20 : ของโปรดคือโดนัท
“สอง พี่ไปทำงานแล้วนะ” คนที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงส่งเสียงอือในลำคอนิดหน่อย แล้วก็พลิกตัวไปอีกฝั่ง ผมกระชับกระเป๋าให้แนบแผ่นหลังแล้วก็เดินออกมา ตอนนี้เพิ่งจะตีสี่เอง มันเช้าเกินไปมาที่จะไปทำงานในเวลานี้ แต่ผมอยากเจอพี่นัทเร็วๆ นี่ เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไร ก็มันหนาว ผ้าห่มก็มีผืนเดียว ต้องแย่งผ้าห่มกับน้องอีก แต่ตอนที่พี่นัทมานอนด้วยนี่ไม่ต้องแย่งเลย เพราะพี่นัทห่มผ้าแล้วนอนกอดผม อบอุ่นสุดๆ
ผมเพิ่งรู้ว่าผมติดพี่นัทกว่าที่คิด ไม่ได้นอนด้วยกันแค่คืนเดียว ผมยังเป็นขนาดนี้ ผมคิดว่านี่ต้องเป็นแผนของพี่นัทแน่ๆ เข้าทำให้ผมหลง ทำให้ผมรักจนโงหัวไม่ขึ้น ตามใจผมทุกอย่าง ผมอยากได้อะไรพี่นัทก็ไม่ค่อยจะขัดใจ ทำของอร่อยให้กิน ทำตัวน่ารักใส่ผม ทำให้ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา
ต้องเป็นแผนของพี่นัทแน่ๆ พี่นัทที่เป็นจอมเจ้าเล่ห์ จอมกะล่อนและหื่น แต่ก็น่ารักที่สุด ผมนี่หลงพี่นัทสุดๆ เลยนี่หว่า แต่มันไม่ผิดนี่ครับ ที่ผมจะหลงแฟนตัวเองอ่ะ หรือไม่จริง?
ผมเดินสลับวิ่งไม่นาน เหงื่อยังไม่ทันออก ผมก็ถึงร้าน ผมหยิบกุญแจดอกเล็กที่มีตุ๊กตาหัวใจสีแดงแปร๊ดห้อยอยู่ออกมาไขประตูหลังร้านและเดินเข้าไป ในครัวมืดและเงียบมาก อาจเพราะพี่นัทยังไม่ตื่น ผมโยนกระเป๋าไว้ที่โต๊ะกลางครัวแล้วก็เดินขึ้นชั้นสองไปเงียบๆ และพอเปิดประตูห้องนอนชั้นสอง ความเย็นจากแอร์ก็กระทบผิวแผ่วๆ แสงไฟจากด้านนอกส่องผ่านหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดผ้าม่านไว้เข้ามา ผมปิดประตูเบาๆ เดินไปที่เตียง พี่นัทนอนหลับห่มผ้าจนถึงคอ ผมมุดผ้าห่ม ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ พี่นัทที่หลับสนิท ซุกหน้าและสูดกลิ่นกายจากอกอุ่นๆ พี่นัทยับตัวเล็กน้อยแล้วกอดผมเอาไว้
“ตองหนึ่ง….” พี่นัทพึมพำแล้ววาดวงแขนมากอดผมไว้แล้วดึงเข้าไปกอดแน่นๆ ตอนนั้นผมนึกว่าเขาตื่นแล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง พี่นัทคงหลับตาและกรนอยู่เหมือนเดิม ผมแอบยิ้มมุมปากอย่างพอใจ พี่นัทคงทำไปเพราะความเคยชิน เขาชินกับการนอนกอดผม ส่วนผมเองก็ชินกับอ้อมกอดพี่นัทเช่นกัน
ผมนอนกอดพี่นัทไม่นาน นาฬิากาก็ปลุกดัง คนตัวสูงละมือจากตัวผมไปควานหานาฬิกาแล้วปิดเสียง หลังจากนั้นก็นอนต่อทั้งที่ยังถือนาฬิกานั้นอยู่ ผ่านไปซักพักนาฬิกานั่นก็ดังขึ้นใหม่ พี่นัทก็ทำเหมือนเดิมคือปิดเสียงแล้วก็หลับต่อ
“พี่นัทครับ จะไม่ตื่นเหรอ” ผมขยับตัวขึ้นมานอนทับเขา แล้วก็บีบแก้มเล่น
“อือ…ขออีกนิด”
“เดี๋ยวทำเค้กไม่ทันอีกนะครับ”
“อือ…” พี่นัทครางในลำคอ แล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น ผมเลย ตวัดผ้าห่มออก แล้วลุกขึ้นนั่งบนตัวพี่นัท จากนั้นก็จุ๊บไปที่ปากพี่นัทรัวๆ
“ตื่นๆ พี่นัทตื่นได้แล้ว” ว่าแบ้วรัวจูบลงบนริมฝีปากอีกฝ่าย “ถ้าพี่ไม่ตื่น ผมจะจุ๊บไปเรื่อยๆ นะ”
“อื้อ”
“ตื่นแล้วครับ ทำขนมให้ผมกินหน่อย”
“อือ...หนึ่ง”
เขาครางในลำคอเสียงกระเส่าขึ้นเล็กน้อย ผมไม่ได้เอะใจอะไร และยังคงจุ๊บไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะตื่น แต่ก็ต้องหยุดเมื่อรู้สึกได้ว่าบริเวณก้นของผมมันมีบางอย่างดุนดันอยู่ พอผมขยับออกแล้วหันไปมอง ก็เห็นน้องชายพี่นัทตั้งตรงเคารพธงชาติตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
“พี่นัท! น้องชายพี่มันตื่นก่อนพี่ซะอีก โว๊ะ!”
“หึ ฮ่าฮ่าฮ่า” คนที่ผมคิดว่ายังไม่ตื่น หลุดหัวเราะออกมายกใหญ่ แล้วก็ลืมตามองมาจนเห็นแววตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์ ไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นเลยซักนิด
“ตื่นแล้วทำไมไม่ลุกล่ะครับ แกล้งผมอีกแล้ว”
“หือ....พี่ก็ลุกแล้วนี่ไงครับ” พี่นัทพูดแล้วก็เปรยตามองไปที่เป้าตัวเองที่ทั้งลุกทั้งพองตัว ดันก้นผมอยู่ตลอด
“ผมไม่ได้หมายถึงไอ้นี่ซักหน่อย” ผมอ้อมแอ้มตอบไป แต่ตาก็ยังมองจ้องไปที่น้องชายพี่นัทที่ชี้เพดานอยู่ในกางเกงนอน “เห้ย! พี่จะถอดกางเกงทำไม!”
“แหม ก็เห็นจ้องซะขนาดนั้นพี่ก็เลยเปิดให้ดูไปเลย”
จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงล่ะครับ ก็จู่ๆ พี่นัทก็ถกกางเกงลง จนอะไรๆ ของพี่นัทเด้งออกมาให้ผมเห็นเต็มตาเลย เห็นท่าไม่ดีผมก็รีบคลานลงจากตัวพี่นัท เตรียมหนีก่อนที่จะโดนอีกฝ่ายเอาเปรียบอีก
“ผม...ผมว่า ผมลงไปทำความสะอาดดีกว่าครับ”
“เดี๋ยวสิ จะมาทำให้พี่อยาก แล้วจะมาจากไปแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“ผมไม่ได้ทำ” ผมตอบ พี่นัทก็ดึงผมเข้าใกล้ ผมรั้งตัวเองไว้ ขืนถ้าผมยอมตามพี่นัท วันนี้คงได้เปิดร้านครึ่งวันอีกแน่ๆ
“แค่หนึ่งนั่งหายใจเฉยๆ พี่ก็เกิดอารมณ์แล้วครับ” พอผมไม่ยอมพี่นัทเลยเปลี่ยนจากดึงมือ มารั้งเอวผมเข้าไปใกล้ๆ แทน
“ไม่ได้ ผมต้องไปทำความสะอาดหน้าร้าน แล้วพี่ก็ต้องไปทำเค้กด้วย.” ผมขืนตัวออกสุดแรง แล้วปฏิเสธท่าเดียว ตอนแรกผมพูดไม่เสียงแข็งเลย แต่พอเจอสายตาสีน้ำตาลอ้อนๆ เข้าหน่อย เสียงผมก็อ่อนลงไปซะอย่างงั้นอ่ะ
“จะไม่ช่วยกันเหรอครับ เมื่อคืนพี่อุตส่าห์อดทนไม่ช่วยตัวเอง เพื่อรอหนึ่งมาช่วยพี่เลยนะ ไม่เห็นใจน้องน้อยของพี่บ้างเลยเหรอครับ ดูสิน้ำตามันไหลใหญ่เลย”
ผมขึงตาใส่เขาที่พูดจาทะลึ่ง เขาก็หัวเราะจับผมไปนั่งตรงด้านหน้าให้น้องชายพี่นัทชี้หน้าผม ผมพยายามหันหน้าออกไปทางอื่น แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบกลับมามองส่วนนั้นของเขาอยู่ตลอดเลย
ก็ไม่ใช่ไม่อยากช่วยพี่นัทหรอก แต่ลองคิดดูสิครับ คนอย่างเขาน่ะเขาไม่ยอมหยุดอยู่แค่ใช้มือแน่นอน แล้วก็ไม่อยากให้พี่นัทไปเปิดร้านสายอ่ะ เดี๋ยวพี่นัทก็ขาดทุนแล้วลูกค้าก็รอด้วย
“...เดี๋ยวพี่ก็เปิดร้านสายอีก ผมทำให้พี่เปิดร้านเที่ยงมาหลายครั้งแล้วนะครับ”
“หนึ่งไม่สงสารพี่เหรอ ดูสิ...แข็งจนเจ็บไปหมดแล้วนะ” พี่นัทจับมือผมไปสัมผัสส่วนๆ นั้น ผมเม้มปากแน่น พอผมไม่ชักมือออก พี่นัทก็จัดการบังคับมือผมให้กำรอบลำแกร่งที่ร้อนและพองขยายขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าขาดทุนจนร้านเจ๊ง ก็อย่ามาโทษผมละกัน…”
“ถ้าหนึ่งทำให้พี่พอใจ พี่จะไม่โทษหนึ่งเลยครับ”
“ตองหนึ่งเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมหน้าแดงแบบนั้น”
“...จิ๊”
ผมหันไปมองพี่นัทที่ยิ้มล้อๆ อยู่ แล้วก็เดินหนีไปถูพื้นอีกทางนึง ได้ยินเสียงคนตัวสูงหัวเราะมาแว่วๆ เมื่อเช้า ผมก็ช่วยพี่นัทปกติแหละไปมาๆ กลับกลายเป็นว่าพี่นัทมาช่วยผมด้วยซะงั้น พี่นัทเสร็จไปหนึ่งรอบ แต่ผมนี่สิเห็นประตูสวรรค์ไปถึง 3 รอบ เสียเซลฟ์ชะมัดเลย
“เลิกงอนแล้วมากินอาหารเช้าเถอะครับ”
“ผมไม่ได้งอน”
“ไม่ได้งอนก็มากินเร็วครับ เดี๋ยวนมหายอุ่นแล้วจะไม่อร่อยนะ”
“พี่ก็หยุดยิ้มแบบนั้นสักทีสิ เห็นแล้วหมันไส้ชะมัดเลย” ผมบ่นอุบอิบแล้วก็เดินไปนั่งกินข้างๆ พี่นัท เมนูวันนี้คือชูครีมที่ข้างในเป็นใส้ครีมสด และที่ขาดไม่ได้คือนมสดอุ่นๆ กินแบบนี้ทุกวันเลย เห็นแววเบาหวานขึ้นมารำไรๆ เลยครับ
“อร่อยมั้ยครับ?”
“มีอะไรที่พี่ทำแล้วผมบอกว่าไม่อร่อยบ้างล่ะครับ วันหลังพี่เอาเครื่องอัดเสียงมาอัดไว้เลยก็ได้ครับ พี่ถามผมแบบนี้ทุกวัน ผมก็ตอบแบบเดิมทุกวันน่ะแหละ”
“โธ่ หนึ่งอ่ะ ที่พี่ถามก็แค่เก็บเป็นกำลังใจให้มีแรงทำงานต่อไปแค่นั้นเอง พี่ก็แค่อยากได้ยินเสียงใสๆ ของแก้วตาดวงใจของพี่แค่นั้นเองครับ” พี่นัทพูดแล้วก็มองมาที่ผม แถมยังส่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยมาให้อีก แล้วดูตาเขาสิจะประกายแวววาวอะไรได้ขนาดนั้น
“น้ำเน่ามากครับพี่นัท แก้วตาดวงใจอะไรกัน”
ปากผมบอกแบบนั้นแต่หน้าผมนี่ร้อนแทบใหม้ ฟังๆ แล้วก็แอบเขิน พี่นัทคนบ้า
หลังจากทานอาหารแล้วเราก็เปิดร้านกันตามปกติ ลูกค้าก็เยอะเหมือนปกติ จนถึงช่วงดึก ลูกค้าเริ่มน้อยลง และเราก็เตรียมตัวปิดร้าน
ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์พี่นัทดังขึ้น พี่นัทละมือจากทำความสะอาดตู้เค้กมารับโทรศัพท์ คุยไม่นานพี่นัทก็วางแล้วหันมายิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้งที่ชวนให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก
“พรุ่งนี้ไปหาพ่อพี่กันครับ พาลูกสะใภ้ไปแนะนำให้คุณพ่อรู้จักซักหน่อย”
หลังจากคำพูดนั้นของพี่นัท สติผมก็ปลิวหายไปทันที คราวก่อนไปหาคุณแม่ คราวนี้ต้องไปหาคุณพ่อของพี่นัทอย่างไม่ทันได้เตรียมตัวอีก
พี่นัทขับรถไปส่งผมที่ที่พัก ผมรื้อเสื้อผ้าออกมาเลือกจนตองสองหาว่าผมเพี้ยน ทำตัวเป็นผู้หญิงที่จะไปเดทแรก นี่มันยิ่งกว่าเดทแรกอีกนะ...นี่มันไปหาพ่อพี่นัทเลย!
ผมหาชุดที่ดูสุภาพและเป็นผู้ใหญ่ที่สุด และจบลงที่ เสื้อเชิตสีขาว และกางเกงสแล็คสีดำ ในตอนแรกที่เลือก ผมก็คิดว่า ชุดนี้แหละไม่ตลกแน่นอน จนมาเจอพี่นัท คำแรกที่พี่แกทักทำเอาผมใจฝ่อเลยทีเดียว
“ทำไมใส่ชุดนักศึกษามาล่ะครับ”
ไม่~ นี่ไม่ใช่ชุดนักศึกษา ผมทำท่าจะกลับไปเปลี่ยน แต่พี่นัทไม่ยอมลากผมขึ้นรถแล้วเดินทางทันที
“พี่น่าจะให้ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ ผมไม่มั่นใจเลยอ่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ หนึ่งอย่าคิดมากดิ พ่อพี่เขาไม่ได้เป็นคนเข้มงวดอะไรซักหน่อย”
“...” ผมเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไป ความรู้สึกหลายๆ อย่างตีกันมั่วไปหมด นี่ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวยิ่งกว่าตอนที่ไปหาแม่พี่นัทอีกอ่ะ พี่เขาเห็นว่าผมดูท่าทางกังวลก็เลยเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ
“อย่าคิดมากๆ พ่อพี่ใจดี อืม….ก็ถือว่าใจดีนะแต่ขี้แกล้งไปหน่อย”
ระยะทางจากร้านไปที่บ้านพี่นัทไม่ไกลมาก แต่เพราะจราจรที่ติดขัดทำให้การเดินทางนั้นค่อนข้างนาน แต่ถึงจะนานขนาดไหน สุดท้าย เราก็ถึงจุดหมายปลายทางอยู่ดี
ผมยืนอยู่ข้างรถพี่นัทยังไม่อยากขยับไปไหน สายตาก็มองไปรอบๆ บ้านพี่นัทเป็นบ้านสองชั้น ดูทันสมัย มีสวนที่ค่อนข้างกว้าง ในโรงจอดรถที่มีรถหลายคันจอดอยู่ มีสระว่ายน้ำใหญ่ๆ อยู่อีกด้านหนึ่งของบ้าน...นี่มันบ้านคนรวยเลยนี่หว่า ยิ่งรู้แบบนั้นผมก็ยิ่งประหม่าไปอีก
“จะยืนสิงประตูรถพี่อีกนานมั้ยครับ เข้าบ้านกันเร็ว พี่ร้อนมากเลย”
ผมส่ายหน้าน้อยๆ พี่นัทเลยเดินมาลากผมเข้าไปในบ้าน ตื่นเต้นง่ะ
เขาพาผมมานั่งในห้องนั่งเล่น แล้วพี่แกก็เดินหายไปไหนก็ไม่รู้ แล้วซักพักก็มีสุนัขตัวใหญ่สีขาวแต้มน้ำตาลเดินเข้ามาหาผม ผมที่เกร็งอยู่แล้วยิ่งเกร็งขึ้นไปอีก ผมเคยบอกไปรึเปล่า ว่าผมไม่ถูกกับสุนัขตัวใหญ่อ่ะ แล้วเจ้าตัวที่นั่งจ้องผมอยู่นี่ เรียกได้ว่า...ใหญ่มหึมาเลยล่ะครับ
ผมพยายามส่งยิ้มให้ บอกให้เจ้ายักษ์นั่นรู้ว่าผมมาดี ไม่ได้เป็นขโมยเข้ามาทำอะไรไม่ดีทั้งนั้น แต่เหมือนว่าเจ้ายักษ์จะดูไม่ออกหรืออยากทักทายผมก็ไม่รู้ เพราะมันทำท่าจะกระโจนใส่ผมและเห่าออกมาเสียงดัง
โฮ่ง!
“เหวอ! พี่นัท”
ผมรีบกระโดดขึ้นมายืนบนโซฟา แล้วเรียกพี่นัทเสียงดัง ผมมองไปที่หมายักษ์ไม่วางสายตา griktกลัวว่าถ้าไม่ได้สบตากับมันไว้แล้วมันจะกระโดดเข้างับหัวผมน่ะสิ
“คุณสุนัข ผ...ผมมาดีนะครับ ผมมากับพี่นัท รู้จักมั้ย?” ผมพูดเพราะๆ ใส่หมา เขาว่าหมาฟังภาษาคนรู้เรื่อง ถ้าผมพูดไปก็คงรู้เรื่องเหมือนกันแหละ
โฮ่งๆ !
“พี่นัท!” ผมแหกปากเรียกพี่นัทลั่นบาท แต่ก็ไม่เห็นหัวพี่นัทออกมาเลย พี่พาผมมาบ้านให้เป็นขนมให้หมายักษ์นี่เขี้ยวเล่นเหรอวะ...หมายักษ์นั่นเดินเข้ามาหาผม จนผมต้องกระโดดไปอยู่ที่โซฟาอีกตัว มันก็ดันตามมาอีก ผมร้องเรียกพี่นัทและกระโดดเหยงๆ ไปมา ไอ้หมายักษ์นั่ยก็เห่าไม่หยุดอีกด้วย
หลังจากกระโดดไปมาอยู่ซักพัก หมานั้นก็กระโดดใส่ผม ผมเห็นมันอ้าปาก และผมก็เห็นเขี้ยวมันด้วย ไปแล้วว หัวผมจะโดนกัดไปแล้ว
“พี่นัท! เหวอ!”
แผล่บ! โฮ่ง แผล่บๆ
“พี่นัท! ช่วยผมด้วย” ผมร้องเรียกและยกมือบังใบหน้าตัวเอง ตอนนี้ผมล่วงมานอนแอ้งแม่งอยู่บนโซฟาอีกตัว มีหมายักษ์อยู่ด้านบน ลิ้นใหญ่ๆ เลียไปทั่วใบหน้าและมือ น้ำลายเต็มไปหมด
“แต้ม! ออกมา”
พอเสียงเข้มๆ นั้นดังขึ้น หมายักษ์ก็กระโดดออกจากตัวผม ทำเสียงร้องหงิงน่าสงสารก่อนจะเดินไปหาคนที่เรียก
ผมพยุงตัวเองขึ้น มือก็เช็ดไปตามหน้าที่เลอะไปด้วยน้ำลายเหนียวๆ มองไปที่ผู้ชายตัวสูงโปร่ง ผมสีดำแซมสีขาวเล็กน้อย หน้าตาคล้ายพี่นัท และที่เหมือนพี่นัทสุดๆ ก็ดวงตานี่แหละ ดูขี้เล่นและเจ้าเล่ห์อย่างบอกไม่ถูก เบ้าเป๊ะขนาดนี้...พ่อพี่นัทชัวเลย
“ส...สวัสดีครับ”
ผมรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วยกมือไหว้ ชายตรงหน้ายิ้มออกมานิดๆ แล้วก็พยักหน้า พี่นัทที่หายไปนานวิ่งหน้าตื่นออกมา
“เกิดอะไรขึ้นครับ” พี่นัทเดินเข้ามาเห็นสภาพผม แล้วก็หันไปถามคุณพ่อ
“ไปดูเด็กแกก่อนไป เกือนโดนไอ้เเต้มขย้ำคอขาดแล้วไง ถ้าพ่อมาช้าอีกนิดนะได้โดนกัดจมเขี้ยวไปแล้ว”
อย่าพูดอย่างงั้นสิครับ หมายักษ์นั้นตั้งใจจะขย้ำคอผมจริงๆ สินะ ที่เลียๆ นั่นคือชิมก่อนใช่มั้ย คิดเองเออเองแล้วก็กลัวจนตัวแข็งขึ้นมาอีกครั้ง
“หนึ่งครับ เป็นอะไรมากมั้ย?”
ผมส่ายหน้า แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนขณะที่พี่นัทเดินเข้ามาช่วยพยุง
“พาเด็กแกไปล้างหน้าล้างตัวก่อน แล้วค่อยพาไปคุยกันที่สวนหลังบ้านนะ ล้างๆ ดีล่ะ ระวังโดนโรคจากน้ำลายหมา ไอ้แต้มนี่ยังฉีดยาไม่ครบเลย”
ประโยคท้ายเหมือนคุณพ่อหันมาคุยกับผม แต่หมายักษ์นั่นมีโรคเหรอ? ติดจากน้ำลายได้เหรอ? ผมจะติดมั้ยอ่ะ
“พ่อก็หยุดพูดแกล้งแฟนผมเถอะน่า โถ่ หนึ่งยิ่งกลัวๆ อยู่”
พี่นัทลูบหัวลูบหลังผม แล้วก็พาเดินขึ้นชั้นสอง แล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะเสียงดังตามหลังมา เมื่อกี้คือผมโดนแกล้งเหรอ ผมโดนคุณพ่อพี่นัทแกล้งเหรอ ในขณะที่ผมกำลังงุนงง คนตัวสูงก็พาผมเดินเข้ามาที่ห้องๆ หนึ่ง หยิบผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้าแล้วก็พาเข้าห้องน้ำ
“ก้มลงมาหน่อยครับ” เขาว่าพลางกดคอผมลงเล็กน้อย แล้ววักน้ำขึ้นมาล้างตามใบหน้าและฝ่ามือ จนน้ำลายเหนียวๆ นั่นหมดไป “เป็นอะไรครับ หนาวเหรอ น้ำเย็นไปเหรอ?”
“พี่นัทหมายักษ์เมื่อกี้จะกัดผมจริงๆ เหรอครับ”
“พ่อพี่แค่แกล้งหนึ่งเล่นเองครับ ไอ้แต้มมันเคยกัดใครซะที่ไหนล่ะ”
“แต่เมื่อกี้หมานั่นกระโจนใส่ผมเลยนะครับ แล้วตัวมันก็ใหญ่มาก ปากก็ใหญ่ เขี้ยวก็ใหญ่มาก!”
“หมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดก็ต้องตัวใหญ่อยู่แล้ว แต้มมันก็แค่อยากเล่นกับหนึ่งแค่นั้นแหละครับ มันไม่กัดหรอก”
“...เหรอครับ” พี่นัทจูงผมออกจากห้องน้ำ แล้วก็พาไปลงชั้นล่าง เดินเข้าไปอีกทางของตัวบ้านแล้วก็มาโผล่อีกด้านหนึ่งที่มีสวนและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีโต๊ะตั้งอยู่ บนโต๊ะมีขนมอยู่มากมาย น้ำชา กาแฟ นมสด ครบชุด มีกลุ่มคนนั่งล้อมโต๊ะอยู่ มีคุณพ่อพี่นัท ที่พอเห็นผมเขาก็หัวเราะออกมา พี่พายที่ส่งยิ้มใจดีมาให้ผม ผู้ชายหน้าตาดีที่ซีดเซียว นั่งดมยาดมอยู่ข้างๆ พี่พาย ผู้หญิงชาวต่างชาติที่นั่งข้างๆ คุณพ่อที่ส่งยิ้มมาทางผมเช่นกัน
“แฟนผมครับ ชื่อตองหนึ่ง” พี่นัทพูดแนะนำตัวผม แล้วนั่งลง ผมสวัสดีทุกคนอย่างประหม่า
“พ่อว่าแก่คบแฟนเด็กเกินไปนะ นี่ยังเรียนอยู่เหรอ จะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์รึเปล่าล่ะ”
“อย่าแกล้งมากจะได้มั้ย ตองหนึ่งยิ่งขี้กลัวอยู่” พี่นัทพูดออกมา คุณพ่อพี่นัทก็หัวเราะ แล้วก็หันไปป้อนขนมให้ผู้หญิงชาวต่างชาติที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน พี่นัทก็ส่งจานที่มีโดนัทมาให้ พร้อมด้วยชาหอมๆ อีกแก้วนึง ผมรับมานั่งกินเงียบๆ แล้วนั่งฟังพ่อลูกคุยกัน
“แล้วที่ร้านเป็นยังไงบ้าง”
“ครับ ก็เรื่อยๆ เข้าที่เข้าทางแล้ว”
“ลูกค้าเยอะมั้ย?”
“ก็เยอะอยู่ครับ อยู่ใกล้มหาลัยด้วย เลยเหนื่อยหน่อย”
“ให้มีวันหยุดซักวันนึงบ้างสิ ไม่งั้นก็เหนื่อยเกินไปแบบนี้ หาวันหยุด หยุดงาน นอนเล่น พาแฟนไปเที่ยวบ้าง หรือต้องขยันหาตังมาเลี้ยงเด็ก ดูท่าแล้วคงกินเก่ง”
“...” ทุกคนเงียบแล้วก็หันมาที่ผมพลางอมยิ้ม
“ดูสิ...มานั่งแปปเดียวแต่กินขนมเข้าไปตั้งกี่ชิ้นล่ะ เอาอีกมั้ยหนู เดี๋ยวพ่อเข้าไปทำเพิ่มให้?”
“พ่อพอเถอะน่า จะแกล้งกันไปถึงไหน โธ่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเด็กแกทำหน้าเข้าสิ ตลกว่ะ”
ผมเม้มปากแล้วค่อยๆ วางโดนัทลง...ก็จริงอย่างที่เขาพูดแหละครับ ผมมานั่งแค่แปปเดียว แต่กินโดนัทเข้าไปมากกว่าคนทั้งโต๊ะนี้กินซะอีก
“กินต่อเถอะตองหนึ่ง โดนัทนี่พี่ทำเองนะ ทำไว้เยอะเลย ถ้าหนึ่งไม่กินก็เหลือทิ้ง พี่ก็เสียดาย”
พี่พายพูด แล้วส่งโดนัทให้ผมอีกสองชิ้น ผมเหลือบมองคุณพ่อพี่นัทนิดหน่อย แต่ก็รับมา...ก็เกรงใจพี่พายนี่ครับ เขาอุตส่าห์ส่งให้แบบนี้ ถ้าไม่รับมาก็เสียมารยาทสิ
“พาย กินขนมเยอะเหรอ อ้วนขึ้นเยอะเลย” พี่นัททักพี่พาย ผมก็คิดว่าพี่พายอ้วนขึ้นนะ ดูอวบๆ ขึ้นมากเลยอ่ะ
“ไม่อ้วนสิแปลก พายอยากกินอะไร คุณมาคัสก็ไปหามาให้หมด พายได้กินอย่างมีความสุข ส่วนตัวเองก็มานั่งแพ้ท้องแทนเมียจนหมดสภาพแบบนั้นไง” คุณพ่อพี่นัทพูดแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“แพ้ท้อง พายท้องเหรอ!” พี่นัทตกใจ ผมก็ตกใจเหมือนกัน ส่วนพี่พายก็หันไปหาชายที่นั่งข้างพลางยิ้มกว้างออกมา
“ใช่ค่า 3 เดือนแล้ว โอ๊ย!”
พี่นัทเอื้อมมือไปเขกหัวพี่พายเล็กน้อย ข้อหาที่ไม่บอกข่าวอะไรพี่นัทเลย แล้วเขาก็หันไปพูดกับผู้ชายที่ชื่อมาคัส
“หนูๆ ชื่อหนึ่งใช่มั้ย”
“ค...ครับ” พ่อพี่นัทหันมาคุยกับผม ผมพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมวางโดนัทในมือลง
“ลุงชื่อกรนะ ผู้หญิงสวยๆ คนนี้ชื่อลิซ่า เมียลุงเองแหละ” ผู้หญิงที่ชาวต่างชาติหันไปตีคุณพ่อพี่นัทเบาๆ
“สวัสดีครับคุณลิซ่า” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าและส่งยิ้มดูใจดีให้ผม อืม...สวยจริง ๆ
“คบกับไอ้นัทมานานแค่ไหนล่ะ”
“ป...ประมาณ 10 เดือนได้แล้วครับ”
“อืม...แล้วมันได้พาหนูไปหาแม่มันบ้างยัง คุณแก้วตาน่ะรู้จักมั้ย?”
“ครับ ก็พาไปหลายครั้งแล้ว”
“อุแหม่! ไอ้นี่ พาไปหาแม่ตั้งหลายครั้งแต่พึ่งจะพามาหาพ่อ ลำเอียงจริงๆ เลยเว้ย” ลุงกรพูดแล้วปรายตาไปทางพี่นัทที่คุยกับคุณมาคัสอยู่
“...”
“แล้วเราทำงานกับมันด้วยใช่มั้ย? มันขายดีรึเปล่า? มีขาดทุนหรือได้กำไรเยอะมั้ย? มีปัญหาอะไรที่ร้านรึเปล่า? เอาขนมค้างคืนให้ลูกค้าบ้างรึเปล่า?”
“เอ่อ คือว่า…” ผมกุกกัก หลุบตามองมือตัวเอง เพราะพอเขาถามมาแบบนั้นผมก็ตอบไม่ถูกเลย ก็ผมไม่ค่อยรู้เรื่องขาดทุนหรือกำไรของร้านเท่าไรนี่ครับ เวลาพี่นัทนั่งทำบัญชี ผมก็เอาแต่นั่งเล่น นอนเล่นไปเรื่อยเปื่อย ไม่เคยได้ช่วยพี่นัทเลย
“บอกความจริงมาเลยหนู ไม่ต้องกลัวหรอก”
“เอ่อ….ก็ขายดีครับ เรื่องกำไรกับขาดทุนอะไรผมไม่รู้เรื่องครับ” ผมตอบเสียงเบาๆ จนลุงกรต้องเอียงหูฟัง ก็แบบว่ายังไม่ชินอ่ะ แถมยังมีหมายักษ์ที่เดินมานั่งจ้องหน้าอีก ผมก็เริ่มกลับมาเกร็งอีกครั้ง
“ตอบมาตามตรงเถอะน่า ถ้าไม่พูดลุงจะสั่งให้ไอ้แต้มไปกระโดดงับคอเอานะ ดูสิ ท่าทางมันคงอยากเขี้ยวคอหนูแหละ”
พูดเสร็จ ลุงกรก็หันไปกระดิกนิ้วเรียกหมายักษ์นั้นให้ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าใกล้
“อ่า...พี่นัทเปิดร้านสายบ่อย แต่ลูกค้าก็เยอะครับ เค้กขายหมดทุกวัน ไม่เคยเอาเค้กค้างคืนให้ลูกค้าครับ” ผมพูดออกไปอย่างเร็วจนลืมหายใจ เพราะหมานั่นดันเอาปากใหญ่ๆ มาวางเกยบนตักผม ผมที่ไม่ถูกกับหมาตัวใหญ่ก็กลัวสิครับ
“เหรอ~ ดีๆ”
“พ่อแกล้งอะไรแฟนผมอีกเนี่ย คุณแม่ลิซ่าก็ไม่ห้ามพ่อเลยนะครับ สงสารตองหนึ่งบ้างสิ กลัวจนสั่นไปหมดแล้วครับ” พี่นัทพูดแล้วก็ลุกขึ้นดึงคอหมายักษ์นั่นให้เดินไปทางอื่น
“แหม แค่พูดด้วยนิดหน่อยทำเป็นหวงนะ”
“ก็พ่อชอบแกล้ง หนึ่งกลัวไอ้แต้ม พ่อก็ยังพาให้แต้มมาแกล้งแฟนผมอีก”
“พ่อพามันมาที่ไหน แต้มมันชอบเด็กแกหรอกเลยอยากเล่นด้วยแค่นั่นเอง”
“พ่อเป็นคนสั่งไม่ใช่รึไงครับ พ่อชอบแกล้งทุกคนแบบนี้ ผมเลยไม่อยากจะพาใครมาบ้านซักเท่าไรเลย”
“โถ น้องโดนัทที่ติดพ่อเมื่อก่อนหายไปไหนแล้ว ตอนนี้กลายเป็นพี่นัทที่ติดแฟนไปซะแล้ว”
“พ่อ!” พี่นัทตะเบ็งเสียง มองหน้าพอ่ตัวเองเลิ่กลั่กก่อนจะหันมามองผม
“แหน่ะ ดูสิ ลิซ่าจ๋า น้องโดนัทที่น่ารักและขี้อ้อนของคุณเสียงดังใส่ผมด้วยแหละ” ลุงกรหันไปหันไปฟ้องคุณลิซ่าที่นั่งหัวเราะอยู่
ผมหน้าแดงนิดหน่อยที่ถูกพาดพิงว่าพี่นัทติดผม แต่ก็หลุดยิ้มออกมากับชื่อที่ลุงกรเรียกพี่นัท แล้วก็ท่าทางอายปนโกรธๆ ของพี่เขาด้วย
“พอเถอะน่า ผมว่าผมกลับดีกว่า อยู่ไปพ่อก็แกล้งแฟนผมอีก”
“จะกลับเอาขนมกลับไปด้วย ดูท่าทางเด็กแกจะชอบกิน”
พี่พายลุกขึ้นจัดการเอาโดนัทหลากรสใส่กล่องให้ผมหลายชิ้น แล้วก็ยื่นให้พี่นัท
“ผมไปแล้วนะครับ” พี่นัทเดินเข้าไปกอดคุณลิซ่า แล้วก็แวะเขกหัวพี่พายนิดหน่อย แล้วก็เดินจูงผมออกมา แต่ลุงกรก็ตะโกนตามหลังมาด้วย
“พาเด็กแกมาบ้านบ่อยๆ นะ พ่อชอบแกล้งง่ายดี” ผมได้ยินแล้วก็หันไปหาพี่นัท คนตัวสูงส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ พอเดินมาถึงรถ ผมก็เห็นหมายักษ์ที่วิ่งอยู่ตามสนาม วิ่งตรงดิ่งเข้ามาหาผม
“เหวอ! หยุดเลยนะ!”
ผมตกใจที่เห็นมันวิ่งน้ำลายเยิ้มมาหาผม เลยเผลอเสียงดังและออกคำสั่งไป เจ้าหมาที่วิ่งๆ อยู่เกือบถึงตัวผมก็ค่อยๆ หยุด และยืนจ้องหน้าผมนิ่ง
โฮ่งๆ !
“หนึ่งลองสั่งให้มันนั่งดูก็ได้ครับ แต้มมันเป็นหมาโดนฝึกมาแล้ว”
“งั้น...นั่ง!” ผมหันไปพูดคำเดียว เจ้าหมายักษ์ก็นั่งลงอย่าว่าง่าย
โฮ่ง!
“งั้นไปแล้วนะ บ๊ายบาย เจ้าแต้ม” ผมโบกมือบ๋ายบายให้หมา แล้วก็ขึ้นรถมา พี่นัทส่งกล่องโดนัทให้ผมแล้ว ก็ออกรถ ผมเปิดกล่องหยิบโดนัทขึ้นมากิน ป้อนพี่นัทบ้างเป็นระยะๆ
“อร่อยมั้ยครับ?”
“ครับ พ่อพี่ชอบกินโดนัทเหรอ?”
“อืม ก็ชอบมั้งครับ แค่คงชอบพวกเค้กมากกว่า ที่วันนี้ทำโดนัทเพราะคุณแม่ลิซ่าน่าจะอยากกิน พ่อเลยให้พายทำ”
“แล้วทำไมเขาไม่ตั้งชื่อพี่ว่าน้องเค้กแทนน้องโดนัทล่ะครับ...” พี่นัทหันมามอง ผมส่งยิ้มล้อๆ ไปให้ ตามด้วยเสียงหัวเราะขบขันเล็กน้อย
“เดี๋ยวเถอะนะ เดี๋ยวคืนนี้พี่ไม่ให้กลับห้องเลยนี่”
“อุ๊บส์ ฮ่าฮ่าฮ่า” ผมและพี่นัทหัวเราะออกมา หันกลับมานั่งกินโดนัทต่อ พี่นัทหันมามองบ่อยๆ ผมก็เลยฉีกแป้งเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วป้อนให้ แต่นัทก็ส่ายหน้าไม่กิน
“หนึ่งชอบโดนัทมากเหรอครับ”
“ชอบที่สุดเลยครับ”
“ชอบเท่าโดนัทที่เป็นคนมั้ยครับ?”
“...” ผมอมยิ้มขำพลางส่ายหน้า พูดไม่ได้เพราะผมเคี้ยวอยู่เต็มปาก
“โถ่ พี่น้อยใจ โดนัทคนแพ้โดนัทขนม”
“ผมชอบโดนัทที่เป็นขนม แต่ผมรักน้องโดนัทที่เป็นคนครับ”
“พูดได้ดี! ไหนๆ วันนี้ก็ปิดร้านแล้ว เดี๋ยวกลับไปพี่จะป้อนโดนัทให้กินทั้งวันเลย ดีมั้ย?”
“ไม่ไหวแล้วครับ ผมอิ่มมาก ในท้องมีแต่แป้งโดนัทเต็มไปหมด”
“พี่ก็ไม่ได้จะป้อนโดนัทที่เป็นขนมซักหน่อย” เขาพูดเสียงกะล่อนพล่งยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมส่ายหน้าแล้วพูดกลับไป
“...แล้วโดนัทนั้นอร่อยมั้ยครับ”
“หนึ่งก็กินมาตั้งหลายครั้งแล้วนี่...อร่อยดีมั้ยล่ะ?”
พี่นัทคนบ้า...คนหื่นด้วย!
#สูตรอบรัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie