ตอนที่ 3 เรารู้จักกันมากขึ้นไม่ได้เหรอ?
“น้องที่เพิ่งเข้ามารีบวางกระเป๋าแล้วไปเข้าแถวสิครับ เพื่อนเขานั่งรอคุณตั้งนานแล้วนะ”
ผมและเพื่อนที่เลิกคลาสพร้อมๆ กันรีบวิ่งเข้าไปนั่งในแถว หลังสิ้นเสียงของพี่วินัยที่ยืนทำหน้าดุอยู่หัวแถว หลังเลิกเรียนพวกเราเด็กปีหนึ่งก็ต้องมาเข้าประชุมเชียร์ทำกิจกรรมรับน้องกันทุกคน จะแอบโดดก็ไม่ได้ เพราะมีรุ่นพี่มาดักหน้าห้องเรียนเลยทีเดียว
ผมถอนหายใจเล็กน้อยเพราะอยากจะกลับไปนอนพักที่ห้อง นอนไม่พอมาสองคืนติดแบบนี้ทำเอาผมเพลียใช่เล่นเลย เพราะเขาคนนั้นแท้ๆ
พอคิดถึงเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองหา ผมเห็นคุณเขายืนกอดอกพิงพนังอยู่คนเดียว เขาเป็นรุ่นพี่ผมนี่นะแต่เขาทำตัวไม่น่าเป็นรุ่นพี่เลยซักนิด แถมผมเองก็รู้สึกไม่ชินปากยังไงไม่รู้ที่จะเรียกคุณเขาว่าพี่
เราสบตากันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเมินหนีไป แต่ผ่านไปสักพักเขาก็หันกลับมามองใหม่ แต่พอเห็นว่าผมยังคงมองอยู่เขาก็ขมวดคิ้วแล้วเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะหันหนีไปอีกครั้ง
เอาจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นพี่วินัยและคำขู่ของเขาเมื่อคืนนี้ ผมก็อยากจะเดินเข้าไปคุยกันตอนนี้ให้รู้เรื่องไปเลย ผมคาใจ อยากรู้ชื่อเขา อยากถามเหตุผลที่เขาแบบนั้น
ผมนั่งจ้องเขาอยู่แบบนั้น เจ้าตัวเองก็หันมามองทางผมบ่อยเช่นกัน ทำให้เราสบตากันหลายครั้งจนเขาทำตาดุใส่แล้วเป็นฝ่ายเดินหนีที่อื่น ผมแอบยิ้มขำกับท่าทางหงุดหงิดบึ้งตึงของอีกฝ่าย แต่แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เมื่อสังเกตได้ว่าไม่ว่าคุณเขาจะเดินไปทางไหน รุ่นพี่คนอื่นมักจะมองตามแล้วหันกลับไปส่งสายตาแปลกให้กลุ่มเพื่อนตัวเอง หรือไม่ก็จะขยับตัวหนีเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้ตัวพี่เขา
และไม่ใช่แค่พวกปีสามรุ่นเดียวกับเขาเท่านั้นที่เป็น รุ่นพี่ปีสองก็ไม่ค่อยมีใครเคารพเขาเท่าไรนัก ดูได้จากเวลาที่รุ่นพี่ปีสองแจกน้ำดื่มให้พวกผม ปกติเขาจะโค้งหัวให้รุ่นพี่สามเมื่อเดินผ่าน แต่กับคุณเขาพี่ปีสองจะเดินผ่านไปเฉยๆ บางคนก็เดินชนไหล่ไปเลย แต่คุณเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไร เป็นฝ่ายขยับเองด้วยซ้ำ
หรือเขาจะสนิทกันมาก จนเล่นกันแบบนั้น?
ผมหยุดมองเขาเมื่อพี่วินัยสั่งให้ลุกขึ้นทำกิจกรรม เต้นเชียร์กันจนเหนื่อยก็หยุดพัก ผมมองหาคุณเขาอักครั้ง แต่คราวนี้ก็ไม่เจอแล้ว หลังจากจบกิจกรรมรับน้องผมก็ดิ่งกลับห้องมาอาบน้ำทันที
“เห้ย! คุณ ผมตกใจหมด อย่าเข้าห้องคนอื่นโดยพลการแบบนี้สิ”
เผมยกมือขึ้นลูบหน้าอกปลอบขวัญตัวเอง เมื่อออกจากห้องน้ำมาก็เจอคุณเขานั่งรออยู่บนเตียงแล้ว มาตอนไหนก็ไม่รู้
“เพิ่งสังเกตว่าหุ่นดีเหมือนกันนะเราอ่ะ” เขาพูดแล้วหรี่ตามอง ผมรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ตั้งใจจะดึงเสื้อออกมาใส่ แต่เขาก็เดินตามมาแล้วกระตุกผ้าขนหนูผมออกอย่างรวดเร็ว “จะใส่ทำไม เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี”
“คุณ ไม่เอา คืนนี้ผมเหนื่อย”
“ไม่เหนื่อยหรอก นายนอนเฉยๆ เดี๋ยวฉันทำเอง” พูดแล้วก็ดันตัวจนหลังผมติดกับตู้เสื้อผ้า จากที่ตั้งใจว่าคืนนี้จะไม่ทำ ยังไงก็จะไม่ยอมเขาแน่ๆ พอเจอสีหน้าออดอ้อนและริมฝีปากอีกฝ่ายเข้าไป ผมก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
โอเค...ผมยอมรับ ผมมันอ่อนหัดครับ แล้วเขาก็เก่งจริงๆ อันนี้ผมก็ยอมรับมาก
เขาก็ทำตามที่พูด ผมแทบไม่ขยับอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ขยับเองหมด ถุงยางเขาก็เป็นคนจัดการใส่ให้ แถมวิธีการใส่ถุงยางของเขาทำเอาผมแทบแตกซะเดี๋ยวนั้น พระเจ้า!
“คุณ อือ…”
“ไซส์นี้มันมีกลิ่นสตอเบอร์รี่มั้ย กลิ่นยางเต็มปากฉันไปหมดเลย”
พูดไม่พอยังโน้มตัวลงมาจูบปาก ทำให้ผมรับรู้ได้ถึงกลิ่นยางที่ติดลิ้นเขามาจากวิธีที่เขาใส่ถุงยางนั่นให้ผม ผมอ้าปากค้างปล่อยให้ลิ้นเล็กตวัดเกี่ยวไปทั่วโพรงปาก สองมือของผมก็จิกลงกับเตียง
“หึหึ เป็นอะไร ทำไมต้องเกร็งขนาดนี้ ชอบจูบมั้ย” เขาพูดส่งยิ้มน่ารักแล้วก้มลงมาจูบใหม่
คุณครับ! นี่จูบแรกของผม จูบแรกของผมจริงๆ สองคืนที่ผ่านมานั้นเราไม่การจูบปากกันเลยแม้แต่น้อย ความบริสุทธิ์ผมก็โดนเขาพรากไป นี่จูบแรกของผมเขาก็ยังจะมาขโมยไปอีก ต่อไปนี้เขาจะขโมยอะไรของผมไปอีกมั้ยเนี่ย
“อื้อ ฉันยังไม่หายระบมจากเมื่อคืนเลย” เขาหัวเราะเบาๆ แล้วแยกขาออก มือเล็กจับเจ้าชายน้อยของผมไปจ่อตรงส่วนนั้นแล้วเขาก็กดตัวลง ภาพที่เห็นทำให้ลำคอผมมันตีบตันไปหมด ช่องทางที่ดูเหมือนว่าจะบวมแดงเล็กน้อย กำลังกลืนของผมเข้าไป ในหัวผมมีแต่คำว่าแม่เจ้าโว้ยว่อนเต็มไปหมด
มันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ผมมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังหลับตาพริ้ม ทิ้งตัวลงมาอย่างช้าๆ วันนี้ผมเห็นทุกอย่างชัดเจนมาก เพราะเราไม่ได้อยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัวเหมือนสองคืนแรก เนื้อตัวขาวโพลนหยุดอยู่นิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกำลังปรับตัวก่อนจะเริ่มต้นขยับตัว
ผมกัดฟัน เคืองตัวเองในใจ ส่วนหนึ่งที่ไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็เป็นเพราะว่าผมนี่แหละ โดนเขาชักนำหน่อยก็ยอมตามง่ายๆ
“บ...แบบนี้มันไม่ดีเลย”
“หือ ไม่ชอบให้ขยับแบบนี้? งั้น....” เขาเปลี่ยนจังหวะการขยับตัว จากขึ้นลงเป็นบกสะโพกไปมาเป็นวงกลม เป็นจังหวะที่ทำให้ผมรู้ซึ่งถึงความนิ่มและแน่นภายในกายเขาอย่างชัดเจน แต่เขาเข้าใจผิด ผมไม่ได้หมายความแบบนี้
“คุณ...ผมหมายถึงการเราไม่รู้จัก แต่มาทำกันแบบนี้ มันไม่ดีเลย ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้”
“นายนี่เรื่องมากจริงๆ”
เขาถอนหายใจ แต่สะโพกก็ยังไม่หยุดขยับ ผมมองตาอีกฝ่าย สองมือตะปบลงไปที่เนื้อนุ่มหยุ่นแล้วเคล้นคลึงตามอารมณ์ เขาเงยหน้าขึ้น อวดลำคอขาวน่ากัด ผมพยุงตัวลุกขึ้นนั่งซุกปลายจมูกลงบนลำคอขาว ปลายลิ้นก็ไล้เลียไปตามผิวเนียน
“ผมชื่อกร คุณชื่ออะไร บอกผมหน่อยได้มั้ย เรารู้จักกันมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ”
ผมบอกชื่อตัวเองไปก่อนแล้วมองตาอีกฝ่าย เขาขบปากตัวเอง นัยย์ตามีแววลังเล ผมลากมือขึ้นบีบคลึงที่ยอดอก พอเขาแอ่นอกเข้าหาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงชอบ เลยผมดันตัวฝ่ายออกเล็กน้อยเพื่อนดูดดึงยอดอกให้เขาพอใจ ผมทำไปตามอารมณ์ เห็นอีกฝ่ายบอกว่าดี ผมก็ยิ่งทำ
“กร...อ๊ะ ดี อือ มิว”
“หือ?”
“ชื่อฉัน แต่อยู่ข้างนอกห้ามเรียกนะ เราจะไม่รู้จักกัน”
“ทำไม”
“เพราะนายจะซวยเอา ถ้ามารู้จักมักจี่คนอย่างฉัน”
“ทำไมล่ะ คุณแบบคนไม่ดีเหรอ” เขาเม้มปาก เขาทำตาเศร้าๆ ก่อนจะส่ายหน้า ดึงหน้าผมให้แนบเข้ากับหน้าอกของเขา ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีโอกาสได้คุยให้รู้เรื่อง แต่อย่างน้อยเราก็รู้ชื่อกันแล้ว
หลังจากนั้นมิวก็มาหาผมเรื่อยๆ อาทิตย์ละประมาณสามสี่วัน ส่วนใหญ่จะมาวันที่ผมไม่มีเรียนช่วงเช้าในวันถัดไป ก็ยังดีที่เขาเว้นระยะให้ผมผลิตน้ำเชื้อบ้าง หากคุณเขาคึกมารีดพิษให้ผมไม่มีหยุด ผมคงได้แห้งตายคาเตียงในซักวันแน่ๆ
เรามีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันมาประมาณเดือนกว่าๆ แล้ว เขาเคยบอกว่าเจ้าชายน้อยของผมเป็นขนาดที่เขาตามหา มันเข้ากับร่างกายของเขาได้อย่างพอดิบพอดี ผมไม่ค่อยเข้าใจในจุดนั้นเท่าไร แต่เขาเปิดโลกให้ผมหลายเรื่องเลยทีเดียวในเรื่องเซ็กส์ อะไรที่ผมเคยเห็นในเอวีแล้วอยากลองทำ เขาก็ยอมทำให้โดยไม่บ่นเลยซักครั้ง ก็คง...เป็นเรื่องดีสำหรับผมล่ะมั้ง
ผมได้รู้ว่าห้องของเขานั้นอยู่ตรงข้ามกับห้องผมอย่าพอดิบพอดี กิ่งไม้ใหญ่ที่ยื่นไปทางห้องของพวกเรานั้นเป็นสะพานให้เขาไต่เข้ามาที่ห้องผมได้
และจากที่ได้รู้จักกันมาเดือนกว่านี้ ทำให้ผมได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ตัวเบาและตัวอ่อนมาก กิ่งไม้ที่ยื่นมาทางห้องผมนั้น มันห่างจากระเบียงเป็นเมตรเลยทีเดียว แต่คุณเขาก็กระโดดถึงได้อย่างสวยงาม แถมไต่ไปตามกิ่งไม้ได้อย่างกระฉับกระเฉงอย่างกับนินจา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กลัวว่าสักวันเขาจะพลาดแล้วหล่นลงไป บ่นว่าให้เข้าทางประตูจนปากจะฉีกถึงหู เขาก็ยังคงดื้อกระโดดเข้าทางระเบียงเหมือนเดิม
เราก็รู้จักกันมากขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิวไม่ค่อยพูดถึงเรื่องส่วนตัวเท่าไร เรื่องเพื่อนหรือทางมหา’ลัยก็ไม่พูดให้ได้ยินเลย
แต่ผมเห็นว่าเขาไปช่วยงานรับน้องแทบทุกวัน ถึงแม้ว่าจะยืนนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาให้คนอื่นเขาเดินชนไปมาก็เถอะ มิวดูเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเท่าไรนัก เพราะไม่ค่อยมีใครเข้าไปคุยเล่นกับเขาเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ แถมบางครั้งผมยังรู้สึกด้วยว่าเขากำลังโดนใครแกล้งอยู่รึเปล่า
แต่ก็นั่นแหละ ถามไปเขาก็ไม่เคยตอบผมเลยซักครั้งเดียว...
“มึงหาพี่รหัสเจอยังวะ”
แมกซ์ถอนหายใจ ยกมือเท้าคางด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย มันเป็นเพื่อนของผม ไม่ได้สนิทกันมากเท่าไรนักเพราะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ก็นั่งเรียนและกินข้าวกลางวันด้วยกัน
“เจอแล้ว พี่ผู้ชายคนที่เป็นเฮดฝ่ายพยาบาล”
“ดีนะพี่มึงยังอยู่ พี่กุนี่ซิ่วออกไปแล้ว”
“ก็ลุงรหัสไง เดี๋ยวเขาก็ลงมาดูแลเองแหละ”
“กูไปสืบมาแล้วว่าลุงรหัสกูคือใคร แล้วเขาก็โดนคนในคณะแบนอยู่ด้วย ไม่อยากไปยุ่งกับเขาเลยหวะ”
ผมขมวดคิ้วรู้สึกให้ความสนใจกับเรื่องของมันขึ้นมา คนจะโดนแบนได้นี่ต้องทำเรื่องไม่ดีขนาดไหนเชียว
“โดนแบน? ทำไมวะ พี่แกไปทำอะไรมา”
“กุว่าหลายอย่าง สาเหตุที่ทำให้พี่รหัสกุซิ่วออกไปก็เพราะเขานั้นแหละ กูได้ยินมาว่า เขาข่มขืนน้องรหัสตัวเองแถมยังถ่ายคลิปไว้แบล็คเมย์อีก โคตรเลว แถมยังมีกล้ามาเป็นพี่วินัยอีก ไม่รู้เหรอวะว่าคนอื่นเขาเกลียดกันทั้งคณะ”
“เขา...คือใครวะ”
ผมหูผึ่งเล็กน้อยกับเรื่องที่มันเล่า จะว่าคล้ายมันก็คล้ายแหละ ในใจลึกก็รู้สึกกลัวว่าลุงรหัสของมันจะเป็นคนเดียวกับคนที่ผมคิดไว้รึเปล่า ตอนที่ไอแมกซ์หันมองไปรอบเพื่อหาตัวลุงรหัสมัน ใจผมมันก็รู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าไม่อยากให้เป็นเขาคนนั้นเลย
“นั่นไงมึง ที่ยืนอยู่คนเดียว หน้าตาไม่น่าทำแบบนั้นได้เลยนะ เออลืมบอก พี่รหัสกุเป็นผู้ชายนะ แม่งโดนเกย์ข่มขืน เป็นกูก็ไม่อยู่หรอก อายชิบหาย”
“...” ผมนั่งเงียบเมื่อคนที่มันชี้ไปก็คือมิวนั่นแหละ ผมไม่รู้หรอกนะว่านิสัยจริงๆ ของมิวเป็นอย่างไร แต่ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ดูเขาไม่น่าจะเป็นคนไม่ดีขนาดนั้น
ผมพยายามที่จะไม่คิดอะไรมากแล้ว แต่สายตามันก็ยังคอยแต่จะมองไปที่เขา มิวอยู่คนเดียวเสมอ ไม่มีใครเข้าไปคุยกับเขา การกระทำต่างๆ ที่ ผมเคยคิดว่าเพื่อนเขาแค่หยอกเล่นกัน มาตอนนี้ผมกลับมองมันเปลี่ยนไป เขากำลังโดนคนอื่นทำไม่ดีใส่ และเขาก็ยืนนิ่งให้ให้ทำ ไม่ตอบโต้อะไรเลย แม้แต่สีหน้าก็ราบเรียบไม่เปลี่ยน
“กุได้ข่าวมาว่า เขาขี้ขโมยด้วยนะเว้ย”
“ขโมย?”
“ใช่ มีข่าวลือว่าเขาชอบแอบเข้าห้องไปขโมยของตามหอด้วยนะ แล้วปีที่แล้วเงินรุ่นหาย ก็เขานั่นแหละเอาไป”
“มึงไปเสือกเรื่องพวกนี้มาจากไหน”
“เขาก็เล่าต่อๆ กันมาน่ะ”
ผมรู้สึกไม่สบายใจ ผมไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่แมกซ์มันเล่าเท่าไร แต่มิวก็เคยทำเรื่องแบบนั้นกับผม… มันอดที่จะระแวงขึ้นมาไม่ได้
แล้วมันก็เกิดเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีกับเขามากกว่าเดิม
“กูรู้ว่ามึงเอาไป เอามาคืนน้องมัน”
หลังจากที่ทำกิจกรรมรับน้องเสร็จแล้ว รุ่นพี่ก็ปล่อยทุกคนแยกย้ายกันกลับ ผมออกเป็นคนท้ายๆ เพราะว่าอยู่ท้ายแถว แต่พอเดินอกมานอกห้องประชุม ก็เจอกลุ่มรุ่นพี่ยืนล้อมมิวเอาไว้ สถานการณ์ดูไม่ดีเท่าไร
“กูไม่ได้เอาไป”
“ถ้าไม่มีอะไร ก็ให้ดูกระเป่าหน่อยสิวะ”
มิวยืนนิ่งกอดกระเป๋าไว้แน่น รุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้าไปตั้งใจดึงกระเป๋าออกมา แต่เขาก็เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยจนรุ่นพี่คนนั้นอารมณ์เสียมากกว่าเดิม เขากระชากกระเป๋าของมิวออกมา พอมิวไม่ยอมรุ่นพี่คนอื่นก็ช่วยกันดึงตัวมิวเอาไว้ มันชุลมุนวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง จนในที่สุดมิวสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมและเซเล็กน้อย แล้วกระเป๋าก็โดนแย่งไปได้
รุ่นพี่คนที่ถือกระเป๋ารูดซิปแล้วคว่ำกระเป๋าเป้ลง ของที่อยู่ข้างในหล่นออกมาเกลื่อนพื้น ทั้งปากกา หนังสือและชีทเรียนต่างๆ รุ่นพี่คนอื่นรื้อของจนกระจายไปหมด พอไม่เจออะไรก็ส่ายหน้า
“มึงต้องเอาไปซ่อนไว้ที่อื่นแน่ๆ อย่าให้จับได้นะมึง”
รุ่นพี่คนหนึ่งชี้หน้าคาดโทษ แต่คุณเขาก็ยังคงยืนสบายๆ เหมือนเรื่องที่โดนอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“มึงไม่มีทางจับได้หรอก” เขาพูดแค่นั้น ด้วยน้ำเสียงปกติก่อนจะก้มลงเก็บของแล้วเดินฝ่ากลุ่มรุ่นพี่ออกไป ผมขมวดกับท่าทางและคำพูดของเขา ทำไมเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนั้น
เขาขโมยของคนอื่นจริงๆเหรอ ถ้าโดนจับได้ขนาดนี้อย่างน้อยก็ขอโทษหน่อยสิ หรือถ้าไม่ได้เอาไปก็โวยวายหน่อย ทำไมถึงนิ่งแล้วพูดเหมือนยอมรับแบบนั้น
“แม่ง ขี้ขโมยชิบหาย ต่อไปนี้เก็บของให้ดีๆ นะ เดี๋ยวโดนแม่งจิ๊กอีก เตือนพวกเด็กปีหนึ่งไว้ด้วย”
เฮดวินัยออกคำสั่ง คนอื่นก็พยักหน้ากันโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีเด็กปีหนึ่งยืนดูสถานการณ์อยู่ตรงนี้สองสามคน รุ่นพี่คนอื่นบ่นแล้วก็แยกย้ายกันไป มีแต่ผมที่มองตาแผ่นหลังของเขาที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ
ทำไมเขายังนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ในขณะที่ผมรู้สึกอึดอัดไปหมด…
หลังจากจบเหตุการณ์นั้น ผมไปกินข้าวกับเพื่อน กินไม่ค่อยลงเท่าไรเพราะผมเอาแค่คิดถึงเรื่องมิวตลอด แต่ขึ้นห้องมาก็เจอเขารออยู่ในห้องอยู่แล้ว เขากำลังยืนทำอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ
ผมรีบพุ่งตัวไปหาแล้วดึงเงินที่ผมเตรียมไว้จ่ายค่าหอออกจากลิ้นชักมาเก็บไว้ มิวมองผมอย่าแปลกใจ เห็นเขามองมาแบบนี้มันก็รู้สึกผิดขึ้นมา เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้ผมระแวง และไม่ไว้ใจเขาขึ้นมาจริงๆ
“กลัวว่าฉันจะขโมยเหรอ?”
“...คุณขโมยของจริงๆ เหรอ ทำไปเพื่ออะไรอ่ะ”
“...”
เขานิ่ง นิ่งอีกแล้ว ไม่ได้ยอมรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ผมเริ่มหงุดหงิดคนตรงหน้า ถ้าไม่ได้ทำแล้วทำไม่ปฏิเสธมาสิหรือว่าเขาทำจริงๆ เพราะวันแรกที่เราเจอกัน เขาก็กำลังขโมยของของผมอยู่
“มิว ผมไม่อยากให้คุณเป็นแบบที่ผมได้ยินมา”
ผมพูดอย่างอ่อนใจ นั่งตรงปลายเตียง ถึงแม้จะระแวง และหวั่นใจแต่อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้เลวร้ายแบบที่คนอื่นพูด
“นายได้ยินมาแบบไหนล่ะ”
“คุณขโมยของ คุณทำอะไรกับน้องรหัสแล้วถ่ายคลิปไว้แบล็คเมล์เขา...” เหมือนที่คุณทำกับผม
ท้ายประโยคผมไม่ได้พูดออกไป มิวยืนนิ่งก้มหน้าลง เราเงียบกันไปพักหนึ่งก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม
“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำล่ะ”
“...”
“มันเป็นเรื่องจริงแค่นิดเดียว แต่ส่วนใหญ่มันเป็นแค่ข่าวลือ พวกเขาอคติและเชื่อกันไปเอง และเพราะฉันใจร้อนประชดประชันจนมันเป็นเรื่องใหญ่”
“เล่าให้ผมฟังได้มั้ย?”
“ฉันเคยมีแฟน แต่ตรงนั้นของเขามัน....” เขาพูดพร้อมทำท่าประกอบโดยการเอานิ้วชี้และนิ้วโป้งมาแตะกัน ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ “และอย่างที่นายรู้ ต่อมจีสปอตของฉันมันอยู่ลึก ฉันก็เลยไม่เสร็จ มันไม่ควรจะเป็นปัญหาแต่เขาคงเสียหน้ามั้ง พอเราเลิกกันเขาก็เที่ยวไปบอกคนอื่นว่าฉันนอกใจ”
“...”
“และแฟนคนต่อๆ มาก็มีปัญหาเหมือนเดิม ฉันเปลี่ยนแฟนบ่อยและพอเลิกกันทุกคนล้วนบอกคนนอกว่าโดนฉันนอกใจ คนในคณะก็เลยมองว่าฉันเป็นเกย์ร่านๆ คนหนึ่ง”
“...”
“แล้วก็มาน้องรหัสฉัน เขาเคยเป็นเด็กดีนะแต่การมีแฟนเป็นเพศเดียวกันมันเป็นน่าอายสำหรับเขา ฉันเต็มใจที่จะปิดไว้เป็นความลับ แต่มีคนเห็นว่าฉันเดินเข้าห้องเขา ความลับเลยแตก”
“...”
“และเขาอายเลยบอกคนอื่นว่าโดนฉันบังคับแล้วถ่ายคลิปเอาไว้ ห้ามให้เขาไปบอกคนอื่น หลังจากนั้นทุกคนก็เกลียดฉัน...ก็แค่นั้น”
“ไม่คิดจะแก้ตัวเลยเหรอ”
“หลายคนพูดถึงฉันแบบนั้น แต่ฉันตัวคนเดียว ต่อให้พูดยังไงพวกเขาไม่เชื่อหรอก”
“แล้วคุณได้ขโมยเงินรุ่นจริงมั้ย?”
“หือ รู้เรื่องนั้นด้วยเหรอ ฮะฮะ นั่นน่ะเรื่องใหญ่เลยนะ”
ผมขมวดคิ้ว เขาพูดเหมือนว่าเขาขโมยมันจริงๆ
“หนึ่งในแฟนเก่าฉันขโมย แต่เขาโทษฉัน ภายนอกเขาเป็นคนที่น่าเชื่อถือนะและคนอื่นก็พากันเชื่อไปหมด มันเจ็บใจที่พวกเขาไม่ถามฉันเลยแม้แต่น้อยว่าทำจริงรึเปล่า ฉันก็เลยโง่ประชดด้วยการขโมยเงินจริงๆเสียเลย ฉันขโมยกระเป๋าตังค์คนอื่น แน่นอนว่าโดนจับได้ ฉันเกือบโดนไล่ออกแหนะ 555”
เขาหัวเราะแต่แววตาดูเจ็บใจและเศร้าไปพร้อมๆ กัน ผมถอนหายใจดึงเขาลงมานั่งที่เตียงข้างๆ กัน
“แค่ครั้งเดียวที่ทำแบบนั้น แล้วฉันก็โดนแบนและกลายเป็นพวกขี้ขโมยมาตลอด”
“...”
“เรื่องของฉันมันก็มีแค่นี้แหละ” เขาหัวเราะ เขายิ้ม แต่ผมดูออกว่าเขากำลังเสียใจอยู่ ดวงตากลมโตคลอหยาดน้ำตาเล็กน้อย แต่พอเขากระพริบตามันก็หายไป ในใจของผมมันเชื่อเขาไปมากกว่าครึ่ง แต่สมองก็จะหาข้อโต้แย้งขึ้นมาว่าเขาอาจ...โกหกผม
ก็เขาปีนห้องผม เขาจะเข้ามาในห้องของคนที่เขาไม่รู้จักทำไม ผมคิดระแวงเขา แต่อีกใจมันก็อยากเชื่อใจเขาเหมือนกัน
“แล้วทำไมคืนนั้นคุณต้องแอบเข้ามาในห้องผม”
“อ้อ 555 น้องรหัสฉันเคยอยู่ห้องนี้ ฉันเห็นห้องนี้ปิดไฟมาเป็นเดือนก็รู้ล่ะว่าเขาตั้งใจหนี แต่คืนนั้นฉันเห็นว่าห้องเปิดไฟ ก็เลยตั้งใจจะมาคุย แต่ดันเจอของดีเข้าได้”
เขายิ้มให้ หรี่ตามองผมแล้วแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง เห็นเขาพูดแบบนั้นผมก็พอใจ อย่างน้อยผมก็เป็นของดีของเขา
สิ่งที่เคยสงสัย ได้รับคำตอบเกือบหมด ผมเบาใจลงไปมากๆ สิ่งที่หนักอึ้งในหัวตั้งแต่ฟังเรื่องที่ไอแมกซ์เล่าเมื่อช่วงเย็นก็หายไปเมื่อฟังเขาอธิบายทีละประเด็นแบบนี้
“ผมเชื่อใจคุณได้ใช่มั้ย?”
“ก็แล้วแต่นายเลย” เขาทำท่าจะลุกขึ้น แต่ผมดึงมืออีกฝ่ายไว้ จ้องหน้าเขา เราสบตากันและผมเป็นฝ่ายหันหนีก่อน
“ทำไมคุณไม่แก้ตัว ไม่บอกพวกเขาว่าความจริงเป็นยังไง”
“ฉันบอกไปแล้ว พยายามแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ พวกเขาเลือกที่จะไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด ทุกคนเกลียดฉันเพราะเรื่องที่ได้ยินจากคนอื่น ใครเขาจะมาเปิดใจให้กับคนที่ตัวเองเกลียดกัน”
เขาถอนหายใจแล้วทำท่าจะลุกขึ้นอีก ผมก็ดึงมือเขาลงมานั่งอีก แต่คราวนี้ผมคงดึงแรงไปหน่อยมั้ง ร่างเล็กของเขาเลยถลาลงมานั่งใกล้ๆ จนขาเนียนเกยเข้ากับท่อนขาของผม
“ผมจะเชื่อคุณ” พอผมพูดแบบนั้น มุมปากอีกฝ่ายก็กระตุกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มเล็กๆ แววตาแสดงอาการของคนที่ดีใจออกมา ผมคงไม่เห็นถ้าไม่ได้สังเกตดีๆ
“ข... ขอบคุณ” เขาพูดสั้นๆ เราสบตากันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายหันหนีก่อน ผมเกือบจะไม่พูดอะไรต่อแล้ว ถ้าไม่บังเอิญเห็นว่าแก้มและใบหูเขาขึ้นสีระเรื่ออย่างน่าดู
“คุณเขินเหรอ”
“เปล่า ใครจะไปเขิน”
“คุณไง หูแดงขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เขินอีก”
“...” เขาเงียบ ส่งเสียงจิ๊จ๊ะหน้าตาไม่พอใจ แถมทำท่าจะลุกหนีอักครั้ง ท่าทางแบบนั้นของเขามันดูน่ารัก ผมเลยแกล้งดึงตัวเขาเข้ามาแกล้งกอด เดาว่าอีกฝ่ายคงจะดันผมออกแน่ๆ แต่เขากลับนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของผมแต่โดยดี
“ไม่เขินแล้วหน้าแดงทำไมครับมิว”
“ก็บอกว่าไม่ได้เขินไง!” เขาเสียงดังกว่าเดิม แล้วทำตาขวางใส่ เห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเหมือนคนที่ไม่ได้อยู่เหนือผมแบบนี้ก็อยากจะหยอกอีกซักหน่อย
“แน่ใจ?...อุ๊บ!”
แต่ผมก็ลืมไปว่าเขาน่ะเลเวลสูงกว่าผมเยอะ พอจะเอ่ยปากแซวก็โดนคุณเขาดึงคอลงไปประกบจูบ เขาดันตัวผมลงไปนอนบนเตียง พร้อมขึ้นมานั่งบนตัวผมอย่างรวดเร็ว
“นายไม่ยอมหยุดพูด ฉันก็จะอุดปากให้”
ดีจ้า ตอนนี้ก็จะซีเรียสนิสนุงนะฮะ เพราะจะบอกปมว่าทำไมคุณเขาถึงมาปียห้องน้องได้ ตอนแรกว่าจะทยอยเฉลย แต่แบบว่ามันมีช่องทางบอก ก็บอกในตอนนี้ไปเลยดีกว่า ให้เขาคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย ต่อจากนี้จะได้ไม่ต้องมีเรื่องเครียดกันแล้ว มีแต่ฟินๆ กันอย่างเดียว //-.,-//