♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♡̷ ผ า เ พี ย ง ฟ้ า - 2 9 | a drunk man never tell a lie - P.7 (16/03/20)  (อ่าน 53886 ครั้ง)

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ๊ยยยยยย สัมผัสได้ถึงความเอ็นดูของพี่เขา 555555555555

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ร้ายก็รักนะ เจ้าม่านนน

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จ้าวม่านกลายร่างเป็นเสือร้ายไปแล้วววว ชอบความที่ผาไว้ใจให้ม่านแตะเนื้อต้องตัวได้ คลอเคลียได้ เพราะที่ผ่านมาผาถ้าไม่ก็คือไม่จริงๆ น่ารักค่ะ  ยังไงรอติดตามต่อไปนะคะ ส่งกำลังใจจจ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ร้ายพอกันน่ะแหละ อีกคนอ่อยอีกคนอ้อน

ออฟไลน์ SimplyDelicious

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮืออออ เขินนนนนน จากไอ่หมากลายเป็นเสือแล้วน้องม่าน
รู้สึกว่าผามีเสน่ห์มากๆ ไม่แปลกใจไมน้องม่านหลงขนาดนั้น 55555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


20

and my words are as timed as the beating in my chest



_________


bgm : ร (w8) -  GENE KASIDIT


_________







   ​​​​เราสองคนไม่เคยพูดถึงเรื่องของคืนนั้นอีกเลย ผมทำเป็นลืมว่ามันได้เคยเกิดขึ้น ส่วนม่านก็ไม่ได้ตอกย้ำถึงสิ่งที่เราผ่านหลังจากที่เขาจู่โจมผมอย่างหนักเพราะอาการเมา

   ​​​​แต่ถึงอย่างนั้นเราต่างก็รู้ดีว่าจูบนั้นมันเป็นเรื่องจริง
   ​​​​และรู้ดีว่าเรายอมให้มันเกิดไม่ใช่แค่สถานการณ์ทุกอย่างนำพาไป

   ​​​​ผมยังจำอ้อมกอดของเขาได้ จำความรู้สึกภายใต้แขนแกร่งที่โอบร่างกายตัวเองเอาไว้ตลอดทั้งคืน ม่านซบหน้าลงกับแผ่นหลัง หายใจรินรดมันจนเกิดไออุ่นขึ้นเป็นวงกว้าง จังหวะสม่ำเสมอคล้ายกับเข็มนาฬิกาที่จะเคลื่อนผ่านด้วยเสี้ยววินาทีเดิมซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นตอนไหน

   ​​​​นอกจากอ้อมกอดของเขา สิ่งที่ยังเด่นชัดในความทรงจำคือใจที่เต้นรัวแรงของเรา ในยามที่เขาโน้มตัวเข้าหา ปรนเปรอจูบจนกว่าจะพอใจแล้วยกตัวผมขึ้นด้านบนพร้อมกับให้ร่างตัวเองรองรับน้ำหนักเอาไว้อีกที เพราะเป็นแบบนั้น ร่างกายเราจึงแนบชิดแทบจะทุกสัดส่วนจากการช่วยเหลือของมือเจ้าตัวที่เป็นพันธนาการสานไว้บนแผ่นหลังบาง เพื่อไม่ให้มีระยะห่างระหว่างเราเพิ่มมากขึ้น

   ​​​​เพราะเป็นแบบนั้น
   ​​​​ผมจึงรับรู้จังหวะที่อยู่ภายในของใจอีกดวง

   ​​​​ใจเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ไม่ต่างกับใจผมที่มันแทบจะหลุดออกจากอก ม่านอมยิ้มเล็กน้อย แลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนจะพูดออกมาแผ่วเบาท่ามกลางความมืด

   ​​​​“ใจเธอเต้นแรงมาก”

   ​​​​รู้
   ​​​​ไม่ต้องผมบอกก็รู้ความจริงข้อนั้นดีอยู่แล้ว


   ​​​​“ใจเค้าก็เหมือนกันเลยว่ะ”

   ​​​​เขาหัวเราะ เผยไต๋ออกมาจนหมดว่าตัวเองไม่สามารถเก็บอาการได้เลย แน่สิ เป็นผมผมก็ทำไม่ได้หรอก และคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็ทำไม่ได้เหมือนกันโดยเฉพาะเวลาอยู่กับคนที่ตัวเองชอบ

   ​​​​เพราะเวลาแบบนั้นทุกอย่างมันก็ดูเหมือนจะอยู่เหนือการควบคุมไปเสียหมด

   ​​​​พรึบ!
   ​​​​หมับ!


   ​​​​“ปล่อย” ผมบอกเสียงเรียบ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะม่านยังเอาแต่ยิ้มแถมยังยุกยิกกับร่างกายผมมากขึ้นกว่าเดิม

   ​​​​ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ผมขู่เขาไม่ได้
   ​​​​ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาได้ใจจนไม่กลัวว่าผมจะรำคาญ

   ​​​​และตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ..ที่ผมเองก็เริ่มหวั่นไหวไปกับการแข็งข้อมากขึ้นเรื่อยๆของเจ้าตัว

   ​​​​“ไม่เอา”
   ​​​​“ม่าน”
   ​​​​“ครับ” ตาคู่นั้นหยีลง อีกคนยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ

   ​​​​ผมเกือบจะพูดออกไปว่าท่านี้มันไม่ค่อยปลอดภัยต่อเราทั้งคู่ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงอ้าปากค้างพร้อมกับค่อยๆเม้มมันเข้าหากันในที่สุด ไม่อยากให้เขารับรู้ว่าตัวเองกำลังประหม่าแค่ไหนที่ทาบทับร่างกายแกร่งแทบทุกส่วนอยู่แบบนี้ นับตั้งแต่หน้าอกกว้าง ไล่จนไปถึงส่วนอ่อนไหวที่มันหมิ่นเหม่กันเสียจนต้องพยายามไม่คิดเลยเถิดไปไกล

   ​​​​เพราะถ้าทำแบบนั้น ม่านต้องรู้แน่ๆว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกกับเขาแบบเดิม

   ​​​​แต่สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยให้ตัวผมนอนลงข้างๆ กกกอดเอาไว้เหมือนเดิมโดยที่เราสองหันหน้าเข้าหา จนกว่าที่ผมจะพลิกตัวไปอีกทางถึงได้รู้ว่าสาเหตุที่เขาทำแบบนั้นมันเพราะอะไร

   ​​​​ก็คงมีแค่บางอย่างที่มันดุนดันอยู่ด้านหลังในตอนที่ม่านกอดผมเอาไว้
   ​​​​คงเพราะแบบนั้น...เขาถึงได้ยอมปล่อยให้ผมนอนลงตามเดิม

   ​​​​เป็นเวลานานกว่าที่ม่านจะขยับท่าให้ตัวเองซ้อนอยู่ด้านหลังอย่างพอดี เจ้าตัวคงกลัวว่าอารมณ์คุกรุ่นจะกลับมาอีกจึงปล่อยให้บางอย่างสงบลงก่อนถึงได้เข้าใกล้ตัวผมอีกครั้ง พอทำแบบนั้นผมก็รู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลงไปถนัดตา ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้สูงน้อยไปกว่าเขา แต่ไม่รู้ทำไมเจ้าตัวถึงได้ดูตัวใหญ่กว่าเมื่อเราเทียบกันในแนวราบ

   ​​​​ม่านไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ใช่แค่คืนนั้น แต่รวมถึงครั้งอื่นๆที่เราเจอกันด้วยความบังเอิญ เขายังคุยเล่นกับผมตามปกติ ไม่ได้เข้ามาทำให้รำคาญ เว้นระยะห่างที่พอดีจนน่าใจหาย ทั้งที่ความสัมพันธ์ของเราสองคนกำลังจะออกเดินไปอีกไกลแต่เขาก็กลับทำเหมือนว่าไม่มีอะไรต่างจากที่มันเคยเป็นอยู่

   ​​​​แปลก
   ​​​​หรือผมคิดว่ามันแปลกอยู่คนเดียวก็ไม่รู้




   ​​​​“น้องอินกินเหล้าหรือเบียร์อ่ะ?” นักชงมือวางอันดับหนึ่งของกลุ่มหันไปทางสมาชิกใหม่ของโต๊ะเราในวันนี้ เจ้าตัวเบิกตาขึ้นก่อนจะบอกถึงสิ่งที่ต้องการ

   ​​​​“เหล้าก็ได้ครับ”
   ​​​​“กับโค้กหรือโซดาน้ำเปล่า?” นาวาถามซ้ำ ในมือทั้งสองข้างจับขวดพร้อมจะเทตามแอลกอฮออล์ที่กวาดลงไปเกือบหนึ่งส่วนสามของแก้ว

   ​​​​“โค้ก” เป็นไอ้เหนือที่ตอบแทน มันหรี่ตามองคนที่นั่งด้านข้าง อีกคนก็ไม่ต่าง ยักคิ้วหลิ่วตาเป็นการบอกว่าขอบคุณที่ตอบให้

   ​​​​“นึกว่าอินเป็นน้องสายไอ้ทัพซะอีก” ไอ้ฮั่นที่นั่งข้างผมเอ่ยทักรุ่นน้อง อินรับแก้วในมือนาวามาวางไว้ด้านหน้าพร้อมกับหัวเราะให้กับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

   ​​​​“อินเป็นสายรหัสพี่เหนือครับ ส่วนพี่ทัพเป็นสายเทค”
   ​​​​“อ่อ ก็ว่า”

   ​​​​ใบหน้าหวานดูน่ารักขึ้นหลายเท่าเมื่อคนตัวเล็กอมยิ้ม ผมสีน้ำตาลอ่อนช่วยขับให้เจ้าตัวดูดีไม่หยอก ไม่ว่าจะมองยังไงผู้ชายคนนี้ก็ดูน่ารักในสายตาผม และคงไม่ต่างจากคนอื่นๆที่ร่วมโต๊ะ เพราะสรรพนามที่เรียกใช้แทบไม่มีคำหยาบให้ได้ยิน

   ​​​​ยกเว้นก็แต่พี่เจ้าตัวนั่นแหละมั้ง

   ​​​​“ทำไมวันนี้พาน้องมาด้วยล่ะวะ?” ไอ้ปัทถ์ถาม จับจ้องไปที่เพื่อนไม่วางตา
   ​​​​“อินอยากกินเฉยๆนี่แหละครับพี่ปัทถ์ พอดีพี่เหนือบอกว่าจะมากับเพื่อนพอดีเลยขอตามมาด้วย”
   ​​​​“มันอกหัก”
   ​​​​“เฮ้ย จะบอกทำไม”

   ​​​​ประโยคสุดท้ายแทบจะกลายเป็นการกระซิบกระซาบกันของคนสองคนที่นั่งเคียงข้าง รุ่นน้องฟาดมือไปที่ร่างแกร่งหนึ่งทีเป็นการลงโทษ ส่วนไอ้เหนือก็อมยิ้มแล้วยักไหล่คล้ายชอบใจที่ได้แกล้ง ส่วนอินทำได้เพียงยิ้มจาง ก่อนที่จะคุยอะไรสักอย่างกับสายรหัสของตัวเองต่อ

   ​​​​“มึง” ไอ้ฮั่นที่นั่งด้านข้างกระซิบผมที่นั่งมองเหตุการณ์มาโดยตลอด
   ​​​​“อะไร?”
   ​​​​“มึงว่ามันซัมติงมะ?”

   ​​​​ผมไม่ตอบ แต่เหลือบมองเพื่อนตัวเองอีกหนึ่งครั้งเป็นการสอบถามว่าใช่เรื่องที่ตัวเองคิดไว้หรือเปล่า

   ​​​​“เออ นั่นแหละ เพื่อนมึงกับน้องอ่ะ”
   ​​​​“ไม่รู้สิ” อันที่จริงผมก็พอรู้สึกถึงบางอย่างที่มันต่างออกไปของไอ้เหนือ เป็นบางอย่างของมันที่ผมก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าอะไร อาจจะรอยยิ้มชอบใจ การเอาใจใส่แบบแปลกๆ หรือแม้กระทั่งสายตาที่มองคนที่นั่งข้างกัน แต่สุดท้ายผมก็ไม่อยากพยายามสรุปอะไรจากความคิดที่มีอยู่

   ​​​​เพราะไอ้เหนือก็ทำแบบนี้เป็นปกติกับทุกคนที่มันควงอยู่แล้ว

   ​​​​“มึงรู้สึกงั้นหรอ?” ผมถามกลับหลังจากยกแก้วขึ้นจิบ เหลือบตามองสองคนนั้นอีกรอบ และคราวนี้ก็พบว่าสัญชาตญาณผมไม่ได้คิดผิดว่าไอ้เหนือมันแปลกไปจริงๆจากที่เคยรู้จัก

   ​​​​จากแขนแกร่งที่พาดไปวางไว้ยังเก้าอี้ของอีกฝ่าย ผ่านเก้าอี้ของอินไปคล้ายกับโอบไว้กลายๆเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

   ​​​​ผมก็รู้ได้ทันทีเมื่อสบตากับไอ้ฮั่นอีกรอบ แล้วอมยิ้มคล้ายกับรู้กันว่าคิดอะไรอยู่ข้างใน

   ​​​​คนอื่นๆคงไม่ได้สังเกตจากมุมที่นั่งอยู่ เพราะผมและฮั่นนั่งตรงข้ามพวกเขาพอดีเลยทำให้ภาพที่เห็นชัดเจนยิ่งกว่า ไม่รู้ว่าไอ้เตที่นั่งข้างกันจะพอเอะใจไหม เพราะมันเอาแต่นั่งสูบบุหรี่เงียบๆไม่ได้สนใจใครแบบที่ชอบทำ

กลับไง? : AMAN

   ​​​​เพราะมัวแต่ฟังเพลงและคุยกับเพื่อนผมจึงไม่ได้สังเกตว่ามีคนทักมาเมื่อชั่วโมงก่อน เขาไม่ได้ถามย้ำ คงเพราะรู้ว่าผมกำลังดื่มด่ำบรรยากาศช่วงค่ำคืนอย่างเพลิดเพลิน

   ​​​​Pha : จะไปส่ง?
ถ้าไปส่งต้องมีรางวัลนะ : AMAN
   ​​​​Pha : อะไรล่ะ?
พูดงี้แสดงว่าอยากให้ไป : AMAN

   ​​​​ม่านทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนเขาจะรู้วิธีรับมือไม่ว่าผมจะมาไม้ไหน สุดท้ายก็ต้องจนมุมและยอมรับว่าเขาก็ทำให้ผมไปไหนไม่รอดเหมือนกัน

   ​​​​Pha : กูได้บอกแบบนั้นหรอไง?

   ​​​​เขาหายไปสักพัก ราวจะสิบห้านาทีกว่าจะตอบกลับมา

รางวัลไม่ใหญ่หรอก เค้าไม่ขออะไรที่มันเกินตัว : AMAN

   ​​​​ผมเงียบ ชั่งใจว่าจะเอาไงต่อ

อย่างน้อยก็ไม่ขอจูบเธอรอบสองแน่นอน : AMAN
ใครจะไปกล้าขอ : AMAN

   ​​​​ลิ้นร้อนถูกแลบเลียริมฝีปากบางเมื่ออ่านข้อความของเขาจนจบ คงเป็นครั้งแรกที่ม่านพูดถึงเรื่องคืนนั้น ตอกย้ำผมให้ชี้ชัดว่าเขาไม่ได้ลืมแถมยังเลือกเวลาเล่นงานผมได้ถูกเวลาเสียด้วย

   ​​​​‘วันนั้นมึงไม่ได้ขอ’

   ​​​​ข้อความหนึ่งประโยคยังค้างไว้ในช่องสี่เหลี่ยมสีเทา ผมอ่านทวนมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่กล้ากดส่งเพราะถ้าทำแบบนั้นเขาก็คงจะรู้ได้ว่าผมไม่ได้ลืมเหมือนกัน ทั้งๆที่เราไม่เคยพูดถึงด้วยซ้ำ แต่ภาพทุกอย่างยังฉายชัดคล้ายกับว่ามันเพิ่งเกิด

   ​​​​ผมอ่านข้อความเดิมอีกหนึ่งรอบ ตัดสินใจลบมันทิ้งพร้อมกับที่มีข้อความใหม่ส่งมา

เค้านั่งอยู่โซนด้านนอกนะ : AMAN

   ​​​​เป็นการบอกว่าเขายืนยันที่จะรอและจะไปส่งผมที่หอให้ได้

   ​​​​Pha : อืม
   ​​​​Pha : ไม่เกินครึ่งชั่วโมง


   ​​​​แอลกอฮอลล์ที่อยู่ในแก้วถูกดื่มจนหมดเมื่อผมยกมันขึ้นเพื่อระงับอาการใจเต้นแรงของตัวที่ยังคงอยู่ สาเหตุมาจากการที่ผมยอมให้ม่านเข้ามาในโลกใบสีเทาอีกหลายก้าว จนตอนนี้เขาตั้งรกรากปักฐานไว้อย่างมั่นคงจนผมเองก็ยังแปลกใจ เขาเข้ามาอย่างเรียบง่าย มีพลังทำลายล้างทุกอย่างรวมถึงสิ่งสำคัญที่เคยอยู่ในใจผมมาตลอด

   ​​​​เสียงดนตรีขับกล่อมยังไม่หยุดลงในตอนที่ผมโน้มตัวไปหาไอ้ฮั่น บอกกล่าวว่าคืนนี้มีสารถีอาสาจะไปส่งโดยที่มันเองก็ไม่แปลกใจ เรานั่งกินกันอยู่สักพัก ไม่ได้ดื่มหนักเพื่อเฉลิมฉลอง แค่มาเติมเต็มสีสันในช่วงวัยรุ่นที่มันเริ่มขาดหายไปเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นผมจึงบอกลาโดยไม่ลืมยิ้มให้กับสายรหัสของใครบางคนที่เริ่มเอนเอียงไปทางเพื่อนตัวเองจนมันต้องเอามือรองรับไว้ ส่งสายตากลั่นแกล้งไอ้เหนือแม้เจ้าตัวมันจะอยากเอาคืนแต่ก็ทำได้เพียงดูแลร่างเล็กที่นั่งข้างๆ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมไอ้ฮั่นที่มันขอไปทักทายรุ่นน้องคนอื่นๆด้วย

   ​​​​กลุ่มของม่านสังเกตได้ไม่ยากเมื่อเดินออกมา อาจเพราะมีบางอย่างที่ดึงดูดสายตาผู้คนรอบข้างจึงทำให้ผมมองเห็นได้ทันที เขานั่งอยู่หัวโต๊ะ พิงราวกันตกที่มีไม้พุ่มประดับไว้อีกฟาก ในมือคีบบุหรี่ขึ้นสูบแล้วปล่อยควันออกมาช้าๆ เราสบตากันทันทีหลังจากที่ผมเดินเข้าไปหาจนอยู่ในรัศมีไม่ไกล

   ​​​​“พี่ฮั่น พี่ผา สวัสดีครับ” บางคนยกมือไว้ บางคนก็ผงกหัวให้เป็นการทักทายอย่างเคารพ ผมก็ก้มหน้าลงพลางนั่งยังเก้าอี้ที่รุ่นน้องหามาให้ ถึงแม้จะเตรียมตัวกลับ แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธจนดูเสียมารยาท

   ​​​​ฮั่นยกแก้วของตัวเองที่ถือมาชนกับแก้วคนอื่นๆ ปัทถ์รินแก้วให้ผมหนึ่งใบเพราะผมไม่ได้ถืออะไรติดมือมาด้วย สุดท้ายก็ต้องทำใจรับมันมาแล้วชนกับเขาบ้างตามธรรมเนียมการเจอกันในวงเหล้า เราดื่มมันจนหมดในรวดเดียว ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นว่าสายตาคู่หนึ่งมองมาจากคนที่นั่งตรงข้ามกันอย่างพอดี

   ​​​​เขานั่งหัวโต๊ะอีกฟาก ส่วนผมก็นั่งยังหัวโต๊ะอีกฟาก
   ​​​​จะมีก็เพียงแต่โต๊ะยาวที่คั่นกลางและควันบุหรี่ที่เจ้าตัวปล่อยออกมา

   ​​​​เสียงผู้คนรอบข้างดูจะแผ่วเบาลงไปถนัดตาเมื่อม่านเอาแต่จ้องจนเหมือนมีแค่เราสองคนที่นั่งอยู่ เสื้อเชิ้ตสีดำพลิ้วไหวไปกับการขยับตัว ต่างหูเขาสะท้อนแสงอยู่ชั่วครู่เมื่อมือข้างนั้นยกก้านสีขาวจรดริมฝีปาก สูดเอานิโคตินเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งแล้วพ่นควันลอยกรุ่นออกมาช้าๆ

   ​​​​มันคงจะดีกว่าถ้าเขาทำเพียงแค่นั้น ไม่มีรอยยิ้มประดับยามที่มองหน้าผมอยู่ตลอด และไม่มีแววตาที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวมีความสุขมากจนเก็บมันเอาไว้ไม่ได้

   ​​​​เขาเอาแต่ยิ้มและยิ้ม
   ​​​​เป็นเพียงสองอย่างที่ทำให้จังหวะการหายใจของผมผิดปกติไปจากเดิม

   ​​​​ไม่เข้าใจจริงๆ
   ​​​​ทำไมถึงเอาแต่ยิ้มแบบนั้นอยู่ได้


   ​​​​ผมเก็บคำถามนั้นไว้กับตัวจนกว่าเราจะเดินแยกออกมา มีสายตาคู่อื่นที่จับจ้อง แม้จะไม่ได้สนใจกับการมองแต่สีหน้าของม่านก็คงเป็นคำตอบให้กับเพื่อนเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี ว่าความสัมพันธ์ของเขากับผมในวันนี้มันไม่เหมือนเดิมดังวันวาน

   ​​​​เขานั่งยังเบาะคนขับ รัดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะสตาร์ทรถให้พร้อมใช้งานเมื่อเห็นว่าผมก็ทำตามทุกขั้นตอน เสียงเพลงจากวิทยุดังแทรกแผ่วเบาบนรถยนต์ที่มีผู้โดยสารเพียงสองคนเดินทาง เครื่องปรับอากาศเริ่มทำงานจนทำให้ได้อุณหภูมิที่พอดี และก่อนที่เราจะได้ออกตัว ม่านก็หันหน้ามาทวงรางวัลที่เคยบอกเอาไว้

   ​​​​“เธอ”

   ​​​​เขาเอ่ยเรียกพร้อมกับชี้ไปยังแก้มตัวเอง เพียงแค่นั้น ผมก็รู้ทันทีว่าคนอายุน้อยกว่าต้องการอะไร

   ​​​​“ไหนบอกขอไม่เยอะไง?”
   ​​​​“นี่ไม่เห็นเยอะเลย”

   ​​​​อีกฝ่ายปฏิเสธ เอียงหน้ามองผมที่ถอนหายใจออกมายกใหญ่

   ​​​​ก็ใช่สิ
   ​​​​ให้ตาย
   ​​​​ใครจะไปกล้าทำ

   ​​​​“จะไม่ทำหรอ?”

   ​​​​เสียงที่เคยแหบแห้งกลับอ่อนลงกล้าเดิมหลายเท่า ผมกลอกตาขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย ปัดรางวัลข้อนี้ไปอย่างง่ายดายโดยไม่ให้เสียเวลา

   ​​​​“ขอเปลี่ยน”
   ​​​​“ข้อนี้ง่ายสุดที่ทำได้แล้วนะ”
   ​​​​“...”
   ​​​​“มากกว่านั้นเธอเปลืองตัวมากกว่านี้อีกขอบอก”

   ​​​​ผมกัดฟันกรอด ไม่อยากจินตนาการคำว่าเปลืองตัวของเขาว่าจะมาในรูปแบบไหน เพราะเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทิ่มแทงด้านหลังตัวเองคืนนั้น ผมก็ไม่สามารถระงับอาการร้อนที่ขึ้นใบหน้าของตัวเองได้เลย

   ​​​​“เอาไง จะเปลี่ยนไม่เปลี่ยนครับ?”
   ​​​​“...”
   ​​​​“...”

   ​​​​ถึงแม้จะมีแต่ความเงียบแต่ม่านก็ยังนิ่งเพื่อรอคอย แต่เมื่อตอนที่รู้ว่าผมจะไม่ยอมทำตามใจ เจ้าตัวก็ลดมือลงพร้อมกับค่อยๆถอยออกไปทีละนิด และจังหวะนั้น

   ​​​​หมับ!
   ​​​​จุ๊บ!


   ​​​​“อ่า...”

   ​​​​ผมก็รีบโน้มตัวเข้าหาพร้อมกับแนบริมฝีปากบางให้สัมผัสกับแก้มเขาจนได้กลิ่นน้ำหอมลอยจาง

   ​​​​บนรถดูจะเงียบไปอีกครั้งเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ทันได้ตั้งตัว เขาอุทานในลำคอแผ่วเบา กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากคล้ายกับยังไม่ได้สติ ส่วนผมเองก็เช่นกัน ที่ต้องเลือกเบือนหน้าไปอีกทางเพราะแก้มของตัวเองน่าจะขึ้นสีจนแทบจะดูไม่ได้ วิวค่ำคืนค่อยๆเลื่อนผ่านไปเมื่อรถออกตัวด้วยความเร็ว

   ​​​​ผมเม้มปาก
   ​​​​ไม่กล้าหันไปมองม่านเมื่อมือตัวเองถูกคว้าไปจับเอาไว้จนรู้สึกอุ่น

   ​​​​ดูเหมือนวันนี้จะมีใครบางคนเล่นเกมโกงจนได้รางวัลเกินกว่าที่กำหนดไว้เสียอีก




50%















#ผาเพียงฟ้า

มาแล้วค่า หลังจากหายไปนานมากๆ เลยก็ว่าได้เนาะ ;-;
อันที่จริงแล้วเข้ามาแต่งทุกวันเลยค่ะ แต่ได้วันละนิดวันละหน่อย
ช่วงนี้ยุ่งจนไม่ได้ทำอะไรเลย ขอโทษด้วยน้าา ;_;
มาอัพให้ก่อน50% แล้วกันเนาะ อีก50%หลังจะตามมาไวๆเลย
สัญญาาาาา T___T

ตอนนี้เราชอบฉากที่คนน้องมันมองพี่มากๆ
มองแบบมองแล้วยิ้ม มองแบบมีอะไรในใจ
มองจนได้แต่คิดว่ามองอะไรวะ
ฮื่อ ชอบบ ถ้ามีคนมองแบบนี้คือตายได้เลยนะ ;____;

แล้วก็เพลงในตอนนี้ตั้งใจใส่มาเลยแหละค่ะ
บังเอิญว่าได้ฟังวงนึงเล่นเพลงนี้แล้วมันยังรันในหัวตลอดทั้งคืน
และมันเข้ากับตอนนี้ในครึ่งหลังด้วย
ไม่ได้ใส่ๆ ไปเฉยๆหรอกน้าา แหะ

อีกอย่างเลยก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ
พูดมาตลอดว่าไม่คิดว่าจะมีคนอ่าน555555
แค่นี้คือเกินคาดมากกๆๆ ขอบคุณครับบ <3

อ้ออ เกือบลืมมม
เรื่องของคุณคนนั้นถ้ามีโอกาสได้แต่ง
ก็น่าจะเจอกันที่ #พี่เหนือเป็นชู้ ค่ะ ><


4/11/19
before30october


ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เอาใจช่วยม่าน​ อยากเห็นม่านได้รางวัลใหญ่

ออฟไลน์ OrangeryLemon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

เราก็ชอบฉากเดียวกันค่ะ น่ารักมากๆ ถ้ามีคำไหนบรรยายความรู้สึกได้มากกว่าคำว่า น่ารักมากๆ ก็คำนั้นแหละ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ละมุนมากกกกกก
 :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โอ้ยยย ผาใจอ่อนยิ่งน่ารักเข้าไปอีกกกก  :pighaun:

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาต่อแล้ววว ดีใจที่มาอัพต่อนะคะ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของผากับม่านมันพัฒนาไปมากๆจากตอนที่เริ่มต้น มันป็นไปแบบๆ ไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ได้เรียบสงบ ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ ส่งกำลังใจให้คุณนักเขียนสู้ๆกับงานที่ล้นมือนะคะ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เอาใจช่วยทั้งสองคนเลย

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2



50%







   ​​​​ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านข้ามวันแต่ผมก็ตัดสินใจที่จะยังไม่เข้านอน เมื่อกลับถึงห้องก็รีบจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนจะมานั่งเล่นโทรศัพท์บนเตียงหลังใหญ่ เลื่อนเข้าแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อลดความเหงาในยามดึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ อย่างน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองไม่โดดเดี่ยวในค่ำคืนที่แสนเงียบสงบ

   ​​​​ท้องฟ้าภายนอกหน้าต่างนั้นมืดมิด ไม่มีแสงดาวหรือแสงจันทร์เป็นเพื่อนร่วมทางก้อนเมฆที่ลอยสูง มีเพียงแสงจากหลอดไฟในใจกลางเมืองที่ชูขึ้นจนส่องสะท้อนให้เห็นภาพที่อยู่ด้านบน ทุกอย่างเงียบเชียบ ยกเว้นแต่เพียงท้องถนนที่มีรถราแล่นผ่านไม่ขาดสาย นอกจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวของสิ่งใดเมื่อจดจ้องผ่านกระจกใสที่คั่นกลาง ผมเหม่อมองมันอยู่สักพัก ปล่อยให้ตัวเองได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดเท่าที่พอจะทำได้ ซึมซับเอาบรรยากาศของวันใหม่และค่อยๆบันทึกมันไว้ในความทรงจำ

   ​​​​ว่าผมใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกแบบไหนในวันที่อายุครบ 22 ปีบริบูรณ์

   ​​​​เมื่อย้อนกลับไปนึกถึงวันคืนเหล่านั้นทุกอย่างก็ดูจะผันผ่านรวดเร็วกว่าปีอื่นๆ ผมยังรู้สึกเหมือนว่าวันเกิดปีที่แล้วเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อวาน มันช่างเรียบง่ายและไม่มีอะไรสลักสำคัญมากนักสำหรับตัวผมเอง ไม่มีดอกไม้ ไม่มีของขวัญ ไม่มีการเฉลิมฉลอง ไม่มีคำอวยพรเพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่วันที่แสนพิเศษ  แค่วันธรรมดาวันหนึ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณพระเจ้าทุกลมหายใจที่อนุญาตให้ผมได้มีชีวิตอยู่เพื่อเก็บเกี่ยวความสุขบนโลกใบนี้

   ​​​​ผมมักจะใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า จดจำสิ่งต่างๆรอบตัวเผื่อวันหนึ่งต้องมองย้อนกลับมาจะได้รู้ว่าตัวเองเติบโตจากเดิมเยอะขึ้นมากแค่ไหน ส่วนมากผมมักจะออกไปสูดอากาศที่สวนสาธารณะหรือริมแม่น้ำ ไปใช้ชีวิตในโลกกว้างเพื่อมองผู้คนเสียมากกว่า และนอกจากนั้นผมก็มักจะจบลงด้วยการอยู่กับเพื่อน ไม่มีการดื่ม เป็นเพียงการพูดคุยเล็กๆน้อยๆโดยที่พวกมันก็ไม่ทราบว่านั่นเป็นวันสำคัญของผม ทั้งหมดก็เพื่อที่จะให้ตัวเองเรียนรู้ที่จะขอบคุณพวกเขา

   ​​​​ขอบคุณคนเหล่านั้นที่ทำให้ชีวิตผมขับเคลื่อนไปด้วยความสุข

   ​​​​ผมผ่านมันมาแบบนั้นเสมอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ตัวเองเฉยชากับเรื่องพรรค์นี้ เท่าที่พอจะจำความได้ก็นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้เป่าเค้กเฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ผมไม่ได้อิจฉาหรอก เพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเฉลิมฉลองในวันนี้เสียมากกว่า

   ​​​​แอปพลิเคชันต่างๆถูกเลื่อนผ่านแล้วกดเข้าไปใหม่ ผมตัดสินใจกดเข้าดูอินสตาแกรมเมื่อเห็นว่าไอ้เหนือเพิ่งอัปโหลดรูปภาพไปได้ไม่นาน เป็นภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ถูกถ่ายจากมุมหนึ่งบนตึกสูง วิวที่เห็นไม่ต่างจากดาดฟ้าห้องผมมากนัก มันไม่ได้ใส่คำอธิบายไว้ใต้นั้น มีเพียงแค่อีโมจิเป็นรูปดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ไม่สอดคล้องกับภาพที่ลงเท่าไหร่ ผมกดถูกใจ ก่อนจะเปลี่ยนมาดูสตอรี่ของเพื่อนคนอื่นแทน

   ​​​​แอคเคานท์ของไอ้ฮั่นขึ้นมาคนแรก เป็นวิดีโอที่ถ่ายภาพบรรยากาศในร้านที่เราเพิ่งไปมา เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่แต่ถึงอย่างนั้นเสียงดนตรีภายในร้านก็กลบจนหมด แอคเคานท์ต่างๆถูกเลื่อนไปเรื่อยๆ ให้รับชม มีของไอ้ปัทถ์ที่ถ่ายไอ้ตินกำลังดื่มแล้วเจ้าตัวก็หันมองกล้อง ต่อจากนั้นเป็นภาพนิ่งที่มันถ่ายอย่างเบลอๆซึ่งผมไม่สามารถทราบได้ว่าคืออะไร

   ​​​​จนมาหยุดอยู่ที่แอคเคานท์ของคนคนหนึ่ง คนที่อาสามาส่งผมที่หอและขอรางวัลใหญ่ เจ้าตัวถ่ายรูปกาแฟที่ดื่มไปเมื่อตอนบ่าย อัปโหลดมันให้เห็นพร้อมกับบอกสถานที่ร้านที่ตั้งอยู่ จากนั้นเป็นวิดีโอที่ถ่ายเพื่อนๆ ที่นั่งล้อมวงเข้าหากันโดยน่าจะเป็นร้านเดิม มีสองคนกำลังสูบบุหรี่ อีกหนึ่งคนเล่นกีตาร์คลอเบาๆ มีหนึ่งคนที่ดึงดูดสายตาผมเพราะรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์มากเพียงแค่ขยับตัว สุดท้ายก่อนวิดีโอนั้นจะตัดไป กล้องก็เลื่อนเปลี่ยนมุมให้เห็นบนโต๊ะตรงกลางที่มีแต่ซองบุหรี่และไฟแช็ก รวมกับแก้วกาแฟที่ตั้งระเกะระกะ

   ​​​​ดูเหมือนว่าม่านจะสูบบุหรี่จัดในช่วงหลังๆ
   ​​​​เกเรเหมือนกันนี่หว่า


   ​​​​และสตอรี่สุดท้ายที่เขาอัปโหลดเป็นภาพนิ่งเช่นเดียวกับอันแรก แต่คราวนี้เป็นภาพที่เจ้าตัวถูกถ่ายจากมุมเดียวที่ผมนั่งมองเขาบริเวณหัวโต๊ะ และเป็นภาพเดียวกับที่ผมเห็นเขาทำแบบนั้น ม่านในรูปกำลังพ่นควันกรุ่นลอยสูง ในมือถือก้านขาวที่มีไฟจุดติดบริเวณปลาย คีบมันไว้ด้วยนิ้วชี้และนิ้วนางข้างซ้าย ใบหน้าแหงนขึ้นจนเห็นสันกรามเด่นชัด ภาพเบลอเล็กน้อยเพราะความสั่นและควันที่มันลอยกลบ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าและสายตาของเขาทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากได้เลย

   ​​​​ดวงตาเรียวเหล่มอง มีความดุดันอยู่ในแววตาแบบที่หาไม่ได้บ่อยๆ เสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ก็ปลดกระดุมจนเห็นแผงอก แหวกต่ำลงมาเพื่อให้สร้อยคอได้ทำหน้าที่ส่องประกายวาววับ เป็นสร้อยสีเงินที่มีแม่กุญแจดอกเล็กห้อยกลาง คล้องต่ำผ่านกระดูกไหปลาร้าที่เด่นชัด ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูเซ็กซี่มากเสียจนต้องมองอยู่อย่างนั้น

   ​​​​ผมกดนิ้วค้างให้รูปม่านยังอยู่บนหน้าจอ ไม่รู้ทำไมตอนที่ตัวเองนั่งอยู่ตรงข้ามเขาถึงไม่ได้รู้สึกเหมือนในรูป อาจเป็นเพราะผมไม่กล้ามองเขาอย่างตรงไปตรงมา กลัวว่าสายตาคู่นั้นจะเล่นงานตัวเองอย่างง่ายดายอีก

   ​​​​ใช่แหละ
   ​​​​ก็หลังๆมานี้ชอบทำให้ผมหวั่นไหวอยู่เรื่อย


   ​​​​การสั่นของโทรศัพท์จากแจ้งเตือนที่บ่งบอกว่ามีคนส่งข้อความมาทำให้ผมปล่อยนิ้วมือที่กดค้างบนหน้าจอออก พบว่าเป็นเจ้าของรูปที่ทำให้ตัวเองนั่งมองอยู่นานนั่นแหละที่ส่งมา ไม่มีใครที่กวนผมในเวลาแบบนี้นอกจากเจ้าตัว

   ​​​​เจ้าเก่าและเจ้าเดิม

   ​​​​
นอนยังหรอ? : AMAN

   ​​​​ม่านสอบถาม ผมตอบกลับอย่างรวดเร็ว

   ​​​​Pha : ยัง
   ​​​​Pha : กำลังจะไปปิดไฟ

เค้านอนไม่หลับ  : AMAN

   ​​​​เขาบอกถึงสาเหตุของการทักมาในทันทีหลังจากนั้น จนผมจัดการให้ทั้งห้องมืดสนิทถึงจะส่งข้อความกลับไป

   ​​​​Pha : ไปทำอะไรมาล่ะ?
ไม่รู้ว่ะ : AMAN
   ​​​​Pha : แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่?
นอนพลิกไปมา : AMAN
เลยคิดว่าทักเธอมาดีกว่า : AMAN
ถ้ายังไม่นอนเหมือนกันก็คงจะดี : AMAN

   ​​​​สัญญาณเสียงบ่งบอกว่าเครื่องปรับอากาศถูกเปิดใช้งานขึ้นตามด้วยสัญญาณไฟที่ติดบนตัวเครื่อง ผมวางรีโมตไว้ข้างหัวเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นสูงจรดปลายคาง

   ​​​​Pha : กวนน่ะสิไม่ว่า

   ​​​​การตอบโต้กับเขายังมีต่อไปเรื่อยๆ คล้ายกับว่าม่านจะคว้าทุกโอกาสที่เราสามารถพูดคุยกันแม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตามที

เค้าไม่กวนเหอะ : AMAN
   ​​​​Pha : กวน
ไม่กวน : AMAN
   ​​​​Pha : จะเอายังไง?
เธอนั่นแหละจะเอายังไง? : AMAN
:-) : AMAN

   ​​​​ดูเหมือนเขาจะได้ใจไม่น้อยที่ได้แกล้งผม ทุกครั้งมันเลยเป็นการต่อความยาวสาวความยืดระหว่างเราสอง

จะเป็นแฟนกันไหม? : AMAN
นี่ของ่ายๆแบบนี้เลยนะ : AMAN

   ​​​​ผมชะงักกึก ไม่คิดว่าม่านจะมาไม้นี้ ใจที่สงบเริ่มไม่เป็นดังเก่าเมื่ออ่านข้อความเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น

   ​​​​‘จะเป็นแฟนไหม?’ งั้นหรอ?

   ​​​​...งั้นหรอ?

   ​​​​ให้ตาย


   ​​​​ทำไมแค่ประโยคเดียวง่ายๆถึงทำให้ใจเต้นแรงได้ขนาดนั้น



   ​​​​Pha : อย่ามาล้อเล่นนะไอ้หมา

   ​​​​ผมทำเป็นเฉไฉไม่รับความ แต่สุดท้ายม่านก็ย้ำเจตนาตัวเองแน่ชัดจนไม่กล้าถามต่อ

เรื่องเธอเค้าเคยล้อเล่นด้วยหรอไง? : AMAN
:-) : AMAN

   ​​​​เป็นเรื่องจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผมเขาไม่เคยจะล้อเล่นและทำให้มันคลุมเครือ ม่านชัดเจนและซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองมาโดยตลอด เมื่อชอบก็บอกว่าชอบ เมื่อรักก็บอกว่ารัก และเมื่อไหร่ที่เขาน้อยใจก็ไม่สามารถเก็บมันไว้ได้แม้จะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม

ไม่ต้องคิดมากนะผา : AMAN
เค้ารู้ว่าเธอไม่ตอบตกลงหรอก : AMAN
แค่อยากจะขอก็เลยขอ : AMAN
มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น : AMAN

   ​​​​เมื่อเห็นว่าผมเงียบไปนานเจ้าตัวเลยอธิบายเหตุผลจนหมด ผมเข้าใจดี เขาคงมีความสุขกับคืนนี้และผมเองก็เช่นกัน

   ​​​​Pha : อืม
   ​​​​Pha : เข้าใจน่า
น่ารักมาก : AMAN

   ​​​​จากนั้นม่านก็ส่งสติกเกอร์มาให้ เป็นรูปหมาสองตัวแนบแก้มชนกันแล้วมีรูปหัวใจอยู่ตรงกลางเยื้องไปทางด้านบน และเพราะสติกเกอร์ของเขานั่นแหละ ที่ทำให้ผมไม่สามารถหยุดรอยยิ้มของตัวเองได้

   ​​​​ใครกันบอกว่าผมน่ารัก
   ​​​​ผมไม่น่ารักหรอก
   ​​​​เขาต่างหาก
   ​​​​:-)


   ​​​​Pha : ขอเผื่อฟลุ๊คอ่ะดิมึงอ่ะ
เฮ้ย : AMAN
55555555 : AMAN
ไม่ใช่แบบนั้น : AMAN
   ​​​​Pha : ชัว
ไม่ใช่555555555 : AMAN
เข้าใจผิดกันไปใหญ่ละ555 : AMAN

   ​​​​รอบนี้ผมส่งสติกเกอร์สีหน้าครุ่นคิดกลับไป บทสนทนาของเราดูจะลื่นไหลมากขึ้นเรื่อยๆ

   ​​​​Pha : ยังไม่ง่วงอีกหรอ?
ยัง : AMAN
คุยกับเธอไม่ง่วงหรอก : AMAN
   ​​​​Pha : ให้ตอบอีกที
ก็… : AMAN
ก็เริ่มง่วงนิดนึงแล้วแหละ555 : AMAN
ทำไมเธอเก่งจังวะ : AMAN
หมดกัน : AMAN
ไม่คูลเลยกู : AMAN
5555555555555 : AMAN
   ​​​​Pha : 555555

   ​​​​เขาบ่นออกมาเป็นชุด ประชดและตัดพ้อตัวเองยกใหญ่

พูดแบบนี้คือเธอจะไปนอนแล้วหรอ? : AMAN
   ​​​​Pha : ไม่รู้ดิ
   ​​​​Pha : ก็ง่วงแล้วเหมือนกันแต่ไม่อยากนอน
อ่าว : AMAN
เป็นไรป่ะเนี่ย? : AMAN
หรือเค้ากวนจริงๆ? : AMAN

   ​​​​ผมนิ่งคิด ไม่รู้ว่าควรบอกเขาดีไหม เพราะปกติแล้วผมก็ไม่ได้บอกใครแต่ครั้งนี้มันเริ่มห้ามใจตัวเองไม่ได้

   ​​​​ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

   ​​​​Pha : ไม่ได้กวน

   ​​​​ผมตอบกลับ รีบพิมพ์ข้อความต่อไปและชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะกดส่ง

   ​​​​Pha : วันนี้วันเกิดกู

   ​​​​สุดท้ายผมก็บอกเขาถึงวันสำคัญของตัวเอง ถึงแม้จะหาเหตุผลมาสนับสนุนที่ต้องทำเช่นนั้นแต่ผมก็พบว่ามันช่างไร้สาระสิ้นดี

   ​​​​แค่เพียงกลัวว่าเขาจะน้อยใจ
   ​​​​เพราะเคยสัญญากับม่านเอาไว้ว่าจะพยายามเหมือนกัน

   ​​​​ครั้งนี้เขาหายไปนาน นานมากจนเริ่มไม่ปกติ จนกว่าที่ผมจะพลิกตัวไปอีกด้าน เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นพร้อมกับชื่อของม่านเด่นหรา

   ​​​​“ว่าไง?” เสียงผมแปร่งไม่น่าฟัง รู้สึกได้ว่ากำลังประหม่าไม่ต่างกันกับปลายสาย
   ​​​​(รอเค้าแปบนึงได้มั้ย?) เขาพูดรัว ได้ยินเสียงกอกแกกดังอยู่ตลอด
   ​​​​“ให้กูรอหรอ?”
   ​​​​(ครับ รอแปบเดียว ไม่เกินสิบห้านาที)
   ​​​​“...”
   ​​​​(รอนะ สัญญาก่อน)
   ​​​​“อืม เดี๋ยวรอ”

   ​​​​เขาตอบรับพร้อมกับตัดสายไปในทันที ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร เพียงแค่ยอมตกลงตามที่เจ้าตัวต้องการ ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงให้มากความ เวลาที่ม่านหายไปเลยกลับไปเล่นโซเชียลมีเดียต่ออีกสักพัก ราวๆเกือบยี่สิบนาทีได้ ก็มีเสียงเรียกเข้าอีกครั้งแต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ

   ​​​​เพราะเป็นการวิดีโอคอลแบบที่เราต้องเปิดกล้องกันทั้งสอง

   ​​​​คงต้องโทษมือผมที่มันเคลื่อนไหวไวกว่าความคิด การกดรับสายนั้นจึงเกิดขึ้นทันทีโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่โชคดีที่ห้องผมมืดสนิท หน้าจอที่เห็นเลยเป็นแค่สีดำต่างจากของม่านที่เห็นเจ้าตัวนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง

   ​​​​พร้อมกับกีตาร์หนึ่งตัวที่ถืออยู่ในมือ

   ​​​​เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้กล้อง พร้อมกับจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง มือข้างซ้ายยังจับคอกีตาร์ไว้ไม่ห่าง ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นว่าหน้าจอผมเป็นอย่างไร

   ​​​​[เธอไม่เปิดกล้องหรอ?]
   ​​​​“เปิดแล้ว แต่กูปิดไฟมันเลยมืด”
   ​​​​[งั้นเปิดไฟให้หน่อย] หน้าเจ้าตัวบูดเบี้ยว ดูไม่พอใจอย่างหนักที่เป็นแบบนี้
   ​​​​“ขี้เกียจลุก”
   ​​​​[เธออ่า]
   ​​​​“งอแงเก่งจังวะ”
   ​​​​[ก็อยากเห็นหน้า] เสียงแหบแห้งลากยาว ม่านยังไม่ยอมแพ้ให้กับการตื๊อ
   ​​​​“พอๆ แล้วคอลมาทำไม ให้กูรอตั้งนานอีก”

   ​​​​คราวนี้เขายอมกลับไปนั่งตามเดิม ไล่เสียงกีตาร์สองสามครั้งและยังไม่ตอบคำถาม เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางถึงได้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กล้องอีกครั้ง

   ​​​​[ก็เธอบอกว่าวันนี้วันเกิดเธอ เลยไม่อยากให้มันผ่านไปเฉยๆ]
   ​​​​“อืม”

   ​​​​ผมยิ้ม กลอกตามองสรรพสิ่งรอบห้องเพื่อไม่ให้ยิ้มไปมากกว่านี้

   ​​​​[ไหนๆ เธอก็ยังไม่นอน เลยอยากทำอะไรให้นิดๆหน่อยๆ]
   ​​​​“...”
   ​​​​[เป็นการตอบแทนแล้วกัน]
   ​​​​“ตอบแทนอะไร?”
   ​​​​[ตอบแทนที่พ่อกับแม่เธอมีเธอจนถึงทุกวันนี้ไง]
   ​​​​“...”
   ​​​​[ขอบคุณนะครับ]

   ​​​​คราวนี้รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้า คงเพราะเห็นคนในหน้าจอกำลังยิ้มกว้างเหมือนกัน ผมเลยต้องยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้

   ​​​​“มาบอกกูทำไม ต้องบอกพ่อกับแม่กูแทนไหม?”
   ​​​​[งั้นก็พาไปเจอสิ]
   ​​​​“ก็พาไปเจอแม่แล้วไง”
   ​​​​[ก็ยังไม่ได้เจอพ่อเลยไง]
   ​​​​“เนียนเก่งตลอดเลยนะมึงเนี่ย”
   ​​​​[ฮ่าๆ]

   ​​​​คนตัวสูงเสยผม แลบลิ้นเลียริมฝีปากลดอาการประหม่า

   ​​​​[เอาเป็นว่า...เป็นของขวัญให้เธอนั่นแหละ]
   ​​​​“...”
   ​​​​[โอเคนะ]

   ​​​​เมื่อพูดจบเขาก็กดโทรศัพท์สองสามครั้ง มองมันสลับกับเริ่มจับคอร์ดไปทีละนิด จนกว่าที่เขาจะสบตาผมผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ม่านก็เริ่มบรรเลงเพลงหนึ่งด้วยกีตาร์ที่อยู่ในมือ

   ​​​​เป็นเพลงที่ผมรู้จัก
   ​​​​และเป็นเพลงที่ผมบอกเขาไปว่าผมชอบเพลงนี้ของ John Mayer

   ​​​​‘Heartbreak Warfare’

   ​​​​อีกฝ่ายมองคอร์ดบ้างหลังจากเล่นไปได้สักพัก จังหวะที่คุ้นหูทำเอาผมแทบจะไม่ละสายตา รู้สึกเหมือนเขาดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ตัวเองสร้างขึ้น มีความสุข และอยู่ในโลกที่มีแต่เสียงดนตรี

   ​​​​[...Lightning strike
   ​​​​Inside, my chest to keep me up at night
   ​​​​Dream of ways
   ​​​​To make you understand my pain…]


   ​​​​เสียงที่ร้องคลอตามแผ่วเบา เขาไม่ใช่นักดนตรีมืออาชีพหรือนักร้องที่เสียงไพเราะเสนาะหู เป็นเพียงแค่คนที่บรรเลงไปตามใจตัวเองและในรูปแบบที่ถนัด ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบจนเพอร์เฟค แต่ก็เป็นท่วงทำนองและการร้องที่เพราะสำหรับผม

   ​​​​เป็นทุกอย่างที่ลงตัวพอดีในผู้ชายคนนี้
   ​​​​คนที่กำลังตั้งใจบรรเลงเพลงโปรดของใครบางคนในวันเกิดของเขา

   ​​​​น่ารักเป็นบ้า

   ​​​​บทเพลงนั้นจบลงอย่างเชื่องช้า ผมยังไม่หยุดยิ้มแม้จะมีแต่ความเงียบที่พ้นผ่าน เขามองหน้าจออีกครั้ง พยายามเดาความรู้สึกผมว่ามันจะไปในทิศทางไหน

   ​​​​[หลับไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย?]
   ​​​​“เปล่า”
   ​​​​[...]
   ​​​​“ฟังอยู่”

   ​​​​เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะถามกลับมาอีก

   ​​​​[เล่นให้ฟังแล้วนะ ตามที่สัญญากับเธอไว้]
   ​​​​“อืม”
   ​​​​[...]

   ​​​​“ขอบคุณเหมือนกันครับ”

   ​​​​เจ้าของใบหน้าคมคายอมยิ้ม เอนออกไปนิดหน่อยแล้วจ้องโทรศัพท์ยามพูด

   ​​​​[พรุ่งนี้เธอไปไหน?]
   ​​​​“หืม ไปไหน?”
   ​​​​[ก็วันเกิดไม่ใช่หรอ ไม่ไปไหนหรอไง?]
   ​​​​“ไม่อ่ะ ปกติไม่ได้ไป”
   ​​​​[จริงป่ะเนี่ย?]
   ​​​​“อืม ไม่ค่อยอยากไป”
   ​​​​[ไม่ดื่มหรอ?]
   ​​​​“ไม่ดื่ม ไม่ได้บอกเพื่อน กว่ามันจะรู้ก็เลยวันไปแล้วตลอด”
   ​​​​[อ่า] ม่านดูแปลกใจเล็กน้อยที่กิจกรรมของผมต่างไปจากคนอื่นๆ
   ​​​​“แต่พรุ่งนี้อาจจะออกไปเดินเล่น ได้สูดอากาศนอกห้องบ้างก็คงดี”
   ​​​​[...]
   ​​​​“...”

   ​​​​คราวนี้เราเงียบกันทั้งคู่ ไม่รู้ว่าผมเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

   ​​​​[ขอให้เธอมีความสุขกับวันของเธอมากๆนะ] ในที่สุดม่านก็อวยพร คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีอีกเหมือนกันที่ผมได้รับมันมาจากใครสักคน
   ​​​​“อืม”
   ​​​​[...]
   ​​​​“...”
   ​​​​[...]
   ​​​​“มึงก็เหมือนกัน”

   ​​​​ม่านยังยิ้ม ตามแบบฉบับที่เคยเห็น

   ​​​​[เธอคงอยากไปนอนแล้ว เห็นเมื่อกี้ก็บอกง่วงละนี่?]
   ​​​​“อ่า วางสายไปก็คงนอนเลย”
   ​​​​[โอเคครับ]

   ​​​​เขาทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่าง ผมใช้จังหวะนั้นพูดข้อความที่อยู่ในใจอีกรอบ

   ​​​​“ขอบคุณมากจริงๆนะ”
   ​​​​[ขอบคุณอะไร?]
   ​​​​“ที่มาเล่นให้ฟังไง”
   ​​​​[ฮ่าๆ ครับ]

   ​​​​ผมพลิกตัวกลับมาอีกฝั่ง มองหน้าจอที่มีใครบางคนจับกีตาร์ขึ้นอีกรอบ

   ​​​​[ผา]
   ​​​​“ครับ”
   ​​​​[มีอีกเพลงที่อยากเล่นให้ฟัง ได้ไหม?]

   ​​​​คล้ายกับเขาลังเลที่จะทำแบบนั้น ผมเลยต้องอนุญาตเพราะไม่อยากขัดความปรารถนาดีจากคนที่จะมอบให้

   ​​​​“เล่นสิ รอฟังอยู่”

   ​​​​เมื่อได้รับการตกลงม่านก็จับกีตาร์ไว้มั่น ดูหน้าจอโทรศัพท์สักพักแล้วจึงบรรเลงเพลงที่ต้องการจะเล่นให้ผม

   ​​​​เป็นเพลงที่หลายๆ คนมักจะเคยได้ยินมาก่อน
   ​​​​และเป็นเพลงที่ทำให้ผมได้ย้อนไปยังวัยมัธยมที่แสนหวาน

   ​​​​เขายิ้ม
   ​​​​เป็นยิ้มเดิมที่มักจะยิ้มเวลามองผมไปด้วย


   ​​​​[...รอนานๆก็อาจจะบั่นทอนหัวใจ อย่าให้นานเกินไป
   ​​​​ก่อนอะไรมันอาจจะสาย
   ​​​​รอนานๆก็อาจทำให้ใจวุ่นวาย รู้ดีแต่ยังน้อยใจ
   ​​​​เพราะฉันเป็นคนเดียวที่รอ…]



   ​​​​เพลงใหม่จบไปโดยที่ผมก็ไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับเสียงม่าน ทุกอย่างมันเลยลอยฟุ้งในใจจนอยากจะเก็บทุกอย่างเอาไว้อย่างดีที่สุด

   ​​​​สุดท้ายก็ถึงเวลาที่เราต้องบอกลาในค่ำคืนที่มีความหมาย

   ​​​​[ไปนอนได้แล้ว]

   ​​​​ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ผมตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปยังทางที่คิดเอาไว้แน่วแน่

   ​​​​พรึบ!
   ​​​​[...]
   ​​​​“...”

   ​​​​เขาเงียบ ผมก็เงียบ
   ​​​​มีเพียงแค่รอยยิ้มที่ส่งให้กันผ่านกล้องเท่านั้นที่ดูจะทำให้เราสองคนรู้ว่าอะไรที่ส่งเสียงดังที่สุดเมื่อเราสบตา

   ​​​​คงเป็นเสียงของความรู้สึกที่ส่งผ่าน จากสีหน้าและท่าทางของเราทั้งคู่

   ​​​​และดูเหมือนว่าคนทางนั้นจะได้รางวัลกลับไปอีกสองรางวัลใหญ่

   ​​​​หนึ่งคือรอยยิ้มของผมที่มอบให้หลังจากเดินไปเปิดไฟ

   ​​​​และสอง


   ​​​​“งั้นพรุ่งนี้มึงว่างไหมล่ะ?”


   ​​​​การพาเขาไปพบกับคนสำคัญในชีวิตของผมเอง


   ​​​​“ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหน่อย จะได้พาไปเจอแม่อีกรอบด้วย”







#ผาเพียงฟ้า

Talk2
เห็นคอมเมนท์ที่บอกว่าสลับชื่อตัวละครแล้วก็เขินหน่อยๆ
ตอนนี้เราแก้ให้แล้วนะคะ
งุนงงกันไปเลย555555


6/11/19
before30october


ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เป็นวันเกิดที่โรแมนติคมาก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ SimplyDelicious

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากมากมากมากกกกกก
คิดถึงเรื่องนี้มากเลยยยย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เจ้าม่านน่ารักมาก
แต่พี่ผาไม่พูดถึงพ่อเลยเนาะ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ม่านน่ารักสม่ำเสมอมากๆ ก็เด็กมันเป็นซะแบบนี้ใครมันจะไม่ใจอ่อน  :o8:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เรื่องมันหม่นๆนะแต่อ่านด้วยความเขินตลอดเวลาอ่ะ ผาใจอ่อนยอมเป็นแฟนเถอะ หาคนน่ารักเท่าม่านได้อีกที่ไหน  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ละมุน โรแมนติกม๊ากกกกกกก  :-[ :hao7:

ออฟไลน์ Nefrit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักจังเด็กๆ พวกนี้ อยากมีม่านเป็นของตัวเองงง :ling1:

ขอบคุณนักเขียนมากนะคะ อ่านแล้วรู้สึกเนิบๆ เหมือนครีมข้นๆ ชอบค่ะ
ความรู้สึกค่อยๆ ไต่ทำให้เรารู้ขั้นบันไดที่เค้าก้าวมาด้วยกัน ละมุนมากค่ะ ชอบจัง
 :mew3:

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


ผ า เ พี ย ง ฟ้ า


21

I feel so safe when I'm with you



_________


:-)


_________





เมื่อผมบอกเขาไปว่ากีตาร์ที่ใช้เล่นเมื่อคืนนั้นวิ่งไปยืมไอ้เตมา ผาก็ผลักหัวผมเข้าหนึ่งที บ่นงึมงeว่าชอบทำตัวให้ยุ่งยากแถมยังให้เจ้าตัวต้องรอเสียนาน ถึงปฏิกิริยาเขาจะเป็นอย่างนั้นแต่ผมก็ยังยิ้มรับอยู่ตลอด

เพราะอีกฝ่ายก็คงขัดเขินไม่น้อยจากการที่ไม่กล้าสบตาแถมยังเบี่ยงหน้าหลบอยู่บ่อยๆ ผมเลยรู้ว่ามีบางอย่างที่ทำให้เขาเผลอใจลอยกับการคุยกันของเราเมื่อคืนวาน

เขาเอ่ยปากชวนไปยังสถานที่หนึ่งซึ่งเคยพาผมไปมาแล้วในเวลาไม่นาน ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ทำแบบนั้นแต่ผมก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ในวันที่แสนพิเศษของเขา ถึงแม้ว่าผาจะบอกว่ามันไม่ได้พิเศษอะไร แต่สำหรับผมแล้วทุกอย่างที่เกี่ยวกับอีกฝ่ายคือเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ นั่นเพราะเขาคือคนสำคัญ และคือคนที่ผมอยากจะให้เราอยู่เคียงข้างกันไปนานๆแบบนี้

วันเกิดของเจ้าตัวไม่ได้มีอะไรพิเศษดั่งที่เขาบอก เป็นเหมือนวันหนึ่งที่เราเจอกันตามปกติ เขาแต่งตัวสบาย มารับผมที่หอแต่เช้าเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ๆเรานัดหมายกันไว้เมื่อยามดึก ครั้งนี้อีกฝ่ายอาสาเป็นคนขับรถและผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ อยากตามใจเจ้าของวันเกิดเสียหน่อยเพื่อไม่ให้เขารู้สึกอึดอัดจนเกินไป

สารถีในวันนี้ขับไปตามทางโดยที่มีผมนั่งเคียงข้างพร้อมกับมีเพลงที่เปิดจากวิทยุคลื่นหนึ่งดังคลอเคล้า จังหวะเชื่องช้าทำเอาผมฮัมตามเพลงที่ตัวเองรู้จัก เล่นโทรศัพท์บ้างหรือพูดคุยกับเขาบ้างเพื่อให้ดูไม่เงียบจนเกินไป และมันก็มักจะจบลงด้วยการที่มือเล็กเอื้อมมาตีอยู่บ่อยครั้ง อาจเป็นเพราะผมกวนประสาทเขามากมันเลยจบลงแบบนั้นเป็นประจำพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนที่ได้แกล้ง

“จะพาไปหาแม่ก่อนหรอ?” ผมถามขึ้นเมื่อพอจะจำสองข้างทางได้ หันไปมองเขาที่ยังตั้งใจขับรถ
“อืม เดี๋ยวไปหาแม่ก่อนค่อยแวะเข้าไปที่บ้าน”
“บ้านเธอ?”
“ครับ”

รอยยิ้มผมระบายจางบนใบหน้าเมื่อไม่สามารถกักเก็บมันเอาไว้ได้ แค่คำตอบรับสั้นๆคำเดียวแต่มันกลับทำให้ใจผมฟูขึ้นอย่างน่าประหลาด เพียงแค่ผาพูดว่า ‘ครับ’ ผมเลยเอื้อมมือไปทางเป้าหมายแล้วจัดการทำตามใจในทันที

หมับ!

“อื้ออ” เขาเอนศีรษะไปอีกทางเมื่อโดนจู่โจมที่ข้างแก้ม นิ้วโป้งและนิ้วชี้จิ้มลงไปบนผิวเนื้อแล้วบีบมันเล็กน้อย ส่งผลให้เลือดที่ฝาดเปล่งสีออกมาบ้างนิดหน่อย ผมยังไม่ยอมหยุดแม้ผาจะส่งสายตาคาดโทษและใช้มือปัดมันออกอย่างทุลักทุเล

“ม่าน กูขับรถอยู่ อย่ากวนได้มั้ย”

เสียงหัวเราะดังเป็นคำตอบของการขอร้อง สุดท้ายผาก็ยอมไม่ตุกติกเพราะเกรงกลัวว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนจะเกิดขึ้น

“ขอโทษครับ ไม่แกล้งแล้วก็ได้”
“อื้อออ”

เสียงเดิมดังลากยาวอีกครั้งเมื่อผมละมือออกจากแก้มใส แต่ก็ไม่วายที่จะเลื่อนมือไปยังปลายคางเขาแล้วส่ายมันไปมาคล้ายกับเล่นกับตุ๊กตาตัวโปรด ผาทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างหนัก แต่ทั้งหมดนั้นกลับทำให้ผมรู้สึกอยากจะแกล้งไม่หยุด

สุดท้ายผมก็ต้องละมือจากเพราะไม่อยากกวนสมาธิคนขับ ความปลอดภัยในการเดินทางต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ ดังนั้นผมเลยกลับมานั่งเล่นโทรศัพท์ตามเดิม เสียงเพลงดังขึ้นและจบลงเป็นวัฏจักรวนซ้ำๆอยู่อย่างนั้นในตอนสาย  ไม่นานเราก็จอดแวะซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ ผมเลือกดอกไม้ที่ผู้ขายแนะนำให้ ส่วนของผาเป็นดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนแกมขาวที่ดูอ่อนหวานแตกต่างจากสีเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ถนัดตา

เราออกเดินทางกันอีกครั้งเมื่อแสงแดดจ้าส่องกระทบลงมาจนรู้สึกอุ่น คราวนี้ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว ผาลงจากรถก่อน เดินนำทางไปยังแท่นหินอย่างเงียบเชียบโดยไม่ลืมที่จะรอผมให้ตามมา

บรรยากาศที่นี่ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ทุกอย่างเงียบสงบ ร้างผู้คนจนรู้สึกอ้างว้าง มีเพียงแสงแดดจ้าคอยชโลมจิตใจให้รู้สึกอบอุ่นตามอุณหภูมิร่างกายเพียงแค่นั้น

ดอกไม้ช่อแรกถูกวางไว้ก่อนโดยลูกชาย จากนั้นช่อที่สองก็ตามไปโดยคนติดตาม เห็นผาหลับตาลงอยู่นานก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปยังแท่นสีเทาตรงหน้า เมื่อเป็นดังนั้นผมเลยปล่อยให้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับความทรงจำของตัวเองอยู่สักพักโดยไม่พูดอะไร

“คุยอะไรกับแม่กูรึเปล่า?” อีกฝ่ายมักจะถามแม้จะยังไม่หันมามองตามเดิม สายตาคู่นั้นจับจ้องไปยังมือของตัวเองที่วางไว้บนแท่นสี่เหลี่ยม

“ก็นิดหน่อย”
“ห้ามฟ้องเชียวนะ” เจ้าตัวเอ็ด คำพูดนั้นทำผมยิ้มจางด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจ
“ได้โอกาสทั้งทีจะพลาดได้ไง” ผมหยอกล้อแต่คราวนี้ผาไม่ได้ตอบกลับ อีกฝ่ายละมือแล้วเดินถอยหลังออกมายืนเคียงข้างผม

“อย่าบอกแม่ดิว่ากูเป็นคนใจร้าย” คนอายุมากกว่าเว้นช่วง “แบบนั้นแม่คงอยากจะกลับมาแล้วบอกกูว่าควรทำยังไงถึงจะเลิกเป็นแบบนี้สักที”
เขามีรอยยิ้มจางเหมือนกัน ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเวลาที่เราอยู่เคียงข้าง ผาอมยิ้ม หันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปยังที่เก่า

“เค้าไม่ได้ฟ้องว่าเธอเป็นคนใจร้าย”
“...”
“แค่บอกแม่ว่าตอนนี้เราสองคนเป็นอะไร...แล้วก็อัปเดทสักหน่อยว่าเธอไปค้างห้องเค้าแล้วเฉยๆ”

เป็นดังที่คาด ผาหันกลับมาแล้วหยิกเข้าที่แผ่นหลังจนรู้สึกเจ็บ ผมบิดตัวออก ยีหัวเขาไปมาก่อนจะส่งรอยยิ้มไปให้ เขาคงรู้ได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่จะมีให้เสมอถ้าผมยังอยู่ตรงนี้

ตรงข้างกายเขาตรงนี้
ที่ๆ พร้อมจะทำให้เขารู้สึกสบายใจเสมอเมื่อหันกลับมา

เราบอกลาคนที่จากไปบนฟ้าอยู่สักพัก เมื่อเป็นดังนั้นก็เดินกลับออกไปทางเก่า
แต่ก่อนที่จะได้ก้าวเท้าจนพ้นขอบเขตของลานกว้าง ก็มีใครสักคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้เหมือนกันจนทำให้ผาชะงัก แต่เพียงเสี้ยววิเขาก็เดินต่อโดยไม่มีความลังเลในการตัดสินใจ ผมเกือบจะคิดว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติด้วยซ้ำจนกว่าที่ผู้ชายคนนั้นจะเอ่ยทักเจ้าตัวในตอนที่เราเดินสวนกัน

“ผา”

และจนกว่าผาจะค่อยๆหันมาแล้วโค้งหัวลงให้กับอีกคนเป็นการทักทาย

ทุกอย่างดูน่าอึดอัดไปเสียหมด ทั้งการที่มีคนแปลกหน้ามาใหม่ การที่ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงกับการบังเอิญเจอกันของคนทั้งสอง และการที่ผายังเอาแต่เงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“มาหาแม่เหมือนกันหรอ?” อีกฝ่ายถามขึ้นด้วยน้ำเสียงประหม่า เป็นคำถามที่พอจะเดาคำตอบได้ไม่ยาก แต่ก็ยังเลือกที่จะใช้คำถามนี้ขึ้นมาเพราะเหตุผลบางอย่าง

เหตุผลที่ว่าอีกฝ่ายก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะเจอใครสักคนที่นี่

“ครับ”

สายตาผมเลื่อนไปมองอีกคนอย่างถี่ถ้วน เป็นชายวัยกลางคนที่ยังดูกระฉับกระเฉง เจ้าตัวสวมชุดสูทสีดำ เนกไทสีเดียวกันกับเสื้อ สวมนาฬิกาเหล็กท่าทางมีราคาไม่น้อย ใบหน้ามีร่องรอยตามอายุ ผมคาดเดาว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับคุณพ่อของตัวเอง หรือไม่ก็อายุมากกว่านั้นนิดหน่อย แต่ก็ยังดูภูมิฐานและดูดีจนไม่สามารถละสายตาจาก

และสุดท้าย สิ่งที่ทำให้ผมสามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์ฉันใดกับคนที่อยู่ข้างกาย ก็ตอนที่ได้สบตาคมคายที่มองมายังตัวเอง

ดวงตาคู่นั้น ที่ฉายแววบางอย่างลึกสุดในหัวใจ

“สุขสันต์วันเกิดนะลูก”

เลยทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาคือ ‘บิดา’ ของผานั่นเอง

“ขอบคุณครับ”

ร่างโปร่งตอบรับด้วยคำสั้นๆตามเดิม ไม่มีการถามกลับ ไม่มีการบ่งบอกอะไรต่อจากนั้นอีก และเขาก็ทำให้ผมต้องรู้สึกสับสนอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวหันหลังกลับพร้อมจะไปที่รถโดยไม่สนว่าคนที่เพิ่งเจอกันจะมีปฏิกิริยาเช่นไร

และผมเริ่มสัมผัสได้
ว่ากำแพงในใจของเขากำลังก่อตัวขึ้นทีละนิด

“ผา” ชายหนุ่มยังเรียกลูกชายของตัวเองเอาไว้ และผาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะตอบรับโดยการหันกลับไป มีเพียงความเงียบที่มอบให้ พร้อมกับความว่างเปล่าที่มันอบอวลอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม

“...”
“...”

แต่ครั้งนี้กลับมีเพียงความเงียบที่ทิ้งไว้ผ่านไปกับเวลา เนิ่นนานจนทำให้ผมต้องเดินเข้าไปประชิดผา จับแขนแผ่วเบาเพื่อเรียกสติให้กลับมา เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น เขาก็ยังคงจะยืนนิ่งเพื่อรอคอยให้บิดาพูดออกมาก่อน

“ครับ” ดวงตาเรียวกะพริบปริบก่อนจะมีเสียงตอบรับ มันแหบแห้งคล้ายกับเจ้าของหาเสียงหัวเองอยู่นานกว่าจะพูดมันออกมาได้

“...”
“...”
“กลับดีๆล่ะ”

เกมทายใจครั้งนี้จบลงเมื่ออีกคนยอมบอกลา คล้ายกับว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรสักอย่างก่อนหน้า แต่สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนเป็นประโยคสั้นๆเสียแทน ผาโค้งหัวลงตามมารยาท ใบหน้าอีกฝ่ายที่ยืนตรงนั้นดูปะปนไปด้วยหลายความรู้สึกยามมองลูกชาย

ทั้งห่วงใย คิดถึง และมีแต่ความรู้สึกผิด

ผมสบตากับบิดาของเจ้าตัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโค้งหัวให้ไม่ต่าง ถึงแม้จะมีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นแต่ก็พยายามเก็บมันเอาไว้ยังส่วนลึกที่สุดในใจ เพราะผมรู้ดีว่าผาเองก็ทำเช่นนั้น และดูเหมือนเขาจะเก็บมันเอาไว้ลึกกว่าที่ผมสามารถคาดเดาระยะทางมันได้อีก

ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกสีเทาจะจมลึกเท่าที่ตัวเองคิดไหม
หรืออาจจะไกลกว่านั้นจนผมไม่อาจดำดิ่งลงไปพบเจอ

ผมคาดเดาอะไรไม่ได้
มันยากเกินไปเพราะผาขีดเส้นไว้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่หวงแหน

กึก!
หมับ!

จู่ๆ ผาก็พิงหลังเข้ากับด้านข้างของตัวรถ ใช้สองมือปิดใบหน้าเอาไว้ ค่อยๆลูบมันไปมาช้าๆคล้ายกับตั้งสติให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น

“เป็นอะไรไหม?” ผมเดินเข้าไปใกล้ จนกว่าที่จะเห็นใบหน้าของเขาได้ถนัด

ผมก็เพิ่งรู้ว่าผาซ่อนอะไรเอาไว้มากมายโดยที่ไม่มีใครรู้

คิ้วเขายังขมวดเข้าหากัน คล้ายกับว่าเจ้าตัวกำลังปวดหัวอย่างหนักจากอาการที่แสดงออกมา ผาเหมือนไม่ได้ยินที่ผมพูด เขากำลังจมอยู่กับความหลังบางอย่างของตัวเองจนผมไม่สามารถแค่ทนมองได้อีก

“เค้าอยู่ตรงนี้นะ มองเค้าสิ” มือใหญ่ปลอบประโลมโดยการลูบไหล่เชื่องช้า ผมพยายามให้เขารับรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า แต่ผมคิดว่าผาตอนนี้กำลังต้องการใครสักคนข้างกายจริงๆ

“ผาครับ ไม่เป็นไรนะ เค้าอยู่กับเธอ”

ใช้เวลาอยู่นานจนกว่าที่อีกคนจะยอมโอนอ่อนให้ เขาค่อยๆลดมือลงจนผมสามารถกอดเจ้าตัวไว้ได้ สองแขนโอบร่างอีกฝ่ายเข้าหาแล้วมอบความอบอุ่นผ่านอ้อมแขนแกร่ง ผมเพิ่งสังเกตว่าผาตัวสั่นเล็กน้อย ไม่ต่างจากมือที่มีอาการอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่นั้นหลับลงแน่นและยอมพิงเข้ากับอกผมโดยที่ยังไม่พูดอะไรเช่นเดิม

“อืออ”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว”

เขากำลังกลัว เจ็บปวด และกำลังรักษาตัวเองไปพร้อมๆกัน ถึงแม้จะหวาดหวั่นและไม่มั่นคง แต่ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ยอมที่จะเผยความอ่อนแอให้ใครเห็น

เขาไม่มีคำพูด ไม่มีน้ำตา มีเพียงความหนาวเหน็บที่พยายามแผ่ออกมาเพื่อกลบความรู้สึกของตัวเอง

เขายังเป็นผาที่สูงเพียงฟ้า
ที่ผมอยากจะฝ่าทุกอย่างเพื่อขึ้นไปอยู่เคียงข้างบนนั้น

เพื่อจะกอดเขา เพื่อจะจูบเขา เพื่อที่จะทำให้เขารับรู้ว่าคนๆนี้จะไม่ไปไหน
และเพื่อมอบความรักให้...แม้ผาแห่งนี้จะทำให้หนาวสักเท่าไหร่ก็ตาม
















50%















#ผาเพียงฟ้า




16/11/19
before30october


ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เกิดอะไรขึ้นนะครอบครัวของผา
 :hao5:
น้องม่าน ละมุนมาก อบอุ่นชะมัด :กอด1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
มีเรื่องอะไรกันนะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
อยากรู้เลยว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ออฟไลน์ SimplyDelicious

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องม่านดีมากเลยลูกกก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ before30october

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-2


50%







     ถึงแม้ผมจะอาสาเพื่อเปลี่ยนผาจากการขับรถ แต่สุดท้ายเขาก็ยังยืนยันว่าตัวเองสามารถทำหน้าที่เดิมได้โดยไม่มีปัญหา ด้วยเหตุผลว่าเขาชำนาญทางมากกว่าเพราะสถานที่ต่อไปคือบ้านของเจ้าตัว ดังนั้นคนนำทางรอบนี้เลยกลับกลายเป็นเขาเช่นเดิมโดยมีผมนั่งเคียงข้างพร้อมกับการหันไปมองคนขับเป็นระยะๆ


     อาการของผากลับมาเป็นปกติในเวลาไม่นาน จะมีก็เพียงแต่แววตาที่จดจ้องไปยังถนนตรงหน้าที่มันเปลี่ยนไปจากเดิม อาจเพราะผมคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ความเฉยชาที่เจือปนอยู่ในนั้นมันเลยทำให้รู้ว่าเขาแค่แสดงออกให้ผมหายห่วง


     ทั้งๆที่ความคิดของเจ้าตัวยังวุ่นวายกับเรื่องที่เกิด


     คราวนี้ผมไม่สนว่าผาจะว่าอะไรไหมเมื่อตัดสินใจจับมือเขามากุมแล้ววางไว้บนตัก หลังจากประเมินสถานการณ์ตรงหน้าว่าเป็นถนนที่ขับไม่ยาก ผมเลยไม่อยากปล่อยให้เจ้าตัวผ่านเรื่องราวต่างๆเพียงแค่คนเดียว


     ผมย้ำกับเขาเสมอ…ว่าผมยังอยู่ตรงนี้

     และเขาก็รับรู้มาเสมอ...ว่าผมไม่เคยไปไหน


     เพราะแบบนั้นผาเลยยิ้มจางส่งมาให้แล้วกระชับมือผมเข้าอีกที แค่นั้นมันก็ทำให้ใจผมฟูขึ้นมาเกือบเท่าตัว นิ้วที่เบียดกันส่งผ่านอุณหภูมิอุ่นร้อนจนผมไม่อยากปล่อยมือเขาเลยสักนิด เลื่อนมองมือเล็กที่เข้ากับมือตัวเองได้อย่างเหมาะเจาะ ใช้นิ้วโป้งลูบไล้ผิวเนื้ออ่อนนุ่มเบาๆ พิจารณามือเขาอย่างถี่ถ้วนคล้ายกับไม่เคยทำมาก่อน


     มันอาจจะดูประหลาดกับอาการที่ผมเป็นอยู่ แต่ไม่รู้สิ ผมแค่อยากเก็บทุกช่วงเวลากับเขาไว้ล่ะมั้ง


     เหมือนที่ผาก็กำลังเก็บช่วงเวลาของตัวเองเอาไว้เหมือนกัน


     ผมเริ่มเก็บความทรงจำว่ามือเขารูปร่างแบบไหน นิ้วของเขาเรียวยาวสมส่วนเท่าไหร่ มีไฝหนึ่งเม็ดทางด้านซ้าย และมีรอยแผลเป็นเล็กๆพาดอยู่ไม่ไกลกันนัก


     นอกจากนั้นผมก็เริ่มสังเกตไปทีละส่วน ตั้งแต่ต้นแขน ลำคอ หัวไหล่ จบลงที่ใบหน้าของคนที่ยังตั้งใจกับการขับขี่


     ผามีผมสีดำ สีเดียวกันกับนัยตาเจ้าตัว เป็นสีดำที่นุ่มลึกดั่งท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่มีแสงจันทร์คอยเคียงข้างจนมืดสนิท แต่เป็นความมืดที่น่าหลงใหล เป็นความมืดที่มีแรงดึงดูดให้เข้าไปใกล้ จนกว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปเพราะลุ่มหลงเกินกว่าที่ใจคิดเสียแล้ว


     อีกฝ่ายมีจมูกที่รับกับใบหน้า ไม่เชิดรั้น พอดีกับริมฝีปากบางและปลายคางที่ได้ทรงสวย มองเผินๆแล้วเขาไม่ได้อ่อนหวาน แต่ทุกอย่างลงตัวพอดีในแบบของมัน ไม่ได้อยู่ในนิยามของคำว่าหล่อเหลา แต่กลับมีเสน่ห์แบบที่หลายคนไม่มีและนั่นทำให้สายตาหลายคู่จับจ้องเวลาเดินผ่าน ผาคงไม่รู้ว่าโดนคนอื่นมองบ่อยครั้งเพราะปกติแล้วก็แทบจะไม่สนใจใครนอกจากเพื่อนที่เขามี


     “ปล่อยก่อนได้มั้ย ใกล้จะถึงแล้ว” เขาเอ่ยขอ น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผมยอมทำตามและสังเกตว่ารอบข้างเริ่มเป็นถนนที่แยกออกจากถนนหลักมาอีกที


     “แล้วใครอยู่ที่บ้านบ้าง?” เพราะสงสัยมาตลอดตั้งแต่เจอบุคคลที่สามเมื่อยามเช้า ผมเลยถามเขาจนได้ ทั้งๆที่คิดไว้ว่าเขาจะพามาเจอบิดาที่บ้านหลังใหญ่แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนั้นก็ไม่น่าจะเข้าเค้ากับสิ่งที่คิดไว้เท่าไหร่นัก


     “น้ากับแฟนน้า...น้องของแม่น่ะ”

     “อ่อ” ผมเงียบ ก่อนจะถามต่อ “แล้วเคยพาใครมาที่บ้านรึเปล่านอกจากเค้า?”

     
     และมันก็เป็นคำถามที่วางเดิมพันด้วยราคาสูงลิบลิ่วเสียด้วย


     มีคนบอกผมว่าเมื่อไหร่ที่ผู้คนกล้าพนัน นั่นหมายความว่าเขาคนนั้นมั่นใจว่าผลลัพธ์จะออกมาตามที่ตัวเองต้องการอย่างน้อย 50%


     แต่ผมคิดว่าสำหรับตัวเองแล้ว


     “ไม่เคย”


     รอบนี้ผมมั่นใจเกินกว่า 100% เสียอีก


     “ถ้าไม่นับมาร์ช...มึงก็คนแรก”


     ผมอมยิ้ม ดุนลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้มด้วยความเหนือกว่า รู้สึกเป็นผู้ชนะแม้จะไม่มีคู่แข่งเพียงสักคน


     “บอกน้าไว้แล้วว่าจะกลับแต่ไม่ได้บอกว่ามึงมาด้วย เมื่อคืนมันกะทันหันไปหน่อย ขอโทษที”


     ผมพยักหน้าเพราะพอจะเข้าใจที่ผาพูด เจ้าตัวก็คงไม่ได้คาดการณ์ว่าจะชวนผมออกมาด้วยล่ะมั้งเลยทำให้แผนการเปลี่ยนไปนิดหน่อย


     “น้าเธอใจดีมั้ย?”

     “ก็ใจดีนะ”

     “ใจดีกับเธอแต่ดุใส่เค้าแบบนี้ไม่เอานะ”

     “โดนแน่มึงอ่ะ กวนดีนัก” เขายิ้มเยาะ ก้มหัวลงให้คุณลุงยามหน้าหมู่บ้านและทักทายกันอย่างสนิทสนม

     “เธอก็บอกน้าเธอใจดีๆกับเค้าหน่อยดิ ไม่ช่วยกันเลย” ผมพูดต่อหลังจากรถเคลื่อนตัวเข้าด้านใน สองข้างทางตกแต่งด้วยสวนที่มีต้นไม้สวยงาม

     “จะบอกให้ดุเยอะๆเลยดีมั้ย?”

     “ดุอะไรอีก อนาคตแฟนเธอทั้งที ดุเยอะเดี๋ยวทิ้งเลยนะ”

     “...”

     “ทิ้งแล้วอย่ามาง้อนะ พูดจริงๆเลยเนี่ย”


     หลังจากพูดจบผาก็อึ้งไปนานจนผมอมยิ้ม มองเห็นเขาพยายามหายใจเข้าออกให้เป็นจังหวะ ก่อนแก้มจะขึ้นสีและนั่นทำให้ผมไม่เซ้าซี้อะไรต่อ


     น่ารักว่ะ


     “มึงนี่มัน…”


     น่ารักฉิบหายเลยผาอ่ะ


     สาบานจากใจลูกผู้ชายคนนี้นะ

     ได้เป็นแฟนแบบที่พูดเมื่อไหร่จะทำให้เขาอ้อนผมให้ได้เลยคอยดู


     คนขับมองซ้ายมองขวาก่อนจะหักเลี้ยวหนึ่งครั้งเมื่อเราเข้ามาถึงสระน้ำขนาดใหญ่ใจกลางพื้นที่ บ้านของผาตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง มีพื้นที่ของบ้านแต่ละหลังคาเรือนค่อนข้างกว้างพอควร ตั้งเรียงรายกันเป็นระเบียบแยกไปตามตรอกซอกซอยที่ออกแบบมาไว้อย่างดี มีพื้นที่ส่วนกลาง มีสนามเด็กเล่น และมีร้านค้าที่เปิดบริการอำนวยความสะดวกให้กับคนที่อาศัย


     สุดท้ายเขาก็จอดรถยังหน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้นสีขาวและมีต้นไม้ต้นใหญ่ด้านหน้า ยังไม่ทันที่เครื่องยนต์จะได้ดับลง ประตูหน้าบ้านก็เลื่อนเปิดโดยอัตโนมัติพร้อมกับมองเห็นหญิงสาววัยกลางคนเดินออกมา


     “ขอบคุณครับน้าหลิว” ผาเลื่อนกระจกลงเพื่อกล่าวขอบคุณกับอีกฝ่าย ก่อนจะเคลื่อนรถยนต์ให้เข้าจอดด้านในทันที เจ้าบ้านก้าวลงจากรถก่อน ตามด้วยผมที่ก้าวลงทีหลัง มองเห็นสองคนที่ยืนเคียงข้างกำลังมีบทสนทนากันเล็กน้อย


     “ม่านนี่น้าหลิว ส่วนน้าหลิวครับ นี่ม่าน เพื่อนผาเอง”

     “สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้อีกฝ่าย คนอายุมากกว่าตอบรับพร้อมกับยิ้มหวาน

     “เข้ามาข้างในกันก่อนสิ วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน อายุทเพิ่งออกไปแก้งานเมื่อกี้ ยังไงก็ตามสบายเลยนะ”

     “ครับ”


     เมื่อไม่รู้จะทำยังไงผมเลยเดิมตามไปห่างๆ แอบรู้สึกเก้ๆกังๆนิดหน่อยเพราะอาการประหม่าเวลาเจอผู้ใหญ่ ตอนนี้เลยเริ่มเข้าใจผาแล้วว่าทำไมเจ้าตัวถึงได้คิดมากตอนที่ผมพาเขาไปเดทที่บ้าน


     ไม่รู้ว่านี่เป็นแผนการเอาคืนผมตามฉบับผาหรือเปล่า


     ผาพาผมเข้ามาด้านในยังห้องรับแขก ส่วนหญิงสาวก็รีบหาน้ำหาท่ามาให้แม้ผมจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจไปหลายรอบ น้าและหลานหายไปนานสองนาน ก่อนที่ผาจะกลับมานั่งด้านข้างพร้อมกับจ้องมองผมที่นั่งนิ่งเมื่อไม่รู้จะทำอะไร


     “ตอนแรกว่าจะแวะมาแปบเดียว แต่น้าหลิวไม่ยอม บอกให้ทานข้าวกลางวันด้วยกันก่อนค่อยกลับ”

     “เอาสิ อยู่นานเท่าที่เธอต้องการเลยก็ได้นี่”

 

     ผาเงียบ หันกลับไปพร้อมกับยกหมอนอิงขึ้นกอดแนบอก


     “ปกติแล้วกูมาไม่นานหรอก ไม่ค่อยอยากอยู่นานเท่าไหร่”

     “...” ผมนั่งนิ่ง พอจะเดาออกว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น


     และดูเหมือนการสันนิษฐานของผมจะถูกต้องทุกอย่าง


     “กลัวว่าจะคิดถึงแม่”


     สายตาคู่นั้นกวาดมองไปรอบๆ หยุดอยู่ที่แจกันดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนมุมหนึ่งของห้อง เป็นแจกันดอกไม้ปลอมที่ดูเก่ากว่าชิ้นอื่นที่ประดับไว้


     “อันนี้บ้านเธอใช่ไหม?” ผมถาม ยังมีอีกหลายอย่างที่อยากรู้เกี่ยวกับผา

     “อืม บ้านกูเอง”

     “...”

     “ย้ายมาตอนประถม แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กจนโต พอแม่เสียน้าก็ช่วยมาดูแลกูที่อยู่คนเดียว”


     ทุกเหตุการณ์ในช่วงชีวิตผามักจะมีเรื่องราวของมารดาอยู่เสมอ เหมือนกันกับสิ่งที่มันขาดหายไปคือการเอ่ยถึงหัวหน้าครอบครัวคล้ายกับพยายามเลี่ยง


     ผาไม่เคยพูดถึงพ่อ และผมก็พอปะติดปะต่อได้ว่าคงไม่ใช่ความทรงจำที่ดีสำหรับเขาเท่าไหร่นัก จากสายตาและท่าทางเย็นชาที่ผาแสดงออก


     มันก็ทำให้ผมรู้ว่าเบื้องลึกในใจของเขายังคงมีเรื่องราวของคุณพ่อซ่อนอยู่


     “พ่อเป็นคนซื้อบ้านหลังนี้เพราะแม่ชอบ เมื่อก่อนสวนหน้าบ้านจะปลูกดอกไม้ ถ้ามึงเห็นดอกกุหลาบที่แม่ปลูกไว้มึงจะชอบบ้านหลังนี้เหมือนกันกับกูแน่ๆ” เขาเว้นช่วง “ยิ่งตอนที่แม่อยู่นะ มองไปทางไหนของบ้านก็จะมีแต่ดอกไม้ ทางขึ้นบันได ห้องรับแขก ห้องครัว เข้าบ้านมาทีไรก็มีแต่กลิ่นหอมๆ”


      ผมยังตั้งใจฟังเรื่องราวที่ไม่ค่อยได้เล่าให้ใครฟังบ่อยนักจากปากเขา


     “อยากให้มึงได้มาเห็นจริงๆ” หลังจบประโยคเขาก็หันมาทางผม ยิ้มจางแบบที่ดูอบอุ่นไม่สมกับเป็นเจ้าตัวส่งมาให้ รับรู้ความรู้สึกของเขาได้ผ่านแววตาที่อ่อนลงอย่างมาก


     “เสียดายเลย” ผมตอบรับ ส่งยิ้มกลับไปเหมือนกันในยามที่เราสบตา

     “นั่นสิ”

     “แต่ไม่เป็นไรหรอก ตัวเธอก็หอมเหมือนกัน”

     “คนละเรื่องแล้ว”

     “มาให้ดมๆหน่อย” ผมใช้นิ้วสะกิดไปยังต้นแขน เจ้าตัวเบี่ยงออกไปอีกทางคล้ายรังเกียจแต่ก็หัวเราะออกมา


     “แล้วนี่คุณน้าหายไปไหน?”

     “ออกไปตลาด ไปซื้อของมาทำกับข้าวเนี่ยแหละ”

     “อ่อ”


     ผมพยักหน้า เราสองคนเลยตัดสินใจฆ่าเวลาด้วยการที่เขาพาผมเดินเล่นรอบๆบ้าน สำรวจสวนที่ยังคงเหลือไว้แค่ดอกไม้บางชนิดที่คุณน้าเป็นคนปลูกเสียแทน


     “มาร์ช!!”


     แต่ในจังหวะหนึ่งที่เขาเหลือบเห็นคนที่เดินผ่าน ผาก็รีบตะโกนเสียงดังให้เจ้าของชื่อนั้นได้ยิน เจ้าตัวงุนงงในคราแรก ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้จนสามารถเห็นเค้าโครงหน้าได้อย่างแจ่มชัด


     “กลับมาตั้งแต่วันไหนเนี่ย?”

     “เพิ่งมาถึง แล้วนี่จะไปไหน?”

     “ซื้อขนมให้หลาน หลานมาบ้านก็โดนใช้งานหนักเลย”


     ผายิ้มเยาะให้กับคนหลังกำแพง ก่อนที่คนแปลกหน้าจะเห็นว่ามีผมยืนอยู่ด้วยกัน


     “อ่า นี่ม่าน” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดูแปลกๆ เขาเลยรีบแนะนำผมให้อีกฝ่ายได้รู้จัก ผมก้มหัวลงทักทาย อีกฝ่ายก็เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วคนทางนั้นก็หันไปทางผาอีกรอบ


     “มากับเธอหรอ?” คนชื่อมาร์ชเอ่ยถามเสียงนุ่ม สรรพนามที่พูดออกมาทำให้ผมจ้องมองตามสัญชาตญาณอย่างช่วยไม่ได้


     เธองั้นหรอ?

     ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเรียกผาแบบนั้นมาก่อน


     “มาด้วยกัน”

     “อ่อ” อีกคนพยักหน้าแล้วหันมาหาผมอีกรอบ ความรู้สึกอบอุ่นที่ส่งผ่านทำให้ผมอยากจะโทษตัวเองที่คิดร้ายกับเขาในเวลาก่อนหน้า


     คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง


     “ไม่เคยรู้จักเพื่อนเธอคนนี้เลย”


     คราวนี้ผาเงียบ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะของเราทั้งคู่


     “ไม่ใช่เพื่อน เป็นรุ่นน้อง”

     “อ่อ” ชายหนุ่มลากเสียงยาว ไม่เกินเสี้ยววินาทีที่ดวงตาคู่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นการหยอกล้อแล้วกดเสียงต่ำเพื่อย้ำคำถามที่ส่งให้ “รุ่นน้อง...หรอ?”


     ในใจผมเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คล้ายกับคราวนี้ผมกำลังเริ่มต้นการพนันครั้งใหม่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว


     และมันเป็นการพนันที่ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองจะมีโอกาสชนะได้เกิน 50% ด้วยซ้ำ


     ถึงจะคิดไปแบบนั้น แต่ผากลับทำให้ทุกอย่างตาลปัตรไปจนหมด


     “เปล่า”

     “...”

     “ไม่ใช่น้อง”


     จากการปฏิเสธคำถามของคนอายุมากกว่า และย้ำความหมายที่ชัดเจนมากพอให้คนตรงหน้าเข้าใจ ผมพอจะรับรู้ได้จากสีหน้าและแววตาของเขาที่มองผมและผาสลับกันไปมาอีกหนึ่งรอบ เจ้าตัวค่อยๆส่งยิ้มมาให้ มีแววของความขี้เล่นที่แฝงไว้ด้านในอย่างเต็มเปี่ยม


     “มองอะไร?”

     “เปล่า”

     “มึงสองคนนี่มันกวนตีนเหมือนกันชิบ”


     ผาบ่นออกมาก่อนจะผลักหัวเจ้าตัวไปหนึ่งที อีกฝ่ายหัวเราะร่า ก่อนจะถามต่ออย่างอารมณ์ดี


     “ไปหาแม่มาแล้วอ่ะดิ?”

     “อืม ไปมาแล้ว ไปหาแม่ก่อนจะมาบ้านนี่แหละ”

     “อ่า ดีแล้ว”

     “กูเจอพ่อด้วย”


     ทันทีที่ผาพูดจบรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาก็จางหายไปจนหมด เขามองผาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ความห่วงใยที่ส่งผ่านมาทางแววตาทำให้ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูเหมือนมาร์ชจะรับรู้เรื่องราวต่างๆในชีวิตของผาได้ดีกว่าผมเสียอีก


     “โอเคแน่นะ?”

     “อืม”

     “...”

     “...”

     “เธอก็รู้ว่าเธอโกหกคนอื่นได้แต่เธอโกหกเค้าไม่ได้นะผา”


     โทนเสียงทุ้มต่ำแสดงออกชัดเจนว่ากำลังดุ คนที่จนมุมทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่โดนรู้ทัน ผาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบรับด้วยคำเดิม


     “โอเคน่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจริงๆ”


     สายตาเย็นเยียบจ้องมองอยู่นานก่อนที่เจ้าบ้านจะเปลี่ยนเรื่องโดยการเชื้อเชิญแขก


     “วันนี้มาทานข้าวด้วยกันสิ น้าหลิวจะเข้าครัว ไหนๆก็เจอกันแล้ว”


     อีกคนพยักหน้ารับหลังจากตัดสินใจ “เอาดิ คิดถึงแกเหมือนกัน แต่เดี๋ยวไปซื้อขนมให้หลานก่อน”

     “รอในบ้านนะ”

     “คร้าบบ”


     เขาทั้งคู่บอกลากันอย่างเรียบง่ายก่อนที่เราจะตัดสินใจเดินเข้าบ้าน ไม่นานอีกฝ่ายก็ตามมาด้วยเสียงบ่นออดแอดตลอดทางเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนจัดยามเที่ยง ผาเข้าครัวช่วยน้าของเขา เหลือเพียงผมกับแฟนเก่าใครบางคนที่รอคอยในห้องรับแขกสองต่อสอง


     บรรยากาศระหว่างเราดูจะแปลกไปเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะเป็นการเจอกันครั้งแรกหรือเพราะสถานะความสัมพันธ์ที่มันยุ่งเหยิงของเราทั้งสามคนเลยทำให้ผมทำได้แค่เงียบ ส่วนเขาเองก็เงียบ ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ดูเป็นธรรมชาติและคุ้นเคยกับทุกๆอย่างรอบตัวเป็นอย่างดี


     เราคุยกันบ้างเล็กน้อยเพื่อไม่ได้ดูเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป เขาถามมา ผมตอบรับ ผมถามกลับ เขาก็ตอบสั้นๆเหมือนกันคล้ายกับไม่รู้ว่าต้องไปต่อที่ตรงไหน โชคดีที่ผาเข้ามาทำลายความอึดอัดที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยเลยทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี


     มื้อเที่ยงที่แสนเอร็ดอร่อยหมดเกลี้ยงลงในพริบตา คนทั้งสามที่ดูสนิทสนมกันเป็นอย่างมากพูดคุยอย่างออกรส คงเพราะคุณน้าของผาเองที่ชวนผมคุยเหมือนกันเลยทำให้ไม่รู้สึกว่าเป็นคนนอกในการสนทนาครั้งนี้ หลายครั้งที่ผมแอบมองไปยังสองคนที่นั่งตรงหน้า รับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์ที่มันพิเศษแม้จะไม่ได้อธิบายออกมาให้เข้าใจ


     เป็นความสัมพันธ์ที่ผาเคยบอกผมไว้

     ว่าเมื่อไหร่ที่เขาย้อนไป เจ้าตัวจะมีรอยยิ้มให้กับมันเสมอ


     ถ้าจะให้พูดว่าผมไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นเพราะผมคาดหวัง และคนที่คาดหวังก็คงไม่อยากจะผิดหวังเป็นแน่ ผมเป็นแบบนั้น เพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นมันก็ส่งผลต่อความรู้สึกผมเป็นอย่างมาก ผมไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ความรู้สึกที่บอกว่าผมยังเป็นที่สองรองจากมาร์ชมันยังกวนใจผมอยู่ตลอด จนกว่าเราจะนั่งบนรถ คงเพราะอาการของผมเองที่เงียบมาสักพักเลยทำให้ผาหันมาถามด้วยความสงสัย


     “เป็นอะไรรึเปล่า?”


     ผมทวนคำถามเขาในใจซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้ว่าต้องตอบไปแบบไหนถึงจะทำให้มันไม่แย่ลงกว่าเดิม


     ถ้าตอบว่าเป็นแล้วบอกเหตุผล...เขาจะยอมง้อไหม?


     แล้วผมสำคัญมากพอที่เขาจะให้เขาง้อหรือเปล่า?


     “วันนี้มึงได้เจอหลายคนเลยนะ” ผาไม่เซ้าซี้ นิสัยเขาอีกเหมือนเคยเมื่อผมเอาแต่เงียบ “ทั้งแม่ ทั้งพ่อ มาร์ช แล้วก็น้า”


     รถยนต์เคลื่อนตัวออกช้าๆ สายตาเขายังจดจ้องไปนอกกระจก


     “รู้สึกยังไงบ้างล่ะ ชีวิตกูเป็นแบบที่มึงคิดไหม?”


     ผมมองออกไปอย่างไม่มีจุดหมายเช่นกัน อาจเพราะอะไรหลายอย่างที่เริ่มตีกันอย่างหนักในหัว


     “บอกไปแล้วใช่ไหมว่ามึงคนแรกที่กูพามาที่นี่” เขาเว้นช่วง “ไม่เคยมีใครที่กูยอมขนาดนี้นะ...ไม่มีจริงๆ”


     แต่สุดท้ายแล้วผมก็แพ้ให้กับเขาอีกจนได้ จากคำพูดของผาที่ย้ำชัดให้ผมเข้าใจ


     ว่าที่จริงแล้วเขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังตั้งใจเรียนรู้ผมไปพร้อมกัน


     “เลิกคิดได้แล้วว่ากูไม่จริงจัง กูก็จริงจังเหมือนกัน แต่กูไม่เก่งในความสัมพันธ์พวกนี้ ถ้ามีอะไรที่กูพลาดไปก็ขอโทษด้วยจริงๆ”

     “...”

     “...บางทีกูไม่รู้ว่าตัวเองพลาดตรงไหน พอมารู้อีกทีก็ตอนที่ทำให้มึงเสียใจไปแล้ว ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้นก็รู้ไว้ด้วยว่าไม่ได้ชอบ”

     “...”

     “...ชอบเห็นมึงยิ้มมากกว่า...”


     มือเล็กส่งมายีที่ศีรษะจนเส้นผมของผมยุ่งเหยิง เขาไม่ได้ส่งยิ้มให้ แต่ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจจนทิ้งความคิดบ้าๆพวกนั้นออก ไม่รู้เพราะผมเอาแต่เงียบหรือเพราะเขาอยากจะบอก ประโยคต่อไปเลยทำให้รอยยิ้มของผมปรากฏอย่างง่ายดาย


     และทำให้ผมมั่นใจว่าตัวเองยังยืนอยู่ในใจเขาลำดับแรกดังเดิม


     “แล้วก็ที่เคยถามไว้...จะตอบให้ก็ได้”


     ด้วยประโยคสุดท้ายก่อนที่มือเล็กจะคว้ามือผมไว้ บังคับให้จับมือเจ้าตัวไม่ห่างไปไหนเหมือนเคย


     “ที่จริงกูมีคำตอบนานแล้วนะ ถ้าถามว่าใครหล่อกว่าน่ะ...”

     “...”

     “แต่กลัวว่าพูดไปเดี๋ยวจะทำให้เด็กแถวนี้ได้ใจซะเปล่าๆ”



     ผมยกยิ้ม อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะ


     แต่ว่ามองไปมองมา...ผมก็หล่อกว่าพี่มาร์ชแบบที่ผาว่าจริงๆนั่นแหละ


      ไม่เถียงเลย
     :’)










#ผาเพียงฟ้า

Talk2
มีเด็กได้ใจใหญ่แล้วค่ะพี่ผา


24/11/19
before30october


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด