01
อดิรัตน์อิสแฮปปี้
วันแรกพบ
ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ เสียงตีกลองของกองสันทนาการกับเสียงประกาศของพี่ๆสตาฟเรียกความสนใจของกลุ่มคนที่เพิ่งสลัดคราบความเป็นเด็กมัธยมและมาสวมบทบาทของการเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยแบบเต็มตัว
ผมยืนต่อแถวท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ ทั้งๆที่เช้าขนาดนี้แต่แดดแรงเหมือนยืนอยู่กลางทะเลทรายอย่างนั้น ผมว่ามหาวิทยาลัยนี้มันไม่ได้มีของดีเป็นพวกนักศึกษาหน้าตาดีหรือคณะเด่นในเรื่องการเรียนเหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆหรอก
เพราะมหาวิทยาลัยนี้น่ะมีของดีมากกว่านั้นครับ
เหงื่อเม็ดที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้ไหลลงมารวมกันที่ปลายคางของผม ผมใช้หลังมือปาดมันออกก่อนจะขยับแว่นเล็กน้อยและเช็ดเหงื่ออีกเม็ดที่ทำท่าจะไหลเข้าตาด้วย
แค่ยืนต่อแถวก็เหมือนอาบน้ำ มหาวิทยาลัยที่ขึ้นว่ามีพระอาทิตย์สิบสองดวงกับอากาศที่โคตรจะร้อน ผมว่านี่แหละคือของดีและของขึ้นชื่อของที่นี่
ขาดแค่อูฐกับต้นกระบองเพชรเท่านั้นที่นี่มันก็จะกลายเป็นทะเลทรายซาฮาร่าที่สมบูรณ์แบบ
“น้องคนต่อไปค่า”
เสียงใสๆของพี่คนสวยกับเสื้อสีแดงเลือดหมู แถมยังสกรีนตัวใหญ่ๆว่า Engineer ผมมองรอยยิ้มนั่นร่างกายที่เคยรู้สึกว่าร้อนก็เย็นขึ้นถนัดตา
น่ารักสัดดดด
ผมว่าพี่เขาควรถูกบรรจุลงในของดีของมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งอย่าง รองลงมาจากดวงอาทิตย์ดวงโตที่กำลังแผ่ไอความร้อนลงมาแผดเผาทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม
เหล็กดัดฟันบวกกับผิวขาวแถมยังรอยยิ้มนั่นอีก เพอร์เฟ็กต์!
ไนซ์รักฟ้า รักอากาศ ไนซ์รักคณะนี้ครับพ่อ
ผมก้มมองใบรายชื่อสีขาวสะอาดที่มีรายชื่อนักศึกษาปีหนึ่งนับร้อยคนเรียงกันเป็นพืดอยู่ในนั้น ผมมองหาชื่อตัวเอง และสุดท้ายก็เจอ นายอดิรัตน์ บ้านห้า... ไอ้บ้านที่ว่าเท่าที่ผมได้ไปศึกษามามันคือการแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็นกลุ่มย่อยๆเพื่อที่เขาจะได้ดูแลน้องได้อย่างทั่วถึง คงจะประมาณนี้ล่ะมั้งครับ
ผมจับปากกาน้ำเงินจนแน่น พยายามเขียนชื่อโดยพยายามไม่ให้แขนไปถูกกับกระดาษเพราะกลัวว่ามันจะเปียก
คนหล่อจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แม่สอนมาแบบนี้
ไนซ์จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ!
ผมวางปากกาลงบนโต๊ะทันทีหลังจากที่เขียนชื่อเสร็จพลางส่งยิ้มบางๆให้พี่เขา
“พี่ขอผูกผ้าหน่อยน้า”ว่าแล้วผ้าสีแดงเลือดหมูก็ถูกผูกเข้ากับข้อมือของผมโดยฝีมือของพี่สาวคนสวย
มือนุ่มมาก... อดิรัตน์อิสแฮปปี้ครับ
“ขอบคุณครับ”
“น้องคะ... เอาทิชชู่มั้ย เหงื่อแตกหมดแล้ว”
ถ้าอยู่โรงเรียนมีผู้หญิงสวยๆมาแสดงน้ำใจแบบนี้ ผมคงจะตอบตกลงแบบไม่อาย แต่นี่ไม่ใช่ไง นี่มันมหาวิทยาลัยสุดเท่ที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ถึงสี่ปี่ ต้องคีพลุคเป็นคนคูลๆที่สาวๆเห็นแล้วต้องกรี๊ดกันสลบ
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า เดี๋ยวไม่คูล”
น้อววว หล่อจัดเลยว่ะไอ้ไนซ์ หล่อโคตรๆ ปู่เห็นปู่ต้องภูมิใจแน่ๆ
ดีใจได้ไม่นาน ผมก็สังเกตเห็นรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพวกพี่ๆเขา หัวเราะอะไรกันวะ... เมื่อกี้มันไม่เท่หรือไง อุตส่าห์ใช้สมองที่มีน้อยนิดของตัวเองกลั่นกรองออกมาเลยนะเว้ย
“น้องครับนี่เสื้อครับ”
แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ เพราะพี่ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับยัดเสื้อสีแดงเลือดหมูที่เหมือนกันกับพี่เขามาไว้ในมือผม เสื้อนี้ไม่ได้ได้มาฟรีๆนะครับ เสียเงินตั้งสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน จะไม่เอาก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีเอาไปอวดพวกไอ้ป๊อดมันอีก มหาวิทยาลัยมันเปิดก่อนผมเมื่อไม่กี่วันมานี่แต่พวกมันเล่นโม้ผมเรื่องมหาวิทยาลัยจนผมเอือม
เล่าไม่รู้จักจบจักสิ้น ไหนจะถ่ายรูปของมาอวดอีก
นี่แหละเวลาที่ผมจะได้เอาคืน!
“น้องอยู่บ้านห้านะครับ เดี๋ยวเดินไปนั่งรวมกับเพื่อนๆตรงนั้นนะ”
“ครับ”
ผมตอบรับก่อนจะเดินตามนิ้วพี่เขาที่ชี้ไปยังกลุ่มเฟรชชี่ที่นั่งรวมตัวกันอยู่
อดิรัตน์ชื่อนี้ต้องเกรียงไกรที่สุดในคณะครับ จำไว้!
ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ที่ยังว่างอยู่ ถอดว่านสายตาที่ตัวเองใส่อยู่ออกแกะเสื้อตัวใหม่เอี่ยมใส่ด้วยความทุลักทุเล อ้วนขึ้นแน่ๆ รู้แบบนี้สัปดาห์ที่แล้วไม่น่าจัดหมูกระทะมาราธอนกับไอ้ป๊อดเลย
“เฮ้ยมึง”
ผมที่เพิ่งใส่เสื้อเสร็จหันไปตามเสียงและแรงสะกิดตรงสีข้าง หันไปก็เจอผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาน่าเป็นมิตรส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มมาให้
“เรียกใคร?”ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางขมวดคิ้ว
“มึงนั่นแหละ”
“ทำไม?”
“กูอยากผูกมิตร กูชื่อออมสินนะ มึงชื่ออะไร”อีกฝ่ายว่าก่อนจะยกป้ายชื่อที่เหมือนกับของผมเด๊ะๆแต่ต่างกันตรงที่ ของออมสินมันมีรอยปากกาเขียนเป็นชื่อมันตัวเท่าฝาหม้อแถมยังมีตัวการ์ตูนรูปหมูอีกหนึ่งตัว
“กูชื่อไนซ์ แต่ยังไม่ได้เขียนชื่อเลยอะ”ผมยกป้ายชื่อของตัวเองที่มีแต่ความว่างเปล่าโชว์ให้มันดู
“แถวมึงคงจะสร้างจิตรกรรมกันอยู่มั้ง ไม่รู้จะเอาอะไรมากกับแค่เขียนชื่อลงบนป้าย มันจะต้องใช้ความสวยความงามขนาดไหนกันวะ”ปากก็ว่าแต่ก็ก้มหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าใบเล็กๆของตัวเองไปด้วย“อะ ปากกาเขียนชื่อ กูยืมเพื่อนมาอีกที ห้ามทำหายนะเว้ย”
เจ้าตัวกำชับ ผมพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเอาแว่นตาขึ้นมาใส่และรับปากกามาเขียนชื่อตัวเองลงบนป้าย
เคยได้ยินมาว่าถ้าอยู่มหา’ลัยแล้วเกิดอยากเปลี่ยนชื่อเล่น ก็ให้เปลี่ยนกันซะตั้งแต่วันแรก
ตอนแรกก็คิดไว้หลายชื่ออยู่หรอก อเล็กซ์งั้น โทนี่งี้ แต่ดูจะไม่เหมาะกับเบ้าหน้าตัวเองสักเท่าไหร่แถมแนะนำตัวกับออมสินไปแล้วด้วย ผมก็คงต้องใช้ชื่อไนซ์เหมือนเดิมนี่แหละ...
เขียนชื่อลงบนกระดาษด้วยความบรรจงก่อนจะปิดฝาปากกาและยื่นคืนให้กับเจ้าของ
“เสร็จแล้ว”ออมสินพยักหน้าพร้อมกับรับปากกาคืนไป
“ตอนนี้มึงนับกูเป็นเพื่อนยัง?”ออมสินมันถาม
“เป็นเพื่อนกันเขาต้องถามด้วยเหรอวะ?”
“ถามดิสัด เผื่อกูเป็นเพื่อนมึงฝ่ายเดียวทำไง แนะนำใครเขาไปก็อายเขาแย่”
“เป็นแล้วๆ”ผมตอบก่อนจะหัวเราะนิดๆ จะว่าไปออมสินมันก็ดูเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเก่งเหมือนกันนะ ผมคิดมาตลอดเลยว่าการที่จะเป็นเพื่อนใครสักคนมันไม่ต้องถาม แค่เราคุยกันถูกชะตาถูกปากถูกคอเราก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่เห็นทีคงจะต้องลองใช้วิธีออมสินมันบ้างแล้ว เพื่อความชัวร์ว่าเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับอีกคนแค่ฝ่ายเดียว
“มึงมาจากโรงเรียนอะไร?”
“โรงเรียน S”
“อ๋อ โรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามกับ โรงเรียน SN อะนะ”
“อือ”
พูดถึงไอ้โรงเรียนนี่อีกแล้ว
มันทำไมโรงเรียนผมมันไม่น่าจดจำตรงไหน เวลาพูดถึงโรงเรียนผมทีไร คนเขาก็จะพูดถึงไอ้โรงเรียนฝั่งตรงข้ามก่อนตลอด ก็แค่โรงเรียนใหญ่กว่า ค่าเทอมแพงกว่า รวยกว่า นักเรียนเยอะกว่า เด็กหน้าตาดีกว่า
ก็แค่นั้น นอกนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรดีเลย
“แล้วสาวๆโรงเรียนนั้นสวยปะวะ”
“มันชายล้วนไม่ใช่เหรอวะ...”
“อ้าว จริงปะเนี่ย”
“เออดิ มึงตลกอะออมสิน มึงไม่รู้จริงปะเนี่ย”
“จริง กูไม่รู้”
ผมหัวเราะให้กับท่าทางเด๋อด๋าของออมสินมัน รู้จักโรงเรียนแต่ไม่รู้เนี่ยนะว่ามันเป็นชายล้วน โธ่ ออมสินเพื่อน
“แล้วหนุ่มๆหล่อปะ?”
“กูจะไปดูหนุ่มทำไม มึงนี่ก็ถามแปลกๆ”
“กูอยากรู้จริงๆ เห็นพวกสาวๆที่โรงเรียนเก่ากูกรี๊ดกร๊าดกันจังเลยไอ้หนุ่มกางเกงน้ำเงินเนี่ย”
“ก็หล่อน้อยกว่ากูหน่อย”ว่าแล้วก็ขอบลั๊ฟมันสักหน่อย โดนมาเยอะแล้วไอ้เรื่องแย่งสาวกับโรงเรียนตรงข้ามเนี่ย สาวๆที่เล็งๆไว้มันไม่เคยตกถึงมืออดิรัตน์คนนี้สักรายเพราะไอ้หนุ่มกางเกงน้ำเงินนี่แหละ
“เหรอวะ…”
“เหรอวะอะไร มึงไม่เชื่อกูหรือไงออมสิน”
“ก็ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่หล่อน้อยกว่ามึงมันมีจริงๆเหรอวะ”
ว้อท!? อะไร กูไม่หล่อตรงไหน คนในหมู่บ้านนี่ชมกูกันตรึมเลยนะ มึงต้องสายตาเสียแล้วแน่ๆออมสิน
แต่ก่อนที่บทสนทนาของเราจะกลายเป็นการสาดคำด่าใส่กันออมสินมันก็สะกิดขาผมยิกๆให้ดูไอ้หน้าหล่อที่กำลังเดินมาทางนี้
“มึงว่าไอ้นี่มันน่าผูกมิตรมั้ย?”
“ก็ดูน่าคบดีอะ”
“นี่แหละเพื่อนใหม่ของเรา”
“ง่ายขนาดนี้เลยเหรอวะ?”
“เออ มึงรอดูกูเถอะ… นี่ มึง”
พอคนข้างๆผมนั่งเสร็จออมสินก็เอี้ยวตัวจนเกือบจะพาดข้ามตัวผมไป มันไม่รอช้าลงมือผูกมิตรห่าเหวอะไรของมันไปตามเรื่องโดยการสะกิดสีข้างไอ้หน้าหล่อข้างๆยิกๆ
“อะไร”
“หน้าเหวี่ยงมากแม่”ออมสินมันหดตัวกลับมานั่งเหมือนเดิมเพราะไอ้เพื่อนใหม่คนนี้มันมองมาด้วยสายตาที่ผมเองก็แอบกลัวเหมือนกัน
มาเรียนวันแรกก็จะโดนต่อยเลยเหรอวะ...
“เฮ้ย โทษๆ กูร้อน”แล้วไอ้ยักษาเมื่อกี้ก็กลายเป็นเทพบุตรยิ้มสวยแถมยังหัวเราะแหะๆ อะไรวะ ไบโพล่าร์แหงๆ“เมื่อกี้มึงเรียกกูทำไมนะไอ้หน้าเต้าหู้”
“เต้าหู้?”
“มึงหน้าเหมือนเต้าหู้อะ”
ผมขำพรืด มันเรียกออมสินว่าเต้าหู้ ซึ่งผมก็ไม่เถียงเพราะหลักฐานมันคาตาอยู่แล้ว
“กูชื่อออมสินไอ้สัด”
“เออนั่นแหละ มึงเรียกกูทำไม”
“กูอยากจะเมคเฟรนด์”
“กระแดะใช้ภาษาอังกฤษอีกนะมึงเนี่ย”
โห สังคมนี้ช่างโหดร้าย เราสามารถพูดแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงห้านาทีได้ด้วยเหรอ
“กูมาจากโรงเรียน E ส่วนไอ้ข้างๆมึงเนี่ยชื่อไนซ์มาจากโรงเรียน S”
“อ๋อ โรงเรียน S ที่อยู่ตรงข้ามกับ โรงเรียน SN ปะ”
อีกแล้ว...
“กูชื่อไกด์ มาจากโรงเรียน D”ไกด์มันแนะนำตัวเองอีกครั้งหลังจากที่ทักผมด้วยประโยคที่ผมไม่ชอบที่สุด มันจะอะไรขนาดนั้น โรงเรียนผมมันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอ
ผอ.โรงเรียนกูนั่งร้องไห้แล้ว
“เออ เนี่ยเพื่อนกูก็มาจากโรงเรียน SN สองคน”ว่าแล้วไกด์มันก็ชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่างก่อนจะยกมือและกวักมือเรียก ผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งดูจะเตี้ยกว่าผมหลายเซ็นต์ส่วนอีกคนก็ดูท่าว่าจะสูงกว่าผมหลายเซ็นต์เหมือนกัน“นั่นไง เพื่อนกูมาแล้ว”
ผมมองไอ้สองสหายที่ส่วนสูงต่างกันลิบลับแต่ความหล่อนี่กินกันแทบไม่ลง
เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยมั้ยครับ... ไอ้ความมั่นอกมั่นใจว่าอยู่ปีหนึ่งแล้วต้องหล่อสุดๆในคณะของผมมันหายลับไปกับตาเพราะเจอไอ้หล่อลากสองคนนี้
กูดูต๊อกต๋อยขึ้นมาทันทีเลย...
“มึงนี่ไอ้นอร์ธกับไอ้ซีอิ๊ว เพื่อนกูเอง”ไกด์มันแนะนำเพื่อนที่เพิ่งจะทิ้งก้นลงบนพื้นได้ไม่นานอย่างรู้งาน ไอ้เตี้ยๆนั่นชื่อนอร์ธ ส่วนไอ้สูงๆนั่นชื่อซีอิ๊ว
ชื่อนอร์ธก็ดูเหมาะกับมันดีหน้าตามันก็หล่อสมชื่อ ถึงจะใส่แว่นมันก็ยังดูหล่อ ส่วนไอ้ซีอิ๊วหน้าตาดูจะทรยศชื่อเล่นนิดหน่อย ถ้ามีโอกาสตั้งชื่อให้มันใหม่ผมยอมยกชื่อโทนี่ที่ผมหมายหมั้นปั้นมือว่าจะตั้งให้ตัวเองยกให้มันเลยก็ได้ หน้าตาเหมือนนายแบบหลุดออกมาจากปกนิตยสารชัดขนาดนี้ เอาจริงๆที่นั่งหัวโด่หัวเด่กันอยู่เนี่ย เห็นจะมีแค่ผมกับออมสินนี่แหละ ที่หน้าตาดูจะสู้ใครเขาไม่ได้เลย
ไอ้นอร์ธ ไอ้ไกด์ ไอ้ซีอิ๊ว ทุกคนหล่อหมด ยกเว้นผมกับออมสิน
เตรียมกอดคอร้องไห้กับไอ้ออมสินสองคนเลยกู…
“ไอ้นอร์ธไอ้อิ๊วนี่ไอ้ออมสินกับไอ้ไนซ์”
“อ๋อ ไนซ์”
หือ... ซีอิ๊วมันอ๋ออะไรของมัน
“รู้จักกูด้วย?”
“เออดิ เห็นพวกเด็กในโรงเรียนชอบพูดถึงกัน”
น้อววว โคตรเท่ พ่อกับแม่กูต้องภูมิใจ ลูกชายดังไกลไปถึงโรงเรียนเอกชนฝั่งตรงข้ามเลยเว้ย
“ไนซ์ที่ชอบยืนคุยกับหมาทุกเย็นอะ”
ไอ้สัด!
หุบยิ้มเลย ผมหุบยิ้มแบบทันควันแถมตากระตุกนิดๆ ที่เขาพูดถึงกันไม่ได้พูดเพราะผมหล่อหรอกเหรอ แต่พูดเพราะผมยืนคุยกับไอ้ยักษ์
โธ่... อดิรัตน์เศร้าครับ เศร้ามาก
“ไอ้ไนซ์ มึงยืนคุยกับหมาเหรอวะ”นี่ไง เวลาเอาคืนของออมสินมันมาถึงแล้ว มันหัวเราะผมแบบใหญ่โต แหม ฉายาเต้าหู้มึงก็ไม่ได้ต่างจากยืนคุยกับหมาของกูหรอก
“น้องๆคะ มาพร้อมกันแล้วเนอะ...”
แต่ยังไม่ทันได้เถียงหรือแก้ตัวเรื่องฉายายืนคุยกับหมา ชีวิตผมก็ถูกขัดขวางโดยพี่สตาฟสาวสวยคนหนึ่งในคณะที่มาพร้อมโทรโข่งคู่ใจฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว ก่อนที่สมองที่มีพื้นที่อันน้อยนิดของผมจะต้องจดจำรายละเอียดของกิจกรรมวันแรกพบของคณะเราที่พี่สตาฟเขาพูดใส่โทรโข่งที่ติดๆดับๆจนบางทีก็แทบจะจับใจความของประโยคไม่ได้
“เออ กูลืมถามพวกมึงเลย ถ้าทำกิจกรรมเขาจะแยกเป็นบ้านอะ พวกมึงอยู่บ้านอะไรกัน กูบ้านสอง”
“กูบ้านหนึ่ง”ซีอิ๊วตอบทันทีหลังจากที่ออมสินมันถามเสร็จ
“กูบ้านห้าอะ”ผมตอบออกไปก่อนจะมองหน้าไอ้สองตัวที่เหลืออย่างไอ้นอร์ธและไอ้ไกด์
“กูบ้านเจ็ด”
“กูบ้านห้า”
เชร้ดโด้ววว ได้อยู่บ้านเดียวกับไอ้นอร์ธเลยว่ะ ถึงมันจะพูดน้อยแล้วก็ดูเงียบๆขรึมๆไปหน่อยก็เถอะ
“ดีว่ะมีเพื่อนอยู่ด้วยอะ กูสามคนนี้ไม่มีใครเลย โคตรเปล่าเปลี่ยว”
ออมสินมันบ่นขิงบ่นข่าไปเรื่อยจนสุดท้ายพี่เขาก็พูดรายละเอียดเสร็จโดยผมไม่ทันได้ฟังเลยสักนิด
“เดี๋ยวจะให้พี่ๆแต่ละบ้านพาน้องๆไปทำกิจกรรมกันนะคะ บ้านหนึ่งพี่บิ๋ม บ้านสองพี่บอย...”
หลังจากนั้นพี่ที่อยู่ประจำบ้านผมก็มาเดินนำแถวพวกผมเหมือนกับแม่เป็ดที่เดินนำขบวนลูกเป็ดอย่างไรอย่างนั้น
รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นลูกเสื้อสำรองอีกครั้งเลยครับ
นั่งต่อแถวกันใต้ร่มไม้กับลมที่มันควรจะเย็นแต่แสนร้อนระอุ มันร้อนจนแบบผมต้องร้องขอชีวิต ความรู้สึกตอนนี้คืออยากจะรวยล้นฟ้าแล้วซื้อเมืองหิมะมาไว้ที่นี่ซะจริงๆ
“น้องๆคะ เราจะเริ่มกิจกรรมแรกกันแล้วนะคะ”
“ครับ!”
พูดไปก็รู้สึกอยากจะร้องไห้อีกเป็นล้านๆรอบ เพิ่งจะได้สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบข้าง บ้านห้าของผมเป็นชายล้วนเลยครับ ฮือ มีผู้หญิงตั้งเกือบร้อยชีวิตในคณะนี้ แต่ไหงถึงไม่มีผู้หญิงคนไหนตกลงมาถึงบ้านห้าบ้างเลยล่ะครับ...
ตอนนี้บ้านห้าทุกคนแบ่งเป็นสองแถว แถวล่ะเท่าๆกันโดยที่ผมนั่งอยู่กลางๆของแถวแรกเพราะส่วนสูงผมมันเลยทำให้ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนไอ้นอร์ธน่ะเหรอ โน่นครับ หน้าสุดของแถวผมเลย เตี้ยสุดในบ้านห้าแล้วมั้งมันน่ะ
“เดี๋ยวพี่จะให้น้องๆทุกคนทำความรู้จักกันสิบนาทีนะคะ ย้ำนะคะให้รู้จักกันให้ได้มากที่สุด จดจำรายละเอียดเพื่อนๆด้วย เดี๋ยวเราจะมีเกมมาให้เล่นกัน”
พอหลังจากที่พี่เขาพูดเสร็จ ก็ไม่มีใครอีดออดหรือขัดขืนอะไร ชายฉกรรจ์ทั้งหลายลุกขึ้นและทำความรู้จักกันด้วยความรุนแรงตามแบบฉบับกลุ่มชายล้วน คำหยาบมาเต็มแม็กซ์ ความรุนแรงบวกเข้ามาอีกนิดหน่อย กว่าจะหมดสิบนาทีก็แอบปวดไหล่นิดๆเพราะบรรดาเพื่อนร่วมบ้านห้าของผมหลายคนมือหนักๆกันทั้งนั้นตบไหล่ผมกันเป็นว่าเล่นเลย
ทักทายกันรุนแรงเหลือเกินจ้ะพี่จ๋า
“เอาล่ะค่ะน้องๆ เดี๋ยวพี่จะให้พี่ไจ๋แจกผ้าปิดตานะคะ”หลังจากนั้นพี่คนที่ชื่อไจ๋ก็เอาผ้าปิดตามาแจกพวกผมแถวหนึ่งทั้งหมดแต่แจกแบบคนเว้นคน แถวสองเองก็ถูกแจกผ้าโดยแจกคนเว้นคนเหมือนกันกับแถวผม
“คนที่ได้ผ้า เอาผ้าปิดตาตัวเองด้เลยค่ะ”ว่าแล้วก็ก้มมองผ้าโง่ๆในมือของตัวเองหลังจากที่พี่เขาพูดจบ กูจะไม่โดนแกล้งอะไรใช่มั้ยวะ มันดูไม่ชอบมาพากล หรือเขาจะเอากบมาวางไว้ในมือผมตอนผมปิดตาวะ
ไม่ๆๆ ผมเกลียดกบ
“น้องไนซ์คะ ทำไมไม่ปิดตาล่ะลูก พีไจ๋คะ ช่วยปิดตาให้น้องหน่อยค่ะ”
กำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวปิดเอง แต่ผ้าก็ถูกแย่งออกไปจากมืออย่าง่ายดาย แถมยังถูกพี่เขาเอาผ้ามาปิดตาผมด้วยความเกรี้ยวกราด
แค้นอะไรกูปะเนี่ยพี่ ผูกอย่างผูกเชือกรองเท้า ผูกเบาๆก็ได้ มันไม่หลุดหรอก
“เอาล่ะค่ะ ต่อไปนะคะ คนที่ไม่ได้ผ้าปิดตามายืนต่อแถวกันตรงนี้ค่ะ”
ดวงตาของฉันมันมืดมิด รู้สึกระแวงไปหมดทุกสิ่งอย่าง ได้ยินแค่เสียงลากเท้าของใครบ้างก็ไม่รู้ ขอสะดุ้งไว้ก่อน
ทำไมอยู่ดีๆก็เงียบวะ... หรือเขาจะนัดแผนอะไรกัน คงจะไม่แกล้งเดินหนีและทิ้งให้กูนั่งอยู่กับเพื่อนๆตรงนี้อย่างเหงาๆหรอกนะ
“อะ เรียบร้อย ต่อไปพี่จะให้เพื่อนๆคนที่ไม่ถูกปิดตาไปนั่งตรงหน้าน้องๆนะคะ แล้วก็จะให้น้องๆทายว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามน้องคือใคร ห้ามเฉลยให้กันนะคะ”
ว้อท!? พูดอีกทีๆได้หรือเปล่า ไม่ได้อำเล่นใช่มั้ย คนบ้าอะไรมันจะไปจำได้วะ หลอกกูโดนทำโทษแหงๆ ไม่มีความยุติธรรม จะร้องเรียน เรื่องนี้ต้องถึงหูอธิการบดี!
รอไม่นานเสียงการลากเท้าของใครสักคนก็ดังขึ้นอยู่ข้างหน้าผมก่อนจะตามด้วยการทิ้งตัวลงนั่ง ผมรับรู้ถึงการมีอยู่ของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าไอ้นี่มันคือใคร
“พี่จะให้เวลาสามนาทีนะคะ จะจับ จะคลำ จะดม จะชิมหรือยังไงก็ได้ พอหมดสามนาทีพี่จะขอคำตอบนะคะหรือใครที่สามารถตอบก่อนหมดเวลาได้ก็ตอบนะคะ”
โกงชัดๆ
ไอ้บ้า ใครมันจะไปทำได้วะ โคนันยังทำไม่ได้เลย
“เริ่มได้ค่ะ”
พอพี่เขาพูดแบบนั้น ก็มีเสียงกลองที่ดูท่าจะเก็บกดมานานดีด้วยความเกรี้ยวกราด จังหวะสามช่ามาแถมยังตามมาด้วยเสียงหัวเราะของใครหลายๆคน
เออ ในเมื่อขัดขืนอะไรไม่ได้ก็ทนเล่นให้จบๆไป
“มึงชื่ออะไร”ผมยื่นหน้าเข้าไปในจุดที่คิดว่าไอ้นั่นมันจะได้ยินก่อนจะกระซิบ“เฉลยหน่อยดิ”
ไอ้หรรม! ไม่ตอบ หยิ่ง หยิ่งแน่ๆ ตอนเรียนอย่ามาขอร้องอะไรกูก็แล้วกัน!
“ไม่บอกจริงดิ”
กริบเลยครับ...
เขาบอกว่าอะไรนะ จะจับ จะคลำ จะดม จะชิมได้หมดเลยใช่มั้ย...
ผมเริ่มยื่นมือไปจับมันอย่างมั่นใจ แน่นอนครับ คว้าอากาศ ไอ้บ้าเอ้ย! ต้องค่อยๆคลำไปเรื่อยๆ จับลมอยู่สองสามทีสุดท้ายก็คว้าเข้าที่หน้า
จมูกอย่างโด่งอะ อิจฉาแล้วนะ... ใครบ้างวะจมูกโด่งๆ
นึกไม่ออกครับ ลูบลงมาที่ไหล่ เมื่อกี้ผ่านหูด้วย มันเจาะหูด้วยไอ้คนนี้น่ะ
น่าจะไม่บ้าจี้แฮะ จับเอวขนาดนี้ยังไม่ขำเลย ผมเลื่อนมือลงไปเรื่อยๆ ทำไมช่วงตัวมันดูสั้นจังวะ แป๊บเดียวก็ถึงกางเกงแล้ว ผมคลำอย่างสะเปะสะปะจนสุดท้าย
“ต่ำไปแล้วไอ้เอ๋อ”
ผมสะดุ้งกับคำพูดจนสุดท้ายก็คว้าหมับ เข้ากับอะไรบางอย่าง
ชัดเลย... เสียงแบบนี้ ช่วงตัวสั้นแบบนี้
ถึงผมจะได้ยินเสียงมันไม่กี่คั้งแต่มันต้องใช่แน่ๆ
“ไอ้นอร์ธ!”
“น้องไนซ์ตอบถูกค่า เปิดผ้าได้”ผมไม่รอช้ารีบใช้มือข้างหนึ่งดึงผ้าปิดตาตัวเองออก เท่านั้นแหละครับ นอกจากจะเห็นหน้าหล่อๆกับส่วนสูงที่ย้อนแย้งกันสุดขั้ว ผมยังได้เห็นภาพสุดสวิงริงโก้ที่จะต้องจำไปจนหลานบวช
ไอ้บางสิ่งบางอย่างที่ผมคว้าไว้ตอนตกใจน่ะ มันคือเป้าของไอ้นอร์ธ
เป้ามันอะ! หรรมมันอะ! แถมผมยังจับไว้อย่างเต็มไม้เต็มมืออีกด้วย
“แหม ดูท่าจะติดใจเป้าเพื่อนนะคะ จับไม่ปล่อยเลย”
พอพี่เขาแซวเท่านั้นแหละครับ ไอ้พวกที่ปิดๆตากันอยู่ก็แหกกฎกันแกะผ้าปิดตาของตัวเองออกแล้วมาหัวเราะให้กับมือผมและเป้าสุดมหัศจรรย์ของไอ้นอร์ธแทน
ผมรีบชักมือของตัวเองออกแต่มันก็ไม่ทันแล้วครับ เพราะได้รับฉายาใหม่มาโดยความเด๋อของตัวเองเรียบร้อย
ไนซ์ไข่สวรรค์
#ทิศเหนือของผม