19
ไนซ์จะเป็นซูเปอร์สตาร์
เช้านี้ที่โต๊ะประจำของพวกเราและน้ำเต้าหู้อีกหนึ่งถุง
ผมมองหน้าไอ้นอร์ธสลับกับน้ำเต้าหู้ถุงนั้นเป็นระยะๆ นี่มันไม่รู้จริงๆเหรอว่าผมรอให้มันหยิบน้ำเต้าหู้ขึ้นมากินอะ เอาแต่ตักข้าวใส่ปากตัวเองแถมยังไถหน้าจอมือถือไปมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอีก
หันมาสนใจกันสักนิดก็ไม่มี ไอ้คนเย็นชา!
“นี่...”
“...”
“ไอ้นอร์ธ”
“...”
“เตี้ย”
“...”
“หัวล้าน”
“ล้านพ่อมึงอะ”แล้วฝ่ามือหนาก็ตบมาที่หัวผมจนแว่นเกือบหลุด
“กูเจ็บนะเว้ย ทำไมต้องรุนแรงด้วยวะ สมองกูไหลออกมาแล้วมั้ง”เอามือลูบหัวตัวเอง จริงๆมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายหรอก แต่มันก็เจ็บอะ ย้อนแย้งเนอะ อารมณ์เหมือนฟังเพลงของ Getsunova อะ
ความเจ็บที่ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น...
“ไม่มีให้ไหลหรอกคนอย่างมึงอะ ไม่ต้องห่วง”
“สัด”นิ้วกลางของผมถูกยกขึ้นโดยอัตโนมัติ หลังจากที่ไอ้นอร์ธมันพูดประโยคนั้นออกมา
มึงบูลลี่กู คอยดูเถอะ กูจะแจ้ง! กูจะแจ้ง!
“เรียกกูทำไม”คำพูดของไอ้นอร์ธที่เรียกให้ผมวกกลับเข้ามาที่ประเด็นเดิม หลังจากที่เกือบหลุดออกประเด็นไปไกล เพียงเพราะถูกมันกวนประสาท
ผมมองถุงน้ำเต้าหู้ที่ถูกวางทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะอีกครั้ง ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่มันเบาๆก่อนจะมองหน้าไอ้นอร์ธ
“น้ำเต้าหู้”
“ทำไม?”
“กูซื้อมา”
“ก็เออไง เมื่อเช้าก็ไปยืนซื้อเป็นเพื่อนอยู่”
“ก็นั่นแหละ”
“ทำไม”
“เมื่อไหร่มึงจะกิน”
ตาคมใต้กรอบแว่นมองผมด้วยสายตาแปลกๆ“แล้วทำไมกูต้องกิน”
“ก็มึงสัญญาแล้ว”
“ตอนไหน”
“เมื่อวาน”
“เหรอวะ ไม่เห็นจะจำได้เลย”
“อย่ามาโกหกกู กูรู้มึงจำได้”ผมไม่ยอมจริงๆด้วยครั้งนี้
น้ำเต้าหู้ถุงนี้ผมได้มาด้วยความยากลำบาก ต้องแหกตาตื่นเช้าเพื่อไปยืนต่อแถวหน้าร้านน้ำเต้าหู้ที่ยาวยิ่งกว่ากองไฟของหลวงปู่เค็ม และอีกอย่างผมก็รู้สึกเสียดายและสงสาร ถั่วเหลืองมันอุตส่าห์ยอมสละชีวิตเพื่อที่จะได้น้ำเต้าหู้อร่อยๆมาให้พวกเรากินเลยนะ
เดี๋ยวนะ... ถั่วเหลืองมันมีชีวิตมั้ยวะ
แต่มันเป็นพืชนะเว้ย ก็ต้องมีดิ
คน พืชและสัตว์ จัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิต เนี่ย ครูเมย์สอนผมมาผมจำได้
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาถกเถียงกับตัวเอง ผมต้องรีบกลับมาโฟกัสที่เรื่องของเราก่อนที่ไอ้นอร์ธมันจะแกล้งลืมเรื่องนี้อีก
แน่นอนครับว่า ในเมื่อผมยอมลงทุนขนาดนี้แล้ว ผมจะไม่ยอมให้สิ่งที่ผมพยายามสูญเปล่า
เพราะฉะนั้น! นายอดิรัตน์คนนี้จะไม่ยอมให้ไอ้นอร์ธมันเพิกเฉยต่อน้ำเต้าหู้อย่างแน่นอน
#Saveน้ำเต้าหู้แท็กนี้ต้องติดเทรนด์ทวิตเตอร์!
แต่ก่อนอื่นเลย กูขอเก๊กแป๊บ แกล้งทำเสียงเข้มๆด้วย ไอ้นอร์ธมันจะได้กลัว
“อะแฮ่มๆ”ผมกระแอมเบาๆ ศอกทั้งสองข้างวางลงบนโต๊ะ นิ้วมือสอดประสานและสุดท้ายก็เอาคางวางไว้บนนั้น“ไอ้นอร์ธ”
“อะไร”
“มึงเลือกมา”
“...”
“ว่ามึงจะยอมกินดีๆ หรือมึงจะกินด้วยน้ำตา”
เหยดดดดด โคตรเท่เลยว่ะไอ้ไนซ์ มีแว่นตาดำอีกนิดนี่คือไอ้นอร์ธกลัวขนหดเลยนะ แม่ง น่าภูมิใจจริงๆว่ะ ออร่าความโหดมันออก ไม่เรียนแล้วนะวิศวะ กูไปเป็นมาเฟียดีกว่า น่าจะรุ่งกว่าเยอะ
“ทำไม มึงจะมาร้องไห้ขอร้องให้กูแดกเหรอ”
วืด... ไอ้สัด
“ไม่ใช่สิวะ นี่กูโหดอยู่นะเว้ย กูกำลังข่มขู่มึงอยู่”
“หน้าโง่ๆแบบนี้อะนะ”ว่าแล้วนิ้วชี้ของมันก็จิ้มเข้าที่หน้าผากของผม“เอาอะไรมาน่ากลัววะถามหน่อย”
“ก็นี่ไง”ผมชี้หน้าตัวเอง“หน้ากูโหดไม่พอเหรอ”
มันผลักหัวผมเบาๆ“ขู่ให้ตายมึงก็เป็นแค่แมวอ้วนขนฟูเท่านั้นแหละ”
สัดดดด ดูเปรียบเทียบเข้า กูโหดไม่ออกเลย...
“ไม่ต้องเลย มึงไม่ต้องมาชวนเปลี่ยนเรื่อง กูไม่เคลิ้มตามมึงหรอกนะ”
“กูไปชวนมึงเปลี่ยนเรื่องตอนไหนวะ”
“เมื่อกี้ไง ไม่ต้องมาเถียงด้วยกูรู้ว่ามึงจะเถียงกู”ผมรีบพูดตัดหน้า ไอ้นี่น่ะเว้นช่องว่างไม่ได้หรอก เดี๋ยวถ้ามันเถียงขึ้นมา ผมจะแย่เอา“รีบๆกินเดี๋ยวนี้เลย”
เพื่อให้ทุกอย่างรวบรัด ผมจึงตัดสินใจหยิบถุงเต้าหู้ไปใส่มือมัน
“มึงจะให้กูกินยังไง”นอร์ธมันก้มมองถุงน้ำเต้าหู้ในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม คิ้วหนาขมวดเข้าหาจนแทบจะผูกกัน
“อย่ามาตีมึน เมื่อวานมึงสัญญาว่าจะกินแบบวิถีคนคูลของกู”
“กินปกติไม่ได้เหรอ”
“มึงสัญญาแล้ว อย่ามาทำตัวผิดสัญญา”
“เฮ้อ กูต้องกินจริงๆเหรอวะเนี่ย”
“เออ กินจริง ทำจริง ไม่ใช้ตัวแสดง”เป็นเพราะเห็นอีกคนนั่งมองถุงน้ำเต้าหู้โดยไม่ทำอะไรกับมัน ผมเลยตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งนึกขึ้นได้สดๆร้อนๆ
จังหวะนี้ซีนดราม่าน้ำตาแตกต้องมาแล้วล่ะ เรียกคะแนนความสงสารให้กันสักหน่อย
ไม่ต้องห่วงนะน้ำเต้าหู้ หนูจะไม่ตายฟรี พี่จะปกป้องหนูเอง!
“เฮ้อ...”ผมถอนหายใจ แต่สายตาก็ยังชำเลืองมองใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เป็นอะไรของมึง”เสร็จกูล่ะ!
“กูไม่อยากบังคับมึงเลยว่ะ”ผมทำเสียงเหมือนคนที่เหนื่อยใจแบบสุดๆ
“เป็นเหี้ยอะไรเนี่ย”
“...”
“ไบโพลาร์เหรอ”
“...”
“หรือเป็นบ้า”
สัด มาเป็นชุดเลย
ไม่ได้ๆ ห้ามโกรธนะไอ้ไนซ์ ท่องไว้ อย่าไปตอบโต้มัน เราต้องฮึบไว้ เอาไว้ให้แผนสำเร็จก่อน ท่องไว้!
“อันนี้กูจริงจังนะนอร์ธ”การแสดงเกรดสี่ ความฝันที่จะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งช่องมากสีอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!
“...”
“กูไม่อยากบังคับมึงเลยว่ะ”
“แล้วไหนตอนแรกบังคับให้กูกิน”อย่าเพิ่งขัดสิไอ้สัด เดี๋ยวบทกูสะดุด
“ก็นั่นมันตอนนั้นไง ตอนที่กูยังไม่รู้... ”
“ว่าจะลืมเธอได้อย่างไร ~”
ไอ้สัด! หมดกัน บทที่อยู่ในหัวกู Room39 มาทีเดียว หายเกลี้ยงเลย...
“มีใครเคยบอกมึงมั้ยแมวอ้วน ว่ามึงแสดงไม่เก่งอะ”ทันทีที่คนตรงหน้าพูดจบ ผมถึงกับตาเบิกโพลง ด้วยความตกใจ
“อ้าว... มึงรู้เหรอวะ”
“กูรู้ตั้งแต่มึงกระแอมครั้งแรก”โธ่ หมดกัน หนทางสู่การเป็นซุปเปอร์สตาร์ของกู
“รู้แล้วทำไมไม่บอกอะ ให้กูแสดงตั้งนาน”
“นานที่ไหน ไม่กี่นาทีเอง ไม่ถึงสองนาทีด้วยมั้ง”
“แต่มันเสียเวลาไง”
“ไม่เสียเวลาหรอก”
“...”
“น่ารักดี”หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดทันที! อย่ามายิ้มแบบนั้นนะไอ้เตี้ย มึงชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว คิดเหรอว่ารอยยิ้มของมึงจะทำอะไรกูได้
เหอะ อย่างมากก็แค่ทำให้ใจสั่นนิดๆก็เท่านั้นแหละ
แต่เดี๋ยวนะ...
“ไอ้นอร์ธ”
“หือ”
“เสียเวลามันเกี่ยวอะไรกับน่ารักวะ”
“ไม่เกี่ยว”
“แล้วมึงพูดทำไมอะ”
“เสือก มันเรื่องของกูมั้ยล่ะ ปากก็ปากกู”ได้แต่กร่นด่ามันในใจ เพราะเถียงอะไรมันไม่ได้
ผมว่าผมคงต้องเริ่มจริงจัง หาเวลาว่างไปติวแล้วล่ะ ติวในที่นี้มันไม่ได้หมายถึงการติวหนังสือนะครับ แต่เป็นการติวเพื่อเพิ่มสกิลฝีปาก กับใครก็ได้อะจังหวะ ขอแบบตัวเด็ดๆเลย
ผมจะเอามาสู้กับไอ้นอร์ธ!
ผมจะต้องชนะ อดิรัตน์จะต้องเกรียงไกร จำไว้!
แต่วันนี้กูขอฝากไว้ก่อน
“มึงชวนกูเปลี่ยนเรื่องอีกแล้วนะ”ผมว่าพร้อมกับมองหน้าไอ้นอร์ธ“กินเดี๋ยวนี้เลย”
“ไหนบอกไม่อยากบังคับกู”
“ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่านั่นมันการแสดง! กินเดี๋ยวนี้เลย อย่ามาทำตัวขี้โกง”คำพูดของผมไม่ได้ทำให้คนตรงหน้ากระตือรือร้นสักเท่าไหร่ ผมเลยตัดสินใจหยิบเอาถุงน้ำเต้าหู้ไปจ่อที่ปากมัน“กิน”
“รู้แล้วหน่า”
“รู้แล้วก็กินดิ”
“เออ จะกินแล้วเนี่ย”มันเอาถุงน้ำเต้าหู้ไปจ่อที่ปากก่อนจะจัดการกัดถุง แต่ไม่ยักดูดสักที เอาแต่นั่งมอง
“เป็นอะไรอีกล่ะ ทำไมไม่กินสักที”
“...”
“ไม่มียาพิษหรอกหน่า”
“กูรู้ ก็ไปยืนซื้อด้วยกัน จะเอาเวลาไหนไปใส่ยาพิษ”
“รู้ก็กินดิ เร็วๆ”จบประโยคมันก็จัดการดูดถุงน้ำเต้าหู้ตามวิถีคนคูล
เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า นี่สินะ ที่เขาเรียกว่ากลิ่นของชัยชนะ
สะใจโว้ยยยยย
☁
[ ทิศเหนือคนจริง ]
“เป็นไงบ้าง”
คำถามบางคำถามดังขึ้นหลังจากที่ผมกินน้ำเต้าหู้จนหมดถุง
กูสามารถตอบกลับมันไปได้มั้ยว่ากูจุก...
ไม่รู้ว่าไอ้แมวอ้วนมันคิดบ้าอะไรของมันอยู่ ลำพังแค่บังคับให้ผมกินแบบวิถีคนคูลอะไรของมันก็ลำบากมากพอแล้ว แต่นี่มันยังสั่งให้ผมรีบๆกินเพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับรสชาติห่าเหวอะไรของมันอีก
จะไม่ทำตามที่มันสั่งก็ไม่ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงทำคะแนน ผมต้องรีบเก็บแต้ม
“อร่อยดี”
“ไม่เอาคำตอบแบบนี้ดิ”
แล้วมึงจะเอาแบบไหนล่ะไอ้สัด
“มึงช่วยตอบให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ปะ ว่าอร่อยยังไง อร่อยแบบไหน”
“อร่อยมันมีหลายแบบเหรอวะ...”
“ไม่ใช่แบบนั้นดิ”
“ย้อนแย้งเหมือนกันนะมึงเนี่ย”
“มึงไม่เข้าใจอะ”
อ๋อ สรุปกูผิด...
“มึงต้องบอกความแตกต่างดิ ว่ามันอร่อยกว่าแบบปกติที่มึงกินยังไง”
“ก็เหมือนเดิม”
“ไม่ดิ มึงไม่เข้าใจคำถามอะ”นี่กูตอบไม่ตรงคำถามหรือมันถามไม่ตรงคำตอบวะ“ทำไมมึงโง่แบบนี้วะนอร์ธ”
“คนโง่แบบมึงไม่มีสิทธิ์มาด่าคนอื่นว่าโง่นะ”
“สัด อย่ามานอกเรื่อง กูอธิบายไปขนาดนี้มึงต้องตอบได้แล้ว เร็วๆตอบมา”ยากกว่าการทำข้อสอบก็การหาคำตอบมาให้มึงนี่แหละ แล้วสรุปกูต้องตอบว่ายังไงมันถึงจะตรงกับคำตอบที่อยู่ในหัวมึง...
☁
และแน่นอนครับ กว่าผมกับไอ้แมวอ้วนจะเถียงกันเสร็จ ก็เสียเวลาไปหลายนาทีเหมือนกัน พอมันมีแววว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่ายๆ ผมเลยตัดสินใจตอบๆไปให้มันดีใจ ว่าจริงๆแล้วการกินแบบวิถีคนคูลของมันเนี่ยดีกว่าการกินด้วยวิธีอื่นๆ
ตอนแรกก็กังวลว่ามันจะไม่เชื่อ แต่ที่ไหนได้ ไอ้แมวอ้วนมันนั่งยิ้มจนแก้มแทบแตกแถมยังสาธยายความเท่ของวิธีกินแบบนี้ที่มีแค่มันเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่เห็น ออกมาให้ผมฟังแบบไม่มีหยุด
ที่แท้ไอ้แมวอ้วนมันก็แค่อยากให้ผมชมว่าวิธีกินน้ำเต้าหู้ของมันดี... ก็แค่นั้น
แม่ง โคตรจะเด็กเลย
“ไอ้นอร์ธ! ไอ้ไนซ์!”
หลังจากที่ความวุ่นวายระลอกเล็กที่ได้มาจากไอ้ไนซ์เพิ่งผ่านไป ความวุ่นวายระลอกใหญ่ ก็กำลังวิ่งเข้าหาผม และคนที่พามันมาจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจาก...
ออมสินที่กำลังวิ่งตาตื่นมาหาผมทั้งสองคน
“อะไรของมึงเนี่ยออมสิน คนเขามองกันหมดแล้ว”แมวอ้วนมันว่าพลางมองไปรอบๆ ก็จริงอย่างที่มันว่าคนทั้งโรงอาหารหันมาสนใจพวกเราราวกับว่าเป็นคนมีชื่อเสียง ก็ออมสินมันวิ่งมาธรรมดาซะที่ไหนล่ะ มันเล่นวิ่งมาพร้อมกับแหกปากลั่น ทำอย่างกับว่าผมกับไอ้ไนซ์อยู่ห่างจากมันสักภูเขาสองลูกเห็นจะได้
“พวกมึงอธิบายกับกูเดี๋ยวนี้เลย!”ออมสินมันว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆไอ้แมวอ้วน ไม่นานก็ตามมาด้วยไอ้ไกด์และไอ้อิ๊วที่ถือนมมาคนละกล่อง มันสองคนเลือกที่จะนั่งฝั่งผม พร้อมกับรอยยิ้ม
“ยิ้มอะไรของพวกมึง”ผมถาม
“เปล่า”ไกด์มันตอบ
“อย่ามาโกหก”
ไกด์มันยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะ“เดี๋ยวมึงก็รู้เอง เนอะไอ้อิ๊ว”
“เออ”
กูตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า ทำไมเป็นผมคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องกับมันสองคน...
แต่ขณะนั้นเองสิ่งที่เรียกความสนใจจากผมได้มากกว่าไอ้สองหน่อที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็คือคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของออมสิน
“มึงกับไอ้นอร์ธเป็นแฟนกันเหรอวะ!”ไม่รู้ว่าไอ้แมวอ้วนกับออมสินมันไปคุยกันท่าไหน คำถามนั้นถึงได้หลุดออกมาจากปากของออมสินมันได้
และที่สำคัญกว่านั้น คือออมสินมันรู้ได้ยังไง แต่ยังไม่ทันจะได้เยบเรียงคำถามที่อยู่ในหัว ไอ้สองคนที่อยู่ข้างตัวผมก็หัวเราะกันคิกคัก
เพียงเท่านั้น ผมก็ถึงบางอ้อ
คงไม่ต้องถามแล้วมั้งว่าออมสินมันรู้ได้ยังไง ก็ไอ้สองหน่อนี่ไงจะเป็นใครได้อีก...
[ อดิรัตน์คนคูล ]“มึงกับไอ้นอร์ธเป็นแฟนกันเหรอวะ!”คำถามของออมสินทำเอาผมอึ้ง มันไปรู้อะไรมา ทำไมอยู่ดีๆถึงได้ถามคำถามนี้ออกมา
ผมหันกลับไปมองหน้าไอ้นอร์ธ แน่นอนครับ มันเองก็ทำหน้างงไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่ แถมยังยิ้มแห้งๆส่งมาให้อีกด้วย
“สรุปยังไงวะไนซ์”
“มึงไปรู้มาจากไหน”
ผมถามเพราะต้องการเวลาที่จะเรียบเรียงประโยคที่อยู่ในหัว ไม่ใช่ว่าผมต้องการจะปิดเรื่องนี้กับเพื่อน แต่ตอนนี้ผมกับไอ้นอร์ธเป็นแค่แฟนระยะทดลองกันไง เลยยังไม่กล้าบอกให้ใครรู้ เผื่อหมดวันทดลองแล้วเราสองคนจะไปกันไม่รอด ผมเลยขอให้มันชัวร์กว่านี้ก่อนดีกว่าแล้วค่อยตัดสินใจเรื่องนี้อีกครั้ง
“ก็ไอ้ไกด์กับไอ้อิ๊วมันบอกมา”เป็นเพราะคำตอบของออมสิน ผมเลยได้เดาไม่ยากว่าเรื่องนี้มันหลุดไปจากใคร
ไอ้นอร์ธก็คงเอาไปบอกซีอิ๊วนั่นแหละ... แต่ไอ้ไกด์มันรู้ได้ยังไงผมเองก็ไม่แน่ใจ
“สรุป มันจริงมั้ยวะ”
“มึงคิดว่าไงอะ”ผมถามกลับ คนฟังได้แต่กะพริบตาปริบๆก่อนจะตอบ
“ก็ต้องไม่จริงดิ”
“...”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ มึงกับไอ้นอร์ธเลยนะเว้ย อมวัดมาพูดก็ไม่เชื่อ”
“เขามีแต่อมพระ”
“นั่นแหละ แต่อันนี้มันเป็นเรื่องที่โคตรจะเป็นไปไม่ได้ไง กูเลยอมวัด”
“...”
“ไอ้นอร์ธมันทั้งหล่อ ทั้งเท่ แต่จะให้มันมาคบกับมึงเนี่ยนะ... เป็นไปไม่ได้อะ”หลังจากที่ออมสินมันพูดจบ ผมเลยหันกลับมามองตัวเอง นี่กูดูไม่เหมาะสมกับไอ้นอร์ธขนาดนั้นเลยเหรอวะ...
ไม่จริงอะ! ผมเถียงใจขาดเลย ออมสินน่ะโอเว่อร์ ไอ้นอร์ธมันก็มีดีกว่าผมแค่หล่อกว่าแค่นั้นแหละ ส่วนที่เหลือน่ะ อย่าให้พูดเลย ปากก็หมา เตี้ยก็เตี้ย เอาแต่ใจ แถมยังหัวล้านอีก
เนี่ย ข้อเสียเยอะกว่าข้อดีอีก
“มึงก็พูดเกินไป”
“ไม่เกินไปหรอก”
“มึงเพื่อนกูปะเนี่ยออมสิน”กูน้อยใจได้มั้ย ในฐานะอะไรก็ได้ มีเพื่อน เพื่อนก็เสือกไม่เข้าข้าง
“เออหน่า กูพูดให้เห็นภาพไง”บางทีก็เห็นชัดไปนะ พูดอย่างกับว่า หน้ากูเบ้เหมือนตีนอย่างไรอย่างนั้น“สรุปคือไม่จริงเนอะ”
“อือ...”
“เนี่ย เห็นมั้ยกูบอกแล้วไอ้ไกด์ไอ้อิ๊วว่าไม่เชื่อ มันจะคบกันได้ยังไงวะ มึงสองคนอย่ามาหลอกกูให้ยาก”
“จริง”
“ห้ะ!”คนที่ยังฟังผมไม่ทันจบประโยคแต่ด่วนสรุปอย่างออมสินถึงกับร้องออกมา“หมายความว่าไง”
“ก็ตามนั้น”
“...”
“กูกับไอ้นอร์ธ... เราเป็นแฟนกัน”#ทิศเหนือของผม
สวัสดีค่ะ หายไปนานเลย คิดถึงเรามั้ย เราคิดถึงทุกคนม๊ากมาก
ทอล์คนี้อาจจะยาวหน่อยนะคะ แต่อยากให้ทุกคนได้อ่านกัน แต่จะไม่อ่านก็ได้ค่ะ ไม่ได้บังคับ แหะๆ ย้อนแย้งมากเว่อร์
และประเด็นที่เราจะพูดถึงวันนี้ก็คืออาการที่เราเป็นค่ะ
นั่นก็คืออาการแพนิค
เราไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และบานปลายจนมาเป็นแบบนี้ได้ตั้งแต่ตอนไหน
แต่พอรู้ตัวอีกทีก็ โบ้มมม เราเขียนนิยายไม่ได้แล้ว555555+
คือทุกครั้งที่เราเขียนนิยาย เราจะกลัว กลัวไม่ถูกใจ กลัวมันออกมาได้ไม่ดีพอ กลัวโดนคอมเมนท์แย่ๆ ถ้าทุกคนตามเราในทวิตทุกคนจะรู้ว่า มันจะมีช่วงหนึ่งที่เราหายไป นั่นแหละค่ะคือการแสดงอภินิหารของอาการครั้งแรก (อันนี้ก็เว่อร์ไป ._.)
ครั้งนั้นเราหยุดเขียนไปเกือบเดือน และแน่นอนว่าครั้งนี้เราหายไปเป็นเดือน
แต่ทุกคนไม่ต้องห่วงเรานะคะ เราเริ่มดีขึ้นแล้ว เราแค่อยากมาเล่าให้ฟังเฉยๆ
นอกเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งนี้และทั้งนั้นเราอยากเห็นทุกคนมีความสุข ถ้านิยายเราทำให้ใครหลายๆคนยิ้มได้เราจะดีใจมาก
อย่าเครียดกับชีวิตมากนะคะ ยิ้มกันให้เยอะๆ
อย่าลืมส่งฟีดแบ็กที่แท็กด้วยนะคับ! เล่นแท็กคนเดียวเหงามาก
และท้ายนี้ ขอบคุณที่อยู่ข้างกันนะคะ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไปไหนในวันที่เราไม่น่ารัก
ขอบคุณจริงๆ
ออกัส.