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ผมมีแรงที่จะเดินหน้าไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะไม่ต้องการผมเองนั้นละ

     เมื่อผมกับหมอตั้มมาถึงโรงพยาบาล เขากลับพาผมขึ้นไปยังห้องอาหารของโรงพยาบาล

     “เดี๋ยวคุณนั่งอยู่กับผมก่อนแปปนึง ขอเชคตารางแปป”

     “เชคตาราง?...ตารางอะไรคุณ”

     “ก็ตารางคนไข้ที่ผมจะต้องลงตรวจไง” แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าที่หมอตั้มเชคตารางทำไมต้องให้ผมรอด้วย แต่ก็นะ…ไม่เป็นไร มันก็แค่สงสัย

     “อ้าวตั้ม…คุณชัชมานั่งทำอะไรกันตรงนี้คะ” บุคคลที่สามมาซะอย่างนั้น แถมนั่งลงที่โต๊ะอย่างหน้าตาเฉย

     “หมอตั้มให้ผมนั่งรอน่ะครับ”

     “หวัดดีเเพรว...คุณชัช พรุ่งนี้ผมมีคิวลงตรวจแค่สามคิว เป็นคนไข้พักฟื้น”หมอตั้มหันมาบอกผม ก่อนที่จะกดโทรศัพท์ต่อ ปลายสายคือหมอแทน หมอรุ่นน้องที่ผมเคยเห็นในงานแต่ของพี่เป็กรุ่นพี่ผม ใจความคือหมอตั้มฝากหมอแทนดูแลเคสคนไข้ของเขาในวันพรุ่งนี้ และดูเหมือนหมอแทนจะตอบปากรับคำซะด้วย

     “วันนี้ผมหมดเคสตอน 11 โมง เดี๋ยวคุณเข้ามาหาผมนะ ตรงไปที่ห้องผมเลยก็ได้” ผมไม่คิดว่าหมอตั้มจะยอมทิ้งงานเพื่อไปกับผม แต่จะพูดว่าทิ้งงานก็คงไม่ใช่

     “จะไปไหนกันหรอตั้ม”

     “อ่อ พอดีหมวดชัชเขาอยากพาเราไปเที่ยวที่ๆนึงอ่ะ ก็เลยไม่อยากเสียโอกาส”

     “แต่ปกติตั้มไม่เคยทิ้งงานแล้วไปเที่ยวไหนเลยนะ”

     “ก็ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำดูบ้าง เผื่อชีวิตจะมีสีสันมากขึ้นไง”

     “งั้นเดี๋ยวผมกลับไป สน.ก่อนนะคุณตั้ม 11 โมงผมจะเข้ามา….ไปก่อนนะครับคุณแพรว”ทำไมผมถึงไม่รู้สึกถูกชะตากับเธอเท่าไหร่ เหมือนเธอจะมีพลังงานทำลายล้างสูงยังไงก็ไม่รู้  แต่ก็ตามมารยาท ก็ต้องกล่าวคำอำลากับเธอสักหน่อย ถึงแม้ดูเธอจะไม่ค่อยสบอารมณ์กับผมเท่าไหร่ ถึงแม้จะพยายามยิ้มต้อนรับยังไงก็ตาม แต่ก็ดูรู้ว่าเธอไม่ชอบผมเอาซะเลย

หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 10)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-08-2019 09:42:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

สถานการณ์ต่าง ๆ มันชี้ไปที่ "หมอแพรว" น่าจะเป็นฆาตกรรายนี้

และเหนือสิ่งอื่นใด  ตะหงิดว่า "แพรว" กับ "พลอย" แฟนเก่าตาชัชที่ตายไป น่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง

เหนือสิ่งอื่นใดขึ้นไปอีก  ปมที่เหยื่อทุกรายเป็น "ตำรวจ" มันโยงไปหาความสัมพันธ์ ชัชกับพลอย หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 10)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 31-08-2019 23:10:17
:pig4: :pig4: :pig4:


สถานการณ์ต่าง ๆ มันชี้ไปที่ "หมอแพรว" น่าจะเป็นฆาตกรรายนี้

และเหนือสิ่งอื่นใด  ตะหงิดว่า "แพรว" กับ "พลอย" แฟนเก่าตาชัชที่ตายไป น่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง

เหนือสิ่งอื่นใดขึ้นไปอีก  ปมที่เหยื่อทุกรายเป็น "ตำรวจ" มันโยงไปหาความสัมพันธ์ ชัชกับพลอย หรือเปล่า?

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ติชมการเขียนได้นะครับ มีอะไรไม่ดีจะได้แก้ไข
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 11)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 01-09-2019 08:06:39
เวลาตามนัดที่หมอตั้มได้นัดผมไว้ก็มาถึง ผมมาถึง รพ.ตั้งแต่ 10.30น.ก็ผมยังไม่ได้มีอะไรที่ต้องทำนี่ครับ ก็มีแต่เตรียมเอกสารหลายๆอย่างให้พร้อมเท่านั้นเอง ส่วนปวีณ ตอนนี้ก็กำลังเก็บผลเลือดและคราบอสุจิจากจากห้องพักไปยังแลปเพื่อตรวจสอบ Dna ว่าเป็นของใคร ของหมวดมนตรี หรือบุคคลอื่น แค่ตอนนี้ผมก็ทำได้เพียงแค่รอหมอตั้มลงเวรทำเท่านั้นล่ะ

     “หมวดชัชคะ มาถึงเร็วจังเลยนะคะ” เสียงที่ผมคุ้นเคย หมอแพรว

     “ครับ”

     “หมวดเก่งจังเลยนะคะ ที่สามารถพาหมอตั้มไปไหนต่อไหนได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่…โดน…ปฏิเสธ”

     “ครับ” เธอกำลังจะทำอะไร เธอต้องการอะไรจากผม

     “หรือว่า หมวดชัชคิดอะไรนอกเหนือจากงานกับหมอตั้ม
หรือเปล่าคะ เพราะเดี๋ยวนี้…เรื่องแบบนี้…มันกำลังอิน...เลยนะคะ”

     “……….”ผมไม่อยากตอบโต้อะไร ไม่แม้กระทั่งอยากจะมองหน้า ผมเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งก็จริง แต่ผมก็ไม่เคยให้ใครมาปรามาสผมได้มากถึงขนาดนี้

     “คุณชัชก็ดูเพรียบพร้อมขนาดนี้ คงมีสาวๆมาขายขนมจีบเยอะเลยสินะค่ะ ยังไงก็หัดทานในสิ่งที่พวกเธอมาขายให้บ้างก็ดีนะคะ อย่าริไปทานอะไรที่มันผิดๆเลยค่ะ เดี๋ยวมันจะแสลงเอา”

     “ครับ….ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วง…ผมขอตัว” คำพูดเย็นชาของผมคงไม่สามารถทำร้ายเธอได้หรอกครับ การปลีกตัวออกมาจากสถานการณ์แบบนี้คงจะดีที่สุดแล้วสำหรับผม ผมไม่อยากได้ยินหรือรับรู้อะไรในสิ่งที่เธอคนนี้พยายามที่จะทำ ผมจังตัดสินใจเลยไปยังห้องทำงานของหมอตั้ม เพราะที่นั้นอาจเป็นที่เดียวที่ผมจะไม่ต้องพบเห็นเธอคนนั้นอีก


     ก๊อกๆๆๆ


     “เชิญครับ”เสียงตอบรับที่ดังมาจากภายใน ผมก็ไม่รอช้าที่จะเปิดเข้าไป

     “มาถึงแล้วหรอ…งั้น…เชิญคุณนั่งก่อนนะ เดี๋ยวผมขอทำต่ออีกแปปนึง…ไม่นาน”ผมก็ไม่ได้พูดตอบอะไรก่อนที่จะไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา แต่แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ยังเป็นเธอคนเดิม หมอแพรว

     “ตั้ม แพรวมีเรื่องอยากถามหน่อย คือตอนนี้แพรวอยากได้ยา  Cephalosporin 500mg แบบฉีด แต่ตอนนี้ในคลังหมด ตั้มมีสำรองบ้างมั้ย”

     “ตั้มจะมียาสำรองได้ยังไงล่ะแพรว แล้วอีกอย่างมันไม่น่าจะหมดนะ แพรวลองไปดูอีกที”

     “ตั้มไปช่วยแพรวหาหน่อยสิ ก็แพรวหาไม่เจอจริงๆ”

     “ตั้มยังติดงานอยู่เลย แล้วตอนนี้คุณชัชก็มารอตั้มแล้ว ตั้มอยากรีบเคลียงานให้เสร็จ

     “แต่แพรวจำเป็นต้องใช้จริงๆนี่ นะตั้มนะ ช่วยแพรวหน่อย” เธอพยายามที่จะชักชวนหมอตั้มให้ไปกับเธอให้ได้

     “ แพรว ตั้มว่าไปถามเจ้าหน้าที่คลังยาดีกว่า เขาคงรู้ดีกว่าตั้ม”เขาตอบโดยไม่เงยหน้าไปมองเธอเลย หลังจากที่เสียงหมอแพรวเงียบไป ผมก็คิดว่าเธอจะยอมถอยทัพแต่ปล่าวเลย เธอกลับยืนอยู่ตรงนั้น แบบนั้น โดยไม่พูดอะไร

     “ผมว่าคุณไปช่วยคุณหมอแพรวหายาก่อนก็ได้นะครับ ผมรอได้”ผมพูดไปถือว่าตัดปัญหา แต่หมอตั้มกลับนั่งเฉย ก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์เพื่อต่อสาย

     “พี่วุธนะครับ ยา Cephalosporin 500 mg แบบฉีดน่ะครับ ที่คลังยังพอมีเหลืออยู่บ้างมั้ยครับ……ครับเดี๋ยวยังไงหมอแพรวจะเป็นคนไปรับยาด้วยตัวเอง ผมฝากพี่วุธด้วยนะครับ” หลังจากวางสายหมอตั้มก็ได้แต่มองหน้าหมอแพรวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะผายมือเป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกกับหมอแพรวเป็นนัยๆ

     “ให้คนอื่นเขารอมันไม่ดีหรอกนะแพรว” การเย็นชาที่ผมพึ่งเคยเห็นจากหมอตั้ม ทำไม damage มันดูรุนแรงมากเหลือเกิน แต่ ณ เวลานั้น หมอแพรวก็ได้แค่ทำตาม ในแบบที่ดูไม่เต็มใจ

     “ต้องขอโทษด้วยนะคุณชัช ที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้” เขาบอกกับผมหลังจากหมอแพรวเดินออกไป ผมก็ได้แต่ยิ้มให้กับเขา หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้ไม่นานหมอตั้มก็ได้เคลียร์งานเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะจนเสร็จเรียบร้อย จากที่ผมเห็นเป็นหมอก็ลำบากใช่ย่อย ไหนจะต้องรักษา ดูแล แถมยังต้องตามติดอาการ ตวรวจวินิจฉัย แถมงานเอกสารที่ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทนเลย

     “แต่ว่าผมไม่มีเสื้อผ้ามาเลยน่ะคุณชัช แวะกลับไปเอาก่อนได้มั้ยอ่ะ”

     “ผมมีมา 2 ชุด ใส่กับผมก่อนก็ได้”

     “ไอ้ชุดนอกมันไม่เท่าไหร่ แล้วชั้นในล่ะคุณ…ผมจะไปใส่ของคุณได้ยังไงกัน” มันก็จริงของเขา

     “งั้นเดี๋ยวผมแวะห้างข้างหน้านี่ก่อนก็ได้ คงไม่ได้ใช้เวลามาก”หมอตั้มก็ดูไม่ได้ติดขัดอะไร ผมกับหมอตั้มเดินออกไปด้านนอก ก็พบกับหมอแพรวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ward มองมาที่ผมกับหมอตั้ม แต่ดูรายนี้ไม่ได้สนใตอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งสำหรับผมแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่เลย

     “ดา พรุ่งนี้ผมไม่ได้มาเข้าเวรนะ ยังไงฝากเคสคนไข้ด้วย เดี๋ยวหมอแทนจะมาดูแทนให้  คุณก็เอา Chart ที่ผมเตรียมเอาไว้ ใส่ข้อมูลต่อได้เลย ผมฝากด้วยนะ”คำพูดทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะเดินออกไปโดยไม่ได้ร่ำลา คนที่ยืนอยู่ตรงข้างหน้าอีกคน
   
     หลังจากที่เราทั้งคู่ออกเดินทาง ระยะทางจากโรงพยาบาลไปห้างสรรพสินค้าจริงๆก็ไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่ แต่การจราจรกลับทำให้ระยะทางที่ใกล้ๆกลับไกลเหมือนเป็นร้อยกิโลฯได้เลย

     “ขอโทษนะที่ทำให้เสียเวลาหลายรอบเลย” ทำไมต้องทำหน้าสำนึกผิดแบบนั้นด้วย ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย

     “ขอโทษทำไมคุณ เรื่องแค่นี้ แล้วผมก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น”

     “ก็กลัวทำให้คุณเสียงานไง”

     “ไม่หรอก…มีคุณไปช่วยจะเสียงานได้ยังไง”

หลังจากฝ่ารถติดมาได้ การเดินซื้อเสื้อผ้าก็คงไม่ใช่อุปสรรคอะไร แต่ที่กำลังเป็นอุปสรรคในตอนนี้คือการวนหาที่จอดรถ ซึ่งมันยากยิ่งกว่าการสืบคดีซะอีก ผมใช้เวลาวนหาอยู่เกือบประมาณ 20 นาที กว่าจะได้ที่จอดรถ หรือว่าผมคิดผิดที่มาซื้อใหม่แทนที่จะกลับไปเอาที่คอนโด พลาดไปซะแล้ว แต่หมอตั้มก็ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามาก เลือกซื้อพร้อมจ่ายเงินภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที Shop Ck ได้เงินหมอตั้มไปไม่ใช่น้อยเลย

     “ทำไมกางเกงชั้นในของคุณมันหลายถุงจัง คุณซื้อเยอะขนาดนั้นเลยหรอ”

     “ปล่าว กางเกงชั้นในน่ะถุงเดียว ที่เหลือ Jacket กับ Jeans”แล้วเขาก็ยื่นถุงๆนึงมาให้ผม

“อันนี้ของคุณ jacket สีขาว ผมว่ามันเหมาะกับคุณน่ะ ห้ามปฏิเสธล่ะ”

     “ตัวเป็นหมื่นเลยนะคุณ”

     “จำนวนเงินมันไม่สำคัญเท่ากับน้ำใจหรือความรู้สึกของคนให้หรอก เงินยังไงมันก็ยังหาใหม่ได้เรื่อยๆ  จริงปล่าว?” พูดมาแบบนี้ก็ต้องน้อมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะเอาอะไรตอบแทนให้เขาได้บ้าง ในตอนนั้นขณะที่หมอตั้มเดินนำผมเพื่อกลับไปยังรถ ในหัวของผมมันก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า
มันก็มีของที่ผมอยากได้ใหม่เหมือนกัน

     “คุณ…” ผมคว้ามือของเขา “ผมขอเวลาอีกสัก 20 นาทีได้หรือเปล่า” เขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้กับผมแบบเดิมๆ ผมก็เลยเกินไปยัง shop นาฬิการ้านหนึ่ง ที่แม่ของผมชอบซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดทุกปี แต่คราวนี้ผมซื้อเอง เพราะว่านาฬิกาเรือนสุดท้ายที่แม่ผมซื้อให้มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว แล้วอีกอย่างมันก็สมบุกสมบันมากับผมพอสมควร ถึงเวลาที่ผ่านจะต้องถูกปลดระวาง นอนพักให้สบายบ้างแล้ว

     แล้วผมก็เลือกแบบที่ผมต้องการได้ ในระยะเวลาเพียงไม่นาน เป็นรุ่น connected modular 45 แล้วผมก็ตัดสินใจเลือกมาสองสีเพราะผมรู้สึกชอบทั้งรูปแบบและสีสัน

     “ซื้อสองเรือนเลยหรอคุณ”

     “ใช่ ผมชอบน่ะ บางรุ่นผมก็ซื้อเก็บไว้ไม่เคยใช้เลยก็มี ส่วนใหญ่คุณแม่จะซื่อให้ผมเวลาเห็นรุ่นไหนออกแล้วเป็นแบบที่ผมชอบ”

     “แม่คุณคงจะรักคุณมาก”

     “ไม่หรอก…ท่านไม่ได้รักผมขนาดนั้นหรอก….เราไปทำหน้าของเรากันต่อเถอะ สนุกกันมามากแล้ว”ผมจึงตัดการสนทนาออกไปดีกว่า เรื่องในครอบครัวมันพูดยากเกินกว่าคนอื่นจะเข้าใจ

     หลังจากเดินทางออกจากห้างสรรพสินค้า  จากในบันทึกการเดินทางชองหมวดมนตรี ปั้นหยา ชาเลต์ เป็นรีสอร์ทแห่งแรกที่ทั้งคู่เดินทางไป ตั้งอยู่ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี  ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ผมสังเกตุว่าหมอตั้มกำลังนั่งอ่านรายละเอียดผลการชันสูตรของเหยื่อรายหนึ่ง

   “มีอะไรหรือเปล่าคุณผมเห็นนั่งอ่านมาตั้งนานแล้ว”

   “ก็… กำลังรวบรวมวิธีที่คนร้ายใช้ฆ่าเหยื่อน่ะสิ อยากรู้ว่า ถ้าฆาตกรเป็นผู้หญิง การกระทำทั้งหมดเหล่านี้ เธอคนนั้นจะสามารถทำได้คนเดียวหรือเปล่า หรือว่าต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด แต่จากที่ดูและจับสังเกตุข้อมูลในรายงาน ผมมีความรู้สึกว่า รายละเอียดในการฆาตกรรมน่ะมันดูเป็นขึ้นเป็นตอน แต่ทำไมไม่มีผลชันสูตรเกี่ยวกับยาหรือสารอะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้เหยื่อสลบหรือเรี่ยวแรงลดลง ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งสามารถฆ่าผู้ชายคนนึงได้โดยที่เธอไม่ต้องใช้ยาหรือเครื่องมืออะไรช่วยละก็ คงทำไม่ได้แน่ แค่ลักษณะทางกายภาพระหว่างผู้หญิงกับเหยื่อทั้งหมดมันก็ต่างกันแล้ว”

   “แล้วถ้าเธอมีคนสมรู้ร่วมคิดอย่างที่คุณบอกล่ะ”

   “ถ้ามี แปลว่าทั้งคู่ต้องได้ผลประโยชน์อะไรจากคนพวกนี้ แต่ดูแล้วพวกเขาไม่น่ามีอะไรดึงดูดได้เลย ถ้ามองเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ก็เห็นจะมีเพียงแค่หมวดมนตรีคนเดียวล่ะมั้งที่ดูจะให้อะไรเธอได้มากที่สุด แต่ความรู้สึกผม ผมว่าเธอคนนี้ ลงมือทำเพียงคนเดียว และต้องใช้ยาอะไรสักอย่างแน่นอน ผมจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเธอถึงสามารถกระทำการเพียงคนเดียวได้ ยกตัวอย่างนะ ถ้าเธอมีความรู้ในการใช้ยาหรือศึกษามาดี เธอจะใช้ยาสลบแบบชนิดฉีดได้ เพราะว่า เป็นยาที่นิยมฉีดเข้าเส้นเลือดดำเพราะว่ามันออกฤทธิ์เร็วและควบคุมปริมาณการใช้ยาได้ง่าย
ตัวอย่างนะ อย่าง Barbiturate ก็จะมี Phenobarbital, Thiopental แถมยาในกลุ่มพวกนี้ยังสามารถแบ่งย่อยได้อีกตามระยะเวลาในการออกฤทธิ์ อย่าง Thiopental จะอยู่ในกลุ่ม Ultrashort acting barbiturate เพราะมันออกฤทธิ์เร็วและสั้นมาก ผู้ป่วยหรือบุคคลทั่วไปสามารถหมดสติได้ภายในเวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น ยากลุ่มนี้เขาถึงนิยมใช้กันเยอะน่ะ
ส่วนอย่างที่ 2 จะเป็นกลุ่ม nonbarbiturate ก็จะมี ketamine, propofol, และกลุ่ม benzodiazepine เช่น diazepam, midazolam ตัวยาที่บอกพวกนี้ก็สามารถใช้ทำให้สลบได้เหมือนกันหรือจะใช้ในระหว่างผ่าตัดก็ได้  แต่ถ้าเธออยู่ดีๆหยิบเข็มไปฉีดให้กับเหยื่อเหล่านั้นโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุผมว่ามันก็น่าจะยาก ใครจะให้ฉีดจริงมั้ย ยาอะไรก็ไม่รู้ มันก็เหลือแค่อีกอย่างเดียว คือให้ดมกาซ ยาดมสลบพวกนี้มันอยู่ในสภาพที่พร้อมจะสูดดมได้เลย ก็จะเป็น nitrous oxide เป็นที่นิยมใช้เลยล่ะ นอกจากมีฤทธิ์บรรเทาปวดได้ แถมยังหมดฤทธิ์เร็วอีก แต่ยาพวกนี้ถ้าใช้ผิดวิธี หรือใช้มากเกินไป หรือร่างกายของบุคคลเหล่านั้นยังไม่พร้อมรับยาพวกนี้ละก็ ชีวิตพวกเขาเสี่ยงแน่ๆ”

   “ก็คนร้ายต้องการให้พวกเขาตายอยู่แล้ว คงไม่ต้องไปคำนึงว่าจะมากหรือน้อย แล้วอีกอย่างนะครับ ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าจริง ผมว่าคนร้ายคนนี้ อาจจะต้องเป็นแพทย์แบบพวกคุณ เพราะถ้าคนธรรมดาคนนึงต้องการที่จะฆ่าใครแล้วต้องมานั่งศึกษาถึงวิธีการใช้ยา หรือวิธีการใช้อาวุธ ผมว่ามันคงจะไม่ทันใจพวกเขาซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นบุคคลในสายงานแบบคุณก็ไม่น่ายากที่จะทำอะไรพวกนี้ได้ แถมยาก็ไม่ต้องซื้อ สามารถเบิกได้จากคลังของโรงพยาบาลได้เลย”

   “ใช่ แต่เราก็สามารถขอดูรายละเอียดการเบิกจ่ายยาจากโรงพยาบาลได้...แต่ แต่ถ้าคนร้าย ทยอยเบิกออกมาเรื่อยๆเพื่อไม่ให้มีความน่าสงสัยอยู่ในใบแจ้งเบิกละก็ อันนั้นก็คงตามสืบยาก เพราะในแต่ละวัน แต่ละโรงพยาบาลก็ต้องมีการใช้ยานี้แทบจะทุกวันอยู่แล้ว อาจจะยากในการตรวจสอบซักหน่อย”

   “เอาเถอะคุณ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลพวกนี้ มันทำให้ผมล้อมกรอบเข้ามาได้เยอะเหมือนกันว่าจะตามสืบจากอะไรได้บ้าง ไม่ใช่งมเข็มในหมาสมุทรแบบที่เคยทำกันมา” ถึงแม้ทุกอย่างมันจะเริ่มเข้าสู่ปมมากขึ้นแต่ก็ใช้ว่าทุกอย่างจะง่ายเหมือนอย่างที่คิด แต่ยังโชคดีอยู่อย่างนึง ที่ไม่มีเหยื่อรายใหม่สำหรับฆาตกรรายนี้เกิดขึ้นอีก อาจเพราะการกระจายข่าวของสื่อทั้งตาม ทีวี อินเทอร์เน็ต เลยทำให้คนร้ายอาจจะยังไม่สามารถกระทำได้ราบรื่นนัก แต่ก็วางใจไม่ได้ ผมไม่รู้เลยว่า ตอนนี้เราก้าวนำคนร้าย หรือคนร้ายก้าวนำพวกเราอยู่
ผมเดินทางมาถึงปั้นหยา ชาเล่ต์ในเวลา 14.52 น ใช้เวลาขับรถโดยประมาณ 2 ชม.31 น. ตามเวลาใน จีพีเอส ผมก็ไม่รอช้า ที่จะลงไปปฏิบัติภารกิจอย่างที่ได้ทำไปเมื่อวาน แต่การดำเนินเรื่องในคราวนี้ออกจะไวหน่อยเพราะผมได้โทรมาแจ้งกับทางรีสอร์ททั้งสองที่ พอมาถึงเลยมีการเตรียมพร้อมในข้อมูลที่ผมได้ขอเอาไว้ ผมก็เพียงแค่ยื่นหมายค้นไปให้ผู้จัดการดูเพื่อเป็นเครื่องยืนยันในการเข้าตรวจค้นอย่างถูกต้อง แต่ผลจากกล้องวงจรปิดนั้น ไม่ได้ให้ข้อมูลใดเพิ่มเติมจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วเท่าไหร่ เรายังคงเห็นเพียงแต่หน้าของหมวดมนตรีเหมือนเดิม การปลอมตัวปิดบังใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น และจากการสอบถามพนักงานที่ทำงานในวันนั้นก็ไม่มีใครที่พอจะจำรูปพรรณของเธอได้สักคน เราจึงขอไปเดินดูรอบๆบริเวณบ้านพักที่ทั้งคู่ได้เข้าพักในคืนนั้น ก่อนที่จะขอตัวกลับออกมา ก่อนที่เราจะเดินทางไปยังอีกหนึ่งรีสอร์ท ที่อยู่ห่างจากกันไม่มาก ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 15 นาที ก็มาถึงยัง วิลล่า ทัสคานี คันทรี รีสอร์ท เราดำเนินการไม่ต่างจากเดิม และผลที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่เเรกสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากทั้งคู่เข้า ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ มีการเดินทางออกไปเที่ยว กลับเข้ามา เหมือนกับการมาท่องเที่ยวทั่วไป และเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าทั้งสองคนไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้างในวันนั้นๆ เลยทำให้การทำงานในวันนี้ เสร็จเร็วกว่าที่คาดเอาไว้มาก และแทบไม่ได้อะไรจากการที่มาสืบค้นเลยแม้แต่นิดเดียว มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นการวางแผนที่ผิดพลาดของผม“ไม่เป็นไรหรอก มาแล้วไม่ได้อะไร ดีกว่าไม่มาแล้วมีอะไรนะคุณ ยังไงเราก็ได้เห็นภาพในกล้องวงจรปิดแล้วว่าเขาทั้งสองคนมาที่นี่จริงๆ”เขาพยายามพูดให้ผมหายเครียด แต่ผมก็ไม่ได้เครียดอะไรมากขนาดนั้นแค่รู้สึกแย่กับผลที่ได้รับมากกว่าเท่านั้น

“ผมไม่เป็นไร...แล้ว...งานวันนี้ก็เสร็จแล้ว งั้นเดี๋ยวเรากลับกันเลยแล้วกัน”

“เดี๋ยวก่อนสิคุณ...ทำไมรีบกลับอย่างนั้นล่ะ ผมลางานมา
ทั้งที” เขารีบแย้งขึ้น และมันก็จริงอย่างที่เขาพูด

“แล้วคุณอยากไปไหนล่ะตอนนี้ในหัวผมมันว่างเปล่าไปหมด”

“คุณคิดว่าระหว่างเที่ยวต่อแล้วหาที่พักที่นี่ กับการไปเที่ยวทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ คุณอยากไปที่ไหน”

“คุณอยากไปที่ไหน…ผมก็ไปกับคุณนั้นล่ะ”

“งั้นผมขอเลือกไปทะเลนะ เอาแค่พัทยาแล้วกัน เดี๋ยวผมขอดู gps ก่อน………..ตอนนี้ 4โมงเย็น ระยะทางประมาณ  300 kmไปถึงที่นั้นก็ประมาณ 2 ทุ่ม งั้นไปที่นั้นน่ะ แล้วเราก็มาสลับที่กัน เดี๋ยวผมขับให้เอง”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมขับเอง แค่นี้สบายๆ”

“แต่คุณขับรถมาที่นี่ก็เหนื่อยแล้วนะ แถมยังต้องขับไปพัทยาเพราะความต้องการของผมอีก”

“แล้วคุณมีความสุขมั้ยล่ะที่จะได้ไป”

“มีสิคุณ ถึงจะแค่พัทยาก็เถอะ ก็ผมชอบทะเลนี่นา”

“ถ้ามีความสุข คุณก็นั่งอยู่ที่เดิมนั้นละ เพราะผมอยากเป็นคนที่ทำให้คุณมีความสุขเหมือนกัน” การอยู่กับเขาสองคนแล้วพูดอะไรแบบนี้ออกไป มันจะทำให้เขารู้สึกอะไรแย่ๆหรือเปล่านะ แต่แค่รอยยิ้มที่เขายิ้มออกมา ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร มันก็ทำให้ผมมีความสุขเหมือนกัน

หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 11)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-09-2019 09:22:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 11)
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 01-09-2019 19:34:50
จีบกันเร็วจัง
ชอบครับ

 :ling1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-09-2019 23:36:45
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 12)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 02-09-2019 07:42:38
และในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ปวีณ ก็ได้โทรมาบอกกับผมเรื่องผลการตรวจสอบพื้นที่
“เออ ว่าไงไอ้วีณ
“เออกูจัดการตามที่มึงสั่งเรียบร้อยแล้วนะเว่ย น่าจะรอผลสองถึงสามวันถึงจะรู้ว่าเป็นใคร แล้วมึงอ่ะเป็นไงมั่ง ได้อะไรเพิ่มอ่ะ”
“ไม่เลยว่ะ ข้อมูลเดิม ภาพแบบเดิมๆ หาอะไรเพิ่มเติมจากรีสอร์ทสองที่นี้ไม่ได้เลย”
“เอาน่า ยังไงเราก็ได้ข้อมูลสำคัญมาตั้งหลายตัวแล้ว ถ้ามันไม่ได้อะไรบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร เดี๋ยวยังไงแค่นี้ก่อนนะเว่ย เดี๋ยวกูต้องไปทำงานต่อแล้ว
“เออ ขอบใจมากนะเว่ย”แล้วเสียงสนทนาจากไอ้วีณก็ได้ตัดสายไป แต่ก็จริงอย่างมันว่า ไม่ได้อะไรบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร
…………..
               ระยะเวลา 4 ชม.ในการขับรถมาพัทยา ก็ทำเอาผมหลังเเข็งได้เหมือนกัน แต่ยังดี…ที่ตลอดทางหมอตั้มชวนผมคุยเรื่องตลก เล่านั้นเล่านี่ให้ผมฟัง ถึงแม้ว่าบางช่วงเขาจะเผลอหลับไปบ้างก็เถอะ
   “แล้วคุณเลือกดูไว้หรือยังว่าจะเข้าพักที่ไหน”ผมถามเมื่อเราขับรถมาถึงพัทยาใต้
   “ผมถามเพื่อนเอาไว้แล้ว มันบอกว่า Wave Hotel ใช้ได้เลย มันบอกว่าโรงแรมนี้จะประดับด้วยไฟสีเขียว หาไม่ยาก” หลังจากรับทราบถึงเรื่องสถานที่ ภารกิจต่อไปคือการค้นหาสถานที่ ผมกับหมอตั้มช่วยกันสอดส่องสายตาหาโรงแรมที่มีไฟสีเขียวในทันที และเเล้วเราก็พบกับสถานที่นั้นในเวลาไม่นาน หลังจากจัดการจอดรถเรียบร้อย ก็เป็นหมอตั้มที่เดินนำผมเข้าไปก่อน ส่วนตัวผมหลังจากออกมาจากรถได้ ก็ขอยืดเส้นยืดสายให้เต็มที่ ก่อนที่จะเดินตามหมอตั้มเข้าไปด้านใน
   “คุณ เอาบัตรผมไปรูดได้เลย”ผมยื่นบัตรเครดิตให้กับเขา แต่เจ้าตัวก็ดันมือผมกลับมา
   “ผมชวนคุณมา เดี๋ยวค่าห้องพักผมจ่ายเอง คุณไปนั่งรอเถอะ” ผมรู้ว่าขัดขืนไปก้ไม่ได้อะไร ก็เลยเดินมานั่งรอที่โซฟาใน Lobby พอผมนั่งยังไม่ทันไร Welcome Drink กับผ้าเช็ดหน้าก็มาเสิร์ฟให้ผมถึงที่ พอได้ดื่มน้ำมันก้ทำให้ผมสดชื่นขื้มาบ้าง
   “ดื่มน้ำก่อนสิคุณ สดชื่นดีนะ”ผมบอกกับหมอตั้มเมื่อเขาเดินมาถึง
   “อือ”จากการดื่มน้ำนี่คงกระหายพอๆกับผมเลยสินะ “ดีนะที่เราได้ห้องพัก ห้องสุดท้ายพอดี” ผมก็ได้แต่ยิ้มเป็นคำตอบให้กับเขา ก่อนที่พนักงานจะพาเราไปยังห้องพัก เมื่อเรามาถึงห้องพัก คือถ้าเป็นคู่ Honeymoon ใหม่ๆละก็คงได้ สวีทแบบขั้นสุดแน่ๆ บรรยากาศขนาดนี้ เตียงนอนที่มีเสา 4 เสาพร้อมกับมุ้งที่ย้อยระย้าอยู่
   “สวยดีเนอะคุณ...ว่ามั้ย” หมอตั้มพูดพลางเดินสำรวจอย่างมีความสุข
   “อืม สวยดี บรรยากาศก็ดี.....แล้ว...คุณอยากทำอะไรต่อ ไปเดิน Walking Street มั้ย” ไหนๆก็มาถึงแล้วนี่ ก็ถามเข้าประเด็นซะเลย
   “คุณยังไหวอยู่แน่นะ เป็นห่วงคุณ เห็นขับรถมาทั้งวันแล้ว”
   “ไหวสิคุณ ทำงานเหนื่อยกว่านี้เยอะเลย....งั้นเรามาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อน ผมมีเสื้อยืดมาสองตัว คุณกับผมคนละตัว แต่กางเกงผมมีแต่ยีนส์ขายาวมา”
   “ไม่เป็นไรเอากางเกงที่ซื้อมาเมื่อกลางวันมาใส่เลย แต่มันก็เป็นยีนส์เหมือนกันแหละ แต่ขาสั้น น่าจะสบายกว่า หวังว่าคุณจะใส่ได้” เขาหยิบกางเกงที่อยู่ในถุงมาให้ผมลอง แต่หลังจากที่ลองแล้ว ด้วยความสูงของผมเลยทำให้กางเกงตัวนี้ดูสั้นไปสำหรับผมเลยล่ะ แต่มันก็ไม่ได้สั้นอะไรมากขนาดนั้น
   “ได้เห็นคุณแต่งตัวแบบนี้ดูแปลกตาดี” แปลกตานี่มันไม่ได้หมายถึงตลกใช่มั้ย คราวนี้กลายเป็นหมอตั้มเข้าไปเปลี่ยนชุดบ้าง แต่พอเดินออกมา การแต่งตัวแบบนี้ทำให้เขาดูเด็กขึ้นกว่าเดิม แต่ที่แปลกตาผมไปก็คือ หมอตั้มใส่แว่น
   “คุณใส่แว่นด้วยหรอ”
   “ใส่ได้สักพักใหญ่แล้ว พอดีไปเชคปรากฏว่าสายตาสั้นลงไปเยอะเลย หมอที่ รพ.ก็เลยแนะนำให้ใส่กันเอาไว้ กลัวจะสั้นมากไปกว่าเดิม” หลังจากเราทั้งคู่จัดแจงตัวเองกันเรียบร้อย ดีนะที่เราทั้งคู่ใส่รองเท้าผ้าใบกันมา ไม่อย่างนั้นการแต่งตัวในวันนี้มันคงดูแปลกๆพึลึก  เราออกเดินทางไปยัง Walking street ที่อยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่มาก เราทั้งคู่ก็เลยตัดสินใจเดินเลียบชายหาดไป บรรยากาศในตอนนั้นทั้งสายลม กลิ่นอ่อนๆจากทะเลมันทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก และทำให้การเดินไปยังจุดหมาย แทบไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด พอเดินมาถึง เเสง สี เสียง และผู้คน กับบรรยากาศที่ดูสนุกสนาน มันก็ยิ่งทำให้เราตื่นตัวขึ้น ผมกับหมอตั้มเริ่มต้นจากการเดินหาอะไรทานไปเรื่อย ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกย่าง ไก่ย่าง ผลไม้ตามรถเข็น และอีกสารพัดที่เราจะหาซื้อได้และทานไหวในเวลานั้น
     “คุณทานเยอะเหมือนกันนะ”ผมแซวขึ้น
     “ก็ทั้งวันแล้วนี่คุณ ถือว่ารวบมื้อไปเลยแล้วกัน”
     “งั้นเดี๋ยวคุณรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมเข้าไปซื้อน้ำมาให้” ผมเห็นว่าเขาทานอะไรไปตั้งเยอะแล้ว แต่ยังหาร้านน้ำไม่เจอ พอเจอ 7-11 ก็เลย เข้าไปจัดการให้ก่อนที่อาหารพวกนั้นจะติดคอเขาซะก่อน (ผมแซวเล่นนะ เขาไม่กินอะไรมากขนาดนั้นหรอก) หลังเดินออกมาผมก็ยื่นน้ำพร้อมกับทิชชู่เปียกให้กับเขา “แล้วคุณอยากไปตรงไหนต่อ”
               “ไปนั่งริมทะเลกัน บรรยากาศกำลังสบายเลย” ผมก็เดินตามเขาไป แต่ก็อย่างว่า บรรยากาศมันดีจริงๆ แถมเย็นสบายด้วย “นั่งตรงนี้แหละคุณ”
               “ถ้าทางคุณจะชอบทะเลมาก เห็นยิ้มตลอดเลย”
               “ใช่ ผมชอบทะเล ตอนเด็กๆ พอถึงวันหยุดทีไรพ่อกับแม่ก็เตรียมทริปไปทะเลที่นั้นที่นี่ พอเห็นน้ำทะเลปุ๊ปแทบอยากจะกระโดดใส่ปั๊ปเลยตอนนั้น…แล้วคุณล่ะ ชอบมั้ย”
                “ถามว่าชอบมั้ย ก็ชอบนะ แต่ตอนเด็กๆผมไม่ค่อยได้ไปไหน แถมอยู่โรงเรียนประจำทั้งเปิดเทอมแล้วก็ปิดเทอม พ่อแม่ผมท่านเดินทางบ่อย ไม่ค่อยมีเวลา”
                “คุณเล่าเรื่องตอนเด็กของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ อยากรู้ว่า คุณมีวีรกรรมเด็ดอะไรกับเขาบ้างหรือปล่าว”
                “จะมีวีรกรรมอะไรล่ะคุณ ผมก็มีแต่เล่นกีฬา ทั้งฟุตบอล รักบี้ ว่ายน้ำ ชีวิตวันๆของผมก็มีอยู่เท่านี้ ไม่ได้มีอะไรให้จดจำเท่าไหร่หรอก พอจบ ม.3 ผมก็เลือกไปสมัครที่ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ วันๆก็เรียน ฝึก เล่นกีฬา คุณจะมาหาความสนุกในวัยเด็กของผมน่ะ มัน…ไม่มีหรอก ชีวิตผมอยู่แต่กับกฏระเบียบ ต้องเคร่งครัด จนทำให้ผมไม่ค่อยได้สนใจในกิจกรรมที่วัยรุ่นตอนนั้นเขาทำกัน แต่ก็มีไอ้วีณนี่ล่ะ ที่ทำให้ผมได้ใช้ชีวิตแบบที่วัยรุ่นเขาใช้กันบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อย ”
                 “เพราะคุณเป็นคนตั้งใจ คุณถึงเป็นตำรวจที่ดีไง ทั้งปกป้อง คุ้มครอง ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเองหรือปล่าว…แล้ว….เรื่องความรัก ตอนนั้นคุณเป็นยังไงบ้าง”
                 “ก็ไม่เป็นยังไง แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตอนนั้นผมไม่สนใจเรื่องความรักเลยนะ อยู่แต่กับเพื่อน วันไหนได้มีโอกาสกลับมาบ้านผมก็เอาแต่ทำกิจกรรมที่ผมอยากทำ ดูหนัง ฟังเพลง ไป gym เล่นอยู่กับหมาที่ผมรัก พอเรียนจบได้รับราชการ พ่อแม่ของผมก็จัดการเรื่องหาคู่ดูตัว เดี๋ยวพาคนนั้นมา พาคนนี้มา วุ่นวายไปหมดอ่ะ ผมปฏิเสธยังไงก็ไม่เคยสำเร็จ จนวันนึง ผมดึงไอ้วีณไปงานดูตัวกับผม พอคู่ดูตัวของผมมาถึงผมก็คิดพิเรนขึ้นมาในหัว แนะนำกับผู้หญิงคนนั้นไปว่า ไอ้วีณเป็นแฟนผม ตอนนั้นไอ้วีณจ้องหน้าผมเขม็ง แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องตามน้ำกับผมไปเรื่อยๆ”
                  “คุณนี่ก็แสบไม่ใช่ย่อยนะ”
                  “ก็แค่คิดสนุกๆหวังให้การดูตัวตอนนั้นมันจบลงไวๆ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่สนใจในสิ่งที่ผมโกหกเลย เธอกลับเสนอแนวทางที่จะทำให้การดูตัวในครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายของเธอกับผม เธอเสนอแผนพร้อมข้อตกลงขึ้นมา แต่แผนนั้นมันก็ดันถูกใจผม ผมก็เลยตกลงร่วมมือกับเธอ เธอขอผมแค่ว่า เวลาไปหาพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย เราทั้งคู่ต้องไปด้วยกัน แค่นั้นเอง แต่หลังจากพูดคุยกับเธอ เจอเธอบ่อยขึ้น ความรู้สึกผมมันก็เริ่มเปลี่ยน ผมเริ่มไปรับเธอที่ทำงาน ชวนเธอไปทานข้าว พาเธอไปเที่ยว จน...เราทั้งคู่…มีอะไรกัน พอนานมา พอผมรู้ว่าเธอตั้งท้อง ผมก็ยิ่งหวง..ยิ่งห่วงเธอมากขึ้น ดูแลเธอเท่าที่ผมจะทำได้ แต่ผมก็ทำพลาด เย็นวันนั้นเธอโทรให้ผมไปรับที่ทำงาน แต่ผมติดภารกิจที่ไม่สามารถไปรับเธอได้ เธอเลยขับรถของเธอที่จอดเอาไว้ที่ออฟฟิศกลับเอง แล้วมันก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเลย จนมีคนโทรมาบอกกับผมว่าพลอยเกิดอุบัติเหตุรถชน  ตอนนั้นไอ้วีณพาผมขี่มอเตอร์ไซค์จนมาถึงโรงพยาบาล ตอนนั้นพลอยยังอยู่ icu แต่ไม่นาน หมอคนที่ทำการรักษาพลอยก็ออกมาบอกว่า ช่วยชีวิตพลอยไว้ไม่ได้จริงๆ หลังจากนั้นคุณหมอคนนั้นก็มาบอกกับผมอีกว่า
   “คุณพลอย ฝากให้ผมช่วยทำสิ่งๆหนึ่งกับคุณ คุณพร้อมหรือเปล่าครับ แล้วคุณก็บอกกับผมว่า ผมพร้อมครับ แล้วผมก็เข้าไปกอดคุณ แล้วผมก็บอกคุณอีกว่า คุณพลอย อยากให้ผมช่วยมากอดคุณแทนเขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาบอกให้ผมกอดคุณจนกว่าน้ำตาของคุณจะหยุดไหล พอผมคลายกอดออกจากคุณ คุณก็บอกผมว่า ขอบคุณครับ มันมีค่ามากจริงๆ แล้วผมก็ตอบกลับคุณไปว่ามันก็แค่กอดของตัวแทน คงสู้ความอบอุ่นที่เจ้าตัวเคยกอดกับคุณไม่ได้ แล้วผมก็ให้กำลังใจคุณ ให้คุณเข้มแข็ง สู้ต่อเพื่อตัวเอง”
              “คุณจำได้?”ผมตกใจมากตอนนั้น
              “พอคุณเล่ามา มันก็พอมีเค้าลางน่ะ แต่ตอนนี้คุณดูเข้มแข็งมากเลยนะ คุณรู้มั้ย…ว่าตอนที่เราเจอกันตอนที่ผมเกิดอุบัติเหตุน่ะ ผมคิดนะว่าคุณโคตรขี้เก๊กเลย ทำขรึม น่าเตะชะมัด แล้วพอมาได้คุยๆไป มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ คุณทั้งกวนประสาท ชอบทำนิ่งเฉยเวลาผมพูด ตอนนั้นน่ะผมคิดหาวิธีอยากจะแกล้งคุณกลับ แต่พอได้พูดคุยกันมากขึ้น รู้จักคุณมากขึ่น ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะแกล้งอะไรคุณแล้ว เพราะสิ่งที่คุณทำ....มันแทบจะลบล้างกับสิ่งที่ผมคิดได้เลย ทั้งห่วงผม ดูแลผม คอยช่วยเหลือผม กลายเป็นว่าผมต้องคอยแต่ที่จะขอบคุณๆ”
              “ผมเต็มใจ ผมไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ สิ่งที่ผมคิด มันจะเป็นยังไงต่อไป มันจะดีอย่างที่ผมคาดหวังหรือปล่าวก็ยังไม่รู้”
              “มันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ตัวคุณ ถ้าคุณมีความสุข คนรอบข้างคุณมีความสุข มันก็พอแล้ว”
              “แล้ว.... ถ้าคนที่ผมอยากให้มีความสุขไปกับผมด้วย…เป็นคุณล่ะ คุณตั้ม” เขาหันมามองหน้าผมทันที ส่วนผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้า ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นความกล้าที่ผมเคยมีมันหายไปไหนหมด“ผมไม่อยากปิดกั้นตัวเองแล้ว ผมไม่อยากให้เวลาที่ผมรู้สึกดีกับคุณมันผ่านไปอย่างไม่มีค่า ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมต้องหวั่นไหวทุกครั้งเวลาอยู่กับคุณ ตั้งแต่วันนั้นที่คุณกอดผม ผมก็รู้สึกอยากให้คุณกอดผมอีก กอดผมไปเรื่อยๆ ผมพยายามหาทางที่จะเจอคุณ แต่ตอนนั้นผมไม่กล้า ผมก็เลยหาเวลาว่าง ไปเล่นดนตรีที่โรงพยาบาลคุณ”
               “คุณคือ เจ้าของหน้ากากดนตรีคนนั้นน่ะหรอ”
               “อืม  เวลาผมเล่น ผมจะมองหาคุณทุกครั้ง แต่ ผมก็ไม่เคยเจอ จนล่าสุดที่ผมตัดสินใจว่าจะเล่นเป็นรอบสุดท้าย ในวันนั้น มันก็ทำให้ผมได้พบคุณ”
               ผมล้วงเข้าไปหยิบนาฬิกาที่ผมพึ่งซื้อมาวันนี้ออกมา
               “เอามือมาให้ผม” แล้วผมก็สวมนาฬิกาเรือนนั้นให้กับเขา “ผมซื้อนาฬิกานี้ให้คุณ ผมให้เวลาผมกับคุณ เวลาของผม…เป็นของคุณ และใจผม…ผมก็ให้มันเป็นของคุณ”ผมมองหน้าของเขา ทั้งๆที่ผมเองไม่กล้าแม้แต่จะสบตา  และเขาเองก็คงไม่กล้าที่จะสบตาผมเช่นกัน  “แต่ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ผมพูดไปมันทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ผมก็ขอคุณเก็บแค่นาฬิกาเรือนนั้นเอาไว้ก็พอ…เพราะผมตั้งใจอยากให้มันกับคุณ” ผมไม่กล้าแม้จะมองหน้าเขา ตอนนี้ผมกลัวคำตอบ คำตอบที่ผมไม่คาดหวังที่จะได้ยินมัน
                “ผมไม่รู้จะตอบคุณยังไง ผมยังไม่แน่ใจตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าตัวผมมีความรักในรูปแบบไหน แต่คำพูดที่คุณพูด มันกลับทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ผม…ไม่เคยมีแฟน เลยไม่รู้ว่าการถูกจีบหรือว่าการไปจีบคนอื่นมันต้องรู้สึกยังไง” ทั้งผมและเขาในตอนนี้ในสายตามีเพียงผืนทรายเท่านั้นที่เราสองคนมองเห็น สำหรับผมการบอกชอบใครสักคน ทำไมมันยากกว่าการทำคดีหรือวิ่งไล่จับคนร้าย ผมอยากให้สิ่งที่ผมสารภาพในวันนี้ เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของผม มือผมที่วางอยู่บนผืนทรายมันค่อยๆเคลื่อนตัวไปหามือของเขาที่วางอยู่ไม่ห่างจากผม แรกสัมผัสมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมค่อยๆกำมือเขาจนแน่นและผมก็รู้สึกถึงแรงสัมผัสที่ส่งมาจากมือของเขาเช่นกัน
                 “ถ้าคุณจับมือผมไปแล้ว…คุณจะไม่ปล่อยมันกลางทางใช่มั้ย?”ทำไมน้ำเสียงของเขาดูสั่นๆแบบนั้น
                 “ผมสัญญาด้วยชีวิตของผม” คำพูดจากปากผมมันทำให้ผมเห็นรอยยิ้มเล็กบนใบหน้าของเขาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ผมสารภาพความในใจออกมา
                “คิดยังไงมาสารภาพรักผมที่ทะเล คิดว่าอยู่ในนวนิยายสมัยก่อนหรือไง” พอเข้าที่ก็กวนผมเลย นายคนนี้
                “ก็ประมาณนั้น จริงๆแล้วมันก็มีอีกอย่างนึงมันถึงจะครบองค์ประกอบนวนิยาย”ผมก็เลยเลื่อนไปกระซิบที่ข้างหูของเขา “ก็จับคุณทำเมียไงล่ะ” เขาถึงกับผงะออกด้วยความตกใจ
ก็ชอบแซวผมดีนัก ก็เลยจัดเปิดต้อนรับในฐานะแฟนวันแรกซะเลย “ผมแซวเล่นน่ะคุณ ก็คุณชอบแซวผมว่าเป็นพระเอกในละครบ้าง ในนิยายบ้าง ผมก็เลยเล่นกับคุณสักหน่อย แต่ถ้ายากให้ครบอย่างที่บอก เรากลับห้องกันเลยก็ได้นะ”
    ~~~ผลั่ก~~~
เขาผลักผมล้มลงไปนอนกับพื้นเลยเชียวล่ะ แรงเยอะไม่เบา
                “มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกผู้หมวด” เขารีบลุกขึ้นพร้อมกับทำท่าปัดทรายในมือเยาะเย้ยผม เรื่องอะไรผมจะยอมล่ะ ผมก็ต้องรีบลุกขึ้นตอบโต้สิครับ
                “คิดว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือมารอย่างผมได้งั้นหรอ” กลับวิ่งหนีผมไปซะอย่างนั้น แถมวิ่งเร็วซะด้วย แต่เขาคงลืมไปว่าผมน่ะ นักกีฬาเก่าเชียวนะ งั้นผมจะงัดสปีดแชมป์วิ่ง 4x100 ออกมาใช้ซะเลย และหมอตั้มก็ไม่พ้นมือมารอย่างผมจริงๆ
                “ทำไมคุณวิ่งเร็วงี้อ่ะ ผมอุตส่าห์วิ่งนำคุณมาก่อนตั้งเยอะ” เอ้า หอบหายใจหายคอไม่ทันเลยทีเดียว ถึงขั้นทรุดลงนั่งเลย
                 “คุณลืมหรอ ผมนักกีฬาเก่าน่ะ”แล้วผมก็ยื่นขวดน้ำที่ผมหยิบมายื่นให้กับเขา “ค่อยๆทานนะคุณเดี๋ยวสำลักเอา” แต่ใช่ว่าจะฟังผมที่ไหน กลับดื่มเอาๆ
                 “เพราะคุณอ่ะ แกล้งผม ทำเอาผมเหนื่อยเลย” ยังจะมาโทษผมอีก
                 “งั้นผมไม่แกล้งคุณแล้วก็ได้ เรามาเดินกลับห้องกันเหอะ” ผมยื่นมือไปหาเขา แต่เขาดันกลับจ้องมาที่มือของผม ก่อนที่จะตัดสินใจเอื้อมมือมาจับแล้วพยุงให้ตัวเองลุกขึ้น ความรู้สึกภายในวันนี้ มันช่างหลากหลายอารมณ์เหลือเกิน แต่ผมก็มีความสุข ถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม ก็ผมบอกแล้วไง เขาเป็นกำลังใจของผม การเดินทางกลับห้องในครั้งนี้ ถึงแม้เราจะไม่ได้เดินจูงมือกัน แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าผมขาดหายอะไร แต่กลับอุ่นใจมากกว่า ที่รู้ว่ากำลังจะมีเขามาเดินอยู่ข้างๆในชีวิตของผมหลังจากนี้
เวลา 10 นาทีในการเดินกลับมาถึงห้องนั้นมันก็เร็วดีนะ ผมเลยขอจัดการอาบน้ำก่อนเลย เพราะเริ่มรู้สึกเหนียวตัวจากลมทะเล แต่อีกคนกลับขอนั่งพักซะก่อน ขนาดอายุน้อยกว่าผมนะเนี้ย
สงสัยต้องพาไปออกกำลังซะบ้างแล้ว
        หลังจากที่จัดการธุรส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเราไม่มีชุดที่จะใส่นอน ก็เลยใส่ชุดคลุมอาบน้ำเดินออกไป
        “ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคุณ” รีบถามเชียวนะ
        “ก็ผมลืมว่าเราไม่มีชุดใส่นอน ชุดเเรกก็ส่งซักไปแล้ว ชุดเมื่อกี้ก็มีแต่ทราย ก็เหลือแค่ชุดนี้กับกางเกงใน”
         “ยังดีที่ยังมีกางเกงในนะคุณ…โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำบ้างละ” หลังจากที่ลุกเดินออกไปจากที่นอน คราวนี้ก็เป็นเวลาของผมที่จะได้ครอบครองที่นอนผืนนี้บ้าง ผมก็นั่งเลื่อนหาอะไรดูไปเรื่อย เพื่อที่จะหาตั้มออกมานอนพร้อมกัน
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 12)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-09-2019 09:21:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

พวกเขาเคยเจอกันมาก่อนนั่นเอง
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 12)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-09-2019 23:27:09
 :m10:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 13)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 03-09-2019 06:07:15
พาร์ทของตั้ม
          หลังจากที่ผมอาบน้ำจนความเหนื่อยที่มีนั้นมลายหายไปกับสายน้ำ การแต่งตัวของผม ณ เวลานี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับหมวดชัชเมื่อสักครู่นี้เลย แต่ก็เอาเถอะ มันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่เมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็พบว่าหมวดชัช นั่งหลับอยู่บนเตียง ดูท่าทางแล้วท่าจะเพลียเอามากจริงๆ แต่ปัญหาในตอนนี้คือ ผมจะทำยังไงให้เขาลงมานอนในท่านอนปกติ ขืนปล่อยไว้แบบนี้ เช้ามาได้เดี้ยงแบบหมดสภาพแน่  ผมก็เลยค่อยๆดึงขาเขาให้นอนราบลงมากับที่นอน แต่ด้วยความที่ชุดกับผ้าปูที่นอนมันไม่ส่งเสริมกันทำให้เพิ่มความลำบากไปอีกหลายเท่า แถมไอ้ชุดที่เขาใส่นี่ก็สามารถเปิดเผยจุดซ้อนเร้นได้ตลอดเวลา ผมก็เลยต้องขึ้นไปบนที่นอนเพื่อที่จะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวด้วยตัวเองถ้าจะดีกว่า
   “คุณชัช คุณตื่นลงมานอนดีๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ปวดตัวเอาหรอก...คุณชัช”แต่ผลที่ได้กลับได้แค่อาการงัวเงีย แถมตอนนี้เจ้าตัวกลับเอาหัวมาหนุนที่ตักของผมอีก รึว่า...นี่จะเป็นแผนของหมวดเจ้าเล่ห์คนนี้ ผมเลยแกล้งดึงผมตรงจอนของเขาออกมาหนึ่งเส้น ผลปรากฏว่าเฉย ลองอีกสักเส้นแล้วกัน ก็เฉยอีก สงสัยท่าจะหลับจริง แต่ทว่า เขานอนหลับไปได้ยังไง เพราะผมของเขายังเปียกอยู่เลย แต่จะลุกขึ้นไปหยิบที่เป่าผม ตอนนี้ก็คงไม่ทันซะแล้ว  งั้นคงต้องใช้ผ้าขนหนูของผมเช็ดแทนไปก่อน แต่ก็ไม่อยากเชื่อ ที่ตอนนี้ผมกับเขากำลังอยู่ในสถานะที่ต่างจากเดิม ทั้งๆที่เขาพึ่งรู้จักตัวตนของผมจริงๆได้ไม่นาน แต่ด้วยความพยายาม ความตั้งใจของเขาที่คอยช่วยเหลือ ดูแล เทคแคร์ มันก็ทำให้ผมไม่สามารถปล่อยคนๆนี้ไปได้เหมือนกัน นี่คือตัวตนของผมจริงๆใช่มั้ย ตัวตนที่ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันคืออะไร แต่กลับกลายเป็นเขาที่ทำให้ผมได้รู้ นี่แหละมั้งคือตอบที่น้องสาวผมเคยบอกเอาไว้ว่าผมจะรู้สึกเอง และมันก็จะมากกว่าที่ผมเคยรู้สึก และตอนนี้...มันก็เป็นอย่างนั้น
   เวลา 15 นาทีในการเช็ดผมของหมวดชัชจนแห้ง แต่มันก็ทำเอาผมปวดหลังเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แล้วตอนนี้ผมก็เริ่มง่วงนอนแล้วด้วย แต่ผมก็ไม่กล้าปลุกเขา ขนาดตอนที่ผมนั่งมอเตอร์ไซค์แล้วเผลอหลับ เขาก็ยังไม่ยอมที่จะปลุกผม อดทนรอจนผมนั้นตื่นขึ้นมาเอง  คราวนี้...ผมก็ควรอดทนเพื่อเขาบ้าง โชคดีที่ระยะของผมยังสามารถที่จะนอนเอนหลังได้ ยังไงก็ลองดู“ราตรีสวัสดิ์นะคุณชัช”
...


   “โอ๊ย....คุณชัช ขาผม คุณชัช”ผมเผลอร้องออกมาตอนที่คุณชัชขยับตัว จนทำให้เขาต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา และดูท่าทางจะงงกับตัวเองว่ามาหนุนตักผมอยู่ได้ยังไง
   “เป็นอะไรคุณ”
   “โอ้ยๆๆ คุณอย่าจับ มันเจ็บ โอ๊ยๆๆ
              “คุณ คุณค่อยๆเหยียดเข่าให้ตรง เดี๋ยวผมจะดันปลายเท้าให้” ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้จริงๆมันปวดมาก ได้แต่แหกปาก แต่หมวดชัชก็พยายามยืดขาผมออกจนตรง ก่อนที่จะค่อยๆดันปลายเท้าให้ผมอย่างช้าๆ ถามว่ามันพอทุเลาลงมั้ย มันก็ดีขึ้น แต่ก็นานพอสมควรกว่าที่จะยืดหดขาได้ปกติ
              “หายเจ็บหรือยังคุณ รู้สึกว่าเส้นมันยังยึดอยู่หรือเปล่า”
              “ดีขึ้นแล้วคุณ เมื่อกี้เเม่งโคตรเจ็บเลย” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นตะคริวขนาดนี้ “เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ เห็นทำหน้างงๆ”
              “ก็งงว่า ผมมานอนหนุนตักคุณได้ยังไง เพราะผมว่า…ผม…”
              “ก็ผมเห็นคุณนั่งหลับ ผมทั้งสะกิดทั้งดึงขาคุณๆก็ไม่ตื่น แต่คุณดันโน้มตัวมานอนที่ตักผมซะอย่างนั้น ตอนแรกคิดว่าคุณแกล้งด้วยซ้ำ”
              “จริงดิ…ผมไม่รู้ตัวจริงๆ…..ขอโทษนะ”
              “จะขอโทษทำไม คุณยังเคยให้ผมนอนซบที่หลังคุณเลย แถมนานกว่านี้อีกมั้ง ตอนนั้นคุณคงแย่กว่าผมแน่ ต้องนั่งเกร็งนานขนาดนั้น”
              “ทำมารู้ดี...นอนต่อเถอะคุณ เดี๋ยวคราวนี้ผมจะให้คุณหลับก่อน จะได้แน่ใจว่าผมจะไม่ทำอะไรเปิ่นๆใส่คุณอีก”
             “เพ้อเจ้อ” ผมรู้สึกชินกับการเห็นใบหน้าที่ดูเฉยชาเหมือนไม่มีอะไรแต่คำพูดนี่แฝงไปด้วยวาจาเชือดเฉือนตลอด แต่คงจะไม่ได้เฉยชาหรอกมั้ง น่าจะขี้เก๊กมากกว่า แต่ตอนนี้รู้สึกสบายตัวกว่าเมื่อกี้เยอะเลย อื้อ…สบาย

……………………………………………………..
       
         ติ๊ด~~~ติ๊ด~~~
               เสียงของตัวระเบิดเวลาที่ทำลายความฝันอันพริ้วไหวของผมในตอนเช้าของทุกๆวัน ทำไมวันนี้เสียงมันช่างดังกว่าทุกๆวันจัง แต่ปรากฏว่ามีแต่ผมคนเดียวนะที่ตื่นขึ้นมา ส่วนอีกคนยังนอน…เห้ย!!!!!!!!!!!!!!! ทำไมนอนอ้าอล่างฉ่างขนาดนี้......ทำไงดีไอ้ตั้ม ทำไงดี ถ้างั้น…ผมก็เลยเอามือไปดึงชายเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาแล้วค่อยๆลากมาปิดจุดสงวนที่กำลังโชว์เด่นสง่าอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้  แต่อยู่ดีๆแรงดึงอันน้อยนิดแต่มหาสารก็พาลดึงตัวผมลงไปทับที่ตัวหมวดชัชซะงั้น แถมหน้าผมกับหน้าเขาตอนนี้ มัน….อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว…ตายแน่ตู
             “คุณกำลังทำอะไร”เสียงแข็งแบบนี้หมายความว่าไง
             “ก็…ก็ดึงชายเสื้อคุณมาปิด ปิด…ไอ้นั้นคุณอ่ะ” อายเว้ย
             “แน่ใจหรอคุณตั้ม” เสียงกวนๆแบบนี้ ไม่เป็นไร…แต่!..ทำไมต้องทำเสียงกะเสร่า
             “แน่ใจดิ ใครให้คุณมานอนโชว์…แถม…ยัง….”
             “แข็งน่ะหรอ” รีบเชียวนะ เรื่องทะลึ่งนี่รีบเชียว
             “พูดอะไรของคุณ”
             “เอ้า!!! ทำไมอ่ะคุณ ผู้ชายมันแข็งตอนเช้าๆมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติป่ะ…แล้วแถม…ตอนนี้ น้องชายผมมันก็ดันไปสัมผัสโดนตัวคุณอีกตะหาก”
             “ก็คุณก็ปล่อยดิ” พยายามจะถอยตัวออกแต่สู้แรงไอ้หื่นนายนี่ไม่ไหว
             “งั้น….ผมขอ”….พลิกแล้ว ผมกลับมาเป็นฝ่ายที่อยู่ข้างล่างแล้ว T^T ทำไงดีว่ะ
             “คะ…คุณชัช ผม…ผมไม่เคย”ทำไรไม่ถูก จะทำไงดี เรื่องแบบนี้ผมไม่เคย ถ้ามันเกิดขึ้น ผมจะทำไง จะตายมั้ย จะ…จะเดินได้หรือเปล่า
             “ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณซะหน่อย^^”ไม่ต้องมามองหน้าทำซึ้ง ไม่ต้องตาหวานใส่ด้วย “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก…ของมีค่า…มันไม่สมควรถูกทำลายเพราะแค่อารมณ์ทางเพศ…..”แล้วเขาก็ลุกขึ้นจากตัวผม “ลุกขึ้นเถอะ เตรียมตัวไปทานอาหารเช้ากัน” พอจบคำพูด หมวดชัชก็เดินตรงเข้าไปยังห้องน้ำ ก่อนที่ผมจะค่อยๆลุกขึ้น ไม่น่าเชื่อ ว่าจะมีคนคิดแบบนี้หลงเหลืออยู่ ถึงแม้ผมจะไม่เคยผ่านอะไรมาก่อนก็เถอะ แต่ทั้งจากเพื่อน จากน้องที่มาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ sex  ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีคนไหนรอดพ้นเงื้อมมือมารได้สักคน อาจจะถือว่าเป็นโชคดีของคนอย่างผม ที่เจอคนดีๆอย่างหมวดชัช
     หลังจากที่เราทั้งคู่จัดการกับธุรส่วนตัวกันเรียบร้อย จุดหมายต่อไปก็คือห้องอาหารของโรงแรม แต่จากที่สังเกตุ หมวดชัชก็ดูปกติ ไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียวหรือว่าโมโห ที่ไม่ได้กระทำเรื่องพวกนั้น
แถมก็ยังคงกวนประสาทผมได้เเหมือนเดิม
     เมื่อมาถึง เราทั้งคู่ก็เลือกโต๊ะที่ออกจะดูมีความเป็นส่วนตัวนิดเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ผมเป็นคนเลือกนะ อีกคนนึงตะหากที่เป็นคนเลือก
               “เดี๋ยวคุณนั่งรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวผมไปเอาอาหารมาให้ ถือว่าชดเชยแล้วกันเนอะ”ผมพูดบอกกับเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าเดินไปยังไลน์อาหาร ทิ้งให้งงกับคำพูดของผมไว้อย่างนั้นละ เมื่อมาถึงยังโต๊ะจัดวางอาหาร  ผมก็เลยเอาแค่ขนมปังปิ้งกับกาแฟไปให้เขาเป็นออเดิร์ฟก่อน ส่วนอาหารอื่นก็ค่อยไปถามเอาทีหลัง ตอนยกถาดอาหารกลับมายังโต๊ะ สิ่งที่ผมไม่อยากเชื่อสายตามันก็เกิดขึ้น หมอแพรวนั่งอยู่ที่โต๊ะกับหมวดชัช เธอมาที่นี่ได้ยังไง
“อรุณสวัสดิ์จ้ะตั้ม ขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยคนนะ” แล้วผมควรจะตอบเธอยังไง สีหน้าท่าทางตอนนี้ของหมวดชัชดูรู้เลยว่าไม่โอเคอย่างแรง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกอะไรขนาดนั้น…ไม่รู้สิแต่ผมรู้ว่าเขาไม่พอใจ
                “หวัดดี แล้วแพรวมาทำอะไรที่นี่”
                “ก็มาพักผ่อนน่ะ แต่ก็โชคดีนะมาเจอตั้มกับหมวดชัชพอดี…จริงมั้ยค่ะหมวดชัช” แต่หมวดชัชก็นั่งนิ่งไม่ตอบโต้อะไร “นี่น่ะหรอสถานที่ที่หมวดชัชอยากพาตั้มมาเที่ยว…ก็ธรรมดานี่เนอะ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นตรงไหนเลย”
                “ไม่นะ…สวยดีออก แถมที่นี่ตั้มก็เป็นคนเลือกที่จะมาพักเอง”ผมเริ่มตั้งสติได้ ก่อนที่จะวางถาดอาหารลงที่โต๊ะ แล้วก็นั่งลงข้างๆเขา  “ทานกาแฟก่อนสิคุณชัช ผมตั้งใจชงมาให้ แต่ไม่รู้จะถูกปากคุณหรือปล่าว?” ให้กินกาแฟคงพอที่จะใจเย็นขึ้นมาบ้าง
                “อื้ม…ใช้ได้…ไม่หวาน” อารมณ์ยังโอเคอยู่ แถมยังมีรอยยิ้ม
                “ที่ไลน์บุฟเฟ่ต์มีอาหารอยู่หลายอย่างเลย ผมไม่รู้จะตักอะไรให้ เลยมาถามคุณก่อน”
                “งั้นเดี๋ยวผมเดินไปดูก่อนแล้วกัน” แล้วเขาก็ลุกขึ้นไป
                “เรื่องนี้คงไม่ได้บังเอิญใช่มั้ย ทั้งโรงแรม แล้วก็มื้ออาหารเช้า”
                “บังเอิญสิ แพรวจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าตั้มกับหมวดชัชจะมากันที่นี่ ไม่ได้มีใครมาบอกแพรวซะหน่อย”
                “อื้ม…หรอ”ผมเลยยกกาแฟขึ้นมาดื่มระงับอารมณ์ไว้หน่อย
                 “คุณตั้ม ผมสั่งอาหารเช้าให้ขึ้นไปเสิร์ฟที่ห้องแล้ว ขึ้นห้องกันเถอะ”หมวดชัชเดินเข้ามาบอก ส่วนตัวผมว่ามันก็คงดีเหมือนกัน ถ้านั่งกินต่อก็คงไม่อร่อยเท่าไหร่
                 “อ้าวหรอ?...งั้นก็ได้”แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับหมวดชัช แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมเดี๋ยวนี้แพรวเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับเมื่อก่อน ตอนนี้ ทั้งทำตัวน่ารำคาญ ตอแย แถมไม่มีเหตุผล ถ้าจะบอกว่าสาเหตุมาจากผม ผมว่าผมก็พูดเคลียร์กับแพรวมาตลอดแล้วว่า เราเป็นได้แค่เพื่อนกัน แต่ทำไมระหว่างผมกับหมวดชัช แพรวถึงมีอาการท่าทางแบบนี้ทุกครั้ง หรือว่า เขาจะพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อเราทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้องหมวดชัชก็ให้ผมเดินเข้าห้องไปก่อน เพราะเขาเห็นว่าหมอแพรวเดินตามมาข้างหลัง พอหมวดชัชเดินเข้ามาเขาก็ปิดประตูใส่หน้าหมอแพรวทันที
                  “ผมว่าเขาเริ่มมากขึ้นทุกที”หมวดชัชพูดขึ้น พร้อมกับเก็บอารมณ์โมโหเอาไว้ แต่มันก็มองออก
                  “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้…หรือว่า…เราจะ Check Outเลยมั้ย แล้วเดี๋ยวไปหาอะไรทานข้างนอกเอาก็ได้”ผมว่าทางนี้น่าจะเแนทางที่ดีที่สุด
                  “อืม ผมก็ว่างั้น” หลังจากนั้น หมวดชัชก็เดินไปหยิบข้าวของอุปกรณ์ ก่อนที่จะโทรลงไปแจ้ง Reception ด้านล่างเรื่องจะเคลียร์ค่าอาหารที่ได้สั่งเอาไว้ พอตรวจเช็คอะไรเสร็จเรียบร้อย ผมกับเขาก็เดินออกมาจากห้อง พร้อมกับมาชำระค่าส่วนต่างเพิ่มเติม และทางร้านอาหารของโรงแรมก็ยังเอาอาหารที่เราสั่งใส่กล่องออกมาให้อีกด้วย
                  “จริงๆเราก็มีอาหารแล้วนะ แค่หาที่นั่งกินก็พอมั้ง…ว่าแต่ว่า คุณสั่งอะไรมา”
                  “ก็ omelette ham, scone ham แล้วก็Granola yoghurt”
                  “สั่งมาซะเยอะเลยคุณ กินหนักแต่เช้า”
                  “ก็เผื่อต้องใช้แรงเยอะ ก็เลยต้องกินเยอะ”แล้วทำไมต้องยื่นหน้ามาพูดใกล้ผมขนาดนี้
                   “ถึงเนื้อถึงตัวตลอดนะเดี๋ยวนี้”ทำมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม วันนึงจะดึงปากให้ยานไปเลย
คราวนี้ผมก็คงแกล้งแบบถึงเนื้อถึงตัวเขาได้บ้างแล้วเหมือนกันสินะ แต่ฝากไว้ก่อนเถอะ เมื่อมาถึงรถ เอาข้าวของใส่รถจนเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง
                   “แล้วเราจะไปไหนกันอะคุณ เช้าขนาดนี้”ผมถามขึ้น
                   “ก็คงชายหาดใกล้ๆนี่ละ” ดูเขาอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย แตกต่างจากก่อนหน้าที่อยู่ในโรงเเรมอย่างริบลับ แต่จริงๆแล้วระหว่างโรงแรมถึงชายหาดเราก็สามารถเดินไปกันได้ แต่นี่เจ้าตัวกลับหันเลี้ยงรถไปทางอื่น
                   “จะเลี้ยวไปไหนอ่ะคุณ”
                   “เห็นรถข้างหลังมั้ย เขาขับตามเรามา ผมสังเกตุหลายรอบแล้ว” สายตาเขาจ้องมองกระตกมองหลังอยู่บ่อยครั้ง “ผมจะลองขับดูอีกสักระยะ เผื่อผมจะคิดไปเอง” และเขาก็ขับไปตรงนั้นตรงนี้ จนออกมาถนนใหญ่ รถเก๋งคนสีขาวคันนั้นก็ยังคงขับตามเรามาอยู่ ลักษณะรถที่เห็นมันก็คุ้นตาผมอยู่นะ แต่ก็นึกไม่ออกหรอกว่าเป็นรถใคร แต่อยู่ดีๆหมวดชัชก็เร่งความเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว จนผมต้องนั่งเกร็งทำอะไรไม่ถูก “ไม่ต้องกลัวหรอกคุณ ปลอดภัยล้านเปอร์เซ็นต์” นายคนนี้ยังมีมุมมืดอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกเนอะมั้ยเนี้ย หลังจากพ้นผ่านช่วง แข่งในสนามที่ monte carlo เสร็จเรียบร้อย คิดว่างั้นนะ
         “มันคงตามเรามาไม่ทันแล้วละ”
“ใครเขาจะมาตามคุณทัน รถคุณกับรถเขามันก็คนละประเภทแล้ว”ก็มันจริง Accord กับ Audi R8 V10 เนี่ยนะ กะว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานตอนออกจากโรงพยาบาลแล้วว่านี่คือรถที่จะใช้ไปสืบหาข้อมูลทำคดีใช่มั้ยเนี้ย “ดีนะไม่เจอกล้องตรวจจับความเร็ว ไม่งั้นคุณซวยแน่ๆ เดี๋ยวเขาหาว่าเป็นตำรวจแล้วยังทำผิดกฏเองอีก”
“เอาน่าคุณ ถ้ามันจะผิดมันก็ต้องผิด ถึงผมเป็นตำรวจ แต่ผมก็อยู่ใต้กฏหมายเหมือนกับคุณนั้นล่ะ…ดูสิทำให้คุณไม่ได้นั่งทานอาหารริมทะเลเลย”
“ไม่เป็นไร ไปนั่งทานที่ห้องก็ได้ แล้วมันก็เป็นส่วนตัวแบบที่คุณชอบด้วย” พอได้ยินแบบนี้ไอ้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากของเขา มันปรากฏให้เห็นชัดทุกที แต่ก็เอาเถอะผมชอบเห็นเขาอารมณ์ดีมากกว่าที่จะเห็นเขานั่งโมโหอารมณ์ไม่ดีนี่นะ แต่ในตอนนั้นก็มีสายโทรเข้ามายังเครื่องของหมวดชัช เขาเลยจัดการเปิดบลูทูธรับสาย
“เออ ไอ้ชัชผลตรวจออกเเล้วนะเว้ย เร็วกว่าที่คิดเยอะเลย” หมวดปวีณนั้นเอง
“เออว่าไงมั่ง”
“อันแรกนะเว้ย คราบอสุจิตรงกับ Dna ของหมวดมนตรีจริงๆ แต่คราบเลือดเนี้ยผลยังไม่ออกว่ะ เห็นทางสถาบันบอกว่า มันเจือจางมากต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย”
“อืม....ไม่เป็นไร ถ้าช้า…แต่ชัวร์ กูรอได้”
“เออ อย่าว่างั้นงี้เลย ขอเสือกหน่อยเหอะว่ะ กูรู้มาว่ามึงไปกับหมอตั้ม….เผด็จศึกยังว่ะ”ไอ้คุณหมวดปวีณ หึ้ยยยยยยย
“ถ้ามึงอยากรู้ ก็ถามเขาเลย เขานั่งอยู่ข้างๆกู”
“ไม่เอาเว้ย ถามมึงนี่แหละ ว่าไง!?”
“แต่เขาได้ยินสิ่งที่มึงพูดกับกูหมดละ อยากถามอะไรเพิ่มมั้ยล่ะเผื่อเขาจะได้ตอบมึงทีเดียว”
“เหี้ย!!!!!.....เอ่อ…ผม…ขอโทษนะคราบบบบบบบบบ…..หมอตั้มมมมม”เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ คุณปวีณณณ
“เลิกนอกเรื่องได้แล้วมึง…กูมีเรื่องให้มึงช่วยอีกอย่าง ลองไปที่นิติเวชที แล้วขอตรวจสอบข้อมูลให้หน่อยว่ามีเจ้าหน้าที่คนไหนที่มีหน้าที่ทำการชันสูตรศพในคดีนี้ทั้งหมด เอาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด เอาสาเหตุที่แต่ละคนเลิกทำคดีนี้มาด้วย”
“เออ เดี๋ยวกูจัดการให้ไม่ต้องห่วง ส่วนมึง ก็ Honeymoon กับความรักรอบใหม่ของมึงไปซะ…คุณตั้ม ผมฝากไอ้ชัชด้วยนะ เพื่อนผมดี ผมconfirm” มาทิ้งบอมบ์แล้วแล้วก็ตัดสายไปดื้ออย่างนี้เนี้ยนะ
“คุณอย่าใส่ใจกับไอ้วีณเลย ปากหมานี่ล่ะ วิถีมัน” กลัวคุณจะเป็นแบบนั้นด้วยน่ะสิคุณชัช หลังจากใช้เวลาเกือบสองชม.เพื่อมาถึงยังคอนโด เราก็จัดการขนของขึ้นไปยังห้องของผมแต่เขากลับจะขอตัวออกไปทำงานต่อ
“ก็ไหนว่าวันนี้คุณลาหยุดแล้วไง ทำไมยังจะไปทำงานต่อละ”
“ก็กะว่าอยากจะไปช่วยไอ้วีณมันหน่อย จริงๆวันนี้ก็วันหยุด  แต่ก็ยังต้องให้มันไปทำงาน”มันก็มีเหตุผลน่ะนะ “แต่ผมไปไม่นานหรอก เดี๋ยวจะกลับมาทานข้าวเย็นด้วย ส่วนมื้อนี้คุณทานไปก่อนเลยนะ” ตั้งแต่ความสัมพันธ์พัฒนาขึ้น ผมเริ่มเห็นความอ่อนโยน ความอบอุ่นในตัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขายิ้มทุกครั้งที่พูดคุยกับผม ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ก็ตาม
“งั้นคุณก็หาอะไรทานด้วยล่ะ”ตอนนั้นคิดคำที่จะพูดได้เท่านี้ ก่อนที่ชัชจะหันหลังเดินออกไป”
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 13 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-09-2019 07:03:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 14 Nc 20+ )
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 03-09-2019 22:10:39
พาร์ทของชัช
“โทษทีกูมาช้า”คำทักทายแรกจากผม
“อ้าว!?มึงมาทำอะไร ไหนว่าอยู่กับคุณตั้มไง”
“กูก็เกรงใจมึงป่ะวะ วันนี้ก็วันหยุดยังเสือกใช้งานมึงอีก”
“คิดเยอะนะมึงอ่ะ ไงงานนี้ก็รับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว แต่มาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยวเว้ย รายละเอียดที่มึงต้องการ”
“กูว่าเข้าไปนั่งคุยในห้องดีกว่า” ผมรีบสวนขึ้นทันที ผมก็เลยพาไอวีณไปยังห้องเก็บเอกสารด้านข้าง “พูดต่อเลย”
“เออ…จากที่สอบถามพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่ เขาบอกว่าคุณหมอทั้งหมด 3 ท่านที่ได้ทำคดีนี้ 2 คนแรกน่ะ เป็นคุณหมอ จากโรงพยาบาลเดียวกัน ชายคนหญิงคน แต่เหมือนกับว่าเข้ามารับหน้าที่ทำคดีนี้ได้ไม่นานก็ถอนตัวออกมา แล้วเขาว่ากันว่าโดนข่มขู่จากฆาตกร ไม่ว่าจะเป็น จดหมาย คลิปเสียง หรือแม้กระทั่งเศษชิ้นส่วนร่างกายที่ถูกชำแหละแล้วส่งมา แต่ก็เป็นแค่ mock up นะ หลังถอนตัวไป ก็ไม่มีแพทย์คนไหนที่อยากทำคดีนี้เพราะว่ากลัวฆาตกรจะทำร้ายตัวเอง จนแพทย์หญิงลัลณ์ลิน ภาษสินธุ์ เสนอที่จะเข้ามาคดีนี้ แต่เห็นว่าไม่ได้ถูกข่มขู่เหมือนกับแพทย์คนก่อนๆ"
“แพทย์ที่ชื่อลัลณ์ลลิน น่าจะเป็นหมอแพรว…เพราะก็มีแต่เขาเท่านั้นก่อนที่จะเป็นตั้ม”
“ใช่…แต่มันจะเป็นไปได้มั้ย ที่หมอแพรวอาจจะโดนข่มขู่เหมือนกัน แต่แค่เธอไม่ได้บอกใคร…เพราะกลัวว่างานนี้จะไม่มีคนสานต่อ”
“ไม่น่าโดนข่มขู่ ถ้าอ่านจากประวัติการชันสูตร มึงดูนี่สิ เหยื่อสองรายแรก…มีรายชื่อหมอที่ชันสูตรสองคน ตรงกับชื่อที่พูดขึ้นมา แต่ตั้งแต่รายที่สามจนถึงห้าเป็นชื่อหมอแพรวหมด แล้วถ้าพูดถึง การที่หมอตั้มมารับช่วงต่อ มันก็แทบจะไม่มีรายละเอียดอะไรที่จะให้ชันสูตรแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งรายที่ 1ถึง4 ตัดทิ้งไปได้เลย เพราะญาตินำศพไปประกอบพิธีเรียบร้อยแล้ว  ส่วนหมวดมนตรี ทางแม่ของเขาก็ไม่ต้องการให้ชันสูตรอะไรเพิ่มเติมแล้ว”
“แปลว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือการตามหาคนร้ายที่ไม่มีแม้กระทั่งเบาะแสหรือข้อมูลเชิงลึกอะไรเลย ลายนิ้วมือก็ไม่มี เลือดหรือสารคัดหลั่งของคนร้ายก็ไม่มี ไม่มีอะไรโยงไปถึงคนร้ายได้เลยสักอย่าง”
“มีสิ เริ่มมีข้อมูลบางอย่างที่เราสามารถนำมาใช้สืบสวนหรือหาตัวคนร้ายต่อได้ แค่ตอนนี้ต้องรอข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมจากคนไม่กี่คนเท่านั้นเอง”
“ถ้างั้นไอ้ข้อมูลที่เรามาหาเพิ่มเติมวันนี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยดิ”
“ตอนนี้อาจจะยัง แต่อนาคต…ไม่แน่”    คำพูดทิ้งท้ายของผมมันจะช่วยให้ไอ้วีณมันรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้างหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้ คือผู้หญิงคนนี้จะไม่สามารถฆ่าใครได้อีกต่อ หลังจากสรุปเรื่องราวต่างจนเสร็จ ผมกับมันก็ต่างแยกย้ายกันกลับ  แต่ในใจผมรู้สึกว่าผมต้องเรื่มทำอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ผมต้องลงมือเองเพียงคนเดียว  ผมเลยขับรถไปยัง  รพ. เพื่อที่จะไปลองดูว่า หมอแพรวจะกลับมาทำงานต่อหรือไม่ หลังจากที่ไปพบปะกับผมที่พัทยา ผมใช้เวลาสักพักจากสถาบันนิติฯมายังโรงพยาบาล แต่กว่าจะมาถึง ก็ปาไป 5 โมงกว่าแล้ว
“ผมมาขอเข้าพบ แพทย์หญิงลัลณ์ลลินน่ะครับ….ไม่ทราบว่าตอนนี้เธอยังทำงานอยู่รึเปล่า”
“คุณหมอไม่ได้เข้ามาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ…แต่เดี๋ยวยังไง ดิฉันจะลองต่อสายไปยังห้องทำงานของคุณหมอให้ก่อนนะคะ บางทีอาจจะเข้ามาแต่ดิฉันอาจจะไม่เห็น” หลังจากการต่อสายก็ไม่มีสัญญาณอะไรตอบรับกลับมา ท่าทางคงจะยังกลับมาไม่ถึงจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ ยังไง…ผมขอเบอร์ติดต่อคุณหมอโดยตรงได้หรือเปล่า เผื่อผมจะนัดเจอกันข้างนอกเลย”
“ถ้าอย่างนั้นกรุณารอสักครู่นะคะ” เธอจัดการค้นหาเบอร์โทรฯหมอแพรวให้ผมในทันที และที่สุดผมก็ได้มันมา
“ยังไง…ผมขอบคุณๆมากนะครับ” พอได้เบอร์โทรผมก็รีบเดินกลับไปที่รถ ก่อนที่จะรีบต่อสายไปหาเธอทันที
“สวัสดีค่ะ”
“นี่เบอร์ของแพทย์หญิงลัลณ์ลลินหรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ครับ…ผมหมวดชัชนะครับ คือผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อย...เรื่องคดี...ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาว่างซักชั่วโมงมั้ยครับ”ผมไม่รู้จะอ้อมค้อมทำไม
“มีสิคะ…แล้วจะให้ชั้นไปเจอคุณที่ไหน”
“ร้าน Toby’s สุขุมวิท 38”
“ได้ค่ะ…อีก 1 ชม.เจอกัน”หลังจากนี้ ผมคงต้องดับเครื่องชน เพื่อที่จะล้วงหาข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด และในตอนนี้ ผมก็กำลังเริ่ม กับคนที่ทำตัวเหมือนไม่มีอะไร…มากที่สุด ไม่ถึง 40 นาที ผมก็มาถึงยังร้านเป้าหมายที่เราได้นัดกันไว้  เธอมาถึงก่อนผม และตอนนี้เธอกำลังโบกมือทักทาย
“ต้องขอโทษคุณด้วยที่ผมมาช้า”
“ชั้นก็มาก่อนหหน้าคุณได้ไม่นาน เชิญสั่งอะไรทานก่อนสิคะ…ของดิชั้นสั่งเรียบร้อยแล้ว”
“ผมขอ Australian Iced café Latte ครับ”
“ใจตรงกันเลยนะคะ สั่งเครื่องดื่มแบบเดียวกัน ชอบดื่มอะไรแบบนี้เหมือนกัน”
“ครับ…ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกันนะครับ…ผมอยากทราบว่า ทำไมคุณถึงเสนอตัวที่จะเข้าไปทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเหยื่อฆาตกรรม 5 คนนั้น”
“แหม…เปิดประเด็นได้แรงดีจังเลยนะคะ...ก็ถ้าดิชั้นไม่เสนอตัว ยังจะมีใครหน้าไหนที่จะเข้าไปทำหน้าที่เสี่ยงๆแบบนี้บ้างล่ะคะ”
“ขนาดคุณรู้ว่ามันเสี่ยง คุณก็ยังทำ ไม่กลัวเป็นเหมือนแพทย์รุ่นพี่คุณบ้างหรอครับ”
“ก็แค่คำขู่ จะไปกลัวทำไมล่ะคะ ของที่ส่งมา ก็แค่ mock up ปลอมๆ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่น่ากลัวเลย”
“หรือว่าการชันสูตรพลิกศพของคุณมันถูกใจฆาตกรครับ  ที่ชันสูตรออกมาแบบไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่จะชี้ไปยังตัวคนร้ายได้ แม้แต่นิดเดียว”
~~~ขออนุญาตเสิร์ฟ Australian Iced café Latte ค่ะ~~~
“แล้วอีกอย่างนะครับ การที่คุณบอกขอสละสิทธิ์ในการที่จะทำหน้าที่นี้ต่อ เพราะว่าทนรับแรงกดดันจากญาติของเหยื่อไม่ไหว ผมอยากทราบว่า ญาติของเหยื่อคนไหนหรอครับที่มากดดันคุณ คุณใช้เวลาชันสูตรศพแต่ละศพเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ที่เหลือก็แค่รอผลแลปว่าเนื้อเยื้อที่ส่งไปมันบอกอะไรกับคุณบ้าง ผมว่าทั้งหมดที่คุณทำ มันมาจากคำสั่งของกฏหมายไม่ใช่หรอครับ ที่จะให้สืบหาว่าฆาตกรต่อเนื่องรายนี้เป็นใคร หรือว่า แค่ใส่ข้อมูลการชันสูตรพื้นฐานเพื่อปกปิดอะไรรึเปล่าครับ”
“ทำไมต้องปกปิดละคะ ก็ถ้าในเมื่อการปกปิดมันจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายตามมา…หมวดชัชคะ การชันสูตรพลิกศพ มันไม่ใช่ว่าผ่านั้นผ่านี่แล้วมันจะบอกนี่ค่ะว่าใครเป็นคนร้าย มันก็แค่บอกถึงสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่าว่าตายเพราะอะไร
“อ่อครับ ผมเข้าใจละ มันก็คงเหมือนกับกาแฟแก้วนี้มั้งครับ คนอื่นที่ไม่รู้ก็คงมองว่ากาแฟแก้วนี้เป็นกาแฟธรรมดาที่ไม่ได้พิเศษอะไรทำไมราคาถึงแพง แต่ถ้าเป็นลูกค้าประจำ ก็จะรู้ว่าที่นี้เขาใช้เบลนเมล็ดกาแฟของที่ไหน จริงมั้ยครับ”
“คุณกำลังจะพูดอะไร”
“ถ้าคนที่ตั้งใจจะศึกษาหรืออยากรู้ว่าวัตถุดิบคือเมล็ดกาแฟในแก้วนี้มาจากไหน และทำไมต้องใช้เมล็ดกาแฟจากที่นั้นๆ เขาก็จะต้องเริ่มค้นหา สืบเสาะ ติดตาม จนกว่าจะรู้คำตอบที่เขากำลังสงสัย ถึงแม้มันจะยากในการหาคำตอบ มันก็เหมือนกับการทำงาน ที่ถ้าตั้งใจที่อยากจะรู้อะไร เราก็ต้องหาคำตอบมาให้ได้ ถึงแม้ว่า มันจะยากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าคนที่เขาไม่สนใจ ต่อให้คำตอบหาได้ง่ายขนาดไหน เขาก็คงจะบอกออกมาแค่สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นละครับ “
“คุณกำลังสบประมาทชั้นอยู่นะคุณชัช”
“ผมสบประมาทคุณ ผมบอกหรอครับ…ว่าสิ่งที่ผมพูดมันหมายถึงคุณ… คนที่ร้อนรนกับคำพูดของคนอื่น แปลว่าเขาเป็นอย่างที่คนพวกนั้นพูดจริงๆ ตอนนี้คุณร้อนรน แปลว่าคุณเป็นอย่างที่ผมพูดจริงๆ”
“คุณชัช!!!!!!!”
“ชู่ว์ๆๆ ทานกาแฟก่อนสิครับ คุณจะได้ใจเย็นเหมือนกับที่คุณเคยเย็นมาตลอด ใจร้อนแบบนี้มันไม่ดีหรอกนะครับ เดี๋ยวจะแย่เอา..” ผมนั่งจ้องหน้าเธอเผื่อเธอจะหลุดอะไรที่ทำให้เราหายสงสัยออกมาบ้าง วันนี้เป็นวันที่ผมพยายามกวนประสาทเธอให้ได้มากที่สุด แต่ดูแล้วเธอน่าจะโมโหในสิ่งที่ผมพูดออกไปมากกว่า เธอนั่งจ้องหน้าผม ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด สงสัยผมต้องหยุดการล้วงจ้อมูลจากเธอเพียงเท่านี้ ไม่อย่างนั้น มันอาจจะเกิดอะไรในสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงก็ได้
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณที่ยอมมาพบผม เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”ผมลุกขึ้นไปวางเงินที่เคาท์เตอร์ ก่อนที่จะเดินออกไป
“คุณชัช”เสียงเรียกตามหลังผมมา ก่อนที่กาแฟแก้วนั้นจะสาดมาที่หน้าของผมตอนที่กำลังหันไปหาเธอ “บางที...การอยู่นิ่งๆมันก็อาจจะดีกว่าการสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นเขาไปทั่วก็ได้นะคะ ชั้นให้กาแฟชั้นกับคุณ เผื่อความเย็นจากกาแฟมันจะทำให้คุณหยุดที่จะดิ้นเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นเขาได้บ้าง อย่าโกรธกันนะคะ แพรวแค่เป็นห่วงคุณ”
แล้วเธอก็เดินกลับไปที่รถของเธอก่อนที่จะเหยียบคันเร่งพุ่งออกไป  ส่วนผมก็เละเทะไปตามระเบียบ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ผมออกจากร้านมาถึงคอนโดในเวลาไม่ถึง 20 นาที สภาพแบบนี้ผมควรขึ้นไปหาคุณตั้มดีหรือเปล่า  แต่ก็เอาเถอะ ผมโทรให้คุณตั้มลงมารับผมฝั่งลิฟต์ ไพรเวท
“คุณไปทำอะไรมา ทำไมเปรอะเลอะเทอะแบบนี้อ่ะ” ตกใจอย่างที่คิดจริงๆ แต่ผมก็หาคำแก้ตัวไปเรื่อย แต่ก็นานกว่าที่เจ้าตัวจะหยุดถามเหมือนกัน
“คุณเข้าไปในห้องน้ำเลย เดี๋ยวผมเอาผ้ากับชุดไปให้”แล้วผมก็ถูกดันเข้ามาให้อยู่ในห้องน้ำก่อนจนได้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้…มันเหนียวชะมัดเลย  การอยู่ในห้องน้ำของผมตอนนี้มันเหมือนสวรรค์เลย สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก  แต่ผมก็ไม่เคยใช้เวลาในห้องน้ำนานเกิน 10 นาทีหรอก พอออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นผ้าขนหนูกับชุดวางเอาไว้อยู่บนเคาท์เตอร์ตรงอ่างล้างหน้า พอผมจัดการธุระของผมจนเสร็จเรียบร้อย ออกมาอีกทีผมเห็นเจ้าตัวกำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่
“อ่านอะไรอะคุณ” ผมนั่งลงข้างๆเขา
“ก็หนังสือแพทย์นี่ละ เพิ่มเติมความรู้นิดนึง”
“แล้วเรื่องอาหารเย็น”
“อ่อ ไม่ต้องห่วง ผมสั่งจากร้านน้องสาวของผมมาเรียบร้อยแล้วแต่ผมให้เขามาส่งตอนสองทุ่มนะ” รอบคอบดีนะ แต่อยู่ดีๆเขาก็วางหนังสือลง “เอาผ้ามา ผมเช็ดผมให้” พอได้ยินคำพูด ผมก็ได้แต่มองหน้าเขา “มองอะไรเล่า เอาผ้ามา แล้วก็ลงไปนั่งกับพื้นเลย”ผมก็เลื้อยไหลลงไปอย่างว่าง่ายสิครับ ความรู้สึกแบบนี้ การกระทำแบบนี้ ผมไม่เคยได้รับจากใครนอกจากแม่ของผม แต่ก็ตั้งแต่ตอนเริ่มเป็นวัยรุ่นน่ะนะ
“คุณชัช”
“ครับ”
“คุณจะชอบผู้ชายอย่างผมได้จริงๆน่ะหรอ”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
“ก็…ไม่รู้”เสียงอ่อยซะงั้น “ก็เห็นว่าคุณเคยมีภรรยา”
“ความรักก็คือความรัก ผมมีความสุขคุณมีความสุขก็พอไม่ใช่หรอ”ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก่อนที่จะหันตัวกลับไปนั่งคุยกับเขาดีๆ
“ผมไม่เคยมองคนอื่นมากกว่าคนที่ผมรัก” ผมมองจ้องหน้าเขา แต่คราวนี้เขากลับไม่หลบสายตาไปจากผม ตอนนี้เขากำลังจะทำให้ผมเก็บอาการไม่ไหว “ผมขอจูบคุณได้มั้ย”แต่เขาก็ยังจ้องมองมาที่ผมอยู่ดี ปลายนิ้วของเขาที่สัม ผัสมาที่ใบหน้าผม มันนุ่มนวล และอ่อนโยนมาก “ถ้าคุณไม่ตอบ…แปลว่าคุณตกลงนะ” ใบหน้าของผมค่อยๆเลื่อนเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ ริมฝีปากที่อมชมพูของเขากำลังถูกริมฝีปากของผมสัมผัส ไอร้อนจากตัวเขาแผ่ส่งเข้ามายังร่างกายของผม ผมถอนจูบก่อนที่จะจับหมอตั้มถอดเสื้อ และดันให้หมอตั้มนอนราบไปกับโซฟา ผมบรรเลงจูบร่างของหมอตั้มไล่วนตั้งแต่ต้นคอลามไปจนถึงหน้าอก
“ฮึก!”เสียงแรกที่ผมได้ยิน ผมยังคงจูบหมอตั้มจากหน้าอกลามไปยังหน้าท้องที่มีกล้ามอ่อนๆ เพียงสัมผัส มือของหมอตั้มก็บีบที่เเขนของผมแน่น  ก่อนที่ผมจะเลื่อนขึ้นไปจูบที่ปากของเขา คราวนี้เขาเริ่มมีการโต้ตอบมากขึ้น ตอนนี้ร่างกายผมแทบจะอดกลั้นความต้องนี้ไว้ไม่ไหวอีกแล้ว ผมถอนจูบและถอดเสื้อของตัวเองออก ตอนนี้ผมเหมือนหมาป่าที่กำลังหิวกระหาย ผมก้มลงจูบอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาเริ่มที่จะตอบโต้ผมมากขึ้น ผมจึงใช้จังหวะที่เขากำลังโอนอ่อยไปตามอารมณ์ตอนนั้น ถอดกางเกงของเขาออก
“พร้อมแล้วหรอ”ผมแซวเมื่อเห็นตั้มน้อยที่กำลังพร้อมสู้โผล่พ้นออกมานอกกางเกง ผมเอามือลูบไปตามตัวของเขาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะให้เขาลองสัมผัสในสิ่งที่ผมเคยได้สัมผัส ผมบรรจงจูบไปตามแนวท้องน้อยของเขาอย่างช้าๆ ไล่ลงจนมาถึงบริเวณความเป็นชายของเขา เสียงครางอ่อนๆของเขาตอนนี้มันเหมือนตัวกระตุ้นที่ทำให้ไฟในตัวลุกไม่หยุด ผมเล้าโลมพร้อมกับถอดกางเกงของผมออก  ผมค่อยๆเขยื้อนร่างกายขึ้นมาบนตัวเขาอย่างช้าๆ ก่อนที่ผมจะไปหยุดที่น้องชายของเขา  “อ้ะ” เขาร้องขึ้นเพราะอาจยังไม่คุ้นสัมผัสจากมือของคนอื่นเท่าไหร่ ผมจูบที่หน้าอกของเขาก่อนที่ผมเคล้าคลึงให้น้องชายของเรารู้จักกันแบบใกล้ชิด
“คุณชอบมั้ย” ผมถามเขาขณะที่มือของผมยังทำความรู้จักอยู่อย่างต่อเนื่อง
“อืม”เสียงตอบเพียงสั้นๆ
“ไม่อยากรู้จักน้องผมบ้างหรอ”ผมถอนตัวขึ้นก่อนที่จะดึงเขาให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของผม เขาเริ่มต้นทำในสิ่งที่ผมเคยเบิกทางไว้ เขาจูบไปทั่งร่างของผม ต่ำลงไปเรื่อยๆๆ ก่อนที่เขาจะใช้ริมฝีปากที่บางเบาของเขาสัมผัสไปที่น้องชายผม ความร้อนจากลิ้นของเขามันทำให้ผมแทบบังคับตัวไม่ได้ เขาลองลิ้มชิมรสเจ้าหนูของผมไปจนถึงลูกบอลที่อยู่ข้าง เขาทำผมตัวสั่นไปหมด ไม่คิด…ว่าเขาจะทำให้ผมรู้สึกได้มากถึงขนาดนี้ ผมพลิกตัวกลับเป็นฝ่ายรุกบ้าง “ผมถอยไม่ได้แล้ว…พร้อมนะครับ” ผมพูดเสียงกระเสร่าข้างใบหูของเขา ผมจัดการแยกขาของเขาออกจากกัน ก่อนที่จะยกเอวของเขาให้ลอยขึ้น
“คุณจะทำอะไร”ผมดึงมือทั้งสองข้างของเขาให้มาช่วยพยุงขาคู่นั้นเอาไว้
“จะ…เจ็บครับ”ผมเอานิ้วที่เปียกชุ่มน้ำลายของผมเบิกทางรักของเรา จนหมอตั้มตัวเกร็ง
“นี่ยังไม่ใช่ของจริงสักหน่อย”ผมค่อยๆดึงนิ้วคลึงวนไปมาเพื่อให้เตรียมพร้อมรับจ้าวชัชที่ใหญ่โตกว่านี้อีกหลายเท่า
“เจ็บครับ”เขาร้องขึ้นเมื่อนิ้วของผมเข้าไปจนสุด
“แน่นจังครับ” ผมโน้มตัวลงไปจูบอีกครั้งพร้อมกับใช้ลิ้นที่เป็นอาวุธของผมหยอกล้อกับหมอตั้มอีกครั้ง เสียงลมหายใจที่หอบกระเสร่าของทั้งเขาและผมทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เราทั้งคู่ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งอะไรตัวเองได้อีกแล้ว แอร์ที่เคยเย็นตอนนี้กลับร้อนระอุ
“ให้ผม…เข้าไปอยู่ในตัวคุณนะ”ผมกระซิบบอกเสียงหวาน แล้วจูบที่หน้าผากของเขาเบาๆ
ผมค่อยๆถอนนิ้วของผมออกจากทางรักของหมอตั้มอย่างช้าๆก่อนที่ผมจะแยกขาของเขาให้กว้างขึ้น แล้วก็ค่อยๆดันน้องชายของผมเข้าไป
“จะ…เจ็บ
“อย่าเกร็งสิครับคนดี”
“อึก”
“เป็นของผมแล้วนะครับ”
“ชัช…ผมเจ็บ”
เขาดูเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่ผมพยายามเอาเข้าไปอย่างเบาและนิ่มนวลที่สุด ผมจูบปลอบประโลมเขา สัมผัสแบบเผ่าเบา เขากอดรัดผมอย่างแนบแน่น ผมก็เช่นกัน
“ช้าๆสิชัช”ผมคงใช้จังหวะเร็วมากไปหน่อย แต่ถึงเขาจะบอกผมว่าเจ็บ แต่ใบหน้ากับเสียงครางกระเสร่าของเขามันแสดงให้ผมรู้ว่าเขาผ่อนคลายขึ้น
“อื้อ…อื้อ”
“ตั้ม..คน…ดี…ของ…ผม”
“อ๊า…อ๊า…ผม…รู้…สึก…ว่า…มัน…จะ”หมอตั้มครางออกมาไม่เป็นศัพท์ และสะโพกของเขาก็ขยับไม่หยุดตามแรงที่ผมขยับ
“เสร็จพร้อมกันนะ” มือผมลูบจับใบหน้าเขาก่อนที่จะเคลื่อนเข้าไปแบบถี่รัว ผมเร่งไม่หยุด เสียงครางของเราทั้งคู่ดังพอๆกับเสียงร่างกายของเราที่กำลังกระทบกัน
“ไม่…ไหว…แล้ว”
“ผม..จะ…ไม่…ไหว…แล้ว”
และแล้ว
“อ๊าาาาาา”เราสองคนปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน ทั้งผมและเขาต่างหอบกันทั้งคู่ ตอนนี้ผมได้แต่ซุกหน้าอยู่ข้างๆหมอตั้ม
“คุณ…คุณเสร็จในตัวผมหรอ” เขาถามขึ้นเหมือนจะตกใจนิดๆผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไป
“ก็…ไม่ทันได้เตรียมตัวนี่นา”ผมจูบลงที่หน้าผากของหมอตั้มอีกครั้ง “ตอนนี้…คุณเป็นภรรยาผมเต็มตัวแล้วนะ”
“บ้า…ผมเป็นผู้ชาย…จะเป็นภรรยาได้ไง”
“ก็ตอนนี้ก็เป็นแล้วไง…ใช่มั้ยครับ…ที่รัก” ผมหอมแก้มเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะพาชัชน้อยออกมาหายใจตามปกติ
“คุณนอนอยู่เฉยๆก่อน”ผมเดินไปหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ตรงโต๊ะอาหาร ก่อนที่จะมาซับเช็ดสิ่งที่เราสองคนได้ทำไว้ ผมเช็ดตรงหน้าท้องของหมอตั้ม แล้วก็ไล่ไปตามบริเวณที่เปรอะ ผมพลิกตัวตั้มนอนตะแคง แล้วก็เช็ดสิ่งนั้นออกจากตัวของเขา แต่สงสัยท่าจะเพลียมาก นอนหลับไปง่ายๆซะอย่างนั้น แต่คงให้นอนทั้งเปรอะๆแบบนี้ไม่ได้ ผมเลยไปจัดการเปิดน้ำใส่อ่างเอาไว้ ผสมจนรู้สึกว่าอุ่นดีแล้ว ผมเลยไปอุ้มหมอตั้มมาแช่ตัวในอ่างพร้อมกับผม ตอนนี้เขากลับมาอยู่ในอ้อมกอดผมอีกครั้ง ผมล้างตัวหมอตั้มอย่างเบามือ ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมอย่างดี จนตัวผมเองยังแทบจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่อีกรอบซะแล้ว แต่พอตัวสะอาด ผมก็นั่งแช่ต่ออีกสักพัก ก่อนที่จะอุ้มหมอตั้มขึ้นมาเช็ดตัว แล้วพาไปส่งยังเตียงนอน
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 14 NC 20+ )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-09-2019 02:28:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 15 )
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 04-09-2019 17:08:49
พาร์ทของตั้ม


ผมพลันตื่นขึ้น ตอนนี้รอบๆตัวผมมีเพียงแสงจากโคมไฟตรงหัวนอน พอหันมาดูนาฬิกาตอนนี้ก็แค่ 1 ทุ่มเอง แต่พอเริ่มขยับตัวเท่านั้น ความเจ็บที่มันเก็บกดอยู่ภายใน มันก็ปะทุขึ้นมาทันที มันแล่นไปทั่วร่างของผม โดยเฉพาะส่วนล่าง
“เจ็บหรอ!?”
“ก็…เจ็บอ่ะ”
“เดี๋ยวสักพักมันก็ดีขึ้น…รู้รึเปล่าว่าผมอุ้มตัวคุณไปอาบน้ำล้างตัวมา”
“หึ…ไม่รู้อ่ะ….แต่ก็รู้สึกเหมือนจะรู้สึก”
“เพ้อแล้วรึไงเรา”ชัชเอามือมาบีบจมูกแกล้งผมซะอย่างนั้น “พอผมทำอะไรให้เสร็จ…ก็อุ้มมาให้นอนบนที่นอนนี่ล่ะ…รู้มั้ย ตอนอาบน้ำให้…เกือบได้คุณอีกรอบ”ยังมาทำเสียงกระเสร่าอีก
“พอก่อนเลย…แค่นี้ก็เจ็บจะแย่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น…ก็ต้องทำบ่อยๆจะได้ชิน”ผมตีหน้าผากเขาไปหนึ่งทีโทษฐานหื่นได้ตลอดเวลา “ผมเจ็บนะ”
“เเต่ก็เจ็บน้อยกว่าผมป่ะ”
“โอเคๆ ผมยอมแล้ว”
“แล้วนี่คุณพึ่งตื่นเหมือนกันหรอ”ผมลุกขึ้นนั่งเอนพิงตรงหัวนอน แต่เขาก็ดันเอาหัวมาหนุนตักผมซะอย่างนั้น รู้มั้ยว่ามันสะเทือน
“เปล่า…ผมไม่ได้นอน…ผมพยายามทักไลน์หาไอ้ติวน่ะอยากรู้ว่าเรื่องรายชื่อไปถึงไหนแล้ว”
“แล้วผลเป็นไง”
“โทรไปยังไม่รับ…ไลน์ไปก็ยังไม่อ่าน”
“เขาคงติดธุระนั้นละ ได้เรื่องยังไงเขาก็คงโทรมาบอกคุณเอง”
“ก็คงจริง”เขาวางมือถือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม “ขอบคุณทุกๆอย่างในวันนี้นะ”เขาคว้ามือผมไปจับ “ผมจะไม่ยอมให้ใครมาพาคุณไปจากผมแล้วนะ”
“ใครเขาจะกล้า…โหดแถมดุขนาดนี้”
“คุณน่ะหรอ”
“คุณตะหากเล่า”
     ผมพึ่งรู้ว่าการมีคนที่เรารักอยู่กับเรา มันสร้างความสุขที่ไม่เคยสัมผัสได้จากครอบครัว ความสุขในวันนี้ มันจะอยู่ในความทรงจำของผมแบบไม่มีมีวันลืมเลย
“พี่ตั้ม”เสียงเรียกที่คุ้นหูแบบนี้รู้เลยว่าใคร แถมโผล่เข้ามาในห้องนอนแล้วด้วย แต่เดี๋ยวนะ…ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียว อย่าว่าแต่ผมตกใจเลย ชัชตกใจยิ่งกว่าผมอีก “สวัสดีค่ะ…เดี๋ยวยังไงขอตัวพี่ตั้มสักครู่นะคะ...ออกมาอธิบายเลยนะพี่ตั้ม”เธอพูดเสียงเบาใส่ผมก่อนที่จะพยายามดึงตัวผมออกไป
“เดี๋ยวๆใจเย็น ช้าๆก็ได้”ผมรู้ละทำไมพลแฟนน้องสาวผมมันถึงได้เกรงใจน้องผมมากขนาดนี้ แรงเยอะอิบอ๋าย
“ที่เห็นมันคืออะไร...เม้าท์ด่วน”มันลากผมมาที่โซฟา แต่เบาๆหน่อยก็ได้ ตรูเจ็บโว้ย...อยากจะบอกแต่ก็บอกไม่ได้
“นี่ตกลงแกโกรธหรือว่าแกอยากสอดรู้กันแน่..ห๊ะ”
“ก็ทั้งสองนั้นแหละ...แต่อย่างหลังเยอะกว่า...พูดมาาาาาาาา”ตั่วสั่นเชียวนะตาล
“ก็ทำงานคดีเดียวกัน...เลยรู้จักกัน...นี่...เขาก็มาคุยเรื่องคดีนะ”
“คุยเรื่องคดี...เดี๋ยวนี้ต้องคุยบนเตียงเลยหรอ”ยังมาทำเสียงกวนโอ๊ยอีก “ถ้าพี่ไม่ยอมบอก...ตาลจะไปถามพี่คนนั้นเอง”
“แกข่มขู่พี่หรอ ตาล”
“พี่ค่ะ.......”ดันส่งเสียงตะโกนออกมา ดีนะ เอามือปิดปากทัน
“เออบอกแล้ว...ยอมแล้ว เขาชื่อชัช เป็นตำรวจที่ทำคดีเดียวกับพี่....แล้ว...เขาก็ขอพี่เป็นแฟน”
“ขอเป็นแฟน ขอตอนไหน”ที่อย่างนี้กระซิบกระซาบ ผมก็เลยสาธยายเล่าตั้งแต่เเรกจนถึงวันที่ชัชขอผมเป็นแฟนนั้นล่ะ ท่าทางตาลดูคิดมากนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่อยากถามว่าเรื่องอะไรหรอกมันก็คงเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ผมกลัวนั้นล่ะ
 “ตาลดีใจกับพี่ด้วยนะพี่ตั้ม ตาลจะได้เห็นพี่มีความสุขเหมือนกับคนอื่นๆเขาสักที” ผิดคาด
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกตาล อุปสรรคที่เราคิดไม่ถึงมันยังมีอีกเยอะ”
“เอาน่า...เปลี่ยนเรื่อง..มาทานข้าวกัน นี่ตาลหิ้วท้องมากินพร้อมกับพี่เลยนะ”เธอพูดพลางจัดวางอาหารใส่จาน “แต่แฟนพี่เขาจะไม่ว่าอะไรใช่ป่ะ” มาขนาดนี้ไม่ต้องกลัวแล้วมั้งตาล ผมก็เลยปล่อยให้ตาลทำหน้าที่ของน้องที่ดี ส่วนผมก็เดินเข้าไปหาชัชที่นอนรออยู่ในห้อง
“เป็นยังไงบ้างคุณ น้องคุณว่าอะไรมั้ย”สีหน้าเขาดูเป็นห่วง
“ก็ไม่มีอะไร...ไปทานข้าวกันเถอะ”ผมเอื้อมมือไปจับพร้อมกับรอยยิ้ม ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก นี่เป็นการ่วมทานอาหารด้วยกันครั้งแรกระหว่างชัชกับตาล ชัชน่ะไม่เท่าไหร่แต่ตาลนี่ดูดี๊ด๊ายังไงไม่รู้
   “นี่ตาล น้องสาวผม ส่วนนี่...ชัช...”ผมมองหน้าตาลแต่เธอกับพยักหน้าเบาๆเป็นการเปิดทางให้กับผม “นี่ชัช...แฟนพี่” ชัชหันมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ แต่ผมก็ได้แต่ยิ้มเท่านั้นล่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
   “พอดีตาลทำแต่อาหารที่พี่ตั้มชอบ...เลยไม่รู้ว่าพี่ชัชจะทานได้หรือเปล่า กินจืดยิ่งกว่าเด็กซะอีก”แขวะผมซะงั้น
   “ไม่เป็นไร พี่ทานอะไรก็ได้ ไม่เรื่องมากหรอก”
   มื้ออาหารค่ำในวันนั้นเป็นมื้อที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม ที่คนที่ผม...รัก..ทั้งสองคนมานั่งร่วมโต๊ะกัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ตาลเพียงคนเดียวที่ผมอยากให้มา ยังมี พ่อกับแม่ ที่ผมอยากให้มาร่วมโต๊ะแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสมั้ย หรือถ้ามีมันจะมีความสุขแบบนี้หรือเปล่า

   หลังจากทานอาหารไปได้สักพัก ก็มีสายเรียกเข้ามาทางโทรศัพท์ของชัช คนที่โทรเข้ามาก็คือติว  เขาได้บอกถึงรายละเอียดที่ชัชได้ฝากขอไป พร้อมกับส่งเอกสารแนบมาให้เป็นหลักฐานอีกด้วย ผมเลยเดินเข้าไปคุย ปล่อยให้ตาลเก็บล้างไปคนเดียว
   “ว่าไงบ้างคุณ...”ผมนั่งลงข้างๆชัช
   “ติวมันหารายชื่อคนที่ไปมาให้ผมครบละ แต่มันบอกว่า อย่าเอาหลักฐานนี้ไปใช้แบบเปิดเผย”
“แล้วสิ่งที่คุณอยากรู้จากรายชื่อพวกนี้คืออะไร”
“ก็อาจจะไม่ได้อะไรมากนักหรอก แต่มันก็ทำให้เรารู้ว่า มีใครรู้จักกันบ้าง เกี่ยวข้อกันยังไง และตอนนี้ที่ผมต้องการที่จะรู้ ก็คือชื่อลูกสาวของคุณเอนก…แต่ยีงไงค่อยดำเนินการไปตามขั้นตอน จะได้ไม่ดูเป็นการรบกวนเขามากเกินไป”
“ขอโทษนะคะ…ตาลมีเรื่องอยากคุยกับพี่ตั้มน่ะค่ะ”น้องสาวผมเดินเข้ามา “แต่จริงๆแล้วไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะเกี่ยวกับพี่ชัชด้วยหรือเปล่า” เราทั้งคู่มองหน้ากัน
“พี่แพรวไปหาตาลที่ร้าน แล้วบอกว่ามีตำรวจคนหนึ่งเรียกเขาไปพบ แล้วก็ทำกิริยาแย่ๆใส่ เขาบอกเขาแทบทนไม่ได้” เธอเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างหน้า
“ใช่…พี่เป็นคนขอพบเขาเอง แค่อยากถามเรื่องคดีนิดหน่อย แต่สงสัยถามตรงประเด็นมากไป เลยโมโหล่ะมั้ง”
“แล้วคุณไปถามอะไรมา…อย่าบอกนะ…ว่าคุณสงสัยหมอแพรว” ผมพลันคิดได้เลยรีบถาม
“ยอมรับว่าสงสัย”
“เดี๋ยวนะคะ….นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นค่ะ แล้วพี่แพรวทำไมถึงถูกสงสัย”ตาลดูตกใจ
“ไม่มีอะไรหรอก…เป็นคดีที่พี่กับหมอแพรวทำร่วมกัน พอดีเกิดข้อขัดแย้งนิดหน่อย…ตาลไม่ต้องไปสนใจหรอก…ก็รู้อยู่ว่าแพรวเขาเป็นยังไง”
“ค่ะ…ตาลก็ทราบ…แต่บางที พี่แพรวก็ดูน่ากลัวขึ้นมายังไงบอกไม่ถูก แต่เอาเถอะ…เรื่องงานตาลไม่ขอยุ่งแล้วกัน…งั้นขอตัวนะคะ” แล้วเธอก็ลุกขึ้นพร้อมกับลากเก้าอีกออกตามไป
“ผมบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวผมจัดการเรื่องแพรวให้”ผมก็ไม่ได่ใส่อารมณ์อะไรมากมายหรอก “แพรวเป็นคนไม่ยอมคน ขืนเข้าไปหาเขาแบบนั้นมีแต่จะไม่ได้อะไร”
“ผมคงใจร้อนไปเอง…แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ต้องการข้อมูลอะไรจากปากเขาอีกแล้ว เพราะสิ่งที่เขาพูดกับผมมา มันก็มีแต่ที่ใครๆก็พูดได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์หรอก”
แต่ผมก็ไม่ได้ถามนะว่าหมอแพรวพูดอะไร ผมแค่รู้สึกว่าผมเชื่อในการตัดสินและมุมมองของเขา แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่าทำไม หมวดชัชถึงคิดว่าหมอแพรวมีเอี่ยวในคดีนี้ แต่ก็อย่างว่า เขาทำคดีมาก่อมผมยังไงก็ต้องพอรู้อะไรมาก่อนบ้างอยู่แล้ว และในคืนนั้น หลังจากที่ตาลขอตัวกลับออกไป  หมวดชัชก็ยังคงนั่งทำงาน และพยายามโทรหาบุคคลที่พอจะยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือในคดีนี้ได้ ยิ่งเวลาเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไหร่ ทำไมทุกอย่างถึงดูน่ากลัวขึ้นมาก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราาะผมไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ละมั้ง

หลังจากที่ผมตื่นมาตอนเช้า ก็พบว่าที่นอนข้างๆผมมันว่างเปล่า พอหันมองไปรอบๆก็ไม่เห้นแม้วี่เเววของเขา พอเดินออกมาจากห้องนอน ก็พบว่าเขากำลังยืนทำอาหาร และดูท่าทางกำลังวุ่นเลยล่ะ
“ตื่นมาทำอะไรแต่เช้าเลย” ผมเดินเข้าไปดู
“ก็ทำอาหารเช้าเหมือนทุกๆที พอดี....เห็นว่ามีของสดอยู่เต็มตู้เลย ก็เลยจัดสักมื้อ” เขาดูง่วนกับการทำอาหารเลยล่ะ
“แล้วเมนูอะไรที่กำลังทำ…หอมดี”
“ก็มี โทสต์ขนมปังไข่ดาวใส่อะโวคาโด บรูสเกต้าแซลมอนไข่กวน แล้วก็สมูทตี้”
“ทำเยอะขนาดนี้เปิดร้านแข่งกับน้องสาวผมเลยเอาป่ะ” แซวซะหน่อย ยังจะมาทำขำ
“นี่ยังไม่หมดนะ ยังมีขนมปังชีส กับ omelette ใส่แฮม แต่อันนั้นผมให้คุณเอาไปทานที่ทำงาน”  นี่ตื่นมาตั้งแต่ตีสี่เลยป่ะเนี้ย ทำเยอะมากขนาดนี้
“แล้วของคุณอ่ะ ได้ทำปล่าว?” ถ้าทำให้แต่ผมคนเดียวเกรงใจตายเลย
“ใส่รวมไปกับคุณแล้ว เดี๋ยวตอนเที่ยงผมจะเข้าไปทานด้วย” นายตำรวจคนนี้นี่ร้ายใช่ย่อย แต่ผมก็ปลื้มนะ นอกจากน้องสาวก็ไม่เคยมีใครใส่ใจผมแบบนี้มาก่อน บุคลิกในมุมนี้ของเขา มันทำให้โลกดูสว่างขึ้นเยอะเลย
หลังจากที่ผมกับหมวดชัชรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ วันนี้เป็นวันแรก และครั้งแรกของผมที่ต้องอาบน้ำร่วมกับคนอื่น ถึงตอนนี้ หมวดชัชจะเป็นแฟนกับผมแล้วก็เถอะ  แต่สำหรับผม มันก็ยังอายอยู่มั้ยล่ะ ไม่เหมือนเขาที่ดูเฉยๆไม่อาย ไม่สะทกท้านอะไรเลย แต่กว่าจะอาบเสร็จ ผมก็เกือบต้องตกเป็นเมียเขาอีกกี่รอบก็ไม่รู้ หื่นชะมัด
20 นาทีกับการแต่งตัวของผมกับเขา เขาพาผมมาส่งถึงที่โรงพยาบาบตอนเกือบ 8 โมง ก็บวกรถติดนิดหน่อย  พอก้าวเท้าเข้าห้องทำงาน ประตูยังปิดไม่สนิทดีเลย หมอแพรวก็รีบเดินตามเข้ามาทันที
“แพรวมีเรื่องอยากคุยกับตั้มหน่อย”เปิดประเด็นแต่เช้าเลย
“เรื่องอะไรล่ะแพรว…มานั่งก่อนสิ”
“แพรวอยากรู้ว่าอีตาหมวดคนนั้น เขาทำนิสัยสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นแบบนี้ไปทั่วหรือเปล่า” เปิดประเด็นแรงแล้ว เนื้อหาก็ยังเข้มข้นอีก
“ตั้มว่าแพรวใช้คำนั้นมันก็ไม่ถูกนะ การที่หมวดชัชเขาไปขอข้อมูลจากแพรวมันก็ปกติมั้ยอ่ะ แพรวเป็นแพทย์ที่ทำคดีนี้มาก่อนตั้ม แพรวก็ต้องรู้มากกว่าตั้ม แล้วข้อมูลพวกนั้นก็ใช่ว่ามันจะเป็นข้อมูลส่วนตัวของแพรวสักหน่อย…แพรวไม่อยากให้คดีนี้จับคนร้ายได้สักทีหรือไง
“แพรวไม่ได้หมายความแบบนั้น…แต่แพรวไม่ชอบที่เขาทำเหมือนแพรวเป็นคนร้าย มาถามคาดคั้นเพื่อที่จะเอาคำตอบให้ได้ ทั้งๆที่แพรวก็บอกเขาไปหมดแล้ว”
“หมดแล้วจริงๆน่ะหรอแพรว จากข้อมูลที่ตั้มได้อ่าน ไอ้ข้อมูลที่แพรวว่าเนี้ย…ขอโทษนะ…ถึงตั้มไม่ได้เป็นคนชันสูตรนะ ตั้มก็เขียนผลแบบนั้นออกมาได้”
“ตั้มพูดแบบนี้จะหาว่าแพรวทำผลตรวจปลอมขึ้นมาหรอ ตั้มก็รู้นี่มาศพแต่ละศพมันถูกฆาตกรรมมา คนถูกฆาตกรรมจะมีอะไรให้ชันสูตรหรอตั้ม  ทั้งรอยแผล เนื้อเยื้อ สารคัดหลั่ง แล้วก็อวัยวะภายใน แพรวก็ตรวจมันหมดทุกอย่างแล้ว” ตอนนี้แพรวเหมือนคนเสียสติเลย
“แพรว เรามาถามอะไรเล่นๆกันดีกว่า ถ้าอยู่ดีๆแพรวอยากฆ่าคนๆนึง ซึ่งคนๆนั้นเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ แพรวจะทำยังไง
1.หาอะไรแข็งไปฟาดที่หัวของเขาให้สลบ แล้วค่อยจัดการฆ่า
2.แพรวจะเดินเข้าไปดื้อๆแล้วเอามีดแทงผู้ชายคนนั้นเข้าที่อวัยวะสำคัญจนมิดด้ามเลย
3.แพรวจะค่อยๆทำให้เขาไว้วางใจแล้วค่อยจัดการเขา อาจจะเอาเครื่องดื่มผสมยาให้เขาดื่ม หรือฉีดยาตอนที่เขาหลับ
ทั้ง 3 แบบที่ตั้มพูดมา แพรวคิดว่า วิธี่ไหนง่ายและออกแรงน้อยที่สุด โดยมีข้อแม้ว่า ในผลชันสูตร แพรวเขียนว่าเหยื่อทั้ง 5 ราย มีเพียง 1 รายที่มีการขัดขืนต่อสู้ เพราะแพรวเห็นว่าเขามีร่องรอยบาดแผลการต่อสู้ชัดเจน โดยที่ตั้มจะตัดเหยื่อรายนั้นทิ้ง ส่วนอีก 4 คนที่เหลือ ตั้มจะยกมาถามแพรวว่า แพรวจะเอาวิธี่ไหนฆ่าเหยื่อ 4 คนนั้น ด้วยแรงของผู้หญิงเพียงคนเดียว แถมยังตัวเล็กกว่าผู้ชายพวกนั้น เอาตามความจริงนะแพรว”
ตอนนี้แพรวได้แต่กระอักกระอ่วน ดูไม่มีความมั่นใจเหมือนแพรวคนเดิมเลย
“ว่าไงแพรว”ผมถามย้ำ
“วิ…วิธีที่ 3”
“ใช่มั้ย แพรวยังเลือกวิธีนี้เลย แล้วแพรวคิดว่า ไอ้ยาอะไรก็แล้วแต่ที่คนร้ายให้เหยื่อดื่ม มันจะไม่หลงเหลือหรือตกค้างอยู่ในร่างกายของเหยื่อเลยหรอ ถ้าเหยื่อถูกทำให้สลบแล้วคนร้ายค่อยจัดการลงมือ ยังไงมันก็ต้องมีการตกค้างของยาพวกนั้นอยู่บ้าง เพราะเหยื่อแทบจะไม่ได้ขยับร่างกายไปไหนก่อนที่จะถูกฆ่า หรือถ้ามีความรู้หน่อย คนร้ายอาจฉีดยาเข้าเส้นเลือดของเหยื่อ แบบนี้ยังไงมันต้องเจอแน่นอนอยู่แล้ว แต่นี่ผลแลป ผลจากเลือด เนื้อเยื้อ กลับไม่พบสารอะไรในเลือดเลยในเนื้อเนื้อหรือในร่างกายเลย แพรวตอบตั้มหน่อยในฐานะที่เราเป็นหมอเหมือนกัน ว่าผลชันสูตรนี้ มันแปลกมั้ย ที่ตั้มถามแพรวแบบนี้ เพราาะคิดว่าบางทีฆาตกรอาจจะอยู่ใกล้ตัวเราก็ได้ อาจจะเป็นแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรในสถาบันก็ได้จริงมั้ย”
ตอนนี้แพรวดูนิ่งสงบขึ้น ดูมีสติมากขึ้น ที่เมื่อกี้ดูเหมือนคนไร้สติ อาจเป็นเพราะเธออาจจะกำลังฉุนเฉียวกับเรื่องหมวดชัชอยู่
“อาจจะเป็นอย่างที่ตั้มบอกก็ได้นะ เพราะว่าผลตรวจทั้งหมด ทางสถาบันเป็นคนออก รวมถึงผลแลปต่างๆด้วย ไม่น่าล่ะ เวลาญาติของเหยื่อรู้ผลชันสูตร กลับแสดงอาการไม่ค่อยพอใจ  แล้วแบบนี้ เราจะสืบหาความจริงได้ยังไงล่ะตั้ม”
“เรื่องนี้ตั้มก็ไม่รู้หรอก หมวดชัชเขาเป็นคนจัดการ แล้วการเปลี่ยนมือจากแพรวมาเป็นตั้มน่ะ จริงๆแล้วก็เหมือนเปลี่ยนชื่อคนรับผิดชอบ เพราะตั้งแต่ตั้มเข้ามาทำ ตั้มก็ยังไม่ได้ชันสูตรเหยื่อรายไหนเลย แต่ยังไงตอนนี้ก็ยังเหลือร่างของหมวดมนตรีอยู่  แต่ไม่รู้ว่านานขนาดนี้แล้วจะเหลือผลอะไรให้ได้รับรู้บ้าง เพราะพรุ่งนี้ตั้มว่าจะเข้าไป”
“ยังไงแพรวขอโทษตั้มด้วยนะที่เข้ามาโวยวายแบบนี้ แล้วก็…ฝากตั้มขอโทษหมวดชัชแทนเราด้วยนะ”
“ได้” คำสนทนาสุดท้ายก่อนที่แพรวจะเดินออกไป ผมก็พอเข้าใจหมวดชัชกับแพรวนะ ต่างคนต่างไม่รู้ การมีเรื่องเข้าใจผิดจึงเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ยังไงตอนนี้มันก็จบไปแล้ว ยังดีที่วันนี้ผมมีแค่เวรลงตรวจ กับตรวจอาการผู้ป่วยพักฟื้น ขืนงานเยอะกว่านี้ การสนทนาเมื่อกี้คงบั่นทอนกำลังผมออกไปเยอะเลย
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 15)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 04-09-2019 21:57:27
หมอแพรวนับวันจะส่อพิรุธ​มากนะ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 15)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-09-2019 01:41:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 16)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 05-09-2019 07:25:18
~~~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~~~
“ว่าไงคุณตั้มเสร็จงานยัง”เสียงเดิมๆที่คุ้นเคยเลยครับ ตรงเวลาเป๊ะ เที่ยงคือเที่ยง
“ก็เหลือแค่เขียนเอกสารจัดยาเพิ่มเติมให้คนไข้น่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก”
“งั้นคุณจัดการให้เสร็จเลยก็ได้ เดี๋ยวผมรอ” ถึงไม่บอกผมก็ทำ ขืนปล่อยไว้ผมได้ลืมกลายเป็นเรื่องแน่ๆ “แล้วนี่คุณจะทานที่ห้อง หรือจะไปศูนย์อาหารอ่ะ”
“ทานที่ห้องนี่ก็ได้ส่วนตัวดี…แต่...ตอนนี้ผมไม่รู้นะว่า สมูทตี้ของคุณเมื่อเช้ามันยังอยู่เป็นสมูทตี้หรือเปล่า” สิ้นเสียงผม เขาก็รีบบึ่งไปยังตู้เย็นทันที
“มันแข็งหมดแล้วคุณ นี่ปาหัวคนร้ายแตกเลยนะ”
“ก็ถ้าแช่ช่องธรรมดามันก็ละลายอีกอ่ะ” ก็มันจริงนี่ ตู้เย็นนี่ไม่มีความพอดีเล้ยยยย
“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อน้ำมาใหม่ดีกว่า…เดี๋ยวผมมานะ”ไม่ทันทักท้วงอะไรเลย รีบออกไปซะแล้ว หายไปประมาณ 15 นาที เขาขึ้นมาพร้อมกับช็อกโกแลตสองแก้ว “คิวยาวมากเลยคุณ แต่อยู่ดีๆแม่ค้าก็ลัดคิวมาให้ผมก่อน เขาบอกว่า ไม่อยากให้คนหล่อๆอย่างผมรอนาน” จะอ้วก แทบกลั้นเอาไว้ไม่ทัน แต่ก็…หล่อจริงๆนั้นแหละ
“หยุดพูดเลย…ขืนคุณพูดต่อผมอ้วกออกมาหมดตัวแน่” ไม่ห้ามไว้บ้างเดี๋ยวจะเหลิง
“ที่จะอ้วกเนี้ย เพราะว่าผมหล่อ หรือว่า…แพ้ท้อง” แถมยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆผมอีกด้วยนะ
“พูดไรของคุณ คุณชัช”
“จริงๆแล้ว…คุณไม่น่ามีอาการเร็วแบบนี้นะ….แต่เพื่อความชัวร์” อะไร อะไร “ต้องอีกสักรอบ… คราวนี้ ติดแน่”
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วคุณอ่ะ ผู้ชายที่ไหนจะมาท้องให้คุณ”
“ก็ถ้าคุณยังไม่ท้อง ผม…ก็จะทำจนกว่าคุณจะท้อง” ไม่หยุดนะอีตาคนนี้
“จะกินมั้ยข้าวน่ะ ถ้าไม่กินผมจะได้เอาให้พยาบาลไปให้หมด” ก็ทำผมอาย แถมยังแซวไม่หยุดอีก
“โอเคๆกินแล้ว” ตำรวจคนนี้ได้ทีเอาใหญ่ เล่นไม่เลิก หยอกไม่เลิก แต่ว่าไปเขาตอนนี้กับเขาที่ผมเจอตอนแรก มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย ตอนนี่ผู้ชายคนนี้มีแต่รอยยิ้ม ความสุข ความสนุก ผมไม่รู้หรอกว่า ผมคือส่วนที่ทำให้เขามีความสุขหรือปล่าว แต่ตอนนี้สำหรับผม เขาคือคนที่ทำให้ผมมีความสุขมากกว่าที่ผมเคยมี และหวังว่า…ความรู้สึกแบบนี้มันจะอยู่กับเราไปตลอด
พอทานอาหารเที่ยงกันเสร็จ หมวดชัชกับผมก็ตั้งใจไปยังร้านของคุณเอนกอีกครั้งเพื่อสอบถามถึงชื่อของลูกสาว เมื่อไปถึงคุณเอนกก็ให้การต้อนรับเราอย่างดี แต่เพื่อการไม่เสียเวลา หมวดชัชก็เลยเปิดประเด็นถามในเรื่องที่ต้องการทันที แต่นอกเหนือจากนั้น เรายังได้ข้อมูลบางอย่างที่ในหัวของเราทั้งสองคนไม่เคยคิดไว้ด้วยซ้ำ
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณเอนกบอก…แปลว่าหมอแพรวสนิทกับคุณกานต์สินีมานานแล้ว  จุดเริ่มต้นอาจจะมาจากตอนที่ไปดูงานที่ Boston”หมวดชัชพูดก่อนจะสตาร์ทรถ
“น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะตอนเรียนแพรวมีเพื่อนสนิทอยู่ไม่กี่คน แล้วผมก็รู้จักทุกคน…แต่เดี๋ยวนะ…ทำไมอยู่ดีๆแพรวถึงกลายมาเป็นผู้ต้องสงสัย”
“ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ สามารถเป็นผู้ต้องสงสัยได้หมด รวมทั้งผมแล้วก็คุณ แต่ที่ตอนนี้ผมสงสัยหมอแพรวก็เพราะว่าเขาคือคนเดียวที่ได้จับต้องศพของเหยื่อทั้ง 5 ราย ถ้าตัดบุคคลภายนอกที่ดูไม่เกี่ยวข้องกันจริงๆก็เหลือเพียงแค่หมอแพรว”ผมก็ทำได้แค่รับฟัง เพราะสุดท้ายคนที่รู้ว่าควรทำอะไรก็มีแต่หมวดชัช ผมก็แค่ผู้ช่วยที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลหลังการตรวจสอบหลักฐานก็เท่านั้น “แต่ยังไงก็ได้เบอร์คุณกานต์สินีมาแล้ว เขาคงช่วยอะไรได้เยอะเลย”
“ผมก็หวังแบบนั้น เดี๋ยวยังไงค่อยหาทางติดต่อไป”
‘คุณชัช…ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”ผมก็เล่าเหตุการณ์ตอนที่ผมคุยกับหมอแพรวให้เขาฟัง สถานการณ์ตอนนั้นเป็นยังไงผมรู้สึกยังไงผมก็บอกให้เขาฟังหมด
“เขาไม่ชอบหน้าผม…ดูอาการก็รู้...แล้วสาเหตุน่ะ คาดเดาได้ไม่ยากเลย”
“อะไรอ่ะคุณ”
“เขาหึงคุณไง ไม่ใช่แค่หึงนะ หวงมากอีกด้วย”
“จะบ้ารึไงคุณ…ผมกับเขาแค่เพื่อน…แค่เพื่อนจริงๆ”เขาพูดเหมือนเขากำลังหึงเลย แต่ผมน่าจะคิดมากไปเองมากกว่า
“แต่สำหรับเขา…คุณคือคนที่สุด ที่สุดในทุกอย่างของชีวิตเขา คุณเคยสังเกตุมั้ย เวลาผมอยู่กับคุณเขามีปฎิกิริยายังไง เขาทำหน้ายังไง แล้วเวลาตอนอยู่กับคุณสองต่อสอง เขาเป็นยังไง เพราะด้วยความที่คุณไม่คิดอะไร คุณถึงไม่ค่อยสังเกตุอาการที่เขาแสดงออก เพราะคุณรู้สึกว่า มันคือปกติของเขา”
 ใช่ที่เขาพูดมามันถูก เพราะผมเป็นแบบนั้นจริงๆ บางทีการกระทำของแพรวบางอย่างผมยังไม่รู้เลยว่าเขารู้สึกจริงอย่างที่แสดงออกมาหรือเขาแกล้ง เพราะเรามักจะติดกับการเล่นการแซวกันจนเป็นนิสัย
“ที่ผมพูด ไม่ได้พูดให้คุณระแวงเพื่อนของตัวเอง…แต่มนุษย์มักจะมีด้านที่เราคาดไม่ถึงเสมอ และเพราะไอ้ความคาดไม่ถึงนี่แหละ เวลาเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้น เรามักจะมองว่าเขาไม่ใช่คนทำเสมอ ผมไม่อยากให้คุณเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้คุณมองใครด้านเดียว รวมทั้งผม”เขามองหน้าผม
“แต่ผมเชื่อคุณ”ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงตอบออกไปไม่อย่างไม่ต้องคิด พอได้เหลือบเห็นอาการอมยิ้มที่พยายามจะแอบซ่อนเอาไว้ มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้ว่าคนอย่างชัชวิน ไม่ทำร้ายใครหรอก

~~เสียงโทรศัพท์~~
“ว่าไงตาล…มีอะไร”ตัวแสบของผมเองนี่แหละ
“เย็นนี้พี่ตั้มว่างมั้ยอ่ะ ตาลทำขนมขึ้นมาใหม่เต็มเลย อยากให้มาช่วยชิมหน่อย” ออดอ้อนยามจำเป็นตลอด
“ตอนเย็นพี่ไม่ว่างอะดิ”จิ๊จ๊ะใส่ผมซะอย่างงั้นน้องคนนี้ “แต่พี่ว่างตอนนี้”
“น่ารักที่สุดเลยค่ะคุณพี่ชาย”เสียงเปลี่ยนเชียวนะ “ควงแฟนพี่มาด้วยก็ได้นะ….รีบมานะคะ” นี่น้องผมใช่มั้ยเนี้ย
“เป็นอะไรคุณ…”สงสัยหน้าผมอาการจะออกมาไปหน่อย
“น้องสาวผมน่ะ มันกวนประสาท…”อย่าให้เผาแกบ้างนะตาล “น้องผมชวนไปที่ร้าน คุณ…สะดวกมั้ย”
“ได้ดิ…บอกทางผมแล้วกัน” ง่ายดายโดยแท้ ผมเลยเปิด gps ให้ซะเลย ขืนให้ผมบอก อีกอาทิตย์นึงคงถึง จากระยะทางตาม gps คาดการณ์ไว้ประมาณ 30 นาทีถึงจะถึงจุดหมาย แต่วามเป็นจริง ร่วมชั่วโมง…นี่ล่ะ…ไทยแลนด์
………………………………
“สวัสดีค่ะพี่ชัช” มันได้กลิ่นผมรึไงเนี้ย…จังหวะจะดีอะไรขนาดนั้น
“สวัสดีครับน้องตาล”
“นี่แกเปิดรับสมัครพนักงานตั้งแต่เมื่อไหร่”พอดีเห็นป้ายแปะอยู่หน้าร้าน
“สองวันแล้ว…เชิญเข้ามาในร้านก่อนค่ะ”บริการดีจริงๆน้องผม กับผมนี่เปิดเองตลอด…รักน้องจิงๆๆหึหึ
“งั้นพวกพี่นั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวตาลไปเอาขนมกับเครื่องดื่มมาให้”แล้วนางก็รีบแจ้นไปทันที
“ร้านน้องคุณใหญ่เหมือนกันนะ…แถมคนแน่นร้านเลย”
“ตาลมันเก่งการตลาดน่ะคุณ…มันโปรโมทร้านยิ่งกว่าห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอีก” แต่ยอมรับว่าตาลมีฝีมือด้านนี้จริงๆสมกับเป็นนักการตลาดแห่งร้าน U&me
“มาแล้วค่ะ”ถาดที่ยกมาไม่ใช่เล็กๆแถมมากันตั้งสามคน ตอนนี้ข้างหน้าผมมีขนมเรียงรายเต็มไปหมด ผมว่าไม่ใช่ขนมอย่างเดียวแล้วล่ะ เหมือนจะมี appitizer ร่วมมาด้วย “เดี๋ยวแนะนำก่อน นี่พลแฟนตาลค่ะ ส่วนนั้น..พี่ชัช เพื่อนสนิทพี่ตั้ม” นึกว่าจะพูดว่าแฟน ตกใจหมด แล้วมารยาททางสังคมก็เริ่มขึ้น ตอนนี้ ตาลตั้งใจแนะนำขนมที่เขาตั้งใจทำขึ้นมาแต่ละเมนูให้ผมกับชัชฟัง จะบอกว่าผมก็พึ่งเคยเห็นมุมนี้ของน้องผมเหมือนกันนะ
“ขอโทษนะคะพี่ตาล…มีคนมาสัมภาษณ์งานน่ะค่ะ”
“อืมๆ..พี่ลืมไปเลย…เดี๋ยวเชิญเขามานั่งตรงนี้เลยก็ได้ แล้วรบกวนหยิบแฟ้มสมัครงานในห้องให้พี่ด้วยนะ”
“แกจะสัมภาษณ์เขาตรงนี้เนี้ยนะ เขาเกร็งตาย”
“ไม่หรอกค่ะ ดีไม่ดี พวกพี่จะได้ช่วยตาลสแกนไง…งั้น…เดี๋ยวพลแนะนำต่อเลย เดี๋ยวตาลสัมภาษณ์เอง” หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา จากสายตาผม เธอก็ดูเรียบร้อย มีมารยาทดี ส่วนรูปร่างหน้าตาใช้ได้เลยเชียวล่ะ
“สวัสดีค่ะ…เชิญนั่ง…ชื่อคุณภาวินี เสาจันทร์นะคะ…เราตาลนะคะ ดูจากอายุแล้วเท่ากันเลย รู้เรื่องสมัครนี้มาจากทางไหนคะ”
“เห็นจากในเนตอ่ะค่ะ…แล้วพอดีภารู้จักพี่ยุที่เป็น ผู้จัดการ อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ พี่เขาเห็นภากำลังหางานเลยชวนให้มาสมัครน่ะค่ะ”
“เห็นว่ามีประสบการณ์ทำร้านอาหารมา เป็นแบบ Fusion ด้วย แล้วตำแหน่งที่เคยทำนี่ทำมานานมั้ยค่ะ
“3 ปีค่ะ”
“ถามได้มั้ยค่ะ ว่าทำไมถึงลาออก”
“ก็เรื่องภายในน่ะค่ะ ภาไม่อยากมีปัญหากับใครเลยตัดสินใจลาออกดีกว่า” แต่จากที่ผมนั่งมองสายตาเขามองมาที่พวกเรา 3 คนมากกว่าจะมองตรงไปที่คนสัมภาษณ์
“ตำแหน่งที่เปิดรับก็คือผู้ช่วยผู้จัดการ ไหนช่วยบอกหน่อยค่ะว่า คุณเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ยังไง” เยี่ยม
“ภาไม่รู้หรอกค่ะว่าภาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้หรือกับที่นี่มากแค่ไหน แต่ภาเป็นคนเข้าถึงงานค่ะ งานน้อยงานหลวง ภาไม่เคยเกี่ยง ทำแทนในสิ่งที่เจ้านายต้องการและไม่ต้องการ…ได้ทุกเรื่องค่ะ” ฉะฉาน เด็ดขาด
“ เรื่องที่เจ้านายไม่ต้องการ…”ผมก็สงสัยเหมือนน้องผม
“อ่อ ก็งานทุกอย่างในร้านนั้นแหละค่ะ ใช้คำพูดผิดไปหน่อย…ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ…คนเราผิดพลาดกันได้” แล้วน้องผมก็จัดการสัมภาษณ์งานอย่างถึงพริกถึงขิง แต่เธอคนนี้ก็สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายๆเลย แทบไม่น่าเชื่อ หลังจากที่ตาลน้องผมตกลงรับเธอเข้าทำงาน ตาลก็ตกลงเรื่องวันและเวลาทำงานตามปกติ
“แล้ว 3 คนนี้ ภาต้องทำความรู้จักไว้ด้วยมั้ยคะ”
“จริงๆก็ไม่จำเป็นหรอกค่ะ แต่ถ้าอยากรู้จัก...ก็จะแนะนำให้ ที่นั่งข้างๆแฟนของตาลเองค่ะ”
“แฟนหรอค่ะ” ถามคำถามนี้เพื่อ
“ค่ะ…จะคำว่าแฟน สามี หรือว่าผัว ตาลจะใช้คำไหน แล้วข้องใจอะไรหรอคะ”
“ก็เปล่าค่ะ ภาแค่ตกใจ เห็นคุณหน้าคล้ายกัน นึกว่าเป็นพี่น้องกันน่ะค่ะ”
“พี่ชายคือคนที่นั่งตรงข้ามกับพลค่ะ ชื่อพี่ตั้ม…ส่วนชุดตำรวจชื่อคุณชัช เป็นเพื่อนสนิทพี่ตั้มค่ะ”
“ใช่จริงๆด้วยอ่ะค่ะ” ใช่อะไรของเขา ทำเหมือนรู้จักซะอย่างนั้น  “ภานั่งมองอยู่ตั้งนานว่าใช่มั้ย พี่พึ่งจะได้รับเลือกเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมประจำปีนี้ จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าภาจะขอถ่ายรูปด้วย อยากเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกน่ะคะ”
“เห็นท่าว่าไม่น่าจะได้ค่ะ” ตอบชัดเต็มปากเต็มคำ “ตอนนี้คือเวลาส่วนตัว เชิญคุณภากลับเเล้วมาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้นะคะ ไม่ส่งนะคะ…เชิญค่ะ” สำหรับผมนี่เป็นการสัมภาษณ์งานที่ ฮาร์ดคอมากที่สุด
“แกพูดเเรงไปป่าวตาล เขาก็คงแค่ตื่นเต้นกับการเห็นคนที่เขาชอบ”ผมคิดแบบนี้จริงๆ
“ไม่หรอกค่ะพี่ตั้ม ถ้าตาลไม่เกรงใจพี่ยุ ตาลไล่กลับไปตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ไร้มารยาทชะมัด”
“จริงๆตาลก็ไม่ต้องรับเขามาทำงานก็ได้นี่ ยังไงก็มีคนสมัครเข้ามาอีกตั้งหลายคน”พลเสนอขึ้น “แค่เด็กที่พี่ยุฝาก แต่ยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับเรา” ก็จริงอย่างที่พลพูด
“เอาเถอะ ตาลรับเขาเข้ามาแล้ว ถ้าหางออกเมื่อไหร่ ก็ค่อยตัดตอนนั้น คงยังไม่สายไปหรอกมั้งคะ”จะรอดมั้ยเนี้ยน้องผม “ว่าแต่ว่าตาลลืมไปเลย long weeken นี้ตาลปิดร้านพาพนักงานไป outing น่ะค่ะ พี่ชัชกับพี่ตั้มสนใจมั้ย ปราณบุรีค่ะ” แล้วก็ก็สาธยาถึงกิจกรรมต่างๆที่จะจัดให้ทริปนั้น รวมถึงยังมีร้านเพื่อนๆของตาลร่วมทริปไปด้วย
“ออกเดินทางวันศุกร์ตอน 10 โมงค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่กับพี่ชัชคงไม่สะดวก เพราะครึ่งวันเช้าพวกพี่ต้องเคลียร์งาน หลังเที่ยงน่ะถึงจะโอเค”
“โธ่...แค่นี้เอง…เดี๋ยวตาลรอออกพร้อมพี่ก็ได้ เพราะตาลก็ไม่ได้นั่งรถไปกับพวกน้องๆ ขับไปเองเหมือนกัน” 
“ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่บอกแล้วกันนะ…เป็นอะไรหรือเปล่าคุณชัช”ผมเห็นสีหน้าเขาแปลกๆ
“จ่าที่ สน.บอกว่าไอีวีณถูกรถชน…แต่บางคนบอกไม่ใช่ ผมเลยรอข้อมูลยืนยันอยู่” หมวดชัชดูกังวลมาก
“แล้วคุณโทรหาคุณปวีณยัง”
“มันไม่รับสายผม…สิบกว่าสายแล้ว” และก็มีไลน์เด้งขึ้นมา คอนเฟิร์มว่าเป็นหมวดปวีณจริง ผมกับเขาก็เลยแยกตัวออกมาก่อนแล้วตรงไปยัง รพ.ทันที โชคดีที่ รพ.ที่ไปเป็น รพ.ที่ผมทำงาน หมวดชัชรีบขับไปเท่าที่สามารถจะทำได้ตอนนั้น กว่าจะถึงก็ปาไป จะสี่โมงแล้ว
“หมวดปวีณอยู่ไหนตอนนี้”
“อยู่ icu ครับผู้กอง เข้าไปเกือบจะ 40 นาทีแล้ว”
“ใครเป็นหมอเวรตอนนี้”
“หมอแพรวค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมจัดการให้ คุณรออยู่ตรงนี้ล่ะ….พยาบาล เตรียมชุดให้ผมด้วย” ขณะที่ผมจะผลักประตูเข้าไป ก็พบกับหมอแพรวที่เปิดออกมาพอดี
“อ้าวตั้ม คุณชัช”
“หมวดปวีณเป็นยังไงบ้างแพรว”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว…มีรอยถลอก รอยฟกช้ำตามตัว แต่ว่าซ้ายของหมวดปวีณหักนะตอนนี้เข้าเฝือกเรียบร้อย”ได้ยินแบบนี้ก็อุ่นใจ
“และผมเข้าเยี่ยมได้เลยมั้ย” หมวดชัชร้อนใจ
“หมวดรอก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเราก็ย้ายคนไข้ไปห้องพักฟื้นแล้ว ถ้าเป็นที่นั้นคงจะสะดวกกว่า”
“ขอบคุณแพรวมากนะ” เธอดูยิ้มแย้มมากขึ้นจากตอนเช้า “เดี๋ยวยังไงผมไปจัดการเรื่องห้องพักให้ ยังไงคุณก็รอหมวดวีณอยู่หน้าห้องนี่ละ”
“ผมฝากด้วย”เขาจับมือผม แล้วผมก็รู้ว่า แพรวก็คงเห็นเหมือนกัน  ผมใช้เวลาจัดการเรื่องห้องพักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะได้ห้อง suprerior มาเป็นห้องพักฟื้นให้กับหมวดปวีณ
“มึงถูกรถชนได้ยังไง มึงไม่ใช่คนประมาท”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กูขี่มอไซออกจากสน. พ้นประตูออกไปนิดเดียว ก็มีรถเก๋งพุ่งมาชนกูเลย”
“แล้วไม่มีตำรวจคนไหนเห็นเหตุการณ์มั่งหร่อ”หมวดปวีณส่ายหน้า “หน้า สน.เนี้ยนะ” ใบหน้าของหมวดชัชตอนนี้ดูจะเอาเรื่องเป็นอย่างมากเลย “แล้วมึงจำได้มั้ย ว่ารถอะไร สีอะไร ทะเบียนอะไร”
“เป็นรถเก๋งโตโยต้า สีขาว  ไม่แน่ใจว่า altis หรือ camry แล้วแผ่นป้ายทะเบียนก็มีสติ้กเกอร์สีดำแปะไว้ กูเลยไม่เห็น”
“camry งั้นหรอ” หมวดชัชหันมามองหน้าผมทันที
“เอาเถอะมึง…กูอาจสัพเพร่าเองก็ได้ แถมหน้าสน.เราก็ไม่มีกล้อง จะตรวจหาหลักฐานคงยาก”
“ไม่ได้หรอก ถึงไม่มีกล้องก็ต้องมีคนเห็นเหตุการณ์บ้าง…จ่าหมี เดี๋ยวจ่าไปจัดการสอบถามรอบๆบริเวณ ว่ามีใครเห็นเหตุการณ์บ้าง เอาให้ละเอียดที่สุด” ตอนสั่งการลูกน้องทำไมเขาน่ากลัวขนาดนี้ เป็นคนละคนไปเลย “เดี๋ยวกูให้จ่าบอยมาเฝ้ามึง…กูรู้สึกไม่ไว้ใจยังไงบอกไม่ถูก”
“เห้ย…ไม่ต้อง แค่รถชนขาหัก กูอยู่คนเดียวได้…และเดี๋ยวเมียกูก็มา…เกรงใจตำรวจคนอื่นเขา”
“แต่ว่า…”
“เอาน่า ไม่มีอะไรหรอกมึง” ผมก็รู้ว่าชัชไม่สบายใจ แต่นี่ก็อยู่ในโรงพยาบาล ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงแบบที่เขาคิดหรอก หลังจากหมวดชัชเกลี้ยกล่อมหมวดปวีณไม่สำเร็จ ก็ได้แต่จำใจยอมรับในสิ่งที่เจ้าตัวตัดสินใจ ในวันนั้นผมกับหมวดชัชก็นั่งคุยอยู่กับหมวดปวีณและภรรยาจนดึก ดึกจนถึงเวลาที่หมอแพรวเขามาตรวจเลยล่ะ
“ยังไม่กลับกันหรอคะเนี้ย”หวังว่าคู่นี้จะไม่เปิดศึกกันนะ แต่โชคดีที่หมวดปวีณชิงตอบไปก่อน
“เดี๋ยวก็คงให้กลับแล้วล่ะครับ สามีภรรยาเขาจะสวีทกัน”
“โรงพยาบาลนะมึง”
“อ่อหร่อ เห็นหรูเกิน ลืมว่าขาหักไปแล้วนะเนี้ย”ตบมุขให้ด้วย อารมณ์ขันซะจริง
“งั้นเดี๋ยวยังไงแพรวขอวัดไข้ ดูอาการก่อนนะคะ” เธอลงมือปฏิบัติหน้าที่ แต่หมวดชัชกลับนั่งจ้องตาเขม็งตอนที่หมอแพรวกับลำวัดไข้ให้กับเพื่อนของเขา แต่ผมก็ยังนิ่งไว้ไม่ได้ถามออกไป จนการตรวจเสร็จสิ้นพร้อมกับให้หมวดปวีณทานยาก่อนนอนอีกครั้ง แต่ตอนนั้นก็เห็นหมอแพรวกำลังจับนาฬิกาปลุกที่วางเอาไว้ในห้องด้วย
“หลังจากนี้ อาการระบมตามร่างกายอาจจะมากขึ้น ถ้าหมวดปวีณไม่ไหวยังไงกดกริ่งเรียกพยาบาลได้ตลอดเลยนะคะ แต่แพรวก็ให้คุณทานยาไปแล้วน่าจะพอช่วยได้…”
“ถ้ามึงไม่เป็นอะไรแล้วกูกับหมอตั้มกลับก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี่จะเข้ามาเยี่ยมใหม่”ในตอนที่ผมกำลังจะออกจากห้องนั้น ก็เห็นหมอแพรวเดินไปเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างเอาไว้  ใจผมก็อยากจะถามแต่ก็คงไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว เพราะการมองเห็นวิวข้างนอกก็อาจจะทำให้สบายใจมากกว่าเห็นแต่ผนังในห้องสี่เหลี่ยม แต่ก็ไม่ต่างอะไรมากนักหรอก เพราะมองออกไหน ก็เห็นแต่ห้องพักของแพทย์กับห้องพักผู้ป่วย แทบไม่ต่างจากเดิม
หลังจากกลับมาถึงคอนโด ตาหมวดชัชวันนี้ดูขรึมๆมากกว่าวันก่อนๆดูครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าผมจะให้เขาไปอาบน้ำ หาอาหารให้ทาน แถมยังจัดขนมให้ทานอีก แต่ก็ยังดูเขาเครียดอยู่ดี
“ทำไมวันนี้ดูเครียดๆ…มีะไรหรือเปล่า”แต่เขากลับเหมือนไม่ได้ยินผม “คุณชัช!!!” เขาสะดุ้งตัวโยน จนผมเองก็ตกใจ “เป็นอะไรป่ะคุณ ทำไมใจลอยขนาดนั้น” ผมนั่งลงข้างๆ
“ผมกำลังคิดถึงเรื่องของไอ้วีณ…..แค่รู้สึกว่า มันดูเหมาะดูจงใจยังไงไม่รู้” เขาคิดมากจริงๆ
“อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุมั้ยคุณ ใครจะไปคิดว่ามันจะเกิด แล้วก็ไม่มีใครอยากให้มันเกิด มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆก็ได้ ขนาดหมวดวีณเอง เขายังดูเฉยๆเลย” ผมมองหน้าเขา เขามองหน้าผม
“อืม…อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”เขาพูดแต่เขาก็ยังคิดอยู่ผมรู้ แต่เขาก็พยายามที่จะไม่แสดงออกมาเท่าไหร่ แต่มือก็ยังถือโทรศัพท์อยู่ไม่ห่าง
“ไปนอนพักในห้องเถอะ ผมเปิดแอร์ไว้แล้ว”ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือจากในมือของเขา “ไม่ต้องห่วงหรอก จ่าหมีเขาคงกกลังทำตามที่คุณสั่งอยู่ ได้เรื่องยังไง เขาคงจะรีบมารายงานคุณ…อย่าเครียดเลย” และเราทั้งคู่ก็เดินเข้าไปห้องนอนพร้อมกัน ในคืนนั้นผมนอนมองเขาอยู่ตลอด พยายามที่จะลองจับมือ ลองโอบกอดเขา เผื่อบางที สิ่งที่เขาเคยปรารถนา มันจะทำให้เขาคลายกังวลขึ้นมาได้บ้าง
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 16)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-09-2019 07:34:47
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 16)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-09-2019 15:27:03
 :a5: มีคัวละครที่น่าสงสัยมาเพิ่มอีกเเล้ว
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 16)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-09-2019 22:39:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยหมอแพรวขับไปชนแล้วก็มาเป็นเจ้าของเคส เจ้าของไข้  เอายา...ให้กินแทนยาที่ต้องใช้จริง

ตรูนี่มโนไปเรื่อย

ป.ล. ยัยภานี่โผล่มาทำไม?
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 16)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-09-2019 23:15:19
ติดตามเรื่องนี้จ้า~
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 16)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-09-2019 00:23:35
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 16)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 06-09-2019 03:44:48
หมวดปวีณจะโดนหมอแพรวลอบฆ่ามั้ยคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 17)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 06-09-2019 05:09:30
พาร์ทของปวีณ
กริ๊ง~~กริ๊ง~~กริ๊ง~~
เสียงนาฬิกาปลุกที่ไหนมาดังตอนนี้ว่ะ คนกำลังหลับสบาย ผมได้แต่สลึมสลือ มือควานนาฬิกาบริเวณหัวเตียงไปทั่ว แต่กว่าจะเจอก็พาลหงุดหงิดไปไม้ใช่น้อยเลย พอปิดนาฬิกาเจ้าปัญหาได้ ก็รีบมองหาภรรยาแต่ก็กลับไม่เห็นซะอีก อะไรกันเนี้ย
“เป็นอะไรคุณ เจ็บแผลหรอ…..ว๊ายยยยยยยยยย!!!!คุณดูที่ห้องฝั่งนั้นสิ” เมียผมร้องกรี๊ดหลังเดินออกมาจากห้องน้ำ พอผมหันไปดูก็เห็นว่ามีคนกำลังถูกแทงอยู่ที่ห้องฝั่งตรงข้าม
“คุณรออยู่ที่นี่…ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น เข้าใจมั้ย”ผมรีบสั่งเมียผม ก่อนที่จะคว้าไม้ค้ำแล้วรีบกะเพลกออกไปทันที พอผมเดินผ่านวอร์ดพยาบาล จะพุ่งเข้าไปบอกให้เเจ้งความ ก็กลัวว่าสิ่งที่เห็นจะไม่ใช่ความจริง ผมจึงรีบเท่าที่ผมรีบได้จนไปถึงห้องเจ้าปัญหานั้น บริเวณทางเดินแทบจะไม่มีใครเดินผ่านในบริเวณนี้ แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ภาพผมก็ตัดดับวูบไปในทันที
“ปวีณ…ปวีณตื่นสิ ปวีณ….”เสียงเรียกที่คุ้นเคยของผม มันทำให้ผมตื่นจากการหลับไหลในตอนนั้นได้ แต่ ทำไมผมปวดหัวจัง
“เป็นยังไงบ้างไอ้วีณ มึงเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า”ไอ้ชัช หมอตั้ม มาได้ยังไง
“มึงมาทำอะไรกัน ตอนนี้ แล้วแต่งชุดนอนมากันเนี้ยนะ…แต่…มึงมาก็ดีแล้ว…กูมีเรื่องจะบอก… มีคนแทงกันอยู่ที่ห้องฝั่งตรงข้ามกู”
“ก็คุณนั้นแหละที่ทำ”เสียงพยาบาลผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ” อยู่ดีๆมาใส่ร้ายกันซะอย่างนั้น
“มีคน…พบมึงนอนอยู่ใกล้กับศพในจุดเกิดเหตุ และก็มีรอยนิ้วมือของมึงติดอยู่ที่มีดเต็มไปหมด”ไอ้ชัชพยายามพูดให้ผมไม่ตกใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
“กูจะไปฆ่าเขาได้ยัง เขาทำงานกับกู เป็นลูกน้องกู กูไม่เคยมีอะไรผิดใจกันนะเว้ย”
“ใช่ค่ะ…ดิฉันก็เห็น พี่วีณไม่ใช่คนทำค่ะ” ปูภรรยาของผมรีบปกป้อง
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าคนที่ถูกแทงเป็นตำรวจ…แพรวยังไม่เห็นว่ามีใครบอกคุณสักคน ว่าเหยื่อเป็นตำรวจ”ผมรีบหันไปตามเสียงนั้น  “ถึงจะมีคนบอก แต่เขาก็คงไม่รู้จักชื่อของตำรวจคนนั้นมั้งคะ…แต่…คุณปวีณนี่เก่งจัง”
“ผมไม่ได้ทำ….กูไม่ได้ทำนะเว้ยไอ้ชัด….กูไม่ได้ทำ”
“กูเชื่อมึง มึงใจเย็นๆนะ เดี๋ยวกูจัดการเอง” มันพยายามปลอบผม…แต่…ตัวผมเองที่กำลังจะห้ามตัวเองไม่ได้ “เดี๋ยวผมขอเชิญทุกคน ออกไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขอคุยกับหมวดปวีณก่อน….คุณด้วยนะครับ หมอแพรว” ในตอนนั้นสติผมกำลังจะหลุด
“มึงเล่าเหตุการณ์ หลังจากที่…มึงมาถึง…ให้กูฟังหน่อย” ผมพยายามรวบรวมสติอีกครั้ง
“หมอแพรวโทรไปหาตั้ม แล้วบอกว่า…มึงได้ก่อเหตุฆ่าตำรวจที่มาเฝ้าไข้มึงที่ห้องเก็บของฝั่งตรงข้ามกับห้องมึง พอมาถึง พยาบาลที่เห็นเหตุการณ์ก็พากูกับหมอตั้มไปยังที่เกิดเหตุ ก็เห็นว่ามึงนอนล้มอยู่ข้างๆจ่าหนึ่ง”
“เดี๋ยว…แล้วจ่าหนึ่งมาที่นี่ได้ยังไง…กูยังไม่เห็นเขามาด้วยซ้ำ”
“…..กูเอง กูเป็นคนโทรให้เขามา มาเฝ้ามึง…แล้วกูก็ไลน์มาบอกเมียมึงเอาไว้ ว่าอย่าบอกมึง…กูขอโทษ” มันดูเสียใจมากกว่าที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ซะอีก
“…ก็กูบอกมึงแล้ว   ว่ากูไม่เป็นไร…แต่เอาเหอะ…เรื่องมันเกิดไปแล้ว…แต่กูยืนยัน ว่ากูไม่ได้ทำ”ผมยืนยันเสียงแข็ง “กูจำได้แต่ว่า กูได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกตอนเที่ยงคืน แล้วกูก็ตื่นขึ้นมาปิด แต่ตอนนั้นกูไม่เห็นเมียกู แต่พอเมียกูออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ร้องกรี้ดเสียงดัง กูก็หันไปตามที่เมียกูชี้ ก็เห็นว่ามีเงาคนแทงกันจากห้องๆนั้น กูก็เลยรีบวิ่งไป แล้วให้เมียกูรออยู่ท่นี่ พอกูไปถึง เปิดประตูห้อง ก็เห็นว่ามีตำรวจคนนึงนอนอยู่ แล้วก็มีคนมาตีหัวกู แล้วกูก็ไม่รู้เรื่งอะไรอีกเลย”ผมรวบรวมสติเล่าออกมาให้ดีที่สุด
“ถ้าเป็นอย่างที่มึงบอก…แล้วตัดมึงออกจากผู้ต้องสงสัย แปลว่าคนร้ายยังอยู่ที่นี่”
“แล้วคุณจะตรวจสอบยังไง เพราะที่มีดก็มีแต่รอยนิ้วมือของหมวดปวีณเต็มไปหมด แล้วยังพยานบุคคลอีก ถ้าจะยืนยันว่าหมวดปวีณบริสุทธิ์ เราต้องหาหลักฐาน”หมอตั้มเสริมขึ้น เหมือนจะทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ยังไง…ตอนนี้มึงยังต้องพักรักษาตัว นี่คือโอกาสของมึง…แล้วก็เป็นโอกาสแค่ครั้งเดียว ถ้าเราหาไม่สำเร็จ มึงต้องถูกส่งดำเนินคดีแน่”โชคร้ายอะไรของผมเนี้ย “เอางี้…เรามาเรียบเรียงกันตั้งแต่เเรก ว่าตอนที่เราอยู่ในห้องมีใครทำอะไรน่าสงสัยบ้าง” แต่ในตอนนั้น หมวดคณิน ก็เปิดประตูเขามา
“ผมได้รับแจ้ง ว่าหมวดปวีณได้กระทำการฆ่านายตำรวจ  ผมจะมาขอสอบปากคำ”ผมกับหมวดคนนี้แทบจะไม่ถูกชะตากันเลย
“ผมรบกวนพี่คณินนั่งก่อนครับ” แต่เป็นรุ่นพี่ที่ไอ้ชัชเคารพมาก และเขาก็รับฟังอย่างว่าง่าย “ผมอยากให้พี่ช่วยให้โอกาสเพื่อนผม และให้โอกาสผมได้สืบหาความจริงก่อน ผมขอเวลาไม่นาน ช่วยผมหน่อยนะครับพี่” สีหน้าของทั้งสองดูตึงเครียดกันทั้งคู่ แต่หมวดคณินกลับเงียบไม่ตอบอะไร
“คุณจำอะไรได้…คุณพูดมาให้หมด อะไรที่น่าสงสัย ผมอาจจะยื้อเวลาไว้ได้ไม่มาก เต็มที่ก็ได้แค่วันถึงสองวัน”
“ขอบคุณมากครับพี่” ไอ้ชัชรีบยกมือไหว้ทันที ส่วนผม ก็ต้องขอบคุณเขาเหมือนกัน “ว่าไง มึงจำอะไรได้อีก ก่อนหน้าที่มึงจะนอน”
“มันก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตุนี่หว่า ตอนนั้น มึง หมอตั้ม กับเมียกูก็อยู่ อ่อ แถมหมอแพรวกับพยาบาลอีก มึงก็เห็นว่าไม่มีอะไร”
“แต่ผมว่า…มันมีจุดน่าสงสัยสองอย่าง” อะไรหมอตั้ม รีบพูดเลย “ตอนที่หมอแพรวตรวจไข้คุณเสร็จ ผมเห็นว่า เธอทำอะไรกับนาฬิกาปลุก แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ ผมแค่คิดว่า เธอเห็นว่ามันตั้งปลุกอยู่รึเปล่า เธอเลยปิดให้ แล้วจุดที่สอง เรื่องผ้าม่าน ปกติแล้วหมอจะไปไม่มายุ่งเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายในห้องของคนไข้ แล้วเรื่องที่หมอจะเปิดผ้าม่าน มันน้อยมาก น้อยจนแทบจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเป็นตอนเช้าหรือสาย เปิดเพื่อให้แสงส่องให้สดชื่นมันก็ดูไม่เเปลก แต่เปิดตอนกลางคืน อะไรก็ไม่มีให้มอง อันนี้แหละที่ผมแปลกใจ” หมอตั้มดูมีเหตุผล
“แล้วถ้าการตั้งนาฬิกาปลุกกับการเปิดม่าน มันเป็นความตั้งใจของเขาจริงๆ เขาจะทำไปเพื่ออะไร เพื่อต้องการให้เห็นฉากฆ่ากันที่กำแพงฝั่งตรงข้าม แล้วมึงวิ่งไปหรอ”
“มันมีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ เราลองถามพยานบุคคลก่อน  มีแต่ละคนในมีหลักฐานที่อยู่ยังไงบ้าง ใครยืนยันให้ใครได้บ้าง หลังจากการพูดคุย หมวดคณินได้ไปเชิญตัวหมอแพรว กับพยาบาลอีกสามคนที่เข้าเวรและอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น
“ผมขอถามพวกคุณหน่อยว่าในตอนที่เกิดเหตุ ตอน 00.22 นาที พวกคุณทำอะไรอยู่ที่ไหนกันบ้าง เริ่มจากคุณ แพทย์หญิงลัลณ์ลลิน
“ตอนนั้นดิชั้นกำลังพูดคุยกับคนไข้รายหนึ่งที่โทรมาปรึกษาเรื่องอาการทางจิต คิดวิตกไปเองน่ะค่ะ”
“ตอนเที่ยงคืนกว่าเนี้ยนะ คุณยังติดต่อกับผู้ป่วยได้อีกหรอ”
“ได้สิคะ มันเป็นสิ่งที่ดิชั้นทำมาบ่อยๆอยู่แล้ว”
“ผมอยากทราบว่าคนไข้รายนั้นชื่ออะไร เผื่อผมจะโทรไปตรวจสอบว่าคุยกับคุณอยู่จริงมั้ย”
“ดิฉันไม่รู้จักชื่อจริงหรอกค่ะ เราใช้นามสมมุติในการให้คำปรึกษาหรือเล่าเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาอยู่น่ะค่ะ”แปลว่าอีกฝ่ายสามารถมีตัวตนหรือไม่มีตัวตนก็ได้ “ถ้าไม่เชื่อ ลองถามพยาบาลมีนสิค่ะ ตอนนั้นเธอเอากาแฟกับแฟ้มคนไข้ไปให้ดิฉันที่ห้องทำงาน
“ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ”หมวดคณินย้ำ
“ตอนนั้นดิฉันได้รับคำสั่งจากหมอแพรวว่าให้เอากาแฟไปให้พร้อมกับแฟ้มเอกสาร พอไปถึงที่ห้องดิฉันก็เคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไป พอเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงคุณหมอคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานเล็ก ดิฉันก็เลยบอกไปว่า มีนเอากาแฟกับแฟ้มมาให้แล้วนะคะ แล้วหมอแพรวก็ตอบกลับมาว่า ตอนนี้กำลังติดสายอยู่ ให้เอาของวางไว้บนโต๊ะเอกสาร ดิชั้นก็เลยวางแฟ้มแล้วก็ชุดกาแฟไว้บนโต๊ะแล้วก็ออกมาน่ะค่ะ”
“คุณยืนยันใช่มั้ยว่าได้คุยโต้ตอบกับคุณหมอแพรวจริงๆ”หมวดคณินย้ำถาม
“ยืนยันค่ะ”
“แล้วคุณพยาบาลอีกสองคนทำอะไร อยู่ที่ไหนครับ”
“ดิชั้นสองคนประจำอยู่ที่วอร์ดค่ะ ตอนนั้นดิฉันกำลังนั่งทำแฟ้มรายงานอยู่ ส่วนเธอก็กำลังเตรียมจัดยาน่ะค่ะ…แต่จุดที่เราอยู่มีกล้องวงจรปิดนะคะ คุณตำรวจไปตรวจเช็คได้เลย”
“ตกลงพวกคุณทุกคนมีพยานยืนยันที่อยู่ให้” ในตอนนั้น ผมเห็นว่าชัชกำลังพิมพ์ข้อความอะไรในโทรศัพท์ก่อนที่หมวดคณินจะหยิบขึ้นมาอ่าน “เอ่อ เดี๋ยวยังไงผมจะให้พวกคุณทุกคนบันทึกคำให้การกับเจ้าหน้าที่ เดี๋ยวผมจะตามเขาเข้ามาในห้องนี้ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้คนไข้ท่านอีกแตกตื่น ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องเชิญด้านนอกด้วยครับ”

พาร์ทของชัช
“ผมหลอกล่อให้เวลาคุณได้ไม่มาก จะทำอะไรก็รีบทำ ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหวผมจะรีบแจ้งไป”
“ขอบคุณมากนะพี่คณิน ผมจะรีบจัดการ”
“อย่าทำให้โอกาสที่ได้กลายเป็นศูนย์ล่ะ…รีบไปจัดการเข้า” แล้วผมก็ให้หมอตั้มพาไปยังห้องทำงานของหมอแพรว
“คุณรู้มั้ยว่าหมอแพรวมีนิสัยอะไรที่ต้องทำเป็นประจำ คือถ้าไม่ทำไม่ได้”
“มันกว้างไปอ่ะคุณ…เอ่อ..หมอแพรวเป็นคนรักสะอาด เอ่อ…หมอแพรวเป็นคนที่มีระเบียบในการเก็บของมาก….รีบๆแบบนี้ผมนึกไม่ออกคุณ”  และหมอตั้มก็พามาถึงห้องทำงานหมอแพรว ผมรีบเข้าไปตรวจสอบด้านในทันที แล้วก็พบแฟ้มเอกสารกับถาดกาแฟที่มีน้ำตาลและถ้วยน้ำเชื่อมวางอยู่ แต่แก้วถูกล้างทำความสะอาดเรียบร้อย พอเดินเข้าไปในส่วนห้องทำงาน ก็พบว่ามีหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะ  ทั้งสมุด เอกสาร โทรศัพท์ภายในที่เปิดสปีกเกอร์โฟนได้
“เป็นยังไงคุณ เจออะไรบ้างหรือเปล่า” มันปกติ ปกติไปหมด ผมเลยออกไปดูที่โต๊ะข้างนอกอีกครั้ง พร้อมกับถ่ายรูปถาดกาแฟ และผมก็ใช้เสื้อผมหยิบแก้วกาแฟใบนั้น แล้วคว้าใส่ซองเอกสารแถวนั้นที่ผมหาได้ ก่อนที่จะรีบออกมา
“แต่คุณ…ผมว่าผมเจออะไรที่มันขัดแย้งนิดหน่อยน่ะ” อะไรที่ว่าขัดแย้ง พูดมาเลย “ ถาดกาแฟน่ะคุณ ซองน้ำตาล4 ซองกับถ้วยน้ำเชื่อมมันไม่ถูกแกะเลย”
“ก็ปกติมั้ยคุณ บางที…ผมยังทานกาแฟไม่ใส่น้ำตาลเลย”
“แต่สำหรับแพรว…ไม่ใช่”
“ไม่ใช่ยังไง”กลิ่นมันชักแปลกๆเข้าทุกที
“ปกติ แพรวเป็นคนกินหวานมาก คือทานกาแฟที บางครั้งใส่น้ำตาล 3-4 ซอง  ไม่ว่าจะไปที่ไหน ผมก็จะเห็นแบบนั้น แต่นี่…บนถาด ซองน้ำตาลกลับไม่ถูกแกะซักซอง แต่แก้วกาแฟถูกล้างเรียบร้อยแล้ว แต่เหมือนแค่กลั้วน้ำธรรมดา”
“งั้น…คุณตามผมมา” ชัชพาผมเดินไปยังกลุ่มตำรวจพิสูจน์หลักฐานทำกำลังทำงานอยู่บริเวณห้องเก็บของที่เกิดเหตุ
“สวัสดีครับ”เสียงทักทายจากตำรวจนายหนึ่ง ดูเหมือนจะสนิทกันพอสมควร
“เอาแก้วกาแฟนี่ไปตรวจสอบลายนิ้วมือให้ที ขอไวที่สุด ได้ผลยังไงไปแจ้งผมที่ห้องพักหมวดปวีณ” เจ้าหน้าทีน้อมรับคำสั่งพร้อมลงมือปฏิบัติทันที พอเดินกลับมาถึงห้องก็พบแค่หมวดปวีณกับหมวดคณินนั่งอยู่
“สอบปากคำเรียบร้อยแล้วหรอพี่”
“อืม เรียบร้อยแล้ว….แล้วแกละ ได้หลักฐานอะไรมาบ้าง”
“รอผลตรวจสอบอยู่น่ะพี่ เดี๋ยวคงมีเจ้าหน้าที่เดินมาบอก”ในตอนนี้พวกเขาทุกคนดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด “เราจะยื้อเวลาได้นานแค่ไหนพี่ ที่จะไม่ให้ไอ้วีณถูกจับไปดำเนินคดี”
“ก็ตราบเท่าที่อาการที่เป็นอยู่ยังไม่หายดี…เต็มที่ ก็ไม่เกินอาทิตย์”
“แค่อาทิตย์เดียวก็น่าจะพอ” 
“ขออนุญาตครับ”เสียงเจ้าที่คนที่รับงานจากหมวดชัช
“ว่าไงบ้าง”
“ที่แก้วกาแฟ มีลายนิ้วมือของคนๆเดียวครับ แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นใคร เพราะลายนิ้วมือไม่ตรงกับในทะเบียนอาชกรรม อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก แล้วก็นำผู้ต้องสงสัยมาเก็บลายนิ้วมือด้วยครับ”
“งั้นคุณไปขอเก็บลายนิ้วมือจากพยาบาล 3 คนนั้น ส่วนของคุณหมอลัลณ์ลลินไม่ต้อง” แล้วเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็เดินออกไป
“ทำไมต้องยกเว้นแพทย์หญิงลัลณ์ลลิน”หมวดคณินสงสัย
“ก็ถ้าเป็นอย่างที่ผมสงสัย ลายนิ้วมือของหมอแพรวก็คงไม่ต้อง”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้ว เเต่เดี๋ยวผมจะจัดนายตำรวจมาเฝ้าบริเวณหน้าห้อง ส่วนนาย ปวีณ นายใจเย็นๆ ถ้าเป็นอย่างที่นายพูดจริง ยังไงหลักฐานจะต้องปรากฏออกมาแน่”พี่คณินแตะไหลปวีณ “เดี๋ยวยังไงพี่กลับ สน.ก่อน ส่วนเรื่องนี้เดี๋ยวพี่รายงานเอง” แล้วพี่คณินก็เดินออกจากห้องไป
“ขอบใจมึงมากนะไอ้ชัช กูหวังว่า…มัน....”
“มันต้องจบลงด้วยดีเว้ย คนผิด…ต้องได้รับโทษ…”ผมก็ไม่รู้จะปลอบมันยังไง ถ้าใครตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็งไม่ต่างจากมันเท่าไหร่ “งั้นเดี๋ยวกูกับตั้มกลับก่อน เดี๋ยวยังไงกูจะเข้ามาหามึงใหม่….ส่วนมึง นอนพักผ่อนซะ แล้วก็อย่าทำอะไรให้เมียมึงต้องกังวลไปมากกว่านี้”ผมคงพูดได้เท่านี้  และหวังว่ามันจะทำได้ด้วย
“เดี๋ยวผมขับให้ คุณไปนั่งพักเถอะ” เสียงของเขาทำให้ผมหายเครียดได้ทุกที แค่นี่ก็เป็นครั้งแรกนะที่ตั้มจะขับรถให้ผม
“งั้นผมไม่เกรงใจนะ”ชิงหอมแก้มไปสักทีเวลาเผลอนี่แหละ
“รีบขึ้นรถไปเลย”ทำไมดุ ดุตายล่ะ
เราใช้เวลาในการขับรถไม่ถึง 20 นาทีก็กลับมาถึงคอนโด
“แปปเดียวจะตี 2 แล้ว รีบนอนเถอะคุณ”เขาพูดเมื่อมองเห็นนาฬิกาที่วางอยู่ในห้องนอน
“แต่….ผมตาสว่างแล้วอ่ะ”ผมขยับตัวเขาไปกอดเขา “ช่วยทำให้ผมหายตาสว่างหน่อยสิ” เขาเลยพลิกตัวกลับด้านมาหาผม ถ้าไม่เกรงใจนี่จูบปากแล้วนะ
“ยังจะมามีอารมณ์อีกนะคุณ”
“น้า~~~~~~~~น้า” อ้อนสุดๆเท่าที่เคยทำแล้วนะ แต่สงสัยจะไม่เป็นผล นิ่งเงียบไปเลย
“ห้าม…ทำแรงนะ…ผม…ยังเจ็บอยู่” ไม่เห็นต้องทำท่าอายผมเลย แล้วผมจะรีรออะไรล่ะครับ เมียผมอนุญาตขนาดนี้แล้ว ต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์**** รอบนี้มันบรรยายนะ แต่รับรอง เด็ดกว่าเดิม ****
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 17)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-09-2019 06:58:11
 :-[ เมียยังเจ็บอยู่ อย่าทำแรงหล่ะ
เรานี่รอเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 17)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 06-09-2019 07:00:24
เคสของปวีณมีแต่เรื่องน่าสงสัยเต็มไปหมด ตั้งแต่รถชนถ้าชัชสงสัยรถของหมอแพรวน่าจะไปตรวจดูหน่อยมันจะมีรอยชนและรอยเสียดสีของสีรถติดอยู่มั้งแระ แล้วตอนแทงอีก คนขาหักจะไปสู้คนปกติได้ไงแล้วดูกล้องวงจรปิดก็ได้ตั้งแต่วิ่งออกจากห้องอ่ะ ระยะเวลาอีก แล้วกล้องคงไม่เสียทั้งรพมั้ง แล้วยังไปพบตอนที่นอนสลบอีก แล้วก้น่าจะให้หมอตรวจดูได้ที่ท้ายทอยรอบจากการถูกตีด้วยของแข็ง จากทั้งหมดมันน่าจะสงสัยได้แล้ว่าเป็นการจัดฉาก
เราตื่นเต้นมากกก อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อไปแล้วอ่าาา เป้นกำลังใจให้นะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 17)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-09-2019 08:47:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

อินังแพรว  แกมันร้าย   สร้างสถานการณ์ให้มีพยานยืนยันที่อยู่

แต่...ทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไปตรวจว่ามีการใช้โทรศัพท์ ณ เวลานั้นจริงหรือเปล่า?  ใครโทรเข้ามา? หรือ โทรออกไปหาใคร?
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 17)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-09-2019 09:02:36
รอๆ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 17)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 06-09-2019 10:37:54
หมอแพรวไม่เนียนนะทำเป็นโทรซึ่งอาจจะโทรจริงรึไม่จริงก็ได้เพราะดักให้พยาบาลเอากาแฟไปเสริฟหวังเป็นพยานอ่ะ​ ความจริงจะต้องปรากฏ​ ดีที่หมวดวีณไม่ตายแต่โดนใส่ร้ายแทนนี่สิ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 17)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 06-09-2019 12:25:06
ตามจ้า  o13
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 17)
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 06-09-2019 14:18:46
สนุกมากเลยครับ

           :hao3:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 18)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 06-09-2019 14:27:46
พาร์ทของตั้ม
เช้าวันนี้ก็เป็นอีกวัน ที่ทุกอย่างดูเร่งรีบไปซะหมด แต่สำหรับผม  มันเป็นอีกวันของความลำบาก เพราะเรื่องเมื่อคืน ที่ผมโดนมอบความเป็นภรรยารอบที่สองให้ คราวนี้มันเจ็บกว่าเดิมอีกร้อยเท่าพันเท่าเลย
“พร้อมรึยังคุณ”เสียงสดใสร่าเริ่งเชียวนะ
“พร้อมแล้ว….แต่…เดินช้าๆนะ”
“เจ็บมากหรอ”แต่เขากูดูเป็นห่วงผมจริงๆ
“ก็เจ็บอ่ะ เหมือนจะเจ็บกว่ารอบที่แล้วอีก”
“งั้นลางานมั้ยคุณ”ต้องขนาดนั้นเลย แค่เดินลำบากเฉยๆป่ะ
“ไม่อ่ะคุณ ไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น…รีบไปกันเถอะ” คนอื่นจะดูรู้มั้ยเนี้ย ถ้าเขาเห็นผมเดินแบบนี้ อายตัวเองชะมัด แต่ก็นะ…ก็ต้องทำตัวเองให้ชินกับเรื่องแบบนี้ได้สักทีได้แล้ว เพราะชัชตำรวจบ้าคนนี้ หื่นมากกกกกกกกกกก
“เดี๋ยวตอนเที่ยงผมมารับไปทานข้าว …ค่อยๆเดินไปละคุณ”ชัชชะเง้อหน้ามาคุนกับผมทางช่องกระจกรถ ก่อนที่จะขับออกไป วันนี้คนเต็มโรงพยาบาลแต่เช้าเลย เห็นทีว่าตัวผมเองก็ต้องรีบแล้ว…แต่ก็นะ…รีบได้แค่นี้ เฮ้อ
“เป็นอะไรคะหมอตั้ม ทำไมเดินแบบนั้น ขาเจ็บหรอ”แหม ถามได้จังหวะจริงๆนะพยาบาลดา
“ท่าของคนที่เดินแบบนี้  ไม่ใช่อาการของคนขาเจ็บหรอก”กำลังจะพูดอะไรแพรว เธอกำลังเดินออกมาจากหลังเคาท์เตอร์พอดี แล้วพยาบาลแถวนั้นก็มองไปที่แพรวด้วยความสงสัย “แต่เป็นอาการของคนที่พึ่งถูก…..ถูกอะไรก็ไปเติมกันเอาเองเนอะ”
“เอ้าหมอแพรว มาจุดประกายให้อยากรู้ซะงั้นอ่ะ” หวานพยาบาลข้างๆดาพูดขึ้น
“หมอก็พูดแซวหมอตั้มไปอย่างนั้นแหละ ขำๆน่ะ” ทำไมผมรู้สึกชาไปทั้งตัว “เมื่อคืนน่ะ ทำอะไรก็ระวังหน่อย ลานจอดรถโรงพยาบาลนะ ไม่ใช่ม่านรูด หรืออยากจะลองแบบนอกสถานที่” เธอเห็นหมวดชัชหอมแก้มผม แล้วทำไมเธอต้องเดินมาพูดเบาๆที่ข้างหูผม เธอต้องการอะไร “เป็นเพศทางเลือกไม่มีใครว่า แต่ถ้าร่านมาก…มันน่ารังเกียจ” แล้วเธอก็เดินจากผมไป ผมในตอนนั้นมันทำอะไรไม่ถูก มันอึ้ง มันว่างเปล่าไปหมด
“ผมขอตัวก่อนนะ” ผมพยายามรีบเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้  ก่อนจะนั่งสงบสติอยู่แบบนั้น

วันนี้เป็นวันทำงานที่แย่ที่สุดสำหรับผมเลยก็ได้ ไม่มีสมาธิ ไม่มีแม้กระทั่งความถูกต้องในการทำงานเลย คำพูดของแพรวมันวนเวียนอยู่ในหัว มันซ้ำไปซ้ำมาจนผมเองยังรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ยังเอาเรื่องนี้ออกจากหัวไม่ได้
“คุณตั้ม เป็นอะไรหรือเปล่า”เขาคงเห็นผมนอนฟลุบไปกับโต๊ะ
“มีเรื่องเครียดนิดหน่อย…แล้ว คุณไปหาคุณปวีณมาแล้วหรอ”
“ไปมาแล้ว ตอนนี้ดูโอเคขึ้นเยอะเลย…แล้วคุณละเครียดเรื่องอะไร…บอกผมได้รึเปล่า” ผมไม่รู้ผมจะพูดยังไง ใจจริงผมไม่อยากให้เขารู้ด้วยซ้ำ แต่เพราะตัวผมที่เก็บอาการเอาไว้ไม่ได้เอง แค่เรื่องของหมวดปวีณตอนนี้ก็ทำให้เขาเครียดเเละวุ่นวายมากพออยู่แล้ว “ว่าไง…บอกผมได้หรือยัง” เขานั่งลงตรงหน้าและกุมมือผม แต่ผมกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น เลยพยายามที่จะเอาออก แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย “ผมล็อกห้องแล้ว ไม่ต้องห่วง” ผมก็เลยปล่อยไป
“หมอแพรว…เห็นคุณหอมแก้ม เมื่อวาน” เขายังคงมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มให้อย่างใจเย็น “เขา…บอกกับผมว่า เป็นเพศทางเลือกไม่มีใครว่า แต่ถ้าร่านมาก …มันน่ารังเกียจ”
“แล้วเขาว่ายังไงอีก”น้ำเสียงเขาเริ่มเปลี่ยน ผมรู้สึกได้ ถึงแม้หน้าของเขายังดูปกติอยู่ก็ตาม ผมไม่อยากให้เขารู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ แค่ตอนนี้ผมเป็นคนเดียวก็แย่พอแล้ว
“ไม่มีอะไรแล้ว…ชัชใจเย็นๆนะ”ผมบีบมือเขา อยากให้เขารู้ว่าผมไม่อยากให้เขาโกรธ และเหมือนเขาก็เข้าใจ
“เราออกไปทานข้าวข้างนอกกัน….แล้วผม….ก็มีเรื่องสำคัญอยากจะบอกกับคุณด้วย” ผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร พอผมเปิดประตูออกไป ก็เห็นดายืนอยู่หน้าห้อง
“อ้าวดา…มีอะไรหรือเปล่า”
“พอดีวันนี้ดาติดเคสกับหมอแวนเยอะ เลยยังไม่ได้มาคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ” ตอนนั้นเธอก็เห็นว่าหมวดชัชกำลังจะเดินตามออกมา
“เรื่องอะไร พูดมาได้เลย”
“ดาอยากขอโทษแทนเพื่อนเมื่อเช้าน่ะค่ะ ดาไม่คิดว่ามันจะสอดรู้สอดเห็นขนาดนั้น ดาไม่สบายใจค่ะ” หมวดชัชก็เดินมาฟังด้วย
“ผมโอเคแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด จะรู้ได้ทั้งนั้น แล้วผมก็รู้ว่า…ดาก็ดูผมออก”
“ดาขอโทษอีกครั้งนะคะ” ผมก็ได้แต่ยิ้มรับให้กับเธอ ก่อนที่เธอจะยกมือไหว้แล้วเดินจากไป แล้วผมก็รู้ว่าหมวดชัชพยายามทำให้ผมไม่ไปคิดถึงเรื่องที่มันเกิดขึ้น พยายามเล่าเรื่องตลกฮาๆให้ผมฟัง มันก็พอช่วยได้นะ
และวันนี้เราทั้งคู่มาทานอาหารกันที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลของผม เขาเป็นคนเลือกร้านและจัดการสั่งอาหารเองโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเลย
“เพื่อนผมบอกร้านนี้อร่อย ผมเลยอยากพาคุณมา”เดี๋ยวนี้รู้จักตามกระแสคนอื่นเขาด้วย
“แล้วที่บอกมีเรื่องสำคัญ เรื่องอะไรอะ”
“คุณต้องทานอาหารเสร็จก่อน ผมถึงจะบอก”แต่อยู่ดีๆเขาก็ลุกมานั่งข้างๆผม “มา…ถ่ายรูปกัน”
“….!? มาไม้ไหนนี่วันนี้”
“เปล่าซะหน่อย…ผมแค่อยากถ่ายรูปกับแฟนผม…ไม่ได้หรอ”ใครจะไปขัดใจละ มาเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนี้ และนี่…ก็เป็นรูปแรกของผมกับเขาตั้งแต่เรารู้จักกันมา “คุณเล่น ig รึเปล่า…ถ้าเล่นผมขอหน่อย”และเขาก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็พิมพ์ account ของผมให้ไป “ผม follow คุณแล้วนะ Tag ไปแล้วด้วย” ผมก็หยิบมือถือตัวเองออกมาดู แล้วก็เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ
“วันนี้คิดอะไรถ่ายรูปลง Ig มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า” ก็ถามติดตลกไป
“ก็ผมกลัวคนมาจีบคุณไง เลยต้องถ่ายรูปข่มขู่ไว้ซะหน่อย”
“บ้าแล้ว…ใครจะมาจีบผม ต้องเป็นผมมากกว่าป่าวที่ต้องห่วงอ่ะ ดีกรีคุณออกจะขนาดนั้น”ก็จริงนี่เนอะ” อืม…ว่าจะถามตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว…วันนี้ทำไมใส่แว่น อยากเปลี่ยนแนวว่างั้น”
“เปลี่ยนแนวอะไรกันคุณ ก็ทำตัวให้คนจำผมไม่ได้ไง ผมอยากมีเวลาส่วนตัวแค่กับคุณ” เลี่ยนสุดๆ
~~ขออนุญาตนะคะ ซี่โครงหมูพันชีสนะคะ สลัดแซลม่อนย่าง แล้วก็ baked Garlic อาหารที่สั่งครบเรียบร้อยแล้วนะคะ~~
อาหารที่เขาสั่งมาแต่ละอย่างดูน่ากินทั้งนั้นเลย นี่ถ้าผมน้ำหนักขึ้นแล้วไม่หล่อนี่ผมโทษเขาคนเดียวเลย  แต่ก็ไม่น่าเชื่อ ผมคิดว่าที่เขาสั่งมามันเยอะมาก แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มันหายเข้าไปอยู่ในท้องเราทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว
“สนใจของหวานป่ะคุณ หรืออยากไปทานร้านอื่น”
“งั้นเราไ…..ป”
“ขอโทษนะคะ นี่พี่ชัช หนุ่มโสดปีนี้ใช่มั้ยค่ะ”มีสามสาวพูดแทรกผมมาซะงั้น แต่นี้ขนาดใส่แว่นพรางตัวแล้วนะ…ยังไม่รอด
“ครับ”อย่าทำหน้าเบื่อโลกสิ ยิ้มไว้ ผมทำท่าบอกให้เขายิ้ม เขาก็ดูใจเย็นและทำตามง่ายขึ้น แต่พวกเธอทั้งสามก็ถ่ายไม่หยุดเหมือนกันนะ แทบทำเอาชัชสติแตกไปเลยทีเดียว
“รีบไปเหอะ ขืนอยู่ต่อผมสติแตกแน่”เขารีบเรียกพนักงานมาเช็คบิลกันเลยทีเดียว “รอบนี้คุณเลือกร้านเลย เอาให้อร่อยๆ…เหมือนคุณนะ” ผมต่อยเข้าไปที่เเขนเขาทีนึงเป็นการสั่งสอนซะหน่อย  แต่ตอนนี้ความอยากของหวานของผมเป็น 0 ไปซะแล้ว แต่ก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจ ซื้อไอติมโคนกินเอาแล้วกัน ก็มันก็ของหวานเหมือนกันนี่นา
“คุณพร้อมที่จะฟังหรือยัง”
“ฟังอะไรอ่ะ”
“ก็เรื่องสำคัญที่จะบอกคุณไง…ทำมาเป็นลืม” ก็มันลืมจริงๆนี่เว้ย
“พร้อมละ…ว่ามาโลด”
“ผลตรวจสอบลายนิ้วมือบนแก้วกาแฟออกมาแล้ว…พบแค่ลายนิ้วมือของพยาบาลที่ชื่อมีน…ส่วนของหมอแพรว…ไม่พบ”
“แปลว่า หมอแพรวไม่ได้ดื่มกาแฟแก้วนั้นหรอ”
“น่าจะใช่ คุณบอกผมเองไม่ใช่หรอ ว่าหมอแพรวเป็นคนติดทานหวาน แต่ในถาดกาแฟวันนั้นไม่มีน้ำตาลซองไหนถูกฉีกออก และผมว่าคงไม่มีหมอคนไหนใส่ถุงมือที่ตรวจคนไข้แล้วมาจับแก้วกาแฟดื่มหรอก”
“คุณจะบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเป็นฝีมือหมอแพรวงั้นหรอ”
“70%...แล้วไม่ใช่แค่นั้น วันนี้ผมผมลองโทรไปหาลูกสาวคุณเอนก เธอก็รับสาย แล้วบอกว่าอีกสองวันจะเป็นวันหยุดเธอ เดี๋ยวเธอจะโทรกลับมาคุยในเรื่องที่ผมต้องการ”
“ตรงกับวันศุกร์น่ะสิ” เขาพยักหน้ารับ “งั้นศุกร์นี้...เราไม่ต้องไป Outing กับน้องผมก็ได้ อยู่เคลียร์เรื่องงานก่อนดีกว่า”
“ต้องไปสิคุณ…ยังไงเราก็ต้องไป” ผมเดาใจเขาไม่ถูกจริงๆตอนนี้ ในวันนั้น เขากลับไม่ร้อนรน หรืออยากจะสืบหาเบาะแสอะไรเลย แต่กลับพาผมไปซื้อเสื้อผ้าเพื่อไปใช้ในทริปที่กำลังจะเกิดขึ้น และก็ถ่ายรูปกับผมเหมือนวันนี้เป็นวันหยุดยังไงอย่างงั้นเลย และตอนเย็น หมวดชัชก็พาผมกลับมาที่โรงพยาบาล เพื่อมาเอากระเป๋าและของใช้ส่วนตัว
“คุณตั้ม…ตั้งแต่คุณรู้จักกับผม จนตอนนี้เราทั้งคู่…เป็นแฟนกัน คุณมีความสุขมั้ย”
“ทำไมอยู่ดีๆถึงถามแบบนี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ก็ตอบผมมาก่อนสิ”
“ก็….มีความสุข แล้วก็…ดีใจ…ที่มีคุณเป็นแฟน”  จุ๊บ เขาโน้มตัวมาจูบปากผม แต่ก็ไม่เป็นไร กับเขาน่ะผมไม่อายแล้ว แล้วก็โชคดีที่ที่นี่ยังเป็นห้องทำงานของผม “วันนี้เป็นอะไรผมถามจริง ดูอ้อนแปลกๆนะคุณน่ะ”
“ก็ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่า ผมรักคุณแค่ไหน”
“พอแล้ว…มาอ้อนๆแบบนี้คืนนี้ผมไม่ให้หรอกนะ ของเก่ายังแย่ๆอยู่เลย” เรานั่งพูดคุยเล่นกันอยู่สักพักก่อนที่จะพากันกลับมายังคอนโด แล้วผมก็รีบโทรไปคอนเฟิร์มทริปกับตาลน้องสาวผมจนเรียบร้อย คอนเฟิร์มช้าเดี๋ยวไม่ได้ที่พักล่ะ แย่เลย
ในคืนนั้นหมวดปวีณโทรเข้ามาหาหมวดชัช แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกัน แต่ดูท่าทางไม่ซีเรียสเหมือนรอบก่อนๆ และหลังจากนั้น เวลาผมไปทำงาน หมวดชัชก็มาอยู่ที่ทำงานผมทั้งวัน ไม่ว่าจะนั่งรอในห้อง ออกไปเดินเล่นหาอะไรทาน แล้วก็กลับเข้ามาใหม่ ช่วงนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆเขาถึงมีพฤติกรรมอะไรแบบนี้ จะบอกว่าเราทั้งคู่ รักกันมากขึ้น เปิดเผยมากขึ้น มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เขาทำเหมือนต้องการให้ใครๆรู้ว่าผมกับเขาเป็นอะไรกัน แต่มันก็ยังแปลกอีกอยู่ดี เพราะเวลาออกนอกโรงพยาบาล เขาก็กลับมาเป็นชัชคนเดิม ที่ไม่ได้เล่น ทะเล้นอะไรมากเหมือนตอนอยู่ในโรงพยาบาล ผมไม่อยากถามเขาออกไป เพราะถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด มันก็จะทำให้เขารู้สึกแย่ไปกับความคิดของผม ผมไม่อยากให้เรามีปัญหากันในเรื่องเล็กๆน้อย เพราะที่มันเป็นแบบทุกวันนี้ มันก็ดีกว่าที่ผมเคยคาดหวังไว้มากแล้ว
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 18)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-09-2019 15:41:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

ก็ไม่อะไร  แค่กระตุ้นให้ผู้ร้ายตัวจริงคลั่งและเปิดเผยตัวเองออกมา
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 18)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 06-09-2019 15:52:36
นังคนร้ายยย เปิดเผยตัวมาเร็วๆนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 18)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-09-2019 17:18:48
 :m16: หมอเเพรวปากไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-09-2019 01:25:31
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 19)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 07-09-2019 20:35:04
และแล้วเช้าวันศุกร์ก็มาถึง ผมกับหมวดชัชก็ออกไปทำงานกันตามปกติก่อนที่จะไปตามคำสัญญาที่ให้กับตาลเอาไว้ โชคดีที่วันนี้ผมไม่มีอะไรที่ต้องทำมาก เคสคนไข้ของผมก็ไม่ได้มากเหมือนทุกๆวัน แถมวันนี้พยาบาลสุดซี้ของผมก็มาเป็นผู้ช่วยอีก ยิ่งทำให้ทุกอย่างไวกว่าที่กำหนดไว้เยอะเลย ขณะที่ผมกำลังเก็บของอุปกรณ์เข้ากระเป๋า เพื่อนสนิทของผมที่ตอนนี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็เปิดเข้ามา
“เตรียมตัวเสร็จรึยังตั้ม มีอะไรให้แพรวช่วยหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอกแพรว ผมจัดกระเป๋าเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
“แล้วอยู่ไหนล่ะ แพรวจะได้เอาไปไว้ที่รถ”
“ผมเอาไปไว้ที่รถให้เรียบร้อยแล้วนะตั้ม ยังลื……ม” ชัชชะงักไปชั่วครู่ หลังผลักประตูเข้ามาแล้วเจอแพรวในห้องผม “ยังลืมอะไรอีกหรือเปล่า”
“ไม่แล้วล่ะ ไปกันเลย…แล้วแพรวล่ะจะไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่ล่ะ แพรวบอกกับตาลไว้ว่าแพรวจะขับรถไปเอง ”
“อ้าวหรอ…พอดีตั้มกับชัชติดรถไปพร้อมกับตาลเลยน่ะ….งั้นแพรวเดินทางดีๆนะ เจอกันที่รีสอร์ท” แล้วผมก็ปลีกตัวออกมาจากเธอทันที คือผมก็พึ่งมารู้ด้วยซ้ำว่าแพรวจะร่วมทริปกับเราด้วย หวังว่าเธอคงจะไม่นอยด์จนทำให้ทริปนี้หมดสนุกไปนะ
เราออกเดินทางตอนประมาณ 10 โมงนิดๆ ตลอดการเดินทาง พลรับหน้าที่เป็นสารถีประจำรถ ส่วนผมกับชัชน่ะหรอ นั่งชิลล์สบายๆอยู่ข้างหลัง ระยะทางจากกรุงเทพไปถึงยังที่พักของเราก็ใช้เวลาคร่าวๆประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ตอนนี้ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อรีสอร์ทด้วยซ้ำเพราะน้องสาวผมบอกว่า อยากจะเก็บเอาไว้เซอร์ไพร์ส
และประมาณ เกือบบ่ายสอง เราก็มาถึงยัง villa maroc ปราณบุรี ซึ่งดูจากที่เห็นภายนอก ดูมีเอกลักษณ์และสไตล์เป็นของตัวเองมากๆ ในขณะที่ตาลกำลังตรวจสอบเรื่องห้องพัก แพรวที่ขับรถตามหลังพวกเรามาเธอก็พึ่งมาถึง เราทุกคนได้รับการต้อนรับจากรีสอร์ท ด้วย welcome drink ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ด้วย virgin mojito เธอลงจากรถมาด้วยความยิ้มแย้มก่อนที่จะมารวมตัวอยู่กับพวกเราบริเวณ ห้องโถงรับแขก
“เป็นยังไงแพรว เที่ยวต่อไหวหรือเปล่า”ผมก็ไม่อยากทำให้เธอต้องโดดเดี่ยว และพาลบรรยากาศภาพรวมเสียไปซะหมด
“สบายเลยล่ะตั้ม แพรวยังทำอะไรได้อีกเยอะเลย”
“เอาละคะทุกคน…เดี๋ยวแยกย้ายไปตามห้องพักที่พวกพี่กำลังจะแจกให้นะ พวกพี่จัดรายชื่อให้แล้ว 1 บ้านพักจะนอนกัน 6-8 คน ตามที่พี่เคยสอบถามเอาไว้ก่อนแล้ว เดี๋ยวยังไง จะมีพนักงานเดินเข้าไปสอบถามรายชื่อ พร้อมกับจัดการพาน้องๆทุกคนไปยังบ้านพัก ตอนนี้เวลา 14.45 นาที เราจะออกมารวมตัวทำกิจกรรมรอบแรกตอนเวลา 16.00 น. ขอให้พวกเราไปเจอกันที่ริมหาด เดี๋ยวตอนนั้นจะมีซุ้มทำกิจกรรมตั้งเอาไว้ ไปรอที่นั้นกันได้เลย” ตาลป่าวประกาศข้อมูลให้กับทุกๆคนได้ทราบ “ส่วนของพวกเรานะคะ ตาลจอง Royal villa ไว้ 2หลัง 1 หลังจากพักได้ 4 คน นะคะ ตาล พล พี่ชัช พี่ตั้ม นอนวิลล่า 1 เนอะ ส่วนวิลล่าที่ 2 จะเป็นพี่หมอแพรว น้ำหวาน อิ๊กแล้วก็แอนนะ เดี๋ยวยังก็ตามที่ตาลนัดเนอะ เเล้วเดี๋ยวเจอกัน
“ตาล จัดให้แพรวไปนอนกับพวกเขา แพรวเขาจะไม่อึดอัดหรอ” ผมเดินเข้าไปหา
“ไม่หรอกค่ะ เพราะตาลบอกพี่แพรวไว้ตั้งแต่เเรกแล้ว ว่าเราจัดกันแบบไหน แล้วน้ำหวาน พี่แพรวก็รู้จักตอนมาหาตาลที่ร้านบ่อยๆ สบายใจได้”ได้ฟังแบบนี้ก็โล่งใจไป ถึงผมจะไม่ได้อะไรกับเธอ แต่ก็เป็นห่วงเรื่องความรู้สึกเหมือนกัน
ความรู้สึกแรกที่ผมได้เห็นห้องพัก มันเป็นอะไรที่ดูแปลกใหม่สำหรับผม เพราะมีการตกแต่วด้วยข้าวของโบราณตามสไตล์ของโมร๊อกโคจริงๆ ทั้งห้องอาหารและห้องอาบน้ำ และด้วยความใจดี น้องผมเลยยกห้องนอนใหญ่ให้ผมกับชัช เราทั้งคู่เลยเดินขึ้นไปเพื่อเก็บข้าวของ
“น้องคุณนี่ Tatse ดีไม่เบา เลือกที่พักได้สวยดี…งั้น...ผมถือว่านี่เป็นการซ้อม Honeymoon ของเราทั้งคู่ด้วยแล้วกันเนอะ”
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะเราน่ะ”แต่ผมก็หุบยิ้มกับความคิดต๊องๆแบบนี้ของเขาไม่ได้ “ผมเห็นว่ามีชั้นดาดฟ้าด้วย ขึ้นไปดูกันมั้ย” คำตอบรับของผมคือการถูกนายชัชคว้าแขนมากอดคอ นี่เบาแล้วใช่ป่ะเนี้ย คือแทบหักเลย พอขึ้นไปถึงบรรยากาศดีกว่าที่เราเห็นด้านล่างอีก สามารถมองเห็นได้ทั่วเกือบทั้งรีสอร์ท แถมมีมุมที่สามารถนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกได้อย่างส่วนตัวอีกด้วย หลังจากที่เราเดินสำรวจที่พักจนเรียบร้อย ผมกับชัชก็เดินลงมานอนผ่อนคลายบนที่นอนอันแสนจะนุ่ม แทบจะหลับเมื่อล้มตัวลงไปสัมผัสเลย

พาร์ทของชัช
และแล้วก็ถึงเวลากิจกรรมที่ทางน้องสาวของตั้มและเพื่อนๆของเขาได้เตรียมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นวอลเล่ย์บอลชายหาด ชักคะเย่อ หรือกีฬายอดฮิตอีกอย่างก็คือฟุตบอล แต่ผมก็เป็นแค่คนดูนะครับ ปล่อยให้เหล่าพนักงานเขาได้ปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่ไปดีกว่า
“งั้นเดี๋ยวผมไปเอาเครื่องดื่มมาให้นะคุณ” เสียงคนคุ้นเคยประจำตัวผมที่ถ้าตอนนี้ไม่ได้ยิน คงรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป “เขาทำ mocktail หลายแบบเลย แต่เห็นเขาบอกว่าตัวนี้เด็ดสุด…เลยเอามาให้”
“จะมอมผมรึไงคุณหมอ…” ขอให้ได้แซว แต่เขาก็ส่ายหัวทะเล้นใส่ผม ผมเลยยื่นแขนผมไปคว้าคอเขามา
“เดี๋ยวก็หกหมดหรอกคุณ” เขาตกใจรีบพูด
“คืนนี้ไม่รอดผมแน่…หมอตั้ม” การทำน้ำเสียงกระเสร่าใส่เขานี้มันทำให้ผมขำได้ทุกที ผมน่ะ…อาจจะแกล้งเล่น แต่คิดจริงเสมอ -^+^- หลังจากการแข่งขันกีฬาและสันทนาการจบ ก็ถึงเวลาอาหารมื้อค่ำ ที่สำหรับผมเองยังรู้สึกว่า มันหรูหรามาก ทั้งกุ้งหอยปูปลา ที่เจ้าภาพจัดเต็มมาจนผมคิดว่า ทริปนี้มากันเป็นร้อยคน ไหนจะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีให้เลือกมากกว่าร้านสะดวกซื้อบางร้านซะอีก เวลาหัวค่ำๆแบบนี้ มันคงเหมาะที่สุดกับการปาร์ตี้ที่ไม่มีกำหนดเวลามาจำกัดให้วุ่นวายใจ แต่ดูทางเจ้าภาพจะเอาใจลูกน้องเต็มที่ ปล่อยให้ลูกน้องนั่งทานกันอย่างมีความสุข ส่วนพวกเขากับยืนปิ้งแทนกันซะอย่างนั้น รวมถึงหมอตั้มผู้ที่ไม่เป็นมิตรต่อการทำอาหารซะเลย
ขณะที่ผมกำลังดื่มอยู่นั้น ปรากฏมีสายๆนึงโทรเข้ามา แต่เบอร์ไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่นัก
“สวัสดีครับ ชัชวินพูดสายครับ”
“ดิฉันเองค่ะ เปรมมิกา ลูกสาวคุณเอนก โทรมาตามที่ได้นัดกับคุณเอาไว้ หวังว่าดิฉันคงคำนวนเวลาไม่ผิด”
“ไม่หรอกครับ ที่นี่พึ่งจะ 2 ทุ่มเอง…ถ้าคุณพร้อมที่จะเล่าอะไรให้ผมฟัง เชิญได้เลยครับ
“จากที่คุณเคยถามดิฉันว่า รู้จักกับหมอแพรวได้ยังไง เรารู้จักกันตอนที่เรามาดูงานโรงพยาบาลที่ boston ด้วยกัน ตอนนั้นเราพักห้องเดียวกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดหนึ่งสัปดาห์ ที่เราสนิทกันได้เร็ว เพราะดิฉันกับเค้ามี Lifrstyle ที่คล้ายๆกัน  แพรวเล่าให้ดิฉันฟังว่า ตอนนั้น เขาบอกว่าเขาชอบผู้ชายอยู่คนนึง ชอบมากตั้งแต่ตอนอยู่ ม.ปลาย และพอรู้ว่าผู้ชายคนนั้น ลงชื่อเพื่อที่จะมาดูงานต่างประเทศ เธอก็รู้สึกว่า เธอจะต้องเดินทางไปดูงานกับผู้ชายคนที่เธอชอบให้ได้ ด้วยเหตุผลของเธอที่ว่า เธอไม่เคยอยู่ห่างจากเขาเลย แต่คุณก็คงจะรู้ใช่มั้ยค่ะ ว่าการมาดูงานต่างประเทศแต่ละครั้ง ต้องใช้ทุนทรัยพย์สูงมากขนาดไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอโชคดี หรือว่าโชคร้ายกันแน่นะคะ เธอดันผ่านการพิจารณา จนมันทำให้เธอต้องจัดการหาเงินมาเพื่อใช้จ่ายในการเดินทางในครั้งนี้ ถ้าพูดถึงค่าใช้จ่ายรวมในตอนนั้นก็ราวๆ 300000-500000 บาท แต่เธอก็ยังไม่ได้เล่าให้ฟังนะคะ ว่าเธอไปหาเงินมาด้วยวิธีไหน จนวันนึง เธอมากินเหล้าที่ร้านพ่อของดิฉัน ไม่รู้ว่า เมา หรือ หรืออัดอั้นจนทนไม่ไหว เธอบอกว่า ตอนที่ต้องหาเงินไปดูงาน ตอนนั้นเธอไม่สามารถหาเงินจำนวนดังกล่าวได้ในระยะเวลา 2 เดือน เพื่อนของเธอที่เรียนอยู่ต่างคณะ เลยแนะนำให้ทำอาชีพๆหนึ่ง ที่เธอคอนเฟิร์มว่า จะได้เงินไม่ต่ำกว่า 100000 บาทต่อเดือน
“เขาขาย….”
“คงจะเรียกแบบนั้นได้มั้งค่ะ เพราะอาชีพ side line มันเป็นอาชีพที่นักศึกษาชอบทำกันอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุน แถมได้ผลตอบแทนดี ตอนที่ได้ฟัง….ก็ตกใจเหมือนกัน เธอบอกว่า ลูกค้าคนแรกของเธอก็คือ คนในเครื่องแบบๆคุณ เธอบอกว่า ตำรวจคนนั้น วิตถาร ชอบใช้ความรุนแรงตอนมี sex กับเธอ  แต่เธอก็บอกว่าเธอต้องทน เพราะตำรวจคนนั้นให้ค่าตอบแทนเธอสูงถึง 30000 บาท และหลังจากนั้น เธอก็เป็นที่โปรดปรานในหมู่ชายในเครื่องแบบ ด้วยการบอกต่อจากตำรวจคนนั้น  เธอบอกว่าเธอต้องทนกับความเจ็บปวดทรมาน กับการกระทำต่ำช้าของผู้ชายพวกนั้น ทั้งทารุณ ทรมาน ดิฉันก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาให้คุณเข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนั้นได้ จนวันนึงเราทั้งคู่มีปัญหากัน เพราะว่า เธอกับแฟนของดิฉันมีอะไรกัน ตอนนั้นด้วยอารมณ์โมโหไม่ฟังใคร ดิฉันก็โทษเธอฝ่ายเดียว หาว่าเธอมาให้ท่า มาป้อล้อแฟนของดิฉัน ตอนนั้นชั้นตัดสินใจเลิกคบกับเธอ จริงๆเธอก็หายหน้าไปพักใหญ่นะคะ กว่าจะกลับมาหาดิฉันที่ร้าน เธอไปมาร้านพ่อดิฉันบ่อย เธอบอกกับพ่อชั้นว่า ชั้นเป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจ ตอนนั้นพ่อก็มาบอกให้ๆอภัยเขา  พอตัวชั้นมาคิดไตร่ตรองอีกที ก็เลยพอที่จะให้อภัยเธอได้ หลังจากเราคืนดีกัน เธอก็มาเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆว่า ตอนนี้เธอมีตำรวจเข้ามาจีบเธอหลายคน แต่เธอก็บอกนะคะว่าเธอคบได้ไม่นานสักคน  แต่รู้สึกว่าตอนนั้นมีข่าวว่าตำรวจถูกฆาตกรรมต่อเนื่องหลายศพด้วยนะคะ แต่ตอนนั้นดิฉันย้ายมาอยู่บอสตันได้สักพักแล้ว
“แล้วคุณรู้ข่าวพวกนี้ได้ยังไง”
“ก็ตามอินเทอร์เน็ต แล้วก็มีคุณพ่อเล่าให้ฟังบ้าง
“แล้วตอนนี้คุณยังติดต่ออยู่กับเธอคนนั้นรึเปล่าครับ”
“ไม่ได้ติดต่อกันมาจะครึ่งปีแล้วค่ะ อาจจะด้วยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องงาน เรื่องเวลา”
“งั้นผมขอถามอีกอย่างได้มั้ยครับ…ผมอยากทราบว่า คุณพอที่จะรู้ชื่อผู้ชายที่คบหากับคุณแพรวบ้างมั้ยครับ”
“เธอไม่เคยบอกนะคะ…แต่ว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอ่ะ ชั้นเปิดเข้าอีเมลเก่า เพื่อที่จะเอารายชื่อที่ต้องติดต่องานน่ะค่ะ พอเข้าไปก็มีอีเมลที่คุ้นๆ ปรากฏว่าเป็นเมลล์ของแพรวนี่ล่ะค่ะ ส่งมาคุยกับชั้น”
“คุณพอที่จะบอกเนื้อหาในเมลคร่าวๆให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ”
“มันหลายฉบับน่ะสิคะ แต่เอาที่พีคที่สุดสำหรับชั้นแล้วกันเนอะ…มันเป็นอีเมลที่แนบรูปคู่เธอกับผู้ชายคนนึงมาน่ะค่ะ เธอบอกว่า เขาขอเธอแต่งงาน แต่เธอปฏิเสธไป
“ขอแต่งงาน…ปฏิเสธ ผมรบกวนคุณช่วยส่งรูปนั้นมาให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ ถ้าเป็นไปได้ขอตอนนี้เลย”
 “คุณจะเอาไปทำอะไรคะ อย่าบอกนะ ว่าเป็นผู้ชายที่ตามตื้อยัยนั้นอีกคน”
 “ไม่ใช่ครับ ถ้าจะให้ผมพูดตามตรง คือผมกำลังสงสัยในพฤติกรรมของเพื่อนคุณ ผมเลยอยากได้ข้อมูลอะไรก็ได้ที่สามารถทำให้ผมรู้ว่าข้อสันนิษฐานของผมมันผิดหรือถูก”
งั้นบอกเมลล์ดิชั้นมา” หลังจากที่ผมบอกเมลกับเธอไป ความรู้สึกของผมในตอนนี้ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่จะขอหมอตั้มเป็นแฟนซะอีก ในขณะที่เธอกำลังส่งเธอก็พูดเล่าเรื่องของหมอแพรวให้ผมรู้เป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อมูลสำคัญอะไรเท่าไหร่นัก ไม่ถึง 5 นาที เสียงอีเมลเข้าในโทรศัพท์ผมก็เตือนขึ้น ผมรีบเปิดเมลล์ฉบับนั้นดู ปรากฏเป็นรูปหมอแพรว ที่ใส่ชุดสีแดงอย่างที่พนักงานที่ร้าน Enchanted บอก แถมมุมซ้ายในภาพก็เห็นกระเป๋าใบสีดำอย่างที่พนักงานบอกจริงๆ เธอคือฆาตกร
“แล้วถ้าผมจะให้คุณ Forward mail ทั้งหมดที่เธอส่งให้คุณ จะได้มั้ย”
“ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกคะ เป็นอีเมลที่มีแต่เรื่องรักๆใคร่ๆเดี๋ยวดิชั้นจะส่งให้ รู้สึกว่าฉบับล่าสุดจะส่งมาเมื่อวานนะคะ…แต่ชั้นของเตือนคุณไว้อย่าง ว่าแพรวน่ะ ร้ายกว่าที่คุณคิดไว้มาก”
“ผมต้องขอบคุณๆมาก ยังไง…ผมได้รบกวนคุณอีกแน่ๆ”
“ยินดีค่ะ”แล้วเธอก็ตัดสายไป ในตอนนั้น ผมรีบเดินตามหาหมอตั้มในทันที เดินไปตรงเตาย่างบาร์บีคิว เขาก็ไม่อยู่ โทรไปหาเขาก็ไม่รับสาย
“ตาลเห็นตั้มมั้ย พี่หาตัวเขาไม่เจอ”ผมวิ่งมาหาตาลตรงซุ้ม mocktail
“อ๋อ พี่ตั้มไปเปลี่ยนเสื้อค่ะพี่ชัช พอดีลูกน้องตาลทำน้ำจิ้มหกใส่เสื้อพี่เข……..า”ผมรีบวิ่งไปก่อนที่ตาลจะพูดจบ จากหน้าหาดมาถึงห้องมันก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เมื่อมาถึงผมกลับไม่เจอตั้มอยู่ในห้องหรืออยู่ในบ้านเลย ผมพยายามตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยวิ่งกลับมาที่หน้าหาดอีกครั้งเพื่อตามหา แต่ยังไงจุดไหนก็ไม่เจอ รวมถึงหมอแพรวด้วย
“ตาล…ตั้มไม่อยู่ที่บ้านพัก รวมทั้งในงาน รวมถึงหมอแพรวด้วย”
“เขาอาจจะไปนั่งเล่นตรงไหนกันก็ได้มั้งคะ”
“ไม่มี พี่วิ่งหาจนทั่วแล้ว”ผมร้อนใจมาก แทบคุมสติตัวเองไม่ได้
“งั้น….พล….พล…วิ่งไปดูรถของพี่แพรวทีว่าจอดอยู่รึเปล่า”ในตอนนั้นผมก็ลองวิ่งหาดูอีกที พร้อมกับโทรติดต่อไปด้วย แต่ยังไง เขาก็ไม่รับสายผมสักที พอผมวิ่งมาเจอพล เขาก็บอกว่าไม่พบรถของแพรวจอดอยู่ที่ลานจอด ในตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดได้อย่างเดียวก็คือขอดูกล้องวงจรปิดของทางรีสอร์ท ผมรีบติดต่อดำเนินการให้ไวที่สุด ผมยื่นบัตรราชการทุกบัตรที่ผมมีให้เขาดู จนทางรีสอร์ทยอมเปิดกล้องให้ ในตอนนั้น มีผม ตาล พล ยืนอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ และสิ่งที่ผมไม่ได้คิดมันก็เกิดขึ้น แพรวพยุงร่างตั้มที่ไม่มีสติ ผ่าน lobby ไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ที่ลานจอด ผมควรทำยังไง จัดการกับสติตัวเองยังไง ผมควรเริ่มยังไง
“ตาล…พี่ควรเริ่มตามหาตั้มที่ไหน….จะเริ่มต้นที่ไหน”ตอนนี้ในหัวผมมัน blank ไปหมด
“งั้น เดี๋ยวเรากลับกรุงเทพกันก่อนค่ะ ส่วนเรื่องทางนี้…พล….ตาลฝากด้วย ตาลไม่อยากทำให้งานปาร์ตี้ของน้องๆหมดสนุก งั้นเดี๋ยวตาลวิ่งไปเอากุญแจรถที่บ้านก่อน เเล้วเดี๋ยววเรามาเจอกันที่รถนะคะ” พอผมเรียกสติกลับมาได้ ก็จัดการทำตามที่ตาลได้บอกไว้ ในตอนนั้นผมก็เลยคว้ากระเป๋าของตั้มออกมาด้วย พอตาลมาถึงรถเราก็ออกเดินทางกันทันที โดยที่มีผมเป็นคนขับ
“เเล้วเราจะเอายังไงกันก่อนคะ”
“เดี๋ยวพี่ว่าจะตรงไปโรงพยาบาลก่อน คงจะมีหลักฐานอะไรที่หมอแพรวทิ้งไว้บ้าง”ในตอนนั้นผมรีบโทรหาหมวดกวิณเพื่อให้ช่วยติดตามอะไรบางอย่าง “หมวดกวิณครับ ผมมีเรื่องอยากให้พี่ช่วย”แล้วผมก็บอกรายละเอียดรถของหมอแพรว พร้อมกับหมายเลขทะเบียนที่ผมมองเห็นแค่ เลขตัวหน้ากับอักษรเท่านั้น ในตอนนี้พี่กวิณรับปากที่จะช่วยแต่ตัวผมเองก็เข้าใจว่าไม่ใช่พื้นที่ในการที่จะออกคำสั่งได้ แล้วแถมรายละเอียดของทะเบียนรถหรือข้อมูลก็น้อยมาก
“ตาลไม่เข้าใจว่าพี่แพรวทำแบบนี้ทำไม ตาลไม่คิดมาก่อนว่าพี่แพรวจะเป็นแบบนี้”
“เขามีอะไรที่ตาลยังไม่รู้และนึกไม่ถึงอีกเยอะ” ในหัวผมตอนนี้พยายามหาวิถีทางที่จะตามหาตั้มให้ได้เร็วที่สุด  ในเวลานั้น ผมเหยียบเร็วที่สุดเท่าที่ผมจะเร็วได้
ผมขับรถมาถึงโรงพยาบาลก็ปาไปจะเที่ยงคืนแล้ว โชคดีที่ในคืนนั้น มีหมอแทนเข้าเวรอยู่ ถึงผมจะไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไหร่แต่เวลานี้คงจะใช้อารมณ์ส่วนตัวไม่ได้ แต่ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้เข้าไปทักทายอะไรเขาหรอก ผมตรงไปยังห้องทำงานของหมอแพรวเลยทันที
“ตาล ตาลลองดูว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้เราสืบไปถึงตัวหมอแพรวได้ อะไรที่รู้สึกว่าเป็นไปได้ เอามากองไว้บนโต๊ะให้หมด”แต่จากที่ผมดูแล้วแทบจะไม่มีอะไรที่จะใช้เป็นข้อมูลได้เลยสักอย่าง มีแต่เอกสารทางการแพทย์ ข้อมูลผู้ป่วย แล้วอย่างนี้ผมจะรู้ได้ยังไงว่าหมอแพรวพาตัวตั้มไปที่ไหน เวลาเกือบ ชม.ที่ผ่านไป มันเหมือนจะเสียเปล่า
“แต่ก็ยังเหลือคอนโดที่พี่แพรวอยู่ ที่นั้นอาจจะมีหลักฐานอะไรอยู่บ้าง”
“แล้วเราจะเข้าไปในห้องเขาได้ยัง ถึงให้พี่ใช้หมายค้น แต่มันก็ต้องใช้เวลาขอ และถึงมีเจ้าของห้องไม่อยู่เราก็ทำอะไรไม่ได้”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตาลจัดการเองค่ะ”  แล้วเธอก็หันกลับไปค้นหาของต่ออีกครั้ง
“ตาล…ตามพี่มา” ผมรีบเดินออกจากห้องหมอแพรว ตรงไปยังห้องทำงานของตั้มทันที “พอรู้พาสเวิร์ดที่พี่ชายเราใช้มั้ย” แต่ดูจากที่เห็นเธออาจจะไม่รู้จริงๆ
“เดี๋ยวตาลลองดูค่ะ” ตาลพยายามลองใส่รหัสผ่านที่เธอคิดว่าพี่ชายของเธอจะใช้ แต่กลับไม่เป็นผลเลยสักอัน
“ตั้ม…คุณใช้รหัสอะไร บอกผมหน่อย”ผมคงบ้าไปแล้วที่พูดกับตัวเองแบบนี้
“เราจะทำยังไงดีล่ะคะ จะแจ้งความคนหายตอนนี้ก็ไม่ได้” ทำไมผมไม่รู้อะไรเลย ทำไมผมถึงใจเย็นมาอยู่ได้ตลอดเวลา ทำไมผมไม่จัดการเธอตั้งแต่แรกที่ผมสงสัย  “พี่ชัชคะ…ตาลว่า เราลองรอให้ถึงเช้าก่อนมั้ยคะ บางที พี่แพรวหรือพี่ตั้มอาจจะติดต่อกลับมา บางที…สิ่งที่เราคิดมันอาจจะเลวร้ายเกินไปก็ได้”เธอแตะบ่าปลอบใจผม และมันอาจจะจริงที่ผมใจร้อน แต่ผมแค่กลัว กลัวว่าตั้มจะเป็นอะไรไป ในคืนนั้น ตาลขับรถพาผมกลับมายังคอนโด เธอใจเย็นและสามารถทำให้ผมคล้อยตามเธอไปได้ แต่ยังไงผมก็ยังอดเป็นห่วงตั้มไม่ได้อยู่ดี แต่ตาลก็ไม่ปล่อยใหผมต้องอยู่คนเดียว เธอพยายามชวนผมคุย ไม่ให้ผมเครียด แต่มันก็ได้แค่หน้างานตรงนั้น แต่ความเป็นจริงผมกลับทำมันไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 19)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-09-2019 20:49:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

เผยออกมาแล้ว  ปมที่นางฆ่าเฉพาะตำรวจ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 19)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-09-2019 23:14:21
 :katai1:


หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 19)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 08-09-2019 00:43:57
 :3125: อย่าทำอะไรหมอตั้มนะนังแพรว
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 19)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 08-09-2019 02:56:59
นางแพรวแกจะทำอะไรหมอตั้ม  :angry2:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 20)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 08-09-2019 10:12:16
พาร์ของตั้ม
“ทำไมผมรู้สึกเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด แถมขยับร่างกายไม่ได้อิสระเหมือนเคย แถมรอบๆตัวผมมีแต่กลิ่นเหม็นอับคละคลุ้งไปหมด
“ตื่นแล้วหรอคะตั้ม นอนสลบไปนานเลยเนอะ” เสียงแพรว แต่ทำไมผมหันไปหาเธอตามเสียงไม่ได้ แล้วทำไมผมถึงปิดปากถูกมัดมือมัดเท้าไว้แบบนี้
“ไม่ต้องพยายามหรอกค่ะตั้ม พอดี แพรวมัดไว้แน่นเลย” ผมรู้สึกว่าเธอกำลังเดินมาจากข้างหลังผม “แต่เดี๋ยวแพรวจะแกะผ้าปิดปากออกให้ก่อนนะคะ เราจะได้พูดคุยกันสะดวก” สิ้นเสียงเธอกระชากเทปกาวออกจากปากผม มันทั้งเจ็บทั้งแสบไปหมด
“โถๆๆๆ หน้าแดงปากช้ำไปหมดเลย…เสียดายจัง”
“คุณทำแบบนี้ทำไมแพรว”
“ทำอะไรคะ แพรวยังไม่ได้ทำอะไรเลย แพรวแค่พาคุณมาดูเรือนหอที่แพรวสร้างไว้สำหรับเราสองคน”
“เรือนหอบ้าอะไรของคุณ”
~~พลั่ก~~ เธอเตะเข้ามาที่ปากของผม
“เจ็บมั้ยจ๊ะตั้ม…นี่ยังดีนะ..ที่แพรวยังออมเเรงเอาไว้ ไม่อย่างนั้น ปากตั้มคงเลือดออกมากกว่านี้แน่”เธอลูบไล้ใบหน้าของผม แต่เธอกำลังทำให้ผมขยะปแขยงการกระทำแบบนี้ “แต่เอาเถอะ...นี่ก็สายแล้ว เดี๋ยวแพรวจะเอาข้าวมาให้ทาน…รอแปปนึงนะ” แล้วเธอก็เดินหายออกไปจากห้อง ผมใช้ช่วงเวลานี้พยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่มันก็ทำไม่ได้ แม้กระทั่งจะพลิกตัวไปอีกด้านผมยังทำไม่ได้เลย ยิ่งผมขยับมากเท่าไหร่ เชือกที่มัดผมเอาไว้มันก็บาดผมมากเท่านั้น
“มาแล้วจ้ะ....อาหารเช้า” เธอเดินไปลากเก้าอี้มาวางข้างหน้าผมก่อนที่เธอจะนั่ง “ข้าวผัดหมู เมนูที่ตั้มชอบทาน…เเต่แพรวไม่ป้อนนะ” แพรวก้มลงมาวางกล่องข้าวตรงหน้าผม เธอกำลังเห็นผมเป็นอะไร ผมพยายามที่จะขยับตัวหนี  แต่มันก็ได้แค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น “ไม่เป็นไรหรอกตั้ม แพรวมีเวลาให้ตั้มอีกเยอะ” แล้วเธอก็ลุกขึ้นพร้อมกับใช้เท้าเขี่ยกล่องข้าวมาไว้ใกล้ๆหน้าของผม “เดี๋ยวจะไม่มีแรงซะก่อน” แล้วเธอก็เดินออกไปจากห้องอีกครั้ง  ผมมีเวลาแค่ช่วงนี้เท่านั้นที่จะต้องพยายามเอาเชือกที่เท้าออกก่อนให้ได้ ผมพยายามมองหาสิ่งของที่ผมคิดว่ามันพอจะมีคมที่จะทำให้เชือกของผมนั้นขาดได้ เเต่เหมือนเธอรอบคอบ อุปกรณ์ที่อยู่ภายในห้องมีแต่เพียง กล่องพลาสติก กล่องกระดาษ เศษไม้ ที่วางอยู่เต็มไปหมด มันไม่มีอะไรที่จะช่วยให้ผมรอดจากสถานการณ์นี้ได้เลย ผมเลยพยายามขยับร่างกายตัวเองไปให้ใกล้ผนังที่สุด เพื่อที่จะใช้ผนังนั้นเป็นตัวพยุงให้ผมพอที่จะลุกขึ้นนั่งได้ แต่ผมยิ่งพยายามผมก็ยิ่งเจ็บ ทั้งเชือกที่มัด และหน้าอกของผมที่ใช้ไถไปกับพื้นปูน  และความทุลักทุเลนั้นก็เป็นผล ตอนนี้ผมสามารถพยุงตัวเองให้นั่งได้ ก่อนที่พยุงให้ตัวเองลุกขึ้นยืน  แต่กระจกที่มีอยู่มันดันสูงกว่าตัวผมไปมาก จะไปเลื่อนกล่องมาต่อผมก็ไม่สามารถ ตอนนี้คิดได้อย่างเดียวคือ กระโดด เพื่อที่จะได้รู้ว่า สถานที่ๆผมอยู่ตอนนี้คือที่ไหน
~~~พลั่ก~~~
แพรวเอาไม้มาฟาดที่ขาของผม ทำเอาผมทรุดลงทันทีด้วยความเจ็บปวดในตอนนั้น ถึงผมจะร้องเจ็บปวดทรมานยัง ตอนนี้มันก็คงไม่มีความหมายสำหรับเธอ
“แพรวบอกแล้วไงค่ะว่าอย่าพยายาม…ทำไมชอบให้แพรวใจร้าย”
“ขาผม”
“แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวก็หายเจ็บ”เธอเอามือจิกหัวผมแล้วดึงขึ้นมา”อย่าคิดจะตุกติก…ไม่งั้น…ตาย”เธอผลักหัวผมลง หลังจากนี้ผมจะเป็นยังไง จะรอดมีชีวิตกลับไปเจอหน้าทุกคนมั้ย”

พาร์ทของชัช
“หมวดชัชครับ มีมอเตอร์ไซค์เอาพัสดุมาส่งให้ครับ” ผมหยิบมาดู มันก็จ่าหน้าถึงผมจริงๆ แต่ไม่มีชื่อผู้ส่ง
“ขอบคุณมาก….”ก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่มีพัสดุส่งมาถึงผม แล้วระบุหน้ากล่องมาด้วยว่า “เปิดช้าระวังเน่า” มันเป็นซองเอกสารที่มีกันกระแทกบุอยู่ภายใน  “ตาล…ถ้าพร้อมเมื่อไหร่บอกพี่นะ เราจะได้ออกเดินทาง” ตอนนี้น้องสาวของตั้มก็อยู่กับผม เธอก็คงเครียดมากเหมือนกัน แต่ซึ่งยังดีที่ตอนนี้เธอยังสามารถที่จะทานอะไรได้บ้าง ผมเลยไม่อยากเร่งเร้าอะไร พอแกะซอง สิ่งที่ผมหยิบออกมาคือ ไอแพด แถมก็ดูไม่ต่างอะไรจากทั่วๆไป แต่ที่แปลก ปุ่ม เปิด-ปิด กลับใช้ปุ่มโฮมเป็นตัวสั่งงานแทน เมื่อผมลองเปิด ก็ปรากฏภาพของตั้มที่ถูกมัดและนอนกองอยู่ที่พื้นห้อง
“.ต….ตั้ม” เธอเห็นผมแปลกเลยเกินเข้ามาดู เธอส่งเสียงร้องกรี้ดจนทำให้ตำรวจที่อยู่ข้างนอกเปิดเข้ามาด้วยความตกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าครับผู้หมวด”
“เอ่อ…พอดีน้องผม….ตกใจคลิปนิดหน่อย …ไม่มีอะไร” ในตอนนั้นผมรีบโทรหาพี่กวินให้เข้ามาที่สน.ทันที ในระหว่างที่รอ การถ่ายทอดสดตรงนั้นก็ยังดำเนินต่อไป ตั้มยังนอนอยู่กับที่ และดูเจ็บปวดอะไรบางอย่างแต่ผมบอกไม่ถูก ผมลองพยายามกดออกเพื่อเข้าสู่เมนูอื่น แต่ไม่สามารถทำได้
“ว่าไงชัช….ไหนพี่ขอดูหน่อย”พี่กวิณมาถึงก็ไม่รอช้า รีบเข้ามาดูการถ่ายทอดสดนี้ “ไอแพดเครื่องนี้ถูกแปลง มันไม่สามารถทำอะไรได้เลย.ตอนนี้…แบตมีอยู่ 93% เต็มที่ไม่เกิน 10 ชั่วโมงถ้าเราเปิดต่อเนื่อง” พี่กวิณมีความรู้ด้านไอทีพอสมควร “มันเกิดเหตุอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆถึงมีเรื่องแบบนี้” ในตอนนั้นเอง ภาพที่ปรากฏพบว่า มีผู้หญิงคนนึง เดินเข้ามาพร้อมมีดเล่มนึงที่อยู่ในมือ
“นั้นมันมีดผ่าตัดนี่พี่ชัช”ตาลร้องบอกขึ้น แล้วหน้าที่ปรากฏในนั้นนอกจากหน้าของตั้มแล้ว ยังมีหมอแพรวร่วมเป็นตัวแสดงอีกคน ภาพที่เห็น เธอกำลังถอดรองเท้าที่ตั้มได้ใส่อยู่ออก ก่อนที่จะหยิบมีดที่วางอยู่ที่พื้นขึ้นมาถือไว้ แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ แล้วเธอก็ใช้มีดเล่มนั้น เฉือนไปที่เอ็นร้อยหวายของตั้มข้างขวา ตาลที่ได้เห็นภาพเธอตกใจกรี๊ดเสียงดังออกมา ในตอนนี้ มีนายตำรวจวิ่งเข้ามาเพราะเสียงกรี๊ดของตาลหลายนาย และได้เห็นตอนที่แพรวกำลังเอามีดเฉือนเอ็นร้อยหวายข้างที่สองของตั้ม ตอนนี้ ผมเหมือนคนกำลังจะเป็นบ้า
“ใจเย็นชัช…เอ่อ…จ่าฤทธิ์ รีบโทรตามหน่วยไอทีมาที่นี่ด่วน บอกว่าเป็นคำสั่งจากผม…ส่วนจ่าสรรค์ ติดต่อหน่วยกำลังเสริมมาให้ผม เราต้องเร่งทำคดีนี้” พี่กวิณรีบลงคำสั่ง “ ไอ้ชัช แกรู้มั้ย ว่าที่ๆกำลังถ่ายทอดสดนี่อยู่ที่ไหน”
“ผม...ผมไม่รู้….”หมอแพรวกำลังเล่นบ้าอะไรอยู่ “ผมฝากพี่ติดตามสถานการณ์ต่อที ผมต้องออกไปตามหาเขา” ผมรีบเปิดลิ้นชัก และหยิบมือถืออีกเครื่องนึงขึ้นมา “ผมรบกวนพี่ คอยวีดีโอเหตุการณ์นี้ให้ผมด้วย…”ผมรีบกดโทรวีดีโอคอลเข้ามือถือผมทันที ผมฝากพี่ด้วยนะ…ไป…ตาล” ผมรีบวิ่งออกมาจากห้องโดยมีตาลตามหลังมาติดๆ เราทั้งคู่ตรงไปยังรถของผมที่จอดไว้ ผมสตาร์ทและรีบเหยียบคันเร่งทันที สถานที่แรกที่ผมจะไป คือห้องทำงานของหมอแพรว ถึงแม้เมื่อวานเราจะไม่เจออะไร แต่ใช่ว่าเราจะหามันทั่วแล้ว ในตอนนั้นผมเอามือถือขึ้นมาวางที่แท่นตั้ง เพื่อที่จะดูสถานการณ์ real time แต่ก็มีเรื่องนึงผุดขึ้นมาในหัวผม
“ตาล พี่รบกวนเอาโทรศัพท์ตาลเข้าอีเมลพี่ที เดี๋ยวนี้เลย” ตาลรีบทำตาม ผมรีบบอกเมล บอกพาสเวิร์ดให้กับเธอ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“โอเค…ตาลดูให้พี่หน่อยว่ามี forward mail มาถึงพี่บ้างมั้ย”
“แปปนึงนะคะ..1…2…3…4….”ถ้าทางจะเยอะพอสมควร “ มี 28 ฉบับค่ะ”
“ตาลอ่านทุกฉบับให้พี่ฟังที ห้ามข้ามแม้แต่ตัวเดียว” ตาลรับคำและเปิดอ่านในทันที ตอนนี้ หูผมที่กำลังฟัง ได้ยินแต่เรื่องพร่ำพรรณนาถึงความรัก ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเขียนไปมันมีความจริงอยู่ในนั้นแค่ไหน และสิ่งที่ทำให้ผมทรมาน คือตั้มที่กำลังนอนนิ่งด้วยความเจ็บปวด เลือดของเขาไหลไม่หยุด และเขากำลังร้องไห้” ตอนนี้ภาพในหัวของผมมันกำลังประมวลผลหลายสิ่งหลายอย่าง ประจวบเหมาะกับอัเมลที่ตาลกำลังอ่าน และสิ่งที่คุณเปรมมิกาได้เล่าเอาไว้
“ฉบับที่ 23 นี่เปรม…วันนี้ฉันมีเรื่องจะมาเล่าให้เธอฟัง เธอจำคนที่ฉันบอกเมื่อเมลก่อนได้มั้ย วันนี้เขามาขอชั้นแต่งงาน ทำเซอร์ไพร์ส เอาแหวนใส่มาใน โมจิหยดน้ำ ที่ข้างในมีดอกนางหญาเสือโคร่งกับดอกกัลปพฤกษ์ที่ชั้นชอบด้วยละ เขาทำโรแมนติกมาก แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบรับคำขอเขาหรอกนะ ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร คงจะมีอยู่เหตุผลเดียวล่ะมั้ง เพราะคนพวกนั้น ไม่ใช่….ตั้ม”
“อ่านฉบับต่อไปเลยตาล”
“ฉบับที่ 24 ผู้ชายที่ชั้นชอบ ชั้นรู้สึกว่าเขาเริ่มมีความรัก แต่ไม่ใช่กับชั้น  ตอนนี้เขาสนิทอยู่กับตำรวจคนนึง  ท่าทางดูสนิทสนมกันมาก ชั้นไม่ชอบเอาซะเลย สงสัยชั้นต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่เรื่องจะบานปลาย เห็นหน้าตำรวจคนนั้นชั้นรู้สึกอยากจะ……”
ฉบับที่ 25 เธอไม่เห็นตอบอีเมลชั้นกลับเลย  แต่ก็พอเข้าใจว่าเธอยุ่ง นี่ วันนี้ตำรวจคนนั้นนัดชั้นไปคุยที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง เขาพูดจาไม่เข้าหูชั้นมากๆ ชั้นแทบจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ แล้วก็ไม่อยู่จริงๆ ชั้นเอากาแฟของชั้นสาดใส่เขา สะใจชะมัด อยากให้เธอเห็นเหตุการณ์นี้จัง”
ฉบับที่ 26 ชั้นชักจะทนไม่ไหวแล้วเปรม ชั้นเห็นเขาจูบกันที่ลานจอดรถ  ไอ้ตำรวจคนนั้นมันผิดเพศ และตอนนี้มันกำลังทำให้คนที่ชั้นรักผิดเพศไปกับมัน ชั้นจะจัดการมันยังไงดีเปรม เธอตอบชั้นหน่อย ชั้นจะบ้าตายอยู่แล้ว อยากจะฆ่าไอ้ตำรวจนั่นให้ตายไปซะพ้นๆ
ฉบับที่ 27 ตอนเช้าชั้นเห็นตั้มเดินเข้ามาด้วยท่าทีแปลกๆ เขาบอกกับพยาบาลพวกนั้นว่าเขาเจ็บขา แต่อาการมันไม่ใช่ เขาสองคนมีอะไรกันมา ตั้มทำแบบนี้กับชั้นได้ยังไง ชั้นตั้งใจทำงาน เก็บเงิน มาตั้งหลายปี เพื่อเรือนหอของชั้นกับเขา ชั้นตกแต่งบ้านในสิ่งที่เขาชอบ สีที่เขาชอบ ชั้นอุตส่าหาที่ทางที่จะทำให้เราสองคนใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข เขาทรยศชั้น เพราะไอ้ตำรวจบ้านั้น ชั้นจะต้องรีบจัดการเขา เขาต้องตาย
ฉบับที่ 28 วันนี้ชั้นเห็นภาพที่ชั้นทนไม่ได้ เขาทั้งคู่หอมเเก้มจูบปากกัน ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ ทำไมหน้าด้านกันแบบนี้ ชั้นจะลงมือแยกเขากับไอ้ตำรวจนั้นให้เร็วที่สุด แล้วเดี๋ยวชั้นจะพาเขาไปอยู่ที่เรือนหอของเรา แต่ถึงชั้นจะพาเขาไป เขาก็ต้องไถ่โทษที่ ทำร้ายจิตใจชั้นมานาน ชั้นจะสั่งสอนให้สาสม เขาจะได้ไม่กล้าทำร้ายจิตใจชั้นอีก มันจะต้องมีเจ็บตัวกันบ้าง ยิ่งเจ็บมากจะได้ยิ่งจดจำไว้มากๆ…..ตั้งแต่อ่านมา ยิ่งอ่านยิ่งโรคจิต ไม่น่าเชื่อว่าพี่ตั้มจะรู้จักกับผู้หญิงแบบนี้”
นี่มันบ้าไปแล้ว เขาบอกทุกอย่างกับผู้หญิงคนนั้น เธอเข้าข่ายโรคจิตเข้าไปทุกที “ตาล…พี่เปลี่ยนใจแล้ว บอกทางไปคอนโดหมอแพรวที” ตาลรีบจัดการบอกเส้นทางผมอย่างไม่อิดออด โชคดีที่คอนโดหมอแพรวอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไหร่ เมื่อมาถึง คอนโดที่ว่าเป็นเพียง service apartment  ธรรมดา  ผมไม่รอช้า รีบตรงไปยังห้องสำนักงาน ที่มีชายสูงอายุนั่งดูทีวีอยู่
“ขอโทษครับ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย” เเก่เพ่งตามองผมอยู่นาน
“ช่วยเรื่องอะไร”
“ผมจะขอตรวจค้นห้องพักห้อง xxx เพราะมีสายรายงานว่าเป็นที่กบดานของคนร้าย ไม่ทราบว่าคุณลุงพอที่จะช่วยเปิดห้องให้ผมได้มั้ย”
“ลื้ออย่ามาซี้ซั้วน่า หอพักอั๊วไม่มีคนแบบนั้นอยู่หรอก”
“แต่ถ้าผมตรวจสอบแล้วพบ ลุงก็จะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด และให้ที่พักพิงกับผู้ต้องสงสัย หลายกระทงนะครับ… “ แกเริ่มนิ่งขึ้น “แล้วที่ผมมาแค่สองคน เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงของ อพาร์ทเม้นลุงต้องเสีย ว่ายังไงครับ พร้อมให้ความร่วมมือหรือยัง” หวังว่ามันจะได้ผล
“บอกเลขห้องมา แล้วรีบไปจัดการให้เรียบร้อยเลย” ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ผล  ลุงแกยื่นกุญแจให้กับผม “อย่าทำอะไรเสียงดังจนทำให้ลูกบ้านอั๊วตกใจ เข้าใจมั้ย”
ผมไม่รอช้าที่จะรีบขึ้นไปให้ถึงห้องเร็วที่สุด การค้นหาเริ่มดำเนินขึ้น แต่ไม่น่าเชื่อ ว่าภายในห้องพักจะมีแต่รูปของหมอตั้มเต็มไปหมด แม้กระทั่งชุดที่หมอตั้มใส่ทำงาน “ตอนที่ตาลมา ตอนนั้นยังไม่มีอะไรแบบนี้เลยนะคะ”
“ก็คงไม่แปลกอะไรที่เขาจะไม่อยากให้คนอื่นรู้”
~~ชัชวิน…ชัชวิน~~ เสียงดังมากจากมือถือของผม “เดี๋ยวพี่จะปิดแทปเลตนี้ก่อน  แล้วทุกๆสิบนาทีพี่จะเปิดใหม่ ตอนนี้ แบตฯลดเหลือ 70 %แล้ว
“รับทราบครับพี่ …แต่ถ้าพี่เปิด…รบกวนโทรหาผมด้วยนะครับ” พอวางสายผมก็เริ่มทำการสำรวจต่อ ผมเริ่มจากโต๊ะทำงานของเธอ มีทุกอย่างคล้ายๆกันไม่ว่าจะที่ทำงานหรือห้องของเธอ
“พี่ชัชค่ะ…พี่ชัช”เสียงตาลดังออกมา เหมือนจะดังออกมาจากห้องนอน “พี่ชัช…ลองมาอ่านอะไรนี่สิคะ”มันคือ diary  ที่มีเขียนไว้ไม่กี่หน้า ส่วนที่เหลือมีแต่ดอกไม้ที่ถูกทับให้แห้ง “นี่มันดอกซากุระนี่คะ”
“ไม่ใช่…นี่มันดอกพญาเสือโคร่ง กับดอกกัลปพฤกษ์…”หมอแพรวมีอะไรฝังใจกับดอกไม้พวกนี้ ทำไมถึงมีมันอยู่ทุกที่ “ตาล พี่ว่าเรา ต้องช่วยกัน… หาว่า ต้นพญาเสือโคร่งมันมีปลูกที่ไหนบ้าง และจำในเมลที่ตาลอ่านได้มั้ย ว่าหมอแพรวลงทุนเก็บเงินซื้อบ้าน แปลว่า สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลายที่มีต้นไม้พวกนี้ ตัดทิ้งไปได้เลย”
“เดี๋ยวตาลลองหาดูนะคะ”ในตอนนั้นเราทั้งคู่ช่วยกันค้นหาถึงสถานที่ที่ต้นไม้ชนิดนี้ปลูกอยู่ แต่ก็พบว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซะส่วนใหญ่ ผมเลยให้ตาลจัดการสืบค้นต่อ ส่วนผมก็กลับมาสำรวจห้องหมอแพรวตามเดิม  จนเดินมาเห็นตู้ๆหนึงที่มีแม่กุญแจล็อกอยู่ 2 ตัว ถ้าล็อกมากขนาดนี้มันคงต้องมีอะไรให้ผมรู้บ้างแล้วล่ะ ผมเลยเดินออกมาที่โต๊ะทำงานของเขาเพื่อที่จะหาคลิปหนีบกระดาษมาเป็นอุปกรณ์ปลดล็อกกุญแจในครั้งนี้ แล้วมันก็ใช่ว่าจะหายากซะเมื่อไหร่  ผมเลยจัดการตามวิธีที่ผมได้พอรู้มา ก็ใช้เวลาสักพักเลยล่ะถึงจะสำเร็จ และก็เหมือนเป็นความโชคดีของผมด้วยแหละที่กุญแจที่ใช้เป็นกุญแจแบบรุ่นเก่า ถ้าเป็นแบบรุ่นปัจจุบันผมคงหมดปัญญาไปแล้ว พอเปิดออกมาได้ ในตู้ก็มีอัลบั้มรูปอยู่เต็มไปหมด เอกสาร รวมถึงข้าวของเงินทองของเธอ

~~~เสียงวีดีโอคอล~~~


“ชัชแกรีบดูซะ”เสียงของพี่วินพูดขึ้นมา “ภาพที่ผมเห็น ตอนนี่ตั้มกำลังโดนหมอแพรวเอาอะไรยัดเข้าปากไม่รู้ แต่หมอตั้มพยายามบ้วนออก และสิ่งที่ทำให้ผมยิ่งตกใจ หมอแพรวเหยียบเข้าไปที่แผลตรงเท้าของตั้ม น้ำตาของผมมันเอ่อคลอมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ทำไมตอนนี้ผมถึงยังช่วยอะไรตั้มไม่ได้ ผมพยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่ตอนนี้น้ำตาของผมมันจะต้องรีบถูกเช็ดออก ผมจะเอาความอ่อนแอมาทำให้ผมหมดแรงไม่ได้ ผมเลยวางโทรศัพท์ แล้วกลับมาสนใจของที่อยู่ในตู้นั้นอีกครั้งหนึ่ง ผมหยิบอัลบั้มรูปกับเอกสารออกมา ในอัลบั้มก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญนักมีแต่รูปของหมอแพรวตอนไปเที่ยวกับรูปที่ดูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะพาเราเชื่อมโยงไปยังแหล่งกบดานเท่าไหร่ ผมเลยยกหน้าที่นี้ให้ตาลช่วยดู ส่วนเอกสาร ก็เป็นเอกสารการกู้ยืมต่างๆของธนาคาร
“ตาล…ตาลคิดว่าถ้าเรากลับไปที่ห้องทำงานของหมอแพรวอีกครั้ง เราจะได้อะไรมั้ย” หัวผมตื้อไปหมด
“ตาลก็ตอบพี่ไม่ได้ เพราะเมื่อวานเรารื้อค้นทุกอย่างหมดแล้ว…เว้นแต่…คอมพิวเตอร์” ใช่ คอมพิวเตอร์ ผมเลยออกไปที่โต๊ะทำงานข้างนอกอีกครั้ง แลปทอปเครื่องนี้ที่วางอยู่มันต้องมีอะไรบ้างแน่ๆ  ผมรีบกดเปิดเครื่องทันที ปรากฏว่าแลปทอปเครื่องนี้อยู่ในโหมด Hibernate งานทุกอย่างที่หมอแพรวทำไว้ปรากฏขึ้นมาหมด ผมเลยกดซ่อน tab ทั้งหมด เพื่อจะได้เห็นหน้าจอหลัก พอหน้าต่างสุดท้ายปิดลงสิ่งที่ผมเห็นบนหน้าจอก็คือ บ้านหลังโตหลังหนึ่งที่มีต้นพญาเสือโคร่งกับต้นกัลปพฤกษ์ล้อมรอบ
“พี่วินครับ…พี่วินอยู่มั้ย…”
“ว่าไงชัช มีอะไรให้พี่ช่วย”
“ผมรบกวนให้พี่ช่วยหาใครก็ได้ที่พอจะรู้เรื่องบ้านหรือที่ทาง ผมอยากทราบว่ามีที่ไหนบ้างที่สามารถปลูกบ้านแล้วปลูกต้นพญาเสือโคร่งกับต้นกัลปพฤกษ์ไว้รวมกันได้”
“มันจะมีหรอวะชัช ต้นไม้พวกนี้เขาไม่นิยมปลูกในบ้านกันเท่าไหร่”
“แต่ถ้ามีพื้นที่มากพอหรือเป็นโครงการที่หมู่บ้านๆนั้นๆจัดทำขึ้นมันก็ไม่แน่ใช่มั้ยพี่ ยังไงผมรบกวนพี่ทีนะ ถ้าได้เรื่องยังไงรีบบอกผมด่วนเลยนะพี่”

ผมก็รีบถ่ายภาพบ้านหลังนั้นเก็บเอาไว้เหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้มันจะทำให้ผมใกล้ความจริงหรือไกลจากความจริงก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้จะมานั่งคิดวิกตกอะไรมันก็คงไม่เป็นผล ผมก็เปิดดูไฟล์แทบทุกแฟ้มที่มีอยู่ แต่ก็เหมือนคว้าได้แต่ลม มันยิ่งทำให้ผมมองหาทางที่จะสืบต่อไปแทบจะไม่เจอ
“ทำอะไรตาล” เห็นเธอเดินถ่ายรูปไปทั่ว
“ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ค่ะ เผื่อเอาไปใช้อะไรทีหลังได้”เธอก็ดูมีทักษะดีไม่เบา เก็บเล็กเก็บน้อยในส่วนที่ผมมองข้ามไป
“เดี๋ยวพี่ว่าพี่จะกลับไปโรงพยาบาล ตาลจะไปด้วยกันรึเปล่า?”
“คงไม่ดีกว่าค่ะ …ตาลว่าตาลจะไปหาเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ดู เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรที่พี่ชัชอยากรู้บ้าง พอดีตาลได้ยินที่พี่คุยน่ะค่ะ”
“งั้นบอกทางพี่มาเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ชัช ตาลไม่อยากให้พี่เหนื่อย แค่นี้มันก็แย่พอสำหรับพี่แล้ว”
เราทั้งคู่ก็ต่างช่วยกันเก็บของที่รื้อออกมากลับเข้าที่ ก่อนที่เราจะออกกันมา แต่ผมก็ไม่ได้ล็อคห้องของเธอเอาไว้หรอก เผื่อบางทีผมอาจจะต้องกลับมา และสุดท้ายตาลก็ให้ผมส่งเธอแค่ที่หน้าปากซอย ก่อนที่จะโบกเรียกแท๊กซี่ขึ้นต่อไป ตอนนี้ก็เหลือเพียงแต่ผม ผมที่ดูไร้สติและความสามารถไปถนัดตา มันทรมาน ทรมานจนพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ผมแม่งโคตรเฮงซวยเลย

หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 20)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-09-2019 12:21:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

นางโหดแท้  เป็นหมอได้ไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 20)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 08-09-2019 14:48:25
นางเป็นบ้าไปแล้ว โรคจิตมาก :m31:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 19)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 08-09-2019 15:55:42
แพรวร้ายมากหมอตั้มเป็นยังไงบ้างแล้วนะบีบหัวใจมากเลยอ่ะ​ สงสารหมอตั้มโดนตัดเอ็นแบบนั้นจะพิการมั้ยคะ​ หมวดชัชขอให้เจอทางช่วยหมอตั้มเร็วๆนะคะสงสารหมอ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 20)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-09-2019 21:48:52
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 09-09-2019 09:39:38
พาร์ทของตั้ม
เรี่ยวแรงของผมมันเริ่มหมดไปทุกทีๆแม้แต่แค่จะลืมตา ผมยังทำไม่ได้เลย ตอนนี้…ในห้อง มีแต่กลิ่นคาวเลือดของผมที่ไหลอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ใช่ว่าจะเจอแต่โชคร้ายซะทีเดียว เลือดจากบาดแผลของผมตอนนี้ มันเริ่มออกน้อยลงกว่าตอนแรกแล้ว แต่อีกไม่นานถ้าเธอยังไม่เห็นใจผม ผมอาจจะต้องนอนตายอยู่ตรงนี้ก็ได้ แต่ดูเธอคงจะอ่านความคิดของผมได้ เธอเดินมาหยุดตรงหน้าผม ก่อนที่จะลงมือเอาผ้าในมือพันแผลที่เท้า
“รู้รึเปล่า…ว่าตอนที่แพรวตัดเอ็นร้อยหวายของตั้ม ไอ้ตำรวจปากกล้าแฟนของตั้ม มันคงได้เห็นความทรมานและความสะใจของแพรวไปพร้อมๆกัน แพรวสะใจมากเลยรู้มั้ย”
“แพรว…พูด…อะไร”
“ตั้มลองมองสิ” เธอชี้ให้ดูที่มุมห้องทั้งสองฝั่ง “มันออนไลน์สดๆเลยล่ะ ชมฟรี…ไม่ต้องเสียค่าบัตร 555” เสียงของแพรวมันเย็นยะเยือก ดูไร้ความรู้สึกไปแล้ว “แต่ก็ไม่รู้นะว่า ว่าแทปเลตที่แพรวส่งไปให้ จะแบตหมดก่อน หรือว่า ตั้ม…จะตายซะก่อน 555” ตอนนี้ผมคงเป็นแค่เครื่องระบายอารมณ์ของเธอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอโยนเศษผ้าที่เหลือใส่หน้าผม
“นี่คือคนที่รักกัน มอบให้กัน…ใช่มั้ย” เธอนิ่ง “นี่แพรวคนที่ตั้มรู้จัก…ใช่มั้ย” ผมใช้เสียงเท่าที่ผมจะมี เธอหันหลังกลับมา นี่งลงข้างหน้าผมอีกครั้ง
“รักหรอ…ตั้มมองเห็นสิ่งนั้นในตัวแพรวด้วยหรอ…เป็นสิบปีที่แพรวพยายามทำให้ตั้มเห็น แต่ตั้มกลับมองข้าม” เธอดึงหัวของผมขึ้นมา “แต่กลับไปรักกับไอ้ตำรวจนั้น ตั้มทำร้ายแพรวมาก”น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้างจนน่ากลัว
“แพรวไม่ได้รักตั้มหรอก…เปล่าเลย…เพราะความรักที่ตั้มรู้จัก มันไม่ทำให้ใครต้องเป็นแบบนี้”
“โลกสวยมันใช้ในชีวิตจริงไม่ได้หรอกตั้ม…ความจริงมันโหดร้าย”
“แต่มันก็มาจากตัวเราทั้งนั้น....และตั้มว่า ชีวิตนี้ แพรวจะไม่เหลือใคร ถ้าไม่ติดคุกจนตาย.....ก็ถูกฆ่าจนตาย”เธอดึงหัวผมแรงยิ่งขึ้น
“แต่แพรวว่า ตั้ม…ไม่ได้เห็นแพรวตายหรอก จริงมั้ย” เธอผลักหัวผมลง “ความระทึกยังเหลือให้ตั้มอีกเยอะ เตรียมตัวไว้” แล้วเธอก็เดินออกไป ผมไม่ได้ตั้งใจยั่วโมโหเธอหรอก แต่ผมแค่อยากให้เธอเข้าใจ เข้าใจว่าความรักที่เธอมีมันไม่ใช่ความหมายแบบที่เธอคิดแบบนี้ แต่เรื่องทั้งหมด มันอาจจะเกิดมาจากผมคนเดียวก็ได้


พาร์ทของชัช

ผมมาถึงโรงพยาบาลก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ตอนนี้ที่พึ่งของผมเพียงคนเดียวก็คือ ปวีณ เพราะมันคือคนเดียว ที่รู้ว่าอะไรคืออะไร
“เป็นไงไอ้ชัช สบายดีป่ะวะ ไม่แวะมาหากูเลย” ผมได้แต่มองหน้า ตอนนี้มันจุกอกผมไปหมด ไม่รู้จะพูดยังไง
“ฟ้า…ฟ้าลงไปซื้อเครื่องดื่มมาหน่อยสิ มันมาทั้งทีต้องเลี้ยงอะไรมันหน่อย”มันคงดูออก “เกิดไรขึ้นวะ…”
“ตั้ม ถูกหมอแพรวจับตัวไป ตอนนี้สาหัส”
“สาหัส….แปลว่า…มึงรู้ว่าอยู่ที่ไหน หรือว่า…”
“ไม่….หมอแพรว ส่งสัญญาณภาพมาทางแทปเลตที่ส่งมาให้กู….กู พยายามทุกอย่างแล้วเว้ย แต่กูไม่รู้ว่าตั้มอยู่ที่ไหน”ผมนั่งลงข้างๆมัน ผมกำลังจะเก็บมันไว้ไม่อยู่
“ใจเย็นๆเว้ย…แล้วจากภาพที่มึงเห็น มันบอกอะไรเกี่ยวกับสถานที่ที่หมอตั้มอยู่ป่ะวะ”
“ไม่…เป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา มองไม่เห็นบรรยากาศข้างนอกด้วยซ้ำ…แต่..มันมีเบาะแสอยู่อย่างนึง กูพึ่งไปค้นห้องพักของหมอแพรวมา กูเจอภาพบ้านของเขา ที่มีต้นนางพญาเสือโคร่งกับกัลปพฤกษ์ล้อมรอบไปหมด แต่กูพยายามหาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน”
“มึงคิดว่า มันเป็นหมู่บ้าน หรือบ้านพักตากอากาศทั่วไป”
“กูว่ามันน่าจะเป็นหมู่บ้าน”
“งั้นมึงรอแปป” มันเอื้อมไปหยิบมือถือบนโต๊ะข้างเตียง แล้วกดโทรหาใครคนหนึ่ง “ไอ้กร กูปวีณนะ” มันเปิดลำโพง “กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยหน่อย มึงลองสอบถามหรือค้นหาได้ป่ะวะ ว่าหมู่บ้านไหนที่ตกแต่งหมู่บ้านด้วยต้นนางพญาเสือโคร่งกับกัลปพฤกษ์บ้าง”
“โห มึงไม่เคยมีงานง่ายๆมาให้กูเลย เเล้วกูจะรู้มั้ยวะเนี้ย”
“มึงก็ลองจำกัดขอบเขตดูดิ…ไม่มึงก็ถามในวงการมึงก็ได้ มันไม่น่ายากป่ะวะ”
“แค่พูดมันง่ายไงมึง…เออ กูจะถามให้ แต่กูก็ไม่เคยได้ยินโครงการแบบนี้ป่ะวะ..ถ้าแม่งมีจริง กูว่าคงเเพงเหี้ยเลย”
“ช่างแม่งเหอะจะราคาเท่าไหร่ก็ แต่กูขอแค่ได้ข้อมูลเร็วที่สุด ภายใน 1 ชม ได้เลยยิ่งดี
“เป็นเพื่อนมึงนี่…ต้องมีพลังวิเศษทุกคนป่ะวะ
“กูฝากด้วย” มันกดวางสายทันที “มันทำงานอยู่ Real Estate ยักษ์ใหญ่พอสมควร กูว่า…ไม่น่าพลาด”
~~เสียงวีดีโอคอล~~
 แต่คราวนี้พี่กวิณไม่พูดอะไร แต่กลับให้ดูภาพออนไลน์ทันที ภาพที่เห็น หมอแพรวกำลังตักข้าวยัดใส่ปากของตั้มอย่างไม่ปรานีปราสัย แถมยังกรอกน้ำใส่ปากจนหมอตั้มสำลัก ผมยื่นโทรศัพท์ให้ปวีณดู เพราะตัวผมเองก็ทนเห็นภาพแบบนี้ไม่ไหว ไอ้ปวีณก็คงไม่ต่างกัน มันวางโทรศัพท์ผมแล้วหยิบโทรศัพท์มันขึ้นมากดโทรทันที
“ไอ้กร…มึงได้คำตอบยังวะ ทำไมมันช้านักอ่ะ” มันดูโมโห “คือกูต้องการเดี๋ยวนี้เว้ย แฟนเพื่อนกูกำลังแย่มึงเข้าใจป่ะวะ”
~~~เสียงโทรศัพท์ผม~~
“ว่าไงตาล”
“เพื่อนตาลพอทราบแล้วว่าที่ที่เราเห็นคือที่ไหน แต่ไม่คอนเฟิร์มนะคะ เป็นหมู่บ้านหรูในเขาใหญ่ ชื่อว่า civilai hill khao yai เดี๋ยวตาลจะส่งแผนที่ไปให้”
“ไม่เป็นไรตาล เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง”ผมรีบวางสาย “ไอ้วีณ ถ้าเพื่อนมึงโทรมาบอกชื่อหมู่บ้านเมื่อไหร่ รีบโทรบอกกูทันที” ผมก็รีบวิ่งออกไป สวนกับภรรยาของไอ้วีณพอดี แต่ผมก็ไม่ได้ร่ำลาอะไร ผมรีบค้นหาที่อยู่ในอินเทอร์เนต ถึงสถานที่ที่ตาลได้บอกไว้ ก่อนที่จะรีบเหยียบคันเร่งออกไป ในเวลานั้นผมพยายามหาทางไปให้ได้เร็วที่สุด ถูกผิดผมไม่สนใจแล้ว หลังจากที่ผมหลุดจากการจราจรและพาตัวเองขึ้นทางด่วนได้ ตอนนั้นผมเหยียบไม่คิดชีวิต เพราะถ้าให้ผมไปเจ็บแทนเขามันคงจะดีกว่าการที่ผมต้องมาทนเห็นคนที่ผมรักเจ็บปวดมากขนาดนี้ ยิ่งตอนนี้ผมรู้ว่าจุดหมายคือที่ไหน มันยิ่งทำให้ผมใจร้อน และระงับตัวเองไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น

…………………………………

~~เสียงโทรศัพท์ผม~~
“เออไอ้ชัช ได้ชื่อหมู่บ้านแล้วเว้ย ชื่อว่า Civilai Hill Khao Yai”
“ขอบใจที่ช่วยกูยืนยัน” แล้วผมก็ตัดสายมันไป  ตอนนี้ผมขับมาถึงสหกรณ์โคนมปากช่องแล้ว อีกเพียงแค่ไม่ไกล
~~เสียงโทรศัพท์~~ “พี่กวิณ”
“ว่าไงครับพี่”
“พี่ว่า…แกคงรู้แล้วว่าคนร้ายกบดานอยู่ที่ไหน…ปวีณโทรบอกพี่แล้ว แล้วมันก็ตรงกับที่พี่ให้เจ้าหน้าที่ช่วยค้นหาให้”
“ครับพี่…ขอบคุณพี่มากนะครับ”
“พี่กำลังติดต่อ ทางสภ.หมูสี เพื่อขอกำลังเสริมให้ แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย…แล้ว มีอีกเรื่องที่แกควรรู้ บ้านเลขที่ของหมอแพรวในหมู่บ้านนั้น…หวังว่า คงไม่ช้าเกินไป” พี่วินบอกบ้านเลขที่กับผมก่อนตัดสายไป คุณเจอผมแน่ หมอแพรว
ผมขับรถมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านอย่างที่ได้รับข้อมูลมา และมันก็มีต้นพญาเสือโคร่งอยู่เต็มไปหมดจริงๆ ผมติดต่อกับ รปภ.หน้าหมู่บ้านให้ดูปกติมากที่สุด ก่อนที่จะจัดการเเลกบัตรและปล่อยผมเข้าไป จากปากทางเข้าหมู่บ้าน บ้านของเธออยู่ท้ายสุดของโครงการ ผมจอดอยู่ห่างจากบ้านของเธอมาสองหลัง จากการดูลาดราวไม่มีอะไรเคลื่อนไหวตั้งแต่ผมจับตามอง ผมตัดสินใจลงไปพร้อมกับปืนที่เหน็บไว้ข้างหลัง  และตลอดตัวบ้านที่เป็นกระจก ก็ถูกปิดบังด้วยม่านสีน้ำตาลไปตลอดทั้งหลัง ทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ทางเข้าบ้านที่ผมเห็นมีสองทาง ทางแรกต้องเข้าผ่านทางประตูกระจก และทางที่ 2 ทางประตูรั้วไม้อีกฝั่งซึ่งน่าจะดัดแปลงจากระแนงไม้กันเเดด ผมตัดสินใจเดินเลี่ยงไปทางประตูไม้ ซึ่งผมเดาไม่ได้เลยว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไร อยู่ หรือไม่อยู่ภายในบ้าน และประตูรั้วไม้ที่ว่า กลับไม่ได้มีกุญแจหรือการล็อกรักษาความปลอดภัยใดๆ พอเปิดเข้ามาก็พบกับบานเลื่อนกระจกอีกชั้น ซึ่งห้องภายในเป็นห้องครัว พอเข้ามาด้านใน ตอนนี้ในบ้านทั้งหลังแทบไม่มีการเปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ แม้กระทั่งพัดลมระบายอากาศ ผมพยายามเดินลงเท้าให้เบาที่สุด
“คิดว่าแพรวไม่รู้หรอค่ะ ว่าคุณจะเข้ามา”เธอเอาปืนมาจ่อที่หัวและหลังผม หลังจากที่เดินออกจากห้องครัว “อย่าประมาทสิคะ ผู้หมวด...ค่อยๆวางปืนลงช้าๆแล้วยกมือไว้”ตอนนี้ผมทำได้แค่ตามที่เธอสั่ง “แล้วเดินตรงไปข้างหน้า” เธอใช้ปืนดันผมให้เดินไปเรื่อยๆ ผ่านห้องรับแขก จนมาจบลงที่ห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอน เธอให้ผมเป็นคนเลื่อนเปิดประตู  แล้วหลังจากนั้น ภาพผมก็ตัดหายไปดื้อๆ
“ทำไมสลบไปนานจังล่ะคะคุณตำรวจ นี่ขนาดฉีดยาสลบแบบอ่อนๆให้นะ” ประโยคแรกที่ผมได้ยินหลังจากลืมตาขึ้นมา  ตอนนี้ร่างกายของผมถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ “ทำไมดูนิ่งจังเลยล่ะคะ ไม่เห็นพยายามเหมือนกับคนรักคุณที่นอนอยู่ตรงนั้นเลย” ผมรีบมองไปตามที่เธอบอก ในความมืดนั้น ผมเห็นผู้ชายที่นอนแน่นิ่งอยู่ ต้องใช่ตั้มแน่ๆ แต่ผมก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์เอาไว้
“เขา…ตายรึยัง”
“เสียงสั่นเชียวนะคะ” แต่ผมคงเก็บอาการได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก “คุณอยากรู้มั้ยละ…เดี๋ยวชั้น…จะไปทดสอบให้” เธอค่อยๆเดินไปหาตั้มที่นอนอยู่ข้างหน้าผม ก่อนที่เธอจะใช้เท้าเหยียบลงไปที่แผลของตั้มอย่างเต็มแรง
“โอ๊ย!!!! ผมเจ็บ …ผมเจ็บ….แพรว!!!!!”เสียงร้องของตั้มที่ฟังดูก็รู้แล้วว่าแย่ลงทุกที
“หยุดคุณแพรว”แต่เธอก็ยังคงเหยียบบี้อยู่อย่างนั้น “ผมบอกให้หยุดไงเล่า…หยุดดดดดดดด!!!!!!!!!”ผมพยายามดิ้นเพื่อให้เชือกที่มัดไว้หยุด ถึงแม้จะรู้ว่าไม่เป็นผล
“เจ็บปวดหรอคะ ผู้หมวด…อ่อนไหวจังเลยนะคะ”เธอก็ยังคงเหยียบอยู่แบบนั้น เสียงร้องด้วยความทรมานของตั้ม มันแทบจะทำให้ผมคลั่งจนจะเป็นบ้า
“หยุดเถอะ….ผมขอร้อง….ผมยอมแล้วคุณแพรว”ผมหมดหนทาง
“ทำไมต้องยอมล่ะคะ แพรวแค่มาทำให้คุณรู้ว่า ตั้มยังไม่ตาย....คุณต้องขอบคุณแพรวสิถึงจะถูก” เสียงหัวเราะของเธอยิ่งกว่าแม่มดที่อยู่ตามนิทานของเด็กซะอีก ยังดี…ที่เธอยังหยุดที่จะทำร้ายตั้มต่อ “เรื่องสนุกมันยังไม่หมดแค่นี้หรอก…ยังมีอะไรให้คุณสนุก…อีกเยอะเลย” แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป
“ผมพยายามขยับตัวไปหาตั้มที่นอนอยู่ไม่ไกลจากผม  เสียงร้องที่เขาเรียกชื่อผมมันแผ่วเบาจนน่าเป็นกังวล
“เป็นยังไงบ้างคุณ ยังพอทนไหวอยู่มั้ย” เขาได้แต่พยักหน้า ขนาดแค่นี้ก็ยังจะไม่มีแรงอยู่แล้ว “ มีมีดอยู่ในรองเท้าข้างซ้าย…คุณช่วยผมที” ผมกระซิบบอก ก่อนที่จะพยายามหันขาไปให้ตรงกับมือของตั้มที่ถูกมัดอยู่ด้านหลัง แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่ผมคิด ทุลักทุเลพอสมควร ผมพยายามทำให้ตั้มหยิบมันได้สะดวกที่สุด  จากที่ผมเห็นเขาพยายามใช้แรงทั้งหมดที่เขามี จนในที่สุดเขาก็หยิบมันออกมาจนได้ “ขอบคุณมากตั้ม” ผมไม่รอช้า ที่จะขยับตัวเองกลับไปยังจุดเดิมให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย เหมือนโชคเข้าข้างที่หมอแพรวยังไม่เดินเข้ามา ผมจึงรีบใช้มีดที่พกมาค่อยๆตัดเชือกที่มัดอยู่ออก แต่มันไม่ได้ง่ายเลย ทั้งมุมและการจับมีด มันยิ่งทำให้ยากขึ้นทวีคูณ แต่ยังไงผมก็ต้องพยายาม แต่หูผมในเวลานั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าหมอแพรวกำลังเดินมา ผมเลยต้องรีบพับมีด และยัดเข้าไปในกางเกงของผม และเธอก็เดินเข้ามาจริงๆ เธอเดินถือกล่องข้าวมาวางตรงหน้าหมอตั้ม
“ถ้าตั้มไม่กินเอง…เดี๋ยวแพรวจะมาป้อนให้เหมือนเดิม”แล้วเธอก็เดินมาหาผม “ส่วนแก…แค่นั่งมองตั้มกิน…ก็พอแล้ว” เธอมองหน้าผม
“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร เพื่อความสะใจ เพื่อแก้เเค้น หรือแค่สนองตัณหาฆาตกรในตัวคุณ”เธอนั่งเงียบจ้องหน้าผมเขม็ง “สิ่งที่คุณทำเอง คุณกลับโทษคนอื่นว่าเขาเป็นต้นเหตุ แต่คุณกลับไม่โทษตัวคุณเองเลยสักอย่าง ความอยากได้อยากมีของคุณ มันทำร้ายคนอื่นมามากแค่ไหน ผมว่าคุณน่าจะรู้”
“ไอ้ชัช”เธอกระชากหัวผมอย่างแรง”คุณเถียงสิ ว่าสิ่งที่ผมพูดมันไม่จริง คนที่เขาไม่รู้เรื่อง รู้อดีตกับคุณ กลับต้องมาสังเวยชีวิตเพราะผู้หญิงที่ความคิดจิตใจต่ำแบบคุณ” เธอเอาปืนที่เธอถืออยู่จอหัวผมด้วยความโมโห “ยิ่งสิ….อย่าเก่งแต่จ่อ คนอย่างคุณน่ะ มันสวะ กากเดนสังคม” เธอกรี๊ดลั่น พร้อมเหนี่ยวไกปืนที่มือเธอ
“อย่าให้ชั้นหมดความอดทน….”
“ยิงเลย”ผมดันหัวเข้าหาปืนเธอ “ยิงดิ ทำไมไม่ยิง ยิงงงง”ผมเสียงดังใส่เธออย่างกับคนบ้า แต่เธอกลับตบหน้าผมด้วยปืน “เห็นมั้ย คุณมันก็พวกขี้ขลาด…ถุย” ผมถ่มเลือดที่กลบอยู่ที่ปากใส่หน้าเธอ เธอไม่ตอบโต้อะไรแต่รีบเดินออกไปทันที ผมรีบใช้เวลานั้นหยิบมีดแล้วรีบตัดเชือกทันที
“คุณยั่วให้เธอโกรธทำไม”ตั้มถามขึ้น
“ผมอยากให้เธอคายความจริงออกมาไง เห็นมั้ยล่ะ ยิ่งผมจี้ เธอยิ่งลน” และในที่สุดเชือกที่มัดมือผมก็ขาด ผมรีบแก้เชือกที่เท้าออกทันที เหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้ ผมต้องรีบช่วยตั้มให้ได้เร็วที่สุด ผมรีบคลายเชือกที่มือตั้มให้หลวมที่สุด เพื่อที่เขาจะสามารถเอาออกได้เอง ผมไม่อยากให้ตั้มต้องเจ็บตัวอีก
“คุณเก็บปืนนี้ไว้”ผมหยิบปืนอีกอันที่ซ่อนไว้ที่เท้าข้างขวา “ถ้าผมควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ มีแต่คุณเท่านั้น”ผมรีบยัดปืนไว้ที่มือข้างขวาของเขา เพราะมันเป็นมุมอับที่แพรวจะไม่สังเกตุ
~~~เสียงโทรศัพท์ผม~~~

 มันมาดังบ้าอะไรตอนนี้ ผมรีบกดปิดเสียงโทรศัพท์ และต้องจัดการเธอให้ได้ไวที่สุด ผมไปยืนรอดักเธออยู่ตรงทางเข้าประตู แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด เธอได้ยินเสียงจริง จังหวะที่เธอเปิดประตูเข้ามา ผมจึงรีบเข้าชาร์จ ล็อคคอเธอเอาไว้ พร้อมกับบิดข้อมือเพื่อให้ปืนในมือนั้นล่วงลง
“อ๊ากกกกกกกกกกกก” เธอใช้มืออีกข้างหยิบมีดในกระเป๋าแล้วแทงมาที่ต้นขาของผม 2 ครั้ง เธอบิดมีดเล่มนั้น จนทำให้การควบคุมที่ผมเอาอยู่ตั้งแต่แรกต้องพังลง ไร้เรี่ยวแรงไปดื้อๆ แถมเธอถีบผมซ้ำ ก่อนจะรีบวิ่งไปคว้าปืนที่อยู่ไม่ห่างจากเธอ แต่ผมคว้าขาเธอไว้ได้ เธอพยายามถีบผมเท่าที่เเรงของเธอจะทำได้ ก่อนที่ดอกสุดท้ายมันจะพุ่งมาที่หน้าของผม
“แกคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ”เธอคว้าปืนได้ และใช้ปืนไล่ให้ผมไปอยู่รวมกับหมอตั้ม “ชั้นคิดไว้อยู่แล้ว ว่ามันจะต้องมีแบบนี้…ขยับไปเร็วๆ”เธอตวาดใส่ผม ตอนนี้มันกลายเป็นความลำบาก มีดที่ปักคาขาของผม มันทำให้ผมทำอะไรไม่สะดวกเอาซะเลย ผมพยายามขยับตัวเองตามที่เธอสั่งจนมานั่งอยู่ข้างๆหมอตั้ม และผมก็ตัดสินใจ ดึงมีดออกจากขาของผม
“อ๊ากกกกกกกก”
“ใจกล้าดีนี่ เข้มแข็ง อดทน สมเป็นตำรวจ” แต่ตอนนี้เลือดของผมมันไหลไม่หยุด และมันก็ยิ่งทำให้ขาของผมพาลไม่มีแรงไปด้วย
“แล้วคุณจะทำไงต่อ ฆ่าพวกผม…งั้นหรอ”ผมพยายามปั่นหัวเธออีกครั้ง
“ก็ถ้าแกยัง ก่อเรื่องไม่เลิก…มันได้อยู่ในหัวแกแน่” ท่าทางเธอจะโมโหผมเอามาก และตอนนี้ในหัวผมก็เหลือแค่วิธีสุดท้าย ที่ต้องให้หมอตั้มร่วมกับผมด้วย
“คุณดูหมอตั้ม…ตอนนี้…เขาแย่เพราะคุณแค่ไหน”ผมมองหน้าเขา และใช้สายตาของผมชี้ไปที่ปืนที่วางอยู่ข้างตัวของเขา “ถ้าเขาตาย คุณจะเหลือใครให้รัก”ผมหวังว่าเขาจะเข้าใจที่ผมกำลังสื่อ ผมพยายามพยุงตัวของเขาขึ้น ด้วยแรงที่ผมมี ถึงแม้มันจะลำบากมากก็ตาม “คุณเห็นใช่มั้ย แค่เขาจะยืน จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เขายังทำไม่ได้” ตอนนี้เขาสามารถพยุงให้ตัวเองขึ้นมากอดคอผมได้ และเขาก็รู้ในสิ่งที่ผมสื่อสารออกไป เขาหยิบปืนที่ผมวางไว้ ไปเหน็บไว้ที่หลังของเขา แต่…ตั้มกำลังร้องไห้ ผมเลยกอดเขาให้แน่น “ คุณทำให้เขาต้องตายทั้งเป็น”
“คิดว่าคำพูดแค่นี้ มันจะทำให้ชั้นสำนึกผิดว่างั้น..หมวดชัช…มันไม่ได้กินใจอะไรขนาดนั้น”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะสำนึกหรอก แค่ผม…อยากให้คุณพูดอะไรก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้พูด” ผมควักปืนแล้วยิงไปที่หมอแพรวทันที กระสุนไปถูกที่ท้องจนเธอล้มลงไป ผมยิงซ้ำไปอีกหนึงนัดในตอนที่ผมกำลังจะล้ม แต่เธอมีสติกลับยิงสวนกลับมา กระสุนฝังเขาไปที่เเขนของผม ส่วนเธอ กระสุนไปโดนเข้าที่ต้นขา ตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะต่อกรอะไรได้อีก บาดแผลที่เธอโดนยิงตอนนี้มีเลือดซึมออกมาจำนวนมาก เธอได้แต่ร้องตกใจ ส่วนหมอตั้ม เขายังปลอดภัยดี ถึงแม้เราทั้งคู่จะล้มระเนระนาดก็เถอะ ยังดีที่ตัวผมยังเป็นเบาะรองรับแรงกระแทกให้เขาได้ ผมค่อยพยุงหมอตั้มออกจากตัว ก่อนที่จะฝืนตัวเองลุกขึ้นเพื่อจะไปหาหมอแพรวที่นอนเจ็บอยู่ข้างหน้า ผมรีบคว้าปืนที่วางอยู่ข้างๆเธอ แล้วจ่อกลับไป กันเธอคิดจะพลิกเกมส์อีก
“จะฆ่าชั้นให้ตายเลยก็ได้นะ ชั้นไม่กลัว” เธอยังทำหน้าเยาะเย้ยใส่ผมได้
“ไม่อ่ะ อย่างคุณ ต้องไปทรมานต่อในคุก มันน่าจะเหมาะสมกว่า...แต่ถ้าผมไม่ได้เป็นตำรวจ ผมเจาะสมองคุณไปนานแล้ว…คนอย่างคุณ ไม่ควรได้รับแม้กระทั่งโอกาส และผม...ก็ไม่อยากให้แฟนผมต้องมาเห็นอะไรที่มันทุเรศสายตา”
“งั้นก็…” ผมไม่อยากได้ยินอะไรจากปากของเธออีกแล้ว ผมตัดสินใจตบหน้าของเธอด้วยปืนอย่างเต็มแรงของผม ผมก็แค่อยากให้เธอสลบ ไม่ลุกขึ้นมาก่อเรื่องอะไรได้อีก ก่อนที่จะมัดแขนมัดขาเธอเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้ทำ มันคงจะถูกบันทึกไปด้วยกล้องที่เธอได้ติดตั้งเอาไว้
ตอนนี้คนที่ผมห่วงที่สุดได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของผมแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้เรี่ยวแรงมันหายไปไหน แต่ผมจะรออยู่แบบนี้ไม่ได้
“คุณไม่ไหวหรอกชัช เลือดเต็มตัวคุณไปหมดแบบนี้..”ยังจะมาห่วงคนอื่นอีก
“แค่นี้สบาย...คุณนั้นล่ะต้องอดทน”ผมรวบรวมกำลังเท่าที่ผมจะทำได้อีกครั้ง เพื่อที่จะอุ้มตั้มขึ้นอีกครั้ง ขาผมไม่สู้ แต่ใจผมสู้ ถึงมันจะเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม พอโผล่พ้นประตูออกมา มันทำให้ผมเห็นว่าร่างกายของตั้มมันซีดขาวอ่อนแอมากแค่ไหน แม้กระทั่งแรงที่จะพูดกับผมหรือหรือตาแทบจะยังทำไม่ได้ ผมพยายามก้าวให้ไวที่สุด เมื่อพาตั้มเข้าไปในรถได้ ตัวผมเองก็ใช้ว่าจะไหว ตามันพร่ามัวไปหมด แต่ผมต้องพาตั้มไปถึงโรงพยาบาลก่อนให้ได้ ผมพยายามตั้งสติ เปิดgps เพื่อค้นหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เมื่อสถานที่ปรากฏ เท้าผมมันก็เหยียบคันเร่งไปโดยที่ผมแทบจะไม่ต้องบังคับอะไร
ผมขับรถด้วยความเร็วที่ผมคิดว่ามันจะไม่เป็นอันตรายทั้งผมและเขา แต่ยิ่งผมรีบมันก็ยิ่งช้า ผมรู้ตัวเองว่าสภาพร่างกายมันไม่พร้อม แต่ผมก็ปล่อยให้แฟนผมเป็นอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้
เวลาเกือบ 40 นาที กว่าที่ผมจะมาถึงโรงพยาบาล
“ช่วยผมด้วยครับ มีคนบาดเจ็บอยู่ในรถ”ผมเปิดกระจกตะโกนบอกเหล่าบุรุษพยาบาลที่ยืนอยู่บริเวณนั้น แต่ทำไม ภาพที่ผมเห็นมันซ้อนทับกันไปหมด ผมยังล้มตอนนี้ไม่ได้ ตั้มถูกหามขึ้นเตียงไปแล้ว เขากำลังจะปลอดภัยใช่มั้ย……
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-09-2019 17:08:02
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 21)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-09-2019 17:56:02
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 21)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-09-2019 19:49:54
เฮ้อออ​ อย่างน้อยก็ช่วยหมอตั้มออกมาได้แล้ว​ ไม่รู้​พี่ชัชเราจะยังไงแต่อยู่หน้าโรงพยาบาล​แล้ว​ ต้องปลอดภัย​ทั้งคู่ หวังว่าหมอแพรวมันจะไม่รอดมาทำร้ายใครได้อีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 21)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-09-2019 22:36:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมตะหงิดว่ายัยหมอแพรวยังไม่หมดฤทธิ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 10-09-2019 04:16:09
กำลังเสริมจากสนในพื้นที่ไม่ต้องทำอะไรเลยจ้าาา มาช้ามากกก พระเอกกะนายเอกจะตายอยู่แล้วถุงกับต้องขับรถไปรพเอง
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 22)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 10-09-2019 07:23:24
พาร์ทของตั้ม
“พี่ตั้ม…พี่ตั้มได้ยินตาลมั้ยคะ”เสียงที่รู้สึกคุ้นเคย ดังก้องเข้ามาในหูของผม แสงสว่างที่แยงเข้าตาผมมันยิ่งทำให้ผมลืมตาแทบจะไม่ขึ้น
“ได้ยินแล้ว” เสียงแสบแก้วหูชะมัดน้องผม “ขอน้ำให้พี่หน่อย” ทำไมคอผมแห้งได้ขนาดนี้ ขนาดกลืนน้ำลายยังรู้สึกเจ็บ แต่…พอได้ดื่มก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลย
“เป็นยังไงบ้างพี่ตั้ม ยังเจ็บ ยังปวดตรงไหนอยู่มั้ย ”
“ก็มีที่ขานั้นแหละ…แต่ยังไหว” แต่ก็ไม่รู้จะไหวได้นานแค่ไหนเหมือนกัน ทั้งความรู้สึก และรอยยิ้ม “แล้ว..ชัชล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็คงโอเคแล้วมั้งคะ เมื่อกี้ เขายังเข้ามาหาพี่อยู่เลย”
“มาหาพี่หรอ…”
“ค่ะ…ก่อนพี่จะตื่นได้แปปเดียวเอง เขามาหาพี่แทบจะทุกชั่วโมง ตั้งแต่ตัวพี่เขาฟื้นขึ้นมา” ขนาดเขาก็เจ็บไม่ต่างจากผม ยังพยายามเข้ามาหาผมตลอดอีก “งั้นเดี๋ยวตาลมานะคะ” ผมไม่ใช่คนป่วยที่ตื่นมาแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ถึงแม้ผมจะพยายามไม่คิดอะไร แต่สุดท้ายมันก็อดไม่ได้ ผมจะกลายเป็นคนที่เดินไม่ได้ ทำงานที่ตัวเองรักไม่ได้ แล้วชีวิตผมจะยังเป็นชีวิตผมคนเดิมได้อีกมั้ย
~~ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ~~
 “เข็นมาส่งแล้วค่ะ” น้องตัวดีคนนี้รู้งานดีเหมือนกัน” งั้นยังไงเดี๋ยวตาลฝากดูพี่ตั้มก่อนนะคะ เดี๋ยวขอไปหาอะไรทานก่อน หิวมากกกกกก”
“น้องคุณเป็นนินจารึเปล่า มาไวไปไว”ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน “เป็นยังไงบ้างคุณ ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่า”
“ก็มีอยู่บ้าง ไม่เจ็บเท่าก่อนหน้าแล้ว” ผมจับมือเขา “แล้วคุณล่ะ เจ็บมากรึเปล่า”
“ก็ยังระบมน่ะ แต่ทนไหว”เขาบีบมือผมแน่น “ผมน่ะห่วงคุณมากกว่า หลับไปตั้ง 2 วันขนาดนั้น”
“จริงหรอคุณ” ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลย หลับไปได้ยังไงตั้งสองวัน
“จริงดิ…ผมเข้ามาดูคุณบ่อยจะตาย…จนคุณหมอเขาจะมัดผมไว้กับเตียงแล้ว”
“เป็นผมๆก็ทำ”
“ก็ผมห่วงแฟนผมนี่” เขาบีบแก้มผมจนเจ็บไปหมด แต่มันมีความสุขยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก การที่ผมได้เจอหน้าเขา อยู่กับเขา มันช่วยทำให้ผมหายเจ็บจากสิ่งที่ผมกำลังเป็นหรือหายจากความเป็นทุกข์ที่มันกำลังทำร้ายจิตใจผม หลังจากนี้ผมคงขาดเขาไม่ได้แล้วแน่ๆ  น้ำเน่าเนอะ
ตั้งแต่ตาลออกไปทานข้าว ผมกับชัชก็นั่งคุยเล่นกันจนลืมไปเลยว่าเราทั้งคู่กำลังป่วย “ผมลองคุยกับคุณหมอแล้ว ว่าถ้าคุณกับผมอาการทรงตัวขึ้น จะขอย้ายกลับไปพักฟื้นโรงพยาบาลที่กรุงเทพ” ก็น่าจะดีกว่าอยู่ที่นี่ละมั้ง “ถึงผมจะหายก่อนคุณ ผมก็ยังไปเฝ้าคุณได้ทุกวัน” เขายกมือผมขึ้นมาจูบ “ ถ้าขาไม่เจ็บ ปากคุณไม่รอดหรอก” เขาคิดว่าผมเป็นผู้หญิงหรือไงกัน คิดอยากทำอะไรก็ทำ ตำรวจคนนี้
“ผมลืมบอก ตอนนี้หมอแพรวถูกจับไปเรียบร้อยแล้ว รู้สึกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเช็คอาการว่ามีความผิดปกติทางจิตหรือเปล่า แต่จากที่ตำรวจที่ทำคดีบอกผม ตอนนี้หมอแพรวยังไม่ยอมปริปากพูดอะไร
 ~~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~~
“ดูสิคะว่าใครมา”น้องสาวผมมีเซอไพร์สได้ตลอดจริงๆ ปรากฏคนที่เดินตามหลังน้องสาวผมเข้ามาก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน
“พ่อกับแม่มาได้ยังไงครับเนี้ย” ตกใจจนบอกไม่ถูกเลย
“จะมาได้ยังไงไม่สำคัญหรอกลูก…เป็นยังไงบ้าง คุณหมอว่ายังไงบ้าง”แม่ผมถามมาเป็นชุดเลย ถ้าท่ายังดูตกใจไม่หาย
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น” เรื่องเดินไม่ได้…ไว้ค่อยบอกแล้วกัน”พ่อ…แม่ นี่ชัชครับ เพื่อนสนิทผม แล้วก็..เป็นคนที่ช่วยผมไว้”เขาคงเข้าใจที่ผมพูดออกไปนะ
“สวัสดีครับ”เขายกมือไหว้พ่อกับแม่ผม “เดี๋ยวยังไง ผมขอตัวกลับห้องก่อนแล้วกันครับ”
“อยู่ด้วยกันก่อนสิคุณ”
“ไม่ดีกว่า…คุณอยู่กับครอบครัวเถอะ ไว้ผมค่อยมาเยี่ยมใหม่…”
“งั้นเดี๋ยวตาลเข็นไปส่งค่ะ” หลังจากที่น้องสาวผมพาชัชออกไป พ่อกับแม่ก็ถามผมเรื่องอาการไม่หยุด รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นมายังไง ผมก็เลยตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมอให้พ่อกับแม่ผมฟัง ท่านตกใจและโกรธมาก เพราะแพรวกับพ่อแม่ผมเข้าขั้นที่สนิทกันพอสมควร ทั้งไว้ใจและเชื่อใจ แถมน้องสาวผมที่พึ่งเดินเข้ามา พอได้ยิน ก็ดันผสมโรงไปกับพ่อแม่ผมด้วย
“และตอนนี้ แพรว เป็นยังไงบ้าง” พ่อผมถามอย่างเป็นห่วงถึงแม้ ท่านจะรู้สึกโกรธอยู่ก็ตาม ผมก็เลยเล่ารายละเอียด แบบที่ชัชเล่ามาให้กับท่านฟัง
“แม่ไม่อยากจะเกลียดเเพรวนะ แต่ฟังจากสิ่งที่ลูกพูด แม่รับไม่ได้จริงๆ ทั้งสิ่งที่เขาทำกับลูก ทำกับคนอื่น  เขาไม่น่าจะมาเป็นแพทย์ได้ด้วยซ้ำ”
“เอาเถอะน่ะคุณ คนเรามักมีเรื่องในจิตใจกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากเก็บกดหรอก แต่แค่การแสดงออกที่เขาทำ มันแค่ผิดและรุนแรงเกินกว่ามนุษย์คนอื่นจะรับได้เท่านั้นเอง แถมเคสแบบนี้ก็มีอยู่ออกมาก” นี่แหละครับพ่อผม เหตุผลมักจะมาก่อนอารมณ์เสมอ “งั้นเดี๋ยว พ่อกับแม่จะไปคุยกับคุณหมอก่อน ว่าเขาวางแผนการฟื้นฟูไว้ยังไงบ้าง เดี๋ยวผลสรุปออกมาว่ายังไง เดี๋ยวพ่อจะมาบอก” พ่อผมใจดีเสมอ “ตาลดูแลพี่ให้ดีด้วย เดี๋ยวพ่อกับแม่มา” และท่านทั้งคู่ก็พากันเดินออกไป
ผมก็ไม่อยากตะต่อว่าน้องผมหรอกนะที่โทรไปบอกพ่อกับแม่ ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่ผมเป็นแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลใน เดนมาร์กล่ะก็นะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมดันนอนหลับยาวมากไปหน่อย และในตลอดทั้งวันนั้น ทั้งพ่อทั้งแม่ก็ต่างพูดถึงเรื่องทำกายภาพให้กับผมฟัง พ่อไม่เท่าไหร่น่ะสิ แต่แม่อยากให้ผมไป admit โรงพยาบาลที่แม่ทำงานเลยด้วยซ้ำ  แต่ดีที่พ่อช่วยทักท้วงไว้ ไม่อย่างนั้น ผมจะต้องบินตามแม่ผมไปแน่ๆ
ในคืนนั้นกว่าพ่อแม่ผมจะกลับบ้านได้ ก็พาลอลหม่านกันไปหมด แม่อยากนอนเฝ้า พ่ออยากให้ผมมีเวลาส่วนตัว แต่ผลสุดท้ายแม่ก็พ่ายแพ้ต่อพลังจิตแข็งของพ่ออยู่ดี บางทีก็สงสารแม่นะ หลังจากที่พ่อกับแม่กลับไป ก็มีน้องสาวตัวแสบนี่แหละที่นอนเฝ้าผม แต่วันนี้น้องผมคงไม่เหงา เพราะเจ้าพลแวะมาหาถึงที่ นายคนนี้ก็มาพร้อมกับอาหารเต็มไม้เต็มมือ ทั้งคาว ทั้งหวาน เห็นแล้วก็อดน้ำลายไหลไม่ได้ ถ้าไม่ได้โดนให้ทานแต่อาหารอ่อนอย่างเดียวละก็ไม่พลาดแน่ๆ แต่น้องผมมันก็ดี มันพากันออกไปนั่งทานกันที่ริมระเบียง แบบเสื่อผื่นจานใบยังไงยังงั้น แถมยังปิดม่านบดบังสายตาผมให้ด้วย ต้องขอบคุณมั้ยเนี้ย
หลังจากตรวจเช็คอาการรอบสุดท้ายก่อนเข้านอน กลายเป็นว่าในเวลานั้นผมกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ส่วนน้องสาวผมน่ะหรอ หนังท้องตึงหนังตามันก็หย่อนไปตามธรรมชาติ เห็นแล้วก็อิจฉาชีวิตที่มีอิสระแบบนี้ แต่ทางเดินของผมมันเดินมาไกลเกินกว่าที่จะถอยกลับแล้ว แถมผมจะกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ถ้าผมเป็นอย่างนั้นจริง งานที่ผมรัก ชีวิตที่ผมรัก และเขาคนนั้น จะยังอยู่เคียงข้างผมอยู่มั้ย แล้วผมจะกลายเป้นคนพิการที่ไม่มีค่าในสายตาใครๆบ้างรึเปล่า  ความเงียบและความว่างเปล่าตอนนี้มันทำให้ผมฟุ้งซ่านคิดอะไรมากมายไปหมด
--ตึ๊ง—(เสียงข้อความ)
“ผมอยากอยู่ข้างๆคุณจัง ขนาดเราอยู่ห้องติดกันนะเนี้ย”
“ใช่…ถึงจะมีคนอยู่รอบตัว แต่มันก็ยังทำให้ผมกลัว”
“กลัวเรื่องอะไร…คุณมีผมอยู่ทั้งคน ผมไม่มีทางทิ้งคุณไปไหนอยู่แล้ว”
ผมไม่กล้าบอกเขา ทำไมผมตอนนี้มันถึงอ่อนแอ ผมอาจจะกลายเป็นคนขี้ขลาดไปแล้วจริงๆก็ได้ ความมืดรอบตัวผม มันดูน่ากลัวกว่าทุกๆครั้ง
~~เสียงเปิดประตู~~
ชัชเปิดประตูเข้ามา เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงผม แล้วนั่งลงข้างๆ
“ใช้รถเข็นมันไม่ถนัด ก็เลยค่อยๆเดินมาดีกว่า” รอยยิ้มบนหน้าของเขา มันยิ่งทำให้ผมอ่อนแอ “เป็นอะไรตั้ม”ผมโน้มไปซบไหล่เขาแล้วก็ร้องไห้ออกมา เขาก็คงจะตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ชัชก็ไม่พูดอะไร เขาได้แต่กอดผมอยู่อย่างนั้น “วันที่ผมร้องไห้ ก็มีคุณเป็นคนที่กอดผม…วันนี้ คุณร้องไห้ ผมก็ขอเป็นคนที่กอดคุณบ้างแล้วกัน” ชัชจูบมาที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา “ผมรักคุณนะตั้ม”
“คุณจะไม่ทิ้งคนพิการแบบผมใช่มั้ย” ผมหยุดตัวเองไม่ได้ หยุดไม่ได้จริงๆ
“ด้วยชีวิตของชัช สัญญา” ชัชเอามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผม “ร้องไห้เป็นเด็กไปได้” ผมเงยหน้ามอง สายตาที่ชัชมองมา มันอ่อนโยนกว่าที่ใครๆเคยมองผม “เดี๋ยวคืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อน ไม่ออกไปไหน” ตอนนี้ผมกลับเชื่อฟังอย่างว่าง่าย “เดี๋ยวผมจะนั่งอยู่อย่างนี้แหละ คุณนอนพักผ่อนให้มากๆ”
“แต่คุณ…..”
“เอาน่า แค่นั่งหลับแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” แต่ผมไม่อยากให้เขาต้องลำบากไปมากกว่านี้ เลยพยายามที่จะขยับตัวเองให้ได้ด้วยแรงที่มี ก่อนที่จะใช้เเขนทั้งสองข้าง ยกขาของตัวเองให้ขยับตามมา แต่ดีหน่อยที่เตียง รพ.นี้มันใหญ่
“คุณจะได้ไม่ต้องนั่งหลับเพราะผม” ชัชก็ขยับตัวเองขึ้นมา ขาซ้ายที่พันแผลเอาไว้ผมเห็นมามีเลือดซึมออกมาเยอะพอสมควร “ขาคุณเลือดออกนี่”
“ก็ต้องออกสิ ขาผมเป็นเเผลนี่นา” ยังจะมีอารมณ์ขัน “เอาน่ะ อย่าคิดมาก ผมง่วงแล้ว” รีบตัดบททุกที การที่มีเขานอนอยู่ข้างๆมันทำให้ผมหายกังวล แต่การนอนครั้งนี้อาจจะลำบากหน่อย เพราะเเผลที่เเขนขวาของเขา แต่ผมไม่ใช่คนนอนดิ้น คงจะไม่เป็นไร

……..
~~เสียงโทรศัพท์~~
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์น้องสาวผม ขนาดเสียงดังมากขนาดนี้ ยังนอนหลับแบบไม่รู่เรื่อง ผมล่ะเชื่อเลย ไม่ใช่แค่น้องสาวผมน่ะ รวมถึงสามีของน้องผมด้วย
“ตาล….ตาล…ตาล…โทรศัพท์” ผมตะโกนเสียงดัง เลยทำให้ตื่นกันหมด “นี่แกหลับ หรือแกตาย เสียงโทรศัพท์ดังขนาดนี้ไม่รู้เรื่อง”
“ค่ะๆๆ” รับสายทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องเนี้ยนะ “เดี๋ยวพ่อกับแม่กำลังจะมาคะพี่ตั้ม อีกประมาณ 10 นาทีถึง” แล้วคู่ขี้เซาก็ต่างพากันตื่นไปล้างหน้า ผมเห็นแล้วหมั่นไส้ยังไงไม่รู้
“งั้นเดี๋ยวผมกลับห้องก่อน แล้วเดี๋ยวเจอกัน” ผมรีบคว้ามือชัชเอาไว้ ผมไม่รู้จะพูดยังไงออกไป ทำได้แค่ส่ายหน้า “ไม่ดื้อสิคุณ” เขายิ้มอารมณ์ดี
“อยู่กับผมนะ” ผมยังรู้สึกเลยว่าตัวผมเองกำลังดื้อและงี่เงาอยู่ แต่ชัชกลับไม่ต่อว่าอะไรผมซักคำ แถมยังยิ้มให้ผมอยู่ตลอด เราใช้ช่วงเวลาตรงนั้นนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ชัชพูดกับผมถึงที่ๆเขาอยากไป รวมถึงเรื่องต่างๆที่ผมยังไม่เคยรู้มันมาก่อน “แล้วดอกไม้ที่คุณชอบล่ะ ดอกอะไร”
“Caspia”
“มันคือดอกอะไรอ่ะ”
“ถามผมนึกว่าจะรู้ซะอีก” ดอกไม้บนโลกมีเป็นล้าน จะไปรู้จักหมดได้ยังไงล่ะ “มันเป็นดอกไม้ดอกเล็กๆ มีทั้งสีขาวและสีม่วง แล้วมันก็เป็นดอกไม้ที่อยู่ทนมาก ถึงแม้ว่ามันจะแห้งไปแล้วก็ตาม” ลึกซึ้งเนอะ “แล้วดอกไม้ที่คุณชอบล่ะ ชื่ออะไร”
“ดอก Hyacinth สีอะไรก็ได้ชอบหมด ผมเคยลองปลูกนะ แต่ไม่รอดสักต้น” มันเป็นดอกไม้ที่ผมชอบมาก เคยลองทุกวิธีแล้วแต่ก็ไม่รอดจริงๆ
~~~ก๊อกๆๆ~~~
พ่อผมเปิดประตูเข้ามา ส่วนแม่ผมก็พลุงพลังกับของกินเต็มไปหมด ส่วนมากจะเป็นของบำรุง ตามความแม่ของผมน่ะนะ
“สวัสดีครับ “ คำกล่าวทักทายของชัชที่ยังดูไม่กล้าสักเท่าไหร่
“สวัสดีลูก... อาการเราเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นเยอะแล้วใช่มั้ย”
“ครับ ก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังมีปวดแผลอยู่บ้างครับ”
“ดีแล้ว …พักผ่อนให้มากๆ”พ่อเดินไปหยิบกระเช้านมสดที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้กับชัช “พ่อกับแม่ซื้อมาให้ จะได้ช่วยฟื้นฟูได้ไวๆ”
“ ไม่รู้จะถูกใจเรารึเปล่า” แม่ผมเสริมขึ้น ในตอนนั้น แพทย์ประจำตัวของเราทั้งสองคนก็มาทำการตรวจตามตารางเวลาประจำวัน หมอยังแอบแซวชัชเลยเรื่องที่เขามาอยู่ห้องผมมากกว่าห้องพักของตัวเอง
“เดี๋ยววันนี้ตอนเที่ยง พยาบาลจะพาคุณตั้มไปทำแผลนะครับ…ส่วนของคุณชัชเดี๋ยวผมจะให้พยาบาลพาไปทำแผลเลยนะครับ  ผมเห็นว่าที่แผลมีเลือดออกมากเลยไม่อยากให้ปล่อยเอาไว้ ส่วนอาการแทรกซ้อนอื่นๆดูจะไม่มีปัญหาอะไร” ผมทำให้ชัชแผลแย่ลงสินะ “เดี๋ยวคุณไปเอารถเข็นมาพาคุณชัชไปได้เลย….งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” หลังจากคุณหมอเดินออกไป พยาบาลก็นำรถเข็นมารับชัชตามออกไปติดๆ
“ตั้มอยากกินผลไม้อะไรมั้ย เดี๋ยวแม่จะปลอกให้...”
“…….”ทำไมในใจผมมันมีแต่เรื่องความรู้สึกผิด ทำไมผมถึงคิดแต่โทษตัวเอง ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ ผมได้ยินที่แม่ผมถามนะ แต่แค่ปากผมมีนไม่ยอมขยับพูดออกไป
“งั้นเดี๋ยวแม่ปลอกเมล่อนให้ทานแล้วกันนะ” แม่ผมก็ไม่เซ้าซี้อะไรมาก ตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจความอารมณ์แปรปรวนของผม เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวหงุดหงิด เดี๋ยวน้อยใจ มันไม่ใช่ตัวผมอีกแล้ว
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ผมก็ยังไม่เห็นว่าชัชจะกลับเข้ามาในห้องพักของผม พอผมโทรหาเขาก็ไม่รับสาย ผมหงุดหงิดจนน้องผมดูออกละมั้ง เธอเดินออกไปข้างนอก ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามา ผมก็พยายามใจเย็นนะ ผมไม่อยากให้ชัชต้องเบื่อที่ผมมาเป็นแบบนี้
“พี่ชัชนอนหลับค่ะ ตาลเดินสวนกับพยาบาลที่พึ่งออกมาจากห้องพอดี…เขาบอกว่าแผลที่เย็บมากฉีกขาด ตอนนี้เลยให้พี่ชัชทานยาเพื่อที่จะได้นอนพักก่อนน่ะค่ะ” ผมก็พยักหน้าตอบกลับ แต่ยังไงผมต้องกลับมาเป็นผมคนเดิมให้ได้
“ขอบใจมากนะ”แล้วผมก็ล้มตัวเองลงนอน เพดานห้องสีขาวที่มันดูว่างเปล่า มันก็สามารถทำให้ใจเราหดหู่ได้เหมือนกัน แต่แค่ผมยิ้มสู้ หรือแค่คั้ง Mind set ของตัวเองใหม่ มันก็คงจะมีความสุขมากขึ้น
ผมเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็พระอาทิตย์ตกดินไปซะแล้ว แต่ตอนนี้ หิวน้ำชะมัดเลย นี่ล่ะคือสิ่งที่ผมต้องเริ่มเอง ผมพยายามเอี้ยวตัวเองเพื่อที่จะหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์ข้างที่นอนของผม แต่เคาท์เตอร์มันดันอยู่ไกลจากที่นอนของผมมากไปหน่อย แต่ผมก็พยายามหยิบมันมาจนได้  แต่น้องผมที่ออกจากห้องน้ำพอดีเลยร้องตกใจ จนพาลเอาพ่อแม่ผมกับพลที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นกันหมด
“ทำอะไรของลูกน่ะตั้ม” พ่อผมถามอย่างตกใจ
“ก็ผมหิวน้ำ แล้วก็แค่จะหยิบ…เท่านั้นเอง”
“พี่ก็เรียกพวกเราก็ได้นี่ค่ะ…ถ้าพี่ตกลงมาจะว่ายังไง เดี๋ยวก็พาลเดือดร้อนกันไปหมด”
“พี่แค่อยากทำอะไรด้วยตัวเองตาล พี่พิการแค่ขา ไม่ใช่ทั้งตัว ทำไม....ต้องให้พี่นอนนิ่งเป็นผักเน่า อยากได้อะไรอยากเอาอะไรต้องพึ่งคนอื่นเท่านั้นหรอ ขอร้องเหอะ แกอย่าทำให้พี่สมเพชตัวเองไปมากกว่านี้เลย แค่นี้แม่งก็เฮงซวยชิบหายแล้ว”
“ใจเย็นๆก่อนตั้ม ใจเย็นๆ”พ่อผมปราม ดึงผมเข้าไปกอด “พ่อรู้ว่าลูกเครียด มีพ่อกับแม่อยู่ลูกไม่ต้องกลัว” ผมกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่ได้ ปล่อยโฮออกมายกใหญ่
“พี่ตั้ม…ตาลไม่ได้ตั้งใจจะว่า ตาลแค่เป็นห่วงพี่จริงๆ”เธอเดินเข้ามาจับมือผม ผมไม่ได้โกรธอะไรน้องหรอก ก็แค่…ไม่อยากให้ใครมองผมเป็นคนพิการ ในตอนนั้นน้องสาวผมก็ถือแก้วน้ำมาให้ผมดื่ม ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เมื่อกี้อาจจะแค่ฟิวส์ในตัวผมมันขาดเร็วไปก็เท่านั้น
“พ่อครับ ผมอยากกลับไปรักษาที่กรุงเทพ พ่อว่า อาการอย่างผมคุณหมอเขาจะอนุญาตให้ย้ายกลับไปได้มั้ยครับ”
“ลูกต้องลองคุยดูก่อน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าการรักษาที่นี่เขาต้องรอทำอะไรต่ออีกบ้าง เดี๋ยวคุณหมอเข้ามาอีกตอนไหนเราค่อยถามแล้วกันนะลูก”
 และในคืนนั้น หลังจากที่หมอทำการตรวจอาการให้กับผม แล้วมันก็มีเรื่องที่ทำให้ผมดีใจ คือผมสามารถย้ายไปรักษาตัวที่กรุงเทพได้แล้ว ผมอดดีใจไม่ได้ อยากจะรีบบอกให้ชัชรู้ซะเดี๋ยวนี้เลย
“ขอโทษนะคะ นี่ใช่ห้องพักของหมอตั้มหรือเปล่าคะ”เสียงทักทายของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีอายุ เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายที่ดูภูมิฐานทั้งคู่
“ใช่ค่ะ”แม่ผมรีบตอบไป ก่อนที่จะเดินไปรับหน้าตามมารยาท
“ดิฉันสุวรรณากับคุณสุวิทย์ เป็นพ่อแม่ของตาชัชน่ะค่ะ ดิชั้นต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาเข้าเยี่ยมช้า พอดีพึ่งทราบข่าวจากเพื่อนของตาชัชเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง”ผมรีบยกมือไหว้ พ่อกับแม่ของชัชแล้วท่านก็ยื่นกระเช้าผลไม้มาให้กับผม “ขอให้หายไวๆนะจ้ะ เห็นตาชัชเล่าให้ฟัง ขนาดเป็นผู้หญืงยังทำได้ขนาดนี้ น่ากลัวจังเลยนะคะ”
“ครับ”ก็ตามภาษาพ่อผมนั้นละ “ยังไงผมก็ต้องขอบคุณลูกชายของคุณทั้งสองด้วยนะครับที่ช่วยเหลือลูกชายผมเอาไว้” วงสังคมของผู้ใหญ่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ ผมก็ลยรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆและรีบไลน์หาชัชในทันทีตอนนั้น
“นอนหรือยังคุณ?”
“ยังน่ะ พ่อแม่ผมมาเอาซะผมนอนไม่หลับเลย”
“ดีใจว่างั้น”
“เปล่าเลย…โดนถามนั้นถามนี่ไม่หยุด โดยเฉพาะแม่ผม ขนาดผมนอนเจ็บแบบนี้ ยังโยงเข้าเรื่องหาเมียให้ผมได้เลย…แต่เห็นขาบอกจะไปเยี่ยมคุณ”
“เข้ามาได้สักพักละ …แต่คุณก็น่าจะชินได้แล้ว นิ่งๆไว้เดี๋ยวก็จบ” แล้วชัชก็นิ่งไปไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมา แต่ก็ดูเขาคงไม่ชอบจริงๆนั้นล่ะ เขายังเคยบ่นให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ การสนทนาดูท่าจะยืดยาวไม่จบง่ายๆ แต่หลังจากที่ชัชนิ่งเงียบหายไปไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมา
“ขอโทษนะ พอดีเมื่อกี้พยาบาลเขาเอายามาให้”
“อืม ตั้มมีเรื่องจะบอก ตั้มย้ายไปรักษาตัวที่กรุงเทพได้แล้ว หมอพึ่งบอกกับตั้มได้ไม่นาน”
“ก็ดีสิ ผมก็เหมือนกัน เขาบอกผมว่าแผลของผมน่ะแค่คอยหมั่นทำความสะอาดแล้วก็เข้ารับการตรวจตามเวลาแค่นี้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ว่าแต่ตั้มน่ะ จะกลับวันไหน”
“อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ เพราะตอนเช้าตั้มว่าจะโทรไปแจ้งกับโรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยให้คุณหมอเขาจัดการส่งตัวให้อีกที”
“อืม…และเราสองคนคงได้เจอกันอีกทีก็คงจะที่กรุงเทพเลย ตั้มไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่เป็นไร ตั้มเข้าใจ”
“งั้นก็เตรียมตัวนอนได้แล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว ส่วนพ่อแม่ของชัช เดี๋ยวชัชจัดการเอง…ฝันดีนะ” หลังจากอ่านข้อความได้ไม่กี่วินาที ก็มีสายโทรเข้ามาที่เบอร์ของคุณแม่ชัชทันที
“งั้นดิฉันกับสามีขอตัวก่อนนะคะ เดียวยังไงคงได้พบกันใหม่” หลังจากที่พ่อแม่ของชัชกลับไป พ่อแม่ของผมก็เตรียมตัวกลับไปยังโรงแรมเช่นกัน เหลือเพียงแค่ยัยตัวป่วนที่คอยดูแลผม
“เดี๋ยวแม่กลับโรงแรมก่อนนะตั้ม แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาแต่เช้า คงจะต้องติดต่ออะไรอีกมากเลย”
“ครับแม่…แต่เดี๋ยวผมจะโทรไปแจ้งกับทางโรงพยาบาลไว้ก่อน พรุ่งนี้จะได้ไม่ฉุกละหุก”
“นอนพักผ่อนมากๆนะลูก”แม่ก้มลงผมจูบหน้าผากผม
“เดินทางกลับดีๆนะครับแม่…พ่อด้วยนะครับ”ผมรู้สึกดีนะที่ผมยังเป็นเด็กในสายตาของพ่อกับแม่ ที่ยังคงอ้อนได้ หอมแก้มได้ กอดได้โดยที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเขินอาย ความรู้สึกข้างในที่กำลังบอบช้ำมันก็ถูกรักษาได้โดยสัมผัสของร่างกายและความรู้สึกของคนใกล้ตัวนี่ละ พอดื่มด่ำกับความสุขจนเป็นที่พอใจ ก็กลับมาสู่สภาพความเป็นจริงต่อ ผมรีบโทรไปหาหมอแทนเพื่อให้เตรียมการทั้งเรื่องห้องและก็เรื่องรถพยาบาลที่ผมจะให้ทางนั้นขับมารับผมกลับไป
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 22)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-09-2019 15:51:14
 :katai1: หมอตั้มอย่าเพิ่งเครียดเกินไปน้า
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 22)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 11-09-2019 00:03:37
สงสารหมอตั้มสุดๆ :mew4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 22)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-09-2019 01:56:21
รอๆ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 22)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-09-2019 02:15:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 23)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 11-09-2019 08:15:42
เช้าวันนี้ก็วุ่นวายอย่างที่ผมคิดจริงๆตั้งแต่ตื่นมาผมก็เห็นพ่อกับแม่กำลังเตรียมตัวพร้อมกับติดต่อทั้งเอกสารแล้วก็ค่ารักษา ส่วนตาลก็ได้ขับรถกลับไปที่กรุงเทพก่อนหน้าไม่กี่ชม.แต่ผมก็ได้แจ้งถึงเรื่องการย้ายให้กับคุณหมอและทางโรงพยาบาลทราบเป็นที่เรียบร้อย ในเวลาเกือบสิบโมงของวันนั้น ขณะที่ผมกำลังเตรียมตัว ชัชได้เข็นตัวเองเข้ามาหาผมในห้อง
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่” พ่อแม่ผมก็ยิ้มรับอย่างว่าง่าย “เป็นยังไงบ้างคุณ ยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า” ชัชเข็นตัวตัวเข้ามาใกล้ๆผม
“ก็มีที่แผลที่ยังปวดๆตึงๆ แต่ทนไหว…แล้วนี่..ชัชกำลังจะกลับแล้วสิ”
“อืม…ตอนนี้พ่อกับแม่กำลังเคลียร์ค่ารักษาอยู่ แต่อีกไม่นานก็คงเสร็จ ผมก็เลยเข้ามาหาคุณก่อน”
“เดินทางกลับดีๆนะชัช”ผมร่ำลาแบบง่ายๆ
“ตั้มก็เหมือนกัน เดี๋ยวถ้าตั้มถึงกรุงเทพตอนไหนโทรมาหาชัชนะ ชัชจะรีบไปหา”เขาเอื้อมมือมาจับมือผมแบบแอบๆ “งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะ “
“เดี๋ยวพ่อเข็นกลับไปส่งที่ห้องให้ลูก” พ่อผมเดินอาสาเข้ามาแบบดื้อๆๆ เพราะท่านอาจจะเห็นอะไรที่ไม่ควรก็เป็นได้ ก่อนที่ท่านจะพาชัชหันกลับออกไป และหลังจากนั้นไม่ถึงชม.หลังจากที่ชัชเดินทางกลับออกไป รถโรงพยาบาลจากบ้านหลังที่สองของผมก็มาถึง และคนที่ขึ้นมาถึงห้องผมคนแรก ก็คือ หมอเอกกับหมอแทน
“อ้าวหมอเอก หมอแทน ทำไมเป็นนายสองคนมารับละ”
“เคส vip ขนาดนี้จะให้คนอื่นมารับได้ยังไง ใช่มั้ยแทน” รับส่งกันดีเชียวนะคู่นี่ ในตอนนั้นพ่อกับแม่ผมก็ขึ้นมาถึงที่ห้องพอดี ก็เลยทำการแนะนำเพื่อนสนิทของผมทั้งสองคนให้รู้จัก หมอเอกน่ะเคยผ่านหน้าพ่อแม่ผมมาบ้างแต่หมอแทนนี่ ใหม่ๆสดๆเลย
“พ่อแม่ครับ นี่หมอเอก กับหมอแทน เพื่อนผม”ทั้งสองยกมือไหว้ตามมารยาท ก่อนที่เราทั้งหมดจะเริ่มเก็บข้าวของส่วนที่เหลืออย่างไม่รีรอเวลา
“จริงๆก็เหลืออะไรอีกไม่มากหรอกลูก เพราะว่าพ่อกับแม่เก็บไปเกือบหมดแล้ว แถมบางส่วนแม่ก็ให้ตาลเอากลับไปกรุงเทพไปบ้างแล้วด้วย” แต่ในตอนนี้มีแต่เพียงผมที่ยังคงพลุงพลังกับตัวเอง ในตอนนั้นก็มีบุรุษพยาบาลของทางโรงพยาบาลเข้ามาช่วยหมอแทนกับหมอเอกอีกแรงพออุ้มตัวผมมาลงที่แปลขนย้ายได้ หมอแทนก็จัดการเข็นผมลงไปด้านล่างทันที ส่วนหมอเอกก็รีบลงไปสตาร์ทรถรอด้านล่าง
“แล้วหมวดชัชไปไหนแล้วล่ะพี่ตั้ม”หมอแทนถามขึ้น
“เขาพึ่งกลับไปได้สักพักแล้วล่ะ พ่อแม่เขาพากลับไป”
“โชคดีนะที่พี่ทั้งคู่ไม่เป็นอะไร…รู้มั้ยตอนที่พวกเราทุกคนรู้ข่าวว่าหมอแพรวโดนจับ ตกใจกันจนทำอะไรไม่ถูก แถมมารู้ทีหลังอีกว่าหมอแพรวเป็นมาตกรที่ฆ่าตำรวจพวกนั้นด้วย ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่”
“แล้วตอนนี้แพรวเป็นไงบ้าง ได้ข่าวบ้างหรือเปล่า”
“ตอนนี้ฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางน่ะพี่ แถมศาลก็ยังไม่ให้ประกันตัว ที่เหลือก็รอพี่กับหมวดชัชไปให้ปากคำเพิ่มเติม”คงถึงเวลาที่แพรวต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไปแล้วสินะ “…แต่…พอมองอีกมุม หมอแพรวก็น่าสงสารเหมือนกันนะครับ ยิ่งมาเป็นแบบนี้ เหมือนตายทั้งเป็นเลย”
“ใช่ แถมต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ มันก็มาจากพี่ซะด้วย”
“ไม่หรอกพี่…การกระทำของคนๆนึง จะโทษว่า เป็นมาจากใครก็คงไม่ใช่ เพราะคงไม่มีใครแนะนำให้เขาไปทำเรื่องไม่ดีหรอกครับ มีแต่ตัวของเขาที่ตัดสินใจเลือกที่จะทำมันเอง แต่ถ้าจะโทษจริงๆพี่ก็คงผิดแค่เรื่องที่พี่ไม่ชัดเจนล่ะมั้งครับ แค่นั้นล่ะที่ผมมองว่าพี่ผิด” มันก็จริงอย่างที่หมอแทนพูดทุกอย่าง
“แล้วหมวดปวีณเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นมาแล้วหรือยัง”
“ได้กลับบ้านไปเรียบร้อยแล้วครับ จะมาอีกทีก็แค่มาตรวจตามใบนัดแล้วก็ผ่าเฝือก” พูดคุยกันไปมาแปปเดียวก็มาถึงรถพยาบาลซะแล้ว รู้สึกแปลกๆเหมือนกันนะที่ตัวเองต้องมานอนที่รถพยาบาลแบบนี้
“มันจะกระเทือนหน่อยนะหมอตั้ม ถ้าเจ็บให้บอกได้เลย” หมอเอกบอกเตือนไว้  พอจัดการยกแปลของผมขึ้นรถเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทาง โดยที่พ่อและแม่ของผมจะขับรถตามไป ก็มีเพียงผม หมอเอกและหมอแทนที่อยู่บนรถพยาบาล
………..
ในเวลาเกือบสามชั่วโมงจากปากช่องมาถึงกรุงเทพ การนอนมาบนรถแบบนี้ก็ทำเอาผมเวียนหัวแทบแย่เหมือนกัน แต่ก็รู้สึกดีที่ได้กลับมาอยู่ในที่ที่ตัวเองคุ้นเคย ในตอนนั้น ก็มีเหล่าบุรุษพยาบาลมาจัดการรับช่วงต่อจากหมอทั้งสองคน ก่อนที่จะพาผมขึ้นไปยังห้องพัก
“เดี๋ยวๆๆ พาผมมาผิดห้องหรือเปล่า”ที่ผมต้องต้องทักท้วงเพราะห้องพักที่บุรุษพยาบาลพาผมมา มันเป็นห้องพัก Premier Royal คือท็อปสุดของโรงพยาบาล แล้วแถมมันก็แพงมากด้วยในราคาต่อหนึ่งคืน ถ้าผมอยู่แบบนี้เป็นเดือน พ่อกับแม่ผมจนพอดี
“ไม่นะครับ ผอ.ระบุเอาไว้ให้คุณหมอตั้มเข้าพักที่ห้องนี้”
“ผอ.ระบุไว้…” ผมก็ไม่รู้จะเถียงออกยังไง เมื่อเข้ามาภายใน ก็ตามที่ผมรู้ๆแหละครับว่ามันเป็นยังไง บุรุษพยาบาลทั้งสองสองก็ต่างช่วยพยุงผมขึ้นบนเตียงอย่างเบามือ แล้วอีกอย่างผมก็รู้สึกว่ามีอาการเจ็บที่แผลขึ้นมาบ้างแล้ว
“เป็นไงบ้างตั้ม รู้สึกเจ็บที่แผลรึเปล่า”ถามเหมือนรู้ใจ นะหมอเอก
“ก็เจ็บเลยล่ะ…งั้นเดี๋ยวเอกจะดูแผลให้ก่อน แล้วจะต้องทำอะไรเพิ่มยังไงค่อยว่ากัน” ผมมองหน้าทันที “ไม่ต้องสงสัย ผอ.ให้เอกเป็นคนดูแลตั้มตลอดการรักษา” รู้สึกดีเข้าไปใหญ่ที่เป็นหมอเอก ไม่ใช่ว่าหมอในโรงพยาบาลไม่เก่งนะครับ แต่แค่ผมสนิทกับเอกมากที่สุดก็แค่นั้นเอง ในช่วงเวลานั้น หมอเอกก็ทำการตรวจบาดแผลของผม แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมีแค่เลือดซึมออกมามากกว่าปกตินิดหน่อย ส่วนรอยเย็บของบาดแผลก็ยังคงสภาพดีอยู่
“เดี๋ยวเอกจะตรวจเชคแผลให้ตั้มทุกๆวันแล้วกัน  แต่โชคดีนะที่ไม่มีอาการติดเชื้ออะไรเพิ่มเติม แล้วก็ยาที่เอกจะให้อาจจะเป็นคนละตัวกับที่โรงพยาบาลจ่ายมาให้กับตั้มนะ มันอาจจะแรงมากกว่าหน่อย แต่มันจะย่นระยะเวลาการรักษาให้เร็วขึ้น”
“ก็แล้วแต่เห็นสมควรเลยเอก ระดับหมอเอกมารักษาให้ทั้งที”
“ก็เกินไปนะหมอตั้ม….เดี๋ยวยังไงเอกไปเข้าตรวจคนไข้ช่วงบ่ายต่อก่อน ถ้าเสร็จเร็วจะแวะมาหา” ตั้งแต่ได้เจอหน้าหมอเอกก็ดูเขาจะยิ้มแย้มมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ดูอารมณ์ดี ไม่ซีเรียสเหมือนกับที่เคยๆเห็น และตั้งแต่กลับมาถึงโรงพยาบาลผมก็ยังไม่ได้เจอหน้าใครเลย ทั้งพ่อแม่ น้องหรือชัช น้องสาวกับชัชน่ะผมเข้าใจ แต่พอแม่ผมนี่สิขับรถตามกันมาติดๆกลับหายไปไหนกัน  แต่ก็เอาเถอะนานๆท่านจะกลับมาที อาจจะมีธุระอย่างอื่นที่ต้องทำ
……………..
ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของใครมานั่งคุยอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา เพราะเสียงนี้ละมันแทรกเข้าไปในโสตประสาทของผม จนไม่สามารถที่จะนอนหลับต่อไปได้ แต่พอตื่นลืมตาขึ้นมาก็กลับเป็นชัชที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงผม
“ก็นึกว่าเสียงใคร ทำเอานอนไม่หลับเลย” บ่นซะเลย
“ผมขอโทษนะ พอดีคดีเรื่องหมอแพรวน่ะ หลายฝ่ายโทรมาหาผมไม่หยุด เล่นเอาไม่ได้พักเลย”ก็ดูเขาเพลียๆจริงๆนั้นล่ะ
“แล้วคดีไปถึงไหนแล้ว”
“ก็รอคุณกับผมไปให้การ ทั้งเรื่องคดีทั้งหมด แล้วก็เรื่องของไอ้ปวีณด้วย”
“ของคุณปวีณ?”
“ใช่….ก็มีที่ตำรวจเสียชีวิตแล้วไอ้วีณก็ไปสลบอยู่ในที่เกิดเหตุแล้วถูกจับเป็นผู้ต้องหาน่ะ”
“อ่อ… แล้วถ้าเราไปให้การแล้ว ตำรวจและศาลได้หลักฐานแล้ว หมอแพรวจะเป็นยังไง”
“ก็คงเป็นไปตามการพิจารณา และสิ่งที่หมอแพรวได้ทำลงไป ถ้าหมอแพรวยอมรับและให้การเป็นประโยชน์ก็อาจจะได้รับโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต หรือถ้าหมอแพรวปฏิเสธหรือไม่ยอมรับและจำนนด้วยหลักฐานก็อาจจะถูกตัดสินถึง..ขั้นประหารชีวิต แต่ถ้าหลังจากฟังคำให้การแล้วตรวจสุขภาพจิตของหมอแพรวแล้วไม่เป็นปกติ ก็อาจจะให้ไปรักษาตัวแล้วกลับมารับโทษอีกที” ฟังแล้วก็หดหู่แบบบอกไม่ถูก เพราะถ้าวันหนึ่งต้องเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองได้รับโทษ มันก็คงทำใจได้ยาก “แต่ตอนนี้ผมก็ปฎิเสธที่จะเข้าให้การของเราทั้งคู่ไปก่อน ด้วยเหตุผลที่สภาพร่างกายของเรายังไม่พร้อม”
“แต่คุณก็คงรู้ว่าการที่หมอแพรวต้องมาเป็นแบบนี้… ทำอะไรแบบนี้ สาเหตุมันก็มาจากผม”
“สาเหตุคืออะไรน่ะเราทุกคนต่างรู้กันดีตั้ม แต่การทำผิดชอบชั่วดีของคนมันอยู่ที่ข้างใน ไม่มีใครที่จะไปล่วงรู้ได้หรอกว่าเขากำลังคิดอะไร จะทำอะไร คุณเป็นคนบอกให้เขาทำอย่างงั้นหรอ หรือว่าคุณเป็นคนคอยกำหนดชีวิตเขาว่าจะต้องทำแบบนี้ๆ… คุณก็เปล่า แล้วทำไมคุณต้องมารู้สึก และถ้าเขารักคุณจริงๆเขาจะต้องทำให้คุณรู้สึกแย่ทำไม การรักใครสักคน ไม่ได้สั่งแต่ว่าจะรัก แต่มันต้องมีหลายๆอย่างควบคู่กัน ที่ผมพูด ผมพูดในฐานะมนุษย์คนนึง ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนอื่น ไม่ได้พูดเอาใจว่าคุณคือแฟนผม… แต่มันคือความเป็นจริง ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงมันได้” ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจนะ แต่ยังไงแพรวก็คือคนที่ผมสนิท การจะทำใจยอมรับในตอนที่เห็นเพื่อนตัวเองกำลังจะแย่ ผมคงแย่มากกว่าเธอร้อยเท่า “แล้วอีกอย่างนะตั้ม เขาก็ทำให้คุณได้รับผลกรรมอย่างที่คุณกำลังรู้สึกหนักใจอยู่ตอนนี้  เพราะฉะนั้น คุณไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรอีกแล้ว เข้าใจมั้ย”
“ก็คงจริงของคุณ”  เพราะแค่นี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกไร้ค่ามากพอแล้ว และความรู้สึกนี้ก็คงเหมือนแพรวในทุกๆช่วงเวลาที่เธอรู้สึก “แล้ว…คุณมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมยิ้มให้เขา ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันไม่สดใส
“ก็จะสองชั่วโมงได้แล้ว มาถึงผมก็เห็นว่าคุณกำลังหลับ เลยไม่อยากปลุก”
“แล้วคุณมายังไง….อย่าบอกนะ ว่าขับรถมาเอง”
“ถูกต้องนะคร้าบบบบบบ”
“คุณนี่นะ ไม่กลัวเกิดอุบัติเหตุเลยรึไง ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ” ผมเป็นอะไร “ขาคุณก็ยิ่งไม่ค่อยจะมีแรง ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมา” ผมกำลังกลับมางี่เง่า
“โอเคๆผมขอโทษ นะ อย่าโกรธผมเลยนะ”ผมต้องสงบสติตัวเองมากกว่านี้ แค่ตอนนี้เขาคงรู้ว่าผมคงเครียดมากก็เท่านั้น
“……. . แล้ว……. ถ้าผมอยากรีบไปให้การให้มันจบๆไปล่ะ ผมทำได้มั้ย”
“จริงๆมันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก เบื้องต้นเขาก็แค่อาจจะมาสอบปากคำคุณที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะรวบรวมสำนวนส่งฟ้อง หลังจากนั้นก็รอขึ้นศาลรอฟังคำตัดสิน และอยู่ที่ว่าตัวคุณจะเรียกร้องค่าเสียหายอะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยหรือเปล่า แต่การสอบปากคำของคุณ ไม่ได้จบแค่เรื่องที่คุณถูกจับตัวไปแล้วถูกทำร้าย แต่ยังมีเรื่องของการชันสูตรศพนายตำรวจทั้งห้านั้นอีก มันคงไม่ใช่แค่วันสองวันแน่ที่ทุกอย่างจะจบ ผมถึงอยากให้คุณดีขึ้นมากกว่านี้ก่อน ถึงค่อยดำเนินเรื่องกันต่อไงละ”
“แต่ผมอยากทำให้มันจบๆ ผมควรทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดี ถ้าขืนมารอให้ผมดีขึ้น… คงจะใช้เวลาอีกหลายเดือน ผมอยากให้ทุกอย่างมันเดินหน้า ไม่ใช่มาคาราคาซังจนทำให้ก่อเกิดเรื่องอื่นๆขึ้นมาอีก ผมมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว… ไม่อยากให้มันซ้ำรอย”
“คุณแน่ใจนะ”
“อืม”นี่คงจะดีที่สุดแล้ว ขืนยื้อเวลาต่อไปทุกคนมีแต่จะบอบช้ำ
“งั้นเดี๋ยวผมจะนัดผู้กองที่ทำคดีนี้แทนผมเข้ามาคุยกับคุณแล้วกัน คุณคงจะต้องเล่าย้อนไปถึงตั้งแต่ที่คุณผิดสังเกตุเรื่องของผลชันสูตร
และคำให้การจากปากของญาติผู้เสียชีวิตว่าอะไรยังไงบ้าง” ชัชพยายามแนะนำในสิ่งที่ผมควรพูด ว่าควรเรียงลำดับก่อนหลังยังไงแล้วผมคงจะต้องทำหน้าที่ของผมบ้างแล้ว หวังว่าการกระทำทั้งหมดนี้ แพรวจะเข้าใจในความเป็นจริงว่าผมก็หลีกหนีที่จะไม่เผชิญหน้าเลย ผมก็ทำไม่ได้ ผมยังคงเห็นแพรวเป็นเพื่อนสนิทของผมอยู่เสมอ
ในคืนนั้น ชัชนั่งคุยอยู่กับผมจนดึก เรามีหลากหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกันมากมายไปหมด ทั้งเรื่องของเราและเรื่องงาน การที่เราสองคนทำงานอยู่กับผู้คนมากหน้าหลายตา มันก็ทำให้เราหาพื้นที่ความเป็นตัวตนจริงๆของเราได้ยาก ถึงแม้เราจะพยายามเป็นตัวเองมากแค่ไหน แต่หน้าที่ที่เรามี มันก็บังคับให้เราต้องทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเรา เหตุผลนี่ละที่ทำให้เราต้องเป็นคนเข้มแข็งกล้าที่จะตัดสินว่าสิ่งไหนควรหรือสิ่งที่ไหนไม่ควร เหมือนที่ผมกำลังพยายามที่จะทำมันอยู่ตอนนี้
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 23)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-09-2019 10:45:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 23)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-09-2019 11:18:32
 :เฮ้อ:  พ่อแม่หมอตั้มจะว่าไงเรื่องชัช นะ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 23)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-09-2019 23:27:45
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 24)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 12-09-2019 08:00:25
เช้าวันนี้ก็เป็นเหมือนกับทุกๆวัน หลังจากที่ได้เข้ารับการตรวจ และทานอาหารเช้าจนเป็นที่เรียบร้อย ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ชัชได้นัดมาให้ทำการสอบสวน
“สวัสดีครับ ผมหมวดกวิณ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ นายแพทย์ธีร์”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ แต่เรียกธีร์ผมไม่ชินน่ะ เรียกผมว่าตั้มก็พอครับ”
“เห็นเมื่อวานชัชโทรมาบอกกับผมว่าคุณพร้อมที่จะให้การเรื่องคดีของหมอแพรว”
“ครับ ผมอยากให้คดีนี้มันจบๆไป ทุกอย่างจะได้กลับมาเป็นตามที่มันควรจะเป็นสักที”
“งั้นผมเริ่มบันทึกปากคำเลยแล้วกัน” และจ่าที่มาด้วยก็จัดการบันทึกเสียงปากคำและพิมพ์ลงโน๊ตบุ๊คที่พกมา พร้อมกับบัททึกวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน เรื่องราวทั้งหมดก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไรไปจากเดิม เพียงแค่เพิ่มเติมที่ข้อมูลเรื่องที่ผมถูกจับตัวไปแล้วถูกทำร้ายร่างกายยังไงบ้าง ส่วนเรื่องเอกสารผมก็รบกวนให้หมอเอกจัดการรวบรวมมาให้ ในขณะที่กำลังให้การอยู่นั้น หมวดชัชที่สะพายกระเป๋าหอบหิ้วเอกสารพลุงพลัง จนจ่าสองคนแทบจะวิ่งเข้าไปช่วยแทบไม่ทัน
“ขอโทษทีพี่กวิณที่มาช้า กว่าจะได้เอกสารจากกองนิติเวชนั่งรอหายอยากเลย”
“หลักฐานเอกสารกับของกลางอยู่ในกระเป๋านี้ทั้งหมดแล้วใช่มั้ย”หมวดกวิณย้ำถาม
“เอกสารน่ะครบครับ แต่เรื่องของกลางน่ะแค่บางส่วน ที่ผมมีคือแค่ส่วนหนึ่งที่ไปเจอตามสถานที่ที่พบศพ …แล้วนี่สอบปากคำไปถึงไหนกันแล้วครับ”
“ก็ได้ข้อมูลมาเยอะพอสมควรเลยล่ะ ไม่น่าเชื่อว่า 3 ชั่วโมงจะได้มากขนาดนี้  แต่ยังคงเหลือพยานบุคคลอีกสองสามรายที่นายเขียนไว้แต่ยังไม่สามารถนัดวันเวลากับเจ้าตัวได้ แต่ถ้าหลักฐานที่มีและคำให้การของคุณหมอกับตัวแกมากพอ พยานบุคคลเหล่านั้นก็คงจะไม่เป็นไร และหลักฐานที่บ้านพักของหมอแพรวที่ปากช่อง ตอนนี้ตำรวจทางนั้นกำลังเตรียมขนส่งมาให้แล้ว แกรู้มั้ยว่าอะไรคือหลักฐานชิ้นสำคัญที่มัดตัวหมอแพรวได้คืออะไร….ชิ้นส่วนมือ เท้า และอวัยวะเพศของเหยื่อที่ถูกฆ่า แต่ยังไม่ได้ยืนยันนะว่าเป็นของเหยื่อทั้ง 5 คนจริงหรือเปล่า คงต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานอีกที”
“แล้วนี่พี่กวิณอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่แล้วล่ะ แต่ถ้าขาดเหลืออะไรพี่คงต้องมารบกวนนายแล้วก็หมอตั้มอีกครั้ง ยังไงพี่ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” ทีมงานของผู้หมวดกวิณก็จัดการเก็บข้าวของพร้อมกับหลักฐานที่ชัชพึ่งจะนำมาให้กลับไป
“เหนื่อยเลยสิคุณ”ผมถามขึ้น
“ใช่ ผมต้องขับรถไปเองตั้งหลายที่ จะให้ตำรวจคนอื่นขับรถให้ ผมก็ไม่วางใจพวกเขาเท่าไหร่ คิดว่าทำเองน่าจะดีที่สุด”ผมเข้าใจชัชเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
“ชัช คุณลุกมาหาผมหน่อยสิ”พอดีผมสังเกตุเห็นอะไรนิดหน่อย เขาก็ลุกมาอย่างว่าง่าย  “นั่งลงข้างๆตั้มนี่แหละ” เขาก็ทำหน้าประหลาดใจนิดหน่อย ผมพยายามขยับร่างกายของผมเพื่อที่จะสร้างที่ว่างให้กับชัชเพื่อที่เขาจะได้นั่งได้ไม่ลำบาก “ยกขาขึ้นมาทั้งสองข้างเลย”
“คุณกำลังจะทำอะไรของคุณ” เขาสงสัยแต่เขาก็ทำตามที่ผมบอกนะ ผมเอามือไปแตะบริเวณแผลที่ขาข้างซ้ายของเขา ปรากฏว่ามันเปียกชุ่มไปด้วยเลือดเต็มไปหมด “ผมไม่ทันสังเกตุน่ะว่ามีเลือด แล้วอีกอย่างกางเกงผมมันก็ฟิตมากไปหน่อย แถมยังสีดำอีก”
“ไม่เป็นไร คุณนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้แหละ” ผมรีบหันมาหยิบมือถือที่วางอยู่บนหมอน โทรไปหาหมอเอกให้ช่วยเหลืออะไรผมนิดหน่อย ไม่ถึง5 นาที สิ่งที่ผมให้หมอเอกช่วยเหลือก็มาถึง ก็ไม่ใช่อะไรสำคัญหรอกครับ ก็แค่อุปกรณ์ทำแผลเบื้องต้นก็เท่านั้น
“เดี๋ยวผมรบกวนคุณพยาบาลล็อกห้องให้ผมหน่อยนะครับ พอดีผมจะทำแผลให้ผู้หมวดเขา”
“ให้ดิฉันช่วยมั้ยคะ เกรงว่าคุณหมอคงจะทำอะไรลำบาก”
“ไม่เป็นไรครับ แค่ช่วยล็อกห้องให้ผมก็พอ”พยาบาลสาวก็ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่าง่าย พอพยาบาลคนนั้นก้าวพ้นประตูออกไปผมก็เริ่มจัดการทันที “เดี๋ยวคุณถอดกางเกงออกนะ แต่ค่อยๆถอด ผมกลัวแผลมันจะกว้างขึ้น”
“ให้ผมถอดตรงนี้เนี้ยนะ”
“อายผมหรือไง”
“เปล่า…….. ” ผมก็ได้แต่ยิ้มให้เขา ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจยาวกับสิ่งที่ต้องทำ พอถอดกางเกงออกมา ถ้าไม่มีแผลส่วนอื่นในร่างกายของเขา ไอ้ที่อยู่ข้างในกางเกงชั้นในสีขาวนั้นคงโดดเด่นขึ้นมาเป็นแน่ แต่นี่ กลับมีแต่เลือดที่ไหลอยู่เต็มขาไปหมด แถมผ้าพันแผลก็ชุ่มไปด้วยเลือดจนแทบไม่เหลือสภาพผ้าพันแผลให้เห็นเลย
“คุณค่อยๆขยับขึ้นมานั่งนะ” ดูจากอาการแล้วก็คงปวดไม่น้อย ผมคว้าหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางอยู่บนรถมาวางลองกันเลือดของเขาเปรอะที่นอน ผมสวมถุงมือก่อนจะหยิบกรรไกรมาตัดผ้าพันแผลของเขาออก แต่เขาก็เป็นลูกมือที่ดีนะ หยิบถาดรองมารับผ้าเปรอะเลือดซะด้วย ผมคีบสำลีมาซับเลือดของเขาที่เปรอะเลอะเต็มไปหมด เช็ดอยู่นานทีเดียวละ กว่าจะได้ล้างแผล ถึงปากแผลของหมวดชัชมันจะสมานตัวเล็กลงแต่ก็ยังคงไม่ 100% “หลังจากนี้คุณต้องเดินให้น้อยลงนะ หรือไม่ก็ใช้ไม้พยุงไปก่อน เพราะปากแผลของคุณมันยังไม่สมานตัวดีเลย ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆผมกลัวว่าแผลจะติดเชื้อเอา” ผมพูดพลางเอาผ้าพันแผลมาพันกลับเข้าที่เดิมหลังจากใส่ยาจนเสร็จเรียบร้อย “เสร็จแล้วคุณ”
“ขอบคุณมากนะ รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย”
“เดี๋ยวคุณใส่กางเกงที่วางอยู่บนรถเข็นนี่ไปก่อนนะ ผมให้เขาเอามาเผื่อ ใส่เสร็จแล้วก็ทานยาด้วย” ก่อนที่ผมจะถอดถุงมือออกทิ้งไป แล้วหยิบโทรศัพท์โทรไปแจ้งให้พยาบาลมาไขล็อคประตูและนำรถเข็นออกไป

 ในเวลาว่างของเราทั้งคู่ ชัชก็ดูแลผมเป็นอย่างดี ทั้งคอยนวดขากระตุ้นโลหิตให้ผม พยายามช่วยผมกายภาพเบื้องต้นเพื่อให้กล้ามเนื้อของผมได้ออกแรง มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ถึงแม้จะต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเดิมๆแบบนี้ทุกๆวัน อาจจะมีบ้างที่หมอเอกจะพาผมออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง ส่วนพ่อแม่ของผมท่านกลับไปได้สักพักแล้วครับ ตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพตั้งแต่วันแรกๆ เพราะมีคนไข้หลายเคสที่พ่อกับแม่ผมต้องไปตามการรักษา กว่าจะกลับมาได้อีกทีก็คงอีกนานเลย  ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไม่เคยรู้สึกแย่เลยที่มีชัชอยู่ข้างๆ จนวินาทีที่หมวดกวิณมาแจ้งข่าวเรื่องการตัดสินพิจารณาคดีของหมอแพรว
“สวัสดีครับคุณตั้ม สวัสดีชัช”คำกล่าวทักทายหลังจากเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับพี่ นี่…มาเยี่ยมคุณตั้มหรอครับ” ชัชถามขึ้น
“ก็….ไม่เชิงหรอก จุดประสงค์จริงๆคือมาแจ้งความคืบหน้าคดีของแพรวมากกว่า” หมวดกวิณลากเก้าอี้มานั่งข้างๆผมสองคน “พรุ่งนี้จะเป็นวันชี้ชะตาของหมอแพรวว่าจะเป็นยังไงต่อไป เหตุผลที่มีการพิจารณาคดีได้เร็วขนาดนี้ เนื่องจากมีทั้งหลักฐานที่เป็นอาวุธ บุคคล แล้วก็เอกสาร มันเลยทำให้หมอแพรวดิ้นจากข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่หลุด และจากที่เราสงสัยกันว่าหมอแพรวมีความผิดปกติทางจิตหรือเปล่า จากการตรวจของแพทย์ ยืนยันแล้วว่าทุกอย่างปกติ 100% และโชคดีอีกอย่างที่หมอแพรวยอมรับสารภาพในทุกข้อกล่าวหา ตอนขึ้นศาล รวมถึงคดีที่มีหมวดปวีณเข้าไปเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นข่าวดีที่หมอแพรวอาจจะไม่ต้องชดใช้ถึงชีวิต”ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินแบบนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ข้อสัณนิษฐานของหมวดกวิณแต่ก็ทำให้เราได้รู้ว่าแพรวจะยังคงมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้
“ขอโทษนะครับ คดีหมวดปวีณ แพรวเป็นคนสารภาพเองหรอครับ”ผมถามอย่างสงสัย
“เปล่าหรอกครับ เป็นเพราะว่าผมเปิดหลักฐานวีดีโอที่มาขอปากคำจากหมวดชัช หมวดชัชพูดถึงเรื่องนี้ไว้ด้วย บวกกับหลักฐานบางอย่าง เลยทำให้มีการพิจารณาร่วม”
“แพรวลงมือฆ่าจ่าคนนั้นยังไง เขาทำคนเดียวหรอครับ”
“เพราะหมอแพรวอ้างว่าพบเจอคนที่น่าสงสัยอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ เลยให้เหยื่อเขาไปสำรวจให้ และพอเหยื่อหลงกลเดินเข้าไปในห้องที่มีแต่ความมืด เธอก็ใช้มีดแทงเข้าไปที่เหยื่อแบบนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะปล่อยศพไว้แบบนั้น และรอเวลาที่ปวีณจะวิ่งไปที่ห้องตามที่เธอคาดการไว้ แล้วใช้ไม้ฟาดเขาก่อนที่จะจับมือของปวีณมาจับมีดเพื่อให้มีรอยนิ้วมือและเธอใช้หุ่นจำลองคนไข้มาเป็นเหยื่อในการถูกฆาตกรรม เพื่อให้หมวดปวีณเห็น”
“แล้วคุณจำได้มั้ยที่ผมบอกกับคุณว่าเราไม่พบลายนิ้วมือของหมอแพรวบนแก้วกาแฟ นั้นล่ะหลักฐานสำคัญ”
“ใช่ เธอใช้วิธีการยืนยันที่อยู่ โดยใช้บุคคลรอบข้างช่วย เธอบอกว่า ตอนประมาณ 23.50 น. เธอได้ไปจัดการลงมือฆาตกรรม ซึ่งปกติแล้วในทุกคืนที่เธออยู่เวร พยาบาลจะนำกาแฟมาให้เธอเป็นประจำ เธอใช้วิธีการเปิด speaker phone บนโทรศัพท์ในห้องเธอ และใช้มือถือโทรเข้ามา และทำการพูดคุยเหมือนตัวเองนั่งอยู่ในห้องและบอกให้พยาบาลวางถาดแก้วกาแฟลงบนโต๊ะด้านนอก นั้นจึงทำให้พยาบาลยืนยันเสียงแข็งว่าได้คุยกับหมอแพรวจริงๆ  และหลังจากฆาตกรรมเสร็จเธอใช้ช่วงเวลาชุลมุนหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ แล้วค่อยมาปะปนรวมกับกลุ่มที่มามุงดูภายหลัง นี่คือคำสารภาพที่เธอบอกกับศาล และที่ผมมาวันนี้แค่จะมาถามพวกคุณสองคนว่า วันพรุ่งนี้ คุณสองคนอยากจะไปร่วมฟังการตัดสินด้วยหรือเปล่า” คำถามนี้กลับทำให้ผมต้องคิดหนักว่าผมควรที่จะไปหรือไม่
“เอ่อ…ผมคง…ไม่ไปดีกว่าครับ มันคงจะดีที่แพรวจะไม่ต้องเห็นหน้าผม เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างเขากับผม เอาไว้…ให้เวลา…รักษาความรู้สึกของแพรวให้ดีขึ้นก่อน ถ้าเจอกันตอนนั้น อาจจะมีเรื่องที่ทำให้เราพูดคุยกันอย่างสนิทใจกันมากขึ้นก็ได้”
“โอเครครับ…แล้ว อาการของคุณตั้มดีขึ้นมากแล้วใช่มั้ยครับ”
“ก็…ตามลำดับครับ แต่ก็คงต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานพอสมควร กว่าจะเริ่มทำกายภาพได้”
“งั้นผมขอให้คุณแข็งแรงไวๆนะครับ ยังไงผมขอตัวกลับก่อน…พี่ไปก่อนนะชัช” คำร่ำลาสั้นๆของหมวดกวิณก่อนที่จะเดินออกไป
“ผมดีใจด้วยนะ ที่ผลการตัดสินออกมาเป็นแบบนี้”ชัชพูดขึ้น
“เราอาจจะดีใจที่ผลมันเป็นแบบนี้ แต่ญาติของเหยื่ออาจจะไม่ดีใจก็ได้
“แต่ก็ถือว่า คนร้ายได้รับการลงโทษแล้ว คงไม่มีอะไรจะถูกใจไปซะทุกคนหรอก”

ก๊อกๆ ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังนำมาแต่ไกล
“สวัสดีค่ะทุกคน” เสียงแบบนี้ไม่ใช่ใคร น้องสาวตัวแสบของผมนี่ละ เธอวิ่งเข้ามากอดผมเหมือนกับไม่ได้เจอกันมานานแรมปี “คิดถึงจังเลย” ผมก็ได้แต่กอดกลับกับเธอ “แล้วพี่ชัชล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีขึ้นมากแล้ว เหลือแค่แผลอีกนิดหน่อย”
หลังจากนั้นเธอก็ได้แต่พร่ำพรรณาว่าเธอแทบจะไม่มีเวลาเลย ร้านที่ทำอยู่ตอนนี้มีลูกค้าแน่นทุกวัน เลยไม่ได้มาหาผม สรรหาคำพูดนะน้องผม  แต่ใช่ว่าผมไม่เชื่อนะ พลแฟนของตาลถ่ายรูปมาอัพเดทให้ผมได้เห็นทุกวัน แต่มารอบนี้เธอก็ไม่ได้มาอยู่คุยกับผมนานหรอกนะ  เพราาะขนาดนั่งคุยกับผมยังมีสายโทรเข้ามาไม่หยุด
“ตาล พี่ว่าแกกลับไปที่ร้านก่อนดีกว่า  ไม่งั้นโทรศัพท์แกคงแบตหมดก่อนแน่” ผมก็แซวหยอกล้อไป
“ค่ะคุณพี่ชาย….แต่ก่อนที่จะไปเนี้ย ตาลมีข่าวดีมาบอกพี่ทั้งสองคนเลย  เป็นเรื่องที่ตาลก็พึ่งรู้เมื่อวานนี้เอง”
“ทำไม…พ่อกับแม่อนุมัติเปิดร้านใหม่ให้หรอ” แซวซะอีกผม
“โน๊ว โนว ค่ะ มัน surprise ยิ่งกว่านั้น…แท่น แท๊นนนนน” เธอหยิปรูปใบเล็กๆออกมาจากกระเป๋ายื่นมาให้ผม
“เฮ้ย พี่ดีใจด้วย…กี่เดือนแล้ว”มันคือแผ่นฟิล์ม อัลตร้าซาวน์
“จะสี่เดือนแล้วค่ะ แฝดด้วยนะคะ”
“นี่คุณดูสิ…”ผมยื่นให้กับชัชดู “คุณจะได้เป็นลุงแล้วนะ 55” ผมแซวเขา แต่เพื่อเมื่อเขาเห็นรูป เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ แล้วนี่พ่อกับแม่รู้ยัง”
“ยังเลยค่ะ  ไว้เดี๋ยวค่อย facetime ไปคุย”
“พี่ดีใจด้วยนะตาล กำลังจะเป็นแม่คนแล้ว” ชัชพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แต่ก็พอดูออกถึงแม้ว่าจะยิ้มออกมาแบบนี้
“ขอบคุณค่ะพี่ชัช….งั้นเดี๋ยวตาลกลับก่อนนะ เย็นนี้มีจัดเลี้ยงอีก ไว้ว่างตาลจะมาหานะพี่ ไปละนะพี่ชัช บ้ายบาย” แล้วเธอก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปอย่างมีความสุข
“ผมรู้นะว่าคุณรู้สึกยังไง…ผมขอโทษนะ”
“เฮ้ย!!ผมไม่เป็นไร อย่าคิดมากดิ”เขาดูอารมณ์ดีขึ้น “ผมน่ะ ไม่ได้ซีเรียสหรอกนะว่าเราจะมีลูกได้หรือเปล่า เพราะผมมีแค่คุณผมก็มีความสุขแล้ว แต่ถึงยังไงคุณก็เป็นภรรยาผม” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น “ แล้วขึ้นชื่อว่าภรรยาเนี้ยนะ ผมก็จะต้องทำหน้าที่สามีให้ดี เพราะฉะนั้น ปณิธานของผมก็คือ ต้องทำจนกว่าคุณจะท้อง ถ้ายังไม่ท้องก็ต้องถูกผมขย้ำไปเรื่อยๆๆ” เรื่องแบบนี้ล่ะไวนัก แถมยังหัวเราะเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีก
“หรอ แต่คุณสามีลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าภรรยาของคุณสามีเนี้ย เป็นหมอ ถ้าคิดว่าจะขย้ำภรรยาอย่างผมไปเรื่อยๆจนกว่าจะท้องล่ะก็ งั้นเวลาตอนคุณสามีหลับ ก็โปะยาสลบซ้ำอีกที แล้วก็จับทำหมันให้รู้แล้วรู้รอดเลยไปเลยดีกว่า ดีมั้ย!?”
“โธ่!!!คุณภรรยา ไม่สงสารคุณสามีบ้างหรอ ทั้งชีวิตเลยน้าาาาา”
“ไม่….สง….สาร” แกล้งนายคนนี้ก็สนุกดี
“ใจร้ายอ่ะคุณน่ะ”ทำหน้าซะเศร้าเชียว “แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ผมขอขย้ำคุณก่อนสักทีแล้วกัน”ว่าแล้วเชียวว่าต้องแกล้ง แต่ก็นะ ขอแค่เขามีความสุขผมก็ยอมแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้แกล้งอะไรผมแรงหรอก แค่จักจี๋พอเป็นพิธีเท่านั้นล่ะ”ผมจูบนะ”
“ขอกันง่ายๆงี้เลย” ทำมายักคิ้วใส่ ผมก็ได้แต่มองหน้าเขา อารมณ์แบบนี้สำหรับผมลืมไปหมดแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง “แค่จูบนะ” ผมแค่กลัวมันเลยเถิดก็เท่านั้น
“แค่จูบสิ ส่วนที่เหลือ...รอรวบยอดตอนคุณหายก็แล้วกัน” ริมฝีปากของเขาจูบลงมาที่ปากของผมแบบไม่ทันตั้งตัว แต่กลับมีแต่ความอ่อนโยน ไร้ซึ่งการกระทำรุนแรงใดๆ ทำไมผมหยุดตัวเองไม่ได้ ชัชกำลังดันผมให้นอนลง ผมรีบยั้งตัวเอง “ชัช ตั้มบอกแค่จูบไง”
“ก็แค่จูบไง” ปากของเขากลับมาทำหน้าที่อย่างเดิมอีกครั้ง เสียงกระเสร่าที่เขาพูดออกมา ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังจะระงับตัวเองไม่ไหว
“ตาชัช/ไอ้ชัช”เสียงที่ผมไม่คุ้นหูตะโกนขึ้นดังลั่น แต่พอเห็นหน้าก็จำได้ทันที “แกกำลังทำบ้าอะไร” พ่อของชัชตะโกนถามแล้วก็เข้ามาดึงตัวชัชออกจากผม
“มาที่นี่ได้ไงครับ” เขาถามเสียงนิ่ง
“มาได้ยังไงคงไม่สำคัญ ว่าแกทำเรื่องอุบาทว์ๆแบบนี้ได้ยังไง”คำพูดนี้ทำผมพูดอะไรไม่ออก
“อะไรคือเรื่องอุบาทว์ ”
“แกยังกล้าที่จะถาม ว่าอะไรคือเรื่องอุบาทว์ ก็การที่แกมานั่งจูบนอนจูบอยู่กับผู้ชายด้วยกัน ไร้สติ ไร้ความนึกคิดสิ้นดี”
“หรอครับ แต่ที่นี่มันก็ที่ส่วนตัว แล้วอีกอย่าง ผมกับตั้ม เราก็เป็นแฟนกัน”

เพี๊ยะ!!!!!!!
ชัชโดนตบหน้าจากพ่อของเขาอย่างแรง
“ผมว่า……รีบกลับไปเถอะ”ตอนนี้เขาดูตัวสั่น ดูโมโหจนผมรู้สึกกลัว “ถึงอยู่ ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น”
“ชั้นกลับแน่…แต่ถ้าแกคิดว่า ถ้าชั้นกลับแล้วเรื่องมันจะจบ แกคิดผิดแล้วล่ะ” ชัชเงยหน้าขึ้นมามองผม
“มันก็ ไม่ใช่เรื่องของผม….ถ้าเข้ามาได้ ก็คงเดินออกไปเองได้นะครับ” บรรยากาศมันช่างอึดอัด ทำอะไรไม่ถูก อย่าว่าแต่ผมเลย แม่ของชัชก็ได้แต่ยืนนิ่ง ไม่พูดไม่ไหวติงอะไร
“แกรู้…แล้วแกก็จำเอาไว้”คุณพ่อเอามือผลักหัวชัชอย่างแรง “ ชั้นทำให้แกเกิดมา เลี้ยงแกมา เพื่อไม่ได้ต้องการให้แกมาอกตัญญูหรือทรพีชั้น  แต่การกระทำของแกวันนี้ มันทำให้ชั้นเห็นชัดว่า คนอย่างแก มันถูกตามใจมากจนเกินไป มันคงถึงเวลา ที่ชั้นจะยึดอิสระที่ชั้นให้แกไปคืนมาบ้าง แล้วแกจะได้เห็น ว่าความจริงของโลกใบนี้…มันเป็นยังไง”
“ก็เป็น…เหมือนอย่างที่เห็นนี่แหละ ความจริงของโลกใบนี้…อย่าให้ผมพูดอะไรไปมากกว่านี้เลย เดี๋ยวมันจะไม่หลงเหลืออะไรไว้ให้ผมไว้เคารพ”
“อย่านะคุณ ชั้นของร้อง” แม่ของชัชยื้อห้ามพ่อของชัชอีกครั้งเพียงแค่เห็นว่าชัชกำลังจะโดนพ่อของเขาตบ “กลับก่อนเถอะค่ะคุณ…นะคะ” เธอพยายามดึงลากพ่อของชัชออกไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะสำเร็จ
 พอท่านทั้งสองกลับไป ชัชก็ได้แต่เพียงนั่งนิ่งๆ  ผมเห็นน้ำตาของเขาไหลออกมา ผมเอามือไปโอบแก้มของชัช เขาก็ได้แต่เพียงอิงหน้ามาที่มือของผม
“ผมขอโทษนะ ที่ทำให้คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้”เขารีบปาดน้ำตา
“ไม่เป็นไร ไม่เห็นต้องขอโทษเลย” ผมก็ได้แค่เพียงนั่งปลอบโยนเขา ให้กำลังใจ ตั้งแต่ผมรู้จักชัชมา ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขาเลยแม้สักครั้ง และนี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากตัวของผมเองด้วย
“คุณไม่ต้องไปสนใจคำพูดำพวกนั้นนะ แค่คุณเชื่อมั่น และเชื่อใจในตัวผมก็พอ”
“ผมก็ทำมันมาตั้งนานแล้วนี่ เชื่อใจคุณน่ะ”เขามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว “แล้วคุณล่ะ โอเคแล้วแน่นะ”
“ผมพร้อมจูบคุณอีกรอบแล้วด้วยซ้ำ คิดว่าผมโอเคขึ้นแล้วหรือยังล่ะ ”
“ไอ้บ้า!!!!” แค่ผมเห็นเขายิ้มได้ผมก็มีความสุขแล้ว
ในมื้อเที่ยงของวัน ชัชได้ลงไปซื้ออาหารจากร้านเจ้าประจำของผมในศูนย์อาหารของโรงพยาบาลขึ้นมาให้กับผม พร้อมกับเข็นโต๊ะทานอาหารเข้ามา
“ซื้อมาทำไม เดี๋ยวพยาบาลเขาก็เอาอาหารของผมเข้ามาให้”
“ก็พอผมเห็นคุณทานทีไร หน้าคุณมันบ่งบอกทุกทีว่ามันอร่อยมากกกกกกกก” เหมือนเขาจะรู้ “เอาเถอะน่า อาหารที่ซื้อมามันก็ไม่ได้ต่างจากอาหารของโรงพยาบาลนักหรอก แต่แค่เปลี่ยนรสมือคนทำแค่นั้นเอง” ชัชจัดการจัดเตรียมทุกอย่างใส่จาน พอได้เห็นหน้าตาอาหารมันก็น่ากินจริงๆนั้นล่ะ “ของโปรดคุณทั้งนั้นถ้าผมจำไม่ผิด”
“มาทานด้วยกันสิคุณ” ผมชวนเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะไปหยิบจานกับช้อนมาเพิ่ม  ขณะที่เราทั้งคู่กำลังจะลงมือทานอาหาร แม่ของชัช ท่านก็เดินเข้ามาถูกจังหวะพอดี ชัชได้แต่มองแม่ของเขานิ่ง ก่อนที่จะลุกไปเอาเก้าอี้มาให้แม่ของเขานั่ง
“แม่มาทำอะไรอีกครับ”คำถามเปิดประเด็นเริ่มขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งตรงที่เดิม “ผมนึกว่าจะไม่มายุ่งกับผมแล้วซะอีก”
“คุณชัช”ผมเรียกสติเขา
“นี่คือคำตอบของเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดใช่มั้ยลูก”
“คำตอบอะไรครับ”
“คำตอบในสิ่งที่แม่พยายามค้นหามาให้ลูก….คู่ชีวิต”แม่ของชัชท่านใจเย็นมาก
“ก็อย่างที่แม่เห็นนั้นแหละครับ ตั้มคือคำตอบของคำถามที่คาใจแม่มาตลอด ผมไม่มีข้อแก้ตัวตัวอะไร เพราะสำหรับผมมันเดินมาไกลเกินแล้ว” ชัชนิ่ง ทุกคนในห้องก็นิ่ง การที่ผมมาอยู่ในสถานที่ที่อึดอัดแบบนี้ที่ผมไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ มันน่าอึดอัดจนบอกไม่ถูก แต่ในความน่าอึดอัดตรงนั้น มันกลับมีความรู้สึกที่เป็นห่วงบุคคลทั้งสองอย่างบอกไม่ถูก
“ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียใจ ที่ผมเป็นอย่างที่แม่อยากให้เป็นไม่ได้”ชัชได้แต่นั่งก้มหน้า
“แม่เลี้ยงลูกไม่ดีตรงไหน แม่บกพร่อง หรือละเลยอะไรในความเป็นแม่ของลูก” ผมเห็นชัชน้ำตารื้นรวมถึงแม่ของเขา “แม่พยายามถามตัวเองมาตลอด ว่าแม่เป็นแม่ที่ดีของลูกแม่แล้วหรือยัง แม่พยายามหาจุดบกพร่องของตัวเอง พยายามเติมเต็มในสิ่งที่พ่อของลูกไม่เคยทำ แม่ยังทำไม่ดีพอใช่มั้ยลูก”
น้ำตาของชัชไหลออกมาเป็นทาง แต่เขาพยายามที่จะเก็บอาการเหล่านั้นเอาไว้
“แม่ดีทุกอย่างเลยครับ เป็นแม่ที่เอาใจใส่ ดูแล ห่วงใยผมไม่เคยขาดตกบกพร่อง แม่คือผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตผม…แต่ตอนนี้ ผมกลับไปเป็นชัชคนเดิมแบบที่แม่เคยหวังไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผมทำไม่ได้แล้ว” ชัชพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ ผมทำได้แค่กุมมือเขาในเวลานั้น เขาบีบมือผมแน่น ในตอนนั้น แม่ของชัชลุกขึ้นเดินตรงเข้ามาชัชที่นั่งอยู่ข้างๆผม
“ขอโทษนะลูก ที่แม่ปล่อยให้ลูกเหนื่อยคนเดียวมานาน” เธอโอบกอดชัชอย่างนุ่มนวล ในเวลานี้ผมอาจไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกตรงนั้นได้  แต่ผมเชื่อว่าชัชกำลังซึมซับความรู้สึกนั้นไปอย่างเต็มเปี่ยม
“ลูกก็ด้วยนะลูก” หมายถึงผมอย่างนั้นหรอ “ขอบคุณที่ทำให้ลูกแม่มีความสุข” ผมรู้ว่า ความรู้สึกข้างในของแม่ชัชเป็นยังไง ถึงท่านจะยอมรับเรา ด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ยังเหลือพ่อของชัชที่ผมยังไม่รู้เลยว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 23)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-09-2019 08:00:50
หวังว่าหมอตั้มจะให้การตามจริงเรื่องแพรวนะ​ อย่าให้การช่วยเหลือคนแบบนี้เลยให้เค้าได้สำนึกและรู้ตัวเถอะว่าเค้าผิดทำคนตายกับญาติ​คนตายเดือดร้อน
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 24)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-09-2019 08:08:57
 :L2:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 24)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-09-2019 09:04:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 24)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-09-2019 09:16:03
สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 25)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 16-09-2019 16:48:22
2 เดือนต่อมา
     หลังจากวันนั้น ดูเหมือนแม่ของชัชจะเข้าใจเราทั้งคู่มากขึ้น ท่านแวะมาคุยเยี่ยมผมอยู่บ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะชัชมาอยู่กับผมแทบจะตลอดเวลา เพราะผมเริ่มทำกายภาพเบื้องต้น เหมือนคนพึ่งหัดเดินใหม่ๆ กายเป็นตอนนี้ชัชแทบจะไม่ไปทำงานเลยด้วยซ้ำ ถ้าผมไม่ได้บังคับเขา
“เดี๋ยวผมขอไปเคลียร์งานที่ สน.แปปนึงนะ ไม่น่าเกิน ชม. เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”เขาบอกผมพร้อมกับบ่งบอกสีหน้าว่าไม่อยากไปเท่าไหร่แแต่ก็โดนผมแกล้งทำโกรธไปหลายที เดี๋ยวนี้เลยงอแงน้อยหน่อย
(เสียงประตูเปิด)
“ไงมีอะไรอี…… ก” พ่อชัช “สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้ขึ้น แต่ท่านก็ดูเฉยไม่พูดอะไร “เอ่อ… คุณ.. คุณ… พ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”  ใช้คำนี้คงดีที่สุด
“ไอ้เรื่องสกปรกพวกนี้ มันเริ่มต้นที่จะพูดยากเหมือนกัน” น้ำเสียงนิ่งเรียบเย็นชาซะเหลือเกิน ”เอาง่ายๆชั้นไม่อยากให้คนในวงตระกูลของชั้นต้องเข้าไปเกลือกกลั้วกับวงจรโสมม หรือที่คนเขาเรียกว่าพวกผิดเพศ… ตั้งแต่เลี้ยงมันมา….มันไม่เคยทำให้ชั้นต้องผิดหวังเลยสักครั้ง แต่พอมีหมออย่างแกเข้ามา”สายตาเขามันเหยียดหยามผมมาก
“หมออย่างผมมันเป็นยังไงหรอครับ”
“ก็เป็นเช่นอย่างที่เห็น” ผมจะอดทนได้แค่ไหน “เคยคิดบ้างมั้ย ว่าความใคร่ที่พวกแกเรียกกันว่าความรักเนี้ย ถ้ามันทำให้คนๆนึง…ต้อง พัง มันจะเรียกว่ารักได้อีกมั้ย… จะเสนอแนวทางอะไรง่ายๆให้ แค่เเกเลิกกับๆไอ้ชัชซะ แค่นั้นเอง  เรื่องเลวร้ายทั้งหมดมันก็จะไม่เกิดขึ้น แค่เห็นแกทุกวันนี้ ชั้นยังคิดสงสารพ่อแม่ของแกเลย เลี้ยงลูกยังไงให้วิปริต”
“คุณหยุดลามปามถึงพ่อแม่ผมได้แล้ว”ผมแย้งขึ้นเสียงดัง “แล้วคุณก็จำไว้ด้วย ว่าผม จะ ไม่ เลิก กับ ชัช เด็ด ขาด ถึงคุณจะพยายามทำอะไรก็แล้วแต่ การเลิกกันของเราทั้งคู่ จะไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น” เขาปรบมือเสียงดัง เขากำลังจะทำอะไร
“งั้นแกรอดูได้เลย”
“รอดูอะไร”ชัชกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“รอดูความพังพินาศของแก รวมถึงชีวิตรักของแกด้วย”

~~พลั่ก~~

ชัชต่อยหน้าพ่อของเขาเข้าไปเต็มแรงจนพ่อของเขาล้มลงไป และเขายังกระชากคอเสื้อพ่อของเขาเหมือนคนขาดสติ ผมจะห้ามเขาได้ยังไง
“ชั้นว่าจะเงียบปากเรื่องของแกแล้วนะ… ไอ้สุวิทย์” เดี๋ยวชัช นั้นพ่อนะ “ ไอ้เรื่องที่แกกับแม่หลอกชั้นว่าแกคือพ่อแท้ๆของชั้น ”มันเกิดอะไรขึ้น” ไอ้ทีแกเข้ามาตีสนิทแม่ของชั้นหลังจากที่พ่อเสีย แล้วทีแกเปลี่ยนนามสกุลมาใช้ของพ่อชั้น เพราะแม่เป็นคนเสนอให้แกทำเพื่อไม่ให้ชั้นสงสัย แต่อย่าลืม ว่าชั้นทำงานอะไร เป็นอะไร แค่ตรวจสอบประวัติคนๆเดียว มันไม่ได้ยาก และไอ้เรื่องที่ขู่แม่ชั้นว่าจะ backmail เรื่องวิตถารจนแม่ชั้นจะต้องยอมแกมากี่ปีต่อกี่ปี ระวังเอาไว้ให้ดี เพราะนี่แค่เตือน ถ้าเอาจริง แกไม่รอด จำไว้” ถึงผมจะงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่ในเวลานี้ผมกลัวชัชจะระงับอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ เพราะผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของชัชก็ตัวใหญ่ไม่เบา
“คิดหรอว่าคนอย่างชั้นจะกลัว เพราะทุกคนเขาก็คิดว่าชั้นเป็นพ่อแท้ๆของแก ถ้าแกทำร้ายชั้น ยังไงคนเขาก็มองว่าแกมันคือลูกอกตัญญู ชั้นมีแต่ได้กับได้”
“นี่ ถ้าผมโง่ คงจะมีทุกวันนี้ไม่ได้หรอก หรือว่าอยากจะลอง”
“ลองอะไร”  ชัชยืนกดโทรศัพท์ก่อนที่จะยื่นบ้างอย่างในโทรศัพท์ให้กับพ่อของเขาดู “แกได้มันมาได้ยังไง”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่า ถ้ายังอยากมีเงินใช้ ก็อยู่เงียบๆ ขืนทำอะไรให้มันมากเรื่อง ชีวิตของคุณพ่อกำมะลออย่างคุณ จะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ที่ซุกหัวนอน” เขายืนจ้องหน้าชัชจนผมเองยังกลัวเลย “แล้วอีกเรื่อง”ชัชเดินเข้าไปประชิดตัวพ่อของเขา “มึงอย่ามายุ่งกับแฟนและแม่ของกูอีก เตือนรอบเดียว… ครั้งเดียว”ผู้ชายคนที่ชื่อสุวิทย์ผลักไหล่ชัชอย่างเต็มแรงก่อนที่จะหุนหันเดินออกไป
“ตั้มไม่เป็นไรใช่มั้ย มันทำอะไรตั้มหรือเปล่า”เขารีบหันมาถามผมทันที
“เขาไม่ได้ทำอะไรตั้มหรอก แค่เข้ามาพูดๆอย่างที่ชัชเห็น… แต่เดี๋ยวนะ ไหนว่าจะไป สน.ไง ทำไมกลับมาได้”
“หมอเอกโทรมาบอก”
“หมอเอก? “
“ใช่… ผมแค่กังวลเลยฝากหมอเอกให้ดูแลคุณเวลาผมไม่อยู่” ผมก็ชอบนะที่มีคนเป็นห่วง แต่ถ้าต้องเดือดร้อนคนอื่นแบบนี้ผมก็เกรงใจเป็นนะ ในตอนนั้น ชัชก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง เกี่ยวกับสุวิทย์พ่อกำมะลอของเขา ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนกับพ่อของชัชตั้งแต่สมัยเปิดบริษัทด้วยกัน และเขาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของชัชต้องเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุ หลังจากงานศพ เขาก็เข้ามาดูแลแม่ของชัช และวางยาแม่ชัชเพื่อที่จะได้มีสัมพันธ์ทางร่างกายกับเธอ และถ่ายวีดีโอเอาไว้ และหลังจากนั้นเขาก็ใช้ข้ออ้างข้อนี้เป็นข้อแม้ในการขอเงินและมีความสัมพันธ์แบบนี้มาเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นชัชอายุได้ไม่กี่ขวบ เขาเลยไม่รู้เกี่ยวกับเหตุการที่เกิดขึ้นทั้งหมด และด้วยความที่ไม่อยากให้เรื่องเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ แม่ของชัชเลยจัดการเรื่องให้นายสุวิทย์เปลี่ยนมาใช้นามสกุลและรับบทบาทเป็นพ่อของชัชมาตั้งแต่ตอนนั่น แต่ในข้อตกลงนายสุวิทย์ต้องเซ็นเอกสารข้อสัญญาว่าเขาจะสามารถมีสิทธิ์ในการทำอะไรในบ้างในการมาใช้นามสกุลของพ่อชัช แต่นายคนนั้นก็ดีแต่ใช้เงิน และวางอำนาจในเรื่องผิดๆไปทั่ว ชัชมาเริ่มสงสัยตอนทราบข่าวว่าแม่เริ่มปล่อยขายหุ้นในบริษัท แต่ตัวเขาก็ไม่ไปถามจากแม่โดยตรงแต่เริ่มสืบจากข้อมูลที่ได้มาจากคนสนิทในบริษัทนั้นๆและสืบจนทำให้ทราบความจริง  และนี่ก็คือสิ่งที่ชัชเล่าให้ผมฟังมันเลยทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมถึงต้องมีเหตุการแบบนี้เกิดขึ้น
“แล้วถ้าเขาอยากแก้แค้นแล้วเอาคลิปของแม่ชัชไปแฉละ ชัชจะทำยังไง”
“ผมคิดไว้แล้ว ตั้มไม่ต้องห่วงหรอก แต่แค่ว่าแม่จะยอมทำตามที่ผมแนะนำหรือเปล่า แล้วอีกอย่างแม่ก็ยังไม่รู้ว่าผมรู้เรื่องนี้.. แต่อีกไม่นานก็คงจะรู้แล้ว” ดูท่าทางแล้วชัชก็คงเหนื่อยไม่ใช่น้อยเลยกับเรื่องพวกนี้ ผมบีบมือชัชเบาๆเป็นการให้กำลังใจ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะแนะนำหรือพูดยังไงเพื่อที่จะทำให้ชัชรู้สึกดี
   สรุปว่าตอนบ่ายที่ผ่านมาชัชก็ไม่ได้เข้าไปทำงาน เพราะมัวแต่นั่งคุยอยู่กับผม แถมยังไปเฝ้าผมตอนทำกายภาพอีก นี่ถ้าทำงานบริษัทละก็ไม่รอดแล้วละตาชัชคนนี้
“วันนี้เป็นไงบ้างหมอตั้ม ทำกายภาพมาสักพักแล้ว รู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้างมั้ย”หมอเอกเข้ามาเยี่ยมผมพร้อมตรวจอาการ
“ก็ยังเจ็บ ขนาดลงน้ำหนักยังไม่ถึง 20%เลยนะ”
“เอาน่า เริ่มต้นได้ไม่นานก็เป็นแบบนี้ละ ตั้มยังต้องเจ็บอีกเยอะกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม”ขู่ผมหรอหมอเอก “เดี๋ยวยังไง พรุ่งนี้เราจะ MRI ให้ตั้มอีกรอบนึงจะได้รู้ว่าเส้นเอ็นที่ต่อไปสมานกันดีแค่ไหนแล้ว”
“แล้วตอนนี้หมอตั้มสามารถออกไปไหนมาไหนได้บ้างมั้ยครับ เช่นสวนของโรงพยาบาล
“ได้ครับ ผมว่าดีกว่าให้หมอตั้มอยู่แต่ในห้องนะ จะได้ไม่เบื่อด้วย… จริงมั้ยหมอตั้ม”หันมาหาผมทำไมหมอเอก…. แต่ก็จริงนะ มันน่าเบื่อจริงๆ “งั้นยังไงคืนนี้ก็พักผ่อนมากๆล่ะ เราคงไม่ได้เข้ามาละ เดี๋ยวจะต้องไปทำคลีนิกต่อ แล้วเจอกันพรุ่งนี้…. ไปนะครับหมวดชัช” หมอเอกนี่ใครได้เป็นแฟนไปละก็ไม่เหงาแน่นอน
~~เสียงประตูปิด~~
“คิดจะทำอะไรชัช”เขารีบพุ่งตัวขึ้นมาอยู่บนเตียงกับผม
“ก็ขึ้นมาอนกับคุณไง ผมนอนคนเดียวมาหลายคืนแล้วน้าาา”เสียงอ้อนเชียวนะตาผู้หมวด แต่ทำไงได้ผมก็ใจอ่อนทุกที แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ ทางโรงพยาบาลให้ความส่วนตัวกับผมมาก ยิ่งตอนกลางคืน การรบกวนเป็นศูนย์เลยล่ะครับ “คิดถึงโมเมนต์แบบนี้จัง ที่มีคุณนอนอยู่ข้างๆผม” ผมก็คิดถึง “ผมขอได้มั้ย… แค่… จูบ” เสียงออดอ้อนอีกเเล้ว แต่ผมยังไม่ทันตอบ ริมฝีปากอันเเสนร้อนเร่าของเขาก็มาประกบปากผม  ลิ้นของเขาเริ่มทำหน้าที่ดังครั้งก่อนอีกครั้ง และร่างกายผมในตอนนี้ก็ดันตอบสนองชัชอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การสัมผัสอันเเผ่วเบา มันทำให้ผมแทบคลั่ง มือของชัชเริ่มไล้ไปตามร่างกายของผม ในตอนนี้ผมเริ่มสัมผัสถึงความตื่นตัวของน้องชายชัชได้อย่างคุ้นมือ
.!!!!!!!! เขาถอนจูบ
“ผมขอโทษ… ผมไม่ควรทำกับคุณแบบนี้”เขารีบลุกขึ้นนั่ง “ผมขอโทษ”
“ไม่นะชัช”ผมรีบท้วงขึ้น “… ตั้มตะหาก เป็นตั้มที่ให้ชัชไม่ได้”ผมยิ่งรู้สึกผิดที่เห็นชัชหน้าเสียแบบนี้ “อดทนหน่อยนะ อีกแค่ไม่นาน นะชัช” เขาเอามือมายีหัวผม
“นานแค่ไหนผมก็รอได้…. อย่าคิดมาก”นี่แหละเขาล่ะ “แล้วนี่อยากทานอะไรเพิ่มมั้ย เมื่อเย็นเห็นทานไปนิดเดียวเอง”
“ก็ถ้าขัชทานด้วย สั่งอะไรมาตั้มทานได้หมดล่ะ” และผมก็เห็นเขาง่วนกับการสั่งอาหารผ่านมือถือ โชคดีที่ว่ายังไม่ดึกมาก คงยังมีร้านอร่อยขายอยู่อีกเยอะ  fastfood อย่าน้อยใจนะ แค่ไม่อยากทานอะไรที่มันทานบ่อยๆอยู่แล้วน่ะ  /////เดี๋ยวๆ นี่บอกใครอ่ะ///////
.
.
.
.
.
.
“ผล MRI น่าพอใจนะหมอตั้ม เส้นเอ็นสมานกันได้ดีเลยละ แต่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นไม่อย่างนั้น ได้ผ่าตัดใหม่แน่” ข่าวดีข่าวร้ายแต่เช้าเลยหมอเอก
“แล้วเรื่องกายภาพนี่ทำอะไรเพิ่มเติมอีกได้มั้ยครับ นอกเหนือจากการหัดเดิน”
“จากที่ผมประเมิน คงยังได้แค่หัดเดินลงน้ำหนักนี่แหละ เพราะมันต้องใช้เวลา…. คุณชัชก็เห็น เวลาหมอตั้มเดินน่ะ มันจะเจ็บมาก ตอนนี้คงดีได้ที่สุดเท่านี้ ถ้าขืนรีบหรือยัดเยียดกิจกรรมใหม่เข้าไป อาจจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี… ส่วนเรื่องที่หมวดชัชทำอยู่เป็นประจำ อันนั้นผมยกเว้นให้.. ถือว่าช่วยได้ในระดับนึง” ที่หมอเอกหมายถึงคือการบีบนวดที่ขาของผมครับ ชัชจะทำมันแทบจะทุกๆ ชม.ถึง 2 ชม. และนี่ก็คือข้ออ้างที่ทำให้เขาไม่ยอมไปทำงาน เหตุผลดีเยี่ยมสุดๆ
   หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจ บุรุษพยาบาลก็ทำหน้าที่เข็นเตียงผมกลับไปยังห้องพักเดิม แต่จากที่ผมเห็น ชัชกำลังยืนคุยอะไรอยูากับหมอเอกไม่รู้ แต่ดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร

“เมื่อกี้คุยอะไรกับหมอเอกอ่ะ”สอดรู้สอดเห็นทันทีเลยผม
“ก็เรื่องสุขภาพคุณนั้นล่ะ”แล้วไป “แล้วก็”เขาเดินกลับไปหยิบของบางอย่างในกระเป๋า “เปลี่ยนใส่เสื้อตัวนี้นะ ขืนออกไปแบบนี้ เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมพาคนไข้หนี”
“เดี๋ยวๆๆๆๆ นี่จะพาผมไปไหน”
“เอาเถอะน่า เปลี่ยนเถอะ” ไม่ยอมตอบผมด้วย “แต่ถ้าคุณดื้อ ผมจะเปลี่ยนให้เอง” มองหน้าแบบนี้คิดว่ากลัวไง
“อืม… เปลี่ยนก็เปลี่ยน” เอ้า!!!!! ไหงง่ายแบบนี้วะผม ชักเริ่มเกลียดตัวเองละสิ พอเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อย เขาก็จัดการพาผมนั่งรถเข็น แต่กว่าจะนั่งได้ก็ลำบาก… ลำบากชัชน่าดู เพราะเขาต้องอุ้มผม เพราะผมไม่สามารถพยุงตัวเองได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตลอดเวลาที่เขาเข็นรถ พาผมขึ้นรถ แม้กระทั่งขับรถ ผมถามยังไงเขาก็ไม่ยอมบอก จนผมเองรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“โกรธผมหรอ” ยังกล้ามาถามอีก “ผมแค่อยากพาคุณไปที่ที่นึงของเรา…ผมอยากใช้เวลาของผม ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุข… ตั้มอย่าโกรธชัชเลยนะ” ทำไมผมจะต้องแพ้น้ำเสียงแบบนี้ของเขาทุกที พยายามใจแข็งแต่ก็ทำไม่ได้สักที “ผมรักคุณมากนะตั้ม” ตาย ประโยคนี้มา ผมก็ตายสิ โอ๊ย!!!!!! จะงอนให้นานก็ทำไม่ได้
.
.
.
.
.
“ถึงแล้วคุณ… เดี๋ยวขี่หลังผมนะ พอดีช่องจอดมันแคบเลยเอารถเข็นมาไว้ตรงประตูไม่ได้” ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ทำไงได้ก็ต้องทำตาม ก็เดินไม่ได้นี่นา
“ไหนรถเข็นล่ะ”ทำเสียงแข็งได้ด้วยผม
“อยู่ในรถ”
“เอ้า จะเดินไปไหนล่ะ… แล้วทำไมไม่เอารถเข็นออกมาก่อน”
“ ก็มีผมเป็นขาให้แล้วไง”
“ไม่ได้ๆชัช” ผมรีบท้วงขึ้นทันควัน “คุณจะบ้าหรอ… ให้ผมขี่หลังเดินทั่วห้างแบบนี้ ไม่อายเขาหรือไง”
“อายทำไม คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยสนใจใคร”เป็นแบบนี้ทุกที “นอกจากคุณน่ะ” จะเถียงยังไงให้สำเร็จสักครั้งสักรอบเนี้ย เบื่อกับการใจอ่อนของตัวเองเต็มที 
   แล้วมันก็เป็นตามที่คิด เพราะเราทั้งคู่กลายเป็นจุดสนใจของคนรอบๆบริเวณ และคนส่วนใหญ่ก็รู้จักชัชจากการเป็นหนุ่มผู้เเสนหล่อจากการโหวตของเหล่าสาวๆ ตัวผมน่ะไม่อะไร แต่ตัวเขา หน้าที่การงานของเขา มันจะกระทบกันไปหมด ถ้าใครต้องมารู้ว่าเขามีแฟนเป็นผู้ชาย
“ ชัชวิน ที่โทรมาจองเอาไว้น่ะครับ” เสียงบอกกล่าวกับพนักงาน ก่อนที่เธอจะนำพาเราเข้าไป ที่นั่งเป็นที่นั่งด้านในสุด เป็นร้านที่ผมเคยพาเขามาตอนที่เลี้ยงขอบคุณครั้งแรกที่เขาช่วยผม…. แต่ก็แปลก ไม่เห็นมีลูกค้าสักคน
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะคะ” แถมอาหารก็มาเร็วอีก ผมรู้สึกว่าผมพึ่งนั่งได้ไม่ถึง นาทีเลย
////สามที่ครับ////
/////ขออภัยด้วยนะคะคุณลูกค้า ตอนนี้ทางร้านมีลูกค้าจองเอาไว้ สามารถใช้บริการได้อีกทีตอน บ่ายสองโมงค่ะ”////
“นี่คุณเหมาร้านนี้เหรอ คุณชัช” ผมตกใจจริงๆ
“ชม.เดียวเอง” ผมพูดไม่ออกเลยจริงๆ ดีใจมั้ยมันก็ดีใจ แต่โมโหมั้ยมันก็มี “ ผมแค่อยากให้เราใช้ชีวิต และเวลาเหมือนคนปกติ”เขาจับมือผม”ผมไม่อยากให้คุณต้องรู้สึกแย่หรือว่าน้อยใจในสิ่งที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ การใช้เงินสำหรับผมจะมากจะน้อยผมไม่สนใจ ผมขอแค่คนตรงหน้าผมมีความสุข… เงินน่ะ ทำงานเดี๋ยวก็ได้มาใหม่ แต่คนที่ผมรัก ผมไม่อยากหาใหม่แล้ว เข้าใจผมนะ”
“รอบนี้รอบเดียวนะ เพราะถ้าคุณอยากให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ผมรู้สึกแย่ ผมว่าคุณจนแน่”
“แล้วถ้าผมจนล่ะ” เขาจ้องหน้าผม
“ก็…. ให้คุณหางานทำไง จะได้ไม่จน” ผมขำใส่เขาเบาๆ “พูดเล่น.... แค่คุณคนเดียวไม่ลำบากผมหรอก”ก็นะ ไม่อยากทำให้ช่วงเวลาความสุขมันถูกบั่นทอน ด้วยความเอาแต่ใจของผมนี่
“เดี๋ยวตอนเย็นผมไม่อยู่นะ อาจจะกลับเข้ามาค่ำๆเลย”ผมพยักหน้าตอบ แล้วทานต่อ “ใจร้ายว่ะ” ผมถึงกับต้องเงยหน้ามอง
“อะไรอ่า”
“จะไม่ถามผมหน่อยหรอว่าจะไปไหน ทำอะไร กับใครอ่ะ” ปัดโธ่!!!!!!!
“ทำไมต้องถามล่ะ ก็ผมเชื่อใจคุณอ่ะ”ก็จริงนี่ครับ แต่ดูท่าทางเขาจะไม่โอเค ทำตัวเป็นเด็กไปได้ตั้งแต่คบกันเป็นแฟน “แล้วชัชจะไปไหนอ่า” ตามใจก็ได้ แค่นี้ “ไปกับเพื่อนที่ สน. หรือว่ากับที่บ้าน”
“ผมจะไปหาแม่ คุยเรื่องไอ้สุวิทย์”
“ชัช”ผมขึ้นเสียง
“…… เออ… คุยเรื่อง…. สุวิทย์ พอดีหาทางออกได้ แต่ไม่รู้ว่าแม่จะโอเคมั้ย”
“ทางออกที่ว่า พอบอกตั้มได้หรือเปล่า” แล้วชัชก็เล่าให้ฟังถึงหนทางดังกล่าว จากที่ฟังมา สำหรับผมแล้วแผนการนี้คงไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะถ้านายคนนั้นเป็นคนที่พูดง่ายว่าง่ายล่ะก็ เรื่องมันคงจะจบไปนานแล้ว แต่… มันก็ไม่เสียหายที่ชัชจะลองทำดูก่อน “ชัชคิดว่ามันเวิร์คสุดแล้วใช่มั้ย”
“ไม่… แต่มันเป็นแค่หนทางแรก และอาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ชัชจะใช้วิธีที่ประณีประนอมมากที่สุด” ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี ถ้าหากความคิดนี้ไม่สำเร็จ ไอ้ที่อยากจะตามไปด้วย ก็คงจะเป็นภาระซะเปล่าๆ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา

หลังจบมื้ออาหารชัชก็พาผมไปหาทานของหวานต่อ คงไม่ต้องบอกนะ ว่าเขาพาผมไปยังไง เพราะตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากตามน้ำ และส่วนเรื่องเป็นเป้าสายตา….. ทำใจอย่างเดียว แต่ผมก็เลยคิดทำให้เวลานี้มันสั้นลง โดยการเรียกร้องกินแค่ไอศกรีม สเวนเซ่น แบบใส่กรวย แต่เหมือนผมคิดผิด เพราะกว่าจะถึงคิวชัชก็ต้องยืนรออยู่แบบนั้นเกือบ 10 นาที เสียงนินทาต่างๆนาๆเริ่มหนาหูขึ้นทั้งดีและไม่ดี แถมยังมีขอมาถ่ายรูปด้วยซ้ำ
“ผมรู้นะคุณรู้สึกยังไงอ่ะ แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าวันนึงคุณมีเรื่องเเย่ๆ ไอ้การกระทำของผมวันนี้แหละมันจะทำให้คุณยิ้มได้”ชัชพูดพลางเดินกลับไปยังจอดรถ จริงๆอาจจะผิดที่ผมที่อะไรๆก็เอาแต่อาย
“กินก่อนสิ”ผมยื่นไอศกรีมไปด้านหน้าเขา และค่อยๆป้อนเท่าที่ผมจะมองเห็น
“อื้ม… อร่อยดีนะ รสนี้ผมไม่เคยกินเลย” ใช่สิผมเป็นคนเลือกนี่นา “คุณจับดีๆนะ ผมเปิดรถก่อน” ตามคำสั่งเลยครับผมมมมม “ก้มหัวดีๆนะ” ผมว่าผมลำบากแล้ว แต่ชัชลำบากกว่ามาก เพราะตัวรถ มันเตี้ยมากๆเลย แต่ก็ไม่พ้นความแข็งแรงของนายคนนี้หรอก
“อยากไปไหนอีกมั้ย บอกผมได้นะ” เขาถามขึ้นก่อนคาด belt
“อยู่เฉยๆก่อน”
“ทำไ……. “


/////จุ๊บ/////


“คุณ…. ทำ… อะ…ไร”ชัชถามเสียงกระเสร่า แต่ผมก็ยังคงทำหน้าที่อยู่แบบนั้น จนชัชเริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม

////ผมถอนจูบ////

“ผมเห็นว่าปากคุณเลอะไอติม ผมก็เลยเช็ดปากให้”ผมพูดใกล้หน้าเขา สัมผัสได้ถึงลมหายใจอันแผ่วร้อนของเขา

////จุ๊บ////

ผมจูบกลับอีกครั้ง คราวนี้ตัวผมเองยังรู้สึกเลยว่ามันดูดดื่มและอ่อนโยนมากกว่าทุกๆครั้ง “ส่วนครั้งนี้…. จูบรางวัล” ชัชลูบหัวผมเบาๆ
“คุณกำลังจะทำให้ลูกชายผมหมดความอดทนนะ” หน้าผากเขาแนบผม
“พาผมกลับโรงพยาบาลได้แล้ว” ทำมามองตาละห้อย แต่เขาก็เข้าใจ ถือว่าเป็นความโชคดีของผม
   

   กว่าจะมาถึง โรงพยาบาล พาลไปชม.กว่าเพราะการจราจรที่แสนราบรื่น (ตรงไหน) แต่คราวนี่คงไม่ต้องพึ่งหลังของแฟนผมอีกแล้ว เฮ้อ กลับมาสู่ความปกติสักที
“เดี๋ยวผมเข็นขึ้นไปให้ครับ”บุรุษพยาบาลเสนอตัว
“เดี๋ยวครับ”ชัชเดินมาดักหน้าผม “งั้นเดี๋ยวผมไปหาแม่เลยแล้วกัน จะได้รีบกลับมาหาคุณไวๆ”
“เอางั้นก็ได้… เดินทางปลอดภัยนะ”
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 25)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-09-2019 20:11:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 25)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-09-2019 21:38:23
 :katai2-1: ปรบมือให้ชัช ไม่เสียแรงที่เป็นตำราจ :katai3:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 25)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-09-2019 22:43:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 26)​
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 17-09-2019 08:03:18
พาร์ทของชัช
หลังจากที่ผมปลีกตัวออกมาจากตั้มที่โรงพยาบาล ผมก็รีบติดต่อแม่ของผมทันที ก่อนที่เราจะนัดเจอกันที่ร้าน Pacamara

“แม่สั่งอะไรทานยังครับ”
“เรียบร้อยแล้วลูก ของชัชแม่ก็สั่งไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณครับ” ผมนั่งลงข้างๆเธอ “… งั้นผมไม่อ้อมค้อมนะครับแม่ แม่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร” เธอดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
“แม่รู้… แล้วแม่ก็อยากรู้จากปากของชัชเองด้วย ว่าที่เขาพูดมันจริงเท็จแค่ไหน”
“จริงทุกอย่าง” ผมรีบตอบสวนทันที “แต่ผมไม่ถามแม่หรอกครับว่าเขาพูดอะไร เพราะแม่คือแม่ผม”
“แต่ลูกก็รู้ว่าสุวิทย์เป็นคนยังไง นิสัยเขาไม่ใช่คนที่ยอมอะไรง่ายๆ เขาน่ากลัวมากนะลูก”
“แม่ก็รู้นี่ครับ… แล้วแม่จะดึงเขาเข้ามาในชีวิตครอบครัวเราทำไม ถ้าแม่จะบอกว่ากลัวผมขาดความอบอุ่นที่พ่อของผมเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมบอกเลยนะครับว่าแม่คิดผิด แม่ส่งผมอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เด็กยันจบนายร้อยตำรวจ เรื่องความอบอุ่นของครอบครัวผมไม่เคยเรียกหาอยู่แล้ว” ตอนนี้คงไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป “แม่มีอะไรจะบอกผมอีกมั้ยครับ นอกเหนือสาเหตุที่เอาสุวิทย์มาเป็นพ่อผม” ผมยิงคำถามตรงๆ ท่าทีแม่ผมก็ดูอ้ำอึ้งกับการที่จะตอบ
“ลูกรู้ใช่มั้ยลูก ลูกถึงถามแม่แบบนี้”
“ผมไม่รู้อะไรหรอกครับ แม่ก็รู้ว่าผมไม่เคยเชื่อคำพูดคนอื่น แล้วผมก็อยากรู้จากปากของแม่เอง”
/////Piccolo Latte และ Vary Berry Green Tea Pancakeค่ะ////////
แม่ผมยกกาแฟดื่มอย่างนิ่งเรียบ ผมก็เช่นกัน
“ หลังจากจบงานศพของพ่อเราได้ไม่นาน… ในตอนนั้น เขาเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวที่แม่คิดว่าจะเชื่อใจเขาได้ เขาสนิทกับพ่อชัชมาก มากซะจนแม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่แม่ก็คิดผิด เขาใช้ความเสียใจของแม่เป็นเครื่องมือเปิดทางให้กับเขา”
“แม่เต็มใจให้เขาหรอครับ???? ”
“ไม่รู้สิ แม่อาจจะทำทุกอย่างพลาดเองจนต้องทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น…. มารู้ตัวอีกที เขาก็เอาคลิปที่เขากับแม่มีอะไรกันมาเปิดให้ดู ข่มขู่แม่ต่างๆนาๆ เรียกร้องในสิ่งต่างๆที่เขาควรจะได้รับ ในตอนนั้นแม่คิดแค่ว่าแม่จะให้ใครมารู้เรื่องนี้ไม่ได้ ไม่งั้นสิ่งที่พ่อกับแม่สร้างมามันต้องพังทลายลงมาแน่นอน หลังจากนั้นมาเขาก็เรียกร้องที่จะมีอะไรกับแม่มาเรื่อยๆโดยเอาคลิปนี้มาเป็นตัวประกัน เขาสรรหาข้ออ้างต่างๆมาให้แม่ และบังคับให้แม่ยอมรับทั้งๆที่ไม่อยาก แม่ว่าชัชพอรู้ว่าเรื่องอะไรบ้าง”
“แล้วแม่จะทำไงต่อ จะเอาเรื่อง หรือว่า… จะยอมมันไปแบบนี้เรื่อยๆ”
“แม่ลองมาหลายทางแล้วชัช มันไม่ได้ผล”
“แล้วถ้าชัชมีทางให้แม่ แม่จะยอมทำมั้ยครับ”
“ถ้ามันจะไม่ทำให้บริษัทของพ่อลูกต้องเสียชื่อ แม่จะทำ”
“ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่มีบาดแผลหรอกครับ” แม่มองหน้าผมอย่างคนคิดหนัก ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ ยิ่งเป็นเจ้าของบริษัท ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด “ผมให้เวลาแม่กลับไปคิด แล้วถ้าแม่พร้อม แม่โทรหาผม ส่วนอีกเรื่อง ผมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปคอยดูแล ห้ามมันเข้าและออกบ้านของเราเด็ดขาด และถ้ามันฝ่าฝืน ผมจับตายอย่างเดียว”ผมรู้ว่ายังไงแม่ต้องคุยกับไอ้สุวิทย์แน่นอน และคำขู่พวกนี้มันมักจะมีผลกระทบไปถึงโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปากเอง “และถ้าแม่มีหลักฐานผมอยากให้แม่เก็บไว้ให้ดี เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ประกันถึงความปลอดภัยของแม่เอง…ส่วนวันนี้ ผมขอเลี้ยงแม่เองแล้วกันนะครับ” ผมยกมือไหว้ท่านก่อนที่จะวางเงินและเดินกลับออกมา

   การจัดการเรื่องของคนอื่น มันดูไม่ยากเมื่อต้องมาจัดการเรื่องของตัวเอง มันทำให้ผมคิดไม่ตก และพยายามหาหนทางให้แม่ของผมบาดเจ็บจากการกระทำครั้งนี้ของผมน้อยที่สุด ไฟสีแดงที่สาดส่องเข้าตาผมบนท้องถนนในตอนนี้ มันไม่สามารถที่จะทำให้ผมไขว้เขว่ออกจากสิ่งที่ผมคิดอยู่ได้เลย และถึงแม้เวลาจะเดินช้ามากแค่ไหน แต่นาฬิกาในตัวผมตอนนี้มันเดินเร็วจนเหมือนลานบังคับจะพังแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
/////Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrr/////
เสียงโทรศัพท์ทำให้ผมตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิดที่เหมือนเขาวงกต
ปวีณ
“ว่าไงไอ้วีณ มีอะไรถึงโทรหากูได้”
“กูต้องถามมึงมากกว่าป่ะว่ะ เดี๋ยวนี้หายหัวไม่มาทำงาน บางทีมาก็ไม่อยู่รอกูเลย เลิกเป็นตำรวจแล้วไงมึงอ่ะ”
“คิดอยู่เหมือนกันว่ะ”
“เฮ้ย.. เดี๋ยวๆ กูแซวเล่น เป็นไรป่ะมึง” น้ำเสียงมันดูเครียดกว่าผมตอนนี้ซะอีก
“มีเรื่องต้องแก้นิดหน่อย เดี๋ยงยังไงพรุ่งนี้กูจะเข้าสน. แล้วเจอกัน” ผมถือวิสาสะวางสายมัน ก่อนที่หัวผมจะกลับเข้ามาคิดเรื่องเดิมๆ
   เวลาเกือบ สองชม.กว่าผมจะมาถึงโรงพยาบาล ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกอ่อนล้าไปหมด แต่ผมจะให้ตั้มเห็นผมเป็นแบบนี้ไม่ได้ ผมใช้เวลาทั้งหมดรวบรวมสติตัวเองใหม่ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปพบกับคนที่ผมรัก
“เป็นยังไงบ้าง เดินทางมาเหนื่อยหรือเปล่า”น้ำเสียงของเขาทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย
“นิดหน่อยน่ะ แล้วนี่ตั้มทานอะไรยัง พอดีชัชยังไม่ได้กินอะไรมาเลย”
“ยัง ตั้มก็รอชัชนี่ล่ะ งั้นชัชไปอาบน้ำก่อน พอดี ตั้มสั่งอาหารให้หมอเอกเอามาฝากละ อีกไม่นานคงมาถึง”แฟนผมยังคงน่ารักเสมอ
“งั้นผมอาบน้ำก่อนนะ” ผมพูดทิ้งทวนก่อนที่จะเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ หลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้า มันทำให้ผมรู้สึกสบายตัวมากกว่าทุกครั้ง สายน้ำที่ไหลผ่านเหมือนช่วยดึงเอาความร้อนของจากตัวของผม ส่วนความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ผมก็หวังว่ามันก็จะไหลลงไปตามสายน้ำเช่นกัน ผมใช้เวลาอยู่สักพักกับการอาบน้ำแต่งตัว และวันนี้ ก็ยังเป็นชุดนอนลายแมวอีกตามเคย
“หมอเอกฝากพยาบาลเอาขึ้นมาให้  เป็นเบนโตะนะ” เสียงและรอยยิ้มแบบนี้ เฮ้อ… ชื่นใจ “เป็นยังไงบ้าง คุยกับคุณแม่มาโอเคหรือเปล่า” ผมเดินไปนั่งข้างๆเขาบนเตียงพลางเช็ดหัว
“โอเคมั้ย ชัชก็ยังตอบไม่ได้ อาจจะต้องพูดคุยกันอีกนิดหน่อย”ยิ้มเข้าไว้ชัช
“อื้ม ค่อยๆคิดไป…. มานี่ ตั้มเช็ดผมให้” เขาคว้าผ้าไปจากมือผม “ ตั้มมองออกว่าตอนนี้ชัชกำลังเครียด ถึงตอนนี้ตั้มจะยังช่วยอะไรชัชไม่ได้มาก แต่ตั้มจะอยู่ข้างๆนะ”ผมคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจเลือกเขามาเป็นคู่ชีวิต
“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้าง หมอเอกว่าอะไรรึเปล่า”ผมเงยหน้าซบอกไปที่อกของเขาเบาๆ
//////จุ๊บ//////
ตั้มก้มมาจูบที่ปากผม ความอ่อนโยนผสมกับริมฝีปากอันเนียนนุ่ม มันทำให้ผมหยุดตัวเองไม่ได้ ลิ้นของเราสอดประสาน ไอความร้อนจากตัวเขาแผ่มายังร่างกายผมไม่มีหยุด และด้วยสัญชาตญาณ ผมพลิกตัวเองขึ้นมาอยู่ด้านบน และเริ่มบรรจงจูบอีกครั้ง
///ตั้มถอนจูบ////
“เดี๋ยว คุณรู้ใช่มั้ย ว่าสอดใส่ผมตอนนี้ไม่ได้น่ะ”
“อ้าว ผมนึกว่าได้”สีหน้าผิดหวังผมคงส่งไปถึงเมียผมนะ
“คุณมานั่งตรงนี้มา”ตั้มบอกให้ผมขยับไปนั่ง “เดี๋ยวผมให้รางวัลคุณเอง” เขาค่อยพลิกตัว พร้อมกับค่อยดึงกางเกงผมลง
“แน่ใจหรอ…. ตั้……. ม…… ม.. อะ….. อ้าาา” ชัชน้อย ของผมกำลังถูกเคล้าคลึง ด้วยลิ้นที่แสนอ่อนนุ่ม แรงบีบรัดจากปากของตั้ม ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มจนยั้งตัวเองไม่อยู่ เส้นผมที่ขึ้นลงเป็นจังหวะ เสียงครางเบาๆจากลำคอ มันแทบจะทำให้ผมพลุ่งพล่าน ผมจับหัวตั้มโยกเป็นจังหวะ เขาถอนปากออก ลิ้นของเขาไล้ไปยังลูกบอลทั้งสอง เลียวนไปมาจนผมแทบกดตัวไม่อยู่ ลิ้นที่ดุลบอลทั้งสองทั้งเสียวเเละจุกเบาๆ
“เสียว.. มั้ย… ชัช”
“เสียว….. อมให้ชัชอีกได้้มั้ย.. อ้าาาาาา”
เป็นความรู้สึกดีที่บอกไม่ถูก ตั้มกลับมาหาชัชน้อยอีก การบีบรัด และจังหวะเร่งเร้ากำลังจะทำให้ผมอดทนไม่ไหว
“ตั้ม…. ชัช… จะ… เสร็จ…. อ่ะ…. อ้าาาาาาา” น้ำรักของผมพุ่งเข้าไปเต็มปากของตั้ม
“ตั้มอย่ากลืนนะ” ผมรีบท้วงขึ้น และเอื้อมมือหยิบทิชชู่ ก่อนจะเอามารองให้ตั้มบ้วนน้ำรักของผมออกมา “ทีหลังอย่าทำแบบนี้… ถ้าผมไม่ได้ทำด้วย”เขาตีผมที่แขนเบาๆ “เดี๋ยวชัชไปเอาน้ำยาบ้วนปากมาให้” ผมเดินไปโทงๆแบบนั้นล่ะ จะอายทำไมก็มีแต่เมียผมนี้ ผมจัดการให้ตั้มบ้วนปาก ก่อนที่ผมจะไปชำระล้างน้องชายผมเช่นกัน พอจัดการเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินมานั่งที่เตียงกับตั้มตามเดิม
“ขอกอดหน่อย” อ้อนซะหน่อย เผื่อได้อีก “ คิดยังไงมากินไอติมผม ตอนบ่ายไม่อิ่มหรอ”ผมสวมกอดเขาจากด้านข้าง
“ก็ตั้มทำให้ชัชพลาดมาหลายทีแล้ว ตั้มไม่อยากให้ชัชอึดอัด”
“แค่มีกันแค่นี้ชัชก็มีความสุขแล้ว… อย่าคิดมาก”ยีหัวแรงๆสักที “ทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวผมป้อน” ผมลุกขึ้นไปเลื่อนโต๊ะทานข้าวมาวางด้านหน้าตั้มและ
เราทั้งคู่นั่งทานอาหารด้วยกัน คุยกันเรื่องสรรพเพเหระ จนผลสุดท้ายผมก็ต้องจำนนต่อสิ่งที่ผมกำลังเผชิญแล้วหาทางออกไม่ได้ มาพูดคุยกับเขา บอก… ในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ
“แล้วแม่ของชัชพร้อมแล้วใช่มั้ย”
“ชัชไม่รู้หรอก แต่ชัชว่ามันคือทางที่ดีที่สุด และแม่ชัชก็จะเจ็บตัวกับเรื่องนี้น้อยที่สุด” เขาได้แต่มองหน้าผมแล้วยิ้มให้อยู่แบบนั้น
“เอาเถอะ ในทางแก้ปัญหามันก็ยังคงมีปัญหา ถ้าเราจัดการกับมันได้คงไม่มีอะไรยาก ตั้มเชื่อว่าชัชกับแม่ทำได้” คงจะเป็นอย่างที่ตั้มบอก แค่ผมต้องเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อจะปกป้องแม่ผมกับสิ่งที่กำลังจะเข้ามา
ในคืนนั้นผมพยายามปล่อยวางตัวเองให้ได้มากที่สุดเพราะถึงผมคิดมาก มันก็เท่านั้น เพราะความเป็นจริงก็ยังมาไม่ถึง และอีกอย่างคงไม่มีอะไรยากถ้าแม่ของผมให้ความร่วมมือ


เช้าวันนี้ผมรีบมายัง สน. เพื่อออกตรวจตามแผนที่ทาง สน.ได้กำหนดไว้ ในเรื่องที่ถูกแจ้งถึงแหล่งค้ายา และเข้าให้ความรู้กับทางวิทยาลัยที่ขอความร่วมมือมากับทาง สน. กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจดังกล่าว ก็ร่วมทุ่มกว่าแล้ว
“ทีนี่ก็ถึงเวลาของมึงกับกูล่ะ”
“อะไรของมึงวะ”พูดซะสยองเลยมึง
“ก็เรื่องที่มึงนอยด์ใส่กูเมื่อวาน ตกลงมึงมีปัญหาอะไร” ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดดีมั้ย ถึงจะเริ่มพูดก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง “ไอ้ชัช…. “
“เออ… กูมีปัญหาเรื่องแม่กูกับไอ้พ่อกำมะลอ”
“ห๊ะ!!!! ใครว่ะพ่อกำมะลอของมึง”
“ก็ไอ้สุวิทย์ที่มึงรู้จักนั้นล่ะ” มันตกใจพอๆกับผมตอนที่รู้เรื่องตอนแรก มันพยายามซักถามจนผมจนมุม จนต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้มันฟังอีกคนต่อจากแฟนของผม
“แล้วมึงคิดจะทำยังไงกับคนชื่อสุวิทย์นั่น”
“นี่แหละ คือสิ่งที่กูกำลังเครียด ก็อยากทำให้ทุกอย่างมันเงียบและปลอดภัยต่อแม่กูมากที่สุด”

“แล้วมึงอยากตรงไปบ้านเลยมั้ย เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”
“เอางั้นก็ได้” คงจะดีถ้ามีมันไปเป็นเพื่อนผม เพราะถ้าผมขาดสติจะได้มีมันคอยดูแลผมได้ ตลอดการเดินทางมันก็ให้คำแนะนำกับผมเยอะ เพราะปวีณมีความรู้เกี่ยวกับคดีครอบครัวมากเป็นพิเศษ
“นั่นไฟฉุกเฉิน… เดี๋ยวกูจอดแปปนะ”นี่แหละไอ้วีณ มันรีบลงไปทันที แต่จะปล่อยให้มันทำคนเดียวก็ใช่เรื่อง
“รถเป็นอะไรหรอครับ”มันรีบถาม
“ไม่ทราบเลยค่ะ พอดีเมื่อกี้จอดรถคุยโทรศัพท์ พอจะสตาร์ทมันก็ไม่ติดแล้ว”
“งั้นผมขอลองสตาร์ทดูหน่อยนะครับ” มันรีบจัดการดำเนินเรื่อง ส่วนผมได้แค่ยืนดูเพราะเรื่องเครื่องยนต์ผมเป็นศูนย์ “ไฟหน้าปัดติด แต่สตาร์ทไม่ติด….. แบตเตอร์รี่คุณใช้มานานหรือยังครับ”
“พึ่งเปลี่ยนมาเมื่ออาทิตย์ก่อนค่ะ”
“อื้ม….ถ้าอย่างนั้น ผมว่ามอเตอร์สตาร์ทคุณน่าจะเสียนะ อาจจะฟิวส์ขาด หรือสายไฟมีปัญหา คุณโทรแจ้งช่างรึยังครับ”
“แจ้งแล้วค่ะ แต่ช่างบอกอีกสักพักใหญ่ๆกว่าจะมาถึง”
 “เอางี้ครับ เดี๋ยวผมอยู่รอเป็นเพื่อนคุณก่อน มันอันตราย ส่วนมึงไอ้ชัช มึงขับรถไปก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไร  เดี๋ยวกูนั่งมอเตอร์ไซค์ไป มึงขับตามกูไปแล้วกัน…” ผมแยกตัวออกมาก่อนที่จะเรียกวินที่ขับผ่านมา จากจุดที่รถเสียห่างจากบ้านผมไกลจากกันไม่มาก ผมจัดการให้วินจอดส่งผมที่หน้าหมู่บ้าน ก่อนที่จะเดินเข้าไปเอง ส่วนใหญ่ รปภ.ที่หมู่บ้านจะรู้จักผมเกือบทุกคน จากหน้าทางเข้าไปถึงบ้านของผม ระยะทางประมาณ 1 กิโลนิดๆ

!!!!!! โครม!!!!!!!

เสียงดังมากจากแถวๆหน้าบ้านผม มีรถจอดนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมจึงรีบวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุทันที แต่ในตอนนั้นผมเห็นมีผู้ชายคนนึงลงมาดูผู้หญิงคนนั้นที่ถูกชน เขาใช้เท้าเขี่ยผู้หญิงคนนั้น ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีใครออกมาดู เพราะบ้านที่นี่ เก็บเสียงดังจากภายนอก ถ้าปิดบ้านแล้วแทบจะไม่ได้ยินอะไรเลย  ชายคนนั้นเดินกลับไปที่รถ โดยไร้การช่วยเหลือ ผมรีบวิ่งเข้าไป
“แม่!!!!!!!” มันชนแม่ผม มันเป็นใคร ผมพยายามเรียกสติของแม่ผม แต่ดูไม่เป็นผล
“แหม… จังหวะมันดีจริงๆ”ไอ้สุวิทย์ “ชั้นคิดว่าจะไม่มีใครเข้ามายุ่งแล้วนะ กะว่าจะเอาให้ตายตามพ่อแกไป แต่อยากให้ทรมานมากๆ หน่อย ให้สมกับที่มันทำกับชั้น” ผมไม่อยากฟังมันพล่าม ชีวิตแม่ผมตอนนี้สำคัญกว่าลมปากของมัน ผมค่อยๆประคองอุ้มแม่ขึ้นมาให้เบามือที่สุด เพราะกลัวการกระทบกระเทือนจะมีผลต่อเขา

////////พลั่ก/////////

หัวผม!!!!!!!
“ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวนี่ก็ดี ฆ่าทั้งแม่ฆ่าทั้งลูก” ผมไม่สามารถประคองแม่ผมได้ตอนนี้ มันมึนไปหมด “จะตัดทางทำมาหากินของชั้น มันไม่ง่าย กว่าจะได้มามันต้องแลกกับอะไรตั้งหลายอย่าง” ผมตั้งสติ ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นเดินไปหาแม่อีกครั้ง
“เฮ้ย!!!!!! มึงคิดจะทำอะไร” ไอ้วีณตะโกนขึ้นพร้อมจ่อปืนไปที่มัน
“มันไม่ง่ายหรอกเว้ย ที่จะจับกู”
“ไอ้วีณ…. กูฝากแม่กูด้วย”ผมไม่สนแล้วว่าจะเกิดอะไร แค่แม่ผมและตั้มปลอดภัยก็พอ
ปัง!!!!!
“มึงคิดจะทำอะไร ไอชัช”
ปัง!!!!!
“กูบอกให้มึงหยุด หยุดสิเว้ย” แรงขาผมไปไหนหมด ผมต้องลุกขึ้น ต้องลุก


ปัง!!!!! 
ผมอดทนกับความเลวร้ายแบบนี้มากพอแล้ว
///กึก ////กึก////กึก
“มึงหยุดบ้าได้แล้ว”ผมเอามือจ่อหัวมัน “กูให้มึงทำชั่วมามากเกินพอ ทั้งพ่อแล้วก็แม่กู”
“มึงมันปีศาจ ไอ้ชัช ไอ้สารเลว”
“ใช่…. กูมันปีศาจ… กูจะให้โอกาสมึง… ได้หนี… 10…9…8…7…6”
“5”
“4”
“3”
“2”
“1”
ปัง!!!!!
“โอ้ยยยย.. ไอ้ชัช… มึง”
ปัง!!!!!
“อ๊าาาาาาาาาาาา” มันล้มลง
“กูยอมให้มึงหนี บุญหัวมึงแค่ไหนแล้ว”
“มึงจะกล้……….. า
ปัง!!!!!
ฝังกระสุนไว้ในหัวมันคงจะทำให้มันคิดอะไรได้ดีขึ้นในนรก ผมพยายามเดินกลับไปหาแม่ให้เร็วที่สุด พร้อมกับ รปภ.ที่กำลังช่วยเหลือเเม่ผม
“อุ้มแม่กูขึ้นรถ… กูจะรีบพาแม่กูไป” ไอ้วีณไม่ท้วงคำพูดผม รีบอุ้มแม่ผมขึ้นรถทันที
“น้อง น้องขับรถไปส่งเพื่อนพี่ที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด.. ส่วนมึง เดี๋ยวกูอยู่ที่นี่รอให้ปากคำตำรวจเอง มึงไม่ต้องห่วง”*ตัวผมเองตอนนี้ก็ไม่อยากปฏิเสธความช่วยเหลือใดๆทั้งนั้น
ผมขึ้นรถโดยมี รปภ.หมู่บ้านเป็นคนขับ และโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดคือ สินแพทย์รามอินทรา แต่เวลานี้ใครๆก็รู้ว่าการจราจรแถวรามอินทรามันอัมพาตแค่ไหน
“อีก ก… ไกลแค่ไหนกว่า… จะถึงโรงพยาบาล”สติสุดๆแล้วผม
“อีกประมานกิโลฯอ่ะครับพี่… แล้วพี่ไหวมั้ยครับเลือดเต็มเลย”เขาเสียงสั่นๆ
“เดี๋ยวขับรถไปที่โรงพยาบาลตามเดิม ผมจะอุ้มแม่ผมไปเอง”
“แต่ว่าคุณตำรวจค….. ง”
“ทำตามที่ผมบอก ถ้ารอ… แม่กับผมอาจไม่รอดก็ได้”ผมพยายามรวบรวมสติและแรงที่ยังพอมี อุ้มแม่ผมออกจากรถ ก่อนที่จะเดินฝ่ารถติดไปตามทางเส้นถนน สายตาผมพอที่จะมองเห็นป้ายโรงพยาบาลอยู่ริบๆแล้ว ผมจะต้องไปให้ถึง ผมจะล้มตอนนี้ไม่ได้ ถ้าผมล้มมันจะไม่ใช่แค่ผมคนเดียว มันจะลำบากใครอีกหลายคนที่จะต้องมาเดือดร้อนเพราะผม พ่อช่วยผมกับแม่ด้วยนะครับ
ผมพอที่จะเห็นบุรุษพยาบาลที่กำลังวุ่นวายกับการทำหน้าที่ แต่ขามันก้าวไม่ออก ภาพข้างหน้ามันลงมืดลงเรื่อยๆ
“ช่…. ว…..ย… ด้ว…. ย” มันต้องดังกว่านี้ ดัง… กว่า… นี้ “ช่วยด้วย” ทำไมทุกอย่างมันเบาไปหมด คงถึงแล้วสินะ
“คุณๆ คุณไหวมั้ย”เธอเป็นใครกัน
“ช่วย… แม่… ผม.. ด้ว…ย”
……..
……
…..
….

..
.

หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 26)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-09-2019 00:52:34
 :pig4: :pig4: :pig4:

เธอคนนั้น  น่าจะเป็นหญิงสาวที่รถเสียกลางทางกระมัง
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 27)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 18-09-2019 08:09:31
พาร์ทของตั้ม
“จริงๆแล้วตั้มอยากกลับไปอยู่บ้านนะ ไม่อยากรบกวนโรงพยาบาลแบบนี้”
“เขากลัวหมอมือดีของเขาจะหายช้าน่ะสิ เลยกักขังให้อยู่ที่นี่ซะเลย จะได้ดูแลความประพฤติ” ทำอารมณ์ดีนะหมอเอก “แล้ววันนี้หมวดเขาไม่นอนด้วยหรอ ปกติเห็นจะสิงร่างกันอยุ่แล้ว”
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” สงสัยต้องจัดการบ้างซะแล้ว “อ้าวคุณปวีณ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมทักเขาแต่ดูหน้าเขาไม่ยิ้มแย้มเลย “แล้วนี่ ชัชไม่ได้มาด้วยหรอครับ”
“……. ……….”
“มี… อะไร.. รึเปล่าครับ” ทำผมใจไม่ดีแล้วนะ หรือว่าตานั้นให้เขามาแกล้งอะไรผมอีก
“ไอ้ชัชโดนยิงครับ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
“………” หูฝาดไปรึเปล่า
“พ่อเลี้ยงมันเป็นคนยิง  และยังขับรถชนแม่ของชัชด้วย”
“…….. แล้วชัช…….ช…. .ชัช… ปลอดภัย… ใช่มั้ยครับ”ผมต้องคุมสติให้อยู่ ต้องมีสติ “แม่ชัชด้วย… ปลอดภัยใช่มั้ย”
“ยัง… ยังไม่รู้เลย… ไม่รู้”
ผมบีบมือเอกเเน่น ผมทำอะไรไม่ถูก“เอก… เอกพาตั้มไปหาชัชที ”
“ใจเย็นๆนะตั้ม ใจเย็นๆ” ทำไมใจผมมันเต้นเร็วแบบนี้ ทำไมทุกอย่างมันดูว่างเปล่าไปหมด ทำไมมันถึงอ้างว้างเหมือนจมอยู่ในเหวลึกแบบนี้
“แทน… แทนออกเวรหรือยัง… โอเค แทนขับรถมารอเอกหน้าโรงพยาบาลที เดี๋ยวเอกรีบลงไป…… ตั้ม… เดี๋ยวเอกไปเอารถเข็นก่อนนะ ใจเย็นๆนะ”
“เดี๋ยวผมไปเอาให้เองครับ”
“บอกพยาบาลที่ ward ได้เลยนะครับ”
ตอนนี้ในหัวผมมันทั้งว่างเปล่า อึดอัด  ทำไมมันทรมานแบบนี้ ทำไมผมถึงเดินไม่ได้ ทำไมผมถึงช่วยชัชไม่ได้
“มาแล้วครับ”
“คุณปวีณช่วยพยุงตั้มทีครับ…. ตั้ม… ห้ามลงน้ำหนักเยอะเด็ดขาด  ค่อยๆ.. รู้มั้ย” คำสั่ง คำเตือนหรือคำพูดคนรอบข้าง สำหรับผมตอนนี้มันชั่งบางเบาจนผมเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
ตลอดเวลาการเดินทาง สำหรับผมมันยาวนานมากซะจนแทบจะอดใจให้เลิกคิดมากไม่ได้ ถึงแม้ว่าหมอเอก หมอแทน หรือคุณปวีณจะพยายามพูดคุยกับผมมากขนาดไหน ผมก็ไม่สามารถตอบกลับความรู้สึกพวกนั้นได้
และเมื่อรู้ตัวเองอีกทีก็มาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน และพบกับ รปภ.ที่อยู่ในเหตุการณ์คนนั้น ตามที่คุณปวีณบอก
“เป็นยังไงบ้างครับ คุณหมอได้ออกมาบอกอะไรบ้างหรือยัง”
“คุณหมอยังไม่ออกมาบอกเลยครับ” ยังไม่ออกมาบอก มันยิ่งทำให้ผมกระวนกระวายเหมือนจะเป็นบ้า
“แล้วเข้าไปนานแล้วใช่มั้ย”
“ชม.กว่าแล้วครับ” ผมจะต้องมีสติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี เขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาแข็งแรงอยู่แล้ว เขาจะไม่ทิ้งผม เขาเคยพูดแล้วว่าเขาจะไม่ทิ้งผมไปไหน ชัชจะทำอย่างที่พูดกับตั้มใช่มั้ย
“ญาติของร้อยตำตรวจโทชัชวินหรือเปล่าครับ”
“ครับ… ใช่ครับ ผมเป็น… เป็นญาติครับ”
“ตอนนี้เราผัดตัดเอากระสุนออกจากร่างกายคนไข้แล้วนะครับ”
“แล้วอวัยวะภายในบริเวณที่ถูกยิงล่ะครับ มีตรงไหนได้รับบาดเจ็บมั้ย”
“ไม่มีครับ  เพราะจุดที่ถูกยิงมี่ที่ขาทั้งสองข้างข้างแล้วก็ต้นแขนด้านบนซ้าย ยังไงหมอคงต้องให้คนไข้นอนในห้อง icu ไปก่อน เพื่อรอดูว่าจะมีอาการข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนอะไรอีกหรือเปล่า ส่วนคุณผู้หญิงอีกท่าน ใช่ญาติของพวกคุณด้วยหรือเปล่าครับ”
“ครับ” ผมพูดอะไรไม่ออกเลย
“คนไข้เสียชีวิตก่อนที่จะถึงมือหมอนะครับ ส่วนสาเหตุ เพราะมีเลือดคลั่งในสมองและช่องท้อง คนไข้น่าจะเกิดภาวะช็อกก่อนที่จะถึงมือหมอ เสียใจด้วยนะครับ”
“ขอบคุณหมอมากนะครับ”  หมอเอกทำหน้าที่แทนผม ก่อนจะนั่งลงตรงหน้า  “หมวดไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อเอกสิ ตอนนี้แค่รอหมวดชัชฟื้น”ผมไม่ไหวจริงๆ ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหล แต่มันทำไม่ได้ ผมรีบปาดมันออก ผมไม่อยากให้ชัชรับรู้ว่าผมอ่อนแอ
“คุณปวีณ เราจะบอกชัชยังไง ควรจะบอกยังไง”
“……… “
แล้ว…. แล้วนายสุวิทย์ล่ะ”
“…….. ชัช.. วิสามัญไปแล้วครับ”
ผมควรจะเสียใจหรือดีใจดีที่ชัชทำแบบนั้น  แต่ถ้ามองสิ่งที่เขาทำ ผมคงต้องดีใจสินะ ที่คนชั่วตายไปอีกคน
“งั้นเดี๋ยววันนี้เรากลับโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“แต่ตั้มอยากอยู่ที่นี่ อยากรอจนกว่าชัชจะฟื้น”ผมไม่อยากทิ้งเขาไป ตอนนี้ผมอยากเข้าไปอยู่ข้างๆเขาด้วยซ้ำ
“ตั้ม ตั้มก็เป็นแพทย์ ตั้มรู้ใช่มั้ยว่าสิ่งที่แพทย์พยายามทำกับคนไข้ มักจะต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด?”
“แต่…”
“และตอนนี้เอกกำลังช่วยคนไข้ของเอกอยู่ เอกทำถูกใช่มั้ย”
ผมจะเถียงอะไรหมอเอกตอนนี่ได้
“เอาอย่างนี้มั้ยครับ… บ้านของชัชอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล คุณหมอไปพักที่นั้นกันก่อน แล้วเดี๋ยวตอนเช้าเราค่อยว่ากันใหม่” ผมก็คงต้องทำแบบนั้น เพราะร่างกายผมไม่ได้พร้อมที่จะต่อสู้หรือยืนกรานอะไรได้ แต่ไม่ใช่ผมไม่เข้าใจหมอเอกนะ แต่ผมแค่กลัว…
……………. …………………

เวลาสำหรับผมในตอนนี้ มันเป็นอะไรที่ทั้งดีใจ และเสียใจ…. ดีใจ ที่ใกล้จะได้เจอกับเขา และเสียใจที่จะต้องเจอกับเขา… เพื่อบอกเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ผมไม่รู้ว่าผมจะเริ่มต้นมันยังไง         หมวดปวีณพาพวกเราทุกคนไปนอนพักที่บ้านของชัช ในตอนนี้… บ้านของเขามันช่างดูว่างเปล่า มองไปตรงมุมไหนก็มีแต่เพียง เฟอร์นิเจอร์ที่วางตั้งไว้ ไร้การใช้งาน เขาจะเหงาไหมถ้าจะต้องอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว เขาจะว้าเหว่มั้ยที่คนที่เขารักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ และถึงแม้จะมีผมอยู่ข้างกายเขา แต่อย่างที่ผมเคยพูดกับเขาไว้ ว่าไม่มีใครเป็นตัวแทนใครได้
ในยามที่ทุกคนกำลังนอนหลับ แต่ตัวผมกลับได้แต่นอนมองโคมไฟระย้าที่เปล่งแสงริบหรี่ แสงไฟในตอนนี้มันช่างเหมือนความนึกคิดของผมที่ไม่สามารถทำหรือพูดอะไรดีๆออกมาได้
แต่ผมแค่รู้สึกว่าคำว่า รัก เพียงคำเดียว สามารถทำให้โลกที่มืดมิดสว่างขึ้นได้ แต่ก็สามารถทำให้ทุกอย่างพังทลายได้เช่นกัน

……..

“ดีใจมั้ยตั้ม จะได้เข้าเยี่ยมหมวดชัชแล้วอะ… ยิ้มๆเข้าไว้” หมอเอกพูดสร้างกำลังใจ ขณะเข็นผมมาตามทางเดินโรงพยาบาล ส่วนหมวดปวีณ เดินทางออกไปตั้งแต่เช้า เห็นว่ามีงานเร่งด่วนนิดหน่อย
“จริงๆเอกไม่ต้องลางานมาดูแลเราก็ได้นะ แค่นี้ก็เกรงใจจะเเย่เเล้ว” ผมรู้สึกเป็นภาระของใครต่อใครเต็มไปหมด
“เกรงใจทำไม ตอนนี้สำคัญที่สุดคือพลังใจ ตั้มยังต้องเป็นพลังใจให้หมวดชัชเลย พวกเราก็ต้องเป็นพลังใจให้กับตั้มเหมือนกัน และอีกอย่าง เราลาคนเดียว แทนไม่ได้ลาด้วยสักหน่อย”
“พูดขึ้นมาก็นึกได้พอดี ว่าจะถามหมอเอกตั้งนานแล้ว หมอเอกกับหมอแทนนี่ยังไง เห็นเดี๋ยวนี้ตัวติดกันแทบจะสิงกันอยู่แล้ว”ได้ทีผมแซวขึ้นบ้างแล้ว
“ก็… ไม่ยังไงนี่ ก็แค่… ลองคบกันดู” ผมฟังผิดไปป่ะ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” ข่าวดีสำหรับผมเลย
“ก็.. จะ 2 เดือนแล้ว แพ้ทางเด็กมัน…”หน้าแดงด้วยล่ะเพื่อนเรา “พอๆเลิกพูด… แล้วก็เลิกแซวด้วย” เห็นหมอเอกมีความสุข แล้วสุขใจอย่างบอกไม่ถูก นี่แหละมั้ง พลังใจที่หมอเอกมอบให้ผม ใช่มั้ยเนี้ย 555
……. ….

“ขอโทษนะครับคุณพยาบาล ผมจะมาเยี่ยมคนไข้ที่ชื่อชัชวินน่ะครับ” ผมแจ้งกับพยาบาลที่ทำหน้าที่อยู่หน้าห้อง
“ร้อยตำรวจโทชัชวินหรือเปล่าคะ”
“ใช่ครับ”
“ตอนนี้คนไข้ย้ายไปห้อง vip1 แล้วค่ะ”
“ย้ายแล้ว… ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“ราวๆครึ่งชม.แล้วค่ะ” พยาบาลสาวยิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะบอกทางไปยังห้อง vip 1
………….
“พร้อมแล้วใช่มั้ยหมอตั้ม”ตอนนี้เราอยู่หน้าห้องพักของชัชแล้ว
“แล้วถ้าไม่พร้อม จะมีทางเลือกอื่นให้ตั้มมั้ย” มันรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“มีสิ แต่เอกว่ามันไม่ควร” เอกเปิดประตูพาผมเดินเข้าไป ร่างกายของชัชที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกประหม่า “ยังเหลือเวลาให้ทำใจ…… สู้ล่ะหมอตั้ม”  หมอเอกเข็นผมให้มานั่งอยู่ข้างๆหมวดชัช
“เป็นหมอเอกจะทำยังไง บอกเขาเลยให้มันจบๆ หรือว่าทำเป็นยังไม่รู้เรื่อง” ผมมองหน้าเขาพลางพูดพร่ำออกมา
“ไม่มีใครปิดอะไรได้หรอก หมอตั้มอยากให้เขารู้จากปากหมอตั้มคนที่เขารักมาก หรือรู้จากปากของหมอคนอื่นล่ะ จริงๆ… มันก็เป็นสิทธิ์ของหมอตั้มที่จะไม่พูดก็ได้  แต่เราเชื่อว่าหมอตั้มจะเป็นคนสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาเข้มแข็งได้ในเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด” ใช่สินะ ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมจะต้องดูแลความรู้สึกของชัชให้มากขึ้น และผมก็เชื่อว่าแฟนผมเขาเป็นคนเข้มแข็ง
   เราทั้งคู่ไปถึงห้องพักราวๆ8โมงกว่า ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว แต่ชัชก็ยังคงไม่ฟื้น สงสัยร่างกายของเขาคงใช้การไปเยอะจริงๆ
“หมอตั้มอยากทานอะไรมั้ย เราว่าจะลงไปศูนย์อาหารข้างล่างน่ะ”
“ไม่อ่ะ เรายังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ขอบคุณมากนะ”
แต่คิดไปปคิดมาก็ตลกดี มันเป็นความไม่น่าเชื่อจริงๆที่เราสองคนจะมาเป็นแฟนกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน แล้วก็บาดเจ็บด้วยกัน แปลกดีที่ผู้ชายอย่างเขา มาชอบผู้ชายชีวิตไร้สีสันแบบผม แปลกดีที่เขามาสารภาพรักกับผมในวันที่เราทั้งคู่ทำงานพลาด และก็แปลกดี ที่ผมก็ตอบรับเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้
“ชัช ตั้มรักชัชมากนะ”


พาร์ทของชัช
แสบตา ความรู้สึกแรกหลังจากฟื้นขึ้นมา รวมกับความร้าวระบมในความเจ็บแผลที่ขาของผมทั้งสองข้าง ส่วนข้างๆพอหันมาเจอก็รู้สึกดีใจและอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แฟนของผมที่กำลังฟลุบหลับอยู่ข้างๆผมรวม ถึงหมอเอกด้วย ดูท่าทางโซฟาที่นี่จะนิ่มกำลังดีสินะ
“ตั้ม…. ตั้ม… “ผมสะกิดเรียกเขาเบาๆ แต่ก็นะ แฟนผมขี้เซาออกจะตาย การที่ได้มองเห็นเขามุมนี้ มันเหมือนผมพึ่งได้รับโอกาสที่ยากจะได้รับจะ มัจจุราชแห่งความตายเลย ความรู้สึกที่มือสัมผัสกับเส้นผมที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รวมถึงแก้มที่นิ่มจนไม่อยากให้ใครได้สัมผัส

“ช… ชัช”
“ผมทำให้คุณตื่นหรอ” จริงๆผมก็ไม่น่าถามนะ งัวเงียเหมือนเด็กเลยแฟนผม
“ไม่ๆๆ… ชัชเป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมากรึเปล่า หรือเจ็บตรงไหนอีกมั้ย”
“เจ็บขาน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวตั้มเรียกหมอเขามาดูนะ” ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น เห็นมั้ยทำหมอเอกตื่นด้วยอีกคน
“ไม่เป็นไรหรอก ชัชยังไม่อยากโดนทำอะไรตอนนี้อ่ะ
“งั้น… ชัชดื่มน้ำก่อน” เขาหยิบแก้วน้ำมาให้ผมดื่ม…. รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ
“แล้วนี่ มากันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงมานอนหลับกันแบบนี้”
“ก็เมื่อเช้านี่แหละ ก็เห็นชัชหลับ ตั้มก็อยากหลับบ้าง”
“จริงป่ะครับหมอเอก” หมอเอกได้แต่อมยิ้ม
“แล้วนี่… คุณชัชต้องพักรักษาตัวอีกนานเลยสิครับ เห็นหมอบอกว่ากล้ามเนื้อฉีก”
“คงอาจจต้องถึงเวลาปลดระวางอาชีพตำรวจแล้วมั้งครับ ทำคดีทีไร เจ็บตัวทุกที” มันเริ่มแอบคิดขึ้นมาบ้างแล้ว “ตั้ม… แล้วหมอบอกมั้ย ว่า… แม่ผมเป็นยังไงบ้าง” ทำไมเเฟนผมต้องทำหน้าอึ้งๆขนาดนั้น
“เอ่อ… ก… ก็บอกแล้ว… ท่าน…”
“ท่านทำไมหรอ”
“ท่าน….”
“แม่ผมเป็นอะไรหรอหมอเอก”
“ท่านเสียก่อนมาถึงโรงพยาบาล หมอบอกอาจจะเป็นเพราะเลือดคลั่งในสมองและช่องท้อง….. “ ผมรีบตอบออกไป
“จ… จริงหรอ… ตั้ม” ทำไมตัวผมมันเบาแบบนี้ “ตั้มมองชัชสิ บอกชัชหน่อย ว่ามันไม่จริง… ช่วยบอกชัชแบบนั้นทีได้มั้ย”ตั้มสบตาผม น้ำใสๆจากตาของเขามันไหลออกมา
“มันเป็นความจริงชัช…”ผมรับรู้ถึงแรงบีบจากมือของตั้มที่ส่งมายังมือของผม ความสั่นไหวที่บ่งบอกว่าเขากำลังกลัว มันก็ส่งมาถึงผม ผมจะต้องไม่ร้องไห้ ผมจะต้องเข้มแข็ง ผมจะต้องยอมรับความจริงให้ได้
“ผมไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรจริง” แต่ทำไมน้ำตาผมมันยังเอ่อล้นออกมา ทั้งที่ผมพยายามกลั้นมันเอาไว้
“ชัช”ตั้มเช็ดน้ำตาให้ผม “ตั้มห่วงชัชมาก ตั้มพยายามคิดทุกทางว่าจะบอกเรื่องนี้กับชัชยังไง เพื่อให้ชัชรู้สึกแย่น้อยที่สุด แต่ตั้มก็กลับทำมันไม่ได้” อย่าร้องไห้สิที่รักของผม “ตั้มรู้ รู้ว่ามันยาก” นิ้วมือผมที่ค่อยๆเลื่อนไปเช็ดน้ำตาของเขาที่ไหลออกมา
“ครอบครัวของผม… เขาใจร้ายเนอะ ที่ทิ้งผมแล้วหายไปกันหมด”น้ำตาที่ไหลออกมา ผมหวังว่ามันจะทำให้พ่อกับแม่ของผมรู้ว่า ผมรักท่านมากแค่ไหน “อย่าทิ้งผมไปอีกคนนะ… เพราะผมคง… รับไม่ไหวจริงๆ” เขารีบพนักหน้าเหมือนเด็กน้อยที่ได้ของถูกใจ รอยยิ้มของเขาตอนนี้ มันมีค่าสำหรับคนอย่างผมมากจริงๆ มีค่ามากซะจน กลัวว่า ผมจะต้องเสียมันไป

………....
พาร์ทของตั้ม
 หลังจากที่ผ่านเรื่องราวที่ผมกลัวมากที่สุดไป ตอนนี้สำหรับผม มีแค่อย่างเดียว คือผมต้องดูแลความรู้สึกของชัชให้ได้มากที่สุด ทำยังไงก็ได้ที่จะทำให้เขา ยิ้มได้
“เดี๋ยวตั้มจะให้เอกออกไปตามหมอ มาดูอาการของชัชหน่อยนะ” เขาพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย ก่อนที่หมอเอกจะรีบดำเนินการทันที
“ว่าไงชัช หลับไปนานเลยนะมึง”นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่จะทำให้เขาดีขึ้นได้ หมวดปวีณ “นี่ที่สน.ฝากของมาเยี่ยมมึงเพียบ พวกเขาบอกว่าถ้าว่างเมื่อไหร่จะรีบมาเยี่ยมมึงเลย”
“ขอบใจเว้ย”
“ หมอตั้ม… แล้วนี่… หมอเอกไปไหนอ่ะครับ แล้วทานอะไรกันยัง ผมเหมาของกินมาฝาก เพียบ!!!!!!!!”
“ไปตามหมอน่ะครับ เดี๋ยวคงเข้ามา”
“มาละครับ” รวดเร็วทันใจดีจัง และคุณกมอก็จัดการลงมือตรวจพร้อมกับสอบถามถึงอาการของชัชอย่างละเอียด
“คุณตั้มครับ... ไอ้ชัชมันทราบเรื่องแม่มันแล้วใช่มั้ย”หมวดปวีณถามเสียงเบา พร้อมกับเข็นผมออกมา
“ครับ แล้วก็เป็นอย่างที่คุณปวีณเห็น เขาดูซึมๆไป”ผมหันไปมองชัชอยู่เรื่อยๆ
“คงต้องให้เวลามันสักพัก ไอ้ชัชไม่ใช่คนเข้มแข็งหรอกครับ… ข้างในมันเปราะบางมาก” หลังจากเสร็จจากการตรวจ เราทุกคนก็ต่างพากันทานอาหารที่หมวดปวีณซื้อมาให้
“หมอเอก ไอ้วีณ ช่วยอะไรผมหน่อยสิครับ” ทั้งคู่มองหน้ากัน
“ครับ… อยากให้ผมช่วยอะไร”หมอเอกรีบถาม
“อยากให้ช่วย… จัดการเรื่องงานศพของแม่ผม เพราะตอนนี้ ผมคงทำอะไรเองไม่สะดวก”รอยยิ้มที่เปื้อนคราบน้ำตาของชัช มันยิ่งทำให้รู้ว่าในใจของเขามันแย่แค่ไหน ถึงแม้ชัชจะพยายามห้ามมันเอาไว้ก็ตาม “เอาแค่ 5 วันก็พอ ส่วนเสื้อผ้า… กูรบกวนมึงด้วยนะไอ้วีณ แม่กูชอบใส่  ชุดสูทสีขาวมากที่สุด ส่วนรองเท้าก็ใช้ส้นสูงสีดำ แม่จะเก็บเอาไว้คู่กัน กูอยากให้มึงเอามาให้เจ้าหน้าที่เขา”ชัชพูดพลางสะอื้น
“คือ จริงๆกูอยากให้มึงรักษาตัวก่อน ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจนะเว้ย แต่ร่างกายมึงมันก็สำคัญเหมือนกัน”หมวดปวีณพยายามแนะขึ้น
“แต่มันคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า… คำว่าแม่หรอก”
เราทุกคนต่างมองหน้ากัน เพื่อที่จะพยายามแก้ปัญหาให้ได้ดีที่สุด ไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรขึ้น และก็ไม่อยากทำให้ชัชรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก
“เอางี้แล้วกันมึง เดี๋ยวกูจัดการทุกอย่างให้เลย ทั้งเรื่องแม่มึง เรื่องวัด”หมวดปวีณเดินเข้ามาแต่บ่าชัช “แต่มึงต้องรับปากกู ว่าห้ามฝืนอะไรทั้งนั้น และต้องเป็นไปตามการดูแลของแพทย์ทุกอย่าง โอเคป่ะ” แต่ชัชก็กลับนั่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับไป “หมอตั้ม ผมฝากด้วย” แล้วหมวดปวีณก็ปลีกตัวออกไปจัดการเรื่องที่รับปากกับชัชไว้
“งั้นเดี๋ยวเอกไปคุยกับหมอก่อนแล้วกัน เผื่อจะขอย้ายกลับไปที่โรงพยาบาลเรา” ในตอนนี้ เหลือแค่ผมกับเขาสองคน ความเงียบในห้องยิ่งทำให้ทุกอย่างดูมืดมนไปหมด
“ชัช…” ผมยังคงจับมือเขาไม่ปล่อย  “ชั…..”
“ชัชรู้…ว่าตั้มจะพูดอะไร ชัชจะไม่ดื้อกับตั้ม เหมือนที่เคยทำกับแม่หรอก แต่เรื่องงานแม่… ถือว่าชัชขอแล้วกัน มันเป็นแค่สิ่งเดียวแล้ว ที่ชัชจะทำได้ แต่ตั้มก็เห็น ว่าตอนนี้ชัชได้แค่นั่งเฉยๆ”
“ใครว่าชัชนั่งเฉยๆ ชัชก็กำลังทำอยู่เหมือนกัน…ทำหน้าที่ลูกที่ดี ในวาระสุดท้ายที่ชัชจะทำได้ไง… ชัชไม่ต้องห่วงหรอก ตั้มคิดว่าแม่ชัชเขารู้ว่าลูกของเขาเป็นยังไง เหมือนที่ตั้มรู้ว่าคู่ชีวิตของตั้มเป็นคนยังไง”ผมหวังว่าคำพูดที่ผมพูดออกไป มันจะทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น และเข้มแข็งมากขึ้น ผมเชื่ออย่างนั้น

    การจัดการเรื่องงานศพผ่านไปอย่างเรียบร้อยในทุกๆวัน เหล่าบรรดาผู้ร่วมงาน หรือเครือญาติของชัชต่างมาช่วยงานกันอย่างน่าชื่นใจ แม้กระทั่งน้องสาวผม ที่ลงมือจัดเลี้ยงอาหารทุกอย่างในงานด้วยตัวเอง และตัวชัชก็ไม่ดื้ออย่างที่เขาเคยบอกกับผม ในทุกคืนที่เสร็จงาน เขาจะรีบทานยา ล้างแผลและพักผ่อนตามตารางที่หมอเอกให้ไว้…. อ่อ ผมลืมบอกไป ว่าตอนนี้ชัขย้ายมาอยู่ที่เดียวกับผมแล้ว
และวันนี้ ก็เป็นวันสุดท้ายที่ชัชจะได้อยู่กับแม่ของเขาในร่างที่ไร้วิญญาณ และสัปเหร่อก็ทำการเปิดโลงและจัดการทำตามหลักความเชื่อที่เป็นมา
 ในตอนนี้ชัชได้แต่นั่งเงียบมองหน้าแม่ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะวางนาฬิกาเรือนสำคัญของเขา และรูปถ่ายครอบครัวตั้งแต่เขายังเด็กลงบนร่างกายที่ที่ไร้การเคลื่อนไหว
“  ตอนนี้พ่อคงรอแม่อยู่ข้างบนแล้ว ขอบคุณที่เป็นแม่ที่ดีที่สุดของผม” น้ำตาแห่งความเสียใจไหลอาบแก้มของชัช
เสียงสัญญาณความสัมพันธ์สุดท้ายดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ กลุ่มควันที่ลองลอยอย่างบางเบาขึ้นสู่ท้องฟ้ายามเย็นที่แสนโศกเศร้า ชัชได้แต่นั่งมองไปบนท้องฟ้าเหมือนคนไร้ความรู้สึก และถึงแม้กลุ่มเพื่อนตำรวจจะพากันมากล่าวคำอำลา แต่ก็ดูเหมือนเสียงพูดคุยเหล่านั้นจะไม่สามารถเข้าถึงการรับรู้ของเขาได้
“มึง… กลับโรงพยาบาลกัน.. พร้อมนะครับ หมอตั้ม”หมวดปวีณยังคงทำหน้าที่เพื่อนที่ดีของชัชไม่เคยเปลี่ยน ตลอดทางที่นั่งมา น้ำตาของชัชยังรื้นอาบใบหน้า ที่ถึงเขาจะพยายามหันหนีเพื่อไม่ให้ใครเห็น แต่ทุกคนคงเข้าใจความรู้สึกนั้นได้ ส่วนผม… ได้เพียงแค่กุมมือของเขาเอาไว้  และหวังว่ากำลังใจเล็กๆจากผมคนนี้จะบรรเทาความเศร้าของผู้ชายที่อยู่ข้างๆผมได้

หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 27)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-09-2019 11:37:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 27)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-09-2019 15:46:32
 :mew4: ชัชน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 27)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-09-2019 23:40:09
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 28)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 19-09-2019 08:53:56
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุเลวร้ายหลายๆอย่างขึ้น ทั้งเรื่องการสูญเสียคนที่รักรอบๆตัว การพบเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน รวมทั้งผมที่ต้องเกือบเดินไม่ได้เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ และความใจเย็นของผมเอง กว่าจะผ่านพ้นวันเวลาเหล่านั้นมาได้ ก็ทำให้ผมและชัชต้องสูญเสียความเป็นตัวเองไปไม่ใช่น้อย และในวันนี้ ในวันที่บทเรียนชีวิตต่างๆได้ผ่านพ้นไป รอยยิ้มที่เคยจางหาย กลับมายิ้มได้อีกครั้งอย่างสนิทใจ และผม ที่กลับมาเดินได้เหมือนเดิม และทำงานที่รักได้อีกครั้ง นี่คงเป็นของขวัญที่ดีที่สุดอีกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันทำงานที่แสนยุ่งของผม เหล่าบรรดาผู้ป่วย รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในการดูแลของผม ดูเหมือนว่าวันนี้จะมากันเยอะเป็นพิเศษ แต่เอาเถอะ ผมสู้ไม่ถอย
   “หมอตั้มคะ ตอนนี้เหลืออีกห้าเคส หมอตั้มจะรันคิวต่อเลยมั้ยคะหรือว่าจะพักก่อน” ดาผู้ช่วยผมที่พวกคุณก็รู้จัก
“รันต่อเลย พอดีตอนทุ่มนึงผมต้องเข้าคลีนิคหมอเอก อยากรีบทำให้เสร็จ อ่อแล้วฝากให้แก้มโทรบอกแยมทีว่าผมเอาโอวัลตินแก้วนึง”
“จัดไปค่ะ” ถึงแม้ผมจะลงเวรแล้ว แต่ด้วยคนไข้ที่ยังต่างพากันนั่งรออยู่ ผมคงไปแบบที่ยังมีภาระอยู่ไม่ได้ แต่โชคดีที่คนไข้รายหลังๆมาหาตามใบนัด เลยไม่ต้องซักถามข้อมูลอะไรเยอะมากเท่าไหร่ แต่ขนาดไม่ต้องถามเยอะ ก็เลยเวลาปิดทำการมาหลายนาทีเชียวล่ะ
“ดา เดี๋ยวผมฝากเตรียมชาจของวันพรุ่งนี้ให้หน่อย ของคนไข้ที่จะผ่าซีสต์ที่รังไข่น่ะ เช้ามาผมจะได้ไม่ต้องมารอหาอีก แล้วอีกอย่าง พรุ่งนี้ผมไม่รับคนไข้นะ เพราะผมมีเคสแล้ว ยังไงฝากจัดการที” ตอนนี้สำหรับผมคือสายมากแล้ว เพราะกว่าจะไปถึงคลีนิคหมอเอกที่อยู่แล้วเจริญกรุง คนไข้คงรอหายอยากพอดี
“ตั้ม… ตั้ม… “ เสียงตะโกนเรียกกึ่งดึงกึ่งเบา ดังมาจากด้านหลัง เป็นเสียงที่คุ้นเคยดีเชียวล่ะ “คุณจะรีบไปไหน ผมรีบมากลัวคุณกลับไปก่อน”
“ชัชลืมหรอ วันนี้ตั้มต้องไปลงตรวจที่คลีนิคหมอเอกน่ะ” ทำหน้างงอีก “ไม่ต้องมางงแล้ว ชัชไปส่งตั้มที่คลีนิคหน่อย ไปมอไซค์เลย” ถึงขั้นต้องฉุดกระชากชากถูกเลยหรือผม
“แ… แต่ ชัช เอารถใหญ่มา ไม่ใช่มอไซค์” แป่ววววว “แล้วเหลือเวลาอีกเยอะมั้ยกว่าจะถึงเวลานัดน่ะ” เขารีบถาม
“40นาทีเองชัช”
“ถมเถ… ตามมา”เขาดึงมือผมแล้วเดินไปที่หน้าโรงพยาบาลทันที “คุณรอตรงนี้นะ เดี๋ยวผมมา” ผมเห็นชัชวิ่งไปที่วินมอไซค์ฯบริเวณใกล้ๆหน้า รพ. ก่อนที่เขาจะคว้ารถแล้วขี่มาทางผมทันที
“นี่คุณไปเอารถเขามาได้ยังไง”
“ขึ้นมาก่อนเถอะ” แต่ผมกลับรีบทำตามอย่างว่าง่าย ตอนนี้ผมสามารถซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้อย่างไร้ความกลัว แล้ว
จาก รพ. มายังคลีนิค ชัชสามารถพาผมมาถึงได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด ก่อนที่ผมจะรีบสะพายกระเป๋ารีบเดินเข้าไปทันที
“ขอโทษนะหมอเอก เราเกือบมาไม่ทัน” ผมรีบขอโทษไว้ก่อน
“อย่าซีเรียสน่า คนไข้ที่นี่เขาเข้าใจ ยิ่งใครที่รอตรวจกับหมอตั้ม ยิ่งต้องเข้าใจใหญ่เลย อย่าไปคิดมาก” หมอเอกพูดในขณะที่นั่งเขียนเอกสารการจัดยา “แล้วนี่ หมวดชัชมาด้วยหรือเปล่า”
“มา เดี๋ยวคงจะตามเข้ามาน่ะ” ผมยังไม่ทันหยิบเครื่องมือมาเตรียม พยาบาลก็พาตัวคนไข้เข้ามาซะแล้ว ผมลืมบอกครับ ว่าห้องตรวจที่นี่เป็นห้องตรวจที่มีแค่ฉากกั้น เพราะปกติแล้ว หมอเอกเป็นหมอประจำเพียงคนเดียว แต่ด้วยจำนวนคนไข้ที่เยอะขึ้น รวมกับสถานที่ที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการขยายห้อง เลยต้องแบ่งสัดส่วน ตามความเหมาะสมไปก่อน
       แต่ทุกอย่างมักผ่านไปไวเหมือนโกหกครับ หันมามองนาฬิกาอีกทีเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แต่โชคดีครับที่คนไข้ เหลืออีกแค่ 2-3 คน ผมกับหมอเอกเลยรีบจัดการลงมือตรวจอย่างไม่รีรอเวลา
“เหนื่อยแย่เลยสิ” หมอเอกถามอย่างอารมณ์ดี
“ก็นิดหน่อย… เเต่เดี๋ยวยังไงตั้มขอตัวกลับก่อนนะ ป่านนี้หมวดรอแย่แล้ว”
“เดี๋ยวก่อนๆ นี่เอกยังไม่ได้เลี้ยงข้าวหมอตั้มเลย”
“ไม่เป็นไร หมอเอกก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้ชัชเขาไม่ค่อยมีเวลา กลับเที่ยงคืนมาจะ 2 อาทิตย์แล้ว มีวันนี้แหละที่เขากลับมาเร็วน่ะ”
“เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ ตั้มถามเขาก็บอกว่าติดงาน เลยไม่อยากเซ้าซี้น่ะ… เก็บของเสร็จพอดี งั้นตั้มไปก่อนนะ” ผมรีบคว้ากระเป๋าและเดินไปหาชัชที่นั่งรออยู่ที่ห้องพักพนักงาน พอเปิดเข้าไป เขากำลังนั่งหลับอย่างคนที่ดูอ่อนเพลียเอาซะมากๆ
“ชัช…. ชัช…. กลับบ้านกัน… ชัช” เขางัวเงียลืมตาขึ้นมา
“เสร็จแล้วหรอ”  หาวปากกว้างเชียวพ่อคุณ “ไปๆกลับกัน”
“แล้วชัชอยากทานอะไรก่อนมั้ย ดูท่าทางยังไม่น่าจะทานอะไรมา”ผมเดินถามเขา
“ผมซื้อไว้ในรถแล้ว”
“คุณขี่ไหวแน่นะ ชัช”ผมถามย้ำอีกครั้งตอนตัวเองสวมหมวก
“ชิลๆ” ผมจัดการขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง การเดินทางกลับในครั้งนี้ มันช่างดูแตกต่างจากตอนแรกมาก ทำให้เราทั้งคู่ใช้เวลาในการเดินทางกลับมายังโรงพยาบาลเพียงแค่ไม่กี่นาที เมื่อมาถึง ชัชก็มาส่งผมตรงที่จอดรถ ก่อนที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้นไปคืน แต่จะว่าไป ผมยังไม่ได้คำตอบที่ถามชัชไว้เลยนี่นา
“คุณยังไงไม่บอกผมเลยว่าไปเอามอเตอร์ไซค์เขามาได้ยังไง”
“ก็บอกไปว่าผมต้องรีบไปส่งคุณ ขอเช่ารถหน่อย เอาก็โอเคเลย” เขารีบคาดเบลล์
“ง่ายๆแค่นั้นน่ะนะ”
“ใช่.. ง่ายๆเลย… 1500 คุณเมียคิดว่ายากมั้ยล่ะ” แบบนี้ทุกทีเลยแฟนผม “ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไร ถึงจะเสียเป็นล้านๆผมก็ยอม….. เพื่อเมียสุดที่รัก”
“ขับรถไปเลย… “ ผมไม่รู้จะบ่นเขายังไงแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่บ่อยกับการใช้เงินแบบไร้ลิมิตขนาดนี้ แต่ถึงจะพูดไป ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นผมตะหาก
   ตลอดระยะทาง ชัชนั่งฮัมเพลงอยู่ตลอด เขาดูมีความสุข และสนุกกับการขับรถในเวลานั้น จริงๆตัวผมก็อยากถาม ว่าตลอด 2 อาทิตย์ ทำไมเขาถึงไม่มีเวลาให้ผม ซึ่งปกติไม่เคยมีวันไหนเลยที่เขาจะกลับดึกแบบนั้น แต่ผมไม่อยากเป็นแฟนที่มานั่งจับผิดแฟนตัวเองว่าทำอะไรไม่ดีไปหรือเปล่า หรือว่ามองว่าเขานอกใจ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เราจะมองไม่เห็นถึงความสุขที่มันมีอยู่เลย
“เมียครับ ถึงบ้านเราแล้ว”เขาพูดขณะเลี้ยวเข้าคอนโด “ผมลืมบอกเลย ว่าวันนี้ผมไปซื้อไข่เจียวปูที่คุณชอบมาด้วย แต่ไม่รู้ตอนนี้มันเป็นไงบ้างแล้ว แล้วอยากจะบอกว่ารอคิวนานมาก” ผมต้องสะบัดเรื่องไร้สาระออกจากหัวผมให้หมด ผมจะต้องไม่งี่เง่า ผมต้องมีความสุขสิ
   เราทั้งคู่ ช่วยกันถือของขึ้นห้อง ก่อนที่ผมจะเป็นคนจัดเตรียมอาหารใส่จานให้กับเขา ส่วนชัช ผมให้เขาเข้าไปเปลี่ยนชุดเพราะเห็นแล้วอึดอัดแทน
“มา… เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง มีบางอย่างมันต้องปรุงเพิ่มนิดหน่อย”ชัชเข้ามากอดผมด้านหลัง แต่ทำไมคราวนี้มันรู้สึกอบอุ่นกว่าทุกครั้ง ถึงแม้ ตอนนอนเขาจะกอดผมตลอดเวลาก็เถอะ แต่… ผมชอบความรู้สึกนี้จัง
“ตั้มอยากกอดชัชแบบนี้ กอดไปนานๆ”ผมหันกลับไปกอดชัชอย่างเต็มอ้อมกอด
“ผมก็กอดตั้มทุกวันนะ… วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า”….. แต่… เดี๋ยวนะ
“ทำไมแต่งตัวอะไรแบบนี้”
“ทำไมอ่ะ ออกจะ Sexy… มีแค่ผ้ากันเปื้อนกับกางเกงชั้นใน แถมหุ่นของผมก็ทำให้สาวๆหนุ่มๆใจละลายมาแล้วนะ… เผื่อคืนนี้คุณจะให้รางวัลผมที่ขี่มอไซค์ไปส่งคุณที่คลีนิคไง” ทำสาวๆหนุ่มใจละลาย เขาไปทำให้ใครใจละลาย “เดี๋ยวยังไงชัชจัดการเรื่องอาหารก่อน… ไม่เกิน 5นาทีนะครับคุณภรรยา”เขาคลายอ้อมกอดออกจากผม แล้วไปจัดการเรื่องอาหารตามที่เขาบอกไว้ ผมจึงหันกลับมานั่งรอพร้อมกับอ่านหนังสือตามที่ผมถนัด แต่เพียงแค่ผมเปิดหนังสือ ความวุ่นวายในสมองผมกลับทำให้ผมอ่านหนังสือหน้านี้ไม่รู้เรื่อง วันนี้ผมเป็นอะไร มันเหมือนไม่ใช่ตัวผมเลย
“เสร็จแล้วครับ….มาทานข้าวกันดีกว่าครับคุณภรรยา… กำลังร้อนๆเลย ” 
ผมต้องเป็นตั้มคนเดิม คนที่ทำให้ชัชมีความสุข และหยุดคิดไปเองได้แล้ว อาหารค่ำมื้อนี้มันต้องพิเศษกว่าทุกๆมื้อสิ ผมตักอาหารทานเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น… ก็ใช่น่ะสิ เพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มีแต่ผมที่ฟุ้งซ่าน
หลังจากทานอาหารมื้อดึกเสร็จผมก็เป็นฝ่ายรับหน้าที่จัดการทำความสะอาดอุปกรณ์ทั้งหมด
“วันนี้ผมเหนื่อยมากเลย…. คุณภรรยาอาบน้ำให้ผมหน่อยน้าาาา” เขาโผมากอดผมด้านหลัง พลางวางคางบนบ่าผม รวมถึงเสียงออดอ้อนที่หายไปนาน
“งั้นชัชรอแปปนึงนะ เดี๋ยวตั้มไปเตรียมน้ำให้”
“ไม่เอา… เข้าไปพร้อมกันเลยนะ น้ำอุ่นน้ำเย็นชัชแช่ได้หมดแหละ” ผมก็ไม่มีปฎิเสธหรอกครับ เพราะชัชเขารู้ว่าผมเป็นคนใจอ่อนง่าย และในคืนนั้นเราจบด้วยกันเป็นของกันและกันครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ผมอยากให้เขามีความสุขเวลาที่อยู่กับผมก็เท่านั้นเอง
………..

“ตั้งใจทำงานนะ แล้วเดี๋ยวผมจะโทรหาบ่อยๆ”คำอำลาก่อนที่เจ้าตัวจะขับรถออกไป และภารกิจในวันนี้กำลังรอผมอยู่ ผมทำการเข้าผ่าตัดตามเวลาที่กำหนดไว้  ในเวลาสองชั่วโมงทุกอย่างผ่านไปด้วยดี คนไข้มีการฟื้นตัวที่ดีหลังการผ่าตัด ส่วนงานต่อไป เป็นเคสให้คำปรึกษา ซึ่งเป็นญาตของ ผอ.โรงพยาบาล
……..
วันนี้ทุกๆอย่างเสร็จก่อนเวลาที่คาดคะเนไว้ เลยทำให้มีเวลาที่จะผ่อนคลายมากขึ้น
ก๊อกๆๆ
“ว่างหรือเปล่าครับหมอตั้ม”หมอเอกนี่เอง
“เข้ามาก่อนสิ”
“ว่าจะมาชวนไปทานข้าว นี่มื้อเช้ามื้อเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเลย”สงสัยคงหิวจริงๆ
“แล้วหมอแทนไม่ไปด้วยหรอ”
“ปล่าวน่ะ เห็นว่าติดเคสลอกกระจกตา 2 เคสน่ะ น่าจะยาว”  เห็นจากท่าทาง ถ้าผมปฎิเสธไป คงไม่ดีแน่กับมิตรภาพของเรา แต่ทว่า… ตัวผมเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกันนี่นา ลืมความหิวนี้ไปได้ยังไงกัน
   หมอเอกขับพาผมมายังห้างที่ใกล้ที่สุด นั้นคือ central world ก่อนที่จะพาตรงไปร้านอาหารเจ้าประจำ
“แทนพาเรามากินบ่อย เราว่าอร่อยดี เลยอยากให้หมอตั้มลองชิม” ร้านที่หมอเอกพามาคือร้าน honmono sushi พอมองเข้าไปในร้านรู้สึกโชคดีที่มาเวลานี้ ที่ไม่ต้องมานั่งรอคิวให้เบื่อเอาซะเปล่าๆ
หลังจากที่พนักงานพาเราเข้ามา รู้สึกดีที่เป็นที่นั่งด้านใน เพราะส่วนตัวผมไม่ชอบที่รอบๆโต๊ะมีคนล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด พอเข้าที่ หมอเอกก็จัดการสั่งเมนูโดยที่ไม่ต้องเปิดเล่มดูเลยแม้เเต่นิดเดียว สงสัยเป็นแฟนพันธุ์แท้จริงๆ
“ส่วนผมเอา Salmon ikura don แล้วก็ ปูนิ่มทอดเทมปุระครับ เครื่องดื่มขอเป็นชาเขียวเย็นครับ” หลังจากนี้ก็ได้แต่รอเมนูเหล่านั้นมาวางรวมตรงหน้าเท่านั้นเอง ผมเลยใช้เวลานี้โทรไปหาชัชทันที ไม่รู้ว่าตอนนี้งานเขาจะยุ่งหรือเปล่า
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr
ทำไมเสียงโทรศัพท์เหมือนจะดังอยู่ใกล้ๆ ผมคงจะหลอนไปเองล่ะมั้ง ทึกทักเสียงโทรศัพท์ของคนอื่นว่าเป็นของชัช
“งานยุ่งรึเปล่าชัช”เปิดการสนทนา
“ก็นิดหน่อย ตอนนี้ก็เหลืออีกไม่มากแล้วล่ะ”
“งั้นดีแล้ว แล้วทานอะไรไปหรือยัง”
“ทานแล้ว พี่กวิณพาไปกินซูชิ อร่อยดีนะ ไว้เดี๋ยวจะพาตั้มมาทานบ้าง”
“นี่เอกก็พาตั้มมากินซูชิเหมือนกัน”หมอเอกสะกิดเเขนผม “แปปนึงนะ… มีอะไรหมอเอก”ผมเอามือปิดไมโครโฟนไว้ แล้วหมอเอกก็ชี้ให้ผมหันไปดูอะไรบางอย่าง….ชัชกำลังนั่งทานอาหารอยู่กับผู้หญิง…. สวยมากซะด้วย
“ชัชมาทานกับใครนะ”ผมย้ำอีกครั้ง
“พี่กวิณน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ อาหารมาแล้ว” ผมรีบกดวางสายทันที ผมขอเปลี่ยนที่กับหมอเอก เพื่ออยากจะรู้ว่า ชัชกำลังจะทำอะไร เขาทั้งคู่หยอกล้อกัน จับมือกัน และเขาทั้งคู่ก็เอาหน้าแนบชิดกัน สิ่งที่ผมกำลังเห็นมันหมายความว่าอะไร และการที่เขาบอกอยู่กับหมวดกวิณ…. เขากำลังโกหกผม
“เรากลับแล้วนะหมอเอก…” ผมรีบหยิบเงินในกระเป๋าวางให้หมอเอกทันที
“เดี๋ยวหมอตั้ม ใจเย็นๆก่อน”
“เดี๋ยวเราเรียกแท๊กซี่กลับเอง ไม่เป็นไร”
“หมอตั้ม… เดี๋ยว หมอตั้ม” ตอนนี้ในใจมันทรมาน ทรมานแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนจะหยุดหายใจ ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ ผมตัดสินใจเดินตรงไปที่โต๊ะที่ชัชนั่งอยู่
“ตั้ม!!!!” น้ำเสียงเขาดูตกใจ ผมถอดนาฬิกาที่ชัชเคยให้กับผมออก และวางลงที่โต๊ะให้กับเขา
“ผมคืนให้ ” ผมหันหลังกลับทันที เขาคว้ามือผม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นตั้ม คุณเป็นอะไร” เขาดูตกใจมาก ผมรีบแกะมือนั้นออก
“ผมให้เวลาของคุณคืน และอยู่กับหมวดกวิณของชัชต่อเถอะ…ปล่อย!!!! ”  ผมรีบเดินออกมาจากร้าน ก่อนที่จะรีบวิ่งลงบันได้เลื่อนทันที
“ตั้ม เดี๋ยวตั้ม ตั้มรอผมก่อน” ผมไม่อยากเห็นหน้าเขาตอนนี้ แม้กระทั่งเสียงผมก็ไม่อยากได้ยิน ผมพยายามวิ่งแทรกคนอื่นๆเพื่อให้ห่างกับเขาได้มากที่สุด ผมพอที่จะมองเห็นที่จอดเเท๊กซี่ที่อยู่ไม่ไกลจากผม ผมพยายามด้วยเเรงที่ผมมีตอนนั้น เพื่อที่จะขึ้นรถให้เร็วที่สุด และมันก็สำเร็จ
“ออกรถก่อนครับ เดี๋ยวผมบอกทางให้”
“ตั้ม… ตั้ม คุณลงมาก่อน….ตั้ม”เขาวิ่งตามและทุบกระจกรถเพื่อเรียกผม แต่สำหรับผม ผมไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกับเขา ที่เขากลับมาทำดีกับผมเมื่อคืน เพราะเขาแค่รู้สึกผิดงั้นหรอ หรือแค่ทำเพื่อไม่ให้ผมสงสัยว่าเขาทำอะไรผิดมา  หรือแค่ผม มันโง่เอง

พาร์ทของชัช
มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมโทรหาตั้มเท่าไหร่เขาก็ไม่รับสาย แต่ยังไงตอนนี้ผมต้องรีบกลับไปที่ร้าน ไปขอโทษเธอคนนั้น พอมาถึง ผมก็เห็นว่าหมอเอกกำลังเดินออกมาจากร้านพอดี
“หมอเอก หมอเอก”ผมรีบตะโกนเรียก อาการเหนื่อยหอบของผมตอนนี้มันแทบบังคับเอาไว้ไม่อยู่ “ผมอยากบอกกับหมอว่า ที่คุณกับตั้มเห็นกำลังเข้าใจผมผิด”
“แต่สิ่งที่ผมกับตั้มเห็น มันกำลังเห็นว่าคุณกำลังทำผิด”
“คือมันไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิดเลย ไม่ใช่เลย คือผมกับเธอเราแค่… “
“ผมว่าหมวดควรไปอธิบายกับตั้มมากกว่าผมนะ”เขาสวนผมขึ้นมา “ผมขอตัวก่อนนะ”
“ผมมีเรื่องจะสารภาพ…. .” ผมหวังว่าหมอเอกจะรับฟังผมบ้าง

พาร์ทของตั้ม
วันนี้ผมกลายเป็นคนไม่ดีเอาซะเลย ทั้งโวยวายที่ร้านอาหาร และพาลเกงานไม่ยอมเข้าไปทำต่ออีก ผมนี่มันทำตัวเด็กชะมัด
“พี่ตั้ม มากินข้าวกันเถอะ”ผมจะไปไหนได้นอกจากกลับบ้านของตัวเอง “นาวา นาวิน ทำให้ลุงตั้มหายเศร้าทีสิลูก”
Rrrrrr Rrrrrrr
“พี่ก็รับสายพี่ชัชเขาเถอะ โทรมาเป็นร้อยแล้วมั้ง”
“ไม่อ่ะ พี่คงยังเป็นผู้ฟังที่ไม่ดีเท่าไหร่หรอกตอนนี้”
“และไหนบอกตาลว่าพี่เชื่อใจพี่ชัชไง ทำไมพี่ไม่ฟังพี่ชัชเขาอธิบายก่อนล่ะ” มัน…. ก็ใช่… แต่
“แล้วถ้าเป็นตาล เห็นพลทำแบบนั้นต่อหน้า ตาลจะฟังพลอธิบายป่ะละ”
“ไม่ฟังค่ะ แต่จะซัดให้หมอบทั้งคู่ตรงนั้นเลย”โหดจริงน้องสาวคนนี้ “….นี่… พี่ตั้ม ตั้งแต่ตาลเห็นพี่ชัชคบพี่ พี่ชัชแทบจะรายงานตัวกับพี่แทบจะช 24 ชม. พี่จะเอาอะไรไประแวงเขาอีก และถ้าเขาอยากจะกลับไปคบผู้หญิงจริงๆอ่ะ เขาคงกลับไปนานแล้ว ไม่รอเวลาให้มันเลยเถิดมาขนาดนี้หรอก” ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดตามที่น้องสาวผมพูดนะ แต่ตอนนี้ผมกำลังโกรธ กำลังเอาแต่ใจ ถ้าขืนคุยกันก็มีแต่ผมนี่ละที่จะงี่เง่า
“ฮัลโหล ๆ ตั้ม… คุณอยู่ที่ไหนอ่ะ… ตั้ม… คุณได้ยินผมมั้ย” น้องสาวตัวดีมันกดรับสายซะอย่างนั้น
“พี่ฟังเสียงพี่ชัชสิ เสียงเขาดีใจแค่ไหนที่พี่รับสายเขา เสียงเขาเป็นห่วงพี่แค่ไหนที่พี่หายมานานขนาดนี้… พี่… ชีวิตคู่มันก็ต้องมีบ้างแหละ ที่ต้องทะเลาะกันเข้าใจผิดกัน ถ้าตาลเป็นแบบพี่ตอนนี้ พี่คงไม่ได้เห็นนาวากับนาวินหรอก จริงมั้ย….” น้องผมนี่มันช่ำชองเรื่องรักๆใคร่ซะจริง
“พี่ตอบพี่ชัชเขาไปเถอะ… นะ”เธอยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
ตึ้ด…..
“กดวางทำไมพี่ตั้ม” ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น
“เดี๋ยวค่อยคุย พี่หิวข้าวแล้ว”
“อะไรของพี่เนี้ย”
ในคืนนั้น ผมก็ยังคงที่จะไม่กลับไปคอนโด บางทีการได้นอนคิดอะไรคนเดียว เหมือนแต่ก่อนที่ผมจะมีชัช มันอาจจะทำให้ผมสามารถจัดระบบความคิดตัวเองได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ในตลอดคืนนั้น ชัชทั้งส่งไลน์ ส่งข้อความ และโทรมาจนนับสายนับข้อความไม่ถ้วน แต่ผมก็ไม่รู้ทำไม ที่ไม่ยอมแม้กระทั่งจะรับสายหรือเปิดข้อความอ่านเลย
   เช้าวันนี้ผมรู้สึกไม่คุ้นชินกับการตื่นนอนมาแล้วไม่พบเจอใครบางคน สงสัย เขาจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ผมขาดไม่ได้ไปแล้ว ผมจะมัวเศร้าสลดอยู่ไม่ได้ ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัวออกมาทำงาน โดยมีน้องสาวเป็นคนขับรถไปส่ง สิ่งที่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลคือผมรีบตรงไปยังห้องทำงานของหมอเอกทันที
“อ้าวหมอตั้ม เป็นยังไงบ้าง”
“ก็… ไม่เป็นยังไงหรอก… ตั้มแค่… อยากจะมาขอโทษหมอเอก ที่ทิ้งให้หมอเอกต้องกลับคนเดียว แถมยังไม่ได้ทานอาหารอีก” ความรู้สึกผิดนี่มันหนักหนานัก
“ไม่เป็นไร ผมก็กลับมาทานที่ห้อง ส่วนของหมอตั้ม หมอแทนจัดการเรียบร้อยไม่มีเหลือ… ไปเก็บเงินเลย” นี่แหละหมอเอก เหมือนจะโกรธใครไม่เป็น “อืมหมอตั้ม วันนี้ตอนทุ่มนึง กลุ่มคณะแพทย์ที่เอกประจำอยู่ เขาจัดงานการกุศล ให้คนมาตรวจสุขภาพฟรี เอกเลยอยากชวนหมอตั้มไปร่วมด้วย สนใจมั้ย”
“น่าสนใจนะ แล้วเขาจัดที่ไหนล่ะ”
“สถานที่เอกยังไม่ชัวร์อ่ะ แค่ถามหมอตั้มก่อนว่าอยากไปมั้ย เพราะถ้าไปเอกจะได้บอกทางกลุ่มน่ะ”
“ไปสิ จะพลาดได้ยังไง”
“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวมีรายละเอียดยังไง เอกจะบอก งั้นเย็นนี้ไปรถเอกแล้วกันนะ”
และผมก็ปลีกตัวออกทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของผม และในทั้งวันนี้ ไม่มีแม้กระทั่งสายโทรเข้าหรือข้อความใดๆจาก คนที่ผมรักเลย หรือว่าเขาจะถอดใจจากผมไปแล้ว แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น
ผมจะตามง้อเขากลับคืนมาให้รักผมอีกเหมือนเดิมได้ยังไง
“หมอตั้ม!!!!!!! ”เสียงตะโกนดังจนผมตกใจ “นั่งเหม่ออะไรอยู่ ผมเรียกตั้งนาน”
“ไม่มีอะไร”เป็นเอามากแล้วผม และหมอเอกก็ยื่นชุดมาให้ผมชุดหนึ่ง
“เพื่อนเอกเอาชุดมาให้เปลี่ยน ธีมงานวันนี้เป็นสีขาว เขาเลยจัดเตรียมชุดมาให้กับแพทย์ทุกคนในงาน เดี๋ยวหมอตั้มไปเปลี่ยน แล้วไปรอเอกที่หน้าประชาสัมพันธ์นะ” หมอเอกให้ชุดกับผมก่อนที่จะเดินจากไป ผมจัดการเปลี่ยนชุดในห้องทำงานผมนี่แหละ เพราะวันนี้ผมใส่กางเกงสีขาวมาอยู่แล้ว ผมรวบรวมข้าวของและสิ่งที่จำเป็นเผื่อต้องใช้ใส่ประเป๋า แล้วออกไปรอตามที่หมอเอกได้บอกไว้
“พร้อมแล้วนะหมอตั้ม…”ผมพยักหน้าตอบ “งั้นไปกัน เอกฝากแทนถือกระเป๋ากล้องมาด้วยนะ” คู่นี้ก็ดูพัฒนาไปทางที่ดีขึ้น
“แล้วหมอเอกทราบสถานที่แล้วหรอ”
“เขาแชร์โลมาให้ในไลน์แล้ว รับรอง ไม่มีหลง” เราทั้งสามคนพากันนั่งรถออกไป โดยมีแทนเป็นคนขับและผมก็นั่งอยู่ด้านหลัง ก็นะ สามีก็ต้องนั่งข้างภรรยาสิ เราออกเดินทางจากโรงพยาบาลตั้งแต่หกโมง แต่จาก GPS บอกใช้เวลาแค่45 นาที รวมรถติดด้วยน่ะนะ
“หมอตั้ม แล้วนี่คุยกับหมวดหรือยัง หรือว่ายังโกรธกันอยู่” ถามจี้ใจดำจัง
“ก็… ยังน่ะ”
“แล้วหมอตั้มจะเอายังไงต่อ ถ้าเจอหมวดเขา จะยอมเข้าไปคุยหรือเดินหนีล่ะ”
“ก็… คงเดิน… เข้าไปคุย….. “ผมไม่อยากเสียหมวดชัชไปนี่
“ดีแล้ว…. เพราะหมอตั้มร่างนี้ เรากับหมอแทนไม่ค่อยชินเท่าไหร่” ตลอดเวลาบนท้องถนน ผมนั่งมองโทรศัพท์ของตัวเองอย่างไม่ละสายตา ผมเองยอมรับว่าผมขี้ขลาด ที่ไม่กล้าแม้จะโทรไปหาเขา ผมคงยังเด็กมากในเรื่องของความรักสินะ
………..
หมอเอกพาเรามาถึงสถานที่ซึ่งเลยเวลานัดมาสิบกว่านาที  แต่ที่นี่ผมรู้จัก เพราะตาลน้องสาวผมเคยมาจัดเลี้ยงรับปริญญาก่อนที่จะมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง The Botanical House
“เดี๋ยวหมอตั้มเดินเข้าไปก่อนนะ ที่จัดงานอยู่ห้อง The sunroom เดี๋ยวเอกกับแทนตามเข้าไป”ผมก็จัดการยกสัมภาระของตัวเองเดินไปตามทาง ขนาดตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่บรรยากาศรอบๆตัวผมกลับยังคงสวยงามเหมือนกับภาพวาด ผมเดินผ่านโถงเข้าบ้านมาก่อนที่จะถึง The Sunroom 
“ขอโทษนะครับ ใช่คุณหมอธีร์รึเปล่าครับ”ดูท่าทางแล้วเขาจะไม่ใช่พนักงานที่นี่
“ใช่ครับ”
“เชิญทางด้านนี้ครับ” เขาเปิดประตูให้ผมเดินออกไป และส่งผมให้เดินตรงเข้าไปในห้อง The Sunroom
“เชิญคุณหมอครับ” หลังจากที่ก้าวเท้าเดินเข้ามา ในห้อง มีแต่แสงไฟสลัว และม่านสีดำที่มองไม่เห็นสิ่งใดๆที่อยู่บริเวณภายนอกเลย พอเสียงประตูปิดลง เสียงเปียโนที่นุ่มละมุนก็บรรเลงขึ้น ตามด้วยเสียงไวโอลินที่ผมรู้สึกคุ้นชินกับเสียงนี้มานาน แสงไฟที่สลัวพลันสว่างขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับม่านสีดำที่ค่อยๆเผยให้เห็นนักดนตรีเหล่านั้น พร้อมกับกลุ่มดอก Hyacinth หลากสีสันที่ประดับอยู่เต็มไปหมด  ชายผู้เล่นไวโอลินเดินตรงออกมายังผมที่ยืนอยู่เหมือนคนไร้สติ ชายคนนั้นคือชัช ชุด Tuxedo สีขาวปกคอขลิบดำ สำหรับผม เขาเหมือนเจ้าชายในเทพนิยายที่แม่ผมเคยอ่านนิทานให้ฟัง เพลงที่ชัชกำลังบรรเลงผ่านเส้นสายไวโอลิน เป็นเพลงที่ผมเคยได้ยินในวิทยุ

“เธอคือทุกสิ่ง ในความจริงในความฝัน
คือทุกอย่างเหมือนใจต้องการ
เธอเป็นนิทาน ที่ฉันอ่าน ก่อนหลับตาและนอนฝัน
เธอคือหัวใจ ไม่ว่าใครไม่อาจเทียมเทียบเท่าเธอ
ช่างโชคดีที่เจอ ได้ตกหลุมรักเธอ
ได้มีเธอ เคียงข้างกัน”
คงจะมีเพียงเธอทำให้โลกนั้นหยุดหมุน เพียงเธอสบตาฉัน
คงจะมีเพียงเธอที่หยุดหัวใจของฉันไว้ตรงนี้ ตรงที่เธอ
เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอที่ต้องการ
ฉันจะทำทุกๆ ทางด้วยวิญญาณและหัวใจ
นั่นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเป็นเมื่อไรสถานใด
ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียงคนเดียว” 

ชัชยืนเล่นไวโอลินอยู่ตรงหน้าผม สายตาของเขาจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่เขาจะค่อยๆวางไวโอลินลงที่โต๊ะ และสวมกอดผมอย่างช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆก้าวตามจังหวะที่ผมรู่สึกคุ้นเคย
“คุณรู้มั้ย กว่าผมจะเต้นรำได้แบบนี้ ภรรยาหมวดกวิณปวดหัวกับผมแทบแย่ แล้วก็ดอก Hyacinth ที่คุณชอบ มันก็หายากมากๆ แถมดูแลยากมากอีกด้วย แต่คุณก็รู้ใช่มั้ย ว่าคนอย่างชัชวิน ไม่มีอะไรที่ทำเพื่อคนที่มันรักไม่ได้” อยู่ดีๆน้ำตาของผมมันก็ไหลออกมา  มันมีทั้งความรู้สึกผิด ดีใจ และตื้นตัน ผสมผเสกันไปหมด “ตัวเองจะร้องไห้ทำไม…”คุณชัชยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผม “รู้มั้ย ตอนที่ตั้มโกรธ ผมทรมานมาก…ผมกลัว… กลัวที่จะเสียคุณไป…. คุณคือทุกอย่างในชีวิตผม เป็นโลกของผม ผมรักคุณมากนะตั้ม… รักคุณมากจริงๆ”
“ผมขอโทษนะที่ไม่ยอมฟังคุณ ที่ดื้อ ที่ทำตัวไม่น่ารักใส่คุณ”
แต่ชัชกลับไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มน้ำตารื้น ก่อนที่จะค่อยๆประทับริมฝีปากของเขาลงที่ปากของผม ความนุ่มนวลและอ่อนโยนส่งผ่านยังผมที่กำลังประสานรับอย่างมีความสุข
“พอๆๆๆๆอายเด็กตัวน้อยๆมันบ้าง ใช่มั้ยนาวา นาวิน” ตาล
“จริงๆไม่น่าไปขัดเขาเลย กำลังถ่ายวีดีโอไปได้สวย”หมอเอก
“อิจฉาเขาหรือเปล่าพี่เอก” แทน
“นี่รู้ความจริงกันมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย”
“เปล่าน้า… เอกพึ่งรู้เมื่อวานนี้เอง หมวดเขายอมสารภาพน่ะ”
“แล้วแกล่ะตาล”
“ตาลไม่ได้ทำอะไรเลยน้า…. แค่แนะนำอะไรพี่ชัชเขานิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง”
“เอาน่า คุณอย่าโกรธผมกับพวกเขาเลย ผมแค่อยากมอบอะไรให้คุณในวันครบรอบที่ผมเจอคุณวันแรก วันที่ผมต้องสูญเสียคนๆนึง และทำให้ผมได้คนๆนึงมาอยู่ในชีวิต ก็คือคุณ”
ผมทำได้เพียงแค่สวมกอดชัชอยู่อย่างนั้น ผมอยากให้เวลารอบตัวผมมันหยุดหมุนไว้เพียงเท่านี้ ช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ผมไม่อยากสูญเสียมันไป
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 28)​
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-09-2019 01:54:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 20-09-2019 19:07:11

“นี่คุณ ตกลงทริปนี้จะเอายังไง เที่ยวไทยหรือไปเมืองนอก ผมมีเวลาแค่อาทิตย์เดียวนะ ขืนคุณตัดสินใจช้า เวลาเที่ยวผมหมดพอดี”บ่นแต่เช้าเลยแฟนผม ไม่อยากเสียบรรยากาศบนเตียงนุ่มๆแต่เช้าน้า
“แล้วคุณอยากไปไหนล่ะ ผมพาคุณไปได้หมดนั้นล่ะ ยกเว้นแถบยุโรปนะกับสแกนฯนะ มันบินนาน เดี๋ยวหมดเวลาสวีทกันพอดี”เพื่อภรรยาสุดที่รักผมทุ่มเงินไม่อั้นเสมอ “… นี่มือน่ะ…. ทำอะไร” สำหรับหมอตั้ม ตอนนี้เป็นสุดหื่นยิ่งกว่าผม “ก็ช่วยปลุกให้คุณตื่นตัว ชัชก็ชอบไม่ใช่หรอ”
“อื….. ม…แต่เมื่อคืน… ส…. สามรอบแล้วนะ… อื…อ” หยุดขย้ำลูกผมซะทีเมียจ๋า
“แล้วใครให้คุณนอนแก้ผ้าแบบนี้ล่ะ หืม….”
“ถ้าผมไม่มีแรงเที่ยว ผมจะลงโทษคุณให้สาสมเลย”จับพลิกเกมส์ซะเลย  ผมจะยอมให้เมียผมป่วนอารมณ์ผมไม่ได้ เขาคงลืมไปว่าผมน่ะ นักกีฬาเก่า รอบที่4 แค่นี้มันชิลล์สำหรับผม
“เดี๋ยวๆ… แล้วใครบอกจะให้คุณเป็นคนทำล่ะ…. เดี๋ยวรอบนี้… ผม… จัด… การ… เอง” ความเร่าร้อนนี้เมียผมได้มาแต่ไหนกัน เส้นผมที่พลิ้วไหว บั้นท้ายที่ขยับเป็นจังหวะมันยิ่งขยี้อารมณ์ผมชะมัด
“เห็นแบบนี้ผัวคงให้เมียทำต่อไม่ได้แล้วล่ะ”หน้าที่บรรเลงเพลงรักมันต้องเป็นผมสิ ไม่งั้นเขาจะติดใจอยากได้ซ้ำแบบนี้บ่อยๆทำไมล่ะจริงมั้ย
.....
….

..
“พอแล้วนะคุณ ผมหมดแรงแล้ว”หายใจไม่ทันยังไงไม่รู้ หรือว่าผมแก่แล้ววะ น่าจัดการนักมานอนหัวเราะผมเนี้ย
“ทำไมเดี๋ยวนี้หมดแรงง่ายจัง”ยังจะมาถามผมอีกนะ
“หยุดจับเถอะเมียจ๋า มันแข็งให้ไม่ไหวแล้วนะ”นี่เป็นครั้งแรกที่อ้อนวอนให้เมียหยุดล่วงล้ำผม
“อือ…. ไม่เอาาาาาา… อยากจับคลึงเล่นไปเรื่อยๆนี่นา” โห คาระวะเมียผมเลย อึดสุดๆ
“ผมตัดสินใจได้แล้วว่าเราจะไปไหนกัน”เปลี่ยนเรื่อง เผื่อเมียผมจะไขว้เขว หยุดลูบไล้เค้นคลึงลูกผมไปได้สักพัก “เราไปเที่ยวเกาะไร่เลย์กัน คุณชอบทะเล ที่นี่น่าจะโอเคเลย”
“กระบี่หรอ…. น่าสนใจดี… งั้นเดี๋ยวตั้ม book ที่พัก จองตั๋ววันนี้เลยแล้วกัน โอเคมั้ย” แน่ะๆ ยังไม่หยุดอีก พอเถ้ออออออออ “ถ้าอย่างนั้น ต้องแสดงความขอบคุณ สักหน่อยแล้ว”ไม่ทันสิ้นคำเมียผมก็มุดผ้าห่มเข้าไปแล้ว ลูกชายผมกำลังถูกลิ้มรสชาติอย่างไม่ปราณีปราสัย แต่ที่แย่กว่านั้นนี่สิ มันดันตื่นตัวตามแรงกระตุ้นของเมียผมซะนี่ ผมควรห้ามเมียหรือห้ามตัวเองดีเนี้ย 
“ยังจะเอาอีกหรอเมียจ๋า… แค่นี้สามีก็เดินไม่รอดแล้วนะ” ผมเข้าใจหัวอกเมียผมแล้ว ว่าเวลาความต้องการผมสูงๆเมียผมรู้สึกยังไง ขอโทษนะคราบบบบบบบบบบบ…….ผมผิดไปแล้ววววว
………
“โอเคนะตาลตอนบ่ายไปเจอกันที่สนามบิน พี่จองตั๋วไว้ให้แล้ว… ไปเร็วชัช ไปอาบน้ำกันนน”เมียผมกินอะไรเข้าไปถามจริง ทำไมเรี่ยวแรงดีไม่มีตกเบอร์นี้ ผมนี่สิขาสั่นจนจะเดินไม่เป็นแล้ว
“ครับผม…. ผมไม่แรงแล้วอ่าตั้ม”โดนดูดวิญญาณไปเบอร์นี้
“ถ้าอย่างงั้น… ถ้าชัชยังไม่ลุกจากที่นอน… งั้น เดี๋ยวตั้มจัดให้อีกก็ได้นะ”
“ม….ไม่เป็นไรครับ…..รีบลุกเลยครับผม อาบน้ำครับ… อาบน้ำ”ผมรีบสวนตอบไปพร้อมสะดุ้งตัวลุกขึ้นทันที ถ้าขืนผมเสียน้ำจากร่างกายผมไปอีก ผมคงนอนเล่นอยู่กรุงเทพยาวแล้วล่ะ นี่ถือว่าเป็นการแก้แค้นของเมียผมที่โหดร้ายมากที่สุด ฮือออออ
….

..
.
กว่าจะมาถึงสนามบิน ร่างกายของผมมันเหมือนคนที่ไม่ได้หลับไม่นอนมาหลายคืน ขนาดผมเข้าเวรโหดๆยังไม่เพลียขนาดเอากับเมียแบบนี้เลย หลังจากนี้แหละคือเวลาพักของผมแล้วล่ะ เราทั้งคู่ต่างนั่งรอตาลและพลมาถึงที่สนามบิน  แต่ก็ไม่นานเขาทั้งคู่ก็มาถึงพร้อมกับเจ้าตัวน้อย 2 คน ขอโทษนะที่มาช้า กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ เพราะพี่ตั้มนั้นล่ะ กระทันหันเกิน”
“หรือว่าแกจะไม่ไป อุตส่าให้ไปฟรีไม่เสียอะไรเลยนะ ยังจะมาบ่นอีก คนที่ควรบ่นคือพี่ป่ะ” สมกับเป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ
“เเล้วนี่พี่ชัชเป็นไรค่ะ หน้าดูเพลีย”โหดูออกขนาดนั้นเลยเว้ย
“ไม่มีไรหรอก พอดีหัวหน้าพี่ชัชเขาใช้งานหนัก เลยไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย”ยังจะหันมายิกคิ้วใส่ผมอีกนะ มันน่านักเมียผม
“ใช้งานขนาดนี้ตายพอดี ทีหลังใช้ไม้แข็งเลยค่ะ เขาจะได้ไม่ข่มเรา” ใครจะกล้าล่ะน้องตาล พี่ให้เกียรติพี่ตั้มจะตาย
“เขาไม่กล้าหรอก หัวหน้าพี่ชัชเขาเด็ดเอาเรื่อง”
“เด็ดเอาเรื่อง” เอาละไง
“ไม่ใช่ๆ โหดเอาเรื่องตะหาก ฟังอะไรก็ไม่รู้”
“ก็พี่ตั้มพูดเองนี่นา”
“สงบศึกก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวจะเช็คอินไม่ทัน” เยี่ยมมากไอ้น้องเขย ตกลงนี่ผมกำลังจะไปพักผ่อนหรือว่าไม่หาเรื่องเหนื่อยกันเนี้ย “ผมดูออกนะพี่ โดนพี่ตั้มใช้งานหนักอะดิ ผมก็เคยโดน ลมแทบจับพี่”มันเก่งสมเป็นชายชาตรีที่ดูพี่ออกว่าโดนเมียข่มเหง “กี่รอบพี่” แน่ะ ยังจะมาถาม
“5 รอบไอ้น้อง”ภูมิใจในความแข็งแกร่งของตัวเองจริงๆ
“อย่างโหด… ผมว่าไปกระบี่ พี่ก็ไม่น่ารอด น้ำแห้งแน่พี่”
“สองคนนั้นจะไปมั้ย หิ้วกระเป๋ามาด้วย… เร็วๆ”ส่งเสียมาซะดัง เมียน้องเขยนี่โหดเว้ย
“จ้าาาาา”หวานเชียว “รีบไปเหอะพี่ เดี๋ยวนางหงุดหงิด แล้วผมอดกินนม” ทำไมเมียผมถึงให้ผมสะพายกระเป๋าที่แสนหนักอึ้งเช่นนี้ แค่แรงจะเดินยังยากเลย…. นั้นไง เดินมาตามแล้ว
“ทำไมช้าล่ะชัช…. หรือว่าอยากให้ตั้มเพิ่มพลังให้ก่อน” น้ำเสียงแบบนี้
“รีบเลยจ้ะเมียจ๋า ช่องไหนจ้ะ…. ช่องนี้เนอะ”
น่ากลัวจังเมียตู
   …….
พอขึ้นเครื่องผมรีบตรงไปยังที่นั่งของผมทันที โชคดีนะที่ตั้มจองตั๋วแบบ Premium eco ให้ คราวนี้แหละ ผมจะนอนให้เต็มอิ่มไปเลย ถึงแค่จะ ชม.นิดๆก็เถอะนะ
…. .
….

..
.
รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก หลังจากการได้นอนพักแบบเมียผมไม่มาแกล้งผม พูดแบบนี้ละกันเนอะ… หลังจากลงเครื่องมา ทางรีสอร์ทก็ส่งรถมารับพวกเราที่กำลังถือกระเป๋าพลุงพลังเหมือนกับย้ายรกรากที่อยู่ซะอย่างนั้น ขนาดมาแค่สามวันนะ ที่ถ้ามาเป็นเดือนคงยกตู้เสื้อผ้ามาแน่เลย เหล่าคนรถจัดการยกกระเป๋าขึ้นเก็บก่อนที่จะพาเราออกเดินทาง เราเดินทางจากสนามบินไปยังท่าเรือ ประมาณ 25 นาที และขึ้นเรือไปต่ออีก ประมาณ 20นาที ตลอดระยะทางการนั่งเรือสำหรับผมนี่โคตรจะสดชื่น ทั้งท้องฟ้า น้ำทะเล ส่วนเมียผมก็นั่งอยู่ในอ้อมแขนของผม ไม่ขยับไปไหนเลยล่ะ
“เออพี่ตั้ม นี่พี่จองห้องแบบไหนไว้ เดี๋ยวน้องช่วยออกก็ได้นะ จะได้แฟร์ๆ”
“แกพูดจริงอ่ะ”
“จริงสิ คนอย่างตาลไม่เคยพูดแล้วไม่ทำนะคะ พูดจริงทำจริงเสมอ” คุ้นๆแฮะ สโลแกน
“อ่ะ เอาไปดู”ตาลลุกขึ้นมารับ “คืนละ 44,700บาท รวมอาหารเช้า ทั้งหมด 3 คืน เป็นเงิน 134,100 บาท หาร 2 คน ตกคนละ 67,050 บาทครับน้องสาว”นี่แฟนผมเป็นหมอหรือเครื่องคิดเลขวะเนี้ยไวโคตร “ไหวรึเปล่า” ข่มได้อีกนะน้ำเสียงน่ะ “พี่แซวเล่น ไม่ต้องจ่ายหรอก พี่อยากให้แกกับแฟนมาด้วยจริงๆ”
“แล้วทำไมรอบนี้ถึงยอมเสียเงินเป็นแสนๆ เห็นทุกทีดุผมตลอดเรื่องใช้เงินน่ะ”ไม่ได้กวนโมโหนะอยากรู้จริงๆ
“เพราะแค่อยากอยู่กับชัชในที่ที่ดีที่สุดที่นึงเท่านั้นเอง… เหตุผลแค่นี้พอได้มั้ย” เอาจริงๆตั้งแต่เราคบกันเป็นแฟน มีแค่ครั้งเดียวที่ผมกับตั้มผิดใจกัน หลังจากนั้นมาไม่เคยมีวันไหนที่ผมอยากจะทะเลาะกับเขาหรือทำอะไรให้เขาเข้าใจผิดอีกเลย เพราะผมไม่อยากเสียเวลาที่ดีที่สุดไป
   ไม่นานเราก็มาถึง รายาวดีรีสอร์ท เหล่าพนักงานก็พาเราไปห้องบ้านพักที่ตั้มได้จองไว้ พอได้เห็น ผมก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมราคาต่อคืนมันถึงสูงนัก แค่บรรยากาศรอบๆตัว ที่ทำให้ผมได้ ozone ธรรมชาติเต็มๆแบบนี้ เป็นผมผมก็ยอมจ่าย ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่รีสอร์ท กิจกรรมที่ทางรีสอร์ทมี แทบจะไม่มีกิจกรรมไหนที่เราพลาดเลย ไปทั้งหาดไร่เลย์ เกาะพีพี ทริปดำน้ำ  ถึงแม้ว่ามันจะต้องเสียเงินเพิ่ม แต่สำหรับผมแล้ว การทำงานมาทั้งปี แล้วใช้เงินกับการให้รางวัลชีวิตตัวเอง ถึงแพงแค่ไหนมันก็คุ้มครับ
   อย่างว่านะครับ เวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เงินของเราก็เช่นกัน พวกเราทั้งหมดบินกลับมาถึงกรุงเทพกันช่วงค่ำๆ ก่อนที่แต่ละครอบครัวจะแยกย้ายกันไป
“เหลือวันหยุดอีก2วัน คุณอยากทำอะไรเพิ่มมั้ย”
“ยังไม่รู้เลย ความรู้สึกสดชื่นจากกระบี่มันยังไม่หาย
มันก็จริงอย่างที่ตั้มบอก ความสดชื่น ความสนุกจากกระบี่มันยังอวลอยู่ในตัวผมเต็มไปหมดไม่ไปไหน บางทีแค่เราเก็บความรู้สึกพวกนี้เอาไว้ให้นึกถึง ก็ทำให้มีความสุขแล้ว
   …….
Rrrrrrrrrr  Rrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ใครดังแต่เช้า
“ฮัลโหล”เมียผมนี่เอง จะคุยโทรศัพท์ก็ไม่แคล้วจะคลายกอดจากผมนะ “ได้ๆ เดี๋ยวสายๆพี่เข้าไป ขอนอนต่ออีกหน่อย… แค่นี้นะ”
“มีอะไรหรือเปล่าตั้ม”
“ตาลบอกให้ไปหาที่บ้าน มีอะไรจะเซอไพร์ส”
“เซอร์ไพร์ส แล้วคุณไม่อยากรู้หรอว่าอะไร”
“ไม่อ่ะ… ยัยตาลไม่มีอะไรจะเซอร์ไพร์สหรอก ชอบพูดให้ตื่นเต้นไปงั้นแหละ… นอนต่อเถอะ… นี่พึ่ง 7 โมงเอง… หรือว่าคุณสามีนอนไม่หลับ… หืม”
“ใช่… คุณภรรยาจะช่วยสามีคนนี้ยังไงล่ะ”หวานหมูแน่ๆ
“ช่วยอย่างนี้ไง” มุดแล้ว มุดเข้าผ้าห่มแล้ว….. อ๊าาาาาาาาโดนเมียทรมานด้วยการจั๊กกะจี้
“พอแล้วๆผมยอมๆ”เดี๋ยวนี้หัวไว จริงเมียผม เฮ้อ คิดว่าจะได้ผ่อนคลายซะหน่อย
กว่าจะรอดพ้นการทรมานจากมือเมียมาได้ก็แทบทรุด เอาซะความพลุ่งพล่านในตัวหายไปหมดเลย เราทั้งคู่จัดการอาบน้ำแต่งตัว และออกมาตามที่ตาลได้นัดไว้ทันที  แต่ตลอดทางเจ้าตัวกลับนอนหลับสบายอยู่คนเดียวบนรถ ปล่อยให้ผมขับรถอยู่เงียบๆคนเดียว เศร้าาาาาาา
 เพียงชม.นิดๆ ผมก็ขับมาถึงบ้านของตั้มแถววงแหวนบางนา ตอนมาถึงก็เห็นตาลกำลังเลี้ยงหลานๆของผมอยู่ตรงลานสวนหน้าบ้าน ได้เห็นแบบนี้พาลให้ผม คิดถึงวัยเด็กที่แม่คอยอยู่กับผมเล่นกับผมตลอดเวลา คิดถึงแล้วมันก็ทำให้ผมยิ้มได้ถึงแม้บางวินาทีมันจะเศร้าบางก็เถอะ
“สวัสดีค่ะพี่ชัช… ว่าไงพี่ตั้ม ไหนว่าจะมาสายๆไง”
“จะมาตอนไหนก็เรื่องของพี่ป่ะ… แล้วพลล่ะ” เอาอีกละคุณภรรยา
“พลไปดูร้านค่ะ… วันนี้มีจัดเลี้ยงบริษัท”
“นาวานาวินมาหาลุงสองคนมาเร็ว”ว่าไปเมียผมก็รักเด็กเหมือนกันนะเนี้ย กอดหอมไม่หยุดเลย “แล้วไหน เรื่องที่ว่าจะ Surprise พี่”
“งั้นพี่ตั้มรอแปป รับรอง…  Surprise แน่” เธอรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ส่วนผม… ก็อุ้มหลานทั้งสองเดินเล่นรอบๆสิครับ เดี๋ยวนี้เริ่มชินกับการเลี้ยงเด็กอ่อนแล้ว และสำหรับผม ตอนนี้เรื่องลูกนั้นมันถูกตีตกไปแล้ว เพราะรู้สึกว่า แค่เราสองคนก็สามารถเติมเต็มกันและกันได้ ผมไม่อยากให้เรื่องลูกทำให้ตั้มต้องรู้สึกวิตกกังวลที่เขาไม่สามารถมีให้ผมได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเราทั้งคู่คงไม่มีความสุขกันแน่ๆ แค่ตอนนี้เราทั้งคู่มีนาวินกับนาวา มันก็มากพอสำหรับคู่ชายรักชายอย่างผมแล้ว
“ชัช พาหลานมานั่งเล่นตรงนี้ดีกว่า”ตั้มส่งเสียงมา
“น้ำลายไหลเต็มเสื้อลุงชัชเลย”ตั้มรับนาวินไป ก่อนที่ผมจะค่อยๆนั่งลง “อยากเปลี่ยนเสื้อมั้ยชัช”
“ไม่เป็นไรหรอก นิดเดียวเอง”
“พี่ตั้ม…. Surprise!!!!!!” ตั้มสะดุ้งตกใจที่ได้ยินเสียงตาล และหันไปเห็นพ่อกับแม่ของเขาที่ร่วมทำการ Surprise นี้ด้วย
“พ่อกับแม่มาถึงเมื่อไหร่ครับ คิดถึงมากเลย”ตาลเข้ามารับหลานจากมือของตั้ม ก่อนที่เขาจะโผเข้ากอด ส่วนตัวผมก็ยกมือได้แค่เพียงยกมือไหว้เท่านั้น และท่านก็ยิ้มรับอย่างใจดี
“กลับมาถึงเมื่อวานตอนเช้า… แล้วเป็นไง ไปกระบี่มา สนุกมั้ยลูก”
“สนุกสิครับ พ่อกับแม่ก็รู้ว่าตั้มชอบทะเล”
“แล้วชัชล่ะลูก ตอนนี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง ยังวุ่นๆเรื่องคดีอะไรอยู่มั้ย”
“ไม่แล้วครับ ตอนนี่ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ”และท่านก็นั่งคุยกับพวกเราบนผ้าที่ปูอยู่กลางสนามหน้า ท่านทั้งสองดูเป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัวสำหรับผม ดูเป็นคนเรียบง่าย และดูยิ้มแย้มเหมือนพ่อกับแม่ของผมเลย และท่านก็รู้ถึงเรื่องคุณเเม่ของผมที่เสียไป ผ่านจากการบอกเราของตาล ท่านทั้งคู่เอ่ยปากขอโทษผมไม่หยุดที่ไม่ได้มาร่วมงาน
“แล้ว…. ตั้มมีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่มั้ยลูก”
“ก็…. ไม่นี่ครับ”
“แล้วชัชล่ะ มีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่มั้ย”แล้วไหงมาเป็นผมได้ แล้วคำถามที่ท่านถามมาหมายถึงอะไร… หรือว่า
“เอ่อ…. มีครับผม”ถึงเวลาที่ผมจะต้องทำอะไรให้ถูกต้อง “ผมกับตั้ม เราเป็นแฟนกันครับ”ผมจะโดนอะไรมั้ยวะเนี้ย ตั้มมองหน้าผมเขม็ง คงไม่คิดว่าผมจะพูด
“นานรึยัง”เสียงแข็งเลย
“เกือบจะสองปีแล้วครับ….”ผมรีบตอบ
“แล้วทำไมตั้มไม่เห็นบอกพ่อกับแม่เลย ตั้งใจปกปิดพ่อกับแม่หรอ” ผมไม่น่าพูดออกไปเลย
“อย่าว่าตััมเลยครับ ผมเป็นคนเริ่มทุกอย่างเอง ทั้งจีบ ทั้งตามตื้อ ตั้มไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ”ผมรีบรับผิดก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ไปกว่านี้ จะให้โดนอะไรผมก็ยอม
“พ่อชอบ”หะ… ห๊ะ!!!!!! “แมนดี…. สมศักดิ์ศรีที่เป็นตำรวจ ตรงไปตรงมาแบบนี้แหละดี”
หัวใจแทบหลุดออกมานะคุณพ่อตั้ม “เอาจริงๆ พ่อกับแม่พอดูออกตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่แค่ยังไม่อยากคิดอะไรไปเอง แต่วันนี้… พอมาได้รู้ความจริง… มันก็ ตกใจนิดๆเหมือนกัน”
“ผมขอโทษนะครับ พ่อ… แม่” ตั้มรีบเอ่ยขอโทษ
“จริงๆแม่กับพ่อก็ไม่ได้หัวสมัยใหม่อะไรนักหรอก บางทียังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่า ความรักแบบนี้มันจะยืดยาวไปได้ไกลแค่ไหน ทุกคนเปิดกว้างยอมรับก็จริง แต่หลายๆคนเขาก็ยังปิดใจที่จะยอมรับมัน”แม่ตั้มบอกอย่างใจเย็น
“คิดว่าจะสู้กับจิตใจและสังคมในปัจจุบันไหวใช่มั้ย คำติฉินนินทา สายตาที่มองเรา อาชีพที่เราเป็น และเพื่อนร่วมงาน ที่พ่อพูด… ไม่ใช่ว่าพวกลูกอ่อนแอ แต่แค่สังคมมันเลวร้ายมากเกินไปเท่านั้น” ผมเข้าใจในสิ่งที่พ่อของตั้มสื่อและบอกออกมา ใช่ครับ ผมเป็นคนไม่สนสังคมภายนอกก็จริง แต่ด้วยหน้าที่ ตำแหน่ง หรือตัวตนที่เรามี มันต้องอาศัยสิ่งที่ผมพูดมาทั้งนั้น แต่แค่ผมมั้นใจตัวเองว่าไม่เคยทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะความเป็นตัวผม แค่นั้นเอง ท่านสองคนมองหน้ากัน มันยิ่งทำให้ผมตอนนี้หวาดหวั่นไปไม่น้อยเหมือนกัน
“ลูกจะปกป้อง… ดูแลลูกของพ่อได้ใช่มั้ย”ท่านมองหน้าผม “เพราะพ่อยังทำหน้าที่พ่อที่ดีให้กับตั้มได้ไม่เต็มที่ ยังไม่สามารถปกป้องดูแลเขาได้เวลาเขามีปัญหา ไม่สามารถให้คำปรึกษาเวลามีเหตุการณ์ร้ายๆ ถ้าลูกรับปากว่าลูกทำได้… พ่อกับแม่เต็มใจที่จะให้ลูกทั้งสองคนรักกัน” ทำไมท่านทั้งสองถึงอ่อนโยนกับผมแบบนี้
“ผมจะไม่พูดแล้วกันครับว่าผมจะทำได้มั้ย…. แต่ผมขอพิสูจน์ตัวเอง แลกกับความไว้ใจที่คุณลุงกับคุณป้ามีให้กับผม”
และจู่ๆท่านทั้งสองก็ค่อยๆถอดแหวนที่แสดงถึงความรักที่มีให้กันออกมา
“แหวนของพ่อวงนี้ เป็นแหวนที่แม่เขาให้ตอนที่เราแต่งงานกัน พ่อให้มันเป็นของขวัญและของแทนใจที่ลูกจะให้กับตั้มในอนาคตอันใกล้”
“ส่วนของแม่ แม่ให้กับตั้ม ไว้มอบให้คนที่ตั้มรักมากที่สุด พร้อมที่จะฝากชีวิตและมอบลมหายใจสุดท้ายไว้ให้กับเขาคนนั้นดูแล”
ผมทั้งสองคนรับแหวนจากผู้มีพระคุณทั้งสองมาไว้ในมือ
“แล้วอีกอย่าง เรียกลุงกับป้าไม่ได้แล้วนะ  มันฟังแล้ว… ดูอายุเยอะๆยังไงก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า เปลี่ยนสรรพนามใหม่แล้วกัน พอไหวมั้ย”ท่านมองหน้าผมอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มที่ผมเองเคยปรารถนาที่จะได้รับเวลาผมมีเรื่องทุกข์ใจ จากคุณพ่อของผม ถึงแม้ว่าท่านตะจากผมไปแล้วก็ตาม
 “เรียกเราว่าพ่อกับแม่ ฟังดูหนุ่มดูสาวขึ้นเยอะเลย ว่ามั้ยคุณ”
“ใช่ค่ะ”
และตัวผมเอง… ก็ไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคำว่าพ่อมานานมากๆแล้ว แต่วันนี้ความอบอุ่นนั้นมันตลบอบอวลอยู่ในหัวใจของผมจนอยากจะเก็บความทรงจำนี้เอาไว้ในลิ้นชักของชีวิตชั้นที่ลึกที่สุด เพราะผมจะได้ไม่ต้องเสียมันไปอีก
“ครับ คุณพ่อ… คุณแม่”
“แล้ว… พี่สองคนจะไม่สวมแหวนให้กันหรอคะ วันนี้วันดีน้า มีพ่อกับแม่คอยเป็นสักขีพยานรักให้ น่าอิจฉาจะตาย”น้องตาลนี่พูดขึ้นมาได้ถูกจังหวะจริงๆ และแถมคุณพ่อคุณพ่อก็พยักหน้าเป็นการเห็นดีเห็นงามอีกซะด้วย ผมจับมือตั้มขึ้นมาและสวมแหวนนั้นเข้าไปช้าๆที่นิ้วนางของเขา และตั้ม… ก็สวมแหวนกลับให้ผมเช่นกัน และท่านทั้งสองก็จับมือเราทั้งสองคนมาประสานกัน
“พ่อคิดว่า… พ่อกับแม่มอบพิธีแต่งงานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดให้กับลูกทั้งสองคนแล้ว ขอให้ลูกประคองรักกันไปยาวนานนะลูก”
“ดูแลกันไปเรื่อย เหมือนพ่อกับแม่นะจ้ะ” เราทั้งสองคน ก้มลงกราบที่ตักของท่าน
“ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณที่เห็นถึงความตั้งใจของผม และช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของผมให้มันกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง” ในตอนนั้นตาลอาสาที่จะถ่ายรูปความทรงจำนี้ให้กับเรา แต่ในบันทึกความทรงจำผม ไม่ใช่จะมีแค่พ่อกับแม่ของตั้ม เพราะพ่อกับแม่ของผมท่านได้กลับมายื่มแสดงความยินดีในรูปล้ำค่าที่สุดใบนี้เช่นกัน

……..
“แล้วนี่… ลูกสองคนจะออกไปไหนกันต่อรึเปล่า”
“ก็คงตรงกลับห้องเลยน่ะครับพ่อ… พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”ตั้มถามอย่างใจเย็น
“จะว่ามีก็ไม่ใช่…. พ่อจะบอกว่า เมื่อวานพ่อกับแม่ ไปเยี่ยมแพรวที่ทัณฑสถานมา… เขาเปลี่ยนไปมากเลยนะลูก เปลี่ยนไปจนไม่น่าเชื่อ”น่าดูเห็นอกเห็นใจ
“แล้วพ่อกับแม่ได้พูดคุยกับอะไรกับแพรวไปบ้างล่ะครับ”
“ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากมาย แค่ถามถึงความเป็นอยู่  การปรับตัว แล้วก็เรื่องสัพเพเหระ กลัวคุยไปมากๆแล้วเขาจะเครียด… แล้ว…. ลูกทั้งสองคน ได้ไปเยี่ยมแพรวกันมาบ้าวหรือเปล่า”เป็นคำถามที่ตอบยากเหมือนกันนะ
“ไม่ได้ไปหรอกครับ… ผมกับตั้มกลัวแพรวเขาจะรับไม่ได้ที่เราสองคนทำให้เขามีจุดจบแบบนั้น และตั้มเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดทุกครั้งที่พูดถึงแพรวขึ้นมา” ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ความรู้สึกผิด…. พ่อเข้าใจ… แต่เวลาที่ผ่านมาเกือบสองปี พ่อว่าแพรวคงยอมรับความรู้สึกผิดหลายๆอย่างได้มากขึ้นแล้ว ลูกก็ควรทำได้เหมือนกัน หน้าที่… และความถูกผิดมันคนละเรื่องกันนะลูก อย่าเอาความรู้สึกผิดมาเป็นกำลังเพื่อที่จะตัดขาดกับใครสักคน เพราะคนที่เจ็บปวดมันไม่ใช่เขา… แต่อาจจะเป็นเรา” เป็นคำแนะนำที่ดีสำหรับตั้มในตอนนี้ “มีโอกาส ก็ไปพูดคุยกันซะ ยังไง เขาก็เคยเป็นเพื่อนเรา”
“ครับ”
เราทั้งคู่นั่งคุยอยู่กับคุณพ่อได้สักพัก ก่อนที่จะขอปลีกตัวแยกออกมา
“จะไปไหนก่อนมั้ยคุณ หรือจะกลับห้องเลย” ผมถามขึ้นพร้อมสตาร์ทรถ
“ไปเยี่ยมแพรวกัน”
“คุณแน่ใจนะ”
“แน่ใจ… ก็แค่ไปเยี่ยมเพื่อน… ที่ทำความผิดไว้… ก็เท่านั้นเอง” ในเมื่อภรรยาผมแน่ใจ ผมก็ไม่มีอะไรต้องขัด ผมขับรถพาตั้มไปยัง ทัณฑสถานที่แพรวถูกคุมขัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เพียงไม่เกิน 1 ชม.ก็ถึง
   เมื่อมาถึง ผมกับตั้มเดินเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเขียนใบคำร้องขอเข้าเยี่ยม โชคดีว่าเรายังมาทันเวลาเยี่ยมช่วงบ่าย หลังจากเรายื่นเอกสารทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เพียงแต่นั่งรอทางเจ้าหน้าที่เรียกชื่อของเราเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้นาน ทางเจ้าหน้าที่ก็ประกาศเรียกชื่อเรา ให้ไปเข้าเยี่ยมแพรวได้ที่ตึกใหม่ และก่อนที่เราทั้งคู่จะเข้าไปเยี่ยม ทางทัณฑสถานจะตรวจค้นร่างกาย และให้เราเก็บสิ่งของต่างๆเช่นโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในล็อกเกอร์ที่ทางสถานที่จัดเตรียมไว้ให้  เเละเรามีเวลาแค่เพียง 20นาทีในการพูดคุยเท่านั้น
ในรอบเกือบจะสองปี นี่คือครั้งแรกที่เราทั้งคู่จะได้เจอหน้าแพรวหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนั้นขึ้น ตั้มยกหูโทรศัพท์ขึ้น เธอก็เช่นกัน
พาร์ทของตั้ม
“สวัสดีแพรว ขอโทษนะ ที่ไม่ได้มาเยี่ยมเลย” เธอดูเปลี่ยนแปลงไปมาก
“ไม่เป็นไร แพรวเข้าใจ กว่าอาการตั้มจะดีขึ้น ก็คงใช้เวลาพอสมควรเลย”
“ใช่… แล้ว.. แพรวปรับตัวได้แล้วใช่มั้ย”
“ได้แล้วล่ะ ได้ตั้งแต่เดือนแรก เพราะถ้าแพรวไม่ปรับตัว ก็คงอยู่ที่นี่ลำบาก”
“เรา… อยากจะขอโทษแพรวในทุกๆเรื่อง ที่เราเป็นต้นเหตุ และก็อยากขอบคุณแพรวด้วย ที่ยังทำให้ตั้มรู้ว่า ตั้มมีข้อเสียอะไร”
“ขอบคุณฆาตกรอย่างแพรวเนี้ยนะ ตั้มเก็บเอาไว้ใช้กับคนที่สมควรให้คำขอโทษเถอะ สำหรับแพรว แพรวไม่มีค่าพอสำหรับคำนั้น”
“แต่สำหรับตั้มแพรวมี ระหว่างเรามันยังมีสายใยของคำว่าเพื่อนผูกกันไว้อยู่ แพรวก็คือแพรว ตั้มก็คือตั้ม ทุกคนเป็นคนเดิม และหวังว่า วันนึง แพรวจะกลับมาเป็นคนเดิม คนที่ตั้มรู้จักตั้งแต่มัธยม”
“คงจะยากเกินไปสำหรับแพรว เพราะตัวตนของแพรวคนเดิม มันหายไปตั้งแต่วันที่ทำร้ายตั้มไปแล้ว”
“ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา รวมถึงการทำใจ และการให้อภัย และวันนี้เป็นวันที่ตั้มปลดล็อคตัวเองได้จากคำพูดของพ่อตั้ม และตั้มก็อยากให้แพรวปลดล็อคมันด้วยเหมือนกัน…ตั้มให้อภัยแพรวนะ…อโหสิกรรมให้กับทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเราสองคน เพราะคนเราคงจะมีชีวิตอยู่แล้วจมปลักกับความเจ็บปวดอย่างเดียวไม่ได้”
“แพรว…แพรวขอบคุณตั้มนะ… ตั้ม… แพรวขอคุยกับเขาคนนั้นหน่อยได้มั้ย”

พาร์ทของชัช
“สวัสดี… ผมนึกว่าคุณจะมองผมเป็นอากาศธาตุซะอีก”
“ไม่หรอก เพราะถ้าคุณเป็นอากาศ ที่ชั้นต้องหายใจเข้าไป ชั้นยอมตายดีกว่า”
“อืม… ก็พอเข้าใจได้… แล้วคุณมีอะไรจะคุยกับคนที่ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ”
“ชั้นแค่อยากจะบอกอะไรกับคุณ ความสุขที่คุณมี มันอาจจะไม่ใช่ของจริงอย่างที่คุณเข้าใจก็ได้… คุณรู้หรอ ว่าความรักจริงๆมันคืออะไร อะไรที่คนเราเรียกมันว่าความรัก
ความโลภ คนเราก็เรียกมันว่าความรัก เพราะอยากจะได้อยากจะมีมันมากขึ้น มากขึ้น   ความโกรธ คนเราก็ชอบพูดว่าโกรธเพราะความรัก… รักมาก… ก็โกรธมาก…
ความหลง… เพราะรักมากชอบมากก็เลยหลงมาก หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ยอมทำได้แม้แต่สิ่งที่มันเลวร้ายที่สุด และคุณบอกชั้นทีสิ ว่าความรักที่คุณมี มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ชั้นพูดมั้ย”
“มีสิ… นอกจาก รัก โลภ โกรธ หลง ที่คุณพูดมา มันยังมีอย่างอื่นอีกหลายอย่างที่ตัวคุณยังเข้าไม่ถึง แต่ผมคงไม่แนะนำคุณหรอก เพราะผมไม่ใช่คนที่ดีจนแนะนำเรื่องพวกนี้ให้กับคุณได้… แต่แค่คุณจงรู้เอาไว้ ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักกับคำว่า”พอ” หรือคำว่า”เข้าใจ”เขาพวกนั้นก็คงจะเป็นแบบคุณ เพราะถ้าเขารู้ว่าทุกอย่างที่เขาทำมันไม่เป็นผลหรือไม่มีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เขาก็จะต้องรู้จัก พอ และเมื่อคุณรู้จักที่จะพอ และทำความ เข้าใจ ว่าทำไมคุณต้องพอ คุณก็จะหยุดความคิดที่เลวร้ายออกจากหัวคุณได้ หรือเรียกง่ายๆ… ว่ายอมรับความจริง”
“ใช่ ต้องยอมรับความจริง เเต่เสียใจด้วยนะ เผอิญ ชั้นยอมรับความจริงไม่เป็น คุณก็ระวังเอาไว้แล้วกัน ว่ารัก มันมักจะมีเรื่องร้ายๆเข้ามาด้วยเสมอ สำหรับชั้น ความรักมันทำให้ชั้นต้องเป็นคนที่ร้าย แต่ชั้นก็ยอม เข้าใจใช่มั้ย ว่า ร้าย… เพราะ… รัก” ผมคว้าคอตั้มเข้ามากอด
“คุณร้าย… แล้วเคยได้มั้ย… ความรัก”ผมมองจ้องหน้าเธอไม่ละสายตา “ผมไม่ใช่คนดี… ผมบอกคุณแล้ว แล้วถ้ามั่นใจว่าสิ่งที่ตั้มพูดกับคุณไปมันคือความรักล่ะก็ ผมเสียใจด้วย… เพราะเขาแค่ สงสาร คนอย่างคุณ ก็เท่านั้นเอง”สายตาของเธอดูเย็นยะเยือก แต่ผมไม่คิดจะกลัวมันเลยแม้แต่นิดเดียว
“หลังจากนี้ ผมขอให้คุณยอมรับความจริงซะ เพราะถ้าคุณทำได้ แปลว่าความเป็นคนในตัวของคุณมันยังหลงเหลืออยู่” ผมจัดการวางสาย และจัดการเดินออกไปยังด้านนอก ผมกับตั้มจัดการฝากเงินไว้กับเจ้าหน้าที่เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายและค่าอาหารให้กับหมอแพรว เพราะจากที่สอบถาม หมอแพรวไม่มีญาติที่ไหนเข้ามาเยี่ยมเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแค่พ่อกับแม่ของตั้ม และก็เรา
“เราจะไปไหนกันต่อดี กลับห้องเลยมั้ย”ผมถามขึ้น
“ใช่ กลับห้องเลย เพราะผมเริ่มหลงคุณเข้าซะแล้ว”
“หลงผม… ระวังจะโงหัวไม่ขึ้นนะ”ผมแซว “… แต่เดี๋ยว คุณได้ยินที่หมอแพรวพูดด้วยหรอ” ทำมาเป็นยักคิ้วใส่ผม
“ก็เสียงออกจะดัง…” ก็จริง  “ปล่อยเรื่องนั้นไปเถอะ ผมอยากจะโงหัวไม่ขึ้นเต็มทีแล้ว”
“แล้วจะมัวรออะไรล่ะ… รีบไปเลย”

ผมไม่รู้หรอก ว่าวันพรุ่งนี้สำหรับเราทั้งคู่มันจะเป็นยังไง ผมรู้แค่ว่าวันนี้ ตั้มคือคู่ชีวิตที่ผมเลือกแล้ว จะมีอะไรมาพิสูจน์ความรักครั้งนี้ของผมกับเขา ผมก็พร้อมทั้งนั้น แล้วพวกคุณล่ะ เคย ร้าย... เพราะ... รัก. กันบ้างรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-09-2019 09:32:22
จบแล้ว ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
เริ่มหัวข้อโดย: Jackkiesatg ที่ 21-09-2019 13:51:15
จบแล้ว ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆเลย

ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ถ้ามีเรื่องใหม่อย่าลืมมาอ่านกันด้วยนะครับผม
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-09-2019 01:26:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปแล้ว...ผ่านไปสองปี ยัยหมอแพรวก็ยังนิสัยเสียเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-09-2019 21:30:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 26-09-2019 07:59:03
สนุกดีตื่นเต้นดีค่ะ หื่นกันเก่งทั้งคู่เลย555 :z2:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 08:57:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 21)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 08-09-2020 04:32:12
 เหลือเชื่อ บุกมาคนเดียว คนอื่นๆก็รู้ว่าที่ไหนแต่ไม่ตามมาด้วย
หัวข้อ: Re: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 24)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 08-09-2020 05:20:57

 
“แม่เลี้ยงลูกไม่ดีตรงไหน แม่บกพร่อง หรือละเลยอะไรในความเป็นแม่ของลูก” 
คุณแม่เลี้ยงดีมากเลย ปล่อยทิ้งไว้ที่โรงเรียนประจำทั้งเปิดเทอมและปิดเทอม เลี้ยงดีที่ซู้ดดดด เอาใจใส่ รักลูกที่สุด แม่คนไหนก็ทำไม่ได้แบบนี้