ตอนที่ 8
ชีวิตใหม่
แสนดีมองไปยังรั้วบ้านที่เปิดได้เองแบบอัตโนมัติด้วยความตื่นตาตื่นใจ ภายในรั้วบ้านมีสนามหญ้ากว้างปลูกต้นไม้สวยๆ เยอะแยะจนแสนดีอดร้องว้าวออกมาไม่ได้ ไอ้ด่างที่นั่งอยู่เบาะหลังส่งเสียงเห่าจนแสนดีต้องจุ๊ปากดุ มีผู้หญิงวัยกลางคนยืนยิ้มอยู่หน้าบ้านท่าทางใจดีชะเง้อมองตั้งแต่รั้วเปิด
“ป้าฤดี คนเก่าคนแก่ของบ้าน” ทรงโปรดเอ่ยบอกกับเด็กลูกครึ่งที่มองอย่างสนใจ เด็กน้อยเก็บข้อมูลใส่หัวในทันที
“บ้านตรงกลางของคุณแม่ ทางซ้ายของพี่เปรมทางขวาที่กำลังสร้างของพี่ป่าน” ทรงโปรดชี้ให้ดูบ้านสองหลังที่ขนาบข้างอยู่ในส่วนเดียวกันให้กับแสนดีดู เมื่อรถเข้ามาจอดสนิทป้าฤดีที่รออยู่แล้วก็รีบเดินตรงเข้ามาหา ทรงโปรดเปิดประตูรถลงไปอ้าแขนรับร่างท้วมของหญิงชราไว้เต็มอ้อมแขน
“คุณโปรดทำไมมาช้านักล่ะคะ ป้านึกว่าจะถึงเร็วกว่านี้ แล้วนี่ทานข้าวทานปลามาแล้วหรือยังคะ” หล่อนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงมือเหี่ยวย่นตามกาลเวลานั้นก็ลูบแขนคุณคนเล็กของบ้านอย่างรักใคร่
“ซูบไปเยอะเลย”
“มาช้าเพราะต้องแวะให้เจ้าด่างมันเข้าห้องน้ำตลอดทางน่ะครับ แสนดีก็ไม่เคยนั่งรถไกลๆ กินอะไรรองท้องมาบ้างแล้วแต่ไม่ได้กินเยอะกลัวเด็กจะอ้วกเสียก่อน”
“ไปเอาน้องลงมาเถอะค่ะ สงสัยจะกลัวป้านั่งนิ่งเลยทั้งคนทั้งหมา” ป้าฤดีหัวเราะอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นลาง ๆ ว่าเด็กในรถนั่งนิ่งตัวเกร็งมองมาที่ตนและทรงโปรด เจ้าด่างที่ปกติเห่าเก่งก็พลอยเงียบไปด้วย ทรงโปรดผละออกจากป้าฤดีเดินไปเปิดประตูรถ ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ ให้แสนดีลงมา เด็กชายทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อลงมายืนตรงหน้าหญิงชราแล้วแสนดีก็ไม่ต้องรอให้ทรงโปรดต้องบอกต้องสอน เด็กชายรีบยกมือไหว้คุณฤดีด้วยท่าทางนอบน้อม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหญิงชราได้ไม่ยากเย็นไอ้ด่างที่ตามลงมาทีหลังเอาหางจุกไว้ที่ตูดเดินหูลู่มายืนข้าง ๆ แสนดี
“ไงจ๊ะ แสนดีใช่หรือเปล่า? หิวมั้ยลูกยายทำกับข้าวไว้รอนานแล้ว ส่วนนี่ด่างใช่มั้ย คุณ ๆ เธอบอกว่าฉลาด” คุณฤดีทำเสียงสองคุยกับด่าง เจ้าหมาแสนรู้รีบกระดิกหางแล้วนอนหงายให้คุณฤดีได้ลูบหัว มันดมมือเหี่ยวย่นนั้นแล้วแลบลิ้นเลียเป็นสัญลักษณ์ว่ามันยอมรับคุณฤดีเป็นนายของมันอีกคน ทรงโปรดเห็นอากัปกิริยาของไอ้ด่างแล้วก็อดขำไม่ได้
“หมามันอยู่เป็นนะครับป้าฤดี”
“ไปเถอะค่ะเข้าบ้านไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะได้ลงมาทานข้าว ป้าเตรียมของโปรดไว้รอ ส่วนเจ้าด่างเดี๋ยวให้ตาผลเอาไปใส่กรงไว้ก่อน คุณปราณีเธอให้คนซื้ออาหารเตรียมไว้ให้ตั้งแต่วันก่อนแล้วค่ะ ส่วนแสนดีป้าจัดห้องไว้ให้ตามที่คุณโปรดบอกแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับป้า ไปแสนดีเอากระเป๋าลงมาเดี๋ยวคุณโปรดพาไปที่ห้อง” แสนดีเดินตามทรงเปิดไปที่ท้ายรถหยิบกระเป๋านักเรียนใบเก่าที่อัดเสื้อผ้ามาเต็มจนตะเข็บแทบจะแตก ไอ้ด่างส่งเสียงครางหงิงเมื่อถูกดึงไปอีกทางทำท่าจะไม่ยอมไปจนแสนดีต้องสั่งให้รอ แสนดีเดินตามทรงโปรดเข้ามาในตัวบ้าน เด็กน้อยรู้สึกประหม่าและเหมือนจะตัวเล็กลงเข้าไปอีกเมื่อเข้ามาในห้องโถงกว้างขวาง บนเพดานสูงแขวนโคมไประย้าสวย ๆ แบบที่แสนดีเคยเห็นในนิยาย พื้นที่เหยียบก็เป็นหินอ่อนเย็นเท้า ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกหนาวจนต้องห่อตัวลงเล็กน้อย มันเย็นกว่าแอร์ที่อยู่ในรถเสียอีก บันไดที่ขึ้นสู่ชั้นสองโค้งชดช้อยสามารถเดินขึ้นได้ทั้งสองทาง เครื่องเรือนต่าง ๆ ดูผสมผสานมีกลิ่นอายความเป็นคนจีนอยู่ แสนดีเห็นคนรับใช้ผู้หญิงสองคนยกมือไหว้ทรงโปรดแสนดีจึงยกมือสวัสดีไปให้กับพวกหล่อน เด็กน้อยได้รอยยิ้มใจดีกลับมาเป็นการตอบแทน ทั้งคู่เดินขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง ทรงโปรดพาเดินไปหยุดตรงห้องริมในสุดก่อนจะเปิดเข้าไป มันเป็นห้องขนาดกว้างพอสมควร ทรงโปรดเดินมาเปิดแอร์อย่างคุ้นเคยกับห้องเป็นอย่างดี ภายในห้องจัดด้วยเครื่องเรือนโทนสีขาวดูสบายตา
“แสนดีอยู่ห้องนี้นะ” เด็กชายถึงกับทำตาโตเมื่อมองห้องกว้างใหญ่ราวกุฏิพระต่อกันสักสามห้อง
“อ้าว แล้วคุณโปรดล่ะครับ?” เด็กน้อยเอ่ยถามเมื่อทรงโปรดไม่ได้วางกระเป๋าเสื้อผ้าของตนเองลงบนเตียงเหมือนที่แสนดีทำ
“คุณโปรดอยู่ห้องข้าง ๆ นี่แหละ ห้องนี้เป็นห้องนอนเก่าของพี่เปรม พอเขาแต่งงานมีครอบครัวเขาก็ย้ายไปอยู่บ้านนู้นคุณแม่ก็เลยยกห้องนี้ให้กับแสนดี” ทรงโปรดโยกหัวของแสนดีเล่น รอยยิ้มอบอุ่นที่มอบให้ทำให้เด็กน้อยคลายความกังวลลงไปได้นิดหน่อย
“เอาล่ะ ไปอาบน้ำเถอะอาบเสร็จไปเคาะห้องของคุณโปรดนะจะได้ลงไปกินข้าวกัน”
“ครับ” แสนดีรับคำอย่างว่าง่าย ทรงโปรดจึงได้ปิดประตูแล้วแยกเข้าห้องของตัวเองไป เมื่อได้อยู่ตามลำพังแสนดีจึงได้รู้ว่าห้องนี้มันกว้างจนเกินไป กว้างเสียจนรู้สึกเหงา กว้างจนรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างเล็กจ้อยร่อยเสียเหลือเกิน เด็กชายกวาดตามองรอบ ๆ ห้อง ไม่ได้รู้สึกยินดีปรีดากับสิ่งที่ได้รับเลยสักนิด เพราะสิ่งดี ๆ ที่มีในวันนี้แลกมาจากชีวิตของหลวงตาแช่ม แสนดีนั่งลงบนเตียงนอน มันทั้งกว้างและนุ่มผ้าห่มที่ลองจับดูก็รู้ว่าคงอุ่นสบายต่างจากผ้าห่มผ้าสาก ๆ เป็นขุย ๆ ที่ใช้ห่มตอนอยู่วัดแบบที่เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้สักนิด แสนดีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจึงเปิดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้าออกมาเดินเข้าห้องน้ำไป
เป็นอีกครั้งที่แสนดีรู้สึกว่าโลกของแสนดีกับโลกของคุณโปรดนั้นช่างต่างกันเหลือเกิน แค่ห้องน้ำก็บอกสภาพความเป็นอยู่แล้วว่าต่างกันแค่ไหน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำนั้นดูหรูหราสะดวกสบายต่างจากโอ่งน้ำและส้วมซึมที่ใช้มาทั้งชีวิต แสนดีใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนักเพราะกลัวว่าทรงโปรดจะต้องรอนาน เด็กน้อยทาแป้งจนหน้าขาวผ่องแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วออกไปยืนหน้าห้องนอนของทรงโปรด เคาะเรียกเบา ๆ ไม่นานทรงโปรดก็เดินมาเปิดประตู เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดขาวและกางเกงผ้าฝ้ายตัวใหญ่ ๆ ดูแปลกตา
“เสร็จแล้วเหรอแสนดี?” ชายหนุ่มคิดว่าแสนดีจะใช้เวลาอาบน้ำนานกว่านี้เสียอีก
“เสร็จแล้วครับ”
“งั้นลงไปกินข้าวกัน คงหิวแย่แล้ว” ทรงโปรดปิดประตูห้องแล้วแตะบ่าของแสนดีดันเบา ๆ ให้คนเด็กกว่าเดินไปตามทางที่ตนชี้นำ ป้าฤดีจัดโต๊ะอาหารอยู่ที่ห้องอาหาร บนโต๊ะตัวยาวมีอาหาร 3-4 อย่างแบบง่าย ๆ วางอยู่ ทรงโปรดขยับเก้าอี้ให้แสนดีนั่ง แม่บ้านอีกคนเริ่มตักข้าวเสิร์ฟให้แล้วถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่
“กินให้เยอะ ๆ นะคะ ป้าทำไข่พะโล้ตั้งแต่เช้าเห็นว่าแสนดีชอบ” แสนดียกมือไหว้ขอบคุณแล้วจึงเริ่มลงมือกินข้าวอย่างเกร็ง ๆ จะตักกับข้าวก็ไม่กล้ากลัวจะทำอะไรไม่ถูกไม่ควรแล้วจะโดนดุจนทรงโปรดที่สังเกตอยู่ตลอดหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“อยากกินอะไรก็ตักเลยแสนดี ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องกลัว ที่นี่ก็คือบ้านของแสนดี แสนดีก็เป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งไม่มีใครว่าอะไรแสนดีหรอกนะ ไหนลองกินไข่พะโล้หน่อยซิ เนี่ยฝีมือป้าฤดีน่ะอร่อยที่สุดในประเทศแล้ว” ทรงโปรดตักไข่พะโล้ฟองโตใส่จานให้แสนดีรวมทั้งหมูสามชั้นที่ถูกตุ๋นจนเปื่อยแทบจะละลายใส่จานให้กับแสนดี เมื่อได้ลิ้มรสแสนดีก็รู้เลยว่าคำพูดของทรงโปรดนั้นไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด อาหารทุกจานนั้นล้วนรสเลิศจนในที่สุดแสนดีก็กินข้าวหมดไปสองจานเต็ม ๆ เมื่อเห็นคุณทั้งสองทานอาหารกันอิ่มแล้วป้าฤดีก็เรียกให้เด็กเอาเงาะลอยแก้วเข้ามาเสิร์ฟ
“ทานของหวานล้างปากก่อนนะคะ”
“แล้วนี่คุณแม่กับพี่ ๆ จะกลับมาตอนไหนครับป้า” ทรงโปรดเอ่ยถามถึงคนในครอบครัวที่มีธุระต้องไปทำที่ต่างจังหวัดกะทันหันจึงไม่มีใครอยู่รอรับเขาสักคน
“พรุ่งนี้เที่ยง ๆ คงถึงค่ะ” ป้าฤดีตอบ สายตายังคงมองเด็กชายที่ตักเงาะลอยแก้วเข้าปากเงียบ ๆ ทรงโปรดยิ้มให้กับป้าฤดี เขารู้ว่าป้าฤดีเองก็เอ็นดูแสนดีอยู่ไม่น้อย ติดแต่ว่าแสนดีนั้นยังแปลกคนแปลกที่ยังไม่ช่างพูดเหมือนตอนที่อยู่วัด ทรงโปรดกับแสนดีใช้เวลาบนโต๊ะอาหารอีกพักเมื่ออิ่มแล้วแสนดีทำท่าจะเก็บชามไปล้างแต่ทรงโปรดห้ามไว้
“ที่นี่มีแม่บ้านทำให้” เขาบอกเบา ๆ ในขณะที่มือหนาก็จับข้อมือเล็กนั้นไว้อย่างห้ามปราม
“แต่มันแค่ชามสองใบเอง หนูล้างได้”
“เอามาเลี้ยงเป็นลูกไม่ได้เอามาเลี้ยงเป็นเด็กรับใช้ ทุกคนในบ้านนี้มีหน้าที่ แสนดีจะไปแย่งงานเขาทำเหรอ ถ้างั้นคุณโปรดให้พี่เขาออกจากงานเลยดีมั้ยเพราะแสนดีจะทำงานแทนเขาแล้ว” แสนดีเงยหน้ามองทรงโปรดด้วยความตกใจ แสนดีไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ช่วยแม่บ้านเก็บจานชามมันต้องถึงกับจะไล่ใครออกจากงาน เด็กชายวางชามแก้วลงที่เดิม ทรงโปรดรับรู้ได้ว่าแสนดีนั้นกำลังรู้สึกสับสนเพราะเด็กคนนี้อยู่กับสังคมที่ต้องช่วยกันทำงานมาตั้งแต่เด็กจนโต มือที่จับข้อมือเล็กอยู่คลายแรงลงเป็นจับหลวมดึงแสนดีให้มายืนข้างหน้าตน
“ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปเนอะ แต่สิ่งที่แสนดีต้องรู้ก่อนเลยคืออยู่บ้านนี้แสนดีไม่ต้องทำงานเหมือนอยู่ที่วัด อยู่ที่นี่แสนดีมีหน้าที่เดียว” ทรงโปรดใช้มืออีกข้างวางลงบนศีรษะของแสนดีแล้วลูบเบา ๆ
“แค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอ เรื่องอื่นคุณโปรดจะทำให้เอง”
แสนดีนอนมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง เตียงนอนนุ่มผ้าห่มอุ่นนอนสบายก็จริง แต่มันกลับรู้สึกเหงาอย่างน่าประหลาด
อย่างน้อยตอนอยู่ที่วัดก็ยังมีจ่อยคอยนอนเป็นเพื่อน แต่ที่นี่แสนดีกลับต้องนอนคนเดียว ห้อง ๆ นี้ก็กว้างจนแสนดีรู้สึกว่าตัวเองหดเหลือเท่าไม้ขีดไฟ ร่างเล็กพลิกไปพลิกมา นาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ถ้าเป็นปกติแสนดีคงหลับฝันถึงหลวงตาแช่มไปนานแล้ว
ตีหนึ่งยี่สิบสี่นาที ทรงโปรดขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ เขาวางโทรศัพท์ที่ใช้อ่านข่าวรวมทั้งคุยกับเพื่อน ๆ ลงบนหัวเตียงแล้วเดินไปเปิดประตูห้องอย่างคนที่คิดไว้แล้วว่าต้องมีเหตุการณ์นี้
“คุณโปรด หนูนอนไม่หลับขอหนูนอนด้วยได้มั้ย?” เด็กชายกอดหมอนใบใหญ่ยืนรออยู่หน้าห้อง ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองเขาอย่างรอคำตอบ มือหนาวางลงผมศีรษะของเด็กแล้วดันเบา ๆ ให้เดินตามเข้ามา ทรงโปรดคลี่ผ้านวมให้แสนดี เด็กน้อยซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มหนาขดกายหลีกหนีความหนาว แม้ห้องของทรงโปรดจะหนาวเย็นเพราะชายหนุ่มเปิดแอร์แรงมากแต่เมื่อได้มานอนใกล้ ๆ เหมือนทุกครั้งที่นอนกับทรงโปรดสมัยยังเป็นพระมันกลับอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด
ตีหนึ่งสี่สิบสองน่าที ทรงโปรดขยับผ้านวมให้กระชับร่างของเด็กชายรวีกานต์ ดวงหน้าของเด็กลูกครึ่งนั้นหลับพริ้มอย่างมีความสุขและรู้สึกปลอดภัย
ทรงโปรดไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนเองนั้นกลายเป็นความสบายใจและความปลอดภัยของแสนดีไปเสียแล้ว ชายหนุ่มดับไฟที่โคมหัวเตียง ภายในห้องมืดสนิทแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามแสนดีไปในเวลาไม่นาน
แสนดีตื่นตั้งแต่ตีห้าเหมือนปกติที่เคยทำ เด็กน้อยย่องลงจากเตียงที่ทรงโปรดยังคงหลับสนิทกลับห้องของตัวเอง จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดตัวเก่าที่ใส่สบายแล้วลงไปด้านล่าง
ไฟในบ้านถูกเปิดจนสว่าง แสนดีเดินตามเสียงคุยแว่ว ๆ ไปทางหลังบ้านที่เป็นส่วนของครัว ป้าฤดีกับแม่บ้านกำลังช่วยกันทำอาหารเช้ากันอย่างขะมักเขม้น เสียงพูดคุยกันเกี่ยวกับละครที่ดูกันเมื่อคืนดังมาแว่ว ๆ แสนดียืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องครัวอย่างไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีมั้ย
“อ้าวคุณแสนดี ตื่นแล้วเหรอคะ” ป้าฤดีเอ่ยทักเด็กชายด้วยสรรพนามที่แสนดีไม่คุ้นหู ป้าฤดีแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าแสนดีมาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะเจ้านายคนหนึ่ง หากเธอยังเรียกแสนดีแบบเมื่อวานคนรับใช้คนอื่นก็จะไม่ให้ความเคารพแสนดีเท่าที่ควร ดังนั้นป้าฤดีจึงเริ่มปรับเปลี่ยนที่ตัวเองก่อนเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น
“เข้ามาสิคะ หิวแล้วหรือไง รอเดี๋ยวนะคะรอป้ากับแม่บ้านทำเสร็จก่อนจะตักให้ทานนะคะ”
“คือแสนดีจะมาถามว่ามีอะไรให้แสนดีช่วยทำมั้ยครับ”
“ทำเป็นด้วยหรือคะ?” พี่กุลผู้ช่วยของป้าฤดีเอ่ยถาม
“เป็นจ้า...เอ่อ เป็นครับ แสนดีช่วยแม่ทำครัวบ่อย” แสนดีตอบรับอย่างกระตือรือร้น
“ถ้าอย่างนั้นคุณแสนดีช่วยหั่นผักได้ใช่มั้ยคะ เดี๋ยวป้าจะทำกับข้าวใส่บาตร เสร็จแล้วจะทำข้าวต้มกุ้งให้ทานกันนะคะ” ป้าฤดีเลื่อนตะกร้าผักให้แสนดี เด็กชายนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างพี่กุลแล้วเริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ บรรดาแม่บ้านเริ่มซักประวัติอย่างแนบเนียนไม่ให้คนเด็กกว่ารู้สึกอึดอัด บรรยากาศดีกว่าที่แสนดีนึกกลัวไว้เมื่อแรก
หกโมงครึ่งแสนดีก็ได้รับมอบหมายให้เป็นคนตักบาตรพระโดยที่มีกุลเป็นผู้ช่วย ตอนแรกแสนดีสงสัยว่าทำไมป้าฤดีถึงต้องเตรียมอาหารใส่ถุงไว้นับสิบถุง ก็เพราะมีพระมาบิณฑบาตมากมายหลายรูป แสนดีรู้สึกผิดที่ผิดทางนิดหนึ่งเพราะโดยปกติแล้วตนเองต้องคอยหิ้วปิ่นโตคอยถ่ายกับข้าวไม่ใช่คนที่จะได้มายืนใส่บาตรอยู่ตรงนี้ เมื่อตักบาตรและกรวดน้ำเสร็จเวลาก็ยังเช้าอยู่มาก แสนดีไม่รู้จะทำอะไรจึงเดินไปถามหาด่างกับลุงคนสวนที่กำลังกวาดใบไม้แห้งอยู่ในสวน
“อ้อ ไอ้ด่างเหรอครับ อยู่ที่กรงหลังบ้าน เมื่อคืนมันร้องทั้งคืนน่าจะยังไม่ชินกับกรงน่ะครับคุณหนู” ลุงผลวางไม้กวาดแล้วพาแสนดีเดินลัดไปทางหลังบ้าน ไอ้ด่างครางหงิงเมื่อเห็นแสนดีเดินมา มันกระดิกหางจนแทบจะหลุดเมื่อประตูกรงขนาดใหญ่ถูกเปิดออกมันก็นอนหงายท้องอ้อนแสนดีทันที
“ไงไอ้ด่าง เหงาล่ะสิมึง” แสนดีลูบหัวไอ้ด่างอย่างเอ็นดู
“พาออกมาเดินเล่นก่อนก็ได้ครับ สายๆ ค่อยเก็บกลับใส่กรง เดี๋ยวเย็น ๆ คุณโปรดบอกว่าจะพาไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลสัตว์ครับ” ลุงผลบอกกับแสนดี ดังนั้นไอ้ด่างจึงได้ออกมาวิ่งเล่นนอกกรง แสนดีปล่อยให้มันวิ่งไปคาบใบไม้เล่น ส่วนตัวเองก็ไปหยิบเอาสายยางมาช่วยลุงผลรดน้ำต้นไม้ในสวน ทรงโปรดที่ตื่นได้สักพักกำลังเอนตัวพิงกรอบประตูห้องมองแสนดีกับไอ้ด่างอยู่เงียบ ๆ
แสนดียังต้องปรับตัวอีกมาก และเขาเองก็ไม่อยากจะเร่งรัด ถ้าอยากได้ไม้ยืนต้นที่มั่นคงแข็งแรงเขาจะต้องค่อย ๆ ประคบประหงมดูแล เพราะถ้าเร่งให้โตเร็วไปต้นไม้ต้นนี้ก็จะอ่อนแอเป็นโรคและไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ก็ได้แต่หวังว่าแสนดีนั้นจะแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างดีพอให้สมกับที่เขาตั้งใจ
ตัวนี้ก็เหมาะกับน้องนะคะ ผิวของน้องขาวใส่สีอะไรก็ขึ้น” พนักงานทาบเสื้อสีชมพูลงบนตัวของแสนดีที่ได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นลองเสื้อ ทรงโปรดเอียงคอมองอย่างใช้ความคิด เขาลูบคางไปมาเบาๆ
“เอาครับ สีเทา ฟ้า ชมพูอย่างละตัว”
“คุณโปรดหนูว่ามันเยอะแล้ว” แสนดีทำตาเหลือกใส่ทรงโปรดที่สั่งเสื้อให้เขาอีกสามตัวไม่รวมกับอีกกว่าสิบชุดที่ขนเอาไปไว้ที่รถแล้ว
“แสนดีต้องใส่เสื้อผ้าทุกวัน”
“หนูใส่ซ้ำก็ได้” แสนดีเถียงเบา ๆ ให้พอได้ยินกันแค่สองคน
“เสื้อผ้ามันต้องใส่ทุกวัน เราต้องไปอีกหลายที่ มีเสื้อผ้าหลายชุดจะได้ไม่น่าเกลียด” ทรงโปรดบอกนิ่ง ๆ แต่แสนดีก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าการใส่เสื้อผ้าซ้ำชุดมันน่าเกลียดตรงไหน ตอนอยู่วัดแสนดีก็ใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนยอดฮิตตัวเก่ง 3-4 วันต่อสัปดาห์ก็ไม่เห็นจะมีใครมาบอกว่ามันน่าเกลียดสักนิด
“ไปซื้อรองเท้าต่อดีกว่า” และเหมือนทรงโปรดจะไม่ได้ยินคำว่าพอแล้วของแสนดี ชายหนุ่มจูงมือคนเด็กกว่าหลังจากรับถุงกระดาษใบใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าของแสนดีมาสะพายข้ามไหล่ด้วยท่าทางสบาย ๆ
เอา...จะทำอะไรก็เอาเลย แสนดีจะไม่ขัดคุณโปรดแล้ว เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ
โลกของคนรวยมีแค่นิ้วกับการ์ดก็เหมือนเสกของได้แบบนี้นี่เอง
....................
จ๊ะเอ๋ คิดถึงเรามั้ย
จะพยายามพิมพ์ทุกวันนะคะช่วงนี้ปิดเทอม