พิมพ์หน้านี้ - #ทิศเหนือของผม (เพิ่มเนื้อหาตอนที่ 26) ---18/06/2563 ---

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: augustismine ที่ 13-08-2019 19:08:31

หัวข้อ: #ทิศเหนือของผม (เพิ่มเนื้อหาตอนที่ 26) ---18/06/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 13-08-2019 19:08:31
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


************************************************************************


ทิ ศ เ ห นื อ ข อ ง ผ ม

Augustismine




ไม่ว่าจะทิศไหน
ก็คงไม่ถูกใจเท่าทิศเหนือ
:-)


#ทิศเหนือของผม

สารบัญ

บทนำ กลับบ้านดีๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3996585#msg3996585)
ตอนที่ 1 อดิรัตน์อิสแฮปปี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3996586#msg3996586)
ตอนที่ 2 คนหน้าโง่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3996587#msg3996587)
ตอนที่ 3 รายงานตัวแบบ 4.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3996588#msg3996588)
ตอนที่ 4 สมพงษ์พ่อกูเอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3996868#msg3996868)
ตอนที่ 5 โกโก้โอรีโอ้จะเยียวยา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3997057#msg3997057)
ตอนที่ 6 นอร์ธเดอะฮีโร่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3997744#msg3997744)
ตอนที่ 7 แมวอ้วน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3998610#msg3998610)
ตอนที่ 8 สงคราม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg3999447#msg3999447)
ตอนที่ 9 เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4000381#msg4000381)
ตอนที่ 10 ตัวปลอม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4001511#msg4001511)
ตอนที่ 11 ลูกพี่ลูกน้อง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4002572#msg4002572)
ตอนที่ 12 โง่เอเวอรี่เดย์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4003420#msg4003420)
ตอนที่ 13 เส้นทางของเซเลป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4004349#msg4004349)
 ตอนที่ 14 วันของสงคราม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4005096#msg4005096)
ตอนที่ 15 ทิศเหนืองอแง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4006140#msg4006140)
ตอนที่ 16 ทิศมาเหนือ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4006420#msg4006420)
ตอนที่ 17 ว่าด้วยเรื่องของหรรม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4006686#msg4006686)
ตอนที่ 18 ใครไม่หู้ น้ำเต้าหู้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4008793#msg4008793)
ตอนที่ 19 ไนซ์จะเป็นซูเปอร์สตาร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4016809#msg4016809)
ตอนที่ 20 ออมสินอินยัวแอเรียย๊ะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4026663#msg4026663)
ตอนที่ 21 สงครามรีเทิร์น (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4028119#msg4028119)
ตอนที่ 22 สาเหตุ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4030151#msg4030151)
ตอนที่ 23 ความพยายามของแมวอ้วน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4034198#msg4034198)
ตอนที่ 24 สิ้นสุดทางแฟน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4035854#msg4035854)
ตอนที่ 25 ทิศเหนือกับความรักสุดมหัศจรรย์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4038636#msg4038636)
ตอนที่ 25 ทิศเหนือผู้พกความรักมาเต็มกระเป๋า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70793.msg4041323#msg4041323)

สามารถติดตามนักเขียนได้ที่—
Twitter • @augustismine1
Fanpage • Augustismine




หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 13-08-2019 19:13:24
00

กลับบ้านดีๆ

 

“ไอ้ยักษ์... อยู่ไหนเนี่ย”

เสียงของเด็กหนุ่มมัธยมปลายของโรงเรียนรัฐบาลเล็กๆที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ร้องเรียกเจ้าหมาจรจัดที่เขาพบมันในวันที่ฝนตก มือหนาๆกำถุงไก่ย่างจนแน่น อุตส่าห์รีบกลับไปบ้านและซื้อไก่ย่างหน้าปากซอยมาให้ แต่ตอนนี้เจ้าหมาตัวโตดันไม่อยู่ซะนี่ แบบนี้ถ้าวางไก่ย่างไว้หมาตัวอื่นมันจะมาคาบไปกินมั้ยนะ

“ไอ้ยักษ์ ไก่ย่างมาแล้ว ไอ้ยักษ์”

เวลาเย็นย่ำกับเด็กหนุ่มที่เดินตามรั้วโรงเรียนเพื่อตามหาเจ้าหมาจรจัด

“กูจะกลับบ้านแล้วนะ ถ้าไม่ออกมากูจะกินไก่เองแล้วนะเว้ย ไอ้ยักษ์”

เรียกและเดินแถวนั้นอยู่สักพัก เจ้าหมาตัวโตเนื้อตัวมอมแมมก็วิ่งเข้ามาหาจนเจ้าของไก่ย่างยิ้มจนตาปิด

“โฮ่ง!”

“กว่าจะมาได้นะมึง อะนี่ไก่”ไนซ์นั่งยองลงตรงหน้าไอ้ยักษ์ วางถุงพลาสติก แกะไก่ออกจากไม้และวางไก่ไว้บนถุงนั่น มองดูเจ้าหมาที่กินไก่อย่างตั้งใจ

“ไปทำอะไรมาวะเนี่ย ตัวเลอะหมดเลย”

ถามเหมือนกับว่าหมามันจะตอบกลับมาได้ ไนซ์หัวเราะให้กับความเพี้ยนของตัวเอง นับวันยิ่งเพี้ยน สงสัยจะอยู่กับไอ้ยักษ์มากเกินไป เลยคิดว่าถ้าถามแล้วมันจะตอบกลับมาได้

“ต่อไปมึงจะไม่ได้กินไก่จากกูแล้วนะเว้ย มึงต้องหาคนให้ไก่ใหม่แล้ว”



“กูจะขึ้นมหา’ลัยแล้ว นานๆคงจะกลับมาที อาจจะหลายๆเดือนหรืออาจจะหายไปเป็นปีก็ได้”

เหมือนกับยักษ์มันรู้ว่าเขากำลังเศร้าและหดหู่แบบสุดขีด เจ้าหมาตัวใหญ่ละปากจากไก่ตรงหน้าและเลียเข้าที่มือของเขาแทน

“ไม่ต้องอ้อนเลย มึงอ้อนแบบนี้กูจะยิ่งคิดถึงมึงนะเว้ย”

บ้าไปแล้วแน่ๆ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาร้องไห้เพราะไม่อยากจะจากหมาตัวนี้ไป... แต่มันก็น่าร้องไห้อยู่หรอก เขาเป็นห่วงมันหนิ ถ้าไม่มีเขาแล้วใครจะเอาไก่มาให้มันกิน ถ้าเขาย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้วจะมีใครมารังแกมันมั้ย

“ฮือ มึงทำให้กูเหมือนคนบ้านะเว้ย มึงมันหมาไม่ดี ไอ้หมาบ้า”

“โฮ่ง!”

“ไม่ต้องมาเห่าเลย รีบๆกินไปเลย”ใช้มือเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆก่อนจะใช้มืออีกข้างชี้ไปที่ไก่ที่ยังเหลืออยู่ เจ้าหมาแสนรู้ก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง ก้มหน้าก้มตากินไก่ที่เหลืออยู่จนหมด ไนซ์เก็บถุงพลาสติกเอามากำไว้แน่น

“มึงกินหมดแล้ว... งั้นกูกลับบ้านแล้วนะเว้ย วันปัจฉิมกู มึงต้องเอาดอกไม้มาให้ด้วยนะ”

“โฮ่ง!”

“เออ สัญญาก็ทำให้ได้แล้วกัน”ยืนขึ้นก่อนจะหัวเราะและเดินไปเอาจักรยานที่ทิ้งไว้ไม่ใกล้ไม่ไกลโดยมีเจ้าหมาตัวโตเดินตามไม่ห่าง

“ไปนอนได้แล้วไป เดี๋ยววันปัจฉิมจะเอาไก่มาให้อีกรอบ”

“โฮ่ง!”

“เห่าอยู่ได้ ฟังรู้เรื่องหรือไง”มองเจ้าหมาที่เปรียบเหมือนเพื่อนสนิทอีกคนก่อนที่ตากลมจะเหลือบไปมองถนนฝั่งตรงข้าม

... ไอ้เด็กโรงเรียนเอกชนคนนั้นอีกแล้ว

ไนซ์มองเด็กหนุ่มกางเกงน้ำเงินที่อยู่โรงเรียนตรงกันข้าม เขาจะเห็นไอ้เตี้ยนั่นมายืนดูเขาให้อาหารไอ้ยักษ์ทุกเย็นเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมายืนดูทำไม ยืนดูเฉยๆมันไม่ได้ทำให้ไอ้ยักษ์มันอิ่มหรอก ถ้าอยากให้ไอ้ยักษ์อิ่มต้องเอาอาหารมาให้สิ

ไนซ์ขึ้นคร่อมจักรยานแต่สายตาก็ยังไม่ละจากไอ้คนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะละสายตาและหันมามองไอ้ยักษ์

“กูไปแล้วนะมึง”

“โฮ่ง!”

พอเจ้าหมาตัวโตตอบรับ ไนซ์ก็รีบปั่นจักรยานกลับบ้านจนสุดชีวิต ป่านนี้แม่คงจะด่าเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้วที่ออกมาจากบ้านนานขนาดนี้แถมยังไม่ได้ไปซื้อน้ำปลาให้ด้วย

“กลับบ้านดีๆนะ!”

ไนซ์รีบเบรกรถจักรยานและหันหลังกลับไปมองในทันที แต่หันกลับไปก็ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากไอ้ยักษ์ที่ยืนอยู่ตรงนั้น

“ไอ้ยักษ์บอกเหรอวะ... หลอน หลอนไปแล้วแน่ๆมึงไอ้ไนซ์”




#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 13-08-2019 19:16:10
01

อดิรัตน์อิสแฮปปี้

 

วันแรกพบ

ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่


 

เสียงตีกลองของกองสันทนาการกับเสียงประกาศของพี่ๆสตาฟเรียกความสนใจของกลุ่มคนที่เพิ่งสลัดคราบความเป็นเด็กมัธยมและมาสวมบทบาทของการเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยแบบเต็มตัว

ผมยืนต่อแถวท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ ทั้งๆที่เช้าขนาดนี้แต่แดดแรงเหมือนยืนอยู่กลางทะเลทรายอย่างนั้น ผมว่ามหาวิทยาลัยนี้มันไม่ได้มีของดีเป็นพวกนักศึกษาหน้าตาดีหรือคณะเด่นในเรื่องการเรียนเหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆหรอก

เพราะมหาวิทยาลัยนี้น่ะมีของดีมากกว่านั้นครับ

เหงื่อเม็ดที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้ไหลลงมารวมกันที่ปลายคางของผม ผมใช้หลังมือปาดมันออกก่อนจะขยับแว่นเล็กน้อยและเช็ดเหงื่ออีกเม็ดที่ทำท่าจะไหลเข้าตาด้วย

แค่ยืนต่อแถวก็เหมือนอาบน้ำ มหาวิทยาลัยที่ขึ้นว่ามีพระอาทิตย์สิบสองดวงกับอากาศที่โคตรจะร้อน ผมว่านี่แหละคือของดีและของขึ้นชื่อของที่นี่

ขาดแค่อูฐกับต้นกระบองเพชรเท่านั้นที่นี่มันก็จะกลายเป็นทะเลทรายซาฮาร่าที่สมบูรณ์แบบ

“น้องคนต่อไปค่า”

เสียงใสๆของพี่คนสวยกับเสื้อสีแดงเลือดหมู แถมยังสกรีนตัวใหญ่ๆว่า Engineer ผมมองรอยยิ้มนั่นร่างกายที่เคยรู้สึกว่าร้อนก็เย็นขึ้นถนัดตา

น่ารักสัดดดด

ผมว่าพี่เขาควรถูกบรรจุลงในของดีของมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งอย่าง รองลงมาจากดวงอาทิตย์ดวงโตที่กำลังแผ่ไอความร้อนลงมาแผดเผาทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม

เหล็กดัดฟันบวกกับผิวขาวแถมยังรอยยิ้มนั่นอีก เพอร์เฟ็กต์!

ไนซ์รักฟ้า รักอากาศ ไนซ์รักคณะนี้ครับพ่อ

ผมก้มมองใบรายชื่อสีขาวสะอาดที่มีรายชื่อนักศึกษาปีหนึ่งนับร้อยคนเรียงกันเป็นพืดอยู่ในนั้น ผมมองหาชื่อตัวเอง และสุดท้ายก็เจอ นายอดิรัตน์ บ้านห้า... ไอ้บ้านที่ว่าเท่าที่ผมได้ไปศึกษามามันคือการแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็นกลุ่มย่อยๆเพื่อที่เขาจะได้ดูแลน้องได้อย่างทั่วถึง คงจะประมาณนี้ล่ะมั้งครับ

ผมจับปากกาน้ำเงินจนแน่น พยายามเขียนชื่อโดยพยายามไม่ให้แขนไปถูกกับกระดาษเพราะกลัวว่ามันจะเปียก

คนหล่อจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แม่สอนมาแบบนี้

ไนซ์จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ!

ผมวางปากกาลงบนโต๊ะทันทีหลังจากที่เขียนชื่อเสร็จพลางส่งยิ้มบางๆให้พี่เขา

“พี่ขอผูกผ้าหน่อยน้า”ว่าแล้วผ้าสีแดงเลือดหมูก็ถูกผูกเข้ากับข้อมือของผมโดยฝีมือของพี่สาวคนสวย

มือนุ่มมาก... อดิรัตน์อิสแฮปปี้ครับ

“ขอบคุณครับ”

“น้องคะ... เอาทิชชู่มั้ย เหงื่อแตกหมดแล้ว”

ถ้าอยู่โรงเรียนมีผู้หญิงสวยๆมาแสดงน้ำใจแบบนี้ ผมคงจะตอบตกลงแบบไม่อาย แต่นี่ไม่ใช่ไง นี่มันมหาวิทยาลัยสุดเท่ที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ถึงสี่ปี่ ต้องคีพลุคเป็นคนคูลๆที่สาวๆเห็นแล้วต้องกรี๊ดกันสลบ

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า เดี๋ยวไม่คูล”

น้อววว หล่อจัดเลยว่ะไอ้ไนซ์ หล่อโคตรๆ ปู่เห็นปู่ต้องภูมิใจแน่ๆ

ดีใจได้ไม่นาน ผมก็สังเกตเห็นรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพวกพี่ๆเขา หัวเราะอะไรกันวะ... เมื่อกี้มันไม่เท่หรือไง อุตส่าห์ใช้สมองที่มีน้อยนิดของตัวเองกลั่นกรองออกมาเลยนะเว้ย

“น้องครับนี่เสื้อครับ”

แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ เพราะพี่ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับยัดเสื้อสีแดงเลือดหมูที่เหมือนกันกับพี่เขามาไว้ในมือผม เสื้อนี้ไม่ได้ได้มาฟรีๆนะครับ เสียเงินตั้งสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน จะไม่เอาก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีเอาไปอวดพวกไอ้ป๊อดมันอีก มหาวิทยาลัยมันเปิดก่อนผมเมื่อไม่กี่วันมานี่แต่พวกมันเล่นโม้ผมเรื่องมหาวิทยาลัยจนผมเอือม

เล่าไม่รู้จักจบจักสิ้น ไหนจะถ่ายรูปของมาอวดอีก

นี่แหละเวลาที่ผมจะได้เอาคืน!

“น้องอยู่บ้านห้านะครับ เดี๋ยวเดินไปนั่งรวมกับเพื่อนๆตรงนั้นนะ”

“ครับ”

ผมตอบรับก่อนจะเดินตามนิ้วพี่เขาที่ชี้ไปยังกลุ่มเฟรชชี่ที่นั่งรวมตัวกันอยู่

อดิรัตน์ชื่อนี้ต้องเกรียงไกรที่สุดในคณะครับ จำไว้!

ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ที่ยังว่างอยู่ ถอดว่านสายตาที่ตัวเองใส่อยู่ออกแกะเสื้อตัวใหม่เอี่ยมใส่ด้วยความทุลักทุเล อ้วนขึ้นแน่ๆ รู้แบบนี้สัปดาห์ที่แล้วไม่น่าจัดหมูกระทะมาราธอนกับไอ้ป๊อดเลย

“เฮ้ยมึง”

ผมที่เพิ่งใส่เสื้อเสร็จหันไปตามเสียงและแรงสะกิดตรงสีข้าง หันไปก็เจอผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาน่าเป็นมิตรส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มมาให้

“เรียกใคร?”ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางขมวดคิ้ว

“มึงนั่นแหละ”

“ทำไม?”

“กูอยากผูกมิตร กูชื่อออมสินนะ มึงชื่ออะไร”อีกฝ่ายว่าก่อนจะยกป้ายชื่อที่เหมือนกับของผมเด๊ะๆแต่ต่างกันตรงที่ ของออมสินมันมีรอยปากกาเขียนเป็นชื่อมันตัวเท่าฝาหม้อแถมยังมีตัวการ์ตูนรูปหมูอีกหนึ่งตัว

“กูชื่อไนซ์ แต่ยังไม่ได้เขียนชื่อเลยอะ”ผมยกป้ายชื่อของตัวเองที่มีแต่ความว่างเปล่าโชว์ให้มันดู

“แถวมึงคงจะสร้างจิตรกรรมกันอยู่มั้ง ไม่รู้จะเอาอะไรมากกับแค่เขียนชื่อลงบนป้าย มันจะต้องใช้ความสวยความงามขนาดไหนกันวะ”ปากก็ว่าแต่ก็ก้มหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าใบเล็กๆของตัวเองไปด้วย“อะ ปากกาเขียนชื่อ กูยืมเพื่อนมาอีกที ห้ามทำหายนะเว้ย”

เจ้าตัวกำชับ ผมพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเอาแว่นตาขึ้นมาใส่และรับปากกามาเขียนชื่อตัวเองลงบนป้าย

เคยได้ยินมาว่าถ้าอยู่มหา’ลัยแล้วเกิดอยากเปลี่ยนชื่อเล่น ก็ให้เปลี่ยนกันซะตั้งแต่วันแรก

ตอนแรกก็คิดไว้หลายชื่ออยู่หรอก อเล็กซ์งั้น โทนี่งี้ แต่ดูจะไม่เหมาะกับเบ้าหน้าตัวเองสักเท่าไหร่แถมแนะนำตัวกับออมสินไปแล้วด้วย ผมก็คงต้องใช้ชื่อไนซ์เหมือนเดิมนี่แหละ...

เขียนชื่อลงบนกระดาษด้วยความบรรจงก่อนจะปิดฝาปากกาและยื่นคืนให้กับเจ้าของ

“เสร็จแล้ว”ออมสินพยักหน้าพร้อมกับรับปากกาคืนไป

“ตอนนี้มึงนับกูเป็นเพื่อนยัง?”ออมสินมันถาม

“เป็นเพื่อนกันเขาต้องถามด้วยเหรอวะ?”

“ถามดิสัด เผื่อกูเป็นเพื่อนมึงฝ่ายเดียวทำไง แนะนำใครเขาไปก็อายเขาแย่”

“เป็นแล้วๆ”ผมตอบก่อนจะหัวเราะนิดๆ จะว่าไปออมสินมันก็ดูเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเก่งเหมือนกันนะ ผมคิดมาตลอดเลยว่าการที่จะเป็นเพื่อนใครสักคนมันไม่ต้องถาม แค่เราคุยกันถูกชะตาถูกปากถูกคอเราก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่เห็นทีคงจะต้องลองใช้วิธีออมสินมันบ้างแล้ว เพื่อความชัวร์ว่าเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับอีกคนแค่ฝ่ายเดียว

“มึงมาจากโรงเรียนอะไร?”

“โรงเรียน S”

“อ๋อ โรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามกับ โรงเรียน SN อะนะ”

“อือ”

พูดถึงไอ้โรงเรียนนี่อีกแล้ว

มันทำไมโรงเรียนผมมันไม่น่าจดจำตรงไหน เวลาพูดถึงโรงเรียนผมทีไร คนเขาก็จะพูดถึงไอ้โรงเรียนฝั่งตรงข้ามก่อนตลอด ก็แค่โรงเรียนใหญ่กว่า ค่าเทอมแพงกว่า รวยกว่า นักเรียนเยอะกว่า เด็กหน้าตาดีกว่า

ก็แค่นั้น นอกนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรดีเลย

“แล้วสาวๆโรงเรียนนั้นสวยปะวะ”

“มันชายล้วนไม่ใช่เหรอวะ...”

“อ้าว จริงปะเนี่ย”

“เออดิ มึงตลกอะออมสิน มึงไม่รู้จริงปะเนี่ย”

“จริง กูไม่รู้”

ผมหัวเราะให้กับท่าทางเด๋อด๋าของออมสินมัน รู้จักโรงเรียนแต่ไม่รู้เนี่ยนะว่ามันเป็นชายล้วน โธ่ ออมสินเพื่อน

“แล้วหนุ่มๆหล่อปะ?”

“กูจะไปดูหนุ่มทำไม มึงนี่ก็ถามแปลกๆ”

“กูอยากรู้จริงๆ เห็นพวกสาวๆที่โรงเรียนเก่ากูกรี๊ดกร๊าดกันจังเลยไอ้หนุ่มกางเกงน้ำเงินเนี่ย”

“ก็หล่อน้อยกว่ากูหน่อย”ว่าแล้วก็ขอบลั๊ฟมันสักหน่อย โดนมาเยอะแล้วไอ้เรื่องแย่งสาวกับโรงเรียนตรงข้ามเนี่ย สาวๆที่เล็งๆไว้มันไม่เคยตกถึงมืออดิรัตน์คนนี้สักรายเพราะไอ้หนุ่มกางเกงน้ำเงินนี่แหละ

“เหรอวะ…”

“เหรอวะอะไร มึงไม่เชื่อกูหรือไงออมสิน”

“ก็ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่หล่อน้อยกว่ามึงมันมีจริงๆเหรอวะ”

ว้อท!? อะไร กูไม่หล่อตรงไหน คนในหมู่บ้านนี่ชมกูกันตรึมเลยนะ มึงต้องสายตาเสียแล้วแน่ๆออมสิน

แต่ก่อนที่บทสนทนาของเราจะกลายเป็นการสาดคำด่าใส่กันออมสินมันก็สะกิดขาผมยิกๆให้ดูไอ้หน้าหล่อที่กำลังเดินมาทางนี้

“มึงว่าไอ้นี่มันน่าผูกมิตรมั้ย?”

“ก็ดูน่าคบดีอะ”

“นี่แหละเพื่อนใหม่ของเรา”

“ง่ายขนาดนี้เลยเหรอวะ?”

“เออ มึงรอดูกูเถอะ… นี่ มึง”

พอคนข้างๆผมนั่งเสร็จออมสินก็เอี้ยวตัวจนเกือบจะพาดข้ามตัวผมไป มันไม่รอช้าลงมือผูกมิตรห่าเหวอะไรของมันไปตามเรื่องโดยการสะกิดสีข้างไอ้หน้าหล่อข้างๆยิกๆ

“อะไร”

“หน้าเหวี่ยงมากแม่”ออมสินมันหดตัวกลับมานั่งเหมือนเดิมเพราะไอ้เพื่อนใหม่คนนี้มันมองมาด้วยสายตาที่ผมเองก็แอบกลัวเหมือนกัน

มาเรียนวันแรกก็จะโดนต่อยเลยเหรอวะ...

“เฮ้ย โทษๆ กูร้อน”แล้วไอ้ยักษาเมื่อกี้ก็กลายเป็นเทพบุตรยิ้มสวยแถมยังหัวเราะแหะๆ อะไรวะ ไบโพล่าร์แหงๆ“เมื่อกี้มึงเรียกกูทำไมนะไอ้หน้าเต้าหู้”

“เต้าหู้?”

“มึงหน้าเหมือนเต้าหู้อะ”

ผมขำพรืด มันเรียกออมสินว่าเต้าหู้ ซึ่งผมก็ไม่เถียงเพราะหลักฐานมันคาตาอยู่แล้ว

“กูชื่อออมสินไอ้สัด”

“เออนั่นแหละ มึงเรียกกูทำไม”

“กูอยากจะเมคเฟรนด์”

“กระแดะใช้ภาษาอังกฤษอีกนะมึงเนี่ย”

โห สังคมนี้ช่างโหดร้าย เราสามารถพูดแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงห้านาทีได้ด้วยเหรอ

“กูมาจากโรงเรียน E ส่วนไอ้ข้างๆมึงเนี่ยชื่อไนซ์มาจากโรงเรียน S”

“อ๋อ โรงเรียน S ที่อยู่ตรงข้ามกับ โรงเรียน SN ปะ”

อีกแล้ว...

“กูชื่อไกด์ มาจากโรงเรียน D”ไกด์มันแนะนำตัวเองอีกครั้งหลังจากที่ทักผมด้วยประโยคที่ผมไม่ชอบที่สุด มันจะอะไรขนาดนั้น โรงเรียนผมมันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอ

ผอ.โรงเรียนกูนั่งร้องไห้แล้ว

“เออ เนี่ยเพื่อนกูก็มาจากโรงเรียน SN สองคน”ว่าแล้วไกด์มันก็ชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่างก่อนจะยกมือและกวักมือเรียก ผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งดูจะเตี้ยกว่าผมหลายเซ็นต์ส่วนอีกคนก็ดูท่าว่าจะสูงกว่าผมหลายเซ็นต์เหมือนกัน“นั่นไง เพื่อนกูมาแล้ว”

ผมมองไอ้สองสหายที่ส่วนสูงต่างกันลิบลับแต่ความหล่อนี่กินกันแทบไม่ลง

เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยมั้ยครับ... ไอ้ความมั่นอกมั่นใจว่าอยู่ปีหนึ่งแล้วต้องหล่อสุดๆในคณะของผมมันหายลับไปกับตาเพราะเจอไอ้หล่อลากสองคนนี้

กูดูต๊อกต๋อยขึ้นมาทันทีเลย...

“มึงนี่ไอ้นอร์ธกับไอ้ซีอิ๊ว เพื่อนกูเอง”ไกด์มันแนะนำเพื่อนที่เพิ่งจะทิ้งก้นลงบนพื้นได้ไม่นานอย่างรู้งาน ไอ้เตี้ยๆนั่นชื่อนอร์ธ ส่วนไอ้สูงๆนั่นชื่อซีอิ๊ว

ชื่อนอร์ธก็ดูเหมาะกับมันดีหน้าตามันก็หล่อสมชื่อ ถึงจะใส่แว่นมันก็ยังดูหล่อ ส่วนไอ้ซีอิ๊วหน้าตาดูจะทรยศชื่อเล่นนิดหน่อย ถ้ามีโอกาสตั้งชื่อให้มันใหม่ผมยอมยกชื่อโทนี่ที่ผมหมายหมั้นปั้นมือว่าจะตั้งให้ตัวเองยกให้มันเลยก็ได้ หน้าตาเหมือนนายแบบหลุดออกมาจากปกนิตยสารชัดขนาดนี้ เอาจริงๆที่นั่งหัวโด่หัวเด่กันอยู่เนี่ย เห็นจะมีแค่ผมกับออมสินนี่แหละ ที่หน้าตาดูจะสู้ใครเขาไม่ได้เลย

ไอ้นอร์ธ ไอ้ไกด์ ไอ้ซีอิ๊ว ทุกคนหล่อหมด ยกเว้นผมกับออมสิน

เตรียมกอดคอร้องไห้กับไอ้ออมสินสองคนเลยกู…

“ไอ้นอร์ธไอ้อิ๊วนี่ไอ้ออมสินกับไอ้ไนซ์”

“อ๋อ ไนซ์”

หือ... ซีอิ๊วมันอ๋ออะไรของมัน

“รู้จักกูด้วย?”

“เออดิ เห็นพวกเด็กในโรงเรียนชอบพูดถึงกัน”

น้อววว โคตรเท่ พ่อกับแม่กูต้องภูมิใจ ลูกชายดังไกลไปถึงโรงเรียนเอกชนฝั่งตรงข้ามเลยเว้ย

“ไนซ์ที่ชอบยืนคุยกับหมาทุกเย็นอะ”

ไอ้สัด!

หุบยิ้มเลย ผมหุบยิ้มแบบทันควันแถมตากระตุกนิดๆ ที่เขาพูดถึงกันไม่ได้พูดเพราะผมหล่อหรอกเหรอ แต่พูดเพราะผมยืนคุยกับไอ้ยักษ์

โธ่... อดิรัตน์เศร้าครับ เศร้ามาก

“ไอ้ไนซ์ มึงยืนคุยกับหมาเหรอวะ”นี่ไง เวลาเอาคืนของออมสินมันมาถึงแล้ว มันหัวเราะผมแบบใหญ่โต แหม ฉายาเต้าหู้มึงก็ไม่ได้ต่างจากยืนคุยกับหมาของกูหรอก

“น้องๆคะ มาพร้อมกันแล้วเนอะ...”

แต่ยังไม่ทันได้เถียงหรือแก้ตัวเรื่องฉายายืนคุยกับหมา ชีวิตผมก็ถูกขัดขวางโดยพี่สตาฟสาวสวยคนหนึ่งในคณะที่มาพร้อมโทรโข่งคู่ใจฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว ก่อนที่สมองที่มีพื้นที่อันน้อยนิดของผมจะต้องจดจำรายละเอียดของกิจกรรมวันแรกพบของคณะเราที่พี่สตาฟเขาพูดใส่โทรโข่งที่ติดๆดับๆจนบางทีก็แทบจะจับใจความของประโยคไม่ได้

“เออ กูลืมถามพวกมึงเลย ถ้าทำกิจกรรมเขาจะแยกเป็นบ้านอะ พวกมึงอยู่บ้านอะไรกัน กูบ้านสอง”

“กูบ้านหนึ่ง”ซีอิ๊วตอบทันทีหลังจากที่ออมสินมันถามเสร็จ

“กูบ้านห้าอะ”ผมตอบออกไปก่อนจะมองหน้าไอ้สองตัวที่เหลืออย่างไอ้นอร์ธและไอ้ไกด์

“กูบ้านเจ็ด”

“กูบ้านห้า”

เชร้ดโด้ววว ได้อยู่บ้านเดียวกับไอ้นอร์ธเลยว่ะ ถึงมันจะพูดน้อยแล้วก็ดูเงียบๆขรึมๆไปหน่อยก็เถอะ

“ดีว่ะมีเพื่อนอยู่ด้วยอะ กูสามคนนี้ไม่มีใครเลย โคตรเปล่าเปลี่ยว”

ออมสินมันบ่นขิงบ่นข่าไปเรื่อยจนสุดท้ายพี่เขาก็พูดรายละเอียดเสร็จโดยผมไม่ทันได้ฟังเลยสักนิด

“เดี๋ยวจะให้พี่ๆแต่ละบ้านพาน้องๆไปทำกิจกรรมกันนะคะ บ้านหนึ่งพี่บิ๋ม บ้านสองพี่บอย...”

หลังจากนั้นพี่ที่อยู่ประจำบ้านผมก็มาเดินนำแถวพวกผมเหมือนกับแม่เป็ดที่เดินนำขบวนลูกเป็ดอย่างไรอย่างนั้น

รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นลูกเสื้อสำรองอีกครั้งเลยครับ

นั่งต่อแถวกันใต้ร่มไม้กับลมที่มันควรจะเย็นแต่แสนร้อนระอุ มันร้อนจนแบบผมต้องร้องขอชีวิต ความรู้สึกตอนนี้คืออยากจะรวยล้นฟ้าแล้วซื้อเมืองหิมะมาไว้ที่นี่ซะจริงๆ

“น้องๆคะ เราจะเริ่มกิจกรรมแรกกันแล้วนะคะ”

“ครับ!”

พูดไปก็รู้สึกอยากจะร้องไห้อีกเป็นล้านๆรอบ เพิ่งจะได้สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบข้าง บ้านห้าของผมเป็นชายล้วนเลยครับ ฮือ มีผู้หญิงตั้งเกือบร้อยชีวิตในคณะนี้ แต่ไหงถึงไม่มีผู้หญิงคนไหนตกลงมาถึงบ้านห้าบ้างเลยล่ะครับ...

ตอนนี้บ้านห้าทุกคนแบ่งเป็นสองแถว แถวล่ะเท่าๆกันโดยที่ผมนั่งอยู่กลางๆของแถวแรกเพราะส่วนสูงผมมันเลยทำให้ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนไอ้นอร์ธน่ะเหรอ โน่นครับ หน้าสุดของแถวผมเลย เตี้ยสุดในบ้านห้าแล้วมั้งมันน่ะ

“เดี๋ยวพี่จะให้น้องๆทุกคนทำความรู้จักกันสิบนาทีนะคะ ย้ำนะคะให้รู้จักกันให้ได้มากที่สุด จดจำรายละเอียดเพื่อนๆด้วย เดี๋ยวเราจะมีเกมมาให้เล่นกัน”

พอหลังจากที่พี่เขาพูดเสร็จ ก็ไม่มีใครอีดออดหรือขัดขืนอะไร ชายฉกรรจ์ทั้งหลายลุกขึ้นและทำความรู้จักกันด้วยความรุนแรงตามแบบฉบับกลุ่มชายล้วน คำหยาบมาเต็มแม็กซ์ ความรุนแรงบวกเข้ามาอีกนิดหน่อย กว่าจะหมดสิบนาทีก็แอบปวดไหล่นิดๆเพราะบรรดาเพื่อนร่วมบ้านห้าของผมหลายคนมือหนักๆกันทั้งนั้นตบไหล่ผมกันเป็นว่าเล่นเลย

ทักทายกันรุนแรงเหลือเกินจ้ะพี่จ๋า

“เอาล่ะค่ะน้องๆ เดี๋ยวพี่จะให้พี่ไจ๋แจกผ้าปิดตานะคะ”หลังจากนั้นพี่คนที่ชื่อไจ๋ก็เอาผ้าปิดตามาแจกพวกผมแถวหนึ่งทั้งหมดแต่แจกแบบคนเว้นคน แถวสองเองก็ถูกแจกผ้าโดยแจกคนเว้นคนเหมือนกันกับแถวผม

“คนที่ได้ผ้า เอาผ้าปิดตาตัวเองด้เลยค่ะ”ว่าแล้วก็ก้มมองผ้าโง่ๆในมือของตัวเองหลังจากที่พี่เขาพูดจบ กูจะไม่โดนแกล้งอะไรใช่มั้ยวะ มันดูไม่ชอบมาพากล หรือเขาจะเอากบมาวางไว้ในมือผมตอนผมปิดตาวะ

ไม่ๆๆ ผมเกลียดกบ

“น้องไนซ์คะ ทำไมไม่ปิดตาล่ะลูก พีไจ๋คะ ช่วยปิดตาให้น้องหน่อยค่ะ”

กำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวปิดเอง แต่ผ้าก็ถูกแย่งออกไปจากมืออย่าง่ายดาย แถมยังถูกพี่เขาเอาผ้ามาปิดตาผมด้วยความเกรี้ยวกราด

แค้นอะไรกูปะเนี่ยพี่ ผูกอย่างผูกเชือกรองเท้า ผูกเบาๆก็ได้ มันไม่หลุดหรอก

“เอาล่ะค่ะ ต่อไปนะคะ คนที่ไม่ได้ผ้าปิดตามายืนต่อแถวกันตรงนี้ค่ะ”

ดวงตาของฉันมันมืดมิด รู้สึกระแวงไปหมดทุกสิ่งอย่าง ได้ยินแค่เสียงลากเท้าของใครบ้างก็ไม่รู้ ขอสะดุ้งไว้ก่อน

ทำไมอยู่ดีๆก็เงียบวะ... หรือเขาจะนัดแผนอะไรกัน คงจะไม่แกล้งเดินหนีและทิ้งให้กูนั่งอยู่กับเพื่อนๆตรงนี้อย่างเหงาๆหรอกนะ

“อะ เรียบร้อย ต่อไปพี่จะให้เพื่อนๆคนที่ไม่ถูกปิดตาไปนั่งตรงหน้าน้องๆนะคะ แล้วก็จะให้น้องๆทายว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามน้องคือใคร ห้ามเฉลยให้กันนะคะ”

ว้อท!? พูดอีกทีๆได้หรือเปล่า ไม่ได้อำเล่นใช่มั้ย คนบ้าอะไรมันจะไปจำได้วะ หลอกกูโดนทำโทษแหงๆ ไม่มีความยุติธรรม จะร้องเรียน เรื่องนี้ต้องถึงหูอธิการบดี!

รอไม่นานเสียงการลากเท้าของใครสักคนก็ดังขึ้นอยู่ข้างหน้าผมก่อนจะตามด้วยการทิ้งตัวลงนั่ง ผมรับรู้ถึงการมีอยู่ของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าไอ้นี่มันคือใคร

“พี่จะให้เวลาสามนาทีนะคะ จะจับ จะคลำ จะดม จะชิมหรือยังไงก็ได้ พอหมดสามนาทีพี่จะขอคำตอบนะคะหรือใครที่สามารถตอบก่อนหมดเวลาได้ก็ตอบนะคะ”

โกงชัดๆ

ไอ้บ้า ใครมันจะไปทำได้วะ โคนันยังทำไม่ได้เลย

“เริ่มได้ค่ะ”

พอพี่เขาพูดแบบนั้น ก็มีเสียงกลองที่ดูท่าจะเก็บกดมานานดีด้วยความเกรี้ยวกราด จังหวะสามช่ามาแถมยังตามมาด้วยเสียงหัวเราะของใครหลายๆคน

เออ ในเมื่อขัดขืนอะไรไม่ได้ก็ทนเล่นให้จบๆไป

“มึงชื่ออะไร”ผมยื่นหน้าเข้าไปในจุดที่คิดว่าไอ้นั่นมันจะได้ยินก่อนจะกระซิบ“เฉลยหน่อยดิ”

ไอ้หรรม! ไม่ตอบ หยิ่ง หยิ่งแน่ๆ ตอนเรียนอย่ามาขอร้องอะไรกูก็แล้วกัน!

“ไม่บอกจริงดิ”

กริบเลยครับ...

เขาบอกว่าอะไรนะ จะจับ จะคลำ จะดม จะชิมได้หมดเลยใช่มั้ย...

ผมเริ่มยื่นมือไปจับมันอย่างมั่นใจ แน่นอนครับ คว้าอากาศ ไอ้บ้าเอ้ย! ต้องค่อยๆคลำไปเรื่อยๆ จับลมอยู่สองสามทีสุดท้ายก็คว้าเข้าที่หน้า

จมูกอย่างโด่งอะ อิจฉาแล้วนะ... ใครบ้างวะจมูกโด่งๆ

นึกไม่ออกครับ ลูบลงมาที่ไหล่ เมื่อกี้ผ่านหูด้วย มันเจาะหูด้วยไอ้คนนี้น่ะ

น่าจะไม่บ้าจี้แฮะ จับเอวขนาดนี้ยังไม่ขำเลย ผมเลื่อนมือลงไปเรื่อยๆ ทำไมช่วงตัวมันดูสั้นจังวะ แป๊บเดียวก็ถึงกางเกงแล้ว ผมคลำอย่างสะเปะสะปะจนสุดท้าย

“ต่ำไปแล้วไอ้เอ๋อ”

ผมสะดุ้งกับคำพูดจนสุดท้ายก็คว้าหมับ เข้ากับอะไรบางอย่าง

ชัดเลย... เสียงแบบนี้ ช่วงตัวสั้นแบบนี้

ถึงผมจะได้ยินเสียงมันไม่กี่คั้งแต่มันต้องใช่แน่ๆ

“ไอ้นอร์ธ!”

“น้องไนซ์ตอบถูกค่า เปิดผ้าได้”ผมไม่รอช้ารีบใช้มือข้างหนึ่งดึงผ้าปิดตาตัวเองออก เท่านั้นแหละครับ นอกจากจะเห็นหน้าหล่อๆกับส่วนสูงที่ย้อนแย้งกันสุดขั้ว ผมยังได้เห็นภาพสุดสวิงริงโก้ที่จะต้องจำไปจนหลานบวช

ไอ้บางสิ่งบางอย่างที่ผมคว้าไว้ตอนตกใจน่ะ มันคือเป้าของไอ้นอร์ธ

เป้ามันอะ! หรรมมันอะ! แถมผมยังจับไว้อย่างเต็มไม้เต็มมืออีกด้วย

“แหม ดูท่าจะติดใจเป้าเพื่อนนะคะ จับไม่ปล่อยเลย”

พอพี่เขาแซวเท่านั้นแหละครับ ไอ้พวกที่ปิดๆตากันอยู่ก็แหกกฎกันแกะผ้าปิดตาของตัวเองออกแล้วมาหัวเราะให้กับมือผมและเป้าสุดมหัศจรรย์ของไอ้นอร์ธแทน

ผมรีบชักมือของตัวเองออกแต่มันก็ไม่ทันแล้วครับ เพราะได้รับฉายาใหม่มาโดยความเด๋อของตัวเองเรียบร้อย

ไนซ์ไข่สวรรค์




#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 13-08-2019 19:19:19
02

คนหน้าโง่



“โคตรเท่ ไนซ์ไข่สวรรค์ว่ะ”

“ไม่ตลกนะเว้ยออมสิน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้กันเร็วขนาดนี้วะ”

ผมตักข้าวเข้าปากตัวเองอย่างอารมณ์เสีย อะไรกันวะ แค่พลาดจับเป้าเพื่อนแค่นี้เอง ทำไมมันถึงได้รู้กันเร็วขนาดนี้ สาวๆในคณะก็มองหน้าผมด้วยสายตาที่ผมเองก็อ่านไม่ออก

ฮือ หมดกัน ชีวิตคูลๆในมหา’ลัยของกู

“เอาจริงๆ กูว่าฉายานี้มันเหมาะกว่าไนซ์คุยกับหมาเยอะเลยนะเว้ย”ไอ้ไกด์มันว่า

ไม่! มันไม่เหมาะเลยสักนิด

ผมเริ่มหน้างอแล้ว แทนที่พักกินข้าวเที่ยงแล้วมันจะแฮปปี้ดี๊ด๊าได้พูดคุยกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับการได้ทำกิจกรรม แต่บทสนทนามันกลับเต็มไปด้วยเรื่องที่ผมจับเป้าไอ้นอร์ธ

หลังจากเหตุการณ์จับเป้าเกิดขึ้นพวกเราก็ได้ทำกิจกกรรมต่ออีกหน่อย แต่ผมน่ะ หมดไฟตั้งแต่โดนแซวว่าไนซ์ไข่สวรรค์แล้ว ชีวิตห่อเหี่ยวเหมือนดอกไม้ที่ไม่โดนรดน้ำมาหลายวัน

ไนซ์ไม่รักวิศวะแล้วครับพ่อ

“ยิ้มเหี้ยอะไรของมึง”ผมแหวใส่ไอ้นอร์ธที่นั่งกินข้าวอย่างมีความสุข

“เรื่องของกู”

“เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้สัด มึงไม่บอกกูอะ ว่ากูจะจับเป้ามึงแล้ว ทำไมมึงไม่บอกกู๊!”

ผมโวยลั่นจนคนแถวนั้นต้องหันมามอง

“ไอ้ไนซ์ ไอ้ห่า เบาๆ คนมองหมดแล้ว”

พอผ่านมาครึ่งวันพวกผมห้าคนก็สนิทกันมากขึ้น เอาจริงๆมันก็สนิทกันตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแหละ แต่พอพักเที่ยงมันเหมือนอัพเลเวลความหยาบคายขึ้นมาอีกนิด

“ก็พี่เขาบอกกูว่าห้ามพูดกับมึง”

“แต่นั่นมันหรรมมึงเลยนะเว้ย... หรรมมึงอะ มึงจะไม่หวงหน่อยเหรอ”

“ก็มันจับไปแล้วมึงจะโวยวายทำบ้าอะไร”

“ใช่สิ มึงไม่เสียหายเหมือนกูนี่”

นอร์ธมันยักไหล่ก่อนจะก้มหน้าก้มจากินข้าวต่อ ไอ้เตี้ยใจแคบ!

“ไม่นะเว้ย กูว่ามึงอะได้เปรียบ ไอ้นอร์ธโน่นเสียหาย”

“ยังไงของมึงออมสิน?”

“ก็มึงได้จับ แต่ไอ้นอร์ธไม่ได้อะไรเลยไง มึงอะต้องรับผิดชอบไอ้นอร์ธ มันเสียหาย”

อ้าว กูผิดเฉย...

“ไม่ได้ดิ กูต่างหากที่เสียหาย”

“ไอ้นอร์ธต่างหากที่เป็นคนเสียหาย”

ระหว่างที่ผมกำลังเถียงกันอย่างออกรส ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่คอมีป้ายห้อยไว้ว่า Staff ก็เดินเข้ามาหากลุ่มผมพร้อมกับกล้อง DSLR ตัวเบ้อเริ่ม จนเสียงเจื้อยแจ้วเมื่อกี้หายไปทันควัน

“น้องไนซ์”

“ครับ”ตอบเสียงหวานแบบสุดๆแถมยังฉีกยิ้มสดใส

“พี่ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ย?”

ผมพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบให้พี่สาวคนสวย พี่เขาสวยจริงๆครับ สวยจนผมอยากจะพาไปไหว้แม่ในฐานะลูกสะใภ้เลย

“เสร็จแล้วค่ะ”

“ครับ”

“ขอบคุณนะคะน้องไนซ์ไข่สวรรค์”

โอเค ล้มเลิกความคิดที่จะพาไปไหว้แม่ได้เลย ชีวิตอดิรัตน์มีแต่คนร้ายๆ ขนาดพี่คนสวยยังโหดร้ายกับหัวใจดวงน้อยๆของผมเลย

ไอ้พวกที่นั่งอยู่ขำพรืดจนแทบจะพ่นข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่

“หัวเราะอะไรกัน”

“น้องไนซ์ไข่สวรรค์”

“หมดแล้วภาพลักษณ์มึง ขนาดรุ่นพี่ยังรู้เลย”

ฮือ... หมดกันจริงๆภาพลักษณ์ที่พยายามสร้างมา ชีวิตผมมันมีแต่ความไม่ยุติธรรม!


พอช่วงบ่ายกิจกรรมวันแรกพบสุดมหัศจรรย์ของผมก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา นั่นก็คือการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนต่างคณะ โดยแต่ละคณะจะไม่มีการแยกบ้านเหมือนที่ทำกันเมื่อตอนเช้าแล้ว

เท่านั้นยังไม่พอ เขายังให้พวกเราทุกคนนั่งเข้าแถวกันแบบตามใจชอบโดยไม่ต้องปรึกษาหารือใครใดๆทั้งสิ้น เพราะแบบนี้พวกผมทั้งห้าคนถึงได้มารวมตัวกันเป็นพาวเวอร์เรนเจอร์แบบนี้นี่ไง...

“ไอ้ไกด์ๆ คนนั้นสวยว่ะ มึงว่าคณะอะไร”

“ตาบอดมั้งมึงอะ เสื้อสกรีนตัวเบ้อเริ่มขนาดนั้นว่าเด็กนิเทศ เขาเรียนพยาบาลมั้ง”

“สัด ไอ้ไกด์ๆ คนนั้นๆๆๆ ดัดฟัน ผมยาว ยิ้มสวย แม่ของลูกกูชัดๆ”

“คณะเราอะ กูว่าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ กูว่าคนนั้นดีกว่าเยอะ สาวสถาปัตย์”

“เออว่ะ งานดีจริง กูรักวันแรกพบ!”

บทสนทนาที่หาสาระไม่ได้ของไกด์กับออมสินทำให้ผมคนนี้ได้แต่กรอกตาไปมา ยิ่งคบยิ่งเห็นธาตุแท้ นี่ยังคบไม่ถึงวันเลยยังออกลายกันขนาดนี้ ถ้าคบไปสักสองสามปีมันจะขนาดไหน...

ผมลืมบอกไปอีกอย่าง เพราะฐานที่เอาไว้ทำกิจกรรมช่วงบ่ายของพวกเราจะมีทั้งหมดห้าฐานกิจกรรม แต่คณะภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้มันมีตั้งเกือบยี่สิบคณะ

แน่นอนครับถ้าเล่นฐาน เป็นฐานละคณะ อีกสามวันพวกมึงก็เล่นกันไม่จบ!

พวกพี่เขาเลยทำการจับฉลากว่าคณะไหนจะต้องเล่นฐานร่วมกับคณะไหนบ้าง โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ของพวกเราจะต้องร่วมเล่นฐานกับคณะนิเทศศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์

พอได้ยินแค่คำว่านิเทศศาสตร์ใจผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว เพราะเขาร่ำลือกันเหลือเกินว่าคณะนิเทศแต่ละปีน่ะ มีแต่งานดีๆทั้งนั้น แล้วผมก็คาดหวังด้วยว่าปีนี้มันคงจะดีสมคำร่ำลือ

“ไนซ์กินน้ำปะ?”

“ขอบใจแต่ไม่เป็นไรดีกว่า”ผมตอบซีอิ๊วที่ยื่นขวดน้ำอัดลมมาให้

หลังจากที่ใช้ชีวิตกันมาค่อนวัน สิ่งที่ผมรับรู้อีกอย่างนอกจากความหน้าม่อของไอ้สองตัวนั้น ก็เป็นความดีงามเทพบุตรมาโปรดของซีอิ๊วนี่แหละ ที่เข้ามาทำให้กลุ่มของเราดูเป็นคนดีขึ้นมาบ้าง

ซีอิ๊วผู้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแจกรอยยิ้มที่สดใส ถ้าผมเป็นผู้หญิงและได้ซีอิ๊วเป็นแฟนนะ ผมก็คงจะต้องรักและหลงซีอิ๊วจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ

ซีอิ๊วช่างแสนดีต่างกับไอ้คนที่ยืนกอดอกหน้านิ่งอยู่ข้างๆลิบลับเลย...

พอเห็นหน้ามันแล้วก็เจ็บใจ จนถึงตอนนี้ผมยังถูกคนอื่นมองด้วยสายตาแปลกๆไม่หายเลย

“เป็นเหี้ยอะไรไอ้ไนซ์ ทำไมมองหน้าไอ้นอร์ธแล้วทำหน้าตาแปลกๆ”ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ออมสินมันหันมาสนใจผมแทนที่จะสนใจสาวๆของมัน

“เปล่า”

“เปล่าเหี้ยอะไร กูเห็นอยู่ เอ๊... หรือมึงติดใจไข่มัน”

มึงใช้สมองส่วนไหนคิดวะออมสิน ใครมันจะไปติดใจเป้าผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อน กูถามแค่นี้ ถ้าไอ้นอร์ธมันเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันผู้ชาย

ทั้งแท่งเลยด้วย...

“มั่วแล้ว! ใครจะไปติดใจ”

“แหน๊ ติดใจก็บอกมาเถอะไอ้ไนซ์ กูเข้าใจว่าไข่มันดึงดูด”

ดึงดูดพ่อง!

“สัด กูจะมองหน้ามันไม่ได้เลยมั้ง”

“มึงมันมีพิรุธ”ออมสินมันว่าพร้อมกับหรี่ตาเหมือนจับพิรุธ

เสือกอยากจะจับผิดขึ้นมาอีก อย่ามายุ่งกับกู!  ไปสนใจโน่น ผู้หญิงของมึงโน่น!

“น้องๆ มารวมตัวทางนี้หน่อยค่าาา”

แล้วเวลาจับผิดของออมสินยอดนักเสือกก็จบลงด้วยเสียงเรียกของพี่สตาฟที่ดูแลฐานของพวกเรา

พอทุกคนมารวมตัวกันจนครบ พี่เขาก็ทำการเริ่มกิจกรรมแบบไม่รอให้ข้าวในกระเพาะผมย่อย เกมแรกเป็นเกมลุกนั่งทั่วไป ใครทำผิดตรงข้ามกับคำสั่งก็ยืนเต้น

อนุบาลมากเลยนะครับเกมนี้… แต่ผมก็โดนเต้นไปสามรอบ!

ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาเล่นสั่งสลับไปสลับมาให้ผมหัวหมุนได้ขนาดนี้ พอลงโทษกันเสร็จสรรพพี่เขาก็เริ่มเกมต่อไปแบบไม่รอช้า



หลังจากที่ทำกิจกรรมต่างๆเสร็จก็เย็นพอดี แถมยังเป็นเย็นที่ฝนตกอีกต่างหาก…

ผมยืนกุมเป้ารอให้ฝนซาอยู่ใต้ถุนคณะ ความรู้สึกตอนยืนตากฝนคนเดียวตอนนี้กับตอนมัธยมมันต่างกันลิบลับเลย หรือเพราะนี่มันคือการยืนตากฝนคนเดียวครั้งแรกในมหาวิทยาลัย มันก็เลยอาจจะรู้สึกประหม่าบ้างเป็นธรรมดา

จากตอนแรกที่แพลนไว้ว่าจะไปหาอะไรกินที่ห้างหลังจากทำกิจกรรมเสร็จ ก็เป็นอันต้องพับเก็บไปตามระเบียบ สภาพอากาศเล่นไม่อำนวยให้กับคนที่พักอยู่หอไกลๆแบบผมเลย

พูดแล้วเศร้า!

แล้วนี่เพื่อนก็มาทิ้งอีก ไอ้ไกด์ก็แวะไปส่งสาวที่เจอกันตอนเล่นฐาน ตอนที่หลายๆคนกำลังเล่นกิจกรรมกันอยู่ ผมก็เห็นมันส่งยิ้มที่สามารถละลายโลกได้ทั้งใบไปให้สาวคนนั้นอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ไม่รู้มันเอาเวลาไปคุยกับเขา ถึงได้ลงเอยด้วยการไปส่งเขาที่หอได้

ส่วนออมสินมันก็เดินตามสาวที่ไหนไปแล้วก็ไม่รู้ เห็นมันบอกว่าแม่ของลูก เอาจริงๆ วันนี้ผมได้ยินคำนี้เป็นล้านๆรอบออกจากปากของออมสิน

แม่ของลูกมึงจะเยอะเกินไปแล้ว!

ไอ้นอร์ธกับซีอิ๊ว สองรายนั้นก็หายตัวไปอย่างลึกลับ คงจะกลับกันไปแล้วล่ะมั้ง...

“ไนซ์”

ผมหันไปตามเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง หันไปก็ไปเจอกับไอ้สองคู่หูกล้วยหอมจอมซนอย่างซีอิ๊วและไอ้นอร์ธ

ยังไม่กลับกันหรอกเหรอ...

“อ้าว ยังไม่กลับกันเหรอวะ กูนึกว่ามึงสองคนกลับกันไปแล้ว”

“ยังๆ กูสองคนไปช่วยพี่ปีสองยกของหนีฝนมา”ซีอิ๊วตอบ

“อ๋อ”ผมพยักหน้าช้าๆ

“แล้วนี่ยืนรออะไรทำไมยังไม่กลับ กูนึกว่ามึงกลับไปแล้ว”ซีอิ๊วถาม

“รอพ่อไปก่อน”ผมชี้ไปที่ท้องฟ้า ที่ปล่อยฝนเม็ดโตลงมาอย่างต่อเนื่อง

“โห ดูท่าไม่น่าจะหยุดตกง่ายๆว่ะ”

“นั่นสิ”

“แล้วกลับยังไง?”

“ถามทำไมอะ จะพากูวิ่งฝ่าฝนแบบในซีรี่ส์เหรอ”

“บ้าแล้ว จะให้ยืมร่มเฉยๆหรอก”ว่าแล้วซีอิ๊วก็หยิบเอาร่มที่ถูกพับเก็บจนเรียบร้อยในกระเป๋าเป้ตัวเองออกมาก่อนจะยื่นมาให้ผม“อะนี่”

“ให้ทำไมอะ แล้วมึงจะกลับยังไงเอาร่มมาให้กูแบบนี้”

“เอ่อ...”ซีอิ๊วหันไปมองหน้าไอ้นอร์ธอย่างมีพิรุธจนผมสังเกตได้ มันสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนที่ซีอิ๊วจะหันกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง“กูกลับได้ก็แล้วกัน มึงรับไปเถอะ”

ร่มสีดำถูกยัดมาในมือของผมโดยฝีมือของซีอิ๊ว

มีพิรุธ... มากๆเลยด้วย

ผมรีบกางร่มออกทันทีพร้อมมองซ้ายขวาหาสิ่งผิดปกติ มันไม่ได้ใส่อะไรไว้ในร่มใช่มั้ย หรือว่ามันเจาะรูร่มไว้ แต่สุดท้ายผมหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ร่มยังสภาพดีไม่มีตำหนิ แถมยังไม่มีอะไรซุกซ่อนไว้ด้วย

“ไม่มีอะไรหรอกหน่า”

“ก็พวกมึงมีพิรุธ”

“โธ่ไนซ์ มึงเห็นพวกกูเป็นคนยังไงเนี่ย…”

“เออๆๆ ไม่มีก็ไม่มี งั้น... กูไปละ ขอบใจมากๆสำหรับร่ม”

“เออ”

ผมหันไปมองไอ้คนที่ยืนข้างๆซีอิ๊ว ไอ้นอร์ธมองผมตาไม่กะพริบ แต่มันก็ไม่ได้พูดจาอะไร เนี่ย เห็นหน้ามันกี่ครั้งก็เจ็บใจไม่หาย ถึงเรื่องไนซ์ไข่สวรรค์จะกลายเป็นเรื่องราวที่พูดต่อๆกันเป็นระยะเวลาอันสั้น แต่ผมก็ยังถูกมองด้วยสายตาแปลกๆจากเพื่อนๆทั้งคณะเดียวกันและต่างคณะอยู่ดี

ผมไม่ได้สนใจไอ้นอร์ธ เพราะแอบเคืองมันนิดๆ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมัน! มันคนเดียวเลย!

ผมรีบสะบัดตูดเดินหนี เอาร่มมาบังฝนและรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที



ร่มก็ไม่ได้ช่วยอะไร...

ผมเดินตัวเปียกซกเป็นลูกหมาตกน้ำเข้ามาในห้องของตัวเอง ความผิดนี้ไม่โทษใคร เพราะความโง่ของตัวเองล้วนๆ ที่ไปยืนโง่ๆอยู่ริมฟุตปาธเพียงหวังว่าเวลารถเมล์มาจะได้เดินขึ้นรถเมล์อย่างรวดเร็ว

แต่ผมไม่ทันได้นึกถึงไงว่าถ้ามีรถวิ่งมาด้วยความเร็วมากๆน้ำที่ขังอยู่ตรงถนนมันจะกระเด็นใส่ตัวเองมั้ย

สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ... เปียกไปถึงชั้นในเลย

ผมจัดการวางร่มไว้หน้าห้องน้ำก่อนจะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินออกมาพร้อมชุดลำลอง ผ้าเช็ดตัวอีกหนึ่งผืนที่เปลี่ยนหน้าที่เป็นเอามาเช็ดผม หยิบมือถือคู่ใจขึ้นมาและเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า

วันนี้ยอมรับเลยครับว่าเสียพลังงานไปเยอะมากจริงๆ

ผมเปิดเพจโฟโต้ของคณะ ว่าจะหารูปตัวเองส่งให้แม่ดูสักหน่อย แม่จะได้เลิกหาว่าผมนอกลู่นอกทางสักที ตั้งแต่เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ที่หอและห่างบ้านมาไกลหลายสิบกิโล แม่ผมก็แทบจะโทรมาเช็คทั้งเช้าและเย็นเลย

ผมเลื่อนดูรูปด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ชีวิตผมทำไมมันรันทดขนาดนี้ มีรูปเยอะขนาดนี้ แต่ใช้ไม่ได้สักรูป จนเลื่อนมาถึงรูปสุดท้ายที่ดูท่าจะเป็นไฮไลต์ของงานวันนี้เลยล่ะ

รูปที่ให้กำเนิดไนซ์ไข่สวรรค์...

คมชัด ระดับ HD มือเป็นมือ เป้าเป็นเป้า

ยอดกดไลค์ กดแชร์พุ่งกระฉูดขนอดตกใจไม่ได้

ชีวิตในมหา’ลัย มันศิวิไลซ์เสมอ

ใครมันพูดประโยคนี้ ผมขอเรียกมาเคลียร์ด่วนๆเลย เพราะชีวิตในมหาวิทยาลัยของอดิรัตน์คนนี้มันไม่มีอะไรที่ศิวิไลซ์เลยสักนิด!



Aomsinnn

ไนซ์

ถึงห้องยัง

NiceAdr

ถึงแล้ว

มึงมีอะไร


ผมพิมพ์ตอบกลับข้อความของออมสินไปพลางเช็ดผมไปพลางๆเพื่อรออีกฝ่ายตอบ



Aomsinnn

มึงเล่น Rov ปะ

ตีป้อมกันนน

NiceAdr

เล่น

แต่ยังไม่เล่นตอนนี้

กูเหนื่อย
Aomsinnn

โห อะไรวะ



Rrrr... !

นั่นไง... มันโทรมาแล้ว

“ว่า...”

“ทำไมมึงไม่เล่นอะไนซ์”

ถามมาได้...

“มึงไม่เหนื่อยหรือไงวะออมสิน กูเหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย เมื่อยด้วย”

“นะไอ้ไนซ์ เล่นเถอะ ไอ้ไกด์มันก็ไปกับสาวมันไม่เล่นกับกูแน่ๆ”

“แล้วมึงไม่ไปกับสาวหรือไง เห็นเดินตามไปอยู่ ทิ้งให้กูอยู่คนเดียว”

“พูดแล้วแค้นสัด สาวที่กูตามไปอะดิ มีแฟนแล้ว หล่อมากด้วย เนี่ย เกือบได้กินตีนตั้งแต่วันแรกแล้ว”ออมสินมันว่า“แต่มึงบอกว่ามึงอยู่คนเดียวเหรอวะ แล้วไหนไอ้นอร์ธกับซีอิ๊วมันบอกว่ามันมายืนเป็นเพื่อนมึงก่อนที่มึงจะกลับ”

“ก็เออ มันมายืนเป็นเพื่อน แต่ถ้ามึงไม่ทิ้งกูมันสองคนก็ไม่ต้องมายืนเป็นเพื่อนกูมั้ยล่ะ”

“พูดเหมือนกูกับมึงกลับทางเดียวกันอย่างนั้นแหละ แต่เอาจริงๆ มึงต้องขอบใจกูนะเว้ย”

“เรื่อง?”

“เรื่องที่ทำให้มึงได้ร่มกลับหอไง ถ้าอยู่กับกูมึงไม่มีทางมีร่มกลับหอหรอก เพราะกูไม่มีร่ม”

“กูต้องขอบคุณซีอิ๊วต่างหาก”

“ขอบคุณอะไรไอ้อิ๊ววะ มันร่มไอ้นอร์ธไม่ใช่เหรอ”

อ้าว... อะไรของมัน

ทำไมออมสินมันถึงได้พูดออกมาแบบนี้ มันไม่ใช่ร่มไอ้นอร์ธสักหน่อย มันร่มของซีอิ๊ว ก็ผมเห็นมาสดๆ ด้วยตาของตัวเองเลยว่าซีอิ๊วมันหยิบออกมาจากกระเป๋าเป้ของตัวเอง

“มั่วแล้วมึงอะ ของซีอิ๊ว”

“ของไอ้อิ๊วที่ไหน ก็เมื่อกี้กูเจอไอ้อิ๊วที่ร้านข้าวข้างๆหอกู มันบอกว่าไอ้นอร์ธเอาร่มให้มึง”

อะไรวะเนี่ย... หรือผมทำกิจกรรมมากเกินไปจนตาลายเห็นไอ้นอร์ธเป็นซีอิ๊ว ไม่ได้ดิ... ผมยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้นสักหน่อย

“เออๆๆ ไอ้ไนซ์ แค่นี้นะ ไอ้ไกด์ส่งสาวเสร็จแล้ว พร้อมออกรบกับกูแล้ว กูไปตีป้อมก่อน”

แล้วมันก็หายไปทิ้งไว้แต่ความสงสัย

“ร่มไอ้นอร์ธเหรอวะ...”

ผมหันไปมองร่มสีดำที่ถูกวางผึ่งไว้หน้าห้องน้ำ... มันเป็นของใครกันแน่

สุดท้ายผมก็เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว กดโทรหาซีอิ๊วด้วยเบอร์ที่แลกกันไว้เมื่อตอนกลางวัน รอไม่นาน ปลายสายก็รับ

“ว่าไง...”

“อิ๊ว”

“ห้ะ?”

“ร่มที่มึงให้กู ร่มมึงหรือร่มไอ้นอร์ธ”

“... มึงถามทำไม”

“ตอบมาเถอะหน่า”

“เออ ร่มของไอ้นอร์ธมัน”

โอ้โห ไอ้เตี้ยเทพบุตร ผู้มีพระคุณที่แท้ทรู กูมองมึงผิดไปจริงๆว่ะไอ้เตี้ย เพื่อเป็นการตอบแทนมัน ผมขอยกโทษให้มันก็แล้วกันเรื่องที่มันทำให้ผมได้รับฉายาไนซ์ไข่สวรรค์มา

“แล้วมึงไปรู้มาจากไหน?”ซีอิ๊วมันถาม

“ออมสินบอกมา”

“โอเค กูพลาดเอง...”ปลายสายหัวเราะนิดๆ“จะคุยกับไอ้นอร์ธมั้ยล่ะ มันนั่งกินข้าวอยู่กับกูเนี่ย”

“เหรอ... เอาดิๆ”

ต้องขอบคุณ เซฮาย แต้งกิ้วมันสักหน่อย อุตส่าห์ยอมเสียสละร่มของตัวเองให้ผมทั้งที

“ว่า...”

“ร่มมึงเหรอวะ”

“เออ รู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม”

“ขอบใจนะ”

ฮึ้ยยย มันได้ว่ะ โคตรจะซีรี่ส์เกาหลี ดี๊ดี ราวกับว่ามันเป็นฉากพระเอกบอกกับนางเอกอย่างนั้นแหละ ไอ้นอร์ธตัวร้ายกับนายอดิรัตน์มั้ยล่ะมึงงง

“ไม่ต้องอะ”

วืดเลย... หมดกันซีรี่ส์เกาหลีกู

“กูเห็นมึงหน้าโง่ๆ เลยกลัวว่าจะไปยืนตากฝนแล้วตาย เดี๋ยวต้องลำบากคนอื่นเขาไปช่วยเก็บศพอีก”

ไอ้เหี้ย เป็นชุดเลย...

“มีแค่นี้ใช่มั้ย เสียเวลากินข้าวกู”

แล้วมันสายก็ตัดไป... ทิ้งไว้แต่ความเอ๋อของผมที่เถียงอะไรมันไม่ทัน เพราะมัวแต่เดตแอร์จนลืมด่ากลับ

ไอ้เหี้ยๆๆๆ เพิ่งเคยโดนใส่เป็นชุดขนาดนี้ มึงกล้าดียังไงวะไอ้เตี้ย มึงมาว่ากูว่าโง่ โว้ยยยย หงุดหงิดโว้ย

คอยดูเถอะไอ้เตี้ย อย่าให้เห็นมึงมีสาวนะ กูจะแฉความปากหมาของมึงให้เขาฟัง คอยดู!



#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 13-08-2019 19:25:31
03

รายงานตัวแบบ 4.0


“มึงว่าใช่คนนี้ปะ”

“แต่กูว่าคนนี้”

“คนนี้เขาแท็กคนนี้ว่ะ”

“แฟนเขาหรือเปล่า”

เสียงของออมสินกับซีอิ๊วพูดคุยกันสลับมองมือถือ

ในที่สุดสัปดาห์แห่งความปั่นป่วนก็มาถึง กิจกรรมการรับน้องเริ่มขึ้นทันทีหลังจากที่ผ่านงานวันแรกพบไปได้ไม่นาน และกิจกรรมแรกของเฟรชชี่ทุกคนต้องประสบพบเจอในสัปดาห์นี้ก็คือการรายงานตัวกับพี่ปีสาม...

คงจะคิดว่าเป็นการล่าลายเซ็นอะไรเทือกๆนั้นใช่มั้ยล่ะครับ พับเก็บไปได้เลย เพราะคณะผมมันแอดวานซ์กว่านั้น นั่นก็คือการรายงานตัวแบบ 4.0 ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์แบบสุดๆ

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ พวกรุ่นพี่ปีสองเขาเรียกพวกผมไปรวมตัวเพื่อที่จะอธิบายรายละเอียดการรายงานตัวเป็นรุ่นน้องของรุ่นพี่ปีสาม ครั้งแรกที่ฟังกติกาก็คือผมร้องออกมาว่า กูถามจริงและสารพัดคำอุทานที่จะสามารถอุทานออกมาได้

เขาให้พวกเราชาววิศวะปีหนึ่งทุกคนตามหาชื่อเฟซบุ๊กพวกพี่ปีสามในสาขาตัวเองและทำให้เขายอมรับเราเป็นน้องให้ได้ โดยให้เวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากจบสัปดาห์นี้ ถ้าปีหนึ่งคนไหนรายงานตัวไม่ครบก็จะโดนอะไรสักอย่างนี่แหละผมเองก็ฟังไม่ค่อยจะถนัดเพราะมัวแต่นั่งอึ้งอยู่ แต่ดูท่ามันคงจะเป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบแน่ๆ เพราะเสียงโห่มันดังจนผมต้องหาอะไรมาอุดหูเลย

และแน่นอนครับทางออกของกิจกรรมนี้มันก็มีแค่ทางเดียว

นั่นก็คือ... ต้องทำตามที่เขากำหนด

เป็นไง ยากมั้ยล่ะ ไหนจะตามหาเฟซบุ๊ก ไหนจะต้องทำให้เขายอมรับอีก เยอะแยะไปหมด

“ไม่ใช่ว่ะ กูทักผิดคนอีกละ”

“อีกแล้วเหรอวะออมสิน”

“เออดิ”ผมที่ได้รับคำตอบกับหน้ามุ่ยๆของออมสินดูก็รู้ว่ามันไม่ได้พูดเล่น“แม่ง ทำไมมันยากเย็นแบบนี้วะ เฮ้อ ไอ้ไกด์มึงได้กี่คนแล้ว”

หันไปมองหน้าไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ม้านั่งใต้ร่มไม้ กลายเป็นฐานทัพของพวกเราชั่วคราว แรกๆก็แบบนี้แหละครับยังหาจุดลงหลักปักฐานไม่ได้ ต้องมาหาฐานทัพชั่วคราวกันไปก่อน รอให้มีฐานทัพประจำก่อนเถอะ พ่อจะลุกไม่ให้ใครนั่งเลย

“ยี่สิบ”

ห้ะ!? กูหูฝาดหรือเปล่า ยี่สิบเลยเหรอ ไอ้ไกด์มันได้ยี่สิบคนแล้ว แต่ผมยังเป็นศูนย์

“กูถามจริง”

“เออ นี่ไง เขาแอดกูมาแล้วก็ทักกูมาเต็มเลย”

ผมกับออมสินยื่นหน้าเข้าไปดูข้อความในมือถือของไอ้ไกด์ที่มีแจ้งเตือนยาวเหยียด



‘พี่อยู่ปีสามคณะน้องไกด์นะคะ รายงานตัวกับพี่ได้’

‘น้องไกด์น่ารักมากเลยค่ะ พี่ชื่อฟ้า ปีสาม วิศวะคอมนะคะ’

‘พี่ชื่อพี่เก๋ วิศวะคอม ปีสามนะคะ มีอะไรสอบถามได้’

‘พี่ชื่อนุ่น เรียนคนละสาขากับน้อง แต่พี่อยากรู้จัก ทักทายได้นะคะ’

‘พี่ไม่ได้เรียนวิศวะนะคะ ไม่อยากเป็นพี่ด้วย อยากเป็นเมีย’



โว้ยยยยย มันขนาดนี้เลยเหรอวะครับ

ทำไมๆๆๆๆ ทำไมไอ้ไกด์มันได้ดิบได้ดีคนเดียว แล้วทำไมพวกพี่เขาถึงได้เข้าหาไอ้ไกด์ แทนที่ไอ้ไกด์จะเป็นคนเข้าหาล่ะ

กูจะแจ้งพี่ดนัย กูจะบอกให้พี่เขาตรวจสอบ กูจะแจ้ง! กูจะแจ้ง!

“เท่จัดเลยว่ะไอ้ไกด์ ไอ้เหี้ยไม่ได้ละ กูต้องแอดต่อจากมึง มึงบอกพี่เขาด้วยนะว่า มีเพื่อนก็แนะนำให้เพื่อนแอดมา รับรองไม่ถึงสามวัน พวกเราครบแน่”

“...”

“มึงคือความหวังของกูนะไกด์”

“เออ”

แต่ถึงจะอยากแจ้งพี่ดนัยเรื่องความลำเอียงของพวกรุ่นพี่ที่ทักหาแต่คนหล่อๆแค่ไหน ผมก็ต้องพึ่งไกด์มันอยู่ดี เพราะถึงในใจจะหาว่ามันลำเอียงยังไง สายตาผมก็จับจ้องไปที่ชื่อเฟซบุ๊กของพวกพี่เขาทีละคนแถมยังโน๊ตไว้ในมือถือกันลืมอีกต่างหาก

เอาเป็นว่า ไม่บอกแล้วก็ได้

“นอร์ธ มึงได้กี่คนแล้ววะ”

“สามสิบ”

“ห้ะ!?”

คำตอบของไอ้เตี้ยทำเอาคนถามแบบซีอิ๊วและคนที่รอเสือกแบบผมร้องออกมาพร้อมกัน

อึ้ง! กูอึ้งกว่าไอ้ไกด์อีก

“มึงไปเอามาจากไหนสามสิบคน ไอ้ไกด์ยังทำไม่ได้เท่ามึงเลย”มนุษย์เสือกหมายเลขสอง มีนามว่าออมสิน เริ่มถามถึงความสงสัยที่ตัวเองมี และแน่นอน ผมก็สงสัยเหมือนมัน

“กูยังไม่ได้บอกเหรอว่ากูฟอร์มวงเล่นดนตรีกับพี่ปีสามอะ”

“หึ ไม่เคยบอก”ออมสินส่ายหัว

“เออว่ะ กูลืมสนิทเลย ทำไมกูลืมได้วะ”ซีอิ๊วตบเข่าฉาด

“กูเคยช่วยพวกพี่ปีสามเขาเล่นดนตรีที่ร้านเหล้า เลยได้คอนแท็กมาบ้าง”นอร์ธมันอธิบายทันทีหลังจากที่ผมกับออมสินงงเป็นไก่ตาแตก

“กูถามจริง ฟอร์มวงดนตรีหรือจะไปแห่ขันหมาก ทำไมคนมันเยอะขนาดนั้นอะ สามสิบคนเลยนะเว้ย”

“นี่มึงสงสัยจริงๆหรือมึงถามกวนประสาท”ไกด์ที่ดูจะเข้าใจอยู่แล้วถามพร้อมขมวดคิ้ว

“กูสงสัยจริงๆ”

“เพื่อนๆพี่เขาก็มีมั้ย นอร์ธมันก็คงขอต่อๆกันมานั่นแหละ ใช่มั้ยนอร์ธ”ไกด์หันไปหาไอ้นอร์ธ

“เออ แบบที่ไกด์มันว่านั่นแหละ พวกมึงจะเอาเฟซบุ๊กพวกพี่เขาด้วยมั้ยล่ะ เดี๋ยวกูบอกให้พวกพี่เขารับพวกมึงเป็นน้องเอง”

“นักเลงใหญ่ถูกปะ สั่งได้แม้กระทั่งปีสาม”

“สั่งเหี้ยอะไรของมึงออมสิน เขาเรียกว่าขอร้อง”

“แหม... กูก็พูดให้ดูยิ่งใหญ่ไปงั้น”

“ตกลงจะเอามั้ย กูจะได้บอกให้”

“เอาสิครับ ปล่อยไปก็เสียดายโอกาสแย่”

“เออ เดี๋ยวกูส่งให้ในแชทกลุ่ม”

“เยี่ยมไปเลยครับคุณทิศเหนือ!”

แชทกลุ่มที่ไอ้ทิศเหนือหรือไอ้นอร์ธที่ทุกคนรู้จักพูดถึง มันก็คือแชทกลุ่มของพวกผมนั่นแหละครับ ออมสินมันบอกว่าสร้างไว้ เผื่อนัดเที่ยว นัดไปไหนมาไหน... แต่ตั้งแต่มีกลุ่มนี้มาก็ไม่เห็นจะชวนไปไหนสักที มีแต่ชวนเล่นเกม

“มึงเอาด้วยมั้ย”ผมหันไปมองไอ้เตี้ยนอร์ธ

เหอะ! คิดจะแสดงมิตรภาพที่สวยงามของมึงผ่านรอยยิ้มจอมปลอมนั่นเหรอ!

ฝันไปเถอะ กูยังแค้นไม่หาย กูจะจำไว้ในใจตลอดไป ว่ามึงมันคือคนเหี้ย จิตใจอำมหิต!

ด่าได้แม้กระทั่งคนแบบกู ฮึ่มมม พูดแล้วขึ้นๆ

“เมาออกซิเจนเหรอมึงอะ กูถามก็ตอบดิ นั่งทำหน้าโง่อยู่ได้”

“ไอ้นอร์ธ มึงด่ากูอีกแล้วนะ!”ผมโวยใส่

“ก็มึงนั่งทำหน้าโง่เองอะ กูถามก็ไม่ตอบ”

ก็กูไม่ได้สนใจไง!

“ตกลงจะเอายังไง เอาไม่เอา ถ้าไม่เอากูจะได้ลบมึงออกจากกลุ่มก่อนแล้วค่อยส่งคอนแท็ค”

สัดดดด มึงจะส่งก็ส่งมาสิ ถ้าส่งลงกลุ่มทุกคนมันต้องเห็นอยู่แล้ว ยังจะถามอยู่ได้ว่าจะเอาหรือไม่เอา

“ตกลงเอายังไง ตอบ”

“มึงก็ส่งมาสิ”

“มึงตอบไม่ตรงคำถาม”โว้ยยย เรื่องมากฉิบหาย มันจะอะไรนักหนาเนี่ย“เร็วๆ ตอบ กูจะได้จัดการ”

“เออ! ส่งมาสิ กูจะเอา ตอบแบบนี้พอใจยัง”

“เออ ตอบตั้งแต่แรกก็จบ นั่งใบ้อยู่ได้”

เกลียดโว้ย! เกลียด!

เกลียดรอยยิ้มไอ้นอร์ธแบบนี้ที่สุดเลย


“แล้วไอ้ยักษ์มันเป็นยังไงบ้าง แม่ได้ไปหามันบ้างหรือเปล่า”

“อะ แม่จะตัดแม่ตัดลูกกับแกก็คราวนี้แหละไนซ์ โทรหาแม่แต่ถามหาหมา... น่าภูมิใจจริงๆ”

“แหะ แม่อย่าน้อยใจสิ ไนซ์ก็คุยกับแม่ทุกวันแล้วนี่ไง”

“เอาน้ำอะไรนะหนุ่ม”

“เอ่อ... แป๊บหนึ่งนะแม่”ผมพูดกับแม่ที่อยู่ปลายสายก่อนหันมาพูดกับคุณป้าเจ้าของร้านน้ำปั่นข้างหอ“โกโก้โอรีโอ้ปั่นครับ ใส่มุกด้วยนะครับป้า”

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่มหาวิทยาลัย ผมก็แบกสังขารของตัวเองที่พร้อมจะทิ้งตัวลงบนเตียงทุกเมื่อมาซื้อน้ำปั่นเพื่อถือขึ้นไปกินบนห้อง

“อ่า มาต่อเลยแม่ เมื่อกี้คุยถึงไหนแล้ว”

“ยังด่าไม่จบ”

“โห่แม่ ใจเย็นๆดิ”

“ให้เย็นได้ไง  มีลูก ลูกก็ห่วงหมามากกว่าแม่มันอีก แล้วโกโก้โอรีโอ้อะไรของแกน่ะ งดบ้างนะ เดี๋ยวก็เป็นเบาหวานพอดี”

ไม่น่าเลยกู... ไม่น่ามาสั่งให้แม่ได้ยินเลย

ผมชอบโกโก้โอรีโอ้ปั่นมากๆ ตอนอยู่โรงเรียนก็ชอบสั่งที่ร้านน้ำปั่นหน้าโรงเรียนเป็นประจำ จนเดินไปแค่มองตากับเจ้าของร้านก็เป็นอันว่ารู้กันว่าสิ่งที่ผมจะสั่งคืออะไร

แต่ก็เพราะกินบ่อยนี่แหละครับ แม่ถึงได้บ่น แม่กลัวว่าผมจะเป็นเบาหวานตายซะก่อน

“นี่แก้วแรกของสัปดาห์”

“กล้าสาบานมั้ย”

สาบานก็ตายฟรีดิแม่...

“แก้วที่สาม”

“เนี่ย! แกมันขี้โกหกจริงๆเลย ทำไมนะทำไม ทำไมแกนิสัยไม่เหมือนพี่ชายแกเลยนะไนซ์ หัดเอาเยี่ยงอย่างพี่นันท์เขาบ้างสิ”

“แม่เอาไนซ์ไปเปรียบเทียบกับพี่นันท์อีกแล้วนะ ไนซ์จะงอนแม่ ไนซ์จะฟ้องพ่อด้วย”

“ไอ้ลูกขี้ฟ้อง!”

“ตกลงยังไงเนี่ยแม่ ไอ้ยักษ์เป็นยังไงบ้าง”

“มันไม่อยู่แล้ว”

“ห้ะ!? แม่หมายความว่ายังไง”

“ก็แบบที่แกเข้าใจนั่นแหละ”

แบบนี้ก็แปลว่าไอ้ยักษ์มันตายแล้วเหรอ... โฮ ยักษ์ลูกพ่อ เพิ่งเห็นหน้ากันอยู่หลัดๆแท้ๆ

แล้วน้ำอุ่นๆก็ไหลออกมาจากตา ถึงผมจะไม่ได้เจอมันมาตั้งแต่มันยังตัวเล็กๆ แต่ผมก็ผูกพันกับมันมากนะไอ้หมาตัวนี้น่ะ แค่คิดว่ามันจากโลกใบนี้ไปแล้วผมก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ น้ำตานี้เพื่อแสดงถึงความรักและความผูกพันที่ผมมีให้กับไอ้ยักษ์ ภาพลักษณ์อะไรไม่สำคัญแล้ววินาทีนี้ ร้องไห้แม่งเลย!

“ไอ้หนุ่ม หนูร้องไห้ทำไมลูก เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ฮือ เปล่าครับป้า”

“ไอ้ไนซ์ แกเป็นอะไรของแก”

“ก็ไอ้ยักษ์มันตายแล้วอะแม่ ฮือ ไนซ์ยังไม่ได้บอกลามันเลยนะ ไนซ์สงสารมันอะแม่ ฮึก โธ่ไอ้ยักษ์ลูกพ่อ...”คำพูดต่างๆนานาออกจากปากผมไม่หยุดหย่อน

“แล้วใครเขาบอกแกว่ามันตาย”

อ้าว...

ผมที่กำลังจะอ้าปากพูดประโยคต่อไปต้องรีบกลืนคำพูดนั้นลงคอ แถมยังเช็ดน้ำตาแบบลวกๆก่อนจะพูดกับแม่ต่อ เพื่อให้ทุกอย่างมันกระจ่าง

“อ้าว... อึก แล้วที่แม่พูดมันหมายความว่ายังไง”

“แกเลิกสะอื้นก่อนเลย อายชาวบ้านชาวช่องเขา อยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือไงตอนนี้”

“หะ หายแล้ว”

“เสียงสั่นก็ห้าม หยุดเดี๋ยวนี้เลย อายเขา”

“มันห้ามไม่ได้”

“โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโตเลย”

“แม่รีบๆบอกมาได้แล้วว่าที่แม่พูดหมายความว่ายังไง”

“ก็ที่แม่บอกว่ามันไม่อยู่แล้วน่ะ ไม่ได้หมายความว่ามันตาย แต่หมายความว่ามีคนเอามันไปเลี้ยงแล้วต่างหาก”

“แล้วทำไมแม่ไม่รีบอธิบาย”

“ก็แม่คิดว่าแกจะฉลาด”

“แม่!”หมดกันลุควิศวะมาดเท่ ยืนร้องไห้หน้าเหมือนหมาอยู่หน้าร้านน้ำปั่น แม่ทำไนซ์เสียภาพลักษณ์! แม่ใจร้าย!

ผมยืนคุยกับแม่อีกสักพักก่อนจะวางสายและจัดการถือโกโก้โอรีโอ้ปั่นขึ้นห้อง แต่ก่อนจะวางสายผมก็ไม่ลืมบอกแม่ว่าผมงอนที่แม่ทำให้ผมขายหน้า แถมยังทำให้เสียน้ำตาไปแบบไม่จำเป็นอีกด้วย

แต่พอบอกไปแบบนั้น ผมก็ได้รับเสียงพูดที่แสนจะอบอุ่นของแม่กลับมาว่า

ปัญญาอ่อน งอนอะไรไม่เข้าเรื่อง

โอเค จบเจ๊า ไนซ์จะไม่เร้าหรือ

พูดแล้วก็น่าน้อยใจนะครับ โดนด่าเหมือนหมูเหมือนหมาทำอย่างกับผมไม่ใช่ลูกอย่างนั้น แต่ไม่เป็นไร แม่โอนเงินไว ไนซ์จะไม่โกรธ

ผมเดินดูดน้ำโกโก้โอรีโอ้ปั่นเดินขึ้นบันไดมาอย่างสบายใจ

“ไนซ์”ผมที่ตั้งหน้าตั้งตาดูดน้ำโกโก้โอรีโอ้อยู่ต้องชะงัก เงยหน้าละปากออกจากหลอดมองไปยังเจ้าของเสียง

“ซีอิ๊ววว”ผมทักทายอีกฝ่ายที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่พร้อมกับกระเป๋ากีตาร์ที่ถืออยู่“มึงมาทำอะไรที่นี่วะ”

“อ๋อ กูมาหารุ่นพี่อะ มาเอากีตาร์ ไอ้นอร์ธก็มานะ”

“เหรอ งั้นกูไปดีกว่ามาทักทายแค่นี้แหละ กูไม่อยากเจอหน้ามัน”พูดจบผมก็เตรียมตัวใส่เกียร์หมา เจอหน้าไอ้เตี้ยมันกี่ครั้ง ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะไม่มีปากเสียงกัน ปากก็หมาอย่างนั้น ตัวก็เตี้ยอย่างนี้ มีอย่างเดียวแหละที่ผ่าน ก็คือหน้าตาของมัน ที่โคตรจะหล่อเลย

“เดี๋ยวดิ ยังคุยกันไม่เสร็จเลย”ซีอิ๊วเดินเข้ามาดึงแขนผมไว้

“อิ๊วปล่อยกูไปเถอะ ถือว่ากูขอ กูไม่อยากเจอหน้ามัน”

“เจอหน้ากูแล้วมันทำไม”

นั่นไง มันมาแล้ว...

“ก็ไม่ทำไม แค่ไม่อยากเจอ กูปวดหัว ขี้เกียจเถียง รำคาญมึงด้วย”ผมเปลี่ยนท่าทางจากที่เมื่อกี้พยายามหนี เป็นสู้หน้าไอ้เตี้ยมันสุดฤทธิ์

“หึ”

“หึอะไรของมึง”

“เปล่า”

“เปล่าได้ไง ก็มึงหึอะ กูได้ยินเต็มๆสองหูเลย”

“เปล่าก็คือเปล่าไง มึงจะอะไรกับกูเนี่ยเอ๋อ”

“กูชื่อไนซ์ไม่ได้ชื่อเอ๋อ”

“พูดกับมึงแม่งเหนื่อยที่สุดในกลุ่มแล้ว ขนาดออมสินมันพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง คุยกับมันยังรู้เรื่องกว่าคุยกับมึงเลย”นอร์ธมันว่า

หยาม มึงหยามกูมากเกินไปแล้วไอ้เตี้ย!

ผมกำลังจะอ้าปากเถียงมันกลับก็ถูกคนที่เตี้ยกว่าพูดขัดซะก่อน

“อิ๊ว เดี๋ยวกูไปรอที่รถนะ”ไอ้นอร์ธมันเดินไปหยิบเอากระเป๋ากีตาร์จากซีอิ๊ว

“เออๆ”

“กูไปก่อนนะไอ้เอ๋อ”

“โอ๊ะ!”

นอร์ธมันไม่ได้เดินไปเฉยๆนะครับ เพราะก่อนมันจะไป มันก็ไม่ลืมที่จะผลักหัวผมแรงๆจนหน้าแทบทิ่ม

โว้ยยย อะไรวะเนี่ย ชีวิตนี้ผมจะพ่ายแพ้ให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านอร์ธตลอดไปเลยหรือไง แค่จะหันกลับไปสู้มันบ้างผมก็ทำไม่ได้ เพราะแม่งตัวก็แค่นั้น แต่เดินไวเหมือนติดจรวด

“ไอ้เหี้ยนอร์ธ! ไอ้เตี้ย!”ทำได้แค่ตะโกนด่ามันเท่านั้น เพราะผมคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ไอ้นอร์ธนะไอ้นอร์ธ เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้”ซีอิ๊วพูดก่อนจะมองหน้าผม“อย่าไปถือสามันเลยนะ มันก็เป็นแบบนี้แหละ อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็ชินเอง”

“อือ แต่มึงสองคนเป็นเพื่อนกันได้ไงวะ นิสัยต่างกันโคตรๆ”

“ไม่รู้ดิ แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นเพื่อนกันไปแล้ว… แต่มึงอย่าโกรธมันเลยนะไนซ์ กูพูดจริงๆ นอร์ธมันคงอยากจะสนิทกับมึงเร็วๆ มันถึงได้ทำแบบนั้น”

“เนี่ย มึงเป็นคนดีอะ หล่อแล้วยังใจดีอีก”

“ชมกันตรงๆแบบนี้เลยเหรอวะ เขินนะเว้ย”

“ชมจริงๆ แต่เป็นคนดีขนาดนี้ มีแฟนยัง คบกับกูมั้ย กูชอบคนดี แถมมึงก็หล่อด้วย น่าจะรวยอีกต่างหาก”

“พูดจริงพูดเล่นเนี่ย กูไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวชะตาขาด”

“ห้ะ? ใครชะตาขาด”ผมขมวดคิ้ว ทำไมแค่คบกับผมต้องชะตาขาด

“ปะ เปล่า กูไม่ได้พูด”

“เปล่าอะไร ก็ได้ยินเต็มสองหูว่าพูดว่าชะตาขาด”

“กูว่าไอ้นอร์ธต้องบ่นกูแล้วแน่ๆเลย กูไปก่อนนะ บ๊ายบ่าย”แล้วซีอิ๊วมันก็เดินไปทิ้งผมไว้กับแก้วโกโก้โอรีโอปั่นและความงุนงง

อีหยังของเขาวะ...





#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 14-08-2019 12:46:21
เอ๋เจอไข่นอร์ธเข้าไป
เอ๋อนานเลย
 :mew3:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 14-08-2019 20:50:46
04

สมพงษ์พ่อกูเอง


“ไอ้ไนซ์ มึงเสร็จยังเนี่ย”

“แป๊บนึงๆ จะเสร็จแล้ว”

“รอนานแล้วนะเว้ย”

“เออ ก็รีบอยู่นี่ไง”

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของผมเริ่มปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ กิจกรรมโน่นนี่นั่นเริ่มประเดประดังเข้ามา

วันนี้ก็มีมาเพิ่มอีกหนึ่ง... ห้องเชียร์สุดมหัศจรรย์

ทักไปให้พี่ปีสามรับเป็นน้องก็ยังทักไปไม่ครบ นี่ก็มีกิจกรรมใหม่เพิ่มมาอีกแล้ว เออดี ตายเป็นตายงานนี้ เอาให้หัวหมุนกันไปเลย

ผมจัดการใส่เสื้อเชียร์ที่พี่ๆเขาแจกมาให้กับป้ายชื่อสุดกิ๊บเก๋ยูเรก้าที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะแจกมาทำไม ในเมื่อสุดท้ายมันก็ต้องเก็บลงกล่องหรือไม่ก็ต้องทิ้งไปอยู่ดี...

พอดูว่าตัวเองแต่งตัวเรียบร้อยแล้วผมถึงได้เปิดประตูห้องน้ำออกมาเจอกับพวกออมสินมัน

“นานจังวะ กว่าจะเสร็จ”

“เออหน่า ก็เสร็จแล้วนี่ไง”

“เก็บของดีหรือเปล่า ทำอะไรหล่นไว้มั้ย เช็คหรือยัง”เป็นซีอิ๊วที่ทักขึ้นหลังจากที่ผมตอบออมสินไปแบบนั้น เอาจริงๆ ทุกวันนี้ผมแทบจะเรียกซีอิ๊วว่าพ่อคนที่สองแล้ว เพราะดูแลดีเหลือเกิน ตั้งแต่เรื่องช่วยดูห้องเรียนตอนผมหาทางไปห้องเรียนไม่เจอไปจนถึงเรื่องอาหารการกิน

อีกนิดคงลามไปถึงเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมแน่ๆ

“เก็บดี เรียบร้อย เชื่อใจได้!”ผมมองสมาชิกในกลุ่มของตัวเอง จนสังเกตเห็นว่ามีใครคนใดคนหนึ่งหายไป“แล้วไอ้ไกด์ไปไหน”

“อ๋อ มีสาวมาตามให้มันไปช่วยเปลี่ยนเสื้อตั้งแต่มึงเดินเข้าไปอะ”ออมสินมันว่า

ว้อท!? กูไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย อะไรยังไง ทำไม เพราะว่าใคร

“เว่อร์แล้วออมสิน ผู้หญิงที่ไหนจะแรงเบอร์นั้นวะ”

“มึงอย่าดูถูก เดินมานี่นะนมแทบจะชนหน้าพวกกู แถมยังพูดกับไอ้ไกด์เสียงอ่อยๆอีกว่า ไกด์ขา ไปช่วยหยีเปลี่ยนเสื้อหน่อยสิคะ เปลี่ยนคนเดียวดูท่าจะไม่ไหว... แบบนี้เลย”นอกจากจะพูดเสียงเล็กแล้ว ออมสินมันยังทำท่าทางที่ผมก็ไม่รู้ว่าจะขำหรือขนลุกดี

“บ้า มึงพูดเกินไปเปล่า นี่ในมหา’ลัยนะเว้ย แล้วอีกอย่างก็ใกล้เวลาเข้าห้องเชียร์แล้วด้วย”

“มึงนั่นแหละ ไม่รู้เรื่องอะไร ถามผู้ร่วมเหตุการณ์ก็ได้ มันสองคนก็เห็น”

ผมหันไปหาซีอิ๊วกับไอ้นอร์ธ

“เออ กูยืนยัน ที่ออมสินพูดมันไม่ได้เว่อร์”

อะไรกันวะเนี่ยยย คนเรามันอยู่ปีหนึ่งแล้วสามารถแซ่บไฟลุกได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“นั่นไงมันมาโน่นละ”ผมมองตามนิ้วออมสินที่ชี้ไปหาไอ้ไกด์

โอเค หลักฐานมัดตัวแน่นหนา คอแดงเถือกมาขนาดนั้น กูเชื่อมึงแล้วออมสิน

“เป็นไงพ่อ ห้องเชียร์ก็แค่คำขู่ถูกปะ”

ไกด์มันยักไหล่ไม่สนใจอะไร แขวนป้ายชื่อและเดินนำพวกผมไปหน้าตาเฉย

ผมว่าชีวิตนี้ผมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ...


เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น

ไม่ชอบอะไรก็จะเจอแบบนั้น

ปวดหัวกับอะไรก็จะได้มันมาอยู่ใกล้ๆให้ปวดหัวแบบคูณสอง!

หอประชุมก็กว้าง คนก็มีตั้งหลายพันคน ทำไมผมถูกจับมานั่งกับมันได้วะ...

“มองหน้ากูทำไม”

“ทำไมกูต้องได้นั่งข้างมึงด้วยวะ”

“มันเลือกได้มั้ง ก็พี่เขาจัดมาแบบนี้”

“กูไม่อยากนั่งกับมึง!”

“มึงก็ไปบอกพี่เขาดิ มาบอกอะไรกู”

“โว้ยยย”

“น้องๆตรงนั้นหยุดคุยได้แล้วค่ะ!”

เสียงของพี่สต๊าฟที่ยืนอยู่ข้างๆแถวตะโกนบอก จนผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงไอ้นอร์ธต้องหุบปากของตัวเองและทำได้เพียงแสดงสีหน้าไม่พอใจใส่มันเท่านั้น

กิจกรรมเชียร์จะถูกจัดขึ้นที่หอประชุมแห่งนี้ คณะอื่นๆอาจจะไปใช้สถานที่ร่วมกัน แต่กับวิศวะมันไม่ใช่ครับ

ฉายเดี่ยวเลยคณะผมน่ะ

ห้องเชียร์จะเริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงสองทุ่มของทุกๆวัน โดยจะเว้นวันศุกร์ไว้วันหนึ่ง

คงหยุดให้เผื่อใครที่คิดจะกลับบ้านในวันหยุดล่ะมั้ง... แต่ถึงจะเว้นวันศุกร์ไว้ให้วันหนึ่ง มันก็ยังเยอะอยู่ดีอะในความคิดของผม เพราะห้องเชียร์ก็ปาไปตั้งสี่วันแถมระยะเวลาที่ใช้จัดกิจกรรมต่อวันยังเยอะอีกต่างหาก

“เบียบเชียร์!”

เชี่ย! ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นอะ ใจผมนี่ตกไปอยู่ตาตุ่มเลยตอนพี่หน้าโหดๆที่เพิ่งเดินเข้ามาตะโกนออกมาแบบนั้น ปีหนึ่งทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง

ผมเองก็งงเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าอีหยังมันคือเบียบเชียร์...

“พี่สั่งอะไร ทำไมไม่ทำตาม!”

กูจะรู้มั้ยล่ะพี่ เบียบเชียร์คืออะไรกูยังไม่รู้เลย

“พี่สั่งให้ทำอะไร!”

ก็พี่มึงยังไม่ได้สอนนน จะให้กูทำอะไรล่ะครับพี่ รำฉุยฉายหรือไง

“จะหาเรื่องกันตั้งแต่วันแรกเลยใช่มั้ย!”

สเตร็ปซิลต้องเข้าแล้วนะ ตะโกนจนกระเดือกแทบหลุดออกมาแล้วนะนั่นน่ะ

แล้วก็มีพี่สต๊าฟคนหนึ่งเดินเข้าไปหาพี่หน้าโหดที่ใส่ชุดวิศวะแบบฟูลออปชั่นยืนตามระเบียบพักอยู่ด้วยท่าทางเกรงขาม เขาสองคนกระซิบคุยกันครู่หนึ่งก่อนที่พี่หน้าโหดจะหันกลับมาทำหน้าที่ต่อ

“ปีสองที่รับผิดชอบหน้าที่สอนน้องอยู่ไหน!”

ภายในห้องประชุมเงียบกริบ มองกันซ้ายทีขวาที ไอ้ที่มองน่ะไม่ใช่พวกพี่ปีสองนะครับ แต่เป็นปีหนึ่งอย่างพวกผมที่อยากรู้อยากเห็นจนตัวสั่นว่าเขาจะทำอะไร

“พี่ถามว่าปีสองที่รับผิดชอบหน้าที่นี้อยู่ไหน!”

“อยู่นี่ค่ะ”แล้วพี่ตัวเล็กน่ารัก ผมหน้าม้า โคตรคาวาอิก็ยกมือขึ้น

“ทำไมถึงไม่สอนน้อง”

“…”

“พี่ถามว่าทำไมถึงไม่สอนน้อง!”

“ขอโทษค่ะพี่ คือพวกหนูลืมกันจริงๆค่ะ พวกเรามัวแต่จัดแถวให้น้องกันอยู่”

“ลืมเหรอ เหตุผลง่ายดีนี่ ถ้าพี่บอกว่าในหอประชุมนี้มีระเบิด ให้น้องไปบอกทุกคนให้หนี แต่น้องดันลืม มันจะเกิดอะไรขึ้น”

ลามไปนั่น...

“ขอโทษค่ะพี่ คราวหลังพวกหนูจะไม่ลืมอีกแล้ว”

“ไปวิ่ง”

“คะ?”

“ปีสองทุกคนที่รับผิดชอบหน้าที่นี้ไปวิ่งรอบสนามให้หมด ปฏิบัติ!”

แล้วพวกพี่ๆที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นปีสองก็ทยอยลุกและวิ่งเหยาะๆกำลังจะออกไปนอกหอประชุม

“นับให้พี่ได้ยินด้วย!”

“ค่ะ!”

บ้าบอ ใครมันจะได้ยินวะ หอประชุมกับสนามไม่ได้อยู่ใกล้กันเลยนะ ตะโกนให้คอแทบแตกก็คงได้ยินเหมือนเสียงแมลงหวี่บินข้างหูหรือไม่ก็อาจจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ

โธ่... พวกพี่ปีสองที่น่าสงสารของผม


“ไนซ์ มึงไม่กินเหรอวะ...”

คำถามของออมสินทำให้ผมก้มมองกล่องข้าวที่บรรจุข้าวกับเศษซากใบกะเพราพร้อมวิญญาณของหมูในดงถั่วฝักยาว

ถ้าจะให้มาแค่นี้ ให้กูแดกข้าวเปล่าเหอะพี่...

“ไม่อะ กูไม่ค่อยหิว”ผมตอบ

“งั้นกูขอได้ปะ”

“มึงหิวถูกมั้ยออมสิน?”

“เออดิ นี่ก็จะสองทุ่มแล้วนะเว้ย กูยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”

“พูดซะน่าสงสารเลย อะ เอาไป”ผมยื่นกล่องข้าวของตัวเองออมสิน

“แต้งกิ้วมากเลยเพื่อน”

หลังจากทำกิจกรรมต่างๆนานาเสร็จแล้ว พี่ๆเขาก็เอาข้าวมาแจกคนละกล่องพร้อมกับน้ำคนละแก้ว แต่ผมไม่มีอารมณ์กินเลยสักนิด อยากกลับห้องขั้นสุด อยากซุกตัวใต้ผ้าห่ม อยากนอนเล่นเกม อยากทำทุกๆอย่าง อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่มานั่งรอแบบนี้

แต่ที่พวกผมต้องติดแหง็ก ยังลุกไปไหนไม่ได้ต้องมานั่งล้อมวงกินข้าวกันแบบนี้ ก็เพราะพี่ๆสต๊าฟเขาบอกว่าให้รับกล่องข้าวมาก่อนแล้วมานั่งกินรอกันไป เดี๋ยวเขาจะมีอะไรมาประกาศ

อยากกลับห้องแล้วโว้ยยย

“น้องๆคะ หันมาทางนี้หน่อยค่ะ”

เสียงของใครบางคนที่ระดับความดังเบาของเสียงไม่เท่ากันเรียกความสนใจของพวกผมได้เป็นอย่างดี

ผมหันไปมองพี่สต๊าฟหน้าตาน่ารักถือโทรโข่งเพื่อที่จะมาป่าวประกาศอะไรสักอย่าง

“ต่อไปเป็นการจับสายรหัสนะคะ”

ทันทีที่พี่เขาพูดแบบนั้น เสียงร้องเฮด้วยความดีใจก็ดังขึ้น ดีใจจริงๆอันนี้ สาธุบุญ ขอให้บุญบารมีที่ลูกเคยได้ก่อ จงนำพาพี่รหัสสวยๆมาให้ด้วยเถิด สาธุ

“กูเตรียมไหว้พระรอเลย ขอพี่รหัสสวยๆแซ่บๆ”ออมสินมันว่า

“เกินไปมั้ยออมสิน พี่รหัสนะไม่ใช่เมีย มึงจะเอาไปทำไมสวยๆแซ่บๆ”ซีอิ๊วพูด

“ไม่ได้หรอกอิ๊ว เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะเป็นสายรหัสครอบครัว กูผัวเขาเมีย”

“จัญไร”ไอ้ไกด์มันว่าบ้าง

“จ้า ศีลธรรมล้นเหลือนะมึงอะ พูดอะไรเกรงใจรอยที่คอบ้างพ่อ”

“เรื่องของกู”ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับการเถียงกันไปมาของเพื่อนๆในกลุ่ม

พี่คนสวยคนนั้นเขายิ้มก่อนจะพูดต่อ

“และแน่นอนค่ะ น้องๆไม่ต้องมาเสียเวลาจับสายรหัสทีละคนแล้วนะคะ เพราะรหัสมันรันมาอยู่แล้ว”

อ้าว... แบบนี้มึงไม่ต้องเรียกจับสายรหัสก็ได้มั้งครับพี่

เสียงโห่ด้วยความผิดหวังดังระงมจนพวกพี่ๆเขาต้องปรามไม่ให้เสียงดังไปมากกว่านี้

“ใจเย็นๆค่ะ มันเป็นแบบนี้มาทุกปีเนอะ อะๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราทุกคนก็จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนกันสักที มาค่ะ เดี๋ยวจะเรียกตามชื่อนะคะ พอถึงชื่อใครก็ลุกขึ้นมาเอาชื่อสายของตัวเองเลยนะคะ รอฟังชื่อตัวเองดีๆน้า”

พี่คนสวยพูดจัดการทุกอย่างจนเสร็จสรรพ

หมดกัน ฝันสลายภายในสองนาที เฮ้อ อดิรัตน์เศร้าครับ


สมพงษ์พ่อกูเอง

กูถามจริง

กูถามจริงงงง

กูถามจริงงงงงงงงง

ผมมองกระดาษในมือของตัวเอง ที่พี่เขาฉีกจากใบรายชื่อมาให้...

นี่มันชื่อสายรหัสผมเหรอวะ... ทำไมสิ้นคิดขนาดนี้อะ

“มึงว่า Sweetie sunshine คือใคร”

“มึงไม่ต้องมาสงสัยเลยออมสิน หน้าที่สงสัยอะให้เป็นของกูดีกว่า Nightmare ชื่อโคตรลึกลับเลย”

บทสนทนาของออมสินกับซีอิ๊วดังขึ้นระหว่างที่พวกเรากำลังเดินออกจากหอประชุมพร้อมกับดาษคนละใบในมือ เนี่ย ดูดิ ชื่อสายรหัสมันสองคนโคตรจะดูดีเลย ภาษาอังกฤษแบบเท่ๆคูลๆ

ของผมอะไร ไทยจ๋าเลย

“มึงสามคนได้อะไร”เป็นออมสินที่หันมาถาม ไกด์มันมองกระดาษในมือตัวเองก่อนจะตอบ

“Begin007”

“ของกูอ่านว่าอะไรก็ไม่รู้ว่ะ เอ็น ไอ พี”นอร์ธมันยื่นกระดาษมาให้ออมสิน ทันทีที่มันเห็นมันก็ตาโตทันที

“ปิ่น ปิ่นแน่ๆของมึงอะไอ้นอร์ธ”

“มึงเอาอะไรมามั่นใจวะ”เป็นไกด์ที่ถาม

“ก็แฟนเก่ากูตั้งชื่อไลน์แบบนี้”

“ไอ้ห่านี่ อย่าเอาแฟนเก่าตัวเองมาเป็นตัววัดได้มั้ยล่ะ...”

“แหะ แต่มึงเชื่อกูเถอะไอ้นอร์ธ ชื่อปิ่นแน่ๆ ผู้หญิงชัวร์!”ออมสินมันหันกลับไปหาไอ้นอร์ธ นอร์ธมันส่ายหัวก่อนจะหยิบกระดาษกลับมาเก็บลงในกระเป๋ากางเกง

“แล้วของมึงได้รหัสอะไรวะไนซ์”ซีอิ๊วเป็นคนถามและมองมาทางผม ออมสินมันหยุดพูดและหันมามองหน้าผมเหมือนอยากรู้คำตอบ

แหม พอเป็นเรื่องชาวบ้านนี่หันควับเลยนะมึง

“ไม่ต้องอยากรู้ก็ได้มั้ง…”

“อะไรวะไนซ์ เพื่อนปะเนี่ย พวกกูก็บอกกันไปหมดแล้วเหลือมึงคนเดียว ทำไม ชื่อพี่มึงมีอะไร มันดีมากจนไม่อยากให้พวกกูรู้เลยเหรอ”

ไอ้สัดดด มึงก็พูดได้ดิ ชื่อพวกมึงไม่น่าอายเหมือนกูไง

“เร็วๆบอกมา”

“ชื่อสายรหัสกูไม่เท่เหมือนพวกมึงอะ”

“โอ๊ยยย เรื่องแค่นี้ ไหนๆ ชื่ออะไร มึงลองพูดมาสิ เดี๋ยวกูตัดสินให้ว่าเท่หรือไม่เท่”

“ห้ามขำนะเว้ย”

“เออ ไม่ขำ”

อายฉิบหายเลย... ไม่อยากบอกเลยเอาจริงๆ ทั้งกลุ่มได้ชื่อภาษาอังกฤษหมด ยกเว้นผมคนเดียว...

“สมพงษ์พ่อกูเอง”

“ห้ะ!?”คำว่าห้ะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของออมสินมัน

ไหนมึงบอกจะไม่หัวเราะไงสัด!

“นี่ประโยคบอกเล่าหรือชื่อของพี่รหัสมึง”

“ไหนมึงบอกจะไม่หัวเราะไง”

“โทษๆ แต่มันอดไม่ได้ว่ะ”ออมสินยังคงหัวเราะไม่หยุด

ไอ้ออมสิน! ไอ้คนผิดคำสัญญา!

“กูว่าเท่ดีออก ไม่เหมือนใครดี”ซีอิ๊วว่า

“มึงไม่ต้องพูดให้กูสบายใจก็ได้นะ เมื่อกี้กูเห็นมึงแอบหัวเราะ”

“อ้าว เห็นเหรอ”แล้วซีอิ๊วมันก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เก็บ

“ไม่น่าบอกพวกมึงเลยงว่ะแม่ง”ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย ตอนนี้ทำได้มากที่สุดก็แค่หน้างอแค่นั้นแหละ

“แหม อย่างอนเลยมึง เดี๋ยวกูยกให้มึงเป็นหัวหน้ากลุ่มเลย”

“ออมสิน กูไม่ใช่เด็กประถมนะ”

“สมองมึงก็เหมือนอยู่นะ”

“สัด สมองแบบกูกับแบบมึงมันก็แบบเดียวกันนั่นแหละ”

แทนที่มันจะโกรธ ออมสินมันกลับหัวเราะหนักกว่าเดิม แถมยังล้อชื่อสายรหัสผมไม่หยุดอีกด้วย

“พวกมึง”เราทุกคนหันไปหาซีอิ๊วที่ยืนมองมือถือตัวเองอยู่“พวกมึงมาดูนี่ดิ”

“อะไรวะ...”

“พี่รหัสทักไลน์มา... นี่ไง”ซีอิ๊วมันยื่นมือถือมาให้พวกผมดู สิ่งที่โชว์หลาอยู่บนหน้าจอคือ ไลน์ของผู้ใช้ที่ใช้ชื่อว่า Nightmare ทักมาด้วยข้อความสั้นๆว่า



Nightmare

สวัสดีค่ะน้องรหัส



ส่วนรูปโปรไฟล์เป็นรูปอะไรก็ไม่รู้ดำๆ ผมเห็นมันไม่ชัดเพราะมันเล็กนิดเดียว

สวัสดีค่ะนี่ก็น่าจะเป็นผู้หญิงสินะ...

“เขาเอาไลน์มึงมาจากไหนวะ”ออมสินเงยหน้าถาม

“อาจจะเป็นตอนที่พี่เขาให้พวกเรากรอกพวกช่องทางการติดต่อก็ได้ กูว่าน่าจะตอนนั้น”ซีอิ๊วตอบก่อนจะมองมือถือตัวเองอีกครั้ง“กูขอตอบเขาแป๊บ”

“แต่ของกูเขาทักไอจีมาว่ะ”เป็นไกด์ที่พูดขึ้นพร้อมยื่นมือถือมาให้พวกผมดูอีกคน ของไกด์มันเป็นยูสเซอร์เนมอินสตาแกรมที่ชื่อว่า Begin007 ทักมาด้วยถ้อยคำที่แสนจะสดใสกับอีโมตีค่อนหนึ่งตัว



Begin007

สวัสดีค่าน้องไกด์

ʕ≧ᴥ≦ʔ



คนนี้ก็น่าจะผู้หญิงสินะ...

ยิ่งรู้แบบนี้ใจยิ่งหายครับ เพราะชื่อสายรหัสผมน่ะมันน่ากลัวซะยิ่งกว่าอะไร

สมพงษ์อะ... สมพงษ์พ่อกูเอง

ผู้หญิงที่ไหนจะตั้งชื่อแบบนี้เป็นชื่อสายตัวเองตอบก่อนนน

“ของกูก็เหมือนจะทักมาว่ะ... เฮ้ยๆๆ ผู้หญิงแน่ๆ สติ๊กเกอร์น่ารัก ออร่าความดีงามทะลุผ่านตัวหนังสือ”ออมสินที่เพิ่งดูมือถือตัวเองกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

เอาล่ะ... เหลือแค่พี่รหัสผมกับไอ้นอร์ธมันสินะ ผมมองหน้ามัน มันมองหน้าผม

แล้วผู้โชคดีคนนั้นก็คือออ

ติ๊ง!

“พี่รหัสทักกูมา”

ไอ้นอร์ธครับ...

นอกจากมึงจะตั้งชื่อสายได้โคตรสิ้นคิดแล้วมึงยังจะเทกูด้วยเหรอวะพี่

“ของมึงทักมายังไนซ์”ออมสินถาม

“ยัง คงยังไม่ว่างมั้ง”ขอดึงดราม่าแป๊บ ชีวิตกูมันจะรันทดไปถึงไหน มีพี่รหัส พี่รหัสก็เท

“ไอ้เอ๋อ”ผมหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างไอ้นอร์ธ

“…”

“กูเรียก ได้ยินมั้ยเนี่ย”รอบนี้มันใช้เท้าสะกิดขาผม โคตรจะมีมารยาทเลยสัด!

“อะไร มึงจะกวนประสาทอะไรกูอีกล่ะ”

“เปล่า กูไม่ได้จะกวนประสาท แต่พี่รหัสกูบอกว่าพี่รหัสมึงฝากเขามาบอกกับมึงว่า อย่าเพิ่งรีบคุย ขอกูกลับไปเติมเน็ตก่อน เน็ตกูหมด”

กูถามจริง พี่รหัสกูบอกแบบนี้จริงดิ...

“มึงหลอกกูปะเนี่ย”

“กูไม่ได้หลอก”

“ไหนเอามาดูดิ”ผมรีบคว้าเอามือถือในมือของไอ้นอร์ธมาดู



NIP

อยู่กลุ่มเดียวกับน้องไนซ์ใช่มั้ย น้องไนซ์ไข่สวรรค์อะ พี่เคยเห็นเราไปไหนมาไหนด้วย

North

ใช่ครับ

NIP

อื้อ งั้นพี่ฝากบอกหน่อยว่า พี่สมพงษ์พ่อกูเองอะ ฝากมาบอกว่า

อย่าเพิ่งรีบคุย ขอกูกลับไปเติมเน็ตก่อน เน็ตกูหมด

เอาแบบนี้เป๊ะๆเลยนะมันบอก



โอเค ไอ้นอร์ธมันไม่ได้หลอก...

“กูว่าพี่รหัสมึงต้องไม่ธรรมดาแน่ๆว่ะไนซ์”

“พี่รหัสพวกกูสู้ไม่ได้เลยสักคน”เป็นออมสินกับซีอิ๊วที่ยื่นหน้ามาดูข้อความในมือถือเหมือนกันพูดขึ้น จะเถียงพวกมันก็ไม่กล้า เพราะหลักฐานมันคาตาขนาดนี้

เออ... กูก็คิดแบบพวกมึงเหมือนกัน พี่รหัสกูต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ



#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 4) - 14/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-08-2019 01:07:11
 :katai2-1:
 o13
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 4) - 14/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 15-08-2019 12:52:53
ฮาคำใบ้พี่รหัสแต่ละคน
 :mew3:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 15-08-2019 20:22:25
05

โกโก้โอรีโอ้จะเยียวยา


สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูมาละ



ผมอ่านข้อความที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอมือถือก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

หมดหวังจริงๆ ไอ้ที่เคยวาดฝันว่าจะได้พี่รหัสเป็นสาวสวย หน้าตาน่ารักน่ะ

กูมึงขนาดนี้... พิมพ์มาห้วนๆแบบนี้

ผู้ชายแน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย



สมพงษ์ พ่อกูเอง

อ่านแล้วไม่ตอบ

มึงปาโทรศัพท์ออกนอกโลกเหรอ

Adirat Nice

แป๊บดิพี่

ผมเพิ่งถึงห้อง



จริงๆก็ถึงนานแล้วแหละ อาบน้ำเตรียมตัวนอนแล้วด้วย ตอนแรกวางแผนไว้ว่าถ้าอาบน้ำเสร็จว่าจะอ่านการ์ตูนที่อ่านค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนให้จบอีกสักตอนแล้วก็จะเข้านอน

เพราะไอ้คำว่าเบียบเชียร์มันทำพิษจนผมล้าไปหมด ลำพังแค่หอบสังขารพาตัวเองไปอาบน้ำได้นี่ก็ถือว่าบุญเท่าไหร่แล้ว

ผมจัดหมอนของตัวเองให้เข้าที่อีกครั้ง ซุกตัวเอาขาหาจุดที่สบายที่สุดภายใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนจะอ่านข้อความล่าสุดที่พี่รหัสผมส่งมา



สมพงษ์ พ่อกูเอง


ตอแหลกูละ

น้องรหัสเพื่อนกูบอกว่ามันแยกกับมึงมาได้ชั่วโมงครึ่งแล้ว



ฉิบหาย... มึงเป็นนักสืบหรือไงพี่ ทำไมข้อมูลแน่นเหลือเกิน



สมพงษ์ พ่อกูเอง

ทำไม

ไม่อยากคุยกับกูหรือไง



อะ รูปประโยค น้อยใจประดุจว่าเป็นเมียกูเลย

เอาจริงๆ ผมไม่ได้รังเกียจหรือกลัวอะไรพี่เขาหรอก แต่ผมแค่ไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาสักเท่าไหร่

เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็รูปโปรไฟล์ของพี่มันไง มันใช้รูปผมตอนแอบหลับวันที่ทำกิจกรรมวันแรกพบมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน

เลือกรูปได้เหี้ยมาก...



Adirat Nice

ไม่ใช่แบบนั้น

แต่พี่ช่วยเปลี่ยนรูปโปรก่อนได้มั้ยอะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ทำไม มันไม่ดีหรือไง

กูใช้รูปมึงเลยนะ

ให้เกียรติมึงแบบสุดฤทธิ์



กูไปไม่เป็นเลย...

นี่การตั้งรูปใครสักคนเป็นรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กมันคือเขาให้เกียรติเหรอ!

ใครมันเป็นคนสอนมึงวะพี่!



Adirat Nice

เปลี่ยนเถอะพี่

ผมเหมือนคุยกับตัวเองเลย

(T▽T)

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เรื่องมากว่ะมึงนี่

กูไม่เปลี่ยน

จบมั้ย



โอเค รู้เรื่อง...

ผมวางมือถือลงบนเตียงที่ตัวเองนอนอยู่ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมบอกกับพี่สมพงษ์ว่าผมขอตัวไปทำธุระ ไม่เกินสิบนาที

เข้าห้องน้ำอะไม่ถึงห้านาทีหรอก... เวลาที่เหลือจะเอาไปทำใจ

มีพี่รหัสแบบนี้สุดแสนจะเศร้าเลย





สมพงษ์ พ่อกูเอง

มึงถึงมอยัง



ผมก้มอ่านข้อความแรกในเช้าวันนี้ของพี่รหัสตัวเอง ที่ส่งมาถามไถ่ราวกับว่าผมเป็นผัวเขาอย่างนั้น



Adirat Nice

ถึงแล้ว

พี่มีอะไรหรือเปล่า

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เดี๋ยวกูฝากของไปให้

Adirat Nice

จริงจัง?

สมพงษ์ พ่อกูเอง

หน้ากูเหมือนตลกมั้ง

อยู่ตรงไหน บอกมา เดี๋ยวกูฝากของไปให้

Adirat Nice

โหดแท้...

ผมอยู่โรงอาหารคณะ

*ส่งรูปภาพแล้ว*

ตรงนี้



ผมถ่ายรูปจุดที่สังเกตได้ง่ายที่สุดส่งไปให้เขาดู ไม่นานพี่มันก็อ่านแล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์แบ๊วๆมาหนึ่งตัว ซึ่งดูจากคำพูดห้วนๆที่พี่มันส่งมาแล้ว แม่งไม่เหมาะกันเลยสักนิด

เพราะวันนี้ผมมีเรียนเช้า มื้อแรกของวันเลยมาเริ่มที่โรงอาหารคณะ เอาจริงๆปกติผมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยทำอาหารกินเองที่ห้องอยู่แล้ว โทรสั่งมากินตลอด

ที่ไม่ทำไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะผมทำอาหารไม่เป็น...

แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เคยลองทำนะ ผมเคยลองทอดไข่ดาวครั้งหนึ่ง แล้วผลที่ออกมาก็เลยทำให้ตัดสินใจโทรสั่งเขามากินนี่แหละ เพราะไข่ดาวแม่งดำเป็นตอตะโกเลย

“คุยกับใครวะไนซ์”เสียงนั่นของออมสินทำให้ผมต้องเงยหน้าจากหน้าจอมือถือขึ้นไปมอง คงไม่ใช่แค่ออมสินที่อยากรู้ว่าผมคุยกับใคร เพราะพวกที่เหลือมันก็หันมามองผมเหมือนกัน

“พี่รหัสกูไง”

“อ๋อ พี่สมพงษ์อะนะ”

“เออ แต่อย่าย้ำนักได้มั้ย”ออมสินหัวเราะก่อนจะพูดต่อ

“คุยเรื่องอะไรวะ”

“ทำไมอยากรู้อยากเห็นจังอะ”

“ด่ากูเสือกก็ได้ไนซ์ ไหนๆก็ขนาดนี้แล้ว”

“เสือก”

“สัด ง่ายเกิน”

“น้องไนซ์คะ”

บทสนทนาหยุดชะงัก ผม ออมสินและพวกที่เหลือเบนความสนใจไปหาพี่สาวคนสวยผมยาวประบ่ากับหน้าม้าซีทรู

แอคแทค! ไนซ์โดนโจมตีครับแม่!

“น้องไนซ์คือคนไหนคะ”

“ผมครับ”เพราะถูกย้ำอีกครั้งผมถึงได้ยกมือตอบ

“คนนี้นี่เอง”พี่เขายิ้มก่อนจะยกถุงอะไรสักอย่างในมือมาไว้ตรงหน้าผม ผมมองผ่านเข้าไปในถุงร้อนที่ตอนนี้ถูกเอามาใช้บรรจุอะไรสักอย่าง

อะไรวะสีดำๆ... เฉาก๊วย?

“เอ่อ... มันคืออะไรเหรอครับ”

“ไข่มุกค่ะ พี่รหัสน้อง สมพงษ์พ่อกูเองฝากมาให้”

“ห้ะ... ไข่มุก ที่ใส่ในชานมไข่มุกเหรอครับ”เป็นออมสินที่ถามแทนความสงสัยที่ผมมีอยู่

“ค่ะ”

กูถามจริงอีพี่สมพงษ์ มึงให้เหี้ยอะไรกูมาเนี่ยยย

ไข่มุกเปล่าๆ ไม่มีน้ำอะไรใส่มาด้วยสักอย่าง...

“พี่รหัสมึงแม่งสุดจริงว่ะไนซ์”ไกด์มันนั่งหัวเราะก่อนจะตักข้าวเข้าปากแบบไม่สนใจอะไร

สุดท้ายผมก็รับมาแบบปฏิเสธไม่ได้ ถ้าปฏิเสธไปก็เห็นจะมีแต่สร้างความร้าวฉานให้สายรหัสเปล่าๆ ไข่มุกถุงใหญ่เท่าหัวเด็กเปลี่ยนที่อยู่มาอยู่ในมือของผมเป็นที่เรียบร้อยก่อนที่ผมจะเงยหน้าจากถุงไข่มุกไปหาพี่สาวคนสวยคนนั้นอีกครั้ง

“ขอบคุณนะครับ”

“ค่ะ อ๋อ พี่ลืมอีกอย่าง”

“ครับ?”

“พี่รหัสน้องฝากมาบอกค่ะ”

“เขาฝากบอกว่าอะไรครับ”เอาวะ ไหนๆก็ได้ของนี่มาจนใจห่อเหี่ยวแล้ว อย่างน้อยๆถึงมันจะเป็นข้อความที่พี่รหัสฝากบอกมา แต่ผมก็ขอให้ได้ยินเสียงพี่คนสวยเพิ่มอีกสักวิสองวิ เผื่อมันจะช่วยฮีลใจเหี่ยวๆของผมได้

“เอ่อ... ขอโทษนะ”

ขอโทษอีหยังวะ...

ผมมองหน้าพี่เขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเขาจะขอโทษผมทำไม

“แดกให้หมดนะไอ้สัด ถ่ายรูปตอนแดกมาให้กูดูด้วย... เขาฝากมาแบบนี้ค่ะ”

“…”

“งั้นพี่ไปก่อนนะคะ กินให้อร่อยนะ”

ผมนั่งเอ๋ออยู่สักพักก่อนพี่เขาจะเดินจากไป เคว้งเลย อยากจะเกิดให้เร็วกว่านี้สักปี... ผมจะได้ไปบอกให้พี่สาวคนนั้นเลิกคบหากับอีพี่สมพงษ์พ่อกูเองซะ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย คนน่ารักๆแบบนั้นไม่ควรมาแปดเปื้อน!

หนีไปครับพี่หนีไป!

“กูอึ้งแป๊บ พี่คนสวยกูพูดแบบนั้นใส่ไอ้ไนซ์จริงดิ... ไม่อยากเชื่อ”

มันเป็นไปแล้วออมสิน

“กูคิดว่าเขาควรเลิกคบกับพี่รหัสไอ้ไนซ์ ก่อนที่เขาจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้”

ใช่เลยซีอิ๊วเพื่อน พี่เขาควรอยู่ในสังคมที่ดีกว่านี้



สมพงษ์ พ่อกุเอง

ไง

ชอบมั้ย



ข้อความใหม่ของพี่รหัสผมถูกส่งมา ผมเปิดอ่านและพิมพ์ตอบกลับไปทันที



Adirat Nice

พี่ให้อะไรผมมาเนี่ยยย

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ทำไม มึงไม่ชอบหรือไง

กูเห็นเขาฮิตชานมไข่มุกกันเลยซื้อมาฝาก



สัด ซื้อมาฝากบ้านมึงสิ มาแต่มุกเนี่ย...



Adirat Nice

แต่นี่มันไข่มุกเฉยๆไงพี่

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เรื่องมากจังวะ

แดกๆไปเหอะ

งบกูมีน้อย

Adirat Nice

พี่ซื้อมาแบบนี้ไม่แพงกว่าเหรอ

ลงทุนซื้อมาให้ผมแก้วเดียวก็ได้

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เรื่องมากแล้วยังโง่อีก



อ้าว กูโง่อะไรวะ...



สมพงษ์ พ่อกูเอง

ถ้ากูซื้อให้มึงแก้วเดียว มึงก็จะได้กินแค่ชานมไข่มุก

แต่ถ้ากูซื้อแบบนี้ให้มึง มึงจะเอามันไปกินกับน้ำอะไรก็ได้

หรือมึงจะเอาไปใส่ในก๋วยเตี๋ยวก็ได้นะ

เนี่ย กูมีเหตุผล



โว้ยยย มันอะไรวะเนี่ย ในหัวมีแต่คำว่าทำไมๆๆ

ทำไมกูต้องได้มึงเป็นพี่รหัสด้วย!



ผมกลับมาที่ห้องพร้อมกับความเหนื่อยล้า เพิ่งรู้ว่าการเรียนในมหา’ลัยมันจะต้องใช้พลังงานเยอะขนาดนี้ ตอนแรกที่สอบเข้ามาก็คิดว่ามันน่าจะสนุก แต่ทำไปทำมา มันไม่ใช่เลย แถมยังเหนื่อยโคตรๆอีกด้วย

ผมทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้อง นอนเหยียดยาวเพื่อบรรเทาความเมื่อยล้าที่ตัวเองมี

หรือเพราะช่วงนี้กิจกรรมมันเยอะวะ ผมถึงได้เหนื่อย หลังจากนี้ถ้ากิจกรรมน้อยลงผมอาจจะไม่เหนื่อยเท่านี้ก็ได้

นอนอยู่ดีๆผมก็นึกอะไรได้ รีบลุกพรวดคว้าเอามือถือกับกระเป๋าสตางค์และเดินไปสวมรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ตรงประตู

เหนื่อยๆแบบนี้ โกโก้โอรีโอ้จะเยียวยา

ผมเชื่อแบบนั้น แต่ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกผมก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะใครบางคนที่ไม่ควรมายืนอยู่หน้าห้องของผมมันกลับยืนจ้องหน้าผมอยู่ในตอนนี้

“ไอ้นอร์ธ...”

“อ้าว”ไอ้เตี้ยมันหน้าเหวอ ตาคมในกรอบแว่นเบิกโพลง มันไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเลยต้องเป็นคนที่พูดเพื่อต่อบทสนทนาของเราทั้งคู่

“มึงมีอะไรวะ ทำไมถึงมายืนหน้าห้องกู ไม่ได้จะมาเพื่อกวนตีนกูใช่ปะ”

“เห็นกูเป็นคนยังไง”

“เป็นคนกวนตีน”

“สัด มึงนั่นแหละกวนตีนกู”

“มึงสิ”

“มึงนั่นแหละ”

“นอกเรื่องว่ะนอร์ธ ตกลงมึงมีอะไร”

“กูเอาไอ้นี่มาให้มึงอะ”มันยื่นถุงไข่มุกสุดมหัศจรรย์ของพี่รหัสผมมาไว้ตรงหน้า

“อ้าว กูลืมสนิทเลย ขอบใจมากๆ”

“เออ ไม่เป็นไร แต่รับไปสักทีเหอะ กูเมื่อย”

“แล้วมึงไปเจอมันมาจากไหน”ผมถามตอนกำลังรับถุงนั่นมาไว้ในมือ

“ก็เมื่อเช้ามึงวางทิ้งไว้บนโรงอาหาร”

“แบบนี้มันจะเสียมั้ยวะ”

“ไม่รู้ดิ”

ผมพยักหน้าช้าๆก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นอะไรสักอย่างที่อยู่ในมืออีกข้างของมัน

“นั่นอะไรอะ”

“โกโก้โอรีโอปั่น”

“เฮ้ย มึงชอบกินเหรอวะ เหมือนกูเลย”

“เปล่า ป้าเขาทำให้กูผิด มึงชอบเหรอ เอาไปกินปะ”

“จะดีเหรอวะ มึงยังกินได้ไม่เยอะเลยนะ”ผมมองน้ำในแก้วที่มันไม่พร่องไปเยอะสักเท่าไหร่

“ถ้าจะพูดแบบนั้น แต่สายตาอยากกินขนาดนี้ก็ไม่ต้องพูด”

“กูเกรงใจ”

“หึ”

“มึงหึอะไร”ผมถามทันทีที่เห็นมันยิ้มแถมยังมีเสียงหัวเราะหึนั่นอีก

“จะกินมั้ย”

เปลี่ยนเรื่องเฉย...

“กิน”

“งั้นก็เอาไป”

“ฮึ้ยยย ไม่ได้ๆ”

“อะไรเนี่ย เรื่องมากจังวะไอ้เอ๋อ”

“กูชื่อไนซ์”

“นอกเรื่อง ตอบมา จะเอาหรือไม่เอาสรุป ถ้าไม่เอากูจะได้เอาไปทิ้ง”

“เอาๆๆ แต่มึงดูดก่อนได้ปะล่ะ ดูดให้มันยุบๆไป กูจะได้สบายใจ”

“เรื่องมาก”ปากก็ว่าแบบนั้น แต่มันกูดูดน้ำตามที่ผมบอก พอน้ำในแก้วมันยุบลงไปนิดหน่อยแล้ว นอร์ธมันก็ยื่นแก้วมาให้ผม“พอใจยัง”

“เออ โอเคละ”ผมรับแก้วมาอย่างสบายใจ

“…”

“แล้วนี่มึงมาทำอะไรที่นี่วะ คงไม่ใช่มาหากูอย่างเดียวหรอกใช่มั้ย”

“เออดิ กูมาหารุ่นพี่ กูจะคุยเรื่องเพลงที่ใช้เล่นในร้าน”

“แชทคุยกันก็ได้มั้ง”

“เรื่องของกู”

“สัด”

“ไม่มีอะไรแล้ว กูไปแล้วนะ”

“เออ”

“แดกดีๆ อย่าให้มุกติดคอตาย”

“ไอ้นอร์ธ มึงแช่งกูเหรอ”

“เปล่า กูพูดเฉยๆ ไปละ คุยกับมึงแล้วประสาทจะแดก”แล้วไอ้เตี้ยมันก็หันหลังและเดินหนีผมไปเลย

ผมกับมันคงคุยกันดีๆได้ไม่เกินสองนาที เพราะคุยกันดีๆได้แป๊บเดียวก็กลับมากวนตีนกันอีกแล้ว...



#ทิศเหนือของผม


หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 5) - 15/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 15-08-2019 22:42:08
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 5) - 15/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-08-2019 03:32:08
หวังว่าน้องไนซ์คงจะเจอพี่รหัสเร็วๆนี้นะ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 18-08-2019 11:02:15
06

นอร์ธเดอะฮีโร่



สมพงษ์ พ่อกูเอง

ขาวกับแดง

มึงชอบสีอะไร



เช้าที่แสนสดใสกับการนั่งรถเมล์ไปมหา'ลัย ข้อความจากพี่รหัสผมก็เด้งขึ้นมา

พอกดเข้าไปอ่านก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

พี่มันถามทำไมวะ…



Adirat Nice

พี่ถามทำไมอะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูถามให้ตอบ ไม่ใช่ให้มาถามกูกลับ



เกรี้ยวกราดสัด...



Adirat Nice

โหดอะ

เอาสีแดงก็ได้

สมพงษ์ พ่อกูเอง

แน่ใจ?

Adirat Nice

แน่ใจ
สมพงษ์ พ่อกูเอง

คิดใหม่มั้ย



เอ๊ะ! มึงจะเอายังไงเนี่ยพี่ ถ้าไม่ให้เลือกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาถามมั้ย มันจะยากอะไรล่ะ โธ่



Adirat Nice

พี่จะเอายังไงเนี่ยพี่สมพงษ์
สมพงษ์ พ่อกูเอง

พ่อกู



Adirat Nice

คนเรามันจำผิดกันด้ายยย

อย่าถือสาผมเลยนะพี่ ผมยิ่งเอ๋อๆอยู่
สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูไม่ถือหรอก

รู้อยู่ว่าเอ๋อ



ทำไมเหมือนโดนด่าเลยวะ…



Adirat Nice

ดีแล้วพี่ๆ
สมพงษ์ พ่อกูเอง

ตกลง มึงเอาสีแดงแน่ๆใช่มั้ย ไม่เปลี่ยนแน่นะ

Adirat Nice

ใช่ๆ
สมพงษ์ พ่อกูเอง

เออ งั้นรอเลย

เดี๋ยวตอนเที่ยงๆ ฝากคนเอาของไปให้



ของอะไรของพี่มันอีกวะ หวังว่าครั้งนี้คงไม่เอาอะไรแปลกๆมาให้อีกนะ ยิ่งไม่เหมือนพี่รหัสคนอื่นอยู่



Adirat Nice

ของอะไรอะพี่

ไม่ใช่ของแปลกๆเหมือนครั้งที่แล้วใช่มั้ย

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เออหน่า

เดี๋ยวก็เห็นเอง



เดี๋ยวก็เห็นเอง…

เดี๋ยวก็เห็นเอง…

เดี๋ยวก็เห็นเอง…

ผมแม่งรู้สึกแปลกๆกับคำนี้อะ มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ๆ ระดับอีพี่สมพงษ์ บริการทุกระดับประทับใจแล้ว เชื่อได้เลย ผมวางเงินสิบบาท พี่มันต้องไม่เอาของดีๆมาให้แน่ๆ


จนถึงตอนนี้ประโยคที่พี่อีพี่สมพงษ์มันพิมพ์มา ก็ยังไม่ถูกสลัดออกจากหัว นี่ขนาดเรียนไปตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะ แต่ก็ยังเอาออกไปจากหัวไม่ได้สักที เพิ่งรู้เหมือนกันว่าไอ้คำว่าเดี๋ยวมึงก็เห็นเองมันจะน่าระแวงได้ขนาดนี้

“ไนซ์”

“...”

“ไนซ์”

“...”

“ไอ้ไนซ์!”ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงของออมสิน ที่อยู่ดีๆก็มาตะโกนข้างหู

“ออมสิน มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย กูตกใจหมดเลย”

“ก็เรียกตั้งนานแล้วมึงไม่ได้ยินอะ”

“เหรอ… โทษทีๆ พอดีกูคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“คิดอะไรของมึงวะ เห็นนั่งเหม่อตั้งแต่เมื่อเช้าละ”

“เรื่องพี่รหัสกู”พอพูดแบบนั้นออกไป ไอ้พวกที่เหลือที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก็หันมามองเป็นตาเดียว เรื่องผมคงจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่ม จะไม่ให้สนใจได้ยังไง มีที่ไหนล่ะ ซื้อของให้น้องวันแรกแม่งก็ซื้อไข่มุกมาให้เลยเนี่ย

“เครียดทำไม เขาจะจีบมึงเหรอ”

“จีบพ่อง”

“เล่นพ่อนะเดี๋ยวนี้อะ”ออมสินพูดติดตลกก่อนหัวเราะออกมา

“มึงไม่เป็นกูไม่รู้หรอก”

“ทำไม มันน่าเครียดยังไง”

“วันนี้พี่มันจะฝากของมาให้กูอีก”

“เออ น่าเครียดจริงอันนี้”

“กูหวังว่ารอบนี้พี่เขาคงจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง”

“เออจริงของมึงว่ะอิ๊ว ครั้งที่แล้วทึ่ง แต่ครั้งนี้ต้องทึ่งให้ได้ยิ่งกว่า”

กูร้องไห้แล้วววว พวกมึงอย่าไปคาดหวังกับพี่มัน กูก็อยากได้ของดีๆบ้าง

“น้องไนซ์คะ”

ไดอาล็อกเดิมเป๊ะๆเลย กูย้อนเวลามาปะเนี่ย ผมมองหน้าพี่สาวคนสวย คนดีคนเดิม ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆให้

“ครับ...”

“พี่รหัสน้องฝากของมาให้ค่ะ”

โป๊ะเช๊ะ...

แล้วพี่เขาก็ยื่นถุงพลาสติกมาไว้ตรงหน้าผม ในถุงนั้นมีกล่องของขวัญขนาดไม่ใหญ่มากอยู่กล่องหนึ่ง

“นี่ค่ะ”

“โห่ ไรวะ ผิดหวังโคตรเลยพี่สมพงษ์”

“มันต้องพีคกว่านี้สิวะ”

“สัด เขาให้ของดีๆมันก็ดีแล้วมั้ยล่ะ”ผมรีบรับถุงนั่นมาไว้ในมือก่อนจะยิ้มจนเห็นฟันเกือบครบสามสิบสองซี่ใส่พี่เขา“ขอบคุณครับ”

“ค่ะ ครั้งนี้พี่รหัสน้องไม่ฝากอะไรมาให้พูด แต่น่าจะอยู่ในโพสอิทนั่นนะคะ”

“อ๋อ ครับ”

“พี่ไปแล้วนะ”

“ครับ”

บ๊ายบ่ายครับพี่คนสวยยย

ผมมองกล่องในมืออย่างอิ่มอกอิ่มใจ ผมคงต้องมองพี่สมพงษ์เขาใหม่แล้วแหละ ครั้งแรกพี่มันอาจจะแค่แกล้งๆ แต่ครั้งนี้พี่มันอาจจะให้ด้วยใจจริงๆ

งุ้ยยย พี่รหัสผมน่ารักกก

“เฟลว่ะ ผิดหวังในตัวพี่สมพงษ์มาก”

“นั่นพ่อเขา”

“ก็กูไม่รู้ชื่อเขาอะ ไม่รู้ล่ะ กูผิดหวังๆๆ”

“ออมสิน ทำตัวเหมือนเด็กเกินไปแล้วนะมึงอะ เขาให้ของดีๆกูก็ดีแล้วมั้ย”

“มึงแน่ใจได้ไงวะว่าของดี”เป็นไอ้ไกด์ที่พูดขึ้น จนผมกับออมสินต้องมองหน้ากัน

ใจกูกระตุกแล้ววว ที่เขาบอกสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร

เรื่องนี้เองก็เหมือนกัน เรายังไม่เห็นของด้านใน จะแน่ใจได้ยังไง ว่าของนั่นมันดี...

“เปิดเลยไอ้ไนซ์”

“เออ รู้แล้วหน่า”ผมค่อยๆแกะกล่องของขวัญด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆ

“มืออย่าสั่นสิวะ”

กูห้ามได้มั้งสัด!

ปราการด่านสุดท้ายของกล่องของขวัญสุดมหัศจรรย์ถูกแกะออก เผยให้เห็นของที่ทำให้ผมต้องร้องเชี่ยออกมาดังๆ

กางเกงใน… สีแดงแปร๊ดเลย

กูถึงว่า ถามกูใหญ่เลยว่าชอบสีอะไร

อีพี่สมพงษ์!!!

“พี่สมพงษ์แม่ง ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆว่ะ”มึงไม่ผิดหวัง แต่กูยิ้มแห้งแล้วซีอิ๊ว!

“กูขอนับถือ ไอดอลกูเลยคนนี้”

โว้ยยยยย พวกมึงก็ไปเห็นดีเห็นงามกับพี่มัน ไอ้เหี้ยกูร้องไห้แล้วววว

ได้ของแต่ละครั้ง กูก็อยากกินขนมปกติที่ชาวบ้านชาวช่องเขากินกันบ้าง ไม่ได้อยากกินกางเกงใน!

“กูชักอยากเห็นหน้าพี่แม่งละ”

“กูว่าพี่เขาต้องเป็นตัวท๊อปของรุ่นแน่ๆ”ออมสินกับซีอิ๊วคุยกันอย่างสนุกสนานก่อนที่ออมสินมันจะหันหน้ามามองผม

“ไนซ์มึงอ่านโพสอิทยัง”

“ยัง”

“อ่านดิรอไร”ไอ้นี่ก็ยุเก่งเหลือเกินนนน ผมจัดการหยิบโพสอิทที่ถูกแปะไว้เอามาอ่าน

ลายมือสวยดีนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้ามึงซื้อของดีๆมาให้กูบ้าง



ถึง... ไอ้น้องรหัส

ใส่แล้วก็ถ่ายให้กูดูบ้างนะ

จาก... สมพงษ์ พ่อกูเอง




สัด... เอาให้สุดเลยพี่มึง


“ไนซ์ กูไปรอข้างนอกนะ”

“เออ”ผมที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นชุด เป็นชุดของห้องเชียร์ตะโกนตอบออมสินที่ยืนรอผมอยู่ด้านนอกมานานสองนาน เพราะเห็นใจมันหรอกถึงได้ยอมให้มันไปง่ายๆ มันยืนรอผมอยู่คนเดียวสักพักใหญ่ๆแล้ว พวกไอ้นอร์ธเองก็ไม่อยู่ เพราะพอเปลี่ยนชุดเสร็จพวกมันก็ทยอยออกไปหาอะไรทำกันด้านนอก แทนที่จะมายืนรอผมให้เสียเวลาไปเปล่าๆ เวลาให้เสียเวลาไปเปล่าๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนรอผม

พอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผมก็ค้นกระเป๋าเพื่อที่จะหาป้ายชื่อสุดเก๋ไก๋สไลด์เดอร์...

… ไม่มี ซ้ายก็ไม่มี ขวาก็ไม่มี ไม่มีสักช่องเลย

“ฮึ้ย มันไปไหนวะ”พึมพำกับตัวเองโดยไม่ลืมที่จะหาป้ายชื่อต่อ หาจนแทบจะเทกระเป๋าออกมาก็ยังไม่เจอ

ฉิบหายของจริง...

“ไนซ์ มึงเสร็จยังเนี่ย ใกล้แล้วนะเว้ย”ออมสินกลับเข้ามาตามอีกรอบแล้ว

“แป๊บ กูหาของอยู่”

“หาอะไรของมึงวะ”

“ป้ายชื่อ”

“มึงหาดีหรือยัง เปิดประตูดิ เดี๋ยวกูช่วยหา”

ผมจัดการเปิดประตูให้ออมสินเข้ามา ผมกับมันช่วยกันเทกระเป๋าออก หาจนแทบจะแงะกระเป๋าสตางค์ดูก็ยังไม่เจอ...

“ไม่เจอว่ะ”

“ฉิบหายแน่ๆเลยว่ะ พวกพี่เขาทำโทษกูแน่”เป็นสัจจะธรรมอยู่แล้ว ตั้งแต่เรียนประถมจนถึงมัธยม ในเมื่อกิจกรรมมันมีป้ายชื่อมาให้แบบนี้ ถึงสุดท้ายจะต้องเอาไปเก็บหรือเอาไปทิ้งยังไง

แต่ระหว่างการทำกิจกรรมป้ายชื่อน่ะ สำคัญเท่าชีวิต!

“พวกมึงทำอะไรกันวะ พี่เขาเรียกแล้วนะ”ซีอิ๊วและไอ้สองคนที่เหลือตามาสมทบ

“ไอ้ไนซ์ หาป้ายชื่อไม่เจอ”

“อ้าว แล้วทำไงอะ”

“ไม่รู้เนี่ย”

“กูโดดได้มั้ยวะ”ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกจากปากของผม ซีอิ๊วกับออมสินก็แสดงสีหน้าไม่โอเคออกมา

“ถ้าพี่เขารู้มึงจะโดนนะเว้ย”

“ไม่โดนหรอกหน่า มึงเชื่อกูดิ คนตั้งหลายพันคน”

“แต่...”

“กูจะไม่ให้มันลามไปถึงพวกมึงแน่ๆ ไม่ต้องห่วง”

“กูไม่ได้กลัวเรื่องนั้น แต่กูเป็นห่วงมึง”ไอ้ออมสิน! ไอ้เพื่อนรัก! น้ำตากูจะแตก

“ขอบใจที่เป็นห่วง”ผมพูดก่อนจัดการเก็บของที่รื้อออกมาใส่กระเป๋าทีละอย่างสองอย่าง โดยมีออมสินเป็นคนช่วยเก็บด้วย“พวกมึงรีบๆเข้าไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะโดนบ่นเอา เดี๋ยวกูเก็บของเสร็จกูก็จะหนีแล้ว”

พูดไปผมก็เก็บของที่เหลือไปด้วย แต่ทว่าระหว่างที่ผมกำลังเก็บของ ป้ายชื่อของใครบางคนก็ถูกเอามาคล้องเข้าที่คอผม

… นอร์ธ

“เอาไป”

“มึงให้กูมาทำไม แล้วมึงจะใส่อะไร”

“กูขี้เกียจ กูจะโดด”

“ห้ะ?”ไม่ใช่แค่ผมที่แปลกใจ เพราะออมสินกับซีอิ๊วมันก็แปลกใจไม่แพ้กัน ส่วนไอ้ไกด์ก็หน้านิ่งตามสไตล์...

“อะไรวะนอร์ธ แล้วมึงจะโดดไปไหน”ซีอิ๊วถาม

“เออหน่า กูหาที่ไปได้ก็แล้วกัน”

“แล้ว...”

“เลิกสงสัยได้ละกูขี้เกียจตอบ วันนี้กูโดด จบ ไปละ”แล้วมันก็เดินออกไปพร้อมกับความงุนงงที่พวกผมทั้งหมดมี


ผมเดินมานั่งประจำที่ของตัวเองที่เคยนั่งเมื่อครั้งที่แล้ว ที่นั่งข้างๆว่างเปล่า คนที่เคยนั่งข้างๆผมมันจะโดดจริงๆเหรอ…

“นายๆ นายชื่ออะไรอะ”อยู่ดีๆคนที่นั่งอยู่อีกข้างของผมก็พูดขึ้นพร้อมสะกิดยิกๆจนผมต้องหันไปมอง เขาเป็นผู้ชาย หน้าตาก็จัดว่าน่ารักเลยแหละ เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน แถมยังพูดเพราะด้วย

ลุคลูกคุณหนูสัดๆ

“ชื่อไนซ์”

“อ้าว… เหรอ แต่ป้ายนายเขียนชื่อนอร์ธนะ โกหกเราปะเนี่ย”พออีกฝ่ายพูดแบบนั้นผมก็ก้มมองป้ายที่ห้อยอยู่ของตัวเอง...

เจ้าของป้ายแม่งโดดไปไหนแล้วก็ไม่รู้

“อ๋อ มันไม่ใช่ของเราอะ ของเพื่อนเรา มันให้มากันโดนทำโทษ”เมื่ออีกฝ่ายพูดเพราะมาขนาดนี้ เรานายมาขนาดนั้น ถ้าผมกูมึงกลับไปก็คงจะดูเหี้ยเกินไปหน่อย

“อ๋อ ใช่ของคนตัวเล็กๆที่เคยนั่งข้างนายมั้ย”ด้วยความที่พวกเรานั่งกันที่เดิมเหมือนกันกับครั้งที่แล้ว มันเลยไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าคนที่นั่งข้างๆผมคือใคร

“อื้อ”

“โห ดีอะ ทำไมมีเพื่อนดีขนาดนี้ เอ๊ย เราลืมบอกชื่อเราเลย เราชื่อทนายนะ เรียนวิศวะโยธา”ว่าแล้วอีกฝ่ายก็ยกป้ายชื่อของตัวเองขึ้นมาโชว์พร้อมยิ้มจนตาหยี

น่ารักเผื่อคนทั้งโลกแล้วมั้ง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“อื้อ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน”พอแนะนำตัวเสร็จ เราก็ต่างคนต่างแยกย้ายหันกลับไปนั่งท่าเดิม เพราะพี่วินัยสายโหดมันเดินเข้ามาแล้ว

“ไนซ์”

“ห้ะ”

“นั่นใช่นอร์ธหรือเปล่า”

ผมมองตามนิ้วของทนายที่ชี้ไปหาคนที่เพิ่งเดินมา ขณะที่พวกเราทุกคนนั่งกันจนหมดแล้ว

ใช่… ไอ้นอร์ธจริงๆด้วย

“คนที่เพิ่งเดินมาหยุดก่อน”ผมนั่งมองพี่วินัยเขาสั่งให้ไอ้นอร์ธหยุดเดิน

ฉิบหายแล้ว… ไหนบอกจะโดดไง

“ป้ายชื่อไปไหน”

“...”

“พี่ถามว่าป้ายชื่อไปไหน!?”

ผมเห็นท่าไม่ดี เพราะพี่วินัยไม่ได้ถามแบบปกติแล้ว พี่มันตะคอกใส่ไอ้นอร์ธด้วย ระหว่างที่ปีหนึ่งทุกคนนั่งกันเงียบกริบ คงจะมีแค่ผมคนนี้นี่แหละที่พยายามจะยกมือเพื่อแสดงตัวตน

ไอ้นอร์ธโดนพี่เขาดุก็เพราะผม… มันกำลังจะโดนทำโทษก็เป็นเพราะผม

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ยกมือ มือของใครบางคนก็จับเข้าที่ข้อมือผมซะก่อน

“ทนาย...”

“เราว่านอร์ธคงไม่อยากให้ไนซ์แสดงตัวนะ ถ้าไนซ์บอกไป คนที่ลำบากจะไม่ได้มีแค่นอร์ธคนเดียวนะมันจะลามมาถึงไนซ์ด้วยหรือไม่นอร์ธก็อาจจะโดนหนักกว่าเดิมถ้าไนซ์พูดไป”ผมมองหน้าทนายสลับกับมองหน้าไอ้นอร์ธที่อยู่ไกลแสนไกล…

ผมทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆเหรอ...

“พี่ถาม ทำไมไม่ตอบ!?”

“ผมทำหายครับ”นอร์ธมันตอบด้วยเสียงดังฟังชัด แต่ไม่ได้ถึงขั้นแหกปากตะโกนอย่างที่รุ่นพี่หลายๆคนทำ

“ทำไมถึงทำหาย ถ้าของแค่นี้ยังรักษาไม่ได้ ไปวิ่งเพิ่มความรับผิดชอบหน่อยมั้ย!?”

“...”

“ไปวิ่งรอบสนาม จนกว่าพี่จะบอกให้หยุด ปฏิบัติ!”

ไอ้นอร์ธไม่ได้มีปากเสียงตอบกลับแต่ออกไปวิ่งแต่โดยดี

แล้วพี่เขาก็หันกลับมาเทศน์พวกผมเรื่องป้ายชื่อ ก่อนจะกลับมาฝึกต่อ…

แต่ระหว่างฝึก ผมก็ไม่ได้จดจ่อเรื่องที่ทำอยู่เลยสักนิด เพราะเอาแต่มองประตู

ว่าเมื่อไหร่นอร์ธมันจะเดินกลับเข้ามา...


“มองอะไรวะ...”คงเป็นเพราะถูกผมมองหน้านานเกินไปหน่อย นอร์ธมันเลยรู้ตัวและถามพร้อมขมวดคิ้ว

“มองมึงไง”

“...”

“ไหนมึงบอกจะโดด แล้วมึงกลับเข้ามาให้โดนทำโทษทำไมวะ”

“ข้างนอกแม่งน่าเบื่อ ไม่รู้จะโดดไปไหน”

“...”

“กลับก่อนก็ไม่ได้ ต้องรอกลับพร้อมอิ๊วมัน”มันตอบหน้าตายก่อนจะหันไปกินน้ำที่พี่เขาเอามาให้มันหลังวิ่งเสร็จ

พอพวกผมเลิก ก็รีบตรงดิ่งมาหาไอ้นอร์ธที่สนามเลย พอออกมาก็เห็นไอ้เตี้ยมันนั่งหอบเป็นหมาอยู่ข้างสนามแล้ว

“มึงนั่งรอเวลาก็ได้หนิ ไม่เห็นต้องเข้าไปให้ถูกทำโทษเลย”ผมมองเสื้อที่เปียกชุ่มของมัน ก็อดพูดออกไปไม่ได้

“เรื่องของกู”

ไอ้สัดดดดด มึงนี่มันกวนตีนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

“สัด... คนก็อุตส่าห์เป็นห่วง”

“...”

“ทำไมหน้ามึงแดงจังวะ มึงวิ่งจนไม่สบายปะเนี่ย ไหนเอาหน้าผากมาดิ”ผมกำลังจะยื่นมือไปแตะหน้าผากมันหวังว่าจะวัดอุณหภูมิ แต่มันแม่งปัดมือผมทิ้งซะก่อน

“เอ้า ทำไมไม่ยอมให้กูวัดไข้ เผื่อป่วยจะได้บอกพี่เขา”

“เสือก”เกรี้ยวกราดสัด“ตัวกู กูรู้ดีว่าสบายหรือไม่สบาย”

“กวนตีนกูได้ขนาดนี้ คงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง เสียแรงเป็นห่วงว่ะ”

“เออ ไม่ต้องมาห่วงหรอก คนแบบกูตายยาก”

“เออ เชื่อ”ผมมองป้ายที่คล้องคอตัวเองอีกครั้ง จัดการถอดมันออกก่อนจะยื่นคืนให้เจ้าของมัน“อะ กูคืน”

“เก็บไว้เหอะ กูได้มาใหม่แล้ว”มันยกป้ายชื่ออันใหม่ที่ผมไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามันวางอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ขึ้นมาโชว์

“อ้าว แล้วป้ายนี่อะ”

“มึงก็เก็บไว้ไง… หรือจะทิ้งไปเลยก็ได้”

“ไม่เอาหรอก กูไม่ทิ้ง”

“...”

“มึงวิ่งแทบตายเพื่อไอ้ป้ายนี่แต่สุดท้ายจะให้กูเอามันไปทิ้งเนี่ยนะ บ้าไปแล้วแน่ๆ กูจะเก็บอัดกรอบรูป”

“หึ”

มันหึอีกแล้ววววววว

“มึงหึอะไรอีกล่ะ”

“หึมึง”

“หึทำไม”

“หน้าโง่ดี”

“สัดนอร์ธ”

“...”

ผมปล่อยให้เวลาล่วงเลย นั่งมองหน้ามันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

“นอร์ธ”

“...”

“ขอบคุณนะเว้ย”

“… เออ เรื่องแค่นี้เอง”


#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 6) --- 18/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-08-2019 17:45:03
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 6) --- 18/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-08-2019 18:51:40
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 6) --- 18/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 18-08-2019 23:44:38
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 6) --- 18/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 19-08-2019 12:58:14
นอร์ธสู้ๆ
กว่าจะรู้ใครแอบรัก แอบจีบ
เอ๋อช่างเอ๋อได้ใจ
ตอนนี้อยากรู้สมพงษ์ พ่อกูมาก...ใครอ่าครัช
พี่ฮาฝุดๆ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 21-08-2019 20:58:33
07

แมวอ้วน


ชีวิตผมมันวนลูป...

ตื่นนอน มาเรียน เข้าห้องเชียร์ กลับหอไปนอน

... มันเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว

วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ชีวิตผมต้องกลับมาอยู่ในวงโคจรเดิมๆ เมื่อไหร่กิจกรรมห้องเชียร์สุดมหัศจรรย์นี่มันจะจบๆไปสักทีวะ

ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปที่ฐานทัพของพวกเรา เสียงบางเสียงก็ดังขึ้นจนผมต้องหยุดและมองหามัน

“เมี้ยว ~”

แมว... แมวเหรอวะ

ใช่สิ มันต้องใช่ เสียงแบบนี้ต้องแมวอยู่แล้ว หมามันคงไม่ร้องเหมียวหรอกมั้ง

มองซ้ายมองขวาแถมยังก้มๆเงยๆหาเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมว ถ้าเป็นคนนอกมองมาภาพของผมตอนนี้คงจะแปลกน่าดู

ไม่ให้แปลกยังไงไหวล่ะครับงานนี้ นักศึกษาใส่แว่นแถมยังสะพายเป้ใบหนึ่งอยู่ข้างหลัง ก้มๆเงยๆหาอะไรสักอย่างที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ตรงจุดที่ตัวเองก้มหาอยู่หรือเปล่า

“เมี้ยว ~”แต่แล้วสิ่งที่ผมตามหา มันก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เจ้าแมวสีส้มมันเดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง ผมจัดการเดินเข้าไปให้ใกล้มันมากกว่านี้

พอมันเห็นการเคลื่อนไหวของผมมันก็นอนหงายท้องเหมือนชักชวนให้ผมเข้าไปเล่น

“เฟรนด์ลี่จังวะ ห้ะ ไอ้อ้วน”ว่าแล้วก็นั่งยองเล่นกับพุงของมันที่นุ่มนิ่มเหมือนอะไรสักอย่าง ผมก็อธิบายไม่ถูก“ชื่ออะไรวะมึงอะ”

“เมี้ยว ~”เพราะเห็นสิ่งบ่งบอกถึงเพศของมันผมถึงได้รู้ว่าไอ้ตัวอ้วนสีส้มเนี่ย มันไม่ใช่เด็กผู้หญิง แต่มันเป็นเด็กผู้ชาย

“ชื่อเหมียวเหรอ ไม่เท่เลย มึงเป็นตัวผู้นะเว้ย คิดมาใหม่ เอาชื่อเท่ๆกว่านี้”

“เมี้ยว ~”

“คิดไม่ออกเหรอวะ... ไม่เป็นไร เอาอย่างนี้แล้วกัน กูให้มึงชื่อเสือโคร่งดีกว่า เท่ปะ เท่อะดิ”

“เมี้ยว ~”

“เห็นมั้ย กูนี่มันฉลาดจริงๆเลยว่ะ”

“เป็นบ้าเหรอวะ คุยกับแมว”

ขณะที่ผมกำลังชื่นชมกับความฉลาดของตัวเองอยู่ ก็ต้องสะดุ้งโหยงจนเจ้าแมวที่อยู่ตรงหน้าพลันตกใจไปด้วย ผมหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียง

ไอ้นอร์ธ...

“เสือก กูจะคุยกับหมาหรือกับแมวมันก็เรื่องของกู”ผมแยกเขี้ยวใส่มัน นอร์ธมันก็ยักไหล่ก่อนจะเดินมาเล่นกับไอ้เสื้อโคร่งบ้าง“อย่ามาจับแมวกู”

ผมจัดการอุ้มเอาไอ้เสื้อโคร่งมาไว้ในอ้อมกอด พาแมวหนีไอ้เตี้ยมันก่อน เมื่อกี้อยากว่ากูบ้าดีนัก

“อะไร มึงเล่นได้คนเดียวหรือไง”

“เออ กูเล่นได้คนเดียว”

“เอามา กูเจอมันก่อน”

“มึงเอาอะไรมาพูด กูเจอมันก่อนต่างหาก”

“หึ”มันหึอีกแล้วววววววว มึงเป็นเหี้ยอะไรกับหึมากมั้ย กูซื้อหึมึงเอาไปทิ้งได้มั้ย

เลิกหึเอากี่บาท เลิกให้ขาดเอาเท่าไหร่

“มึงหึเหี้ยอะไรจังเลยเนี่ย”

“หึมึง”

“หึกูทำไม?”ผมขมวดคิ้ว มันจะหึอะไรวะ ไม่เห็นมีอะไรต้องหึเลย แค่เถียงกันเรื่องแมว แล้วอีกอย่าง หลักฐานมันก็คาตาอยู่แล้ว เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าผมน่ะมาเจอไอ้เสือโคร่งมันก่อน กล้าดียังไงมาบอกว่าตัวเองเจอก่อน

“มึงก็ดูที่ปลอกคอมันสิ มันมีชื่อเขียนอยู่ว่าไข่เค็ม”

“…”ผมรีบจัดการจับไอ้เสือโคร่งมันนอนบนพื้น ก่อนจะหาชื่อบนปลอกคอตามที่ไอ้นอร์ธมันบอก

ไข่เค็ม… ชื่อไข่เค็มจริงๆด้วยว่ะ

“เป็นไง เชื่อกูยังว่ากูเจอมันก่อน”มันพูดพร้อมยิ้มอย่างผู้ชนะ

“เจอก่อนแล้วไงอะ วันนี้กูเจอก่อน”ไม่รู้ล่ะ ผมต้องเถียงให้ชนะ จะพ่ายแพ้ต่อคนอย่างไอ้นอร์ธซ้ำๆซากๆไม่ได้ เสียชาติเกิด!

“พวกมึงทำอะไรกันวะ”เสียงของซีอิ๊วที่เพิ่งเดินมาถึงพร้อมกับขวดน้ำเปล่าหนึ่งขวด ไม่อยากจะชมซ้ำชมซากหรอก แต่คนอย่างซีอิ๊วแม่งหล่ออะ ถือขวดน้ำเปล่าเฉยๆก็ยังหล่อเลย

ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรวะ...

“อิ๊ว”ผมรีบลุกขึ้นยืนและพาไอ้แมวตัวอ้วนเดินไปหลบหลังซีอิ๊ว“กูฟ้อง”

“ฟ้องอะไรวะ”

“ไอ้นอร์ธจะแย่งแมวกู”

“แมว… อ๋อ ไอ้ไข่เค็มนี่เอง”ซีอิ๊วหันกลับมามองแมวตัวอ้วนที่อยู่ในอ้อมกอดของผมก่อนจะเกาพุงมัน ดูท่าคงจะมันเขี้ยวน่าดู เพราะมันไม่ลูบเฉยๆ มันขยำพุง จนแมวตัวที่ผมกอดอยู่ร้องออกมา

เออ กูเชื่อแล้วว่าไอ้นอร์ธแม่งเจอแมวก่อนกูจริงๆ ขนาดซีอิ๊วมันยังรู้จักชื่อเลย

“ไอ้ไนซ์น้อย”ซีอิ๊วมันลูบพุงแมวอยู่ดีๆมันก็พูดคำนั้นออกมา คำที่ผมเองก็ได้ยินไม่ชัดว่ามันพูดว่าอะไร จนผมต้องขมวดคิ้วและถามมันให้แน่ใจอีกครั้งว่าเมื่อกี้มันพูดอะไรออกมา

“เมื่อกี้ มึงพูดว่าอะไรวะ อะไรน้อยๆ”

“บ้า กูเปล่า กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

“เหรอวะ…”

“เออดิ…”มันว่าก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้นอร์ธครู่หนึ่งและหันกลับมามองผม“กูว่า กูไปดีกว่า ลืมเลยว่านัดออมสินมันตีป้อมก่อนเข้าเรียน แล้วเจอกันนะมึง”

ความสงสัยยังไม่ถูกไขให้กระจ่าง ซีอิ๊วก็เดินหนีผมไปซะแล้ว ทิ้งให้เหลือแค่ผม ไอ้นอร์ธแล้วก็ไข่เค็ม

ไม่ค่อยอยากเรียกชื่อนี้สักเท่าไหร่เลย... ชื่อเสือโคร่งเท่กว่าเยอะ

“มึงเขยิบเข้ามาทำไม...”ผมถามพร้อมถอยหนีทันทีที่ไอ้นอร์ธมันเดินเข้ามาใกล้ๆ

“เสือก เอาไข่เค็มมา กูจะให้มันกินอาหาร”

“ไหนล่ะอาหาร?”

“นี่ไง”แล้วนอร์ธมันก็หยิบเอาซองอะไรสักอย่างในกระเป๋าสะพายข้างของมันออกมา

เออ กูยอมก็ได้…

ผมนั่งยองปล่อยให้นอร์ธเดินเข้ามาหาพลางวางไข่เค็มแมวอ้วนลงกับพื้น

“เมี้ยว ~”ไข่เค็มมันร้องออกมาทันทีที่ไอ้นอร์ธนั่งยองและยื่นไอ้ซองๆในมือมาไว้ตรงหน้ามัน

เขาเรียกว่าอะไรกันนะ ไอ้ซองๆน่ะ ขนมสำหรับแมวใช่มั้ย น่าจะใช่แหละ ผมเคยได้ยินคนเขาเรียกกันมา

“ชอบเลยสิมึง”ผมพูดพร้อมลูบหัวมันที่กำลังเลียอาหารที่ออกมาจากซองอย่างเอร็ดอร่อย

“ไอ้นี่มันชื่อไข่เค็ม เป็นแมวของอาจารย์ภาคเรานี่แหละ”อยู่ๆไอ้นอร์ธมันก็พูดขึ้นมา เรียกความสนใจของผมจากแมวอ้วนตรงหน้าให้ไปสนใจมันแทน“แต่ที่บ้านเขาเลี้ยงไม่ได้ เขาก็เลยฝากป้าร้านขายข้าวเลี้ยงให้อะ”

“...”

“แต่เขาก็ให้เงินค่าอาหารตลอดนะ ไม่ได้ทิ้งมันไปไหน วันหยุดว่างๆเขาก็มาหามัน มาเล่นกับมัน”นอร์ธมันเหมือนพูดกับลมกับฟ้า แต่ผมรู้ดีว่าสิ่งที่มันพูดน่ะ มันต้องการสื่อสารให้ผมได้รู้

“ทำไมมึงถึงรู้เยอะจังวะ”

“ก็กูมาให้อาหารมันบ่อยจนสนิทกับอาจารย์เขาไง”

“...”

“แถมยังให้บ่อยจนไอ้ไข่เค็มมันอ้วนแบบนี้ด้วย”มันว่าก่อนจะลูบหัวแมวอ้วนอย่างนึกเอ็นดู

“มั่วเหอะ มันอาจจะอ้วนเพราะป้าร้านข้าวเขาให้อาหารดีก็ได้”

“แต่กูก็มีส่วนมั้ย เอาอาหารมาให้มันวันละสองมื้อเนี่ย”

“แค่นี้เขานับเป็นมื้อด้วยเหรอวะ อันก็แค่นั้น ยังไม่ได้ครึ่งกระเพาะเลยมั้ง”ผมมองซองอาหารในมือของนอร์ธมัน เล็กแค่นั้นมันจะไปอิ่มอะไรวะ

“แมวนะไม่ใช่มึง”

“กูมันทำไม”

“ก็มึงกินเยอะไง... ไอ้แมวอ้วน”

“รู้ได้ไงว่ากูกินเยอะ กูอะกินนิดเดียวเว้ย”

“แต่วันละหลายๆรอบ กูเห็นมึงหอบขนมไปกินในเซคตลอด”

สังเกตเก่งงงงง แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันเรียกผมว่าอะไรนะ แมวอ้วนเหรอ...

“ไอ้นอร์ธ”

“อะไร”

“เมื่อกี้มึงเรียกกูว่าอะไร แมวอ้วน?”

ไอ้นอร์ธมันนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนคนที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง กว่าจะตอบคำถามของผมได้ก็ปาไปเกือบนาที

“เออ แมวอ้วน”กูชื่อไนซ์โว้ยยยยยยยย

“เรียกกูปกติไม่เป็นมั้ง ไอ้เอ๋องั้น ครั้งนี้ก็แมวอ้วน”

“ก็มึงเหมือน”

“กูไม่ให้เรียก!”

“เรื่องของกู!”

ผีเข้าผีออกของจริง คุยกันดีๆได้ไม่เท่าไหร่มันก็ตั้งท่าจะกวนตีนกันอีกแล้ว เจริญพร

“เมี้ยว ~”เสียงร้องของไข่เค็มเรียกให้ผมทั้งสองคนหันไปสนใจมัน

อิ่มแล้วหนีเลย...

“กินเสร็จก็ไม่ง้อคนเลยเหรอวะไข่เค็ม ไอ้แมวเจ้าเล่ห์”เป็นไอ้นอร์ธที่บ่นก่อนจะเก็บซองของไอ้ไข่เค็มที่ตอนนี้เป็นเพียงเศษขยะ

เหอะ ว่าแต่กูบ้า ตัวเองก็คุยกับแมวเหมือนกันนั่นแหละไอ้เตี้ย

เอาล่ะ ระหว่างที่มันก้มเก็บขยะ ผมก็เห็นสิ่งหนึ่งที่ผมสามารถเอามาล้อไอ้นอร์ธมันได้

เส้นผมกลางกบาลมันที่ผมเองก็ไม่เคยสังเกต...

นอร์ธมันหัวล้านครับ แต่ก็ไม่ได้ล้านขนาดนั้นอะ ล้านแบบพอรู้ว่าล้าน หือ... ยิ่งอธิบายยิ่งงง เอาเป็นว่าเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน

ผมยกยิ้มหนึ่งครั้งก่อนจะเรียกชื่อมัน

“นอร์ธๆ”

“…”

“กูมีอะไรจะบอก”

“อะไร”

“ไอ้ หัว ล้าน”

ผมเน้นทีละคำจนไอ้นอร์ธมันเบิ้ดกะโหลดผมมาหนึ่งทีเน้นๆ จนแว่นแทบหลุด

“โอ๊ยยย กูเจ็บนะเว้ย!”ทั้งๆที่มีโอกาสสู้มันได้ทั้งทีแต่มันกลับตอบกลับมาด้วยความรุนแรง กูจะแจ้ง! แถมกูจะประจานด้วยว่ามึงหัวล้าน!

“ใครใช้ให้มึงเรียกกูแบบนั้น”ตาคมจับจ้องมาที่ผมผ่านกรอบแว่นหนา

โคตรจะเอาเปรียบ ทีตัวเองยังพูดได้เลย

“ทีมึงยังเรียกกูว่าไอ้เอ๋อได้เลย ไหนจะแมวอ้วนอีก”

“เรื่องของกู”

“นี่ก็เรื่องของกูเหมือนกัน”ว่าแล้วขอกวนตีนมันสักหน่อย ไหนๆก็ดูจะอยู่เหนือกว่ามันนิดหนึ่งแล้ว“ไอ้หัวล้านๆๆๆ ฮะ เฮ้ยยยย”

ปากดีได้ไม่นานคอผมก็ถูกกระชากไปโดยแขนอันทรงพลังของไอ้นอร์ธ มันล็อคคอผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก แล้วอีกอย่าง นี่เรากำลังนั่งยองกันอยู่นะเว้ย มันทรงตัวยาก!

“ไอ้นอร์ธ ปล่อยกู เดี๋ยวกูล้ม”

“มันเรื่องของกู”

โว้ยยยยย กูก็คนนะเนี่ย มึงจะไม่ให้กูเอาคืนเลยเหรอ!?


เสียงของอาจารย์หน้าห้องเรียนไม่ได้เป็นจุดสนใจของผมในตอนนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันมีสิ่งที่สามารถทำให้ผมสนใจได้มากกว่าเสียงของเขาที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนและกำลังทำหน้าที่สอนนั่นก็คือ… แชทของอีพี่สมพงษ์



สมพงษ์ พ่อกูเอง

มึง

กูมีอะไรจะบอก



เนี่ย พี่มันจั่วหัวมาขนาดนี้ ใครไม่สนใจก็บ้าแล้ว



Adirat Nice

อะไรอะพี่
สมพงษ์ พ่อกูเอง

มึงว่างคุยปะ

Adirat Nice

ว่างๆ

พี่มีอะไร

ʕ≧㉨≦ʔ



ส่งหมีไปสักตัว เพื่อการเสือกแบบน่ารัก

ผมว่าพี่มันต้องอะไรแน่ๆเลยอะ ไม่อย่างไม่ทักมาแบบนี้หรอก ปกติเห็นมีแต่จะทักมากวนตีน แต่วันนี้พี่มันดันทักมาแบบแปลกๆ



สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูเบื่อละ

เล่นพี่รหัสน้องรหัสไม่เห็นสนุกเลย



ว้อท!? ส่งมาแบบนี้คือพี่มึงต้องการจะสื่ออะไรกับกู



Adirat Nice

พี่หมายความว่าไง?

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ไอ้โง่



อ้าว กูโง่เฉย…



สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูไม่อยากเล่นแล้วอะ

เฉลยเลยแล้วกัน



กูถามจริง…



สมพงษ์ พ่อกูเอง

*ส่งรูปภาพแล้ว*

นี่กูเอง

กูชื่อสงคราม พี่รหัสมึง



เหี้ยไรเนี่ยยยย มันเฉลยได้ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอวะพี่ ยังไม่หมดเวลาตามหาเลย…

และอีกอย่างที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้เลยนั่นก็คือ

รูปที่พี่มันส่งมาแม่งโคตรหล่อ!

ขนาดเป็นรูปที่ไม่ตั้งใจถ่ายมากมายยังหล่อขนาดนี่เลยอะ ถ้าเกิดตั้งใจขึ้นมาและจัดมุมกล้องอีกนิดหน่อย มันจะหล่อขนาดไหนวะ

ไม่ได้สิ... พี่มันอาจจะปั่นผมอีกก็ได้นะครั้งนี้อะ อย่าเพิ่งไปเชื่อใจมันๆ ท่องไว้ไอ้ไนซ์พี่มันอาจจะโกหก วัดจากเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ และสิ่งที่ผมได้ประสบและพบเจอ

ไข่มุกเอย… กางเกงในเอย

แต่ละอย่าง มันชี้ไปในทิศทางที่พี่มันอาจจะมีแผนแกล้งผม มากกว่าจงใจจะเฉลยจริงๆ



Adirat Nice

พี่ปั่นปะเนี่ย

ผมไม่โง่นะ

ಠ_ಠ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

สัด แบบนี้เนี่ยเรียกว่าโง่

กูบอกความจริงก็ไม่เชื่อ

Nice Adirat

(。ŏ﹏ŏ)

ก็พี่ชอบแกล้งผมอะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

แกล้งเหี้ยอะไร ให้ด้วยใจทั้งนั้น

Nice Adirat

ไม่เชื่อ

ยังไงผมก็ไม่เชื่อ



Rrrr… !

หลังจากอีกฝ่ายอ่านได้ไม่นานอีพี่สมพงษ์มันก็โทรมาหาผม

เหี้ยละ… เรียนอยู่จะรับสายได้ยังไง



Adirat Nice

พี่

ผมเรียนอยู่

(・_・;)



ผมพิมพ์ข้อความบอกคนที่กำลังโทรมาหาผม เผื่อพี่มันจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาโทร นี่มันเวลาเรียนกูโว้ยยยย



สมพงษ์ พ่อกูเอง

งั้นมึงบอกมา

มึงเรียนที่ไหน เดี๋ยวกูไปหาเอง

จะได้เชื่อสักทีว่ากูไม่ได้โกหก



#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 7) --- 21/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 21-08-2019 22:45:39
 :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 7) --- 21/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-08-2019 08:03:45
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 7) --- 21/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-08-2019 09:57:09
หูววววววว มีแแต่คนใจร้อนกับน้องไนซ์ 55
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 7) --- 21/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-08-2019 16:02:38
โหง่ยยยย
อิพี่สงคราม ลูกอิพ่อสมพงษ์นี่มันจะมาเติมเชื้อไฟให้น้องนอร์ธหัวร้อนมั้ยน่อ
ดูท่าจะโซจ๊าบ โซคูล ดาเมจคิลออลเหลือเกิน
ชูป้ายไฟ FC อิพี่สงครามดีก่า
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 25-08-2019 15:21:41
08

สงคราม


Adirat Nice

ผมถึงแล้วนะพี่

รีบๆมา

อิอิ

 

หลังจากที่ใช้สายตาไล่อ่านข้อความที่ออมสินมันส่งไปหาพี่สงครามเรียบร้อยแล้ว ผมที่นั่งยองหลบอยู่หลังกระถางต้นไม้ก็หันไปหาออมสินที่ยืนอยู่ข้างหลังและกำลังชะเง้อหน้าดูลาดเลา ผ่านมุมตึกที่เรามาใช้เป็นเกราะกำบังชั่วคราวจากสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา

... รวมถึงพี่สงครามมันด้วย

“มันจะไม่เนียนก็ตรงอิอิของมึงนี่แหละออมสิน”

“เหอะหน่า เชื่อกู แนบเนียนและแยบยล”มันว่าพร้อมยกนิ้วโป้งขึ้นทำท่าถูกใจ

เอาเข้าไป... ผมส่ายหน้าก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋า

หลังจากที่ผมบอกกับออมสินว่าพี่รหัสผมจะมาหาพร้อมกับมาเฉลยใบหน้าที่แท้จริงให้ผมได้รับรู้ ออมสินมันก็ลากผมออกมาจากห้องเรียนทันทีที่เลิกคลาส โดยทิ้งไอ้พวกที่เหลือให้ไปกินข้าวด้วยกันแค่สามคน

ออมสินมันให้เหตุผลว่า ถ้าคนเยอะมันจะยิ่งวุ่นวาย และที่เราต้องมาแอบดูอีพี่สงครามมันตรงนี้ก็เพราะว่า ถ้าเราไปยืนให้เห็นแบบโต้งๆ พี่มันก็อาจจะไม่ยอมเปิดเผยตัวตนจริงๆออกมา

ง่ายๆเลยก็คือ ออมสินมันกลัวว่า พี่สงครามมันอาจจะจ้างใครมาเป็นตัวแทนของมันเพื่อหลอกให้พวกเราตายใจ...

ก็ออมสินมันว่ามาแบบนี้...

เพื่อนว่าไง ไนซ์ก็ว่างั้นแหละครับ

“แล้วมึงแน่ใจได้ไงวะ ว่าพี่มันจะมาจริงๆ”ผมถามเพราะยังไม่เห็นวี่แววของพี่สงครามเลย แชทที่ส่งไปแม่งก็ไม่อ่านสักที ไม่รู้จะหลอกกันหรือเปล่า

“เออ กูเชื่อในตัวไอดอลกู”

ไอดอลที่หน้ามึงอะ คนแบบนั้นอะนะ...

ผมได้แต่ถอนหายใจ นั่งรอเวลาจนตะคริวแทบจะกินขาอีพี่สงครามลูกคุณสมพงษ์ก็ยังไม่มาสักที

“กูว่าพี่แม่งเทแล้วแน่ๆ”

“อย่าใจร้อนนักสิวะ อีกแป๊บหนึ่ง เขาอาจจะขี่ม้ามา”

ม้าบ้านมึงสิ ไปเรื่อยเลยนะมึงเนี่ย

ติ๊ง!

อยู่ดีๆ เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของผมก็ดังขึ้น จนอดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดู

หวังว่าคงจะเป็นพี่สงครามนะ...

 

สมพงษ์ พ่อกูเอง

มึงอยู่ไหน

กูถึงละ

 

อยู่ไหนของพี่มันวะ...

ผมเงยหน้าจากจอมือถือยื่นหน้าออกจากกระถ่างต้นไม้ เพื่อมองหาพี่รหัสจอมกวนประสาท... ไม่เห็นมีเลย

“มึงอ่านอะไรวะ”เป็นออมสินที่ชะโงกหน้ามาอ่านข้อความในมือถือของผม

“พี่สมพงษ์อะดิ แม่งบอกกูว่าถึงแล้ว แต่กูยังไม่เห็นหัวเลย”

“เออ อยู่ไหนของพี่มันวะ มึงโทรหาดิ เดี๋ยวกูจะดูให้เองว่าใช่คนเดียวกันกับในรูปหรือเปล่า”ออมสินมันบอกพร้อมกับยื่นหน้าออกไปจากจุดที่เรายืนอยู่

“หดหัวเข้ามาหน่อยออมสิน เดี๋ยวพี่มันก็เห็นหรอก”

“เออ โทษๆ”เล่นเสนอหน้าออกไปซะเยอะขนาดนั้น ผมว่าพวกเราคงไม่ต้องแอบกันแล้วล่ะ

มึงไปยืนต่อหน้าพี่มันเลยเถอะ

ผมกับออมสินช่วยกันมองหา โดยผมเองก็ไม่ลืมที่จะกดโทรหาพี่สงครามมันไปด้วย

... ไม่รับว่ะ

“เทแล้วแน่ๆ”ผมพูดพร้อมหลักฐานที่เห็นกันอยู่เต็มตา ว่าไม่มีพี่รหัสผมอยู่ที่นี่

“เออ กูก็ว่างั้น กูว่าพวกเราโดนหลอก”

“เพิ่งรู้ตัวมั้ง กูก็บอกไปแล้วมั้ย ว่าพี่สมพงษ์มันเทแน่ๆ”

“กูอยู่นี่”

และทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ผมกับออมสินก็รีบหันมามองหน้ากัน

“มึงว่าไง...”

“กูว่าใช่...”

ผมพูดพร้อมมองหน้าออมสินที่ตอนนี้เริ่มถอดสี หน้าผมเองก็คงจะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก

เราทั้งคู่ต่างกลืนน้ำลายกันคนละอึกก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกผม

โป๊ะเช๊ะ!

อีพี่สงครามเวอร์ชันเดียวกับในรูปเป๊ะๆเลย

“เอ่อ... คือ”

ใบ้แดกเลยกู...

“กูเคยบอกแล้วใช่มั้ย สมพงษ์อะพ่อกู กูชื่อสงคราม”พี่มันก้มหน้าลงมามองหน้าผม จนผมต้องรีบหดคอหนี

อีกนิดพี่มันจะหายใจรดหน้าผมแล้ว!

ผมกดวางสายและเก็บมือถือลงกระเป๋า แต่สายตาก็ยังไม่เลิกมองหน้าพี่มัน

ทำไมวะ... หล่อ สูง ยาว เข่าดี ดูมีออร่า แต่ทำไมนิสัยพี่มึงเป็นงั้นอะ ที่คุยกันแม่งดูเป็นคนละคนเลย มันไม่น่าหล่อได้ขนาดนี้อะ

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ กูหล่อเกินไปจนอึ้งเลยเหรอ”ไม่รู้เหมือนกันว่าทำหน้าแบบไหนออกไปพี่มันถึงได้ถามผมแบบนั้น แต่ที่รู้ๆตอนนี้อะ

ผมยังคงไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง... และจะไม่เชื่อง่ายๆด้วย

“นี่พี่จริงๆใช่มั้ยอะ... ไม่ได้หลอกกันใช่มั้ย”

“หลอก”

“…”

“ก็บ้าแล้วไอ้ควาย”

ไอ้สัดพี่

“กูเนี่ย พี่รหัสมึงตัวเป็นๆเลย จะดูทะเบียนบ้านก็ได้นะ ว่าพ่อกูชื่อสมพงษ์จริงๆ กูเตรียมมาด้วย เผื่อมึงไม่เชื่อ”ว่าแล้วพี่มันก็ทำเหมือนจะหยิบอะไรสักอย่างที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างออกมา

“เชื่อแล้วๆ พี่ไม่ต้องเอาออกมา”ผมรีบคว้าเข้าที่แขนให้พี่มันหยุด

ถ้าพี่มึงกล้าจะแสดงหลักฐานขนาดนี้ กูเชื่อก็ได้

“เออ ก็แค่เนี้ย เชื่อตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลามา”

“ก็พี่เฉลยง่ายขนาดนั้นอะ ใครมันจะไปเชื่อง่ายๆวะ”

“เออ กูผิดเองก็ได้”ประชดอยู่ ดูออก

“แล้วทำไมพี่ถึงยอมเฉลยง่ายๆแบบนั้น”

“กูก็บอกไปแล้วว่าขี้เกียจเล่น มันไม่เห็นสนุกเหมือนที่คิดไว้เลย ต้องทำตัวลึกลับ บ้าบออะไรก็ไม่รู้ แม่งน่าปวดหัวฉิบหาย”พี่มันบ่นทั้งๆที่หน้าก็ยังอยู่ในระดับเดิมไม่ขยับไปไหน

กูกลัวผีผลักจังเลยพี่... กลับไปยืนปกติได้มั้ย...

“ครับ เข้าใจแล้ว แต่พี่ช่วยเอาหน้าออกไปก่อนได้มั้ยอะ ผมว่ามันใกล้ไป”

“หึ”

หึอีกแล้วววววว ชีวิตนี้กูต้องเจอมนุษย์หึอีกกี่คนกัน หึกันเก่งเหลือเกิน!

“ไกลแค่นี้พอยัง”

“เว่อร์ไปพี่”ผมบอกคนที่เอนตัวไปข้างหลังจนแทบจะกลายเป็นท่าสะพานโค้ง พี่มันหัวเราะเบาๆก่อนจะกลับมายืนในท่าปกติ

“พี่... นี่พี่จริงๆใช่ปะ”ออมสินที่ยังทำหน้าตาไม่เชื่อสายตาตัวเองเรียกพี่รหัสผมพร้อมจับแขนแถมถูไปมาจนแทบถลอก

“เฮ้ย เบา เดี๋ยวหนังกำพร้ากูหลุดพอดี”

“พี่ตอบผมดิ ว่าพี่คือพี่สมพงษ์ตัวจริง”

“สมพงษ์นั่นพ่อกูไอ้สัด กูชื่อสงคราม”

“นั่นแหละ พี่ตอบดิว่าพี่คือพี่รหัสไอ้ไนซ์”

“เออ กูเอง”

“พี่แม่ง... โคตรหล่ออะ พี่เป็นไอดอลผมเลยพี่รู้ปะ ปีหน้าถ้าผมได้เป็นพี่รหัสใครสักคนนะ ผมจะทำแบบพี่ทุกอย่างเลย!”กูเริ่มสงสารน้องรหัสมึงในอนาคตแล้วออมสิน

ผมรีบลุกขึ้นยืนขณะที่ออมสินมันก็ยังคงลูบแขนพี่สงครามต่อไปแบบไม่ลดละ

“พอได้แล้วมั้ง กูรู้สึกเหมือนหนังกำพร้ากูเหมือนจะหลุดจริงๆเลย”

“เว่อร์ว่ะพี่”

“ไม่เว่อร์ มึงแหกตาดู แดงหมดแล้ว”พี่สงครามมันยกแขนจนแทบจะเอาไปจิ้มตาออมสิน

“จริงด้วย แดงเป็นปื้นเลยอะพี่สมพงษ์”

“สมพงษ์นั่นพ่อกูไอ้สัด กูชื่อสงคราม”

“แหะ ลืมนิดลืมหน่อยเอง”

อยู่ดีๆก็รู้สึกเป็นส่วนเกินเฉยเลยกู... สรุปมันเป็นพี่รหัสใครกันแน่เนี่ย

“ไอ้ไนซ์”

“หือ?”ผมเลิกคิ้วทันทีหลังจากที่พี่รหัสของตัวเองเริ่มหันมาสนใจ

“มึงมีเรียนต่อมั้ย ตอนบ่าย”

“วันนี้... ไม่มีแล้วนะพี่ ทั้งผมแล้วก็ออมสินเลย”

“อ๋อ เพื่อนมึงชื่ออมสินเหรอ”พี่มันหันไปมองหน้าออมสินก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมเหมือนเดิม

“อื้อ”

“พวกมึงไปกินข้าวกันปะ เดี๋ยวกูเลี้ยง”

“ไม่ได้เลี้ยงอะไรแปลกๆเหมือนที่ซื้อมาให้ผมใช่ปะ”

“เออสิวะ คิดว่ากูจะพาไปแดกต้มโคล้งไข่มุกหรือไง ไม่เอาด้วยหรอก แค่คิดก็ขนลุก”

“มันมีที่ไหนล่ะพี่ต้มโคล้งไข่มุกอะ”

“มีสิ พี่สาวกูเคยทำ แถมบังคับให้กูกินด้วย”

... แดกจุดไปตามระเบียบ

กูถามจริงงงงง มันมีจริงๆเหรอวะ คนที่ลองเอาไข่มุกไปกินกับอะไรแปลกๆ

มันไม่เหมาะ ไม่ควร มันไม่น่ามาอยู่ด้วยกัน!

“มึงไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะอ้วกได้ปะ”

“ก็มันไม่น่าจะอร่อยอะพี่ แค่คิดก็แทบจะขย้อนแล้ว”

“เห็นใจกูสิ กูแดกไปสองถ้วย”

โห ชีวิตอาภัพมากพ่อ สงสารรรรรร

“ตกลงมึงสองคนจะไปมั้ยเนี่ย กูเลี้ยง”

“ไปดิพี่ แต่ไม่เอาอะไรแปลกๆนะ”เป็นออมสินที่ตัดสินใจแทนผมไปแล้ว แต่ผมเองก็ไม่ได้เห็นต่างอะไรกับมัน แค่พี่สงครามมันไม่พาพวกผมไปเลี้ยงอะไรแปลกๆ แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว

“เออ กูไม่ให้พวกมึงแดกอะไรแปลกๆหรอก เพราะกูก็ต้องแดกเหมือนกัน”




สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูถึงห้องละ

Adirat Nice

โอเคครับ

▼・ᴥ・▼


พอตอบกลับข้อความของพี่สงครามเสร็จ ผมก็จัดการถอดเสื้อของตัวเองเพื่อที่จะเตรียมตัวไปอาบน้ำ

กว่าผมกับออมสินจะจัดการกินของที่พี่สงครามมันเลี้ยงแบบใหญ่โตมโหฬารหมด เราก็เสียเวลากันไปหลายชั่วโมง ไหนจะนั่งรถกลับมาแล้วรถติดอีก

รวมๆแล้วก็ถึงห้องตอนเย็นพอดี...

ผมกล้าพูดตรงนี้เลยว่าเรียนทั้งวันยังไม่สูญเสียพลังชีวิตเท่าการนั่งรถตอนรถติดเลย

พอรถติดนานๆมันก็เริ่มเบื่อ.... พอเบื่อก็ไม่มีอะไรทำ

แล้วคนแบบผมมันจะหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาได้ ถ้าไม่ใช่นอนหลับหรือไม่ก็เล่นมือถือ

... และแน่นอน ผมเลือกที่จะนอน

ตื่นมาอีกทีก็ตอนโดนพี่มันปลุกว่าถึงหอแล้วนั่นแหละ ออมสินลงไปตอนไหนผมยังไม่รู้เรื่องเลย แล้วตัวเองนอนน้ำลายไหลบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตื่นมาก็ทำได้แค่ขยี้ตาและกล่าวขอบคุณพี่มันก่อนจะสะบัดตูดหนีและเดินขึ้นหอมา

ติ๊ง!

ในตอนที่ผมกำลังจะเดินไปอาบน้ำ เสียงการแจ้งเตือนจากมือถือก็ดังขึ้น พร้อมข้อความโชว์หราอยู่บนหน้าจอ



สมพงษ์ พ่อกูเอง ส่งข้อความแล้ว



พี่สงครามมันทักมาทำไมอีกวะ...

ผมละทิ้งความตั้งใจที่จะไปอาบน้ำ และเลือกมาตอบแชทพี่รหัสสุดที่รักของตัวเอง



สมพงษ์ พ่อกูเอง

ไนซ์

Adirat Nice

ว่าไงพี่

พี่มีอะไรหรือเปล่า

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ขอไลน์หน่อยดิ

Adirat Nice

พี่จะเอาไปทำอะไรอะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เรื่องของกู

Adirat Nice

โหดว่ะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เอามา

เร็วๆ

Adirat Nice

ใจเย็นๆจ้าพี่สมพงษ์

สมพงษ์ พ่อกูเอง

นั่นพ่อกู สัด

Adirat Nice

แง อย่าเกรี้ยวกราด ไม่ดีๆ
สมพงษ์ พ่อกูเอง

สักทีเถอะ



ใจร้อนจริง....



Adirat Nice

*ส่งรูปภาพแล้ว*

อะ คิวอาร์โค้ดไลน์ผม

อย่าเอาไปแจกสาวนะพี่ ผมยิ่งเสน่ห์แรงๆอยู่

เดี๋ยวตีกันมอแตก

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ขนาดนั้นเลย

Adirat Nice

หลักฐานก็เห็นๆกันอยู่

สมพงษ์ พ่อกูเอง

หึ



หึ...

มันหึอีกแล้วววววว นี่เป็นแค่ตัวหนังสือนะ แต่ทำไมผมถึงได้ยินเหมือนพี่มันมาหึอยู่ข้างหู เหี้ยอะไรวะเนี่ย หลอกหลอนกันไม่เลิก

ติ๊ง!



Skkk. เพิ่มคุณเป็นเพื่อนแล้ว



ผมกดเพิ่มเป็นเพื่อนกับพี่สงครามทันทีที่แจ้งเตือนมันเด้งขึ้นมา



Adirat Nice

เรียบร้อยยยย

ʕ´•ᴥ•`ʔ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ต่อไปจะคุยในนั้นนะ

Adirat Nice

อ้าว

เฉลยแล้ว ยังต้องคุยกันอีกเหรอพี่

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เออดิ

เขาสานต่อกันทั้งนั้นแหละ



สานต่อ...

ผมว่าพี่มันใช้ศัพท์แปลกๆนะ



Adirat Nice

พี่

สมพงษ์ พ่อกูเอง

อะไร

Adirat Nice

ผมว่าพี่ใช้คำแปลกๆ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

บ้า มึงอะคิดมาก

(・∀・)



เนี่ยยยย ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่ามันแปลกๆ ไอ้บ้าไอ้บอ รู้สึกเหมือนกำลังถูกล่อลวง



สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูไปเล่นเกมละ

ฝันดีล่วงหน้า

Adirat Nice

อ่า ครับ

ฝันดีครับ



ผมรีบสลัดความคิดบ้าๆของตัวเองและเอามือถือไปวางไว้ที่เดิม

ผมอาจจะแค่คิดมากไปเองก็ได้


#ทิศเหนือของผม


เหมียวเอย หวานกลอยใจ เหมียวเอยกรุบ

ใจเย็นจนเริ่มจะชา ดา ดา ดี๊ ด่า ด๊า

ใจเย็นจนกลัวว่าหมา อ่า อ้า จะคาบไปปปป

เอาไงดีพ่อ สู้มั้ยล่ะ

หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 8) --- 25/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-08-2019 17:29:33
 o13
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 8) --- 25/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-08-2019 19:13:57
 :L2: :pig4: :L1:

นั่นสิใจเย็นไปนะพ่อทิศเหนือ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 8) --- 25/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 26-08-2019 11:45:50
จริงๆพี่สงครามมันก็ดีนะ
แต่คุณนอร์ทเค้าจองไว้ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วอ่ะดิ



Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 29-08-2019 23:41:00
09

เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น


23 : 45



ติ๊ก

หิวว่ะ

ต่อก

ในห้องไม่มีมาม่าด้วยสิ

ติ๊ก

ไม่ได้ๆ กินมาม่ามันอ้วน

ต่อก

แต่หิวจนไส้แทบขาดแล้วนะ

ติ๊ก

เอาไว้กินตอนเช้าก็ได้มั้ง

ต่อก

ผมกำลังถกเถียงอยู่กับตัวเอง ภายในห้องที่มืดสนิท แข่งกับเสียงเข็มนาฬิกาและความหิวของตัวเองที่ดูท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กินของที่พี่สงครามมันเลี้ยงไปตั้งเยอะ ทำไมมันถึงหิวง่ายขนาดนี้วะ

โครก…

โอเค กูไม่ทนแม่งละ

สุดท้ายผมก็ทนความหิวจนแทบหน้ามืดของตัวเองไม่ไหว หยิบแว่นที่ถูกถอดไว้ก่อนจะเข้านอนขึ้นมาใส่ ลุกออกจากเตียงด้วยความรวดเร็ว

ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไปหาอะไรกินข้างล่างหอ เวลานี้มันต้องมีร้านอะไรเปิดบ้างแหละ อย่างน้อยๆ ข้าวกล่องเซเว่นก็ยังดี

ผมเดินออกมาจากห้องด้วยชุดนอนลายทางของตัวเอง มือซ้ายถือกระเป๋าสตางค์กับมือถือ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ถือกุญแจห้อง

เดินมาเรื่อยๆจนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่หน้าหอของตัวเอง พร้อมกวาดสายตามองรอบๆ ร้านที่เปิดอยู่ตอนนี้ก็มีแค่ไม่กี่ร้านหรอกครับ

น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋…

ขนมปังสังขยา…

ร้านข้าวต้ม…

แล้วก็อีกสองสามร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เอาเป็นว่าขอเวลาตัดสินใจอีกหน่อย ข้าวกล่องเซเว่นผมขอย้ายมันเอาไปไว้ในตัวเลือกสุดท้ายที่ผมจะเลือกเลยก็แล้วกัน ตอนนี้ขอตามหาอะไรที่มันน่ากินก่อน

แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวไปไหนหรือตัดสินใจเลือกอะไร กลิ่นหอมฉุยของอะไรสักอย่างก็มาเตะเข้าที่จมูก

ก๋วยเตี๋ยว…

ผมว่าผมได้คำตอบแล้วล่ะ ว่าคืนนี้จะกินอะไรดี

ผมรีบตรงดิ่งไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่อยู่ห่างจากจุดที่ผมยืนไม่มากนักด้วยอารมณ์ที่แสนจะเบิกบาน ผมเชื่อมั่นเสมอว่าอาหารจะไม่ทรยศเรา กลิ่นหอมขนาดนี้ มันต้องอร่อยแน่ๆ

แต่ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวผมก็เห็นใครบางคนที่ยืนสั่งก๋วยเตี๋ยวอยู่ก่อนแล้ว

... ไอ้นอร์ธ

มันมาทำอะไรที่นี่วะ...

“หนูไปจองโต๊ะเลยนะลูก เดี๋ยวป้าให้คนยกไปให้”

“ครับ”ไอ้นอร์ธพยักหน้าคุยกับคุณป้าคนขายก่อนจะหันกลับมาสบตาเข้ากับผม“อ้าว… มึงมาทำอะไรที่นี่วะ ไอ้แมวอ้วนลายทาง”

แมวอ้วนลายทาง?

พอก้มมองชุดที่ตัวเองใส่ตอนนี้ก็ต้องร้องอ๋อออกมา ผมกำลังใส่ชุดนอนลายทางอยู่หนิ

แต่กูไม่ใช่แมวอ้วนนะ...

“ลายทางอะเข้าใจได้ แต่เลิกเรียกกูว่าแมวอ้วนได้มั้ย กูก็มีชื่อ”

“เรื่องของกู”

เออ กูไม่เถียงแล้วก็ได้ แต่กูจะเรียกมึงว่าไอ้หัวล้านแทน! คอยดู!

“แอบนินทาอะไรในใจ”ยอดมนุษย์มากพ่อ รู้ได้ไงเนี่ย!

“มั่ว กูไม่เคยนินทามึงในใจเลย”

“สาบานดิ”

“สาบานก็ตายฟรีดิ”

“หึ”

“พูดอะไรนอกจากหึไม่เป็นเลยหรือไง”

“แล้วเมื่อกี้กูไม่ได้พูดคำอื่นมั้ง”

ไอ้สัด สุดจะทน กับคนอย่างมึง

“มึงยังไม่ได้ตอบกูเลยว่ามาทำอะไร”

“มาร้านก๋วยเตี๋ยวกูเอาผ้ามาซักมั้ง”ได้ทีก็ขอเอาคืนหน่อยเหอะ

“คุยกับมึงแม่ง น่าปวดหัวฉิบหาย”

“แล้วใครเขาใช้ให้มึงมาคุยกับกูล่ะ ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย”

“ไอ้หน้าควาย”

“มึงสิ ไอ้หน้าควาย”ผมสวนมันกลับไปอีกหนึ่งประโยคก่อนจะเดินเอาไหล่ไปชนเข้ากับไหล่ของมัน จนมันเซไปเล็กน้อย

ผมทำแบบนั้นโดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจมือตีนของมันเลยสักนิด แถมยังหันไปทำหน้าที่คิดว่าสามารถปั่นประสาทมันได้มากที่สุดอีกด้วย ไอ้นอร์ธมันไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมาเลนสักนิด มีเพียงหันมามองนิดๆก่อนจะเดินไปหาโต๊ะนั่ง

เนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวสู้คนเดี๋ยวไม่สู้คน ผีเข้าผีออกขั้นสุด

ผมเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวที่ตัวเองต้องการ นั่นก็คือ เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น เมนูเดียวเท่านั้นที่ผมมั่นใจว่ามันจะสามารถบรรเทาอาการหิวและทำให้กระเพาะที่มันชักจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นทุกวันๆรู้จักอิ่มได้สักที

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ชั่งน้ำหนักเลย ไม่รู้ว่าอ้วนขึ้นหรือเปล่า... แต่เท่าที่ดูจากอาหารการกินแล้ว

... อย่างน้อยๆก็สักสี่โลแหละผมว่า

พอสั่งป้าเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมถึงได้เดินหาโต๊ะที่ตัวเองต้องการจะนั่งบ้าง เวลานี้คนไม่ค่อยเยอะครับ ค่อนข้างจะบางตาเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ร้านนี้นะ หลายๆร้านที่อยู่ละแวกนี้คนก็น้อยเหมือนกัน

คงดึกแล้วล่ะมั้งคนเลยน้อย

ผมเลือกนั่งโต๊ะที่ห่างออกมาจากไอ้นอร์ธสองโต๊ะ มันเป็นโต๊ะเหล็กสีแดงที่สามารถนั่งได้สี่มุม บนโต๊ะมีทั้งน้ำและเครื่องปรุง

เรียกง่ายๆคือพร้อมสำหรับการกินมาก

นั่งไปได้ไม่นาน แก้วน้ำก็ถูกยกมาวางที่โต๊ะ ถ้าให้เดา ผมว่าคนๆนี้ต้องเป็นลูกชายป้าเขาแน่ๆอะ เพราะหน้าตาคล้ายๆกันเลย

“ขอบคุณครับ”

พอพูดแบบนั้นออกไปอีกฝ่ายก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเอาไปให้โต๊ะไอ้นอร์ธต่อ ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น เพื่อฆ่าเวลา

แต่เล่นไปได้ไม่นานผมก็รู้สึกแปลกๆ

… เคว้งคว้าง

ทำไมวะ ทำไมผมรู้สึกว่ามันเคว้งคว้างแบบนี้…

ทั้งๆที่ป้าเขาก็เปิดเพลง แถมคนที่นั่งอยู่โต๊ะถัดจากผมก็มีกันอยู่ตั้งสองคน ซ้ำสองคนนั้นยังคุยกันเสียงดังอีก แต่ทำไมผมกลับรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนนั่งอยู่ในป่าช้าแบบนี้

มองซ้ายมองขวา หันไปหาไอ้นอร์ธที่นั่งดูดน้ำจากแก้วของตัวเองพร้อมกระดิกเท้า

ไอ้เตี้ยมันชิลล์แท้...

แต่แล้วมันก็มีจังหวะที่มันละปากออกจากหลอดและเงยหน้าขึ้นมามองผม มันเลิกคิ้วก่อนจะพูดแบบไม่มีเสียง

‘มองเหี้ยอะไร’

อ้าาาา กวนตีนสัด มึงเปิดศึกสินะ!

ผมจึงทำการตอบโต้มันกลับไปโดยพูดแบบไม่มีเสียงกลับไปบ้าง

‘มองเหี้ยไง’

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นโรคจิตมั้ย แต่พอได้เถียงกับมันแบบนี้แล้วรู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูก ถึงมันจะไม่ได้สบายใจร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่มันก็คงสบายใจกว่านั่งเงียบเหงาอยู่คนเดียวแน่ๆ

ย้ายไปนั่งกับมันดีกว่า…

ผมจัดการเก็บของของตัวเองทั้งหมดและย้ายไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับไอ้นอร์ธ

อดิรัตน์จะไม่เหงาอีกต่อไป!

“มึงย้ายมาทำเหี้ยอะไร”

“เหงา”

ตอนแรกที่นอร์ธมันพูด ผมนึกว่ามันจะไม่อนุญาตให้ผมมานั่งด้วยซะอีก แต่พอผมตอบไปแบบนั้น มันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ กลับกันมันเป็นฝ่ายชวนผมคุยด้วย

“วันนี้มึงไปไหนมา ตั้งแต่แยกกันตอนเที่ยง กูก็ไม่เจอมึงอีกเลย”

ผีเข้าผีออกมั้ยล่ะไอ้เตี้ยเนี่ย

“กูไปกินข้าวมา”

“...”

“กับออมสินแล้วก็พี่รหัสกู”

“มึงรู้แล้วเหรอว่าพี่รหัสคือใคร?”นอร์ธเลิกคิ้วถาม

“เป็นคนขี้เสือกตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“กูถามก็ตอบ”

ไอ้คนเกรี้ยวกราด! แหย่นิดแหย่หน่อยไม่ได้เลย

“เออ รู้แล้ว เพิ่งเจอกันวันนี้ เขามาเฉลยเองเลย”

“คือใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย”อยากเสือก ดูออก!

“เสือกเก่งนะเดี๋ยวนี้ หัวล้าน”ว่าแล้วผมก็แกล้งลูบกลุ่มผมที่อยู่บนหัวมันไปมา เหมือนๆที่เขาลูบหัวหมาหัวแมวนั่นแหละ

ปั่ก!

“โอ๊ย มึงต่อยแขนกูทำไมเนี่ย!?”ช่วยด้วยครับ ผมโดนทำร้ายร่างกาย ไอ้นอร์ธมันเจาะยางผม!

“อย่าเล่นหัว”

“อ๋อ เดี๋ยวผมจะร่วงหมดหัวก่อนแก่ใช่ปะ อือๆ เข้าใจๆ”ผมพยักหน้านิดๆก่อนจะชักมือกลับ

กวนตีนแบบสุดๆไปเลยเว้ยไอ้ไนซ์! พ่อกับปู่มึงต้องภูมิใจ!

“ไนซ์”

“อะไร… แล้วมึงยื่นมือมาทำไม”ผมถามทันทีที่อีกฝ่ายยื่นมือมาแบตรงหน้าผม

ขอตังค์เหรอ... บ้า ไม่ใช่หรอกมันจะขอตังค์ทำไม

หรือว่า...

“มึงจะอุ๋งๆกูเหรอ”

นอร์ธมันไม่ตอบ แต่ยิ้มแทน งุ้ยยยย น่ารักอะ ผู้ชายเล่นอุ๋งๆ

… แต่มันเปลี่ยนโหมดเร็วไปมั้ยวะ เมื่อกี้ยังเจาะยางกูอยู่เลย นี่จะอุ๋งๆกูซะแล้ว

อะๆๆ กูยอมเล่นด้วยก็ได้ เห็นถึงความน่ารักของการอุ๋งๆนะเนี่ย ผมรีบยื่นหน้าเข้าไปเตรียมจะวางคางไว้บนมือของมัน

แต่ความฝันที่จะได้อุ๋งๆแบบน่ารักๆของผมก็ต้องดับสลายลง เพราะทันทีที่คางใกล้จะถึงมือไอ้นอร์ธ ฝ่ามืออรหันต์ของมันก็ฟาดเข้าที่คางผมเต็มๆจนหน้าสั่นไปหมด

“โอ๊ะ! กูเจ็บนะเว้ย! ไหนบอกจะอุ๋งๆไง”

“อุ๋งพ่อมึงอะ กูยังไม่เคยพูดเลย”

“แต่มึงยิ้ม!”

“ยิ้มให้กับความซื่อบื้อของมึงไง ไอ้หน้าควาย”

“ไอ้เหี้ยเตี้ย!”

“ไอ้แมวหน้าควาย”

“เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น มาแล้วครับ”

ยังไม่ทันได้เถียงกับมันต่อ ก๋วยเตี๋ยวของผมก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ผมกำลังจะจัดการหยิบมัน แต่ก็ถูกตัดหน้าโดยไอ้นอร์ธ...

“ไอ้นอร์ธ”

“อะไร”

“ของกู”

“ของมึงอะไร ของกู”

“แต่กูสั่งอันนี้ไป...”

“เอ่อ ขอโทษนะครับ อันนี้ของพี่คนนี้ครับ”แล้วน้องเขาก็เป็นคนเฉลย

… โดยการชี้ไปที่ไอ้นอร์ธ

“อ้าว”หน้าแตกเลยสิกู

“เห็นมั้ย กูบอกแล้วว่าของกู”

“ใครมันจะไปรู้วะ กูก็นึกว่าของกู”ผมว่าก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดูดแก้เก้อ

พอน้องคนที่มาเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวเดินไปทั้งโต๊ะก็เหลือแค่ผมกับไอ้นอร์ธ นั่งมองมันเติมโน้นเติมนี่ไปเรื่อย

หิวอะ… ยิ่งมองก็ยิ่งหิว เมื่อไหร่เขาจะเอามาเสิร์ฟให้ผมนะ

ถ้าป้ายังไม่รีบทำของผมมาให้ ผมจะกินโต๊ะร้านป้าแล้วนะ!

“มองอะไร”

“เปล่า”

“เปล่าอะไรกูเห็นมึงมองอยู่”

“...”ผมไม่ตอบ ปล่อยให้คำพูดของมันลอยตามลมไป และหันไปสนใจอะไรที่มันจรรโลงใจกว่าหน้าของไอ้นอร์ธและก๋วยเตี๋ยวตรงหน้ามัน

“ไนซ์”

“...”

“ไนซ์”อะ เรียกกูเก่งงงง เรียกกูเป็นเด็กร้องหาแม่เลย

“อะไร”

“มึงยังไม่ได้ตอบกูเลยนะว่าพี่รหัสมึงคือใคร”

“ขี้เสือกจัง”

“ตอบมา”ขึ้นเสียงใส่กูเฉย ทำตัวเป็นเด็กเลยไอ้ห่า เอาแต่ใจขั้นสุด

“เรื่องบางเรื่องปล่อยเบลอก็ได้มั้ง”

“แต่เรื่องนี้ไม่ได้”

หือ?

“มึงหมายความว่าไง?”นอร์ธมันนิ่งไปชั่วขณะ ตอนที่ผมถามแบบนั้นออกไป มันปล่อยให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมโต๊ะของพวกเราราวๆสิบวิ ก่อนมันจะตอบออกมา

“ก็... ตามนั้นนั่นแหละ”

ทำไมวะ วันนี้ทำไมมันมีแต่คนชอบใช้ศัพท์ที่มันเข้าใจยากๆ แถมยังพูดจากำกวมใส่ผม สมองผมก็แทบจะไร้รอยหยักอยู่แล้ว พอเจอพวกศัพท์กับคำกำกวมพวกนี้เข้าไปผมก็ โบ้ม! กูเอ๋อแดกเลย

“สรุปยังไง เขาคือใคร ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“นี่จะรู้ให้ได้เลย?”

“เออ”

“ไม่บอกได้ปะ”

“ตอบ”ไอ้เผด็จการ!

“เออๆๆๆ เขาเป็นผู้ชาย ชื่อสงคราม”

“สงคราม...”นอร์ธมันทำหน้าเหมือนกำลังพยายามนึกอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่แน่ใจ ว่าไอ้บางอย่างที่ว่านั่นน่ะ มันคืออะไร จนมันทำหน้าเครียดขึ้นเรื่อยๆ ผมถึงอดถามออกไปไม่ได้

“มึงมีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นวะ”

“เปล่า... ไม่มีอะไร”

“เหรอ”

“เออ”

“เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้นมาแล้วครับ”แล้วบทสนทนาของพวกผมก็ถูกแทรกด้วยเล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น ผมรีบรับมาก่อนจะกล่าวขอบคุณและปรุงมันแบบไม่รอให้ใครสั่ง

ระหว่างนั้นก็ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นระหว่างผมสองคน ผมมัวแต่สนใจการเติมเครื่องปรุงให้ก๋วยเตี๋ยวถูกปาก ส่วนไอ้นอร์ธก็คงนั่งกินก๋วยเตี๋ยวไปอย่างสบายใจ

ในขณะที่เราสองคนต่างนั่งเงียบ ก็มีเพียงเสียงเพลงจากลำโพงตัวเล็กๆที่ป้าเขาใช้เปิดเพื่อสร้างบรรยากาศเข้ามาแทรกแซงช่องว่างที่เกิดขึ้นเพียงเท่านั้น

บทจะเงียบก็เงียบกันเหมือนมีคนมาปิดปากเลยสัด

“นอร์ธ”เป็นผมที่นึกอะไรบางอย่างออก เลยโพล่งขึ้นมาในขณะที่มันกำลังจะตักเอาก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก

“ห้ะ?”

“กูว่าจะถามตั้งแต่ตอนเจอหน้ามึงแล้ว”

“ถามอะไรวะ”

“มึงมาทำอะไรแถวนี้ เวลานี้วะ ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง”

“ก็มาหอมึงไง”

“มาทำอะไรหอกู”

“ก็มาหารุ่นพี่กูไง กูเคยมาด้วยเรื่องอื่นด้วยเหรอ”เออว่ะ เจอหน้ามันแถวนี้กี่ครั้ง มันก็บอกว่ามาหารุ่นพี่ตลอด

ผมได้แค่พยักหน้าช้าๆก่อนตักลูกชิ้นในชามตัวเองเข้าปาก

“มึงชอบกินลูกชิ้นเหรอวะ ถึงได้สั่งพิเศษลูกชิ้น”คำถามของพ่อทิศเหนือยอดนักเสือกเริ่มขึ้นอีกครั้ง ขี้สงสัยเก่งงงง

แต่เอาจริงๆก็ดีเหมือนกันนะ บรรยากาศจะได้ไม่เงียบจนเกินไป

“เออ ก็ชอบ กูว่ามันอร่อยดี แต่มึงก็ไม่น่าถามปะ ตัวเองก็สั่งพิเศษลูกชิ้น สั่งมาก็คงเพราะชอบเหมือนกัน”

นอร์ธมันยิ้มก่อนจะตอบ

“กูไม่ได้ชอบ”

“อ้าว แล้วมึงสั่งทำไม”

“ก็สั่งเพราะอยากกิน แต่ตอนนี้กูเริ่มไม่อยากกินแล้ว”

“…”

“มึงจะเอาปะ กูให้หมดเลย”

“ห้ะ มึงบ้าปะเนี่ย”ผมมองปริมาณลูกชิ้นที่อยู่ในชาม มันยังไม่หายไปสักลูกเลยมั้ง“มึงยังไม่ได้กินไปสักลูก”

“กินไปแล้วลูกหนึ่ง”

“แล้วมึงจะไม่กินแล้วหรือไง”

“ไม่เอาอะ กูไม่อยากกินแล้ว”ว่าแล้วมันก็ดันชามของตัวเองมาไว้ตรงหน้าผม“ตักไปดิ”

“ไม่เอา”

“ไหนบอกชอบ”

“ชอบไง แต่นี่มันของมึง มึงก็กินไปดิ”

“ก็กูบอกว่าไม่อยากกินแล้ว สรุปมึงจะไม่เอาใช่ปะ กูจะได้ทิ้ง”ไอ้ห่านี่ก็ทิ้งจังเลย โกโก้โอรีโอ้ครั้งที่แล้วพอไม่กินก็จะทิ้ง นี่ลูกชิ้นมันก็ยังจะทิ้งอีก ไอ้คนจิตใจอำมหิต ไม่รักอาหาร!

“...”

“สรุปยังไง เอาไม่เอา”มันคงเห็นผมนั่งเงียบเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิด ถึงได้ถามออกมาอีกรอบ พร้อมยื่นมือมาเหมือนจะดึงชามกลับ

“เออๆๆ เอาก็เอา วันหลังถ้าไม่อยากกินจริงๆก็ไม่ต้องสั่ง เสียดายของว่ะแม่ง”

“ก็แค่เนี้ย อะ ตักไป”มันออกคำสั่ง ซึ่งผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ตักเอาลูกชิ้นในชามมันมาไว้ในชามของตัวเอง

“ยิ้มอะไรของมึง”ผมมองหน้าเจ้าของลูกชิ้นที่ยิ้มบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็ยิ้มออกมา

กูรู้ไอ้สัดว่าหล่อ แต่อย่ายิ้มเรี่ยราดแบบนี้ได้มั้ย!

“กูยิ้มเฉยๆไม่ได้เลยหรือไง”

“ไม่ได้ ห้ามยิ้ม”

“หึ”

“มึงหึอีกแล้วนะ”

“เรื่องของกู ตักไปหมดยัง กูจะได้กินสักที”มันพูดถึงชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองที่ตอนนี้ผมกำลังบรรจงตักลูกชิ้นออกครั้งละลูกสองลูก

“แป๊บดิ เหลืออีกลูกหนึ่ง อะ หมดแล้ว”ผมจัดการดันชามคืนให้มันหลังจากที่ปล้นเอาลูกชิ้นของมันมาจนหมด

“เออ หมดเกลี้ยงเลย”

“มึงบอกให้กูทั้งหมดเอง อย่ามาโวยวาย”

“กูยังไม่ได้โวยวายเลยสักนิด”

“เออ ให้มันอย่างนั้นเถอะ อย่าให้เห็นว่าโวยวายทีหลังนะ กูจะเอาลูกชิ้นปาหน้ามึง”

“กูนะไม่ใช่มึงที่จะขี้โวยวายอะ”

“ไอ้นอร์ธ!”

“พูดมากว่ะไอ้แมวอ้วน กินๆไปมึงอะ”มันถือวิสาสะตักลูกชิ้นในชามผมด้วยช้อนของตัวเองก่อนยัดเข้าปากผมมาจนผมเถียงอะไรมันไม่ได้


#ทิศเหนือของผม

หวงแหละ ดูออก ._.
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 9) --- 30/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 30-08-2019 09:57:06
แมวอ้วนลายทาง เรียกซะน่ารักเบย
ชื่ออิพี่สงครามนี่ท่าทางจะสั่นประสาทคุณทิศเหนือได้พอสมควรนะนี่
มีไรในกอไผ่เปล่าหว่า อย่าบอกนะว่ารู้จักสนิทชิดเชื้อกัน
แบบนี้มีเปิดวอร์แน่นวน หึ
fc อิพี่ skkk
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 9) --- 30/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-08-2019 12:37:22
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 9) --- 30/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-08-2019 18:51:03
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 9) --- 30/08/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 31-08-2019 14:50:49
จริงๆ น้องเค้าเป็นแมวโง่ด้วยนะ 555


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอน 10
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 04-09-2019 00:37:31
10

ตัวปลอม

 

เคยมีคนบอกว่า เราจะนึกอะไรบางอย่างออกตอนที่กำลังเข้าห้องน้ำเพื่อทำภารกิจส่วนตัว…

เห็นทีเรื่องนี้คงจะเป็นความจริงและไม่ใช่ทฤษฎีลอยลมแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ในขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่บนชักโครกและไถหน้าจอมือถือไปมาเพื่อเช็คข่าวสารต่างๆ

ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้... บางอย่างที่ตัวเองเผลอลืมไปซะสนิท

เมื่อวานผมลืมเข้าห้องเชียร์…

เพราะอาหารบังตาแท้ๆเลยไอ้ไนซ์เอ้ย... ถึงได้ลืมเรื่องสำคัญขนาดนั้นไปได้

แต่ถ้าถามว่าแคร์มั้ย ผมตอบได้เต็มปากเลยครับว่าไม่! เพราะนี่ใครครับ อดิรัตน์ไงจะใครล่ะ!

อดิรัตน์คนจริงอิสคอลลิ่งมี ห้องเชียร์มันก็แค่ชื่อกิจกรรมเท่านั้นแหละ!

แต่ขออย่างเดียวเลย อย่าให้แม่รู้เรื่องนี้ก็พอ เพราะไม่อย่างนั้นคนจริงคนนี้มันอาจจะกลายเป็นหมาหงอยได้ง่ายๆเพราะโดนคุณบังอรเขาเทศน์จนหูชา...

ติ๊ง!

การแจ้งเตือนของมือถือเด้งขึ้นมาพร้อมกับแชทแรกของวัน...

แถมยังเป็นแชทแรกระหว่างผมกับมันอีกด้วย

... ไอ้นอร์ธ

 

North

มึงตื่นยัง

ʕ•ᴥ•ʔ

 

เดี๋ยวนะ กูแดกจุดแป๊บ มันคือเหี้ยอะไรเนี่ย ไอ้เตี้ยมันมาอารมณ์ไหนของมัน นอกจากอยู่ๆจะทักมาแล้ว มันยังส่งสติ๊กเกอร์ที่โคตรจะไม่เข้ากับคาแรคเตอร์ของมันมาอีกด้วย

แม่งผีเข้าปะวะ…

ผมใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป

 

NiceAdr

เหี้ยอะไรเนี่ย

อารมณ์ไหนของมึงวะ

ทำไมวันนี้มาแปลกๆ

 

ทันทีที่ส่งไปอีกฝ่ายก็อ่านทันที เหมือนเปิดแชทของผมค้างไว้อย่างไรอย่างนั้น

 

North

ก็ปกติดีนะ

NiceAdr

เหรอวะ...

North

เออดิ

สรุป มึงตื่นแล้วใช่ปะ

ไปกินข้าวเช้าด้วยกันมั้ย

ʢᵕᴗᵕʡ

 

ตากูกระตุกแล้วนะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าของผมคงบิดเบี้ยวไม่เข้ารูปแน่ๆ เพราะทันทีที่อ่านข้อความที่นอร์ธมันส่งมา ผมก็ควบคุมใบหน้าของตัวเองให้อยู่ในรูปเดิมไม่ได้

คงจะเบี้ยวไม่ต่างจากตอนเห็นซากหนูตายอยู่หลังตู้เย็นแน่ๆ

 

North

กทดสวหเทาวกสกวเ

ʕథ౪థʔ

ಥ_ಥ

ఠ౬ఠ

 

เหี้ยอะไรอีกเนี่ย...

Rrrr… !

ขณะที่ผมกำลังนั่งงงกับข้อความที่นอร์ธมันส่งมารัวๆอยู่นั้น ไอ้เจ้าของแชทที่ผมอ่านไปเมื่อครู่ก็โทรมา

“ฮัลโหล”

“ไอ้แมวอ้วน มึงอย่าไปสนใจข้อความก่อนหน้านี้นะเว้ย!”

หือ... อิหยังวะ

“อั้ยย่ะ! แมวอ้วนซะด้วย”

“เฮ้ยๆๆ น้องพวกมึงแม่งไม่ทำธรรมดาว่ะ”

“น่ารักซะไม่มี”


เสียงใครวะ...

“พวกพี่เงียบก่อนดิ!”ไอ้นอร์ธมันตะโกนบอกกับใครผมเองก็ไม่สามารถรับรู้ได้ แต่สิ่งที่ผมรู้อยู่อย่างหนึ่งคือ

เสียงมึงเต็มๆหูกูเลยสัด...

“ไนซ์ มึงได้ยินกูมั้ยเนี่ย”

“เออ ได้ยิน”

“ได้ยินว่าอะไร”

“ความจำเสื่อมปะมึงอะ ก็เป็นคนบอกกูเองว่าอย่าไปสนใจข้อความก่อนหน้านี้”ผมทวนความจำให้มันอีกครั้ง พูดออกมาเองแท้ๆ แต่มาถามกูกลับเฉย

“เออ ดีแล้ว”

“แล้วนี่มึงอยู่ไหน ทำไมฟังดูคนเยอะจัง”

“ห้องรุ่นพี่... ที่หอมึงนั่นแหละ”

“อ้าว กูนึกว่ามึงกลับไปแล้วนะเมื่อคืน”ผมขมวดคิ้ว

“กูขี้เกียจนั่งรถกลับ ก็เลยนอนนี่”

“อ๋อ... เหรอ”

“เออ”

เมื่อคืนพอกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ เราก็ต่างคนต่างคิดเงิน แล้วก็แยกย้ายกันตรงนั้นเลย ผมเลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วนอร์ธมันไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านหรือหอของมันตามที่ผมเข้าใจ

ทิศเหนืออิสโฮมเลสที่แท้ทรู...

“ไนซ์”

“ห้ะ”

“แค่นี้ก่อนนะ ขอโทษที่กวนมึงแต่เช้า”

“อ่า… เออ ไม่เป็นไรๆ”

แล้วมันก็วางสายไปทิ้งให้ผมอยู่กับความเงียบภายในห้องน้ำและหน้าเอ๋อๆของตัวเองต่อไป เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้างวะ มาไวไปไวเหลือเกิน

ไวจนบางทีก็จับต้นชนปลายไม่ถูก คือมันโทรมาให้ผมไม่ต้องสนใจข้อความก่อนหน้านี้ใช่มั้ย...

แสดงว่าข้อความแปลกๆที่ส่งมาคงไม่ใช่ไอ้นอร์ธเป็นคนพิมพ์ส่งสินะ...

‘อั้ยย่ะ! แมวอ้วนซะด้วย’

‘เฮ้ยๆๆ น้องพวกมึงแม่งไม่ทำธรรมดาว่ะ’

‘น่ารักซะไม่มี’

ประเด็นแรกจบไป แต่ยังมีอีกประเด็นที่ยังหลงเหลืออยู่

เสียงจากพวกที่อยู่กับไอ้นอร์ธตะโกนเข้ามา มันหมายความว่าอะไร...

ทำอย่างกับกำลังแซวไอ้นอร์ธมันอย่างนั้นแหละ

ติ๊ง!

 

North

ไนซ์



มันทักมาอีกแล้ว...



NiceAdr

ว่า
North

มึงไปมอยังไง

NiceAdr

ถ้าปกติก็นั่งรถเมล์ไป

มึงถามทำไมวะ

North

ถ้าแต่งตัวเสร็จแล้วมึงทักมาที

เดี๋ยวไปมอด้วยกัน

 

มัน! มา! แปลก! อีกแล้ว!

ผีเข้าวันละหลายล้านรอบ รอบแรกอาจจะโดนแกล้ง ไม่เป็นไรพอเข้าใจได้ แต่รอบนี้มือถือน่าจะอยู่กับมันสิ ทำไมมันถึงส่งข้อความแปลกๆมา

 

NiceAdr

มึงตัวจริงปะเนี่ย

North

ตัวจริงไอ้สัด

*ส่งรูปภาพแล้ว*

 

หน้าตาแบบนี้ หัวล้านๆแบบนี้ ไอ้นอร์ธตัวจริงเสียงจริงแน่นอน ยืนยัน!

 

NiceAdr

โอเค สำเนาถูกต้อง

แล้วมึงนึกยังไงมาชวนกู

ร้อยวันพันปีไม่เคยชวน

North

เป็นควายช่างสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่

NiceAdr

อ้าวไอ้สัด

เดี๋ยวกูไม่ไปด้วยซะ

North

ก็เรื่องของมึง

NiceAdr

โห่

ไอ้นอร์ธ

North

อะไร

NiceAdr

ง้อกูหน่อยสิ

ಥ_ಥ

แค่บอกเหตุผลกูมาเอง

ว่าทำไมมึงถึงชวนกูไปมอด้วย

ทั้งๆที่ปกติไม่เคย

North

ไอ้เหี้ยแมวอ้วน

มึงนี่มันหน้าโง่ดีจริงๆ

ก็วันอื่นกูไม่ได้อยู่ที่เดียวกับมึง

แต่วันนี้อยู่ กูก็เลยชวน

ก็แค่เนี้ย สมองมีก็หัดใช้ซะบ้าง



ชีวิตแค่โดนทําร้าย แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทําลาย...

กูแม่งพลาดเองแหละที่ไปถามคนแบบมึง



North

แต่ถ้ามึงอยากโดนชวนทุกวัน

มึงย้ายมาอยู่กับกูมั้ยล่ะ

กูจะชวนเช้า ชวนเย็นเลย

 

ฮึ้ยยยยยย มันส่งข้อความแปลกๆมาหาผมอีกแล้ว! ตัวปลอม! ไอ้นี่มันต้องเป็นตัวปลอมแน่ๆ




NiceAdr

เสร็จแล้ว



North

อือ

เดี๋ยวกูไปหาที่ห้อง

NiceAdr

โอเค

ผมวางมือถือลงก่อนก้มใส่รองเท้าให้เรียบร้อย...

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เดี๋ยว...

ติ๊ง!



North

เปิดประตูให้กูด้วย

กูอยู่หน้าห้องมึงแล้ว



ทำไมมาไวขนาดนี้อะ มึงเป็นเดอะแฟลชปะเนี่ย!?

ผมเดินไปเปิดประตูห้องแบบงงๆ ทันทีที่บานประตูเปิดออกก็เผยให้เห็นเจ้าของส่วนสูงที่ขัดกับหน้าตาหล่อๆของมันฉิบหาย  มันกำลังยืนรอผมพร้อมนมเปรี้ยวกล่องหนึ่ง

“กินนมนะ แต่ไม่เห็นสูง”

ปั่ก!

“สักหมัดก่อนไปเรียนมั้ยล่ะ”

ถามหาพ่อมึงงงง มึงต่อยกูมาแล้ววววว

“กูเจ็บนะเว้ย”

“ก็ดูมึงทัก”

“ไม่ยอมรับความจริง!”

“หึ”จะซื้อหึไปทิ้งก็คงทำไม่ได้สินะ โอเค กูปล่อยผ่านก็ได้ เอาตามสบายเลยพ่อ เอาให้สุด ทิศเหนือเอาให้สุดดด

“ไปกันเลยปะ?”

“กูอะต้องถามมึง กูเสร็จนานแล้ว”

“อ๋อ กูก็เสร็จแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวขอไปหยิบของก่อน”

“อือ”

ผมหันหลังกลับ ทิ้งให้นอร์ธมันยืนรออยู่ที่หน้าประตู เพราะไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรที่จะชวนมันเข้ามาในห้อง เข้ามายังไงสุดท้ายก็ต้องออกไปอยู่ดี อยู่ได้ไม่ถึงสองนาทีหรอก

ติ๊ง!

ขณะที่กำลังเก็บของโน่นนี่นั่นใส่กระเป๋า เสียงแจ้งเตือนของมือถือก็ดังขึ้นจนผมอดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดู



Skkk.

ตื่นยัง



อะ นี่ก็มาแปลกอีกคน...

ดูทุกคนจะเป็นเดือดเป็นร้อนกับเวลานอนของกูเหลือเกิน



NiceAdr

ตื่นแล้ว

ผมกำลังจะไปมอ

Skkk.

ไปยังไง

NiceAdr

รถเมล์มั้ง

ไม่รู้ดิพี่ ต้องถามเพื่อนก่อนว่าจะไปยังไง

พี่ถามทำไมอะ

Skkk.

จะไปส่ง

NiceAdr

จริงจังปะเนี่ยพี่

Skkk.

เออดิ

กูรออยู่หน้าหอมึงแล้วเนี่ย

*ส่งรูปภาพแล้ว*



กูถามจริงงงง ฟีลเหมือนเป็นเด็กเสี่ยเลยว่ะ มีคนไปรับไปส่ง แล้วพี่มันนึกยังไงจะไปส่งวะ



NiceAdr

แล้วทำไมพี่ถึงจะไปส่งผมอะ
Skkk.

ก็กูอยากไปส่ง

มันต้องมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอ



รูปประโยคมันแปลกอีกแล้วนะกูว่า...

“ทำอะไรอยู่วะ เสร็จยังเนี่ย”ยังไม่ทันที่จะคุยกับพี่สงครามมันเสร็จ ไอ้นอร์ธที่ยืนรอผมอยู่ที่หน้าประตูก็ตะโกนเรียก ห้องก็มีอยู่เท่านี้ จะตะโกนทำซากอะไรก็ไม่รู้

“เออๆ เสร็จแล้วๆๆ”ผมเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้และเช็คข้าวของว่าลืมอะไรหรือเปล่าและเดินออกจากห้อง

“มึงลืมอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มี”ผมตอบ เพราะมั่นใจแบบสุดๆว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองลืมแน่ๆ

“เช็คให้มันดีๆอีกรอบ”

“ไม่มี กูเช็คแล้ว”ผมพูดก่อนหันไปล็อคห้องและเก็บกุญแจห้องใส่กระเป๋า“นอร์ธ”

“ห้ะ?”

“เมื่อวานที่กูไม่เข้าห้องเชียร์อะ มันมีอะไรเพิ่มเติมจากเดิมปะ”

“ก็มี แต่แค่นิดเดียว”

“อ๋อ...”

ติ๊ง!

อ่า... กูลืมพี่สงครามสนิทเลย



Skkk.

อ่านแล้วไม่ตอบ

NiceAdr

ใจเย็นจ้า

ผมเพิ่งปิดห้อง

Skkk.

รีบๆลงมา

กูรออยู่ข้างล่าง

NiceAdr

จะไปส่งจริงๆเหรอพี่

Skkk.

อ่านภาษาไทยไม่ออกมั้ง



เกรี้ยวกราดแท้...



Skkk.

กูบอกจะไปส่งก็คือไปส่ง

เร็วๆ

รีบลงมา

NiceAdr

โอเคๆ

งั้นพี่รอแป๊บนะ



“นอร์ธ”

“ห้ะ?”

“เราจะไปมอกันยังไง”

“ก็ไปเหมือนมึงอะ”

“งั้น... ไปกับสารถีกูมั้ย”

“สารถี? สารถีอะไรของมึงวะ”

“เออหน่า ตามกูมาเหอะ เรามีคนขับรถส่วนตัว”ผมกำลังจะก้าวเท้าเพื่อเดินนำ แต่พอเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีที่จะเดินตามมา ผมจึงต้องยื่นมือไปจับมือไอ้นอร์ธไว้และจัดการดึงมือมันให้เดินตาม“รีบๆตามมา เร็วๆ”




“มึงจะพากูไปไหนวะ”

“เออหน่า จะถึงแล้ว นั่นไง รถคนนั้น”ผมที่ลากไอ้นอร์ธลงมาจนถึงชั้นล่างก็ชี้ไปที่รถของพ่สงครามที่เห็นอยู่ไกลๆ

“เดี๋ยว มึงจะพากูไปที่รถคันนั้นทำไม”

“ก็ไปกับสารถีไง เขาจะไปส่ง”

“สารถีที่ว่ามึงคือเจ้าของรถคนนั้นอะนะ”

“ก็เออไง รถพี่...”

“ไอ้ไนซ์”

เสียงพี่รหัสสุดมาดแมนแฮนซั่มของผมดังขึ้นโดยที่ผมยังไม่ทันจะได้อธิบายว่าเจ้าของรถหรูคันนั้นคือใคร ร่างสูงในชุดชอปแบบเต็มยศก็เดินมาหาผมกับไอ้นอร์ธ

“อ้าวพี่ รอพวผมนานปะ”

“ไม่นานๆ”

“ผมเอาเพื่อนไปด้วยคนนะ”

“เออ มาได้ๆ แล้วนี่เพื่อนมึงชื่อ...”

“ไอ้สงคราม”

พี่สงครามมันยังพูดไม่ทันจบนอร์ธมันก็ทักทายพี่รหัสผมเหมือนเป็นเพื่อนเล่น

“ฮึ้ยยย มึงไปเรียกเขาไอ้ได้ยังไง!?”

“หึ”พี่สงครามมันหึอะไรของมันวะ“เพื่อนที่มึงพูดถึงนี่คือไอ้นอร์ธเองหรอกเหรอ”

เดี๋ยวนะ หมายความว่ายังไง... พี่มันรู้จักกับไอ้นอร์ธเหรอ

“พี่รู้จักไอ้นอร์ธมันด้วยเหรอ”

ผมถามออกไปเพราะความรู้สึกที่เหมือนตัวเองจะเป็นคนที่ตามคนอื่นไม่ทันอยู่คนเดียว

“เออ รู้จัก สนิทมากๆเลยด้วย”

พี่สงครามมันยิ้มพร้อมมองหน้าไอ้นอร์ธ

โอเค ถ้านี่เป็นการยิ้มทักทาย ผมว่ามันคงเป็นการยิ้มทักทายที่ห่วยแตกที่สุดในโลก เพราะแม่งไม่มีความเป็นมิตรเลยสักนิด...


#ทิศเหนือของผม


ฝากเล่นแท็กด้วยนะคับพี่ๆ ได้เวลาเลือกทีมแล้วววว ._.
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 10) --- 04/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 04-09-2019 08:17:43
เอาล่ะ เปิดเลยมั้ย 55555
แล้วแมวอ้วนยังคงเป็นแมวโง่เหมือนเดิม
น่ารักจริงงงงงงง


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 10) --- 04/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-09-2019 11:01:18
 :L2: :pig4:

อู้วววว มีอยู่คนเดียวไม่รู้เรื่องอะไร
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 10) --- 04/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 04-09-2019 17:45:51
วอร์กันแว้ววววว
แมวอ้วนไม่รู้เรื่องกะเค้าเบย
เชียร์อิพี่ Skkk. เหว่ย
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 10) --- 04/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-09-2019 22:17:11
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 10) --- 04/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: 9 พฤศจิกา ที่ 04-09-2019 22:24:00
ขอตามด้วยคนจ้า 55555555 ฮาช็อตชานมไม่มีมาแต่ไข่มุกจริ๊งง 555555  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 10) --- 04/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 06-09-2019 17:41:38
โอ๊ยยยยยยย น้องเอ๋อแบบน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอน 11
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 10-09-2019 01:21:36
11

ลูกพี่ลูกน้อง

 

หนึ่งความจริงที่โคตรจะไม่น่าเชื่อ รองลงมาจากอีพี่สงครามมันเป็นคนหล่อ

นั่นก็คือ...

พี่สงครามกับไอ้นอร์ธ… มันสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

โคตรจะไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ยล่ะ ได้ยินครั้งแรกผมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน จนมันสองคนต้องยืนยันโดยการเอาบัตรประชาชนให้ดูนั่นแหละ

นามสกุลเดียวกัน เหมือนกันเป๊ะๆทุกอักขระเลย

แต่ตอนนี้มันมีสิ่งที่ผมควรจะให้ความสนใจมากกว่าเรื่องที่มันสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีกครับ และเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก…

ต้นตอของความเงียบที่เกิดขึ้นบนรถคันนี้

ผมมองไปทางขวามีพี่สงครามมันทำหน้าที่เป็นคนขับ ส่วนคนที่นั่งเบาะหลังอย่างไอ้นอร์ธ พอเห็นแล้วก็แอบตกใจเหมือนกัน เพราะมันเล่นนั่งจ้องแต่พี่สงครามแบบไม่ละสายตาไปไหน

จ้องอะไรขนาดนั้นวะ...

เครียดว่ะ มันต้องมาในธีมครอบครัวสุขสันต์ไม่ใช่เหรอ พี่สงครามมันเป็นพี่ ไอ้นอร์ธเป็นน้อง ส่วนผมก็เป็นเพื่อนของน้องอีกทีหนึ่ง

เนี่ยเห็นมั้ย ลงตัวกันจะตาย แล้วพวกมันเอาอะไรมาเงียบใส่กันวะ

เฮ้อ...

“ไนซ์”

เอาล่ะ เหมือนสวรรค์มาโปรดกู พี่สงครามมันเป็นคนเปิดบทสนทนาหลังจากที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้สักพักใหญ่ๆ

พี่มึงเปิดมาขนาดนี้แล้ว กูสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญเลยว่ารถคันนี้จะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป!

“มึงกินข้าวมาหรือยัง”

“ยังเลยพี่”

“แล้วมึงจะไปกินที่มอใช่ปะ”

“ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้น”

“อ๋อ”

“พี่ถามทำไมอะ?”

“กูขอไปนั่งกินด้วยคนดิ”

“...”

“ได้ปะ?”

มึงไม่มีเพื่อนหรือไงพี่...

“ได้ดิพี่ ทำไมจะไม่ได้”ถึงในใจจะคิดแบบนั้น แต่มันก็จำเป็นต้องตอบอีกอย่างออกไป

กึก! กึก!

ผมรีบหันกลับไปมองในทันทีที่เสียงประหลาดๆกับแรงสั่นไหวของเบาะที่ผมนั่งเกิดขึ้น

ไอ้นอร์ธมันทำอะไรของมันวะ...

“มึงทำอะไรวะนอร์ธ”

“ของตก”มันตอบผมมาห้วนๆพร้อมจ้องพี่สงครามตาเขม็ง

ของตกทำไมมันไม่ก้มหาวะ มันจะมานั่งจับเบาะที่ผมนั่งไว้ทั้งสองฝั่งแบบนี้ทำไม...

พิลึกคน…

ขณะนั้นเอง ความเงียบก็เข้ามาครอบครองพื้นที่ภายในรถคันนี้อีกครั้ง มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยด้วย บทจะเงียบก็เงียบเฉย

กูขอถอนคำพูดเลยแล้วกัน ว่ารถคันนี้จะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป กูทำไม่ได้โว้ย เดตแอร์แม่งทุกๆสองนาที

พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกันนนน

“มองหน้ากูขนาดนั้น มึงลุกมาต่อยกูเลยมั้ยล่ะ”พี่สงครามมันว่าหลังจากมองหน้าไอ้นอร์ธผ่านกระจกมองหลัง

“ได้ก็ดี”

ใจเย็นจ้า กูขับรถพาพวกมึงไปส่งโรงพยาบาลไม่เป็นเด้อ

“กูเป็นพี่มึงนะ”

“กูอยากนับมากมั้ง”

รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย...

“งั้นมึงก็เลิกใช้นามสกุลนี้ดิ”

“มึงสิต้องเลิก พ่อมึงเป็นน้องพ่อกู”

“แต่กูเกิดก่อนมึง”

“สาระแนเกิดก่อนทำไมล่ะ”

“ไอ้เหี้ยนอร์ธ”

“เหี้ยอะไรไอ้สงคราม”

โว้ยยยย อะไรกันวะเนี่ย!

“พี่ ไอ้นอร์ธ พวกมึงใจเย็นๆนะ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน เดี๋ยวเราจะตายห่ากันหมด”พอผมพูดแบบนั้นออกไป มันสองคนก็มองมาทางผมก่อนจะถอนหายใจมาคนละเฮือกใหญ่ๆ หลังจากนั้นพี่สงครามมันก็เป็นฝ่ายที่หันกลับไปขับรถต่อ โดยไม่ได้สนใจอะไรไอ้นอร์ธอีก

ไอ้นอร์ธเองก็เหมือนกัน แต่รายนี้มันจะมองหน้าผมนานกว่าที่พี่สงครามมันมองหน่อยหนึ่ง แล้วถึงได้หันกลับไปชมนกชมไม้ตามทาง

ความรู้สึกผมตอนนี้แม่ง... เหมือนเป็นแม่ที่คอยห้ามไม่ให้ลูกตีกันเลยว่ะ

แม่ครับ ไนซ์เข้าใจความรู้สึกแม่ตอนที่แม่ห้ามไม่ให้ไนซ์ตีกับพี่นันท์แล้ว...


เป็นความอึดอัดรอบที่ล้านแปดของวันเกิดขึ้นอีกครั้ง...

ทำไมวะ กะอีแค่นั่งกินข้าวด้วยกัน มันจำเป็นต้องแผ่รังสีอำมหิตใส่กันขนาดนี้เลยเหรอ

ผมมองพี่สงครามกับไอ้นอร์ธที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสลับกันไปมา

ดีเท่าไหร่ที่มีซีอิ๊วมันนั่งคั่นไว้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ สงครามโลกครั้งที่สามก็อาจจะเกิดขึ้นภายในโรงอาหารของคณะวิศวะก็ได้

เรื่องสงครามโลกครั้งที่สามน่ะเชื่อเถอะว่าผมไม่ได้โอเว่อร์ ผมผ่านมาแล้ว สดๆร้อนๆ

“ทำไมกูรู้สึกอึดอัดแปลกๆ”ออมสินที่นั่งอยู่ข้างขวาของผมพูดพร้อมยื่นหน้ามาหาผมกับไอ้ไกด์ที่นั่งอยู่ถัดไป“วันนั้นที่กูไปกินข้าวกับพี่สงคราม พี่รหัสไอ้ไนซ์ กูก็ยังไม่อึดอัดเท่านี้เลย”

“โง่”

“ไอ้ไกด์ มึงด่ากูทำไมเนี่ย”

“มึงดูไม่ออกจริงๆเหรอวะ”ไกด์มันพูดโดยที่ไม่มองหน้าพวกผมเลยสักนิด มันสนใจข้าวในจานกับสาวในแชทมากกว่าเพื่อนที่นั่งหัวโด่รอฟังมันพูดอยู่ตรงนี้

“ดูออก?”

“...”

“ดูอะไรออกวะ”

เออ นั่นดิ ดูอะไรออก ผมเองก็สงสัยเหมือนกันกับที่ออมสินมันสงสัย

“กูถึงได้ด่าว่ามึงโง่นี่ไง แค่นี้ก็ดูไม่ออก”

“งั้นมึงก็บอกมาดิว่ามึงดูอะไรออก”

“ไม่บอก ปล่อยให้งง”

“เหี้ยอะไรเนี่ยไอ้ไกด์”

“โง่ต่อไปมึงอะ”

ในขณะที่ผมกำลังให้ความสนใจกับบทสนทนาของออมสินและไอ้ไกด์อยู่นั้น...

“มึงเอาตีนมาเขี่ยตีนกูทำไม”

“กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้เขี่ย!”


ฝั่งโน้นเปิดศึกกันอีกรอบแล้ว...

ผมเพิ่งเคยเห็นไอ้เตี้ยมันในมุมนี้ มุมที่เถียงแบบสุดชีวิต ประหนึ่งว่าถ้ามันเถียงแพ้ชีวิตของมันจะหายนะวอดวาย อะไรทำนองนั้นเลย

“ถ้ามึงไม่ได้เขี่ยแล้วมันจะมีอะไรมาโดนตีนกูได้ไง”พี่สงครามมันว่า

“ตีนก็ตีนมึงกูจะไปรู้มั้ยล่ะ”

“มึงเขี่ยแน่ๆ”

“กูบอกว่าไม่ได้เขี่ยไง!”

“กูไม่เชื่อ!”

“พี่สงคราม ตีนกูเอง”ซีอิ๊วที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพี่สงครามกับไอ้นอร์ธที่กำลังเถียงกันจนคอแทบแตกพูดขึ้น คงเพราะทนเสียงดังที่ทำให้แก้วหูแทบแตกไม่ไหว

“เห็นมั้ย กูบอกมึงแล้วว่ากูไม่ได้เขี่ย”

“ใครจะไปรู้ มึงเป็นเพื่อนกัน อาจจะปกป้องกันก็ได้”

ว่าไปนั่น…

“มึงปกป้องกันแน่ๆ”

“โว้ยยยย อะไรของพี่วะ”

“มึงปกป้องไอ้นอร์ธ กูดูออก”

“ควาย”

“มึงว่าใครควาย”

“กูว่าไอ้อิ๊วมั้ง”

“กวนตีนไอ้เหี้ย”

“เรื่องของกู”

โอเค…

กระผม นายอดิรัตน์ ขอเสนอทฤษฎีที่พวกเราชาวมนุษยชาติควรรู้อีกหนึ่งอย่าง รองมาจากทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของนิวตันนั่นก็คือ

อย่าปล่อยให้พี่สงครามกับไอ้นอร์ธอยู่ใกล้กันเกินระยะสิบเมตร


วันศุกร์งดเข้าห้องเชียร์ แต่ฝนแม่งดันตก...

ผมมองหยาดน้ำฝนที่ตกลงมากระทบพื้นตรงหน้า

ตกเฉยๆผมจะไม่ว่าอะไรมันเลย แต่นี่มันเสือกตกหนักซะด้วยสิ แบบนี้ผมจะกลับหอยังไงล่ะทีนี้

พอเลิกเรียน ผมก็หอบเอาข้าวของของตัวเองมาเพื่อเตรียมตัวจะไปรอรถเมล์หน้ามอ แต่ยังก้าวเท้าไปไม่ทันพ้นชายคาของตึก ฝนมันก็ตกลงมาดักหน้าผมซะก่อน

พวกออมสินแม่งก็แยกย้ายกลับกันไปจนหมดแล้ว ผลสุดท้าย ไอ้ไนซ์คนนี้ก็ต้องมายืนเป็นหมาหงอยอยู่ใต้ตึกคนเดียวนี่แหละ

ชีวิตกู... ไอ้ฝนไม่รู้จักกาลเทศะ!

ติ๊ง!



North

อยู่ไหน



เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจ ตั้งแต่พี่สงครามมันแยกกับพวกผมหลังกินข้าวเสร็จ ไอ้นอร์ธมันก็ไม่ค่อยพูดค่อยจา แถมยังดูอารมณ์เสียแบบหาสาเหตุไม่ได้

ไม่รู้ว่าหงุดหงิดเรื่องพี่สงครามมันหรือเปล่า ที่พี่มันมากวนประสาท แต่มันก็ควรจะหายได้แล้วมั้ยอะ ในเมื่อพี่สงครามมันกลับไปแล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่นอร์ธมันจะต้องอารมณ์เสีย

นี่เล่นทำหน้างอเป็นปลาทูแม่งทั้งวัน ผมล่ะไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ



North

ทำไมไม่ตอบ

เป็นเหี้ยอะไร

NiceAdr

ใจเย็น

กูกำลังจะตอบ

North

สรุปมึงอยู่ไหน

NiceAdr

เจอกูครั้งสุดท้ายที่ไหนก็ตรงนั้นนั่นแหละ



Rrrr… !

อ้าว โทรมาเฉย...

“โหล”

“มึงยังอยู่ที่มอเหรอ?”

“เออดิ กูติดฝนอยู่เนี่ย แล้วนี่โทรมาไม่กลัวฟ้าผ่าเลยเนอะ”

“นั่นปากเหรอที่พูด”

ครืน~

ไอ้ห่า เสียงฟ้าร้อง...

“เห็นมั้ยมันเตรียมผ่ามึงแล้ว”

“ไอ้นอร์ธ! เงียบเลย เลิกพูด”ผมตะคอกใส่ปลายสายที่พูดเล่นอะไรไม่ดูเวล่ำเวลา

“ก็มึงพูดก่อนเอง”

เออ ก็ถูกของมัน...

“ไม่ต้องพูดแล้ว กูไม่ฟังๆๆ”

“เออ รู้แล้ว”มันหัวเราะ”มึงอยู่ใต้ตึกที่พวกเราแยกกันใช่มั้ย”

“ใช่”

“งั้นรอแป๊บ เดี๋ยวกูไปรับ”

“รับ? รับไปไหน?”

“ไปส่งมึงไงไอ้ควาย เรื่องแค่นี้ก็ต้องให้บอก”

“แล้วมึงจะไปส่งกูทำไม”

“หรือมึงจะยืนติดฝนต่อไป”

“…”ฝนตกหนักขนาดนี้... แล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดตกเลยด้วย กูควรเอายังไงดีวะ

“เอายังไง จะให้กูไปส่งมั้ย”

เออ ไหนๆเพื่อนก็มีน้ำใจแล้ว ปฏิเสธก็คงจะเสียน้ำใจมันแย่

“เออ มาก็มา แล้วมึงจะเอารถอะไรมารับ มึงมีรถเหรอ”

“มี กูยืมไอ้ไกด์มา เอ้ย ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน อีกห้านาทีถึง รอตรงนั้นนะ ห้ามหนีไปไหน”

ตรู๊ดดดด~

“อะ เออ”

อ้าว... จะวางก็วางไปหน้าตาเฉยเลยไอ้สัด

หลังจากวางสายจากไอ้นอร์ธไปได้ไม่นาน รถของไอ้นอร์ธ ไม่สิ รถของไอ้ไกด์ที่มีไอ้นอร์ธเป็นคนขับก็มาจอดไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่ผมยืนอยู่ ผมรีบวิ่งไปที่รถโดยไม่รอคำสั่งของใคร ผมเคยเห็นรถไอ้ไกด์อยู่สองสามรอบ สีนี้ ทะเบียนเลขนี้แน่ๆจำได้ไม่ผิด

ทันทีที่เปิดประตูรถได้ก็รีบเอาตัวเองเข้าไปนั่งด้านใน นี่ขนาดผมคิดว่าตัวเองวิ่งโคตรจะเร็วแล้วนะ แต่ตัวยังเปียกเลยอะ คิดเอาเถอะว่าฝนมันต้องตกหนักขนาดไหน

“ไอ้ไกด์ต้องด่ากูแน่เลยว่ะ ตัวเปียกแล้วมาขึ้นรถมัน”ผมพูดพลางจัดแจงข้าวของของตัวเอง

“มันไม่ว่าหรอก ที่มันทำเปียกกว่าที่มึงทำตั้งเยอะ”

“ไม่ได้จัญไรใช่ปะประโยคนี้”

“แล้วมึงคิดว่าไงอะ”

“ก็... จัญไรอยู่ มันสองแง่สองง่าม”

“อือ ก็ตามนั้นนั่นแหละ”ไอ้นอร์ธมันพูดก่อนรถจะเคลื่อนออกจากที่โดยฝีมือของมัน

เป็นอันรู้กันว่าไอ้เรื่องที่พูดกันเนี่ยหมายถึงเรื่องอะไร เพราะขึ้นชื่อว่าพี่ไกด์สายหิ้ว ควงสายไม่ซ้ำหน้า ดาวคณะโน้น คนดังคณะนี้ เต็มไปหมด บางทีก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าไกด์มันจัดการกับสาวๆของมันได้ยังไงให้ไม่มีปัญหากัน แม่งเอาตัวรอดโคตรจะเก่งเลย

“นึกยังไงถึงมารับกู ทั้งๆที่กลับไปแล้วแท้ๆ”

“ยังไม่ได้กลับ กูไปกินข้าวมา”ผมมองชุดที่มันใส่อีกที เออ มันไม่ได้โกหก ชุดนักศึกษาแบบเต็มยศเลย

“เออ นั่นแหละ ไปกินข้าวแล้วทำไมอยู่ดีๆถึงจะมารับกู”

“ไม่อยากเห็นคนโง่ตากฝน”

“เอาดีๆ”

“กลัวมึงโดนฟ้าผ่าตาย”

“เลิกกวนตีนกูมันจะตายมั้ย”

“…”

“…”

“เออ... กูเป็นห่วง”

“…”

“พอใจยัง?”

“…”

เดตแอร์เกิดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ในรอบวันแล้วก็ไม่รู้ แต่ครั้งนี้ไม่มีพี่สงครามมันเป็นส่วนร่วม มันเกิดจากผมและไอ้นอร์ธล้วนๆเลย

ทำไมวะ... ทำไมเหมือนโดนมันเต๊าะเลย ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นน้ำเสียงที่แม่งอ่อนลงกว่าปกติจนผิดสังเกต ไหนจะการชำเลืองตามองมาทางผมของมันอีก

คิดมาก กูต้องคิดมากไปเองแน่ๆ

ติ๊ง!



Skkk.

อยู่ไหน



ไอ้ลูกพี่ลูกน้องคู่นี้จะว่าไป ใจมันก็ตรงกันแปลกๆนะ ทักมาเวลาไล่เลี่ยกัน แถมยังรูปประโยคเดียวกันด้วย



NiceAdr

บนรถ

ผมกำลังจะกลับหอ

*ส่งรูปภาพแล้ว*

Skkk.

อ้าว

กลับกับใคร

กูว่าจะรับไปส่งที่หอ



มานะ มานี ปิติ ชูใจมากพ่อ ได้ข่าวว่าพักอยู่คนละทิศกับหอกูเลย ยังจะเสนอตัวมาส่งอีก



NiceAdr

พี่ไม่ต้องลำบากหรอก

ผมมากับไอ้นอร์ธแล้ว

มันบอกผมว่าจะพาไปส่งหอ

Skkk.

ลงเลยได้ปะ

ขับถึงไหนแล้วก็ต้องลง เดี๋ยวกูไปรับต่อเอง

NiceAdr

บ้าปะพี่

จะให้ลงไปทำไม

Skkk.

ไม่อยากให้มึงอยู่กับมัน



พิลึกคน...

หมับ!

“มึงทำอะไรเนี่ย”ผมพูดกับไอ้นอร์ธที่ยื่นมือมาปิดหน้าจอมือถือของผมไว้

“...”

“ไอ้นอร์ธ ปล่อย”

“มึงคุยกับใคร”

“ก็... พี่สงครามไง”ทำไมต้องมองหน้ากูด้วยสายตาแบบนั้นด้วยวะ...

“ไม่คุยได้มั้ยวะ”ผมขมวดคิ้วทันทีที่มันพูดจบ ความเร็วของรถค่อยๆช้าลง จากตอนแรกที่ช้าอยู่แล้ว ตอนนี้กลับเหมือนจอดสนิท”กูไม่อยากให้มึงคุยกับมัน”

“กูว่ามันไร้เหตุผลเกินไป”ผมดึงมือถือกลับมาแต่สายตาก็ยังไม่ละจากมัน

“…”

“กูรู้นะเว้ยว่ามึงไม่ชอบพี่สงครามมันอะ”

“…”

“แต่มาทำแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย พี่สงครามมันก็เป็นพี่รหัสกู”

“…”

“มึงจะเอาความไม่ชอบของตัวมึงเองมาบังคับกูแบบนี้ไม่ได้”

“ไม่”

“...”

“กูไม่ได้ขอในฐานะคนที่ไม่ชอบหน้ามัน”

“…”

“…”

“…”

“แต่กูขอในฐานะของความรู้สึกของตัวเองกูเอง”




#ทิศเหนือของผม

ลูกพี่ผมคับลูกพี่ผมมมมมม
ฝากเล่นแท็กด้วย น้องเหงามาก ;-;
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 11) --- 10/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 10-09-2019 08:13:38
เฮ้ยยยยยยต มาว่ะๆๆๆๆ
ความรู้สึกของนอร์ทอ่าาา
แมวโง่ไม่รู้หรอกกกก
หนูมึนเสมอต้นเสมอปลาย
ไม่ได้แล้วนะลูกกกกกกก

ปล.น้องไกด์เค้ามีเรื่องของน้องมั้ย มันต้องแซ่บมากแน่ๆ



Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 11) --- 10/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-09-2019 13:43:43
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 11) --- 10/09/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-09-2019 15:53:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 18-09-2019 00:29:04
12

โง่เอเวอรี่เดย์

 

“กูไม่ได้ขอในฐานะคนที่ไม่ชอบหน้ามัน”

“…”

“…”

“…”

“แต่กูขอในฐานะของความรู้สึกของตัวเองกูเอง”

มันต่างกันตรงไหนวะ...

ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไอ้ประโยคที่พูดก่อนหน้ากับไอ้ประโยคนี้มันก็เหมือนกันอะ เพราะสุดท้ายไอ้นอร์ธก็เอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งอยู่ดี

นิสัยโคตรเด็กเลยว่ะแม่ง

แต่มันแปลกอยู่อย่างหนึ่ง... หลังจากที่พูดจบ นอร์ธมันก็หันหน้าหนี ไม่ยอมสบตากับผมเลย เอาแต่มองไปที่พวงมาลัยของรถ

ผมว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ

“นอร์ธ”

“หือ”

“มึงเป็นอะไรวะ”

“เปล่า”

“เปล่าแล้วมึงหันหน้าหนีกูทำไมอะ ไม่มีอะไรก็หันมามองหน้ากันดิ”

“มึง... ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ”สุดท้ายมันก็ยอมหันมามองหน้าผมพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

“กูต้องรู้สึกอะไรอะ”ถามเพราะไม่รู้จริงๆว่าควรจะรู้สึกอะไร เพราะมันก็แค่ประโยคเอาแต่ใจของไอ้นอร์ธ ถึงจะพูดต่างกันยังไง สุดท้ายความหมายมันก็คือไอ้นอร์ธไม่อยากให้ผมคุยกับพี่สงครามเพราะมันไม่ชอบอยู่ดี

“เฮ้อ... ไอ้โง่เอ๊ย”มันคอตกเอาหัวโขกพวงมาลัยอยู่สองสามที

“อะไรของมึงวะ กูงงนะเนี่ย”

“มึงแม่ง... ไอ้แมวหน้าโง่”

“เอ้า ด่ากูทำไมเนี่ย”

“เรื่องของกู!”มันหน้าบูดบึ้งหันมาตอบ“จะกลับเลยใช่มั้ย”

เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย….

“เออ กลับเลย”

มันไม่พูดอะไรต่อ แต่คำตอบของไอ้นอร์ธที่ผมได้มันมาจากการเคลื่อนที่ของรถที่พวกเรานั่งกันอยู่ นอร์ธมันไม่หันมาสนใจผมเลยแม้แต่น้อย มีแค่เพียงเสียงถอนหายใจของมันที่ดังออกมาเป็นระยะๆจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะถอนหายใจอะไรบ่อยขนาดนั้น

ชีวิตมันมีเรื่องอะไรให้เหนื่อยใจจนถึงขั้นต้องถอนหายใจทุกๆสองนาทีเลยหรือไง




เสาร์อาทิตย์แม่งผ่านไปไวเหมือนโกหก… ได้พักแป๊บๆก็ต้องกลับมาเรียนอีกแล้ว พูดไปแล้วน้ำตากูจะไหล

คำว่าวันจันทร์ พูดเบาๆก็เจ็บ

แต่ในขณะที่ผมกำลังเดินไปที่ฐานทัพ ใครบางคนก็พลันเข้ามาอยู่ในระยะสายตาของผมซะก่อน

ไอ้นอร์ธกับไข่เค็มแมวอ้วน

“ไอ้นอร์ธ”ผมโบกมือทักทายพร้อมเดินเข้าไปหา พอเห็นว่ามันไม่ได้สนใจเลยเลือกที่จะนั่งยองลงข้างๆมัน นอร์ธมันยังคงทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ให้อาหารสัตว์เหมือนเดิม ซองอาหารในมือของมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดี

สโนวไวท์ในร่างผู้ชายถูกมะ... อย่างนี้ผมก็ต้องเรียกมันว่าสโนวนอร์ธน่ะสิ

“ทำไมมึงมาเช้าจังวะ”เพราะเห็นว่ามันกำลังสนใจแต่ไอ้ไข่เค็ม ผมถึงชวนมันคุย อย่างน้อยๆกูจะได้ไม่รู้สึกเป็นส่วนเกินแบบที่กำลังเป็นอยู่

 “...”เงียบ

“มึงกินข้าวมายัง”

“...”เงียบ

มึง! เป็น! เหี้ย! อะ! ไร!

ลืมพกปากมาจากบ้านหรือไงไอ้สัด ถามอะไรไปก็ไม่ตอบ โกรธ กูโกรธมาก อยากจะคว้าเอาหินแถวนั้นสักก้อนขึ้นมาทุบหัวมันให้สมองกลับ

ไอ้เหี้ยเตี้ยหูหนวก!

“ไอ้นอร์ธ”

“อะไร”กว่าจะตอบได้นะมึง

“ที่กูถามไปได้ยินปะ?”

“ได้ยิน”

“แล้วทำไมมึงไม่ตอบ”

“ก็ไม่ว่าง”

“ทำเหี้ยอะไรไม่ว่าง ให้อาหารไข่เค็มมันต้องใช้สมาธิขนาดนั้นเลยหรือไง”

“กูฟังมันปรึกษาเรื่องหัวใจอยู่”มันถึงขั้นนี้แล้วเหรอวะ ขั้นที่ไอ้เตี้ยมันเหงาขนาดนั่งคุยกับแมว... เดี๋ยว กูก็เคยนี่หว่า เอาใหม่ๆๆ ถือซะว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นก็แล้วกัน

เอาเป็นว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกสามารถคุยกับสัตว์รู้เรื่อง และสัตว์ก็สามารถตอบโต้ผ่านมาทางโทรจิตและเสียงร้อง

ทฤษฎีนี้พิสูจน์มาแล้ว โดย... กูเอง

“แล้วมันปรึกษามึงว่ายังไงวะ”ว่าแล้วก็ขอเล่นกับเพื่อนสักหน่อย เดี๋ยวเพื่อนเล่นคนเดียวแล้วเหงาแย่

นอร์ธมันทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา

“มันบอกกูว่า มันไปสารภาพรักกับคนคนหนึ่งมา แต่ว่าคนที่มันไปสารภาพรักมาแม่งโคตรโง่ เสือกดูไม่ออกว่ามันสารภาพรัก  โคตรน่าสงสารเลย”

เอ... กูว่าเรื่องมันแปลกๆนะ สรุปไอ้ไข่เค็มมันไปสารภาพรักกับคนหรือกับแมว

“ไอ้นอร์ธ”

“อะไร”

“เรื่องนี้คือไข่เค็มมันพูดหรือมึงแต่งขึ้นมาเองวะ ทำไมมึงบอกว่ามันไปสารภาพรักกับคนอะ”

“เฮ้อ...”ถอนหายใจอีกแล้ว“นี่มึงจะโง่ให้มันได้โล่เลยหรือไง”

เอ้า กูอุตส่าห์ตามน้ำไปกับมึงนะไอ้เหี้ยเตี้ย อยู่ดีๆก็มาหักหน้ากูเฉยเลย

มึงมันกบฏ!

นอร์ธมันยืนขึ้นก่อนจัดการเก็บเอาขยะไปทิ้ง โดยปล่อยให้ผมนั่งโง่ๆอยู่กับไอ้ไข่เค็มที่ตอนนี้ดูเหมือนพร้อมจะเดินหนีผมไปเต็มที

“มึงไม่ต้องมามองหน้ากูเลย กูไม่มีของกินให้มึงหรอก ใช่สิ รักเรามันเก่าไปแล้วหนิไข่เค็ม”

“เมี้ยว~”

“มึงไม่ต้องมาอ้อน กูไม่ยอมหายงอนมึงง่ายๆหรอก เรื่องวันนั้นของเรากูจะลืมมันไปซะ ว่ามีแมวตัวหนึ่งเดินเข้ามาหากู แถมยังชวนกูคุยอยู่ตั้งนานสองนาน กูจะถือซะว่าทุกๆอย่างมันไม่เคยเกิดขึ้น”

“เมี้ยว~”

“อย่ามาเรียกคะแนนความสงสารหน่อยเลย”ผมมองหน้าไอ้ไข่เค็มที่ตอนนี้เดินเข้ามาออเซาะ พันแข้งพันขาผมจนเกือบทรงตัวไม่อยู่“เดี๋ยวกูล้ม! เหอะ! คิดเหรอว่าทำแบบนี้กูจะสงสาร กูไม่ยอมใจอ่อนให้มึงง่ายๆหรอก”

“เมี้ยว~”

“มารยาสาไถย”

“เป็นบ้าเหรอ”ผมสะดุ้งโหยงเพราะอยู่ดีๆไอ้นอร์ธมันก็มายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“ยุ่ง”

“เป็นเหี้ยอะไรอีก เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย”

“กูงอนมึง”ผมตัดสินใจยืนขึ้นพร้อมกับหมุนตัวกลับไปเพื่อที่จะมองหน้าไอ้นอร์ธมันได้ถนัดๆ

“งอนเรื่อง?”

“กูอุตส่าห์ยอมตามน้ำเล่นกับมึง แต่อยู่ดีๆมึงก็มาหักหน้ากู”

“เรื่องแค่เนี้ย?”

“เออ”

“มึงมีสิทธิ์อะไรมางอนกู”มันเลิกคิ้วถาม

เออว่ะ... จริงของมัน

“ก็... ไม่มี”

“เออ ถ้ารู้ว่าไม่มีสิทธิ์ก็อย่ามางอน”

“…”

“แต่ถ้ามึงอยากงอนก็รีบๆทำให้ตัวเองมีสิทธิ์ซะ”

มันพูดหน้านิ่ง แต่แววตานี่โคตรจริงจัง แค่พูดเล่น แววตามึงไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้มั้ยไอ้ห่า กูกลัวแล้วนะเนี่ย...




เรียนเสร็จ ก็ต้องมานั่งทำท่าเบียบเชียร์ต่อ ชีวิตนักธุรกิจปะเนี่ย ตารางชีวิตนี่แน่นเอี้ยด หาช่องว่างไม่ค่อยจะได้เลย ถ้าไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์นี่อย่าได้หวังเลยว่าจะมีเวลาพักหายใจหายคอ

แต่เอาเถอะ อีกไม่กี่สัปดาห์มันก็จบแล้ว เดี๋ยวผมก็จะเป็นไทแล้ว!

ทันทีที่เปลี่ยนชุดและห้อยป้ายเรียบร้อย ผมก็หอบเอาสัมภาระเดินออกมาจากห้องน้ำ มองซ้ายมองขวาเพื่อตามหาไอ้พวกเพื่อนๆของผม ที่ตอนนี้ไปไหนกันแล้วก็ไม่รู้

กูแค่เปลี่ยนชุดแป๊บเดียวเอง แม่งหายกันหมดเลย

“เปลี่ยนชุดนานฉิบหาย”ผมสะดุ้งโหยงเพราะอยู่ดีๆไอ้นอร์ธมันก็โผล่มาจากไหนไม่รู้มายืนข้างๆตัวผม

“มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ตกใจหมดเลยไอ้ห่า”

“กูมาตั้งนานแล้ว มึงมองไม่เห็นเอง”มันพูดด้วยหน้าที่เรียบนิ่ง

“อ๋อ... สงสัยมึงจะเตี้ยเกินไปอะ กูเลยมองไม่เห็น ฮะ เฮ้ยยย ไอ้นอร์ธอย่า”ผมร้องออกมา อยู่ๆไอ้นอร์ธมันก็ล็อกคอผมเอาไปไว้ที่ข้างเอวของมัน โดนล็อกท่านี้แบบปกติก็ว่าปวดคอแล้ว แต่โดนแบบนี้ปวดยิ่งกว่า ด้วยความที่มันตัวเตี้ยไง ผมเลยต้องโดนดึงให้ก้มตัวลงไปมากกว่าปกติ“ไอ้นอร์ธ กูเจ็บ!”

“คำก็เตี้ย สองคำก็เตี้ย มึงจะว่ากูอีกมั้ย?”

“มึงก็เลิกด่ากูโง่ก่อนดิ”

“กูถาม ไม่ใช่ให้มึงมาต่อรอง”

ไอ้เหี้ยเตี้ย ไม่ยุติธรรม!

“ตอบมา”ไม่พูดเปล่าแต่มันล็อกคอผมแน่นขึ้นด้วย นี่กะจะเอาให้กูตายเลยหรือไง!

“เออๆๆๆ กูไม่ว่าแล้วๆ ปล่อยกูได้แล้ว คอกูจะเคล็ดแล้ว”เพียงเท่านั้นมันก็ยอมปล่อยผมให้หลุดออกมาอย่างง่ายดาย

โคตรจะไม่ยุติธรรมเลย กูจะฟ้องร้อง

ว่าคนอื่นได้ แต่คนอื่นว่าตัวเองไม่ได้ โคตรเอาแต่ใจเลย!

“แอบด่าอะไรกูในใจ”นั่งทางในมาเสือกเหรอไอ้สัด แม่นเหลือเกิน

“เปล๊า ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“เสียงสูง”

“เสือก”

“มึงเล่นอะไรกันวะ เล่นด้วยดิ”แขกผู้มาเยือนอย่างไอ้ไกด์เดินเข้ามาสมทบพร้อมขวดน้ำหนึ่งขวด

“กูยังไม่ได้เล่นเลย มันแม่งมาทำร้ายร่างกายกูก่อนอะไกด์”ขอฟ้องหน่อยเหอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว

“เบาได้เบานะไอ้นอร์ธ ไอ้ไนซ์แม่งช้ำหมดแล้วมั้ง”

พี่ไกด์ค้าบบบ ฮีโร่ของกู ออร่าความดีแผ่กระจายไปสามพันเมตร โคตรจะเทพบุตร!

“หน้าเอ๋อๆแบบนี้ยิ่งหายากๆอยู่”

“เกือบดีแล้วไอ้สัด”ผมพูดก่อนมองหาอีกสองคนที่เหลือ“ซีอิ๊วกับออมสินไปไหนวะ”

“ไปซื้อน้ำกันมั้ง”

“อ๋อ”ผมพยักหน้าหงึกหงัก

ไกด์มันมองหน้าผมนิดหนึ่งก่อนจะหันไปคุยกับไอ้นอร์ธ

“สรุปคือโง่จริง?”

“อือ โง่ฉิบหาย”นอร์ธมันกอดอกยืนคุยกับไอ้ไกด์อย่างเท่

แต่เดี๋ยวนะ กูสงสัย มันพูดเรื่องอะไรกันอะ ทำไมกูไม่รู้เรื่องงงง นินทากูหรือเปล่าเนี่ย มามองหน้ากูแล้วก็พูดอะ

“มึงคุยเรื่องอะไรกันวะ ใคร อะไรโง่ๆ”

“ตอนแรกกูนึกว่ามึงแม่งเว่อร์ แต่ตอนนี้กูเชื่อมึงละ”ไกด์มันหันมามองหน้าผมแป๊บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปหัวเราะกับไอ้นอร์ธ

เอ้า! สรุปพวกมันได้ยินที่ผมพูดมั้ยเนี่ย ทำไมคุยกันรู้เรื่องแค่สองคน แล้วกูล่ะ เฮลโหลเพื่อน อย่าลืมกู กูยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ อย่าลืมกู อย่าลืมกู๊!


#ทิศเหนือของผม


หาความฉลาดไม่เจอเลยลูกแม่ ;---;

ฝากส่งฟีดแบ็คใน #ทิศเหนือของผม ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 12) --- 17/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 18-09-2019 12:16:21
อ้างถึง
“สรุปคือโง่จริง?”

“อือ โง่ฉิบหาย”

นอร์ธแอนด์บบรดาเฟรนด์ๆ คงต้องทำใจกันอีกนานนนนน
คือแรร์อ่ะ ไม่ได้โง่เลเวลธรรมดาด้วยนะ แบบโง่ฉิบหายอ่ะ
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 12) --- 17/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-09-2019 13:46:13
 :L2: :pig4:

ต้องมีการโดเนทน้ำมันตับปลา
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 12) --- 17/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-09-2019 12:08:43
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 22-09-2019 17:56:01
13

เส้นทางของเซเลป

 

จะไปเป็นดาวโดดเด่น บนฟากฟ้า~

มันคงถึงเวลาแล้วล่ะครับที่นายอดิรัตน์คนนี้จะได้เจิดจรัสท่ามกลางแสงสปอตไลท์ ความฝันที่จะได้เป็นเซเลปอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!

หลังจากที่ซ้อมเชียร์จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็มีกิจกรรมเข้ามาแทรก จากตอนแรกที่ต้องปล่อยตอนสองทุ่มตรง มันก็คงจะคงจะต้องเลทไปอีกหลายนาที แต่พูดไปแล้วน้ำตาก็จะไหลครับ นี่มันคงจะเป็นกิจกรรมแรกและกิจกรรมเดียวในมหา’ลัยที่ผมคนนี้เฝ้ารอคอยให้มันมาถึง

และกิจกรรมที่ว่านั่นมันจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจาก... การคัดตัวดาวเดือนนั่นเอง!

แน่นอนครับว่าผมจะไม่พลาดกิจกรรมนี้

เป็น! อัน! ขาด!

ถ้าพลาดก็คือเสียหมาแน่นอน หนทางที่จะเป็นคนฮอตของมหาวิทยาลัยมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ ถ้าไม่คว้าไว้ก็น่าเสียดายแย่

“เอาล่ะค่ะ พี่จะไม่บังคับนะคะ ใครที่เต็มใจอยากจะสมัครก็ยกมือและยืนขึ้นเลยค่ะ เดี๋ยวเราค่อยไปคัดเลือกกันนอกรอบอีกที”ผมไม่รู้นะว่าไอ้คัดดาวคัดเดือนเนี่ยมันคัดกันแบบไหนยังไง เพราะปกติก็ดูเอาจากในคลิปตามยูทูปหรือไม่ก็ซีรี่ย์ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์จริงๆกับตัวเองสักที

แต่วันนี้ได้มาเห็นกับตาจริงๆของตัวเองแล้ว ผมพูดเลยว่าโคตรเท่ มันเหมือนคัดตัวนักรบไปต่อสู้กับเลยอะ อันนี้ไม่ได้เว่อร์นะ แต่เสียงเชียร์ที่ดังแข่งกับโทรโข่ง ไหนจะเสียงปรบมือทันทีที่มีใครคนใดคนหนึ่งลุกขึ้นยืน

โคตรฮึกเหิมเลยไอ้แม่ย้อย แบบนี้ก็ต้องเป็นพลทหารอดิรัตน์แล้วมั้ย เตรียมหยิบดาบหยิบโล่เลยกู

“ไนซ์ จะประกวดมั้ย”

เอี๊ยดดดด เสียงเบรกในใจกูดังลั่น ทันทีที่คนข้างถามผมพร้อมเอียงหน้าถาม คนๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก ทนาย ผู้เป็นดั่งความสดใสของโลกใบนี้

เอาดีๆ ผมไม่เคยเจอใครสดใสเท่านี้มาก่อนเลย ขนาดนั่งเชียร์มาด้วยกันแท้ๆ สภาพกูเหมือนศพ แต่ทนายยังสดใสเหมือนดอกทานตะวัน

น้องค้าบบบ ไอ้นุ่มนิ่มของพี่~

“ไนซ์”

“…”

“ไนซ์”

“ห้ะ”

“เป็นอะไรหรือเปล่า มองเราตาไม่กะพริบเลย”

“อ๋อ เปล่าๆๆ แต่ทนายฟันสวยดีนะ”เดี๋ยว แล้วมันเกี่ยวเหี้ยอะไรกับฟันสวยวะ...

“เราเคยจัดฟัน พี่เราทำให้เองเลยนะ”

พี่...

“พี่ของทนายเป็นหมอฟันเหรอ”

“เปล่า พี่เราเป็นคนจัดสวน”

“…”

“แฮร่!”

อีหยังวะ…

“อ้าว มันไม่ตลกเหรอ”

อ๋อ คืออันนี้กูต้องขำใช่มั้ย

“ตลกสิตลก ฮ่าๆ ตลกจังเลยยยย”

“ขำปลอมมากเลยไนซ์”

วืด... ไอ้ไนซ์โป๊ะแตก นี่มันจะหาว่ากูกวนตีนมั้ยวะ ไปหัวเราะปลอมๆใส่มันแบบนี้เนี่ย แต่ระหว่างที่กำลังยิ้มเจื่อนๆให้ทนาย บทสนทนาก็ต้องถูกขัดด้วยฝ่ามือของใครบางคนที่มากระทบลงบนหัวของผม จนแว่นร่วงลงไปอยู่บนตัก

“โอ๊ะ ใครวะ?”

ผมขมวดคิ้วหยิบเอาแว่นขึ้นมาใส่ ก่อนหันไปหา... ไอ้เหี้ยเตี้ย

“ไอ้นอร์ธ มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย”

“ยุง”

“ไหน!? ขอหลักฐาน”ผมคว้าเอามือของมันมาดู ว่างเปล่าซะยิ่งกว่าสมองของผมตอนสอบอีก“ไหนยุงของมึง”

“บินไปแล้ว”

“โกหกหน้าด้านๆ กูขอให้มึงเตี้ยลงกว่านี้หนึ่งไม้บรรทัด!”

“พระเจ้าเขาไม่ฟังคำร้องขอของคนโง่หรอก”

จึก...

เจ็บฉิบหายเลย ใจกูจะพัง ไอ้เตี้ยมันด่าน้อยแต่เจ็บอยู่

“ไม่คุยกับมึงแม่งแล้ว ปวดประสาท”มันยักไหล่พร้อมกับทำหน้ากวนตีน อย่าไปสนใจมันๆๆๆ

ผมหันกลับไปหาทนายผู้เป็นดั่งความสดใสของโลกใบนี้

“ทนาย”

“หือ?”

“ตอนแรกทนายถามเราว่าอะไรนะ?”

ทนายทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“เราถามไนซ์ว่า ไนซ์เป็นอะไรหรือเปล่า ถึงได้มองเราตาไม่กะพริบเลย”

“ไม่ใช่ๆ ก่อนหน้านั้นอะ”

“ก่อนหน้านั้นเหรอ… อ๋อ นึกออกแล้วๆ”ทนายทำตาโตพร้อมเอามือมาตีหน้าขาของผมรัวๆ

ถ้าเป็นคนอื่นกูด่าไปแล้วนะเนี่ย แต่นี่เป็นทนายไง ให้อภัยได้

“เราถามไนซ์ว่า ไนซ์จะลงประกวดเดือนมั้ย”

“อ๋อ เราว่าจะลง”

“ฮึ้ยยย จริงเหรอๆ ดีเลย เราจะได้มีเพื่อน”

กูถามจริง… นี่ทนายกำลังจะกลายเป็นคู่แข่งของผมงั้นเหรอ ไม่ได้การละ กูต้องเป่าหูให้เปลี่ยนใจก่อน

“ทนายก็จะประกวดเหรอ”

“อื้อ เราว่าจะประกวดเหมือนที่พี่เราเคยประกวด”

“พี่ทนายเคยเรียนที่นี่... เหรอ?”

“อื้อ พี่เราเคยเรียนที่นี่ แถมยังเป็นเดือนมหา’ลัยด้วยนะ!”

โอเค กูแพ้แล้ว... ไม่สิวะไอ้ไนซ์ ไม่ได้ๆ อย่าเพิ่งยอมแพ้ คนมันคนละคนกัน จะเอามาตัดสินกันได้ยังไง

ถึงพี่ของทนายจะชนะได้เป็นเดือนของมหาวิทยาลัย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าทนายก็จะชนะเหมือนพี่ชายของตัวเองสักหน่อย

“เห็นเขาบอกว่ามันเหนื่อยนะ ทนายจะไหวเหรอ”ได้เวลาเป่าหูแล้วกู

“มันก็คงไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอก เห็นพี่เราเคยพูด”จิตใจแน่วแน่มากเว่อร์“แล้วอีกอย่าง ขนาดไนซ์ยังจะลงประกวดเลย ถ้าคนแบบไนซ์ทำได้ เราก็น่าจะทำได้”

คนแบบไนซ์... เอ กูว่ามันแปลกๆแล้วนะ มึงหลอกด่ากูปะเนี่ยทนาย

“นี่จะไปแข่งกันน่ารักหรือไง”

อะ ไอ้ตัวเสือกมันมาอีกแล้ว

“เสือกจริงเลยมึงนี่”ผมหันไปหาไอ้นอร์ธที่อยู่ดีๆแม่งก็พูดแทรกขึ้นมา ไม่เห็นหรือไงว่าคนเขาคุยกันอยู่

แต่เดี๋ยวนะ... เมื่อกี้ไอ้นอร์ธมันบอกว่าอะไร

แข่งกันน่ารักเหรอ?

เนี่ย คิ้วกูขมวดแล้วนะ แถมตากูก็กระตุกด้วย พูดจาแปลกๆอีกแล้วนะไอ้เตี้ย

“ไอ้นอร์ธ”

“อะไร”

“เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร”

“...”

“ใครแข่งกันน่ารัก”

“ไม่ได้พูด”

“โกหก มึงจะไม่ได้พูดได้ยังไง กูได้ยินอยู่เต็มสองหู”

“กูไม่ได้ชมมึงก็แล้วกัน กูชมไอ้คนนั้น”ว่าแล้วมันก็บุ้ยปากไปหาทนาย“ชื่ออะไรนะ ทนายใช่มั้ย”

“อื้อ เราชื่อทนาย”

“เออ กูชมทนาย ไม่ได้ชมมึง”ประโยคนี้มันหันมามองหน้าผมอีกครั้ง

ไอ้คนเหี้ย จิตใจอำมหิต ก็รู้แหละว่ากูมันไม่ใช่คนหน้าตาดี แต่ไม่จำเป็นต้องหักหน้ากันแบบนี้ก็ได้มั้ย มึงจะพูดอ้อมๆชมกูสองคนรวมไปเลยก็ได้

แต่นี่มึงไม่ทำไง! เลิกๆๆๆ คนแบบนี้ต้องเลิกคบ

“เป็นเหี้ยอะไรหน้างอ”เหอะ ยังมีหน้ามาถาม!

“ไม่ต้องมายุ่งกับกู”

“มึงโกรธเหรอที่กูพูดแบบนั้น”ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าไอ้คำว่าแบบนั้นที่ไอ้นอร์ธมันว่า มันหมายถึงอะไร แต่ผมจะถือซะว่ามันเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ผมคิดอยู่ก็แล้วกัน

“เออ มึงมันคนใจร้าย ไอ้เตี้ยอำมหิต”

“เดี๋ยวกูตบดั้งหัก บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าพูดว่าเตี้ย”ไอ้คนไม่ยอมรับความจริง!“แล้วมึงก็ไม่ต้องมาโกรธกูด้วย”

“...”

“เพราะคนแบบมึงมันก็ไม่ได้น่ารักจริงๆ”

ไอ้สัด!




สุดท้ายผมก็ไม่ได้ลงประกวดดาวเดือน เพราะหลังจากที่เขามาบอกรายละเอียดเพิ่มเติม มันก็ทำให้ผมตัดสินใจล้มเลิกความตั้งใจในการจะไปเป็นเซเลป เพราะถ้าจะเป็นดาวเดือนต้องกลับบ้านหลังสามทุ่ม...

กลับบ้านหลังสามทุ่ม!!!!

นั่นแหละครับ มนุษย์เราต้องการการพักผ่อน สามทุ่มผมว่ามันน่าจะสูญเสียเวลาชีวิตมากเกินไป

เพราะเหตุนี้เอง กระผม นายอดิรัตน์จึงขอถอนตัวออกจากการแข่งขัน...

แต่ทนายผู้เป็นดั่งความสดใสของโลกใบนี้ยังคงแน่วแน่กับสิ่งที่ตัวเองเลือก เดินไปสมัครกับพี่เขาและแน่นอนครับ ทนายได้รับความนิยมสูงมากๆจากพวกรุ่นพี่ คงเป็นเพราะทนายเด่นกว่าคนอื่นๆล่ะมั้ง แหงล่ะ ที่เดินไปสมัครมีแต่แมนๆบึกบึนทั้งนั้น แต่ทนายน่ะ ตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับใครหลายๆคน

เอาหน่อยเว้ยไอ้ไนซ์ ไม่ได้เป็นเดือนก็ขอมีเพื่อนเป็นเดือนก็แล้วกัน

ขณะที่ผมกำลังเดินขึ้นหอของตัวเองด้วยอารมณ์ที่ดีแบบสุดๆ ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงของใครบางคน

“ไอ้น้อง”

เรียกกูปะวะ...

ผมหันขวับไปมองต้นเสียงที่มาจากด้านหลัง และภาพที่เห็นตรงหน้าคือกลุ่มชายฉกรรจ์สองสามคน ใส่ชุดที่โคตรจะสบายตามสไตล์ไทบ้าน คีบช้างดาวกันคนละคู่ ในมือมีถุงลูกชิ้นกันคนละถุง แถมน้ำอีกคนละแก้ว

“เอ่อ พี่เรียกผมเหรอครับ”ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“เออ น้องนั่นแหละ”

“พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“น้องชื่อไนซ์ใช่มั้ย”ว่าแล้วก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาผมทีละนิด

รู้ชื่อกูได้ยังไงวะ พวกพี่มึงเป็นสตอล์กเกอร์ปะเนี่ย กูเริ่มกลัวแล้วนะ

“ไม่ต้องกลัวๆ พวกพี่ไม่ใช่คนไม่ดี”พูดตรงประเด็นเป๊ะเหมือนอ่านใจกูออก“พวกพี่เป็นรุ่นพี่ของไอ้นอร์ธ เพื่อนของเราอะ”

ผมไม่ตอบอะไร ทำได้เพียงมองหน้าพวกเขานิ่งๆ เพราะใจหนึ่งก็ยังไม่ได้เชื่อสนิทใจว่าเขาคือรุ่นพี่ของไอ้นอร์ธจริงๆ ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะทำให้รุ่นพี่ของไอ้นอร์ธต้องเข้ามาทักผมก่อนแบบนี้หนิ

เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวสักหน่อย

“ไม่เชื่ออะดิ”ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองแสดงสีหน้าหรือท่าทางแบบไหนออกไปพวกพี่เขาถึงได้พูดแบบนั้น“จำแชทที่ส่งไปชวนเราไปกินข้าววันนั้นได้มั้ย”

กินข้าว... อ๋อ! ไอ้แชทความวุ่นวายวันนั้นอะนะ

“ก็... จำได้ครับ”

“นั่นแหละ พวกพี่เป็นคนส่งเอง”

เหรอวะ...

“นี่ผมเชื่อพวกพี่ได้จริงๆปะเนี่ย ไม่ได้สวมรอยมาหลอกผมใช่มั้ย”

“นี่พวกพี่ดูเป็นคนไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลย?”

“ก็ถ้าตอบตามความจริงมันก็ใช่”

“…”

ไอ้เหี้ยยยยย พูดอะไรออกไปเนี่ย ตบปากตัวเองตามอายุเดี๋ยวนี้ โดนแน่ๆกู ไม่ได้โดนสะกดรอยตามนะ โดนกระทืบเนี่ย นับด้วยกี่ตีน ปากพาซวยฉิบหาย พูดเหี้ยอะไรทำไมไมคิด!

“น้องตลกดีเนอะ”

“เออจริงด้วย”

“สมกับเป็นแมวอ้วน”แล้วพวกพี่มันก็หัวเราะจนผมต้องหัวเราะแห้งๆตามไปด้วยเพื่อเอาตัวรอดจากมือตีนที่มันจะมาประเคนถึงหน้ากูเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ดีแค่ไหนที่พวกพี่มันคิดว่าผมพูดเล่นๆ

แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พี่มันเรียกผมว่าอะไรนะ... แมวอ้วนเหรอ นี่ลัทธิไอ้นอร์ธมันแพร่เชื้อไปถึงพวกพี่แล้วเหรอ ถึงมาเรียกกูว่าแมวอ้วนเนี่ย...

“เพิ่งกลับมาเหรอ?”

“ครับ”

“ทำไมไม่มาพร้อมกับไอ้นอร์ธอะ”

“นอร์ธมันมาที่นี่ด้วยเหรอครับ?”

“เออดิ เนี่ย มันก็กำลังจะเดินตามขึ้นมา...”แล้วคำพูดก็ถูกกลืนหายไปก่อนจะแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยแบบแปลกๆ“มึงคิดเหมือนกูมั้ยบลอสซัม”

ไอ้พี่ที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มพูดก่อนหันไปหาสองคนที่เหลือ

“กูคิดเหมือนมึงบัตเตอร์คัป แล้วมึงล่ะว่าไงบับเบิลส์”

“กูก็คิดเหมือนมึงบลอสซั่ม”

ไอ้เหี้ย ล้ำมาก กูเคยเห็นแต่กล้วยหอมจอมซนแต่นี่พวกพี่มึงแทนตัวเองกันด้วยชื่อพาวเวอร์พัฟเกิร์ล ว้อท!?

มันขัดกับลุคเซอร์ๆของพวกพี่มึงมาก

“ถ้าไอ้นอร์ธเห็น มันต้องเลิ่กลั่ก”

“ต้องมีคนอกแตกตาย”

“มันต้องพาน้องไนซ์หนี”

“เอางี้ พวกมึงมาพนันกับกูเลย ใครแพ้เลี้ยงเหล้า”

“ก็มาดิ”

“เออ กูเอาด้วย”

กูกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้วครับพ่อแม่พี่น้อง...

“กูทีมไอ้นอร์ธมองตาขวาง”

“กูทีมไอ้นอร์ธลากน้องไนซ์หนี”

“กูทีมมันทำทั้งสองอย่าง”

“เฮ้ย มึงขี้โกง”

“ขี้โกงอะไร”

“มึงเลือกสองอย่างอะ ไม่ได้ๆ”

“ไม่ได้อะไร กูเลือกแล้ว ไม่เกี่ยวๆ”

“ได้ไงวะ โกงจัด”ดูสนุกสนานเนอะ คนเป็นหมาคือกูไงจะใครได้

“พวกพี่ทำกันอะไรอะ”ผมถามเพราะงงมากมายกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันน่างงมั้ยล่ะครับ อยู่ดีๆก็มาพนันอะไรกันก็ไม่รู้ แถมยังมีชื่อผมกับไอ้นอร์ธไปเกี่ยวด้วย

“อ๋อ เปล่าๆ พนันกันเล่นๆ ไม่มีอะไรหรอก”

“เฮ้ย พวกพี่ทำอะไรกันวะ”

แล้วเสียงของไอ้นอร์ธก็ดังขึ้น ก่อนมันจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเราทุกคน เร็วราวกับมีพ่อเป็นเดอะแฟลช นอร์ธมันยังคงใส่ชุดในธีมเดิมๆ เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าขาว แต่ครั้งนี้ในมือมันมีถุงลูกชิ้นเพิ่มขึ้นมาเป็นพร๊อพเสริม

แกงค์ลูกชิ้นปิ้งประจำหอปะเนี่ย…

นอร์ธมันหันไปมองพวกพี่เขาหนึ่งทีก่อนจะจับเข้าที่ข้อมือผม

อีหยังกันวะ...

“พวกพี่มันไม่ได้พูดอะไรแปลกๆกับมึงใช่มั้ย?”ประโยคนี้นอร์ธมันหันมาถามผม

“ก็... ไม่มีอะไรแปลกนะ ทำไมวะ มึงมีอะไร”

“เปล่า”

เปล่าเฉย...

แล้วไอ้ท่าทางขึงขังเมื่อกี้มันคืออะไรอธิบายกูที

“มึงกำลังจะขึ้นห้องใช่มั้ย?”

“เออ ใช่”

“เดี๋ยวกูไปส่ง”ว่าแล้วมันก็ดึงมือผมไปโดยที่ทิ้งพวกพี่พาวเวอร์พัฟเกิร์ลไว้ตรงนั้น

“ฮะ เฮ้ย ไอ้นอร์ธเดินช้าๆหน่อยดิ พวกพี่ ผมไปก่อนนะ!”โบกมือลามิตรภาพที่สร้างขึ้นมาในเวลาอันสั้นก่อนหันมาเดินตามไอ้เตี้ยมันต่อ

มันจะรีบไปไหน รีบเดินไปให้อาหารแมวหรือไง สับขาซะรัวเลย

ไม่นานนักผมก็มาถึงหน้าห้องของตัวเองพร้อมกับไอ้นอร์ธเดอะแฟลช แฟลชจริงครับ เร็วมากเว่อร์ ตัวกูแทบปลิวตามแรงลม มันตัวเล็กกว่าผมนะ แต่ไปเอาแรงมาจากไหนก็ไม่รู้

“มึงจะรีบไปไหนเนี่ย ลืมปิดแก๊สหรือไง”

“พวกพี่มันไม่ได้พูดอะไรแปลกๆกับมึง... จริงๆใช่มั้ย”ถามเซ้าซี้อีกแล้ว กูจำได้ว่ากูตอบคำถามนี้ไปแล้วนะ

“ก็เออดิ ไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ”

“…”

“ทำไม มึงมีอะไร”

“เปล่า”

“เปล่าอะไรก็เห็นถามอยู่ มันต้องมีอะไรดิ ไม่งั้นมึงไม่ถามหรอก”

“เรื่องบางเรื่องก็โง่จนน่าใจหายเลยเนอะ แต่ทำไมพอเป็นเรื่องนี้แล้วฉลาดจังวะ”

“เรื่องไหนอีกล่ะ...”

“นี่ไง กูพูดไม่ทันขาดคำ”

“…”

“รอกูหน่อยก็แล้วกัน ขอทำใจหน่อย”

“อะไรวะ มึงจะทำใจอะไร”ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก มันต้องมีข่าวร้ายแน่ๆ“หรือว่า...”

“…”

“…”

“…”

“มึงเป็นมะเร็ง”

“ไอ้เหี้ยเอ้ยยยย ให้มันได้แบบนี้สิ”นอร์ธเอามือท้าวกำแพงก่อนจะเอาหัวตัวเองไปโขกซ้ำๆ“ทีเรื่องนี้โง่เสมอต้นเสมอปลายเลยไอ้สัด”

เอ้า! แล้วมันเป็นเรื่องอะไรทำไมมึงไม่บอกกูล่ะ กูจะได้ฉลาดสักที


#ทิศเหนือของผม

เปิดโดเนทน้ำมันตับปลาค้าบ
อย่าลืมส่งฟีดแบ็คที่ #ทิศเหนือของผม นะคับพี่ๆ

หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 13) --- 22/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-09-2019 21:13:58

เส้นทางของเซเลปช่างสั้นนัก

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 13) --- 22/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 22-09-2019 22:20:24
555555 น้องงงงงงงงง
โง่มากไปมันได้ดีนะลูก
เดี๋ยวโดนล่อลวง ทำไงนิ
ท่าจะไม่รอดดดดดดดด


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 13) --- 22/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-09-2019 00:30:57
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 13) --- 22/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 23-09-2019 18:03:48
โดเนทน้ำตาล สารพัดของกุ๊กกิ๊กให้แก๊งพาวเวอร์พัฟฟ
เค้าเปลี่ยนมา fc แก๊งนี้ดีก่า 555
 :hao7:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 13) --- 22/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-09-2019 05:27:19
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 13) --- 22/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpangg ที่ 24-09-2019 22:01:53
 :m20: ส่งสารนอร์ธเลยอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 26-09-2019 19:14:03
14

วันของสงคราม



18 : 35



Skkk.

เสร็จแล้วก็ลงมาได้เลย

กูรออยู่

*ส่งรูปภาพแล้ว*



นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานระหว่างผมกับพี่สงคราม ไม่รู้เหมือนกันว่าหลายวันมานี้พี่มันหายหัวไปไหน ไม่เสนอหน้ามาเหมือนปกติ เห็นจะมีอย่างเดียวที่เหมือนเดิม นั่นก็คือข้อความบอกฝันดีที่ส่งมาหาผมทุกคืน

ไม่รู้เหมือนกันจะส่งมาทำซากอะไร

พี่รหัสน้องรหัสคนอื่นก็ไม่เห็นมีใครเขาส่งกัน โดยเฉพาะพี่รหัสของออมสิน รายนี้ดูท่าจะเหม็นเบื่อน้องรหัสตัวเองแบบสุดๆ ก็ออมสินมันเล่นส่งข้อความหาพี่เขาเช้าเย็น พี่ครับกินข้าวยัง พี่ครับว่างมั้ย อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด

เห็นมันบอกว่าจะจีบพี่เขาให้ได้ เพราะรู้สึกคุยแล้วถูกใจ ถูกชะตา อยากเอามาเป็นแม่ของลูก

มึงยังไม่รู้เลยว่าตัวจริงเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่มึงจะเอาเขามาเป็นแม่ของลูก เออ เจริญเถอะออมสิน

แต่ก็เหมือนจะมีแค่ออมสินนั่นแหละที่คิดแบบนั้น เพราะพี่รหัสมันแทบจะไม่มีอะไรที่แสดงออกถึงความอยากสานต่อความสัมพันธ์ครั้งนี้กับมันเลยสักนิด

ตอนตอบแชทพี่เขาก็ตอบมันมาแบบสามวันตอบที โธ่ น่าสงสารว่ะเพื่อนกู



NiceAdr

เรียบร้อยแล้ว

เดี๋ยวผมลงไป

*ส่งรูปภาพแล้ว*

เป็นไงพี่ ผมหล่อปะ



ผมส่งรูปตัวเองในชุดที่คิดว่าหล่อที่สุด...

ก็พี่มันบรีฟมาแบบนี้อะ บอกว่าขอชุดที่มันดูดีๆหน่อย เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว แค่ได้ยินคำว่าข้าว ผมก็ทำตามไม่มีอีดออกอะไร มันเป็นสิ่งที่ต้องยอมครับ เพื่อของอร่อยๆที่มันจะมาอยู่ในท้อง

รอก่อนนะอาหารลูกพ่อ พ่อกำลังจะไปหา~



Skkk.

น่ารักดี



โคตรจะผิดประเด็นเลยพี่มึง กูถามถึงความหล่อ ไม่ได้ถามถึงความน่ารักเลยสักนิด คำว่าน่ารักสักคำก็ไม่มี ยังจะมาผิดประเด็นอีก

ผมก้มมองตัวเอง... มันน่ารักตรงไหนวะ เสื้อโอเว่อร์ไซส์สีขาว รองเท้าผ้าใบ กางเกงยีน

มันต้องเท่สิวะแบบนี้อะ มันจะน่ารักได้ยังไง วอนพี่มึงตอบกูที



NiceAdr

ผมว่าพี่ผิดประเด็น

ผมถามถึงความหล่อ

ไม่ได้ถามถึงความน่ารัก

Skkk.

เรื่องของกู

รีบๆลงมาสักทีเถอะ

กูรอจนรากจะงอก

NiceAdr

จะไปเดี๋ยวนี้แหละจ้า



พิมพ์ตอบพี่สงครามมันเสร็จสรรพผมก็เก็บมือถือลงกระเป๋า ล็อกห้องให้เรียบร้อย ก้าวเท้าฉับๆลงไปข้างล่างหอ

ทันทีที่ลงมาถึงผมก็เห็นพี่สงครามมันก็ยืนหล่อๆล้วงกระเป๋ารอผมที่หน้าหออยู่ก่อนแล้ว

ชุดธรรมดาโคตร แต่หล่อเหี้ยๆเลยว่ะพี่

แต่ผมว่าเซ้นส์การแต่งตัวของตระกูลนี้มันต้องถ่ายทอดทางพันธุกรรมแน่ๆเลยอะ เพราะพี่มันมาธีมเดียวกับไอ้นอร์ธเลย แม่งแต่งคล้ายๆกันอะ ต่างกันแค่วันนี้พี่สงครามมันใส่เสื้อยืดสีขาว แต่กางเกงยีนกับรองเท้ายังคงคอนเซ็ปต์เดิม

อิจฉาว่ะ แต่งอะไรก็ดูดีไปหมด คนเบ้าหน้าแย่อย่างกูร้องไห้แล้วววววว

“นานฉิบหาย”มาถึงก็บ่นกูเลยจ้า

“แหม รอนิดรอหน่อยไม่ได้หรือไงล่ะพี่”

“อ้าวสรุป มึงชื่อนิดหน่อยเหรอ กูคิดว่าชื่อไนซ์มาตลอด”มุกเหี้ยอะไรของพี่เนี่ย...

“ผมต้องขำปะ”

“แล้วแต่มึงเลย จะขำก็ได้ไม่ขำก็ได้”

ประชดเก่ง ประดุจตัวเองเป็นนางเอกละครหลังข่าวเลยพี่มึง

“ถ้าไม่ขำพี่จะยกเลิกการเลี้ยงข้าวปะล่ะ”

“ยกเลิก”

แค่ได้ยินเท่านั้นแหละผมก็แค่นหัวเราะ“ฮ่าๆ ตลกจังเลยพี่ ผมขำจนท้องแข็งละ”

พี่สงครามมันหัวเราะนิดๆก่อนเอามือมาผลักหน้าผากผมเบาๆ“ปลอมสัดๆเลย แล้วนี่จะไปกันได้ยัง เสียเวลามาเยอะละ”

ผมโยกตัวกลับมายืนตรงแบบปกติหลังจากที่เพิ่งโอนเอนตามแรงผลักของพี่มันไป

“พี่จะพาผมไปเลี้ยงที่ไหนอะ”

“ก็ที่ร้านไง”

ว้าวซ่า กูได้ความรู้มากกว่าเดิมเยอะเลย ขอบคุณสำหรับคำตอบมากๆเลยครับ

“อย่ามาทำหน้าเหมือนหมาดิ กูแค่กวนตีนนิดหน่อยทำมาเป็น”เอ้า กูหน้าเหมือนหมาเฉยเลย...

“ไม่เหมือนเหอะ หน้าตาดีขนาดนี้”

“เอาอะไรมาดี”

“ขัดเก่งจังวะพี่”

พี่มันยักไหล่ก่อนหันหลังและเดินนำผมไปที่รถ แต่ขณะที่เดินตามพี่มันต้อยๆผมก็นึกอะไรออก มันคือสิ่งที่ผมสงสัยตั้งนานแล้วแต่ลืมถามพี่มัน

“พี่สง”

“ถ้าจะเรียกขนาดนี้เรียกชื่อเต็มกูเหอะ ขอร้อง”พี่สงครามมันหยุดเดินและหันกลับมามอง

“แหะ ผมมีเรื่องจะถามพี่”

“ว่ามา”

“พี่จะพาผมไปเลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร”

“...”

“…”

“โอกาสอะไรดีวะ...”

อ้าว นี่พี่มึงจะพาไปเลี้ยงแบบไม่มีเหตุผลเนี่ยนะ กูถามจริงงงงง

“เอาเป็นว่ากูอยากเลี้ยง”

“ได้เหรอพี่”

“งั้นก็... เลี้ยงสาย”

“เลี้ยงสายมันไม่ใช่ครั้งที่แล้วเหรอพี่”

“นั่นมันเลี้ยงข้าวเฉยๆ ไม่ใช่เลี้ยงสาย”

“อ๋อ แสดงว่าวันนี้มีคนมาเยอะใช่มั้ยพี่”

“ไม่อะ มีแค่มึงกับกู”

“เอ้า แล้วมันจะเป็นเลี้ยงสายได้ยังไง”

“โว๊ะ สงสัยอะไรเยอะแยะจังวะ มากเรื่องมากความนะมึงอะ”พี่มันหันมาขึ้นเสียงใส่ผมก่อนจะปล่อยให้ผมกลายเป็นอากาศธาตุและหนีขึ้นรถไป

เอ้า อะไรวะ ประจำเดือนมาปะเนี่ย อารมณ์ขึ้นๆลงๆเก่งเหลือเกิน

ผมรีบเดินตามพี่สงครามมันขึ้นรถไปโดยไม่รอให้พี่มันบ่น เดี๋ยวเขาจะสรรหาคำด่าต่างๆนานามาด่าผมอีก

กูรับมือไม่ไหว

ติ๊ง!

ทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ และกำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัย เสียงแจ้งเตือนจากมือถือก็ดังขึ้นซะก่อน



North

มึงไม่อยู่ห้องเหรอวะ กูเคาะเรียกตั้งนาน



อ้าว มึงมาช้าไปแล้วเพื่อน เสือกอยากจะมาหากูที่ห้องตอนนี้อีก



NiceAdr

กูออกมาข้างนอกกับพี่สงครามอะ

มึงมีอะไรวะ



“คุยกับใครวะ”เป็นพี่สงครามที่ถามขึ้นหลังจากที่ผมพิมพ์ตอบกลับไอ้นอร์ธไป

“ไอ้นอร์ธไง...”

เดี๋ยวนะ... มันสองคนไม่ถูกกัน ครั้งที่แล้วผมก็ตอบแชทพี่สงครามเหมือนกับที่กำลังตอบไอ้นอร์ธอยู่ตอนนี้ แถมครั้งนี้พี่สงครามยังเป็นคนขับเหมือนที่ไอ้นอร์ธเคยเป็นครั้งที่แล้วอีกด้วย

เดจาวู!!!! โลกคู่ขนาน!!!

เหี้ยอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่งอะ ถ้าให้เดา ต่อไปมันก็คงจะเป็น...

หมับ!

ไอ้เหี้ยยยย จับมือกูแล้วๆ แถมปิดหน้าจอกูด้วยยยยย

“ไม่คุยได้มั้ยวะ”ไดอาล็อกเดิมเป๊ะ!“ตอนอยู่กับกู ไม่คุยกับมันได้มั้ย”

เออ อย่างน้อยๆมันก็ไม่ได้เหมือนกันทุกประโยคล่ะวะ

แต่ผมคิดว่าที่พี่สงครามมันขอมันดูเยอะไปอะ เผื่อไอ้นอร์ธมันมีเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นมาจะทำยังไงอะ แบบโดนงูฉกตาไรงี้

เนี่ย แค่คิดก็น่าสงสารแล้วปะ ไม่ได้ๆ ยอมไม่ได้

“แล้วถ้ามันมีเรื่องสำคัญล่ะพี่”

“ไม่มีหรอก เชื่อกู”

“มันอาจจะมีก็ได้พี่ ใครจะไปรู้”

“ไม่มีหรอก ถ้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ มันก็ต้องโทรมาแล้วดิ”

เออว่ะ... ถ้ามีมันต้องโทรมาแล้ว

“เอาเป็นว่ามือถือมึงกูเก็บให้ เดี๋ยวกูคืนตอนกินข้าวเสร็จแล้ว โอเคมั้ย”

มึงจะถามทำเหี้ยอะไรพี่ ในเมื่อมึงหยิบไปแล้ว!

“โอเคมั้ยไนซ์”

“ก็... ก็ได้พี่ แต่ถ้าไอ้นอร์ธมันโทรมาพี่ต้องรีบบอกผมเลยนะ ห้ามปิดเงียบ”

“เออ เดี๋ยวกูบอก”

“…”

พี่มันยิ้มแปลกๆอีกแล้ว... มันจะคิดร้ายกับไอ้นอร์ธปะเนี่ย

บ้าหน่า คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ผมคงจะแค่คิดมากไปเอง ชีวิตคนทั้งคน พี่สงครามมันคงไม่ยอมปล่อยให้ไอ้นอร์ธตายง่ายๆหรอก ถึงจะเหม็นหน้ากันแค่ไหนแต่ก็ต้องเห็นใจกันในฐานะเพื่อนมนุษย์บ้างแหละ ผมเชื่อแบบนั้น




ไม่ยุติธรรม!

แม่ง มันไม่ยุติธรรมกับผมเลยสักนิด!

ผมนั่งมองพี่สงครามที่นั่งกดมือถือตัวเองยิกๆ แต่ไม่ยักคืนมือถือของผมมาให้ผม คนมันเหงามือนะเว้ยพี่!

“มองอะไรวะ”คงเป็นเพราะถูกผมจ้องหน้ามาพักใหญ่ พี่สงครามถึงได้รู้ตัวและเงยหน้าจากหน้าจอมือถือขึ้นมามองผม

เหอะ! ยัง ยังจะกล้าถามอีก

“ถามไม่ตอบ เป็นใบ้เหรอ”

“มือถือ”ผมแบมือไปตรงหน้า

“ห้ะ?”

“ผมขอมือถือคืน”

พี่มันดันมือผมกลับ“มึงจะเอาไปทำไม”

“ก็ทีพี่ยังเล่นได้เลย แล้วจะมาขอไม่ให้ผมเล่นมันตอนอยู่กับพี่ โคตรลำเอียงเลยนะแบบนี้”

“กูคุยเรื่องงานอยู่มั้ยล่ะ อะ ดู”ว่าแล้วมือถือก็ถูกยื่นมาตรงหน้าผม

เออ เรื่องงานจริงด้วย ละเอียดยิบเลย

พอดูเสร็จผมก็ดันมือพี่มันกลับไป พี่สงครามมันยิ้มก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋า

“งอแงเป็นเด็กเลยนะมึง”แล้วฝ่ามือหนาก็ยื่นมาลูบหัวของผม

มึงทำเหมือนกูเป็นหมาเลยนะพี่!

ร้านที่พี่สงครามมันพามาในวันนี้ คือร้านที่ไม่ได้แพงมาก ราคาสามารถแตะต้องได้ แต่คิวน่ะยาวโคตร ผมเคยอ่านรีวิวของที่นี่อยู่สองสามครั้ง จำได้ว่าร้านนี้มันกำลังดังเอามากๆในตอนนี้ มีแต่คนบอกว่าอร่อยอย่างโน้น อร่อยอย่างนี้

พอคนโน้นคนนี้บอกว่าอร่อย สุดท้ายร้านมันก็ดังเปรี้ยงปร้าง จนคนมาต่อคิวเข้าร้านกันแบบไม่ขาดสาย

แอบงงเหมือนกันว่าพี่สงครามมันไปจองมาได้ยังไง

“พี่”

“ห้ะ?”

“ผมสงสัย”

“มึงเป็นเจ้าหนูจำไมหรือไงวะ ทำไมขี้สงสัยจัง”

“แก่อะพี่ รู้จักเจ้าหนูจำไมด้วย”ผมหัวเราะ

“มึงก็รู้จักไม่ใช่หรือไง แสดงว่ามึงก็แก่เหมือนกัน”

เออว่ะ จริงของมัน...

“ตกลงจะถามอะไรกู ว่ามา”

“พี่จองคิวร้านนี้ได้ยังไงอะ คนมันเยอะไม่ใช่เหรอ”

พี่สงครามมันยิ้ม กอดอกเก๊กหล่อก่อนจะพูด“โธ่ ระดับกู แค่นี้สบายมาก”

เออ มั่นหน้าเข้าไป...

“ทำไม มึงทำหน้าแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง”

“เปล๊า”

“เสียงสูงไอ้สัด”

ผมหัวเราะ แต่ในหัวก็เริ่มครุ่นคิดอะไรได้บางอย่าง...

“พี่”

“อะไร”

“ผมถามจริงๆนะ พี่แอบไปโกงคิวใครเขามาปะเนี่ย มันไม่ดีนะพี่”

“ไอ้สัด มึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย กูมันดูนิสัยเสียขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็... ถ้าว่ากันตามตรงมันก็ใช่”

“…”

อีกแล้ว... กูพูดไม่คิดอีกแล้ว อ๊ากกกกกก ไอ้เหี้ยไนซ์ มึงพูดเหี้ยอะไรออกไปเนี่ย! ตายๆๆ ไม่ต้องกินมันแล้วข้าวน่ะ กินตีนแทนเลยแล้วกัน

“มึงแย่งบทกู”

หือ?

ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ“แย่งบทอะไรของพี่?”

“มึงเป็นคนพูด มันก็ต้องเป็นกูสิที่หน้าเสีย ไม่ใช่ตัวมึงเอง แต่นี่พูดเสร็จก็เล่นทำหน้าหมานำหน้ากูไปก่อนแล้ว กูจะเอาอะไรแดกล่ะทีนี้”พูดจบพี่สงครามก็หัวเราะ

อะไรวะ ไม่โกรธกูหรอกเหรอ

“พี่ไม่โกรธผมเหรอ”

“เฮ้อ เอาเหี้ยอะไรไปโกรธ”

“…”

“ใครโกรธคนแบบมึงลงก็แย่แล้ว”

“…”

“ไอ้เด็กโง่ของกู”





21 : 24



“ขอบคุณนะพี่”

ผมกล่าวขอบคุณพี่สงครามทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ

หลังจากกินข้าวกันเสร็จ พี่สงครามก็ทำหน้าที่เป็นสารถีมาส่งผมที่หอเช่นเคย แถมยังซื้อขนมติดไม้ติดมือมาให้ผมด้วย

แต่ว่าตั้งแต่ตอนไป จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า พี่มันพาผมไปเลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร...

เป็นการไปกินแบบงงๆ แถมกลับ ก็ยังกลับมาแบบงงๆ

แต่ช่างมันเถอะ แค่อิ่มท้องก็พอแล้ว

“ไว้เจอกันนะ”

“เออ เจอกัน”

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

“เดี๋ยวไนซ์”ขณะที่ผมกำลังจะปิดประตูรถ พี่สงครามมันก็เรียกเอาไว้ก่อนจนผมต้องชะโงกหน้าเข้าไปในรถอีกครั้ง

“มีอะไรเหรอพี่?”

“มึงลืมของ”แล้วพี่สงครามมันก็หยิบบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเองออกมา

มันเป็นของที่ผมลืมไปซะสนิท

มือถือของกูนั่นเอง!

“ลืมเลยอะ ขอบคุณนะพี่ เกือบไม่ได้เล่นเกมซะแล้ว”ผมยิ้ม รับเอามือถือของตัวเองมาก่อนจะปิดประตูรถอีกครั้ง พอเช็คตัวเองว่าทุกอย่างมันเรียบร้อยแล้ว ผมก็โบกมือลาให้พี่สงครามจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่

ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหนหรือทำอะไรมากกว่าการโบกมือ กระจกรถก็ถูกลดลง เผยให้เห็นใบหน้าของพี่สงครามอีกครั้ง

“ไนซ์”

“หือ?”

“กู... หิวน้ำว่ะ”

“…”

“ขอขึ้นไปกินน้ำบนห้องมึงได้ปะ”

น้ำ?

เดี๋ยวนะ ผมจำได้ว่าบนรถพี่สงครามมันมีน้ำอยู่นะ เหมือนเห็นแค่แว๊บๆว่ามันอยู่เบาะหลัง

ผมเดินเข้าไปใกล้ตัวรถ ชะโงกหน้าเข้าไปมองที่เบาะหลัง

นั่นไง มีตั้งสองขวด

“พี่ก็มีน้ำไม่ใช่เหรอ”ผมชี้ไปที่ขวดน้ำ

พี่สงครามมันสะดุ้งนิดๆ ก่อนมองตามนิ้วผมไป“ก็มีไง”

“…”

“แต่... เขาไม่ให้กินน้ำที่วางไว้ในรถนานๆมึงไม่รู้เหรอ”

เหรอวะ...

“ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก กูกลับไปกินที่ห้องตัวเองก็ได้”ประชดเก่ง! ผมว่าถ้ามันสั่งให้น้ำตาไหลได้ พี่สงครามมันก็คงจะทำไปแล้ว

“พี่อย่าพูดเหมือนผมเป็นคนไร้น้ำใจได้ปะ”

“…”

“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

“มึงพูดแบบนี้แสดงว่ามึงจะยอมให้กูตามมึงขึ้นห้องใช่ปะ”

ตามขึ้นห้อง... ผมว่าพี่มันใช้คำพูดแปลกๆ แต่ก็เอาเถอะ ความหมายมันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ

เพราะไม่ได้ติดอะไร ผมเลยพยักหน้าแทนคำตอบ




ทันทีที่ถึงห้องผมก็จัดการเก็บของที่มันเกะกะขวางทางก่อนจะเดินไปหาน้ำให้พี่สงครามมันกิน พี่สงครามนั่งรอผมอยู่ที่โซฟากลางห้อง ผมไม่ปล่อยให้เขานั่งเหงานาน

ยกน้ำที่ตัวเองเพิ่งจะเอาออกมาจากตู้เย็นไปให้รุ่นพี่ตัวสูงที่นั่งอยู่บนโซฟา

“นี่น้ำครับ”

“ขอบใจมาก”ว่าแล้วพี่สงครามมันก็รับขวดน้ำจากมือผมไป แต่ก็เอาไปวางไว้เฉยๆ ไม่ยักเปิดกิน

“พี่ไม่กินเหรอ ไหนบอกหิวน้ำ”

“เออว่ะ ลืมเลย”เหมือนโดนสะกิดต่อมความทรงจำ เพราะแค่ทัก พี่สงครามก็หยิบน้ำขึ้นมาดื่มในทันที

ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่สงครามพร้อมหยิบเอามือถือของตัวเองขึ้นมาเปิด...

“อ้าว ไม่ติด”

อะไรวะ ตอนนั้นแบตมันยังเหลือตั้งครึ่งหนึ่งเลยนะ แค่ไม่กี่ชั่วโมงแบตมันจะหมดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ

ผมกดปุ่มค้างไว้ สุดท้ายหน้าจอมือถือก็สว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง

แบตก็ไม่ได้หมด ทำไมเครื่องมันดับวะ

“พี่สงคราม”

“ห้ะ?”

“พี่ปิดเครื่องผมเหรอ”

พี่สงครามสะดุ้งนิดๆตอนผมทักไปแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธ“กูเปล่า”

“แล้วมันดับได้ยังไงวะ...”ประโยคนี้ผมหันมาบ่นอุบอิบกับมือถือเจ้าปัญหา

“แบตมึงเสื่อมหรือเปล่า”

“เหรอ...”ผมขมวดคิ้วก่อนมองหน้าพี่สงครามสลับกับมือถือ เออ คงอย่างนั้นแหละ มือถือของผมมันคงจะเอ๋อเอง นี่ก็ใช้มาหลายปีแล้วด้วย“คงงั้นแหละมั้ง”

ตื้อ ดึ่ง~

ตื้อ ดึ่ง~

ตื้อ ดึ่ง~

ตื้อ ดึ่ง~

ตื้อ ดึ่ง~


มีใครตายปะเนี่ย ทำไมมันเด้งรัวขนาดนี้

ขณะที่ผมกำลังจะกดปิดเสียง ไอ้พวกการแจ้งเตือนพวกนั้นมันก็ยังคงเด้งมาไม่หยุดไม่หย่อน

ผมเลยไล่สายตาอ่านมันผ่าน แต่การแจ้งเตือนที่สะดุดตาผมมากที่สุดก็เห็นจะเป็นการแจ้งเตือนนี้...



North

ไม่ได้รับสาย (36)




การแจ้งเตือนจากไอ้นอร์ธ...


#ทิศเหนือของผม


ใครที่งงนะคะ
เจ้าหนูจำไมที่กล่าวถึงก็คือ ตัวละครจากเรื่องอิคคิวซังค่ะ
น้องจะเป็นตัวละครที่ขี้สงสัยนิดๆ ไปหาดูกันด้าย
แง ป้าแก่แล้วปล่อยป้าไปปปป

อย่าลืมส่งฟีดแบ็คที่ #ทิศเหนือของผม นะคะ
รออ่านทู้กกกกกอัน
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 14) --- 26/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-09-2019 21:41:16
 :z1: :z1: :z1:  ศึกชิงนายเอก
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 14) --- 26/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-09-2019 13:09:28
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 14) --- 26/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 28-09-2019 02:15:56
สงคราม แบบนี้เราต้องประกาศสงครามมมมม 5555
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 14) --- 26/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 29-09-2019 12:55:11
พี่สงครามเดาทางน้องถูกแล้วววว
นายแย่แล้วนอร์ธ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 14) --- 26/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-09-2019 16:08:50
อิหนูไนซ์ มันน่าขยำขยี้ ฮึ้ ทำไมซื่อขนาดเน้ :z3:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 14) --- 26/09/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-09-2019 23:36:20
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 02-10-2019 18:50:37
15

ทิศเหนืองอแง



[ ทิศเหนือคนจริง ]



“ถ้ามึงไม่หยุดเดิน”

“พวกกูจะตายกันหมด”

“พวกกูเวียนหัวนะเว้ยไอ้นอร์ธ”

“พี่ ใครมันจะไปทนได้วะ มันไปกับไอ้สงครามเลยนะเว้ย แถมยังปิดเครื่องด้วยเนี่ย”ผมตอบก่อนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ ในมือก็กำมือถือของตัวเองเอาไว้แน่น หวังว่าไอ้ไนซ์มันจะติดต่อกลับมา ลำพังแค่ไอ้แมวโง่มันไปกินข้าวผมจะไม่ห่วงเลย แต่นี่มันไปกับไอ้สงครามอะ โคตรจะไม่น่าไว้ใจเลย แล้วอีกอย่าง คนอย่างไอ้สงครามแม่งเหลี่ยมเยอะจะตาย คนโง่ๆแบบไอ้ไนซ์ตามไม่ทันหรอก

สมมติโดนหลอกไปขาย ไอ้แมวอ้วนมันจะรู้ตัวหรือเปล่าเถอะ เอาแค่นี้

“กูรู้นะว่ามึงร้อนใจ แต่มึงช่วยหยุดเดินและนั่งรอน้องไนซ์มันกลับมาไม่ดีกว่าเหรอ เดินไปก็ไม่ได้ช่วยเหี้ยอะไรเลย นอกจากทำให้พวกกูเวียนหัว”

“เออ ไอ้ภูมิพูดถูก”พี่ดินที่นั่งอยู่บนโซฟา ตรงกลางระหว่างพี่ภูมิกับพี่จั๊มพ์พูดเสริม

“แต่...”

“ไม่มีแต่ มึงนั่งเลยไอ้เตี้ย เพราะถ้ามึงเดินอีกรอบ มึงเตรียมเช็ดอ้วกกูเลย มันมาแน่ ลูกชิ้นป้าแววจะไม่ทำให้มึงผิดหวัง”ว่าแล้วพี่ภูมิมันก็หยิบเอาเก้าอี้แถวนั้นมาให้ผมนั่ง ผมก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย นั่งรอแบบที่พี่มันบอก ถึงในใจจะมีอิดออดบ้างก็เถอะ

“เออ เนี่ย นั่งเฉยๆก็ได้นี่หว่า ไอ้ห่า เดินวนไปวนมาอยู่นั่น”

ผมเปิดหน้าจอมือถือของตัวเองอีกครั้ง... ยังไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย

“พี่”ผมเงยหน้าจากจอมือถือมองพี่ๆทั้งสาม

“อะไรอีกไอ้สัด”พี่ภูมิที่กำลังจะเอาลูกชิ้นปาก วางถุงลูกชิ้นลงอย่างอารมณ์เสีย

“มันติดต่อไม่ได้อะ”

“กูรู้แล้ว กูนั่งฟังมึงบ่นมารอบที่ล้านแปดของวันแล้วนอร์ธ”

“แต่มันไปกับไอ้สงครามอะพี่”

“อันนี้กูก็รู้แล้วไอ้สัด”

ผมค่อยๆเบะปากออก แม่ง อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง นี่ผมทำได้แค่นั่งรอเวลาจริงๆเหรอวะ ขนาดไอ้สงครามมันพาไอ้ไนซ์ไปที่ไหน ผมก็ยังไม่รู้เลย

โว้ยยยยย กูจะงอแงแล้วนะไอ้เหี้ย

“พี่ มันติดต่อไม่ได้อะ”

“ไอ้นอร์ธ กูรู้แล้ว”

“มันไปกับไอ้สงครามด้วยอะพี่”

“…”

“แถมยังติดต่อไม่ได้อีก”

“ไอ้นอร์ธ ถ้ามึงไม่เลิก กูจะเอาน้ำจิ้มลูกชิ้นราดหน้ามึง”

“พี่...”

“กูทำจริงนะ”ผมถึงกับปิดปากตัวเองเงียบ เพราะพี่ภูมิมันน่าจะทำจริงๆ รายนี้ใจกล้าจะตาย แล้วอีกอย่าง ถุงลูกชิ้นที่ถูกยกมาไว้ตรงหน้าผมก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ถ้าผมไม่หยุดพูด ไอ้น้ำจิ้มในนั้น มันจะได้มาอยู่บนหน้าของผมจริงๆ

“กูล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ นี่แค่เด็กเด๋อๆคนหนึ่ง มันทำให้ไอ้นอร์ธเป็นไปได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ”พี่ดินมันว่าพร้อมมองหน้าผมอย่างสงสัย

“จากคนคูลๆของโรงเรียน คือเป็นเอ๋อไปแล้ว”พี่ภูมิพูดต่อ

“พี่ กูนั่งอยู่ตรงนี้นะ”

“แหม ที่พวกกูพูดมันก็จริงทั้งนั้นแหละ”

“เออ หรือมึงจะเถียงพวกกู?”

“เรื่องของพวกพี่เลย ผมขี้เกียจเถียงว่ะ”ผมพูดแค่นั้นก่อนจะหันกลับมาสนใจมือถือของตัวเองต่อ

ทำไมมึงยังไม่ติดต่อกลับมาสักทีวะ ไอ้เหี้ยแมวอ้วน

“เอาจริงๆปะไอ้นอร์ธ”

“หือ?”ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่จั๊มพ์ที่อยู่ดีๆก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“กูว่ามึงควรจริงจังได้แล้วนะ เรื่องน้องไนซ์เนี่ย”

“…”

“เอาแต่นั่งเป็นห่วง นั่งหวงเขา แต่มึงลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าตอนนี้มึงไม่ได้มีสิทธิ์ขนาดนั้นอะ”

“…”

“ตอนนี้มึงเป็นแค่เพื่อนเขานะเว้ยไอ้นอร์ธ”

ที่พี่จั๊มพ์พูดก็ถูกของมัน... ผมไม่ได้มีสิทธิ์ขนาดนั้น ตอนนี้ผมเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งของไอ้ไนซ์ก็เท่านั้นเอง

นี่เป็นครั้งแรกเลยพี่ผมเห็นพี่จั๊มพ์มันพูดจาเป็นหลักการครั้งแรก ปกติพี่มันก็จะบ้าๆบอๆไหลไปตามน้ำกับพวกพี่ดิน พี่ภูมินั่นแหละ

“เพราะฉะนั้น มึงฟังกูนะ ไอ้นอร์ธน้องรัก”แล้วพี่จั๊มพ์มันก็เดินมาจับไหล่ผมพร้อมบีบเบาๆ พร้อมจ้องผมแบบไม่วางตา

เอาวะ ลองดูสักตั้ง ในเมื่อคนเหลวไหลอย่างพี่มันพูดขนาดนี้ผมก็ต้อง…

“จับกดเลยเชื่อพี่”

ไอ้พี่เหี้ย เอาคำเยินยอของกูคืนมา

“ปัดโธ่ กูอุตส่าห์ตั้งใจฟังไอ้ห่า”พี่ภูมิถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย

“จั๊มพ์ก็คือจั๊มพ์ มึงจำไว้นะไอ้ภูมิ”พี่ดินมันว่าก่อนจะตบบ่าพี่ภูมิเบาๆ

“แหม กูล้อเล่นมั้ยล่ะ”ประโยคนี้พี่จั๊มพ์หันไปพูดกับพี่ดินและพี่ภูมิ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นเช่นเดิม พี่จั๊มพ์จ้องหน้าผมพร้อมกับบีบไหล่“อะ ครั้งนี้กูจริงจังแล้ว”

“…”

“มึงจะใจเย็นไม่ได้แล้วนะไอ้นอร์ธ”

“…”

“มึงดูอย่างวันนี้ดิ น้องไนซ์ไปกับไอ้สงคราม แบบที่มึงก็รู้อยู่เต็มอกอะ ว่ามันชอบน้อง แต่มึงก็ทำเหี้ยอะไรไม่ได้เลย”

คำพูดต่างๆนานาหลุดออกมาจากปากของพี่จั๊มพ์

เอาดีๆ กูปรับอารมณ์ไม่ทัน บทจะจริงจังก็จริงจังขึ้นมาดื้อๆเลยพี่

“แล้วมึงจะทนได้เหรอวะ”

“…”

“ถ้าวันหนึ่งน้องไนซ์มันเกิดชอบไอ้สงครามขึ้นมา”

“ไม่มีทาง มันไม่มีทางชอบไอ้สงครามแน่ๆ”

“กูก็แค่พูดเฉยๆมั้ยล่ะ”

“…”

“แต่ก็อย่างว่าอะ ใครมันจะไปรู้วะ วันหนึ่งน้องไนซ์อาจจะรู้สึกดีกับไอ้สงครามมันก็ได้ คนเรามันเริ่มกันจากศูนย์ทั้งนั้นแหละ”พี่จั๊มพ์มันว่า พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะผ่อนออกมา“อย่างทฤษฎีของเซอร์ ไอแซก นิวตัน ที่กล่าวไว้ว่า…”

“เดี๋ยวนะไอ้จั๊มพ์”พี่ดินพูดขึ้นพร้อมยกมือขึ้น

“อะไร”

“นิวตันเกี่ยวอะไรด้วยวะ?”

พี่จั๊มพ์หันกลับไปมองหน้าพี่ดินก่อนจะตอบ“กูพูดไปงั้นแหละ ให้มันเก๋”

“กูถามจริง?”

“ถามจริงก็ตอบจริง”

กูว่าพี่มันเริ่มไร้สาระกันละ เอายังไงดีกูควรนั่งฟังพี่มันสาธยายต่อดีมั้ย หรือหนีไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่าดี หลังจากพี่จั๊มพ์คุยกับพี่ดินเสร็จ มันก็หันกลับมาหาผม

“อะ กลับมาต่อ ถึงไหนแล้วนะไอ้นอร์ธ”หมดกันความน่าเชื่อถือ กูคิดถูกหรือคิดผิดวะที่ให้พวกพี่เป็นที่ปรึกษารองลงมาจากซีอิ๊ว

“พี่พูดถึงทฤษฎีนิวตัน”

“โอเค งานยาก กูลืมแล้วว่าจะพูดว่าอะไร เอาเป็นว่าข้ามก็แล้วกันทฤษฎีนี้”

แบบนี้ก็ได้เหรอวะ...

“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ กูพูดว่าอะไร”

“ทุกคนเริ่มจากศูนย์”

“อ๋อ! กูนึกออกละ”

พี่จั๊มพ์มันเพิ่มแรงบีบไหล่ผมอีกครั้ง มึงบีบจนกระดูกกูจะแตกแล้วพี่ เบาได้เบา

“ทุกคนเริ่มจากศูนย์ น้องไนซ์เองก็เหมือนกัน วันนี้น้องมันไม่ชอบ แต่วันหน้ามันก็ไม่แน่ บางทีโอกาสศูนย์เปอร์เซ็นต์ที่ไอ้สงครามมันมี ก็อาจจะกลายเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้ ใครจะไปรู้”

“…”

“เพราะฉะนั้น...”

“…”

“มึงต้องเริ่มจริงจังเรื่องน้องไนซ์ได้แล้ว”

ตื้อ ดึ่ง~



Nice

สามารถติดต่อได้แล้วในขณะนี้




“นี่ไง โอกาสของมึงมาแล้ว”พี่จั๊มพ์มันพูดหลังจากมองหน้าจอมือถือของผม เป็นอีกครั้งที่การตัดสินใจว่าจะบอกชอบไอ้ไนซ์มันวิ่งเข้ามาในหัว ผมตั้งใจจะบอกชอบมันหลายต่อหลายครั้ง แต่ไอ้ไนซ์แม่งก็ไม่เคยเข้าใจสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าผมเอาแต่รอเวลา

คนที่ผมแอบมองมาเป็นเวลาหนึ่งปีก็อาจจะถูกคนอื่นแย่งไป

เอาวะ ลองดูอีกสักครั้งก็ไม่เสียหาย

ถ้าให้เลือกระหว่างผิดหวังเพราะบอกชอบมันกับเสียมันไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย

ผมขอเลือกผิดหวังเพราะได้บอกชอบมันดีกว่า

ผมมองหน้าพวกพี่จั๊มพ์เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ พวกพี่มันก็พยักหน้า เป็นอันรู้กันว่าสิ่งที่ผมกำลังจะตัดสินใจ มีพวกพี่มันคอยสนับสนุนเสมอ

ผมหยิบเอามือถือขึ้นมากดเบอร์ไอ้ไนซ์และโทรออก

ถือสายรอไม่นาน ปลายสายก็รับ

“ฮัลโหล”

“มึงอยู่ไหน”

“อ๋อ กูอยู่ห้อง เพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้เลย มึงมีอะไรหรือเปล่าวะ กูเพิ่งเห็นว่ามึงโทรมาหากูตั้งสามสิบกว่าสาย”

“เดี๋ยวกูไปหาที่ห้อง”

“ห้ะ?”

“กูมีอะไรจะบอกมึง รออยู่ตรงนั้นนะ”

“…”

“อย่าเพิ่งหนีไปไหน”




[ อดิรัตน์คนคูล ]



“เดี๋ยวกูไปหาที่ห้อง”

“ห้ะ?”

“กูมีอะไรจะบอกมึง รออยู่ตรงนั้นนะ”

“…”

“อย่าเพิ่งหนีไปไหน”

พูดเพียงเท่านั้น แล้วนอร์ธมันก็ตัดสายไป...

อะไรวะ ไอ้นอร์ธมันมาแปลกนะรอบนี้ แล้วเรื่องอะไรของมันที่ต้องบอกกันต่อหน้าวะ มันเป็นความลับระดับชาติขนาดคุยกันผ่านมือถือไม่ได้เลยหรือไง แล้วไหนจะสามสิบหกมิสคอลของมันนั่นอีก ผมถามไปมันก็ไม่ยอมตอบว่าโทรมาทำไม แต่กลับบอกว่าจะมาหาที่ห้อง งงสัดๆเลยนะเนี่ย

แต่เอาเถอะ เดี๋ยวมันก็มาแล้ว ค่อยถามมันต่อหน้าก็ได้

ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋าก่อนจะมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า นี่ก็ได้เวลากลับห้องของพี่สงครามมันแล้วครับ หลังจากแวะขึ้นมาปล้นน้ำจากห้องผมไปหนึ่งขวด

“ขับรถดีๆนะพี่”

“อือ”พี่สงครามมันพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม“ถ้ากูไปแล้วก็อย่าลืมล็อกห้องล่ะ”

“แหมพี่ ผมเป็นผู้ชายนะ พูดเหมือนใครจะบุกมาปล้ำผมตอนกลางคืนอย่างนั้นแหละ”

“กูหมายถึงขโมยมั้ยล่ะ”

“รู้แล้วหน่า ผมล็อกห้องทุกคืนหรอก”

“เออ ให้มันจริงเหอะ กูไปละ”

“ครับ กลับบ้านดีๆนะ”

“อือ”ขณะที่พี่สงครามมันกำลังหมุนตัวกลับไป มือข้างหนึ่งของพี่มันก็ล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยุดชะงัก“เฮ้ย หายไปไหนวะ”

หือ?

“หาอะไรอะพี่”

“กุญแจรถกูอะ หายไปไหนก็ไม่รู้ แม่ง ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่มี”

“อ้าว ฉิบหายแล้วพี่”

“เออดิ ฉิบหายแล้ว”พี่สงครามมันมองที่พื้นทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของตัวเอง

“เดี๋ยวผมช่วยหา”ว่าแล้วก็หมุนตัวกลับเข้าไปมองในห้องเพื่อมองหากุญแจรถพี่สงคราม มันต้องตกอยู่แถวๆนี้แหละ เพราะตอนเข้าห้องมาใหม่ๆผมยังเห็นพี่มันถือมาอยู่เลย ผมมองด้านซ้ายที ขวาที ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงเท้าข้างขวาของตัวเอง

“ฮึ้ย นี่ไง”

กุญแจรถพี่สงคราม

“เจอแล้วเหรอวะ เก่งมากเลยไอ้เด็กโง่”

คำก็โง่สองคำก็โง่ แหม กูไม่น่าช่วยหาเลย

“เดี๋ยวเตะกุญแจทิ้งซะเลยนี่”

“ดุจังวะ เป็นหมาเหรอ”

ผมได้แต่ส่ายหัวก่อนจะก้มลงเก็บกุญแจรถให้พี่สงคราม ขณะที่ผมกำลังจะก้มลงไปนั้น มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่สงครามมันก้มลงมาพอดี

นั่นมันทำให้หน้าของผม กับหน้าของพี่สงครามห่างกันไม่ถึงคืบ

“ไนซ์...”

ผมหันไปมองหน้าพี่สงครามด้วยความตกใจก่อนจะถอยหน้าหลบออกมาเล็กน้อย แต่หลบยังไม่ทันพ้น พี่สงครามมันก็จับเข้าที่แขนผมและค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมเหมือนถูกสตาฟ ขยับตัวไปไหนไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จนสุดท้าย จมูกโด่งก็แตะเข้าที่แก้มผมเบาๆ

“พี่สงคราม...”

พี่สงคราม...

... มันหอมแก้มผมทำไมวะ



#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 15) --- 02/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-10-2019 19:20:34
 :L2: :L1: :pig4:

อุยยย คุณพี่รุกไวเวอร์
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 15) --- 02/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 02-10-2019 19:24:49
ว้าวๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 15) --- 02/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-10-2019 21:56:35
โอ๊ยยย แข่งกันทำคะแนนจริงๆ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 15) --- 02/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-10-2019 14:57:55
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 15) --- 02/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 03-10-2019 16:02:41
มาเร็วดินอร์ธ เร็วกว่านี้อีกกกกกกกก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 04-10-2019 16:45:52
16

ทิศมาเหนือ



ผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามันเกิดขึ้นได้ยังไง อะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่สงครามมันตัดสินใจทำแบบนี้กับผม...

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆผละหน้าออกจากผมช้าๆ ปากของผมเม้มเข้าหากันจนแน่น ส่วนสายตาก็มองพี่สงครามมันด้วยความไม่เข้าใจ

“พี่สงคราม”

“…”

“พี่หอมแก้มผมทำไม”

“คือ... กู”พี่สงครามอึกอักแต่ยังคงจับข้อมือผมเอาไว้แน่น ส่วนผมก็ยังรอคำตอบจากปากเขาเหมือนเดิม ไม่ว่าเวลามันจะล่วงเลยมากี่วินาทีแล้วก็ตาม

“มึงทำเหี้ยอะไรวะ!”

เสียงนั่นดังขึ้น พร้อมกับภาพตรงหน้าที่เปลี่ยนไป ไอ้นอร์ธมันวิ่งเข้ามาต่อยหน้าพี่สงคราม จนรุ่นพี่ตัวสูงล้มลงไปกองกับพื้น วินาทีนั้นใจผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะผมไม่เคยคาดคิดเลยว่าในชีวิตนี้ตัวเองจะได้มีโอกาสเห็นคนต่อยกันใกล้ๆขนาดนี้

“ไอ้นอร์ธ! มึงทำอะไรเนี่ย”ผมวิ่งไปจับแขนไอ้นอร์ธ เพื่อห้ามไม่ให้มันพุ่งเข้าไปต่อยพี่สงครามอีกรอบ“มึงไปต่อยพี่สงครามมันทำไมวะ”

ดูเหมือนนอร์ธมันจะไม่ได้สนใจคำพูดของผมเลยสักนิด เพราะมันยังคงจ้องพี่สงครามที่ค่อยๆยันตัวขึ้นมาจากพื้นแบบไม่ละสายตาไปไหน นอร์ธขบกรามแน่น ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความโกรธ พอเห็นนอร์ธในโหมดนี้ ผมก็อดกลัวไม่ได้

“มึงใจเย็นๆนะเว้ย”

“…”

“มีอะไรก็ค่อยๆพูดกัน”ผมพยายามพูดให้มันใจเย็นลง แถมยังใช้มือลูบตามเนื้อตัวมันเบาๆให้มันใจเย็นลง

“มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึง ไอ้เหี้ยนอร์ธ!”

พี่สงครามมันลุกขึ้นยืนพร้อมตะโกนใส่หน้าไอ้นอร์ธ เลือดที่มุมปากของพี่มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไอ้นอร์ธมันต่อยพี่สงครามไปแรงพอสมควรเลย แต่ถึงพี่สงครามมันจะโกนเสียงดังแค่ไหน ไอ้คนที่ผมจับแขนอยู่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวคนที่ขนาดตัวต่างจากมันเลยสักนิด กลับกัน ไอ้นอร์ธมันพร้อมพุ่งใส่พี่สงครามทุกครั้งที่มีโอกาส จนผมต้องรั้งแล้วรั้งอีก

“กูสิต้องถาม มึงทำเหี้ยอะไรของมึง”

“…”

“มึงไปหอมแก้มไอ้ไนซ์มันทำไม”

“กูจะทำเหี้ยอะไรมันก็เรื่องของกูมั้ย มึงมีสิทธิ์เหี้ยอะไรมาห้ามกู”

สถานการณ์ตรงหน้าทำเอาผมไปไม่เป็น ต่างฝ่ายต่างตะโกนใส่หน้ากันอย่างไม่มีใครเกรงกลัวใคร ตอนนี้ทำได้แค่แยกไอ้นอร์ธออกจากพี่สงครามให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็พาไอ้นอร์ธออกห่างพี่สงครามได้ไม่ถึงคืบ เพราะมันต้านแรงผมเอาไว้

ตัวก็แค่นี้ แม่งไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะวะ

“กูพูดแค่นี้ถึงกับไปไม่เป็นเลยหรือไง กระจอกว่ะ”

ไอ้พี่เหี้ย กูห้ามมันไม่ให้ต่อยมึงอยู่เนี่ย มึงยังจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนทำไมอีกกกกกกก

“พี่สงคราม!”

ผมร้องห้าม เพราะแขนของไอ้นอร์ธที่ผมจับไว้ในตอนนี้มันเริ่มออกแรงสะบัดจนผมจะจับไม่อยู่

และแล้วความพยายามทั้งหมดของผมก็พังลง ไอ้นอร์ธสะบัดมือผมทิ้งก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาพี่สงครามพร้อมกับส่งอีกหนึ่งหมัดเข้าไปที่หน้าพี่สงครามเต็มๆ

“ไอ้นอร์ธ อย่า!”

พรึ่บ!

ผมที่พยายามเข้าไปไปห้าม แต่ก็ไม่รู้ว่าโดนมือหรือตีนใครถีบให้กระเด็นออกมาจนหน้าเกือบทิ่ม

อะไรกันวะเนี่ย กูต้องห้ามพวกมึงยังไงมึงถึงจะหยุด ต้องเอาน้ำมาสาดเหมือนตอนห้ามไม่ให้หมากัดกันมั้ย หรือยังไง

“โอ๊ะ...”ฮือ กูเจ็บ

ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาที่หัวเข่า ผมก้มมอง กางเกงขาดเข่าของตัวเองก็พบกับรอยแผลที่เกิดขึ้นมาสดๆใหม่ๆตรงบริเวณนั้นพอดี แต่ถึงจะเจ็บยังไงผมก็ต้องทนกัดฟันแน่นเข้าไปห้ามมันสองคนต่อ ถ้าเอาแต่สนใจแผลเล็กๆมีหวังแผลใหญ่ๆคงจะได้เกิดขึ้นบนตัวพวกมันทั้งสองคนจนนับไม่ถ้วนแน่ๆ

“เฮ้ย กูบอกให้หยุด!”

เหมือนพูดกับลมกับฟ้า เพราะคนสองคนตรงหน้ายังตะลุมบอนกันไม่เลิก

“พวกมึงสองคนเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย!”

เออ! เป็นไงเป็นกันวะ ผมรีบพุ่งเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างพี่สงครามกับไอ้นอร์ธ เพื่อแยกมันสองคนให้ออกจากกัน

“กูบอกให้หยุดไง!”

“เฮ้ย อะไรกันวะ”

และนี่ก็คือเสียงของสวรรค์ของฮีโร่ที่เข้ามาช่วยชีวิต...

พวกพี่แก๊งพาวเวอร์พัฟเกิร์ลวิ่งเข้ามาช่วยผมแยกไอ้นอร์ธกับพี่สงครามออกจากกัน พี่สองคนนั้นไปจับตัวพี่สงคราม ส่วนพี่อีกคนก็ช่วยผมจับไอ้นอร์ธ

แต่ถึงจะจับแยกยังไง สายตาที่มันแสดงถึงความโกรธของทั้งคู่ก็ยังส่งหากันอย่างไม่ลดละ มือตีนนี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าถอดรองเท้ามาปาใส่กันได้พวกมันสองคนคงทำไปแล้ว

“มึงสองคนทำเหี้ยอะไรกันเนี่ย มึงเป็นพี่น้องกันนะเว้ย กัดกันเป็นหมาไปได้”พี่คนที่ช่วยผมจับไอ้นอร์ธพูดจนไอ้นอร์ธกับพี่สงครามมันเริ่มได้สติ ทั้งคู่จากตอนนี้แรกที่จ้องตากันเหมือนจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายก็เปลี่ยนเป็นหลบสายตาของกันและกัน

“มึงสองคนนี้ นับวันยิ่งบ้าว่ะ”

“…”

“ไป ไอ้ดินไอ้ภูมิ มึงเอาไอ้สงครามแยกไปเลยไป อย่าเพิ่งให้มันมาเจอหน้ากัน เดี๋ยวแม่งก็กัดกันเป็นหมาอีก”

แล้วพี่สงครามก็ถูกพี่สองคนนั้นพาออกไปจากตรงนี้ โดยที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะพาไปไหน พอเขาสามคนออกไปนั่นมันก็ทำให้หน้าห้องของผมเหลือแค่ผมกับไอ้นอร์ธแล้วก็พี่อีกคน ที่เป็นคนสั่งให้พาพี่สงครามออกไป

เหตุการณ์วุ่นวายเมื่อครู่ สงบลงในพริบตา ไอ้นอร์ธเริ่มหายใจเบาลงจากตอนแรกที่หอบเหมือนไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาสามรอบใหญ่ๆ

“หายบ้าหรือยังมึงอะ ไอ้เตี้ย”

นั่นเป็นคำถามที่พี่เขาพูดกับไอ้นอร์ธ คนที่ถูกพูดถึงมันยังคงนิ่งงัน ไม่พูดไม่จา ก่อนจะค่อยๆแกะมือผมและมือของพี่เขาออก

นอร์ธมันก้มหน้า ถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งก่อนจะมองหน้าผม

ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปาก จนกระทั่งวินาทีต่อมานอร์ธมันถึงได้เริ่มพูด หลังจากปล่อยให้บรรยากาศรอบตัวเงียบไปครู่หนึ่ง

“ขามึง... เป็นยังไงบ้าง”

หือ?

ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะก้มมองขาของตัวเองที่ตอนนี้มันเริ่มจะมีเลือดไหลออกมาเยอะกว่าเก่า

“ขอโทษ”

เป็นประโยคที่แผ่วเบา แต่เหมือนกระซิบข้างๆหู ผมเงยหน้าสบตากับไอ้นอร์ธ

ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้เลย...

“เฮ้ยนอร์ธ มึงอย่าคิดมากดิวะ กูแค่ถลอกนิดหน่อยเอง”

ผมพยายามพูดให้มันสบายใจ ไม่อยากให้มันคิดมาก อีกอย่าง มันเป็นคนทำหรือเปล่าผมก็ยังไม่รู้ บางทีมันอาจจะเป็นตีนของพี่สงครามก็ได้ที่ถีบผมมา

แต่ดูเหมือนประโยคปลอบประโลมของผมจะไม่ได้เข้าหูคนตรงหน้าเลยสักนิด...

“กูขอโทษนะ ที่ทำให้มึงเจ็บตัว”

ใจของผมสั่นระริกให้กับแววตาที่นอร์ธมันส่งมา

ไอ้นอร์ธมันเหมือน...

... กำลังจะร้องไห้




โซฟาในห้องของผมกลายเป็นที่ปฐมพยาบาลชั่วคราว

สำลีชุบแอลกอฮอล์ในมือค่อยๆไล่ทาบริเวณรอบๆแผลตรงมุมปากของไอ้นอร์ธ หลังจากที่ทุกอย่างกลับเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ

พี่จั๊มพ์ก็แนะนำตัวผมอย่างเป็นทางการพร้อมกับวานให้ผมทำแผลให้ไอ้นอร์ธ ส่วนพี่มันก็น่าจะไปทำอะไรสักอย่างนี่แหละ โดยที่ผมเองก็ไม่อาจรับรู้ได้ มันคงเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่มันนั่นแหละ เพราะผมเห็นเขาเดินไปกระซิบกระซาบอะไรกับไอ้นอร์ธก่อนจะออกไปจากห้องก็ไม่รู้

แต่เขาจะไปไหนก็ปล่อยเขาไปเถอะ เพื่อนผมทั้งคน ผมดูแลได้อยู่แล้ว

“ซี๊ด...”

“เฮ้ย เจ็บเหรอวะ โทษๆๆ”ผมรีบลดน้ำหนักมือของตัวเองให้เบาลง

“มันแสบ”

นอร์ธพูดแค่นั้นก่อนจะกลับไปนั่งนิ่งเหมือนเดิม

โอเค ผมว่าผมประเมินผิด ทุกอย่างมันกลับไปเป็นปกติ... แต่ยกเว้นไอ้คนตรงหน้าผมไว้คนหนึ่งก็แล้วกัน

นอร์ธมันเหมือนทำวิญญาณหลุดหายไป ตอนวิ่งเข้าไปต่อยกับพี่สงคราม ตั้งแต่ถูกจับให้แยก ไอ้นอร์ธมันก็หงอยไปเลย เงียบลง ไม่พูดไม่จากับใคร ปกติต้องกวนประสาทผมอย่างน้อยสองสามประโยค แต่นี่น่ะ ไม่มีเลย

ทำแผลให้มันไปได้ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ทนไม่ไหวกับความเงียบที่เกิดขึ้น มันเหมือนกำลังนั่งทำแผลให้ใครก็ไม่รู้อยู่ในป่าช้าหลังเที่ยงคืน

ทุกอย่างถูกยุติลงชั่วคราวด้วยฝีมือของผมเอง ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จ้องไอ้นอร์ธตาเขม็ง

“นี่มึงจะเป็นแบบนี้จริงดิ?”

“แบบไหน”

“ก็แบบที่มึงเป็นอยู่นี่ไง กูอึดอัดนะเว้ยนอร์ธ แม่ง เหมือนกูมานั่งทำแผลให้หุ่นอะ ไม่ตอบโต้อะไรกูสักอย่าง ถ้ามึงหายใจเบากว่านี้อีกหน่อยกูคงคิดว่ามึงตายแล้วแน่ๆ”

“…”อ้าว เงียบใส่กูอีก ไอ้ห่า

ได้เลย จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยทิศเหนือ ได้! มึงรู้จักไอ้ไนซ์คนนี้น้อยไปซะแล้ว

ถึงเวลาที่กูจะต้องงัดท่าไม้ตายออกมาใช้แล้วสินะ

ผมนั่งคิดหาถ้อยคำที่จะทำให้ไอ้นอร์ธตอบโต้กลับ นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็นึกอะไรดีๆออก

“ไอ้นอร์ธ”

“หือ”

“หรือว่าที่มึงเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะ...”

“...”

“มึงเครียดเรื่องแผลบนปากของตัวเอง มึงกลัวว่ามันจะทำมึงเสียโฉมใช่ปะ”

“…”

“มึงไม่ต้องห่วงเลยนะเว้ยเรื่องนี้ มึงหล่อเหมือนเดิมแน่ๆกูรับรองได้ ไม่สิ หล่อกว่าเดิม รอบนี้ดูมีเลือดฝาด ผิวสุขภาพดี ตามวิถีบิวตี้บล็อคเกอร์”

“ฝาดพ่อมึงอะ”แล้วนอร์ธมันก็หลุดขำออกมา

เยี่ยมยอด! กูนี่มันเก่งจริงๆเลยว่ะ ผมเพิ่งจะภูมิใจกับความอารมณ์ขันของตัวเองก็วันนี้ ไม่ได้การล่ะ เรียนจบไปกูต้องไปออดิชั่นเป็นตลก

น้าเป็ด เชิญยิ้ม ต้องอ้าแขนต้อนรับกูเข้าวงการ

“มึงนี่จริงๆเลยว่ะไนซ์”มันส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แต่สุดท้ายมันก็แอบขำ

“แอบขำกูอะดิ กูเห็นนะ”

นอร์ธมันมองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเองก็ยิ้มให้มัน

ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้น ความเงียบเข้ามาปกคลุมไปชั่วขณะ มีเพียงรอยยิ้มของเราทั้งคู่ที่ยังทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี

“ไนซ์”

“หือ”

“กูขอโทษนะ ที่ทำให้มึงเจ็บตัว”

“มึงพูดรอบสองแล้วไอ้ห่า กูไม่ได้โกรธมึงเลยเว้ย สักนิดเดียวก็ไม่โกรธ”

“...”

“แต่จะโกรธก็เพราะมึงไปต่อยกับพี่สงครามนั่นแหละ”

“...”

“มึงเป็นพี่น้องกันนะเว้ย มีอะไรก็ค่อยๆพูดกันดิ อย่าใช้อารมณ์เลย”ผมถือโอกาส ในช่วงที่มันกำลังอารมณ์ดีเริ่มพูดสอนมันนิดหน่อย รู้แหละว่าตัวเองไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตมันเกินไป แต่เป็นเพื่อนกัน มันก็เตือนกันได้ไม่ใช่เหรอ

“...”

“…”

เงียบอีกแล้ว...

แต่รอบนี้มันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปครับ

นั่นก็คือ... แววตาของไอ้นอร์ธที่มองมาที่ผม

“เรื่องอื่นกูยอมได้”

“…”

“แต่เรื่องนี้แม่ง... ไม่ไหวจริงๆว่ะ”

เพราะไอ้นอร์ธตอบมาแบบนั้น ผมถึงได้เลิกคิ้ว มันมีเรื่องอะไรร้ายแรงที่ถึงขั้นต้องต่อยกันให้เลือดกบปากเลยเหรอ

“เรื่องอะไรของมึงวะ”

“…”

“…”

“ก็เรื่องมึงไง”

โบ้ม!

เหมือนมีคนมาวางระเบิดในหัว ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก พอเอาเหตุการณ์ทั้งหมดมาเรียบเรียงดู ผมได้ยินไอ้นอร์ธมันพูดเรื่องหอมแก้มด้วยหนิ...

นี่มันต่อยกับพี่สงคราม เพราะพี่สงครามมันหอมแก้มผมงั้นเหรอ...

“มึง... หมายความว่าไงวะ”

นอร์ธมันไม่ตอบ แต่เลือกที่จะมองหน้าผมด้วยสายตาแปลกๆเหมือนเมื่อครู่

“ไนซ์”

“วะ ว่าไง”

อยู่ดีๆเสียงของผมก็สั่น เพียงเพราะว่าถูกอีกฝ่ายจ้องอย่างไม่วางตา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่จ้องหน้ากันนานแบบนี้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่มีกรอบแว่นหนามามาบดบัง มันทำให้คนตรงหน้าดูมีเสน่ห์ขึ้นมากกว่าเดิม

แล้วมือของผมก็ถูกจับเอาไว้โดยมือของไอ้นอร์ธ... โลกหยุดหมุนเป็นครั้งที่สองของวัน

ก่อนที่หน้าของไอ้นอร์ธจะค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ

แล้วริมฝีปากของเราทั้งสองคนก็สัมผัสกัน...

ผมงกเงิ่น ไม่รู้ว่าควรจัดการกับเหตุการณ์ตรงหน้ายังไง ใจเริ่มเต้นแรงเหมือนมีคนเข้ามาตีกลองชุดอยู่ข้างใน มือไม้ก็อ่อนจนเหมือนไม่มีแรงจะควบคุมหรือขยับให้มันไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

ทั้งหมดนี่มันคืออะไรวะ...

ผมถูกไอ้นอร์ธช่วงชิงอากาศหายใจอยู่พักใหญ่ ก่อนมันจะค่อยๆถอนริมฝีปากของตัวเองออกจากปากของผม

ผมมองหน้ามันด้วยความไม่เข้าใจ“ไอ้นอร์ธ”

“…”

“มึงจูบกู... ทำไมวะ”

“กู...”

นอร์ธมันอึกอัก  เหมือนคำพูดที่มันจะเปล่งออกมา เป็นรูปประโยคที่หนักอึ้งเกินกว่าจะพูดออกมาได้ง่ายๆ และในวินาทีต่อมา ความเงียบก็ถูกทำลาย คำพูดบางคำพูดหลุดออกมาจากปากของคนตรงหน้า

“กูชอบมึง”



#ทิศเหนือของผม

ทิศเหนือใจไม่เย็นแล้วน้า ._.
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 16) --- 04/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-10-2019 18:14:41
 :L2: :L1: :pig4:

ช้าไม่ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 16) --- 04/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 04-10-2019 18:33:43
เนี่ย! มันต้องแบบนี้เว้ยนอร์ธ! ชักช้า พิรี้พิไรอยู่ตั้งนาน คนซื่อบื้อแบบไนซ์มันไม่รู้เรื่องหรอก
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 16) --- 04/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-10-2019 21:37:34
 :o8: :-[ :o8: :o8:  ไนซ์ช๊อคตายไปแล้วจ้าาา
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 16) --- 04/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 05-10-2019 22:29:18
มันต้องยังงี้ รวดเร็ว ตรงๆ ไม่ต้องอ้อม ไม่ต้องให้คิดเอง
มาเร็วดีมาก เยี่ยมไปเล้ยยยยยย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 06-10-2019 13:24:38
17

ว่าด้วยเรื่องของหรรม



[ ทิศเหนือคนจริง ]



“ไนซ์”

“วะ ว่าไง”

ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น มันผ่านการคิดของผมมาเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่บอกตอนนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะมีโอกาสอีกมั้ย

จูบของผมที่มอบให้ไนซ์ มันไม่ได้ดูดดื่มเหมือนในหนังหรือในนิยาย แต่มันเป็นจูบที่บ่งบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจจะทำหลังจากนี้…

มันจะไม่ใช่เรื่องโกหกหรือล้อเล่น

ยอมรับแหละว่าสิ่งที่ผมทำมันมีความเสี่ยง เสี่ยงกับความสัมพันธ์ของเรา เสี่ยงกับการมีอยู่ในชีวิตของกันและกัน บางทีหลังจากจูบนี้ ผมอาจจะถูกมันต่อยหน้าหรือโดนด่าจนสาดเสียเทเสียก็ได้ ใครจะไปรู้

แต่ครั้นจะให้ผมรอ ผมก็คงรอต่อไปไม่ไหว เพราะภาพที่สงครามมันหอมแก้มไนซ์ มันยังคงติดตา เหตุการณ์ตอนนั้นมันเป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของผมเลยที่ใช้สมองประมวลผลน้อยที่สุด ผมคิดแค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้ไอ้สงครามมันเจ็บ เหมือนที่ผมกำลังเจ็บ

แล้วการซัดหมัดเข้าที่หน้ามันก็คือทางออกเดียวในตอนนั้นที่ผมคิดได้

ใช้แต่กำลัง โคตรสิ้นคิดเลยว่ะกู...

ผมค่อยๆถอนริมฝีปากของตัวเองออกจากปากของคนตรงหน้า ไนซ์มันหายใจแรงกว่าปกติ คงเป็นเพราะถูกช่วงชิงอากาศหายใจของตัวเองไปพักใหญ่ หน้าแมวๆของมันตอนนี้มีแต่ความไม่เข้าใจที่แสดงออกมา

“มึงจูบกู... ทำไมวะ”นี่คงเป็นคำถามสุดเบสิกหลังจากการถูกจูบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยล่ะมั้ง

“กู...”

บทจะกาก ก็กากขึ้นมาดื้อๆเลยกู...

ผมใช้เวลาสามวินาทีในการรวบรวมความกล้าของตัวเองอีกครั้ง

จนสุดท้าย... ผมก็พูดสิ่งที่มันตกค้างอยู่ภายในใจของตัวเองออกไป

“กูชอบมึง”

ไนซ์มันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่หูตัวเองได้ยิน“ดะ เดี๋ยวดิ มึงจะชอบกูได้ยังไง”

“แล้วทำไมกูจะชอบมึงไม่ได้”

“ก็... มึงทำตัวไม่เหมือนคนที่จะชอบกูอะ”

“มันจะไม่เหมือนได้ยังไง”

“…”

“ที่กูทำอยู่ทุกวันนี้ กูก็พยายามจีบมึงอยู่”

ไอ้แมวอ้วนหน้าโง่

ว่าจะไม่ด่าแล้ว แต่ขอหน่อยเหอะ ไม่ด่าไม่ได้จริงๆว่ะคนแบบมัน

“ไม่ได้ดิ...”อะ ยัง... ยังไม่เชื่อกูอีก

“ทำไมมันจะไม่ได้ มึงบอกเหตุผลกูมาสิ”

มันนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองเป้าของตัวเอง

“ก็กูมีหรรมอะ”หมดกัน ความโรแมนติกของกู

“กูก็มี”

“ก็นั่นไง มึงมีหรรม กูก็มีหรรม แล้วมึงจะมาชอบกูได้ยังไง”

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเลื่อนมือไปจับเข้าที่ไหล่ของมัน“มึงฟังกูนะแมวอ้วน”

“…”

“กูชอบมึง ที่มึงเป็นมึง”

“…”

“เพราะฉะนั้น กูมองข้ามหรรมของมึงได้”

“ไม่ด๊ายยย มึงจะมองข้ามเหี้ยอะไรในตัวกูก็ได้ แต่มึงจะมองข้ามหรรมของกูไม่ได้ ของรักของหวงเลยนะเว้ย”

หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดทันที ไอ้ห่า ไม่เหลือแล้วความโรแมนติกที่พยายามจะสร้าง กูอยากจะร้องไห้...

“ไอ้นอร์ธ”เปลี่ยนอารมณ์เก่ง เหมือนสับสวิตช์เลยไอ้ห่า อยู่ดีๆแมวอ้วนของผมมันก็ทำหน้าเครียดจนผมอดขมวดคิ้วตามไม่ได้

“อะไร”

“ไม่เอาได้มั้ยวะ”

ไม่เอาอะไรของมันวะ...

“มึงอย่าล้อเล่นกูได้มั้ยเรื่องนี้”

ไอ้สัดดดดดดดดดดด ใครก็ได้ เอากูไปฆ่าเดี๋ยวนี้! กูพูดจนปากจะฉีกถึงหู มันยังไม่เชื่อกูเลย พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย ถ้าพระเจ้าได้ยิน โปรดประทานน้ำมันตับปลามาให้ไอ้เหี้ยนี่หนึ่งโกดังใหญ่ๆ กูล่ะเครียด โง่ไม่มีใครเกินเลย

“ไอ้ไนซ์เอ๊ยยย”ผมทิ้งหัวของตัวเองลงไปบนไหล่มันอย่างหมดแรง“มึงจะให้กูทำยังไง มึงถึงจะเชื่อกูวะ”

“…”

“ให้กูจูบมึงจนปากเปื่อยไปเลยดีมั้ย”

“ไม่เอา”

“แล้วทำไมมึงไม่เชื่อกู”ผมกลับมานั่งในท่าปกติ“จูบก็แล้ว บอกชอบก็แล้ว มึงจะให้กูทำยังไงห้ะ”

“…”

“เยกันเลยมั้ย กูพร้อมนะ”ว่าแล้วก็จับมือคนตรงหน้าเตรียมลากเข้าห้องน้ำ

“เดี๋ยววววว มึงใจเย็นก่อนดิ”มันรั้งผมไว้ก่อนดึงให้กลับมานั่งที่เดิม

“…”

“มึงก็รู้อะ”

รู้อะไรวะ...

“ว่าเรื่องพวกนี้มันเชื่อกันได้ยาก บางทีมึงอาจจะอำกูเล่นก็ได้”ไอ้สัด...

“มึงหยุดเลย กำลังคิดเหี้ยอะไรอยู่ในหัว หยุดทั้งหมด”ผมชี้หน้าสั่ง

“…”

“หยุดคิดยัง”มันไม่ตอบมาเป็นคำพูดแต่ใช้การพยักหน้าแทน“อะ ถ้าหยุดแล้ว มึงฟังกูนะ”

“…”

“เรื่องพวกนี้เขาไม่มีใครเอามาแกล้งกันหรอกไอ้ควาย”

“…”

“สมมติกูจ้างมึงพันหนึ่ง ให้ไปแกล้งออมสินโดยการจูบ มึงจะทำมั้ย”

มันใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำหน้าเหยเก“ฮึ้ย ไม่เอาด้วยหรอก”

“เออ ก็นั่นไง ขนาดมึงยังไม่อยากทำเลย แล้วนี่กูไม่ได้ค่าจ้างจากใครสักบาทมึงคิดว่ากูจะแกล้งมึงเล่นเหรอ”

ไนซ์มันส่ายหน้า แต่ดูก็รู้ว่ายังเชื่อไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกมันอะ

“เออ ก็แค่เนี้ย”

“…”

“กูชอบมึง เชื่อกูได้หรือยัง”

“อือ แต่...”

“แต่เหี้ยอะไรอีก หรือยังไม่เชื่อ ถ้ามึงไม่เชื่ออีก กูจับกดแล้วนะ เยกันให้จบๆ”

“ฮือ มึงใจเย็นดิ”

“งั้นว่ามา มึงแต่อะไรอีก”

“กูแค่อยากรู้ ว่าทำไมมึงถึงชอบกู”

“ชอบเพราะว่ามึงเป็นมึงไง”

มันก้มมองตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม“ชอบ แต่มึงก็ด่ากูว่าโง่เนี่ยนะ”

“เออ ชอบ โง่ๆแบบมึงแหละดี หายาก”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ...”

“มาเป็นแฟนก่อนดิ เดี๋ยวเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกเลย”

“ไม่ได้”

“ทำไม”

“ก็... มันไม่ได้อะ”มันเกาหัวแกรก“คนเรามันบอกว่าชอบแล้วมันจะเป็นแฟนกันได้เลยเหรอวะ”

“…”

“กูเข้าใจมาตลอดว่าคนเราจะเป็นแฟนกันได้มันต้องชอบกันทั้งคู่ก่อน”

“แล้วมึงชอบกูมั้ยล่ะ”

“…”อ้าว ใบ้แดกเฉย

“ไนซ์”ผมเรียกอีกฝ่ายที่คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ ไม่น่าเลยกู รู้ว่ามันโง่ก็ไม่น่าไปหาอะไรใส่หัวให้มันเครียดเลยว่ะ และแน่นอนว่ายิ่งปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ คิ้วของไอ้แมวอ้วนมันก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้นเท่านั้น จนสุดท้ายผมก็ต้องตัดสินใจยุติทุกอย่าง โดยการจับไหล่และพูดใส่หน้ามัน“พอแล้ว มึงไม่ต้องคิดแล้ว กูสงสาร”

ไนซ์มันเม้มปากเข้าหากันก่อนจะพูด“มึงรู้เหรอ ว่ากูคิดอะไรอยู่”

“กูไม่รู้หรอกว่ามึงคิดอะไรอยู่ แต่กูไม่อยากเห็นมึงเครียด พอเลย เลิกคิด เลิกๆ”

“นอร์ธ”

“อะไร”

“คือ...”ไนซ์มันอึกอัก มันหลุบตามองต่ำไม่กล้าสบตาผม“กูไม่เคยชอบใครแบบจริงๆจังๆเลยอะ”

ผมได้แต่นั่งเงียบ เพื่อฟังประโยคต่อไปที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากของมัน แมวอ้วนมันคงกำลังเรียบเรียงคำพูดในหัวของตัวเองให้ออกมาแล้วผมเข้าใจง่ายมากที่สุด

“เอาจริงๆ ไอ้แบบมองว่าคนโน้นคนนี้น่ารัก มันก็มีแหละ แต่ความรู้สึกว่าชอบแบบจริงๆจังๆแม่งไม่เคยมีเลยเว้ย กูเลยไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกนั้นอะ มันต้องรู้สึกยังไงถึงจะเรียกว่าชอบ”

“…”

“แล้วอีกอย่าง มึงเป็นผู้ชาย กูก็เป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้คือ... มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย”

“แต่มันเป็นไปแล้ว”

“เดี๋ยวดิ กูยังพูดไม่จบเลย”มันยกมือขึ้นมาปิดปากผมเพื่อห้าม พอเห็นว่าผมไม่ได้พูดต่อมันก็ลดมือลง“กูไม่เคยจูบกับใคร”

“…”

“แล้วมึงก็คือจูบแรก”

“…”

“มึงรู้ปะ ใจกูเต้นโคตรแรงเลย ตอนมึงจูบอะ มือไม้แม่งก็อ่อนไปหมด”

“…”

“ตอนแรกกูก็คิดว่ามึงอำกูเล่น แต่มึงบอกว่ามึงไม่ได้ล้อเล่น ใจกูก็กลับมาเต้นแรงอีกรอบ”

“…”

“แบบนี้...”

“...”

“เขาเรียกว่าชอบมั้ยวะ”





[ อดิรัตน์คนคูล ]



ผมพูดมันออกไปแล้ว... ความรู้สึกทั้งหมดของผมในตอนนี้

ยอมรับเลยว่ามันยากมากๆที่จะบอกว่าความรู้สึกที่ตัวเองกำลังเจออยู่ในตอนนี้มันคืออะไร ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรักแบบจริงๆจังๆเลยสักครั้ง ผมเลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว สิ่งที่ผมกำลังรู้สึกและต้องเผชิญอยู่

มันใช่ความรักหรือความรู้สึกที่เรียกว่าชอบหรือเปล่า...

“ไนซ์”

“…”

“นี่มึงกำลังจะบอกว่า มึง... หวั่นไหวกับกูเหรอวะ”

“กูบอกว่ากูไม่รู้”

“กูโคตรดีใจเลยนะเนี่ย”

ดีใจห่าอะไร นี่มึงได้ฟังที่กูพูดมั้ยเนี่ย กูก็บอกอยู่ว่ากูไม่รู้ไงไอ้เตี้ย!

“มึงไม่ต้องมาดีใจเลย กูอาจจะเป็นแบบนี้เพราะถูกจูบเป็นครั้งแรกก็ได้”และนี่ก็คือเหตุผลเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้

นอร์ธมันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ“’งั้นกูถามอะไรมึงอย่างดิ”

“อะไร”

“มึงโอเคมั้ยตอนกูจูบ”

“กู... ไม่รู้”

นอร์ธมันเม้มปากพร้อมกับทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง“งั้น... มึงรังเกียจมั้ย”

“…”

“แบบ อยากผลักกูออก หรืออยากต่อยกูสักหมัดที่กูทำแบบนี้กับมึงอะ มึงมีความรู้สึกว่าอยากทำมันบ้างมั้ย”

ผมส่ายหน้า“ไม่ กูไม่อยากต่อยมึง”

“เออ แค่นี้ก็โอเคแล้ว”

แล้วนอร์ธมันก็ยิ้มออกมา ยิ้มบ้าอะไรของมันวะ ยังไม่ได้คำตอบเลยไม่ใช่หรือไงว่าตกลงแล้วผมรู้สึกยังไง

“ไนซ์”วันนี้มันเรียกชื่อผมเปลืองมากเลยรู้ตัวหรือเปล่า

“หือ”

“คือถ้ากูขอมึงเป็นแฟนตอนนี้... มึงจะรับมั้ยวะ”

“เดี๋ยวดิ มึงใจเย็นก่อน”

“ให้กูเย็นอะไรอีกล่ะ”

“ก็กูยังไม่แน่ใจ”

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง”

ผมเม้มปากเข้าหากันแน่น ในหัวก็พลางคิดหาทางออกของเรื่องนี้ จนสุดท้ายก็ได้คำตอบ

“มันมีแฟนระยะทดลองมั้ยวะ”

“…”

“กูกลัวว่ะ ว่าวันหนึ่งเราจะไปกันไม่รอด”

“...”

“กูกลัวว่าถ้าวันนั้นมันมาถึง วันที่เราถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่กูดันมารู้ตัวทีหลังว่ากูไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับมึงจริงๆ... เราสองคนจะหายไปจากชีวิตของกันและกัน”

“…”

“กูกลัวว่ามึงจะหายไป”

“…”

“มึงให้กูได้มั้ยวะนอร์ธ... แฟนระยะทดลองอะ”

รู้แหละว่าตัวเองดูเป็นคนเรื่องมากและเข้าใจอะไรยาก แต่ผมยังไม่กล้าที่จะเสี่ยงจริงๆ ยิ่งตอนนี้ผมยังไม่ได้มั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองมากขนาดนั้น มันก็ยากที่จะตัดสินใจ ผมคงจะต้องเสียใจมากแน่ๆ ถ้าวันหนึ่งไม่ได้เห็นไอ้เตี้ยหัวล้านคนนี้มาเดินเพ่นพ่านอยู่ในชีวิต

นอร์ธมันนั่งเงียบ มองหน้าผมก่อนจะยิ้มออกมา“ได้สิวะ เรื่องแค่นี้เอง กูยอมเป็นแฟนระยะทดลองของมึงจนจบห้องเชียร์เลยก็ได้”

“...”

“แต่ถ้าเกิดว่ามึงติดใจ... อยากเป็นแฟนตลอดไปกูก็ยอม”



#ทิศเหนือของผม



ใจเย็นมานานแล้วอะเนอะ...
อย่าลืมไปเม้ากันที่แท็กนะคะ ^^


หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 17) --- 06/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-10-2019 16:47:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 17) --- 06/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-10-2019 17:25:34
อย่างไวเลยนะคุณทิศเหนือ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 17) --- 06/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-10-2019 20:16:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 17) --- 06/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 06-10-2019 22:31:47
คิคิคิ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 17) --- 06/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-10-2019 05:33:45
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 17) --- 06/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 07-10-2019 16:08:35
ทดลองก็เอา นาทีนี้
นอร์ธจัดไปเต็มๆ เลยจ้า
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 18-10-2019 12:21:43
18

ใครไม่หู้ น้ำเต้าหู้



มีใครบางคนเคยบอกกับผมว่า

ถ้าเรากำลังฝันหวาน... มันจะมีมารมาผจญ

ติ๊ง!

ใครส่งอะไรมาแต่เช้าเลยวะ... ถึงจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของข้อความที่ใครสักคนส่งมา ผมก็ขี้เกียจเกินกว่าจะขยับหัวออกจากหมอนเพื่อลืมตาไปหยิบมือถือเจ้าปัญหา

เอาไว้เดี๋ยวค่อยตอบก็ได้

คิดได้แบบนั้นผมก็จัดการมุดหน้าเข้ากับหมอนใช้เท้าเขี่ยผ้าห่มที่ไปอยู่ปลายเตียงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ขึ้นมาบนขาและใช้มือดึงมันขึ้นมาห่ม

เป็นไง สกิลเทพปะล่ะ ทำทุกอย่างทั้งๆที่หลับตา มึงนี่มันเท่จริงๆเลยว่ะไอ้ไนซ์

ติ๊ง!

ติ๊ง!


แหนะ ยังไม่หยุดรัวแชทมาอีก

ติ๊ง!

ติ๊ง!

ติ๊ง!


เออ ถ้าจะรัวแชทมาขนาดนี้ก็นะ กูยอมตื่นให้ก็ได้

แล้วผมก็ทนกับเสียงแจ้งเตือนพวกนั้นไม่ไหว ลุกขึ้นมานั่ง เอาผ้าห่มที่เพิ่งห่มได้ไม่ถึงห้านาทีออกจากตัว ขยี้ตาด้วยความงัวเงียก่อนจะคว้าเอามือถือขึ้นมาเปิดดูต้นตอของความน่ารำคาญ



North

ตื่นยัง

เปิดห้องให้หน่อย

เร็ว

กูร้อน

ไอ้แมวอ้วน

เร็ว



ไอ้เหี้ยเตี้ย วุ่นวายแต่เช้าเลยนะมึง



North

อ่านไม่ตอบ

เป็นเหี้ยอะไร



NiceAdr

ใจเย็นดิ

กูเพิ่งตื่น

North

เออ

ถ้ายังไม่ตายก็รีบออกมาเปิดประตู

กูร้อน

NiceAdr

ร้อนอะไรวะ

ไปวิ่งมาเหรอ

North

วิ่งที่หน้ามึงอะ



ฮึก ไอ้คนใจร้าย ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด

ใครที่คาดหวังความหวานชื่นเหมือนคู่อื่นๆที่เขาเป็นแฟนกัน ลบไปได้เลยครับ กำจัดถาวรไปได้เลยยิ่งดี เพราะสำหรับไอ้นอร์ธมันไม่เคยมีคำว่าหวาน นี่ขนาดทดลองเป็นแฟนกันยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะ คู่ผมเลี้ยงกันด้วยลำแข้ง กูมึง คำหยาบจัดเต็มเหมือนเดิม

เรียกง่ายๆคือ ไม่มีคำว่าช่วงโปรโมชั่นอยู่ในพจนานุกรมของคุณทิศเหนือ

กูเศร้าเลยนะเนี่ย อุตส่าห์ทดลองทั้งที ไม่เห็นมีอะไรดีๆขึ้นมาเลย



North

*ส่งรูปภาพแล้ว*

ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝาก



พอลองมองดีๆมันก็ไม่แย่ซะทีเดียวหรอกจริงมั้ย น้ำเต้าหู้จะเยียวยาทุกสิ่งผมเชื่อแบบนั้น

ไอ้ที่เคยตัดพ้อไปน่ะ ลืมๆไปเถอะ วินาทีนี้น้ำเต้าหู้คือชีวิต จำไว้!



NiceAdr

โอเค

กูกำลังไป

รอแป๊บนะเพื่อน

ʕ≧ᴥ≦ʔ

North

เพื่อนพ่อมึงอะ

กูเป็นแฟน



ขณะที่ผมกำลังจะก้าวขาลงจากเตียงก็ได้แต่ช็อกกับข้อความที่ไอ้นอร์ธมันส่งมา ทั้งๆที่เป็นประโยคสั้นๆแต่มันทำให้ใจผมเต้นแรงจนแทบจะได้ยินเสียงของมัน

ไอ้สัด เล่นกูแต่เช้าเลย



NiceAdr

เออหน่า

คนรามันลืมๆกันได้

North

อย่าลืมบ่อย

เดี๋ยวกูทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วจะหาว่าไม่เตือน



ฮือ มันเอาอีกแล้ว

กูไม่เอาแล้วได้มั้ย ยกเลิกเดี๋ยวนี้เลยไอ้แฟนระยะทดลองอะไรนี่อะ ไม่เอาแล้ว กูกลัว



North

รีบมาเปิดประตู

เร็วๆ

NiceAdr

เออ

รู้แล้วๆ



ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูให้มันอย่างไม่รอช้า

หลังจากที่มันพูดความในใจว่ามันคิดยังไงกับผม บางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไป ไม่เหมือนตอนที่เป็นเพื่อนกันของผมกับไอ้นอร์ธก็เห็นจะมีแค่คำพูดของมันนี่แหละ ที่ดูเหมือนจะแทะโลมผมตลอดเวลา

พูดกันง่ายๆเลยคือมันดูหื่นขึ้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไอ้ความหื่นของมันเนี่ย เพิ่งจะมากำเริบหรือมีมานานแล้วแต่มันเก็บไว้ก็ไม่รู้

“กว่าจะเดินมาเปิดได้ นานฉิบหาย”เปิดประตูให้ปุ๊บก็บ่นปั๊บเลยไอ้ห่า แล้วอีกอย่าง กูได้ข่าวว่ามึงซื้อมาให้กูเอง กูยังไม่ทันจะร้องขอมึงเลยสักนิด“บ่นเหี้ยอะไรกูในใจ”

นี่นั่งทางในมาเสือกปะเนี่ย... เดาถูกเหมือนรู้ใจ

“เปล่า”

“เปล่าก็รับไป”ว่าแล้วถุงน้ำเต้าหู้สองถุงก็ถูกยื่นมาไว้ตรงหน้า

ทำไมซื้อมาตั้งสองถุงเลยวะ แถมมีปาท่องโก๋อีกตั้งหลายตัว แต่เอาเถอะมันอาจจะซื้อมาเผื่อผมไม่อิ่มก็ได้

“เออ ขอบใจนะ”ผมรีบรับถุงนั้นมาก่อนจะปิดประตูห้อง แต่ยังไม่ทันที่ประตูจะลงล็อก ไอ้นอร์ธก็เอามือเข้ามาขวาง

“จะแดกเองคนเดียวสองถุงเลยหรือไง”

“มึงไม่ได้ซื้อมาให้กูสองถุงหรอกเหรอ”

“ของกูถุงหนึ่ง”

“อ้าว งั้นก็เอาไป”ผมทำท่าจะหยิบเอาน้ำเต้าหู้หนึ่งถุงออกมาให้มัน แต่ก็ถูกมันห้ามไว้ก่อน

“ไม่ต้อง กูจะกินที่นี่”แล้วนอร์ธมันก็แทรกตัวเข้ามาในห้องของผมหน้าตาเฉย

มิจฉาชีพปะเนี่ย แนบเนียนเหลือเกินไอ้ห่า แต่เอาเถอะ ไหนๆมันก็เข้ามาแล้ว ขี้เกียจจะเถียงกับมัน เถียงไปก็ไม่รู้จะชนะหรือเปล่า

“เอามานี่ แก้วอยู่ไหน เดี๋ยวกูเทให้”มือหนาเอื้อมมาหยิบถุงที่ใส่น้ำเต้าหู้ในมือของผมไป

“ไม่ต้อง กูกัดตูดกินในถุงได้”

“นิสัย ขี้เกียจจนตัวเป็นขนแล้วมึงอะ”

เอ้า กูผิดอะไรเนี่ย... ก็ปกติเวลากินน้ำเต้าหู้ผมก็ทำแบบนี้นี่หว่า บางทีร้านให้หลอดมาผมก็ไม่ได้ใช้ เพราะมันไม่ถนัดเหมือนกินจากถุง ไม่อยากจะบอก เราเลือกเลเวลความเบาความแรงของน้ำเต้าหู้ที่จะเข้ามาอยู่ในปากของเราได้ด้วยนะ แค่บีบถุง อยากกินเร็วๆก็บีบแรงๆ อยากกินช้าๆก็บีบเบาๆ

เนี่ย วิถีคนคูลจะตาย เท่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พูดเลย

“แก้วอยู่ตรงไหน”

“เดินตรงไปก็เจอแล้ว”ผมตอบไปแค่นั้นหลังจากที่มันถามย้ำ เห็นทีชีวิตคู่ของเราคงจะไปไม่รอดว่ะ มึงขัดขวางวิถีชีวิตที่สุดแสนจะเท่ของกู เราคงต้องจบกันแค่นี้

“คิดอะไรอยู่ ทำไมทำหน้าเหมือนหมา”ไอ้นอร์ธที่ยืนเทน้ำเต้าหู้ใส่แก้วเงยหน้าขึ้นมาพูดก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเทต่อไป

จ้า ล่าสุดหน้าหมาก็มาแล้ว หน้ากูเหมือนทุกอย่างแหละ เหมือนสิ่งมีชีวิตทุกตัวบนโลก ยกเว้นเหมือนคน ไอ้สัด แม่กูร้องไห้แล้ว มีลูกหน้าเหมือนหมา

“นอร์ธ”

“ว่า”มันไม่เงยหน้าขึ้นมามอง แต่เลิกคิ้วและส่งเสียงเพื่อให้ผมรับรู้ว่ามันกำลังรอฟังที่ผมพูด

“กูว่าเราสองคนน่าจะไปกันไม่รอดว่ะ”

“…”

“…”

“ทำไมวะ... ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้น”มันละมือจากน้ำเต้าหู้ตรงหน้าก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง

“ก็แบบ... มึงขัดการกินน้ำเต้าหู้แบบคนคูลๆของกูอะ”ผมบอกมันออกไปตามตรง แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้างง มันงงอะไรของมันวะ มันเข้าใจยากตรงไหนไอ้ประโยคที่ผมพูดออกไปน่ะ

“มึงจะตัดสินทุกๆอย่างด้วยน้ำเต้าหู้ถุงเดียวเนี่ยนะ...”

“ก็เออไง เข้าใจอะไรยากตรงไหน”

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย”ว่าแล้วมันก็ขยี้หัวตัวเองอย่างอารมณ์เสียก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“สมกับเป็นมึงจริงๆเลยว่ะ”

“อะไรของมึงวะนอร์ธ”ผมงงนะเนี่ย

“ไม่มีอะไรหรอก แต่กูไม่ยอมเลิกกับมึงเพราะน้ำเต้าหู้แน่ๆ คนเหี้ยอะไรตัดสินกันด้วยวิธีการกินน้ำเต้าหู้วะ”มันพูดแค่นั้นก่อนจะกลับไปสนใจน้ำเต้าหู้ของมันต่อ

“แต่...”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้นอะ ถ้าจะมาขอเลิกกับกูเพราะเรื่องนี้ มึงเลิกคิดซะตั้งแต่ตอนนี้เลย อะ เสร็จแล้ว”มันเดินมาหาผมพร้อมกับแก้วที่ใส่น้ำเต้าหู้ ผมรับมันมาทันทีหลังจากที่เจ้าตัวยื่นให้ นอร์ธมันเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมกับปาท่องโก๋ทั้งหมดที่มี โดยทิ้งผมให้ยืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียว

“จะแดกมั้ยปาท่องโก๋อะ”

ผมเดินหน้ามุ่ยไปที่โซฟาหลังจากที่ไอ้นอร์ธมันพูดจบ

น้อยใจสัดๆเลยครับ นอร์ธมันไม่ฟังความคิดเห็นของผมเลย ไอ้ที่พูดเรื่องน้ำเต้าหู้นั่นผมซีเรียสจริงๆนะ ก็ผมกินแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆอะ มันจะมาบังคับแบบนี้มันก็ไม่ใช่มั้ย แถมมันยังดุผมอีก

เนี่ย แบบนี้มันจะไปกันรอดได้ยังไง

“เป็นเหี้ยอะไรอีกล่ะ”

“เปล่า”

“เปล่าเหี้ยอะไรก็เห็นอยู่ว่าหน้างอ”

“งอน”

“…”

“น้อยใจด้วย”ทิ้งตัวลงตรงที่ว่างข้างๆมันก่อนจะยัดปาท่องโก๋เข้าปาก“กูทั้งงอนทั้งน้อยใจเลยมึงรู้ปะ”

“ตอนกินอย่าพูด แล้วมึงน้อยใจอะไร ไหนมึงพูดมาดิ”

“ไหนมึงบอกว่าอย่าพูดไง”

“ตอนนี้พูดได้ กูอนุญาต”

“ก็มึงอะ ดุกู กูกินแบบนี้ของกูมาตั้งแต่เด็กๆอะ แล้วมึงมาบังคับกันแบบนี้มันก็ไม่ใช่ปะ”

“…”

“คอยดูเหอะ กูจะฟ้องแม่ ฟ้องพี่นันท์”

“…”

“ฟ้องออมสิน ฟ้องซีอิ๊ว ฟ้องไอ้ไกด์ด้วย กูจะฟ้องทุกคนเลย มึงแม่งมาขัดวิถีคนคูลแบบกู”

“ต้องจริงจังขนาดนี้เลยเหรอวะ?”มันเลิกคิ้ว

“ก็เออดิ ลองกูบังคับให้มึงแดกนมบ้างดิ มึงจะเอาปะล่ะ”

“กูชอบกินนม”

“แล้วทำไมไม่สูง”

“กูจะไปรู้มั้ยล่ะไอ้สัด”มันว่าก่อนจะหันไปสนใจน้ำเต้าหู้ของตัวเองต่อ

ผมไม่ได้ตอบอะไร ทำได้เพียงมองมันนิ่งๆแต่หน้าก็ยังมุ่ยอยู่ ไอ้นอร์ธมันคงเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวมันเริ่มจะเงียบจนน่าอึดอัดเลยพูดบางประโยคออกมาเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น

“เอาเป็นว่าวันหลังกูจะไม่บังคับให้มึงกินแบบนี้แล้วก็ได้”

“…”

“พอใจยัง”

“...”

“เงียบอีกไอ้สัด... กูยอมกินแบบวิถีคนคูลเป็นเพื่อนมึงเลยก็ได้อะ พอใจยัง หรือมึงยังไม่พอ”

“พอแล้ว”

“ถ้าพอแล้วก็เลิกทำหน้างอดิสัด”

สุดท้ายผมก็ยอมใจอ่อน เลิกทำหน้างอและหยิบเอาปาท่องโก๋อีกชิ้นเข้าปาก

“เฮ้อ โง่แล้วยังจะเอาใจยากอีก นิสัยโคตรเด็กเลย”

เฮลโหล นอร์ธ กูนั่งหัวโด่อยู่นี้ ด่าเหมือนกูไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้เลยนะ

“กูถามหน่อยเหอะแมวอ้วน”

“ถามอะไรวะ?”

“ทำไมมึงถึงชอบกินจากถุงวะ เทใส่แก้วมันไม่ดีกว่าเหรอ”

ผมใช้เวลานึกถึงเหตุผลอยู่ครู่หนึ่ง“ไม่รู้ดิ กูก็กินของกูแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วอะ เมื่อก่อนกูชอบกินน้ำเต้าหู้ก่อนไปโรงเรียน แต่ก็เสือกเป็นคนตื่นสายด้วยไง มึงเข้าใจปะ”นอร์ธมันพยักหน้าตาม“เออ แล้วแบบ กูไปโรงเรียนก็สายขนาดนั้น  จะให้ไปหาแก้วมาเทกินมันก็ไม่ใช่เรื่องปะ”

“แต่เขาก็มีหลอดให้ไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ดิ มันไม่สะใจ”นอร์ธมันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ผมอธิบาย“มึงยังไม่เคยลองกินใช่ปะล่ะ”

“เออ ไม่เคย”

“งั้นมึงต้องลอง”

“...”

“เอาแบบนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูลงทุนลงไปซื้อให้มึงเอง”

“พรุ่งนี้มีเรียน”

“ก็ใช่ไง มีเรียนนี่แหละ มึงจะได้ไม่ต้องมีเวลาวิ่งไปหาแก้วมาเทใส่ รับรองเลยว่าโคตรเท่”

นอร์ธมันนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ“เออ มึงจะเอายังไงก็เรื่องของมึงเลย”

“ดีมาก! เชื่อมือกูได้เลย กูจะพามึงเปิดโลกเอง!”ผมทุบอกตัวเองปั่กๆพร้อมกับมองหน้าคนข้างๆที่กำลังยิ้มออกมา

“เรื่องเล็กๆน้อยๆก็เอามาดีใจได้เนอะคนอย่างมึงอะ”

เอาจริงๆ ถ้ามีผู้หญิงมาเห็นไอ้นอร์ธกำลังนั่งยิ้มอยู่แบบนี้ มันต้องมีสักคนสองคนแหละที่ใจสั่นเพราะรอยยิ้มของมัน

ขนาดผมไม่ใช่ผู้หญิง ผมยังรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หัวใจของผมมันก็เริ่มเต้นแรงแปลกๆแล้วเหมือนกัน


#ทิศเหนือของผม



ขอโทษที่หายไปนานค่ะ เรากลับมาแล้วค่ะทุกคน
อย่าลืมส่งฟีดแบ็กที่แท็กนะคะ ;-----;

หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 18) --- 18/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-10-2019 12:56:50
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 18) --- 18/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-10-2019 17:49:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆ  แค่วิถีการกินน้ำเต้าหู้  ก็เกิดดราม่าได้  อิอิ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 18) --- 18/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 18-10-2019 20:38:27
ฮาดี ชอบ ติดตามๆ ขอบคุณๆ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 18) --- 18/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-10-2019 21:17:32
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 18) --- 18/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 18-10-2019 21:38:05
"มหาวิทยาลัยที่ขึ้นว่ามีพระอาทิตย์สิบสองดวงกับอากาศที่โคตรจะร้อน"

ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต???
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 18) --- 18/10/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 21-10-2019 11:47:50
555 น่ารักจริงๆแมวอ้วนนน


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 08-12-2019 21:43:07
19

ไนซ์จะเป็นซูเปอร์สตาร์



เช้านี้ที่โต๊ะประจำของพวกเราและน้ำเต้าหู้อีกหนึ่งถุง

ผมมองหน้าไอ้นอร์ธสลับกับน้ำเต้าหู้ถุงนั้นเป็นระยะๆ นี่มันไม่รู้จริงๆเหรอว่าผมรอให้มันหยิบน้ำเต้าหู้ขึ้นมากินอะ เอาแต่ตักข้าวใส่ปากตัวเองแถมยังไถหน้าจอมือถือไปมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอีก

หันมาสนใจกันสักนิดก็ไม่มี ไอ้คนเย็นชา!

“นี่...”

“...”

“ไอ้นอร์ธ”

“...”

“เตี้ย”

“...”

“หัวล้าน”

“ล้านพ่อมึงอะ”แล้วฝ่ามือหนาก็ตบมาที่หัวผมจนแว่นเกือบหลุด

“กูเจ็บนะเว้ย ทำไมต้องรุนแรงด้วยวะ สมองกูไหลออกมาแล้วมั้ง”เอามือลูบหัวตัวเอง จริงๆมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายหรอก แต่มันก็เจ็บอะ ย้อนแย้งเนอะ อารมณ์เหมือนฟังเพลงของ Getsunova อะ

ความเจ็บที่ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น...

“ไม่มีให้ไหลหรอกคนอย่างมึงอะ ไม่ต้องห่วง”

“สัด”นิ้วกลางของผมถูกยกขึ้นโดยอัตโนมัติ หลังจากที่ไอ้นอร์ธมันพูดประโยคนั้นออกมา

มึงบูลลี่กู คอยดูเถอะ กูจะแจ้ง! กูจะแจ้ง!

“เรียกกูทำไม”คำพูดของไอ้นอร์ธที่เรียกให้ผมวกกลับเข้ามาที่ประเด็นเดิม หลังจากที่เกือบหลุดออกประเด็นไปไกล เพียงเพราะถูกมันกวนประสาท

ผมมองถุงน้ำเต้าหู้ที่ถูกวางทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะอีกครั้ง ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่มันเบาๆก่อนจะมองหน้าไอ้นอร์ธ

“น้ำเต้าหู้”

“ทำไม?”

“กูซื้อมา”

“ก็เออไง เมื่อเช้าก็ไปยืนซื้อเป็นเพื่อนอยู่”

“ก็นั่นแหละ”

“ทำไม”

“เมื่อไหร่มึงจะกิน”

ตาคมใต้กรอบแว่นมองผมด้วยสายตาแปลกๆ“แล้วทำไมกูต้องกิน”

“ก็มึงสัญญาแล้ว”

“ตอนไหน”

“เมื่อวาน”

“เหรอวะ ไม่เห็นจะจำได้เลย”

“อย่ามาโกหกกู กูรู้มึงจำได้”ผมไม่ยอมจริงๆด้วยครั้งนี้

น้ำเต้าหู้ถุงนี้ผมได้มาด้วยความยากลำบาก ต้องแหกตาตื่นเช้าเพื่อไปยืนต่อแถวหน้าร้านน้ำเต้าหู้ที่ยาวยิ่งกว่ากองไฟของหลวงปู่เค็ม และอีกอย่างผมก็รู้สึกเสียดายและสงสาร ถั่วเหลืองมันอุตส่าห์ยอมสละชีวิตเพื่อที่จะได้น้ำเต้าหู้อร่อยๆมาให้พวกเรากินเลยนะ

เดี๋ยวนะ... ถั่วเหลืองมันมีชีวิตมั้ยวะ

แต่มันเป็นพืชนะเว้ย ก็ต้องมีดิ

คน พืชและสัตว์ จัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิต เนี่ย ครูเมย์สอนผมมาผมจำได้

แต่นี่ไม่ใช่เวลามาถกเถียงกับตัวเอง ผมต้องรีบกลับมาโฟกัสที่เรื่องของเราก่อนที่ไอ้นอร์ธมันจะแกล้งลืมเรื่องนี้อีก

แน่นอนครับว่า ในเมื่อผมยอมลงทุนขนาดนี้แล้ว ผมจะไม่ยอมให้สิ่งที่ผมพยายามสูญเปล่า

เพราะฉะนั้น! นายอดิรัตน์คนนี้จะไม่ยอมให้ไอ้นอร์ธมันเพิกเฉยต่อน้ำเต้าหู้อย่างแน่นอน

#Saveน้ำเต้าหู้


แท็กนี้ต้องติดเทรนด์ทวิตเตอร์!

แต่ก่อนอื่นเลย กูขอเก๊กแป๊บ แกล้งทำเสียงเข้มๆด้วย ไอ้นอร์ธมันจะได้กลัว

“อะแฮ่มๆ”ผมกระแอมเบาๆ ศอกทั้งสองข้างวางลงบนโต๊ะ นิ้วมือสอดประสานและสุดท้ายก็เอาคางวางไว้บนนั้น“ไอ้นอร์ธ”

“อะไร”

“มึงเลือกมา”

“...”

“ว่ามึงจะยอมกินดีๆ หรือมึงจะกินด้วยน้ำตา”

เหยดดดดด โคตรเท่เลยว่ะไอ้ไนซ์ มีแว่นตาดำอีกนิดนี่คือไอ้นอร์ธกลัวขนหดเลยนะ แม่ง น่าภูมิใจจริงๆว่ะ ออร่าความโหดมันออก ไม่เรียนแล้วนะวิศวะ กูไปเป็นมาเฟียดีกว่า น่าจะรุ่งกว่าเยอะ

“ทำไม มึงจะมาร้องไห้ขอร้องให้กูแดกเหรอ”

วืด... ไอ้สัด

“ไม่ใช่สิวะ นี่กูโหดอยู่นะเว้ย กูกำลังข่มขู่มึงอยู่”

“หน้าโง่ๆแบบนี้อะนะ”ว่าแล้วนิ้วชี้ของมันก็จิ้มเข้าที่หน้าผากของผม“เอาอะไรมาน่ากลัววะถามหน่อย”

“ก็นี่ไง”ผมชี้หน้าตัวเอง“หน้ากูโหดไม่พอเหรอ”

มันผลักหัวผมเบาๆ“ขู่ให้ตายมึงก็เป็นแค่แมวอ้วนขนฟูเท่านั้นแหละ”

สัดดดด ดูเปรียบเทียบเข้า กูโหดไม่ออกเลย...

“ไม่ต้องเลย มึงไม่ต้องมาชวนเปลี่ยนเรื่อง กูไม่เคลิ้มตามมึงหรอกนะ”

“กูไปชวนมึงเปลี่ยนเรื่องตอนไหนวะ”

“เมื่อกี้ไง ไม่ต้องมาเถียงด้วยกูรู้ว่ามึงจะเถียงกู”ผมรีบพูดตัดหน้า ไอ้นี่น่ะเว้นช่องว่างไม่ได้หรอก เดี๋ยวถ้ามันเถียงขึ้นมา ผมจะแย่เอา“รีบๆกินเดี๋ยวนี้เลย”

เพื่อให้ทุกอย่างรวบรัด ผมจึงตัดสินใจหยิบถุงเต้าหู้ไปใส่มือมัน

“มึงจะให้กูกินยังไง”นอร์ธมันก้มมองถุงน้ำเต้าหู้ในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม คิ้วหนาขมวดเข้าหาจนแทบจะผูกกัน

“อย่ามาตีมึน เมื่อวานมึงสัญญาว่าจะกินแบบวิถีคนคูลของกู”

“กินปกติไม่ได้เหรอ”

“มึงสัญญาแล้ว อย่ามาทำตัวผิดสัญญา”

“เฮ้อ กูต้องกินจริงๆเหรอวะเนี่ย”

“เออ กินจริง ทำจริง ไม่ใช้ตัวแสดง”เป็นเพราะเห็นอีกคนนั่งมองถุงน้ำเต้าหู้โดยไม่ทำอะไรกับมัน ผมเลยตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งนึกขึ้นได้สดๆร้อนๆ

จังหวะนี้ซีนดราม่าน้ำตาแตกต้องมาแล้วล่ะ เรียกคะแนนความสงสารให้กันสักหน่อย

ไม่ต้องห่วงนะน้ำเต้าหู้ หนูจะไม่ตายฟรี พี่จะปกป้องหนูเอง!

“เฮ้อ...”ผมถอนหายใจ แต่สายตาก็ยังชำเลืองมองใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“เป็นอะไรของมึง”เสร็จกูล่ะ!

“กูไม่อยากบังคับมึงเลยว่ะ”ผมทำเสียงเหมือนคนที่เหนื่อยใจแบบสุดๆ

“เป็นเหี้ยอะไรเนี่ย”

“...”

“ไบโพลาร์เหรอ”

“...”

“หรือเป็นบ้า”

สัด มาเป็นชุดเลย

ไม่ได้ๆ ห้ามโกรธนะไอ้ไนซ์ ท่องไว้ อย่าไปตอบโต้มัน เราต้องฮึบไว้ เอาไว้ให้แผนสำเร็จก่อน ท่องไว้!

“อันนี้กูจริงจังนะนอร์ธ”การแสดงเกรดสี่ ความฝันที่จะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งช่องมากสีอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!

“...”

“กูไม่อยากบังคับมึงเลยว่ะ”

“แล้วไหนตอนแรกบังคับให้กูกิน”อย่าเพิ่งขัดสิไอ้สัด เดี๋ยวบทกูสะดุด

“ก็นั่นมันตอนนั้นไง ตอนที่กูยังไม่รู้... ”

“ว่าจะลืมเธอได้อย่างไร ~”

ไอ้สัด! หมดกัน บทที่อยู่ในหัวกู Room39 มาทีเดียว หายเกลี้ยงเลย...

“มีใครเคยบอกมึงมั้ยแมวอ้วน ว่ามึงแสดงไม่เก่งอะ”ทันทีที่คนตรงหน้าพูดจบ ผมถึงกับตาเบิกโพลง ด้วยความตกใจ

“อ้าว... มึงรู้เหรอวะ”

“กูรู้ตั้งแต่มึงกระแอมครั้งแรก”โธ่ หมดกัน หนทางสู่การเป็นซุปเปอร์สตาร์ของกู

“รู้แล้วทำไมไม่บอกอะ ให้กูแสดงตั้งนาน”

“นานที่ไหน ไม่กี่นาทีเอง ไม่ถึงสองนาทีด้วยมั้ง”

“แต่มันเสียเวลาไง”

“ไม่เสียเวลาหรอก”

“...”

“น่ารักดี”

หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดทันที! อย่ามายิ้มแบบนั้นนะไอ้เตี้ย มึงชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว คิดเหรอว่ารอยยิ้มของมึงจะทำอะไรกูได้

เหอะ อย่างมากก็แค่ทำให้ใจสั่นนิดๆก็เท่านั้นแหละ

แต่เดี๋ยวนะ...

“ไอ้นอร์ธ”

“หือ”

“เสียเวลามันเกี่ยวอะไรกับน่ารักวะ”

“ไม่เกี่ยว”

“แล้วมึงพูดทำไมอะ”

“เสือก มันเรื่องของกูมั้ยล่ะ ปากก็ปากกู”ได้แต่กร่นด่ามันในใจ เพราะเถียงอะไรมันไม่ได้

ผมว่าผมคงต้องเริ่มจริงจัง หาเวลาว่างไปติวแล้วล่ะ ติวในที่นี้มันไม่ได้หมายถึงการติวหนังสือนะครับ แต่เป็นการติวเพื่อเพิ่มสกิลฝีปาก กับใครก็ได้อะจังหวะ ขอแบบตัวเด็ดๆเลย

ผมจะเอามาสู้กับไอ้นอร์ธ!

ผมจะต้องชนะ อดิรัตน์จะต้องเกรียงไกร จำไว้!

แต่วันนี้กูขอฝากไว้ก่อน

“มึงชวนกูเปลี่ยนเรื่องอีกแล้วนะ”ผมว่าพร้อมกับมองหน้าไอ้นอร์ธ“กินเดี๋ยวนี้เลย”

“ไหนบอกไม่อยากบังคับกู”

“ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่านั่นมันการแสดง! กินเดี๋ยวนี้เลย อย่ามาทำตัวขี้โกง”คำพูดของผมไม่ได้ทำให้คนตรงหน้ากระตือรือร้นสักเท่าไหร่ ผมเลยตัดสินใจหยิบเอาถุงน้ำเต้าหู้ไปจ่อที่ปากมัน“กิน”

“รู้แล้วหน่า”

“รู้แล้วก็กินดิ”

“เออ จะกินแล้วเนี่ย”มันเอาถุงน้ำเต้าหู้ไปจ่อที่ปากก่อนจะจัดการกัดถุง แต่ไม่ยักดูดสักที เอาแต่นั่งมอง

“เป็นอะไรอีกล่ะ ทำไมไม่กินสักที”

“...”

“ไม่มียาพิษหรอกหน่า”

“กูรู้ ก็ไปยืนซื้อด้วยกัน จะเอาเวลาไหนไปใส่ยาพิษ”

“รู้ก็กินดิ เร็วๆ”จบประโยคมันก็จัดการดูดถุงน้ำเต้าหู้ตามวิถีคนคูล

เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า นี่สินะ ที่เขาเรียกว่ากลิ่นของชัยชนะ

สะใจโว้ยยยยย






[ ทิศเหนือคนจริง ]



“เป็นไงบ้าง”

คำถามบางคำถามดังขึ้นหลังจากที่ผมกินน้ำเต้าหู้จนหมดถุง

กูสามารถตอบกลับมันไปได้มั้ยว่ากูจุก...

ไม่รู้ว่าไอ้แมวอ้วนมันคิดบ้าอะไรของมันอยู่ ลำพังแค่บังคับให้ผมกินแบบวิถีคนคูลอะไรของมันก็ลำบากมากพอแล้ว แต่นี่มันยังสั่งให้ผมรีบๆกินเพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับรสชาติห่าเหวอะไรของมันอีก

จะไม่ทำตามที่มันสั่งก็ไม่ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงทำคะแนน ผมต้องรีบเก็บแต้ม

“อร่อยดี”

“ไม่เอาคำตอบแบบนี้ดิ”

แล้วมึงจะเอาแบบไหนล่ะไอ้สัด

“มึงช่วยตอบให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ปะ ว่าอร่อยยังไง อร่อยแบบไหน”

“อร่อยมันมีหลายแบบเหรอวะ...”

“ไม่ใช่แบบนั้นดิ”

“ย้อนแย้งเหมือนกันนะมึงเนี่ย”

“มึงไม่เข้าใจอะ”

อ๋อ สรุปกูผิด...

“มึงต้องบอกความแตกต่างดิ ว่ามันอร่อยกว่าแบบปกติที่มึงกินยังไง”

“ก็เหมือนเดิม”

“ไม่ดิ มึงไม่เข้าใจคำถามอะ”นี่กูตอบไม่ตรงคำถามหรือมันถามไม่ตรงคำตอบวะ“ทำไมมึงโง่แบบนี้วะนอร์ธ”

“คนโง่แบบมึงไม่มีสิทธิ์มาด่าคนอื่นว่าโง่นะ”

“สัด อย่ามานอกเรื่อง กูอธิบายไปขนาดนี้มึงต้องตอบได้แล้ว เร็วๆตอบมา”ยากกว่าการทำข้อสอบก็การหาคำตอบมาให้มึงนี่แหละ แล้วสรุปกูต้องตอบว่ายังไงมันถึงจะตรงกับคำตอบที่อยู่ในหัวมึง...





และแน่นอนครับ กว่าผมกับไอ้แมวอ้วนจะเถียงกันเสร็จ ก็เสียเวลาไปหลายนาทีเหมือนกัน พอมันมีแววว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่ายๆ ผมเลยตัดสินใจตอบๆไปให้มันดีใจ ว่าจริงๆแล้วการกินแบบวิถีคนคูลของมันเนี่ยดีกว่าการกินด้วยวิธีอื่นๆ

ตอนแรกก็กังวลว่ามันจะไม่เชื่อ แต่ที่ไหนได้ ไอ้แมวอ้วนมันนั่งยิ้มจนแก้มแทบแตกแถมยังสาธยายความเท่ของวิธีกินแบบนี้ที่มีแค่มันเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่เห็น ออกมาให้ผมฟังแบบไม่มีหยุด

ที่แท้ไอ้แมวอ้วนมันก็แค่อยากให้ผมชมว่าวิธีกินน้ำเต้าหู้ของมันดี... ก็แค่นั้น

แม่ง โคตรจะเด็กเลย

“ไอ้นอร์ธ! ไอ้ไนซ์!”

หลังจากที่ความวุ่นวายระลอกเล็กที่ได้มาจากไอ้ไนซ์เพิ่งผ่านไป ความวุ่นวายระลอกใหญ่ ก็กำลังวิ่งเข้าหาผม และคนที่พามันมาจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจาก...

ออมสินที่กำลังวิ่งตาตื่นมาหาผมทั้งสองคน

“อะไรของมึงเนี่ยออมสิน คนเขามองกันหมดแล้ว”แมวอ้วนมันว่าพลางมองไปรอบๆ ก็จริงอย่างที่มันว่าคนทั้งโรงอาหารหันมาสนใจพวกเราราวกับว่าเป็นคนมีชื่อเสียง ก็ออมสินมันวิ่งมาธรรมดาซะที่ไหนล่ะ มันเล่นวิ่งมาพร้อมกับแหกปากลั่น ทำอย่างกับว่าผมกับไอ้ไนซ์อยู่ห่างจากมันสักภูเขาสองลูกเห็นจะได้

“พวกมึงอธิบายกับกูเดี๋ยวนี้เลย!”ออมสินมันว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆไอ้แมวอ้วน ไม่นานก็ตามมาด้วยไอ้ไกด์และไอ้อิ๊วที่ถือนมมาคนละกล่อง มันสองคนเลือกที่จะนั่งฝั่งผม พร้อมกับรอยยิ้ม

“ยิ้มอะไรของพวกมึง”ผมถาม

“เปล่า”ไกด์มันตอบ

“อย่ามาโกหก”

ไกด์มันยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะ“เดี๋ยวมึงก็รู้เอง เนอะไอ้อิ๊ว”

“เออ”

กูตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า ทำไมเป็นผมคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องกับมันสองคน...

แต่ขณะนั้นเองสิ่งที่เรียกความสนใจจากผมได้มากกว่าไอ้สองหน่อที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็คือคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของออมสิน

“มึงกับไอ้นอร์ธเป็นแฟนกันเหรอวะ!”

ไม่รู้ว่าไอ้แมวอ้วนกับออมสินมันไปคุยกันท่าไหน คำถามนั้นถึงได้หลุดออกมาจากปากของออมสินมันได้

และที่สำคัญกว่านั้น คือออมสินมันรู้ได้ยังไง แต่ยังไม่ทันจะได้เยบเรียงคำถามที่อยู่ในหัว ไอ้สองคนที่อยู่ข้างตัวผมก็หัวเราะกันคิกคัก

เพียงเท่านั้น ผมก็ถึงบางอ้อ

คงไม่ต้องถามแล้วมั้งว่าออมสินมันรู้ได้ยังไง ก็ไอ้สองหน่อนี่ไงจะเป็นใครได้อีก...





[ อดิรัตน์คนคูล ]



“มึงกับไอ้นอร์ธเป็นแฟนกันเหรอวะ!”

คำถามของออมสินทำเอาผมอึ้ง มันไปรู้อะไรมา ทำไมอยู่ดีๆถึงได้ถามคำถามนี้ออกมา

ผมหันกลับไปมองหน้าไอ้นอร์ธ แน่นอนครับ มันเองก็ทำหน้างงไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่ แถมยังยิ้มแห้งๆส่งมาให้อีกด้วย

“สรุปยังไงวะไนซ์”

“มึงไปรู้มาจากไหน”

ผมถามเพราะต้องการเวลาที่จะเรียบเรียงประโยคที่อยู่ในหัว ไม่ใช่ว่าผมต้องการจะปิดเรื่องนี้กับเพื่อน แต่ตอนนี้ผมกับไอ้นอร์ธเป็นแค่แฟนระยะทดลองกันไง เลยยังไม่กล้าบอกให้ใครรู้ เผื่อหมดวันทดลองแล้วเราสองคนจะไปกันไม่รอด ผมเลยขอให้มันชัวร์กว่านี้ก่อนดีกว่าแล้วค่อยตัดสินใจเรื่องนี้อีกครั้ง

“ก็ไอ้ไกด์กับไอ้อิ๊วมันบอกมา”เป็นเพราะคำตอบของออมสิน ผมเลยได้เดาไม่ยากว่าเรื่องนี้มันหลุดไปจากใคร

ไอ้นอร์ธก็คงเอาไปบอกซีอิ๊วนั่นแหละ... แต่ไอ้ไกด์มันรู้ได้ยังไงผมเองก็ไม่แน่ใจ

“สรุป มันจริงมั้ยวะ”

“มึงคิดว่าไงอะ”ผมถามกลับ คนฟังได้แต่กะพริบตาปริบๆก่อนจะตอบ

“ก็ต้องไม่จริงดิ”

“...”

“มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ มึงกับไอ้นอร์ธเลยนะเว้ย อมวัดมาพูดก็ไม่เชื่อ”

“เขามีแต่อมพระ”

“นั่นแหละ แต่อันนี้มันเป็นเรื่องที่โคตรจะเป็นไปไม่ได้ไง กูเลยอมวัด”

“...”

“ไอ้นอร์ธมันทั้งหล่อ ทั้งเท่ แต่จะให้มันมาคบกับมึงเนี่ยนะ... เป็นไปไม่ได้อะ”หลังจากที่ออมสินมันพูดจบ ผมเลยหันกลับมามองตัวเอง นี่กูดูไม่เหมาะสมกับไอ้นอร์ธขนาดนั้นเลยเหรอวะ...

ไม่จริงอะ! ผมเถียงใจขาดเลย ออมสินน่ะโอเว่อร์ ไอ้นอร์ธมันก็มีดีกว่าผมแค่หล่อกว่าแค่นั้นแหละ ส่วนที่เหลือน่ะ อย่าให้พูดเลย ปากก็หมา เตี้ยก็เตี้ย เอาแต่ใจ แถมยังหัวล้านอีก

เนี่ย ข้อเสียเยอะกว่าข้อดีอีก

“มึงก็พูดเกินไป”

“ไม่เกินไปหรอก”

“มึงเพื่อนกูปะเนี่ยออมสิน”กูน้อยใจได้มั้ย ในฐานะอะไรก็ได้ มีเพื่อน เพื่อนก็เสือกไม่เข้าข้าง

“เออหน่า กูพูดให้เห็นภาพไง”บางทีก็เห็นชัดไปนะ พูดอย่างกับว่า หน้ากูเบ้เหมือนตีนอย่างไรอย่างนั้น“สรุปคือไม่จริงเนอะ”

“อือ...”

“เนี่ย เห็นมั้ยกูบอกแล้วไอ้ไกด์ไอ้อิ๊วว่าไม่เชื่อ มันจะคบกันได้ยังไงวะ มึงสองคนอย่ามาหลอกกูให้ยาก”

“จริง”

“ห้ะ!”คนที่ยังฟังผมไม่ทันจบประโยคแต่ด่วนสรุปอย่างออมสินถึงกับร้องออกมา“หมายความว่าไง”

“ก็ตามนั้น”

“...”

“กูกับไอ้นอร์ธ... เราเป็นแฟนกัน”



#ทิศเหนือของผม



สวัสดีค่ะ หายไปนานเลย คิดถึงเรามั้ย เราคิดถึงทุกคนม๊ากมาก
ทอล์คนี้อาจจะยาวหน่อยนะคะ แต่อยากให้ทุกคนได้อ่านกัน แต่จะไม่อ่านก็ได้ค่ะ ไม่ได้บังคับ แหะๆ ย้อนแย้งมากเว่อร์
และประเด็นที่เราจะพูดถึงวันนี้ก็คืออาการที่เราเป็นค่ะ
นั่นก็คืออาการแพนิค
เราไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และบานปลายจนมาเป็นแบบนี้ได้ตั้งแต่ตอนไหน
แต่พอรู้ตัวอีกทีก็ โบ้มมม เราเขียนนิยายไม่ได้แล้ว555555+
คือทุกครั้งที่เราเขียนนิยาย เราจะกลัว กลัวไม่ถูกใจ กลัวมันออกมาได้ไม่ดีพอ กลัวโดนคอมเมนท์แย่ๆ ถ้าทุกคนตามเราในทวิตทุกคนจะรู้ว่า มันจะมีช่วงหนึ่งที่เราหายไป นั่นแหละค่ะคือการแสดงอภินิหารของอาการครั้งแรก (อันนี้ก็เว่อร์ไป ._.)
ครั้งนั้นเราหยุดเขียนไปเกือบเดือน และแน่นอนว่าครั้งนี้เราหายไปเป็นเดือน
แต่ทุกคนไม่ต้องห่วงเรานะคะ เราเริ่มดีขึ้นแล้ว เราแค่อยากมาเล่าให้ฟังเฉยๆ
นอกเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งนี้และทั้งนั้นเราอยากเห็นทุกคนมีความสุข ถ้านิยายเราทำให้ใครหลายๆคนยิ้มได้เราจะดีใจมาก
อย่าเครียดกับชีวิตมากนะคะ ยิ้มกันให้เยอะๆ
อย่าลืมส่งฟีดแบ็กที่แท็กด้วยนะคับ! เล่นแท็กคนเดียวเหงามาก
และท้ายนี้ ขอบคุณที่อยู่ข้างกันนะคะ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไปไหนในวันที่เราไม่น่ารัก

ขอบคุณจริงๆ
ออกัส.

หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 19) --- 08/12/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-12-2019 22:14:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 19) --- 08/12/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-12-2019 22:57:37
 :z1: :z1: :z1: ตลกออมสิน 5555
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 19) --- 08/12/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 09-12-2019 13:13:59
ออมสินชอคไปเลย 555
เขาเป็นแฟนกันแว้ววววว
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 19) --- 08/12/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-12-2019 22:06:11
เป็นกำลังใจให้นะคะไรท์ รออ่านอยุ่ค่าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 19) --- 08/12/2562 ---
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-12-2019 23:43:58
 :z1:


 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอน 20
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 24-02-2020 14:45:53
20

ออมสินอินยัวแอเรียย๊ะ

 

 

หลังจากที่ออมสินมันได้รู้ความจริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้นอร์ธ มันก็บอกกับพวกผมว่ามันขอเวลาทำใจสักยี่สิบสี่ชั่วโมง เรื่องนี้มันใหญ่เกินไปสำหรับหัวใจดวงน้อยๆของมัน ซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็เข้าใจ เพราะถ้าผมเป็นออมสิน ผมก็คงจะช็อกไม่ต่างจากมัน หยุดไปแค่ไม่กี่วัน เปิดเรียนมาอีกทีเพื่อนเป็นแฟนกันเฉยเลย

ไม่แน่ผมอาจจะเป็นมากกว่าที่ออมสินมันเป็นอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้

 

NiceAdr

กูกับไอ้นอร์ธรออยู่หน้าห้องน้ำนะ

 

ผมส่งข้อความเข้าแชทกลุ่มของพวกเรา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเคราะห์ซ้ำหรือกรรมซัด ที่ทำให้ออมสินมันต้องมาเจอหน้าพวกผมเร็วกว่ากำหนด ก็จริงอยู่ที่วันนี้พวกผมมีเรียนแยกกัน แต่ต่อให้แยกกันยังไง สุดท้ายก็ต้องกลับมาเจอกันที่ห้องเชียร์อยู่ดี

น่าสงสารจริงๆเลยออมสินเพื่อนกู...

 

G.

ไนซ์

เพื่อนรักมึงจะโดด

มันจะไม่เข้าห้องเชียร์

 

ข้อความที่ไอ้ไกด์ส่งมาทำเอาผมขมวดคิ้ว

 

NiceAdr

ใครวะ

G.

ไอ้หน้าเต้าหู้นี่ไง

*ส่งรูปภาพแล้ว*

 

ทันทีที่เห็นรูปผมก็หลุดยิ้มออกมาทันที ใจหนึ่งก็สงสารเพราะเห็นใจออมสินมัน แต่อีกใจพอเห็นภาพที่ซีอิ๊วกำลังลากออมสินที่เกาะเสาอยู่ ผมก็อดขำออกมาไม่ได้จริงๆ

แต่เอาเถอะ วันนี้กูตั้งแท็ก #Saveออมสิน มึงไม่ต้องห่วงนะเพื่อนว่ามึงจะโดนรังแก กูจะปกป้องมึงอย่างสุดความสามารถ

ทูตแห่งการต่อรองและสามัคคีปรองดอง ท่านทูตไนซ์มาแล้ว!

 

NiceAdr

พวกมึงจะบังคับมันทำไม

ถ้ามันไม่อยากมาก็ไม่ต้องบังคับ

 

น้อวววววว ซีนพระเอกสัด ออมสินต้องรักกูและเทิดทูนกูเหนือหัวแล้วล่ะจังหวะนี้ มันจะไม่มีอำนาจใดมาลบล้างความดีงามของกูได้

Rrrr... !

ยังไม่ทันที่จะมีข้อความตอบกลับมาจากอีกฝ่าย เสียงเรียกเข้าจากเบอร์ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ผมกดรับสายไอ้ไกด์อย่างไม่รอช้า แต่แปลกตรงที่ปลายสายมันไม่ใช่เสียงของไอ้ไกด์

“ไอ้ไนซ์ช่วยกูด้วย!”

ออมสิน...

“กูบอกพวกมันแล้วว่ากูยังไม่พร้อม!”

“แต่มึงต้องยอมรับความจริง”

“เออ ก็มันเป็นไปแล้วมึงจะให้ทำยังไงวะออมสิน”

สองเสียงที่แทรกเข้ามานั่นคงเป็นเสียงของไกด์และซีอิ๊ว ดูท่าพวกมันคงจะไม่ได้แค่เถียงกันหรอก ถ้าให้ผมเดามันคงกำลังแย่งมือถือกันอยู่ด้วย เสียงกุกกักที่ดังมาจากปลายสายนี่สามารถเป็นหลักฐานได้อย่างดี

“ไอ้ไนซ์ช่วยกูด้วย กูบอกมึงแล้วไงว่าขอเวลาทำใจยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“เออ พวกมึง...”

ตรู๊ดดดด ~

ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยคสายก็ถูกตัดไปซะก่อน

กูช่วยมึงได้แค่นี้จริงๆ ให้อภัยกูด้วยนะออมสิน...






 

[ ออมสินอินยัวแอเรียย๊ะ ]

 

เพิ่งเคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้ครั้งแรก…

ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้ต้องหาคดีอะไรสักอย่างที่กำลังถูกสอบสวนโดยมีสี่ตำรวจหนุ่มที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลัง

หันซ้ายก็ไอ้ไกด์…

หันขวาก็ไอ้อิ๊ว…

ตรงกลางก็ไอ้ไนซ์กับไอ้นอร์ธ

ตั้งแต่มานั่งตรงนี้ผมก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไปสักคำ ทำแค่เพียงมองพวกมันสี่คนสลับไปมา เชื่อเถอะว่าร้อยทั้งร้อยถ้าได้ลองมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมก็คงจะพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน มันไม่ใช่ไม่มีคำพูดอยู่ในหัวนะ แต่มันมีเยอะมากจนไม่รู้จะหยิบคำไหนขึ้นมาพูดก่อน

ก็หยุดไปแค่ไม่กี่วัน เปิดมาอีกทีเพื่อนแม่งได้กันเฉยเลย ออมสินงงครับออมสินงง

“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะออมสิน”

เป็นไอ้ไกด์จอมเผด็จการที่พูดขึ้นหลังจากที่ผมเผลอไปสบตามันได้ศูนย์จุดสองวินาที

“ไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้นอะ กูบอกมึงไปแล้วว่ากูยังไม่พร้อม ขอเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง แค่นี้ให้กันไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้”แล้วไอ้ไกด์มันก็เดินอ้อมมาข้างหลังผมพร้อมกับจับหัวผมก่อนจะออกแรงบังคับให้ผมหันไปมองหน้าของไอ้นอร์ธกับไอ้ไนซ์“ถ้าครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วมึงเกิดหนีขึ้นมาพวกกูจะทำยังไง”

“กูจะหนีไปไหนได้วะ ถามแค่นี้”

“...”

“เพื่อนในมหา’ลัยก็ไม่มีใครเลยนอกจากพวกมึง”

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ต้องคุยกันวันนี้ให้จบ”

ไอ้จอมเผด็จการ!

ในเมื่อใช้คำพูดเรียกความเห็นใจจากพวกมันไม่ได้ผมก็คงต้องใช้ไม้ตายเดียวที่ตัวเองมี

นั่นก็คือ…

ท่าไม้ตายไอ้ไนซ์เพื่อนรัก

ผมพยายามส่งสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือจากไอ้ไนซ์ที่กำลังสบตาอยู่กับผมพอดี และด้วยความที่เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกัน สื่อสารผ่านทางสายตาไม่ถึงสามวินาที ไอ้ไนซ์ก็อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

อย่าทำให้กูผิดหวังนะไนซ์ มึงคือความหวังของหมู่บ้าน

พ่อเทพบุตร อัศวินขี่ม้าขาว เจ้าชายของราพันเซล

“ไม่ต้องไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากไอ้ไนซ์เลยนะ”

แน่นอนครับ พอเสียงของไอ้ไกด์ดังขึ้น ไนซ์มันก็หุบปากลงทันที

ฝันสลายแล้วไอ้สัด!

“มึงอย่าเพิ่งทำตัวเป็นพ่อพระได้มั้ยไนซ์ กูขอร้องเลย”

“แต่ออมสินมันขอเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงนะเว้ย”

“...”

“มึงให้เวลามันหน่อยไม่ได้เหรอ กูเข้าใจมันนะ ถ้าเป็นกู กูก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน”

ถึงหนทางของออมสินจะมืดมนเพียงใด ก็ยังมีไนซ์คนนี้ที่คอยซัพพอร์ต โธ่ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของพี่

ไอ้ไนซ์ กูรักมึง!

“มึงไม่ต้องมาปกป้องมันเลยนะไนซ์”

“...”

“มึงกำลังสอนให้เพื่อนหนีความจริงอยู่นะเว้ย”

“...”

“ขนาดเรื่องแค่นี้มันยังหนี แล้วในอนาคตมันจะไปสู้อะไรใครเขาได้”

“...”

“เลิกให้ท้ายเพื่อนเถอะไนซ์ เพื่อนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง”

ไอ้สัด มาเป็นชุด...

แต่เอาเถอะ กูเชื่อมั่นในกัปตันกู ไอ้ไนซ์สู้เขา อย่ายอมแพ้ ถึงมึงจะดูหน้าโง่ไปบ้างแต่กูเชื่อว่าคนแบบมึงต้องเถียงชนะไอ้ไกด์มันแน่ๆ

ผมพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้ไอ้ไนซ์มันอีกรอบ คนตรงหน้าผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจและเดินเข้ามาหาผม มือเรียวตบเข้าที่ไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่ไนซ์มันจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

“ที่ไอ้ไกด์พูดก็ถูกของมัน”

“...”

“มึงต้องโตได้แล้วนะออมสิน กูไม่อยากทำให้มึงกลายเป็นคนหนีปัญหา”

“...”

“สู้ๆนะเพื่อน”

ให้กูสู้กับเหี้ยอะไร กูแค่ขอเวลาทำใจและไปตั้งสติเอง ทำไมพวกมึงต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต

ฮืออออ แม่ครับช่วยผมด้วย



[ อดิรัตน์คนคูล ]



หลังจากภารกิจเราจะทำตามสัญญาขอเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงของออมสินถูกยกเลิก พวกเราก็มีเวลานั่งคุยกันอีกนิดหน่อย ออมสินเองพอได้มานั่งฟังไอ้นอร์ธมันอธิบายว่าทำไมความสัมพันธ์ของผมสองคนถึงดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้มันก็เหมือนจะเข้าใจ แต่เชื่อผมเถอะ ออมสินมันเข้าใจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก

คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บอกกับผมว่ามันเป็นเช่นนั้น

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”

“เหรอวะ...”ทันทีที่นอร์ธมันพูดจบออมสินมันก็แสดงสีหน้าที่มีแต่ความสงสัยออกมา

นั่นไง! ผมเดาผิดซะที่ไหน

“ทำไม มึงสงสัยอะไร”แต่ยังไม่ทันที่โคไนซ์ยอดนักเสือกอย่างผมจะได้ถาม ไอ้ไกด์ก็จัดการแทนผมไปเรียบร้อย

ออมสินมันมองหน้าผมกับไอ้นอร์ธสลับกันก่อนจะขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

“กูไม่เชื่ออะ”

ว้อท!? จากตอนแรกที่เป็นฝ่ายมองออมสินมันขมวดคิ้ว ตอนนี้ผมกลับต้องขมวดคิ้วซะเอง แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ได้มีแค่ผมเพียงคนเดียวที่ขมวดคิ้วให้กับคำพูดของออมสิน ไอ้สามคนที่เหลือก็เช่นกัน โดยเฉพาะไอ้เตี้ย รายนั้นขมวดคิ้วไม่เกรงใจริ้วรอยที่จะมาก่อนวัยอันควรเลย

“มึงไม่เชื่อเหี้ยอะไร ไหนพูดมาดิ”เป็นไอ้ไกด์เช่นเดิมที่ทำหน้าที่ตั้งคำถามกับคนขี้สงสัย

“กูไม่เชื่ออะ ว่าคนอย่างไอ้นอร์ธจะชอบไอ้ไนซ์ก่อน”

“...”

“พวกมึงต้องโกหกกูอยู่แน่ๆ บอกเหตุผลจริงๆมาเถอะว่าพวกมึงตกลงเป็นแฟนกันเพราะอะไร”

ในใจผมตอนนี้มีแต่คำว่าอีหยังวะ มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ยออมสิน ไอ้นอร์ธมันก็เล่าความจริงทุกอย่างไปแล้วนั่นไง มึงจะเอาอะไรอีก...

“แต่พวกมึงไม่ต้องพูดก็ได้ กูพอจะเดาออกแล้วว่าพวกมึงคบกันเพราะอะไร”เป็นเพราะพวกผมเงียบไปนาน ออมสินมันถึงได้พูดต่อบทสนทนาที่ค้างไว้ของตัวเอง“ที่มึงสองคนตกลงคบกัน มันเป็นเพราะมึงสองคน...”

“...”

“เมาแล้วเผลอได้กันใช่มั้ย”

พ่อมึง!

“เหี้ยอะไรเนี่ยออมสิน มึงดูหนังมากไปปะ”ผมว่าก่อนจะมองออมสินด้วยความไม่เข้าใจ

“ใครมันจะไปรู้วะ พวกมึงไม่มีสัญญาณอะไรบอกกูล่วงหน้าสักอย่างว่าจะชอบกัน รู้อีกทีมึงสองคนแม่งก็คบกันแล้วอะ”

“...”

“แบบนี้ถ้าไม่ใช่เมาแล้วได้กันมันจะเป็นอะไรได้อีก”

ก็ที่ไอ้นอร์ธมันนั่งอธิบายให้มึงฟังนั่นง๊ายยยยยยย

ไอ้เหี้ย... กูเครียด






หลังจากกิจกรรมห้องเชียร์เสร็จ พวกผมก็ใช้เวลากันอีกนิดหน่อยกักตัวออมสินไม่ให้หนีไปไหนเพื่อที่จะจูนสมองมันให้เข้าที่ แต่กว่าจะจูนเสร็จก็เสียเวลาไปหลายนาทีเหมือนกัน

ตอนแรกผมก็คิดไว้ว่าจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการ #saveออมสิน แต่ในเมื่อออมสินเข้าใจผิดขนาดนี้ เซฟออมสินอะไรกูไม่ต้องการ กูขอเซฟตัวกูเองก่อน!

หลังจากที่เคลียร์กันเรียบร้อยและเตรียมตัวที่จะออกจากห้องประชุม มือถือของผมก็มีการแจ้งเตือนจากใครบางคนที่ผมไม่เห็นหน้ามาหลายวัน



Skkk. ส่งข้อความแล้ว




พอเห็นชื่อว่าเป็นพี่สงคราม ผมก็ไม่รอช้ารีบกดเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องพี่สงครามมันก็ไม่ทักมาหาผมเลย ทั้งที่ปกติต้องทักมากวนใจ แต่นี่ไม่มีเลย ขนาดผมทักไปหาพี่มันก็ไม่ตอบแถมไม่อ่านด้วย



Skkk.

อยู่ไหน



มาแบบสั้นๆเปิดมาแบบงงๆ นี่คนไม่ได้คุยกันหลายวันเขาเปิดบทสนทนากันแบบนี้เหรอวะพี่ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยพี่มันก็ทักมา ทำให้ผมได้รู้ว่าพี่มันไม่ได้ล้มหายตายจาก

ขอแค่พี่รหัสไม่เป็นอะไร อดิรัตน์ก็สบายใจครับ



NiceAdr

อยู่ห้องประชุมอะพี่

เพิ่งเลิกเชียร์

พี่มีอะไรหรือเปล่า

แล้วหายไปไหนตั้งหลายวัน

ผมทักไปก็ไม่ตอบ

เป็นอะไรหรือเปล่า

Skkk.

ใจเย็นๆ

อย่าเพิ่งถาม

เดี๋ยวกูเข้าไปหา

จะให้ถามจนปากฉีกถึงหูเลย



“มึงคุยกับใครวะไนซ์”

ผมหันไปมองไอ้ไกด์ที่ยืนอยู่ข้างๆและกำลังจะชะโงกหน้ามาดูข้อความในมือถือของผม

“พี่สงคราม”

พอตอบไปแบบนั้น ผมก็ต้องชะงักทันที เพราะคนที่ยืนห่างจากผมไม่ถึงหนึ่งเมตรอย่างไอ้นอร์ธหันมามองด้วยแววตาที่ผมเห็นแล้วต้องคอหด

กูพูดอะไรผิดเหรอ…

ได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจ สุดท้ายก็ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

ไอ้นอร์ธกับพี่สงครามมันเพิ่งมีเรื่องกันไปนี่หว่า

ฉิบหายละ แล้วพี่สงครามมันบอกจะมาหา สงครามโลกครั้งที่สามอิสคอลลิ่งมี ฮืออออออออ

ติ๊ง!



Skkk.

อยู่กับไอ้นอร์ธด้วยหรือเปล่า



พี่มันถามทำไมวะ… หรือว่ามันจะมาแก้แค้น

ไม่ได้นะเว้ย แผลที่เข่ากูยังไม่ทันหายดีเลยไอ้สัด พี่มึงจะเอาใหม่อีกแล้วเหรอ สงสัยกูคงจะต้องโกหกพี่สงครามมัน พยายามทำให้สองคนนี้ไม่ได้เจอกัน ไม่อย่างนั้น ฉิบหายแน่ๆ



NiceAdr

ไม่อยู่อะพี่

Skkk.

เหรอ

แต่กูเห็นมันยืนอยู่กับมึงนะ



พออ่านข้อความจบผมก็เงยหน้ามองไปรอบๆทันที

“กูอยู่นี่”

เท่านั้นแหละครับท่านผู้ชม พี่สงครามกับไอ้นอร์ธก็สบตากันไปหนึ่งรอบ อยู่ดีๆกูก็กลายเป็นส่วนเกินเฉยเลย ทั้งๆที่พี่สงครามมันน่าจะพูดประโยคนั้นกับผม...

กูเห็นความฉิบหายอยู่รำไร แม่จ๋า ช่วยไนซ์ด้วย

“มึงมาทำเหี้ยอะไร”

นั่นไง คำทักทายแรกที่หลุดออกมาจากปากของไอ้นอร์ธ รุนแรงเหลือเกินพ่อจ๋า

ผมไม่รอให้พี่สงครามมันได้พูดอะไรต่อ รีบวิ่งเข้าไปหาไอ้นอร์ธพร้อมกับจับแขนของมันเอาไว้ ต้องเข้ามาห้ามมันไว้ก่อน เพราะผมเองก็กลัวเหมือนกันว่าคำทักทายของพี่สงครามมันจะแรงไม่แพ้กับของไอ้นอร์ธ

พี่น้องคู่นี้เขายอมกันได้ที่ไหนล่ะ ดูอย่างครั้งที่แล้วสิ ต่อยมาต่อยกลับไม่โกง

พูดแล้วยังเจ็บไม่หาย... ตีนนั้นชั่งตราตรึง

“ไอ้นอร์ธ มึงใจเย็นๆนะ”

“เออ กูรู้”มันหันมามองผมก่อนจะหันกลับไปหาพี่สงครามอีกครั้ง“สรุปมึงมาทำเหี้ยอะไร”

“คนไม่เจอหน้ากันหลายวันเขาทักกันแบบนี้เหรอวะ”

พี่สงคราม มึงจะไปกวนตีนมันทำม๊ายยยยยย มาแน่ๆสงครามโลกครั้งที่สามของกู

“มึงเป็นเหี้ยอะไร เลิกกวนตีนสักวันมันจะตายมั้ย”

“กูก็แค่มาหาน้องรหัสกู กูผิดอะไร”โธ่ คิดถึงกูผิดเวลาไปหรือเปล่าพี่“ไหน มึงจะถามอะไรกู”

ประโยคนี้พี่สงครามมันหันมาหาผม จนทำให้ไอ้นอร์ธต้องมองตาม ความกดดันเกิดขึ้นที่นายอดิรัตน์คนนี้แต่เพียงผู้เดียว กูไม่ถามมึงแล้วได้มั้ยพี่ ถือซะว่าที่กูพิมพ์ไปในแชทมันเป็นระบบตอบข้อความอัตโนมัติ

“ไม่มีแล้วพี่”

“แน่เหรอ?”

“อื้อ”ได้แต่พยักหน้ารัวๆเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดมันคือความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีโกหก

“แล้วแต่มึงเลย”พี่มันว่าก่อนจะยิ้ม“แล้วนี่จะกลับยัง”

“...”

“ให้กูไปส่งมั้ย”

“เอ่อ… คือ”อยู่ดีๆก็เสือกหนักใจขึ้นมา ปกติเวลามีคนอาสาไปส่งกูต้องรู้สึกดีใจสิ แต่สถานการณ์แบบนี้ดีใจไม่ออกจริงๆว่ะ

“มึงตอบช้าอะ กูจะถือว่ามึงตกลงก็แล้วกันนะ”

“...”

“เดี๋ยวกูไปรอที่รถ จอดอยู่ตรงหน้าหอประชุมเนี่ย ยังไงก็รีบๆตามมานะ”พี่สงครามมันพูดจัดแจงทุกอย่างจนเสร็จสรรพโดยไม่เว้นช่องว่างเพื่อให้ผมได้ปฏิเสธ

มึงจะพูดเองเออเองแบบนี้ไม่ด๊ายยยย

แต่ก่อนที่ผมจะอ้าปากเพื่อปฏิเสธน้ำใจของพี่สงคราม ใครบางคนก็พูดตัดบทผมซะก่อน

“กูไปด้วย”


ไอ้นอร์ธ...

“กูจะไปหอไอ้ไนซ์พอดี”

โอเค... เวลคัม ทู สงครามโลกครั้งที่สาม


#ทิศเหนือของผม


หายหน้าไปนาน แฮะๆ คิดถึงทุกคนมากเลยคับ

ออกัสมีเพจแล้วนะ จิ้มๆ (https://www.facebook.com/Augustismine1/?modal=admin_todo_tour)ได้เลย

อย่าลืมส่งฟีดแบ็กที่แท็กด้วยนะ ^^




หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 20) --- 24/02/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-02-2020 22:55:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 09-03-2020 19:57:09
21

สงครามรีเทิร์น

 

“ขอบคุณนะพี่ที่มาส่ง”

ทันทีที่ก้าวขาลงจากรถผมก็พูดขอบคุณพี่สงคราม ใจหนึ่งก็คิดว่าจะชวนพี่มันไปกินน้ำบนห้องดีมั้ยวะไหนๆพี่มันก็พามาส่งที่หอแล้ว อยากทำอะไรตอบแทนสักหน่อย แต่พอคิดดูอีกที ผมก็กลัวว่าคู่มวยไทยเจ็ดสีคู่นี้มันจะเปิดสังเวียนกันซะก่อน

ไม่อยากจะพูดหรอก แต่ขอบ่นหน่อย บรรยากาศบนรถแม่งโคตรแย่เลย เปิดเพลงก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้น เพราะรังสีอำมหิตของพี่สงครามกับไอ้นอร์ธที่แผ่ใส่กันไม่หยุดหย่อนกลบจนหมด

ทำไมชีวิตกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย...

“ส่งเสร็จก็ไปได้แล้วมึงอะ”

ยกที่หนึ่ง… ไอ้เหี้ย

ผมหันไปหาคนที่เพิ่งเดินลงมาจากประตูหลังอย่างไอ้นอร์ธ มันมองพี่สงครามพร้อมทำหน้ากวนประสาท

ฮืออออ

#Saveตัวกูเอง

แม่จ๋าช่วยไนซ์ด้วย…

แถวนี้แม่งไม่มีใครรู้จักกูเลยสักคน ครั้นจะให้วิ่งขึ้นไปตามพี่ๆพาวเวอร์พัฟเกิร์ลให้ลงมาช่วยห้ามก็ยังไงอยู่ อีกใจหนึ่งผมก็กลัวว่าจะกลับมาไม่ทัน แบบลงมาอีกทีแม่งเหลือแต่ซาก แบบนั้นไม่เอานะ มันน่ากลัวเกินไป

“อะไรกันวะน้องชาย”

“ใครน้องมึง”

ได้แต่ยืนอึ้งให้กับคำตอบของไอ้นอร์ธ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ถามหน่อยว่าใครจะชินได้ ถ้ารู้ว่าอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ถ้ามีใครสักคนทนไม่ไหวขึ้นมา มันจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม

ผมคนหนึ่งล่ะที่ทำตัวให้ชินไม่ลง

“โห นี่เราตัดพี่ตัดน้องกันแล้วเหรอวะ”

“เลิกกวนตีนสักทีเถอะมึงอะ”

“กูไม่ได้กวน”

“มึงกวน”

“ก็บอกว่าไม่ได้กวนไง”

“เอ่อ… พวกมึงกูขอเสือกหน่อยได้มั้ย”รู้แหละว่าที่ทำอยู่มันเสี่ยงตาย แต่ถ้ากูไม่ทำแล้วใครจะทำวะ

ผมเข้าไปแทรกในบทสนทนาของไอ้นอร์ธกับพี่สงครามพร้อมกับยื่นมือไปจับไหล่ของไอ้เตี้ยมัน ไอ้นี่น่ะใจนักเลงที่สุดแล้ว จับได้ต้องรีบจับ กันไว้ดีกว่าแก้“คือ… อย่ามีเรื่องกันเลยนะ มันไม่ดีหรอก เชื่อกู”

“กูยังไม่ทันจะมีเรื่องกันเลย”

มึงจะอมพระ อมวัด อมเจ้าคณะตำบลมาพูดกูก็ไม่เชื่อ!

น้ำเสียง สายตาแม่งมาเต็ม ขาดก็แค่หมัดเท่านั้นแหละ

“พวกกูไม่มีเรื่องกันหรอก มีการศึกษามากพอ... จริงมั้ย?”

“เออ มีการศึกษามากพอ”

มีการศึกษามากพอ… กูถามจริง

เดี๋ยวกูตีด้วยแผลเลย กล้าพูดเนอะ วันนั้นก็พวกมึงสองคนไม่ใช่เหรอที่ต่อยกัน

“ไอ้ไนซ์”

“ครับ”

“กูหิวน้ำอะ ขอไปกินน้ำบนห้องมึงได้ปะ”

โอ้โห เหมือนอ่านความคิดกูออก แต่กูว่าขึ้นไปกินตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่มั้งพี่ ล้มเลิกความตั้งใจซะเถอะ ตาไอ้นอร์ธกระตุกแล้ว

“กลับไปแดกที่ห้องมึงสิ”

ฮือ ใครก็ได้ เอากูออกไปจากตรงนี้ที มันจะตีกันแล้วววว

“ดุเป็นหมาเลยมึง”

“เรื่องของกู”

ผมใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที คิดหาวิธีที่จะจับสองคนนี้แยกกัน

“ไอ้นอร์ธ”ผมออกบีบที่ไหล่ของไอ้นอร์ธเพื่อเรียกให้มันหันมาสนใจ ตาคมใต้กรอบแว่นหันมามองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจ ผมรีบถือโอกาสนี้หันไปบอกพี่สงครามที่มองไอ้นอร์ธอย่างไม่วางตา ผมต้องการที่จะจบทุกอย่าง ไม่ต้องการให้มันยืดเยื้อไปมากกว่านี้“พี่สงคราม พี่กลับไปก่อนได้มั้ย ไว้วันหลังเดี๋ยวผมแบกน้ำมาให้พี่กิน จะเอากี่ขวดก็บอก วันนี้ก็ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”

พูดทุกอย่างออกไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบกลับ เลื่อนมือลงมาคว้าเข้าที่แขนของคนข้างกายและออกแรงลากให้มันเดินตามผมขึ้นหอ








[ ทิศเหนือคนจริง ]



“มึงใจร้อนเกินไปแล้วรู้ตัวหรือเปล่า”

“…”

“วันหลังจะทำอะไรต้องใจเย็นกว่านี้นะนอร์ธ เข้าใจมั้ย”

“...”

“มึงต้องรู้จักระงับอารมณ์ตัวเอง ไม่ใช่ทำหน้าเหมือนพร้อมต่อยเขาทุกวินาทีขนาดนี้”

พอเห็นแบบนี้ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผมมองนิ้วเรียวที่กำแขนผมจนแน่น เสียงเจื้อยแจ้วของไอ้แมวอ้วนดังขึ้นเป็นระยะตอนที่เราเดินขึ้นบันไดมาด้วยกัน

“เนี่ย ถ้าวันหนึ่งไปมีเรื่องกับคนที่มีอาวุธแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง พ่อแม่จะเสียใจมั้ย”

“...”

“มึงได้ยินที่กูพูดปะเนี่ย”มันหยุดเดิน ตรงทางเดินมีแค่เราสองคน เจ้าของตากลมหันมามองหน้าผมพร้อมเลิกคิ้ว“ยิ้มอะไรของมึงวะ”

“เปล่า”

“เปล่าอะไรก็เห็นยิ้มอยู่ เคยเรียนมั้ยพระพุทธศาสนาน่ะ โกหกมันไม่ดี”

พยามกลั้นยิ้มให้กับคำพูดของไอ้แมวอ้วนช่างจ้อ จากตอนแรกที่หัวเสียเพราะไอ้สงคราม ตอนนี้ความรู้สึกนั้นแม่งหายไปหมดราวกับไม่เคยเกิดขึ้น เหลือแค่เพียงความรู้สึกดีๆที่ได้มาจากคนตรงหน้า

โคตรน่ารักเลยว่ะไอ้แมวอ้วน กินเหี้ยอะไรเป็นอาหารถึงได้น่ารักขนาดนี้

“มึงป่วยปะนอร์ธ กูบ่นมึงอยู่นะเนี่ยไม่ได้ชมมึง ทำไมต้องยิ้มขนาดนั้นด้วย”

ผมไม่รอให้แมวอ้วนมันได้บ่นอะไรต่อ รีบตัดบทมันทันที

“เป็นห่วงกูเหรอ”

“ห้ะ...”

อีกฝ่ายขมวดคิ้ว ดูท่ามันคงจะได้ยินสิ่งที่ผมถามไม่ชัดสักเท่าไหร่ ผมเลยต้องเน้นเสียงให้หนักมากกว่าเดิมในแต่ละคำพูด

“กูถามว่า”

“...”

“มึงเป็นห่วงกูเหรอ”

“เออดิ กูเป็นห่วง”

พอได้ยินคำตอบแบบนั้นมันยิ่งทำให้ผมกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

“มึงเพื่อนกูทั้งคน จะไม่ให้กูห่วงได้ยังไง”

ไอ้สัด... หมดกันความโรแมนติกของกู

“เพื่อนพ่อมึงอะ”

ยื่นมือไปตบหัวไอ้แมวอ้วนจนดังลั่น

“กูเจ็บนะเว้ย! มึงมาตบหัวกูทำไมเนี่ย”ปากว่าแต่มือก็ลูบหัวตัวเองป้อยๆ

“ก็มึงบอกว่ากูเป็นเพื่อนมึงอะ”

มันขมวดคิ้ว นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะทำตาโต“เออว่ะ โทษที มันชินปากอะ เวลามีคนมาถามแบบนี้กับกู กูก็ตอบประมาณนี้ตลอด”

ผมมองไอ้แมวอ้วนด้วยความขุ่นเคืองที่อยู่ภายในใจ ไม่รู้ล่ะ กูไม่ยอม กูรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม

“ทำไมมึงมองกูอย่างนั้นล่ะ”

“กูโกรธ”

“กูก็ขอโทษแล้วนี่ไง”

“กูไม่รับคำขอโทษ”

“แล้วมึงจะเอาอะไร”

“เรียกกูดิ”

“นอร์ธ”แมวอ้วนมันทำตามอย่างไม่อิดออด

แต่สิ่งที่ผมต้องการมันไม่ใช่คำว่านอร์ธ!

“ไม่เอา”

“เอ้า มึงจะเอายังไงกับกูเนี่ย มึงให้กูเรียก กูก็เรียกมึงแล้วนี่ไง”

“กูไม่เอาคำว่านอร์ธ”

“แล้วมึงจะเอาคำว่าอะไร”

“แฟน”

“ห้ะ...”

“เรียกกูว่าแฟน”


“...”

“เร็วๆ”

“…”

“เรียกดิ”

“ไม่เรียกได้มั้ย”

“ไม่ได้”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละ”ผมว่า“มันจะยากอะไรแค่เรียกกูว่าแฟน ตอนออมสินมันถามมึงยังกล้าเรียกเลย”

“…”

“และที่สำคัญ มึงเองเป็นคนผิดนะแมวอ้วน”

“แค่เรียกผิดนิดเดียวเอง อีกอย่าง...”

“ไม่ต้องมาต่อรอง”

“เออๆ ก็ได้ๆ”

พอมันตอบมาแบบนั้น นายทิศเหนือคนนี้ก็หูผึ่งทันที ยอมรับเลยว่าเมื่อเช้าตอนที่แมวอ้วนมันบอกกับออมสินว่าผมเป็นแฟนมัน ผมแม่งโคตรมีความสุขเลย

เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่วินาทีนี้...

เวลาแห่งความสุขของนายทิศเหนือกำลังจะกลับมาอีกครั้ง!

“ไหน ลองเรียกกูแฟนดิ”

ห้า

“...”

สี่

“...”

สาม

“...”

สอง

“...”

หนึ่ง

“แฟน”

โบ้ม!

ไม่พูดเปล่าแต่ไอ้แมวอ้วนมันยังช้อนตามองผมด้วย!

ใครเขาสั่งเขาสอนให้มึงพูดแล้วมองกูด้วยสายตาแบบนี้ห้ะไอ้แมวอ้วน

ไอ้เหี้ย ใจกู ท่องเอาไว้นะเว้ยนอร์ธ

อย่าเพิ่งจับกด

อย่าเพิ่งจับกด

อย่าเพิ่งจับกด

ท่องให้ขึ้นใจเลย

“พอใจยัง?”

กูว่าพอเถอะ...

“อะ เออ... พอใจแล้ว”

ก่อนที่กูจะสติแตก










NiceAdr

กลับดีๆ

North

อือ

ล็อกห้องด้วย

อย่าให้ใครเข้าสุ่มสี่สุ่มห้า

NiceAdr

ครับพ่อ

รู้แล้วครับ



ส่ายหน้าให้กับความกวนประสาทก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์กวนๆไปหามัน หลังจากที่ขึ้นไปส่งไอ้แมวอ้วนจนถึงห้องผมก็ขอตัวกลับเลยทันที เพราะภาพนั้นแม่งยังคงติดตาไม่หายไปไหน ถ้าผมอยู่ต่อรับรองได้เลยว่าตบะแตกแน่ๆ

ติ๊ง!

ขณะที่ผมกำลังจะเก็บมือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง ขายังไม่ทันจะก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย ใครบางคนก็ส่งข้อความมาหา จนทำให้ผมต้องเลิกล้มความตั้งใจที่จะเก็บและเอามันขึ้นมาดูแทน



Skkk.

มาเจอกันหน่อยดิ

กูมีเรื่องจะคุยด้วย



พอเห็นว่าเป็นข้อความจากไอ้สงคราม ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ค่อยจะญาติดีกันสักเท่าไหร่ จากที่กำลังอารมณ์ดี ตอนนี้กลับหัวเสียภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที

ไอ้เหี้ยนี่มันมีความสามารถพิเศษคือทำให้คนอื่นหัวเสียหรือยังไงวะ

แต่เอาเถอะ ในเมื่อแก้ที่มันไม่ได้ก็แก้ที่ตัวเองนี่แหละ



Skkk.

อย่าเพิ่งเก็บมือถือใส่กระเป๋า

สนใจแชทกูก่อน



แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเก็บมือถือใส่กระเป๋าเป็นรอบที่สอง สงครามมันก็ส่งข้อความมาอีกรอบ

นี่นั่งทางในมาอ่านใจกูหรือไงวะ ทำไมพิมพ์มาเหมือนตาเห็น



Skkk.

ตอบ

ตอบกู

ตอบแชทกู

ตอบเดี๋ยวนี้

North

ตอบแล้วไอ้เหี้ย

Skkk.

กูพี่มึงนะ

North

กูเคยบอกว่ายังไง

กูไม่นับ

แล้วถ้าจะส่งข้อความมากวนประสาทกูเฉยๆ

กูขอบล็อคนะ

อุตส่าห์ไม่ก้าวก่าย

แต่เสือกมาวุ่นวายในชีวิตกู

มึงเป็นเหี้ยอะไร

Skkk.

ใจเย็นไอ้สัด

กูมีเรื่องจะคุยด้วยจริงๆ

North

ว่ามา

ถ้าไร้สาระกูจะด่าให้ลืมชื่อพ่อเลย

Skkk.

ใจเย็นดิน้องชาย

North

จะคุยอะไรก็เร็วๆเถอะ

กูจะกลับหอ

Skkk.

มาเจอกูที่หน้าหอน้องรหัสกูได้ปะ



ไอ้เหี้ยนี่เรื่องมากฉิบหาย

แต่ถึงในใจจะก่นด่ามันยังไง แต่สายตาก็พยายามมองหามันอยู่ดี



North

มึงอยู่ตรงไหน

Skkk.

*ส่งรูปภาพแล้ว*

North


เออ

เดี๋ยวกูไป










“หน้าหอบ้านมึงดิ บอกสวนสาธารณะก็จบแล้วมั้ย”

ผมบ่นคนที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้เหล็กอย่างสบายใจ นอกจากจะไม่สนใจคำพูดของผมแล้วมันยังยักคิ้วให้ผมอย่างกวนประสาทก่อนจะยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มอีกด้วย

“จะพูดอะไรก็รีบๆพูด”ผมว่า

“นั่งก่อนดิ”

“ไม่นั่ง”

“กูซื้อน้ำมาเผื่อมึงด้วย”ว่าแล้วมันก็หันไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมอีกกระป๋องยื่นให้ผม“เอาไป”

“กูไม่กิน มึงอย่าลีลาได้มั้ยสงคราม มีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดมา”

สงครามมันถอนหายใจก่อนจะวางกระป๋องน้ำอัดลมลงข้างตัว

“คิดถึงตอนเด็กเนอะ ตอนนั้นมึงกับกูแม่งตัวติดกันฉิบหาย”มันว่าแต่สายตาไม่ได้มองมาทางผมเลยสักนิด กลับกันผมต่างหากที่เป็นฝ่ายมองมันไม่เลิก แสงของหลอดไฟที่ห่างจากจุดที่พวกผมยืนทำให้เงาของไอ้สงครามมาตกกระทบลงบนตัวผม

“มึงอย่ามานอกเรื่องได้มั้ย”

“เราจะกลับมาคุยกันดีๆเหมือนเดิมได้มั้ยวะนอร์ธ”

“...”

“กูรู้ว่าที่กูทำมันไม่น่าให้อภัย แต่กูขอโทษได้มั้ยวะ”ร่างสูงหันมาสบตาเข้ากับผม“กูขอโทษทุกๆอย่างเลย กูเหี้ยเองแหละ ถ้าวันนั้นกูไม่เล่นอะไรเหี้ยๆ...”

คำพูดของไอ้สงครามทำให้เหตุการณ์บางอย่างในความทรงจำกลับมาฉายชัดอีกครั้ง

“มึงไม่ต้องพูดหรอก”

“...”

“มันก็เป็นความคิดของมึงตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอที่ปล่อยกูไว้แบบนั้นอะ”

“...”

“ถ้าวันนั้นมึงไม่คิดจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆกูก็คงไม่ต้องวิ่งตามมึง แล้วแขนกูก็คงจะไม่หัก”

แววตาของคนที่รู้สึกผิดฉายชัดในแววตาของไอ้สงคราม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรมันถึงรื้อฟื้นเรื่องเมื่อหลายสิบปีที่แล้วขึ้นมา

อย่างที่สงครามมันว่า เมื่อก่อนผมกับมันเคยสนิทกันมากกว่านี้

แต่นั่นมันก็แค่เมื่อก่อน

ผมยังจดจำได้ทุกรายละเอียด ความหวาดกลัวทำหน้าที่ของมันได้ดีในวันที่ผมมีอายุเพียงเจ็ดขวบ

วันนั้นบ้านของพวกเราไปพักกันที่รีสอร์ตที่พ่อผมกับพ่อไอ้สงครามเป็นหุ้นส่วนกัน แล้วกลางดึกคืนนั้นสงครามมันก็ชวนผมไปเดินเล่น ด้วยความที่เป็นเด็กและมีพี่ชายที่ตัวเองรักและไว้ใจมากๆมาเดินด้วย ผมเลยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว

แต่นั่นมันก็แค่ชั่วขณะ เพราะหลังจากนั้นสงครามมันก็เล่นพิเรนทร์ ปล่อยมือผมและวิ่งหนี ความหวาดกลัวเริ่มทำหน้าที่ของมัน ทุกสิ่งรอบตัวมันดูน่ากลัวไปหมด ผมเรียกมันจนสุดเสียง แต่มีเพียงเสียงหัวเราะสะใจของมันที่ดังห่างจากผมไปเรื่อยๆ ความกลัวเริ่มเกาะกินจนผมไม่อยากเผชิญหน้าอยู่กับมันอีกต่อไป

วิ่งเร็วขึ้นเพียงหวังว่าจะถึงตัวสงครามและแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว

แต่สุดท้าย ความพยายามของผมก็พังทลาย ผมไปไม่ถึงจุดหมาย ล้มลงและแขนหัก

ความจริงถ้าวันนั้นมันขอโทษผมสักนิด ผมก็อาจจะไม่โกรธมันขนาดนี้ก็ได้

แต่นี่มันเลือกที่จะไม่ทำไง ผมไม่เคยได้รับคำขอโทษจากปากมันเลยสักครั้ง เห็นจะมีแค่แม่ พี่สาวและพ่อของมันที่ขอโทษผมทุกครั้งที่เจอ

ผิดกับไอ้คนทำที่นอกจากไม่มีคำขอโทษแล้ว มันยังตีตัวออกหากจากผม

มันทำแบบนี้อยู่ห้าหกปี... จนสุดท้ายเราสองคนก็ต่อกันไม่ติด

เพราะแบบนี้เวลาที่มันพยายามจะเข้าใกล้ผม ผมก็มักจะเดินหนีหรือไม่ก็แสดงความไม่พอใจอะไรสักอย่างเพื่อให้มันได้รับรู้ ว่าสิ่งที่มันทำในวันนั้น ยังส่งผลกระทบมาถึงทุกวันนี้

แต่มาวันนี้… ผ่านมาสิบกว่าปี ผมเพิ่งจะได้รับคำขอโทษจากมัน

มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอวะ

“มึงรู้มั้ย วันนั้นกูแม่งโคตรกลัวเลย”

“...”

“กูร้องเรียกมึงแทบตาย แต่มึงกลับวิ่งหนี แล้ววันนี้มึงจะมาขอโทษ มึงต้องการเหี้ยอะไรอะ”

“กูขอโทษ”

“ถ้ามึงจะขอโทษมึงทำไปนานแล้วสงคราม”

“...”

“มึงคงไม่ปล่อยให้มันผ่านมาเป็นสิบๆปีแบบนี้หรอก”

“...”

“ถ้าเรื่องที่มึงจะพูดมีแค่นี้ กูไปก่อนนะ”   

ผมเลือกที่จะเดินออกมาโดยไม่รอให้สงครามมันได้พูดต่อ ความรู้สึกเก่าๆที่เคยหายไปตอนนี้มันกลับมาจนเกือบครบ

คนอย่างมันคงเก่งแค่สร้างบาดแผล

ให้มารักษาใครก็คงทำไม่ได้หรอก


#ทิศเหนือของผม


สามารถติดตามนักเขียนได้ที่—

Twitter • @augustismine1

Fanpage • Augustismine




หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 21) --- 09/03/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-03-2020 23:19:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุยกันดี ๆ พี่น้องกัน

อย่าถือทิฐิมากนัก

ในเมื่อพี่เขาขอโทษแล้ว  ก็ลองฟังสักหน่อย  อย่าเพิ่งบอกปัด
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 21) --- 09/03/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-03-2020 20:58:52
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 28-03-2020 19:36:38
22

ต้นเหตุ



[ อดิรัตน์คนคูล ]



“รู้แล้วหน่า ก่อนนอนก็เช็กตลอด”

“ไว้ใจไม่ได้หรอกคนอย่างแก ขี้ลืมจะตายไป”

“โธ่แม่ เห็นไนซ์เป็นคนแบบนั้นจริงๆเหรอ”

“หลักฐานมันก็ฟ้องอยู่”

ผมที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา ได้แต่เบะปากให้กับคนปลายสาย โทรคุยกับแม่ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อนๆ มีอัปเดตชีวิตให้กันฟังบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะบ่นซะมากกว่า 

“แล้วไปอยู่นั่นตั้งเกือบเดือนแล้ว”

“...”

“มีแฟนหรือยัง”

จากที่นอนๆอยู่ถึงกับต้องลุกขึ้นมานั่งเพราะคำถามนั้นของแม่

“แม่ถามอะไรของแม่เนี่ย”

“เอ้า แม่ก็แค่ถาม ทำไม ถามนิดถามหน่อยไม่ได้เลยหรือไง สรุปมีแฟนยัง?”

ผมไม่รู้จะตอบคำถามนี้ของแม่ยังไง คือมันเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก โกหกแม่ก็บาปอีก ครั้นจะบอกว่ามีแล้วเป็นเพื่อนคณะแถมหล่อด้วย มันก็น่าจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะบอกว่ามีแล้วเฉยๆโดยที่ไม่บอกรายละเอียดอะไรเลย แม่ก็คงจะถามผมไม่เลิก

รายนี้น่ะ ถ้าอยากรู้อะไรแล้วต้องรู้ให้ได้

“ทำไมเงียบ มีพิรุธนะเนี่ย”

“พิรุธอะไรล่ะแม่ ไม่มี”

“แล้วสรุปยังไง มีแฟนหรือยัง”

“เอ่อ...”

Rrrr… !

เอาล่ะ สวรรค์มาโปรดกูแล้ว

“แค่นี้ก่อนนะแม่ มีคนโทรมา”

ไม่รอฟังคุณนายเขาพูดอะไรต่อรีบกดวางสายและรับอีกสายที่โทรซ้อนมา

“ฮัลโหล”

“แมวอ้วน”

“ว่าไง”

นอร์ธมันโทรมาทำไมวะ... หรือว่าลืมของ

“มึงอยู่ห้องมั้ย”

“อยู่ดิ มึงก็เพิ่งมาส่งกู จะให้กูไปไหนได้วะ”

“อือ”

“มึงถามทำไมวะ”

“กูไปหาที่ห้องได้มั้ย”

ทำไมเสียงของไอ้นอร์ธ...

“ได้มั้ยแมวอ้วน”

ถึงได้สั่นและแผ่วเบาเหมือนกับวันนั้นเลย

“ได้ดิ มาถึงเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”

วันที่มันมีเรื่องกับพี่สงคราม






North


กูอยู่หน้าห้องมึงแล้ว



หลังจากเห็นข้อความของไอ้นอร์ธ ผมก็ไม่รอช้ารีบเดินไปเปิดประตูให้มันในทันที พอบานประตูถูกเปิดออก ผมก็เริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าผมไม่ยอมพูดอะไร

ความเงียบเริ่มทำหน้าที่ของมัน จนสุดท้ายก็เป็นผมที่ทนกับความอึดอัดกับบรรยากาศไม่ได้เลยต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความเงียบ

“มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ”

“...”

“เข้ามาในห้องก่อนมั้ย”

ไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้า มีเพียงสายตาที่มองมา ไม่รู้หรอกว่านอร์ธมันเป็นอะไร แต่สัมผัสได้ว่ามันไม่ปกติ

หรือจริงๆแล้วผมควรจะปล่อยให้ความเงียบได้ทำหน้าที่ของมันต่อไป

เพราะบางที ความเงียบอาจเป็นสิ่งเดียวที่ไอ้นอร์ธมันต้องการในตอนนี้

แต่ถ้าต้องการแค่ความเงียบแล้วมึงจะมาหากูทำแป๊ะอะไรวะ...

“แมวอ้วน”

“หือ?”

“กู...”

“...”

“ขอกอดมึงหน่อยได้มั้ย”


ผมนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ค่อยได้ ทั้งคำขอของไอ้นอร์ธและท่าทีที่เปลี่ยนไปของมัน

เหมือนไม่ใช่นอร์ธที่รู้จักเลย

“ได้ดิ ทำไมจะไม่ได้”

แต่ถึงจะยังไม่ได้คำตอบในสิ่งที่ตัวเองสงสัย ผมก็อนุญาตให้นอร์ธมันได้ทำในสิ่งที่มันต้องการ และทันทีที่ผมตกปากรับคำ คนตรงหน้าก็โผเข้ามากอดผมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ กอดของไอ้นอร์ธก็จะยิ่งแน่นขึ้นเท่านั้น

“มึงเป็นอะไรวะ”

“...”

“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกกูได้นะ”

ถามด้วยความเป็นห่วง แต่คำตอบที่ได้มามีเพียงการส่ายหน้าของคนที่สวมกอดผมอยู่

“ไม่มีอะไร”

“มันจะไม่มีได้ยังไง มึงเคยทำตัวแบบนี้ซะที่ไหน”

“...”

“มีอะไรก็บอกกันดิ คนอุตส่าห์ยอมให้กอดเลยนะเว้ย”

“กูเหนื่อยอะแมวอ้วน”

“...”

“ขอกูอยู่แบบนี้ก่อนได้มั้ย”

“...”

“มึงอย่าทิ้งกูไปไหนนะ”




หลังจากยืนให้นอร์ธกอดจนพอใจผมก็ชวนมันเข้ามานั่งในห้อง หวังว่ามันจะระบายเรื่องที่ทำให้ตัวเองไม่สบายใจออกมาให้ผมฟังบ้าง แต่นี่ก็นั่งจ้องหน้ามันมาพักใหญ่แล้วมันก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ เอาน้ำเอาขนมมาให้มันก็ไม่ยอมกิน

“มึงเป็นอะไรวะ ระบายมาให้กูฟังได้นะเว้ย”ทันทีที่ผมใช้มือลูบหน้าขามันเบาๆ ตาคมใต้กรอบแว่นก็จ้องมาที่ผมก่อนจะหลุบตาลงต่ำ“กูไม่สบายใจเลยนะที่เห็นมึงเป็นแบบนี้อะ มีอะไรก็ระบายให้กูฟังได้นะ เก็บไว้คนเดียวมันไม่ดีหรอกเชื่อดิ”

ยอมรับเลยว่ารู้สึกไม่ชินสักเท่าไหร่ที่เห็นไอ้นอร์ธเป็นแบบนี้ ปกติเวลาเจอหน้ากันก็มักจะถูกมันพูดจากวนประสาทใส่หรือไม่ก็เป็นผมเองที่เข้าไปกวนประสาทมันก่อน

แต่พอมาเห็นมันเป็นแบบนี้ อย่าว่าแต่กวนประสาทเลย แค่แอบด่ามันในใจอย่างที่เคยทำผมยังไม่กล้า

บรรยากาศภายในห้องเงียบไปชั่วขณะ ก่อนคำพูดของคนตรงหน้าผมจะดังขึ้น

“มึงเคยมีเรื่องฝังใจมั้ยแมวอ้วน”

“เคยสิ”ผมว่าก่อนจะขมวดคิ้ว“แล้วมึงถามทำไมวะ”

“กูไปเจอเรื่องที่เคยทำให้ฝังใจมา… ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับมันแล้ว”

“...”

“แต่พอมาวันนี้กูเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้ว... กูยังรู้สึกกับมันเหมือนเดิม”

จากตาที่เคยสบกัน ตอนนี้มันเลื่อนไปทางอื่น ราวกับกลัวว่าผมจะสังเกตเห็นแววตาที่สั่นไหว

“มันแม่งไม่เคยหายไปไหนเลย”

“...”

“มีแค่ตัวกูเองนี่แหละที่พยายามโกหกตัวเองมาตลอด”

นอร์ธว่าก่อนเม้มปากแน่น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมันดลใจให้ผมทำแบบนี้ แต่พอเห็นว่ามือของนอร์ธยังว่างอยู่ ผมก็ยื่นมือของตัวเองไปจับมือมันไว้

พอนึกถึงคำพูดที่มันเคยพูดก่อนหน้านี้ จากตอนแรกที่จับเอาไว้หลวมๆผมก็เริ่มออกแรงบีบมันเบาๆ

“นอร์ธ”

ตาคมหันมาสบเข้ากับผม

“กูไม่รู้หรอกนะว่าคนอย่างกูจะช่วยมึงได้มากน้อยแค่ไหน”

“...”

“แต่กูอยู่ตรงนี้นะนอร์ธ”

“...”

“อยู่ข้างๆมึงเลย”





[ สมพงษ์สั่งลุย ]




สุดท้ายแผนที่จะกลับไปคืนดีกันของผมกับไอ้นอร์ธก็พังลงไม่เป็นท่าด้วยมือของผมเอง

ผมไม่น่าปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมาเป็นสิบๆปีแบบนี้เลย…

รถของผมเคลื่อนอยู่บนท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่เสียงเรียกเข้าจากมือถือจะดังขึ้นจนต้องหยิบมันขึ้นมาดู

ไอ้ปิ่น

กดรับสายอย่างไม่ลังเล แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ปลายสายก็พูดสวนมาซะก่อน

“สงคราม มึงอยู่ไหนเนี่ย”

“เพิ่งกลับจากหอน้องรหัส”

“เหรอๆๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง เรื่องน้องรหัสกูอะ”

ผมแค่นยิ้ม“พังไม่เป็นท่าเลยว่ะ”

ปิ่นเป็นเพื่อนสนิทของผมและเป็นพี่รหัสของไอ้นอร์ธ แน่นอนว่าแผนการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้นอร์ธให้กลับมาเหนี่ยวแน่นเหมือนเดิม ปิ่นมันก็เป็นคนคิด

“เอ้า ทำไมพังวะ มึงได้ทำตามแผนกูปะเนี่ย”

“ทำตาม”

“ทำตามแล้วมันพังได้ยังไงวะ”มันว่าก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง“มึงได้ไปกวนตีนอะไรน้องมันก่อนหน้านี้ปะ”

สิ้นคำพูดก็ถึงกับพูดไม่ออก ถ้าบอกความจริงไป ปิ่นมันต้องด่าแน่ๆ

“ทำไมเงียบวะ... หรือว่าก่อนจะทำตามแผนมึงไปกวนตีนน้องมัน”

“อือ”

“โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยสงคราม ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะ”ปลายสายโวยวาย

“เป็นผู้หญิงพูดให้มันเพราะๆหน่อยได้มั้ย”

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย มึงเล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะว่ามึงไปกวนตีนอะไรน้องมัน”

“ไว้เดี๋ยวค่อยเล่าได้มั้ย”

“เดี๋ยวค่อยเล่าอะไร ไหนๆก็โทรแล้ว เล่าตอนนี้เลย”

“กูกำลังจะไปหามึงที่หอ ไว้ค่อยเล่าตอนนั้นได้มั้ย”

“จะเอาอย่างนั้นเหรอ”

“เออ”

“ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถดีๆ ถึงเมื่อไหร่ก็บอกกูด้วย”

“อือ”กดวางสายก่อนจะโยนมือถือไว้ที่เบาะข้างคนขับ

จากตอนแรกที่ขับรถแบบไม่มีจุดหมาย แต่ในเมื่อปิ่นมันโทรมา ก็ถือโอกาสนี้ไปหามันที่หอซะเลย อย่างน้อยๆการอยู่กับไอ้ปิ่นก็คงดีกว่านั่งเครียดอยู่ที่ห้องคนเดียวแน่ๆ


หลังจากที่มาถึงห้องของปิ่น มันก็ไม่รอช้า สั่งให้ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้มันฟังโดยละเอียด ผมนั่งลงที่ปลายเตียงโดยมีปิ่นนั่งกอดหมอนมองหน้าผมอย่างตั้งใจ ปิ่นคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผมเลือกจะปรึกษาเรื่องนี้ด้วย เพื่อนคนอื่นๆมันไม่รู้หรอกว่าสาเหตุที่ทำให้ผมกับไอ้นอร์ธไม่กินเส้นกันอย่างทุกวันนี้มันเกิดจากอะไร

แล้วถ้าถามว่าทำไมถึงต้องเป็นปิ่น เหตุผลที่เห็นก็น่าจะมีเพียงข้อเดียว

วันที่ผมมีเรื่องกับไอ้นอร์ธจนโดนต่อยหน้าช้ำปากแตกกลับมาที่ห้องตัวเอง ปิ่นมันเป็นเพื่อนคนแรกที่เห็นผมในสภาพนั้นเพราะมันเอาดันลืมของไว้ที่ห้องของผม

ปัญหาของผมกับไอ้นอร์ธเป็นปัญหาที่คาราคาซังมานานหลายปี เรื่องนี้ไม่ต้องโทษใครเลย มันเป็นความผิดของผมล้วนๆ หลังจากที่ทำผิด แทนที่จะขอโทษ ผมเสือกหนีหน้ามันตั้งหลายปี

เพราะแบบนี้มันเลยไม่แปลกที่นอร์ธจะไม่ชอบหน้าผม

แต่แทนที่จะอยู่ใครอยู่มันโดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมก็เพิ่งจะทำงานตอนที่เวลาล่วงเลยมาแล้วเกือบสิบปี

ผมเริ่มกลับมาวนเวียนอยู่ในชีวิตของไอ้นอร์ธอีกครั้ง พยายามชวนมันคุย แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมามีเพียงคำด่าและหน้าตาที่แสดงออกชัดเจนว่ารำคาญผมเต็มทน

ถึงสุดท้ายบทสนทนาของผมกับมันจะกลายเป็นการทะเลาะกันทุกครั้ง แต่นั่นก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผมได้คุยกับไอ้นอร์ธ

จนไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่ผมโดนไอ้นอร์ธต่อย ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัว

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งตัวเองทำมาตลอดนั้นเป็นสิ่งที่ผิด

หมัดแรกที่มันต่อยเข้ามาพร้อมกับแววตาที่ไม่เห็นผมคนนี้เป็นพี่ชายอีกต่อไป

ผมรู้สึกหวาดกลัว

กลัวว่าสุดท้ายผมจะเสียน้องชายคนนี้ไปจริงๆ

ผมกลัวว่าสุดท้ายแล้ว... เราจะกลายเป็นแค่เพื่อนร่วมโลกกัน

เพราะแบบนี้ผมเลยเลือกที่จะปรึกษาปิ่น เพื่อให้มันช่วยคิดแผนเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผมสองคน

แต่ก็นั่นแหละ ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น… มันพังลงไม่เป็นท่า

“มึงทำเหี้ยอะไรลงไปเนี่ย ไอ้สงคราม”ทันทีที่เล่าจบ ปิ่นมันก็ทุบหลังผมจนดังลั่น“นิสัยกวนตีนของมึงมันฝังอยู่ในดีเอ็นเอหรือไง แค่ให้เลิกกวนตีนสักครึ่งชั่วโมงยังทำไม่ได้”

“เออ กูรู้ว่ากูผิด อย่าซ้ำเติมได้มั้ย”

“เฮ้อ มีเพื่อนแบบมึงกูล่ะเหนื่อยใจจริงๆ”

“...”

“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”

“กูไม่รู้”ผมว่า“เอาจริงๆนะปิ่น ตอนนี้กูเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ะ”

“มึงหมายความว่ายังไง”

“ตอนแรกกูเคยคิดนะว่าทุกอย่างมันต้องโอเค ถ้ากูได้กลับไปเป็นพี่ชายที่มันรักอีกครั้ง นอร์ธมันต้องมีความสุขมากแน่ๆ”

“...”

“แต่ตอนนี้แม่ง ไม่มีความคิดนั้นในหัวเลยว่ะ”

ยิ่งได้เห็นสีหน้าและแววตาของมันที่มองมา

ความคิดที่จะกลับเข้าไปมีบทบาทในชีวิตของไอ้นอร์ธก็ถูกพับเก็บในทันที

“บางที… การที่กูกับมันเป็นแบบนี้”

“...”

“อาจจะเหมาะกว่าการกลับไปคืนดีกันก็ได้”






#ทิศเหนือของผม
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 22) --- 28/03/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-03-2020 21:07:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 22) --- 28/03/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-03-2020 22:55:34
มีปมไปอีกเด็กน้อยทั้งสอง
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 22) --- 28/03/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 29-03-2020 20:15:24
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 22) --- 28/03/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 29-03-2020 21:34:43
รู้สึกผิดเลยหลบหน้า
หรือ
เพิ่งรู้สึกผิด เลยอยากขอโทษ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 22) --- 28/03/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-03-2020 13:44:18
ต่างคนต่างกวนทีน
หัวข้อ: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 21-04-2020 20:21:22
23

ความพยายามของแมวอ้วน



[ ทิศเหนือคนจริง ]



ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!

เป็นเพราะเสียงแจ้งเตือนจากมือถือที่ปลุกผมให้ตื่นก่อนเวลา ผมหรี่ตาควานหาแว่นที่เคยวางไว้ข้างหมอน หยิบมันขึ้นมาใส่ก่อนจะคว้ามือถือที่วางไว้ข้างๆกันมาเปิดดู



NiceAdr

ตื่นยัง

ตื่นได้แล้ว

เช้าแล้ว

เดี๋ยวน้ำเต้าหู้หมด



พอเห็นชื่อคนที่ส่งมาผมก็ต้องเด้งตัวขึ้นจากเตียง ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบวินาทีในการรวบรวมสัมปชัญญะก่อนจะพิมพ์ตอบกลับมันไป



North

อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย

NiceAdr

อารมณ์อยากกินน้ำเต้าหู้

North

อยากกินก็ไปซื้อสิ

ทักมาหากูทำไม

วันนี้กูกลับมานอนที่ห้องตัวเอง

NiceAdr

*ส่งรูปภาพแล้ว*



อีกฝ่ายไม่ตอบกลับเป็นตัวหนังสือ แต่ส่งรูปมาแทนและทันทีที่เปิดดูผมก็ต้องแปลกใจเพราะรูปที่แมวอ้วนมันถ่ายมา มันเหมือนประตูหน้าห้องผมเลย…



North

มึงอยู่ไหน

NiceAdr

กูมาทัศนศึกษา

North

ทัศนศึกษาอะไรของมึงวะ

ตอบดีๆดิแมวอ้วน

NiceAdr

ก็มาทัศนศึกษาที่หน้าห้องเด็กชายทิศเหนือไง

มาเปิดประตูให้กูหน่อย

ยืนจนจะเป็นตะคริวแล้ว



พออ่านจบตาผมก็ถึงกับกระตุก มันโกหกกูหรือเปล่าวะ หอมันกับหอผมก็อยู่กันคนละทาง แล้วอีกอย่างไอ้แมวอ้วนมันก็ไม่เคยมาหอผมเลยสักครั้งมันจะมาถูกได้ยังไง



North

มึงหลอกกูปะเนี่ย

NiceAdr

กูจะหลอกมึงทำไมล่ะนอร์ธ

หรือมึงไม่เชื่อ

งั้นมึงรอก่อน

*ส่งรูปภาพแล้ว*

นี่ไง



เปิดรูปที่แมวอ้วนถ่ายส่งมาอีกรอบ ครั้งนี้เป็นรูปมันเซลฟี่หน้าตัวเองกับป้ายชื่อหอ



NiceAdr

กูถ่ายไว้ก่อนจะเดินขึ้นมา เผื่อมึงไม่เชื่อ

แล้วก็ได้ใช้จริงๆซะด้วย



ลงทุนสัด…



NiceAdr

ทีนี้จะมาเปิดประตูให้กูได้ยัง

ถ้าปล่อยให้ยืนกว่านี้กูจะเหมือนพวกตามทวงหนี้แล้วนะ



ผมไม่ปล่อยให้แมวอ้วนมันรอนาน รีบลุกจากเตียงและเดินมาที่ประตู ขณะที่กำลังจะยื่นมือไปจับลูกบิดผมก็เพิ่งสังเกตเห็นสภาพของตัวเอง

เสื้อยืดย้วยๆกับบ๊อกเซอร์… จะออกไปเจอแมวอ้วนทั้งที่ใส่ชุดแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ

“นอร์ธ ออกมายังเนี่ย”

แต่ดูเหมือนแมวอ้วนมันจะไม่มีเวลาให้ผมมากนัก เพราะตอนที่กำลังคิดอยู่เสียงเคาะประตูดังขึ้นติดๆกัน

“ถ้ามึงยังไม่ออกกูจะนั่งรอหน้าห้องแล้วนะ”

“มาแล้วๆ”

ผมตัดสินใจหมุนลูกบิด คนอย่างแมวอ้วนคงไม่ถือสาอะไรหรอกมั้ง

ทันทีที่ประตูถูกเปิด ผมก็เห็นแมวอ้วนในชุดนักศึกษาพร้อมกระเป๋าคู่ใจกำลังยืนกอดอกรอผมอยู่

“เพิ่งตื่นเหรอวะ”ตากลมใต้กรอบแว่นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จะเน้นเป็นพิเศษก็ตรงช่วงท่อนล่างที่มองค้างไม่ยอมละสายตาไปไหน“ไม่ต้องตอบก็ได้ เพราะหลักฐานมันก็ชัดอยู่”

พูดจบมันก็ขำออกมา

“ไม่ต้องมาขำเลย มึงไม่ใส่บ๊อกเซอร์ตอนนอนหรือไง”

“กูไม่ใส่หรอกบ๊อกเซอร์อะ คนอย่างกูต้องใส่ชุดนอน”

“ไอ้ชุดนอนลายทางของมึงอะนะ”ผมว่า

“กูก็มีหลายชุดมั้ยล่ะ”มันเถียง

ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะถอยให้แมวอ้วนเดินเข้ามาในห้อง และทันทีที่มันเดินเข้ามาผมก็ถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย

“แล้วมาหากูแต่เช้ามีอะไร”

“กูก็บอกไปแล้วไงว่าจะมากินน้ำเต้าหู้”แมวอ้วนมันว่าก่อนจะเลื่อนเอาเก้าอี้ที่ผมใช้นั่งทำงานเป็นประจำมานั่ง“มึงอะรีบไปแต่งตัวเลย เดี๋ยวไปสายน้ำเต้าหู้หมดก็อดกินกันพอดี”

ผมได้แต่ยืนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า จนแมวอ้วนมันต้องลุกขึ้นมาและจับผมหันหลังก่อนจะออกแรงดันผม

“เอาแต่ยืนมองอยู่ได้”

“มึงจะดันกูไปไหนเนี่ย”

“ก็ดันมึงให้ไปอาบน้ำไง รีบไปอาบน้ำเร็วๆเลย เดี๋ยวน้ำเต้าหู้กูหมด”

“เดี๋ยวสิ กูยังคุยกับมึงไม่เสร็จเลย”ผมออกแรงต้านพยายามหันหลังกลับไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง แต่แมวอ้วนมันไม่ยอมยังคงออกแรงดันผมจนสุดความสามารถ

“รีบไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวค่อยออกมาคุย”

สุดท้ายผมก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความแน่วแน่ของแมวอ้วน ยอมเดินมาอาบน้ำแต่โดยดีและทิ้งให้มันนั่งรออยู่ตรงนั้น

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินเข้าไปเอามือถือที่วางทิ้งไว้ในห้องก่อนจะมาหยิบกระเป๋าสะพายข้างที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน หันมามองแมวอ้วนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือมองผมตาแป๋ว

“เสร็จยัง”อีกฝ่ายถาม ผมพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะเอากระเป๋าขึ้นมาสะพาย“ถ้าอย่างนั้นก็ไปซื้อน้ำเต้าหู้ได้แล้วอะดิ”

“อย่าเพิ่ง”แมวอ้วนที่ตั้งท่าจะลุกถึงกับต้องชะงักและมองค้างมาที่ผม

“ทำไมอะ”

“คุยกันก่อน”

“เดินไปคุยไปก็ได้ เดี๋ยวไม่ทันน้ำเต้าหู้นะเว้ย”

“พักเรื่องน้ำเต้าหู้ไว้ก่อนได้มั้ย ขอเคลียร์เรื่องที่คาใจก่อน”

“มึงคาใจอะไรอะ”

เรื่องคาใจที่ผมมีมันมากมายเกินกว่าจะเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้ในระยะเวลาอันสั้น ด้วยเหตุผลนี้ผมเลยตัดสินใจผมเลยตัดสินใจถามคำถามที่คิดว่าครอบคลุมมากที่สุด

“กูถามจริงๆเลยนะแมวอ้วน”

“...”

“ที่มาหากูแต่เช้าเพราะมึงแค่จะมาชวนกูไปซื้อน้ำเต้าหู้ แค่นี้น่ะเหรอ”

“อือ ก็ใช่ไง”แมวอ้วนมันว่า“แต่ถ้ามึงรู้สึกว่าเหตุผลแค่นี้มันไม่พอ กูเพิ่มให้มึงอีกอย่างก็ได้”

“...”

“วันนี้กูจะสวมบทบาทเป็นผู้ปกครองให้มึงเอง”

“ผู้ปกครองอะไรของมึงวะ”

ยิ่งให้มันพูดผมก็ยิ่งงง ไม่รู้ว่าแมวอ้วนมันกำลังเล่นอะไรอยู่

“ก็ผู้ปกครองที่จะมารับเด็กชายทิศเหนือไปมหา’ลัยไง”แมวอ้วนยิ้มก่อนจะยืนขึ้น“เสร็จแล้วก็รีบไปกันเถอะ ถ้าช้ากว่านี้ต้องไม่ทันน้ำเต้าหู้แน่ๆ”

พูดจบมันก็ไม่รอให้ผมได้ตอบอะไร ลากผมออกมาจากห้องก่อนจะล็อกให้เสร็จสรรพ


รถเมล์ เราสองและน้ำเต้าหู้อีกสองถุง…

หลังจากซื้อน้ำเต้าหู้เสร็จแมวอ้วนมันก็พาผมมายืนรอรถเมล์ที่ป้ายรอรถ พอรถเมล์มาถึงแมวอ้วนก็ไม่รอช้าเดิมนำผมขึ้นไปก่อนมองหาที่ว่างสำหรับเราทั้งคู่ และที่นั่งที่ยังเหลืออยู่คือเบาะคู่ฝั่งขวา มันเป็นที่นั่งเกือบท้ายสุดของคันรถ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคดีหรือวันนี้ผมไปมหา’ลัยเช้ากว่าทุกวัน คนบนรถเมล์ถึงได้ดูบางตาอย่างนี้

ปกติอย่าให้พูดเลย แน่นเหมือนปลากระป๋อง

กระเป๋ารถเมล์ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเช่นเคย เขาเดินมาเก็บเงินผมกับแมวอ้วน เราต่างฝ่ายต่างจ่ายส่วนของตัวเองก่อนจะกลับมาสนใจเรื่องที่นั่งต่อ

“มึงจะนั่งริมหน้าต่างหรือให้กูนั่ง”

“แล้วแต่มึงเลย กูนั่งตรงไหนก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นกูขอนั่งริมหน้าต่างนะ”

“อือ”

พอผมตอบคนตรงหน้าก็ยิ้มให้ก่อนจะเข้าไปชิดริมหน้าต่าง ผมทิ้งตัวลงข้างๆแมวอ้วน แย่งถุงในมือมันมาเพื่อช่วยถือ

“เอามานี่ เดี๋ยวกูถือให้”อีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนกลับกันพอได้ยินผมพูดแบบนั้นมันก็ยอมยกถุงน้ำเต้าหู้แสนรักแสนหวงของมันให้ผมอย่างง่ายดาย“มึงรู้ได้ยังไงวะแมวอ้วนว่าน้ำเต้าหู้ร้านนี้อร่อย”

ผมมองถุงที่บรรจุน้ำเต้าหู้พลันนึกไปถึงตอนที่แมวอ้วนพาไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านน้ำเต้าหู้ มันเอาแต่พูดว่าร้านนี้อร่อยนักอร่อยหนา ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเคยมากินตอนไหน

“ขนาดกูอยู่แถวนี้กูยังไม่รู้เลยว่าร้านนี้อร่อย”

เงียบ…

พอเห็นว่าอีกฝ่ายปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาหลายวินาที ผมจึงตัดสินใจถามอีกครั้ง

“ไอ้แมวอ้วน มึงได้ยินที่กูถามมั้ยเนี่ย”

ตากลมละสายตาจากท้องถนนตรงหน้าเลื่อนมาสบตาเข้ากับผม แมวอ้วนยิ้มแห้งๆก่อนจะเฉลยความจริงบางอย่างออกมา

“คือ… กูก็ไม่รู้หรอกว่ามันอร่อยจริงมั้ย แต่กูโทรไปถามซีอิ๊วมา มันบอกว่าตอนมาหอมึงมันเคยกินสองสามรอบก็อร่อยดี กูเลยคิดว่าถ้าคนอย่างซีอิ๊วบอกว่าอร่อย มันก็ต้องอร่อย”

โธ่ ไอ้แมวอ้วน…

“แล้วถ้าให้กูเดา ที่มึงมาหอกูถูกก็เพราะโทรไปถามไอ้อิ๊ว?”

“อือ”

“...”

“กูโทรหาซีอิ๊วตั้งหลายรอบแหนะ”

“...”

“แถมเมื่อเช้ายังเกือบหลงอีกด้วย”

ทันทีที่ได้ยินประโยคหลังคิ้วของผมก็เริ่มขมวด เพราะรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่แมวอ้วนมันทำสักเท่าไหร่

“มึงจะลงทุนทำขนาดนี้ทำไมวะแมวอ้วน”

“เอ่อ...”อีกฝ่ายมองผมนิ่งคงเป็นเพราะไปต่อไม่ถูก

“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะรู้มั้ย ค่าเดินทางก็ตั้งหลายบาท แถมยังไปไหนมาไหนคนเดียวอีก ถ้าหลงขึ้นมาจะทำยังไง”

“ไม่หลงหรอกหน่า กูโทรถามทางซีอิ๊วตลอด”

“ใครจะไปรู้วะ ถ้าสมมติเมื่อเช้าอิ๊วมันไม่ตื่นมารับสายมึง แล้วมึงเกิดหายไปขึ้นมาจะทำยังไง”

“อย่าเพิ่งดุดิ”อีกฝ่ายเอ่ยเสียงแผ่ว

“ก็ดูที่มึงทำดิ มันน่าดุมั้ย”

คงเป็นเพราะผมเผลอขึ้นเสียงใส่ แมวอ้วนเลยมองหน้าผมด้วยแววตาสั่นระริก

“อือ”

“...”

“ถ้าที่กูทำมันผิดมาก… กูขอโทษก็แล้วกัน”

พูดจบมันก็หันหน้าไปมองนอกหน้าต่างก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาใส่

บทสนทนาของเราจบลงตรงนั้น

เราทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ เห็นจะมีเพียงเสียงรอบข้างที่ยังดังขึ้นเป็นระยะ


พอลงรถเมล์ได้แมวอ้วนก็ไม่สนใจผมอีกเลย มันทิ้งให้ผมเดินตามมันต้อยๆพร้อมกับถุงใส่น้ำเต้าหู้สุดรักสุดหวงของมัน

“วันนี้มาช้ากว่าปกติปะวะ”

เสียงของออมสินที่นั่งอยู่คนเดียวตรงโต๊ะประจำของพวกเราดังขึ้นทันทีที่ผมสองคนมาถึง แต่แทนที่แมวอ้วนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆออมสิน มันกลับยืนนิ่งก่อนจะยื่นมือไปแตะบ่าออมสินเบาๆ

“เดี๋ยวกูไปนั่งรอที่ห้องนะออมสิน”

พูดแค่นั้นก่อนจะปลีกตัวออกไป ผมมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพลางก่นด่าตัวเองไปในใจ

โกรธกูไปแล้วแน่ๆ มึงทำเหี้ยอะไรลงไปเนี่ย ไอ้เหี้ยนอร์ธ ไอ้ควาย

“มันยังไม่ถึงเวลาเรียนไม่ใช่เหรอวะ”ออมสินที่ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองพูดขึ้นก่อนจะมองหน้าผม“มึงไปแกล้งอะไรมันปะเนี่ยไอ้นอร์ธ หน้าแม่งบูดเป็นตูดแต่เช้าเลย”

“คือ...”

ยังไม่ทันได้เล่าอะไร ซีอิ๊วกับไกด์ก็ตามมาสมทบ

“อ้าวไอ้นอร์ธ มึงไม่ได้มาพร้อมไนซ์เหรอวะ”พูดจบอิ๊วก็ทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ว่างก่อนจะใช้หลอดเจาะกล่องนมที่ถืออยู่“กูนึกว่ามึงจะมาพร้อมกันซะอีก”

“ไอ้ไนซ์น่ะมาแล้ว มาพร้อมไอ้นอร์ธด้วย”ออมสินว่า“แต่ไม่รู้วันนี้แม่งเป็นอะไร มาถึงก็หน้าบูดเป็นตูดแล้วก็บอกกูว่าจะไปนั่งรอที่ห้องเรียน”

“รอที่ห้องเรียนอะไรวะ อีกตั้งหลายนาทีไม่ใช่เหรอ”ไอ้ไกด์ที่นั่งข้างไอ้อิ๊วพูด“แล้วอีกอย่าง วิชานี้มันก็ลงเรียนกับมึงไม่ใช่เหรอออมสิน ทำไมไม่รอไปพร้อมกัน”

“กูก็ไม่รู้”ออมสินตอบไอ้ไกด์ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม“ว่าแต่มึงเถอะนอร์ธ ไปแกล้งอะไรไอ้ไนซ์มันหรือเปล่า”

พอตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งสาม ความกดดันก็เริ่มทำหน้าที่

“อือ... กูคงไปทำให้มันโกรธแล้วล่ะมั้ง”

พูดจบคิ้วของพวกมันก็ขมวดเข้าหากันทันที ก่อนจะเป็นออมสินที่ทำหน้าที่เป็นคนตั้งคำถาม

“มึงทำอะไรมัน?”

“ก็กูเป็นห่วงมันอะ ไนซ์มันดั้นด้นมาหากูทั้งๆที่ไม่รู้ทางมาหอกูเลยด้วยซ้ำ”

“...”

“ถ้าวันหลังมันเกิดหลงทางแล้วเป็นอะไรขึ้นมากูจะทำยังไงอะ”

“แล้วมึงไปทำยังไงให้มันโกรธวะ ปกติกูไม่เคยเห็นคนแบบมันโกรธใคร”

“คือ… กูเผลอไปดุมันอะ แต่มึงก็รู้ใช่มั้ยว่าที่กูทำไปก็เพราะเป็นห่วง”

“ถึงจะเป็นห่วง แต่กูว่าที่มึงทำมันก็เกินไปว่ะ”

อิ๊วมันโพล่งขึ้นก่อนคิ้วเข้มจะขมวดหนักกว่าเดิม

“มึงรู้ปะว่าเมื่อคืนไนซ์โทรมาหากูอะ”

“รู้ดิ มันบอกกูแล้วว่ามันโทรถามทางจากมึง”

“เออ แล้วมึงรู้หรือเปล่าว่าไนซ์เครียดอะ”

“เครียด?”

“เออ ไนซ์โทรมาขอคำปรึกษาจากกู มันบอกว่าอยู่ดีๆมึงก็เหมือนไม่ใช่มึง มันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ไนซ์ไม่อยากให้มึงเป็นแบบนี้ แต่กูก็ไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไรเลยนะ เพราะทุกอย่างไนซ์แม่งเป็นคนคิดเองทั้งหมดเลย ทั้งเรื่องไปรับมึงมามหา’ลัยแล้วก็เรื่องน้ำเต้าหู้ กูมีหน้าที่แค่บอกที่อยู่หอมึงกับพิกัดร้านน้ำเต้าหู้ให้ก็แค่นั้นแหละ แต่กว่าจะได้แผนพวกนี้มาไนซ์ก็ถามกูเพื่อความมั่นใจตั้งหลายรอบนะ ว่าถ้าทำแบบนี้มึงจะโอเคมั้ย ถ้าพูดแบบนี้ไปมึงจะไม่เครียดเพิ่มใช่หรือเปล่า”

“...”

“ถ้าไนซ์ไม่เป็นห่วงมึงอะ มันคงไม่ลงทุนทำขนาดนี้หรอก จริงมั้ย”

พอได้ฟังสิ่งที่ซีอิ๊วพูด ความรู้สึกผิดก็เริ่มถาโถม ถ้าแมวอ้วนมันจะโกรธผมก็คงไม่แปลก เพราะถ้าผมเป็นมัน ผมก็คงจะโกรธตัวเองไม่ต่างกัน

วินาทีนี้ผมไม่โทษใครเลยนอกจากตัวเอง เมื่อวานยังแบกร่างและความรู้สึกพังๆของตัวเองไปให้แมวอ้วนมันปลอบอยู่เลย

แต่พอมาวันนี้ผมกลับทำลายความรู้สึกของมันจนย่อยยับ... ผมกำลังทำให้แมวอ้วนเสียความรู้สึก

ผมวางกระเป๋าและถุงน้ำเต้าหู้ลงบนโต๊ะ หันไปหาออมสินที่มองหน้าผมอยู่

“มึงมีเรียนที่ห้องไหนออมสิน”

ออมสินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือถือส่งมาให้ผมอย่างไม่ขัดขืน เป็นเพราะวอลล์เปเปอร์มือถือของมันเป็นรูปตารางเรียนมันเลยยื่นมือมาจิ้มลงบนเลขห้องห้องหนึ่งเพื่อช่วยร่นเวลาในการมองหา

“ห้องนี้อะ”

“เออ ขอบใจมาก”

พูดจบผมก็ท่องเลขห้องไว้ในใจก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ห้องนั้นอย่างไม่รอช้า



[ อดิรัตน์คนคูล ]



ผมแบกร่างของตัวเองขึ้นบันไดอย่างยากลำบาก คำพูดพวกนั้นของไอ้นอร์ธยังคงดังก้องอยู่ในหัว ปกติถ้าโดนมันว่ามาขนาดนั้นผมคงเถียงกลับอย่างไม่เกรงกลัว

แต่นี่ไม่ใช่… คงเป็นเพราะครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งไหนๆ

ผมคาดหวังกับผลลัพธ์ที่ตัวเองจะได้ ซึ่งแน่นอนว่า... ผมผิดหวัง

ไอ้นอร์ธดูไม่โอเคกับสิ่งที่ผมพยายามทำลงไป หนำซ้ำมันยังดูโกรธมากๆอีกด้วย

ไม่นานนักผมก็เดินมาถึงที่หน้าห้องเรียน เหลียวซ้ายแลขวาก็ยังไม่เห็นใครมาสักคน สุดท้ายเลยตัดสินใจนั่งรอหน้าห้องเรียน ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้อยากมารอเรียนไวขนาดนี้หรอก แต่เป็นเพราะไม่อยากอยู่กับไอ้นอร์ธมันมากกว่า ยิ่งเวลาเห็นหน้ามันผมยิ่งอยากร้องไห้

แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้างผมสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่นึกถึงไอ้นอร์ธได้ไม่นาน มันก็โผล่มาในทันที ผมลุกขึ้นยืนอีกครั้งตั้งท่าจะเดินหนีแต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ไอ้เตี้ยมันก็วิ่งเข้ามาประชิดตัวผมซะก่อน

“อย่าเพิ่งหนีกู… กูขอร้อง”

นอร์ธก้มหน้าหอบก่อนจะเงยขึ้นมาสบตากับผม

และแน่นอนว่าผมทำตรงกันข้ามกับที่มันขอ ผมหันหลังเตรียมตัวที่จะเดินหนีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นอร์ธไม่ได้มีแค่คำพูด ฝ่ามือหนายื่นมาจับที่ข้อมือของผม

หัวตาเริ่มร้อนผ่าว ความรู้สึกมากมายอัดแน่นจนเหมือนจะระเบิดออกมา

“กูขอเวลาหน่อยได้มั้ย สองนาทีก็ได้ กูขอคุยกับมึงก่อน”

“แต่กูไม่อยากคุย”

พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นแต่ก็ดูเหมือนว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

“ทำไมถึงไม่อยากคุย”

มันถามเหมือนคนไม่รู้อะไรเลย ทั้งที่ความจริงแล้วมันนั่นแหละคือคนที่ควรรู้ทุกอย่าง

“นี่มึงไม่รู้จริงๆหรือตั้งใจจะกวนประสาทกูอะ”ผมหลุดคำพูดนั้นออกไปก่อนจะหันกลับไปสบตากับมัน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มควบคุมไม่อยู่ ทั้งสีหน้า แววตาหรือแม้กระทั่งคำพูดที่พรั่งพรูออกมา“มึงแม่ง โคตรใจร้ายเลยรู้ปะ”

“แมวอ้วน...”

“ถ้าไม่ชอบที่กูทำก็บอกกันดีๆดิ ไม่เห็นต้องมาดุกูเลย”

ใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับรู้หน้าที่ของตัวเอง

“กูไม่อยากเป็นห่วงมึงแล้วอะนอร์ธ”

เสียงของผมดังสลับกับเสียงสะอื้น

“ถ้ากูรู้ว่าความเป็นห่วงของกูมันจะทำให้มึงโกรธอะ กูคงไม่คิดจะทำมันตั้งแต่แรกแล้ว”

“อย่าร้องไห้ดิ”

“ก็กูเสียใจอะ คนเสียใจร้องไห้ไม่ได้หรือไงวะ”

จังหวะนั้นเองเป็นตอนที่ผมถูกไอ้นอร์ธดึงเข้าไปกอด ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แทนที่จะขัดขืนผมกลับซบหน้าลงกับไหล่ของมัน ซ้ำยังร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม

“กูขอโทษ”

“...”

“เลิกร้องนะแมวอ้วน”

“...”

“วันหลังกูจะไม่ดุมึงแล้ว”


ไม่รู้ว่าเป็นเวรซ้ำหรือกรรมซัด ยังไม่ทันที่ผมจะเลิกร้องไห้ เพื่อนร่วมเซคและอาจารย์ก็ทยอยกันเดินมา เพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับมันเลยทำให้ผมเข้ามานั่งในห้องเรียนทั้งๆที่ยังร้องไห้อยู่ เข้ามานั่งได้สักพักผมก็เลิกร้อง แต่เสียงที่ยังหลงเหลืออยู่คือเสียงสะอื้น

ผมโคตรเกลียดตัวเองตอนร้องไห้เลย นอกจากหน้าจะเบ้เหมือนส้นตีนแล้วยังหายสะอื้นยากอีกด้วย

“ไอ้นอร์ธมึงทำอะไรมันเนี่ย ทำไมมันร้องไห้แบบนี้”

คำถามของออมสินดังขึ้นในระดับที่เราสามารถได้ยินกันแค่สามคน อาจารย์ที่ยืนพูดอยู่หน้าห้องไม่ได้เป็นจุดสนใจของผมอีกต่อไป เพราะสิ่งที่ทำให้ผมสนใจได้มากกว่าคือการมีอยู่ของคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือ

“กูยังไม่ได้ทำอะไรมันเลย”

ไอ้นอร์ธที่แฝงตัวเข้ามาในเซคของพวกผมได้อย่างแนบเนียนตอบออมสินเสียงเบา

ผมไม่รู้ว่าไอ้นอร์ธตั้งใจจะทำอะไร เพราะก่อนเดินเข้าห้องผมก็บอกมันไปแล้วว่าเอาไว้ค่อยคุยกัน แต่มันก็ไม่ฟัง เดินตามผมเข้ามาต้อยๆ ผมนั่งตรงไหน มันก็นั่งตรงนั้น ผมจะหยิบจะจับอะไรมันก็จ้องไปซะทุกอย่าง

“ถ้ามึงไม่ได้ทำแล้วไนซ์มันจะร้องไห้ได้ยังไง”

“...”

“ทำไมเงียบอะ มึงมีพิรุธนะเนี่ย บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่ามึงทำอะไรมัน”ออมสินถามย้ำ แต่ถึงมันจะถามยังไง นอร์ธมันก็ตอบตามเดิม

“กูไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าไม่เชื่อมึงถามมันดูก็ได้”

พอมันโยนมาทางผม ผมก็เลือกที่จะตอบออกไปโดยไม่รอให้ออมสินได้ถาม

“เออ ฮึก ไอ้นอร์ธไม่ได้ทำ”

สะอื้นไม่เลิกเลยกู...

“แล้วมึงร้องไห้ทำไม”

“ก็กูเสียใจกูจะร้องไห้ไม่ได้เลยหรือไง”ผมว่าก่อนจะหันไปมองไอ้นอร์ธ“ทำไมไม่ไปเรียน”

“ก็กูจะอยู่กับมึง”

“พ่อแม่ส่งให้มาเรียน ไม่ได้ส่งให้มาเฝ้ากู”

“...”

“ไปเรียนเลย”

“ก็เลิกร้องไห้ก่อนดิ”

“เลิกแล้ว”

“เลิกอะไร มึงยังสะอื้นอยู่เลย”

“สะอื้นก็ส่วนสะอื้นสิ อย่าเอามารวมกัน”ผมว่า ก่อนเสียงอื้นจะค่อยๆเบาลง“ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวก็โง่หรอก”

“ไม่กลัวหรอกโง่อะ”

“...”

“กูกลัวไม่ได้อยู่ปลอบมึงตอนร้องไห้มากกว่า”



[ ออมสินอินยัวแอเรียย๊ะ ]



ผมนั่งมองไอ้นอร์ธกับไอ้ไนซ์คุยกันงุ้งงิ้งอยู่สองคน พวกมันทั้งคู่ปล่อยให้ผมกลายเป็นเพียงอากาศธาตุ

พูดเลยว่าหมาครับ

และแน่นอนว่าหมาในที่นี้ไม่ใช่สัตว์แต่เป็นตัวกูเอง

เพิ่งเคยรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางขนาดนี้ก็ตอนนี้แหละ เหมือนเป็นก้างขวางคอพวกมันสองคนยังไงก็ไม่รู้ สุดท้ายผมก็เลยต้องตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเล่น

ณ จุดนี้ผมคงต้องกราบขอโทษอาจารย์ศักดินนท์ไว้ล่วงหน้า ผมพยายามจนสุดความสามารถแล้ว แต่ทนนั่งฟังอาจารย์พูดท่ามกลางความรักที่เอ่อล้นของมันสองคนไม่ได้จริงๆ

จึงขอเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

จาก… ออมสินศิษย์รัก


#ทิศเหนือของผม



สามารถติดตามนักเขียนได้ที่—

Twitter ; augustismine1

Fan Page ; Augustismine







หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 23) --- 21/04/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-04-2020 22:52:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 23) --- 21/04/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-04-2020 03:00:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 23) --- 21/04/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 24-04-2020 13:17:21
 o13
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 23) --- 21/04/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-04-2020 08:58:58
โถ ออมสินลูก~
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 02-05-2020 21:23:32
24

สิ้นสุดทางแฟน



[ ทิศเหนือคนจริง ]



ผมเอาแต่ขลุกอยู่กับแมวอ้วนจนกระทั่งเรียนช่วงเช้าเสร็จ ดีที่วันนี้ผมมีเรียนเซคเดียวกับไอ้อิ๊วและไอ้ไกด์ ผมจึงไหว้วานให้มันสองคนช่วยดูแลกระเป๋าของผมและน้ำเต้าหู้ลูกรักของแมวอ้วน

และแน่นอน กว่าคำว่าตกลงจะหลุดออกมาจากปากของพวกมันผมก็โดนมันทั้งคู่บ่นไปหลายประโยคเหมือนกัน

แต่เอาเถอะ อย่างน้อยการโดนบ่นครั้งนี้มันก็แลกมาด้วยอะไรที่คุ้มค่ามากกว่า

อย่างเช่น การได้นั่งมองหน้าแมวอ้วนเป็นเวลาหลายชั่วโมง

ไม่ได้มีบ่อยๆนะโอกาสแบบนี้

“นี่กระเป๋ากับน้ำเต้าหู้ของมึง”

ยังไม่ทันได้เดินขึ้นไปบนโรงอาหาร อิ๊วกับไกด์ก็เดินมาสมทบกับพวกเราทั้งสาม ผมยื่นมือไปรับของจากมือซีอิ๊ว ก่อนเอากระเป๋าขึ้นมาสะพายข้างส่วนน้ำเต้าหู้ผมก็ทำหน้าที่เป็นคนถือเหมือนเมื่อเช้า

“เดินมาด้วยกันแบบนี้แสดงว่าดีกันแล้ว?”ไอ้ไกด์เลิกคิ้วถาม แต่แทนที่คนตอบจะเป็นผมหรือไม่ก็แมวอ้วน ออมสินมันกลับทำหน้าที่นั้นแทน

“เออ มันดีกันแล้ว มึงสองคนลองทายนะ ว่าใครเป็นหมา”

“ไม่เห็นจะยากเลยคำถามนี้”ไอ้ไกด์มันว่าปนขำ“ก็มึงไง”

“มึงแม่งเก่งว่ะไกด์”ออมสินเอ่ยชม จากตอนแรกที่ยื่นอยู่กับพวกผมสองคน มันก็ย้ายตัวเองไปอยู่กับไอ้ไกด์และไอ้อิ๊ว“มึงสองคนเชื่อมั้ย พอพวกมันดีกันปุ๊บ กูก็รับรู้ได้ถึงพลังงานของความรักที่ลอยวนอยู่ในอากาศ นี่ถ้ามดขึ้นตัวกูได้คงขึ้นไปแล้ว”

“มึงพูดเว่อร์เกินไปแล้วออมสิน”คนข้างกายผมที่อารมณ์ดีมากกว่าเมื่อเช้าพูดพร้อมยื่นมือไปดึงแขนเสื้อชุดนิสิตของออมสิน

“เอาอะไรมาเว่อร์ ใครไม่เป็นกูไม่รู้หรอก คุยกันงุ้งงิ้งอยู่สองคน ปล่อยให้กูกลายเป็นแค่อากาศ พูดแล้วก็เศร้านะเว้ยไอ้ไกด์ไอ้อิ๊ว คำว่าเพื่อนกับแฟนของคนเรามันไม่เคยเท่ากันอยู่แล้ว”พูดจบออมสินมันก็สวมบทเป็นผู้ถูกกระทำ แกล้งปาดน้ำตาทิพย์อะไรของมันไป

เลิกเรียนวิศวะแล้วไปเรียนการแสดงเถอะมึง...








[ อดิรัตน์คนคูล ]



พอเรียนเสร็จ ชีวิตผมก็วนกลับเข้ามาในวงจรเดิม

วันนี้คนที่ทำหน้าที่ยืนรอผมเปลี่ยนชุด ไม่ใช่ออมสิน

แต่เป็นไอ้นอร์ธ…

ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา ผมก็เห็นไอ้เตี้ยมันยืนจ้องหน้าอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่ หอบเอาข้าวของและกระเป๋ามาวางไว้ที่หน้ากระจก จัดการพับเสื้อผ้าลงกระเป๋า สายตาก็ยังไม่วายสังเกตใครบางคนผ่านกระจก ไอ้นอร์ธมันเดินเข้ามาประชิดตัวผมก่อนขวดนมหนึ่งขวดจะถูกวางลงตรงหน้า
“อะไร?”

“นมช็อกโกแลต”

“แล้วเอามาให้กูทำไม”

“กูซื้อมาฝาก”

“แต่กูยังไม่อยากกินอะ”

“ถ้ายังไม่กินก็เก็บไว้”มันถือวิสาสะยัดนมกล่องนั้นใส่ในมือผม“ถือซะว่ากูซื้อมาแทนน้ำเต้าหู้สองถุงนั้น”

พอพูดถึงน้ำเต้าหู้ผมก็ยังรู้สึกเสียดายไม่หาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศร้อนหรือว่าอะไรมันเลยทำน้ำเต้าหู้สองถุงนั้นเสียไวกว่าปกติ

สุดท้ายผมก็เลยอดกินน้ำเต้าหู้ที่อุตส่าห์ดั้นด้นตื่นเช้าไปซื้อมา

แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น สิ่งที่ผมสงสัยคือ

“นมช็อกโกแลตมันจะแทนน้ำเต้าหู้ได้ยังไงวะ”

“…”

“แค่สีก็คนละอย่างแล้ว”

“เออหน่า มันก็หวานเหมือนกันนั่นแหละ”

“ถ้าหวานเหมือนกัน กูแดกน้ำตาลทรายแทนก็ได้งั้นดิ”

พอผมพูดจบอีกฝ่ายก็ขำออกมา ผมมองรอยยิ้มนั่น ก่อนคำถามบางคำถามจะแล่นเข้ามาอยู่ในหัว

“นอร์ธ”

“หือ”

“มึงโอเคขึ้นหรือยังวะ”

“เรื่องอะไร”

“ก็เรื่องเมื่อวานไง”

อีกฝ่ายนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ“เออ”

พอได้ยินคำตอบผมก็ได้แต่ขมวดคิ้ว“เออ นี่คือเอออะไร เออโอเคหรือเออไม่โอเค”

“เออ กูโอเค”

“อ๋อ”

ได้ยินดังนั้นก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยไอ้ที่ร้องไห้ไปวันนี้ก็ไม่ได้เสียเปล่า

ผมหยิบเอาป้ายชื่อออกจากกระเป๋าก่อนจะจัดการกวาดทุกอย่างที่คิดว่าเป็นของตัวเองลงกระเป๋า

รวมถึงนมช็อกโกแลตขวดนั้นด้วย

“แมวอ้วน”

ขณะที่ผมกำลังเอาป้ายชื่อขึ้นมาคล้องคอ คนข้างกายก็เรียกชื่อจนผมต้องหันไปมอง

“ว่าไง”

“ขอบใจนะ”

“เรื่องอะไรวะ”

“เรื่องเมื่อวาน”

“...”

“กอดของมึงช่วยกูไว้ได้เยอะเลย”






หลังกิจกรรมเชียร์เสร็จพี่ปีสองก็ขอประกาศอะไรเพิ่มเติมนิดหน่อย และเรื่องที่พวกพี่เขาพูดก็มีทั้งหมดสองเรื่องด้วยกัน โดยเรื่องแรกที่พี่เขาประกาศคือเรื่องการประกวดดาวเดือนของคณะเรา

ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ได้ตำแหน่งเดือนคณะจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากทนายเด็กหนุ่มผู้เป็นดั่งความสดใสของโลกใบนี้

ทางด้านดาวคณะก็เป็นไปตามที่ผมคาดไม่มีผิดเพี้ยนเช่นกัน  เพราะคนที่ได้ตำแหน่งนั้นไปครอบครองก็คือ ออกัส วิศวะไฟฟ้า

เอาจริงๆถ้าผมเป็นคนคัดเลือกผมก็จะเลือกให้ออกัสเป็นดาวคณะของเราเหมือนกัน คนอะไรก็ไม่รู้ทั้งน่ารัก ยิ้มสวยแถมยังวางตัวดีอีกด้วย หาที่ติไม่ได้จริงๆ

พอประกาศชื่อคนที่ได้ตำแหน่งครบ เขาก็ให้ทั้งทนายและออกัสออกไปพูดอะไรนิดหน่อย

ทนายยังคงคอนเซ็ปต์เดิมของตัวเอง นั่นก็คือคำพูดซื่อๆกับรอยยิ้มโลกละลาย พูดได้เลยครับว่าตายเรียบ!

ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ทุกคนต่างเอ็นดูทนาย

และหนึ่งในนั้นก็มีผมด้วย นายอดิรัตน์ผู้คลั่งรักทนายยิ่งกว่าอะไรดี

พอพูดเสร็จเขาก็ให้ทั้งสองคนกลับมานั่งตามเดิม ทันทีที่ทนายทิ้งตัวลงนั่ง ผมก็รีบเอ่ยแสดงความยินดี

“เราดีใจด้วยนะทนาย”

“ขอบใจนะไนซ์”อีกฝ่ายยิ้ม“เนี่ย เมื่อกี้นะ เราตื่นเต้นมากๆเลยนะ ไม่เชื่อลองจับดูดิ”

แล้วทนายก็เอามือผมไปวางไว้ตรงหน้าอกของตัวเอง  หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับไปวิ่งรอบสนามมาสักห้ารอบ

“ทนายเก่งอะ ทั้งๆที่ตื่นเต้นยังพูดได้ดีขนาดนี้เลย ถ้าเป็นเรานะ ไม่ทันพ้นคำว่าสวัสดีหรอก”พอจบประโยคเราทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา

และเรื่องต่อไปที่พี่เขากำลังจะพูดก็เป็นสิ่งที่พวกเราชาวปีหนึ่งหลายๆคนต่างรอคอย

เรื่องที่ว่านั่นจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากเรื่องของเสื้อช็อปและเกียร์รุ่น ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะมีพิธีมอบหลังจากกิจกรรมห้องเชียร์เสร็จสิ้นไปแล้วหนึ่งถึงสองวัน ส่วนรายละเอียดของพิธีการพี่เขาบอกว่าให้รอฟังอีกที แต่ที่แน่ๆคนที่จะมามอบเกียร์กับช็อปให้ก็คือพี่รหัสของพวกเราแต่ละคนนั่นเอง






ผมเดินทางกลับมาที่หอของตัวเองและแน่นอนครับ

ผมไม่ได้มาเพียงตัวเดียว... เพราะไอ้นอร์ธมันติดสอยห้อยตามมาด้วย

“มึงจะบอกกูได้ยังว่าตามกูมาทำไม”

พอเดินมาถึงหน้าห้อง คำถามนี้ก็ดังออกจากปากผมเป็นรอบที่สาม หันไปมองคนที่เดินตามผมมาติดๆอย่างไอ้นอร์ธ มันไม่รีบตอบในทันทีทันใด ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปครู่หนึ่งกว่าผมจะได้ยินคำบางคำหลุดออกจากปากของมัน

“ก็กูอยากอยู่กับมึง”

ครบ จบภายในประโยคเดียว แต่ถึงจะชัดเจนขนาดไหนพอได้ยินก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ วันนี้เราสองคนตัวติดกันไม่ต่างจากตังเม ตอนเช้าอยู่ด้วยกัน เที่ยงก็นั่งกินข้าวข้างกัน บ่ายเรียนเซคเดียวกันแถมยังลากยาวมาจนถึงเข้าห้องเชียร์

แค่นี้ยังไม่พอใจมึงอีกเหรอ อีกนิดคือย้ายข้าวของเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้วนะ

“วันนี้ก็อยู่มาเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ กูเจอหน้ามึงสามเวลาหลังอาหารแล้วเนี่ย”

“สำหรับมึงมันอาจจะเยอะ”

“...”

“แต่สำหรับกู แม่งยังไม่พอว่ะ”

หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดทันที! วันนี้หลายดอกแล้วนะมึง ไม่มีแผ่วเลย คิดว่ากูจะกลัวอย่างนั้นน่ะเหรอ เออ! มึงคิดถูก ใครจะไปต้านทานไหววะมาติดๆกันแบบนี้

ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของมัน และตั้งหน้าตั้งตาไขกุญแจเพื่อเปิดห้อง

พอบานประตูถูกเปิดออก ยังไม่ทันได้ก้าวขาเข้าไปในห้อง คนข้างกายผมก็พูดขัดขึ้นซะก่อน

“เดี๋ยวกูมานะ”

“มึงจะไปไหน?”

“ไปเอาของที่พวกพี่จั๊มพ์”

“อ๋อ”

ผมหยักหน้าแทนการตอบ และก่อนที่ไอ้เตี้ยจะเดินไป มันก็ไม่ลืมทิ้งคำสั่งไว้ด้วย“อย่าลืมล็อกห้องนะ”

“ไม่ต้องล็อกก็ได้มั้ง เดี๋ยวมึงก็มาหนิ แป๊บเดียวเอง”

“กูจะกลับช้าหรือเร็วก็ต้องล็อก”

“แต่...”กำลังจะอ้าปากพูดประโยคที่อยู่ในหัวแต่ก็ถูกมันพูดขัดซะก่อน

“ต้องล๊อค”

“ไม่ดิ...”

“ต้องล็อก”

“…”

“ต้องล็อก”

“เออ”กูยอมแพ้มึงก็ได้!

“ก็แค่นี้”อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

“ก็แค่นี้”ล้อเลียนประโยคสุดท้ายที่มันพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย คอยดูเถอะไอ้เตี้ยจอมเผด็จการ กูจะล็อกห้องไม่ให้มึงเข้า!

พอล็อกประตูตามคำสั่งของไอ้นอร์ธเรียบร้อย ผมก็ไม่รอช้ารีบถอดรองเท้าและเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


ยังไม่ทันที่ผมจะหายเหนื่อย เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นติดๆกัน

มันไปเร็วมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอวะ…

ผมยันตัวลุกขึ้นยืนและตรงดิ่งไปที่ประตู

“ทำไมมาเร็วขนาดนี้วะ...”

พอบานประตูถูกเปิด ผมก็ต้องร้องเชี่ยออกมาในใจเป็นพันๆครั้ง

“คิดถึงกูมั้ย น้องชายสุดที่รัก”

เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ไม่ใช่ไอ้นอร์ธแต่เป็น

“พี่นันท์”

พี่ชายของผมเอง...

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นอะ นี่พี่ชายนะเว้ยไม่ใช่ผี”

“พี่นันท์มาทำอะไรที่นี่อะ”

“กูก็แค่อยากมาหา ทำไม เดี๋ยวนี้การจะมาหาเจอหน้ามึงมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะมองข้ามหัวผมเข้าไปในห้อง เป็นเพราะพี่นันท์สูงกว่าผมหลายเซ็นต์มันเลยไม่ใช่เรื่องยากกับการที่เขาจะทำแบบนี้

“พี่นันท์มองหาอะไรอะ”

“เปล่า กูแค่รู้สึกว่าวันนี้มึงแปลกๆ”

“…”

“เลยสงสัยว่ามึงอาจจะซ่อนอะไรไว้ในห้อง”

“ไม่ได้ซ่อนอะไรทั้งนั้นแหละ”

“แน่เหรอ?”

“แน่ดิ”

“ใครจะไปรู้วะ มึงอาจจะซ่อนสาวไว้ก็ได้”

สาวอีกแล้ว... คนที่บ้านกูดูจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษนะ

“ไม่มีสาวไหนทั้งนั้นแหละ”

มีแต่หนุ่ม เนี่ย พอนึกถึงหนุ่ม ความกังวลก็เริ่มก่อตัวเพราะไอ้นอร์ธมันบอกว่าจะกลับมาที่ห้อง แล้วถ้ามันเจอพี่นันท์ขึ้นมาผมจะทำยังไงอะ คือผมไม่ได้ต้องการจะเก็บความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่เป็นความลับนะ แต่ที่กลัวเพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆแล้วอีกอย่างผมกับไอ้นอร์ธก็ยังเป็นแฟนระยะทดลองกันอยู่  เลยยังไม่กล้าที่จะยืนยันสถานะของเราทั้งคู่กับคนรอบตัวสักเท่าไหร่ เผื่อวันใดวันหนึ่งมันเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมา

“ให้มันจริงเถอะ แล้วนี่ใจคอมึงจะปล่อยให้พี่ชายยืนอยู่แค่นอกห้องเหรอ”

พอได้ยินแบบนั้นผมก็หลีกทางให้พี่นันท์เดินเข้ามาในห้อง

เราทั้งคู่อายุห่างกันหลายปี กว่าผมจะขึ้นมหา’ลัย พี่นันท์ก็ทำงานแล้ว และมันเหมือนจะเป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ พอเรามีพี่หรือน้องเราก็มักจะถูกเปรียบเทียบ ผมนี่โดนเป็นประจำเลย

ซึ่งผมก็คิดนะ ว่ามันไม่สามารถเอามาเทียบกันได้เลย ก็มันเป็นคนละคนกัน พยายามให้ตายยังไงก็ไม่เหมือนกันหรอก

ผมปล่อยให้พี่นันท์ได้เดินสำรวจห้อง ส่วนตัวเองก็เดินมาหยิบน้ำออกจากตู้เย็นและเทใส่แก้ว ก่อนจะเอามันมาวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา“นี่น้ำนะพี่นันท์”

“เออ”

“…”

“แล้วนี่มึงกลับเวลานี้ทุกวันเลยหรือเปล่า”

“ก็เกือบทุกวันนะ ยกเว้นแค่วันศุกร์”ผมเอ่ยตอบพลางทิ้งตัวลงนั่ง

“อ๋อ ตอนแรกแม่บอกว่ามึงกลับหอมืดทุกวัน กูก็ไม่คิดว่ามันจะมืดขนาดนี้”

“ช่วงนี้มันมีเข้าห้องเชียร์ด้วยไง ไนซ์เลยกลับมืด แต่เหลือเข้าอีกแค่ไม่กี่ครั้งหรอก ต่อไปคงไม่ได้กลับมืดแล้ว”

อีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆก่อนจะถามต่อ“แล้วเรียนเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดี”

“เหรอ”

“อื้อ”

“แล้วมึงกินข้าวยัง”พี่นันท์ถามพลางเดินมาทิ้งตัวข้างผม

“ยังเลยอะ พี่นันท์ล่ะกินมาหรือยัง”

“กูก็ยังเหมือนกัน”

“...”

“แถวนี้มีร้านไหนอร่อยบ้างล่ะ เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงข้าวเย็น”

“เอ่อ...”

ผมกระอักกระอ่วน ใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าไปแล้วนอร์ธกลับมามันจะไม่เจอใคร แต่อีกใจก็อยากตอบตกลงให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย อย่างน้อยๆมันก็สามารถขัดขวางการเจอกันครั้งนี้ของไอ้นอร์ธกับพี่นันท์ได้

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่ให้เวลาผมคิดสักเท่าไหร่

เพราะยังไม่ทันจะหาทางออกของปัญหาได้ ท่านก็ส่งไอ้นอร์ธกลับเข้ามา...

ตาผมเบิกโพลงหันไปมองที่บานประตู ก้อนเนื้อที่ออกข้างซ้ายเต้นแรงราวกับว่ามีคนมารัวกลองชุดอยู่ข้างใน

ฉิบหายแล้ว...

“ใครมาวะ”

พี่นันท์ขมวดคิ้วถาม ผมใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อคิดหาคำตอบออกจากสมองอันน้อยนิดของตัวเอง“น่าจะเพื่อนไนซ์แหละมั้ง เดี๋ยวไนซ์ขอไปดูก่อน”

พูดจบก็รีบลุกจากโซฟาแต่ยังไม่ทันที่จะก้าวไปไหน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกระลอกแต่รอบนี้มันมีเสียงอื่นเพิ่มเข้ามาด้วยนี่สิ

“แมวอ้วนเปิดประตูให้กูหน่อย”


ถึงกับชะงักและหันกลับไปมองพี่นันท์ที่ตอนนี้ขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่

“แมวอ้วนคือใครวะ ชื่อมึงเหรอ”

“เอ่อ… คือ”เอายังไงดีวะกู

ในระหว่างที่กำลังคิดหาคำอธิบายให้กับฉายาแมวอ้วน จังหวะนรกของผมก็ไม่ได้จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะมันยังตามมาด้วยคอมโบชุดใหญ่ที่ต้อนผมให้จนมุม

“มัวทำอะไรอยู่วะ”

“...”

“ปล่อยให้แฟนรอนานมันไม่ดีนะแมวอ้วน”

กูเกลียดมึงไอ้เตี้ยหัวล้านจังหวะนรก!

รอบนี้พี่ชายผมไม่นั่งเฉยเหมือนอย่างเคย พี่นันท์ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงก่อนจะพูดด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

“ข้าวเอาไว้ทีหลังก็ได้”

“...”

“แต่ตอนนี้กูต้องการคำอธิบายอะไรนิดหน่อย”

พูดจบเขาก็รับหน้าที่เป็นคนเปิดประตูแทนผม กูร้องไห้แล้ว นึกถึงบุญกุศลที่ตัวเองเคยก่อ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงปกปักรักษาและช่วยให้นายอดิรัตน์รอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยเถิด สาธุ






[ ทิศเหนือคนจริง ]



ผมกระชับสายสะพายของกระเป๋ากีตาร์ยืนรอแมวอ้วนอย่างมีความหวัง นับตั้งแต่การเคาะประตูครั้งแรกมันก็ผ่านมาตั้งหลายนาที แต่แมวอ้วนก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะออกมาเปิดประตูให้

มันหลับหรือเปล่าวะ...

กำลังจะเอื้อมมือไปเคาะอีกทีแต่ก็ต้องหดมือกลับก่อน เพราะอยู่ดีๆลูกบิดประตูก็ถูกหมุน ผมกระตุกยิ้มที่มุมปากคาดหวังว่าจะได้เจอแมวอ้วนยืนคิ้วขมวดทำหน้างออยู่หลังบานประตู

แต่ความเป็นจริงมันกลับตรงกันข้าม เพราะคนที่ยืนสบตาผมอยู่ตอนนี้ไม่ใช่แมวอ้วน แต่เป็นใครหน้าไหนก็ไม่รู้ที่โคตรจะสูงแถมหน้าตายังดีอีกด้วย รอยยิ้มของผมหุบลงซ้ำยังตามมาด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ

กำลังจะเอ่ยปากถามว่าผู้ชายตัวสูงนี่คือใคร แต่ก็ถูกขัดไว้ด้วยเสียงของแมวอ้วนที่พยายามแทรกตัวออกมาจากห้องและเดินมายืนข้างกัน มันยื่นมือมาจับชายเสื้อผมก่อนจะกระตุกเบาๆ

“นอร์ธ”

“...”

“นี่พี่นันท์”

“...”

“พี่ชายกูเอง”

จบประโยคผมก็อึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้พี่ชายแมวอ้วนแบบงงๆ

“สวัสดีครับ”

กูไปแค่ไม่กี่นาที ทำไมอยู่ดีๆพี่ชายมันมาโผล่ในห้องได้วะ พออีกฝ่ายรับไหว้เขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงยิ่งคำถามใส่ผมทันที

“ชื่อนอร์ธเหรอมึงอะ”

“ใช่ครับ”

“เรียนอยู่คณะเดียวกัน?”

“ครับ”

“แล้วจบมาจากไหน”

“จบมาจากโรงเรียน SN ครับ”

กูพูดเลยว่ามีหางเสียงทุกประโยค ถึงจะงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย แต่ไหนๆก็มีโอกาสแล้ว นายทิศเหนือก็ขอทำคะแนนกับพี่ชายแมวอ้วนสักหน่อย

ความประทับใจแรกสำคัญเสมอ ผมเชื่อแบบนั้น

“เด็กโรงเรียนตรงข้ามนี่หว่า”

“ครับ”

ผมตอบทุกคำถามอย่างฉะฉาน จนกระทั่งมาถึงคำถามสุดท้ายที่ทำเอาไปต่อไม่เป็น

“แล้วมึงเป็นอะไรกับน้องชายกู”

ผมเอาแต่นิ่งเงียบก่อนจะหันมามองแมวอ้วนที่ยืนอยู่ข้างกาย ใบหน้าของมันมีแต่ความกังวล แมวอ้วนเอาแต่ยืนกำชายเสื้อผมแน่น แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ผมไม่รู้ว่าแมวอ้วนต้องการให้ผมตอบยังไง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่ชายมันอยากได้คำตอบแบบไหนจากปากของผม

แต่ดูจากรูปการณ์... ถ้าเขากล้าที่จะถามแบบนี้นั่นก็แปลว่าเขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมกับแมวอ้วนเราเป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นการจะโกหกว่าเราทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนกันคือตัดทิ้งไปได้เลย เพื่อป้องกันการที่ถูกมองในแง่ลบและปัญหาที่จะตามมาภายหลัง คว้าเอามือของคนข้างกายที่กำชายเสื้อของผมอยู่มาประสานเข้ากับมือตัวเองพลางหันมาสบตากับพี่นันท์ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติและความกล้าก่อนจะเปล่งคำบางคำออกมา

“แฟนครับ”

“...”

“ผมกับไนซ์เราเป็นแฟนกัน”




[ อดิรัตน์คนคูล ]



“ผมกับไนซ์เราเป็นแฟนกัน”

ผมมองมือของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายประสานนิ้วทั้งหน้าจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันสลับกับเสี้ยวหน้าของไอ้นอร์ธ ไม่คิดว่ามันจะกล้าตอบพี่นันท์ออกไปแบบนั้น เพราะขนาดตัวผมเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าเราสองคนจะไปกันรอดมั้ย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่นันท์จะว่ายังไง หากรู้ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน

ถึงจะมีการเตรียมใจมาแต่เนิ่นๆแล้วก็เถอะว่าวันหนึ่งถ้าคบกันผมต้องพาไอ้นอร์ธไปรู้จักกับที่บ้าน แต่นี่มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมคิดไว้ไง ยังไม่ทันพ้นช่วงทดลองเป็นแฟนกันเลยด้วยซ้ำนอร์ธมันก็ชิงบอกไปก่อนแล้ว

ผมหันมาสบตากับพี่ชายตัวเองด้วยความกังวล แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมามันตรงข้ามกับสิ่งที่ผมคิดไว้ลิบลับเลย...

“เออ มึงแม่งตรงดีว่ะ กูชอบ”

คำตอบของพี่นันท์ทำเอาผมต้องถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกไป

“พี่นันท์ไม่โกรธเหรอ”

เจ้าของชื่อหันมาขมวดคิ้วใส่“มึงจะให้กูโกรธเรื่องอะไร”

“ก็ที่ไนซ์กับไอ้นอร์ธเป็นแฟนกันไง”

“กูไม่โกรธมันก็ดีแล้วมั้ย หรือมึงจะให้กูโกรธ”

“ไม่เอา”ผมรีบยกมือปฏิเสธ“ไนซ์ก็แค่สงสัยเฉยๆไง คิดว่าพี่นันท์จะโกรธ”

“กูจะโกรธทำเหี้ยอะไร ลำพังแค่คนเด๋อๆแบบมึงมีคนมาชอบ กูก็ดีใจไปสามวันแปดวันแล้ว”

“...”

“และอีกอย่างไอ้เตี้ยนี่ก็ไม่ได้ดูมีพิษมีภัยอะไร”พูดจบก็หันไปมองไอ้นอร์ธ“มึงก็คงไม่ได้เข้ามาเพื่อหลอกน้องกูหรอก จริงมั้ย”

“ครับ”

“กูอะเป็นแค่พี่มึง ไม่มีสิทธิ์ไปบงการชีวิตมึงหรอก”ประโยคนี้พี่นันท์หันมาพูดกับผม“คนที่มีอิทธิพลมากสุดคือแม่กับพ่อโน่น ถ้ามึงจะกลัว มึงต้องกลัวสองคนนั้นโกรธไม่ใช่กู”

พูดจบก็ยื่นมือมาดีดหน้าผากผม

“เข้าใจมั้ยไอ้เด็กโง่”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อยู่ดีๆก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกที่พี่นันท์พูดแบบนั้นออกมา ถึงบางครั้งพี่นันท์จะดูเป็นคนเจ้าอารมณ์และไร้เหตุผล แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าครั้งนี้พี่นันท์น่ะ โคตรเท่เลย!






หลังจากวิกฤตของพวกเราผ่านพ้นไป พี่นันท์ก็เป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเย็นเราทั้งสองคนที่ร้านอาหารใกล้ๆหอ ตอนแรกก็ดีใจนะที่พี่นันท์ไม่ได้โกรธและดูจะเข้ากับไอ้นอร์ธได้ดี

แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนความคิด!

เพราะตั้งแต่เดินออกมาจากห้องจนกินข้าวเสร็จ ผมก็ถูกถอดยศจากน้องชายสุดที่รักโดยอัตโนมัติ กลายเป็นเพียงหมาข้างถนนตัวหนึ่งที่เข้าไปนั่งร่วมบนโต๊ะอาหาร

ทั้งคู่คุยกันไม่หยุดส่วนบทสนทนาที่ใช้คุยจะเป็นเรื่องอะไรได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องของผม

งานนี้พูดเลยว่าเผากูกันยับ

ผมนี่แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีหรือไม่ก็กัดลิ้นให้ตัวเองตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

“พี่มึงนี่คุยสนุกเหมือนกันนะ”

“สนุกมึงคนเดียวน่ะสิ”

อีกฝ่ายหัวเราะร่วน พอจัดการกับมื้อเย็นจนพุงกางผมก็อาสามาส่งไอ้นอร์ธที่หน้าหอโดยให้พี่นันท์ขึ้นไปรอบนห้องก่อน

“แล้วนี่มึงจะกลับยังไง”ผมถามพลางก้มดูเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือ

นี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว...

“ก็คงต้องรถเมล์แหละ”

“อ๋อ ให้กูไปส่งที่ป้ายรถเมล์มั้ย”

“ไม่ต้องหรอก มึงส่งกูแค่นี้ก็พอ”

ในเมื่ออีกฝ่ายว่ามาแบบนั้นผมจะไปขัดอะไรมันได้

“แมวอ้วน”

แต่ในตอนที่กำลังอ้าปากบอกกับมันว่าแล้วแต่มึง ไอ้นอร์ธมันก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน สุดท้ายเลยได้แต่เลิกคิ้วรอฟังว่ามันจะพูดว่าอะไร

“ไว้กูจะพามึงไปเจอคนที่บ้านกูบ้างนะ”

ถึงจะแอบดีใจที่ได้ยินคำนั้นออกมาจากปากมัน แต่ความสับสนก็ประเดประดังเข้ามาไม่ต่างกัน

ก็อย่างที่บอกไป... ผมยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของเราสักเท่าไหร่

“มึงแน่ใจแล้วเหรอวะนอร์ธ”

“ทำไมมึงถามแบบนั้นวะ”

“ก็… กูยังไม่แน่ใจอะ ว่าอนาคตเราสองคนจะไปด้วยกันรอดมั้ย”

“...”

“เลยถามเผื่อไว้ไง สมมติว่ามึงพากูไปเจอคนที่บ้านแล้ววันหนึ่งเราไปด้วยกันไม่รอด กูก็กลัวว่าคนที่บ้านมึงจะผิดหวัง”

“ก็ช่างหัวอนาคตมันดิ”

“...”

“สนแค่ปัจจุบันไม่ดีกว่าเหรอวะ”

ผมถึงกับไปต่อไม่ถูก เพราะนอกจากหน้าตานอร์ธจะจริงจัง เสียงมันยังดังขึ้นอีกด้วย

“แต่ตอนนี้เรายังเป็นแฟนระยะทดลองกันอยู่เลยนะเว้ย”

“ถ้าอย่างนั้นก็คบกับกูดิ”

“ห้ะ...”

“เป็นแฟนกับกู กูไม่อยากเป็นแล้วแฟนระยะทดลองอะไรเนี่ย กูอยากจริงจังกับมึงแล้ว”

“...”

“เป็นแฟนกันนะแมวอ้วน”

ผมนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเรียกสติให้กลับเข้ามาอยู่ที่ตัว เรียบเรียงคำพูดมากมายที่อยู่ในหัว ผมไม่รู้ว่าคำถามนั้นพาตัวเองมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง

“เดี๋ยวดิ เรายังศึกษากันไม่ครบทุกมุมเลยนะเว้ย”

“เหลืออะไรให้ศึกษาอีกล่ะ นอกจากเยกันแล้วพาไปบ้านมันก็ไม่เหลืออะไรให้มึงศึกษาแล้ว”

หากนอร์ธใจเย็นๆแล้วฟังไนซ์สักหน่อย ไม่มีแผ่วเลยนายคนนี้

“ไม่ดิ...”

ยังไม่ทันที่คำถามของจะส่งไปหามันจนจบประโยค อีกฝ่ายก็พูดขัดอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นกูขอถามมึงอย่างหนึ่งได้มั้ย”

“ถามอะไรวะ”

“ตอนนี้ชีวิตมึงมีความสุขมั้ย”

“มึงถามทำไมอะ”

“ตอบมาเถอะ เอาตามตรงเลย”

ผมสบกับตาคมคู่นั้นอีกครั้ง อยู่ดีๆก็รู้สึกปากหนัก กว่าจะเอ่ยออกมาได้แต่ละคำก็ช่างยากลำบาก

“ก็… มี”

“มากมั้ย”

“มาก”

“แล้วความสุขของมึง”

“...”

“มีกูอยู่ในนั้นหรือเปล่า”

คำถามสุดท้ายทำเอาผมปากหนักมากกว่าเดิม คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

ถ้าไม่นับเรื่องที่มันทำให้ผมร้องไห้วันนี้…

“ก็… มี”

นอร์ธมันก็เป็นความสุขของผมมาโดยตลอด

“เนี่ย แค่นี้ก็เป็นแฟนกันได้แล้ว”

“อย่าเพิ่งดิ”ผมร้องห้าม“กูขอถามมึงกลับบ้าง”

เพราะยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ผมอยากรู้และหาคำตอบด้วยตัวเองไม่ได้

“ถามอะไร”

“ถ้าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน… กูหมายถึงหลังจากนี้อะ”

“...”

“มึงจะหายไปมั้ยวะ”

แววตาคู่นั้นหม่นลงเล็กน้อย ก่อนอีกฝ่ายจะสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดและเสมองไปทางอื่น

“กูก็ยืนยันไม่ได้เหมือนกันว่าจะหายไปมั้ย”

นอร์ธมันตอบโดยไม่ยอมหันมาสบตากับผม

“แต่ถ้าไม่ได้หายไป กูก็คงจะเหมือนเดิมกับมึงไม่ได้”

“...”

“อาจจะคุยกับมึงน้อยลงหรือไม่... ก็พยายามหลบหน้ามึง”

“…”

“มึงถามทำไมวะ หรือคำตอบของมึงไม่ใช่อย่างที่กูหวัง”

คำถามนั้นถูกส่งมาพร้อมดวงตาของมันที่หันมาสบกับผมอีกครั้ง

“ไม่ใช่แบบนั้น”

ผมรีบตอบพร้อมส่ายหน้าก่อนที่มันจะคิดไปไกลกว่านี้

เอาจริงๆความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้นอร์ธที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนเป็นเพื่อนกันสักเท่าไหร่

อาจจะมีแค่บางอย่างที่เปลี่ยนไป เช่นดูแลผมดีขึ้น ตามวอแวผมมากขึ้น ส่วนเรื่องอื่นๆก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน โดยเฉพาะปากยังที่หมาเสมอต้นเสมอปลาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้แย่ไง เพราะผมก็ใช่ว่าจะพูดเพราะๆกับมัน

ในเมื่อใช้เหตุผลนี้มาช่วยตัดสินไม่ได้ ผมก็คงต้องเลือกความสบายใจของตัวเองเป็นหลัก

ไม่รู้หรอกว่าที่ตัวเองตัดสินใจจะใช่ทางที่ดีที่สุดหรือเปล่า แต่ถ้าถามว่าระหว่างกลัวคนที่บ้านนอร์ธผิดหวังกับกลัวไม่มีมันอยู่ในชีวิต

“แล้วคำตอบของมึงคืออะไร?”

“...”

“ตกลง?”

ผมขอเลือกกลัวอย่างหลังดีกว่า

“อือ”

“...”

“เป็นแฟนกัน”



#ทิศเหนือของผม

หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 24) --- 02/05/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-05-2020 22:01:52
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 24) --- 02/05/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Windtofree ที่ 02-05-2020 23:45:32
เขาเป็นแฟนกันจริงๆแล้วววว :hao4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 24) --- 02/05/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 03-05-2020 05:38:57
 :mew3:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 24) --- 02/05/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-05-2020 16:28:15
ตอบแบบคนคูลไปเลยนะ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 24) --- 02/05/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-05-2020 16:32:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

สถานะเรียนรู้กันก็เลยหมดไป กลายเป็นสถานะแฟนไปแล้ว

สงสัยต้องขอบคุณคุณพี่ชายโนะ
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 24) --- 02/05/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Payumoon ที่ 03-05-2020 20:08:39
 :mew3: :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 24) --- 02/05/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-05-2020 11:11:58
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 19-05-2020 11:17:34
25

ทิศเหนือกับความรักสุดมหัศจรรย์





[ ทิศเหนือคนจริง ]



9 เดือนที่แล้ว...




ผมจำได้ไม่แน่ชัดว่าเจอกับเขาครั้งแรกเมื่อไหร่ เช่นเดียวกันผมก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุของการตกหลุมรัก

เด็กผู้ชายคนนั้น...

คนที่มักจะปั่นจักรยานกลับมาที่หน้าโรงเรียนของตัวเองเป็นเวลาเดิมทุกวัน เพื่อเอาไก่ย่างมาให้หมาตัวโตตัวนั้น

หมาตัวเดิม จักรยานคันเดิมและคนคนเดิม

มีใครบางคนเคยบอกว่าเรามักจะตกหลุมรักความธรรมดา ตอนได้ยินครั้งแรกผมก็ไม่เชื่อหรอก จนได้มาเจอกับตัวเองนี่แหละ

เขาทำให้กิจกรรมยามเย็นของผมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง หลังจากเตะบอลเสร็จผมก็ต้องรีบออกมายืนหน้าโรงเรียน เพื่อรอดูเขาให้ไก่ย่างกับหมา

โรแมนติกสัด...

แต่ถึงกระนั้นการตกหลุมรักครั้งนี้ของผมมันก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวัง เพราะเรื่องของเขาถูกนำไปพูดกันอย่างหนาหูในโรงเรียนของผม พูดในด้านดีบ้าง ไม่ดีบ้าง มีแม้กระทั่งเอาไปหัวเราะเยาะกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็ว่าเขาเพี้ยนที่เอาแต่ยืนคุยกับหมาเป็นระยะเวลาหลายนาที ซึ่งผมไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน ออกจะน่ารักด้วยซ้ำไป

หน้าเหมือนแมวแต่ยืนคุยกับหมา

“ไอ้เพี้ยนอีกแล้วเหรอวะ”

เสียงของใครบางคนดังขึ้นจนทำให้คิ้วของผมขมวด หันไปก็เจอไอ้ตองห้องสามกำลังชะเง้อมองไปที่ถนนฝั่งตรงข้ามก่อนมันจะหันไปหัวเราะกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันพูดแบบนี้...

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร คนอย่างไอ้ตองถึงได้มีอิทธิพลในโรงเรียนเป็นอย่างมาก ไม่ว่ามันจะพูดหรือทำอะไร คนส่วนใหญ่ก็ต้องเห็นดีเห็นงามตามมันไปซะหมด

ไม่เว้นแต่เรื่องไม่ดี

เพราะไอ้ตองเป็นหนึ่งในคนที่อยู่เล่นฟุตบอลกับผมทุกเย็น มันเลยได้เจอกับเขาคนนั้นและทุกครั้งที่มันเจอก็มักจะมีคำพูดหมาๆออกมาจากปากของมันเสมอ

ถ้าเจ้าตัวมาได้ยินคงต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ

ผมถอนหายใจกำลังจะก้าวขาออกจากจุดที่ตัวเองยืน อยู่ต่อไปก็มีแต่อารมณ์เสีย ไม่มีใครอยากได้ยินเรื่องของคนที่ตัวเองชอบถูกพูดถึงในทางไม่ดีหรอก

“มึงว่ามันคุยกับหมารู้เรื่องปะ”

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนผมก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของไอ้ตอง

“กูว่าไม่หรอก ถ้าคุยรู้เรื่องป่านนี้คงไม่มาเรียนหรอกไปอยู่โรง’บาลบ้าโน่น”

แทนที่จะห้ามกัน เพื่อนไอ้ตองกลับเสริม

ใครว่าอยู่ชายล้วนแล้วจะไม่มีเรื่องนินทา แนะนำให้เปลี่ยนความคิดนั้นใหม่ ดูอย่างไอ้พวกนี้เป็นตัวอย่าง ไม่ว่าเราจะอยู่ในสังคมแบบไหน จะเล็กหรือใหญ่ เราก็ต้องเจอกับคนประเภทนี้อยู่เสมอ

ไอ้พวกปากอยู่ไม่สุขชอบพูดให้คนอื่นรู้สึกแย่เนี่ย แค่หุบปากแล้วไม่พูดระรานคนอื่นมันจะตายหรือไง

“เฮ้ย พวกเรามาดูไอ้เพี้ยนคุยกับหมาดิ”

สิ้นเสียงของมันราวกับทุกคนที่ยืนอยู่รอบตัวผมรู้ว่าไอ้เพี้ยนที่ไอ้ตองมันพูดถึงคือใคร สายตาหลายสิบคู่พากันมองไปที่อีกฟากของถนน ถึงนี่จะเป็นเวลาเย็น จำนวนคนที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนก็มีไม่ต่ำกว่าสิบคน

“สงสัยเพื่อนไม่คบมั้ง”

“…”

“หรือบางทีก็อาจจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องจนต้องมาคุยกับหมา”

หลังจากฟังมานาน ความอดทนของผมก็ขาดผึง กัดฟันกรอดเดินไปหาคนที่ยืนห่างจากผมไม่ถึงสิบก้าว อีกฝ่ายหน้าถอดสีตอนผมพุ่งตัวเข้าไปหา

“มึงเป็นเหี้ยอะไรกับเขามากปะตอง”

“…”

“ปากนี่จะอยู่เฉยๆไม่ได้เลยเหรอ”

มันนิ่งไปครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดหาคำพูดที่จะใช้โต้เถียงกับผม

“แล้วมึงยุ่งอะไรด้วยวะนอร์ธ ปากก็ปากกูมั้ย”

“แล้วที่บ้านมึงไม่สอนเหรอว่าถ้าปากมันพูดดีไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดอะ”

“มึงลามปามเหรอวะ”จากที่เป็นคนบุก ตอนนี้ผมถูกกระชากคอเสื้อกลับ จากตอนแรกที่หน้าโรงเรียนที่เคยมีคนอยู่เพียงหย่อมหนึ่ง ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“เฮ้ย มีไรกันวะ ไอ้เหี้ยนอร์ธ!”ซีอิ๊ววิ่งเข้าหาผมก่อนจะพยายามแยกผมกับไอ้ตองออกจากกัน“พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกันเนี่ย ทะเลาะกันเรื่องอะไร”

“มึงก็ถามเพื่อนมึงเองเถอะ อยู่ดีๆก็มาด่ากู ไปปกป้องไอ้เหี้ยนั่นทำเหี้ยอะไรก็ไม่รู้”

“…”

“สงสัยจะเพี้ยนเหมือนกัน”

“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรล่ะ”ผมสะบัดตัวจนหลุดออกจากการจับกุมซีอิ๊ว พุ่งหมัดเข้าไปที่หน้าของไอ้ตองจนอีกฝ่ายล้มไปกองกับพื้น พอลุกขึ้นได้มันก็ไม่ยอมให้ผมได้ทำฝ่ายเดียว ซัดหมัดเข้ามาที่หน้าของผมอย่างจัง ตอนแรกก็ทำหน้าที่เป็นผดุงความยุติธรรมอยู่หรอก แต่ตอนนี้ผมใช้อารมณ์ของตัวเองล้วนๆ หลายสิบหมัดที่ผมต่อยมันไป ถูกมันต่อยคืนมาในจำนวนที่เท่ากัน

ผมเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าของเหลวที่อยู่ในปากของตัวเองมันคือน้ำลายหรือว่าเลือด

ความชุลมุนเกิดขึ้นได้ไม่นาน แล้วทุกอย่างก็ต้องยุติ เพราะครูฝ่ายปกครองเดินออกมาจากโรงเรียนและจับผมทั้งสองคนแยกออกจากกัน สภาพตอนนี้พูดเลยว่าดูไม่ได้

เพราะนอกจากขาแว่นจะหัก ปากผมก็ยังแตกอีก เป็นเพราะนี่ไม่ใช่การมีเรื่องครั้งแรก ผมเลยรู้ดีว่าพรุ่งนี้ร่างกายของตัวเองต้องใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจจะถึงขั้นระบมและฟกช้ำไปทั้งตัว

ไอ้ตองมันต่อยแค่ที่หน้าผมซะที่ไหน หมัดที่มันต่อยมาแม่งโดนตั้งแต่ส่วนหัวไปถึงช่วงเอว

และแน่นอน เรื่องมันไม่ได้จบแค่ต่อยกันแล้วกลับบ้านไปอย่างสบายใจ

พรุ่งนี้ทั้งผมและไอ้ตองถูกเรียกพบผู้ปกครอง...






“มึงนี่จริงๆเลยนะนอร์ธ”

“…”

“แล้วจะไปบอกพ่อกับแม่มึงว่ายังไงเนี่ย”

ผมหันไปมองคนที่เดินอยู่ข้างกัน ซีอิ๊วมันบ่นผมตั้งแต่โรงเรียน จนตอนนี้มาถึงหน้าปากซอยบ้านผมมันก็ยังไม่เลิกบ่น แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ผมเดินได้ช้ากว่าทุกวัน เพราะหมัดของไอ้ตองมันสำแดงเดชเร็วกว่ากำหนด กูนี่ระบมไปหมด

“ก็ไม่ต้องบอก”

“ไม่บอกได้ยังไงไง ไอ้ตรงอื่นอะโกหกได้แต่ดูที่ปากมึงดิ จะไปโกหกเขาว่าไง สะดุดขาตัวเองล้มแล้วปากแตกเหรอ”

“เป็นความคิดที่ดี”

“ดีบ้านมึงสิ”มันว่าก่อนจะใช้นิ้วกดมาที่ปากผมจนต้องทำหน้าเบ้

“เจ็บนะเว้ย”

“เจ็บก็จำ ยังไงวันนี้มึงก็ต้องบอกที่บ้านอะ ไม่อย่างนั้นวันเฉลิมตามถึงบ้านมึงแน่”

“ก็ช่างหัวเขาดิ”

เพื่อนตัวสูงถอนหายใจ พระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน ย้อมทุกอย่างรอบตัวผมให้กลายเป็นสีส้ม“กูถามมึงจริงๆเลยนะนอร์ธ”

“…”

“มึงไปมีเรื่องกับไอ้ตองมันทำไมวะ”

“ก็มันปากหมา”

“คนอย่างไอ้ตองมันก็ปากหมาปกติอยู่แล้วมั้ย”

“แต่มันไปว่าเขา”

อิ๊วขมวดคิ้ว“เขาไหนวะ”

“คุณโรงเรียนตรงข้าม”

ซีอิ๊วเป็นเพื่อนสนิทของผม มีอะไรผมก็มักจะเอาไปปรึกษามันเป็นคนแรกๆตลอด รวมถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มันจะรู้ว่าคุณโรงเรียนตรงข้ามคือใคร

“อ๋อ ไนซ์”

“มึงรู้ชื่อเขาแล้วเหรอ?”ผมเลิกคิ้วถาม

“เออ ตอนกูไปล้างหน้ากูเจอไอ้ซันพอดีเลยหลอกถามมันมา เห็นมันมีเพื่อนอยู่โรงเรียนนั้นเยอะ”

“…”

“มันบอกว่าคุณโรงเรียนตรงข้ามของมึงอะชื่อไนซ์ เป็นเพื่อนของเพื่อนมันเอง”

“มึงแน่ใจนะว่าถูกคน”

“แน่ดิ ไนซ์คนรู้จักเยอะจะตายแถมนิสัยดีด้วย”

“อันนี้รู้ด้วยตัวเอง?”

“เปล่า ไอ้ซันบอกมาอีกที แต่เชื่อกูเถอะว่าถูกคน กูเช็กมาแล้ว”

ผมได้แต่ส่ายหน้า แต่ก็ถือว่าวันนี้ซีอิ๊วมันทำได้ดี เพราะอย่างน้อยผมก็รู้ข้อมูลของเขาเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง

เป็นคนหน้าเหมือนแมวที่ชื่อว่าไนซ์






“แน่วแน่ยิ่งกว่าการเรียน”

ผมหันไปขมวดคิ้วใส่คนที่ยืนอยู่ข้างกัน ซีอิ๊วจิ้มลูกชิ้นเข้าปากก่อนจะพูดทั้งๆที่ยังเคี้ยวไม่ทันหมด

“ทำไมมึงจีบเขาให้จบๆไปเลยวะ แอบมองมาตั้งนานละ”

“สามอาทิตย์เอง”

วันนี้ผมก็มายืนรอเขาที่หน้าโรงเรียนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ต่างกันแค่วันนี้ไม่มีบอลให้เตะ แหงล่ะ เมื่อวานผมกับไอ้ตองเล่นต่อยกันหน้าโรงเรียนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆขนาดนั้น คงจะมีคนอยากชวนไปเล่นด้วยหรอก

เมื่อเย็นพอกลับบ้านไปผมก็โดนเทศน์ชุดใหญ่จากทั้งพ่อและแม่ พอเทศน์เสร็จพวกท่านก็ถามหาเหตุผลของการกระทำ แน่นอนว่าบ้านของผมเป็นแบบนี้มาตลอด พ่อแม่ของผมท่านก็เป็นคนปกติทั่วไป มีอารมณ์โกรธและไม่พอใจ ซึ่งผมก็เข้าใจตรงนี้ดี ถ้าหากวันหนึ่งผมได้เป็นพ่อคนแล้วเห็นลูกชายตัวเองกลับมาบ้านในสภาพเดียวกับผมเมื่อวาน ก็ต้องเลือกที่จะบ่นก่อนอยู่แล้ว

พวกท่านสอนผมตลอดว่าทุกการกระทำมีเหตุและผลของมันอยู่เสมอ เพราะแบบนี้ท่านเลยเลือกที่จะบ่นและฟังเหตุผลของผมประกอบไปด้วย แต่เพราะรู้สึกว่ายังไม่ควรพูดเหตุผลทั้งหมดให้พวกท่านรับรู้ เลยไม่ลงรายละเอียดอะไรมาก พูดแค่ว่าเข้าไปเตือนไอ้ตองเพราะมันพูดจาไม่ดีใส่คนอื่น แต่มันไม่ฟังจนสุดท้ายเราทั้งคู่ก็เกิดมีปากมีเสียงและจบลงที่ต่อยกัน...

ส่วนการเรียกพบผู้ปกครองวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงจะโดนทัณฑ์บนแถมยังตามด้วยครูวันเฉลิมด่าอีกหนึ่งชุดใหญ่ๆ แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่ เพราะมันก็แลกมากับการเลิกปากหมาของไอ้ตองไปอีกสักพัก

“สามอาทิตย์มันก็เกือบจะเดือนแล้วมั้ย”

“…”

“จีบเลย เชื่อกู”ไอ้นี่ก็ยุให้กูจีบจังเลย

“ไม่เอา กูยังไม่พร้อม”

“แล้วมึงรออะไรอยู่วะ”

“กูไม่ได้รอ”

“…”

“แต่กูไม่กล้า”

อิ๊วมันถึงกับหลุดขำ“โห คนอย่างมึงเนี่ยนะไม่กล้า?”

“…”

“ทีตอนต่อยกับไอ้ตองไม่เห็นพูดงี้”

“ต่อยกับจีบมันเหมือนกันที่ไหนมึงก็รู้”

อีกฝ่ายยักไหล่“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่มึงเลย”

“…”

“แต่รีบหน่อยก็ดี เพราะเดี๋ยวเรียนจบมึงก็ไม่ได้มายืนมองเขาแบบนี้แล้ว”






สองเดือนต่อมา...



“มึงแน่ใจเหรอวะ”

ผมมองหน้าซีอิ๊วด้วยความไม่มั่นใจ

“เออ แผนนี้โอเคสุดแล้ว เชื่อกู”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ มึงเหลือเวลาไม่เยอะแล้วนะเว้ย”

ผ่านมาหลายเดือน ความสัมพันธ์ของผมกับไนซ์ก็ยังเหมือนเดิม

เป็นความสัมพันธ์ที่แอบมองเขาจากอีกฟากของถนน

โคตรกระจอกเลยทิศเหนือ

ผมมองกุหลาบแดงที่อยู่ในมือสลับกับใบหน้าของเพื่อนสนิทที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม

ต่างกับผมลิบลับเลย...

ดูท่าแผนสารภาพรักของซีอิ๊วคงพังไม่เป็นท่าแล้ว ครับ แผนสารภาพรัก อิ๊วมันบอกว่ามันใช้เวลาเกือบทั้งคืนในการคิดแผนนี้ให้ผม ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะเสียเวลาทั้งคืนไปทำไม เพราะสุดท้ายก็มีแค่ดอกไม้กับคำสารภาพรักที่ก๊อปมาจากในหนัง

แต่ถึงมันจะยากหรือง่ายยังไง ผมก็ไม่กล้าทำอยู่ดี ฝั่งนั้นเป็นถึงไนซ์เลยนะ คนที่ผมแอบมองมาตั้งหลายเดือนอะ จะให้ไปสารภาพรักกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ใครจะไปกล้าวะ

“เอาไว้วันหลังได้ปะวะ”

“ไม่ได้ ไอ้ซันมันบอกว่ามอหกโรงเรียนนั้นจะมาโรงเรียนวันนี้เป็นสุดท้ายแล้ว ถ้าอยากเจออีกทีก็ต้องเป็นงานปัจฉิมเลย”

“เอาไว้วันปัจฉิมไม่ได้เหรอวะ”

“มึงรู้ล่วงหน้าหรือไง บางทีวันนั้นมึงอาจจะไม่ว่างก็ได้”

“แต่กูไม่กล้า”มือที่กำดอกกุหลาบของผมตอนนี้มันชื้นไปหมด

“ถ้าไม่บอกตอนนี้จะไปบอกตอนไหนวะนอร์ธ”

“…”

“มึงจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้”คำพูดของอิ๊วมันก็ทำให้ผมคิดเหมือนกันว่าควรจะก้าวข้ามความกลัวของตัวเองเพื่อไปสารภาพรักกับเขา

แต่อีกใจผมก็ยังรู้สึกกลัวอยู่...

“แต่กูไม่อยากผิดหวังว่ะ”

ผมกลัวความผิดหวัง

อีกฝ่ายถอนหายใจ“มึงจะกลัวทำไมวะ คนเรามันไม่เคยมีใครไม่ผิดหวังหรอก ถ้าเดินไปกับเขา คือมึงมีโอกาสอยู่ในมือแล้วห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามึงไม่เดินไป ทุกอย่างแม่งเป็นศูนย์เลยนะเว้ย”

“…”

“เลือกเอาก็แล้วกัน ว่าจะคว้าแขนเขาเอาไว้หรือปล่อยให้เขาหายไป”มันว่าก่อนจะบุ้ยปากไปที่โรงเรียนฝั่งตรงข้าม หันหลังไปผมก็พบกับเจ้าของจักรยานคันเดิม คนที่ผมแอบมองมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน หลังของผมถูกใครบางคนดันให้เดินไปข้างหน้า ซีอิ๊วกำลังส่งยิ้มให้ผมราวกับว่าทำแบบนี้แล้วผมจะมีความกล้ามากขึ้นอย่างนั้น

ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมเดินไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเพราะความกระจอกของตัวเอง

ไนซ์ให้ไก่ย่างที่อยู่ในมือกับหมาตัวนั้น เขาคุยกับมันเหมือนที่เคยทำแถมวันนี้ดูจะพูดเยอะกว่าปกติด้วย

วันแรกเขาน่ารักยังไง วันนี้ก็น่ารักแบบนั้น

“ทำไมมึงไม่เดินไปวะ เดี๋ยวเขาก็กลับก่อนหรอก”ซีอิ๊วมันว่า ผมไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงยืนมองไนซ์นิ่งๆ ระหว่างที่ยืนมองเขาจากตรงนี้ผมก็มีเวลาได้คิดทบทวนอะไรนิดหน่อย

ไม่รู้เหมือนกันว่าตัดสินใจถูกมั้ย...

แต่ผมก็ยังเป็นผมวันยังค่ำ วันแรกกระจอกยังไง

วันนี้ก็กระจอกแบบนั้น

“ให้เขาไปเถอะ”

“ทำไมวะ มึงจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปเหรอ”

“อือ”

“…”

“บางทีกูอาจจะเหมาะกับการยืนมองเขาจากตรงนี้ก็ได้”

ปล่อยให้เวลาล่วงเลยโดยที่ไม่ขยับไปไหน มองคนที่อยู่อีกฟากของถนนด้วยความรู้สึกที่ล้นเอ่อ ดีที่วันนี้หน้าโรงเรียนคนไม่เยอะ มันช่วยให้ผมได้ซึมซับกับภาพและความรู้สึกตรงหน้าได้อย่างเต็มที่

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เพราะในตอนที่เขากำลังเก็บของเตรียมตัวที่จะกลับ

เราทั้งคู่เหมือนจะสบตากัน

โลกทั้งใบของผมหยุดหมุน จุดโฟกัสเดียวที่มีในเวลานี้ก็คือเขา

ผมลอบยิ้มอยู่ภายในใจจนกระทั่งเขาหันหลังขึ้นคร่อมจักรยานและปั่นไป เราทั้งคู่ห่างไกลกันเรื่อยๆ ผมรวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมดของตัวเองเพื่อตะโกนบอกเขาโดยไม่สนเลยว่าอีกฝ่ายจะได้ยินมั้ย

“กลับบ้านดีๆนะ!”

ไว้เจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่ จะกล้ามากกว่านี้






ผ่านมาหลายวันแล้วที่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามไม่มีเขา ผมยืนมองหมาตัวนั้นที่เอาแต่ยืนรอให้ไนซ์มาหาโดยไม่รู้เลยว่าวันนี้ตัวเองต้องรอเก้ออีกแล้ว มันทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันไม่ต่างจากผมที่พยายามชะเง้อมองไปที่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามทั้งๆที่รู้ว่ามองไปให้ตายก็ไม่เจอเขา

“ไปสารภาพรักตั้งแต่วันนั้นก็จบแล้ว”

ผมหันไปมองตาขวางใส่ซีอิ๊ว ไอ้นี่ก็ซ้ำเติมกูไม่เลิก

“เป็นคนชอบซ้ำเติมเพื่อนไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่มึงปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปไง”

บางทีก็ตรงไป ถ้ากูอารมณ์อ่อนไหวง่ายคือยืนร้องไห้ไปแล้ว

“ถ้าวันนั้นทำตามที่กูบอกป่านนี้คงได้คบกันไปแล้ว”

“เว่อร์”

“ไม่เว่อร์หรอก ถ้ามึงเริ่มอะ อะไรแม่งก็เป็นไปได้”

“…”

“ตอนนี้เป็นไงล่ะ เหลือแค่หมาไว้ดูต่างหน้า”

หมา... ดูต่างหน้า

“อิ๊ว”พอได้ยินคำพูดนั้น ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว

“หือ”

“หมาตัวนั้นมันมีเจ้าของมั้ย”

“ตัวไหนวะ”มันขมวดคิ้วถาม

“ก็ตัวที่ไนซ์เอาไก่ย่างมาให้ทุกวันนั่นไง”

“มึงถามทำไม”

“ตอบกูมาเถอะหน่า”

“ก็... น่าจะไม่มีมั้ง”

ถือว่าเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจ“งั้นดีเลย”

“ดีอะไรของมึงวะ”

“กูจะเอาหมาตัวนั้นไปเลี้ยง”

“ห้ะ!?”ซีอิ๊วร้องเสียงหลง“ไม่ได้มั้ย”

“ทำไมจะไม่ได้ ก็มึงบอกเองว่าเขาทิ้งหมาไว้ให้ดูต่างหน้า”

“กูแค่พูดให้มึงเห็นภาพเฉยๆมั้ยล่ะ แล้วอีกอย่าง เลี้ยงหมามันเรื่องใหญ่นะเว้ย แล้วนี่มึงก็ยังไม่ได้ปรึกษาที่บ้านเลย”

“ที่บ้านกูเข้าใจมึงเชื่อสิ”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละ มึงต้องช่วยกูเกลี้ยกล่อมหมาตัวนั้นให้ไปบ้านกูให้ได้”

“โอ๊ย ไอ้เหี้ยกูเครียด”






วันสอบสัมภาษณ์



“มึงคิดว่าเขาจะถามอะไรพวกเราบ้างวะ”

ผมหันไปถามซีอิ๊ว วันนี้เราทั้งคู่แต่งชุดนักเรียนถูกระเบียบตั้งหัวจรดเท้า สอบสัมภาษณ์ทั้งทีก็ต้องขอดูดีกันสักหน่อย

ชุดม้านั่งใต้ร่มไม้กลายเป็นที่นั่งรอเวลาสำหรับพวกผมทั้งคู่ ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเหลือเวลาให้นั่งเปื่อยอีกตั้งชั่วโมงกว่า ผมคงไม่รีบแหกขี้ตาตื่นชวนซีอิ๊วมามหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าแบบนี้หรอก

“กูก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ตื่นเต้นฉิบหาย กลัวตอบไม่ได้”

“แต่เท่าที่กูอ่านรีวิวของพวกรุ่นพี่มา เขาบอกว่าอาจารย์ไม่ค่อยถามคำถามเครียดๆนะ”

“อย่าไปเชื่อ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น”

“ก็จริงของมึง”

“แล้วมึงออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าแบบนี้ไอ้ลัคกี้ไม่งงแย่เหรอ ตื่นมาไม่เจอเจ้าของ”

ลัคกี้ที่พูดถึงก็คือหมาตัวนั้นนั่นแหละครับ พอตัดสินใจว่าจะเอามันกลับไปเลี้ยง ผมก็ทำการขออนุญาตพ่อกับแม่ ไม่รู้จะใช้คำนี้ได้มั้ย เรียกว่าบอกเฉยๆน่าจะเหมาะกว่า เพราะกว่าพวกท่านจะรู้ก็ตอนผมพามันเข้าบ้านแล้วนั่นแหละ ไม่รู้หรอกว่าตอนอยู่กับไนซ์เขาเรียกมันว่าอะไร แต่ที่ผมตั้งชื่อนี้ให้ก็เพราะว่ามันคือตัวกลางที่ทำให้ผมได้มาเจอกับไนซ์

ถ้าไม่มีมัน... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชาตินี้จะได้รู้จักกับคนชื่อไนซ์มั้ย

“ไม่งงหรอก พ่อกับแม่กูก็อยู่”

“แต่มันติดมึง”

โอเค อันนี้ไม่เถียง ลัคกี้มันติดผมมากจริงๆ มาอยู่บ้านได้วันสองวันก็เดินตามผมต้อยๆราวกับเลี้ยงมันมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเจอหมาที่ไหนอัธยาศัยดีเท่านี้มาก่อนเลย

“เดี๋ยวกลับไปก็เจอกันแล้ว มันเองก็คงเข้าใจ”

“พูดอย่างกับมันฟังมึงรู้เรื่อง”

“อย่าดูถูกนะเว้ย ถ้าฝึกให้มันพูดได้กูคงทำไปแล้ว”อันนี้ผมพูดจริงไม่ได้โอเว่อร์ ลัคกี้มันฉลาดจริงๆ สั่งอะไรมันก็รู้เรื่อง ถึงบางทีจะแอบดื้อบ้างก็เถอะ

“อวยเข้าไป รักเหมือนลูก”

“ก็ลูกกู”

“เออลูกมึง แต่ไม่มีแม่นะ แม่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”

“สัด”คำพูดแทงใจดำกูเหลือเกิน

“เฮ้ย”

ผมและซีอิ๊วถึงกับชะงักและยุติบทสนทนาของเราไว้แค่นั้น หันไปมองยังผู้มาเยือน

“ขอนั่งด้วยคนดิ ได้ปะ?”คำพูดคล้ายจะมาหาเรื่อง แต่มองจากแววตาก็ดูไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไร

“เออ นั่งดิ”ซีอิ๊วเป็นคนเอ่ยปากอนุญาต ไอ้หนุ่มกางเกงดำไม่รอช้าทิ้งตัวลงตรงที่นั่งที่ยังว่างอยู่ วางแฟ้มของตัวเองลงกลางโต๊ะ

“กูชื่อไกด์นะ มาจากโรงเรียน D พวกมึงชื่ออะไรกัน”

“กูซีอิ๊ว โรงเรียน SN”

“กูนอร์ธ มาจากโรงเรียนเดียวกัน”

“พวกมึงมารอสอบสัมภาษณ์วิศวะเหรอ”

“เออดิ มึงรู้ได้ไงวะ”ซีอิ๊วเลิกคิ้วถาม

“ก็นี่มันคณะวิศวะ มึงจะให้กูเดาว่าพวกมึงมาสอบสัมภาษณ์รัฐศาสตร์กันเหรอ”พอเจอคำพูดขวานผ่าซากของไอ้ไกด์เข้าไป พวกผมก็ถึงกับเงียบไปครู่หนึ่งก่อนซีอิ๊วจะหัวเราะแห้งๆออกมา

“มึงนี่อารมณ์ขันดีเหมือนกันเนอะ”

“เออ จริง”

ส่วนผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดเสริมและหัวเราะกลบเกลื่อน

มันเข้าหาแบบนี้แปลว่าต้องการจะเป็นเพื่อนใช่มั้ยวะ

แล้วถ้าเป็นเพื่อนกัน... คำพูดขวานผ่าซากของมันจะไม่พาตีนมาหาพวกกูถูกมั้ย






วันแรกพบ




“มึงไลน์ตามไอ้ไกด์ดิ เดี๋ยวก็สายกันพอดี”ผมหันไปบอกซีอิ๊วที่ยืนอยู่ข้างกัน มันหยิบมือถือขึ้นมากดยิกๆก่อนจะปิดหน้าจอและเก็บลงกระเป๋าตามเดิม“เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ ไม่ต้องรีบหรอกหน่า”

“ถ้ารีบไปอย่างน้อยก็ยังมีเวลาให้นั่งพักหายใจหายคอมั้ยล่ะ”

“แบบวันสอบสัมภาษณ์น่ะเหรอ ได้นั่งพักตั้งชั่วโมงกว่า”ต่อไปไม่ต้องเรียกมันว่าซีอิ๊วแล้ว ให้เรียกว่าไอ้จอมซ้ำเติม กูพลาดนิดพลาดหน่อยนี่ไม่ได้เลย!

หลังจากวันสอบสัมภาษณ์จนถึงวันนี้ ชีวิตของผมก็ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มรูปแบบ ลาก่อนนะชุดนักเรียนและวัยมัธยม ต่อไปจะมีแต่นายทิศเหนือวิศวะเท่านั้น!

ซึ่งแน่นอนว่าไอ้สามหน่อที่นั่งตรงม้านั่งด้วยกันวันนั้น ติดคณะเดียวกันหมดในวันนี้ บางทีที่ตรงนั้นอาจเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่มีใครเคยพบเจอก็ได้

ยืนรอไปได้สักพัก ไกด์มันก็ส่งข้อความมาหาซีอิ๊วว่าตอนนี้กำลังเข้าแถวรอลงทะเบียน ให้พวกผมเดินมาได้เลย

ไอ้หอกหัก! แล้วโทรมาบอกให้พวกกูยืนรอเพื่ออะไร!?

พอเดินมาลงทะเบียนเรียบร้อย พี่เขาก็เข้ามาผูกผ้าที่ข้อมือของผมก่อนพี่อีกคนจะยัดเสื้อสีแดงเลือดหมูและป้ายชื่อใส่มือพร้อมทั้งบอกรายละเอียดต่างๆ

“ไอ้ไกด์อยู่ไหนวะ”ผมถามซีอิ๊วที่เดินตามมาติดๆ เราทั้งคู่ช่วยกันมองหาจนสุดท้ายก็ไปสะดุดตาเข้ากับใครบางคนที่ห่างจากผมไม่ถึงสามเมตร...

แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเขาก็จะยังเป็นคนที่เด่นชัดที่สุดในสายตาของผมเสมอ

ไนซ์...

แรงสะกิดเกิดขึ้นที่สีข้าง ผมหันไปมองพร้อมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“คนที่นั่งใกล้ๆไอ้ไกด์ ใช่ไนซ์ปะวะ”

“เออ... ใช่ ไนซ์ตัวเป็นๆเลย”

ผมละบทสนทนาของเราไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินไปหาไอ้ไกด์โดยทำตัวให้เป็นปกติที่สุด

ห้ามมีพิรุธนะนอร์ธ ทำขรึมไว้ มึงจะให้เขารู้ว่ามึงชอบเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันไม่ได้! แต่ยอมรับเลยว่าตอนนี้ใจเต้นแรงฉิบหาย ถ้ามันเด้งออกมาได้คงทำไปนานแล้ว

“มึงนี่ไอ้นอร์ธกับไอ้ซีอิ๊ว เพื่อนกูเอง”

ไกด์มันแนะนำผมให้ไนซ์กับเพื่อนอีกคนได้รู้จักก่อนหันมามองหน้าพวกผมที่เพิ่งทิ้งตัวลงนั่งได้ไม่นาน

“ไอ้นอร์ธไอ้อิ๊วนี่ไอ้ออมสินกับไอ้ไนซ์”

ผมมองตามมือของไอ้ไกด์ แต่สายตาไปไม่ถึงคนชื่อออมสินหรอกเพราะเอาแต่หยุดสายตาไว้ที่ใครบางคน ตากลมใต้กรอบแว่นนั่นมองผมสลับกับซีอิ๊วอย่างคนที่ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่

ทำหน้าเหมือนแมวสงสัยเลย

“อ๋อ ไนซ์”หันขวับไปหาเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่ทำตัวเกินเรื่องเกินราว ใจเย็นๆนะอิ๊ว อย่าเพิ่งทำกูโป๊ะแตก

“รู้จักกูด้วย?”

“เออดิ เห็นพวกเด็กในโรงเรียนชอบพูดถึงกัน”

รู้แหละว่าเขาเป็นคนน่ารัก... แต่ไม่คิดว่าจะน่ารักขนาดนี้ไง คนอะไรแค่โดนพูดถึงนิดเดียวตาก็เป็นประกายแล้ว แต่ก็เป็นประกายได้ไม่นานหรอกครับ

“ไนซ์ที่ชอบยืนคุยกับหมาทุกเย็นอะ”

หลังจากที่เพื่อนสนิทผมพูดประโยคถัดมา ตาที่เคยเป็นประกายก็หายไปภายในไม่กี่วินาที

น่ารักเป็นบ้าเลย


#ทิศเหนือของผม


หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 25) --- 19/05/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 19-05-2020 20:12:58
 :hao3:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 08-06-2020 12:57:35
26

ทิศเหนือผู้พกความรักมาเต็มกระเป๋า



เหมือนวันนี้ดวงผมจะดีเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะได้มาเรียนคณะเดียวกัน เราทั้งคู่ยังถูกจับแยกให้มาอยู่บ้านเดียวอีกด้วย รายละเอียดของกิจกรรมที่จะทำหลังจากนี้คือเขาจะให้เวลาพวกเราสิบนาทีในการทำความรู้จักกัน ยิ่งรู้จักมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะได้ยินพี่เขาพูดว่าจะมีเกมให้เล่นหลังหมดเวลาด้วย

เราทุกคนแยกย้ายกันไปทำความรู้จักกับเหล่าชายฉกรรจ์ เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าบ้านห้าแม่งมีแต่ผู้ชาย ไม่เห็นเหมือนบ้านอื่นเลยที่ยังมีผู้หญิงปนบ้าง และด้วยความที่มีแต่ผู้ชายนี่แหละมันเลยทำให้เกิดการทักทายที่จะเรียกว่าทำร้ายร่างกายทางอ้อมก็คงไม่แปลก กูนี่จุกไปหมด บางคนก็ทุบเข้ากลางหลัง กระชากคอเสื้อ ทุบหน้าอกและอีกสารพัดสิ่งที่มันจะสามารถทำกันได้

มาทำความรู้จักเพื่อนใหม่หรือมาโดนซ้อมวะกูงง

“เอาล่ะค่ะน้องๆ เดี๋ยวพี่จะให้พี่ไจ๋แจกผ้าปิดตานะคะ”

หลังจากนั้นพี่คนชื่อไจ๋ก็เอาผ้ามาแจกพวกเรา โดยแจกคนเว้นคนทั้งแถวหนึ่งและแถวสอง

“คนที่ได้ผ้า เอาผ้าปิดตาตัวเองได้เลยค่ะ”

สิ้นคำสั่งคนที่มีผ้าปิดตาอยู่ในมือก็เริ่มปิดตาของตัวเอง ส่วนคนที่ไม่ได้ผ้าแบบผมก็ทำได้เพียงยืนมองเพื่อนๆผูกผ้าปิดตาของตัวเอง

“น้องไนซ์คะ ทำไมไม่ปิดตาล่ะลูก พี่ไจ๋คะ ช่วยปิดตาให้น้องหน่อยค่ะ”

ผมหันไปมองไนซ์ที่อยู่ห่างจากผมไม่มาก เป็นเพราะกิจกรรมเมื่อครู่เลยทำให้แถวพวกเราคละกันไปหมด เจ้าของชื่อทำหน้าเด๋อด๋าเหมือนพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ทันจะได้พูด พี่คนชื่อไจ๋ ก็เอาผ้าไปปิดตาซะก่อน

“เอาล่ะค่ะ ต่อไปนะคะ คนที่ไม่ได้ผ้าปิดตามายืนต่อแถวกันตรงนี้ค่ะ”

มองตามมือของพี่เขาและเดินตามไปอย่างว่าง่าย เหล่าชายฉกรรจ์ที่ไม่มีผ้าปิดตามาต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบ แล้วพวกรุ่นพี่ที่เคยยืนอยู่รอบๆก็เดินมากระซิบหูพวกเราทีละคน จนกระทั่งถึงคิวผม

“เดี๋ยวน้องไปนั่งข้างหน้าน้องไนซ์นะ เขาจะลูบหรือคลำก็ปล่อยเขาไป แต่ไม่ว่าเขาจะถามอะไรก็ห้ามตอบ โอเคมั้ย”

ผมพยักหน้าหงึกๆและเดินไปหาเจ้าของชื่อที่คุ้นเคยกันดี โอเค ผมคุ้นเคยกับเขาแค่ฝ่ายเดียวก็ได้

“อะ เรียบร้อย ต่อไปพี่จะให้เพื่อนๆคนที่ไม่ถูกปิดตาไปนั่งตรงหน้าน้องๆนะคะ แล้วก็จะให้น้องๆทายว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามน้องคือใคร ห้ามเฉลยให้กันนะคะ”

ผมทิ้งตัวลงนั่ง มองริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันจนแน่น

เลิกน่ารักสักครึ่งชั่วโมงจะได้มั้ย เดี๋ยวจะตายเอา

“พี่จะให้เวลาสามนาทีนะคะ จะจับ จะคลำ จะดม จะชิมหรือยังไงก็ได้ พอหมดสามนาทีพี่จะขอคำตอบนะคะหรือใครที่สามารถตอบก่อนหมดเวลาได้ก็ตอบนะคะ”

“…”

“เริ่มได้ค่ะ”

สิ้นประโยคเสียงกลองก็ดังขึ้นสลับกับเสียงหัวเราะของใครหลายๆคน

“มึงชื่ออะไร”ใจผมกระตุกวูบตอนที่อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แก้มนี่เฉียดจมูกกูไปนิดเดียว เย็นไว้เว้ยนอร์ธ หายใจเข้าลึกๆ“เฉลยหน่อยดิ”

“…”

“ไม่บอกจริงดิ”

ผมพยายามกลั้นใจไม่ตอบ อีกฝ่ายถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะใช้มือเป็นตัวช่วย ลูบตั้งแต่หัวไล่ไปกลางลำตัวก่อนจะลงต่ำไปเรื่อยๆ ส่วนเสียงกรี๊ดและรัวกลองก็ดังขึ้นเป็นระยะเช่นกัน

โอเค กูว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ มันจะถึงจุดอันตรายเอา

“ต่ำไปแล้วไอ้เอ๋อ”

เอ๋อในที่นี้ไม่ได้ว่าร้ายแต่อย่างใด แต่พูดออกเพราะเอ็นดูล้วนๆ แต่ดูเหมือนการเอ็นดูของผมมันจะผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย พอเปล่งเสียงออกไป มือของอีกฝ่ายก็คว้าหมับเข้าที่เป้ากูเต็มๆ

หรรมเน้นๆเลย...

“ไอ้นอร์ธ!”

“น้องไนซ์ตอบถูกค่า เปิดผ้าได้”

ไนซ์เปิดผ้าอ้าปากค้าง มองหน้าผมสลับกับเป้าไปมา ว้าวซ่า ชีวิตสุดมหัศจรรย์ของนายทิศเหนือ รู้จักกับคนที่ชอบวันแรกก็โดนเขาจับหรรมเลย...




หลังจากเหตุการณ์จับหรรมผ่านไป เราก็ทำกิจกรรมอะไรกันอีกนิดหน่อยก่อนพี่เขาจะปล่อยให้มาพักเที่ยง

“เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้สัด มึงไม่บอกกูอะ ว่ากูจะจับเป้ามึงแล้ว ทำไมมึงไม่บอกกู๊!”

มองหน้าคนที่โวยวายหลังจากโดนเพื่อนๆล้อเรื่องฉายาใหม่ของตัวเอง ผ่านมาครึ่งวันพวกเราทั้งห้าก็สนิทกันมากขึ้น จากตอนแรกที่ดูไม่ค่อยกล้าพูดคำหยาบใส่กันสักเท่าไหร่ ตอนนี้ก็พ่นคำหยาบใส่กันได้ราวกับสนิทกันมาสักสามปี

“ก็พี่เขาบอกกูว่าห้ามพูดกับมึง”

“แต่นั่นมันหรรมมึงเลยนะเว้ย... หรรมมึงอะ มึงจะไม่หวงหน่อยเหรอ”

“ก็มันจับไปแล้วมึงจะโวยวายทำบ้าอะไร”

“ใช่สิ มึงไม่เสียหายเหมือนกูนี่”

มันต้องกูสิ กูต้องพูดคำนั้น กูเป็นคนเสียหาย! แต่เพื่อไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สาม ผมจึงพับเก็บความคิดนั้นของตัวเอง ยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะและก้มหน้ากินข้าวต่อ

นอกจากคำหยาบที่ได้รับการปลดล็อก ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้รับรู้หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมาครึ่งวันคือ ไนซ์เป็นคนขี้โวยวาย... ใช่ครับ ขี้โวยวายมากๆแถมยังเดาอารมณ์ไม่ค่อยถูกอีกด้วย สองนาทีแปดอารมณ์ แถมบางครั้งยังเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวตลอดเวลา

หวังว่าจะไม่ได้แอบด่ากูในใจหรอกนะ




“รู้จักกันวันแรกก็ตั้งท่าจะเป็นศัตรูกันเลยนะ”

ผมหันไปมองซีอิ๊วที่ยืนล้างมืออยู่ข้างกัน“เออดิ พอรู้จักแล้วแสบฉิบหาย”

หลังจากเลิกกิจกรรมผมก็ถูกพี่ปีสองใช้ให้ยกของนิดหน่อย เสร็จจากตรงนั้นถึงได้มาเข้าห้องน้ำห้องท่าเพื่อเตรียมตัวจะกลับหอ

“รู้ว่าแสบแบบนี้จะยังชอบอยู่ปะ”

“ทำไมถามแบบนั้นวะ”คิ้วผมขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ

“ก็ถามเฉยๆ เผื่อนิสัยไนซ์ไม่ตรงกับที่คิดไว้”

“จะตรงหรือไม่ตรงก็ช่างมันเถอะ”

“…”

“ขอแค่เป็นไนซ์ก็พอ”

“คลั่งรักโดยสมบูรณ์แบบเลยว่ะ”

ไม่ได้เถียงอะไรทำเพียงยักไหล่ก่อนจะเดินนำออกมาจากห้องน้ำ ดูเหมือนว่าแต้มบุญในวันนี้ของผมจะยังไม่หมด เพราะใครบางคนมาปรากฏอยู่ในม่านสายตา

ไนซ์ยังไม่กลับ แถมยังยืนติดฝนอยู่ที่ใต้ถุนคณะด้วย

“มีอะไรปะวะ”เจ้าของคำถามมาหยุดยืนข้างๆผม“อ้าว นั่นไนซ์นี่หว่า กูคิดว่ากลับไปแล้วซะอีก”

ผมเปิดกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง จำได้รางๆว่าเมื่อเช้าหยิบร่มใส่กระเป๋ามาด้วย

“อิ๊ว”พอหาเจอผมก็จัดการยัดร่มใส่มือมัน

“เอามาให้กูทำไมวะ”

“ไม่ได้ให้มึง”

“แต่มึงยัดใส่มือกู”

“เอาไปให้ไนซ์ที”

“ห้ะ”

“เอาร่มไปให้ไนซ์ที”

“แล้วทำไมต้องเป็นกูอะ”ไอ้นี่ก็ถามเก่ง!

“ก็กูไม่กล้า”

“ไม่กล้าอะไรวะ นี่โอกาสทำคะแนนของมึงเลยนะเว้ย”

ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง“ถ้าอย่างนั้นไปด้วยกันได้มั้ย แต่บอกว่าเป็นร่มมึง”

“ใช่เรื่องเหรอ ทำไมไม่บอกว่าของตัวเองวะ”

“ไม่เอา”

“กาก”

“เออ กูยอมให้มึงด่าว่ากากก็ได้ แต่มึงช่วยเอาไปให้ไนซ์หน่อย เดี๋ยวไนซ์กลับไม่ได้”

“โห ไม่มีอีกแล้วนอร์ธคนกล้า”มันส่ายหน้าอย่างผิดหวัง“ความรักแม่งทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ”

“อย่าเพิ่งกวนตีน ขอร้อง”

“เออๆๆ กูเอาไปให้มึงก็ได้”

“…”

“แต่แค่ครั้งเดียวนะเว้ย ถ้าครั้งหน้าใช้กูอีก กูจะเป็นคนบอกกับไนซ์เองว่ามึงคลั่งรักไนซ์ขนาดไหน”

“เออ”

“ดี จำคำพูดมึงไว้แล้วกัน ไอ้คนกาก”

ไม่ได้เถียงอะไรต่อทำเพียงเดินตามซีอิ๊วไปเงียบๆ

“ไนซ์”

เจ้าของชื่อหันมามองตามเสียเรียกของซีอิ๊ว

“อ้าว ยังไม่กลับกันเหรอวะ กูนึกว่ามึงสองคนกลับกันไปแล้ว”

“ยังๆ กูสองคนไปช่วยพี่ปีสองยกของหนีฝนมา”

“อ๋อ”อีกฝ่ายพยักหน้าช้าๆ

“แล้วนี่ยืนรออะไรทำไมยังไม่กลับ กูนึกว่ามึงกลับไปแล้ว”

“รอพ่อไปก่อน”ไม่ว่าเปล่าซ้ำยังใช้นิ้วชี้ขึ้นฟ้า

โคตรน่ารัก

ประโยคที่บอกว่าเวลาเราหลงใครสักคน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเราก็จะมองว่าน่ารักไปหมดนี่คงจะจริงสินะ

แย่จริงๆว่ะนอร์ธ มึงไม่ทันได้แก่ตายหรอก... สำลักความน่ารักของไนซ์ตายก่อน

“โห ดูท่าไม่น่าจะหยุดตกง่ายๆว่ะ”

“นั่นสิ”

“แล้วกลับยังไง?”

“ถามทำไมอะ จะพากูวิ่งฝ่าฝนแบบในซีรี่ส์เหรอ”

“บ้าแล้ว จะให้ยืมร่มเฉยๆหรอก”ซีอิ๊วทำตามแผน มันหยิบร่มที่ผมให้ออกจากกระเป๋าและยื่นให้ไนซ์“อะนี่”

“ให้ทำไมอะ แล้วมึงจะกลับยังไงเอาร่มมาให้กูแบบนี้”

“เอ่อ...”

พอโดนคำถามนั้นอิ๊วมันก็หันมาหาผมราวกับขอความช่วยเหลือ กูจะช่วยอะไรมึงได้ หันมามองแบบนี้มันก็มีพิรุธสิวะ หันกลับไปเดี๋ยวนี้!

ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาทีอิ๊วมันก็หันกลับไปตอบไนซ์

“กูกลับได้ก็แล้วกัน มึงรับไปเถอะ”ร่มสีดำถูกยัดใส่มือไนซ์ อีกฝ่ายมองผมสองคนอย่างไม่วางใจ กางร่มออกซ้ำยังมองซ้ายสลับกับขวาเหมือนกำลังหาสิ่งผิดปกติ“ไม่มีอะไรหรอกหน่า”

“ก็พวกมึงมีพิรุธ”

“โธ่ไนซ์ มึงเห็นพวกกูเป็นคนยังไงเนี่ย…”

“เออๆๆ ไม่มีก็ไม่มี งั้น... กูไปละ ขอบใจมากๆสำหรับร่ม”

“เออ”

แผนสำเร็จ!

และในตอนนั้นเองที่ไนซ์หันมาสบตากับผม แต่จะดีกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายไม่มองมาด้วยสายตาอาฆาตแค้นแบบนั้น สงสัยยังโกรธเรื่องจับหรรมอยู่แหงๆ




ยิ่งนานวันความสัมพันธ์ของผมกับไนซ์ก็ยิ่งพัฒนาไปในทางที่ดี... หรือเปล่าวะ

แต่ก็ถือว่าคุยกันเยอะกว่าเมื่อก่อนอะ ถึงส่วนใหญ่จะเป็นการเถียงกันโดยมีผมเป็นคนเริ่มก็เถอะ ก็ผมไม่รู้จะชวนคุยยังไงหนิ ครั้นจะให้เดินเข้าไปแล้วถามว่า เฮ้ยมึงน่ารักจัง เมื่อเช้ากินข้าวกับอะไร ขี้คล่องดีมั้ย ก็ไม่ใช่เรื่องปะวะ

เชื่อผมเถอะว่าวิธีนี้คือการเริ่มต้นตีสนิทแบบวิถีคนจริง!

เป็นผู้ชายร้ายๆเหมือนพระเอกซีรีส์เกาหลีที่แม่ผมชอบดู อารมณ์แบบเลิกด่าคนทั้งอำเภอเพื่อเก็บมาด่าเธอคนเดียวงี้

“พวกผมกลับก่อนนะพี่”

บอกกับพี่จั๊มพ์ที่เปิดประตูออกมาส่งพวกเราหน้าห้อง วันนี้ผมกับซีอิ๊วแวะมาเอากีตาร์ที่พี่จั๊มพ์ยืมอิ๊วมันไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนยืมนะ ตามไปเอาถึงที่ห้อง แต่ตอนจะคืนเสือกให้พวกกูมาเอาเอง โคตรเท่เลยพี่กู

พี่จั๊มพ์เป็นรุ่นพี่ของพวกผม เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมเรียก ถึงพี่จั๊มพ์จะโตกว่าผมสองปี แต่พวกเราก็สนิทกันในระดับหนึ่งเลยแหละ นอกจากพี่จั๊มพ์แล้วก็ยังมีพี่ดินกับพี่ภูมิอีกที่สนิทพอๆกัน สามคนนี้พักอยู่หอเดียวกัน ซึ่งไม่ได้นัดกันมาด้วย บังเอิญจองหอตรงกันเอง ช่วงแรกพี่จั๊มพ์ก็ทักมาบ่นกับผมบ่อยๆว่าพี่ดินกับพี่ภูมิชอบมาป่วนที่ห้อง อยากจะย้ายหนีให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ทำไม่ได้ เหตุผลเพียงเพราะวันไหนไม่ได้ยินเสียงของสองคนนั้นเขาก็จู้สึกเหงาหู ซึ่งผมก็คิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักดี อารมณ์แบบรำคาญนะแต่ก็ยังอยากให้มาป้วนเปี้ยนอยู่ในชีวิต

“เออ กลับกันดีๆ แล้วเจอกัน”

“ครับ”

“วันหลังถ้าจะคืนก็เอามาให้ที่ห้องนะพี่ ไม่ต้องเรียกให้ผมมาเอาเอง ขี้เกียจ”

“แค่นี้ทำเป็นบ่น ถ้ารอกูเอาไปคืนก็คงโน่น จบปีสี่”

“โหพี่ นานไปปะ กีตาร์ผมไม่กลายเป็นผงไปแล้วเหรอกว่าจะถึงตอนนั้น”

“มึงก็เว่อร์เกิน”

เราสามคนพากันหัวเราะก่อนที่ผมและซีอิ๊วจะเดินออกมา แต่ในตอนที่ใกล้จะถึงบันไดมือถือของผมก็ดังขึ้นซะก่อน ยกขึ้นมาดูพอเห็นว่าเป็นชื่อของแม่ผมก็บอกซีอิ๊วที่หยุดรอให้นำไปก่อน

“มึงลงไปก่อนก็ได้ กูขอคุยกับแม่แป๊บ”มันพยักหน้าให้ผมเล็กน้อยก่อนเดินลงบันไดไป

“นอร์ธลูก”ปลายสายเอ่ยขึ้นทันทีที่ผมกดรับ

“ครับแม่”

“ตอนย้ายของไปหอ ได้เอาไอแพดไปด้วยหรือเปล่า”

“เปล่านะครับ แม่ถามทำไม”ผมขมวดคิ้ว

“แม่จะเอามาดูซีรี่ส์ พ่อนอร์ธน่ะสิแย่งทีวีแม่อีกแล้ว”

โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าอะไร...

“นอร์ธเก็บไว้ตรงไหนลูก”

“นอร์ธเอาไว้บนโต๊ะทำงานครับแม่ ก่อนมาก็จำไม่ได้ว่าปิดเครื่องไว้หรือเปล่า สายชาร์จก็วางอยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละครับ”

“อ๋อ ขอบใจมากลูก แค่นี้แหละ”

ถ้าจะถามหาซีนบอกรักแม่จนน้ำตาหยดลงมือถือด้วยความซาบซึ้งผมแนะนำให้ล้มเลิกความตั้งใจนั้นไปซะ เพราะคุณนายเขาชิงตัดสายใส่ผมก่อนแล้ว ผมส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนเก็บมือถือใส่กระเป๋าและเดินตามซีอิ๊วลงบันไดไปติดๆ

แต่ยังลงไปไม่ถึงไหนผมก็ต้องชะงัก มองลงไปเห็นซีอิ๊วยืนคุยอยู่กับใครบางคนที่ผมไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่

ไนซ์…

“เดี๋ยวดิ ยังคุยกันไม่เสร็จเลย”

อยู่หอนี้เหรอวะ

บทสนทนาของทั้งคู่ดังพอที่จะทำให้ผมได้ยิน ซีอิ๊วดึงแขนไนซ์เอาไว้แต่อีกฝ่ายก็พยายามขัดขืน

“อิ๊วปล่อยกูไปเถอะ ถือว่ากูขอ กูไม่อยากเจอหน้ามัน”

คงไม่ต้องบอกหรอกมั้งว่าไอ้มันที่ว่านี่หมายถึงใคร... จะเป็นใครไปได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่ไอ้ทิศเหนือคนนี้

“เจอหน้ากูแล้วมันทำไม”

ไวเท่าความคิดคงเป็นปากของผม เพราะหลังจากปล่อยให้สมองได้ประมวลผลประโยคนั้นเพียงสองวินาที ผมก็เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปสมทบ

“ก็ไม่ทำไม แค่ไม่อยากเจอ กูปวดหัว ขี้เกียจเถียง รำคาญมึงด้วย”

จากตอนแรกที่ตั้งท่าเหมือนจะหนี ตอนนี้ไนซ์กลับหันมาสู้หน้าผม

“หึ”

เหมือนแมวกำลังขู่เลย

“หึอะไรของมึง”

“เปล่า”

“เปล่าได้ไง ก็มึงหึอะ กูได้ยินเต็มๆสองหูเลย”

“เปล่าก็คือเปล่าไง มึงจะอะไรกับกูเนี่ยเอ๋อ”

“กูชื่อไนซ์ไม่ได้ชื่อเอ๋อ”

“พูดกับมึงแม่งเหนื่อยที่สุดในกลุ่มแล้ว ขนาดออมสินมันพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง คุยกับมันยังรู้เรื่องกว่าคุยกับมึงเลย”คนตรงหน้าพยายามเถียง แต่เหมือนจะคิดคำพูดไม่ออกเลยทำได้เพียงขมวดคิ้วและหายใจฟึดฟัด“อิ๊ว เดี๋ยวกูไปรอที่รถนะ”

ว่าก่อนจะเอากระเป๋ากีตาร์ของมันมาถือ

“เออๆ”

ผมหันกลับมาหาไนซ์อีกครั้ง

“กูไปก่อนนะไอ้เอ๋อ”

“โอ๊ะ!”

พูดจบผมก็ยื่นมือไปผลักหัวอีกฝ่ายก่อนเดินออกมาอย่างสบายใจเฉิบ

“ไอ้เหี้ยนอร์ธ! ไอ้เตี้ย!”

และแน่นอนว่าเสียงด่าไล่หลังนี่จะเป็นของใครไปไม่ได้เลย นอกจากเสียงของไนซ์

เห็นทีหลังจากนี้ผมคงต้องหาเรื่องมาห้องพี่จั๊มพ์บ่อยๆแล้วล่ะ




หลังจากรู้ว่าไนซ์อยู่หอเดียวกับพวกพี่จั๊มพ์ผมก็ใช้พวกพี่มันมาเป็นข้ออ้างเพื่อมาเจอใครบางคน แต่แหตุผลขี้เล็บแบบนั้นมันคงฟังไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ ผมจึงหยิบยกเอาเหตุผลที่สวรรค์ประทานให้มาใช้อย่างไม่เกรงใจ เมื่อเช้าผมดันเก็บของสำคัญของไนซ์มันเอาไว้ อือ ไอ้ไข่มุกถุงโตนี่แหละ พี่รหัสมันฝากคนอื่นเอามาให้เมื่อเช้า

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ผมรู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่รหัสไนซ์สักเท่าไหร่ มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ผมเองก็บอกไม่ถูก เนี่ย แค่นึกถึงคิ้วก็ขมวดแล้ว

ผมมองแก้วโกโก้โอรีโอ้ปั่นที่อยู่ในมือสลับกับบานประตู วันนั้นผมแอบเห็นว่าไนซ์ถือน้ำสีนี้ขึ้นมา ตอนแรกก็ไม่มั่นใจหรอกว่ามันคือน้ำอะไร ครั้นจะให้ซื้อน้ำมั่วๆมาฝากก็กลัวว่าเจ้าตัวจะไม่รับอีก เลยตัดสินใจไปถามร้านน้ำปั่นหน้าหอทีละร้านแถมยังเปิดรูปของไนซ์ให้ดู จนเจอร้านที่เจ้าตัวซื้อเป็นประจำนั่นแหละถึงได้สั่งโกโก้โอรีโอ้ปั่นใส่มุกมา

แกร๊ก!

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัว บานประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นใครบางคนที่มองผมด้วยความแปลกใจ

“ไอ้นอร์ธ...”

“อ้าว”

อึ้งแดกเลยสิกู ทำเหี้ยอะไรไม่ถูกเลย ตั้งใจจะเคาะประตูและยื่นแก้วน้ำปั่นให้ด้วยอินเนอร์ของพระเอกซีรี่ส์เกาหลี แต่เขาเสือกชิงเปิดประตูก่อนกูจะเคาะไง...

“มึงมีอะไรวะ ทำไมถึงมายืนหน้าห้องกู ไม่ได้จะมาเพื่อกวนตีนกูใช่ปะ”

“เห็นกูเป็นคนยังไง”

“เป็นคนกวนตีน”

“สัด มึงนั่นแหละกวนตีนกู”

“มึงสิ”

“มึงนั่นแหละ”

“นอกเรื่องว่ะนอร์ธ ตกลงมึงมีอะไร”

“กูเอาไอ้นี่มาให้มึงอะ”

พออีกฝ่ายเปิดโอกาสผมจึงหยิบเอาถุงไข่มุกยื่นให้มัน“อ้าว กูลืมสนิทเลย ขอบใจมากๆ”

“เออ ไม่เป็นไร แต่รับไปสักทีเหอะ กูเมื่อย”

“แล้วมึงไปเจอมันมาจากไหน”ไนซ์ถามขณะยื่นมือมารับ

“ก็เมื่อเช้ามึงวางทิ้งไว้บนโรงอาหาร”

“แบบนี้มันจะเสียมั้ยวะ”

“ไม่รู้ดิ”

มันพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามามองบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในมือของผม

“นั่นอะไรอะ”

เหยื่อติดกับแล้ว!

“โกโก้โอรีโอปั่น”

“เฮ้ย มึงชอบกินเหรอวะ เหมือนกูเลย”

“เปล่า ป้าเขาทำให้กูผิด มึงชอบเหรอ เอาไปกินปะ”

“จะดีเหรอวะ มึงยังกินได้ไม่เยอะเลยนะ”

“ถ้าจะพูดแบบนั้น แต่สายตาอยากกินขนาดนี้ก็ไม่ต้องพูด”ผมล่ะอยากให้มันเห็นหน้าตัวเองตอนนี้จริงๆ ปากบอกเกรงใจ แต่มองแก้วน้ำปั่นตาละห้อยเลย

“กูเกรงใจ”

“หึ”

“มึงหึอะไร”

“จะกินมั้ย”

“กิน”

“งั้นก็เอาไป”

“ฮึ้ยยย ไม่ได้ๆ”

“อะไรเนี่ย เรื่องมากจังวะไอ้เอ๋อ”

“กูชื่อไนซ์”

“นอกเรื่อง ตอบมา จะเอาหรือไม่เอาสรุป ถ้าไม่เอากูจะได้เอาไปทิ้ง”

“เอาๆๆ แต่มึงดูดก่อนได้ปะล่ะ ดูดให้มันยุบๆไป กูจะได้สบายใจ”

“เรื่องมาก”ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เป็นเพราะผมตั้งใจจะเอามาให้ไนซ์อยู่แล้ว จึงต้องจำใจดูดน้ำในแก้วให้มันพร่องไปนิดหน่อยก่อนยื่นให้คนตรงหน้า“พอใจยัง”

“เออ โอเคละ”รับแก้วไปถืออย่างสบายใจ“แล้วนี่มึงมาทำอะไรที่นี่วะ คงไม่ใช่มาหากูอย่างเดียวหรอกใช่มั้ย”



อยากตอบว่าเออ กูตั้งใจมาหามึงแค่คนเดียวเลย... แต่มันทำไม่ได้ไง เลยต้องตอบอย่างอื่นออกไปแทน

“เออดิ กูมาหารุ่นพี่ กูจะคุยเรื่องเพลงที่ใช้เล่นในร้าน”

“แชทคุยกันก็ได้มั้ง”

“เรื่องของกู”

“สัด”

“ไม่มีอะไรแล้ว กูไปแล้วนะ”

“เออ”

“แดกดีๆ อย่าให้มุกติดคอตาย”

“ไอ้นอร์ธ มึงแช่งกูเหรอ”

“เปล่า กูพูดเฉยๆ ไปละ คุยกับมึงแล้วประสาทจะแดก”

พูดจบผมก็หันหลังและเดินหนีมทันที ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรต่อ

ติ๊ง!

เดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงแจ้งเตือนจากมือถือผมก็ดังขึ้น หยิบขึ้นมาดูก็พบกับข้อความของพี่จั๊มพ์



Jumppp

มึงเดินขึ้นมายัง

North

ผมใกล้จะถึงห้องพี่แล้ว

มีอะไรหรือเปล่า



พิมพ์ตอบกลับไป รอไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งข้อความกลับมา



Jumppp

มึงไปไหนมา



ทำไมคำถามมันแปลกๆวะ…



North

เปล่านะพี่

ถามทำไมอะ

Jumppp

เหรอ

ถ้าอย่างนั้นมึงหันหลังมา



คิ้วขมวดเข้าหากันอัตโนมัติ พลันหันกลับไปมองตามที่พี่จั๊มพ์บอก

ครบเลยครับ ทั้งพี่จั๊มพ์ พี่ดิน พี่ภูมิ...

“อ้าว พวกพี่เดินตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”พูดจบก็หัวเราะแห้งๆใช้นิ้วเกาที่หางคิ้วแก้เก้อ ภาวนาขออย่าให้พวกพี่มันเห็นตอนผมเอาน้ำปั่นไปให้ไนซ์ด้วยเถอะ

อย่างที่บอกไปว่าผมกับพวกพี่จั๊มพ์สนิทกัน และด้วยความที่ผมไม่เคยมีแฟนมันเลยทำให้พวกพี่จั๊มพ์คาดหวังกับรักครั้งแรกของผมอยู่ไม่น้อย ผมเลยไม่ค่อยอยากให้พวกพี่มันรู้สักเท่าไหร่ว่าผมชอบใครอยู่ตอนนี้

ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้พวกพี่มันมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมนะ ไอ้รู้สึกดีน่ะมันก็มี ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันดี แต่บางทีมันก็เยอะเกินไปไง แต่ละรายก็ใช่ว่าจะเหมือนคนปกติซะที่ไหน เล่นใหญ่กันทั้งนั้น

ถ้าพวกพี่มันรู้ว่าผมชอบไนซ์นะ รับรองได้เลย ไอ้ทิศเหนือคนนี้โดนซักจนสะอาดแน่

“ก็ตามมาตั้งแต่มึงซื้อน้ำปั่น จนเอาไปให้น้องผู้ชายคนนั้นอะ”

โอเค แต้มบุญกูหมดแล้ว...

“กูว่าวันนี้เราคงไม่ต้องคุยเรื่องเพลงกันแล้วล่ะมั้ง”พี่ภูมิว่าก่อนจะมองเพื่อนสองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย“บลอสซัมกับบับเบิลส์คิดเหมือนบัตเตอร์คัปมั้ย”

“บับเบิลส์ก็คิดเหมือนมึงบัตเตอร์คัป”

พี่ดินเสริมก่อนเป็นพี่จั๊มพ์ที่ปิดท้าย

“บลอสซั่มว่าเรื่องของน้องเราน่าสนุกกว่าคุยเรื่องเพลงเยอะเลย”

“…”

“คงไม่มีเพื่อนที่ไหนมานะไปไล่ถามร้านน้ำปั่นทีละร้านเพื่อตามหาน้ำที่เพื่อนชอบหรอกจริงมั้ย”

กูอยากจะกรี๊ด พวกมึงไม่ใช่พาวเวอร์พัฟเกิร์ลแล้วพี่ นี่มันขบวนการนักสืบเยาวชน!

เพราะหลักฐานมันคาตาผมจึงต้องจำใจยอมรับทุกอย่าง พวกพี่จั๊มพ์เองก็รับหน้าที่เป็นลูกอีช่างซักได้ดีเหมือนเคย ถามตั้งแต่การเจอกันครั้งแรกจนถึงปัจจุบันนั่นแหละ แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปซะทุกอย่างนะครับ เพราะพวกพี่จั๊มพ์ก็ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจมาให้ผม

เขายอมให้ผมใช้ชื่อพวกเขามาเป็นข้ออ้างในการมาหาไนซ์ในแต่ละครั้ง แถมยังลงทุนให้ผมนอนที่ห้องด้วยหากผมต้องการ แลกกับการรายงานความคืบหน้าของความสัมพันธ์นี้เป็นระยะ

ซึ่งผมคิดว่ามันก็แฟร์ดี... ส่วนความสัมพันธ์จะพัฒนามั้ยนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง



*อ่านต่อด้านล่างค่ะ*
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 26) --- 08/06/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-06-2020 19:00:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 26) --- 08/06/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-06-2020 12:27:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 26) --- 08/06/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 09-06-2020 20:52:09
 :hao4:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม เพิ่มเนือ้หาตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: augustismine ที่ 18-06-2020 20:58:01



ใครก็ได้... แต่ทำไมต้องเป็นไอ้เหี้ยนี่ด้วย

ตามถามตามเสือกกับแมวอ้วนมันมาตั้งนาน บทจะรู้ก็โผล่มาให้เห็นตรงหน้าเลย

ผมนั่งมองหน้าลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นัก ไม่เข้าใจคนมีเป็นพันเป็นหมื่น ทำไมพี่รหัสไนซ์ต้องเป็นไอ้สงครามด้วย โลกแม่งกลมไม่ถูกเวลาเลย

“มึงเขี่ยตีนกูเหรอ”

“เปล่า”

ผมตอบเพราะรู้ตัวเองดี ลำพังก็ไม่ค่อยอยากจะสิงสุงกับมึงนักหรอก กูจะเขี่ยตีนมึงเพื่ออะไร

“แล้วเหี้ยอะไรมาโดนตีนกูล่ะ”

“กูจะไปรู้มึงมั้ย”

แม่ง... ถ้าเลือกที่จะหายไป ทำไมไม่ไปให้พ้นวะ จะกลับมาทำเหี้ยอะไร

“เนี่ย มันโดนอีกแล้ว มึงตอบกูมาดีกว่า”

“…”

“มึงเอาตีนมาเขี่ยตีนกูทำไม”

“กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้เขี่ย!”

ชักจะหมดความอดทน มันจะอะไรนักหนา ตีนผมก็อยู่ของผมดีๆ ยังมาใส่ร้ายกันอีก

“ถ้ามึงไม่ได้เขี่ยแล้วมันจะมีอะไรมาโดนตีนกูได้ไง”สงครามมันว่า

“ตีนก็ตีนมึงกูจะไปรู้มั้ยล่ะ”

“มึงเขี่ยแน่ๆ”

“กูบอกว่าไม่ได้เขี่ยไง!”

“กูไม่เชื่อ!”

“พี่สงคราม ตีนกูเอง”แล้วตัวต้นเหตุอย่างซีอิ๊วก็ยอมรับ

“เห็นมั้ย กูบอกมึงแล้วว่ากูไม่ได้เขี่ย”

“ใครจะไปรู้ มึงเป็นเพื่อนกัน อาจจะปกป้องกันก็ได้”

แต่ดูเหมือนสงครามจะไม่เชื่อ นี่มันเรื่องเหี้ยอะไร เหมือนมันตั้งใจจะกวนประสาทผมอย่างนั้นแหละ

“มึงปกป้องกันแน่ๆ”

“โว้ยยยย อะไรของพี่วะ”

“มึงปกป้องไอ้นอร์ธ กูดูออก”

“ควาย”

“มึงว่าใครควาย”

“กูว่าไอ้อิ๊วมั้ง”

“กวนตีนไอ้เหี้ย”

“เรื่องของกู”

ใครก็ได้เอาไอ้สงครามออกไปที ไปไกลๆได้ยิ่งดี






วันศุกร์งดเข้าเชียร์ ไอ้อิ๊วเลยชวนผมกับไอ้ไกด์ออกมาหาอะไรกินแถวมหา’ลัย ตามประสาสามหนุ่มสามหนุ่มโดยพึ่งบารมีรถของไอ้ไกด์ คนที่มีรถใช้เพียงคนเดียวของกลุ่ม และแน่นอนว่าทุกอย่างมันไม่ได้ราบรื่น เพราะอยู่ๆฝนก็เกิดตกลงมาจนงงกันทั้งคันรถ

“รถด้านซ้ายว่าง”ผมบอกไอ้ไกด์หลังจากเห็นว่าถนนฝั่งผมว่าง ไม่นานนักรถก็แล่นสู่ถนนใหญ่ก่อนชื่อของผมจะหลุดออกมาจากปากของคนขับ

“นอร์ธ กูถามอะไรอย่างดิ”

ผมหันไปเลิกคิ้วใส่“ถามอะไรวะ”

“ถามแบบไม่อ้อมเลยนะ”ผมกับมันสบตากันครู่หนึ่งก่อนไกด์จะหันไปสนใจถนนอีกครั้ง

“เออ ว่ามาดิ”

ยอมรับแหละว่าแอบหวั่นกับประโยคที่ถามแบบไม่อ้อมของมันเหมือนกัน แต่ต้องทำใจดีสู้เสือ บางทีมันอาจจะถามว่ากินอะไรดีก็ได้ อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายจนเกินไป

“มึงชอบไอ้ไนซ์เหรอ”

โอเค กูมองในแง่ร้ายเหมือนเดิมก็ได้

“ถามตรงไปมั้ย”

“ก็มึงอนุญาตแล้ว”

แต่นี่ก็ตรงไป...

“สรุปยังไง ชอบมั้ย”

ผมหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากซีอิ๊วที่นั่งอยู่ด้านหลัง

หลับไปแล้วไอ้เหี้ย! ไร้ประโยชน์สุดๆ กูโยนลงรถได้มั้ย เวลาที่กูต้องการมึงแบบนี้มึงจะหนีกูนอนมันก็ไม่ได้มั้ยอิ๊ว ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!

“แค่ตอบว่าชอบหรือไม่ชอบ ทำไมคิดนานจังวะ”

อะ ไอ้นี่ก็โคนันอีกคนหนึ่งแล้ว ทำไมรอบตัวกูมีแต่คนสวมบทเป็นโคนันนักวะ

“เงียบนี่คืออะไร หรือว่าเกลียดมันจนหาคำมาอธิบายไม่ได้”

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“แล้ว?”

มันหันมาเลิกคิ้วใส่ ผมใช้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ไอ้ไกด์มันก็ดูไม่ใช่คนปากมาก น่าจะเก็บความลับอยู่

บอกมันไปก็คงไม่เสียหายหรอกมั้ง...

“เออ”

“…”

“กูชอบไนซ์”

“ก็แค่เนี้ย”

“แล้วมึงถามทำไม”

“เปล่า กูก็แค่สงสัย สังเกตมาสักพักแล้ว”ไกด์มันว่าก่อนกลับไปสนใจถนนตามเดิม

“ขี้เสือกเหมือนกันหนิ”

“ไม่อย่างนั้นจะเป็นเพื่อนกับพวกมึงได้เหรอ”

เอ๊ะ ทำไมมันเหมือนจะเข้าตัววะ

“แล้วไนซ์รู้หรือเปล่า”

“คนอย่างมันน่ะเหรอจะรู้”

“เนอะ หน้าโง่ตั้งขนาดนั้น”

“อย่าว่าไนซ์”

“ทำไมทีมึงยังด่าได้เลย แรงกว่ากูอีก”

“กูว่าได้คนเดียว ไนซ์ของกู”

“มันไปเป็นของมึงตอนไหน”แรงไม่หยุด เบาได้ก็ดี เดี๋ยวแหกโค้งเอา“รู้ใช่มั้ยว่ามันไม่ได้โสดแบบนี้ไปตลอดอะ”

“รู้”

“จะทำอะไรก็รีบๆทำ ไม่อยากเห็นเพื่อนเป็นหมา”

“แรงไปมั้ย”

“เพื่อนกันมีอะไรก็ต้องพูดตรงๆดิ แล้วอีกอย่าง ญาติมึงที่ชื่อสมพงษ์อะ”

“สงคราม”

“เออ สงคราม”

เกือบดีแล้วสัดไกด์ มึงเกือบเท่แล้ว

“มึงรู้ใช่มั้ยว่ามันคิดยังไงกับไนซ์”

“รู้”

ผมรับรู้ทุกอย่าง แต่ไม่อยากพูดถึงมันสักเท่าไหร่

เพราะผมกลัว

“ไม่มีพี่รหัสคนไหนทำตัวติดน้องรหัสขนาดนี้หรอก”

... กลัวว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะไม่ใช่คนที่ถูกเลือก

“รู้อย่างนี้แล้วรออะไรอยู่วะ จีบเลยดิ”

“พยายามอยู่”

“แต่ก่อนจีบมึงต้องเลิกด่าก่อน”

“อย่าซ้ำเติมเพื่อนได้มั้ย ใจก็มีแค่นี้”

ไกด์มันหัวเราะก่อนส่ายหัว“อย่าเล่นแบบนี้เลย เดี๋ยวกูอ้วกเอา”

“สัด”

ปากก็ด่ามันนะ แต่หลังจากด่าไปได้สองวิผมก็หัวเราะต่อ อะไรมันดลใจให้เล่นบทตัวเล็กตัวน้อยแบบนั้นวะ

ไกด์ส่ายหน้าก่อนยกมือถือขึ้นมาเปิดดู

“เล่นมือถือตอนขับรถเดี๋ยวก็ตายห่ากันหมด”

“ปากเหรอที่พูดน่ะ”

“แรงนะ”

ไกด์หัวเราะในลำคอ“มึงไม่ต้องไปแดกกับพวกกูละ”

“อ้าว อะไรวะ แค่แซวนิดเดียวมึงทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไม่ใช่ อะ มึงเอาไปดู”

มันยื่นมือถือมาให้ หน้าจอแสดงสตอรี่อินสตาแกรมของใครบางคนที่ผมส่องอยู่ทุกวัน เมื่อสองนาทีที่แล้วไนซ์อัพภาพท้องฟ้าที่กำลังมืดครึ้มพร้อมอีโมจิแมวร้องไห้

ยังไม่กลับอีกเหรอวะ...

“ได้เวลาทำคะแนนของมึงแล้ว”

“ทำคะแนน ทำยังไงวะ”

“เนี่ย ไปด่าไนซ์โง่มาก มึงโง่เองเลยเห็นมั้ย”

สัด...

“ก็ไปส่งเขาที่หอสิ”

“จะไปยังไง กูยังพึ่งบารมีรถมึงอยู่เลย”

“ก็เอารถกูไปดิ”มันว่าก่อนจะดึงมือถือกลับ“พอถึงร้านมึงก็ทิ้งกูกับอิ๊วไว้ แล้วค่อยเอารถไปรับไนซ์”

“แล้วถ้าไนซ์กลับก่อนล่ะ”

“มึงก็โทรไปหรือทักแชทไปดักไว้ก่อนก็ได้ เรียกซีนพระเอกหน่อย”

“เออว่ะ”

“ทำไมแค่นี้คิดไม่ได้”

หลายดอกแล้วนะมึงวันนี้อะ แต่เอาเถอะ กูไม่โกรธ เพราะมึงคือผู้ชี้ทางสว่าง คนที่จะนำไปสู่หนทางของการตรัสรู้

กูรักมึง ไอ้ไกด์เพื่อนรัก!

“ถ้าไม่อยากเห็นเขาไปเป็นแฟนกับคนอื่นมึงต้องรีบทำให้มันชัดเจนนะนอร์ธ ยิ่งชัดเท่าไหร่ยิ่งดี”

“เออ กูจะพยายาม”

“ต้องแบบนี้ กล้าๆหน่อย จะมีเมียทั้งที”

แล้วไอ้ไกด์ก็ยกหมัดขึ้นมาต่อยแขนผมเบาๆราวกับให้กำลังใจ ผมยิ้มให้มันเล็กน้อย หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อพิมพ์ข้อความหาใครบางคน



North

อยู่ไหน



ที่เคยบอกว่าเจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่จะกล้ามากกว่านี้...

ผมว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ








#ทิศเหนือของผม


แง สารภาพผิดคับ ครั้งที่แล้วอัพไม่ครบ ทำหล่นหายไป 4 หน้า ;w;

มาอัพเพิ่มให้แล้วนะ ;---------;
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (เพิ่มเนื้อหาตอนที่ 26) ---18/06/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 19-06-2020 06:27:32
 :hao3:
หัวข้อ: Re: #ทิศเหนือของผม (เพิ่มเนื้อหาตอนที่ 26) ---18/06/2563 ---
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-06-2020 15:13:46
 :L2: :pig4: