ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้าย:เพราะ:รัก Just Love (ใหม่!!!!!!!!!!! อัพเดทตอน 29 End)​  (อ่าน 24011 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เช้าวันนี้ก็วุ่นวายอย่างที่ผมคิดจริงๆตั้งแต่ตื่นมาผมก็เห็นพ่อกับแม่กำลังเตรียมตัวพร้อมกับติดต่อทั้งเอกสารแล้วก็ค่ารักษา ส่วนตาลก็ได้ขับรถกลับไปที่กรุงเทพก่อนหน้าไม่กี่ชม.แต่ผมก็ได้แจ้งถึงเรื่องการย้ายให้กับคุณหมอและทางโรงพยาบาลทราบเป็นที่เรียบร้อย ในเวลาเกือบสิบโมงของวันนั้น ขณะที่ผมกำลังเตรียมตัว ชัชได้เข็นตัวเองเข้ามาหาผมในห้อง
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่” พ่อแม่ผมก็ยิ้มรับอย่างว่าง่าย “เป็นยังไงบ้างคุณ ยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า” ชัชเข็นตัวตัวเข้ามาใกล้ๆผม
“ก็มีที่แผลที่ยังปวดๆตึงๆ แต่ทนไหว…แล้วนี่..ชัชกำลังจะกลับแล้วสิ”
“อืม…ตอนนี้พ่อกับแม่กำลังเคลียร์ค่ารักษาอยู่ แต่อีกไม่นานก็คงเสร็จ ผมก็เลยเข้ามาหาคุณก่อน”
“เดินทางกลับดีๆนะชัช”ผมร่ำลาแบบง่ายๆ
“ตั้มก็เหมือนกัน เดี๋ยวถ้าตั้มถึงกรุงเทพตอนไหนโทรมาหาชัชนะ ชัชจะรีบไปหา”เขาเอื้อมมือมาจับมือผมแบบแอบๆ “งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะ “
“เดี๋ยวพ่อเข็นกลับไปส่งที่ห้องให้ลูก” พ่อผมเดินอาสาเข้ามาแบบดื้อๆๆ เพราะท่านอาจจะเห็นอะไรที่ไม่ควรก็เป็นได้ ก่อนที่ท่านจะพาชัชหันกลับออกไป และหลังจากนั้นไม่ถึงชม.หลังจากที่ชัชเดินทางกลับออกไป รถโรงพยาบาลจากบ้านหลังที่สองของผมก็มาถึง และคนที่ขึ้นมาถึงห้องผมคนแรก ก็คือ หมอเอกกับหมอแทน
“อ้าวหมอเอก หมอแทน ทำไมเป็นนายสองคนมารับละ”
“เคส vip ขนาดนี้จะให้คนอื่นมารับได้ยังไง ใช่มั้ยแทน” รับส่งกันดีเชียวนะคู่นี่ ในตอนนั้นพ่อกับแม่ผมก็ขึ้นมาถึงที่ห้องพอดี ก็เลยทำการแนะนำเพื่อนสนิทของผมทั้งสองคนให้รู้จัก หมอเอกน่ะเคยผ่านหน้าพ่อแม่ผมมาบ้างแต่หมอแทนนี่ ใหม่ๆสดๆเลย
“พ่อแม่ครับ นี่หมอเอก กับหมอแทน เพื่อนผม”ทั้งสองยกมือไหว้ตามมารยาท ก่อนที่เราทั้งหมดจะเริ่มเก็บข้าวของส่วนที่เหลืออย่างไม่รีรอเวลา
“จริงๆก็เหลืออะไรอีกไม่มากหรอกลูก เพราะว่าพ่อกับแม่เก็บไปเกือบหมดแล้ว แถมบางส่วนแม่ก็ให้ตาลเอากลับไปกรุงเทพไปบ้างแล้วด้วย” แต่ในตอนนี้มีแต่เพียงผมที่ยังคงพลุงพลังกับตัวเอง ในตอนนั้นก็มีบุรุษพยาบาลของทางโรงพยาบาลเข้ามาช่วยหมอแทนกับหมอเอกอีกแรงพออุ้มตัวผมมาลงที่แปลขนย้ายได้ หมอแทนก็จัดการเข็นผมลงไปด้านล่างทันที ส่วนหมอเอกก็รีบลงไปสตาร์ทรถรอด้านล่าง
“แล้วหมวดชัชไปไหนแล้วล่ะพี่ตั้ม”หมอแทนถามขึ้น
“เขาพึ่งกลับไปได้สักพักแล้วล่ะ พ่อแม่เขาพากลับไป”
“โชคดีนะที่พี่ทั้งคู่ไม่เป็นอะไร…รู้มั้ยตอนที่พวกเราทุกคนรู้ข่าวว่าหมอแพรวโดนจับ ตกใจกันจนทำอะไรไม่ถูก แถมมารู้ทีหลังอีกว่าหมอแพรวเป็นมาตกรที่ฆ่าตำรวจพวกนั้นด้วย ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่”
“แล้วตอนนี้แพรวเป็นไงบ้าง ได้ข่าวบ้างหรือเปล่า”
“ตอนนี้ฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางน่ะพี่ แถมศาลก็ยังไม่ให้ประกันตัว ที่เหลือก็รอพี่กับหมวดชัชไปให้ปากคำเพิ่มเติม”คงถึงเวลาที่แพรวต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไปแล้วสินะ “…แต่…พอมองอีกมุม หมอแพรวก็น่าสงสารเหมือนกันนะครับ ยิ่งมาเป็นแบบนี้ เหมือนตายทั้งเป็นเลย”
“ใช่ แถมต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ มันก็มาจากพี่ซะด้วย”
“ไม่หรอกพี่…การกระทำของคนๆนึง จะโทษว่า เป็นมาจากใครก็คงไม่ใช่ เพราะคงไม่มีใครแนะนำให้เขาไปทำเรื่องไม่ดีหรอกครับ มีแต่ตัวของเขาที่ตัดสินใจเลือกที่จะทำมันเอง แต่ถ้าจะโทษจริงๆพี่ก็คงผิดแค่เรื่องที่พี่ไม่ชัดเจนล่ะมั้งครับ แค่นั้นล่ะที่ผมมองว่าพี่ผิด” มันก็จริงอย่างที่หมอแทนพูดทุกอย่าง
“แล้วหมวดปวีณเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นมาแล้วหรือยัง”
“ได้กลับบ้านไปเรียบร้อยแล้วครับ จะมาอีกทีก็แค่มาตรวจตามใบนัดแล้วก็ผ่าเฝือก” พูดคุยกันไปมาแปปเดียวก็มาถึงรถพยาบาลซะแล้ว รู้สึกแปลกๆเหมือนกันนะที่ตัวเองต้องมานอนที่รถพยาบาลแบบนี้
“มันจะกระเทือนหน่อยนะหมอตั้ม ถ้าเจ็บให้บอกได้เลย” หมอเอกบอกเตือนไว้  พอจัดการยกแปลของผมขึ้นรถเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทาง โดยที่พ่อและแม่ของผมจะขับรถตามไป ก็มีเพียงผม หมอเอกและหมอแทนที่อยู่บนรถพยาบาล
………..
ในเวลาเกือบสามชั่วโมงจากปากช่องมาถึงกรุงเทพ การนอนมาบนรถแบบนี้ก็ทำเอาผมเวียนหัวแทบแย่เหมือนกัน แต่ก็รู้สึกดีที่ได้กลับมาอยู่ในที่ที่ตัวเองคุ้นเคย ในตอนนั้น ก็มีเหล่าบุรุษพยาบาลมาจัดการรับช่วงต่อจากหมอทั้งสองคน ก่อนที่จะพาผมขึ้นไปยังห้องพัก
“เดี๋ยวๆๆ พาผมมาผิดห้องหรือเปล่า”ที่ผมต้องต้องทักท้วงเพราะห้องพักที่บุรุษพยาบาลพาผมมา มันเป็นห้องพัก Premier Royal คือท็อปสุดของโรงพยาบาล แล้วแถมมันก็แพงมากด้วยในราคาต่อหนึ่งคืน ถ้าผมอยู่แบบนี้เป็นเดือน พ่อกับแม่ผมจนพอดี
“ไม่นะครับ ผอ.ระบุเอาไว้ให้คุณหมอตั้มเข้าพักที่ห้องนี้”
“ผอ.ระบุไว้…” ผมก็ไม่รู้จะเถียงออกยังไง เมื่อเข้ามาภายใน ก็ตามที่ผมรู้ๆแหละครับว่ามันเป็นยังไง บุรุษพยาบาลทั้งสองสองก็ต่างช่วยพยุงผมขึ้นบนเตียงอย่างเบามือ แล้วอีกอย่างผมก็รู้สึกว่ามีอาการเจ็บที่แผลขึ้นมาบ้างแล้ว
“เป็นไงบ้างตั้ม รู้สึกเจ็บที่แผลรึเปล่า”ถามเหมือนรู้ใจ นะหมอเอก
“ก็เจ็บเลยล่ะ…งั้นเดี๋ยวเอกจะดูแผลให้ก่อน แล้วจะต้องทำอะไรเพิ่มยังไงค่อยว่ากัน” ผมมองหน้าทันที “ไม่ต้องสงสัย ผอ.ให้เอกเป็นคนดูแลตั้มตลอดการรักษา” รู้สึกดีเข้าไปใหญ่ที่เป็นหมอเอก ไม่ใช่ว่าหมอในโรงพยาบาลไม่เก่งนะครับ แต่แค่ผมสนิทกับเอกมากที่สุดก็แค่นั้นเอง ในช่วงเวลานั้น หมอเอกก็ทำการตรวจบาดแผลของผม แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมีแค่เลือดซึมออกมามากกว่าปกตินิดหน่อย ส่วนรอยเย็บของบาดแผลก็ยังคงสภาพดีอยู่
“เดี๋ยวเอกจะตรวจเชคแผลให้ตั้มทุกๆวันแล้วกัน  แต่โชคดีนะที่ไม่มีอาการติดเชื้ออะไรเพิ่มเติม แล้วก็ยาที่เอกจะให้อาจจะเป็นคนละตัวกับที่โรงพยาบาลจ่ายมาให้กับตั้มนะ มันอาจจะแรงมากกว่าหน่อย แต่มันจะย่นระยะเวลาการรักษาให้เร็วขึ้น”
“ก็แล้วแต่เห็นสมควรเลยเอก ระดับหมอเอกมารักษาให้ทั้งที”
“ก็เกินไปนะหมอตั้ม….เดี๋ยวยังไงเอกไปเข้าตรวจคนไข้ช่วงบ่ายต่อก่อน ถ้าเสร็จเร็วจะแวะมาหา” ตั้งแต่ได้เจอหน้าหมอเอกก็ดูเขาจะยิ้มแย้มมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ดูอารมณ์ดี ไม่ซีเรียสเหมือนกับที่เคยๆเห็น และตั้งแต่กลับมาถึงโรงพยาบาลผมก็ยังไม่ได้เจอหน้าใครเลย ทั้งพ่อแม่ น้องหรือชัช น้องสาวกับชัชน่ะผมเข้าใจ แต่พอแม่ผมนี่สิขับรถตามกันมาติดๆกลับหายไปไหนกัน  แต่ก็เอาเถอะนานๆท่านจะกลับมาที อาจจะมีธุระอย่างอื่นที่ต้องทำ
……………..
ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของใครมานั่งคุยอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา เพราะเสียงนี้ละมันแทรกเข้าไปในโสตประสาทของผม จนไม่สามารถที่จะนอนหลับต่อไปได้ แต่พอตื่นลืมตาขึ้นมาก็กลับเป็นชัชที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงผม
“ก็นึกว่าเสียงใคร ทำเอานอนไม่หลับเลย” บ่นซะเลย
“ผมขอโทษนะ พอดีคดีเรื่องหมอแพรวน่ะ หลายฝ่ายโทรมาหาผมไม่หยุด เล่นเอาไม่ได้พักเลย”ก็ดูเขาเพลียๆจริงๆนั้นล่ะ
“แล้วคดีไปถึงไหนแล้ว”
“ก็รอคุณกับผมไปให้การ ทั้งเรื่องคดีทั้งหมด แล้วก็เรื่องของไอ้ปวีณด้วย”
“ของคุณปวีณ?”
“ใช่….ก็มีที่ตำรวจเสียชีวิตแล้วไอ้วีณก็ไปสลบอยู่ในที่เกิดเหตุแล้วถูกจับเป็นผู้ต้องหาน่ะ”
“อ่อ… แล้วถ้าเราไปให้การแล้ว ตำรวจและศาลได้หลักฐานแล้ว หมอแพรวจะเป็นยังไง”
“ก็คงเป็นไปตามการพิจารณา และสิ่งที่หมอแพรวได้ทำลงไป ถ้าหมอแพรวยอมรับและให้การเป็นประโยชน์ก็อาจจะได้รับโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต หรือถ้าหมอแพรวปฏิเสธหรือไม่ยอมรับและจำนนด้วยหลักฐานก็อาจจะถูกตัดสินถึง..ขั้นประหารชีวิต แต่ถ้าหลังจากฟังคำให้การแล้วตรวจสุขภาพจิตของหมอแพรวแล้วไม่เป็นปกติ ก็อาจจะให้ไปรักษาตัวแล้วกลับมารับโทษอีกที” ฟังแล้วก็หดหู่แบบบอกไม่ถูก เพราะถ้าวันหนึ่งต้องเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองได้รับโทษ มันก็คงทำใจได้ยาก “แต่ตอนนี้ผมก็ปฎิเสธที่จะเข้าให้การของเราทั้งคู่ไปก่อน ด้วยเหตุผลที่สภาพร่างกายของเรายังไม่พร้อม”
“แต่คุณก็คงรู้ว่าการที่หมอแพรวต้องมาเป็นแบบนี้… ทำอะไรแบบนี้ สาเหตุมันก็มาจากผม”
“สาเหตุคืออะไรน่ะเราทุกคนต่างรู้กันดีตั้ม แต่การทำผิดชอบชั่วดีของคนมันอยู่ที่ข้างใน ไม่มีใครที่จะไปล่วงรู้ได้หรอกว่าเขากำลังคิดอะไร จะทำอะไร คุณเป็นคนบอกให้เขาทำอย่างงั้นหรอ หรือว่าคุณเป็นคนคอยกำหนดชีวิตเขาว่าจะต้องทำแบบนี้ๆ… คุณก็เปล่า แล้วทำไมคุณต้องมารู้สึก และถ้าเขารักคุณจริงๆเขาจะต้องทำให้คุณรู้สึกแย่ทำไม การรักใครสักคน ไม่ได้สั่งแต่ว่าจะรัก แต่มันต้องมีหลายๆอย่างควบคู่กัน ที่ผมพูด ผมพูดในฐานะมนุษย์คนนึง ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนอื่น ไม่ได้พูดเอาใจว่าคุณคือแฟนผม… แต่มันคือความเป็นจริง ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงมันได้” ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจนะ แต่ยังไงแพรวก็คือคนที่ผมสนิท การจะทำใจยอมรับในตอนที่เห็นเพื่อนตัวเองกำลังจะแย่ ผมคงแย่มากกว่าเธอร้อยเท่า “แล้วอีกอย่างนะตั้ม เขาก็ทำให้คุณได้รับผลกรรมอย่างที่คุณกำลังรู้สึกหนักใจอยู่ตอนนี้  เพราะฉะนั้น คุณไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรอีกแล้ว เข้าใจมั้ย”
“ก็คงจริงของคุณ”  เพราะแค่นี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกไร้ค่ามากพอแล้ว และความรู้สึกนี้ก็คงเหมือนแพรวในทุกๆช่วงเวลาที่เธอรู้สึก “แล้ว…คุณมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมยิ้มให้เขา ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันไม่สดใส
“ก็จะสองชั่วโมงได้แล้ว มาถึงผมก็เห็นว่าคุณกำลังหลับ เลยไม่อยากปลุก”
“แล้วคุณมายังไง….อย่าบอกนะ ว่าขับรถมาเอง”
“ถูกต้องนะคร้าบบบบบบ”
“คุณนี่นะ ไม่กลัวเกิดอุบัติเหตุเลยรึไง ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ” ผมเป็นอะไร “ขาคุณก็ยิ่งไม่ค่อยจะมีแรง ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมา” ผมกำลังกลับมางี่เง่า
“โอเคๆผมขอโทษ นะ อย่าโกรธผมเลยนะ”ผมต้องสงบสติตัวเองมากกว่านี้ แค่ตอนนี้เขาคงรู้ว่าผมคงเครียดมากก็เท่านั้น
“……. . แล้ว……. ถ้าผมอยากรีบไปให้การให้มันจบๆไปล่ะ ผมทำได้มั้ย”
“จริงๆมันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก เบื้องต้นเขาก็แค่อาจจะมาสอบปากคำคุณที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะรวบรวมสำนวนส่งฟ้อง หลังจากนั้นก็รอขึ้นศาลรอฟังคำตัดสิน และอยู่ที่ว่าตัวคุณจะเรียกร้องค่าเสียหายอะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยหรือเปล่า แต่การสอบปากคำของคุณ ไม่ได้จบแค่เรื่องที่คุณถูกจับตัวไปแล้วถูกทำร้าย แต่ยังมีเรื่องของการชันสูตรศพนายตำรวจทั้งห้านั้นอีก มันคงไม่ใช่แค่วันสองวันแน่ที่ทุกอย่างจะจบ ผมถึงอยากให้คุณดีขึ้นมากกว่านี้ก่อน ถึงค่อยดำเนินเรื่องกันต่อไงละ”
“แต่ผมอยากทำให้มันจบๆ ผมควรทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดี ถ้าขืนมารอให้ผมดีขึ้น… คงจะใช้เวลาอีกหลายเดือน ผมอยากให้ทุกอย่างมันเดินหน้า ไม่ใช่มาคาราคาซังจนทำให้ก่อเกิดเรื่องอื่นๆขึ้นมาอีก ผมมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว… ไม่อยากให้มันซ้ำรอย”
“คุณแน่ใจนะ”
“อืม”นี่คงจะดีที่สุดแล้ว ขืนยื้อเวลาต่อไปทุกคนมีแต่จะบอบช้ำ
“งั้นเดี๋ยวผมจะนัดผู้กองที่ทำคดีนี้แทนผมเข้ามาคุยกับคุณแล้วกัน คุณคงจะต้องเล่าย้อนไปถึงตั้งแต่ที่คุณผิดสังเกตุเรื่องของผลชันสูตร
และคำให้การจากปากของญาติผู้เสียชีวิตว่าอะไรยังไงบ้าง” ชัชพยายามแนะนำในสิ่งที่ผมควรพูด ว่าควรเรียงลำดับก่อนหลังยังไงแล้วผมคงจะต้องทำหน้าที่ของผมบ้างแล้ว หวังว่าการกระทำทั้งหมดนี้ แพรวจะเข้าใจในความเป็นจริงว่าผมก็หลีกหนีที่จะไม่เผชิญหน้าเลย ผมก็ทำไม่ได้ ผมยังคงเห็นแพรวเป็นเพื่อนสนิทของผมอยู่เสมอ
ในคืนนั้น ชัชนั่งคุยอยู่กับผมจนดึก เรามีหลากหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกันมากมายไปหมด ทั้งเรื่องของเราและเรื่องงาน การที่เราสองคนทำงานอยู่กับผู้คนมากหน้าหลายตา มันก็ทำให้เราหาพื้นที่ความเป็นตัวตนจริงๆของเราได้ยาก ถึงแม้เราจะพยายามเป็นตัวเองมากแค่ไหน แต่หน้าที่ที่เรามี มันก็บังคับให้เราต้องทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเรา เหตุผลนี่ละที่ทำให้เราต้องเป็นคนเข้มแข็งกล้าที่จะตัดสินว่าสิ่งไหนควรหรือสิ่งที่ไหนไม่ควร เหมือนที่ผมกำลังพยายามที่จะทำมันอยู่ตอนนี้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :เฮ้อ:  พ่อแม่หมอตั้มจะว่าไงเรื่องชัช นะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เช้าวันนี้ก็เป็นเหมือนกับทุกๆวัน หลังจากที่ได้เข้ารับการตรวจ และทานอาหารเช้าจนเป็นที่เรียบร้อย ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ชัชได้นัดมาให้ทำการสอบสวน
“สวัสดีครับ ผมหมวดกวิณ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ นายแพทย์ธีร์”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ แต่เรียกธีร์ผมไม่ชินน่ะ เรียกผมว่าตั้มก็พอครับ”
“เห็นเมื่อวานชัชโทรมาบอกกับผมว่าคุณพร้อมที่จะให้การเรื่องคดีของหมอแพรว”
“ครับ ผมอยากให้คดีนี้มันจบๆไป ทุกอย่างจะได้กลับมาเป็นตามที่มันควรจะเป็นสักที”
“งั้นผมเริ่มบันทึกปากคำเลยแล้วกัน” และจ่าที่มาด้วยก็จัดการบันทึกเสียงปากคำและพิมพ์ลงโน๊ตบุ๊คที่พกมา พร้อมกับบัททึกวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน เรื่องราวทั้งหมดก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไรไปจากเดิม เพียงแค่เพิ่มเติมที่ข้อมูลเรื่องที่ผมถูกจับตัวไปแล้วถูกทำร้ายร่างกายยังไงบ้าง ส่วนเรื่องเอกสารผมก็รบกวนให้หมอเอกจัดการรวบรวมมาให้ ในขณะที่กำลังให้การอยู่นั้น หมวดชัชที่สะพายกระเป๋าหอบหิ้วเอกสารพลุงพลัง จนจ่าสองคนแทบจะวิ่งเข้าไปช่วยแทบไม่ทัน
“ขอโทษทีพี่กวิณที่มาช้า กว่าจะได้เอกสารจากกองนิติเวชนั่งรอหายอยากเลย”
“หลักฐานเอกสารกับของกลางอยู่ในกระเป๋านี้ทั้งหมดแล้วใช่มั้ย”หมวดกวิณย้ำถาม
“เอกสารน่ะครบครับ แต่เรื่องของกลางน่ะแค่บางส่วน ที่ผมมีคือแค่ส่วนหนึ่งที่ไปเจอตามสถานที่ที่พบศพ …แล้วนี่สอบปากคำไปถึงไหนกันแล้วครับ”
“ก็ได้ข้อมูลมาเยอะพอสมควรเลยล่ะ ไม่น่าเชื่อว่า 3 ชั่วโมงจะได้มากขนาดนี้  แต่ยังคงเหลือพยานบุคคลอีกสองสามรายที่นายเขียนไว้แต่ยังไม่สามารถนัดวันเวลากับเจ้าตัวได้ แต่ถ้าหลักฐานที่มีและคำให้การของคุณหมอกับตัวแกมากพอ พยานบุคคลเหล่านั้นก็คงจะไม่เป็นไร และหลักฐานที่บ้านพักของหมอแพรวที่ปากช่อง ตอนนี้ตำรวจทางนั้นกำลังเตรียมขนส่งมาให้แล้ว แกรู้มั้ยว่าอะไรคือหลักฐานชิ้นสำคัญที่มัดตัวหมอแพรวได้คืออะไร….ชิ้นส่วนมือ เท้า และอวัยวะเพศของเหยื่อที่ถูกฆ่า แต่ยังไม่ได้ยืนยันนะว่าเป็นของเหยื่อทั้ง 5 คนจริงหรือเปล่า คงต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานอีกที”
“แล้วนี่พี่กวิณอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่แล้วล่ะ แต่ถ้าขาดเหลืออะไรพี่คงต้องมารบกวนนายแล้วก็หมอตั้มอีกครั้ง ยังไงพี่ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” ทีมงานของผู้หมวดกวิณก็จัดการเก็บข้าวของพร้อมกับหลักฐานที่ชัชพึ่งจะนำมาให้กลับไป
“เหนื่อยเลยสิคุณ”ผมถามขึ้น
“ใช่ ผมต้องขับรถไปเองตั้งหลายที่ จะให้ตำรวจคนอื่นขับรถให้ ผมก็ไม่วางใจพวกเขาเท่าไหร่ คิดว่าทำเองน่าจะดีที่สุด”ผมเข้าใจชัชเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
“ชัช คุณลุกมาหาผมหน่อยสิ”พอดีผมสังเกตุเห็นอะไรนิดหน่อย เขาก็ลุกมาอย่างว่าง่าย  “นั่งลงข้างๆตั้มนี่แหละ” เขาก็ทำหน้าประหลาดใจนิดหน่อย ผมพยายามขยับร่างกายของผมเพื่อที่จะสร้างที่ว่างให้กับชัชเพื่อที่เขาจะได้นั่งได้ไม่ลำบาก “ยกขาขึ้นมาทั้งสองข้างเลย”
“คุณกำลังจะทำอะไรของคุณ” เขาสงสัยแต่เขาก็ทำตามที่ผมบอกนะ ผมเอามือไปแตะบริเวณแผลที่ขาข้างซ้ายของเขา ปรากฏว่ามันเปียกชุ่มไปด้วยเลือดเต็มไปหมด “ผมไม่ทันสังเกตุน่ะว่ามีเลือด แล้วอีกอย่างกางเกงผมมันก็ฟิตมากไปหน่อย แถมยังสีดำอีก”
“ไม่เป็นไร คุณนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้แหละ” ผมรีบหันมาหยิบมือถือที่วางอยู่บนหมอน โทรไปหาหมอเอกให้ช่วยเหลืออะไรผมนิดหน่อย ไม่ถึง5 นาที สิ่งที่ผมให้หมอเอกช่วยเหลือก็มาถึง ก็ไม่ใช่อะไรสำคัญหรอกครับ ก็แค่อุปกรณ์ทำแผลเบื้องต้นก็เท่านั้น
“เดี๋ยวผมรบกวนคุณพยาบาลล็อกห้องให้ผมหน่อยนะครับ พอดีผมจะทำแผลให้ผู้หมวดเขา”
“ให้ดิฉันช่วยมั้ยคะ เกรงว่าคุณหมอคงจะทำอะไรลำบาก”
“ไม่เป็นไรครับ แค่ช่วยล็อกห้องให้ผมก็พอ”พยาบาลสาวก็ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่าง่าย พอพยาบาลคนนั้นก้าวพ้นประตูออกไปผมก็เริ่มจัดการทันที “เดี๋ยวคุณถอดกางเกงออกนะ แต่ค่อยๆถอด ผมกลัวแผลมันจะกว้างขึ้น”
“ให้ผมถอดตรงนี้เนี้ยนะ”
“อายผมหรือไง”
“เปล่า…….. ” ผมก็ได้แต่ยิ้มให้เขา ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจยาวกับสิ่งที่ต้องทำ พอถอดกางเกงออกมา ถ้าไม่มีแผลส่วนอื่นในร่างกายของเขา ไอ้ที่อยู่ข้างในกางเกงชั้นในสีขาวนั้นคงโดดเด่นขึ้นมาเป็นแน่ แต่นี่ กลับมีแต่เลือดที่ไหลอยู่เต็มขาไปหมด แถมผ้าพันแผลก็ชุ่มไปด้วยเลือดจนแทบไม่เหลือสภาพผ้าพันแผลให้เห็นเลย
“คุณค่อยๆขยับขึ้นมานั่งนะ” ดูจากอาการแล้วก็คงปวดไม่น้อย ผมคว้าหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางอยู่บนรถมาวางลองกันเลือดของเขาเปรอะที่นอน ผมสวมถุงมือก่อนจะหยิบกรรไกรมาตัดผ้าพันแผลของเขาออก แต่เขาก็เป็นลูกมือที่ดีนะ หยิบถาดรองมารับผ้าเปรอะเลือดซะด้วย ผมคีบสำลีมาซับเลือดของเขาที่เปรอะเลอะเต็มไปหมด เช็ดอยู่นานทีเดียวละ กว่าจะได้ล้างแผล ถึงปากแผลของหมวดชัชมันจะสมานตัวเล็กลงแต่ก็ยังคงไม่ 100% “หลังจากนี้คุณต้องเดินให้น้อยลงนะ หรือไม่ก็ใช้ไม้พยุงไปก่อน เพราะปากแผลของคุณมันยังไม่สมานตัวดีเลย ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆผมกลัวว่าแผลจะติดเชื้อเอา” ผมพูดพลางเอาผ้าพันแผลมาพันกลับเข้าที่เดิมหลังจากใส่ยาจนเสร็จเรียบร้อย “เสร็จแล้วคุณ”
“ขอบคุณมากนะ รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย”
“เดี๋ยวคุณใส่กางเกงที่วางอยู่บนรถเข็นนี่ไปก่อนนะ ผมให้เขาเอามาเผื่อ ใส่เสร็จแล้วก็ทานยาด้วย” ก่อนที่ผมจะถอดถุงมือออกทิ้งไป แล้วหยิบโทรศัพท์โทรไปแจ้งให้พยาบาลมาไขล็อคประตูและนำรถเข็นออกไป

 ในเวลาว่างของเราทั้งคู่ ชัชก็ดูแลผมเป็นอย่างดี ทั้งคอยนวดขากระตุ้นโลหิตให้ผม พยายามช่วยผมกายภาพเบื้องต้นเพื่อให้กล้ามเนื้อของผมได้ออกแรง มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ถึงแม้จะต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเดิมๆแบบนี้ทุกๆวัน อาจจะมีบ้างที่หมอเอกจะพาผมออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง ส่วนพ่อแม่ของผมท่านกลับไปได้สักพักแล้วครับ ตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพตั้งแต่วันแรกๆ เพราะมีคนไข้หลายเคสที่พ่อกับแม่ผมต้องไปตามการรักษา กว่าจะกลับมาได้อีกทีก็คงอีกนานเลย  ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไม่เคยรู้สึกแย่เลยที่มีชัชอยู่ข้างๆ จนวินาทีที่หมวดกวิณมาแจ้งข่าวเรื่องการตัดสินพิจารณาคดีของหมอแพรว
“สวัสดีครับคุณตั้ม สวัสดีชัช”คำกล่าวทักทายหลังจากเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับพี่ นี่…มาเยี่ยมคุณตั้มหรอครับ” ชัชถามขึ้น
“ก็….ไม่เชิงหรอก จุดประสงค์จริงๆคือมาแจ้งความคืบหน้าคดีของแพรวมากกว่า” หมวดกวิณลากเก้าอี้มานั่งข้างๆผมสองคน “พรุ่งนี้จะเป็นวันชี้ชะตาของหมอแพรวว่าจะเป็นยังไงต่อไป เหตุผลที่มีการพิจารณาคดีได้เร็วขนาดนี้ เนื่องจากมีทั้งหลักฐานที่เป็นอาวุธ บุคคล แล้วก็เอกสาร มันเลยทำให้หมอแพรวดิ้นจากข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่หลุด และจากที่เราสงสัยกันว่าหมอแพรวมีความผิดปกติทางจิตหรือเปล่า จากการตรวจของแพทย์ ยืนยันแล้วว่าทุกอย่างปกติ 100% และโชคดีอีกอย่างที่หมอแพรวยอมรับสารภาพในทุกข้อกล่าวหา ตอนขึ้นศาล รวมถึงคดีที่มีหมวดปวีณเข้าไปเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นข่าวดีที่หมอแพรวอาจจะไม่ต้องชดใช้ถึงชีวิต”ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินแบบนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ข้อสัณนิษฐานของหมวดกวิณแต่ก็ทำให้เราได้รู้ว่าแพรวจะยังคงมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้
“ขอโทษนะครับ คดีหมวดปวีณ แพรวเป็นคนสารภาพเองหรอครับ”ผมถามอย่างสงสัย
“เปล่าหรอกครับ เป็นเพราะว่าผมเปิดหลักฐานวีดีโอที่มาขอปากคำจากหมวดชัช หมวดชัชพูดถึงเรื่องนี้ไว้ด้วย บวกกับหลักฐานบางอย่าง เลยทำให้มีการพิจารณาร่วม”
“แพรวลงมือฆ่าจ่าคนนั้นยังไง เขาทำคนเดียวหรอครับ”
“เพราะหมอแพรวอ้างว่าพบเจอคนที่น่าสงสัยอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ เลยให้เหยื่อเขาไปสำรวจให้ และพอเหยื่อหลงกลเดินเข้าไปในห้องที่มีแต่ความมืด เธอก็ใช้มีดแทงเข้าไปที่เหยื่อแบบนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะปล่อยศพไว้แบบนั้น และรอเวลาที่ปวีณจะวิ่งไปที่ห้องตามที่เธอคาดการไว้ แล้วใช้ไม้ฟาดเขาก่อนที่จะจับมือของปวีณมาจับมีดเพื่อให้มีรอยนิ้วมือและเธอใช้หุ่นจำลองคนไข้มาเป็นเหยื่อในการถูกฆาตกรรม เพื่อให้หมวดปวีณเห็น”
“แล้วคุณจำได้มั้ยที่ผมบอกกับคุณว่าเราไม่พบลายนิ้วมือของหมอแพรวบนแก้วกาแฟ นั้นล่ะหลักฐานสำคัญ”
“ใช่ เธอใช้วิธีการยืนยันที่อยู่ โดยใช้บุคคลรอบข้างช่วย เธอบอกว่า ตอนประมาณ 23.50 น. เธอได้ไปจัดการลงมือฆาตกรรม ซึ่งปกติแล้วในทุกคืนที่เธออยู่เวร พยาบาลจะนำกาแฟมาให้เธอเป็นประจำ เธอใช้วิธีการเปิด speaker phone บนโทรศัพท์ในห้องเธอ และใช้มือถือโทรเข้ามา และทำการพูดคุยเหมือนตัวเองนั่งอยู่ในห้องและบอกให้พยาบาลวางถาดแก้วกาแฟลงบนโต๊ะด้านนอก นั้นจึงทำให้พยาบาลยืนยันเสียงแข็งว่าได้คุยกับหมอแพรวจริงๆ  และหลังจากฆาตกรรมเสร็จเธอใช้ช่วงเวลาชุลมุนหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ แล้วค่อยมาปะปนรวมกับกลุ่มที่มามุงดูภายหลัง นี่คือคำสารภาพที่เธอบอกกับศาล และที่ผมมาวันนี้แค่จะมาถามพวกคุณสองคนว่า วันพรุ่งนี้ คุณสองคนอยากจะไปร่วมฟังการตัดสินด้วยหรือเปล่า” คำถามนี้กลับทำให้ผมต้องคิดหนักว่าผมควรที่จะไปหรือไม่
“เอ่อ…ผมคง…ไม่ไปดีกว่าครับ มันคงจะดีที่แพรวจะไม่ต้องเห็นหน้าผม เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างเขากับผม เอาไว้…ให้เวลา…รักษาความรู้สึกของแพรวให้ดีขึ้นก่อน ถ้าเจอกันตอนนั้น อาจจะมีเรื่องที่ทำให้เราพูดคุยกันอย่างสนิทใจกันมากขึ้นก็ได้”
“โอเครครับ…แล้ว อาการของคุณตั้มดีขึ้นมากแล้วใช่มั้ยครับ”
“ก็…ตามลำดับครับ แต่ก็คงต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานพอสมควร กว่าจะเริ่มทำกายภาพได้”
“งั้นผมขอให้คุณแข็งแรงไวๆนะครับ ยังไงผมขอตัวกลับก่อน…พี่ไปก่อนนะชัช” คำร่ำลาสั้นๆของหมวดกวิณก่อนที่จะเดินออกไป
“ผมดีใจด้วยนะ ที่ผลการตัดสินออกมาเป็นแบบนี้”ชัชพูดขึ้น
“เราอาจจะดีใจที่ผลมันเป็นแบบนี้ แต่ญาติของเหยื่ออาจจะไม่ดีใจก็ได้
“แต่ก็ถือว่า คนร้ายได้รับการลงโทษแล้ว คงไม่มีอะไรจะถูกใจไปซะทุกคนหรอก”

ก๊อกๆ ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังนำมาแต่ไกล
“สวัสดีค่ะทุกคน” เสียงแบบนี้ไม่ใช่ใคร น้องสาวตัวแสบของผมนี่ละ เธอวิ่งเข้ามากอดผมเหมือนกับไม่ได้เจอกันมานานแรมปี “คิดถึงจังเลย” ผมก็ได้แต่กอดกลับกับเธอ “แล้วพี่ชัชล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีขึ้นมากแล้ว เหลือแค่แผลอีกนิดหน่อย”
หลังจากนั้นเธอก็ได้แต่พร่ำพรรณาว่าเธอแทบจะไม่มีเวลาเลย ร้านที่ทำอยู่ตอนนี้มีลูกค้าแน่นทุกวัน เลยไม่ได้มาหาผม สรรหาคำพูดนะน้องผม  แต่ใช่ว่าผมไม่เชื่อนะ พลแฟนของตาลถ่ายรูปมาอัพเดทให้ผมได้เห็นทุกวัน แต่มารอบนี้เธอก็ไม่ได้มาอยู่คุยกับผมนานหรอกนะ  เพราาะขนาดนั่งคุยกับผมยังมีสายโทรเข้ามาไม่หยุด
“ตาล พี่ว่าแกกลับไปที่ร้านก่อนดีกว่า  ไม่งั้นโทรศัพท์แกคงแบตหมดก่อนแน่” ผมก็แซวหยอกล้อไป
“ค่ะคุณพี่ชาย….แต่ก่อนที่จะไปเนี้ย ตาลมีข่าวดีมาบอกพี่ทั้งสองคนเลย  เป็นเรื่องที่ตาลก็พึ่งรู้เมื่อวานนี้เอง”
“ทำไม…พ่อกับแม่อนุมัติเปิดร้านใหม่ให้หรอ” แซวซะอีกผม
“โน๊ว โนว ค่ะ มัน surprise ยิ่งกว่านั้น…แท่น แท๊นนนนน” เธอหยิปรูปใบเล็กๆออกมาจากกระเป๋ายื่นมาให้ผม
“เฮ้ย พี่ดีใจด้วย…กี่เดือนแล้ว”มันคือแผ่นฟิล์ม อัลตร้าซาวน์
“จะสี่เดือนแล้วค่ะ แฝดด้วยนะคะ”
“นี่คุณดูสิ…”ผมยื่นให้กับชัชดู “คุณจะได้เป็นลุงแล้วนะ 55” ผมแซวเขา แต่เพื่อเมื่อเขาเห็นรูป เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ แล้วนี่พ่อกับแม่รู้ยัง”
“ยังเลยค่ะ  ไว้เดี๋ยวค่อย facetime ไปคุย”
“พี่ดีใจด้วยนะตาล กำลังจะเป็นแม่คนแล้ว” ชัชพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แต่ก็พอดูออกถึงแม้ว่าจะยิ้มออกมาแบบนี้
“ขอบคุณค่ะพี่ชัช….งั้นเดี๋ยวตาลกลับก่อนนะ เย็นนี้มีจัดเลี้ยงอีก ไว้ว่างตาลจะมาหานะพี่ ไปละนะพี่ชัช บ้ายบาย” แล้วเธอก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปอย่างมีความสุข
“ผมรู้นะว่าคุณรู้สึกยังไง…ผมขอโทษนะ”
“เฮ้ย!!ผมไม่เป็นไร อย่าคิดมากดิ”เขาดูอารมณ์ดีขึ้น “ผมน่ะ ไม่ได้ซีเรียสหรอกนะว่าเราจะมีลูกได้หรือเปล่า เพราะผมมีแค่คุณผมก็มีความสุขแล้ว แต่ถึงยังไงคุณก็เป็นภรรยาผม” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น “ แล้วขึ้นชื่อว่าภรรยาเนี้ยนะ ผมก็จะต้องทำหน้าที่สามีให้ดี เพราะฉะนั้น ปณิธานของผมก็คือ ต้องทำจนกว่าคุณจะท้อง ถ้ายังไม่ท้องก็ต้องถูกผมขย้ำไปเรื่อยๆๆ” เรื่องแบบนี้ล่ะไวนัก แถมยังหัวเราะเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีก
“หรอ แต่คุณสามีลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าภรรยาของคุณสามีเนี้ย เป็นหมอ ถ้าคิดว่าจะขย้ำภรรยาอย่างผมไปเรื่อยๆจนกว่าจะท้องล่ะก็ งั้นเวลาตอนคุณสามีหลับ ก็โปะยาสลบซ้ำอีกที แล้วก็จับทำหมันให้รู้แล้วรู้รอดเลยไปเลยดีกว่า ดีมั้ย!?”
“โธ่!!!คุณภรรยา ไม่สงสารคุณสามีบ้างหรอ ทั้งชีวิตเลยน้าาาาา”
“ไม่….สง….สาร” แกล้งนายคนนี้ก็สนุกดี
“ใจร้ายอ่ะคุณน่ะ”ทำหน้าซะเศร้าเชียว “แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ผมขอขย้ำคุณก่อนสักทีแล้วกัน”ว่าแล้วเชียวว่าต้องแกล้ง แต่ก็นะ ขอแค่เขามีความสุขผมก็ยอมแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้แกล้งอะไรผมแรงหรอก แค่จักจี๋พอเป็นพิธีเท่านั้นล่ะ”ผมจูบนะ”
“ขอกันง่ายๆงี้เลย” ทำมายักคิ้วใส่ ผมก็ได้แต่มองหน้าเขา อารมณ์แบบนี้สำหรับผมลืมไปหมดแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง “แค่จูบนะ” ผมแค่กลัวมันเลยเถิดก็เท่านั้น
“แค่จูบสิ ส่วนที่เหลือ...รอรวบยอดตอนคุณหายก็แล้วกัน” ริมฝีปากของเขาจูบลงมาที่ปากของผมแบบไม่ทันตั้งตัว แต่กลับมีแต่ความอ่อนโยน ไร้ซึ่งการกระทำรุนแรงใดๆ ทำไมผมหยุดตัวเองไม่ได้ ชัชกำลังดันผมให้นอนลง ผมรีบยั้งตัวเอง “ชัช ตั้มบอกแค่จูบไง”
“ก็แค่จูบไง” ปากของเขากลับมาทำหน้าที่อย่างเดิมอีกครั้ง เสียงกระเสร่าที่เขาพูดออกมา ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังจะระงับตัวเองไม่ไหว
“ตาชัช/ไอ้ชัช”เสียงที่ผมไม่คุ้นหูตะโกนขึ้นดังลั่น แต่พอเห็นหน้าก็จำได้ทันที “แกกำลังทำบ้าอะไร” พ่อของชัชตะโกนถามแล้วก็เข้ามาดึงตัวชัชออกจากผม
“มาที่นี่ได้ไงครับ” เขาถามเสียงนิ่ง
“มาได้ยังไงคงไม่สำคัญ ว่าแกทำเรื่องอุบาทว์ๆแบบนี้ได้ยังไง”คำพูดนี้ทำผมพูดอะไรไม่ออก
“อะไรคือเรื่องอุบาทว์ ”
“แกยังกล้าที่จะถาม ว่าอะไรคือเรื่องอุบาทว์ ก็การที่แกมานั่งจูบนอนจูบอยู่กับผู้ชายด้วยกัน ไร้สติ ไร้ความนึกคิดสิ้นดี”
“หรอครับ แต่ที่นี่มันก็ที่ส่วนตัว แล้วอีกอย่าง ผมกับตั้ม เราก็เป็นแฟนกัน”

เพี๊ยะ!!!!!!!
ชัชโดนตบหน้าจากพ่อของเขาอย่างแรง
“ผมว่า……รีบกลับไปเถอะ”ตอนนี้เขาดูตัวสั่น ดูโมโหจนผมรู้สึกกลัว “ถึงอยู่ ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น”
“ชั้นกลับแน่…แต่ถ้าแกคิดว่า ถ้าชั้นกลับแล้วเรื่องมันจะจบ แกคิดผิดแล้วล่ะ” ชัชเงยหน้าขึ้นมามองผม
“มันก็ ไม่ใช่เรื่องของผม….ถ้าเข้ามาได้ ก็คงเดินออกไปเองได้นะครับ” บรรยากาศมันช่างอึดอัด ทำอะไรไม่ถูก อย่าว่าแต่ผมเลย แม่ของชัชก็ได้แต่ยืนนิ่ง ไม่พูดไม่ไหวติงอะไร
“แกรู้…แล้วแกก็จำเอาไว้”คุณพ่อเอามือผลักหัวชัชอย่างแรง “ ชั้นทำให้แกเกิดมา เลี้ยงแกมา เพื่อไม่ได้ต้องการให้แกมาอกตัญญูหรือทรพีชั้น  แต่การกระทำของแกวันนี้ มันทำให้ชั้นเห็นชัดว่า คนอย่างแก มันถูกตามใจมากจนเกินไป มันคงถึงเวลา ที่ชั้นจะยึดอิสระที่ชั้นให้แกไปคืนมาบ้าง แล้วแกจะได้เห็น ว่าความจริงของโลกใบนี้…มันเป็นยังไง”
“ก็เป็น…เหมือนอย่างที่เห็นนี่แหละ ความจริงของโลกใบนี้…อย่าให้ผมพูดอะไรไปมากกว่านี้เลย เดี๋ยวมันจะไม่หลงเหลืออะไรไว้ให้ผมไว้เคารพ”
“อย่านะคุณ ชั้นของร้อง” แม่ของชัชยื้อห้ามพ่อของชัชอีกครั้งเพียงแค่เห็นว่าชัชกำลังจะโดนพ่อของเขาตบ “กลับก่อนเถอะค่ะคุณ…นะคะ” เธอพยายามดึงลากพ่อของชัชออกไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะสำเร็จ
 พอท่านทั้งสองกลับไป ชัชก็ได้แต่เพียงนั่งนิ่งๆ  ผมเห็นน้ำตาของเขาไหลออกมา ผมเอามือไปโอบแก้มของชัช เขาก็ได้แต่เพียงอิงหน้ามาที่มือของผม
“ผมขอโทษนะ ที่ทำให้คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้”เขารีบปาดน้ำตา
“ไม่เป็นไร ไม่เห็นต้องขอโทษเลย” ผมก็ได้แค่เพียงนั่งปลอบโยนเขา ให้กำลังใจ ตั้งแต่ผมรู้จักชัชมา ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขาเลยแม้สักครั้ง และนี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากตัวของผมเองด้วย
“คุณไม่ต้องไปสนใจคำพูดำพวกนั้นนะ แค่คุณเชื่อมั่น และเชื่อใจในตัวผมก็พอ”
“ผมก็ทำมันมาตั้งนานแล้วนี่ เชื่อใจคุณน่ะ”เขามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว “แล้วคุณล่ะ โอเคแล้วแน่นะ”
“ผมพร้อมจูบคุณอีกรอบแล้วด้วยซ้ำ คิดว่าผมโอเคขึ้นแล้วหรือยังล่ะ ”
“ไอ้บ้า!!!!” แค่ผมเห็นเขายิ้มได้ผมก็มีความสุขแล้ว
ในมื้อเที่ยงของวัน ชัชได้ลงไปซื้ออาหารจากร้านเจ้าประจำของผมในศูนย์อาหารของโรงพยาบาลขึ้นมาให้กับผม พร้อมกับเข็นโต๊ะทานอาหารเข้ามา
“ซื้อมาทำไม เดี๋ยวพยาบาลเขาก็เอาอาหารของผมเข้ามาให้”
“ก็พอผมเห็นคุณทานทีไร หน้าคุณมันบ่งบอกทุกทีว่ามันอร่อยมากกกกกกกก” เหมือนเขาจะรู้ “เอาเถอะน่า อาหารที่ซื้อมามันก็ไม่ได้ต่างจากอาหารของโรงพยาบาลนักหรอก แต่แค่เปลี่ยนรสมือคนทำแค่นั้นเอง” ชัชจัดการจัดเตรียมทุกอย่างใส่จาน พอได้เห็นหน้าตาอาหารมันก็น่ากินจริงๆนั้นล่ะ “ของโปรดคุณทั้งนั้นถ้าผมจำไม่ผิด”
“มาทานด้วยกันสิคุณ” ผมชวนเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะไปหยิบจานกับช้อนมาเพิ่ม  ขณะที่เราทั้งคู่กำลังจะลงมือทานอาหาร แม่ของชัช ท่านก็เดินเข้ามาถูกจังหวะพอดี ชัชได้แต่มองแม่ของเขานิ่ง ก่อนที่จะลุกไปเอาเก้าอี้มาให้แม่ของเขานั่ง
“แม่มาทำอะไรอีกครับ”คำถามเปิดประเด็นเริ่มขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งตรงที่เดิม “ผมนึกว่าจะไม่มายุ่งกับผมแล้วซะอีก”
“คุณชัช”ผมเรียกสติเขา
“นี่คือคำตอบของเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดใช่มั้ยลูก”
“คำตอบอะไรครับ”
“คำตอบในสิ่งที่แม่พยายามค้นหามาให้ลูก….คู่ชีวิต”แม่ของชัชท่านใจเย็นมาก
“ก็อย่างที่แม่เห็นนั้นแหละครับ ตั้มคือคำตอบของคำถามที่คาใจแม่มาตลอด ผมไม่มีข้อแก้ตัวตัวอะไร เพราะสำหรับผมมันเดินมาไกลเกินแล้ว” ชัชนิ่ง ทุกคนในห้องก็นิ่ง การที่ผมมาอยู่ในสถานที่ที่อึดอัดแบบนี้ที่ผมไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ มันน่าอึดอัดจนบอกไม่ถูก แต่ในความน่าอึดอัดตรงนั้น มันกลับมีความรู้สึกที่เป็นห่วงบุคคลทั้งสองอย่างบอกไม่ถูก
“ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียใจ ที่ผมเป็นอย่างที่แม่อยากให้เป็นไม่ได้”ชัชได้แต่นั่งก้มหน้า
“แม่เลี้ยงลูกไม่ดีตรงไหน แม่บกพร่อง หรือละเลยอะไรในความเป็นแม่ของลูก” ผมเห็นชัชน้ำตารื้นรวมถึงแม่ของเขา “แม่พยายามถามตัวเองมาตลอด ว่าแม่เป็นแม่ที่ดีของลูกแม่แล้วหรือยัง แม่พยายามหาจุดบกพร่องของตัวเอง พยายามเติมเต็มในสิ่งที่พ่อของลูกไม่เคยทำ แม่ยังทำไม่ดีพอใช่มั้ยลูก”
น้ำตาของชัชไหลออกมาเป็นทาง แต่เขาพยายามที่จะเก็บอาการเหล่านั้นเอาไว้
“แม่ดีทุกอย่างเลยครับ เป็นแม่ที่เอาใจใส่ ดูแล ห่วงใยผมไม่เคยขาดตกบกพร่อง แม่คือผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตผม…แต่ตอนนี้ ผมกลับไปเป็นชัชคนเดิมแบบที่แม่เคยหวังไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผมทำไม่ได้แล้ว” ชัชพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ ผมทำได้แค่กุมมือเขาในเวลานั้น เขาบีบมือผมแน่น ในตอนนั้น แม่ของชัชลุกขึ้นเดินตรงเข้ามาชัชที่นั่งอยู่ข้างๆผม
“ขอโทษนะลูก ที่แม่ปล่อยให้ลูกเหนื่อยคนเดียวมานาน” เธอโอบกอดชัชอย่างนุ่มนวล ในเวลานี้ผมอาจไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกตรงนั้นได้  แต่ผมเชื่อว่าชัชกำลังซึมซับความรู้สึกนั้นไปอย่างเต็มเปี่ยม
“ลูกก็ด้วยนะลูก” หมายถึงผมอย่างนั้นหรอ “ขอบคุณที่ทำให้ลูกแม่มีความสุข” ผมรู้ว่า ความรู้สึกข้างในของแม่ชัชเป็นยังไง ถึงท่านจะยอมรับเรา ด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ยังเหลือพ่อของชัชที่ผมยังไม่รู้เลยว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
หวังว่าหมอตั้มจะให้การตามจริงเรื่องแพรวนะ​ อย่าให้การช่วยเหลือคนแบบนี้เลยให้เค้าได้สำนึกและรู้ตัวเถอะว่าเค้าผิดทำคนตายกับญาติ​คนตายเดือดร้อน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สู้ๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
2 เดือนต่อมา
     หลังจากวันนั้น ดูเหมือนแม่ของชัชจะเข้าใจเราทั้งคู่มากขึ้น ท่านแวะมาคุยเยี่ยมผมอยู่บ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะชัชมาอยู่กับผมแทบจะตลอดเวลา เพราะผมเริ่มทำกายภาพเบื้องต้น เหมือนคนพึ่งหัดเดินใหม่ๆ กายเป็นตอนนี้ชัชแทบจะไม่ไปทำงานเลยด้วยซ้ำ ถ้าผมไม่ได้บังคับเขา
“เดี๋ยวผมขอไปเคลียร์งานที่ สน.แปปนึงนะ ไม่น่าเกิน ชม. เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”เขาบอกผมพร้อมกับบ่งบอกสีหน้าว่าไม่อยากไปเท่าไหร่แแต่ก็โดนผมแกล้งทำโกรธไปหลายที เดี๋ยวนี้เลยงอแงน้อยหน่อย
(เสียงประตูเปิด)
“ไงมีอะไรอี…… ก” พ่อชัช “สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้ขึ้น แต่ท่านก็ดูเฉยไม่พูดอะไร “เอ่อ… คุณ.. คุณ… พ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”  ใช้คำนี้คงดีที่สุด
“ไอ้เรื่องสกปรกพวกนี้ มันเริ่มต้นที่จะพูดยากเหมือนกัน” น้ำเสียงนิ่งเรียบเย็นชาซะเหลือเกิน ”เอาง่ายๆชั้นไม่อยากให้คนในวงตระกูลของชั้นต้องเข้าไปเกลือกกลั้วกับวงจรโสมม หรือที่คนเขาเรียกว่าพวกผิดเพศ… ตั้งแต่เลี้ยงมันมา….มันไม่เคยทำให้ชั้นต้องผิดหวังเลยสักครั้ง แต่พอมีหมออย่างแกเข้ามา”สายตาเขามันเหยียดหยามผมมาก
“หมออย่างผมมันเป็นยังไงหรอครับ”
“ก็เป็นเช่นอย่างที่เห็น” ผมจะอดทนได้แค่ไหน “เคยคิดบ้างมั้ย ว่าความใคร่ที่พวกแกเรียกกันว่าความรักเนี้ย ถ้ามันทำให้คนๆนึง…ต้อง พัง มันจะเรียกว่ารักได้อีกมั้ย… จะเสนอแนวทางอะไรง่ายๆให้ แค่เเกเลิกกับๆไอ้ชัชซะ แค่นั้นเอง  เรื่องเลวร้ายทั้งหมดมันก็จะไม่เกิดขึ้น แค่เห็นแกทุกวันนี้ ชั้นยังคิดสงสารพ่อแม่ของแกเลย เลี้ยงลูกยังไงให้วิปริต”
“คุณหยุดลามปามถึงพ่อแม่ผมได้แล้ว”ผมแย้งขึ้นเสียงดัง “แล้วคุณก็จำไว้ด้วย ว่าผม จะ ไม่ เลิก กับ ชัช เด็ด ขาด ถึงคุณจะพยายามทำอะไรก็แล้วแต่ การเลิกกันของเราทั้งคู่ จะไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น” เขาปรบมือเสียงดัง เขากำลังจะทำอะไร
“งั้นแกรอดูได้เลย”
“รอดูอะไร”ชัชกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“รอดูความพังพินาศของแก รวมถึงชีวิตรักของแกด้วย”

~~พลั่ก~~

ชัชต่อยหน้าพ่อของเขาเข้าไปเต็มแรงจนพ่อของเขาล้มลงไป และเขายังกระชากคอเสื้อพ่อของเขาเหมือนคนขาดสติ ผมจะห้ามเขาได้ยังไง
“ชั้นว่าจะเงียบปากเรื่องของแกแล้วนะ… ไอ้สุวิทย์” เดี๋ยวชัช นั้นพ่อนะ “ ไอ้เรื่องที่แกกับแม่หลอกชั้นว่าแกคือพ่อแท้ๆของชั้น ”มันเกิดอะไรขึ้น” ไอ้ทีแกเข้ามาตีสนิทแม่ของชั้นหลังจากที่พ่อเสีย แล้วทีแกเปลี่ยนนามสกุลมาใช้ของพ่อชั้น เพราะแม่เป็นคนเสนอให้แกทำเพื่อไม่ให้ชั้นสงสัย แต่อย่าลืม ว่าชั้นทำงานอะไร เป็นอะไร แค่ตรวจสอบประวัติคนๆเดียว มันไม่ได้ยาก และไอ้เรื่องที่ขู่แม่ชั้นว่าจะ backmail เรื่องวิตถารจนแม่ชั้นจะต้องยอมแกมากี่ปีต่อกี่ปี ระวังเอาไว้ให้ดี เพราะนี่แค่เตือน ถ้าเอาจริง แกไม่รอด จำไว้” ถึงผมจะงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่ในเวลานี้ผมกลัวชัชจะระงับอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ได้ เพราะผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของชัชก็ตัวใหญ่ไม่เบา
“คิดหรอว่าคนอย่างชั้นจะกลัว เพราะทุกคนเขาก็คิดว่าชั้นเป็นพ่อแท้ๆของแก ถ้าแกทำร้ายชั้น ยังไงคนเขาก็มองว่าแกมันคือลูกอกตัญญู ชั้นมีแต่ได้กับได้”
“นี่ ถ้าผมโง่ คงจะมีทุกวันนี้ไม่ได้หรอก หรือว่าอยากจะลอง”
“ลองอะไร”  ชัชยืนกดโทรศัพท์ก่อนที่จะยื่นบ้างอย่างในโทรศัพท์ให้กับพ่อของเขาดู “แกได้มันมาได้ยังไง”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่า ถ้ายังอยากมีเงินใช้ ก็อยู่เงียบๆ ขืนทำอะไรให้มันมากเรื่อง ชีวิตของคุณพ่อกำมะลออย่างคุณ จะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ที่ซุกหัวนอน” เขายืนจ้องหน้าชัชจนผมเองยังกลัวเลย “แล้วอีกเรื่อง”ชัชเดินเข้าไปประชิดตัวพ่อของเขา “มึงอย่ามายุ่งกับแฟนและแม่ของกูอีก เตือนรอบเดียว… ครั้งเดียว”ผู้ชายคนที่ชื่อสุวิทย์ผลักไหล่ชัชอย่างเต็มแรงก่อนที่จะหุนหันเดินออกไป
“ตั้มไม่เป็นไรใช่มั้ย มันทำอะไรตั้มหรือเปล่า”เขารีบหันมาถามผมทันที
“เขาไม่ได้ทำอะไรตั้มหรอก แค่เข้ามาพูดๆอย่างที่ชัชเห็น… แต่เดี๋ยวนะ ไหนว่าจะไป สน.ไง ทำไมกลับมาได้”
“หมอเอกโทรมาบอก”
“หมอเอก? “
“ใช่… ผมแค่กังวลเลยฝากหมอเอกให้ดูแลคุณเวลาผมไม่อยู่” ผมก็ชอบนะที่มีคนเป็นห่วง แต่ถ้าต้องเดือดร้อนคนอื่นแบบนี้ผมก็เกรงใจเป็นนะ ในตอนนั้น ชัชก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง เกี่ยวกับสุวิทย์พ่อกำมะลอของเขา ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนกับพ่อของชัชตั้งแต่สมัยเปิดบริษัทด้วยกัน และเขาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของชัชต้องเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุ หลังจากงานศพ เขาก็เข้ามาดูแลแม่ของชัช และวางยาแม่ชัชเพื่อที่จะได้มีสัมพันธ์ทางร่างกายกับเธอ และถ่ายวีดีโอเอาไว้ และหลังจากนั้นเขาก็ใช้ข้ออ้างข้อนี้เป็นข้อแม้ในการขอเงินและมีความสัมพันธ์แบบนี้มาเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้นชัชอายุได้ไม่กี่ขวบ เขาเลยไม่รู้เกี่ยวกับเหตุการที่เกิดขึ้นทั้งหมด และด้วยความที่ไม่อยากให้เรื่องเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ แม่ของชัชเลยจัดการเรื่องให้นายสุวิทย์เปลี่ยนมาใช้นามสกุลและรับบทบาทเป็นพ่อของชัชมาตั้งแต่ตอนนั่น แต่ในข้อตกลงนายสุวิทย์ต้องเซ็นเอกสารข้อสัญญาว่าเขาจะสามารถมีสิทธิ์ในการทำอะไรในบ้างในการมาใช้นามสกุลของพ่อชัช แต่นายคนนั้นก็ดีแต่ใช้เงิน และวางอำนาจในเรื่องผิดๆไปทั่ว ชัชมาเริ่มสงสัยตอนทราบข่าวว่าแม่เริ่มปล่อยขายหุ้นในบริษัท แต่ตัวเขาก็ไม่ไปถามจากแม่โดยตรงแต่เริ่มสืบจากข้อมูลที่ได้มาจากคนสนิทในบริษัทนั้นๆและสืบจนทำให้ทราบความจริง  และนี่ก็คือสิ่งที่ชัชเล่าให้ผมฟังมันเลยทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมถึงต้องมีเหตุการแบบนี้เกิดขึ้น
“แล้วถ้าเขาอยากแก้แค้นแล้วเอาคลิปของแม่ชัชไปแฉละ ชัชจะทำยังไง”
“ผมคิดไว้แล้ว ตั้มไม่ต้องห่วงหรอก แต่แค่ว่าแม่จะยอมทำตามที่ผมแนะนำหรือเปล่า แล้วอีกอย่างแม่ก็ยังไม่รู้ว่าผมรู้เรื่องนี้.. แต่อีกไม่นานก็คงจะรู้แล้ว” ดูท่าทางแล้วชัชก็คงเหนื่อยไม่ใช่น้อยเลยกับเรื่องพวกนี้ ผมบีบมือชัชเบาๆเป็นการให้กำลังใจ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะแนะนำหรือพูดยังไงเพื่อที่จะทำให้ชัชรู้สึกดี
   สรุปว่าตอนบ่ายที่ผ่านมาชัชก็ไม่ได้เข้าไปทำงาน เพราะมัวแต่นั่งคุยอยู่กับผม แถมยังไปเฝ้าผมตอนทำกายภาพอีก นี่ถ้าทำงานบริษัทละก็ไม่รอดแล้วละตาชัชคนนี้
“วันนี้เป็นไงบ้างหมอตั้ม ทำกายภาพมาสักพักแล้ว รู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้างมั้ย”หมอเอกเข้ามาเยี่ยมผมพร้อมตรวจอาการ
“ก็ยังเจ็บ ขนาดลงน้ำหนักยังไม่ถึง 20%เลยนะ”
“เอาน่า เริ่มต้นได้ไม่นานก็เป็นแบบนี้ละ ตั้มยังต้องเจ็บอีกเยอะกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม”ขู่ผมหรอหมอเอก “เดี๋ยวยังไง พรุ่งนี้เราจะ MRI ให้ตั้มอีกรอบนึงจะได้รู้ว่าเส้นเอ็นที่ต่อไปสมานกันดีแค่ไหนแล้ว”
“แล้วตอนนี้หมอตั้มสามารถออกไปไหนมาไหนได้บ้างมั้ยครับ เช่นสวนของโรงพยาบาล
“ได้ครับ ผมว่าดีกว่าให้หมอตั้มอยู่แต่ในห้องนะ จะได้ไม่เบื่อด้วย… จริงมั้ยหมอตั้ม”หันมาหาผมทำไมหมอเอก…. แต่ก็จริงนะ มันน่าเบื่อจริงๆ “งั้นยังไงคืนนี้ก็พักผ่อนมากๆล่ะ เราคงไม่ได้เข้ามาละ เดี๋ยวจะต้องไปทำคลีนิกต่อ แล้วเจอกันพรุ่งนี้…. ไปนะครับหมวดชัช” หมอเอกนี่ใครได้เป็นแฟนไปละก็ไม่เหงาแน่นอน
~~เสียงประตูปิด~~
“คิดจะทำอะไรชัช”เขารีบพุ่งตัวขึ้นมาอยู่บนเตียงกับผม
“ก็ขึ้นมาอนกับคุณไง ผมนอนคนเดียวมาหลายคืนแล้วน้าาา”เสียงอ้อนเชียวนะตาผู้หมวด แต่ทำไงได้ผมก็ใจอ่อนทุกที แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ ทางโรงพยาบาลให้ความส่วนตัวกับผมมาก ยิ่งตอนกลางคืน การรบกวนเป็นศูนย์เลยล่ะครับ “คิดถึงโมเมนต์แบบนี้จัง ที่มีคุณนอนอยู่ข้างๆผม” ผมก็คิดถึง “ผมขอได้มั้ย… แค่… จูบ” เสียงออดอ้อนอีกเเล้ว แต่ผมยังไม่ทันตอบ ริมฝีปากอันเเสนร้อนเร่าของเขาก็มาประกบปากผม  ลิ้นของเขาเริ่มทำหน้าที่ดังครั้งก่อนอีกครั้ง และร่างกายผมในตอนนี้ก็ดันตอบสนองชัชอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การสัมผัสอันเเผ่วเบา มันทำให้ผมแทบคลั่ง มือของชัชเริ่มไล้ไปตามร่างกายของผม ในตอนนี้ผมเริ่มสัมผัสถึงความตื่นตัวของน้องชายชัชได้อย่างคุ้นมือ
.!!!!!!!! เขาถอนจูบ
“ผมขอโทษ… ผมไม่ควรทำกับคุณแบบนี้”เขารีบลุกขึ้นนั่ง “ผมขอโทษ”
“ไม่นะชัช”ผมรีบท้วงขึ้น “… ตั้มตะหาก เป็นตั้มที่ให้ชัชไม่ได้”ผมยิ่งรู้สึกผิดที่เห็นชัชหน้าเสียแบบนี้ “อดทนหน่อยนะ อีกแค่ไม่นาน นะชัช” เขาเอามือมายีหัวผม
“นานแค่ไหนผมก็รอได้…. อย่าคิดมาก”นี่แหละเขาล่ะ “แล้วนี่อยากทานอะไรเพิ่มมั้ย เมื่อเย็นเห็นทานไปนิดเดียวเอง”
“ก็ถ้าขัชทานด้วย สั่งอะไรมาตั้มทานได้หมดล่ะ” และผมก็เห็นเขาง่วนกับการสั่งอาหารผ่านมือถือ โชคดีที่ว่ายังไม่ดึกมาก คงยังมีร้านอร่อยขายอยู่อีกเยอะ  fastfood อย่าน้อยใจนะ แค่ไม่อยากทานอะไรที่มันทานบ่อยๆอยู่แล้วน่ะ  /////เดี๋ยวๆ นี่บอกใครอ่ะ///////
.
.
.
.
.
.
“ผล MRI น่าพอใจนะหมอตั้ม เส้นเอ็นสมานกันได้ดีเลยละ แต่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นไม่อย่างนั้น ได้ผ่าตัดใหม่แน่” ข่าวดีข่าวร้ายแต่เช้าเลยหมอเอก
“แล้วเรื่องกายภาพนี่ทำอะไรเพิ่มเติมอีกได้มั้ยครับ นอกเหนือจากการหัดเดิน”
“จากที่ผมประเมิน คงยังได้แค่หัดเดินลงน้ำหนักนี่แหละ เพราะมันต้องใช้เวลา…. คุณชัชก็เห็น เวลาหมอตั้มเดินน่ะ มันจะเจ็บมาก ตอนนี้คงดีได้ที่สุดเท่านี้ ถ้าขืนรีบหรือยัดเยียดกิจกรรมใหม่เข้าไป อาจจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี… ส่วนเรื่องที่หมวดชัชทำอยู่เป็นประจำ อันนั้นผมยกเว้นให้.. ถือว่าช่วยได้ในระดับนึง” ที่หมอเอกหมายถึงคือการบีบนวดที่ขาของผมครับ ชัชจะทำมันแทบจะทุกๆ ชม.ถึง 2 ชม. และนี่ก็คือข้ออ้างที่ทำให้เขาไม่ยอมไปทำงาน เหตุผลดีเยี่ยมสุดๆ
   หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจ บุรุษพยาบาลก็ทำหน้าที่เข็นเตียงผมกลับไปยังห้องพักเดิม แต่จากที่ผมเห็น ชัชกำลังยืนคุยอะไรอยูากับหมอเอกไม่รู้ แต่ดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร

“เมื่อกี้คุยอะไรกับหมอเอกอ่ะ”สอดรู้สอดเห็นทันทีเลยผม
“ก็เรื่องสุขภาพคุณนั้นล่ะ”แล้วไป “แล้วก็”เขาเดินกลับไปหยิบของบางอย่างในกระเป๋า “เปลี่ยนใส่เสื้อตัวนี้นะ ขืนออกไปแบบนี้ เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมพาคนไข้หนี”
“เดี๋ยวๆๆๆๆ นี่จะพาผมไปไหน”
“เอาเถอะน่า เปลี่ยนเถอะ” ไม่ยอมตอบผมด้วย “แต่ถ้าคุณดื้อ ผมจะเปลี่ยนให้เอง” มองหน้าแบบนี้คิดว่ากลัวไง
“อืม… เปลี่ยนก็เปลี่ยน” เอ้า!!!!! ไหงง่ายแบบนี้วะผม ชักเริ่มเกลียดตัวเองละสิ พอเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อย เขาก็จัดการพาผมนั่งรถเข็น แต่กว่าจะนั่งได้ก็ลำบาก… ลำบากชัชน่าดู เพราะเขาต้องอุ้มผม เพราะผมไม่สามารถพยุงตัวเองได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตลอดเวลาที่เขาเข็นรถ พาผมขึ้นรถ แม้กระทั่งขับรถ ผมถามยังไงเขาก็ไม่ยอมบอก จนผมเองรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“โกรธผมหรอ” ยังกล้ามาถามอีก “ผมแค่อยากพาคุณไปที่ที่นึงของเรา…ผมอยากใช้เวลาของผม ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุข… ตั้มอย่าโกรธชัชเลยนะ” ทำไมผมจะต้องแพ้น้ำเสียงแบบนี้ของเขาทุกที พยายามใจแข็งแต่ก็ทำไม่ได้สักที “ผมรักคุณมากนะตั้ม” ตาย ประโยคนี้มา ผมก็ตายสิ โอ๊ย!!!!!! จะงอนให้นานก็ทำไม่ได้
.
.
.
.
.
“ถึงแล้วคุณ… เดี๋ยวขี่หลังผมนะ พอดีช่องจอดมันแคบเลยเอารถเข็นมาไว้ตรงประตูไม่ได้” ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ทำไงได้ก็ต้องทำตาม ก็เดินไม่ได้นี่นา
“ไหนรถเข็นล่ะ”ทำเสียงแข็งได้ด้วยผม
“อยู่ในรถ”
“เอ้า จะเดินไปไหนล่ะ… แล้วทำไมไม่เอารถเข็นออกมาก่อน”
“ ก็มีผมเป็นขาให้แล้วไง”
“ไม่ได้ๆชัช” ผมรีบท้วงขึ้นทันควัน “คุณจะบ้าหรอ… ให้ผมขี่หลังเดินทั่วห้างแบบนี้ ไม่อายเขาหรือไง”
“อายทำไม คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยสนใจใคร”เป็นแบบนี้ทุกที “นอกจากคุณน่ะ” จะเถียงยังไงให้สำเร็จสักครั้งสักรอบเนี้ย เบื่อกับการใจอ่อนของตัวเองเต็มที 
   แล้วมันก็เป็นตามที่คิด เพราะเราทั้งคู่กลายเป็นจุดสนใจของคนรอบๆบริเวณ และคนส่วนใหญ่ก็รู้จักชัชจากการเป็นหนุ่มผู้เเสนหล่อจากการโหวตของเหล่าสาวๆ ตัวผมน่ะไม่อะไร แต่ตัวเขา หน้าที่การงานของเขา มันจะกระทบกันไปหมด ถ้าใครต้องมารู้ว่าเขามีแฟนเป็นผู้ชาย
“ ชัชวิน ที่โทรมาจองเอาไว้น่ะครับ” เสียงบอกกล่าวกับพนักงาน ก่อนที่เธอจะนำพาเราเข้าไป ที่นั่งเป็นที่นั่งด้านในสุด เป็นร้านที่ผมเคยพาเขามาตอนที่เลี้ยงขอบคุณครั้งแรกที่เขาช่วยผม…. แต่ก็แปลก ไม่เห็นมีลูกค้าสักคน
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะคะ” แถมอาหารก็มาเร็วอีก ผมรู้สึกว่าผมพึ่งนั่งได้ไม่ถึง นาทีเลย
////สามที่ครับ////
/////ขออภัยด้วยนะคะคุณลูกค้า ตอนนี้ทางร้านมีลูกค้าจองเอาไว้ สามารถใช้บริการได้อีกทีตอน บ่ายสองโมงค่ะ”////
“นี่คุณเหมาร้านนี้เหรอ คุณชัช” ผมตกใจจริงๆ
“ชม.เดียวเอง” ผมพูดไม่ออกเลยจริงๆ ดีใจมั้ยมันก็ดีใจ แต่โมโหมั้ยมันก็มี “ ผมแค่อยากให้เราใช้ชีวิต และเวลาเหมือนคนปกติ”เขาจับมือผม”ผมไม่อยากให้คุณต้องรู้สึกแย่หรือว่าน้อยใจในสิ่งที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ การใช้เงินสำหรับผมจะมากจะน้อยผมไม่สนใจ ผมขอแค่คนตรงหน้าผมมีความสุข… เงินน่ะ ทำงานเดี๋ยวก็ได้มาใหม่ แต่คนที่ผมรัก ผมไม่อยากหาใหม่แล้ว เข้าใจผมนะ”
“รอบนี้รอบเดียวนะ เพราะถ้าคุณอยากให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ผมรู้สึกแย่ ผมว่าคุณจนแน่”
“แล้วถ้าผมจนล่ะ” เขาจ้องหน้าผม
“ก็…. ให้คุณหางานทำไง จะได้ไม่จน” ผมขำใส่เขาเบาๆ “พูดเล่น.... แค่คุณคนเดียวไม่ลำบากผมหรอก”ก็นะ ไม่อยากทำให้ช่วงเวลาความสุขมันถูกบั่นทอน ด้วยความเอาแต่ใจของผมนี่
“เดี๋ยวตอนเย็นผมไม่อยู่นะ อาจจะกลับเข้ามาค่ำๆเลย”ผมพยักหน้าตอบ แล้วทานต่อ “ใจร้ายว่ะ” ผมถึงกับต้องเงยหน้ามอง
“อะไรอ่า”
“จะไม่ถามผมหน่อยหรอว่าจะไปไหน ทำอะไร กับใครอ่ะ” ปัดโธ่!!!!!!!
“ทำไมต้องถามล่ะ ก็ผมเชื่อใจคุณอ่ะ”ก็จริงนี่ครับ แต่ดูท่าทางเขาจะไม่โอเค ทำตัวเป็นเด็กไปได้ตั้งแต่คบกันเป็นแฟน “แล้วชัชจะไปไหนอ่า” ตามใจก็ได้ แค่นี้ “ไปกับเพื่อนที่ สน. หรือว่ากับที่บ้าน”
“ผมจะไปหาแม่ คุยเรื่องไอ้สุวิทย์”
“ชัช”ผมขึ้นเสียง
“…… เออ… คุยเรื่อง…. สุวิทย์ พอดีหาทางออกได้ แต่ไม่รู้ว่าแม่จะโอเคมั้ย”
“ทางออกที่ว่า พอบอกตั้มได้หรือเปล่า” แล้วชัชก็เล่าให้ฟังถึงหนทางดังกล่าว จากที่ฟังมา สำหรับผมแล้วแผนการนี้คงไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะถ้านายคนนั้นเป็นคนที่พูดง่ายว่าง่ายล่ะก็ เรื่องมันคงจะจบไปนานแล้ว แต่… มันก็ไม่เสียหายที่ชัชจะลองทำดูก่อน “ชัชคิดว่ามันเวิร์คสุดแล้วใช่มั้ย”
“ไม่… แต่มันเป็นแค่หนทางแรก และอาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ชัชจะใช้วิธีที่ประณีประนอมมากที่สุด” ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี ถ้าหากความคิดนี้ไม่สำเร็จ ไอ้ที่อยากจะตามไปด้วย ก็คงจะเป็นภาระซะเปล่าๆ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา

หลังจบมื้ออาหารชัชก็พาผมไปหาทานของหวานต่อ คงไม่ต้องบอกนะ ว่าเขาพาผมไปยังไง เพราะตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากตามน้ำ และส่วนเรื่องเป็นเป้าสายตา….. ทำใจอย่างเดียว แต่ผมก็เลยคิดทำให้เวลานี้มันสั้นลง โดยการเรียกร้องกินแค่ไอศกรีม สเวนเซ่น แบบใส่กรวย แต่เหมือนผมคิดผิด เพราะกว่าจะถึงคิวชัชก็ต้องยืนรออยู่แบบนั้นเกือบ 10 นาที เสียงนินทาต่างๆนาๆเริ่มหนาหูขึ้นทั้งดีและไม่ดี แถมยังมีขอมาถ่ายรูปด้วยซ้ำ
“ผมรู้นะคุณรู้สึกยังไงอ่ะ แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าวันนึงคุณมีเรื่องเเย่ๆ ไอ้การกระทำของผมวันนี้แหละมันจะทำให้คุณยิ้มได้”ชัชพูดพลางเดินกลับไปยังจอดรถ จริงๆอาจจะผิดที่ผมที่อะไรๆก็เอาแต่อาย
“กินก่อนสิ”ผมยื่นไอศกรีมไปด้านหน้าเขา และค่อยๆป้อนเท่าที่ผมจะมองเห็น
“อื้ม… อร่อยดีนะ รสนี้ผมไม่เคยกินเลย” ใช่สิผมเป็นคนเลือกนี่นา “คุณจับดีๆนะ ผมเปิดรถก่อน” ตามคำสั่งเลยครับผมมมมม “ก้มหัวดีๆนะ” ผมว่าผมลำบากแล้ว แต่ชัชลำบากกว่ามาก เพราะตัวรถ มันเตี้ยมากๆเลย แต่ก็ไม่พ้นความแข็งแรงของนายคนนี้หรอก
“อยากไปไหนอีกมั้ย บอกผมได้นะ” เขาถามขึ้นก่อนคาด belt
“อยู่เฉยๆก่อน”
“ทำไ……. “


/////จุ๊บ/////


“คุณ…. ทำ… อะ…ไร”ชัชถามเสียงกระเสร่า แต่ผมก็ยังคงทำหน้าที่อยู่แบบนั้น จนชัชเริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม

////ผมถอนจูบ////

“ผมเห็นว่าปากคุณเลอะไอติม ผมก็เลยเช็ดปากให้”ผมพูดใกล้หน้าเขา สัมผัสได้ถึงลมหายใจอันแผ่วร้อนของเขา

////จุ๊บ////

ผมจูบกลับอีกครั้ง คราวนี้ตัวผมเองยังรู้สึกเลยว่ามันดูดดื่มและอ่อนโยนมากกว่าทุกๆครั้ง “ส่วนครั้งนี้…. จูบรางวัล” ชัชลูบหัวผมเบาๆ
“คุณกำลังจะทำให้ลูกชายผมหมดความอดทนนะ” หน้าผากเขาแนบผม
“พาผมกลับโรงพยาบาลได้แล้ว” ทำมามองตาละห้อย แต่เขาก็เข้าใจ ถือว่าเป็นความโชคดีของผม
   

   กว่าจะมาถึง โรงพยาบาล พาลไปชม.กว่าเพราะการจราจรที่แสนราบรื่น (ตรงไหน) แต่คราวนี่คงไม่ต้องพึ่งหลังของแฟนผมอีกแล้ว เฮ้อ กลับมาสู่ความปกติสักที
“เดี๋ยวผมเข็นขึ้นไปให้ครับ”บุรุษพยาบาลเสนอตัว
“เดี๋ยวครับ”ชัชเดินมาดักหน้าผม “งั้นเดี๋ยวผมไปหาแม่เลยแล้วกัน จะได้รีบกลับมาหาคุณไวๆ”
“เอางั้นก็ได้… เดินทางปลอดภัยนะ”

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai2-1: ปรบมือให้ชัช ไม่เสียแรงที่เป็นตำราจ :katai3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของชัช
หลังจากที่ผมปลีกตัวออกมาจากตั้มที่โรงพยาบาล ผมก็รีบติดต่อแม่ของผมทันที ก่อนที่เราจะนัดเจอกันที่ร้าน Pacamara

“แม่สั่งอะไรทานยังครับ”
“เรียบร้อยแล้วลูก ของชัชแม่ก็สั่งไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณครับ” ผมนั่งลงข้างๆเธอ “… งั้นผมไม่อ้อมค้อมนะครับแม่ แม่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร” เธอดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
“แม่รู้… แล้วแม่ก็อยากรู้จากปากของชัชเองด้วย ว่าที่เขาพูดมันจริงเท็จแค่ไหน”
“จริงทุกอย่าง” ผมรีบตอบสวนทันที “แต่ผมไม่ถามแม่หรอกครับว่าเขาพูดอะไร เพราะแม่คือแม่ผม”
“แต่ลูกก็รู้ว่าสุวิทย์เป็นคนยังไง นิสัยเขาไม่ใช่คนที่ยอมอะไรง่ายๆ เขาน่ากลัวมากนะลูก”
“แม่ก็รู้นี่ครับ… แล้วแม่จะดึงเขาเข้ามาในชีวิตครอบครัวเราทำไม ถ้าแม่จะบอกว่ากลัวผมขาดความอบอุ่นที่พ่อของผมเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมบอกเลยนะครับว่าแม่คิดผิด แม่ส่งผมอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เด็กยันจบนายร้อยตำรวจ เรื่องความอบอุ่นของครอบครัวผมไม่เคยเรียกหาอยู่แล้ว” ตอนนี้คงไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป “แม่มีอะไรจะบอกผมอีกมั้ยครับ นอกเหนือสาเหตุที่เอาสุวิทย์มาเป็นพ่อผม” ผมยิงคำถามตรงๆ ท่าทีแม่ผมก็ดูอ้ำอึ้งกับการที่จะตอบ
“ลูกรู้ใช่มั้ยลูก ลูกถึงถามแม่แบบนี้”
“ผมไม่รู้อะไรหรอกครับ แม่ก็รู้ว่าผมไม่เคยเชื่อคำพูดคนอื่น แล้วผมก็อยากรู้จากปากของแม่เอง”
/////Piccolo Latte และ Vary Berry Green Tea Pancakeค่ะ////////
แม่ผมยกกาแฟดื่มอย่างนิ่งเรียบ ผมก็เช่นกัน
“ หลังจากจบงานศพของพ่อเราได้ไม่นาน… ในตอนนั้น เขาเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวที่แม่คิดว่าจะเชื่อใจเขาได้ เขาสนิทกับพ่อชัชมาก มากซะจนแม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่แม่ก็คิดผิด เขาใช้ความเสียใจของแม่เป็นเครื่องมือเปิดทางให้กับเขา”
“แม่เต็มใจให้เขาหรอครับ???? ”
“ไม่รู้สิ แม่อาจจะทำทุกอย่างพลาดเองจนต้องทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น…. มารู้ตัวอีกที เขาก็เอาคลิปที่เขากับแม่มีอะไรกันมาเปิดให้ดู ข่มขู่แม่ต่างๆนาๆ เรียกร้องในสิ่งต่างๆที่เขาควรจะได้รับ ในตอนนั้นแม่คิดแค่ว่าแม่จะให้ใครมารู้เรื่องนี้ไม่ได้ ไม่งั้นสิ่งที่พ่อกับแม่สร้างมามันต้องพังทลายลงมาแน่นอน หลังจากนั้นมาเขาก็เรียกร้องที่จะมีอะไรกับแม่มาเรื่อยๆโดยเอาคลิปนี้มาเป็นตัวประกัน เขาสรรหาข้ออ้างต่างๆมาให้แม่ และบังคับให้แม่ยอมรับทั้งๆที่ไม่อยาก แม่ว่าชัชพอรู้ว่าเรื่องอะไรบ้าง”
“แล้วแม่จะทำไงต่อ จะเอาเรื่อง หรือว่า… จะยอมมันไปแบบนี้เรื่อยๆ”
“แม่ลองมาหลายทางแล้วชัช มันไม่ได้ผล”
“แล้วถ้าชัชมีทางให้แม่ แม่จะยอมทำมั้ยครับ”
“ถ้ามันจะไม่ทำให้บริษัทของพ่อลูกต้องเสียชื่อ แม่จะทำ”
“ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่มีบาดแผลหรอกครับ” แม่มองหน้าผมอย่างคนคิดหนัก ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ ยิ่งเป็นเจ้าของบริษัท ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด “ผมให้เวลาแม่กลับไปคิด แล้วถ้าแม่พร้อม แม่โทรหาผม ส่วนอีกเรื่อง ผมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปคอยดูแล ห้ามมันเข้าและออกบ้านของเราเด็ดขาด และถ้ามันฝ่าฝืน ผมจับตายอย่างเดียว”ผมรู้ว่ายังไงแม่ต้องคุยกับไอ้สุวิทย์แน่นอน และคำขู่พวกนี้มันมักจะมีผลกระทบไปถึงโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปากเอง “และถ้าแม่มีหลักฐานผมอยากให้แม่เก็บไว้ให้ดี เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ประกันถึงความปลอดภัยของแม่เอง…ส่วนวันนี้ ผมขอเลี้ยงแม่เองแล้วกันนะครับ” ผมยกมือไหว้ท่านก่อนที่จะวางเงินและเดินกลับออกมา

   การจัดการเรื่องของคนอื่น มันดูไม่ยากเมื่อต้องมาจัดการเรื่องของตัวเอง มันทำให้ผมคิดไม่ตก และพยายามหาหนทางให้แม่ของผมบาดเจ็บจากการกระทำครั้งนี้ของผมน้อยที่สุด ไฟสีแดงที่สาดส่องเข้าตาผมบนท้องถนนในตอนนี้ มันไม่สามารถที่จะทำให้ผมไขว้เขว่ออกจากสิ่งที่ผมคิดอยู่ได้เลย และถึงแม้เวลาจะเดินช้ามากแค่ไหน แต่นาฬิกาในตัวผมตอนนี้มันเดินเร็วจนเหมือนลานบังคับจะพังแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
/////Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrr/////
เสียงโทรศัพท์ทำให้ผมตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิดที่เหมือนเขาวงกต
ปวีณ
“ว่าไงไอ้วีณ มีอะไรถึงโทรหากูได้”
“กูต้องถามมึงมากกว่าป่ะว่ะ เดี๋ยวนี้หายหัวไม่มาทำงาน บางทีมาก็ไม่อยู่รอกูเลย เลิกเป็นตำรวจแล้วไงมึงอ่ะ”
“คิดอยู่เหมือนกันว่ะ”
“เฮ้ย.. เดี๋ยวๆ กูแซวเล่น เป็นไรป่ะมึง” น้ำเสียงมันดูเครียดกว่าผมตอนนี้ซะอีก
“มีเรื่องต้องแก้นิดหน่อย เดี๋ยงยังไงพรุ่งนี้กูจะเข้าสน. แล้วเจอกัน” ผมถือวิสาสะวางสายมัน ก่อนที่หัวผมจะกลับเข้ามาคิดเรื่องเดิมๆ
   เวลาเกือบ สองชม.กว่าผมจะมาถึงโรงพยาบาล ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกอ่อนล้าไปหมด แต่ผมจะให้ตั้มเห็นผมเป็นแบบนี้ไม่ได้ ผมใช้เวลาทั้งหมดรวบรวมสติตัวเองใหม่ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปพบกับคนที่ผมรัก
“เป็นยังไงบ้าง เดินทางมาเหนื่อยหรือเปล่า”น้ำเสียงของเขาทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย
“นิดหน่อยน่ะ แล้วนี่ตั้มทานอะไรยัง พอดีชัชยังไม่ได้กินอะไรมาเลย”
“ยัง ตั้มก็รอชัชนี่ล่ะ งั้นชัชไปอาบน้ำก่อน พอดี ตั้มสั่งอาหารให้หมอเอกเอามาฝากละ อีกไม่นานคงมาถึง”แฟนผมยังคงน่ารักเสมอ
“งั้นผมอาบน้ำก่อนนะ” ผมพูดทิ้งทวนก่อนที่จะเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ หลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้า มันทำให้ผมรู้สึกสบายตัวมากกว่าทุกครั้ง สายน้ำที่ไหลผ่านเหมือนช่วยดึงเอาความร้อนของจากตัวของผม ส่วนความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ผมก็หวังว่ามันก็จะไหลลงไปตามสายน้ำเช่นกัน ผมใช้เวลาอยู่สักพักกับการอาบน้ำแต่งตัว และวันนี้ ก็ยังเป็นชุดนอนลายแมวอีกตามเคย
“หมอเอกฝากพยาบาลเอาขึ้นมาให้  เป็นเบนโตะนะ” เสียงและรอยยิ้มแบบนี้ เฮ้อ… ชื่นใจ “เป็นยังไงบ้าง คุยกับคุณแม่มาโอเคหรือเปล่า” ผมเดินไปนั่งข้างๆเขาบนเตียงพลางเช็ดหัว
“โอเคมั้ย ชัชก็ยังตอบไม่ได้ อาจจะต้องพูดคุยกันอีกนิดหน่อย”ยิ้มเข้าไว้ชัช
“อื้ม ค่อยๆคิดไป…. มานี่ ตั้มเช็ดผมให้” เขาคว้าผ้าไปจากมือผม “ ตั้มมองออกว่าตอนนี้ชัชกำลังเครียด ถึงตอนนี้ตั้มจะยังช่วยอะไรชัชไม่ได้มาก แต่ตั้มจะอยู่ข้างๆนะ”ผมคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจเลือกเขามาเป็นคู่ชีวิต
“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้าง หมอเอกว่าอะไรรึเปล่า”ผมเงยหน้าซบอกไปที่อกของเขาเบาๆ
//////จุ๊บ//////
ตั้มก้มมาจูบที่ปากผม ความอ่อนโยนผสมกับริมฝีปากอันเนียนนุ่ม มันทำให้ผมหยุดตัวเองไม่ได้ ลิ้นของเราสอดประสาน ไอความร้อนจากตัวเขาแผ่มายังร่างกายผมไม่มีหยุด และด้วยสัญชาตญาณ ผมพลิกตัวเองขึ้นมาอยู่ด้านบน และเริ่มบรรจงจูบอีกครั้ง
///ตั้มถอนจูบ////
“เดี๋ยว คุณรู้ใช่มั้ย ว่าสอดใส่ผมตอนนี้ไม่ได้น่ะ”
“อ้าว ผมนึกว่าได้”สีหน้าผิดหวังผมคงส่งไปถึงเมียผมนะ
“คุณมานั่งตรงนี้มา”ตั้มบอกให้ผมขยับไปนั่ง “เดี๋ยวผมให้รางวัลคุณเอง” เขาค่อยพลิกตัว พร้อมกับค่อยดึงกางเกงผมลง
“แน่ใจหรอ…. ตั้……. ม…… ม.. อะ….. อ้าาา” ชัชน้อย ของผมกำลังถูกเคล้าคลึง ด้วยลิ้นที่แสนอ่อนนุ่ม แรงบีบรัดจากปากของตั้ม ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มจนยั้งตัวเองไม่อยู่ เส้นผมที่ขึ้นลงเป็นจังหวะ เสียงครางเบาๆจากลำคอ มันแทบจะทำให้ผมพลุ่งพล่าน ผมจับหัวตั้มโยกเป็นจังหวะ เขาถอนปากออก ลิ้นของเขาไล้ไปยังลูกบอลทั้งสอง เลียวนไปมาจนผมแทบกดตัวไม่อยู่ ลิ้นที่ดุลบอลทั้งสองทั้งเสียวเเละจุกเบาๆ
“เสียว.. มั้ย… ชัช”
“เสียว….. อมให้ชัชอีกได้้มั้ย.. อ้าาาาาา”
เป็นความรู้สึกดีที่บอกไม่ถูก ตั้มกลับมาหาชัชน้อยอีก การบีบรัด และจังหวะเร่งเร้ากำลังจะทำให้ผมอดทนไม่ไหว
“ตั้ม…. ชัช… จะ… เสร็จ…. อ่ะ…. อ้าาาาาาา” น้ำรักของผมพุ่งเข้าไปเต็มปากของตั้ม
“ตั้มอย่ากลืนนะ” ผมรีบท้วงขึ้น และเอื้อมมือหยิบทิชชู่ ก่อนจะเอามารองให้ตั้มบ้วนน้ำรักของผมออกมา “ทีหลังอย่าทำแบบนี้… ถ้าผมไม่ได้ทำด้วย”เขาตีผมที่แขนเบาๆ “เดี๋ยวชัชไปเอาน้ำยาบ้วนปากมาให้” ผมเดินไปโทงๆแบบนั้นล่ะ จะอายทำไมก็มีแต่เมียผมนี้ ผมจัดการให้ตั้มบ้วนปาก ก่อนที่ผมจะไปชำระล้างน้องชายผมเช่นกัน พอจัดการเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินมานั่งที่เตียงกับตั้มตามเดิม
“ขอกอดหน่อย” อ้อนซะหน่อย เผื่อได้อีก “ คิดยังไงมากินไอติมผม ตอนบ่ายไม่อิ่มหรอ”ผมสวมกอดเขาจากด้านข้าง
“ก็ตั้มทำให้ชัชพลาดมาหลายทีแล้ว ตั้มไม่อยากให้ชัชอึดอัด”
“แค่มีกันแค่นี้ชัชก็มีความสุขแล้ว… อย่าคิดมาก”ยีหัวแรงๆสักที “ทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวผมป้อน” ผมลุกขึ้นไปเลื่อนโต๊ะทานข้าวมาวางด้านหน้าตั้มและ
เราทั้งคู่นั่งทานอาหารด้วยกัน คุยกันเรื่องสรรพเพเหระ จนผลสุดท้ายผมก็ต้องจำนนต่อสิ่งที่ผมกำลังเผชิญแล้วหาทางออกไม่ได้ มาพูดคุยกับเขา บอก… ในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ
“แล้วแม่ของชัชพร้อมแล้วใช่มั้ย”
“ชัชไม่รู้หรอก แต่ชัชว่ามันคือทางที่ดีที่สุด และแม่ชัชก็จะเจ็บตัวกับเรื่องนี้น้อยที่สุด” เขาได้แต่มองหน้าผมแล้วยิ้มให้อยู่แบบนั้น
“เอาเถอะ ในทางแก้ปัญหามันก็ยังคงมีปัญหา ถ้าเราจัดการกับมันได้คงไม่มีอะไรยาก ตั้มเชื่อว่าชัชกับแม่ทำได้” คงจะเป็นอย่างที่ตั้มบอก แค่ผมต้องเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อจะปกป้องแม่ผมกับสิ่งที่กำลังจะเข้ามา
ในคืนนั้นผมพยายามปล่อยวางตัวเองให้ได้มากที่สุดเพราะถึงผมคิดมาก มันก็เท่านั้น เพราะความเป็นจริงก็ยังมาไม่ถึง และอีกอย่างคงไม่มีอะไรยากถ้าแม่ของผมให้ความร่วมมือ


เช้าวันนี้ผมรีบมายัง สน. เพื่อออกตรวจตามแผนที่ทาง สน.ได้กำหนดไว้ ในเรื่องที่ถูกแจ้งถึงแหล่งค้ายา และเข้าให้ความรู้กับทางวิทยาลัยที่ขอความร่วมมือมากับทาง สน. กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจดังกล่าว ก็ร่วมทุ่มกว่าแล้ว
“ทีนี่ก็ถึงเวลาของมึงกับกูล่ะ”
“อะไรของมึงวะ”พูดซะสยองเลยมึง
“ก็เรื่องที่มึงนอยด์ใส่กูเมื่อวาน ตกลงมึงมีปัญหาอะไร” ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดดีมั้ย ถึงจะเริ่มพูดก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง “ไอ้ชัช…. “
“เออ… กูมีปัญหาเรื่องแม่กูกับไอ้พ่อกำมะลอ”
“ห๊ะ!!!! ใครว่ะพ่อกำมะลอของมึง”
“ก็ไอ้สุวิทย์ที่มึงรู้จักนั้นล่ะ” มันตกใจพอๆกับผมตอนที่รู้เรื่องตอนแรก มันพยายามซักถามจนผมจนมุม จนต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้มันฟังอีกคนต่อจากแฟนของผม
“แล้วมึงคิดจะทำยังไงกับคนชื่อสุวิทย์นั่น”
“นี่แหละ คือสิ่งที่กูกำลังเครียด ก็อยากทำให้ทุกอย่างมันเงียบและปลอดภัยต่อแม่กูมากที่สุด”

“แล้วมึงอยากตรงไปบ้านเลยมั้ย เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”
“เอางั้นก็ได้” คงจะดีถ้ามีมันไปเป็นเพื่อนผม เพราะถ้าผมขาดสติจะได้มีมันคอยดูแลผมได้ ตลอดการเดินทางมันก็ให้คำแนะนำกับผมเยอะ เพราะปวีณมีความรู้เกี่ยวกับคดีครอบครัวมากเป็นพิเศษ
“นั่นไฟฉุกเฉิน… เดี๋ยวกูจอดแปปนะ”นี่แหละไอ้วีณ มันรีบลงไปทันที แต่จะปล่อยให้มันทำคนเดียวก็ใช่เรื่อง
“รถเป็นอะไรหรอครับ”มันรีบถาม
“ไม่ทราบเลยค่ะ พอดีเมื่อกี้จอดรถคุยโทรศัพท์ พอจะสตาร์ทมันก็ไม่ติดแล้ว”
“งั้นผมขอลองสตาร์ทดูหน่อยนะครับ” มันรีบจัดการดำเนินเรื่อง ส่วนผมได้แค่ยืนดูเพราะเรื่องเครื่องยนต์ผมเป็นศูนย์ “ไฟหน้าปัดติด แต่สตาร์ทไม่ติด….. แบตเตอร์รี่คุณใช้มานานหรือยังครับ”
“พึ่งเปลี่ยนมาเมื่ออาทิตย์ก่อนค่ะ”
“อื้ม….ถ้าอย่างนั้น ผมว่ามอเตอร์สตาร์ทคุณน่าจะเสียนะ อาจจะฟิวส์ขาด หรือสายไฟมีปัญหา คุณโทรแจ้งช่างรึยังครับ”
“แจ้งแล้วค่ะ แต่ช่างบอกอีกสักพักใหญ่ๆกว่าจะมาถึง”
 “เอางี้ครับ เดี๋ยวผมอยู่รอเป็นเพื่อนคุณก่อน มันอันตราย ส่วนมึงไอ้ชัช มึงขับรถไปก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไร  เดี๋ยวกูนั่งมอเตอร์ไซค์ไป มึงขับตามกูไปแล้วกัน…” ผมแยกตัวออกมาก่อนที่จะเรียกวินที่ขับผ่านมา จากจุดที่รถเสียห่างจากบ้านผมไกลจากกันไม่มาก ผมจัดการให้วินจอดส่งผมที่หน้าหมู่บ้าน ก่อนที่จะเดินเข้าไปเอง ส่วนใหญ่ รปภ.ที่หมู่บ้านจะรู้จักผมเกือบทุกคน จากหน้าทางเข้าไปถึงบ้านของผม ระยะทางประมาณ 1 กิโลนิดๆ

!!!!!! โครม!!!!!!!

เสียงดังมากจากแถวๆหน้าบ้านผม มีรถจอดนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมจึงรีบวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุทันที แต่ในตอนนั้นผมเห็นมีผู้ชายคนนึงลงมาดูผู้หญิงคนนั้นที่ถูกชน เขาใช้เท้าเขี่ยผู้หญิงคนนั้น ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีใครออกมาดู เพราะบ้านที่นี่ เก็บเสียงดังจากภายนอก ถ้าปิดบ้านแล้วแทบจะไม่ได้ยินอะไรเลย  ชายคนนั้นเดินกลับไปที่รถ โดยไร้การช่วยเหลือ ผมรีบวิ่งเข้าไป
“แม่!!!!!!!” มันชนแม่ผม มันเป็นใคร ผมพยายามเรียกสติของแม่ผม แต่ดูไม่เป็นผล
“แหม… จังหวะมันดีจริงๆ”ไอ้สุวิทย์ “ชั้นคิดว่าจะไม่มีใครเข้ามายุ่งแล้วนะ กะว่าจะเอาให้ตายตามพ่อแกไป แต่อยากให้ทรมานมากๆ หน่อย ให้สมกับที่มันทำกับชั้น” ผมไม่อยากฟังมันพล่าม ชีวิตแม่ผมตอนนี้สำคัญกว่าลมปากของมัน ผมค่อยๆประคองอุ้มแม่ขึ้นมาให้เบามือที่สุด เพราะกลัวการกระทบกระเทือนจะมีผลต่อเขา

////////พลั่ก/////////

หัวผม!!!!!!!
“ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวนี่ก็ดี ฆ่าทั้งแม่ฆ่าทั้งลูก” ผมไม่สามารถประคองแม่ผมได้ตอนนี้ มันมึนไปหมด “จะตัดทางทำมาหากินของชั้น มันไม่ง่าย กว่าจะได้มามันต้องแลกกับอะไรตั้งหลายอย่าง” ผมตั้งสติ ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นเดินไปหาแม่อีกครั้ง
“เฮ้ย!!!!!! มึงคิดจะทำอะไร” ไอ้วีณตะโกนขึ้นพร้อมจ่อปืนไปที่มัน
“มันไม่ง่ายหรอกเว้ย ที่จะจับกู”
“ไอ้วีณ…. กูฝากแม่กูด้วย”ผมไม่สนแล้วว่าจะเกิดอะไร แค่แม่ผมและตั้มปลอดภัยก็พอ
ปัง!!!!!
“มึงคิดจะทำอะไร ไอชัช”
ปัง!!!!!
“กูบอกให้มึงหยุด หยุดสิเว้ย” แรงขาผมไปไหนหมด ผมต้องลุกขึ้น ต้องลุก


ปัง!!!!! 
ผมอดทนกับความเลวร้ายแบบนี้มากพอแล้ว
///กึก ////กึก////กึก
“มึงหยุดบ้าได้แล้ว”ผมเอามือจ่อหัวมัน “กูให้มึงทำชั่วมามากเกินพอ ทั้งพ่อแล้วก็แม่กู”
“มึงมันปีศาจ ไอ้ชัช ไอ้สารเลว”
“ใช่…. กูมันปีศาจ… กูจะให้โอกาสมึง… ได้หนี… 10…9…8…7…6”
“5”
“4”
“3”
“2”
“1”
ปัง!!!!!
“โอ้ยยยย.. ไอ้ชัช… มึง”
ปัง!!!!!
“อ๊าาาาาาาาาาาา” มันล้มลง
“กูยอมให้มึงหนี บุญหัวมึงแค่ไหนแล้ว”
“มึงจะกล้……….. า
ปัง!!!!!
ฝังกระสุนไว้ในหัวมันคงจะทำให้มันคิดอะไรได้ดีขึ้นในนรก ผมพยายามเดินกลับไปหาแม่ให้เร็วที่สุด พร้อมกับ รปภ.ที่กำลังช่วยเหลือเเม่ผม
“อุ้มแม่กูขึ้นรถ… กูจะรีบพาแม่กูไป” ไอ้วีณไม่ท้วงคำพูดผม รีบอุ้มแม่ผมขึ้นรถทันที
“น้อง น้องขับรถไปส่งเพื่อนพี่ที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด.. ส่วนมึง เดี๋ยวกูอยู่ที่นี่รอให้ปากคำตำรวจเอง มึงไม่ต้องห่วง”*ตัวผมเองตอนนี้ก็ไม่อยากปฏิเสธความช่วยเหลือใดๆทั้งนั้น
ผมขึ้นรถโดยมี รปภ.หมู่บ้านเป็นคนขับ และโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดคือ สินแพทย์รามอินทรา แต่เวลานี้ใครๆก็รู้ว่าการจราจรแถวรามอินทรามันอัมพาตแค่ไหน
“อีก ก… ไกลแค่ไหนกว่า… จะถึงโรงพยาบาล”สติสุดๆแล้วผม
“อีกประมานกิโลฯอ่ะครับพี่… แล้วพี่ไหวมั้ยครับเลือดเต็มเลย”เขาเสียงสั่นๆ
“เดี๋ยวขับรถไปที่โรงพยาบาลตามเดิม ผมจะอุ้มแม่ผมไปเอง”
“แต่ว่าคุณตำรวจค….. ง”
“ทำตามที่ผมบอก ถ้ารอ… แม่กับผมอาจไม่รอดก็ได้”ผมพยายามรวบรวมสติและแรงที่ยังพอมี อุ้มแม่ผมออกจากรถ ก่อนที่จะเดินฝ่ารถติดไปตามทางเส้นถนน สายตาผมพอที่จะมองเห็นป้ายโรงพยาบาลอยู่ริบๆแล้ว ผมจะต้องไปให้ถึง ผมจะล้มตอนนี้ไม่ได้ ถ้าผมล้มมันจะไม่ใช่แค่ผมคนเดียว มันจะลำบากใครอีกหลายคนที่จะต้องมาเดือดร้อนเพราะผม พ่อช่วยผมกับแม่ด้วยนะครับ
ผมพอที่จะเห็นบุรุษพยาบาลที่กำลังวุ่นวายกับการทำหน้าที่ แต่ขามันก้าวไม่ออก ภาพข้างหน้ามันลงมืดลงเรื่อยๆ
“ช่…. ว…..ย… ด้ว…. ย” มันต้องดังกว่านี้ ดัง… กว่า… นี้ “ช่วยด้วย” ทำไมทุกอย่างมันเบาไปหมด คงถึงแล้วสินะ
“คุณๆ คุณไหวมั้ย”เธอเป็นใครกัน
“ช่วย… แม่… ผม.. ด้ว…ย”
……..
……
…..
….

..
.


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เธอคนนั้น  น่าจะเป็นหญิงสาวที่รถเสียกลางทางกระมัง

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พาร์ทของตั้ม
“จริงๆแล้วตั้มอยากกลับไปอยู่บ้านนะ ไม่อยากรบกวนโรงพยาบาลแบบนี้”
“เขากลัวหมอมือดีของเขาจะหายช้าน่ะสิ เลยกักขังให้อยู่ที่นี่ซะเลย จะได้ดูแลความประพฤติ” ทำอารมณ์ดีนะหมอเอก “แล้ววันนี้หมวดเขาไม่นอนด้วยหรอ ปกติเห็นจะสิงร่างกันอยุ่แล้ว”
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” สงสัยต้องจัดการบ้างซะแล้ว “อ้าวคุณปวีณ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมทักเขาแต่ดูหน้าเขาไม่ยิ้มแย้มเลย “แล้วนี่ ชัชไม่ได้มาด้วยหรอครับ”
“……. ……….”
“มี… อะไร.. รึเปล่าครับ” ทำผมใจไม่ดีแล้วนะ หรือว่าตานั้นให้เขามาแกล้งอะไรผมอีก
“ไอ้ชัชโดนยิงครับ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
“………” หูฝาดไปรึเปล่า
“พ่อเลี้ยงมันเป็นคนยิง  และยังขับรถชนแม่ของชัชด้วย”
“…….. แล้วชัช…….ช…. .ชัช… ปลอดภัย… ใช่มั้ยครับ”ผมต้องคุมสติให้อยู่ ต้องมีสติ “แม่ชัชด้วย… ปลอดภัยใช่มั้ย”
“ยัง… ยังไม่รู้เลย… ไม่รู้”
ผมบีบมือเอกเเน่น ผมทำอะไรไม่ถูก“เอก… เอกพาตั้มไปหาชัชที ”
“ใจเย็นๆนะตั้ม ใจเย็นๆ” ทำไมใจผมมันเต้นเร็วแบบนี้ ทำไมทุกอย่างมันดูว่างเปล่าไปหมด ทำไมมันถึงอ้างว้างเหมือนจมอยู่ในเหวลึกแบบนี้
“แทน… แทนออกเวรหรือยัง… โอเค แทนขับรถมารอเอกหน้าโรงพยาบาลที เดี๋ยวเอกรีบลงไป…… ตั้ม… เดี๋ยวเอกไปเอารถเข็นก่อนนะ ใจเย็นๆนะ”
“เดี๋ยวผมไปเอาให้เองครับ”
“บอกพยาบาลที่ ward ได้เลยนะครับ”
ตอนนี้ในหัวผมมันทั้งว่างเปล่า อึดอัด  ทำไมมันทรมานแบบนี้ ทำไมผมถึงเดินไม่ได้ ทำไมผมถึงช่วยชัชไม่ได้
“มาแล้วครับ”
“คุณปวีณช่วยพยุงตั้มทีครับ…. ตั้ม… ห้ามลงน้ำหนักเยอะเด็ดขาด  ค่อยๆ.. รู้มั้ย” คำสั่ง คำเตือนหรือคำพูดคนรอบข้าง สำหรับผมตอนนี้มันชั่งบางเบาจนผมเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
ตลอดเวลาการเดินทาง สำหรับผมมันยาวนานมากซะจนแทบจะอดใจให้เลิกคิดมากไม่ได้ ถึงแม้ว่าหมอเอก หมอแทน หรือคุณปวีณจะพยายามพูดคุยกับผมมากขนาดไหน ผมก็ไม่สามารถตอบกลับความรู้สึกพวกนั้นได้
และเมื่อรู้ตัวเองอีกทีก็มาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน และพบกับ รปภ.ที่อยู่ในเหตุการณ์คนนั้น ตามที่คุณปวีณบอก
“เป็นยังไงบ้างครับ คุณหมอได้ออกมาบอกอะไรบ้างหรือยัง”
“คุณหมอยังไม่ออกมาบอกเลยครับ” ยังไม่ออกมาบอก มันยิ่งทำให้ผมกระวนกระวายเหมือนจะเป็นบ้า
“แล้วเข้าไปนานแล้วใช่มั้ย”
“ชม.กว่าแล้วครับ” ผมจะต้องมีสติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี เขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาแข็งแรงอยู่แล้ว เขาจะไม่ทิ้งผม เขาเคยพูดแล้วว่าเขาจะไม่ทิ้งผมไปไหน ชัชจะทำอย่างที่พูดกับตั้มใช่มั้ย
“ญาติของร้อยตำตรวจโทชัชวินหรือเปล่าครับ”
“ครับ… ใช่ครับ ผมเป็น… เป็นญาติครับ”
“ตอนนี้เราผัดตัดเอากระสุนออกจากร่างกายคนไข้แล้วนะครับ”
“แล้วอวัยวะภายในบริเวณที่ถูกยิงล่ะครับ มีตรงไหนได้รับบาดเจ็บมั้ย”
“ไม่มีครับ  เพราะจุดที่ถูกยิงมี่ที่ขาทั้งสองข้างข้างแล้วก็ต้นแขนด้านบนซ้าย ยังไงหมอคงต้องให้คนไข้นอนในห้อง icu ไปก่อน เพื่อรอดูว่าจะมีอาการข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนอะไรอีกหรือเปล่า ส่วนคุณผู้หญิงอีกท่าน ใช่ญาติของพวกคุณด้วยหรือเปล่าครับ”
“ครับ” ผมพูดอะไรไม่ออกเลย
“คนไข้เสียชีวิตก่อนที่จะถึงมือหมอนะครับ ส่วนสาเหตุ เพราะมีเลือดคลั่งในสมองและช่องท้อง คนไข้น่าจะเกิดภาวะช็อกก่อนที่จะถึงมือหมอ เสียใจด้วยนะครับ”
“ขอบคุณหมอมากนะครับ”  หมอเอกทำหน้าที่แทนผม ก่อนจะนั่งลงตรงหน้า  “หมวดไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อเอกสิ ตอนนี้แค่รอหมวดชัชฟื้น”ผมไม่ไหวจริงๆ ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหล แต่มันทำไม่ได้ ผมรีบปาดมันออก ผมไม่อยากให้ชัชรับรู้ว่าผมอ่อนแอ
“คุณปวีณ เราจะบอกชัชยังไง ควรจะบอกยังไง”
“……… “
แล้ว…. แล้วนายสุวิทย์ล่ะ”
“…….. ชัช.. วิสามัญไปแล้วครับ”
ผมควรจะเสียใจหรือดีใจดีที่ชัชทำแบบนั้น  แต่ถ้ามองสิ่งที่เขาทำ ผมคงต้องดีใจสินะ ที่คนชั่วตายไปอีกคน
“งั้นเดี๋ยววันนี้เรากลับโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“แต่ตั้มอยากอยู่ที่นี่ อยากรอจนกว่าชัชจะฟื้น”ผมไม่อยากทิ้งเขาไป ตอนนี้ผมอยากเข้าไปอยู่ข้างๆเขาด้วยซ้ำ
“ตั้ม ตั้มก็เป็นแพทย์ ตั้มรู้ใช่มั้ยว่าสิ่งที่แพทย์พยายามทำกับคนไข้ มักจะต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด?”
“แต่…”
“และตอนนี้เอกกำลังช่วยคนไข้ของเอกอยู่ เอกทำถูกใช่มั้ย”
ผมจะเถียงอะไรหมอเอกตอนนี่ได้
“เอาอย่างนี้มั้ยครับ… บ้านของชัชอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล คุณหมอไปพักที่นั้นกันก่อน แล้วเดี๋ยวตอนเช้าเราค่อยว่ากันใหม่” ผมก็คงต้องทำแบบนั้น เพราะร่างกายผมไม่ได้พร้อมที่จะต่อสู้หรือยืนกรานอะไรได้ แต่ไม่ใช่ผมไม่เข้าใจหมอเอกนะ แต่ผมแค่กลัว…
……………. …………………

เวลาสำหรับผมในตอนนี้ มันเป็นอะไรที่ทั้งดีใจ และเสียใจ…. ดีใจ ที่ใกล้จะได้เจอกับเขา และเสียใจที่จะต้องเจอกับเขา… เพื่อบอกเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ผมไม่รู้ว่าผมจะเริ่มต้นมันยังไง         หมวดปวีณพาพวกเราทุกคนไปนอนพักที่บ้านของชัช ในตอนนี้… บ้านของเขามันช่างดูว่างเปล่า มองไปตรงมุมไหนก็มีแต่เพียง เฟอร์นิเจอร์ที่วางตั้งไว้ ไร้การใช้งาน เขาจะเหงาไหมถ้าจะต้องอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว เขาจะว้าเหว่มั้ยที่คนที่เขารักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ และถึงแม้จะมีผมอยู่ข้างกายเขา แต่อย่างที่ผมเคยพูดกับเขาไว้ ว่าไม่มีใครเป็นตัวแทนใครได้
ในยามที่ทุกคนกำลังนอนหลับ แต่ตัวผมกลับได้แต่นอนมองโคมไฟระย้าที่เปล่งแสงริบหรี่ แสงไฟในตอนนี้มันช่างเหมือนความนึกคิดของผมที่ไม่สามารถทำหรือพูดอะไรดีๆออกมาได้
แต่ผมแค่รู้สึกว่าคำว่า รัก เพียงคำเดียว สามารถทำให้โลกที่มืดมิดสว่างขึ้นได้ แต่ก็สามารถทำให้ทุกอย่างพังทลายได้เช่นกัน

……..

“ดีใจมั้ยตั้ม จะได้เข้าเยี่ยมหมวดชัชแล้วอะ… ยิ้มๆเข้าไว้” หมอเอกพูดสร้างกำลังใจ ขณะเข็นผมมาตามทางเดินโรงพยาบาล ส่วนหมวดปวีณ เดินทางออกไปตั้งแต่เช้า เห็นว่ามีงานเร่งด่วนนิดหน่อย
“จริงๆเอกไม่ต้องลางานมาดูแลเราก็ได้นะ แค่นี้ก็เกรงใจจะเเย่เเล้ว” ผมรู้สึกเป็นภาระของใครต่อใครเต็มไปหมด
“เกรงใจทำไม ตอนนี้สำคัญที่สุดคือพลังใจ ตั้มยังต้องเป็นพลังใจให้หมวดชัชเลย พวกเราก็ต้องเป็นพลังใจให้กับตั้มเหมือนกัน และอีกอย่าง เราลาคนเดียว แทนไม่ได้ลาด้วยสักหน่อย”
“พูดขึ้นมาก็นึกได้พอดี ว่าจะถามหมอเอกตั้งนานแล้ว หมอเอกกับหมอแทนนี่ยังไง เห็นเดี๋ยวนี้ตัวติดกันแทบจะสิงกันอยู่แล้ว”ได้ทีผมแซวขึ้นบ้างแล้ว
“ก็… ไม่ยังไงนี่ ก็แค่… ลองคบกันดู” ผมฟังผิดไปป่ะ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” ข่าวดีสำหรับผมเลย
“ก็.. จะ 2 เดือนแล้ว แพ้ทางเด็กมัน…”หน้าแดงด้วยล่ะเพื่อนเรา “พอๆเลิกพูด… แล้วก็เลิกแซวด้วย” เห็นหมอเอกมีความสุข แล้วสุขใจอย่างบอกไม่ถูก นี่แหละมั้ง พลังใจที่หมอเอกมอบให้ผม ใช่มั้ยเนี้ย 555
……. ….

“ขอโทษนะครับคุณพยาบาล ผมจะมาเยี่ยมคนไข้ที่ชื่อชัชวินน่ะครับ” ผมแจ้งกับพยาบาลที่ทำหน้าที่อยู่หน้าห้อง
“ร้อยตำรวจโทชัชวินหรือเปล่าคะ”
“ใช่ครับ”
“ตอนนี้คนไข้ย้ายไปห้อง vip1 แล้วค่ะ”
“ย้ายแล้ว… ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“ราวๆครึ่งชม.แล้วค่ะ” พยาบาลสาวยิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะบอกทางไปยังห้อง vip 1
………….
“พร้อมแล้วใช่มั้ยหมอตั้ม”ตอนนี้เราอยู่หน้าห้องพักของชัชแล้ว
“แล้วถ้าไม่พร้อม จะมีทางเลือกอื่นให้ตั้มมั้ย” มันรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“มีสิ แต่เอกว่ามันไม่ควร” เอกเปิดประตูพาผมเดินเข้าไป ร่างกายของชัชที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกประหม่า “ยังเหลือเวลาให้ทำใจ…… สู้ล่ะหมอตั้ม”  หมอเอกเข็นผมให้มานั่งอยู่ข้างๆหมวดชัช
“เป็นหมอเอกจะทำยังไง บอกเขาเลยให้มันจบๆ หรือว่าทำเป็นยังไม่รู้เรื่อง” ผมมองหน้าเขาพลางพูดพร่ำออกมา
“ไม่มีใครปิดอะไรได้หรอก หมอตั้มอยากให้เขารู้จากปากหมอตั้มคนที่เขารักมาก หรือรู้จากปากของหมอคนอื่นล่ะ จริงๆ… มันก็เป็นสิทธิ์ของหมอตั้มที่จะไม่พูดก็ได้  แต่เราเชื่อว่าหมอตั้มจะเป็นคนสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาเข้มแข็งได้ในเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด” ใช่สินะ ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมจะต้องดูแลความรู้สึกของชัชให้มากขึ้น และผมก็เชื่อว่าแฟนผมเขาเป็นคนเข้มแข็ง
   เราทั้งคู่ไปถึงห้องพักราวๆ8โมงกว่า ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว แต่ชัชก็ยังคงไม่ฟื้น สงสัยร่างกายของเขาคงใช้การไปเยอะจริงๆ
“หมอตั้มอยากทานอะไรมั้ย เราว่าจะลงไปศูนย์อาหารข้างล่างน่ะ”
“ไม่อ่ะ เรายังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ขอบคุณมากนะ”
แต่คิดไปปคิดมาก็ตลกดี มันเป็นความไม่น่าเชื่อจริงๆที่เราสองคนจะมาเป็นแฟนกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน แล้วก็บาดเจ็บด้วยกัน แปลกดีที่ผู้ชายอย่างเขา มาชอบผู้ชายชีวิตไร้สีสันแบบผม แปลกดีที่เขามาสารภาพรักกับผมในวันที่เราทั้งคู่ทำงานพลาด และก็แปลกดี ที่ผมก็ตอบรับเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้
“ชัช ตั้มรักชัชมากนะ”


พาร์ทของชัช
แสบตา ความรู้สึกแรกหลังจากฟื้นขึ้นมา รวมกับความร้าวระบมในความเจ็บแผลที่ขาของผมทั้งสองข้าง ส่วนข้างๆพอหันมาเจอก็รู้สึกดีใจและอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แฟนของผมที่กำลังฟลุบหลับอยู่ข้างๆผมรวม ถึงหมอเอกด้วย ดูท่าทางโซฟาที่นี่จะนิ่มกำลังดีสินะ
“ตั้ม…. ตั้ม… “ผมสะกิดเรียกเขาเบาๆ แต่ก็นะ แฟนผมขี้เซาออกจะตาย การที่ได้มองเห็นเขามุมนี้ มันเหมือนผมพึ่งได้รับโอกาสที่ยากจะได้รับจะ มัจจุราชแห่งความตายเลย ความรู้สึกที่มือสัมผัสกับเส้นผมที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รวมถึงแก้มที่นิ่มจนไม่อยากให้ใครได้สัมผัส

“ช… ชัช”
“ผมทำให้คุณตื่นหรอ” จริงๆผมก็ไม่น่าถามนะ งัวเงียเหมือนเด็กเลยแฟนผม
“ไม่ๆๆ… ชัชเป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมากรึเปล่า หรือเจ็บตรงไหนอีกมั้ย”
“เจ็บขาน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวตั้มเรียกหมอเขามาดูนะ” ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น เห็นมั้ยทำหมอเอกตื่นด้วยอีกคน
“ไม่เป็นไรหรอก ชัชยังไม่อยากโดนทำอะไรตอนนี้อ่ะ
“งั้น… ชัชดื่มน้ำก่อน” เขาหยิบแก้วน้ำมาให้ผมดื่ม…. รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ
“แล้วนี่ มากันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงมานอนหลับกันแบบนี้”
“ก็เมื่อเช้านี่แหละ ก็เห็นชัชหลับ ตั้มก็อยากหลับบ้าง”
“จริงป่ะครับหมอเอก” หมอเอกได้แต่อมยิ้ม
“แล้วนี่… คุณชัชต้องพักรักษาตัวอีกนานเลยสิครับ เห็นหมอบอกว่ากล้ามเนื้อฉีก”
“คงอาจจต้องถึงเวลาปลดระวางอาชีพตำรวจแล้วมั้งครับ ทำคดีทีไร เจ็บตัวทุกที” มันเริ่มแอบคิดขึ้นมาบ้างแล้ว “ตั้ม… แล้วหมอบอกมั้ย ว่า… แม่ผมเป็นยังไงบ้าง” ทำไมเเฟนผมต้องทำหน้าอึ้งๆขนาดนั้น
“เอ่อ… ก… ก็บอกแล้ว… ท่าน…”
“ท่านทำไมหรอ”
“ท่าน….”
“แม่ผมเป็นอะไรหรอหมอเอก”
“ท่านเสียก่อนมาถึงโรงพยาบาล หมอบอกอาจจะเป็นเพราะเลือดคลั่งในสมองและช่องท้อง….. “ ผมรีบตอบออกไป
“จ… จริงหรอ… ตั้ม” ทำไมตัวผมมันเบาแบบนี้ “ตั้มมองชัชสิ บอกชัชหน่อย ว่ามันไม่จริง… ช่วยบอกชัชแบบนั้นทีได้มั้ย”ตั้มสบตาผม น้ำใสๆจากตาของเขามันไหลออกมา
“มันเป็นความจริงชัช…”ผมรับรู้ถึงแรงบีบจากมือของตั้มที่ส่งมายังมือของผม ความสั่นไหวที่บ่งบอกว่าเขากำลังกลัว มันก็ส่งมาถึงผม ผมจะต้องไม่ร้องไห้ ผมจะต้องเข้มแข็ง ผมจะต้องยอมรับความจริงให้ได้
“ผมไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรจริง” แต่ทำไมน้ำตาผมมันยังเอ่อล้นออกมา ทั้งที่ผมพยายามกลั้นมันเอาไว้
“ชัช”ตั้มเช็ดน้ำตาให้ผม “ตั้มห่วงชัชมาก ตั้มพยายามคิดทุกทางว่าจะบอกเรื่องนี้กับชัชยังไง เพื่อให้ชัชรู้สึกแย่น้อยที่สุด แต่ตั้มก็กลับทำมันไม่ได้” อย่าร้องไห้สิที่รักของผม “ตั้มรู้ รู้ว่ามันยาก” นิ้วมือผมที่ค่อยๆเลื่อนไปเช็ดน้ำตาของเขาที่ไหลออกมา
“ครอบครัวของผม… เขาใจร้ายเนอะ ที่ทิ้งผมแล้วหายไปกันหมด”น้ำตาที่ไหลออกมา ผมหวังว่ามันจะทำให้พ่อกับแม่ของผมรู้ว่า ผมรักท่านมากแค่ไหน “อย่าทิ้งผมไปอีกคนนะ… เพราะผมคง… รับไม่ไหวจริงๆ” เขารีบพนักหน้าเหมือนเด็กน้อยที่ได้ของถูกใจ รอยยิ้มของเขาตอนนี้ มันมีค่าสำหรับคนอย่างผมมากจริงๆ มีค่ามากซะจน กลัวว่า ผมจะต้องเสียมันไป

………....
พาร์ทของตั้ม
 หลังจากที่ผ่านเรื่องราวที่ผมกลัวมากที่สุดไป ตอนนี้สำหรับผม มีแค่อย่างเดียว คือผมต้องดูแลความรู้สึกของชัชให้ได้มากที่สุด ทำยังไงก็ได้ที่จะทำให้เขา ยิ้มได้
“เดี๋ยวตั้มจะให้เอกออกไปตามหมอ มาดูอาการของชัชหน่อยนะ” เขาพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย ก่อนที่หมอเอกจะรีบดำเนินการทันที
“ว่าไงชัช หลับไปนานเลยนะมึง”นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่จะทำให้เขาดีขึ้นได้ หมวดปวีณ “นี่ที่สน.ฝากของมาเยี่ยมมึงเพียบ พวกเขาบอกว่าถ้าว่างเมื่อไหร่จะรีบมาเยี่ยมมึงเลย”
“ขอบใจเว้ย”
“ หมอตั้ม… แล้วนี่… หมอเอกไปไหนอ่ะครับ แล้วทานอะไรกันยัง ผมเหมาของกินมาฝาก เพียบ!!!!!!!!”
“ไปตามหมอน่ะครับ เดี๋ยวคงเข้ามา”
“มาละครับ” รวดเร็วทันใจดีจัง และคุณกมอก็จัดการลงมือตรวจพร้อมกับสอบถามถึงอาการของชัชอย่างละเอียด
“คุณตั้มครับ... ไอ้ชัชมันทราบเรื่องแม่มันแล้วใช่มั้ย”หมวดปวีณถามเสียงเบา พร้อมกับเข็นผมออกมา
“ครับ แล้วก็เป็นอย่างที่คุณปวีณเห็น เขาดูซึมๆไป”ผมหันไปมองชัชอยู่เรื่อยๆ
“คงต้องให้เวลามันสักพัก ไอ้ชัชไม่ใช่คนเข้มแข็งหรอกครับ… ข้างในมันเปราะบางมาก” หลังจากเสร็จจากการตรวจ เราทุกคนก็ต่างพากันทานอาหารที่หมวดปวีณซื้อมาให้
“หมอเอก ไอ้วีณ ช่วยอะไรผมหน่อยสิครับ” ทั้งคู่มองหน้ากัน
“ครับ… อยากให้ผมช่วยอะไร”หมอเอกรีบถาม
“อยากให้ช่วย… จัดการเรื่องงานศพของแม่ผม เพราะตอนนี้ ผมคงทำอะไรเองไม่สะดวก”รอยยิ้มที่เปื้อนคราบน้ำตาของชัช มันยิ่งทำให้รู้ว่าในใจของเขามันแย่แค่ไหน ถึงแม้ชัชจะพยายามห้ามมันเอาไว้ก็ตาม “เอาแค่ 5 วันก็พอ ส่วนเสื้อผ้า… กูรบกวนมึงด้วยนะไอ้วีณ แม่กูชอบใส่  ชุดสูทสีขาวมากที่สุด ส่วนรองเท้าก็ใช้ส้นสูงสีดำ แม่จะเก็บเอาไว้คู่กัน กูอยากให้มึงเอามาให้เจ้าหน้าที่เขา”ชัชพูดพลางสะอื้น
“คือ จริงๆกูอยากให้มึงรักษาตัวก่อน ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจนะเว้ย แต่ร่างกายมึงมันก็สำคัญเหมือนกัน”หมวดปวีณพยายามแนะขึ้น
“แต่มันคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า… คำว่าแม่หรอก”
เราทุกคนต่างมองหน้ากัน เพื่อที่จะพยายามแก้ปัญหาให้ได้ดีที่สุด ไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรขึ้น และก็ไม่อยากทำให้ชัชรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก
“เอางี้แล้วกันมึง เดี๋ยวกูจัดการทุกอย่างให้เลย ทั้งเรื่องแม่มึง เรื่องวัด”หมวดปวีณเดินเข้ามาแต่บ่าชัช “แต่มึงต้องรับปากกู ว่าห้ามฝืนอะไรทั้งนั้น และต้องเป็นไปตามการดูแลของแพทย์ทุกอย่าง โอเคป่ะ” แต่ชัชก็กลับนั่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับไป “หมอตั้ม ผมฝากด้วย” แล้วหมวดปวีณก็ปลีกตัวออกไปจัดการเรื่องที่รับปากกับชัชไว้
“งั้นเดี๋ยวเอกไปคุยกับหมอก่อนแล้วกัน เผื่อจะขอย้ายกลับไปที่โรงพยาบาลเรา” ในตอนนี้ เหลือแค่ผมกับเขาสองคน ความเงียบในห้องยิ่งทำให้ทุกอย่างดูมืดมนไปหมด
“ชัช…” ผมยังคงจับมือเขาไม่ปล่อย  “ชั…..”
“ชัชรู้…ว่าตั้มจะพูดอะไร ชัชจะไม่ดื้อกับตั้ม เหมือนที่เคยทำกับแม่หรอก แต่เรื่องงานแม่… ถือว่าชัชขอแล้วกัน มันเป็นแค่สิ่งเดียวแล้ว ที่ชัชจะทำได้ แต่ตั้มก็เห็น ว่าตอนนี้ชัชได้แค่นั่งเฉยๆ”
“ใครว่าชัชนั่งเฉยๆ ชัชก็กำลังทำอยู่เหมือนกัน…ทำหน้าที่ลูกที่ดี ในวาระสุดท้ายที่ชัชจะทำได้ไง… ชัชไม่ต้องห่วงหรอก ตั้มคิดว่าแม่ชัชเขารู้ว่าลูกของเขาเป็นยังไง เหมือนที่ตั้มรู้ว่าคู่ชีวิตของตั้มเป็นคนยังไง”ผมหวังว่าคำพูดที่ผมพูดออกไป มันจะทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น และเข้มแข็งมากขึ้น ผมเชื่ออย่างนั้น

    การจัดการเรื่องงานศพผ่านไปอย่างเรียบร้อยในทุกๆวัน เหล่าบรรดาผู้ร่วมงาน หรือเครือญาติของชัชต่างมาช่วยงานกันอย่างน่าชื่นใจ แม้กระทั่งน้องสาวผม ที่ลงมือจัดเลี้ยงอาหารทุกอย่างในงานด้วยตัวเอง และตัวชัชก็ไม่ดื้ออย่างที่เขาเคยบอกกับผม ในทุกคืนที่เสร็จงาน เขาจะรีบทานยา ล้างแผลและพักผ่อนตามตารางที่หมอเอกให้ไว้…. อ่อ ผมลืมบอกไป ว่าตอนนี้ชัขย้ายมาอยู่ที่เดียวกับผมแล้ว
และวันนี้ ก็เป็นวันสุดท้ายที่ชัชจะได้อยู่กับแม่ของเขาในร่างที่ไร้วิญญาณ และสัปเหร่อก็ทำการเปิดโลงและจัดการทำตามหลักความเชื่อที่เป็นมา
 ในตอนนี้ชัชได้แต่นั่งเงียบมองหน้าแม่ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะวางนาฬิกาเรือนสำคัญของเขา และรูปถ่ายครอบครัวตั้งแต่เขายังเด็กลงบนร่างกายที่ที่ไร้การเคลื่อนไหว
“  ตอนนี้พ่อคงรอแม่อยู่ข้างบนแล้ว ขอบคุณที่เป็นแม่ที่ดีที่สุดของผม” น้ำตาแห่งความเสียใจไหลอาบแก้มของชัช
เสียงสัญญาณความสัมพันธ์สุดท้ายดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ กลุ่มควันที่ลองลอยอย่างบางเบาขึ้นสู่ท้องฟ้ายามเย็นที่แสนโศกเศร้า ชัชได้แต่นั่งมองไปบนท้องฟ้าเหมือนคนไร้ความรู้สึก และถึงแม้กลุ่มเพื่อนตำรวจจะพากันมากล่าวคำอำลา แต่ก็ดูเหมือนเสียงพูดคุยเหล่านั้นจะไม่สามารถเข้าถึงการรับรู้ของเขาได้
“มึง… กลับโรงพยาบาลกัน.. พร้อมนะครับ หมอตั้ม”หมวดปวีณยังคงทำหน้าที่เพื่อนที่ดีของชัชไม่เคยเปลี่ยน ตลอดทางที่นั่งมา น้ำตาของชัชยังรื้นอาบใบหน้า ที่ถึงเขาจะพยายามหันหนีเพื่อไม่ให้ใครเห็น แต่ทุกคนคงเข้าใจความรู้สึกนั้นได้ ส่วนผม… ได้เพียงแค่กุมมือของเขาเอาไว้  และหวังว่ากำลังใจเล็กๆจากผมคนนี้จะบรรเทาความเศร้าของผู้ชายที่อยู่ข้างๆผมได้


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew4: ชัชน่าสงสาร

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุเลวร้ายหลายๆอย่างขึ้น ทั้งเรื่องการสูญเสียคนที่รักรอบๆตัว การพบเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน รวมทั้งผมที่ต้องเกือบเดินไม่ได้เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ และความใจเย็นของผมเอง กว่าจะผ่านพ้นวันเวลาเหล่านั้นมาได้ ก็ทำให้ผมและชัชต้องสูญเสียความเป็นตัวเองไปไม่ใช่น้อย และในวันนี้ ในวันที่บทเรียนชีวิตต่างๆได้ผ่านพ้นไป รอยยิ้มที่เคยจางหาย กลับมายิ้มได้อีกครั้งอย่างสนิทใจ และผม ที่กลับมาเดินได้เหมือนเดิม และทำงานที่รักได้อีกครั้ง นี่คงเป็นของขวัญที่ดีที่สุดอีกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันทำงานที่แสนยุ่งของผม เหล่าบรรดาผู้ป่วย รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในการดูแลของผม ดูเหมือนว่าวันนี้จะมากันเยอะเป็นพิเศษ แต่เอาเถอะ ผมสู้ไม่ถอย
   “หมอตั้มคะ ตอนนี้เหลืออีกห้าเคส หมอตั้มจะรันคิวต่อเลยมั้ยคะหรือว่าจะพักก่อน” ดาผู้ช่วยผมที่พวกคุณก็รู้จัก
“รันต่อเลย พอดีตอนทุ่มนึงผมต้องเข้าคลีนิคหมอเอก อยากรีบทำให้เสร็จ อ่อแล้วฝากให้แก้มโทรบอกแยมทีว่าผมเอาโอวัลตินแก้วนึง”
“จัดไปค่ะ” ถึงแม้ผมจะลงเวรแล้ว แต่ด้วยคนไข้ที่ยังต่างพากันนั่งรออยู่ ผมคงไปแบบที่ยังมีภาระอยู่ไม่ได้ แต่โชคดีที่คนไข้รายหลังๆมาหาตามใบนัด เลยไม่ต้องซักถามข้อมูลอะไรเยอะมากเท่าไหร่ แต่ขนาดไม่ต้องถามเยอะ ก็เลยเวลาปิดทำการมาหลายนาทีเชียวล่ะ
“ดา เดี๋ยวผมฝากเตรียมชาจของวันพรุ่งนี้ให้หน่อย ของคนไข้ที่จะผ่าซีสต์ที่รังไข่น่ะ เช้ามาผมจะได้ไม่ต้องมารอหาอีก แล้วอีกอย่าง พรุ่งนี้ผมไม่รับคนไข้นะ เพราะผมมีเคสแล้ว ยังไงฝากจัดการที” ตอนนี้สำหรับผมคือสายมากแล้ว เพราะกว่าจะไปถึงคลีนิคหมอเอกที่อยู่แล้วเจริญกรุง คนไข้คงรอหายอยากพอดี
“ตั้ม… ตั้ม… “ เสียงตะโกนเรียกกึ่งดึงกึ่งเบา ดังมาจากด้านหลัง เป็นเสียงที่คุ้นเคยดีเชียวล่ะ “คุณจะรีบไปไหน ผมรีบมากลัวคุณกลับไปก่อน”
“ชัชลืมหรอ วันนี้ตั้มต้องไปลงตรวจที่คลีนิคหมอเอกน่ะ” ทำหน้างงอีก “ไม่ต้องมางงแล้ว ชัชไปส่งตั้มที่คลีนิคหน่อย ไปมอไซค์เลย” ถึงขั้นต้องฉุดกระชากชากถูกเลยหรือผม
“แ… แต่ ชัช เอารถใหญ่มา ไม่ใช่มอไซค์” แป่ววววว “แล้วเหลือเวลาอีกเยอะมั้ยกว่าจะถึงเวลานัดน่ะ” เขารีบถาม
“40นาทีเองชัช”
“ถมเถ… ตามมา”เขาดึงมือผมแล้วเดินไปที่หน้าโรงพยาบาลทันที “คุณรอตรงนี้นะ เดี๋ยวผมมา” ผมเห็นชัชวิ่งไปที่วินมอไซค์ฯบริเวณใกล้ๆหน้า รพ. ก่อนที่เขาจะคว้ารถแล้วขี่มาทางผมทันที
“นี่คุณไปเอารถเขามาได้ยังไง”
“ขึ้นมาก่อนเถอะ” แต่ผมกลับรีบทำตามอย่างว่าง่าย ตอนนี้ผมสามารถซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้อย่างไร้ความกลัว แล้ว
จาก รพ. มายังคลีนิค ชัชสามารถพาผมมาถึงได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด ก่อนที่ผมจะรีบสะพายกระเป๋ารีบเดินเข้าไปทันที
“ขอโทษนะหมอเอก เราเกือบมาไม่ทัน” ผมรีบขอโทษไว้ก่อน
“อย่าซีเรียสน่า คนไข้ที่นี่เขาเข้าใจ ยิ่งใครที่รอตรวจกับหมอตั้ม ยิ่งต้องเข้าใจใหญ่เลย อย่าไปคิดมาก” หมอเอกพูดในขณะที่นั่งเขียนเอกสารการจัดยา “แล้วนี่ หมวดชัชมาด้วยหรือเปล่า”
“มา เดี๋ยวคงจะตามเข้ามาน่ะ” ผมยังไม่ทันหยิบเครื่องมือมาเตรียม พยาบาลก็พาตัวคนไข้เข้ามาซะแล้ว ผมลืมบอกครับ ว่าห้องตรวจที่นี่เป็นห้องตรวจที่มีแค่ฉากกั้น เพราะปกติแล้ว หมอเอกเป็นหมอประจำเพียงคนเดียว แต่ด้วยจำนวนคนไข้ที่เยอะขึ้น รวมกับสถานที่ที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการขยายห้อง เลยต้องแบ่งสัดส่วน ตามความเหมาะสมไปก่อน
       แต่ทุกอย่างมักผ่านไปไวเหมือนโกหกครับ หันมามองนาฬิกาอีกทีเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แต่โชคดีครับที่คนไข้ เหลืออีกแค่ 2-3 คน ผมกับหมอเอกเลยรีบจัดการลงมือตรวจอย่างไม่รีรอเวลา
“เหนื่อยแย่เลยสิ” หมอเอกถามอย่างอารมณ์ดี
“ก็นิดหน่อย… เเต่เดี๋ยวยังไงตั้มขอตัวกลับก่อนนะ ป่านนี้หมวดรอแย่แล้ว”
“เดี๋ยวก่อนๆ นี่เอกยังไม่ได้เลี้ยงข้าวหมอตั้มเลย”
“ไม่เป็นไร หมอเอกก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้ชัชเขาไม่ค่อยมีเวลา กลับเที่ยงคืนมาจะ 2 อาทิตย์แล้ว มีวันนี้แหละที่เขากลับมาเร็วน่ะ”
“เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ ตั้มถามเขาก็บอกว่าติดงาน เลยไม่อยากเซ้าซี้น่ะ… เก็บของเสร็จพอดี งั้นตั้มไปก่อนนะ” ผมรีบคว้ากระเป๋าและเดินไปหาชัชที่นั่งรออยู่ที่ห้องพักพนักงาน พอเปิดเข้าไป เขากำลังนั่งหลับอย่างคนที่ดูอ่อนเพลียเอาซะมากๆ
“ชัช…. ชัช…. กลับบ้านกัน… ชัช” เขางัวเงียลืมตาขึ้นมา
“เสร็จแล้วหรอ”  หาวปากกว้างเชียวพ่อคุณ “ไปๆกลับกัน”
“แล้วชัชอยากทานอะไรก่อนมั้ย ดูท่าทางยังไม่น่าจะทานอะไรมา”ผมเดินถามเขา
“ผมซื้อไว้ในรถแล้ว”
“คุณขี่ไหวแน่นะ ชัช”ผมถามย้ำอีกครั้งตอนตัวเองสวมหมวก
“ชิลๆ” ผมจัดการขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง การเดินทางกลับในครั้งนี้ มันช่างดูแตกต่างจากตอนแรกมาก ทำให้เราทั้งคู่ใช้เวลาในการเดินทางกลับมายังโรงพยาบาลเพียงแค่ไม่กี่นาที เมื่อมาถึง ชัชก็มาส่งผมตรงที่จอดรถ ก่อนที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้นไปคืน แต่จะว่าไป ผมยังไม่ได้คำตอบที่ถามชัชไว้เลยนี่นา
“คุณยังไงไม่บอกผมเลยว่าไปเอามอเตอร์ไซค์เขามาได้ยังไง”
“ก็บอกไปว่าผมต้องรีบไปส่งคุณ ขอเช่ารถหน่อย เอาก็โอเคเลย” เขารีบคาดเบลล์
“ง่ายๆแค่นั้นน่ะนะ”
“ใช่.. ง่ายๆเลย… 1500 คุณเมียคิดว่ายากมั้ยล่ะ” แบบนี้ทุกทีเลยแฟนผม “ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไร ถึงจะเสียเป็นล้านๆผมก็ยอม….. เพื่อเมียสุดที่รัก”
“ขับรถไปเลย… “ ผมไม่รู้จะบ่นเขายังไงแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่บ่อยกับการใช้เงินแบบไร้ลิมิตขนาดนี้ แต่ถึงจะพูดไป ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นผมตะหาก
   ตลอดระยะทาง ชัชนั่งฮัมเพลงอยู่ตลอด เขาดูมีความสุข และสนุกกับการขับรถในเวลานั้น จริงๆตัวผมก็อยากถาม ว่าตลอด 2 อาทิตย์ ทำไมเขาถึงไม่มีเวลาให้ผม ซึ่งปกติไม่เคยมีวันไหนเลยที่เขาจะกลับดึกแบบนั้น แต่ผมไม่อยากเป็นแฟนที่มานั่งจับผิดแฟนตัวเองว่าทำอะไรไม่ดีไปหรือเปล่า หรือว่ามองว่าเขานอกใจ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เราจะมองไม่เห็นถึงความสุขที่มันมีอยู่เลย
“เมียครับ ถึงบ้านเราแล้ว”เขาพูดขณะเลี้ยวเข้าคอนโด “ผมลืมบอกเลย ว่าวันนี้ผมไปซื้อไข่เจียวปูที่คุณชอบมาด้วย แต่ไม่รู้ตอนนี้มันเป็นไงบ้างแล้ว แล้วอยากจะบอกว่ารอคิวนานมาก” ผมต้องสะบัดเรื่องไร้สาระออกจากหัวผมให้หมด ผมจะต้องไม่งี่เง่า ผมต้องมีความสุขสิ
   เราทั้งคู่ ช่วยกันถือของขึ้นห้อง ก่อนที่ผมจะเป็นคนจัดเตรียมอาหารใส่จานให้กับเขา ส่วนชัช ผมให้เขาเข้าไปเปลี่ยนชุดเพราะเห็นแล้วอึดอัดแทน
“มา… เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง มีบางอย่างมันต้องปรุงเพิ่มนิดหน่อย”ชัชเข้ามากอดผมด้านหลัง แต่ทำไมคราวนี้มันรู้สึกอบอุ่นกว่าทุกครั้ง ถึงแม้ ตอนนอนเขาจะกอดผมตลอดเวลาก็เถอะ แต่… ผมชอบความรู้สึกนี้จัง
“ตั้มอยากกอดชัชแบบนี้ กอดไปนานๆ”ผมหันกลับไปกอดชัชอย่างเต็มอ้อมกอด
“ผมก็กอดตั้มทุกวันนะ… วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า”….. แต่… เดี๋ยวนะ
“ทำไมแต่งตัวอะไรแบบนี้”
“ทำไมอ่ะ ออกจะ Sexy… มีแค่ผ้ากันเปื้อนกับกางเกงชั้นใน แถมหุ่นของผมก็ทำให้สาวๆหนุ่มๆใจละลายมาแล้วนะ… เผื่อคืนนี้คุณจะให้รางวัลผมที่ขี่มอไซค์ไปส่งคุณที่คลีนิคไง” ทำสาวๆหนุ่มใจละลาย เขาไปทำให้ใครใจละลาย “เดี๋ยวยังไงชัชจัดการเรื่องอาหารก่อน… ไม่เกิน 5นาทีนะครับคุณภรรยา”เขาคลายอ้อมกอดออกจากผม แล้วไปจัดการเรื่องอาหารตามที่เขาบอกไว้ ผมจึงหันกลับมานั่งรอพร้อมกับอ่านหนังสือตามที่ผมถนัด แต่เพียงแค่ผมเปิดหนังสือ ความวุ่นวายในสมองผมกลับทำให้ผมอ่านหนังสือหน้านี้ไม่รู้เรื่อง วันนี้ผมเป็นอะไร มันเหมือนไม่ใช่ตัวผมเลย
“เสร็จแล้วครับ….มาทานข้าวกันดีกว่าครับคุณภรรยา… กำลังร้อนๆเลย ” 
ผมต้องเป็นตั้มคนเดิม คนที่ทำให้ชัชมีความสุข และหยุดคิดไปเองได้แล้ว อาหารค่ำมื้อนี้มันต้องพิเศษกว่าทุกๆมื้อสิ ผมตักอาหารทานเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น… ก็ใช่น่ะสิ เพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มีแต่ผมที่ฟุ้งซ่าน
หลังจากทานอาหารมื้อดึกเสร็จผมก็เป็นฝ่ายรับหน้าที่จัดการทำความสะอาดอุปกรณ์ทั้งหมด
“วันนี้ผมเหนื่อยมากเลย…. คุณภรรยาอาบน้ำให้ผมหน่อยน้าาาา” เขาโผมากอดผมด้านหลัง พลางวางคางบนบ่าผม รวมถึงเสียงออดอ้อนที่หายไปนาน
“งั้นชัชรอแปปนึงนะ เดี๋ยวตั้มไปเตรียมน้ำให้”
“ไม่เอา… เข้าไปพร้อมกันเลยนะ น้ำอุ่นน้ำเย็นชัชแช่ได้หมดแหละ” ผมก็ไม่มีปฎิเสธหรอกครับ เพราะชัชเขารู้ว่าผมเป็นคนใจอ่อนง่าย และในคืนนั้นเราจบด้วยกันเป็นของกันและกันครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ผมอยากให้เขามีความสุขเวลาที่อยู่กับผมก็เท่านั้นเอง
………..

“ตั้งใจทำงานนะ แล้วเดี๋ยวผมจะโทรหาบ่อยๆ”คำอำลาก่อนที่เจ้าตัวจะขับรถออกไป และภารกิจในวันนี้กำลังรอผมอยู่ ผมทำการเข้าผ่าตัดตามเวลาที่กำหนดไว้  ในเวลาสองชั่วโมงทุกอย่างผ่านไปด้วยดี คนไข้มีการฟื้นตัวที่ดีหลังการผ่าตัด ส่วนงานต่อไป เป็นเคสให้คำปรึกษา ซึ่งเป็นญาตของ ผอ.โรงพยาบาล
……..
วันนี้ทุกๆอย่างเสร็จก่อนเวลาที่คาดคะเนไว้ เลยทำให้มีเวลาที่จะผ่อนคลายมากขึ้น
ก๊อกๆๆ
“ว่างหรือเปล่าครับหมอตั้ม”หมอเอกนี่เอง
“เข้ามาก่อนสิ”
“ว่าจะมาชวนไปทานข้าว นี่มื้อเช้ามื้อเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเลย”สงสัยคงหิวจริงๆ
“แล้วหมอแทนไม่ไปด้วยหรอ”
“ปล่าวน่ะ เห็นว่าติดเคสลอกกระจกตา 2 เคสน่ะ น่าจะยาว”  เห็นจากท่าทาง ถ้าผมปฎิเสธไป คงไม่ดีแน่กับมิตรภาพของเรา แต่ทว่า… ตัวผมเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกันนี่นา ลืมความหิวนี้ไปได้ยังไงกัน
   หมอเอกขับพาผมมายังห้างที่ใกล้ที่สุด นั้นคือ central world ก่อนที่จะพาตรงไปร้านอาหารเจ้าประจำ
“แทนพาเรามากินบ่อย เราว่าอร่อยดี เลยอยากให้หมอตั้มลองชิม” ร้านที่หมอเอกพามาคือร้าน honmono sushi พอมองเข้าไปในร้านรู้สึกโชคดีที่มาเวลานี้ ที่ไม่ต้องมานั่งรอคิวให้เบื่อเอาซะเปล่าๆ
หลังจากที่พนักงานพาเราเข้ามา รู้สึกดีที่เป็นที่นั่งด้านใน เพราะส่วนตัวผมไม่ชอบที่รอบๆโต๊ะมีคนล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด พอเข้าที่ หมอเอกก็จัดการสั่งเมนูโดยที่ไม่ต้องเปิดเล่มดูเลยแม้เเต่นิดเดียว สงสัยเป็นแฟนพันธุ์แท้จริงๆ
“ส่วนผมเอา Salmon ikura don แล้วก็ ปูนิ่มทอดเทมปุระครับ เครื่องดื่มขอเป็นชาเขียวเย็นครับ” หลังจากนี้ก็ได้แต่รอเมนูเหล่านั้นมาวางรวมตรงหน้าเท่านั้นเอง ผมเลยใช้เวลานี้โทรไปหาชัชทันที ไม่รู้ว่าตอนนี้งานเขาจะยุ่งหรือเปล่า
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr
ทำไมเสียงโทรศัพท์เหมือนจะดังอยู่ใกล้ๆ ผมคงจะหลอนไปเองล่ะมั้ง ทึกทักเสียงโทรศัพท์ของคนอื่นว่าเป็นของชัช
“งานยุ่งรึเปล่าชัช”เปิดการสนทนา
“ก็นิดหน่อย ตอนนี้ก็เหลืออีกไม่มากแล้วล่ะ”
“งั้นดีแล้ว แล้วทานอะไรไปหรือยัง”
“ทานแล้ว พี่กวิณพาไปกินซูชิ อร่อยดีนะ ไว้เดี๋ยวจะพาตั้มมาทานบ้าง”
“นี่เอกก็พาตั้มมากินซูชิเหมือนกัน”หมอเอกสะกิดเเขนผม “แปปนึงนะ… มีอะไรหมอเอก”ผมเอามือปิดไมโครโฟนไว้ แล้วหมอเอกก็ชี้ให้ผมหันไปดูอะไรบางอย่าง….ชัชกำลังนั่งทานอาหารอยู่กับผู้หญิง…. สวยมากซะด้วย
“ชัชมาทานกับใครนะ”ผมย้ำอีกครั้ง
“พี่กวิณน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ อาหารมาแล้ว” ผมรีบกดวางสายทันที ผมขอเปลี่ยนที่กับหมอเอก เพื่ออยากจะรู้ว่า ชัชกำลังจะทำอะไร เขาทั้งคู่หยอกล้อกัน จับมือกัน และเขาทั้งคู่ก็เอาหน้าแนบชิดกัน สิ่งที่ผมกำลังเห็นมันหมายความว่าอะไร และการที่เขาบอกอยู่กับหมวดกวิณ…. เขากำลังโกหกผม
“เรากลับแล้วนะหมอเอก…” ผมรีบหยิบเงินในกระเป๋าวางให้หมอเอกทันที
“เดี๋ยวหมอตั้ม ใจเย็นๆก่อน”
“เดี๋ยวเราเรียกแท๊กซี่กลับเอง ไม่เป็นไร”
“หมอตั้ม… เดี๋ยว หมอตั้ม” ตอนนี้ในใจมันทรมาน ทรมานแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนจะหยุดหายใจ ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ ผมตัดสินใจเดินตรงไปที่โต๊ะที่ชัชนั่งอยู่
“ตั้ม!!!!” น้ำเสียงเขาดูตกใจ ผมถอดนาฬิกาที่ชัชเคยให้กับผมออก และวางลงที่โต๊ะให้กับเขา
“ผมคืนให้ ” ผมหันหลังกลับทันที เขาคว้ามือผม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นตั้ม คุณเป็นอะไร” เขาดูตกใจมาก ผมรีบแกะมือนั้นออก
“ผมให้เวลาของคุณคืน และอยู่กับหมวดกวิณของชัชต่อเถอะ…ปล่อย!!!! ”  ผมรีบเดินออกมาจากร้าน ก่อนที่จะรีบวิ่งลงบันได้เลื่อนทันที
“ตั้ม เดี๋ยวตั้ม ตั้มรอผมก่อน” ผมไม่อยากเห็นหน้าเขาตอนนี้ แม้กระทั่งเสียงผมก็ไม่อยากได้ยิน ผมพยายามวิ่งแทรกคนอื่นๆเพื่อให้ห่างกับเขาได้มากที่สุด ผมพอที่จะมองเห็นที่จอดเเท๊กซี่ที่อยู่ไม่ไกลจากผม ผมพยายามด้วยเเรงที่ผมมีตอนนั้น เพื่อที่จะขึ้นรถให้เร็วที่สุด และมันก็สำเร็จ
“ออกรถก่อนครับ เดี๋ยวผมบอกทางให้”
“ตั้ม… ตั้ม คุณลงมาก่อน….ตั้ม”เขาวิ่งตามและทุบกระจกรถเพื่อเรียกผม แต่สำหรับผม ผมไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกับเขา ที่เขากลับมาทำดีกับผมเมื่อคืน เพราะเขาแค่รู้สึกผิดงั้นหรอ หรือแค่ทำเพื่อไม่ให้ผมสงสัยว่าเขาทำอะไรผิดมา  หรือแค่ผม มันโง่เอง

พาร์ทของชัช
มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมโทรหาตั้มเท่าไหร่เขาก็ไม่รับสาย แต่ยังไงตอนนี้ผมต้องรีบกลับไปที่ร้าน ไปขอโทษเธอคนนั้น พอมาถึง ผมก็เห็นว่าหมอเอกกำลังเดินออกมาจากร้านพอดี
“หมอเอก หมอเอก”ผมรีบตะโกนเรียก อาการเหนื่อยหอบของผมตอนนี้มันแทบบังคับเอาไว้ไม่อยู่ “ผมอยากบอกกับหมอว่า ที่คุณกับตั้มเห็นกำลังเข้าใจผมผิด”
“แต่สิ่งที่ผมกับตั้มเห็น มันกำลังเห็นว่าคุณกำลังทำผิด”
“คือมันไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิดเลย ไม่ใช่เลย คือผมกับเธอเราแค่… “
“ผมว่าหมวดควรไปอธิบายกับตั้มมากกว่าผมนะ”เขาสวนผมขึ้นมา “ผมขอตัวก่อนนะ”
“ผมมีเรื่องจะสารภาพ…. .” ผมหวังว่าหมอเอกจะรับฟังผมบ้าง

พาร์ทของตั้ม
วันนี้ผมกลายเป็นคนไม่ดีเอาซะเลย ทั้งโวยวายที่ร้านอาหาร และพาลเกงานไม่ยอมเข้าไปทำต่ออีก ผมนี่มันทำตัวเด็กชะมัด
“พี่ตั้ม มากินข้าวกันเถอะ”ผมจะไปไหนได้นอกจากกลับบ้านของตัวเอง “นาวา นาวิน ทำให้ลุงตั้มหายเศร้าทีสิลูก”
Rrrrrr Rrrrrrr
“พี่ก็รับสายพี่ชัชเขาเถอะ โทรมาเป็นร้อยแล้วมั้ง”
“ไม่อ่ะ พี่คงยังเป็นผู้ฟังที่ไม่ดีเท่าไหร่หรอกตอนนี้”
“และไหนบอกตาลว่าพี่เชื่อใจพี่ชัชไง ทำไมพี่ไม่ฟังพี่ชัชเขาอธิบายก่อนล่ะ” มัน…. ก็ใช่… แต่
“แล้วถ้าเป็นตาล เห็นพลทำแบบนั้นต่อหน้า ตาลจะฟังพลอธิบายป่ะละ”
“ไม่ฟังค่ะ แต่จะซัดให้หมอบทั้งคู่ตรงนั้นเลย”โหดจริงน้องสาวคนนี้ “….นี่… พี่ตั้ม ตั้งแต่ตาลเห็นพี่ชัชคบพี่ พี่ชัชแทบจะรายงานตัวกับพี่แทบจะช 24 ชม. พี่จะเอาอะไรไประแวงเขาอีก และถ้าเขาอยากจะกลับไปคบผู้หญิงจริงๆอ่ะ เขาคงกลับไปนานแล้ว ไม่รอเวลาให้มันเลยเถิดมาขนาดนี้หรอก” ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดตามที่น้องสาวผมพูดนะ แต่ตอนนี้ผมกำลังโกรธ กำลังเอาแต่ใจ ถ้าขืนคุยกันก็มีแต่ผมนี่ละที่จะงี่เง่า
“ฮัลโหล ๆ ตั้ม… คุณอยู่ที่ไหนอ่ะ… ตั้ม… คุณได้ยินผมมั้ย” น้องสาวตัวดีมันกดรับสายซะอย่างนั้น
“พี่ฟังเสียงพี่ชัชสิ เสียงเขาดีใจแค่ไหนที่พี่รับสายเขา เสียงเขาเป็นห่วงพี่แค่ไหนที่พี่หายมานานขนาดนี้… พี่… ชีวิตคู่มันก็ต้องมีบ้างแหละ ที่ต้องทะเลาะกันเข้าใจผิดกัน ถ้าตาลเป็นแบบพี่ตอนนี้ พี่คงไม่ได้เห็นนาวากับนาวินหรอก จริงมั้ย….” น้องผมนี่มันช่ำชองเรื่องรักๆใคร่ซะจริง
“พี่ตอบพี่ชัชเขาไปเถอะ… นะ”เธอยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
ตึ้ด…..
“กดวางทำไมพี่ตั้ม” ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น
“เดี๋ยวค่อยคุย พี่หิวข้าวแล้ว”
“อะไรของพี่เนี้ย”
ในคืนนั้น ผมก็ยังคงที่จะไม่กลับไปคอนโด บางทีการได้นอนคิดอะไรคนเดียว เหมือนแต่ก่อนที่ผมจะมีชัช มันอาจจะทำให้ผมสามารถจัดระบบความคิดตัวเองได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ในตลอดคืนนั้น ชัชทั้งส่งไลน์ ส่งข้อความ และโทรมาจนนับสายนับข้อความไม่ถ้วน แต่ผมก็ไม่รู้ทำไม ที่ไม่ยอมแม้กระทั่งจะรับสายหรือเปิดข้อความอ่านเลย
   เช้าวันนี้ผมรู้สึกไม่คุ้นชินกับการตื่นนอนมาแล้วไม่พบเจอใครบางคน สงสัย เขาจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ผมขาดไม่ได้ไปแล้ว ผมจะมัวเศร้าสลดอยู่ไม่ได้ ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัวออกมาทำงาน โดยมีน้องสาวเป็นคนขับรถไปส่ง สิ่งที่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลคือผมรีบตรงไปยังห้องทำงานของหมอเอกทันที
“อ้าวหมอตั้ม เป็นยังไงบ้าง”
“ก็… ไม่เป็นยังไงหรอก… ตั้มแค่… อยากจะมาขอโทษหมอเอก ที่ทิ้งให้หมอเอกต้องกลับคนเดียว แถมยังไม่ได้ทานอาหารอีก” ความรู้สึกผิดนี่มันหนักหนานัก
“ไม่เป็นไร ผมก็กลับมาทานที่ห้อง ส่วนของหมอตั้ม หมอแทนจัดการเรียบร้อยไม่มีเหลือ… ไปเก็บเงินเลย” นี่แหละหมอเอก เหมือนจะโกรธใครไม่เป็น “อืมหมอตั้ม วันนี้ตอนทุ่มนึง กลุ่มคณะแพทย์ที่เอกประจำอยู่ เขาจัดงานการกุศล ให้คนมาตรวจสุขภาพฟรี เอกเลยอยากชวนหมอตั้มไปร่วมด้วย สนใจมั้ย”
“น่าสนใจนะ แล้วเขาจัดที่ไหนล่ะ”
“สถานที่เอกยังไม่ชัวร์อ่ะ แค่ถามหมอตั้มก่อนว่าอยากไปมั้ย เพราะถ้าไปเอกจะได้บอกทางกลุ่มน่ะ”
“ไปสิ จะพลาดได้ยังไง”
“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวมีรายละเอียดยังไง เอกจะบอก งั้นเย็นนี้ไปรถเอกแล้วกันนะ”
และผมก็ปลีกตัวออกทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของผม และในทั้งวันนี้ ไม่มีแม้กระทั่งสายโทรเข้าหรือข้อความใดๆจาก คนที่ผมรักเลย หรือว่าเขาจะถอดใจจากผมไปแล้ว แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น
ผมจะตามง้อเขากลับคืนมาให้รักผมอีกเหมือนเดิมได้ยังไง
“หมอตั้ม!!!!!!! ”เสียงตะโกนดังจนผมตกใจ “นั่งเหม่ออะไรอยู่ ผมเรียกตั้งนาน”
“ไม่มีอะไร”เป็นเอามากแล้วผม และหมอเอกก็ยื่นชุดมาให้ผมชุดหนึ่ง
“เพื่อนเอกเอาชุดมาให้เปลี่ยน ธีมงานวันนี้เป็นสีขาว เขาเลยจัดเตรียมชุดมาให้กับแพทย์ทุกคนในงาน เดี๋ยวหมอตั้มไปเปลี่ยน แล้วไปรอเอกที่หน้าประชาสัมพันธ์นะ” หมอเอกให้ชุดกับผมก่อนที่จะเดินจากไป ผมจัดการเปลี่ยนชุดในห้องทำงานผมนี่แหละ เพราะวันนี้ผมใส่กางเกงสีขาวมาอยู่แล้ว ผมรวบรวมข้าวของและสิ่งที่จำเป็นเผื่อต้องใช้ใส่ประเป๋า แล้วออกไปรอตามที่หมอเอกได้บอกไว้
“พร้อมแล้วนะหมอตั้ม…”ผมพยักหน้าตอบ “งั้นไปกัน เอกฝากแทนถือกระเป๋ากล้องมาด้วยนะ” คู่นี้ก็ดูพัฒนาไปทางที่ดีขึ้น
“แล้วหมอเอกทราบสถานที่แล้วหรอ”
“เขาแชร์โลมาให้ในไลน์แล้ว รับรอง ไม่มีหลง” เราทั้งสามคนพากันนั่งรถออกไป โดยมีแทนเป็นคนขับและผมก็นั่งอยู่ด้านหลัง ก็นะ สามีก็ต้องนั่งข้างภรรยาสิ เราออกเดินทางจากโรงพยาบาลตั้งแต่หกโมง แต่จาก GPS บอกใช้เวลาแค่45 นาที รวมรถติดด้วยน่ะนะ
“หมอตั้ม แล้วนี่คุยกับหมวดหรือยัง หรือว่ายังโกรธกันอยู่” ถามจี้ใจดำจัง
“ก็… ยังน่ะ”
“แล้วหมอตั้มจะเอายังไงต่อ ถ้าเจอหมวดเขา จะยอมเข้าไปคุยหรือเดินหนีล่ะ”
“ก็… คงเดิน… เข้าไปคุย….. “ผมไม่อยากเสียหมวดชัชไปนี่
“ดีแล้ว…. เพราะหมอตั้มร่างนี้ เรากับหมอแทนไม่ค่อยชินเท่าไหร่” ตลอดเวลาบนท้องถนน ผมนั่งมองโทรศัพท์ของตัวเองอย่างไม่ละสายตา ผมเองยอมรับว่าผมขี้ขลาด ที่ไม่กล้าแม้จะโทรไปหาเขา ผมคงยังเด็กมากในเรื่องของความรักสินะ
………..
หมอเอกพาเรามาถึงสถานที่ซึ่งเลยเวลานัดมาสิบกว่านาที  แต่ที่นี่ผมรู้จัก เพราะตาลน้องสาวผมเคยมาจัดเลี้ยงรับปริญญาก่อนที่จะมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง The Botanical House
“เดี๋ยวหมอตั้มเดินเข้าไปก่อนนะ ที่จัดงานอยู่ห้อง The sunroom เดี๋ยวเอกกับแทนตามเข้าไป”ผมก็จัดการยกสัมภาระของตัวเองเดินไปตามทาง ขนาดตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่บรรยากาศรอบๆตัวผมกลับยังคงสวยงามเหมือนกับภาพวาด ผมเดินผ่านโถงเข้าบ้านมาก่อนที่จะถึง The Sunroom 
“ขอโทษนะครับ ใช่คุณหมอธีร์รึเปล่าครับ”ดูท่าทางแล้วเขาจะไม่ใช่พนักงานที่นี่
“ใช่ครับ”
“เชิญทางด้านนี้ครับ” เขาเปิดประตูให้ผมเดินออกไป และส่งผมให้เดินตรงเข้าไปในห้อง The Sunroom
“เชิญคุณหมอครับ” หลังจากที่ก้าวเท้าเดินเข้ามา ในห้อง มีแต่แสงไฟสลัว และม่านสีดำที่มองไม่เห็นสิ่งใดๆที่อยู่บริเวณภายนอกเลย พอเสียงประตูปิดลง เสียงเปียโนที่นุ่มละมุนก็บรรเลงขึ้น ตามด้วยเสียงไวโอลินที่ผมรู้สึกคุ้นชินกับเสียงนี้มานาน แสงไฟที่สลัวพลันสว่างขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับม่านสีดำที่ค่อยๆเผยให้เห็นนักดนตรีเหล่านั้น พร้อมกับกลุ่มดอก Hyacinth หลากสีสันที่ประดับอยู่เต็มไปหมด  ชายผู้เล่นไวโอลินเดินตรงออกมายังผมที่ยืนอยู่เหมือนคนไร้สติ ชายคนนั้นคือชัช ชุด Tuxedo สีขาวปกคอขลิบดำ สำหรับผม เขาเหมือนเจ้าชายในเทพนิยายที่แม่ผมเคยอ่านนิทานให้ฟัง เพลงที่ชัชกำลังบรรเลงผ่านเส้นสายไวโอลิน เป็นเพลงที่ผมเคยได้ยินในวิทยุ

“เธอคือทุกสิ่ง ในความจริงในความฝัน
คือทุกอย่างเหมือนใจต้องการ
เธอเป็นนิทาน ที่ฉันอ่าน ก่อนหลับตาและนอนฝัน
เธอคือหัวใจ ไม่ว่าใครไม่อาจเทียมเทียบเท่าเธอ
ช่างโชคดีที่เจอ ได้ตกหลุมรักเธอ
ได้มีเธอ เคียงข้างกัน”
คงจะมีเพียงเธอทำให้โลกนั้นหยุดหมุน เพียงเธอสบตาฉัน
คงจะมีเพียงเธอที่หยุดหัวใจของฉันไว้ตรงนี้ ตรงที่เธอ
เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอที่ต้องการ
ฉันจะทำทุกๆ ทางด้วยวิญญาณและหัวใจ
นั่นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเป็นเมื่อไรสถานใด
ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียงคนเดียว” 

ชัชยืนเล่นไวโอลินอยู่ตรงหน้าผม สายตาของเขาจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่เขาจะค่อยๆวางไวโอลินลงที่โต๊ะ และสวมกอดผมอย่างช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆก้าวตามจังหวะที่ผมรู่สึกคุ้นเคย
“คุณรู้มั้ย กว่าผมจะเต้นรำได้แบบนี้ ภรรยาหมวดกวิณปวดหัวกับผมแทบแย่ แล้วก็ดอก Hyacinth ที่คุณชอบ มันก็หายากมากๆ แถมดูแลยากมากอีกด้วย แต่คุณก็รู้ใช่มั้ย ว่าคนอย่างชัชวิน ไม่มีอะไรที่ทำเพื่อคนที่มันรักไม่ได้” อยู่ดีๆน้ำตาของผมมันก็ไหลออกมา  มันมีทั้งความรู้สึกผิด ดีใจ และตื้นตัน ผสมผเสกันไปหมด “ตัวเองจะร้องไห้ทำไม…”คุณชัชยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผม “รู้มั้ย ตอนที่ตั้มโกรธ ผมทรมานมาก…ผมกลัว… กลัวที่จะเสียคุณไป…. คุณคือทุกอย่างในชีวิตผม เป็นโลกของผม ผมรักคุณมากนะตั้ม… รักคุณมากจริงๆ”
“ผมขอโทษนะที่ไม่ยอมฟังคุณ ที่ดื้อ ที่ทำตัวไม่น่ารักใส่คุณ”
แต่ชัชกลับไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มน้ำตารื้น ก่อนที่จะค่อยๆประทับริมฝีปากของเขาลงที่ปากของผม ความนุ่มนวลและอ่อนโยนส่งผ่านยังผมที่กำลังประสานรับอย่างมีความสุข
“พอๆๆๆๆอายเด็กตัวน้อยๆมันบ้าง ใช่มั้ยนาวา นาวิน” ตาล
“จริงๆไม่น่าไปขัดเขาเลย กำลังถ่ายวีดีโอไปได้สวย”หมอเอก
“อิจฉาเขาหรือเปล่าพี่เอก” แทน
“นี่รู้ความจริงกันมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย”
“เปล่าน้า… เอกพึ่งรู้เมื่อวานนี้เอง หมวดเขายอมสารภาพน่ะ”
“แล้วแกล่ะตาล”
“ตาลไม่ได้ทำอะไรเลยน้า…. แค่แนะนำอะไรพี่ชัชเขานิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง”
“เอาน่า คุณอย่าโกรธผมกับพวกเขาเลย ผมแค่อยากมอบอะไรให้คุณในวันครบรอบที่ผมเจอคุณวันแรก วันที่ผมต้องสูญเสียคนๆนึง และทำให้ผมได้คนๆนึงมาอยู่ในชีวิต ก็คือคุณ”
ผมทำได้เพียงแค่สวมกอดชัชอยู่อย่างนั้น ผมอยากให้เวลารอบตัวผมมันหยุดหมุนไว้เพียงเท่านี้ ช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ผมไม่อยากสูญเสียมันไป

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

“นี่คุณ ตกลงทริปนี้จะเอายังไง เที่ยวไทยหรือไปเมืองนอก ผมมีเวลาแค่อาทิตย์เดียวนะ ขืนคุณตัดสินใจช้า เวลาเที่ยวผมหมดพอดี”บ่นแต่เช้าเลยแฟนผม ไม่อยากเสียบรรยากาศบนเตียงนุ่มๆแต่เช้าน้า
“แล้วคุณอยากไปไหนล่ะ ผมพาคุณไปได้หมดนั้นล่ะ ยกเว้นแถบยุโรปนะกับสแกนฯนะ มันบินนาน เดี๋ยวหมดเวลาสวีทกันพอดี”เพื่อภรรยาสุดที่รักผมทุ่มเงินไม่อั้นเสมอ “… นี่มือน่ะ…. ทำอะไร” สำหรับหมอตั้ม ตอนนี้เป็นสุดหื่นยิ่งกว่าผม “ก็ช่วยปลุกให้คุณตื่นตัว ชัชก็ชอบไม่ใช่หรอ”
“อื….. ม…แต่เมื่อคืน… ส…. สามรอบแล้วนะ… อื…อ” หยุดขย้ำลูกผมซะทีเมียจ๋า
“แล้วใครให้คุณนอนแก้ผ้าแบบนี้ล่ะ หืม….”
“ถ้าผมไม่มีแรงเที่ยว ผมจะลงโทษคุณให้สาสมเลย”จับพลิกเกมส์ซะเลย  ผมจะยอมให้เมียผมป่วนอารมณ์ผมไม่ได้ เขาคงลืมไปว่าผมน่ะ นักกีฬาเก่า รอบที่4 แค่นี้มันชิลล์สำหรับผม
“เดี๋ยวๆ… แล้วใครบอกจะให้คุณเป็นคนทำล่ะ…. เดี๋ยวรอบนี้… ผม… จัด… การ… เอง” ความเร่าร้อนนี้เมียผมได้มาแต่ไหนกัน เส้นผมที่พลิ้วไหว บั้นท้ายที่ขยับเป็นจังหวะมันยิ่งขยี้อารมณ์ผมชะมัด
“เห็นแบบนี้ผัวคงให้เมียทำต่อไม่ได้แล้วล่ะ”หน้าที่บรรเลงเพลงรักมันต้องเป็นผมสิ ไม่งั้นเขาจะติดใจอยากได้ซ้ำแบบนี้บ่อยๆทำไมล่ะจริงมั้ย
.....
….

..
“พอแล้วนะคุณ ผมหมดแรงแล้ว”หายใจไม่ทันยังไงไม่รู้ หรือว่าผมแก่แล้ววะ น่าจัดการนักมานอนหัวเราะผมเนี้ย
“ทำไมเดี๋ยวนี้หมดแรงง่ายจัง”ยังจะมาถามผมอีกนะ
“หยุดจับเถอะเมียจ๋า มันแข็งให้ไม่ไหวแล้วนะ”นี่เป็นครั้งแรกที่อ้อนวอนให้เมียหยุดล่วงล้ำผม
“อือ…. ไม่เอาาาาาา… อยากจับคลึงเล่นไปเรื่อยๆนี่นา” โห คาระวะเมียผมเลย อึดสุดๆ
“ผมตัดสินใจได้แล้วว่าเราจะไปไหนกัน”เปลี่ยนเรื่อง เผื่อเมียผมจะไขว้เขว หยุดลูบไล้เค้นคลึงลูกผมไปได้สักพัก “เราไปเที่ยวเกาะไร่เลย์กัน คุณชอบทะเล ที่นี่น่าจะโอเคเลย”
“กระบี่หรอ…. น่าสนใจดี… งั้นเดี๋ยวตั้ม book ที่พัก จองตั๋ววันนี้เลยแล้วกัน โอเคมั้ย” แน่ะๆ ยังไม่หยุดอีก พอเถ้ออออออออ “ถ้าอย่างนั้น ต้องแสดงความขอบคุณ สักหน่อยแล้ว”ไม่ทันสิ้นคำเมียผมก็มุดผ้าห่มเข้าไปแล้ว ลูกชายผมกำลังถูกลิ้มรสชาติอย่างไม่ปราณีปราสัย แต่ที่แย่กว่านั้นนี่สิ มันดันตื่นตัวตามแรงกระตุ้นของเมียผมซะนี่ ผมควรห้ามเมียหรือห้ามตัวเองดีเนี้ย 
“ยังจะเอาอีกหรอเมียจ๋า… แค่นี้สามีก็เดินไม่รอดแล้วนะ” ผมเข้าใจหัวอกเมียผมแล้ว ว่าเวลาความต้องการผมสูงๆเมียผมรู้สึกยังไง ขอโทษนะคราบบบบบบบบบบบ…….ผมผิดไปแล้ววววว
………
“โอเคนะตาลตอนบ่ายไปเจอกันที่สนามบิน พี่จองตั๋วไว้ให้แล้ว… ไปเร็วชัช ไปอาบน้ำกันนน”เมียผมกินอะไรเข้าไปถามจริง ทำไมเรี่ยวแรงดีไม่มีตกเบอร์นี้ ผมนี่สิขาสั่นจนจะเดินไม่เป็นแล้ว
“ครับผม…. ผมไม่แรงแล้วอ่าตั้ม”โดนดูดวิญญาณไปเบอร์นี้
“ถ้าอย่างงั้น… ถ้าชัชยังไม่ลุกจากที่นอน… งั้น เดี๋ยวตั้มจัดให้อีกก็ได้นะ”
“ม….ไม่เป็นไรครับ…..รีบลุกเลยครับผม อาบน้ำครับ… อาบน้ำ”ผมรีบสวนตอบไปพร้อมสะดุ้งตัวลุกขึ้นทันที ถ้าขืนผมเสียน้ำจากร่างกายผมไปอีก ผมคงนอนเล่นอยู่กรุงเทพยาวแล้วล่ะ นี่ถือว่าเป็นการแก้แค้นของเมียผมที่โหดร้ายมากที่สุด ฮือออออ
….

..
.
กว่าจะมาถึงสนามบิน ร่างกายของผมมันเหมือนคนที่ไม่ได้หลับไม่นอนมาหลายคืน ขนาดผมเข้าเวรโหดๆยังไม่เพลียขนาดเอากับเมียแบบนี้เลย หลังจากนี้แหละคือเวลาพักของผมแล้วล่ะ เราทั้งคู่ต่างนั่งรอตาลและพลมาถึงที่สนามบิน  แต่ก็ไม่นานเขาทั้งคู่ก็มาถึงพร้อมกับเจ้าตัวน้อย 2 คน ขอโทษนะที่มาช้า กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ เพราะพี่ตั้มนั้นล่ะ กระทันหันเกิน”
“หรือว่าแกจะไม่ไป อุตส่าให้ไปฟรีไม่เสียอะไรเลยนะ ยังจะมาบ่นอีก คนที่ควรบ่นคือพี่ป่ะ” สมกับเป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ
“เเล้วนี่พี่ชัชเป็นไรค่ะ หน้าดูเพลีย”โหดูออกขนาดนั้นเลยเว้ย
“ไม่มีไรหรอก พอดีหัวหน้าพี่ชัชเขาใช้งานหนัก เลยไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย”ยังจะหันมายิกคิ้วใส่ผมอีกนะ มันน่านักเมียผม
“ใช้งานขนาดนี้ตายพอดี ทีหลังใช้ไม้แข็งเลยค่ะ เขาจะได้ไม่ข่มเรา” ใครจะกล้าล่ะน้องตาล พี่ให้เกียรติพี่ตั้มจะตาย
“เขาไม่กล้าหรอก หัวหน้าพี่ชัชเขาเด็ดเอาเรื่อง”
“เด็ดเอาเรื่อง” เอาละไง
“ไม่ใช่ๆ โหดเอาเรื่องตะหาก ฟังอะไรก็ไม่รู้”
“ก็พี่ตั้มพูดเองนี่นา”
“สงบศึกก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวจะเช็คอินไม่ทัน” เยี่ยมมากไอ้น้องเขย ตกลงนี่ผมกำลังจะไปพักผ่อนหรือว่าไม่หาเรื่องเหนื่อยกันเนี้ย “ผมดูออกนะพี่ โดนพี่ตั้มใช้งานหนักอะดิ ผมก็เคยโดน ลมแทบจับพี่”มันเก่งสมเป็นชายชาตรีที่ดูพี่ออกว่าโดนเมียข่มเหง “กี่รอบพี่” แน่ะ ยังจะมาถาม
“5 รอบไอ้น้อง”ภูมิใจในความแข็งแกร่งของตัวเองจริงๆ
“อย่างโหด… ผมว่าไปกระบี่ พี่ก็ไม่น่ารอด น้ำแห้งแน่พี่”
“สองคนนั้นจะไปมั้ย หิ้วกระเป๋ามาด้วย… เร็วๆ”ส่งเสียมาซะดัง เมียน้องเขยนี่โหดเว้ย
“จ้าาาาา”หวานเชียว “รีบไปเหอะพี่ เดี๋ยวนางหงุดหงิด แล้วผมอดกินนม” ทำไมเมียผมถึงให้ผมสะพายกระเป๋าที่แสนหนักอึ้งเช่นนี้ แค่แรงจะเดินยังยากเลย…. นั้นไง เดินมาตามแล้ว
“ทำไมช้าล่ะชัช…. หรือว่าอยากให้ตั้มเพิ่มพลังให้ก่อน” น้ำเสียงแบบนี้
“รีบเลยจ้ะเมียจ๋า ช่องไหนจ้ะ…. ช่องนี้เนอะ”
น่ากลัวจังเมียตู
   …….
พอขึ้นเครื่องผมรีบตรงไปยังที่นั่งของผมทันที โชคดีนะที่ตั้มจองตั๋วแบบ Premium eco ให้ คราวนี้แหละ ผมจะนอนให้เต็มอิ่มไปเลย ถึงแค่จะ ชม.นิดๆก็เถอะนะ
…. .
….

..
.
รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก หลังจากการได้นอนพักแบบเมียผมไม่มาแกล้งผม พูดแบบนี้ละกันเนอะ… หลังจากลงเครื่องมา ทางรีสอร์ทก็ส่งรถมารับพวกเราที่กำลังถือกระเป๋าพลุงพลังเหมือนกับย้ายรกรากที่อยู่ซะอย่างนั้น ขนาดมาแค่สามวันนะ ที่ถ้ามาเป็นเดือนคงยกตู้เสื้อผ้ามาแน่เลย เหล่าคนรถจัดการยกกระเป๋าขึ้นเก็บก่อนที่จะพาเราออกเดินทาง เราเดินทางจากสนามบินไปยังท่าเรือ ประมาณ 25 นาที และขึ้นเรือไปต่ออีก ประมาณ 20นาที ตลอดระยะทางการนั่งเรือสำหรับผมนี่โคตรจะสดชื่น ทั้งท้องฟ้า น้ำทะเล ส่วนเมียผมก็นั่งอยู่ในอ้อมแขนของผม ไม่ขยับไปไหนเลยล่ะ
“เออพี่ตั้ม นี่พี่จองห้องแบบไหนไว้ เดี๋ยวน้องช่วยออกก็ได้นะ จะได้แฟร์ๆ”
“แกพูดจริงอ่ะ”
“จริงสิ คนอย่างตาลไม่เคยพูดแล้วไม่ทำนะคะ พูดจริงทำจริงเสมอ” คุ้นๆแฮะ สโลแกน
“อ่ะ เอาไปดู”ตาลลุกขึ้นมารับ “คืนละ 44,700บาท รวมอาหารเช้า ทั้งหมด 3 คืน เป็นเงิน 134,100 บาท หาร 2 คน ตกคนละ 67,050 บาทครับน้องสาว”นี่แฟนผมเป็นหมอหรือเครื่องคิดเลขวะเนี้ยไวโคตร “ไหวรึเปล่า” ข่มได้อีกนะน้ำเสียงน่ะ “พี่แซวเล่น ไม่ต้องจ่ายหรอก พี่อยากให้แกกับแฟนมาด้วยจริงๆ”
“แล้วทำไมรอบนี้ถึงยอมเสียเงินเป็นแสนๆ เห็นทุกทีดุผมตลอดเรื่องใช้เงินน่ะ”ไม่ได้กวนโมโหนะอยากรู้จริงๆ
“เพราะแค่อยากอยู่กับชัชในที่ที่ดีที่สุดที่นึงเท่านั้นเอง… เหตุผลแค่นี้พอได้มั้ย” เอาจริงๆตั้งแต่เราคบกันเป็นแฟน มีแค่ครั้งเดียวที่ผมกับตั้มผิดใจกัน หลังจากนั้นมาไม่เคยมีวันไหนที่ผมอยากจะทะเลาะกับเขาหรือทำอะไรให้เขาเข้าใจผิดอีกเลย เพราะผมไม่อยากเสียเวลาที่ดีที่สุดไป
   ไม่นานเราก็มาถึง รายาวดีรีสอร์ท เหล่าพนักงานก็พาเราไปห้องบ้านพักที่ตั้มได้จองไว้ พอได้เห็น ผมก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมราคาต่อคืนมันถึงสูงนัก แค่บรรยากาศรอบๆตัว ที่ทำให้ผมได้ ozone ธรรมชาติเต็มๆแบบนี้ เป็นผมผมก็ยอมจ่าย ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่รีสอร์ท กิจกรรมที่ทางรีสอร์ทมี แทบจะไม่มีกิจกรรมไหนที่เราพลาดเลย ไปทั้งหาดไร่เลย์ เกาะพีพี ทริปดำน้ำ  ถึงแม้ว่ามันจะต้องเสียเงินเพิ่ม แต่สำหรับผมแล้ว การทำงานมาทั้งปี แล้วใช้เงินกับการให้รางวัลชีวิตตัวเอง ถึงแพงแค่ไหนมันก็คุ้มครับ
   อย่างว่านะครับ เวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เงินของเราก็เช่นกัน พวกเราทั้งหมดบินกลับมาถึงกรุงเทพกันช่วงค่ำๆ ก่อนที่แต่ละครอบครัวจะแยกย้ายกันไป
“เหลือวันหยุดอีก2วัน คุณอยากทำอะไรเพิ่มมั้ย”
“ยังไม่รู้เลย ความรู้สึกสดชื่นจากกระบี่มันยังไม่หาย
มันก็จริงอย่างที่ตั้มบอก ความสดชื่น ความสนุกจากกระบี่มันยังอวลอยู่ในตัวผมเต็มไปหมดไม่ไปไหน บางทีแค่เราเก็บความรู้สึกพวกนี้เอาไว้ให้นึกถึง ก็ทำให้มีความสุขแล้ว
   …….
Rrrrrrrrrr  Rrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ใครดังแต่เช้า
“ฮัลโหล”เมียผมนี่เอง จะคุยโทรศัพท์ก็ไม่แคล้วจะคลายกอดจากผมนะ “ได้ๆ เดี๋ยวสายๆพี่เข้าไป ขอนอนต่ออีกหน่อย… แค่นี้นะ”
“มีอะไรหรือเปล่าตั้ม”
“ตาลบอกให้ไปหาที่บ้าน มีอะไรจะเซอไพร์ส”
“เซอร์ไพร์ส แล้วคุณไม่อยากรู้หรอว่าอะไร”
“ไม่อ่ะ… ยัยตาลไม่มีอะไรจะเซอร์ไพร์สหรอก ชอบพูดให้ตื่นเต้นไปงั้นแหละ… นอนต่อเถอะ… นี่พึ่ง 7 โมงเอง… หรือว่าคุณสามีนอนไม่หลับ… หืม”
“ใช่… คุณภรรยาจะช่วยสามีคนนี้ยังไงล่ะ”หวานหมูแน่ๆ
“ช่วยอย่างนี้ไง” มุดแล้ว มุดเข้าผ้าห่มแล้ว….. อ๊าาาาาาาาโดนเมียทรมานด้วยการจั๊กกะจี้
“พอแล้วๆผมยอมๆ”เดี๋ยวนี้หัวไว จริงเมียผม เฮ้อ คิดว่าจะได้ผ่อนคลายซะหน่อย
กว่าจะรอดพ้นการทรมานจากมือเมียมาได้ก็แทบทรุด เอาซะความพลุ่งพล่านในตัวหายไปหมดเลย เราทั้งคู่จัดการอาบน้ำแต่งตัว และออกมาตามที่ตาลได้นัดไว้ทันที  แต่ตลอดทางเจ้าตัวกลับนอนหลับสบายอยู่คนเดียวบนรถ ปล่อยให้ผมขับรถอยู่เงียบๆคนเดียว เศร้าาาาาาา
 เพียงชม.นิดๆ ผมก็ขับมาถึงบ้านของตั้มแถววงแหวนบางนา ตอนมาถึงก็เห็นตาลกำลังเลี้ยงหลานๆของผมอยู่ตรงลานสวนหน้าบ้าน ได้เห็นแบบนี้พาลให้ผม คิดถึงวัยเด็กที่แม่คอยอยู่กับผมเล่นกับผมตลอดเวลา คิดถึงแล้วมันก็ทำให้ผมยิ้มได้ถึงแม้บางวินาทีมันจะเศร้าบางก็เถอะ
“สวัสดีค่ะพี่ชัช… ว่าไงพี่ตั้ม ไหนว่าจะมาสายๆไง”
“จะมาตอนไหนก็เรื่องของพี่ป่ะ… แล้วพลล่ะ” เอาอีกละคุณภรรยา
“พลไปดูร้านค่ะ… วันนี้มีจัดเลี้ยงบริษัท”
“นาวานาวินมาหาลุงสองคนมาเร็ว”ว่าไปเมียผมก็รักเด็กเหมือนกันนะเนี้ย กอดหอมไม่หยุดเลย “แล้วไหน เรื่องที่ว่าจะ Surprise พี่”
“งั้นพี่ตั้มรอแปป รับรอง…  Surprise แน่” เธอรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ส่วนผม… ก็อุ้มหลานทั้งสองเดินเล่นรอบๆสิครับ เดี๋ยวนี้เริ่มชินกับการเลี้ยงเด็กอ่อนแล้ว และสำหรับผม ตอนนี้เรื่องลูกนั้นมันถูกตีตกไปแล้ว เพราะรู้สึกว่า แค่เราสองคนก็สามารถเติมเต็มกันและกันได้ ผมไม่อยากให้เรื่องลูกทำให้ตั้มต้องรู้สึกวิตกกังวลที่เขาไม่สามารถมีให้ผมได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเราทั้งคู่คงไม่มีความสุขกันแน่ๆ แค่ตอนนี้เราทั้งคู่มีนาวินกับนาวา มันก็มากพอสำหรับคู่ชายรักชายอย่างผมแล้ว
“ชัช พาหลานมานั่งเล่นตรงนี้ดีกว่า”ตั้มส่งเสียงมา
“น้ำลายไหลเต็มเสื้อลุงชัชเลย”ตั้มรับนาวินไป ก่อนที่ผมจะค่อยๆนั่งลง “อยากเปลี่ยนเสื้อมั้ยชัช”
“ไม่เป็นไรหรอก นิดเดียวเอง”
“พี่ตั้ม…. Surprise!!!!!!” ตั้มสะดุ้งตกใจที่ได้ยินเสียงตาล และหันไปเห็นพ่อกับแม่ของเขาที่ร่วมทำการ Surprise นี้ด้วย
“พ่อกับแม่มาถึงเมื่อไหร่ครับ คิดถึงมากเลย”ตาลเข้ามารับหลานจากมือของตั้ม ก่อนที่เขาจะโผเข้ากอด ส่วนตัวผมก็ยกมือได้แค่เพียงยกมือไหว้เท่านั้น และท่านก็ยิ้มรับอย่างใจดี
“กลับมาถึงเมื่อวานตอนเช้า… แล้วเป็นไง ไปกระบี่มา สนุกมั้ยลูก”
“สนุกสิครับ พ่อกับแม่ก็รู้ว่าตั้มชอบทะเล”
“แล้วชัชล่ะลูก ตอนนี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง ยังวุ่นๆเรื่องคดีอะไรอยู่มั้ย”
“ไม่แล้วครับ ตอนนี่ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ”และท่านก็นั่งคุยกับพวกเราบนผ้าที่ปูอยู่กลางสนามหน้า ท่านทั้งสองดูเป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัวสำหรับผม ดูเป็นคนเรียบง่าย และดูยิ้มแย้มเหมือนพ่อกับแม่ของผมเลย และท่านก็รู้ถึงเรื่องคุณเเม่ของผมที่เสียไป ผ่านจากการบอกเราของตาล ท่านทั้งคู่เอ่ยปากขอโทษผมไม่หยุดที่ไม่ได้มาร่วมงาน
“แล้ว…. ตั้มมีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่มั้ยลูก”
“ก็…. ไม่นี่ครับ”
“แล้วชัชล่ะ มีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่มั้ย”แล้วไหงมาเป็นผมได้ แล้วคำถามที่ท่านถามมาหมายถึงอะไร… หรือว่า
“เอ่อ…. มีครับผม”ถึงเวลาที่ผมจะต้องทำอะไรให้ถูกต้อง “ผมกับตั้ม เราเป็นแฟนกันครับ”ผมจะโดนอะไรมั้ยวะเนี้ย ตั้มมองหน้าผมเขม็ง คงไม่คิดว่าผมจะพูด
“นานรึยัง”เสียงแข็งเลย
“เกือบจะสองปีแล้วครับ….”ผมรีบตอบ
“แล้วทำไมตั้มไม่เห็นบอกพ่อกับแม่เลย ตั้งใจปกปิดพ่อกับแม่หรอ” ผมไม่น่าพูดออกไปเลย
“อย่าว่าตััมเลยครับ ผมเป็นคนเริ่มทุกอย่างเอง ทั้งจีบ ทั้งตามตื้อ ตั้มไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ”ผมรีบรับผิดก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ไปกว่านี้ จะให้โดนอะไรผมก็ยอม
“พ่อชอบ”หะ… ห๊ะ!!!!!! “แมนดี…. สมศักดิ์ศรีที่เป็นตำรวจ ตรงไปตรงมาแบบนี้แหละดี”
หัวใจแทบหลุดออกมานะคุณพ่อตั้ม “เอาจริงๆ พ่อกับแม่พอดูออกตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่แค่ยังไม่อยากคิดอะไรไปเอง แต่วันนี้… พอมาได้รู้ความจริง… มันก็ ตกใจนิดๆเหมือนกัน”
“ผมขอโทษนะครับ พ่อ… แม่” ตั้มรีบเอ่ยขอโทษ
“จริงๆแม่กับพ่อก็ไม่ได้หัวสมัยใหม่อะไรนักหรอก บางทียังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่า ความรักแบบนี้มันจะยืดยาวไปได้ไกลแค่ไหน ทุกคนเปิดกว้างยอมรับก็จริง แต่หลายๆคนเขาก็ยังปิดใจที่จะยอมรับมัน”แม่ตั้มบอกอย่างใจเย็น
“คิดว่าจะสู้กับจิตใจและสังคมในปัจจุบันไหวใช่มั้ย คำติฉินนินทา สายตาที่มองเรา อาชีพที่เราเป็น และเพื่อนร่วมงาน ที่พ่อพูด… ไม่ใช่ว่าพวกลูกอ่อนแอ แต่แค่สังคมมันเลวร้ายมากเกินไปเท่านั้น” ผมเข้าใจในสิ่งที่พ่อของตั้มสื่อและบอกออกมา ใช่ครับ ผมเป็นคนไม่สนสังคมภายนอกก็จริง แต่ด้วยหน้าที่ ตำแหน่ง หรือตัวตนที่เรามี มันต้องอาศัยสิ่งที่ผมพูดมาทั้งนั้น แต่แค่ผมมั้นใจตัวเองว่าไม่เคยทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะความเป็นตัวผม แค่นั้นเอง ท่านสองคนมองหน้ากัน มันยิ่งทำให้ผมตอนนี้หวาดหวั่นไปไม่น้อยเหมือนกัน
“ลูกจะปกป้อง… ดูแลลูกของพ่อได้ใช่มั้ย”ท่านมองหน้าผม “เพราะพ่อยังทำหน้าที่พ่อที่ดีให้กับตั้มได้ไม่เต็มที่ ยังไม่สามารถปกป้องดูแลเขาได้เวลาเขามีปัญหา ไม่สามารถให้คำปรึกษาเวลามีเหตุการณ์ร้ายๆ ถ้าลูกรับปากว่าลูกทำได้… พ่อกับแม่เต็มใจที่จะให้ลูกทั้งสองคนรักกัน” ทำไมท่านทั้งสองถึงอ่อนโยนกับผมแบบนี้
“ผมจะไม่พูดแล้วกันครับว่าผมจะทำได้มั้ย…. แต่ผมขอพิสูจน์ตัวเอง แลกกับความไว้ใจที่คุณลุงกับคุณป้ามีให้กับผม”
และจู่ๆท่านทั้งสองก็ค่อยๆถอดแหวนที่แสดงถึงความรักที่มีให้กันออกมา
“แหวนของพ่อวงนี้ เป็นแหวนที่แม่เขาให้ตอนที่เราแต่งงานกัน พ่อให้มันเป็นของขวัญและของแทนใจที่ลูกจะให้กับตั้มในอนาคตอันใกล้”
“ส่วนของแม่ แม่ให้กับตั้ม ไว้มอบให้คนที่ตั้มรักมากที่สุด พร้อมที่จะฝากชีวิตและมอบลมหายใจสุดท้ายไว้ให้กับเขาคนนั้นดูแล”
ผมทั้งสองคนรับแหวนจากผู้มีพระคุณทั้งสองมาไว้ในมือ
“แล้วอีกอย่าง เรียกลุงกับป้าไม่ได้แล้วนะ  มันฟังแล้ว… ดูอายุเยอะๆยังไงก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า เปลี่ยนสรรพนามใหม่แล้วกัน พอไหวมั้ย”ท่านมองหน้าผมอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มที่ผมเองเคยปรารถนาที่จะได้รับเวลาผมมีเรื่องทุกข์ใจ จากคุณพ่อของผม ถึงแม้ว่าท่านตะจากผมไปแล้วก็ตาม
 “เรียกเราว่าพ่อกับแม่ ฟังดูหนุ่มดูสาวขึ้นเยอะเลย ว่ามั้ยคุณ”
“ใช่ค่ะ”
และตัวผมเอง… ก็ไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคำว่าพ่อมานานมากๆแล้ว แต่วันนี้ความอบอุ่นนั้นมันตลบอบอวลอยู่ในหัวใจของผมจนอยากจะเก็บความทรงจำนี้เอาไว้ในลิ้นชักของชีวิตชั้นที่ลึกที่สุด เพราะผมจะได้ไม่ต้องเสียมันไปอีก
“ครับ คุณพ่อ… คุณแม่”
“แล้ว… พี่สองคนจะไม่สวมแหวนให้กันหรอคะ วันนี้วันดีน้า มีพ่อกับแม่คอยเป็นสักขีพยานรักให้ น่าอิจฉาจะตาย”น้องตาลนี่พูดขึ้นมาได้ถูกจังหวะจริงๆ และแถมคุณพ่อคุณพ่อก็พยักหน้าเป็นการเห็นดีเห็นงามอีกซะด้วย ผมจับมือตั้มขึ้นมาและสวมแหวนนั้นเข้าไปช้าๆที่นิ้วนางของเขา และตั้ม… ก็สวมแหวนกลับให้ผมเช่นกัน และท่านทั้งสองก็จับมือเราทั้งสองคนมาประสานกัน
“พ่อคิดว่า… พ่อกับแม่มอบพิธีแต่งงานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดให้กับลูกทั้งสองคนแล้ว ขอให้ลูกประคองรักกันไปยาวนานนะลูก”
“ดูแลกันไปเรื่อย เหมือนพ่อกับแม่นะจ้ะ” เราทั้งสองคน ก้มลงกราบที่ตักของท่าน
“ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณที่เห็นถึงความตั้งใจของผม และช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของผมให้มันกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง” ในตอนนั้นตาลอาสาที่จะถ่ายรูปความทรงจำนี้ให้กับเรา แต่ในบันทึกความทรงจำผม ไม่ใช่จะมีแค่พ่อกับแม่ของตั้ม เพราะพ่อกับแม่ของผมท่านได้กลับมายื่มแสดงความยินดีในรูปล้ำค่าที่สุดใบนี้เช่นกัน

……..
“แล้วนี่… ลูกสองคนจะออกไปไหนกันต่อรึเปล่า”
“ก็คงตรงกลับห้องเลยน่ะครับพ่อ… พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”ตั้มถามอย่างใจเย็น
“จะว่ามีก็ไม่ใช่…. พ่อจะบอกว่า เมื่อวานพ่อกับแม่ ไปเยี่ยมแพรวที่ทัณฑสถานมา… เขาเปลี่ยนไปมากเลยนะลูก เปลี่ยนไปจนไม่น่าเชื่อ”น่าดูเห็นอกเห็นใจ
“แล้วพ่อกับแม่ได้พูดคุยกับอะไรกับแพรวไปบ้างล่ะครับ”
“ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากมาย แค่ถามถึงความเป็นอยู่  การปรับตัว แล้วก็เรื่องสัพเพเหระ กลัวคุยไปมากๆแล้วเขาจะเครียด… แล้ว…. ลูกทั้งสองคน ได้ไปเยี่ยมแพรวกันมาบ้าวหรือเปล่า”เป็นคำถามที่ตอบยากเหมือนกันนะ
“ไม่ได้ไปหรอกครับ… ผมกับตั้มกลัวแพรวเขาจะรับไม่ได้ที่เราสองคนทำให้เขามีจุดจบแบบนั้น และตั้มเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดทุกครั้งที่พูดถึงแพรวขึ้นมา” ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ความรู้สึกผิด…. พ่อเข้าใจ… แต่เวลาที่ผ่านมาเกือบสองปี พ่อว่าแพรวคงยอมรับความรู้สึกผิดหลายๆอย่างได้มากขึ้นแล้ว ลูกก็ควรทำได้เหมือนกัน หน้าที่… และความถูกผิดมันคนละเรื่องกันนะลูก อย่าเอาความรู้สึกผิดมาเป็นกำลังเพื่อที่จะตัดขาดกับใครสักคน เพราะคนที่เจ็บปวดมันไม่ใช่เขา… แต่อาจจะเป็นเรา” เป็นคำแนะนำที่ดีสำหรับตั้มในตอนนี้ “มีโอกาส ก็ไปพูดคุยกันซะ ยังไง เขาก็เคยเป็นเพื่อนเรา”
“ครับ”
เราทั้งคู่นั่งคุยอยู่กับคุณพ่อได้สักพัก ก่อนที่จะขอปลีกตัวแยกออกมา
“จะไปไหนก่อนมั้ยคุณ หรือจะกลับห้องเลย” ผมถามขึ้นพร้อมสตาร์ทรถ
“ไปเยี่ยมแพรวกัน”
“คุณแน่ใจนะ”
“แน่ใจ… ก็แค่ไปเยี่ยมเพื่อน… ที่ทำความผิดไว้… ก็เท่านั้นเอง” ในเมื่อภรรยาผมแน่ใจ ผมก็ไม่มีอะไรต้องขัด ผมขับรถพาตั้มไปยัง ทัณฑสถานที่แพรวถูกคุมขัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เพียงไม่เกิน 1 ชม.ก็ถึง
   เมื่อมาถึง ผมกับตั้มเดินเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเขียนใบคำร้องขอเข้าเยี่ยม โชคดีว่าเรายังมาทันเวลาเยี่ยมช่วงบ่าย หลังจากเรายื่นเอกสารทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เพียงแต่นั่งรอทางเจ้าหน้าที่เรียกชื่อของเราเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้นาน ทางเจ้าหน้าที่ก็ประกาศเรียกชื่อเรา ให้ไปเข้าเยี่ยมแพรวได้ที่ตึกใหม่ และก่อนที่เราทั้งคู่จะเข้าไปเยี่ยม ทางทัณฑสถานจะตรวจค้นร่างกาย และให้เราเก็บสิ่งของต่างๆเช่นโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในล็อกเกอร์ที่ทางสถานที่จัดเตรียมไว้ให้  เเละเรามีเวลาแค่เพียง 20นาทีในการพูดคุยเท่านั้น
ในรอบเกือบจะสองปี นี่คือครั้งแรกที่เราทั้งคู่จะได้เจอหน้าแพรวหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนั้นขึ้น ตั้มยกหูโทรศัพท์ขึ้น เธอก็เช่นกัน
พาร์ทของตั้ม
“สวัสดีแพรว ขอโทษนะ ที่ไม่ได้มาเยี่ยมเลย” เธอดูเปลี่ยนแปลงไปมาก
“ไม่เป็นไร แพรวเข้าใจ กว่าอาการตั้มจะดีขึ้น ก็คงใช้เวลาพอสมควรเลย”
“ใช่… แล้ว.. แพรวปรับตัวได้แล้วใช่มั้ย”
“ได้แล้วล่ะ ได้ตั้งแต่เดือนแรก เพราะถ้าแพรวไม่ปรับตัว ก็คงอยู่ที่นี่ลำบาก”
“เรา… อยากจะขอโทษแพรวในทุกๆเรื่อง ที่เราเป็นต้นเหตุ และก็อยากขอบคุณแพรวด้วย ที่ยังทำให้ตั้มรู้ว่า ตั้มมีข้อเสียอะไร”
“ขอบคุณฆาตกรอย่างแพรวเนี้ยนะ ตั้มเก็บเอาไว้ใช้กับคนที่สมควรให้คำขอโทษเถอะ สำหรับแพรว แพรวไม่มีค่าพอสำหรับคำนั้น”
“แต่สำหรับตั้มแพรวมี ระหว่างเรามันยังมีสายใยของคำว่าเพื่อนผูกกันไว้อยู่ แพรวก็คือแพรว ตั้มก็คือตั้ม ทุกคนเป็นคนเดิม และหวังว่า วันนึง แพรวจะกลับมาเป็นคนเดิม คนที่ตั้มรู้จักตั้งแต่มัธยม”
“คงจะยากเกินไปสำหรับแพรว เพราะตัวตนของแพรวคนเดิม มันหายไปตั้งแต่วันที่ทำร้ายตั้มไปแล้ว”
“ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา รวมถึงการทำใจ และการให้อภัย และวันนี้เป็นวันที่ตั้มปลดล็อคตัวเองได้จากคำพูดของพ่อตั้ม และตั้มก็อยากให้แพรวปลดล็อคมันด้วยเหมือนกัน…ตั้มให้อภัยแพรวนะ…อโหสิกรรมให้กับทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเราสองคน เพราะคนเราคงจะมีชีวิตอยู่แล้วจมปลักกับความเจ็บปวดอย่างเดียวไม่ได้”
“แพรว…แพรวขอบคุณตั้มนะ… ตั้ม… แพรวขอคุยกับเขาคนนั้นหน่อยได้มั้ย”

พาร์ทของชัช
“สวัสดี… ผมนึกว่าคุณจะมองผมเป็นอากาศธาตุซะอีก”
“ไม่หรอก เพราะถ้าคุณเป็นอากาศ ที่ชั้นต้องหายใจเข้าไป ชั้นยอมตายดีกว่า”
“อืม… ก็พอเข้าใจได้… แล้วคุณมีอะไรจะคุยกับคนที่ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ”
“ชั้นแค่อยากจะบอกอะไรกับคุณ ความสุขที่คุณมี มันอาจจะไม่ใช่ของจริงอย่างที่คุณเข้าใจก็ได้… คุณรู้หรอ ว่าความรักจริงๆมันคืออะไร อะไรที่คนเราเรียกมันว่าความรัก
ความโลภ คนเราก็เรียกมันว่าความรัก เพราะอยากจะได้อยากจะมีมันมากขึ้น มากขึ้น   ความโกรธ คนเราก็ชอบพูดว่าโกรธเพราะความรัก… รักมาก… ก็โกรธมาก…
ความหลง… เพราะรักมากชอบมากก็เลยหลงมาก หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ยอมทำได้แม้แต่สิ่งที่มันเลวร้ายที่สุด และคุณบอกชั้นทีสิ ว่าความรักที่คุณมี มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ชั้นพูดมั้ย”
“มีสิ… นอกจาก รัก โลภ โกรธ หลง ที่คุณพูดมา มันยังมีอย่างอื่นอีกหลายอย่างที่ตัวคุณยังเข้าไม่ถึง แต่ผมคงไม่แนะนำคุณหรอก เพราะผมไม่ใช่คนที่ดีจนแนะนำเรื่องพวกนี้ให้กับคุณได้… แต่แค่คุณจงรู้เอาไว้ ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักกับคำว่า”พอ” หรือคำว่า”เข้าใจ”เขาพวกนั้นก็คงจะเป็นแบบคุณ เพราะถ้าเขารู้ว่าทุกอย่างที่เขาทำมันไม่เป็นผลหรือไม่มีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เขาก็จะต้องรู้จัก พอ และเมื่อคุณรู้จักที่จะพอ และทำความ เข้าใจ ว่าทำไมคุณต้องพอ คุณก็จะหยุดความคิดที่เลวร้ายออกจากหัวคุณได้ หรือเรียกง่ายๆ… ว่ายอมรับความจริง”
“ใช่ ต้องยอมรับความจริง เเต่เสียใจด้วยนะ เผอิญ ชั้นยอมรับความจริงไม่เป็น คุณก็ระวังเอาไว้แล้วกัน ว่ารัก มันมักจะมีเรื่องร้ายๆเข้ามาด้วยเสมอ สำหรับชั้น ความรักมันทำให้ชั้นต้องเป็นคนที่ร้าย แต่ชั้นก็ยอม เข้าใจใช่มั้ย ว่า ร้าย… เพราะ… รัก” ผมคว้าคอตั้มเข้ามากอด
“คุณร้าย… แล้วเคยได้มั้ย… ความรัก”ผมมองจ้องหน้าเธอไม่ละสายตา “ผมไม่ใช่คนดี… ผมบอกคุณแล้ว แล้วถ้ามั่นใจว่าสิ่งที่ตั้มพูดกับคุณไปมันคือความรักล่ะก็ ผมเสียใจด้วย… เพราะเขาแค่ สงสาร คนอย่างคุณ ก็เท่านั้นเอง”สายตาของเธอดูเย็นยะเยือก แต่ผมไม่คิดจะกลัวมันเลยแม้แต่นิดเดียว
“หลังจากนี้ ผมขอให้คุณยอมรับความจริงซะ เพราะถ้าคุณทำได้ แปลว่าความเป็นคนในตัวของคุณมันยังหลงเหลืออยู่” ผมจัดการวางสาย และจัดการเดินออกไปยังด้านนอก ผมกับตั้มจัดการฝากเงินไว้กับเจ้าหน้าที่เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายและค่าอาหารให้กับหมอแพรว เพราะจากที่สอบถาม หมอแพรวไม่มีญาติที่ไหนเข้ามาเยี่ยมเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแค่พ่อกับแม่ของตั้ม และก็เรา
“เราจะไปไหนกันต่อดี กลับห้องเลยมั้ย”ผมถามขึ้น
“ใช่ กลับห้องเลย เพราะผมเริ่มหลงคุณเข้าซะแล้ว”
“หลงผม… ระวังจะโงหัวไม่ขึ้นนะ”ผมแซว “… แต่เดี๋ยว คุณได้ยินที่หมอแพรวพูดด้วยหรอ” ทำมาเป็นยักคิ้วใส่ผม
“ก็เสียงออกจะดัง…” ก็จริง  “ปล่อยเรื่องนั้นไปเถอะ ผมอยากจะโงหัวไม่ขึ้นเต็มทีแล้ว”
“แล้วจะมัวรออะไรล่ะ… รีบไปเลย”

ผมไม่รู้หรอก ว่าวันพรุ่งนี้สำหรับเราทั้งคู่มันจะเป็นยังไง ผมรู้แค่ว่าวันนี้ ตั้มคือคู่ชีวิตที่ผมเลือกแล้ว จะมีอะไรมาพิสูจน์ความรักครั้งนี้ของผมกับเขา ผมก็พร้อมทั้งนั้น แล้วพวกคุณล่ะ เคย ร้าย... เพราะ... รัก. กันบ้างรึเปล่า

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆเลย

ออฟไลน์ Jackkiesatg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
จบแล้ว ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆเลย

ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ถ้ามีเรื่องใหม่อย่าลืมมาอ่านกันด้วยนะครับผม

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปแล้ว...ผ่านไปสองปี ยัยหมอแพรวก็ยังนิสัยเสียเหมือนเดิม

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกดีตื่นเต้นดีค่ะ หื่นกันเก่งทั้งคู่เลย555 :z2:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13
 เหลือเชื่อ บุกมาคนเดียว คนอื่นๆก็รู้ว่าที่ไหนแต่ไม่ตามมาด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด