ผ า เ พี ย ง ฟ้ า
7
I'm not lying
น้ำในอ่างถูกวักขึ้นล้างหน้าอย่างแรงเพื่อเรียกสติ ผมมองคนในกระจกอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นยังมีแววตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์คงค้างของฤทธิ์แอลกอฮอลล์ อารมณ์ของผมกำลังขึ้นลงอย่างไม่มีจุดหมาย
บางครั้งมันลอยสูงจนถึงปุยเมฆ แต่บางคราวมันก็ดำดิ่งลงสู่หุบเหวของความปรารถนา
น้ำเย็นถูกรินลงในแก้วใสจนปริ่ม อันที่จริงผมลังเลระหว่างมันและกระป๋องเบียร์ที่ยังแช่อยู่ แต่เพราะไม่อยากเติมความรู้สึกต้องการให้มันมากกว่าเก่า ผมเลยดับกองไฟที่กำลังมอดไหม้นั้นเสีย
ก่อนที่มันจะลุกลามไปยังบริเวณอื่น
หลังจากผมดื่มน้ำจนหมด สองมือก็เท้าลงไปกับเค้าน์เตอร์อีกรอบเพื่อครุ่นคิดไปถึงหลายอย่างที่เพิ่งเกิด
ผมเมา
และผมต้องการมีเซ็กส์กับผู้หญิงสักคนในร้านเหล้าที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน มันเป็นความรู้สึกพื้นฐานของผู้ชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นด้วยความเลือดร้อน อะดรีนาลีนพรั่งพรูตามฮอร์โมนในตัว
แต่แล้วใบหน้าของใครบางคนก็ฉายชัดเข้าแทนที่ ความรู้สึกผิดถาโถมผมอีกครั้ง เพราะใบหน้าม่านที่กำลังเสียใจล่ะมั้งเลยทำให้รู้สึกแบบนี้ มันไม่ยอมพูดอะไร ฉาบเอาไว้ด้วยรอยยิ้มแม้จะผิดหวังก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างเรากำลังผิดปกติ
และผมเดาถูก
ม่านก็แค่ไม่อยากเข้ามายุ่งกับเส้นที่ขีดไว้เพราะกลัวว่าผมจะผลักมันออกอีกรอบ ผมเข้าใจดี ความกลัวของการแอบชอบมันไม่ใช่เรื่องเล็กในโลกของคนที่หวัง
ผมให้มันมาส่งที่หอ ถ้านับตั้งแต่คุยกันมานี่ก็คงเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมยอมเอ่ยปากขอ เจ้าตัวยังคงทำเช่นเดิม แต่ผมก็เห็นสิ่งที่ต่างไปจากความอึดอัดที่มันลดลงเรื่อยๆยามที่ได้นั่งข้างคนขับ
ม่านบอกลาอย่างอ้อยอิ่งอีกครั้งในตอนที่มาถึง ก็แบบฉบับมันนั่นแหละ อยากอยู่ด้วยกันนานๆ อยากให้ผมอยู่เคียงข้างมันแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ
แต่ไม่มีใครสามารถหยุดเวลาเอาไว้ได้แม้แต่พระเจ้า
เราเลยต้องลาจากพร้อมกับรอยยิ้มของอีกฝ่ายคล้ายต้องการจะบอกว่าฝันดี
ระเบียงห้องถูกเลื่อนออก สายลมพัดผ่านแทรกเข้ามาจนเส้นผมปลิวไปตามแรง ผมนั่งลงยังที่เดิมที่มักจะนั่งประจำ ดึงบุหรี่หนึ่งมวนออกจากซองสีเขียวที่อยู่ด้านหลัง จุดไฟแช็กตรงก้านแล้วสูบมันเข้าปอด
Pha : นอนยัง? ผมชั่งใจกดส่งอยู่นานหลังจากลบแล้วพิมพ์ข้อความนั้นหลายรอบ ไม่ได้คาดหวังให้อีกฝ่ายตอบ เลยตัดสินใจกดปิดหน้าจอแล้วพ่นควันขาวขึ้นสูง
ถ้าเขาส่งกลับมา นั่นหมายความว่าผมจะไม่เหงา
แต่ถ้าเขาไม่ตอบ ผมก็แค่ผ่านค่ำคืนนี้ไปอย่างยากลำบากนิดหน่อย
ก็ม่านมันบอกแล้วว่าทักได้ ก็ลองทักไปไม่น่าจะมีอะไรเสียหายล่ะมั้ง
นอนแล้ว : AMAN
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นก่อนพร้อมกับการสั่นของเครื่องสี่เหลี่ยม จากนั้นข้อความก็ปรากฏเด่นชัดบนหน้าจอ
Pha : กวนตีน 555555555555 : AMAN
อีกคนหยอกล้อ ก่อนจะรัวเลขห้าส่งมาตามเดิม
sent a photo : AMAN
กินป่าว? : AMAN
รูปแฮมเบอร์เกอร์พร้อมกับเครื่องเคียงหลายอย่างเด้งขึ้นมาให้เห็น เขามองเฟรนช์ฟรายและโค้กแก้วใหญ่ที่เป็นของโปรด ถ้าไม่ใช่เวลาแบบนี้ผมคงดั้นด้นไปหามันมาจนได้
Pha : sent a photo
Pha : ดูดอยู่สองสามตัวพอนะครับ : AMAN
โอเคนะ? : AMAN
คราวนี้มันห้าม ไม่บ่อยนักเหมือนกันที่จะไม่ตามใจ
แถมทำแบบนี้ก็เป็นนิสัยที่ผมชอบเสียด้วย
Pha : โอเคครับ แจ้งเตือนที่บ่งบอกว่าคู่สนทนากดอ่านขึ้นทันทีที่ส่งกลับ คราวนี้ม่านเงียบไปนาน นานพอจนผมจุดบุหรี่มวนที่สองเขาก็ยังไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา
Pha : หาย ผมทักท้วง คงเพราะต้องการคนคุยด้วยล่ะมั้ง
เธอนะ : AMAN
เขาส่งมาหนึ่งประโยคแล้วเงียบไปอีก แถมเป็นประโยคที่มีใจความงุนงงทำเอาผมต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน
ต้องการอะไรของเขา?
เธอน่ะนะ : AMAN
น่ารักชิบหายเลยว่ะ : AMAN
ถึงแม้จะมีคำไม่สุภาพแฝงมา แต่ใจผมก็ยังเต้นรัวกับข้อความเหล่านั้นโดยห้ามไว้ไม่ได้
โดนมันชมเป็นร้อยครั้ง
หยอดด้วยคำหวานอีกร้อยหน
แต่ครั้งที่ร้อยหนึ่งทำไมมันเขินจนต้องรีบปิดหน้าจอหนีแบบนี้
ทำไมต่อหน้าไม่พูดเพราะแบบนี้บ้างล่ะ? : AMAN
น่ารักจะตาย : AMAN
ผมปล่อยให้ข้อความเด้งขึ้นโดยไม่กดดู จนกว่าจะผ่อนปรนให้จังหวะบนอกซ้ายกลับมาเป็นปกติ จึงคว้าเครื่องสีดำขึ้นรัวแป้นพิมพ์อีกครั้ง
Pha : กูเป็นผู้ชาย
Pha : กูน่ารักไม่ได้เค้าหมายถึงนิสัย : AMAN
ไม่ได้หมายถึงหน้าตา : AMAN
เสียงรถเคลื่อนผ่าน แสงไฟสว่างวาบไปตามการเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว
ทำไมคนคนนึงจะน่ารักไม่ได้แค่เป็นเพศชายอ่ะ : AMAN
น่ารักคือน่ารัก จะเป็นเพศไหนก็น่ารักได้ทั้งนั้นแหละ : AMAN
Pha : สรุปคือจะชมกูงั้นดิ?อืม : AMAN
ชมเธอ : AMAN
Pha : ปากหวานสัสแล้วชอบมั้ยล่ะ? : AMAN
คราวนี้ม่านหยั่งเชิงบ้าง เจ้าตัวคงได้ใจไม่น้อยเมื่อเรากำลังเพลิดเพลินกับการโต้ตอบ
Pha : ไม่รู้
Pha : ยังไม่ได้ลอง ผมลองหยอด รอยยิ้มเลยปรากฏบนใบหน้า เพราะคราวนี้ผมรู้ทันทีว่าม่านมันคงจะช็อกแน่ๆ ผมเองก็ไม่อยากเล่นกับใจอีกฝ่ายมากนักกลัวว่าจะเป็นการให้ความหวังมากไป แต่สถานการณ์แบบนี้ม่านมันคงรู้ได้ว่าผมตั้งใจกวน
อย่าไปพูดแบบนี้กับใครได้มั้ยอ่ะผา : AMAN
ถือว่าขอ : AMAN
Pha : จะพยายามง่า : AMAN
555555555 : AMAN
Pha : อันที่จริงกูก็ไม่ได้คุยกับใครอยู่แล้ว
Pha : ทุกวันนี้มีแต่มึง เมื่อลองอ่านประโยคของตัวเองอีกทีใบหน้าผมก็ร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมไม่ตั้งใจจะให้มันสื่อความหมายไปในทางแบบนั้น ที่ผมต้องการจะบอกคือมีแค่มันที่วอแวตัวเองได้ทุกวันต่างหาก
แต่ไม่รู้ว่าม่านจะเข้าใจไปทางไหน
แม่ง
ไปกันใหญ่เลยทีนี้
ทำไมวันนี้อ้อนจังเลย : AMAN
หรือว่าเมา? : AMAN
Pha : อืม
Pha : เมา
Pha : 55555แล้วเค้าช่วยอะไรเธอได้บ้างมั้ยเนี่ย? : AMAN
Pha : ก็ช่วยไปแล้ว บุหรี่มวนที่สามของผมกำลังจะหมดก้าน และตามคำสัญญาที่ให้ใครสักคนไว้ตั้งแต่ต้น มันเลยเป็นมวนสุดท้ายที่ผมจะสูบแล้วกลับเข้าไปในห้อง
อืม : AMAN
โอเค555555555 : AMAN
คราวนี้ผมไม่ได้รู้สึกถึงความกังวลเมื่อเราพูดถึงเหตุการณ์ที่ผมเมาแล้วจะไปกับคนอื่น ม่านรัวเลขห้าส่งมาอีก ดูเหมือนมันอารมณ์ดียิ่งกว่าตอนไหนที่ได้เจอ
ผา : AMAN
Pha : ว่า?เค้าไม่ได้รีบนะ : AMAN
จริงๆ : AMAN
อีกฝ่ายบอกแบบนั้น และคำขอร้องต่างๆก็ถูกส่งมาเพิ่มเติม
ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปแบบนี้เค้าก็พอใจแล้ว : AMAN
ขอแค่เธออย่าเพิ่งรีบตัดสินเค้าก็พอ : AMAN
เค้ายังมีอะไรหลายอย่างที่อยากจะให้และอยากจะทำกับเธอ : AMAN
ค่อยๆ ให้เวลาพามันไปนะ : AMAN
แบบนี้ : AMAN
ได้รึเปล่า? : AMAN
โทรศัพท์สั่นรัวเมื่อมีข้อความส่งมาเรื่อยๆ คราวนี้โปรแกรมแชทดูหนักไปทางซ้าย จากข้อความของเขาพร้อมกับความในใจมากมายที่ต้องการจะบอก
อันที่จริงผมรู้ดีอยู่แล้วแหละโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยถึง ผมมองการกระทำมากกว่าคำพูด
และบังเอิญว่าม่านก็เป็นคนแบบนั้น
Pha : อืม ผมลุกขึ้น ปัดเศษฝุ่นบนกางเกงแล้วกลับเข้าไปในห้องนอน หยิบผ้าขนหนูสีขาวออกมาก่อน ตามด้วยชุดที่ต้องการจะสวมใส่หลังจากนี้
Pha : กูจะไปอาบน้ำแล้ว เมื่อไม่อยากเสียมารยาท การบอกลาจึงเกิดขึ้นในทันทีเพราะไม่อยากปล่อยให้มีใครรอถ้าจะไม่ตอบกลับ ผมค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น พร้อมกับก้มลงมองหน้าจอเมื่อม่านตอบรับแทบจะทันที
ต้องบอกฝันดีกันแล้วอ่ะดิ : AMAN
Pha : คงงั้นขอบคุณที่ทักมานะ : AMAN
Pha : ขอบคุณทำไมไม่รู้ : AMAN
555555555 : AMAN
แค่อยากขอบคุณอ่ะ : AMAN
Pha : เพ้อเจ้อ5555555555 : AMAN
เลข 5 ปรากฏบนหน้าจอเสียยืดยาว หยิบกองผ้าที่ตกลงบนพื้นใส่ตะกร้า แล้วหันกลับมาหาโทรศัพท์อีกรอบ
ดูเหมือนวันนี้ผมจะวุ่นกับมันมากกว่าปกติเสียจริง
เอาเป็นว่า ฝันดีครับ : AMAN
Pha : อืมไม่ใช่ : AMAN
Pha : อะไร?เธอต้องบอกว่าฝันดีเหมือนกัน : AMAN
Pha : ฝันเอานะอ่าว5555555555555555555 : AMAN
มันคงรู้ความหมายของประโยคผมดี ไม่ใช่การบอกฝันดีแบบที่คิด แต่เป็นการบ่นรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีคำหยาบใส่ลงไป
Pha : ไปนอนอืม^^ : AMAN
ฝันดีอีกรอบ : AMAN
เมื่อหน้าจอดับสนิทลงแล้ว ผมก็เตรียมตัวจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่เสียงเตือนของมันก็ดังขึ้นจนผมต้องถอนหายใจออกมา ม่านมันก็จนได้ รั้งผมเอาไว้ทำไมก็ไม่รู้
ผา : AMAN
Pha : อะไรอีก
Pha : กูไม่ได้อาบน้ำเพราะมึงเนี่ย ความหยาบคายกำลังเพิ่มระดับ เพราะผมเริ่มจะหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ทำดั่งใจ
Pha : เร็ว ผมเร่ง อันที่จริงก็ผ่านไปแค่ไม่กี่วิ
ถ้าพรุ่งนี้เค้าชวนเธอไปกินข้าว : AMAN
เธอจะไปไหม? : AMAN
คำขอร้องของอีกฝ่ายทำเอาผมต้องชะงักค้าง กำเครื่องสีดำอยู่นานก่อนจะใช้สมองประมวลผล
โอเค : AMAN
ไม่เป็นไร4555555 : AMAN
ไปอาบน้ำเหอะ : AMAN
เพราะรู้แหละมั้งว่าจะโดนปฏิเสธ ม่านมันเลยหัวเราะกลบเกลื่อนแบบที่ทำมาเสมอ
เมื่อเป็นดังนั้น ผมเลยลองเลือกทางที่ต่างออกไป
Pha : กี่โมง? ใจผมเต้นรัว คงไม่ต่างจากใจอีกคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตอนนี้
เย็น : AMAN
คนอายุน้อยกว่าตอบสั้นๆ ดูไม่เป็นธรรมชาติสำหรับคนพูดมากอย่างมันเท่าไหร่
และต่อจากนั้น ผมก็ตอบกลับพร้อมกับคำอุทานที่ส่งให้จนต้องหัวเราะออกมา
Pha : อืมเชี่ย : AMAN
Pha : ไปดิ เป็นการตอบตกลงที่เหมือนตัวเองโดนด่ายังไงก็ไม่รู้
#ผาเพียงฟ้า
เขาไม่คิดว่าการชวนครั้งนั้นจะได้ผล แค่ขอออกไปเล่นๆ แต่บังเอิญว่าคำตอบคือการตกลงของอีกฝ่าย
ผาดูอารมณ์ดีกว่าปกติที่เราได้คุย เจ้าตัวหยอกล้ออยู่ตลอดในตอนที่ตอบกลับมา ปกติแล้วจะนิ่งเสียมากกว่า คงเพราะไม่อยากให้ความหวังเขามากเกินไป
อย่างที่บอกไป เขาพอใจกับความสัมพันธ์ของเราทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนิสัยของอีกฝ่าย การที่โดนกักกันเอาไว้ไม่ให้ก้าวเข้าไปใกล้กว่านั้น รวมทั้งการที่บางครั้งไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ กลับมา
เขาปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา
สักวันเขาหวังว่าผาจะมองเห็นความพยายามที่ผ่านมาของตัวเอง
“ม่าน”
“ว่า?”
เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้น หันไปมองก็พบเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างกันกำลังกระดกกระป๋องน้ำอัดลมเพื่อดื่ม
“มีแข่งก่อนรับน้อง อย่าลืมล่ะ”
อีกฝ่ายเอ่ยเตือนถึงแมทช์สำคัญที่ใกล้เข้ามาถึง เป็นงานกีฬาระหว่างคณะที่จัดขึ้นโดนมหาวิทยาลัย มีการแข่งขันที่เปิดให้นักศึกษาเข้าร่วมอยู่หลายประเภท ทั้งฟุตบอล บาสเกตบอล ว่ายน้ำ ฟันดาบ รวมถึงเทควันโด
และมีหนึ่งในนั้นที่เขาต้องลงแข่งเพื่อเป็นตัวแทนของคณะในครั้งนี้
“พี่เต็มนัดซ้อมยังวะ?”
ไอ้แทนพยักหน้า ก่อนบอกรายละเอียดตามมาทีหลัง “ตารางในกลุ่มไลน์ เมื่อกี้กูดูคร่าวๆ จำไม่ได้แล้วว่าวันไหนบ้าง”
“เค”
มันเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เมื่อเขารู้สึกว่างมากเกินไปจึงหยิบบุหรี่ขึ้นสูบ
“ว้าวว”
“อะไร?”
เพื่อนสนิทร้องทัก พยักหน้าสองสามครั้งคล้ายกำลังกวนตีน
“ไหนบอกว่าลดอยู่ไง”
“เออ กูลดอยู่”
“แต่มึงก็ดูด”
“อยากคลายเครียดบ้างว่ะ”
“ไปเครียดอะไรมา”
“เปล่า” เขาเว้นช่วง “จะไปกินข้าวกับผา แต่กูตื่นเต้นนิดหน่อย”
คราวนี้มันอ้าปากค้าง เพราะรู้ดีอยู่แล้วล่ะมั้งว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ
“ทานข้าว?”
“ใช่ ทานข้าว”
“มึงชวน?”
“ผาคงชวนกูมั้ง”
เสียงหัวเราะดังก่อนที่มือมันจะตบเข้าที่หลังเสียแรง เขายกมือขึ้นเสยผม จรดก้านข้าวไว้บนริมฝีปาก
“กูก็ไม่คิดว่าพี่ผาจะชวนมึงหรอก”
คราวนี้เขาหัวเราะบ้าง ก็จริงของมัน ถ้าผาทำแบบนั้นเขาก็คงต้องฉุกคิดว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย
“ทำไมรอบนี้เขาถึงยอม?”
“ไม่รู้เหมือนกัน” ร่างสูงส่ายหน้าเป็นคำตอบ พ่นควันออกจากปากแล้วพูดต่อ “คงเรื่องคืนก่อนละมั้ง”
“ที่มึงบอกว่าเขาจะไปกับผู้หญิง?”
“อืม”
เรื่องที่เกิดขึ้นถูกส่งผ่านไปให้เพื่อนสนิทได้รับรู้ ต้องบอกว่าคืนนั้นมันเห็นเหตุการณ์ก่อนแล้วบอกเขาต่างหาก ไม่งั้นเขาก็คงตามไม่ทันเหมือนกันในจังหวะที่ละสายตา
“กูว่ามึงคงรู้อยู่แก่ใจแหละ”
คราวนี้เขาหัวเราะในลำคอ เป็นฝ่ายมองทอดออกไปยังภาพวิวบ้างเพราะไม่อยากสบตากับเจ้าตัว
“ทำไมจะไม่รู้วะ”
“...”
“ว่าผาไม่ได้คิดอะไรกับกูเลย”
“อืม”
“...”
“ถ้าเขาคิด เขาคงไม่เดินตามคนอื่นแบบนั้น”
ม่านนั่งเงียบ บดก้านบุหรี่ด้วยรองเท้าผ้าใบแล้วหยิบหมากฝรั่งขึ้นเคี้ยว
“ก็ต้องลองดู”
คนด้านข้างกระดกน้ำจนหมดกระป๋อง ก่อนจะยิงคำถามที่ส่งตรงลงมายังกลางใจ
“มึงเคยคิดจะเลิกชอบเขามั้ย?”
เขาหันไปสบตา ยักคิ้วแล้วเท้าแขนไปด้านหลัง
“ชอบขนาดนี้เลิกได้ด้วยหรอ?”
“ก็จริง”
#ผาเพียงฟ้า
หัวมุมคือจุดนัดพบของเราทั้งสองในตอนพลบค่ำ ผมยืนอยู่ไม่นาน ม่านก็ตามเข้ามาสมทบ
อีกฝ่ายอยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ สวมใส่เครื่องประดับแบบที่มักจะเห็นเป็นประจำ เส้นผมตกลู่ไม่ได้เซตเป็นทรงมากนักแต่มันก็ขับให้เจ้าตัวดูดีไม่น้อย
“...คือ...เธออยากกินอะไร?”
ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตา ความสูงของเราไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่แต่ก็ต้องเงยมองอยู่ดี
“ไม่รู้เหมือนกัน”
อีกคนยกมือเกาหัว ก้มหน้าลงเม้มปากต้องการเก็บรอยยิ้ม ฉะนั้นผมเลยต้องหันหน้าไปอีกทางเพราะอาการเขินของม่านจะทำให้หวั่นไหวไปมากกว่าเก่า
“แล้วมึงล่ะ?”
“ตามใจเธอเลย”
คิ้วผมขมวดเข้าหากันเป็นปม แบบนี้เราต้องมีการเจรจากันเรื่องเมนูอาหารกันแน่ๆ
“มีร้านข้าวหมูกรอบตรงนั้นอร่อย” นิ้วเรียวยาวชี้ผ่านหน้าผมไปทางด้านขวา “แต่ช่วงเย็นคนจะเยอะหน่อยนะ”
“อืม”
“...”
“มึงอยากกินหรอ?” ผมถามย้ำ ม่านเบิกตากว้างก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“โดนรู้ทันซะละ”
“งั้นก็ไปดิ”
คนข้างกายหยุดชะงัก นั่นทำให้ผมต้องหยุดตามเมื่อไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร แต่แล้วม่านก็ผายมือให้เดินไปก่อน ไม่ยอมเอ่ยบอกว่าคิดอะไรในใจผมเลยไม่เซ้าซี้ต่อ
รอคิวอยู่ไม่นานเราก็เข้ามานั่งในร้าน เป็นโต๊ะไม้พอดีต่อที่นั่งสองที่ มีเมนูอาหารวางไว้พร้อมเครื่องเคียงและเครื่องปรุงรสตามร้านอาหารทั่วไปตั้งอยู่ เราสั่งเมนูข้าวคนละจาน เป็นอาหารที่ม่านแนะนำ ก่อนจะตกลงกันว่ามีอาหารอีกสองสามอย่างเพิ่มเติม
คนที่ร้านแน่นขนัดแบบที่อีกคนบอกไปตั้งแต่ตอนต้น โชคดีที่โต๊ะเราเป็นโต๊ะริมผนังด้านในสุด เลยทำให้ที่ตรงนี้ไม่ตกเป็นเป้าสายตา
“ไม่เคยมากินร้านนี้ล่ะสิ?” ม่านมีคำถามหลังจากไปตักน้ำแข็งมาให้ ยื่นแก้วของผมมาวางไว้ตรงหน้า
“ไม่เคย” ผมส่ายหัวปฏิเสธ เป็นฝ่ายรินน้ำให้คนอายุน้อยกว่าเสียแทน “ก็เห็นคิวมันเยอะเนี่ยแหละ เพื่อนเลยไม่ค่อยมากัน”
“อ่า..ขอโทษทีนะ ให้เธอต้องมารอเลย” คำขอโทษมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่ถึงอย่างนั้นก็พอจะรู้ว่าม่านมันรู้สึกผิดจริงๆ
“ไม่เห็นจะเป็นไร”
อาหารจานใหม่ถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เพราะความหิวโหยเราเลยซัดมันจนหมดโดยไม่ได้พูดคุยอะไรมาก ถึงแม้จะเงียบกันทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ดูอึดอัดมากไปกับการทานข้าวด้วยกันครั้งแรก
คนตรงหน้าทานอย่างเอร็ดอร่อยตามประสาวัยกำลังโต ดูเหมือนเขาจะทานเยอะกว่าผมเสียด้วยซ้ำ จนเวลาไม่นานทุกอย่างบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง
ม่านเป็นฝ่ายอาสาจ่ายเงินให้ ผมไม่ได้ปฏิเสธแม้อยากจะทำแบบนั้นก็ตาม จะถือว่ามันเป็นครั้งแรกแล้วกัน ครั้งอื่นผมค่อยว่ากันอีกที
“เดี๋ยว” มือใหญ่รั้งผมไว้ยังข้อมือ ออกแรงเล็กน้อยให้เดินเข้าไปยังร้านข้างทางที่เราผ่าน
เป็นร้านไอศครีมหน้าตาน่ารักและตกแต่งด้วยสีสันอ่อนหวานสะดุดตา
“ทานวานิลาได้มั้ย?” ม่านหันมาถาม ผมเลยพยักหน้าตอบ “โอเค...งั้นเอาวานิลาสองถ้วยครับ”
ถ้วยไอศครีมถูกยื่นมาให้ทันควัน จากนั้นเราก็เริ่มต้นเดินเคียงข้างไปตามทางเพื่อกลับไปพักผ่อน
“เดี๋ยวเค้าเดินไปส่งที่รถ” อีกฝ่ายเอ่ยบอก ตักของหวานเข้าปากไปพลาง
“อร่อยมั้ย?”
“อืม”
“...”
“ก็อร่อยดี”
ผมละเลียดลิ้นเข้ากับช้อนใบเล็ก ต้องเปลี่ยนคำตอบจากตอนแรกเป็นอร่อยมากเสียแล้วล่ะมั้ง เพราะว่าดูเหมือนผมจะเริ่มชอบมันอย่างจังเข้าแล้ว
“แล้วข้าวหมูกรอบล่ะ”
“...”
“ว่าไง” คนตัวสูงเซ้าซี้ ได้รับการมองค้อนเมื่อพูดมากเกินความจำเป็น
“เออ”
“น่ะ”
“ก็อร่อยเหมือนกันไง”
เจ้าตัวยิ้มกว้าง ใช้มือข้างหนึ่งเสยผมไปด้านหลังก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
“ค่อยโล่งหน่อย”
“...”
“กลัวว่าเธอจะไม่ชอบซะแล้ว”
เขาบ่นกับตัวเองเสียงดัง ชะลอฝีเท้าให้ก้าวช้าลงจนเป็นจังหวะที่พอดี
ผู้คนที่เดินผ่านเริ่มบางตาลง จนเริ่มเข้าสู่ทางที่ไม่ค่อยมีใครสัญจรมากนัก ท้องฟ้ามืดมิดไร้หมู่ดาวคอยเคียงคู่ให้แสงสว่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สลักสำคัญอะไรกับผมนักถ้าเทียบกับคนที่เดินด้านข้างในตอนนี้
สายลมเย็นพัดผ่านจนเส้นผมตกลงปรกตา ม่านค่อยๆใช้มือของเขาปัดมันออกช้าๆ ก่อนจะเดินต่อ
ไม่มีการขออนุญาต มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่ยังคงอยู่
“แค่ได้ไปทานข้าวด้วยกันแต่ทำไมเค้ามีความสุขจังวะ” อีกคนพร่ำบอกอีกครั้ง “เป็นบ้าแล้วมั้งเนี่ย”
เสียงหัวเราะแว่วผ่าน เท้าทั้งสองข้างนำพาเจ้านายให้ก้าวเป็นจังหวะตรงกันโดยบังเอิญ
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป ใช้ความเงียบปกปิดความรู้สึกที่มีของตัวเองจนหมด
แต่ถ้าให้พูด ผมก็อยากจะบอกเขาว่าผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน
เป็นความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นของวัน
โดยที่มีม่านเป็นหนึ่งในนั้น ที่ทำให้มันพิเศษ
ไม่ต้องหวือหวา ไม่ต้องพยายามทำอะไร
แค่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป...แบบที่มันควรจะเป็น
“หืม?”
ผมเงยมองเขาอีกครั้ง เมื่อเราเดินมาถึงปลายทางแต่ม่านก็ยังไม่ยอมขยับไปไหน
มือใหญ่เลื่อนเข้าใกล้ แต่ก็ชะงักค้างเพราะกลัวว่าจะโดนตอกกลับ ผมยังเงียบ ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจจนนิ้วเรียวข้างนั้นสัมผัสเข้าที่ข้างแก้ม
นิ้วโป้งลูบไล้มันเชื่องช้า โอนอ่อนกว่าสัมผัสของปุยนุ่น
“ที่บอกไปก็ไม่ได้โกหกหรอกนะ” ม่านย้ำ
“ว่าการมีเธอน่ะ ทำให้เค้ามีความสุขมากจริงๆ”#ผาเพียงฟ้า
เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เราแต่งแล้วมีความสุขที่สุดตั้งแต่เคยแต่งนิยายมาแล้วก็ว่าได้
ไม่รู้ทำไม เวลาแต่งแล้วจะอบอวลไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ
หม่นๆ สีเทาๆ แต่ก็แอบอมยิ้มไปกับทุกการกระทำของเขาสองคน
มีคนถามเข้ามาว่าเรื่องนี้ผาม่านหรือม่านผา
เราจะบอกว่าเรื่องนี้ม่านผานะคะ ไม่สลับโพแน่นอน แงแอ5555
เรารักน้องม่าน ไอ้หน้าหมาของเรา <3
ปล.สำหรับใครที่ยังรอ ก็ขอบคุณมากเลยนะคะ
ไม่ได้มาบ่อย แต่ก็คิดถึงทุกครั้งที่หายไปเลย
4/9/19
before30october