บ่วงคล้องรัก ตอนที่ 1
เรื่องราวของเด็กชายแสนดี
เสียงไก่ขันแข่งกับเสียงย่ำกลองจากวัดป่า ยามเช้าอากาศเย็น ลมพัดมาจากชายเขาโฉบเอากลิ่นฝนผสมกลิ่นดินและกลิ่นหญ้ามาให้ได้รู้สึกชุ่มฉ่ำ บรรดาเด็กวัดต่างออกมายืนรออย่างเกียจคร้าน
อากาศดีแบบนี้ไม่ว่าใครก็อยากขดกายอยู่ใต้ผ้าห่ม บรรดาหมาจรและหมาที่เคยมีบ้านแต่ถูกนำมาปล่อยวัดกระดิกหางจนเอวแทบหลุดเมื่อเห็นหลวงตาแช่มออกมาจากกุฎิ หลวงตาอุ้มเจ้าเด็กตัวขาวจ้ำม่ำหน้าตาน่าเอ็นดูที่ยังคงหลับพริ้มดูดนิ้วโป้งตัวเองอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวออกมาด้วย แสนดีในวัย 1 ขวบ เติบโตมาจากการช่วยกันเลี้ยงดูของหลวงตาแช่มและบ้านยายสะอาดแม่ครัวที่อยู่ท้ายวัด วันไหนหลวงตามีกิจนิมนต์ยายสะอาดก็จะอุ้มเอาแสนดีไปเลี้ยงให้ที่บ้านพอเช้าหลวงตากลับจากบิณฑบาตรก็จะอุ้มมาคืนให้ หลวงตาชราเฝ้าป้อนข้าวป้อนนมเด็กน้อยลูกครึ่งที่มีดวงตาสีฟ้าใสอย่างรักใคร่ ท่านไม่มีลูกไม่มีหลานแสนดีจึงเป็นหลานคนแรกที่หลวงตาได้เลี้ยงดู เด็กน้อยเลี้ยงง่ายไม่งอแง จะมีร้องไห้โยเยก็ต่อเมื่อตื่นขึ้นมาหาหลวงตาไม่เจอ แสนดีโชคดีที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่มากราบหลวงตาเมื่อเห็นว่าหลวงตาเก็บเด็กน้อยมาเลี้ยงก็ซื้อเสื้อผ้ามาฝาก แต่ส่วนมากหลวงตาจะให้เงินยายสะอาดไปซื้อเสื้อผ้าเด็กตามตลาดนัด แสนดีตอนนี้คลานและเดินได้ก็เริ่มซนจนหลวงตาต้องใช้จีรรเก่าผูกข้อเท้าเล็กให้ยาวได้ไม่ถึงบันไดกุฎิ แสนดีน้อยคลานและเล่นไปรอบๆเสาส่งเสียงอ้อแอ้ บ้างก็ร้องให้หลวงตาอุ้ม เป็นความรักความผูกพันที่คนสองวัยต่างสายเลือดมีให้แก่กัน บรรดาเด็กวัดที่ยังไม่เป็นหนุ่มมีบ้างที่มานั่งเล่นหรือช่วยเลี้ยง แม้จะมีเจตนาแอบแฝงมาเล่นเพราะจะได้ขอแบ่งขนมจากแสนดีกินหลวงตาแช่มหก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ยิ่งโตยิ่งน่าเอ็นดูนะคะหลวงตา”ครูบัวที่มาถวายนมผงให้แสนดีเอ่ยชม หล่อนไม่มีลูกเมื่อแรกเห็นแสนดีที่นั่งเล่นใกล้ๆหลวงตาแช่มตอนงานออกพรรษาหล่อนก็นึกเอ็นดูเจ้าเด็กลูกครึ่งไร้พ่อแม่
“ลูกฝรั่งก็น่าเอ็นดูแบบนี้แหละโยม”หลวงตายกน้ำชาขึ้นฉันสายตาร่วงโรยตามวัยมองก้อนกลมๆขาวๆที่กำลังยัดขนมชิ้นใหญ่เข้าปากอย่างเอ็นดู
“ถ้าเกิดมีใครมาขอรับไปเลี้ยงหลวงพ่อจะยกให้มั้ยคะ?”หล่อนอลงเอ่ยปากถาม หลวงพ่อทอดสายตามองแสนดี
“ถ้าหากอาตมาเจอคนที่รักและเอ็นดูสามารถดูแลมันได้จนกว่ามันจะยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองอาตมาก็จะให้เขาไป แสนดีมันยังต้องโตอีกมากอาตมาดูแลมันจนถึงวันที่มันจะเข้มแข็งไม่ไหวหรอก”
“แล้วถ้าดิฉันจะขอแสนดีไปเลี้ยงล่ะคะ หลวงพ่อจะให้มั้ย?”ครูบัวออกปากถามอย่างมีความหวัง หลวงพ่อส่งยิ้มด้วยความเมตตาให้
“รออีกซัก 3-4 ปีเถอะครู ถึงวันนั้นถ้าครูยังไม่มีลูกหลวงตาจะยกให้”
3 ปีผ่านไป
เสียงเครื่องไฟที่ดังจากวัดดังลั่นไปทั้งคุ้งน้ำและแนวเขา ธงสามเหลี่ยมหลากสีแขวนห้อยตามเสาและกิ่งไม้สูง บรรดาญาติโยมอุบาสกและอุบาสิกาต่างยิ้มแย้มหน้าระรื่นถือขันมาเตรียมฟังพระและตักบาตรเนื่องในวันมหาสงกรานต์ บรรดาเด็กๆที่ตื่นเต้นต่างถือปืนฉีดน้ำหลากสีทำท่าจะฉีดใส่ก่อนดีว่าพวกผู้ใหญ่พากันปรามแล้วพาขึ้นไปบนศาลาการเปรียญเสียก่อน บนนั้นมีภาพที่น่าเอ็นดูเมื่อบรรดาพระภิกษุและสามเณรต่างสวดมนต์เป็นจังหวะและทำนองนุ่มนวลดุจเสียงเพลง ข้างๆอาสนะของหลวงตาจวบปรากฏเจ้าลูกครึ่งร่างป้อมกำลังนั่งฟังสวดราวกับรู้เรื่องเสียเต็มประตาหากแต่สายตาปรือปรอยใกล้เข้าเฝ้าพระอินทร์เข้าไปทุกที บ่อยครั้งหลวงตาแช่มต้องดันหลังของแสนดีให้นั่งตัวตรงเด็กน้อยวัยสี่ขวบถึงได้ยืดตัวขึ้นนั่งพนมมือหลังตรงแหนวพลางแหกปากสวดตามพระได้ทุกบทเรียกรอยยิ้มจากผู้พบเห็นได้ไม่ยาก
“แสนดีมันเก่ง จำบทสวดได้ทุกบทเลย”
“แหงสิก็อยู่กับหลวงตาตลอดท่านก็ต้องสอนบ้างแหละ”
“อยากรู้จริงๆว่าใครเป็นแม่แม้ๆของมัน”
หัวเหลืองขนาดนี้คงไม่แคล้วลูกกะหรี่นั่นแหละ พอท้องมีลูกก็รับแขกทำงานทำเงินไม่ได้ก็เอามาทิ้งไว้ให้พระเลี้ยงเหมือนทิ้งหมาทิ้งแมว”
“แกก็ว่าไป ถ้ามันไม่ใช่ลูกกะหรี่ขึ้นมานี่ไม่เท่ากับเราใส่ร้ายเด็กเหรอ”ป้าอีกคนท้วงเมื่อคู่สนทนาคาดเดาไปเองโดยไม่มีเหตุผลรองรับคำพูดลอยๆนั้น
“ร้อยทั้งร้อย ลูกกะหรี่แน่ๆ” หล่อนพูดออกมาอย่างมั่นใจโดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยิน เด็กหลายคนก้นั่งเล่นอยู่แถวนั้นต่างจดจำประทับไว้ในสมองว่าไอ้แสนดีเป็นลูกของกะหรี่ที่แม่อุ้มมาทิ้งไว้ในพงหญ้าใกล้วัด
“เอา เข็นให้มันดีๆ เดินให้มันตรงๆทางสิแสนดี” หลวงตาแช่มมองแสนดีที่เข็นรถเข็นคันเล็กๆเดินตามด้วยช่วงขาสั้นๆมาอย่างขยันขันแข็ง เท้าป้อมๆของเด็กชายวัยห้าขวบเดินตามหลวงตาอย่างไม่ลดละ แสนดีเข็นรถที่พ่อมาโนชต่อให้ตามหลวงตามาบิณฑบาตรทุกเช้า
หลวงตาแช่มก้าวเท้าตามดินแข็งๆด้วยจังหวะที่เชื่องช้าลง ท่านไม่สามารถเดินเร็วเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว ด้วยวัยที่ชราภาพเกือบ 80 ปี
ในขณะที่แสนดีค่อยๆเติบโต ท่านเองก็ค่อยๆร่วงโรย เดี๋ยวนี้หลวงตาไม่สามรอุ้มเจ้าหนูรวีกานต์ได้อีกต่อไปแล้ว
เป็นภาพที่คุ้นตาของคนแถวนี้ไปเสียแล้วที่จะเห็นภิกษุชราอุ้มบาตรสีดำกับเจ้าเด็กฝรั่งที่มีเรือนผมสีบลอนด์ยาวหยักศกมุ่นมวยผมด้วยหนังยางรัดแกงแบบลวกๆเดินเตาะแตะเข็นรถเข็นตามหลวงตาไปตลอดทาง กับข้าวที่เป็นถุงๆถูกหย่อนใส่รถเข็นของแสนดีที่แก้มขาวอมชมพูขึ้นสีเรื่อด้วยออกแรงเข็นและเดินมาเป็นระยะทางไกล แสนดีไม่คยบ่นว่าปวดเมื่อเนื้อตัวหรือแขนขา มีบ้างที่ระหว่างทางเจอะเจออะไรน่าสนใจก็แวะยืนดูแป๊บหนึ่งซึ่งหลวงตาแช่มก็ไม่เคยขัด ยืนรอจนแสนดีหมดความสนใจจึงออกเดินทางกันต่อ บางครั้งยามเห็นดอกไม้ดอกหญ้าเล็กๆสีสวยข้างทางก็นั่งยองๆเก็บขึ้นมาดมเสียที
“ตา ดอกไม้อ๋อม”เจ้าเด็กฝรั่งมันส่งยิ้มโชว์ฟันซี่เล็กๆชมดอกไม้ดอกหญ้าว่าหอมทั้งๆที่บางดอกก็ไม่มีกลิ่น
“เออ หอมก็หอม”หลวงตาหัวเราะเบาๆยามเห็นเจ้าเด็กมันดมแล้วดมอีกจนดอกกระดุมทองแทบจะผลุบเข้าไปในรูจมูก
“ชื่นชมเสร็จแล้วก็ไปกันได้ยัง เดี๋ยวสายจะหิวนะ”หลวงตากวักมือเรียกแสนดีน้อยให้เลิกเล่นกับดอกไม้ดอกหญ้าเสียที เจ้าเด็กเอาดอกไม้ทัดหูเลียนแบบยายสะอาดแล้วเดินกลับมาเข็นรถ เดินตามหลวงตามาเหมือนเดิม ยามผ่านร้านค้าแม่ค้าใจดีก็เปิดนมกล่องเทใส่ขวดนมใบเล็กที่ห้อยคอให้เสียกล่องหนึ่งไว้ให้แสนดีกินแก้หิวระหว่างทาง ชีวิตสองตาหลานดำเนินกันมาตามวิถีเป็นภาพคุ้นตานตามาตั้งแต่แสนดีอายุสี่ขวบจนตอนนี้ห้าขวบแล้ว
หลวงตาแช่มคิดว่าปีหน้าแสนดีเข้าเรียนอนุบาลก็คงจะไม่ให้ตามมาแล้ว ตัวหลวงตาเองเดี๋ยวนี้ก็เหนื่อยง่ายอาจจะต้องงดบิณฑบาตรในอีกไม่ช้าไม่นาน
สองตาหลานดำเนินชีวิตกันไปจนกระทั่งแสนดีอายุ 7 ขวบ เด็กลูกครึ่งในชุดนักเรียน ป.1 หวีผมเรียบแปล้ปะแป้งหน้าขาว ผมสีบลอนด์ถูกถักเป็นเปียอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
แสนดีกลายเป็นเด็กพิเศษกว่าใครเด็กน้อยหน้าตาผิดแปลกจากเพื่อนๆในห้อง
แสนดีผิวขาวอมชมพูละเอียดเนียนกว่าเพื่อนในห้อง
ดวงตาสีฟ้าของแสนดียามมีความสุกก็สุกสกาวสดใสหากแต่ยามมีความทุกข์ในร้องไห้ก็โศกจนน่าสงสาร
เพื่อนผู้ชายในห้องของแสนดีตัดผมทรงนักเรียนเกรียนไปครึ่งค่อนหัวกันทุกคนยกเว้นแสนดีที่มีเรือนผมยาวปลายม้วนเป็นลอน ใช่ว่าหลวงตาไม่เคยตัด ตอนแสนดีได้ขวบหลวงตาเคยโกนหัวให้แสนดีจนเหม่งหากแต่นับจากนั้นจากเด็กเลี้ยงง่ายกลับร้องไห้โยเยและป่วยกระเสาะกระแสะจนน่าสงสาร เมื่อแรกหลวงตาไม่ได้คิดว่าแสนดีตัดผมไม่ได้ พอผมเริ่มยาวหลวงตาก็ตัดให้อีกคราวนี้ให้มาโนชพาไปตัดที่ร้าน และก็ลงเอยเช่นเดิม แสนดีป่วยแล้วป่วยอีกจนต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากนั้นหลวงตาจึงไม่แตะต้องผมยาวสลวยของเจ้าเด็กฝรั่งนี่อีก หลวงตาไปขออนุญาตครูใหญ่ให้แสนดีไว้ผมยาวด้วยเหตุผลที่บอก แม้จะดูเหลือเชื่อแต่เพราะหลวงตาแช่มเป็นที่เคารพของชาวบ้านแสนดีจึงได้อภิสิทธิ์ในข้อนี้แต่ต้องมัดหรือถักเปียให้เรียบร้อย
แสนดีเป็นเด็กหัวไว คุณครูสอนอะไรก็เข้าใจ แถมยังเป็นคนโปรดของคุณครูบัวที่เคยคิดจะขอแสนดีมาเป็นลูกบุญธรรมหากแต่สามปีให้หลังคุณครูบัวก็ตั้งท้องลูกของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นแม้จะมีลูกเป็นของตัวเองแล้วครูบัวก็ยังเอ็นดูแสนดีมากกว่าใคร มักหยิบยื่นขนมเล็กๆน้อยๆให้ในตอนกลางวันจนเด็กหลายคนอิจฉา
แสนดีใช้ชีวิตที่สงบสุขมาตลอด
โลกของแสนดีสวยงาม มีแต่กลิ่นของคุณงามความดีโอบล้อมจนกระทั่งพักกลางวันในฤดูร้อนที่เปลวแดดร้อนระอุ แสนดีต่อแถวซื้อขนมที่สหกรณ์จนกระทั่งได้ขนมที่ต้องการ เด็กน้อยเดินกินขนมมุ่งหน้าไปสนามเด็กเล่นที่อยู่ตรงริมรั้วหากแต่เบสกับเพื่อนร่วมห้องที่ตัวใหญ่กว่าแสนดีอรก 2-3 คนจงใจเดินมาชนจนเจ้าเด็กตัวขาวกระเด็นล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นดินแข็งๆ เด็กคนนั้นกับเพื่อนส่งเสียงหัวเราะเมื่อขนมของแสนดีหล่นจนถูกคนที่เดินมาข้างหลังเหยียบ
“ทำไม เสียดายเหรอ จะเสียดายทำไมเด็กกำพร้าอย่างมึงมีขนมจากก้นบาตรหลวงตากินทุกวันยังไม่พออีกเหรอ”เจ้าเด็กตัวดำเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เลียนแบบตัวร้ายจากในละครมาเต็มพิกัดก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับพวก
“เฮ้ยพวกมึงรู้ป่าว ย่ากูบอกว่าไอ้แสนดีมันไม่มีพ่อไม่มีแม่ แม่มันเอามันมาทิ้งไว้หน้าวัด แม่มันเป็นกะหรี่ ไอ้แสนดีเป็นลูกกะหรี่โว้ย”มันว่าจบก็หัวเราะเสียงดัง แสนดีมองเพื่อนๆที่ล้อคำว่าลูกกะหรี่ดังลั่นด้วยดวงใจที่สับสน
ตั้งแต่เกิดมาแสนดีก็รู้ค่าว่าตัวเองมีแม่ชื่อแม่สะอาดมีพ่อชื่อพ่อมาโนชและมีตาชื่อหลวงตาแช่ม
แสนดีไม่ได้มีแม่ชื่อกะหรี่ แสนดีไม่ชอบที่เพื่อนๆมาทำหน้าทำตาแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเขาแบบนี้ เด็กน้อยเม้มปากพยายามกลั้นน้ำตา
ถึงแสนดีจะไม่รู้ว่ากะหรี่คืออะไรแต่แสนดีก็รู้ว่าเพื่อนๆไม่ชอบตน ความน้อยอกน้อยใจตีรื้นออกมาเป็นหยาดน้ำตาหยดใสก่อนจะเปลี่ยนเป็นความคับแค้นใจ แสนดีผุดลุกขึ้นยืน ตัวมันเองรึก็เล็กกว่าเขาด้วยตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ลิ้มรสนมแม่จึงทำให้แกรนกว่าเด็กวัยเดียวกัน
แสนดีไม่เคยฆ่าสัตว์เพราะหลวงตาสอนเสมอว่าการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือแม้แต่ไปทำให้พวกเขาเจ็บเป็นบาป
แสนดีไม่เคยพูดคำหยาบเพราะหลวงตาพร่ำสอนอยู่เสมอให้พูดจาดีๆ
แต่วันนั้นแสนดีวัยเจ็ดขวบลืมคำสั่งสอนของหลวงตาเสียสิ้น หมัดเล็กๆถูกเหวี่ยงเข้าข้างแก้มคร้ามแดดของเบสพร้อมริมฝีปากสีชมพูสวยที่พ่นคำหยาบครั้งแรกในชีวิต
“มึงสิลูกกะหรี่ ไอ้เหี้ย!!”
แสนดีในวัยเจ็ดขวบเพิ่งจะรู้สึกถึงการกลัวไม่เป็นที่รักก็ในวันนี้ หลวงตาจวบมาที่โรงเรียนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แสนดีนั่งอยู่ในห้องของครูใหญ่ถัดไปคือเบสและเพื่อนๆที่ตะลุมบอนกับแสนดีจนมีสภาพยับเยินมีแผลถลอกกันคนละเล็กละน้อย เจ้าตัวน้อยลูกครึ่งนั้นดูจะหนักสุด ผมที่หลวงตาอุตส่าห์นั่งถักเปียให้แต่เช้ากระเซิงแถมมีเศษขนมเศษใบไม้ติดเป็นหย่อม
หลวงตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ครูบัวเข้ามาไหว้หลวงตาแล้วเชิญไปนั่งที่เก้าอี้
“วันนี้แสนดีทะเลาะวิวาทกับเพื่อนเจ้าค่ะหลวงตา”เหตุการณ์ถูกเล่าจากปากของครูบัว เจ้าลูกครึ่งน้อยนั่งก้มหน้างุด หลวงตาเหลือบตามองเป็นปากสีชมพูงอนราวปากเป็ดเมื่อเบสชิงฟ้องว่าแสนดีพุ่งต่อยมันก่อน
ก็เบสด่าเราก่อนนี่นา
เด็กน้อยแอบเถียงในใจ หลังจากฟังความที่เรียกว่าข้างเดียวเพราะแสนดีเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดแก้ตัวอะไรออกมาเลย หลวงตาพยักหน้ารับรู้มองเจ้าตัวดีที่นั่งก้มหน้านิ่ง
“อาตมาจะอบรมแสนดีให้มากกว่านี้ แสนดี”ท้ายประโยคหลวงตาหันไปเรียกเจ้าตัวน้อย แสนดีสะดุ้งด้วยกำลังนั่งเหม่อ
“จ๋า”
“ขอโทษเพื่อนเสีย”
“แต่ตาจ๋า”แสนดีร้องท้วงทันทีหากว่าเด็กน้อยก็หน้าสลดลงเมื่อหลวงตามองมานิ่งๆ
“ขอโทษ..”แสนดีเอ่ยขอโทษเบสและเพื่อนอีก 3 คนอย่างไม่เต็มใจนัก ในใจของเด็กน้อยเจ็บปวด
แสนดีรู้แค่ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิดแล้วทำไมแสนดีต้องขอโทษคนพวกนั้น
ทั้งๆที่ถูกหาเรื่องก่อนแท้ๆ เสียทั้งขนม เสียทั้งน้ำ แล้วยังต้องมาเจ็บตัว ตอนนี้ก็ต้องมาเสียความรู้สึก สุดท้ายคือเสียใจ หลวงตาพาแสนดีกลับมาที่วัด ยายสะอาดที่กวาดลานวัดอยู่อุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพมอมแมมของแสนดี
“ว้ายตายแล้ว แสนดี ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา”ยายสะอาดโยนไม้กวาดทิ้งพุ่งหาเจ้าแสนดีน้อยจับพลิกหน้าพลิกหลังปัดตามเนื้อตัวมอมแมมให้อย่างเป็นห่วง
“หมาหมู่น่ะ”เป็นหลวงตาจวบที่ตอบให้
“พามันไปอาบน้ำอาบท่าเสียเถอะ หัวหูสกปรกดูไม่ได้”หลวงตาบอกแค่นั้นก็ขึ้นกุฏิไป
“หลวงตาโกรธหนู”เจ้าตัวน้อยร้องบอก ดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วเคลือบด้วยน้ำตาก่อนจะบะและร้องไห้ในที่สุด
“อ่าว เป่าปี่เสียแล้วเอ็ง ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวแม่อาบน้ำให้ แล้วแสนเล่ามาว่าไปตีกับชาวบ้านเขาทำไม”
“พวกนั้นด่าแม่ของแสน...หมายถึงแม่แท้ๆ”แสนดีสูดปากยามที่ยายสะอาดแกะหัวที่พันกันเป็นสังกะตังออกให้
“อูย เบาๆสิแม่ หนูเจ็บ”
“แล้วเขาว่าอะไรล่ะเอ็งถึงได้โมโหโกรธาซะขนาดไปชกต่อยกับเขา ตัวก็เท่าเมี่ยง”
“พวกนั้นด่าว่าหนูเป็นลูกกะหรี่”ยายสะอาดชะงักมือที่ขัดตามเนื้อตัวขาวอมชมพูของแสนดี ใจของหญิงวัยกลางคนนั้นหวิวอย่างบอกไม่ถูก แสนดีก็อายุเพียงเท่านี้แต่กลับต้องทนอยู่ท่ามกลางคำพูดร้ายโดยไม่ตั้งใจของชาวบ้าน
แล้วเอ็งรู้เรอะว่ามันแปลว่าอะไร”
“หนูไม่รู้หรอกจ้าแม่ แต่มันต้องไม่ดีมากๆแน่ๆ แม่ใครๆก็รัก”
“รักทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้าน่ะเหรอ เขาเอาเอ็งมาทิ้งไว้นะ”
“ไม่รู้สิ หนูรู้แค่หนูต้องรักแม่ถึงแม่จะทิ้งหนู หลวงตาบอกว่าแม่อาจจะมีความจำเป็นแม่อาจจะลำบากจนไม่มีปัญญาเลี้ยงหนูแม่ถึงได้เอาหนูมาวางให้หลวงตาเห็น”แสนดีตอบประสาซื่อ แสนดีไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไรแต่แสนดีรู้แค่ว่าแสนดีจะไม่โกรธไม่เกลียดแม่เหมือนที่หลวงตาคอยสอนอยู่เสมอ
“จะดีจะชั่วเขาก็ใช้ชีวิตเอ็ง หากเขาอยากให้เอ็งตายคงทำแท้งไปแต่แรกแล้ว”
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี ยังไงเขาก็แม่ คนกตัญญูน่ะไปอยู่ที่ไหนใครๆก็รัก เอาเถอะเดี๋ยวแม่จะสระผมให้เอ็งเสร็จแล้วก็รีบไปหาหลวงตาป่านนี้คงรอแล้ว”ยายสะอาดจับแสนดีปะแป้งจนขาวพร้อยไปทั้งตัวแถมโปะลงบนหน้าจนแป้งจับกันเป็นก้อนพอแห้งก็ร่อนเป็นแผ่น แสนดีไม่ได้สนใจนักพอยายสะอาดหวีผมให้เสร็จสวมเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเสร็จก็เดินตัวกลมขึ้นไปบนกุฎิ หลวงตาจวบนั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาหันมามองมันเล็กน้อย
“เสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้วจ้า”
“มาเอายาไปทาตรงแผลซะมันจะได้ไม่ช้ำไปมากกว่านี้”หลวงตาโยนตลับยาทาแก้ฟกช้ำให้แสนดี เด็กน้อยคลานมาเก็บก่อนจะเดินไปหยิบกระจกที่อยู่ในเก๊ะข้างที่นอนของหลวงตา
“เจ็บมั้ยล่ะ”
“เจ็บจ้า”
“ไปต่อยเขาทำไม”
“ก็หนูโกรธนี่นา”
“แล้วโกรธมันดีหรือเปล่า?”
“ไม่ดีจ้า”
“รู้ว่ามันไม่ดีแล้วทำไมไม่รู้จักระงับโทสะ”หลวงตาถามอย่างเอ็นดู เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบกรอกตาไปมาอย่างพยายามหาคำตอบ
“หนูแค่คิดว่าอยากทำให้เขาเจ็บแต่หนูไม่รู้จะด่าอะไรเขาแล้วตอนนั้นหนูโกรธมากรู้ตัวอีกทีก็โดนพวกนั้นรุมแล้ว”
“คราวหลังให้นับหนึ่งถึงสิบ ถ้ายังไม่หายโกรธให้นับไปเรื่อยๆถ้ายังไม่หายอีกก็ออกจากตรงนั้นเสีย เราจะเอาตัวเองไปอยู่ในความโกรธเกลียดทำไม”
“แต่เขาด่าแม่”
“ก็ช่างเขา ใครพูดร้ายคำพูดไม่ดีก็อยู่กับเขามันอาจจะติดอยู่ในใจของเราแต่วันหนึ่งมันจะเจือจางลง หัดไว้ ข่มความโกรธอย่าเอาโมหะเป็นที่ตั้ง ให้อภัยเขาเสีย ใครจะพูดอะไรก็ตามถ้าเราไม่เก็บมาใส่ใจเราก็ไม่หนัก วันนี้ทำเรื่องขาดสติจนถึงขั้นเจ็บเนื้อเจ็บตัวก็มานั่งสมาธิซักชั่วโมงเถอะ”หลวงตาจวบตบลงบนพื้นข้างตัว แสนดีคลานเข้ามานั่งใกล้แล้วนั่งสมาธิตามที่หลวงตาสั่ง เพราะยังเล็กนักการต้องนั่งสมาธินานๆจึงทำให้เมื่อยแสนดีแอบหรี่ตามองหลวงตาแต่ก็ไม่กล้าขยับมากนัก
เข็ดแล้วจ้า ต่อไปจะไม่ไปต่อยตีกับใครโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว
อูย เหน็บกินขาแสนดีชาจนคันยิบๆไปทั้งขาแล้วจ้าหลวงตาจ๋า
...............................
ฝากแสนดีน้อยไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
#บ่วงคล้องรัก
#แสนดีของคุณโปรด