ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​  (อ่าน 24105 ครั้ง)

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ค่อยๆหาเบาะแส​ ลุ้นๆ​

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
 “เป็นไงบ้างคุณ….ยังพอไหวหรือเปล่า” ผมถามซ้ำอีกครั้ง
     “ผมโอเค…ขอโทษทีที่เผลอหลับไป”บอกโอเคแต่เสียงยังดูงัวเงียอยู่เลย
     “ไปกันคุณ ทำงานของเรากันดีกว่า” ผมพูดพลางรอเจ้าตัวก้าวลงจากรถ หลังจากที่หมอตั้มสะบัดความงัวเงียออกจากร่างกายจนเรียบร้อยเราก็เริ่มทำงานกันตามเดิม   หลังจากที่เราติดต่อกับทางผู้จัดการของโรงแรม จนสามารถเข้ามาดูกล้องวงจรปิดได้ พร้อมกับพนักงานที่ปฏิบัติงานในวันนั้นแล้วก็ได้ผลเกินคาดกว่าที่เราคิด และมากกว่าอีกสามโรงแรมที่ผ่านมา
     “คือในวันที่ 27 เมษายน  น่ะค่ะ คุณผู้ชายที่เห็นในกล้องเข้ามาเปิดจองห้องพักตอนเวลา 20.00 น.แต่ตอนมาเปิดห้องพักคุณผู้ชายเดินเข้ามาจัดการเพียงคนเดียวนะคะ ณ  เวลานั้นลูกค้าของจองเป็นห้องแบบ Presidential Sweet  ค่ะ ขณะที่ดิฉันจัดการเรื่องห้องอยู่ ไม่น่าเกินสามนาทีนะคะ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆคุณผู้ชาย ก่อนที่จะสอบถามจากคุณผู้ชายว่าห้องพักเป็นแบบไหน มีอ่างอาบน้ำรึเปล่า อะไรประมานนี้อ่ะค่ะ ส่วนลักษณะรูปร่างของผู้หญิง จากที่ได้เห็น ออกจะผอมสูงนะคะ ผิวออกขาวนิดนึง แล้วก็ใส่ Mask ปิดหน้าเอาไว้
     “แล้วลักษณะดวงตาของเขาเป็นยังไงพอจะได้สังเกตุมั้ย”หมอตั้มถามขึ้น
     “ไม่ได้สังเกตุหรอกค่ะ เพราะเธอเอาแต่ยืนคุยอยู่กับคุณผู้ชาย แทบไม่ได้หันหน้ามาทางดิฉันเลยค่ะ”
     “งั้นพวกคุณช่วยพาเราไปที่ห้องพักหน่อยได้หรือปล่าว หรือว่าตอนนี้มีผู้เข้าพักอยู่”
     “งั้นขอดิฉันตรวจสอบสักครู่นะคะ” พนักงานหญิงคนนั้นจึงต่อสายไปยัง Reception เพื่อตรวจสอบทันที เพียงไม่นานก็ได้คำตอบ
     “ตั้งแต่ลูกค้า Check out ก็ยังไม่มีลูกค้าท่านไหนเข้าพักค่ะ”
     “งั้นผมรบกวนคุณผู้จัดการช่วยพาพวกเราไปที่ห้องพักนั้นทีครับ” ผมเอ่ยปากไป ทางผู้จัดการก็ไม่ได้มีอะไรขัดข้อง เขาและพนักงานอีกสองคนได้พาเราไปยังห้องพักนั้น ซึ่งลักษณะภายในห้องพัก มีขนาดใหญ่พอสมควร แบ่งสัดส่วนอย่างเป็นระเบียบ
     “น่าแปลก มาพักแค่สองคน แต่ทำไมถึงต้องเลือกห้องพักใหญ่และราคาสูงแบบนี้” ผมพึมพำกับตัวเอง
     “ก็ไม่เห็นแปลกซะหน่อย ดูอย่างผมกับคุณสิ ยังซื้อคอนโดในแบบที่อยู่ได้เป็นครอบครัว 6-8  คนขนาดนั้นเลย มันอาจจะเป็นที่ความชอบของเขาทั้งคู่มากกว่า” ดันได้ยินผมพึมพำซะอีกหมอตั้ม แถมตอบกลับซะผมไปไม่ถูกเลย
     “หรือไม่ทางผู้หญิงก็เป็นคนที่ติดความหรูหรา ขนาด 3 โรงแรมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่พัก หรือร้านอาหารยังเป็นระดับหรูเลย แต่ผมว่ามันขัดแย้งกับทางบ้านของหมวดมนตรี ที่ดูไม่น่าจะเป็นคนฟุ่มเฟือย”
     “มันก็จริงของคุณ แต่มันก็ยังปักใจเชื่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะสุดท้ายอาจจะเป็นที่ตัวหมวดมนตรีเองที่อยากจะทำให้กับผู้หญิงคนนั้นก็ได้ อย่างที่เราเห็นในภาพ ตอนที่หมวดมนตรีถือกล่องของ hermes มา ถ้าไซส์ขนาดนั้นคงต้องเป็นกระเป๋าที่ราคาเหยียบ 7-8 แสนได้ ลองคิดดูว่าอยู่ดีๆผู้หญิงคนนั้นบอกให้หมวดมนตรีซื้อกระเป๋าให้ทั้งๆที่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน แล้วแถมราคาเหยียบล้าน เป็นคุณ…คุณจะซื้อให้มั้ยล่ะ แต่ถ้าเรามองในอีกด้าน ถ้าหมวดมนตรีรู้ว่า รสนิยมของผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง มีฐานะหรือหน้าตาทางสังคมเป็นยังไง เขาอาจจะซื้อให้กับเธอเองเพราะเห็นว่ามันคู่ควรก็ได้ จริงหรือเปล่า”จากเหตุผลที่หมอตั้มพูดมามันก็พอที่จะมีเหตุผล หลังจากตรงนั้นผมกับหมอตั้มก็ต่างพากันเดินสำรวจในบริเวณห้อง ว่ามันจะพอมีอะไรตกหลงเหลืออยู่บ้าง ตามมุมหรือซอกที่ทำความสะอาดไม่ได้ ถึงแม้ในความเป็นจริงเรื่องพวกนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยก็ตาม
     “ผมรบกวนหน่อย ผมอยากทราบว่า แม่บ้านที่ทำความสะอาดห้องนี้ตอนนี้ยังอยู่ในเวลาทำงานของเธอหรือเปล่า ผมอยากพบ”
     “เดี๋ยวผมจะตรวจสอบกับทางแผนกของแม่บ้านให้นะครับ รอสักครู่” ในระหว่างรอคำตอบ ผมก็ยังเดินสำรวจอยู่เรื่อยๆ ทั้งบริเวณห้องนอน โถงห้องรับแขก และห้องน้ำ ผ่านไปประมาณ 10 นาที แม่บ้านก็ขึ้นมาตามที่ผมได้ร้องขอไว้
     “สวัสดีครับ ผมอยากทราบว่า คุณป้าเป็นคนทำความสะอาดห้องนี้เพียงคนเดียวหรือเปล่าครับ หรือว่ามีแม่บ้านคนอื่นช่วยด้วย”
     “ป้าทำคนเดียวค่ะ เพราะบริเวณในห้องไม่ได้สกปรกอะไรมาก ป้าก็แค่ทำความสะอาดพื้น เปลี่ยนปลอกหมอนผ้าปู่ที่นอน แล้วก็ทำความสะอาดพวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆอ่ะค่ะ”
     “แล้วตอนทำความสะอาดพบอะไรที่ผิดสังเกตุบ้างมั้ยครับ อย่างเช่นสิ่งของที่ไม่ควรมีอยู่ในห้องแต่ก็มี” หลังจากที่ผมถามไปท่าทางของคุณป้าก็ดูเหนียมๆเหมือนไม่กล้าตอบ ก่อนที่จะหันไปมองหน้าผู้จัดการของเขา ก่นที่จะเดินเข้ามากระซิบข้างๆผม
     “ก็มีถุงยางที่ใช้แล้วอยู่จำนวนสองชิ้นค่ะ แต่ที่ป้าบอกก็เพราะว่า เขาไม่ได้ทิ้งอย่างที่ควรจะทิ้ง เพราะว่าถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างที่นอนทั้งสองชิ้นเลย แล้วก็มีคราบ….เอ่อ…คราบ”
     “คราบน้ำอสุจิ”ผมพูดขึ้นด้วยความที่แกคงไม่กล้าที่จะพูด
     “ ใช่ค่ะ แต่ไม่ได้มีคราบนั้นเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่ยังมีคราบเลือดหยดเป็นทางทางด้านฝั่งซ้ายของที่นอน รวมถึงที่ผ้าปูที่นอนด้วยค่ะ” ถึงแม้ผมอยากจะถามป้าว่าผ้าปูนั้นยังอยู่มั้ยซึ่งมันก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ยังโชคดีที่พื้นห้องนั้นเป็นการปูพรมทั้วทั้งห้อง
     “ถ้าอย่างนั้นป้าพาผมไปดูหน่อยสิครับว่าคราบเลือดมันอยู่บริเวณไหน”หมอตั้มที่ยืนอยู่ข้างๆผมพูดขึ้น พอได้ยินป้าแม่บ้านก็พาเดินไปยังบริเวณที่พบรอยเลือด ผมที่เดินตามไปก็เห็นว่า หมอตั้มก้มลงไปมองยังใต้ที่นอนพร้อมกับเอามือเข้าสอดเข้าไปแล้วควานอะไรบางอย่าง
     “คุณทำอะไรน่ะหมอตั้ม”ผมถามอย่างสงสัย
     “ก็ลองคลำดูเผื่อจะมีบางบริเวณที่คุณป้ามองไม่เเห็นหรือทำความสะอาดไม่ถึง”แต่ผลสุดท้ายหมอตั้มก็ไม่พบอะไร
     “ถ้าอย่างนั้น วันพรุ่งนี้ผมจะให้ทางทีมสืบสวนมาตรวจสอบพร้อมกับเครื่องมือ ยังไงผมขอให้ผู้จัดการอย่าพึ่งให้ลูกค้าใช้บริการห้องนี้ก่อนนะครับ จนกว่าทางทีมสืบสวนจะปฏิบัติภารกิจเสร็จ เต็มที่ก็ไม่น่าเกินหนึ่งวัน”
     “ได้ครับ เดี๋ยวยังไงผมจะแจ้งกับทางพนักงานเอาไว้ให้ แต่ยังไงก็ขอให้คุณตำรวจมาอย่างเงียบๆหน่อยนะครับ คือผมไม่อยากให้ลูกค้าต้องตกใจหรือสงสัยน่ะครับ”
     “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งเรื่องนี้กับทางทีมสอบสวนอีกที ยังไงผมต้องรบกวนด้วยนะครับ”หลังจากที่ผมทำการตกลงกับทางผู้จัดการของโรงแรม
จนเสร็จเรียบร้อย เราทั้งคู่ก็พากันลงมาโดยมีพนักงานของโรงแรมเป็นคนนำทาง
     “จะสามทุ่มแล้ว เรายังเหลืออีกสองที่นะคุณชัช”หมอตั้มเปรยกับผม
     “ไอ้สองที่ที่เหลือเดี๋ยวผมไปจัดการต่อเองก็ได้ วันนี้คุณคงเหนื่อยมามากแล้ว เดี๋ยวยังไงผมจะไปส่งคุณที่คอนโดก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยมาสานต่อ”
     “ไม่ได้ๆคุณชัช เราลงเรือลำเดียวกันเเล้วผมจะเอาเปรียบคุณไม่ได้ แล้วแถม…ยิ่งทำมันก็ยิ่งได้เบาะแสมากขึ้นเรื่อยๆ มันยื่งฮึกเหิมขึ้นไงคุณ” แล้วเขาก็หยิบ List กระดาษขึ้นมาดูอีกครั้ง “สองที่สุดท้ายที่คุณว่ามันเป็นผับนี่”
     “ก็ใช่สิคุณ”ทำไมต้องทำหน้าสงสัย
     “แล้วคุณจะใส่ครื่องแบบไปเนี้ยนะ เขาได้แตกตื่นหรือไม่ก็ไม่ให้คุณเข้าพอดี”
     “มันไม่ใช่ผับแบบที่คุณคิดนะ มันออกแนว Bar & Bistro ซะมากกว่า.แต่ถ้าคุณมองว่ามันไม่โอเค…เดี๋ยวผมถอดเสื้อนอกออกก็ได้ มันจะได้ดูลำลองขึ้น” ก็คงทำได้ตอนนี้ ถ้าจะไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยนก็คงลำบาก  เราทั้งคู่มุ่งตรงไปยังจุดหมายต่อไปคือ ร้าน Enchanted Bar ซอย สุขุมวิท 55
ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 4.5 กม. จึงทำให้การขับขี่ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็มาถึงยังเป้าหมาย
     “หมวดมนตรีเขาพาผู้หญิงคนนี้ไปแต่สถานที่ดีๆทั้งนั้นเลยเนอะ บรรากาศนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย” อยู่ดีๆหมอตั้มก็พูดขึ้น ตอนก้าวลงจากรถ พอได้ฟัง แต่ผมก็ว่าจริง หมวดคนนี้ทุ่มเทเพื่อความรักน่าดู พากินพาเที่ยว ขนาดนี้ นับถือใจผู้หมวดจริงๆ กลับเข้าสู่โหมดความเป็นจริง ขณะที่ผมกำลังปลดเสื้อเครื่องแบบของผมอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าคุ้นๆ
     “หมอแพรว” เสียงเรียกของหมอตั้มคลายความสงสัยของผมทันที
     “แล้วนี่…ตั้มกับหมวดชัชมาทำอะไรกันคะเนี้ย” เสียงถามกลับจากหมอแพรวเมื่อเดินมาถึงจุดที่เราสองคนยืนอยู่
     “ก็มาตามเก็บรายละเอียดเรื่องคดีนั้นล่ะ แล้วนี่ก็….”
     “เราจะมาทานข้าวกันน่ะครับ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”ผมรีบพูดแทรกหมอตั้มขึ้นไปทันที “แล้วหมอแพรวล่ะครับมาทำอะไร”ผมรีบถามกลับ
     “พอดีเพื่อนแพรวนัดมาทานข้าวที่นี่น่ะค่ะ เดี๋ยวยังไงแพรวไปก่อนนะ พอดีแพรวมาเลทน่ะ ไปก่อนนะตั้ม ไปก่อนนะคะหมวดชัช”แล้วเธอก็รีบวิ่งไปทันที
     “เมื่อกี้ทำไมคุณ…อยู่ดีๆก็พูดแทรกขึ้นมาแบบนั้น”
     “เราไม่ควรพูดหรือบอกสิ่งที่เรากำลังทำกับบุคคลอื่น ถึงแม้เขาจะสนิทกับเรามากแค่ไหนก็ตาม”
     “แต่เขาก็เคยทำคดีกับคุณมาก่อ......น”
     “แต่ตอนนี้เขาออกจากทีมไปแล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็นที่ต้องรู้อะไรเพิ่มอีก…ไม่มีใครไว้ใจได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งผม…หรือคุณ”ผมเสียงดังใส่เขา ก่อนที่จะเดินไปกดลิฟต์ เพื่อไปยังร้านที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า
~~ตึ๊ง ตึง~~
เสียงลิฟต์ที่ดังขึ้นตรงหน้าเราสอง เมื่อประตูลิฟต์เปิด ผมก็เดินเข้าไปก่อนที่หมอตั้มจะเดินเข้ามา
     “ผมขอโทษคุณด้วย ที่เมื่อกี้เสียงดังใส่คุณ...”ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ผมคิดว่ามันดุดันน้อยที่สุดแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยืนเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร “ผมยังไม่ได้บอกกับคุณว่านิสัยผมเวลาทำงานเป็นยังไง ผมแค่ไม่อยากให้อะไรมันรั่วไหลออกไป แล้วผมก็ขอโทษอีกครั้งที่บอกไปว่าคุณไว้ใจไม่ได้”
     “ผมเข้าใจ ผมตะหากที่เลินเล่อทำอะไรโดยไม่ปรึกษาคุณก่อน มันก็จริงอย่างที่คุณพูดจริงๆนั้นล่ะ” เขาดูนิ่งไปกว่าเดิมมาก เพียงแค่ไม่กี่ชั้นที่จะไปถึงร้าน ทำไมมันถึงดูยาวนั้นมากนัก
     หลังจากที่ประตูลิฟต์เปิด เราทั้งคู่ก็รีบเดินไปยังร้านเป้าหมายทันที เนื่องด้วยเวลาที่ยังเดินไปเรื่อยๆไม่หยุด
     “ผมมาขอพบเจ้าของร้านไม่ก็ผู้จัดการร้านน่ะครับ”ผมพูดกับพนักงานที่ยืนรอต้อนรับอยู่หน้าร้าน ก่อนที่เธอจะเดินไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากเธอไปไม่มาก
     “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าจะติดต่อเรื่องอะไรครับ”ผู้จัดการถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกันเอง
     “คือผมจะมาขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางร้านของคุณหน่อยน่ะครับ แล้วก็ขอพูดคุยกับพนักงานบางส่วนด้วย….นี่ครับ….หมายค้น”ผมยื่นหมายค้นให้กับทางผู้จัดการร้านดู หลังจากที่ผู้จัดการตรวจสอบเอกสาร เขาก็พาเราเดินไปยังห้องทำงาน ซึ่งมีจอมอนิเตอร์ตั้งวางอยู่ด้วย ก่อนที่จะโทรรายงานให้กับเจ้าของร้านฟัง และทุกอย่างก็ดูผ่านไปอย่างราบรื่น
     “คุณตำรวจอยากจะดูย้อนไปวันไหนครับ”
     “วันที่ 29 เมษาฯ ขอตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็นน่ะครับ” แล้วผมก็เปิดรูปหมวดมนตรีที่อยู่ในโทรศัพท์ให้ผู้จัดการดู “รบกวนช่วยมองหาผู้ชายคนนี้ทีนะครับ หลังจากเห็นภาพ ผู้จัดการก็จัดการเปิดกล้องวงจรปิดในวันนั้นทันที  หลังจากที่เรานั่งดูกันมาได้สักพัก ก็พบหมวดว่าหมวดมนตรีเดินขึ้นมาพร้อมกับผู้หญิงเหมือนจะเป็นคนเดิม แต่การแต่งตัวของเธอคราวนี้ก็เปลี่ยนไปจากหลายๆครั้งที่เราดู เธอแต่งตัวเป็นสาวเปรี้ยวกว่าทุกครั้ง เสื้อผ้าที่โชว์เนื้อหนังมากขึ้น และทรงผมที่ดูเปลี่ยนไปจากทุกครั้ง และที่สำคัญ เธอถือกระเป๋าที่คาดว่าน่าจะเป็นใบที่หมวดมนตรีซื้อให้จากที่เราเห็นในกล้องของโรงแรมก่อนหน้า
     “ผมรบกวนเรียกพนักงานที่ทำงานในวันนั้นมาคุยหน่อยได้มั้ยครับ” ผู้จัดการก็ดูไม่มีปัญหาอะไรก่อนที่จะวอบอกหัวหน้าพนักงานให้ตรวจดูตารางการทำงานเเละเรียกคนที่ทำงานในวันนั้นมาพบ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เหล่าพนักงานเหล่านั้นก็มาถึงที่ห้อง
     “ผมอยากทราบว่า วันนั้นพวกคุณทำงานอยู่บริเวณไหนกันบ้างครับ….เริ่มจากคุณ”ผมชี้ไปที่พนักงานชายคนแรก
     “ผมเดินบริการลูกค้าครับ
     “หนูเป็นพนักงานต้อนรับอยู่หน้าร้านค่ะ”
     “ส่วนหนูก็เดินบริการลูกค้าค่ะ
     “งั้นเริ่มจากน้องผู้หญิงคนกลางก่อน ตอนที่น้องยืนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านน้องได้เห็นผู้ชายคนนี้หรือเปล่า”ผมยื่นมือถือให้เธอดูรูป
     “อ๋อ เขามากับผู้หญิงคนนึงค่ะ เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวแฟชั้นมากค่ะ ใส่ชุดเดรสสีแดงขายาวเปิดหลัง  ทรงผมเป็นแบบบ๊อบเทอ่ะค่ะใส่เเว่นตาแฟชั้นสวยมากๆ “
     “แล้วเขาถือกระเป๋าอะไรมาด้วยหรือเปล่า”
    “ถือค่ะ เป็นกระเป๋า สีดำ.....แต่หนูไม่รู้ยี่ห้อนะคะ”
     “ยี่ห้อ hermes ค่ะ ที่หนูรู้เพราะเธอวางกระเป๋าใบนั้นไว้บนโต๊ะน่ะค่ะ”พนักงานสาวอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น
     “แล้วที่น้องคนแรกเห็น ตอนนั้นพวกเขาดูมีท่าทีเป็นยังไงบ้าง”
     “ก็ดูสนิทสนมกันอยู่นะคะ ผู้หญิงเดินหยอกล้อเล่นกับคุณผู้ชายมาตลอดจนถึงหน้าร้านน่ะค่ะ”
     “แล้วน้องสองคนละเห็นอะไรบ้าง” ผมสังเกตุเห็นท่าทางน้องผู้ชายดูอึดอัด ดูกล้วๆยังไงก็ไม่รู้
     “คุณตำรวจไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ เขาเป็นพวกขี้ตกใจ ขี้กลัวน่ะค่ะ เขาพึ่งถูกผู้จัดการให้มาลองเดินบริการครั้งแรกหลังจากที่ทำงานอยู่ในบาร์น่ะค่ะ งั้นเดี๋ยวนี้เป็นคนเล่าเองแล้วกันนะคะ คงไม่น่าต่างอะไรกันมาก” ตอบฉะฉานเต็มปากเต็มคำดีผู้หญิงคนนี้ “หลังจากที่ทั้งคู่มานั่งที่โต๊ะ ก็เป็นไปตามปกติค่ะ สั่งอาหาร สั่งเครื่องดื่ม หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร พอทั้งคู่รับประทานอาหารเสร็จ เขาก็เรียกนายไม้คนนี้ละค่ะไปรับออร์เดอร์อีกรอบ แต่หนูก็ไปยืนอยู่ข้างหลังเขานะคะ ในตอนเลือกดูเมนูของหวาน ตอนนั้นคุณผู้หญิงขอตัวไปห้องน้ำ เหลือแต่คุณผู้ชายที่สั่งอยู่เพียงคนเดียว แล้วคุณผู้ชายก็บอกให้พวกหนูไปเอาดอกไม้ที่คุณผู้ชายให้ messenger มาส่งให้ที่ร้านน่ะค่ะมาเตรียมเอาไว้ตามแพลนที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้า”
     “แปลว่าคุณผู้ชายมาที่ร้านก่อนแล้วรอบนึงใช่หรือเปล่า” ผมถามขึ้น
     “ใช่ค่ะ เขามาหลังจากที่หนูลงเวลาทำงานได้ไม่นาน ก็มีหนู มีนายไม้ แล้วก็พ่อครัวอีกคน”
     “ค่ะ พ่อครัว เพราะเขาจะให้ทำเมนูของหวานพิเศษให้กับเขา  หลังจากตกกลงอะไรเรียบร้อย ตอนนั้นก็ไม่มีอะไร”
     “แล้วผมถามได้มั้ย ว่าดอกไม้ที่มาส่งเป็นดอกไม้อะไร” หมอตั้มถามขึ้น
     “หนูไม่รู้จักหรอกค่ะว่ามันชื่อดอกอะไร แต่ว่ามันเป็นดอกไม้ปลอมผสมดอกไม้จริงนะคะ ส่วนดอกไม้จริงเป็นดอกกัลปพฤกษ์ค่ะ”
     “ดอกไม้ปลอมคือ.ดอกพญาเสือโคร่งครับ”
     “ดอกอะไรนะน้อง”น้องผู้ชายพึมพำอะไรฟังไม่รู้เรื่อง
     “ดอกพญาเสือโคร่งครับ มันเป็นต้นที่ออกดอกเหมือนซากุระ แถวแม่ฮ่องสอนบ้านผมมันมีขึ้นเยอะน่ะครับ” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำดี
     “นั้นละค่ะ แต่พอดีคุณผู้หญิงเขาลุกไปก่อน แผนไปให้รับช่อดอกไม้ก็เลยงดไป หลังจากที่ออร์เดอร์ไปไม่นาน อาหารก็ถูกจัดเสิร์ฟไปที่โต๊ะพร้อมกับช่อดอกไม้ที่หนูบอกไป คุณผู้หญิงก็ดูดีใจนะคะ”
     “อาหารเมนูนั้นมันคืออะไร พอจะรู้มั้ย”หมอตั้มถามอีกครั้ง
     “เห็นเชฟบอกว่าเป็นเค้กหยดน้ำที่ใส่กลีบดอกซากุระน่ะค่ะ  แล้วก็มีแหวนดอยู่ใต้ดอกซากุระนั้น พอคุณผู้หญิงทานไปจนเจอแหวน ใบหน้าที่เคยแสดงมีความสุขตอนแรกก็หายไปเลยค่ะ กลับทำหน้าเหมือนตกใจแล้วก็นิ่งไป ก่อนที่จะเกินออกจากร้านไปเฉยๆเลยค่ะ คุณผู้ชายก็เลยยื่นเงินสดมาชำระค่าอาหาร 5000 บาท เเล้วก็เดินออกไปเลย แต่จริงค่าอาหารแค่สองพันกว่าบาทเองนะคะ”
     “ทำไมเห็นแหวนแต่งงานแล้วต้องตกใจ….แล้ว พี่ย้อนถามกลับไปเรื่องรูปลักษณะหน่อย คือมีใครพอเห็นว่าที่ตัวหรือตามส่วนอื่นๆในร่างกายน่ะมันมีอะไรเป็นจุดสังเกตุบ้างมั้ย อย่างเช่นพวก ปาน ไฝ ขี้แมลงวันหรือรอยแผลเป็นอะไรประมานนี้อ่ะ”เผื่อผมจะได้อะไรเพิ่มขึ้น แต่ก็กลับไม่ได้คำตอบอะไร อย่างที่คาดหวังไว้
     “ยังไงวันนี้ผมต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือนะครับ ยังไงวันนึงผมอาจจะต้องพึ่งพาพวกคุณอีก” ประโยคทิ้งท้ายก่อนที่ผมสองคนจะเดินทางกลับ  หลังเดินออกมาจากห้อง ผจก.ผมก็เดินไปดูบริเวณพื้นที่รัยประทานอาหาร จากสายตาที่ผมมองไปรอบๆแต่ก็กลับไม่เห็นหมอแพรว ที่บอกกับผมว่านัดเพื่อนมาทานข้าว
     “คุณมองอะไรคุณชัช”
     “ก็…คิดอะไรนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอกคุณ…ไปกันเถอะ” ตลอดระยะทางจากที่ร้านลงมาที่รถ หมอตั้มดูนิ่งๆเงียบๆจนดูผิดปกติของผมไป แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะถาม หรืออาจจะเป็นเพราะเขายังรู้สึกนอยด์ผมเรื่องก่อนหน้านี้อยู่ก็ได้
     “ที่สุดท้าย….ชื่อร้านอะไรนะคุณ”ผมถามขึ้นขณะที่ตัวเองกำลังสวมหมวกกันน็อค
     “แปปนะ…” แล้วเขาก็เปิดในสมุดที่ผมได้จดเอาไว้ “Bar & Grill ลาดพร้าวซอย 8”  ก่อนที่เขาจะเก็บสมุดนั้นลงกระเป๋า ผมก็เลยเอื้อมมือไปหยิบหมวกกันน็อคที่วางอยู่เบาะท้ายขึ้นมา
     “คุณจะเอาหมวกผมไปไหน”
     “เปล่า…ผมก็แค่…จะสวมหมวกให้…”ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเขาก่อนที่จะค่อยๆสวมหมวกลงไป “เจ็บรึเปล่า” แต่เขาก็ส่ายหน้าเหมือนกับเด็กเล็กๆเลย “หมวกใบนี้ผมจะสะพายติดตัวทุกครั้งเวลาที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์ ผมซื้อมันมานานมากแล้ว แล้วก็ไม่เคยให้ใครใส่มันมาก่อน จนวันนั้นที่โรงเเรม คุณก็ได้ใส่มัน ตอนนี้มันเป็นหมวกของคุณแล้ว  คุณจะใส่มันบ่อยๆได้หรือเปล่า” แต่หมอตั้มก็ยืนก้มหน้านิ่งเงียบไม่พูดอะไร “ผม….ไม่อยากให้คุณโกรธผม ชอบเห็นเวลาคุณยิ้ม ผมต้องขอโท….ษ”
     “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณสักหน่อย แค่กำลังคิดอะไรในหัวก็เท่านั้นล่ะ…แต่….คิดว่า…ถ้าพูดแบบนั้น คุณจะหล่อเหมือนพระเอกในละครว่างั้น” เขาพูดแซวผมพร้อมกับหัวเราะเบาๆออกมา
     “ใช่ ผมเป็นพระเอก…แล้วคุณ….อยากมีพระเอกคอยดูแลบ้างหรือเปล่าล่ะ”
     “……………… รีบไปเลย เดี๋ยวถึงช้าไม่ได้อะไรกันพอดี”เขาหมุนตัวผมให้ไปเตรียมขี่มอเตอร์ไซค์ซะอย่างนั้น ผมก็…ทำตามอย่างว่าง่ายแล้วกัน  แต่ก็ว่าเถอะ เขาก็เริ่มคล่องในการเป็นคนซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่ไม่กลัวเหมือนตอนแรกๆแล้ว
     “ขอบคุณนะ…”เขามาพูดกระซิบข้างหูผม แต่ผมก็ทำให้ผมมีความสุขแบบบอกไม่ถูก ถึงแม้…จะไม่รู้ว่าคำขอบคุณนั้นมันจะหมายถึงเรื่องอะไรก็ตาม

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เราทั้งคู่ออกเดินทางอีกครั้ง ปลายทางสุดท้ายของวันนี้ก็คือ แถวห้วยขวาง ผมใช้ระยะเวลาในการขับขี่ไม่ถึง 25 นาที ในระยะทางไม่ถึง 12 กม. อาจเพราะด้วยการจราจรที่เบาบางลงกว่าตอนช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา

   “ใช่ที่นี่หรอคุณ มันร้านกาแฟไม่ใช่หรอ”

   “อยู่บนชั้นดาดฟ้าตะหากละคุณ”

ผมก็เลยเดินนำเขาขึ้นมาก่อน จนขึ้นไปถึงด้านบน ก็เป็นร้านอาหาร แบบร้าน Hang -Out ทั่วไป แต่ตอนที่ผมมาทางร้านก็ดันมีลูกค้าเยอซะด้วย

     “มากี่ท่านครับ” ผู้ชายดูมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม

     “คือผมจะมาขอพบเจ้าของร้าน ไม่ก็…ผู้จัดการร้านน่ะครับ

     “พบผม?”

     “คือ...ผมไม่ได้มาทานอาหารครับ แต่จะมาสอบถามขอความช่วยเหลือแล้วก็ขอดูกล้องวงจรปิดน่ะครับ” แล้วผมก็ล้วงเอาหมายค้นที่อยู่ในซองให้กับพี่ผู้ชายคนนั้น เขาอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ ก่อนที่จะเชิญเราทั้งสองคน เข้ามานั่งที่ห้องด้านใน

     “ไหนคุณตำรวจลองว่ามาซิครับว่ามีเรื่องอะไรที่จะช่วย”

     “ผมขอแนะนำตัวก่อนแล้วกันนะครับ ผมร้อยตำรวจโทชัชวิน ส่วนข้างๆผมนายแพทย์ธีร์ครับ  คืออย่างนี้ครับไม่ทราบว่าคุณเคยเห็นผู้ชายคนนี้มั้ยครับ เหมือนกับว่าเขาเคยมาร้านนี้ คุณพอจำได้บ้างหรือเปล่า   ผมก็เลยรีบเปิดรูปหมวดมนตรีในโทรศัพท์ให้เขาดู

     “ถามแบบนี้ตอบยากเลยสิคุณ ลูกค้าผมมีทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า ผมจำได้ไม่หมดหรอก”

     “แล้วถ้าผมจะขอดูกล้องวงจรปิด ทางคุณ….”

     “ผมเอนก”

     “ครับ ทางคุณเอนกจะพอช่วยได้มั้ยครับ”

     “ครับ ไอ้ช่วยน่ะผมช่วยได้ แต่กล้องในร้านผมน่ะใช้ได้แค่ตัวเดียวคือตรงทางเข้าร้าน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเห็นในสิ่งที่คุณอยากเห็นได้หรือเปล่า เพราะอีก 3 ตัวมันเสียมาหลายเดือนละ เเต่ผมยังไม่ได้เปลี่ยน เห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น”

     “แค่ตัวเดียวก็ยังดีครับ” ผมรีบตอบกลับก่อนที่คุณเอนกจะเริ่มเปิดภาพจากกล้องให้พวกเราดู

     “ประมาณช่วงไหนวันไหนละคุณ”

     “ผมขอตั้งแต่วันที่ 30 เมษา ตอนประมาณ 19.35 น.ครับ” หลังจากได้ช่วงเวลาที่ผมได้บอกไป ก็ปรากฏภาพหมวดมนตรี เดินขึ้นมากับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มี mask ปิดหน้าอยู่ แต่หมวดก็หันหลังลงกลับไปก่อน ไม่ได้เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น

    “คุณเอนกเห็นใช่มั้ยครับ ผู้ชายกับผู้หญิงเมื่อกี้”

    “ถ้าคุณพูดถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้น่ะ เธอน่ะมาบ่อย เพราะมีเธอแค่คนเดียวที่ชอบทำตัวแปลกจากคนอื่น แล้วเธอก็สนิทกับลูกสาวผม เห็นลูกสาวผมบอกว่า สนิทกันตอนไปดูงานที่ boston เมื่อปีก่อน แต่ผมน่ะไม่ได้รู้จักอะไรกับผู้หญิงคนนั้นหรอก

     “แล้วเธอมีลักษณะยังไงครับ จากที่เห็น คือผมยาวตรง มี mask ปิดหน้า”

     “ใช่ เธอผมยาว ขาว ดูหมวยๆหน่อย เพราะเธอมาเธอไม่เคยถอด mask เลยสักครั้ง ลูกสาวผมชอบเล่าให้ฟังว่าเธอชอบมาปรึกษาเรื่องความรัก เหมือนปประมาณรักเขาข้างเดียว มาพูดมาถามเรื่องเดิมๆ”

     “แล้วตอนนี้ลูกสาวของคุณอยู่หรือเปล่าครับ”

     “ไม่น่ะ เธอย้ายไปทำงานที่ Boston ได้ประมาณ 6 เดือนละ ไม่ค่อยได้ติดต่อกลับมาเท่าไหร่ นอกจากจะมีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตหรือไม่ก็คิดถึงผมเท่านั้นล่ะ”

     “แล้วตอนนี้คุณเอนกสามารถติดต่อลูกสาวของคุณเอนกให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”

     “ได้น่ะได้ แต่ผมไม่รู้ว่าเธอจะรับสายหรือเปล่า ถ้าทางตอนนี้จะเป็นเวลาทำงานอยู่ด้วย” แล้วคุณเอนกก็กดติดต่อไปยังลูกสาวตามที่ผมได้ร้องขอ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะพยายามติดต่อไปหลายครั้งแต่เธอก็ไม่รับสาย

     “เอาอย่างนี้แล้วกันคุณตำรวจ ถ้าลูกสาวผมติดต่อกลับมา ผมจะสอบถามให้ ยังไงคุณทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้ผมก็แล้วกัน แล้วยังไงผมจะติดต่อกลับไป”

จะทำยังไงได้ล่ะครับ ผมก็ต้องรอ แต่มันก็น่าเสียดายถ้าสามารถพูดคุยได้ตอนนี้มันก็อาจจะทำให้การสืบสวนของเรามันกระชับและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าเป็นจริงตามคำให้การของคุณเอนกแล้ว ลูกสาวของคุณเอนกคือกุญแจสำคัญที่อาจจะทำให้สาวถึงตัวคนร้ายก็เป็นได้

     “น่าเสียดายเนอะคุณ ไม่งั้นเราคงจะได้ข้อมูลสำคัญ ที่อาจจะเป็นกุญแจพาไปหาตัวคนร้ายได้เลย” คิดเหมือนผมเลยคุณหมอตั้ม เราสองคนพูดคุยกันขณะเดินลงบันได

     “มันก็ใช่อ่ะคุณ แต่ตอนนี้เราทำได้แค่รอ แล้วนี่เราก็ไปมาหมดทุกที่ ตามที่หมวดมนตรีเคยไปก่อนถูกฆาตกรรม แต่เรากลับได้ข้อมูลที่มันยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้เลย”

     “แล้วข้อมูลจากเหยื่อรายอื่นๆล่ะ คุณตรวจค้นหมดแล้วหรอ”

     “ยัง…ยังไม่หมด แต่ผมคิดว่า หลักฐานหรือข้อมูลของเหยื่อรายก่อนๆมันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเราไม่ได้มาก แล้วอีกอย่าง ถ้าผมต้องทำแบบที่ทำกับหมวดมนตรี ผมว่ามันคงต้องใช้เวลามาก ไม่ว่าจะต้องกู้อีเมล หาพาสเวิร์ด หรือแม้กระทั่งตัวโทรศัพท์ของเหยื่อรายนั้นๆ ผมก็เลยคิดว่าหมวดมนตรีนี่ละ น่าจะให้ข้อมูลอะไรเราได้มากที่สุด เพราะจากที่ดูแฟ้มคดี ระยะเวลาการคบหาจากการคาดคะเน ก็มีหมวดมนตรีนี่ละ ที่คบกับผู้หญิงคนนั้นนานที่สุด และพาไปในสถานที่ที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้มากที่สุด ไม่ต้องสงสัยหรอกนะว่าทำไม เหตุผลก็เพราะว่า หมวดมนตรีคือเหยื่อที่มีฐานะดีที่สุด”

     “ที่คุณเอนกพูดว่า ลูกสาวเขาเคยไปดูงานที่ Boston น่ะ จะว่าไป ตอนผมจะจบแพทย์ปีสุดท้าย ตอนฝึกงาน ทางมหาลัยก็คัดเลือกคนไปดูงานเหมือนกัน ตัวผมน่ะได้ไป Maryland ส่วนแพรวได้ไป Boston  ไม่แน่แพรวกับลูกสาวคุณเอนกอาจจะพอรู้จักกันก็ได้”

     “คุณรู้ได้ยังไง ว่าลูกสาวคุณเอนกเป็นแพทย์ เขาอาจจะทำงานคนละสายงานก็ได้”

     “ก็รูปที่ใส่กรอบวางไว้บนโต๊ะไงคุณ เป็นรูปที่ลูกสาวของเขาถ่ายหน้าโรงพยาบาล Harvard Medical School Boston”

     “ทำไมผมถึงไม่เห็นมัน”

     “คุณจะไปเห็นได้ยังไงละ คุณเข้าห้องไปคุณก็จดจ่ออยู่กับการซักถามพร้อมกับดูกล้องวงจรปิด แต่ก็ช่างเถอะ ผมแอบถ่ายรูปมา เดี๋ยวจะเปิดให้ดู”หลังจากที่ผมเห็นภาพ ก็เป็นความจริงอย่างที่ตั้มพูด

     “งั้นก็แปลว่า ฆาตกรเป็นแพทย์ อย่างนั้นหรอ”

     “ผมก็คิดแบบนั้น เพราะว่าการไปดูงานโรงพยาบาลในต่างประเทศ อาจจะเป็นการสมัครใจก็จริง แต่คุณสมบัติก็ต้องเป็นไปตามที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด รวมถึงงานวิจัยที่อาจารย์ที่เป็นกรรมการตัดสิน กว่าจะได้ไปไม่ได้ง่ายนะคุณ เพราะงานวิจัยที่ทำให้เวลาจำกัด แถมไม่มีการแก้ไขใดๆ รวมถึง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานก็ไม่ใช่น้อยๆ”

     “ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเราสามารถไปขอทางมหาลัยดูได้สิว่ามีใครไปบ้าง”

     “มันยากน่ะสิคุณ เพราะว่าโครงการตอนนั้น มีทั้งหมด 5 มหาวิทยาลัยที่ไป และแต่มหาวิทยาลัยก็คัดจำนวนนักศึกษาได้ไม่เท่ากัน แล้วก็โครงการที่ว่าเนี้ย ขนาดรุ่นผมยังผ่านมาหกปีแล้วเลย ถ้าจะให้ทางมหาลัยช่วยค้นหารายชื่อละก็ ผมว่ายาก”

     “ยาก….แต่ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้…ยังไงคุณช่วย list รายชื่อมหาวิทลัยที่ร่วมโครงการให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจะให้เพื่อนผมที่อยู่อีก สน.นึงช่วยตามเรื่องให้ เพราะว่าแม่ของมันเเป็นอธิการบดี น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย

     “อืม เดี๋ยวผมจะจัดการให้…แต่ว่าตอนนี้พาผมกลับคอนโดก่อนเถอะ ทั้งหิว ทั้งง่วงเลย” ทำตัวเหมือนเด็กไปซะอย่างนั้น แต่ก็คงจะจริงเพราะดูจากใบหน้าของเขา มันก็ดูอ่อนแรงจริงๆ แล้วแถมก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่างนอกจาก snicker  ที่ผมให้เขาไปตั้งแต่ตอนเย็น ผมก็จัดการสวมหมวกให้กับเขาและผมอีกครั้ง ผมเองก็ไม่รอช้าที่จะบิดตรงไปยังห้องพักในทันทีเหมือนกัน

     ระยะทางจากลาดพร้าวมาทองหล่อจริงๆมันก็ไม่ได้ใช้เวลามากเท่าไหร่ แต่ก็สามารถทำให้นายหมอตั้มนั้น หลับอยู่บนหลังของผมได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จริงๆผมก็อยากให้มันอยู่แบบนี้ไปนานๆนะ แต่ก็กลัวว่าเจ้าตัวตื่นมาจะปวดเนื้อปวดตัวเอา 25 นาทีบนท้องถนนของผมทำไมรอบนี้มันช่างเร็วนักก็ไม่รู้ แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่อยากฉวยโอกาสตอนที่หมอตั้มไม่รู้เรื่อง (แต่เดี๋ยวนะ อย่าคิดลึกกับคำว่าฉวยโอกาสล่ะ)

     “คุณตั้ม….คุณตั้ม…ถึงคอนโดแล้ว” ผมพยายามส่งเสียงเรียกเขาพร้อมกับเอามือเอื้อมไปสะกิด เพราะผมไม่สามารถเอี้ยวตัวได้เลยตอนนี้ ผมส่งเสียงเรียกเจ้าตัวอยู่นานเลยล่ะกว่าจะตื่น

     “โอเคๆ ผมขอโทษ เผลอหลับไปอีกแล้ว”งัวเงียตลอดเลยนะคุณหมอ

     “ไม่เป็นไรหรอก …ลงดีๆอ่ะคุณ”ตามแพทเทิร์นความงัวเงียของหมอตั้มเลย ลงปุ๊ปเซปั๊ป “เอ้าๆ ไหวมั้ยคุณ”

     “ไหวสิคุณ แค่ขามันอ่อนแรงชั่วขณะ” ถ้าผมไม่รู้จักหมอตั้มในฐานะของหมอละก็นายคนนี้ก็คงเหมือนพวกขี้เมาคนนึงแน่ๆ ผมยังไม่แน่ใจเลยนี่ตกลงว่าเขาพึ่งตื่นนอนจริงๆหรือเปล่า

     “เดี๋ยววันนี้ คุณพักที่ห้องผมก่อนก็ได้นะ ผมจะได้เอาข้อมูลที่คุณต้องการให้”

     “แต่ถ้าคุณง่วงนอน เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้นะ”ผมเห็นว่าเหมือนตัวเขาจะไม่ไหวจริงๆ

     “ไม่เป็นไร คุณยังไหว…ผมก็ต้องไหว”

     ~~ ติ๊ง~~ ประตูลิฟต์มาเปิดตรงหน้าห้องของเขาพอดี วันนี้ผมอาจจะพาเขาตระเวนลงพื้นที่มากเกินไป เพราะเขาดูอิดโรยมากกว่าหลายๆครั้งที่ผมเคยเห็น หลังจากที่เดินเข้ามาในห้อง เขาก็จัดแจงเอาผลไม้กับน้ำดื่มมาให้ผม

     “คุณอยากอาบน้ำก่อนหรืออยากทานผลไม้ก่อนล่ะ”

     “เดี๋ยวผมขอนั่งพักก่อน ยังไงคุณไปอาบน้ำก่อนเลยก็ได้นะ” ผมก็นั่งพักอยู่บนโซฟาในห้องโถงกลาง พร้อมกับหยิบผลไม้ทานอย่างไม่รู้อิ่ม จนหันมาอีกที มันแทบจะไม่เหลือส่วนของเขาเลย ผมเลยถือวิสาสะเดินไปยังห้องครัวเพื่อจะไปเอาผลไม้มาแทนในส่วนของเขา พอผมเปิดตู้เย็นก็พบว่ามีผลไม้อยู่หลายชนิดที่ถูกปอกและ ซีลสูญญากาศไว้ในถุงอย่างดี ไม่แม้แต่กระทั่งเนื้อสัตว์ ผัก เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นถึงความเป็นระเบียบและความปลอดภัยมากขนาดนี้ ผมเลยหยิบแอปเปิ้ลออกมาอีกหนึ่งถุง ก่อนจัดใส่จานเอาไว้ให้เขาพร้อมกับเครื่องดื่ม อย่างที่เขาทำให้ผม

     “เป็นยังไงบ้าง พอที่จะตาสว่างขึ้นบ้างรึเปล่า” เขาเดินหัวเปียกออกมาซะอย่างนั้น แต่ที่โดดเด่นไปกว่านั้น คือชุดนอนลายแมวสีดำที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าผม

     “ก็พอโอเคอ่ะ คุณก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ผมเตรียมผ้าขนหนู กับแปรงสีฟันวางอยู่บนอ่างล้างหน้านะ ส่วนชุดนอนแขวนอยู่ตรงราวข้างๆ” แล้วเขาก็เดินมานั่งข้างๆผม ก่อนที่จะบรรจงเช็ดผมอย่างใจเย็น ส่วนตัวผมก็ลุกไปอาบน้ำตามระเบียบสิครับ

     หลังจากใช้เวลาอาบน้ำแปรงฟันไปได้ไม่นาน ก็ออกมาพร้อมกับการเตรียมใส่ชุดนอน แต่ทว่า ลายหมาชิวาว่าสีขาวที่อยู่บนชุดที่ผมกำลังจะใส่
นี่คือชุดนอนชุดแรกสำหรับผมที่หวานแหว๋วขนาดนี้ แต่ก็นะเขาเลือกมาให้ผมใส่แล้วนี่นา แปลว่ามันก็คงจะต้องเหมาะกับผม บ้างละเนอะ

     ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ ความมั่นใจของผมมันลดน้อยถอยลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ใครจะไปอยู่ในห้องน้ำได้ตลอดชีวิตละครับ ผมก็เลยชะโงกหน้าออกไปดูว่าเจ้าตัวกำลังทำอะไร ก่อนที่จะเดินตรงไปนั่งข้างๆเขา

     “ผมจดรายชื่อมหาลัยฯ ให้คุณแล้วนะ มหาลัยแรกเป็นมหาลัยที่ผมเรียน ถ้าจำไม่ผิด มี นศ. เข้าโครงการประมาณ 18 คน กับอีกมหาลัยนึง มี นศ.เข้าร่วม 13 คน จากที่เพื่อนผมเคยบอก ส่วนที่เหลือคุณต้องตามเองน่ะ ผมไม่ทราบจริงๆ

     “ขอบคุณมากคุณตั้ม “

     “อ่อ ผมลืมอีกอย่าง ผมรุ่น 121 ปี 2553 ได้ไปดูงานตอนปี 57” ในตอนนั้นผมก็เลยรีบโทรหาเพื่อนของผมอีกคนหนึ่งที่เป็นตำรวจเหมือนกัน

     “ไอ้ติว กูชัชนะเว้ย กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยหน่อย คือตอนนี้กูกำลังสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอยู่ คือ อยากให้มึงช่วยตามรายชื่อ นศ.แพทย์ ที่เคยไปดูงานที่ต่างประเทศในตอนปี 2557 ให้หน่อย ตอนนี้มีรายชื่อมหาลัยที่ร่วมโครงการ อยู่แค่ 2 มหาลัย จาก 5”

     “ไม่ใช่งานง่ายเลยนะเว้ยไอ้ชัช มันผ่านมา 5 ปีแล้วนะมึง”

     “แต่กูจำเป็นต้องรู้จริงๆ มันอาจจะเป็นทางเดียวที่อาจจะทำให้กูสาวถึงตัวคนร้ายได้”

     “กูยังไม่รับปากนะเว้ย ว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า แต่ก็จะช่วยมึงเต็มที่”

     “ขอบใจมากนะเว้ย ยังไงกูฝากด้วย”

     “ได้เรื่องยังไงกูจะรีบโทรบอก”

ผมหวังว่ามันจะช่วยผมได้ แต่ก็เหลืออีก 1 คนที่ผมจะต้องส่งงานต่อให้มันช่วย แต่พอจะหันไปปรึกษาคุณหมอประจำตัวอีกทีก็ ดันหลับไปก่อนผมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมก็ยังเช็ดไม่แห้ง ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกเหมือนเขาเป็นเด็กขึ้นทุกวัน แต่ผมก็…ชอบ ผมก็เลยจับตัวของเขาให้นอนลงไปกับโซฟา แล้วผมก็ขยับลงมานั่งที่พื้นข้างล่างแทน แต่ในตอนนั้นผมก็พยายามติดต่อไอ้ปวีณเพื่อนผมอยู่ด้วยเหมือนกัน

   “กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยทำแทนหน่อย คือวันพรุ่งนี้กูอยากให้มึงกับทีมนิติฯไปพิสูจน์คราบเลือดกับคราบน้ำอสุจิให้หน่อยที่โรงแรม โฟร์ พอยท์ฯ”

     “แล้วมันจะทันหรอว่ะ ไหนมึงบอกว่าต้องไป รีสอร์ทสองที่นั้นด้วย”

     “เรื่องรีสอร์ทน่ะเดี๋ยวกูลุยเดี่ยวเอง มึงไปจัดการเรื่องที่กูฝากเหอะ อีกอย่างกูมีเรื่องบางเรื่องอยากให้มึงช่วย แต่ต้องเป็นความลับ เดี๋ยวยังไงมึงกับกูเจอกันเมื่อไหร่กูจะบอกก็แล้วกัน”

     “แล้วนี่มึงอยู่ไหน ก็มาบอกกูให้มันจบๆ เสือกมาทำให้กูอยากรู้”

     “อยู่ห้องหมอตั้ม กูพึ่งกลับจากหาหลักฐานกันมา”

     “แล้วมึงจำเป็นต้องไปอยู่ห้องคุณตั้มเขาด้วยหรอว่ะ ได้ข่าวว่ามึงก็ลงทุนซื้อคอนโดอยู่ข้างๆห้องเขาไม่ใช่ไง”

     “จะเสือกอยากรู้เรื่องกูเยอะไปแล้วไอ้วีณ เจอตัวกูจะเตะแม่งให้”

     “จะไม่ให้เสือกได้ไงว่ะ จะมีผู้ชายบ้าที่ไหนลงทุนซื้อคอนโดห้องละ 40 กว่าล้านเพื่อตามจีบคนที่ตัวเองชอบมาเป็นปีๆ แต่ก็อย่างว่า ถ้าบ้านไม่รวยจริงก็ทำไม่ได้ จริงป่ะวะ 555”

     “งั้นเดี๋ยวกูไปแฉเรื่องมึงให้น้องมดสุดที่รักของมึงฟังบ้างดีกว่า หึหึ”รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าไอ้วีณถนัดตา

     “อย่านะมึงไอชัช น้องมดรู้กูเละเป็นโจ๊กแน่มึง ในที่สุดมึงก็หาเรื่องมาขู่กูจนได้”

     “ไม่งั้นเดี๋ยวมึงมันจะเหลิง  ไงกูฝากเรื่องพรุ่งนี้ด้วย” ปล่อยช่องวางให้ไอ้วีณไม่ได้ทุกทีต้องถูกมันแซะตลอด แต่ยังไง วันนี้มันก็จะเป็นอีกวันหนึ่งในความทรงจำของผม ที่ผมได้ใช้เวลากับเขาได้นานที่สุด ตั้งแต่เรามีโอกาสได้พูดคุยกันมา ขอบคุณนะหมอตั้ม ที่ทำให้ผมมีความสุข

…………………..

     “คุณชัช ทำไมคุณมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ คุณชัช”เสียงที่ทำให้ผมต้องงัวเงียตื่นขึ้นมา

     “ก็เมื่อคืนเห็นคุณนั่งหลับ ก็เลยจับตัวคุณนอนลงไปกับโซฟาน่ะ ส่วนพื้นนี่มันก็นอนสบายดี ผมก็เลยตรงนี้ล่ะ”

     “ไม่เอาคุณชัชลุกขึ้นมาเลย มานอนข้างบน คุณเป็นแขกผมน่ะ ลุกขึ้น~~~~น” เขาพยายามดึงตัวผมให้ลุกขึ้น แต่เผอิญตัวผมใหญ่ไปหน่อยมั้ง ก็เลยต้องช่วยลุกขึ้นเอง

     “ผมกลัวคุณนอนไม่สบาย ”

     “คุณก็เข้าไปนอนในห้องนอนผมก็ได้ หรือห้องนอนอีกฝั่งก็ได้”

     “ที่นี่ไม่ใช่ห้องผม ผมจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง ผมง่ายๆนอนตรงไหนก็ได้…” ผมก็ไม่รู้จะบแกกับเขาได้ยังไงว่าทำไมผมถึงนอนตรงนี้ แต่ถ้าการพูดแบบนี้มันทำให้เขาไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมว่ามันก็คงจะดีกว่า“งั้นเดี๋ยวผมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องของผมละกัน เดี๋ยวยังไงผมจะกลับมาหาคุณที่ห้อง เเล้วออกไปพร้อมกัน” เขาก็พยักหน้ารับ ก่อนที่จะลุกเดินออกไป

     หลังจากที่จัดการธุรส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินกลับมาหาที่ห้องพร้อมกับของกินที่ติดไม้ติดมือมา

     “คุณเอาอะไรมา…ของกินในตู้เย็นผมก็มี”
 
     “Egg Benedic? “

     “ใช่ พอดีผมชอบกิน English muffin เลยมีตุนไว้เยอะ…ลองชิมดู…”

     “มีทั้งแซลมอนทั้งเบค่อน อัดแน่นแต่เช้าเลยนะคุณ”  ทำมาบ่นแต่ก็กัดซะคำเบ้อเริ่ม

     “ก็ทดแทนมื้อเมื่อวาน….เป็นไงพอกินได้เปล่า”

     “อื้อๆๆๆ” เป็นเสียงตอบที่จากในลำคอซะอย่างนั้น “อร่อยดีคุณชัช ไว้สอนผมทำบ้างสิ เอาแบบนี้เลยนะ” แล้วก็ทานต่อแบบไม่สนใจผมเลย และนี่ก็เป็นอาหารมื้อที่สองที่เขากินจากฝีมือของผม แล้วก็ได้รับคำชมอีกตะหาก ภูมิใจดี

      พอเวลาอาหารเช้าจบลง เราสองคนก็ต่างเตรียมตัวไปปฎิบัติภารกิจหน้าที่ของตัวเอง เมื่อลงมาถึงยังรถคู่ใจสองล้อ คราวนี้ผมไม่ต้องพูดอะไรมากเหมือนครั้งก่อนๆ เจ้าตัวกลับหยิบหมวกออกจากกระเป๋าและสวมใส่เองเหมือนเป็นความคุ้นชินไปซะแล้ว

     “กลัวผมใส่ให้หรือไงถึงได้รีบใส่ก่อนน่ะ”เขาไม่ตอบผมแต่กลับอมยิ้มแทน  ไอ้อาการแบบนี้ผมจะทนอดกลั้นใจตัวเองไปได้อีกนานเท่าไหร่กัน ผมกลัวใจตัวเองจริงๆ กลัวที่จะทำอะไรลงไปจนเขาต้องโกรธจนไม่ยอมคุยกับผมอีก แต่แล้วผมก็ต้องกลับมาสู่ความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ผมจะต้องทำให้เขารับรู้มากยิ่งขึ้นว่าผมกำลังรู้สึกอะไร พอความรู้สึกเข้าที่เข้าทางผมก็สตาร์ทรถอุ่นเครื่อง  หลับมีมือสองข้างมาจับที่เอวของผม จนผมต้องหันกลับไปมอง เพราะทุกครั้งผมจะต้องบอกไม่ก็แกล้งเขาเพื่อท่จะให้เขามากอดเอวผม

     “ก็คุณบอกถ้ากอดเอวคุณแล้วจะไม่กลัวไง…ผมก็เลย…กอด” ผมก็เพียงได้แต่ยิ้ม ก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกจากลานจอด เพียงไออุ่นจากอ้อมกอดของเขา มันก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ผมมีแรงที่จะเดินหน้าไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะไม่ต้องการผมเองนั้นละ

     เมื่อผมกับหมอตั้มมาถึงโรงพยาบาล เขากลับพาผมขึ้นไปยังห้องอาหารของโรงพยาบาล

     “เดี๋ยวคุณนั่งอยู่กับผมก่อนแปปนึง ขอเชคตารางแปป”

     “เชคตาราง?...ตารางอะไรคุณ”

     “ก็ตารางคนไข้ที่ผมจะต้องลงตรวจไง” แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าที่หมอตั้มเชคตารางทำไมต้องให้ผมรอด้วย แต่ก็นะ…ไม่เป็นไร มันก็แค่สงสัย

     “อ้าวตั้ม…คุณชัชมานั่งทำอะไรกันตรงนี้คะ” บุคคลที่สามมาซะอย่างนั้น แถมนั่งลงที่โต๊ะอย่างหน้าตาเฉย

     “หมอตั้มให้ผมนั่งรอน่ะครับ”

     “หวัดดีเเพรว...คุณชัช พรุ่งนี้ผมมีคิวลงตรวจแค่สามคิว เป็นคนไข้พักฟื้น”หมอตั้มหันมาบอกผม ก่อนที่จะกดโทรศัพท์ต่อ ปลายสายคือหมอแทน หมอรุ่นน้องที่ผมเคยเห็นในงานแต่ของพี่เป็กรุ่นพี่ผม ใจความคือหมอตั้มฝากหมอแทนดูแลเคสคนไข้ของเขาในวันพรุ่งนี้ และดูเหมือนหมอแทนจะตอบปากรับคำซะด้วย

     “วันนี้ผมหมดเคสตอน 11 โมง เดี๋ยวคุณเข้ามาหาผมนะ ตรงไปที่ห้องผมเลยก็ได้” ผมไม่คิดว่าหมอตั้มจะยอมทิ้งงานเพื่อไปกับผม แต่จะพูดว่าทิ้งงานก็คงไม่ใช่

     “จะไปไหนกันหรอตั้ม”

     “อ่อ พอดีหมวดชัชเขาอยากพาเราไปเที่ยวที่ๆนึงอ่ะ ก็เลยไม่อยากเสียโอกาส”

     “แต่ปกติตั้มไม่เคยทิ้งงานแล้วไปเที่ยวไหนเลยนะ”

     “ก็ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำดูบ้าง เผื่อชีวิตจะมีสีสันมากขึ้นไง”

     “งั้นเดี๋ยวผมกลับไป สน.ก่อนนะคุณตั้ม 11 โมงผมจะเข้ามา….ไปก่อนนะครับคุณแพรว”ทำไมผมถึงไม่รู้สึกถูกชะตากับเธอเท่าไหร่ เหมือนเธอจะมีพลังงานทำลายล้างสูงยังไงก็ไม่รู้  แต่ก็ตามมารยาท ก็ต้องกล่าวคำอำลากับเธอสักหน่อย ถึงแม้ดูเธอจะไม่ค่อยสบอารมณ์กับผมเท่าไหร่ ถึงแม้จะพยายามยิ้มต้อนรับยังไงก็ตาม แต่ก็ดูรู้ว่าเธอไม่ชอบผมเอาซะเลย


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สถานการณ์ต่าง ๆ มันชี้ไปที่ "หมอแพรว" น่าจะเป็นฆาตกรรายนี้

และเหนือสิ่งอื่นใด  ตะหงิดว่า "แพรว" กับ "พลอย" แฟนเก่าตาชัชที่ตายไป น่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง

เหนือสิ่งอื่นใดขึ้นไปอีก  ปมที่เหยื่อทุกรายเป็น "ตำรวจ" มันโยงไปหาความสัมพันธ์ ชัชกับพลอย หรือเปล่า?

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
:pig4: :pig4: :pig4:


สถานการณ์ต่าง ๆ มันชี้ไปที่ "หมอแพรว" น่าจะเป็นฆาตกรรายนี้

และเหนือสิ่งอื่นใด  ตะหงิดว่า "แพรว" กับ "พลอย" แฟนเก่าตาชัชที่ตายไป น่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง

เหนือสิ่งอื่นใดขึ้นไปอีก  ปมที่เหยื่อทุกรายเป็น "ตำรวจ" มันโยงไปหาความสัมพันธ์ ชัชกับพลอย หรือเปล่า?

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ติชมการเขียนได้นะครับ มีอะไรไม่ดีจะได้แก้ไข

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เวลาตามนัดที่หมอตั้มได้นัดผมไว้ก็มาถึง ผมมาถึง รพ.ตั้งแต่ 10.30น.ก็ผมยังไม่ได้มีอะไรที่ต้องทำนี่ครับ ก็มีแต่เตรียมเอกสารหลายๆอย่างให้พร้อมเท่านั้นเอง ส่วนปวีณ ตอนนี้ก็กำลังเก็บผลเลือดและคราบอสุจิจากจากห้องพักไปยังแลปเพื่อตรวจสอบ Dna ว่าเป็นของใคร ของหมวดมนตรี หรือบุคคลอื่น แค่ตอนนี้ผมก็ทำได้เพียงแค่รอหมอตั้มลงเวรทำเท่านั้นล่ะ

     “หมวดชัชคะ มาถึงเร็วจังเลยนะคะ” เสียงที่ผมคุ้นเคย หมอแพรว

     “ครับ”

     “หมวดเก่งจังเลยนะคะ ที่สามารถพาหมอตั้มไปไหนต่อไหนได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่…โดน…ปฏิเสธ”

     “ครับ” เธอกำลังจะทำอะไร เธอต้องการอะไรจากผม

     “หรือว่า หมวดชัชคิดอะไรนอกเหนือจากงานกับหมอตั้ม
หรือเปล่าคะ เพราะเดี๋ยวนี้…เรื่องแบบนี้…มันกำลังอิน...เลยนะคะ”

     “……….”ผมไม่อยากตอบโต้อะไร ไม่แม้กระทั่งอยากจะมองหน้า ผมเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งก็จริง แต่ผมก็ไม่เคยให้ใครมาปรามาสผมได้มากถึงขนาดนี้

     “คุณชัชก็ดูเพรียบพร้อมขนาดนี้ คงมีสาวๆมาขายขนมจีบเยอะเลยสินะค่ะ ยังไงก็หัดทานในสิ่งที่พวกเธอมาขายให้บ้างก็ดีนะคะ อย่าริไปทานอะไรที่มันผิดๆเลยค่ะ เดี๋ยวมันจะแสลงเอา”

     “ครับ….ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วง…ผมขอตัว” คำพูดเย็นชาของผมคงไม่สามารถทำร้ายเธอได้หรอกครับ การปลีกตัวออกมาจากสถานการณ์แบบนี้คงจะดีที่สุดแล้วสำหรับผม ผมไม่อยากได้ยินหรือรับรู้อะไรในสิ่งที่เธอคนนี้พยายามที่จะทำ ผมจังตัดสินใจเลยไปยังห้องทำงานของหมอตั้ม เพราะที่นั้นอาจเป็นที่เดียวที่ผมจะไม่ต้องพบเห็นเธอคนนั้นอีก


     ก๊อกๆๆๆ


     “เชิญครับ”เสียงตอบรับที่ดังมาจากภายใน ผมก็ไม่รอช้าที่จะเปิดเข้าไป

     “มาถึงแล้วหรอ…งั้น…เชิญคุณนั่งก่อนนะ เดี๋ยวผมขอทำต่ออีกแปปนึง…ไม่นาน”ผมก็ไม่ได้พูดตอบอะไรก่อนที่จะไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา แต่แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ยังเป็นเธอคนเดิม หมอแพรว

     “ตั้ม แพรวมีเรื่องอยากถามหน่อย คือตอนนี้แพรวอยากได้ยา  Cephalosporin 500mg แบบฉีด แต่ตอนนี้ในคลังหมด ตั้มมีสำรองบ้างมั้ย”

     “ตั้มจะมียาสำรองได้ยังไงล่ะแพรว แล้วอีกอย่างมันไม่น่าจะหมดนะ แพรวลองไปดูอีกที”

     “ตั้มไปช่วยแพรวหาหน่อยสิ ก็แพรวหาไม่เจอจริงๆ”

     “ตั้มยังติดงานอยู่เลย แล้วตอนนี้คุณชัชก็มารอตั้มแล้ว ตั้มอยากรีบเคลียงานให้เสร็จ

     “แต่แพรวจำเป็นต้องใช้จริงๆนี่ นะตั้มนะ ช่วยแพรวหน่อย” เธอพยายามที่จะชักชวนหมอตั้มให้ไปกับเธอให้ได้

     “ แพรว ตั้มว่าไปถามเจ้าหน้าที่คลังยาดีกว่า เขาคงรู้ดีกว่าตั้ม”เขาตอบโดยไม่เงยหน้าไปมองเธอเลย หลังจากที่เสียงหมอแพรวเงียบไป ผมก็คิดว่าเธอจะยอมถอยทัพแต่ปล่าวเลย เธอกลับยืนอยู่ตรงนั้น แบบนั้น โดยไม่พูดอะไร

     “ผมว่าคุณไปช่วยคุณหมอแพรวหายาก่อนก็ได้นะครับ ผมรอได้”ผมพูดไปถือว่าตัดปัญหา แต่หมอตั้มกลับนั่งเฉย ก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์เพื่อต่อสาย

     “พี่วุธนะครับ ยา Cephalosporin 500 mg แบบฉีดน่ะครับ ที่คลังยังพอมีเหลืออยู่บ้างมั้ยครับ……ครับเดี๋ยวยังไงหมอแพรวจะเป็นคนไปรับยาด้วยตัวเอง ผมฝากพี่วุธด้วยนะครับ” หลังจากวางสายหมอตั้มก็ได้แต่มองหน้าหมอแพรวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะผายมือเป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกกับหมอแพรวเป็นนัยๆ

     “ให้คนอื่นเขารอมันไม่ดีหรอกนะแพรว” การเย็นชาที่ผมพึ่งเคยเห็นจากหมอตั้ม ทำไม damage มันดูรุนแรงมากเหลือเกิน แต่ ณ เวลานั้น หมอแพรวก็ได้แค่ทำตาม ในแบบที่ดูไม่เต็มใจ

     “ต้องขอโทษด้วยนะคุณชัช ที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้” เขาบอกกับผมหลังจากหมอแพรวเดินออกไป ผมก็ได้แต่ยิ้มให้กับเขา หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้ไม่นานหมอตั้มก็ได้เคลียร์งานเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะจนเสร็จเรียบร้อย จากที่ผมเห็นเป็นหมอก็ลำบากใช่ย่อย ไหนจะต้องรักษา ดูแล แถมยังต้องตามติดอาการ ตวรวจวินิจฉัย แถมงานเอกสารที่ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทนเลย

     “แต่ว่าผมไม่มีเสื้อผ้ามาเลยน่ะคุณชัช แวะกลับไปเอาก่อนได้มั้ยอ่ะ”

     “ผมมีมา 2 ชุด ใส่กับผมก่อนก็ได้”

     “ไอ้ชุดนอกมันไม่เท่าไหร่ แล้วชั้นในล่ะคุณ…ผมจะไปใส่ของคุณได้ยังไงกัน” มันก็จริงของเขา

     “งั้นเดี๋ยวผมแวะห้างข้างหน้านี่ก่อนก็ได้ คงไม่ได้ใช้เวลามาก”หมอตั้มก็ดูไม่ได้ติดขัดอะไร ผมกับหมอตั้มเดินออกไปด้านนอก ก็พบกับหมอแพรวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ward มองมาที่ผมกับหมอตั้ม แต่ดูรายนี้ไม่ได้สนใตอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งสำหรับผมแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่เลย

     “ดา พรุ่งนี้ผมไม่ได้มาเข้าเวรนะ ยังไงฝากเคสคนไข้ด้วย เดี๋ยวหมอแทนจะมาดูแทนให้  คุณก็เอา Chart ที่ผมเตรียมเอาไว้ ใส่ข้อมูลต่อได้เลย ผมฝากด้วยนะ”คำพูดทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะเดินออกไปโดยไม่ได้ร่ำลา คนที่ยืนอยู่ตรงข้างหน้าอีกคน
   
     หลังจากที่เราทั้งคู่ออกเดินทาง ระยะทางจากโรงพยาบาลไปห้างสรรพสินค้าจริงๆก็ไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่ แต่การจราจรกลับทำให้ระยะทางที่ใกล้ๆกลับไกลเหมือนเป็นร้อยกิโลฯได้เลย

     “ขอโทษนะที่ทำให้เสียเวลาหลายรอบเลย” ทำไมต้องทำหน้าสำนึกผิดแบบนั้นด้วย ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย

     “ขอโทษทำไมคุณ เรื่องแค่นี้ แล้วผมก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น”

     “ก็กลัวทำให้คุณเสียงานไง”

     “ไม่หรอก…มีคุณไปช่วยจะเสียงานได้ยังไง”

หลังจากฝ่ารถติดมาได้ การเดินซื้อเสื้อผ้าก็คงไม่ใช่อุปสรรคอะไร แต่ที่กำลังเป็นอุปสรรคในตอนนี้คือการวนหาที่จอดรถ ซึ่งมันยากยิ่งกว่าการสืบคดีซะอีก ผมใช้เวลาวนหาอยู่เกือบประมาณ 20 นาที กว่าจะได้ที่จอดรถ หรือว่าผมคิดผิดที่มาซื้อใหม่แทนที่จะกลับไปเอาที่คอนโด พลาดไปซะแล้ว แต่หมอตั้มก็ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามาก เลือกซื้อพร้อมจ่ายเงินภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที Shop Ck ได้เงินหมอตั้มไปไม่ใช่น้อยเลย

     “ทำไมกางเกงชั้นในของคุณมันหลายถุงจัง คุณซื้อเยอะขนาดนั้นเลยหรอ”

     “ปล่าว กางเกงชั้นในน่ะถุงเดียว ที่เหลือ Jacket กับ Jeans”แล้วเขาก็ยื่นถุงๆนึงมาให้ผม

“อันนี้ของคุณ jacket สีขาว ผมว่ามันเหมาะกับคุณน่ะ ห้ามปฏิเสธล่ะ”

     “ตัวเป็นหมื่นเลยนะคุณ”

     “จำนวนเงินมันไม่สำคัญเท่ากับน้ำใจหรือความรู้สึกของคนให้หรอก เงินยังไงมันก็ยังหาใหม่ได้เรื่อยๆ  จริงปล่าว?” พูดมาแบบนี้ก็ต้องน้อมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะเอาอะไรตอบแทนให้เขาได้บ้าง ในตอนนั้นขณะที่หมอตั้มเดินนำผมเพื่อกลับไปยังรถ ในหัวของผมมันก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า
มันก็มีของที่ผมอยากได้ใหม่เหมือนกัน

     “คุณ…” ผมคว้ามือของเขา “ผมขอเวลาอีกสัก 20 นาทีได้หรือเปล่า” เขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้กับผมแบบเดิมๆ ผมก็เลยเกินไปยัง shop นาฬิการ้านหนึ่ง ที่แม่ของผมชอบซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดทุกปี แต่คราวนี้ผมซื้อเอง เพราะว่านาฬิกาเรือนสุดท้ายที่แม่ผมซื้อให้มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว แล้วอีกอย่างมันก็สมบุกสมบันมากับผมพอสมควร ถึงเวลาที่ผ่านจะต้องถูกปลดระวาง นอนพักให้สบายบ้างแล้ว

     แล้วผมก็เลือกแบบที่ผมต้องการได้ ในระยะเวลาเพียงไม่นาน เป็นรุ่น connected modular 45 แล้วผมก็ตัดสินใจเลือกมาสองสีเพราะผมรู้สึกชอบทั้งรูปแบบและสีสัน

     “ซื้อสองเรือนเลยหรอคุณ”

     “ใช่ ผมชอบน่ะ บางรุ่นผมก็ซื้อเก็บไว้ไม่เคยใช้เลยก็มี ส่วนใหญ่คุณแม่จะซื่อให้ผมเวลาเห็นรุ่นไหนออกแล้วเป็นแบบที่ผมชอบ”

     “แม่คุณคงจะรักคุณมาก”

     “ไม่หรอก…ท่านไม่ได้รักผมขนาดนั้นหรอก….เราไปทำหน้าของเรากันต่อเถอะ สนุกกันมามากแล้ว”ผมจึงตัดการสนทนาออกไปดีกว่า เรื่องในครอบครัวมันพูดยากเกินกว่าคนอื่นจะเข้าใจ

     หลังจากเดินทางออกจากห้างสรรพสินค้า  จากในบันทึกการเดินทางชองหมวดมนตรี ปั้นหยา ชาเลต์ เป็นรีสอร์ทแห่งแรกที่ทั้งคู่เดินทางไป ตั้งอยู่ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี  ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ผมสังเกตุว่าหมอตั้มกำลังนั่งอ่านรายละเอียดผลการชันสูตรของเหยื่อรายหนึ่ง

   “มีอะไรหรือเปล่าคุณผมเห็นนั่งอ่านมาตั้งนานแล้ว”

   “ก็… กำลังรวบรวมวิธีที่คนร้ายใช้ฆ่าเหยื่อน่ะสิ อยากรู้ว่า ถ้าฆาตกรเป็นผู้หญิง การกระทำทั้งหมดเหล่านี้ เธอคนนั้นจะสามารถทำได้คนเดียวหรือเปล่า หรือว่าต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด แต่จากที่ดูและจับสังเกตุข้อมูลในรายงาน ผมมีความรู้สึกว่า รายละเอียดในการฆาตกรรมน่ะมันดูเป็นขึ้นเป็นตอน แต่ทำไมไม่มีผลชันสูตรเกี่ยวกับยาหรือสารอะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้เหยื่อสลบหรือเรี่ยวแรงลดลง ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งสามารถฆ่าผู้ชายคนนึงได้โดยที่เธอไม่ต้องใช้ยาหรือเครื่องมืออะไรช่วยละก็ คงทำไม่ได้แน่ แค่ลักษณะทางกายภาพระหว่างผู้หญิงกับเหยื่อทั้งหมดมันก็ต่างกันแล้ว”

   “แล้วถ้าเธอมีคนสมรู้ร่วมคิดอย่างที่คุณบอกล่ะ”

   “ถ้ามี แปลว่าทั้งคู่ต้องได้ผลประโยชน์อะไรจากคนพวกนี้ แต่ดูแล้วพวกเขาไม่น่ามีอะไรดึงดูดได้เลย ถ้ามองเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ก็เห็นจะมีเพียงแค่หมวดมนตรีคนเดียวล่ะมั้งที่ดูจะให้อะไรเธอได้มากที่สุด แต่ความรู้สึกผม ผมว่าเธอคนนี้ ลงมือทำเพียงคนเดียว และต้องใช้ยาอะไรสักอย่างแน่นอน ผมจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเธอถึงสามารถกระทำการเพียงคนเดียวได้ ยกตัวอย่างนะ ถ้าเธอมีความรู้ในการใช้ยาหรือศึกษามาดี เธอจะใช้ยาสลบแบบชนิดฉีดได้ เพราะว่า เป็นยาที่นิยมฉีดเข้าเส้นเลือดดำเพราะว่ามันออกฤทธิ์เร็วและควบคุมปริมาณการใช้ยาได้ง่าย
ตัวอย่างนะ อย่าง Barbiturate ก็จะมี Phenobarbital, Thiopental แถมยาในกลุ่มพวกนี้ยังสามารถแบ่งย่อยได้อีกตามระยะเวลาในการออกฤทธิ์ อย่าง Thiopental จะอยู่ในกลุ่ม Ultrashort acting barbiturate เพราะมันออกฤทธิ์เร็วและสั้นมาก ผู้ป่วยหรือบุคคลทั่วไปสามารถหมดสติได้ภายในเวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น ยากลุ่มนี้เขาถึงนิยมใช้กันเยอะน่ะ
ส่วนอย่างที่ 2 จะเป็นกลุ่ม nonbarbiturate ก็จะมี ketamine, propofol, และกลุ่ม benzodiazepine เช่น diazepam, midazolam ตัวยาที่บอกพวกนี้ก็สามารถใช้ทำให้สลบได้เหมือนกันหรือจะใช้ในระหว่างผ่าตัดก็ได้  แต่ถ้าเธออยู่ดีๆหยิบเข็มไปฉีดให้กับเหยื่อเหล่านั้นโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุผมว่ามันก็น่าจะยาก ใครจะให้ฉีดจริงมั้ย ยาอะไรก็ไม่รู้ มันก็เหลือแค่อีกอย่างเดียว คือให้ดมกาซ ยาดมสลบพวกนี้มันอยู่ในสภาพที่พร้อมจะสูดดมได้เลย ก็จะเป็น nitrous oxide เป็นที่นิยมใช้เลยล่ะ นอกจากมีฤทธิ์บรรเทาปวดได้ แถมยังหมดฤทธิ์เร็วอีก แต่ยาพวกนี้ถ้าใช้ผิดวิธี หรือใช้มากเกินไป หรือร่างกายของบุคคลเหล่านั้นยังไม่พร้อมรับยาพวกนี้ละก็ ชีวิตพวกเขาเสี่ยงแน่ๆ”

   “ก็คนร้ายต้องการให้พวกเขาตายอยู่แล้ว คงไม่ต้องไปคำนึงว่าจะมากหรือน้อย แล้วอีกอย่างนะครับ ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าจริง ผมว่าคนร้ายคนนี้ อาจจะต้องเป็นแพทย์แบบพวกคุณ เพราะถ้าคนธรรมดาคนนึงต้องการที่จะฆ่าใครแล้วต้องมานั่งศึกษาถึงวิธีการใช้ยา หรือวิธีการใช้อาวุธ ผมว่ามันคงจะไม่ทันใจพวกเขาซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นบุคคลในสายงานแบบคุณก็ไม่น่ายากที่จะทำอะไรพวกนี้ได้ แถมยาก็ไม่ต้องซื้อ สามารถเบิกได้จากคลังของโรงพยาบาลได้เลย”

   “ใช่ แต่เราก็สามารถขอดูรายละเอียดการเบิกจ่ายยาจากโรงพยาบาลได้...แต่ แต่ถ้าคนร้าย ทยอยเบิกออกมาเรื่อยๆเพื่อไม่ให้มีความน่าสงสัยอยู่ในใบแจ้งเบิกละก็ อันนั้นก็คงตามสืบยาก เพราะในแต่ละวัน แต่ละโรงพยาบาลก็ต้องมีการใช้ยานี้แทบจะทุกวันอยู่แล้ว อาจจะยากในการตรวจสอบซักหน่อย”

   “เอาเถอะคุณ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลพวกนี้ มันทำให้ผมล้อมกรอบเข้ามาได้เยอะเหมือนกันว่าจะตามสืบจากอะไรได้บ้าง ไม่ใช่งมเข็มในหมาสมุทรแบบที่เคยทำกันมา” ถึงแม้ทุกอย่างมันจะเริ่มเข้าสู่ปมมากขึ้นแต่ก็ใช้ว่าทุกอย่างจะง่ายเหมือนอย่างที่คิด แต่ยังโชคดีอยู่อย่างนึง ที่ไม่มีเหยื่อรายใหม่สำหรับฆาตกรรายนี้เกิดขึ้นอีก อาจเพราะการกระจายข่าวของสื่อทั้งตาม ทีวี อินเทอร์เน็ต เลยทำให้คนร้ายอาจจะยังไม่สามารถกระทำได้ราบรื่นนัก แต่ก็วางใจไม่ได้ ผมไม่รู้เลยว่า ตอนนี้เราก้าวนำคนร้าย หรือคนร้ายก้าวนำพวกเราอยู่
ผมเดินทางมาถึงปั้นหยา ชาเล่ต์ในเวลา 14.52 น ใช้เวลาขับรถโดยประมาณ 2 ชม.31 น. ตามเวลาใน จีพีเอส ผมก็ไม่รอช้า ที่จะลงไปปฏิบัติภารกิจอย่างที่ได้ทำไปเมื่อวาน แต่การดำเนินเรื่องในคราวนี้ออกจะไวหน่อยเพราะผมได้โทรมาแจ้งกับทางรีสอร์ททั้งสองที่ พอมาถึงเลยมีการเตรียมพร้อมในข้อมูลที่ผมได้ขอเอาไว้ ผมก็เพียงแค่ยื่นหมายค้นไปให้ผู้จัดการดูเพื่อเป็นเครื่องยืนยันในการเข้าตรวจค้นอย่างถูกต้อง แต่ผลจากกล้องวงจรปิดนั้น ไม่ได้ให้ข้อมูลใดเพิ่มเติมจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วเท่าไหร่ เรายังคงเห็นเพียงแต่หน้าของหมวดมนตรีเหมือนเดิม การปลอมตัวปิดบังใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น และจากการสอบถามพนักงานที่ทำงานในวันนั้นก็ไม่มีใครที่พอจะจำรูปพรรณของเธอได้สักคน เราจึงขอไปเดินดูรอบๆบริเวณบ้านพักที่ทั้งคู่ได้เข้าพักในคืนนั้น ก่อนที่จะขอตัวกลับออกมา ก่อนที่เราจะเดินทางไปยังอีกหนึ่งรีสอร์ท ที่อยู่ห่างจากกันไม่มาก ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 15 นาที ก็มาถึงยัง วิลล่า ทัสคานี คันทรี รีสอร์ท เราดำเนินการไม่ต่างจากเดิม และผลที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่เเรกสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากทั้งคู่เข้า ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ มีการเดินทางออกไปเที่ยว กลับเข้ามา เหมือนกับการมาท่องเที่ยวทั่วไป และเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าทั้งสองคนไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้างในวันนั้นๆ เลยทำให้การทำงานในวันนี้ เสร็จเร็วกว่าที่คาดเอาไว้มาก และแทบไม่ได้อะไรจากการที่มาสืบค้นเลยแม้แต่นิดเดียว มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นการวางแผนที่ผิดพลาดของผม“ไม่เป็นไรหรอก มาแล้วไม่ได้อะไร ดีกว่าไม่มาแล้วมีอะไรนะคุณ ยังไงเราก็ได้เห็นภาพในกล้องวงจรปิดแล้วว่าเขาทั้งสองคนมาที่นี่จริงๆ”เขาพยายามพูดให้ผมหายเครียด แต่ผมก็ไม่ได้เครียดอะไรมากขนาดนั้นแค่รู้สึกแย่กับผลที่ได้รับมากกว่าเท่านั้น

“ผมไม่เป็นไร...แล้ว...งานวันนี้ก็เสร็จแล้ว งั้นเดี๋ยวเรากลับกันเลยแล้วกัน”

“เดี๋ยวก่อนสิคุณ...ทำไมรีบกลับอย่างนั้นล่ะ ผมลางานมา
ทั้งที” เขารีบแย้งขึ้น และมันก็จริงอย่างที่เขาพูด

“แล้วคุณอยากไปไหนล่ะตอนนี้ในหัวผมมันว่างเปล่าไปหมด”

“คุณคิดว่าระหว่างเที่ยวต่อแล้วหาที่พักที่นี่ กับการไปเที่ยวทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ คุณอยากไปที่ไหน”

“คุณอยากไปที่ไหน…ผมก็ไปกับคุณนั้นล่ะ”

“งั้นผมขอเลือกไปทะเลนะ เอาแค่พัทยาแล้วกัน เดี๋ยวผมขอดู gps ก่อน………..ตอนนี้ 4โมงเย็น ระยะทางประมาณ  300 kmไปถึงที่นั้นก็ประมาณ 2 ทุ่ม งั้นไปที่นั้นน่ะ แล้วเราก็มาสลับที่กัน เดี๋ยวผมขับให้เอง”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมขับเอง แค่นี้สบายๆ”

“แต่คุณขับรถมาที่นี่ก็เหนื่อยแล้วนะ แถมยังต้องขับไปพัทยาเพราะความต้องการของผมอีก”

“แล้วคุณมีความสุขมั้ยล่ะที่จะได้ไป”

“มีสิคุณ ถึงจะแค่พัทยาก็เถอะ ก็ผมชอบทะเลนี่นา”

“ถ้ามีความสุข คุณก็นั่งอยู่ที่เดิมนั้นละ เพราะผมอยากเป็นคนที่ทำให้คุณมีความสุขเหมือนกัน” การอยู่กับเขาสองคนแล้วพูดอะไรแบบนี้ออกไป มันจะทำให้เขารู้สึกอะไรแย่ๆหรือเปล่านะ แต่แค่รอยยิ้มที่เขายิ้มออกมา ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร มันก็ทำให้ผมมีความสุขเหมือนกัน


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
จีบกันเร็วจัง
ชอบครับ

 :ling1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
และในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ปวีณ ก็ได้โทรมาบอกกับผมเรื่องผลการตรวจสอบพื้นที่
“เออ ว่าไงไอ้วีณ
“เออกูจัดการตามที่มึงสั่งเรียบร้อยแล้วนะเว่ย น่าจะรอผลสองถึงสามวันถึงจะรู้ว่าเป็นใคร แล้วมึงอ่ะเป็นไงมั่ง ได้อะไรเพิ่มอ่ะ”
“ไม่เลยว่ะ ข้อมูลเดิม ภาพแบบเดิมๆ หาอะไรเพิ่มเติมจากรีสอร์ทสองที่นี้ไม่ได้เลย”
“เอาน่า ยังไงเราก็ได้ข้อมูลสำคัญมาตั้งหลายตัวแล้ว ถ้ามันไม่ได้อะไรบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร เดี๋ยวยังไงแค่นี้ก่อนนะเว่ย เดี๋ยวกูต้องไปทำงานต่อแล้ว
“เออ ขอบใจมากนะเว่ย”แล้วเสียงสนทนาจากไอ้วีณก็ได้ตัดสายไป แต่ก็จริงอย่างมันว่า ไม่ได้อะไรบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร
…………..
               ระยะเวลา 4 ชม.ในการขับรถมาพัทยา ก็ทำเอาผมหลังเเข็งได้เหมือนกัน แต่ยังดี…ที่ตลอดทางหมอตั้มชวนผมคุยเรื่องตลก เล่านั้นเล่านี่ให้ผมฟัง ถึงแม้ว่าบางช่วงเขาจะเผลอหลับไปบ้างก็เถอะ
   “แล้วคุณเลือกดูไว้หรือยังว่าจะเข้าพักที่ไหน”ผมถามเมื่อเราขับรถมาถึงพัทยาใต้
   “ผมถามเพื่อนเอาไว้แล้ว มันบอกว่า Wave Hotel ใช้ได้เลย มันบอกว่าโรงแรมนี้จะประดับด้วยไฟสีเขียว หาไม่ยาก” หลังจากรับทราบถึงเรื่องสถานที่ ภารกิจต่อไปคือการค้นหาสถานที่ ผมกับหมอตั้มช่วยกันสอดส่องสายตาหาโรงแรมที่มีไฟสีเขียวในทันที และเเล้วเราก็พบกับสถานที่นั้นในเวลาไม่นาน หลังจากจัดการจอดรถเรียบร้อย ก็เป็นหมอตั้มที่เดินนำผมเข้าไปก่อน ส่วนตัวผมหลังจากออกมาจากรถได้ ก็ขอยืดเส้นยืดสายให้เต็มที่ ก่อนที่จะเดินตามหมอตั้มเข้าไปด้านใน
   “คุณ เอาบัตรผมไปรูดได้เลย”ผมยื่นบัตรเครดิตให้กับเขา แต่เจ้าตัวก็ดันมือผมกลับมา
   “ผมชวนคุณมา เดี๋ยวค่าห้องพักผมจ่ายเอง คุณไปนั่งรอเถอะ” ผมรู้ว่าขัดขืนไปก้ไม่ได้อะไร ก็เลยเดินมานั่งรอที่โซฟาใน Lobby พอผมนั่งยังไม่ทันไร Welcome Drink กับผ้าเช็ดหน้าก็มาเสิร์ฟให้ผมถึงที่ พอได้ดื่มน้ำมันก้ทำให้ผมสดชื่นขื้มาบ้าง
   “ดื่มน้ำก่อนสิคุณ สดชื่นดีนะ”ผมบอกกับหมอตั้มเมื่อเขาเดินมาถึง
   “อือ”จากการดื่มน้ำนี่คงกระหายพอๆกับผมเลยสินะ “ดีนะที่เราได้ห้องพัก ห้องสุดท้ายพอดี” ผมก็ได้แต่ยิ้มเป็นคำตอบให้กับเขา ก่อนที่พนักงานจะพาเราไปยังห้องพัก เมื่อเรามาถึงห้องพัก คือถ้าเป็นคู่ Honeymoon ใหม่ๆละก็คงได้ สวีทแบบขั้นสุดแน่ๆ บรรยากาศขนาดนี้ เตียงนอนที่มีเสา 4 เสาพร้อมกับมุ้งที่ย้อยระย้าอยู่
   “สวยดีเนอะคุณ...ว่ามั้ย” หมอตั้มพูดพลางเดินสำรวจอย่างมีความสุข
   “อืม สวยดี บรรยากาศก็ดี.....แล้ว...คุณอยากทำอะไรต่อ ไปเดิน Walking Street มั้ย” ไหนๆก็มาถึงแล้วนี่ ก็ถามเข้าประเด็นซะเลย
   “คุณยังไหวอยู่แน่นะ เป็นห่วงคุณ เห็นขับรถมาทั้งวันแล้ว”
   “ไหวสิคุณ ทำงานเหนื่อยกว่านี้เยอะเลย....งั้นเรามาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อน ผมมีเสื้อยืดมาสองตัว คุณกับผมคนละตัว แต่กางเกงผมมีแต่ยีนส์ขายาวมา”
   “ไม่เป็นไรเอากางเกงที่ซื้อมาเมื่อกลางวันมาใส่เลย แต่มันก็เป็นยีนส์เหมือนกันแหละ แต่ขาสั้น น่าจะสบายกว่า หวังว่าคุณจะใส่ได้” เขาหยิบกางเกงที่อยู่ในถุงมาให้ผมลอง แต่หลังจากที่ลองแล้ว ด้วยความสูงของผมเลยทำให้กางเกงตัวนี้ดูสั้นไปสำหรับผมเลยล่ะ แต่มันก็ไม่ได้สั้นอะไรมากขนาดนั้น
   “ได้เห็นคุณแต่งตัวแบบนี้ดูแปลกตาดี” แปลกตานี่มันไม่ได้หมายถึงตลกใช่มั้ย คราวนี้กลายเป็นหมอตั้มเข้าไปเปลี่ยนชุดบ้าง แต่พอเดินออกมา การแต่งตัวแบบนี้ทำให้เขาดูเด็กขึ้นกว่าเดิม แต่ที่แปลกตาผมไปก็คือ หมอตั้มใส่แว่น
   “คุณใส่แว่นด้วยหรอ”
   “ใส่ได้สักพักใหญ่แล้ว พอดีไปเชคปรากฏว่าสายตาสั้นลงไปเยอะเลย หมอที่ รพ.ก็เลยแนะนำให้ใส่กันเอาไว้ กลัวจะสั้นมากไปกว่าเดิม” หลังจากเราทั้งคู่จัดแจงตัวเองกันเรียบร้อย ดีนะที่เราทั้งคู่ใส่รองเท้าผ้าใบกันมา ไม่อย่างนั้นการแต่งตัวในวันนี้มันคงดูแปลกๆพึลึก  เราออกเดินทางไปยัง Walking street ที่อยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่มาก เราทั้งคู่ก็เลยตัดสินใจเดินเลียบชายหาดไป บรรยากาศในตอนนั้นทั้งสายลม กลิ่นอ่อนๆจากทะเลมันทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก และทำให้การเดินไปยังจุดหมาย แทบไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด พอเดินมาถึง เเสง สี เสียง และผู้คน กับบรรยากาศที่ดูสนุกสนาน มันก็ยิ่งทำให้เราตื่นตัวขึ้น ผมกับหมอตั้มเริ่มต้นจากการเดินหาอะไรทานไปเรื่อย ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกย่าง ไก่ย่าง ผลไม้ตามรถเข็น และอีกสารพัดที่เราจะหาซื้อได้และทานไหวในเวลานั้น
     “คุณทานเยอะเหมือนกันนะ”ผมแซวขึ้น
     “ก็ทั้งวันแล้วนี่คุณ ถือว่ารวบมื้อไปเลยแล้วกัน”
     “งั้นเดี๋ยวคุณรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมเข้าไปซื้อน้ำมาให้” ผมเห็นว่าเขาทานอะไรไปตั้งเยอะแล้ว แต่ยังหาร้านน้ำไม่เจอ พอเจอ 7-11 ก็เลย เข้าไปจัดการให้ก่อนที่อาหารพวกนั้นจะติดคอเขาซะก่อน (ผมแซวเล่นนะ เขาไม่กินอะไรมากขนาดนั้นหรอก) หลังเดินออกมาผมก็ยื่นน้ำพร้อมกับทิชชู่เปียกให้กับเขา “แล้วคุณอยากไปตรงไหนต่อ”
               “ไปนั่งริมทะเลกัน บรรยากาศกำลังสบายเลย” ผมก็เดินตามเขาไป แต่ก็อย่างว่า บรรยากาศมันดีจริงๆ แถมเย็นสบายด้วย “นั่งตรงนี้แหละคุณ”
               “ถ้าทางคุณจะชอบทะเลมาก เห็นยิ้มตลอดเลย”
               “ใช่ ผมชอบทะเล ตอนเด็กๆ พอถึงวันหยุดทีไรพ่อกับแม่ก็เตรียมทริปไปทะเลที่นั้นที่นี่ พอเห็นน้ำทะเลปุ๊ปแทบอยากจะกระโดดใส่ปั๊ปเลยตอนนั้น…แล้วคุณล่ะ ชอบมั้ย”
                “ถามว่าชอบมั้ย ก็ชอบนะ แต่ตอนเด็กๆผมไม่ค่อยได้ไปไหน แถมอยู่โรงเรียนประจำทั้งเปิดเทอมแล้วก็ปิดเทอม พ่อแม่ผมท่านเดินทางบ่อย ไม่ค่อยมีเวลา”
                “คุณเล่าเรื่องตอนเด็กของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ อยากรู้ว่า คุณมีวีรกรรมเด็ดอะไรกับเขาบ้างหรือปล่าว”
                “จะมีวีรกรรมอะไรล่ะคุณ ผมก็มีแต่เล่นกีฬา ทั้งฟุตบอล รักบี้ ว่ายน้ำ ชีวิตวันๆของผมก็มีอยู่เท่านี้ ไม่ได้มีอะไรให้จดจำเท่าไหร่หรอก พอจบ ม.3 ผมก็เลือกไปสมัครที่ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ วันๆก็เรียน ฝึก เล่นกีฬา คุณจะมาหาความสนุกในวัยเด็กของผมน่ะ มัน…ไม่มีหรอก ชีวิตผมอยู่แต่กับกฏระเบียบ ต้องเคร่งครัด จนทำให้ผมไม่ค่อยได้สนใจในกิจกรรมที่วัยรุ่นตอนนั้นเขาทำกัน แต่ก็มีไอ้วีณนี่ล่ะ ที่ทำให้ผมได้ใช้ชีวิตแบบที่วัยรุ่นเขาใช้กันบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อย ”
                 “เพราะคุณเป็นคนตั้งใจ คุณถึงเป็นตำรวจที่ดีไง ทั้งปกป้อง คุ้มครอง ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเองหรือปล่าว…แล้ว….เรื่องความรัก ตอนนั้นคุณเป็นยังไงบ้าง”
                 “ก็ไม่เป็นยังไง แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตอนนั้นผมไม่สนใจเรื่องความรักเลยนะ อยู่แต่กับเพื่อน วันไหนได้มีโอกาสกลับมาบ้านผมก็เอาแต่ทำกิจกรรมที่ผมอยากทำ ดูหนัง ฟังเพลง ไป gym เล่นอยู่กับหมาที่ผมรัก พอเรียนจบได้รับราชการ พ่อแม่ของผมก็จัดการเรื่องหาคู่ดูตัว เดี๋ยวพาคนนั้นมา พาคนนี้มา วุ่นวายไปหมดอ่ะ ผมปฏิเสธยังไงก็ไม่เคยสำเร็จ จนวันนึง ผมดึงไอ้วีณไปงานดูตัวกับผม พอคู่ดูตัวของผมมาถึงผมก็คิดพิเรนขึ้นมาในหัว แนะนำกับผู้หญิงคนนั้นไปว่า ไอ้วีณเป็นแฟนผม ตอนนั้นไอ้วีณจ้องหน้าผมเขม็ง แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องตามน้ำกับผมไปเรื่อยๆ”
                  “คุณนี่ก็แสบไม่ใช่ย่อยนะ”
                  “ก็แค่คิดสนุกๆหวังให้การดูตัวตอนนั้นมันจบลงไวๆ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่สนใจในสิ่งที่ผมโกหกเลย เธอกลับเสนอแนวทางที่จะทำให้การดูตัวในครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายของเธอกับผม เธอเสนอแผนพร้อมข้อตกลงขึ้นมา แต่แผนนั้นมันก็ดันถูกใจผม ผมก็เลยตกลงร่วมมือกับเธอ เธอขอผมแค่ว่า เวลาไปหาพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย เราทั้งคู่ต้องไปด้วยกัน แค่นั้นเอง แต่หลังจากพูดคุยกับเธอ เจอเธอบ่อยขึ้น ความรู้สึกผมมันก็เริ่มเปลี่ยน ผมเริ่มไปรับเธอที่ทำงาน ชวนเธอไปทานข้าว พาเธอไปเที่ยว จน...เราทั้งคู่…มีอะไรกัน พอนานมา พอผมรู้ว่าเธอตั้งท้อง ผมก็ยิ่งหวง..ยิ่งห่วงเธอมากขึ้น ดูแลเธอเท่าที่ผมจะทำได้ แต่ผมก็ทำพลาด เย็นวันนั้นเธอโทรให้ผมไปรับที่ทำงาน แต่ผมติดภารกิจที่ไม่สามารถไปรับเธอได้ เธอเลยขับรถของเธอที่จอดเอาไว้ที่ออฟฟิศกลับเอง แล้วมันก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเลย จนมีคนโทรมาบอกกับผมว่าพลอยเกิดอุบัติเหตุรถชน  ตอนนั้นไอ้วีณพาผมขี่มอเตอร์ไซค์จนมาถึงโรงพยาบาล ตอนนั้นพลอยยังอยู่ icu แต่ไม่นาน หมอคนที่ทำการรักษาพลอยก็ออกมาบอกว่า ช่วยชีวิตพลอยไว้ไม่ได้จริงๆ หลังจากนั้นคุณหมอคนนั้นก็มาบอกกับผมอีกว่า
   “คุณพลอย ฝากให้ผมช่วยทำสิ่งๆหนึ่งกับคุณ คุณพร้อมหรือเปล่าครับ แล้วคุณก็บอกกับผมว่า ผมพร้อมครับ แล้วผมก็เข้าไปกอดคุณ แล้วผมก็บอกคุณอีกว่า คุณพลอย อยากให้ผมช่วยมากอดคุณแทนเขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาบอกให้ผมกอดคุณจนกว่าน้ำตาของคุณจะหยุดไหล พอผมคลายกอดออกจากคุณ คุณก็บอกผมว่า ขอบคุณครับ มันมีค่ามากจริงๆ แล้วผมก็ตอบกลับคุณไปว่ามันก็แค่กอดของตัวแทน คงสู้ความอบอุ่นที่เจ้าตัวเคยกอดกับคุณไม่ได้ แล้วผมก็ให้กำลังใจคุณ ให้คุณเข้มแข็ง สู้ต่อเพื่อตัวเอง”
              “คุณจำได้?”ผมตกใจมากตอนนั้น
              “พอคุณเล่ามา มันก็พอมีเค้าลางน่ะ แต่ตอนนี้คุณดูเข้มแข็งมากเลยนะ คุณรู้มั้ย…ว่าตอนที่เราเจอกันตอนที่ผมเกิดอุบัติเหตุน่ะ ผมคิดนะว่าคุณโคตรขี้เก๊กเลย ทำขรึม น่าเตะชะมัด แล้วพอมาได้คุยๆไป มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ คุณทั้งกวนประสาท ชอบทำนิ่งเฉยเวลาผมพูด ตอนนั้นน่ะผมคิดหาวิธีอยากจะแกล้งคุณกลับ แต่พอได้พูดคุยกันมากขึ้น รู้จักคุณมากขึ่น ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะแกล้งอะไรคุณแล้ว เพราะสิ่งที่คุณทำ....มันแทบจะลบล้างกับสิ่งที่ผมคิดได้เลย ทั้งห่วงผม ดูแลผม คอยช่วยเหลือผม กลายเป็นว่าผมต้องคอยแต่ที่จะขอบคุณๆ”
              “ผมเต็มใจ ผมไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ สิ่งที่ผมคิด มันจะเป็นยังไงต่อไป มันจะดีอย่างที่ผมคาดหวังหรือปล่าวก็ยังไม่รู้”
              “มันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ตัวคุณ ถ้าคุณมีความสุข คนรอบข้างคุณมีความสุข มันก็พอแล้ว”
              “แล้ว.... ถ้าคนที่ผมอยากให้มีความสุขไปกับผมด้วย…เป็นคุณล่ะ คุณตั้ม” เขาหันมามองหน้าผมทันที ส่วนผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้า ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นความกล้าที่ผมเคยมีมันหายไปไหนหมด“ผมไม่อยากปิดกั้นตัวเองแล้ว ผมไม่อยากให้เวลาที่ผมรู้สึกดีกับคุณมันผ่านไปอย่างไม่มีค่า ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมต้องหวั่นไหวทุกครั้งเวลาอยู่กับคุณ ตั้งแต่วันนั้นที่คุณกอดผม ผมก็รู้สึกอยากให้คุณกอดผมอีก กอดผมไปเรื่อยๆ ผมพยายามหาทางที่จะเจอคุณ แต่ตอนนั้นผมไม่กล้า ผมก็เลยหาเวลาว่าง ไปเล่นดนตรีที่โรงพยาบาลคุณ”
               “คุณคือ เจ้าของหน้ากากดนตรีคนนั้นน่ะหรอ”
               “อืม  เวลาผมเล่น ผมจะมองหาคุณทุกครั้ง แต่ ผมก็ไม่เคยเจอ จนล่าสุดที่ผมตัดสินใจว่าจะเล่นเป็นรอบสุดท้าย ในวันนั้น มันก็ทำให้ผมได้พบคุณ”
               ผมล้วงเข้าไปหยิบนาฬิกาที่ผมพึ่งซื้อมาวันนี้ออกมา
               “เอามือมาให้ผม” แล้วผมก็สวมนาฬิกาเรือนนั้นให้กับเขา “ผมซื้อนาฬิกานี้ให้คุณ ผมให้เวลาผมกับคุณ เวลาของผม…เป็นของคุณ และใจผม…ผมก็ให้มันเป็นของคุณ”ผมมองหน้าของเขา ทั้งๆที่ผมเองไม่กล้าแม้แต่จะสบตา  และเขาเองก็คงไม่กล้าที่จะสบตาผมเช่นกัน  “แต่ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ผมพูดไปมันทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ผมก็ขอคุณเก็บแค่นาฬิกาเรือนนั้นเอาไว้ก็พอ…เพราะผมตั้งใจอยากให้มันกับคุณ” ผมไม่กล้าแม้จะมองหน้าเขา ตอนนี้ผมกลัวคำตอบ คำตอบที่ผมไม่คาดหวังที่จะได้ยินมัน
                “ผมไม่รู้จะตอบคุณยังไง ผมยังไม่แน่ใจตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าตัวผมมีความรักในรูปแบบไหน แต่คำพูดที่คุณพูด มันกลับทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ผม…ไม่เคยมีแฟน เลยไม่รู้ว่าการถูกจีบหรือว่าการไปจีบคนอื่นมันต้องรู้สึกยังไง” ทั้งผมและเขาในตอนนี้ในสายตามีเพียงผืนทรายเท่านั้นที่เราสองคนมองเห็น สำหรับผมการบอกชอบใครสักคน ทำไมมันยากกว่าการทำคดีหรือวิ่งไล่จับคนร้าย ผมอยากให้สิ่งที่ผมสารภาพในวันนี้ เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของผม มือผมที่วางอยู่บนผืนทรายมันค่อยๆเคลื่อนตัวไปหามือของเขาที่วางอยู่ไม่ห่างจากผม แรกสัมผัสมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมค่อยๆกำมือเขาจนแน่นและผมก็รู้สึกถึงแรงสัมผัสที่ส่งมาจากมือของเขาเช่นกัน
                 “ถ้าคุณจับมือผมไปแล้ว…คุณจะไม่ปล่อยมันกลางทางใช่มั้ย?”ทำไมน้ำเสียงของเขาดูสั่นๆแบบนั้น
                 “ผมสัญญาด้วยชีวิตของผม” คำพูดจากปากผมมันทำให้ผมเห็นรอยยิ้มเล็กบนใบหน้าของเขาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ผมสารภาพความในใจออกมา
                “คิดยังไงมาสารภาพรักผมที่ทะเล คิดว่าอยู่ในนวนิยายสมัยก่อนหรือไง” พอเข้าที่ก็กวนผมเลย นายคนนี้
                “ก็ประมาณนั้น จริงๆแล้วมันก็มีอีกอย่างนึงมันถึงจะครบองค์ประกอบนวนิยาย”ผมก็เลยเลื่อนไปกระซิบที่ข้างหูของเขา “ก็จับคุณทำเมียไงล่ะ” เขาถึงกับผงะออกด้วยความตกใจ
ก็ชอบแซวผมดีนัก ก็เลยจัดเปิดต้อนรับในฐานะแฟนวันแรกซะเลย “ผมแซวเล่นน่ะคุณ ก็คุณชอบแซวผมว่าเป็นพระเอกในละครบ้าง ในนิยายบ้าง ผมก็เลยเล่นกับคุณสักหน่อย แต่ถ้ายากให้ครบอย่างที่บอก เรากลับห้องกันเลยก็ได้นะ”
    ~~~ผลั่ก~~~
เขาผลักผมล้มลงไปนอนกับพื้นเลยเชียวล่ะ แรงเยอะไม่เบา
                “มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกผู้หมวด” เขารีบลุกขึ้นพร้อมกับทำท่าปัดทรายในมือเยาะเย้ยผม เรื่องอะไรผมจะยอมล่ะ ผมก็ต้องรีบลุกขึ้นตอบโต้สิครับ
                “คิดว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือมารอย่างผมได้งั้นหรอ” กลับวิ่งหนีผมไปซะอย่างนั้น แถมวิ่งเร็วซะด้วย แต่เขาคงลืมไปว่าผมน่ะ นักกีฬาเก่าเชียวนะ งั้นผมจะงัดสปีดแชมป์วิ่ง 4x100 ออกมาใช้ซะเลย และหมอตั้มก็ไม่พ้นมือมารอย่างผมจริงๆ
                “ทำไมคุณวิ่งเร็วงี้อ่ะ ผมอุตส่าห์วิ่งนำคุณมาก่อนตั้งเยอะ” เอ้า หอบหายใจหายคอไม่ทันเลยทีเดียว ถึงขั้นทรุดลงนั่งเลย
                 “คุณลืมหรอ ผมนักกีฬาเก่าน่ะ”แล้วผมก็ยื่นขวดน้ำที่ผมหยิบมายื่นให้กับเขา “ค่อยๆทานนะคุณเดี๋ยวสำลักเอา” แต่ใช่ว่าจะฟังผมที่ไหน กลับดื่มเอาๆ
                 “เพราะคุณอ่ะ แกล้งผม ทำเอาผมเหนื่อยเลย” ยังจะมาโทษผมอีก
                 “งั้นผมไม่แกล้งคุณแล้วก็ได้ เรามาเดินกลับห้องกันเหอะ” ผมยื่นมือไปหาเขา แต่เขาดันกลับจ้องมาที่มือของผม ก่อนที่จะตัดสินใจเอื้อมมือมาจับแล้วพยุงให้ตัวเองลุกขึ้น ความรู้สึกภายในวันนี้ มันช่างหลากหลายอารมณ์เหลือเกิน แต่ผมก็มีความสุข ถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม ก็ผมบอกแล้วไง เขาเป็นกำลังใจของผม การเดินทางกลับห้องในครั้งนี้ ถึงแม้เราจะไม่ได้เดินจูงมือกัน แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าผมขาดหายอะไร แต่กลับอุ่นใจมากกว่า ที่รู้ว่ากำลังจะมีเขามาเดินอยู่ข้างๆในชีวิตของผมหลังจากนี้
เวลา 10 นาทีในการเดินกลับมาถึงห้องนั้นมันก็เร็วดีนะ ผมเลยขอจัดการอาบน้ำก่อนเลย เพราะเริ่มรู้สึกเหนียวตัวจากลมทะเล แต่อีกคนกลับขอนั่งพักซะก่อน ขนาดอายุน้อยกว่าผมนะเนี้ย
สงสัยต้องพาไปออกกำลังซะบ้างแล้ว
        หลังจากที่จัดการธุรส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเราไม่มีชุดที่จะใส่นอน ก็เลยใส่ชุดคลุมอาบน้ำเดินออกไป
        “ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคุณ” รีบถามเชียวนะ
        “ก็ผมลืมว่าเราไม่มีชุดใส่นอน ชุดเเรกก็ส่งซักไปแล้ว ชุดเมื่อกี้ก็มีแต่ทราย ก็เหลือแค่ชุดนี้กับกางเกงใน”
         “ยังดีที่ยังมีกางเกงในนะคุณ…โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำบ้างละ” หลังจากที่ลุกเดินออกไปจากที่นอน คราวนี้ก็เป็นเวลาของผมที่จะได้ครอบครองที่นอนผืนนี้บ้าง ผมก็นั่งเลื่อนหาอะไรดูไปเรื่อย เพื่อที่จะหาตั้มออกมานอนพร้อมกัน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พวกเขาเคยเจอกันมาก่อนนั่นเอง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของตั้ม
          หลังจากที่ผมอาบน้ำจนความเหนื่อยที่มีนั้นมลายหายไปกับสายน้ำ การแต่งตัวของผม ณ เวลานี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับหมวดชัชเมื่อสักครู่นี้เลย แต่ก็เอาเถอะ มันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่เมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็พบว่าหมวดชัช นั่งหลับอยู่บนเตียง ดูท่าทางแล้วท่าจะเพลียเอามากจริงๆ แต่ปัญหาในตอนนี้คือ ผมจะทำยังไงให้เขาลงมานอนในท่านอนปกติ ขืนปล่อยไว้แบบนี้ เช้ามาได้เดี้ยงแบบหมดสภาพแน่  ผมก็เลยค่อยๆดึงขาเขาให้นอนราบลงมากับที่นอน แต่ด้วยความที่ชุดกับผ้าปูที่นอนมันไม่ส่งเสริมกันทำให้เพิ่มความลำบากไปอีกหลายเท่า แถมไอ้ชุดที่เขาใส่นี่ก็สามารถเปิดเผยจุดซ้อนเร้นได้ตลอดเวลา ผมก็เลยต้องขึ้นไปบนที่นอนเพื่อที่จะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวด้วยตัวเองถ้าจะดีกว่า
   “คุณชัช คุณตื่นลงมานอนดีๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ปวดตัวเอาหรอก...คุณชัช”แต่ผลที่ได้กลับได้แค่อาการงัวเงีย แถมตอนนี้เจ้าตัวกลับเอาหัวมาหนุนที่ตักของผมอีก รึว่า...นี่จะเป็นแผนของหมวดเจ้าเล่ห์คนนี้ ผมเลยแกล้งดึงผมตรงจอนของเขาออกมาหนึ่งเส้น ผลปรากฏว่าเฉย ลองอีกสักเส้นแล้วกัน ก็เฉยอีก สงสัยท่าจะหลับจริง แต่ทว่า เขานอนหลับไปได้ยังไง เพราะผมของเขายังเปียกอยู่เลย แต่จะลุกขึ้นไปหยิบที่เป่าผม ตอนนี้ก็คงไม่ทันซะแล้ว  งั้นคงต้องใช้ผ้าขนหนูของผมเช็ดแทนไปก่อน แต่ก็ไม่อยากเชื่อ ที่ตอนนี้ผมกับเขากำลังอยู่ในสถานะที่ต่างจากเดิม ทั้งๆที่เขาพึ่งรู้จักตัวตนของผมจริงๆได้ไม่นาน แต่ด้วยความพยายาม ความตั้งใจของเขาที่คอยช่วยเหลือ ดูแล เทคแคร์ มันก็ทำให้ผมไม่สามารถปล่อยคนๆนี้ไปได้เหมือนกัน นี่คือตัวตนของผมจริงๆใช่มั้ย ตัวตนที่ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันคืออะไร แต่กลับกลายเป็นเขาที่ทำให้ผมได้รู้ นี่แหละมั้งคือตอบที่น้องสาวผมเคยบอกเอาไว้ว่าผมจะรู้สึกเอง และมันก็จะมากกว่าที่ผมเคยรู้สึก และตอนนี้...มันก็เป็นอย่างนั้น
   เวลา 15 นาทีในการเช็ดผมของหมวดชัชจนแห้ง แต่มันก็ทำเอาผมปวดหลังเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แล้วตอนนี้ผมก็เริ่มง่วงนอนแล้วด้วย แต่ผมก็ไม่กล้าปลุกเขา ขนาดตอนที่ผมนั่งมอเตอร์ไซค์แล้วเผลอหลับ เขาก็ยังไม่ยอมที่จะปลุกผม อดทนรอจนผมนั้นตื่นขึ้นมาเอง  คราวนี้...ผมก็ควรอดทนเพื่อเขาบ้าง โชคดีที่ระยะของผมยังสามารถที่จะนอนเอนหลังได้ ยังไงก็ลองดู“ราตรีสวัสดิ์นะคุณชัช”
...


   “โอ๊ย....คุณชัช ขาผม คุณชัช”ผมเผลอร้องออกมาตอนที่คุณชัชขยับตัว จนทำให้เขาต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา และดูท่าทางจะงงกับตัวเองว่ามาหนุนตักผมอยู่ได้ยังไง
   “เป็นอะไรคุณ”
   “โอ้ยๆๆ คุณอย่าจับ มันเจ็บ โอ๊ยๆๆ
              “คุณ คุณค่อยๆเหยียดเข่าให้ตรง เดี๋ยวผมจะดันปลายเท้าให้” ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้จริงๆมันปวดมาก ได้แต่แหกปาก แต่หมวดชัชก็พยายามยืดขาผมออกจนตรง ก่อนที่จะค่อยๆดันปลายเท้าให้ผมอย่างช้าๆ ถามว่ามันพอทุเลาลงมั้ย มันก็ดีขึ้น แต่ก็นานพอสมควรกว่าที่จะยืดหดขาได้ปกติ
              “หายเจ็บหรือยังคุณ รู้สึกว่าเส้นมันยังยึดอยู่หรือเปล่า”
              “ดีขึ้นแล้วคุณ เมื่อกี้เเม่งโคตรเจ็บเลย” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นตะคริวขนาดนี้ “เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ เห็นทำหน้างงๆ”
              “ก็งงว่า ผมมานอนหนุนตักคุณได้ยังไง เพราะผมว่า…ผม…”
              “ก็ผมเห็นคุณนั่งหลับ ผมทั้งสะกิดทั้งดึงขาคุณๆก็ไม่ตื่น แต่คุณดันโน้มตัวมานอนที่ตักผมซะอย่างนั้น ตอนแรกคิดว่าคุณแกล้งด้วยซ้ำ”
              “จริงดิ…ผมไม่รู้ตัวจริงๆ…..ขอโทษนะ”
              “จะขอโทษทำไม คุณยังเคยให้ผมนอนซบที่หลังคุณเลย แถมนานกว่านี้อีกมั้ง ตอนนั้นคุณคงแย่กว่าผมแน่ ต้องนั่งเกร็งนานขนาดนั้น”
              “ทำมารู้ดี...นอนต่อเถอะคุณ เดี๋ยวคราวนี้ผมจะให้คุณหลับก่อน จะได้แน่ใจว่าผมจะไม่ทำอะไรเปิ่นๆใส่คุณอีก”
             “เพ้อเจ้อ” ผมรู้สึกชินกับการเห็นใบหน้าที่ดูเฉยชาเหมือนไม่มีอะไรแต่คำพูดนี่แฝงไปด้วยวาจาเชือดเฉือนตลอด แต่คงจะไม่ได้เฉยชาหรอกมั้ง น่าจะขี้เก๊กมากกว่า แต่ตอนนี้รู้สึกสบายตัวกว่าเมื่อกี้เยอะเลย อื้อ…สบาย

……………………………………………………..
       
         ติ๊ด~~~ติ๊ด~~~
               เสียงของตัวระเบิดเวลาที่ทำลายความฝันอันพริ้วไหวของผมในตอนเช้าของทุกๆวัน ทำไมวันนี้เสียงมันช่างดังกว่าทุกๆวันจัง แต่ปรากฏว่ามีแต่ผมคนเดียวนะที่ตื่นขึ้นมา ส่วนอีกคนยังนอน…เห้ย!!!!!!!!!!!!!!! ทำไมนอนอ้าอล่างฉ่างขนาดนี้......ทำไงดีไอ้ตั้ม ทำไงดี ถ้างั้น…ผมก็เลยเอามือไปดึงชายเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาแล้วค่อยๆลากมาปิดจุดสงวนที่กำลังโชว์เด่นสง่าอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้  แต่อยู่ดีๆแรงดึงอันน้อยนิดแต่มหาสารก็พาลดึงตัวผมลงไปทับที่ตัวหมวดชัชซะงั้น แถมหน้าผมกับหน้าเขาตอนนี้ มัน….อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว…ตายแน่ตู
             “คุณกำลังทำอะไร”เสียงแข็งแบบนี้หมายความว่าไง
             “ก็…ก็ดึงชายเสื้อคุณมาปิด ปิด…ไอ้นั้นคุณอ่ะ” อายเว้ย
             “แน่ใจหรอคุณตั้ม” เสียงกวนๆแบบนี้ ไม่เป็นไร…แต่!..ทำไมต้องทำเสียงกะเสร่า
             “แน่ใจดิ ใครให้คุณมานอนโชว์…แถม…ยัง….”
             “แข็งน่ะหรอ” รีบเชียวนะ เรื่องทะลึ่งนี่รีบเชียว
             “พูดอะไรของคุณ”
             “เอ้า!!! ทำไมอ่ะคุณ ผู้ชายมันแข็งตอนเช้าๆมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติป่ะ…แล้วแถม…ตอนนี้ น้องชายผมมันก็ดันไปสัมผัสโดนตัวคุณอีกตะหาก”
             “ก็คุณก็ปล่อยดิ” พยายามจะถอยตัวออกแต่สู้แรงไอ้หื่นนายนี่ไม่ไหว
             “งั้น….ผมขอ”….พลิกแล้ว ผมกลับมาเป็นฝ่ายที่อยู่ข้างล่างแล้ว T^T ทำไงดีว่ะ
             “คะ…คุณชัช ผม…ผมไม่เคย”ทำไรไม่ถูก จะทำไงดี เรื่องแบบนี้ผมไม่เคย ถ้ามันเกิดขึ้น ผมจะทำไง จะตายมั้ย จะ…จะเดินได้หรือเปล่า
             “ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณซะหน่อย^^”ไม่ต้องมามองหน้าทำซึ้ง ไม่ต้องตาหวานใส่ด้วย “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก…ของมีค่า…มันไม่สมควรถูกทำลายเพราะแค่อารมณ์ทางเพศ…..”แล้วเขาก็ลุกขึ้นจากตัวผม “ลุกขึ้นเถอะ เตรียมตัวไปทานอาหารเช้ากัน” พอจบคำพูด หมวดชัชก็เดินตรงเข้าไปยังห้องน้ำ ก่อนที่ผมจะค่อยๆลุกขึ้น ไม่น่าเชื่อ ว่าจะมีคนคิดแบบนี้หลงเหลืออยู่ ถึงแม้ผมจะไม่เคยผ่านอะไรมาก่อนก็เถอะ แต่ทั้งจากเพื่อน จากน้องที่มาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ sex  ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีคนไหนรอดพ้นเงื้อมมือมารได้สักคน อาจจะถือว่าเป็นโชคดีของคนอย่างผม ที่เจอคนดีๆอย่างหมวดชัช
     หลังจากที่เราทั้งคู่จัดการกับธุรส่วนตัวกันเรียบร้อย จุดหมายต่อไปก็คือห้องอาหารของโรงแรม แต่จากที่สังเกตุ หมวดชัชก็ดูปกติ ไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียวหรือว่าโมโห ที่ไม่ได้กระทำเรื่องพวกนั้น
แถมก็ยังคงกวนประสาทผมได้เเหมือนเดิม
     เมื่อมาถึง เราทั้งคู่ก็เลือกโต๊ะที่ออกจะดูมีความเป็นส่วนตัวนิดเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ผมเป็นคนเลือกนะ อีกคนนึงตะหากที่เป็นคนเลือก
               “เดี๋ยวคุณนั่งรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวผมไปเอาอาหารมาให้ ถือว่าชดเชยแล้วกันเนอะ”ผมพูดบอกกับเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าเดินไปยังไลน์อาหาร ทิ้งให้งงกับคำพูดของผมไว้อย่างนั้นละ เมื่อมาถึงยังโต๊ะจัดวางอาหาร  ผมก็เลยเอาแค่ขนมปังปิ้งกับกาแฟไปให้เขาเป็นออเดิร์ฟก่อน ส่วนอาหารอื่นก็ค่อยไปถามเอาทีหลัง ตอนยกถาดอาหารกลับมายังโต๊ะ สิ่งที่ผมไม่อยากเชื่อสายตามันก็เกิดขึ้น หมอแพรวนั่งอยู่ที่โต๊ะกับหมวดชัช เธอมาที่นี่ได้ยังไง
“อรุณสวัสดิ์จ้ะตั้ม ขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยคนนะ” แล้วผมควรจะตอบเธอยังไง สีหน้าท่าทางตอนนี้ของหมวดชัชดูรู้เลยว่าไม่โอเคอย่างแรง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกอะไรขนาดนั้น…ไม่รู้สิแต่ผมรู้ว่าเขาไม่พอใจ
                “หวัดดี แล้วแพรวมาทำอะไรที่นี่”
                “ก็มาพักผ่อนน่ะ แต่ก็โชคดีนะมาเจอตั้มกับหมวดชัชพอดี…จริงมั้ยค่ะหมวดชัช” แต่หมวดชัชก็นั่งนิ่งไม่ตอบโต้อะไร “นี่น่ะหรอสถานที่ที่หมวดชัชอยากพาตั้มมาเที่ยว…ก็ธรรมดานี่เนอะ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นตรงไหนเลย”
                “ไม่นะ…สวยดีออก แถมที่นี่ตั้มก็เป็นคนเลือกที่จะมาพักเอง”ผมเริ่มตั้งสติได้ ก่อนที่จะวางถาดอาหารลงที่โต๊ะ แล้วก็นั่งลงข้างๆเขา  “ทานกาแฟก่อนสิคุณชัช ผมตั้งใจชงมาให้ แต่ไม่รู้จะถูกปากคุณหรือปล่าว?” ให้กินกาแฟคงพอที่จะใจเย็นขึ้นมาบ้าง
                “อื้ม…ใช้ได้…ไม่หวาน” อารมณ์ยังโอเคอยู่ แถมยังมีรอยยิ้ม
                “ที่ไลน์บุฟเฟ่ต์มีอาหารอยู่หลายอย่างเลย ผมไม่รู้จะตักอะไรให้ เลยมาถามคุณก่อน”
                “งั้นเดี๋ยวผมเดินไปดูก่อนแล้วกัน” แล้วเขาก็ลุกขึ้นไป
                “เรื่องนี้คงไม่ได้บังเอิญใช่มั้ย ทั้งโรงแรม แล้วก็มื้ออาหารเช้า”
                “บังเอิญสิ แพรวจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าตั้มกับหมวดชัชจะมากันที่นี่ ไม่ได้มีใครมาบอกแพรวซะหน่อย”
                “อื้ม…หรอ”ผมเลยยกกาแฟขึ้นมาดื่มระงับอารมณ์ไว้หน่อย
                 “คุณตั้ม ผมสั่งอาหารเช้าให้ขึ้นไปเสิร์ฟที่ห้องแล้ว ขึ้นห้องกันเถอะ”หมวดชัชเดินเข้ามาบอก ส่วนตัวผมว่ามันก็คงดีเหมือนกัน ถ้านั่งกินต่อก็คงไม่อร่อยเท่าไหร่
                 “อ้าวหรอ?...งั้นก็ได้”แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับหมวดชัช แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมเดี๋ยวนี้แพรวเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับเมื่อก่อน ตอนนี้ ทั้งทำตัวน่ารำคาญ ตอแย แถมไม่มีเหตุผล ถ้าจะบอกว่าสาเหตุมาจากผม ผมว่าผมก็พูดเคลียร์กับแพรวมาตลอดแล้วว่า เราเป็นได้แค่เพื่อนกัน แต่ทำไมระหว่างผมกับหมวดชัช แพรวถึงมีอาการท่าทางแบบนี้ทุกครั้ง หรือว่า เขาจะพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อเราทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้องหมวดชัชก็ให้ผมเดินเข้าห้องไปก่อน เพราะเขาเห็นว่าหมอแพรวเดินตามมาข้างหลัง พอหมวดชัชเดินเข้ามาเขาก็ปิดประตูใส่หน้าหมอแพรวทันที
                  “ผมว่าเขาเริ่มมากขึ้นทุกที”หมวดชัชพูดขึ้น พร้อมกับเก็บอารมณ์โมโหเอาไว้ แต่มันก็มองออก
                  “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้…หรือว่า…เราจะ Check Outเลยมั้ย แล้วเดี๋ยวไปหาอะไรทานข้างนอกเอาก็ได้”ผมว่าทางนี้น่าจะเแนทางที่ดีที่สุด
                  “อืม ผมก็ว่างั้น” หลังจากนั้น หมวดชัชก็เดินไปหยิบข้าวของอุปกรณ์ ก่อนที่จะโทรลงไปแจ้ง Reception ด้านล่างเรื่องจะเคลียร์ค่าอาหารที่ได้สั่งเอาไว้ พอตรวจเช็คอะไรเสร็จเรียบร้อย ผมกับเขาก็เดินออกมาจากห้อง พร้อมกับมาชำระค่าส่วนต่างเพิ่มเติม และทางร้านอาหารของโรงแรมก็ยังเอาอาหารที่เราสั่งใส่กล่องออกมาให้อีกด้วย
                  “จริงๆเราก็มีอาหารแล้วนะ แค่หาที่นั่งกินก็พอมั้ง…ว่าแต่ว่า คุณสั่งอะไรมา”
                  “ก็ omelette ham, scone ham แล้วก็Granola yoghurt”
                  “สั่งมาซะเยอะเลยคุณ กินหนักแต่เช้า”
                  “ก็เผื่อต้องใช้แรงเยอะ ก็เลยต้องกินเยอะ”แล้วทำไมต้องยื่นหน้ามาพูดใกล้ผมขนาดนี้
                   “ถึงเนื้อถึงตัวตลอดนะเดี๋ยวนี้”ทำมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม วันนึงจะดึงปากให้ยานไปเลย
คราวนี้ผมก็คงแกล้งแบบถึงเนื้อถึงตัวเขาได้บ้างแล้วเหมือนกันสินะ แต่ฝากไว้ก่อนเถอะ เมื่อมาถึงรถ เอาข้าวของใส่รถจนเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง
                   “แล้วเราจะไปไหนกันอะคุณ เช้าขนาดนี้”ผมถามขึ้น
                   “ก็คงชายหาดใกล้ๆนี่ละ” ดูเขาอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย แตกต่างจากก่อนหน้าที่อยู่ในโรงเเรมอย่างริบลับ แต่จริงๆแล้วระหว่างโรงแรมถึงชายหาดเราก็สามารถเดินไปกันได้ แต่นี่เจ้าตัวกลับหันเลี้ยงรถไปทางอื่น
                   “จะเลี้ยวไปไหนอ่ะคุณ”
                   “เห็นรถข้างหลังมั้ย เขาขับตามเรามา ผมสังเกตุหลายรอบแล้ว” สายตาเขาจ้องมองกระตกมองหลังอยู่บ่อยครั้ง “ผมจะลองขับดูอีกสักระยะ เผื่อผมจะคิดไปเอง” และเขาก็ขับไปตรงนั้นตรงนี้ จนออกมาถนนใหญ่ รถเก๋งคนสีขาวคันนั้นก็ยังคงขับตามเรามาอยู่ ลักษณะรถที่เห็นมันก็คุ้นตาผมอยู่นะ แต่ก็นึกไม่ออกหรอกว่าเป็นรถใคร แต่อยู่ดีๆหมวดชัชก็เร่งความเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว จนผมต้องนั่งเกร็งทำอะไรไม่ถูก “ไม่ต้องกลัวหรอกคุณ ปลอดภัยล้านเปอร์เซ็นต์” นายคนนี้ยังมีมุมมืดอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกเนอะมั้ยเนี้ย หลังจากพ้นผ่านช่วง แข่งในสนามที่ monte carlo เสร็จเรียบร้อย คิดว่างั้นนะ
         “มันคงตามเรามาไม่ทันแล้วละ”
“ใครเขาจะมาตามคุณทัน รถคุณกับรถเขามันก็คนละประเภทแล้ว”ก็มันจริง Accord กับ Audi R8 V10 เนี่ยนะ กะว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวานตอนออกจากโรงพยาบาลแล้วว่านี่คือรถที่จะใช้ไปสืบหาข้อมูลทำคดีใช่มั้ยเนี้ย “ดีนะไม่เจอกล้องตรวจจับความเร็ว ไม่งั้นคุณซวยแน่ๆ เดี๋ยวเขาหาว่าเป็นตำรวจแล้วยังทำผิดกฏเองอีก”
“เอาน่าคุณ ถ้ามันจะผิดมันก็ต้องผิด ถึงผมเป็นตำรวจ แต่ผมก็อยู่ใต้กฏหมายเหมือนกับคุณนั้นล่ะ…ดูสิทำให้คุณไม่ได้นั่งทานอาหารริมทะเลเลย”
“ไม่เป็นไร ไปนั่งทานที่ห้องก็ได้ แล้วมันก็เป็นส่วนตัวแบบที่คุณชอบด้วย” พอได้ยินแบบนี้ไอ้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากของเขา มันปรากฏให้เห็นชัดทุกที แต่ก็เอาเถอะผมชอบเห็นเขาอารมณ์ดีมากกว่าที่จะเห็นเขานั่งโมโหอารมณ์ไม่ดีนี่นะ แต่ในตอนนั้นก็มีสายโทรเข้ามายังเครื่องของหมวดชัช เขาเลยจัดการเปิดบลูทูธรับสาย
“เออ ไอ้ชัชผลตรวจออกเเล้วนะเว้ย เร็วกว่าที่คิดเยอะเลย” หมวดปวีณนั้นเอง
“เออว่าไงมั่ง”
“อันแรกนะเว้ย คราบอสุจิตรงกับ Dna ของหมวดมนตรีจริงๆ แต่คราบเลือดเนี้ยผลยังไม่ออกว่ะ เห็นทางสถาบันบอกว่า มันเจือจางมากต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย”
“อืม....ไม่เป็นไร ถ้าช้า…แต่ชัวร์ กูรอได้”
“เออ อย่าว่างั้นงี้เลย ขอเสือกหน่อยเหอะว่ะ กูรู้มาว่ามึงไปกับหมอตั้ม….เผด็จศึกยังว่ะ”ไอ้คุณหมวดปวีณ หึ้ยยยยยยย
“ถ้ามึงอยากรู้ ก็ถามเขาเลย เขานั่งอยู่ข้างๆกู”
“ไม่เอาเว้ย ถามมึงนี่แหละ ว่าไง!?”
“แต่เขาได้ยินสิ่งที่มึงพูดกับกูหมดละ อยากถามอะไรเพิ่มมั้ยล่ะเผื่อเขาจะได้ตอบมึงทีเดียว”
“เหี้ย!!!!!.....เอ่อ…ผม…ขอโทษนะคราบบบบบบบบบ…..หมอตั้มมมมม”เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ คุณปวีณณณ
“เลิกนอกเรื่องได้แล้วมึง…กูมีเรื่องให้มึงช่วยอีกอย่าง ลองไปที่นิติเวชที แล้วขอตรวจสอบข้อมูลให้หน่อยว่ามีเจ้าหน้าที่คนไหนที่มีหน้าที่ทำการชันสูตรศพในคดีนี้ทั้งหมด เอาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด เอาสาเหตุที่แต่ละคนเลิกทำคดีนี้มาด้วย”
“เออ เดี๋ยวกูจัดการให้ไม่ต้องห่วง ส่วนมึง ก็ Honeymoon กับความรักรอบใหม่ของมึงไปซะ…คุณตั้ม ผมฝากไอ้ชัชด้วยนะ เพื่อนผมดี ผมconfirm” มาทิ้งบอมบ์แล้วแล้วก็ตัดสายไปดื้ออย่างนี้เนี้ยนะ
“คุณอย่าใส่ใจกับไอ้วีณเลย ปากหมานี่ล่ะ วิถีมัน” กลัวคุณจะเป็นแบบนั้นด้วยน่ะสิคุณชัช หลังจากใช้เวลาเกือบสองชม.เพื่อมาถึงยังคอนโด เราก็จัดการขนของขึ้นไปยังห้องของผมแต่เขากลับจะขอตัวออกไปทำงานต่อ
“ก็ไหนว่าวันนี้คุณลาหยุดแล้วไง ทำไมยังจะไปทำงานต่อละ”
“ก็กะว่าอยากจะไปช่วยไอ้วีณมันหน่อย จริงๆวันนี้ก็วันหยุด  แต่ก็ยังต้องให้มันไปทำงาน”มันก็มีเหตุผลน่ะนะ “แต่ผมไปไม่นานหรอก เดี๋ยวจะกลับมาทานข้าวเย็นด้วย ส่วนมื้อนี้คุณทานไปก่อนเลยนะ” ตั้งแต่ความสัมพันธ์พัฒนาขึ้น ผมเริ่มเห็นความอ่อนโยน ความอบอุ่นในตัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขายิ้มทุกครั้งที่พูดคุยกับผม ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ก็ตาม
“งั้นคุณก็หาอะไรทานด้วยล่ะ”ตอนนั้นคิดคำที่จะพูดได้เท่านี้ ก่อนที่ชัชจะหันหลังเดินออกไป”

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของชัช
“โทษทีกูมาช้า”คำทักทายแรกจากผม
“อ้าว!?มึงมาทำอะไร ไหนว่าอยู่กับคุณตั้มไง”
“กูก็เกรงใจมึงป่ะวะ วันนี้ก็วันหยุดยังเสือกใช้งานมึงอีก”
“คิดเยอะนะมึงอ่ะ ไงงานนี้ก็รับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว แต่มาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยวเว้ย รายละเอียดที่มึงต้องการ”
“กูว่าเข้าไปนั่งคุยในห้องดีกว่า” ผมรีบสวนขึ้นทันที ผมก็เลยพาไอวีณไปยังห้องเก็บเอกสารด้านข้าง “พูดต่อเลย”
“เออ…จากที่สอบถามพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่ เขาบอกว่าคุณหมอทั้งหมด 3 ท่านที่ได้ทำคดีนี้ 2 คนแรกน่ะ เป็นคุณหมอ จากโรงพยาบาลเดียวกัน ชายคนหญิงคน แต่เหมือนกับว่าเข้ามารับหน้าที่ทำคดีนี้ได้ไม่นานก็ถอนตัวออกมา แล้วเขาว่ากันว่าโดนข่มขู่จากฆาตกร ไม่ว่าจะเป็น จดหมาย คลิปเสียง หรือแม้กระทั่งเศษชิ้นส่วนร่างกายที่ถูกชำแหละแล้วส่งมา แต่ก็เป็นแค่ mock up นะ หลังถอนตัวไป ก็ไม่มีแพทย์คนไหนที่อยากทำคดีนี้เพราะว่ากลัวฆาตกรจะทำร้ายตัวเอง จนแพทย์หญิงลัลณ์ลิน ภาษสินธุ์ เสนอที่จะเข้ามาคดีนี้ แต่เห็นว่าไม่ได้ถูกข่มขู่เหมือนกับแพทย์คนก่อนๆ"
“แพทย์ที่ชื่อลัลณ์ลลิน น่าจะเป็นหมอแพรว…เพราะก็มีแต่เขาเท่านั้นก่อนที่จะเป็นตั้ม”
“ใช่…แต่มันจะเป็นไปได้มั้ย ที่หมอแพรวอาจจะโดนข่มขู่เหมือนกัน แต่แค่เธอไม่ได้บอกใคร…เพราะกลัวว่างานนี้จะไม่มีคนสานต่อ”
“ไม่น่าโดนข่มขู่ ถ้าอ่านจากประวัติการชันสูตร มึงดูนี่สิ เหยื่อสองรายแรก…มีรายชื่อหมอที่ชันสูตรสองคน ตรงกับชื่อที่พูดขึ้นมา แต่ตั้งแต่รายที่สามจนถึงห้าเป็นชื่อหมอแพรวหมด แล้วถ้าพูดถึง การที่หมอตั้มมารับช่วงต่อ มันก็แทบจะไม่มีรายละเอียดอะไรที่จะให้ชันสูตรแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งรายที่ 1ถึง4 ตัดทิ้งไปได้เลย เพราะญาตินำศพไปประกอบพิธีเรียบร้อยแล้ว  ส่วนหมวดมนตรี ทางแม่ของเขาก็ไม่ต้องการให้ชันสูตรอะไรเพิ่มเติมแล้ว”
“แปลว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือการตามหาคนร้ายที่ไม่มีแม้กระทั่งเบาะแสหรือข้อมูลเชิงลึกอะไรเลย ลายนิ้วมือก็ไม่มี เลือดหรือสารคัดหลั่งของคนร้ายก็ไม่มี ไม่มีอะไรโยงไปถึงคนร้ายได้เลยสักอย่าง”
“มีสิ เริ่มมีข้อมูลบางอย่างที่เราสามารถนำมาใช้สืบสวนหรือหาตัวคนร้ายต่อได้ แค่ตอนนี้ต้องรอข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมจากคนไม่กี่คนเท่านั้นเอง”
“ถ้างั้นไอ้ข้อมูลที่เรามาหาเพิ่มเติมวันนี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยดิ”
“ตอนนี้อาจจะยัง แต่อนาคต…ไม่แน่”    คำพูดทิ้งท้ายของผมมันจะช่วยให้ไอ้วีณมันรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้างหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้ คือผู้หญิงคนนี้จะไม่สามารถฆ่าใครได้อีกต่อ หลังจากสรุปเรื่องราวต่างจนเสร็จ ผมกับมันก็ต่างแยกย้ายกันกลับ  แต่ในใจผมรู้สึกว่าผมต้องเรื่มทำอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ผมต้องลงมือเองเพียงคนเดียว  ผมเลยขับรถไปยัง  รพ. เพื่อที่จะไปลองดูว่า หมอแพรวจะกลับมาทำงานต่อหรือไม่ หลังจากที่ไปพบปะกับผมที่พัทยา ผมใช้เวลาสักพักจากสถาบันนิติฯมายังโรงพยาบาล แต่กว่าจะมาถึง ก็ปาไป 5 โมงกว่าแล้ว
“ผมมาขอเข้าพบ แพทย์หญิงลัลณ์ลลินน่ะครับ….ไม่ทราบว่าตอนนี้เธอยังทำงานอยู่รึเปล่า”
“คุณหมอไม่ได้เข้ามาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ…แต่เดี๋ยวยังไง ดิฉันจะลองต่อสายไปยังห้องทำงานของคุณหมอให้ก่อนนะคะ บางทีอาจจะเข้ามาแต่ดิฉันอาจจะไม่เห็น” หลังจากการต่อสายก็ไม่มีสัญญาณอะไรตอบรับกลับมา ท่าทางคงจะยังกลับมาไม่ถึงจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ ยังไง…ผมขอเบอร์ติดต่อคุณหมอโดยตรงได้หรือเปล่า เผื่อผมจะนัดเจอกันข้างนอกเลย”
“ถ้าอย่างนั้นกรุณารอสักครู่นะคะ” เธอจัดการค้นหาเบอร์โทรฯหมอแพรวให้ผมในทันที และที่สุดผมก็ได้มันมา
“ยังไง…ผมขอบคุณๆมากนะครับ” พอได้เบอร์โทรผมก็รีบเดินกลับไปที่รถ ก่อนที่จะรีบต่อสายไปหาเธอทันที
“สวัสดีค่ะ”
“นี่เบอร์ของแพทย์หญิงลัลณ์ลลินหรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ครับ…ผมหมวดชัชนะครับ คือผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อย...เรื่องคดี...ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาว่างซักชั่วโมงมั้ยครับ”ผมไม่รู้จะอ้อมค้อมทำไม
“มีสิคะ…แล้วจะให้ชั้นไปเจอคุณที่ไหน”
“ร้าน Toby’s สุขุมวิท 38”
“ได้ค่ะ…อีก 1 ชม.เจอกัน”หลังจากนี้ ผมคงต้องดับเครื่องชน เพื่อที่จะล้วงหาข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด และในตอนนี้ ผมก็กำลังเริ่ม กับคนที่ทำตัวเหมือนไม่มีอะไร…มากที่สุด ไม่ถึง 40 นาที ผมก็มาถึงยังร้านเป้าหมายที่เราได้นัดกันไว้  เธอมาถึงก่อนผม และตอนนี้เธอกำลังโบกมือทักทาย
“ต้องขอโทษคุณด้วยที่ผมมาช้า”
“ชั้นก็มาก่อนหหน้าคุณได้ไม่นาน เชิญสั่งอะไรทานก่อนสิคะ…ของดิชั้นสั่งเรียบร้อยแล้ว”
“ผมขอ Australian Iced café Latte ครับ”
“ใจตรงกันเลยนะคะ สั่งเครื่องดื่มแบบเดียวกัน ชอบดื่มอะไรแบบนี้เหมือนกัน”
“ครับ…ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกันนะครับ…ผมอยากทราบว่า ทำไมคุณถึงเสนอตัวที่จะเข้าไปทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเหยื่อฆาตกรรม 5 คนนั้น”
“แหม…เปิดประเด็นได้แรงดีจังเลยนะคะ...ก็ถ้าดิชั้นไม่เสนอตัว ยังจะมีใครหน้าไหนที่จะเข้าไปทำหน้าที่เสี่ยงๆแบบนี้บ้างล่ะคะ”
“ขนาดคุณรู้ว่ามันเสี่ยง คุณก็ยังทำ ไม่กลัวเป็นเหมือนแพทย์รุ่นพี่คุณบ้างหรอครับ”
“ก็แค่คำขู่ จะไปกลัวทำไมล่ะคะ ของที่ส่งมา ก็แค่ mock up ปลอมๆ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่น่ากลัวเลย”
“หรือว่าการชันสูตรพลิกศพของคุณมันถูกใจฆาตกรครับ  ที่ชันสูตรออกมาแบบไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่จะชี้ไปยังตัวคนร้ายได้ แม้แต่นิดเดียว”
~~~ขออนุญาตเสิร์ฟ Australian Iced café Latte ค่ะ~~~
“แล้วอีกอย่างนะครับ การที่คุณบอกขอสละสิทธิ์ในการที่จะทำหน้าที่นี้ต่อ เพราะว่าทนรับแรงกดดันจากญาติของเหยื่อไม่ไหว ผมอยากทราบว่า ญาติของเหยื่อคนไหนหรอครับที่มากดดันคุณ คุณใช้เวลาชันสูตรศพแต่ละศพเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ที่เหลือก็แค่รอผลแลปว่าเนื้อเยื้อที่ส่งไปมันบอกอะไรกับคุณบ้าง ผมว่าทั้งหมดที่คุณทำ มันมาจากคำสั่งของกฏหมายไม่ใช่หรอครับ ที่จะให้สืบหาว่าฆาตกรต่อเนื่องรายนี้เป็นใคร หรือว่า แค่ใส่ข้อมูลการชันสูตรพื้นฐานเพื่อปกปิดอะไรรึเปล่าครับ”
“ทำไมต้องปกปิดละคะ ก็ถ้าในเมื่อการปกปิดมันจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายตามมา…หมวดชัชคะ การชันสูตรพลิกศพ มันไม่ใช่ว่าผ่านั้นผ่านี่แล้วมันจะบอกนี่ค่ะว่าใครเป็นคนร้าย มันก็แค่บอกถึงสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่าว่าตายเพราะอะไร
“อ่อครับ ผมเข้าใจละ มันก็คงเหมือนกับกาแฟแก้วนี้มั้งครับ คนอื่นที่ไม่รู้ก็คงมองว่ากาแฟแก้วนี้เป็นกาแฟธรรมดาที่ไม่ได้พิเศษอะไรทำไมราคาถึงแพง แต่ถ้าเป็นลูกค้าประจำ ก็จะรู้ว่าที่นี้เขาใช้เบลนเมล็ดกาแฟของที่ไหน จริงมั้ยครับ”
“คุณกำลังจะพูดอะไร”
“ถ้าคนที่ตั้งใจจะศึกษาหรืออยากรู้ว่าวัตถุดิบคือเมล็ดกาแฟในแก้วนี้มาจากไหน และทำไมต้องใช้เมล็ดกาแฟจากที่นั้นๆ เขาก็จะต้องเริ่มค้นหา สืบเสาะ ติดตาม จนกว่าจะรู้คำตอบที่เขากำลังสงสัย ถึงแม้มันจะยากในการหาคำตอบ มันก็เหมือนกับการทำงาน ที่ถ้าตั้งใจที่อยากจะรู้อะไร เราก็ต้องหาคำตอบมาให้ได้ ถึงแม้ว่า มันจะยากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าคนที่เขาไม่สนใจ ต่อให้คำตอบหาได้ง่ายขนาดไหน เขาก็คงจะบอกออกมาแค่สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นละครับ “
“คุณกำลังสบประมาทชั้นอยู่นะคุณชัช”
“ผมสบประมาทคุณ ผมบอกหรอครับ…ว่าสิ่งที่ผมพูดมันหมายถึงคุณ… คนที่ร้อนรนกับคำพูดของคนอื่น แปลว่าเขาเป็นอย่างที่คนพวกนั้นพูดจริงๆ ตอนนี้คุณร้อนรน แปลว่าคุณเป็นอย่างที่ผมพูดจริงๆ”
“คุณชัช!!!!!!!”
“ชู่ว์ๆๆ ทานกาแฟก่อนสิครับ คุณจะได้ใจเย็นเหมือนกับที่คุณเคยเย็นมาตลอด ใจร้อนแบบนี้มันไม่ดีหรอกนะครับ เดี๋ยวจะแย่เอา..” ผมนั่งจ้องหน้าเธอเผื่อเธอจะหลุดอะไรที่ทำให้เราหายสงสัยออกมาบ้าง วันนี้เป็นวันที่ผมพยายามกวนประสาทเธอให้ได้มากที่สุด แต่ดูแล้วเธอน่าจะโมโหในสิ่งที่ผมพูดออกไปมากกว่า เธอนั่งจ้องหน้าผม ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด สงสัยผมต้องหยุดการล้วงจ้อมูลจากเธอเพียงเท่านี้ ไม่อย่างนั้น มันอาจจะเกิดอะไรในสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงก็ได้
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณที่ยอมมาพบผม เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”ผมลุกขึ้นไปวางเงินที่เคาท์เตอร์ ก่อนที่จะเดินออกไป
“คุณชัช”เสียงเรียกตามหลังผมมา ก่อนที่กาแฟแก้วนั้นจะสาดมาที่หน้าของผมตอนที่กำลังหันไปหาเธอ “บางที...การอยู่นิ่งๆมันก็อาจจะดีกว่าการสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นเขาไปทั่วก็ได้นะคะ ชั้นให้กาแฟชั้นกับคุณ เผื่อความเย็นจากกาแฟมันจะทำให้คุณหยุดที่จะดิ้นเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นเขาได้บ้าง อย่าโกรธกันนะคะ แพรวแค่เป็นห่วงคุณ”
แล้วเธอก็เดินกลับไปที่รถของเธอก่อนที่จะเหยียบคันเร่งพุ่งออกไป  ส่วนผมก็เละเทะไปตามระเบียบ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ผมออกจากร้านมาถึงคอนโดในเวลาไม่ถึง 20 นาที สภาพแบบนี้ผมควรขึ้นไปหาคุณตั้มดีหรือเปล่า  แต่ก็เอาเถอะ ผมโทรให้คุณตั้มลงมารับผมฝั่งลิฟต์ ไพรเวท
“คุณไปทำอะไรมา ทำไมเปรอะเลอะเทอะแบบนี้อ่ะ” ตกใจอย่างที่คิดจริงๆ แต่ผมก็หาคำแก้ตัวไปเรื่อย แต่ก็นานกว่าที่เจ้าตัวจะหยุดถามเหมือนกัน
“คุณเข้าไปในห้องน้ำเลย เดี๋ยวผมเอาผ้ากับชุดไปให้”แล้วผมก็ถูกดันเข้ามาให้อยู่ในห้องน้ำก่อนจนได้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้…มันเหนียวชะมัดเลย  การอยู่ในห้องน้ำของผมตอนนี้มันเหมือนสวรรค์เลย สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก  แต่ผมก็ไม่เคยใช้เวลาในห้องน้ำนานเกิน 10 นาทีหรอก พอออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นผ้าขนหนูกับชุดวางเอาไว้อยู่บนเคาท์เตอร์ตรงอ่างล้างหน้า พอผมจัดการธุระของผมจนเสร็จเรียบร้อย ออกมาอีกทีผมเห็นเจ้าตัวกำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่
“อ่านอะไรอะคุณ” ผมนั่งลงข้างๆเขา
“ก็หนังสือแพทย์นี่ละ เพิ่มเติมความรู้นิดนึง”
“แล้วเรื่องอาหารเย็น”
“อ่อ ไม่ต้องห่วง ผมสั่งจากร้านน้องสาวของผมมาเรียบร้อยแล้วแต่ผมให้เขามาส่งตอนสองทุ่มนะ” รอบคอบดีนะ แต่อยู่ดีๆเขาก็วางหนังสือลง “เอาผ้ามา ผมเช็ดผมให้” พอได้ยินคำพูด ผมก็ได้แต่มองหน้าเขา “มองอะไรเล่า เอาผ้ามา แล้วก็ลงไปนั่งกับพื้นเลย”ผมก็เลื้อยไหลลงไปอย่างว่าง่ายสิครับ ความรู้สึกแบบนี้ การกระทำแบบนี้ ผมไม่เคยได้รับจากใครนอกจากแม่ของผม แต่ก็ตั้งแต่ตอนเริ่มเป็นวัยรุ่นน่ะนะ
“คุณชัช”
“ครับ”
“คุณจะชอบผู้ชายอย่างผมได้จริงๆน่ะหรอ”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
“ก็…ไม่รู้”เสียงอ่อยซะงั้น “ก็เห็นว่าคุณเคยมีภรรยา”
“ความรักก็คือความรัก ผมมีความสุขคุณมีความสุขก็พอไม่ใช่หรอ”ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก่อนที่จะหันตัวกลับไปนั่งคุยกับเขาดีๆ
“ผมไม่เคยมองคนอื่นมากกว่าคนที่ผมรัก” ผมมองจ้องหน้าเขา แต่คราวนี้เขากลับไม่หลบสายตาไปจากผม ตอนนี้เขากำลังจะทำให้ผมเก็บอาการไม่ไหว “ผมขอจูบคุณได้มั้ย”แต่เขาก็ยังจ้องมองมาที่ผมอยู่ดี ปลายนิ้วของเขาที่สัม ผัสมาที่ใบหน้าผม มันนุ่มนวล และอ่อนโยนมาก “ถ้าคุณไม่ตอบ…แปลว่าคุณตกลงนะ” ใบหน้าของผมค่อยๆเลื่อนเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ ริมฝีปากที่อมชมพูของเขากำลังถูกริมฝีปากของผมสัมผัส ไอร้อนจากตัวเขาแผ่ส่งเข้ามายังร่างกายของผม ผมถอนจูบก่อนที่จะจับหมอตั้มถอดเสื้อ และดันให้หมอตั้มนอนราบไปกับโซฟา ผมบรรเลงจูบร่างของหมอตั้มไล่วนตั้งแต่ต้นคอลามไปจนถึงหน้าอก
“ฮึก!”เสียงแรกที่ผมได้ยิน ผมยังคงจูบหมอตั้มจากหน้าอกลามไปยังหน้าท้องที่มีกล้ามอ่อนๆ เพียงสัมผัส มือของหมอตั้มก็บีบที่เเขนของผมแน่น  ก่อนที่ผมจะเลื่อนขึ้นไปจูบที่ปากของเขา คราวนี้เขาเริ่มมีการโต้ตอบมากขึ้น ตอนนี้ร่างกายผมแทบจะอดกลั้นความต้องนี้ไว้ไม่ไหวอีกแล้ว ผมถอนจูบและถอดเสื้อของตัวเองออก ตอนนี้ผมเหมือนหมาป่าที่กำลังหิวกระหาย ผมก้มลงจูบอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาเริ่มที่จะตอบโต้ผมมากขึ้น ผมจึงใช้จังหวะที่เขากำลังโอนอ่อยไปตามอารมณ์ตอนนั้น ถอดกางเกงของเขาออก
“พร้อมแล้วหรอ”ผมแซวเมื่อเห็นตั้มน้อยที่กำลังพร้อมสู้โผล่พ้นออกมานอกกางเกง ผมเอามือลูบไปตามตัวของเขาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะให้เขาลองสัมผัสในสิ่งที่ผมเคยได้สัมผัส ผมบรรจงจูบไปตามแนวท้องน้อยของเขาอย่างช้าๆ ไล่ลงจนมาถึงบริเวณความเป็นชายของเขา เสียงครางอ่อนๆของเขาตอนนี้มันเหมือนตัวกระตุ้นที่ทำให้ไฟในตัวลุกไม่หยุด ผมเล้าโลมพร้อมกับถอดกางเกงของผมออก  ผมค่อยๆเขยื้อนร่างกายขึ้นมาบนตัวเขาอย่างช้าๆ ก่อนที่ผมจะไปหยุดที่น้องชายของเขา  “อ้ะ” เขาร้องขึ้นเพราะอาจยังไม่คุ้นสัมผัสจากมือของคนอื่นเท่าไหร่ ผมจูบที่หน้าอกของเขาก่อนที่ผมเคล้าคลึงให้น้องชายของเรารู้จักกันแบบใกล้ชิด
“คุณชอบมั้ย” ผมถามเขาขณะที่มือของผมยังทำความรู้จักอยู่อย่างต่อเนื่อง
“อืม”เสียงตอบเพียงสั้นๆ
“ไม่อยากรู้จักน้องผมบ้างหรอ”ผมถอนตัวขึ้นก่อนที่จะดึงเขาให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของผม เขาเริ่มต้นทำในสิ่งที่ผมเคยเบิกทางไว้ เขาจูบไปทั่งร่างของผม ต่ำลงไปเรื่อยๆๆ ก่อนที่เขาจะใช้ริมฝีปากที่บางเบาของเขาสัมผัสไปที่น้องชายผม ความร้อนจากลิ้นของเขามันทำให้ผมแทบบังคับตัวไม่ได้ เขาลองลิ้มชิมรสเจ้าหนูของผมไปจนถึงลูกบอลที่อยู่ข้าง เขาทำผมตัวสั่นไปหมด ไม่คิด…ว่าเขาจะทำให้ผมรู้สึกได้มากถึงขนาดนี้ ผมพลิกตัวกลับเป็นฝ่ายรุกบ้าง “ผมถอยไม่ได้แล้ว…พร้อมนะครับ” ผมพูดเสียงกระเสร่าข้างใบหูของเขา ผมจัดการแยกขาของเขาออกจากกัน ก่อนที่จะยกเอวของเขาให้ลอยขึ้น
“คุณจะทำอะไร”ผมดึงมือทั้งสองข้างของเขาให้มาช่วยพยุงขาคู่นั้นเอาไว้
“จะ…เจ็บครับ”ผมเอานิ้วที่เปียกชุ่มน้ำลายของผมเบิกทางรักของเรา จนหมอตั้มตัวเกร็ง
“นี่ยังไม่ใช่ของจริงสักหน่อย”ผมค่อยๆดึงนิ้วคลึงวนไปมาเพื่อให้เตรียมพร้อมรับจ้าวชัชที่ใหญ่โตกว่านี้อีกหลายเท่า
“เจ็บครับ”เขาร้องขึ้นเมื่อนิ้วของผมเข้าไปจนสุด
“แน่นจังครับ” ผมโน้มตัวลงไปจูบอีกครั้งพร้อมกับใช้ลิ้นที่เป็นอาวุธของผมหยอกล้อกับหมอตั้มอีกครั้ง เสียงลมหายใจที่หอบกระเสร่าของทั้งเขาและผมทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เราทั้งคู่ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งอะไรตัวเองได้อีกแล้ว แอร์ที่เคยเย็นตอนนี้กลับร้อนระอุ
“ให้ผม…เข้าไปอยู่ในตัวคุณนะ”ผมกระซิบบอกเสียงหวาน แล้วจูบที่หน้าผากของเขาเบาๆ
ผมค่อยๆถอนนิ้วของผมออกจากทางรักของหมอตั้มอย่างช้าๆก่อนที่ผมจะแยกขาของเขาให้กว้างขึ้น แล้วก็ค่อยๆดันน้องชายของผมเข้าไป
“จะ…เจ็บ
“อย่าเกร็งสิครับคนดี”
“อึก”
“เป็นของผมแล้วนะครับ”
“ชัช…ผมเจ็บ”
เขาดูเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่ผมพยายามเอาเข้าไปอย่างเบาและนิ่มนวลที่สุด ผมจูบปลอบประโลมเขา สัมผัสแบบเผ่าเบา เขากอดรัดผมอย่างแนบแน่น ผมก็เช่นกัน
“ช้าๆสิชัช”ผมคงใช้จังหวะเร็วมากไปหน่อย แต่ถึงเขาจะบอกผมว่าเจ็บ แต่ใบหน้ากับเสียงครางกระเสร่าของเขามันแสดงให้ผมรู้ว่าเขาผ่อนคลายขึ้น
“อื้อ…อื้อ”
“ตั้ม..คน…ดี…ของ…ผม”
“อ๊า…อ๊า…ผม…รู้…สึก…ว่า…มัน…จะ”หมอตั้มครางออกมาไม่เป็นศัพท์ และสะโพกของเขาก็ขยับไม่หยุดตามแรงที่ผมขยับ
“เสร็จพร้อมกันนะ” มือผมลูบจับใบหน้าเขาก่อนที่จะเคลื่อนเข้าไปแบบถี่รัว ผมเร่งไม่หยุด เสียงครางของเราทั้งคู่ดังพอๆกับเสียงร่างกายของเราที่กำลังกระทบกัน
“ไม่…ไหว…แล้ว”
“ผม..จะ…ไม่…ไหว…แล้ว”
และแล้ว
“อ๊าาาาาา”เราสองคนปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน ทั้งผมและเขาต่างหอบกันทั้งคู่ ตอนนี้ผมได้แต่ซุกหน้าอยู่ข้างๆหมอตั้ม
“คุณ…คุณเสร็จในตัวผมหรอ” เขาถามขึ้นเหมือนจะตกใจนิดๆผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไป
“ก็…ไม่ทันได้เตรียมตัวนี่นา”ผมจูบลงที่หน้าผากของหมอตั้มอีกครั้ง “ตอนนี้…คุณเป็นภรรยาผมเต็มตัวแล้วนะ”
“บ้า…ผมเป็นผู้ชาย…จะเป็นภรรยาได้ไง”
“ก็ตอนนี้ก็เป็นแล้วไง…ใช่มั้ยครับ…ที่รัก” ผมหอมแก้มเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะพาชัชน้อยออกมาหายใจตามปกติ
“คุณนอนอยู่เฉยๆก่อน”ผมเดินไปหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ตรงโต๊ะอาหาร ก่อนที่จะมาซับเช็ดสิ่งที่เราสองคนได้ทำไว้ ผมเช็ดตรงหน้าท้องของหมอตั้ม แล้วก็ไล่ไปตามบริเวณที่เปรอะ ผมพลิกตัวตั้มนอนตะแคง แล้วก็เช็ดสิ่งนั้นออกจากตัวของเขา แต่สงสัยท่าจะเพลียมาก นอนหลับไปง่ายๆซะอย่างนั้น แต่คงให้นอนทั้งเปรอะๆแบบนี้ไม่ได้ ผมเลยไปจัดการเปิดน้ำใส่อ่างเอาไว้ ผสมจนรู้สึกว่าอุ่นดีแล้ว ผมเลยไปอุ้มหมอตั้มมาแช่ตัวในอ่างพร้อมกับผม ตอนนี้เขากลับมาอยู่ในอ้อมกอดผมอีกครั้ง ผมล้างตัวหมอตั้มอย่างเบามือ ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมอย่างดี จนตัวผมเองยังแทบจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่อีกรอบซะแล้ว แต่พอตัวสะอาด ผมก็นั่งแช่ต่ออีกสักพัก ก่อนที่จะอุ้มหมอตั้มขึ้นมาเช็ดตัว แล้วพาไปส่งยังเตียงนอน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของตั้ม


ผมพลันตื่นขึ้น ตอนนี้รอบๆตัวผมมีเพียงแสงจากโคมไฟตรงหัวนอน พอหันมาดูนาฬิกาตอนนี้ก็แค่ 1 ทุ่มเอง แต่พอเริ่มขยับตัวเท่านั้น ความเจ็บที่มันเก็บกดอยู่ภายใน มันก็ปะทุขึ้นมาทันที มันแล่นไปทั่วร่างของผม โดยเฉพาะส่วนล่าง
“เจ็บหรอ!?”
“ก็…เจ็บอ่ะ”
“เดี๋ยวสักพักมันก็ดีขึ้น…รู้รึเปล่าว่าผมอุ้มตัวคุณไปอาบน้ำล้างตัวมา”
“หึ…ไม่รู้อ่ะ….แต่ก็รู้สึกเหมือนจะรู้สึก”
“เพ้อแล้วรึไงเรา”ชัชเอามือมาบีบจมูกแกล้งผมซะอย่างนั้น “พอผมทำอะไรให้เสร็จ…ก็อุ้มมาให้นอนบนที่นอนนี่ล่ะ…รู้มั้ย ตอนอาบน้ำให้…เกือบได้คุณอีกรอบ”ยังมาทำเสียงกระเสร่าอีก
“พอก่อนเลย…แค่นี้ก็เจ็บจะแย่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น…ก็ต้องทำบ่อยๆจะได้ชิน”ผมตีหน้าผากเขาไปหนึ่งทีโทษฐานหื่นได้ตลอดเวลา “ผมเจ็บนะ”
“เเต่ก็เจ็บน้อยกว่าผมป่ะ”
“โอเคๆ ผมยอมแล้ว”
“แล้วนี่คุณพึ่งตื่นเหมือนกันหรอ”ผมลุกขึ้นนั่งเอนพิงตรงหัวนอน แต่เขาก็ดันเอาหัวมาหนุนตักผมซะอย่างนั้น รู้มั้ยว่ามันสะเทือน
“เปล่า…ผมไม่ได้นอน…ผมพยายามทักไลน์หาไอ้ติวน่ะอยากรู้ว่าเรื่องรายชื่อไปถึงไหนแล้ว”
“แล้วผลเป็นไง”
“โทรไปยังไม่รับ…ไลน์ไปก็ยังไม่อ่าน”
“เขาคงติดธุระนั้นละ ได้เรื่องยังไงเขาก็คงโทรมาบอกคุณเอง”
“ก็คงจริง”เขาวางมือถือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม “ขอบคุณทุกๆอย่างในวันนี้นะ”เขาคว้ามือผมไปจับ “ผมจะไม่ยอมให้ใครมาพาคุณไปจากผมแล้วนะ”
“ใครเขาจะกล้า…โหดแถมดุขนาดนี้”
“คุณน่ะหรอ”
“คุณตะหากเล่า”
     ผมพึ่งรู้ว่าการมีคนที่เรารักอยู่กับเรา มันสร้างความสุขที่ไม่เคยสัมผัสได้จากครอบครัว ความสุขในวันนี้ มันจะอยู่ในความทรงจำของผมแบบไม่มีมีวันลืมเลย
“พี่ตั้ม”เสียงเรียกที่คุ้นหูแบบนี้รู้เลยว่าใคร แถมโผล่เข้ามาในห้องนอนแล้วด้วย แต่เดี๋ยวนะ…ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียว อย่าว่าแต่ผมตกใจเลย ชัชตกใจยิ่งกว่าผมอีก “สวัสดีค่ะ…เดี๋ยวยังไงขอตัวพี่ตั้มสักครู่นะคะ...ออกมาอธิบายเลยนะพี่ตั้ม”เธอพูดเสียงเบาใส่ผมก่อนที่จะพยายามดึงตัวผมออกไป
“เดี๋ยวๆใจเย็น ช้าๆก็ได้”ผมรู้ละทำไมพลแฟนน้องสาวผมมันถึงได้เกรงใจน้องผมมากขนาดนี้ แรงเยอะอิบอ๋าย
“ที่เห็นมันคืออะไร...เม้าท์ด่วน”มันลากผมมาที่โซฟา แต่เบาๆหน่อยก็ได้ ตรูเจ็บโว้ย...อยากจะบอกแต่ก็บอกไม่ได้
“นี่ตกลงแกโกรธหรือว่าแกอยากสอดรู้กันแน่..ห๊ะ”
“ก็ทั้งสองนั้นแหละ...แต่อย่างหลังเยอะกว่า...พูดมาาาาาาาา”ตั่วสั่นเชียวนะตาล
“ก็ทำงานคดีเดียวกัน...เลยรู้จักกัน...นี่...เขาก็มาคุยเรื่องคดีนะ”
“คุยเรื่องคดี...เดี๋ยวนี้ต้องคุยบนเตียงเลยหรอ”ยังมาทำเสียงกวนโอ๊ยอีก “ถ้าพี่ไม่ยอมบอก...ตาลจะไปถามพี่คนนั้นเอง”
“แกข่มขู่พี่หรอ ตาล”
“พี่ค่ะ.......”ดันส่งเสียงตะโกนออกมา ดีนะ เอามือปิดปากทัน
“เออบอกแล้ว...ยอมแล้ว เขาชื่อชัช เป็นตำรวจที่ทำคดีเดียวกับพี่....แล้ว...เขาก็ขอพี่เป็นแฟน”
“ขอเป็นแฟน ขอตอนไหน”ที่อย่างนี้กระซิบกระซาบ ผมก็เลยสาธยายเล่าตั้งแต่เเรกจนถึงวันที่ชัชขอผมเป็นแฟนนั้นล่ะ ท่าทางตาลดูคิดมากนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่อยากถามว่าเรื่องอะไรหรอกมันก็คงเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ผมกลัวนั้นล่ะ
 “ตาลดีใจกับพี่ด้วยนะพี่ตั้ม ตาลจะได้เห็นพี่มีความสุขเหมือนกับคนอื่นๆเขาสักที” ผิดคาด
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกตาล อุปสรรคที่เราคิดไม่ถึงมันยังมีอีกเยอะ”
“เอาน่า...เปลี่ยนเรื่อง..มาทานข้าวกัน นี่ตาลหิ้วท้องมากินพร้อมกับพี่เลยนะ”เธอพูดพลางจัดวางอาหารใส่จาน “แต่แฟนพี่เขาจะไม่ว่าอะไรใช่ป่ะ” มาขนาดนี้ไม่ต้องกลัวแล้วมั้งตาล ผมก็เลยปล่อยให้ตาลทำหน้าที่ของน้องที่ดี ส่วนผมก็เดินเข้าไปหาชัชที่นอนรออยู่ในห้อง
“เป็นยังไงบ้างคุณ น้องคุณว่าอะไรมั้ย”สีหน้าเขาดูเป็นห่วง
“ก็ไม่มีอะไร...ไปทานข้าวกันเถอะ”ผมเอื้อมมือไปจับพร้อมกับรอยยิ้ม ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก นี่เป็นการ่วมทานอาหารด้วยกันครั้งแรกระหว่างชัชกับตาล ชัชน่ะไม่เท่าไหร่แต่ตาลนี่ดูดี๊ด๊ายังไงไม่รู้
   “นี่ตาล น้องสาวผม ส่วนนี่...ชัช...”ผมมองหน้าตาลแต่เธอกับพยักหน้าเบาๆเป็นการเปิดทางให้กับผม “นี่ชัช...แฟนพี่” ชัชหันมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ แต่ผมก็ได้แต่ยิ้มเท่านั้นล่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
   “พอดีตาลทำแต่อาหารที่พี่ตั้มชอบ...เลยไม่รู้ว่าพี่ชัชจะทานได้หรือเปล่า กินจืดยิ่งกว่าเด็กซะอีก”แขวะผมซะงั้น
   “ไม่เป็นไร พี่ทานอะไรก็ได้ ไม่เรื่องมากหรอก”
   มื้ออาหารค่ำในวันนั้นเป็นมื้อที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม ที่คนที่ผม...รัก..ทั้งสองคนมานั่งร่วมโต๊ะกัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ตาลเพียงคนเดียวที่ผมอยากให้มา ยังมี พ่อกับแม่ ที่ผมอยากให้มาร่วมโต๊ะแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสมั้ย หรือถ้ามีมันจะมีความสุขแบบนี้หรือเปล่า

   หลังจากทานอาหารไปได้สักพัก ก็มีสายเรียกเข้ามาทางโทรศัพท์ของชัช คนที่โทรเข้ามาก็คือติว  เขาได้บอกถึงรายละเอียดที่ชัชได้ฝากขอไป พร้อมกับส่งเอกสารแนบมาให้เป็นหลักฐานอีกด้วย ผมเลยเดินเข้าไปคุย ปล่อยให้ตาลเก็บล้างไปคนเดียว
   “ว่าไงบ้างคุณ...”ผมนั่งลงข้างๆชัช
   “ติวมันหารายชื่อคนที่ไปมาให้ผมครบละ แต่มันบอกว่า อย่าเอาหลักฐานนี้ไปใช้แบบเปิดเผย”
“แล้วสิ่งที่คุณอยากรู้จากรายชื่อพวกนี้คืออะไร”
“ก็อาจจะไม่ได้อะไรมากนักหรอก แต่มันก็ทำให้เรารู้ว่า มีใครรู้จักกันบ้าง เกี่ยวข้อกันยังไง และตอนนี้ที่ผมต้องการที่จะรู้ ก็คือชื่อลูกสาวของคุณเอนก…แต่ยีงไงค่อยดำเนินการไปตามขั้นตอน จะได้ไม่ดูเป็นการรบกวนเขามากเกินไป”
“ขอโทษนะคะ…ตาลมีเรื่องอยากคุยกับพี่ตั้มน่ะค่ะ”น้องสาวผมเดินเข้ามา “แต่จริงๆแล้วไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะเกี่ยวกับพี่ชัชด้วยหรือเปล่า” เราทั้งคู่มองหน้ากัน
“พี่แพรวไปหาตาลที่ร้าน แล้วบอกว่ามีตำรวจคนหนึ่งเรียกเขาไปพบ แล้วก็ทำกิริยาแย่ๆใส่ เขาบอกเขาแทบทนไม่ได้” เธอเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างหน้า
“ใช่…พี่เป็นคนขอพบเขาเอง แค่อยากถามเรื่องคดีนิดหน่อย แต่สงสัยถามตรงประเด็นมากไป เลยโมโหล่ะมั้ง”
“แล้วคุณไปถามอะไรมา…อย่าบอกนะ…ว่าคุณสงสัยหมอแพรว” ผมพลันคิดได้เลยรีบถาม
“ยอมรับว่าสงสัย”
“เดี๋ยวนะคะ….นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นค่ะ แล้วพี่แพรวทำไมถึงถูกสงสัย”ตาลดูตกใจ
“ไม่มีอะไรหรอก…เป็นคดีที่พี่กับหมอแพรวทำร่วมกัน พอดีเกิดข้อขัดแย้งนิดหน่อย…ตาลไม่ต้องไปสนใจหรอก…ก็รู้อยู่ว่าแพรวเขาเป็นยังไง”
“ค่ะ…ตาลก็ทราบ…แต่บางที พี่แพรวก็ดูน่ากลัวขึ้นมายังไงบอกไม่ถูก แต่เอาเถอะ…เรื่องงานตาลไม่ขอยุ่งแล้วกัน…งั้นขอตัวนะคะ” แล้วเธอก็ลุกขึ้นพร้อมกับลากเก้าอีกออกตามไป
“ผมบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวผมจัดการเรื่องแพรวให้”ผมก็ไม่ได่ใส่อารมณ์อะไรมากมายหรอก “แพรวเป็นคนไม่ยอมคน ขืนเข้าไปหาเขาแบบนั้นมีแต่จะไม่ได้อะไร”
“ผมคงใจร้อนไปเอง…แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ต้องการข้อมูลอะไรจากปากเขาอีกแล้ว เพราะสิ่งที่เขาพูดกับผมมา มันก็มีแต่ที่ใครๆก็พูดได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์หรอก”
แต่ผมก็ไม่ได้ถามนะว่าหมอแพรวพูดอะไร ผมแค่รู้สึกว่าผมเชื่อในการตัดสินและมุมมองของเขา แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่าทำไม หมวดชัชถึงคิดว่าหมอแพรวมีเอี่ยวในคดีนี้ แต่ก็อย่างว่า เขาทำคดีมาก่อมผมยังไงก็ต้องพอรู้อะไรมาก่อนบ้างอยู่แล้ว และในคืนนั้น หลังจากที่ตาลขอตัวกลับออกไป  หมวดชัชก็ยังคงนั่งทำงาน และพยายามโทรหาบุคคลที่พอจะยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือในคดีนี้ได้ ยิ่งเวลาเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไหร่ ทำไมทุกอย่างถึงดูน่ากลัวขึ้นมาก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราาะผมไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ละมั้ง

หลังจากที่ผมตื่นมาตอนเช้า ก็พบว่าที่นอนข้างๆผมมันว่างเปล่า พอหันมองไปรอบๆก็ไม่เห้นแม้วี่เเววของเขา พอเดินออกมาจากห้องนอน ก็พบว่าเขากำลังยืนทำอาหาร และดูท่าทางกำลังวุ่นเลยล่ะ
“ตื่นมาทำอะไรแต่เช้าเลย” ผมเดินเข้าไปดู
“ก็ทำอาหารเช้าเหมือนทุกๆที พอดี....เห็นว่ามีของสดอยู่เต็มตู้เลย ก็เลยจัดสักมื้อ” เขาดูง่วนกับการทำอาหารเลยล่ะ
“แล้วเมนูอะไรที่กำลังทำ…หอมดี”
“ก็มี โทสต์ขนมปังไข่ดาวใส่อะโวคาโด บรูสเกต้าแซลมอนไข่กวน แล้วก็สมูทตี้”
“ทำเยอะขนาดนี้เปิดร้านแข่งกับน้องสาวผมเลยเอาป่ะ” แซวซะหน่อย ยังจะมาทำขำ
“นี่ยังไม่หมดนะ ยังมีขนมปังชีส กับ omelette ใส่แฮม แต่อันนั้นผมให้คุณเอาไปทานที่ทำงาน”  นี่ตื่นมาตั้งแต่ตีสี่เลยป่ะเนี้ย ทำเยอะมากขนาดนี้
“แล้วของคุณอ่ะ ได้ทำปล่าว?” ถ้าทำให้แต่ผมคนเดียวเกรงใจตายเลย
“ใส่รวมไปกับคุณแล้ว เดี๋ยวตอนเที่ยงผมจะเข้าไปทานด้วย” นายตำรวจคนนี้นี่ร้ายใช่ย่อย แต่ผมก็ปลื้มนะ นอกจากน้องสาวก็ไม่เคยมีใครใส่ใจผมแบบนี้มาก่อน บุคลิกในมุมนี้ของเขา มันทำให้โลกดูสว่างขึ้นเยอะเลย
หลังจากที่ผมกับหมวดชัชรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ วันนี้เป็นวันแรก และครั้งแรกของผมที่ต้องอาบน้ำร่วมกับคนอื่น ถึงตอนนี้ หมวดชัชจะเป็นแฟนกับผมแล้วก็เถอะ  แต่สำหรับผม มันก็ยังอายอยู่มั้ยล่ะ ไม่เหมือนเขาที่ดูเฉยๆไม่อาย ไม่สะทกท้านอะไรเลย แต่กว่าจะอาบเสร็จ ผมก็เกือบต้องตกเป็นเมียเขาอีกกี่รอบก็ไม่รู้ หื่นชะมัด
20 นาทีกับการแต่งตัวของผมกับเขา เขาพาผมมาส่งถึงที่โรงพยาบาบตอนเกือบ 8 โมง ก็บวกรถติดนิดหน่อย  พอก้าวเท้าเข้าห้องทำงาน ประตูยังปิดไม่สนิทดีเลย หมอแพรวก็รีบเดินตามเข้ามาทันที
“แพรวมีเรื่องอยากคุยกับตั้มหน่อย”เปิดประเด็นแต่เช้าเลย
“เรื่องอะไรล่ะแพรว…มานั่งก่อนสิ”
“แพรวอยากรู้ว่าอีตาหมวดคนนั้น เขาทำนิสัยสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นแบบนี้ไปทั่วหรือเปล่า” เปิดประเด็นแรงแล้ว เนื้อหาก็ยังเข้มข้นอีก
“ตั้มว่าแพรวใช้คำนั้นมันก็ไม่ถูกนะ การที่หมวดชัชเขาไปขอข้อมูลจากแพรวมันก็ปกติมั้ยอ่ะ แพรวเป็นแพทย์ที่ทำคดีนี้มาก่อนตั้ม แพรวก็ต้องรู้มากกว่าตั้ม แล้วข้อมูลพวกนั้นก็ใช่ว่ามันจะเป็นข้อมูลส่วนตัวของแพรวสักหน่อย…แพรวไม่อยากให้คดีนี้จับคนร้ายได้สักทีหรือไง
“แพรวไม่ได้หมายความแบบนั้น…แต่แพรวไม่ชอบที่เขาทำเหมือนแพรวเป็นคนร้าย มาถามคาดคั้นเพื่อที่จะเอาคำตอบให้ได้ ทั้งๆที่แพรวก็บอกเขาไปหมดแล้ว”
“หมดแล้วจริงๆน่ะหรอแพรว จากข้อมูลที่ตั้มได้อ่าน ไอ้ข้อมูลที่แพรวว่าเนี้ย…ขอโทษนะ…ถึงตั้มไม่ได้เป็นคนชันสูตรนะ ตั้มก็เขียนผลแบบนั้นออกมาได้”
“ตั้มพูดแบบนี้จะหาว่าแพรวทำผลตรวจปลอมขึ้นมาหรอ ตั้มก็รู้นี่มาศพแต่ละศพมันถูกฆาตกรรมมา คนถูกฆาตกรรมจะมีอะไรให้ชันสูตรหรอตั้ม  ทั้งรอยแผล เนื้อเยื้อ สารคัดหลั่ง แล้วก็อวัยวะภายใน แพรวก็ตรวจมันหมดทุกอย่างแล้ว” ตอนนี้แพรวเหมือนคนเสียสติเลย
“แพรว เรามาถามอะไรเล่นๆกันดีกว่า ถ้าอยู่ดีๆแพรวอยากฆ่าคนๆนึง ซึ่งคนๆนั้นเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ แพรวจะทำยังไง
1.หาอะไรแข็งไปฟาดที่หัวของเขาให้สลบ แล้วค่อยจัดการฆ่า
2.แพรวจะเดินเข้าไปดื้อๆแล้วเอามีดแทงผู้ชายคนนั้นเข้าที่อวัยวะสำคัญจนมิดด้ามเลย
3.แพรวจะค่อยๆทำให้เขาไว้วางใจแล้วค่อยจัดการเขา อาจจะเอาเครื่องดื่มผสมยาให้เขาดื่ม หรือฉีดยาตอนที่เขาหลับ
ทั้ง 3 แบบที่ตั้มพูดมา แพรวคิดว่า วิธี่ไหนง่ายและออกแรงน้อยที่สุด โดยมีข้อแม้ว่า ในผลชันสูตร แพรวเขียนว่าเหยื่อทั้ง 5 ราย มีเพียง 1 รายที่มีการขัดขืนต่อสู้ เพราะแพรวเห็นว่าเขามีร่องรอยบาดแผลการต่อสู้ชัดเจน โดยที่ตั้มจะตัดเหยื่อรายนั้นทิ้ง ส่วนอีก 4 คนที่เหลือ ตั้มจะยกมาถามแพรวว่า แพรวจะเอาวิธี่ไหนฆ่าเหยื่อ 4 คนนั้น ด้วยแรงของผู้หญิงเพียงคนเดียว แถมยังตัวเล็กกว่าผู้ชายพวกนั้น เอาตามความจริงนะแพรว”
ตอนนี้แพรวได้แต่กระอักกระอ่วน ดูไม่มีความมั่นใจเหมือนแพรวคนเดิมเลย
“ว่าไงแพรว”ผมถามย้ำ
“วิ…วิธีที่ 3”
“ใช่มั้ย แพรวยังเลือกวิธีนี้เลย แล้วแพรวคิดว่า ไอ้ยาอะไรก็แล้วแต่ที่คนร้ายให้เหยื่อดื่ม มันจะไม่หลงเหลือหรือตกค้างอยู่ในร่างกายของเหยื่อเลยหรอ ถ้าเหยื่อถูกทำให้สลบแล้วคนร้ายค่อยจัดการลงมือ ยังไงมันก็ต้องมีการตกค้างของยาพวกนั้นอยู่บ้าง เพราะเหยื่อแทบจะไม่ได้ขยับร่างกายไปไหนก่อนที่จะถูกฆ่า หรือถ้ามีความรู้หน่อย คนร้ายอาจฉีดยาเข้าเส้นเลือดของเหยื่อ แบบนี้ยังไงมันต้องเจอแน่นอนอยู่แล้ว แต่นี่ผลแลป ผลจากเลือด เนื้อเยื้อ กลับไม่พบสารอะไรในเลือดเลยในเนื้อเนื้อหรือในร่างกายเลย แพรวตอบตั้มหน่อยในฐานะที่เราเป็นหมอเหมือนกัน ว่าผลชันสูตรนี้ มันแปลกมั้ย ที่ตั้มถามแพรวแบบนี้ เพราาะคิดว่าบางทีฆาตกรอาจจะอยู่ใกล้ตัวเราก็ได้ อาจจะเป็นแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรในสถาบันก็ได้จริงมั้ย”
ตอนนี้แพรวดูนิ่งสงบขึ้น ดูมีสติมากขึ้น ที่เมื่อกี้ดูเหมือนคนไร้สติ อาจเป็นเพราะเธออาจจะกำลังฉุนเฉียวกับเรื่องหมวดชัชอยู่
“อาจจะเป็นอย่างที่ตั้มบอกก็ได้นะ เพราะว่าผลตรวจทั้งหมด ทางสถาบันเป็นคนออก รวมถึงผลแลปต่างๆด้วย ไม่น่าล่ะ เวลาญาติของเหยื่อรู้ผลชันสูตร กลับแสดงอาการไม่ค่อยพอใจ  แล้วแบบนี้ เราจะสืบหาความจริงได้ยังไงล่ะตั้ม”
“เรื่องนี้ตั้มก็ไม่รู้หรอก หมวดชัชเขาเป็นคนจัดการ แล้วการเปลี่ยนมือจากแพรวมาเป็นตั้มน่ะ จริงๆแล้วก็เหมือนเปลี่ยนชื่อคนรับผิดชอบ เพราะตั้งแต่ตั้มเข้ามาทำ ตั้มก็ยังไม่ได้ชันสูตรเหยื่อรายไหนเลย แต่ยังไงตอนนี้ก็ยังเหลือร่างของหมวดมนตรีอยู่  แต่ไม่รู้ว่านานขนาดนี้แล้วจะเหลือผลอะไรให้ได้รับรู้บ้าง เพราะพรุ่งนี้ตั้มว่าจะเข้าไป”
“ยังไงแพรวขอโทษตั้มด้วยนะที่เข้ามาโวยวายแบบนี้ แล้วก็…ฝากตั้มขอโทษหมวดชัชแทนเราด้วยนะ”
“ได้” คำสนทนาสุดท้ายก่อนที่แพรวจะเดินออกไป ผมก็พอเข้าใจหมวดชัชกับแพรวนะ ต่างคนต่างไม่รู้ การมีเรื่องเข้าใจผิดจึงเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ยังไงตอนนี้มันก็จบไปแล้ว ยังดีที่วันนี้ผมมีแค่เวรลงตรวจ กับตรวจอาการผู้ป่วยพักฟื้น ขืนงานเยอะกว่านี้ การสนทนาเมื่อกี้คงบั่นทอนกำลังผมออกไปเยอะเลย

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
หมอแพรวนับวันจะส่อพิรุธ​มากนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
~~~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~~~
“ว่าไงคุณตั้มเสร็จงานยัง”เสียงเดิมๆที่คุ้นเคยเลยครับ ตรงเวลาเป๊ะ เที่ยงคือเที่ยง
“ก็เหลือแค่เขียนเอกสารจัดยาเพิ่มเติมให้คนไข้น่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก”
“งั้นคุณจัดการให้เสร็จเลยก็ได้ เดี๋ยวผมรอ” ถึงไม่บอกผมก็ทำ ขืนปล่อยไว้ผมได้ลืมกลายเป็นเรื่องแน่ๆ “แล้วนี่คุณจะทานที่ห้อง หรือจะไปศูนย์อาหารอ่ะ”
“ทานที่ห้องนี่ก็ได้ส่วนตัวดี…แต่...ตอนนี้ผมไม่รู้นะว่า สมูทตี้ของคุณเมื่อเช้ามันยังอยู่เป็นสมูทตี้หรือเปล่า” สิ้นเสียงผม เขาก็รีบบึ่งไปยังตู้เย็นทันที
“มันแข็งหมดแล้วคุณ นี่ปาหัวคนร้ายแตกเลยนะ”
“ก็ถ้าแช่ช่องธรรมดามันก็ละลายอีกอ่ะ” ก็มันจริงนี่ ตู้เย็นนี่ไม่มีความพอดีเล้ยยยย
“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อน้ำมาใหม่ดีกว่า…เดี๋ยวผมมานะ”ไม่ทันทักท้วงอะไรเลย รีบออกไปซะแล้ว หายไปประมาณ 15 นาที เขาขึ้นมาพร้อมกับช็อกโกแลตสองแก้ว “คิวยาวมากเลยคุณ แต่อยู่ดีๆแม่ค้าก็ลัดคิวมาให้ผมก่อน เขาบอกว่า ไม่อยากให้คนหล่อๆอย่างผมรอนาน” จะอ้วก แทบกลั้นเอาไว้ไม่ทัน แต่ก็…หล่อจริงๆนั้นแหละ
“หยุดพูดเลย…ขืนคุณพูดต่อผมอ้วกออกมาหมดตัวแน่” ไม่ห้ามไว้บ้างเดี๋ยวจะเหลิง
“ที่จะอ้วกเนี้ย เพราะว่าผมหล่อ หรือว่า…แพ้ท้อง” แถมยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆผมอีกด้วยนะ
“พูดไรของคุณ คุณชัช”
“จริงๆแล้ว…คุณไม่น่ามีอาการเร็วแบบนี้นะ….แต่เพื่อความชัวร์” อะไร อะไร “ต้องอีกสักรอบ… คราวนี้ ติดแน่”
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วคุณอ่ะ ผู้ชายที่ไหนจะมาท้องให้คุณ”
“ก็ถ้าคุณยังไม่ท้อง ผม…ก็จะทำจนกว่าคุณจะท้อง” ไม่หยุดนะอีตาคนนี้
“จะกินมั้ยข้าวน่ะ ถ้าไม่กินผมจะได้เอาให้พยาบาลไปให้หมด” ก็ทำผมอาย แถมยังแซวไม่หยุดอีก
“โอเคๆกินแล้ว” ตำรวจคนนี้ได้ทีเอาใหญ่ เล่นไม่เลิก หยอกไม่เลิก แต่ว่าไปเขาตอนนี้กับเขาที่ผมเจอตอนแรก มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย ตอนนี่ผู้ชายคนนี้มีแต่รอยยิ้ม ความสุข ความสนุก ผมไม่รู้หรอกว่า ผมคือส่วนที่ทำให้เขามีความสุขหรือปล่าว แต่ตอนนี้สำหรับผม เขาคือคนที่ทำให้ผมมีความสุขมากกว่าที่ผมเคยมี และหวังว่า…ความรู้สึกแบบนี้มันจะอยู่กับเราไปตลอด
พอทานอาหารเที่ยงกันเสร็จ หมวดชัชกับผมก็ตั้งใจไปยังร้านของคุณเอนกอีกครั้งเพื่อสอบถามถึงชื่อของลูกสาว เมื่อไปถึงคุณเอนกก็ให้การต้อนรับเราอย่างดี แต่เพื่อการไม่เสียเวลา หมวดชัชก็เลยเปิดประเด็นถามในเรื่องที่ต้องการทันที แต่นอกเหนือจากนั้น เรายังได้ข้อมูลบางอย่างที่ในหัวของเราทั้งสองคนไม่เคยคิดไว้ด้วยซ้ำ
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณเอนกบอก…แปลว่าหมอแพรวสนิทกับคุณกานต์สินีมานานแล้ว  จุดเริ่มต้นอาจจะมาจากตอนที่ไปดูงานที่ Boston”หมวดชัชพูดก่อนจะสตาร์ทรถ
“น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะตอนเรียนแพรวมีเพื่อนสนิทอยู่ไม่กี่คน แล้วผมก็รู้จักทุกคน…แต่เดี๋ยวนะ…ทำไมอยู่ดีๆแพรวถึงกลายมาเป็นผู้ต้องสงสัย”
“ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ สามารถเป็นผู้ต้องสงสัยได้หมด รวมทั้งผมแล้วก็คุณ แต่ที่ตอนนี้ผมสงสัยหมอแพรวก็เพราะว่าเขาคือคนเดียวที่ได้จับต้องศพของเหยื่อทั้ง 5 ราย ถ้าตัดบุคคลภายนอกที่ดูไม่เกี่ยวข้องกันจริงๆก็เหลือเพียงแค่หมอแพรว”ผมก็ทำได้แค่รับฟัง เพราะสุดท้ายคนที่รู้ว่าควรทำอะไรก็มีแต่หมวดชัช ผมก็แค่ผู้ช่วยที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลหลังการตรวจสอบหลักฐานก็เท่านั้น “แต่ยังไงก็ได้เบอร์คุณกานต์สินีมาแล้ว เขาคงช่วยอะไรได้เยอะเลย”
“ผมก็หวังแบบนั้น เดี๋ยวยังไงค่อยหาทางติดต่อไป”
‘คุณชัช…ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”ผมก็เล่าเหตุการณ์ตอนที่ผมคุยกับหมอแพรวให้เขาฟัง สถานการณ์ตอนนั้นเป็นยังไงผมรู้สึกยังไงผมก็บอกให้เขาฟังหมด
“เขาไม่ชอบหน้าผม…ดูอาการก็รู้...แล้วสาเหตุน่ะ คาดเดาได้ไม่ยากเลย”
“อะไรอ่ะคุณ”
“เขาหึงคุณไง ไม่ใช่แค่หึงนะ หวงมากอีกด้วย”
“จะบ้ารึไงคุณ…ผมกับเขาแค่เพื่อน…แค่เพื่อนจริงๆ”เขาพูดเหมือนเขากำลังหึงเลย แต่ผมน่าจะคิดมากไปเองมากกว่า
“แต่สำหรับเขา…คุณคือคนที่สุด ที่สุดในทุกอย่างของชีวิตเขา คุณเคยสังเกตุมั้ย เวลาผมอยู่กับคุณเขามีปฎิกิริยายังไง เขาทำหน้ายังไง แล้วเวลาตอนอยู่กับคุณสองต่อสอง เขาเป็นยังไง เพราะด้วยความที่คุณไม่คิดอะไร คุณถึงไม่ค่อยสังเกตุอาการที่เขาแสดงออก เพราะคุณรู้สึกว่า มันคือปกติของเขา”
 ใช่ที่เขาพูดมามันถูก เพราะผมเป็นแบบนั้นจริงๆ บางทีการกระทำของแพรวบางอย่างผมยังไม่รู้เลยว่าเขารู้สึกจริงอย่างที่แสดงออกมาหรือเขาแกล้ง เพราะเรามักจะติดกับการเล่นการแซวกันจนเป็นนิสัย
“ที่ผมพูด ไม่ได้พูดให้คุณระแวงเพื่อนของตัวเอง…แต่มนุษย์มักจะมีด้านที่เราคาดไม่ถึงเสมอ และเพราะไอ้ความคาดไม่ถึงนี่แหละ เวลาเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้น เรามักจะมองว่าเขาไม่ใช่คนทำเสมอ ผมไม่อยากให้คุณเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้คุณมองใครด้านเดียว รวมทั้งผม”เขามองหน้าผม
“แต่ผมเชื่อคุณ”ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงตอบออกไปไม่อย่างไม่ต้องคิด พอได้เหลือบเห็นอาการอมยิ้มที่พยายามจะแอบซ่อนเอาไว้ มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้ว่าคนอย่างชัชวิน ไม่ทำร้ายใครหรอก

~~เสียงโทรศัพท์~~
“ว่าไงตาล…มีอะไร”ตัวแสบของผมเองนี่แหละ
“เย็นนี้พี่ตั้มว่างมั้ยอ่ะ ตาลทำขนมขึ้นมาใหม่เต็มเลย อยากให้มาช่วยชิมหน่อย” ออดอ้อนยามจำเป็นตลอด
“ตอนเย็นพี่ไม่ว่างอะดิ”จิ๊จ๊ะใส่ผมซะอย่างงั้นน้องคนนี้ “แต่พี่ว่างตอนนี้”
“น่ารักที่สุดเลยค่ะคุณพี่ชาย”เสียงเปลี่ยนเชียวนะ “ควงแฟนพี่มาด้วยก็ได้นะ….รีบมานะคะ” นี่น้องผมใช่มั้ยเนี้ย
“เป็นอะไรคุณ…”สงสัยหน้าผมอาการจะออกมาไปหน่อย
“น้องสาวผมน่ะ มันกวนประสาท…”อย่าให้เผาแกบ้างนะตาล “น้องผมชวนไปที่ร้าน คุณ…สะดวกมั้ย”
“ได้ดิ…บอกทางผมแล้วกัน” ง่ายดายโดยแท้ ผมเลยเปิด gps ให้ซะเลย ขืนให้ผมบอก อีกอาทิตย์นึงคงถึง จากระยะทางตาม gps คาดการณ์ไว้ประมาณ 30 นาทีถึงจะถึงจุดหมาย แต่วามเป็นจริง ร่วมชั่วโมง…นี่ล่ะ…ไทยแลนด์
………………………………
“สวัสดีค่ะพี่ชัช” มันได้กลิ่นผมรึไงเนี้ย…จังหวะจะดีอะไรขนาดนั้น
“สวัสดีครับน้องตาล”
“นี่แกเปิดรับสมัครพนักงานตั้งแต่เมื่อไหร่”พอดีเห็นป้ายแปะอยู่หน้าร้าน
“สองวันแล้ว…เชิญเข้ามาในร้านก่อนค่ะ”บริการดีจริงๆน้องผม กับผมนี่เปิดเองตลอด…รักน้องจิงๆๆหึหึ
“งั้นพวกพี่นั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวตาลไปเอาขนมกับเครื่องดื่มมาให้”แล้วนางก็รีบแจ้นไปทันที
“ร้านน้องคุณใหญ่เหมือนกันนะ…แถมคนแน่นร้านเลย”
“ตาลมันเก่งการตลาดน่ะคุณ…มันโปรโมทร้านยิ่งกว่าห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอีก” แต่ยอมรับว่าตาลมีฝีมือด้านนี้จริงๆสมกับเป็นนักการตลาดแห่งร้าน U&me
“มาแล้วค่ะ”ถาดที่ยกมาไม่ใช่เล็กๆแถมมากันตั้งสามคน ตอนนี้ข้างหน้าผมมีขนมเรียงรายเต็มไปหมด ผมว่าไม่ใช่ขนมอย่างเดียวแล้วล่ะ เหมือนจะมี appitizer ร่วมมาด้วย “เดี๋ยวแนะนำก่อน นี่พลแฟนตาลค่ะ ส่วนนั้น..พี่ชัช เพื่อนสนิทพี่ตั้ม” นึกว่าจะพูดว่าแฟน ตกใจหมด แล้วมารยาททางสังคมก็เริ่มขึ้น ตอนนี้ ตาลตั้งใจแนะนำขนมที่เขาตั้งใจทำขึ้นมาแต่ละเมนูให้ผมกับชัชฟัง จะบอกว่าผมก็พึ่งเคยเห็นมุมนี้ของน้องผมเหมือนกันนะ
“ขอโทษนะคะพี่ตาล…มีคนมาสัมภาษณ์งานน่ะค่ะ”
“อืมๆ..พี่ลืมไปเลย…เดี๋ยวเชิญเขามานั่งตรงนี้เลยก็ได้ แล้วรบกวนหยิบแฟ้มสมัครงานในห้องให้พี่ด้วยนะ”
“แกจะสัมภาษณ์เขาตรงนี้เนี้ยนะ เขาเกร็งตาย”
“ไม่หรอกค่ะ ดีไม่ดี พวกพี่จะได้ช่วยตาลสแกนไง…งั้น…เดี๋ยวพลแนะนำต่อเลย เดี๋ยวตาลสัมภาษณ์เอง” หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา จากสายตาผม เธอก็ดูเรียบร้อย มีมารยาทดี ส่วนรูปร่างหน้าตาใช้ได้เลยเชียวล่ะ
“สวัสดีค่ะ…เชิญนั่ง…ชื่อคุณภาวินี เสาจันทร์นะคะ…เราตาลนะคะ ดูจากอายุแล้วเท่ากันเลย รู้เรื่องสมัครนี้มาจากทางไหนคะ”
“เห็นจากในเนตอ่ะค่ะ…แล้วพอดีภารู้จักพี่ยุที่เป็น ผู้จัดการ อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ พี่เขาเห็นภากำลังหางานเลยชวนให้มาสมัครน่ะค่ะ”
“เห็นว่ามีประสบการณ์ทำร้านอาหารมา เป็นแบบ Fusion ด้วย แล้วตำแหน่งที่เคยทำนี่ทำมานานมั้ยค่ะ
“3 ปีค่ะ”
“ถามได้มั้ยค่ะ ว่าทำไมถึงลาออก”
“ก็เรื่องภายในน่ะค่ะ ภาไม่อยากมีปัญหากับใครเลยตัดสินใจลาออกดีกว่า” แต่จากที่ผมนั่งมองสายตาเขามองมาที่พวกเรา 3 คนมากกว่าจะมองตรงไปที่คนสัมภาษณ์
“ตำแหน่งที่เปิดรับก็คือผู้ช่วยผู้จัดการ ไหนช่วยบอกหน่อยค่ะว่า คุณเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ยังไง” เยี่ยม
“ภาไม่รู้หรอกค่ะว่าภาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้หรือกับที่นี่มากแค่ไหน แต่ภาเป็นคนเข้าถึงงานค่ะ งานน้อยงานหลวง ภาไม่เคยเกี่ยง ทำแทนในสิ่งที่เจ้านายต้องการและไม่ต้องการ…ได้ทุกเรื่องค่ะ” ฉะฉาน เด็ดขาด
“ เรื่องที่เจ้านายไม่ต้องการ…”ผมก็สงสัยเหมือนน้องผม
“อ่อ ก็งานทุกอย่างในร้านนั้นแหละค่ะ ใช้คำพูดผิดไปหน่อย…ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ…คนเราผิดพลาดกันได้” แล้วน้องผมก็จัดการสัมภาษณ์งานอย่างถึงพริกถึงขิง แต่เธอคนนี้ก็สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายๆเลย แทบไม่น่าเชื่อ หลังจากที่ตาลน้องผมตกลงรับเธอเข้าทำงาน ตาลก็ตกลงเรื่องวันและเวลาทำงานตามปกติ
“แล้ว 3 คนนี้ ภาต้องทำความรู้จักไว้ด้วยมั้ยคะ”
“จริงๆก็ไม่จำเป็นหรอกค่ะ แต่ถ้าอยากรู้จัก...ก็จะแนะนำให้ ที่นั่งข้างๆแฟนของตาลเองค่ะ”
“แฟนหรอค่ะ” ถามคำถามนี้เพื่อ
“ค่ะ…จะคำว่าแฟน สามี หรือว่าผัว ตาลจะใช้คำไหน แล้วข้องใจอะไรหรอคะ”
“ก็เปล่าค่ะ ภาแค่ตกใจ เห็นคุณหน้าคล้ายกัน นึกว่าเป็นพี่น้องกันน่ะค่ะ”
“พี่ชายคือคนที่นั่งตรงข้ามกับพลค่ะ ชื่อพี่ตั้ม…ส่วนชุดตำรวจชื่อคุณชัช เป็นเพื่อนสนิทพี่ตั้มค่ะ”
“ใช่จริงๆด้วยอ่ะค่ะ” ใช่อะไรของเขา ทำเหมือนรู้จักซะอย่างนั้น  “ภานั่งมองอยู่ตั้งนานว่าใช่มั้ย พี่พึ่งจะได้รับเลือกเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมประจำปีนี้ จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าภาจะขอถ่ายรูปด้วย อยากเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกน่ะคะ”
“เห็นท่าว่าไม่น่าจะได้ค่ะ” ตอบชัดเต็มปากเต็มคำ “ตอนนี้คือเวลาส่วนตัว เชิญคุณภากลับเเล้วมาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้นะคะ ไม่ส่งนะคะ…เชิญค่ะ” สำหรับผมนี่เป็นการสัมภาษณ์งานที่ ฮาร์ดคอมากที่สุด
“แกพูดเเรงไปป่าวตาล เขาก็คงแค่ตื่นเต้นกับการเห็นคนที่เขาชอบ”ผมคิดแบบนี้จริงๆ
“ไม่หรอกค่ะพี่ตั้ม ถ้าตาลไม่เกรงใจพี่ยุ ตาลไล่กลับไปตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ไร้มารยาทชะมัด”
“จริงๆตาลก็ไม่ต้องรับเขามาทำงานก็ได้นี่ ยังไงก็มีคนสมัครเข้ามาอีกตั้งหลายคน”พลเสนอขึ้น “แค่เด็กที่พี่ยุฝาก แต่ยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับเรา” ก็จริงอย่างที่พลพูด
“เอาเถอะ ตาลรับเขาเข้ามาแล้ว ถ้าหางออกเมื่อไหร่ ก็ค่อยตัดตอนนั้น คงยังไม่สายไปหรอกมั้งคะ”จะรอดมั้ยเนี้ยน้องผม “ว่าแต่ว่าตาลลืมไปเลย long weeken นี้ตาลปิดร้านพาพนักงานไป outing น่ะค่ะ พี่ชัชกับพี่ตั้มสนใจมั้ย ปราณบุรีค่ะ” แล้วก็ก็สาธยาถึงกิจกรรมต่างๆที่จะจัดให้ทริปนั้น รวมถึงยังมีร้านเพื่อนๆของตาลร่วมทริปไปด้วย
“ออกเดินทางวันศุกร์ตอน 10 โมงค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่กับพี่ชัชคงไม่สะดวก เพราะครึ่งวันเช้าพวกพี่ต้องเคลียร์งาน หลังเที่ยงน่ะถึงจะโอเค”
“โธ่...แค่นี้เอง…เดี๋ยวตาลรอออกพร้อมพี่ก็ได้ เพราะตาลก็ไม่ได้นั่งรถไปกับพวกน้องๆ ขับไปเองเหมือนกัน” 
“ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่บอกแล้วกันนะ…เป็นอะไรหรือเปล่าคุณชัช”ผมเห็นสีหน้าเขาแปลกๆ
“จ่าที่ สน.บอกว่าไอีวีณถูกรถชน…แต่บางคนบอกไม่ใช่ ผมเลยรอข้อมูลยืนยันอยู่” หมวดชัชดูกังวลมาก
“แล้วคุณโทรหาคุณปวีณยัง”
“มันไม่รับสายผม…สิบกว่าสายแล้ว” และก็มีไลน์เด้งขึ้นมา คอนเฟิร์มว่าเป็นหมวดปวีณจริง ผมกับเขาก็เลยแยกตัวออกมาก่อนแล้วตรงไปยัง รพ.ทันที โชคดีที่ รพ.ที่ไปเป็น รพ.ที่ผมทำงาน หมวดชัชรีบขับไปเท่าที่สามารถจะทำได้ตอนนั้น กว่าจะถึงก็ปาไป จะสี่โมงแล้ว
“หมวดปวีณอยู่ไหนตอนนี้”
“อยู่ icu ครับผู้กอง เข้าไปเกือบจะ 40 นาทีแล้ว”
“ใครเป็นหมอเวรตอนนี้”
“หมอแพรวค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมจัดการให้ คุณรออยู่ตรงนี้ล่ะ….พยาบาล เตรียมชุดให้ผมด้วย” ขณะที่ผมจะผลักประตูเข้าไป ก็พบกับหมอแพรวที่เปิดออกมาพอดี
“อ้าวตั้ม คุณชัช”
“หมวดปวีณเป็นยังไงบ้างแพรว”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว…มีรอยถลอก รอยฟกช้ำตามตัว แต่ว่าซ้ายของหมวดปวีณหักนะตอนนี้เข้าเฝือกเรียบร้อย”ได้ยินแบบนี้ก็อุ่นใจ
“และผมเข้าเยี่ยมได้เลยมั้ย” หมวดชัชร้อนใจ
“หมวดรอก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเราก็ย้ายคนไข้ไปห้องพักฟื้นแล้ว ถ้าเป็นที่นั้นคงจะสะดวกกว่า”
“ขอบคุณแพรวมากนะ” เธอดูยิ้มแย้มมากขึ้นจากตอนเช้า “เดี๋ยวยังไงผมไปจัดการเรื่องห้องพักให้ ยังไงคุณก็รอหมวดวีณอยู่หน้าห้องนี่ละ”
“ผมฝากด้วย”เขาจับมือผม แล้วผมก็รู้ว่า แพรวก็คงเห็นเหมือนกัน  ผมใช้เวลาจัดการเรื่องห้องพักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะได้ห้อง suprerior มาเป็นห้องพักฟื้นให้กับหมวดปวีณ
“มึงถูกรถชนได้ยังไง มึงไม่ใช่คนประมาท”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กูขี่มอไซออกจากสน. พ้นประตูออกไปนิดเดียว ก็มีรถเก๋งพุ่งมาชนกูเลย”
“แล้วไม่มีตำรวจคนไหนเห็นเหตุการณ์มั่งหร่อ”หมวดปวีณส่ายหน้า “หน้า สน.เนี้ยนะ” ใบหน้าของหมวดชัชตอนนี้ดูจะเอาเรื่องเป็นอย่างมากเลย “แล้วมึงจำได้มั้ย ว่ารถอะไร สีอะไร ทะเบียนอะไร”
“เป็นรถเก๋งโตโยต้า สีขาว  ไม่แน่ใจว่า altis หรือ camry แล้วแผ่นป้ายทะเบียนก็มีสติ้กเกอร์สีดำแปะไว้ กูเลยไม่เห็น”
“camry งั้นหรอ” หมวดชัชหันมามองหน้าผมทันที
“เอาเถอะมึง…กูอาจสัพเพร่าเองก็ได้ แถมหน้าสน.เราก็ไม่มีกล้อง จะตรวจหาหลักฐานคงยาก”
“ไม่ได้หรอก ถึงไม่มีกล้องก็ต้องมีคนเห็นเหตุการณ์บ้าง…จ่าหมี เดี๋ยวจ่าไปจัดการสอบถามรอบๆบริเวณ ว่ามีใครเห็นเหตุการณ์บ้าง เอาให้ละเอียดที่สุด” ตอนสั่งการลูกน้องทำไมเขาน่ากลัวขนาดนี้ เป็นคนละคนไปเลย “เดี๋ยวกูให้จ่าบอยมาเฝ้ามึง…กูรู้สึกไม่ไว้ใจยังไงบอกไม่ถูก”
“เห้ย…ไม่ต้อง แค่รถชนขาหัก กูอยู่คนเดียวได้…และเดี๋ยวเมียกูก็มา…เกรงใจตำรวจคนอื่นเขา”
“แต่ว่า…”
“เอาน่า ไม่มีอะไรหรอกมึง” ผมก็รู้ว่าชัชไม่สบายใจ แต่นี่ก็อยู่ในโรงพยาบาล ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงแบบที่เขาคิดหรอก หลังจากหมวดชัชเกลี้ยกล่อมหมวดปวีณไม่สำเร็จ ก็ได้แต่จำใจยอมรับในสิ่งที่เจ้าตัวตัดสินใจ ในวันนั้นผมกับหมวดชัชก็นั่งคุยอยู่กับหมวดปวีณและภรรยาจนดึก ดึกจนถึงเวลาที่หมอแพรวเขามาตรวจเลยล่ะ
“ยังไม่กลับกันหรอคะเนี้ย”หวังว่าคู่นี้จะไม่เปิดศึกกันนะ แต่โชคดีที่หมวดปวีณชิงตอบไปก่อน
“เดี๋ยวก็คงให้กลับแล้วล่ะครับ สามีภรรยาเขาจะสวีทกัน”
“โรงพยาบาลนะมึง”
“อ่อหร่อ เห็นหรูเกิน ลืมว่าขาหักไปแล้วนะเนี้ย”ตบมุขให้ด้วย อารมณ์ขันซะจริง
“งั้นเดี๋ยวยังไงแพรวขอวัดไข้ ดูอาการก่อนนะคะ” เธอลงมือปฏิบัติหน้าที่ แต่หมวดชัชกลับนั่งจ้องตาเขม็งตอนที่หมอแพรวกับลำวัดไข้ให้กับเพื่อนของเขา แต่ผมก็ยังนิ่งไว้ไม่ได้ถามออกไป จนการตรวจเสร็จสิ้นพร้อมกับให้หมวดปวีณทานยาก่อนนอนอีกครั้ง แต่ตอนนั้นก็เห็นหมอแพรวกำลังจับนาฬิกาปลุกที่วางเอาไว้ในห้องด้วย
“หลังจากนี้ อาการระบมตามร่างกายอาจจะมากขึ้น ถ้าหมวดปวีณไม่ไหวยังไงกดกริ่งเรียกพยาบาลได้ตลอดเลยนะคะ แต่แพรวก็ให้คุณทานยาไปแล้วน่าจะพอช่วยได้…”
“ถ้ามึงไม่เป็นอะไรแล้วกูกับหมอตั้มกลับก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี่จะเข้ามาเยี่ยมใหม่”ในตอนที่ผมกำลังจะออกจากห้องนั้น ก็เห็นหมอแพรวเดินไปเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างเอาไว้  ใจผมก็อยากจะถามแต่ก็คงไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว เพราะการมองเห็นวิวข้างนอกก็อาจจะทำให้สบายใจมากกว่าเห็นแต่ผนังในห้องสี่เหลี่ยม แต่ก็ไม่ต่างอะไรมากนักหรอก เพราะมองออกไหน ก็เห็นแต่ห้องพักของแพทย์กับห้องพักผู้ป่วย แทบไม่ต่างจากเดิม
หลังจากกลับมาถึงคอนโด ตาหมวดชัชวันนี้ดูขรึมๆมากกว่าวันก่อนๆดูครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าผมจะให้เขาไปอาบน้ำ หาอาหารให้ทาน แถมยังจัดขนมให้ทานอีก แต่ก็ยังดูเขาเครียดอยู่ดี
“ทำไมวันนี้ดูเครียดๆ…มีะไรหรือเปล่า”แต่เขากลับเหมือนไม่ได้ยินผม “คุณชัช!!!” เขาสะดุ้งตัวโยน จนผมเองก็ตกใจ “เป็นอะไรป่ะคุณ ทำไมใจลอยขนาดนั้น” ผมนั่งลงข้างๆ
“ผมกำลังคิดถึงเรื่องของไอ้วีณ…..แค่รู้สึกว่า มันดูเหมาะดูจงใจยังไงไม่รู้” เขาคิดมากจริงๆ
“อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุมั้ยคุณ ใครจะไปคิดว่ามันจะเกิด แล้วก็ไม่มีใครอยากให้มันเกิด มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆก็ได้ ขนาดหมวดวีณเอง เขายังดูเฉยๆเลย” ผมมองหน้าเขา เขามองหน้าผม
“อืม…อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”เขาพูดแต่เขาก็ยังคิดอยู่ผมรู้ แต่เขาก็พยายามที่จะไม่แสดงออกมาเท่าไหร่ แต่มือก็ยังถือโทรศัพท์อยู่ไม่ห่าง
“ไปนอนพักในห้องเถอะ ผมเปิดแอร์ไว้แล้ว”ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือจากในมือของเขา “ไม่ต้องห่วงหรอก จ่าหมีเขาคงกกลังทำตามที่คุณสั่งอยู่ ได้เรื่องยังไง เขาคงจะรีบมารายงานคุณ…อย่าเครียดเลย” และเราทั้งคู่ก็เดินเข้าไปห้องนอนพร้อมกัน ในคืนนั้นผมนอนมองเขาอยู่ตลอด พยายามที่จะลองจับมือ ลองโอบกอดเขา เผื่อบางที สิ่งที่เขาเคยปรารถนา มันจะทำให้เขาคลายกังวลขึ้นมาได้บ้าง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :a5: มีคัวละครที่น่าสงสัยมาเพิ่มอีกเเล้ว

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยหมอแพรวขับไปชนแล้วก็มาเป็นเจ้าของเคส เจ้าของไข้  เอายา...ให้กินแทนยาที่ต้องใช้จริง

ตรูนี่มโนไปเรื่อย

ป.ล. ยัยภานี่โผล่มาทำไม?

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ติดตามเรื่องนี้จ้า~

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
หมวดปวีณจะโดนหมอแพรวลอบฆ่ามั้ยคะเนี่ย

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของปวีณ
กริ๊ง~~กริ๊ง~~กริ๊ง~~
เสียงนาฬิกาปลุกที่ไหนมาดังตอนนี้ว่ะ คนกำลังหลับสบาย ผมได้แต่สลึมสลือ มือควานนาฬิกาบริเวณหัวเตียงไปทั่ว แต่กว่าจะเจอก็พาลหงุดหงิดไปไม้ใช่น้อยเลย พอปิดนาฬิกาเจ้าปัญหาได้ ก็รีบมองหาภรรยาแต่ก็กลับไม่เห็นซะอีก อะไรกันเนี้ย
“เป็นอะไรคุณ เจ็บแผลหรอ…..ว๊ายยยยยยยยยย!!!!คุณดูที่ห้องฝั่งนั้นสิ” เมียผมร้องกรี๊ดหลังเดินออกมาจากห้องน้ำ พอผมหันไปดูก็เห็นว่ามีคนกำลังถูกแทงอยู่ที่ห้องฝั่งตรงข้าม
“คุณรออยู่ที่นี่…ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น เข้าใจมั้ย”ผมรีบสั่งเมียผม ก่อนที่จะคว้าไม้ค้ำแล้วรีบกะเพลกออกไปทันที พอผมเดินผ่านวอร์ดพยาบาล จะพุ่งเข้าไปบอกให้เเจ้งความ ก็กลัวว่าสิ่งที่เห็นจะไม่ใช่ความจริง ผมจึงรีบเท่าที่ผมรีบได้จนไปถึงห้องเจ้าปัญหานั้น บริเวณทางเดินแทบจะไม่มีใครเดินผ่านในบริเวณนี้ แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ภาพผมก็ตัดดับวูบไปในทันที
“ปวีณ…ปวีณตื่นสิ ปวีณ….”เสียงเรียกที่คุ้นเคยของผม มันทำให้ผมตื่นจากการหลับไหลในตอนนั้นได้ แต่ ทำไมผมปวดหัวจัง
“เป็นยังไงบ้างไอ้วีณ มึงเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า”ไอ้ชัช หมอตั้ม มาได้ยังไง
“มึงมาทำอะไรกัน ตอนนี้ แล้วแต่งชุดนอนมากันเนี้ยนะ…แต่…มึงมาก็ดีแล้ว…กูมีเรื่องจะบอก… มีคนแทงกันอยู่ที่ห้องฝั่งตรงข้ามกู”
“ก็คุณนั้นแหละที่ทำ”เสียงพยาบาลผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ” อยู่ดีๆมาใส่ร้ายกันซะอย่างนั้น
“มีคน…พบมึงนอนอยู่ใกล้กับศพในจุดเกิดเหตุ และก็มีรอยนิ้วมือของมึงติดอยู่ที่มีดเต็มไปหมด”ไอ้ชัชพยายามพูดให้ผมไม่ตกใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
“กูจะไปฆ่าเขาได้ยัง เขาทำงานกับกู เป็นลูกน้องกู กูไม่เคยมีอะไรผิดใจกันนะเว้ย”
“ใช่ค่ะ…ดิฉันก็เห็น พี่วีณไม่ใช่คนทำค่ะ” ปูภรรยาของผมรีบปกป้อง
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าคนที่ถูกแทงเป็นตำรวจ…แพรวยังไม่เห็นว่ามีใครบอกคุณสักคน ว่าเหยื่อเป็นตำรวจ”ผมรีบหันไปตามเสียงนั้น  “ถึงจะมีคนบอก แต่เขาก็คงไม่รู้จักชื่อของตำรวจคนนั้นมั้งคะ…แต่…คุณปวีณนี่เก่งจัง”
“ผมไม่ได้ทำ….กูไม่ได้ทำนะเว้ยไอ้ชัด….กูไม่ได้ทำ”
“กูเชื่อมึง มึงใจเย็นๆนะ เดี๋ยวกูจัดการเอง” มันพยายามปลอบผม…แต่…ตัวผมเองที่กำลังจะห้ามตัวเองไม่ได้ “เดี๋ยวผมขอเชิญทุกคน ออกไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขอคุยกับหมวดปวีณก่อน….คุณด้วยนะครับ หมอแพรว” ในตอนนั้นสติผมกำลังจะหลุด
“มึงเล่าเหตุการณ์ หลังจากที่…มึงมาถึง…ให้กูฟังหน่อย” ผมพยายามรวบรวมสติอีกครั้ง
“หมอแพรวโทรไปหาตั้ม แล้วบอกว่า…มึงได้ก่อเหตุฆ่าตำรวจที่มาเฝ้าไข้มึงที่ห้องเก็บของฝั่งตรงข้ามกับห้องมึง พอมาถึง พยาบาลที่เห็นเหตุการณ์ก็พากูกับหมอตั้มไปยังที่เกิดเหตุ ก็เห็นว่ามึงนอนล้มอยู่ข้างๆจ่าหนึ่ง”
“เดี๋ยว…แล้วจ่าหนึ่งมาที่นี่ได้ยังไง…กูยังไม่เห็นเขามาด้วยซ้ำ”
“…..กูเอง กูเป็นคนโทรให้เขามา มาเฝ้ามึง…แล้วกูก็ไลน์มาบอกเมียมึงเอาไว้ ว่าอย่าบอกมึง…กูขอโทษ” มันดูเสียใจมากกว่าที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ซะอีก
“…ก็กูบอกมึงแล้ว   ว่ากูไม่เป็นไร…แต่เอาเหอะ…เรื่องมันเกิดไปแล้ว…แต่กูยืนยัน ว่ากูไม่ได้ทำ”ผมยืนยันเสียงแข็ง “กูจำได้แต่ว่า กูได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกตอนเที่ยงคืน แล้วกูก็ตื่นขึ้นมาปิด แต่ตอนนั้นกูไม่เห็นเมียกู แต่พอเมียกูออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ร้องกรี้ดเสียงดัง กูก็หันไปตามที่เมียกูชี้ ก็เห็นว่ามีเงาคนแทงกันจากห้องๆนั้น กูก็เลยรีบวิ่งไป แล้วให้เมียกูรออยู่ท่นี่ พอกูไปถึง เปิดประตูห้อง ก็เห็นว่ามีตำรวจคนนึงนอนอยู่ แล้วก็มีคนมาตีหัวกู แล้วกูก็ไม่รู้เรื่งอะไรอีกเลย”ผมรวบรวมสติเล่าออกมาให้ดีที่สุด
“ถ้าเป็นอย่างที่มึงบอก…แล้วตัดมึงออกจากผู้ต้องสงสัย แปลว่าคนร้ายยังอยู่ที่นี่”
“แล้วคุณจะตรวจสอบยังไง เพราะที่มีดก็มีแต่รอยนิ้วมือของหมวดปวีณเต็มไปหมด แล้วยังพยานบุคคลอีก ถ้าจะยืนยันว่าหมวดปวีณบริสุทธิ์ เราต้องหาหลักฐาน”หมอตั้มเสริมขึ้น เหมือนจะทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ยังไง…ตอนนี้มึงยังต้องพักรักษาตัว นี่คือโอกาสของมึง…แล้วก็เป็นโอกาสแค่ครั้งเดียว ถ้าเราหาไม่สำเร็จ มึงต้องถูกส่งดำเนินคดีแน่”โชคร้ายอะไรของผมเนี้ย “เอางี้…เรามาเรียบเรียงกันตั้งแต่เเรก ว่าตอนที่เราอยู่ในห้องมีใครทำอะไรน่าสงสัยบ้าง” แต่ในตอนนั้น หมวดคณิน ก็เปิดประตูเขามา
“ผมได้รับแจ้ง ว่าหมวดปวีณได้กระทำการฆ่านายตำรวจ  ผมจะมาขอสอบปากคำ”ผมกับหมวดคนนี้แทบจะไม่ถูกชะตากันเลย
“ผมรบกวนพี่คณินนั่งก่อนครับ” แต่เป็นรุ่นพี่ที่ไอ้ชัชเคารพมาก และเขาก็รับฟังอย่างว่าง่าย “ผมอยากให้พี่ช่วยให้โอกาสเพื่อนผม และให้โอกาสผมได้สืบหาความจริงก่อน ผมขอเวลาไม่นาน ช่วยผมหน่อยนะครับพี่” สีหน้าของทั้งสองดูตึงเครียดกันทั้งคู่ แต่หมวดคณินกลับเงียบไม่ตอบอะไร
“คุณจำอะไรได้…คุณพูดมาให้หมด อะไรที่น่าสงสัย ผมอาจจะยื้อเวลาไว้ได้ไม่มาก เต็มที่ก็ได้แค่วันถึงสองวัน”
“ขอบคุณมากครับพี่” ไอ้ชัชรีบยกมือไหว้ทันที ส่วนผม ก็ต้องขอบคุณเขาเหมือนกัน “ว่าไง มึงจำอะไรได้อีก ก่อนหน้าที่มึงจะนอน”
“มันก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตุนี่หว่า ตอนนั้น มึง หมอตั้ม กับเมียกูก็อยู่ อ่อ แถมหมอแพรวกับพยาบาลอีก มึงก็เห็นว่าไม่มีอะไร”
“แต่ผมว่า…มันมีจุดน่าสงสัยสองอย่าง” อะไรหมอตั้ม รีบพูดเลย “ตอนที่หมอแพรวตรวจไข้คุณเสร็จ ผมเห็นว่า เธอทำอะไรกับนาฬิกาปลุก แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ ผมแค่คิดว่า เธอเห็นว่ามันตั้งปลุกอยู่รึเปล่า เธอเลยปิดให้ แล้วจุดที่สอง เรื่องผ้าม่าน ปกติแล้วหมอจะไปไม่มายุ่งเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายในห้องของคนไข้ แล้วเรื่องที่หมอจะเปิดผ้าม่าน มันน้อยมาก น้อยจนแทบจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเป็นตอนเช้าหรือสาย เปิดเพื่อให้แสงส่องให้สดชื่นมันก็ดูไม่เเปลก แต่เปิดตอนกลางคืน อะไรก็ไม่มีให้มอง อันนี้แหละที่ผมแปลกใจ” หมอตั้มดูมีเหตุผล
“แล้วถ้าการตั้งนาฬิกาปลุกกับการเปิดม่าน มันเป็นความตั้งใจของเขาจริงๆ เขาจะทำไปเพื่ออะไร เพื่อต้องการให้เห็นฉากฆ่ากันที่กำแพงฝั่งตรงข้าม แล้วมึงวิ่งไปหรอ”
“มันมีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ เราลองถามพยานบุคคลก่อน  มีแต่ละคนในมีหลักฐานที่อยู่ยังไงบ้าง ใครยืนยันให้ใครได้บ้าง หลังจากการพูดคุย หมวดคณินได้ไปเชิญตัวหมอแพรว กับพยาบาลอีกสามคนที่เข้าเวรและอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น
“ผมขอถามพวกคุณหน่อยว่าในตอนที่เกิดเหตุ ตอน 00.22 นาที พวกคุณทำอะไรอยู่ที่ไหนกันบ้าง เริ่มจากคุณ แพทย์หญิงลัลณ์ลลิน
“ตอนนั้นดิชั้นกำลังพูดคุยกับคนไข้รายหนึ่งที่โทรมาปรึกษาเรื่องอาการทางจิต คิดวิตกไปเองน่ะค่ะ”
“ตอนเที่ยงคืนกว่าเนี้ยนะ คุณยังติดต่อกับผู้ป่วยได้อีกหรอ”
“ได้สิคะ มันเป็นสิ่งที่ดิชั้นทำมาบ่อยๆอยู่แล้ว”
“ผมอยากทราบว่าคนไข้รายนั้นชื่ออะไร เผื่อผมจะโทรไปตรวจสอบว่าคุยกับคุณอยู่จริงมั้ย”
“ดิฉันไม่รู้จักชื่อจริงหรอกค่ะ เราใช้นามสมมุติในการให้คำปรึกษาหรือเล่าเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาอยู่น่ะค่ะ”แปลว่าอีกฝ่ายสามารถมีตัวตนหรือไม่มีตัวตนก็ได้ “ถ้าไม่เชื่อ ลองถามพยาบาลมีนสิค่ะ ตอนนั้นเธอเอากาแฟกับแฟ้มคนไข้ไปให้ดิฉันที่ห้องทำงาน
“ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ”หมวดคณินย้ำ
“ตอนนั้นดิฉันได้รับคำสั่งจากหมอแพรวว่าให้เอากาแฟไปให้พร้อมกับแฟ้มเอกสาร พอไปถึงที่ห้องดิฉันก็เคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไป พอเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงคุณหมอคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานเล็ก ดิฉันก็เลยบอกไปว่า มีนเอากาแฟกับแฟ้มมาให้แล้วนะคะ แล้วหมอแพรวก็ตอบกลับมาว่า ตอนนี้กำลังติดสายอยู่ ให้เอาของวางไว้บนโต๊ะเอกสาร ดิชั้นก็เลยวางแฟ้มแล้วก็ชุดกาแฟไว้บนโต๊ะแล้วก็ออกมาน่ะค่ะ”
“คุณยืนยันใช่มั้ยว่าได้คุยโต้ตอบกับคุณหมอแพรวจริงๆ”หมวดคณินย้ำถาม
“ยืนยันค่ะ”
“แล้วคุณพยาบาลอีกสองคนทำอะไร อยู่ที่ไหนครับ”
“ดิชั้นสองคนประจำอยู่ที่วอร์ดค่ะ ตอนนั้นดิฉันกำลังนั่งทำแฟ้มรายงานอยู่ ส่วนเธอก็กำลังเตรียมจัดยาน่ะค่ะ…แต่จุดที่เราอยู่มีกล้องวงจรปิดนะคะ คุณตำรวจไปตรวจเช็คได้เลย”
“ตกลงพวกคุณทุกคนมีพยานยืนยันที่อยู่ให้” ในตอนนั้น ผมเห็นว่าชัชกำลังพิมพ์ข้อความอะไรในโทรศัพท์ก่อนที่หมวดคณินจะหยิบขึ้นมาอ่าน “เอ่อ เดี๋ยวยังไงผมจะให้พวกคุณทุกคนบันทึกคำให้การกับเจ้าหน้าที่ เดี๋ยวผมจะตามเขาเข้ามาในห้องนี้ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้คนไข้ท่านอีกแตกตื่น ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องเชิญด้านนอกด้วยครับ”

พาร์ทของชัช
“ผมหลอกล่อให้เวลาคุณได้ไม่มาก จะทำอะไรก็รีบทำ ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหวผมจะรีบแจ้งไป”
“ขอบคุณมากนะพี่คณิน ผมจะรีบจัดการ”
“อย่าทำให้โอกาสที่ได้กลายเป็นศูนย์ล่ะ…รีบไปจัดการเข้า” แล้วผมก็ให้หมอตั้มพาไปยังห้องทำงานของหมอแพรว
“คุณรู้มั้ยว่าหมอแพรวมีนิสัยอะไรที่ต้องทำเป็นประจำ คือถ้าไม่ทำไม่ได้”
“มันกว้างไปอ่ะคุณ…เอ่อ..หมอแพรวเป็นคนรักสะอาด เอ่อ…หมอแพรวเป็นคนที่มีระเบียบในการเก็บของมาก….รีบๆแบบนี้ผมนึกไม่ออกคุณ”  และหมอตั้มก็พามาถึงห้องทำงานหมอแพรว ผมรีบเข้าไปตรวจสอบด้านในทันที แล้วก็พบแฟ้มเอกสารกับถาดกาแฟที่มีน้ำตาลและถ้วยน้ำเชื่อมวางอยู่ แต่แก้วถูกล้างทำความสะอาดเรียบร้อย พอเดินเข้าไปในส่วนห้องทำงาน ก็พบว่ามีหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะ  ทั้งสมุด เอกสาร โทรศัพท์ภายในที่เปิดสปีกเกอร์โฟนได้
“เป็นยังไงคุณ เจออะไรบ้างหรือเปล่า” มันปกติ ปกติไปหมด ผมเลยออกไปดูที่โต๊ะข้างนอกอีกครั้ง พร้อมกับถ่ายรูปถาดกาแฟ และผมก็ใช้เสื้อผมหยิบแก้วกาแฟใบนั้น แล้วคว้าใส่ซองเอกสารแถวนั้นที่ผมหาได้ ก่อนที่จะรีบออกมา
“แต่คุณ…ผมว่าผมเจออะไรที่มันขัดแย้งนิดหน่อยน่ะ” อะไรที่ว่าขัดแย้ง พูดมาเลย “ ถาดกาแฟน่ะคุณ ซองน้ำตาล4 ซองกับถ้วยน้ำเชื่อมมันไม่ถูกแกะเลย”
“ก็ปกติมั้ยคุณ บางที…ผมยังทานกาแฟไม่ใส่น้ำตาลเลย”
“แต่สำหรับแพรว…ไม่ใช่”
“ไม่ใช่ยังไง”กลิ่นมันชักแปลกๆเข้าทุกที
“ปกติ แพรวเป็นคนกินหวานมาก คือทานกาแฟที บางครั้งใส่น้ำตาล 3-4 ซอง  ไม่ว่าจะไปที่ไหน ผมก็จะเห็นแบบนั้น แต่นี่…บนถาด ซองน้ำตาลกลับไม่ถูกแกะซักซอง แต่แก้วกาแฟถูกล้างเรียบร้อยแล้ว แต่เหมือนแค่กลั้วน้ำธรรมดา”
“งั้น…คุณตามผมมา” ชัชพาผมเดินไปยังกลุ่มตำรวจพิสูจน์หลักฐานทำกำลังทำงานอยู่บริเวณห้องเก็บของที่เกิดเหตุ
“สวัสดีครับ”เสียงทักทายจากตำรวจนายหนึ่ง ดูเหมือนจะสนิทกันพอสมควร
“เอาแก้วกาแฟนี่ไปตรวจสอบลายนิ้วมือให้ที ขอไวที่สุด ได้ผลยังไงไปแจ้งผมที่ห้องพักหมวดปวีณ” เจ้าหน้าทีน้อมรับคำสั่งพร้อมลงมือปฏิบัติทันที พอเดินกลับมาถึงห้องก็พบแค่หมวดปวีณกับหมวดคณินนั่งอยู่
“สอบปากคำเรียบร้อยแล้วหรอพี่”
“อืม เรียบร้อยแล้ว….แล้วแกละ ได้หลักฐานอะไรมาบ้าง”
“รอผลตรวจสอบอยู่น่ะพี่ เดี๋ยวคงมีเจ้าหน้าที่เดินมาบอก”ในตอนนี้พวกเขาทุกคนดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด “เราจะยื้อเวลาได้นานแค่ไหนพี่ ที่จะไม่ให้ไอ้วีณถูกจับไปดำเนินคดี”
“ก็ตราบเท่าที่อาการที่เป็นอยู่ยังไม่หายดี…เต็มที่ ก็ไม่เกินอาทิตย์”
“แค่อาทิตย์เดียวก็น่าจะพอ” 
“ขออนุญาตครับ”เสียงเจ้าที่คนที่รับงานจากหมวดชัช
“ว่าไงบ้าง”
“ที่แก้วกาแฟ มีลายนิ้วมือของคนๆเดียวครับ แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นใคร เพราะลายนิ้วมือไม่ตรงกับในทะเบียนอาชกรรม อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก แล้วก็นำผู้ต้องสงสัยมาเก็บลายนิ้วมือด้วยครับ”
“งั้นคุณไปขอเก็บลายนิ้วมือจากพยาบาล 3 คนนั้น ส่วนของคุณหมอลัลณ์ลลินไม่ต้อง” แล้วเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็เดินออกไป
“ทำไมต้องยกเว้นแพทย์หญิงลัลณ์ลลิน”หมวดคณินสงสัย
“ก็ถ้าเป็นอย่างที่ผมสงสัย ลายนิ้วมือของหมอแพรวก็คงไม่ต้อง”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้ว เเต่เดี๋ยวผมจะจัดนายตำรวจมาเฝ้าบริเวณหน้าห้อง ส่วนนาย ปวีณ นายใจเย็นๆ ถ้าเป็นอย่างที่นายพูดจริง ยังไงหลักฐานจะต้องปรากฏออกมาแน่”พี่คณินแตะไหลปวีณ “เดี๋ยวยังไงพี่กลับ สน.ก่อน ส่วนเรื่องนี้เดี๋ยวพี่รายงานเอง” แล้วพี่คณินก็เดินออกจากห้องไป
“ขอบใจมึงมากนะไอ้ชัช กูหวังว่า…มัน....”
“มันต้องจบลงด้วยดีเว้ย คนผิด…ต้องได้รับโทษ…”ผมก็ไม่รู้จะปลอบมันยังไง ถ้าใครตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็งไม่ต่างจากมันเท่าไหร่ “งั้นเดี๋ยวกูกับตั้มกลับก่อน เดี๋ยวยังไงกูจะเข้ามาหามึงใหม่….ส่วนมึง นอนพักผ่อนซะ แล้วก็อย่าทำอะไรให้เมียมึงต้องกังวลไปมากกว่านี้”ผมคงพูดได้เท่านี้  และหวังว่ามันจะทำได้ด้วย
“เดี๋ยวผมขับให้ คุณไปนั่งพักเถอะ” เสียงของเขาทำให้ผมหายเครียดได้ทุกที แค่นี่ก็เป็นครั้งแรกนะที่ตั้มจะขับรถให้ผม
“งั้นผมไม่เกรงใจนะ”ชิงหอมแก้มไปสักทีเวลาเผลอนี่แหละ
“รีบขึ้นรถไปเลย”ทำไมดุ ดุตายล่ะ
เราใช้เวลาในการขับรถไม่ถึง 20 นาทีก็กลับมาถึงคอนโด
“แปปเดียวจะตี 2 แล้ว รีบนอนเถอะคุณ”เขาพูดเมื่อมองเห็นนาฬิกาที่วางอยู่ในห้องนอน
“แต่….ผมตาสว่างแล้วอ่ะ”ผมขยับตัวเขาไปกอดเขา “ช่วยทำให้ผมหายตาสว่างหน่อยสิ” เขาเลยพลิกตัวกลับด้านมาหาผม ถ้าไม่เกรงใจนี่จูบปากแล้วนะ
“ยังจะมามีอารมณ์อีกนะคุณ”
“น้า~~~~~~~~น้า” อ้อนสุดๆเท่าที่เคยทำแล้วนะ แต่สงสัยจะไม่เป็นผล นิ่งเงียบไปเลย
“ห้าม…ทำแรงนะ…ผม…ยังเจ็บอยู่” ไม่เห็นต้องทำท่าอายผมเลย แล้วผมจะรีรออะไรล่ะครับ เมียผมอนุญาตขนาดนี้แล้ว ต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์**** รอบนี้มันบรรยายนะ แต่รับรอง เด็ดกว่าเดิม ****

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :-[ เมียยังเจ็บอยู่ อย่าทำแรงหล่ะ
เรานี่รอเลย :hao6:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เคสของปวีณมีแต่เรื่องน่าสงสัยเต็มไปหมด ตั้งแต่รถชนถ้าชัชสงสัยรถของหมอแพรวน่าจะไปตรวจดูหน่อยมันจะมีรอยชนและรอยเสียดสีของสีรถติดอยู่มั้งแระ แล้วตอนแทงอีก คนขาหักจะไปสู้คนปกติได้ไงแล้วดูกล้องวงจรปิดก็ได้ตั้งแต่วิ่งออกจากห้องอ่ะ ระยะเวลาอีก แล้วกล้องคงไม่เสียทั้งรพมั้ง แล้วยังไปพบตอนที่นอนสลบอีก แล้วก้น่าจะให้หมอตรวจดูได้ที่ท้ายทอยรอบจากการถูกตีด้วยของแข็ง จากทั้งหมดมันน่าจะสงสัยได้แล้ว่าเป็นการจัดฉาก
เราตื่นเต้นมากกก อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อไปแล้วอ่าาา เป้นกำลังใจให้นะ :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2019 08:04:01 โดย Funnycoco »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด