-
" ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17
เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
___________________________________________________________________________________________
แสนดีเป็นเด็กวัดที่เหมือนพระอาทิตย์ดวงน้อยคอยสาดแสงแห่งชีวิตชีวาไปทั่วทั้งวัดป่า
"ถ้าแสนดีเป็นพระอาทิตย์ งั้นคุณโปรดจะเป็นดอกทานตะวันดีมั้ยครับ ทานตะวันที่มองหาแต่แสนดีคนเดียว"
ความผูกพันก็เหมือนบ่วงที่คล้องหัวใจรักสองดวงเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะต่างเชื้อชาติ ต่างฐานะ ต่างวัย รักจะเชื่อมเราสองเข้าด้วยกัน...เป็นดัง"บ่วงคล้องรัก"
คำเตือน ห้ามิให้ผู้ใดดัดแปลง หรือลอกเลียน นิยายเรื่องนี้เป็นมอบเป็นลิขสิทธิ์ของ สนพ. Hermit Books แต่เพียงผู้เดียวนะคะ
-
"ต้นกำเนิดของแสนดี"
เสียงไก่ขันรับกับเสียงย่ำกลองและระฆังยามรุ่งสางดังเหง่งหง่างท่ามกลางความมืดที่อีกไม่ช้าแสงสว่างแรกของวันก็จะค่อยๆสาดแสง ตามกุฏิเริ่มเคลื่อนไหวบ้างก็เปิดประตูออกมาในสภาพครองจีวรเรียบร้อยแล้ว บางรูปก็นั่งสูบบุหรี่รอเวลาที่จะออกไปบิณฑบาตรในยามเช้า เช่นเดียวกับหลวงตาแช่ม ปีนี้ภิกษุชราอายุ 72 ปีแล้ว หากแต่ยังคงแข็งแรงเดินออกไปบิณฑบาตรกับพระหนุ่มๆไหว หลวงตาแช่มร้องเรียกลูกศิษย์วัดที่หลายคนแสนเกียจคร้านยังไม่ยอมตื่น บางคนเก็บที่นอนหมอนมุ้งเดินกระเซอะกระเซิงเมาขี้ตามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเตรียมออกไปพร้อมพระหลายรูป ไม่นานพอแสงตะวันขึ้นจนเห็นเงาเหล่าภิกษุที่ครองจีวรต่างก็เดินหน้าเพื่อออกไปทำกิจของสงฆ์ วันนี้หลวงตาแช่มมีเพียงไอ้วันเด็กชายวัยเก้าขวบเดินตาม พระใหม่เกิดป่วยจนต้องพาไปโรงพยาบาลเมื่อคืน อากาศยามเช้าสดชื่นจนหลวงตาอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าเสียเต็มปอด พื้นหญ้าลื่นหากเดินไม่ระวังอาจจะล้ม หลวงตาเดินย่ำด้วยเท้าเปล่าแวะเข้าบ้านนู้นออกบ้านนี้ตามเสียงร้องเรียกนิมนต์ไปตลอดทาง ไอ้วันคอยเก็บกับข้าวเข้าถุงย้ามที่สะพายไว้ ตามบ้านนอกนี้ไม่ได้พลุกพล่านนัก วัดที่หลวงตาจำวัดอยู่ก็เป็นเพียงวัดป่าเล็กๆที่เงียบสงบ หลังจากเดินรับบาตรจนเกือบ 7 โมงครึ่งก็สิ้นสุดเขตที่หลวงตาแช่มใช้เดินประจำ ท่านวนรอบเป็นวงกลมเพื่อกลับวัด ไอ้วันเดินขาแทบลากอีกไม่ไกลก็จะถึงวัดหากแต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้หลวงตาต้องชะงักฝีเท้าลง
ภาพเบื้องหน้าคือห่อผ้าที่ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายใบใหญ่สำหรับเดินทาง แวบแรกหลวงตาแช่มคิดว่าคงมีใครเอาลูกหมามาปล่อยใกล้เขตวัดอีกแล้ว
หากแต่เสียงร้องที่ดังออกมาจากกระเป๋านั้นทำให้หลวงตารู้ทันทีว่านั่นคือเสียงร้องของทารก
"หลวงตา...ในกระเป๋ามีเด็ก”ไอ้วันที่วิ่งแนบไปดูก่อนด้วยความอยากรู้ร้องบอกอย่างตื่นเต้น หลวงตาย่อตัวลง วางบาตรไว้ข้างตัว ทารกผิวขาวบัดนี้ร้องไห้จ้าตามร่างกายมีมดและยุงกัดจนเป็นจุดแดงทั่วตัว หลวงตาแช่มช้อนมืออุ้มเจ้าทารกน้อยขึ้นมาอย่างเบามือ ปัดมดคันไฟตัวเล็กที่กัดผิวเนื้ออ่อนออกให้ด้วยความปราณี เปิดผ้าดูว่าเด็กคนนี้เป้นเด็กหญิงหรือเด็กชาย ผ้าอ้อมที่ห่อช่วงล่างเปียกชุ่มไปด้วยปัสสาวะแถมส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งเพราะเจ้าตัวน้อยอึผสมปนเปกันไปหมดจนไอ้วันเบ้หน้า
“หลวงตา ไอ้เด็กนี่เหม็นมาก”มันกรีดกรายใช้นิ้วบีบปีกจมูกตัวเองอย่างรังเกียจ หากแต่หลวงตาชรากลับไม่ได้สนใจนัก ลูบเรือนผมสีบลอนด์นุ่มหนาของไอ้ตัวเล็ก กล่าวทักทายกับมันราวกับว่าทารกน้อยนั้นจะพูดรู้เรื่อง
“เป็นใครกันล่ะไอ้หนูเอ้ย ทำไมแม่เขาเอามาทิ้งไว้อย่างนี้”
“ลูกฝรั่งหรือเปล่า หัวเหลืองเชียวครับหลวงตา”ไอ้วันยื่นหน้ามาดู ด้วยรูปลักษณ์เนื้อตัวขาวอมชมพูที่บัดนี้แดงก่ำ ริมฝีปากบางที่แหกปากร้องจนตัวสั่น เรือนผมสีบลอนด์ที่ฟ้องอยู่บนหัวก็บอกได้ว่าเจ้าเด็กนี่น่าจะเป็นลูกครึ่ง แล้วตามบ้านนอกอย่างนี้หลวงตาไม่เคยเห็นว่าจะมีเมียฝรั่งซักคน เจ้าเด็กนี่อาจจะเป็นลูกของผู้หญิงที่เคยทิ้งบ้านเข้าไปทำงานที่ในเมืองใหญ่ อาจจะเป็นงานที่ไม่สะอาดนักพ่อของเด็กอาจจะเป็นใครก็ไม่รู้ที่แม่เด็กพลั้งเผลอลืมป้องกันจนเกิดมารหัวขนที่ตนไม่ต้องการ
หลวงตาไม่ได้อยากสืบว่าเด็กทารกในอ้อมแขนจะเป็นลูกใคร ในเมื่อแม่เขาทิ้งหมาแมวจรพระยังเมตตาให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงดู นี่เด็กทั้งคนทำไมเขาจะเลี้ยงไม่ได้
“ไอ้วัน สะพายบาตรข้ามา ข้าจะอุ้มเจ้าคนนี้กลับวัด”
เช้าวันนั้นในวันที่น้ำค้างลงจนเต็มผืนนา หลวงตาแช่มได้ต่อชีวิตให้กับทารกน้อยคนหนึ่ง
เมื่อถึงวัดบรรดาพระต่างมาให้ความสนใจเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้า บ้างก็มาสอบถามว่าไปเก็บมาจากที่ไหน หลวงตาไม่ได้สนใจตอบนัก ตอนนี้เด็กคนนี้ต้องการนมและการทำความสะอาด
“ไอ้วันไปตามสะอาดมาบอกว่าให้เอาน้ำข้าวติดมือมาซักถ้วยข้าจะป้อนไอ้หนูมัน”หลวงตาวางทารกน้อยไว้บนอาสนะจากนั้นก็หิ้วกระติกน้ำร้อนที่เสียบไว้กินกาแฟออกมาเทน้ำร้อนใส่กะละมังที่เอาไว้ซักจีวรแล้วตักน้ำเย็นในโอ่งใส่ลงไปผสม สิ่งแรกที่หลวงตาแช่มทำคือล้างคราบสกปรกของอุจาระและปัสสาวะเจ้าตัวน้อยออกจนเกลี้ยง พอร่างกายโดนน้ำจากที่ร้องอยู่แล้วเจ้าตัวเล็กยิ่งร้องดังเข้าไปใหญ่ เสียงกรีดร้องราวกับโมโหที่หลวงตาเอามันโดนน้ำดังลั่นไปยั้นท้ายวัด ยายสะอาดแม่ครัวที่มาช่วยงานในวัดเดินอุ้ยอ้ายมาพร้อมกับชามที่ใส่น้ำข้าว
“อะไรกันเจ้าคะหลวงตา ลูกเต้าเหล่าใครไปเอามาจากไหน”หล่อนร้องถามแข่งกับเสียงร้อง
“อย่าเพิ่งถามเลยโยมมาช่วยหลวงตาก่อน ฤทธิ์มันเยอะเหลือเกิน”หลวงตาเอาทารกน้อยวางลงตามเดิมแล้วถอยออกไปห่างสะอาด หญิงร่างท้วมร้องโอ๋เจ้าตัวน้องพลางจัดการอาบน้ำให้อย่างคล่องแคล่วเพราะแกมีหลานหลายคน
“น่าสงสาร มดกัดแดงไปหมด สงสัยจะดอดเอามาทิ้งตั้งแต่เมื่อคืน สายสะดือยังไม่แห้งดีเลยน่าจะเพิ่งคลอดได้ไม่กี่วัน”แกว่าตอนที่เอาแป้งทาให้ ไม่รู้จะด้วยบุญหรือบาป อย่างน้อยคนเป็นแม่ก็ทิ้งเสื้อผ้าเด็กอ่อน ผ้าอ้อมกับผ้าอ้อมสำเร็จรูปไว้ให้ สะอาดใช้ช้อนชาตักน้ำข้าวป้อนเจ้าตัวน้อยที่ตอนแรกบ้วนทิ้งจนต้องคอยใช้ปลายช้อนปาดกลับ เมื่อเริ่มรู้รสและความหิวคงเข้าเล่นงานในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็ยอมกินแม้จะต้องป้อนกันอย่างทุลักทุเลก็ตามที หลวงตาผลุบหายเข้าไปในกุฏิก่อนจะออกมาพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่ง
“เป็นธุระให้ที ไปซื้อของใช้เด็กกับนมผงมาให้หน่อย”
“หลวงตาจะเลี้ยงไว้เองเหรอเจ้าคะ ทำไมไม่ประกาศหาแม่ล่ะ”
“ถ้าแม่เขาเอาจะมาอยู่ตรงนี้เหรอ ป่านนี้แม่เด็กอาจจะออกนอกหมู่บ้านไปแล้ว ถือว่าเลี้ยงไว้เอาบุญแม่สะอาดเป็นธุระให้อาตมาได้มั้ย?”
“ได้เจ้าค่ะ ว่าแต่หลวงตาจะให้ชื่อว่าอะไรเจ้าคะได้ตั้งให้หรือยัง”หล่อนปล่อยมือที่ตบหลังจ้อยร่อยนั้นออก เจ้าตัวเล็กเริ่มเบะปากเตรียมจะร้องไห้อีกหนเมื่อความอบอุ่นหายไป
“ชื่อเล่นชื่อไอ้แสนดีก็แล้วกัน ไม่ซนไม่ดื้อดีมั้ย?”เจ้าตัวน้อยบิดตัวไปมายกหมัดขึ้นมาดูด จากที่ทำท่าจะร้องก็เงียบไปเสียอย่างนั้น นอนให้หลวงตาเอาแซมบั๊คทาให้นิ่งไม่ร้องแงงอหนวกหูเหมือนเมื่อครู่อีก
“สงสัยจะชอบชื่อนี้มั้งเจ้าคะหลวงตา แสนดีก็ดีเหมือนกันเรียกง่ายดี”
นับจากนั้นเด็กชายแสนดีหรือชื่อจริงที่หลวงตาตั้งให้ว่าเด็กชายรวีกานต์ก็กลายเป็นสมาชิกคนใหม่ของวัดป่าแห่งนี้เป็นต้นมาโดยในใบแจ้งเกิดมียายสะอาดและนายมาโนชคนขับรถของวันเป็นพ่อและแม่
ชีวิตของแสนดีจึงได้เริ่มตั้งแต่นั้นมา
................................................
ของเก่ายังไม่จบก็ยังด้านหน้าเปิดเรื่องใหม่ คิกค้ากกกกกกกกกกก
พยายามให้ฟีลกู้ดมาดูกันว่าจะทำได้จริงมั้ย
-
บ่วงคล้องรัก ตอนที่ 1
เรื่องราวของเด็กชายแสนดี
เสียงไก่ขันแข่งกับเสียงย่ำกลองจากวัดป่า ยามเช้าอากาศเย็น ลมพัดมาจากชายเขาโฉบเอากลิ่นฝนผสมกลิ่นดินและกลิ่นหญ้ามาให้ได้รู้สึกชุ่มฉ่ำ บรรดาเด็กวัดต่างออกมายืนรออย่างเกียจคร้าน
อากาศดีแบบนี้ไม่ว่าใครก็อยากขดกายอยู่ใต้ผ้าห่ม บรรดาหมาจรและหมาที่เคยมีบ้านแต่ถูกนำมาปล่อยวัดกระดิกหางจนเอวแทบหลุดเมื่อเห็นหลวงตาแช่มออกมาจากกุฎิ หลวงตาอุ้มเจ้าเด็กตัวขาวจ้ำม่ำหน้าตาน่าเอ็นดูที่ยังคงหลับพริ้มดูดนิ้วโป้งตัวเองอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวออกมาด้วย แสนดีในวัย 1 ขวบ เติบโตมาจากการช่วยกันเลี้ยงดูของหลวงตาแช่มและบ้านยายสะอาดแม่ครัวที่อยู่ท้ายวัด วันไหนหลวงตามีกิจนิมนต์ยายสะอาดก็จะอุ้มเอาแสนดีไปเลี้ยงให้ที่บ้านพอเช้าหลวงตากลับจากบิณฑบาตรก็จะอุ้มมาคืนให้ หลวงตาชราเฝ้าป้อนข้าวป้อนนมเด็กน้อยลูกครึ่งที่มีดวงตาสีฟ้าใสอย่างรักใคร่ ท่านไม่มีลูกไม่มีหลานแสนดีจึงเป็นหลานคนแรกที่หลวงตาได้เลี้ยงดู เด็กน้อยเลี้ยงง่ายไม่งอแง จะมีร้องไห้โยเยก็ต่อเมื่อตื่นขึ้นมาหาหลวงตาไม่เจอ แสนดีโชคดีที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่มากราบหลวงตาเมื่อเห็นว่าหลวงตาเก็บเด็กน้อยมาเลี้ยงก็ซื้อเสื้อผ้ามาฝาก แต่ส่วนมากหลวงตาจะให้เงินยายสะอาดไปซื้อเสื้อผ้าเด็กตามตลาดนัด แสนดีตอนนี้คลานและเดินได้ก็เริ่มซนจนหลวงตาต้องใช้จีรรเก่าผูกข้อเท้าเล็กให้ยาวได้ไม่ถึงบันไดกุฎิ แสนดีน้อยคลานและเล่นไปรอบๆเสาส่งเสียงอ้อแอ้ บ้างก็ร้องให้หลวงตาอุ้ม เป็นความรักความผูกพันที่คนสองวัยต่างสายเลือดมีให้แก่กัน บรรดาเด็กวัดที่ยังไม่เป็นหนุ่มมีบ้างที่มานั่งเล่นหรือช่วยเลี้ยง แม้จะมีเจตนาแอบแฝงมาเล่นเพราะจะได้ขอแบ่งขนมจากแสนดีกินหลวงตาแช่มหก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ยิ่งโตยิ่งน่าเอ็นดูนะคะหลวงตา”ครูบัวที่มาถวายนมผงให้แสนดีเอ่ยชม หล่อนไม่มีลูกเมื่อแรกเห็นแสนดีที่นั่งเล่นใกล้ๆหลวงตาแช่มตอนงานออกพรรษาหล่อนก็นึกเอ็นดูเจ้าเด็กลูกครึ่งไร้พ่อแม่
“ลูกฝรั่งก็น่าเอ็นดูแบบนี้แหละโยม”หลวงตายกน้ำชาขึ้นฉันสายตาร่วงโรยตามวัยมองก้อนกลมๆขาวๆที่กำลังยัดขนมชิ้นใหญ่เข้าปากอย่างเอ็นดู
“ถ้าเกิดมีใครมาขอรับไปเลี้ยงหลวงพ่อจะยกให้มั้ยคะ?”หล่อนอลงเอ่ยปากถาม หลวงพ่อทอดสายตามองแสนดี
“ถ้าหากอาตมาเจอคนที่รักและเอ็นดูสามารถดูแลมันได้จนกว่ามันจะยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองอาตมาก็จะให้เขาไป แสนดีมันยังต้องโตอีกมากอาตมาดูแลมันจนถึงวันที่มันจะเข้มแข็งไม่ไหวหรอก”
“แล้วถ้าดิฉันจะขอแสนดีไปเลี้ยงล่ะคะ หลวงพ่อจะให้มั้ย?”ครูบัวออกปากถามอย่างมีความหวัง หลวงพ่อส่งยิ้มด้วยความเมตตาให้
“รออีกซัก 3-4 ปีเถอะครู ถึงวันนั้นถ้าครูยังไม่มีลูกหลวงตาจะยกให้”
3 ปีผ่านไป
เสียงเครื่องไฟที่ดังจากวัดดังลั่นไปทั้งคุ้งน้ำและแนวเขา ธงสามเหลี่ยมหลากสีแขวนห้อยตามเสาและกิ่งไม้สูง บรรดาญาติโยมอุบาสกและอุบาสิกาต่างยิ้มแย้มหน้าระรื่นถือขันมาเตรียมฟังพระและตักบาตรเนื่องในวันมหาสงกรานต์ บรรดาเด็กๆที่ตื่นเต้นต่างถือปืนฉีดน้ำหลากสีทำท่าจะฉีดใส่ก่อนดีว่าพวกผู้ใหญ่พากันปรามแล้วพาขึ้นไปบนศาลาการเปรียญเสียก่อน บนนั้นมีภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อบรรดาพระภิกษุและสามเณรต่างสวดมนต์เป็นจังหวะและทำนองนุ่มนวลดุจเสียงเพลง ข้างๆอาสนะของหลวงตาจวบปรากฏเจ้าลูกครึ่งร่างป้อมกำลังนั่งฟังสวดราวกับรู้เรื่องเสียเต็มประตาหากแต่สายตาปรือปรอยใกล้เข้าเฝ้าพระอินทร์เข้าไปทุกที บ่อยครั้งหลวงตาแช่มต้องดันหลังของแสนดีให้นั่งตัวตรงเด็กน้อยวัยสี่ขวบถึงได้ยืดตัวขึ้นนั่งพนมมือหลังตรงแหนวพลางแหกปากสวดตามพระได้ทุกบทเรียกรอยยิ้มจากผู้พบเห็นได้ไม่ยาก
“แสนดีมันเก่ง จำบทสวดได้ทุกบทเลย”
“แหงสิก็อยู่กับหลวงตาตลอดท่านก็ต้องสอนบ้างแหละ”
“อยากรู้จริงๆว่าใครเป็นแม่แม้ๆของมัน”
หัวเหลืองขนาดนี้คงไม่แคล้วลูกกะหรี่นั่นแหละ พอท้องมีลูกก็รับแขกทำงานทำเงินไม่ได้ก็เอามาทิ้งไว้ให้พระเลี้ยงเหมือนทิ้งหมาทิ้งแมว”
“แกก็ว่าไป ถ้ามันไม่ใช่ลูกกะหรี่ขึ้นมานี่ไม่เท่ากับเราใส่ร้ายเด็กเหรอ”ป้าอีกคนท้วงเมื่อคู่สนทนาคาดเดาไปเองโดยไม่มีเหตุผลรองรับคำพูดลอยๆนั้น
“ร้อยทั้งร้อย ลูกกะหรี่แน่ๆ” หล่อนพูดออกมาอย่างมั่นใจโดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยิน เด็กหลายคนก้นั่งเล่นอยู่แถวนั้นต่างจดจำประทับไว้ในสมองว่าไอ้แสนดีเป็นลูกของกะหรี่ที่แม่อุ้มมาทิ้งไว้ในพงหญ้าใกล้วัด
“เอา เข็นให้มันดีๆ เดินให้มันตรงๆทางสิแสนดี” หลวงตาแช่มมองแสนดีที่เข็นรถเข็นคันเล็กๆเดินตามด้วยช่วงขาสั้นๆมาอย่างขยันขันแข็ง เท้าป้อมๆของเด็กชายวัยห้าขวบเดินตามหลวงตาอย่างไม่ลดละ แสนดีเข็นรถที่พ่อมาโนชต่อให้ตามหลวงตามาบิณฑบาตรทุกเช้า
หลวงตาแช่มก้าวเท้าตามดินแข็งๆด้วยจังหวะที่เชื่องช้าลง ท่านไม่สามารถเดินเร็วเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว ด้วยวัยที่ชราภาพเกือบ 80 ปี
ในขณะที่แสนดีค่อยๆเติบโต ท่านเองก็ค่อยๆร่วงโรย เดี๋ยวนี้หลวงตาไม่สามรอุ้มเจ้าหนูรวีกานต์ได้อีกต่อไปแล้ว
เป็นภาพที่คุ้นตาของคนแถวนี้ไปเสียแล้วที่จะเห็นภิกษุชราอุ้มบาตรสีดำกับเจ้าเด็กฝรั่งที่มีเรือนผมสีบลอนด์ยาวหยักศกมุ่นมวยผมด้วยหนังยางรัดแกงแบบลวกๆเดินเตาะแตะเข็นรถเข็นตามหลวงตาไปตลอดทาง กับข้าวที่เป็นถุงๆถูกหย่อนใส่รถเข็นของแสนดีที่แก้มขาวอมชมพูขึ้นสีเรื่อด้วยออกแรงเข็นและเดินมาเป็นระยะทางไกล แสนดีไม่คยบ่นว่าปวดเมื่อเนื้อตัวหรือแขนขา มีบ้างที่ระหว่างทางเจอะเจออะไรน่าสนใจก็แวะยืนดูแป๊บหนึ่งซึ่งหลวงตาแช่มก็ไม่เคยขัด ยืนรอจนแสนดีหมดความสนใจจึงออกเดินทางกันต่อ บางครั้งยามเห็นดอกไม้ดอกหญ้าเล็กๆสีสวยข้างทางก็นั่งยองๆเก็บขึ้นมาดมเสียที
“ตา ดอกไม้อ๋อม”เจ้าเด็กฝรั่งมันส่งยิ้มโชว์ฟันซี่เล็กๆชมดอกไม้ดอกหญ้าว่าหอมทั้งๆที่บางดอกก็ไม่มีกลิ่น
“เออ หอมก็หอม”หลวงตาหัวเราะเบาๆยามเห็นเจ้าเด็กมันดมแล้วดมอีกจนดอกกระดุมทองแทบจะผลุบเข้าไปในรูจมูก
“ชื่นชมเสร็จแล้วก็ไปกันได้ยัง เดี๋ยวสายจะหิวนะ”หลวงตากวักมือเรียกแสนดีน้อยให้เลิกเล่นกับดอกไม้ดอกหญ้าเสียที เจ้าเด็กเอาดอกไม้ทัดหูเลียนแบบยายสะอาดแล้วเดินกลับมาเข็นรถ เดินตามหลวงตามาเหมือนเดิม ยามผ่านร้านค้าแม่ค้าใจดีก็เปิดนมกล่องเทใส่ขวดนมใบเล็กที่ห้อยคอให้เสียกล่องหนึ่งไว้ให้แสนดีกินแก้หิวระหว่างทาง ชีวิตสองตาหลานดำเนินกันมาตามวิถีเป็นภาพคุ้นตานตามาตั้งแต่แสนดีอายุสี่ขวบจนตอนนี้ห้าขวบแล้ว
หลวงตาแช่มคิดว่าปีหน้าแสนดีเข้าเรียนอนุบาลก็คงจะไม่ให้ตามมาแล้ว ตัวหลวงตาเองเดี๋ยวนี้ก็เหนื่อยง่ายอาจจะต้องงดบิณฑบาตรในอีกไม่ช้าไม่นาน
สองตาหลานดำเนินชีวิตกันไปจนกระทั่งแสนดีอายุ 7 ขวบ เด็กลูกครึ่งในชุดนักเรียน ป.1 หวีผมเรียบแปล้ปะแป้งหน้าขาว ผมสีบลอนด์ถูกถักเป็นเปียอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
แสนดีกลายเป็นเด็กพิเศษกว่าใครเด็กน้อยหน้าตาผิดแปลกจากเพื่อนๆในห้อง
แสนดีผิวขาวอมชมพูละเอียดเนียนกว่าเพื่อนในห้อง
ดวงตาสีฟ้าของแสนดียามมีความสุกก็สุกสกาวสดใสหากแต่ยามมีความทุกข์ในร้องไห้ก็โศกจนน่าสงสาร
เพื่อนผู้ชายในห้องของแสนดีตัดผมทรงนักเรียนเกรียนไปครึ่งค่อนหัวกันทุกคนยกเว้นแสนดีที่มีเรือนผมยาวปลายม้วนเป็นลอน ใช่ว่าหลวงตาไม่เคยตัด ตอนแสนดีได้ขวบหลวงตาเคยโกนหัวให้แสนดีจนเหม่งหากแต่นับจากนั้นจากเด็กเลี้ยงง่ายกลับร้องไห้โยเยและป่วยกระเสาะกระแสะจนน่าสงสาร เมื่อแรกหลวงตาไม่ได้คิดว่าแสนดีตัดผมไม่ได้ พอผมเริ่มยาวหลวงตาก็ตัดให้อีกคราวนี้ให้มาโนชพาไปตัดที่ร้าน และก็ลงเอยเช่นเดิม แสนดีป่วยแล้วป่วยอีกจนต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากนั้นหลวงตาจึงไม่แตะต้องผมยาวสลวยของเจ้าเด็กฝรั่งนี่อีก หลวงตาไปขออนุญาตครูใหญ่ให้แสนดีไว้ผมยาวด้วยเหตุผลที่บอก แม้จะดูเหลือเชื่อแต่เพราะหลวงตาแช่มเป็นที่เคารพของชาวบ้านแสนดีจึงได้อภิสิทธิ์ในข้อนี้แต่ต้องมัดหรือถักเปียให้เรียบร้อย
แสนดีเป็นเด็กหัวไว คุณครูสอนอะไรก็เข้าใจ แถมยังเป็นคนโปรดของคุณครูบัวที่เคยคิดจะขอแสนดีมาเป็นลูกบุญธรรมหากแต่สามปีให้หลังคุณครูบัวก็ตั้งท้องลูกของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นแม้จะมีลูกเป็นของตัวเองแล้วครูบัวก็ยังเอ็นดูแสนดีมากกว่าใคร มักหยิบยื่นขนมเล็กๆน้อยๆให้ในตอนกลางวันจนเด็กหลายคนอิจฉา
แสนดีใช้ชีวิตที่สงบสุขมาตลอด
โลกของแสนดีสวยงาม มีแต่กลิ่นของคุณงามความดีโอบล้อมจนกระทั่งพักกลางวันในฤดูร้อนที่เปลวแดดร้อนระอุ แสนดีต่อแถวซื้อขนมที่สหกรณ์จนกระทั่งได้ขนมที่ต้องการ เด็กน้อยเดินกินขนมมุ่งหน้าไปสนามเด็กเล่นที่อยู่ตรงริมรั้วหากแต่เบสกับเพื่อนร่วมห้องที่ตัวใหญ่กว่าแสนดีอรก 2-3 คนจงใจเดินมาชนจนเจ้าเด็กตัวขาวกระเด็นล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นดินแข็งๆ เด็กคนนั้นกับเพื่อนส่งเสียงหัวเราะเมื่อขนมของแสนดีหล่นจนถูกคนที่เดินมาข้างหลังเหยียบ
“ทำไม เสียดายเหรอ จะเสียดายทำไมเด็กกำพร้าอย่างมึงมีขนมจากก้นบาตรหลวงตากินทุกวันยังไม่พออีกเหรอ”เจ้าเด็กตัวดำเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เลียนแบบตัวร้ายจากในละครมาเต็มพิกัดก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับพวก
“เฮ้ยพวกมึงรู้ป่าว ย่ากูบอกว่าไอ้แสนดีมันไม่มีพ่อไม่มีแม่ แม่มันเอามันมาทิ้งไว้หน้าวัด แม่มันเป็นกะหรี่ ไอ้แสนดีเป็นลูกกะหรี่โว้ย”มันว่าจบก็หัวเราะเสียงดัง แสนดีมองเพื่อนๆที่ล้อคำว่าลูกกะหรี่ดังลั่นด้วยดวงใจที่สับสน
ตั้งแต่เกิดมาแสนดีก็รู้ค่าว่าตัวเองมีแม่ชื่อแม่สะอาดมีพ่อชื่อพ่อมาโนชและมีตาชื่อหลวงตาแช่ม
แสนดีไม่ได้มีแม่ชื่อกะหรี่ แสนดีไม่ชอบที่เพื่อนๆมาทำหน้าทำตาแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเขาแบบนี้ เด็กน้อยเม้มปากพยายามกลั้นน้ำตา
ถึงแสนดีจะไม่รู้ว่ากะหรี่คืออะไรแต่แสนดีก็รู้ว่าเพื่อนๆไม่ชอบตน ความน้อยอกน้อยใจตีรื้นออกมาเป็นหยาดน้ำตาหยดใสก่อนจะเปลี่ยนเป็นความคับแค้นใจ แสนดีผุดลุกขึ้นยืน ตัวมันเองรึก็เล็กกว่าเขาด้วยตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ลิ้มรสนมแม่จึงทำให้แกรนกว่าเด็กวัยเดียวกัน
แสนดีไม่เคยฆ่าสัตว์เพราะหลวงตาสอนเสมอว่าการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือแม้แต่ไปทำให้พวกเขาเจ็บเป็นบาป
แสนดีไม่เคยพูดคำหยาบเพราะหลวงตาพร่ำสอนอยู่เสมอให้พูดจาดีๆ
แต่วันนั้นแสนดีวัยเจ็ดขวบลืมคำสั่งสอนของหลวงตาเสียสิ้น หมัดเล็กๆถูกเหวี่ยงเข้าข้างแก้มคร้ามแดดของเบสพร้อมริมฝีปากสีชมพูสวยที่พ่นคำหยาบครั้งแรกในชีวิต
“มึงสิลูกกะหรี่ ไอ้เหี้ย!!”
แสนดีในวัยเจ็ดขวบเพิ่งจะรู้สึกถึงการกลัวไม่เป็นที่รักก็ในวันนี้ หลวงตาจวบมาที่โรงเรียนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แสนดีนั่งอยู่ในห้องของครูใหญ่ถัดไปคือเบสและเพื่อนๆที่ตะลุมบอนกับแสนดีจนมีสภาพยับเยินมีแผลถลอกกันคนละเล็กละน้อย เจ้าตัวน้อยลูกครึ่งนั้นดูจะหนักสุด ผมที่หลวงตาอุตส่าห์นั่งถักเปียให้แต่เช้ากระเซิงแถมมีเศษขนมเศษใบไม้ติดเป็นหย่อม
หลวงตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ครูบัวเข้ามาไหว้หลวงตาแล้วเชิญไปนั่งที่เก้าอี้
“วันนี้แสนดีทะเลาะวิวาทกับเพื่อนเจ้าค่ะหลวงตา”เหตุการณ์ถูกเล่าจากปากของครูบัว เจ้าลูกครึ่งน้อยนั่งก้มหน้างุด หลวงตาเหลือบตามองเป็นปากสีชมพูงอนราวปากเป็ดเมื่อเบสชิงฟ้องว่าแสนดีพุ่งต่อยมันก่อน
ก็เบสด่าเราก่อนนี่นา
เด็กน้อยแอบเถียงในใจ หลังจากฟังความที่เรียกว่าข้างเดียวเพราะแสนดีเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดแก้ตัวอะไรออกมาเลย หลวงตาพยักหน้ารับรู้มองเจ้าตัวดีที่นั่งก้มหน้านิ่ง
“อาตมาจะอบรมแสนดีให้มากกว่านี้ แสนดี”ท้ายประโยคหลวงตาหันไปเรียกเจ้าตัวน้อย แสนดีสะดุ้งด้วยกำลังนั่งเหม่อ
“จ๋า”
“ขอโทษเพื่อนเสีย”
“แต่ตาจ๋า”แสนดีร้องท้วงทันทีหากว่าเด็กน้อยก็หน้าสลดลงเมื่อหลวงตามองมานิ่งๆ
“ขอโทษ..”แสนดีเอ่ยขอโทษเบสและเพื่อนอีก 3 คนอย่างไม่เต็มใจนัก ในใจของเด็กน้อยเจ็บปวด
แสนดีรู้แค่ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิดแล้วทำไมแสนดีต้องขอโทษคนพวกนั้น
ทั้งๆที่ถูกหาเรื่องก่อนแท้ๆ เสียทั้งขนม เสียทั้งน้ำ แล้วยังต้องมาเจ็บตัว ตอนนี้ก็ต้องมาเสียความรู้สึก สุดท้ายคือเสียใจ หลวงตาพาแสนดีกลับมาที่วัด ยายสะอาดที่กวาดลานวัดอยู่อุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพมอมแมมของแสนดี
“ว้ายตายแล้ว แสนดี ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา”ยายสะอาดโยนไม้กวาดทิ้งพุ่งหาเจ้าแสนดีน้อยจับพลิกหน้าพลิกหลังปัดตามเนื้อตัวมอมแมมให้อย่างเป็นห่วง
“หมาหมู่น่ะ”เป็นหลวงตาจวบที่ตอบให้
“พามันไปอาบน้ำอาบท่าเสียเถอะ หัวหูสกปรกดูไม่ได้”หลวงตาบอกแค่นั้นก็ขึ้นกุฏิไป
“หลวงตาโกรธหนู”เจ้าตัวน้อยร้องบอก ดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วเคลือบด้วยน้ำตาก่อนจะบะและร้องไห้ในที่สุด
“อ่าว เป่าปี่เสียแล้วเอ็ง ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวแม่อาบน้ำให้ แล้วแสนเล่ามาว่าไปตีกับชาวบ้านเขาทำไม”
“พวกนั้นด่าแม่ของแสน...หมายถึงแม่แท้ๆ”แสนดีสูดปากยามที่ยายสะอาดแกะหัวที่พันกันเป็นสังกะตังออกให้
“อูย เบาๆสิแม่ หนูเจ็บ”
“แล้วเขาว่าอะไรล่ะเอ็งถึงได้โมโหโกรธาซะขนาดไปชกต่อยกับเขา ตัวก็เท่าเมี่ยง”
“พวกนั้นด่าว่าหนูเป็นลูกกะหรี่”ยายสะอาดชะงักมือที่ขัดตามเนื้อตัวขาวอมชมพูของแสนดี ใจของหญิงวัยกลางคนนั้นหวิวอย่างบอกไม่ถูก แสนดีก็อายุเพียงเท่านี้แต่กลับต้องทนอยู่ท่ามกลางคำพูดร้ายโดยไม่ตั้งใจของชาวบ้าน
แล้วเอ็งรู้เรอะว่ามันแปลว่าอะไร”
“หนูไม่รู้หรอกจ้าแม่ แต่มันต้องไม่ดีมากๆแน่ๆ แม่ใครๆก็รัก”
“รักทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้าน่ะเหรอ เขาเอาเอ็งมาทิ้งไว้นะ”
“ไม่รู้สิ หนูรู้แค่หนูต้องรักแม่ถึงแม่จะทิ้งหนู หลวงตาบอกว่าแม่อาจจะมีความจำเป็นแม่อาจจะลำบากจนไม่มีปัญญาเลี้ยงหนูแม่ถึงได้เอาหนูมาวางให้หลวงตาเห็น”แสนดีตอบประสาซื่อ แสนดีไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไรแต่แสนดีรู้แค่ว่าแสนดีจะไม่โกรธไม่เกลียดแม่เหมือนที่หลวงตาคอยสอนอยู่เสมอ
“จะดีจะชั่วเขาก็ใช้ชีวิตเอ็ง หากเขาอยากให้เอ็งตายคงทำแท้งไปแต่แรกแล้ว”
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี ยังไงเขาก็แม่ คนกตัญญูน่ะไปอยู่ที่ไหนใครๆก็รัก เอาเถอะเดี๋ยวแม่จะสระผมให้เอ็งเสร็จแล้วก็รีบไปหาหลวงตาป่านนี้คงรอแล้ว”ยายสะอาดจับแสนดีปะแป้งจนขาวพร้อยไปทั้งตัวแถมโปะลงบนหน้าจนแป้งจับกันเป็นก้อนพอแห้งก็ร่อนเป็นแผ่น แสนดีไม่ได้สนใจนักพอยายสะอาดหวีผมให้เสร็จสวมเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเสร็จก็เดินตัวกลมขึ้นไปบนกุฎิ หลวงตาจวบนั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาหันมามองมันเล็กน้อย
“เสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้วจ้า”
“มาเอายาไปทาตรงแผลซะมันจะได้ไม่ช้ำไปมากกว่านี้”หลวงตาโยนตลับยาทาแก้ฟกช้ำให้แสนดี เด็กน้อยคลานมาเก็บก่อนจะเดินไปหยิบกระจกที่อยู่ในเก๊ะข้างที่นอนของหลวงตา
“เจ็บมั้ยล่ะ”
“เจ็บจ้า”
“ไปต่อยเขาทำไม”
“ก็หนูโกรธนี่นา”
“แล้วโกรธมันดีหรือเปล่า?”
“ไม่ดีจ้า”
“รู้ว่ามันไม่ดีแล้วทำไมไม่รู้จักระงับโทสะ”หลวงตาถามอย่างเอ็นดู เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบกรอกตาไปมาอย่างพยายามหาคำตอบ
“หนูแค่คิดว่าอยากทำให้เขาเจ็บแต่หนูไม่รู้จะด่าอะไรเขาแล้วตอนนั้นหนูโกรธมากรู้ตัวอีกทีก็โดนพวกนั้นรุมแล้ว”
“คราวหลังให้นับหนึ่งถึงสิบ ถ้ายังไม่หายโกรธให้นับไปเรื่อยๆถ้ายังไม่หายอีกก็ออกจากตรงนั้นเสีย เราจะเอาตัวเองไปอยู่ในความโกรธเกลียดทำไม”
“แต่เขาด่าแม่”
“ก็ช่างเขา ใครพูดร้ายคำพูดไม่ดีก็อยู่กับเขามันอาจจะติดอยู่ในใจของเราแต่วันหนึ่งมันจะเจือจางลง หัดไว้ ข่มความโกรธอย่าเอาโมหะเป็นที่ตั้ง ให้อภัยเขาเสีย ใครจะพูดอะไรก็ตามถ้าเราไม่เก็บมาใส่ใจเราก็ไม่หนัก วันนี้ทำเรื่องขาดสติจนถึงขั้นเจ็บเนื้อเจ็บตัวก็มานั่งสมาธิซักชั่วโมงเถอะ”หลวงตาจวบตบลงบนพื้นข้างตัว แสนดีคลานเข้ามานั่งใกล้แล้วนั่งสมาธิตามที่หลวงตาสั่ง เพราะยังเล็กนักการต้องนั่งสมาธินานๆจึงทำให้เมื่อยแสนดีแอบหรี่ตามองหลวงตาแต่ก็ไม่กล้าขยับมากนัก
เข็ดแล้วจ้า ต่อไปจะไม่ไปต่อยตีกับใครโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว
อูย เหน็บกินขาแสนดีชาจนคันยิบๆไปทั้งขาแล้วจ้าหลวงตาจ๋า
...............................
ฝากแสนดีน้อยไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
#บ่วงคล้องรัก
#แสนดีของคุณโปรด
-
บ่วงคล้องรัก ตอนที่ 2
คุณทรงโปรด
แสนดีไม่ชอบเวลาที่ต้องมากินข้าวรวมกับเด็กวัดคนอื่นๆ ส่วนมากก็เป็นลูกชาวบ้านหลังวัดที่พ่อแม่ส่งให้มาช่วยงานวัดแลกข้าวแลกน้ำ เด็กบางคนดื้อเกินกว่าพ่อแม่จะเลี้ยงเองได้ก็หวังส่งมาให้หลวงตาและพระรูปอื่นๆช่วยอบรมสั่งสอน หลายคนต่อหน้าพระก็ทำตัวเป็นเด็กดีสงบเสงี่ยมเรียบร้อยแต่ลับหลังแล้วบางคนก็แกล้งแสนดี เมื่อก่อนแสนดีไม่เดือดร้อนอะไรเพราะตอนยังเล็กหลวงตาแช่มเป็นคนป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับแสนดีด้วยตัวเอง แม้ในยามที่เริ่มหยิบจับช้อนตักข้าวกินเองได้แสนดีก็ได้กินข้าวร่วมวงกับลูกๆหลายๆของแม่สะอาดแต่ตอนนี้แสนดีเจ็ดขวบหลวงตาบอกว่าแสนดีโตพอที่จะไปทำความรู้จักกับคนอื่นๆได้แล้ว
แสนดีต้องมาร่วมวงกินข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียนกับพวกเด็กวัด ด้วยเพราะเป็นชนบทกับข้าวส่วนมากก็จะเดิมๆหากวันไหนมีกับข้าวดีๆรสชาติไม่เผ็ดเด็กๆกินได้วันนั้นจะเหมือนมีสงครามขนาดย่อม
วันนี้ก็เช่นกัน
“ไข่พะโล้นี่แบ่งให้แสนดีมันฟองหนึ่งนะ พวกเอ็งกินผัดผักกินแกงได้ก็กินไป”ยายสะอาดวางชามไข่พะโล้ที่มีอยู่ 4 ฟองลงในกลางวงข้าวของเด็กๆที่แต่งตัวพร้อมจะไปเรียน ยายสะอาดวางชามไข่ให้เด็กๆแล้วแกก็เดินไปล้างบาตรพระที่วางกองอยู่ด้านหลัง พอพ้นสายตายายสะอาดแล้วไอ้แมนเด็กวัดวัย 17 ปีเป็นพี่ใหญ่สุดของทั้งหมดก็ตักไข่พะโล้ตัดหน้าแสนดีไปใส่ในจานข้าวของตัวเองทันที แสนดีช้อนสายตามองหน้าแมนแต่ก็ต้องหลุบตาหนี เด็กน้อยไม่กล้าที่จะมีปัญหากับแมนหรอกเพราะเล็กกว่ามาก แสนดีเคยโดนแมนเอาด้ามไม้กวาดตีหัวมาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนเพียงเพราะแสนดีไม่ยอมกวาดลานวัดแทนแมน เด็กน้อยเลือกที่จะเลี่ยงการปะทะกับคนที่มีกำลังและแรงเยอะกว่า แสนดีตั้งใจจะตักไข่ฟองอื่นในชามหากแต่เด็กวัดอีก 3 คนก็มาแย่งตักไปจนหมดไม่เว้นแม้แต่เต้าหู้และหมูสามชั้นเหลือไว้เพียงน้ำพะโล้ติดก้นถ้วย แสนดีวัย 7 ขวบ ทำได้เพียงกินข้าวกับน้ำไข่พะโล้ที่เหลือในขณะพี่เด็กวัดคนอื่นๆนั่งหัวเราะเยาะสนุกสนานคนที่ได้ไข่ไปก็กินเย้ยให้เจ็บใจเลน
“ถ้ามึงไปฟ้องหลวงตาหรือยายสะอาดมึงเจอดีแน่”แมนก้มหน้ามากระซิบขู่ แสนดีหลุบตาหนี แมนเบะปากใส่อย่างหมั่นไว้ เขาเกลียดตาสีฟ้าๆนี่ชะมัด ยิ่งไอ้ผิวขาวอมชมพูแบบลูกครึ่งนี่ยิ่งน่าหมั่นไส้ ในขณะที่เด็กวัดคนอื่นตัวดำผิวคล้ำกร้านแดดแต่ไอ้เด็กนี่กลับโดดเด่นกว่าใคร ยามญาติโยมมาหาหลวงตาก็มักมีขนมติดไม้ติดมือมาให้ไอ้ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่นี่เสมอ แสนดีสร้างความเกลียดชังให้กับเด็กวัดคนอื่นๆอย่างไม่รู้ตัว ความเกลียดชังที่มาจากความอิจฉาล้วนๆ
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอแสนดี”ยายสะอาดร้องทักยามเจ้าตัวน้อยเดินเอาจานเปล่ามาล้างข้างๆ
“อิ่มแล้วจ้าแม่”
“อร่อยมั้ย”ยายสะอาดถามเด็กที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกด้วยความใส่ใจ
“อ...อร่อยจ้าแม่”แสนดีจำเป็นต้องปดเพราะถ้าบอกตามความจริงยายสะอาดต้องไปเล่นงานพวกของแมนแล้วแมนก็จะมาเช็คบิลกับแสนดีอีกหน
“อร่อยก็ดี เดี๋ยวเข้าไปหยิบขนมในตะกร้านะแม่เก็บไว้ให้ เอาจานมานี่เถอะเดี๋ยวล้างเองไปแต่งเนื้อแต่งตัวไปโรงเรียนเถอะ”
วันเวลาผ่านไปจากเดือนเป็นปีแสนดีก็ยังคงถูกเด็กวันที่โตกว่ากลั่นแกล้งอยู่เสมอ ถ้าหลวงตาแช่มเห็นพวกแมนก็จะถูกทำโทษ แต่เพราะอยากให้แสนดีเข้ากับเด็กวัดคนอื่นๆได้แสนดีจึงถูกสั่งให้ไปนอนรวมไม่ได้มานอนในกุฏิกับหลวงตาแล้ว
“ไอ้แมน เอ็งเป็นพี่ใหญ่สุดแก่กว่าไอ้แสนดีมันเป็นสิบปีแทนที่จะดูแลน้องกลับรวมหัวกันแกล้งมัน อย่าให้รู้ว่าแกล้งคนเด็กกว่าอีกนะไม่งั้นหลวงตาจะไม่เลี้ยงมึงแล้ว”ตั้งแต่แมนอาศัยอยู่ที่วัดมาครั้งนี้นับเป็นคำขู่ของหลวงตาที่น่ากลัวที่สุด แมนรู้ดีว่าตัวเองโตพอจะออกไปอยู่ด้วยตัวเองได้เพราะปีนี้แมนก็อายุ 18 ปีแล้ว แต่แมนก็ไม่อยากกลับบ้าน พ่อกับแม่ของแมนเป็นพวกขี้เหล้าและติดการพนันสิ่งที่แมนได้พบเจอมาตลอดตั้งแต่เกิดก็คือพอเสียพนันกลับมาก็หาเรื่องทะเลาะทุบตีกับ เมย์พี่สาววัย 15 ปีของแมนในตอนนั้นทนกับสภาพความเป็นอยู่ของที่บ้านไม่ได้จึงหอบเสื้อผ้าหนีตามผู้ชายไปทิ้งแมนในวัย 8 ขวบไว้ให้เผชิญชะตากรรม แมนในตอนนั้นบอกกับแม่ว่าตัวเองอยากจะมาอยู่วัดอยากบวช แม้พ่อกับแม่จะไม่อยากให้มาแต่ในที่สุดแมนก็มากราบหลวงตาขออาศัยข้าวก้นบาตรพระกิน หลวงตาแช่มส่งเสียให้แมนเรียนเหมือนกับที่ส่งเสียแสนดีในตอนนี้ แมนรู้สึกแค่ว่าความสำคัญที่หลวงตาเคยให้กับตนนั้นถูกไอ้เด็กตัวแดงที่โดนมดกัดจนเป็นรอยทั้งตัวดึงไปจนหมด จากที่หลวงตาเคยถามไถ่ให้ความสำคัญมันก็กลายเป็นว่าหลวงตาให้ความรักและความเอ็นดูแสนดีมากกว่าที่แมนเคยได้รับ แมนรู้ว่าแมนสามารถออกไปอยู่เพียงคนเดียวได้แล้วแต่ปัจจัยหลายๆอย่างไม่เอื้ออำนวย ทุกวันนี้แมนได้เรียนหนังสือก็เพราะหลวงตาส่งเสีย ถ้าหากไปอยู่เองแมนก็ไม่มีทุนสำหรับใช้ดำเนินชีวิตทั้งค่ากินค่าอยู่
แสนดีหอบหมอนใบเล็กของตัวเองเดินตามยายสะอาดมาที่เรือนนอนของเด็กวัด ในตอนเช้าที่วัดมีเด็กวัดเยอะนับสิบคนก็จริงแต่มีที่อยู่ประจำที่วัดเพียง 3 คน คือแมน แสนดี และเด็กตัวผอมอายุมากกว่าแสนดี 4-5 ปีชื่อไอ้จ่อย จ่อยก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนแสนดีแต่จ่อยเป็นใบ้ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครคุยกับจ่อยนัก ทั้งสามคนนอนเรียงกันในมุ้งหลังไม่ใหญ่นักมีพัดลมคลายความร้อน 1 ตัว ที่แมนจงใจจะดึงตัวหมุนล็อกให้พัดจ่อแค่ตัวเอง แสนดีน้อยร้อนจนเหงื่อโทรมเรือนผมยาวหยักศกชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แมนนอนตรงกลางโดยที่จ่อยทนความร้อนไม่ไหวออกไปนอนรับลมนอกชาน แสนดีทำได้เพียงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำแล้วมาห่มตัว จนหลับไปในที่สุด แมนมองร่างขาวๆข้างตัวที่หลับสนิทในยามดึกแล้วได้แต่ยิ้มอย่างสะใจ
แสนดียังคงใช้ชีวิตในแต่ละวันแบบเรื่อยๆซ้ำซากเดิมๆ แมนก็ยังคงหาเรื่องแกล้งแสนดีได้ไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนจ่อยก็มีโลกส่วนตัวของตัวเอง มีบ้างที่มานั่งดูแสนดีทำการบ้านถ้าข้อไหนผิดจ่อยก็ช่วยแก้ให้แม้จะพูดจาสื่อสารกันไม่ได้แต่ก็ใช้ภาษากายสื่อสารกัน พอแสนดีเริ่มอ่านหนังสือคล่องก็ใช้วิธีเขียนคุยกันแทน บางครั้งก็แอบนินทาแมนแล้วหัวเราะคิกคักกันสองคนจนแมนเหล่มองอย่างสงสัยก็หลายครั้ง แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือช่วงนี้หลวงตาอาพาธบ่อย หลายครั้งมาโนชพ่อบุญธรรมต้องขับรถพาหลวงตาเข้าเมืองไปหาหมอ หลวงตามียาที่ต้องฉันหลังอาหารกลับมาหอบใหญ่ จากที่เคยไปบิณฑบาตไหวตอนนี้ก็กลายเป็นว่าไปไม่ไหวแล้วเพราะบางวันตัวของหลวงตาก็บวมมาก ที่เห็นได้ชัดคือหลังเท้าของหลวงตาบวมจนใส่รองเท้าไม่ได้
“หลวงตาเป็นโรคไต”ยายสะอาดบอกกับแสนดีที่ตอนนี้อายุได้ 11 ขวบแล้ว เด็กตัวเล็กในวันนั้นบัดนี้สูงขึ้นแต่ก็ยังเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันอยู่ดี แม้จะเป็นลูกครึ่งแต่เหมือนจะเอามาแค่ตาสีฟ้าผมสีบลอนด์และผิวขาวเท่านั้น
“โรคไตคืออะไรเหรอแม่”
“ก็กินเค็มมากๆหรือรสจัดมากๆไตก็เสื่อมไง หลวงตาเป็นระดับ 3 หรือ 4 นี่แหละ มันมี 5 ระดับ เห็นหมอเขาว่ายังงั้นนะ ระดับสุดท้ายก็คือต้องฟอกไต”
“หลวงตาจะหายมั้ยจ๊ะแม่”แสนดีเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ แสนดีในตอนนี้โตพอจะรู้จากการเกิดแก่เจ็บตาย ความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียด้วยเพราะอยู่วัดมาตั้งแต่เกิดตั้งแต่หลวงตาอุ้มมา ผ่านงานศพนับร้อยนับพันงานที่มาตั้งสวด แสนดีเห็นทั้งความโศกเศร้าจากญาติพี่น้อง แต่แสนดีไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งหากแสนดีไม่มีหลวงตาแล้วแสนดีจะต้องรู้สึกยังไง แสนดีหลงลืมไปด้วยอ่อนเยาว์ว่าวันหนึ่งหลวงตาก็ต้องจากไป ยายสะอาดหยุดมือที่กำลังล้างจานชามให้กับงานศพที่มาจ้าง หันมามองแสนดีด้วยสายตาสงสารเจ้าเด็กที่ได้ชื่อว่าเป็นลูก
“ไม่รู้...”ยายสะอาดถอนหายใจก่อนจะหันไปตั้งใจล้างถ้วยชามเต็มกะลังมังอีกครั้ง
“ตอนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอ เอ็งก็คอยดูแลหลวงตาเป็นมือเป็นเท้าให้หลวงตา ท่านใช้ให้ทำอะไรก็อย่าอิดออดรู้มั้ย หลวงตาเป็นห่วงเอ็งมากกลัวว่าวันหนึ่งถ้าท่านไม่อยู่เอ็งจะเอาตัวไม่รอดดูแลตัวเองไม่ได้”
“หนูกลัวหลวงตาตาย”น้ำตาเม็ดโตแกล้งหล่นจากดวงตาของแสนดีลงในกะละมังล้างน้ำเปล่าที่ตัวเองช่วยยายสะอาดล้างอยู่ แสนดีไม่เคยคิดว่าความตายน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนจนกระทั่งมันมาจ่อรออยู่กับคนที่ตัวเองรักและเคารพ
เพราะในโลกของแสนดีมันก็มีแค่หลวงตาที่รักมัน ไม่ว่าจะไปเล่นซน ล้มลุกคลุกคลานกลับมายังไงก็มีหลวงตาคอยทำแผลไปบ่นไปให้กับมันเสมอ ยามไปโรงเรียนก็มานั่งถักเปียให้
ถ้าโลกนี้ไม่มีหลวงตาใครจะทำแผลให้แสนดี
ถ้าโลกนี้ไม่มีหลวงตาใครจะถักเปียให้แสนดี
ถ้าโลกนี้ไม่มีหลวงตาใครจะปกป้องแสนดี
แสนดีไม่รู้เลย...ไม่รู้จริงๆ
อาการหลวงตาแช่มทรงๆทรุดๆ แสนดีคอยวิ่งเข้าวิ่งออกรับใช้หลวงตาไม่ได้ห่าง หากเป็นไปได้แสนดีก็ไม่อยากห่างหลวงตาไปไหน วันไหนอาการดีไม่มีไข้หลวงตาก็ยังลงไปทำวัตรเช้า-เย็นเหมือนเช่นปกติ แต่หากวันไหนอาการแย่ลงหลวงตาก็นอนพักอยู่ในกุฏิ แสนดีไม่อยากไปโรงเรียนเลยถ้าหลวงตาป่วยหนัก หากแต่หลวงตาแช่มก็ไม่ยอมให้แสนดีหยุดเรียนเลยซักครั้ง
“หยุดแล้วหลวงตาจะดีขึ้นเหรอ ไปโรงเรียนยังได้ความรู้”หลวงตาแช่มยังคงตื่นขึ้นมาในตอนเช้านั่งมองพระรูปอื่นออกบิณฑบาตโดยที่แสนดีในตอนนี้เปลี่ยนจากเดินตามหลวงตาไปเดินตามพระรูปอื่นแล้ว ก่อนจะออกในตอนเช้าแสนดีจะวิ่งปร๋อมาหาหลวงตา ก้มกราบพูดคุยพอถึงเวลาก็หิ้วปิ่นโตวิ่งตามพระลูกวัดไปโดยไม่ลืมหันมาบ๊ายบายแล้วยิ้มกว้างจนตาหยีให้หลวงตาทุกครั้ง
แสนดีคือความสดใสเดียวที่หลวงตาอยากให้คงอยู่อย่างนี้ตลอดไป หากจะเปรียบว่าแสนดีเหมือนอะไรหลวงตาก็เปรียบแสนดีเหมือนแสงอรุณรุ่ง สดใสและอบอุ่น หลวงตาแช่มเองใช่ว่าไม่รู้ว่าแสนดีนั้นถูกแมนกลั่นแกล้งรังแก แต่หลวงตาแช่มอยากให้แสนดีดูแลตัวเองได้ หากวันใดสิ้นบุญหลวงตาไปแสนดีจะได้ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง หลวงตาแช่มอาจจะเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับแสนดีได้แค่ในยามนี้ ท่านเองก็รู้ดีว่าชีวิตของตัวเองบัดนี้เหมือนเทียนที่ถูกจุดมานานจนตอนนี้ขี้ผึ้งละลายและไส้เทียนใกล้มอดเต็มที
หากสิ้นบุญหลวงตาไปแล้วแสนดีก็จะไม่เหลือหลักให้เป็นที่พึ่งอีก หลวงตาแช่มนึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่ยกแสนดีให้ครูบัว อย่างน้อยยามหลวงตามรณภาพแสนดียังมีบ้านให้อยู่มีผู้ปกครองดูแล ตอนนี้ครูบัวมีลูกเป็นของตัวเอง 2 คนแล้ว แสนดีในวัย 11 ขวบไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป หลวงตาไม่อยากให้แสนดีจมปลักอยู่กับวัด แสนดีเป็นเด็กดีและเด็กฉลาดถ้ามีใครสนับสนุนเด็กคนนี้น่าจะไปได้ไกลกว่าการเป็นเด็กวัดที่เหมือนแกะดำ แสนดีอาภัพมามากเกินพอแล้วกับชีวิตคนๆหนึ่งที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใครอีกทั้งยังจะถูกทอดทิ้ง ครั้นจะให้เป็นลูกยายสะอาดกับตามาโนชไปตลอดก็คงไม่ได้ หลวงตาสอนแต่เรื่องคุณธรรมแต่ไม่เคยสอนให้แสนดีได้ใช้ชีวิตแบบคนนอกวัดเลย
แสนดียังคงดำเนินชีวิตไปตามปกติ มีเวลาว่างก็จะอยู่กับหลวงตาแทบจะตลอดจนกระทั่งบ่ายของวันเสาร์ วัดป่าที่เคยเงียบเหงาก็ได้รับอาคันตุกะแปลกหน้า คนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาด้วยรถยนต์คันหรูที่แสนดีเคยเห็นแต่ในทีวี หมาวัดส่งเสียงเห่าให้ขรม เด็กวาดที่ถูกสั่งให้มากวาดลานวัดหยุดมองอย่างตื่นตาไม่เว้นแม้แต่แมนที่โตเป็นหนุ่มแล้วก็ตามที
“รถใครวะแม่งโคตรสวยเลย”ไอ้เบียร์ลูกสมุนอันดับหนึ่งของแมนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น เพราะวัดป่าที่ตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองมากรถหรูที่สุดที่เคยเห็นก็แค่วีโก้ของครูใหญ่การได้เห็นรถยนต์แพงๆสวยๆมาจอดที่หน้ากุฏิหลวงตาแช่มตั้งสองคันนั้นจึงเป็นเรื่องเหลือเชื่อเสียเหลือเกิน
“ว้ายตายแล้ว หนูจ๋าใครก็ได้ไล่หมาให้ฉันหน่อย” สตรีดูมีอายุแต่งตัวด้วยชุดที่เป็นผ้าสีเดียวกันทั้งชุดร้องบอกกับเด็กวัด แสนดีทิ้งไม้กวาดแล้วเรียกไอ้ด่างหมาดื้อที่ชอบเห่าไล่ญาติโยมประจำ เด็กน้อยทำเสียงจุ๊ๆแล้วกอดคอหมาตัวใหญ่ไว้
“ตายจริงน้องโปรด มาดูนี่สิ มีลูกครึ่งด้วยหน้าตาน่าเอ็นดู”ผู้หญิงคนนั้นหันกลับเข้าไปร้องบอกกับคนขับรถ แสนดีได้ยินเสียงเปิดประตูรถฝั่งตรงข้าม จากนั้นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าที่มีเค้าของสตรีวัยกลางคนเลิกคิ้วอย่างฉงนที่เห็นเด็กน้อยลูกครึ่งตัวผอมหน้าตาน่าเอ็นดูกอดหมาตัวใหญ่ที่ดูสกปรกอย่างไม่นึกรังเกียจ
ทรงโปรดเดินมาพยุงผู้เป็นมารดาให้ลงจากรถในขณะที่คุณปราณีเองก็อดชมแสนดีอีกครั้งไม่ได้
“หน้าตาผิวพรรณดีจังเลยค่ะ”แสนดียกมือไหว้ทุกคนที่ลงมาจากรถแม้จะไม่รู้จักว่าเป็นใครก็ตาม รถยนต์คันที่ขับมาจอดข้างหลังมีผู้ชายอีกสองคนที่หน้าตาคล้ายๆผู้ชายที่ชื่อทรงโปรด และทั้งหมดสูง สูงมาก สูงแบบที่แสนดีต้องแหงนคอมอง
“หนูจ๊ะ เจ้าอาวาสกับหลวงตาแช่มอยู่มั้ยจ๊ะ”แสนดีละสายตาจากหนุ่มหล่อทั้งสามคนกลับมามองคุณปราณีอีกครั้ง สตรีท่านนี้ยิ้มหวานดูเป็นคนใจเย็นและใจดี แสนดียิ้มตอบก่อนจะชี้ไปที่กุฏิของเจ้าอาวาส
“หลวงพ่อยู่ที่กุฏิครับส่วนหลวงตาแช่มสวดมนต์อยู่เดี๋ยวหนูไปเรียกให้ครับ”แสนดีตอบกลับอย่างฉะฉาน
“งั้นฉันรบกวนไปเรียนหลวงตาแช่มว่าคุณปราณีมาหาจะไปรอที่กุฏิเจ้าอาวาส มาขอฤกษ์บวชคุณทรงโปรดนะคะ”แสนดีชอบน้ำเสียงหวานหูและการพูดเนิบนิ่มของคุณปราณี เด็กน้อยยิ้มรับก่อนจะลูกขึ้นเพื่อไปหาหลวงตาแช่ม แต่ก็ไม่ลืมที่จะลากไอ้ด่างตามไปล่ามที่บันไดกุฏิด้วย เจ้าหมาดื้อส่งเสียงร้องอย่างไม่ชอบใจนัก แสนดีคลานเข้าไปหาหลวงตาแช่มที่นั่งสวดมนต์อยู่หน้าหิ้งพระ
“หลวงตาจ๋า มีคนมาหาจ้า เขาบอกว่าเขาชื่อปราณีจะให้หลวงตาดูฤกษ์บวชให้คนที่ชื่อคุณทรงโปรดจ้า”หลวงตาแช่มลืมตาขึ้นเมื่อไห้ยินชื่อของผู้มาเยือน
“โยมปราณีกับลูกๆมาเรอะ”หันไปถามเพื่อทวนความมั่นใจอีกครั้ง แสนดีน้อยตอบรับเสียงใส
“พยุงตาไปที”หลวงตาแช่มวัย 83 ปี เกาะขอบโต๊ะลุกขึ้นเพื่อเดินไปกุฏิเจ้าอาวาสโดยมีแสนดีคอยพยุงไปอย่างช้าๆ ไอ้ด่างที่ถูกผูกพอเห็นคนก็กระโจนส่งเสียงร้องอ้อนทันทีจนหลวงตาแช่มอดหัวเราะใส่ไม่ได้
“โดนเขาล่ามเรอะ อยู่อย่างนี้ไปก่อนเดี๋ยวไปกวนโยมเขา” ทรงโปรดที่นั่งพับเพียบอยู่ด้านหลังแม่และพี่ชายที่เคยบวชเรียนที่นี่มาก่อนแล้วหันไปมองร่างของคนสองวัยที่ประคับประคองกันมาก็รีบลุกลงไปไหว้หลวงตาแช่มแล้วช่วยประคอง
“โตเป็นหนุ่มตาจำแทบไม่ได้แหนะคุณทรงโปรด”หลวงตาแช่มเอ่ยทักชายหนุ่ม
“ตอนเด็กๆว่าหน้าตาดีแล้วโตมายิ่งหล่อเข้าไปใหญ่”
“หลวงตาชมแบบนี้ผมก็เขินแย่สิครับ”ทรงโปรดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือเสียงหัวเราะ
“แล้วนี่เรียนจบแล้วเรอะถึงมาหาฤกษ์บวช”หลวงตาแช่มก้าวขึ้นบันไดอย่างช้าๆ จนขึ้นมาบนกุฏิเจ้าอาวาส เมื่อนั่งเรียบร้อยทั้งคุณปราณี คุณเปรมลูกชายคนโตที่มีภรรยาและลูกอีกสองคนรวมทั้งคุณป่านลูกชายคนกลางก็ก้มลงกราบหลวงตาแช่มอย่างคุ้นเคย
“ไม่ได้เจอกันนานหลวงน้าเป็นอย่างไรบ้างคะเห็นหลวงพ่อว่าไม่ค่อยสบาย”คุณปราณีเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“โรคคนแก่จะให้แข็งแรงแบบตอนหนุ่มๆก็ไม่ได้หรอกโยม แล้วนั่นโยมเปรมลูกเต้าโตขนาดนี้แล้วเหรอ”หลวงตาหันไปทักคุณเปรมบุตรชายคนโตของคุณปราณี
“โตแล้วครับ ตั้งชื่อตามที่หลวงตาบอกทั้งสองคน”ทั้งหมดพูดคุยกันอีกซักพักโดยที่แสนดีที่คอยเดินดูอยู่ไม่ไกลได้ยินแว่วๆว่าบ้านของคุณปราณีทั้งสามีที่เสียชีวิตไปแล้วรวมทั้งลูกชายคนโตและคนกลางล้วนแต่เคยบวชเรียนที่วัดนี้ทั้งสิ้นเมื่อสึกออกไปแล้วยังส่งเงินมาถวายไม่ได้ขาด รถยนต์ของวัดที่ใช้ขับพาพระไปทำกิจนิมนต์ก็เป็นคุณปราณีที่ถวายมาให้ หลวงตาแช่มเอาวันเดือนปีเกิดของทรงโปรดมาดูก่อนจะบอกฤกษ์บวชให้กับทรงโปรดได้รับทราบ
“ถ้าไม่ติดขัดอะไรวันที่ 15 เดือนหน้าฤกษ์ดีที่สุด ถ้าไม่ทันต้องรอปีหน้าเลย”คุณปราณีหันไปถามความเห็นของทรงโปรดซึ่งชายหนุ่มก็ตอบตกลงเพราะเขาตั้งใจจะบวชให้ผู้เป็นพ่อและแม่อยู่แล้ว หลังบวชเสร็จจะเข้ารับตำแหน่งที่บริษัทอย่างเต็มตัวดังนั้นจึงอยากทำให้มันจบๆไปเสียทีเดียวจะได้ไม่ห่วงหน้าพะวงหลังอะไรอีก
“ถ้าอย่างนั้นก่อนบวชซัก 5 วัน หรือ 7 วันโยมสะดวกจะมาอยู่ที่วัด ถือศีล 8 มาเตรียมตัวให้รู้ว่าเป็นพระต้องปฏิบัติตนอย่างไรมาท่องบนขานนาคก่อนบวชมั้ยล่ะ”คราวนี้ท่านเจ้าอาวาสเป็นฝ่ายถาม
“ได้ครับ ผมไม่ขัดข้องอะไร”
“แล้วโยมปราณีล่ะ เตรียมงานบวชทันมั้ย?”
“ทางอิฉันคุยกันแล้วค่ะ ทรงโปรดอยากให้เป็นงานเล็กๆระหว่างคนในครอบครัวไม่ได้จัดเอิกเกริก ก็แค่เดินวนแล้วเข้าโบสถ์เลยไม่เอาแตรวงอะไรทั้งสิ้น แขกก็มีแค่ญาติพี่น้องเลี้ยงกับข้าวง่ายๆแค่นั้นพอค่ะ”
“อย่างนั้นก็ดีไม่ยุ่งยากวุ่นวายดี”
“หลวงน้าคะ แล้วเด็กลูกครึ่งนั่นลูกเต้าเหล่าใครคะทำไมพ่อแม่ปล่อยมาอยู่ที่วัด หน้าตาน่ารักผิวพรรณก็ดี”
“แม่เขาเอามาวางฝากให้เลี้ยงที่หน้าวัด”หลวงตาแช่มบอกเรียบๆโดยเลี่ยงคำว่าแม่เอาแสนดีมาทิ้ง
“น่าสงสารจังค่ะ เด็กชื่ออะไรคะ อายุเท่าไหร่ทำไมตัวเล็กจัง”
“ชื่อแสนดีปีนี้จะ 12 แล้ว ตัวมันเล็กตอนเด็กๆกินแต่นมกระป๋อง”หลวงตาเล่าเรื่องแสนดีอย่างคร่าวๆเรียกสายตาเห็นอกเห้นใจให้กับเด็กที่นั่งดีดลูกแก้วเล่นที่ลานหน้ากุฏิคนเดียวทั้งหมดอยู่คุยกับหลวงตาแช่มและเจ้าอาวาสอีกราวๆเกือบครึ่งชั่วโมงก็ลากลับเพราะต้องขับรถกลับกรุงเทพอีกหลายชั่วโมง
ทรงโปรดเดินมาหาเด็กผมทองก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินออกมา
“แสนดี”น้ำเสียงนุ่มทุ้มเจือแววใจดีเอ่ยเรียก แสนดีเงยหน้าจากลูกแก้วที่เจียดเงินซื้อมาเล่นคนเดียวมองคุณผู้ชายที่แสนดีมองว่าหล่อด้วยดวงตาใสแจ๋ว
“เก็บไว้กินขนม ฉันให้”ทรงโปรดยื่นธนบัตรใบละ 500 บาท ให้กับแสนดี เด็กชายมีท่าทางลังเลจนทรงโปรดต้องย่อตัวลงนั่งระดับเดียวกันแล้วฉวยมือเล็กที่ดูนุ่มนิ่มขึ้นมาแล้วยัดเงินนั้นใส่มือเด็กชาย
“ฉันไปก่อนนะ เดือนหน้าเจอกัน”ทรงโปรดไม่ได้อยู่รอคำขอบคุณของเด็กตาสีฟ้านั่น เขาลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่รถ ฝุ่นคละคลุ้งจางหายไปพร้อมท้ายรถที่แล่นลิบไปทางทุ่งนากว้างแสนดีน้อยก้มมองแบงค์สีม่วงในมือด้วยหัวใจฟูฟ่อง ส่งยิ้มให้กับมันนึกถึงผู้ชายใจดีคนนั้น
คนที่ชื่อคุณทรงโปรด...
...........................................
-
ตามจ้า สนุกค่ะชอบๆ
-
แค่น้องแสนดีอยู่เฉยๆ ยังไม่ได้พูดกันสักคำ คุณโปรดก็เปย์แล้วนะคะ
:pig4:
-
โห ชอบๆ สงสาร แสนดี คนดีๆ ต้องได้พบสิ่งดีๆแน่นอน มาต่อไวๆ น๊า ติดตามๆ จ้า ล่ะก็ ขอบคุณ
-
โอ้โหหหหห ต้องเรียกเสี่ยทรงโปรดหรือเปล่าคะ เจอหน้าครั้งแรกก็เปย์เลย 555555555
-
:pig2: :pig2: :pig4:
-
:pig4:
:3123:
-
บ่วงคล้องรัก ตอนที่ 3
"ผูกมิตร"
บรรยากาศยามเช้าของวัดป่ายังคงเงียบสงบ แสงตะวันสีทองนวลค่อยๆสาดส่องจากแนวเขาจนสว่างอย่างเชื่องช้า ควันไฟลอยเอื่อยจากโรงครัวที่ยายสะอาดเตรียมอาหารเพื่อถวายพระและเลี้ยงเด็กวัดนับสิบคน บรรดาเด็กวัดที่กลับจากช่วยพระเดินบิณฑบาต และกินข้าวเช้าเสร็จในช่วงสายเริ่มหยิบจับไม้กวาดและอุปกรณ์ทำความสะอาดกวาดลานวัดและบนกุฎิ แสนดีเข้าไปดูหลวงตาจัดการเรื่องข้าวปลาอาหารและยาที่หลวงตาต้องฉันเสร็จแล้วก็ออกมาช่วยพี่ๆทำงานอย่างไม่เกียจคร้าน วันนี้เป็นวันเสาร์แสนดีไม่ต้องไปโรงเรียน เพราะเมื่อคืนมีลมกรรโชกแรงวันนี้งานของเด็กวัดจึงมีเยอะกว่าปกติ กิ่งไม้ที่ก้านเปราะหักโค่นลงมาขวางถนน ใบไม้หลุดร่วงจนหนา ฝนที่ตกลงมาทำให้งานยากกว่าเดิมอีกเท่าตัว แสนดีกวาดกิ่งไม้ใบไม้ไปสุมกันไว้เป็นกองๆ ยิ่งแดดแรงแก้มของแสนดีก็ค่อยๆแกงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อไหลจนชุ่มไรผมสีบลอนด์ทองนั้นจนเปียกลู่ เปียที่มัดไว้หลวมๆดูไม่เป็นทรงเสื้อตัวหลวมโพลกไหลตกไหล่ยามที่แสนดีขยับตัวตลอดเวลาแต่เด็กน้อยก็ไม่ได้สนใจกับมันนัก หากแต่กับใครบางคนไม่ใช่ แมนนั่งมองแสนดีกวาดใบไม้เงียบๆ จ่อยเพื่อนที่เป็นใบ้ของแสนดีเห็นแมนนั่งกระดิกเท้าสบายอยู่คนเดียวก็ทนไม่ไหว
ไม่ยุติธรรมสำกรับเด็กวัย 12 ปี คนอื่นทำงานกันหมดยกเว้นแมนที่ทำตัวเป็นพี่ใหญ่นั่งสบายโดยไม่ทำอะไรเลยทั้งๆที่เป็นเด็กวัดเหมือนกันแท้ๆ จ่อยคว้าเอาไม้กวาดที่วางพิงต้นไม้ใหญ่ไปยืนให้แมน น้ำเสียงอื้ออ้าในลำคอของเด็กใบ้บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจที่ถูกกินแรง แมนมองเด็กวัดรุ่นน้องที่ทำตัวปีนเกลียวใส่ตนเองก่อนจะถุยไม้จิ้มฟันที่คาบไว้ในปากใส่หน้าจ่อยแล้วลุกขึ้นยืนจากนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวร่างจ้อยร่อยของจ่อยก็กระเด็นลงไปกองกับพื้น จ่อยถอยกรูดเมื่อแมนย่างสามขุมเข้ามาหาก่อนจะก้มลงไปกระชากเอาไม้กวาดในมือจ่อยขึ้นมา
“มึงคิดว่ามึงเป็นใครถึงมาสั่งให้กูทำนู่นทำนี่ห๊ะไอ้จ่อย”แมนตะคอกใส่จ่อยแล้วง้างเท้าเตะลงไปตรงสีข้างของเด็กชายจ่อยพวกเด็กวัดตรงพากันถอยกรูดไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยยกเว้นเพียงแสนดีที่วิ่งเข้ามาผลักแมนออกแล้วย่อกายลงไปประคองจ่อยที่นอนงอตัวด้วยความจุก
“ทำจ่อยทำไม”เจ้าตัวเล็กแต่ใจสู้หันมามองหน้าแมนอย่างเอาเรื่อง แมนเห็นสายตาสู้คนของแสนดีแล้วให้นึกหมั่นไส้ จากที่ไม่ชอบขี้หน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่
“ทำไม กูจะทำอะไรกับมันก็ได้ ก็มันเสือกมากวนตีนกูเอง”
“แต่จ่อยเด็กกว่า เป็นผู้ใหญ่ทำไมรังแกเด็ก”แสนดีตะคอกใส่หน้าแมนอย่างไม่ยอมเช่นกัน ในใจของเด็กน้อยรู้สึกขุ่นข้อง
“ในวัดนี้กูใหญ่ที่สุดก็จะตีใครก็ได้รวมทั้งมึงด้วย”แมนไม่พูดเปล่าหากแต่เงื้อมือที่จับด้ามไม้กวาดขึ้นสุดแขนหมายจะฟาดลงไปบนผิวขาวๆของแสนดีให้หายหมั่นไส้หากแต่มันไม่มีโอกาสได้ทำอย่างใจคิดเมื่อมีแรงดึงยึดด้ามไม้กวาดนั้นจากด้านหลัง
“เฮ้ยใครวะ!!”แมนหันหลังกลับไปมองคนที่มาขวางเขาจากทางดานหลังก็พบกับผู้ชายสูงขาวคนที่เคยเจอเมื่อเกือบเดือนก่อน ทรงโปรดยื้อยึดมือของแมนที่พยายามจะกระชากออกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ทำเด็กตัวเล็กๆไม่ละอายใจเหรอ?”
“แล้วมึงมาเลือกอะไรด้วย”แมนจ้องตาตอบอย่างไม่กลัวเกรง ทรงโปรดถอนหายใจชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะปรายตามองไปที่แสนดีกับจ่อยก่อนจะเบนสายตากลับมาจ้องหน้าแมนอีกครั้ง
“คนดีๆเขาไม่ทำกัน”
“แล้วกูบอกมึงเหรอว่ากูเป็นคนดี”แมนตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้าพลางกระชากมือออกอีกครั้งแต่ทรงโปรดทำเพียงยิ้มที่มุมปากน้อยๆพลางมองไปที่แสนดีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยยิ้มจนตาหยีแถมตบมือแปะๆอย่างชอบอกชอบใจ เขาหันกลับมาให้ความสนใจกับแมนที่เริ่มจะดิ้นหลุดจากการเกาะกุมทรงโปรดใช้ความเร็วด้วยการดัดแขนแมนไขว้หลังจนได้ยินเสียงข้อต่อลั่นพร้อมกับเสียงร้องโวยวายด้วยความเจ็บร้าวของแมน
“ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนดี ไปซะอย่าคิดสู้ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกหลวงตาหรือหลวงพ่อเจ้าอาวาสเธอคิดว่าใครกันแน่ที่จะเดือดร้อน”ทรงโปรดผลักแมนจนหน้าทิ่มแล้วจึงเดินไปหาแสนดี แมนได้แต่ฮึดฮัดไม่กล้าทำอะไรทรงโประเพราะมีพระลูกวัดรูปอื่นเดินมาทางนี้พอดีมันจึงได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินหนีไป ทรงโปรดละความสนใจจากแมนหันไปหาเด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มยื่นมือไปตรงหน้าเด็กน้อยจนแสนดีต้องช้อนตาขึ้นมองอย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะวางมือสกปรกของตัวเองลงบนฝ่ามือแสนสะอาดนั้นดีมั้ย
“พาคุณโปรดไปหาหลวงตาหน่อยได้มั้ยครับ?”ทรงโปรดขยับมือเป็นการย้ำเจตนารมณ์ของตนเองแสนดีเห็นดังนั้นจะปฏิเสธก็เกรงใจเด็กน้อยตัวขาวจึงแอบเช็ดมือของตัวเองกับกางเกงที่ไม่ได้สะอาดไปกว่ามือเลยซักนิด ทรงโปรดกลั้นขำกับท่าทางนั้นก่อนเจ้าตัวเล็กนั่นจะวางมือลงบนมือของทรงโปรด ชายหนุ่มอดที่จะหลุบตามองไม่ได้ อายุแค่นี้แต่มือเล็กๆนั้นกลับหยาบกร้าน
ในความคิดของชายหนุ่มนึกสงสัยว่าเด็กตัวแค่นี้ต้องทำงานอะไรบ้างที่ทำให้มือด้านได้ขนาดนี้ ต้องใช้ชีวิตผ่านความยากลำบากอะไรมามากมายซักเพียงไหน หากแสนดีเป็นลูกเป็นหลานของเขา เขาจะไม่ปล่อยให้เด็กที่ยอมเอาตัวเองปกป้องเพื่อน เด็กที่มารยาทน้ำใสใจคอดีแบบนี้ต้องลำบากเลยซักนิด
อดคิดไม่ได้ว่าต้องเป็นพ่อแม่แบบไหนกันนะถึงเอาลูกน่ารักๆแบบเด็กนี่มาทิ้งได้ลงคอ ทรงโปรดหลุดจากภวังค์เมื่อมือเล็กๆนั้นกระตุกเขาเบาๆ รู้ตัวก็มายืนอยู่หน้ากุฏิของหลวงตาแช่มซะแล้ว คุณปราณีและพี่ชายทั้งสองคนของทรงโปรดอยู่บนนั้นแล้วต่างก็หันมามองคนทั้งสองเมื่อไอ้ด่างส่งเสียงเห่าทรงโปรดที่เป็นคนแปลกหน้าไม่หยุดจนแสนดีต้องส่งเสียงดุแล้วเข้าไปลากไอ้หมาตัวโตให้พ้นทาง ทรงโปรดก้มศีรษะให้แสนดีน้อยๆแทนคำขอบคุณแล้วจึงเดินขึ้นไปด้านบน แสนดีเห็นดังนั้นจึงแยกไปอีกทางไม่อยากไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อฟังผู้ใหญ่คุยกัน
ทรงโปรดคลานเข้าไปหาหลวงตาแช่มที่ครั้งนี้ดูชราภาพมากกว่าครั้งที่แล้วไม่มากโขท่านนั่งหลังงอและร่างกายบวมอย่างเห็นได้ชัด
“มาแล้วเรอะ เห็นคุณโยมปราณีบอกว่าไปเดินเล่น”หลวงตาแช่มเอ่ยทักชายหนุ่มที่ก้มลงกราบท่านด้วยน้ำเสียงใจดี
“พอดีขับรถมาไกลครับหลวงตาเลยไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายซักหน่อย”ทรงโปรดขยับมานั่งใกล้ผู้เป็นมารดา อดจะหันไปมองใบไม้ที่ไหวลู่ตามแรงลมอ่อนๆที่พัดพาเอากลิ่นของต้นข้าวในทุ่งนามาให้ได้กลิ่นไม่ได้
ทรงโปรดชอบบรรยากาศแบบนี้ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขาอยู่ในกรุงเทพพบเจอแต่ความวุ่นวายจนน่าเบื่อหน่าย ชายหนุ่มจะผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้เดินทางไปเที่ยวตามต่างจังหวัดหรือต่างประเทศที่มีบรรยากาศเงียบสงบไม่พลุกพล่าน
เมื่อก่อนนี้ตอนเขายังเรียนไม่จบทรงโปรดเคยมีอิสระมากกว่านี้ กิจการในครอบครัวพี่ชายทั้งสองคนช่วยผู้เป็นมารดาสานต่อได้อย่างขยันขันแข็ง ช่วงปิดเทอมทรงโปรดเคยแม้แต่กระทั่งแบกดเป้ใบเดียวแล้วหนีขึ้นไปใช้ชีวิตเป็นครูอาสาบนดอย
“เตรียมตัวมาพร้อมแล้วหรือยัง”หลวงตาแช่มดึงทรงโปรดให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ชายหนุ่มยิ้มและพยักหน้ารับ
“พร้อมแล้วครับหลวงตา ผมเคลียร์งานหมดแล้ว”
“แล้วนี่เตรียมงานไปถึงไหนแล้วล่ะโยมปราณี”
“ก็ไม่มีอะไรมากเจ้าค่ะ เชิญแค่ญาติพี่น้องกับเพื่อนที่สนิทเท่านั้น น้องโปรดเธออยากจัดงานเล็กๆภายในครอบครัวเท่านั้น”คุณปราณีตอบหลวงตาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมโดยที่ลูกชายทั้งสามคนได้แต่แอบมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มด้วยเคยผ่านประสบการณ์บวชลูกชายสองคนมาแล้ว หลวงตาแช่มเองก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอแต่ก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไร
“หลังจากนี้ก็เปลี่ยนมานุ่งขาว เช้าลุกขึ้นมาหัดทำวัตรสวดมนตร์ ตามพระรูปอื่นๆออกไปบิณฑบาต คำขานนาคท่องให้ขึ้นใจ สำรวจกายวาจาใจให้ดี เดี๋ยวให้แสนดีพาไปพักที่กุฏิว่าง ขาดเหลืออะไรก็เรียกใช้มันได้ แสนดีมันคล่อง น่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
“ครับหลวงตา”ทรงโปรดรับคำอย่างว่าง่าย ทั้งหมดอยู่คุยกันอีกซักพักจึงได้ลาหลวงตาเพื่อกลับกรุงเทพ คุณปราณีหันมาดึงมือลูกชายคนเล็กในดวงตาฉายชัดถึงความห่วงใยซึ่งชายหนุ่มก็สัมผัสความรู้สึกนั้นของผู้เป็นแม่ได้
“แม่ครับ ไม่ต้องห่วงผม”ทรงโปรดดึงร่างของผู้เป็นมารดามากอดไว้ถ่ายทอดความอบอุ่นให้ผู้เป็นแม่ลูบหลังหล่อนเบาๆราวกับผู้ใหญ่ที่ปลอบโยนเด็ก
“แม่เป็นห่วง”
“รู้ครับ แต่ผมโตแล้ว อีกอย่างใช่ว่าจะไม่เคยลำบากตอนเรียนที่เมืองนอกผมก็ทำอะไรต่อมิอะไรเองตั้งหลายอย่าง แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”กระชับอ้อมกอดให้ผู้เป็นแม่อุ่นใจก่อนจะผละออก ประจบเอาใจด้วยการหอมแก้มมารดาดังฟอดใหญ่จนคุณปราณีหัวเราะออกมาได้
“ดูแลตัวเองดีๆนะลูกนะ”คุณปราณีลูบศีรษะลูกชายทิ้งท้ายแล้วจึงยืดกายเขย่งเท้าจูบแก้มลูกชายอีกที ทรงโปรดรับประเป๋าเสื้อผ้าที่พี่ชายคนโตยื่นให้ด้วยสีหน้าขำๆในขณะที่พี่ชายคนรองเปิดประตูรถให้ผู้เป็นมารดาเข้าไปนั่งรอ
“เล่นใหญ่อย่างนี้ทุกคน ตอนฉันบวชแม่ก็แบบนี้เลย”เปรมมนัสบอกกับน้องชายด้วยน้ำเสียงขบขับปนเอ็นดูผู้เป็นแม่
“เอาน่า แม่ก็ห่วงแบบนี้ตลอด ฝากดูท่านด้วยนะพี่”
“เออ แกไม่ต้องบอกพวกฉันก็ดูแลแม่อยู่แล้ว แกเองก็เถอะดูแลตัวเองดีๆ หมั่นท่องบทสวดบทขนาดนาคให้ดีอีกอาทิตย์เจอกัน”เปรมมนัสโบกมือลาน้องชายแล้วจึงเดินเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ คุณปราณีมิวายจะเลื่อนกระจกลงมาโบกมือให้ลูกคนเล็กทิ้งท้าย ทรงโปรดยืนมองรถยนต์เคลื่อนออกไปช้าๆเมื่อหันมาก็เห็นเจ้าเด็กผมบลอนด์ตาสีฟ้าจ้องมองตาแป๋ว ถ้าตาไม่ฝาดเขาเห็นเด็กแสนดีอมยิ้มใส่เขาน้อยๆอีกต่างหาก
“ขำอะไรครับ?”แกล้งทำเสียงเย็นใส่เด็ก แสนดีที่พอรู้ว่าตัวเองทำเรื่องเสียมารยาทรีบเอามือปิดปากตัวเองสีหน้าเลิ่กลั่กดวงตากลมเบิกโตกว่าเดิม
“หนูเปล่าขำนะจ๊ะ หนูแค่รู้สึกว่าคุณนายน่ารักดี”
“คุณนาย?”คราวนี้ทรงโปรดเป็นฝ่ายเลิกคิ้วกับสรรพนามที่แสนดีใช้ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อนึกได้ว่าแสนดีหมายถึงใคร
“เรียกซะอย่างกับอยู่ในนิยายเลย คราวหลังเรียกคุณย่าก็ได้ แม่ฉันใจดี ว่าแต่เราชื่ออะไรนะ”ทรงโปรดแสร้งทำหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไม่ทันที่แสนดีจะได้แนะนำตัวเองเลยซักนิด
“อ่อ แสนดีใช่มั้ย ฉันชื่อทรงโปรดนะ เรียกพี่โปรดก็ได้ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ทรงโปรดยื่นมือไปข้างหน้าแต่ทว่าชายหนุ่มก็ต้องหดมือกลับเก้อๆเมื่อแสนดียกมือขึ้นพนมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณโปรด หนูจำชื่อคุณได้ เดี๋ยวหนูพาไปห้องนะครับ”เจ้าเด็กน้อยไม่พูดพร่ำทำเพลงฉวยเอากระเป๋าในมือมาถือจนตัวโยกเพราะความหนักแล้วจึงพาเดินลิ่วๆโดยมีไอ้ด่างคอยกระโจนล้อมหน้าล้อมหลังให้ได้ส่งเสียงเอ็ดไปตลอดทางจนทรงโปรดนึกขำ
ดูท่าว่าการมาเตรียมตัวที่วัดคงจะไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดเสียแล้วกระมัง
(((ต่อด้านล่าง))
.................................................
หายไปนาน ลืมกันหรือยังคะ
ขอโทษที่ไม่ได้มาอัพเลย อย่างที่ทราบว่าเราเอาอาเข้าโรงพยาบาลตลอดสองเดือนคือกันยา-ตุลา เราเข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หลานก็ผลัดกันป่วย จนเดือนที่แล้วอาเราตายจัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จกลายเป็นว่าเราเหนื่อยและไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลยทำให้เปิดเวิร์ดทิ้งไว้เป็นเดือน พิมพ์ได้ทีละนิดละหน่อย
ขอกำลังใจให้เราด้วยคอมเม้นท์กันคนละเม้นท์ได้มั้ยคะ
สัญญาว่าจะกลับมาอัพสม่ำเสมอ
-
ยังไม่ลืมยังรออ่านเรื่องค่ะน้องแสนดีน่ารัก :pig4:
-
น้องแสนดีตอนปกป้องจ่อยเท่จังเลยน้า พอคุณโปรดมาก็กลายเป็นเด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดูไปเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :L1:
:pig4:
-
:pig4:
:3123:
น้องแสนดีน่ารัก
-
น้องน่ารัก :katai2-1:
-
บ่วงคล้องรัก ตอนที่ 3 100%
"ผูกมิตร"
ทรงโปรดนั่งมองแสนดีน้อยหอบเอาที่นอนหมอนมุ้งมาพร้อมกับจ่อยขึ้นมาบนกุฎิอย่างทุลักทุเล ใบหน้าขาวอมชมพูลายพร้อยเพราะเจ้าตัวปะแป้งมาจนแทบจะไม่เห็นผิวเนื้อแท้ไม่ต่างจากเจ้าจ่อยที่เดินตัวเปลือยใส่เพียงกางเกงนักเรียนเก่าๆที่โดนลดฐานะมาเป็นกางเกงนอนแทน เมื่อจัดที่หลับที่นอนให้ว่าที่พระใหม่เสร็จจ่อยกับแสนดีก็ผลุบหายไปทิ้งให้ทรงโปรดนั่งท่องบทสวดมนตร์อยู่เพียงลำพัง บรรยากาศตอนเย็นไม่ร้อนเหมือนเมื่อช่วงบ่าย ลมเย็นๆพัดมาให้รู้สึกตึงผิว มารดาของเขาโทรมาบอกว่าถึงกรุงเทพแล้วเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แล้วก็ถามด้วยความห่วงใยว่าทรงโปรดจะอยู่ได้มั้ย ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ทว่าเจือความหนักแน่นลงไปในน้ำเสียงว่าเขาอยู่และสามารถดูแลตัวเองได้
เขารู้ดีว่าผู้เป็นแม่รักและห่วงเขามาก แต่เขาโตเกินกว่าจะให้แม่มาคอยห่วงใยดูแลแล้ว ชายหนุ่มมองแม่ไก่แจ้ที่มีลูกเล็กๆเป็นฝูงกำลังใช้เท้าคุ้ยเขี่ยอาหารให้ลูกน้อยที่เอาแต่ส่งเสียงร้องไห้เจี๊ยวจ๊าวแล้วก็หลุดยิ้มออกมา
ไม่ว่าคนหรือสัตว์สัญชาติญาณความเป็นแม่สูงทั้งนั้น
แม่ยอมรักและอยากดูแลปกป้องลูกแม้ว่าลูกจะโตซักเพียงไหนก็ตาม
แต่เด็กแสนดีนั่นล่ะ ทั้งๆที่หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดูทำไมคนเป็นแม่ถึงทิ้งได้ลง ทรงโปรดรู้ดีว่าเขาไม่ควรไปสงสัยชีวิตของใคร แต่เขาไม่ค่อยจะเคยเห็นว่าเด็กลูกครึ่งจะถูกเอามาทิ้งวัด
จริงๆไม่ว่าเด็กสัญชาติไหนก็ไม่ควรถูกทิ้งเหมือนหมูเหมือนหมาทั้งนั้น
ทรงโปรดนั่งอ่านบทสวดมนตร์รวมทั้งคำขานนาคจนเกือบสามทุ่มก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาหยุดที่ใต้ถุนตมด้วยเสียงล้างเท้าในอ่างตรงตีนบันไดไม่นานก็ปรากฏร่างขาวอมชมพูเรือนผมสีบลอนด์โผล่เข้ามายิ้มให้เขาจนตาหยี บนไหล่เล็กๆนั่นสะพายย่ามใบเก่าๆมาด้วยหนึ่งใบ ดูจากสภาพแล้วน่าจะผ่านการใช้งานมาแรมปี
“หลวงตาให้แสนดีมานอนเป็นเพื่อนคุณโปรดจ้า” เจ้าเด็กบอกกับทรงโปรดถึงการปรากฏตัวในเวลานี้ ทรงโปรดอดที่จะขมวดคิ้วกับคำเรียกขานของแสนดีไม่ได้ ทั้งๆที่บอกไปแล้วเชียวว่าให้เรียกเขาว่าพี่แต่แสนดีก็ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น
“แสนดีเรียกฉันว่าพี่ก็ได้นะ”ทรงโปรดยังไม่ละความพยายามที่จะให้คนเด็กกว่าเรียกตัวเองว่าพี่หากแต่เจ้าเด็กตาน้ำข้าวกลับถามคำถามที่ไปคนละทางกับที่เขาพูด
“คุณโปรดหิวมั้ยครับ ถ้าหิวแสนดีไปเอาข้าวที่แม่มาให้กินได้นะ หลวงตาบอกว่าคุณโปรดยังไม่ต้องงดอาหารหลังเที่ยงก็ได้”
“ไม่หิวหรอก อยากกินกาแฟมากกว่า”เจ้าแสนดีเลิกคิ้วราวกับแปลกใจ
“กินกาแฟตอนนี้เหรอครับ เดี๋ยวก็นอนไม่หลับหรอก”
“ฉันเคยตัวซะแล้ว กินตั้งแต่สมัยเรียน”
“แล้วแบบนี้คุณโปรดนอนกี่ทุ่มกี่ยามกันครับ แสนดีพอซักสามสี่ทุ่มก็ง่วงแล้ว”เจ้าคนเด็กว่าพลางหาวโชว์เขาเสียทีหนึ่ง ทรงโปรดให้นึกเอ็นดูเจ้าเด็กผมบลอนด์นี้นัก ไม่ว่าจะคำพูดคำจา หน้าตา หรือท่าทางก็น่ามองไปเสียหมด
“ปกติอยู่กรุงเทพฉันนอนดึกน่ะ ต้องเอางานกลับมาทำที่บ้านแต่ตื่นนอน 6 โมงเช้าเป็นเรื่องปกติ”
“แต่อยู่ที่นี่คุณโปรดต้องตื่นตีสี่ครึ่งนะ จะตื่นไหวมั้ยครับ”เจ้าแสนดีน้อยถามเขาด้วยดวงตาใสแจ๋ว
“ไหวสิ ทำไมจะไม่ไหวล่ะ”
“กาแฟค่อยเอาพรุ่งนี้ได้มั้ยเดียวหนูไปดูที่โรงครัวให้ ปกติเวลามีงานศพญาติโยมจะเอากาแฟซองมาเลี้ยงแขกพอเหลือก็ยกให้วัดเอาไว้ให้พระฉัน เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูไปเอามาให้”แสนดีขันอาสาอย่างกระตือรือร้น ทรงโปรดถึงกับโบกมือห้ามเป็นพัลวัน
“ไม่ต้องๆ ของเขาถวายพระ ฉันเอามากินได้ตกนรกตาย ถ้าจะเข้าไปซื้อของในเมืองต้องไปยังไงแสนดีพอจะรู้มั้ย?”
“ปกติถ้าแม่จะเข้าเมืองไปซื้อของเข้าครัวพ่อจะขับรถพาไปห้างครับ ไม่ก็ต้องไปขึ้นรถตอนเช้าที่หน้าร้านค้ายายเล็กหน้าวัด”
“งั้นพรุ่งนี้เราเข้าเมืองกัน”ทรงโปรดบอกกับเด็กตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มๆ แสนดีทำตาโตราวกับเด็กได้ของเล่นที่ถูกใจแต่เพียงครู่เดียวเจ้าเด็กลูกครึ่งก็ทำปากงุ้ยอย่างตัดใจ
“แสนดีต้องอยู่ดูแลหลวงตา”เด็กน้อยตอบเสียงเบา
ไอ้อยากเข้าเมืองก็อยากอยู่หรอกแต่แสนดีไม่อยากทิ้งหลวงตาไปไหนไกลเลย ช่วงนี้สุขภาพของหลวงตาแย่ลงทุกวัน บางวันตัวบวมเท้าบวมมากนวดยังไงก็ไม่หายปวด
“ไปแป๊บเดียวแหละได้ของครบก็กลับ นะ แสนดีไปกับคุณโปรดได้มั้ยครับ คุณโปรดไปเองไม่ถูกหรอก”ทรงโปรดทำน้ำเสียงน่าสงสารแสร้งตีหน้เศร้านิดหนึ่งให้เด็กมันดู แสนดีมองแล้วให้เกิดความสงสารคิดทบทวนชั่งใจอีกครู่จึงยอมพยักหน้าตกลง
“งั้นไปแป๊บเดียวนะครับ”
“ครับ ไปแค่แป๊บเดียว”
ทรงโปรดนอนมองเจ้าเด็กลูกครึ่งที่ไม่ค่อยจะตื่นเต้นกับการจะได้เข้าไปเที่ยวห้างในเมืองเท่าไหร่ ก็แสนดีน่ะวิ่งแจ้นกลับห้องนอนเดิมที่นอนรวมกับจ่อยและแมนหายไปพร้อมไอ้ด่างหมาคู่ใจพักใหญ่แล้วก็กลับมาด้วยเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดในความคิดของแสนดีเป็นเสื้อยืดลายยอดมนุษย์สีแสบๆ กางเกงขาสั้นที่สีเดิมน่าจะขาวกว่านี้แต่ตอนนี้ออกสีน้ำตาลอ่อนๆ และเช่นเดียวกับจ่อย แสนดีใช้รองเท้านักเรียนสีกากีเป็นรองเท้าใส่เที่ยว เมื่อกลับมาก็จัดแจงวางเสื้อผ้าของตัวเองไว้ปลายเท้า จากนั้นก็นั่งหันหน้าเข้าหาหมอนพนมมือสวดมนตร์อยู่พักใหญ่กราบหมอนแล้วล้มตัวลงนอนไม่ถึงสิบนาทีก็หลับปุ๋ยไปเสียดื้อๆทิ้งให้ทรงโปรดนั่งมองเด็กที่บอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเขาไปเสียครึ่งค่อนคืน
ทรงโปรดกำลังรู้สึกทรมาน ถนนดินลูกรังนั้นมีหินที่แหลมกระจัดกระจายเต็มท้องถนน หากตรงไหนเป็นทางเดินดินก็ค่อยยังชั่วหน่อย ชายหนุ่มออกตามพระมาบิณฑบาตตั้งแต่แสงตะวันโผล่พ้นขอบป้า อากาศตอนกลางคืนเย็น น้ำค้างจึงเกาะพราวตามยอดหญ้า ชาวบ้านพาวัวควายออกมากินหญ้า บ้างก็เริ่มตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับใช้ประกอบอาชีพของตน ส่วนมากที่รอตักบาตรพระก็เป็นเหล่าแม่บ้านผู้หญิง มีผู้ชายปะปนบ้างเป็นส่วนน้อย ถ้าไม่ใช่เด็กก็เป็นคนแก่ไปเลย ทรงโประกัดฟันกลั้นความเจ็บปวดโดยมีดวงตาสีฟ้าอมเขียวคอยมองอย่างห่วงใยอยู่ด้านหลัง
คุณทรงโปรดดื้อนัก ทั้งๆที่แสนดีและพระรูปอื่นบอกแล้วแท้ๆว่าให้ใส่รองเท้าออกมาก็ได้ แต่ชายหนุ่มก็ยืนกรานว่าตนจะถอดรองเท้าเดินเหมือนพระเพื่อเป็นการหัดไว้จะได้ชิน แต่พียงแค่เลี้ยวออกจากประตูวัดเจอถนนลูกรังทรงโปรดก็ทำหน้าเบี้ยวจนหมดหล่อเสียแล้ว
“ไหวมั้ยครับคุณโปรด”เจ้าตัวน้อยอดไม่ได้ที่จะเดินไปกระซิบถาม ทรงโปรดก้มลงมายิ้มให้เด็กที่แสดงความห่วงใยเขาอย่างชัดเจน
“ไหว...แต่เจ็บเอาเรื่อง”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่อ้อมค้อม พยายามโหย่งเท้าหนีความแหลมของก้อนหินสีแดงส้ม แต่พอถึงบ้านคนก็ทำเป็นเดินนิ่งอย่างสงบ ใช้เวลาเดินเกือบสองชั่วโมงถึงได้กลับวัด บ้านคนไม่ได้มากหากว่าแต่ละหลังปลูกห่างกันค่อนข้างมากจึงใช้เวลาเดิน บางบ้านเป็นญาติของพระก็หยุดคุยกันบ้างตามประสา ถามถึงงานบุญที่ทางวัดต้องการความช่วยเหลือ
เมื่อกลับมาถึงวัดทรงโปรดก็เห็นแสนดีวิ่งไปเกาะราวบันไดเอ่ยถามอะไรซักอย่างกับหลวงตาแช่มที่จ่อยคอยหยิบจับข้าวของให้ตั้งแต่เช้า ซักพักเจ้าตัวเล็กก็วิ่งปรู้ดหายไปทางโรงครัว เด็กวัดคนอื่นๆที่เริ่มทยอยกลับมาวัดพร้อมพระที่ไปเส้นอื่นเริ่มทยอยกันเอาข้าวของเข้าไปไว้ในโรงครัว กับข้าวนับสิบอย่างถูกถ่ายเทใส่จานชามอย่างคล่องแคล่วโดยที่ยายสะอาดคอยจัดเป็นสำรับๆไว้สำหรับให้พระฉัน ส่วนที่เหลือก็เอาไว้ให้เด็กวัดกินโดนไม่ลืมกันบางส่วนเอาไว้ให้พระฉันตอนเพล เป็นครั้งแรกที่ทรงโปรดได้นั่งกินข้าวร่วมกับพวกเด็กวัด แมนจ้องหน้าทรงโปรดอย่างไม่ชอบใจ เด็กคนอื่นๆที่เคยมูมมามพอมีทรงโปรดมาร่วมวงก็สงบเสงี่ยมขึ้นเพราะรู้ว่าคนนี้กำลังจะมาบวชเป็นพระและรู้จักกับท่านเจ้าอาวาสรวมทั้งหลวงตาแช่มเป็นการส่วนตัว อีกทั้งท่าทีสงบเงียบของทรงโปรดค่อนข้างน่าเกรงขาม พวกเด็กลิงเด็กค่างจึงสงบเพื่อดูท่าที ยายสะอาดคอยเหลือบตามองเป็นระยะๆเมื่อเห็นว่าเด็กๆไม่ได้ออกฤทธิ์ออกเดชอะไรกับว่าที่พระใหม่ก็หิ้วกับข้าวออกไปให้เด็กที่มาขอข้าววัดทุกวัน
“พวกมึงเป็นอะไรกัน ทำไมไม่รีบๆกินให้มันเสร็จๆ อ่าวมึงไอ้ต้น ตักๆเข้าไปสิจะไปเกรงใจใครทำไมพวกมึงอยู่มาก่อน”
“แต่...”เด็กที่ชื่อต้นมีท่าทางลังเลที่จะทำตามที่แมนสั่ง เด็กชายโตกว่าแสนดีเหลือบมองหน้าทรงโปรด แสนดีเองก็อดที่จะเหลือบมองไม่ได้ ทรงโปรดในยามนี้สีหน้าเรียบตึงไม่มีวี่แววคุณโปรดใจดีที่บอกจะพาเขาเข้าเมืองแบบเมื่อคืนเลยซักนิด
ยามยิ้มคุณโปรดดูใจดีมาก แต่ในยามนี้ทรงโปรดกลับดูดุ ดุโดยไม่ต้องแสดงความรู้สึกอะไรผ่านสีหน้าเลยซักนิด แมนเห็นท่าทางของต้นก็ฮึดฮัด เด็กหนุ่มใช้ช้อนของตัวเองจะตักกับข้าวในชามแต่ทรงโปรดก็จับแขนของแมนรั้งไว้ แมนเงยหน้าขึ้นมองทรงโปรดทันที
“จะจับกูทำไม ปล่อยกูจะกินข้าว”
“ช้อนกลาง”ทรงโปรดตอบกลับเรียบๆไม่ได้ปล่อยมือแมนที่พยายามจะตักกับข้าวในชามเมื่อเห็นว่าแมนไม่ยอมก็ออกแรงบีบแขนเด็กหนุ่มให้แรงขึ้นจนแมนรู้สึกเจ็บ
“ทำไมต้องใช้ ปกติพวกกูก็แดกกันแบบนี้ไม่เห็นมีใครดัดจริตใช้ช้อนกลางเลยซักคน”แมนเอ่ยเถียงอย่างไม่ยอม เด็กหนุ่มรู้สึกว่าทรงโปรดกำลังจะเข้ามาทำให้อำนาจของตนเองลดลง
“มันไม่เกี่ยวกับดัดจริตหรือไม่ดัดจริตมันเกี่ยวกับสุขอนามัยที่ทุกคนพึงมี พวกเธอรู้มั้ยโรคติดต่อที่มาจากน้ำลายบางโรคจะทำให้พวกเธอตายได้ถ้านายแมนป่วยเป็นโรคนั้นๆพวกเธอที่กินกับข้าวร่วมกันก็ติดไปด้วยเพราะโรคพวกนี้ติดต่อกันทางน้ำลาย”
“กูไม่ได้ป่วย”แมนเถียงขึ้นมาทันที
“ใครจะไปรู้ นายอาจจะป่วยโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะ หน้าซีดๆนะเราลองไปตรวจเลือดดูบ้างก็ดีนะ ใครอยากจะกินร่วมกับนายแมนก็กินไปเถอะ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่กล้า ไปแสนดี ไปแต่งตัว ฉันจะพาเข้าเมืองไปหาอะไรอร่อยๆกินกันที่ห้างเถอะ”แสนดีทำหน้าเหลอหลาเมื่อทรงโปรดเปลี่ยนจากจับแขนแมนเป็นดึงตัวแสนดีให้ลุกตาม
“ไปแต่งตัวรอนะครับเดี๋ยวคุณโปรดจะไปยืมรถจากพ่อของแสนดี”ทรงโปรดบอกเด็กตัวขาวที่ยังมีสีหน้าตื่นๆ
“แต่มันยังเช้าอยู่เลยนะคุณโปรดห้างยังไม่เปิดหรอก”แสนดีร้องท้วงเพราะนี่เพิ่งจะแปดโมงกว่ากว่าห้างจะเปิดก็ 10 โมงนั่นแหละ
“แค่ให้ไปเตรียมตัวไว้ก่อนน่ะซัก 9 โมงครึ่งเราค่อยไป แสนดีไปแต่งตัวรอเถอะแล้วจะไปอยู่เป็นเพื่อนหลวงตาก่อนก็ไป เดี๋ยวยืมรถเสร็จฉันจะกลับมาท่องบทขานนาคต่อแล้วเราค่อยไปกัน แสนดีหิวข้าวหรือเปล่า ขอโทษนะที่ทำให้ต้องออกมาก่อน ยังไม่ทันได้กินข้าวเลย”
“ไม่หิวหรอกแต่ถ้าหิวเดี๋ยวหนูไปกินข้าวที่บ้านแม่ได้”
“อย่างนั้นก็ดี แต่ถ้าไม่หิวเดี๋ยวคุณโปรดพาไปกินข้าวในห้าง แสนดีอยากกินอะไรคิดไว้เลยนะเดี๋ยวคุณโปรดเลี้ยงเอง”
“แสนดีไม่รู้หรอกครับว่าที่ห้างมีอะไรกิน
“เดี๋ยวไปถึงค่อยเลือกก็ได้ ในห้างมีของกินเยอะแยะเลย อยากกินอะไรคุณโปรดจะซื้อให้”ทรงโปรดบอกอย่างใจดี เจ้าแสนดีน้อยยิ้มจนตาเป็นสระอิ
“คุณโปรดไม่ต้องเลี้ยงแสนดีหรอกครับ แสนดีมีตังค์”เจ้าคนเด็กแสร้งตบกระเป๋าอย่างอวดๆ
“หืม?” มีเงินด้วยเหรอครับ?”
“มีสิ ก็ตอนนั้นคุณโปรดให้แสนดีมาตั้งห้าร้อยแสนดียังไม่ได้ใช้เลยแสนดีเอาไปฝากหลวงตาไว้ เดี๋ยวไปเบิกออกมาก็ได้”แสนดีบอกอย่างอวดๆว่าตนเองนั้นก็มีเงินของตัวเอง ทรงโปรดส่ายหน้าพลางโยกหัวของเด็กน้อยเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ไม่ต้องเบิกมาหรอกครับ ไปกับคุณโปรด คุณโปรดจะปล่อยให้เด็กออกเงินเองได้ยังไง ไปเถอะเดี๋ยว 9 โมงครึ่งคุณโปรดไปเรียก”ชายหนุ่มปล่อยมือจากเรือนผมนุ่มของแสนดีเจ้าเด็กตัวขาวจึงได้แยกไปกุฏิหลวงตาแช่ม พอเก้าโมงครึ่งทรงโปรดก็ขึ้นไปขออนุญาตหลวงตาแช่มพาแสนดีไปในเมือง หลวงตาแช่มพยักหน้าอนุญาตเจ้าเด็กลูกครึ่งจึงได้ขึ้นไปนั่งหน้าแป็นบนรถกระบะของทางวัดที่ทรงโปรดไปยืมมาจากมาโนช รถกระบะสภาพบุโรทั่งวิ่งปุเลงไปบนถนนลูกรังจนเกิดฝุ่นสีแดงสนิมคละคลุ้งก่อนจะตัดขึ้นถนนใหญ่ลาดยางในที่สุดแสนดีดูตื่นเต้นเพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เข้าไปเที่ยวในเมืองยิ่งห้างสรรพสินค้าแสนดีไม่เคยได้ไปเที่ยวเลยซักครั้งที่เคยได้ไปก็เป็นเพียงซุปเปอร์มาเกตหรือร้านสะดวกซื้อเจ้าเด็กตัวขาวจึงเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่มิด ดวงตาสีสวยเป็นประกายยามที่รถเข้ามาจอดในลานจอดรถ ทรงโปรดเดินนำเด็กน้อยเข้ามาในห้าง แสนดีทำไหล่ห่อเมื่อความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเข้ามากระทบผิวจนขนลุก ทรงโปรดพาแสนดีเดินดูร้านอาหารคอยสอบถามว่าแสนดีอยากกินอะไรแต่เจ้าคนเด็กก็เอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมเลือกร้านไหนซักทีจนอดจะแปลกใจไม่ได้
“ทำไมไม่เลือกล่ะแสนดีไม่หิวเหรอ”
“หิวครับ แต่...”แสนดีเหลือบตามองพนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดร้านหนึ่งที่ยืมมองมาที่ทั้งคู่สีหน้ายิ้มๆจนเจ้าตัวต้องทำเสียงกระซิบกระซาบ
“ราคาแพงมากเลยครับ ไก่ทอดตลาดนัดที่วัดเพิ่งจะชิ้นละ 20-30 เอง แต่ที่นี่ราคาเป็นร้อยเลย เปลืองเงินคุณโปรดเราออกไปหาก๋วยเตี๋ยวข้างนอกกินก็ได้ครับ”เป็นอีกครั้งที่ความใสซื่อของแสนดีทำเอาทรงโปรดหัวเราะจนเต็มเสียง
เขาไม่ได้หัวเราะเพราะความด้อยโอกาสที่แม้แต่ของที่เด็กในเมืองหรือเด็กในกรุงเทพส่วนมากเห็นเป็นแค่ของกินเล่นที่ราคาธรรมดาแต่แสนดีกลับมองว่ามันเป็นของราคาแพงที่หากว่าตนเองเลือกจะกลายเป็นการรบกวนเขา
ทรงโปรดเคยเจอแต่เด็กที่รบเร้าอยากจะกินนั่นกินนี่ไม่เว้นแม้แต่หลานๆ ของเขาเองแต่นั่นเป็นเพราะว่าครอบครัวของเขามั่งมีจนคิดว่าอาหารพวกนี้ราคาถูกสามารถซื้อให้ลูกหลานกินเมื่อไหร่ก็ได้
มองดวงตาระยิบระยับคู่สวยก็รู้ว่าแสนดีให้ความสนใจกับร้านไก่ทอดชื่อดัง ทรงโปรดไม่รู้หรอกว่าแสนดีอยากกินเองหรือเป็นเพราะเคยเห็นโฆษณาในทีวีหรือเพราะเพื่อนในห้องเคยเอามาพูดโอ้อวดแต่ชายหนุ่มก็ดันหลังเล็กๆนั่นให้เข้าไปในร้านจนได้
หากแสนดีเป็นเด็กที่ขาดโอกาส เขาจะมอบโอกาสนั้นให้เด็กคนนี้เอง แม้จะเป็นเพียงโอกาสที่แสนเล็กน้อยบนโลกใบใหญ่ก็ตามที
.............................................
ขออนุญาตขึ้น คห.ใหม่เพราะลองเอาต่ออันเก่าแล้วมันเกินค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและรอเรื่องนี้นะคะ
-
คุณโปรด ดูละมุนมาก~
-
รู้สึกเหมือนได้เล่นเกมตามหา Easter egg ยังไงไม่รู้ ทั้งๆที่จริงๆแล้วคุณว่านอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ล่ะ แต่งานคุณว่านที่ผ่านๆมา (เท่าที่เราเคยอ่าน) จะเกี่ยวกับอาหารหรือเรื่องทำครัวแทรกจนเรานึกเล่นๆว่าเรื่องนี้จะมีอะไรที่เกี่ยวกับของกิน อาหารบ้างนะ นี่มีตั้งแต่ป้าสะอาดเป็นแม่ครัวของวัด ไหนจะแทรกเรื่องการใช้ช้อนกลางตอนกินอาหารร่วมกับคนอื่นในตอนนี้อีก แง ทับใจมาก สนุกด้วยที่ได้ตามหา easter egg :katai2-1:
-
:pig4:
:กอด1:
-
:pig4: :pig4:
-
ตอนที่ 4 ((50%))
แสนดีมองทรงโปรดที่เลือกเสื้อผ้าด้วยสายตาอยากจะห้ามแต่ห้ามไม่ได้
จริงๆห้ามไปแล้วแต่คุณทรงโปรดไม่ฟังเด็กน้อยเลย หลังจากกินไก่ทอดพร้อมกับสั่งไปฝากเด็กวัดคนอื่นๆแล้วทรงโปรดก็พาแสนดีแวะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่อีก 2-3 ชุด เป็นเสื้อผ้าที่ดูดีจนแสนดียังนึกไม่ออกเลยซักนิดว่าตัวเองจะใส่มันเนื่องในโอกาสอะไรเพราะปกติก็ใส่แค่ชุดนักเรียนกับเสื้อกางเกงที่หลวงตาซื้อให้บ้างครูบัวเองของที่มีคนบริจาคมาให้บ้างก็ใส่วนๆซ้ำๆกัน ส่วนชุดที่คุณทรงโปรดซื้อให้ทั้งหรูและแพงขืนแสนดีใส่ไปกวาดลานวัดไอ้ด่างคงไล่เห่าไล่กัดซะล่ะมั้ง คุณทรงโปรดยังไม่ลืมที่จะซื้อไปฝากจ่อยอีกหนึ่งชุดและเลือกเสื้อยีนส์ตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว พอจ่ายเงินเสร็จก็พาแสนดีเข้ามาในซุปเปอร์มาเกตชายหนุ่มเข็นรถโดยมีแสนดีเดินตามแล้วหยิบสินค้าชิ้นนู้นชิ้นนี้เข้ารถเข็นมาเรื่อยๆเริ่มตั้งแต่กาแฟยี่ห้อที่แสนดีไม่เคยเห็น ปกติก็คุ้นตาเฉพาะกาแฟที่เห็นทั่วไปในโฆษณาทีวีแต่ที่ทรงโปรดหยิบนั้นทั้งแพงและแปลกใหม่ ทรงโปรดซื้อโอวัลตินถุงใหญ่อีก 2-3 ถุง ครีมเทียม นมข้นหวาน น้ำตาลก้อนใส่ไปอีกหลายกล่อง พอเห็นเจ้าเด็กตาฟ้ามองอย่างสงสัยก็หันมาบอกราวรู้ใจ
“โอวัลตินซื้อไว้ให้พวกเด็กๆชงกิน ส่วนกาแฟซื้อไปถวายพระในวัด”
“น้ำตาลทรายที่ครัวก็มีนะครับ”แสนดีมองกล่องน้ำตาลก้อนแล้วบอกด้วยความหวังดี
“แต่น้ำตาลก้อนมันสะดวกไม่ต้องตักให้หก จะใส่กี่ก้อนก็หยิบใส่แก้วได้เลยสะดวกกว่า”ทรงโปรดให้เหตุผลที่ทำให้แสนดีจำเป็นต้องเงียบอย่างขี้เกียจจะเถียง
น้ำตาลอะไรมันก็ใช้ได้เหมือนกันแหละ
ทรงโปรดเข็นรถเข็นที่ยิ่งเข็นนานของในรถเข็นก็ยิ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลาในห้างสรรพสินค้าจนถึงบ่ายสองก็พากันกลับมาที่วัด ทรงโปรดเรียกเด็กๆให้มาช่วยกันขนของบางส่วนถูกนำไปไว้ในโรงครัว ยายสะอาดยิ้มจนหน้าบานเมื่อเห็นข้าวของเครื่องใช้เครื่องปรุงดีๆ บางอย่างก็ไม่เคยใช้ไม่เคยเห็นยี่ห้อนั้นเลยด้วยซ้ำแถมทรงโปรดยังใจดีซื้อไก่ทอดมาให้ยายสะอาดกล่องใหญ่พวกชากาแฟรวมทั้งขนมขบเคี้ยวสำหรับถวายพระทรงโปรดแยกไว้ให้อีกส่วนหนึ่ง ผลไม้นอกราคาแพงถูกแบ่งแล้วแช่ตู้เย็นไว้สำหรับถวายพระกับแบ่งกันกินสำหรับลูกวัด หลังจากเด็กๆช่วยกันยกของเสร็จเรียบร้อยแล้วแสนดีก็ให้พวกเด็กวัดมายกถุงที่บรรจุไก่ทอดที่ทรงโปรดซื้อมาฝาก เด็กที่คุ้นชินกับโครงไก่เสียบไม้ย่างสีแดงจัดหน้าวัดแสดงอาการตื่นเต้นกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นที่ห่างไกลตัวเมืองหลายสิบกิโลเมตร และด้วยฐานะที่ยากจนไม่มีใครเคยกินไก่ทอดเจ้าดังนี้
“ขอบคุณคุณโปรดก่อน”แสนดีบอกกับเด็กวัดที่พากันกรูมาเตรียมจะหยิบไก่ในกล่องเด็กๆส่งเสียงขอบคุณครับกันให้ลั่นไปหมด เวลาไม่ดื้อไม่ซนเวลาเชื่อฟังทรงโปรดก็รู้สึกว่าเด็กพวกนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ทรงโปรดกวาดตามองหาแมนแต่ก็ไม่เห็น
“แสนดี”เอ่ยเรียกเจ้าเด็กผมบลอนด์ที่กำลังใช้ภาษามือง่ายๆคุยกับจ่อย
“ครับ?”
“เก็บไว้ให้แมนซักสองชิ้น”แสนดีเบะปากใส่ทันที
“เก็บให้มันทำไมอ่ะ มันนิสัยไม่ดีคุณโปรดก็รู้”
“แบ่งเถอะ ผูกมิตรกันไว้เขาจะได้เลิกหาเรื่องกัน”
“เชื่อเถอะมันไม่สำนึกบุญคุณของคุณโปรดหรอก”ปากบ่นแต่ก็ยอมหยิบไก่ทอดเก็บไว้ให้แมนสองชิ้นตามที่ทรงโปรดบอก ทรงโปรดหิ้วข้าวของที่ซื้อมาขึ้นกุฏิของตัวเองโดยมีแสนดีเดินตามมาหลังจากเอาไก่ทอดไปให้แมนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“หนูบอกแล้วว่าไม่ต้องให้มันก็ไม่เชื่อ”เจ้าตาฟ้าบ่นอุบทิ้งตัวนั่งลงบนชานเรือน
“เขาทำอะไรกลับมาอีกล่ะ? ไหนบอกคุณโปรดซิ”
“ก็ไอ้แมนมันเอาถุงไก่เขวี้ยงหัวหนูมาเนี่ย”แสนดีค้อนลมค้อนแล้งแล้วตวัดตามาค้อนทรงโปรดเสียทีหนึ่ง
น่ารักดีแฮะ ขนาดโกรธยังน่ารัก ทรงโปรดโคลงหัวเจ้าเด็กที่กำลังฟึดฟัดเล่นเบาๆ
“คุณโปรดขอโทษได้มั้ยครับ”เสียงทุ้มเอ่ยปากขอโทษคนเด็กกว่าที่ทำให้แสนดีต้องโดนแมนรังแก
“คุณโปรดจะมาขอโทษแสนดีทำไมครับ แสนดีไม่ได้โกรธคุณโปรดซักหน่อย ไอ้แมนนู่นที่ต้องขอโทษแสนดี”
“เอาเถอะๆ เอาเป็นว่าคุณโปรดขอโทษแสนดีแทนแมนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวของกองนี้แสนดีเอาไปถวายหลวงตาแช่มนะ คุณโปรดนะท่องบทขานนาคซักพัก เย็นๆจะไปช่วยกวาดลานวัด”แสนดีรับคำแล้วลุกขึ้นหิ้วถุงที่ทรงโปรดแยกไว้สำหรับหลวงตาแช่มวิ่งปร๋อตรงไปที่กุฏิของหลวงตาโดยมีไอ้ด่างหมาวัดวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังตามไปติดๆ ทรงโปรดหยิบเอาหยังสือบบทสวดมนต์ออกมานั่งท่องอย่างตั้งใจ
แสนดีหิ้วถุงของพะรุงพะรังพลางเอ็ดไอ้ด่างที่กระโจนใส่ตลอดทางจนกระทั่งถึงกุฏิของหลวงตาแช่ม หลวงตาจำวัดอยู่ในนั้นมีเพียงพัดลมตั้งโต๊ะที่เปิดเบาๆไล่อากาศร้อน
“กลับมาแล้วเรอะแสนดี”
“กลับมาแล้วจ้าหลวงตา”แสนดีคลานเข่าเข้าไปหาหลวงตาแล้ววางถุงของที่ทรงโปรดซื้อแยกให้หลวงตาโดยเฉพาะ
“อันนี้คุณโปรดซื้อมาถวายหลวงตาจ้า คุณโปรดแยกไว้ต่างหากบอกว่าหลวงตาฉันแบบพระรูปอื่นไม่ได้ อันนี้องุ่นกับชมพู่หลวงตาต้องฉันอาหารที่เหมาะกับโรคนะจ๊ะ คุณโปรดซื้อปลากับไข่แล้วก็อกไก่ไปไว้ที่ครัวเอาไว้ทำให้หลวงตาฉันโดยเฉพาะ”
“ซื้อมาทำไมให้ยุ่งยากสิ้นเปลือง แล้วเราล่ะได้อะไรมาบ้าง”หลวงตาพยุงกายขึ้นนั่งโดยมีแสนดีช่วยประคอง เด็กน้อยรีบนั่งบีบเฟ้นแข้งขาให้หลวงตาอย่างเคยชิน ปากเล็กก็เจื้อยแจ้วบอกเล่าเรื่องราวที่ได้ไปทำกับคุณโปรดมาวันนี้ เล่าแม้กระทั่งถูกแมนเขวี้ยงถุงไก่ทอดใส่หัว หลวงตาหัวเราะหึหึอย่างเห็นเป็นเรื่องขำจนเจ้าเด็กหัวทองทำปากคว่ำใส่ไปเสียทีหนึ่ง
“เขาใจดีมากใช่มั้ยแสนดี”
“ใจดีจ้า พูดก็เพราะ แต่เวลาดุก็ดูดุ๊ดุนะจ๊ะ แต่ถ้าไม่ทำตัวเกเรคุณโปรดก็คงไม่ดุ”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว แล้วแสนดีชอบอยู่กับคุณเขามั้ยล่ะ”
“ชอบจ้า คุณโปรดเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟังเพลินดี วันนี้ยังซื้อเสื้อผ้าให้หูตั้งหลายชุด แกว่าเอาไว้ใส่ไปเที่ยว หนูก็ว่าหนูอยู่แต่วัดกับโรงเรียนจะให้แต่งตัวดีๆไปไหน แกก็ว่างั้นแต่งชุดที่แกซื้อให้วันงานก็แล้วกัน”
“ก็ดีแล้ว จะได้มีเสื้อผ้าใหม่ๆใส่บ้าง เอาล่ะตาหายเมื่อยแล้ว เอ็งไปพักเถอะ ตาจะนอนอีกซักงีบแล้วค่อยทำวัตรเย็น”หลวงตาแช่มเอนกายลงนอนอีกครั้ง แสนดีกราบลาหลวงตาหับประตูห้องให้แล้วก็วิ่งปร๋อไปเล่นกับจ่อย
วันเวลาในการมาฝึกสวดมนต์และเตรียมบวชของทรงโปรดผ่านพ้นไปจนกระทั่งถึงกำหนด ก่อนวันงานหนึ่งวันโต๊ะเก้าอี้ถูกนำมาจัดวางจนแน่นสนามหญ้าหน้าโบสถ์ คุณเปรมและคุณป่านในชุดลำลองก็ช่วยคนงานยกของไม่ได้หยุด ยายสะอาดถูกจ้างให้เป็นแม่ครัวใหญ่โดยที่มีภรรยาของคุณเปรมและแฟนสาวของคุณป่านคอยหยิบจับเป็นลูกมือ ลูกๆของคุณเปรมคือน้องธีร์กับธัญญ่านั่งเล่นอยู่ในศาลาวัด ญาติๆของทรงโปรดรวมทั้งพนักงานบริษัทนั่งเตรียมของที่จะใช้แห่นาคเข้าโบสถ์อยู่ไม่ไกล คุณปราณีเป็นประธานอยู่กลางวงหยิบจับข้าวของอย่างคล่องแคล่วโดยมีแสนดีคอยวิ่งช่วยตรงนู้นทีตรงนี้ที
รุ่งเช้าพิธีการต่างๆผ่านไปด้วยดีพอมาถึงช่วงที่ปลงผมคุณปราณีถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พี่ชายทั้งสองและญาติรวมทั้งเพื่อนฝูงที่ตามมาสมทบในตอนเช้ามืดผลัดกันขลิบผมให้นาคทีละนิดละหน่อยบ้างพูดจาหยอกล้ออย่างสนิทสนม บ้างน้ำหูน้ำตาไหลด้วยความปลื้มใจ ส่วนเด็กวัดอิ่มแปล้ทั้งคาวทั้งหวานแถมยังมีไอศกรีมอร่อยๆมาเลี้ยงให้ได้ตักกินกันไม่อั้น มองจากจำนวนแขกเหรื่อแล้วแสนดีก็ไม่เห็นจะเข้าใจคำว่างานเล็กๆในครอบครัวของคุณปราณีเลยซักนิด เพราะแขกที่เดินไปเดินมาขวักไขว่นี้กะจากสายตาก็ประมาณ 200 คนเห็นจะได้
พิธีแห่นาคเข้าโบสถ์ของคุณโปรดทำให้แสนดีงงเข้าไปอีกเพราะปกติงานแห่นาคนั้นเป็นงานที่เด็กๆรอคอย มันมีทั้งความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ แตรวงจะประโคมแต่เพลงสนุกๆ นางรำจะยักย้ายส่ายสะโพกออกลีลาแข่งกัน บางคนก็ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาบ้างก็ส่งเสียงกรีดร้องสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ร่วมขบวน
แต่งานของทรงโปรดกลับไม่มีบรรยากาศเหล่านั้นเลย คุณทรงโปรดไม่ได้ขี่คอคออื่นวนรอบโบสถ์หากแต่เดินเท้าเปล่าด้วยตัวเองด้วยท่าทีสงบ บรรดาญาติที่ถือเครื่องอัฐบริขารก็สงบเช่นเดียวกันหากแต่ทุกคนกลับมีสีหน้าอิ่มเอมใจ คุณปราณีจ้างช่างภาพฝีมือดีมาจากกรุงเทพเขามีลูกน้องอีก 2-3 คนคอยเก็บภาพและวีดีโอและมีโดรนบินเก็บภาพมุมสูงอีกด้วย
เมื่อถึงเวลาที่จะโปรยทาน เหรียญที่ถูกพับใส่ในริบบิ้นเป็นรูปดอกไม้ก็ถูกโปรยให้ญาติๆ บรรดาเด็กวัดต่างสนุกสนานกับการเก็บเหรียญมาก มันเหมือนฝนห่าใหญ่ที่โปรยลงมาไม่หยุด แสนดีก็เป็นหนึ่งในนั้น เจ้าเด็กลูกครึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาโดดเด่นกว่าใครคอยไล่เก็บเหรียญที่กระเด็นตกห่างจากคนอื่น ด้วยเพราะตัวเล็กอีกทั้งเคยโดนเหยียบจนนิ้วเคล็ดไปหลายวันจากงานก่อน ทรงโปรดยื่นดอกไม้ดอกใหญ่ที่สุดในกระจาดให้เพื่อนพลางบุ้ยปากไปที่แสนดี
“ฝากหน่อย”ทรงโปรดบอกกับเพื่อนก่อนจะเข้าไปทำพิธีในโบสถ์ นานนับชั่วโมงในที่สุดนาคก็เป็นพระใหม่เต็มตัว เมื่อออกไปแต่งตัวครองจีวรกลับเข้ามาในโบสถ์เสียงประโคมกลองรับพระใหม่ดังขึ้นคุณปราณีก็ยิ้มทั้งน้ำตา ด้วยว่าพระใหม่ยามครองจีวรนั้นผิวกายเปล่งปลั่งขับรับกับสีจีรวรที่ครอง ท่าทางสำรวมที่มองมาหาโยมแม่นั้นติดตรึงในหัวใจจนเกินจะเอ่ย
“งามเหลือเกินค่ะพระ”คุณปราณีก้มลงกราบชายผ้าเหลืองของลูกชายด้วยหัวใจเปี่ยมปิติ
.....................................
สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วววววววว สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้านะคะ
#บ่วงคล้องรัก
-
รอจ้า
-
((ต่อ))
หลังจากทำพิธีในโบสถ์เสร็จแล้วทั้งพระเก่าและพระใหม่ก็ลงศาลาไปฉันเพลด้วยอาหารที่บรรดาพนักงานในบริษัทอีกทั้งญาติๆเพื่อนฝูงของคุณปราณีช่วยกันทำ บางอย่างก็สั่งมาจากร้านอาหาร พระโปรดกับประเคนภัตราหารที่ครอบครัวถวายด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่หลุกหลิกวอกแวก แต่ระหว่างที่ฉันก็มองหาแสนดีเมื่อไม่เห็นเจ้าตัวน้อยก็เข้าใจได้ว่าแสนดีน่าจะไปกุฏิหลวงตาแช่มเพื่อจัดการอาหารและยาให้กับหลวงตา เมื่อพระฉันเพลเสร็จแล้วล่ำลาพระใหม่เรียบร้อยบรรดาพนักงานและญาติที่ไม่สนิทก็ลากลับ อาหารที่เหลือจากถวายพระคุณปราณีให้ชาวบ้านตักใส่ถุงกลับไปกินที่บ้านกันให้หมด ชาวบ้านที่ฐานะยากจนมาช่วยงานเพราะยายสะอาดไปบอกไว้ต่างขอบคุณแล้วเอาถุงตักกับข้าวไปคนละหลายถุงใหญ่ๆ
“กินหมดเหรอจ๊ะ?”คุณปราณีเอ่ยถามยายแก่ๆคนหนึ่งที่ตักกับข้าวไป 4-5 ถุงโตๆด้วยสีหน้ามีรอยยิ้ม
“กินไม่หมดก็แช่ตู้เย็นหรือไม่ก็อุ่นกินได้หลายมื้อค่ะคุณนาย”ยายตอบด้วยสีหน้าอายๆที่เจ้าของงานถาม กลัวว่าจะโดนตำหนิ แต่คุณปราณีกลับหันไปบอกกับคนรับใช้ที่ตามมาด้วยว่าให้หยิบผลไม้ในลังน้ำแข็งที่แช่ไว้มาแจกชาวบ้านด้วย
“ถ้ากินหมดก็เอาไปเยอะๆเลยจ้า เอาไปฝากบ้านข้างๆด้วยก็ได้ ขอบคุณที่มาช่วยงานพระโปรดนะคะ ยังไงก็ฝากท่านด้วยนะคะ”ไม่พูดเปล่าคุณปราณียังยกมือไหว้ขอบคุณแล้วจึงหยิบธนบัตรใบละ 500 แจกทุกคนที่มาช่วยงาน หลังจากนั้นก็เป็นที่พูดกันปากต่อปากไปหลายวันว่าแม่ของพระใหม่ที่มาบวชใจดีมาก
“โยมแม่ กลับไปพักผ่อนเถอะครับ ทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”หลังจากที่ข้าวของเครื่องใช้ถูกเช็คจำนวนเก็บคืนวัดจนเรียบร้อย บริเวณวัดถูกช่วยกันทำความสะอาดโดยเด็กวัดที่พากันทำอย่างขะมักเขม้นเพราะอยากได้เงิน พระทรงโปรดก็บอกให้ผู้เป็นแม่กลับไปพักผ่อน คุณปราณีที่ถึงแม้จะมีท่าทางอิดโรยแต่ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มสองลูกชายคนเล็กด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบ
“ถ้าพ่อมาเห็นพ่อคงปลื้มใจนะคะ”
“ผมเชื่อว่าพ่อจะรับรู้ครับแม่”คุณเปรมจับมือผู้เป็นแม่บีบเบาๆ
“บุญกุศลครั้งนี้อาตมายกให้โยมพ่อโยมแม่ทั้งหมดนะครับ”
“ชื่นใจเหลือเกินค่ะ เดี๋ยวแม่กลับก่อนนะคะพรุ่งนี้จะมาตักบาตรแต่เช้า สายๆก็จะกลับกรุงเทพแล้ว พระต้องดูแลตัวเองดีๆนะคะ มีอะไรก็โทรไปหาแม่กับพี่ๆได้ตลอดนะคะ”
“กลับดีๆนะครับ พระคงไปส่งไม่ได้”พระทรงโปรดยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ คุณปราณี คุณเปรมคุณป่านรวมทั้งพี่สะใภ้และหลานๆกราบลาพระแล้วพากันกลับไปที่โรงแรมที่เช่าไว้ในตัวเมือง ส่วนพระโปรดก็ทำกิจแบบพระรูปอื่นๆ ตกเย็นก็ไปช่วยเด็กวัดกวาดลานวัดพอถึงเวลาก็เข้าไปทำวัตรเย็นในโบสถ์ เสร็จแล้วจึงกลับเข้ากุฏิของตัวเอง แสนดีนั่งหน้าขาวเป็นดวงเป็นด่างจากแป้งเย็นที่แปะๆลงบนแก้มตัวเอง บางจุดโปะหนาพอแป้งแข็งตัวก็ลอกเป็นแผ่นแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจเศษแป้งที่ร่วงกราวจากแก้มเปล่งๆของตัวเอง มือก็เขียนการบ้านยิกๆ
“มาเร่งทำเอาตอนนี้จะเสร็จกี่ทุ่มแสนดี”อดถามคนเด็กที่ดองการบ้านไม่ทำให้เสร็จตั้งแต่วันศุกร์เอาแต่วิ่งไปวิ่งมาช่วยงานบวชของเขา แสนดีหันมายิ้มแหยให้ยิ่งทำให้แป้งที่แก้มร่วงกราวจนพระทรงโปรดต้องหันไปเสียอีกทางกลั้นขำจนตัวสั่น สูดหายใจลึกๆแล้วจึงหันกลับมาหาแสนดีอีกรอบ
“คุณโปรด เอ้ย หลวงพี่สอนการบ้านข้อนี้ทีได้มั้ยครับ แสนดีไม่เข้าใจโจทย์”แสนดีขยับตัวดุ๊กๆเข้ามาหาพระทรงโปรด พระหนุ่มหยิบเอาหนังสือคณิตศาสตร์ของแสนดีไปดูก่อนจะค่อยๆสอนอย่างใจเย็น นานนับชั่วโมงในที่สุดการบ้านเลขที่แสนดีว่ายากนักยากหนาก็เสร็จ แสนดีปิดสมุดและหนังสือลงแล้วก้มลงกราบสามหนก่อนจะเก็บลงกระเป๋านักเรียนเป็นภาพที่ทำให้พระทรงโปรดยิ้มอย่างเอ็นดูเจ้าเด็กลูกครึ่งที่กลายมาเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ
รุ่งเช้าเมื่อได้ยินเสียงไก่ขันรวมทั้งเสียงย่ำกลองพระทรงโปรดก็ตื่นแล้วเก็บที่หลับที่นอนก่อนจะครองจีวร ไปนั่งสมาธิในโบสถ์ตอนตีสี่พอตีห้าก็ทำวัตรเช้าเมื่อแสงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าพระทรงโปรดก็ออกเดินบิณฑบาตตามพระองค์อื่นไปโดยมีพระที่ชราภาพที่สุดเดินนำหน้า เช้านี้แสนดีน้องทำหน้าที่หิ้วปิ่นโตเดินตามพระทั้งสามรูปไปอย่างเงียบๆเช่นเคย คุณปราณีมารอใส่บาตรที่หน้าวัดรวมทั้งลูกๆและหลานๆตามที่บอกไว้ พระทรงโปรดยังคงครองตัวสงบนิ่งเช่นเดิม เมื่อเสร็จแล้วก็เดินตามพระองค์อื่นไป ระหว่างทางมีชาวบ้านออกมาตักบาตรเช่นทุกวัน บางคนก็เอ่ยทักทายพระใหม่บ้างก็ชมว่าพระให้หล่อ บาตรเริ่มหนักขึ้นทุกที บางบ้านก็ใส่ข้าวที่เพิ่งจะหุงเสร็จเล่นเอาร้อนจี๋แต่ก็อดทนเดินตามมาเรื่อยๆ
“หลวงพี่ หมุนบาตรสิ หมุนไปทางนู้นทีทางนี้ทีจะได้ไม่ร้อน”แสนดีเดินมากระซิบใกล้ๆ เมื่อลองทำตามก็พอทุเลาความร้อนไปได้ พระทั้งสามรูปเดินบิณบาตรจรบ้านหลังสุดท้ายก็จึงได้พากันเดินกลับวัด หลายครั้งที่แสนดีหายไปจากขบวนเมื่อหันไปมองอีกทีก็เห็นผมสีบลอนด์อยู่ในทุ่งดอกไม้ข้างทางบ้าง นั่งนองๆเอามือขาวๆแหย่ไปที่ใบไมยราพบ้างพอมันหุบก็หัวเราะคิกคักคนเดียว ไอ้ด่างที่ตามมาก็เอาแต่ยืนกระดิกหางล้อมหน้าล้อมหลังเจ้านายตัวขาวของมันไม่ได้ห่าง พอเห็นว่าพระเริ่มเดินทิ้งช่วงไปไกลก็รีบแบกปิ่นโตวิ่งตามมาเสียทีหนึ่งจนถึงวัด
น่าเอ็นดู...แสนดีในยามนี้ก็เหมือนเด็กผู้ชายซนๆคนหนึ่งที่ยังชื่นชมและเรียนรู้โลกรอบตัว แม้ว่าจะเป็นโลกแคบๆแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
แสนดีมีความสุขกับเรื่องง่ายๆเช่นแค่ไอ้ด่างกระดิกหางจนก้นส่ายไปส่ายมาเจ้าตัวเล็กนั่นก็หัวเราะจนตาหยี หรือแค่ลมเย็นๆพัดโชยจนเรือนผมสีบลอนด์ไหวลู่ไปตามแรงลมเจ้าตัวก็พร้อมที่จะอ้าแขนหลับตาสูดอากาศบริสุทธิ์นั้นเข้าปอด ความสุขของแสนดีนั้นเรียบง่ายและไม่มีมูลค่า ต่างกับทรงโปรดที่เมื่อก่อนทำทุกอย่างให้บริษัทมีกำไร เวลาของทรงโปรดเป็นของมีค่าทุกนาทีสามารถทำเงินหรือสามารถทำให้บริษัทล้มละลายได้ในพริบตาถ้าเขาตัดสินใจผิดพลาด จริงอยู่ที่ในตอนแรกทรงโปรดอาจจะรู้สึกไม่คุ้นกับการที่ต้องอยู่นิ่งๆ ไม่ต้องคอยตรวจยอดการผลิตไม่ต้องเข้าไปดูงานในโรงงานแต่ตอนนี้เขาสงบขึ้นเยอะและปล่อยใจให้ไหลไปกับเวลา ดื่มด่ำกับความสงบร่มเย็นและทำความคุ้นชินกับธรรมชาติและชาวบ้าน
วันแล้ววันเล่า จนผ่านไปเดือนกว่า ความสนิทสนมของเขากับแสนดีก็เพิ่มขึ้น ตอนนี้แสนดีไม่เกร็งเวลาที่ต้องคุยกับเขาแล้ว ทุกเย็นหลังจากกลับจากโรงเรียนเด็กชายตัวขาวจะมากราบสวัสดีเขา แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่องไวไปปรนนิบัติหลวงตาแช่มเป็นกิจวัตรประจำวัน
แสนดีรักและเทิดทูนหลวงตาแช่มมาก ชีวิตเด็กคนนี้ไม่มีเป้าหมายอะไร ไม่รู้อดีตของตัวเองและไม่ได้มองไปข้างหน้าถึงอนาคต
“โตขึ้นอยากเป็นอะไรเหรอแสนดี?”พระโปรดเคยถามเจ้าเด็กที่นั่งขยุกขยิกให้เขาถักผมเปียให้ แสนดีส่ายหัวจนเปียที่ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ยุ่งอีกรอบ
“หนูไม่รู้หรอก หนูแค่อยากอยู่ดูแลหลวงตาต่อไปเรื่อยๆแค่นั้นเอง”
“จะเป็นเด็กวัดไปจนตายไม่ได้หรอกนะ อีกหน่อยโตขึ้นก็ต้องออกไปหางานทำเลี้ยงตัวเองรู้มั้ยไม่มีใครอยู่เกาะวัดกินไปจนตายหรอก”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะทีไอ้แมนโตเป้นควายแล้วยังอยู่ที่วัดขอเงินหลวงตาไปเรียนอยู่เลย”เจ้าคนเด็กหันกลับมาเถียงฉอดๆ
“แล้วแสนดีคิดว่าดีมั้ยล่ะสิ่งที่แมนทำ แสนดีชอบใจมั้ยที่แมนเข้าไปรบกวนขอเงินหลวงตาทุกวันทั้งๆที่หลวงตาก็จ่ายให้เป็นอาทิตย์ๆไปน่ะ”
“ไม่ชอบครับ”เจ้าตัวส่ายหัวจนผมที่พระโปรดจับมาเปียอีกรอบหลุดมือ พระหนุ่มถอนหายใจเฮือกแต่ก็ยังพยายามจะเปียผมให้เจ้าเด็กต่อไปอย่างใจเย็น เป็นหน้าที่ใหม่ที่เขารับช่วงต่อจากหลวงตาแช่ม
“ในเมื่อไม่ชอบแล้วแสนดียังจะไปเจริญรอยตามเขาไม่เท่ากับกลืนน้ำลายตัวเองเหรอ”พระทรงโปรดย้อนถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ แสนดีนิ่งไปบ่งบอกว่าเจ้าตัวเล็กนี่กลังคิดหนัก
“งั้นเดี่ยวหนูบวชก็ได้ พอบวชแล้วจะอยู่วัดนานเท่าไหร่ก็ได้ หนูจะได้อยู่ดูแลหลวงตาแช่มต่อไปเรื่อยๆ”เจ้าแสนดีโพล่งขึ้นมาจนพระทรงโปรดอยากจะเอาหวีเขกหัวให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ระงับความหมั่นเขี้ยวไว้
แสนดียังเด็ก ยังไม่เข้าใจความหมายของเขา คงต้องค่อยๆบอกค่อยๆสอนกันไป อีกหน่อยก็คงเข้าใจสิ่งที่เขาถามเอง เหมือนที่เขาก็เริ่มเข้าใจหลักของการถักเปียนั่นแหละ
.............................
ตอนแรกตั้งใจจะปั่นเรื่องนี้คู่กับแสนคำนึง ปรากฏว่าชื่อตัวละครสลับกัน เลยต้องค่อยๆเขียนทีละเรื่องค่ะ555555555
#บ่วงคล้องรัก
-
น่าเอ็นดูจริงๆแสนดี
-
น่าเอ็นดูจริงๆ
-
เพิ้งได้มาอ่านชอบมากกกก
รีบมาต่ออีกน้าา
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
สนุกมากๆเลยค่ะ อยากให้มาต่อเร็วๆ รออยู่นะคะ
-
โอ้ยยยย มันเขี้ยวน้องแสน อยากดึงหางเปีย
-
จะหวีดแรงก็เกรงใจพระ อีกนานมั๊ยคะกว่าจะสึก แต่น้อนน่ารัก อยากจะจับมาฟัดจริงๆ
-
มาต่อเรื่องนี้บ้างน้าาาาาาา
-
แสนดีน่ารัก
หลวงพี่ก็น่าบูชา
น้องจ่อยก็น่าสงสาร
ถ้าแสนดีได้ไปอยู่กับคุณโปรด
เอาจ่อยไปด้วยได้ใหม
เป็นใบ้น่าสงสาร
-
แสนดีเด็กน้อย :กอด1:
-
ติดตามจ้า
-
อย่าทิ้งน้าาาาาาาา
-
หนทางยังอีกยาวไกล
-
แจ้งเรื่องการอัพบ่วงคล้องรักนะคะ
จากนักเขียนเองนะคะ เราไม่ได้จะทิ้งเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณที่มีคนมาอ่านและรอ แต่เราเคยทวิตบอกเหตุผลของการที่ยังไม่ได้อัพบ่วงคล้องรักก็เพราะว่าเราพิมพ์แสนดีกับหนูแสนคู่กันและมีการหลงชื่อของตัวละครค่ะ กลายเป็นหนูแสนมาอยู่ในบ่วงคล้องรักและมีหลายจุดมากจนทำให้เราต้องแก้ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องอัพทีละเรื่องโดยเลือกที่จะอัพแสนคำนึงก่อนเพราะว่าเราเปิดเรื่องนั้นก่อนแสนดีและมีเดธไลน์ชัดเจน ส่วนบ่วงคล้องรักจะเริ่มอัพเดิทปลายๆเดือนมีนาหรือต้นๆเมษาและจะอัพอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณทุกคนที่ยังรอน้องแสนดีกับคุณโปรดนะคะ
-
รอน้าาาาา
ระหว่างนี้ก็อ่านหนูแสนไปก่อน
-
คิดถึงคุณเล็กกับหนูแสน
-
น่ารักมาก :กอด1:
-
รออยู่เสมอนะคะ อยากอ่านแล้ววววว
-
หลวงตาแช่มเกิดอาการแน่นหน้าอกในบ่ายวันหนึ่ง โชคดีที่ตอนนั้นพระทรงโปรดเข้าไปคุยด้วย หลังจากท่านอ้าปากหอบเอาลมหายใจเข้าปอดและหมดสติไป พระทรงโปรดที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบโทรศัพท์เรียกรถฉุกเฉิน หลังจากนั้นไม่นานรถที่ประจำอยู่ที่อนามัยของตำบลก็เปิดไซเรนดังมาแต่ไกล หลวงตาแช่มถูกพาเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่ไกลจากวัดราว ๆ 20 กิโลเมตร
แสนดีสะพายย่ามใบเก่าที่ใส่สมุดและหนังสือเรียนเดินเข้ารั้วเล็ก ๆ ที่ยู่ท้ายกุฏิพระที่เขตเชื่อมต่อกับโรงเรียน เด็กน้อยผมเปียหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง เหลือไหลซึมจากไรผมเป็นเม็ดหยดลงตรงกรามเล็ก ๆ นั่น อากาศร้อนจนแสนดีรู้สึกเหนื่อย นึกเป็นห่วงหลวงตา ไม่รู้ว่าป่านนี้จะมีพระลูกวัดหรือเด็กวัดคนไหนไปเปิดหน้าต่างระบายอากาศให้หลวงตาหรือไม่ เมื่อเดินเลาะรั้วเทียนทองที่ถูกตัดจนเป็นทรงสี่เหลี่ยม ไอ้ด่างที่รู้เวลาอยู่แล้วว่าเพื่อนตัวน้อยจะกลับมาก็กระโจนใส่กระดิกหางรัวอย่างดีใจ จ่อยเดินแยกกลับเรือนนอนของตัวเองไปอีกทาง แสนดีกลั้นในเบี่ยงหน้าหนียามลิ้นเปียกแฉะของไอ้ด่างพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเลียหน้าเลียตาตนเอง
“ด่างพอแล้ว เสื้อเปื้อนหมดแล้ว” แสนดีจับขาหน้าทั้งสองขาของด่างไว้แล้ววางลงพื้น ส่งเสียงจุ๊ ๆ เป็นการปราม ไอ้ด่างจึงเปลี่ยนจากการตะกุยตะกายมาเป็นวิ่งพันแข้งพันขาแทน แสนดีปิดประตูไม้บานเล็กๆ ที่ใช้กั้นบันไดไม่ให้ด่างตามขึ้นไป เมื่อเปิดประตูกุฏิก็พบกับความว่างเปล่า ไร้เงาของหลวงตาแช่ม
“อ๊าว...หลวงตาไปไหน?” แสนดีนึกสงสัย เพราะหลายเดือนมานี้หลวงตาตัวบวมเท้าบวมจนเดินเหินไม่ไหว แสนดีตัดสินใจกลับกุฏิพระทรงโปรด
“อ่าว หลวงพี่ก็ไม่อยู่ ไปไหนกันหมด?” แสนดีถอนหายใจเมื่อไม่พบใครสักคน เด็กน้อยถอดเครื่องแบบนักเรียนออกแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ของตัวเองเพื่อไปช่วยพระลูกวัดและเด็กวัดคนอื่นกวาดลานวัด ในใจคิดว่าเดี๋ยวค่อยไปถามพระรูปอื่นก็ได้ เมื่อผลัดผ้าเสร็จก็ได้ยินเสียงหินก้อนเล็กเขวี้ยงมาที่หน้าต่างกุฏิพอดี เป็นสัญญาณจากจ่อยว่าได้มารอแล้ว แสนดีคว้าไม้กวาดคู่ใจเดินตามจ่อยไปที่หน้าโบสถ์
“หลวงพี่เล็กเห็นหลวงตากับหลวงพี่โปรดมั้ยครับ” แสนดีเอ่ยปากถามพระที่เจอเป็นรูปแรก
“หลวงตาแช่มไปโรงพยาบาลตั้งแต่สาย ๆ แล้ว พระโปรดเขาพาไป” พระเล็กตอบคำถามแสนดี เด็กน้อยใจหายวูบเมื่อได้ยินว่าหลวงตาไปโรงพยาบาลจิตใจของแสนดีก็พลันแห้งโหย หากจะพูดว่าใจหายก็ใช่ เด็กน้อยกลั้นความกังวลทำหน้าที่ของตัวเองจนเสร็จ แม้ดวงตาสีฟ้าใสนั้นจะคอยเหลือบมองไปที่ประตูวัดอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม แสนดีรู้สึกว่าข้าวเย็นวันนี้ไม่อร่อยเอาเสียเลยแม้ว่ายายสะอาดจะเก็บปีกไก่ทอดของโปรดไว้ให้ก็ตาม ข้าวแต่ละคำช่างกลืนลงคอยากเย็นนัก เมื่อเก็บล้างจานชามเสร็จก็กลับมานอนทำการบ้านจนเสร็จ สามทุ่มเสียงฝีเท้าก็ก้าวขึ้นกุฏิมา แสนดีรีบดีดตัวลุกขึ้นไปเปิดประตู พระทรงโปรดที่กำลังจะเอื้อมมือดันประตูผงะไปเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะนึกรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียคืนนี้แสนดีก็คงจะนั่งรอเขากลับมาเพื่อสอบถามอาการของหลวงตา
“หลวงพี่หลวงตาเป็นยังไงบ้างครับ” แสนดีรับย่ามจากพระโปรดไปวางบนโต๊ะเตี้ยข้างเสื่อที่ใช้ปูนอน พระทรงโปรดนั่งลงบนอาสนะ มองแสนดีด้วยสายตาสงสาร เพราะอาการอาพาธของหลวงตาแช่มครั้งนี้ค่อนข้างหนัก หลวงตาเองก็อายุมากแล้วย่อมอ่อนแอและฟื้นตัวช้าก็คนหนุ่มคนสาว อาการไตวายและท้องโตสร้างความทรมานให้หลวงตาเป็นอย่างมาก
“ขอน้ำให้หลวงพี่สักแก้วได้มั้ย? คอแห้งเหลือเกิน” แสนดีกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้วมาให้พระทรงโปรด ตอนนี้ต่อให้บอกให้ไปสู้กับเสือแสนดีก็จะไป หลังจากดื่มน้ำที่แสนดีเอามาให้จนหมดแก้ว ถอนหายใจไล่ความเหนื่อยล้าและหนักอกออกไปเสียครั้งหนึ่ง พระทรงโปรดก็สบตากับแสนดีที่นั่งจ้องอยู่ก่อนแล้ว
“อาการของหลวงตาครั้งนี้หนักกว่าครั้งก่อน ๆ คงจะต้องให้นอนโรงพยาบาลสักพัก”
“หนักแค่ไหนเหรอครับหลวงพี่ แล้วหลวงตาจะได้กลับมาเมื่อไหร่” แสนดีเอ่ยถามอย่างร้อนใจ ใจของเด็กน้อยแล่นไปอยู่ปรนนิบัติหลวงตาแล้ว แต่ในตอนนี้แสนดีทำได้เพียงสอบถามอาการของหลวงตาจากพระทรงโปรดเท่านั้น
"แสนดี หลวงตาเคยสอนเรื่องเกิดแก่เจ็บตายแล้วใช่มั้ย?” พระทรงโปรดเอ่ยถามคำถามโดยยังไม่ตอบคำถามของเด็กน้อย เจ้าเด็กตาฟ้าพยักหน้ารับ
“เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นอนิจจัง ร่างกายของเราถูกใช้มาตั้งแต่เกิดผ่านวันเวลา ผ่านงานหนักงานเบา มันย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ยิ่งอายุมากอะไหล่ก็ชำรุด บางอย่างเปลี่ยนทดแทนไม่ได้แล้ว หลวงตาอายุมากแล้วร่างกายผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ท่านเหนื่อยมามากแล้ว บางทีคงถึงเวลาที่ท่านจะได้พักแล้ว” พระทรงโปรดไม่ได้พูดว่าหลวงตาจะมรณภาพหากแต่แสนดีก็เข้าใจความหมายที่จะสื่อเป็นอย่างดี ดวงตาสีฟ้าที่เคยสดใสกลับหม่นแสงลง ลูกตาใสถูกเคลือบด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อมาจากความสะเทือนใจ ในชีวิตของแสนดีตั้งแต่จำความได้ แสนดีก็มีแค่หลวงตาในทุกช่วงชีวิตแล้ว แสนดีไม่เคยนึกถึงวันที่ไม่มีหลวงตาคอยอบรมเลี้ยงดูเลย
“หลวงตาจะตายเหรอครับ?” หลังจากกลืนก้อนสะอื้นและความใจหายลงอกไปแล้วแสนดีก็กลั้นใจถามออกไป ดวงตาสีฟ้าที่หม่นแสงลงยังคงทอประกายแห่งความหวัง
“ยังหรอก แสนดีต้องเชื่อใจหมอนะ หมออาจจะรักษาประคองอาการให้หลวงตาได้ แต่แสนดีรู้ใช่มั้ยว่าแสนดีก็ต้องเตรียมใจกับความสูญเสียไว้บ้าง หลวงตาท่านเป็นห่วงแสนดีมากรู้มั้ย วันนี้ที่หลวงพี่อยู่กับหลวงตาท่านก็พูดเรื่องนี้ ท่านกลัวว่าวันหนึ่งหากท่านไม่อยู่แล้วแสนดีจะลำบาก”
“หนูไม่ยอมให้หลวงตาตายหรอก เดี๋ยวหนูลาหยุด หนูจะไปคอยดูแลหลวงตา”
“หลวงพี่ไม่อนุญาตให้หยุดเรียน แต่วันหยุดจะให้ไปเฝ้าหลวงตาได้โอเคมั้ย?” พระทรงโปรดปฏิเสธความตั้งใจของแสนดีที่จะหยุดเรียนไปเฝ้าหลวงตา
“แล้วใครจะคอยดูแลหลวงตาล่ะครับ?” แสนดีเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“หลวงพี่จ้างพยาบาลให้คอยดูแลหลวงตาแล้ว คราวนี้สบายใจได้หรือยัง?” พระทรงโปรดไม่ได้คำตอบในตอนนั้น แสนดีเองก็เงียบเขาเองก็วิ่งวุ่นกับการจัดการเกี่ยวกับหลวงตามาทั้งวัน คืนนั้นทั้งคู่เข้านอนแบบไม่ได้พูดอะไรกันอีก
ในความมืด แสนดีที่กางมุ้งหลังเล็กนอนข้างๆ ได้หลับไปแล้ว แต่พระทรงโปรดยังคงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ลืมตามองเพดานห้องอย่างครุ่นคิด
“พระโปรด หากหลวงตาเป็นอะไรไปหลวงตาฝากพระโปรดดูแลแสนดีต่อได้มั้ย นอกจากพระโปรดแล้วหลวงตาก็ไม่เห็นว่าใครจะมอบชีวิตดี ๆ ให้แสนดีมันได้ เอมันไปเลี้ยงเป็นเด็กรับใช้ในบ้านก็ได้ ให้การศึกษามันจนกว่ามันจะดูแลตัวเองได้ไม่ลำบาก ได้มั้ย?”
เขายังจำคำวอนขอของพระภิกษุชราได้ครบทุกถ้อยคำ หันไปมองเจ้าเด็กผมบลอนด์แล้ว ภาพความสดใส ความมีมารยาท ความสุภาพและรู้กาลเทศะ อีกทั้งรอยยิ้มสดใสที่เหมือนพระอาทิตย์ที่อวดแสงยามเช้าตรู่นั้นมันกระจ่างเสียจนเขาไม่สามารถทิ้งเจ้าพระอาทิตย์ดวงน้อยนี้ได้จริง ๆ
เขาไม่รู้หรอกว่าการที่จะเลี้ยงเด็กสักคนให้เติบโตมาเป็นคนดีมีคุณภาพนั้นมันยากมั้ย
แต่การสร้างคุณภาพชีวิตดี ๆ ให้กับเด็กคนนี้เขาทำได้แน่นอน
หลวงตาแช่มอาพาธและนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งนี้นานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แสนดีที่เมื่อแรกยังเงอะงะกับการดูแลปรนนิบัติ แต่เมื่อฟังคำอธิบายจากพยาบาลแล้วเขาก็สามารถเก็บฉี่ จดจำปริมาณฉี่ที่เทในแต่ละครั้ง เช็ดตัวทาแป้งให้หลวงตา รวมทั้งให้อาหารทางสายยางได้อย่างคล่องแคล่วในที่สุด
เพราะต้องใส่ท่อช่วยหายใจทำให้หลวงตาไม่สามารถพูดอะไรได้ สติก็ไม่ครบร้อยดี เวลาส่วนมากหมดไปกับการนอนหลับ คุณปราณีซื้อเบาะลมป้องกันแผลกดทับมาให้ พวกอุปกรณ์ของใช้ที่จำเป็นก็พร้อมสรรพไม่ขาดแคลน บ่อยครั้งที่หลวงตารู้สึกตัว ท่านจะกลอกตามามองแสนดีทุกครั้ง แสนดีรู้ว่าหลวงตานั้นเป็นห่วงตน แต่แสนดีอายุยังน้อยเกินกว่าจะคิดอะไรไปได้มากกว่าการที่แสนดีจะดูแลปรนนิบัติหลวงตาให้ดีสมกับที่หลวงตาเก็บตนมาเลี้ยงป้อนน้ำป้อนนมจนโต และกลายเป็นภาพชินตาสำหรับพยาบาลที่จะเห็นเจ้าเด็กลูกครึ่งคอยป้อนอาหารผ่านสายยางให้หลวงตาชรา วันทั้งวันนอกจากไปหาข้าวกินที่โรงอาหารสวัสดิการหรือไปเข้าห้องน้ำแล้วแสนดีไม่เคยไปไหนไกลเลย แม้แต่ยามหลับก็ปูเสื่อนอนอยู่ในซอกแคบ ๆ ข้างเตียง พระทรงโปรดไม่สามารถมากับแสนดีได้ทุกครั้งเพราะตนก็มีกิจของสงฆ์ที่ต้องทำ เขาซื้อโทรศัพท์ให้แสนดีเครื่องหนึ่งเอาไว้ดูการ์ตูนระหว่างที่หลวงตาหลับ หรือหากมีอะไรจะได้โทรมาหาเขา แสนดีจะมานอนเฝ้าหลวงตาที่โรงพยาบาลในเย็นวันศุกร์และจะกลับมาวัดในเย็นวันอาทิตย์โดยมีนายมาโนชพ่อบุญธรรมเป็นคนขับรถมาส่งและมารับ แม้ว่าทรงโปรดจะไม่เห็นด้วยนักที่แสนดีจะมานอนเฝ้าหลวงตาที่โรงพยาบาลเพราะเขาเองก็จ้างพยาบาลพิเศษไว้ดูแลแล้วด้วยเกรงว่าแสนดีจะติดเชื้อโรคที่มากับคนป่วยคนอื่น ๆ เพราะแสนดียังเด็กภูมิคุ้มกันอาจจะยังไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ แต่แสนดีก็ดื้อรั้นจะไปให้ได้พวกผู้ใหญ่จึงได้ยอมให้ไป
นานนับเดือนแล้วอาการของหลวงตาไม่ดีขึ้นเลย ร่างกายเริ่มซูบผอม โชคดีที่ไม่มีแผลกดทับเหมือนคนไข้หลาย ๆ คน เช้าวันนี้พยาบาลแจ้งว่าเพราะหลวงตาใส่ท่อช่วยหายใจมาเป็นเวลานาน คุณหมอจึงจะทำการเจาะคอเพื่อใส่ท่อ แสนดีได้ยินดังนั้นก็ไม่สบายใจเอาเสียเลย หวั่นเกรงว่าหลวงตาจะเจ็บ แต่เมื่อมองหลวงตาที่มีท่อคาอยู่ในปากแล้ว การเจาะคออาจจะช่วยให้หลวงตาสบายตัวขึ้น อาจจะเป็นโชคดีของแสนดีที่หมอนัดเจาะคอหลวงตาช่วงบ่ายของวันจันทร์ แสนดีจะไม่เห็นหลวงตาต้องเจ็บไปอีกห้าวัน แต่เด็กน้อยก็เป็นห่วงเหลือเกิน แสนดีได้มาเฝ้าหลวงตาอีกครั้งในเย็นวันศุกร์ แผลเจาะคอของหลวงตาดีขึ้นแล้ว แต่หลวงตาก็ยังคงหลับ พยาบาลพิเศษที่พระทรงโปรดจ้างมาบอกว่าหลวงตามีไข้ ต้องคอยเช็ดตัวบ่อย ๆ ถ้าดึก ๆ แสนดีง่วงก็ให้นอนไป หล่อนจะเป็นคนคอยเช็ดตัวให้หลวงตาเอง
ดึกคืนนั้นแสนดีเผลอฟุบหลับอยู่ข้างเตียงของหลวงตา หลวงตาแช่มที่หลับอยู่ด้วยพิษไข้ลืมตาตื่นขึ้นมา สติเลือนเต็มที ท่านหันหน้าไปมองเจ้าเด็กผมบลอนด์ที่นั่งหลับอยู่ข้าง ๆ มือเล็ก ๆ นั้นกุมมือของหลวงตาไว้หลวงตาออกแรงที่แทบไม่หลงเหลือบีบมือน้อยนั้น แสนดีที่หลับไม่สนิทดีสะดุ้งตื่นก็เห็นหลวงตามองมาที่ตนตาไม่กะพริบเลยสักครั้ง
“หลวงตา หลวงตาตื่นแล้วเหรอจ๊ะ?” เอ่ยถามเหมือนเช่นทุกครั้งที่หลวงตาลืมตา แต่คราวนี้ปากเหี่ยวย่นพยายามขยับส่งเสียงพูดแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา แสนดีหัวใจพองฟูเมื่อเห็นหลวงตาพยายามพูดกับตน แต่พอหลวงตาขยับปากมาก ๆ ท่อที่คอก็ขยับด้วย
“หลวงตาไม่ต้องพูดนะจ๊ะ หลวงตาพักก่อนนะเดี๋ยวจะเหนื่อย” แสนดีบอกอย่างเป็นห่วง แต่ครั้งนี้หลวงตาแช่มไม่ได้หลับตาลงเหมือนเช่นทุกวัน มือที่กำมือแสนดีออกแรงเพิ่มขึ้น แสนดีเลยตัดสินในขยับยื่นหูไปใกล้ ๆ เพื่อฟังว่าหลวงตาพูดอะไร
“ดี...” เสียงที่ออกมาแค่ลมแผ่วๆ ฟังจับใจความไม่ได้แต่ก็ฟังออกว่าดี หลวงตาแช่มรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายพูดขึ้นอีกครั้ง
“เป็นเด็กดี...” แสนดีเมื่อฟังจนเข้าใจก็ขยับมายืนตัวตรงตามเดิม
“แสนดีรู้แล้วจ้าหลวงตา แสนดีจะเป็นเด็กดี หลวงตานอนซะนะจ๊ะ จะได้หายเร็ว ๆ จะได้กลับไปอยู่วัดกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้หลวงพี่โปรดจะมาเยี่ยมหลวงตา ถ้าท่านรู้ว่าหลวงตาฟื้นท่านคงดีใจ” แสนดีขยับผ้าห่มคลุมให้หลวงตา หลวงตาแช่มมองหน้าแสนดีอีกครั้งก่อนจะปิดเปลือกตาลง
และนั่นเป็นการตื่นขึ้นมาครั้งสุดท้าย
หลวงตาแช่มความดันตกและชีพจรหยุดเต้นในตอนเช้าตรู่นั่นเอง
ทิ้งไว้เพียงเด็กชายลูกครึ่งที่ยืนร้องไห้อยู่ข้างเตียงหลังการดูแลของพยาบาลเสร็จสิ้นลง
มือน้อยที่เคยก้มกราบหลวงตาทุกเช้าเย็นพนมลงแล้วบรรจงกราบลงบนเท้าที่เหยียดตึงของหลวงตา
ไม่มีอีกแล้วร่มโพธิ์ร่มไทรที่คอยปกปักรักษา
ไม่มีอีกแล้วหลวงตาที่คอยอบรมสั่งสอนแสนดีมาตั้งแต่เล็ก
แสนดีไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเคว้งคว้างขนาดนี้มาก่อน
แม้อากาศจะร้อนแต่แสนดีกลับรู้สึกหนาวเหน็บ
แสนดีพยายามทำตัวเข้มแข็งปาดน้ำตาแล้วออกไปนั่งรอที่ระเบียง หลังจากถอดสายต่าง ๆ ตามร่างกายของหลวงตาแล้ว ม่านสีเขียวอ่อนที่ปกติจะปิดเวลาทำความสะอาดหลวงตาก็ถูกปิด
เป็นอันรู้กันว่าผู้ป่วยเตียงนี้หมดลมหายใจและเตรียมส่งลงไปทำความสะอาดบรรจุใส่โลงยามญาติมารับ แสนดียกเข่าของตัวเองขึ้นมากอด เพราะเขารู้สึกว่าอากาศรอบข้างมันหนาวเสียเหลือเกิน อีกทั้งเขาไม่อยากพูดคุยกับใครที่เดินมาถามว่าหลวงตามรณะแล้วหรือ นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็มีฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะของตัวเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นพระทรงโปรดมองมาที่ตนด้วยสายตาแห่งความห่วงหาอาทร และเพราะฝ่ามือที่วางอยู่บนหัวทำเอาความเข้มแข็งที่พยายามสร้างมาตลอดชั่วโมงกว่าหมดสิ้นลง
แสนดีกลับมาเป็นเด็กได้โดยไม่ต้องอายใคร เจ้าตัวน้อยโผกอดพระทรงโปรด ร้องไห้โฮ ปากก็พร่ำบอกซ้ำ ๆ ด้วยความเสียใจสุดจะกลั้น
“หลวงตาตายแล้วครับหลวงพี่ หลวงตาตายแล้ว” มือเล็กกำจีวรของพระทรงโปรดแน่น พระทรงโปรดลูบหลังของเด็กที่กำลังขวัญเสียอย่างปลอบใจ
แสนดียังเด็กเกินไปที่จะทำใจกับการสูญเสียได้ เขามองไปที่ผ้าม่านเขียวที่มีร่างของหลวงตาแช่มอยู่ในนั้น
สิ่งที่ท่านร้องขอ เขาจะทำให้เอง เขาจะเลี้ยงดูแสนดีอย่างดี ให้สมกับที่ท่านไว้วางใจให้เขาดูแลเจ้าพระอาทิตย์ดวงน้อยของวัดป่าแห่งนี้เอง
งานสวดพระอภิธรรมศพของหลวงตาถูกกำหนดขึ้นเจ็ดวัน ท่านเจ้าอาวาสรับเป็นธุระจัดการให้ ครอบครัวของพระทรงโปรดมาร่วมเป็นเจ้าภาพในคืนแรก และขอเป็นผู้รับผิดชอบอาหารที่จะเลี้ยงแขกในงานเองเพราะรักและเคารพท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพนับถือท่านต่างทยอยเดินทางมาร่วมงานไม่ขาด บรรยากาศงานสวดศพนั้นคึกคักเก้าอี้ที่เตรียมไว้รับแขกไม่มีว่าง เพราะชาวบ้านก็มาร่วมงานกันทุกคืน และเช่นเดิม ภาพที่ชินตาคือแสนดีที่นั่งอยู่ไม่ไกลโลงศพของหลวงตา คอยจุดธูปให้แขกที่มาร่วมงานนั้นสงบนิ่ง ดวงตาบวมแดง ผมสีบลอนด์ถูกมัดเปียอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยฝีมือของคุณปราณีที่เห็นพระลูกชายถักเปียให้แสนดีอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอาสาถักให้
“สงสารเหลือเกิน” คุณปราณีมองแสนดีด้วยสายตาของคนที่เห็นอกเห็นใจ
“คุณแม่ว่ายังไงครับที่พระจะรับอุปการะแสนดี” คุณเปรมถามผู้เป็นมารดาอย่างขอความคิดเห็น
“พระท่านบอกกับแม่ว่าหลวงตาท่านฝากไว้ เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเรายังเลี้ยงได้ ก็เลี้ยงเด็กอีกสักคนคงไม่เป็นไร”
“ผมกลัวว่าจะมีปัญหาภายหลัง ถ้าแม่เขารู้ว่ามีเศรษฐีมารับลูกไปเลี้ยงจะไม่วิ่งโร่มาขอเงินเราเหรอครับ”
“คงไม่หรอกลูก แม่เขาเอามาทิ้งเอง จะวิ่งโร่มาขอเงินแลกกับลูกมันก็ดูจะหน้าไม่อายไปหน่อย แม่ถูกชะตากับแสนดี ถ้าพระท่านจะเอาไปเลี้ยงแม่ก็เห็นด้วย ไปเถอะพระมาแล้ว๐คุณปราณีเดินนำลูกชายไปรับพระ ไม่ลืมกวักมือเรียกแสนดีให้ไปนั่งใกล้ ๆ
“หลับตาล่ะ อย่ายุกยิก” หลวงพี่เล็กถือมีดโกนหนวดบอกกับลูกศิษย์วัดคนอื่น ๆ ที่เตรียมตัวปลงผมบวชหน้าไฟให้หลวงตา หนึ่งในนั้นก็มีแสนดีรวมอยู่ด้วย เด็กเหล่านี้มาบวชเองด้วยความสมัครใจไม่มีใครห้าม บ้างบวชให้หลวงตาเพื่อทดแทนบุญคุณที่หลวงตาชุบเลี้ยงมาเช่นแสนดีกับจ่อย บ้างก็บวชเพราะมีพระบอกว่าหากใครบวชคุณปราณีก็จะใส่ซองถวายคนละห้าร้อย แต่ไม่ว่าจะบวชด้วยเหตุผลอะไร พิธีเผาศพของหลวงตาแช่มก็มีเณรจูงขึ้นเมรุถึงเจ็ดองค์ เณรแสนดีที่ครองจีวรตอนเช้าดูสงบสมกับชุดที่สวม ผมสีบลอนด์ที่เคยพลิ้วไสวบัดนี้โล่งเตียนรวมถึงคิ้วก็เช่นกัน
พิธีฌาปนกิจผ่านพ้นไปด้วยดี เป็นการส่งหลวงตาเป็นครั้งสุดท้าย ชาวบ้านหลายคนร้องไห้ด้วยความอาลัยรักหลวงตา พระทรงโปรดเห็นเณรแสนดีแอบเช็ดน้ำตาป้อย ๆ ก็ให้นึกสงสารแต่เขาก็ไม่สามารถปลอบใจแสนดีได้ในตอนนี้ต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด เมื่อการเผาศพเสร็จสิ้นแสนดีและเด็กคนอื่น ๆ ก็ไปลาสึก และคืนนั้นพระทรงโปรดก็ได้เห็นแล้วว่าสิ่งที่หลวงตาพูดนั้นเป็นความจริง เรื่องที่ถ้าแสนดีตัดผมแล้วจะป่วย เพราะเด็กลูกครึ่งนอนตัวร้อนเป็นไฟจนต้องพาไปโรงพยาบาลกันตอนสามทุ่มนั่นเอง
...........................................
เรามาแล้วววววววววววววววว
จำกันได้มั้ยยยยยยยยยยย จะกลับมาอัพปกติแล้วนะคะเพราะเคลียร์ต้นฉบับหนูแสนเสร็จแล้ว
ต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยกู้ดบายสเตรทของหลวงตาแช่มนะคะ
#บ่วงคล้องรัก
-
ร้องไห้ เสียน้ำตา ..
-
แอบน้ำตาซึมเลย สงสารแสนดี :mew6: ต่อไปจะเป็นยังไง เฮ้ยยย!สนุกดีอ่ะ ชอบๆ รอมาต่อนะคะ :pig4: :pig4:
-
สงสารน้อง เข้มแข็งไว้ๆ
-
กลับมาแล้ว
-
แสนดีกลับมาแล้ว มาปุ้บก็ป่วยปั้บเลยนะลูก เรื่องการสูญเสียนี่อย่าว่าแต่เด็กเลย ขนาดเราผู้ใหญ่เกิดเรื่องพวกนี้ทีไรใจโหวงเหวงทุกที
-
ขอบคุณค่ะ
-
แสนดีกลับมาแล้ว น้ำตาคลอเบ้าเลยตอนนี้
-
มาแล้วววว. งื้อออออ
-
น้ำตาไหลกับแสนดี ลูกเอ้ยเป็นเด็กดีนะลูก
ขอบคุณไรเตอร์ที่มาต่อ เรื่องนี้คือเรื่องที่เราเฝ้ารอเลยค่ะ ชอบทุกองค์ประกอบในเรื่องนี้
-
สงสารแสนดี
-
มารอแสนดี
-
:mew6:
-
ติดตาม
-
โอ้ยยยยยยยคิดถึงที่สุดเลยยย
-
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ รอๆ นิยายสนุกมากๆค่า
-
:hao7:ตอนที่ 6
หลังจากหลวงตาแช่มมรณภาพและทำการเผาไปเรียบร้อยแล้ว พระโปรดและแสนดีรวมทั้งจ่อยก็เข้ามาทำความสะอาดและเก็บของในห้องหลวงตาออก แสนดีเก็บเอาย่ามที่หลวงตาใช้ประจำมาไว้กับตัว
“มันเก่าแล้วจะเอาไปทำไมเหรอแสนดี”พระโปรดเอ่ยถามเมื่อเห็นแสนดีเอาของ ๆ หลวงตาออกจากย่าม
“หนูจะเก็บไว้ใช้ จะได้รู้สึกเหมือนหลวงตาอยู่ข้าง ๆ ครับ”เจ้าเด็กตาฟ้าที่ตอนนี้หัวเหม่งตอบพระทรงโปรดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทั้งสองคนช่วยกันเก็บกวาดกุฏิของหลวงตาเงียบ ๆ พระโปรดนั่งมัดกองหนังสือพิมพ์ที่หลวงตาซื้อมาอ่านทุกเช้าเป็นมัด ๆ ส่วนแสนดีก็เก็บของใช้จิปาถะเข้ากล่อง ทุกชิ้นที่จับขึ้นมาล้วนมีความทรงจำเกี่ยวกับหลวงตาผ่านเข้ามาในห้วงความคิดเสมอ ไฟแช็คอันนี้ต้องใช้น้ำมันเติม เป็นไฟแช็กแสตนเลสเกลี้ยง ๆ สีเงินไร้ลวดลาย หลวงตาแช่มมักใช้จุดธูปเทียนไว้ไหว้พระสวดมนต์อยู่เสมอ แสนดีหยิบตลับเหล็กของยาอมยี่ห้อหนึ่ง สภาพภายนอกของมันเก่าคร่ำครึด้วยผ่านกาลเวลามานานหลายสิบปี ข้างในเป็นยาเส้นและใบจากที่หลวงตามักใช้สูบหลังฉันท์อาหารเสร็จ แสนดีใช้ปลายนิ้วลูบฝากล่องอย่างแผ่วเบา แม้แต่ตอนนี้ที่หลวงตามรณภาพไปสองอาทิตย์แล้วในห้องก็ยังมีกลิ่นยาเส้นจาง ๆ ให้พอได้กลิ่น ทั้งคู่ใช้เวลาเก็บของกันไปเรื่อย ๆ พอตกบ่ายหลวงพ่อเจ้าอาวาสก็แวะมาหา
“แสนดีเอ้ย อะไรที่ใช้ได้ก็เก็บเอาไป อะไรใช้ไม่ได้ที่เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ขายได้ก็ขาย อันไหนให้คนอื่นได้ก็ให้เขาไปซะนะไม่ต้องห่วงไว้ ถือไว้แค่ที่พอถือไหวถ้าเอาเสียหมดมันจะกลายเป็นภาระ ส่วนนี่เอกสารส่วนตัวของเอ็งหลวงตาเขาฝากไว้ ในซองเป็นเงินทั้งหมดที่หลวงตาแช่มมีท่านสั่งเสียไว้ว่าให้ยกให้เอ็งทั้งหมด”หลวงพ่อเจ้าอาวาสวางซองเงินที่หลวงตาแช่มเก็บหอมรอมริบจากการที่มีญาติโยมถวายมาทั้งชีวิตลงบนโต๊ะไม้เก่า ๆ ข้างประตู แมนกลับจากเที่ยวกับเพื่อนเดินผ่านมาตอนที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสวางซองเงินลงบนโต๊ะ มันรีบหลบข้างพุ่มเทียนทองเพื่อแอบดู ในใจมีแต่ความกรุ่นโกรธ ทั้ง ๆ ที่มันเองก็ต้องกินต้องใช้ ไหนจะค่าเทอมที่เหลืออีกเทอมหนึ่งต้องจ่าย หลวงตาไม่คิดจะแบ่งไว้ให้มันมั่งเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กวัดในการอุปการะของหลวงตาเหมือนกัน แต่หลวงตากลับไม่ห่วงมันเหมือนกับที่ห่วงแสนดีบ้างเลย แมนมองซองเงินที่แสนดีหยิบมาใส่ย่ามใบเก่าของหลวงตาด้วยสายตาที่มาดหมาย
หลังจากเก็บกวาดกุฏิของหลวงตาจนเสร็จในช่วงเย็น พระทรงโปรดก็แยกไปทำวัตรเย็น แสนดีเป็นคนปิดประตูกุฏิของหลวงตา เด็กน้อยกวาดตามองห้องโล่งที่เหลือเพียงโต๊ะตู้ พวกของเก่าที่ใช้ไม่ได้แล้วก็ใส่กระสอบปุ๋ยเตรียมไว้ชั่งกิโลขายรถรับซื้อของเก่า ของใช้ของหลวงตาที่ยังพอใช้ได้ก็แจกพระลูกวัดรวมทั้งชาวบ้านรอบ ๆ วัด หลวงตาแช่มนั้นเดิมเป็นคนมัธยัสถ์จึงไม่ได้มีของใช้ฟุ่มเฟือยอะไร แสนดีรู้สึกเหมือนใจวูบโหวงใช้ฝ่ามือลูบบานประตูไม้ที่วิ่งเข้าวิ่งออกมานับสิบปี ทิ้งความอาลัยรักเป็นหยาดน้ำตา
ต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้ว หลวงตาที่คอยถักเปียให้ก่อนไปโรงเรียน แสนดียกมือขึ้นขยี้ตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา หันหลังเดินลงจากกุฏิ ไอ้ด่างที่นอนรออยู่ใต้บันไดร้องอี๊ด ๆ กระดิกหางรับผู้เป็นเปรียบเสมือนนายของตน แสนดีรู้ว่าตัวเองนั้นไม่ใช่เด็กเล็กที่จะมาร้องไห้โยเยให้หลวงตาคอยอุ้มปลอบอีกต่อไป
แสนดีรู้ว่าโตแล้วต้องอดทน
และแสนดีรู้ว่าโตแล้วต้องไม่ร้องไห้
แสนดีพยายามสะกดกลั้นความอาลัยรัก พยายามสะกดกลั้นความทุกข์ตรมที่มีอยู่จนล้นอยู่ในอก หากแต่แสนดีก็เพิ่งจะอายุ 12 ปี ถึงแม้จะรู้ว่าต้องควบคุมตัวเองยังไงแต่สุดท้ายแสนดีก็ยังร้องไห้อยู่ดี
เหมือนในบทสวดปลงสังขารที่เคยได้ยินหลวงตาพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ไม่มีผิด
การพลัดพรากจากสิ่งที่รักย่อมเป็นทุกข์
แต่ถึงจะทุกข์และเศร้าเสียใจเพียงใดแสนดีก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเองไม่ได้บกพร่อง เด็กน้อยที่เคยมีผมยาวสลวยหากแต่ตอนนี้หัวกลมเหม่งก็ยังคงพาร่างกายที่เพิ่งฟื้นไข้ไม่นานออกไปช่วยเด็กวัดคนอื่น ๆ กวาดลานวัด จ่อยเข้ามาช่วยอย่างไม่เกี่ยงงอนโดนที่แมนก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิม นั่งกินแรงและหาเรื่องเด็กวัดตัวเล็ก ๆ คนอื่น
“กวาดเร็ว ๆ นะพวกมึงน่ะ เดี๋ยวหลวงพ่อมาเห็นว่ายังไม่เสร็จโดนดุกูไม่รู้ด้วยนะ”แมนชี้นิ้วสั่งเด็กวัดที่เป็นลูกสมุนก่อนจะเขวี้ยงก้นบุหรี่มาทางแสนดีกับจ่อยอย่างหาเรื่อง
“ไอ้จ่อยดับก้นบุหรี่สิไอ้โง่จะรอให้ไฟไหม้วัดเหรอ แล้วมึงอ่ะ กวาดให้มันเร็ว ๆ อย่ามาทำสำออยกินแรงคนอื่นเขา หลวงตาก็ตายไปตั้งนานแล้วทำดัดจริตอาลัยอาวรณ์อยู่ได้”แมนยิ้มเยาะให้กับแสนดีที่จ้องเขาตาเขียว
ไร้หลวงตาคุ้มกะลาหัวแล้วแสนดีจะทำฤทธิ์อะไรใส่เขาได้อีก หรือต่อให้มีพระทรงโปรดอะไรนั่นอยู่แต่อีกแค่อาทิตย์กว่า ๆ พระทรงโปรดก็จะสึกแล้ว คราวนี้ล่ะแสนดีก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่าโดยสมบูรณ์ แสนดีจ้องหน้าแมนอย่างไม่พอใจทำท่าจะเงื้อไม้กวาดใส่หากแต่จ่อยจับแขนของเพื่อนสนิทไว้ส่ายหน้าอย่างไม่ให้แสนดีเอาเรื่องเอาราวกับแมน เด็กน้อยจำต้องฟังไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นเพราะเห็นถึงความห่วงใยในแววตาที่จ่อยมีมาให้ทำให้แสนดีต้องข่มอารมณ์ของตัวเองลง แมนจ้องย่ามที่แสนดีสะพายติดตัวด้วยรู้ดีว่าในนั้นมีซองเงินที่หลวงตาให้แสนดูซ่อนอยู่ในนั้น ความคิดละโมบอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตนเข้าครอบงำในจิตใจจนไม่สนถูกหรือผิด แมนคิดแค่เพียงว่าเงินส่วนนั้นเขาก็ควรมีสิทธิ์จะได้เหมือนกัน
“ขยะเต็มแล้ว ไอ้แสนดีมึงช่วยกูเอาไปทิ้งที่ท้ายวัดทีแมนที่นั่งนิ่งมาตลอดการทำงานเอ่ยเรียกแสนดี เด็กชายขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ
“มึงก็ชวนไอ้เอ็กซ์ไปสิ”แสนดีกวาดลานวัดต่ออย่างไม่สนใจ แมนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงมาที่แสนดีเงื้อมือทำท่าจะตบคนเด็กกว่าจนจ่อยต้องเข้ามาห้ามไว้พลางพยักพเยิดให้แสนดีทำตามที่แมนสั่ง เพราะถึงแสนดีจะสู้แมนยังไงด้วยอายุและขนาดตัวยังไงก็สู้ไม่ได้ แสนดีถอนหายใจจำต้องคว้าหูตะเข่งข้างหนึ่งแล้วยกขยะเดินไปหลุมทิ้งขยะท้ายวัดเมื่อมาถึงปาดหลุมที่ขุดกว้างราวๆ 3 เมตรและลึกเมตรครึ่งเอาไว้เผาเศษใบไม้ใบหญ้าและไม้ที่ขนมาทิ้งกันประจำ แมนก็แกล้งไม่ออกแรงช่วยแสนดีเทคว่ำตะเข่ง แสนดีอ้าปากจะด่าก็พอดีกับที่แมนคว้าเอาสายย่ามที่เด็กชายสะพายอยู่ แสนดีเมื่อเห็นดังนั้นก็รู้ได้ในทันทีว่าแมนนั้นออกอุบายพาตนมาในที่ลับตาเพื่อจะแย่งเงินในกระเป๋า
“มึงจะทำอะไร”มือออกแรงยื้อปากก็ตะโกนถาม ทั้งหวาดกลัวและทั้งโกรธ
“ก็จะเอาเงินในย่ามนั่นไง ส่งมาให้กูซะดี ๆ ไอ้แสนดี อย่าให้กูต้องโมโห”แมนยื้อสายย่ามพยายามดึงให้ออกจากตัวแสนดี หากแต่แสนดีก็ไม่ยอมปล่อย
มันเป็นสมบัตรชิ้นสุดท้ายที่หลวงตาทิ้งไว้ให้เขา เขาจะรักษามันเท่าชีวิต
“กูไม่ให้ เงินนี่หลวงตาให้กู”
“หลวงตาลำเอียง เด็กวัดมีตั้งหลายคนทำไมให้มึงคนเดียว แล้วกูล่ะ กูก็ยังเรียนไม่จบหลวงตาไม่คิดจะห่วงอนาคตของกูมั่งเหรอ”
“มึงก็กลับไปให้พ่อให้แม่มึงเลี้ยงสิ่ มึงเหลือแค่เทอมเดียวก็จบแล้ว”แสนดีเถียงแล้วใช้แรงทั้งหมดที่มีกระชากย่ามกลับมา แมนเห็นว่าคนเด็กกว่าไม่เกรงกลัวตนแถมยังไม่ยอมปล่อยสายย่ามก็สะบัดมือฟาดแก้มแสนดีอย่างแรงจนคนเด็กกว่าล้มลงไปกองกับพื้น เมื่อแสนดีเสียหลักพลาดท่าแมนก็กระชากย่ามจนหลุดติดมือมา แสนดีรีบถลาจะเข้าไปแย่งหากแต่เด็กน้อยกลับโดนแมนถีบเข้ากลางอกจนพลัดตกลงไปในหลุม แมนฉวยจังหวะนั้นรีบวิ่งหนีไปทันที แสนดียันกายลุกขึ้นตะกายขึ้นออกมาจากก้นหลุมก็ไม่ทันเสียแล้ว หลังของแมนลับหายไปผ่านดงกล้วยข้างวัด แสนดีกำหมัดตัวสั่นเทิ้มน้ำตาไหลด้วยความโกรธ ก่อนจะตะเบ็งเสียงตามหลังจนดังลั่นว่า
“ไอ้แมน ไอ้เหี้ย!!”
พระทรงโปรดเดินตามหาแสนดีไปที่ลานวัดแต่ไม่พบ เมื่อถามจ่อยเด็กใบ้ชี้มือไปที่ท้ายวัดเขาจึงเดินตามไปตามที่จ้อยชี้ แต่ยังไม่ทันถึงหลุมขยะ แมนก็พรวดพราดวิ่งออกมาจากดงกล้วยท้ายวัดจนชนเอากับพระทรงโปรด แมนมีท่าทางและสีหน้าตกใจเมื่อตั้งหลักได้มันก็คว้าย่ามที่หลุดมือขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไปพอดีกับได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของแสนดีตะโกนตามหลังมา พระทรงโปรดจึงได้รีบเดินไปตามต้นเสียงนั้น ภาพที่เห็นคือแสนดีเนื้อตัวมอมแมมจากเศษขี้เถ้าในหลุมขยะกำลังยืนตัวสั่นน้ำตาไหลด้วยความโกรธ พระโปรดรีบเดินเข้าไปดึงตัวเด็กชายที่ส่งเสียงร้องไห้ด้วยความแค้นใจมาอยู่ข้างตัวก่อนจะนั่งลงให้ความสูงเสมอกัน
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?”พระโปรดจับตัวแสนดีหันไปหันมาด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไร แมนทำอะไรแสนดี?”
“หลวงพี่...ไอ้แมน...ฮึก...”แสนดีชี้นิ้วไปตามเส้นทางที่แมนวิ่งหนีไป สะอึกสะอื้นอย่างเด็กที่เสียใจหนัก
“ทำไม? แมนเขาทำไม?”ยิ่งเห็นแสนดีร้องไห้ใจของพระโปรดก็ร้อนรน แสนดีในยามนี้ดูเปราะบางมากเสียเหลือเกิน
“ไอ้แมนมันแย่งย่ามที่ใส่เงินหลวงตาไปแล้วหลวงพี่ มันถีบหนูตกลงไปในบ่อขยะ”แสนดีฟ้องด้วยความแค้นเคืองใจ เด็กน้อยใช้หลังมือป้ายน้ำตาอย่างลวก ๆ จนพระทรงโปรดต้องจับไว้แล้วยกชายสบงเช็ดให้
“เอา ๆ ไม่ต้องร้อง เงินทองของนอกกาย ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวกลับไปอาบน้ำอาบท่าแล้วไปกราบเรียนท่านเจ้าอาวาสท่านเสียว่าแมนเขาทำแบบนี้ ท่านจะได้จัดการให้”พระทรงโปรดจับหัวของแสนดีโคลงไปมา ทั้งสงสารทั้งเอ็นดูเจ้าเด็กตรงหน้า แสนดีแม้จะอยากด่าแมนให้มากกว่านี้แต่ก็จำต้องเงียบแล้วเดินตามหลวงพี่กลับกุฏิ ในใจนั้นนึกแช่งชักหักกระดูกแมน
คอยดูเถอะถ้าไอ้แมนกลับมา แสนดีจะให้เด็กวัดกับพระทรงโปรดช่วยกันจับมันมาที่บ่อขยะแล้วแสนดีคนนี้แหละจะถีบแมนลงไปบ้าง!!
แต่เหมือนแมนจะรู้ว่าถ้ากลับมาอาจจะโดนหลวงพ่อเจ้าอาวาสดุด่า แมนไม่หวนกลับมาที่วัดอีกเลย ทิ้งไว้เพียงย่ามกับของ ๆ หลวงตาแช่มโดยเอาไปแค่เงินไว้ให้แสนดีดูต่างหน้า แสนดีจึงทำอะไรไม่ได้ แม้จะสูญเงินจำนวนมากกว่าหมื่นบาทที่หลวงตาอุตส่าห์เก็บออมไว้ให้แสนดี แต่แสนดีก็ยังได้ย่ามของหลวงตาคืนแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว
“แม่จัดการเรื่องเอกสารรับรองบุตรของแสนดีเรียบร้อยแล้วนะคะ ส่วนเรื่องโรงเรียนใหม่ของแสนดีก็เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พอพระสึกก็พาแสนดีเข้ากรุงเทพไปด้วยได้เลย”คุณปราณีที่แวะมาหาพระทรงโปรดก่อนครบกำหนดที่จะสึกสองวันเอาเอกสารเกี่ยวกับแสนดีมาให้พระทรงโปรดตรวจสอบดูอีกครั้ง เป็นใบมอบอำนาจให้คุณปราณีเป็นผู้ปกครองเด็กชายรวีกานต์อย่างสมบูรณ์โดยนางสะอาดและนายมาโนชยินยอมอย่างถูกต้องครบถ้วน พระทรงโปรดตรวจทานดูแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ
“ตอนนี้ก็เท่ากับแสนดีเป็นลูกของโยมแม่อีกคน”พระทรงโปรดเอ่ยเย้าผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ คุณปราณีนั้นดีใจนักเมื่อพระทรงโปรดโทรไปเล่าถึงสิ่งที่หลวงตาแช่มฝากฝังไว้ ด้วยนึกเอ็นดูแสนดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ หล่อนให้ทนายจัดการเอกสารสำหรับรับรองบุตรบุญธรรมรวมทั้งหาโรงเรียนให้แสนดีได้เข้าเรียนเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงและอยู่ไม่ไกลกับคอนโดของทรงโปรด
“จริง ๆ น่าจะให้น้องไปอยู่บ้านกับแม่”คุณปราณีบอกจุดประสงค์ของตัวเอง หล่อนอยากเป็นคนเลี้ยงดูแสนดี อยากมีลูกซักคนมาอยู่ใกล้ตัวเพราะลูกชายทั้งสามคนของหล่อนนั้นต่างแยกบ้านไปมีชีวิตส่วนตัว หล่อนเองนั้นเมื่อไม่มีลูก ๆ อยู่ด้วยบ่อยครั้งก็นึกเหงา เมื่อมีแสนดีเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวก็อยากยึดแสนดีไว้ใกล้ตัว
“ให้อยู่คอนโดกับอาตมาก่อนเถอะโยมแม่มันใกล้โรงเรียนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางตอนเช้า ๆ สงสารเด็กมันไม่อยากให้ต้องโตบนรถ เอาไว้เย็นวันศุกร์ค่อยพากลับไปค้างที่บ้านนะครับ”
“แล้วตกลงจะให้แม่ทิ้งรถแล้วขับกลับกรุงเทพเองจริง ๆ เหรอคะ”คุณปราณีถามอย่างเป็นห่วงเพราะพระทรงโปรดโทรไปบอกให้ผู้เป็นมารดาเอารถของเขามาจอดที่วัดหลังจากสึกแล้วเขาจะเป็นคนขับกลับกรุงเทพเอง พระทรงโปรดพยักหน้าลงน้อย ๆ เป็นการยืนยันคำพูด
“แม่เป็นห่วง”
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลยโยมแม่ จะเย็นแล้วโยมแม่กลับบ้านเถอะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง สึกเรียบร้อยก่อนออกเดินทางจะโทรบอกนะครับ คงแวะไปนอนบ้านก่อนซักอาทิตย์ จะเอาแสนดีไปทำความคุ้นเคยกับบ้านด้วยโยมแม่เตรียมห้องไว้ให้น้องเถอะครับ”
“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าของใช้ให้น้องใช้ของเดิมไปก่อน เดี๋ยวไปถึงกรุงเทพค่อยพาไปซื้อจะได้ถูกใจเจ้าตัวด้วย งั้นแม่กลับเลยแล้วกันนะคะ”คุณปราณีลาพระลูกชายโดยที่พระทรงโปรดเดินลงไปส่งผู้เป็นแม่ รถเบ็นซ์สีดำเงาปลาบของตนเองจอดอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ส่วนรถของคุณปราณีนั้นสีบลอนด์เงินมีคนขับรถนั่งรออยู่ใต้ต้นโพธิ์ร่มรื่น เมื่อเห็นผู้เป็นเจ้านายทั้งสองเดินลงมาจากศาลาด้านบนก็รีบลุกขึ้นมายืนรอทันทีอย่างรู้งาน
“ฝากโยมแม่ด้วยนะลุงพุทธ”
“ครับท่าน ไม่ต้องห่วงครับกระผมจะดูแลคุณท่านอย่างดีเลยครับ”ลุงพุทธที่เป็นคนขับรถเก่าแก่ของบ้านรับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนพระทรงโปรดนึกขำ
“ไม่ต้องซิ่งล่ะ ค่อย ๆ ไป แก่แล้วสายตาไม่ดีแล้วมั้ง”แกล้งหยอกคนขับรถคนสนิทเล่น ลุงพุทธได้แต่ทำหน้าทำตาใส่ไม่กล้าเถียงเล่นเหมือนตอนคุณโปรดยังไม่บวช พระทรงโปรดยืนมองท้ายรถของมารดาลับหายออกไปจากสายตาแต่ถูกแทนที่ด้วยภาพเด็กชายที่ผมสีบลอนด์เริ่มขึ้นใหม่กำลังเดินกลับจากการสอบวันสุดท้าย ไอ้ด่างรีบวิ่งไปต้อนรับล้อมหน้าล้อมหลังร้องหงิงด้วยความดีใจแทบจะพาคนเป็นเจ้านายล้มคะมำแล้วอดยิ้มให้กับภาพตรงหน้าไม่ได้
นี่สินะที่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสเมื่อยามพระราหุลประสูติว่าห่วงเกิดแล้ว
เพราะเมื่อเขาตัดสินใจรับแสนดีเข้ามาในชีวิตนั่นเท่ากับว่าเขากำลังสร้างบ่วงให้กับตัวเอง บ่วงที่จะร้อยรัดเขาและแสนดีไว้ด้วยกันอย่างแยกไม่ออกจนกว่าแสนดีจะโตและพร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตของตัวเองได้ในภายภาคหน้า
เขาไม่เคยต้องดูแลใคร แสนดีเป็นคนแรกที่เขาต้องดูแล
ทรงโปรดไม่รู้หรอกว่าตนจะทำหน้าที่นั้นได้ดีแค่ไหน
เขารู้แต่เพียงว่าเขาจะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด ดีเท่าที่เขาจะทำให้กับแสนดีได้
เขาจะให้ความรัก ให้โอกาส ให้ชีวิตใหม่กับแสนดี
มันอาจจะยากกับการดูแลชีวิตใครสักคน แต่เขามั่นใจว่าเขาทำได้
....................................
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
อยากให้พาจ่อยไปด้วยอีกคนจัง
-
:heaven งื้อออ น่ารักไม่ไหวแล้ว
-
ฟ้าหลังฝน ของแสนดี ก็จะสดใสขึ้น
-
อยากให้พาจ่อยไปด้วยอีกคนจัง
นั่นสิ สงสารจ่อยเลย ทั้งใบ้ ทั้งเพื่อนที่รักก็จะไปจาก ถ้าไปด้วยกันได้คงดีมาก :hao5:
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ต่อไปนี้ขอให้มีแต่เรื่องดีๆนะแสนดี
-
แสนดีกำลังจะก้าวไปข้างหน้า
-
คิดถึงมสกกอยากอ่านต่อแล้วว
-
รอๆ
-
แสนดี :heaven :heaven :heaven
-
แสนดีนั่งพับเสื้อผ้าของตัวเองใส่กระเป๋านักเรียนที่ตอนนี้กลายมาเป็นกระเป๋าสัมภาระจำเป็น เพราะพระทรงโปรดบอกว่าเอาไปแค่ไม่กี่ชุดแค่พอใส่อยู่บ้าน ที่เหลือค่อยไปหาซื้อใหม่เมื่อถึงกรุงเทพ แม้เสื้อผ้าของแสนดีจะเก่ามอซอ แต่หลาย ๆ ชุดนั้นหลวงตาแช่มเป็นคนซื้อให้ บางชุดยายสะอาดก็ซื้อให้ ทุกชุดล้วนมีความทรงจำในวัยเด็กของแสนดีซ่อนอยู่ สุดท้ายก็เสียดายตัดใจทิ้งไม่ลงแล้วก็มานั่งหนักใจอยู่อย่างนี้ พระทรงโปรดที่นั่งอ่านหนังสือสวดมนต์แก้เบื่อหันมาเห็นแล้วก็นึกขำเพราะแสนดีพับเข้าพับออกมานานนับชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่เสร็จสักที
“ยังไงล่ะเรา เลือกไม่ได้เหรอว่าจะเอาตัวไหนไป”
“ก็หนูเสียดายทุกชุด” เจ้าคนเด็กทำจมูกย่นพลางรื้อเอาเสื้อผ้าที่เก็บลงกระเป๋าเมื่อสักครู่ออกมาเรียงใหม่ พระทรงโปรดเห็นดังนั้นก็มายื้อแขนเล็กของเด็กลูกครึ่งไว้
“เลือกเฉพาะชุดที่ใส่ได้ ยังไงเดี๋ยวหลวงพี่ก็ต้องซื้อให้แสนดีใหม่อยู่แล้ว”
“แต่หนูเลือกไม่ได้ มันสำคัญกับหนูทุกชุดเลย” แสนดียังคงมองกองเสื้อผ้าที่สภาพดีกว่าผ้าขี้ริ้วนิดหน่อยด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง
“ตอนนี้แสนดีอายุ 12 จะเข้า 13 แล้วใช่มั้ย ถ้าในกองนั้นมีชุดของแสนดีที่หลวงตาแช่มซื้อให้ตอนขวบหนึ่ง แสนดีเคยชอบมันมากทุกวันนี้ก็ยังเก็บไว้ แสนดีคิดว่าตอนนี้แสนดีจะยังใส่มันได้อยู่มั้ย?”
แสนดีส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แล้วของที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้เราต้องขนไปให้รกมั้ย?”
“ไม่ต้องจ้า”
“ของที่ไม่มีประโยชน์เก็บไว้สุดท้ายก็กลายเป็นขยะ ใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้วยังเป็นภาระให้เราจัดเก็บอีก แบบนี้แสนดีควรเอาไปเป็นภาระของตัวเองมั้ย? อย่างชุดนักเรียนนั่นที่แสนดีเก็บเข้าเก็บออก โรงเรียนใหม่มีเครื่องแบบเฉพาะของเขาที่แสนดีจะต้องเปลี่ยน เอาไปแสนดีก็ไม่ได้ใช้ ถ้าหลวงตาแช่มยังอยู่ท่านก็คงบอกว่าไม่ต้องเอาไปเพราะมันใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว แสนดีว่าแสนดีควรเอาไปด้วยมั้ย?” แสนดีเม้มปากเมื่อคิดตามที่หลวงพี่พูด เด็กน้อยกันเอาชุดนักเรียนตัวเดิมวางไว้อีกกองหนึ่ง
“ไปอยู่ที่นู่นเลือกไปแค่ชุดที่ยังใส่ได้สบายไม่ขาดไม่ปะเอาไว้ใส่เล่นอยู่บ้านเพราะเดี๋ยวหลวงพี่จะพาไปซื้อใหม่ทั้งหมดอยู่แล้ว”
“ไม่เห็นต้องซื้อใหม่เลยหลวงพี่แสนดีใส่ชุดเดิมได้” เด็กน้อยรีบตอบกลับ แสนดีไม่ได้อยากได้เสื้อผ้าใหม่เพราะที่มีนั้นก็ยังพอใส่ได้ หากแต่พระทรงโปรดกลับส่ายหัว
“ไม่ได้หรอก ตอนนี้แสนดีไม่ใช่เด็กวัดแล้ว อีกแค่วันสองวันแสนดีก็มีฐานะเป็นลูกบุญธรรมของโยมแม่ ทางนั้นน่ะมีกิจการ มีสังคมที่ต้องแสดงตัว การแต่งตัวให้เหมาะสมกับสังคมและฐานะเป็นการให้เกียรติทั้งโยมแม่ ทั้งตัวเองด้วย ถ้าให้แสนดีแต่งตัวด้วยชุดเดิม ๆ คนจะคิดว่าโยมแม่กับหลวงพี่เลี้ยงแสนดีไม่ดีพอ อีกอย่างเสื้อผ้าของแสนดีอีกหน่อยแสนดีตัวโตขึ้นก็ใส่ตัวเดิมไม่ได้แล้ว” แสนดีถอนหายใจเฮือกใหญ่ กวาดตามองกองเสื้อผ้าอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานกระเป๋าเป้ก็ถูกรูดซิป กองเสื้อผ้าที่เหลือถูกจัดใส่ลังกระดาษรอยกให้เด็กวัดคนอื่นต่อไป พระทรงโปรดยิ้มเอ็นดูให้กับท่าทางไหล่ตกเพราะยังอาลัยอาวรณ์และเสียดายข้าวของ ของตัวเองไม่หาย แสนดีออกไปนั่งรับลมที่ระเบียง ไอ้ด่างร้องหงิง ๆ เดินขึ้นบันไดเก่า ๆ ตามสภาพมานั่งข้างแสนดีแล้วเอาคางเกยขาของแสนดีไว้ราวกับรู้ว่าเจ้านายที่เคยวิ่งเล่นเลียหน้าเลียตาของตนกำลังจะจากไปแล้ว แสนดีลูบหัวไอ้ด่างด้วยความรัก แม้จะดุกันบ้างเอ็ดกันบ้างแต่ด่างก็เป็นเหมือนเพื่อนแท้อีกคนของตนรองจากจ่อยเพื่อนรุ่นพี่ที่ดีกับแสนดีมาตลอด
“อยู่นี่ต้องไม่ไปไล่กัดไล่เห่าใครเขานะด่าง เดี๋ยวจะโดนเขาตีเอา” แสนดีออกปากสั่งสอนไอ้ด่างที่นอนกระดิกหาง มันทำเสียงในลำคอเบา ๆ ราวกับรับคำ
“พอจะจากกันก็ใจหายเหมือนกันเนอะ กูเลี้ยงมึงตั้งแต่เกิด กี่ปีแล้วนะ หรือ ปีนะ” แสนดีนึกย้อนไปในวันที่ตัวเองมุดเข้าไปใต้กุฏิหลวงตาเพื่อดูแม่หมาคลอดลูก ในตอนนั้นไอ้ด่างยังตัวแดง ๆ จมูกและอุ้งเท้าสีชมพู พี่ ๆ น้อง ๆ ของมันอีกหกตัวก็สภาพคล้ายกัน เมื่ออายุได้สองเดือนชาวบ้านก็ขอไปเลี้ยงกันจนหมด เหลือแต่ไอ้ด่างที่ผอมกะหร่องไม่อ้วนไม่น่ารักเท่าตัวอื่น ๆ วัน ๆ เอาแต่วิ่งตามแสนดีไปทั่ววัด สุดท้ายก็อยู่กันยาวมาจนถึงทุกวันนี้ และราวกับใจตรงกัน เพราะเมื่อแสนดีคิดถึงอดีตเสร็จทั้งคนทั้งหมาก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“อยากเอาไปด้วย” แสนดีบ่นออกมาเบา ๆ แต่แสนดีก็รู้ว่าคงไม่สามารถเอาด่างไปด้วยได้เพราะพระทรงโปรดบอกไว้ว่าต้องอยู่คอนโดเป็นหลัก จะได้ไปบ้านใหญ่ก็เฉพาะเย็นวันศุกร์
“จะเอาไปด้วยก็ต้องอาบน้ำให้สะอาดตัดเล็บด้วยไม่งั้นเดี๋ยวมันตะกุยเบาะรถขาด” พระทรงโปรดเดินออกมาพลางวางอุปกรณ์บางอย่างรูปร่างคล้ายคีมตัดเหล็กแต่จริง ๆ แล้วเป็นกรรไกรตัดเล็บสัตว์รวมทั้งแชมพูอาบน้ำสุนัขและแป้งโรยกันเห็บหมัด แสนดีทำตาโตเมื่อได้ยินคำพูดของพระทรงโปรด
“อะไรนะครับ”
“ก็ตามนั้น ไม่อาบก็ไม่เอาไปด้วย เหม็นสาบ” แสนดีตาลุกวาวรีบเด้งตัวลุกขึ้นยืนจนไอ้ด่างสะดุ้งด้วยความตกใจคางที่เกยกับขาแสนดีตกลงบนไม้กระดานดังแป่กใหญ่ มันลุกขึ้นเห่าเด็กชายที่ตะโกนร้องกระโดดไปมาด้วยความลิงโลดอย่างไม่เข้าใจ แสนดีก้มลงขยี้หัวแล้วกอดไอ้ด่างไว้แล้วจึงคว้าข้าวของที่พระทรงโปรดวางไว้ให้แล้วเรียกให้ไอ้ด่างวิ่งตามตนมา
“ไม่ต้องวิ่งเดี๋ยวได้ล้มทั้งคนทั้งหมา” พระทรงโปรดร้องบอกพลางส่ายหน้า เพราะคิดไว้แล้วว่าถ้าเอาแสนดีไปทั้งคนทั้งหมาก็คงจะเศร้าดังนั้นเขาจึงโทรไปบอกคุณปราณีให้สั่งคนงานในบ้านต่อกรงสำหรับให้ด่างอยู่ในตอนกลางวันที่มีแขกมาบ้าน แม้คอนโดจะเลี้ยงหมาไม่ได้แต่ที่บ้านของเขานั้นมีอาณาเขตกว้างมากพอจะให้ด่างได้อยู่และวิ่งเล่น แสนดีเองก็จะได้ไม่เหงาเวลาต้องไปบ้านในช่วงวันหยุด เขารู้ดีว่าเด็กน้อยอาจจะอึดอัดในช่วงแรก ๆ เพราะทุกอย่างนั้นแปลกใหม่ไปหมดทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม การมีด่างไปด้วยจะทำให้แสนดีอุ่นใจเพราะหาที่หลบไปนั่งเล่นกันได้ไม่เหงา
ทุกคนควรมีเซฟโซนและด่างคือเซฟโซนของแสนดี
พระทรงโปรดเดินตามแสนดีกับด่างไปที่บ่อน้ำข้างศาลาที่เอาไว้ล้างถ้วยชามเวลามีงานศพ จ่อยอยู่แถวนั้นเป็นแสนดีเอาโซ่เส้นเก่ามาล่ามไอ้ด่างก็เข้ามาช่วย ตอนนี้จ่อยเรียนจบ ม.3 แล้ว ใจจริงทรงโปรดอยากเอาจ่อยไปด้วย แต่เมื่อถามความสมัครใจของจ่อยแล้วเด็กหนุ่มไม่สามารถไปได้เพราะถึงแม้จะกำพร้าแต่จ่อยยังมีลุงกับป้า ทางนั้นไม่อนุญาตให้ไปเพราะคิดว่าหากยกจ่อยให้พระทรงโปรดเมื่อโตไปทำงานได้ตนจะเอาประโยชน์จากหลานชายพิการไม่ได้ ทรงโปรดจึงทำได้เพียงบอกกับจ่อยว่าตนจะให้ทุนการศึกษาจนกว่าจ่อยจะเรียนจบ จ่อยเองตั้งใจจะไปเรียนวิชาชีพที่อาชีวะพระมหาไถ่ ซึ่งทรงโปรดเองก็คิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดี และเขาเองก็ยินดีจะสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษานี้เพราะจ่อยเองคอยดูแลช่วยเหลือและเป็นเพื่อนที่ดีของแสนดีมาเสมอ ระยะเวลาสามเดือนที่บวชมาเขาได้เรียนรู้ชีวิตของเด็กวัดเหล่านี้ ใจหนึ่งทรงโปรดก็ดีใจที่ครบกำหนดสึกแล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็นึกเสียดาย หากเขากลับไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพตามเดิมแล้ว ความเรียบง่ายและความจริงใจซื่อตรงของชาวบ้านก็จะหายไป
ทุกวันเขาคงจะต้องคร่ำเคร่งกับการช่วยกิจการของคุณปราณีและพี่ ๆ ใช้ชีวิตบนท้องถนนที่แออัด บรรยากาศก็เต็มไปด้วยฝุ่นควันและมลพิษ คงไม่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ที่ได้กลิ่นต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องแบบนี้อีกแล้ว พระทรงโปรดหลุดจากภวังค์เมื่อไอ้ด่างสะบัดน้ำจากลำตัวจนสาดกระเซ็นไปทั่ว แสนดีเองก็พลอยเปียกไปทั้งตัว เด็กน้อยหัวเราะเสียงใสเป็นภาพที่ทรงโปรดรู้สึกสบายใจ เป็นครั้งแรกหลังจากหลวงตาแช่มมรณภาพที่แสนดีได้กลับมามีเสียงหัวเราะอีกครั้ง เด็กชายตามรั้งไอ้ด่างที่จ้องแต่จะวิ่งหนีอยู่เรื่อยไว้แน่นมีจ่อยส่งเสียงอ้อแอ้ในลำคอวิ่งตามหลังไปด้วยกัน
เขาเสียดายที่ไม่สามารถเอาจ่อยไปด้วยได้ แต่ถ้าในอนาคตที่จ่อยเรียนจบแล้วถ้าจ่อยอยากไปทำงานด้วย เขาก็ยินดีรับจ่อยอย่างเต็มใจ
หลังจากจัดการเช็ดขนแล้วเป่าพัดลมจนขนแห้งแสนดีก็เอาแป้งโรยเห็บหมัดให้กับไอ้ด่าง ระหว่างที่นั่งคุยกันที่ระเบียงทั้งหมดก็เห็นรถกระบะของตำรวจแล่นเข้ามาในวัด ไอ้ด่างลุกขึ้นยืนแล้วส่งเสียงเห่ากระโชกจนแสนดีต้องรั้งคอไว้
“เงียบก่อนด่าง” แสนดีส่งเสียงดุไอ้ด่าง พระทรงโปรดเดินไปชะโงกดูเพื่อจะได้มองให้ชุดก็พบว่ามีตำรวจลงจากเบาะคนขับและคนนั่งหน้าก่อนจะเดินไปเปิดประตูเบาะนั่งหลัง มีตำรวจอีกนายออกมาสมทบและใครบางคนที่คุ้นตากำลังถูกควบคุมตัวให้ไปที่กุฏิหลวงพ่อ
แมนที่ขโมยเงินและทำร้ายแสนดีเมื่อหลายวันก่อนถูกจับใส่กุญแจมือ เนื้อตัวดูสกปรกและมีรอยฟกช้ำ เปลือกตาด้านขวามีรอยปูดและเขียวช้ำ แมนในวันนี้ไม่เหลือคราบแมนผู้หยิ่งผยองและจองหองคนเก่าที่แสนดีคุ้นตาเลยสักนิด เมื่อตำรวจคุมตัวแมนเดินผ่านกุฏิที่พระทรงโปรด แสนดีและจ้อยยืนอยู่ มันก็เงยหน้าขึ้นมองสบตากับแสนดีแล้วจากไปราวกับภาพในละคร แสนดีกับจ่อยรีบวิ่งลงบันไดตามไปด้วยความอยากรู้ไปแอบดูอยู่ใต้กุฏิหลวงพ่อเจ้าอาวาส
“มีอะไรกันล่ะโยม ทำไมถึงได้จับเจ้าแมนมาแบบนั้น?” หลวงพ่อเอ่ยถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นตำรวจและแมนก้าวขึ้นมาด้านบน ตำรวจยกมือไหว้หลวงพ่อแล้วจึงพากันนั่งลงบนพื้น
“กราบนมัสการครับหลวงพ่อ พอดีพวกผมจะพานายแมนมาลาหลวงพ่อครับ” ร้อยเวรข้าวของคดีที่รู้จักกับหลวงพ่อเป็นผู้บอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้
“เจ้าแมนมันไปทำอะไรผิดไว้ถึงได้ถูกจับคุณตำรวจพอจะบอกอาตมาได้มั้ย?” หลวงพ่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย ยิ่งเห็นสภาพสะบักสะบอมของแมนสีหน้าท่านก็ยิ่งตึงเครียด
“นายแมนก่อคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาครับหลวงพ่อ”
“ห๊ะ...อะไร๊” หลวงพ่อร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ จริงอยู่ที่แมนเป็นคนเกเรแต่ท่านก็ไม่ได้คิดว่าแมนจะทำเรื่องฆ่าคนได้ ท่านมองแมนด้วยสายตาผิดหวัง แมนก้มหน้าร้องไห้ก่อนจะก้มลงกราบหลวงพ่อตัวสั่นสะอื้น
“ผมผิดไปแล้วครับหลวงพ่อ” แมนสะอื้นเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เรื่องมันเป็นมายังไงทำไมถึงไปก่อคดีได้ล่ะบอกหลวงพ่อซิ”
“คือนายแมนไปเล่นพนันบอลไว้ครับหลวงพ่อ พอติดเงินโต๊ะบอลไว้เยอะ ๆ เจ้าหนี้เขาก็มาทวงจนลงไม้ลงมือกันนายแมนจึงใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงเจ้าหนี้ตาย ผมเห็นว่าเป็นลูกศิษย์วัดของหลวงพ่อ เลยพามากราบลาก่อนจะได้ไม่ต้องห่วงว่าหายไปไหนครับ”
“อาตมาก็ขอบใจผู้กองด้วยนะ ก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมเถอะ” หลวงพ่อมองแมนที่ส่งสายตาอ้อนวอนด้วยความเวทนา
“หลวงพ่อ หลวงพ่อช่วยผมด้วย ผมไม่อยากติดคุก” แมนรีบคลานเข้ามากอดขาหลวงพ่อไว้อย่างอ้อนวอน ตัวของมันสั่นงันงกเมื่อรู้แน่แล้วว่าตนเองจะต้องเข้าไปใช้ชีวิตในคุก
“ทำผิดก็ต้องยอมรับผลที่ทำนะแมน เข้าไปอยู่ในนั้นก็ทำตัวให้มันดี ๆ บางทีอาจจะดีกว่าอยู่ข้างนอก กลับตัวกลับใจซะทางที่เดินมันผิด ผลที่ได้ก็ราคาแพงตามไปด้วย” หลวงพ่อลูบหัวแมนพลางเตือนสติเด็กหนุ่ม
“หลวงพ่อช่วยผมไม่ได้เลยเหรอครับ?” แมนเอ่ยถามอย่างจะยึดหลวงพ่อเป็นความหวัง หากแต่หลวงพ่อกลับนิ่งเงียบเป็นคำตอบ แมนจึงทำได้เพียงกราบลา เมื่อเสร็จธุระตามคำขอของแมนแล้วตำรวจจึงคุมตัวแมนเพื่อกลับไปที่โรงพัก แมนเห็นแสนดีกับจ่อยมายืนมองมันก็หยุดเท้าที่กำลังจะก้าวตามการนำของตำรวจไว้
“ทำไม มาสมน้ำหน้ากูเหรอ?” เอ่ยถามด้วยความก้าวร้าว แสนดีเห็นสภาพของแมนแล้วก็ได้แต่เหยียดปากอย่างรังเกียจก่อนจะตะโกนตอบอย่างไม่กลัวเกรง
“เออ มารอสมน้ำหน้ามึง ติดนาน ๆ เลยนะ ติดแล้วไม่ต้องออกมาไอ้คนเลว” แมนที่ได้ยินคนเด็กกว่าตะโกนด่าก็ดึงดันทำท่าคล้ายจะเข้ามาทำร้ายแสนดี พระทรงโปรดกับจ่อยต้องดึงแสนดีให้ถอยหลังส่วนตำรวจก็คุมตัวแมนขึ้นรถไป ยังไม่วายที่แมนจะตะโกนทิ้งท้ายด้วยความโมโห
“ปากดีนักนะมึง รอกูออกมาก่อนกูจะตามมาฆ่ามึงอีกคน”
“กว่ามึงจะออกมากูก็ไปอยู่ที่อื่นแล้วไอ้แมน คนอื่นเขามีทางไปที่ดีแต่มึงอ่ะจบที่คุก คนเลว ๆ ก็สมควรอยู่ในที่แบบนั้นแล้ว”
“ไม่เอาน่าแสนดี แมนเขาก็ได้รับกรรมที่ก่อไว้แล้ว อย่าพูดจาไม่ดีใส่กันเลย” พระทรงโปรดเอ่ยปรามเมื่อเห็นว่าแสนดีต่อปากต่อคำกับแมน แสนดีเมื่อเห็นว่าพระทรงโปรดเอ่ยปรามก็ยอมหยุดแล้วเงียบเสียงลง ทั้งสามคนรวมทั้งหลวงพ่อบนกุฏิมองรถตำรวจที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปจากวัดด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มีทั้งความเวทนา ความสมน้ำหน้า และความสมเพชรวมอยู่ในนั้น
ทุกชีวิตล้วนเป็นไปตามกรรม ตามแต่ว่าใครจะทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว ทรงโปรดก็ได้แต่หวังว่าแมนจะกลับตัวกลับใจเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้
“สิกขัง ปัจจักขามิ ข้าพเจ้าลาสิกขา คิหิติ มัง ธาเรถะ ขอท่านทั้งหลายจงจำข้าพเจ้าไว้ ว่า เป็นคฤหัสถ์แล้ว” พระทรงโปรดก้มลงกราบอุปัชฌาช์และทำพิธีลาสิกขาจนครบถ้วน แสนดียืนรออยู่หน้าโบสถ์เมื่อเห็นผู้ปกครองคนใหม่ครองเพศฆราวาสออกมา ทั้งคู่เดินกลับไปที่กุฏิเพื่อเก็บข้าวของเดินทางเข้ากรุงเทพเลย
“แสนดีไปกราบลาหลวงพ่อท่านก่อนเถอะ” ทรงโปรดบอกกับแสนดีที่ขอบตาบวมแดงเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ไปลายายสะอาดและตามาโนชผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของตนมาแล้ว แสนดีทำตามอย่างว่าง่าย
“จะไปแล้วสินะ” หลวงพ่อยื่นถ้วยชาให้จ่อยรับไปเก็บ
“ครับ ก็จะเข้ากรุงเทพเลยถ้าช้าเดี๋ยวจะมืดซะก่อน ต้องเอาเจ้าด่างไปไว้ที่บ้านคุณแม่ก่อนด้วยครับ”
“เป็นบุญของทั้งคนทั้งหมา ยังไงอาตมาก็ขอฝากแสนดีไว้กับโยมทรงโปรดด้วยนะ” หลวงพ่อมองแสนดีน้อยที่บัดนี้โตจนพอจะดูแลตัวเองได้แล้วด้วยสายตาเจือความเมตตาอยู่ในนั้น
“แสนดีเอ้ย ไปอยู่กับท่านงานบ้านอะไรช่วยท่านหยิบจับทำได้ก็ทำซะนะ อย่าเกียจคร้านอย่าดูดาย อย่าดื้อเชื่อฟังคุณ ๆ เขาให้เหมือนเชื่อฟังหลวงตาแช่มนะ”
“ครับหลวงพ่อ หนูจะไม่ขี้เกียจจะช่วยหลวงพี่ เอ้ย...” แสนดีสะดุ้งเมื่อตัวเองใช้สรรพนามของทรงโปรดผิด เด็กน้อยรีบตบปากตัวเองพลางส่งยิ้มประจบให้กับเจ้าของชื่อ
“จะช่วยคุณโปรดทำงานทุกอย่างเท่าที่จะช่วยได้เลยจ้า”
“ดีแล้ว แล้วก็ตั้งใจเรียนอย่าเกเรล่ะ ไปเถอะ ช้ากว่านี้จะถึงที่นั่นมืด ไอ้จ่อย อยากจะไปส่งแสนดีกับโยมทรงโปรดก็ไปเถอะ ข้าจะเข้ากุฏิแล้ว” จ่อยรีบก้มกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาสแล้วจึงเดินตามทรงโปรดกับแสนดีลงไป ทั้งหมดกลับไปเอากระเป๋าสัมภาระซึ่งมีกันแค่คนละใบ
“จ่อย ของในห้องนี้ที่ฉันซื้อมาฉันยกให้จ่อยนะ แล้วนี่ที่อยู่ที่คอนโดถ้าจ่อยคิดถึงแสนดีจ่อยก็เขียนจดหมายหาแสนดีได้ ส่วนนี่” ทรงโปรดหยิบเงินในกระเป๋ามายื่นให้กับจ่อย
“เอาไว้เดินทางไปสมัครเรียน ถ้าไปไม่ถูกหรือมีปัญหาอะไรจ่อยติดต่อฉันไปนะโทรไปก็ได้จ่อยเขียนใส่กระดาษแล้วให้คนอื่นอ่านให้ฉันจะส่งเลขามาช่วยจัดการให้” จ่อยยกมือไหว้แล้วรับเงินที่ทรงโปรดยื่นให้ด้วยความซาบซึ้งใจ มันหันไปมองแสนดีที่ยืนมองอยู่ล้วงมือหยิบกระดาษที่ตนเองเขียนไว้ตั้งแต่เช้ายื่นให้แสนดี แสนดีรับมาแล้วคลี่ออกอ่าน
“ไปดีนะโว้ยไอ้แสน ไปมีชีวิตดี ๆ อีกหน่อยกูเรียนจบมีงานมีการทำจะไปเยี่ยมมึงนะ อีกอย่างโตเป็นควายแล้วเลิกขี้แยได้แล้วกูตามไปปลอบมึงไม่ได้ทุกที่หรอกนะ” แสนดียิ้มให้กับข้อความในกระดาษนั้น น้ำตาที่เอ่อขอบตาถูกกะพริบไล่มันเข้าไป แสนดีแกล้งใช้เท้าเตะน่องของจ่อยไม่เบาแต่ก็ไม่แรง
“เออ กูไม่ขี้แยแล้วเว้ย เนี่ยเห็นมั้ยไม่ได้ร้องไห้แล้ว” จ่อยหัวเราะกับท่าทางนั้นของแสนดี มันยกนิ้วโป้งให้แสนดีเป็นคำชมว่าเก่งแล้ว ทรงโปรดปล่อยให้เด็กทั้งสองคนล่ำลากันอีกครู่เขาจึงได้บอกกับแสนดีว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว จ่อยเดินตามมาส่งที่รถแล้วช่วยอุ้มไอ้ด่างเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง มันโบกมือลาแสนดี แสนดีกัดฟันตัวเองไว้แน่นโบกมือลาจ่อยก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถที่ทรงโปรดเปิดประตูไว้รอ
“มึงอย่าลืมนะจ่อย โตแล้วมีงานทำอย่าลืมไปหากูนะ” จ่อยพยักหน้ารับ ยายสะอาดกับตามาโนชเดินมาหาแสนดีก่อนจะยื่นถุงข้าวเหนียวไก่ทอดที่ยายสะอาดตื่นมานึ่งตั้งแต่เช้าให้แสนดี
“เอาไว้กินตอนหิวนะแสนดี” แสนดีรับถุงที่ยายสะอาดยื่นให้ เด็กน้อยกลั้นก้อนสะอื้นที่ตีรื้นขึ้นมาบนอก มองยายสะอาดกับตามาโนชผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของตนมาตลอด 12 ปี ทรงโปรดรับปากกับคนทั้งสองว่าตนจะเลี้ยงแสนดีให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นชายหนุ่มจึงก้าวขึ้นรถและขับออกไป แสนดีโบกมือลาทุกคน ภาพพ่อแม่และจ่อยค่อยๆ เล็กลงและพร่าเลือน ภาพวัดป่าที่เป็นเรือนนอนมาตั้งแต่เด็กค่อยจางหายไปพร้อม ๆ กับหยาดน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลรินรดสองข้างแก้ม
ลาก่อนทุกคน
ลาก่อนวัดอันเป็นที่รัก
แสนดีไม่รู้ว่าตนนั้นจะมีโอกาสกลับมาหาทุกคนอีกเมื่อไหร่ จะเป็นเร็ว ๆ นี้ หรืออีกนาน แสนดีไม่รู้เลย แสนดีรู้เพียงว่าตนนั้นจะคิดถึงทุกคน จะไม่มีวันลืมเลย ฝ่ามือหนาลูบลงบนศีรษะคนเด็กที่เกาะเบาะนั่งหันไปมองคนข้างหลังอย่างปลอบโยน เขารู้ว่าการจากลาย่อมพาความใจหายมาให้ แสนดียังเด็กและนี่คือการจากลากันครั้งแรกย่อมเศร้าเป็นธรรมดา มีเพียงความรักและความเอาใจใส่รวมทั้งเวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาความรู้สึกหวาดกลัวและอ้างว้างนี้ได้
และแสนดีอาจจะต้องอยู่กับอาการคิดถึงบ้านไปอีกหลายวัน
แสนดียังต้องเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตในวันข้างหน้า ต้องเรียนรู้ว่าชีวิตของคนเรามีพบก็ต้องมีจาก นั่นเป็นสัจธรรม
มนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนต้องพบเจอ หนทางข้างหน้ายังอีกไกล เขาไม่รู้ว่าวันข้างหน้าแสนดีจะต้องพบเจอกับอะไรจะดีหรือร้าย จะหนักหนาเต็มไปด้วยขวากหนามหรือจะสบายราวกับย่ำบนกลีบกุหลาบ เขารู้แค่เพียงว่าตราบใดที่แสนดีอยู่กับเขา เขาจะไม่ปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องอ้างว้าง เมื่อต้องเลี้ยงดูอุ้มชู เขาก็จะหยิบยื่นแต่สิ่งดี ๆ ให้กับแสนดี
รถเบนซ์สีดำปลาบแล่นผ่านทุ่งหญ้าและถนนดินลูกรังขึ้นสู่ถนนคอนกรีตมุ่งหน้าออกจากชนบทเข้าสู่กรุงเทพ ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังเพื่อเดินทางไปสู่อนาคต ทิ้งรอยอาลัยไว้เพื่อแสวงหาความสุขที่รออยู่ ไอ้ด่างส่งเสียงเห่าเบาๆ ราวกับรับรู้ความคิดของทรงโปรด ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอบังคับพวงมาลัยรถไปขับเคลื่อนไปยังทิศทางที่ต้องการโดยมีแสนดีนั่งอยู่เคียงข้าง
คนทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชะตาชีวิตได้รัดรึงคล้ายดังบ่วงที่ร้อยเข้าด้วยกัน
เป็นบ่วงที่ไม่มีทางดึงออกได้อีกเลยตลอดชีวิต
................................................
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
ฟ้าหลังฝนหวังว่าจะสดใส ไปมีชีวิตใหม่นะแสนดี จะตามเฝ้ามอง :katai2-1: คุณโปรดน้ำใจดีงามพระราม8 แม้เอาจ่อยไปด้วยไม่ได้เพราะติดความสัมพันธ์ญาติลุงป้าผู้ที่ซึ่งเห็นแก่ตัว มันเป็นเรื่องที่พูดยาก แต่ถึงอย่างนั้นก็สนับสนุนเต็มที่ ดีใจกับจ่อยเลย เจอคนดีๆแบบคุณทรงโปรด :katai2-1: ส่วนไอ้แมนคิดว่าไม่น่าจะสำนึกได้นะดูท่าทางแล้ว หึ สนุกกค่า ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย :pig4: :pig4:
-
เสียน้ำตาให้แสนดีอีกแล้ว ไปดีมาดีนะลูก
-
รอตอนต่อไป
-
ได้เวลาเดินทางแล้ว
-
:hao5:
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
:mew6:
-
เข้ามารอแสนดีนะคะ
-
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
-
ชอบมมากเลยยยยย
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ
-
มาตามด้วยคน
-
:pig4:
:3123: :3123:
-
ตอนที่ 8
ชีวิตใหม่
แสนดีมองไปยังรั้วบ้านที่เปิดได้เองแบบอัตโนมัติด้วยความตื่นตาตื่นใจ ภายในรั้วบ้านมีสนามหญ้ากว้างปลูกต้นไม้สวยๆ เยอะแยะจนแสนดีอดร้องว้าวออกมาไม่ได้ ไอ้ด่างที่นั่งอยู่เบาะหลังส่งเสียงเห่าจนแสนดีต้องจุ๊ปากดุ มีผู้หญิงวัยกลางคนยืนยิ้มอยู่หน้าบ้านท่าทางใจดีชะเง้อมองตั้งแต่รั้วเปิด
“ป้าฤดี คนเก่าคนแก่ของบ้าน” ทรงโปรดเอ่ยบอกกับเด็กลูกครึ่งที่มองอย่างสนใจ เด็กน้อยเก็บข้อมูลใส่หัวในทันที
“บ้านตรงกลางของคุณแม่ ทางซ้ายของพี่เปรมทางขวาที่กำลังสร้างของพี่ป่าน” ทรงโปรดชี้ให้ดูบ้านสองหลังที่ขนาบข้างอยู่ในส่วนเดียวกันให้กับแสนดีดู เมื่อรถเข้ามาจอดสนิทป้าฤดีที่รออยู่แล้วก็รีบเดินตรงเข้ามาหา ทรงโปรดเปิดประตูรถลงไปอ้าแขนรับร่างท้วมของหญิงชราไว้เต็มอ้อมแขน
“คุณโปรดทำไมมาช้านักล่ะคะ ป้านึกว่าจะถึงเร็วกว่านี้ แล้วนี่ทานข้าวทานปลามาแล้วหรือยังคะ” หล่อนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงมือเหี่ยวย่นตามกาลเวลานั้นก็ลูบแขนคุณคนเล็กของบ้านอย่างรักใคร่
“ซูบไปเยอะเลย”
“มาช้าเพราะต้องแวะให้เจ้าด่างมันเข้าห้องน้ำตลอดทางน่ะครับ แสนดีก็ไม่เคยนั่งรถไกลๆ กินอะไรรองท้องมาบ้างแล้วแต่ไม่ได้กินเยอะกลัวเด็กจะอ้วกเสียก่อน”
“ไปเอาน้องลงมาเถอะค่ะ สงสัยจะกลัวป้านั่งนิ่งเลยทั้งคนทั้งหมา” ป้าฤดีหัวเราะอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นลาง ๆ ว่าเด็กในรถนั่งนิ่งตัวเกร็งมองมาที่ตนและทรงโปรด เจ้าด่างที่ปกติเห่าเก่งก็พลอยเงียบไปด้วย ทรงโปรดผละออกจากป้าฤดีเดินไปเปิดประตูรถ ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ ให้แสนดีลงมา เด็กชายทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อลงมายืนตรงหน้าหญิงชราแล้วแสนดีก็ไม่ต้องรอให้ทรงโปรดต้องบอกต้องสอน เด็กชายรีบยกมือไหว้คุณฤดีด้วยท่าทางนอบน้อม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหญิงชราได้ไม่ยากเย็นไอ้ด่างที่ตามลงมาทีหลังเอาหางจุกไว้ที่ตูดเดินหูลู่มายืนข้าง ๆ แสนดี
“ไงจ๊ะ แสนดีใช่หรือเปล่า? หิวมั้ยลูกยายทำกับข้าวไว้รอนานแล้ว ส่วนนี่ด่างใช่มั้ย คุณ ๆ เธอบอกว่าฉลาด” คุณฤดีทำเสียงสองคุยกับด่าง เจ้าหมาแสนรู้รีบกระดิกหางแล้วนอนหงายให้คุณฤดีได้ลูบหัว มันดมมือเหี่ยวย่นนั้นแล้วแลบลิ้นเลียเป็นสัญลักษณ์ว่ามันยอมรับคุณฤดีเป็นนายของมันอีกคน ทรงโปรดเห็นอากัปกิริยาของไอ้ด่างแล้วก็อดขำไม่ได้
“หมามันอยู่เป็นนะครับป้าฤดี”
“ไปเถอะค่ะเข้าบ้านไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะได้ลงมาทานข้าว ป้าเตรียมของโปรดไว้รอ ส่วนเจ้าด่างเดี๋ยวให้ตาผลเอาไปใส่กรงไว้ก่อน คุณปราณีเธอให้คนซื้ออาหารเตรียมไว้ให้ตั้งแต่วันก่อนแล้วค่ะ ส่วนแสนดีป้าจัดห้องไว้ให้ตามที่คุณโปรดบอกแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับป้า ไปแสนดีเอากระเป๋าลงมาเดี๋ยวคุณโปรดพาไปที่ห้อง” แสนดีเดินตามทรงเปิดไปที่ท้ายรถหยิบกระเป๋านักเรียนใบเก่าที่อัดเสื้อผ้ามาเต็มจนตะเข็บแทบจะแตก ไอ้ด่างส่งเสียงครางหงิงเมื่อถูกดึงไปอีกทางทำท่าจะไม่ยอมไปจนแสนดีต้องสั่งให้รอ แสนดีเดินตามทรงโปรดเข้ามาในตัวบ้าน เด็กน้อยรู้สึกประหม่าและเหมือนจะตัวเล็กลงเข้าไปอีกเมื่อเข้ามาในห้องโถงกว้างขวาง บนเพดานสูงแขวนโคมไประย้าสวย ๆ แบบที่แสนดีเคยเห็นในนิยาย พื้นที่เหยียบก็เป็นหินอ่อนเย็นเท้า ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกหนาวจนต้องห่อตัวลงเล็กน้อย มันเย็นกว่าแอร์ที่อยู่ในรถเสียอีก บันไดที่ขึ้นสู่ชั้นสองโค้งชดช้อยสามารถเดินขึ้นได้ทั้งสองทาง เครื่องเรือนต่าง ๆ ดูผสมผสานมีกลิ่นอายความเป็นคนจีนอยู่ แสนดีเห็นคนรับใช้ผู้หญิงสองคนยกมือไหว้ทรงโปรดแสนดีจึงยกมือสวัสดีไปให้กับพวกหล่อน เด็กน้อยได้รอยยิ้มใจดีกลับมาเป็นการตอบแทน ทั้งคู่เดินขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง ทรงโปรดพาเดินไปหยุดตรงห้องริมในสุดก่อนจะเปิดเข้าไป มันเป็นห้องขนาดกว้างพอสมควร ทรงโปรดเดินมาเปิดแอร์อย่างคุ้นเคยกับห้องเป็นอย่างดี ภายในห้องจัดด้วยเครื่องเรือนโทนสีขาวดูสบายตา
“แสนดีอยู่ห้องนี้นะ” เด็กชายถึงกับทำตาโตเมื่อมองห้องกว้างใหญ่ราวกุฏิพระต่อกันสักสามห้อง
“อ้าว แล้วคุณโปรดล่ะครับ?” เด็กน้อยเอ่ยถามเมื่อทรงโปรดไม่ได้วางกระเป๋าเสื้อผ้าของตนเองลงบนเตียงเหมือนที่แสนดีทำ
“คุณโปรดอยู่ห้องข้าง ๆ นี่แหละ ห้องนี้เป็นห้องนอนเก่าของพี่เปรม พอเขาแต่งงานมีครอบครัวเขาก็ย้ายไปอยู่บ้านนู้นคุณแม่ก็เลยยกห้องนี้ให้กับแสนดี” ทรงโปรดโยกหัวของแสนดีเล่น รอยยิ้มอบอุ่นที่มอบให้ทำให้เด็กน้อยคลายความกังวลลงไปได้นิดหน่อย
“เอาล่ะ ไปอาบน้ำเถอะอาบเสร็จไปเคาะห้องของคุณโปรดนะจะได้ลงไปกินข้าวกัน”
“ครับ” แสนดีรับคำอย่างว่าง่าย ทรงโปรดจึงได้ปิดประตูแล้วแยกเข้าห้องของตัวเองไป เมื่อได้อยู่ตามลำพังแสนดีจึงได้รู้ว่าห้องนี้มันกว้างจนเกินไป กว้างเสียจนรู้สึกเหงา กว้างจนรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างเล็กจ้อยร่อยเสียเหลือเกิน เด็กชายกวาดตามองรอบ ๆ ห้อง ไม่ได้รู้สึกยินดีปรีดากับสิ่งที่ได้รับเลยสักนิด เพราะสิ่งดี ๆ ที่มีในวันนี้แลกมาจากชีวิตของหลวงตาแช่ม แสนดีนั่งลงบนเตียงนอน มันทั้งกว้างและนุ่มผ้าห่มที่ลองจับดูก็รู้ว่าคงอุ่นสบายต่างจากผ้าห่มผ้าสาก ๆ เป็นขุย ๆ ที่ใช้ห่มตอนอยู่วัดแบบที่เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้สักนิด แสนดีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจึงเปิดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้าออกมาเดินเข้าห้องน้ำไป
เป็นอีกครั้งที่แสนดีรู้สึกว่าโลกของแสนดีกับโลกของคุณโปรดนั้นช่างต่างกันเหลือเกิน แค่ห้องน้ำก็บอกสภาพความเป็นอยู่แล้วว่าต่างกันแค่ไหน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำนั้นดูหรูหราสะดวกสบายต่างจากโอ่งน้ำและส้วมซึมที่ใช้มาทั้งชีวิต แสนดีใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนักเพราะกลัวว่าทรงโปรดจะต้องรอนาน เด็กน้อยทาแป้งจนหน้าขาวผ่องแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วออกไปยืนหน้าห้องนอนของทรงโปรด เคาะเรียกเบา ๆ ไม่นานทรงโปรดก็เดินมาเปิดประตู เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดขาวและกางเกงผ้าฝ้ายตัวใหญ่ ๆ ดูแปลกตา
“เสร็จแล้วเหรอแสนดี?” ชายหนุ่มคิดว่าแสนดีจะใช้เวลาอาบน้ำนานกว่านี้เสียอีก
“เสร็จแล้วครับ”
“งั้นลงไปกินข้าวกัน คงหิวแย่แล้ว” ทรงโปรดปิดประตูห้องแล้วแตะบ่าของแสนดีดันเบา ๆ ให้คนเด็กกว่าเดินไปตามทางที่ตนชี้นำ ป้าฤดีจัดโต๊ะอาหารอยู่ที่ห้องอาหาร บนโต๊ะตัวยาวมีอาหาร 3-4 อย่างแบบง่าย ๆ วางอยู่ ทรงโปรดขยับเก้าอี้ให้แสนดีนั่ง แม่บ้านอีกคนเริ่มตักข้าวเสิร์ฟให้แล้วถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่
“กินให้เยอะ ๆ นะคะ ป้าทำไข่พะโล้ตั้งแต่เช้าเห็นว่าแสนดีชอบ” แสนดียกมือไหว้ขอบคุณแล้วจึงเริ่มลงมือกินข้าวอย่างเกร็ง ๆ จะตักกับข้าวก็ไม่กล้ากลัวจะทำอะไรไม่ถูกไม่ควรแล้วจะโดนดุจนทรงโปรดที่สังเกตอยู่ตลอดหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“อยากกินอะไรก็ตักเลยแสนดี ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องกลัว ที่นี่ก็คือบ้านของแสนดี แสนดีก็เป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งไม่มีใครว่าอะไรแสนดีหรอกนะ ไหนลองกินไข่พะโล้หน่อยซิ เนี่ยฝีมือป้าฤดีน่ะอร่อยที่สุดในประเทศแล้ว” ทรงโปรดตักไข่พะโล้ฟองโตใส่จานให้แสนดีรวมทั้งหมูสามชั้นที่ถูกตุ๋นจนเปื่อยแทบจะละลายใส่จานให้กับแสนดี เมื่อได้ลิ้มรสแสนดีก็รู้เลยว่าคำพูดของทรงโปรดนั้นไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด อาหารทุกจานนั้นล้วนรสเลิศจนในที่สุดแสนดีก็กินข้าวหมดไปสองจานเต็ม ๆ เมื่อเห็นคุณทั้งสองทานอาหารกันอิ่มแล้วป้าฤดีก็เรียกให้เด็กเอาเงาะลอยแก้วเข้ามาเสิร์ฟ
“ทานของหวานล้างปากก่อนนะคะ”
“แล้วนี่คุณแม่กับพี่ ๆ จะกลับมาตอนไหนครับป้า” ทรงโปรดเอ่ยถามถึงคนในครอบครัวที่มีธุระต้องไปทำที่ต่างจังหวัดกะทันหันจึงไม่มีใครอยู่รอรับเขาสักคน
“พรุ่งนี้เที่ยง ๆ คงถึงค่ะ” ป้าฤดีตอบ สายตายังคงมองเด็กชายที่ตักเงาะลอยแก้วเข้าปากเงียบ ๆ ทรงโปรดยิ้มให้กับป้าฤดี เขารู้ว่าป้าฤดีเองก็เอ็นดูแสนดีอยู่ไม่น้อย ติดแต่ว่าแสนดีนั้นยังแปลกคนแปลกที่ยังไม่ช่างพูดเหมือนตอนที่อยู่วัด ทรงโปรดกับแสนดีใช้เวลาบนโต๊ะอาหารอีกพักเมื่ออิ่มแล้วแสนดีทำท่าจะเก็บชามไปล้างแต่ทรงโปรดห้ามไว้
“ที่นี่มีแม่บ้านทำให้” เขาบอกเบา ๆ ในขณะที่มือหนาก็จับข้อมือเล็กนั้นไว้อย่างห้ามปราม
“แต่มันแค่ชามสองใบเอง หนูล้างได้”
“เอามาเลี้ยงเป็นลูกไม่ได้เอามาเลี้ยงเป็นเด็กรับใช้ ทุกคนในบ้านนี้มีหน้าที่ แสนดีจะไปแย่งงานเขาทำเหรอ ถ้างั้นคุณโปรดให้พี่เขาออกจากงานเลยดีมั้ยเพราะแสนดีจะทำงานแทนเขาแล้ว” แสนดีเงยหน้ามองทรงโปรดด้วยความตกใจ แสนดีไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ช่วยแม่บ้านเก็บจานชามมันต้องถึงกับจะไล่ใครออกจากงาน เด็กชายวางชามแก้วลงที่เดิม ทรงโปรดรับรู้ได้ว่าแสนดีนั้นกำลังรู้สึกสับสนเพราะเด็กคนนี้อยู่กับสังคมที่ต้องช่วยกันทำงานมาตั้งแต่เด็กจนโต มือที่จับข้อมือเล็กอยู่คลายแรงลงเป็นจับหลวมดึงแสนดีให้มายืนข้างหน้าตน
“ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปเนอะ แต่สิ่งที่แสนดีต้องรู้ก่อนเลยคืออยู่บ้านนี้แสนดีไม่ต้องทำงานเหมือนอยู่ที่วัด อยู่ที่นี่แสนดีมีหน้าที่เดียว” ทรงโปรดใช้มืออีกข้างวางลงบนศีรษะของแสนดีแล้วลูบเบา ๆ
“แค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอ เรื่องอื่นคุณโปรดจะทำให้เอง”
แสนดีนอนมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง เตียงนอนนุ่มผ้าห่มอุ่นนอนสบายก็จริง แต่มันกลับรู้สึกเหงาอย่างน่าประหลาด
อย่างน้อยตอนอยู่ที่วัดก็ยังมีจ่อยคอยนอนเป็นเพื่อน แต่ที่นี่แสนดีกลับต้องนอนคนเดียว ห้อง ๆ นี้ก็กว้างจนแสนดีรู้สึกว่าตัวเองหดเหลือเท่าไม้ขีดไฟ ร่างเล็กพลิกไปพลิกมา นาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ถ้าเป็นปกติแสนดีคงหลับฝันถึงหลวงตาแช่มไปนานแล้ว
ตีหนึ่งยี่สิบสี่นาที ทรงโปรดขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ เขาวางโทรศัพท์ที่ใช้อ่านข่าวรวมทั้งคุยกับเพื่อน ๆ ลงบนหัวเตียงแล้วเดินไปเปิดประตูห้องอย่างคนที่คิดไว้แล้วว่าต้องมีเหตุการณ์นี้
“คุณโปรด หนูนอนไม่หลับขอหนูนอนด้วยได้มั้ย?” เด็กชายกอดหมอนใบใหญ่ยืนรออยู่หน้าห้อง ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองเขาอย่างรอคำตอบ มือหนาวางลงผมศีรษะของเด็กแล้วดันเบา ๆ ให้เดินตามเข้ามา ทรงโปรดคลี่ผ้านวมให้แสนดี เด็กน้อยซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มหนาขดกายหลีกหนีความหนาว แม้ห้องของทรงโปรดจะหนาวเย็นเพราะชายหนุ่มเปิดแอร์แรงมากแต่เมื่อได้มานอนใกล้ ๆ เหมือนทุกครั้งที่นอนกับทรงโปรดสมัยยังเป็นพระมันกลับอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด
ตีหนึ่งสี่สิบสองน่าที ทรงโปรดขยับผ้านวมให้กระชับร่างของเด็กชายรวีกานต์ ดวงหน้าของเด็กลูกครึ่งนั้นหลับพริ้มอย่างมีความสุขและรู้สึกปลอดภัย
ทรงโปรดไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนเองนั้นกลายเป็นความสบายใจและความปลอดภัยของแสนดีไปเสียแล้ว ชายหนุ่มดับไฟที่โคมหัวเตียง ภายในห้องมืดสนิทแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามแสนดีไปในเวลาไม่นาน
แสนดีตื่นตั้งแต่ตีห้าเหมือนปกติที่เคยทำ เด็กน้อยย่องลงจากเตียงที่ทรงโปรดยังคงหลับสนิทกลับห้องของตัวเอง จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดตัวเก่าที่ใส่สบายแล้วลงไปด้านล่าง
ไฟในบ้านถูกเปิดจนสว่าง แสนดีเดินตามเสียงคุยแว่ว ๆ ไปทางหลังบ้านที่เป็นส่วนของครัว ป้าฤดีกับแม่บ้านกำลังช่วยกันทำอาหารเช้ากันอย่างขะมักเขม้น เสียงพูดคุยกันเกี่ยวกับละครที่ดูกันเมื่อคืนดังมาแว่ว ๆ แสนดียืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องครัวอย่างไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีมั้ย
“อ้าวคุณแสนดี ตื่นแล้วเหรอคะ” ป้าฤดีเอ่ยทักเด็กชายด้วยสรรพนามที่แสนดีไม่คุ้นหู ป้าฤดีแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าแสนดีมาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะเจ้านายคนหนึ่ง หากเธอยังเรียกแสนดีแบบเมื่อวานคนรับใช้คนอื่นก็จะไม่ให้ความเคารพแสนดีเท่าที่ควร ดังนั้นป้าฤดีจึงเริ่มปรับเปลี่ยนที่ตัวเองก่อนเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น
“เข้ามาสิคะ หิวแล้วหรือไง รอเดี๋ยวนะคะรอป้ากับแม่บ้านทำเสร็จก่อนจะตักให้ทานนะคะ”
“คือแสนดีจะมาถามว่ามีอะไรให้แสนดีช่วยทำมั้ยครับ”
“ทำเป็นด้วยหรือคะ?” พี่กุลผู้ช่วยของป้าฤดีเอ่ยถาม
“เป็นจ้า...เอ่อ เป็นครับ แสนดีช่วยแม่ทำครัวบ่อย” แสนดีตอบรับอย่างกระตือรือร้น
“ถ้าอย่างนั้นคุณแสนดีช่วยหั่นผักได้ใช่มั้ยคะ เดี๋ยวป้าจะทำกับข้าวใส่บาตร เสร็จแล้วจะทำข้าวต้มกุ้งให้ทานกันนะคะ” ป้าฤดีเลื่อนตะกร้าผักให้แสนดี เด็กชายนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างพี่กุลแล้วเริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ บรรดาแม่บ้านเริ่มซักประวัติอย่างแนบเนียนไม่ให้คนเด็กกว่ารู้สึกอึดอัด บรรยากาศดีกว่าที่แสนดีนึกกลัวไว้เมื่อแรก
หกโมงครึ่งแสนดีก็ได้รับมอบหมายให้เป็นคนตักบาตรพระโดยที่มีกุลเป็นผู้ช่วย ตอนแรกแสนดีสงสัยว่าทำไมป้าฤดีถึงต้องเตรียมอาหารใส่ถุงไว้นับสิบถุง ก็เพราะมีพระมาบิณฑบาตมากมายหลายรูป แสนดีรู้สึกผิดที่ผิดทางนิดหนึ่งเพราะโดยปกติแล้วตนเองต้องคอยหิ้วปิ่นโตคอยถ่ายกับข้าวไม่ใช่คนที่จะได้มายืนใส่บาตรอยู่ตรงนี้ เมื่อตักบาตรและกรวดน้ำเสร็จเวลาก็ยังเช้าอยู่มาก แสนดีไม่รู้จะทำอะไรจึงเดินไปถามหาด่างกับลุงคนสวนที่กำลังกวาดใบไม้แห้งอยู่ในสวน
“อ้อ ไอ้ด่างเหรอครับ อยู่ที่กรงหลังบ้าน เมื่อคืนมันร้องทั้งคืนน่าจะยังไม่ชินกับกรงน่ะครับคุณหนู” ลุงผลวางไม้กวาดแล้วพาแสนดีเดินลัดไปทางหลังบ้าน ไอ้ด่างครางหงิงเมื่อเห็นแสนดีเดินมา มันกระดิกหางจนแทบจะหลุดเมื่อประตูกรงขนาดใหญ่ถูกเปิดออกมันก็นอนหงายท้องอ้อนแสนดีทันที
“ไงไอ้ด่าง เหงาล่ะสิมึง” แสนดีลูบหัวไอ้ด่างอย่างเอ็นดู
“พาออกมาเดินเล่นก่อนก็ได้ครับ สายๆ ค่อยเก็บกลับใส่กรง เดี๋ยวเย็น ๆ คุณโปรดบอกว่าจะพาไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลสัตว์ครับ” ลุงผลบอกกับแสนดี ดังนั้นไอ้ด่างจึงได้ออกมาวิ่งเล่นนอกกรง แสนดีปล่อยให้มันวิ่งไปคาบใบไม้เล่น ส่วนตัวเองก็ไปหยิบเอาสายยางมาช่วยลุงผลรดน้ำต้นไม้ในสวน ทรงโปรดที่ตื่นได้สักพักกำลังเอนตัวพิงกรอบประตูห้องมองแสนดีกับไอ้ด่างอยู่เงียบ ๆ
แสนดียังต้องปรับตัวอีกมาก และเขาเองก็ไม่อยากจะเร่งรัด ถ้าอยากได้ไม้ยืนต้นที่มั่นคงแข็งแรงเขาจะต้องค่อย ๆ ประคบประหงมดูแล เพราะถ้าเร่งให้โตเร็วไปต้นไม้ต้นนี้ก็จะอ่อนแอเป็นโรคและไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ก็ได้แต่หวังว่าแสนดีนั้นจะแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างดีพอให้สมกับที่เขาตั้งใจ
ตัวนี้ก็เหมาะกับน้องนะคะ ผิวของน้องขาวใส่สีอะไรก็ขึ้น” พนักงานทาบเสื้อสีชมพูลงบนตัวของแสนดีที่ได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นลองเสื้อ ทรงโปรดเอียงคอมองอย่างใช้ความคิด เขาลูบคางไปมาเบาๆ
“เอาครับ สีเทา ฟ้า ชมพูอย่างละตัว”
“คุณโปรดหนูว่ามันเยอะแล้ว” แสนดีทำตาเหลือกใส่ทรงโปรดที่สั่งเสื้อให้เขาอีกสามตัวไม่รวมกับอีกกว่าสิบชุดที่ขนเอาไปไว้ที่รถแล้ว
“แสนดีต้องใส่เสื้อผ้าทุกวัน”
“หนูใส่ซ้ำก็ได้” แสนดีเถียงเบา ๆ ให้พอได้ยินกันแค่สองคน
“เสื้อผ้ามันต้องใส่ทุกวัน เราต้องไปอีกหลายที่ มีเสื้อผ้าหลายชุดจะได้ไม่น่าเกลียด” ทรงโปรดบอกนิ่ง ๆ แต่แสนดีก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าการใส่เสื้อผ้าซ้ำชุดมันน่าเกลียดตรงไหน ตอนอยู่วัดแสนดีก็ใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนยอดฮิตตัวเก่ง 3-4 วันต่อสัปดาห์ก็ไม่เห็นจะมีใครมาบอกว่ามันน่าเกลียดสักนิด
“ไปซื้อรองเท้าต่อดีกว่า” และเหมือนทรงโปรดจะไม่ได้ยินคำว่าพอแล้วของแสนดี ชายหนุ่มจูงมือคนเด็กกว่าหลังจากรับถุงกระดาษใบใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าของแสนดีมาสะพายข้ามไหล่ด้วยท่าทางสบาย ๆ
เอา...จะทำอะไรก็เอาเลย แสนดีจะไม่ขัดคุณโปรดแล้ว เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ
โลกของคนรวยมีแค่นิ้วกับการ์ดก็เหมือนเสกของได้แบบนี้นี่เอง
....................
จ๊ะเอ๋ คิดถึงเรามั้ย
จะพยายามพิมพ์ทุกวันนะคะช่วงนี้ปิดเทอม
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
น่ารักพามาซื้อของใช้ส่วนตัว คนพี่ก็สายเปย์ คนน้องก็สายเกรงใจ ตามใจพี่เขาเถอะนะน้องแสนดี 5555 ได้รับการต้อนรับจากทุกคนในบ้านดีมากก็นะแสนดีน่ารักนิสัยดีแบบนี้ใครๆก็รักแหละ รรรรตอนต่อไปจ้า หลุดขำประโยค "แสนดีเดินตามทรงเปิด" 5555 :pig4: :pig4:
-
น้องน่ารัก
-
คิดถึงงง ติดตามตลอดค่ะ ชอบมาก อยากให้มาลงบ่อย
-
น่ารัก :mew6:
-
แสนดีแอบประชด :hao7:
-
รอนะครับ
-
รีบมาต่ออีกน้าาาาาา
อยากอ่านมากเลย
-
เอ็นดู้ววว
-
รอตอนต่อไป~
-
o13
-
:pig4:
:3123:
-
:mew1:รออยู่น้าา
-
รออยู่นะคะะะะะะะะะ
-
:pig4: