[END] How to bake me สูตรอบรัก l 32 : ของขวัญ...ของคนพิเศษ(จบ) l 28-12-62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] How to bake me สูตรอบรัก l 32 : ของขวัญ...ของคนพิเศษ(จบ) l 28-12-62  (อ่าน 19596 ครั้ง)

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




เนื่องจากกระทู้เก่านั้น เราได้ทำการลบเนื้อหาออกจากกระทู้ที่ย้ายเข้าห้องนิยายที่โพสจนจบแล้ว ถึงแม้จะลบเพื่อรีไรท์แต่ก็เป็นการทำผิดกฎข้อที่ 16 จึงขอตั้งกระทู้ใหม่เป็นอันนี้แทนนะคะ // อันเก่าไม่รู้ว่าจะโดนลบหรือเปล่า แต่เสียดายคอมเม้นของคุณนักอ่านมากๆ เลย TT


Re-Write

How to bake me สูตรอบรัก
.
.
.
"เร็วสิ ตอนนี้พี่อยากกินเค้กจะแย่แล้ว"
"แต่พี่ไม่ได้จะกินเค้ก นี่พี่กำลังจะกินผม"

ถ้ารู้ว่าผมจะโดนจับแทะจับกินแบบนี้ทุกวัน
วันนั้นผมจะไม่มีทางเขียนใบสมัครงานที่นี่เด็ดขาด
ไม่สิ ผมจะไม่มีทางเข้ามาหลบฝนในร้านนี้เด็ดขาด!!!






♥ - ♥ - ♥ - ♥
ผลงานเรื่องอื่น ๆ
เรื่องสั้น : ดอกไม้ป่า (Omegaverse)
เรื่องสั้น หนังสือเก่า (Omegaverse) -- จบแล้ว
เรื่องสั้น ...เป็นบ้า... (Omegaverse) -- จบแล้ว
เรื่องสั้น : เสร็จโจร -- จบแล้ว
เรื่องสั้น : "ก็แค่เจลหล่อลื่นธรรมดา ๆ" -- จบแล้ว
เรื่องยาว : Love you,bae รักนะ จุ๊บๆ (YAOI) --จบแล้ว
เรื่องยาว : Twins Love รักของฝาแฝด(YAOI) --จบแล้ว
♥ - ♥ - ♥ - ♥


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2019 09:02:25 โดย Loammy »

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
0 : ชีวิตใหม่



ผมควรทำอะไรต่อจากนี้... เดินหางานที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้ต่อไป หรือกลับไปรอโทรศัพท์จากบริษัทที่ผมไปสมัครไว้แล้วนอนหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตบนเตียงนุ่มๆ ดี

เฮ้อ...ลองหาอีกซัก 2-3 ที่ละกัน

ผมเริ่มหางานมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว จนตอนนี้ยังไม่มีที่ไหนรับผมเลย เรียนจบมาจะ 2 ปีแล้วแต่ยังหางานทำเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้แบบนี้ก็รู้สึกว่าชีวิตผมมันห่วยจริงๆ และถ้าถามว่าก่อนหน้านี้ผมเอาเงินที่ไหนกิน ที่ไหนใช้ ขอบอกเลยว่าขอแม่บ้างเป็นบางเดือน เพราะก่อนหน้าหลังเรียนจบ ผมอีโก้สูงไปหน่อย ไม่อยากเป็นพนักงานบริษัท ผมเรียนจบด้านถ่ายภาพมาครับ เลยรับแต่งานฟรีแลนซ์ รับจ้างถ่ายภาพทั่วไป บางครั้งก็มีรุ่นพี่ที่รู้จักแนะนำงานให้ชั่วคราว แต่แค่นั่นมันไม่พอกินไง เลยต้องระเห็จตัวเองมาหางานทำแบบนี้ หิ้วพอร์ทไปสมัครตามบริษัทก็แล้ว พยายามหางานพาร์ทไทม์ก็แล้ว ไม่มีที่ไหนรับผมเลย

เฮ้อ ชีวิต!

ครืน!

เอ้อ ฝนจะมาตกอีก!

ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม ฝนเม็ดเล็กกระทบใบหน้าตอกย้ำว่า ชีวิตผมช่วงนี้มันเข้าขั้นวิกฤตแล้ว เงินก็จะหมด งานก็หาไม่ได้ กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจนจะขาดสารอาหารละเนี่ย

ฝนเริ่มแรงขึ้น จนผมต้องหาที่หลบฝนก่อน ผมวิ่งไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ น่าจะเป็นร้านที่เปิดใหม่ เพราะผมพักแถวนี้นะ แต่เพิ่งจะเคยเห็นร้านนี้

กริ๊ง~

เสียงกระดิ่งที่อยู่บนประตูดัง ผมกวาดสายตาไปทั่วเพื่อสำรวจว่ามีใครอยู่บ้าง และก็พบว้าร้านนี้ตกแต่งได้สวยงามดี มีโต๊ะแค่ 4-5 โต๊ะเอง แถมมีกลิ่นหอมๆ เหมือนขนมอบด้วย

“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ”

ผู้ชายหน้าตาดีตัวสูงใส่แว่นที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ส่งยิ้มและทักทายผมที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตู ผมเลยยิ้มและผงกหัวกลับไป

“ต้องการรับเครื่องดื่มหรือขนมเค้กครับ? ”

ไม่ครับ ผมแค่เข้ามาหลบฝน...

ถ้าตอบไปแบบนั้นผมจะโดนเขาปาแก้วกาแฟใส่หน้ารึเปล่า... ไม่ดีกว่าถึงปกติผมจะไม่หล่ออยู่แล้วแต่ก็ไม่อยากขี้เหร่ไปมากกว่านี้ ผมกวาดสายตาดูเมนูที่เขียนไว้ตรงกระดานเหนือเคาน์เตอร์ขึ้นไป

ตังค์ก็ไม่ค่อยจะมี เอาเมนูที่ถูกที่สุดก็ได้

“เอ่อ นมร้อนแก้วนึงครับ” ผมเดินไปสั่งหน้าเคาน์เตอร์ และจ่ายเงินไป สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นตู้กระจกที่มีเค้กน่าตาน่ากินอยู่มากมาย ทั้งเค้กช็อกโกแลต เค้กครีมสดสตอเบอรรี่ เครปเค้ก พายเค้ก แล้วนั่นทาร์ตผลไม้ที่ผมชอบ แต่ละอย่างช่างน่ากินและยั่วน้ำลายไปหมด

“รับเค้กหรือทาร์ตเพิ่มสักชิ้นมั้ยครับ” คุณแว่นถามแล้วยิ้มละมุนมาให้ผม

“...” อยากรับครับ...แต่ผมไม่มีเงิน กินฟรีได้มั้ย? เดี๋ยวถูพื้นกับล้างจานให้วันนึง แลกกันๆ

ถ้าตอบไปแบบนั้นคงได้โดนด้ามไม่กวาดฟาดหัวแน่ๆ ผมคิดเองแล้วก็ขำกับความคิดตัวเองคนเดียว จนคุณแว่นถามซ้ำอีกครั้ง เพราะผมไม่ยอมตอบซักที

“ว่าไงครับ ทาร์ตผลไม้นั่น ผมเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ จากหลังร้านเลยนะครับ”

ว้าว~ ทาร์ตอุ่นๆ อยากกินแต่ไม่มีเงินอ่ะครับ เลยได้แต่มองทาร์ตผลไม้ด้วยความอาลัยอาวรแและตัดใจปฏิเสธไป

“ไม่ดีกว่าครับ ขอแค่นมร้อนก็พอ”

“....ได้ครับ เชิญนั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวไปเสริฟให้ที่โต๊ะเลย”คุณแว่นยิ้มแล้วก็หันไปทำเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่ว ผมหันไปมองรอบร้านๆ ผมเลือกที่นั่งโซฟาที่ติดกับกระจกจะได้เอนหลังพิงโซฟานุ่ม จิบนมอุ่นๆ ดูการจราจรที่ติดขัดไปพร้อมมองหยดน้ำที่ไหลลงมาตามกระจก ได้นั่งที่นุ่มๆ หลังจากเดินมาทั้งวันแบบนี้ สบายจริงๆ

อืม ร้านนี้ทำเลดีเหมือนกันนะเนี่ย อยู่ในเมืองใกล้มหาวิทลัยแบบนี้ผู้คนก็เข้าเยอะแน่นอน จัดร้านได้ดูอบอุ่นน่านั่ง คุณแว่นนั่นที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านก็น่าตาดีใช่เล่น ไม่นานต้องมีนักศึกษาเต็มร้านแน่นอน เสียอย่างเดียวคือมีที่นั่งไม่ค่อยเยอะเท่าไร

~กริ๊งๆ ~

นั่งชมร้านไปสักพักโทรศัพท์ของผมก็มีสายเข้า ผมรีบหยิบขึ้นมารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่าตื่นเต้น และกดรับโดยที่ไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรเข้าเสียก่อน เพราะคิดไว้เต็มหัวว่าคงเป็นบริษัทที่จะรับผมเข้าทำงานแน่ๆ

“สวัสดีครับ” พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพและไพเราะที่สุดในชีวิต หลับตาลงเพื่อซึมซับน้ำเสียงที่กำลังจะเปล่งออกมาว่า ‘คุณเป็นพนักงานบริษัทเราแล้วนะครับ’

(สวัสดีครับคุณตองหนึ่ง เป็นอะไรครับพูดซะเพราะเชียว หางานจนไม่สบายสมองเพี้ยนไปแล้วเหรอครับ)

ผมขมวดคิ้วและถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อรู้ว่าคนปลายสายเป็นไคร

“ไอ้พี โทรมาทำไม”

ไอ้พีเพื่อนผมเองครับ รู้จักกันมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ปากเสียแต่ก็นิสัยดีและตอนนี้มันเป็นช่างถ่ายภาพให้หนังสือท่องเที่ยวอยู่ ผมว่ามันโชคดีนะ ได้งานดี ได้เงินแล้วได้เที่ยวด้วย

(ก็โทรมาถามว่ามึงได้งานรึยังไง เป็นห่วงนะเนี่ย กลัวมึงจะอดตายหรือไม่ก็สิ้นคิดไปเป็นขอทานข้างถนนแล้ว)

ผมส่ายหน้า ถ้ามันนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็คงฝาดหัวมันไปซักที ปากหมาไม่เปลี่ยนจริงๆ

“ยังหาไม่ได้อ่ะดิ งานหายากจะตาย นี่กูยอมเปลี่ยนมาหางานประจำหรือพาร์ทไทม์ทำตามร้านก็ไม่มีใครรับ”

(แล้วนี่มึงมีเงินเหลือเยอะแค่ไหน)

“เหลือไม่กี่พันแล้ว” พูดถึงเงินที่เหลือแล้วระเหี่ยใจ เงินก็เหลือน้อย ยังต้องมาจ่ายค่านมที่ราคาเท่าข้าวหนึ่งจานนี่อีก

(แล้วถ้ามึงหางานทำไม่ได้จะทำไง)

“สิ้นเดือนนี้ยังหางานไม่ได้ก็จะคิดสั้นเอากล้องกับเลนส์ไปขายหรือไม่ก็ไปเป็นขอทานละ” พอผมพูดแบบนั้น ไอ้พีก็หัวเราะใหญ่ หลังจากหัวเราะเสร็จมันก็ขอวางไปทำงานมันต่อ

เฮ้อ อยากมีงานทำบ้างจัง

“นมร้อนได้แล้วครับ ขอโทษที่ทำให้คอยนานนะครับ”

คุณแว่นยกนมที่มีควันลอยหอมกรุ่นมาวางบนโต๊ะตรงหน้าผมพร้อมกับจานทาร์ตผลไม้

ผมมองจานขนมนั้นแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นเพระาผมไม่ได้สั่งขนมมา ถึงจะอยากกินมากๆ แต่ก็ไม่ได้สั่งไปแน่นอน หรือเขาจะโมเมว่าผมสั่งแล้วให้ผมจ่ายตังค์ ไม่! เขาจะมาโมเมไม่ได้ได้ ผมไม่จ่ายเพราะผมไม่มีเงิน!

ผมเงยหน้ามองคุณแว่นที่ตอนนี้ยืนยิ้มขำกอดถาดสีดำอยู่ด้านหน้าผม

“ทาร์ตนั้นไม่คิดเงินครับ เป็นโปรโมชั่นจากร้านที่เปิดวันนี้เป็นวันแรก ซื้อน้ำ 1 แก้วแถมฟรีเค้ก 1 ชิ้นครับผม”

เขาพูดและยิ้มกว้าง ในขณะที่ผมขมวดคิ้วกับรอยยิ้มและท่าทางของเขาที่ชวนให้รู้สึกไม่น่าไว้ใจยังไงไม้รู้ นี่ถ้าผมกินหมดแล้วจะมาเก็บตังทีหลังไม่ได้นะ บอกเลยว่าไม่มีจ่าย

“ขอบคุณครับ” ถึงจะบ่นในใจมากขนาดไหน แต่ผมก็ทำได้แค่กล่าวมุบมิบขอบคุณเขาไปเบาๆ

ผมยกแก้วนมอุ่นๆ ขึ้นมา หลับตาแล้วดมกลิ่นนมหอมละมุน เป่าเบาๆ เพื่อไล่ความร้อนและจิบนม เมือ่ได้ลิ้มรสแล้วก็ต้ิงอมยิ้ม เพราะอร่อยมาก หอมหวานกำลังดี เป็นรสชาติแบบที่ผมชอบเลยล่ะ

ผมละเลียดนมหวานอุ่นละมุนลิ้นที่อยู่ในปากนั่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กลืนลงไป แต่ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าคุณแว่นยังไม่ไปไหนยืนยิ้มอยู่ที่เดิมท่าเดิม หรือต้องการคำแนะนำเรื่องรสชาตินะ ผมจึงรีบตักทาร์ตเข้าปากเพื่อชิม

“เอ่อ นมอร่อยมากครับ แล้วทาร์ตก็อร่อยเหมือนกัน”

ผมก้มหน้าอ้อมแอ้มตอบไป สิ่งที่ผมไม่ถนัดเลยก็คือเข้าสังคมและการคุยกับคนอื่นที่ไม่สนิทนี่แหละ ถึงในหัวจะมีความคิดจะพูดเป็นล้านคำ แต่ผมกล้าพูดออกไปแค่สิบคำแค่นั้น ผมถึงมีไอ้พีเป็นเพื่อนอยู่แค่คนเดียวไง

“ขออนุญาตนั่งด้วยครู่หนึ่งนะครับ” คุณแว่นขยับมานั่งที่โซฟาตัวตรงข้ามกับผม แล้วก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาคลี่แผ่นกระดาษนั่นออกแล้วยื่นมาให้

มันคือใบสมัครงาน!

“คือผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะครับ คือมันได้ยินเอง...คุณกำลังหางานทำใช่มั้ยครับ”

“...” ผมไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าให้ไป มือยังกุมแก้วนมอุ่นๆ อยู่ ยกขึ้นจิบเป็นระยะๆ แต่หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นหนึ่งจังหวะ

“แล้วตอนนี้ก็ยังหาไม่ได้ ใช่มั้ยครับ? ”

“...” ผมพยักหน้าช้าๆ แต่หัวใจผมเต้นแรงขึ้นรู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดที่เขากำลังจะพูดออกมา

“ดีเลย...คือตอนนี้ทางร้านเราเป็นร้านเปิดใหม่ต้องการพนักงานประจำมากๆ คุณพอจะมาทำงานร้านผมได้มั้ยครับ? ”

“ต แต่ผมไม่เคยทำงานร้านกาแฟ พวกชงกาแฟก็...” ผมก็พอรู้มาบ้างว่าจำทำงานร้านแบบนี้ด้ ก็ต้องเรียนบาริสต้ามาบ้าง แต่ผมนั้นชงเป็นแต่กาแฟซองทรีอินวันแค่นั้นเอง

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะเป็นคนสอนให้เอง เอ่อ...แต่ถ้าคุณไม่สะดวก...”

“อ๊ะ...สะดวกครับ ผมอยากทำงานนี้” ผมรีบละล่ำละลั่กบอก รีบวางแก้วนมและเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงเมื่อเขาทำท่าจะเปลี่ยนใจ

“เป็นพนักงานประจำนะครับ ไม่ใช่แค่พาร์ทไทม์”

“ครับ! ทำได้ครับ” ผมรีบตอบเสียงดังฟังชัด ไม่สนว่าจะได้เงินเดือนกี่บาท ถึงอาจจะได้น้อยแต่ก็ได้บ้างล่ะวะ

“ถ้าอย่างงั้น ช่วยกรอกข้อมูลตามใบสมัครนี่ด้วยนะครับ...” คุณแว่นที่กำลังจะเป็นเจ้านายในอนาคตของผมยื่นปากกามาให้ ผมรีบรับมากรอกข้อมูลอย่างบรรจง ระหว่างนั้นเขาก็พูดถึงเงินเดือนและงานที่ผมต้องทำ ซึ่งไม่ค่อยจะเข้าหูผมเลย

ผมได้งานทำแล้ว จะไม่เป็นคนตกงานอีกต่อไปแล้ว ผมกรอกข้อมูลเสร็จแล้วก็ยื่นให้คุณแว่น เขาอ่านข้อมูลของผมครู่นึงแล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้ม

“ตองหนึ่ง อายุ 24”

“ครับ...เรียกหนึ่งเฉยๆ ก็ได้ครับ” ผมยกมือขึ้นมาเกาแก้มเบาๆ รู้สึกประหม่าทุกครั้งที่คนอื่นเรียกผมว่าตองหนึ่ง มันไม่ชินเท่าไรเวลาคนเรียกชื่อเต็มๆ ขนาดนั้น

“โอเคครับ งั้น...พี่ชื่อนัทนะ เป็นเจ้าของร้านนี้ แล้วหนึ่งเริ่มงานได้วันไหนครับ”

“วันไหนก็ได้ครับ ผมสะดวกทุกวัน” ความจริงอยากจะบอกว่าให้เริ่มทำตอนนี้เลยก็ได้ แต่ก็คงจะดูประจบประแจงเกินไปหน่อย

“อืม งั้นพรุ่งนี้มาร้านก่อนแล้วกัน มาวัดชุดทำงานกับเรียนรู้เรื่องชงเครื่องดื่มแล้วก็เรียนรู้การเป็นผู้ช่วยปาติซิเย่กับบาริสต้าเล็กๆ น้อยๆ ละกัน พรุ่งนี้ก็ใส่เสื้อสีขาวหรือสีชมพูมาก่อนนะครับ”

“ครับ” ผมตอบและอมยิ้มกลับไป ถึงภายนอกผมจะดูนิ่งๆ แต่ในใจนี่ตื่นเต้นมากๆ เลยนะครับ เพราะนอกจากจะได้ทำงาน แล้วยังได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วย ถือเป็นเรื่องโชคดีสำหรับผมจริงๆ

“งั้นพี่ไม่กวนละ ทานให้อร่อยนะครับ” พี่นัทเอื้อมมือมาบีบไหล่ผมเบาๆ แล้วก็ลุกไปทำงานต่อ ส่วนผมก็นั่งจิบนม กินทาร์ตไป คิดเกี่ยวกับงานที่จะทำในวันพรุ่งนี้ไป

ฮ้า~ ชีวิตใหม่ของผมกำลังเริ่มขึ้นแล้ว



สวัสดีกันอีกครั้งนะคะ ดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกในเรื่องนี้

เราตั้งใจจะรีไรท์เรื่องนี้มาสักพักนึงแล้ว เพราะพอได้มีโอกาสกลับมาอ่าน เราก็รู้สึกว่ามีคำผิด คำฟุ่มเฟือยเยอะมาก บางอย่างไม่ค่อยสมเหตุสมผล บางประเด็นในเรื่องเราก็เข้าใจผิดและอยากแก้ไขให้มันดีขึ้น และประเด็นที่เราเปลี่ยนมุมมองเล็กน้อย เราจะอธิบายไว้ใน talk ของตอนนั้นๆ ค่ะ

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
1 : ปาติซิเย่ขี้อ่อย


เช้าที่สดใสที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผมก็หวังไว้ว่ามันจะต้องสดใสและดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 6.30 น. ผมเดินกินขนมปังไปฮัมเพลงไปพลาง เมื่อวานพี่นัทบอกว่าให้ไปถึงประมาณเจ็ดโมงเช้าเพราะไปดูวิธีเปิดร้านและทำความสะอาดต่าง แล้วก็จะสอนวิธีการชงกาแฟง่ายๆ ให้ด้วย เมื่อคืนผมนอนดูคลิปชงกาแฟทั้งคืนเลย ก็คนกำลังเห่องานใหม่อ่ะครับ

โชคดีอีกเรื่องคือที่พักผมกับร้านไม่ไกลกันมากนัก ผมเลยสามารถเดินไปทำงานได้ ใช้เวลาเดินเรื่อยๆ แค่ประมาณ 15 นาทีก็ถึง และตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าร้านแล้ว แต่ร้านยังไม่เปิดประตูหน้าก็ล็อคอยู่ พอลองเดินไปดูตรงประตูทางเข้าหลังร้านก็พบว่ามันล็อคอยู่เหมือนกัน ไม่มีทางไหนให้ผมเข้าไปได้เลย แถมเบอร์เจ้าของร้านก็ไม่มี ทำไมเมื่อวานผมถึงลืมขอเบอร์นายจ้างไว้นะ แต่ตอนนี้ก็เกือบจะเจ็ดโมงแล้ว รออีกแปปเดี๋ยวพี่นัทก็คงมาแหละ

“หนึ่ง มารอนานยังครับ”

“อะ...ไม่นานครับ” ผมยืนรอไม่ถึงสิบนาทีพี่นัทก็มาถึงพร้อมกับหอบถุงผลไม้ต่างๆ มาเต็มไปหมด ผมรีบเดินเข้าไปช่วยถือ เขาก็แบ่งบางส่วนมาให้ผมช่วยแล้วล้วงไปหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูหลังเข้าร้าน แต่พวกผลไม้นี่หนักมากๆ เลยนะเนี่ย ขนาดแบ่งกันถือคนละครึ่งแล้วยังหนักเลย

“พี่ถือคนเดียวมาจากตลาดเลยเหรอครับ” ผมถามขณะที่เดินตามพี่นัทเข้ามาในครัว

“ไม่ใช่ๆ พี่มีรถ แต่จอดอยู่ตรงลานจอดรถรวมโน่น”

ผมพยักหน้าแล้ววางของบนเคาน์เตอร์ใหญ่ๆ กลางครัว ครัวที่ร้านนี่ใหญ่มาก ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลอ่อนกับขาวดูอบอุ่นและสวยงาม ข้าวของเป็นระเบียบ มีตู้อบเค้กใหญ่ๆ หนึ่งตู้ เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ แล้วก็อุปกรณ์ทำขนมต่างๆ ถัดมาก็เป็นอ่างล้างจานแล้วก็ตู้เก็บแก้วกับภาชนะต่าง อีกฝั่งเป็นชั้นเก็บวัตถุดิบ มีตู้เย็นสองประตูขนาดใหญ่ แล้วก็มีบันไดขึ้นไปชั้นสองอีก

โห เป็นครัวที่อลังการมากสำหรับผม

“พี่จะอธิบายแล้วนะว่าหนึ่งต้องทำอะไรบ้าง”

“ครับ” ผมหันหน้าไปมองพี่เขา แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูด พี่นัทสบตากับผมและอมยิ้มก่อนจะเริ่มอธิบาย

“ร้านนี้เปิดทุกวันเวลาสิบโมงครึ่ง ปิดสามทุ่มนะ หนึ่งก็มาประมาณเจ็ดหรือแปดโมงก็ได้อย่าให้เกินนั้น มาทำความสะอาดร้าน กับเตรียมของเปิดร้าน ถ้ามาถึงแล้วประตูหลังไม่เปิดก็รอพี่ครู่หนึ่ง บางวันที่พี่ไปตลาดก็จะกลับมาประมาณนี้แหละ”

“ครับ” ผมพยักหน้าตั้งใจฟังที่พี่นัทพูดสุดฤทธิ์

“อืม...แล้วก็พอจัดร้านข้างนอกเสร็จก็เข้ามาช่วยพี่ทำขนมในครัวนะ”

“ครับ” จะได้ช่วยทำขนมด้วย แบบนี้ผมก็แอบขโมยสูตรขนมไปเปิดร้านแข่งเลยดีมั้ยนะ...ล้อเล้นครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

“ส่วนพวกเครื่องดื่ม ก็ดูตอนที่พี่ชงเอานะ เดี๋ยวพี่ให้คำแนะนำไปด้วย”

“ครับ” ผมพยักหน้า พี่นัทมองหน้าผมนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง จนผมเริ่มรู้สึกประหม่าเลยก้มหน้าลงมองพื้น

“รอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวพี่ไปเอาชุดมาให้รองใส่”

พูดจบพี่นัทก็วิ่งขึ้นชั้นสองไป ไม่นานก็ถือถุงผ้าลงมาและยื่นให้ผม ข้างในเป็นเสื้อเชิตสีขาวหนึ่งตัว ตรงอกเสื้อด้านซ้ายปักลายเค้กกับรูปหัวใจเล็กๆ อยู่แล้วก็ผ้ากันเปื้อนแบบคาดเอวสีดำอยู่หนึ่งผืน

“ลองใส่เสื้อดูเลยก็ได้ ถ้าไม่พอดีเดี๋ยวพี่เอาขึ้นไปเปลี่ยนให้”

“ครับ แล้วห้องน้ำอยู่ไหนครับ” พี่นัทชี้ไปที่ข้างบันไดด้านหน้าครัว ผมเดินไปตามที่เขาชี้ ก็พบกับห้องน้ำเล็กๆ ที่อยู่ตรงทางเชื่อมเล็กระหว่างหน้าร้านกับห้องครัว

ห้องน้ำก็สวย สะอาด ผมรีบเปลี่ยนเสื้อ กับผูกผ้าคาดเอวแล้วออกไปให้พี่นัทดู

“กะแล้วว่าต้องพอดีดับตัวหนึ่ง สายตาพี่นี่เป๊ะจริงๆ ” พี่นัทยิ้มแล้วหัวเราะออกมา ผมมองพี่เขายิ้มจนตาหยีแล้วก็อมยิ้มตาม เพิ่งจะสังเกตจริงๆ จังๆ ว่า พี่เขายิ้มสวยดีจัง หล่ออีกตังหาก

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวหลังเลิกงานพี่เอาเพิ่มให้อีก 4-5 ชุดเนอะ จะได้พอใส่ทุกวัน”

“ครับ” ผมตอบไปสั้นๆ คือใจก็อยากจะตอบให้ยาวกว่านี้ อยากยิ้ม อยากคุย อยากตีสนิทกับพี่เขาอีกสักหน่อย แต่ผมมันไม่กล้าอ่ะ กลัวพูดอะไรไม่ถูกหู หรือพูดอะไรเจื่อนๆ ออกไป

“งั้น...ไปทำความสะอาดหน้าร้านกัน”

พี่นัทเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาด แล้วก็เดินนำผมไปหน้าร้าน ขั้นตอนการทำความสะอาดก็ทั่วไป แค่กวาดพื้น เช็ดกระจก เช็ดโต๊ะ เตรียมแก้ว แล้วก็จัดของ

เราใช้เวลาในการเตรียมหน้าร้านแค่ชั่วโมงเดียวเสร็จ พี่นัทเลยจะสอนผมเตรียมของทำเค้กกับปลอกผลไม้

“หนึ่งล้างผลไม้แล้วพักไว้บนตระแกรงนี่นะ” ผมล้างผลไม้โดยมีพี่นัทยืนดูอยู่ข้างๆ แค่ล้างผลไม่เอง ง่ายๆ ครับ แม่ใช้ผมล้างมาตั้งแต่เด็กๆ ผมน่ะลูกเจ้าของสวนผลไม้นะครับ ไม่อยากจะโม้

“ล้างแบบนั้นไม่ได้นะ ผลไม้จะช้ำ”

อ้าว...เพิ่งจะอวดไปไม่ทันขาดคำ ผมหัวใจกับตัวเองในใจ มองดูพี่นัทเข้ามาล้างและก็อธิบายให้ฟังไปด้วย

“หนึ่งต้องล้างแบบนี้ครับ ถูเบาๆ ขัดแรงแบบเมื่อกี้ไม่ได้นะ ช้ำหมด”

“ข ขอโทษครับ” ผมขอโทษเสียงเบา รู้สึกผิดขึ้นมาเพราะถ้าผมทำผลไม้ช้ำ เค้กเขาก็คงจะเสียรสชาติไปด้วย

“ไม่ต้องทำท่ารู้สึกผิดขนาดนั้น พี่แค่แนะนำเฉยๆ ครับ” พี่นัทหันมาพูดแล้วก็เอามือเปียกๆ มาลูบหัว

“...”

ผมนี่ตัวแข็งไปเลยสิครับ นอกจากพ่อกับแม่แล้วไม่มีใครกล้าลูบหัวผมแบบนี้เลย เพราะภายนอกผมดูเป็นคนที่เข้าถึงยาก ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยิ้ม แล้วนี่ผมเพิ่งจะรู้จักพี่เขาเมื่อวานนี่เอง ใครจะไม่เกร็งบ้าง

“อ๊ะ พี่ขอโทษ ไม่ชอบให้คนอื่นเล่นหัวใช่มั้ย?” พอเห็นผมนิ่งไปนานๆ พี่นัทเลยดึงมือออกแล้วนึกว่าผมไม่ชอบซะงั้น

“มะ...ไม่เป็นไรครับ ค คือ...” ผมพยายามจะพูดออกไป แต่ก็กลัว่าพูดไปแล้วมันจะดูเป็นการตีสนิมเกินไปรึเปล่า การที่ผมอยากสนิทกับเขา มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากสนิทกับผมนะ

“คือ?” พี่นัทก้มลงมานิดหน่อยจนหน้าอยู่ระดับเดียวกัน ยิ่งทำให้ผมประหม่าเข้าไปใหญ่และก้มหน้าลงจนคางชิดอกเมื่อรู้ว่าพี่เขากำลังพยายามจ้องตาผมอยู่

“พี่ลูบหัวผมได้ครับ เผื่อว่าเราจะได้สนิทกันเร็วขึ้น...”

“หะ? น้องหนึ่งว่าไงนะครับ”

ผมรู้ตัวว่าผมพูดออกไปเบามากๆ จนพี่นัทต้องขยับมาใกล้ผมอีกแล้วเงี่ยหูฟัง ผมทำท่าจะผละออกแต่ก็ยอมหยุดยืนอยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าพี่เขาจะหาว่าผมไม่ชอบอีก

ไม่เอานะ ผมไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าผมดูเข้าถึงยาก ไม่น่าคบอีกแล้ว ผมต้องมาทำงานที่นี่ทุกวันก็ควรที่จะทำความคุ้นเคยกันเอาไว้ ผมจะมัวแต่อายและถือตัวไม่ได้ ผมต้องพูดเสียงดัง ต้องพูด!!

“ผมอยากให้พี่นัทลูบหัวผมครับ!”

คือ...ผมก็ไม่รู้ว่าเสียงที่ผมอุตส่าห์เค้นออกมาจะดังขนาดนี้ พี่นัทรีบยืดตัวขึ้นมองหน้าผมอย่างตกใจ แล้วเอามือจับหูข้างซ้ายของตัวเองไว้ ขอโทษครับที่เสียงผมทำให้ขี้หูพี่เต้นระบำ ผมก็ตกใจเสียงตัวเองเหมือนกันครับ

“หึหึ โอเคๆ พี่เข้าใจแล้ว เรามาเตรียมผลไม้กันต่อดีกว่าเนอะ” พี่นัทหัวเราะในคอ ยิ้มออกมาอย่างน่ารัก แล้วเอามือมาลูบหัวผมอีก

“ครับ” ผมอมยิ้มตามเมื่อเห็นว่าพี่เขาดูเป็นคนที่ใจดี ดูท่าแล้วผมคงจะมีเพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกคนแล้ว

ระหว่างที่เราทำเค้ก บรรยากาศในครัวมันดูผ่อนคลายและสนุกขึ้น อาการเกร็งและประหม่าของผมน้อยลง พี่นัทก็คุยเล่นกับผมเยอะเลย เขาเองก็พยายามที่จะทำความรู้จักกับผม ถึงแม้ว่าผมจะกล้าตอบเขาได้แค่คำว่า ครับ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับและขอโทษครับแค่นั้น

“หนึ่งเอาครีมนี่ไปปั่นนะ ใช่ตระก้อไฟฟ้าตรงนั้น ใช้เป็นใช่มั้ย?”

ผมพยักหน้าถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าตัวเองใช้เป็นรึเปล่า แต่เคยเห็นในคลิปไม่น่าจะยากหรอกมั้ง ผมรับอ่างแก้วที่มีครีมเหลวๆ อยู่มาจากพี่นัท วางลงบนอ่างน้ำแข็งแล้วก็จัดการเปิดสวิตซ์ตะกร้อไฟฟ้า

“เหวอ!” นี่เสียงผม

“เฮ้ย!” ส่วนนี่เสียงพี่นัท

ใช่ครับ...ผมยังไม่ได้เอาตะกร้อลงแล้วดันเปิดแรงไป ตะกร้อเลยปั่นหน้าครีมจนกระเด็นเต็มตัวผมเลย หลังจากเสียงพี่นัทผมก็ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพี่เขาที่อาจจะกำลังโกรธผมอยู่ ได้แต่เม้มปากมองครีมที่กระเด็นไปทั่ว มาทำงานวันแรกก็สร้างปัญหาให้พี่เขาซะแล้ว

“...หนึ่งครับ ไม่เป็นไรใช่มั้ย มาล้างครีมออกก่อนครับ” พี่นัทดึงตะกร้อไปปิดสวิตซ์แล้วพาผมไปล้างหน้าที่อ่างล้างจาน วักน้ำขึ้นลูบตามแขนและเสื้อของผม

“ผมขอโทษครับพี่” พี่นัทไม่ตอบอะไร ผมเลยก้มลงไปล้างหน้า รู้สึกแย่จนไมากล้าพูดอะไรต่อ เพิ่งได้งานทำเอง ขออย่าเพิ่งไล่ผมออกนะครับพี่นัท

“พี่สิต้องขอโทษที่ไม่บอกวิธีใช้ก่อน” ผมเหลือบตามองหน้าพี่นัทนิดนึง แต่พี่เขาก็แค่ยิ้มบางๆ ยิ้มตลอดเลยอ่ะ ผมนี่ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

“ผมผิดเองครับ ที่ไม่บอกว่าผมไม่เคยใช้”

“มายืนตรงนี้ครับ เดี๋ยวพี่สอนให้นะ” พี่นัทดึงผมไปยืนหน้าอ่างครีมที่เดิม เช็ดทำความสะอาดเล็กน้อย แล้วก็ยื่นตระกร้อไฟฟ้าให้ผมอีกครั้ง

“...” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ นี่ผมเพิ่งจะทำครีมพี่กระจายไป พี่ยังจะให้ผมทำเองอีกเหรอ?

“ลองทำใหม่ดูครับ พี่อยู่ตรงนี้ไม่เป็นไรหรอก”

ผมรับเครื่องมา มือซ้ายจับปากอ่างครีมไว้ มือขวาเตรียมเปิดสวิตซ์เครื่อง แต่พี่นัทเข้ามายืนซ้อนหลังผมแล้วก็ยื่นมือมาทับที่มือผม ฝ่ามืออุ่นๆ ของเขาทำให้ผมตกใจเล็กน้อย พอเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ส่งยิ้มให้อีกครั้งและค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งเขาดันนิ้วผมให้เปิดสวิตซ์ เครื่องเริ่มสั่นเบาๆ เหมือนหัวใจผมที่เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย…

พี่นัทเปลี่ยนมาจับที่ข้อมือผม บังคับให้ขยับเครื่องวนไปมาทั่วอ่างครีม

“เห็นมั้ยครับ แค่นี้ครีมก็ไม่กระเด็นแล้ว อย่ายกปลายตะกร้อขึ้นและไม่ต้องเปิดแรงจนสุด เปิดแค่ประมาณนี้ก็โอเคแล้ว”

“...”

พี่นัทอธิบายไปเรื่อย แต่ลมหายใจของพี่เขากระทบกับหูผมแผ่วๆ เพิ่มจังหวะการเต้นของหัวใจผมขึ้นไปอีก

“แล้วเราก็ตีไปเรื่อยๆ จนครีมตั้งยอด”

ผมรู้สึกเหมือนเสียงพี่นัทเบาจนเหมือนเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูผมเพียงแค่นั้น ความร้อนจากมือพี่นัทที่ข้อมือเริ่มลามมาที่แก้ม ผมรู้สึกประหม่าอีกแล้ว อยากจะชวนพูดอะไรบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศแปลกๆ แบบนี้แต่ก็ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร

“เรียบร้อยแล้ว ง่ายๆ แบบนี้หนึ่งทำได้สบายมากใช่มั้ยครับ?”

แล้วอยู่ดีๆ พี่นัทก็เปลี่ยนโทนเสียง ปิดสวิตซ์ลงทันที ปล่อยมือแล้วถอยออกจากตัวผม ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเข้ามาแทนที่ความอบอุ่นจากร่างกายพี่นัทอย่างรวดเร็วไม่ทันให้ผมตั้งตัวเตรียมใจ พอสติที่หลุดออกไปเริ่มกลับมาเข้าที่ ผมก็หันไปมองพี่นัทที่ยืนยิ้มแฉ่งกอดอกมองผมอยู่

“ครีมตั้งยอดเรียบร้อยแล้วครับ” พี่นัทพูดยิ้มๆ ผมมองครีมในอ่างก็รู้สึกว่าครีมจับตัวอย่างที่พี่เขาบอกแล้ว

“อะ...ครับ” ผมขานรับเบาๆ พี่นัทยังยืนอยู่ท่าเดิมเพิ่มเติมคือรอยยิ้มที่กว้างขึ้น พี่เขายิ้มเก่งจัง ถ้าพี่เขาเป็นผู้หญิงนะ ผมคงหลงไปแล้วแน่ๆ เพราะขนาดพี่เขาเป็นผู้ชายแบบนี้ผมยังเกือบจะหลงเขาแล้วเลย…

“สอนง่ายดีจังเลยนะเราอ่ะ ทำให้พี่อยากสอนอะไรๆ ให้หนึ่งเยอะแยะไปหมดเลย”

ผมเม้มแล้วปากมองคนตัวสูงตรงหน้า คือ...ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่ารอยยิ้มของพี่นัททะเล้นขึ้น แล้วสายตาของพี่เขาทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ยังไงไม่รู้แฮะ


#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
2 : หยอดเด็ก


หลังจากที่พี่นัททำเค้กเสร็จแล้ว เขาก็สอนผมห่อพลาสติกรอบๆ เวลาหยิบจะได้หยิบเสิร์ฟได้ง่าย จากนั้นก็ช่วยกันยกมาจัดเรียงที่ตู้เค้กและเปิดร้านในเวลาประมาณสิบโมงเช้า

รอไม่นานก็มีลูกค้าทยอยเข้ามาซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา หน้าที่ของผมนั้นไม่ต้องทำอะไรมากแค่นำขนมไปเสิร์ฟให้ลูกค้าแล้วก็คอยเช็ดโต๊ะและเก็บแก้วไปล้าง จนถึงประมาณบ่ายสองกว่าๆ ที่ลูกค้าเริ่มน้อยลง พี่นัทก็เรียกผมให้เข้าไปหลังเคาน์เตอร์

“พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”

พอเห็นพี่นัทยิ้ม ผมก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาอีก ทำไมพี่ยิ้มเก่งจังครับ ถ้าไม่กลัวเหงือกแห้ง ก็ช่วยกลัวว่าผมจะหลงรอยยิ้มของพี่หน่อยได้มั้ยล่ะ

“พี่จะสอนทำช็อคโกแลตกับลาเต้ร้อน สองเมนูนี้คนสั่งกันเยอะ เผื่อพี่ทำไม่ทัน หนึ่งจะได้ช่วยพี่ได้ไงครับ”

พี่นัทดึงผมมายืนข้างๆ แล้วก็สอนวิธีการใช้ช้อนตวง การบดเมล็ดกาแฟ การเทน้ำร้อน การสตรีมนม ขั้นตอนพวกนั้นผมทำได้สบายมาก แต่ที่มีปัญหาสุดก็คือการเทฟองนมให้เป็นรูปใบไม้ แต่มันไม่เป็นรูปใบไม้ให้ผมนะสิครับ เป็นแค่ฟองนมกลมๆ อย่างเดียว เทียบกับอีกแก้วที่พี่นัททำให้ดูแล้ว มันต่างกันมาก ผมคิดว่าให้ล้างแก้วเหมือนเดิมอ่ะดีแล้ว อย่าให้ผมมาทำกาแฟของพี่แปดเปื้อนเลยครับ

“หึหึ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ไม่มีใครทำได้ตั้งแต่แรกหรอก พี่เองก็ฝึกตั้งนานกว่าจะทำได้” พี่นัทหัวเราะและขยี้หัวผมไปเล็กน้อย

“...” ถึงผมจะเงียบแต่ก็พอใจอยู่ไม่น้อยเลย ความอัธยาศัยดีของพี่เขาทำให้ผมรู้สึกเราเข้ากันได้ดีแม้จะเพิ่งรู้จักกันจริงๆ เพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น

“เรามาชิมลาเต้ที่เราทำกันดีกว่า อะนี่...หนึ่งชิมของพี่นะ เดี๋ยวพี่จะชิมของหนึ่งเอง”

“อ๊ะ! เดี๋ยวครับ ผมขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยครับ ผลงานแก้วแรกของผม” เมื่อเช้าผมพกกล้องมาด้วย ผมมักจะพกกล้องตัวเล็กของผมไปทุกๆ ที่ เวลาเจออะไรที่ถูกใจก็ถ่ายได้ตลอด

“ได้สิครับ” ผมวิ่งไปเอากล้องที่อยู่ในช่องเก็บกระเป๋าหลังร้าน และเอามาถ่ายลาเต้แก้วแรกของผม ผมถ่าย 2-3 มุมก็พอ เพราะเกรงใจพี่นัทที่ยืนรออยู่

“เสร็จแล้วครับ” ผมดันแก้วกาแฟไปให้ พี่นัทถือขึ้นมาดมกลิ่นหอมของกาแฟอยู่ครู่นึงแล้วก็จิบ ผมเลยถือแก้วขึ้นมาแล้วก็ทำตาม สูดหายใจลึกๆ เอากลิ่นกาแฟและนมหอมๆ เข้าไป แล้วตามด้วยจิบคำเล็กๆ กลั้วกาแฟจนทั่วปาก ให้ลิ้นซึมซับความหวานมันของนม ความขมและกลิ่นหอมของกาแฟ

ผมอมยิ้ม เลียปากตัวเองแล้วก็ยกขึ้นมาดื่มอีก กาแฟแก้วนี้อร่อยมาก ให้ดื่มอีกสิบแก้วก็ยังไหว ยอมนอนตาค้างเลย

“...”

“อะ...อะไรครับ” ผมลืมตามองพี่นัทก็เจอเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว พี่เขายิ้มขำก่อนจะส่ายหน้าแล้ววางแก้วกาแฟลง

“เรื่องรสชาติพี่ให้สิบคะแนนเต็มเลย อร่อยนะ หอมมัน กลมกล่อม แต่เรื่องหน้าตานี่...” พี่นัทมองหน้าตาฟองนมขี้เหร่ๆ นั่น แล้วก็ถอนหายใจออกมา ขอโทษครับ ที่มันขี้เหร่จนพี่รับไม่ได้

“ผ...ผมจะฝึกทำเรื่อยๆ นะครับ”

“อื้ม แต่รสชาติดีแล้วนะ อร่อยมาก!” พี่นัทพูดเชียงดังฟังชัด จับไหล่ผมแล้วก็ชูนิ้วโป้งให้พร้อมกันรอยยิ้มกว้างที่เห็นฟันขาวเรียงตัวสวย

“ก็ผมตวงตามพี่เป๊ะๆ เลยนี่ครับ” ไม่ต้องพูดเพื่อรักษาน้ำใจผมก็ได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฝึกทำทุกวันๆ เดี๋ยวก็สวย พี่จะเทรนด์ให้เอง...ทุกวันเลย”

“แล้วอีกนานแค่ไหนถึงจะทำออกมาดูดีอ่ะครับ วันนี้ผมทำได้ห่วยมาก”

ยิ่งเทียบกับแก้วที่พี่เขาทำ ของผมยิ่งห่วย ดูสิ...ตัวใบไม้สวยเชียว ผมมองฟองนมในแก้วแล้วยกขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ยิ่งได้มองภาพสวยๆ และดื่มไปด้วย ก็ยิ่งรู้สึกว่ากาแฟแก้วนี้อร่อยขึ้น

“อืม...ลายอาร์ตในกาแฟแก้วนี้อาจจะห่วย”

“...”

พี่นัทมองมาแล้วหัวเราะจากนั้นก็ค่อยๆ ก้มลงมาจนหน้าเราอยู่ระดับเดียวกัน ผมสบสายตาที่เหมือนจะส่อแววทะเล้นของพี่เขา ผมกลืนน้ำลายเล็กน้อยตั้งใจว่าจะก้มหน้าหนี ที่แต่พี่เขาก็ยกมือขึ้นจับหัวไหล่ผมเอาไว้

“แต่พี่ว่า…คนที่ทำกาแฟแก้วนี้อ่ะ...”

“...” เขาเชยคางผมขึ้นมาจงใจสบตาและส่งรอยยิ้มละมุนมาให้ผมรู้สึกใจสั่นเล่นๆ

“น่ารักดีเนอะ~”

BANG!

ไปแล้วครับ...สติไปแล้ว ความร้อนก่อตัวอยู่พวงแก้มและใบหู ผมอ้าปากหวอกับไอ้คำว่า ‘น่ารักดีเนอะ’ ของพี่เขาอีกทั้งแววตาของพี่นัทก็กำลังทำให้ผมเขิน ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะนุ่มๆ ของเขาและฝ่ามือใหญ่ที่ขยี้หัวผมอยู่ก็ยิ่งรู้สึกเขิน

รู้ว่าเราสนิทกันค่อนข้างเร็ว แต่เราสนิทกันถึงขั้นแกล้งเล่นให้เขินกันแบบนี้ได้แล้วเหรอ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยุงบินเข้าปากแล้วนะเรา” พี่นัทคงเห็นผมตกใจ หายใจพะงาบๆ อ้าปากค้าง เลยดันคางผมขึ้นให้หุบปาก ดีนะที่ผมเก็บลิ้นทัน ไม่งั้นกัดลิ้นตัวเองแน่ๆ แต่พอเขาดันคางผมแล้วแทนที่จะเอามือออกไป พี่แกดันลูบปลายคางผมเล่นอี๊ก!

“ข...ขอบคุณครับ!” ผมกระดกกาแฟที่เหลือเข้าปากรวดเดียวหมด ไม่มีอารมณ์มาละเมียดละไมรสกาแฟอะไรแล้ว ตัวผมจะระเบิดและพอจะเดินหนีออกจากเคาน์เตอร์นี่แต่ก็โดนพี่นัทดึงแขนเอาไว้

“เอ...ขอบคุณพี่เรื่องอะไรเหรอครับ” พี่แกถามพลางยิ้มทะเล้นแล้วก็โยกหัวผมไปมาอีกครั้ง

ผมมองหน้าเขาแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ อยากจะบอกให้เขาพอได้แล้ว อย่าแกล้งผมแบบนี้เลย ถึงผมจะไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน แต่พี่นัทเล่นแกล้งผมแบบนี้ คนใจง่ายแบบผมก็ชักจะหวั่นไหวขึ้นมาเสียแล้ว

“ทะ ที่พี่ชมผมไงครับ” ผมตอบไปเบาๆ แล้วเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปนาน

“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย ก็ตองหนึ่งน่ารักจริงๆ นี่นา”

“...” ผมตัวเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง ขืนยังยืนอยู่ตรงนี้คงได้เขินจนเป็นลมแน่ ก็เลยตั้งใจว่าจะหนีไปล้างแก้มที่ด้านหลังร้าน แต่พอจะเดินออกจากเคาน์เตอร์ก็โดนพี่ขาเอาตัวบังเอาไป ผมมองหน้าพี่นัทเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงหลบตา แล้วเบี่ยงตัวไปทางด้านขวาแต่พี่แกก็ยังจะขยับตามมาขวางทางไว้อีก สุดท้ายผมเลยได้แต่ยืนก้มหน้า หันซ้านหันขวาหาทางออกอยู่แบบนั้น

“หึหึ” เขายืนกอดอกและหัวเราะเบาๆ เหมือนพี่เขากำลังสนุกที่ได้แกล้วผมอ่ะ

~กริ๊ง~

เสียงกระดิ่งที่ประตูดัง แล้วลูกค้าที่เป็oนักศึกษาผู้หญิงสองสามคนก็เดินเข้ามา พี่นัทเลยยอมหลีกทางเพื่อไปรับลูกค้า

“หนึ่งเอาแก้วไปล้างเถอะ เดี๋ยวพี่เสิร์ฟเองครับ”

“ครับ” ผมเดินออกมาจากเคาน์เตอร์แล้วก็หันไปมองพี่นัท เขากำลังยิ้ม คุยเล่นกับผู้หญิงคนนั้น แล้วก็หันไปหัวเราะกับผู้หญิงอีกคน

อืม...พี่เขานี่เป็นคนที่อัธยาศัยดีจริงๆ นะ กล้าคุยเล่นกับคนอื่นเขาไปทั่วเลย หากคนหน้าตาแบบผมทำอย่างนั้นบ้างต้องมีโดนด่าว่าหน้าหม้อบ้างล่ะ แต่พี่เขาหน้าตาดีแถมยังดูสุภาพไง เลยดูเป็นคนเฟรนลี่น่ารักไปอีก

พอผมล้างแก้วเสร็จก็เดินไปหยิบกล้องมาดูรูป เพราะยังไม่อยากออกไปหน้าร้าน อีกทั้งเห็นว่ายังไม่มีลูกค้าใหม่เข้ามา ก็เลยจะข้ออู้ซักเล็กน้อย

“ถ่ายภาพสวยดีนี่”

“เฮ้ย!” พี่นัทที่มาตอนไหนก็ไม่รู้ ยื่นหน้าข้ามไหล่ผมมาพูด แก้มผมกับแก้มพี่แกเฉียดกันไปนิดเดียวเอง และเพราะว่าตกใจก็เลยเผลอปล่ยอมือจนกล้องเกือบจะหล่น ดีที่พี่นัทเอื้อมมือมารับไว้ทัน

“แหม~ ตกใจแรงอะไรเบอร์นั้นครับ”

“ข...ขอ...ขอโทษครับ” คนอย่างผมจะไปกล้าพูดอะไรนอกจากขอโทษ ตกใจที่อยู่ดีๆ พี่นัทก็วาร์ปมาอยู่ข้างหลัง แถมใจแทบวายที่เกือบทำกล้องราคาเป็นหมื่นหลุดมือ

“ขอโทษอีกละ พี่ไม่ได้ว่าเราซักหน่อยแต่พี่ขอดูรูปอีกทีชัดๆ ได้มั้ย?”

ผมลูบหน้าอกตัวเองเรียกใจที่ตกไปอยู่ตาตุ่มให้กลับขึ้นมาแล้วก็พยักหน้าส่งกล้องให้พี่นัทดูรูปที่ถ่ายเอาไว้ พี่นัทดูอยู่ครู่นึงก่อนจะพยักหน้า เงยขึ้นมาส่งยิ้มและสบตากับผม

“ถ่ายรูปลงเพจร้านให้พี่ด้วยได้มั้ยครับ พี่อยากมีช่องทางโฆษณาร้านทางโซเชียลเหมือนที่อื่นๆ บ้าง”

“ตอนนี้ที่ร้านนี่มีเพจแล้วเหรอครับ”

“มีสิ แต่ยังไม่ได้อัพรูปอะไรลงไปเลย พี่เลยอยากให้หนึ่งก็ถ่ายรูปเมนูที่นี่ แล้วก็ส่งให้พี่...เดี๋ยวพี่ให้ทิปพิเศษเลย”

“ด...ได้ครับ” ไม่ใช่ว่าเห็นแก่เงินอะไรหรอกนะ ผมก็จะทำให้แต่แรกอยู่แล้ว แต่เขาเสนอมาแบบนั้นก็ไม่อยากไปขัด ถือเป็นรายได้พิเศษละกัน

“ถ้างั้นก็….”

“...” พี่นัทแบมือมาตรงหน้าผมแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไร ผมก็เลยวางกล่องลงบนมือเขาอีกครั้ง แต่พี่แกก็หัวเราะออกมา

“...”

“เอามือถือมา พี่จะเอาไอดีของของพี่ให้ หนึ่งก็คอยส่งรูปให้พี่ทาง inbox เดี๋ยวพี่เอาลงเพจเองไงครับ”

“อ๋อ...ครับ” ก็บอกดีๆ สิครับ จู่ๆ มาแบมือแล้วยิ้ม ใครจะไปรู้ว่าพี่แกต้องการอะไร ผมยื่นโทรศัพให้พี่นัท พี่แกก็เอาจิ้มๆ แล้วผมก็ได้ไอดีเขามา



ผมเปิดดูหน้าโปรไฟล์ของเขาเล็กน้อย คืนนี้ล่ะ...จะส่องดูรูปพี่แกให้ครบทุกรูปเลย หึหึหึ



เอ๊ะ! สงสัยจังว่า...ใครจะส่องใครกันแน่

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
3 : ลักเล็ก ขโมยน้อย


ผมมาทำงานที่ร้านพี่นัทเป็นเวลา 1 อาทิตย์แล้ว ได้รับรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ชอบชอบหยอกไปเรื่อย ผมโดนพี่แกแกล้งตลอดทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เก็ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น ตอนกลางวันเจอกันที่ร้านแล้ว ตอนกลางคืนเราก็ยังคุยกันด้วย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ ผมก็แค่ส่งรูปให้พี่เขาตามที่ตกลงกันไว้แค่นั้นเอง

“หนึ่ง เดี๋ยวจัดแก้วเสร็จแล้วเข้ามาในครัวนะครับ จะให้ถ่ายภาพเค้ก” พี่นัทที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูออกมาเรียกผมที่กำลังทำงานหน้าร้านอยู่

“ครับผม” ผมจัดแก้วเสร็จพอดีเลยเดินตามหลังพี่นัทเข้าไปในครัว

“รอก่อนนะ พี่ขอตกแต่งเพิ่มอีกนิด”

“ครับ”

ระหว่างรอผมก็เอากล้องขึ้นมาเช็ค แล้วก็ถ่ายภาพผลไม้และอื่นๆ ไปเรื่อยเปื่อย แต่อยู่ดีๆ เลนส์กล้องผมก็เปลี่ยนไปโฟกัสที่พี่นัทแทน เขาดูดีชะมัดจะมุมไหนก็ยังดูดี ผมกดชัตเตอร์เบาๆ เก็บทุกท่วงท่าของพี่นัทลงกล้องอย่างช้าๆ ไม่อยากให้เสียงชัตเตอร์ไปรบกวนเขา

ผมหลงเสน่ห์ท่าทางการเป็นปาติซิเย่ของพี่นัทมาก กระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว และสีหน้าที่แสดงถึงความความสุข ผ่อนคลายและตั้งใจ ใส่ใจทำทุกๆ ขั้นตอน ยิ่งมองผมก็ยิ่งชอบ ถ้าหากใครมาบอกว่าผู้ชายตัวใหญ่ๆ ไม่เข้ากับการใส่ผ้ากันเปื้อนทำเค้ก ผมจะยกพี่นัทไปเถียงจนขาดใจเลยอ่ะ แล้วยิ่งเป็นผู้ชายที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูก็น่ารักมากๆ เหมือนกัน

“เรียบร้อยแล้วครับ มาถ่ายได้เลยคุณตากล้อง” พี่นัทเอาฟรุตเค้กมาวางในที่ที่ผมจัดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผมเดินเข้าไปหมุนถาดหามุมเล็กน้อย แล้วก็ถ่ายไว้เลือกหลายๆ ภาพ หลายๆ มุม บรรดาเค้กที่อยู่ตรงหน้าผมนี่หน้าตาทรมานใจเหลือเกิน น่ากินจัง เห็นแล้วอยากจะหยิบทั้งก้อนมาเข้าปาก

ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ผมไม่เคยได้กินเค้กที่นี่เลย ตั้งใจจะขอซื้อหลังเลิกงานแต่ก็หมดก่อนตลอด จะขอซื้อเก็บไว้ก่อนที่ร้านจะเปิดก็ไม่กล้าขอพี่นัท

“เรียบร้อยแล้วครับ” ผมบอกพี่นัท แต่ตาก็ยังมองอยู่ที่เค้กๆ ทั้งหลาย ทำไมน่ากินอย่างนี้ อยากจะกิน อยากลองชิมอีก รสชาติของทาร์ตที่กินไปวันนั้นยังตึงใจผมไม่หาย ยิ่งเห็นเค้กหน้าตาน่ากินแบบนี้ทุกวันผมยิ่งทรมาน ผมมองเค้กเหล่านั้นที่พี่นัททยอยเอาออกมาเพื่อเตรียมจัดใส่ตู้ที่หน้าร้านแล้วก็กลืนน้ำลาย ก่อนจะพยายามตัดใจจากเค้กแล้วก็เอากล้องไปเก็บ

“หนึ่งช่วยเอานี่ไปวางไว้ที่ตู้เค้กนะ เดี๋ยวพี่ออกไปจัดเอง พี่ขอจัดการอะไรในนี้ก่อน”

“ครับ” ผมรับคำและยกเค้กมาไว้ที่ตู้หน้าร้านอย่างระมัดระวัง แต่ตาก็จ้องเค้กในมือไม่หยุด กลิ่นก็หอมหน้าตาก็น่ากิน ขอซักคำเถอะ หยิบไปซักก้อนพี่นัทจะรู้มั้ยนะ...

ผมคิดเล่นๆ ระหว่างที่วางเค้กไว้ในตู้ แล้วสายตาก็บังเอิญไปเห็นก้อนครีมเล็กๆ อยู่ตรงขอบถาด สงสัยพี่นัทเขาเช็ดออกไม่หมด ผมใช้นิ้วปาดออกมา กำลังจะเช็ดที่ผ้าคาดเอวแล้ว แต่ผมก็รู้สึกเสียดายครีมที่ปลายนิ้วชี้ผมขึ้นมา ผมมองซ้าย มองขวา แล้วก็มองไปทางครัว พอเห็นว่ายังไม่มีวี่แววที่พี่นัทจะออกมาก็เลย...

จ๊วบ!

เร็วกว่าสติจะคิดทัน ผมส่งนิ้วชี้เข้าปากดูดปลายนิ้วชิมรสครีมหอมหวานละมุน ถึงจะเล็กน้อยแต่เป็นพลังในการใช้ชีวิตมากเลยครับ

“น้องหนึ่งเป็นอะไรรึเปล่า ยืนดูดนิ้วตัวเองทำไมครับ” พี่นัทที่เดินออกมาพร้อมเค้กถาดที่เหลือ ผมสะดุ้งดึงนิ้วออกแทบไม่ทัน หันไปหาอีกฝ่านด้วยสีหน้าเลิ่กลักเพราะความผิดที่ติดตัว

“อ่อ เอ่อ...ผม ทำ…ประตูตู้เค้ก...หนีบนิ้วครับ” บอกออกไปตรงคงต้องโดนดุแน่ๆ ก็แถไป สีข้างนี่แทบถลอกขอโทษนะครับพี่นัท

“เอ้า ไหนเป็นอะไรมากมั้ย ขอพี่ดูหน่อย” พี่นัทรีบวางเค้กแล้วจับนิ้วผมไปเพ่งใกล้ๆ ใกล้ไจนผมกลัวว่าพี่เขาจะได้กลิ่นน้ำลายที่ปลายนิ้วผมเอาจึงต้องรีบชัดมือกลับ

“ไม่เป็นไรครับ หายเจ็บแล้วครับ เอ่อ…ผมเข้าไปล้างจานในครัวนะครับ” ผมรีบเดินเข้ามาในครัว แต่สายตาก็ยังจะหันกลับไปหน้ามองพี่นัทอีกครั้ง เขายืนยิ้มเหมือนกับว่าแกจับพิรุธผมได้ แต่ไม่หรอกมั้ง...เขาไม่น่าจะเห็นว่าผมปาดครีมมาชิม ถ้าเห็นก็คงโดนพี่เขาดุไปแล้วสิ

พอเข้ามาหลังร้านได้ ผมเก็บอุปกรณ์ที่ใช้แล้วไปไว้ที่อ่าง เตรียมที่จะล้างแต่เจอเค้กชิ้นๆ เล็ก เป็นแค่ครีมและขนมปังแค่นั้น มันเป็นเศษเนื้อเค้กที่พี่นัทตัดออกให้สวยงาม

ผมมองเศษเค้กเหล่านั้นแล้วก็มีความคิดขึ้นมาว่า...ถ้าผมกินจะเป็นไรหรอก ก็พี่นัทจะทิ้งแล้วนี่นา ผมกินไปก็ไม่น่าจะผิดหรอกมั้ง แต่...ถึงพี่นัทจะทิ้งแล้ว เราก็ควรจะขออนุญาตก่อนป่ะ ถ้ากินเลยก็เหมือนขโมยอ่ะดิ

ตอนนี้ฝ่ายดีฝ่ายชั่วของผมตีกันในหัวให้วุ่น และในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้...ผมจะไม่กินเค้กนั้น บอกกับตัวเองในใจว่าจะขอชิมแค่คำเดียวก็พอ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หันไปมองประตูแล้วเอื้อมมือไปหยิบส้อมก่อนจะจ้วงลงไปบนเค้กนั่น รีบเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวหงับๆ ตาก็คอยเหลือบมองไปที่ประตูครัวอยู่ตลอด เพราะกลัวพี่นัทจะเดินเข้ามาไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียงแบบครั้งก่อน

อื้ม! นี่ขนาดกินแบบสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังอร่อยได้ขนาดนี้ ผมจ้วงส้อมตักขึ้นมากินอีกคำแล้วก็อีกคำ ก่อนจะเกิดข้อสงสัยว่าพี่นัทเขาใส่กัญชาหรืออะไรลงในเค้กรึเปล่านะ กินแล้วหยุดไม่ได้แบบนี้เนี่ย ว่าแล้วก็ขออีกคำนึงแล้วกันนะครับ...ผมตักขึ้นมาอีกคำ ใหญ่กว่าก่อนหน้านี่นิดหน่อย แล้วก็ หงับ! ...หย่อยมากเลยฮับ

“หนึ่ง พี่จะเปิดร้านแล้วนะครับ” พี่นัทตะโกนบอก พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามา ผมกลืนเค้กที่เพิ่งเคี้ยวไปได้ไม่เท่าไรลงไปทั้งก้อน รีบจัดกองเค้กให้ดูไม่แหว่งและดันจานไปไว้ที่เดิม ก่อนจะรีบไปประจำที่อยู่ที่หน้าอ่างล้างจาน ทำทีเป็นว่ากำลังเปิดน้ำล้างจานอยู่

“ล้างจานอยู่เหรอ? ถ้าล้างเสร็จแล้ว เอากล้องไปถ่ายเครื่องดื่มหน้าร้านด้วยนะครับ”

“ค...คะ...ครับ” ผมหันไปมองพี่นัท ก็เห็นพี่แกมองไปที่จานเค้กอยู่ ใจผมมันตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะกลัวพี่แกจะดูออกว่าผมแอบกินไปหน่อยนึงอ่า แต่ก็ไม่หรอกมั้ง ผมว่าผมเกลี่ยดีแล้ว ดูสิ! เค้กนั่นปกติเหมือนตอนแรกทุกอย่างเลยนะ

ผมมองไปไปที่พี่นัทอีกครั้งนึง ก็เห็นพี่แกดันแว่นขึ้นนิดหน่อย ยิ้มที่มุมปากดูไม่น่าไว้ใจ แล้วก็เดินไปหยิบจานเค้กขึ้นมามองอย่างพินิจพิจารณา ท่าทางแบบนั้นคือพี่เขารู้แล้วใช่มั้ย แต่ก็แค่เศษเค้กเองนี่ครับ พี่นัทคงไม่ว่าอะไรมากหรอกมั้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าขโมยกินแบบนี้มันไม่ดีแต่ก็ขอปลอบใจตัวเองหน่อยเถอะ

“หนึ่งครับ…”

พี่นัทเรียกแล้วเดินมาทางผมพร้อมกับรอยยิ้มเย็น...รอยยิ้มแบบนั้นของเขาทำให้ผมกลัวรู้สึกกลัว อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายที่ยังมีรสเค้กติดอยู่จางๆ ลงไป สมองก็คิดว่าไม่น่าเลย ไม่น่าแอบกินเลย

“...”

แต่แทนที่เขาจะว่าหรือดุอะไรผม พี่นัทดันเดินเลยตัวผมไปที่ถังขยะ...เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า…ยังคิดไม่ทันจบ พี่นัทก็เทเค้กลงถังทันทีเลย ไม่นะ ทำไมพี่ทำแบบนั้น ตะเตือนใตผมมากเลย

“พี่ฝากล้างจานนี้ด้วยนะ”

ผมได้แต่เม้มปากและคร่ำครวญในใจมองเค้กที่หล่นอยู่ก้นถังขยะด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ แล้วก็มองจานว่างเปล่าที่พี่นัทส่งมาให้... ทำไมพี่ทำแบบนี้ล่ะครับ จานเปล่าผมไม่ต้องการ ผมต้องการจานที่มีเค้ก ฮือ

“พี่จะทิ้งเศษเค้กแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอครับ” ผมถามออกไปในขณะที่สายตาก็คงยังมองเค้กในถังขยะอยู่ นี่ถ้าผมรู้ว่าเขาจะทิ้งนะ ผมกินให้หมดไปเลยดีกว่า

“ก็ถ้าไม่ใช่เค้กสูตรใหม่ที่ต้องลองชิม พี่ก็ทิ้งครับ”

ตอบแบบนี้นี่แสดงว่าทิ้งมาหลายครั้งแล้วสินะ น่าเสียดาย

“ทำไมล่ะครับ” ผมต้องการเหตุผลครับ เอาเค้กผมไปทิ้งแบบนั้น ขอเหตุผลดีๆ ด้วยครับ ฮือๆ

“โห ให้กินทุกครั้งก็ไม่ไหวหรอกครับ อ้วนพอดีสิ ทิ้งๆ ไปเถอะครับ เก็บไว้เดี๋ยวก็มีแมวมาขโมยกิน”

แมวที่ไหนมันจะมากินแค้กครับ! ถ้าจะทิ้งแบบนั้นพี่ก็เอามาให้ผมกินสิครับ คิดซะว่าผมเป็นถังก็ขยะก็ได้นะ ผมอยากกิน ผมไม่กลัวอ้วน แต่ก็ได้แต่เถียงในใจ พอได้คำตอบของพี่เขาแล้วก็หันมาล้างจาน และความไม่พอใจที่เขาทิ้งเค้กนั่นยังคุกรุ่นอยู่ แต่จะไปลงที่พี่เขาไม่ได้ก็เลยมาลงที่หม้อ ผมขัดคราบไขมันที่ติดหม้อเสียจนน้ำกระจายไปเลย

“หึหึ ขัดแรงแบบนั้นเดี๋ยวหม้อพี่ก้นทะลุหมดนะ”

พี่นัทหัวเราะพลางขยี้หัวผมเล่น ผมทำหน้าบึ้งบุ้ยปากแล้วขยับหัวออกจากมือเขาเล็กน้อย...ไม่ต้องมาจับเลย ผมงอน!

“พี่ไม่ออกไปเฝ้าหน้าร้านเหรอครับ”

“กำลังจะไปครับ รีบๆ ตามมานะ...พี่เหงา”

ยังไม่วายมาทำหน้ามทะเล้นใส่ แล้วเขาจะไปเหงาอะไรหล่ะ เดี๋ยวก็มีลูกค้าเข้ามาเต็มร้านแล้วพี่ก็จะคุยกับคนอื่นไปทั่ว เฮอะ

ผมขัดอ่างผสมแป้งแรงๆ รู้สึกหมันไส้พี่นัทและเซ็งที่เขาทิ้งเค้ก ฮึ่ย คิดแล้วเสียดาย เค้กนั่นอร่อยมากเสียด้วย

ผมล้างอุปกรณ์เสร็จช้าไปหน่อยเพราะมัวแต่เสียดายเค้กในถังขยะ พอออกไปลูกค้าเยอะมาก ยืนรอที่เคาน์เตอร์ 5-6 คน แล้วโต๊ะก็เต็มทุกตัวเลยครับ ผมเห็นพี่นัทมือระวิงไปหมดเลยจึงต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วย

“อ้าวหนึ่ง หยิบโรลนมสดกับฟรุตเค้กไปเสริฟโต๊ะสองให้พี่ที แล้วก็สองแก้วนั้นโต๊ะห้านะ”

ผมรีบไปช่วยพี่นัทหยิบเค้กกับเสริฟของ จากนั้นกลับมาช่วยหลังเคาน์เตอร์จนลูกค้าเริ่มน้อยลง พอไม่มีอะไรที่ต้องทำในช่วงนี้พี่นัทก็เดินเข้ามาคุยตอนที่ผมกำลังเช็ดโต๊ะอยู่

“เฮ้อ ชงกาแฟจนมือแทบเป็นตะคริวแหนะ ถ้าไม่ได้หนึ่งช่วยนะพี่แย่กว่านี้อีก”

“ครับ” ผมตอบรับแล้วก็ยกแก้วเดินเข้าครัวไป พี่นัทก็เดินตามเข้ามาอีก ผมมองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำไมพี่ไม่ไปเฝ้าหน้าร้านล่ะ เดี๋ยวลูกค้าเข้ามาก็ไม่รู้หรอกครับ

“เก็บไว้ล้างทีเดียวตอนที่แก้วหมดก็ได้นะครับ ล้างบ่อยเดี๋ยวมือเปื่อยนะ”

“ครับ” ผมพยักหน้าทำตามที่เขาแนะนำโดยการหันไปปิดน้ำเช็ดมือแล้วเดินไปหน้าร้าน พี่นัทก็เดินตามมาอีก ผมเหล่อตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ แล้วหยิบกล้องขึ้นมากะว่าจะถ่ายภาพเล่นซักหน่อย

“จริงสิ! พี่ลืมไปเลยว่าจะให้หนึ่งถ่ายรูปให้ รอแป๊ปนึงนะ”

“ครับ” พี่นัทหันไปชงเครื่องดื่ม หยิบโน่น เทนั้น อย่างคล่องแคล่ว ระหว่างนั้นผมก็ถ่ายภาพไปด้วย ไม่นานน้ำสีสวย ก็วางลงบนเคาน์เตอร์ให้ผมพร้อมถ่าย

“เสร็จแล้วครับ ไอซ์เบอร์รี่มิกซ์ เมนูใหม่ของร้าน” พี่นัทยิ้มแฉ่ง และท่าทางภูมิใจนำเสนอสุดๆ

“ผมถ่ายเลยนะครับ” ผมขยับแก้ว หามุม หาแสง แล้วก็ถ่ายไปหลายๆ ภาพ ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย

“ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ ขอพี่ดูภาพหน่อยได้มั้ยครับ” พี่นัทขยับมายืนพิงเคาน์เตอร์ข้างๆ ผม แล้วก็ก้มลงมาคุยด้วย

“ครับ” ผมตอบเพียวแค่นนั้นแล้วส่งกล้องจะให้พี่นัทดูรูปแต่พี่แกไม่รับไปซักที จนผมต้องเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถาม

“ก็พี่กลัวทำกล้องหลุดมือนี่ครับ ถ้าพี่ทำกล้องหนึ่งตกนี่ พี่ไม่มีปัญญาใช้คืนนะ หนึ่งกดให้พี่ดูอ่ะดีแล้ว” ไม่มีปัญญาใช้คืนอะไรล่ะ ผมว่าอย่างพี่น่าจะซื้อใหม่ได้ได้อีกหลายตัวเลยด้วย ดูของที่พี่ใช้ ชุดที่พี่ใส่สิ ของดีๆ ทั้งนั้นอ่ะ

แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอกไป แค่ขยับตัวแล้วเอากล้องมากดเปลี่ยนภาพไปเรื่อยๆ ให้เขาดู

“หนึ่งถ่ายรูปสวยจัง พี่ชอบ”

“ขอบคุณครับ”

ผมบอกขอบคุณก่อนจะชะงักและหยุดกดภาพก่อนจะเงยหน้ามองเขา ผมว่าตอนแรกพี่นัทไม่ได้ยืนใกล้ผมขนาดนี้นะ ตอนนี้พี่นัทนั่งใกล้แนบชิดสนิทกับผมสุดๆ อ่ะ แถมมือพี่แกยังพาดอยู่ที่เคาน์เตอร์ข้างตัวผม จึงเหมือนกับว่าเขาโอบเอวผมไว้นิดๆ ด้วย

“มีอะไรครับ หน้าพี่มีอะไรติดเหรอ”

“พี่เขยิบออกไปหน่อยได้มั้ยครับ” ผมใช้ข้อศอกดันพี่นัทออกไปเบาๆ พร้อมกับขยับตัวเองออกมาด้วย

“ก็พี่มองเห็นไม่ชัดนี่ครับ สงสัยสายตาจะแย่ขึ้นอีกแล้วแหละมั้ง” พี่นัทพูดแล้วก็ใช้มือขยับแว่นตัวเองไปมา ผมเลยขยับไปยืนด้านหน้าเขา เอาสายกล้องคล้องคอพี่นัทแล้วก็ยื่นกล้องให้

“ทำแบบนี้กล้องก็ไม่หล่นแน่นอนครับ” พี่นัทรับกล้องไปแล้วมองหน้าผม เขายิ้มอยู่ตลอดนะแต่ซักพักก็ถอนหายใจออกมา จนผมคิดว่าเขากลัวทำกล้องผมพังขนาดนั้นเลยเหรอ

“น้ำนั่นอ่ะ หนึ่งกินได้เลยนะ ปล่อยไว้นานเดี๋ยวจะละลาย”

“ครับ ขอบคุณครับ” ได้ยินแบบนั้นผมก็ตาวาว เดินไปหยิบแก้วมาพิจารณาหน้าตานิดหน่อย น้ำสีชมพูใสไล่ไปจนถึงสีแดงที่อยู่ก้นแก้ว ปากแก้วประดับด้วยลูกบลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่และเลมอนฝานบางๆ ผมจัดการหยิบลูกบลูเบอรี่เข้าปาก หรี่ตาลงเล็กน้อยเพราะรสเปรี้ยวของมัน

แชะ!

“อะ...อ้าว กล้องนี่ปิดเสียงได้มั้ยครับ? ฮ่าฮ่าฮ่า” พี่นัทลดกล้องในมือลงแล้วก็หัวเราะออกมา

“อย่าถ่ายเล่นสิครับ” พี่นัทพยักหน้าและยิ้มเหมือนเดิมแล้วก็ส่งกล้องคืนให้ เขายืนยิ้มมองผมนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วขยับเข้ามายืนใกล้ๆ

“น้ำเป็นไงบ้าง อร่อยมั้ย เปรี้ยวไปรึเปล่า”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร ไปเพราะยังไม่ได้ลองชิมน้ำเลยครับ กำลังจะชิมแต่เขาก็มาขัดจังหวะซะก่อน

“ไม่อร่อยเหรอครับ” พี่นัททำหน้าหงอย ไหล่ตกไปทันทีจนผมต้องรีบยกแก้วขึ้นดื่มเพื่อบอกเขาไป

“ก็ดีครับ”

“หืม ก็ดีเองเหรอ เฮ้อ~”

ผมขมวดคิ้วแล้วเอียงคอ รู้สึกว่าวันนี้พี่เขาจะถอนหายใจบ่อยจัง เดี๋ยวก็หน้าแก่หรอกครับ แต่แล้วอยู่ดีๆ พี่นัทก็จ้องผมกลับมาด้วยสายตาจริงจังจนผมรู้สึกอึดอัด เขาหันมองไปรอบร้านแล้วก็กลับมาจ้องผมใหม่ทำแบบนั้นอยู่สองรอบก็เดินออกไปหน้าร้าน

ผมว่าวันนี้พี่เขาแปลกๆ นะ แต่ก็ไม่ได้สนใจมาก เลือกที่จะไปไปเช็ดโต๊ะแทน แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็มีดอกไม้สีชมพูยื่นมาตรงหน้าผม

“พี่ให้ครับ” พี่นัทยิ้มกว้างพลางยื่นดอกไม้ให้ผมทั้งสองมือแล้วก็แกว่งดอกไม้ไปมาอยู่ตรงหน้าผม

“พี่ไปเอาดอกไม้มาจากไหนครับ”

“ก็เพิ่งไปเด็ดมาจากหน้าร้านนั่นไง” พี่แกยิ้มแล้วก็ชี้ไปที่กระถางต้นไม้หน้าร้าน ผมอ้าปากและขมวดคิ้ว เพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะไปเด็ดมาทำไม

“ให้ผมทำไมครับ ผมไม่ชอบดอกไม้” ผมพูดไปตามตรง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบดอกไม้ แค่ไม่ชอบเห็นเวลามันเหี่ยวเลย จะทิ้งก็สงสาร แต่จะเก็บไว้ก็รกอีก

“อ้าว งั้นคงต้องทิ้ง” พี่นัทพูดเสียงเบาๆ ทำไหล่ตก หน้าเศร้า เหมือนคนเสียใจแต่ผมดูก็รู้ว่าไม่ได้รู้สึกจริงๆ ซักหน่อยเพราะแววตายังคงทะเล้นอยู่ พี่เขาเล่นอะไรของเขาเนี่ย...แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องรีบเดินไปดึงดอกไม้จากพี่นัทมาก็เพราะว่าเขาทำท่าจะทิ้งดอกไม้นั้นลงถังขยะจริงๆ

ผมมองคนตรงหน้าที่ยิ้มกว้าง ดีอกดีใจเมื่อผมรับดอกไม้มาก่อนจะเดินออกไปหน้าร้าน ซึ่งพี่แกก็ตามออกมาไม่ห่างเลย

“หนึ่งจะออกไปไหนครับ”

“ผมชอบดอกไม้ที่อยู่ในดินมากกว่าครับ” พูดแล้วก็ปักดอกไม้ลงไปในดินที่เดิม ผมว่ามันคงไม่ขึ้นมาใหม่แล้วล่ะแต่อย่างน้อยเวลาดอกไม้ดอกนี้เฉาตาย ก็จะเป็นปุ๋ยให้ต้นอื่นได้

เขามองผมไปซักพักนึงแล้วก็พยักหน้า พอดีกับที่มีลูกค้าเข้าร้านมาพอดี เราเลยต้องกลับไปทำงาน และหลังจากนั้นก็มีเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ได้หยุด

ตลอดวันนี้ พี่นัทชวนผมคุยมากกว่าปกติแต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมากเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไร จนร้านปิดแล้ว ผมยืนล้างแก้วอยู่พี่นัทก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัว ชวนผมคุยไม่มีหยุด

“พรุ่งนี้มาเช้าๆ ได้มั้ย พี่มีเรื่องอยากให้ช่วย”

“ครับ” ผมพูดแต่ไม่ได้มองหน้าพี่นัท เพราะกำลังระมัดระวังกับการคว่ำแก้วอยู่ ถ้าหากทำแก้วตกลงมาหมดนี่ ผมไม่มีปัญญาซื้อคืนจริงๆ

“แล้วก็พรุ่งนี้พี่ว่าจะเปิดร้านช้าหน่อยนะ”

“ครับ” ผมว่าผมก็ตอบตามปกติของผมนะ แต่เหมือนพี่นัทไม่พอใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะดึงผมไปยืนเผชิญหน้า จับไหล่ผมแล้วก็จ้องผมแบบจริงจังมากจนผมเกร็งขึ้นมาอีก

“ผมเกือบทำแก้วหล่นอ่ะพี่...”

“หนึ่งไม่อยากรู้เหรอว่าพี่ไปไหนอ่ะ ทำไมถึงเปิดร้านช้า ไม่คิดจะถามหน่อยเหรอครับ”

“...”

ผมส่ายหน้าช้าๆ เพระาคิดว่าเขาก็มีธุระของเขา ที่ไม่ได้ถามกลับไปก็เพราะผมไม่ได้อยากรู้เป็นพิเศษ แต่ถ้าพี่แกจะมีท่าทางอยากบอกผมขนาดนี้ก็บอกมาเลยก็ได้ ผมคิดว่าวันนี้พี่นัทดูแปลกไปจริงๆ

“เฮ้อ~” พี่นัทคอตก ถอนหายใจมาเฮือกใหญ่

“เอ่อ…” อันนี้สิที่ผมอยากจะถามว่าพี่มีเรื่องอะไรกลุ้มในชีวิตหรือเปล่า ทำไมถอนหายใจทั้งวันเลย

“ถ้าไม่ยอมพูดกันดีๆ พี่ก็จะใช้ไม้เเข็งแล้วนะครับ”

“หะ?” ผมขมวดคิ้วแล้วเอียงคอ มองคนตรงหน้าที่ดูขึงขังขึ้นมา แล้วก็ไม่เข้าใจไม้แข็งที่เขาพูดถึงด้วย

พี่นัทเลื่อนมือมาจับที่ต้นคอผมเบา อีกมือจับบริเวณกกหู สายตาใต้แว่นนั่นบอกว่า จริงจังสุดๆ เดี๋ยวนะ การจับแบบนี้ นี่มันเหมือนพี่เขาจะ…

จุ๊บ!

“เห้ย พี่!”

สัมผัสหนักๆ ประทับลงมาที่หน้าผาก ผมมองคนตรงหน้าที่ผละออกยิ้มกว้างแต่ยังไม่ปล่อยท้ายทอย ผมตกใจรีบดันพี่นัทออกแล้วก็โวยวายจนเสียงหลง รู้ตัวเลยว่าความร้อนวนเวียนอยู่พวงแก้ม ทั้งไม่พอใจและก็อายด้วย ผมพยายามดันตัวออกแต่พี่เขาจับผมแน่นมาก สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้เลยเป็นแค่การตีแขนและพยายามเบี่ยงหน้าหนีเท่านั้น

“หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะรั้งคอผมเข้ามาจุ๊บหน้าผากอีกครั้ง

เขาจุ๊บผมอ่ะ มาจุ๊บหน้าผากผมทำไมอ่ะ

“พี่! ปล่อยผมก่อน พี่ปล่อยผม” โวยวายไปก็ตีไป พี่นัทเลยเปลี่ยนมาไพล่มือผมไปไว้ข้างหลังแล้วก็ดึงผมเข้าหาตัวแล้วกอดและรัดลำตัวผมแน่นมาก ผมกำลังจะอ้าปากงับใหล่พี่นัท แต่พี่นัทก็จุ๊บลงมาที่เดิมเป็นครั้งที่สามซะก่อน

จุ๊บ! จุ๊บ!

สี่ครั้งแล้วด้วย! ผมอ้าปากและมองอย่างไม่พอใจเท่าไร ผมว่าเกินไปแล้ว ถึงเนื้อถึงตัวเกินไปแล้ว

“หายโกรธพี่ได้ยังครับ”

“หะ! ผมไปโกรธพี่ตอนไหน” ผมเงยหน้ามองพี่นัทอย่างสงสัย พี่แกก้มหน้าลงมาจนจมูกแทบจะชนกัน ผมนี่เกร็งคอหนีจนขอแทบจะเป็นตะคริว ผมจะเริ่มโกรธเพราะเขามาทำแบบนี้กับผมนี่แหละ!

“ก็...ไม่รู้สิ วันนี้ทั้งวันพี่ถามอะไรไปหนึ่งก็ตอบแค่ครับๆ จนพี่ไม่รู้ว่าจะเอาใจหรือชวนคุยยังไงเลยเนี่ย” พี่นัทกระชับอ้อมกอด แล้วอุ้มตัวผมขึ้นทำให้ใบหน้าของหน้าของผมขึ้นมาอยู่ระดับเดียวดับพี่นัท ขาผมเลยลอยขึ้นตีอากาศไปมาและตอนนี้ผมไร้ทางหนีโดยสมบูรญ์แล้วครับ

“พี่นัทครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”

“ไม่เชื่อ แค่ตอบมาก็พอว่าหายโกรธยัง”

“...”

จะให้ตอบอะไรล่ะครับ นอกจากเรื่องเมื่อครู่นี้ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปโกรธเขาตอนไหน ก็เลยเงียบใส่ พอเงียบนานเข้า พี่นัทก็จัดไปอีกดอกนึง

ฟอด~

ผมตาค้าง เพราะคราวนี้ไม่ใช่ที่หน้าผากแต่ลามลงมาที่แก้มผมแล้วเนี่ย

“พี่นัท!”

“ถ้าไม่ตอบมาตามตรง พี่จะจูบจริงล่ะนะ”

“แล้วถ้าผมไม่ตอบเลย” เพราไม่พอใจนิดหน่อยและคิดว่าเราค่อนข้างสนิทกันผมก็เลยต่อล้อต่อเถียง พี่นัทเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง แล้วก็...

ฟอด~

ไปอีกข้างแล้วครับแก้มผม และก่อนที่จะเปลืองตัวไปมากกว่านี้ก็เลยรีบตะโกนตอบออกไป ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ก็เถอะว่าก่อนหน้านี้ผมไปโกรธเขาเรื่องอะไรกันแน่

“ผมไม่ได้โกรธพี่เลย”

“ไม่โกรธแล้วจริงๆ อ้ะ?” เขาถามซ้ำแถมยังทำน้ำเสียงหน้าตาทะเล้นซะเหลือเกิน แต่ตอนนี้ผมทำได้พยักหน้าหงึกหงักเท่านั้น ผมมองพี่นัทที่ยิ้มกว้างจนตาปิดแต่ก็ยังไม่วาย...

จุ๊บ!

อ๊าก! เขาจุ๊บผมที่ข้างปากอ่า โดนปากผมไปนิดนึงด้วย คราวนี้อารมณ์ผมมันปนเปไปหมด จะว่าไม่พอใจก็ไม่เชิง แต่การกระทำของเขาทำเอาใจผมสั่นอย่างบอกไม่ถูก จะว่าเขินก็เขินอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าชอบ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจเช่นกัน...

พี่นัทปล่อยผมลงแล้วก็ลูบหัวพลางส่งยิ้มกว้างอวดฟันสวยมาให้แล้วก็พูดด้วยหน้าตาทะเล้นๆ นั่นอีก

“เมื่อกี้มัดจำไว้ก่อน เผื่อครั้งหน้าหนึ่งโกรธพี่อีก”

ความร้อนที่แก้มลามไปที่ใบหู ผมเม้มปากแล้วได้แต่คิดว่าหากครั้งหน้าผมโกรธพี่เขาขึ้นมาจริงๆ ผมจะไม่มีทางให้พี่แกได้รู้เด็ดขาดเลย!



ช่วงนี้ต๊อแต๊มากเลย ขอกำลังใจหน่อยนะคะ

ขอคนละเม้นเนอะ สติ๊กเกอร์ก็ได้ค่ะ อยากรู้ว่ามีคนรออ่านอยู่บ้างรึเปล่า แหะแหะ


#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
4 : โดนจับ



หนึ่งเดือนที่ผมได้เข้ามาทำงานร้านพี่นัท เมื่อวานผมเพิ่งได้เงินเดือนไปหมาดๆ งานที่ร้านถือว่าหนักมากเพราะเข้างานเช้าแต่เลิกงานดึก แต่เงินเดือนที่ได้รับก็หนักตาม แถมมีค่าแรงพิเศษค่าถ่ายรูปให้ด้วย และตลอดหนึ่งเดือนนี้ที่อยู่กับพี่นัทแทบจะตลอดเวลาทำให้ผมสนิทกับพี่นัทมากขึ้นไปอีก และทำให้ผมเข้าใจขึ้นมาว่าพี่แกเป็นคนที่ค่อนข้างเล่นถึงเนื้อถึงตัวมาก ทั้งกอด ทั้งโอบ จับโน่น แตะนี่ ซึ่งผมโดนบ่อยมาก และถึงแม้ว่าจะโดนจับโดนกอดอยู่ทุกวันผมก็รู้สึกไม่ชินซักที แต่ไม่ต้องห่วง เพราะผมเก็บค่าปลอบขวัญตัวเองรวมไปถึงค่าเสียหายที่โดนพี่นัทแกล้งโดยแลกกับเค้กชิ้นเล็กๆ ที่เขาจะทิ้ง

ใช่ครับ...ผมยังคงแอบกินเค้กทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงแม้จะกินได้เล็กน้อยแล้วต้องรู้สึกเสียดายทุกครั้งที่เห็นพี่แกเทลงถังขยะก็เถอะ แต่รสชาติหวานละมุนซักคำสองคำก็เป็นเชื้อเพลิงในการทำงานของผมได้แล้ว

ถ้าถามว่าทำไมไม่ขอพี่นัทตรงๆ ก็ขอบอกเลยครับว่าไม่กล้า...ผมกล้าที่จะแอบกิน แต่ไม่กล้าที่จะขอตรงๆ ผมรู้ว่ามันแย่ แต่ผมไม่กล้าจริงๆ กลัวโดนเขาดุ กลัวว่าเขาจะหาว่าผมตะกละด้วย

และเช้าวันนี้ผมก็กำลังไปทำงานตามปกติ มือซ้ายถือนม มือขวาถือขนมปัง ปากก็เคี้ยวหงับๆ หูฟังเพลงขาก็เดิน ยิ่งนึกถึงจำนวนเงินเดือนที่เข้าบัญชีอันแห้งแล้งมานานของผมก็ยิ่งสบายใจ

ปรี๊น!

ผมสะดุ้งตกใจเพราะเสียงแตรที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมหันไปมองรถยนต์ห้าประตูสีดำที่ขับชลอตามหลังผมอยู่

ผมมองอย่างไม่เข้าใจเพราะผมก็เดินชิดติดริมถนนเลยนะ ถึงจะเป็นซอยเล็กก็จริง แต่ผมก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ไปขวางทางรถวิ่งแน่นอน

ปรี๊นๆ

แหนะ! อะไรของมันวะ

ผมสะดุ้งอีกรอบและหันไปมองอย่างหัวเสีย ผมว่าตัวเองก็ไม่รู้จักใครที่ขับรถยนต์แบบนี้นะ พอจะเพ่งเข้าไปในรถก็ไม่เห็นอะไรมาก เพราะฟิล์มค่อนข้างดำจึงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผมเลิกสนใจรถนนั้นแล้วรีบเดินออกห่าง จะมาสนใจก็เสียเวลาเดินไปทำงาน แต่รถด้านหลังนั้นก็เร่งเครื่องขับมาจอดเทียบแล้วกระจกก็ค่อยๆ เลื่อนลงให้เห็นคนขับ

“พี่นัท! ”

“ครับ ขึ้นมาเร็ว” พี่เขาพูดกลั้วหัวเราะ ส่วนผมพอเห็นว่าเป็นคนรู้กจักก็ยิ้มออก รีบเปิดประตูขึ้นไป นั่งรถไปทำงานสบายๆ ดีจะตาย ผมจะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อยขา

“พี่ไปตลาดมาเหรอครับ” ผมถามเพราะของตรงเบาะหลังเต็มไปหมดเลย

“ใช่ครับ” พี่นัทหักพวงมาลัยรถจอดข้างทาง ผมกำลังจะถามว่าจอดทำไม แต่จู่ๆ พี่แกก็เอี้ยวตัวมาดึงเข็มขัดนิรภัยไปคาดให้ ผมตัวแข็งไม่กล้าขยับเพราะจมูกผมเฉี่ยวแก้มพี่นัทไปนิดเดียวเอง ได้กลิ่นหอมเหมือนขนมปังนมหรือวานิลลาจากตัวพี่นัทด้วย

หลังจากคาดเข็มขัดให้ผมเรียบร้อยแล้วเขาก็ส่งยิ้มและขยี้เส้นผมจนยุ่งไปหมดก่อนที่พี่เขากลับไปประจำที่เตรียมจะออกรถพร้อมฮัมเพลงออกมาเบาๆ จะมีก็แต่ผมที่ผมยังคงนั่งตกใจตัวแข็งอยู่ท่าเดิม

"หนึ่งเป็นอะไรไป ขนมปังเละหมดแล้วนะครับ" ผมก้มมองขวดนมของและขนมปังในมือตัวเอง มันโดนผมบีบแน่นเสียจนไส้ครีมอันน้อยนิดในขนมปังทะลักออกมาเลย ดีนะที่มันมีไส้น้อยเลยทะลักออกมาเปื้อนมือผมนิดเดียว และดีนะที่ผมกินนมขวดแก้ว ถ้าผมกินนมกล่องนี่ ไม่อยากจะคิด…

"ก…ก็พี่ทำผมตกใจนี่ครับ"

"หืม? พี่ไปทำให้หนึ่งตกใจตอนไหนครับ? " พี่นัทเลิกคิ้วขึ้นและถาม ทั้งที่ตายังมองถนนอยู่ มุมปากเขายิ้มนิดๆ เหมือนคนกำลังอารมณ์ดี

ผมเงียบไม่ยอมตอบ จะให้ผมตอบยังไงล่ะ ให้บอกว่าเพราะพี่เกือบทำให้ผมจุ๊บแก้มพี่ และผมได้กลิ่นหอมๆ มาจากตัวพี่ ผมชอบมากแต่ตกใจมากเหมือนกัน ผมเลยเผลอกำขนมปังจนครีมทะลักแบบนี้ ถ้าบอกไปพี่นัทคงขำตายเลย

"งั้นเดี๋ยวพี่รับผิดชอบเองล่ะกัน"

หะ? รับผิดชอบอะไรเหรอ ยังไม่ทันที่ผมจะเข้าใจได้ พี่นัทก็ดึงมือข้างที่ถือขนมปังเข้าหาตัว ผมก็กำลังจะโวยวายเพราะนึกว่าพี่แกจะแย่งขนมปังผมกิน แต่พี่แกดันเลียลงบนครีม...ซึ่งครีมนั่นอยู่บนมือผม!

"อืม ขนมปังร้านไหนครับ ครีมอร่อยดีนะแต่พี่ว่าเค็มไปหน่อย แต่..." พี่นัทพูดพลางวิเคราะห์รสชาติไปด้วย ในขณะที่ผมยังอึ้งอยู่นั้น พี่นัทก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะ...

จ๊วบ!

คราวนี้ไม่ใช่แค่เลีย แต่คราวนี้นัทดูดครีมบนมือเลย ผมรู้สึกถึงแรงดูดเบาๆ กับลิ้นที่เลียลงบนผิว ตวัดเลียสลับกับดูด บางครั้งก็รู้สึกถึงฟันที่ครูดกับผิว ผมตาโตอ้าปากค้างมองริมฝีปากพี่นัท อยากจะดึงแขนกลับแต่เรี่ยวแรงผมถูกดูดไปหมดตั้งแต่รู้สึกได้ถึงลิ้นที่ดุนไปมา โอ๋ย~ ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลม

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในความรู้สึกผมนี่เหมือนเวลาหยุดหมุนเลย หัวใจผมแทบหยุดเต้น พี่นัทเลิกดูด แล้วก็เอามือผมมาวางที่เดิม หันมามองหน้าผม ใช้มือขวาดันแว่นขึ้นให้เข้าที่แล้วก็พูดว่า

"พี่ว่ากินไปกินมาครีมมันหวานขึ้น อร่อยจนอยากกินอีกเรื่อยๆ เลย...เนอะ"

เนอะอะไรของพี่อิ๊ก ไม่รู้! ผมมองรอยยิ้มทะเล้นของพี่นัทแล้วก็หันหน้าหนี ยกมือขึ้นกุมตรงหน้าอกเพราะหัวใจก็เต้นกระเด็นกระดอนไปมา

ตลอดทางนั่นผมนั่งตัวแข็งเม้มปาก แก้มเห่อร้อนจนอยากจะยกมือขึ้นไปนาบเอาไว้และรู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะกินนมกับขนมปังต่อ ความหิวผมหายไป เพราะอาการใจสั่นเข้ามาแทน ผมนั่งเหม่อมาตลอดทางจนรู้สึกว่าแก้มข้างขวาผมถูกพี่นัทดึงอยู่

“เป็นอะไรครับนั่งเหม่อมาตลอดทางเลย ลงมาช่วยกันยกของเร็ว” พี่นัทพูดแล้วก็บีบแก้มผมขึ้นลง ผมรีบพยักหน้ารับและตั้งสติก่อนจะลงไปช่วยแกถือของไปที่ร้าน

“อ่ะนี่ หนึ่งเอากุญแจพี่ไปไขประตูให้พี่หน่อย” พี่นัทพูดแล้วก็เอียงตัวให้ผม

“ไหนกุญแจอ่ะครับ” ตอนแรกผมนึกว่าพี่นัทเอากุญแจห้อยไว้ที่หูกางเกง แต่ไม่มี

“ในกระเป๋ากางเกงไง ล้วงเลย”

“หะ! พี่ล้วงเองดีกว่าครับ” จะให้ผมล้วงได้ไงครับพี่ เดี๋ยวผมก็ไปล้วงไปโดนพวงอย่างอื่นของพี่ที่ไม่ใช่พวงกุญแจหรอกครับ ไม่ดีๆ ไม่เอาดีกว่า

“พี่ถือของเต็มสองมือเลยเห็นมั้ย หนึ่งนั่นแหละหยิบให้พี่หน่อย”

“...” ผมเม้มปาก มองพี่นัทที่เอียงตัวให้ ความจริง...พี่ก็วางก่อนก็ได้นี่ครับ คิดแบบนั้นผมก็หันซ้ายขวามองหาที่วางของให้พี่นัท

“เร็วๆ สิ พี่หนักนะเนี่ย แขนล้าไปหมดแล้ว”

พี่นัทเร่ง แขนที่ถือของหนักนั้นเริ่มสั่นจนผมตัดสินใจล้วงหากุญแจเอง ผมเดินเข้าไปใกล้พี่นัทแล้วก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างระมัดระวัง

“ล้วงไปลึกๆ หน่อย มันอยู่ก้นกระเป๋าล่ะมั้ง”

ฮึบ~ ผมล้วงลงไปจนมือผมหายเข้าไปในกระเป๋าทั้งมือ ทำไมกระเป๋าพี่แกมันลึกจังวะ แล้วล้วงไปนี่ ไม่เจอกุญแจเลย เจออะไรก็ไม่รู้แข็งๆ …ต้นขาครับ ต้นขาพี่นัทแข็งดีมีแต่กล้ามเนื้อ อย่าคิดลึกกันสิครับ

“ไม่เห็นเจอเลยครับพี่นัท” ผมควานหาจนทั่วกระเป๋าแล้วแต่ก็ไม่เจอ พี่ไปหนีบไว้ตรงไหนเนี่ย

“อ้อ สงสัยอยู่ข้างนี้มั้ง” ว่าแล้วพี่แกก็หมุนตัว เอาอีกข้างมาให้ผมล้วง

“พี่อ่ะ! ” ผมถอนหายใจใส่พี่นัท แต่ก็ยอมล้วงลงไปอีกครั้ง

“ล้วงลงไปตรงๆ นะครับ อย่าแวะข้างทาง เดี๋ยวไปเจออย่างอื่น”

“เฮ้ยพี่!! ” ผมรีบดึงมือออกจากกระเป๋า พี่นัทพูดตอนที่ปลายนิ้วผมไปสัมผัสอะไรบางอย่าง เกรงว่ามันจะไม่ใช่กุญแจ

“เร็วๆ พี่หนัก” ผมเห็นเหงื่อออกเต็มหน้าผากพี่นัท ผมเลยรีบล้วงลงไปตรง พรวดเดียวถึงก้นกระเป๋า เจอกุญแจเจ้าปัญหาแล้วรีบดึงออกมาเลย

ผมเอากุญแจไปไขประตูครัวให้พี่นัท พอประตูเปิดพี่นัทนี่รีบวิ่งไปวางของที่โต๊กลางครัวทันที

“ปวดแขนเลย” พี่นัทสะบัดแขนไปมา ผมได้แต่มองอย่ารู้สึกผิด แต่จะโทษผมก็ไม่ได้นะ ก็พี่เขจาทำให้ผมกลัวน่ะ

พี่นัทผงกหัวขอโทษเล็กน้อย พี่นัทก็หัวเราะแล้วขยี้หัวอีกครั้งก่อนจะเริ่มจัดการกับวัตถุดิบแห้ง ส่วนผมก็จัดการเอาผลไม้ไปล้างและปอกเปลือกออกอย่างรู้หน้าที่ จนมาถึงฟักทองที่ผมปอกไม่เป็น

"พี่นัทครับ ฟักทองนี่ปอกยังไงครับ"

"หั่นออกเป็นชิ้นแบบนี้ก่อนก็ได้แล้วก็ค่อยปอกเปลือกครับ แล้วก็ขูดเม็ดตรงนี้ออกด้วย"

พี่นัททำให้ผมดูอย่างคล่องแคล่ว แล้วก็ส่งให้ผมทำก็ไม่ยากเท่าไร แค่ต้องออกแรงเพราะเปลือกฟักทองนี่หนามาก พอเตรียมทุกอย่างให้พี่นัทเรียบร้อยแล้ว ผมก็ออกไปจัดการทำความสะอาดและเตรียมหน้าร้าน เริ่มจากกวาดพื้นตามด้วยเช็ดโต๊ะ

จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการเช็ดกระจก เป็นขั้นตอนที่ผมเหนื่อยที่สุดเลยครับ เพราะกระจกค่อนข้างสูงและผมเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างตัวเล็ก เวลาเช็ดกระจกทีผมต้องกระโดดเหยงๆ จนเหงื่อแตกทุกที และพอเสร็จแล้วผมยืนมองกระจกที่ใสสะอาดอย่างภูมิใจ ถ้าใครมือบอนมาทาบกระจกนี่พ่อจะฟาดให้มือหักเลยเชียว แต่ชื่นชมกระจกได้ไม่นานผมก็ต้องรีบไปจัดแก้วต่อ ผมหันควับแล้วเดินทันทีไม่ได้ระวังมองทำให้ชนกับพี่นัทยืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

ผลั่ก!!

"โอ๊ย! ฮือ~ จมูกผม" ผมครวญครางเบา พลางยกมือขึ้นกุมจมูกตัวเองเพราะมันดันไปกระแทกกับแผ่นคนของอีกคน ดีนะที่ไม่หงายหลังลงไปนอนแอ้งแม้งเพราะพี่นัทช่วยประคองหลังเอาไว้ไม่ให้ล้ม

"เป็นอะไรมากรึเปล่า ขอพี่ดูหน่อยครับ" พี่นัทดันคางผมขึ้นแล้วก็เอามือผมที่กุมจมูกออก แกจับหน้าผมหันไปมาเพื่อดูจมูก ผมที่ตอนแรกเจ็บอยู่ก็ไม่สนใจอะไร แต่ตอนนี้เริ่มหายเจ็บแล้วและเพิ่งจะตระหนักได้ว่า...พี่นัทใช้มือข้างนึงกอดเอวผมอยู่ ระหว่างลำตัวของผมและพี่นัทนี่แนบสนิทกันชนิดที่ว่าอากาศแทบผ่านไม่ได้

"อ...เอ่อ ผมหายเจ็บแล้วครับ" พี่นัทที่จ้องๆ จมูกผมอยู่เปลี่ยนมาจ้องตาผมแทนจนหลุบตาลงหลบแทบไม่ทัน ผมไม่กล้าสบตากับใครตรงๆ ทั้งนั้น และผมรู้สึกว่าพี่นัทยังจ้องอยู่ผมก็เลยเสมองดินฟ้าอากาศไปเรื่อย ในใจก็คิดขอให้พี่เขาเลิกมองผมได้แล้ว เพราะผมทำหน้าไม่ถูกอ่ะ

"หายเจ็บแล้วแน่นะ? ว่าแต่...เจ็บจมูกแต่ทำไมแก้มแดงด้วยน๊า~"

“ก...ก็หน้าผมชนกับพี่ไงมันเลยแดง แต่ผมไม่เจ็บแล้วครับ” ผมยกมือขึ้นปิดแก้มร้อนๆ ของตัวเองเอาไว้พลางพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย

“เหรอ...แดงเพราะพี่นี่เอง” แต่พี่นัทดูไม่ค่อยเชื่อกับคำแถข้างๆ คูๆ ของผมเท่าไร ผมเห็นว่าพี่นัทเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มขำเล็กน้อยก่อนจะปล่อยตัวผมออก

จุ๊บ!

ผมอ้าปากค้าง หัวใจในอกเต้นรัวอีกครั้งเมื่อคนที่ปล่อยตัวผมออกนั้นเปลี่ยนใจดึงไหล่ผมไว้ แล้วห้มหน้ามามองสัมผัวเบาๆ ที่ปลายจมูก เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งยิ้มละมุนพร้อมแววตาแพรวพราวมาให้จนผมต้องเม้มปากและหลบตาเขา

"พี่...ทำอะไรอ่ะ" ผมถามกลับด้วยเสียงเบาหวิว อยากจะโวยวายแต่เสียงกลับแหบแห้งไปหมดแล้ว

"จุ๊บปลอบใจไงครับ พี่เป็นคนทำให้หนึ่งเจ็บ พี่ก็ต้องปลอบใจ...เนอะ~"

รอยยิ้มละมุนมาพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่โยกหัวผมไปมาเบาๆ เท่านั้นยังไม่พอ พี่แกดันใช้ปลายนิ้วลูบปลายจมูกผมอีกตังหาก สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมเริ่มหวั่นไหวและตระหนักได้ว่ามันไม่ดีต่อหัวใจของผมเลย จึงรีบก้มหน้าลงหลบสายตาของเขาเดินหนีมาที่เคาน์เตอร์แล้วทำทีเป็นจัดแก้ว แต่พี่นัทก็เดินตามมาเท้าแขนลงบนเคาน์เตอร์แล้วอมยิ้มมองมาจนผมทำงานไม่ได้

"พ..พี่มีอะไรหรือ ป...เปล่าครับ" ผมถามตะกุกตะกักไม่ยอมเงยหน้ามองอีกฝ่าย แต่ก็พอรู้ว่าพี่นัทเอียงคอไปมา แล้วก็ยิ้มอยู่ตลอด ผมเม้มปากแล้วหันกลับมาจัดแก้วต่อ เขาก็ยืนมองเงียบๆ จนผ่านไปซักพักพี่นัทก็เดินเข้ามาในเคาน์เตอร์ ผมกำลังจะหนีแต่ก็โดนเขาดึงแขนเอาไว้ อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาใกล้แล้วกระซิบเบาๆ ที่ใบหู

"เสร็จแล้ว เข้าไปในครัวด้วยนะครับ" พี่นัทพูดแล้วก็หัวเราะระรื่นเดินกลับเข้าครัวไป ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รีบกอบโกยอากาศหายใจเข้าปอด มองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปในครัว

ถ้าจะพูดแค่นั้น ก็บอกดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องมากระซิบด้วยล่ะ ผมตกใจหมดเลย!

พอจัดแก้วเสร็จ ผมก็เดินไปที่ครัวด้านหลัง พี่นัทส่งยิ้มให้เรียกผมไปใกล้ๆ แต่คราวนี้เขาไม่ได้อะไรหรอกครับ แค่ใช้ให้ผมถ่ายรูปแล้วก็ยกเค้กมาเรียงที่ตู้ด้านหน้าเท่านั้น

"หนึ่งวันนี้เปิดร้านช้านะ พี่ออกไปทำธุระแปปนึง"

"ครับ"

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผมทำงานที่นี่ พี่นัทคิดสูตรเค้กใหม่ไปแล้วสองสูตร และทุกครั้งที่พี่นัทลองทำสูตรใหม่ๆ ออกมา เขามักจะจะเปิดร้านช้ากว่าปกติเพราะจะห่อเค้กใส่กล่องออกไปให้ใครก็ไม่รู้ก่อนเสมอ

"พี่ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะครับ พี่ไปก่อนล่ะ"

ผมพยักหน้าให้ มองพี่นัทที่วิ่งถือกล่องเค้กออกไป จากนนั้นผมก็เข้าครัวไปจัดการทำความสะอาดและเก็บของให้เรียบร้อย และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่ผมรอคอย

เค้กก้อนน้อยๆ ที่พี่นัทตัดทิ้ง แต่ที่น่าแปลกใจคิดทำไมวันนี้มีสองก้อน ปกติแล้วถ้าเป็นเศษเค้กพี่นัทจะตัดรวมกันไว้นี่ สงสัยก้อนนี้พี่นัทลืมห่อเข้าตู้เหรอ ผมเดินออกไปดูที่ตู้หน้าร้าน แต่ก็เห็นว่าเค็กเหล่านั้นถูกเรียงและจัดวางอย่างพอดีแล้ว งั้นเค้กก้อนนี้ก็...เสร็จผมล่ะครับ

ผมยืนน้ำลายสอ มองเค้กที่ทำจากฟักทองสีเหลืองทอง น่ากิน พอลองยอกขึ้นดมกลิ่นแล้วก็รับรู้ได้เลยว่าเค้กที่อบเสร็จใหม่ๆ นี้มีกลิ่นหอมชวนชิมมากๆ เลย

ช้อนไม่ต้องครับ มือผมนี่แหละหยิบเค้กแล้วก็ค่อยๆ เอาเข้าปาก สิ่งแรกที่รับรู้คือความนิ่มของเนื้อเค้ก ตามมาด้วยกลิ่นหอมของฟักทองและรสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดี

กินไปก็คิดไปพี่นัทนี่เจ๋งมากเลย เขาทำเค้กได้แจ่มจริงๆ รสชาติถูกปาก สัดส่วนก็พอดิบพอดีไปหมดทั้งสี กลิ่น และรสชาติ กินเท่าไรก็ไม่พอจริงๆ นะครับ ว่าแล้วก็ส่งเค้กเข้าปากอีกคำ

“อืม...อร่อยจังเลย”

ยิ่งเคี้ยวยิ่งนุ่ม ยิ่งกินยิ่งอร่อย ผมกำมือยืนหมุนตัวไปมาด้วยความฟินระดับสุด แต่ก็ต้องตกใจแทบจนแทบช็อคเมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงประตูครัวมองผมอยู่

“หนึ่ง...กำลังกินอะไรอยู่เหรอครับ”

ฉิบหายแล้วไงผม!



เอาแล่วๆ ตองหนึ่งซวยแล้ว แต่จะซวยขนาดไหน ติดตามตอนหน้านะคะ

บอกเลยว่า ค่อกแค่ก นิดโหน่ย อิอิ


#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
5 : ทำโทษ


พี่นัท’ s part

ผมกำลังเดินไปที่จอดรถเพื่อเอาเค้กไปให้คนๆ นึงที่สำคัญกับผมมาก แต่ก็หงุดหงิดตัวเองที่ดันลืมกุญแจรถไว้ที่ร้านเสียได้เลยต้องเดินย้อนกลับไปเอา แดดในช่วงสายแบบนี้ก็ร้อนไม่แพ้แดดตอนเที่ยงวันเลยแม้แต่น้อย รู้แบบนี้ตอนรีโนเวทร้านผมน่าจะสร้างโรงจอดรถไว้ด้านหลังซะก็ดี

ผมเปิดประตูเข้าร้านไป แต่ไม่เห็นตองหนึ่งอยู่แถวหน้าร้าน ก็เลยว่าเดาว่าเขาคงล้างแก้วอยู่ในครัว ผมวางกล่องเค้กไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในครัว เพราะมีความคิดว่าจะแกล้งเจ้าเตี้ยของผมเสียหน่อย เขาตกใจง่ายมาก แกล้งอะไรนิดหยอกอะไรหน่อยก็หน้าแดง ตัวแข็งค้างไปหมด น่าแกล้งน่าเอ็นดูถูกใจผมไม่น้อยเลย

ผมยิ้มอย่างมีแผนการเมื่อเดินมาหยุดตรงประตูครัวก็เห็นว่าเขายืนหมุนอยู่ตรงโต๊ะใหญ่ แต่พอเดินเข้าไปใกล้อีกนิดก็เห็นว่าเจ้าตองหนึ่งกำลังยัดเค้กฟักทองของผมเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วดูเขาทำหน้าสิ...หลับตาพริ้ม หมุนไปมาอยู่คนเดียว เห็นแล้วน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

ผมรู้มาตั้งนานแล้วครับว่าหนึ่งชอบแอบกินเค้กที่เหลือเอาไว้ตลอด แต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้เพราะเห็นท่าทางแอบกินแล้วน่ารักดี มองๆ ไปก็เหมือนแมวแอบย่องมากินปลาทูอย่างไรอย่างนั้นเลย

ผมถอยออกมายืนตรงประตูครัวแล้วกอดอก กะว่าจะแกล้งทำเสียงกระแอมไอเสียหน่อย แต่ตองหนึ่งที่ทำหน้าตาน่ารักและยืนหมุนไปมานั้นก็หันมาเห็นผมเสียก่อน

“!!”

เห็นหน้าตาอีกฝ่ายแล้วก็ต้องพยายามกลั้นขำ แก้มกลมๆ สองลูกนั้นเต็มไปด้วยเค้กในมือก็ยังมีถืออยู่ ไหนจะดวงตาที่เบิกกว้างนั่นอีก ตกใจอะไรเบอร์นั้นล่ะ ผมอยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็ต้องทำเป็นขรึมเอาไว้อยากจะแกล้งให้ร้องไปเลย อุตส่าห์จับขโมยได้คาตาคาปากแบบนี้

“หนึ่ง...กำลังกินอะไรอยู่เหรอครับ”

“อึก! แค่กๆ ...แอ่ก แค่กๆ ” เจ้าเตี้ยกลืนเค้กในปากลงไป แล้วก็ยัดในมือเข้าปากแล้วกลืนไปทั้งก้อนแบบไม่เคี้ยว ก็เลยสำลักอย่างที่เห็น ผมเลยเดินไปรินน้ำให้กินจนอาการสำลักของเขาดีขึ้น พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยทำทีเดินไปมารอบๆ โต๊ะก่อนจะหันถามเจ้าตัวที่ยืนหน้าซีดอยู่

“เอ...เค้กที่พี่แบ่งเอาไว้กะว่าจะกลับมาชิมทีหลัง มันหายไปไหนแล้วนะ หนึ่งเห็นมั้ยครับ?”



ตองหนึ่ง’ s part

“พอจะรู้มั้บครับว่ามันหายไปไหน?”

พี่นัทถามพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงก้มหน้าอย่างเดียวเลย ไม่กล้าบอกว่าเค้กที่พี่เขาถามถึงนั้นอยู่ที่ไหน เพราะมันอยู่ในท้องผมเอง

พี่นัทหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะค่อยๆ จับคางผมให้เงยหน้ามองเขา ผมหน้าเสียมากกว่าเก่าเพียงแค่เห็นหน้าอีกฝ่ายเต็มตาแบบนี้ทำนบน้ำตาผมก็แทบจะแตก เพราะหน้าหน้าพี่แกนิ่งมาก ไม่ยิ้มเลย

...ทำไมไม่ยิ้มหน่อยล่ะครับ ยิ้มเถอะนะ หัวเราะสิ พี่หน้านิ่งแบบนี้ผมกลัว

“อืม…” เขาครางในลำคอแล้วหรี่ตาลง ขยับมือที่จับคางมาลูบเบาๆ ที่ข้างปาก ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าพี่แกจะทำอะไร แต่พอเขาดึงมือออกเท่านั้นล่ะ ผมก็อยากจะโขกหัวตัวเองกับอ่างล้างจาน เพราะมีครีมติดนิ้วพี่นัทออกไป ตายๆ คาหนังคาเขาแถมมีหลักฐานคราบครีมติดปากแบบนี้ ผมโดนไล่ออกแน่ๆ

“พ...พี่ครับ...” ผมพูดเสียงเบา มองพี่นัทที่เลิกคิ้วขึ้นดูคราบครีมที่ปลายนิ้วของตัวเองสลับกับมองหน้าผมไปมา แล้วขยับตัวออกไปยืนกอดอก ส่งสายตาดุๆ มองมาที่ผม

“แบบนี้ต้องโดนลงโทษนะ...แล้วแอบกินในตู้บ่อยมั้ย?”

“ผ ผมไม่เคยแอบกินในตู้เลยนะครับ ส่วนใหญ่ก็แอบกินแค่เค้กที่อยู่ในครัวนี่เท่านั้น” เพราะกลัวโดนไล่ออกผมก็เลยปากบอนรีบอธิบายความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่เคยแตะของของลูกค้าเลยแม้แต่น้อย แต่ลืมไปว่าหากตอบไปแบบนั้นก็เหมือนสารภาพว่า แอบกินเค้กเขาอยู่ดีล่ะวะ ไอ้บ้าตองหนึ่งเอ๊ย มึงตกงานแน่เลยผม! ฮือ

“อ๋อ ถึงว่า...ทำไมพักหลังๆ นี่ ถึงชอบเข้าไปจัดการอะไรในครัวคนเดียว พี่จะเข้าไปช่วยก็ไม่ให้เข้ามา...จะแอบกินเค้กนี่เอง”

ผมได้แต่ก้มหน้าน้อมรับความผิดเพราะถูกอย่างที่พี่เขาว่าทุกอย่าง ที่ผมไม่ให้พี่เข้ามาช่วยก็เพราะจะกินเค้กนั่นแหละ ถึงแม้ว่าการกระทำของผมมันสมควรจะโดนไล่ออก แต่ก็อยากให้เขาไล่นะ หากผมไม่อยู่ใครจะช่วยพี่เขาล่ะ ทำคนเดียวเขาต้องเหนื่อยมากแน่ๆ อ่ะ

“ถ้าทำครั้งแรกก็ยังจะแค่ตักเตือน แต่นี่ดูท่าจะทำมาหลายครั้งแล้ว...อืม ยังไงดีนะ”

ผมก้มหน้าสำนึกผิดอย่างเดียวเลยครับ ไม่กล้าเงยหน้ามองอะไรทั้งนั้น ได้หลับตาปี๋เพราะกลัวว่าถ้าลืมตาขึ้นมาน้ำตาจะแตกน่ะสิครับ ฮึบไว้ๆ

“ไล่…..”

ได้ยินแค่นั้นใจผมก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบขยับเข้าไปแตะแขนเขาเอาไว้แล้วขอร้องออกไป

“พ...พี่นัท ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ ผมขอโอกาสได้มั้ยครับ”

“...” เขายืนกอดอก มองมาด้วยสายตานิ่งๆ ใจผมสั่นกลัวไปหมด เมื่อรู้ว่าความฉิบหายกำลังมาเยือนจริงๆ

ความทรงจำตอนตกงานมันย้อนขึ้นมาว่าตอนนั้นผมเครียดมากแค่ไหน จะนอนก็หลับไม่สนิทเพราะเรื่องเงินมันเรื่องใหญ่ ไม่มีเงินจะใช้ ค่าห้องค่าข้าวก็ไม่มีจะจ่าย มันรู้สึกแย่เอามากๆ ผมไม่อยากเป็นคนไม่มีงานทำแบบนั้นอีกแล้ว ฮึก

“ผ...ผมยอมทำทุกอย่างเลยครับพี่ ห...ให้ผมทำงานยันเที่ยงคืนก็ได้หรือจะให้มาแต่เช้าก็ไม่มีปัญหา ฮึกๆ หรือให้ผมปีนไปขัดดาดฟ้าผมก็ทำได้ ฮึก แต่อย่าไล่...ฮึก ย...อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ ฮือ ฮือ”

ผมข้อร้อง และเริ่มร้องไห้ ใครจะว่าขี้แงก็ช่าง ตอนที่ไม่มีงานทำนั้นผมรู้แย่มากๆ บางเดือนไม่มีเงินจนต้องยอมขอให้แม่โอนเงินมาให้ ซึ่งผมอายตัวเองมากๆ

“แต่..เค้กนั่นพี่ลองสูตรใหม่ อยากชิมว่ารสชาติเป็นยังไง ทำไงดีนะ”

“ฮึกๆ พี่ครับ ผ..ผมชิมให้แล้ว หอมและอร่อยมากเลย ฮือ พี่อย่าไล่ผมออกนะครับ”

ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ น้ำมูกน้ำตามาหมด และพอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนานก็เงยหน้าดูเสียหน่อย แต่ตรงหน้ากลับทำให้ผมประหลาดใจ เพราะคนที่ทำหน้าดุเมื่อครู่นี้ดันระบายยิ้มกว้างมองมาที่ผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวแปลกๆ

“งั้นพี่ขอชิมนิดนึงนะครับ”

“หะ?” ยังไม่ทันที่ผมจะเข้าใจอะไร ฝ่ามือใหญ่ก็จับคางผมเอาไว้ใบหน้าของพี่นัทก็ก้มลงมาหาอย่างรวดเร็วโดยที่ผมก็ตั้งตัวไม่ทัน

จุ๊บ!

พี่เขาก้มลงมาจุ๊บที่ปากผมเพียงครู่เดียวก็ผละออกไป เขายืนแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองแล้วมองมาด้วยสายตาพึงพอใจ ผมเองก็ได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆ เพราะตามไม่ทัน รู้สึกทั้งตกใจและงงไปหมด น้ำตายังคงไหลออกมาเป็นเม็ดๆ เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองยังได้ทำงานอยู่มั้ย หรือโดนไล่ออกไปแล้ว

“...”

“อืม...หวาน แต่ยังไม่ค่อยรู้รสเท่าไร งั้นขออีกคำนะครับ”

คราวนี้ไม่ใช่แค่จุ๊บเบาๆ แบบครั้งที่แล้ว พี่นัทดูดปากล่างของผมแล้วไล้เลียไปมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขยับใบหน้าออก แต่ฝ่ามือของเขายังคงประคองแก้มของผมเอาไว้ เขาหัวเราะเบาๆ ไล้ปลายนิ้วโป้งไปตามแก้มเหมือนเช็ดน้ำตาให้ผม แล้วก็ก้มลงมาจุ๊บใหม่ ทั้งไล้เลีย ขบเม้มด้วยสัมผัสเบาๆ ชวนให้ผ่อนคลายและคล้อยตาม

การที่เขาทำแบบนี้มันทำใจผมสั่นขึ้นมา ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด คราวนี้พูดได้เต็มปากเลยว่าเขิน ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองมามายืนจูบกับคนอื่น แถมเป็นผู้ชายเหมือนกันแบบนี้มันน่าตกใจเอามากๆ แต่แปลกที่ผมไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะพลักออกหรือหันหนีเลยแม้แต่น้อย แถมตัวผมก็เริ่มรู้สึกดีกับริมฝีปากนี้อีกด้วย จูบที่ดูช้าๆ ชวนใจหวิวไม่ได้เร่งรีบ บุ่มบ่ามโรมรันเหมือนที่ผมเห็นในหนังบ่อยๆ

ผมไม่เคยจูบกับใคร...เลยไม่สามารถบอกได้ว่าพี่นัททำอยู่นี้เขาเรียกว่าจูบเก่งรึเปล่า แต่ผมบอกได้แค่ว่าจูบนี้มันรู้สึกดีจนอยากจะยื่นปากให้อีกฝ่ายจูบทั้งวันเลย

พี่นัทถอนจูบออกและยังคลอเคลียอยู่ใกล้ ใช้ปลายจมูกโด่งของถูไถไปมากับปลายจมูกของผมพลางหัวเราะในลำคอไปด้วย พี่เขาดูมีความสุขนะแต่ทำแบบนี้ผมรู้สึกเขินๆ ใจสั่นแปลกๆ อ่ะ

“พี่ไม่ไล่เราออกหรอกครับ เจอเค้กรสชาติที่ถูกใจขนาดนี้แล้วจะปล่อยไปได้ยังไงอ่ะเนอะ~”

เขาพูดเสียงนุ่มแต่น้ำเสียงกลับทะเล้น มันชวนให้ผมรู้สึกเกลียกคำว่า เนอะ ของพี่เขาจริงๆ พูดคำว่าเนอะทีไร มีเรื่องต้องทำให้ผมเขินทุกทีเลย

“…” ผมเม้มปาก ซุกแก้มร้อนๆ ไปกับแผ่นอกของเขา ไม่กล้าเงยหน้ามองอะไรทั้งนั้น อยากจะละลายไปกับอากาศ ยืนมุดจนแทบจะมุดเข้าไปในรักแร้พี่เขาอยู่แล้ว พี่นัทหัวเราะแล้วก็ดันไหล่ผมออกเพื่อสบตาแต่ผมก็ขืนตัวเอาไว้เพราะยังไม่พร้อม ก่อนหน้านี้ก็ร้องไห้โยเยเป็นเด็ก แถมยังยืนนิ่งๆ ให้เขาจูบอีก อายจนไม่กล้ามองหน้าเขาก็เลยผมยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้

“เราขึ้นข้างบนกันดีกว่า” พี่นัทพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ พลางจูงมือผมขึ้นไปชั้นสอง ผมมองอย่างไม่เข้าใจแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะขัดดาดฟ้าให้หากเขาไม่ไล่ผมออก

“ขึ้นไปทำอะไรเหรอครับ”

เขาหัวเราะในลำคอแต่ก็ไม่ได้ตอบผม พี่เขาแสดงว่าจะให้ขัดดาดฟ้าจริงๆ เหรอ...ยังไงก็พูดไปแล้ว ผมขัดให้ก็ได้นะ แต่ขอเป็นตอนกลางคืนไม่ได้เหรอ ตอนนี้ร้อนอ่ะ

ผมเดินตามพี่นัทมาจนถึงชั้นสองที่ผมเพิ่งเคยขึ้นมาเป็นครั้งแรก และเพิ่งรู้ว่าข้างบนนี้เป็นที่อยู่ของพี่เขาด้วย เปิดประตูเข้ามาด้านซ้ายมีโซฟา ทีวี ตู้หนังสือ ถัดไปเป็นห้องน้ำ ด้านขวาเป็นห้องนอนและถัดห้องนอนไปทางด้านซ้ายเป็นครัวเล็กๆ ที่ทะลุไปตรงระเบียงได้

ห้องน่าอยู่จัง แสดงว่าพี่เขานอนที่นี่แน่ๆ เลย ก็ว่าทำไมถึงมาร้านเช้าตลอด เขาอยู่ข้างบนแค่นี้เอง

พี่นัทเปิดแอร์ตรงทางเข้าและพาผมไปนั่งตรงโซฟาเขานั่งลงใกล้ๆ กันแล้วดึงผมไปหอมแก้ม แถมจุ๊บไปทั่วหน้าเลย ผมตกใจเล็กน้อยกับการกระทำแบบนั้นของเขาก็เลยเผลอดันอกเขาออก พี่นัทยอมถอยออกไปดีๆ แต่ก็จ้องหน้าผมใหญ่เลย

“รังเกียจพี่รึเปล่า ถ้าไม่ชอบหนึ่งก็บอกพี่มาตรงๆ ก็ได้ครับ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก” เขาพูดแล้วยิ้ม ลูบแก้มผมเบาๆ ไม่ได้มีท่าที่โกรธเคืองที่ผมดันเขาออกเลยแม้แต่น้อย

“...ผ ผมตกใจครับ” ผมเม้มปาก สายตาล่อกแล่กไปมาก่อนจะส่ายหน้า...ก็ผมไม่ได้รังเกียจเขานี่นา ที่เขาทำแบบนี้ ลึกๆ ในใจผมก็รู้สึกดี แต่แบบ...แค่ตกใจเฉยๆ ผมยังไม่ชินกับการที่มีคนอื่นมาสัมผัสอะไรแบบนี้ พี่นัทยังคงยิ้มและจ้องมองผมอย่างไม่วางตา จะว่าเขินก็เขิน แต่ก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน ผมไม่เคนโดนใครมองมาด้วยสายตาแบบนั้น รู้สึกมือไม้มันเกะกะไปหมด ไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนเลย

“หึหึ พี่แคอยากลองชิมเค้กนิดหน่อย ไม่ต้องตกใจหรอกครับ พี่แค่ชิม...”

“ต...แต่เค้กอยู่ข้างล่างนะครับ” พี่นัทดันผมพิงกับโซฟาแล้วแกก็ทับผมไว้ครึ่งตัว ผมเม้มปากแน่น มองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะโดนทำอะไร ผมพอจะเดาได้แต่แปลกที่ผมกลับไม่คิดที่จะห้ามเขาเลย

“นั่นมันเค้กของลูกค้า เค้กของพี่อยู่ตรงนี้”

“แต่ อื้อ~” คือผมกำลังจะตอบกลับไปว่าตัวผมไม่ใช้เค้กแต่พี่นัทก็จูบมาซะก่อน

อืม...ครับ ไม่พูดแล้วก็ได้ครับ

พี่นัทดูดปากล่าง สลับกับขบและเลียไปมาเบาๆ มันต่างจากจูบก่อนหน้านี้อย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะมีน้ำหนักจากตัวเขาด้วยเลยทำให้ผมรู้สึกวูบวาบที่ท้องน้อยขึ้นมา มือของผมที่ขยับไปมาอย่างเกะกะก็ถูกพี่นัทจับให้ไปคล้องคอของเขาเอาไว้

ผมว่าจูบครั้งนี้มันดีมาก มากจนผมคิดที่จะจูบตอบ เริ่มจากดูดปากพี่นัทกลับไป รู้สึกแปลกใหม่กับสัมผัสของริมฝีปากคนอื่น อืม...ปากคนเรานี่นุ่มได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“โอ๊ย...”

“ข...ขอโทษครับ”

ผมเผลอกัดปากพี่นัทจนพี่แกต้องดันผมออก เขาแลบลิ้นออกมาเลียตรงรอบแผลก่อนที่เขาจะก้มลงมาจูบปากผมแรงๆ หนึ่งที จากนั้นก็พรำจูบไปทั่วใบหน้า เรื่อยๆ ลงมาที่ลำคอ ผมผ่อนลมหายใจและเงยหน้ามองเพดานด้านบน ใจมันหวิวไปหมด รู้สึกเหมือนจะเป็นลมให้ได้เลย

“พ...พี่ พี่นัท เอ่อ สิบโมงกว่าๆ แล้วครับ” ผมเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ติดผนัง พอรู้ว่านี่คือเวลาที่ร้านควรจะเปิดได้แล้วก็พยายามที่จะดันคางของพี่นัทออก

“พี่บอกแล้วไงว่าวันนี้เปิดช้า หรืออาจจะหยุดไปเลยวันนึง ตองหนึ่งว่าแบบไหนดีครับ”

พี่นัทถามไม่รอคำตอบ เขาหัวเราะแล้วก้มลงมาจูบทันที...ถ้าพี่จะทำแบบนี้ไม่ต้องถามผมก็ได้นะครับ ยังไงๆ ผมก็ค้านอะไรพี่ไม่ได้อยู่แล้วนี่

พี่นัทดูดปากผมเบาๆ แล้วก็แรงขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้รู้สึกว่าปากล่างผมเจ่อไปแล้ว

“อื้อ! อึก” ผมสะดุ้งเพราะคราวนี้พี่นัทไม่ได้แค่ดูดปาก แต่สอดลิ้นเข้ามาด้านในเลย ผมหลับตาปี๋เกาะไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ เพราะมันรู้สึกแปลกๆ พี่เขากดตัวผมลงให้นอนราบ ตอนนี้ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองโดนพี่เขาทับจนจมหายไปกับโซฟาเลย

“ตองหนึ่งครับ…” เขาผละออกแล้วเรียกผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เรามองตากันและพี่นัทก็ก้มลงมาจูบอีก ผมครางในลำคออย่างห้ามไม่ไหว ที่ดูดปากกันก็ว่าวูบวาบแล้ว แต่ตอนนี้ผมกลับวูบวาบที่ท้องน้อยมากกว่าเดิมเพราะเรียวลิ้นของอีกฝ่ายที่เกี่ยวกระหวัดไปมา ไล้ไปตามเหงือกกับเพดานปาก เป็นความรู้สึกที่เขาเรียกกันว่า...เอ่อ เสียวครับ

“อือ อึก อะ”

ผมหนีบขาตัวเองไปมา ร่างกายของผมเริ่มตื่นตัวขึ้นมาอย่างง่ายดาย...ตั้งแต่มาทำงานร้านพี่นัทนี่ผมก็ไม่ได้ช่วยตัวเองเลย เพราะต้องตื่นก็เช้ากลับห้องไปหัวถึงหมอนผมก็หลับแล้ว

“รู้สึกยังไงบ้างครับ?”

พี่นัทถามและเปลี่ยนมาเลียที่ช่วงลำคอ มือก็เริ่มวนไปมาที่หน้าอก ปัดผ่านเม็ดเล็กๆ นั่นไปมาจนผมสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก อยากจะบอกเขาว่าจับๆ ไปเถอะครับ ทำแบบนั้นเเล้วผมจักจี้แปลกๆ

“ฮ๊า พี่นัท...ผม อะ” พี่นัทปลดกระดุมผมออกทีละเม็ดๆ ปากก็ดูดไปตามลำคอลงมาเรื่อยๆ ที่แผ่นอก

“ขาวจังเลยนะเรา” เขาพูดพร้อมกับแยกสาบเสื้อผมออก จากนั้นก้มลงมาจูบที่ยอดอก สัมผัสนั้นทำให้ผมเผลอแอ่นอกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

“พี่ ฮ๊าๆ อึก อือ” ผมเหมือนคนหายใจไม่เป็น ลิ้นของเขาปัดเลียไปมาที่ยอดอกข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็โดนบีบและสะกิดซ้ำๆ ไปมาอย่างไม่น้อยหน้า ผมหลับตาปี๋บีบขาตัวเองแน่นขึ้น รู้สึกอึดอัดสุดๆ

ผมลืมตามองเมื่อเขาผละออก พี่นัทส่งยิ้มแล้วถอดแว่นออกจากนั้นก็กลับมาหาผมใหม่ คราวนี้คนด้านบนยกสะโพกผมขึ้นเล็กน้อย แยกขาผมออกแล้วก็แทรกตัวเข้านั่งที่หว่างขา ผมครางออกมาเพราะเห็นหน้าพี่นัทแล้วรู้สึกวูบวาบ เสียดเสียวไปหมด

พี่นัทถอดผ้าคาดเอวผมออกแล้วโยนไปไว้ข้างหลัง มือก็ลูบไปมาที่หน้าท้องและสีข้างแล้วก็ก้มลงมาเม้มปากดูดแรงๆ ที่ข้างสะดือ เพียงแค่เขาทำแค่นั้นผมก็สั่นไปทั้งตัวเลย หอบสะท้านเมื่อพี่นัทขยับขึ้นมาจูบปากแล้วก็วนลงไปที่หน้าอก ฝ่ามือร้อนของเขาลูบวนไปมาอยู่แค่ลำตัวช่วงบน

เขาดูใจเย็นในขณะที่ผมร้อนไปทั้งตัว และเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องการอะไรที่มากกว่านี้ อยากให้พี่นัททำมากกว่านี้ ทำอะไรผมก็ได้ ตอนนี้ผมยอมทุกอย่างเลย...

“พี่ครับ ช่วยผมหน่อย อึก ช่วยผมหน่อยนะครับ” ผมตวัดขาตัวเองรอบเอวพี่นัท ตั้งใจเขยิบสะโพกเข้าไปใกล้เขาแล้วยกขึ้นลง ระบายอาการอึดอัดนี้ด้วยตัวเอง

ผมเห็นพี่นัทเสยผมขึ้นแลบลิ้นออกมาเลียปากตัวเองเป็นภาพที่เซ็กซี่ปลุกอารมณ์ผมสุดๆ เขาปลดกระดุมและดึงกางเกงผมลงไปพร้อมกับกางเกงใน ผมเม้มปากอย่างเขินอายเพราะตอนนี้น้องชายของผมชี้หน้าเขาอยู่...

“น่ารักจริงๆ ” พี่นัทพูดแล้วก็แตกส่วนปลายของมันเบาๆ ผมแอบเคืองที่พี่นัทบอกว่ามันน่ารัก คำนั้นมันไม่น่าดีใจซักนิด แต่เพราะผมตัวเล็ก อะไรๆ ของผมมันก็เลยเล็กตามไปหมดเลย

พี่นัทหายใจแรงขึ้นเมื่อผมเผลอยกสะโพกในตอนที่เขาคลึงเบาๆ มาที่ส่วนปลายปริ่มน้ำนั่น มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก นี่คือครั้งแรกเลยที่โดนมือคนจับตรงๆ และเมื่อหลุดเสียงครางเมื่อเขาขยับมือรูดขึ้นลงพร้อมกับใช้อีกมือคลึงที่ลูกบอลน้อยๆ ของผมไปด้วย

...สวรรค์อยู่ตรงหน้าชัดๆ

พี่นัทขยับเปลี่ยนให้ผมนั่งค่อมอยู่บนตัก เขาดันตัวผมให้เอนหลังเล็กน้อยแล้วก็ก้มลงมาดูดเลียและขบเม้มที่ยอดอก ผมแอ่นอกขึ้น สอดแขนโอบลำคอของเขาเอาไว้ ฝ่าเท้าก็จิกลงบนโซฟาเมื่อโดนกระตุ้นทั้งด้านบนและด้านล่างพร้อมๆ กันแบบนี้

“พี่ครับ ผมไม่ไหว ฮึก อือ…” ผมแอ่นสะโพกขึ้น เกร็งตัวกอดคอของพี่นัทไว้แน่นจนใบหน้าของเขาซุกกับหน้าอกผมเต็มๆ พี่นัทกำมือให้แน่นกว่าเดิม รูดขึ้นลงเร็วขึ้น ผมกัดปากเกร็งท้องน้อยแรงๆ ก่อนที่ตัวจะกระตุกและปลดปล่อยออกมาใส่ฝ่ามือของพี่นัทที่เริ่มขยับช้าลง

“ฮ๊า! อืม...” ผมผ่อนลงหายใจออกช้าๆ หลังจากเกร็งกระตุกอยู่พักนึง เมื่อหยาดหยดสุดท้ายโดนคนตัวสูงรีดออกมาจนหมดผมก็หมดแรงตาม ผมเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง ขยับตัวขึ้นมานั่งซบหน้าไปกับซอกคอพี่นัท ตาก็เหลือบมองน้ำขาวข้นของตัวเองในอุ้งมือของพี่นัท แถมบางส่วนยังพุ่งไปโดนเสื้อผ้าของพี่เขาอีกตังหาก

“พี่ ผม...ผมทำพี่เลอะ” ผมยังคงหอบอยู่ ความเสียวเมื่อกี้ยังแผ่ซ่านอยู่ที่ท้องน้อยผมอยู่เลย

พี่นัทยักคิ้วแล้วส่งยิ้มให้ เเขาดันผมนอนราบกับโซฟาอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มจูบ ไล้ลงมาเรื่อยจนถึงยอดอก มือก็เริ่มที่จะปลุกน้องชายผม จนมันตั้งเด่อีกครั้ง

“อะ…เอ่อ พี่นัท ผม...ผม”

“ให้พี่ช่วยอีกครั้งนะครับ”

พอพี่นัทพูดจบก็เริ่มทำทันที ส่วนผมก็ไม่คัดค้านหรือขัดขืนอะไรทั้งนั้น

พี่นัทกำรอบๆ คลึงและรูดขึ้นลงช้าๆ แล้วก็เร็วขึ้น ผมกำเสื้อพี่นัทแน่นจนแทบขาดติดมือ สะโพกก็เด้งสวนขึ้นไป ใช้เวลาไม่นานผมก็ปล่อยออกมา คราวนี้เลอะไปทั้งมือพี่นัท และตัวผมด้วย

“อือ! อา…แฮ่กๆ อึก”

ผมนอนแผ่ปล่อยให้พี่นัทเช็ดทำความสะอาดให้ ผมหมดแรงเมื่อปลดปล่อยความอัดอั้นไปถึงสองครั้งติดๆ และถึงแม้ว่าแอร์จะเย็น แต่พี่นัทก็กอดจนผมไม่รู้สึกหนาว อีกทั้งโซฟานี่ก็นุ่มมากทำให้หนังตาผมมันเริ่มหนัก ปรือปรอยจนลืมตาแทบไม่ขึ้น...แต่ไม่ได้ ผมต้องลงไปทำงานต่อ

ผมกระพริบตาถี่ๆ พยายามฝืนลืมตาขึ้นแต่ก็ได้ยินเสียงแผ่วๆ จากอีกฝ่าย



“หลับเถอะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นเดี๋ยวพี่จัดการเอง” แล้วก็ตามด้วยสัมผัสอุ่นๆ ตรงริมฝีปาก ผมอมยิ้มและหลับตาลง พลิกตัวหนีสัมผัสชื้นๆ ที่แตะแต้มอยู่ตรงริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยแล้วก็หลับไป...



เอ๊ะๆ แบบนี้เรียกว่าทำโทษรึเปล่านะ ทำไมตองหนึ่งดูชอบ 5555


#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
6 : รางวัลของพี่นัท


“อืม...” ผมบิดขี้เกียจไปมาบนที่นอนนุ่มใต้ผ้านวมผืนหนา รู้สึกสบายจนไม่อยากจะลุกไปนอน ต้องการที่จะนอนอยู่ตรงนี้ทั้งวัน แต่แล้วก็ต้องลืมตาโพรงขึ้นมาเมื่อระลึกได้ว่าก่อนที่ผมจะหลับไปนั้นมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ภาพเหล่านั้นพากันผุดขึ้นมาในสมองแล้วความอายก็ตีขึ้นมาทันที

“ตองหนึ่ง ทำไมใจง่ายแบบนี้วะ” ผมทึ้งหัวตัวเอง นึกถึงสภาพตัวเองที่ไม่มีการขัดขืนใดใดทั้งสิ้น แถมยังเป็นฝ่ายขอให้พี่นัททำให้ นอกจากนั้นยังไม่พอดันเผลอหลับให้พี่เขาต้องตามล้างตามเช็ดให้อีก คิดแล้วอยากจะเขกกระโหลกตัวเองจริงๆ เลย  ทำไมตัวผมถึงได้หน้าด้านแบบนี้วะ

ผมด่างุ้งงิ้งเอาหัวโขกหมอนอยู่นานสองนานจนสงบสติได้แล้วผมก็มองหานาฬิกา ปรากฏว่าจะบ่ายสามอยู่แล้วเห็นแบบนั้นก็รีบลุกออกจากเตียงหยิบกางเกงกับผ้าคาดเอวมาใส่แล้วรีบวิ่งลงไปข้างล้าง ยิ่งมาเห็นว่าหน้าร้านตอนนี้คนเยอะขนาดไหนก็รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ พี่นัทหันไปหันมาทั้งหยิบเค้ก ทำเครื่องดื่มและรับออเดอร์อีก เห็นแบบนั้นผมก็รีบปรี่ไปช่วยพี่นัททันที เขาส่งยิ้มให้ผม แววตาวาววับจนผมทำหน้าไม่ถูกแต่เรายังไม่มีเวลาพูดคุยกันมากนัก เพราะเขาก็ยุ่ง ส่วนผมนี่เดินเสิร์ฟจนขาขวิด จนอยากจะร่อนแก้วเสิร์ฟแทน แต่ถ้าทำแบบนั้นจริงพี่นัทได้กระทืบผมจริงๆ แน่ แหะแหะ

แต่มีลูกค้าเยอะแบบนี้ก็ดีอย่าง ผมไม่ต้องเผชิญหน้ากับพี่นัทสองต่อสอง ตอนนี้ยังไม่พร้อมเพราะยังทำใจรับตัวเองไม่ได้ ไปนอนให้เขารีดน้ำออก ทำตัวพี่เขาเลอะ แถมยังหนีไปหลับสบายไม่ช่วยเขาอีก คิดแล้วก็เอาถาดขึ้นฟาดหัวตัวเอง

“หึหึ เป็นอะไรไปครับ เหนื่อยเหรอ? ลูกค้าหมดแล้วไปพักหลังร้านก็ได้นะ” พี่นัทเห็นผมเอาถาดฟาดตัวเองแล้วเกรงว่าลูกค้าจะกลัวเลยให้ผมไปพัก ผมก็ไม่ขัดสิครับ ไหนๆ ก็ยังไม่มีลูกค้าใหม่เข้าร้าน

ผมพยักหน้าให้พี่หนึ่งแล้วเดินไปวางถาดที่เคาน์เตอร์ พี่นัทที่สตรีมนมอยู่เอื้อมมือมาขยี้หัวผมเล่นแล้วผมจะไม่ประหม่าเลยครับหากพี่แกไม่ลูบลงมาที่เอวผมด้วย คือเมื่อก่อนพี่นัทก็ทำแบบนี้บ่อยนะ ตอนนั้นผมก็ไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้ผมคิดครับ คิดมากด้วย ผมเดินตัวแข็งมานั่งที่ม้านั่งหลังร้าน พยายามหายใจเข้า-ออกลึกๆ  เรียกสติกลับมาให้อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งฟุ้งซ่านถึงเรื่องเมื่อเช้า

ตองหนึ่งมึงทำไปได้ยังไง มึงทำไปได้ยังไง๊! ถึงมันจะรู้สึกดีมากแต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เลยเถิดไปขนาดนั้นเลย แล้วต่อไปนี้จะเข้าหน้าเขาติดได้ยังไงล่ะผม

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งบ้าอยู่นั้นก็มีสตรอว์เบอรี่ชอร์ตเค้กกับนมปั่นยื่นมาวางที่โต๊ะหินอ่อนข้างหน้าผม พอเงยหน้าขึ้นไปก็เจอพี่นัทเจ้าของรอยยิ้มหวานละมุนละไมเหมือนขนมปาตี้ที่ชอบกินตอนเด็กๆ

“พี่เอามาให้ครับ เมื่อเช้าเห็นกินขนมปังไปหน่อยเดียวเอง”

“ขอบ...ขอบคุณครับ” เสียงผมสั่นนิดๆ เพราะรู้สึกเขินสายตาที่พี่นัทมองผม มันไม่ได้เอ็นดูเหมือนเมื่อก่อน แต่นี่เขามองมาแล้วผมรู้สึกแปลกออกไป สายตาตอนนี้เหมือนสายตาที่เขามองผมเมื่อเช้าเลย…พอเลย ผมต้องเลิกคิดถึงเรื่องนั้นได้แล้ว เลิกๆ

ผมบอกตัวเองแบบนั้นและหันมาสนใจเค้กหน้าตาน่ากินตรงหน้า ก่อนจะใช้ส้อมจ้วงเค้กเนื้อนุ่มเข้าปาก...อืม นุ่มจริงครับ หวานตามด้วยเปรี้ยวปลายลิ้น อร่อยมากเลย ผมตักเข้าปากอีกคำใหญ่ๆ ทั้งที่ในปากก็ยังเคี้ยวไม่หมด อร่อยจนอดยิ้มไม่ได้เลย

“เมื่อเช้ารู้สึกดีมั้ยครับ?”

“ดีครับ...หือ อึก แค่กๆ...” ผมสำลักไอหน้าดำหน้าแดง คนตัวสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็เลยขยับเข้ามาช่วยลูบหลังลูบอกแล้วก็ส่งนมปั่นมาให้ กว่าจะไล่ก้อนเค้กลงท้องไปได้ผมนี่เกือบตาย พี่เขาถามอะไรออกมาเนี่ย เรื่องแบบนี้ใครเขาให้มาถามกัน ฮึ่ม!

พอเลิกสำลักได้ ผมก็มองหน้าพี่นัท อยากจะรู้จริงๆ ทำไมพี่แกถามเหมือนมันเป็นเรื่องปกติเลย เอ่อ...สำหรับเขาอาจจะปกติก็ได้ แต่สำหรับผมที่เพิ่งเคยจะโดนคนอื่นคั้นน้ำให้ครั้งแรกแบบนั้น มันน่าอายครับ!

“...ที่พี่ทำให้เมื่อเช้า ตองหนึ่งชอบมั้ย?” พอผมไม่ตอบพี่นัทก็เขยิบเข้ามาใกล้ ใช้มือโอบไหล่ผมแล้วดึงเข้าหาตัว

“...”

“ชอบมั้ยครับ?” พี่นัทถามย้ำพร้อมกับกระชับกอดให้แน่นขึ้น

“...” ผมหลุบตาลงก่อนจะตัดสินใจพยักหน้ากลับไป ถึงมันจะน่าอายหากถามจรงก็ต้องตอบว่า...ชอบมากๆ เลยครับ

“แล้ว...มีความสุขมั้ยครับ?”

“...” สุขสุดๆ เลยครับ ผมพยักหน้าหงึกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเม้มปากซ่อนแก้มร้อนของตัวเองไว้กับแผ่นอกของอีกฝ่าย

“งั้นเดี๋ยววันหลังพี่ทำให้อีกเนอะ โอเคมั้ยครับ?”

“...”

ผมหลับตา กัดปากตัวเองจนเจ็บ พี่เขาจะตรงไปไหน เรื่องแบบนี้อ้อมๆ บ้างก็ได้ผมจะเป็นลมครับ แล้วอย่าคิดว่าผมจะส่ายหน้าปฏิเสธ ผมนี่พยักหน้าจนคอแทบหัก...ก็แบบว่าคนอื่นทำให้แล้วมันดีกว่าเองคนเดียวนี่นา

“งั้นก่อนที่พี่จะกลับไปเฝ้าหน้าร้าน พี่ขอรางวัลของพี่หน่อยนะ”

“รางวัล...อะไรครับ” ผมช้อนตามองพี่นัทแล้วถามเสียงอู้อี้กับแผ่นอกของเขาเสียงเบา พี่นัทยิ้ม ดันตัวผมออกแล้วก็ประกบปากลง แถมยังสอดลิ้นเข้ามาด้านมาด้านใน ทำเอาผมเคลิ้ม ไม่อยากขัดขืนเลย เพราะจูบของพี่นัทอร่อยกว่าเค้กเสียอีก…

ไม่นานพี่นัทก็ผละออก เขาไล้ปลายนิ้วไปตามริมฝีปากล่างของผม ผมเม้มปากแล้วหลบตา ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาแผ่วๆ พอหันกลับไปไปมองเขาก็ก้มลงมาหอมแก้มผมก่อนจะตอบกลับมา

“หนึ่งไงครับ รางวัลของพี่”

“พี่นัท...” เขินจนแทบจะมุดดินหนีเลยทีเดียวครับ



หลังจากเก็บร้านเสร็จผมก็กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับห้องในเวลาสามทุ่มครึ่ง ทุกทีหลังเลิกงานผมนี่ง่วงจนแทบจะคลานกลับ แต่เมื่อกลางวันผมนอนไปซะเต็มอิ่มเลย แล้วคิดว่าคืนนี้ผมคงนอนไม่หลับแน่ๆ

“พี่ว่าเหมือนฝนจะตกเลยนะ คืนนี้ค้างที่นี่ดีมั้ย?” พี่นัทที่ยืนดูผมเก็บของมาได้ซักพักนึงพูดขึ้น เขามองออกไปหน้าร้าน ดูท้องฟ้าครึ้มและลมที่พัดแรงเหมือนกับว่าฝนกำลังจะตก

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเดินแป๊ปเดียวก็ถึงห้องผมแล้ว” ผมตอบกลับไปไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะดูจากท่าที รอยยิ้มและสายตาของพี่นัทตอนนี้แล้ว ถ้าผมค้างที่ร้าน ผมคงจะไม่ได้นอน...

“เมื่อเช้าใครบอกพี่ว่าจะเริ่มทำงานตั้งแต่เที่ยงคืนก็ได้...นี่ไงครับ อีกแค่สามชั่วโมงก็จะเที่ยงคืนแล้ว รออยู่ทำงานเลยดีกว่า”

“...”

ผมหันไปมองพี่นัทแบบเหวอๆ นี่คือพี่เขาเอาจริงดิ ให้ผมทำงานเที่ยงคืนจริงอ่ะ ผมเริ่มหน้าเสียเพราะคำพูดที่ตัวเองพร่ำออกไปตอนสติไม่อยู่กับตัว

“แต่ขึ้นไปทำบนห้องพี่นะครับ อยากให้ทำความสะอาดเตียงให้พี่หน่อย” พี่นัทพูดด้วยท่าทีกรุ้มกริ่ม ดูแล้วไม่น่าไว้วางใจสุด “หรือว่าจะช่วยกันทำที่โซฟาแบบเมื่อเช้าดีน๊า~”

“พี่นัทครับ!” เพราะตกใจ อีกทั้งสมองก็นึกถึงเหตุการณ์บนโซฟานั่นทำให้ผมเผลอตะเบ็งเสียงใส่เขาไป พอรู้ตัวว่าเสียงดังก็รับผงกหัวขอโทษ แต่พี่แกก็แค่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี มีแต่ผมก้มหน้ามองเท้าตัวเองรู้สึกอายจนอยากมุมหนี อุตส่าห์เลิกคิดไปแล้ว แต่พี่แกก็ยังจะขุดขึ้นมาพูดอยู่ได้

“หนึ่งไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ” พี่นัทใช่แขนสองข้างเท้าคางพร้อมมองมาที่ผมด้วยแววตาท่าทางหงอยๆ  ผมเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะดูก็รู้ว่าเขาแกล้งทำ

“ตอนนี้ยังไม่อยากครับ...ผมต้องไปแล้ว สวัสดีครับ” ผมรีบบอกลาแล้วก็เดินออกมา ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งโดนพี่นัทรั้ง ผมต้องรีบกลับก่อนที่ฝนจะตกลงมาแล้วต้องนอนที่ร้านจริงๆ

“ก็ได้ ไม่นอนที่นี่ก็ได้ แต่...พี่ขอเดินไปส่งนะครับ” พี่นัทเดินตามมากอดคอผมแล้วพูดเสียงระรื่น ผมเหลือบมองแล้วพยักหน้านิดหน่อย มีคนเดินกลับเป็นเพื่อนก็ดีครับ ผมไม่ต้องกลัวผี แหะแหะ

พี่นัทเดินมาส่งจนถึงหน้าแมนชั่นที่ผมอยู่ แต่เขาก็บ่นว่าอยากเข้าห้องน้ำมาตั้งแต่ครึ่งทาง พอบอกให้กลับไปเข้าที่ร้านไม่ต้องไปส่งผมแล้ว แกก็ไม่ยอม ถ้าเป็นนิ่วขึ้นมานี่ผมไม่รับผิดชอบด้วย สุดท้ายเขาก็เลยขอขึ้นมาเข้าห้องน้ำที่ห้องผมเพราะรอกลับไปเข้าที่ร้านไม่ไหว

“ขอรบกวนด้วยนะครับ”  หลังจากผมเสียบคีย์การ์ดปลดล็อคห้องเสร็จ พี่แกก็พูดขออนุญาตแล้วรีบดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที ผมหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้กับท่าทางแบบนั้นของเขา

ระหว่างที่พี่นัทเข้าห้องน้ำผมก็เตรียมเสื้อผ้า กะว่าพอลงไปส่งพี่พี่นัทเสร็จจะขึ้นมาอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย ถึงไม่ง่วงก็ต้องนอนก่อนแหละครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปทำงานไม่ไหว

“หนึ่งจะอาบน้ำแล้วเหรอครับ” พี่นัทเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นผมหยิบผ้าขนหนูพอดีเลยถาม

“ครับ แต่เดี๋ยวลงไปส่งพี่นัทก่อน”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ลงไปคนเดียว หนึ่งจะได้ไม่ต้องเดินเยอะ ไม่ต้องลงไปส่งพี่หรอกครับ” พี่นัทพูดแล้วก็ดันผมเข้าห้องน้ำไป ถึงแม้ว่าจะดูน่าสงสัยไปบ้างแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

“ก็ได้ครับ งั้น...เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” ผมยกมือไหว้เล็กน้อย พี่นัทก็ยิ้มให้โบกมือบ๊ายบายแล้วก็ปิดประตูห้องน้ำให้ ผมแอบยืนฟังอยู่พักนึง พอได้ยินเสียงเปิด-ปิดประตูแล้วก็เสียงล็อคกลอน ผมก็หันกลับมาถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ

 

พี่นัท’s part

ผมแสร้งทำเป็นล็อคกลอนปิดประตูทั้งๆ ที่ตัวผมยังยืนอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน เงี่ยหูฟังอยู่หน้าห้องน้ำจนได้ยินเสียงว่าตองหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ก็เข้าไปเปิดแอร์ปิดไฟแล้วก็มานั่งรอที่เตียงของเขา...ผมรู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ดี แต่แหม~ เห็นใจผมหน่อยสิครับ ตอนนี้มันดึกมากๆ แล้ว ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยจะตาย แถมฝนก็ลงเม็ดปรอยๆ มาแล้วด้วย ผมเดินกลับไม่ไหวหรอกครับ นอนนี่แหละ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้วครับ เนอะ~

ผมคลุมผ้านอนรออยู่ที่เตียงไม่นาน เจ้าเตี้ยก็ออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นสบู่หอมๆ ลอยมาเข้าจมูก

หอมจัง ยิ่งหอมยิ่งอยากกิน...

“ทั้งเปิดแอร์ทั้งปิดไฟให้เลยแหะ”

ไม่ใช่แค่เปิดแอร์ปิดไฟให้นะครับ พี่ยังเตรียมตัวเป็นหมอนข้างเกรดพรีเมี่ยมให้ตองหนึ่งนอนกอดด้วยนะ เสียสละแค่ไหนคิดดูสิครับ

ผมมองผ่านความมืดไปที่ตัวเล็กที่กำลังตากผ้าขนหนูพร้อมกับฮัมเพลงแล้วโยกหัวไปด้วย ดูแล้วน่ารักจริงๆ อยากได้ไปไว้ที่บ้านอ่ะ! ผมอมยิ้มมองคนตัวเล็กที่เดินคลำทางในความมืดมาที่เตียง เขาแทรกกายลงใต้ผ้าห่ม แล้วก็เขยิบมานอนตรงกลางเตียงใกล้ๆ กับผม

เขานอนนิ่งๆ จนผมอยากจะขมวดคิ้วแทน...นี่เจ้าเตี้ยไม่รู้สึกเอะใจหรือไม่รู้เลยจริงๆ เหรอว่ามีคนนอนอยู่บนเตียงด้วย แบบนี้อันตรายมากเลยนะครับ ถ้าผมเป็นคนอื่นจะทำยังไงล่ะ เขาคงจับกินจนเหลือแต่กระดูกไปแล้วมั้ง ไม่ได้การละ ต้องอบรมกันซักหน่อย คิดแบบนั้นผมก็แกล้งสอดมือไปที่เอวแล้วก็ดึงเข้าหาตัวเอง

“เฮ้ย!”

ตุ๊บ!

ตองหนึ่งร้องตกใจเสียงดังตามมาด้วยเสียงของหลังผมที่กระแทกกับพื้น ผมงอตัวเพราะทั้งเจ็บและจุก ตัวเล็กกว่าผมตั้งครึ่งแต่ทำไมมีแรงเยอะจนผลักผมตกเตียงได้ขนาดนี้วะ

“โอ๊ย! ตองหนึ่งผลักพี่ทำไมครับ เจ็บนะ”

“...”

เงียบ...สงสัยจะยังคงตกใจอยู่ ผมค่อยๆ พลุงตัวเดินคลำทางไปเปิดไฟแล้วก็มองมาที่เตียง ก็เห็นท่าตองหนึ่งที่จับผ้าห่มแน่น หน้าตาดูตกใจและกลัวเล็กน้อยและขาข้างขวาที่ยกค้างไว้กลางอากาศ

อืม เมื่อกี้เขาไม่ได้ผลัก แต่เป็นถีบผมลงมา…

“พ...พี่นัท” ตองหนึ่งมองมาที่ผมตื่นๆ เรียกด้วยเสียงสั่นๆ  ทั้งขดตัว ทั้งมือกำผ้าห่มแน่น ท่าทางเหมือนลูกแมวที่ม้วนหางจนผมอยากจะเข้าไปกอดปลอบขวัญ

“ก็พี่นะสิครับ ทำไมต้องถีบพี่ด้วยล่ะ” ผมเดินไปนั่งบนเตียงแล้วดึงตองหนึ่งขึ้นมานั่งตักพร้อมลูบผมไปด้วย ผมนุ่มๆ หัวกลมทุยๆ  ลูบแล้วมันเพลินมือดีจริง

“...ทำไมพี่ไม่กลับไปล่ะครับ” นั่งให้ผมลูบอยู่สักพักแล้วก็รีบดันผมออก ดูท่าแล้วคงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ผมหัวเราะกับท่าทางซื่อของเขา

“มันดึกแล้ว พี่ง่วงมาก” ผมล้มตัวลงนอน แล้วก็ดึงผ้าห่มมาคลุมด้วย ถ้าเขาอยากให้ผมกลับก็ต้องลากออกไปแล้วแหละครับ

“พี่ก็กลับไปนอนห้องพี่สิครับ เดินแค่แปปเดียวเอง” หนึ่งดึงผ้าห่มที่คลุมหน้าผมออก คิ้วเล็กนั่นขมวดมุ่นอย่างน่าเอ็นดู

“ทางมันเปลี่ยวพี่ไม่กล้าเดินคนเดียว แถมฝนก็ตกแล้วด้วย ให้พี่นอนด้วยคืนนึงนะ” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วก็ยิ้มออดอ้อนให้ ยิ้มอย่างเดียวครับตอนนี้ยิ้มเท่านั้นที่จะทำให้ได้ครองตองหนึ่ง หึหึ

“ก็...ได้ครับ” ตองหนึ่งเม้มปากนั่งคิดอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะยอมตอบตกลง เขาถอนกายใจเล็กน้อยแล้วก็เป็นฝ่ายขยับตัวขึ้นไปปิดไฟ ผมหัวเราะเพราะเห็นเขามองมาทางผมอีกครั้งก่นอจะรีบหันหนี พร้อมทั้งยกมือขึ้นกุมแก้มแดงๆ ของตัวเองเอาไว้ น่ารักจริงๆ เลย  ผมนอนยิ้มมองคนตัวเล็กมีกลิ่นหอม กำลังล้มตัวนอนบนเตียงข้างๆ กันแบบนี้ผมแล้วอยากจะดึงเข้ามาฟัดให้ขาดใจ...แต่ก็ทำไม่ได้ วันนี้ผมทำให้เขาตกใจมากพอแล้ว

เอาวะ...ไม่ได้ฟัดแต่ขอนอนกอดอย่างเดียวก็ชื่นให้ล่ะ พี่ขอเอาเปรียบนิดนึงนะครับตองหนึ่ง ถือเป็นรางวัลที่พี่อดทนนะ ผมขยับเข้าไปนอนใกล้ๆ แล้วก็กอดเบาๆ ตองหนึ่งสะดุ้งเล็กน้อยแต่เขากลับไม่ขัดขืนผมเลยแม่แต่น้อย

“ไม่ต้องกอดไม่ได้เหรอครับ” เขาหันมาถามผมตาแป๋ว ผมมองแล้วก็ยิ้ม อยากจะฟัดแก้ม

“คืนนี้ฝนตกทำให้อากาศเย็น แอร์ก็หนาว กอดกันจะได้อุ่นๆ ไงครับ”

“แต่ผมไม่หนาว” ยังจะเถียงอีก

“อากาศเย็นเดี๋ยวถ้าหนึ่งไม่สบาย เจ็บคอ กินเค้กไม่อร่อยนะครับ”

“...” หนึ่งทำท่าจะพูดอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่พูด แล้วก็หันกลับไปนอนผมก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ  นอนกรนด้วยอ่ะ น่ารักดี

ผมจูบเบาๆ ที่ขมับกะว่าจะหยุดแค่นั้นแต่เห็นแก้มกลมๆ แล้วอดใจไม่ไหวจนต้องหอมไปฟอดนึงเบาๆ ให้ชื่นใจ


“ไปเจอกันในฝันนะครับ”





เริ่มสงสารตองหนึ่งที่โดนคนเจ้าเล่ห์หลอกแทะหลอกเล็มอยู่ตลอด 5555

และขอบอกไว้เลยนะคะ ว่าพี่นัทอ่ะ ไม่ใจดีละมุนละไมเหมือนรอยยิ้มหรอกนะคะ

รอติดตามกันนะคะว่าตองหนึ่งจะโดนพี่นัทหลอกลวนลามแบบใหนอีก เรื่องหลอกเด็กอ่ะ พี่นัทถนัดนัก



#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
7 : เด็กลามก


ผมตื่นมาในตอนเช้าก็ไม่เจอพี่นัทแล้ว ผมอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเพราะนึกว่าเราจะเดินไปร้านพร้อมกันเสียอีก นี่อะไรกัน ถ้าจะกลับไปก่อนก็น่าจะปลุกผมหน่อย...ผมไม่ได้น้อยใจหรืออะไรเลยนะครับ ก็แค่...แบบว่าอยากให้บอกนิดนึง…

ผมส่ายหัวไปมา พยายามเลิกคิดเรื่องพี่นัทแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูพาดบ่าเตรียมตัวจะอาบน้ำ แต่ประตูห้องก็เปิดเข้ามาซะก่อน

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับ” พี่นัทเดินยิ้มเข้ามาแล้วจุ๊บที่ปากผมเบาๆ  จากนั้นก็วางคีย์การ์ดห้องผมลงบนโต๊ะ ผมนี่มองตามพี่นัทไปเลย มาจุ๊บผมเรื่องอะไรอ่ะ ผมยังไม่ได้แปรงฟันเลยนะ...ผมอายขี้ฟันตัวเองอ่ะ

“...”

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ ก็ morning kiss ไงหรืออยากได้ที” พี่นัททำท่าจะเดินเข้ามาทำอีกจนผมต้องร้องห้ามทันที แค่จุ๊บเดียวผมก็เขินจะแย่แล้วครับ

“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ...แล้วพี่ไปไหนมาครับ”

พี่นัทยิ้มแล้วก็ชูแปรงสีฟันในมือ เขาแค่ลงไปซื้อของใช้นี่เอง จู่ๆ ผมก็รู้สึกดีใจขึ้นมา อารมณ์ไม่พอใจในตอนแรกหายไปทันที...ไม่ได้น้อยใจครับ ก็แค่ไม่ชอบที่พี่นัทกลับไปแล้วไม่บอกแค่นั้นเอง

“หนึ่งกำลังจะอาบน้ำเหรอ ให้พี่อาบด้วยเลยมั้ย อาบพร้อมกันจะได้ประหยัดเวลา” ไม่รอให้ผมตอบ พี่แกก็เริ่มถอดเสื้อ ตามด้วยจะปลดกระดุมกางเกงจนผมตั้งตัวไม่ถูก

“เฮ้ย! พี่นัท ไม่เป็นไร” ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ แต่พี่แกก็ไม่ได้ฟังผมเลย ทำท่าจะถกกางเกงลงจนผมต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำมาก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะร่วนของอีกฝ่ายตามมา แบบนี้แสดงว่าผมโดนแกล้งอีกแล้วสินะ หัวเราะไปเถอะ ซักวันผมจะแกล้งคืนบ้าง จะเอาให้พี่เขาหัวเราะไม่ออกเลย

ใช้เวลาไม่นานผมก็อาบน้ำทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ แต่ยังไม่กล้าออกไปเพราะผมไม่ได้เอาชุดเข้ามาเปลี่ยนด้วย ปกติผมอยู่ห้องคนเดียวก็แค่นุ่งผ้าขนหนูออกไปแต่งตัวด้านนอก แต่หากวันนี้ออกในสภาพแบบนั้นคงโดนพี่นัทแกล้งตายเลย ผมไม่พร้อมที่จะโดนแกล้งในสภาพที่มีผ้าผืนเดียวติดตัวหรอกครับ เขายิ่งชอบแกล้งอะไรแปลกๆ อยู่ด้วย ยอมใส่ชุดนอนออกไปก่อนดีกว่า

ผมค่อยๆ เปิดประตูห้องน้ำออกไป เห็นพี่นัทนั่งเปลือยท่อนบนดูทีวีอยู่บนเตียง รูปร่างของเขาทำให้หน้าผมร้อนขึ้นมา เพราะเพิ่งจะสังเกตุว่าเขามีกล้ามด้วย ไม่ได้ใหญ่บึ๊ก แต่ก็พอมีให้น่าดู….หุ่นดีเลยทีเดียว

“อ้าว ทำไมใส่ชุดเก่าออกมาล่ะครับ พี่อุตส่าห์รอดูหนึ่งในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวอยู่นะเนี่ย”

เขาพูดพลางทำหน้าทะเล้น ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม นั่นไงล่ะ ถ้าผมนุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาต้องโดนแกล้งแน่ๆ

“พี่นัทไม่ไปอาบน้ำเหรอครับ เมื่อคืนพี่ก็ไม่ได้อาบ...ตัวเหม็น” ผมพูดแล้วก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หาชุดที่จะใส่วันนี้ ผมหันมองคนตัวสูงเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามาพิงตู้เสื้อผ้าแล้วมองหน้าผม

“พี่ตัวเหม็นเหรอ?”

“...ครับ” ผมเม้มปากแล้วพยักหน้าไปแกนๆ  ทำเป็นไม่สนใจแผงอกล่ำกระแทกตาแล้วหันมาเลือกเสื้อผ้าต่อ

“หนึ่งคิดว่าตัวพี่เหม็นจริงๆ เหรอครับ?” เขาถามแล้วขยับเข้ามาใกล้จนผมทำท่าจะถอยหลังหนี แต่ก็โดนเขาดึงข้อมือเอาไว้ พี่นัทอมยิ้มก้มลงมาหาเหมือนกับว่าจะให้ดมตัวเขาให้ได้เลย

“พ...พี่ไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวไปทำงานสาย อื้อ” ผมดันตัวออก พี่นัทหัวเราะก้มลงมาใกล้กว่าเดิมแล้วมองตา ผมกลืนน้ำลายช้าๆ เมื่อเขาเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนปลายจมูกของเขาคลอเคลียอยู่ที่แก้มของผม

“จะกลัวไปสายทำไมครับ เจ้าของร้านอยู่ตรงนี้ อืม...หอมจัง”

พี่นัทก้มลงมาหอมแก้มผมแล้วก็พูดชม ผมได้แต่หันหน้าหนีไปอีกทางแต่มันก็เหมือนเหมือนเปิดโอกาสให้เขาหอมอีกข้างไปด้วย เขาขยับออกเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มให้ ผมสบตากับพี่นัทเล็กน้อยแล้วเม้มปากก่อนจะก้มหน้าลง…ไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่ผมเขิน ทำตัวไม่ถูก ความร้อนกระจายไปทั่วแก้ม แล้วก็รู้สึกจั๊กจี้ในใจด้วย

“ถ้าพี่ไม่ปล่อย ผมจะกัดนะครับ” จะกัดให้เนื้อหลุดเลย ผมพูดขู่ออกไปเมื่อเขาบีบแก้มผมเล่น

“ดุจัง พันธ์อะไรเนี่ย” พี่นัทหัวเราะและยอมขยับออกไป แต่ก็ไม่วายเอานิ้วยื่นมาตรงหน้าผม เดี๋ยวก็กัดจริงๆ ซะเลยนี่

“เมื่อไรพี่จะไปอาบน้ำครับ”

“ก็พี่หาผ้าเช็ดตัวไม่เจอนี่”

“เอ่อ...ผมมีผืนเดียวครับ อีกผันมันเป็นผ้าเช็ดผม ผืนเล็กนิดเดียวเอง”

“ถ้าไม่มีจริงๆ  พี่เดินโป๊เข้าห้องน้ำก็ได้” พี่นัทพูดแล้วก็ทำท่าจะถอดกางเกงจริงๆ จนผมต้องรีบห้ามเอาไว้

“อ๊ะ! อย่านะครับ อ่า...พี่ใช้ของผมได้มั้ย แต่มันจะชื้นนิดหน่อยนะ” ผมรีบยื่นผ้าขนหนูชื้นๆ ของผมให้

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” พี่นัทรับผ้าขนหนูไปพาดที่บ่า เขามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะดึงกางเกงลงอย่างรวดเร็ว ผมตกใจรีบหันหลังหนี แต่ก็ได้ยินเสียงคนช่างแกล้งหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ทะ...ทำไมพี่ไม่ไปถอดในห้องน้ำล่ะครับ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า จะอายทำไมครับ ของพี่ก็เหมือนของหนึ่งนั่นแหละ หันมาดูเร็วครับ”

“ไม่!”

“หึ หันมาเถอะน่า พี่ไม่ได้โป๊แล้ว”

ผมยกมือขึ้นมาปิดตาแล้วค่อยๆ หันไป พอเห็นพี่นัทเอาผ้ามาผูกที่สะโพกเรียบร้อยแล้วก็ลดมือลง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออก เขายิ้มขำยกมือขึ้นกอดอกแล้วลูบคางตัวเอง ก้มหน้ามองเป้าของเขาแล้วสักพักก็เงยหน้าขึ้นมาที่เป้าของผม จนต้องยกมือขึ้นมาปิด

“พี่มองอะไรของพี่!”

“อืม...พี่ว่ามันก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ขนาดของเรา…ก็ต่างกันมากอยู่เนอะ~”

ว่าแล้วก็เดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้ผมอ้าปากค้างกับถ้อยคำดูถูกนั้น กว่าจะรู้ตัวว่าต้องโวยวายก็ตอนที่ได้ยินเสียงเขาเปิดน้ำแล้ว

“ผมไม่เชื่อ!”

เฮอะ! ขนาดต่างกันมากอะไรล่ะ เขาพูดเกินจริงแน่ๆ และผมจะไม่เชื่อจนกว่าจะเห็นกับตาตัวเอง ของเขามันจะใหญ่แค่ไหนกันเชียว มาทำเป็นพูดดี หึ!

 

“ผมขอแวะร้านสะดวกซื้อก่อนนะครับ” หลังจากผ่านเหตุการณ์น่าปวดหัวในช่วงเช้าไปได้ ผมกับพี่นัทก็เดินไปที่ร้านด้วยกัน แต่ผมจะเข้าร้านสะดวกซื้อเป็นประจำทุกวันเพราะต้องซื้อนมและขนมปังกินเป็นอาหารเช้าระหว่างเดินไปทำงาน

“ไม่ต้องซื้อหรอกครับ วันนั้นที่พี่ลองชิมพี่ว่าไม่อร่อยอ่ะ” เขาคงหมายวันที่พี่ดูดมือผมตอนนั้นแน่ๆ แค่นึกถึงผมก็รู้สึกร้อนวูบวาบที่หลังมือขึ้นมาซะงั้น

“...แล้วอาหารเช้าของผม?” ผมเอียงคอถาม ตอนนี้พี่นัทลากผมเดินผ่านร้านสะดวกซื้อมาแล้ว

“เดี๋ยวพี่ทำให้กินเองครับ ทุกเช้าเลยด้วย ดีมั้ยครับ?”

“ดีครับ!” ผมตอบรับเต็มเสียง เรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายได้ดี เขาถามมาแบบนั้นผมก็ต้องรีบตอบ ไม่ต้องเสียเวลาคิดมากหรอกครับ ขนมโฮมเมดฝีมือพี่นัท อร่อยกว่าขนมปังโรงงานแน่นอน

เราเดินกันมาเรื่อยๆ จนถึงร้าน พี่นัทก็ขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ส่วนผมก็เริ่มกวาดพื้นอยู่ในครัว วันนี้ผมไม่มีผลไม้ให้ล้างให้ปอก เพราะพี่นัทไม่ได้ไปตลาด

“หนึ่งอยากกินอะไรครับ เดี๋ยวพี่ทำให้” พี่นัทเดินผูกผ้าคาดเอวลงมาพร้อมกับถามผม ผมนั่งคิดอยู่ซักพัก แต่ก็ไม่รู้ว่าอยากกินอะไร

“อะไรก็ได้ครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจ บอกมาเถอะว่าอยากกินอะไร ถ้ามีวัตถุดิบพี่ก็ทำให้ได้” พี่นัทเดินเข้ามาดีดหน้าผากผมไปหนึ่งทีเพราะคิกว่าผมเกรงใจไม่กล้าขอ

“ก็ผมไม่รู้ว่าอยากกินอะไรจริงๆ  รู้แค่ว่าอยากกินขนมที่พี่นัททำครับ” พอผมพูดแบบนั้นพี่นัทที่กำลังหยิบอุปกรณ์ทำขนมปังก็ชะงักแล้วก็หันมามอง ผมเลยตั้งใจส่งยิ้มหวานไปให้ ก็พี่เขาอุตส่าห์จะทำขนมให้กิน ก็ต้องยิ้มเอาใจหน่อย

พี่นัทนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาคอแล้วยิ้มพร้อมกับหัวเราะพลางก้มลงไปจัดการของต่อ

“เอ้อ~ วันนี้ไม่มีผลไม้เลยแฮะ ทำพวกขนมอบดีกว่าเนอะ”

พี่นัทบ่นพึมพำไปมาแต่ใบหูของพี่นัทแดงแจ๋เลยครับ ดูเหมือนว่าเขากำลังเขินผมอยู่เลย รู้สึกดียังไม่รู้แฮะที่เห็นเขามีท่าทีแบบนั้น แต่ก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าผมไปทำอะไรให้เขาเขิน ก็แค่ยิ้มให้เอง

ผมยืนมองพี่นัทซักพักนึงก็ไปหยิบกล้องมาถ่ายเล่น  ถ่ายจนไม่รู้จะถ่ายอะไรแล้วก็เลยเปิดดูรูปภาพ จะว่าไปแล้วรูปในกล้องผม ส่วนใหญ่จะมีรูปพี่นัทมากกว่ารูปขนมอีก...คงต้องลบทิ้งบ้างซะแล้ว เดี๋ยวเมมเต็ม

“หนึ่งครับ หนึ่งออกไปทำความสะอาดหน้าร้านเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวขนมเสร็จแล้วพี่เรียก”

“ได้ครับ”  ผมเอากล้องไปเก็บ ผูกผ้าคาดเอวแล้วก็เดินออกไปหน้าร้าน เริ่มกวาดพื้นจากด้านในไปด้านนอก ทำความสะอาดเสร็จก็รดน้ำต้นไม้ ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าทุกอย่างก็เรียบร้อย พอเห็นว่าหน้าร้านไม่มีอะไรทำก็เลยกะว่าจะเดินเข้าไปหาพี่นัทในครัว เผื่อว่าเขาจะมีอะไรให้ผมช่วย

ผมเปิดประตูกระจกเข้าไป กลิ่นหอมๆ ของขนมปังอบก็ลอยเข้ามาปะทะจมูกให้ท้องไส้ผมส่งเสียงร้องทันที อา...หอมมากเลย ผมเดินหลับตาตามกลิ่นเข้าไปในครัว จนไม่ได้ระวังจนกับพี่นัทที่มายืนอยู่นิ่งๆ

“เป็นอะไรครับ แล้วเดินหลับตาทำไม พี่ยืนอยู่เฉยๆ  หนึ่งก็มาชน”

“...แหะๆ” ผมยิ้มเขิน สาเหตุที่ผมหลับตาก็เพราะว่าเล่นพิเรนท์ทำตามการ์ตูน แบบที่หลับตาแล้วใช้จมูกดมตามอาหารกลิ่นไป แต่ผมก็แค่ยิ้งบางๆ ให้พี่นัท  ไม่กล้าบอกว่าผมเล่นอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้นเดี๋ยวโดนเขาดุเอา

“รอพี่ครู่หนึ่งนะครับ เดี๋ยวพี่ทำนมสดให้”

พี่นัทเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์หน้าร้าน ผมยืนเท้าคางมองดูพี่นัททำนมสดกับกาแฟดำอย่างคล่องแคล่ว ไม่นาน นมอุ่นๆ ก็วางลงบนเคาน์เตอร์ด้านหน้าผม

“ไปกินด้วยกันในครัวดีกว่าเนอะ”

“ครับ” ผมอมยิ้มเดินถือแก้วนมอุ่นๆ ตามหลังพี่นัทไป พอเห็นขนมปังน่าตาน่ากินอยู่บนโต๊ะก็ยิ้มกว้าง ขนมปังที่ยังมีควันกรุ่นๆ วางเรียงอยู่บนตะแกรง นี่ถ้ากินขนมอบใหม่แบบนี้ทุกวันจะเป็นพระคุณมากๆ เลย

“เป็นไง ดูดีใช่มั้ย?” พี่นัทถามยิ้มๆ ใช้ที่คีบหยิบขนมปังสองสามก้อนเรียงใส่จานแล้วดันมาให้ผม

“น่ากินมากครับ กลิ่นก็หอม หอมไปถึงหน้าร้านนู้นแหนะ...ผมกินเลยนะครับ” ผมหยิบขนมปังขึ้นมา เป่าเพียงเล็กน้อยก็อ้าปากเตรียมจะงับ แต่พี่นัทก็จับแขนแล้วห้ามเอาไว้

“เดี๋ยวสิครับ อย่าใจร้อน” พี่เขาส่ายหน้า แย่งขนมปังในมือผมไปวางในจานที่ที่เดิม ผมนี่มองตามตาละห้อยเลย

“ทำไมครับ ผมหิว” หิวมากด้วย

“จะกินขนมของพี่ก็ต้องจ่ายมาก่อนสิ” พี่นัทแบมือมาข้างหน้าผม แล้วก็กระดิกนิ้วเหมือนเรียกเก็บตังค์

“อ้าว…” ผมเหวอไปเลย เพราะนึกว่าจะให้กินฟรีเสียอีก ผมรีบลุกขึ้นจะไปเอาเงินมาจ่ายให้พี่นัท แต่ก็ถูกดึงให้กลับไปอยู่ที่เดิม ผมเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“พี่ไม่อยากได้เงินนะครับ”

“…”

พี่นัทพูดแล้วยิ้มมุมปากดูเจ้าเล่ห์ชอบกล แต่ผมที่ไม่ได้เอะใจอะไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี และเขาก็ไม่ปล่อยให้ผมงงนาน พี่นัทจับท้ายทอยผมเอาไว้แล้วก็จก้มลงมาหา ริมฝีปากเราประกบกันเบาๆ แล้วเขาก็ผละออกไปส่งยิ้มจนตาหยีให้ ผมมองแล้วก็อมยิ้มตามนิดๆ

“พี่อยากได้หนึ่ง...” พูดจบก็ประกบริมฝีปากลงมาใหม่ ผมไม่ได้ตกใจ แถมเป็นฝ่ายยอมอ้าปากให้พี่นัทส่งลิ้นเข้ามาได้ง่ายเพราะรู้ดีว่าจูบมันรู้สึกดีขนาดไหน...

อืม จูบครั้งนี้ก็รู้สึกดี มีกลิ่นเนยหวานๆ ในปากพี่นัทด้วย ผมขยับปากเพราะยิ่งลิ้นเราสัมผัสกันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าผมได้รสหวานๆ จากริมฝีปากเขามากขึ้น...รสชาติหวานๆ แบบนี้เหมือนผมกำลังกินขนมอยู่เลย

“อร่อย…” หลังจากเขาถอนจูบออก ผมก็หลุดพูดออกไป พี่นัทหัวเราะ รั้งตัวผมให้เข้าไปแนบชิดแล้วจูบลงมาอีกครั้ง ผมดันตัวเขาออกเพราะรู้สึกเกะกะแว่นที่มันดั้งจมูกจนต้องเป็นคนถอดแว่นไปวางไว้ด้านหลังซะเอง

“ไม่ชอบเเว่นพี่เหรอครับ”

“มันเกะกะ” ผมบอกเสียงเรียบแล้วก็ดึงพี่นัทลงมาจูบอีก ผมรู้สึกดีที่ได้จูบ รู้สึกดีกว่าได้กินเค้ก ปากพี่นัทนุ่ม อุ่นๆ ยิ่งจูบก็ยิ่งหวาน ผมชอบเวลาที่ลิ้นพี่นัทเข้ามาในปากผม เกี่ยวดูดพันกับลิ้นของผม ไร้ไปตามเพดานปากทำให้รู้สึกจักจี้นิดๆ  มันทำให้ผมรู้สึกดีมาก ผมพยายามที่จะส่งลิ้นเข้าไปในปากพี่นัทหลายครั้ง แต่พี่นัทก็จะใช้ลิ้นเขาดันลิ้นผมออกมาทุกที ผมแค่อยากให้พี่นัทรู้สึกดีเหมือนที่ผมรู้บ้าง

พี่นัทจูบ สลับไล้เลียและดูดกลีบปากผมไปด้วย ทำให้บางครั้งก็เกิดเสียง แรกๆ ผมคิดว่าเสียงนั้นมันน่าอาย แต่ไปๆ มาๆ ทุกครั้งที่ได้ยินทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นจนอยากได้ยินอีก

ในตอนแรกมือผมกอดเอวพี่นัทไว้หลวมๆ แต่ตอนนี้มือของไปคล้องคอเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ และมือพี่นัทที่จับอยู่ที่ท้ายทอยและลำคอของผมนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนลงมาที่เอว ลูบไปสะโพกและเลื่อนต่ำลงไปที่ต้นขา ผมครางในลำคอเมื่อพี่นัทขยำช่วงต้นขาเบาๆ แล้วก็แรงขึ้นจนผมเสียววูบในท้องน้อยขึ้นมา

“อืม ตองหนึ่งใจเย็นก่อนครับ อือ...”

พี่นัทถอนจูบออก แต่ผมที่ติดลมก็รั้งคอพี่นัทลงมาจูบใหม่ เขาไม่ได้ว่าอะไรแถมยังมือไวดึงชายเสื้อผมออกจากกางเกง แล้วสอดมือเข้ามาใต้เสื้อ มือพี่นัทร้อนจนผมสะดุ้งนิดหน่อย แต่พอชินแล้วมันก็รู้สึกดีชวนใจหวิวเอามากๆ เลย ฝ่ามือที่ลูบไปมาอยู่ตรงหน้าท้องนั้นลื่อนสูงขึ้นมาเรื่อยๆ  จนปลายนิ้วสะกิดที่ยอดอกทำให้ผมต้องแอ่นอกขึ้น ยิ่งปลายนิ้วเขาบีบเบาๆ แล้วก็สะกิดไปมา ผมก็ยิ่งเสียววูบวาบจนยืนแทบไม่อยู่

“อะ พี่นัท…”

“หืม?” พี่นัทดันตัวผมออกแล้วมองไปที่เป้ากางเกงของผมที่ตอนนี้มันตึงไปหมดแล้ว ผมกำคอเสื้อพี่นัทแน่น ตอนนี้ร่างกายผมมันร้อนอึดอัดไปหมด อยากปลดปล่อย และต้องการให้พี่นัททำกับผมเหมือนที่ทำเมื่อวาน ผมเงยหน้ามองเขา เม้มปากและขอร้องออกไป

“พี่ครับ...ผมอยากให้พี่ทำแบบเมื่อวาน” พอพูดเสร็จผมก็ซุกหน้ากับหน้าอกพี่นัท ถึงจะอายที่พูดออกไปแบบนั้น แต่ในตอนนี้ความต้องการมันมีมากกว่า

“เด็กลามก”



 
อ่ะ คุณคิดว่าใครลามกกว่ากัน คิคิ

#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ตามมมมม

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

WiFi กันจริง ๆ

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
8 : เด็กงอแง


ตอนนี้ผมทำงานที่ร้านพี่นัทมาได้ 3 เดือนแล้วครับ ทุกอย่างราบรื่นดีและพี่นัทก็ยังคงช่วยผมทุกครั้งที่มีอารมณ์ ผมก็เกรงใจพี่เขานะ แต่แบบว่ามันดีเกินกว่าจะบอกให้เลิกทำ แถมดูพี่นัทไม่ได้รังเกียจอะไรผมก็ปล่อยเลยตามเลยไป และเราก็ตกลงกันว่าจะเปลี่ยนเวลาจากตอนเช้าเป็นหลังเลิกงานแทนเพราะผมรู้สึกผิดต่อลูกค้าเพราะพี่นัทเคยทำให้ผมจนอบเค้กไม่ทันถึงสามครั้งแถมเคยเปิดร้านสายอีกหลายครั้ง พี่นัทขาดทุนไปเท่าไรก็ไม่รู้

แต่จะโทษผมคนเดียวก็ไม่ได้ ทุกครั้งที่ผมเกิดอารมณ์ก็เพราะพี่นัทนั่นแหละ มาทำให้ผมอยากเหมือนเช่นตอนนี้



“อึก อา พี่ครับ เมื่อวาน… พี่ก็เพิ่งทำให้ผม อื้อ” ตอนนี้ผมถูกจับให้นั่งตักพี่นัทตรงโซฟาในร้าน ขาทั้งสองข้างถูกจับให้พาดกับที่พักแขนของโซฟา

“ก็ตรงนี้ของหนึ่งมันดูต้องการให้พี่ทำนี่ครับ” พี่นัทจับไปที่น้องชายของผมแล้วบีบตรงส่วยปลายแน่นๆ จนผมร้องเสียงหลง ผมรู้สึกตื่นเต้นกว่าปกตินิดหน่อยเพราะพี่นัทกำลังทำให้ผมบนโซฟาที่ลูกค้านั่ง

“ตะ… แต่ อื้อ อ๊ะ ผมยังถูพื้นไม่เสร็จ”ผมมองไปที่ไม้ถูที่วางพิงอยู่ตรงเคาน์เตอร์ แล้วช้อนตามองคนตัวสูง พี่นัทแค่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“แต่เดี๋ยวหนึ่งก็ทำพื้นเลอะนี่ครับ ค่อยถูทีเดียวจะได้ไม่เหนื่อยสองรอบไง” พี่นัทจับคางผมให้หันไปจูบ ผมก็หันไปแต่โดยดี แถมยังพยายามส่งลิ้นออกมาให้พี่นัทดูดอย่างเต็มที่อีกด้วย แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นกระจกบานหนึ่งที่ยังรูดม่านลงไม่สุด

“พี่...พี่ยังเอาม่านลงไม่หมดครับ” ผมผละออกจากเขา และพยายามที่เอาขาลง แต่พี่นัทกลับไม่ยอมให้ผมทำง่ายๆ

“ไม่มีใครเดินมาตรงนั้นหรอกครับ มันมืดแล้ว”

พี่นัทจับขาผมแยกออกกว้างขึ้นไปอีกแล้วลูบลงที่แฝดน้อยของผมแล้วคลึงไปมาเบาๆ พอให้ผมซี๊ดซ๊าดไม่หยุดปาก

“ฮ๊า~ อะ อื้อ”

เมื่อผมรู้สึกว่าสวรรค์ต่ำลงมาเรื่อยๆ  พี่นัทก็เร่งมือรูดเร็วขึ้น มือที่จับน้องแฝดของผมอยู่ก็เลื่อนลงไปลูบตรงช่องทางด้านหลังยิ่งทำให้ผมวูบวาบ ร้อนๆ หนาวๆ ไปทั่วทั้งตัว

ช่วงหลังๆ มานี่พี่นัทชอบทำแบบนี้บ่อย พี่แกบอกว่ามันจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นซึ่งมันก็จริงอย่างที่พี่นัทบอก

“ดีใช่มั้ย?”

“พี่ๆ อะ ผม...อือ ผม” ผมเกร็งตัว แหงนหน้าเมื่อพี่นัทเร่งจังหวะมือพร้อมทั้งลูบช่องด้านหลังผมหนักหน่วงมากขึ้น

“...จะเสร็จแล้วเหรอ” เขากระซิบถามพลางไล้ปลายจมูกโด่งนั้นลงมาที่ที่แก้ม ผมก็เม้มปากแล้วพยักหน้ารัว บีบแขนพี่เขาแน่นเมื่อรู้สึกว่ามันความสุขสมมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“อือ อะ...อื้อ!!”

ผมแอ่นตัวขึ้นและปลดปล่อยออกมา น้ำขาวขุ่นพุ่งใส่ฝ่ามือใหญ่แต่พี่นัทก็ยังไม่หยุดขยับยมือ เขาคลึงไปทั่วจนส่วนนั้นของผมมันอ่อนตัวลง ส่วนผมก็หมดแรง ทิ้งตัวลงพิงกับไหล่กว้าง ดวงตายังคงเลื่อนลอย สติยังคงไม่หลุดออกจากความสุขสมเมื่อครู่นี้

“รู้สึกดีมั้ย? ชอบรึเปล่า?”

เขาถามด้วยเสียงนุ่มทุ้มพร้อมทั้งก้มลงจูบที่แก้มและลำคอผมเองก็เอียงให้จูบแล้วพยักหน้ากลับไป มิหนำซ้ำยังเป็นฝ่ายขยับขึ้นไปจูบ เกี่ยวลิ้นกันไปมาพัลวัน จากที่คิดว่าจะพอแค่นั้นก็กลับกลายเป็นว่าผมเริ่มเครื่องติดอีกครั้งเมื่อพี่เขายกขาผมขึ้นให้พาดอยู่กับแขน เขาทำให้ผมอยู่ในท่าที่น่าอายมากกว่าเดิม จากนั้นก็ใช่มือข้างเดียวนั้นลูบไล้ไปทั่วสะโพกทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก 

“อืม...อื้อ อ๊ะ! พี่ทำไร! ย...อย่าครับ” ผมสะดุ้งและตั้งใจจะลุกหนีเมื่อรู้สึกได้ว่าปลายนิ้วที่ลูบอยู่ดีๆ นั้นก็สอดเข้ามาในช่องทางน่าอาย พี่นัทจุ๊ปากเป็นการปรามให้ผมนั่งนิ่งๆ แล้วก็ใช้มือที่ว่างยึดแขนทั้งสองข้างผมไว้พร้อมทั้งสอดนิ้วเข้ามาลึกกว่าเดิม ผมเบ้หน้าเพราะมันรู้สึกเสียดท้องแปลกๆ และผมไม่ชอบ ครั้นพอดิ้นแรงขึ้นก็ทำให้ขาอีกข้างที่ไม่ได้โดนยึดเอาไว้เตะไปที่โต๊ะกระจกตัวที่ตั้งอยู่ด้านหน้า

“อ๊ะๆ อย่าดิ้นสิครับ โต๊ะตัวนั้นแพงนะ ถ้ามันพัง พี่คิดค่าเสียหายสองเท่าเลยนา~”

น้ำเสียงเหมือนพูดเล่นแต่แววตาพี่แกบ่งบอกว่าเอาจริงๆ และนั่นทำให้ผมต้องหยุดดิ้นทันที เขาหัวเราะแตะแต้มริมฝีปากลงมาที่แก้มและดันนิ้วเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ ผมกัดฟันและส่ายหน้าไปมากับแผ่นอกของเขา มันไม่เชิงว่ารู้สึกแย่ แต่มันอึดอัดวูบวาบแปลกๆ ทำให้ผมนั้นหมดแรงที่จะดิ้นแล้ว

“อือ อึก พี่...ทำแบบนี้ทำไม อ๊ะ”

“...” พี่นัทไม่ได้ตอบ แค่ก้มลงมาดูดที่ซอกคอของผม แล้วขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ ทำให้ผมหายใจแทบไม่ทั่วท้อง เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

“อึ๋ย พี่นัท...พอ อึก ฮือ มัน..มันแปลกอ่ะ”

“จุ๊ๆ เดี๋ยวพี่จะให้หนึ่งรู้สึกดี”

“อื้อ....พี่ พอเถอะครับ ผม… ฮึก ตรงนั้นมันสกปรกนะครับ”

พี่นัทหัวเราะ เขาก้มลงมาหอมแก้มผมและคลอเคลียไปมา พร้อมทั้งขยับนิ้วเร็วขึ้น บ้างก็ผ่อนจังหวะเหมือนกับเขาพยามคลำหาอะไรบางอย่างซึ่งทำให้ผมรู้วึกชาวูบวาบไปทั่วทั้งตัวจนผมต้องจิกเข้าที่แขนของเขาเต็มแรง เพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวแต่อีกใจก็ทำไปเพราะหงุดหงิดที่พี่เขาไม่ฟังผมเลย

“หึหึ อดทนอีกนิดนะครับ พี่สัญญาว่าหนึ่งจะต้องชอบ” พี่นัทไม่ยอมเลิกแถมผมรู้สึกราวกับว่าเขาขยับนิ้วเร็วกว่าเดิม ผมกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะดูแล้วผมคงจะไม่ทางชอบแน่ๆ แต่ก็ไม่มีคำพูดอะไรออกไป มีเพียงเสียงเหนอะหนะจากน้ำรักก่อนหน้านี้ และ...เสียงครางๆ แผ่วจากปากผม

“...”

“เป็นไง เริ่มชอบแล้วใช่มั้ย?”

ทั้มผมเขาต่างก็หยุดชะงักไปทั้งคู่ พี่นัทหัวเราะออกมาเล็กน้อยแล้วขยับนิ้วต่อเหมือนกับยั่วให้ผมคราง ผมร้องแผ่วๆ ก่อนจะรีบตะครุบปากตัวเองเอาไว้ เสียงมันน่าอายกว่าที่ผ่านๆ มา อีกทั้งความรู้สึกก็น่าอายไม่แพ้กัน

“ไม่ชอบ มันแปลกๆ ฮึก พี่หยุดนะครับ นะ...” จะว่าโกหกก็ไม่เชิง ผมยังคงรู้สึกว่าความรู้สึกน้มันแปลก แต่มันก็เจือความรู้สึกดีๆ เอาไว้อยู่

ผมเม้มปากเงยหน้ามองพี่นัทและส่ายหน้าไปมา ส่งสายตาให้พี่นัทว่า ‘พอเถอะครับ หยุดเถอะครับ’  แต่พี่นัทกลับก้มลงมาจูบแทน ผมเม้มปากและผละออกไม่ยอมให้เขาจูบ แต่พี่แกก็เอาคืนโดยการดึงนิ้วเข้าออกเร็วขึ้น ผมพยายามที่ขยับมือไปจับมือพี่นัทให้หยุดแต่ก็ไม่มีแรงบังคับทำได้แค่วางทับบนมือพี่นัทแค่นั้น สะโพกที่ท่าจะหยัดหนี แต่ไปๆ มาๆ ก็กลับกลายเป็นผมหยัดขึ้นเพื่อให้พี่นัทดันนิ้วเข้ามาได้สะดวกขึ้น

“อือ อึก...อ๊ะๆ ” ยิ่งพี่เขาทำเร็วขึ้นมันก็ยิ่งแปลกจนผมต้องปล่อยเสียงออกมาอย่าห้ามไม่ได้ แถมน้องชายของผมดันเเข็งขึ้นมาซะอีก

“ตรงนี้ของน้องหนึ่งก็แข็งขึ้นมาแล้วนี่ครับ พี่ขอใส่เพิ่มอีกนิ้วได้มั้ยครับ”

ผมรีบจับแขนพี่นัทไว้แล้วส่ายหน้าไปมา น้ำตาเริ่มปริ่มออกมาเพราะความรู้สึกแปลกและสับสน แค่นิ้วเดียวยังเป็นขนาดนี้ ถ้าพี่นัทใส่เพิ่มไปอีกผมต้องตายแน่ๆ เลยครับ

แต่พี่นัทก็ไม่สนใจที่ผมส่ายหน้า แค่ก้มลงมาจูบกวาดลิ้นเข้ามา ซึ่งผมไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจปากพี่นัท ตอนนี้พี่นัทดึงนิ้วออกแล้วก็กดเข้ามาพร้อมกันทั้งสองนิ้ว ผมพยามหันหน้าหนีแต่พี่นัทใช้อีกมือที่ยึดแขนผมไว้มาล็อคคางผมแทน พี่นัทดันเข้ามานิดเดียวแต่ผมก็เจ็บจนเผลอเกร็งเพื่อไม่ให้พี่นัทดันเข้ามาลึกอีก พี่นัทดึงนิ้วออกแต่โดยดี แต่ก็ดันเข้ามาอีกเรื่อยๆ

ไม่ไหว ผมเจ็บ...

“หนึ่งอย่าเกร็งสิครับ” พี่นัทบอกผมที่ข้างหู ผมคิดว่าเขาจะดุแต่น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมานั้นกลับนุ่มนวลจนผมใจสั่น

“ฮึก พี่นัท ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากให้พี่ทำแบบนี้แล้ว ฮึก ฮืออ” ในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาจนได้ ทั้งความรู้สึกที่อึดอัดแปลกๆ  ทั้งยังเจ็บแล้วพี่นัทก็ไม่ยอมหยุดด้วย พวกนั้นทำให้ผมรู้สึกกลัว

“อย่าเกร็งสิครับหนึ่งจะยิ่งเจ็บนะ” ผมส่ายหน้าไปมา พยายามพูดให้พี่นัทหยุด พี่นัทจับหน้าผมหันให้ไปจูบแต่ผมไม่มีอารมณ์แล้ว ผมแค่พยายามจะสะบัดคางออกจากมือพี่นัท ทำให้ผมเผลอเกร็งและกัดปากพี่นัทๆ ไป

“โอ๊ย! เด็กดื้อกัดพี่เหรอครับ” ผมมองหน้าเขาแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด ยิ่งพี่นัททำหน้าดุตอนที่พูดผมก็ยิ่งรู้สึกกลัว

“ผ..ผมขอโทษ อื้อ!”

พี่นัทเจ้าเล์ห์ ใช้จังหวะที่ผมเผลอดันนิ้วเข้าไปลึกกว่าเดิม และเริ่มขยับเข้าออกอย่างต่อเนื่องเนิบนาบ แต่ละครั้งครั้งที่เขาขยับนิ้วเข้าก็รู้สึกเหมือนมันเข้าไปลึกขึ้นมากกว่าเดิม

“เห็นมั้ยครับ...นิ้วพี่เข้าไปจนสุดเลย” ผมก้มลงไปมองช่องทางของตัวเองที่มีนิ้วพี่นัทเข้าออกก็รู้สึกว่ามันน่าอายมาก มันไม่ใช่เรื่องที่เราควรทำเลยซักนิด

“ฮึก ฮือ  ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ ผมไม่ใช่เกย์ ฮือ ฮึก ฮือ~” ผมเบ้หน้า น้ำตาไหลพราก ความสับสนวนไปทั่วหัวอีกครั้ง ผมเคยพร่ำบอกตลอดว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ พยายามที่จะหาคำตอบให้ตัวเองเสมอว่าถ้าไม่ใช่เกย์แต่ทำไมถึงยอมให้พี่นัทซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันทำแบบนี้ให้ง่ายๆ และผมก็จะให้คำตอบกับตัวเองเสมอว่า เพื่อนสนิทกันมากๆ ที่ช่วยตัวเองด้วยกันมีเยอะแยะ นั่นคือเหตุผลง่ายๆ ค่อนข้างไร้เหตุผลที่ผมคิดขึ้นมาเอง

“ครับ...น้องหนึ่งไม่ใช่เกย์ครับ แล้วหนึ่งรู้สึกรังเกียจที่พี่ทำแบบนี้มั้ยครับ” พี่นัทถามแล้วก็ก้มลงจูบที่ซอกคอ ไม่ต้องคิดอะไรมากผมก็ส่ายหน้ากลับไป ผมไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย รู้สึกดีด้วยซ้ำ...แต่ต้องไม่ใช่การเอาอะไรสอดเข้ามาในตัวผมแบบนี้

“แต่ผมไม่อยากให้พี่ทำแบบนี้ ฮึก มันแปลกๆ  พี่ทำแบบเดิมนะครับ ฮือ” ผมพยายามขอร้องให้พี่นัทเลิกทำ แต่พี่นัทก็แค่มองผมแล้วขยับนิ้วเหมือนเดิม

“...อืม ตรงนี้รึเปล่านะ?” 

“อะๆ อึก อะ...อ๊า!” อยู่ดีๆ ผมก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อนิ้วเขาโดนจุดๆ หนึ่งมันรู้สึกเสียววูบไปทั่วไขสันหลังและท้องน้อยจนเผลอร้องเสียงดังออกมา ผมรับยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง มันน่าอายมากที่เมื่อกี้ผมเผลอร้องครางเสียงแบบนั้นออกมา ผมเงยหน้าขึ้นมองปฏิกิริยาของพี่นัท พี่เขาดูตกใจแล้วยิ้มตามมาด้วยเสียงหัวเราะ ซึ่งมันทำให้ผมอายยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ไหวแล้ว ฮือๆ ผมไม่อยากทำแล้ว

“หึหึ มาลองดูกันว่าหนึ่งจะชอบรึเปล่า?” พี่นัทพูดปล่อยขาผมให้พาดกับโซฟาเหมือนเดิมแล้วก็กดย้ำ เท่านั้นผมก็ดิ้นพล่าน ทั้งแปลกทั้งดีปนกันมั่วไปหมด

“อ๊ะ อื้อ! พ...พี่นัท ผม อึก” ไม่ไหวแล้ว ผมยกมือขึ้นมาปิดปากแน่นขึ้นไปอีกเพราะเสียงผมโคตรน่าอายเลย แต่ก็โดนพี่นัทดึงแขนออก

“พี่อยากฟังครับ”

“อ๊ะๆ ตรงนั้น”

“ชอบรึยังครับ?”

“อือ อึก ครับ...ชอบแล้ว อ๊ะ”

พี่นัททำเร็วขึ้นเรื่อย จากรู้สึกแปลกๆ ปนกันมั่วเมื่อครู่นี้ กลายเป็นความรู้สึกที่โคตรจะดีอย่างเดียว ดีจนต้องครางออกมาเสียงดังๆ แอ่นสะโพกขึ้นพร้อมทั้งอ้าขาออกกว้างอย่างเต็มใจ ไม่สนแล้วว่ามันน่าอายขนาดไหน ไม่สนด้วยว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้างก่อนหน้านี้

โคตรจะเสียวและโคตรจะดี ในหัวผมมีแต่สองคำนั้นเต็มไปหมด

พี่นัทเริ่มหอบหายใจแรงๆ ข้างหูผม สมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบใบหูยิ่งทำให้รู้สึกมากขึ้นไปอีก ผมเงยหน้าขึ้นไปขอจูบจากพี่นัท พี่เขาก็ก้มลงมาจูบแต่โดยดี ไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อนเลย

“พี่นัท อือ อึก อ๊ะๆ” ผมครางเสียงดังอย่างไม่อาย เพราะเหมือนรู้สึกว่ายิ่งผมครางเสียงดังเท่าไร พี่นัทยิ่งหอบหนักมากขึ้นเท่านั้น และเหมือนผมจะรู้สึกมีอะไรบางอย่างดันอยู่ที่ก้นผม

...ของพี่นัท

พอรู้ว่ามันคืออะไร ยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์และรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก

“พี่...อ๊ะ อึก ของพี่ อื้อ!” พี่นัทไม่ตอบแต่ขยับมือเร็วขึ้นจนผมรู้สึกว่าไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้

ผมพยายามขยับสะโพกถูกับส่วนนั้นพี่นัท ยิ่งขยับ พี่นัทก็ยิ่งหอบแรงขึ้น แถมยังขยับมือเร็วขึ้นจนผมสั่นไปทั้งตัว

พี่นัทดึงมือออกก้มลงจูบผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเกร็งตัวปลดปล่อยออกมา จากนั้นก็กระตุกอยู่บนตัวพี่นัทอยู่ครู่หนึ่ง ทุกอย่างเงียบมีแค่เสียงหอบหายใจของผมและพี่นัทแค่นั้น ผมนอนปรือตามองดวงไฟบนเพดาน นึกอึ้งกับสิ่งที่นัททำและสิ่งที่ตัวเองรู้สึก...เมื่อครู่นี้ผมเสร็จโดยที่ไม่ได้แตะน้องชายเลยด้วยซ้ำ

พี่นัทจับขาผมลงจากที่พักแขน อุ้มผมแล้วลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นสอง ผมที่ยังรู้สึกงง และสับสน ซุกหน้ากับอกพี่นัทแล้วร้องไห้ออกมา

“อึก ฮึก ฮือๆ ” พี่นัทเดินเข้าห้องน้ำแล้ววางผมลงในอ่าง เปิดน้ำอุ่นๆ แล้วนำมาราดตัวผมช้าๆ

“หนึ่งร้องไห้ทำไมครับ ไหนลองบอกพี่สิ” พี่นัทถามเสียงนุ่ม พลางกดสบู่มาถูเบาๆ ตามตัวผม

“ฮึก อือ...” ผมยังคงร้องไห้ มันอธิบายไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไง มันเป็นความไม่เข้าใจ ว่าทำไมพี่นัททำแบบนั้น เขาแค่แกล้งผม? ทำไมต้องแกล้งแบบนี้? แค่คิดว่าพี่นัทแค่แกล้ง ผมก็รู้สึกอยากร้องไห้หนักไปอีก

“ร้องไห้ทำไมครับ โกรธพี่เหรอ?” พี่นัทหอมแก้มผมแล้วก็ถาม ผมรีบส่ายหน้าทันที ผมไม่ได้โกรธพี่ซักหน่อย

“งั้นหนึ่งไม่ชอบที่พี่ทำเมื่อกี้เหรอครับ?”

ผมนิ่งและพยายามคิดว่าผมไม่ชอบที่พี่นัททำหรือเปล่า มันก็ไม่เชิงไม่ชอบ มันก็รู้สึกดี เสียวมากๆ  ดีกว่าทำข้างหน้าซะอีก แต่มันก็รู้สึกแปลก อึดอัดด้วย แถมตอนที่พี่นัทโดนบางอย่าง ก็ยิ่งรู้สึกแปลกเข้าไปอีกแต่มันก็ดี

ในสมองผมเอาแค่คิดถึงความสับสนนั้น แต่สุดท้ายผมก็ส่ายหน้าไป

“งั้นครั้งหน้า พี่ทำแบบนี้อีกได้มั้ยครับ”

ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ใจมันลังเลแต่มันก็เสียวมากและมันก็น่าอายยังไงไม่รู้ แต่พอคิดว่าจะปฏิเสธ ผมก็รู้สึกเสียดายจนสุดม้ายเลยตัดสินใจพยักหน้าไป...

“นานๆ ทีนะครับ” พี่ตอบพี่นัทเสียงเบาๆ  น้ำตาหยุดไหลไปได้ซักพักแล้ว

พี่นัทเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดหน้าให้ผม ดันแว่นที่ตกลงมาขึ้นแล้วก็ส่งยิ้มน่ารักๆ มาให้ พออาบน้ำเสร็จ พี่นัทก็เอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมตัวผมแล้วพาผมไปนั่งบนโซฟา

“เดี๋ยวพี่ลงไปเอาเสื้อผ้ามาให้นะครับ” พี่นัทเดินลงไปชั้นล่าง ก็ชุดของผมโดนพี่นัทถอดไว้ข้างล่างหมดเลย ผ่านไปค่อนข้างนาน จนผมแทบจะหลับคาผ้าขนหนู พี่นัทก็วิ่งขึ้นมาพร้อมเสื้อผ้าของผม

“พี่ไปนานมาก”

“หึหึ ขอโทษครับพี่มัวแต่ถูพื้น”

“อ่า...ครับ” พื้นที่มันเลอะน้ำของผม แล้วพรุ่งนี้ลูกค้าก็จะนั่งดื่มกาแฟตรงนั้น แค่คิดก็ทั้งรู้สึกแย่และรู้สึกผิด พรุ่งนี้ผมจะเอาน้ำยามาขัดให้สะอาดเลยนะครับคุณลูกค้า

“คืนนี้ดึกแล้ว นอนนี่มั้ยครับ?”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ตอบทันทีเลยแฮะ” พี่นัทขำแล้วก็เกาท้ายทอยนิดหน่อย ผมรับเสื้อผ้าจากมือพี่นัทมา เตรียมจะเดินไปเข้าห้องน้ำแต่ก็ดดนพี่นัทดึงตัวเอาไว้

“ใส่ตรงนี้แหละครับ ห้องน้ำมันเปียก”

ผมทำท่าลังเลนิดหน่อย พี่นัทก็เลยหัวเราะลูบหัวผมไปมาด้วยแววตาขี้เล่น

“ไม่ต้องอายหรอกครับ พี่เห็นของหนึ่งหมดแล้วไง”

“ครับ!” ผมหันไปค้อนใส่พี่นัทนิดหน่อย แต่ก็ยอมปลอดผ้าขนหนูออกเพื่อใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

“คืนนี้ไม่ค้างที่นี่แน่เหรอครับ ดึกมากแล้วน”

“ไม่ครับ” พี่นัทเข้ามายืนกอดอก จ้องหน้าผม ผมก็เลยกอดอกเลียนแบบพี่นัทแล้วก็จ้องกลับไป

“เฮ้อ~ ก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะ”

“เดี๋ยวพี่ก็เนียนนอนห้องผมอีก”

ผมพูดอย่างรู้ทัน แต่พี่นัทก็แค่ยักไหล่กวนประสาทแล้วก็หันหลังเดินนำผมลงไปด้านล่าง ผมมองแผ่นหลังอีกฝ่านแล้วก็เม้มปาก ที่ผ่านมาเขาชอบไปส่งผมแล้วก็อ้างโน่นอ้างนี่เพื่อนนอนห้องผมตลอด จนตอนนี้ที่ห้องผมมีผ้าขนหนูของพี่นัทอีกผืนนึงด้วยจากที่เคยมีของผมแค่ผืนเดียว แถมยังมีเสื้อผ้าและของใช้พี่นัทเต็มไปหมดเลยด้วย

พอผมเอาของเรียบร้อย เราก็เดินออกจากร้านพร้อมกัน

“พี่นัท” เสียงสั่นของผู้หญิงดังขึ้น ผู้หญิงหน้าตาเหมือนลูกครึ่งคนนั้นนั่งร้องไห้อยู่หน้าร้าน พอเห็นพี่นัทก็วิ่งเข้ามาแล้วกอดพี่นัทพร้อมร้องไห้ออกมาเสียงดัง พี่นัทดูตกใจมากๆ แต่ก็ยอมกอดตอบแล้วลูบหัวปลอบ

ไม่ใช่แค่พี่นัทที่ตกใจ ผมทั้งงงและทั้งตกใจไปด้วย

ผ่านไปซักพัก ผู้หญิงคนนั้นก็ยังกอดพี่นัทและร้องไห้หนักขึ้นจนพี่นัทหันมามองผมหน้าเครียด

“พี่คงไปส่งหนึ่งไม่ได้แล้ว ขอโทษนะครับ” พอพูดเสร็จก็พาผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าร้านไป ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่หน้าร้านคนเดียว

...

กลับคนเดียวก็ได้ เมื่อก่อนก็กลับคนเดียว




ไหนใครอ่านแล้วมาตอบหน่อยเร้ว ว่าทำไมพี่นัทหายไปนาน ไปเอาเสื้อผ้าให้ตองหนึ่งอย่างเดียวแน่เหรอ?? 5555

ตอนนี้เราเปลี่ยนคำพูดพี่นัทในช่วงท้านค่ะ ฉบับเก่าพี่นัทจะพูดว่า
"พี่ไปส่งหนึ่งไม่ได้แล้ว กลับคนเดียวนะ"
ซึ่งเราคิดว่าดูเย็นชาเกินไปหน่อย ดูทิ้งกันเกินไป เพราะพี่เขาไม่ได้เย็นชาและไม่ใช่ไม่อยากไปส่งตองหนึ่งนะคะ เพียงแต่เขามีเหตุจำเป็นทำให้ไปส่งไม่ได้
ก็เลยเปลี่ยนคำพูด ให้พี่เขาขอโทษ จะดูเป็นคนดีขึ้นมาหน่อย หวังว่าทุกคนจะเข้าใจน๊า ♥♥

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่นัทหายไปทำไรน้าตั้งนาน ถูพื้นก็น่าจะแป๊ปเดียวเอง  แถมห้องน้ำก็เปียกอีก  หุหุ

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
9 : สถานะ...โดนทิ้ง?


      เช้าวันนี้ผมมาทำงานด้วยอาการสะลึมสะลือเพราะเมื่อคืนผมนอนไม่หลับ เอาแต่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พี่นัทดูเป็นห่วงมาก จะคิดว่าเป็นน้องสาวก็ไม่น่าใช่เพราะหน้าตาของพวกเขาไม่เหมือนกันเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกครึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พี่นัทนั้นหน้าตี๋มาก และผมก็ไม่กล้าคิดด้วยว่าพวกพี่เขาเป็นแฟนกัน…

ผมคงรู้สึกแย่น่าดู ถ้าหากพี่นัททำแบบนั้นกับผมทั้งๆ ที่เขามีคนรักอยู่แล้ว

ผมเดินมาจนถึงร้านแล้วก็เข้าทางด้านหลังที่ถูกเปิดเอาไว้ ผมคิดว่าพี่นัทคงจะทำเค้กอยู่เพราะได้กลิ่นหอมของแป้งอบและพอเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ก็ยินเสียงหัวเราะของผู้หญิง ผมเม้มปากค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปก็เห็นว่าพี่นัทและผู้หญิงคนนั้นช่วยกันทำขนมอย่างคล่องแคล่วแถมยังคุยกันอย่างสนุกสนานด้วย ผมไม่เคยเห็นพี่นัทหัวเราะเสียงดังแบบนั้นมาก่อนเลย...

“อ้าว สวัสดีครับหนึ่ง พี่มีคนมาแนะนำให้หนึ่งรู้จัก นี่ๆ ผู้หญิงคนนี้ชื่อพายหวานนะ”

พี่นัทที่หันมาเห็นผมพอดีรีบขวักมือเรียกและแนะนำชื่อของใครอีกคนให้ผมรู้จัก ชื่อที่ได้ยินทำให้ผมแปลกใจไม่น้อยเลย นึกว่าจะเป็นชื่อฝรั่งเสียอีก

“สวัสดีครับ” ผมพงกหัวให้ไป ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มกลับมา

“สวัสดีจ้า ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ผมแปลกใจอีกครั้ง เพราะสำเนียงภาษาไทยของเธอนั้นชัดเจนมาก ไม่มีสำเนียงภาษาอังกฤษเลยแม้แต่น้อย

“ครับ ผมก็ขอฝากตัวด้วยนะครับคุณพายหวาน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เต็มยศมาเลย เรียกแค่พี่พายก็ได้ค่ะ” เธอแทนตัวเองว่าพี่ ก็คงจะอายุมากกว่าผม เสียงหัวเราะหวานใสดังไปทั่วครัวแต่ผมก็แค่ยิ้มบางๆ  แล้วพยักหน้าให้ไป เพราะปกติแล้วผมก็ไม่ใช่คนที่เข้ากันได้ง่ายกับคนแปลกหน้า ไม่รู้จะวางตัวยังไง

“พายจะมาช่วยงานที่ร้านนี้ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะช่วยพี่ทำขนม ทำเครื่องดื่มนะครับ หนึ่งจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากเนอะ”

“ครับ” ก็ดีครับ ผมจะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาจนลิ้นห้อยอีก พี่นัทก็มีคนช่วยทำเค้กโดยที่ต้องมาเสียเวลาสอนผมด้วย ผมเดินไปเก็บของแล้วก็ใส่ผ้าคาดเอว ระหว่างนั้นผมก็มองพี่นัทกับพี่พายที่หยอกกันไป ล้อกันมา ดูน่ารักจริงๆ

“นี่นะครับ กินก่อนไปทำความสะอาดหน้าร้านนะครับ” พี่นัทเลื่อนจานคุ๊กกี้และนมสดมาให้ ผมขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สูงแล้วก็หยิบคุกกี้ขึ้นมากัด ความหอมอร่อยจากคุกกี้นิ่มและนมอุ่นๆ ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวในก่อนหน้านี้ของผมหายไปเกือบครึ่งเลย

“ยิ้มใหญ่เลย ชอบกินขนมหวานใช่มั้ย” พี่พายถามแล้วยิ้มกว้าง

“ครับ” ผมตอบแล้วก้ทหน้าลง ยัดคุกกี้เข้าปากไปทั้งอัน เคี้ยวจนเต็มปากตามด้วยซดนมอุ่นๆ ตามไป

“คุกกี้นั่น อร่อยมั้ย” พี่พายถามอย่างตื่นเต้น แถมยังรอคอยคำตอบสุดๆ  ผมเลยพยักหน้าหงึกหงักให้ไป เพราะในปากผมมีคุกกี้อยู่เต็มปาก ไม่สามารถเปิดปากพูดได้เดี๋ยวคุกกี้ล่วง

“เย้~ น่ารักจริงๆ ด้วย พี่ให้เพิ่มนะคะ” พี่พายหันไปหยิบคุกกี้ในถาดมาใส่จานให้ผมเพิ่มอีกสามชิ้น ผมเห็นแบบนั้นก็ตาวาวที่ได้กินของอร่อยเพิ่ม แต่ก็เกรงใจเพราะนี่มันคือของขายและกลัวพี่นัทจะขาดทุนเลยเหลือบๆ มองไปที่คนตัวสูงแต่พี่แกก็แค่ยิ้มกว้างหัวเราะออกมานิดหน่อยพลางพยักหน้าให้ผมเป็นเชิงว่ากินไปเถอะ แล้วพี่เขาก็มองไปที่พี่พาย สายตาและสีหน้าที่มองไปนั้นดูอบอุ่นเสียจนผมรู้สึกอึดอัดใจอย่างประหลาด

“คุ๊กกี้นั่น พายมันเป็นคนทำอ่ะ พอเห็นว่าหนึ่งชอบ มันก็เลยบ้าแบบนั้น”

“นี่พี่นัท อย่าให้พายพูดมั่งนะ”

พี่นัททำตาดุใส่แล้วก็ใช้มือที่เปื้อนแป้งขยี้ไปบนหัว พี่พายก็เลยหันไปตีแขนแล้วก็โวยวายใส่พี่นัทเสียงดัง แต่ใบหน้าของสองคนนั้นก็ยิ้มให้กันตลอด

ผมนั่งกินคุกกี้กับนมไปก็มองทั้งสองคนเล่นกันไปด้วย ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะดูสนุกแต่ผมก็ไม่รู้สึกสนุกเลยซักนิด

มองพี่นัทที่ลูบหัวพี่พาย ซึ่งพี่นัทเคยทำกับผม

บีบแก้ม อันนี้พี่นัทก็เคยทำกับผม

จี้เอว พี่นัทก็เคยทำกับผม

ป้อนขนม พี่นัทก็เคยทำกับผม

ทุกอย่างที่พี่นัทเคยทำกับผม เขาก็ทำกับพี่พายด้วย

แล้วเรื่องนั่นล่ะ...

ไม่ๆ ผมไม่ควรคิดไปถึงเรื่องนั้น เขาสองคนเป็นอะไรกันก็ยังไม่รู้ จะไปคิดแบบนั้นก็จะไม่ให้เกียรติพี่พายเกินไป ผมสะบัดหัว รีบกินขนมในจานให้หมดยกนมขึ้นดื่มจนหมดแก้วเตรียมไปทำความสะอาดหน้าร้าน

“อะ…เอ่อ พี่ๆ ครับ” ผมพยามเรียกพี่ๆ หลายครั้ง แต่ทั้งสองก็คุยกัน แกล้งกัน หัวเราะให้กันเสียงดัง และตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะไร้ตัวตนไปเรียบร้อยแล้ว

ผมเอาแก้วเอาจานไปวางในอ่างล้าง แล้วก็เดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาทำหน้าร้าน พยายามทำทุกอย่างแบบพิถีพิถันสุด ทำช้าๆ ทำเบาๆ เหมือนกลัวพื้นจะถลอก กลัวแก้วจะแตก ก็ถ้าทำเสร็จเร็วผมก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนนอกจากในครัว ซึ่งวันนี้ผมไม่อยากเข้าไปในครัวเลย ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะความสุขของพวกเขาอ่ะ

พอทำทุกอย่างจนไม่รู้จะทำอะไรแล้วผมก็เลยคิดว่าจะเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดไปเก็บในครัว แต่พอผมเดินไปจนถึงหน้าครัวก็เห็นพี่นัทกับพี่พายยืนกระซิบอะไรอะไรกันอยู่ พี่พายหัวเราะคิกคักดูน่ารัก พี่นัทก็หัวเราะออกมาเบาๆ  เหมือนผมเป็นบ้าไปชั่วขณะ เดินตึงตังเอาไม่กวาดกับไม้ถูไปวางไว้ ซึ่งผมวางมันลงอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง พี่นัทหันมามองแล้วก็หันกลับไปเหมือนไม่เห็นผม ซึ่งนั้นทำให้ผมเม้มปากและขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิม

ผมโมโห ไม่พอใจไปเองคนเดียวเลยเดินลงเท้าหนักๆ เสียงดังมาที่หน้าร้าน จนได้มาอยู่คนเดียวเงียบๆ ก็เพิ่งคิดได้ว่า ผมไม่ควรทำแบบนั้น ผมไม่ควรไม่พอใจ พี่นัทไม่ได้ทำอะไรผิด ผมตังหากที่...ที่ไม่พอใจไปเอง ผม...ไม่ชอบอาการที่เป็นอยู่เลย

ผมไปนั่งสงบอารมณ์มัวๆ งี่เง่าๆ ที่หน้าร้านรอเวลาเปิด แต่รอจนจะได้เวลาเปิดร้านแล้ว ไม่เห็นพี่นัทออกมาซักที ผมมองนาฬิกาข้อมือแล้วมองไปในร้านอีกครั้ง ผมนึกว่าเขามีคนช่วยทำเก่งๆ แล้วจะทำเสร็จเร็วกว่าเดิมซะอีก  นี่มัวแต่เล่นกันจนลืมเวลาเปิดร้านรึเปล่าเนี่ย

ผมเดินเข้าไปในร้านก็เห็นว่าเค้กถูกนำมาเรียงในตู้แล้ว เดินวนจนทั่วร้านก็ไม่มีใครอยู่เลย ผมชะเง้อมองขึ้นบนชั้นสองเพราะคิดว่าพวกเขาอาจจะอยู่ด้านบน แต่ก็พบว่ามันปิดไฟอยู่ ในขณะที่กำลังจะเดินไปเปิดประตูดูด้านหลัง ผมก็เจอโพสอิทสีชมพูอ่อนแปะไว้ที่โต๊ะ ข้างๆ มีเค้กหน้าตาน่าทานอยู่ชิ้นหนึ่ง

‘นี่เค้กสูตรใหม่พี่แบ่งไว้ให้หนึ่งกินนะครับ แล้วก็วันนี้พี่ออกไปทำธุระกับพาย กลับมาเปิดร้านเที่ยงๆ ครับ’

แหม ดีจังเลย...ได้กินเค้กสูตรใหม่อีกแล้วแถมได้อู้จนถึงเที่ยงแหนะ ผมเอาเค้กไปนั่งกินที่หน้าร้าน หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายนิดหน่อย แล้วก็เตรียมตัวเอาเค้กเข้าปาก

สมองก็เผลอนึกถึงพี่นัท ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ใช่กงการอะไรของผม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไม่พอใจเพราะเขาไม่อธิบายเลยว่าพี่พายคือใคร อยู่ๆ ก็โผล่มาหรือว่าพี่พายจะเป็นแฟนของพี่นัทจริงๆ แล้วถ้าพี่นัทมีแฟนอยู่แล้ว ทำไมไม่บอกผม

พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็กัดปากตัวเอง เพราะลองคิดดูดีๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่พี่นัทจะมาบอกนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันไปมากกว่าเจ้านายและลูกน้อง… ส่วนเรื่องนั้น เขาก็แค่อาจจะนึกสนุกอยากช่วยคนลามกแบบผมก็ได้ อาจจะเป็นแค่นั้นจริงๆ...

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พอคิดว่าพี่นัททำไปโดยไม่คิดอะไร ผมรู้สึก... ปวดหน่วงๆ  ตันในอก

...อยากร้องไห้...

อาการแบบนี้ผมเป็นบ่อยตอนที่ดูหนังรักที่มันเศร้าจนบีบหัวใจ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ดูหนังอยู่...ผมแค่นั่งแล้วนึกถึงพี่นัท

แล้วมันหมายความว่ายังไง…

 

ผมนั่งรอจนถึงเที่ยง ทั้งเดินไปเดินมาเช็ดโต๊ะจนขึ้นเงา พี่นัทก็ยังไม่กลับ ผมมองนาฬิกาอีกครั้งแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หยิบก้องถ่ายภาพมาถ่ายแก้เบื่อไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณบ่ายโมงกว่าๆ  พี่นัทกับพี่พายก็กลับมา แล้วผมก็รีบเดินไปหา

“พี่จะกินข้าวเลยมั้ยครับ”  ทุกๆ วันพี่นัทจะให้ผมไปซื้อข้าวร้านข้างๆ มากิน  แต่ส่วนใหญ่จะสลับกันทาน เพราะต้องเปลี่ยนกันมาดูหน้าร้าน แต่วันนี้ร้านยังไม่เปิดก็น่าจะได้นั่งกินด้วยกัน ซึ่งนานมากๆ แล้วที่ผมไม่ได้ทานข้าวพร้อมพี่นัท วันนี้แหละ โอกาสดี

“พี่กับพายกินกันมาเรียบร้อยแล้วครับ หนึ่งกินรึยัง?” เขายิ้มแล้วถามกลับเหมือนเป็นห่วง ส่วนผม...

น้อยใจ...คำนี้คำเดียวที่โผล่แวบเข้ามา

“ตองหนึ่งทานข้าวรึยังคะ?” พอเห็นผมเงียบไม่ตอบนานเข้า พี่พายก็เลยถาม

“ผม...ทานเรียบร้อยแล้วครับ” ผมตอบไปแบบนั้นแต่ความจริงคือ ยังไม่ได้ทาน เพราะหวังว่าจะรอทานพร้อมกันกับใครบางคน

แต่ผมคงลืมคิดไป...พี่นัทออกไปข้างนอกกลับมาก็บ่ายแล้ว เขาก็น่าจะกินมาแล้วสิ ฮ่าฮ่าฮ่า บ้าหวะ...ไม่น่ารอเลย กินๆ ไปก็จบแล้ว ไม่ต้องมารู้สึกแย่แบบนี้ด้วย

“โอเคงั้นไปเปิดร้านกันเถอะ” พี่นัทพูดแล้วดันหลังพี่พายให้เข้าไปหลังเคาน์เตอร์ ส่วนผมก็ไปพลิกป้ายหน้าร้าน เพื่อบอกคนที่เดินผ่านไปมาให้รู้ว่าร้านเปิดแล้ว

ตลอดเวลาที่ทำงานนั้น พี่พายช่วยพี่นัทได้มาก ไม่นัทไม่ต้องทำเครื่องดื่ม หยิบเค้กจนหัวหมุนอยู่คนเดียว พี่พายช่วยได้ทุกอย่าง ทำเครื่องดื่ม รับออเดอร์ พูดแนะนำเค้กต่างๆ  ซึ่งผมทำได้ไม่ดีนัก  ในตรงนี้ผมยอมรับเลยว่าพอมีพี่พายทุกอย่างก็ดูลงตัวมากไปอีก ไม่ดูวุ่นวายเหมือนก่อนหน้านี้  ยิ่งรู้ว่าการมีพี่พายอยู่มันดีมากแค่ไหน ผมยิ่งรู้สึก…แย่

ผมมองพี่นัทที่กำลังแกล้งพี่พายอยู่หลังเคาน์เตอร์ จะว่าไปวันนี้พี่นัทยังไม่ได้แกล้งผมเลยนี่นา มันก็คงเป็นเรื่องดีล่ะมั้ง...ผมจะได้ไม่ต้องโวยวาย ไม่ต้องอายลูกค้าที่มองมาอย่างขบขันด้วย 

ดีจัง  ดีมาก  ดีจริงๆ  ดีจนเจ็บหน่วง ตันไปทั้งอกจนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย ดีที่สุดเลย...

 

เช้าวันต่อมาผมมาทำงานแต่เช้า เช้ากว่าปกติ เพราะหวังว่าจะได้ไปช่วยอะไรพี่นัทได้บ้าง แต่พอไปถึงร้านทุกอย่างกลับถูกจัดการอย่างเรียบร้อยแล้ว กวาดร้าน เช็ดกระจก รดน้ำต้นไม้ รวมไปถึงกระจกร้านที่ถูกเช็ดจนใสสะอาด

“สวัสดีจ้า หนึ่งมาทำงานเช้ามากเลยนะเนี่ย เพิ่งจะหกโมงกว่าๆ เองนะ” พี่พายเดินออกมาพร้อมถาดแก้ว

“...พี่ก็มาเช้าเหมือนกันนะครับ”

“พี่นอนอยู่ชั้นสองนี่เองค่ะ ชั้นสองนี่พี่นัทเขาแต่งเป็นห้องนอนไว้”



พี่พายนอนที่นี่กับพี่นัท?

“อ้าว! ตองหนึ่งมาแต่เช้าเลยครับ” พี่นัทเดินยกเค้กออกมาใส่ตู้ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกแย่เข้าไปอีก พี่ทำเค้กเสร็จตั้งแต่เช้าแบบนี้ คงเพราะมีคนที่เป็นประโยชน์อย่างพี่พายคอยช่วยสินะ

ก่อนที่พี่พายจะมา ร้านเปิดสิบโมง เค้กก็เสร็จสิบโมงเพราะพี่นัทต้องทำทุกอย่างคนเดียว ผมที่ไม่รู้เรื่อง จะเข้าไปช่วยก็ทำให้ทุกอย่างดูช้าจนพี่นัทต้องทำคนเดียวอยู่หลายครั้ง ผมพยายามฝึกแล้วนะ ซื้อหนังสือมาอ่าน ดูรายการสอนทำเบเกอรี่ต่างๆ มันก็ดีขึ้น...แต่ก็ดีไม่พอที่จะช่วยพี่เขาได้

“อะ...เอ่อ พี่ให้ผมช่วยมั้ยครับ”

“ไม่เป็นไรครับ นี่พี่ให้พายยกออกมาหมดเเล้ว”

“...ครับ” ผมพยักหน้าแล้วก็เดินเอาของเข้าไปเก็บ ใส่ผ้าคาดเอวแล้วก็มองพี่นัทกับพี่พายคุยกัน มองไปก็เจ็บแปลบๆ ไป ผมรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนเลย

การทำงานในวันนั้นผมรู้สึกแย่กว่าเมื่อวานเสียอีก พี่นัทแทบจะไม่ได้คุยกับผมเลย เขาคุยกับพี่พายตลอด ถามนู้นถามนี่ คุยกันในเรื่องที่ผมไม่รู้ ไม่เข้าใจ พอพี่นัทหันมามองที ผมก็ทำได้แค่ส่งยิ้มโง่ๆ ให้

เวลาที่พี่นัทกับกับพี่พายทำงานแล้วผมต้องเข้าไปอยู่ตรงนั้น ผมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน

มีแค่ตอนที่ลูกค้าเยอะเท่านั้นที่ผมรู้สึก มีตัวตน เพราะพี่นัทจะเรียกผมไปเสิร์ฟ ในช่วงเวลานั้นที่ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าเรายังคงประโยชน์สำหรับร้านนี้อยู่

จนเวลามันผ่านเกือบอาทิตย์...

ใช่..ผมเคยคิดว่าตัวเองยังมีประโยชน์กับพี่นัทอยู่ แต่ยิ่งพี่พายอยู่นาน ผมยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความจำเป็นสำหรับร้านนี้แล้ว ผมเริ่มหมดหน้าที่ลงไปทุกที พี่นัทชอบใช้พี่พายไปเสิร์ฟแทนผม ทั้งๆ พี่พายก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว

“เอ่อ..พี่พายครับ เดี๋ยวผมยกไปเสิร์ฟเองครับ”

“ไม่เป็นไร น้องหนึ่งไปพักเถอะ เดี๋ยวพี่โดนพี่นัทดุเอา” ผมแย่งถาดกาแฟกับพี่พายอยู่ คือผมกำลังยกกาแฟไปเสิร์ฟ แต่พี่นัทก็ใช้พี่พายที่กำลังจัดเค้กอยู่ไปเสิร์ฟแทนผมซะงั้น

“ตั้งแต่เช้าผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” ใช่ครับ ตั้งแต่ผมมาร้าน ผมยังไม่ได้ทำงานอะไรเลย นอกจากเดินไปเดินมา เพราะพี่พายทำทุกอย่างให้เรียบร้อยหมดแล้ว

“หนึ่งครับ ให้พายมันทำไปเถอะ หนึ่งไปนั่งพักหลังร้านร้านดีกว่า อ่ะนี่ครับ เค้กกับนม เอาไปนั่งทานข้างหลังนะครับ” พี่นัทจับไหล่ผมแล้วก็ยื่นถาดที่ที่เค้กและนมปั่นมาให้ผม ผมรับมาและมองพี่นัทนิ่งๆ อยู่พักนึง พี่แกก็แค่พยักหน้าให้ผมเข้าไปหลังร้าน แล้วเขาก็ก้มหน้าลงจัดเค้กให้ลูกค้าต่อ

ไม่อยากเห็นหน้าผมเหรอครับ! ผมรับถาดมาจากพี่นัทแล้วก็เดินหน้าตึงมาหลังร้าน

นั่งลงที่ม้านั่งแล้วก็จ้วงเค้กเข้าปาก เป็นแบบนี้ก็ดี งานก็ไม่ได้ทำ แค่มาร้าน ดูคนอื่นทำงานแล้วก็นั่งกินเค้ก พอหมดเดือนก็ได้เงินเดือน สบายจะตาย

“เออใช่ สบายจะตาย งานก็ไม่ต้องทำ แถมโดนไล่มานั่งกินเค้กสบายๆ อยู่หลังร้านนี่ ฮึก จะมีลูกจ้างที่ไหนสบายเท่าไอตองหนึ่งคนนี้ ไม่มีหรอก ฮึกๆ ”

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งตื้อตันในอกจนรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เจ็บจบต้องเอามือลูบหน้าอก แล้วสุดท้ายก้อนหน่วงๆ ในอกก็กลั่นออกมาเป็นน้ำตา

“ฮึก ฮือ.. ” ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ พลางคิดปลอบใจตัวเองว่าไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องโดนพี่นัทแกล้ง ดีจะตาย จะร้องไห้ทำไมก็ไม่รู้

ผมตักเค้กเค้าปากทั้งก้อน เผื่ออารมณ์มันจะได้ดีขึ้นแล้วน้ำตาจะได้หยุดไหล แต่ยิ่งเคี้ยวความหวานของเค้กก็ยิ่งซึมอยู่ในปาก ความหวานแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงพี่นัทกับเรื่องที่เขาทำกับผม หรือว่าพี่นัทจะเบื่อผมแล้วอ่ะ  พี่นัทเบื่อผมแล้วจริงๆ เหรอ

ผมก็รู้ว่าตัวผมน่าเบื่อ ซึ่งผมก็โดนคนอื่นเบื่อใส่จนชินแล้ว

แต่ผมแค่รู้สึกว่า ไม่อยากให้พี่นัท...เบื่อผม ไม่อยากให้พี่นัทคิดว่าผมน่าเบื่อ

แค่พี่เขา ที่ไม่อยากให้เบื่อ

“ฮือ ฮึก ฮือๆ” ผมสะอื้น จนไหล่สั่นไปหมด ซบหน้าลงกับเข่าตัวเอง แล้วก็ร้องไห้ออกมา

ผมไม่อยากโดนพี่นัทเบื่อ ไม่อยากรู้สึกว่าไร้ประโยชน์แล้วนั่งกินเงินเดือนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ด้วย

“ฮึก ผมจะไม่อยู่ให้พี่นัทเบื่อแล้ว...”

เพราะฉะนั้นพี่อย่าเบื่อผมเลยนะครับ





พี่นัทในตอนนี้ก็คือโดนสาปอีกรอบแน่ๆ เลย 5555

อย่าว่าพี่เขาแรงมากนะคะ เดี๋ยวพี่เขาร้องไห้แงๆ



#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พายหวาน  นางคือใครหนอ?

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ขี้แกล้ง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
10 : สถานะ...โดนเก็บ?


ตอนนี้เลิกงานแล้ว ผมยืนมองพี่พายถูร้านอยู่ พอผมจะเข้าไปช่วยพี่พายก็ไม่ยอม และพอผมหนีไปทำอย่างอื่นพี่พายก็จะวิ่งมาแย่งไปทำเสียทุกที วันนี้ทั้งวันผมเพิ่งได้ล้างแก้วไปแค่ใบเดียวเอง แล้วสิ่งที่ผมหนักใจที่สุดก็คือพี่นัทคุยกับผมน้อยมาก พอผมพยายามชวนคุย พี่เขาก็จะพยายามทำตัวให้ยุ่งตลอด แถมพอพยายามชวนคุยมากๆ เข้า เขากฌแค่ยิ้มให้แต่ไม่ตอบอะไรเท่าไร

ผมทนไม่ไหวที่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ มันรู้สึกเหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา จะไปเดินไปทางไหนก็ดูเหมือนว่าตัวผมจะเกะกะคนอื่นไปเสียหมด…ผมคิดว่า ผมไม่ควรอยู่ที่นี่

ผมคิดมาทั้งคืนและตอนนี้ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะลาออกจริงๆ

“พี่นัทครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่”

“...” ผมพูดออกไปเสียงสั่น พี่นัทไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เขาแค่พยักหน้าให้ผมพูดต่อแค่นั้นเอง แต่ผมแค่เห็นพี่นัททำแบบนี้ใส่ผมก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว

“ผม...อยากจะขอลาออกครับ” พี่นัทหยุดทำแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผม

“ลาออก?” ผมพยักหน้าไป แล้วพี่นัทก็หันไปมองพี่พายที่ทำหน้าตกใจอยู่ “ทำไมล่ะ? คิดดีแล้วเหรอ?”

 พี่นัทถามผมอีกที ผมไม่ได้ตอบ ไม่ได้พยักหน้าอะไรให้ไป ผมแค่เม้มปากแน่น มือทั้งสองกำผ้าคาดเอวแน่น ในใจลึกๆ ผมก็อยากให้ พี่นัทไม่อนุญาติ ไม่ยอมให้ผมออก ให้เขาพูดว่าเขายังอยากให้ผมทำงานอยู่ แต่พี่นัทก็แค่ถอนหายใจออกมา มองมาที่ผมนิ่งๆ  ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าพี่นัท

“ตามใจหนึ่งละกัน” พี่นัทเดินไปหยิบเงินส่งมาให้ผม ผมมองตามหลังพี่นัทไป มันรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่น้ำตาไม่ไหลออกมาเลย “เงินเดือนครับ”

 ผมแทบจะไม่มีแรงยื่นมือไม่รับ รู้สึกเหมือนมันชาไปทั้งตัว มีแค่ในอกเท่านั้นที่รู้สึก โหวงเหวงสักพักก็ตันไปหมด เหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจจนรู้สึกอึดอัดจนกลืนน้ำลายไม่ลง เหมือนหายใจไม่ออก

“ขอบคุณ...ครับ" เสียงผมเบาหวิว ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพี่นัท ผมได้แต่ก้มหน้า เดินไปหยิบของแล้วเดินออกทางหลังร้านเงียบๆ

ผมไม่อยากมองหน้าพี่นัท ผมกลัวร้องไห้ ถ้าผมร้องไห้ พี่นัทอาจจะรำคาญแล้วเบื่อผมไปอีกรึเปล่า ผมเป็นคนขอลาออกเองแต่ดันมาร้องไห้หวังไห้พี่นัทไม่ยอม มันน่าตลก

ผมเดินออกมาไม่นานฝนก็ลงเม็ดปอยๆ  เหมือนวันนั้น วันที่ผมเจอพี่นัทครั้งแรก

“อึก ฮึก ฮือๆ ”

รู้งี้วันนั้นยอมเดินตากฝนดีกว่า ไม่น่าเข้าไปเลย

“ฮือ ฮึก ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลย”

ฝนเริ่มตกลงมาหนักขึ้น กล้องจะเปียกแต่ผมไม่สามารถวิ่งหาที่หลบฝนได้ แต่ละก้าวที่เดินมันหนัก  เหมือนมีอะไรมาถ่วงไว้ จึงตัดสินใจนั่งลงตรงฟุตบาทแล้วนั่งซบหน้ากับเข่าร้องไห้ตรงนั้น ไหนๆ ก็ฝนตกพอดี ขอเป็นพระเอกมิวสิคหน่อยเถอะ แต่ยิ่งเม็ดฝนกระทบตัวเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ก็คิดถึงเรื่องราวในวันนั้น วันแรกที่เดินเข้าร้าน...

ถ้าวันนั้นผมไม่ไปหลบฝนร้านนั้น ผมอาจจะไม่ต้องทรมานแบบวันนี้

และมันคงจะดีกว่า....ถ้าวันนั้นผมไม่ได้เจอพี่นัท วันนี้ผมจะๆ ได้ไม่ต้อง ‘รัก’ พี่นัทแบบนี้...

.

.

“ทำไมคนที่ขอลาออก ถึงมานั่งร้องไห้ตากฝนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ”

“...” ผมไม่ต้องมองก็รู้ว่าใคร น้ำเสียงนุ่มทุ้มปนทะเล้นแบบนี้มีคนเดียวแหละ

พี่นัทเดินมานั่งลงข้างๆ ผมก็ยังร้องไห้ต่อไป แต่ไม่กล้าร้องเสียงดังเหมือนตอนแรก พี่นัทก็ไม่ได้พูดอะไร เขานั่งเงียบๆ จนผ่านไปซักพักผมเพิ่งรู้สึกว่า ตัวผมไม่ได้โดนฝนแล้ว ทั้งๆ ที่ฝนก็ยังตกหนักอยู่

ผมเงยหน้ามอง ก็เห็นคนช้างๆ นี่เป็นคนกางร่มให้ผมแต่ตัวพี่เขาเองดันโดนฝนไปครึ่งตัว

“พี่โดนฝน” ผมดันมือที่ถือร่มของพี่นัทกลับไป

“หนึ่งก็โดนฝน” พี่นัทก็ดันร่มกลับมาทางผมอีก

ผมก็เลยดันกลับอีกครั้ง แล้วขยับตัวเองห่างออกมา

“งั้นแบบนี้ละกัน อยู่ในร่มทั้งคู่” พี่นัทขยับเข้ามานั่งซ้อนที่ด้านหลังแล้วโอบผมเอาไว้ ผมซุกหน้าลงกับเข่าเพราะรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งพี่นัททำแบบนี้ผมยิ่งร้องไห้ ตัดใจไม่ได้

“…”

“ตกลงบอกพี่ได้ยังครับว่าทำไมถึงมานั่งร้องไห้ตรงนี้”

“...” ก็เพราะไม่มีแรงเดินกลับไปร้องที่ห้องไงครับ แค่เดินออกมาจากร้านได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ไม่ยอมตอบ งั้น...ร้องไห้ทำไมครับ”

“...”ก็เพราะพี่นั่นแหละ พี่นัททำแบบนี้ยิ่งทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่ก็ชอบผมด้วยเหมือนกัน

“งั้นบอกพี่ได้มั้ยครับ ว่าทำไมถึงต้องลาออกด้วย”

“...” ก็เพราะพี่อีกนั่นแหละ

“ทำไมไม่ตอบพี่เลยล่ะครับ ตองหนึ่งเกลียดพี่ไปแล้วเหรอครับ”

ผมรีบส่ายหน้าทันที ก็ไม่ได้เกลียดจริงๆ นี่ ตรงกันข้ามเลยตังหาก

“แล้วทำไมหนึ่งไม่ยอมพูดกับพี่เลยล่ะครับ”

“.......” ผมก็แค่ก้มหน้าเงียบเหมือนเดิม ก็พี่อยากไม่คุยกับผมก่อนนี่นา

“เฮ้อ! พี่ง้อแล้วจะไม่หันมาพูดกับพี่จริงๆ เหรอครับ”

“...”

พอได้ยินแบบนั้นผมก็เลยเลิกคิ้วแล้วหันไปมอง แต่ยังไม่ทันที่จะหันกลับมาก็โดนอีกฝ่ายจับแก้มเอาไว้แล้วก้มลงมาจุ๊บที่ริมฝีปาก บางเบาและนุ่มนนวล ผมชะงักและสับสนกับสัมผัสนั้นและเมื่อเขาเห็นว่าผมไม่ขัดขืนอะไร พี่นัทก็สอดลิ้นเขามาด้านใน รสจูบหวานๆ ของจูบนี้ซึมลงในใจผม พี่นัทถอนจูบออกแล้วจุ๊บลงมาที่ปลายจมูก

“ขอพี่ถามได้มั้ย...ทำไมถึงลาออกครับ”

“...ผมไม่อยากให้พี่เบื่อผม” ผมพูดแล้วก็ก้มลงไปร้องไห้อีกครั้ง แค่พี่นัทจูบผมก็ยอมไปหมดแล้ว ผมมันใจง่าย ส่วนเขาก็นิสัยไม่ดี มีพี่พายอยู่แล้วเขาจะเอาผมไปไว้ตรงไหน หรือแค่แกล้งผมเล่นอีก พอเบื่อก็จะทิ้งผมอีก

“แล้วทำไมหนึ่งถึงคิดว่าพี่จะเบื่อหนึ่งล่ะครับ”

“ก็พี่ไม่คุยกับผมเลยอ่ะ!” ผมตอบพี่นัทเสียงดัง คิดถึงตอนที่พี่นัทเอาแต่คุยกับพี่พาย ผมก็หงุดหงิดขึ้นมาอีก

“หือ?” ผมเริ่มคิดได้ว่าตอบไปแบบนั้นมันเหมือนเด็ก เลยพูดแก้ไปใหม่

“พี่...พี่ไม่เล่นกับผมเหมือนเดิมด้วย” ไอ้บ้าหนึ่ง ตอบไปแบบนี้ยิ่งเหมือนเด็กเข้าไปอีก

“...” พี่นัทไม่ตอบ แค่มองหน้าผมแถมยิ้มขำๆ  จนผมนี่รู้สึกอายกับเหตุผมที่ฟังเหมือนเด็กของตัวเอง

“พี่ไม่เหมือนเดิมอ่ะ เพราะพี่นั่นแหละ ฮึก ฮือ” พอพี่นัทขำ ผมก็เลยกลับมาร้องไห้อีก เจ็บใจตัวเอง เหมือนเด็กเลย โกรธทั้งพี่นัท โกรธทั้งตัวเอง

“ครับๆ  เป็นเพราะพี่เนอะ พี่ผิดเองครับ อย่าร้องนะ โอ๋ๆ ” พี่นัทกอดผมแน่นขึ้นแล้วก็โยกผมไปมาเหมือนเด็ก ผมอายุ 24 แล้วนะครับ ยังมาทำแบบนี้อีก

“ฮือ เพราะพี่นั่นแหละ ฮืออ พี่นั่นแหละ” พี่นั่นแหละที่ทำให้ผมเหมือนเด็กแบบนี้ พี่คนเดียวเลย นิสัยไม่ดี

“พี่ผิดเอง พี่ขอโทษนะครับ”

“ฮือ พี่ต้องขอโทษผม ฮึก” ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด น้ำตาน้ำมูกมาเต็ม ดีที่มีฝนคอยล้างให้ไม่งั้นคงเละเต็มหน้าเหมือนเด็กเข้าไปอีก

“ครับๆ ไปร้องต่อบนห้องพี่ดีกว่าเนอะ” พี่นัทลุกขึ้นแล้วก็อุ้มผมขึ้นเอวเหมือนอุ้มเด็ก เอาเลยครับพี่ วันนี้ผมยอมเป็นเด็กโข่งวันนึง

เขาอุ้มผมกลับมาที่ร้านแล้วเดินขึ้นชั้นสอง ผมเกาะพี่นัทแน่นเป็นลูกลิงมาตลอดทาง กลัวตกครับ พี่นัทก็สูงใช่ย่อย พี่นัทปลดเป้กับถอดรองเท้าผมออกทั้งที่ยังอุ้มผมอยู่ผมก็สะบัดขาช่วยแต่หน้ายังซุกอยู่ที่ไหล่ตลอด

พี่นัทพาผมเข้าไปในห้องน้ำ วางผมลงในอ่างแล้วก็เดินออกไปแล้วกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนู พี่นัทพาดผ้าไว้ที่ราว แล้วก็เดินมาปลดกระดุมเสื้อผม

“พี่จะทำอะไร ฮึก ฮือ” น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วเริ่มไหลลงมาอีก เพราะเกิดคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเกิดพี่พายมาเห็นจะทำยังไง พี่พายใจดี ผมไม่อยากให้พี่เขาเสียใจเหมือนกัน

“ก็ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำไงครับ”

“ไม่…” ผมส่ายหน้าแล้วกุมคอเสื้อไว้แน่น

“ทำไมล่ะครับ เดี๋ยวเป็นหวัดนะ”

“พี่นัททำแบบนี้ พี่พายอาจจะคิดมากนะครับ ฮือ”

“อ้อ พี่ยังไม่ได้บอกนี่เนาะ ฮ่าฮ่าฮ่า” พี่นัทเดินออกไป แล้วก็กลับเข้ามาพร้อมกับกรอบรูป “พี่กับพายเป็นพี่น้องคนละแม่กันครับ นี่ๆ คนนี้คือพ่อพี่ เด็กผู้ชายหล่อๆ ตรงนี้คือพี่ นี่คุณแม่ลิซ่า แล้วเด็กผู้หญิงที่ขี้เหร่ๆ นี่คือพายหวานครับ”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรแค่ดูรูปนิ่งๆ สลับกับมองหน้าพี่เขา

“เชื่อพี่รึยังครับ?” พี่นัทไม่รอให้ผมตอบเอารูปไปวางไว้ที่อ่างล้างหน้าแล้วก็กลับมาดึงมือผมออกจากเสื้อ ผมก็ไม่ขัดขืนอะไร

“อาบน้ำกันดีกว่าเนอะ เดี๋ยวเป็นหวัดเอา พี่เป็นห่วงนะ” ผมปล่อยให้พี่นัทจัดการไป เรื่องที่พี่นัทพูดคือเรื่องจริงรึเปล่าไม่รู้ แต่หัวใจผมตอนนี้มันรู้สึกดีมากๆ เลยครับ แค่พี่นัทบอกว่าเขากับพี่พายไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมก็รู้สึกเหมือนความอึดอัด หน่วงอกมันหายไปทันที

“อ๊ะ เอ่อ...ผมอาบเองก็ได้ครับ” ผมเพิ่งจะรู้สึกอายตอนที่พี่นัทถอดกางเกงชั้นในผมออก

“ให้พี่อาบให้เถอะ ไถ่โทษที่ทำให้หนึ่งร้องไห้หนักไงครับ” พี่นัทยิ้มถอดแว่นไปวางไว้ข้างๆ กรอบรูป แล้วก็ก้มลงมาจูบที่หน้าผากผม ก่อนจะหันไปเปิดน้ำอุ่นมาราดไปที่ตัวผม

น้ำอุ่นๆ และมือพี่นัทที่ลูบสลับบีบนวดไปมาตามแขน ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอหลับตาเอนตัวพิงตัวเขา พี่อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ ผมยอม

ตอนแรกพี่นัทก็บีบตามปกติจนมาตอนที่ถูสบู่ เวลาที่มือพี่นัทลื่นไปด้วยสบู่ลูบมาบริเวณหน้าอก แล้วปัดผ่านไปมาที่ยอดอกจนมันตั้งชันขึ้นมา ผมบิดตัวแล้วเม้มปากพยายามกลั้นอารมณ์หวามๆ นี้เพราะคิดว่าพี่นัทคงไม่ได้ตั้งใจจนฝ่ามือใหญ่ไล้มือลงมาที่หน้าท้องแล้วลงไปต่ำกว่านั้นจนผมสะท้านขึ้นมา

“อ่ะ...เอ่อ พี่พอเถอะครับ ผมว่ามันสะอาดแล้ว” ผมเอื้อมมือไปเปิดน้ำล้างตัวแต่ก็ทำไม่ได้เพราะโดนอีกคนจับมือเอาไว้ พี่นัทอทยิ้มขยับใบหน้าเข้ามาจรดจูบที่แก้ม คลอเคลียอยู่ตรงนั้นแล้วก็ทาบริมฝีปากลงมา พร้อมกับฝ่ามือที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวของผม

“จะสะอาดได้ไงครับ พี่ยังไม่ไดถูตรงนี้เลยนี่นา...”



“ฮ๊ะ พี่...ผมเสียว อือ”

ตอนนี้ผมถูกจับให้เท้าแขนกับผนังห้องน้ำ ส่วนลพตัวก็ถูกจับเอี้ยวให้หันไปรับจูบที่ที่ลึกซึ้งขึ้น ด้านล่างก็โดนรูดรั้งไม่หยุดจนขาสั่นไปหมด

“ชอบมั้ยครับ?”

เขาละริมฝีปากออก คลอดเคลียไปตาแก้มและใบหู ส่วนผมก็พยักหน้าแล้วเด้งเอวใส่มือพี่นัทอย่างเร็วเพราะแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น จนผมนั้นรู้ว่าตัวเองใกล้เสร็จแล้ว อีกแค่นิดเดียว...อีกแค่นิดเดียว แต่อยู่ดีๆ พี่นัทก็ปล่อยมือออก ทำให้ผมเกิดอารมณ์ค้างขึ้นมาทันที

“พี่นัท…” ผมเรียกอีกฝ่านเสียงสั่นเมื่อโดนเขาจับให้หันไปเผชิญหน้า

“พี่ลืมไปว่า พี่ยังไม่ได้ถูตรงนี้เลยครับ” พี่นัทลูบลงไปที่ก้น ผมรู้สึกตื่นเต้นเหมือนรู้ว่าพี่นัทกำลังจะทำอะไร ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำเหมือนปลายนิ้วเรียวยาวลูบไปมาตรงช่องทางด้านหลังก่อนจะสอดเข้ามาอย่างช้าๆ

“อื้อ อึก” ความรู้สึกแปลกๆ ก็พุ่งขึ้นมาจนไม่มีแรงจะยืน ผมต้องกอดพี่นัทแน่นเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้

“เจ็บมั้ยครับ?” พี่นัทก้มลงมาถาม แต่นิ้วก็ยังขยับอยู่ด้านใน ผมได้แต่เม้มปากและส่ายหน้าไปมา มันไม่เจ็บแต่รู้สึกเสียดแปลกๆ ถึงแม้ว่าจะเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกชินขึ้นมาซักนิด

เสียงหอบของพี่นัทดังอยู่ใกล้หู ผมรู้สึกได้ว่าปลายนิ้วนั้นเข้ามาลึกกว่าเดิม รู้สึกราวกับว่ากำลังโดนกดย้ำไปเรื่อยๆ เพื่อหาอะไรบางอย่าง

“อ๊า!” ผมสะดุ้งเกือบจะทรุดตัวลงถ้าไม่ได้อ้อมแขนของพี่นัทโอบเอวเอาไว้ ผมเบ้หน้าและเชิดหน้าขึ้นเมื่อคนตัวสูงที่กอดผมอยู่นี้กดย้ำจุดเดิมให้ผมรู้สึกเสียวๆ จุกๆ แบบนี้

“ชอบรึเปล่า?”

“...” ผมหลับตาปี๋ ซุกใบหน้าลงกับหัวใกล่กว้างแล้วส่ายหน้า เขาถามอะไรมาผมก็จะส่ายหน้าลูกเดียว ผมยังคงกล่อมตัวเองด้วยคำว่า มันไม่ปกติ... ใครจะไปชอบให้คนอื่นแหย่นิ้วเข้ามาแบบนั้นกันล่ะ

“ดูหน้าแล้วพี่ค่อยอยากจะเชื่อเลยครับ งั้น...ขอพิสูจน์เองแล้วกัน” ว่าแล้วพี่แกก็ขยับนิ้วเข้าออก เขาจงใจให้ท้องนิ้วถูไถไปกับส่วนนั้น จนผมกลั้นไม่ไหว ครางออกมาและดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพี่นัทขยับนิ้วเร็วกว่าเดิม

“อ๊า! พี่... พี่หยุด พี่ครับ อึก”

“อยากให้หยุดจริงๆ เหรอครับ”

พี่นัทไม่หยุดแต่ทำเร็วขึ้น อีกทั้งยังถูไถเป้าตัวเองไปกับส่วนอ่อนไหวของผมด้วย ผมเม้มปากและเกร็งตัว เมื่ออารมณ์หวามเริ่มถึงจุดผมก็เริ่มให้ความร่วมมือ เขย่งเท้าขึ้นและขยับสะโพกดันกับเป้ากางเกงที่โป่งนูนขึ้นมาพี่นัท

“อ๊ะๆ ไม่ อือ เร็วอีก...”ผมกอดอีกฝ่ายแน่น จากที่พูดขอให้พี่เขาหยุดก็กลับกลายเป็นว่าขอให้เขาทำเร็วขึ้น พี่นัทก็ใจดีทำให้ตามคำที่ผมขอ

“หึหึ...”

เขาหัวเราะในลำคอแล้วดันเอวผมออก นอกจากนั้นยังหยุดขยับมือด้านหลังอีกด้วย

“อ๊ะ! พี่หยุดทำไม!”

“...ก็พี่ถูจนหนึ่งสะอาดไปทั้งตัวแล้วนี่ครับ ดูสิผิวใสเชียว” พูดพลางยิ้มจนตาหยีแล้วก้มลงมาจูบที่หัวไหล่

ผมมองพี่นัทตาเขียว เขาแกล้งผมอีกแล้ว เขาปล่อยให้ผมค้างคาถึงสองรอบ ผมมองค้อนอีกฝ่ายที่เอาแต่ผมยิ้มขณะคว้าเอาผ้าขนหนูมาห่อตัวผมเอาไว้ หงุดหงิดดด

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ พี่เป็นห่วงหนึ่งนะครับ อาบน้ำนานจะเป็นหวัดเอานา”

พี่นัทพูดยียวนหน้าระรื่นแล้วพาผมไปนั่งที่โซฟา ระหว่างทางก็เหมือนจงใจลูบให้ผมยิ่งอยากขึ้นไปอีก พอผมจะทำให้ตัวเองพี่ก็ดึงมือผมออกแถมทำตาดุใส่อีก ผมได้แต่ฮึดฮัด มองน้องชายผมมันยืนตรงสะอึกสะอื้นอยู่ใต้ผ้าขนหนู ปล่อยให้มันร้องไห้ออกมาไม่ได้รึไง อัดอั้นหงุดหงิดไปหมด ผมเม้มปาก หาวิธีที่จะช่วยตัวเองหายอึดอัด

“รอพี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวไปหาเสื้อมาให้ใส่” พี่นัทกำลังหันหลังไปที่ตู้เสื้อผ้า แต่ผมดึงชายเสื้อเขาเอาไว้

“พี่นัท...” ผมอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเลที่จะพูดออกไปเพราะรู้สึกว่ามันน่าอายเกินไป

“มีอะไรครับ หนึ่งต้องรีบใส่เสื้อนะ ไม่งั้นจะไม่สบายเอา”

“พี่ครับเอ่อ...ช่วยผมก่อน” ผมอึกอักกำชายผ้าขนหนูเอาไว้แล้วมองอีกฝ่ายอย่างขอร้อง พี่นัทอมยิ้มแล้วนั่งลงข้างๆ

“...แต่พี่กำลังจะไปหาเสื้อผ้ามาให้ใส่นะ”

“ผ...ผมอยากให้พี่ทำอย่างอื่นมากกว่าหาเสื้อมาให้ผม” ผมส่งยิ้มให้ จงใจพูดแบบนั้นออกไปทั้งที่แก้มมันร้อนไปหมด แต่คนตรงหน้ากลัยอมยนิ้มและนั่งเฉยๆ อ่อยขนาดนี้ยังจะนิ่งอยู่อีก ผมปัดความอายทิ้งแล้วขยับตัวลุกขึ้นไปนั่งคร่อมทันที

“จะถอดเสื้อพี่ทำไมครับ”

“เสื้อพี่ก็เปียก เดี๋ยวพี่เป็นหวัด ผมต้องถอดเสื้อให้พี่”

“งั้นก็...ตามสบายเลย” พี่นัทยิ้มออกมา แล้ววางมือลงบนโซฟาเหมือนให้ผมทำอะไรก็ได้

ผมถอดเสื้อเขาออก ขยับลงมาจัดการกับกางเกงต่อ แต่ตรงเป้าของพี่นัทมันนูนอย่างเห็นชัด ทำให้ความอายและความประหม่าเริ่มวิ่งกลับเข้ามาหาอีกครั้ง ผมเงยหน้าขึ้นไปมองพี่นัทที่ยิ้มแล้วเลียลิมฝีมองมองมา ท่าทางแบบนั้นของเขาทำให้ผมร้อนวูบไปทั้งตัว เหมือนคอผมกลายเป็นผงต้องกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอไปหลายต่อหลายครั้ง

ผมกัดปาก ขยับตัวอยู่บนตักของเขา มองแววตาและท่าทางเซ็กซี่เร้าอารมณ์ของคนตัวใหญ่ ผม...รู้สึกอยากให้พี่นัทสัมผัสผมเยอะๆ  อยากให้ทำอะไรกับผมก็ได้

“พี่ครับ….”

“รู้มั้ยเนี่ยว่าตัวเองทำหน้าตาแบบไหน”

“...แล้วพี่ล่ะรู้มั้ยว่าตัวเองทำหน้าตาแบบไหนอยู่”



ตองหนึ่งจะเอาอะไรไปโกรธอิพี่ได้นาน ก็รักพี่เขาไปแล้วนี่นา...
แต่พี่นัทก็รักตองหนึ่งนะคะ ถึงแม้ว่าจะหื่นและแกล้งแรงไปนิสนุง แต่ให้อภัยพี่แกน๊า

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ryukazeII

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
11 : สถานะ...โดนกิน?


“...แล้วพี่ล่ะรู้มั้ยว่าตัวเองทำหน้าตาแบบไหนอยู่”

พี่นัทเป่าลมหายใจร้อนๆ ออกมา ดึงผมเข้าไปกอดและจูบแรงๆ  กดสะโพกผมให้ทับลงไปบนส่วนโป่งนูน ผมเองก็ขยับเอวให้ส่วนปลายของแก่นกายตัวเองถูไถไปกับหน้าท้องแข็งๆ ของพี่นัท

“อืม ดี..” พี่นัทครางในลำคอเบาๆ แต่โคตรทำให้ผมมีอารมณ์มากขึ้นไปอีก

“พี่ครับ...นั่นๆ”

“ช่วยพี่หน่อยสิ...ขยับสะโพกเร็วขึ้นอีกนิดครับ” พี่นัทพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ลูบแก้มแล้วลากปลายนิ้วลงมาที่สะโพก เขาจับแล้วบังคับให้ขยับในแบบที่เขาชอบ พอผมทำได้ดีพี่นัทก็ผละมือขึ้นไปที่ยอดอก ลูบและขยี้จนผมแอ่นอกให้ สะโพกก็ขยับเสียดสีไม่หยุด

ผมเม้มปาก มองอีกฝ่ายที่มีสีหน้าพึงพอใจจากนั้นก็ลุกขึ้น ทำใจกล้าถอดกลางเกงพี่นัทออก แก่นกายใหญ่ตั้งตรงชี้หน้าทันทีที่ผมดึงชั้นในลง ผมมองนิ่งๆ กลืนน้ำลายเหนียวหนืดของตัวเองลงคอ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวจะยิ่งมีอารมณ์ขึ้นไปอีกเมื่อเห็นของผู้ชายด้วยกันเอง

ผมจับแก่นกายของพี่นัทเบาๆ  ลูบพร้อมกับสำรวจไปด้วย ใจผมเต้นแปลกๆ เพราะทั้งสีและขนาดไม่เหมือนของผมเลยซักนิด ของพี่นัทดูสมชายกว่าตั้งเยอะ พอเทียบของตัวเองกับของพี่นัทแล้ว มันต่างกันจริงๆ เหมือนที่เขาเคยพูดเอาไว้...น่าอายชะมัด

ของพี่นัทนี่ไม้นวดแป้ง ของผมนี่อะไร...อย่างกับหลอดชาไข่มุก เจ็บใจจริงๆ

“หนึ่งทำแบบนั้นพี่จักจี้นะครับ” เพราะผมเอาแต่ลูบไปมาเบาๆ จึงทำให้เขารู้สึกแบบนั้น พี่นัทยิ้มให้แล้วขยับมือผมช้าให้กอบกุมตรงนั้นของเขาเอาไว้จนเต้มฝ่ามือ

“อ เอ่อ...บ แบบนี้ดี...มั้ย?” ผมพูดตะกุกตะกักกำมือแน่นขึ้นแล้วขยับขึ้นลง มองดูส่วนปลายสีก่ำของพี่นัทที่กระตุกอยู่ในมือ ผมบิดขาตัวเอง เริ่มขยับสะโพกอีกครั้งหลังจากที่หยุดขยับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

“อืม หนึ่งครับ...พี่เป็นพวกโลภมาก หนึ่งทำให้แค่นั้นพี่ไม่พอหรอก” เขาขยับตัว กอบกุมสะโพกของผมเอาไว้ด้วยอุ้งมือทั้งสองข้าวของเขา บีบเคล้นและขยับให้ผมโยกสะโพกขึ้นลงอย่างเนิบนาบแนบแน่น

“ล แล้วผมต้องทำยังไง”

“พี่ขอเอาไอ้นี่” พี่นัทหลุบตามองแก่นกายปริ่มน้ำของตัวเองในขณะที่ปลายนิ้วของเขาก็ลูบไล้ไปรอบๆ ช่องทางด้านหลังของผม “เข้าไปในนี้ของหนึ่งได้มั้ยครับ?

“...”

ผมก็รู้ว่าผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันมันทำกันยังไง แล้วดูจากสถานะตอนนี้ก็พอรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายไหน เราช่วยกัน เราอยู่ในสภานที่ล่อแหลม แต่ไม่คิดว่าเราจะไปถึงขั้นนั้นกันเร็วขนาดนี้ อีกทั้งผมคิดว่าผมอาจไม่พร้อมเท่าไร ดูขนาดของพี่นัทแล้วไม่น่าจะเข้ามาได้...ตอนนั้นที่พี่นัทใส่มาสองนิ้วผมยังเจ็บมาก แต่นี่มันใหญ่กว่าสองนิ้วตั้งเยอะ ผมคงเจ็บจนขาดใจตายแน่ๆ

“ได้มั้ยครับ?” พี่นัทถามย้ำ ลูบไปมาไม่ยอมหยุด

“มะ...ไม่ครับ”

พี่นัทมองหน้าผม ผมก็ส่ายหน้าใส่ พี่แกทำปากเบะนิดหน่อย ถึงจะดูน่ารัก แต่ผมก็ส่ายหัวให้อีกอยู่ดี ผมกลัวของผมอ่ะ

“ก็ได้...ถ้าหนึ่งไม่ให้พี่ก็ไม่ทำ” พี่นัทถอนหายใจออกมา ผมเลยปลอบเขาด้วยการก้มลงไปจูบเอาใจ พี่เขาครางอย่างพึงพอใจและยอมจูบตอบ ผมยกมือจับไหล่เขาเอาไว้ก่อนจะสะดุ้งเมื่อโดนฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่แก่นกายอย่างไม่ทันที่ผมจะตั้งตัวแล้วชักขึ้นลง ผมแยกขาออกแล้วก็ทำแบบเดียวกันกับของพี่นัท...ตอนนี่เราต่างคนต่างช่วยกัน

“อื้อ! ไหนพี่บอกจะไม่ทำ” อยู่ดีๆ พี่นัทก็ไปวนเวียนอยู่ตรงช่องด้านหลังผมอีกแล้ว

“พี่แค่อยากช่วยให้รู้สึกดีมากกว่าเดิมไงครับ” พี่นัทพูดยิ้มๆ  ไม่น่าวางใจสุดๆ แต่พอพี่นัทดึงผมไปจูบต่อ ผมก็จูบตอบตอนนี้ขอแค่ให้พี่นัททำให้ผมเสร็จสมไปสักทีก่อนก็พอ เรื่องอื่นค่อยพูดกันทีหลัง

พี่นัทไม่ได้สอดนิ้วเข้าไปอย่างที่พูดจริงๆ แค่ลุบไปมาอย่างเดียวซึ่งมันช่วยทำให้ผมเสียวขึ้นมากๆ  ผมมัวแต่เด้งเอวใส่มือพี่นัทจนแทบไม่ได้ทำให้เขาเลยเพียงแค่กำไว้หลวมๆ เท่านั้น

“อ๊ะ อีกนิด” ผมหยัดตัว เด้งสะโพกเข้าหาเมื่อผมรู้สึกว่าใกล้จะถึงจุดหมาย ปรือตามองอีกฝ่ายแล้วกอดเขาเอาไว้

“ดีมั้ยครับ?” ผมพยักหน้ารัวๆ  ดีครับ ดีมาก พี่ทำให้อะไรๆ ก็ดีหมด  พี่นัททำเร็วขึ้น กำมือแน่นขึ้น

“อือ อ๊ะ...อ๊า!” ทุกอย่างกำลังไปได้ดีและในจังหวะที่ผมกำลังจะใกล้จุดหมายนนั้นพี่นัทก็สอดนิ้วเข้ามาอบ่างรวดเร็ว มันโดนกับจุดแปลกๆ ด้านในทำให้ผมปลดปล่อยออกมาแรงกว่าเดิม น้ำขาวขุ่นพุ่งสูงขึ้นมาเปรอเปื้อนแผ่นอกของผมและพี่นัท

ผมเกร็งกระตุก หยัดสะโพกหามือพี่นัทในขณะที่ปลดปล่อยไปด้วย จากนั้นก็หมดแรงลงไปซบกับไหล่กว้าง ผมหลับตาลง ความรู้สึกดีๆ เมื่อครู่นี้ยังคงวนเวียนอยู่ในช่องท้อง

“หนึ่งครับ”พี่นัทพูดเสียงนุ่มลูบหัวผมเบาๆ  ยิ่งทำให้ผมเคลิ้ม

“ครับ” ผมตอบไปก็หอบไป

“ดีมั้ยครับ?”

“ดีครับ” ดีมากๆ เลย...

“เสียวมั้ยครับ?” พี่นัทลูบลงมาตามลำตัวผมก็ยิ่งเคลิ้ม ยิ่งเพลิน

“เสียวครับ”

“ชอบมั้ยครับ?” ผมอมยิ้มและเม้มปาก เมื่อเขาลูบลงมาที่บั้นท้ายและช่วงขา เขาบีบเบาๆ ด้วยแรงมือกำลังดีเหมือนนวด ผมขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้เขาสัมผัวได้เต้มที่ก่อนจะกลับตาลง...สบายตัวจัง

“ชอบครับ” เรื่องที่ทำให้เสียใจมาตลอดอาทิตคลี่คลายแล้ว สิ่งที่อัดอั้นก็ปลดปล่อยออกมาหมดแล้ว สบายทั้งตัวสบายทั้งใจแถมยังได้เสียงนุ่มๆ คอยกล่อกับมืออุ่นๆ ของคอยลูบ ผมนี่ทั้งฟินทั้งเคลิ้ม

“พี่ขอเข้าไปในตัวหนึ่งได้มั้ยครับ?”

“...ได้ครับ” อืม พี่นัทเพิ่งแรงบีบตามต้นขาและบั้นท้าย ก็ยิ่งผ่อนคลาย ผมอมยิ้มแล้วหลับตาลง ซุกหน้าไปกับบ่ากว้างหาที่เหมาะเพื่อนอน

“งั้น…ฮึบ!”

“อ๊ะ...หวา!” อยู่ดีๆ ตัวผมก็ถูกยกขึ้นอย่างเร็วจนต้องกอดคอและเกี่ยวขากับเอวพี่นัทไว้เพราะกลัวตก

“ไปที่เตียงกัน”

หะ!!เมื่อกี้ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า?

“หะ...เห้ยๆ  พี่เมื่อกี้ผมไม่ได้ หวา!” พี่นัทโยนผมลงบนเตียงแล้วเข้าคร่อมอย่างรวดเร็วจนผมยังตกใจ

“ไม่สงสารพี่เหรอครับ หนึ่งสบายตัวไปแล้ว แต่พี่นี่สิ...” พี่นัทยืดตัวขึ้น ทาให้ผมได้เห็นแก่นกายของพี่นัทชัดๆ 

“อ...เอ่อ” ผมมองตรงส่วนนั้นของเขาตาค้างที่ชี้หน้าผมอยู่ ส่วนปลายสีก่ำ เส้นเลือดและขนาดของมันทำให้สมองหายไปอีกครั้ง

“หนึ่งช่วยพี่นะครับ?” พี่นัทพูดเสียงอ่อนและส่งยิ้มพลางจับแก่นกายแข็งๆ นั่นมาถูกับน้องชายของผมที่มันอ่อนตัวไปแล้ว พี่ครางออกมาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมาจูบปากและผละออกไป “นะครับ...ช่วยพี่นะครับ หนึ่งก็รู้ใช่มั้ยว่ามันค้างคาแบบนี้ มันจะทรมานขนาดไหน”

“ง...งั้นผมจะใช้มือ”

“...”

พี่เขาไม่ตอบ แต่มองมาด้วยสายตาอ้อนวอน เขาแยกขาผมออกแล้วดุนดุนส่วนปลายไปมากับก้นของผม น้ำสีใสเหนียวเหนอะไหลออกมาไม่หยุด เปื้อนจนของเขามันวาวไปหมด อีกทั้งยังร้อนผ่าวและแข็ง...คงจะปวดน่าดู

ผมลังเล ทั้งกลัวและอยากรู้ ผมเม้มปากหลุบตาลง แล้วมองไปที่พี่นัทอีกครั้ง...คงไม่แย่นักหรอกมั้ง

“พ...พี่ห้ามทำผมเจ็บนะ”

“อืม...เจ็บแค่นิดเดียวครับ เหมือนตอนโดนคุณหมอฉีดยาแค่นั้น”

เขาพูดแล้วทะเล้น ผมเลยบุ้ยปากใส่ไปทีนึง จะไปเหมือนกันได้ยังไง ของพี่มันใหญ่กว่าเข็มตั้งเยอะ

“ผ...ผมต้องทำยังไงบ้าง”

“หนึ่งเอื้อมไปเปิดลิ้นชัก แล้วหยิบของในนั้นให้พี่หน่อย”

“ครับ”

ผมหันไปเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงแล้วก็หยิบของข้างในออกมา เป็นหลอดคล้ายๆ ยาสีฟัน…เฮ้ย! เจลหล่อลื่นนี่หว่า

“หึหึ ถุงยางด้วยสิครับ หนึ่งอยากทำกี่รอบ ก็หยิบมาเท่านั้นเลยครับ”

ผมส่ายหน้าแล้วหันไปค้อนใส่เขา กี่รอบอะไรกันล่ะ ถ้าทำผมเจ็บนะ จะไม่ให้เขาแตะตัวผมอีกเลย...อ๊ะ แบบนั้นคงไม่ดี จะไม่ให้เขาแตะก้นผมอย่างเดียวดีกว่า

“หึหึ รอบเดียวเองเหรอ” พี่นัทโยนของไว้ข้างๆ ตัวผมที่นั้งเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูก เขาดันผมให้กลับไปนอนหงาย แล้วก็จับขาผมแยกออก ผมส่ายหน้าแล้วหุบขาตัวเอง ผิดส่วนน่าอายให้พ้นจากสายตาของอีกฝ่าย

“อ...อ่า ผมอาย”

“ไม่ต้องอายหรอกครับ ขอพี่ดูหน่อยนะ” พี่นัทไม่ได้บังคับให้ผมอ้าขาออก พี่แค่ลูบไปมาอย่างแผ่วเบา จากต้นขาไปถึงข้อเท้า แล้วก็ไล้เข้ามาตามต้นขาด้านในจนถึงส่วนอ่อนไหวของผม เพียงแค่นั้นผมก็ยอมแยกขาออกให้ดีๆ แล้ว

พี่นัทก้มลงมาจูบ สอดลิ้นเข้ามาแล้วก็ค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากลงมาที่คอเรื่อยมาจนถึงหน้าอกและหน้าท้อง แล้วก็ขึ้นมาจูบที่ปากผมอีก ผมอ้าปากให้พี่นัทจูบอย่างเต็มใจ ส่วนข้างล่างพี่นัทก็ชักรูดจนผมมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง

“อ่ะ! อื้อ” พี่นัทใช้จังหวะที่ผมเผลอสอดนิ้วเข้ามา ดันเข้าไปลึกแล้วก็ดึงออก สลับไปมาอยู่แบบนั้นจนผมหอบหายใจแรงขึ้น

“หนึ่งครับ”

“ค..ครับ”

“รู้มั้ยว่าตอนนี้เข้าไปกี่นิ้วแล้ว”

ผมพงกหัวขึ้นมองนิดหน่อยแล้วก็พยักหน้า ช้อนตามองอีกฝ่ายแล้วก็หันหนี

“นิ้วเดียว..” ผมเสียงสั่นตอนที่ตอบเพราะรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ  ที่เห็นพี่นัทค่อยเพิ่มนิ้วแล้วดันเข้าไปอย่างช้าๆ ความรู้สึดอึดอัดเริ่มแทรกซึมเข้ามา ผมกัดปากตัวเองแน่นมองดูนิ้วเรียงยาวที่หายเข้ามาในตัวผมเอง...

“แล้ว...นี่ล่ะครับ”

“สะ...สอง พี่ นั่น...นั่น” เสียงผมเริ่มขาดหาย รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง พอพี่นัทเพิ่มนิ้วผมก็ยิ่งรู้สึกตื้อๆ ขึ้นมาแต่มันก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดเลย พี่นัทใช้อีกมือหยิบหลอดเจลแล้วก็ยื่นมาให้ผม มือข้างล้างก็ยังขยับไม่ยอมหยุด และดูเหมือนจะเร็วขึ้นด้วย

“เปิดฝาให้พี่หน่อยครับ” ผมรับมาเปิดฝาให้ แค่หมุนเกลียวธรรมดา แต่กว่าจะหมุนออกผมทาเจลหล่นใส่หน้าตัวเองตั้งสองครั้ง มือไม้มันสั่นไปหมด พอเปิดเสร็จ ผมก็ยื่นคืน พี่นัทเอาไปบีบลงบนนิ้วขณะที่ดันเข้ามา

“หวา อา...” พอมีเจลช่วย มันก็ยิ่งลื่น ไม่รู้สึกฝืดๆ เหมือนตอนแรก แล้วความรู้สึกเสียดเสียวก็เริ่มเด่นชัดขึ้นมา

ผมมองพี่นัทที่ค่อยเพิ่มนิ้วเข้ามาอีกนิ้วนึง ผมรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเพราะกลัวเจ็บ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนรอจนพี่นัทดันเข้ามาจนสุด มันไม่มีความเจ็บเลยซักนิด ตรงกันข้าม มันอึดอัดแต่มันก็เสียวมากด้วยเหมือนกัน

“หนึ่งครับ นี่กี่นิ้ว”

“สาม…”ผมตอบเสียงเบาหวิว คว้าหมอนที่อยู่ใกล้มากอดแน่น เมื่อเขาขยับนิ้วทั้งสามนั้นจนผมครางเสียงหลง

เขาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น จนผมห้ามเสียงตัวเองไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่พี่นัทดันเข้ามา มันจะไปโดนจุดที่ทาให้สติผมกระเจิงทุกครั้งที่โดน

“อา อื้อ อะ” พี่นัทจับส่วนอ่อนไหวของผมพร้อมกับดันนิ้วเข้าออกที่ด้านหลัง พอโดนรังแกสองที่ในเวลาเดียว ผมก็ยิ่งสติแตก ครางจนลืมกลืนน้ำลาย ทำให้น้ำสีใสนั่นไหลออกมาจากริมฝีปาก พี่นัทก้มมาลงปาดเลียอย่างไม่รังเกียจ ผมอายแต่ก็รู้สึกดีกับการกระทำของเขาด้วย

“ดีมั้ยครับ?” ผมพยักหน้าตอบ พี่นัทก็ทำให้ผมเร็วขึ้น ยิ่งผมทำท่าจะเสร็จสมเขาก็เร่งจังหวะจนเกิดเสียเฉอะแฉะน่าอาย

“ดี...อ๊ะ พี่นัท อือ พี่ครับ อื้อ!”

หลังจากที่ผมปลดปล่อย เขาก็ดึงมืออก ผมรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาจนต้องหุบขาเข้าแต่ก็ติดตัวพี่นัท เขาส่งยิ้มให้แล้วขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะบีบเจลอีกครั้ง แล้วกลับมาแยกขาผมออกกว้างพร้อมกับดึงสะโพกให้ยกขึ้นสูงแล้วเอาหมอนมาลองไว้ข้างใต้

ผมตัวเกร็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อรู้ว่าใกล้ถึงเวลาของจริงแล้ว ยิ่งรู้ว่าโดนเจลเย็นนั้นป้ายไปทั่วช่องทางน่าอายนั่นก็ยิ่งสะดุ้งและขนลุกไปหมด

“ใจเย็นๆ นะครับ ไม่ต้องกลัว”

“อึก อือ...พี่นัท อ๊ะ” ผมขมวดคิ้ว พยามทำใจให้เย็นตามที่เขาบอกเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างพยายามดันเข้ามา ผมรู้สึกเจ็บหน่วงและอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ผมอยากรู้ว่ามันเข้ามาถึงแค่ไหนแล้วจึงผงกหัวขึ้นดู แต่ก็อยากจะยอมแพ้เมื่อเห็นว่า ของพี่นัทมันเข้ามาแค่ส่วนปลายเพียงเท่านั้น

“อืม นี่กี่นิ้วแล้วนะ” พี่นัทที่มองหน้าผมอยู่ก่อนแล้วก็ถามขึ้น

“อื้อ! พี่...พอ อะ” พี่นัทดันเข้ามาลึกกว่าเดิม  ผมส่ายหน้าแล้วจิกหน้าท้องตัวเองเพื่อระบายความอึดอัด พี่นัทส่ายหน้าแล้วดึงมือผมให้ทาบลงบนต้นแขนของเขาแทนที่จะจิกตัวเอง

“ชู่วว ใจเย็น...บอกพี่เร็วครับว่ากี่นิ้วแล้ว” ผมกลับมานอนแผ่ กอดหมอนแน่น แล้วส่ายหัวไปมากับเตียง

“พ…พี่ นั่นไม่ใช่นิ้ว อึก” นั่นมันไม่นวดแป้งของพี่!

พี่นัทหัวเราะในลำคอแล้วดันสะโพกเข้าหาสลับกับขยับออก ทำแบบนั้นจนส่วนที่ร้อนผ่าวเข้ามาหมด ผมกัดปากและหลับตาปี๋ เพราะมันเจ็บไม่ใช่เล่นๆ เลย ถึงแม้จะอยู่ในระดับที่ทนได้ แต่ก็ไม่เห็นช่องทางว่าผมจะรู้สึกดีกับมีเซ็กส์แบบนี้ได้เลย

“อือ หนึ่ง...ผ่อนคลายหน่อยครับ อย่ารัดพี่แน่นแบบนั้นสิ” เขานั่งนิ่งๆ พลางตบก้นเบาคล้ายกล่อมเด็ก ก่อนจะละมือมาด้านหน้า กอบกุมกลางกายผมเอาไว้แล้วรูดรั้งเพื่อปลุกเร้าอารมณ์

“พี่นัท ผมอึดอัด ผม...อ๊า อย่าๆ”  ผมดันหน้าท้องเขาออกเมื่อเขาเริ่มขยับสะโพก ถึงจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ก็ทำให้เสียดเสียวอย่างประหลาด

“อึก ดีมั้ยครับ ดีขึ้นรึเปล่า”

“อื้อ อ๊ะ...อะ” พอพี่นัทเริ่มขยับเร็วขึ้น ความเสียวก็พรั่งพรูขึ้นมาที่สมองทันที ผมสะดุ้งเผลอแยกขาออกกว้าง แะลหลุดเสียงร้องออกไป

“ไม่เจ็บแล้วเนอะ” พี่นัทยิ้ม ก้มลงมาประกบปากจูบ เราครางอื้ออึงกันในลำคอและเสียงของพี่เขาทำให้ผมยิ่งมีอารมณ์

“อือ...อ๊ะ อาๆ อึก“ ผมส่ายหน้าไปมากับที่นอนเมื่อพี่นัทผละออกไป เสียงครางน่าอายหลุดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อผมรับรู้ได้ว่ามันดีกว่าแค่นิ้วจริงๆ อย่างที่พี่เขาว่าไว้

“อืม ตองหนึ่ง...” พี่นัทเป่าลมออกจากปากแล้สเสยผมขึ้น เขาหยุดขยับไปครู่หนึ่งแล้วเท้ามือลงกับเตียง จากนนั้นก็ขยับสะโพกกระแทกเข้ามาแรงขึ้นและเร็วขึ้น จนผมสั่นคลอน

“อื้อ อึก อะ” ผมกัดปากเพื่อกลั้นเสียง ยกมือสองมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้แต่คนตัวสูงก็จับมือผมไปยึดไว้ที่หน้าท้อง แล้วกระหน่ำเอวลงมาไม่หยุด

“หนึ่งครับ อย่ากลั้น...ขอพี่ฟังเสียงหน่อยครับ”

ผมส่ายหน้าไม่ยอม เสียงน่าอายแบบนั้นใครจะไปอยากให้ได้ยินกันล่ะ พี่นัทหัวเราะเมื่อเห็ฯว่าผมดื้อ และเขาก็มีวิธีปราบเด็กดื้อด้วยการหยุดขยับ เปลี่ยนจากจัวหวะเร็วๆ เป็นการขยับช้าเนิบนาบ แต่ทุกครั้งที่เขาดันเข้ามามันลึกเสียจนผมกลั้นครางไม่ไหว

พอผมยังคงดื้อและพยายามขยับสะโพกออก พี่นัทก็เลยปัดปัญหาโดยการยกขาผมขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง สะโพกผมลอยขึ้นจากที่นอน รองรับกับสธโพกของเขาที่ขยับลงมาอย่างพอดิบพอดี

“อึก อ๊ะ อื้อ”

พี่นัทกลับมาขยับสะโพกเร็วขึ้นอีก พร้อมกับก้มลงจูบผมไปด้วย จังหวะที่สับเปลี่ยนทำให้ผมเกร็งตัว ไม่นานก็ปลดปล่อยออกมาจะเลอะหน้าท้อง แต่พี่นัทก็ไม่หยุดเขายึดสะโพกผมเอาไว้ ดึงเข้าหาตัวและขยับสะโพกเข้าหาอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะๆพ..พี่ ฮะ ช..ช้า” ผมแค่จะบอกให้ช้าๆ ลงหน่อย แต่เหมือนพี่เขาจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

“ซี๊ด ดีมากครับ อืม...” พี่นัทครางอย่างพึงพอใจแล้วขยับเร็วขึ้น ผมที่โดนกระแทกจนตัวสั่นปลดปล่อยออกมาอีกครั้งหนึ่ง แล้วพี่นัทก็กดสะโพกผมลงกับเตียง ดันเข้ามาลึกมากๆ  จนผมเสียวแปล๊บ เขาเกร็งกระตุกและหยุดนิ่งไป ผมเห็นเส้นเลือดที่ท่อนแขนพี่นัทขึ้นเป็นเส้นอย่างชัดเจน จนผ่านไปซักพักก็ซบลงมาที่ซอกคอผม

ตอนนี้ทั้งห้องมีแต่เสียงหอบหายใจของผมและพี่นัท จนเวลาไปผ่านครู่ใหญ่ๆ  ผมที่เริ่มรู้สึกหนัก ก็ดันตัวพี่นัทให้ลุกขึ้น

เขาหัวเราะและยันตัวขึ้นถอนร่างกายออกไป ก่อนที่จะผละออกก็ไม่วายจูบผมจนปากเจ่อไปหมด ผมนอนแผ่อ่าซ่า หมดแรงจะขยับตัว ไม่มีปัญญาแม้แต่จะหยิบผ้าห่มมาคลุมอ่ะ  มันเมื่อยไปหมดเลย

พี่นัทลุกขึ้นไปทาอะไรบางอย่างที่หัวเตียงแล้วก็กลับมาจูบไปตามตัวผม บีบนวดไปซักพัก แล้วก็พลิกตัวผมให้นอนคว่ำ ผมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะคิดว่าพี่นัทจะนวดให้ แต่พคนนิสัยไม่ดีดัยจับบั้นท้ายผมแอ่นขึ้น ใช้หมอนใบเดิมรองด้านหน้า แล้วพี่นัทก็ทาบทับเข้ามาอยู่ทางด้านหลัง

“พี่! จะทำอะไร” ผมถามเอี้ยวตัวไปถามพี่นัท พอเห็ฯว่าเขากำลังใส่ถุงยางอีกครั้งก็ ตาตื่นรีบขยับหนี แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะฝ่ามือใหญ่ๆ นั้นคว้าข้อเท้าผมเอาไว้ ออกแรงดึงให้กลับไปนอนอยู่ที่เดิม ก่อนจะดันตัวเข้ามาทีละนิดๆ ผมอ้าปากและเชิดหน้าขึ้น เพราะรู้สึกว่าท่านนี้ทำให้เข้ามาลึกมาก อีกทั้งยังระบมไปหมด

“หนึ่ง ดีมากเลยครับ อืม ดีมาก” ผมพึมพำ ก้มลงมาพรมจูบไปตามหัวไหล่พร้อมกับขยับสะโพกเข้าหา ผมมุดหน้าลงกับเตียง แอ่นสะโพกขึ้นรับกับจังหวะที่รุนแรงขึ้น

“ฮ๊ะ! ไหน...พี่บอก...อื้อ แค่ครั้งเดียว อึก”

“อืม...พี่ใจดี พี่แถมให้” แล้วพี่นัทก็เริ่มขยับสะโพกเร็วขึ้น

ผมไม่สามารถเถียงอะไรได้อีก เพราะผมๆ ไม่สามารถพูดได้ เสียงที่ออกมาจากปากผมหลังจากนั้น มีแต่เสียง คราง

 

พี่นัท’s part

“อืม...” ร่างนุ่มนิ่มที่หลับสนิทครางออกมาเบาๆ เมื่อผมไล่มือไปตามแก้มนุ่มๆ  ตอนนี้มันปาเข้าไปเกือบจะบ่ายสามแล้ว แต่ตัวเล็กนี่ยังไม่มีท่าทีจะตื่นเลย พอผมปลุก ก็เอาแต่งึมงำๆ  เหมือนบ่นผมอยู่ในลำคอ

ผมไม่เคยเห็นมุมตื่นยากแบบนี้ของเขาเลย ไปนอนห้องตองหนึ่งก็บ่อย แต่ก็ตัวเล็กนี่ก็ตื่นตรงเวลาตลอด แต่ทำไมครั้งนี้ขี้เซาจัง

“หนึ่งครับตื่นเถอะนี่มันเย็นแล้วนะ” ผมขยับไปกอดแน่นๆ  แล้ว ส่งเสียงปลุดแล้วพรมจูบไปทั่วแก้มนุ่มอย่างหลงไหล...ผมหลงไหลเขา ผมชอบเขา ตองหนึ่งน่ารักตรงใจผมทุกอย่าง

“อืม งึมๆ ”

เห็นเขางึมงำแบบนั้นก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ตองหนึ่งพลิกตัวหนีแต่ผมไม่ให้หนีหรอก ทางนี้รัดไว้หมดแล้ว

“ม่ยอมตื่นดีๆ  พี่ก็ต้องใช้วิธีปลุกของพี่นะครับ”

“...”

“พี่เตือนแล้วนา...”

ผมดันตองหนึ่งให้นอนคว่ำ ก้มลงไปขบจนเกิดรอยแดงนิดหน่อยตามหัวไหล่ เลื่อนไปที่ต้นแขน สะบักไหล่ และแผ่นหลัง ตองหนึ่งแค่ขยับตัวนิดหน่อย แล้วก็นิ่งไป ผมเลยเริ่มกัดลงมาที่สะโพก แต่ดุนลิ้นไปตามผิวหอมเนียน

“ฮืม...” คราวนี้ตองหนึ่งเริ่มครางออกมาแล้วเงียบไป ผมไม่หยุด ลงเขี้ยว ขบกัดไปที่เนินบั้นท้ายนุ่มๆ  แล้วขบไปทั่ว ตอนนี้แผ่นหลังและสะโพกตองหนึ่งมีแต่รอยกัดและดูดจากผม แต่เจ้าเตี้ยขี้เซาแค่พลิกตัวนอนหงายหลบแผ่นหลังจากปากผมแค่นั้นเอง

และอย่าคิดว่าผมจะหยุด ปากผมมันกัดไปได้ทุกที่

ผมจับขาตองหนึ่งยกขึ้นข้างนึง แล้วไล่ดูดสลับกัดจนเกิดรอยแดงจางๆ  ตั้งแต่ข้อพับขามาจนถึงต้นขาด้าน และหากว่าเขายังไม่ตื่น ผมคงต้องใช้ปากกับ....

“พ...พี่...ผมตื่นแล้ว” และขณะที่ผมกำลังจะก้มลงไปที่ก้อนนุ่มนิ่มตรงหว่างขา ตองหนึ่งก็ตื่นขึ้นมาดันหัวผมออกและบอกด้วยเสียงแหบเซ็กซี่ ผมยิ้มเพราะถูกใจเสียงแบบนั้นของเขา สงสัยคงต้องทำให้แหบบ่อยเสียแล้ว

“หืม? ทำไมรีบตื่นล่ะครับ พี่อยากจะปลุกต่ออีกซักหน่อย”

ตองหนึ่งพยุงตัวลุกขึ้น ผมเลยจัดการอุ้มมานั่งบนตักแล้วเอาผ้าห่มห่อไว้กันลมเย็นๆ จากแอร์

“ก็พี่อ่ะ” ตองหนึ่งดันตัวผมออกแล้วก็มองผมตาขวาง นี่ผมผมคงทำให้น้องไม่พอใจซะแล้ว ต้องจุ๊บเอาใจเสียหน่อย ผมก้มลงไปจุ๊บที่หน้าผากทีนึง ตองหนึ่งยังทำตาขวางอยู่ ผมก็เลยจุ๊บที่ปากแรงๆ ไปอีกที แล้วก็เพราะว่ามันเขี้ยวเลบแกล้งจูบเพิ่มไปอีกที

“พี่ใจดี แถมให้อีกทีครับ”

“พี่นัท! แค่กๆ อื้อ” ตองหนึ่งตะเบ็งเสียงใส่ผมเลยทำให้เขาไปออกมา ผมมองตัวเล็กที่ลูบคอตัวเองพลางกระแอมเรียกเสียงตัวเอง

“เจ็บคอเหรอครับ?”

“แค่เสียงหายครับ เพราะพี่นั่นแหละ..”

ผมยื่นไปลูบบริเวณลำคอขาวๆ  ผมกลืนน้ำลาย เห็นลำคอสวยๆ แล้วอยากทำรอบ

“ถือว่าโชคดีนะที่ไม่เจ็บคอ...ทั้งที่เมื่อคืนก็ร้องซะขนาดนั้น”

พอพูดจบ ผมก็ได้กำปั้นจากตองหนึ่งทุบที่หน้าอกเลยทันที ผมยิ้มขพ อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปฟัดแก้มเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็โดนเขาตีลงมาอีก เห็นแล้วมันน่าเอ็นดู พวกที่อายแล้วรุนแรงแบบนี้เนี่ย

“พอเลยพี่นัท ผมหิวครับ”

“หึหึ เดี๋ยวพี่ไปหาอะไรอุ่นๆ มาให้ดื่มนะ” ผมดันหนึ่งให้นั่งบนเตียงแล้วผมก็ลุกขึ้น หนึ่งดูตกใจ อ้ำๆ อึ้งๆ  หน้าแดงขึ้นมาอีก เพราะผมไม่ได้ใส่อะไรเลย ผมยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วสองสามทีให้ แล้วเดินไปที่ห้องครัวในสภาพแบบนั้น ไม่หาอะไรมาใส่ด้วย ให้เขาได้มองบ่อยๆ  จะได้ชินเร็วๆ ไงครับ

ผมเดินไปที่โซนครัวเล็กๆ  เทนมแล้วเอาไปอุ่นที่ไมโครเวฟ แล้วผมก็กลับมาทำของผมต่อ

“หนึ่งเอาขนมปังด้วยมั้ยครับ”

เจ้าเตี้ยที่นั่งจุ้มปุ้กอยู่บนเตียงพยักหน้า ผมก็หันมาทำต่อจนเสร็จ ใส่ถาดเล็กๆ  แล้วนำไปเสิร์ฟให้ถึงที่

ผมยกกาแฟขึ้นมาจิบ ตองหนึ่งทำจมูกฟุดฟิด แล้วชะเง้อมองในแก้วผม

“พี่กินอะไร” เสียงแหบนั่นถามออกมา

“กาแฟครับ ชิมมั้ย?”

ผมเป่าไล่ความร้อนนิดหน่อยแล้วยื่นแก้วไปให้ตองหนึ่งชิม

“ชอบมั้ยครับแลกกันมั้ย?”

หนึ่งมองแก้วในมือผมสลับกับนมอุ่นๆ ในมือตัวเองเหมือนพิจารณารสชาติอยู่ สักพักก็ยกนมอุ่นของเองขึ้นมาจิบ น่ารักจังว้า~

“ผมชอบนมนี่มากกว่าครับ”

ตองหนึ่งพูดแล้วก็ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ ข้างซ้าย โง้ย~ น่ารักอีกแล้ว เห็นท่าทางน่าฟัดของเขาแล้วก็อยากจะขอแบบเมื่อคืนอีกซักหลายๆ รอบ

ผมก็คิดอะไรของผมเพลินๆ  เจ้าตัวเล็กก็ยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บที่ปากผม แล้วก็ค่อยๆ กลับไปนั่ง ผมมองเขายิ้มๆ ยกมือขึ้นลูบปากตัวเองแล้วทำท่าทางทะเล้นใส่เขาไป

"อยู่ๆ มาจุ๊บทำไม แต๊ะอั๋งพี่เหรอตัวเล็ก"

“รางวัลไงครับ” ตัวเล็กตอบเสียงเบา แล้วก็ยกนมขึ้นมาดื่มอั่กๆ  จนผมต้องยั้งเขาเอาไว้ เพราะเดี๋ยวจะเขินจนโดนนมลวกปาก ผมหัวเราะมองคนที่เขินจนหน้าแดง เป็นคนแต๊ะอั๋งเค้าเอง แล้วมาทำเป็นเขิน งุ้ยๆ มันน่านัก

“นี่ครับๆ  ขนมปังแยมวานิลลานะ” ผมหยิบขนมปังไปยื่นให้ ตองหนึ่งก็รับไปกัดคำใหญ่ แล้วก็เคี้ยวจนแก้มตุ๋ย คำแรกยังไม่ทันหมด ก็กัดคำใหม่เข้าไปอีก จนตอนนี้แก้มกลมๆ ทั้งสองตุ่ยออกมา

“อร่อยมั้ย?”

“อื้ม อร่อยมากๆ เลยครับ” ตองหนึ่งพยักหน้าหงึกหงักแล้วอมยิ้มน่ารักๆ

“กินแล้วอย่าลืมให้รางวัลพี่ด้วยนะครับ”


...สโลแกนต่อจากนี้ไปก็คือ...
เป็นตองหนึ่งทำใจ โดนพี่นัทฟัดเยอะแค่ไหนก็ต้องอดทน

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
12 : หนึ่ง...


    หลังจากพี่พี่นัททวงรางวัลจนพอใจแล้ว เขาก็พาผมไปอาบน้ำและหาเสื้อผ้าให้ใส่ เขาพาผมมานั่งที่โซฟาและรื้ออัลบั้มรูปต่างๆ ออกมาให้ผมดูมากมาย เพราะตอนที่อาบน้ำผมมองไปที่กรอบรูปด้วยแววตาสงสัย พี่แกก็เลยเข้าใจผิดไปว่าผมไม่เชื่อเรื่องที่เขาบอก...แต่ผมเชื่อเขานะ

ผมนั่งดูรูปไปเรื่อยๆ ระหว่างรอพี่นัทเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว แต่ละรูปดูแล้วน่ารักมาก พี่นัทกับพี่พายเหมือนจะเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก เขาแกล้งกัน เล่นกัน เหมือนพี่น้องทั่วไปที่รักกันดี ผมเปิดอัลบั้มไปทีละหน้า ดูไปทีละรูปจนมาถึงรูปหนึ่ง ทั้งหน้ามีเพียงรูปใบเล็กใบเดียว รอบๆ มีสติ๊กเกอร์รูปดอกไม้แล้วหัวใจเต็มไปหมด ในรูปเป็นเด็กชายหน้าตาคล้ายพี่นัทในชุดนักเรียนประถมนั่งอยู่บนตักผู้หญิงผมดำหน้าตาสะสวย ที่ใส่ชุดสีฟ้าลักษณะคล้ายๆ ผู้ป่วยในโรงพยาบาล

ผมมองรูปใบนั้นด้วยความสงสัย การที่เขาเอารูปใบเล็กนี้ไว้หน้าเดียวแถมรอบๆ ก็ตกแต่งอย่างสวยงามแบบนี้ บ่งบอกว่าผู้หญิงในภาพสำคัญสำหรับพี่นัทมากๆ

ผมหันไปมองคนตัวสูงที่กำลังใส่เสื้ออยู่ อยากจะถามแต่ก็ดูเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป แต่ความอยากรู้ของผมมันกำลังพลุ่นพล่าน หรือว่าจะเป็นคุณแม่ของเขา… อาจจะเป็นไปได้เพราะเมื่อวานพี่นัทบอกว่าเขากับพี่พายเป็นพี่น้องคนล่ะแม่กัน

ฟอด!

“อื้อ!” เพราะผมมัวแต่คิดเรื่องรูป พี่นัทแอบมาหอมแก้มก็เลยตกใจนิดหน่อย วันนี้ผมโดนพี่นัทหอมแก้มกับจุ๊บเล็กจุ๊บน้อยบ่อยมาก บ่อยจนแก้มช้ำปากช้ำ ช้ำไปทั้งตัวแล้ว

“เชื่อยังครับว่าพี่กับพี่พายเป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ ”

“ผมไม่ได้ไม่เชื่อพี่ซักหน่อย” พี่นัทยิ้มให้แล้วกระโดดข้ามโซฟามานั่งข้างๆ ดึงผมเข้าไปกอดไว้ ผมเงยหน้ามองเขาแล้วบุ้ยปากใส่

“แล้วทำไมตอนมองรูปในห้องน้ำถึงจ้องแบบนั้นล่ะครับ อยากรู้อะไรหนึ่งก็ถามพี่มาเลยสิครับ”

พี่นัทก้มหน้าซุกไหล่ผมแล้วโยกตัวไปมา ผมมอมยิ้มเอนตัวพิงเขา ดมกลิ่นหอมสดชื่นจากอีกฝ่าย ผมชอบกลิ่นพี่นัทนะ ดมกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

“ผมก็แค่มองเฉยๆ ครับ แต่ที่ผมอยากรู้จริงๆ คือทำไมอาทิตย์ที่แล้วพี่ถึงไม่ค่อยคุยกับผมเลยล่ะครับ ไม่ให้ผมทำงาน ไม่ให้ผมทำอะไรเลย ผมรู้สึกแย่มากเลยนะ”

ผมแกะมือพี่นัทออกแล้วหันไปจ้องหน้า นี่คือคำตอบที่ผมอยากรู้ ถ้าผมทำอะไรที่พี่นัทไม่พอใจ ผมจะได้เลิกทำ ผมไม่อยากให้พี่นัทรู้สึกว่าผมไม่มีตัวตน ไร้ประโยชน์แบบนั้นอีก

“โห...นั่นเป็นประโยคที่หนึ่งพูดยาวที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมาเลยนะเนี่ย ขออัดเสียงไว้ได้มั้ยครับ”

“...” ผมถึงกับถอนหายใจและมองบนใส่เขาที่ทำตาโต เหมือนกับว่าการที่ผมพูดยาวขนาดนนั้นมันเป็นเรื่องแปลกหยักหนา แต่นี่มันใช่เวลามาเล่นมั้ยเนี่ย ผมอยากรู้จริงๆ  นี่ซีเรียสนะครับ

“ฮ่าฮ่าฮ่า  พี่ขอโทษครับ ตอนนั้นพี่แค่แกล้งหนึ่งเล่นเอง ก็ตอนที่หนึ่งทำตัวเหมือนหึงพี่มันน่ารักมากๆ เลยนี่ครับ พี่ไม่เคยเห็นหนึ่งอารมณ์เสียแล้วก็ต้องการพี่แบบนั้นมาก่อน แต่พี่ดันได้ใจไปหน่อยเผลอแกล้งแรงไปจนทำให้หนึ่งร้องไห้เลย”

ระหว่างที่พูดพี่นัทก็บีบแก้มผมไปด้วย พอพูดจบก็ก้มลงมาจูบที่หน้าผาก ถึงพี่เขาจะมาอธิบายแล้วก็เถอะ แต่ทำแบบนั้นมันไม่ดีเลย ผมคิดมากจนนอนไม่หลับเลยนะ

“...พี่นี่นะ นิสัยไม่ดี”

“ครับๆ พี่นิสัยไม่ดี หนึ่งคงต้องลงโทษพี่แล้วล่ะ ทำโทษพี่เลย พี่พร้อมแล้ว มามะ...”

“ม...ไม่ทำครับ ผมไม่ได้โกรธขนาดนั้น” ผมก้มหน้าหลบสายตากรุ้มกริ่มของคนตรงหน้า ผมไม่ไว้ใจไอ้คำว่าลงโทษของพี่นัทเลยซักนิด คนจะโดนลงโทษที่ไหนเขาทำสายตาแวววาวถูกใจแบบนั้นกันเล่า

พอเห็นว่าผมไม่ทำอะไรเขาก็หัวเราะ ดึงผมขึ้นไปนั่งตักแล้วกอดเอวผมเอาไว้

“หึหึ พี่ขอโทษนะครับ” พี่นัทพูดแล้วจูบเบาๆ ที่แก้มหนึ่งที

“แล้ว...ทำไมพี่ไม่ยอมให้ผมทำอะไรเลย ผมรู้สึกไร้ประโยชน์มากๆ ”

“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ต้องการให้หนึ่งรู้สึกแบบนั้นนะครับ ก็ตอนนั้นพายมันมาขอให้พี่ช่วยเรื่องของมัน พี่ก็เลยใช้ให้มันทำงานในร้านทุกอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน ไม่ได้อยากให้หนึ่งรู้สึกแบบนั้นเลยนะครับ แค่อยากให้นั่งเฉยๆ เป็นเจ้าชายน้อยใจในพี่”

“เจ้าชายอะไร...”

ผมพึมพำ เขาจะให้ผมอยู่เฉยๆ เพราะอยากให้ผมเป้ฯเข้าชายเหรอ คิดอะไรของเขากันล่ะนั่น ผมหัวเราะกับความคิดของเขา พี่นัทก็หัวเราะตามแล้วจูบแก้มผมไปอีกทีหนึ่ง

“หนึ่งไม่มีทางไร้ประโยชน์สำหรับพี่แน่นอน อย่างน้อยก็มีประโยชน์ต่อหัวใจของพี่”

จบประโยคเสี่ยวๆ นั่นพี่แกก็หอมแก้มผมไปอีกสองฟอด บอกแล้วว่าอยู่กับพี่เขาอ่ะ ผมเปลืองตัวสุดๆ แต่หลังจากที่เขาอธิบายมาแบบนั้นผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเลย จะมีก็แต่อีกเรื่องที่ยังตาใจ...จะถือเแ็นความงี่เง่าของผมเองก็ได้ แต่ผมอยากรู้

“ปลเว…ทำไมตอนที่ผมขอลาออก พี่ถึงอนุญาตให้ผมออกง่ายๆ ล่ะครับ พี่ไม่อยากยื้อผมไว้เหรอ”

“พี่ขอโทษครับ...แต่พี่ถามหนึ่งแล้วว่า คิดดีแล้วเหรอ หนึ่งก็ยังยืนยัน อีกทั้งเห็นว่าหนึ่งดูไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกัน พี่ก็เลยไม่อยากบังคับเราไว้”

“ก็พี่ทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆ”

“พี่ขอโทษ พี่ผิดเองครับ ไม่โกรธพี่เรื่องนั้นนะ” เขารัวจูบลงบนหัวไหล่ผมหลายครั้ง แต่ผมก็ยังไม่ได้ตอบอะไรไป ได้แต่อมยิ้มแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น เรื่องนั้นผมก็ไม่ได้โกรธ แต่อดที่จะเคืองไม่ได้ ทีตอนที่อยากให้ยื้อล่ะไม่ยื้อ ปล่อยไปง่ายๆ เลย

“...”

“พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่นะครับคนดี”

พี่นัทจูบไปทั่วใบหน้าของผม ปากนุ่ม แตะเบาไปตามหน้าและลำคอ นั่นทำให้ผมรู้สึกดีมาก เงยหน้าให้พี่นัทจุ๊บลงมาอย่างสะดวก เผยอปากรอด้วย เผื่อว่าพี่เขาอยากจะจูบขอโทษด้วย เขาดึงเอวผมให้แนบชิดแล้วปากก็ประกบพร้มอเลียงลิ้นนุ่มที่กวาดไล้ไปทั่วโพรงผากอย่างนุ่มนวล ใขณะที่ผ่ามือด็สอดเข้าไปใต้เสื้อ ลูบไปมาตามแผ่นหลัง ผมไม่ได้ว่าอะไรหากเขาจะลูบอยู่แค่ตรงนั้น แต่นี่พี่แกดันขยับมาที่แผ่นอก เดี๋ยวนะ..ไม่ใช่ละ นี่มันเกินกว่าจูบแล้ว!

“พี่นัท! พี่สำนึกผิดจริงป่ะครับ เผลอไม่ได้เลยนะ”

ผมรีบดึงมือพี่นัทออกจากเสื้อ โวยวายกอดอกตัวเองแล้วจ้องหน้าเขา ตอนนี้ยอดอกผมมันแดงและบวมนิดๆ ผมจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเวลาที่โดนสัมผัส มันไม่แปลกที่ผมจะเจ็บในที่แบบนั้นก็เมื่อคืนผมโดนเขาจับดูดจับบีบซะแทบจะหลุดติดปากพี่เขาไป

“สำนึกสิครับ แต่พี่ถือคติจะง้อคนก็ต้องใจร่มๆ  เอาน้ำเย็นเข้าลูบ”

“...” ผมมองหน้าพี่นัทเพราะไม่เข้าใจคำที่เขาพูด ง้อคนเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกันที่พี่นัทจะแต๊ะอั๋งผมอีก

“แต่ตอนนี้พี่ไม่มีน้ำเย็นเลยต้องใช้มือลูบแทนครับ”

“โว๊ะ! พี่นี่...”

พอได้ยินคำพูดกะล่อนๆ ของเขาผมก็กลอกตาไปมา ทำท่าจะขยับลงจากตักของเขา แต่พี่นัทไม่ยอม กอดตัวผมเอาไว้แน่นกว่าเดิม

“โธ่~ พี่ขอโทษจริงๆ ครับ นี่พี่นึกว่าเรื่องนี้จะเคลียร์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะเนี่ย”

“ใครจะไปเข้าใจ พี่ไม่อธิบายอะไรเลย มาถึงก็จับผมอาบน้ำแล้วก็...ทำ..อะไรก็ไม่รู้”

ผมอ้อมแอ้มตอบตรงช่วงท้าย นึกถึงเรื่องที่ทำเมื่อคืนแล้วมันน่าอายมาก เหมือนไม่ใช่ผมเลยทั้งคำพูดและท่าทาง นั่นมันไม่ใช่ผมเลยแม้แต่น้อย!

“พี่ต้องทำยังไงหนึ่งถึงจะหายโกรธพี่ครับ ไม่เห็นหนึ่งยิ้มแบบนี้พี่รู้สึกเหมือนจะขาดใจรอนๆ แล้วเนี่ย” พี่พูดแล้วก็จับมือผมไปกุมไว้ตรงหน้าอก แถมเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ อีก ดูคำพูดคำจาเขาสิครับ กะล่อนไม่มีใครเกิน

“ผมไม่ได้โกรธแล้วครับแต่พี่อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ผมรู้สึกไม่ดีเลย”

ผมดึงมือออกแล้วก็เตรียมตัวลุก ว่าจะลงไปข้างล่าง แต่พี่นัทดึงมือผมให้ลงไปนั่งเหมือนเดิม กอดไว้ แล้วก็เอาคางเกยไหล่อีกครั้ง

“สัญญาว่าจะไม่แกล้งแบบนั้นแล้วครับ”

พี่นัทยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าผมพลางกระดิกไปมา ริมฝีปากได้รูปยิ้มกว้างจนดวงตาใต้กรอบแว่นนั้นหยีจนแทบปิด ผมยื่นนิ้วก้อยออกไปแตะเบาๆ  พี่เขาก็เกี่ยวนิ้วก้อยเขาเข้ากับนิ้วของผม แล้วก็แกว่งไปมา ก่อนที่เขาจะก้มลงมาจรดริมฝีปากลงบนนิ้วก้อยของเรา ผมยิ้มกับสิ่งที่พี่นัททำ ถึงจะดูกะล่อนไปและเสี่ยวไปบ้าง แต่การกระทำแบบนั้นของเขาผมว่าน่ารักดี

“พี่สัญญาแล้วนะครับ ถ้าแกล้งอีกผมจะตีพี่เลย”

“น่ารักจริงๆ ” พี่นัทพึมพำออกมาแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่นๆ  คลายออกแล้วก็พรมจูบไปมาตามซอกคอ มือก็ไม่อยู่สุขลูบไปตามแขนและต้นขาของผม

“พี่นัท ผมหิวแล้ว”

“ครับ พี่ก็หิว...” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่พี่นัทก็ยังไม่ยอมหยุด แถมล้วงเข้ามาในขากางเกงผมแล้วด้วย

“งั้นไปกินข้าวกันครับ” ผมพูดเสียงดัง ผลักพี่นัทออกแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกมาทันที ได้ยินเสียงพี่นัทบ่นแว่วๆ

“โธ่ พี่อยากกินตองหนึ่งมากกว่ากินข้าวนี่นา”

ผมนี่รีบเดินลงมาข้างล่างทันที ที่โดนทำไปเมื่อคืนยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย เดินก็ไม่สะดวก ปวดเมื่อยตัวไปหมด เอวยิ่งปวด เมื่อเช้าที่ตื่นมานี่นึกว่าเอวหักไปแล้ว ผมเดินหนีลงมาข้างล่างก็เห็นพี่พายกำลังเก็บของเข้าตู้เย็นอยู่จึงรีบเดินเข้าไปช่วย

“สวัสดีครับพี่พาย  ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย”

“ก็พี่นัทใช้ให้พี่ไปซื้อของสดมาเก็บไว้น่ะสิ”

“พี่หิ้วมาคนเดียวหมดนี่เลยเหรอครับ” จากที่เห็นนี่มันเยอะมากเลยนะ ไม่ได้มีแค่ของสดนะ มีทั้งผัก ผลไม้ นมและขนมอีก

“ใช่ค่ะ หนักมากแขนพี่จะหลุด” พี่พายเหวี่ยงแขนตัวเองไปมา แล้วก็จัดการเก็บของต่อ ผมก็หัวเราะฟังพี่พายพูดบ่นพี่นัทไปเรื่อย

พี่พายคงโดนใช้โหดน่าดู ทั้งช่วยพี่นัททำเค้ก ทำเครื่องดื่ม ซื้อของ และถ้ารวมงานในส่วนของผมด้วยนี่ พี่พายแทบจะทำทุกอย่างในร้าน ซึ่งผมว่ามันหนักเอาการอยู่นะ พี่นัทนิสัยไม่ดีจริงๆ ผมมองไปทางบันใด พอไม่เห็นวี่แวว่าพี่นัทจะเดินลงมาก็ขยับตัวเข้าไปใกล้พี่พายแล้วถามบางอย่างออกไป

“พี่พายครับ คือ...พี่กับพี่นัทรู้จักกันมานานยังครับ?”

“รู้จักตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ พี่นัทยังไม่ได้บอกหนึ่งเหรอว่าพี่กับเขาเป็นพี่น้องกัน”

“...บอกไปตั้งสองรอบแล้ว แต่หนึ่งไม่ยอมเชื่อพี่ซักที พี่รู้สึกน้อยใจขึ้นมาแล้วนะเนี่ย”

พี่นัทที่เดินมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ตอบแทนด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกเหมือนเขาน้อยใจผมจริงๆ ผมนี่กลืนน้ำลายหลบตาวืดเลยตอนที่เขามองมา คือ...ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อที่พี่นัทบอกนะ แต่ที่ถามพี่พายด้วยก็เพื่อความมั่นใจไงครับ



แต่ก่อนหน้านี้ผมเชื่อพี่นัทไปแล้ว 90% เลยนะ...พี่พายที่เก็บของเสร็จแล้วเดินไปหาพี่นัทแล้ววางมือบนบ่าแล้วตบเบาๆ คล้ายปลอบใจ แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มเยาะเย้ย

“สมน้ำหน้า ฮ่าฮ่าฮ่า”

“จะไปไหนก็ไปเลยไป” พี่นัทมองพี่พายด้วยหางตาแล้วสะบัดไหล่หนี เดินดันหัวพี่พายไปที่ประตู

“เดี๋ยวๆ  นี่ไม่ห่วงน้องเลยเหรอ ใจคอจะไล่กันจริงๆ เหรอ ข้างนอกฝนตกนะพี่นัท”

พี่นัทหยุดดันหัวพี่พาย แล้วเดินกลับเข้ามาเพื่อเอาร่มไปยื่นให้ เธอทำหน้ายู่ยี่แต่ก็ยอมรับร่มแล้วเดินออกไปดีๆ  แต่ถึงแม้ว่าร่มจะคันใหญ่แต่ลมค่อนข้างแรงพี่พายก็เลยโดนฝนสาดจนเปียกไปครึ่งตัว

หลังจากพี่พายขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว พี่นัทก็เดินกลับมาจับผมให้นั่งบนเก้าอี้สูงโดยไม่พูดอะไร เขาเดินไปใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายทางเรียบๆ แต่ดูมุ้งมิ้ง จากนั้นก็หยิบของในตู้เย็นออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะ

“พี่จะทำอาหารเองเหรอครับ?” ผมมั่นใจว่าพี่นัททำขนมอร่อยมากแต่ไม่เคยเห็นพี่นัททำอาหารคาวเลย พี่เขาไม่ได้ตอบผมแค่เงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆ ให้แค่นั้น

“…”

เงียบแบบนี้ ทำหน้าแบบนี้ อย่าบอกนะว่า...พี่นัทงอนผมน่ะ แต่จะใช่เหรอ? คนอย่างผมเนี่ยนะจะทำพี่เขางอนได้

“เอ่อ..พี่ครับ ให้ผมช่วยมั้ย? ผมหั่นผักได้นะ”

“นั่งรอเฉยๆ ดีกว่าครับ”

พูดโดยที่ไม่หันมามองเลยแม่แต่น้อย บู่ว~ เขางอนผมจริงๆ ด้วย พี่นัทขี้งอน

ผมนั่งเท้าคางมองเขาทำอาหาร ถึงจะไม่ใช่ขนม แต่พี่นัทก็ยังทำอย่างคล่องแคล่ว หั่นโน่น ผัดนี่ ดูแล้วไม่เบื่อเลย แถมยังดูมีเสน่ห์มากๆ เลยด้วย แล้วเวลาผ่านไปไม่นานข้าวผัดทะเลจานโตก็ถูดวางลงด้านหน้าผม กลิ่นหอยฉุย ข้าวสีสวย ปลาหมึกและกุ้งตัวใหญ่ที่แกะเปลือกออกเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผมตาโตแล้วรู้สึกหิวจริงๆ ขึ้นมาทันที

“ผมกินเลยนะครับ” ผมยิ้มให้ จับช้อนเตรียมตักข้าว พอพี่นัทพยักหน้าผมก็จัดการจ้วงใส่ปากทันที และพบว่าไม่ได้ดูดีแค่หน้าตา รสชาติก็อน่อยมากๆ อีกด้วย พี่นัทนี่ก็จะเก่งเกินไปแล้วนะ ทำขนมก็อร่อย ทำข้าวก็อร่อยอีก ใครได้เป็นแฟนนะโชคดีตายเลย

“...”

“อร่อยมากเลยครับ ผมชอบข้าวผัดที่พี่ทำมากๆ เลย”

“ครับ...”

ผมทานไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันเงียบเกินไป ก็ทุกทีพี่นัทจะชวนผมคุยแต่วันนี้พี่เขาแค่นั่งกินเงียบๆ พอผมมองไปมากๆ เข้าพี่แกก็แค่เงยหน้ามายิ้มให้แล้วก้มลงก็ทานต่อโดยไม่ได้พูดอะไร ผมนั่งกินสลับมองไปพี่นัท สมองก็คิดหาทางง้ออีกฝ่ายจนข้าวหมด

“พี่ครับ...ถ้าไม่อิ่ม ผมขออีกจานได้มั้ยครับ?”

“เดี๋ยวพี่ไปตักให้ครับ” พี่นัทหยิบจานผมไปตักข้าวเพิ่มให้ แล้วก็เอาวางที่เดิม พี่นัทยิ้มให้เหมือนเดิม แล้วก็กลับไปนั่งกินเงียบๆ เหมือนเดิม อืม...แล้วผมต้องทำยังไงต่อล่ะ

ผมตักข้าวกินคำนึง แล้วก็ใช้ส้อมจิ้มกุ้งตัวใหญ่ๆ ที่กะว่าจะเก็บไว้กินตอนสุดท้ายยื่นไปให้พี่นัท เขาเงยหน้ามองมาแล้วก็เลิกคิ้วขึ้น

“หืม?”

“ผมให้ไง...” ผมเม้มปาก ยื่นกุ้งไปจ่อตรงปากพี่นัท พูดง่ายๆ ก็คือตั้ฃใจจะป้อนเขา แต่พี่นัทก็ดันมือผมออก

“แล้วหนึ่งไม่กินเหรอ”

“ผม...ง้อพี่อยู่”

ผมตอบเบาๆ แล้วเม้มปากอย่างประหม่า ผมไม่เคยง้อใครเลยเพราะไม่มีใครให้ง้อ เพื่อนผมมีแค่คนเดียวก็คือไอ้พี แล้วมันก็ไม่เคยงอนผมแบบที่พี่นัทงอน หรือต่อให้มันงอนผมก็คงไม่ง้อแบบที่ผมง้อพี่นัทอยู่ตอนนี้

“...”

พี่นัทมองมาด้วยแววตาสุขุมแบบที่เขาไม่เคยเป็น ทำให้ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตา ได้แต่เหลือบมองเป็นระยะ  มือที่จิ้มกุ้งค้างไว้เริ่มสั่น เพราะยกค้างไว้จนเมื่อย ผมเม้มปากแน่นรู้สึกกลัวว่าจะโดนพี่นัทเมินใส่ ถ้าเขาไม่ยอมกินกุ้งที่ผมป้อน ผมต้องทำยังไง ทำไมเขายังไม่กินเข้าไปเสียที นี่เสียสละกุ้งให้ตัวนึงเลยนะ หรือไม่พอ

ผมเอาส้อมกลับมาเพื่อจิ้มกุ้งเพิ่มอีกตัว แล้วยื่นไปให้อีกครั้ง ตอนนี้ส้อมผมอัดแน่นไปด้วยเนื้อกุ้งตัวใหญ่ๆ สองตัว ที่จะหล่นแหล่มิหล่นแหล่ แต่เขาก็ไม่กินเสียที ทำไมล่ะ...นี่ผมง้ออยู่นะ ง้อเขาอยู่

ผมกัดริมฝีปาก หลบตาของอีกฝ่ายและรอจนจะร้องไห้อยู่แล้ว ถ้าพี่นัทไม่ยอมกินนี่อีกนิดเดียวน้ำตาจะไหลออกมาแล้วนะแต่ในที่สุด พี่นัทก็ฉีกยิ้มกว้างพลางหัวเราะออกมาเบาๆ  แล้วก็อ้าปากเอากุ้งทั้งสองตัวเข้าปากในทีเดียว

พี่นัทเคี้ยวจนแก้มตุ่ยแล้วก็มองผมไปด้วย ผมดีใจจนยิ้มกว้างออกมา ไม่เสียแรงที่ให้กุ้งไปตั้งสองตัว

“หึหึ พี่ไม่ได้งอนหนึ่งซักหน่อย แต่หนึ่งตอนที่พยายามง้อพี่ น่ารักดีนะต้องงอนให้ง้อบ่อยๆ ซะแล้ว”

อย่าเลยครับพี่ ถึงผมไม่ได้ง้อพี่ ผมก็มั่นใจว่าน่ารักให้พี่ได้อยู่แล้ว

พอกินกันเสร็จแล้วผมก็ยกจานไปล้างและเก็บจนเรียบร้อย หันกลับมาก็เจอพี่นัทนั่งจ้องอยู่ ดูท่าทางแล้วคงจะจ้องอยู่นานแล้วด้วย เอ่อ...รู้สึกทำตัวไม่ถูกแหะ ผมมองไปรอบๆ เพื่อที่จะหาเรื่องมาคุยกับเขา

“เอ่อ...พี่นัทครับ ทำไมวันนี้ปิดร้านล่ะครับ”

“ก็เมื่อคืนเจ้าของร้านมัวแต่ง้อเด็กทั้งคืน เลยตื่นเช้ามาทำเค้กไม่ไหวครับ”

นั่น...ไม่น่าถามให้เข้าตัวเองเลย หลังจากได้ยินคำตอบแบบนั้นผมก็ไม่คิดที่จะหาเรื่องคุยอีก นี่ก็จะปั้นหน้าไปไม่ถูกแล้วเนี่ย

พี่นัทเอาแต่จ้องหน้าผมแล้วยิ้มไม่พูดอะไร ผมนี่ทั้งเขินทั้งอึดอัด จะนั่งก็ไม่กล้านั่งเลยได้แต่ยืนเกร็งอยู่หน้าอ่างล้างจาน จนพี่นัทดันเก้าอี้ออกแล้วตบตัก คล้ายกับว่าต้องการให้ผมไปนั่งบนตักเขาแต่โดยดี

“ถึงจะไม่ได้งอนแต่พี่ก็น้อยใจนะ พี่ดูไม่น่าเชื่อถือมากเลยเหรอครับ”

“ผมเชื่อพี่ครับ!” ผมหันกลับไปกอดแล้วซุกหน้ากับอกพี่นัท ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงผมก็ขออ้อนไว้ก่อนล่ะ

“เชื่อพี่แล้วจริงๆ อะ?”

“เชื่อครับ” ผมพยักหน้ากับอกพี่นัทรัวๆ  ตอนนี้เชื่อแล้ว เชื่อหมดใจ ให้ทั้งตัวเลยด้วย

“แต่พี่ยังน้อยใจอยู่ ปลอบใจพี่หน่อยสิครับ”

“ปลอบยังไงครับ”

“ก็…”

พี่นัทดันตัวผมออก หลับตาทำแก้มป่อง แล้วก็เอียงแก้มขวามาให้ ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วล่ะว่าพี่เขาต้องการอะไร ผมอมยิ้มเขิน แล้วกดริมฝีปากลงแก้มพี่นัท แล้วผละออกก้มหน้าลงซุกหน้าอกพี่เขาเหมือนเดิม พี่นัทหัวเราะแล้วดันตัวผมออกจากนั้นก็เอียงแก้มอีกข้างมาให้

“ผมทำไปแล้วนะ”

“ทำให้ครบสองข้างสิครับ เดี๋ยวข้างนี้มันน้อยใจนะ” พูดจบเขาก็หลับตาลงรอผมปลอบใจ ผมก้มลงไปหอมแก้มเขาอีกฟอดใหญ่ พอได้สมใจเขาก็ลืมตาขึ้นมองผมแล้วยิ้มกว้าง ผมชอบรอยยิ้มของพี่นัท ชอบที่สุด...

ผมก้มลงไปจุ๊บแก้มพี่นัทอีกสองครั้งอย่างรวดเร็ว ผละออกมาก็แก้มร้อนผ่าว เม้มปากแน่น เพราะรู้สึกอายในความใจกล้าของตัวเอง ผมสบตากับพี่นัทที่ทำหน้าตกใจยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

“เมื่อกี้...เป็นของแถมจากผม”

“...พี่ชอบของแถมมากเลย แต่อยากได้ของแถมแบบเมื่อคืนจังครับ” พี่นัทส่งสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ให้ชวนให้นึกถึงเรื่องที่เราทำด้วยกันเมื่อคืน ผมเม้มปาก ซุกแก้มร้อนๆ ลงกับแผ่นอกกว้าง เรียกเสียงหัวเราะจากอีฝ่ายได้ดี และนั่นยิ่งทำให้อายยิ่งขึ้นไปอีก พี่นัทเชยคางผมขึ้นซึ่งแน่นอนว่าผมขัดขืนเพราะเขินเกินกว่าจะมองหน้าเขาได้ คนตัวสูงจอมทะเล้นหัวเราะและงัดตัวผมออกจากอกสำเร็จก็ยิ้มหวานแล้วก้มลงมาจูบที่ขมับของผมแล้วคลอเคลียอยู่แบบนั้น

“ผ...ผมไปทำความสะอาดหน้าร้านดีกว่า  พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องทำเยอะ” ผมหาทางหนี ยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาอ้าง เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนแก้มมันไหม้ไปหมดแล้ว แต่คนตัวสูงก็ยอมปล่อยไป เขากอดเอวผมเอาไว้ วางคางไว้ที่หัวไหล่ของผม ลมหายใจอุ่นๆ ของเขามันรินรดอยู่ข้างแก้มให้ผมเขินอายยิ่งขึ้น

“ไม่ต้องทำหรอก พรุ่งนี้พี่คงต้องปิดร้านอีกวันนึง”

“...ทำไมล่ะครับ”

“ก็พนักงานลาออกไปคนนึง พี่ก็ต้องหาพนักงานใหม่ไงครับ”

อาใช่...ผมลาออกไปนี่นา แต่ว่าเราเข้าใจกันแล้วแถมเมื่อคืน...โอ้ย ไม่เกี่ยวๆ นั่นมันเรื่องส่วนตัว นี่มันเรื่องงาน แต่นี่ก็หมายความว่า...ยังไงผมก็ตกงานอยู่ดีเพระาผมลาออกมาเอง

พี่นัทขยับตัวให้ผมนั่งหงอยบนเก้าอี้ ส่วนเขาก็เดินไปเปิดตู้เย็นเอากล่องสตอว์เบอร์รี่กับบลูเบอร์รี่ แล้วของอื่นๆ ออกมาวางไว้ที่โต๊ะ ผมมองของน่ากินเหล่านนั้นด้วยความสงสัย

“พี่จะทำอะไรเหรอครับ”

“ของหวานไงครับ คาราเมลหรือช็อกโกแลต?”

“อืม...ช็อกโกแลตครับ”

ผมตอบออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร แต่ผมก็ตอบสิ่งที่ผมชอบไว้ก่อน พี่นัทยิ้มให้ ก่อนจะหันไปทำขนมหวานอย่างคล่องแคล่ว ล้าง หั่นผลไม้ ตีวิปครีม แล้วก็จัดใส่จาน โดยที่ผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไม่นานของหวานน่าตาน่ากินก็วางลงตรงบนโต๊ะด้านหน้าผม

“ขอบคุณครับ”

พี่นัทยิ้มกว้างให้ผมแล้วก็เดินออกไปทางหน้าร้าน ผมใช้ส้อมจิ้มสตอว์เบอร์รี่สดและวิปครีมรวดด้วยซอสช็อกโกแลตขึ้นมา จัดการเอาใส่ปากเข้าไปทั้งลูกแล้วก็ยิ้ม อร่อยจนอยากจะกินทุกวันต่อให้อ้วนผมก็ยอมล่ะวะ

ผมกินไปฟินไป ไม่นานพี่นัทก็เดินกลับมานั่งลงเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับผม เขาสูดลมหายใจเข้าดูประหม่าจนผมเอะใจ พี่นัทส่งยิ้มให้แล้วกางแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะก่อนจะดันมาให้ผมอ่าน

“อ...เออ เอ่อ ได้ข่าวว่า...ตกงานอยู่ใช่มั้ยครับ?”

“...” ผมมองพี่นัทที่ยิ้มแล้วก็ก้มมองที่กระดาษ ‘ใบสมัครงาน’ ด้วยความไม่เข้าใจ พี่เขาเล่นอะไร จะแกล้งอะไรผมอีก

“แล้ว...แล้วตอนนี้ก็ยังหางานไม่ได้ด้วยใช่มั้ยครับ?”

“พี่จะแกล้งอะไรผมครับ”

“...คือตอนนี้ พี่ต้องการพนักงานประจำมากๆ  หนึ่งพอจะช่วยพี่ได้มั้ย...ครับ”

“...” พี่นัทยัดปากกาใส่มือผมแล้วก็ยื่นกระดาษให้ ผมยังงงอยู่ ไม่เข้าใจว่าพี่เขาต้องการอะไรกันแน่

“เขียนใบสมัครสิครับ หนึ่งไม่อยากกลับมาทำงานกับพี่แล้วเหรอ?”

ได้ยินแบบนั้นผมก็ดีดตัวนั่งหลังตรง จรดปลายปากกาลงบนกระดาษด้วยความดีใจ ผมก็เขียนชื่อและข้อมูลต่างๆ ตามปกติ จนมาถึงช่องตำแหน่ง ซึ่งโดยปกติผมจะต้องเขียนว่า พนักงานประจำ แต่ในตอนนี้ ช่องนั้นกลับมีตัวหนังสือเขียนไปอยู่ก่อนแล้ว...

‘แฟนเจ้าของร้าน’

“เห้ยยย!!” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่นัทที่นั่งตัวตรงกุมมือตัวเองอยู่ ดูท่าทางเขาแล้วก็คงจะประหม่าไม่แพ้ผมเลย

“ตำแหน่งนี้ สวัสดิการเยอะนะครับ ได้ดื่มน้ำฟรี ได้ทานเค้กฟรี แถมยัง ด..ได้ ได้เจ้าของร้านฟรีอีกด้วย”

และยิ่งพี่นัทดูประหม่า ผมก็ยิ่งประหม่าเขินตามเขาไปใหญ่ อะไรของพี่เขากัน จะมาขอคนอื่นเป็นแฟน ยังจะมาทำท่าทางแบบนั้นอีก พี่นัทบ้า บู่ว~

“ล...แล้วก็ถ้าทำงานเหนื่อยกลับบ้านไม่ไหว ชั้นสองก็มีห้องนอนให้พักฟรี อยู่ได้ตลอดเวลา แล้วก็มีเจ้าของร้าน...เอ่อ...นอนเป็น...แล้วก็มีเจ้าของร้านไว้ให้นอนกอดอุ่นๆ ด้วยนะครับ ”

“อ่า…” ผมบกมือเกาแก้มตัวเอง พยายามเม้มปากเพื่อกลั้นยิ้ม มองผู้ชายตัวโตที่พูดไปเขินไปเอามือขึ้นมาเกาคอบ้าง เกาจมูกบ้าง ดันแว่นบ้าง เขาเขินได้น่ารักดีนะ แต่พี่อย่าเขินสิ ผมตังหากที่ควรเขิน

“แล้วก็อื่นๆ อีกมากมาย”

“...”

“ถ้าสนใจก็...ลงชื่อตรงนั้นแล้วก็มา ประทับตรา...ตรงนี้” พี่นัทพูดแล้วก็เอามือชี้ไปที่ปากตัวเอง วิธีการประทับตราของเขานี้นะ หาเรื่องแตะอั๋งผมตลอด

“แล้ว...มีแค่ตำแหน่งนี้เหรอครับ?”

“หนึ่งไม่ชอบตำแหน่งนี้เหรอครับ!”

ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ทำจาแป๋วมองไป แล้วจู่ๆ  พี่นัทก็ลุกขึ้นเดินมาทางผม อุ้มผมขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแทนเก้าอี้ แล้วก็ดันตัวผมให้นอนราบกับโต๊ะจนผมดันตัวเขาออก

“อ๊ะ...พี่จะทำอะไรครับ พี่นัทอย่าจับตรงนั้น!”

“ทำให้หนึ่งรู้ไงว่าตำแหน่งแฟนเจ้าของร้านมันดียังไง”

พูดเสร็จพี่นัทก็ก้มลงมาจูบที่แก้มทั้งสองข้างๆ แถมก็ไม่อยู่นิ่ง หนุบหนับเข้ามาที่แผ่นอกของผมอย่างรวดเร็ว ไอ้คนที่เขินอยู่ตอนแรกมันหายไปไหนแล้ว

“เดี๋ยวพี่ หยุดก่อนครับ ตอนแรกพี่ยังอายอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ทำไม...”

“ก็ตอนนี้พี่ถือคติ ด้านได้อายอด ครับ”

“...”

“ตอนแรกก็อาย แต่พี่ก็อยากได้หนึ่งมากๆ พี่เลยต้องด้านครับ”

“อื้อ พี่หยุดก่อน...อย่าจับตรงนั้นสิ!” พี่นัทก้มลงมาจูบปากผมแผ่วๆ  สลับกับดูดไปมา แถมมือก็เลื่อนลงที่บั้นท้ายจนต้องตีแขนเขาไปหลายที

“หนึ่งไม่อยากได้ตำแหน่งนั้นจริงๆ เหรอ เป็นแฟนเจ้าของร้าน แถมเจ้าของร้านหล่อมากด้วยนะ”

“ผมแค่ถามว่ามีตำแหน่งอื่นมั้ย ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากทำตำแหน่งนั้นซักหน่อย” ผมพูดกลั้วหัวเราะ ดูคำพูดของเขาสิครับ มีการชมตัวเองว่าหล่อด้วย

“งั้นก็...”

“ผมจะเซ็นชื่อตรงนี้ แล้วก็…” ผมดันตัวพี่นัทออกแล้วก็หยิบปากกามาลงชื่อแล้วก็ส่งคืนพี่นัทที่ยืนยิ้มจนแก้มปริอยู่

“มาประทับตราตรงนี้ครับ” พี่นัททำปากจู๋ แล้วยื่นหน้ามาหา ผมว่าพี่นัทนี่ต้องเป็นโรคสองบุคลิกแน่ๆ  ตอนแรกยังเขินน่ารักอยู่เลย ตอนนี้เปลี่ยนกลับมาเป็นจอมหื่นไปแล้ว

ผมจับเสื้อพี่นัทให้ก้มลงมาใกล้ๆ แล้วจุ๊บไปที่ปากของพี่นัทเบา ตอนกำลังจะผละออกพี่นัทก็จับคอกอดเอวผมไว้ไม่ยอมให้ผมหันหนี

“อื้อ...อืม” พี่นัทถอนจูบออก เขาส่งยิ้มแล้วก้มลงมาจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผาก ปลายจมูกโก่งคลอเคลียไปมากับปลายจมูกผม ไล้ไปที่สันกรามและลำคอ ก่อนจะวกขึ้นมาขบเม้มที่ติ่งหูจนผมขนลุกไปหมด

“หนึ่งครับ...” พี่นัทกระซิบเบาๆ  ด้วยน้ำเสียงที่โคตรอบอุ่น

“ครับ…”

“ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ”

“ครับ” พี่นัทลูบไปตามแผ่นหลังของผม แล้วก็จูบแก้มและลำคอไปด้วย สัมผัสและสายตาของเขาทำให้ผมนี่โคตรของโคตรจะเขิน

“หนึ่ง..”

“ครับ” จะพูดอะไรอีก พูดมาเลยครับ เอาให้เขินไปทีเดียว เอาให้ผมละลายไปเลย

“หนึ่ง…”

“ครับ” ผมตอบดังขึ้นมาอีกหน่อย คิดว่าพี่นัทไม่ได้ยิน

“หนึ่ง…”

“อะไรครับ”

“หนึ่ง..”

“...” คราวนี้ผมหันหนีไม่ตอบแล้ว เขาจงใจกวนผมชัดๆ และผมไม่ว่างตอบ...เขินอยู่

“หนึ่ง”

พี่นัทจับหน้าผมให้สบตากับพี่นัท แล้วก็ถูจมูกไปมากับปลายจมูกผม ตอนนี้หน้าผมกับหน้าพี่นัทใกล้กันมาก ผมมองตาพี่นัทนิ่ง เรามองตากัน มีเพียงเลนส์แว่นเท่านั้นที่กั้นอยู่ ใครก็ได้เอาน้ำมาสาดผมที ผมเขินจนไหม้ไปทั้งตัวแล้ว

“หนึ่ง…”

“....”

“หนึ่ง…ในใจพี่”

เอารถดับเพลิงมาเลยดีกว่าครับ

 



หนึ่งในใจพี่...

loammy...หนึ่งในใจคุณ >0<

#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
+1 o13 ขอบคุณมากครับ :pig4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
13 : หวานปาก ละมุนลิ้น


“หนึ่ง….ในใจพี่”

เพราะประโยคนั้นของพี่นัททำให้ผมเขินจนแทบระเบิด แถมหน้าเขาก็อยู่ใกล้มาก ใกล้จนเห็นรูขุมขน ใกล้จนผมกลัวว่าพี่นัทจะได้ยินเสียงหัวใจของผมที่มันรัวเป็นกลองอยู่ตอนนี้ สุดท้ายเมื่อทนความเขินไม่ไหวก็เลยแก้ปัญหาโดยการดันพี่เขาออกแล้วก็ก้มไปซบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง ยิ่งได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะผมเขินจนอยากจะลงไปดิ้นกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

“น่ารักจังเลยเนอะ แฟนใครก็ไม่รู้” พี่นัทลากเสียงยาวโอบกอดผมแล้วโยกตัวไปมา ผมเหลือบตามองเล็กน้อยเห็นอีกฝ่ายทำหน้าพึงพอใจแค่ไหนก็ยิ่งเขิน หูร้อนหน้าร้อนไปหมด ชักจะสงสัยว่าเคยมีใครตายเพราะเขินมั้ย อาจจะมีผมเป็นคนแรก

“...”

“หนึ่งครับ จุ๊บพี่หน่อยสิ”

จุ๊บอะไรอีก เขาอยากทำก็ทำเองเองเลย  ทำไมต้องมาให้ผมจุ๊บด้วยเล่า นี่แค่เงยหน้ามองเขาผมก็ยังไม่กล้าแล้วจะให้จุ๊บ ผมคงได้เป็นลมตาย ผมส่ายหน้าแต่เขาก็ยังตื้อด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกเขินอะไรเลย ต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ

“นะครับ ขอจุ๊บเดียวนะ ขอให้พี่ชื่นใจหน่อย”

ผมส่ายหน้ารัวๆ  ยังครับ ยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมยังไม่พร้อมขอเวลาผมเขินก่อน อยากจะมุดดินกลับห้อง ไม่เคยเขินขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต เขินจนคิดว่าหน้าตัวเองไหม้ไปหมดแล้ว

ผมอยากจะรู้ว่าพี่นัทเขาจะเขินมั้ย เลยแอบเงยขึ้นมองหน้าพี่นัทนิดนึง ภาพที่เห็นทำให้ผมยิ่งเขินหนัก ไม่ใช่แค่ผมที่หน้าแดง พี่นัทก็แดงไปยันคอเหมือนกัน พี่ก็เขินแล้วพี่จะพูดให้ตัวเองยิ่งเขินทำไม เดี๋ยวก็ได้พากันเป็นลมคาร้านหรอกครับ

“ขอจุ๊บหน่อยนะ ท...ที่รักของพี่”

ช็อตนี้ผมตาย!

ละลายแล้ว หมดแรงคาอ้อมแขนของพี่นัทไปแล้ว ผมเขินจนเกร็งไปทั้งตัว และเกร็งจนขี้เกียจจะเขินแล้ว เข้าใจว่าเขินจนเมื่อยก็วันนี้แหละ ผมเงยหน้าขึ้น ค่อยๆ ขยับเข้าไปหาพี่นัทพร้อมกับที่ดึงคอเสื้อให้พี่นัทก้มลงมาก่อนจะจูบเบาไปไปที่กลีบปากล่างของพี่เขา

พี่นัทอมยิ้มและประคองท้ายทอยของผมเอาไว้ เขาไม่ได้รีบร้อนส่งลิ้นเข้ามาแค่บดกลีบปากของผมอย่างช้าๆ  ผมรู้สึกถึงความนุ่มนวล มันเป็นจูบที่หวานที่สุดในความรู้สึกของผม จูบที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ พี่นัทไล้เลียไปตามริมฝีปากสลับดูดเบาๆ   บางครั้งรู้สึกถึงฟันที่ขบโดนริมฝีปากผมเจ็บเล็กน้อย แต่พี่นัทก็จะใช้ปลายลิ้นไล้อย่างแผ่วเบาให้ความเจ็บผมหายไป เหลือแค่ความวาบหวามใจ จากนั้นไม่นานลิ้นร้อนสอดเข้ามาเกี่ยวช้าๆ เป็นจูบที่ไม่รีบเร่ง 

'จูบที่ปาก แต่ละลายที่ใจ' เป็นแบบนี้นี่เอง

พี่นัทค่อยถอนจูบออก มองเข้ามานัยตาและก้มลงมาจูบที่หน้าผากผมก่อนจะค่อยผละออกอย่างอ้อยอิ่ง ผ่านไปไม่นานก็ก้มลงมาจูบใหม่ที่ปลายจมูก แล้วก็ผละออกมาจ้องตาผมอีก ผมอมยิ้มขำกับสิ่งที่เขาทำพลางมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของพี่นัท ในนั้นมันสะท้อนเงาของผม หัวใจที่ระรัวราวกลองชุดในก่อนหน้านี่เริ่มเต้นช้าลง มันสงบ ยิ่งพี่นัทลูบมือไปตามแขนและไหล่ของผม ผมยิ่งรู้สึกสงบและสบายใจ

ผมยิ้มให้ก่อนจะตัดสินใจดึงพี่นัทลงมาจุ๊บที่หน้าผากและปลายจมูก พร้อมกับใช้ผ่ามือลูบไปตามแผ่นหลังและไหล่เหมือนที่พี่นัททำกับผม ผมแค่อยากตอบแทน เขาทำให้ผมรู้สึกดี ผมจึงอยากให้รู้สึกดีเพระาผมบ้าง

“ตองหนึ่ง...” พี่นัทพูดเบาๆ  ตอนที่ผมกำลังลูบหลังและไหล่พี่นัท ผมมองเขาและยิ้มให้จากนนั้นเขาก็เริ่งพูดต่อ “ทำแบบนี้…ระวังพี่จะไม่หยุดแค่จูบนะครับ”

ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบดันตัวพี่นัทออกทันที จะมาไม่หยุดอะไรอีกล่ะ ที่ทำกันเมื่อคืนผมยังไม่หายเจ็บเลย

“หยุดเลยพี่นัท...ผมกินขนมต่อดีกว่า” ผมก็หยิบส้อมขึ้นเตรียมตักของหวานขึ้นมาทานต่อ บรรยากาศกำลังดี พี่นัทนี่...หื่นไม่รู้เวลาจริงๆ

ผมตักบลูเบอร์รี่ลูกเล็กเข้าปาก แล้วก็เตรียมตักคำต่อไปแต่พี่นัทกลับเลื่อนจานหนีผมซะนี่ พอผมขยับส้อมตามไปตัก พี่นัทก็เลื่อนจานหนีอีก ผมบุ้ยปากแล้วก็มองพี่นัทที่ทำหน้าทะเล้นอยู่

“ผมจะกินนะครับ”

“ก็พี่อยากป้อนไง”

พี่นัทแย่งส้อมจากในมือผม เอาไปตักสตอว์เบอร์รี่มาจ่อที่ปาก ผมมองอย่างไม่ไว้ใจกลัวว่าเขาคิดจะแกล้งอะไรผมอีกรึเปล่า มองหน้าทะเล้นของเขาสิ สายตาเจ้าเลห์นั่นอีก

“...”

“กินสิครับ”

ผมอ้าปากเตรียมจะงับสตอว์เบอร์รี่เข้าปาก แต่พี่นัทดันดึงส้อมออกแล้วเอาไปเข้าปากตัวเองแทน แต่แทนที่จะกินเข้าไป พี่นัทกลับงับสตอว์เบอร์รี่ไว้ครึ่งเดียวแล้วยื่นหน้ามาหาผม นั่นไง...ผมบอกแล้วว่าเขาน่ะไม่น่าไว้ใจ

“ผมกินเองดีกว่า”

ผมจะหยิบจานมาตักกินเอง แต่พี่นัทกลับยึดมือผมไว้แล้วก็ยื่นหน้ามาใกล้อีก ผมยังคงนิ่ง จนพี่นัทยื่นหน้าเข้ามาอีกสตอว์เบอร์รี่ชนกับริมฝีปากผม

“อื้อ ผมกินก็ได้ครับ”

พี่นัททำท่าจะใช้สตอว์เบอร์รี่ชนปากผมเรื่อยๆ  จนผมต้องอ้าปากกินผลไม้เข้าไป  ผมรู้สึกว่าวิปครัมมันติดขอบปากเลยคิดว่าจะแลบลิ้นออกมาเลีย แต่ช้ากว่าคนอีกคนที่ขยับเข้ามาใกล้แล้วก้มหน้าเข้ามาเลียวิปครีมที่ขอบปากผมแทน

“ให้พี่ป้อนอ่ะ อร่อยกว่ากินคนเดียวนะครับ”

ผมยกมือขึ้นมาเช็ดปากแล้วก็มองพี่นัทอย่างเขินๆ  ส่วนพี่นัทก็ตักสตอว์เบอร์รี่ขึ้นมางับที่ปากอีก ดูท่าทางแล้ว พี่อร่อยคนเดียวอ่ะดิ

ถึงจะคิดแบบนั้นก็คอยกินผลไม้ที่พี่นัทป้อนด้วยปากจนหมดจาน รู้สึกอิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งใจ...

“เอาอีกมั้ยครับ เดี๋ยวพี่ทำเพิ่มให้”

ผมเช็ดปากแล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธไป พอแล้วครับ ให้หัวใจผมได้พักบ้างเถอะ ช่วงนี้หัวใจใช้งานหนักเหลือเกิน

“งั้น...ขึ้นห้องกัน” พี่นัทหยิบจานไปไว้ที่อ่างแล้งก็ดึงแขนผมให้เดินไปทางบันได ผมขืนตัวไว้แทบจะทันทีเลย

“พี่ครับ แต่ว่าเราเพิ่งจะลงมา” เพิ่งจะลงไม่นานเลยจะให้ขึ้นไปอีกล่ะ

“แล้วหนึ่งอยากไปไหนล่ะครับ”

“อยากกลับบ้านครับ”

พอผมพูดว่าอยากกลับไปที่ห้องของผม พี่นัททำหน้าเศร้าไหล่ตกทันทีเลย ก็อยากกลับไปเตรียมตัว เตรียมเสื้อผ้านี่นา อยู่นี่ใส่แต่เสื้อผ้าพี่นัท กางเกงในก็ไม่มีให้ใส่ จะให้ใส่ชุดหลวมโพรกกับช่วงล่างโล่งโจ้งไปทั้งวันรึไง...ไม่เอาอ่ะ

“ทำไมถึงต้องกลับล่ะครับ นอนที่นี่ด้วยกันก็ได้”

“ผมไม่มีเสื้อผ้าแล้วนะครับ ผมอยากได้เสื้อผ้าของผมอ่ะ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พาไปเปลี่ยนชุด แต่คืนนี้นอนที่นี่ด้วยกันนะครับ”

พี่นัทเดินเข้ามากอดผม แล้วก็วางคางลงบนหัว พร้อมกับทำเสียงงุ้งงิ้ง นี่คือไร กลับไปเป็นเด็กแล้วเหรอ พี่เขานี่นะ

“นอนนี่เนอะ นอนกอดกัน อบอุ่นนะครับ” พี่นัทรัดผมแน่นๆ  แล้วก็ดันตัวผมออก ส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้ เรื่องยิ้มนี่งานถนัดเขาเลยสิท่า

“ก็ได้ครับ แต่พรุ่งนี้พี่อย่าลืมพาผมไปเปลี่ยนชุดนะ”

“ไม่ลืมแน่นอนครับ  แล้ว...คืนนี้เราทำอะไรกันดี”

“ไม่รู้ครับ แล้วแต่พี่เลย”

“อืม…งั้นไปทำงานกันครับ”

“เหวอ! งานอะไร” พี่นัทย่อตัวอุ้มผมพาดบ่าแล้วก็เดินขึ้นบันได ผมโวยวายเพราะตัวพี่ก็ใช่ว่าจะเตี้ย แล้วมาทำแบบนี้ หวาดเสียวได้อีก

“ก็ตอนนี้หนึ่งทำงานในตำแหน่งแฟนเจ้าของร้าน แล้วคนเป็นแฟนกัน เขาขึ้นห้องไปทำอะไรกันล่ะครับ นี่แหนะ!”

“ผมเจ็บ!” พี่นัทฟาดมือลงบนก้นผม มือก็ใหญ่แรงก็เยอะ ฟาดมาทีผมก็เจ็บสิครับ แล้วนี่ คนเป็นแฟนกันเขาทำอะไรเวลาอยู่ในห้อง



เห้ย! ไม่ได้นะ ผมยบังไม่หายเจ็บเลยจริงๆ อยากจะดิ้นก็กลัวตก อยากจะโวยวายก็ไม่ได้ มาโดนอุ้มห้อยหัวตอนที่กินอิ่มๆ แบบนี้ กลัวของที่กินเข้าไปมันจะย้อนออกมา

“หึหึๆๆ ”

พี่นัทวางผมลงบนโซฟาหน้าทีวี กักตัวผมไว้ในวงแขน แลบลิ้นออกมาเลียริมฝาก ไหนจะสายตาที่มองมาอีก  อึ๋ย เสร็จแล้วไอ้หนึ่ง ยังไม่หายระบมเลย

“เอ่อ...พี่ คือผมยัง..”

ผมดันหน้าอกเขาไว้ แต่พี่ก็จับมือออกแล้วขยับเข้ามาใกล้มากๆ และใกล้มากขึ้นเรื่อย ผมหลับตาแล้วเอียฃหน้าหนี แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึลืมตาขึ้นดูก็เห็นแค่รอยยิ้มบขันจากอีกฝ่าย

“หนึ่งอยากดูหนังเรื่องไหนครับ”

“หะ?”

พี่นัทเดินไปที่หน้าทีวีแล้วกลับพร้อมกับกองแผ่นดีวีดีให้ผมผมเลือก ผมมองกองหนังที่ตักอย่างงงๆ  คือตกลงแล้วผมคิดมากไปเองหรือไง แต่พี่นัทบอกว่า สิ่งที่แฟนเขาขึ้นห้องมาทำกัน…อ่า ดูหนังด้วยกันก็ได้นี่นา ผมนี่คิดเองเออเองทั้งนั้นเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

ผมแอบหน้าแตกเบาๆ  แล้วก้มเลือกแผ่นหนัง มีหลายแนวเต็มไปหมดเลยแหะ พี่นัทนี่ท่าทางจะชอบดูหนัง ผมเลือกเรื่องที่ตัวเองไม่เคยดูมาหนึ่งเรื่องแล้วก็ยื่นไปให้เขา

“นี่ครับ”

“...แน่ใจนะครับว่าจะดูเรื่องนี้”

“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วยิ้มให้ พี่เดินไปเปิดหนัง ผมเดินไปปิดไฟแล้วก็กลับมานั่งที่เดิม หยิบหมอนมากอดแล้วพี่นัทก็เดินมานั่งข้างๆ พร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดอีกที



(ฮ๊า อ๊ะๆ อ๊า)



(อู้ว อา)

...

(ซี๊ด อ๊ะ อาห์)

ผมนั่งตัวเกร็งกอดหมอนแน่น ที่ผมเลือกมันหนังโรแมนติคคอมเมดี้ไม่ใช่เหรอ แล้วไหงจู่ๆ มันกลายเป็นหนังเรทระดับ 18+ ไปได้เล่า  ผมแอบเหลือบมองพี่นัทที่ดูหนังแบบชิลๆ  ไม่มีอาการเกร็งเลยแม้แต่น้อย ต่างกับผมที่นั่งเกร็งปั้นหน้าไม่ถูกอยู่

“พี่นัท...เปลี่ยนเรื่องกันดีไหมครับ?”

“ทำไมล่ะครับ พี่ว่าเรื่องนี้มันก็สนุกดีนะ หนึ่งเป็นคนเลือกเองด้วยนี่”

ก็ผมไม่นึกว่ามันจะเป็นหนังแบบนี้นี่ ตอนนี้ในภาพยนต์เป็นฉากที่ฝ่ายหญิงกำลังใช้ปากกับแก่นกายของฝ่ายชายอย่างดุเดือด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นจะๆ ก็เถอะ แต่...นี่มันหนังโป๊รึเปล่าเนี่ย ผมนั่งบิดขาไปมา บิดแล้วบิดอีกจนจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว ก็ดูๆ แล้วมันดันเกิดอารมขึ้นมานิดหน่อยนี่ครับ มันก็...เป็นเรื่องปกติของผู้ชายอ่ะเนอะ ฮือ

พี่นัทค่อยยกมือขึ้นมาลูบไปตามแก้ม สันกรามและลำคอของผมอย่างอ้อยอิ่งทั้งที่ตาก็ยังจ้องอยู่ที่หนัง พี่อย่าเพิ่งมาลูบ อารมณ์กำลังขึ้นอยู่ ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากนักเพราะนั่งอยู่ในอ้อมแขนพี่นัท

“หืม ทำไมขนลุกแบบนี้ล่ะครับ หนาวเหรอ? มานี่มา”

พี่นัทดึงผมไปนั่งบนตักแล้วกอดไว้ อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไม่ได้หนาว ไม่ต้องมากอด

ตอนนี้ทั้งเสียงในภาพยนต์ ไออุ่นจากพี่นัท มือที่ลูบไปมา และลมหายใจที่เบาลดต้นคออยู่นั้น ทำให้ผมต้องหนีบขาและกอดหมอนแน่นกว่าเดิม ยิ่งเขาลูบผมยิ่งรู้สึก...

“พี่ไม่ต้องลูบแบบนี้ก็ได้ครับ ผมไม่ได้หนาว” ผมปัดมือพี่นัทออกจากตัว คือยิ่งพี่นัทลูบ ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวผมเริ่มสั่น แต่มันไม่ได้สั่นเพราะความหนาวเลย

“ก็หนึ่งขดตัวแน่นขนาดนี้ พี่ก็นึกว่าหนาวนี่ครับ” พี่นัทลูบมือไปตามขาของผม แล้วลบมาที่ใต้ขาอ่อน จนผมเสียววูบเรี่ยวแรงหาย ทิ้งตัวพิงกับพี่นัททันที

“อ๊ะ!”

“หือ?”

พี่นัมก้มมามองผมแล้วเลิกคิ้วขึ้น แต่มือก็ยังลูบอยู่ต้นขาอยู่ ผมเริ่มหอบหายใจเพราะเสียวๆ ปนกับจักจี้

“อื้อ!! อย่า...พี่อย่า”พี่นัทเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นมาที่ก้นของผมแล้วบีบพร้อมๆ กัน ผมพยายามปัดมือพี่นัทให้ออกห่างจากก้นผม พี่นัทยอมหยุดแต่โดยดี แต่กลับขยับมือมาจับที่ขอพับขาของผมแล้วแยกออกอย่างกะทันหัน หมอนที่ผมกอดไว้ทีแรกหล่นไปที่พื้น  พี่นัทมองกลางกายผมที่มันตั้งนูนขึ้นมา

“หึหึ  แตะนิดสัมผัสหน่อยก็ของขึ้นซะแล้วนะเรา”

พี่นัทจับน้องชายผมผ่านกางเกง ลูบไปมา แล้วก็ล้วงเข้าไปในกางเกง ผมหลับตาปี๋ มือกำอยู่ที่ชายเสื้อตัวเองแน่น

“ฮ๊า!”  มือร้อนลูบไปมาภายในกางเกง ริมฝีปากอุ่นนุ่มก็งับเบาๆ ไปตามลำคอและติ่งหู ให้ผมขนลุกซู่ ตัวอ่อน เอียงหน้าให้พี่เขาทำอย่างเต็มใจ

“ลองทำตามหนังกันดูมั้ยครับ?”

ตอนนี้ในภาพยนต์เป็นฝ่ายชายกำลังดูดกลืนหน้าอกให้ฝ่ายหญิงอยู่ ผมมองหน้าพี่นัทสลับกับหนัง แล้วก็ส่ายหน้า

“ผมไม่มีหน้าอกแบบนั้น” แน่สิ ผมเป็นผู้ชายจะไปมีก้อนนุ่มนิ่มสวยๆ แบบนั้นได้ไง

“...”

พี่นัทแค่ยิ้มให้แล้วดันตัวผมให้นอนพิงโซฟาในขณะที่พี่เขาลงไปนั่งที่พื้นหันหน้าเข้าหาผมแทน  มือร้อนๆ ของพี่นัทจับมือผมให้พาดกับโซฟา แล้วเขาก็ค่อยถกเสื้อขึ้นจนเห็นยอดอกของผมที่มันนูนขึ้นมาเป็นเม็ด พี่นัทใช้มือลูบไปมาทั้งสองข้างแล้วก็ก้มลงดูดเลีย จนผมขนลุกไปทั่ว อีกข้างพี่นัทก็ใช้ปลายนิ้วสะกิดและบีบดึง มันเจ็บๆ  เพราะยังระบมไม่หายจากเมื่อคืน มันเจ็บแต่ก็รู้สึกดี

มันดีชนิดที่ว่าพอพี่นัทเอาปากออกผมก็แอ่นหน้าอกตามปากพี่นัทไป  ท่อนขาที่เคยหนีบตอนนี้ผมกลับแยกออกกว้างและหยัดกายให้ท่อนล่างของผมถูเสียดสีไปมากับตัวพี่นัท

ผมมองไปที่หนังก็เห็นว่าฝ่ายชายกำลังซุกหน้าลงกับหว่างขาของฝ่ายหญิง และผมก็รู้สึกว่าพี่นัทค่อยๆ จูบสลับดูดเลียลงมาที่หน้าท้องพร้อมๆ กับถอดกางเกงผมออกไปด้วย  พี่นัทมองผมไปด้วยปากก็เลียดูดวนไปมาแถวสะดือ ท้องน้อย และกำลังจะต่ำลงไปกว่านั้น

“พ...พี่ พี่ อย่า!!” ผมใช้มือดันปากพี่นัทไว้ก่อนที่ปากของเขาจะสัมผัสกับน้องชายของผม พี่นัทมองมาด้วยสายตาชวนเขินก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียที่ฝ่ามือแล้วลามไปตามนิ้วต่าง มันทั้งเสียวทั้งจักจี้ทั้งรู้สึกดีปนกันไป

พี่นัทปัดมือผมออกแล้วก็ค่อยก้มลงต่ำจนน้องชายผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนของพี่นัท จนมันสั่นและมีน้ำปริ่มออกมาเหมือนรอคอย ผมมองพี่นัทอย่างตื่นเต้น มันเหมือนภาพสโลว์โมชั่นที่ผมค่อยๆ เห็นลิ้นสีสดของพี่นัทค่อยแตะตรงส่วนปลายของผมอย่างแผ่วเบา

“ฮ๊า!! อื้อ” ผมเผลอเกร็งตอนที่โดนลิ้นสัมผัสในครั้งแรก มันเสียวอย่างบอกไม่ถูก  ผมมองพี่นัทที่เลียจากส่วนปลายลงไปที่ส่วนโคน  แล้วก็เห็นน้องชายของผมหายเข้าไปในปากพี่นัทช้าๆ  มันน่าอายแต่ผมไม่สามารถละสายตาไปได้

พี่นัทรูดปากขึ้นลงช้า ผมเสียวจนเกร็งไปทั้งตัว มือจิกเข้าที่โซฟา เงยขึ้นมองเพดาน ครางไม่ได้หยุด ในปากของพี่นัทมันนุ่มมากๆ  และอุ่นด้วย

“อ๊า พะ...พี่ พอแล้วๆ ” ปากบอกพอแล้ว แต่ร่างกายผมกลับหยัดสะโพกส่งให้ พี่นัทยื่นมามาเล่นกับยอดอกของผมไปมา มันเสียวทั้งบทั้งล่างจนทนไว่ไหว

“พี่ๆ ออกไป ผมจะ..ต..แตก อึก” ผมดันหัวพี่นัทออกแต่พี่นัทกลับใช้มือยึดไว้แล้วรูกปากแน่นขึ้น ผมเกร็งตัวเผลอตวัดขารัดรอบคอพี่นัท แล้วปลดปล่อยออกไป

“ฮ๊า ฮื้อ!”

รู้สึกหมดแรงเหมือนโดนสูบพลังจริงๆ  ผมเงยหน้าตาลอยมองเพดาน มือทั้งสองปล่อยลงที่ข้างตัว ลมหายใจยังหอบกระชั้นอยู่ ที่พี่นัททำให้เมื่อกี้มันดีจริงๆ...ดีอีกแล้ว พอเริ่มปรับลมหายใจได้ผมมองไปพงกหัวมองอีกฝ่ายที่ยังคงอยู่ที่เดิมมองมาทางผม และแลบลิ้นออกมาเลียที่ริมฝีปากตัวเอง แต่...เดี๋ยวนะ

“เฮ้ยพี่! คายออกมา คายออกมา” ผมเด้งตัวลุกขึ้นเอามือไปลองตรงปากพี่นัทพร้อมกับลูบหลังพี่นัทไปด้วย

“อึก ฮ่าฮ่าฮ่า”พี่นัทยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมา เมื่อกี้พี่นัท ใช้ปากกับน้องหนูของผมแล้วก็กลืนน้ำผมลง พี่นัทเค้ากลืนน้ำของผมลงไป!

“พี...ม...เมื่อกี้พี่...”

“หึหึ ไม่เป็นไรหรอกครับ มานี่มา”

พี่ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้วอุ้มผมให้นั่งบนตักพี่นัทอีกที พี่นัทเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดให้ แล้วก็ใส่กางเกงให้เรียบร้อย จนเวลาผ่านไปซักพักสติสตังผมเริ่มกลับมาเข้าที่ก็รู้ว่าเหมืองมีบางอย่างดันก้นผมอยู่หน่อยๆ

“อ๊ะ! พี่ก็ของขึ้นนี่”

ผมหันไปมองหน้าพี่นัทที่กำลังยิ้มอยู่ พร้อมกับขยับสะโพกให้เสียดสีกับส่วนที่นุนขึ้นมาของพี่นัทไปด้วย

“ย อยากให้ผมช่วยมั้ย…”

ผมลุกออกจากตัวพี่นัทแล้วลงไปนั่งในตำแหน่งที่พี่นัทเคยนั่ง ผมซูดหายใจเข้าลึกๆ  เพราะทั้งอายและประหม่ากลัว แต่พี่นัททำได้ ผมก็ต้องทำได้

ผมรูดซิปกางเกง ดึงชั้นในพี่นัทลงมา ผมค่อยจับไปที่แก่นกายที่ค่อนข้างแข็งแล้วก็รูดขึ้นลงช้าๆ  ผมตื่นเต้นเล็กน้อยที่เห็นว่าของพี่นัทนั่นมันขยายใหญ่อยู่ในมือผม

“อืม..”

พี่นัทครางออกมาเบาแล้วก็แหงนคอพิงกับโซฟา ผมชักรูดไปเรื่อยๆ จนเห็นน้ำใสๆ ปริ่มออกมาตรงส่วนปลาย ผมเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก และก่อนที่จะคิดอะไร ผมแลบลิ้นออกมาและเลียไปเบาๆ ตรงส่วนที่ฉ่ำน้ำนั่น คนด้านบนเกร็งหน้าท้องซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่า มันก็ไม่ได้แย่

ผมเลียส่วนปลายแล้วก็ค่อยๆ เล็มริมฝีปากไปที่ส่วนโคนแล้วก็ดูดเบาๆ ไปทั่ว ทำเหมือนที่พี่นัททำกับผม

“ฟู่ว อืม”

พี่นัทเริ่มหอบหายใจแรงขึ้นตอนที่ผมรับส่วนปลายเข้าไปในปาก ผมใช้ลิ้นดุนไปด้วย พยายามดันปากให้ลึกที่สุดแต่ก็รับได้แค่ครึ่งเดียว

“อึก อึก”

“อาห์ หนึ่ง...” ผมเหลือบมองพี่นัทที่ตอนนี้กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน ผมพยายามรัดปากแน่นๆ เหมือนที่พี่นัท และอยู่ๆ ผมก้รู้สึกว่าน้องชายพี่นัทที่อยู่ในปากมันขยายขึ้นไปอีก

อึก คับแน่นไปทั้งปากจนเกือบหายใจไม่ออก ผมดูดขึ้นลงช้าๆ  มีหลายครั้งที่เผลอทำฟันครูด พี่นัทแค่ร้องออกมาเบาๆ  ไม่ได้ว่าอะไร

ผมขยับปากขึ้นลง พี่นัทก็ครางหนักขึ้น ส่งมือมาลูบไปตามเส้นผมและหน้าของผม ผมเหลือบมองพี่นัทเป็นระยะๆ เห็ฯใบหน้าแดงระเรื่อใต้แว่น เขาหลับตาครางแผ่วๆ ออกมา เป็นอะไรที่โคตรเซ็กซี่มาก ผมขยับปากเร็วขึ้นอีกครึ่งนึงที่เหลือก็ใช้มือช่วยชักรูดให้  พี่นัทเริ่มเกร็งตัวขึ้นเรื่อยนั่นหมายความว่า พี่นัทใกล้จะเสร็จแล้ว ผมห่อปากแน่นและทำเร็วขึ้น

“อือ..หนึ่งออกไปก่อน พี่จะแตก” เสียงพร่าๆ บอกผมแต่ผมยังคงทำต่อไป เอาแต่คิดว่าพี่เขาทำได้...ผมก็ต้องทำได้

“อื้อ อะ...พี่นัท” พี่นัทดันหัวผมออกอย่างแรง จนน้ำขาวขุ่นของพี่นัทที่ผมตั้งใจให้อยู่ในปากพุ่งใส่หน้าผมอย่างจัง น้ำอุ่นร้อนนั่นไหลไปตามใบหน้า จนเวลาผ่านไปซักพัก ผมก็ยังคงนั่งเงยหน้าอยู่ที่เดิมและท่าเดิมไม่กล้าขยับเพราะกลัวว่าจะทำพรมเลอะ

“พ..พี่ขอโทษนะครับ” พี่รีบหยิบทิชชู่มาเช็ดไปตามหน้าผม อยากจะพูดว่าเป็นไร แต่อ้าปากไม่ได้ เพราะน้ำอุ่นๆ บางส่วนมันก็ไหลเข้ามาในปากเหมือนกัน

“อึก” ผมรีบกลืนลงคอไป มันก็ไม่ได้แย่แค่รสชาติแปลกๆ และไม่คุ้นลิ้น

“หนึ่งไม่ต้องทำแบบพี่ก็ได้ครับ ทีหลังไปคายทิ้งก็ได้ พี่ไม่ว่า” พี่นัทใช้ทิชชุ่เช็ดไปตามหน้าและปากของผมอย่างอ่อนโยน

“ผมทำได้...” ผมพูดแล้วดึงคอพี่นัทลงมาประกบจูบ จนเวลาผ่านไปซักพักพี่นัทก็ถอนจูบออกแล้วหัวเราะออกมา

“พี่หัวเราะอะไรครับ” ผมถามแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา พี่นัทลุกยืนใส่กางเกงจนเรียบร้อยแล้วก็มองหน้าผม

“ก็หนึ่งเพิ่งจะใช้ปากกับน้องชายพี่มา แล้วเราก็มาจูบกัน รสชาติมันก็เลย...”

พี่นัททำนิ้ววนไปมาบริเวณปาก แค่นั้นผมก็เข้าใจแล้ว

“อ๊ะ ผมขอโทษครับ” พี่นัทยิ้มแล้วก็ก้มลงมาจุ๊บเบาๆ

“ไปอาบน้ำนอนกันดีกว่าครับ”

“แต่ผมยังไม่ง่วง” ผมพูดแค่นั้น พี่นัทก็ก้มลงมาอย่างรวดเร็ว กักผมไว้ในอ้อมแขน มองผมด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจ

“งั้นคงต้องออกกำลังกายบนเตียงให้เหนื่อย จะได้ง่วงและหลับสบาย”

“...ถ้างั้นผมง่วงก็ได้”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ง่วงแล้วเนอะ”

พี่นัทจับผมยืนขึ้นแล้วก็ก้มลงมาจุ๊บที่ท้ายทอยผมอีกที ผมมองค้อนพี่นัทไปทีนึง มาจุ๊บมากๆ  เดี๋ยวก็ทนไม่ไหวหรอก ผมกับกับพี่นัทถอดเสื้อผ้าออกแล้วก็ลงไปแช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างด้วยกัน

“สบายมั้ยครับ?”

พี่นัทถามและบีบนวดไปตามแขนและไหล่ ผมพยักหน้า เอนหลังพิงกับอกพี่นัทหลับตาและปล่อยให้พี่นัทนวดให้ มันสบายอ่ะ มือใหญ่ๆ แรงบีบกำลังดี ทำให้ผมผ่อนคลาย

“พี่นัท ผมถามอะไรอย่างนึงได้มั้ย” ผมแหงนคอหนุนไหล่แล้วมองหน้าพี่นัท จู่ๆ ผมก็นึกถึงเรื่องนึงที่สงสัยขึ้น ก็ว่าจะไม่ถามอ่ะนะ แต่อยากรู้จริงๆ

“ถ้าพี่ตอบได้นะครับ” มือขวักน้ำขึ้นมาราดตามไหล่ผม

“ผู้หญิงคนนึง ผมยาวสีดำใส่ชุดคล้ายคนป่วยที่อยู่ในอัลบัมภาพคือใครครับ”

พอผมถามไป พี่นัทก็เงียบ เขาไม่ได้มีท่าทีว่าไม่พอใจหรือตกใจอะไร เขาแต่วักน้ำขึ้นมาลาดไปตามหัวไหล่ผม ก้มลงมาจูบที่ลำคอแล้วก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสบาย

“แม่พี่เองครับ”

“...แล้ว” ผมอยากจะถามต่อว่าเขามีแม่สองคนเหรอ แต่ก็พอที่จะเดาอะไรๆ ได้ เพราะเขากับพี่พายเป็ฯพี่น้องคนละแม่กัน

“ไหนๆ พรุ่งนี้ร้านก็ปิดอยู่ เดี๋ยวพี่พาไปหาแม่พี่ ดีมั้ยครับ?”

“เร็วไปมั้ยพี่ ละ...แล้วผมเป็นผู้ชาย พี่จะแนะนำผมในฐานะอะไร แม่พี่จะรับได้มั้ย?” ผมเด้งตัวนั่งหลังตรง หันไปเขย่าแขนพี่นัท

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวลหรอกครับ แม่พี่ลืมง่าย พูดอะไรไปไม่ถึงชั่วโมงก็ลืมแล้ว”

พี่นัทดึงผมให้นั่งพิงเหมือนเดิม พรุ่งนี้พี่นัทจะพาไปหาแม่เขา นี่เพิ่งจะคบกันได้แค่วันเดียวแล้วผมควรจะทำไงดีอ่ะ ต้องซื้ออะไรติดไม้ติดมือไปหน่อย เพื่อสร้างความประทับใจแรกเจอ ซื้ออะไรไปดีอ่ะ แม่พี่นัทจะชอบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่านะ แล้วต้องแต่งตัวยังไงดีอ่ะ  โอ้ย...ยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น

ผมสูดลมหายใจเข้า 2-3 รอบแล้วก็ปล่อยอารมณ์ ปล่อยกาย ปล่อยพิงอกอุ่นๆ ของพี่นัทไป พอเริ่มสบายใจผมก้ฮัใเพลงออกมาระหว่างที่วาดมือไปมาอยู่ใต้น้ำ เล่นฟองสบู่อย่างสบายอารมณ์

“พี่ว่าเราขึ้นจากอ่างกันดีกว่า ก่อนที่พี่จะทนไม่ไหว”

พูดจบปุ๊บพี่นัทก็ดันตัวผมออกแล้วลุกออกจากอ่างทันที ปล่อยให้ผมงงอยู่ในอ่างคนเดียว อะไรอ่ะคิดจะเลิกอาบก็เลิก นี่ยังไม่ได้ถูสบู่เลยนะ ผมกดสบู่หอมๆ ของพี่นัทมาถูตามตัวแล้วก็ล้างออก จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูมาคลุมตัวออกไปใส่เสื้อผ้า

พอผมออกมาชุดนอนก็ถูดพาดไว้ที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว มองไปที่เตียง พี่นัทก็ปิดไฟนอนห่มผ้าแล้วเหมือนกัน อะไรอ่ะ ไม่รอกันเลย ไหนบอกว่าจะนอนพร้อมกันง่ะ ผมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ค่อยขึ้นเตียง มองพี่นัทที่หันหลังให้แล้วก็ขยับเข้าไปนอนใกล้ๆ หลังพี่นัท แอบชะเง้อมองหน่อยนึงว่าหลับรึยัง แต่พี่นัทไม่ขยับไม่ไหวติงเลย...คงหลับไปแล้วมั้ง ผมล้มตัวลงนอนแล้วหลับตามั่ง

ผมพยามที่จะข่มตาให้หลับแล้ว แต่มันไม่ง่วงจริงๆ  แล้วพอนอนไม่หลับ ฟุ้งซ่านเรื่องที่พรุ่งนี้พี่นัทจะพาไปหาแม่ ผมยิ่งนอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาอยู่นั่นแหละ จนพี่นัทขยับตัวพลิกหันหน้ามาทางผม พร้อมกับถอนหายใจออกมา นี่พี่นัทตื่นอยู่รึเปล่าอ่ะ

“พี่นัทหลับอยู่รึเปล่าครับ”

“ยังครับ” พี่นัทลืมตาขึ้น มองผมตาแป๋ว

“ผมทำให้พี่ตื่นรึเปล่าครับ”

“ความจริงพี่ยังไม่หลับ รอให้หนึ่งลักหลับพี่อยู่นะ” ผมถอนหายใจและมองบนใส่พี่นัท ลักหลับอะไรล่ะใครจะไปมีอารมณ์ทำแบบนั้น “หนึ่งนอนไม่หลับเหรอครับ?”

ผมพยักหน้า พี่นัทก็เลยอ้าแขนออก ผมขยับเข้าไปอ้อมแขนของพี่นัท แล้วก็กอดเอวไว้หลวมๆ

“เดี๋ยวพี่กล่อมนอนเนอะ เด็กดี”

พี่นัทพูดแล้วตบก้มผมเบาๆ  คล้ายกล่อมเด็กจริงๆ

“ผมไม่ใช่เด็ก” ผมทุบอกพี่นัทเบาๆ ไปทีนึงอย่างหมันไส้

“ครับๆ  ไม่ใช่เด็กแล้วเนอะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พี่นัทก็ไม่หยุดมือ ตบก้นผมแถมยังใช้อีกมือมาลูบหัวผมไปด้วย

“ฝันดีนะครับ” พี่นัทพูดแล้วก้มลงมาจูบที่หน้าผาก ผมบุ้ยปากใส่ วันนี้นอนมาเกือบทั้งวันแล้วใครจะไปหลับลงเล่า ผมไม่ง่วงเลยซักนิด แต่มืออุ่นๆ ที่ตีก้นผมอยู่นี่ก็เพลินดีเหมือนกันนะ…



...

 “คร่อก ฟี้~~~”


“เจ้าเตี้ยเอ้ย~ พี่รักเรานะครับ”




เขาจะพาไปเจอแม่กันแล้วนาาา

พี่นัทแกจริงจังนะคะ ไม่ได้เต๊าะเล่นๆ


#สูตรอบรัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด